๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๔๓ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร หมำยควำมว่ำ กำรด ำเนินงำนของรัฐที่เกี่ยวกับประโยชน์สำธำรณะหรือประโยชน์ของเอกชนประกอบกัน ไม่ว่ำจะเป็นเรื่องควำมมั่นคงของรัฐที่เกี่ยวกับกำรเมืองภำยในประเทศหรือระหว่ำงประเทศ กำรป้องกัน ประเทศ เศรษฐกิจ สังคม วิทยำศำสตร์ เทคโนโลยี กำรพลังงำน และสิ่งแวดล้อม จำกค ำนิยำมทั้งสองจะเห็นว่ำกำรที่รัฐจะก ำหนดขั้นควำมลับแก่ข้อมูลข่ำวสำรใด ได้นั้นจะต้องอยู่ภำยใต้หลักเกณฑ์ของพระรำชบัญญัติข้อมูลข่ำวสำรของรำชกำร พ.ศ. ๒๕๔๐ และระเบียบว่ำด้วยกำรรักษำควำมลับของรำชกำร พ.ศ. ๒๕๔๔ กล่ำวคือ กำรก ำหนดข้อมูลข่ำวสำร เป็นควำมลับจะต้องเป็นสิ่งที่พระรำชบัญญัติข้อมูลข่ำวสำรของรำชกำร พ.ศ. ๒๕๔๐ ซึ่งเป็นกฎหมำย ระดับพระรำชบัญญัติที่ออกโดยฝ่ำยนิติบัญญัติก ำหนดให้กระท ำได้เท่ำนั้น รวมทั้งต้องปฏิบัติตำมที่ ระเบียบว่ำด้วยกำรรักษำควำมลับของรำชกำร พ.ศ. ๒๕๔๔ ก ำหนด เนื่องจำกกำรไม่เปิดเผยข้อมูล แก่สำธำรณะมีลักษณะเป็นกำรจ ำกัดสิทธิของประชำชน ส่วนกำรที่หน่วยงำนจะไปก ำหนดว่ำข้อมูล ข่ำวสำรใดจะอยู่ในชั้นควำมลับชั้นใด ก็ต้องพิจำรณำจำกผลกระทบที่จะเกิดแก่ประโยชน์แห่งรัฐ หรือประโยชน์สำธำรณะกับประโยชน์ของเอกชนประกอบกัน โดยพิจำรณำตำมควำมเสียหำยที่อำจ เกิดขึ้นจำกกำรที่ข้อมูลข่ำวสำรนั้นถูกเปิดเผยนั่นเอง นอกจำกนี้ ระเบียบว่ำด้วยกำรรักษำควำมลับของรำชกำร พ.ศ. ๒๕๔๔ ยังได้มี กำรก ำหนดถึงหลักเกณฑ์ในเรื่องของกำรมีองค์กรรักษำควำมลับ มีกำรก ำหนดผู้มีอ ำนำจในกำร ก ำหนดชั้นควำมลับว่ำเป็นหน้ำที่ควำมรับผิดชอบของหัวหน้ำหน่วยงำนหรือผู้ได้รับมอบหมำย กำรแสดง ชั้นควำมลับ กำรปรับชั้นควำมลับ และงำนเกี่ยวกับกำรจัดท ำทะเบียน โดยก ำหนดให้มีกำรแต่งตั้ง นำยทะเบียนข้อมูลข่ำวสำร กำรตรวจสอบเกี่ยวกับข้อมูลข่ำวสำรลับ ตลอดจนหลักเกณฑ์เกี่ยวกับ กำรด ำเนินกำรเกี่ยวกับข้อมูลข่ำวสำรลับ ทั้งในขั้นตอนกำรจัดท ำ กำรส ำเนำและกำรแปล กำรโอน กำรส่งและกำรรับ กำรเก็บรักษำ กำรยืม กำรท ำลำย กำรปฏิบัติในเวลำฉุกเฉิน กำรด ำเนินกำรในกรณีสูญหำย และกำรเปิดเผย ซึ่งเหล่ำนี้ล้วนเป็นรำยละเอียดที่เกี่ยวกับวิธีกำรจัดกำรข้อมูลข่ำวสำรที่เป็นควำมลับ ทั้งสิ้น ดังนั้น ระเบียบดังกล่ำวจึงมีขึ้นเพื่อใช้เป็นแนวทำงและหลักเกณฑ์ในกำรปฏิบัติ ของเจ้ำหน้ำที่ในกำรที่จะด ำเนินกำรให้ข้อมูลข่ำวสำรลับนั้นยังเป็นควำมลับอยู่ตลอดไปจนกว่ำจะมีกำร ยกเลิกมิให้เป็นควำมลับ และยังเป็นกำรป้องกันควำมเสียหำยที่จะเกิดขึ้นแก่ควำมมั่นคงของรัฐ ที่เกี่ยวกับกำรเมืองภำยในประเทศหรือระหว่ำงประเทศ กำรป้องกันประเทศ เศรษฐกิจ สังคม วิทยำศำสตร์ เทคโนโลยี กำรพลังงำนและสิ่งแวดล้อม ๓. บทวิเครำะห์/ประเด็นกำรพิจำรณำ พิจำรณำศึกษำข้อกฎหมำยและแนวปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับกำรเปิดเผยเอกสำรที่บุคคล หรือหน่วยงำนอื่นน ำมำมอบให้คณะกรรมำธิกำรเพื่อประกอบกำรพิจำรณำของคณะกรรมำธิกำร กรณีมีผู้ร้องขอเอกสำรดังกล่ำว คณะกรรมำธิกำรจะสำมำรถส่งมอบเอกสำรให้แก่ผู้ร้องขอได้หรือไม่ โดยมีประเด็นที่ต้องพิจำรณำ ดังนี้ ๓.๑ เมื่อบุคคลหรือหน่วยงำนอื่นน ำเอกสำรมำมอบให้คณะกรรมำธิกำรเพื่อใช้ในกำร ประกอบกำรพิจำรณำ สิทธิในกำรครอบครองเอกสำรของคณะกรรมำธิกำรเกิดขึ้นแล้วหรือไม่ และสำมำรถเปิดเผยข้อมูลให้บุคคลภำยนอกเข้ำถึงได้หรือไม่
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๔๔ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ๓.๒ เอกสำรที่บุคคลหรือหน่วยงำนอื่นน ำมำมอบให้คณะกรรมำธิกำรเพื่อประกอบ กำรพิจำรณำ หำกมีกำรระบุวัตถุประสงค์ของกำรน ำมำมอบให้คณะกรรมำธิกำรเพื่อประกอบ กำรชี้แจงต่อคณะกรรมำธิกำร หำกมีกำรร้องขอ สำมำรถส่งมอบให้ผู้ร้องขอได้หรือไม่ ๓.๓ เอกสำรที่บุคคลหรือหน่วยงำนอื่นน ำมำมอบให้คณะกรรมำธิกำรเพื่อประกอบ กำรพิจำรณำ มีกำรก ำหนดชั้นควำมลับของเอกสำรไว้ มีแนวปฏิบัติหรือกฎหมำยที่เกี่ยวข้อง ๔. บทสรุปและอภิปรำยผล ๔.๑ วิเครำะห์ประเด็นกำรพิจำรณำ กำรด ำเนินกำรตำมหน้ำที่และอ ำนำจของคณะกรรมำธิกำรเพื่อพิจำรณำศึกษำ เรื่องใด ๆ หรือสอบหำข้อเท็จจริง จะมีขั้นตอนในกำรด ำเนินกำรคือเมื่อคณะกรรมำธิกำรหยิบยก เรื่องใดขึ้นพิจำรณำหรือมีมติรับเรื่องใดไว้พิจำรณำแล้ว จะมีหนังสือแจ้งไปยังผู้เกี่ยวข้องต่อกำร พิจำรณำเรื่องดังกล่ำว เช่น ผู้ร้องเรียน ผู้ถูกร้องเรียน หรือหน่วยงำนที่เกี่ยวข้องกับประเด็น กำรพิจำรณำ เข้ำให้ข้อมูลหรือชี้แจงข้อเท็จจริงต่อคณะกรรมำธิกำร ซึ่งในกำรเข้ำให้ข้อมูลหรือเข้ำ ชี้แจงข้อเท็จจริงต่อคณะกรรมำธิกำร ผู้ร้องเรียน ผู้ถูกร้องเรียน หรือหน่วยงำนที่เกี่ยวข้องจะน ำ เอกสำรหลักฐำนมำแสดงต่อที่ประชุมหรือน ำมำมอบให้คณะกรรมำธิกำรเพื่อประกอบกำรพิจำรณำ ซึ่งเอกสำรหลักฐำนต่ำง ๆ ที่คณะกรรมำธิกำรได้รับมอบจำกบุคคลหรือหน่วยงำนนั้นเป็นข้อมูลที่ได้มำอยู่ใน ควำมครอบครองของคณะกรรมำธิกำร ตำมนิยำมของค ำว่ำ “ข้อมูลข่ำวสำรของรำชกำร” แห่ง พระรำชบัญญัติข้อมูลข่ำวสำรของรำชกำร พ.ศ. ๒๕๔๐ ซึ่งหมำยถึงข้อมูลข่ำวสำรที่อยู่ในควำม ครอบครองหรือควบคุมดูแลของหน่วยงำนของรัฐ ไม่ว่ำจะเป็นข้อมูลข่ำวสำรเกี่ยวกับกำรด ำเนินงำน ของรัฐหรือข้อมูลข่ำวสำรเกี่ยวกับเอกชน อย่ำงไรก็ตำม คณะกรรมำธิกำรจะต้องพิจำรณำว่ำเอกสำรนั้น บุคคลหรือหน่วยงำนที่น ำมำมอบให้ได้ระบุวัตถุประสงค์ของกำรน ำมำประกอบกำรชี้แจงต่อ คณะกรรมำธิกำรไว้หรือไม่ และมีกำรก ำหนดชั้นควำมลับของเอกสำรไว้หรือไม่ หำกพิจำรณำแล้ว ปรำกฏข้อเท็จจริงว่ำเอกสำรดังกล่ำวเป็นเอกสำรที่บุคคลหรือหน่วยงำนนั้นได้ระบุวัตถุประสงค์หรือมี กำรประทับตรำชั้นควำมลับของเอกสำรหรือประทับตรำข้อควำมให้ทรำบว่ำหน่วยงำนนั้นไม่ประสงค์ จะเปิดเผยข้อมูลเอกสำรนั้น หรือแจ้งต่อที่ประชุมคณะกรรมำธิกำรเอำไว้ว่ำไม่ประสงค์ให้เปิดเผย ข้อมูลเอกสำรที่น ำมำชี้แจงต่อคณะกรรมำธิกำร ข้อมูลดังกล่ำวถือเป็นข้อมูลที่เข้ำข่ำยข้อมูลข่ำวสำร ที่ไม่ต้องเปิดเผย ตำมมำตรำ ๑๕ (๖) ข้อมูลข่ำวสำรของรำชกำรที่มีกฎหมำยคุ้มครองมิให้เปิดเผย หรือข้อมูลข่ำวสำรที่มีผู้ให้มำโดยไม่ประสงค์ให้ทำงรำชกำรน ำไปเปิดเผยต่อผู้อื่น ซึ่งจะสำมำรถ ด ำเนินกำรตำมกฎหมำยได้ ๒ กรณี คือ ๑)กรณีเอกสำรที่บุคคลหรือหน่วยงำนอื่นน ำมำมอบให้คณะกรรมำธิกำรเป็น ข้อมูลข่ำวสำรที่หน่วยงำนมีกำรก ำหนดชั้นควำมลับเอำไว้ และมีผู้ขอข้อมูลข่ำวสำรนั้นมำยัง คณะกรรมำธิกำร อำจมีกำรด ำเนินกำรตำมมำตรำ ๑๒ วรรคสอง แห่งพระรำชบัญญัติข้อมูลข่ำวสำร ของรำชกำร พ.ศ. ๒๕๔๐ ที่ก ำหนดว่ำ ถ้ำหน่วยงำนของรัฐผู้รับค ำขอเห็นว่ำข้อมูลข่ำวสำรที่มีค ำขอ เป็นข้อมูลข่ำวสำรที่จัดท ำโดยหน่วยงำนของรัฐแห่งอื่น และได้ระบุห้ำมกำรเปิดเผยไว้ตำมระเบียบ ที่ก ำหนดตำมมำตรำ ๑๖ ให้ส่งค ำขอนั้นให้หน่วยงำนของรัฐผู้จัดท ำข้อมูลข่ำวสำรนั้นพิจำรณำเพื่อมี ค ำสั่งต่อไป
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๔๕ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ๒) หำกพิจำรณำแล้ว พบว่ำกำรเปิดเผยข้อมูลข่ำวสำรนั้นอำจกระทบประโยชน์ ได้เสียของผู้ใด ในกรณีที่เจ้ำหน้ำที่ของรัฐเห็นว่ำกำรเปิดเผยข้อมูลข่ำวสำรของรำชกำรใดอำจกระทบ ถึงประโยชน์ได้เสียของผู้ใด ต้องด ำเนินกำรตำมมำตรำ ๑๗ วรรคแรก แห่งพระรำชบัญญัติข้อมูล ข่ำวสำรของรำชกำร พ.ศ. ๒๕๔๐ ที่ก ำหนดว่ำ ในกรณีที่เจ้ำหน้ำที่ของรัฐเห็นว่ำกำรเปิดเผยข้อมูล ข่ำวสำรของรำชกำรใดอำจกระทบถึงประโยชน์ได้เสียของผู้ใด ให้เจ้ำหน้ำที่ของรัฐแจ้งให้ผู้นั้นเสนอค ำ คัดค้ำนภำยในเวลำที่ก ำหนด แต่ต้องให้เวลำอันสมควรที่ผู้นั้นอำจเสนอค ำคัดค้ำนได้ซึ่งต้องไม่น้อย กว่ำ ๑๕ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้ง ๔.๒ ควำมเห็นประกอบกำรพิจำรณำ กำรเปิดเผยเอกสำรที่บุคคลหรือหน่วยงำนอื่นน ำมำมอบให้คณะกรรมำธิกำร เพื่อประกอบกำรพิจำรณำ เมื่อมีผู้ร้องขอเอกสำรดังกล่ำวมำยังคณะกรรมำธิกำร คณะกรรมำธิกำร จะสำมำรถส่งมอบเอกสำรให้แก่ผู้ร้องขอได้หรือไม่นั้น ต้องพิจำรณำข้อกฎหมำยที่เกี่ยวข้องเป็นหลัก นั่นก็คือพระรำชบัญญัติข้อมูลข่ำวสำรของรำชกำร พ.ศ. ๒๕๔๐ โดยสำมำรถด ำเนินกำรตำมหลัก กฎหมำยที่รองรับเอำไว้ได้ ๓ กรณี ดังนี้ ๑) กรณีเอกสำรที่บุคคลหรือหน่วยงำนอื่นน ำมำมอบให้กับคณะกรรมำธิกำร เป็นข้อมูลที่มิได้มีกำรก ำหนดชั้นควำมลับ และมิได้แจ้งว่ำไม่ประสงค์จะให้น ำไปเผยแพร่หรืออนุญำต ให้ข้อมูลแก่ผู้อื่น คณะกรรมำธิกำรต้องด ำเนินกำรสอบถำมไปยังเจ้ำของข้อมูลว่ำประสงค์จะเปิดเผย ข้อมูลดังกล่ำวหรือไม่ หำกเจ้ำของข้อมูลแจ้งว่ำไม่ขัดข้อง ก็สำมำรถด ำเนินกำรเปิดเผยข้อมูลได้ แต่หำกเจ้ำของข้อมูลแจ้งว่ำไม่ประสงค์จะเปิดเผยข้อมูล ก็ไม่สำมำรถเปิดเผยข้อมูลดังกล่ำวได้ทั้งนี้ เป็นกำรปฏิบัติตำมมำตรำ ๑๗ แห่งพระรำชบัญญัติข้อมูลข่ำวสำรของรำชกำร พ.ศ. ๒๕๔๐ กล่ำวคือ ในกรณีที่เจ้ำหน้ำที่ของรัฐเห็นว่ำ กำรเปิดเผยข้อมูลข่ำวสำรของรำชกำรใดอำจกระทบถึงประโยชน์ได้ เสียของผู้ใด ให้เจ้ำหน้ำที่ของรัฐแจ้งให้ผู้นั้นเสนอค ำคัดค้ำนภำยในเวลำที่ก ำหนด แต่ต้องให้เวลำ อันสมควรที่ผู้นั้นอำจเสนอค ำคัดค้ำนได้ ซึ่งต้องไม่น้อยกว่ำ ๑๕ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้ง ดังนั้น ผู้ที่ได้รับแจ้งหรือผู้ที่ทรำบว่ำกำรเปิดเผยข้อมูลข่ำวสำรของรำชกำรใดอำจกระทบถึงประโยชน์ได้เสีย ของตน มีสิทธิคัดค้ำนกำรเปิดเผยข้อมูลข่ำวสำรนั้นได้โดยท ำเป็นหนังสือถึงเจ้ำหน้ำที่ของรัฐ ผู้รับผิดชอบ และในกรณีที่มีกำรคัดค้ำน เจ้ำหน้ำที่ของรัฐผู้รับผิดชอบต้องพิจำรณำค ำคัดค้ำนและแจ้ง ผลกำรพิจำรณำให้ผู้คัดค้ำนทรำบโดยไม่ชักช้ำ ในกรณีที่มีค ำสั่งไม่รับฟังค ำคัดค้ำน เจ้ำหน้ำที่ของรัฐ จะเปิดเผยข้อมูลข่ำวสำรนั้นมิได้จนกว่ำจะล่วงพ้นก ำหนดเวลำอุทธรณ์ต่อคณะกรรมกำรวินิจฉัยกำร เปิดเผยข้อมูลข่ำวสำรภำยใน ๑๐ วัน หรือจนกว่ำคณะกรรมกำรวินิจฉัยกำรเปิดเผยข้อมูลข่ำวสำรได้ มีค ำวินิจฉัยให้เปิดเผยข้อมูลข่ำวสำรนั้นได้ ๒) กรณีเอกสำรที่บุคคลหรือหน่วยงำนอื่นน ำมำมอบให้กับคณะกรรมำธิกำร เป็นข้อมูลที่มีกำรก ำหนดชั้นควำมลับ เจ้ำหน้ำที่ผู้ปฏิบัติงำนต้องด ำเนินกำรส่งค ำขอนั้นให้กับ หน่วยงำนของรัฐผู้จัดท ำข้อมูลข่ำวสำรนั้นเป็นผู้พิจำรณำ ซึ่งเป็นกำรปฏิบัติตำมมำตรำ ๑๒ วรรคสอง แห่งพระรำชบัญญัติข้อมูลข่ำวสำรของรำชกำร พ.ศ. ๒๕๔๐ กล่ำวคือ ถ้ำหน่วยงำนของรัฐผู้รับค ำขอ เห็นว่ำข้อมูลข่ำวสำรที่มีค ำขอเป็นข้อมูลข่ำวสำรที่จัดท ำโดยหน่วยงำนของรัฐแห่งอื่น และได้ระบุห้ำม
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๔๖ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร กำรเปิดเผยไว้ตำมระเบียบที่ก ำหนด ให้ส่งค ำขอนั้นให้หน่วยงำนของรัฐผู้จัดท ำข้อมูลข่ำวสำรนั้น พิจำรณำเพื่อมีค ำสั่งต่อไป ๓) กรณีเอกสำรที่บุคคลหรือหน่วยงำนอื่นน ำมำมอบให้กับคณะกรรมำธิกำรเป็น ข้อมูลที่บุคคลหรือหน่วยงำนแจ้งว่ำไม่ประสงค์จะให้น ำไปเผยแพร่หรืออนุญำตให้ข้อมูลแก่ผู้อื่น ข้อมูล ข่ำวสำรดังกล่ำวจะเข้ำลักษณะข้อมูลข่ำวสำรที่ไม่ต้องเปิดเผยตำมมำตรำ ๑๕ (๖) แห่งพระรำชบัญญัติ ข้อมูลข่ำวสำรของรำชกำร พ.ศ. ๒๕๔๐ กล่ำวคือ ข้อมูลข่ำวสำรของรำชกำรที่มีกฎหมำยคุ้มครองมิให้ เปิดเผย หรือข้อมูลข่ำวสำรที่มีผู้ให้มำโดยไม่ประสงค์ให้ทำงรำชกำรน ำไปเปิดเผยต่อผู้อื่น เจ้ำหน้ำที่ ผู้ปฏิบัติงำนอำจมีค ำสั่งมิให้เปิดเผยได้ ๕. ข้อเสนอแนะ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎรควรมีกำรก ำหนดแนวปฏิบัติในเรื่องดังกล่ำว ให้ชัดเจนและเป็นไปตำมหลักกฎหมำยหรือระเบียบที่รองรับกำรปฏิบัติหน้ำที่ของคณะกรรมำธิกำร และเจ้ำหน้ำที่ผู้ปฏิบัติงำน เพื่อให้กำรส่งมอบเอกสำรที่บุคคลหรือหน่วยงำนอื่นน ำมำมอบให้ คณะกรรมำธิกำรเพื่อประกอบกำรพิจำรณำ กรณีมีผู้ร้องขอ เป็นไปตำมหลักกฎหมำยที่ถูกต้อง และเป็นไปในแนวทำงเดียวกัน เพื่อลดกำรใช้ดุลพินิจของแต่ละคณะกรรมำธิกำรที่ให้ควำมเห็นที่มี ควำมแตกต่ำงกัน ทั้งนี้ เนื่องจำกประเด็นดังกล่ำวเป็นควำมเห็นของผู้เขียนที่ต้องกำรศึกษำข้อมูลเพื่อให้ คณะกรรมำธิกำรกิจกำรสภำผู้แทนรำษฎรพิจำรณำหำข้อสรุป ดังนั้น จึงมีควำมจ ำเป็นที่จะต้อง พิจำรณำเพื่อหำข้อสรุปเพื่อก ำหนดแนวทำงเกี่ยวกับเรื่องดังกล่ำวให้มีควำมชัดเจนและเป็นไป ในแนวทำงเดียวกันต่อไป นำยเอนก ขันศรีทรง วิทยำกรช ำนำญกำรพิเศษ กลุ่มงำนคณะกรรมำธิกำรกิจกำรสภำผู้แทนรำษฎร ส ำนักกรรมำธิกำร ๒
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๔๗ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร กองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมำชิกรัฐสภำกรณีกำรจ่ำยเงินทุนเลี้ยงชีพ ๑. ควำมเป็นมำและควำมส ำคัญของปัญหำ กองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมำชิกรัฐสภำจัดตั้งขึ้นตำมพระรำชบัญญัติกองทุนเพื่อผู้เคย เป็นสมำชิกรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๕๖ มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนและใช้จ่ำยเพื่อช่วยเหลือ อดีตสมำชิกรัฐสภำในด้ำนต่ำง ๆ ได้แก่ กำรจ่ำยเงินทุนเลี้ยงชีพ กำรจ่ำยเงินช่วยเหลือในกำร รักษำพยำบำลกำรจ่ำยเงินช่วยเหลือกรณีทุพพลภำพ กำรจ่ำยเงินช่วยเหลือในกรณีกำรให้กำรศึกษำบุตร และกำรจ่ำยเงินช่วยเหลือในกรณีถึงแก่กรรมอันเป็นกำรจัดสวัสดิกำรหรือเป็นหลักประกันควำมมั่นคง ให้สมำชิกรัฐสภำเมื่อสิ้นสุดสมำชิกภำพ โดยมีเจตนำรมณ์เพื่อตอบแทนคุณงำมควำมดีและควำม เสียสละของสมำชิกรัฐสภำซึ่งเป็นผู้แทนประชำชนเข้ำมำท ำหน้ำที่ในฐำนะฝ่ำยนิติบัญญัติมีภำรกิจ ส ำคัญในด้ำนกำรตรำกฎหมำย กำรควบคุมกำรบริหำรรำชกำรแผ่นดิน และกำรให้ควำมเห็นชอบ ในเรื่องต่ำง ๆ ตลอดจนกำรแก้ไขปัญหำควำมเดือดร้อนให้แก่ประชำชน โดยได้มีกำรออกระเบียบ คณะกรรมกำรกองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมำชิกรัฐสภำว่ำด้วยกำรบริหำร ค่ำใช้จ่ำยในกำรด ำเนินงำน กำรรับเงิน กำรเก็บรักษำเงิน กำรอนุมัติกำรเบิกจ่ำยเงินกำรจ่ำยเงิน กำรจัดหำผลประโยชน์และ กำรจ่ำยเงินช่วยเหลือกองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมำชิกรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๕๖ มีผลใช้บังคับวันที่ ๑ ตุลำคม ๒๕๕๖ เพื่อก ำหนดหลักเกณฑ์กำรบริหำรและเงื่อนไขกำรด ำเนินงำนของกองทุนให้เป็นไป ตำมวัตถุประสงค์ กรณีกำรจ่ำยเงินทุนเลี้ยงชีพตำมระเบียบคณะกรรมกำรกองทุนฯ พ.ศ. ๒๕๕๖ แบ่งออกเป็น ๒ กรณี ได้แก่ กรณีแรก กำรจ่ำยเงินทุนเลี้ยงชีพให้แก่อดีตสมำชิกรัฐสภำ ก่อนวันที่ระเบียบใช้บังคับ มีสิทธิได้รับเงินทุนในอัตรำ ๑๕,๐๐๐ บำท และกรณีที่สอง กำรจ่ำย เงินทุนเลี้ยงชีพให้แก่อดีตสมำชิกรัฐสภำ ภำยหลังระเบียบใช้บังคับจะมีสิทธิได้รับเงินทุน ในอัตรำตั้งแต่ร้อยละ ๓๐ ถึงร้อยละ ๖๐ ของเงินประจ ำต ำแหน่งเดือนสุดท้ำย และมีสิทธิได้รับ เงินทุนเลี้ยงชีพตลอดชีพ ต่อมำคณะกรรมกำรติดตำมและตรวจสอบกำรใช้จ่ำยงบประมำณภำครัฐ (คตร.) ได้มีหนังสือเมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎำคม ๒๕๕๗ แจ้งให้ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎรชะลอ กำรด ำเนินงำนของกองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมำชิกรัฐสภำ โดยมีข้อเสนอแนะในเรื่องกองทุนว่ำ ควรแก้ไขกฎหมายหรือระเบียบให้มีความเหมาะสมเพื่อให้ได้รับเงินใกล้เคียงกับข้าราชการ ซึ่งเป็นไปตำมมติคณะรักษำควำมสงบแห่งชำติ เมื่อวันที่ ๑๕ กรกฎำคม ๒๕๕๗ ที่ใช้ชะลอ กำรด ำเนินโครงกำรกองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมำชิกรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๕๖ จึงได้มีกำรปรับปรุงแก้ไข เพิ่มเติมระเบียบคณะกรรมกำรกองทุนฯ พ.ศ. ๒๕๕๖ เฉพำะประเด็นกำรจ่ำยเงินทุนเลี้ยงชีพ และออกเป็นระเบียบคณะกรรมกำรกองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมำชิกรัฐสภำ ว่ำด้วยกำรบริหำร ค่ำใช้จ่ำย ในกำรด ำเนินงำน กำรรับเงิน กำรเก็บรักษำเงิน กำรอนุมัติกำรเบิกจ่ำยเงินกำรจ่ำยเงิน กำรจัดหำ ผลประโยชน์และกำรจ่ำยเงินช่วยเหลือกองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมำชิกรัฐสภำ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘ มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มีนำคม ๒๕๕๘ โดยปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขกำรจ่ำยเงินทุนเลี้ยงชีพ
