๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๓๔๓ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร โดยให้ประธำนสภำผู้แทนรำษฎรจัดให้มีกำรประชุมร่วมกันของประธำนสภำและประธำน คณะกรรมำธิกำรสำมัญทุกคณะเพื่อพิจำรณำ ภำยใน ๑๕ วัน นับแต่วันที่มีกรณีดังกล่ำว นอก จ ำกนี้ หลักก ำ รเกี่ย วกับผู้มีอ ำน ำจในก ำ ร วินิจฉัยลักษณะของ ร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงิน ที่ก ำหนดไว้ในข้อ ๑๒๘ และข้อ ๑๒๙ มำใช้เป็นแนวทำง ในกำรศึกษำว่ำผู้ใดผู้เป็นผู้มีอ ำนำจในกำรวินิจฉัยร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงินในชั้น กำรพิจำรณำในวำระที่ ๒ กล่ำวคือ ร่ำงพระรำชบัญญัติใดที่สมำชิกหรือผู้มีสิทธิเลือกตั้งเป็นผู้เสนอ และในชั้นรับหลักกำรไม่เป็นร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงิน แต่ในกำรพิจำรณำในวำระที่สอง ถ้ำสภำผู้แทนรำษฎรได้ลงมติแก้ไขเพิ่มเติมในมำตรำใด และประธำนสภำผู้แทนรำษฎรเห็นเอง หรือมีสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรทักท้วงต่อประธำนสภำผู้แทนรำษฎร โดยมีจ ำนวนสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎร รับรองไม่น้อยกว่ำยี่สิบคนว่ำกำรแก้ไขเพิ่มเติมนั้นท ำให้มีลักษณะเป็นร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วย กำรเงิน ในกรณีนี้ ให้ประธำนสภำผู้แทนรำษฎรสั่งระงับกำรลงมติในวำระที่สำมไว้ก่อน และส่งให้ ที่ประชุมร่วมกันของประธำนสภำและประธำนคณะกรรมำธิกำรสำมัญทุกคณะเป็นผู้วินิจฉัยภำยใน สิบห้ำวันนับแต่วันที่มีกรณีดังกล่ำว และให้น ำควำมในข้อ ๑๑๔ และข้อ ๑๑๕ มำใช้บังคับโดยอนุโลม เมื่อประธำนสภำได้รับแจ้งเรื่องกำรรับรองร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงิน จำกนำยกรัฐมนตรีแล้ว ให้สภำผู้แทนรำษฎรด ำเนินกำรลงมติในวำระที่สำมต่อไป แต่ถ้ำนำยกรัฐมนตรี ไม่ให้ค ำรับรองก็ให้สภำผู้แทนรำษฎรด ำเนินกำรแก้ไข เพื่อมิให้ร่ำงพระรำชบัญญัตินั้นเป็น ร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงิน (รำชกิจจำนุเบกษำ, ๒๕๖๒, น. ๔๖ - ๔๙) ผู้ศึกษ ำจึงขอส รุป ว่ ำ หลักก ำ รที่ก ำหนดไ ว้ในข้อบังคับก ำ รป ระชุม สภำผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ดังกล่ำว เป็นหลักกำรที่ก ำหนดผู้มีอ ำนำจในกำรวินิจฉัยลักษณะของ ร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงินว่ำ ผู้ใดจะเป็นผู้มีอ ำนำจในกำรวินิจฉัยลักษณะของ ร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงิน ที่ต้องส่งร่ำงพระรำชบัญญัติไปให้นำยกรัฐมนตรีให้ค ำรับรอง ๓. บทวิเคราะห์ ผู้ศึกษำได้วิเครำะห์เกี่ยวกับผู้ริเริ่มในกำรเสนอร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงิน โดยปรำกฏผลกำรศึกษำ ดังนี้ ๓.๑ กำรวิเครำะห์ถ้อยค ำที่บัญญัติไว้ในมำตรำ ๑๓๓ ของรัฐธรรมนูญ ผลกำรศึกษำวิเครำะห์เกี่ยวกับผู้ริเริ่มเสนอร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงิน ผู้ศึกษำพบว่ำรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พุทธศักรำช ๒๕๖๐ ได้บัญญัติหลักกำรของผู้มีสิทธิ เสนอร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงิน ซึ่งบัญญัติไว้ในมำตรำ ๑๓๓ โดยบัญญัติว่ำ “มาตรา ๑๓๓ ร่างพระราชบัญญัติให้เสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรก่อน และจะเสนอได้ก็แต่โดย (๑) คณะรัฐมนตรี (๒) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจ านวนไม่น้อยกว่ายี่สิบคน
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๓๔๔ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร (๓) ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจ านวนไม่น้อยกว่าหนึ่งหมื่นคนเข้าชื่อเสนอกฎหมาย ตามหมวด ๓ สิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทย หรือหมวด ๕ หน้าที่ของรัฐ ทั้งนี้ ตามกฎหมาย ว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย ในกรณีที่ร่างพระราชบัญญัติซึ่งมีผู้เสนอตาม (๒) หรือ (๓) เป็น ร่างพระราชบัญญัติเกี่ยวด้วยการเงิน จะเสนอได้ก็ต่อเมื่อมีค ารับรองของนายกรัฐมนตรี” (รำชกิจจำนุเบกษำ, ๒๕๖๐, น. ๓๘) ผู้ศึกษำได้วิเครำะห์ถ้อยค ำที่บัญญัติไว้ในมำตรำ ๑๓๓ วรรคหนึ่ง (๑) (๒) และ (๓) เกี่ยวกับผู้มีสิทธิเสนอร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงิน กล่ำวคือ รัฐธรรมนูญได้บัญญัติ วำงหลักเกี่ยวกับผู้ริเริ่มในกำรเสนอร่ำงพระรำชบัญญัติไว้ในมำตรำ ๑๓๓ โดยบัญญัติไว้ทั้งหมด ๓ อนุมำตรำ คือ (๑) คณะรัฐมนตรี(๒) สมำชิกสภำผู้แทนรำษฎร และ (๓) ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และ จำกผลกำรศึกษำประเด็นเรื่องผู้ริเริ่มในกำรเสนอร่ำงพระรำชบัญญัติที่จะต้องมีกำรวิเครำะห์ลักษณะ ของร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงินนั้นมีอยู่ด้วยกัน ๒ กรณีด้วยกัน เนื่องจำกเมื่อพิจำรณำ ถ้อยค ำที่บัญญัติไว้ในวรรคสอง ของมำตรำ ๑๓๓ แล้วเห็นว่ำ กำรบัญญัติในลักษณะดังกล่ำว ย่อมแสดงถึงควำมมุ่งหมำยของรัฐธรรมนูญอย่ำงชัดแจ้งว่ำ หำกเป็นร่ำงพระรำชบัญญัติที่มีผู้เสนอ ตำมมำตรำ ๑๓๓ (๒) หรือ (๓) เป็นร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงินจะเสนอได้ก็ต่อเมื่อ มีค ำรับรองของนำยกรัฐมนตรี เนื่องจำกฝ่ำยบริหำรเป็นผู้มีหน้ำที่ในกำรหำรำยได้ให้แก่ประเทศและ บริหำรจัดกำรงบประมำณของประเทศ และเพื่อให้ฝ่ำยบริหำรได้ตรวจสอบถึงควำมจ ำเป็น ควำมเหมำะสมและควำมพร้อมด้ำนงบประมำณก่อนที่จะมีกำรเสนอร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วย กำรเงินต่อรัฐสภำ โดยให้ฝ่ำยนิติบัญญัติเป็นผู้พิจำรณำให้ควำมเห็นชอบและประกำศใช้เป็นกฎหมำยต่อไป และหำกแปลควำมในทำงกลับกันรัฐธรรมนูญก็ไม่ประสงค์ให้สภำผู้แทนรำษฎรพิจำรณำว่ำ ร่ำงพระรำชบัญญัติที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอมีลักษณะเป็นร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงิน หรือไม่ เนื่องจำกรัฐบำลเป็นผู้ควบคุมกำรบริหำรรำชกำรแผ่นดินอยู่แล้ว ดังนั้น ผู้ริเริ่มเสนอร่ำง พระรำชบัญญัติที่จะต้องมีกำรวิเครำะห์ว่ำมีลักษณะเป็นร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงินหรือไม่ มีอยู่ด้วยกัน ๒ กรณี คือ (๑) ร่ำงพระรำชบัญญัติที่เสนอโดยสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรจ ำนวนไม่น้อยกว่ำ ยี่สิบคน (๒) ร่ำงพระรำชบัญญัติที่เสนอโดยผู้มีสิทธิเลือกตั้งจ ำนวนไม่น้อยกว่ำ หนึ่งหมื่นคนเข้ำชื่อเสนอกฎหมำย กำรวิเครำะห์ลักษณะของร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยเงิน ในวำระที่ ๒ ในชั้นกำรพิจำรณำของคณะกรรมำธิกำรวิสำมัญ ย่อมมีควำมส ำคัญเช่นเดียวกันกับกำรวิเครำะห์ ลักษณะของร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงินในชั้นก่อนกำรพิจำรณำรับหลักกำร ในวำระที่ ๑ ดังนั้น จึงเป็นหน้ำที่ของเจ้ำหน้ำที่ฝ่ำยเลขำนุกำรคณะกรรมำธิกำรวิสำมัญ ที่ต้องท ำหน้ำที่ในกำร วิเครำะห์ลักษณะของร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงินอีกครั้งหนึ่ง ๓.๒ เหตุผลและควำมจ ำเป็นที่ร่ำงพระรำชบัญญัติที่เกี่ยวด้วยกำรเงิน จะเสนอได้ ก็ต่อเมื่อมีค ำรับรองของนำยกรัฐมนตรี
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๓๔๕ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร เมื่อพิจำรณำถึงเหตุผลและควำมจ ำเป็นที่ร่ำงพระรำชบัญญัติที่เกี่ยวด้วยกำรเงิน ตำมรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พุทธศักรำช ๒๕๖๐ จะเสนอได้ก็ต่อเมื่อมีค ำรับรองของ นำยกรัฐมนตรีซึ่งประเทศไทยได้น ำหลักในกำรเสนอร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงินของ ประเทศอังกฤษมำเป็นแบบอย่ำง กล่ำวคือ ในประเทศอังกฤษมีจำรีตนิยมที่สภำสำมัญมักใช้ควบคุม กำรบริหำรงำนของรัฐบำล ได้แก่ กำรควบคุมกำรเงิน ตำมกฎและระเบียบปฏิบัติ ฝ่ำยบริหำรคือ คณะรัฐบำลเป็นผู้เสนอร่ำงพระรำชบัญญัติงบประมำณเพรำะเป็นฝ่ำยที่ทรำบดีที่สุดว่ำในกำรบริหำร ประเทศให้เป็นไปตำมนโยบำยของรัฐบำลนั้นจะต้องใช้จ่ำยเงินเท่ำไหร่ และจะหำเงินมำได้อย่ำงไร ส่วนสภำสำมัญในฐำนะเป็นตัวแทนของประชำชนผู้เสียภำษีย่อมมีหน้ำที่ส ำคัญในกำรพิจำรณำว่ำ รัฐบำลขอใช้จ่ำยเงินไปในทำงที่เหมำะสมและเป็นผลดีแก่ประชำชนเพียงใด สมควรจะเรียกเก็บภำษี หรือจัดหำรำยจำกทรัพยำกรของธรรมชำติหรือไม่ ด้วยเหตุนี้ หน้ำที่ตำมจำรีตนิยมของสภำสำมัญ ในส่วนที่เกี่ยวกับกำรเงินก็คือ กำรอนุมัติให้ควำมเห็นชอบ และคอยตรวจสอบกำรใช้จ่ำยงบประมำณ ของรัฐบำล จำกกำรได้กล่ำวไว้แล้วว่ำในรูปแบบนี้สภำสำมัญมีบทบำทส ำคัญที่สุดในรัฐสภำ ประกอบกับกำรศึกษำถึงประวัติกำรต่อสู้ช่วงชิงอ ำนำจหรือเอกสิทธิ์ โดยเฉพำะเรื่องกำรควบคุมเงิน ของรัฐบำลระหว่ำงสภำสำมัญและสภำขุนนำง ซึ่งในที่สุดสภำสำมัญเป็นฝ่ำยได้รับชัยชนะ จึงได้มีกำร ตรำพระรำชบัญญัติรัฐสภำ (Parliament Act ๑๙๑๑) โดยมีจุดประสงค์เพื่อตัดทอนอ ำนำจ และ จ ำกัดขอบเขตในกระบวนกำรพิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงินของสภำขุนนำง ดังนั้น อำจกล่ำวได้ว่ำแนวควำมคิดเกี่ยวกับร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงิน ในรูปแบบของรัฐสภำ ส่วนใหญ่จะจ ำกัดอยู่แต่เฉพำะสภำสำมัญซึ่งเป็นผู้ก ำหนดควำมหมำย บทวิเครำะห์ศัพท์ ตลอดจนวิธีกำรเสนอและกำรพิจำรณำ และก ำหนดให้ประธำนสภำสำมัญเป็น ผู้มีอ ำนำจสูงสุดในกำรวินิจฉัยกรณีเกิดปัญหำตีควำม ทั้งนี้ทั้งนั้นเนื่องมำจำกชัยชนะในกำรต่อสู้ ทำงกำรเมืองของสภำสำมัญในเรื่องอ ำนำจและเอกสิทธิ์ดังกล่ำว และคงถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ มำจนปัจจุบันนี้ (กมล สุปรียสุนทร, ๒๕๓๔, น. ๗ - ๑๔) จำกกำรวิเครำะห์แนวคิดทั่วไปเกี่ยวกับกำรเสนอร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วย กำรเงินโดยพิจำรณำเทียบเคียงกับบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พุทธศักรำช ๒๕๖๐ ปรำกฏผลกำรศึกษำว่ำ เหตุผลและควำมจ ำเป็นที่ร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงิน ซึ่งมีผู้เสนอ ตำมมำตรำ ๑๓๓ (๒) หรือ (๓) จะเสนอได้ก็ต่อเมื่อมีค ำรับรองของนำยกรัฐมนตรีตำมมำตรำ ๑๓๓ วรรคสอง นั้น เป็นหลักกำรส ำคัญในเรื่องกำรถ่วงดุลอ ำนำจระหว่ำงฝ่ำยบริหำรกับฝ่ำยนิติบัญญัติ นอกจำกนี้ ยังมีเหตุผลส ำคัญอีกประกำรหนึ่ง คือ หำกเป็นร่ำงกฎหมำยเกี่ยวด้วยกำรเงินที่ผ่ำน ควำมเห็นชอบของฝ่ำยนิติบัญญัติ โดยฝ่ำยบริหำรไม่รับรู้รับทรำบถึงผลผูกพันตำมกฎหมำย อำจก่อให้เกิดควำมเสียหำยต่อกำรบริหำรรำชกำรแผ่นดินในแง่มุมของงบประมำณแผ่นดินเกิดขึ้นได้ กล่ำวคือ เมื่อกฎหมำยมีผลใช้บังคับแล้วหำกเป็นร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงินจะมีผลกระทบ ต่องบประมำณของแผ่นดินหรือสร้ำงภำระผูกพันต่องบประมำณของแผ่นดิน ซึ่งฝ่ำยบริหำรไม่เคยได้ รับรู้รับทรำบถึงสำระส ำคัญของกฎหมำยฉบับดังกล่ำว แต่กลับต้องเป็นผู้รับผิดชอบในกำรจัดสรร งบประมำณเพื่อด ำเนินกำรให้เป็นไปตำมที่กฎหมำยก ำหนด
