The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

30 องค์ความรู้เพื่อนำไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Knowledge Management, 2023-07-25 00:08:59

30 องค์ความรู้เพื่อนำไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ

30 องค์ความรู้เพื่อนำไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ

๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๑๙๓ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร มีควำมแตกต่ำงทำงควำมคิดจนน ำไปสู่ควำมแตกแยก แตกควำมสำมัคคี มีกำรใช้ก ำลังและควำม รุนแรงตลอดจนกำรสร้ำงสถำนกำรณ์จำกผู้ไม่หวังดี จนท้ำยที่สุดมีกำรเข้ำยุติควำมขัดแย้งและแก้ไข ปัญหำในขณะนั้นด้วยกำรเข้ำยึดอ ำนำจกำรบริหำรกำรปกครองประเทศโดยทหำร ซึ่งเป็น ลักษณะเฉพำะของกำรเมืองไทยที่เกิดขึ้นเป็นวงจรหรือวัฏจักรของระบบกำรเมืองไทย มูลเหตุหนึ่งที่ ไม่อำจปฏิเสธได้ คือ กำรที่สมำชิกรัฐสภำในฐำนะฝ่ำยนิติบัญญัติปฏิบัติหน้ำที่โดยไม่ค ำนึงถึง ผลประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชำติและควำมผำสุกของประชำชนเป็นส ำคัญ รวมทั้งกำรไม่น้อมน ำ พระรำชด ำรัสของรัชกำลที่ ๙ ที่ทรงพระรำชทำนแก่สมำชิกรัฐสภำในรัฐพิธีเปิดประชุมมำเป็นแนวทำง ในกำรปฏิบัติหน้ำที่อย่ำงจริงจัง จึงท ำให้ระบบกำรเมืองไทยไม่พัฒนำอย่ำงมั่นคงยั่งยืน จำกสภำพปัญหำของกำรเมืองไทยดังกล่ำวข้ำงต้น กำรที่จะท ำให้ประเทศไทยมีระบบ กำรเมืองที่ดี เป็นกำรเมืองที่มีควำมสุจริต โปร่งใส เป็นกำรเมืองที่มุ่งเน้นสร้ำงคุณประโยชน์ให้เกิดกับ ประเทศชำติและประชำชนอย่ำงแท้จริง จึงจ ำเป็นอย่ำงยิ่งที่จะต้องสร้ำงนักกำรเมืองที่ดีให้เข้ำมำสู่ ระบอบกำรเมืองให้มำกที่สุด เพรำะกำรมีนักกำรเมืองที่ดีจะน ำไปสู่ระบบกำรเมืองที่ดี โดยแนวทำง ส ำคัญประกำรหนึ่งที่จะน ำมำซึ่งนักกำรเมืองที่ดี คือ กำรที่นักกำรเมืองหรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับแวดวง กำรเมืองได้น้อมน ำพระรำชด ำรัสหรือพระบรมรำโชวำทของพระบำทสมเด็จพระบรมชนกำธิเบศร มหำภูมิพลอดุลยเดชมหำรำช บรมนำถบพิตร (รัชกำลที่ ๙) เกี่ยวกับกำรงำนแผ่นดินมำเป็นแนวทำง หรือยึดถือปฏิบัติในกำรกระท ำกิจกำรงำนตำมหน้ำที่รับผิดชอบให้สัมฤทธิผลสมบูรณ์และเกิด ประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชำติและประชำชน ดังนั้น ผู้ศึกษำในฐำนะผู้ปฏิบัติหน้ำที่ในกำรสนับสนุน ภำรกิจและกำรปฏิบัติงำนของฝ่ำยนิติบัญญัติ จึงได้ศึกษำรวบรวมและวิเครำะห์ แนวทำงในกำรน ำ พระรำชด ำรัสหรือพระบรมรำโชวำทมำใช้ในกำรปฏิบัติหน้ำที่ของฝ่ำยนิติบัญญัติขึ้นมำ เพื่อให้ผู้ที่ เกี่ยวข้องได้พิจำรณำและน้อมน ำไปสู่กำรปฏิบัติอันจะยังประโยชน์ต่อประเทศชำติและประชำชน ต่อไป ๒. กฎหมาย กฎ ระเบียบ และยุทธศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง ๒.๑ รัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พุทธศักรำช ๒๕๖๐ รัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย ได้ก ำหนดบทที่ใช้แก่สภำทั้งสองเกี่ยวกับกำร ปฏิบัติหน้ำที่ กำรเข้ำรับหน้ำที่ของสมำชิกรัฐสภำ และรัฐพิธีเปิดประชุมสภำไว้ดังนี้ มำตรำ ๑๑๔ สมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรและสมำชิกวุฒิสภำย่อมเป็นผู้แทนปวงชนชำว ไทย ไม่อยู่ในควำมผูกมัดแห่งอำณัติมอบหมำย หรือควำมครอบง ำใด ๆ และต้องปฏิบัติหน้ำที่ด้วย ควำมซื่อสัตย์สุจริตเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชำติและควำมผำสุกของประชำชนโดยรวม โดยปรำศจำกกำรขัดกันแห่งผลประโยชน์ มำตรำ ๑๑๕ ก่อนเข้ำรับหน้ำที่ สมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรและสมำชิกวุฒิสภำต้อง ปฏิญำณตนในที่ประชุมแห่งสภำที่ตนเป็นสมำชิกด้วยถ้อยค ำ ดังต่อไปนี้ “ข้ำพเจ้ำ (ชื่อผู้ปฏิญำณ) ของปฏิญำณว่ำข้ำพเจ้ำจะปฏิบัติหน้ำที่ด้วยควำมซื่อสัตย์ สุจริตเพื่อประโยชน์ของประเทศและประชำชน ทั้งจะรักษำไว้และปฏิบัติตำมซึ่งรัฐธรรมนูญ แห่งรำชอำณำจักรไทยทุกประกำร


๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๑๙๔ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร มำตรำ ๑๒๒ พระมหำกษัตริย์ทรงเรียกประชุมรัฐสภำ ทรงเปิดและทรงปิดประชุม พระมหำกษัตริย์จะเสด็จพระรำชด ำเนินมำทรงท ำรัฐพิธีเปิดประชุมสมัยประชุมสำมัญ ประจ ำปีครั้งแรกด้วยพระองค์เอง หรือจะโปรดเกล้ำโปรดกระหม่อมให้พระรัชทำยำทซึ่งทรงบรรลุนิติ ภำวะแล้วหรือผู้ใดผู้หนึ่งเป็นผู้แทนพระองค์ มำท ำรัฐพิธีก็ได้ เมื่อมีควำมจ ำเป็นเพื่อประโยชน์แห่งรัฐ พระมหำกษัตริย์จะทรงเรียกประชุมรัฐสภำ เป็นกำรประชุมสมัยวิสำมัญก็ได้ ภำยใต้บังคับมำตรำ ๑๒๓ และมำตรำ ๑๒๖ กำรเรียกประชุม กำรขยำยเวลำประชุม และกำรปิดประชุมรัฐสภำให้กระท ำโดยพระรำชกฤษฎีกำ (ส ำนักประชำสัมพันธ์ ส ำนักงำนเลขำธิกำร สภำผู้แทนรำษฎร, ๒๕๖๓, น. ๘๑ - ๘๕) ๒.๒ อ ำนำจหน้ำที่รัฐสภำ รัฐสภำเป็นองค์กรที่ก ำหนดขึ้นเพื่อท ำหน้ำที่ฝ่ำยนิติบัญญัติ มีสมำชิกรัฐสภำ ซึ่งประกอบด้วยสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรและสมำชิกวุฒิสภำเป็นผู้ด ำเนินกำรภำยในขอบเขต และวิธีกำรที่รัฐธรรมนูญและข้อบังคับกำรประชุมสภำได้บัญญัติไว้ โดยรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พุทธศักรำช ๒๕๖๐ ได้ก ำหนดอ ำนำจหน้ำที่ของรัฐสภำไว้ ดังนี้ ๑) กำรตรำกฎหมำย กฎหมำย หมำยถึง หลักเกณฑ์หรือสิ่งใดก็ตำมที่ออกมำเพื่อก ำหนดหรือ บังคับให้คนทั้งหลำยต้องยึดถือและต้องปฏิบัติตำม ไม่ว่ำจะออกมำโดยผู้มีอ ำนำจในชั้นใด หลักเกณฑ์ หรือสิ่งเหล่ำนั้น คือกฎหมำยที่ทุกคนจะต้องปฏิบัติตำม กฎหมำยตำมควำมหมำยของรัฐธรรมนูญ หมำยถึง เฉพำะรัฐธรรมนูญในฐำนะที่เป็นกฎหมำยสูงสุดของประเทศ กฎมณเฑียรบำล พระรำชบัญญัติหรือพระรำชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ และพระรำชก ำหนด ดังนั้น กระบวนกำร ตรำกฎหมำย หมำยถึงกระบวนกำรหรือวิธีกำรในกำรออกกฎหมำยซึ่งได้แก่ พระรำชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญ พระรำชบัญญัติ และพระรำชก ำหนด โดยต้องเสนอให้สภำผู้แทนรำษฎรก่อน เมื่อสภำ ผู้แทนรำษฎรให้ควำมเห็นชอบแล้วต้องส่งให้วุฒิสภำพิจำรณำต่อไป (สถำบันพระปกเกล้ำ ,๒๕๖๐) กำรตรำกฎหมำย หมำยถึง อ ำนำจในกำรออกพระรำชบัญญัติ กำรแก้ไข เพิ่มเติมหรือยกเลิกพระรำชบัญญัติ กำรแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ และกำรแก้ไขเพิ่มเติมประมวล กฎหมำยต่ำงๆ เพื่อให้มีผลใช้บังคับเป็นกฎหมำย เพรำะกำรปกครองประเทศในระบอบประชำธิปไตย นั้นจ ำเป็นอย่ำงยิ่งที่จะต้องมีกฎหมำย เป็นกรอบในกำรด ำเนินกำร กฎหมำยต่ำง ๆ ที่ใช้เป็นหลักหรือ แม่บทที่ส ำคัญจะต้องตรำขึ้นมำตำมเจตนำรมณ์ของประชำชน ซึ่งรัฐธรรมนูญได้ก ำหนดให้เป็นอ ำนำจ หน้ำที่ของรัฐสภำที่จะพิจำรณำและให้ควำมยินยอมในกำรน ำกฎหมำยนั้น ๆ ออกใช้บังคับ (ส ำนักประชำสัมพันธ์ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร, ๒๕๕๖, น. ๒๙) กฎหมำยที่ออกโดยฝ่ำยนิติบัญญัติ ได้แก่ - พระรำชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ พระรำชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ เป็นกฎหมำยที่ก ำหนดรำยละเอียดส ำคัญ ในเรื่องต่ำง ๆ ที่เกี่ยวกับบำงองค์กรหรือวิธีด ำเนินกำรบำงอย่ำงตำมที่ก ำหนดเรื่องไว้เป็นเฉพำะ ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีข้อดีคือ ท ำให้ไม่ต้องบัญญัติรำยละเอียดทุก ๆ เรื่องไว้ในรัฐธรรมนูญและท ำให้


๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๑๙๕ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร รัฐธรรมนูญไม่ยืดยำวจนเกินไป จึงสำมำรถก ำหนดเฉพำะหลักกำรส ำคัญในเรื่องนั้น ๆ เป็นกำรเฉพำะ ไว้ในรัฐธรรมนูญ นอกจำกนี้ กำรมีพระรำชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญยังท ำให้สะดวกและง่ำยต่อ กำรแก้ไขเพิ่มเติมในภำยหลัง - พระรำชบัญญัติ พระรำชบัญญัติเป็นบทกฎหมำยที่วำงระเบียบบังคับควำมประพฤติของบุคคล ในสังคม และระเบียบเกี่ยวกับองค์กำรและเจ้ำหน้ำที่ของรัฐ มีฐำนะสูงกว่ำบทกฎหมำยอื่นๆ และรอง จำกรัฐธรรมนูญเท่ำนั้นกฎหมำยที่ต้องตรำเป็นพระรำชบัญญัติ ได้แก่ กฎหมำยที่วำงระเบียบบังคับ เกี่ยวกับสิทธิและเสรีภำพของบุคคลทั้งในชีวิตร่ำงกำยและทรัพย์สิน เช่น บทกฎหมำยที่ก ำหนด ลักษณะแห่งกำรกระท ำที่เป็นควำมผิดอำญำ บทกฎหมำยที่เรียกเก็บภำษีอำกร บทกฎหมำย ที่ก ำหนดระบบกำรใช้เสรีภำพของประชำชน เป็นต้น ทั้งนี้พระรำชบัญญัติมีข้อจ ำกัดเพียงแต่ต้องไม่ ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ หรือหลักกฎหมำยอื่น (มหำวิทยำลัยธุรกิจบัณฑิต, ๒๕๖๐) ๒) กำรควบคุมกำรบริหำรรำชกำรแผ่นดิน กำรควบคุมกำรบริหำรรำชกำรแผ่นดิน หมำยถึง กำรสอดส่องดูแลกำรปฏิบัติงำน ของคณะรัฐมนตรี หรือฝ่ำยบริหำรด้วยวิธีกำรที่รัฐธรรมนูญก ำหนดไว้ โดยกำรตั้งกระทู้ถำม กำรขอ เปิดอภิปรำยทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วำงใจอันอำจส่งผลให้รัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีต้องพ้นจำก ต ำแหน่งได้ นับเป็นหลักกำรส ำคัญอีกประกำรหนึ่งของกำรปกครองในระบอบประชำธิปไตย ที่ให้มี กำรถ่วงดุลอ ำนำจระหว่ำงกัน เพื่อป้องกันไม่ให้ฝ่ำยหนึ่งฝ่ำยใดใช้อ ำนำจเกินขอบเขต จนอำจท ำให้ ประชำชนได้รับควำมเดือดร้อน ๓) กำรให้ควำมเห็นชอบในเรื่องส ำคัญ รัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พุทธศักรำช ๒๕๖๐ ได้ก ำหนดให้สมำชิกรัฐสภำ เป็นผู้มีอ ำนำจในกำรพิจำรณำให้ควำมเห็นชอบในเรื่องส ำคัญ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของ แผ่นดินในกรณีต่ำง ๆ ในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภำ ดังนี้ ๓.๑) กำรให้ควำมเห็นชอบในกำรแต่งตั้งผู้ส ำเร็จรำชกำรแทนพระองค์ ๓.๒) กำรปฏิญำณตนของผู้ส ำเร็จรำชกำรแทนพระองค์ต่อรัฐสภำ ๓.๓) กำรรับทรำบกำรแก้ไขเพิ่มเติมกฎมณเฑียรบำลว่ำด้วยกำรสืบรำชสันตติวงศ์ ๓.๔) กำรรับทรำบหรือให้ควำมเห็นชอบในกำรสืบรำชสมบัติ ๓.๕) กำรให้ควำมเห็นชอบในกำรปิดสมัยประชุมสำมัยประจ ำปีก่อนครบก ำหนดเวลำ ๑๒๐ วัน ๓.๖) กำรเปิดประชุมรัฐสภำ ๓.๗) กำรพิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ๓.๘) กำรปรึกษำร่ำงพระรำชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญหรือร่ำงพระรำชบัญญัติ ใหม่กรณีพระมหำกษัตริย์ไม่ทรงเห็นชอบด้วยและพระรำชทำนคืนมำ หรือเมื่อพ้น ๙๐ วันแล้วมิได้ พระรำชทำนคืนมำ ๓.๙) กำรพิจำรณำให้ควำมเห็นชอบร่ำงรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมหรือร่ำง พระรำชบัญญัติ กรณีที่อำยุของสภำผู้แทนรำษฎรสิ้นสุดลงหรือมีกำรยุบสภำ และร่ำงรัฐธรรมนูญ


๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๑๙๖ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร แก้ไขเพิ่มเติมหรือร่ำงพระรำชบัญญัติที่รัฐสภำยังมิได้ให้ควำมเห็นชอบ หรือรัฐสภำให้ควำมเห็นชอบ แล้วแต่พระมหำกษัตริย์ไม่ทรงเห็นชอบด้วย หรือเมื่อพ้นก ำหนด ๙๐ วันแล้วมิได้พระรำชทำนคืนมำ ๓.๑๐) กำรเปิดอภิปรำยทั่วไปกรณีที่มีปัญหำส ำคัญเกี่ยวกับควำมมั่นคงปลอดภัยหรือ เศรษฐกิจของประเทศ หรือกรณีที่มีปัญหำเกี่ยวกับกำรบริหำรรำชกำรแผ่นดินที่คณะรัฐมนตรี เห็นสมควรฟังควำมคิดเห็นของสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรและสมำชิกรัฐสภำ ๓.๑๑) กำรตรำข้อบังคับกำรประชุมรัฐสภำ ๓.๑๒) กำรแถลงนโยบำยต่อรัฐสภำ ๓.๑๓) กำรให้ควำมเห็นชอบในกำรประกำศสงครำม ๓.๑๔) กำรรับฟังค ำชี้แจงและกำรให้ควำมเห็นชอบหนังสือสัญญำที่มีบทเปลี่ยนแปลง อำณำเขตไทย หรือเขตพื้นที่นอกอำณำเขตซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตยหรือมีเขตอ ำนำจตำมหนังสือ สัญญำหรือตำมกฎหมำยระหว่ำงประเทศ หรือจะต้องออกพระรำชบัญญัติเพื่อให้กำรเป็นไปตำม หนังสือสัญญำ หรือมีผลกระทบต่อควำมมั่นคงทำงเศรษฐกิจ สังคม หรือกำรค้ำกำรลงทุนของประเทศ อย่ำงกว้ำงขวำง ๓.๑๕) กำรแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ กรณีคณะรัฐมนตรี หรือสมำชิกสภำผู้แทน รำษฎรจ ำนวนไม่น้อยกว่ำ๑ ใน ๕ ของจ ำนวนสมำชิกทั้งหมดเท่ำที่มีอยู่ของสภำผู้แทนรำษฎร หรือ จำกสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรและสมำชิกวุฒิสภำจ ำนวนไม่น้อยกว่ำ ๑ ใน ๕ ของจ ำนวนสมำชิก ทั้งหมดเท่ำที่มีอยู่ของทั้งสองสภำ หรือจำกประชำชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งจ ำนวนไม่น้อยกว่ำ ๕๐,๐๐๐ คน เข้ำชื่อเสนอญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญได้ ๒.๒.๓ พระรำชกรณียกิจของพระบำทสมเด็จพระบรมชนกำธิเบศร มหำภูมิพลอดุลย เดชมหำรำช บรมนำถบพิตร (รัชกำลที่ ๙) ในรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภำ พระรำชกรณียกิจของรัชกำลที่ ๙ เกี่ยวกับรัฐสภำมีหลำยพระรำชกรณียกิจที่นับเป็น คุณูปกำรอย่ำงใหญ่หลวงให้แก่ฝ่ำยนิติบัญญัติ ซึ่งเป็นสถำบันหลักในกำรปกครองระบอบ ประชำธิปไตยอันมีพระมหำกษัตริย์ทรงเป็นประมุขของไทย อำทิ พระรำชพิธีฉลองวันพระรำชทำน รัฐธรรมนูญ พระรำชพิธีพระรำชทำนรัฐธรรมนูญและกำรลงพระปรมำภิไธย และรัฐพิธีเปิดประชุม รัฐสภำ กล่ำวส ำหรับเฉพำะพระรำชกรณียกิจในรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภำและพระรำชด ำรัสในรัฐพิธี เปิดประชุมรัฐสภำมีสำระส ำคัญดังนี้ ๑) รัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภำ รัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พุทธศักรำช ๒๕๖๐ มำตรำ ๑๒๒ ได้ก ำหนดให้ ภำยหลังกำรเลือกตั้งหรือแต่งตั้งสมำชิกเพื่อท ำหน้ำที่ของรัฐสภำ จะมีกำรเรียกประชุมรัฐสภำเพื่อให้ สมำชิกได้มำประชุมเป็นครั้งแรก กำรประชุมในครั้งแรกนี้ถือเป็นพิธีกำรที่มีควำมส ำคัญยิ่ง เนื่องจำก พระมหำกษัตริย์จะเสด็จพระรำชด ำเนินมำทรงประกอบรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภำครั้งแรกด้วยพระองค์ เอง (หรือจะโปรดเกล้ำโปรดกระหม่อมให้พระรัชทำยำทซึ่งบรรลุนิติภำวะแล้ว หรือผู้ใดผู้หนึ่งเป็น ผู้แทนพระองค์) เป็นรัฐพิธีที่ถือปฏิบัติสืบต่อกันมำของประเทศไทยนับแต่มีกำรปกครองระบอบ ประชำธิปไตย


๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๑๙๗ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร รัฐพิธีหมำยถึง งำน หรือพิธี ที่รัฐบำลกรำบบังคมทูลขอพระมหำกรุณำธิคุณเพื่อทรง รับไว้เป็นงำนรัฐพิธี มีหมำยก ำหนดกำรที่ก ำหนดไว้ ซึ่งพระบำทสมเด็จพระเจ้ำอยู่หัวจะเสด็จพระรำช ด ำเนินไปทรงเป็นประธำนในพิธีหรือทรงพระกรุณำโปรดเกล้ำโปรดกระหม่อมให้ผู้แทนพระองค์ ไปเป็นประธำนในพิธี ซึ่งแตกต่ำงจำกพระรำชพิธีที่พระมหำกษัตริย์จะทรงก ำหนด ส่วนรัฐพิธีเป็นงำน ที่รัฐบำลก ำหนด แล้วขอพระรำชทำนอันเชิญเสด็จพระรำชด ำเนิน รัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภำ มีควำมหมำยรวมถึง รัฐพิธีเปิดประชุมสภำผู้แทนรำษฎร พฤฒสภำ วุฒิสภำ สภำร่ำงรัฐธรรมนูญ สภำนิติบัญญัติแห่งชำติ หรือสภำที่เรียกชื่ออื่นที่ท ำหน้ำที่ใน ฐำนะรัฐสภำ ซึ่งมีชื่อแตกต่ำงกันไปตำมรัฐธรรมนูญแต่ละฉบับ และบ่งบอกได้ว่ำ “รัฐ” เป็นฝ่ำย ด ำเนินกำร โดยมีพระมหำกษัตริย์เสด็จพระรำชด ำเนินไปทรงเป็นองค์ประธำน หรือจะทรงพระกรุณำ โปรดเกล้ำโปรดกระหม่อมให้ผู้ใดผู้หนึ่งเป็นผู้แทนพระองค์ไปกระท ำรัฐพิธีก็ได้ เพื่อเป็นกำร พระรำชทำนพระบรมรำชวโรกำสให้ผู้แทนของปวงชนชำวไทยเฝ้ำทูลละอองธุลีพระบำทรับเสด็จ โดยพร้อมเพรียงกันอย่ำงเป็นทำงกำรก่อนปฏิบัติหน้ำที่ (คณะกรรมกำรจัดท ำหนังสือที่ระลึกเฉลิม พระเกียรติพระบำทสมเด็จพระเจ้ำอยู่หัวเนื่องในโอกำสกำรจัดงำนฉลองสิริรำชสมบัติครบ ๗๐ ปี และเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนำงเจ้ำสิริกิติ์ พระบรมรำชินีนำถ เนื่องในโอกำสพระรำชพิธีมหำ มงคลเฉลิมพระชนมพรรษำ ๗ รอบ ๑๒ สิงหำคม ๒๕๕๙ สภำนิติบัญญัติแห่งชำติ, ๒๕๖๐, น. ๘๒-๘๓) พระรำชกรณียกิจในกำรเสด็จพระรำชด ำเนินในรัฐพิธีเปิดประชุมสภำของ พระมหำกษัตริย์ ถือว่ำเป็นรำชประเพณีไทยที่ถือปฏิบัติสืบต่อกันมำตั้งแต่ก่อนกำรเปลี่ยนแปลงกำร ปกครองเมื่อครั้งพระบำทสมเด็จพระปกเกล้ำเจ้ำอยู่หัวได้พระรำชทำนกระแสพระรำชด ำรัสให้ผู้แทน พระองค์อันเชิญไปอ่ำนเปิดกำรประชุมสภำกรรมกำรองคมนตรีครั้งแรก ที่ทรงโปรดเกล้ำโปรด กระหม่อมตั้งขึ้น หลังจำกเปลี่ยนแปลงกำรปกครองเป็นระบอบประชำธิปไตยเป็นต้นมำ ได้บัญญัติไว้ ในรัฐธรรมนูญไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เหตุที่รัฐธรรมนูญก ำหนดไว้เนื่องจำกได้ค ำนึงถึงพระรำช สถำนะพระมหำกษัตริย์ไทยเป็นที่เคำรพสักกำระของประชำชน ประกอบกับประสงค์ตำมแนวจำรีต ประเพณีของอังกฤษซึ่งถือเป็นประเทศแม่แบบประชำธิปไตยระบบรัฐสภำอีกทั้งพระมหำกษัตริย์ทรง พระกรุณำโปรดเกล้ำโปรดกระหม่อมแต่งตั้งสมำชิกรัฐสภำที่ได้รับกำรเลือกตั้งให้มำท ำหน้ำที่ผู้แทน ประชำชนจึงควรให้สมำชิกรัฐสภำเหล่ำนั้นได้มีโอกำสเข้ำเฝ้ำทูลละอองธุลีพระบำท เพื่อน้อมรับ พระรำชด ำรัสของพระบำทสมเด็จพระเจ้ำอยู่หัวก่อนกำรปฏิบัติหน้ำที่ฝ่ำยนิติบัญญัติโดยเต็มก ำลัง ควำมสำมำรถเพื่อประโยชน์ของประเทศชำติและควำมผำสุกของประชำชน (ส ำนักงำนเลขำธิกำร วุฒิสภำ, ๒๕๓๙, น. ๒๙๑) ๒) พระรำชด ำรัสของพระบำทสมเด็จพระบรมชนกำธิเบศร มหำภูมิพลอดุลยเดช มหำรำช บรมนำถบพิตร (รัชกำลที่ ๙) ในรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภำ สิ่งส ำคัญที่สุดในรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภำ คือ พระรำชด ำรัสของรัชกำลที่ ๙ ที่พระรำชทำนแก่เหล่ำสมำชิกรัฐสภำ ไม่ว่ำจะเป็นร่ำงพระรำชด ำรัสที่รัฐบำลทูลเกล้ำฯถวำย ที่มีเนื้อควำมแถลงผลงำนของรัฐบำล หรือพระรำชด ำรัสที่แท้จริงที่แสดงถึงควำมในพระรำชหฤทัย ล้วนทรงมุ่งหวังให้ผู้แทนปวงชนชำวไทยท ำหน้ำที่ของตนอย่ำงรอบคอบ และสุจริตเที่ยงตรง เพื่อประโยชน์สุขของประชำชนและควำมมั่นคงของประเทศ ดังนั้น กำรเสด็จพระรำชด ำเนินของ


๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๑๙๘ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร พระมหำกษัตริย์ในรัฐพิธีเปิดสมัยประชุม จึงถือเป็นโอกำสอันดี ที่เหล่ำสมำชิกรัฐสภำได้เข้ำ เฝ้ำทูลละอองธุลีพระบำทรับพระรำชทำนพระบรมรำโชวำทในรัฐพิธีนั้น ในสมัยรัชกำลที่ ๙ ทรงเสด็จพระรำชด ำเนินประกอบรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภำด้วย พระองค์เองเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ ๑ มิถุนำยน ๒๔๙๓ ถึงวันที่ ๔ มีนำคม ๒๕๔๘ รวม ๓๓ ครั้ง และโดยผู้แทนพระองค์ จ ำนวน ๑๔ ครั้ง ประกอบด้วย สมเด็จพระนำงเจ้ำสิริกิติ์ พระบรมรำชินีนำถ พระบรมรำชชนนีพันปีหลวง จ ำนวน ๑ ครั้ง พระบำทสมเด็จพระปรเมนทรรำมำธิบดีศรีสินทรมหำ วชิรำลงกรณ พระวชิรเกล้ำเจ้ำอยู่ จ ำนวน ๕ ครั้ง พระเจ้ำบรมวงศ์เธอ กรมขุนชัยนำทนเรนทร จ ำนวน ๖ ครั้ง พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยลำภพฤฒิยำกร จ ำนวน ๑ ครั้ง จอมพล ป. พิบูลสงครำม จ ำนวน ๑ ครั้ง รวม ๔๗ ครั้ง (คณะกรรมกำรจัดท ำหนังสือที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติพระบำทสมเด็จ พระเจ้ำอยู่หัวเนื่องในโอกำสกำรจัดงำนฉลองสิริรำชสมบัติครบ ๗๐ ปี และเฉลิมพระเกียรติสมเด็จ พระนำงเจ้ำสิริกิติ์ พระบรมรำชินีนำถ เนื่องในโอกำสพระรำชพิธีมหำมงคลเฉลิมพระชนมพรรษำ ๗ รอบ ๑๒ สิงหำคม ๒๕๕๙ สภำนิติบัญญัติแห่งชำติ , ๒๕๖๐, น. ๘๖) พระรำชด ำรัสในพิธีเปิดประชุมรัฐสภำของพระองค์โดยส่วนใหญ่ได้กล่ำวถึงว่ำ ในกำร ปกครองในระบอบประชำธิปไตย ย่อมถือว่ำสมำชิกรัฐสภำมีควำมส ำคัญอันดับแรกของระบอบกำร ปกครองนี้ คือ เป็นตัวแทนของประชำชนทั้งประเทศเข้ำมำด ำเนินกำรปกครองโดยใช้อ ำนำจในทำง นิติบัญญัติเพื่อพิจำรณำออกกฎหมำยต่ำง ๆ ฉะนั้น ประเทศชำติจะมีควำมเจริญเพียงไรย่อมขึ้นอยู่กับ สติปัญญำควำมสำมำรถของสมำชิกสภำ เพรำะกำรกระท ำทุกอย่ำงมีผลผูกพันโดยตรงต่อควำมเจริญ ขึ้นหรือเสื่อมลงของประเทศชำติ ถ้ำทุกคนปฏิบัติหน้ำที่ได้ถูกต้องและสมบูรณ์ บ้ำนเมืองก็จะเจริญ มั่นคง ประชำชนก็จะอยู่เย็นเป็นสุข แต่ถ้ำปฏิบัติหน้ำที่ไม่ถูกต้องหรือบกพร่อง บ้ำนเมืองจะเสื่อม เสียหำย และประชำชนก็จะมีควำมทุกข์เดือดร้อน ดังนั้น สมำชิกควรจะส ำนึกโดยตระหนักถึงควำม รับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ และตั้งเจตนำให้แน่วแน่ที่จะร่วมกันปฏิบัติภำรกิจโดยเต็มก ำลังควำมสำมำรถ ด้วยควำมซื่อสัตย์สุจริต ด้วยควำมคิดพิจำรณำอันสุขุมรอบคอบ ด้วยเหตุผลอันเที่ยงตรงถูกต้อง และ สมัครสมำนสำมัคคี โดยให้ค ำนึงถึงประโยชน์ของประชำชนและประเทศชำติเป็นส ำคัญ (คณะกรรมกำรจัดท ำหนังสือที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติพระบำทสมเด็จพระเจ้ำอยู่หัวเนื่องในโอกำสกำร จัดงำนฉลองสิริรำชสมบัติครบ ๗๐ ปี และเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนำงเจ้ำสิริกิติ์ พระบรมรำชินีนำถ เนื่องในโอกำสพระรำชพิธีมหำมงคลเฉลิมพระชนมพรรษำ ๗ รอบ ๑๒ สิงหำคม ๒๕๕๙ สภำนิติบัญญัติแห่งชำติ , ๒๕๖๐, น. ๑๒๐) ๒.๒.๔ บทบำทฝ่ำยนิติบัญญัติกับสถำนกำรณ์ทำงกำรเมือง กรณีสถำนกำรณ์ควำมขัดแย้งทำงกำรเมืองของไทยเมื่อปี ๒๕๕๖ เป็นควำมขัดแย้ง ต่อเนื่องจำกกระแสกำรต่อต้ำนอดีตนำยกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งมีมำก่อนหน้ำนั้น จนกระทั่ง รัฐบำลชุดนำงสำวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เกิดสถำนกำรณ์ควำมตึงเครียดและร้อนแรงมำกยิ่งขึ้น คือ ร่ำงพระรำชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระท ำควำมผิดเนื่องจำกกำรชุมนุมทำงกำรเมือง กำร แสดงออกทำงกำรเมืองของประชำชน พ.ศ. .... ซึ่งน ำไปสู่กำรชุมชนประท้วงครั้งใหญ่ และเรียกร้องให้ มีกำรปฏิรูป สถำนกำรณ์ควำมขัดแย้งเป็นลักษณะของกำรเผชิญหน้ำ จนน ำไปสู่กำรแบ่งแยกเป็นกลุ่ม ต่ำง ๆ โดยใช้ “สี”เป็นสัญลักษณ์ประจ ำกลุ่มสถำนกำรณ์เริ่มมีกำรใช้ควำมรุนแรง โดยต่ำงฝ่ำยต่ำง


๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๑๙๙ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ปฏิเสธควำมรับผิดชอบ อีกทั้งกำรกระท ำโดยกลุ่มผู้ไม่หวังดีเมื่อสถำนกำรณ์ยิ่งทวีควำมรุนแรงและ ยำกต่อกำรควบคุม คณะรักษำควำมสงบแห่งชำติ (คสช.) จึงเข้ำยึดอ ำนำจเมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภำคม ๒๕๕๗ กำรพิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัตินิรโทษกรรมฯ เมื่อเดือนสิงหำคม ๒๕๕๖ พรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นเสียงข้ำงมำกในสภำผู้แทนรำษฎร ได้เสนอร่ำงพระรำชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระท ำควำมผิดเนื่องจำกกำรชุมชนทำงกำรเมือง กำรแสดงออกทำงกำรเมืองของประชำชน พ.ศ. .... เข้ำสู่กำรประชุมสภำผู้แทนรำษฎรโดยในร่ำงแรก ๆ ร่ำงพระรำชบัญญัตินี้จะยกเลิกควำมผิดให้เฉพำะแก่ผู้ชุมนุม ไม่รวมถึงแกนน ำกำรชุมนุมและผู้สั่งกำร ต่อมำนำยประยุทธ์ ศิริพำนิชย์รองประธำนกรรมำธิกำรพิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัตินิรโทษกรรมฯ ได้แปรญัตติให้รวมกำรนิรโทษกรรมควำมผิดให้กลุ่มแกนน ำด้วย กำรต่อต้ำนพระรำชบัญญัติฉบับนี้จึง เริ่มต้นขึ้น จำกควำมไม่พอใจ ที่สภำผู้แทนรำษฎรลงมติให้ร่ำงพระรำชบัญญัตินี้ผ่ำนกำรพิจำรณำ ในวำระที่สองและสำม โดยใช้เวลำในกำรพิจำรณำเพียง ๑๙ ชั่วโมง ท ำให้ฝ่ำยค้ำนทักท้วง โดยเห็นว่ำ เป็นกำรเร่งรัดลงมติกำรออกกฎหมำยที่รวบรัด โดยไม่สนใจควำมเห็นของฝ่ำยค้ำนและกำรคัดค้ำน ของภำคประชำชน ท ำให้แกนน ำพรรคประชำธิปัตย์ประกำศระดมมวลชนชุมนุมและประชำชนหลำย กลุ่มรวมตัวชุมชนแสดงกำรคัดค้ำนจ ำนวนมำกกระจำยทั่วกรุงเทพมหำนคร เพื่อเรียกร้องให้ถอนร่ำง พระรำชบัญญัติดังกล่ำว กระทั่ง ในวันที่ ๑๑ พฤศจิกำยน ๒๕๕๖ ที่ประชุมวุฒิสภำได้พิจำรณำร่ำง พระรำชบัญญัตินิรโทษกรรมฯ และมีมติเอกฉันท์ไม่รับร่ำงดังกล่ำว และส่งคืนให้สภำ หลังครบก ำหนด ๑๘๐วัน ทั้งนี้ทั้งนั้น กำรชุมนุมก็ยังคงมีอย่ำงต่อเนื่องต่อไป แม้ว่ำพรรคร่วมรัฐบำลจะร่วมกันลง สัตยำบันว่ำไม่น ำกฎหมำยนิรโทษกรรมมำพิจำรณำอีก จนนำยสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้ประกำศก่อตั้ง “คณะกรรมกำรประชำชนเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชำธิปไตยที่สมบูรณ์ อันมี พระมหำกษัตริย์ทรงเป็นประมุข” หรือ “กปปส.” เพื่อต่อต้ำนรัฐบำล ขณะเดียวกัน “กลุ่มแนวร่วม ประชำธิปไตยต่อต้ำนเผด็จกำรแห่งชำติ” หรือ “นปช.” ก็ได้จัดกำรชุมนุมขึ้นเพื่อตอบโต้กำรต่อต้ำน รัฐบำล เหตุกำรณ์จึงส่อเค้ำว่ำจะทวีควำมรุนแรงมำกยิ่งขึ้น ท ำให้นำงสำวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ตัดสินใจ ประกำศยุบสภำเป็นอันสิ้นสุดรัฐบำลพรรคเพื่อไทย (สถำบันพระปกเกล้ำ, ๒๕๖๐) กรณีศึกษำดังกล่ำวสะท้อนถึงกำรปฏิบัติหน้ำที่ของสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรที่ไม่ได้ ยึดโยงกับรัฐธรรมนูญและค ำสัตย์ปฏิญำณที่ให้ไว้ในที่ประชุมแห่งสภำ รวมทั้งพระบรมรำโชวำทของ พระมหำกษัตริย์ที่ให้ในรัฐพิธีเปิดประชุม ๓ บทวิเคราะห์ สมำชิกรัฐสภำคือผู้แทนปวงชนชำวไทยที่เข้ำมำท ำหน้ำที่รัฐสภำในฐำนะผู้ใช้อ ำนำจ นิติบัญญัติ ตำมรัฐธรรมนูญก ำหนดให้สมำชิกรัฐสภำต้องปฏิบัติหน้ำที่ด้วยควำมซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ของประเทศชำติและประชำชน ซึ่งชี้ให้เห็นถึงควำมส ำคัญของอ ำนำจหน้ำที่ของรัฐสภำ ไม่ว่ำจะเป็นกำรตรำกฎหมำย กำรควบคุมกำรบริหำรรำชกำรแผ่นดิน และกำรให้ควำมเห็นชอบ ในเรื่องส ำคัญ ในด้ำนกำรตรำกฎหมำยทั้งพระรำชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ และพระรำชบัญญัติ


๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๒๐๐ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ถือเป็นหน้ำที่หลักและส ำคัญยิ่งของฝ่ำยนิติบัญญัติ ต้องด ำเนินกำรด้วยควำมละเอียดรอบคอบ รัดกุม และเป็นไปตำมเจตนำรมณ์ของพระรำชบัญญัตินั้น ๆ ทั้งนี้เพื่อให้ร่ำงพระรำชบัญญัติที่จะตรำ เป็นกฎหมำยดังกล่ำวใช้บังคับมีควำมสมบูรณ์ถูกต้อง และชอบด้วยหลักนิติธรรม อันจะก่อให้เกิด ประโยชน์ต่อประเทศชำติและประชำชนอย่ำงสูงสุด เช่นเดียวกันกระบวนกำรควบคุมกำรบริหำร รำชกำรแผ่นดินถือได้ว่ำเป็นหลักกำรที่ส ำคัญในระบบรัฐสภำ ซึ่งรัฐธรรมนูญส่วนใหญ่จะก ำหนด สัมพันธภำพระหว่ำงอ ำนำจนิติบัญญัติและอ ำนำจบริหำรไว้ แต่ละอ ำนำจต่ำงมีควำมเชื่อมโยง และมี กำรถ่วงดุลแห่งอ ำนำจซึ่งกันและกัน ซึ่งเป็นกำรตรวจสอบกำรท ำหน้ำที่ของฝ่ำยบริหำรหรือ คณะรัฐมนตรี เพื่อให้กำรบริหำรรำชกำรของรัฐบำลเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศและประชำชน ตลอดจนกำรใช้อ ำนำจหน้ำที่ของฝ่ำยนิติบัญญัติหรือรัฐสภำในกำรให้ควำมเห็นชอบเรื่องส ำคัญต่ำง ๆ ข้ำงต้น ล้วนเป็นเรื่องที่ส ำคัญต่อชำติบ้ำนเมืองทั้งด้ำนควำมมั่นคงของรัฐ ด้ำนเศรษฐกิจ และกิจกำร ภำยในประเทศ จึงเป็นกำรสมควรที่รัฐธรรมนูญได้ก ำหนดให้ฝ่ำยนิติบัญญัติในฐำนะผู้แทนของ ประชำชนมีควำมเห็นชอบร่วมกันในกำรด ำเนินกำร และควำมเห็นชอบดังกล่ำวต้องมีควำมเป็นอิสระ ปรำศจำกควำมครอบง ำ และเป็นไปเพื่อประโยชน์ของประเทศชำติ และประชำชนเป็นส ำคัญ รวมทั้ง ต้องธ ำรงไว้ซึ่งสถำบันชำติ ศำสนำ พระมหำกษัตริย์ ควำมมั่นคงภำยในประเทศ ตลอดจนสัมพันธภำพ ประเทศเพื่อนบ้ำน และนำนำประเทศอีกด้วย จำกอ ำนำจหน้ำที่ดังกล่ำว สมำชิกรัฐสภำจึงเป็นผู้แทนของประชำชนที่ได้รับควำม ไว้วำงใจจำกประชำชนให้เข้ำมำปฏิบัติหน้ำที่ฝ่ำยนิติบัญญัติ โดยสะท้อนเจตนำรมณ์จำกประชำชน ในกำรตรำกฎหมำยที่จ ำเป็นเกิดประโยชน์สุขต่อประชำชน สังคมมีควำมเป็นระเบียบเรียบร้อย และเกิดควำมสงบมั่นคงให้กับประเทศ กำรท ำหน้ำที่ตรวจสอบกำรบริหำรงำนรัฐบำลแทนประชำชน รวมทั้งกำรให้ควำมเห็นชอบในเรื่องที่ส ำคัญที่ส่งผลกระทบต่อประเทศและประชำชน ดังนั้น สมำชิก รัฐสภำซึ่งท ำหน้ำที่ฝ่ำยนิติบัญญัติจะต้องท ำหน้ำที่ด้วยควำมมุ่งมั่น ทุ่มเทมีควำมซื่อสัตย์สุจริต ละเอียดรอบคอบ ปฏิบัติหน้ำที่รับผิดชอบอย่ำงตรงไปตรงมำเพื่อประโยชน์ของประเทศและ ประชำชนอย่ำงแท้จริง ตำมที่ได้ปฏิญำณตนในที่ประชุมแห่งสภำ และพระรำชด ำรัสของรัชกำลที่ ๙ ที่ พระรำชทำนแก่สมำชิกรัฐสภำในรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภำหรือโอกำสต่ำง ๆ พระรำชด ำรัสที่รัชกำลที่ ๙ พระรำชทำนในรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภำโอกำสต่ำง ๆ นั้น หำกท ำกำรวิเครำะห์แล้ว จะเห็นว่ำทุกครั้งพระองค์ท่ำนทรงเน้นย้ ำถึงหลักหรือแนวทำงในกำรปฏิบัติ หน้ำที่ของสมำชิกรัฐสภำให้ด ำเนินไปตำมวิถีทำงของรัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์ของประเทศและ ประชำชนอย่ำงแท้จริง โดยให้ยึดหลักปฏิบัติส ำคัญ ดังนี้ ๑) ควำมสมำนสำมัคคีมีควำมร่วมมือปรองดองกัน ร่วมแรงร่วมใจกันปฏิบัติหน้ำที่ โดยเต็มก ำลังควำมสำมำรถให้งำนของแผ่นดินด ำเนินไปโดยถูกต้อง ๒) ควำมรอบคอบ สุขุม มีกำรปรึกษำหำรือ คิดพิจำรณำร่วมกัน หรือกำรอภิปรำย ปัญหำใด ๆ อย่ำงละเอียดรอบคอบด้วยเหตุและผลที่ถูกต้องตำมหลักนิติธรรมและคุณธรรม ๓) ควำมสุจริต เที่ยงตรงมีควำมตั้งใจในกำรปฏิบัติหน้ำที่อย่ำงตรงไปตรงมำ ด้วยควำมซื่อสัตย์สุจริต และบริสุทธิ์ใจ ไม่อยู่ภำยใต้อำณัติใด ๆ


๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๒๐๑ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร พระรำชด ำรัสของพระองค์ที่ทรงพระรำชทำนไว้ในโอกำสนี้มำจำกควำมสนพระทัย ในสถำนกำรณ์บ้ำนเมือง ควำมห่วงใยในทุกข์สุขของประชำชน และควำมต้องกำรพัฒนำประเทศให้ เจริญก้ำวหน้ำและมั่นคงอย่ำงยั่งยืน ดังนั้น พระรำชด ำรัสของพระองค์จึงเป็นคติเตือนใจอย่ำงดี ส ำหรับสมำชิกรัฐสภำที่จะน้อมน ำหลักปฏิบัติดังกล่ำวไปเป็นคติประจ ำใจในกำรท ำหน้ำที่ฝ่ำยนิติ บัญญัติให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อชำติบ้ำนเมืองและประชำชน ให้สมกับที่ได้รับควำมเชื่อมั่นและควำม ไว้วำงใจจำกประชำชนที่ได้รับเลือกตั้ง โดยถือเป็นควำมภำคภูมิใจในเกียรติยศที่ได้เป็นผู้แทน ประชำชนเข้ำมำปฏิบัติหน้ำที่อันทรงเกียรติ อีกทั้งสมำชิกรัฐสภำควรปฏิบัติภำรกิจอันส ำคัญยิ่งนี้ ให้บรรลุผลตำมประสงค์ให้สมดังค ำสัตย์ที่ได้ปฏิญำณไว้ในที่ประชุมสภำที่ตนเป็นสมำชิกก่อนเข้ำ รับหน้ำที่ว่ำ“ข้ำพเจ้ำจะปฏิบัติหน้ำที่ด้วยควำมซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ของประเทศ และประชำชน ทั้งจะรักษำไว้และปฏิบัติตำมซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทยทุกประกำร” กรณีเหตุกำรณ์ดังกล่ำวข้ำงต้นเป็นปัจจัยหนึ่งของควำมขัดแย้งทำงกำรเมืองที่มูลเหตุ หนึ่งที่เป็นตัวอย่ำงสะท้อนมำจำกกำรปฏิบัติหน้ำที่ของฝ่ำยนิติบัญญัติบำงส่วนที่ไม่เป็นไปตำม เจตนำรมณ์ของรัฐธรรมนูญ ที่มุ่งคุ้มครองผลประโยชน์ของประเทศชำติและประชำชน อีกทั้ง ยังไม่ น้อมน ำพระรำชด ำรัสของรัชกำลที่ ๙ ที่ได้พระรำชทำนไว้ในรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภำมำปฏิบัติท ำให้ เกิดกระแสต่อต้ำนจนเป็นเหตุให้ประชำชนแบ่งฝักแบ่งฝ่ำย จนคณะรักษำควำมสงบแห่งชำติ (คสช.) เข้ำยึดอ ำนำจ เพื่อเข้ำแก้ไขสถำนกำรณ์ ทั้งนี้หำกสมำชิกรัฐสภำทุกคนปฏิบัติหน้ำที่โดยยึดพระรำช ด ำรัสและปฏิบัติตำมค ำสัตย์ปฏิญำณที่ให้ไว้ในรัฐพิธีประชุมรัฐสภำได้อย่ำงจริงจัง คงจะไม่มีควำม ขัดแย้งทำงกำรเมืองอันเกิดจำกกำรท ำหน้ำที่ของฝ่ำยนิติบัญญัติเกิดขึ้นได้อย่ำงเช่นที่ผ่ำนมำ ๒.๔ บทสรุป ตำมบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พุทธศักรำช ๒๕๖๐ บทที่ใช้แก่ สภำทั้งสอง บัญญัติว่ำ “สมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรและสมำชิกวุฒิสภำย่อมเป็นผู้แทนปวงชนชำวไทย ไม่อยู่ในควำมผูกมัดแห่งอำณัติมอบหมำย หรือควำมครอบง ำใด ๆ และต้องปฏิบัติหน้ำที่ด้วยควำม ซื่อสัตย์สุจริตเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชำติและควำมผำสุกของประชำชนโดยรวม โดยปรำศจำกกำรขัดกันแห่งผลประโยชน์” และก่อนเข้ำรับหน้ำที่ อีกทั้งสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎร และวุฒิสภำต้องปฏิญำณตนในที่ประชุมแห่งสภำที่ตนเป็นสมำชิกด้วยถ้อยค ำว่ำ “ข้ำพเจ้ำ ขอปฏิญำณว่ำข้ำพเจ้ำจะปฏิบัติหน้ำที่ด้วยควำมซื่อสัตย์สุจริตเพื่อประโยชน์ของประเทศและ ประชำชน ทั้งจะรักษำไว้และปฏิบัติตำมซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทยทุกประกำร” บทบัญญัติดังกล่ำวเป็นหลักกำรสูงสุดที่ได้ก ำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันรวมทั้งฉบับก่อน ๆ ที่สมำชิกรัฐสภำหรือฝ่ำยนิติบัญญัติจะต้องใช้เป็นแนวทำงในกำรปฏิบัติหน้ำที่ และบทบัญญัติดังกล่ำว ยังสอดรับกับแนวพระรำชด ำรัสของรัชกำลที่ ๙ ในรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภำ โดยพระรำชด ำรัสนั้น เปรียบเสมือนเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ และย้ ำเตือนให้ฝ่ำยนิติบัญญัติตระหนักในภำระหน้ำที่ และตั้งมั่น ในกำรด ำเนินกิจกำรต่ำง ๆ ของรัฐสภำให้เป็นไปตำมเจตนำรมณ์ของรัฐธรรมนูญ โดยมี ๓ สถำบัน หลัก คือ ชำติ ศำสนำ พระมหำกษัตริย์ รวมทั้งควำมผำสุกประชำชนเป็นหลักชัย ให้สมกับค ำปฏิญำณ ที่ได้ให้ไว้ก่อนเข้ำรับต ำแหน่ง


๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๒๐๒ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ทั้งนี้กำรปฏิบัติหน้ำที่ดังกล่ำวจะต้องมีควำมเป็นอิสระ ไม่ตกอยู่ในอ ำนำจหรืออำณัติ ใด ๆเพรำะเป็นกำรใช้อ ำนำจแทนประชำชนซึ่งเป็นหลักกำรทั่วไปที่เป็นที่ยอมรับในประเทศที่ ปกครองโดยระบอบประชำธิปไตย อย่ำงไรก็ตำม ที่ผ่ำนมำสมำชิกรัฐสภำของไทยบำงส่วนยังขำด ควำมเป็นอิสระยังอยู่ในอำณัติของพรรคกำรเมืองที่ตนสังกัดมำกกว่ำกำรค ำนึงถึงประโยชน์ ของประเทศชำติและประชำชน ท ำให้กิจกรรมทำงกำรเมืองจึงเป็นไปในลักษณะของ “ธุรกิจทำง กำรเมือง” ซึ่งเป็นเรื่องของกำร “ลงทุน” และสิ่งที่ตำมมำโดยคำดหมำยได้นั่นคือกำร “ถอนทุน” โดยผลประโยชน์ของประชำชนและประเทศชำติกลำยเป็นควำมส ำคัญในล ำดับรอง กรณีตัวอย่ำงที่กล่ำวมำข้ำงต้นคือบรรยำกำศและเหตุกำรณ์ทำงกำรเมืองในห้วง ระยะเวลำที่ผ่ำนมำโดยฝ่ำยนิติบัญญัติมีส่วนเกี่ยวข้อง และในอนำคตก็ยังไม่มีหลักประกันใดที่จะมำ รับรองว่ำเหตุกำรณ์ดังกล่ำวจะไม่เกิดขึ้นอีก หรือกำรกระท ำรัฐประหำรกำรยึดอ ำนำจที่ผ่ำนมำจะเป็น ครั้งสุดท้ำย แต่ถ้ำทุกฝ่ำยที่เกี่ยวข้องโดยเฉพำะอย่ำงยิ่งฝ่ำยนิติบัญญัติ ทั้งสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎร และสมำชิกวุฒิสภำปฏิบัติหน้ำที่ด้วยควำมซื่อสัตย์สุจริตตำมบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ตำมค ำปฏิญำณ ตนในที่ประชุมรัฐสภำซึ่งเป็นสถำนที่อันศักดิ์สิทธิ์และทรงเกียรติ ตำมพระรำชด ำรัสของรัชกำลที่ ๙ ในรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภำ มำเป็นแนวทำงปฏิบัติและขวัญก ำลังใจในกำรปฏิบัติหน้ำที่เพรำะเป็นพระ รำชด ำรัสที่พระรำชทำนไว้เกี่ยวกับกำรปฏิบัติหน้ำที่ในวงงำนรัฐสภำเป็นกำรเฉพำะ และเป็นพระรำช ด ำรัสจำกพระผู้ทรงเปี่ยมล้นด้วยพระจริยวัตรที่งดงำมทั้ง ๑๐ ประกำรของ “ทศพิธรำชธรรม” นอกจำกนี้พระองค์ยังทรงปฏิบัติตนให้เป็นแบบอย่ำงในทุก ๆ ด้ำนอีกด้วย ดังนั้น หำกฝ่ำยนิติบัญญัติหรือสมำชิกรัฐสภำในฐำนะตัวแทนของประชำชน มีควำม ตระหนักและเป็นแบบอย่ำงในกำรปฏิบัติหน้ำที่ตำมกรอบแห่งรัฐธรรมนูญ โดยบริสุทธิ์สุจริต คิดพิจำรณำอย่ำงรอบคอบ ไม่อยู่ภำยใต้อำณัติใด ๆ ตำมกระแสพระรำชด ำรัสพระบำทสมเด็จพระ บรมชนกำธิเบศร มหำภูมิพลอดุลยเดชมหำรำช บรมนำถบพิตร (รัชกำลที่ ๙) ที่ทรงพระรำชทำนไว้ใน รัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภำ จะท ำให้ผลส ำเร็จของงำนเป็นไปเพื่อประโยชน์ของประเทศชำติ และควำม ผำสุกประชำชนโดยสมบูรณ์ อีกทั้งจะท ำให้ภำพเก่ำ ๆ ของกำรเมืองไทยค่อยเบำบำงและจำงหำยเป็น เพียงบทเรียนชั้นดีที่จะน ำไปสู่ภำพของกำรเมืองใหม่หรือกำรเมืองไทยยุคปฏิรูปต่อไป ๒.๕ ข้อเสนอแนะ ๑. กำรน้อมน ำพระรำชด ำรัสหรือพระบรมรำโชวำทของพระบำทสมเด็จพระบรมชน กำธิเบศร มหำภูมิพลอดุลยเดชมหำรำช บรมนำถบพิตร (รัชกำลที่ ๙) ในรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภำมำ ยึดถือปฏิบัติในกำรงำนอำชีพหรือกำรด ำรงชีวิตจึงเป็นแนวทำงส ำคัญในกำรขับเคลื่อนกำรปฏิรูป สังคมกำรเมืองไทยให้เกิดควำมสงบสุขได้ จึงเป็นกำรสมควรอย่ำงยิ่งที่ฝ่ำยนิติบัญญัติซึ่งถือได้ว่ำเป็น นักกำรเมืองระดับชำติต้องสร้ำงมำตรฐำนใหม่ในกำรท ำหน้ำที่ผู้แทนประชำชนให้อย่ำงสมเกียรติ และเป็นแบบอย่ำงให้กับนักกำรเมืองรุ่นใหม่ ๆ ที่เข้ำมำพัฒนำประเทศให้ก้ำวหน้ำอย่ำงมั่นคงและ ยั่งยืนต่อไป ควรที่จะตระหนักและให้ควำมส ำคัญกับพระรำชด ำรัสของพระองค์ท่ำนที่พระรำชทำนไว้ และน้อมน ำมำยึดถือปฏิบัติอย่ำงจริงจัง เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชำติและประชำชน อีกทั้งยังเป็นกำรสอดรับกับทิศทำงกำรบริหำรประเทศในยุคของกำรปฏิรูปอีกด้วย


๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๒๐๓ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ๒. พระรำชด ำรัสหรือพระบรมรำโชวำทของพระบำทสมเด็จพระบรมชนกำธิเบศร มหำภูมิพลอดุลยเดชมหำรำช บรมนำถบพิตร (รัชกำลที่ ๙) ในรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภำเป็นแนวทำง อย่ำงหนึ่งที่ส ำคัญในกำรสร้ำงนักกำรเมืองที่ดีได้ หำกมีกำรน้อมน ำมำปฏิบัติอย่ำงจริงจัง ซึ่งรัฐสภำ ควรมีกำรจัดพิมพ์หนังสือเกี่ยวกับพระรำชด ำรัสของพระมหำกษัตริย์ในรัฐพิธีเปิดประชุมเผยแพร่ มำกกว่ำที่เป็นอยู่ให้เป็นกำรแพร่หลำย โดยมอบให้กับบุคคลในวงงำนรัฐสภำทุกแขนง ทั้งสมำชิก รัฐสภำ และข้ำรำชกำรรัฐสภำตลอดจนผู้ที่เกี่ยวข้องทุกส่วนงำน ทั้งนี้เพื่อให้บุคลำกรของ “รัฐสภำ” ได้ยึดถือเป็นแนวทำงในกำรปฏิบัติตน และเกิดควำมภำคภูมิใจ มีควำมรัก ควำมศรัทธำ และตระหนัก ถึงควำมส ำคัญของสถำบันแห่งนี้ นำงสำวฐิติมำ ทองสวัสดิ์ วิทยำกรกรช ำนำญกำรพิเศษ กลุ่มงำนคณะกรรมำธิกำรควำมมั่นคงแห่งรัฐ กิจกำรชำยแดนไทย ยุทธศำสตร์ชำติและกำรปฏิรูปประเทศ ส ำนักกรรมำธิกำร ๒


๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๒๐๔ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร การจัดการความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพ ตามพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. ๒๕๖๒ ๑. ความเป็นมาและความส าคัญของปัญหา เนื่องจากในปัจจุบันภัยคุกคามทางไซเบอร์มีจ านวนที่เพิ่มสูงขึ้นและทวีความรุนแรง ขึ้น ส่งผลกระทบ และสร้างความเสียหายทั้งต่อระดับบุคคลและระดับประเทศ ซึ่งนานาประเทศให้ ความส าคัญด าเนินการรับมือ ดังนั้น จึงจ าเป็นต้องก าหนดหลักเกณฑ์เพื่อก าหนดแนวทางและมาตรการ ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีได้เติบโตและพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว การเข้าถึงสื่อทางอิเล็กทรอนิกส์สามารถท าได้โดยง่ายและมีความสะดวกในทุกสถานที่และทุกเวลา ท าให้ประเทศไทยมีความเสี่ยงในการที่จะถูกโจมตีและถูกคุกคามทางไซเบอร์ได้ โดยเฉพาะกับ หน่วยงานภาครัฐที่ถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่ส าคัญด้านความมั่นคงของประเทศ นอกจากนี้ การแพร่ระบาดของภัยไซเบอร์ การก่อการร้ายไซเบอร์และการท าสงครามทางไซเบอร์มีมากขึ้น จึง จ าเป็นต้องส่งเสริมขีดความสามารถในการรับมือภัยไซเบอร์ให้มีประสิทธิภาพยิ่งกว่าเดิม ดังจะเห็น ได้ว่าในปัจจุบันนี้อินเทอร์เน็ตถือว่ามีส่วนส าคัญในการด าเนินชีวิตของคนส่วนใหญ่ ไม่ว่าบนพื้นฐาน ทางเศรษฐกิจ สังคม การสื่อสารโทรคมนาคม และการรักษาความมั่นคงของประเทศ “การโจมตีทางไซเบอร์” ถือเป็นภัยคุกคามใหญ่หลวงต่อผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ตลอดจนความมั่นคงของประเทศ การโจมตีทางไซเบอร์มีหลายรูปแบบ เช่น การเจาะระบบคอมพิวเตอร์ การสอดแนมข้อมูลคอมพิวเตอร์การดักรับข้อมูลคอมพิวเตอร์ การท าลายระบบคอมพิวเตอร์ หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือการรุมสอบถามข้อมูลจนระบบล่ม เป็นต้น แต่ละการโจมตีล้วนแต่สร้าง ความเสียหายอย่างมหาศาลทั้งต่อระบบเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ ปัจจุบันประเทศไทยถูกจัดว่าเป็นประเทศเป้าหมายของการโจมตีทางไซเบอร์ที่ส าคัญ ประเทศหนึ่งของโลก รัฐบาลไทยโดยพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ตระหนักถึง ความส าคัญดังกล่าว จึงมีนโยบายให้บูรณการความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ควบคู่กับการขับเคลื่อน เศรษฐกิจดิจิทัล โดยให้น าแนวความคิด การปฏิบัติการไซเบอร์บรรจุไว้ในเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) การขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลให้เดินหน้าอย่างต่อเนื่องตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งเรื่อง ส าคัญที่จะขาดไม่ได้ คือ การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ เนื่องจากพรมแดนของโลกไซเบอร์ เชื่อมต่อกันแบบไร้รอยต่อสามารถแฝงตัวหรือโจมตีกันได้ตลอดเวลาหรือเรียลไทม์ ซึ่งอาจจะท าให้เกิด ความเสียหายทั้งในแง่มูลค่าทรัพย์สินและทางด้านความมั่นคงของประเทศได้ โดยเมื่อปี ๒๕๕๘ รัฐบำลคณะรักษำควำมมั่นคงแห่งชำติ (คสช.) พยำยำมเสนอ ร่ำงพระรำชบัญญัติกำรรักษำควำมมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ซึ่งรวมอยู่ในชุดกฎหมำยเศรษฐกิจดิจิทัล ๑๐ ฉบับ โดยผ่ำนควำมเห็นชอบจำกคณะรัฐมนตรีในวันที่ ๑๖ ธันวำคม ๒๕๕๗ และวันที่ ๖ มกรำคม ๒๕๕๘ แต่มีเสียงคัดค้ำนจำกประชำชนลงชื่อคัดค้ำนพระรำชบัญญัติชุดนี้สำมแสนกว่ำคน ทั้งนี้ ก่อนที่สภำนิติบัญญัติแห่งชำติจะหมดวำระลงก่อนกำรเลือกตั้งครั้งใหม่ ได้มีกำรเสนอกฎหมำย ร่ำงพระรำชบัญญัติกำรรักษำควำมมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. .... เพื่อเป็นกำรวำงแนวทำงด้ำน ควำมมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชำติอย่ำงเป็นรูปธรรม และสร้ำงเสถียรภำพในกำรติดต่อสื่อสำร


๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๒๐๕ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร และกำรท ำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับด้ำนไซเบอร์ทั้งในระดับบุคคลและองค์กรทั้งภำครัฐและภำคเอกชน อันจะน ำไปสู่กำรรักษำผลประโยชน์ทำงด้ำนเศรษฐกิจ ควำมปลอดภัยของสังคม รวมถึงควำมมั่นคง ของประเทศไทยในอนำคตอย่ำงยั่งยืน อย่ำงไรก็ดี ต่อมำพระรำชบัญญัติกำรรักษำควำมมั่นคง ปลอดภัยด้ำนไซเบอร์ พ.ศ. ๒๕๖๒ ได้มีกำรประกำศรำชกิจจำนุเบกษำและมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ ๒๗ พฤษภำคม ๒๕๖๒ ส่งผลให้กำรตรำพระรำชบัญญัตินี้ สอดคล้องกับเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ใน มำตรำ ๒๖ ของรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย ที่บัญญัติไว้ว่ำ กำรตรำกฎหมำยที่มีผลเป็นกำร จ ำกัดสิทธิหรือเสรีภำพของบุคคลต้องเป็นไปตำมเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ในกรณีที่รัฐธรรมนูญ มิได้บัญญัติเงื่อนไขไว้ว่ำ กฎหมำยดังกล่ำวต้องไม่ขัดต่อหลักนิติธรรม ไม่เพิ่มภำระหรือจ ำกัดสิทธิ หรือเสรีภำพของบุคคลเกินสมควรแก่เหตุและจะกระทบต่อศักดิ์ศรีควำมเป็นมนุษย์ของบุคคลมิได้ รวมทั้งต้องระบุเหตุผลควำมจ ำเป็นในกำรจ ำกัดสิทธิและเสรีภำพไว้ด้วย กฎหมำยตำมวรรคหนึ่ง ต้องมีผลใช้บังคับเป็นกำรทั่วไป ไม่มุ่งหมำยให้ใช้บังคับแก่กรณีใด กรณีหนึ่งหรือแก่บุคคลใดบุคคล หนึ่งเป็นกำรเจำะจง โดยสรุปแล้วเหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ ในปัจจุบันการให้บริการ หรือการประยุกต์ใช้เครือข่ายคอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ต โครง ข่ายโทรคมนาคม หรือการให้บริการ โดยปกติของดาวเทียมมีความเสี่ยงจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ซึ่งอาจกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ และความสงบเรียบร้อย ภายในประเทศ ดังนั้น เพื่อให้สามารถป้องกันหรือรับมือกับภัยคุกคาม ทางไซเบอร์ได้อย่างทันท่วงทีทั้งหน่วยงานของรัฐและหน่วยงานเอกชนจะต้องมีการป้องกัน รับมือ และลดความเสี่ยงจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ไม่ให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงในด้านต่างๆ ไม่ว่าในสถานการณ์ทั่วไปหรือสถานการณ์อันเป็นภัยต่อความมั่นคงอย่างร้ายแรง จากความเป็นมาข้างต้น ผู้จัดท าจึงได้ด าเนินการรวบรวมและศึกษากฎหมายเกี่ยวกับ พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยด้านไซเบอร์ พ.ศ. ๒๕๖๒ พระราชบัญญัติว่าด้วย การกระท าความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐ และยุทธศาสตร์การรักษาความมั่นคงปลอดภัย ไซเบอร์แห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๕ – ๒๕๗๐ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาข้อมูลที่เกี่ยวกับความมั่นคง ปลอดภัยทางด้านไซเบอร์ที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ แนวทางการแก้ไขปัญหาความมั่นคง ปลอดภัยทางด้านไซเบอร์ตลอดจนแนวทางแลข้อเสนอแนะเพิ่มเติมที่อาจมีประโยชน์ต่อพระราชบัญญัติ การรักษาความมั่นคงปลอดภัยด้านไซเบอร์ พ.ศ. ๒๕๖๒ อันจะน าไปสู่การประกาศและบังคับใช้ กฎหมายที่มีประสิทธิภาพ และเป็นข้อมูลทางวิชาการแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องและผู้ที่สนใจต่อไป ๒. กฎหมาย กฎ ระเบียบ และยุทธศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง เนื่องจำกปัจจุบันภัยคุกคำมทำงไซเบอร์มีจ ำนวนที่เพิ่มสูงขึ้นและทวีควำมรุนแรงขึ้น ตำมล ำดับ ส่งผลกระทบและสร้ำงควำมเสียหำยทั้งต่อระดับปัจเจกชนและระดับประเทศ ซึ่งนำนำประเทศ ต่ำงให้ควำมส ำคัญในกำรด ำเนินงำนเพื่อรับมือกับปัญหำภัยคุกคำมดังกล่ำวอย่ำงมำก จึงมีควำมจ ำเป็น ที่ต้องก ำหนดหลักเกณฑ์เพื่อก ำหนดแนวทำงและมำตรกำรต่ำง ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่ำงเป็นรูปธรรม และด้วยควำมก้ำวหน้ำทำงเทคโนโลยีสำรสนเทศซึ่งถูกน ำมำใช้ประโยชน์ในกำรท ำธุรกรรมหรือกำร ติดต่อสื่อสำร จึงก่อให้เกิดสภำพแวดล้อมที่เอื้ออ ำนวยต่อภัยคุกคำมและกำรก่ออำชญำกรรม


๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๒๐๖ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ทำงไซเบอร์ที่สำมำรถส่งผลกระทบในวงกว้ำงได้อย่ำงรวดเร็วและปัจจุบันยิ่งทวีควำมรุนแรงมำกขึ้น สร้ำงควำมเสียหำยทั้งในระดับบุคคลและระดับประเทศ กำรป้องกันหรือรับมือกับภัยคุกคำม หรือควำมเสี่ยงบนไซเบอร์จึงต้องอำศัยควำมรวดเร็วและกำรประสำนงำนกับทุกหน่วยงำนที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันและรับมือได้ทันสถำนกำรณ์ และมีกำรดูแลรักษำควำมมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ อย่ำงต่อเนื่อง ดังนั้น เพื่อให้ประเทศไทยสำมำรถปกป้อง ป้องกัน หรือรับมือกับสถำนกำรณ์ ด้ำนภัยคุกคำมทำงไซเบอร์ที่ส่งผลกระทบหรืออำจก่อให้เกิดควำมเสี่ยงต่อกำรให้บริกำรหรือกำร ประยุกต์ใช้เครือข่ำยคอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ต โครงข่ำยโทรคมนำคม หรือกำรให้บริกำรโดยปกติ ของดำวเทียม ซึ่งกระทบต่อควำมมั่นคงของชำติในมิติต่ำง ๆ อันครอบคลุมถึงควำมมั่นคงทำงกำรทหำร ควำมสงบเรียบร้อยภำยในประเทศ และควำมมั่นคงทำงเศรษฐกิจได้อย่ำงเหมำะสม โดยมีเหตุผล คือ กำรป้องกันหรือรับมือกับภัยคุกคำมหรือควำมเสี่ยงบนไซเบอร์ ต้องอำศัยควำมรวดเร็วและกำรประสำนงำนกับทุกหน่วยงำนที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันและรับมือได้ทัน สถำนกำรณ์ และมีกำรดูแลรักษำควำมมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์อย่ำงต่อเนื่อง และจำกเหตุผลดังกล่ำว จึงได้มีกำรบัญญัติพระรำชบัญญัติว่ำด้วยกำรรักษำควำมมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. ๒๕๖๒ เพื่อให้ ประเทศไทยมีควำมมั่นคงปลอดภัยและมีควำมพร้อมในกำรรับมือกับภัยคุกคำมทำงไซเบอร์อย่ำงมี ประสิทธิภำพและเกิดประโยชน์อย่ำงสูงสุด พระรำชบัญญัติว่ำด้วยกำรรักษำควำมมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. ๒๕๖๒ พระรำชบัญญัติว่ำด้วยกำรรักษำควำมมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. ๒๕๖๒ เป็นกฎหมำยที่ถูกยกร่ำงขึ้นมำ เพื่อป้องกันหรือเตรียมรับมือและจัดกำรภัยคุกคำมทำงไซเบอร์ ทุกประเภท ที่ส่งผลกระทบต่อประชำชน ควำมมั่นคงของรัฐ ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงประเทศ เศรษฐกิจ กำรสำธำรณสุข ควำมปลอดภัยสำธำรณะ หรือควำมสงบเรียบร้อยภำยในประเทศ และเป็นหนึ่ง ในกฎหมำยเศรษฐกิจดิจิทัล ๘ ฉบับ ที่ถูกร่ำงขึ้นมำเพื่อสนองนโยบำยกำรบูรณกำรควำมมั่นคงควบคู่ กับเศรษฐกิจข้ำงต้น ร่ำงกฎหมำยดังกล่ำวได้ผ่ำนกำรอนุมัติของคณะรัฐมนตรีและอยู่ในระหว่ำง กำรพิจำรณำของสภำนิติบัญญัติแห่งชำติ แต่เนื้อหำสำระของร่ำงกฎหมำยฉบับดังกล่ำวได้ถูก วิพำกษ์วิจำรณ์อย่ำงกว้ำงขวำง เนื่องจำกมีเนื้อหำสำระที่เกี่ยวข้องกับทั้งสิทธิเสรีภำพของผู้ใช้ สื่อออนไลน์และควำมมั่นคงของชำติ กฎหมำยฉบับนี้ยกระดับควำมรุนแรงของภัยคุกคำมไซเบอร์ โดยอ้ำงอิงกับ “โครงสร้ำง พื้นฐำนทำงสำรสนเทศ” ทั้งหมด ๘ ด้ำน ได้แก่ ควำมมั่นคงของรัฐ บริกำรภำครัฐ กำรเงินกำรธนำคำร เทคโนโลยีสำรสนเทศและโทรคมนำคม กำรขนส่งและโลจิสติกส์ พลังงำนและสำธำรณูปโภค สำธำรณสุข


๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๒๐๗ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ด้ำนอื่น ๆ ตำมที่คณะกรรมกำรรักษำควำมมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชำติ(กปช.) ก ำหนด พระรำชบัญญัติและยุทธศำสตร์ชำติที่มีควำมเกี่ยวข้องกับพระรำชบัญญัติว่ำด้วยกำร รักษำควำมมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. ๒๕๖๒ ประกอบด้วย (ก) พระรำชบัญญัติว่ำด้วยกำรกระท ำควำมผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐ พระรำชบัญญัติฉบับดังกล่ำวเป็นพระรำชบัญญัติที่ออกมำเฉพำะเกี่ยวกับกำรกระท ำ ควำมผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีกำรประกำศในรำชกิจจำนุเบกษำเมื่อวันที่ ๑๘ มิถุนำยน ๒๕๕๐ และให้มีผลใช้บังคับหลังจำกประกำศในรำชกิจจำนุเบกษำแล้ว ๓๐ วัน พระรำชบัญญัติฉบับดังกล่ำว แบ่งออกเป็น ๒ หมวด โดยหมวดแรกก ำหนดเกี่ยวกับ ฐำนควำมผิดและบทลงโทษเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์มี ๑๓ มำตรำ คือ ตั้งแต่มำตรำ ๕ ถึงมำตรำ ๑๗ โดยมำตรำ ๕ ถึงมำตรำ ๑๒ เป็นบทบัญญัติที่ก ำหนดลักษณะของกำรกระท ำควำมผิดซึ่งกระทบโดยตรง ต่อกำรรักษำควำมลับ (Confidentiality) ควำมครบถ้วน (Integrity) และสภำพพร้อมใช้งำน (Availability) ของระบบคอมพิวเตอร์และข้อมูลคอมพิวเตอร์ ส ำหรับกำรกระท ำควำมผิดที่กระทบต่อกำรรักษำควำมลับ เช่น กำรเข้ำถึงระบบ คอมพิวเตอร์ของบุคคลอื่นซึ่งมีมำตรกำรป้องกันกำรเข้ำถึงไว้ (มำตรำ ๕) กำรล่วงรู้มำตรกำรกำร ป้องกันกำรเข้ำถึงระบบคอมพิวเตอร์ กำรเข้ำถึงข้อมูลของบุคคลอื่น (มำตรำ ๗) หรือกำรดัก ข้อมูลคอมพิวเตอร์ (มำตรำ ๘) ส่วนกำรกระท ำควำมผิดที่กระทบต่อควำมครบถ้วนของระบบ คอมพิวเตอร์ เช่น กำรรบกวนกำรท ำงำนของข้อมูลคอมพิวเตอร์ด้วยกำรท ำให้เสียหำย ท ำลำย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมข้อมูลคอมพิวเตอร์ (มำตรำ ๙) เป็นต้น กรณีกำรกระท ำควำมผิดที่กระทบต่อสภำพพร้อมใช้งำนตำมปกติของระบบ คอมพิวเตอร์หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์ เช่น กำรกระท ำควำมผิดด้วยกำรป้อนชุดค ำสั่งหรือโปรแกรม คอมพิวเตอร์ที่ไม่พึงประสงค์ พวกไวรัสคอมพิวเตอร์ เพื่อให้ระบบคอมพิวเตอร์ไม่สำมำรถท ำงำนได้ ตำมปกติ (มำตรำ ๑๐) รวมถึงกำรส่งจดหมำยอิเล็กทรอนิกส์ (Spam Mail) ที่เป็นกำรรบกวนกำรใช้งำน ของคนทั่วไป (มำตรำ ๑๑) เป็นต้น อย่ำงไรก็ตำม ส ำหรับกำรรบกวนระบบคอมพิวเตอร์หรือ ข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นมีกำรก ำหนดบทลงโทษหนักด้วยกรณี กำรกระท ำควำมผิดก่อให้เกิดควำม เสียหำยแก่ข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือกระทบต่อควำมมั่นคงควำมปลอดภัยของประเทศ ควำมปลอดภัย สำธำรณะ ควำมมั่นคงทำงเศรษฐกิจ กำรบริกำรสำธำรณะ หรือกำรกระท ำต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือ ระบบคอมพิวเตอร์ที่มีไว้เพื่อประโยชน์สำธำรณะ หรือกำรกระท ำดังกล่ำวก่อให้เกิดอันตรำยแก่ ร่ำงกำยหรือชีวิตประชำชน ผู้กระท ำควำมผิดในลักษณะดังกล่ำวจะต้องได้รับโทษหนักขึ้น นอกจำกนั้น ยังได้มีกำรก ำหนดควำมผิดส ำหรับกำรจ ำหน่ำยหรือเผยแพร่ชุดค ำสั่ง ที่จัดท ำขึ้นเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในกำรกระท ำควำมผิดที่กล่ำวมำข้ำงต้น เช่น กำรจงใจหรือเจตนำ เผยแพร่ไวรัสที่ใช้ในกำรก่อให้เกิดควำมเสียหำยหรือท ำลำยข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือชุดค ำสั่งที่เรียกว่ำ Spy Ware เพื่อใช้โจรกรรมควำมลับทำงกำรค้ำ เป็นต้น (มำตรำ ๑๓) ส่วนพระรำชบัญญัติตั้งแต่ มำตรำ ๑๔ ถึงมำตรำ ๑๗ นั้นเป็นลักษณะของกำรกระท ำควำมผิดที่เกี่ยวเนื่องกับกำรใช้คอมพิวเตอร์ ในทำงมิชอบเพื่อกระท ำควำมผิดในลักษณะต่ำง ๆ เช่น กำรปลอมแปลงข้อมูลคอมพิวเตอร์


๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๒๐๘ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร กำรเผยแพร่ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จซึ่งก่อให้เกิดควำมตื่นตระหนกกับประชำชน กำรเผยแพร่ ข้อมูลอันมีลักษณะลำมก กำรกระท ำควำมผิดของผู้ให้บริกำรที่มิได้ลบข้อมูลคอมพิวเตอร์อันไม่เหมำะสม และกำรตัดต่อภำพท ำให้บุคคลเสียหำย เป็นต้น (รักข์ษิตำ โพธิ์พิทักษ์กุล, ๒๕๕๐, น.๖๐) (ข) ยุทธศำสตร์กำรรักษำควำมมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชำติ พ.ศ. ๒๕๖๕ – ๒๕๗๐ วัตถุประสงค์ ๑. เพื่อสร้ำงควำมเชื่อมั่นและควำมไว้วำงใจในทุกภำคส่วนต่อกำรด ำเนินกิจกรรม ทำงไซเบอร์ทุกรูปแบบ ๒. เพื่อปกป้องโครงสร้ำงพื้นฐำนส ำคัญที่บริหำรจัดกำรด้วยระบบสำรสนเทศ และพัฒนำศักยภำพด้ำนกำรรับมือภัยคุกคำมทำงไซเบอร์ ๓. เพื่อปกป้องผลประโยชน์และควำมมั่นคงของชำติจำกภัยคุกคำมรูปแบบเดิม และรูปแบบใหม่ ๔. เพื่อเสริมสร้ำงเศรษฐกิจดิจิทัล ๕. เพื่อบูรณำกำรและประสำนควำมร่วมมือ รวมทั้งกำรแลกเปลี่ยนข้อมูลด้ำน ควำมมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ระหว่ำงหน่วยงำน ๖. เพื่อพัฒนำศักยภำพของหน่วยงำนและเพิ่มขีดควำมสำมำรถของบุคลำกร ด้ำนควำมมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ๗. เพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมกำรใช้ไซเบอร์สเปซอย่ำงมีควำมรับผิดชอบ ๘. เพื่อส่งเสริมงำนด้ำนกำรป้องกันและปรำบปรำมอำชญำกรรม ๙. เพื่อส่งเสริมบทบำทของไทยในกำรรักษำควำมมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ในระดับ ภูมิภำคและระดับนำนำชำติ เป้ำหมำย ๑. ภำคส่วนต่ำง ๆ เชื่อมั่นและไว้วำงใจในกำรด ำเนินกิจกรรมทำงไซเบอร์ทุกรูปแบบ ๒. โครงสร้ำงพื้นฐำนส ำคัญที่บริหำรจัดกำรด้วยระบบสำรสนเทศและประเทศ โดยรวมมีขีดควำมสำมำรถในกำรรับมือกับภัยคุกคำมทำงไซเบอร์ ๓. ผลประโยชน์และควำมมั่นคงของชำติได้รับกำรปกป้องจำกภัยคุกคำมรูปแบบเดิม และรูปแบบใหม่ ๔. ประเทศเปลี่ยนผ่ำนสู่เศรษฐกิจที่ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลได้อย่ำงรำบรื่นและยั่งยืน ๕. ทุกภำคส่วนมีควำมตระหนักถึงภัยคุกคำมทำงไซเบอร์และร่วมมือกันด้ำนกำร รักษำควำมมั่นคงปลอดภัยทำงไซเบอร์ ๖. ประเทศไทยมีวัฒนธรรมกำรใช้ไซเบอร์สเปซอย่ำงมีควำมรับผิดชอบ ๗. มีกำรบูรณำกำรและกำรประสำนควำมร่วมมือ รวมทั้งกำรแลกเปลี่ยนข้อมูล ระหว่ำงหน่วยงำน ๘. งำนด้ำนกำรป้องกันและปรำบปรำมอำชญำกรรมควำมเข้มแข็ง กำรสืบสวน และงำนข่ำวมีคุณภำพและมั่นคงปลอดภัย ๙. หน่วยงำนมีควำมพร้อมสำมำรถตอบสนองกำรปฏิบัติกำรได้อย่ำงถูกต้องและ รวดเร็ว


๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๒๐๙ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ๑๐. บุคลำกรด้ำนควำมมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์มีควำมเชี่ยวชำญและมีศักยภำพ ในกำรปฏิบัติงำน ๑๑. ประเทศไทยมีบทบำทในกำรส่งเสริมกำรรักษำควำมมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ในระดับนำนำชำติและลดควำมขัดแย้งทำงไซเบอร์ระหว่ำงรัฐ (ค) นโยบำยและแผนระดับชำติว่ำด้วยควำมมั่นคงแห่งชำติ (พ.ศ. ๒๕๖๖ – ๒๕๗๐) กำรป้องกันและแก้ไขปัญหำควำมมั่นคงทำงไซเบอร์ ได้ก ำหนดเป้ำหมำยเชิงยุทธศำสตร์ คือ ประเทศไทยมีควำมมั่นคงปลอดภัยและมีควำมพร้อมในกำรรับมือกับภัยคุกคำมทำงไซเบอร์ ในด้ำนต่ำง ๆ ดังนี้ ๑. พัฒนำขีดควำมสำมำรถทั้งองค์กรภำครัฐ ทั้งฝ่ำยทหำร พลเรือน ต ำรวจ และภำคส่วน ต่ำง ๆ ภำยในประเทศ เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหำควำมมั่นคงทำงไซเบอร์ ตลอดจนรองรับสังคม ดิจิทัล ๒. พัฒนำกรอบควำมร่วมมือระหว่ำงประเทศ และอำเซียนเพื่อป้องกันและแก้ไข ปัญหำควำมมั่นคงทำงไซเบอร์ ๓. พัฒนำทรัพยำกรมนุษย์ องค์ควำมรู้ และควำมตระหนักรู้ถึงควำมส ำคัญของภัยคุกคำม ทำงไซเบอร์ ๔. ปกป้อง ป้องกัน ภัยคุกคำมทำงไซเบอร์ สงครำมไซเบอร์ และเสริมสร้ำงควำมปลอดภัย ทำงไซเบอร์ โดยบูรณำกำรกำรจัดกำรควำมมั่นคงทำงไซเบอร์ระหว่ำงหน่วยงำนภำครัฐ และเสริมสร้ำง เครือข่ำยควำมร่วมมือกับทุกภำคส่วนทั้งภำคในและภำยนอกประเทศ ๕. พัฒนำกำรบังคับใช้กฎหมำย ระเบียบต่ำง ๆ เพื่อควำมมั่นคงปลอดภัยทำงไซเบอร์ รวมถึงพัฒนำเทคโนโลยีส ำหรับงำนสืบสวนและป้องกันอำชญำกรรมไซเบอร์ ๖. ส่งเสริมกำรพัฒนำขีดควำมสำมำรถขององค์กรทุกภำคส่วน บุคลำกรที่เกี่ยวข้อง ให้มีควำมรู้ ควำมช ำนำญด้ำนไซเบอร์อย่ำงต่อเนื่อง สำระส ำคัญของร่ำงพระรำชบัญญัติว่ำด้วยกำรรักษำควำมมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. ๒๕๖๒ซึ่งตำมวัตถุประสงค์หลักของกำรรักษำควำมมั่นคงปลอดภัยในไซเบอร์ ได้แก่ กำรสร้ำง ควำมมั่นคงปลอดภัยในระบบ (network) และข้อมูล (data) กำรบรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่ำวจ ำต้องใช้ ทั้งมำตรกำรทำงเทคโนโลยี มำตรกำรทำงกฎหมำย (statutory regulation) รวมถึงกำรก ำกับดูแล ตนเอง (self-regulation) และกำรก ำกับดูแลร่วมกัน (co-regulation) ของบุคคล ๓ ฝ่ำยผู้อำจได้รับ ผลกระทบจำกกำรโจมตีทำงไซเบอร์ ได้แก่ รัฐ หน่วยงำนภำคเอกชน และภำคประชำสังคม อย่ำงไรก็ดี แม้มำตรกำรทำงกฎหมำยอำจมีควำมจ ำเป็นในกำรรักษำควำมมั่นคงปลอดภัยของระบบและข้อมูล อันอำจกระทบถึงควำมมั่นคงของชำติ แต่ควำมเข้มข้นของมำตรกำรดังกล่ำวก็ต้องค ำนึงถึงสิทธิเสรีภำพ ของประชำชนให้ประชำชนยังคงด ำรงซึ่งสิทธิเสรีภำพในโลกไซเบอร์เสมอกับที่มีในโลกแห่งควำมเป็นจริง ด้วยเหตุที่กำรโจมตีทำงไซเบอร์อำจกระท ำมำจำกทั้งภำยในประเทศและภำยนอก ประเทศ ฉะนั้น รัฐ หน่วยงำนภำคเอกชนและภำคประชำสังคมจ ำต้องมีกำรประสำนควำมร่วมมือกัน อย่ำงเป็นระบบเพื่อจัดกำรกับปัญหำกำรโจมตีทำงไซเบอร์ทั้งจำกภำยในประเทศและนอกประเทศ โดยแต่ละฝ่ำยอำจมีบทบำทส ำคัญ ดังนี้


๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๒๑๐ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ๑) รัฐหรือหน่วยงำนของรัฐ รัฐต้องมีหน้ำที่หลักในกำรประสำนควำมร่วมมือกับ หน่วยงำนภำคเอกชนและภำคประชำสังคม ในส่วนกำรประสำนงำนกับภำคเอกชน รัฐต้องจัดให้ ภำคเอกชนเฉพำะที่เกี่ยวข้องกับควำมมั่นคงของระบบและข้อมูลอันกระทบควำมมั่นคงของชำติ เช่น กิจกำรธนำคำร สำยกำรบิน สำธำรณูปโภค เป็นต้น จัดให้มีกำรบริหำรควำมเสี่ยงทำงเทคนิคที่ดี และต่อเนื่อง เช่น มีระบบกำรตั้งค่ำแบบปลอดภัย มีระบบควบคุมกำรเข้ำถึง มีระบบป้องกันชุดค ำสั่ง ไม่พึงประสงค์ มีระบบจัดกำรปิดช่องโหว่คอมพิวเตอร์ และมีกำรส ำรองข้อมูลที่ส ำคัญ เป็นต้น นอกจำกนี้ รัฐต้องก ำหนดให้หน่วยงำนภำคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับควำมมั่นคงปลอดภัย ของระบบและข้อมูลอันกระทบควำมมั่นคงของชำติ ต้องรำยงำนกำรโจมตีทำงไซเบอร์ให้กับรัฐทันที เพื่อควำมรวดเร็ว และกำรประสำนงำนกับทุกหน่วยงำนที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันและรับมือได้ทัน สถำนกำรณ์ ในส่วนกำรประสำนงำนกับภำคประชำสังคม รัฐควรจัดให้มีกำรอบรมเพิ่มพูนควำมรู้แก่ ภำคประชำสังคมและภำคประชำชนถึงภัยทำงไซเบอร์ รวมทั้งจัดให้มีสำยด่วนแจ้งภัยไซเบอร์ในกรณีมี กำรโจมตีได้ทันทีตลอด ๒๔ ชั่วโมง ๒) หน่วยงำนภำคเอกชน เอกชนต้องมีหน้ำที่บริหำรควำมเสี่ยงในกำรจัดกำร ทำงเทคโนโลยีเพื่อรักษำควำมมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ นอกจำกนี้ หน่วยงำนภำคเอกชน โดยเฉพำะ อย่ำงยิ่งที่เกี่ยวข้องกับกิจกำรส ำคัญที่มีผลต่อควำมมั่นคงของชำติ เช่น กิจกำรธนำคำร และกิจกำร สำยกำรบิน เป็นต้น ต้องมีหน้ำที่รำยงำนกำรโจมตีทำงไซเบอร์ให้หน่วยงำนของรัฐทันทีเพื่อประโยชน์ ในกำรป้องกันควำมเสียหำยอย่ำงทันกำรณ์ ๓) ภำคประชำสังคม ประชำสังคมรวมถึงประชำชน จะได้รับกำรคุ้มครองสิทธิเสรีภำพ ในโลกไซเบอร์เสมอด้วยโลกแห่งควำมเป็นจริง อย่ำงไรก็ตำม ภำคประชำสังคมควรมีหน้ำที่เฝ้ำระวัง ระบบและข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตให้มีควำมมั่นคงปลอดภัย หำกพบเว็บไซต์ที่มีเนื้อหำที่ไม่เหมำะสม หรือพบกำรโจมตีทำงไซเบอร์ ก็ควรรำยงำนเหตุกำรณ์ดังกล่ำวต่อพนักงำนเจ้ำหน้ำที่ที่มีอ ำนำจ ในกำรจัดกำรกับปัญหำดังกล่ำวทันที ๓. บทวิเคราะห์ จำกพระรำชบัญญัติที่กล่ำวมำข้ำงต้น สำมำรถวิเครำะห์สำระส ำคัญได้ดังนี้ ๑) เหตุผลของกฎหมำย ร่ำงกฎหมำยไซเบอร์ของไทย ได้ให้เหตุผลในกำรยกร่ำงกฎหมำยไว้ดังนี้ “กำรป้องกัน หรือรับมือกับภัยคุกคำมหรือควำมเสี่ยงบนไซเบอร์จึงต้องอำศัยควำมรวดเร็วและกำรประสำนงำน กับทุกหน่วยงำนที่เกี่ยวข้องเพื่อป้องกันและรับมือได้ทันสถำนกำรณ์ และมีกำรดูแลรักษำควำมมั่นคง ปลอดภัยไซเบอร์อย่ำงต่อเนื่อง” กำรก ำหนดค ำว่ำ “ประสำนงำน” สอดคล้องกับแนวคิดกำรร่วมมือ กันของกฎกำรรักษำควำมมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์สำกลที่ใช้ค ำว่ำ “cooperation” ซึ่งเป็นกำรท ำงำน รวมกันทั้งภำครัฐและเอกชนในกำรต่อสู้กับปัญหำกำรโจมตีไซเบอร์


๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๒๑๑ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ๒) ควำมหมำย “ควำมมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์” หมำยควำมว่ำ มำตรกำรและกำรด ำเนินกำรที่ก ำหนดขึ้น เพื่อรักษำควำมมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของประเทศให้สำมำรถปกป้อง ป้องกัน หรือรับมือกับสถำนกำรณ์ ด้ำนภัยคุกคำมทำงไซเบอร์ที่ส่งผลกระทบหรืออำจก่อให้เกิดควำมเสี่ยงต่อกำรให้บริกำรหรือกำร ประยุกต์ใช้เครือข่ำยคอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ต โครงข่ำยโทรคมนำคม หรือกำรให้บริกำรโดยปกติ ของดำวเทียม อันกระทบต่อควำมมั่นคงของชำติ ซึ่งรวมถึงควำมมั่นคงทำงกำรทหำร ควำมสงบเรียบร้อย ภำยในประเทศ และควำมมั่นคงทำงเศรษฐกิจ จำกนิยำมศัพท์ “ควำมมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์” ข้ำงต้น จะเห็นได้ว่ำร่ำงกฎหมำย ไซเบอร์ของไทยมิได้มุ่งเฉพำะควำมมั่นคงปลอดภัยของระบบและข้อมูลอันกระทบต่อควำมมั่นคง ทำงเศรษฐกิจแต่เพียงอย่ำงเดียว แต่หมำยควำมรวมถึงควำมมั่นคงทำงกำรทหำรและควำมสงบ เรียบร้อยภำยในประเทศด้วย ซึ่งแตกต่ำงกับกฎกำรรักษำควำมมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์สำกลที่มุ่งเน้น ควำมมั่นคงปลอดภัยของระบบและข้อมูลเพื่อประโยชน์ทำงเศรษฐกิจเป็นส ำคัญ ร่ำงกฎหมำยไซเบอร์ของไทยนิยำมค ำว่ำ “หน่วยงำนของรัฐ” หมำยถึง “กระทรวง กรม ส่วนรำชกำรที่เรียกชื่ออย่ำงอื่นและมีฐำนะเป็นกรม รำชกำรส่วนภูมิภำค รำชกำรส่วนท้องถิ่น องค์กำรมหำชน รัฐวิสำหกิจ และหน่วยงำนที่ตั้งขึ้นโดยพระรำชบัญญัติหรือพระรำชกฤษฎีกำ และให้ หมำยควำมรวมถึงนิติบุคคล คณะบุคคล หรือบุคคล ซึ่งมีอ ำนำจหน้ำที่ด ำเนินงำนของรัฐไม่ว่ำกรณีใด ๆ” ค ำจ ำกัดควำม “หน่วยงำนของรัฐ” ตำมกฎหมำยไซเบอร์ของไทย มีควำมหมำยกว้ำงมำก รวมทั้ง ส่วนรำชกำรอื่น ๆ ทั้งหมด ไม่ว่ำจะเป็นหน่วยงำนรำชกำรส่วนบริหำร นิติบัญญัติ และตุลำกำร “ไซเบอร์” หมำยถึง “ข้อมูลและกำรสื่อสำรที่เกิดจำกกำรให้บริกำรหรือกำรประยุกต์ ใช้เครือข่ำยคอมพิวเตอร์ ระบบอินเทอร์เน็ต หรือโครงข่ำยโทรคมนำคม รวมทั้งกำรให้บริกำรโดยปกติ ของดำวเทียมและระบบเครือข่ำยที่คล้ำยคลึงกัน ที่เชื่อมต่อกันเป็นกำรทั่วไป” (มำตรำ ๓) “กำรรักษำควำมมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์” คือกำรคุ้มครองควำมมั่นคงของรัฐ ควำมมั่นคงทำงเศรษฐกิจ ควำมมั่นคงทำงทหำร และควำมสงบเรียบร้อยภำยในประเทศ (มำตรำ ๓) “ภัยคุกคำมทำงไซเบอร์ หมำยถึงกำรกระท ำหรือเหตุกำรณ์ที่กระท ำด้วยวิธีกำร ทำงคอมพิวเตอร์หรือวิธีกำรทำงอิเล็กทรอนิกส์ ที่ท ำให้กำรท ำงำนของทรัพย์สินสำรสนเทศมีควำม ผิดปกติ หรือมีควำมพยำยำมเข้ำถึงโดยใช้เทคโนโลยี ซึ่งอำจส่งผลกระทบหรือก่อให้เกิดควำมเสียหำย ต่อทรัพย์สินสำรสนเทศ หรือท ำให้ทรัพย์สินสำรสนเทศถูกท ำลำย” ลักษณะของภัยคุกคำมทำงไซเบอร์ว่ำอยู่ในระดับใด โดยแบ่งออกเป็น ๓ ระดับ คือ ๑) ภัยคุกคำมไซเบอร์ระดับ ‘เฝ้ำระวัง’ หมำยถึงระดับที่อำจก่อให้เกิดควำมเสียหำย แต่ยังไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อบุคคล ทรัพย์สิน หรือข้อมูลที่เกี่ยวข้องส ำคัญในระดับร้ำยแรง ๒) ภัยคุกคำมไซเบอร์ในระดับ ‘ร้ำยแรง’ หมำยถึง ภัยคุกคำมที่ก่อให้เกิดควำมเสี่ยง ที่จะท ำให้เกิดควำมเสียหำยต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือกำรให้บริกำรของโครงสร้ำงพื้นฐำนที่ส ำคัญ ทำงสำรสนเทศ ก่อให้เกิดควำมเสียหำยต่อบุคคล หรือต่อข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับระบบคอมพิวเตอร์ ที่ส ำคัญจ ำนวนมำก


๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๒๑๒ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ๓) ภัยคุกคำมระดับ ‘วิกฤต’ เป็นเหตุกำรณ์ที่ฉุกเฉิน เร่งด่วน ที่ใกล้จะเกิดและส่งผล กระทบต่อโครงสร้ำงพื้นฐำนส ำคัญทำงสำรสนเทศพื้นฐำน ควำมมั่นคงของรัฐ หรือชีวิตควำมเป็นอยู่ ของประชำชน เช่น อำจเป็นผลให้บุคคลจ ำนวนมำกเสียชีวิต ระบบคอมพิวเตอร์จ ำนวนมำกถูกท ำลำย เป็นวงกว้ำง หรือกระทบต่อ ควำมสงบเรียบร้อยของประชำชนหรือเป็นภัยต่อควำมมั่นคงของรัฐ เป็นต้น และยังรวมถึงกำรโพสต์ แชร์ข้อควำม แชร์ภำพบนเฟซบุ๊ก ไลน์ หรือกำรส่ง SMS ผ่ำนอุปกรณ์ อย่ำงไอโฟน ไอแพด โทรศัพท์มือถือ หรือคอมพิวเตอร์ ก็อำจถูกตีควำมว่ำเป็นภัยคุกคำมทำงไซเบอร์ ได้เช่นกัน หำกข้อมูลดังกล่ำวถูกสงสัยว่ำ ส่งผลกระทบต่อควำมมั่นคงของประเทศ โดยรวมแล้วก็คือ อะไรที่เข้ำข่ำยเป็น “สำรสนเทศไซเบอร์” ซึ่งหมำยถึงข้อมูลและกำรสื่อสำรที่ใช้คอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ต และโครงข่ำยโทรคมนำคม ก็เข้ำนิยำมภำยใต้กฎหมำยนี้ได้ทั้งสิ้น (“มองประเด็นส ำคัญ ในร่ำงพระรำชบัญญัติควำมมั่นคงไซเบอร์ฯ ฉบับรอกำรตีควำม,” ๒๕๖๒) มำตรฐำน ISO 27001 คือมำตรฐำนสำกลส ำหรับระบบกำรจัดกำรควำมปลอดภัย ของข้อมูล (Information Security Management Systems : ISMS) มำตรฐำนนี้ใช้เป็นต้นแบบ ส ำหรับกำรประเมินควำมเสี่ยง กำรออกแบบด้ำนกำรรักษำควำมปลอดภัยและกำรน ำไปปฏิบัติ รวมถึงกำรบริหำรจัดกำรควำมปลอดภัยมำตรฐำน ISO 27001 ได้ระบุแนวทำงกำรด ำเนินงำน และกำรบริหำรจัดกำรที่จะช่วยในกำรเก็บรักษำข้อมูลทั้งเป็นดิจิตอลและเอกสำรได้อย่ำงปลอดภัย บทบำทหน้ำที่ของคณะกรรมกำรกำรรักษำควำมมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชำติ กฎหม ำยไซเบอ ร์ของไทยก ำหนดให้มีคณะกร รมกำ รคณะหนึ่ง เ รียกว่ำ “คณะกรรมกำรกำรรักษำควำมมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชำติ” เรียกโดยย่อว่ำ “กปช.” และให้ใช้ ชื่อภำษำอังกฤษว่ำ “National Cybersecurity Committee” เรียกโดยย่อว่ำ “NCSC” ประกอบด้วย ๑) รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธำนกรรมกำร ๒) กรรมกำรโดยต ำแหน่งจ ำนวนสี่คน ได้แก่ เลขำธิกำรสภำควำมมั่นคงแห่งชำติ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ปลัดกระทรวงกลำโหม ผู้บังคับกำรกองบังคับกำร ปรำบปรำมกำรกระท ำควำมผิดเกี่ยวกับอำชญำกรรมทำงเทคโนโลยี ส ำนักงำนต ำรวจแห่งชำติ ๓) กรรมกำรผู้ทรงคุณวุฒิจ ำนวนไม่เกินเจ็ดคนซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งจำกผู้มีควำมรู้ ควำมเชี่ยวชำญ และประสบกำรณ์เป็นที่ประจักษ์ในด้ำนกำรรักษำควำมมั่นคงปลอดภัยสำรสนเทศ ด้ำนเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร ด้ำนนิติศำสตร์ หรือด้ำนอื่นที่เกี่ยวข้องและเป็นประโยชน์ต่อ กำรรักษำควำมมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์และร่ำงกฎหมำยไซเบอร์ของไทยก ำหนดให้กปช. มีอ ำนำจ หน้ำที่ที่ส ำคัญ ดังต่อไปนี้ (๑) สั่งกำรหรือประสำนควำมร่วมมือกับหน่วยงำนภำครัฐและภำคเอกชน เพื่อปฏิบัติให้เป็นไปตำมนโยบำยหรือแผนปฏิบัติกำรเกี่ยวกับกำรรักษำควำมมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ หรือให้ด ำเนินกำรอื่นใดที่จ ำเป็นต่อกำรรักษำควำมมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ทั้งในประเทศและ ต่ำงประเทศ (๒) เมื่อมีเหตุฉุกเฉินหรือภยันตรำยอันเนื่องมำจำกภัยคุกคำมทำงไซเบอร์ที่อำจ ก่อให้เกิดผลกระทบต่อควำมมั่นคงของประเทศ ให้ กปช. มีอ ำนำจสั่งกำรให้หน่วยงำนของรัฐทุกแห่ง ด ำเนินกำรอย่ำงหนึ่งอย่ำงใดเพื่อป้องกัน แก้ไขปัญหำ หรือบรรเทำควำมเสียหำยที่เกิดหรืออำจจะ


๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๒๑๓ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร เกิดขึ้นได้ตำมที่เห็นสมควร และอำจให้หน่วยงำนของรัฐ หรือบุคคลใด รวมทั้งบุคคลซึ่งได้รับอันตรำย หรืออำจได้รับอันตรำยหรือควำมเสียหำยดังกล่ำว กระท ำหรือร่วมกันกระท ำกำรใด ๆ อันจะมีผลเป็น กำรควบคุม ระงับ หรือบรรเทำผลร้ำยจำกอันตรำยและควำมเสียหำยที่เกิดขึ้นนั้นได้อย่ำงทันท่วงที (๓) ในกรณีที่มีควำมจ ำเป็นเพื่อประโยชน์ในกำรรักษำควำมมั่นคงปลอดภัยทำงไซเบอร์ ที่อำจกระทบต่อควำมมั่นคงทำงกำรเงินและกำรพำณิชย์ หรือควำมมั่นคงของประเทศ กปช. อำจสั่ง กำรให้หน่วยงำนภำคเอกชนกระท ำกำรหรืองดเว้นกระท ำกำรอย่ำงใดอย่ำงหนึ่ง และให้รำยงำนผล กำรปฏิบัติกำรต่อ กปช. ตำมที่ กปช. ประกำศก ำหนด (๔) เพื่อประโยชน์ในกำรปฏิบัติหน้ำที่ตำมพระรำชบัญญัตินี้ ให้พนักงำนเจ้ำหน้ำที่ ที่ได้รับมอบหมำยเป็นหนังสือจำกเลขำธิกำร มีอ ำนำจดังต่อไปนี้ ๑) มีหนังสือสอบถำมหรือเรียกให้หน่วยงำนของรัฐ หรือบุคคลใด ๆ มำให้ถ้อยค ำ ส่งค ำชี้แจงเป็นหนังสือ หรือส่งบัญชี เอกสำร หรือหลักฐำนใด ๆ มำเพื่อตรวจสอบหรือให้ข้อมูล เพื่อประโยชน์ในกำรปฏิบัติกำรตำมพระรำชบัญญัตินี้ ๒) มีหนังสือขอให้หน่วยงำนรำชกำร หรือหน่วยงำนเอกชนด ำเนินกำร เพื่อประโยชน์แห่งกำรปฏิบัติหน้ำที่ของ กปช. ๓) เข้ำถึงข้อมูลกำรติดต่อสื่อสำรทั้งทำงไปรษณีย์ โทรเลข โทรศัพท์ โทรสำร คอมพิวเตอร์ เครื่องมือหรืออุปกรณ์ในกำรสื่อสำรสื่ออิเล็กทรอนิกส์หรือสื่อทำงเทคโนโลยี สำรสนเทศใด เพื่อประโยชน์ในกำรปฏิบัติกำรเพื่อกำรรักษำควำมมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ กำรด ำเนินกำรตำม (๓) ให้เป็นไปตำมหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่คณะรัฐมนตรี ก ำหนด จำกบทบัญญัติข้ำงต้นจะเห็นว่ำคณะกรรมกำรกำรรักษำควำมมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ แห่งชำติ (กปช.) มีอ ำนำจมำกมำย สำมำรถสั่งกำรหรือประสำนควำมร่วมมือกับหน่วยงำนภำครัฐ และภำคเอกชนเพื่อปฏิบัติให้เป็นไปตำมนโยบำยหรือแผนปฏิบัติกำรเกี่ยวกับกำรรักษำควำมมั่นคง ปลอดภัยไซเบอร์ หรือให้ด ำเนินกำรอื่นใดที่จ ำเป็นต่อกำรรักษำควำมมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ทั้งใน ประเทศและต่ำงประเทศ แต่มีรัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธำน กรรมกำร ซึ่งอำจเกิดควำมไม่คล่องตัวในกำรประสำนงำนกับหน่วยงำนอื่นที่ไม่ใช่ฝ่ำยบริหำร เช่น หน่วยงำนศำล หรือหน่วยงำนทหำร เป็นต้น ดังนั้น กฎหมำยควรก ำหนดให้นำยกรัฐมนตรีในฐำนะ ผู้น ำฝ่ำยบริหำรเป็นประธำนกรรมกำรมีอ ำนำจหน้ำที่ตำมร่ำงกฎหมำยฉบับนี้เพื่อประโยชน์ในกำรสั่งกำร และประสำนงำนกับหน่วยงำนอื่น ๆ ประกำรต่อมำ กำรที่พระรำชบัญญัติกำรรักษำควำมมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. ๒๕๖๒ ให้อ ำนำจพนักงำนเจ้ำหน้ำที่ที่ได้รับมอบหมำยเป็นหนังสือจำกเลขำธิกำร มีอ ำนำจเข้ำถึง “ข้อมูลกำรติดต่อสื่อสำร (traffic data) ทั้งทำงไปรษณีย์ โทรเลข โทรศัพท์ โทรสำร คอมพิวเตอร์ เครื่องมือหรืออุปกรณ์ในกำรสื่อสำรสื่ออิเล็กทรอนิกส์หรือสื่อทำงเทคโนโลยีสำรสนเทศใด เพื่อประโยชน์ในกำรปฏิบัติกำรเพื่อกำรรักษำควำมมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์” อำจเป็นกำรนอกกรอบ วัตถุประสงค์ของแนวคิดกฎหมำยรักษำควำมมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ที่มุ่งเน้นสร้ำงควำมมั่นคง ปลอดภัยของระบบและข้อมูลในโลกไซเบอร์ กำรตรวจสอบหรือสอดส่องควรจ ำกัดไว้ในโลกไซเบอร์


๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๒๑๔ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร เท่ำนั้น กำรก ำหนดให้มีอ ำนำจเข้ำถึงข้อมูลทำง “ไปรษณีย์ โทรเลข โทรศัพท์ โทรสำร” จึงอำจเป็น ขัดสิทธิส่วนบุคคลประชำชน นอกจำกนี้ กำรที่พระรำชบัญญัติกำรรักษำควำมมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. ๒๕๖๒ ก ำหนดให้พนักงำนเจ้ำหน้ำที่ที่ได้รับกำรมอบหมำยเป็นหนังสือจำกเลขำธิกำร กปช. มีอ ำนำจเข้ำถึง ข้อมูลกำรติดต่อสื่อสำรเพื่อประโยชน์ในกำรปฏิบัติกำรเพื่อกำรรักษำควำมมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ โดยไม่ต้องมีหมำยศำล แต่ให้เป็นไปตำมหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่คณะรัฐมนตรีก ำหนด อำจเป็น กำรขัดกับสิทธิเสรีภำพของประชำชนในกำรติดต่อสื่อสำรกันโดยเสรีได้ ตารางเปรียบเทียบพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์กับการให้อ านาจตรวจสอบ ของประชาชน กฎหมำย เจ้ำพนักงำน อ ำนำจหน้ำที่ กำรตรวจสอบถ่วงดุล ร่ำงพระรำชบัญญัติ กำรรักษำควำมมั่นคง ปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. .... (พ.ศ. ๒๕๕๘) เจ้ำพนักงำน ตำมกฎหมำย สำมำรถเข้ำถึงข้อมูลกำรติดต่อสื่อสำร เช่น ไปรษณีย์ โทรศัพท์ โทรสำร คอมพิวเตอร์ เครื่องมือหรืออุปกรณ์ในกำรสื่อสำร สื่ออิเล็กทรอนิกส์หรือสื่อทำงเทคโนโลยี สำรสนเทศ เป็นต้น ไม่มีหน่วยงำนตรวจสอบ กำรใช้อ ำนำจและไม่มี บทบัญญัติเรื่องควำม รับผิดของเจ้ำหน้ำที่ ร่ำงพระรำชบัญญัติ กำรรักษำควำม มั่นคงปลอดภัยไซ เบอร์ พ.ศ. .... (พ.ศ.๒๕๖๐) เจ้ำพนักงำน ตำมกฎหมำย สำมำรถเข้ำถึงข้อมูลกำรติดต่อสื่อสำร เช่น ไปรษณีย์ โทรศัพท์ โทรสำร คอมพิวเตอร์ เครื่องมือหรืออุปกรณ์ในกำรสื่อสำรสื่อ อิเล็กทรอนิกส์หรือสื่อทำงเทคโนโลยี สำรสนเทศ เป็นต้น ให้ศำลตรวจสอบ กำรใช้อ ำนำจก่อน แต่ไม่มีบทบัญญัติ เรื่องควำมรับผิดชอบ ของเจ้ำหน้ำที่ ร่ำงพระรำชบัญญัติ กำรรักษำควำม มั่นคงปลอดภัยไซ เบอร์ พ.ศ. .... (พ.ศ.๒๕๖๑) เลขำธิกำรหรือ เจ้ำพนักงำน ตำมกฎหมำย สำมำรถเข้ำถึงอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ระบบ คอมพิวเตอร์ ข้อมูลคอมพิวเตอร์ และ สถำนที่ที่เห็นว่ำเกี่ยวข้องกับภัยคุกคำม ไซเบอร์ รวมถึงสำมำรถยึดคอมพิวเตอร์หรือ อุปกรณ์ใด ๆ ได้ไม่เกิน ๓๐ วัน พร้อมทั้ง สำมำรถท ำส ำเนำหรือทดสอบคอมพิวเตอร์ ระบบคอมพิวเตอร์และสำมำรถสกัดกรอง ข้อมูลหรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ได้ ให้ศำลตรวจสอบ กำรใช้อ ำนำจหลังยึด คอมพิวเตอร์เกิน ๓๐ วัน และไม่มี บทบัญญัติเรื่องควำม รับผิดของเจ้ำหน้ำที่ ที่มำ : โครงกำรอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมำย ประชำชน ประชำชน


๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๒๑๕ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร กลยุทธ์กำรรักษำควำมมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งสหภำพยุโรป (EU Cybersecurity Strategy) สหภำพยุโรปก ำหนดกลยุทธ์กำรรักษำควำมมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ขึ้นโดยมีเป้ำหมำย เพื่อคุ้มครองสิทธิเสรีภำพ ตลอดจนรักษำควำมมั่นคงปลอดภัยอย่ำงสูงสุดส ำหรับกำรติดต่อสื่อสำร ออนไลน์ ซึ่งกลยุทธ์นี้จะช่วยสร้ำงควำมมั่นใจทั้งแก่ประชำคมแห่งสหภำพยุโรปและประชำคมโลก ว่ำสหภำพยุโรปมีมำตรกำรกำรรักษำควำมมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ที่แข็งแกร่ง มีประสิทธิภำพ และมีควำมปลอดภัยมำกที่สุดแห่งหนึ่งของโลก (สรำวุธ ปิติยำศักดิ์, ๒๕๖๑) กลยุทธ์กำรรักษำควำมมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งสหภำพยุโรป ได้แก่ (๑) กำรบรรลุควำมมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์โดยกำรเพิ่มขีดควำมสำมำรถ สร้ำงควำมพร้อม กระชับควำมร่วมมือในกำรแลกเปลี่ยนข้อมูลและควำมตระหนักในด้ำนเครือข่ำยและควำมปลอดภัย ของข้อมูลทั้งภำครัฐและเอกชน ทั้งระดับประเทศและระดับสหภำพ (๒) กำรลดกำรกระท ำควำมผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ลงอย่ำงชัดเจน โดยกำร เสริมสร้ำงควำมเชี่ยวชำญแก่เจ้ำหน้ำที่ผู้มีอ ำนำจดูแล ตรวจสอบและด ำเนินคดีกับผู้กระท ำควำมผิด ทั้งจัดให้มีกำรประสำนงำนระหว่ำงหน่วยงำนบังคับใช้กฎหมำยทั่วสหภำพยุโรปและกำรเสริมสร้ำง ควำมร่วมมือกับหน่วยงำนหรือบุคคลอื่น ๆ (๓) กำรพัฒนำนโยบำยกำรป้องกันไซเบอร์ของสหภำพยุโรป รวมทั้งเพิ่มขีดควำมสำมำรถ ในกำรรักษำควำมปลอดภัยและนโยบำยกำรป้องกันไซเบอร์ร่วมกัน (๔) กำรสนับสนุนทรัพยำกร ทั้งทำงด้ำนอุตสำหกรรมและเทคโนโลยีที่จ ำเป็นในกำร เป็นตลำดดิจิทัลเดียว (Digital Single Market) กลยุทธ์นี้จะช่วยกระตุ้นกำรเกิดขึ้นของอุตสำหกรรม และตลำดส ำหรับเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร (Information Communication and Technology: ICT) ที่มั่นคงปลอดภัยในสหภำพยุโรปซึ่งท้ำยสุดจะน ำไปสู่กำรเจริญเติบโตและควำมสำมำรถ ในกำรแข่งขันของเศรษฐกิจสหภำพยุโรป ทั้งยังเป็นกำรเพิ่มงบประมำณในกำรวิจัยและพัฒนำเกี่ยวกับ ควำมมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ทั้งของภำครัฐและเอกชน (๕) กำรเสริมสร้ำงนโยบำยต่ำงประเทศของสหภำพยุโรปที่เกี่ยวกับโลกไซเบอร์ (Cyberspace) เพื่อส่งเสริมค่ำนิยมหลักของสหภำพยุโรปในกำรก ำหนดบรรทัดฐำนส ำหรับพฤติกรรม ที่มีควำมรับผิดชอบ เพื่อสนับสนุนกำรประยุกต์ใช้กฎหมำยระหว่ำงประเทศที่มีอยู่กับกิจกรรมในโลก ไซเบอร์ และเพื่อให้ควำมช่วยเหลือประเทศนอกสหภำพยุโรปในกำรสร้ำงขีดควำมสำมำรถในกำรรักษำ ควำมมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ประโยชน์ของกฎรักษำควำมมั่นคงปลอดภัยแห่งสหภำพยุโรปจะ ก่อให้เกิดประโยชน์หลำยประกำร เช่น ก. ท ำให้ประชำชนและผู้บริโภคเกิดควำมไว้วำงใจในเทคโนโลยีที่พวกเขำใช้ ในชีวิตประจ ำวันมำกขึ้น ข. ท ำให้รัฐบำลและภำคธุรกิจจะสำมำรถที่จะใช้เครือข่ำยดิจิทัลและโครงสร้ำง พื้นฐำนที่จะให้บริกำรที่จ ำเป็นแก่ประชำชนและผู้บริโภคทั้งในประเทศและนอกประเทศได้อย่ำงมั่นใจ และมั่นคงปลอดภัย ค. ท ำให้เศรษฐกิจของสหภำพยุโรปได้ประโยชน์จำกกำรบริกำรที่น่ำเชื่อถือมำกขึ้น รวมถึงกำรมีวัฒนธรรมของกำรบริหำรควำมเสี่ยงและระบบกำรรำยงำนเหตุกำรณ์ที่เกิดขึ้นจะสร้ำง


๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๒๑๖ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ควำมเท่ำเทียมกันและควำมมีเสถียรภำพส ำหรับองค์กรธุรกิจที่ต้องกำรจะแข่งขันกำรท ำธุรกิจในตลำด ดิจิทัลเดียวแห่งสหภำพยุโรป กรณีตัวอย่ำงประเทศสิงคโปร์ที่เพิ่งออกกฎหมำยดังกล่ำวออกมำ โดยมุ่งเน้น กำรป้องกันภัยคุกคำมไซเบอร์ ในทำงเทคนิคที่อำชญำกรไซเบอร์มุ่งโจมตีโครงสร้ำงขั้นพื้นฐำน ซึ่งจะมี ผลกระทบต่อกำรลงทุนของต่ำงชำติในด้ำนเซิฟเวอร์ หรือกรณีนำยเอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน อดีตเจ้ำหน้ำที่ ควำมมั่นคงของสหรัฐอเมริกำ ที่เปิดโปงกำรสอดแนมของเจ้ำหน้ำที่ สภำควำมมั่นคงแห่งชำติ หรือ NSA และหน่วยงำนกำรข่ำวของสหรัฐอเมริกำในทุกรูปแบบอย่ำงไร้ข้อจ ำกัด ซึ่งด ำเนินกำรไปตำมค ำสั่ง พิเศษของประธำนำธิบดี ที่ต้องด ำเนินกำรในทำงลับไม่อำจออกเป็นกฎหมำยละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยตรงได้ ส ำหรับประเทศไทยกำรผลักดันร่ำงกฎหมำยฉบับนี้มีควำมส ำคัญต่อกำรพัฒนำดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทย ซึ่งจะเป็นโครงสร้ำงพื้นฐำนส ำคัญที่ท ำให้ประเทศไทย มีควำมพร้อมสูงที่จะไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัลในมำตรฐำนที่เป็นสำกล ท ำให้สำมำรถน ำเทคโนโลยีดิจิทัล ไปใช้ในกำรขับเคลื่อนกำรพัฒนำประเทศได้อย่ำงมีประสิทธิภำพโดยลดควำมเสี่ยงและเพิ่ม ประสิทธิภำพในกำรรับมือกับภัยไซเบอร์ซึ่งเป็นปัญหำสำกลที่ทั่วโลกเผชิญหน้ำอยู่ จำกหัวข้อดังกล่ำวผู้จัดท ำตั้งข้อสังเกตถึงเรื่องกฎหมำยที่เกี่ยวข้องกับควำมมั่นคง ปลอดภัยทำงด้ำนไซเบอร์ที่เป็นภัยต่อควำมมั่นคงของประเทศ ดังนี้ ๑) พระรำชบัญญัติว่ำด้วยกำรรักษำควำมมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. ๒๕๖๒ มีประเด็นพิจำรณำว่ำ ถ้อยค ำของค ำนิยำมที่ปรำกฏในพระรำชบัญญัติว่ำด้วยกำรรักษำควำมมั่นคง ปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. ๒๕๖๒ มีควำมไม่ชัดเจนแน่นอน ส่งผลให้ภำคประชำชนบำงส่วนเกิดข้อกังวล เช่น ค ำนิยำมที่ปรำกฏในพระรำชบัญญัติว่ำด้วยกำรรักษำควำมมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยเฉพำะถ้อยค ำดังต่อไปนี้ คือ ค ำว่ำ “ภัยคุกคำม” “ควำมมั่นคงของชำติ” เป็นต้น ๒) กำรให้ค ำนิยำมนั้นยังมีลักษณะเป็นกำรเขียนกว้ำงๆ เหมือนกับกฎหมำยควำมมั่นคง ฉบับอื่น ๆ เช่น พระรำชบัญญัติกฎอัยกำรศึกษำ พ.ศ. ๒๔๕๗ พระรำชก ำหนดบริหำรรำชกำร ในสถำนกำรณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ หรือพระรำชบัญญัติกำรรักษำควำมมั่นคงภำยในรำชอำณำจักร พ.ศ. ๒๕๕๑ เป็นต้น โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งในส่วนของค ำว่ำ “ควำมมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์” ที่มีกำร ก ำหนดไว้อย่ำงกว้ำง ท ำให้ประชำชนทั่วไปอ่ำนแล้วท ำควำมเข้ำใจได้ยำก จึงเปิดโอกำสให้เจ้ำหน้ำที่ ใช้ดุลพินิจในกำรปฏิบัติงำนได้อย่ำงกว้ำงขวำง หรือแม้แต่ค ำว่ำ “ภัยคุกคำม” ตำมวรรคนี้ก็ยังก ำกวม เพรำะไม่ได้ระบุให้ชัดเจนว่ำเป็นภัยคุกคำมในเชิงเทคนิคที่มีต่อตัวระบบ หรือรวมไปถึงกำรเผยแพร่ เนื้อหำที่เจ้ำหน้ำที่เห็นว่ำกระทบต่อควำมมั่นคงด้วย ๓) พระรำชบัญญัติว่ำด้วยกำรรักษำควำมมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. ๒๕๖๒ มีประเด็นพิจำรณำว่ำพระรำชบัญญัติดังกล่ำวนั้นเป็นกำรเพิ่มอ ำนำจให้แก่หน่วยงำนด้ำนควำมมั่นคง มำกเกินไปหรือไม่ และมีกำรกล่ำวว่ำชุดร่ำงกฎหมำยเศรษฐกิจดิจิทัลนั้นมีเนื้อหำและเจตนำรมณ์ ส่วนใหญ่ในกำรปกป้องควำมมั่นคงของชำติมำกกว่ำ ซึ่งเห็นว่ำควำมมั่นคงปลอดภัยของชำติ กับควำมมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์เป็นสิ่งที่ไม่มีควำมเกี่ยวข้องกัน เพรำะควำมมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ นั้นเป็นเรื่องเทคนิคที่เกี่ยวข้องกับกำรท ำงำนที่มีเสถียรภำพและปลอดภัยของระบบคอมพิวเตอร์ เป็นหลัก ในประเด็นนี้ผู้จัดท ำมีควำมเห็นว่ำควำมมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์กับควำมมั่นคงปลอดภัย


๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๒๑๗ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ของชำตินั้นมีควำมสอดคล้องกัน เนื่องจำกผลกระทบและควำมเสียหำยที่เกิดจำกงำนด้ำนไซเบอร์นั้น ย่อมส่งผลในทำงตรงต่อประเทศชำติในด้ำนต่ำง ๆ เช่น ด้ำนเศรษฐกิจ ด้ำนสังคม และด้ำนกำรเมือง เป็นต้น ๔) ปัญหำเกี่ยวกับควำมเสี่ยงที่สิทธิและเสรีภำพของประชำชนจะถูกละเมิด ซึ่งบทบัญญัติบำงมำตรำในพระรำชบัญญัติรักษำควำมมั่นคงไซเบอร์ พ.ศ. ๒๕๖๒ มีลักษณะ ที่ค่อนข้ำงคลุมเครือ “เพรำะให้อ ำนำจเจ้ำหน้ำที่ตรวจสอบกำรสื่อสำรของประชำชนโดยทุกช่องทำง และไม่มีกระบวนกำรตรวจสอบใด ๆ คล้ำยกับกำรให้อ ำนำจเจ้ำหน้ำที่ทหำรอย่ำงเต็มเวลำ ที่ประกำศใช้กฎอัยกำรศึก” และเป็นกำรมอบอ ำนำจให้กับหน่วยงำนควำมมั่นคงอย่ำงมำก ท ำให้ ขำดกลไกตรวจสอบถ่วงดุลต่ำง ๆ (“ข้อสังเกตจำกบทบัญญัติของร่ำงพระรำชบัญญัติว่ำด้วยกำรรักษำ ควำมมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชำติ,” ๒๕๕๘) นอกจำกนี้ ประเด็นปัญหำที่ควรพิจำรณำในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสิทธิและเสรีภำพ ของประชำชนที่ส ำคัญ กรณีก ำหนดให้อ ำนำจพนักงำนเจ้ำหน้ำที่ในกำรเข้ำถึงข้อมูลกำรติดต่อสื่อสำร ทั้งทำงไปรษณีย์ โทรเลข โทรศัพท์ โทรสำร คอมพิวเตอร์ เครื่องมือ หรืออุปกรณ์ในกำรสื่อสำร สื่ออิเล็กทรอนิกส์หรือสื่อทำงเทคโนโลยีสำรสนเทศใด เพื่อประโยชน์ในกำรปฏิบัติกำรเพื่อกำรรักษำ ควำมมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์นั้น มีข้อพิจำรณำว่ำบทบัญญัติดังกล่ำวอำจกระทบต่อสิทธิเสรีภำพ ของประชำชนที่ได้รับกำรบัญญัติรับรองเอำไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พุทธศักรำช ๒๕๖๐ หลำยประกำร กรณีสิทธิในควำมเป็นอยู่ส่วนตัวตำมที่ก ำหนดรับรองไว้ในมำตรำ ๓๒ และโดยเฉพำะอย่ำงยิ่งเสรีภำพในกำรติดต่อสื่อสำรของบุคคลที่ก ำหนดไว้ในมำตรำ ๓๖ ที่ได้บัญญัติ รับรองถึงเสรีภำพในกำรติดต่อสื่อสำรของบุคคลและห้ำมกำรกระท ำใด ๆ อันเป็นกำรกระทบต่อ เสรีภำพดังกล่ำวจะไม่สำมำรถกระท ำได้เว้นแต่มีค ำสั่งหรือหมำยของศำลหรือมีเหตุอื่นตำมที่กฎหมำย ก ำหนด เป็นต้น ดังนั้น กำรที่บทบัญญัติมำตรำ ๓๕ วรรคหนึ่ง (๓) ของพระรำชบัญญัติก ำหนดให้ อ ำนำจพนักงำนเจ้ำหน้ำที่ในกำรเข้ำถึงข้อมูลกำรติดต่อสื่อสำรของบุคคลโดยไม่ต้องมีค ำสั่งหรือหมำย ของศำล แม้ว่ำจะอ้ำงว่ำเพื่อประโยชน์ในกำรปฏิบัติกำรเพื่อกำรรักษำควำมมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ก็ตำม กรณีดังกล่ำวจึงอำจก่อให้เกิดปัญหำว่ำบทบัญญัติดังกล่ำวอำจไม่สอดคล้องกับสิทธิ และเสรีภำพของประชำชนที่บัญญัติรับรอง (“ควำมน่ำกังวลบำงประกำรต่อร่ำง พ.ร.บ. ควำมมั่นคง ไซเบอร์,” ๒๕๖๐) ในกรณีมีเหตุสงสัยว่ำจะกระทบควำมมั่นคงเจ้ำหน้ำที่ก็สำมำรถตรวจค้นข้อมูลส่วนตัว และข้อควำมสนทนำของประชำชนได้ หรือบุกค้นและยึดอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ได้โดยไม่ต้องมีหมำย ศำล รวมถึงกำรให้อ ำนำจแก่เลขำธิกำรคณะกรรมกำรกำรรักษำควำมมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชำติ มำกจนเกินไป ตลอดจนบทก ำหนดโทษและกำรใช้อ ำนำจของเจ้ำหน้ำที่ ซึ่งทั้งหมดนี้ควรจะต้องมี กำรก ำหนดขอบเขตและมีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนโดยเฉพำะเรื่องกำรใช้อ ำนำจของเจ้ำหน้ำที่รัฐ ประกำร ส ำคัญควรพิจำรณำว่ำจะมีกลไกกำรตรวจสอบและถ่วงดุลอ ำนำจกันอย่ำงไร ส ำหรับสำเหตุอีกส่วนหนึ่งที่ท ำให้พระรำชบัญญัติฉบับนี้เพิ่งได้รับกำรประกำศและใช้ บังคับได้อันเนื่องมำจำกปัญหำในกำรรักษำควำมมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์สำมำรถสรุปได้ดังนี้


๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๒๑๘ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร (๑) หน่วยงำนต่ำง ๆ ยังให้ควำมส ำคัญกับภัยคุกคำมไซเบอร์ไม่มำกนัก (๒) ขำดกำรรวมกลุ่มจัดตั้งทีมเฝ้ำระวังภัยไซเบอร์ (๓) ยังไม่มีกำรระบุโครงสร้ำงพื้นฐำนวิกฤตของชำติอย่ำงชัดเจน (๔) องค์กรภำคเอกชนมักจะปกปิดเหตุกำรณ์กำรถูกโจมตีเนื่องจำกกลัวกำรเสียชื่อเสียง (๕) กำรรักษำควำมปลอดภัยยังไม่ครอบคลุมภำคธุรกิจ (๖) กฎหมำยยังไม่สนับสนุนกำรด ำเนินงำนด้ำนภัยคุกคำมไซเบอร์ (๗) กำรด ำเนินงำนรักษำควำมปลอดภัยไซเบอร์มีลักษณะต่ำงฝ่ำยต่ำงท ำงำน (๘) กำรด ำเนินงำนด้ำนกำรรักษำควำมปลอดภัยไซเบอร์ยังมีกำรทับซ้อนกัน (๙) ยังขำดกำรสนับสนุนด้ำนกำรวิจัยและพัฒนำเทคโนโลยีด้ำนกำรรักษำควำม ปลอดภัยไซเบอร์จำกภำครัฐ (๑๐) ยังขำดแคลนบุคลำกรด้ำนกำรรักษำควำมปลอดภัยไซเบอร์ (๑๑) หน่วยงำนภำครัฐ ภำคเอกชน และประชำชนทั่วไปยังขำดควำมตระหนักด้ำนภัย คุกคำมไซเบอร์ จำกปัญหำดังกล่ำวท ำให้พระรำชบัญญัติรักษำควำมมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์พ.ศ. ๒๕๖๒ ถูกกล่ำวหำว่ำเป็นกฎหมำยที่อำจจะส่งผลกระทบต่อคนไทยทุกคน เนื่องจำกอำจถูกล้วงข้อมูล และควำมลับขององค์กรโดยเจ้ำหน้ำที่รัฐ และอำจเป็นกำรละเมิดต่อหลักควำมจ ำเป็นและได้สัดส่วน เพรำะมีถ้อยค ำตำมบทนิยำมเกี่ยวกับเรื่องของควำมมั่นคงไซเบอร์ในลักษณะที่ว่ำ “อำจก่อให้เกิด ควำมเสี่ยง” และกล่ำวถึงหน่วยงำนรัฐที่เกี่ยวข้องกับกำรรักษำควำมมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์นั้น “ไม่ต้องรับผิดชอบใด ๆ กับกำรใช้อ ำนำจของตนเอง”(สฤณี อำชวำนันทกุล, ๒๕๕๙) ดังนั้น เนื่องจำกสภำวกำรณ์ในปัจจุบันมีควำมเสี่ยงจำกภัยคุกคำมทำงไซเบอร์อันอำจ กระทบต่อควำมมั่นคงของรัฐและควำมสงบเรียบร้อยภำยในประเทศ ดังนั้น พระรำชบัญญัติฉบับนี้ จะเข้ำมำดูแลกำรด ำเนินงำนภำรกิจให้มีประสิทธิภำพกำรดูแลควำมปลอดภัย ถูกต้อง สะดวกและรวดเร็ว ให้เป็นมำตรฐำนสำกล จึงปรับแก้หลำยจุดให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีสำรสนเทศ โดยให้มีคณะกรรมกำร ที่มีควำมคล่องตัวในกำรด ำเนินกำรจึงมีกำรปรับโครงสร้ำงกรรมกำรให้มีควำมกระชับและไม่ซ้ ำซ้อน เพื่อสำมำรถด ำเนินกำรป้องกันหรือรับมือภัยไซเบอร์ได้อย่ำงทันท่วงที ๔. บทสรุปและอภิปรายผล จำกกำรศึกษำวิเครำะห์พบว่ำ กำรรักษำควำมปลอดภัยไซเบอร์จะต้องอำศัยปัจจัย ที่ช่วยสนับสนุนกำรด ำเนินงำนให้เป็นไปอย่ำงมีประสิทธิภำพ รวมถึงปัจจัยแวดล้อมต่ำง ๆ เช่น นโยบำยและยุทธศำสตร์ชำติ และกรอบกำรด ำเนินงำน กฎหมำยที่สนับสนุนกำรรักษำควำมปลอดภัย ไซเบอร์ เป็นต้น ตลอดจนมีกำรระบุประเภทของหน่วยงำนที่เป็นโครงสร้ำงพื้นฐำนวิกฤตอย่ำงชัดเจน กำรสร้ำงควำมตระหนักให้แก่หน่วยงำนทั้งภำครัฐและเอกชน และส่งเสริมให้มีกำรน ำมำตรฐำน กำรรักษำควำมมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ISO/IEC 27001 มำใช้ในองค์กร รวมถึงหน่วยงำนรับผิดชอบ ควรมีโครงสร้ำง มีอ ำนำจ หน้ำที่ และงบประมำณที่เพียงพอในกำรด ำเนินงำนด้วย


๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๒๑๙ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร นอกจำกนั้น จะเห็นได้ว่ำกำรโจมตีทำงไซเบอร์จะน ำไปสู่เหตุกำรณ์ที่ไม่คำดคิดทำงไซเบอร์ (cyber incident)ซึ่งส่งผลกระทบต่อควำมมั่นคงปลอดภัย ซึ่งทุกประเทศได้ตระหนักถึงควำมส ำคัญ กับกำรแจ้งเตือนภัยไซเบอร์ไปสู่ประชำชน และหน่วยงำนต่ำง ๆ ที่เป็นโครงสร้ำงพื้นฐำนวิกฤต ทั้งของภำครัฐ และภำคเอกชน ส ำหรับประเทศไทยนั้นก ำลังเข้ำสู่กำรเป็นประชำคมอำเซียน (AC: ASEAN Community) เมื่อศักยภำพของประชำกรในยุคไซเบอร์เป็นไปอย่ำงเสรีภำพส่งผลให้กำรใช้ งำนทำงไซเบอร์จะมีมำกขึ้น ควำมปลอดภัยไซเบอร์จึงเป็นสิ่งที่จ ำเป็น เพื่อสร้ำงควำมมั่นใจให้กับทุกฝ่ำย ในยุคเศรษฐกิจดิจิตอล (digital economy) ด้วยเหตุนี้ ประเทศไทยควรมีมำตรฐำนกำรบริหำรจัดกำร ควำมมั่นคงปลอดภัยทำงด้ำนไซเบอร์ให้สอดคล้องกับมำตรฐำนสำกล ซึ่งเป็นสิ่งจ ำเป็นและมี ควำมเร่งด่วนอย่ำงยิ่ง ๕. ข้อเสนอแนะ จำกกำรศึกษำมีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับแนวทำงกำรเพิ่มประสิทธิภำพกำรจัดกำร ควำมมั่นคงปลอดภัยทำงไซเบอร์ตำมพระรำชบัญญัติกำรรักษำควำมมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. ๒๕๖๒ ดังนี้ ๑) กฎหมำยด้ำนไซเบอร์ของไทยควรมุ่งเน้นในกำรสร้ำงควำมร่วมมือระหว่ำงรัฐ หน่วยงำนภำคเอกชน และภำคประชำสังคม ในลักษณะของกำรก ำกับดูแลตนเองและกำรก ำกับดูแล ร่วมกันมำกกว่ำกำรใช้ตัวบทกฎหมำยที่เข้มงวดเกินไปอันอำจกระทบถึงสิทธิเสรีภำพของประชำชน ในกำรติดต่อสื่อสำร ๒) ภำครัฐควรก ำหนดโครงสร้ำงพื้นฐำน วิกฤตของชำติ และนโยบำยคุ้มครอง โครงสร้ำงพื้นฐำนวิกฤตของชำติ และกรอบกำรด ำเนินกำรที่ชัดเจน ๓) ภำครัฐควรกระตุ้นให้องค์กรภำครัฐและภำคเอกชนน ำมำตรฐำน ISO 27001 มำใช้ในองค์กรให้มำกขึ้น ๔) ควรน ำแนวทำงปฏิบัติที่ใช้พิจำรณำระดับควำมปลอดภัยทำงไซเบอร์ของ ITU มำเป็นแนวทำงปฏิบัติ ได้แก่ กำรพัฒนำด้ำนกฎหมำย ด้ำนเทคนิค ด้ำนองค์กร ด้ำนควำมสำมำรถ และด้ำนกำรด ำเนินงำนร่วม ๕) กำรด ำเนินงำนด้ำนกำรรักษำควำมปลอดภัยไซเบอร์ ควรมีกำรด ำเนินกำร ที่ครอบคลุมหน่วยงำนที่เป็นโครงสร้ำงพื้นฐำนวิกฤติ ทั้งของภำครัฐและภำคเอกชน รวมถึงมีกำร รวมกลุ่มร่วมกันด ำเนินงำนในระดับภำคส่วน (sectors) เช่น ภำคกำรสื่อสำรโทรคมนำคม ภำคกำรขนส่ง หรือกลุ่มพลังงำน เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อให้กำรรักษำควำมมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ครอบคลุมกำรด ำเนินงำน ได้ทั่วประเทศอย่ำงมีประสิทธิภำพ ๖) เนื่องจำกควำมไว้วำงใจเป็นหัวใจของกำรประสำนและด ำเนินกำรร่วม ภำครัฐ ควรสร้ำงบรรยำกำศควำมไว้วำงใจให้แก่หน่วยงำนต่ำง ๆ ทั้งในประเทศและต่ำงประเทศ ๗) ควรเพิ่มบุคลำกรด้ำนควำมปลอดภัยไซเบอร์ให้เพียงพอกับควำมต้องกำร ภำยในประเทศ


๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๒๒๐ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ๘) ควรจะมีกำรก ำหนดขอบเขตและหลักเกณฑ์กำรใช้อ ำนำจที่ชัดเจน รวมถึงควรจะต้อง มีกลไกกำรตรวจสอบและถ่วงดุลอ ำนำจที่เหมำะสม โดยให้ศึกษำจำกกฎหมำยลักษณะเดียวกัน ของนำนำชำติ นำงสำวณัฏฐกำนต์ เวชพันธ์ นิติกรช ำนำญกำร กลุ่มงำนคณะกรรมำธิกำรควำมมั่นคงแห่งรัฐ กิจกำรชำยแดนไทย ยุทธศำสตร์ชำติและกำรปฏิรูปประเทศ ส ำนักกรรมำธิกำร ๒


๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๒๒๑ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร แนวทางการจัดท าคลังข้อมูลงานด้านวิชาการเฉพาะกรณีโรงเรียนต ารวจตระเวนชายแดน เพื่อสนับสนุนการด าเนินงานของคณะกรรมาธิการการต ารวจ สภาผู้แทนราษฎร ในรูปแบบคิวอาร์โค้ด (QR Code) ๑. ความเป็นมาและความส าคัญของปัญหา ปัจจุบันประเด็นทำงด้ำนกำรเพิ่มประสิทธิภำพในองค์กรเป็นสิ่งส ำคัญที่หลำย หน่วยงำนตระหนักและให้ควำมส ำคัญโดยประสิทธิภำพ (Efficiency) นั้น เป็นกำรเปรียบเทียบ ทรัพยำกร (Resources) ที่ใช้ไปกับผลที่ได้จำกกำรท ำงำนว่ำดีขึ้นจำกเดิมอย่ำงไร ซึ่งองค์กร ในปัจจุบัน ไม่ว่ำจะเป็นองค์กรบริหำรส่วนรำชกำรหรือองค์กรบริหำรธุรกิจ ล้วนแล้วแต่มีเป้ำหมำย ท ำงเ ศ รษ ฐ กิ จห รือ ก ำไ ร เป้ ำห ม ำ ยเกี่ ย ว กับก ำ รให้บ ริก ำ ร แล ะเป้ ำหม ำ ยด้ ำนสังคม ที่ต้องกำรจะท ำให้กระบวนกำรในกำรบริหำรจัดกำรนั้นเกิดประสิทธิภำพอย่ำงสูงสุด ในโลกยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีมีคว ำมก้ำวหน้ ำและพัฒน ำอย่ำงต่อเนื่อง และรวดเร็ว ท ำให้ชีวิตของมนุษย์ต้องพึ่งพำเทคโนโลยีในกำรใช้ชีวิตประจ ำวันอยู่เสมอ เพื่อให้ กำรด ำรงชีวิตของมนุษย์มีควำมสะดวกสบำยมำกขึ้นเรื่อย ๆ ในองค์กรก็เช่นเดียวกัน ควำมเจริญก้ำวหน้ำและพัฒนำกำรของเทคโนโลยีและระบบสำรสนเทศ ส่งผลกระทบ ต่อกำรปฏิบัติงำนในแต่ละหน่วยงำนมำกขึ้น องค์กรต่ำง ๆ ในฐำนะที่เป็นระบบย่อยภำยในระบบ สังคมมีควำมจ ำเป็นที่จะต้องปรับตัว เพื่อคว ำมอยู่รอดและกำรเจริญเติบโตในอนำคต ด้วยกำรพิจำรณำน ำเทคโนโลยีมำปรับใช้ในองค์กรให้มำกขึ้น โดยเทคโนโลยีในปัจจุบันมีอยู่อย่ำง หลำกหลำย ซึ่งเทคโนโลยีทำงด้ำนระบบคิวอำร์โค้ด (QR Code) ก็เป็นเทคโนโลยีพื้นฐำน ที่ส ำคัญ โดยคิวอำร์โค้ด (QR Code) เป็นบำร์โค้ด (Barcode) ที่ซ่อนควำมหมำยและรำยละเอียดที่ ต้องกำรแสดงเอำไว้และสำมำรถอ่ำนได้โดยใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่หรืออุปกรณ์ที่ติดตั้งโปรแกรมกำรอ่ำน คิวอำร์โค้ด (QR Code) ดังนั้น กำรศึกษำทำงวิชำกำรฉบับนี้จึงเป็นกำรน ำเสนอแนวทำงที่ส ำคัญในกำร ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภำพกระบวนกำรท ำงำนให้แก่เจ้ำหน้ำที่ฝ่ำยเลขำนุกำรใน คณะกรรมำธิกำรกำรต ำรวจ สภำผู้แทนรำษฎร ให้มีประสิทธิภำพและมีควำมเป็นมืออำชีพมำกยิ่งขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับแผนยุทธศำสตร์กำรบริหำรทรัพยำกรบุคคลของส่วนรำชกำรสังกัดรัฐสภำ ฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๖๖ - ๒๕๗๐) ที่มีเป้ำหมำยเชิงยุทธศำสตร์ คือ กำรปฏิบัติงำนด้ำนนิติบัญญัติอย่ำงมืออำชีพ นอกจำกนี้ ยังสอดคล้องกับแนวนโยบำยของรัฐบำลในกำรขับเคลื่อนสู่ประเทศไทย ๔.๐ ให้ทุกส่วน รำชกำรด ำเนินกำรพัฒนำและปรับปรุงกำรปฏิบัติงำนให้มีประสิทธิภำพมำกยิ่งขึ้นโดยกำรน ำระบบ ดิจิทัลมำสนับสนุนกำรท ำงำนเพื่อน ำไปสู่ระบบรำชกำร ๔.๐ ๒. กฎหมาย กฎ ระเบียบ และยุทธศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง ส ำหรับแนวคิดและงำนวิจัยที่เกี่ยวข้องกับกำรศึกษำแนวทำงกำรจัดท ำคลังข้อมูลงำน ด้ำนวิชำกำรเฉพำะกรณีโรงเรียนต ำรวจตระเวนชำยแดน เพื่อสนับสนุนกำรด ำเนินงำนของ คณะกรรมำธิกำรกำรต ำรวจ สภำผู้แทนรำษฎร ในรูปแบบคิวอำร์โค้ด (QR Code) นั้น มีดังนี้


๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๒๒๒ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ๒.๑ แนวคิดเกี่ยวกับการเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน๕ กำรท ำงำนในองค์กำรเป็นกำรท ำงำนที่เป็นกำรประสำนกันระหว่ำงส่วนต่ำง ๆ ใน องค์กำรเพื่อที่จะสร้ำงผลงำนให้เกิดควำมส ำเร็จ ซึ่งสิ่งส ำคัญในกำรท ำงำนก็คือในเรื่องของ กำรเพิ่มประสิทธิภำพในกำรท ำงำนของบุคลำกรในองค์กำรให้มีควำมพร้อม และควำมสำมำรถ ที่จะผลิตงำนออกมำตำมเป้ำหมำยที่ตั้งไว้ โดยเป็นควำมมุ่งหมำยขององค์กำรต่ำง ๆ ที่ต้องกำร ที่จะให้บุคลำกรภำยในองค์กำรสร้ำงผลงำนที่มีประสิทธิภำพตำมที่องค์กำรได้ก ำหนดไว้ ซึ่งท ำให้ผลงำนที่ได้ออกมำมีคุณภำพมำกยิ่งขึ้น มิลเล็ท (Millet, ๑๙๕๔, p. ๔ อ้ำงในภูวนัยเกษบุญชู,๒๕๕๐) ได้ให้ควำมหมำยของ ค ำว่ำ ประสิทธิภำพ ว่ำหมำยถึง ผลกำรปฏิบัติงำนที่ท ำให้เกิดควำมพึงพอใจและได้รับผลก ำไรจำก กำรปฏิบัติงำนดังกล่ำว ซึ่งควำมพึงพอใจนั้นหมำยถึง ควำมพึงพอใจในกำรบริกำรให้กับประชำชน โดยพิจำรณำจำก ๑) กำรให้บริกำรอย่ำงเท่ำเทียมกัน (Equitable service) ๒) กำรให้บริกำรอย่ำงรวดเร็วทันเวลำ (Timely service) ๓) กำรให้บริกำรอย่ำงเพียงพอ (Ample service) ๔) กำรให้บริกำรอย่ำงต่อเนื่อง (Continuous service) ๕) กำรให้บริกำรอย่ำงก้ำวหน้ำ (Progression service) ทิพาวดี เมฆสวรรค์(๒๕๓๘, หน้ำ ๒ อ้ำงในภูวนัย เกษบุญชู ,๒๕๕๐) กล่ำวถึง ป ระสิทธิภ ำพว่ ำเป็นสิ่งที่วัดได้หล ำยมิติต ำมแต่ วัตถุป ระสงค์ที่ต้องก ำ รพิจ ำ รณ ำ คือ ๑) ประสิทธิภำพในมิติของค่ำใช้จ่ำยหรือต้นทุนผลิต (Input) ได้แก่ กำรใช้ทรัพยำกรด้ำนเงิน คน วัสดุ เทคโนโลยีที่มีอยู่อย่ำงประหยัด คุ้มค่ำ และเกิดกำรสูญเสียน้อยที่สุด ๒) ประสิทธิภำพ ในมิติของกระบวนกำรบริหำร (Process) ได้แก่ กำรท ำงำนที่ถูกต้อง ได้มำตรฐำน รวดเร็ว และใช้เทคนิคที่สะดวกขึ้นกว่ำเดิม ๓) ประสิทธิภำพในมิติของผลผลิตและผลลัพธ์ (Output) ได้แก่ กำรท ำงำนที่มีคุณภำพเกิดประโยชน์ต่อสังคม เกิดผลก ำไร ทันเวลำผู้ปฏิบัติงำนมีจิตส ำนึกที่ดีต่อกำร ท ำงำน และกำรบริกำรเป็นที่พอใจของลูกค้ำหรือผู้มำรับบริกำร ไซมอน (Simon, ๑๙๖๐, pp. ๑๘๐ - ๑๘๑ อ้ำงในภูวนัยเกษบุญชู,๒๕๕๐) ได้ให้ ควำมหมำยของค ำ ว่ ำ ป ร ะสิท ธิภ ำพในเชิง ธุ รกิ จเกี่ย วกับก ำ รท ำง ำนของเค รื่อง จัก ร โดยพิจำรณำว่ำงำนใดที่มีประสิทธิภำพสูงสุดนั้น ดูได้จำกควำมสัมพันธ์ระหว่ำงปัจจัยน ำเข้ำ (Input) กับผลผลิต (output) ซึ่งสำมำรถสรุปได้ว่ำประสิทธิภำพเท่ำกับผลผลิตลบด้วยปัจจัยน ำเข้ำ แต่หำก เป็นระบบกำรท ำงำนของภำครัฐ ต้องน ำควำมพึงพอใจของประชำชน ผู้มำขอรับบริกำรรวมอยู่ด้วยซึ่ง อำจเขียนเป็นสมกำรได้ดังนี้ E = ( I - O ) + S E คือ ประสิทธิภำพของงำน (Efficiency) O คือ ผลิตผลหรือผลงำนที่ได้รับ (Output) ๕ ภูวนัย เกษบุญชู.ประสิทธิภำพในกำรปฏิบัติงำนของข้ำรำชกำรกองทัพเรือ ศึกษำกรณีข้ำรำชกำร สังกัดกองเรือภำคที่ ๑ (ออนไลน์). สืบค้นจำก:http://tea.gspa-buu.net เมื่อวันที่ ๑๘ เมษำยน ๒๕๖๒.


๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๒๒๓ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร I คือ ปัจจัยน ำเข้ำหรือทรัพยำกรทำงกำรบริหำรที่ใช้ไป (Input) S คือ ควำมพึงพอใจในผลงำนที่ออกมำ (Satisfaction) สรุป กำรเพิ่มประสิทธิภำพในกำรปฏิบัติงำน ควรมำจำกควำมสำมำรถ อันจะท ำให้เกิดผลงำนที่มีประสิทธิภำพประสิทธิผลที่ท ำให้เกิดควำมพึงพอใจและได้รับผลก ำไรจำก กำรปฏิบัติงำนที่ถูกต้อง ได้มำตรฐำน และรวดเร็ว โดยผลส ำเร็จของกำรเพิ่มประสิทธิภำพ ในกำรปฏิบัติงำนที่บรรลุถึงเป้ำหมำยที่ก ำหนดไว้ ๒.๒ แนวคิดเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ ความหมายของเทคโนโลยีสารสนเทศ๖ Taylor ได้กล่ำวถึง เทคโนโลยีสำรสนเทศว่ำหมำยถึงกำรใช้เครื่องมือ ทำงคอมพิวเตอร์และโทรคมนำคมเพื่อใช้ในกำรเก็บประมวลถ่ำยทอดและแสดงผลลัพธ์ของข้อมูล ข่ำวสำรในรูปของภำพ เสียง ตัวอักษร และตัวเลข ควำมสำมำรถในกำรรับข้อมูลจำกแหล่งข่ำวสำร จ ำนวนมำกทั้งในรูปของภำพและตัวอักษรและควำมสำมำรถในกำรส่งข้อมูลข่ำวสำรไปยังแหล่งต่ำง ๆ ได้อย่ำงกว้ำงไกลโดยเทคโนโลยีสำรสนเทศนั้นจะสำมำรถพัฒนำระบบข้อมูลข่ำวสำรในองค์กรได้เป็น อย่ำงดี ไพรัช ธัชยพงษ์ได้ให้ควำมหมำยของเทคโนโลยีสำรสนเทศว่ำ เป็นกำรประยุกต์ เครื่องมืออุปกรณ์ต่ำง ๆ (ซึ่งได้แก่เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องใช้ส ำนักงำนและอุปกรณ์โทรคมนำคม ทั้ง ห ล ำ ย ) โ ด ย มี ค อ ม พิ ว เ ต อ ร์ เ ป็ น เ ค รื่ อง มื อ ที่ ช่ ว ยใ น ก ำ ร เ ก็ บ แ ล ะ บั น ทึ ก ข้ อ มู ล เพื่อน ำมำใช้ในกำรประมวลผลให้เกิดเป็นสำรสนเทศส ำหรับจัดส่งไปให้ผู้บริหำรและผู้ปฏิบัติงำน ใช้ซึ่งกำรจัดส่งผู้ใช้นั้นอำจจะใช้ระบบโทรคมนำคม เช่น ระบบโทรสำรระบบไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์หรือ ระบบอื่นในหน่วยงำนหรือในธุรกิจต่ำง ๆ มุ่งไปที่กำรคิดค้นวิธีกำรจัดเก็บข้อมูลจำกแหล่งข้อมูลกำร จัดระบบข้อมูลให้ผู้ใช้สำมำรถร่วมกันใช้ข้อมูลได้อย่ำงสะดวก กำรจัดท ำรำยงำน ตลอดจนผลลัพธ์ใน รูปกรำฟิกที่ผู้ใช้เข้ำใจง่ำยกำรจัดท ำระบบต่ำง ๆ เพื่อช่วยสนับสนุนกำรบริหำรกำรจัดกำรของ ผู้บริหำรเลยไปจนถึงกำรสนับสนุนกำรจัดท ำกลยุทธ์ธุรกิจเทคโนโลยีสำรสนเทศหมำยถึงเทคโนโลยี หลำยกลุ่มรวมกันเพื่อก่อให้เกิดกำรติดต่อเชื่อมโยงหรือกำรจัดหำกำรวิเครำะห์ประมวลผลกำรจัดเก็บ และจัดกำรเผยแพร่และกำรใช้สำรสนเทศให้เกิดประโยชน์ในรูปแบบของสื่อต่ำง ๆ ทั้งเสียง ภำพ และ ตัวอักษรด้วยวิธีกำรทำงอิเล็กทรอนิกส์ ชุมพล ศฤงคารศิริได้ให้ควำมหมำยของค ำว่ำเทคโนโลยีสำรสนเทศ หมำยถึง เทคโนโลยีทำงคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีและกำรสื่อสำรซึ่งเป็นส่วนประกอบส ำคัญ ที่ช่วยให้นักวิเครำะห์ระบบสำมำรถสร้ำงระบบสำรสนเทศที่ทันสมัยและสลับซับซ้อนได้ ครรชิต มาลัย ได้ให้ควำมหมำยของเทคโนโลยีสำรสนเทศคือ เทคโนโลยี ที่เกี่ยวข้องกับกำรจัดเก็บประมวลผล และเผยแพร่ สำรสนเทศซึ่งรวมถึงเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสื่อส ำ รโท รคมน ำคมห รือ Computer & Communication ที่นิยมเ รียกย่อ ๆ ๖ อภิชล ทองมั่ง ก ำเนิดว้ ำ และเสำวลักษณ์ ยกฉวี,/“ระบบคิวอำร์โค้ดและกำรประยุกต์ใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภำพในองค์กร,”/ วำรสำรวิชำกำร วิศวกรรมศำสตร์ ม.อบ/ปีที่ ๑๔ ฉบับที่ ๒:/ หน้ำ ๒๔-๓๗.


๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๒๒๔ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ว่ำ c&c อย่ำงไรก็ตำม มีแนวโน้มที่จะนับเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่เป็นองค์ประกอบของ c&c และที่เกี่ยวเนื่องเข้ำมำเป็นเทคโนโลยีสำรสนเทศด้วย เช่น เทคโนโลยีไมโครอิเล็กทรอนิกส์ เทคโนโลยี ระบบอัตโนมัติ เทคโนโลยีกำรพิมพ์ เทคโนโลยีส ำนักงำนอัตโนมัติ สรุป เทคโนโลยีสำรสนเทศ คือ เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับกำรจัดท ำสำรสนเทศ เริ่มจำกกำรจัดเก็บประมวลผลแสดงผลและเผยแพร่สำรสนเทศทั้งกำรส่งผ่ำนและรับสำรสนเทศด้วย วิธีกำรอันรวดเร็ว องค์ประกอบของเทคโนโลยีสำรสนเทศที่ส ำคัญ ได้แก่ เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีกำรสื่อสำรข้อมูลและระบบกำรจัดกำรข้อมูล เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์นั้นจะใช้ส ำหรับกำร จัดกำรระบบสำรสนเทศเพื่อให้ได้สำรสนเทศตำมที่ต้องกำรอย่ำงถูกต้องรวดเร็วและมีประสิทธิภำพ ไม่ว่ำจะเป็นกำรคัดเลือก กำรจัดหำ กำรวิเครำะห์เนื้อหำ หรือกำรค้นคืนสำรสนเทศ เทคโนโลยีกำร สื่อสำรข้อมูลจะช่วยให้กำรสื่อสำรหรือเผยแพร่สำรสนเทศไปยังผู้ใช้ในที่ต่ำง ๆ เป็นไปอย่ำงสะดวก รวดเร็ว ถูกต้อง ครบถ้วน และทันต่อเหตุกำรณ์ เช่น ข้อมูลซึ่งอำจอยู่ในรูปของตัวเลข ตัวอักษร ภำพ และเสียง โดยเทคโนโลยีที่ใช้ในกำรสื่อสำรหรือเผยแพร่สำรสนเทศ ได้แก่ เทคโนโลยีที่ใช้ใน ระบบสื่อสำรข้อมูล เช่น ระบบโทรศัพท์ โทรเลข วิทยุ โทรทัศน์ และเทคโนโลยีเครือข่ำยคอมพิวเตอร์ กำรสร้ำงสำรสนเทศให้ผู้ใช้นั้นไม่สำมำรถกระท ำได้หำกยังขำดข้อมูลที่เป็นวัตถุดิบในกำรสร้ำง สำรสนเทศ สิ่งที่ส ำคัญตำมมำ คือ กำรน ำข้อมูลเข้ำระบบที่จะจัดระเบียบข้อมูลจัดเก็บข้อมูลใน รูปแบบที่เหมำะสม เพื่อประโยชน์ในกำรค้นคืนบ ำรุงรักษำปรับปรุงเพิ่มเติมข้อมูลรวมทั้งกำรดูแล ควำมปลอดภัยของข้อมูลถือว่ำเป็นสิ่งที่ส ำคัญอย่ำงหนึ่งในกำรพัฒนำระบบสำรสนเทศ ๒.๓ แนวคิดเกี่ยวกับเทคโนโลยีบาร์โค้ดสองมิติ ความหมายและความส าคัญของเทคโนโลยีบาร์โค้ดสองมิติ (QR Code)๗ ๒D Barcode บ ำ ร์โ ค้ ด ส อง มิ ติ (Two - dimensional bar code or ๒D Barcode) หรือ QR Code (Quick Response Code) จัดเป็นเทคโนโลยีสำรสนเทศอย่ำงหนึ่ง ที่น ำมำใช้กันอย่ำงแพร่หลำยในองค์กรธุรกิจต่ำง ๆ โดยที่บำร์โค้ดสองมิติเป็นบำร์โค้ดชนิดหนึ่ง ที่มีกำรใช้ในสินค้ำหลำยประเภทไม่ว่ำจะเป็น หนังสือ กล่อง ขวด ป้ำยสินค้ำ แผ่นพับ หรือแม้กระทั่ง แผ่นป้ำยโฆษณำ แต่บำร์โค้ดสองมิติจะไม่ใช่แถบหรือเส้น และไม่ต้องใช้อุปกรณ์ส ำหรับอ่ำนบำร์โค้ด สองมิติเป็นกำรเฉพำะ โดยบำร์โค้ดสองมิติ นับเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ได้รับกำรพัฒนำและคิดค้นขึ้น ใน ปี ๑๙๙๔ โดยบริษัท สัญชำติญี่ปุ่นที่ชื่อ Denso - Wave และได้จดทะเบียนลิขสิทธิ์ชื่อ QR Code ไป แล้วทั้งในญี่ปุ่นและทั่วโลก ท ำให้เรำมักจะเรียกว่ำ QR Code แทนเพื่อเลี่ยงปัญหำลิขสิทธิ์ แต่อย่ำงไร ก็ตำม คำดว่ำคิวอำร์โค้ด QR Code นั้น จัดได้ว่ำเป็นระบบบำร์โค้ดที่มีกำรตอบสนองที่รวดเร็ว ซึ่งมำ จำกควำมตั้งใจของผู้คิดค้นที่จะให้บำร์โค้ดสองมิตินี้ สำมำรถถูกอ่ำนได้อย่ำงรวดเร็ว ตัวสัญลักษณ์ บำร์โค้ดสองมิตินี้ได้รับควำมนิยมเป็นอย่ำงมำกจนกลำยเป็นเรื่องธรรมดำในประเทศญี่ปุ่นไปแล้ว โดย ตัวอย่ำงคิวอำร์โค้ด(QR Code) แสดงดังรูปที่ ๑ ๗ บุษรำ ประกอบธรรม. สร้ำงสรรค์สื่อทำงธุรกิจกับ QR Code. วำรสำรนักบริหำร. ๒๕๕๔;๓๐(๔): ๔๑-๔๗.


๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๒๒๕ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร รูปที่ ๑ ตัวอย่ำงคิดอำร์โค้ด (QR Code) ป ระโยชน์ของคิวอ ำร์โค้ดที่น ำม ำประยุกต์ใช้ได้หล ำย รูปแบบ เช่น กำรแสดง URL ของเว็บไซต์ ข้อควำม หมำยเลขโทรศัพท์ และข้อมูลต่ำง ๆ ที่เป็นตัวอักษร ปัจจุบันคิว อำร์โค้ด ถูกน ำไปใช้ในหลำย ๆ ด้ำน เนื่องจำกควำมรวดเร็วในกำรใช้งำนที่สำมำรถท ำให้เข้ำถึงข้อมูล ไ ด้โ ด ยไ ม่ จ ำ เป็น ต้ อง ผ่ ำน ห ล ำ ย ขั้น ต อน เพ ร ำ ะในทุ ก วั นนี้ ส่ ว นให ญ่ทุ ก ค น มีมื อ ถื อ ที่มีกล้อง ซึ่งประโยชน์ที่เห็นได้ชัดที่สุดของคิวอำร์โค้ด คือ กำรแสดง URL ของเว็บไซต์ เพรำะ URL โดยปกติแล้วจะจดจ ำได้ยำกเพรำะมีควำมยำวและในบำงครั้งก็จะมีควำมซับซ้อนมำก แต่ ด้วย คิวอำร์โค้ดเพียงแค่ใช้มือถือสแกนสัญลักษณ์คิวอำร์โค้ดที่พบตำมผลิตภัณฑ์ต่ำง ๆ เช่น บนนำมบัตร นิตยสำร ฯลฯ แล้วมือถือจะสำมำรถลิงก์เข้ำเว็บเพจที่คิวอำร์โค้ดนั้น ๆ บันทึก ข้อมูลอยู่ได้โดยอัตโนมัติ และถ้ำต้องกำรเก็บข้อมูลปริมำณมำกไว้ใน QR Code จะท ำให้จ ำนวนโมดูล ที่ประกอบกันเป็นสัญลักษณ์ QR Code มีจ ำนวนมำกขึ้นและส่งผลให้ขนำดของสัญลักษณ์ QR Code มีขนำดใหญ่ขึ้นตำมไปด้วย ปัจจุบันได้มีกำรน ำ QR Code มำใช้ประโยชน์อย่ำงแพร่หลำยในหลำกหลำย ด้ำน ขอยกตัวอย่ำง ดังนี้ ๑) ห้องสมุดของมหำวิทยำลัยโคโลรำโด (University of Colorado at Boulder : CUB) นำ QR Code มำใช้ในกำรตอบค ำถำมต่ำง ๆ แก่ผู้ใช้บริกำรห้องสมุดของ มหำวิทยำลัย เช่น กำรตอบค ำถำมเกี่ยวกับกำรบริกำรต่ำง ๆ ของห้องสมุด กำรติดต่อกับบรรณำรักษ์ ห้องสมุด กำรขอเส้นทำงเพื่อไปยังเครื่องถ่ำยเอกสำร เป็นต้น ๒) ห้องสมุดของโรงเรียนโอเวอร์เลค รัฐวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกำ มีแนวคิด ในกำรเชื่อมโยงฐำนข้อมูลออนไลน์ (Online resources) กับทรัพยำกรทำงกำยภำพ (Physical resources) เข้ำด้วยกันโดยใช้ QR Code ในกำรเชื่อมโยงข้อมูลเลขหมู่หนังสือกับต ำแหน่งที่ตั้ง ชั้น เก็บหนังสือที่ต้องกำรค้นหำ กำรยืมหนังสือของนักเรียน ๓) กำรประยุกต์ใช้ QR Code เพื่อเป็นสื่อโฆษณำ ประชำสัมพันธ์ และให้ ข้อมูลสินค้ำ อำทิ บริษัทเชพโรเลท มีกำรน ำ QR Code ออกแสดงพร้อมกับรถรุ่นใหม่ ๆ เมื่อผู้สนใจสแกน QR Code จะสำมำรถดูข้อมูลและรำยละเอียดของรถรุ่นนั้น ๆ ได้ หรือบริษัท Warbasse Design ได้น ำสัญลักษณ์QR Code พิมพ์ลงบนโปสเตอร์ประชำสัมพันธ์ภำพยนตร์ โดยใน QR Code นั้นเก็บ URL (Uniform Resource Locator) ของตัวอย่ำงภำพยนตร์เรื่องดังกล่ำว เพื่อให้ ผู้สนใจ ได้เข้ำไปเยี่ยมชมเว็บไซต์หลักของภำพยนตร์ผ่ำนทำงกำรอ่ำนหรือสแกน QR Code


๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๒๒๖ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ๔) เทคโนโลยี QR Code เป็นที่นิยมใช้กันอย่ำงกว้ำงขวำง เพื่อเป็นสื่อ ประชำสัมพันธ์ทำงกำรตลำดของสินค้ำยี่ห้อชั้นน ำบนตลำดออนไลน์ ซึ่งบริษัทต่ำง ๆ ได้น ำ QR Code มำพิมพ์ลงบนนำมบัตรเพื่อให้ข้อมูลอื่น ๆ ที่ส ำคัญของบริษัท เช่น เว็บไซต์ ข้อมูลบริษัท อีเมล์ และเบอร์โทรศัพท์ เป็นต้น เพื่อเพิ่มควำมสะดวกรวดเร็วในกำรเข้ำถึงข้อมูลของบริษัท ๕) เมืองแมเนอร์ รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกำ ได้น ำ QR Code มำใช้ใน กำรให้ข้อมูลแก่นักท่องเที่ยว ในกำรท่องเที่ยวเมืองแมเนอร์ เช่น ประวัติของสถำนที่ต่ำง ๆ และ เส้นทำงส ำหรับกำรเดินทำงไปยังสถำนที่ท่องเที่ยวถัดไป ๖) ศู น ย์ ก ำ ร แพท ย์ ฉุ ก เ ฉิ น ม ำ ติ น เ ค ำ น์ ตี ( Medical emergencies of Marin County) ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกำ ได้มีกำรแลกเปลี่ยนควำมรู้ ด้ำนเทคโนโลยีเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยในกรณีฉุกเฉิน มีกำรกล่ำวถึงกำรน ำ QR Code มำใช้เก็บข้อมูลที่ จ ำเป็นของผู้ป่วย โดย QR Code ดังกล่ำวควรติดไว้กับของใช้ส่วนตัวที่พบได้ง่ำย เช่น พวงกุญแจ ห รื อ ก ร ะเป๋ ำเงิน เมื่ อเ กิ ดเห ตุ ฉุ กเ ฉิน ทีม แพท ย์ จ ะท ร ำบ ข้ อมู ลเบื้ อง ต้น ข อง ผู้ป่ ว ย ผ่ำนทำงกำรอ่ำนหรือสแกน QR Code ซึ่งจะท ำให้สำมำรถช่วยผู้ป่วยได้ทันกำรณ์ การประยุกต์ใช้ระบบคิวอาร์โค้ด คิวอำร์โค้ด (QR Code) มีหลำกหลำยประเภท มีลักษณะเฉพำะ และมี กำรน ำไปประยุกต์ใช้งำนที่แตกต่ำงกัน สำมำรถแสดงงำนวิจัยที่ได้มีกำรศึกษำ วิเครำะห์ และประยุกต์ใช้ระบบคิวอำร์โค้ด (QR Code) เพื่อเพิ่มประสิทธิภำพในองค์กรหรือหน่วยงำน โดยมีงำนวิจัยที่ส ำคัญดังต่อไปนี้ ๑) การประยุกต์ใช้ในหน่วยงานด้านการศึกษา แสงเทียน ทรัพย์สมบูรณ์ กฤติกา สั งขวดี และปัญญาสั งขวดี ได้ศึกษำกำรพัฒนำสื่อกำรสอนเทคโนโลยีร่วมสมัยบนคิวอำร์โค้ด เรื่องลีลำศ เพื่อพัฒนำ โปรแกรมส ำเร็จรูป และเพื่อศึกษำควำมพึงพอใจในกำรใช้ระบบสื่อกำรสอนเทคโนโลยีร่วมสมัยบนคิว อำร์โค้ด เรื่องลีลำศ โดยเครื่องมือในกำรวิจัยนั้นเลือกวิธีเรียนในบทเรียนออนไลน์และ ยังสำมำรถเรียนผ่ำนคิวอำร์โค้ด ๑๐ บทเรียน ได้แก่ บิกิน ชะชะช่ำ ลัมบ้ำ แทงโก้ วอล์ซควิกวอล์ซ แซม บ้ำ ร็อค ควิกสเต็ป และ ตะลุงเทมโป้ ผ่ำนกำรประเมินประสิทธิภำพโดยผู้เชี่ยวชำญ ๓ ท่ำน วิเครำะห์ ข้ อมู ลโ ด ยใ ช้ม ำ ต ร วั ด แบบป ร ะเมิน ค่ ำ ๕ ร ะ ดับ โ ด ยพัฒน ำเป็นบทเ รี ยน ร ะบบ สื่ อ กำรสอนเทคโนโลยีร่วมสมัยบน คิวอำร์โค้ด พบว่ำ มีประสิทธิภำพอยู่ในระดับมำก และกลุ่มตัวอย่ำง ได้แก่ นิสิตมหำวิทยำลัยนเรศวร จ ำนวน ๓๗ คน๘ ประทีป พืชทองหลาง ญาตาวีมินทร์ พืชทองหลาง และอาภากร ปัญโญ ได้ ศึกษำกำรสร้ำงระบบตรวจสอบกำรเข้ำชั้นเรียนด้วย QR Code ในรำยวิชำศึกษำทั่วไป กำรวิจัย พบว่ำ ๑) ระบบที่ส ร้ ำงขึ้ นส ำม ำ รถใช้ได้ง่ ำย ลด ระยะเ วล ำในก ำ รข ำนชื่ อเข้ ำชั้ นเ รี ยนได้ ม ำก โดยระบบที่สร้ำงขึ้นมี ๕ ขั้นตอน คือ (๑) สร้ำงแบบสอบถำมออนไลน์เพื่อให้นักศึกษำเช็คชื่อ ๘ แสงเทียน ทรัพย์สมบูรณ์ กฤติกำ สังขวดี และปัญญำ สังขวดี. กำรพัฒนำสื่อกำรสอนเทคโนโลยีร่วม สมัยบนคิวอำร์โค้ด เรื่องลีลำศ. กำรประชุมวิชำกำร “รำชภัฏนครสวรรรค์วิจัย ครั้งที่ ๑”, ๒๒-๒๓ สิงหำคม ๒๕๕๙. ๒๕๕๙; ๗๖๕-๗๗๖.


๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๒๒๗ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร เข้ำชั้นเรียนด้วย Google Form ( ๒ ) กำรตัด URL ของแบบสอบถำมออนไลน์ให้สั้นลงด้วย http://gg.gg (๓) กำรสร้ำงสไลด์ออนไลน์ด้วย Google Slide (๔) กำรเปลี่ยน URL เป็นภำพ QR Code เพื่อให้นักศึกษำสแกนไปยังแบบสอบถำมออนไลน์ด้วยโปรแกรม QR Code Generator (๕) ก ำ ร เพิ่ ม เพื่ อ น แ บบ QR Code โ ด ย ก ำ ร ส แ ก นใน Functionข อง Lineกับ ส ม ำ ร์ทโฟน ๒) ระบบสำมำรถช่วยให้กำรตรวจสอบกำรเข้ำชั้นเรียนใช้เวลำน้อย นักศึกษำสำมำรถศึกษำเนื้อหำ บทเรียนผ่ำนระบบได้ด้วยตนเอง ส่วนข้อมูลที่ส่งผ่ำนระบบก็มีกำรจัดเรียงข้อมูลเรียบร้อย สะดวก รวดเร็ว ผู้สอนสำมำรถน ำมำใช้ได้เลย๙ ทวีศักดิ์ พุทธรัตน์ และไพฑูรย์ งิ้วทั่ง ได้พัฒนำระบบตรวจเช็คพนักงำนรักษำ ควำมปลอดภัยในมหำวิทยำลัยด้วยคิวอำร์โค้ด งำนวิจัยนี้จะทรำบถึงต ำแหน่งในกำรปฏิบัติว่ำพนักงำน คนนั้นก ำลังปฏิบัติงำนอยู่ ณ สถ ำนที่นั้น ๆ ต ำมจุดที่ตนได้รับมอบหม ำยงำนหรือไม่ โดยกำรท ำงำนของระบบท ำให้ตรวจเช็คง่ำยขึ้น ตรวจเช็คจำกละติจูดและลองจิจูดจำกพนักงำน ใช้ แอปพลิเคชันสแกน QR Code เพื่อแสดงถึงต ำแหน่งโดยใช้ GPS อิงข้อมูลจำก Google Maps API เพื่อแสดงผล และจัดเก็บข้อมูล จ ำกผลก ำรประเมินคว ำมพึงพอใจต่อกำรทดลองใช้ แอปพลิเคชัน โดยแบ่งกำรทดสอบออกเป็น ๒ กลุ่ม คือ กลุ่มผู้เชี่ยวชำญ และกลุ่มผู้ใช้งำน ด้วยแบบประเมิน ๔ ระดับ พบว่ำ ผู้เชี่ยวชำญทั้ง ๓ ท่ำน มีควำมพึงพอใจในด้ำนออกแบบหน้ำจอของ แอปพลิเคชันในระดับดีมำก ด้ำนประสิทธิภำพกำรท ำงำนของแอปพลิเคชันในระดับดี และในด้ำนควำมพึงพอใจภำพรวมแอปพลิเคชันในระดับดีมำก และผลกำรวิจัยจำกกลุ่มตัวอย่ำง ผู้ใช้งำน ๙๖ คน มีควำมพึงพอใจในด้ำนออกแบบหน้ำจอของแอปพลิเคชันในระดับดีมำก ด้ำนประสิทธิภำพกำรท ำงำนของแอปพลิเคชันในระดับดี และในด้ำนควำมพึงพอใจภำพรวม แอปพลิเคชันในระดับดีมำก๑๐ Ajay S. Mishra, Sachin K. Umre and Pavan K. Gupta ได้ศึกษำเกี่ยวกับกำรใช้งำน QR Code ในห้องสมุด โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อทบทวนแนวคิดของ กำรใช้ QR Code พบว่ำ มีหลำยงำนวิจัยที่มีกำรใช้ QR Code ในกำรปฏิบัติงำนในห้องสมุด ทั้งใน ส่ ว น ข อง ก ำ ร จั ด ก ำ รท รัพ ย ำ ก ร อิเ ล็ กท ร อ นิ ก ส์ ก ำ ร ว ำง แ น ว ห้ อง ส มุ ด ร ะ บบ OPAC กำรเชื่อมโยงไปยังทรัพยำกรอิเล็กทรอนิกส์ภำยในห้องสมุดข้อมูลเกี่ยวกับพื้นที่ห้องสมุด และแคตตำล็อกต่ำง ๆของห้องสมุด เป็นต้น โดยมีกำรวิเครำะห์โครงสร้ำงของ QR Code และกระบวนกำรท ำงำนของระบบซึ่งท ำให้ผู้ใช้งำนห้องสมุดสำมำรถรับข้อมูลต่ำงๆ ได้โดยง่ำย๑๑ ๙ ประทีป พืชทองหลำง ญำตำวีมินทร์ พืชทองหลำง และอำภำกร ปัญโญ. กำรสร้ำงระบบตรวจสอบ กำรเข้ำชั้นเรียนด้วย QR Code ในรำยวิชำศึกษำทวีศักดิ์ พุทธรัตน์ และไพฑูรย์ งิ้วทั่ง. ระบบตรวจเช็คพนักงำนรักษำควำม ปลอดภัยด้วย คิวอำร์โค้ด. กำรประชุมวิชำกำรเสนอผลงำนวิจัยระดับบัณฑิตศึกษำครั้งที่ ๒ มหำวิทยำลัยรำชภัฏ มหำสำรคำม ๒๕๖๐, ๒๐ มกรำคม ๒๕๖๐. ๒๕๖๐; ๕๖๓-๕๗๑. ๑๐ ทวีศักดิ์ พุทธรัตน์ และไพฑูรย์ งิ้วทั่ง. ระบบตรวจเช็คพนักงำนรักษำควำมปลอดภัยด้วย คิวอำร์โค้ด. กำรประชุมวิชำกำรเสนอผลงำนวิจัยระดับบัณฑิตศึกษำครั้งที่ ๒ มหำวิทยำลัยรำชภัฏมหำสำรคำม ๒๕๖๐, ๒๐ มกรำคม ๒๕๖๐. ๒๕๖๐; ๕๖๓-๕๗๑. ๑๑ Mishra AS, Umre SK, Gupta PK. QR code in Library practice some examples. International Journal of Engineering Sciences & Research Technology. ๒๐๑๗;๖(๒): ๓๑๙-๓๒๖.


๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๒๒๘ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ๒) การประยุกต์ใช้ในหน่วยงานด้านการท่องเที่ยว จักรกฤษณ์ หมั่นวิชา ปุณยนุช รุธิรโก กรกมล ซุ้นสุวรรณ มะฮูเซ็น ใจสมุทร สารีนา หะมาแย และประทีป หลีอิได้ศึกษำกำรประยุกต์ใช้งำนเทคโนโลยี QR Code ในพิพิธภัณฑ์เมืองหำดใหญ่ เพื่ออ ำนวยควำมสะดวกในกำรเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์เมืองหำดใหญ่ โดยออกแบบให้สำมำรถใช้งำนผ่ำนโปรแกรมบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ด้วยกำรอ่ำนข้อมูลจำก คิวอำร์โค้ด โดยผู้เข้ำเยี่ยมชมสำมำรถได้รับควำมรู้และข้อมูลต่ำง ๆ ของพิพิธภัณฑ์ผ่ำน QR Code ตำมควำมต้องกำรและควำมสนใจของตนเองได้อย่ำงทั่วถึง และยังช่วยส่งเสริม ให้มีกำรเข้ำชมพิพิธภัณฑ์มำกขึ้น ผลกำรประเมินจำกผู้ใช้ จ ำนวน ๑๐๐ คน พบว่ำ ผู้ใช้บริกำร มีควำมพึงพอใจด้ำนควำมสะดวกและใช้งำนง่ำยอยู่ในระดับดีมำก และมีควำมพึงพอใจ ด้ำนควำมครบถ้วนของข้อมูลในระดับดี๑๒ ขวัญจุฑา ค าบันลือ วิวัฒน์ มีสวุรรณ์ และพิชญาภา ยวงสร้อยได้ศึกษำกำร ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีคิวอำร์โค้ด เพื่อส่งเสริมกิจกรรมกำรเรียนรู้ ส ำหรับศูนย์รวบรวม สำยพันธุ์กล้วยเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดก ำแพงเพชร ผลกำรวิจัย พบว่ำ เทคโนโลยีคิวอำร์โค้ด ช่วยให้ผู้มำใช้บริกำรมีควำมสะดวกขึ้นและป้ำยบอกชื่อสำยพันธุ์กล้วยต้องมีควำมแข็งแรง และทนทำนโดยมีรูปแบบเด่นชัด ชื่อวิทยำศำสตร์ ชื่ออื่น ข้อมูลทั่วไปล ำต้น ใบ ดอก ผล และประโยชน์ของกล้วยชนิดนั้น ๆ ผลกำรออกแบบและประเมินเทคโนโลยีคิวอำร์โค้ด โดยภำพรวมมีควำมเหมำะสมมำกที่สุด ส่วนผลกำรเปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยของกำรท ำแบบทดสอบ หลังกำรใช้เทคโนโลยีคิวอำร์โค้ดกับเกณฑ์ร้อยละ ๘๐ พบว่ำ สูงกว่ำเกณฑ์ที่ก ำหนดอย่ำงมีนัยส ำคัญ ทำงสถิติที่ระดับ ๐.๐๕ นอกจำกนี้ กำรศึกษำควำม พึงพอใจของผู้ใช้เทคโนโลยีคิวอำร์โค้ด มีควำมพึง พอใจในด้ำนกำรออกแบบอยู่ในระดับพึงพอใจมำกที่สุดด้ำนเนื้อหำอยู่ในระดับพึงพอใจมำกที่สุด ด้ำน กำรน ำเสนออยู่ในระดับพึงพอใจมำกที่สุด และโดยภำพรวมควำมพึงพอใจอยู่ในระดับพึงพอใจมำกที่สุด๑๓ Anitha E. Pillai, Devika Prakash, Nidhal A. Al-Marhoobi and Mithun Shrivastava ได้น ำเสนอกำรประยุกต์ใช้ QR Code ในอุตสำหกรรมกำรท่องเที่ยว โดยได้ ส ำรวจและทบทวนงำนวิจัยในแง่มุมต่ำง ๆ ของกำรใช้QR Code และวิธีกำรใช้งำน QR Code จำก อุตสำหกรรมกำรท่องเที่ยวทั่วโลก พบว่ำ แม้จะมีกำรติดตั้งและน ำ QR Code มำใช้อย่ำงมำกมำย แต่ ก็ยังคงเผชิญกับควำมท้ำทำยหลำยประกำร เช่น กำรขำดกำรรับรู้ถึงเทคโนโลยี QR Code เป็นต้น อย่ำงไรก็ตำม กำรจัดกำรกับควำมท้ำทำยเหล่ำนี้พร้อมกับกำรออกแบบแอปพลิเคชันที่เป็นนวัตกรรม ใหม่ส ำหรับกำรใช้QR Code ในกำรท่องเที่ยว จะช่วยกระตุ้นกำรยอมรับและกำรใช้งำนแอปพลิเคชัน เหล่ำนี้ ทั้งนี้ QR Code จะถูกใช้ในอุตสำหกรรมกำรท่องเที่ยวด้วยวิธีกำรใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มมูลค่ำให้กับ ๑๒ จักรกฤษณ์ หมั่นวิชำ ปุณยนุช รุธิรโก กรกมล ซุ้นสุวรรณ มะฮูเซ็น ใจสมุทร สำรีนำ หะมำแย และ ประทีป หลีอิ. กำรประยุกต์ใช้งำนเทคโนโลยี QR Code ในพิพิธภัณฑ์ เมืองหำดใหญ่. กำรประชุมหำดใหญ่วิชำกำร ระดับชำติ และนำนำชำติ ครั้งที่ ๗, ๒๓ มิถุนำยน ๒๕๕๙, มหำวิทยำลัยหำดใหญ่. ๒๕๕๙; ๑๔๒๗-๑๔๓๖. ๑๓ ขวัญจุฑำ ค ำบันลือ วิวัฒน์ มีสวุรรณ์ และพิชญำภำ ยวงสร้อย. กำรประยุกต์ใช้เทคโนโลยี คิวอำร์โค้ด เพื่อส่งเสริมกิจกรรมกำรเรียนรู้ ส ำหรับศูนย์รวบรวมสำยพันธุ์กล้วยเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดก ำแพงเพชร. วำรสำรศึกษำศำสตร์ มหำวิทยำลัยนเรศวร. ๒๕๖๐;๑๙ (๑): ๑๘๔-๑๙๓.


๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๒๒๙ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร กำรบริกำรแก่นักท่องเที่ยว ด้วยกำรให้ข้อมูลในขณะที่เยี่ยมชมหรือท่องเที่ยวตำมจุดต่ำง ๆ ได้อย่ำงมี ประสิทธิภำพ๑๔ Chih M. Chen, Tingsheng Weng ไ ด้ ท ำ ก ำ ร วิ จั ย แ ล ะ พั ฒ น ำ แอปพลิเคชันบำร์โค้ดมือถือไปยังคู่มือเที่ยวชมสถำนที่บนมือถือ เนื่องจำกวิธีกำรทรำบต ำแหน่ง ปัจจุบันของผู้ใช้และตอบสนองต่อกำรร้องขอเพื่อกำรให้บริกำรที่แตกต่ำงกัน เป็นควำมท้ำทำย ที่ส ำคัญ กำรศึกษำครั้งนี้จึงได้น ำเสนอแนวทำงแก้ไขที่สอดคล้องกันเพื่อแก้ไขปัญหำข้ำงต้น กำรใช้แผนที่ไกด์น ำเที่ยวเป็นตัวอย่ำงในกำรกรอก “กำรบริกำรข้อมูลแผนที่มัคคุเทศก์บนมือถือ” โดย ผู้ใช้สำมำรถใช้ฟังก์ชั่นกล้องของโทรศัพท์มือถือเพื่อรับรู้และสแกนบำร์โค้ดมือถือ แล้วเชื่อมต่อกับ ฐำนข้อมูลระบบจัดกำรเว็บไซต์ของเซิร์ฟเวอร์ผ่ำนเครือข่ำยไร้สำยส ำหรับข้อมูลแผนที่อิเล็กทรอนิกส์ และค ำแนะน ำด้วยเสียงและกำรสอบถำมข้อมูลออนไลน์เกี่ยวกับแผนที่อิเล็กทรอนิกส์ เส้นทำงที่ สะดวกที่สุดในกำรติดต่อสื่อสำรในบริเวณใกล้เคียงสำมำรถหำได้จำกแผนที่ไกด์น ำเที่ยว ท ำให้ผู้ใช้ สำมำรถใช้บริกำรไกด์น ำเที่ยวเพื่อค้นหำเส้นทำงได้อย่ำงมีประสิทธิภำพ๑๕ Maheshwari A. Dyade แ ล ะ Yamini V. Bhande ไ ด้ น ำ เ ส น อ กำรใช้ QR Code เพื่อกำรพัฒนำในอินเดีย ทั้งนี้ เนื่องจำกกำรใช้งำนสมำร์ทโฟนได้ขยำยตัว อย่ำงรวดเร็ว บริษัทหลำยแห่งทั่วโลกเริ่มใช้ QR Code เป็นเครื่องมือโฆษณำ กำรเข้ำสู่กิจกรรมกำรมี ส่วนร่วมของลูกค้ำปัจจุบันเป็นที่นิยมอย่ำงกว้ำงขวำงในประเทศฝั่งตะวันตกและประเ ทศ ในเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น เกำหลี และจีน แต่กำรตลำดทำงด้ำน QR Code ในอินเดียนั้นอยู่ในขั้นตอน เริ่มต้น โดยพบว่ำ กำรท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในอุตสำหกรรมที่อินเดียได้น ำ QR Code ไปประยุกต์ใช้ ดังเช่น กำรริเริ่มที่จะท ำให้เกิดเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ขึ้น โดยเพิ่มป้ำย QR Code เพื่อช่วยเหลือและอ ำนวยควำมสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวในกำรเยี่ยมชมเมือง รวมถึงกำรบูรณำกำรใน กำรให้ควำมช่วยเหลือและอ ำนวยควำมสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวให้เข้ำถึงจุดหมำยนอกเหนือจำก กำรให้ข้อมูลประวัติศำสตร์ของสถำนที่ เป็นต้น โดยควำมรู้พื้นฐำนที่เกี่ยวข้องกับ QR Code จ ำเป็นต้องได้รับจำกบุคคลและองค์กรที่เกี่ยวข้อง๑๖ ๓) การประยุกต์ใช้ในหน่วยงานด้านสาธารณสุข อัจฉรา กิจเดช และกิตติศักดิ์ แก้วบุตรดีได้น ำเสนอในเรื่องของ QR Code ในประเทศไทยและกำรประยุกต์ใช้ภำยในโรงพยำบำลในยุคไทยแลนด์ ๔.๐ โดยพบว่ำ โรงพยำบำลต่ำงๆ สำมำรถประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดังกล่ำวในส่วนของหน่วยงำนต่ำง ๆ เช่น กำรรับช ำระเงินค่ำรักษำพยำบำล ท ำให้ผู้ป่วยได้รับควำมสะดวกสบำยในกำรช ำระเงิน ๑๔ Pillai AE, Prakash D, Al- Marhoobi NA, Shrivastava M. Application of QR Codes in Tourism Industry: A Review of literature. International Journal of Computer Technology & Applications. ๒๐๑๗;๘(๖): ๖๗๘-๖๘๗. ๑๕ Chen CM, Weng T. Research and Development of Application of Mobile Barcode to Mobile Sightseeing Guide on Mobile Phone. WSEAS Transactions on Information Science and Applications. ๒๐๑๐;๗(๑): ๑๖-๒๕. ๑๖ Dyade MA, Bhande YV. Use of QR Code: A Step Towards Development in India. International Research Journal of Engineering and Technology (IRJET). ๒๐๑๗;๔(๙): ๑๑๖๕-๑๑๖๘.


๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๒๓๐ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ค่ำรักษำพยำบำลมำกขึ้น และกำรเก็บข้อมูลยำ รวมไปถึงกำรจ่ำยยำส ำหรับผู้ป่วยของโรงพยำบำล โด ยมี วัตถุป ระสงค์เพื่อลดค ว ำมผิดพล ำด แล ะเพิ่ม ควำมคล่องตั วในกำร ด ำเนินงำน ในขั้นตอนต่ำง ๆ ซึ่งท ำให้โรงพยำบำลลดควำมซับซ้อนในกำรจัดกำรต่ำง ๆ และผู้ป่วยได้รับประโยชน์ สูงสุดในกำรรับบริกำร๑๗ Jill Patel, Ashish Bhat and Kunal Chavada ได้ศึกษำกำรใช้งำน QR Code บนแอปพลิเคชันแอนดรอยด์(Android Application) เพื่อกำรดูแลสุขภำพ ซึ่งเป็นระบบแบบ บูรณำกำรที่พัฒนำขึ้นให้บุคลำกรด้ำนกำรดูแลสุขภำพภำยในโรงพยำบำลให้ใช้กับสมำร์ทโฟน แท็บเล็ต และอุปกรณ์มือถือ แทนที่ระบบแบบดั้งเดิมที่ใช้กระดำษในกำรบันทึกซึ่งต้องใช้เวลำและพื้นที่จัดเก็บ โดยระบบที่น ำเสนออยู่บนแพลตฟอร์มของแอนดรอยด์ช่วยในกำรท ำงำนและอ ำนวยควำมสะดวก ให้กับแพทย์พยำบำล และบุคลำกรที่เกี่ยวข้องสำมำรถเชื่อมต่อด้วยกำรใช้สมำร์ทโฟนทั่วไป สำมำรถเข้ำถึง สถำนะปัจจุบันของผู้ป่วย ประวัติกำรรักษำ กำรวินิจฉัย กำรใช้ยำ และข้อมูลกำรแพ้ยำ นอกจำกนี้ ยังสำมำรถใช้ในกำรปรับปรุงและติดตำมควำมคืบหน้ำของข้อมูลผู้ป่วยและรำยงำนส่วนตัวเกี่ยวกับโรคที่ เป็นควำมลับ ซึ่งสำมำรถเข้ำถึงข้อมูลได้อย่ำงรวดเร็วผ่ำน QR Code โดยระบบนี้จะช่วยลดเวลำกำรท ำงำน และให้ข้อมูลที่ถูกต้องและมีประสิทธิภำพ๑๘ Maithili N. Palshikar, Priyanka S. Mane, Aishwarya S. Dhore, Bhushan P. Kalegore and Sushma Shindeได้น ำเสนอระบบกำรดูแลสุขภำพด้วย QR Code โดยพบว่ำ บันทึกผู้ป่วยในรูปแบบเอกสำรนั้นใช้งำนยำก อำจสร้ำงได้ง่ำยและสะดวกขึ้นโดยใช้ QR Code ซึ่งเป้ำหมำยของงำนวิจัย คือ กำรสร้ำงระบบดูแลสุขภำพซึ่งสำมำรถเสนอทำงเลือก เช่น กำรจัดกำรทำงคลินิก บันทึกผู้ป่วย กำรท ำนำยสุขภำพ และสร้ำง QR Code ส ำหรับผู้ป่วยแต่ละรำย ตำมข้อมูลสุขภำพที่ได้รับกำรปรับปรุง ด้วยกำรประยุกต์ใช้QR Code แทนกำรเข้ำถึงข้อมูลผ่ำนกำร ป้อนด้วยแป้นพิมพ์ ทั้งนี้ เพื่ออ ำนวยควำมสะดวกในกำรตรวจสอบควำมถูกต้อง มีกำรใช้งำนที่ง่ำยใน ขณะที่ต้องมีกำรรักษำควำมปลอดภัยอย่ำงแน่นหนำตำมที่ต้องกำร โดยงำนวิจัยนี้ได้น ำเสนอระบบ กำรดูแลสุขภำพส ำหรับโรงพยำบำลโดยใช้อัลกอริทึม Naïve Bayes และ Blowfish (Naïve Bayes and Blowfish Algorithms) ร่วมกับกำรสร้ำง QR Code ส ำหรับข้อมูลของผู้ป่วยทุกคน๑๙ Kamran Imam ได้น ำเสนอเรื่องบัตรสุขภำพส่วนบุคคลด้วยกำรใช้ QR Code เพื่อเข้ำถึงข้อมูลทำงกำรแพทย์ซึ่งเป็นกำรสื่อสำรและกำรเชื่อมต่อข้อมูลระหว่ำง กำรดูแลสุขภำพ ผู้ให้บริกำร ผู้รับกำรดูแล และผู้ดูแลในครอบครัว โดยกำรออกแบบในงำนวิจัยนี้ ใช้บัตรสุขภำพส่วนบุคคลในกำรเข้ำถึงข้อมูลทั่วไปข้อมูลทำงกำรแพทย์ด้วยกำรใช้เทคโนโลยี QR Code โดยประยุกต์ใช้ QR Code รวมเข้ำกับแอปพลิเคชันในกำรส่งข้อควำมผ่ำนโทรศัพท์มือถือ ๑๗ อัจฉรำ กิจเดช และกิตติศักดิ์ แก้วบุตรดี. QR CODE ในประเทศไทยและกำรประยุกต์ใช้ภำยใน โรงพยำบำลในยุคไทยแลนด์ ๔.๐. Mahidol R๒R e-Journal. ๒๕๖๑;๕(๒): ๕๑-๕๙. ๑๘ Patel J, Bhat A, Chavada K. A Review Paper on QR Code Based Android App For Healthcare. International Research Journal of Engineering and Technology (IRJET). ๒๐๑๕;๒(๗): ๑๐๕๙-๑๐๖๑. ๑๙ Palshikar M N, Mane P S, Dhore A S, Kalegore B P, Shinde S. QR Code Based Healthcare System. International Journal of Advance Engineering and Research Development. ๒๐๑๗;๔(๑๒): ๔๒๕-๔๓๐.


๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๒๓๑ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ซึ่งเป็นวิธีในกำรแก้ปัญหำด้ำนกำรสื่อสำรและกำรแบ่งปันข้อมูลระหว่ำงผู้ให้บริกำรด้ำนกำรดูแล สุขภำพ ผู้ดูแล และผู้รับกำรดูแลได้อย่ำงมีประสิทธิภำพ๒๐ สรุป กำรน ำคิวอำร์โค้ด (QR Code) มำประยุกต์ใช้กับแนวคิดพัฒนำงำนใน กำรจัดท ำข้อมูลทำงวิชำกำรฉบับนี้ เพื่อลดระยะเวลำและควำมผิดพลำดในกำรสืบค้นข้อมูล และเพื่อ เพิ่มควำมสะดวกสบำยให้กับผู้ใช้งำน โดยกำรเข้ำถึง URL เว็บไซต์ เพื่อดูข้อมูล รูปภำพ วิดีโอ ตัวอย่ำงดังกล่ำวข้ำงต้น ยังสำมำรถน ำมำปรับใช้กับงำนในด้ำนต่ำง ๆ อีกมำกมำยตำมต้องกำรซึ่ง เหมำะกับยุคสมัยที่ Smart Phone กลำยเป็นเครื่องมือส ำคัญในกำรรับส่งข้อมูลในยุคปัจจุบัน ๓. บทวิเคราะห์ จำกกำรศึกษำแนวคิดและงำนวิจัยต่ำง ๆ นั้น สำมำรถวิเครำะห์ควำมเชื่อมโยง ระหว่ำงองค์กร (Organization) และมิติ (Aspect) ทำงด้ำนประสิทธิภำพ ได้ดังตำรำงที่ ๑ และสำมำรถวิเครำะห์และสรุปประเด็นรำยละเอียดกำรเพิ่มประสิทธิภำพในองค์กรด้วยระบบ คิวอำร์โค้ด (QR Code) ดังแสดงในตำรำงที่ ๑ ตารางที่ ๑ ประเด็นการเพิ่มประสิทธิภาพในองค์กรด้วยระบบคิวอาร์โค้ด (QR Code) องค์กรหลัก ส่วนงาน/หน่วยงานย่อย มิติ/ประเด็นประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น* หน่วยงำนด้ำน กำรศึกษำ - กำรเรียนกำรสอนและกิจกรรม ในห้องเรียน - งำนรักษำควำมปลอดภัย - ห้องสมุด - ลดระยะเวลำ - ลดควำมผิดพลำด - เพิ่มควำมสะดวกสบำย หน่วยงำนด้ำน กำรท่องเที่ยว - พิพิธภัณฑ์ - ศูนย์กำรเรียนรู้ - กิจกรรมส่งเสริม และสนับสนุนกำรท่องเที่ยว - ลดระยะเวลำ - ลดควำมผิดพลำด - เพิ่มควำมสะดวกสบำย หน่วยงำนด้ำน สำธำรณสุข - โรงพยำบำล - คลินิก - งำนด้ำนระบบประกันสุขภำพ - ลดระยะเวลำ - ลดควำมผิดพลำด - เพิ่มควำมสะดวกสบำย หมำยเหตุ: *เป็นประเด็นที่สรุปจำกกำรน ำเสนอในงำนวิจัยที่ศึกษำ จำกตำรำงที่ ๑ จะพบว่ำ หน่วยงำนด้ำนกำรศึกษำจะมีกำรน ำระบบคิวอำร์โค้ด (QR Code) ไปประยุกต์ใช้ในส่วนงำน/หน่วยงำนย่อย จ ำนวน ๓ ส่วน ได้แก่ ๑) กำรเรียนกำรสอนและ ๒๐ Imam K. Personal Health Card: Use of QR Code to Access Medical Data. Master of Science in Computer Science, University of Rhode, Island. ๒๐๑๘; ๑-๕๕.


๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๒๓๒ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร กิจกรรมในห้องเรียน ๒) งำนรักษำควำมปลอดภัย และ ๓) ห้องสมุด โดยมิติทำงด้ำนประสิทธิภำพที่ เพิ่มขึ้น ประกอบด้วย ๓ ประเด็น คือ ๑) ลดระยะเวลำ ๒) ลดควำมผิดพลำด และ ๓) เพิ่มควำม สะดวกสบำย ในส่วนของหน่วยงำนด้ำนกำรท่องเที่ยวจะมีกำรน ำระบบคิวอำร์โค้ด (QR Code) ไป ประยุกต์ใช้ในส่วนงำน/หน่วยงำนย่อยจ ำนวน ๓ ส่วน ได้แก่ ๑) พิพิธภัณฑ์๒) ศูนย์กำรเรียนรู้และ ๓) กิจกรรมส่งเสริมและสนับสนุนกำรท่องเที่ยว โดยมิติทำงด้ำนประสิทธิภำพที่เพิ่มขึ้นประกอบด้วย ๓ ประเด็น คือ ๑) ลดระยะเวลำ ๒) ลดควำมผิดพลำดและ ๓) เพิ่มควำมสะดวกสบำย ส ำหรับหน่วยงำนด้ำนสำธำรณสุขจะมีกำรน ำระบบคิวอำร์โค้ด (QR Code) ไปประยุกต์ใช้ในส่วนงำน/หน่วยงำนย่อย จ ำนวน ๓ ส่วน ได้แก่ ๑) โรงพยำบำล ๒) คลินิก และ ๓) งำนด้ำนระบบประกันสุขภำพ โดยมิติทำงด้ำนประสิทธิภำพที่เพิ่มขึ้น ประกอบด้วย ๓ ประเด็น คือ ๑) ลดระยะเวลำ ๒) ลดควำมผิดพลำด และ ๓) เพิ่มควำมสะดวกสบำย ดังจะเห็นได้ว่ำ ระบบคิวอำร์โค้ด (QR Code) สำมำรถน ำมำประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่ม ประสิทธิภำพในองค์กรได้ ซึ่งกำรศึกษำทำงวิชำกำรฉบับนี้มุ่งน ำเสนอเพื่อสะท้อนให้เห็นถึง กำรใช้งำนระบบคิวอำร์โค้ด(QR Code) ในปัจจุบันที่ผู้ใช้งำน (User) พิจำรณำน ำระบบคิวอำร์โค้ด (QR Code) ที่ถูกพัฒนำขึ้นในแต่ละรูปแบบมำประยุกต์ใช้งำนในองค์กรเพื่อเพิ่มประสิทธิภำพกำรท ำงำนใน มิติต่ำง ๆ ซึ่งคำดกำรณ์ได้ว่ำในอนำคตระบบคิวอำร์โค้ด (QR Code) ยังคงพัฒนำต่อเนื่องโดยนักวิจัย องค์กร หรือหน่วยงำนต่ำงๆ ทั้งนี้ เพื่อ ๑) เพิ่มศักยภำพกำรท ำงำนของระบบคิวอำร์โค้ด (QR Code) ๒) ลดข้อบกพร่องหรือข้อจ ำกัดจำกกำรใช้งำนในเวอร์ชั่นเก่ำ หรือเวอร์ชั่นปัจจุบัน และ ๓) ประยุกต์ใช้งำน ระบบคิวอำร์โค้ด (QR Code) ร่วมกับเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ผู้ใช้งำนสำมำรถน ำมำ ประยุกต์ใช้ในองค์กรได้อย่ำงเหมำะสมต่อไป ในขณะที่คณะกรรมำธิกำร ถือเป็นกลไกหนึ่งที่ส ำคัญต่อระบบรัฐสภำ ซึ่งท ำหน้ำที่ในกำร ควบคุมติดตำมกำรบริหำรรำชกำรแผ่นดินของฝ่ำยบริหำรได้อย่ำงมีประสิทธิภำพ กำรติดตำมผลกำ ปฏิบัติงำนตำมนโยบำยของรัฐบำลที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภำ อีกทั้งบทบัญญัติตำมรัฐธรรมนูญแห่ง รำชอำณำจักรไทย พุทธศักรำช ๒๕๖๐ มำตรำ ๑๒๙ วรรคหนึ่ง ก ำหนดให้สภำผู้แทนรำษฎรและวุฒิสภำ มีอ ำนำจเลือกสมำชิกของแต่ละสภำตั้งเป็นคณะกรรมำธิกำรสำมัญ และมีอ ำนำจเลือกบุคคลผู้เป็น สมำชิกหรือมิได้เป็นสมำชิก ตั้งเป็นคณะกรรมำธิกำรวิสำมัญหรือคณะกรรมำธิกำรร่วมกันตำมมำตรำ ๑๓๗ เพื่อกระท ำกิจกำรพิจำรณำสอบหำข้อเท็จจริงหรือกำรศึกษำในเรื่องใด ๆ และรำยงำนให้สภำ ทรำบตำมระยะเวลำที่สภำก ำหนด ประกอบกับข้อบังคับกำรประชุมสภำผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ หมวด ๕ กรรมำธิกำร ข้อ ๙๐ ให้สภำตั้งคณะกรรมำธิกำรสำมัญขึ้นสำมสิบห้ำคณะ แต่ละคณะ ประกอบด้วยกรรมำธิกำรมีจ ำนวนสิบห้ำคน ข้อ (๑๓) คณะกรรมำธิกำรกำรต ำรวจ มีหน้ำที่และ อ ำนำจกระท ำกิจกำร พิจำรณำสอบหำข้อเท็จจริงหรือศึกษำเรื่องใด ๆ ที่เกี่ยวกับกิจกำรต ำรวจ กำรปฏิบัติให้เป็นไปตำมกฎหมำย กำรป้องกัน และรักษำควำมสงบเรียบร้อยภำยในประเทศ ดังจะ เห็นได้ว่ำภำรกิจและกำรปฏิบัติหน้ำที่ของคณะกรรมำธิกำรกำรต ำรวจมีควำมส ำคัญต่อประเทศชำติ เป็นอย่ำงมำก


๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๒๓๓ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ส ำหรับกำรจัดท ำข้อมูลทำงวิชำกำรเกี่ยวกับโรงเรียนต ำรวจตระเวนชำยแดนโดยกำร น ำ แ น ว คิ ด รู ป แ บ บ คิ ว อ ำ ร์ โ ค้ ด ( QR Code) ม ำ ป ร ะ ยุ ก ต์ใ ช้เ พื่ อ เ พิ่ ม ป ร ะ สิ ท ธิ ภ ำ พ กำรท ำงำนนั้น ผู้ศึกษำเห็นว่ำ ในปัจจุบันเทคโนโลยีสำรสนเทศได้เข้ำมำมีบทบำทอย่ำงแพร่หลำยในทุก องค์ก รไม่ ว่ ำจะเป็นองค์ก รภ ำค รัฐห รือภ ำคเอกชน เนื่อง จ ำกเทคโนโลยีส ำ รสนเทศ ช่วยก่อให้เกิดประโยชน์ต่ำง ๆ มำกมำย ไม่ว่ำจะเป็นกำรจัดเก็บข้อมูลหรือกำรสืบค้นข้อมูล เป็นต้น ด้วยเหตุนี้ ท ำให้กำรใช้คิวอำร์โค้ด (QR Code) ขยำยขอบเขตกำรใช้งำนไปอย่ำงแพร่หลำย และภำครัฐมีกำรน ำไปใช้งำนในหลำกหลำยรูปแบบ ตั้งแต่เอกสำรทำงกำรที่เป็นข้อมูลสำธำรณะและ เอกสำรที่ใช้ส ำหรับงำนกำรประชุมต่ำง ๆ ซึ่งข้อดีของกำรใช้คิวอำร์โค้ด (QR Code) คือสำมำรถ น ำไปสู่ที่อยู่ของเอกสำรที่เป็นปัจจุบันที่สุดได้ตลอดเวลำ และที่ส ำคัญกำรด ำเนินกำรผ่ำนคิวอำร์โค้ด (QR Code) มีต้นทุนต่ ำ สำมำรถประหยัดงบประมำณในกำรจัดซื้อกระดำษให้กับส ำนักงำนได้ มีควำม เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสูง ยิ่งในปัจจุบันจะพบว่ำ เทรนด์รักษ์โลกก ำลังมำแรง ดังจะเห็นได้ว่ำ กำรใช้ คิวอำร์โค้ด (QR Code) มีบทบำทส ำคัญยิ่งต่อกำรด ำเนินงำนของทุกองค์กร รวมทั้งกำรปฏิบัติภำรกิจ ของคณะกรรมำธิกำรด้วย ผลจำกกำรปฏิบัติหน้ำที่ฝ่ำยเลขำนุกำรคณะกรรมำธิกำรที่ผ่ำนมำ พบว่ำ ในกำร ปฏิบัติภำรกิจอันเนื่องมำจำกกำรประชุมในแต่ละครั้งมีเรื่องที่พิจำรณำศึกษำและเอกสำรประกอบกำร ประชุมจ ำนวนมำกและมีปริมำณสะสมเพิ่มสูงขึ้นอย่ำงต่อเนื่อง ลักษณะกำรจัดเก็บเอกสำรยังเป็นไป ในรูปแบบของแฟ้มเอกสำร แม้จะมีกำรเพิ่มกระบวนกำรจัดเก็บเอกสำรกระดำษให้เป็นไฟล์เอกสำร (PDF)ก็เป็นเพียงกำรรวบรวมเอกสำรประกอบกำรพิจำรณำแต่ละเรื่องไว้ด้วยกันเท่ำนั้น อีกทั้งยังขำด กำรสนับสนุนข้อมูลทำงวิชำกำรส ำหรับใช้ประกอบกำรตัดสินใจในกำรคัดเลือกเรื่องที่จะพิจำรณำศึกษำ เมื่อคณะกรรมำธิกำรต้องกำรข้อมูลดังกล่ำวอำจต้องใช้ระยะเวลำในกำรสืบค้นมำกพอสมควร สูญเสีย เวลำในกำรประชุมและกำรศึกษำ ค้นคว้ำ และท ำควำมเข้ำใจถึงบทบัญญัติของกฎหมำย ประกอบกับ ในปัจจุบันคณะกรรมำธิกำรได้ให้ควำมสนใจเกี่ยวกับภำรกิจของโรงเรียนต ำรวจตระเวนชำยแดนเป็น อย่ำงมำก ดังจะเห็นได้จำกกำรลงพื้นที่ศึกษำดูงำนและเยี่ยมชมโรงเรียนต ำรวจตระเวนชำยแดนใน พื้นที่ต่ำง ๆ ของคณะกรรมำธิกำร ดังนั้น เพื่อเป็นกำรอ ำนวยควำมสะดวกและแก้ไขปัญหำดังกล่ำว ผู้ศึกษำ มีควำมเห็นว่ำ แนวทำงกำรจัดท ำคลังข้อมูลงำนด้ำนวิชำกำรเฉพำะกรณีโรงเรียนต ำรวจตระเวนชำยแดน เพื่อสนับสนุนกำรด ำเนินงำนของคณะกรรมำธิกำรกำรต ำรวจ สภำผู้แทนรำษฎร ในรูปแบบคิวอำร์โค้ด (QR Code) จะเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มงำนและคณะกรรมำธิกำรเป็นอย่ำงยิ่ง กล่ำวคือ กำรด ำเนินกำร ดังกล่ำวเป็นกำรบูรณำกำรเทคโนโลยีสำรสนเทศ กำรรวบรวมและจัดท ำข้อมูลทำงด้ำนวิชำกำร เกี่ยวกับโรงเรียนต ำรวจตระเวนชำยแดนที่มีอยู่อย่ำงกระจัดกระจำยและไม่เป็นระบบเข้ำไว้ด้วยกัน ใน รูปแบบคิวอำร์โค้ด (QR Code) เพื่อใช้อ ำนวยควำมสะดวกและสนับสนุนกำรปฏิบัติงำนตำมภำรกิจ หน้ำที่และอ ำนำจของคณะกรรมำธิกำร และเพื่อให้เจ้ำหน้ำที่ฝ่ำยเลขำนุกำรในคณะกรรมำธิกำรกำร ต ำรวจ สภำผู้แทนรำษฎร สืบค้นข้อมูลและเข้ำถึงเอกสำรได้อย่ำงรวดเร็ว ลดระยะเวลำและ ข้อผิดพลำด เมื่อคณะกรรมำธิกำรต้องกำรข้อมูลดังกล่ำว อีกทั้งยังเป็นกำรเพิ่มประสิทธิภำพในกำร ปฏิบัติหน้ำที่ในงำนวิชำกำรของเจ้ำหน้ำที่กลุ่มงำนอีกด้วย


๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๒๓๔ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร การศึกษาในครั้งนี้ผู้ศึกษาได้ก าหนดขั้นตอนการด าเนินการศึกษา โดยท าตามล าดับ ขั้นตอน ดังนี้ ขั้นตอนที่ ๑ การจัดเตรียมแผนการด าเนินการ ในขั้นตอนนี้ผู้ศึกษำเริ่มต้นจำกก ำหนดกรอบแนวทำงกำรจัดท ำฐำนข้อมูล ทำงวิชำกำรเฉพำะกรณีโรงเรียนต ำรวจตระเวนชำยแดน โดยกำรก ำหนดเนื้อหำที่เกี่ยวข้องกับกรณี ดังกล่ำว แล้วน ำมำรวบรวม ศึกษำ วิเครำะห์และสังเครำะห์ข้อมูล โดยกำรจัดกลุ่มข้อมูล ทั้งนี้เพื่อ ลดควำมซ้ ำซ้อนของข้อมูลและเพื่อให้เข้ำใจง่ำยขึ้น ขั้นตอนที่ ๒ การรวบรวมและศึกษาข้อมูล ในขั้นตอนนี้ผู้ศึกษำได้รวบรวม สืบค้น และศึกษำข้อมูลต่ำง ๆ จำกเอกสำร ทำงวิชำกำร บทควำมวิชำกำร เอกสำรงำนวิจัย วิทยำนิพนธ์รำยงำนกำรพิจำรณำศึกษำ และสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติมจำกเว็บไซต์ต่ำง ๆ ซึ่งเมื่อรวบรวมข้อมูลดังกล่ำวข้ำงต้นแล้ว จำกนั้น จะ พิจำรณำคัดเลือกเนื้อหำสำระส ำคัญที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่เสนอและมีข้อมูลที่ครอบคลุม ทันสมัย สอดคล้องกับภำรกิจและกำรปฏิบัติหน้ำที่ของคณะกรรมำธิกำร เมื่อศึกษำค้นคว้ำข้อมูลดังกล่ำวแล้ว จึงด ำเนินกำรจัดท ำข้อมูลโดยคัดแยกประเด็นและแบ่งข้อมูลออกเป็นหมวดหมู่ และจัดกลุ่มประเภท ของข้อมูล ขั้นตอนที่ ๓ การจัดแบ่งข้อมูลออกเป็นหมวดหมู่ ในขั้นตอนนี้ผู้ศึกษำได้น ำข้อมูลที่ได้จำกกำรศึกษำค้นคว้ำจำกเอกสำรดังกล่ำวขั้นต้นมำ สรุปเนื้อหำและส ำ ระส ำคัญ และจัดแบ่งข้อมูลออกเป็นหม วดหมู่ โดยข้อมูลดังกล่ ำ ว ผู้ศึกษำจะแบ่งออกเป็น ๒ ส่วน คือ ในส่วนเนื้อหำ และในส่วนข้อมูลกำรประชุมและข้อมูล ตำมภำรกิจต่ำง ๆ ดังนี้ ส่วนที่ ๑ เนื้อหำ ประกอบด้วย ๑) รวบรวมข้อมูลและสรุปสำระส ำคัญเกี่ยวกับ ประวัติควำมเป็นมำ สถำนที่ตั้ง จ ำนวนนักเรียน จ ำนวนบุคลำกรทำงกำรศึกษำ และผลงำนของโรงเรียนต ำรวจตระเวนชำยแดน ๒) ปัญหำและอุปสรรคของโรงเรียนต ำรวจตระเวนชำยแดน ส่วนที่ ๒ ส่วนข้อมูลกำรประชุมและข้อมูลตำมภำรกิจในพื้นที่ต่ำง ๆ ประกอบด้วย ๑) ข้อมูลสรุปผลกำรประชุมในครั้งที่เกี่ยวข้องกับโรงเรียนต ำรวจตระเวนชำยแดน ๒) ข้อมูลตำมภำรกิจที่เกี่ยวข้องกับกำรเดินทำงศึกษำดูงำนในพื้นที่ต่ำง ๆ ของคณะกรรมำธิกำร อันได้แก่ (๑) กำรเดินทำงไปสนนทนำแลกเปลี่ยนควำมคิดเห็นกับผู้บริหำรของโรงเรียน ต ำรวจตระเวนชำยแดน (๒) กำรเดินทำงไปเยี่ยมชมกำรปฏิบัติงำนของโรงเรียนต ำรวจตระเวนชำยแดน (๓) กำรเดินทำงไปรับฟังบรรยำยสรุปเกี่ยวกับภำพรวมกำรด ำเนินงำนของ โรงเรียนต ำรวจตระเวนชำยแดน


๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๒๓๕ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ภำยหลังจำกกำรรวบรวมข้อมูล วิเครำะห์และสังเครำะห์ข้อมูลในส่วนที่ ๑ และ ส่วนที่ ๒ เส ร็จเ รียบร้อยแล้ว จึงจัดพิมพ์เนื้อห ำด้วยกำรใช้โปรแก รม Microsoft Word และจัดเก็บเอกสำรเป็นไฟล์นำมสกุล PDF ขั้นตอนที่ ๔ การตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล ในขั้นตอนนี้ผู้ศึกษำจะได้ตรวจสอบควำมถูกต้องว่ำข้อมูลที่รวบรวมได้ครบถ้วน สมบูรณ์สรุปสำระส ำคัญได้อย่ำงครอบคลุมและชัดเจน กำรใช้ภำษำในเชิงวิชำกำร ตลอดจนกำร ตรวจสอบข้อมูลภำรกิจว่ำมีควำมถูกต้องครบถ้วนหรือไม่ ขั้นตอนที่ ๕ การจัดท าเอกสารทางวิชาการในรูปแบบคิวอาร์โค้ด (QR CODE) ในขั้นตอนนี้ผู้ศึกษำได้จัดท ำเอกสำรในรูปแบบคิวอำร์โค้ดนี้โดยส่วนใหญ่จะเป็นไฟล์ นำมสกุล Word Excel หรือ PDF ฯลฯ ในกรณีนี้ผู้ศึกษำจะจัดเก็บเอกสำรในรูปแบบไฟล์PDF เพื่อ ป้ อง กั น ก ำ ร แ ก้ไ ข เ นื้ อ ห ำ จ ำ ก นั้ น ใ ช้โ ป ร แ ก ร ม พื้ น ฐ ำ น ที่ใ ช้ใ น ก ำ ร ส ร้ ำง เ อ ก ส ำ ร รูปแบบคิวอำร์โค้ดนั้นจ ำเป็นจะต้องใช้งำนผ่ำน Google drive ในกำรโอนเอกสำรไปจัดเก็บ เพื่อเผยแพร่แบบสำธำรณะ เพื่อสร้ำง link URL ในกำรค้นหำเอกสำร โดยจะเป็นกำรใช้งำนผ่ำน https://google.com/drive/ เพื่อใช้ในกำรสร้ำง URL ที่สั้นและสะดวกในกำรใช้งำน ขั้นตอนที่ ๖ การติดตามและปรับปรุงข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน เมื่อได้น ำข้อมูลดังกล่ำวไปใช้ในกำรปฏิบัติงำนจะต้องมีกำรติดตำมและปรับปรุงข้อมูล อย่ำงต่อเนื่องเป็นระยะ ให้ถูกต้องตรงกับข้อเท็จจริงอยู่เสมอ เพื่อให้กำรสนับสนุนภำรกิจ คณะกรรมำธิกำรเป็นไปอย่ำงมีประสิทธิภำพ


๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๒๓๖ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ๔. บทสรุปและอภิปรายผล กำรศึกษำเรื่อง “แนวทำงกำรจัดท ำคลังข้อมูลงำนด้ำนวิชำกำรเฉพำะกรณีโรงเรียน ต ำรวจตระเวนชำยแดน เพื่อสนับสนุนกำรด ำเนินงำนของคณะกรรมำธิกำรกำรต ำรวจ สภำ ผู้แทนรำษฎร ในรูปแบบคิวอำร์โค้ด (QR Code)” ในครั้งนี้ ผู้ศึกษำมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่ม ประสิทธิภำพกระบวนกำรท ำงำนให้แก่เจ้ำหน้ำที่ฝ่ำยเลขำนุกำรในคณะกรรมำธิกำรกำรต ำรวจ สภำผู้แทนรำษฎร ให้มีประสิทธิภำพและมีควำมเป็นมืออำชีพมำกยิ่งขึ้นเท่ำนั้น โดยใช้วิธีกำรศึกษำเชิง คุณภำพ โดยกำรน ำแนวคิดเกี่ยวกับกำรเพิ่มประสิทธิภำพในกำรปฏิบัติงำน แนวคิดเกี่ยวกับ เทคโนโลยีสำรสนเทศ และแนวคิดเกี่ยวกับเทคโนโลยีบำร์โค้ดสองมิติ มำใช้เป็นแนวทำง - ตัวอย่าง - ข้อมูลทางวิชาการ เรื่อง โรงเรียนต ารวจตระเวนชายแดน เพื่อสนับสนุนภารกิจของคณะกรรมาธิการต ารวจ สภาผู้แทนราษฎร *** สามารถดาวน์โหลดเอกสารที่เกี่ยวข้องได้ที่*** รวบรวมและจัดท าโดย นางสาวกีรติกาญจน์ สิริวัชรบวรกุล วิทยากรช านาญการ กลุ่มงานคณะกรรมาธิการการต ารวจ สานักกรรมาธิการ ๒


๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๒๓๗ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ในกำรพัฒนำงำนให้เกิดประโยชน์ต่อกำรปฏิบัติหน้ำที่ฝ่ำยเลขำนุกำรในคณะกรรมำธิกำร กำรต ำรวจ สภำผู้แทนรำษฎร นอกจำกนี้ ยังได้ท ำกำรศึกษำงำนวิจัยด้วยกำรทบทวนวรรณกรรม ที่เกี่ยวข้อง จำกนั้น น ำข้อมูลที่ได้รับมำท ำกำรวิเครำะห์ สังเครำะห์ พบว่ำ ได้มีกำรประยุกต์ใช้ระบบ คิวอำร์โค้ด (QR Code) ใน ๓ องค์กรหลัก คือ ๑) หน่วยงำนด้ำนกำรศึกษำ ๒) หน่วยงำน ด้ำนกำรท่องเที่ยว และ ๓) หน่วยงำนด้ำนสำธำรณสุข ซึ่งแนวทำงเพื่อเพิ่มประสิทธิภำพ ในองค์กรด้วยกำรประยุกต์ใช้ระบบคิวอำร์โค้ด (QR Code) นั้น สำมำรถช่วยองค์กรใน ๓ มิติหลัก คือ ๑) กำรลดระยะเวลำ ๒) กำรลดควำมผิดพลำด และ ๓) กำรเพิ่มควำมสะดวกสบำย ได้ อย่ำงมีประสิทธิภำพ ดังจะเห็นได้ว่ำ เทคโนโลยีทำงด้ำนระบบคิวอำร์โค้ด (QR Code) เป็นเทคโนโลยีพื้นฐำนที่ส ำคัญอย่ำงหนึ่งที่องค์กรสำมำรถพิจำรณำเลือกมำประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่ม ประสิทธิภำพกระบวนกำรท ำงำนในส่วนงำนต่ำง ๆ ขององค์กรในยุคแห่งควำมก้ำวหน้ำทำงเทคโนโลยี ในปัจจุบันได้ ๔.๑ สรุปผลการศึกษา เพื่อเพิ่มประสิทธิภำพกระบวนกำรท ำงำนให้แก่เจ้ำหน้ำที่ฝ่ำยเลขำนุกำร ในคณะกรรมำธิกำรกำรต ำรวจ สภำผู้แทนรำษฎร ให้มีประสิทธิภำพและมีควำมเป็นมืออำชีพมำก ยิ่งขึ้น ได้ท ำกำรศึกษำแนวคิดเกี่ยวกับกำรเพิ่มประสิทธิภำพในกำรปฏิบัติงำน แนวคิดเกี่ยวกับ เท คโ นโ ล ยี ส ำ ร สน เท ศ แ น ว คิ ด เ กี่ ย ว กับ เท คโ นโ ล ยีบ ำ ร์โ ค้ ด ส อง มิ ติ แ ล ะง ำ น วิ จั ย ที่เกี่ยวข้อง ๔.๒ อภิปรายผล จำกกำรศึกษำ แนวคิดเกี่ยวกับกำรเพิ่มประสิทธิภำพในกำรปฏิบัติงำน แนวคิด เกี่ยวกับเทคโนโลยีสำรสนเทศ แนวคิดเกี่ยวกับเทคโนโลยีบำร์โค้ดสองมิติ และงำนวิจัย ที่เกี่ยวข้อง ท ำให้เพิ่มประสิทธิภำพกระบวนกำรท ำงำนให้แก่เจ้ำหน้ำที่ฝ่ำยเลขำนุกำร ในคณะกรรมำธิกำรกำรต ำรวจ สภำผู้แทนรำษฎรให้มีประสิทธิภำพและมีควำมเป็นมืออำชีพมำก ยิ่งขึ้น ๕. ข้อเสนอแนะ จำกกำรปฏิบัติหน้ำที่ฝ่ำยเลขำนุกำรในคณะกรรมำธิกำรกำรต ำรวจ สภำผู้แทนรำษฎร พบว่ำ กำรจัดเตรียมข้อมูลทำงวิชำกำรที่เกี่ยวข้องกับหน้ำที่และอ ำนำจของคณะกรรมำธิกำรนั้น มี ควำมส ำคัญต่อภำรกิจและกำรปฏิบัติหน้ำที่ของคณะกรรมำธิกำรกำรต ำรวจ สภำผู้แทนรำษฎร เป็น อย่ำงมำก ผู้ศึกษำในฐำนะฝ่ำยเลขำนุกำรในคณะกรรมำธิกำรกำรต ำรวจ สภำผู้แทนรำษฎร มี ข้อเสนอแนะ ดังนี้ ๕.๑ เพื่อเป็นกำรเพิ่มประสิทธิภำพกระบวนกำรท ำงำนให้แก่เจ้ำหน้ำที่ฝ่ำยเลขำนุกำร ในคณะกรรมำธิกำรกำรต ำรวจ สภำผู้แทนรำษฎร ให้มีประสิทธิภำพและมีควำมเป็นมืออำชีพมำก ยิ่งขึ้น ควรมีกำรจัดท ำคลังข้อมูลงำนด้ำนวิชำกำรเกี่ยวกับโรงเรียนต ำรวจตระเวนชำยแดน และเรื่องอื่น ๆ ในรูปแบบคิวอำร์โค้ด (QR Code)


๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๒๓๘ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ๕.๒ ภำยหลังจำกมีกำรจัดท ำคลังข้อมูลงำนด้ำนวิชำกำรเกี่ยวกับโรงเรียน ต ำรวจตระเวนชำยแดน ในรูปแบบคิวอำร์โค้ด (QR Code) แล้ว ควรมีกำรด ำเนินกำรสอบถำม ควำมพึงพอใจของคณะกรรมำธิกำร เพื่อน ำข้อมูลที่ได้รับมำท ำกำรปรับปรุง แก้ไข และพัฒนำ ให้กำรปฏิบัติงำนมีประสิทธิภำพมำกยิ่งขึ้นต่อไป นำงสำวกีรติกำญจน์ สิริวัชรบวรกุล วิทยำกรช ำนำญกำร กลุ่มงำนคณะกรรมำธิกำรกำรต ำรวจ ส ำนักกรรมำธิกำร ๒


๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๒๓๙ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร แนวทางการด าเนินการของคณะกรรมาธิการการทหารภายใต้บทบัญญัติ ของกฎหมายและแผนยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง ๑. ความเป็นมาและความส าคัญของปัญหา รัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พุทธศักรำช ๒๕๖๐ มำตรำ ๖๕ บัญญัติให้รัฐพึงจัด ให้มียุทธศำสตร์ชำติเป็นเป้ำหมำยในกำรพัฒนำประเทศอย่ำงยั่งยืนตำมหลักธรรมำภิบำล เพื่อใช้เป็น กรอบในกำรจัดท ำแผนต่ำง ๆ ให้สอดคล้องและบูรณำกำรกัน โดยหลักกำรส ำคัญของแผนยุทธศำสตร์ชำติ ที่จะช่วยขับเคลื่อนให้แผนต่ำง ๆ เกิดผลสัมฤทธิ์อย่ำงเป็นรูปธรรม คือ หน่วยงำนของรัฐทุกหน่วยงำน มีหน้ำที่ด ำเนินกำรเพื่อให้บรรลุเป้ำหมำยตำมที่ก ำหนดไว้ในยุทธศำสตร์ชำติ ไม่ว่ำจะเป็นกำรก ำหนด นโยบำยกำรบริหำรรำชกำรแผ่นดินของคณะรัฐมนตรี กำรจัดท ำแผนพัฒนำเศรษฐกิจและสังคม แห่งชำติ นโยบำยและแผนระดับชำติว่ำด้วยควำมมั่นคงแห่งชำติ และแผนอื่นใด รวมตลอดทั้ง กำรจัดท ำงบประมำณรำยจ่ำยประจ ำปีงบประมำณ แผนปฏิบัติรำชกำรของหน่วยงำนของรัฐต่ำง ๆ ให้เป็นหน้ำที่ของคณะรัฐมนตรีที่จะก ำกับดูแลและสนับสนุนให้หน่วยงำนของรัฐทุกหน่วยด ำเนินกำร ให้บรรลุเป้ำหมำยตำมที่ก ำหนดไว้ในยุทธศำสตร์ชำติ แต่ในกรณีที่หน่วยงำนของรัฐเป็นองค์กรฝ่ำย นิติบัญญัติ ฝ่ำยตุลำกำร องค์กรอิสระ องค์กรอัยกำร กำรก ำกับดูแลของคณะรัฐมนตรีให้หมำยถึง กำรประสำน กำรปรึกษำ หรือเสนอแนะต่อหัวหน้ำหน่วยงำนของรัฐขององค์กรดังกล่ำว และจะต้อง ด ำเนินกำรให้สอดคล้องกับยุทธศำสตร์ชำติ คณะกรรมำธิกำรกำรทหำร สภำผู้แทนรำษฎร เป็นคณะกรรมำธิกำรสำมัญประจ ำสภำ ผู้แทนรำษฎรคณะหนึ่งที่ตั้งขึ้นตำมบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ มีหน้ำที่และอ ำนำจด ำเนินกำรอย่ำงใด ๆ ตำมที่รัฐธรรมนูญ และข้อบังคับกำรประชุมสภำก ำหนด โดยรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พุทธศักรำช ๒๕๖๐ ได้ก ำหนดกรอบหลักเกณฑ์กำรตั้งคณะกรรมำธิกำร หน้ำที่และอ ำนำจของ คณะกรรมำธิกำร ตลอดจนเอกสิทธิ์ควำมคุ้มครอง และอัตรำส่วนของจ ำนวนสมำชิกสภำผู้แทน รำษฎรที่จะมำประกอบกันเป็นคณะกรรมำธิกำร ไว้ในบทบัญญัติรัฐธรรมนูญมำตรำ ๑๒๙ (หัวใจ ส ำคัญของระบบงำนกรรมำธิกำร) ส่วนรำยละเอียดของจ ำนวนคณะกรรมำธิกำรที่สภำผู้แทนรำษฎร จะสำมำรถตั้งได้ รวมทั้งหน้ำที่และอ ำนำจของคณะกรรมำธิกำรแต่ละคณะ ให้เป็นไปตำมข้อบังคับ กำรประชุมสภำผู้แทนรำษฎร ซึ่งจำกกำรพิจำรณำหน้ำที่และอ ำนำจของคณะกรรมำธิกำรกำรทหำร ตำมที่ปรำกฏใน “ข้อบังคับกำรประชุมสภำผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒” ข้อ ๙๐ (๑๕) ระบุว่ำ “คณะกรรมำธิกำรกำรทหำร มีหน้ำที่และอ ำนำจกระท ำกิจกำร พิจำรณำสอบหำข้อเท็จจริง หรือ ศึกษำเรื่องใด ๆ ที่เกี่ยวกับกิจกำรทหำร กำรป้องกัน กำรรักษำควำมมั่นคง และกำรพัฒนำประเทศ” จะเห็นได้ว่ำกำรด ำเนินกำรอย่ำงใด ๆ ของคณะกรรมำธิกำรกำรทหำรล้วนตั้งอยู่บนพื้นฐำนของควำม มั่นคงของประเทศ อันเป็นหนึ่งในเป้ำหมำยส ำคัญของกำรพัฒนำประเทศตำมแผนยุทธศำสตร์ชำติ ดังนั้น จึงมีควำมจ ำเป็นอย่ำงยิ่งที่ฝ่ำยเลขำนุกำรประจ ำคณะกรรมำธิกำร ซึ่งมีหน้ำที่สนับสนุน กำรด ำเนินกำรอย่ำงใด ๆ ของคณะกรรมำธิกำรกำรทหำร จ ำเป็นต้องมีองค์ควำมรู้และเข้ำใจ ในองคำพยพต่ำง ๆ ของแผนยุทธศำสตร์ชำติ ไม่ว่ำจะเป็นที่มำ แนวคิด เหตุผลและควำมจ ำเป็น


๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๒๔๐ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ที่จะต้องมีแผนยุทธศำสตร์ชำติในกำรพัฒนำประเทศ รวมทั้งจะต้องด ำเนินกำรตำมแผนยุทธศำสตร์ ชำติในส่วนที่เกี่ยวข้องกับหน้ำที่และอ ำนำจของคณะกรรมำธิกำรตำมบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ระเบียบ ข้อบังคับและกฎหมำยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ เพื่อที่จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในกำรขับเคลื่อนบทบำท ภำรกิจของสถำบันนิติบัญญัติให้มีควำมสอดคล้องกับฝ่ำยบริหำรในกำรขับเคลื่อนแนวนโยบำยของ รัฐบำลภำยใต้กรอบทิศทำงกำรพัฒนำประเทศตำมแผนยุทธศำสตร์ชำติ ๒๐ ปี และแผนกำรปฏิรูป ประเทศ ให้ก้ำวไปสู่โมเดลของกำรขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่เป้ำหมำยของควำมเป็นประเทศ ที่พัฒนำแล้ว ภำยใต้วิสัยทัศน์เชิงนโยบำยของรัฐบำลที่ว่ำ “มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน” ได้อย่ำงมี ประสิทธิภำพต่อไป ๒. กฎหมาย กฎ ระเบียบ และยุทธศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง ๑) รัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พุทธศักรำช ๒๕๖๐ ๒) พระรำชบัญญัติจัดระเบียบรำชกำรกระทรวงกลำโหม พ.ศ. ๒๕๕๑ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ๓) ข้อบังคับกำรประชุมสภำผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ๔) ยุทธศำสตร์ชำติ (พ.ศ. ๒๕๖๑ – ๒๕๘๐) ๓. บทวิเคราะห์ ๓.๑ กรอบการด าเนินการของคณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร เดิมก่อนที่ประเทศไทยจะได้มีกำรจัดท ำยุทธศำสตร์ชำติ (พ.ศ. ๒๕๖๑ – ๒๕๘๐) กำรด ำเนินกำรของคณะกรรมำธิกำรกำรทหำร สภำผู้แทนรำษฎร เป็นไปตำมบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ และกฎหมำยที่เกี่ยวข้องได้บัญญัติให้อ ำนำจไว้ ซึ่งในที่นี้ คือ รัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พุทธศักรำช ๒๕๖๐ ประกอบกับข้อบังคับกำรประชุมสภำผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ แต่อย่ำงไรก็ตำม เมื่อพิจำรณำหน้ำที่และอ ำนำจของคณะกรรมำธิกำรกำรทหำรตำมที่ก ำหนดไว้ในข้อบังคับกำรประชุม สภำผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๙๐ (๑๕) พบว่ำเนื้อหำในส่วนที่เกี่ยวกับหน้ำที่และอ ำนำจของ คณะกรรมำธิกำรกำรทหำร และเรื่องที่คณะกรรมำธิกำรสำมำรถกระท ำได้นั้นไม่มีควำมแตกต่ำง กับข้อบังคับกำรประชุมสภำผู้แทนรำษฎรที่เคยน ำมำใช้บังคับกับกำรด ำเนินงำนของคณะกรรมำธิกำร กำรทหำรในอดีตมำกนัก เพียงแต่มีกำรแก้ไขถ้อยค ำบำงประกำร เช่น จำกเดิมระบุว่ำ “มีอ านาจหน้าที่” แก้ไขเป็น “มีหน้าที่และอ านาจ” และมีกำรแก้ไขถ้อยค ำจำกเดิมที่ระบุว่ำ “พิจารณาสอบสวน” แก้ไขเป็น “พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริง” เพื่อให้สอดคล้องกับเจตนำรมณ์ของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ดังนั้น จึงสำมำรถน ำรำยละเอียดในส่วนที่เกี่ยวกับหน้ำที่และอ ำนำจของคณะกรรมำธิกำรกำรทหำร ที่ระบุไว้ในข้อบังคับกำรประชุมสภำผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ มำประกอบกำรพิจำรณำ เพื่อก ำหนด กรอบกำรด ำเนินกำรของคณะกรรมำธิกำรกำรทหำรในเบื้องต้นตำมล ำดับ ดังนี้ (๑) การด าเนินการตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พุทธศักรำช ๒๕๖๐ ได้ก ำหนดกรอบ กำรด ำเนินกำรของคณะกรรมำธิกำรสำมัญ (ซึ่งรวมถึงคณะกรรมำธิกำรกำรทหำร สภำผู้แทนรำษฎร)


๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๒๔๑ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร คณะกรรมำธิกำรวิสำมัญ และคณะกรรมำธิกำรร่วมกันตำมมำตรำ ๑๓๗ ไว้ในมำตรำ ๑๒๙ ซึ่งบัญญัติไว้ เป็นหลักกำรใหญ่ว่ำ “สภำผู้แทนรำษฎรและวุฒิสภำมีอ ำนำจเลือกสมำชิกของแต่ละสภำตั้งเป็น คณะกรรมำธิกำรสำมัญ และมีอ ำนำจเลือกบุคคลผู้เป็นสมำชิกหรือมิได้เป็นสมำชิก ตั้งเป็นคณะกรรมำธิกำร วิสำมัญ หรือคณะกรรมำธิกำรร่วมกันตำมมำตรำ ๑๓๗ เพื่อกระท ากิจการ พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริง หรือศึกษาเรื่องใด ๆ และรายงานให้สภาทราบตามระยะเวลาที่สภาก าหนด กำรกระท ำกิจกำร กำรสอบหำข้อเท็จจริง หรือกำรศึกษำตำมวรรคหนึ่ง ต้องเป็น เรื่องที่อยู่ในหน้ำที่และอ ำนำจของสภำ และหน้ำที่และอ ำนำจตำมที่ระบุไว้ในกำรตั้งคณะกรรมำธิกำร และกำรด ำเนินกำรของคณะกรรมำธิกำรต้องไม่เป็นเรื่องซ้ ำซ้อนกัน ในกรณีที่กำรกระท ำกิจกำร กำรสอบหำข้อเท็จจริง หรือกำรศึกษำในเรื่องใดมีควำมเกี่ยวข้องกัน ให้เป็นหน้ำที่ของประธำนสภำ ที่จะต้องด ำเนินกำรให้คณะกรรมำธิกำรที่เกี่ยวข้องทุกชุดร่วมกันด ำเนินกำร ในกำรสอบหำข้อเท็จจริง คณะกรรมำธิกำรจะมอบอ ำนำจหรือมอบหมำย ให้บุคคลหรือคณะบุคคลใดกระท ำกำรแทนมิได้ คณะกรรมำธิกำรตำมวรรคหนึ่ง มีอ ำนำจเรียกเอกสำรจำกบุคคลใด หรือเรียก บุคคลใดมำแถลงข้อเท็จจริงหรือแสดงควำมคิดเห็นในกิจกำรที่กระท ำหรือในเรื่องที่พิจำรณำสอบหำ ข้อเท็จจริงหรือศึกษำอยู่นั้นได้ แต่กำรเรียกเช่นว่ำนั้นมิให้ใช้บังคับแก่ผู้พิพำกษำหรือตุลำกำรที่ปฏิบัติ ตำมหน้ำที่หรือใช้อ ำนำจในกระบวนวิธีพิจำรณำพิพำกษำอรรถคดี หรือกำรบริหำรงำนบุคคลของ แต่ละศำล และมิให้ใช้บังคับแก่ผู้ด ำรงต ำแหน่งในองค์กรอิสระในส่วนที่เกี่ยวกับกำรปฏิบัติหน้ำที่ตำม หน้ำที่และอ ำนำจโดยตรงในแต่ละองค์กรตำมบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญหรือตำมพระรำชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญ แล้วแต่กรณี ให้เป็นหน้ำที่ของรัฐมนตรีที่รับผิดชอบในกิจกำรที่คณะกรรมำธิกำรสอบหำ ข้อเท็จจริงหรือศึกษำที่จะต้องสั่งกำรให้เจ้ำหน้ำที่ของรัฐในสังกัดหรือในก ำกับ ให้ข้อเท็จจริง ส่งเอกสำร หรือแสดงควำมคิดเห็นตำมที่คณะกรรมำธิกำรเรียก ให้สภำผู้แทนรำษฎรและวุฒิสภำเปิดเผยบันทึกกำรประชุม รำยงำนกำรด ำเนินกำร รำยงำนกำรสอบหำข้อเท็จจริง หรือรำยงำนกำรศึกษำ แล้วแต่กรณี ของคณะกรรมำธิกำรให้ประชำชน ทรำบ เว้นแต่สภำผู้แทนรำษฎรหรือวุฒิสภำ แล้วแต่กรณี มีมติมิให้เปิดเผย เอกสิทธิ์ที่บัญญัติไว้ในมำตรำ ๑๒๔ ให้คุ้มครองถึงบุคคลผู้กระท ำหน้ำที่และ ผู้ปฏิบัติตำมค ำเรียกตำมมำตรำนี้ด้วย กรรมำธิกำรสำมัญซึ่งตั้งจำกผู้ซึ่งเป็นสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรทั้งหมด ต้องมี จ ำนวนตำมหรือใกล้เคียงกับอัตรำส่วนของจ ำนวนสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรของแต่ละพรรคกำรเมือง ที่มีอยู่ในสภำผู้แทนรำษฎร ในระหว่ำงที่ยังไม่มีข้อบังคับกำรประชุมสภำผู้แทนรำษฎรตำมมำตรำ ๑๒๘ ให้ประธำนสภำผู้แทนรำษฎรเป็นผู้ก ำหนดอัตรำส่วนตำมวรรคแปด”


๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๒๔๒ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร บทวิเคราะห์ เมื่อพิจำรณำเนื้อหำและเจตนำรมณ์ของบทบัญญัติรัฐธรรมนูญมำตรำ ๑๒๙ พบว่ำ คณะกรรมำธิกำรกำรทหำร สภำผู้แทนรำษฎร มีหน้ำที่และอ ำนำจที่ส ำคัญ ๒ ประกำร (มำตรำ ๑๒๙ วรรคหนึ่ง) คือ ๑) พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริง เกี่ยวกับเรื่องที่อยู่ในหน้าที่และอ านาจของสภา และ เรื่องที่อยู่ในหน้าที่และอ านาจตามที่ระบุไว้ในการตั้งคณะกรรมาธิการ และ ๒) ศึกษาเรื่องใด ๆ ที่อยู่ ในหน้าที่และอ านาจของสภา รวมทั้งศึกษาเรื่องที่อยู่ในหน้าที่และอ านาจตามที่ระบุไว้ในการตั้ง คณะกรรมาธิการ แต่มีข้อยกเว้นส ำคัญอยู่ ๒ ประกำรเช่นกัน คือ ๑) เรื่องที่คณะกรรมำธิกำรกำรทหำร พิจำรณำสอบหำข้อเท็จจริง หรือศึกษำอยู่นั้นจะต้องไม่เป็นเรื่องที่ซ้ ำซ้อนกันกับคณะกรรมำธิกำรชุดอื่น (มำตรำ ๑๒๙ วรรคสอง) และ ๒) ในกำรสอบหำข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องใด ๆ คณะกรรมำธิกำร กำรทหำรจะมอบอ ำนำจหรือมอบหมำยให้บุคคลหรือคณะบุคคลใดกระท ำกำรแทนมิได้(มำตรำ ๑๒๙ วรรคสำม) โดยอ ำนำจในกำรด ำเนินกำรของคณะกรรมำธิกำรกำรทหำร ตำม (๑) และ (๒) ถูกก ำหนดไว้ในมำตรำ ๑๒๙ วรรคสี่ มีอยู่ ๒ ประกำร คือ ๑) มีอ ำนำจเรียกเอกสำรจำกบุคคลใด หรือ ๒) เรียกบุคคลใดมำแถลงข้อเท็จจริงหรือแสดงควำมคิดเห็นในกิจกำรที่กระท ำหรือในเรื่องที่พิจำรณำ สอบหำข้อเท็จจริงหรือศึกษำอยู่นั้นได้ แต่กำรเรียกเช่นว่ำนั้น มีข้อยกเว้น คือ มิให้ใช้บังคับแก่ผู้ พิพำกษำหรือตุลำกำรที่ปฏิบัติตำมหน้ำที่หรือใช้อ ำนำจในกระบวนวิธีพิจำรณำพิพำกษำอรรถคดี หรือ กำรบริหำรงำนบุคคลของแต่ละศำล และมิให้ใช้บังคับแก่ผู้ด ำรงต ำแหน่งในองค์กรอิสระในส่วนที่ เกี่ยวกับกำรปฏิบัติหน้ำที่ตำมหน้ำที่และอ ำนำจโดยตรงในแต่ละองค์กรตำมบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ หรือตำมพระรำชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ แล้วแต่กรณี และภำยหลังจำกกำรด ำเนินกำรตำมหน้ำที่และอ ำนำจที่ก ำหนดไว้ในมำตรำ ๑๒๙ เสร็จสิ้นแล้ว คณะกรรมำธิกำรกำรทหำร มีหน้ำที่รำยงำนผลกำรด ำเนินกำร ผลกำรสอบหำข้อเท็จจริง หรือผลกำรศึกษำเรื่องใด ๆ แล้วแต่กรณีให้สภำผู้แทนรำษฎรทรำบตำมระยะเวลำที่สภำผู้แทนรำษฎร ก ำหนด (มำตรำ ๑๒๙ วรรคหนึ่งตอนท้ำย) ทั้งนี้ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบกำรพิจำรณำของสภำ ผู้แทนรำษฎร อีกทั้ง เพื่อเป็นข้อมูลส ำหรับให้สภำผู้แทนรำษฎรได้น ำไปเปิดเผยให้กับประชำชนทรำบ (มำตรำ ๑๒๙ วรรคหก) เว้นแต่สภำผู้แทนรำษฎร มีมติมิให้เปิดเผย (๒) การด าเนินการตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เหตุที่ต้องน ำข้อบังคับกำรประชุมสภำผู้แทนรำษฎรมำประกอบกำร พิจำรณำเพื่อก ำหนดกรอบกำรด ำเนินกำรของคณะกรรมำธิกำรกำรทหำร เนื่องจำกในบทบัญญัติ รัฐธรรมนูญมำตรำ ๑๒๙ มีควำมตอนหนึ่งที่ระบุว่ำกำรพิจำรณำสอบหำข้อเท็จจริง หรือศึกษำเรื่องใด ๆ ของคณะกรรมำธิกำรจะต้องเป็น “เรื่องที่อยู่ในหน้าที่และอ านาจตามที่ระบุไว้ในการตั้ง คณะกรรมาธิการ” ซึ่งข้อบังคับกำรประชุมสภำผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๙๐ (๑๕) ระบุว่ำ “คณะกรรมาธิการการทหาร มีหน้าที่และอ านาจกระท ากิจการ พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริง หรือ


Click to View FlipBook Version