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๔๘ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร เป็นก ำหนดให้อดีตสมำชิกรัฐสภำมีสิทธิได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพเป็นรำยเดือน โดยได้รับเป็นระยะเวลำ ๒ เท่ำของเวลำส ำหรับค ำนวณเงินทุนเลี้ยงชีพ (ระยะเวลำในกำรด ำรงต ำแหน่ง) ในอัตรำตั้งแต่ ๙,๐๐๐ – ๓๕,๖๐๐ บำท โดยอดีตสมำชิกรัฐสภำทั้งก่อนและหลังระเบียบใช้บังคับจะได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพในอัตรำ เดียวกัน จำกกำรปรับปรุงแก้ไขหลักเกณฑ์และเงื่อนไขกำรจ่ำยเงินทุนเลี้ยงชีพตำมระเบียบ คณะกรรมกำรกองทุนฯ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘ ท ำให้อดีตสมำชิกรัฐสภำที่ขอรับเงินทุนเลี้ยงชีพได้รับ ผลกระทบโดยได้สะท้อนปัญหำในด้ำนต่ำง ๆ ผ่ำนคณะกรรมำธิกำรกิจกำรสภำผู้แทนรำษฎร ชุดที่ ๒๕ ซึ่งได้เดินทำงไปพบปะ แลกเปลี่ยนควำมคิดเห็น และรับฟังข้อเสนอแนะจำกอดีตสมำชิก รัฐสภำในพื้นที่จังหวัดต่ำง ๆ เกี่ยวกับกำรพัฒนำระบบและปรับปรุงกำรด ำเนินกิจกำรของสภำ ตลอดจนสวัสดิกำรของอดีตสมำชิกรัฐสภำ ผู้ศึกษำจึงมุ่งเน้นศึกษำ วิเครำะห์ควำมเห็นของอดีตสมำชิก รัฐสภำเกี่ยวกับกำรจ่ำยเงินทุนเลี้ยงชีพตำมระเบียบคณะกรรมกำรกองทุนฯ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘ และศึกษำเปรียบเทียบกำรจ่ำยเงินทุนเลี้ยงชีพตำมระเบียบคณะกรรมกำรกองทุนฯ พ.ศ. ๒๕๕๖ และระเบียบคณะกรรมกำรกองทุนฯ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘ ในด้ำนหลักเกณฑ์ เงื่อนไข กำรส่งเงิน สะสม สถำนะกำรเงิน และงบประมำณที่ใช้ในกำรจ่ำยเงินทุนเลี้ยงชีพ ทั้งนี้ เพื่อเสนอแนะทำงเลือก ในกำรด ำเนินงำนของกองทุนให้มีกำรบริหำรจัดกำรที่เหมำะสม สำมำรถพึ่งพำตนเองได้โดยอำศัย งบประมำณแผนดินน้อยที่สุด และด ำรงอยู่ได้อย่ำงมีประสิทธิภำพ รวมทั้งอดีตสมำชิกรัฐสภำได้รับ สวัสดิกำรที่เหมำะสมเป็นไปตำมหลักควำมจ ำเป็น สิทธิ ควำมเสมอภำค และเป็นไปตำมเจตนำรมณ์ ของกำรจัดตั้งกองทุนและเพื่อเป็นกำรเตรียมควำมพร้อมด้ำนข้อมูลเกี่ยวกับกองทุนเพื่อผู้เคยเป็น สมำชิกรัฐสภำกรณีกำรจ่ำยเงินทุนเลี้ยงชีพในกำรรองรับสนับสนุนกำรด ำเนินงำนของคณะกรรมำธิกำร ชุดต่อไป ซึ่งเป็นกำรด ำเนินงำนตำมหน้ำที่และอ ำนำจที่ก ำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ และข้อบังคับ กำรประชุมสภำผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติมที่ก ำหนดให้ คณะกรรมำธิกำรกิจกำร สภำผู้แทนรำษฎรมีหน้ำที่และอ ำนำจกระท ำกิจกำร พิจำรณำสอบหำข้อเท็จจริง หรือศึกษำเรื่องใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกิจกำรของสภำ สมำชิก และผู้เคยเป็นสมำชิก รวมทั้งการพัฒนาระบบและปรับปรุงการ ด าเนินการของสภาผู้แทนราษฎร เป็นต้น อีกทั้งสอดคล้องกับแผนปฏิบัติรำชกำรระยะ ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๖ – ๒๕๗๐) ของส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ประเด็นกำรพัฒนำที่ ๔ ที่มุ่งเน้น พัฒนำศักยภำพบุคลำกรให้เท่ำทันกำรเปลี่ยนแปลง ภำยใต้วิสัยทัศน์“ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำ ผู้แทนรำษฎรเป็น SMART Parliament”ผู้ศึกษำหวังว่ำกำรศึกษำครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อกำร ปฏิบัติงำนของกลุ่มงำนคณะกรรมำธิกำรกิจกำรสภำผู้แทนรำษฎร สมำชิกรัฐสภำ อดีตสมำชิกรัฐสภำ กรรมำธิกำร และผู้ที่สนใจ
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๔๙ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ๒. กฎหมำย กฎ ระเบียบ และยุทธศำสตร์ที่เกี่ยวข้อง ๒.๑ การด าเนินงานของกองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา ๒.๑.๑ ความเป็นมาของกองทุน๒ สืบเนื่องจากได้มีการจัดงานสโมสรสันนิบาตสมาชิกรัฐสภา เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2542 โดยคณะกรรมการสโมสรรัฐสภาในขณะนั้น ซึ่งมีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภาและนายกสโมสรรัฐสภา ได้เล็งเห็นถึงปัญหาความเดือดร้อนในด้านต่าง ๆ ของอดีต สมาชิกรัฐสภาภายหลังสิ้นสุดการเป็นสมาชิกรัฐสภา จึงได้จัดงานสโมสรดังกล่าวขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อร่วมถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิม พระชนมพรรษา ๖ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๔๒ และในโอกาสครบรอบ ๖๗ ปี รัฐสภาไทย และเพื่อเป็น การพบปะ สังสรรค์ระหว่างสมาชิกรัฐสภา อดีตสมาชิกรัฐสภา สมาชิกสโมสรรัฐสภา ข้าราชการ ฝ่ายรัฐสภา รวมทั้งเพื่อจัดหาทุนจัดตั้งกองทุนสวัสดิการเพื่อช่วยเหลืออดีตสมาชิกรัฐสภา และบุตร – ธิดา ซึ่งเป็นการช่วยเหลือเกื้อกูล และเป็นหลักประกันให้สมาชิกรัฐสภาหลังสิ้นสุดการเป็นสมาชิกรัฐสภา โดยมีรายได้หลังหักค่าใช้จ่าย เป็นเงิน ๕,๘๙๓,๒๖๗.๓๕ บาท จึงเป็นที่มาของเงินกองทุนสงเคราะห์ ผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา และได้มีการน าเงินดังกล่าวเปิดบัญชีในนาม “กองทุนสงเคราะห์ผู้เคยเป็น สมาชิกรัฐสภา” และสมทบกับเงินที่ได้รับจากสมาชิกรัฐสภา รายละ ๕๐๐ บาทต่อเดือน ถือเป็น จุดเริ่มต้นของการก่อตั้งกองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นทุนหมุนเวียน ในการช่วยเหลือผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภาที่ได้รับความเดือดร้อนจากการประสบปัญหาในการด ารงชีพ ซึ่งการด าเนินงานของกองทุนในระยะแรก เป็นไปตามระเบียบรัฐสภาว่าด้วยกองทุนสงเคราะห์ ผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา พ.ศ. 2543 เพื่อให้การช่วยเหลืออดีตสมาชิกรัฐสภาใน ๓ ด้าน ได้แก่ 1) ด้านการรักษาพยาบาล 2) ด้านการศึกษาของบุตร และ 3) การสงเคราะห์ครอบครัวกรณีผู้เคย เป็นสมาชิกรัฐสภาที่ถึงแก่กรรม ส่วนการช่วยเหลือกรณีทุพพลภาพเป็นไปตามระเบียบคณะกรรมการ กองทุนสงเคราะห์ผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภาว่าด้วยการจ่ายเงินสงเคราะห์กรณีทุพพลภาพ พ.ศ. 2552 ในปี 2556 ได้มีการผลักดันให้มี “พระราชบัญญัติกองทุนเพื่อผู้เคยเป็น สมาชิกรัฐสภา พ.ศ. 2556 ” ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 23 พฤษภาคม 2556 เนื่องจากอดีตสมาชิก รัฐสภาเป็นบุคคลที่มีคุณงามความดีในการท างานในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติเพื่อประเทศชาติ แต่ปรากฏว่า การสงเคราะห์อดีตสมาชิกรัฐสภาในด้านการรักษาพยาบาล กรณีถึงแก่กรรม กรณีทุพพลภาพ และ กรณีการศึกษาของบุตร ยังมีข้อจ ากัดทั้งด้านงบประมาณ และด้านบริหารจัดการท าให้การสงเคราะห์ อดีตสมาชิกรัฐสภาไม่เอื้อประโยชน์เท่าที่ควรจึงมีการผลักดันให้เป็นกฎหมาย รวมทั้งได้เพิ่ม การช่วยเหลือในเรื่องของเงินทุนเลี้ยงชีพด้วย ๒ กลุ่มงำนกิจกำรทั่วไป, ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร. กองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา. ในกำรประชุม คณะกรรมำธิกำรกิจกำรสภำผู้แทนรำษฎร พิจำรณำแนวทำงกำรแก้ไขระเบียบคณะกรรมกำรกองทุนเพื่อ ผู้เคยเป็นสมำชิกรัฐสภำว่ำด้วย กำรบริหำร ค่ำใช้จ่ำยในกำรด ำเนินงำน กำรรับเงิน กำรเก็บรักษำเงิน กำรอนุมัติ กำรเบิกจ่ำยเงิน กำรจ่ำยเงิน กำรจัดหำผลประโยชน์และกำรจ่ำยเงินช่วยเหลือกองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมำชิกรัฐสภำ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘ ข้อ ๒๙. ห้องประชุมหมำยเลข ๓๐๗ ชั้น ๓, อำคำรรัฐสภำ, ๒๕๖๓.
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๕๐ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ตามพระราชบัญญัติดังกล่าว ก าหนดให้มี “คณะกรรมการกองทุนเพื่อ ผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา” ต่อมาได้มีการออกระเบียบคณะกรรมการกองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมาชิก รัฐสภาว่าด้วยการบริหาร ค่าใช้จ่ายในการด าเนินงาน การรับเงิน การเก็บรักษาเงิน การอนุมัติ การเบิกจ่ายเงินการจ่ายเงินการจัดหาผลประโยชน์และการจ่ายเงินช่วยเหลือกองทุนเพื่อผู้เคยเป็น สมาชิกรัฐสภา พ.ศ. ๒๕๕๖ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ เพื่อก าหนดวิธีปฏิบัติและ เงื่อนไขการให้ความช่วยเหลือในด้านต่างๆ ในส่วนการจ่ายเงินทุนเลี้ยงชีพมีการแบ่งเป็น ๒ กรณี ดังนี้ กรณีแรก ให้อดีตสมาชิกรัฐสภาก่อนวันที่ระเบียบใช้บังคับ (ก่อน ๑ ตุลาคม ๒๕๕๖) มีสิทธิได้รับเงินทุนในอัตรา ๑๕,๐๐๐ บาท กรณีที่สอง อดีตสมาชิกรัฐสภาภายหลังระเบียบใช้บังคับ (หลัง ๑ ตุลาคม ๒๕๕๖) มีสิทธิได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพเป็นรายเดือนตามเกณฑ์ที่ก าหนดไว้ตั้งแต่ร้อยละ ๓๐ ถึงร้อยละ ๖๐ ของเงินประจ าต าแหน่งเดือนสุดท้าย (ตั้งแต่ ๒๑,๓๖๙ – ๔๒,๗๓๘ บาท) ในช่วงเดือนกรกฎาคม ปี 2557 คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบ การใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ได้แจ้งให้ส านักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ชะลอ การด าเนินงานโครงการกองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา พ.ศ. 2556 เนื่องจากคณะรักษาความ สงบแห่งชาติ (คสช.) มีมติเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2557 ให้ชะลอการด าเนินงานของกองทุนเพื่อ ผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา พ.ศ. 2556 พร้อมนี้คตร. ได้เสนอแนะเรื่องกองทุนว่า “ควรแก้กฎหมาย หรือระเบียบให้มีความเหมาะสมเพื่อให้ได้รับเงินใกล้เคียงกับข้าราชการ” ต่อมาในปี ๒๕๕๘ ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ พ.ศ. ๒๕๕๖ และออกเป็นระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘ ใช้บังคับตั้งแต่ วันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๕๘ โดยได้ปรับปรุงเฉพาะหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการจ่ายเงินทุนเลี้ยงชีพเป็น ก าหนดให้อดีตสมาชิกรัฐสภามีสิทธิได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพเป็นรายเดือน โดยได้รับเป็นระยะเวลา ๒ เท่า ของเวลาส าหรับค านวณเงินทุนเลี้ยงชีพ (ระยะเวลาในการด ารงต าแหน่ง) ในอัตราตั้งแต่ ๙,๐๐๐ – ๓๕,๖๐๐ บาท โดยอดีตสมาชิกทั้งก่อนและหลังระเบียบให้บังคับจะได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพ ตามหลักเกณฑ์และอัตราเดียวกัน ๒.๑.๒ วัตถุประสงค์ในการจัดตั้งกองทุน กองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภาจัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติกองทุน เพื่อผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา พ.ศ. ๒๕๕๖ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนและใช้จ่าย เพื่อช่วยเหลือผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภาในด้านต่าง ๆ ดังนี้ ๑. การจ่ายเงินทุนเลี้ยงชีพ 2. การจ่ายเงินช่วยเหลือในการรักษาพยาบาล 3. การจ่ายเงินช่วยเหลือกรณีทุพพลภาพ 4. การจ่ายเงินช่วยเหลือในกรณีถึงแก่กรรม 5. การจ่ายเงินช่วยเหลือในกรณีการให้การศึกษาบุตร 6. สวัสดิการและสิทธิประโยชน์อื่นตามระเบียบที่คณะกรรมการก าหนด
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๕๑ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ๒.๑.3 กลุ่มเป้าหมาย อดีตสมาชิกรัฐสภา ประกอบด้วย อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และ อดีตสมาชิกวุฒิสภา ๒.๑.๔ ที่มาของเงินกองทุน ๑. เงินทุนประเดิมที่รัฐบำลจัดสรรให้ ๒. เงินอุดหนุนที่รัฐบาลจัดสรรจากงบประมาณรายจ่ายประจ าปี ๓. เงินที่สมาชิกรัฐสภาส่งเข้าเข้ากองทุน ในอัตราเดือนละ 3,500 บาท ๔. เงินที่โอนมาจากกองทุนสงเคราะห์ผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา ตามระเบียบรัฐสภาว่าด้วยกองทุนสงเคราะห์ผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา พ.ศ. 2543 ๕. เงินและทรัพย์สินที่ตกเป็นของกองทุน ๖. เงินหรือทรัพย์สินที่ได้จำกกำรบริจำค ๗. ดอกผลของเงินกองทุน ๒.๒ ระเบียบคณะกรรมกำรกองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมำชิกรัฐสภำว่ำด้วย กำรบริหำร ค่ำใช้จ่ำยในกำรด ำเนินงำน กำรรับเงิน กำรเก็บรักษำเงิน กำรอนุมัติกำรเบิกจ่ำยเงิน กำรจ่ำยเงิน กำรจัดหำผลประโยชน์และกำรจ่ำยเงินช่วยเหลือกองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมำชิกรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๕๖ “ข้อ ๒๖ สมำชิกรัฐสภำต้องส่งเงินเข้ำกองทุนเป็นประจ ำทุกเดือน โดยกำรหัก เงินประจ ำต ำแหน่งในอัตรำตำมที่คณะกรรมกำรก ำหนด ทั้งนี้ ต้องไม่เกินอัตรำร้อยละห้ำ ของเงินประจ ำต ำแหน่ง” ๒.๓ ระเบียบคณะกรรมกำรกองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมำชิกรัฐสภำว่ำด้วยกำรบริหำร ค่ำใช้จ่ำยในกำรด ำเนินงำน กำรรับเงิน กำรเก็บรักษำเงิน กำรอนุมัติกำรเบิกจ่ำยเงิน กำรจ่ำยเงิน กำรจัดหำผลประโยชน์และกำรจ่ำยเงินช่วยเหลือกองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมำชิกรัฐสภำ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘ “ข้อ ๒๗ ให้สมำชิกรัฐสภำที่ได้ส่งเงินเข้ำกองทุนตำมข้อ ๒๖ ซึ่งสมำชิกภำพ ได้สิ้นสุดลง มีสิทธิได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพเป็นรำยเดือนตำมหลักเกณฑ์และอัตรำตำมที่ก ำหนดไว้ใน ระเบียบนี้ สมำชิกรัฐสภำที่จะมีสิทธิได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพตำมวรรคหนึ่ง จะต้องไม่เป็น บุคคลที่อยู่ในระหว่ำงต้องห้ำมมิให้ด ำรงต ำแหน่งทำงกำรเมือง หรือเป็นบุคคลที่เคยถูกวุฒิสภำมีมติให้ ถอดถอนจำกต ำแหน่ง ตำมบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ สิทธิได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพเป็นสิทธิเฉพำะตัว” “ข้อ ๒๘ กำรนับเวลำส ำหรับค ำนวณเงินทุนเลี้ยงชีพ ในกรณีที่ผู้เคยเป็น สมำชิกรัฐสภำรำยใด มีสมำชิกภำพหลำยวำระ ไม่ว่ำจะติดต่อกันหรือไม่ก็ตำม ให้น ำเวลำกำรมีสมำชิก ภำพของผู้เคยเป็นสมำชิกรัฐสภำรำยนั้นในทุกวำระรวมกันเป็นเวลำส ำหรับค ำนวณเงินทุนเลี้ยงชีพ
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๕๒ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร กรณีผู้เคยเป็นสมำชิกรัฐสภำซึ่งได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพตำมระเบียบนี้ได้กลับเข้ำ มีสมำชิกภำพสมำชิกรัฐสภำอีก ให้สิทธิได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพของผู้เคยเป็นสมำชิกรัฐสภำรำยนั้นระงับ ไปในระหว่ำงที่มีสมำชิกภำพสมำชิกรัฐสภำ และเมื่อสมำชิกภำพสิ้นสุดลงจึงให้มีสิทธิได้รับเงินทุนเลี้ยง ชีพโดยให้น ำเวลำกำรมีสมำชิกภำพในครั้งหลังมำรวมเป็นเวลำส ำหรับค ำนวณเงินทุนเลี้ยงชีพด้วย ตำมหลักเกณฑ์ในวรรคหนึ่ง” “ข้อ ๒๙ ให้ผู้เคยเป็นสมำชิกรัฐสภำตำมข้อ ๒๗ มีสิทธิได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพ เป็นรำยเดือน โดยให้ได้รับเป็นระยะเวลำสองเท่ำของเวลำส ำหรับค ำนวณเงินทุนเลี้ยงชีพ ตำมเกณฑ์ ดังต่อไปนี้ (๑) มีเวลำส ำหรับค ำนวณเงินทุนเลี้ยงชีพตั้งแต่ ๑ เดือน แต่ไม่ถึง ๔๘ เดือน ให้ได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพในอัตรำเดือนละ ๙,๐๐๐ บำท (๒) มีเวลำส ำหรับค ำนวณเงินทุนเลี้ยงชีพ ตั้งแต่ ๔๘ เดือน แต่ไม่ถึง ๙๖ เดือน ให้ได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพในอัตรำเดือนละ ๑๒,๐๐๐ บำท (๓) มีเวลำส ำหรับค ำนวณเงินทุนเลี้ยงชีพ ตั้งแต่ ๙๖ เดือน แต่ไม่ถึง ๑๔๔ เดือน ให้ได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพในอัตรำเดือนละ ๑๔,๓๐๐ บำท (๔) มีเวลำส ำหรับค ำนวณเงินทุนเลี้ยงชีพ ตั้งแต่ ๑๔๔ เดือน แต่ไม่ถึง ๑๙๒ เดือน ให้ได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพในอัตรำเดือนละ ๑๗,๘๐๐ บำท (๕) มีเวลำส ำหรับค ำนวณเงินทุนเลี้ยงชีพ ตั้งแต่ ๑๙๒ เดือน แต่ไม่ถึง ๒๔๐ เดือน ให้ได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพในอัตรำเดือนละ ๒๑,๔๐๐ บำท (๖) มีเวลำส ำหรับค ำนวณเงินทุนเลี้ยงชีพ ตั้งแต่ ๒๔๐ เดือน แต่ไม่ถึง ๒๘๘ เดือน ให้ได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพในอัตรำเดือนละ ๒๘,๕๐๐ บำท (๗) มีเวลำส ำหรับค ำนวณเงินทุนเลี้ยงชีพ ตั้งแต่ ๒๘๘ เดือนขึ้นไป ให้ได้รับ เงินทุนเลี้ยงชีพในอัตรำเดือนละ ๓๕,๖๐๐ บำท กำรนับเวลำส ำหรับค ำนวณเงินทุนเลี้ยงชีพให้นับเป็นเดือน โดยให้นับสำมสิบ วันเป็นหนึ่งเดือนเศษของเดือนถ้ำถึงสิบห้ำวันให้นับเป็นหนึ่งเดือน” ๒.๔ รำยงำนวิชำกำรของส ำนักงบประมำณ อุมำพร บึงมุม ๓ ได้ท ำกำรศึกษำกองทุนอดีตสมำชิกรัฐสภำ (Federal Employees’ Retirement System หรือ FERS) ของประเทศสหรัฐอเมริกำ และเปรียบเทียบกำร ด ำเนินงำนของกองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมำชิกรัฐสภำสรุปสำระส ำคัญได้ ดังนี้ ๒.๔.๑ ควำมเป็นมำของกองทุน ระบบสวัสดิกำรของประเทศสหรัฐอเมริกำเริ่มต้นในปี ค.ศ. ๑๙๒๐ โดยมีชื่อว่ำระบบ The Civil Service Retirement System (CSRS) ซึ่งเป็นระบบเงินบ ำนำญของ ข้ำรำชกำรประจ ำ และในปี ค.ศ. ๑๙๔๒ รัฐบำลของประเทศสหรัฐอเมริกำได้มีมติว่ำ สมำชิกวุฒิสภำ ๓ ส ำนักงบประมำณของรัฐสภำ, ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร. กองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา. (กรุงเทพฯ: ส ำนักกำรพิมพ์, ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร, ๒๕๕๙), น. ๒๕ – ๒๗.
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๕๓ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร (ส.ว.) และสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎร (ส.ส.) ซึ่งเป็นผู้ท ำงำนให้กับประเทศเช่นกันควรได้รับเงิน สวัสดิกำรในลักษณะบ ำนำญเช่นเดียวกับข้ำรำชกำรประจ ำ รัฐบำลจึงมีควำมเห็นให้ ส.ส. และ ส.ว. เข้ำอยู่ในระบบบ ำนำญข้ำรำชกำร (CSRS) พร้อมทั้งได้เสนอเป็นกฎหมำย อย่ำงไรก็ตำม กฎหมำย ดังกล่ำวได้ถูกเสนอมำเพียง ๒ เดือน ก็ถูกนักวิชำกำรและสื่อมวลชนโจมตี ท ำให้กฎหมำยดังกล่ำว ถูกยกเลิกไป ต่อมำในปี ค.ศ. ๑๙๔๖ ก็ได้น ำมำบังคับใช้ ท ำให้ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมำ ส.ส. และ ส.ว. จึงเข้ำมำอยู่ในระบบ CSRS โดยสมำชิกรัฐสภำสำมำรถเข้ำร่วมในระบบสวัสดิกำรนี้ได้โดยสมัครใจ ไม่มีกำรบังคับ จนกระทั่งในปี ค.ศ. ๑๙๘๗ รัฐบำลมีกำรออกระบบขึ้นใหม่ คือ ระบบ The Federal Employees’ Retirement System (FERS) เพื่อแก้ไขปัญหำควำมซ้ ำซ้อนของระบบ CSRS และในเรื่องของอัตรำเงินหักสะสมและกำรจ่ำยเงินสะสม และเป็นระบบที่ใช้บังคับจนถึง ปัจจุบัน โดยมีลักษณะพิเศษกว่ำระบบเก่ำ คือ จะก ำหนดให้สิทธิประโยชน์หรือผลตอบแทนให้แก่ สมำชิกรัฐสภำมำกกว่ำข้ำรำชกำรประจ ำ ซึ่งข้ำรำชกำรต้องท ำงำนจนเกษียณอำยุจึงจะมีสิทธิรับเงิน แต่สมำชิกรัฐสภำที่มีเวลำในกำรด ำรงต ำแหน่งตั้งแต่ ๕ ปีขึ้นไป ก็มีสิทธิได้รับเงินบ ำนำญแล้ว จึงท ำให้ หลำยคนมองว่ำเกิดควำมเหลื่อมล้ ำและไม่ยุติธรรมแก่ข้ำรำชกำร และเกิดกำรต่อต้ำนจำกนักวิชำกำร และสื่อมวลชน จนกระทั่งในปี ค.ศ. ๒๐๑๒ รัฐสภำจึงได้มีกำรปรับปรุงโครงสร้ำงและหลักเกณฑ์ ของกองทุน FERS ในส่วนของผลตอบแทนที่สมำชิกรัฐสภำจะได้รับจำกกองทุนที่ลดลง และเพิ่มกำร ส่งเงินสะสมเป็น ๓.๑๔% ต่อมำในปี ค.ศ. ๒๐๑๓ ได้ปรับเป็น ๔.๕% ของเงินเดือน ๒.๔.๒ วัตถุประสงค์ของกองทุน กองทุน FERS มีวัตถุประสงค์ เพื่อส่งเสริมกำรออมให้สมำชิกมีเงิน เพื่อใช้จ่ำยในวัยเกษียณ โดยกองทุนดังกล่ำวจะไม่บังคับให้สมำชิกรัฐสภำทุกคนต้องเข้ำระบบ จะให้สิทธิสมำชิกเลือกจะเข้ำระบบหรือไม่เข้ำร่วมก็ได้ และผลตอบแทนของกองทุนจะมีผลก็ต่อเมื่อ สมำชิกรัฐสภำเกษียณอำยุไปแล้ว โดยจะต้องไม่กลับเข้ำมำท ำงำนอีกจึงจะมีสิทธิได้รับเงินจำกกองทุน ๒.๔.๓ กลุ่มเป้ำหมำย กลุ่มเป้ำหมำยของกองทุน FERS คือ ข้ำรำชกำรประจ ำและสมำชิก รัฐสภำประกอบด้วย สมำชิกวุฒิสภำ (ส.ว.) ด ำรงต ำแหน่งสมัยละ ๖ ปี และสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎร (ส.ส.) ด ำรงต ำแหน่งสมัยละ ๒ ปี ๒.๔.๔ หลักเกณฑ์กำรส่งเงินสะสมเข้ำกองทุนและสิทธิประโยชน์ของสมำชิก ๑. หลักเกณฑ์กำรส่งเงินสะสมเข้ำกองทุน สมำชิกที่เข้ำร่วมกองทุน FERS จะต้องส่งเงินเข้ำกองทุน ๔.๕ % ของเงินเดือน ๒. หลักเกณฑ์กำรจ่ำยเงินช่วยเหลือหรือสิทธิประโยชน์จำกกองทุน อดีตสมำชิกรัฐสภำจะได้รับเงินจำกกองทุนก็ต่อเมื่อเกษียณอำยุแล้วไม่กลับเข้ำมำรับต ำแหน่งอีก อัตรำผลตอบแทนจะขึ้นอยู่กับระยะเวลำในกำรด ำรงต ำแหน่งและจะถูกปรับตำมอัตรำเงินเฟ้อ โดยหลักเกณฑ์กำรจ่ำยผลตอบแทนให้กับสมำชิกรัฐสภำ แบ่งออกเป็น ๒ กลุ่ม ดังนี้ กลุ่มแรก กลุ่มสมำชิกThe Civil Service Retirement System (CSRS) จะได้รับเงินผลตอบแทนโดยค ำนวณจำกเงินเดือนเฉลี่ย ๓ เดือน คูณด้วยระยะเวลำในกำรด ำรง
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๕๔ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ต ำแหน่ง และคูณด้วยอัตรำดอกเบี้ยที่ก ำหนด จ ำนวนเงินที่ได้รับจะต้องไม่เกิน ๘๐% ของเงินเดือนเดือนสุดท้ำย กลุ่มที่สอง กลุ่มสม ำชิก The Federal Employees’ Retirement System (FERS) มีกำรจ่ำยค่ำตอบแทน ๓ หลักเกณฑ์ ดังนี้ ๑) อดีตสมำชิกที่มีระยะเวลำในกำรด ำรงต ำแหน่งครบ ๕ ปี จะมีสิทธิ ได้รับเงินค่ำตอบแทนเมื่อตอนอำยุครบ ๖๒ ปี ๒) อดีตสมำชิกที่มีระยะเวลำในกำรด ำรงต ำแหน่งครบ ๒๐ ปี จะมีสิทธิ ได้รับเงินค่ำตอบแทนเมื่อตอนอำยุ๕๐ ปี ๓) อดีตสมำชิกที่มีระยะเวลำในกำรด ำรงต ำแหน่งครบ ๒๕ ปี จะมีสิทธิ ได้รับเงินค่ำตอบแทนเมื่อตอนอำยุเท่ำใดก็ได้ สูตรกำรค ำนวณผลตอบแทนของ FERS ก ำหนดอัตรำผลตอบแทน เป็น “อัตรำก้ำวหน้ำแบบถดถอย” คล้ำยทรงระฆังคว่ ำ (bell-shape) คือ อดีตสมำชิกรัฐสภำ ที่ยิ่งท ำงำนนำนหรือมีระยะเวลำในกำรด ำรงต ำแหน่งนำน จะได้รับผลตอบแทนลดลง เพื่อไม่ให้เงิน ค่ำตอบแทนของกองทุนเป็นสิ่งจูงใจให้สมำชิกอยู่ในต ำแหน่งนำนเกินไป เพรำะต้องกำรให้คนรุ่นใหม่ เข้ำมำท ำงำนในรัฐสภำ ยกตัวอย่ำงเช่น กรณี นำย ก. ด ำรงต ำแหน่งเป็นสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎร ๓๐ ปี และมีเงินเดือนสูงสุด ๓ เดือน เฉลี่ยเท่ำกับ ๑๐๐,๐๐๐ USA จะได้รับเงินตอบแทนเมื่อเกษียณอำยุ ต่อปี ดังนี้ ๑๐๐,๐๐๐ USA X 0.017 X 20 ปี = 34,000 USA ๑๐๐,๐๐๐ USA X 0.01 X 10 ปี = 10,000 USA เงินทุนเลี้ยงชีพที่ได้รับ = 45,000 USA ต่อปี ต่อมารัฐสภามีการปรับปรุงหลักเกณฑ์ของ FERS โดยก าหนดให้ สมาชิกรัฐสภาที่เข้ารับต าแหน่งหลังวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๐๑๒ เป็นต้นไปจะได้รับอัตราผลตอบแทน ในอัตราเดียวกัน คือ 0.01% เนื่องจากกองทุนดังกล่าวถูกวิจารณ์ว่ามีการน าเงินภาษีของประชาชน มาใช้ไม่เหมาะสมในการน ามาจ่ายบ านาญให้แก่อดีตสมาชิกรัฐสภาในอัตราที่สูงเกินไป ๒.๔.๕ กำรศึกษำเปรียบเทียบกำรด ำเนินงำนของกองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมำชิก รัฐสภำ และกองทุนอดีตสมำชิกรัฐสภำของประเทศสหรัฐอเมริกำ (Federal Employees’ Retirement System จำกกำรศึกษำเปรียบเทียบกำรด ำเนินงำนของกองทุนเพื่อผู้เคยเป็น สมำชิกรัฐสภำ และกองทุนอดีตสมำชิกรัฐสภำของประเทศสหรัฐอเมริกำ (Federal Employees’ Retirement System หรือ FERS) พบว่ำ มีควำมแตกต่ำงกันดังนี้(ส ำนักงบประมำณของรัฐสภำ, ๒๕๕๙, น. ๒๘ - ๓๑) ๑. วัตถุประสงค์ของกองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมำชิกรัฐสภำมีเพื่อเป็นทุน หมุนเวียนและใช้จ่ำยเพื่อช่วยเหลือผู้เคยเป็นสมำชิกรัฐสภำ ในขณะที่วัตถุประสงค์ของ FERS มีเพื่อส่งเสริมกำรออมให้กับสมำชิกให้มีเงินเพื่อใช้จ่ำยในวัยเกษียณ
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๕๕ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ๒. รูปแบบกำรจ่ำยเงินสวัสดิกำรของกองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมำชิกรัฐสภำมี ๕ ประเภท คือ กำรจ่ำยเงินทุนเลี้ยงชีพ กำรจ่ำยเงินรักษำพยำบำล กำรจ่ำยเงินกรณีทุพพลภำพ กำรจ่ำยเงินกรณีถึงแก่กรรม และกำรจ่ำยเงินกรณีให้กำรศึกษำบุตร ในขณะที่ FERS มีกำรจ่ำย สวัสดิกำรในรูปแบบเดียว คือ กำรจ่ำยเงินทุนเลี้ยงชีพ ๓. กองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมำชิกรัฐสภำไม่มีกำรก ำหนดระยะเวลำด ำรง ต ำแหน่งขั้นต่ ำเพื่อให้มีสิทธิรับเงินทุนเลี้ยงชีพ แต่มีกำรก ำหนดให้มีสิทธิได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพ เป็นระยะเวลำ ๒ เท่ำของระยะเวลำด ำรงต ำแหน่ง ส่วน FERS ก ำหนดให้ผู้เคยเป็นสมำชิกที่จะมีสิทธิ ได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพต้องมีระยะเวลำด ำรงต ำแหน่ง ๕ ปีขึ้นไป ๔. กองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมำชิกรัฐสภำก ำหนดให้ ผู้เคยเป็นสมำชิก มีสิทธิได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพทันทีเมื่อพ้นสมำชิกภำพ และหยุดรับเมื่อกลับเข้ำมำรับต ำแหน่งใหม่ ในกรณีที่ผู้เคยเป็นสมำชิกรัฐสภำรำยใดมีสมำชิกภำพหลำยวำระ ให้น ำเวลำกำรเป็นสมำชิกภำพ ในทุกวำระรวมกันเป็นเวลำส ำหรับค ำนวณเงินทุนเลี้ยงชีพ ในขณะที่ FERS จะจ่ำยเงินให้กับผู้เคยเป็น สมำชิกรัฐสภำก็ต่อเมื่อผู้นั้นเกษียณอำยุและไม่กลับเข้ำรับต ำแหน่งอีกจึงจะมีสิทธิได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพ ๕. กองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมำชิกรัฐสภำก ำหนดหลักเกณฑ์กำรจ่ำย เงินทุนเลี้ยงชีพโดยน ำระยะเวลำในกำรด ำรงต ำแหน่งมำค ำนวณก ำหนดให้ ยิ่งมีระยะเวลำด ำรง ต ำแหน่งนำนยิ่งได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพในอัตรำที่สูง ในขณะที่ FERS ก ำหนดให้ยิ่งมีระยะเวลำด ำรง ต ำแหน่งนำนอัตรำผลตอบแทนเงินทุนเลี้ยงชีพที่ได้รับยิ่งลดลง ตำรำงที่ ๑ เปรียบเทียบกำรด ำเนินงำนกองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมำชิกรัฐสภำ และกองทุนFERS กองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมำชิกรัฐสภำ กองทุน The Federal Employees’ Retirement System (FERS) ๑. วัตถุประสงค์ของกองทุน - เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนและใช้จ่ำยเพื่อช่วยเหลือ ผู้เคยเป็นสมำชิกรัฐสภำในกรณีต่ำง ๆ ได้แก่ กรณีเงินทุนเลี้ยงชีพ กรณีเงินรักษำพยำบำล กรณีทุพพลภำพ กรณีถึงแก่กรรม และกรณีให้ กำรศึกษำบุตร - เพื่อส่งเสริมกำรออมให้กับสมำชิกให้มีเงิน เพื่อใช้จ่ำยในวัยเกษียณ ๒. กลุ่มเป้ำหมำย - ผู้เคยเป็นสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎร และผู้เคย เป็นสมำชิกวุฒิสภำ - ข้ำรำชกำรประจ ำ ผู้เคยเป็น สมำชิกสภำผู้แทนรำษฎร และผู้เคยเป็น สมำชิกวุฒิสภำ
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๕๖ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร กองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมำชิกรัฐสภำ กองทุน The Federal Employees’ Retirement System (FERS) ๓. หลักเกณฑ์กำรส่งเงินสะสม - สมำชิกต้องส่งเงินสะสมในอัตรำเดือนละ ๓,๕๐๐ บำท (ไม่เกินอัตรำร้อยละ ๕ ของเงิน ประจ ำต ำแหน่ง) - สมำชิกต้องส่งเงินสะสมในอัตรำเดือนละ ๔.๕% ของเงินเดือน ๔. รูปแบบกำรจ่ำยเงินสวัสดิกำร - รูปแบบกำรจ่ำยเงินสวัสดิกำรมี ๕ ประเภท คือ กำรจ่ำยเงินทุนเลี้ยงชีพ กำรจ่ำยเงิน รักษำพยำบำล กำรจ่ำยเงินกรณีทุพพลภำพกำร จ่ำยเงินกรณีถึงแก่กรรม และกำรจ่ำยเงินกรณีให้ กำรศึกษำบุตร - รูปแบบกำรจ่ำยเงินสวัสดิกำรมี ๑ ประเภท คือ กำรจ่ำยเงินทุนเลี้ยงชีพ ๕. กำรก ำหนดสิทธิในกำรได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพ - ผู้มีสิทธิได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพต้องมีระยะเวลำ ในกำรด ำรงต ำแหน่งมำกกว่ำ ๑๕ วัน โดยให้ นับเป็น ๑ เดือน และได้รับเงินทุนเป็นระยะเวลำ ๒ เท่ำของระยะเวลำในกำรด ำรงต ำแหน่ง - ได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพทันทีเมื่อสิ้นสุดสมำชิกภำพ และหยุดรับเมื่อกลับเข้ำรับต ำแหน่งใหม่ - ผู้มีสิทธิได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพต้องมีระยะเวลำ ในกำรด ำรงต ำแหน่งตั้งแต่ ๕ ปีขึ้นไป และ ได้รับเงินตลอดชีพ - ได้รับเงินทุนเมื่อเกษียณอำยุ และต้องไม่ กลับมำรับต ำแหน่งอีก ๖. กำรนับเวลำส ำหรับค ำนวณเงินทุนเลี้ยงชีพ - หำกผู้เคยเป็นสมำชิกรัฐสภำด ำรงต ำแหน่งหลำย วำระ ให้น ำระยะเวลำในกำรเป็นสมำชิกในทุก วำระมำรวมกันเป็นเวลำส ำหรับค ำนวณเงินทุน เลี้ยงชีพ โดยยิ่งมีระยะเวลำในกำรด ำรงต ำแหน่ง นำน ก็จะท ำให้ได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพในอัตรำสูง และเวลำนำนขึ้น - กำรค ำนวณกำรจ่ำยเงินทุนเลี้ยงชีพให้น ำ ระยะเวลำในกำรด ำรงต ำแหน่งมำค ำนวณ โดย ยิ่งมีระยะเวลำในกำรด ำรงต ำแหน่งนำน ก็จะ ท ำให้ได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพในอัตรำต่ ำ
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๕๗ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร นอกจากนี้ อุมาพร บึงมุม๔ ได้เสนอแนวทำงกำรปรับปรุงหลักเกณฑ์กำร ส่งเงินสะสมเข้ำกองทุน ในกรณีจ่ำยเงินทุนเลี้ยงชีพให้แก่สมำชิกรัฐสภำตำมระเบียบคณะกรรมกำร กองทุนฯ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยกำรหักเงินประจ ำต ำแหน่งเป็นประจ ำทุกเดือนในอัตรำใหม่ กล่ำวคือ ต้องไม่เกินร้อยละ ๗ ของเงินประจ ำต ำแหน่ง คิดเป็นอัตรำเดือนละ ๕,๐๐๐ บำท โดยอัตรำ เดิมต้องไม่เกินร้อยละ ๕ ของเงินประจ ำต ำแหน่ง คิดเป็นอัตรำเดือนละ ๓,๕๐๐ บำท ซึ่งจะท ำให้เงิน ที่สมำชิกสะสมเข้ำกองทุนเพิ่มขึ้นจำกเดิมร้อยละ ๒ ซึ่งได้ศึกษำจำกสถำนะทำงกำรเงินของกองทุน เพื่อผู้เคยเป็นสมำชิกรัฐสภำ ปีงบประมำณ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยสมมติว่ำ ในปีงบประมำณ ๒๕๕๘ สมำชิกรัฐสภำได้ส่งเงินสะสมเข้ำกองทุนอัตรำเดือนละ ๓,๕๐๐ บำท (มีสมำชิกรัฐสภำ จ ำนวน ๗๒๖ คน) และเปรียบเทียบกับกำรส่งเงินสะสมเดือนละ ๕,๐๐๐ บาท จะท าให้กองทุนมีรายได้เพิ่มขึ้น จ านวน ๑๓,๐๖๘,๐๐๐ บาทต่อปีรำยละเอียดตำมตำรำงที่ ๒ ตำรำงที่ ๒ เปรียบเทียบรำยได้จำกกำรส่งเงินสะสมเข้ำกองทุนในอัตรำเดือนละ ๓,๕๐๐ บำท และอัตรำ ๕,๐๐๐ บำท เงินสะสมอัตรา ๓,๕๐๐ เงินสะสมอัตรา ๕,๐๐๐ ผลต่าง ปีงบประมำณ ๒๕๕๘ ปีงบประมำณ ๒๕๕๘ เงินทุนสะสมยกมำ 408,728,147.82 408,728,147.82 บวก รำยได้จำกกำรได้รับ จัดสรรงบประมำณ 127,083,800.00 127,083,800.00 รำยได้จำกเงินสะสม เข้ำกองทุนจำกสมำชิก 30,492,000.00 43,560,000.00 13,068,000.00 รำยได้อื่น 162,196.30 162,196.30 รวมรำยได้ 157,737,996.30 170,805,996.30 หัก ค่ำใช้จ่ำยเงินทุนเลี้ยงชีพ และกรณีทุพพลภำพ 348,402,585.71 348,402,585.71 ค่ำใช้จ่ำยอื่น 18,922,194,38 18,922,194,38 รวมค่ำใช้จ่ำย 367,324,780.09 367,324,780.09 รำยได้สูง (ต่ ำ) กว่ำค่ำใช้จ่ำย - 209,586,783.79 - 196,518,783.79 คงเหลือเงินสะสมยกไป 199,141,364.03 212,209,364.03 13,068,000.00 ที่มา ส านักงบประมาณของรัฐสภา, ส านักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. (๒๕๕๙). กองทุนเพื่อผู้เคย เป็นสมาชิกรัฐสภา. น. 33 - 34. ๔ ส ำนักงบประมำณของรัฐสภำ, ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร. กองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา. (กรุงเทพฯ: ส ำนักกำรพิมพ์, ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร, ๒๕๕๙), น. ๓๓– ๓๔.
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๕๘ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ๓ บทวิเครำะห์ ๓.๑ วิเครำะห์ผลกำรรับฟังควำมคิดเห็นของอดีตสมำชิกรัฐสภำเกี่ยวกับ กำรจ่ำยเงินทุนเลี้ยงชีพตำมระเบียบคณะกรรมกำรกองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมำชิกรัฐสภำว่ำด้วยกำร บริหำรค่ำใช้จ่ำยในกำรด ำเนินงำน กำรรับเงิน กำรเก็บรักษำเงิน กำรอนุมัติกำรเบิกจ่ำยเงิน กำรจ่ำยเงิน กำรจัดหำผลประโยชน์และกำรจ่ำยเงินช่วยเหลือกองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมำชิกรัฐสภำ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘ จำกกำรด ำเนินงำนของคณะกรรมำธิกำรกิจกำรสภำผู้แทนรำษฎร ชุดที่ ๒๕ ซึ่งได้มีกำรเดินทำงไปพบปะ เยี่ยมเยือนอดีตสมำชิกรัฐสภำเพื่อแลกเปลี่ยนควำมคิดเห็น รับฟังปัญหำ ข้อเสนอแนะต่ำง ๆ เกี่ยวกับสวัสดิกำร ควำมเป็นอยู่ของอดีตสมำชิกรัฐสภำ ในพื้นที่ จังหวัดต่ำง ๆ เช่น จังหวัดอุทัยธำนีจังหวัดน่ำน จังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดก ำแพงเพชร จังหวัด เพชรบุรี จังหวัดนครรำชสีมำ จังหวัดนครศรีธรรมรำช จังหวัดเอ็ด จังหวัดลพบุรี จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดชลบุรี จังหวัดนครสวรรค์ จังหวัดเชียงรำย เป็นต้น โดยอดีตสมำชิกรัฐสภำได้สะท้อนปัญหำ และข้อจ ำกัดของสิทธิประโยชน์ที่อดีตสมำชิกรัฐสภำได้รับจำกกำรจ่ำยเงินทุนเลี้ยงชีพตำมระเบียบ คณะกรรมกำรกองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมำชิกรัฐสภำว่ำด้วยกำรบริหำรค่ำใช้จ่ำยในกำรด ำเนินงำนกำร รับเงิน กำรเก็บรักษำเงิน กำรอนุมัติกำรเบิกจ่ำยเงิน กำรจ่ำยเงิน กำรจัดหำผลประโยชน์และ กำรจ่ำยเงินช่วยเหลือกองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมำชิกรัฐสภำ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นระเบียบ ที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบัน สำมำรถสรุปผลกำรรับฟังควำมคิดเห็นได้ ดังนี้ ๓.๑.๑ ปัญหำควำมเดือดร้อนที่อดีตสมำชิกรัฐสภำได้รับจำกกำรปรับลดอัตรำ กำรจ่ำยเงินทุนเลี้ยงชีพจำกร้อยละ ๓๐ - ๖๐ ของเงินประจ ำต ำแหน่งเดือนสุดท้ำย และได้รับตลอด ชีพ (ตำมระเบียบคณะกรรมกำรกองทุนฯ พ.ศ. ๒๕๕๖) ปรับเป็นกำรจ่ำยเงินทุนในอัตรำตั้งแต่ ๙,๐๐๐ -๓๕,๖๐๐ บำท และได้รับเป็นระยะเวลำสองเท่ำของระยะเวลำในกำรด ำรงต ำแหน่ง (ตำมระเบียบคณะกรรมกำรกองทุนฯ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘) ๑. อดีตสมำชิกบำงรำยอำศัยเงินกองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมำชิกรัฐสภำ ในกำรด ำรงชีพเป็นหลัก เนื่องจำกภำยหลังจำกสิ้นสุดสมำชิกภำพไปแล้วไม่ได้ประกอบอำชีพอื่น บำงรำยมีโรคประจ ำตัวซึ่งจ ำเป็นต้องมีค่ำใช้จ่ำยในกำรรักษำพยำบำลอย่ำงต่อเนื่อง ท ำให้หลำยคน ประสบปัญหำควำมเดือดร้อนด้ำนกำรเงิน และด ำรงชีพอย่ำงขัดสน ๒. สมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรหรือสมำชิกวุฒิสภำแม้จะไม่ได้ด ำรง ต ำแหน่งแล้วแต่ควำมเป็นผู้แทนของรำษฎรก็ยังคงอยู่ เนื่องจำกอดีตสมำชิกรัฐสภำส่วนใหญ่ยังคง เสียสละ ช่วยเหลือ และร่วมกิจกรรมต่ำง ๆ กับประชำชนในพื้นที่อย่ำงต่อเนื่อง โดยพร้อมที่จะท ำงำน รับใช้ประชำชนด้วยจิตวิญญำณ ดังนั้น จึงมีภำระค่ำใช้จ่ำยทำงสังคมเหมือนเช่นตอนที่ด ำรงต ำแหน่ง เป็นสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรหรือสมำชิกวุฒิสภำ ๓. กำรจ่ำยเงินทุนเลี้ยงชีพตำมระเบียบที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบัน (ระเบียบคณะกรรมกำรกองทุนฯ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘) มีอัตรำต่ ำเกินไปเมื่อเทียบค่ำครองชีพ ที่สูงขึ้น และอัตรำค่ำแรงขั้นต่ ำ
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๕๙ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ๓.๑.๒ เหตุผลที่ไม่ควรน ำหลักคิดของกำรจ่ำยเงินทุนเลี้ยงชีพของอดีตสมำชิก รัฐสภำไปเทียบเคียงกับกำรจ่ำยเงินตำมกองทุนบ ำเหน็จบ ำนำญของข้ำรำชกำร ๑. ควำมแตกต่ำงในเรื่องกำรเข้ำสู่ต ำแหน่ง กำรก ำหนดคุณสมบัติ และ ระยะเวลำกำรด ำรงต ำแหน่ง เนื่องจำกข้ำรำชกำรประจ ำมำจำกกำรสอบบรรจุแต่งตั้ง และมีอำยุ รำชกำรถึง ๖๐ ปี แต่สมำชิกรัฐสภำมำจำกกำรเลือกตั้ง และมีวำระกำรด ำรงต ำแหน่งตำมที่ก ำหนดไว้ ในรัฐธรรมนูญ อีกทั้งสมำชิกรัฐสภำที่ได้รับกำรเลือกตั้งให้เข้ำมำท ำหน้ำที่ทุกคนล้วนต้องกำรปฏิบัติ หน้ำที่ให้ครบวำระ ไม่ต้องกำรสิ้นสุดกำรท ำหน้ำที่ก่อนครบวำระ แต่ด้วยเหตุปัจจัยทำงกำรเมือง เช่น กำรรัฐประหำร กำรยุบสภำ เป็นต้น จึงท ำให้ไม่สำมำรถด ำรงต ำแหน่งได้ครบวำระ ๒. ภำระหน้ำที่และควำมรับผิดชอบของสมำชิกรัฐสภำและข้ำรำชกำร ประจ ำมีควำมแตกต่ำงกัน แม้รัฐธรรมนูญจะก ำหนดระยะเวลำในกำรด ำรงต ำแหน่งเพียงไม่กี่ปี แต่มีภำระหน้ำที่ควำมรับผิดชอบอย่ำงกว้ำงขวำงเป็นตัวแทนของประชำชนทั้งในระดับประเทศ และระดับชำติ ดังนั้น วิธีคิดอัตรำกำรได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพของอดีตสมำชิกรัฐสภำ ตำมระเบียบปัจจุบันโดยอ้ำงอิงหลักเกณฑ์ของทำงรำชกำรในเรื่องของเงินช่วยค่ำครองชีพผู้รับเบี้ย หวัด และกองทุนบ ำเหน็จบ ำนำญข้ำรำชกำร จึงไม่สำมำรถน ำมำเทียบเคียงกับหลักเกณฑ์กำรจ่ำย เงินทุนเลี้ยงชีพให้แก่อดีตสมำชิกได้ ๓.๑.๓ เหตุผลที่สมควรให้มีกำรจ่ำยเงินทุนเลี้ยงชีพแบบตลอดชีพ ๑. เนื่องจำกแรกเริ่มของกำรจัดตั้งกองทุน นำยมีชัย ฤชุพันธ์ ประธำน รัฐสภำ ได้มีด ำริให้จัดตั้งขึ้นเพื่อควำมมั่นคงของผู้ปฏิบัติหน้ำที่ของฝ่ำยนิติบัญญัติให้ปฏิบัติหน้ำที่อย่ำง เต็มที่โดยไม่ต้องกังวลในเรื่องกำรประกอบอำชีพภำยหลังที่พ้นจำกกำรปฏิบัติหน้ำที่ไปแล้ว เนื่องจำก ศักดิ์ศรีควำมเป็นสมำชิกรัฐสภำจึงไม่มีสมำชิกที่กล้ำแสดงตนว่ำมีควำมเดือดร้อน ดังนั้น วัตถุประสงค์ ของกำรจัดตั้งกองทุนจึงเป็นไปเพื่อกำรดูแลช่วยเหลืออดีตสมำชิกรัฐสภำที่เดือดร้อน เรื่องค่ำใช้จ่ำยต่ำงๆ เช่น ค่ำรักษำพยำบำล เป็นต้น ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของรัฐสภำต่ำงประเทศ ที่ต้องกำรให้สมำชิกได้ทุ่มเทปฏิบัติหน้ำที่อย่ำงเต็มที่ โดยที่รัฐให้งบประมำณในกำรดูแลเมื่อพ้นจำก หน้ำที่ไปแล้ว เพรำะเมื่อสมำชิกไม่สำมำรถทุ่มเทปฏิบัติหน้ำที่อย่ำงเต็มที่และไม่มีสวัสดิกำรที่เพียงพอ ในกำรเลี้ยงชีพแล้วไปแสวงหำประโยชน์ในช่วงกำรเลือกตั้งจะมีควำมเสียหำยมำกกว่ำ ๒. อดีตสมำชิกรัฐสภำมีควำมเห็นว่ำ ค ำว่ำ “เงินทุนเลี้ยงชีพ” ย่อมหมำยถึง เงินทุนที่ได้รับเพื่อยังชีพตรำบที่ยังมีชีวิตอยู่ ดังนั้น กำรจ ำกัดระยะเวลำให้ได้รับเงินทุน เลี้ยงชีพเพียงสองเท่ำของระยะเวลำในกำรด ำรงต ำแหน่ง จึงขัดกับควำมหมำยของค ำว่ำ เงินทุนเลี้ยง ชีพที่ควรจะจ่ำยให้ตลอดระยะเวลำที่ยังด ำรงชีพอยู่ ๓. ปัจจุบันมีอดีตสมำชิกรัฐสภำที่ยังคงมีชีวิตอยู่ และที่มีสิทธิได้รับ เงินทุนเลี้ยงชีพมีจ ำนวนน้อย กำรจ่ำยเงินทุนเลี้ยงชีพให้กับกลุ่มดังกล่ำว จึงไม่ได้เป็นกำรใช้ งบประมำณที่สูงมำกนัก อีกทั้งส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ได้จ่ำยเงินสมทบเข้ำกองทุนด้วย กล่ำวโดยสรุป จำกกำรรับฟังควำมเห็นของอดีตสมำชิกรัฐสภำ เกี่ยวกับเกี่ยวกับสวัสดิกำร และกำรจ่ำยเงินทุนเลี้ยงชีพตำมระเบียบคณะกรรมกำรกองทุนฯ (ฉบับที่ ๒)