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๓๔๖ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ๓.๓ ผู้มีอ ำนำจในกำรวินิจฉัยลักษณะของร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงิน จำกกำรศึกษำวิเครำะห์ในประเด็นเกี่ยวกับผู้มีอ ำนำจในกำรวินิจฉัยลักษณะของ ร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงิน ในชั้นกำรพิจำรณำของสภำผู้แทนรำษฎร โดยปรำกฏ ผลกำรศึกษำว่ำ ผู้มีอ ำนำจในกำรวินิจฉัยลักษณะของร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงิน แบ่งออก ได้เป็น ๓ กรณี ดังนี้ (๑) ประธำนสภำสภำผู้แทนรำษฎร เป็นผู้มีอ ำนำจวินิจฉัย เป็นกรณีที่ประธำนสภำเห็นเองว่ำร่ำงพระรำชบัญญัติที่มีผู้เสนอตำมมำตรำ ๑๓๓ (๒) และ (๓) ของรัฐธรรมนูญ เป็นร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงิน ให้ประธำนสภำแจ้งให้ ผู้เสนอทรำบ หำกผู้เสนอไม่คัดค้ำนควำมเห็นของประธำนสภำภำยในเจ็ดวันนับแต่วันส่งค ำแจ้ง ให้ถือว่ำไม่มีกรณีเป็นที่สงสัยตำมมำตรำ ๑๓๔ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญ ก็ให้ประธำนสภำ ส่งร่ำงพระรำชบัญญัตินั้นไปยังนำยกรัฐมนตรีเพื่อพิจำรณำให้ค ำรับรอง ตำมมำตรำ ๑๓๔ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญ และข้อบังคับกำรประชุม ข้อ ๑๑๔ ประกอบข้อ ๑๑๕ (๒) ที่ประชุมร่วมกันของประธำนสภำและประธำนคณะกรรมำธิกำรสำมัญของ สภำผู้แทนรำษฎรทุกคณะเป็นผู้มีอ ำนำจวินิจฉัย เป็นกรณีที่ผู้เสนอร่ำงกฎหมำยคัดค้ำนควำมเห็นของประธำนสภำ ตำมข้อบังคับกำรประชุม ข้อ ๑๑๔ วรรคสำม ให้ประธำนสภำจัดให้มีกำรประชุมร่วมกันของ ประธำนสภำและประธำนคณะกรรมำธิกำรสำมัญทุกคณะเป็นผู้วินิจฉัย ลักษณะเป็นเป็น ร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงิน (๓) ที่ประชุมร่วมกันของประธำนสภำและประธำนคณะกรรมำธิกำรสำมัญของ สภำผู้แทนรำษฎรทุกคณะเป็นผู้มีอ ำนำจวินิจฉัย ตำมรัฐธรรมนูญ มำตรำ ๑๓๕ ประกอบมำตรำ ๑๓๔ วรรคสอง วรรคสำม และวรรคสี่ และข้อบังคับกำรประชุม ข้อ ๑๒๘ เป็นกรณีที่ในชั้นรับหลักกำร ไม่มีลักษณะเป็นร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงิน แต่ในชั้นกำรพิจำรณำของสภำผู้แทนรำษฎร ในวำระที่ ๒ คณะกรรมำธิกำรได้มีกำรแก้ไขเพิ่มเติมให้มีลักษณะเป็นร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วย กำรเงิน ตำมรัฐธรรมนูญ มำตรำ ๑๓๕ ประกอบมำตรำ ๑๓๔ วรรคสอง วรรคสำม และวรรคสี่ คณะกรรมำธิกำรหรือสภำได้แก้ไขเพิ่มเติมร่ำงพระรำชบัญญัติฉบับใดจนท ำให้มีลักษณะเป็น ร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงิน และหำกที่ประชุมร่วมกันของประธำนสภำผู้แทนรำษฎรและ ประธำนคณะกรรมำธิกำรสำมัญทุกคณะ วินิจฉัยว่ำกำรแก้ไขเพิ่มเติมในวำระที่ ๒ มีลักษณะเป็น ร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงิน ให้ประธำนสภำผู้แทนรำษฎรสั่งระงับกำรพิจำรณำไว้ก่อน และส่งไปให้นำยกรัฐมนตรีรับรอง โดยแยกพิจำรณำเป็น ๒ กรณี ดังนี้ กรณีที่ ๑ กรณีนำยกรัฐมนตรีให้ค ำรับรอง ให้ด ำเนินกำรลงมติในวำระที่ ๓ ต่อไป ตำมมำตรำ ๑๓๕ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญ กรณีที่ ๒ กรณีนำยกรัฐมนตรีไม่ให้ค ำรับรอง ตำมมำตรำ ๑๓๕ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญ ให้สภำด ำเนินกำรแก้ไขเพื่อมิให้ร่ำงพระรำชบัญญัตินั้นเป็นร่ำงพระรำชบัญญัติ เกี่ยวด้วยกำรเงิน ตำมรัฐธรรมนูญมำตรำ ๑๓๕ วรรคสอง ประกอบกับข้อบังคับกำรประชุม ข้อ ๑๒๘
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๓๔๗ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ส ำหรับกรณีที่ ๒ ผู้ศึกษำได้วิเครำะห์กรณีนำยกรัฐมนตรีไม่ให้ค ำรับรอง โดยปรำกฏผลกำรศึกษำว่ำ ในกรณีนำยกรัฐมนตรีไม่ให้ค ำรับรอง ตำมมำตรำ ๑๓๕ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญ ให้สภำผู้แทนรำษฎรด ำเนินกำรแก้ไขเพื่อมิให้ร่ำงพระรำชบัญญัตินั้นเป็น ร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงิน ซึ่งในกรณีดังกล่ำวเมื่อพิจำรณำถึงหลักกำรและเหตุผล ควำมจ ำเป็นที่ให้กำรเสนอร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงินจะต้องได้รับค ำรับรองของ นำยกรัฐมนตรีเสียก่อนนั้น เป็นหลักกำรที่ส ำคัญในกำรถ่วงดุลอ ำนำจระหว่ำงฝ่ำยบริหำรและฝ่ำย นิติบัญญัติ ซึ่งรัฐธรรมนูญตำมมำตรำ ๑๓๕ วรรคสอง บัญญัติว่ำ “ในกรณีที่ที่ประชุมร่วมกันตามวรรคหนึ่งวินิจฉัยว่า การแก้ไขเพิ่มเติมท าให้ ร่างพระราชบัญญัตินั้นมีลักษณะเป็นร่างพระราชบัญญัติเกี่ยวด้วยการเงิน ให้ประธานสภา ผู้แทนราษฎรส่งร่างพระราชบัญญัตินั้นไปให้นายกรัฐมนตรีรับรอง ถ้านายกรัฐมนตรีไม่รับรอง ให้สภาผู้แทนราษฎรด าเนินการแก้ไขเพื่อมิให้ร่างพระราชบัญญัตินั้นเป็นร่างพระราชบัญญัติเกี่ยวด้วย การเงิน” (รำชกิจจำนุเบกษำ, ๒๕๖๐, น.๓๙) เมื่อเครำะห์ถ้อยค ำตำมที่รัฐธรรมนูญบัญญัติแล้วเห็นว่ำ หำกเป็น ร่ำงพระรำชบัญญัติที่เสนอโดยสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎร หรือผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ซึ่งในชั้นพิจำรณำ รับหลักกำร ในวำระที่ ๑ ไม่มีลักษณะเป็นร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงิน แต่มำปรำกฏ ในภำยหลังว่ำเป็นร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงินในชั้นกำรพิจำรณำของสภำผู้แทนรำษฎร ในวำระที่ ๒ เนื่องจำกกำรแก้ไขเพิ่มเติมของคณะกรรมำธิกำรวิสำมัญ รัฐธรรมนูญได้บัญญัติบังคับให้ สภำผู้แทนรำษฎรด ำเนินกำรแก้ไขเพื่อมิให้ร่ำงพระรำชบัญญัตินั้นเป็นร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วย กำรเงิน ดังนั้น จึงมีวิธีกำรแก้ไขเพื่อมิให้ร่ำงพระรำชบัญญัตินั้นเป็นร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วย กำรเงิน คือ สภำผู้แทนรำษฎรจะต้องยึดถือหลักกำรของร่ำงพระรำชบัญญัติที่สภำมีมติรับหลักกำร ในวำระที่ ๑ เป็นหลัก ดังนั้น หำกข้อควำมใดซึ่งที่ประชุมร่วมกันได้วินิจฉัยว่ำกำรแก้ไขเพิ่มเติม ถ้อยค ำดังกล่ำวท ำให้ร่ำงพระรำชบัญญัตินั้นเป็นร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงิน สภำผู้แทนรำษฎรต้องกลับไปแก้ไขร่ำงพระรำชบัญญัติฉบับนั้น ๆ ให้มีเนื้อหำที่ไม่มีลักษณะเป็น ร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงินตำมร่ำงพระรำชบัญญัติที่สภำผู้แทนรำษฎรรับหลักกำร ในวำระที่ ๑ นอกจำกนี้ ยังมีผลกำรศึกษำเกี่ยวกับประเด็นกำรวิเครำะห์ถ้อยค ำที่บัญญัติ ไว้ในรัฐธรรมนูญมำตรำ ๑๓๕ และข้อบังคับกำรประชุม ข้อ ๑๒๘ ว่ำ หำกเกิดกรณีที่คณะกรรมำธิกำร แก้ไขเพิ่มเติมร่ำงพระรำชบัญญัติให้มีลักษณะเป็นร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงิน ซึ่งบุคคล ที่จะสำมำรถทักท้วงว่ำร่ำงพระรำชบัญญัติที่คณะกรรมำธิกำรแก้ไขเพิ่มเติมมีลักษณะเป็น ร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงินหรือไม่ คือ ๑) ประธำนสภำเห็นเองว่ำกำรแก้ไขเพิ่มเติมนั้นท ำให้มีลักษณะเป็น ร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงิน ๒) มีสมำชิกทักท้วงต่อประธำนสภำโดยมีจ ำนวนสมำชิกรับรองไม่น้อยกว่ำ ยี่สิบคนว่ำกำรแก้ไขเพิ่มเติมนั้นท ำให้มีลักษณะเป็นร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงิน
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๓๔๘ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร เมื่อเกิดกรณีดังกล่ำวข้ำงต้น ประธำนสภำต้องสั่งระงับกำรพิจำรณำไว้ก่อน เพื่อส่งให้ที่ประชุมร่วมกันของประธำนสภำและประธำนคณะกรรมำธิกำรสำมัญของสภำผู้แทนรำษฎร ทุกคณะเป็นผู้วินิจฉัย หำกผลกำรวินิจฉัยออกมำว่ำ กำรแก้ไขเพิ่มเติมนั้นท ำให้มีลักษณะเป็น ร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงิน จะต้องส่งร่ำงพระรำชบัญญัติดังกล่ำวเพื่อให้นำยกรัฐมนตรี มีค ำรับรองต่อไป ทั้งนี้ ร่ำงพระรำชบัญญัติที่คณะกรรมำธิกำรแก้ไขเพิ่มเติมท ำให้มีลักษณะเป็น ร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงินนั้น หำกประธำนสภำเห็นเองหรือสมำชิกทักท้วงต่อประธำนสภำ โดยมีจ ำนวนสมำชิกรับรองไม่น้อยกว่ำยี่สิบคน ซึ่งในกรณีนี้จะต้องถือว่ำเป็นกรณีที่ “เป็นที่สงสัย” ว่ำเป็นร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงินหรือไม่ ให้ประธำนสภำสั่งระงับกำรพิจำรณำไว้ก่อน เพื่อด ำเนินกำรต่อไปตำมมำตรำ ๑๓๔ วรรคสอง วรรคสำม และวรรคสี่ ซึ่งในกรณีนี้ประธำนสภำ ไม่สำมำรถที่จะใช้อ ำนำจในกำรวินิจฉัยโดยล ำพังได้ ดังนั้น ค ำว่ำ “เป็นที่สงสัย” ในชั้นกำรพิจำรณำเรียงล ำดับมำตรำ ในวำระที่ ๒ กับกรณีค ำว่ำ “เป็นที่สงสัย” ในชั้นก่อนกำรพิจำรณำรับหลักกำร ในวำระที่ ๑ นั้น ข้อบังคับกำรประชุมได้ก ำหนดขั้นตอน และผู้มีอ ำนำจในกำรวินิจฉัยลักษณะของร่ำงพระรำชบัญญัติ เกี่ยวด้วยกำรเงินไว้แตกต่ำงกัน ดังนี้ ๑. กรณีที่ “เป็นที่สงสัย” เกิดขึ้นในชั้นก่อนกำรพิจำรณำรับหลักกำร แห่งร่ำงพระรำชบัญญัติ ในวำระที่ ๑ จะมีขั้นตอน และผู้มีอ ำนำจในกำรวินิจฉัยจะเป็นไปตำม ข้อบังคับกำรประชุมสภำผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๑๑๔ และข้อ ๑๑๕ กล่ำวคือ ในชั้นกำรเสนอ ร่ำงพระรำชบัญญัติก่อนสภำผู้แทนรำษฎรจะพิจำรณำรับหลักกำร ในวำระที่ ๑ หำกประธำนสภำ เห็นว่ำร่ำงพระรำชบัญญัติที่มีผู้เสนอตำมมำตรำ ๑๓๓ (๒) และ (๓) ของรัฐธรรมนูญ เป็นร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงิน ให้ประธำนสภำแจ้งให้ผู้เสนอทรำบ หำกผู้เสนอไม่คัดค้ำน ควำมเห็นของประธำนสภำภำยในเจ็ดวันนับแต่วันส่งค ำแจ้ง ให้ถือว่ำไม่มีกรณีเป็นที่สงสัยตำมมำตรำ ๑๓๔ ของรัฐธรรมนูญ ก็ให้ประธำนสภำส่งร่ำงพระรำชบัญญัตินั้นไปยังนำยกรัฐมนตรีเพื่อพิจำรณำ ให้ค ำรับรองต่อไป ดังนั้น จำกผลกำรศึกษำดังกล่ำวเห็นได้ชัดว่ำ กรณีดังกล่ำวก ำหนดให้ประธำนสภำ แต่เพียงผู้เดียวเป็นผู้มีอ ำนำจในกำรวินิจฉัย โดยก ำหนดเงื่อนไขและองค์ประกอบของค ำว่ำ “เป็นที่สงสัย” ตำมที่รัฐธรรมนูญ มำตรำ ๑๓๔ วรรคสอง บัญญัติไว้ในข้อบังคับกำรประชุม ซึ่งเมื่อประธำนสภำเห็นว่ำ ร่ำงพระรำชบัญญัติที่มีผู้เสนอมำนั้นเป็นร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงิน และผู้เสนอ ร่ำงพระรำชบัญญัติไม่คัดค้ำน ให้ถือว่ำไม่มีกรณีที่เป็นที่สงสัยตำมที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ อย่ำงไรก็ดี ข้อบังคับกำรประชุม ข้อ ๑๑๔ ยังก ำหนดให้มีหลักกำร ในกำรตรวจสอบกำรใช้ดุลพินิจของประธำนสภำในกำรวินิจฉัยร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงิน หำกผู้เสนอร่ำงพระรำชบัญญัติแจ้งคัดค้ำนตำมต่อประธำนสภำภำยใน ๗ วัน นับแต่วันที่ผู้เสนอได้รับแจ้ง อ ำนำจในกำรวินิจฉัยจะเป็นอ ำนำจของที่ประชุมร่วมกันของประธำนสภำและประธำน คณะกรรมำธิกำรสำมัญทุกคณะเป็นผู้วินิจฉัย และให้ประธำนสภำจัดให้มีกำรประชุมร่วมกันของ ประธำนสภำและประธำนคณะกรรมำธิกำรสำมัญทุกคณะเพื่อพิจำรณำวินิจฉัย ภำยในสิบห้ำวันนับ แต่วันที่มีกรณีดังกล่ำว
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๓๔๙ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ๒. กรณีที่ “เป็นที่สงสัย” เกิดขึ้นในชั้นพิจำรณำเรียงล ำดับมำตรำ ในวำระที่ ๒ โดยในชั้นกำรพิจำรณำรับหลักกำรไม่เป็นร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงิน แต่ในชั้นกำรพิจำรณำในวำระที ่ ๒ ของคณะกรรมำธิกำรวิสำมัญได้มีกำรแก้ไขเพิ ่มเติม ให้มีลักษณะเป็นร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงิน และถ้ำสภำผู้แทนรำษฎรได้ลงมติเห็นชอบด้วย กับกำรแก้ไขเพิ่มเติม หำกประธำนสภำเห็นเอง หรือมีสมำชิกทักท้วงต่อประธำนสภำโดยมีจ ำนวน สมำชิกรับรองไม่น้อยกว่ำยี่สิบคนทักท้วงว่ำ กำรแก้ไขเพิ่มเติมนั้นท ำให้มีลักษณะเป็น ร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงิน ให้ประธำนสภำสั่งระงับกำรลงมติในวำระที่ ๓ ไว้ก่อน และ ส่งให้ที่ประชุมร่วมกันของประธำนสภำและประธำนคณะกรรมำธิกำรสำมัญของสภำผู้แทนรำษฎร ทุกคณะเป็นผู้วินิจฉัย โดยก ำหนดให้ประธำนสภำจัดให้มีกำรประชุมร่วมกันเพื่อพิจำณำวินิจฉัยภำยใน ๑๕ วัน นับแต่วันที่มีกรณีดังกล่ำว ๔. บทสรุปและอภิปรายผล ๔.๑ กำรวิเครำะห์ลักษณะของร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงินในชั้นพิจำรณำ เรียงล ำดับมำตรำของสภำผู้แทนรำษฎร ในวำระที่ ๒ ของคณะกรรมำธิกำรวิสำมัญนั้น หำกคณะกรรมำธิกำรวิสำมัญได้มีกำรแก้ไขเพิ่มเติมร่ำงพระรำชบัญญัติฉบับใดให้มีลักษณะเป็น ร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงิน ย่อมต้องค ำนึงถึงควำมชอบด้วยรัฐธรรมนูญในกระบวนกำรตรำ กฎหมำยทุกขั้นตอน โดยเฉพำะเจ้ำหน้ำที่ผู้ปฏิบัติหน้ำที่เป็นฝ่ำยเลขำนุกำรในคณะกรรมำธิกำร วิสำมัญจะต้องท ำหน้ำที่ในกำรวิเครำะห์เพื่อเสนอควำมเห็นในเบื้องต้นต่อคณะกรรมำธิกำรวิสำมัญ เพื่อมิให้คณะกรรมำธิกำรวิสำมัญแก้ไขเพิ่มเติมให้มีลักษณะเป็นร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงิน อย่ำงไรก็ดี ในกรณีที่มีควำมจ ำเป็นที่ต้องแก้ไขเพิ่มเติมให้เป็นร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงิน ก็ให้บันทึกไว้เป็นข้อสังเกตไว้ท้ำยรำยงำนกำรพิจำรณำของคณะกรรมำธิกำรวิสำมัญ เพื่อเสนอต่อ สภำผู้แทนรำษฎรพิจำรณำในวำระที่ ๒ ต่อไป และหำกสภำผู้แทนรำษฎรเห็นชอบด้วยกับกำรแก้ไข เพิ่มเติม หำกประธำนสภำผู้แทนรำษฎรเห็นเอง หรือมีสมำชิกเสนอญัตติโดยมีผู้รับรองไม่น้อยกว่ำ ยี่สิบคนเห็นว่ำกำรแก้ไขเพิ่มเติมดังกล่ำวท ำให้มีลักษณะเป็นร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงิน ให้ประธำนสั่งระงับกำรลงมติในวำระที่ ๓ ไว้ก่อน และส่งให้ที่ประชุมร่วมกันของประธำนสภำและ ประธำนคณะกรรมำธิกำรสำมัญของสภำผู้แทนรำษฎรทุกคณะเป็นผู้วินิจฉัยต่อไป ๔.๒ ผู้ริเริ่มในกำรเสนอร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงิน จำกกำรศึกษำบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พุทธศักรำช ๒๕๖๐ จึงขอสรุปผลกำรศึกษำในประเด็นผู้ริเริ่มในกำรเสนอร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงิน (พระรำชบัญญัติทั่วไป และพระรำชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม) ซึ่งเป็นไปตำมมำตรำ ๑๓๓ ของรัฐธรรมนูญ โดยบัญญัติไว้ทั้งหมด ๓ อนุมำตรำ คือ (๑) คณะรัฐมนตรี(๒) สมำชิกสภำผู้แทนรำษฎร และ (๓) ผู้มีสิทธิ เลือกตั้ง ทั้งนี้ เฉพำะร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงินที่เสนอโดยสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎร หรือผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ตำมควำมในอนุมำตรำ (๒) และ (๓) ของมำตรำ ๑๓๓ เท่ำนั้น จะกระท ำได้ ก็ต ่อเมื ่อมีค ำรับรองของนำยกรัฐมนตรี เนื่องจำกฝ่ำยบริหำรเป็นผู้มีหน้ำที่ในกำรหำรำยได้ ให้แก่ประเทศและบริหำรจัดกำรงบประมำณของประเทศ และเพื่อให้ฝ่ำยบริหำรได้ตรวจสอบ
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๓๕๐ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ถึงควำมจ ำเป็น ควำมเหมำะสมและควำมพร้อมด้ำนงบประมำณก่อนที่จะมีกำรเสนอร่ำง พระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงินต่อรัฐสภำ ดังนั้น ผู้ริเริ่มเสนอร่ำงพระรำชบัญญัติที่จะต้องมีกำร วิเครำะห์ว่ำมีลักษณะเป็นร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงินมีอยู่ด้วยกัน ๒ กรณี คือ (๑) ร่ำงพระรำชบัญญัติที่เสนอโดยสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎร (๒) ร่ำงพระรำชบัญญัติที่เสนอโดยผู้มีสิทธิเลือกตั้ง นอกจำกนี้ยังปรำกฏผลกำรศึกษำเกี่ยวกับเหตุผลและควำมจ ำเป็นที่ผู้เสนอ ร่ำงพระรำชบัญญัติตำมมำตรำ ๑๓๓ (๒) และ (๓) จะเสนอได้ก็ต่อเมื่อมีค ำรับรองของนำยกรัฐมนตรี กล่ำวคือ หำกร่ำงพระรำชบัญญัติที่เสนอมำนั้นเป็นร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงินจะต้อง มีค ำรับรองของนำยกรัฐมนตรีเสียก่อน ด้วยเหตุผลที่ว่ำ รัฐบำลมีหน้ำที่และควำมรับผิดชอบ ที่ต้องจัดสรรงบประมำณแผ่นดินในกำรบริกำรรำชกำรแผ่นดิน ย่อมจะรู้ถึงควำมสำมำรถในด้ำน กำรเงินกำรคลังของรัฐบำลเป็นอย่ำงดี หำกปล่อยให้ร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงินสำมำรถ เสนอได้โดยไม่มีค ำรับรองของนำยกรัฐมนตรี และภำยหลังได้ประกำศใช้เป็นกฎหมำยไปแล้ว ย่อมส่งผลกระทบต่อระบบงบประมำณแผ่นดินไม่มำกก็น้อย ประกอบกับกำรบริหำรรำชกำรแผ่นดิน รัฐบำลต้องปฏิบัติตำมนโยบำยที่แถลงต่อรัฐสภำ ซึ ่งถือเป็นสัญญำประชำคม (Civil contract) ต ่อประชำชนผ่ำนระบบประชำธิปไตยแบบตัวแทน รัฐบำลจะต้องเสนอกฎหมำยให้สอดคล้องกับ นโยบำยที่แถลงต่อรัฐสภำ หำกยอมให้ฝ่ำยนิติบัญญัติเป็นผู้เสนอร่ำงกฎหมำยเกี่ยวด้วยกำรเงินได้เอง โดยไม่ต้องมีค ำรับรองของนำยกรัฐมนตรี อำจเป็นร่ำงกฎหมำยเกี่ยวด้วยกำรเงินที่ไม่สอดคล้องกับ แนวนโยบำยของรัฐบำล ดังนั้น รัฐบำลย่อมมีสิทธิในกำรน ำร่ำงกฎหมำยเกี่ยวด้วยเงินดังกล่ำวไป พิจำรณำก่อนว่ำ จะให้ค ำรับรองจำกรัฐมนตรีหรือไม่ ทั้งนี้ทั้งนั้นหำกมีกำรเสนอร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงินโดย ฝ่ำยนิติบัญญัติเป็นจ ำนวนมำกย่อมกระทบต่อเสถียรภำพทำงกำรเงินกำรคลังของรัฐบำล เป็นอย่ำงมำก เนื่องจำกร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงินฉบับใดฉบับหนึ่ง เมื่อประกำศใช้เป็น กฎหมำยแล้ว ย่อมส่งผลกระทบต่อระบบงบประมำณแผ่นดินอย่ำงเห็นได้ชัด ซึ่งอำจท ำให้รัฐสูญเสีย รำยได้ ในทำงกลับกันอำจเป็นกำรสร้ำงรำยได้ให้รัฐเพิ่มมำกขึ้น อย่ำงไรดี กำรออกกฎหมำยที่เป็นกำร สร้ำงรำยได้ให้รัฐจะต้องไม่เป็นกำรสร้ำงภำระให้แก่ประชำชนผู้อยู่ภำยใต้กฎหมำยจนเกินสมควร ๔.๓ หลักกำรพิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงิน ตำมบทบัญญัติของ รัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พุทธศักรำช ๒๕๖๐ นั้น เป็นไปตำมหลักกำรถ่วงดุลระหว่ำง ฝ่ำยนิติบัญญัติกับฝ่ำยบริหำรในกำรควบคุมงบประมำณของแผ่นดิน ในแง่มุมของกำรเสนอ ร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงิน ซึ่งถือเป็นหลักกำรที่ใช้กันอย่ำงแพร่หลำยในหลำยประเทศ ที่ปกครองด้วยระบอบประชำธิปไตยในระบบรัฐสภำ (Parliament Model) ซึ่งมีหลักกำรห้ำม มิให้ฝ่ำยนิติบัญญัติเป็นผู้ริเริ่มในกำรก ำหนดรำยจ่ำยแผ่นดินและแนวควำมคิดในกำรเสนอ ร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงิน ซึ่งประเทศไทยได้น ำหลักกำรดังกล่ำวมำบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ แห่งรำชอำณำจักรไทย พุทธศักรำช ๒๕๖๐ โดยบัญญัติไว้ในมำตรำ ๑๓๓ วรรคสอง ในกรณีที่ ร่ำงพระรำชบัญญัติซึ่งมีผู้เสนอตำมมำตรำ ๑๓๓ (๒) หรือ (๓) เป็นร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วย กำรเงิน จะเสนอได้ก็ต่อเมื่อมีค ำรับรองของนำยกรัฐมนตรีอย่ำงไรก็ตำม ควำมหมำยของ