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๖๐ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๕๘ พบว่ำ อดีตสมำชิกรัฐสภำส่วนมำกเห็นควรให้มีกำรปรับปรุงแก้ไขกำรจ่ำยเงินทุนเลี้ยง ชีพของระเบียบคณะกรรมกำรกองทุนฯ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยกลับไปใช้หลักเกณฑ์ ตำมระเบียบคณะกรรมกำรกองทุนฯ พ.ศ. ๒๕๕๖ ข้อ ๒๙ เพื่อให้สอดคล้องกับเจตนำรมณ์ในกำร จัดตั้งกองทุนตำมพระรำชบัญญัติกองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมำชิกรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๕๖ ที่ต้องกำรตอบ แทนคุณงำมควำมดีแก่สมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรและสมำชิกวุฒิสภำเมื่อสิ้นสุดสมำชิกภำพ เนื่องจำก สมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรและสมำชิกวุฒิสภำเป็นผู้แทนของปวงชนชำวไทยที่ท ำหน้ำที่เป็นฝ่ำยนิติบัญญัติ มีภำรกิจในด้ำนกำรตรำกฎหมำย กำรควบคุมกำรบริหำรรำชกำรแผ่นดินและกำรให้ควำมเห็นชอบ ในเรื่องต่ำง ๆ ตลอดจนกำรแก้ไขปัญหำให้แก่ประชำชน อันจะท ำให้อดีตสมำชิกรัฐสภำสำมำรถ ด ำรงชีวิตได้อย่ำงสมเกียรติและสมศักดิ์ศรีควำมเป็นผู้แทนของประชำชน อีกทั้งยังเป็นกำรจูงใจ ให้ผู้ที่มีควำมตั้งใจเข้ำมำท ำงำนกำรเมืองได้มีขวัญก ำลังใจในกำรเข้ำมำท ำงำนทำงกำรเมือง ๓.๒ ผลการศึกษาเปรียบเทียบการจ่ายเงินทุนเลี้ยงชีพตามระเบียบคณะกรรมการ กองทุนฯ พ.ศ. ๒๕๕๖ และตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘ ๓.๒.๑ วิเครำะห์เปรียบเทียบหลักเกณฑ์และเงื่อนไขกำรจ่ำยเงินทุนเลี้ยงชีพตำม ระเบียบคณะกรรมกำรกองทุนฯ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘ และระเบียบคณะกรรมกำรกองทุนฯ พ.ศ. ๒๕๕๖ กำรจ่ำยเงินทุนเลี้ยงชีพระเบียบคณะกรรมกำรกองทุนฯ พ.ศ. ๒๕๕๖ ข้อ ๒๙ และข้อ ๓๐ แบ่งออกเป็น ๒ กรณี ได้แก่ กรณีแรก กำรจ่ำยเงินทุนเลี้ยงชีพให้แก่อดีตสมำชิก รัฐสภำก่อนวันที่ระเบียบใช้บังคับ มีสิทธิได้รับเงินทุนในอัตรำ ๑๕,๐๐๐ บำท และกรณีที่สอง กำรจ่ำย เงินทุนเลี้ยงชีพให้แก่อดีตสมำชิกรัฐสภำ ภำยหลังระเบียบใช้บังคับ มีสิทธิได้รับเงินทุนฯ ในอัตรำตั้งแต่ ร้อยละ ๓๐ ถึงร้อยละ ๖๐ ของเงินประจ ำต ำแหน่งเดือนสุดท้ำย (21,369 - 42,738 บาท) โดยมี สิทธิได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพตลอดชีพ ต่อมำได้มีกำรปรับปรุงแก้ไขระเบียบดังกล่ำวในประเด็นอัตรำและ ระยะเวลำในกำรได้รับเงินทุนซึ่งเป็นไปตำมระเบียบคณะกรรมกำรกองทุนฯ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘ (ใช้บังคับอยู่ปัจจุบัน) เป็นก ำหนดให้อดีตสมำชิกรัฐสภำมีสิทธิได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพเป็นรำยเดือน โดย ได้รับเป็นระยะเวลำ ๒ เท่ำของเวลำส ำหรับค ำนวณเงินทุนเลี้ยงชีพ (ระยะเวลำในกำรด ำรงต ำแหน่ง) ในอัตรำตั้งแต่ ๙,๐๐๐ – ๓๕,๖๐๐ บำท โดยอดีตสมำชิกทั้งก่อนและหลังระเบียบให้บังคับ จะได้รับ เงินทุนเลี้ยงชีพตามหลักเกณฑ์และอัตราเดียวกัน โดยมีรำยละเอียดตำมตำรำงที่ ๓ ดังนี้
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๖๑ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ตำรำงที่ ๓ เปรียบเทียบหลักเกณฑ์และเงื่อนไขกำรจ่ำยเงินทุนเลี้ยงชีพตำมระเบียบ คณะกรรมกำรกองทุนฯ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘ และระเบียบคณะกรรมกำรกองทุนฯ พ.ศ. ๒๕๕๖ ประเด็น ตามระเบียบ ฯ ปี 255๘ ตามระเบียบ ฯ ปี 255๖ 1. อัตราเงินทุนเลี้ยงชีพที่ได้รับ ตามระยะเวลาในการด ารงต าแหน่ง 1 - 48 เดือน 9,000 30% ของเงินประจ าต าแหน่ง เดือนสุดท้าย 21,369 ๔๘ – ๙๖ เดือน 12,000 35% ของเงินประจ าต าแหน่ง เดือนสุดท้าย 24,930.50 ๙๖ – ๑๔๔ เดือน 14,300 40% ของเงินประจ าต าแหน่ง เดือนสุดท้าย 28,549 1๔๔ – ๑๙๒ เดือน 17,800 45% ของเงินประจ าต าแหน่ง เดือนสุดท้าย 32,053.50 1๙๒ – ๒๔๐ เดือน 21,400 50% ของเงินประจ าต าแหน่ง เดือนสุดท้าย 35,615 ๒๔๐ – ๒๘๘ เดือน 28,500 55% ของเงินประจ าต าแหน่ง เดือนสุดท้าย 39,176.50 ตั้งแต่ ๒๘๘ ขึ้นไป 35,600 60% ของเงินประจ าต าแหน่ง เดือนสุดท้าย 42,738 ๒. ระยะเวลาที่ได้รับเงินทุน - ระยะเวลา ๒ เท่า ของระยะเวลาในการด ารง ต าแหน่ง - ต้องมีระยะเวลา ในการด ารงต าแหน่งมากกว่า ๑๕ วัน โดยให้นับเป็น ๑ เดือน - ได้รับตลอดชีพ - ต้องมีระยะเวลาในการด ารงต าแหน่ง มากกว่า ๑๕ วัน โดยให้นับเป็น ๑ เดือน ๓. อดีตสมาชิกรัฐสภาก่อน ระเบียบใช้บังคับ ได้รับเงินทุนในอัตราเดียวกัน กับหลังระเบียบใช้บังคับ ได้รับเงินทุนในอัตรา ๑๕,๐๐๐ บาท ๔. การส่งเงินสะสมเข้า กองทุน (ไม่เกินอัตราร้อยละ ๕ ของเงินประจ าต าแหน่ง) 3,500 3,500
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๖๒ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ประเด็น ตามระเบียบ ฯ ปี 255๘ ตามระเบียบ ฯ ปี 255๖ ๕. การนับเวลาส าหรับ ค านวณเงินทุนเลี้ยงชีพ - ให้นับเป็นเดือน - ให้น าระยะเวลาการเป็น สมาชิกรัฐสภาในทุกวาระ มารวมกันเป็นเวลาส าหรับ ค านวณเงินทุนเลี้ยงชีพ - ให้นับเป็นเดือน - ให้น าระยะเวลาการเป็นสมาชิก รัฐสภาในทุกวาระมารวมกันเป็นเวลา ส าหรับค านวณเงินทุนเลี้ยงชีพ ๖. เงื่อนไขการจ ากัดสิทธิให้ ไม่ได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพ - เป็นบุคคลที่อยู่ในระหว่าง ต้องห้ามมิให้ด ารงต าแหน่ง ทางการเมือง - เป็นบุคคลที่เคยถูกวุฒิสภา มีมติให้ถอดถอนจากต าแหน่ง - เป็นบุคคลที่อยู่ในระหว่างต้องห้าม มิให้ด ารงต าแหน่งทางการเมือง - เป็นบุคคลที่เคยถูกวุฒิสภามีมติ ให้ถอดถอนจากต าแหน่ง จำกตำรำงเปรียบเทียบหลักเกณฑ์และเงื่อนไขกำรจ่ำยเงินทุนเลี้ยงชีพ ตำมระเบียบคณะกรรมกำรกองทุนฯ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘ และระเบียบคณะกรรมกำรกองทุนฯ พ.ศ. ๒๕๕๖ พบว่ำ มีควำมแตกต่ำงในประเด็นอัตรำเงินทุนเลี้ยงชีพที่อดีตสมำชิกรัฐสภำจะได้รับ เงินทุนจำก ให้ได้รับในอัตรำตั้งแต่ ๓๐% ถึง ๖๐% ของเงินประจ ำต ำแหน่งเดือนสุดท้ำย เป็นให้ได้รับ ในอัตรำตั้งแต่ ๙,๐๐๐ – ๓๕,๖๐๐ บำท ขึ้นอยู่กับระยะเวลำในกำรด ำรงต ำแหน่ง และประเด็น ระยะเวลำในกำรได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพจำก ให้ได้รับตลอดชีพ เป็นให้ได้รับเป็นระยะเวลำ ๒ เท่ำ ของระยะเวลำในกำรด ำรงต ำแหน่ง รวมทั้งประเด็นกำรได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพของอดีตสมำชิกรัฐสภำ ก่อนระเบียบใช้บังคับจำกให้ได้รับในอัตรำ ๑๕,๐๐๐ บำท เป็นให้ได้รับเงินทุนในอัตรำเดียวกัน ทั้งก่อนและหลังระเบียบใช้บังคับ ส่วนประเด็นกำรส่งเงินสะสมเข้ำกองทุน ประเด็นกำรนับเวลำส ำหรับ ค ำนวณเงินทุนเลี้ยงชีพ และประเด็นเงื่อนไขกำรจ ำกัดสิทธิให้ไม่ได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพ พบว่ำ มีหลักเกณฑ์เหมือนเดิม กล่ำวคือ ให้สมำชิกรัฐสภำส่งเงินสะสมเข้ำกองทุนในอัตรำ ๓,๕๐๐ บำท ต่อเดือน ส ำหรับกำรค ำนวณเงินทุนเลี้ยงชีพ ให้นับเป็นเดือน โดยให้นับสำมสิบวันเป็นหนึ่งเดือน เศษของเดือนถ้ำถึงสิบห้ำวันให้นับเป็นหนึ่งเดือน และให้น ำระยะเวลำกำรเป็นสมาชิกรัฐสภา ในทุกวาระมารวมกันเป็นเวลาส าหรับค านวณเงินทุนเลี้ยงชีพ และสมาชิกรัฐสภาจะต้องไม่เป็นบุคคล ที่อยู่ในระหว่างต้องห้ามมิให้ด ารงต าแหน่งทางการเมือง และจะต้องไม่เป็นบุคคลที่เคยถูกวุฒิสภา มีมติให้ถอดถอนจากต าแหน่ง
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๖๓ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ๓.๒.๒ วิเครำะห์เปรียบเทียบวงเงินงบประมำณที่ใช้จ่ำยเงินทุนเลี้ยงชีพ ระหว่ำง หลักเกณฑ์ตำมระเบียบคณะกรรมกำรกองทุนฯ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘ และระเบียบคณะกรรมกำร กองทุนฯ พ.ศ. ๒๕๕๖ ตารางที่ ๔ เปรียบเทียบวงเงินงบประมาณที่ใช้จ่ายเงินทุนเลี้ยงชีพระหว่างหลักเกณฑ์ ตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘ และระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ พ.ศ. ๒๕๕๖ ข้อ 29 ระยะเวลา ในการด ารง ต าแหน่ง สมาชิก เงินทุนเลี้ยงชีพตาม ระเบียบฯ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘ ได้รับ ๒ เท่าของ เวลาในการด ารง ต าแหน่ง งบประมาณ (บาท) เงินทุนเลี้ยงชีพ ตามอัตราเดิม ระเบียบฯ พ.ศ. ๒๕๕๖ ได้รับตลอดจน เสียชีวิต งบประมาณ (บาท) ตั้งแต่ ๑ เดือน แต่ไม่ถึง ๔๘ เดือน ๙,๐๐๐ (212 คน) 1,908,000 ๓๐% ของเงิน ประจ าต าแหน่ง เดือนสุดท้าย (๒๑,๓๖๙) (212 คน) 4,530,228 ตั้งแต่ ๔๘ เดือน แต่ไม่ถึง ๙๖ เดือน ๑๒,๐๐๐ (659 คน) 7,908,000 ๓๕% ของเงิน ประจ าต าแหน่ง เดือนสุดท้าย (๒๔,๙๓๐.๕๐) (659 คน) 16,429,199.50 ตั้งแต่ ๙๖ เดือน แต่ไม่ถึง ๑๔๔ เดือน ๑๔,๓๐๐ (218 คน) 3,117,400 ๔๐% ของเงิน ประจ าต าแหน่ง เดือนสุดท้าย (๒๘,492) (218 คน) 6,211,256 ตั้งแต่ ๑๔๔ เดือน แต่ไม่ถึง ๑๙๒ เดือน ๑๗,๘๐๐ (96 คน) 1,708,800 ๔๕% ของเงิน ประจ าต าแหน่ง เดือนสุดท้าย (๓๒,๐๕๓.๕๐) (96 คน) 3,077,136
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๖๔ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ระยะเวลา ในการด ารง ต าแหน่ง สมาชิก เงินทุนเลี้ยงชีพตาม ระเบียบฯ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘ ได้รับ ๒ เท่าของ เวลาในการด ารง ต าแหน่ง งบประมาณ (บาท) เงินทุนเลี้ยงชีพ ตามอัตราเดิม ระเบียบฯ พ.ศ. ๒๕๕๖ ได้รับตลอดจน เสียชีวิต งบประมาณ (บาท) ตั้งแต่ ๑๙๒ เดือน แต่ไม่ถึง ๒๔๐ เดือน ๒๑,๔๐๐ (51 คน) 1,091,400 ๕๐% ของเงิน ประจ าต าแหน่ง เดือนสุดท้าย (๓๕,๖๑๕) (51 คน) 1,816,365 ตั้งแต่ ๒๔๐ เดือน แต่ไม่ถึง ๒๘๘ เดือน ๒๘,๕๐๐ (19 คน) 541,500 ๕๕% ของเงิน ประจ าต าแหน่ง เดือนสุดท้าย (๓๙,๑๗๖.๕๐) (19 คน) 744,353.50 ตั้งแต่ ๒๘๘ เดือนขึ้นไป ๓๕,๖๐๐ (11 คน) 391,600 ๖๐% ของเงิน ประจ าต าแหน่ง เดือนสุดท้าย (๔๒,๗๓๘) (11 คน) 470,118 งบประมาณต่อเดือน 16,666,700 งบประมาณต่อ เดือน 33,278,656 งบประมาณต่อปี 200,000,400 งบประมาณต่อปี 399,343,872 ที่มำ ส ำนักบริหำรงำนกลำง, ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร. (วันพฤหัสบดีที่ ๑๒ พฤศจิกำยน ๒๕๖๓). ตารางเปรียบเทียบวงเงินงบประมาณที่ใช้จ่ายเงินทุนเลี้ยงชีพระหว่างหลักเกณฑ์ตามระเบียบ คณะกรรมการกองทุนฯ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘ และระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ พ.ศ. ๒๕๕๖ ข้อ ๒๙ ในกำรประชุมคณะกรรมำธิกำรกิจกำรสภำผู้แทนรำษฎร พิจำรณำแนวทำงกำรแก้ไขระเบียบ คณะกรรมกำรกองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมำชิกรัฐสภำว่ำด้วยกำรบริหำร ค่ำใช้จ่ำยในกำรด ำเนินงำน กำรรับ เงิน กำรเก็บรักษำเงิน กำรอนุมัติกำรเบิกจ่ำยเงิน กำรจ่ำยเงิน กำรจัดหำผลประโยชน์และกำรจ่ำยเงิน ช่วยเหลือกองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมำชิกรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๕๖ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘. ห้องประชุมคณะกรรมำธิกำร (สผ.) ๔๐๕, อำคำรรัฐสภำ.
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๖๕ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร จากตารางเปรียบเทียบวงเงินงบประมาณที่ใช้จ่ายเงินทุนเลี้ยงชีพระหว่าง หลักเกณฑ์ตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘ และระเบียบคณะกรรมการ กองทุนฯ พ.ศ. ๒๕๕๖ หากมีการจ่ายเงินทุนเลี้ยงชีพให้แก่อดีตสมาชิกรัฐสภา จ านวน ๑,๒๖๖ ราย พบว่า งบประมาณที่ใช้ในการจ่ายเงินทุนเลี้ยงตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ พ.ศ. ๒๕๕๖ จะใช้งบประมาณต่อเดือน จ านวน 33,278,656 บาท หรือใช้งบประมาณต่อปี จ านวน 399,343,872 บาท ส่วนงบประมาณที่ใช้ในการจ่ายเงินทุนเลี้ยงตามระเบียบคณะกรรมการ กองทุนฯ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘ จะใช้งบประมาณต่อเดือน จ านวน 16,666,700 บาท หรือ ใช้งบประมาณต่อปีจ านวน 200,000,400 บาท จะเห็นได้ว่า หลังจากได้มีการปรับปรุงแก้ไข หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการจ่ายเงินทุนเลี้ยงชีพซึ่งเป็นไปตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘ มีผลท าให้งบประมาณที่ใช้ในการจ่ายเงินทุนเลี้ยงชีพให้แก่อดีตสมาชิกรัฐสภามีจ านวน ลดลงกว่าครึ่งหนึ่ง (ร้อยละ ๕๐) ของการจ่ายเงินทุนเลี้ยงชีพตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ พ.ศ. ๒๕๕๖ ข้อสังเกต จำกกำรเปรียบเทียบหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวงเงินงบประมำณที่ใช้ ในกำรจ่ำยเงินทุนเลี้ยงชีพตำมระเบียบคณะกรรมกำรกองทุนฯ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘ และระเบียบ คณะกรรมกำรกองทุนฯ พ.ศ. ๒๕๕๖ พบว่ำ เกณฑ์กำรส่งเงินสะสมเข้ำกองทุนยังเหมือนเดิม กล่ำวคือ สมำชิกรัฐสภำส่งเงินสะสมเข้ำกองทุนในอัตรำ ๓,๕๐๐ บำทต่อเดือน และสถำนะทำงกำรเงินของ กองทุนหลังจำกได้มีกำรปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขกำรจ่ำยเงินทุนเลี้ยงชีพตำมระเบียบ คณะกรรมกำรกองทุนฯ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘ มีสถำนะดีขึ้นและมีควำมเหมำะสม โดยใช้ งบประมำณในกำรจ่ำยเงินทุนเลี้ยงชีพจ ำนวนลดลงคิดเป็นร้อยละ ๕๐ ดังนั้น จึงมีข้อสังเกตว่ำ หำกกลับใช้หลักเกณฑ์กำรจ่ำยเงินทุนเลี้ยงชีพตำมระเบียบคณะกรรมกำรกองทุนฯ พ.ศ. ๒๕๕๖ ข้อ ๒๙ ตำมควำมเห็นของอดีตสมำชิกรัฐสภำที่ได้ท ำกำรศึกษำไว้ในหัวข้อ ๓.๑ จะท ำให้กองทุน ประสบปัญหำทำงด้ำนกำรเงินเช่นเดิม เนื่องจำกมีค่ำใช้จ่ำยกรณีกำรจ่ำยเงินทุนเลี้ยงชีพที่สูงขึ้น หำกเทียบกับกำรจ่ำยเงินทุนเลี้ยงชีพตำมระเบียบคณะกรรมกำรกองทุนฯ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘ นอกจำกนี้ กองทุนยังมีกำรจ่ำยเงินช่วยเหลือให้แก่อดีตสมำชิกรัฐสภำในด้ำนอื่น ๆ อีก เช่น กรณี กำรรักษำพยำบำล กรณีทุพพลภำพกรณีถึงแก่กรรม และกรณีกำรให้กำรศึกษำบุตร ซึ่งจะท ำให้ กระทบกับภำระงบประมำณที่ภำครัฐจะต้องจัดสรรเพิ่มเติม รวมทั้งอำจเป็นประเด็นถกเถียง จำกนักวิชำกำร สื่อมวลชน และประชำชนทั่วไปถึงควำมไม่เหมำะสมในกำรน ำงบประมำณจ ำนวน มำกไปช่วยเหลืออดีตสมำชิกรัฐสภำภำยใต้สถำนกำรณ์ที่ประเทศไทยก ำลังประสบปัญหำ ด้ำนเศรษฐกิจ เนื่องจำกกำรแพร่ระบำดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ 2019 (COVID-19)
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๖๖ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ๔. บทสรุปและอภิปรำยผล กองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมำชิกรัฐสภำจัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นทุนหมุนเวียน และใช้จ่ำยเพื่อช่วยเหลือผู้เคยเป็นสมำชิกรัฐสภำในด้ำนต่ำง ๆ ได้แก่ กำรจ่ำยเงินทุนเลี้ยงชีพ กำรจ่ำยเงินช่วยเหลือในกำรรักษำพยำบำล กำรจ่ำยเงินช่วยเหลือกรณีทุพพลภำพ กำรจ่ำยเงิน ช่วยเหลือในกรณีกำรให้กำรศึกษำบุตร และกำรจ่ำยเงินช่วยเหลือในกรณีถึงแก่กรรม อันเป็นกำรจัด สวัสดิกำรหรือเป็นหลักประกันควำมมั่นคงให้สมำชิกรัฐสภำเมื่อสิ้นสุดสมำชิกภำพ ในส่วนของเงินทุน เลี้ยงชีพได้มีกำรเพิ่มกำรช่วยเหลือซึ่งเป็นไปตำมพระรำชบัญญัติกองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมำชิกรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๕๖ในระยะแรกเกณฑ์กำรจ่ำยเงินทุนเลี้ยงชีพเป็นไประเบียบคณะกรรมกำรกองทุนเพื่อผู้เคย เป็นสมำชิกรัฐสภำว่ำด้วยกำรบริหำร ค่ำใช้จ่ำยในกำรด ำเนินงำน กำรรับเงิน กำรเก็บรักษำเงิน กำรอนุมัติกำรเบิกจ่ำยเงินกำรจ่ำยเงินกำรจัดหำผลประโยชน์และกำรจ่ำยเงินช่วยเหลือกองทุนเพื่อ ผู้เคยเป็นสมำชิกรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๕๖ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลำคม ๒๕๕๖ โดยอดีตสมำชิก รัฐสภำมีสิทธิได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพตลอดชีพ แบ่งเป็น สองกรณี ดังนี้ กรณีแรก ให้อดีตสมำชิกรัฐสภำก่อนวันที่ระเบียบใช้บังคับ (ก่อน ๑ ตุลำคม ๒๕๕๖) มีสิทธิได้รับเงินทุนในอัตรำ ๑๕,๐๐๐ บำท กรณีที่สอง อดีตสมำชิกรัฐสภำภำยหลังระเบียบใช้บังคับ (หลัง ๑ ตุลำคม ๒๕๕๖) มีสิทธิได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพเป็นรำยเดือนตำมเกณฑ์ที่ก ำหนดไว้ตั้งแต่ร้อยละ ๓๐ ถึงร้อยละ ๖๐ ของเงินประจ ำต ำแหน่งเดือนสุดท้ำย (ตั้งแต่ ๒๑,๓๖๙ – ๔๒,๗๓๘ บำท) อย่ำงไรก็ตำม หลักเกณฑ์กำรจ่ำยเงินทุนเลี้ยงชีพตำมระเบียบดังกล่ำว ได้รับกำร วิพำกษ์วิจำรณ์จำกนักวิชำกำร สื่อมวลชน และประชำชนทั่วไปถึงประเด็นควำมไม่เหมำะสมเกี่ยวกับ ระยะเวลำและอัตรำเงินทุนเลี้ยงชีพที่สมำชิกรัฐสภำได้รับเมื่อสิ้นสุดสมำชิกภำพ ต่อมำคณะกรรมกำร ติดตำมและตรวจสอบกำรใช้จ่ำยงบประมำณภำครัฐ (คตร.) ได้มีหนังสือเมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎำคม ๒๕๕๗ แจ้งให้ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎรชะลอกำรด ำเนินงำนของกองทุนเพื่อผู้เคย เป็นสมำชิกรัฐสภำ โดยมีข้อเสนอแนะในเรื่องกองทุนว่ำ “ควรแก้ไขกฎหมายหรือระเบียบให้มีความ เหมาะสมเพื่อให้ได้รับเงินใกล้เคียงกับข้าราชการ” ซึ่งเป็นไปตำมมติคณะรักษำควำมสงบแห่งชำติ เมื่อวันที่ ๑๕ กรกฎำคม ๒๕๕๗ จึงได้มีกำรปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบคณะกรรมกำรกองทุนฯ พ.ศ. ๒๕๕๖ เฉพำะประเด็นกำรจ่ำยเงินทุนเลี้ยงชีพ และออกเป็นระเบียบคณะกรรมกำรกองทุนฯ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘ มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มีนำคม ๒๕๕๘ โดยปรับปรุงหลักเกณฑ์และ เงื่อนไขกำรจ่ำยเงินทุนเลี้ยงชีพเป็นก ำหนดให้อดีตสมำชิกรัฐสภำมีสิทธิได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพเป็นรำย เดือน โดยได้รับเป็นระยะเวลำ ๒ เท่ำ ของเวลำส ำหรับค ำนวณเงินทุนเลี้ยงชีพ ในอัตรำตั้งแต่ ๙,๐๐๐ – ๓๕,๖๐๐ บำท โดยอดีตสมำชิกรัฐสภำทั้งก่อนและหลังระเบียบใช้บังคับ จะได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพ ตำมหลักเกณฑ์และอัตรำเดียวกัน ซึ่งแตกต่ำงจำกกองทุนอดีตสมำชิกรัฐสภำของประเทศสหรัฐอเมริกำ (Federal Employees’ Retirement System หรือ FERS) ที่มีวัตถุประสงค์ในกำรจัดตั้งเพื่อส่งเสริม กำรออมให้กับสมำชิกรัฐสภำไว้ใช้จ่ำยในวัยเกษียณ มีกำรจ่ำยสวัสดิกำรในรูปแบบเดียว คือ กำรจ่ำย เงินทุนเลี้ยงชีพโดยอดีตสมำชิกรัฐสภำที่มีสิทธิได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพต้องมีระยะเวลำด ำรงต ำแหน่ง ๕ ปีขึ้นไป และจะมีสิทธิได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพเมื่อผู้นั้นเกษียณอำยุและไม่กลับเข้ำรับต ำแหน่งอีก