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๓๕๑ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงิน ซึ่งบทบัญญัติลักษณะนี้ได้มีกำรบัญญัติไว้เป็นครั้งแรก ในรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พุทธศักรำช ๒๔๘๙ (มำตรำ ๕๓ วรรคสอง) และได้บัญญัติ ท ำนองเดียวกันไว้ในรัฐธรรมนูญทุกฉบับ เพื่อก ำหนดควำมหมำยหรือลักษณะที่ส ำคัญของ ร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงิน ซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พุทธศักรำช ๒๕๖๐ ก็ได้บัญญัติหลักกำรดังกล่ำวไว้เช่นกัน โดยบัญญัติไว้ในมำตรำ ๑๓๔ วรรคหนึ่ง (๑) (๒) (๓) และ (๔) โดยบัญญัติว่ำ “มาตรา ๑๓๔ ร่างพระราชบัญญัติเกี่ยวด้วยการเงิน หมายความถึง ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ดังต่อไปนี้ (๑) การตั้งขึ้น ยกเลิก ลด เปลี่ยนแปลง แก้ไข ผ่อน หรือวางระเบียบการบังคับ อันเกี่ยวกับภาษีหรืออากร (๒) การจัดสรร รับ รักษา หรือจ่ายเงินแผ่นดิน หรือการโอนงบประมาณรายจ่าย ของแผ่นดิน (๓) การกู้เงิน การค้ าประกัน การใช้เงินกู้ หรือการด าเนินการที่ผูกพันทรัพย์สิน ของรัฐ (๔) เงินตรา” อย่ำงไรก็ดี ควำมหมำยของร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงินตำมที่ รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้นั้น จะต้องเป็นร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงินต้องมีสำระส ำคัญของ ร่ำงพระรำชบัญญัติที่มีควำมเกี่ยวข้องกับเรื่อง เงิน ภำษีอำกร เงินตรำ หรืองบประมำณแผ ่นดิน อย่ำงใดอย่ำงหนึ่ง จึงจะถือว่ำเป็นร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงินตำมที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ ทั้งนี้ กำรตีควำมถ้อยค ำตำมที่บัญญัติไว้ในมำตรำ ๑๓๔ (๑) (๒) (๓) และ (๔) นั้น ผู้มีอ ำนำจในกำร วินิจฉัยและตีควำมยังคงต้องอำศัยควำมรู้ ควำมเชี่ยวชำญ และประสบกำรณ์ รวมไปถึงกำรน ำ แนวปฏิบัติและแนวค ำวินิจฉัยในอดีตมำเป็นแนวทำงในกำรวินิจฉัยลักษณะของร่ำงพระรำชบัญญัติ เกี่ยวด้วยกำรเงินให้อยู่ภำยใต้กรอบแห่งบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ๔.๔ ผู้มีอ ำนำจในกำรวินิจฉัยร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงิน ผู้มีอ ำนำจในกำรวินิจฉัยลักษณะของร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงิน แบ่งออกเป็น ๓ กรณี คือ (๑) เป็นอ ำนำจของประธำนสภำแต่เพียงผู้เดียว เป็นผู้มีอ ำนำจวินิจฉัย ซึ่งเป็นกำรวินิจฉัยในชั้นก่อนกำรพิจำณำรับหลักกำรแห่งรำชพระรำชบัญญัตินั้น หำกประธำนสภำ วินิฉัยว่ำเป็นร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงิน และผู้เสนอไม่คัดค้ำนภำยใน ๗ วัน นับแต่วัน ได้รับแจ้งค ำวินิจฉัย ให้ส่งร่ำงพระรำชบัญญัตินั้นไปให้มีค ำรับรองของนำยกรัฐมนตรีต่อไป ข้อ ๑๑๔ วรรคหนึ่ง (๒) เป็นอ ำน ำจของที่ประชุมร่วมกันของประธ ำนสภำและประธำน คณะกรรมำธิกำรสำมัญของสภำผู้แทนรำษฎรทุกคณะเป็นผู้มีอ ำนำจวินิจฉัย จะเกิดขึ้นในกรณีที่ ประธำนสภำวินิจฉัยว่ำเป็นร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงิน และผู้เสนอร่ำงพระรำชบัญญัตินั้น
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๓๕๒ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร คัดค้ำน ในกรณีอ ำนำจในกำรวิจนิจฉัยจะตกไปอยู่กับตำมที่ประชุมร่วมกันของประธำนสภำและ ประธำนคณะกรรมำธิกำรสำมัญของสภำผู้แทนรำษฎรทุกคณะข้อบังคับกำรประชุม ข้อ ๑๑๔ วรรคสำม (๓) เป็นอ ำนำจของประชุมร่วมกันของประธำนสภำและประธำนคณะกรรมำธิกำร สำมัญของสภำผู้แทนรำษฎรทุกคณะเป็นผู้มีอ ำนำจวินิจฉัย จะเกิดขึ้นในกรณีที่คณะกรรมำธิกำร วิสำมัญได้มีกำรแก้ไขเพิ่มเติมร่ำงพระรำชบัญญัติจนมีลักษณะเป็นร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงิน และสภำผู้แทนรำษฎรลงมติเห็นชอบด้วยกับร่ำงของคณะกรรมำธิกำรวิสำมัญ ในชั้นกำรพิจำรณำ วำระที่ ๒ ดังนั้น หำกประธำนสภำเห็นเอง หรือมีสมำชิกทักท้วงโดยมีจ ำนวนสมำชิกผู้รับรองไม่น้อยกว่ำ ยี่สิบคน อ ำนำจในกำรวินิจฉัยลักษณะของร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงิน จะเป็นอ ำนำจของ ตำมรัฐธรรมนูญประชุมร่วมกันของประธำนสภำและประธำนคณะกรรมำธิกำรสำมัญของ สภำผู้แทนรำษฎรทุกคณะ ตำมมำตรำ ๑๓๕ ประกอบมำตรำ ๑๓๔ วรรคสอง วรรคสำม และวรรคสี่ ของรัฐธรรมนูญ ประกอบข้อบังคับกำรประชุมสภำผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๑๒๘ ๔.๕ กำรวิเครำะห์ควำมหมำยของค ำว่ำ “กรณีที่เป็นที่สงสัย” ตำมที่รัฐธรรมนูญ บัญญัติ ผู้ท ำหน้ ำที่ในก ำ ร วิเค ร ำ ะห์ ร่ ำงพ ร ะ ร ำ ชบัญญัติใด มีลั กษณ ะที่เป็น ร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยเงินหรือไม่นั้น จะต้องพิจำรณำเปรียบเทียบกับควำมหมำยของถ้อยค ำ ที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พุทธศักรำช ๒๕๖๐ ซึ่งบัญญัติไว้ในมำตรำ ๑๓๔ วรรคสอง โดยเฉพำะถ้อยค ำที่ก ำหนดไว้ในข้อบังคับกำรประชุมสภำผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๑๑๔ ข้อบังคับกำรประชุมสภำผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๑๑๔ ได้ก ำหนด เงื ่อนไขของค ำว ่ำ “กรณีที่เป็นที่สงสัย” เอำไว้ กล่ำวคือ หำกประธำนสภำผู้แทนรำษฎรเห็นว่ำ ร่ำงพระรำชบัญญัติที่เสนอโดยสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎร หรือผู้มีสิทธิเลือกตั้ง มีลักษณะเป็น ร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงิน และผู้เสนอร่ำงพระรำชบัญญัติดังกล่ำวไม่คัดค้ำนภำยในเจ็ดวัน นับแต่วันที่ประสภำผู้แทนรำษฎรแจ้งให้ผู้เสนอทรำบ ให้ถือว่ำไม่เป็นกรณีเป็นที่สงสัยตำมที่มำตรำ ๑๓๔ วรรคสอง กำรวินิจฉัยลักษณะของร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงินนั้น รัฐธรรมนูญ ได้บัญญัติให้เป็นอ ำนำจของประธำนสภำผู้แทนรำษฎรเป็นผู้มีอ ำนำจในกำรใช้ดุลพินิจในกำรวินิจฉัย ดังนั้น กำรวิเครำะห์ในส่วนกำรปฏิบัติงำนของเจ้ำหน้ำที่ยังคงต้องยึดแนวทำงกำรวินิจฉัยของ ประธำนสภำผู้แทนรำษฎร หรือแนวทำงกำรวินิจฉัยของที่ประชุมร่วมของประธำนสภำและประธำน คณะกรรมำธิกำรสำมัญทุกคณะ มำใช้ประกอบในกำรเสนอควำมเห็นทำงกฎหมำยประกอบ กำรวินิจฉัยของผู้มีอ ำนำจวินิจฉัยต่อไป อย่ำงไรก็ดี กำรวิเครำะห์ถ้อยค ำว่ำ “กรณีที่เป็นที่สงสัย” ตำมถ้อยค ำที่บัญญัติไว้ ในรัฐธรรมนูญ และข้อบังคับกำรประชุมสภำผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ในกรณีเป็น ร่ำงพระรำชบัญญัติที่เสนอโดยสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎร หรือผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ตำมมำตรำ ๑๓๓ (๒) และ (๓) ผู้ศึกษำขอตั้งข้อสังเกตว่ำ กรณีในชั้นกำรพิจำรณำรับหลักกำร ในวำระที่ ๑ ของ สภำผู้แทนรำษฎร ไม่มีประเด็นกำรพิจำรณำเกี่ยวกับลักษณะของร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงิน
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๓๕๓ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร และสภำผู้แทนรำษฎรได้ลงมติรับหลักกำรแห่งร่ำงพระรำชบัญญัติที่เสนอมำนั้น ต่อมำในชั้น กำรพิจำรณำของคณะกรรมำธิกำรวิสำมัญ ในวำระที่ ๒ เห็นว่ำร่ำงพระรำชบัญญัติที่สภำผู้แทนรำษฎร รับหลักกำรมำนั้นมีลักษณะเป็นร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงินมำตั้งแต่ต้น ในกรณีเช่นนี้ ย่อมสะท้อนให้เห็นว่ำควำมเห็นของประธำนสภำในกำรวินิจฉัยขั้นตอนก่อนพิจำรณำรับหลักกำร ในวำระที่ ๑ มีควำมเห็นทำงกฎหมำยไม่ตรงกันกับคณะกรรมำธิกำรวิสำมัญ ประกอบกับในกรณี ดังกล่ำวไม่บทบัญญัติใดที่ให้อ ำนำจคณะกรรมำธิกำรวิสำมัญทักท้วงลักษณะของร่ำงพระรำชบัญญัติ เกี่ยวด้วยกำรเงิน ซึ่งกำรทักท้วงของสมำชิกจะต้องรอให้สภำผู้แทนรำษฎรเห็นชอบในวำระที่ ๒ เสียก่อน ดังนั้น หำกเกิดกรณีที่ “เป็นที่สงสัย” เกิดขึ้นระหว่ำงกำรพิจำรณำของคณะกรรมำธิกำร วิสำมัญ จะถือว่ำเป็น “เป็นที่สงสัย” ตำมรัฐธรรมนูญ มำตรำ ๑๓๔ วรรคสอง ประกอบกับข้อบังคับ กำรประชุม ข้อ ๑๑๔ วรรคสอง ได้หรือไม่ ดังนั้น จึงมีปัญหำว่ำหำกมีกรณีดังกล่ำวเกิดขึ้น ใครจะเป็นผู้ท ำหน้ำที่ ในกำรวิเครำะห์และเสนอควำมเห็นทำงกฎหมำยว่ำร่ำงพระรำชบัญญัติฉบับใดมีลักษณะเป็น ร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงิน ซึ่งในประเด็นเห็นว่ำควรเป็นหน้ำที่ของเจ้ำหน้ำที่ที่ปฏิบัติหน้ำที่ เป็นฝ่ำยเลขำนุกำรคณะกรรมำธิกำรวิสำมัญต้องเป็นผู้ด ำเนินกำรวิเครำะห์ในเบื้องต้น แล้วเสนอ ควำมเห็นทำงกฎหมำยเพื่อใช้ประกอบกำรพิจำรณำของคณะกรรมำธิกำรวิสำมัญว่ำร่ำงพระรำชบัญญัติ ที่สภำผู้แทนรำษฎรมีมติรับหลักกำรมำนั้น เป็นร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงินหรือไม่แล้วจัดท ำ เป็นข้อสังเกตไว้ท้ำยรำยงำนของคณะกรรมำธิกำรวิสำมัญ เพื่อให้สภำผู้แทนรำษฎรพิจำรณำข้อสังเกต นั้นด้วย ๕. ข้อเสนอแนะ ควรมีกำรรวบรวมแนวทำงปฏิบัติเกี่ยวกับกำรวิเครำะห์ร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วย กำรเงิน (Job Description) โดยจัดรวบรวมข้อมูลในรูปแบบของคู่มือ (Handbook) เรื่อง “แนวทำงกำรวิเครำะห์ร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงินตำมบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ แห่งรำชอำณำจักรไทย พุทธศักรำช ๒๕๖๐ ในชั้นกำรพิจำรณำของคณะกรรมำธิกำรวิสำมัญพิจำรณำ ร่ำงพระรำชบัญญัติ สภำผู้แทนรำษฎร” โดยรวบรวมข้อมูลที่ได้จำกผลกำรศึกษำเกี่ยวกับ กำรวิเครำะห์ลักษณะของร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงิน มำก ำหนดเป็นประเด็นในกำร วิเครำะห์ร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงิน แล้วน ำข้อมูลที่ได้จำกกำรวิเครำะห์นั้นมำบรรจุ เป็นเนื้อหำในคู่มือ ซึ่งประกอบด้วยเนื้อหำ ดังต่อไปนี้ (๑) หลักกำรของร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงิน ตำมบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ แห่งรำชอำณำจักรไทย พุทธศักรำช ๒๕๖๐ (๒) ผู้ริเริ่มในกำรเสนอร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงิน (๓) ขั้นตอน และกระบวนกำรพิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงิน (๔) ผู้มีอ ำนำจในกำรวินิจฉัยร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงิน (๕) วิธีกำรวิเครำะห์ลักษณะของร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงิน
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๓๕๔ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร (๖) ขั้นตอนกำรปฏิบัติงำนของเจ้ำหน้ำที่ที่รับผิดชอบในกำรวิเครำะห์ร่ำงพระรำชบัญญัติ เกี่ยวด้วยกำรเงิน นอกจำกนี้ ควรรวบรวมแนวทำงปฏิบัติเกี่ยวกับกำรให้ควำมเห็นทำงกฎหมำยและ วิธีกำรวิเครำะห์ลักษณะของร ่ำงพระรำชบัญญัติเกี ่ยวด้วยกำรเงิน รวมไปถึงข้อควรระวัง และ แนวทำงกำรวิเครำะห์ลักษณะร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวด้วยกำรเงินในชั้นคณะกรรมำธิกำรวิสำมัญ แล้วเผยแพร่โดยจัดพิมพ์เป็นรูปเล่ม และเผยแพร่ผ่ำนระบบอินเทอร์เน็ต เพื่อประโยชน์ในกำรศึกษำ ค้นคว้ำและเป็นประโยชน์ต ่อบุคคลในวงงำนรัฐสภำที ่สำมำรถน ำหลักกำรที ่บรรจุไว้ในคู ่มือฯ ไปใช้ปฏิบัติงำนได้อย่ำงมีประสิทธิภำพ นำยชัยค์บุริศฐ์ นวลส่ง นิติกรช ำนำญกำรพิเศษ กลุ่มงำนบริกำรเอกสำรอ้ำงอิง ส ำนักกรรมำธิกำร ๒
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๓๕๕ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร การเลือกตั้งต าแหน่งต่าง ๆ ในคณะกรรมาธิการ ๑. ความเป็นมาและความส าคัญของปัญหา กลุ่มงำนบริกำรเอกสำรอ้ำงอิง ส ำนักกรรมำธิกำร ๒ มีหน้ำที่ควำมรับผิดชอบในกำรปฏิบัติหน้ำที่ ฝ่ำยเลขำนุกำรประจ ำคณะกรรมำธิกำรและคณะกรรมำธิกำรวิสำมัญซึ่งพิจำรณำร่ำงแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ แห่งอำณำจักรไทยร่ำงพระรำชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ร่ำงพระรำชบัญญัติ และร่ำงข้อบังคับกำรประชุม โดยกำรศึกษำ รวบรวม วิเครำะห์ข้อมูลเพื่อประกอบกำรพิจำรณำหรือจัดท ำเป็นเอกสำรประกอบกำร พิจำรณำของคณะกรรมำธิกำรและคณะอนุกรรมำธิกำร รับค ำแปรญัตติ เปรียบเทียบค ำแปรญัตติและ กฎหมำย รวมทั้งปฏิบัติงำนอื่นที่ได้รับมอบหมำย ซึ่งที่ผ่ำนมำกลุ่มงำนบริกำรเอกสำรอ้ำงอิง ส ำนัก กรรมำธิกำร ๒ ได้รับมอบหมำยจำกผู้บังคับบัญชำให้ปฏิบัติหน้ำที่ฝ่ำยเลขำนุกำรประจ ำ คณะกรรมำธิกำรและคณะกรรมำธิกำรวิสำมัญของสภำผู้แทนรำษฎร ชุดที่ ๒๕ จ ำนวนมำก และจำก กำรปฏิบัติหน้ำที่ฝ่ำยเลขำนุกำรประจ ำคณะกรรมำธิกำรและกรรมำธิกำรวิสำมัญดังกล่ำวท ำให้กลุ่มงำน บริกำรเอกสำรอ้ำงอิง ส ำนักกรรมำธิกำร ๒ พบควำมลักลั่นในกำรเลือกตั้งต ำแหน่งต่ำง ๆ ใน คณะกรรมำธิกำรที่รัฐสภำตั้งขึ้นกับคณะกรรมำธิกำรที่สภำผู้แทนรำษฎรตั้งขึ้น กล่ำวคือ ประธำน ชั่วครำวของที่ประชุมในกำรประชุมครั้งแรกของคณะกรรมำธิกำรที่รัฐสภำตั้งขึ้นสำมำรถด ำเนินกำรได้ เพียงกำรเลือกตั้งประธำนคณะกรรมำธิกำรและรองประธำนคณะกรรมำธิกำรเท่ำนั้น ซึ่งแตกต่ำงจำก ประธำนชั่วครำวของที่ประชุมในกำรประชุมครั้งแรกของคณะกรรมำธิกำรซึ่งสภำผู้แทนรำษฎรตั้งขึ้นที่ สำมำรถด ำเนินกำรเลือกตั้งต ำแหน่งต่ำง ๆ ของคณะกรรมำธิกำรได้ทุกต ำแหน่ง จำกกำรปฏิบัติหน้ำที่ฝ่ำยเลขำนุกำรประจ ำคณะกรรมำธิกำรและคณะกรรมำธิกำรวิสำมัญ ท ำให้ พบประเด็นปัญหำและข้อสงสัยเกี่ยวกับกำรแสดงเจตนำยินยอมให้เสนอชื่อกรรมำธิกำรซึ่งมิได้เข้ำร่วม ประชุมให้คณะกรรมำธิกำรพิจำรณำเลือกตั้งให้ด ำรงต ำแหน่งต่ำง ๆ ในคณะกรรมำธิกำรอีกด้วย ซึ่งที่ ผ่ำนมำท ำให้กรรมำธิกำรซึ่งอยู่ในที่ประชุมต้องติดต่อสอบถำมไปยังกรรมำธิกำรซึ่งถูกเสนอชื่อให้ด ำรง ต ำแหน่งต่ำง ๆ ในคณะกรรมำธิกำร เกี่ยวกับควำมยินยอมในกำรด ำรงต ำแหน่ง หรือมีกำรจัดท ำหนังสือ ลำกำรประชุมและแสดงเจตนำโดยชัดแจ้งว่ำยินดีที่จะด ำรงต ำแหน่งตำมที่คณะกรรมำธิกำรเห็นสมควร โดยกรรมาธิการซึ่งไม่ได้เข้าร่วมประชุม ด้วยเหตุดังกล่ำวข้ำงต้น จึงมีควำมจ ำเป็นอย่ำงยิ่งที่จะต้องพิจำรณำศึกษำ วิเครำะห์และ เปรียบเทียบกำรเลือกตั้งต ำแหน่งต่ำง ๆ ในคณะกรรมำธิกำรตำมข้อบังคับกำรประชุมสภำ ผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อบังคับกำรประชุมรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๖๓ และที่แก้ไข เพิ่มเติม รวมทั้งข้อบังคับกำรประชุมวุฒิสภำ พ.ศ. ๒๕๖๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งเป็นข้อบังคับกำร ประชุมซึ่งมีควำมใกล้เคียงกับข้อบังคับกำรประชุมสภำผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และข้อบังคับกำรประชุมรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๖๓ และที่แก้ไขเพิ่มเติม เพื่อน ำไปสู่ควำมรู้ ควำมเข้ำใจ และกำรตอบข้อสงสัยหรือข้อหำรือของกรรมำธิกำรในกำรปฏิบัติหน้ำที่ฝ่ำยเลขำนุกำร คณะกรรมำธิกำรเกี่ยวกับกำรเลือกตั้งต ำแหน่งต่ำง ๆ ในคณะกรรมำธิกำร
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๓๕๖ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ๒. กฎหมาย/กฎ/ระเบียบ ยุทธศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง ข้อบังคับกำรประชุมสภำผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๒๗ เมื่อไม่มีผู้ปฏิบัติหน้ำที่ประธำนของที่ประชุม ให้สมำชิกผู้มีอำยุสูงสุดซึ่งมำประชุม เป็น ประธำนชั่วครำวของที่ประชุม เพื่อให้ที่ประชุมด ำเนินกำรเลือกประธำนสภำและรองประธำนสภำ ตำมข้อ ๕ ข้อ ๖ และข้อ ๗ หรือเพื่อให้ที่ประชุมด ำเนินกำรเลือกประธำนเฉพำะครำวส ำหรับกำรประชุมครั้งนั้นในกรณีที่ ที่ประชุมต้องประชุมปรึกษำเรื่องอื่น ในกำรเลือกประธำนเฉพำะครำว ให้น ำควำมในข้อ ๕ และข้อ ๖ มำใช้บังคับโดยอนุโลม เว้นแต่กรณี ตำมข้อ ๖ วรรคสอง มิให้น ำมำใช้บังคับ ส่วนกำรลงคะแนนให้กระท ำเป็นกำรเปิดเผย ตำมข้อ ๘๓ ข้อ ๔๔ ญัตติ คือ ข้อเสนอใด ๆ ที่มีควำมมุ่งหมำยให้สภำลงมติหรือชี้ขำดว่ำจะให้ปฏิบัติหรือ ด ำเนินกำรอย่ำงไรต่อไป ข้อ ๔๕ ญัตติทั้งหลำยต้องเสนอล่วงหน้ำเป็นหนังสือต่อประธำนสภำ และต้องมีจ ำนวนสมำชิก รับรองไม่น้อยกว่ำห้ำคน เว้นแต่ข้อบังคับนี้ได้ก ำหนดไว้โดยเฉพำะเป็นอย่ำงอื่น ข้อ ๕๔ ญัตติต่อไปนี้ไม่ต้องเสนอล่วงหน้ำหรือเป็นหนังสือ (๑) ขอให้พิจำรณำเป็นเรื่องด่วน (๒) ขอเปลี่ยนระเบียบวำระกำรประชุม (๓) ขอให้ลงมติตำมข้อ ๓๖ หรือข้อ ๓๘ (๔) ญัตติในข้อ ๕๕ ข้อ ๘๐ ข้อ ๘๓ ข้อ ๘๔ ข้อ ๑๒๐ หรือข้อ ๑๘๔ (๕) ญัตติที่ประธำนอนุญำตตำมที่เห็นสมควร ญัตติตำม (๒) ถ้ำเป็นกำรเสนอเพื่อพิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัติ เมื่อที่ประชุมลงมติเห็นชอบ ตำมที่ เสนอแล้ว ให้มีผลบังคับในกำรประชุมครั้งต่อไป ข้อ ๙๓ กำรประชุมคณะกรรมำธิกำร ให้น ำข้อบังคับนี้เฉพำะที่เกี่ยวกับกำรประชุมมำใช้บังคับโดย อนุโลม ให้คณะกรรมำธิกำรแต่ละคณะเลือกตั้งประธำน รองประธำน เลขำนุกำร โฆษก และต ำแหน่งอื่น ตำม ควำมจ ำเป็นจำกกรรมำธิกำรในคณะนั้น ประธำนคณะกรรมำธิกำรสำมัญแต่ละคณะ จะต้องมีจ ำนวนตำมหรือใกล้เคียงกับอัตรำส่วนของ จ ำนวนสมำชิกของแต่ละพรรคกำรเมืองที่มีอยู่ในสภำ ให้คณะกรรมำธิกำรแต่ละคณะมีผู้ช่วยเลขำนุกำรคนหนึ่งประจ ำคณะกรรมำธิกำร โดยให้แต่งตั้งจำก ข้ำรำชกำรส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎรตำมรำยชื่อที่เลขำธิกำรเสนอ ข้อบังคับกำรประชุมรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๖๓ ข้อ ๒๙ ญัตติทั้งหลำยต้องเสนอล่วงหน้ำเป็นหนังสือต่อประธำนรัฐสภำ และต้องมีสมำชิกรัฐสภำ รับรองไม่น้อยกว่ำสิบคน ทั้งนี้ เว้นแต่ข้อบังคับนี้ได้ก ำหนดไว้โดยเฉพำะเป็นอย่ำงอื่น ข้อ ๓๒ ญัตติต่อไปนี้ไม่ต้องเสนอล่วงหน้ำหรือเป็นหนังสือ (๑) ขอให้ปรึกษำหรือพิจำรณำเป็นเรื่องด่วน (๒) ขอให้เปลี่ยนระเบียบวำระกำรประชุมรัฐสภำ (๓) ขอให้ลงมติตำมข้อ ๒๖ (๔) ญัตติในข้อ ๓๓ ข้อ ๕๕ ข้อ ๕๖ ข้อ ๕๗ ข้อ ๕๘ หรือข้อ ๑๕๐ (๕) ญัตติที่ประธำนอนุญำตตำมที่เห็นสมควร
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๓๕๗ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ข้อ ๖๖ กำรประชุมคณะกรรมำธิกำรให้น ำข้อบังคับนี้เฉพำะที่เกี่ยวกับกำรประชุมรัฐสภำ มำใช้ บังคับโดยอนุโลม ให้คณะกรรมำธิกำรแต่ละคณะเลือกตั้งประธำน รองประธำน เลขำนุกำร และต ำแหน่งอื่น ๆ จำกกรรมำธิกำรในคณะนั้น ๆ ในกำรด ำเนินกำรตำมวรรคสอง ให้กรรมำธิกำรผู้มีอำยุสูงสุดซึ่งอยู่ในที่ประชุมของคณะกรรมำธิกำร เป็นประธำนชั่วครำวของที่ประชุม เพื่อด ำเนินกำรเลือกตั้งประธำนและรองประธำน ภำยใต้บังคับข้อ ๖๓ วรรคสอง คณะกรรมำธิกำรมีอ ำนำจตั้งคณะอนุกรรมำธิกำรเพื่อพิจำรณำปัญหำ ใด ๆ ในเรื่องที่เกี่ยวกับหน้ำที่และอ ำนำจตำมแต่จะมอบหมำยได้ ข้อบังคับกำรประชุมวุฒิสภำ พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๓๕ ญัตติทั้งหลำยต้องเสนอล่วงหน้ำเป็นหนังสือต่อประธำนวุฒิสภำ และในกรณีที่เป็นญัตติที่ สมำชิกเป็นผู้เสนอต้องมีสมำชิกรับรองไม่น้อยกว่ำห้ำคน ทั้งนี้ เว้นแต่ข้อบังคับนี้ได้ก ำหนดไว้เป็นอย่ำงอื่น ข้อ ๔๐ ญัตติต่อไปนี้ไม่ต้องเสนอล่วงหน้ำหรือเป็นหนังสือ (๑) ขอให้ปรึกษำเป็นเรื่องด่วน (๒) ขอให้เปลี่ยนระเบียบวำระกำรประชุม (๓) ขอให้ลงมติตำมข้อ ๓๒ หรือข้อ ๓๓ (๔) ญัตติตำมข้อ ๔๑ ข้อ ๖๗ ข้อ ๖๘ ข้อ ๖๙ ข้อ ๗๔ ข้อ ๑๒๓ ข้อ ๑๓๐ หรือข้อ ๑๘๖ (๕) ญัตติที่ประธำนของที่ประชุมอนุญำตตำมที่เห็นสมควร ข้อ ๘๗ ให้คณะกรรมำธิกำรแต่ละคณะเลือกประธำน รองประธำน เลขำนุกำร โฆษกและต ำแหน่ง อื่นตำมควำมจ ำเป็นจำกกรรมำธิกำรในคณะนั้น ๆ ให้กรรมำธิกำรที่เป็นสมำชิกผู้มีอำยุสูงสุดซึ่งอยู่ในที่ประชุมของคณะกรรมำธิกำร เป็นประธำน ชั่วครำวของที่ประชุมเพื่อด ำเนินกำรตำมวรรคหนึ่ง กำรเลือกประธำนคณะกรรมำธิกำร ให้น ำควำมในข้อ ๕ และข้อ ๖ ของหมวด ๑ กำรเลือกประธำน วุฒิสภำและรองประธำนวุฒิสภำ มำใช้บังคับโดยอนุโลม เว้นแต่ในกำรเสนอชื่อต้องมีผู้รับรองไม่น้อยกว่ำห้ำคน ทั้งนี้ กำรเลือกประธำนคณะกรรมำธิกำรที่ได้รับมอบหมำยให้พิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัติ มิให้เลือกจำก บุคคลที่มิได้เป็นสมำชิก ให้มีผู้ช่วยเลขำนุกำรไม่เกินสองคนประจ ำคณะกรรมำธิกำรแต่ละคณะ โดยให้คณะกรรมำธิกำร แต่งตั้งจำกรำยชื่อข้ำรำชกำรส ำนักงำนเลขำธิกำรวุฒิสภำตำมรำยชื่อที่เลขำธิกำรวุฒิสภำเสนอ และเมื่อมีผู้ ด ำรงต ำแหน่งนักกฎหมำยนิติบัญญัติแล้ว ผู้ช่วยเลขำนุกำรอย่ำงน้อยหนึ่งคนต้องแต่งตั้งจำกนักกฎหมำยนิติบัญญัติ ๓. บทวิเคราะห์ ๓.๑ กำรเลือกตั้งต ำแหน่งต่ำง ๆ ในคณะกรรมำธิกำรตำมข้อบังคับกำรประชุมสภำผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ควำมในข้อบังคับกำรประชุมสภำผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๙๓ วรรคหนึ่ง ก ำหนดไว้ว่ำ กำรประชุมคณะกรรมำธิกำร ให้น ำข้อบังคับนี้เฉพำะที่เกี่ยวกับกำรประชุมมำใช้บังคับโดยอนุโลม ดังนั้น ใน กำรประชุมคณะกรรมำธิกำรเป็นครั้งแรกซึ่งยังมิได้มีประธำนคณะกรรมำธิกำรจึงต้องน ำควำมในข้อบังคับกำร ประชุมสภำผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๒๗ วรรคหนึ่งมำใช้บังคับโดยอนุโลม กล่ำวคือ กำรเชิญให้ กรรมำธิกำรผู้มีอำยุสูงสุดซึ่งมำประชุมเป็นประธำนชั่วครำวของที่ประชุมเพื่อด ำเนินกำรเลือกตั้งประธำน รอง ประธำน เลขำนุกำร โฆษก และต ำแหน่งอื่น ตำมควำมจ ำเป็นจำกกรรมำธิกำรในคณะนั้น ตำมข้อบังคับ