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๖๗ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร รวมทั้งหำกอดีตสมำชิกรัฐสภำมีระยะเวลำด ำรงต ำแหน่งนำน ก็จะท ำให้ได้รับอัตรำผลตอบแทน เงินทุนเลี้ยงชีพลดลง จำกกำรปรับปรุงแก้ไขหลักเกณฑ์และเงื่อนไขกำรจ่ำยเงินทุนเลี้ยงชีพตำมระเบียบ คณะกรรมกำรกองทุนฯ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘ ท ำให้อดีตสมำชิกรัฐสภำที่ขอรับเงินทุนเลี้ยงชีพ ได้รับผลกระทบโดยได้สะท้อนปัญหำในด้ำนต่ำง ๆ ผ่ำนคณะกรรมำธิกำรกิจกำรสภำผู้แทนรำษฎร ชุดที่ ๒๕ ซึ่งได้เดินทำงไปพบปะ แลกเปลี่ยนควำมคิดเห็น และรับฟังข้อเสนอแนะจำกอดีตสมำชิก รัฐสภำในพื้นที่จังหวัดต่ำง ๆ เกี่ยวกับกำรพัฒนำระบบและปรับปรุงกำรด ำเนินกิจกำรของสภำ ตลอดจนสวัสดิกำรของอดีตสมำชิกรัฐสภำ สรุปผลกำรรับฟังควำมคิดเห็นได้ ดังนี้ ๑. ปัญหำควำมเดือดร้อนที่อดีตสมำชิกรัฐสภำได้รับจำกกำรปรับลดอัตรำกำรจ่ำย เงินทุนเลี้ยงชีพจำกร้อยละ ๓๐ - ๖๐ ของเงินประจ ำต ำแหน่งเดือนสุดท้ำย และได้รับตลอดชีพ (ตำมระเบียบคณะกรรมกำรกองทุนฯ พ.ศ. ๒๕๕๖) ปรับเป็นกำรจ่ำยเงินทุนในอัตรำตั้งแต่ ๙,๐๐๐ - ๓๕,๖๐๐ บำท และได้รับเป็นระยะเวลำสองเท่ำของระยะเวลำในกำรด ำรงต ำแหน่ง (ตำมระเบียบ คณะกรรมกำรกองทุนฯ ฉบับที่ ๒ พ.ศ. ๒๕๕๘) ๑) อดีตสมำชิกบำงรำยอำศัยเงินกองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมำชิกรัฐสภำในกำรด ำรง ชีพเป็นหลัก เนื่องจำกภำยหลังจำกสิ้นสุดสมำชิกภำพไปแล้วไม่ได้ประกอบอำชีพอื่น บำงรำยมีโรค ประจ ำตัวซึ่งจ ำเป็นต้องมีค่ำใช้จ่ำยในกำรรักษำพยำบำลอย่ำงต่อเนื่อง ท ำให้หลำยคนประสบปัญหำ ควำมเดือดร้อนด้ำนกำรเงิน และด ำรงชีพอย่ำงขัดสน ๒) สมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรหรือสมำชิกวุฒิสภำแม้จะไม่ได้ด ำรงต ำแหน่งแล้ว แต่ควำมเป็นผู้แทนของรำษฎรก็ยังคงอยู่ จึงมีภำระค่ำใช้จ่ำยทำงสังคมเหมือนเช่นตอนที่ด ำรง ต ำแหน่งเป็นสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรหรือสมำชิกวุฒิสภำ ๓) กำรจ่ำยเงินทุนเลี้ยงชีพตำมระเบียบคณะกรรมกำรกองทุนฯ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘) มีอัตรำต่ ำเกินไปเมื่อเทียบค่ำครองชีพที่สูงขึ้นและอัตรำค่ำแรงขั้นต่ ำ ๒. เหตุผลที่ไม่ควรน ำหลักคิดของกำรจ่ำยเงินทุนเลี้ยงชีพของอดีตสมำชิกรัฐสภำ ไปเทียบเคียงกับกำรจ่ำยเงินตำมกองทุนบ ำเหน็จบ ำนำญของข้ำรำชกำร ๑) ควำมแตกต่ำงในเรื่องกำรเข้ำสู่ต ำแหน่ง กำรก ำหนดคุณสมบัติ และระยะเวลำ กำรด ำรงต ำแหน่ง เนื่องจำกข้ำรำชกำรประจ ำมำจำกกำรสอบบรรจุแต่งตั้ง และมีอำยุรำชกำรถึง ๖๐ ปี แต่สมำชิกรัฐสภำมำจำกกำรเลือกตั้ง และมีวำระกำรด ำรงต ำแหน่งตำมที่ก ำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ อีกทั้งสมำชิกรัฐสภำที่ได้รับกำรเลือกตั้งให้เข้ำมำท ำหน้ำที่ทุกคนล้วนต้องกำรปฏิบัติหน้ำที่ให้ครบ วำระไม่ต้องกำรสิ้นสุดกำรท ำหน้ำที่ก่อนครบวำระ แต่ด้วยเหตุปัจจัยทำงกำรเมือง เช่น กำรรัฐประหำร กำรยุบสภำ จึงท ำให้ไม่สำมำรถด ำรงต ำแหน่งได้ครบวำระ ๒) ภำระหน้ำที่และควำมรับผิดชอบของสมำชิกรัฐสภำและข้ำรำชกำรประจ ำมีควำม แตกต่ำงกัน แม้รัฐธรรมนูญจะก ำหนดระยะเวลำในกำรด ำรงต ำแหน่งเพียงไม่กี่ปี แต่มีภำระหน้ำที่ ควำมรับผิดชอบอย่ำงกว้ำงขวำงเป็นตัวแทนของประชำชนทั้งในระดับประเทศและระดับชำติ
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๖๘ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ๓. เหตุผลที่สมควรให้มีกำรจ่ำยเงินทุนเลี้ยงชีพแบบตลอดชีพ ๑) เนื่องจำกแรกเริ่มของกำรจัดตั้งกองทุน นำยมีชัย ฤชุพันธ์ ประธำนรัฐสภำ ได้มีด ำริให้จัดตั้งขึ้นเพื่อควำมมั่นคงของผู้ปฏิบัติหน้ำที่ของฝ่ำยนิติบัญญัติให้ปฏิบัติหน้ำที่อย่ำงเต็มที่ โดยไม่ต้องกังวลในเรื่องกำรประกอบอำชีพภำยหลังที่พ้นจำกกำรปฏิบัติหน้ำที่ไปแล้ว เนื่องจำก ศักดิ์ศรีควำมเป็นสมำชิกรัฐสภำ จึงไม่มีสมำชิกที่กล้ำแสดงตนว่ำมีควำมเดือดร้อน ดังนั้น วัตถุประสงค์ ของกำรจัดตั้งกองทุนจึงเป็นไปเพื่อกำรดูแลช่วยเหลืออดีตสมำชิกรัฐสภำที่เดือดร้อนเรื่องค่ำใช้จ่ำย ๒) อดีตสมำชิกรัฐสภำมีควำมเห็นว่ำ ค ำว่ำ “เงินทุนเลี้ยงชีพ” ย่อมหมำยถึง เงินทุนที่ได้รับเพื่อยังชีพตรำบที่ยังมีชีวิตอยู่ ดังนั้น กำรจ ำกัดระยะเวลำให้ได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพเพียง สองเท่ำของระยะเวลำในกำรด ำรงต ำแหน่ง จึงขัดกับควำมหมำยของค ำว่ำ เงินทุนเลี้ยงชีพ ที่ควร ๓) ปัจจุบันมีอดีตสมำชิกรัฐสภำที่ยังคงมีชีวิตอยู่และที่มีสิทธิได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพ มีจ ำนวนน้อย กำรจ่ำยเงินทุนเลี้ยงชีพให้กับกลุ่มดังกล่ำวจึงไม่ได้เป็นกำรใช้งบประมำณที่สูงมำกนัก อีกทั้งส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ได้จ่ำยเงินสมทบเข้ำกองทุนด้วย ทั้งนี้ อดีตสมำชิกรัฐสภำส่วนมำกจึงเห็นควรให้มีกำรปรับปรุงแก้ไข หลักเกณฑ์กำรจ่ำยเงินทุนเลี้ยงชีพตำมระเบียบคณะกรรมกำรกองทุนฯ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยกลับไปใช้หลักเกณฑ์ตำมระเบียบคณะกรรมกำรกองทุนฯ พ.ศ. ๒๕๕๖ ข้อ ๒๙ เช่นเดิม ผู้ศึกษำจึงได้ศึกษำเปรียบเทียบหลักเกณฑ์และเงื่อนไขกำรจ่ำยเงินทุนเลี้ยงชีพ ตำมระเบียบคณะกรรมกำรกองทุนฯ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘ และระเบียบคณะกรรมกำรกองทุนฯ พ.ศ. ๒๕๕๖ พบว่ำ มีควำมแตกต่ำงในประเด็นอัตรำเงินทุนเลี้ยงชีพที่อดีตสมำชิกรัฐสภำจะได้รับ เงินทุนจำกให้ได้รับในอัตรำตั้งแต่ร้อยละ ๓๐ ถึงร้อยละ ๖๐ ของเงินประจ ำต ำแหน่งเดือนสุดท้ำย เป็นให้ได้รับในอัตรำตั้งแต่ ๙,๐๐๐ – ๓๕,๖๐๐ บำท ขึ้นอยู่กับระยะเวลำในกำรด ำรงต ำแหน่ง และ ประเด็นระยะเวลำในกำรได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพจำกให้ได้รับตลอดชีพ เป็นให้ได้รับเป็นระยะเวลำ ๒ เท่ำของระยะเวลำในกำรด ำรงต ำแหน่ง รวมทั้งประเด็นกำรได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพของอดีตสมำชิก รัฐสภำก่อนระเบียบใช้บังคับจำกให้ได้รับในอัตรำ ๑๕,๐๐๐ บำท เป็นให้ได้รับเงินทุนในอัตรำเดียวกัน ทั้งก่อนและหลังระเบียบใช้บังคับ ส่วนประเด็นกำรส่งเงินสะสมเข้ำกองทุน ประเด็นกำรนับเวลำ ส ำหรับค ำนวณเงินทุนเลี้ยงชีพและประเด็นเงื่อนไขกำรจ ำกัดสิทธิให้ไม่ได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพ พบว่ำ มีหลักเกณฑ์เหมือนเดิม กล่ำวคือ ให้สมำชิกรัฐสภำส่งเงินสะสมเข้ำกองทุนในอัตรำ ๓,๕๐๐ บำท ต่อเดือน ส ำหรับกำรค ำนวณเงินทุนเลี้ยงชีพ ให้นับเป็นเดือน โดยให้นับสำมสิบวันเป็นหนึ่งเดือน เศษของเดือนถ้ำถึงสิบห้ำวันให้นับเป็นหนึ่งเดือน และให้น ำระยะเวลำกำรเป็นสมำชิกรัฐสภำ ในทุกวำระมำรวมกันเป็นเวลำส ำหรับค ำนวณเงินทุนเลี้ยงชีพ รวมทั้งสมำชิกรัฐสภำที่มีสิทธิได้รับ เงินทุนเลี้ยงชีพจะต้องไม่เป็นบุคคลที่อยู่ในระหว่ำงต้องห้ำมมิให้ด ำรงต ำแหน่งทำงกำรเมือง และจะต้องไม่เป็นบุคคลที่เคยถูกวุฒิสภำมีมติให้ถอดถอนจำกต ำแหน่ง อีกทั้งได้ศึกษาเปรียบเทียบวงเงินงบประมาณที่ใช้จ่ายเงินทุนเลี้ยงชีพระหว่าง หลักเกณฑ์ตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘ และระเบียบคณะกรรมการ กองทุนฯ พ.ศ. ๒๕๕๖ หากมีการจ่ายเงินทุนเลี้ยงชีพให้แก่อดีตสมาชิกรัฐสภา จ านวน ๑,๒๖๖ ราย พบว่า งบประมาณที่ใช้ในการจ่ายเงินทุนเลี้ยงตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ พ.ศ. ๒๕๕๖
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๖๙ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร จะใช้งบประมาณต่อปี จ านวน 399,343,872 บาท และงบประมาณที่ใช้ในการจ่ายเงินทุนเลี้ยง ตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘ จะใช้งบประมาณต่อปี จ านวน 200,000,400 บาท จะเห็นได้ว่า การจ่ายเงินทุนเลี้ยงชีพตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘ มีผลท าให้ใช้งบประมาณในการจ่ายเงินทุนเลี้ยงชีพให้แก่อดีตสมาชิกรัฐสภา จ านวนลดลงกว่าครึ่งหนึ่ง (ร้อยละ ๕๐) ของการจ่ายเงินทุนเลี้ยงชีพตามระเบียบคณะกรรมการ กองทุนฯ พ.ศ. ๒๕๕๖ อย่างไรก็ตาม แม้เกณฑ์การจ่ายเงินทุนเลี้ยงชีพตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘ ข้อ ๒๙ จะท าให้ใช้งบประมาณในการจ่ายเงินทุนเลี้ยงชีพจ านวนลดลง แต่กองทุนก็ยังคงมีการจ่ายเงินช่วยเหลือให้อดีตสมาชิกในด้านอื่น ๆ เช่น การรักษาพยาบาล กรณีทุพพลภาพ การให้การศึกษาบุตร และกรณีถึงแก่กรรม ซึ่งยังคงมีรายจ่ายที่สูง มีรายได้ ไม่สอดคล้องกับรายจ่าย ไม่มีลักษณะเป็นทุนหมุนเวียน และไม่สามารถพึ่งพาตนเองได้โดยยังต้อง ขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากภาครัฐเพื่อใช้จ่ายในการบริหารกองทุนเป็นประจ าทุกปี ต่างจาก การจัดตั้งและการบริหารกองทุนประเภทอื่นโดยทั่วไปที่ภาครัฐจะจัดสรรงบประมาณให้กับกองทุน ในลักษณะเงินประเดิม และกองทุนดังกล่าวจะบริหารจัดการงบประมาณในปีต่อไปโดยไม่ต้องพึ่งพา งบประมาณจากภาครัฐอีก ดังนั้น หำกกลับไปใช้หลักเกณฑ์กำรจ่ำยเงินทุนเลี้ยงชีพตำมระเบียบ คณะกรรมกำรกองทุนฯ พ.ศ. ๒๕๕๖ ข้อ ๒๙ ตำมควำมเห็นของอดีตสมำชิกรัฐสภำดังที่วิเครำะห์ไว้ ในหัวข้อ ๓.๑ มีข้อสังเกตว่า จะท ำให้กองทุนประสบปัญหำทำงด้ำนกำรเงินเช่นเดิม เนื่องจำก มีค่ำใช้จ่ำยกรณีกำรจ่ำยเงินทุนลี้ยงชีพที่สูงขึ้น หำกเทียบกับกำรจ่ำยเงินทุนเลี้ยงชีพตำมระเบียบ คณะกรรมกำรกองทุนฯ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘ นอกจำกนี้ ยังมีกำรจ่ำยเงินช่วยเหลือให้แก่อดีต สมำชิกรัฐสภำในด้ำนอื่น ๆ อีก ซึ่งจะท ำให้กระทบกับภำระงบประมำณที่ภำครัฐจะต้องจัดสรร เพิ่มเติม รวมทั้งอำจเป็นประเด็นถกเถียงจำกนักวิชำกำร สื่อมวลชน และประชำชนทั่วไปถึงควำม ไม่เหมำะสมในกำรน ำงบประมำณจ ำนวนมำกไปช่วยเหลืออดีตสมำชิกรัฐสภำภำยใต้สถำนกำรณ์ ที่ประเทศไทยก ำลังประสบปัญหำด้ำนเศรษฐกิจ เนื่องจำกกำรแพร่ระบำดของโรคติด COVID-19 ๕. ข้อเสนอแนะ จากการเปรียบเทียบวงเงินงบประมาณที่ใช้จ่ายเงินทุนเลี้ยงชีพตามระเบียบ คณะกรรมการกองทุนฯ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘ และระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ พ.ศ. ๒๕๕๖ แม้จะใช้งบประมาณในการจ่ายเงินทุนเลี้ยงชีพจ านวนลดลง แต่กองทุนก็ยังคงมีรายจ่ายในด้านอื่น ๆ เช่น กรณีการรักษาพยาบาล กรณีทุพพลภาพ กรณีถึงแก่กรรม และกรณีการให้การศึกษาบุตร ซึ่งยังไม่สามารถพึ่งพาตนเองได้ โดยต้องขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากภาครัฐเพื่อใช้จ่ายในการ บริหารกองทุนเป็นประจ าทุกปีในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ได้รับการจัดสรรงบประมาณ จ านวน ๑๕๗,๐๐๐,๐๐๐ บาท สมทบกับเงินสะสมของสมาชิกรัฐสภา ผู้ศึกษาจึงขอเสนอทางเลือกในการ ด าเนินงานของกองทุนเพื่อให้มีการบริหารจัดการที่เหมาะสม ลดความเหลื่อมล้ า และสามารถด ารงอยู่ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งอดีตสมาชิกรัฐสภาได้รับสวัสดิการที่เหมาะสมเป็นไปตามหลัก
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๗๐ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ความจ าเป็น ความเสมอภาค และเป็นไปตามเจตนารมณ์ของการจัดตั้งกองทุน โดยมีข้อเสนอแนะ ทางเลือกในการด าเนินงานของกองทุน ดังนี้ ๕.๑ ก าหนดระยะเวลาขั้นต่ าในการด ารงต าแหน่งของสมาชิกรัฐสภาที่มีสิทธิได้รับ เงินทุนเลี้ยงชีพ จากการศึกษาเปรียบเทียบหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการจ่ายเงินทุนเลี้ยงชีพตาม ระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘ และระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ พ.ศ. ๒๕๕๖ พบว่า ไม่มีการก าหนดระยะเวลาขั้นต่ าในการด ารงต าแหน่งของสมาชิกรัฐสภาที่มีสิทธิได้รับ เงินทุนเลี้ยงชีพไว้หากอดีตสมาชิกรัฐสภามีระยะเวลาในการด ารงต าแหน่งมากกว่า ๑๕ วัน ก็มีสิทธิ ได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพแล้ว ตัวอย่างเช่น นาย ก. เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ านวน ๑๕ วัน จะนับ เวลาส าหรับค านวณเงินทุนเลี้ยงชีพเป็น ๑ เดือน ดังนั้น นาย ก. จึงมีสิทธิได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพ เมื่อสิ้นสุดสมาชิกภาพในอัตรา ๙,๐๐๐ บาท เป็นระยะเวลา ๒ เดือน (๒ เท่าของเวลาส าหรับค านวณ เงินทุนเลี้ยงชีพ)ถือว่าเป็นระยะเวลาที่น้อยมาก โดยนาย ก. ยังไม่ได้ท าหน้าที่อันเป็นประโยชน์ให้กับ ประเทศชาติและประชาชนอย่างเต็มที่ ก็มีสิทธิได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพแล้ว ซึ่งต่างจากกองทุน FERS ของประเทศสหรัฐอเมริกำที่ก าหนดให้ อดีตสมาชิกรัฐสภาที่มีสิทธิได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพต้องมีระยะเวลา ในการด ารงต าแหน่งตั้งแต่ ๕ ปีขึ้นไป และจะได้รับเงินทุนก็ต่อเมื่อเกษียณอายุแล้ว ดังนั้น เพื่อลด ความเหลื่อมล้ าในการได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพของอดีตสมาชิกรัฐสภา ซึ่งเมื่อเทียบกับข้าราชการประจ า ก็จะได้รับเงินบ านาญเมื่อเกษียณอายุและไม่กลับเข้ามารับราชการอีก จึงควรก าหนดระยะเวลาขั้นต่ า ในการด ารงต าแหน่งของสมาชิกรัฐสภาที่จะมีสิทธิได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพ โดยเห็นควรก าหนดให้ ผู้มีสิทธิได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพจะต้องมีระยะเวลาในการด ารงต าแหน่งตั้งแต่ ๔ ปีขึ้นไป เพื่อให้ สอดคล้องกับวาระการด ารงต าแหน่งของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และเป็นระยะเวลาที่เหมาะสม ที่กองทุนจะจ่ายเงินทุนเลี้ยงชีพให้กับอดีตสมาชิกรัฐสภาที่ได้ท าหน้าที่อันเป็นประโยชน์ให้กับ ประเทศชาติและประชาชน ซึ่งได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มก าลังความสามารถตลอดวาระการด ารง ต าแหน่ง ส่วนกรณีสมาชิกวุฒิสภา แม้จะมีวาระการด ารงต าแหน่ง ๖ ปี แต่เห็นว่า ระยะเวลา ๔ ปี ก็เป็นระยะเวลาที่เหมาะสม และได้ท าหน้าที่อันเป็นประโยชน์ให้กับประเทศชาติและประชาชนแล้ว ๕.๒ ปรับปรุงหลักเกณฑ์การนับเวลาส าหรับค านวณเงินทุนเลี้ยงชีพ ตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘ ข้อ ๒๗ และข้อ ๒๘ ก าหนดให้อดีตสมาชิกรัฐสภามีสิทธิได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพเมื่อสิ้นสุดสมาชิกภาพ ในกรณี อดีตสมาชิกรัฐสภารายใด มีสมาชิกภาพหลายวาระ ไม่ว่าจะติดต่อกันหรือไม่ก็ตาม ให้น าเวลาการ มีสมาชิกภาพในทุกวาระรวมกันเป็นเวลาส าหรับค านวณเงินทุนเลี้ยงชีพ และกรณีอดีตสมาชิกรัฐสภา ได้กลับเข้ามีสมาชิกภาพสมาชิกรัฐสภาอีก ให้สิทธิได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพระงับไปในระหว่างที่มีสมาชิก ภาพสมาชิกรัฐสภา และเมื่อสมาชิกภาพสิ้นสุดลง ให้มีสิทธิได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพ โดยให้น าเวลาการ มีสมาชิกภาพในครั้งหลัง มารวมเป็นเวลาส าหรับค านวณเงินทุนเลี้ยงชีพด้วย ยกตัวอย่างเช่น นาย ข. เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ านวน ๒ สมัย โดยสมัยแรกด ารงต าแหน่งเป็นเวลา ๒ ปี หรือ ๒๔ เดือน และสมัยที่ ๒ ด ารงต าแหน่งเป็นเวลา ๓ ปี หรือ ๓๖ เดือน รวมระยะเวลาในการด ารงต าแหน่งเป็น ๕ ปี หรือ ๖๐ เดือน มีสิทธิได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพเมื่อสิ้นสุดสมาชิกภาพในอัตรา ๑๒,๐๐๐ บาท
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๗๑ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร เป็นระยะเวลา ๑๒๐ เดือน (๒ เท่าของเวลาส าหรับค านวณเงินทุนเลี้ยงชีพ) ในระหว่างนั้นมีการยุบสภา ท าให้นาย ข. สิ้นสุดสมาชิกภาพการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยก าหนดให้มีการเลือกตั้งใหม่ ใช้ระยะเวลา จ านวน ๒ เดือน (นับถึงวันเลือกตั้ง) และนาย ข. ได้กลับเข้ามาเป็นสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรอีกในสมัยที่ ๓ กองทุนจึงต้องจ่ายเงินทุนเลี้ยงชีพให้นาย ข. ในระหว่างสิ้นสุดสมาชิกภาพเป็น เวลา ๒ เดือนจนถึงวันเลือกตั้ง และนาย ข. ด ารงต าแหน่งอีกในสมัยที่ ๓ เป็นเวลา ๓ ปี หรือ ๓๖ เดือน เวลาส าหรับค านวณเงินทุนเลี้ยงชีพจะต้องน าเวลาในการด ารงต าแหน่งครั้งหลังมารวมด้วย ดังนั้น นาย ข. จึงมีระยะเวลาในการด ารงต าแหน่งรวมทุกวาระเป็น ๘ ปี หรือ ๙๖ เดือน หากสมาชิกภาพ สิ้นสุดลงจะมีสิทธิได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพในอัตรา ๑๔,๓๐๐ บาท เป็นระยะเวลา ๑๙๒ เดือน จะเห็นได้ว่า หากอดีตสมาชิกรัฐสภามีระยะเวลาในการด ารงต าแหน่งนาน ก็จะท าให้ได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพในอัตราสูง และมีระยะเวลาในการได้รับเงินทุนที่นานขึ้น จึงเป็นสิ่งจูงใจให้อดีตสมาชิกรัฐสภากลับเข้ามาด ารง ต าแหน่งและอยู่ในต าแหน่งนานขึ้น ซึ่งต่างจากกองทุน FERS ของประเทศสหรัฐอเมริกาที่ก าหนดให้ อดีตสมาชิกรัฐสภาจะได้รับเงินจากกองทุน ก็ต่อเมื่อเกษียณอายุแล้วไม่กลับเข้ามารับต าแหน่งอีก อัตราการจ่ายผลตอบแทนจะเป็นอัตราก้าวหน้าแบบถดถอย ขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการด ารงต าแหน่ง และจะถูกปรับตามอัตราเงินเฟ้อ โดยมีการจ่ายค่าตอบแทน ๓ หลักเกณฑ์ ดังนี้ ๑) อดีตสมาชิกที่มี ระยะเวลาในการด ารงต าแหน่งครบ ๕ ปีจะมีสิทธิได้รับเงินค่าตอบแทนเมื่อตอนอายุครบ ๖๒ ปี ๒) อดีตสมาชิกที่มีระยะเวลาในการด ารงต าแหน่งครบ ๒๐ ปีจะมีสิทธิได้รับเงินค่าตอบแทนเมื่อตอน อายุ ๕๐ ปี และ ๓) อดีตสมาชิกที่มีระยะเวลาในการด ารงต าแหน่งครบ ๒๕ ปี จะมีสิทธิได้รับเงิน ค่าตอบแทนเมื่อตอนอายุเท่าใดก็ได้ดังนั้น หากอดีตสมาชิกรัฐสภามีระยะเวลาในการด ารงต าแหน่งนาน ก็จะท าให้ได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพในอัตราต่ า เพื่อไม่ให้เงินทุนเลี้ยงชีพเป็นสิ่งจูงใจให้สมาชิกอยู่ใน ต าแหน่งนานเกินไป และต้องการให้คนรุ่นใหม่เข้ามาท างานในรัฐสภา ผู้ศึกษาเห็นว่า ควรแก้ไขหลักเกณฑ์การนับเวลาส าหรับค านวณเงินทุนเลี้ยงชีพ ใหม่ โดยให้หักจ านวนระยะเวลาที่กองทุนได้จ่ายเงินทุนเลี้ยงชีพให้แก่อดีตสมาชิกรัฐสภาในระหว่าง สิ้นสุดสมาชิกภาพไปด้วย เพื่อให้อัตราและระยะเวลาในการจ่ายเงินทุนเลี้ยงชีพครั้งต่อไปมีจ านวน ลดลงและเพื่อลดภาระงบประมาณในการจ่ายเงินทุนเลี้ยงชีพ รวมทั้งเป็นไปตามหลักความเหมาะสม และหลักความเสมอภาค ซึ่งจากตัวอย่างข้างต้น หากนาย ข. มีระยะเวลาในการด ารงต าแหน่งรวมทุก วาระเป็น ๘ ปี หรือ ๙๖ เดือน ตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘ จะมี สิทธิได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพในอัตรา ๑๔,๓๐๐ บาท เป็นระยะเวลา ๑๙๒ เดือน เนื่องจากมีการยุบสภา ท าให้ นาย ข. สิ้นสุดสมาชิกภาพลง และในการเลือกตั้งครั้งต่อไป นาย ข. ได้กลับเข้ามาเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอีก กองทุนจึงต้องจ่ายเงินทุนเลี้ยงชีพให้นาย ข. เป็นระยะเวลา ๒ เดือน จนถึงวันเลือกตั้ง ดังนั้น หากนับเวลาส าหรับค านวณเงินทุนเลี้ยงใหม่ตามข้อเสนอ โดยให้หักจ านวน ระยะเวลาที่กองทุนได้จ่ายเงินทุนเลี้ยงชีพให้แก่อดีตสมาชิกรัฐสภาในระหว่างสิ้นสุดสมาชิกภาพไปด้วย จะท าให้ นาย ข. มีเวลาส าหรับค านวณเงินทุนเลี้ยงครั้งต่อไปเมื่อสิ้นสุดสมาชิกภาพเป็นระยะเวลา ๙๖ - ๒ เดือน เท่ากับ ๙๔ เดือน (ระยะเวลาในการด ารงต าแหน่งรวมทุกวาระ – ระยะเวลาที่กองทุนได้ จ่ายเงินทุนเลี้ยงชีพให้แก่สมาชิกรัฐสภาเมื่อสิ้นสุดสมาชิกภาพ = เวลาส าหรับค านวณเงินทุนเลี้ยง)