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๓๕๘ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร กำรประชุมสภำผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๙๓ วรรคสอง อย่ำงไรก็ตำม ข้อบังคับกำรประชุมสภำ ผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๙๓ วรรคหนึ่ง ประกอบกับข้อ ๒๗ วรรคหนึ่ง และข้อ ๙๓ วรรคสอง มิได้ บังคับให้ประธำนชั่วครำวของที่ประชุมจะต้องเป็นประธำนในกำรเลือกตั้งต ำแหน่งอื่น ๆ จนครบทุกต ำแหน่ง ด้วยเหตุนี้ เมื่อประธำนชั่วครำวของที่ประชุมด ำเนินกำรเลือกตั้งประธำนคณะกรรมำธิกำรแล้ว ประธำน คณะกรรมำธิกำรย่อมท ำหน้ำที่เป็นประธำนของที่ประชุมเพื่อด ำเนินกำรเลือกตั้งต ำแหน่งอื่น ๆ ต่อไปเองได้ นอกจำกนี้ กำรเลือกตั้งต ำแหน่งต่ำง ๆ ในคณะกรรมำธิกำร คณะกรรมำธิกำรย่อมเสนอให้มีกำรเลือกตั้ง ต ำแหน่งต่ำง ๆ ในกำรประชุมครั้งอื่น ๆ นอกจำกกำรประชุมครั้งแรกได้ด้วย เนื่องจำกข้อบังคับกำรประชุม สภำผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ มิได้ก ำหนดบังคับให้ต้องเลือกตั้งต ำแหน่ง ๆ เฉพำะกำรประชุมครั้งแรกเท่ำนั้น ๓.๒ กำรเสนอชื่อกรรมำธิกำรเพื่อให้ที่ประชุมเลือกตั้งให้ด ำรงต ำแหน่งต่ำง ๆ ในคณะกรรมำธิกำร ตำมข้อบังคับกำรประชุมสภำผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ กำรเสนอชื่อกรรมำธิกำรเพื่อให้ที่ประชุมคณะกรรมำธิกำรพิจำรณำเลือกตั้งให้ด ำรงต ำแหน่งต่ำง ๆ ในคณะกรรมำธิกำรนั้น ถือเป็นญัตติตำมข้อบังคับกำรประชุมสภำผู้แทนรำษฎรตำมนัยแห่งข้อบังคับกำร ประชุมสภำผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๙๓ วรรคหนึ่ง ประกอบกับข้อ ๔๔ เพรำะกำรเสนอชื่อกรรมำธิกำร เพื่อให้ที่ประชุมคณะกรรมำธิกำรพิจำรณำเลือกตั้งให้ด ำรงต ำแหน่งต่ำง ๆ ในคณะกรรมำธิกำรเป็นข้อเสนอใด ๆ ที่มีควำมมุ่งหมำยให้ลงมติหรือชี้ขำดว่ำจะให้ปฏิบัติ หรือด ำเนินกำรอย่ำงไรต่อไป เมื่อกำรเสนอชื่อกรรมำธิกำร เพื่อให้ที่ประชุมคณะกรรมำธิกำรพิจำรณำเลือกตั้งให้ด ำรงต ำแหน่งต่ำง ๆ ในคณะกรรมำธิกำรถือเป็นญัตติ ดังนั้น กำรเสนอญัตติดังกล่ำวจึงต้องมีกรรมำธิกำรรับรองไม่น้อยกว่ำห้ำคนตำมข้อบังคับกำรประชุมสภำ ผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๙๓ วรรคหนึ่ง ประกอบกับข้อ ๔๕ และกำรเสนอญัตติดังกล่ำวก็ไม่จ ำต้อง เสนอล่วงหน้ำเป็นหนังสือ เพรำะถือเป็นกรณีที่ประธำนอนุญำตให้เสนอได้ตำมที่เห็นสมควรตำมข้อบังคับกำร ประชุมสภำผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๙๓ ประกอบกับข้อ ๕๔ (๕) เนื่องจำกอยู่ในระหว่ำงกำรพิจำรณำ เลือกตั้งต ำแหน่งต่ำง ๆ ในคณะกรรมำธิกำร นอกจำกนี้ ข้อบังคับกำรประชุมสภำผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ มิได้ก ำหนดเงื่อนไขเกี่ยวกับกำรแสดงเจตนำยินยอมของกรรมำธิกำรที่ได้รับกำรเสนอชื่อเพื่อให้ คณะกรรมำธิกำรพิจำรณำเลือกตั้งให้ด ำรงต ำแหน่งต่ำง ๆ ไว้ กรรมำธิกำรจึงสำมำรถเสนอญัตติเสนอชื่อ กรรมำธิกำรที่มำเข้ำร่วมประชุมหรือไม่เข้ำร่วมประชุมเพื่อให้คณะกรรมำธิกำรพิจำรณำเลือกตั้งให้ด ำรง ต ำแหน่งต่ำง ๆ ได้ แม้กรรมำธิกำรที่ถูกเสนอชื่อจะไม่ได้แสดงเจตนำยินยอมก็ตำม ๓.๓ กำรเลือกตั้งต ำแหน่งต่ำง ๆ ในคณะกรรมำธิกำรตำมข้อบังคับกำรประชุมรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๖๓ ควำมในข้อบังคับกำรประชุมรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๖๓ ข้อ ๖๖ วรรคสำม ก ำหนดไว้ว่ำกำรด ำเนินกำร เลือกตั้งต ำแหน่งต่ำง ๆ ในคณะกรรมำธิกำรตำมข้อบังคับกำรประชุมรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๖๓ ข้อ ๖๖ วรรคสอง ให้กรรมำธิกำรผู้มีอำยุสูงสุดซึ่งอยู่ในที่ประชุมของคณะกรรมำธิกำรเป็นประธำนชั่วครำวของที่ประชุม แต่ให้ ประธำนชั่วครำวของที่ประชุมด ำเนินกำรเลือกตั้งประธำนและรองประธำนเท่ำนั้น ไม่ได้ให้ด ำเนินกำรเลือกตั้ง ต ำแหน่งอื่น ๆ กำรเลือกตั้งต ำแหน่งอื่น ๆ ในคณะกรรมำธิกำรนอกจำกต ำแหน่งประธำนคณะกรรมำธิกำรและ รองประธำนคณะกรรมำธิกำรตำมคณะกรรมำธิกำรตำมข้อบังคับกำรประชุมรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๖๓ ข้อ ๖๖ วรรคสอง จึงต้องให้ประธำนคณะกรรมำธิกำรเป็นผู้ด ำเนินกำร นอกจำกนี้ กำรเลือกตั้งต ำแหน่งอื่น ๆ นอกจำกประธำนคณะกรรมำธิกำร และรองประธำนคณะกรรมำธิกำร คณะกรรมำธิกำรย่อมเสนอให้มีกำรเลือกตั้งได้ ในกำรประชุมครั้งอื่น ๆ นอกจำกกำรประชุมครั้งแรกได้ด้วย เนื่องจำกข้อบังคับกำรประชุม รัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๖๓ มิได้ก ำหนดบังคับให้ต้องเลือกตั้งต ำแหน่ง ๆ อื่น เฉพำะกำรประชุมครั้งแรกเท่ำนั้น
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๓๕๙ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ๓.๔ กำรเสนอชื่อกรรมำธิกำรเพื่อให้ที่ประชุมเลือกตั้งให้ด ำรงต ำแหน่งต่ำง ๆ ในคณะกรรมำธิกำร ตำมข้อบังคับกำรประชุมรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๖๓ กำรเสนอชื่อกรรมำธิกำรเพื่อให้ที่ประชุมคณะกรรมำธิกำรพิจำรณำเลือกตั้งให้ด ำรงต ำแหน่งต่ำง ๆ ในคณะกรรมำธิกำรนั้น ถือเป็นญัตติตำมข้อบังคับกำรประชุมรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๖๓ เพรำะกำรเสนอชื่อ กรรมำธิกำรเพื่อให้ที่ประชุมคณะกรรมำธิกำรพิจำรณำเลือกตั้งให้ด ำรงต ำแหน่งต่ำง ๆ ในคณะกรรมำธิกำรเป็น ข้อเสนอใด ๆ ที่มีควำมมุ่งหมำยให้ลงมติหรือชี้ขำดว่ำจะให้ปฏิบัติ หรือด ำเนินกำรอย่ำงไรต่อไป เมื่อกำรเสนอ ชื่อกรรมำธิกำรเพื่อให้ที่ประชุมคณะกรรมำธิกำรพิจำรณำเลือกตั้งให้ด ำรงต ำแหน่งต่ำง ๆ ในคณะกรรมำธิกำร ถือเป็นญัตติ ดังนั้น กำรเสนอญัตติดังกล่ำวจึงต้องมีกรรมำธิกำรรับรองไม่น้อยกว่ำสิบคนตำมข้อบังคับกำร ประชุมรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๖๓ ข้อ ๖๖ วรรคหนึ่ง ประกอบกับข้อ ๒๙ และกำรเสนอญัตติดังกล่ำวก็ไม่จ ำต้อง เสนอล่วงหน้ำเป็นหนังสือ เพรำะถือเป็นญัตติที่ประธำนอนุญำตให้เสนอได้ตำมที่เห็นสมควรตำมข้อบังคับกำร ประชุมรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๖๓ ข้อ ๖๖ วรรคหนึ่ง ประกอบกับข้อ ๓๒ (๕) เนื่องจำกอยู่ในระหว่ำงกำรพิจำรณำ เลือกตั้งต ำแหน่งต่ำง ๆ ในคณะกรรมำธิกำร นอกจำกนี้ ข้อบังคับกำรประชุมรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๖๓ มิได้ก ำหนด เงื่อนไขเกี่ยวกับกำรแสดงเจตนำยินยอมของกรรมำธิกำรที่ได้รับกำรเสนอชื่อเพื่อให้คณะกรรมำธิกำรพิจำรณำ เลือกตั้งให้ด ำรงต ำแหน่งต่ำง ๆ ไว้ กรรมำธิกำรจึงสำมำรถเสนอญัตติเสนอชื่อกรรมำธิกำรที่มำเข้ำร่วมประชุม หรือไม่เข้ำร่วมประชุมเพื่อให้คณะกรรมำธิกำรพิจำรณำเลือกตั้งให้ด ำรงต ำแหน่งต่ำง ๆ ได้ แม้กรรมำธิกำรที่ถูก เสนอชื่อจะไม่ได้แสดงเจตนำยินยอมก็ตำม ๓.๕ กำรเลือกตั้งต ำแหน่งต่ำง ๆ ในคณะกรรมำธิกำรตำมข้อบังคับกำรประชุมวุฒิสภำ พ.ศ. ๒๕๖๒ ควำมในข้อบังคับกำรประชุมวุฒิสภำ พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๘๗ วรรคหนึ่ง และวรรคสอง ไว้อย่ำงชัด แจ้งโดยก ำหนดให้กรรมำธิกำรที่เป็นสมำชิกผู้มีอำยุสูงสุดซึ่งอยู่ในที่ประชุมของคณะกรรมำธิกำร เป็นประธำน ชั่วครำวของที่ประชุมเพื่อด ำเนินกำรเลือกประธำน รองประธำน เลขำนุกำร โฆษกและต ำแหน่งอื่น โดยมิได้ ก ำหนดไว้เฉพำะกำรประชุมคณะกรรมำธิกำรเป็นครั้งแรก จึงอำจท ำให้เกิดกำรตีควำมได้ว่ำในกรณีที่ คณะกรรมำธิกำรต้องเลือกต ำแหน่งต่ำง ๆ ในคณะกรรมำธิกำร ในกำรประชุมครั้งต่อไป แม้คณะกรรมำธิกำร จะมีประธำนคณะกรรมำธิกำรแล้ว แต่ก็ยังคงเป็นหน้ำที่ของกรรมำธิกำรที่เป็นสมำชิกผู้มีอำยุสูงสุดซึ่งอยู่ในที่ ประชุมของคณะกรรมำธิกำรที่จะต้องเป็นประธำนชั่วครำวเพื่อด ำเนินกำรเลือกต ำแหน่งอื่น ๆ ใน คณะกรรมำธิกำร ๓.๖ กำรเสนอชื่อกรรมำธิกำรเพื่อให้ที่ประชุมเลือกตั้งให้ด ำรงต ำแหน่งต่ำง ๆ ในคณะกรรมำธิกำร ตำมข้อบังคับกำรประชุมวุฒิสภำ พ.ศ. ๒๕๖๒ กำรเสนอชื่อกรรมำธิกำรเพื่อให้ที่ประชุมคณะกรรมำธิกำรพิจำรณำเลือกตั้งให้ด ำรงต ำแหน่งต่ำง ๆ ในคณะกรรมำธิกำรนั้น ถือเป็นญัตติตำมข้อบังคับกำรประชุมวุฒิสภำ พ.ศ. ๒๕๖๒ เพรำะกำรเสนอชื่อ กรรมำธิกำรเพื่อให้ที่ประชุมคณะกรรมำธิกำรพิจำรณำเลือกให้ด ำรงต ำแหน่งต่ำง ๆ ในคณะกรรมำธิกำร เป็นข้อเสนอใด ๆ ที่มีควำมมุ่งหมำยให้ลงมติหรือชี้ขำดว่ำจะให้ปฏิบัติ หรือด ำเนินกำรอย่ำงไรต่อไป เมื่อกำร เสนอชื่อกรรมำธิกำรเพื่อให้ที่ประชุมคณะกรรมำธิกำรพิจำรณำเลือกให้ด ำรงต ำแหน่งต่ำง ๆ ใน คณะกรรมำธิกำรถือเป็นญัตติ ดังนั้น กำรเสนอญัตติดังกล่ำวจึงต้องมีกรรมำธิกำรรับรองไม่น้อยกว่ำห้ำคน ตำม ข้อบังคับกำรประชุมวุฒิสภำ พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๓๕ และกำรเสนอญัตติดังกล่ำวก็ไม่จ ำต้องเสนอล่วงหน้ำเป็น หนังสือ เพรำะถือเป็นญัตติที่ประธำนอนุญำตให้เสนอได้ตำมที่เห็นสมควรตำมข้อบังคับกำรประชุมวุฒิสภำ พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๔๐ (๕) เนื่องจำกอยู่ในระหว่ำงกำรพิจำรณำเลือกต ำแหน่งต่ำง ๆ ในคณะกรรมำธิกำร นอกจำกนี้ ข้อบังคับกำรประชุมวุฒิสภำ พ.ศ. ๒๕๖๒ มิได้ก ำหนดเงื่อนไขเกี่ยวกับกำรแสดงเจตนำยินยอมของ
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๓๖๐ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร กรรมำธิกำรที่ได้รับกำรเสนอชื่อเพื่อให้คณะกรรมำธิกำรพิจำรณำเลือกให้ด ำรงต ำแหน่งต่ำง ๆ ไว้ กรรมำธิกำร จึงสำมำรถเสนอญัตติเสนอชื่อกรรมำธิกำรที่มำเข้ำร่วมประชุมหรือไม่เข้ำร่วมประชุมเพื่อให้คณะกรรมำธิกำร พิจำรณำเลือกให้ด ำรงต ำแหน่งต่ำง ๆ ได้แม้กรรมำธิกำรที่ถูกเสนอชื่อจะไม่ได้แสดงเจตนำยินยอมก็ตำม ๔. บทสรุป/อภิปรายผล ๔.๑ เปรียบเทียบกำรเลือกตั้งต ำแหน่งต่ำง ๆ ในคณะกรรมำธิกำรตำมข้อบังคับกำรประชุมสภำ ผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อบังคับกำรประชุมรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๖๓ และข้อบังคับกำรประชุมวุฒิสภำ พ.ศ. ๒๕๖๒ กำรเลือกตั้งต ำแหน่งต่ำง ๆ ในคณะกรรมำธิกำรตำมข้อบังคับกำรประชุมสภำผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ กรรมำธิกำรผู้มีอำยุสูงสุดซึ่งมำประชุมจะเป็นประธำนชั่วครำวของที่ประชุมเพื่อด ำเนินกำร เลือกตั้งประธำน รองประธำน เลขำนุกำร โฆษก และต ำแหน่งอื่นตำมควำมจ ำเป็นจำกกรรมำธิกำรในคณะนั้น ตำมข้อบังคับกำรประชุมสภำผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๙๓ วรรคหนึ่ง ประกอบกับข้อ ๒๗ วรรคหนึ่ง และข้อ ๙๓ วรรคสอง ซึ่งสอดคล้องกับกำรเลือกต ำแหน่งต่ำง ๆ ในคณะกรรมำธิกำรตำมข้อบังคับกำรประชุม วุฒิสภำ พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๘๗ วรรคหนึ่ง และวรรคสอง ที่ก ำหนดให้กรรมำธิกำรที่เป็นสมำชิกผู้มีอำยุสูงสุดซึ่ง อยู่ในที่ประชุมของคณะกรรมำธิกำร เป็นประธำนชั่วครำวของที่ประชุมเพื่อด ำเนินกำรเลือกประธำน รอง ประธำน เลขำนุกำร โฆษกและต ำแหน่งอื่น อย่ำงไรก็ตำม ข้อบังคับกำรประชุมสภำผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๙๓ วรรคหนึ่ง ประกอบกับข้อ ๒๗ วรรคหนึ่ง และข้อ ๙๓ วรรคสอง มิได้บังคับให้ประธำนชั่วครำวของที่ ประชุมจะต้องเป็นประธำนในกำรเลือกตั้งต ำแหน่งอื่น ๆ จนครบทุกต ำแหน่ง ด้วยเหตุนี้ เมื่อประธำนชั่วครำว ของที่ประชุมด ำเนินกำรเลือกตั้งประธำนคณะกรรมำธิกำรแล้ว ประธำนคณะกรรมำธิกำรย่อมท ำหน้ำที่เป็น ประธำนของที่ประชุมเพื่อด ำเนินกำรเลือกตั้งต ำแหน่งอื่น ๆ ต่อไปเองได้ซึ่งแตกต่ำงจำกข้อบังคับกำรประชุม วุฒิสภำ พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๘๗ วรรคหนึ่ง และวรรคสอง ซึ่งมิได้ก ำหนดบังคับให้เลือกกรรมำธิกำรให้ด ำรง ต ำแหน่งต่ำง ๆ เฉพำะกำรประชุมคณะกรรมำธิกำรเป็นครั้งแรกเท่ำนั้น จึงอำจท ำให้เกิดกำรตีควำมได้ว่ำใน กรณีที่คณะกรรมำธิกำรต้องเลือกต ำแหน่งต่ำง ๆ ในคณะกรรมำธิกำร ในกำรประชุมครั้งอื่น ๆ แม้ คณะกรรมำธิกำรจะมีประธำนคณะกรรมำธิกำรแล้ว แต่ก็ยังคงเป็นหน้ำที่ของกรรมำธิกำรที่เป็นสมำชิกผู้มีอำยุ สูงสุดซึ่งอยู่ในที่ประชุมของคณะกรรมำธิกำรที่จะต้องเป็นประธำนชั่วครำวเพื่อด ำเนินกำรเลือกต ำแหน่งอื่น ๆ ในคณะกรรมำธิกำร ส่วนกำรเลือกตั้งต ำแหน่งต่ำง ๆ ในคณะกรรมำธิกำรตำมข้อบังคับกำรประชุมรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๖๓ ข้อ ๖๖ วรรคสำม ก ำหนดให้กำรเลือกต ำแหน่งต่ำง ๆ ในคณะกรรมำธิกำรตำมข้อบังคับกำร ประชุมรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๖๓ ข้อ ๖๖ วรรคสอง เป็นหน้ำที่ของกรรมำธิกำรผู้มีอำยุสูงสุดซึ่งอยู่ในที่ประชุมของ คณะกรรมำธิกำรในกำรเป็นประธำนชั่วครำวของที่ประชุม แต่ให้ประธำนชั่วครำวของที่ประชุมด ำเนินกำร เลือกตั้งประธำนและรองประธำนเท่ำนั้น ไม่ได้ให้ด ำเนินกำรเลือกตั้งต ำแหน่งอื่น ๆ ซึ่งแตกต่ำงจำกกำร เลือกตั้งต ำแหน่งต่ำง ๆ ในคณะกรรมำธิกำรตำมข้อบังคับกำรประชุมสภำผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ และ ข้อบังคับกำรประชุมวุฒิสภำ พ.ศ. ๒๕๖๒ ที่กรรมำธิกำรผู้มีอำยุสูงสุดเป็นประธำนของที่ประชุมเพื่อด ำเนินกำร เลือกตั้งหรือเลือกต ำแหน่งอื่น ๆ ในคณะกรรมำธิกำรได้ทุกต ำแหน่ง อย่ำงไรก็ตำม กำรเลือกตั้งต ำแหน่งอื่น ๆ นอกจำกประธำนคณะกรรมำธิกำรและรองประธำนคณะกรรมำธิกำร คณะกรรมำธิกำรตำมข้อบังคับกำร ประชุมรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๖๓ ย่อมเสนอให้มีกำรเลือกตั้งได้ในกำรประชุมครั้งอื่น ๆ นอกจำกกำรประชุมครั้งแรก ได้ด้วย เนื่องจำกข้อบังคับกำรประชุมรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๖๓ มิได้ก ำหนดบังคับให้ต้องเลือกตั้งต ำแหน่ง ๆ อื่น
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๓๖๑ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร เฉพำะกำรประชุมครั้งแรก เช่นเดียวกับกำรเลือกตั้งต ำแหน่งอื่น ๆ ตำมข้อบังคับกำรประชุมสภำผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ จำกกำรเปรียบเทียบกำรเลือกตั้งหรือกำรเลือกต ำแหน่งต่ำง ๆ ในคณะกรรมำธิกำรตำมข้อบังคับ กำรประชุมสภำผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อบังคับกำรประชุมรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๖๓ และข้อบังคับกำรประชุม วุฒิสภำ พ.ศ. ๒๕๖๒ ท ำให้พบว่ำ กำรเลือกตั้งต ำแหน่งต่ำง ๆ ในคณะกรรมำธิกำรตำมข้อบังคับกำรประชุม สภำผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ มีควำมเหมำะสมและยืดหยุ่นต่อกำรด ำเนินกำรของคณะกรรมำธิกำร โดยกรรมำธิกำรที่มีอำยุสูงสุดซึ่งเป็นประธำนชั่วครำวของที่ประชุมมีดุลพินิจในกำรด ำเนินกำรเลือกตั้งต ำแหน่ง อื่น ๆ ต่อไปหลังจำกมีกำรเลือกตั้งประธำนคณะกรรมำธิกำร หรือจะให้ประธำนคณะกรรมำธิกำรด ำเนินกำร เลือกตั้งต ำแหน่งอื่นต่อไปก็ได้ เนื่องจำกข้อบังคับกำรประชุมสภำผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ มิได้ก ำหนดให้ เป็นหน้ำที่ของกรรมำธิกำรซึ่งมีอำยุสูงสุดซึ่งเป็นประธำนชั่วครำวของที่ประชุมเท่ำนั้น ซึ่งแตกต่ำงจำกข้อบังคับ กำรประชุมวุฒิสภำ พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๘๗ วรรคหนึ่ง และวรรคสอง ที่อำจท ำให้เกิดกำรตีควำมได้ว่ำในกรณี ที่คณะกรรมำธิกำรต้องเลือกต ำแหน่งต่ำง ๆ ในคณะกรรมำธิกำร ในกำรประชุมครั้งอื่น ๆ แม้คณะกรรมำธิกำร จะมีประธำนคณะกรรมำธิกำรแล้ว แต่ก็ยังคงเป็นหน้ำที่ของกรรมำธิกำรที่เป็นสมำชิกผู้มีอำยุสูงสุดซึ่งอยู่ใน ที่ประชุมของคณะกรรมำธิกำรที่จะต้องเป็นประธำนชั่วครำวเพื่อด ำเนินกำรเลือกต ำแหน่งอื่น ๆ ในคณะกรรมำธิกำร ส่วนกำรเลือกตั้งต ำแหน่งต่ำง ๆ ในคณะกรรมำธิกำรตำมข้อบังคับกำรประชุมรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๖๓ ข้อ ๖๖ วรรคสอง และวรรคสำม ก ำหนดให้เป็นหน้ำที่ของกรรมำธิกำรผู้มีอำยุสูงสุดซึ่งอยู่ใน ที่ประชุมของคณะกรรมำธิกำรในกำรเป็นประธำนชั่วครำวของที่ประชุมด ำเนินกำรเลือกตั้งประธำนและ รองประธำนเท่ำนั้น ไม่ได้ให้ด ำเนินกำรเลือกตั้งต ำแหน่งอื่น ๆ จึงท ำให้เกิดควำมลักลั่นกับกำรเลือกตั้งต ำแหน่ง ต่ำง ๆ ในคณะกรรมำธิกำรตำมข้อบังคับกำรประชุมสภำผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ที่ประธำนชั่วครำวของ ที่ประชุมสำมำรถด ำเนินกำรเลือกตั้งต ำแหน่งต่ำง ๆ ในคณะกรรมำธิกำรได้ทุกต ำแหน่ง ส่งผลให้เกิดควำม สับสนในกำรด ำเนินกำรของเจ้ำหน้ำที่ซึ่งต้องปฏิบัติหน้ำที่ทั้งฝ่ำยเลขำนุกำรประจ ำคณะกรรมำธิกำรของ สภำผู้แทนรำษฎร และคณะกรรมำธิกำรของรัฐสภำในห้วงเวลำเดียวกัน ๔.๒ เปรียบเทียบกำรเสนอชื่อกรรมำธิกำรเพื่อให้ที่ประชุมเลือกตั้งหรือเลือกให้ด ำรงต ำแหน่ง ต่ำง ๆ ในคณะกรรมำธิกำรตำมข้อบังคับกำรประชุมสภำผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อบังคับกำรประชุม รัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๖๓ และข้อบังคับกำรประชุมวุฒิสภำ พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อบังคับกำรประชุมสภำผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อบังคับกำรประชุมรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๖๓ และข้อบังคับกำรประชุมวุฒิสภำ พ.ศ. ๒๕๖๒ ต่ำงก็มิได้ก ำหนดเงื่อนไขเกี่ยวกับกำรแสดงเจตนำยินยอมของ กรรมำธิกำรที่ได้รับกำรเสนอชื่อเพื่อให้คณะกรรมำธิกำรพิจำรณำเลือกตั้งให้ด ำรงต ำแหน่งต่ำง ๆ ไว้ กรรมำธิกำรจึงสำมำรถเสนอญัตติเสนอชื่อกรรมำธิกำรที่มำเข้ำร่วมประชุมหรือไม่เข้ำร่วมประชุมเพื่อให้ คณะกรรมำธิกำรพิจำรณำเลือกตั้งให้ด ำรงต ำแหน่งต่ำง ๆ ได้ แม้กรรมำธิกำรที่ถูกเสนอชื่อจะไม่ได้แสดงเจตนำ ยินยอมก็ตำม อย่ำงไรก็ดี ในทำงปฏิบัติกรรมำธิกำรซึ่งได้รับกำรเสนอชื่อเพื่อให้คณะกรรมำธิกำรพิจำรณำ เลือกตั้งหรือเลือกให้ด ำรงต ำแหน่งต่ำง ๆ ในคณะกรรมำธิกำรย่อมมีสิทธิปฏิเสธกำรเสนอชื่อดังกล่ำวด้วยกำร แสดงเจตนำแจ้งชัดต่อคณะกรรมำธิกำร กรณีที่กรรมำธิกำรนั้นอยู่ในที่ประชุมในขณะที่กำรเลือกตั้งหรือเลือก ต ำแหน่งต่ำง ๆ ในคณะกรรมำธิกำร ด้วยกำรขอให้กรรมำธิกำรผู้เสนอญัตติถอนญัตติดังกล่ำว กรณีที่ กรรมำธิกำรนั้นไม่อยู่ในที่ประชุม เมื่อมีกำรเลือกตั้งหรือเลือกให้ด ำรงต ำแหน่งใด ๆ ในคณะกรรมำธิกำรแล้ว กรรมำธิกำรนั้นย่อมมีสิทธิลำออกจำกต ำแหน่งนั้นได้
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๓๖๒ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ๕. ข้อเสนอแนะ ๕.๑ ฝ่ำยเลขำนุกำรประจ ำคณะกรรมำธิกำรควรสร้ำงควำมรู้ ควำมเข้ำใจ และควำมแตกต่ำง เกี่ยวกับกำรเลือกตั้งต ำแหน่งต่ำง ๆ ในคณะกรรมำธิกำรตำมข้อบังคับกำรประชุมสภำผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ และข้อบังคับกำรประชุมรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๖๓ เพื่อน ำไปสู่กำรปฏิบัติหน้ำที่ฝ่ำยเลขำนุกำรประจ ำ คณะกรรมำธิกำรได้อย่ำงถูกต้อง และมีประสิทธิภำพ รวมทั้งสำมำรถตอบข้อหำรือหรือข้อซักถำมของ กรรมำธิกำรเกี่ยวกับกระบวนกำรกำรเลือกตั้งต ำแหน่งต่ำง ๆ ในคณะกรรมำธิกำร ได้อย่ำงครบถ้วนถูกต้อง ๕.๒ แม้ควำมแตกต่ำงระหว่ำงกำรเลือกตั้งต ำแหน่งต่ำง ๆ ในคณะกรรมำธิกำรตำมข้อบังคับ กำรประชุมสภำผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ และข้อบังคับกำรประชุมรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๖๓ จะแตกต่ำงกัน เฉพำะหน้ำที่และอ ำนำจในกำรด ำเนินกำรเลือกตั้งของประธำนชั่วครำวของที่ประชุมซึ่งเป็นเรื่องเล็กน้อยก็ตำม แต่เพื่อไม่ให้เกิดควำมลักลั่นในทำงปฏิบัติ จึงควรเสนอให้มีกำรแก้ไขเพิ่มเติมกระบวนกำรเลือกตั้งต ำแหน่งต่ำง ๆ ที่ก ำหนดไว้ในข้อบังคับกำรประชุมรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๖๓ ให้สอดคล้องกับข้อบังคับกำรประชุมสภำผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ซึ่งมีควำมยืดหยุ่นมำกกว่ำในทำงปฏิบัติ นำยเฉลิมศักดิ์ ใจช ำนิ วิทยำกรช ำนำญกำร กลุ่มงำนบริกำรเอกสำรอ้ำงอิง ส ำนักกรรมำธิกำร ๒ . .