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๗๒ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ฉะนั้น เมื่อนาย ข. สิ้นสุดสมาชิกภาพในครั้งต่อไป จะมีระยะเวลาส าหรับค านวณเงินทุนเลี้ยงชีพใหม่ เท่ากับ ๙๔ เดือน มีสิทธิได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพในอัตรา ๑๒,๐๐๐ บาท เป็นระยะเวลา ๑๘๘ เดือน ๕.๓ เพิ่มอัตราการส่งเงินสะสมเข้ากองทุน จากปัญหาการด าเนินงานของกองทุนที่ผ่านมา พบว่า กองทุนมีรายจ่าย ที่สูงมากจนไม่สามารถพึ่งพาตนเองได้ โดยรายได้หลักมาจากการสนับสนุนงบประมาณจากภาครัฐ และการส่งเงินสะสมเข้ากองทุนของสมาชิกรัฐสภาในอัตราเดือนละ ๓,๕๐๐ บาท ซึ่งไม่สอดคล้องกับ สถานะรายจ่ายที่เกิดขึ้น หากเพิ่มเงินสะสมเข้ากองทุนเป็น ๕,๐๐๐ บาทต่อเดือน ก็จะท าให้กองทุน มีรายได้เพิ่มขึ้น และขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากภาครัฐน้อยลง ส่งผลให้สถานะทางการเงิน ของกองทุนดีขึ้น จึงเห็นควรแก้ไขหลักเกณฑ์การส่งเงินสะสมเข้ากองทุนโดยให้หักเงินประจ าต าแหน่ง ของสมาชิกรัฐสภาไม่เกินอัตราร้อยละ ๗ ของเงินประจ าต าแหน่ง หรือในอัตรา ๕,๐๐๐ บาทต่อเดือน เพื่อให้กองทุนสามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดภาระงบประมาณที่รัฐต้องจัดสรร ให้ในแต่ละปีงบประมาณ ซึ่งสอดคล้องกับผลการศึกษาของอุมาพร บึงมุม ที่ได้เสนอให้มีการปรับ หลักเกณฑ์การส่งเงินสะสมเข้ากองทุนจากหักไม่เกินอัตราร้อยละ ๕ ของเงินประจ าต าแหน่ง หรือ ๓,๕๐๐ บาทต่อเดือน เป็นหักไม่เกินร้อยละ ๗ ของเงินประจ าต าแหน่ง หรือ ๕,๐๐๐ บาทต่อเดือน จะท าให้เงินที่สมาชิกสะสมเข้ากองทุนเพิ่มขึ้น จากเดิมร้อยละ ๒ โดยได้ศึกษาจากสถานะทางการเงิน ของกองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภาในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ เปรียบเทียบรายได้จากการ ส่งเงินสะสมเข้ากองทุนระหว่างอัตราเดือนละ ๓,๕๐๐ บาท และอัตรา ๕,๐๐๐ บาท จากการส่งเงินสะสม เข้ากองทุนของสมาชิกรัฐสภา จ านวน ๗๒๖ คน จะท าให้กองทุนมีรายได้เพิ่มขึ้นจ านวน ๑๓,๐๖๘,๐๐๐ บาทต่อปี(รายละเอียดตามตารางที่ ๒) นำงสำวเสำวลักษณ์ บุญทองเล็ก วิทยำกรช ำนำญกำร กลุ่มงำนคณะกรรมำธิกำรกิจกำรสภำผู้แทนรำษฎร ส ำนักกรรมำธิกำร ๒
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๗๓ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร กำรควบคุมกำรลงมติของสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎร “กรณี สมำชิกสภำผู้แทนรำษฎร ลงมติแทนกัน” ๑. ควำมเป็นมำและควำมส ำคัญของปัญหำ สภำผู้แทนรำษฎรเป็นองค์กรที่ใช้อ ำนำจนิติบัญญัติ มีกระบวนกำรที่จะท ำให้เป็น ไปตำมอ ำนำจดังกล่ำว คือ กำรลงมติ ซึ่งจำกข้อเท็จจริงกำรกดบัตรลงมติแทนกันของสมำชิกสภำ ผู้แทนรำษฎร ท ำให้ต้องศึกษำถึงหลักเกณฑ์ในกำรควบคุมกำรลงมติของสภำผู้แทนรำษฎรเป็นไปตำม หลักควำมเป็นอิสระของสมำชิกรัฐสภำ ที่มีกำรรับรองไว้ในรัฐธรรมนูญ แห่งรำชอำณำจักรไทย พ.ศ. ๒๕๖๐ หรือไม่ จำกกำรศึกษำพบว่ำในข้อบังคับกำรประชุมสภำผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๘๐ วรรคท้ำย มีกำรบัญญัติว่ำ กำรออกเสียงลงคะแนนจะกระท ำแทนกันมิได้ ซึ่งเป็นกำรบัญญัติ มำเพื่อให้สอดคล้องกับหลักกำรควำมเป็นอิสระของสมำชิกรัฐสภำที่ไม่ควรตกอยู่ในควำมผูกมัด หรือควำมครอบง ำใด ๆ จำกสมำชิกรัฐสภำที่ประสงค์ให้มีกำรกดบัตรแทนกัน ส ำหรับกำรสอบสวน และกำรลงโทษ ในข้อบังคับกำรประชุมสภำผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ไม่ได้มีกำรบัญญัติโทษไว้โดยตรง แต่ให้มีกำรน ำข้อบังคับว่ำด้วยประมวลจริยธรรมของสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรและกรรมำธิกำร พ.ศ. ๒๕๖๓ มำบังคับใช้โดยอนุโลม โดยจะมีกำรตั้งคณะกรรมกำรที่เรียกว่ำ “คณะกรรมกำร จริยธรรมสภำผู้แทนรำษฎร” มำเพื่อท ำหน้ำที่ในกำรพิจำรณำสอบสวนหำข้อเท็จจริง และท ำกำร พิจำรณำโทษแก่ผู้กระท ำ สภำผู้แทนรำษฎรเป็นองค์กรที่ใช้อ ำนำจนิติบัญญัติตำมรัฐธรรมนูญ มีหน้ำที่หลัก ๒ ประกำร คือ หน้ำที่ในทำงนิติบัญญัติ โดยสภำผู้แทนรำษฎรมีหน้ำที่ในกำรพิจำรณำ ร่ำงพระรำชบัญญัติ และหน้ำที่ในกำรควบคุมและตรวจสอบและวิพำกษ์วิจำรณ์กำรบริหำรรำชกำร แผ่นดินของรัฐบำล เช่น กำรตั้งกระทู้ถำม กำรเปิดอภิปรำยทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วำงใจ กำรพิจำรณำ อนุมัติพระรำชก ำหนด และกำรพิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัติงบประมำณรำยจ่ำยประจ ำปี งบประมำณ เป็นต้น จะเห็นได้ว่ำในแต่ละอ ำนำจหน้ำที่ของสภำผู้แทนรำษฎรสิ่งที่จะท ำให้บรรลุ ตรงตำมเจตนำรมณ์ได้ คือ กำรประชุมสภำผู้แทนรำษฎร ส่วนใหญ่กำรประชุมของสภำผู้แทนรำษฎร ก็จ ำต้องมีกำรลงมติ เช่น กำรลงมติไม่ไว้วำงใจนำยกรัฐมนตรี กำรลงมติรับหลักกำรหรือไม่รับหลักกำร ในกำรพิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัติต่ำง ๆ หรือในกำรลงมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบในวำระ ๓ ของกำรพิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัตินั้น ๆ เป็นต้น ซึ่งค ำว่ำ ลงมติ หมำยถึง กำรตัดสินใจชี้ขำด ร่วมกันของสมำชิกสภำเพื่อหำข้อยุติในประเด็นปัญหำ หรือเรื่องที่สภำได้ท ำกำรพิจำรณำและ อภิปรำยเสร็จสิ้นแล้วถือเป็นขั้นตอนสุดท้ำยของกระบวนกำรพิจำรณำและปรึกษำของสภำก่อนที่ องค์กรหรือหน่วยงำนที่เกี่ยวข้องจะน ำไปปฏิบัติหรือด ำเนินกำรในขั้นต่อไปตำมที่บัญญัติไว้ใน รัฐธรรมนูญและข้อบังคับกำรประชุมสภำ กำรลงมติที่ว่ำนี้กระท ำโดยกำรออกเสียงลงคะแนน ซึ่งกำรลงมติควรที่จะต้องมีกลไกในกำรควบคุมกำรลงมติให้เป็นไปตำม หลักควำมชอบด้วยกฎหมำย ดังนั้น ควรจะต้องศึกษำถึงกลไกและวิธีกำรในกำรควบคุม กำรลงมติ โดยพิจำรณำว่ำในส่วนของสภำผู้แทนรำษฎรมีกฎหมำยหรือกฎเกณฑ์ใด หรือหลักเกณฑ์ใด ที่เป็นกำรควบคุมกำรลงมติในสภำผู้แทนรำษฎร และในฐำนะที่สภำผู้แทนรำษฎรเป็นสภำที่มำจำก
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๗๔ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร กำรเลือกตั้งของประชำชน เป็นตัวแทนของประชำชน เป็นองค์กรที่ใช้อ ำนำจอธิปไตยในส่วน ของฝ่ำยนิติบัญญัติ จึงควรที่จะศึกษำกฎเกณฑ์กำรควบคุมกำรลงมติดังกล่ำว เพื่อให้สำมำรถบังคับให้ เป็นไปตำมเจตนำรมณ์ที่ได้บัญญัติรับรองไว้ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งหำกศึกษำพบว่ำมีหลักเกณฑ์ใด ที่ไม่สำมำรถบังคับให้เป็นไปตำมเจตนำรมณ์ของรัฐธรรมนูญได้ เห็นควรที่จะให้มีกำรแก้ไข ในส่วนที่เป็นปัญหำต่อไป กรณีที่มีกำรกดบัตรลงคะแนนแทนกันของสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎร มีประเด็น ที่น่ำสนใจ คือ กำรกดบัตรแทนกันหรือกำรลงมติแทนกันของสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรมีกฎหมำยหรือ บทบัญญัติใดห้ำมหรือไม่ และมีกำรก ำหนดบทลงโทษไว้เพียงใด ตลอดจนบทลงโทษดังกล่ำวนั้น มีควำมเหมำะสมกับปัญหำที่เกิดขึ้นหรือไม่ ที่ส ำคัญกำรกดบัตรลงคะแนนเสียงแทนกันของ สมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่หำกพบกำรกระท ำดังกล่ำวในสภำผู้แทนรำษฎร หลำยสมัย ซึ่งหำกมีกำรปล่อยปละละเลยหรือเพิกเฉยต่อกำรกระท ำดังกล่ำวแล้ว ก็อำจจะกลำยเป็น ธรรมเนียมปฏิบัติที่ไม่ควรเป็นอย่ำงยิ่งและหำกพิจำรณำอย่ำงละเอียด กำรกระท ำดังกล่ำว อำจขัดกับหลักควำมเป็นอิสระของสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎร ทั้งนี้ สมำชิกสภำผู้แทนรำษฎร อยู่ในฐำนะที่เป็นผู้แทนของปวงชนชำวไทย จึงไม่ควรตกอยู่ในควำมผูกมัด หรือควำมครอบง ำใด ๆ และควรจะต้องปฏิบัติหน้ำที่ด้วยควำมซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของปวงชนชำวไทย ที่มีกำรรับรองไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พุทธศักรำช ๒๕๖๐ ๒. กฎหมำย กฎ ระเบียบ และยุทธศำสตร์ที่เกี่ยวข้อง ๒.๑ รัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พุทธศักรำช ๒๕๖๐ ตำมบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พุทธศักรำช ๒๕๖๐ มิได้มีกำร บัญญัติไว้โดยตรงในส่วนของข้อปฏิบัติในกำรประชุมรัฐสภำ หรือกำรลงมติในที่ประชุมรัฐสภำ ซึ่งตำม กฎหมำยรัฐธรรมนูญได้ให้อ ำนำจสภำผู้แทนรำษฎร วุฒิสภำ ในกำรตรำข้อบังคับกำรประชุมเป็นของ แต่ละสภำ โดยข้อบังคับกำรประชุมจะมีเนื้อหำเกี่ยวกับกำรเลือก กำรปฏิบัติหน้ำที่ของประธำนสภำ รองประธำนสภำ เรื่องหรือกิจกำรอันเป็นอ ำนำจหน้ำที่ของคณะกรรมำธิกำรสำมัญแต่ละชุด กำรปฏิบัติหน้ำที่และองค์ประชุมของคณะกรรมำธิกำร วิธีกำรประชุม กำรเสนอกำรพิจำรณำ ร่ำงพระรำชบัญญัติและกำรพิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ กำรเสนอญัตติ กำรปรึกษำ กำรอภิปรำย กำรลงมติ กำรบันทึกกำรลงมติ กำรเปิดเผยกำรลงมติ กำรตั้งกระทู้ถำม กำรเปิดอภิปรำยทั่วไป รวมทั้งมีอ ำนำจตรำข้อบังคับเกี่ยวกับประมวลจริยธรรมของสมำชิกสภำผู้แทน รำษฎรและกรรมำธิกำร และกิจกำรอื่นเพื่อด ำเนินกำรตำมบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้ ทั้งนี้ สภำผู้แทนรำษฎร และวุฒิสภำ สำมำรถที่จะตรำข้อบังคับกำรประชุมของ แต่ละสภำได้โดยเป็นกำรตรำข้อบังคับกำรประชุมในเรื่องดังกล่ำวข้ำงต้น และแต่ละสภำก็ใช้ข้อบังคับ กำรประชุมนั้นเป็นหลักเกณฑ์และวิธีกำรในกำรประชุมสภำของตนซึ่งรวมไปถึงกำรลงมติโดย สภำผู้แทนรำษฎรมีกำรตรำข้อบังคับกำรประชุมสภำผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ และข้อบังคับว่ำด้วย ประมวลจริยธรรมของสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรและกรรมำธิกำร พ.ศ. ๒๕๖๓
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๗๕ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ๒.๒ ข้อบังคับกำรประชุมสภำผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ สภำผู้แทนรำษฎรมีอ ำนำจในกำรตรำข้อบังคับกำรประชุมสภำผู้แทนรำษฎร เพื่อใช้เป็นหลักเกณฑ์ในกำรเลือก กำรปฏิบัติหน้ำที่ของประธำนสภำผู้แทนรำษฎร รองประธำนสภำ ผู้แทนรำษฎร ในกำรประชุมสภำผู้แทนรำษฎร ตลอดจนกำรอภิปรำย กำรตั้งกระทู้ถำม และกำรลงมติ โดยข้อบังคับกำรประชุมสภำผู้แทนรำษฎรที่ใช้บังคับในปัจจุบัน คือ ข้อบังคับกำรประชุม สภำผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อบังคับกำรประชุมสภำผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๘๐ วรรคท้ำย ก ำหนดว่ำ “กำรออกเสียงลงคะแนนจะกระท ำแทนกันมิได้” นอกจำกนี้ยังมีหลักควำมเป็นอิสระของ สมำชิกสภำผู้แทนรำษฎร ที่ได้มีกำรก ำหนดให้สมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรเป็นผู้แทนของปวงชน ชำวไทย โดยไม่อยู่ภำยใต้กำรผูกมัดหรืออำณัติมอบหมำย หรือควำมครอบง ำใด ๆ ที่เป็นหลักกำร ในกำรสนับสนุนข้อบังคับดังกล่ำว ดังนั้น ข้อบังคับกำรประชุมสภำผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ได้บัญญัติไว้อย่ำงชัดเจน ในข้อ ๘๐ วรรคท้ำย ห้ำมสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรลงคะแนนเสียงแทนกัน ดังนั้น กำรที่ สมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรมีกำรกดบัตรลงคะแนนแทนกัน จึงถือได้ว่ำเป็นกำรกระท ำที่ผิด ตำมข้อบังคับกำรประชุมสภำผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ทั้งนี้ สมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรควรลงมติ ด้วยตนเอง และไม่ควรอยู่ภำยใต้กำรมอบหมำยของผู้ใด และกำรลงมติแทนกันก็จะส่งผลกระทบไปถึง ภำพลักษณ์ของสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรที่ขำดกำรประชุมและยังมีกำรให้ผู้อื่นลงมติแทนกันในฐำนะ ที่สมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรเป็นผู้แทนของปวงชนชำวไทย และเป็นผู้ใช้อ ำนำจนิติบัญญัติซึ่งเป็นหนึ่ง ในอ ำนำจอธิปไตยที่เป็นของปวงชนชำวไทยจึงเป็นกำรไม่สมควรอย่ำงยิ่ง ๒.๓ ข้อบังคับว่ำด้วยประมวลจริยธรรมของสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรและกรรมำธิกำร พ.ศ. ๒๕๖๓ ข้อบังคับว่ำด้วยประมวลจริยธรรมของสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรและกรรมำธิกำร พ.ศ. ๒๕๖๓ เป็นข้อบังคับที่บัญญัติขึ้นมำเพื่อให้สมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรมีมำตรฐำนทำงจริยธรรม ที่ต้องอยู่บนหลักพื้นฐำนที่ว่ำสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรและกรรมำธิกำรจะต้องปฏิบัติตนให้อยู่ใน กรอบจริยธรรม คุณธรรม และศีลธรรม ทั้งโดยส่วนตัวและหน้ำที่ควำมรับผิดชอบต่อสำธำรณชน และสำมำรถที่จะบังคับใช้ให้เป็นไปอย่ำงมีประสิทธิภำพ ในส่วนของกรณีกำรกดบัตรแทนกันของสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎร หำกมีกรณี กำรร้องเรียนหรือเกิดเหตุกำรณ์กดบัตรแทนกันก็จะส่งเรื่องให้คณะกรรมกำรจริยธรรม สภำผู้แทนรำษฎร โดยคณะกรรมกำรจะเป็นกลไกในกำรควบคุมให้เป็นไปตำมข้อบังคับว่ำด้วย ประมวลจริยธรรม ซึ่งจะท ำหน้ำที่ในกำรพิจำรณำ สอบสวน วินิจฉัยค ำร้องเรียน และลงโทษ ตำมระเบียบแห่งข้อบังคับนี้ และเมื่อคณะกรรมกำรได้มีกำรพิจำรณำแล้วเห็นว่ำมีพยำนหลักฐำน ที่มีน้ ำหนักรับฟังได้และที่ประชุมคณะกรรมกำรพิจำรณำวินิจฉัยว่ำเป็นควำมผิดตำมที่ได้มีกำร ร้องเรียนไว้แล้ว คณะกรรมกำรจึงมีอ ำนำจในกำรพิจำรณำลงโทษได้ ซึ่งโทษที่จะลงนั้นถ้ำในกรณี ที่คณะกรรมกำรมีมติว่ำเป็นควำมผิดไม่ร้ำยแรงก็ให้ลงโทษโดยกำรตักเตือน ต ำหนิ หรือให้ขอโทษต่อที่ ประชุมสภำผู้แทนรำษฎรตำมที่คณะกรรมกำรก ำหนดหรือประณำมให้เป็นที่ประจักษ์ แต่ถ้ำในกรณี
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๗๖ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ที่คณะกรรมกำรมีมติว่ำเป็นควำมผิดร้ำยแรงให้คณะกรรมกำรเสนอควำมเห็นต่อสภำผู้แทนรำษฎร เพื่อพิจำรณำ ทั้งนี้ กรณีที่ที่ประชุมสภำผู้แทนรำษฎรมีมติว่ำเป็นกำรฝ่ำฝืนหรือไม่ปฏิบัติตำมข้อบังคับ นี้อันเกี่ยวกับ มำตรฐำนทำงจริยธรรมอย่ำงร้ำยแรง ให้ประธำนสภำผู้แทนรำษฎรส่งเรื่องให้ คณะกรรมกำรป้องกันและปรำบปรำมกำรทุจริตแห่งชำติ พิจำรณำด ำเนินกำรตำมกฎหมำย ที่เกี่ยวข้องต่อไป หำกพิจำรณำในบทบัญญัติดังกล่ำวข้ำงต้น จะเห็นได้ว่ำตัวกลไกที่มีควำมส ำคัญ ในกำรควบคุมให้กำรลงมติของสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎร ได้แก่ ข้อบังคับกำรประชุมสภำผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๘๐ วรรคท้ำย ก ำหนดว่ำ “กำรออกเสียงจะกระท ำแทนกันมิได้” ซึ่งหำกมีกำรฝ่ำฝืน หรือออกเสียงลงคะแนนแทนกันแล้วในข้อบังคับกำรประชุมสภำผู้แทนรำษฎรก็ได้ก ำหนดให้มีกำรน ำ ข้อบังคับว่ำด้วยประมวลจริยธรรมของสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรและกรรมำธิกำร พ.ศ. ๒๕๖๓ มำบังคับใช้โดยจะมีกำรส่งเรื่องให้คณะกรรมกำรจริยธรรมสภำผู้แทนรำษฎรเพื่อท ำหน้ำที่ในกำร พิจำรณำสอบสวนหำข้อเท็จจริง โดยมีประธำนสภำผู้แทนรำษฎรเป็นประธำนคณะกรรมกำร ๓. บทวิเครำะห์ ๑. กำรลงมติของสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรควรจะต้องมีวิธีกำรหรือกลไก ในกำรควบคุมให้เป็นไปตำมหลักควำมชอบด้วยกฎหมำย เห็นควรให้มีกำรศึกษำถึงกลไก และวิธีกำรในกำรควบคุมกำรลงมติของสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎร ซึ่งสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎร มำจำกกำรเลือกตั้งของประชำชน เป็นตัวแทนของประชำชน เป็นผู้ที่ใช้อ ำนำจอธิปไตย ในส่วนของฝ่ำยนิติบัญญัติ ซึ่งจำกกำรศึกษำพบว่ำ กรณีกำรลงมติจะปรำกฏอยู่ในข้อบังคับกำรประชุม สภำผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๘๐ วรรคท้ำย โดยก ำหนดว่ำ “กำรออกเสียงลงคะแนนจะกระท ำ แทนกันมิได้” ดังนั้น กำรที่สมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรมีกำรกดบัตรลงคะแนนแทนกันจึงถือได้ว่ำเป็น กำรกระท ำที่ผิดตำมข้อบังคับกำรประชุมสภำผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ หำกแต่ในรัฐธรรมนูญ แห่งรำชอำณำจักรไทย พุทธศักรำช ๒๕๖๐ มิได้บัญญัติไว้เกี่ยวกับหลักเกณฑ์ในกำรลงมติของ สมำชิกสภำผู้แทนรำษฎร และบทลงโทษกรณีหำกมีสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรกดบัตรลงคะแนน แทนกัน จึงควรให้มีกฎเกณฑ์ในกำรควบคุมกำรลงมติของสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎร ๒. กำรกดบัตรแทนกันหรือกำรลงมติแทนกันของสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎร มิได้มีกฎหมำยหรือบทบัญญัติใดห้ำมไว้ เพียงแต่ข้อบังคับกำรประชุมสภำผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๘๐ วรรคท้ำย ก ำหนดว่ำ “กำรออกเสียงลงคะแนนจะกระท ำแทนกันมิได้” ซึ่งหำกมีกำรฝ่ำฝืน หรือออกเสียงลงคะแนนแทนกันแล้ว ในข้อบังคับกำรประชุมสภำผู้แทนรำษฎรก็ได้ให้มีกำรน ำ ข้อบังคับว่ำด้วยประมวลจริยธรรมของสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรและกรรมำธิกำร พ.ศ. ๒๕๖๓ มำบังคับใช้โดยจะมีส่งเรื่องให้คณะกรรมกำรจริยธรรมสภำผู้แทนรำษฎรพิจำรณำสอบสวนหำ ข้อเท็จจริง โดยคณะกรรมกำรจะมีกำรพิจำรณำหำกเห็นว่ำมีพยำนหลักฐำนที่มีน้ ำหนักรับฟังได้ และ ที่ประชุมคณะกรรมกำรพิจำรณำวินิจฉัยว่ำเป็นควำมผิดตำมที่ได้มีกำรร้องเรียนไว้แล้ว คณะกรรมกำร จึงมีอ ำนำจในกำรพิจำรณำลงโทษได้ ซึ่งโทษที่จะลงนั้นถ้ำในกรณีที่คณะกรรมกำรมีมติว่ำเป็นควำมผิด ไม่ร้ำยแรงก็ให้ลงโทษโดยกำรตักเตือน ต ำหนิ หรือให้ขอโทษต่อที่ประชุมสภำผู้แทนรำษฎรตำมที่
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๗๗ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร คณะกรรมกำรก ำหนดหรือประณำมให้เป็นที่ประจักษ์ แต่ถ้ำในกรณีที่คณะกรรมกำรมีมติว่ำเป็น ควำมผิดร้ำยแรงให้คณะกรรมกำรเสนอควำมเห็นต่อสภำผู้แทนรำษฎรเพื่อพิจำรณำ ทั้งนี้ กรณีที่ ที่ประชุมสภำผู้แทนรำษฎรมีมติว่ำเป็นกำรฝ่ำฝืนหรือไม่ปฏิบัติตำมข้อบังคับนี้อันเกี่ยวกับมำตรฐำน ทำงจริยธรรมอย่ำงร้ำยแรง ให้ประธำนสภำผู้แทนรำษฎรส่งเรื่องให้คณะกรรมกำรป้องกันและ ปรำบปรำมกำรทุจริตแห่งชำติพิจำรณำด ำเนินกำรตำมกฎหมำยที่เกี่ยวข้องต่อไป ดังนั้น เห็นว่ำ บทลงโทษดังกล่ำวเหมำะสมกับสภำพปัญหำที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ เห็นว่ำกำรกดบัตรแทนกันเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ไม่ควรท ำอย่ำงยิ่งและ หำกพิจำรณำอย่ำงละเอียดกำรกระท ำดังกล่ำวอำจขัดกับหลักควำมเป็นอิสระของสมำชิกรัฐสภำ ในฐำนะที่เป็นผู้แทนของปวงชนชำวไทย ต้องไม่อยู่ในควำมผูกมัด หรือควำมครอบง ำใด ๆ และต้อง ปฏิบัติหน้ำที่ด้วยควำมซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของปวงชนชำวไทย ที่มีกำรรับรองไว้ ในรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พ.ศ. ๒๕๖๐ ๔. บทสรุปและอภิปรำยผล กำรแก้ไขปัญหำกรณีสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรกดบัตรแทนกัน เห็นควรให้มีกำรแก้ไข บทบัญญัติทำงกฎหมำยในส่วนของข้อบังคับกำรประชุมสภำผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยเป็นกำร เพิ่มบทลงโทษในส่วนของก ำรลงมติแทนกันของสม ำชิกสภ ำผู้แทนรำษฎรไว้โดยตรง ในข้อบังคับกำรประชุมสภำผู้แทนรำษฎร เนื่องจำกในข้อบังคับกำรประชุมสภำผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๘๐ วรรคท้ำย ก ำหนดว่ำ “กำรออกเสียงลงคะแนนจะกระท ำแทนกันมิได้” แต่ไม่ได้มีบทบัญญัติเรื่องกำรก ำหนดบทลงโทษไว้ แต่ให้น ำข้อบังคับประมวลจริยธรรมของ สมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรและกรรมำธิกำร พ.ศ. ๒๕๖๓ มำบังคับใช้โดยอนุโลม ซึ่งเป็นช่องว่ำง ของข้อบังคับกำรประชุมสภำผู้แทนรำษฎรที่ท ำให้เกิดกำรปฏิบัติที่เป็นกำรฝ่ำฝืนในข้อบังคับ กำรประชุมสภำผู้แทนรำษฎร และกำรไม่ให้ควำมส ำคัญในประเด็นดังกล่ำวจึงเกิดเป็นกำรปฏิบัติ ที่ละเลยซึ่งต่อไปในอนำคตอำจจะเป็นกำรปฏิบัติที่กลำยเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของสภำผู้แทนรำษฎร ดังนั้น จึงควรให้ควำมส ำคัญกับประเด็นปัญหำกรณีสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎร กดบัตรลงคะแนนแทนกัน เนื่องจำกสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎร ที่ด ำรงต ำแหน่งอยู่ในฐำนะเป็นผู้แทน ปวงชนชำวไทย และเป็นผู้ที่ใช้อ ำนำจนิติบัญญัติแทนปวงชนชำวไทย พร้อมทั้งเป็นเจ้ำของอ ำนำจ อธิปไตยอย่ำงแท้จริง แต่กลับปฏิบัติตนหรือใช้อ ำนำจที่ตนมีนั้นในทำงที่ไม่ถูกต้องตำมหลักโดยชอบ ด้วยกฎหมำย ทั้งนี้ กำรควบคุมให้กำรลงมติของสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรมีประสิทธิภำพไม่สำมำรถ ด ำเนินกำรควบคุมได้ ถึงแม้จะมีคณะกรรมกำรจริยธรรมสภำผู้แทนรำษฎร เนื่องจำกกำรกระท ำ ดังกล่ำวเป็นกำรกระท ำส่วนบุคคล ซึ่งอยู่ที่จิตส ำนึกของบุคคลนั้น ๆ เพียงแต่ข้อบังคับว่ำด้วยประมวล จริยธรรมของสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรและกรรมำธิกำร พ.ศ. ๒๕๖๓ เป็นข้อบังคับที่บัญญัติขึ้นมำ เพื่อให้สมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรมีมำตรฐำนทำงจริยธรรมที่ต้องอยู่บนหลักพื้นฐำนที่ว่ำ สมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรและกรรมำธิกำรจะต้องปฏิบัติตนให้อยู่ในกรอบจริยธรรม คุณธรรม และ ศีลธรรม ทั้งโดยส่วนตัวและหน้ำที่ควำมรับผิดชอบต่อสำธำรณชน แต่ก็มิได้มีบทบัญญัติเพื่อก ำหนด โทษกรณีสมำชิกลงคะแนนแทนกันไว้อย่ำงชัดเจน
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๗๘ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ๕. ข้อเสนอแนะ ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับกฎหมำย เห็นควรให้มีกำรแก้ไขบทบัญญัติทำงกฎหมำยในส่วนของข้อบังคับกำรประชุม สภำผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยเพิ่มบทลงโทษในส่วนของกำรลงมติแทนกันของสมำชิกสภำผู้แทน รำษฎรไว้โดยตรงในข้อบังคับกำรประชุมสภำผู้แทนรำษฎร เนื่องจำกในข้อบังคับกำรประชุม สภำผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๘๐ วรรคท้ำย ก ำหนดว่ำ “กำรออกเสียงลงคะแนนจะกระท ำ แทนกันมิได้” แต่ไม่ได้มีบทบัญญัติเรื่องกำรก ำหนดบทลงโทษไว้ แต่ให้น ำข้อบังคับประมวลจริยธรรม ของสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรและกรรมำธิกำร พ.ศ. ๒๕๖๓ มำบังคับใช้โดยอนุโลม ซึ่งเป็นช่องว่ำง ของข้อบังคับกำรประชุมสภำผู้แทนรำษฎรที่ท ำให้เกิดกำรปฏิบัติที่เป็นกำรฝ่ำฝืนในข้อบังคับ กำรประชุมสภำผู้แทนรำษฎร และกำรไม่ให้ควำมส ำคัญในประเด็นดังกล่ำวจึงเกิดเป็นกำรปฏิบัติ ที่ละเลยซึ่งต่อไปในอนำคตอำจจะเป็นกำรปฏิบัติที่กลำยเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของสภำผู้แทนรำษฎร ข้อเสนอแนะเชิงเทคนิค ปัจจุบันระบบกำรออกเสียงลงคะแนนค่อนข้ำงมีควำมสมบูรณ์ แต่ยังมีข้อจ ำกัด ในเรื่องระบบกำรบันทึกผลกำรลงคะแนนเพื่อเรียกดูข้อมูลย้อนหลัง จึงมีข้อเสนอแนะ ดังนี้ ๑. ระบบกำรลงคะแนน ควรมีกำรยืนยันตัวตนผ่ำนสองขั้นตอน (Two-Factor Authentication) คือกำรสแกนลำยนิ้วมือร่วมกับกำรใช้บัตรลงคะแนน ๒. ติดตั้งโปรแกรมกำรบันทึกหน้ำจอ (Screen Capture) หรือให้บันทึกช่วงเวลำของ กำรประชุม และเก็บบันทึกข้อมูลไว้อย่ำงน้อย ๓๐ วัน เพื่อสำมำรถเรียกดูข้อมูลกำรใช้บัตรของแต่ละ ต ำแหน่งที่นั่งย้อนหลังได้ ๓. เปิดเผยข้อมูลกำรลงคะแนนแบบเรียลไทม์ (Real Time) และส่งผลกำรออกเสียง ลงคะแนนผ่ำนโทรศัพท์มือถือของสมำชิก ๔. ติดตั้งกล้องวงจรปิด (CCTV) เพื่อบันทึกเหตุกำรณ์ต่ำง ๆ ในห้องประชุม ข้อเสนอแนะเชิงพฤติกรรม สมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรควรรักษำสิทธิของตนเองโดยกำรน ำบัตรลงคะแนนออกไป ด้วยทุกครั้ง เพื่อป้องกันมิให้เกิดกรณีสมำชิกคนอื่นน ำบัตรลงคะแนนไปใช้ไม่ว่ำจะโดยตั้งใจหรือไม่ ตั้งใจก็ตำม รวมทั้งกำรไม่ละเมิดสิทธิของบุคคลอื่นในกำรน ำบัตรที่ไม่ใช่ของตนเองไปลงคะแนน ตลอดจนเพื่อให้กำรท ำหน้ำที่ของสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรเป็นไปตำมเจตนำรมณ์ของรัฐธรรมนูญ แห่งรำชอำณำจักรไทย พุทธศักรำช ๒๕๖๐ ทั้งนี้ สมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรต้องเก็บรักษำบัตร ลงคะแนนอันเป็นทรัพย์สินของทำงรำชกำร ที่ส ำคัญต้องรักษำสิทธิในกำรออกเสียงลงคะแนนที่ได้รับ ควำมไว้วำงใจจำกประชำชน ด้วยกำรเก็บรักษำบัตรลงคะแนนของตน นำงสำวกนกวรรณ เกตุปำน วิทยำกรช ำนำญกำร กลุ่มงำนคณะกรรมำธิกำรกิจกำรสภำผู้แทนรำษฎร ส ำนักกรรมำธิกำร ๒
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๗๙ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร เครื่องแบบปกติกำกีแกมเขียวของสมำชิกรัฐสภำตำมข้อบังคับของรัฐสภำว่ำ ด้วยเครื่องแบบสมำชิกรัฐสภำ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๓ ๑. ควำมเป็นมำและควำมส ำคัญของปัญหำ พระรำชบัญญัติเครื่องแบบสมำชิกรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๑๖ ได้ก ำหนดให้ประธำนรัฐสภำ มีอ ำนำจออกข้อบังคับก ำหนดรูปแบบเครื่องแต่งกำยของสมำชิกรัฐสภำในงำนพิธีกำรและ กำรปฏิบัติงำนต่ำง ๆ ของสมำชิก ตลอดจนกำรเยี่ยมเยียนประชำชนในโอกำสต่ำง ๆ ปัจจุบันประธำน รัฐสภำได้ออกข้อบังคับของรัฐสภำว่ำด้วยเครื่องแบบสมำชิกรัฐสภำ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๓ ซึ่งเป็นกำร ปรับปรุงเครื่องแบบของสมำชิกรัฐสภำให้มีควำมเหมำะสมกับกำรประดับเครื่องรำชอิสริยำภรณ์ มีควำมสง่ำงำม สมเกียรติ และสำมำรถใช้กับส่วนรำชกำร พิธีกำรและกำรปฏิบัติงำนต่ำง ๆ ในอ ำนำจ หน้ำที่ของสมำชิกรัฐสภำ ตลอดจนกำรเยี่ยมเยียนประชำชนในโอกำสต่ำง ๆ ได้อย่ำงเหมำะสมกับ ภำรกิจและสภำพภูมิอำกำศดังนั้น เพื่อให้ได้รับทรำบแนวปฏิบัติในกำรแต่งเครื่องแบบของสมำชิก ในงำนพิธีกำรและกำรปฏิบัติงำนต่ำง ๆ ตำมที่ข้อบังคับของรัฐสภำว่ำด้วยเครื่องแบบสมำชิกรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๒๖ และฉบับที่แก้ไขเพิ่มเติม ก ำหนดไว้ คณะกรรมำธิกำรกิจกำรสภำผู้แทนรำษฎรจึงได้เชิญ ผู้อ ำนวยกำรส ำนักบริหำรงำนกลำง ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎรและเจ้ำหน้ำที่ที่เกี่ยวข้อง เข้ำร่วมประชุมเพื่อให้ข้อมูลต่อคณะกรรมำธิกำร ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมำธิกำรพิจำรณำแล้วมีมติ มอบหมำยให้ส ำนักบริหำรงำนกลำงจัดท ำคู่มือกำรแต่งเครื่องแบบของสมำชิกรัฐสภำ ตำมที่ข้อบังคับ ของรัฐสภำว่ำด้วยเครื่องแบบสมำชิกรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๒๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ก ำหนดไว้ ได้แก่ เครื่องแบบปกติขำว เครื่องแบบปกติกำกีคอพับ เครื่องแบบปกติกำกีแกมเขียว เครื่องแบบปกติ กำกีตรวจกำร เครื่องแบบครึ่งยศ เครื่องแบบเต็มยศ และเครื่องแบบสโมสร โดยเนื้อหำคู่มือ ประกอบด้วยรูปภำพตัวอย่ำงกำรแต่งเครื่องแบบดังกล่ำว และกฎหมำยที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งขอให้ จัดท ำคลิปวิดีโอแสดงตัวอย่ำงกำรแต่งเครื่องแบบ เพื่อเผยแพร่ให้กับสมำชิกรัฐสภำได้รับทรำบและ ให้จัดส่งคู่มือและคลิปวิดีโอให้กับคณะกรรมำธิกำรเพื่อพิจำรณำต่อไป อย่ำงไรก็ตำม ในกำรพิจำรณำเรื่องดังกล่ำวคณะกรรมำธิกำรมีข้อสงสัยเกี่ยวกับลักษณะ ของเครื่องแบบปกติกำกีแกมเขียวและโอกำสในกำรแต่งเครื่องแบบดังกล่ำว เนื่องจำกไม่ปรำกฏภำพ เครื่องแบบปกติกำกีแกมเขียวแนบท้ำยข้อบังคับของรัฐสภำว่ำด้วยเครื่องแบบสมำชิกรัฐสภำ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๓ ที่ชัดเจน ทั้งไม่ปรำกฏว่ำมีสมำชิกรัฐสภำได้เคยแต่งเครื่องแบบดังกล่ำวปรำกฏให้เห็น ผู้บังคับบัญชำกลุ่มงำนคณะกรรมำธิกำรกิจกำรสภำผู้แทนรำษฎรจึงมอบหมำยให้ผู้เขียนศึกษำค้นคว้ำ หำข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องแบบปกติกำกีแกมเขียวของสมำชิกรัฐสภำ เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบกำร พิจำรณำของคณะกรรมำธิกำรต่อไป
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๘๐ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ๒. กฎหมำย กฎ ระเบียบ และยุทธศำสตร์ที่เกี่ยวข้อง ๒.๒.๑ กฎส ำนักนำยกรัฐมนตรีว่ำด้วยเครื่องแบบข้ำรำชกำรกำรเมือง พ.ศ. ๒๕๕๒ ข้อ ๒ เครื่องแบบข้ำรำชกำรกำรเมือง มี ๒ ชนิด คือ (ก) เครื่องแบบปฏิบัติรำชกำรมี ๔ ประเภท (ข) เครื่องแบบสีกำกีคอพับ (ค) เครื่องแบบสีกำกีคอแบะ (ง) เครื่องแบบสีกำกีแกมเขียวคอแบะ (จ) เครื่องแบบสีขำวคอพับ ข้อ ๓ เครื่องแบบปฏิบัติรำชกำร (๑) เครื่องแบบสีกำกีคอพับ ประกอบด้วย (จ) เข็มขัด ข้ำรำชกำรกำรเมืองชำย ให้ใช้เข็มขัดท ำด้วยด้ำยถักสีกำกี กว้ำง ๓ เซนติเมตร หัวเข็มขัด ท ำด้วยโลหะสีทองเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ำทำงนอนปลำยมน กว้ำง ๓.๕ เซนติเมตร ยำว ๕ เซนติเมตร มีรูปครุฑดุนนูนอยู่กึ่งกลำงหัวเข็มขัด ไม่มีเข็มส ำหรับสอดรู ปลำยเข็มขัดหุ้มด้วยโลหะสีทอง กว้ำง ๑ เซนติเมตร ข้ำรำชกำรกำรเมืองหญิง ให้ใช้เข็มขัดได้ ๒ แบบ แบบที่ ๑ อนุโลมตำมแบบเข็มขัดของข้ำรำชกำรกำรเมืองชำย แบบที่ ๒ ... (๓) เครื่องแบบสีกำกีแกมเขียวคอแบะ ประกอบด้วย (ก) หมวก ข้ำรำชกำรกำรเมืองชำยและหญิงต ำแหน่งรัฐมนตรี ให้ใช้หมวกแก๊ปทรงอ่อน สีกำกีแกมเขียว ที่หน้ำหมวกเหนือแก๊ปติดตรำครุฑพ่ำห์ปักด้วยด้ำยหรือไหมสีเหลืองสูง ๓.๕ เซนติเมตร ที่ขอบโค้งของกะบังหน้ำหมวกปักด้วยด้ำยหรือไหมสีเหลืองเป็นรูปช่อชัยพฤกษ์ลักษณะเดียวกับ ช่อชัยพฤกษ์ของหมวกส ำหรับเครื่องแบบสีกำกีคอพับ ข้ำรำชกำรกำรเมืองชำยและหญิงต ำแหน่งอื่น ให้ใช้หมวกแก๊ปทรงอ่อนสีกำกี แกมเขียว ที่หน้ำหมวกเหนือแก๊ปติดตรำครุฑพ่ำห์ปักด้วยด้ำยหรือไหมสีเหลืองสูง ๓.๕ เซนติเมตร ที่ขอบโค้งของกะบังหน้ำหมวกปักด้วยด้ำยหรือไหมสีเหลืองเป็นรูปช่อชัยพฤกษ์ลักษณะเดียวกับ ช่อชัยพฤกษ์ของหมวกส ำหรับเครื่องแบบสีกำกีคอพับ กำรสวมหมวกให้สวมในโอกำสอันควร (ข) เสื้อ ข้ำรำชกำรกำรเมืองชำยและหญิง ให้ใช้เสื้อคอเปิดสีกำกีแกมเขียวทรงกระบอก ไม่มีสำบอก ที่คอและแนวอกมีดุม ๖ ดุม ขัดดุมปิดคอได้ มีลิ้นปิดอก แขนยำวแบบทรงกระบอก ที่อกและ ตอนล่ำงของเสื้อมีกระเป๋ำ ไม่มีสำบ ปะข้ำงละ ๑ กระเป๋ำ มุมกระเป๋ำและปำกกระเป๋ำเป็นรูปตัดพองำม มีปกขัดดุมเสื้อข้ำงละ ๑ ดุม ชำยเสื้อตัดตรงไม่มีเว้ำ กระเป๋ำล่ำงเป็นกระเป๋ำย่ำมมีใบปกรูปตัด ที่ปำกกระเป๋ำทั้งสองกระเป๋ำมีดุมที่ปำกกระเป๋ำข้ำงละ ๑ ดุม ส ำหรับขัดกับใบปกกระเป๋ำ
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๘๑ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ดุมที่ใช้กับเสื้อมีลักษณะเป็นรูปกลมแบน ท ำด้วยวัตถุสีเดียวกับสีเสื้อ ส ำหรับข้ำรำชกำรกำรเมืองต ำแหน่งรัฐมนตรี ให้ปักเครื่องหมำยแสดงสังกัด ด้วยด้ำยหรือไหมสีเหลืองเป็นรูปตรำรำชสีห์คชสีห์รักษำพำนประดิษฐำนรัฐธรรมนูญที่ปกคอเสื้อ ทั้งสองข้ำง ส ำหรับข้ำรำชกำรกำรเมืองต ำแหน่งอื่น ให้ปักเครื่องหมำยแสดงสังกัดด้วยด้ำยหรือไหม สีเหลืองเป็นรูปตรำกระทรวงหรือทบวง ที่ข้ำรำชกำรกำรเมืองต ำแหน่งอื่นนั้นสังกัดที่ปกคอเสื้อทั้งสอง ข้ำง (ค) กำงเกง ข้ำรำชกำรกำรเมืองชำยและหญิง ให้ใช้กำงเกงขำยำวสีกำกีแกมเขียว ไม่พับปลำยขำ ที่แนวตะเข็บกำงเกงด้ำนข้ำงเป็นกระเป๋ำปะ ปำกกระเป๋ำเฉียงไม่มีปกและจะมีกระเป๋ำ หลัง เป็นกระเป๋ำปะมีปกขัดดุมกระเป๋ำละ ๑ ดุม ด้วยก็ได้ ตะเข็บกำงเกงทุกตะเข็บจะต้องเป็นตะเข็บคู่ (ง) เข็มขัด ข้ำรำชกำรกำรเมืองชำยและหญิง ให้ใช้เข็มขัดท ำด้วยด้ำยถักสีกำกีแกมเขียว กว้ำง ๓ เซนติเมตร หัวเข็มขัดและปลำยเข็มขัด ให้มีลักษณะเช่นเดียวกับเข็มขัดของเครื่องแบบสีกำกีคอพับ (จ) รองเท้ำ ข้ำรำชกำรกำรเมืองชำยและหญิง ให้ใช้รองเท้ำสูงครึ่งน่อง สีกำกีแกมเขียวหรือสีด ำ มีรูร้อยเชือก ๒.๒.๒ กฎส ำนักนำยกรัฐมนตรี ฉบับที่ ๗๑ (พ.ศ. ๒๕๒๓) ออกตำมควำมในพระรำชบัญญัติ เครื่องแบบข้ำรำชกำรฝ่ำยพลเรือน พุทธศักรำช ๒๔๗๘ ข้อ ๒ ภำยใต้บังคับแห่งข้อ ๓ และข้อ ๔ ๒.๑ เครื่องแบบปฏิบัติรำชกำร ประกอบด้วย (๕) เข็มขัด ข้ำรำชกำรชำย ให้ใช้เข็มขัดท ำด้วยด้ำยถักสีกำกีกว้ำง ๓ เซนติเมตร หัวเข็มขัดท ำด้วย โลหะสีทองเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ำทำงนอน ปลำยมนกว้ำง ๓.๕ เซนติเมตร ยำว ๕ เซนติเมตร มีรูปครุฑดุนนูนอยู่กึ่งกลำงหัวเข็มขัด ไม่มีเข็มส ำหรับสอดรู ปลำยเข็มขัดหุ้มด้วยโลหะสีทอง กว้ำง ๑ เซนติเมตร ข้ำรำชกำรหญิง ให้ใช้เข็มขัด ๒ แบบ แบบที่ ๑ ใช้คำดทับขอบกระโปรง โดยใช้เข็มขัดอนุโลมตำมแบบข้ำรำชกำรชำย แบบที่ ๒ ... ๒.๒.๓ กฎกระทรวง ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๓๔) ออกตำมควำมในพระรำชบัญญัติเครื่องแบบ นักศึกษำวิชำทหำรและเครื่องแบบผู้ก ำกับนักศึกษำวิชำทหำร พ.ศ. ๒๕๒๑ ข้อ ๙ เข็มขัดสีกำกีแกมเขียว ท ำด้วยด้ำยหรือไนล่อนถักสีกำกีแกมเขียว กว้ำง ๓ ซม. หัวเข็มขัดท ำด้วยโลหะสีทองเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ำทำงนอนปลำยมน กว้ำง ๓.๕ ซม. ยำว ๕ ซม. พื้นเกลี้ยง มีรูปเครื่องหมำยกรมกำรรักษำดินแดนอยู่เหนือช่อชัยพฤกษ์ดุนนูนอยู่กึ่งกลำงหัวเข็มขัด ไม่มีเข็มส ำหรับสอดรู ปลำยสำยเข็มขัดหุ้มด้วยโลหะสีทอง กว้ำง ๑ ซม. ใช้คำดทับขอบกำงเกงโดยให้ สำยเข็มขัดสอดไว้ภำยในห่วงกำงเกง
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๘๒ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ข้อ ๑๐ รองเท้ำมี ๓ ชนิด คือ (๑) รองเท้ำหุ้มส้นสีด ำ ชนิดผูกเชือก ท ำด้วยหนังหรือวัตถุเทียมหนังสีด ำมีรูส ำหรับ ร้อยเชือกไม่น้อยกว่ำสองคู่ และไม่เกินหกคู่ ส้นใหญ่และสูงพอสมควร (๒) รองเท้ำสูงครึ่งน่องสีด ำ ลักษณะเช่นเดียวกับรองเท้ำหุ้มส้นสีด ำ ชนิดผูกเชือก เว้นแต่มีหนังหรือวัตถุเทียมหนังหุ้มเลยข้อเท้ำประมำณครึ่งน่อง มีรูส ำหรับร้อยเชือกมำกกว่ำหกคู่ รองเท้ำทุกชนิดต้องมีส้นและไม่มีลวดลำย ข้อ ๑๓ เครื่องหมำยชั้นปีกำรศึกษำ เป็นตัวเลขไทย สูง ๑ ซม. ท ำด้วยโลหะสีทอง ตัวแบนติดที่แนวกลำงอินทรธนูทั้งสองข้ำง ให้ด้ำนบนของตัวเลขอยู่ทำงด้ำนคอห่ำงจำกตะเข็บ ไหล่เสื้อ ๑ ซม. เมื่อแต่งเครื่องแบบฝึก ให้ปักด้วยไหมหรือด้ำยสีเหลืองติดที่ปกเสื้อด้ำนซ้ำย ให้ฐำนของตัวเลขขนำนกับปกเสื้อด้ำนหน้ำ ห่ำงจำกขอบปก ๒.๕ ซม. ข้อ ๑๖ เครื่องหมำยสังกัดกรมกำรรักษำดินแดน เป็นรูปเครื่องหมำยกรมกำรรักษำดินแดน ท ำด้วยโลหะสีทอง กว้ำง ๒.๕ ซม. สูง ๔ ซม. ติดที่ปกเสื้อคอพับสีกำกีแกมเขียวแขนยำวด้ำนขวำ ห่ำงจำกขอบปกเสื้อด้ำนหน้ำ ๒.๕ ซม. ให้ส่วนล่ำงของเครื่องหมำยขนำนกับขอบปกเสื้อด้ำนข้ำง เมื่อแต่งเครื่องแบบฝึก ให้ปักด้วยไหมหรือด้ำยสีเหลืองที่ปกเสื้อคอเปิดสีกำกีแกมเขียวด้ำนขวำ ให้ส่วนล่ำงของเครื่องหมำยขนำนกับขอบปกเสื้อด้ำนหน้ำ ข้อ ๑๙ ป้ำยชื่อ มี ๒ ชนิด คือ (๑) ... (๒) ป้ำยชื่อผ้ำ ท ำด้วยผ้ำสีด ำ รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ำกว้ำง ๓ ซม. ยำวเท่ำกับควำมกว้ำงของ ปำกกระเป๋ำเสื้อ ชื่อตัวและชื่อสกุลปักด้วยไหมหรือด้ำยเป็นตัวอักษรตัวบรรจงสีเหลือง สูง ๐.๘ ซม. เย็บติดกับอกเสื้อชิดกับด้ำนบนของปกกระเป๋ำเสื้อด้ำนขวำของเสื้อคอเปิดสีกำกีแกมเขียว ๒.๒.๔ กฎกระทรวง ฉบับที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๕๘) ออกตำมควำมในพระรำชบัญญัติเครื่องแบบ นักศึกษำวิชำทหำรและเครื่องแบบผู้ก ำกับนักศึกษำวิชำทหำร พ.ศ. ๒๕๒๑ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกควำมในข้อ ๗ และข้อ ๘ แห่งกฎกระทรวงฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๓๔) ออกตำมควำมในพระรำชบัญญัติเครื่องแบบนักศึกษำวิชำทหำรและเครื่องแบบผู้ก ำกับนักศึกษำ วิชำทหำร พ.ศ. ๒๕๒๑ และให้ใช้ควำมต่อไปนี้แทน “ข้อ ๗ เสื้อ มี ๒ ชนิด คือ (๑) ... (๒) เสื้อคอเปิดสีกำกีแกมเขียว มี ๒ แบบ คือ (ก) เสื้อคอเปิดสีกำกีแกมเขียวแบบ ก เป็นเสื้อคอเปิด ปกเสื้อแบะ มุมปกแหลม ตัวเสื้อด้ำนหน้ำผ่ำตลอด ไม่มีสำบ ที่คอและแนวอกมีดุม ๖ ดุม แขนยำวรูปทรงกระบอก ที่อก มีกระเป๋ำปะข้ำงละ ๑ กระเป๋ำ ไม่มีแถบ มีปกกระเป๋ำขัดดุมข้ำงละ ๑ ดุม กระเป๋ำและปกกระเป๋ำ เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ำ ตัดมุมเป็นรูปตัดพองำม ดุมทั้งสิ้นใช้ดุมกลมแบนขนำดเส้นผ่ำศูนย์กลำง ๒ ซม. ท ำด้วยวัตถุสีกำกีแกมเขียว ชำยเสื้อตัดตรงไม่มีเว้ำ เมื่อสวมเสื้อนี้ให้สอดชำยเสื้อไว้ภำยในกำงเกงและ
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๘๓ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ใช้เสื้อยืดคอแหลมแขนสั้นสีกำกีแกมเขียวประกอบด้วย กำรพับแขนเสื้อกระท ำได้เมื่อได้รับอนุญำต เป็นครั้งครำว ถ้ำจะพับแขนเสื้อให้พับไว้เหนือข้อศอกโดยพับกว้ำงประมำณ ๗ ซม. (ข) เสื้อคอเปิดสีกำกีแกมเขียวแบบ ข ตัวเสื้อปล่อยยำวถึงตะโพก ปกเสื้อแบะ มุมปกแหลม ตัวเสื้อด้ำนหน้ำผ่ำตลอด ไม่มีสำบ มีดุม ๕ ดุม ที่บ่ำมีอินทรธนูอ่อนขัดดุมข้ำงละ ๑ ดุม ปลำยอินทรธนู อ่อนเป็นรูปเหลี่ยม แขนเสื้อยำวรูปทรงกระบอก ภำยในเพิ่มผ้ำรองแขนจำกกึ่งกลำงแขนเสื้อท่อนบน ถึงกึ่งกลำงแขนเสื้อท่อนล่ำงพองำม ที่ปลำยแขนเสื้อทั้งสองข้ำงตรงด้ำนในชิดล ำตัวติดแผ่นผ้ำรัดข้อมือ ขนำดกว้ำง ๔ ซม. ยำว ๑๐ ซม. ห่ำงจำกปลำยแขนเสื้อพองำม ชำยเป็นรูปสี่เหลี่ยมชี้ไปทำง ด้ำนหลัง ขัดดุม ๑ ดุม ติดกับแขนเสื้อในแนวเดียวกัน มีดุมอีก ๑ ดุม ส ำหรับปรับขนำดปลำยแขนเสื้อเพื่อ รัดข้อมือ ที่แขนเสื้อด้ำนซ้ำยเหนือข้อศอกปะผ้ำเป็นช่องส ำหรับเสียบปำกกำได้๒ ช่อง ตัวเสื้อ ด้ำนหน้ำมีกระเป๋ำบนและกระเป๋ำล่ำงข้ำงละ ๒ กระเป๋ำ เป็นกระเป๋ำปะยืดชำยรูปสี่เหลี่ยม ชำยด้ำนนอกตัวและด้ำนล่ำงของกระเป๋ำพับจีบเพื่อให้ขยำยได้ส่วนชำยด้ำนในตัวของกระเป๋ำเย็บติด กับตัวเสื้อมีปกรูปสี่เหลี่ยมขัดดุม ๒ ดุม กระเป๋ำล่ำงให้ชำยล่ำงของกระเป๋ำอยู่ห่ำงจำกตะเข็บชำยเสื้อ ๑.๕ ซม. ตัวเสื้อด้ำนหลังในแนวเอวติดแผ่นผ้ำรัดเอวจำกตะเข็บเสื้อด้ำนข้ำง ขนำดกว้ำง ๔ ซม. ยำว ๑๐ ซม. ข้ำงละ ๑ แผ่น ชำยเป็นรูปเหลี่ยมชี้ไปทำงด้ำนหลังขัดดุม ๑ ดุม ติดกับตัวเสื้อด้ำนหลัง และในแนวเดียวกัน มีดุมอีก ๑ ดุม เพื่อใช้ปรับขนำดเอวทั้ง ๒ ข้ำง ดุมทั้งสิ้นใช้ดุมกลมแบนขนำด เส้นผ่ำศูนย์กลำง ๒ ซม. ท ำด้วยวัตถุสีกำกีแกมเขียว รังดุมที่แนวอกและกระเป๋ำเสื้อ ให้ซ่อนไว้ภำยใน เสื้อและด้ำนในของฝำกระเป๋ำ เมื่อสวมเสื้อนี้ ให้ปล่อยชำยเสื้อไว้นอกกำงเกงและใช้เสื้อยืดคอแหลม แขนสั้นสีกำกีแกมเขียวประกอบด้วยกำรพับแขนเสื้อกระท ำได้เมื่อได้รับอนุญำตเป็นครั้งครำว ถ้ำจะพับแขนเสื้อให้พับไว้เหนือข้อศอกโดยพับกว้ำงประมำณ ๗ ซม. ข้อ ๘ กำงเกง มี ๒ ชนิด คือ (๑) ... (๒) กำงเกงขำยำวสีกำกีแกมเขียวแบบฝึก มี ๒ แบบ คือ (ก) กำงเกงขำยำวสีกำกีแกมเขียวแบบฝึก ก ลักษณะเช่นเดียวกับกำงเกงขำยำวสีกำกี แกมเขียวแบบปกติ เว้นแต่กระเป๋ำที่แนวตะเข็บกำงเกงด้ำนข้ำงเป็นกระเป๋ำปะข้ำงละ ๑ กระเป๋ำ ปำกกระเป๋ำเฉียงไม่มีปก ก้นกระเป๋ำตัดตรง และด้ำนหลังมีกระเป๋ำปะข้ำงละ ๑ กระเป๋ำ ก้นกระเป๋ำ เป็นรูปสำมเหลี่ยม มีปกกระเป๋ำเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ำขัดดุมข้ำงละ ๑ ดุม เมื่อสวมประกอบกับ รองเท้ำสูงครึ่งน่องสีด ำหรือรองเท้ำเดินป่ำ ให้สอดปลำยขำกำงเกงไว้ภำยในรองเท้ำและใช้ประกอบ กับเสื้อคอเปิดสีกำกีแกมเขียวแบบ ก (ข) กำงเกงขำยำวสีกำกีแกมเขียวแบบฝึก ข ลักษณะเช่นเดียวกับกำงเกงขำยำวสีกำกี แกมเขียวแบบปกติ เว้นแต่ที่บริเวณใต้ขอบกำงเกงด้ำนหน้ำใกล้แนวตะเข็บกำงเกงด้ำนข้ำง มีกระเป๋ำ เป็นกระเป๋ำเจำะข้ำงละ ๑ กระเป๋ำ ปำกกระเป๋ำเฉียงไม่มีปก และที่ใต้ขอบกำงเกงบริเวณตะโพก ด้ำนหลังมีกระเป๋ำหลังข้ำงละ ๑ กระเป๋ำ เป็นกระเป๋ำเจำะรูปสี่เหลี่ยมมีปกรูปสี่เหลี่ยมขัดดุม ๒ ดุม ตรงมุมปก ตรงแนวตะเข็บกำงเกงทั้งสองข้ำงมีกระเป๋ำปะยืดชำยข้ำงละ ๑ กระเป๋ำ ตัวกระเป๋ำเป็นรูป สี่เหลี่ยมตรงกลำงพับจีบ ๒ จีบ ชำยหน้ำและชำยล่ำงเย็บติดกับขำกำงเกง ชำยหลังพับจีบเพื่อให้ ขยำยได้มีปกรูปสี่เหลี่ยม ชำยปกด้ำนบนและด้ำนหน้ำเย็บติดกับขำกำงเกง ขัดดุมที่กึ่งกลำงปก และ
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๘๔ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร มุมปกที่เปิดแห่งละ ๑ ดุม รังดุมทั้งหมดซ่อนไว้ด้ำนในของฝำกระเป๋ำ เมื่อสวมประกอบกับรองเท้ำ สูงครึ่งน่องสีด ำหรือรองเท้ำเดินป่ำ ให้สอดปลำยขำกำงเกงไว้ภำยในรองเท้ำและใช้ประกอบกับ เสื้อคอเปิดสีกำกีแกมเขียวแบบ ข ๒.๒.๕ ข้อบังคับของรัฐสภำว่ำด้วยเครื่องแบบสมำชิกรัฐสภำ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๓ ข้อ ๕ เครื่องแบบปกติ มี ๔ แบบ คือ ก. ... ข. เครื่องแบบปกติกำกีคอพับ ให้ประกอบด้วย (๕) เข็มขัด ให้ใช้เข็มขัดท ำด้วยด้ำยถักสีกำกีกว้ำง ๓ เซนติเมตร หัวเข็มขัดท ำด้วยโลหะสีทอง เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ำทำงนอนปลำยมนกว้ำง ๓.๕ เซนติเมตร ยำว ๕ เซนติเมตร มีรูปครุฑดุนนูน อยู่กึ่งกลำงหัวเข็มขัด ไม่มีเข็มส ำหรับสอดรู ปลำยเข็มขัดหุ้มด้วยโลหะสีทองกว้ำง ๑ เซนติเมตร ค. เครื่องแบบปกติกำกีแกมเขียว ให้ประกอบด้วย (๑) หมวก ให้ใช้หมวกแก๊ปทรงอ่อนสีกำกีแกมเขียว ที่ขอบโค้งของกะบังหน้ำแก๊ปปักด้วย ดิ้นทองเป็นลวดลำยช่อชัยพฤกษ์ ด้ำนละ ๒ ช่อ โดยปักหรือท ำให้มำบรรจบกันที่ตรงกลำงของกะบัง หน้ำหมวก เว้นระยะห่ำงจำกกันพองำม ที่หน้ำหมวกเหนือกะบังติดตรำครุฑพ่ำห์ท ำด้วยโลหะสีทอง สูง ๓ เซนติเมตร หรือปักตรำครุฑพ่ำห์ท ำด้วยด้ำยหรือไหมสีเหลืองหรือสีทอง สูง ๓ เซนติเมตร ตำมภำพท้ำยข้อบังคับ (๒) เสื้อ ให้ใช้เสื้อคอเปิดสีกำกีแกมเขียว ไม่มีสำบอก ที่คอและแนวอกมีดุม ๖ ดุม ขัดดุม ปิดคอได้ มีลิ้นปิดอก แขนยำวแบบทรงกระบอก ที่อกมีกระเป๋ำไม่มีสำบ ปะข้ำงละ ๑ กระเป๋ำ มุมกระเป๋ำและปำกกระเป๋ำเป็นรูปตัดพองำม กระเป๋ำล่ำงเป็นกระเป๋ำย่ำมมีใบปกรูปตัด ที่ปำกกระเป๋ำ ทั้ง ๒ กระเป๋ำ มีดุมที่ปำกกระเป๋ำข้ำงละ ๑ ดุม ส ำหรับขัดกับใบปกกระเป๋ำท ำด้วยวัตถุสีเดียวกับเสื้อ รูปกลมแบน ขนำดเล็ก ชำยเสื้อตัดตรงไม่มีเว้ำ ที่ปกคอเสื้อทั้งสองข้ำงปักด้วยด้ำยหรือไหมสีเหลือง หรือสีทอง เป็นรูปรัฐธรรมนูญอยู่ภำยในวงกลม มีรัศมีโดยรอบ ขนำดสูง ๒.๕ เซนติเมตร (๓) กำงเกง ให้ใช้กำงเกงขำยำวสีกำกีแกมเขียว ไม่พับปลำยขำ ที่แนวตะเข็บกำงเกงด้ำนข้ำง เป็นกระเป๋ำปะ ปำกกระเป๋ำเฉียงไม่มีปก และจะมีกระเป๋ำหลังเป็นกระเป๋ำปะ มีปกขัดดุมกระเป๋ำละ ๑ ดุมด้วยก็ได้ ตะเข็บกำงเกงทุกตะเข็บต้องเป็นตะเข็บคู่ (๔) เข็มขัด ให้ใช้เข็มขัดท ำด้วยด้ำยถักสีกำกีแกมเขียว กว้ำง ๓ เซนติเมตร หัวเข็มขัดและ ปลำยเข็มขัดให้มีลักษณะเช่นเดียวกันกับเข็มขัดของเครื่องแบบปกติกำกีคอพับ (๕) รองเท้ำ ให้ใช้รองเท้ำสูงครึ่งน่องสีกำกีแกมเขียวหรือสีด ำ มีรูร้อยเชือก
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๘๕ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ๓. บทวิเครำะห์ ข้อบังคับของรัฐสภำว่ำด้วยเครื่องแบบสมำชิกรัฐสภำ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๓ ข้อ ๕ ก ำหนดว่ำ เครื่องแบบปกติ มี ๔ แบบ ได้แก่ เครื่องแบบปกติขำว เครื่องแบบปกติกำกีคอพับ เครื่องแบบปกติกำกีตรวจกำร และเครื่องแบบปกติกำกีแกมเขียว ส ำหรับเครื่องแบบปกติกำกีแกมเขียว มีรำยละเอียดที่ต้องพิจำรณำ ดังนี้ ๑. หมวก ข้อบังคับของรัฐสภำว่ำด้วยเครื่องแบบสมำชิกรัฐสภำ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๓ ข้อ ๕ ค. (๑) ก ำหนดว่ำ เครื่องแบบปกติกำกีแกมเขียว ให้ใช้หมวกแก๊ปทรงอ่อนสีกำกีแกมเขียว ที่ขอบโค้งของกะบังหน้ำแก๊ปปักด้วยดิ้นทองเป็นลวดลำยช่อชัยพฤกษ์ ด้ำนละ ๒ ช่อ โดยปักหรือท ำให้ มำบรรจบกันที่ตรงกลำงของกะบังหน้ำหมวก เว้นระยะห่ำงจำกกันพองำม ที่หน้ำหมวกเหนือกะบัง ติดตรำครุฑพ่ำห์ท ำด้วยโลหะสีทอง สูง ๓ เซนติเมตร หรือปักตรำครุฑพ่ำห์ท ำด้วยด้ำยหรือไหม สีเหลืองหรือสีทองสูง ๓ เซนติเมตร ซึ่งปรำกฏภำพแนบท้ำยข้อบังคับ ดังนี้ หมวกเครื่องแบบปกติกำกีแกมเขียว (ติดตรำครุฑพ่ำห์ท ำด้วยโลหะสีทอง ปักช่อชัยพฤกษ์ด้วยดิ้นทอง) หมวกเครื่องแบบปกติกำกีแกมเขียว (ปักตรำครุฑพ่ำห์และช่อชัยพฤกษ์ด้วยด้ำยหรือไหมสีเหลืองหรือสีทอง)
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๘๖ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร กฎส ำนักนำยกรัฐมนตรีว่ำด้วยเครื่องแบบข้ำรำชกำรกำรเมือง พ.ศ. ๒๕๕๒ ข้อ ๒ (๑) ก ำหนดว่ำ เครื่องแบบปฏิบัติรำชกำรของข้ำรำชกำรกำรเมืองมี ๔ ประเภท ได้แก่ เครื่องแบบสีกำกี คอพับ เครื่องแบบสีกำกีคอแบะ เครื่องแบบสีกำกีแกมเขียวคอแบะ และเครื่องแบบสีขำวคอพับ และ ข้อ ๓ (๓) (ก) ก ำหนดว่ำ เครื่องแบบสีกำกีแกมเขียวคอแบะ ข้ำรำชกำรกำรเมืองชำยและหญิง ต ำแหน่งรัฐมนตรี ให้ใช้หมวกแก๊ปทรงอ่อนสีกำกีแกมเขียว ที่หน้ำหมวกเหนือแก๊ปติดตรำครุฑพ่ำห์ ปักด้วยด้ำยหรือไหมสีเหลือง สูง ๓.๕ เซนติเมตร ที่ขอบโค้งของกะบังหน้ำหมวกปักด้วยด้ำยหรือไหม สีเหลืองเป็นรูปช่อชัยพฤกษ์ลักษณะเดียวกับช่อชัยพฤกษ์ของหมวกส ำหรับเครื่องแบบสีกำกีคอพับ และกำรสวมหมวกให้สวมในโอกำสอันควร ส ำหรับข้ำรำชกำรกำรเมืองชำยและหญิงต ำแหน่งอื่น ให้ใช้หมวกแก๊ปทรงอ่อนสีกำกี แกมเขียว ที่หน้ำหมวกเหนือแก๊ปติดตรำครุฑพ่ำห์ปักด้วยด้ำยหรือไหมสีเหลือง สูง ๓.๕ เซนติเมตร ที่ขอบโค้งของกะบังหน้ำหมวกปักด้วยด้ำยหรือไหมสีเหลืองเป็นรูปช่อชัยพฤกษ์ลักษณะเดียวกับ ช่อชัยพฤกษ์ของหมวกส ำหรับเครื่องแบบสีกำกีคอพับ และกำรสวมหมวกให้สวมในโอกำสอันควร หมวกเครื่องแบบสีกำกีแกมเขียวคอแบะ ส ำนักงำนรำชบัณฑิตยสภำ ได้ก ำหนดค ำนิยำมของค ำว่ำ “สีกำกี” หมำยถึง สีน้ ำตำล อ่อนหรือสีน้ ำตำลปนเหลือง ค ำว่ำ “กำกี” ภำษำอังกฤษเขียนว่ำ khaki (อ่ำนว่ำ คำ-คี) เป็นค ำที่ มำจำกภำษำเปอร์เซีย หมำยถึงฝุ่น หรือสีเหมือนฝุ่น คล้ำยกับสีของแกลบหรือฟำง เมื่อพิจำรณำลักษณะและเครื่องหมำยประกอบหมวกของเครื่องแบบปกติกำกี แกมเขียวตำมข้อบังคับของรัฐสภำว่ำด้วยเครื่องแบบสมำชิกรัฐสภำ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๓ ข้อ ๕ ค. (๑)
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๘๗ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร เปรียบเทียบกับหมวกของเครื่องแบบสีกำกีแกมเขียวคอแบะตำมกฎส ำนักนำยกรัฐมนตรีว่ำด้วย เครื่องแบบข้ำรำชกำรกำรเมือง พ.ศ. ๒๕๕๒ ข้อ ๓ (๓) (ก) แล้ว เห็นได้ว่ำลักษณะและเครื่องหมำย ประกอบหมวกแก๊ปทรงอ่อนของเครื่องแบบปกติกำกีแกมเขียวของสมำชิกรัฐสภำมีควำมคล้ำยคลึงกับ หมวกของเครื่องแบบสีกำกีแกมเขียวคอแบะของข้ำรำชกำรกำรเมืองชำยและหญิงต ำแหน่งรัฐมนตรี แต่มีควำมแตกต่ำงที่เป็นสำระส ำคัญคือสีหมวก ซึ่งสีหมวกของเครื่องแบบสีกำกีแกมเขียวคอแบะของ ข้ำรำชกำรกำรเมืองชำยและหญิงต ำแหน่งรัฐมนตรีเป็นสีกำกีแกมเขียว แต่หมวกแก๊ปทรงอ่อนของ เครื่องแบบปกติกำกีแกมเขียวของสมำชิกรัฐสภำที่ปรำกฏตำมภำพแนบท้ำยข้อบังคับเป็นสีกำกี ๒. เสื้อ ข้อบังคับของรัฐสภำว่ำด้วยเครื่องแบบสมำชิกรัฐสภำ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๓ ข้อ ๕ ค. (๒)ก ำหนดว่ำ เครื่องแบบปกติกำกีแกมเขียว ให้ใช้เสื้อคอเปิดสีกำกีแกมเขียว ไม่มีสำบอก ที่คอและ แนวอกมีดุม ๖ ดุม ขัดดุม ปิดคอได้ มีลิ้นปิดอก แขนยำวแบบทรงกระบอก ที่อกมีกระเป๋ำไม่มีสำบ ปะข้ำงละ ๑ กระเป๋ำ มุมกระเป๋ำและปำกกระเป๋ำเป็นรูปตัดพองำม กระเป๋ำล่ำงเป็นกระเป๋ำย่ำม มีใบปกรูปตัด ที่ปำกกระเป๋ำทั้ง ๒ กระเป๋ำ มีดุมที่ปำกกระเป๋ำข้ำงละ ๑ ดุม ส ำหรับขัดกับใบปกกระเป๋ำ ท ำด้วยวัตถุสีเดียวกับเสื้อ รูปกลมแบน ขนำดเล็ก ชำยเสื้อตัดตรงไม่มีเว้ำ ที่ปกคอเสื้อทั้งสองข้ำง ปักด้วยด้ำยหรือไหมสีเหลืองหรือสีทอง เป็นรูปรัฐธรรมนูญอยู่ภำยในวงกลม มีรัศมีโดยรอบขนำดสูง ๒.๕ เซนติเมตร กฎส ำนักนำยกรัฐมนตรีว่ำด้วยเครื่องแบบข้ำรำชกำรกำรเมือง พ.ศ. ๒๕๕๒ ข้อ ๓ (๓) (ข) ก ำหนดว่ำ เครื่องแบบสีกำกีแกมเขียวคอแบะ ข้ำรำชกำรกำรเมืองชำยและหญิง ให้ใช้เสื้อคอเปิด สีกำกีแกมเขียวทรงกระบอก ไม่มีสำบอก ที่คอและแนวอกมีดุม ๖ ดุม ขัดดุมปิดคอได้มีลิ้นปิดอก แขนยำวแบบทรงกระบอก ที่อกและตอนล่ำงของเสื้อมีกระเป๋ำ ไม่มีสำบ ปะข้ำงละ ๑ กระเป๋ำ มุมกระเป๋ำและปำกกระเป๋ำเป็นรูปตัดพองำม มีปกขัดดุมเสื้อข้ำงละ ๑ ดุม ชำยเสื้อตัดตรงไม่มีเว้ำ กระเป๋ำล่ำงเป็นกระเป๋ำย่ำมมีใบปกรูปตัด ที่ปำกกระเป๋ำทั้งสองกระเป๋ำมีดุมที่ปำกกระเป๋ำข้ำงละ ๑ ดุม ส ำหรับขัดกับใบปกกระเป๋ำ ดุมที่ใช้กับเสื้อมีลักษณะเป็นรูปกลมแบน ท ำด้วยวัตถุสีเดียวกับสีเสื้อ ส ำหรับข้ำรำชกำรกำรเมืองต ำแหน่งรัฐมนตรี ให้ปักเครื่องหมำยแสดงสังกัดด้วยด้ำยหรือ ไหมสีเหลืองเป็นรูปตรำรำชสีห์คชสีห์รักษำพำนประดิษฐำนรัฐธรรมนูญที่ปกคอเสื้อทั้งสองข้ำง ส ำหรับ ข้ำรำชกำรกำรเมืองต ำแหน่งอื่น ให้ปักเครื่องหมำยแสดงสังกัดด้วยด้ำยหรือไหมสีเหลืองเป็นรูป ตรำกระทรวงหรือทบวง ที่ข้ำรำชกำรกำรเมืองต ำแหน่งอื่นนั้นสังกัดที่ปกคอเสื้อทั้งสองข้ำง จะเห็นได้ว่ำ กฎส ำนักนำยกรัฐมนตรีดังกล่ำว ได้ก ำหนดลักษณะของเสื้อไว้คล้ำยกับเสื้อของเครื่องแบบปกติ กำกีแกมเขียวของสมำชิกรัฐสภำ แต่ไม่ปรำกฏภำพเสื้อแนบท้ำยกฎดังกล่ำวแต่อย่ำงใด กฎกระทรวง ฉบับที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๕๘) ออกตำมควำมในพระรำชบัญญัติเครื่องแบบนักศึกษำ วิชำทหำรและเครื่องแบบผู้ก ำกับนักศึกษำวิชำทหำร พ.ศ. ๒๕๒๑ ข้อ ๑ ได้ยกเลิกควำมในข้อ ๗ และข้อ ๘ แห่งกฎกระทรวงฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๓๔) ออกตำมควำมในพระรำชบัญญัติเครื่องแบบนักศึกษำ วิชำทหำรและเครื่องแบบผู้ก ำกับนักศึกษำวิชำทหำร พ.ศ. ๒๕๒๑ โดยก ำหนดว่ำ เสื้อคอเปิดสีกำกี แกมเขียว มี ๒ แบบ คือ
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๘๘ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร (ก) เสื้อคอเปิดสีกำกีแกมเขียวแบบ ก เป็นเสื้อคอเปิด ปกเสื้อแบะ มุมปกแหลม ตัวเสื้อ ด้ำนหน้ำผ่ำตลอด ไม่มีสำบ ที่คอและแนวอกมีดุม ๖ ดุม แขนยำวรูปทรงกระบอก ที่อกมีกระเป๋ำปะ ข้ำงละ ๑ กระเป๋ำ ไม่มีแถบ มีปกกระเป๋ำขัดดุมข้ำงละ ๑ ดุม กระเป๋ำและปกกระเป๋ำเป็นรูป สี่เหลี่ยมผืนผ้ำ ตัดมุมเป็นรูปตัดพองำม ดุมทั้งสิ้นใช้ดุมกลมแบนขนำดเส้นผ่ำศูนย์กลำง ๒ เซนติเมตร ท ำด้วยวัตถุสีกำกีแกมเขียว ชำยเสื้อตัดตรงไม่มีเว้ำ เมื่อสวมเสื้อนี้ให้สอดชำยเสื้อไว้ภำยในกำงเกงและ ใช้เสื้อยืดคอแหลมแขนสั้นสีกำกีแกมเขียวประกอบด้วย กำรพับแขนเสื้อกระท ำได้เมื่อได้รับอนุญำต เป็นครั้งครำว ถ้ำจะพับแขนเสื้อให้พับไว้เหนือข้อศอกโดยพับกว้ำงประมำณ ๗ เซนติเมตร (ข) เสื้อคอเปิดสีกำกีแกมเขียวแบบ ข ตัวเสื้อปล่อยยำวถึงตะโพก ปกเสื้อแบะ มุมปกแหลมตัวเสื้อด้ำนหน้ำผ่ำตลอด ไม่มีสำบ มีดุม ๕ ดุม ที่บ่ำมีอินทรธนูอ่อนขัดดุมข้ำงละ ๑ ดุม ปลำยอินทรธนูอ่อนเป็นรูปเหลี่ยม แขนเสื้อยำวรูปทรงกระบอก ภำยในเพิ่มผ้ำรองแขนจำกกึ่งกลำง แขนเสื้อท่อนบนถึงกึ่งกลำงแขนเสื้อท่อนล่ำงพองำม ที่ปลำยแขนเสื้อทั้งสองข้ำงตรงด้ำนในชิดล ำตัว ติดแผ่นผ้ำรัดข้อมือขนำดกว้ำง ๔ เซนติเมตร ยำว ๑๐ เซนติเมตร ห่ำงจำกปลำยแขนเสื้อพองำม ชำยเป็นรูปสี่เหลี่ยมชี้ไปทำงด้ำนหลังขัดดุม ๑ ดุม ติดกับแขนเสื้อในแนวเดียวกัน มีดุมอีก ๑ ดุม ส ำหรับปรับขนำดปลำยแขนเสื้อเพื่อรัดข้อมือ ที่แขนเสื้อด้ำนซ้ำยเหนือข้อศอกปะผ้ำเป็นช่องส ำหรับ เสียบปำกกำได้ ๒ ช่อง ตัวเสื้อด้ำนหน้ำมีกระเป๋ำบนและกระเป๋ำล่ำงข้ำงละ ๒ กระเป๋ำ เป็นกระเป๋ำปะ ยืดชำยรูปสี่เหลี่ยม ชำยด้ำนนอกตัวและด้ำนล่ำงของกระเป๋ำพับจีบเพื่อให้ขยำยได้ ส่วนชำยด้ำนในตัว ของกระเป๋ำเย็บติดกับตัวเสื้อมีปกรูปสี่เหลี่ยมขัดดุม๒ ดุม กระเป๋ำล่ำงให้ชำยล่ำงของกระเป๋ำ อยู่ห่ำงจำกตะเข็บชำยเสื้อ ๑.๕ เซนติเมตรตัวเสื้อด้ำนหลังในแนวเอวติดแผ่นผ้ำรัดเอวจำกตะเข็บเสื้อ ด้ำนข้ำง ขนำดกว้ำง ๔ เซนติเมตร ยำว ๑๐ เซนติเมตร ข้ำงละ ๑ แผ่น ชำยเป็นรูปเหลี่ยมชี้ไป ทำงด้ำนหลังขัดดุม ๑ ดุม ติดกับตัวเสื้อด้ำนหลังและในแนวเดียวกัน มีดุมอีก ๑ ดุม เพื่อใช้ปรับขนำด
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๘๙ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร เอวทั้ง ๒ ข้ำง ดุมทั้งสิ้นใช้ดุมกลมแบนขนำดเส้นผ่ำศูนย์กลำง ๒ เซนติเมตร ท ำด้วยวัตถุสีกำกี แกมเขียว รังดุมที่แนวอกและกระเป๋ำเสื้อ ให้ซ่อนไว้ภำยในเสื้อและด้ำนในของฝำกระเป๋ำเมื่อสวมเสื้อ นี้ ให้ปล่อยชำยเสื้อไว้นอกกำงเกงและใช้เสื้อยืดคอแหลมแขนสั้นสีกำกีแกมเขียวประกอบด้วยกำรพับ แขนเสื้อกระท ำได้เมื่อได้รับอนุญำตเป็นครั้งครำว ถ้ำจะพับแขนเสื้อให้พับไว้เหนือข้อศอกโดยพับกว้ำง ประมำณ ๗ เซนติเมตร เมื่อพิจำรณำข้อบังคับของรัฐสภำว่ำด้วยเครื่องแบบสมำชิกรัฐสภำ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๓ ข้อ ๕ ค. (๒) เปรียบเทียบกับกฎกระทรวง ฉบับที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๕๘) ออกตำมควำมในพระรำชบัญญัติ เครื่องแบบนักศึกษำวิชำทหำรและเครื่องแบบผู้ก ำกับนักศึกษำวิชำทหำร พ.ศ. ๒๕๒๑ แล้ว จะเห็นได้ว่ำ ลักษณะเสื้อของเครื่องแบบปกติกำกีแกมเขียวของสมำชิกรัฐสภำมีควำมคล้ำยคลึงกับเสื้อคอเปิด สีกำกีแกมเขียวของเครื่องแบบนักศึกษำวิชำทหำรและผู้ก ำกับนักศึกษำวิชำทหำร ทั้งแบบ ก และ แบบ ข บำงประกำร แต่เนื่องจำกเครื่องแบบปกติกำกีแกมเขียวของสมำชิกรัฐสภำ ก ำหนดให้มีกระเป๋ำเสื้อ เป็นกระเป๋ำปะด้ำนบน ๒ กระเป๋ำและกระเป๋ำย่ำมด้ำนล่ำง ๒ กระเป๋ำ เป็นไปตำมลักษณะเสื้อคอเปิด สีกำกีแกมเขียวของเครื่องแบบนักศึกษำวิชำทหำรและผู้ก ำกับนักศึกษำวิชำทหำร แบบ ข ดังนั้น กำรแต่งกำย เครื่องแบบปกติกำกีแกมเขียวของสมำชิกรัฐสภำจึงต้องปล่อยชำยเสื้อไว้นอกกำงเกง และในบำงโอกำส อำจพับแขนเสื้อขึ้นไว้เหนือข้อศอกก็ได้ ส ำหรับเครื่องหมำยและป้ำยชื่อ กฎกระทรวง ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๓๔) ออกตำมควำม ในพระรำชบัญญัติเครื่องแบบนักศึกษำวิชำทหำรและเครื่องแบบผู้ก ำกับนักศึกษำวิชำทหำร พ.ศ. ๒๕๒๑ ข้อ ๑๓ ก ำหนดว่ำ เครื่องหมำยชั้นปีกำรศึกษำ เป็นตัวเลขไทย สูง ๑ เซนติเมตร ท ำด้วย โลหะสีทองตัวแบนติดที่แนวกลำงอินทรธนูทั้งสองข้ำง ให้ด้ำนบนของตัวเลขอยู่ทำงด้ำนคอห่ำงจำก
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๙๐ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ตะเข็บไหล่เสื้อ ๑ เซนติเมตร เมื่อแต่งเครื่องแบบฝึก ให้ปักด้วยไหมหรือด้ำยสีเหลืองติดที่ปกเสื้อ ด้ำนซ้ำย ให้ฐำนของตัวเลขขนำนกับปกเสื้อด้ำนหน้ำ ห่ำงจำกขอบปก ๒.๕ เซนติเมตร และข้อ ๑๖ ก ำหนดว่ำ เครื่องหมำยสังกัดกรมกำรรักษำดินแดน เป็นรูปเครื่องหมำยกรมกำรรักษำดินแดนท ำด้วย โลหะสีทอง กว้ำง ๒.๕ เซนติเมตร สูง ๔ เซนติเมตร ติดที่ปกเสื้อคอพับสีกำกีแกมเขียวแขนยำว ด้ำนขวำ ห่ำงจำกขอบปกเสื้อด้ำนหน้ำ ๒.๕ เซนติเมตร ให้ส่วนล่ำงของเครื่องหมำยขนำนกับขอบปกเสื้อ ด้ำนข้ำง เมื่อแต่งเครื่องแบบฝึก ให้ปักด้วยไหมหรือด้ำยสีเหลืองที่ปกเสื้อคอเปิดสีกำกีแกมเขียว ด้ำนขวำ ให้ส่วนล่ำงของเครื่องหมำยขนำนกับขอบปกเสื้อด้ำนหน้ำ และข้อ ๑๙ (๒) ก ำหนดว่ำ ป้ำยชื่อผ้ำ ท ำด้วยผ้ำสีด ำรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ำกว้ำง ๓ เซนติเมตร ยำวเท่ำกับควำมกว้ำงของปำกกระเป๋ำเสื้อ ชื่อตัวและชื่อสกุลปักด้วยไหมหรือด้ำยเป็นอักษรตัวบรรจงสีเหลืองสูง ๐.๘ เซนติเมตร เย็บติดกับ อกเสื้อชิดกับด้ำนบนของปกกระเป๋ำเสื้อด้ำนขวำของเสื้อคอเปิดสีกำกีแกมเขียว ส่วนข้อบังคับของ รัฐสภำว่ำด้วยเครื่องแบบสมำชิกรัฐสภำ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๓ ข้อ ๕ ค. (๒) ก ำหนดว่ำ เครื่องแบบ ปกติกำกีแกมเขียว ที่ปกคอเสื้อทั้งสองข้ำงปักด้วยด้ำยหรือไหมสีเหลืองหรือสีทอง เป็นรูปรัฐธรรมนูญ อยู่ภำยในวงกลม มีรัศมีโดยรอบ ขนำดสูง ๒.๕ เซนติเมตร เมื่อพิจำรณำเครื่องหมำยสังกัดและป้ำยชื่อเครื่องแบบฝึกของเครื่องแบบนักศึกษำ วิชำทหำรและเครื่องแบบผู้ก ำกับนักศึกษำวิชำทหำร เปรียบเทียบกับเครื่องหมำยที่ปกคอเสื้อของ เครื่องแบบปกติกำกีแกมเขียวของสมำชิกรัฐสภำแล้ว จะเห็นได้ว่ำเครื่องหมำยชั้นปีกำรศึกษำ รูปเครื่องหมำยกรมกำรรักษำดินแดน และชื่อตัวและชื่อสกุล ของเครื่องแบบนักศึกษำวิชำทหำรและ เครื่องแบบผู้ก ำกับนักศึกษำวิชำทหำร จะปักด้วยด้ำยหรือไหมสีเหลือง ดังนั้นที่ข้อบังคับของรัฐสภำ ว่ำด้วยเครื่องแบบสมำชิกรัฐสภำ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๓ ข้อ ๕ ค. (๒) ก ำหนดว่ำ เครื่องแบบปกติ กำกีแกมเขียว ที่ปกคอเสื้อทั้งสองข้ำงปักด้วยด้ำยหรือไหมสีเหลืองหรือสีทอง เป็นรูปรัฐธรรมนูญ อยู่ภำยในวงกลม มีรัศมีโดยรอบ ชื่อตัวและชื่อสกุลของสมำชิก ย่อมต้องปักด้วยด้ำยหรือไหมสีเหลือง หรือสีทองเช่นเดียวกันด้วย
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๙๑ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ๓. กำงเกง ข้อบังคับของรัฐสภำว่ำด้วยเครื่องแบบสมำชิกรัฐสภำ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๓ ข้อ ๕ ค. (๓) ก ำหนดว่ำ เครื่องแบบปกติกำกีแกมเขียว ให้ใช้กำงเกงขำยำวสีกำกีแกมเขียว ไม่พับปลำยขำ ที่แนวตะเข็บกำงเกงด้ำนข้ำงเป็นกระเป๋ำปะ ปำกกระเป๋ำเฉียงไม่มีปก และจะมีกระเป๋ำหลัง เป็นกระเป๋ำปะ มีปกขัดดุมกระเป๋ำละ ๑ ดุมด้วยก็ได้ ตะเข็บกำงเกงทุกตะเข็บต้องเป็นตะเข็บคู่ กฎส ำนักนำยกรัฐมนตรีว่ำด้วยเครื่องแบบข้ำรำชกำรกำรเมือง พ.ศ. ๒๕๕๒ ข้อ ๓ (๓) (ค) ก ำหนดว่ำ เครื่องแบบสีกำกีแกมเขียวคอแบะ ข้ำรำชกำรกำรเมืองชำยและหญิง ให้ใช้กำงเกงขำยำว สีกำกีแกมเขียว ไม่พับปลำยขำ ที่แนวตะเข็บกำงเกงด้ำนข้ำงเป็นกระเป๋ำปะ ปำกกระเป๋ำเฉียง ไม่มีปก และจะมีกระเป๋ำหลังเป็นกระเป๋ำปะ มีปกขัดดุมกระเป๋ำละ ๑ ดุมด้วยก็ได้ ตะเข็บกำงเกง ทุกตะเข็บจะต้องเป็นตะเข็บคู่ จะเห็นได้ว่ำกฎส ำนักนำยกรัฐมนตรีดังกล่ำว ได้ก ำหนดลักษณะของ กำงเกงไว้คล้ำยกับกำงเกงของเครื่องแบบปกติกำกีแกมเขียวของสมำชิกรัฐสภำ แต่ไม่ปรำกฏภำพ กำงเกงแนบท้ำยกฎดังกล่ำวแต่อย่ำงใด กฎกระทรวง ฉบับที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๕๘) ออกตำมควำมในพระรำชบัญญัติเครื่องแบบ นักศึกษำวิชำทหำรและเครื่องแบบผู้ก ำกับนักศึกษำวิชำทหำร พ.ศ. ๒๕๒๑ ข้อ ๑ ได้ยกเลิกควำม ในข้อ ๗ และข้อ ๘ แห่งกฎกระทรวงฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๓๔) ออกตำมควำมในพระรำชบัญญัติ เครื่องแบบนักศึกษำวิชำทหำรและเครื่องแบบผู้ก ำกับนักศึกษำวิชำทหำร พ.ศ. ๒๕๒๑ โดยก ำหนดว่ำ กำงเกงขำยำวสีกำกีแกมเขียวแบบฝึก มี ๒ แบบ คือ (ก) กำงเกงขำยำวสีกำกีแกมเขียวแบบฝึก ก ลักษณะเช่นเดียวกับกำงเกงขำยำว สีกำกีแกมเขียวแบบปกติ เว้นแต่กระเป๋ำที่แนวตะเข็บกำงเกงด้ำนข้ำงเป็นกระเป๋ำปะข้ำงละ ๑ กระเป๋ำ ปำกกระเป๋ำเฉียงไม่มีปก ก้นกระเป๋ำตัดตรง และด้ำนหลังมีกระเป๋ำปะข้ำงละ
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๙๒ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ๑ กระเป๋ำ ก้นกระเป๋ำเป็นรูปสำมเหลี่ยม มีปกกระเป๋ำเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ำขัดดุมข้ำงละ ๑ ดุม เมื่อสวมประกอบกับรองเท้ำสูงครึ่งน่องสีด ำหรือรองเท้ำเดินป่ำ ให้สอดปลำยขำกำงเกงไว้ภำยใน รองเท้ำและใช้ประกอบกับเสื้อคอเปิดสีกำกีแกมเขียวแบบ ก