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๓๖๓ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร การปฏิบัติหน้าที่ผู้ช่วยเลขานุการในคณะกรรมาธิการในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ ที่จะตราขึ้นเพื่อด าเนินการตามรัฐธรรมนูญ หมวด ๑๖ การปฏิรูปประเทศ ๑. ความเป็นมาและความส าคัญของปัญหา บทบัญญัติหมวด ๑๖ ว่ำด้วยกำรปฏิรูปประเทศตำมรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พุทธศักรำช ๒๕๖๐ เป็นบทบัญญัติที่ก ำหนดขึ้นครั้งแรกในรัฐธรรมนูญฉบับนี้ โดยมำตรำ ๒๕๘ ของรัฐธรรมนูญ (คณะกรรมกำรร่ำงรัฐธรรมนูญ, ๒๕๖๐, น.๗๗ – ๗๙) ก ำหนดให้มีกำรปฏิรูป ประเทศด้ำนต่ำง ๆ ให้เกิดผลสัมฤทธิ์ซึ่งผลจำกบทบัญญัติดังกล่ำวของรัฐธรรมนูญท ำให้มีกำรตรำ พระรำชบัญญัติที่เกี่ยวข้องตำมมำจ ำนวน ๒ ฉบับ คือ พระรำชบัญญัติกำรจัดท ำยุทธศำสตร์ชำติ พ.ศ. ๒๕๖๐ และพระรำชบัญญัติแผนและขั้นตอนกำรด ำเนินกำรปฏิรูปประเทศ พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยมำตรำ ๗ ของพระรำชบัญญัติกำรจัดท ำยุทธศำสตร์ชำติ พ.ศ. ๒๕๖๐ ก ำหนดให้กำรจัดท ำ ยุทธศำสตร์ชำติต้องค ำนึงถึงผลประโยชน์แห่งชำติ ควำมต้องกำรและควำมจ ำเป็นในกำรพัฒนำ ประเทศให้สอดคล้องกับหลักปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพียงและกำรพัฒนำที่ยั่งยืนตำมหลักธรรมำภิบำล และเป้ำหมำยกำรปฏิรูปประเทศตำมที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ ขณะที่มำตรำ ๘ ของพระรำชบัญญัติ แผนและขั้นตอนกำรด ำเนินกำรปฏิรูปประเทศ พ.ศ. ๒๕๖๐ ก ำหนดให้มีกำรจัดท ำแผนกำรปฏิรูป ประเทศทั้งหมด ๑๑ ด้ำน ซึ่งต่อมำคณะรัฐมนตรีได้มีกำรแต่งตั้งคณะกรรมกำรปฏิรูปประเทศด้ำนต่ำง ๆ เพื่อรับผิดชอบในกำรจัดท ำร่ำงแผนกำรปฏิรูปประเทศ และเมื่อแผนกำรปฏิรูปประเทศได้รับ ควำมเห็นชอบจำกคณะรัฐมนตรีและรำยงำนต่อรัฐสภำเพื่อทรำบแล้ว ก็ได้มีกำรประกำศใช้บังคับใน รำชกิจจำนุเบกษำเมื่อวันที่ ๖ เมษำยน ๒๕๖๑ ส ำหรับกำรพิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัติที่ตรำขึ้นตำม บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ หมวด ๑๖ กำรปฏิรูปประเทศนั้น มำตรำ ๒๗๐ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญ (คณะกรรมกำรร่ำงรัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐, น.๘๗) ก ำหนดไว้อย่ำงชัดเจนว่ำ ร่ำงพระรำชบัญญัติที่จะ ตรำขึ้นเพื่อด ำเนินกำรตำมหมวด ๑๖ กำรปฏิรูปประเทศ ให้เสนอและพิจำรณำในที่ประชุมร่วมกัน ของรัฐสภำ โดยร่ำงพระรำชบัญญัติใดที่คณะรัฐมนตรีเห็นว่ำเป็นร่ำงพระรำชบัญญัติที่จะตรำขึ้น เพื่อด ำเนินกำรตำมหมวด ๑๖ กำรปฏิรูปประเทศ ให้แจ้งให้ประธำนรัฐสภำทรำบพร้อมกับกำรเสนอ ร่ำงพระรำชบัญญัตินั้น ดังนั้น กำรเสนอและพิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัติดังกล่ำวจึงต้องกระท ำ ภำยใต้ข้อบังคับกำรประชุมรัฐสภำ ซึ่งข้อบังคับกำรประชุมรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๖๓ ได้ก ำหนดเกี่ยวกับ กำรเสนอและกำรพิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัติไว้ในหมวด ๕ กำรเสนอและกำรพิจำรณำ ร่ำงพระรำชบัญญัติ โดยก ำหนดให้กำรพิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัติที่เกี่ยวกับกำรปฏิรูปประเทศ ให้กระท ำเป็นสำมวำระตำมล ำดับ และในกำรพิจำรณำในวำระที่สอง ให้พิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัติ โดยคณะกรรมำธิกำร ตำมข้อ ๘๖ ข้อ ๘๗ และข้อ ๘๘ ในกำรนี้ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎรซึ่งมีอ ำนำจหน้ำที่หลักในกำร สนับสนุนกำรตรำกฎหมำย รวมทั้งสนับสนุนบทบำทภำรกิจตำมที่รัฐธรรมนูญ กฎหมำยและข้อบังคับ
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๓๖๔ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร กำรประชุมสภำก ำหนด และมีพันธกิจในกำรสนับสนุนสถำบันนิติบัญญัติตำมบทบัญญัติของ รัฐธรรมนูญให้มีประสิทธิภำพและประสิทธิผล และผู้ศึกษำในฐำนะนิติกร สังกัดกลุ่มงำนบริกำร เอกสำรอ้ำงอิง ส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ซึ่งได้รับกำรแต่งตั้งให้ปฏิบัติหน้ำที่ผู้ช่วยเลขำนุกำรใน คณะกรรมำธิกำรวิสำมัญพิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมำยวิธีพิจำรณำ ควำมแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (หลักเกณฑ์และวิธีกำรไกล่เกลี่ยข้อพิพำทก่อนฟ้องคดี) (คณะกรรมำธิกำรของรัฐสภำ) ตำมข้อบังคับกำรประชุมรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๖๓ ข้อ ๗๐ ซึ่งร่ำงกฎหมำย ข้ำงต้นเป็นร่ำงพระรำชบัญญัติที่เสนอตำมรัฐธรรมนูญหมวด ๑๖ ว่ำด้วยกำรปฏิรูปประเทศ จึงมี หน้ำที่สนับสนุนงำนวิชำกำรด้ำนกฎหมำยให้แก่คณะกรรมำธิกำรอันประกอบด้วยกำรจัดท ำข้อมูล เอกสำรประกอบด้ำนวิชำกำรและกฎหมำยให้แก่คณะกรรมำธิกำร กำรศึกษำ วิเครำะห์ข้อมูล และกำรตอบข้อซักถำมของกรรมำธิกำรในประเด็นปัญหำต่ำง ๆ ในระหว่ำงกำรพิจำรณำร่ำงกฎหมำย กำรสรุปประเด็นกำรพิจำรณำและปรับปรุงแก้ไขร่ำงกฎหมำยตำมควำมเห็นและมติของที่ประชุมและ เสนอให้คณะกรรมำธิกำรพิจำรณำในกำรประชุมแต่ละครั้ง กำรรวบรวมค ำแปรญัตติและจัดท ำ รำยละเอียดค ำแปรญัตติร่ำงพระรำชบัญญัติดังกล่ำว ตลอดจนกำรจัดท ำและตรวจสอบควำมถูกต้อง ของรำยงำนของคณะกรรมำธิกำร เพื่อให้คณะกรรมำธิกำรใช้เป็นข้อมูลประกอบกำรชี้แจงต่อ ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภำ ซึ่งจำกกำรปฏิบัติหน้ำที่ผู้ช่วยเลขำนุกำรในคณะกรรมำธิกำรพบปัญหำว่ำ กำรพิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัติที่ตรำขึ้นตำมบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ หมวด ๑๖ กำรปฏิรูป ประเทศในขั้นคณะกรรมำธิกำร ยังไม่มีแนวทำงกำรปฏิบัติหน้ำที่ผู้ช่วยเลขำนุกำรที่ชัดเจน นอกจำกนี้ ยังมีปัญหำในทำงปฏิบัติที่เกิดขึ้นในกำรประชุมคณะกรรมำธิกำร เช่น ประเด็นกำรโต้แย้งว่ำร่ำง พระรำชบัญญัติฉบับนี้ไม่ใช่ร่ำงพระรำชบัญญัติที่จะตรำขึ้นเพื่อด ำเนินกำรตำมรัฐธรรมนูญ หมวด ๑๖ กำรปฏิรูปประเทศ ประเด็นก ำหนดระยะเวลำในกำรยื่นค ำแปรญัตติและรับค ำแปรญัตติและประเด็น ปัญหำเรื่องกำรจัดท ำรำยงำนผลกำรพิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัติ เป็นต้น ดังนั้น จำกกำรปฏิบัติหน้ำที่ผู้ช่วยเลขำนุกำรในคณะกรรมำธิกำรข้ำงต้น จึงน ำไปสู่ กำรวิเครำะห์สภำพปัญหำในทำงปฏิบัติที่เกิดขึ้นในกำรพิจำรณำร่ำงกฎหมำยที่เกี่ยวข้องกับกำรปฏิรูป ประเทศ เพื่อใช้เป็นแนวทำงกำรปฏิบัติหน้ำที่ส ำหรับผู้ช่วยเลขำนุกำรในคณะกรรมำธิกำรในกำร พิจำรณำร่ำงกฎหมำยเกี่ยวกับกำรปฏิรูปประเทศในขั้นกำรพิจำรณำของคณะกรรมำธิกำรของรัฐสภำ ซึ่งจะช่วยท ำให้กำรปฏิบัติหน้ำที่ผู้ช่วยเลขำนุกำรในคณะกรรมำธิกำรเพื่อสนับสนุนงำนด้ำนวิชำกำร และกฎหมำยให้แก่คณะกรรมำธิกำรของรัฐสภำในกำรร่ำงกฎหมำยหรือเรื่องอื่น ๆ ตำมที่รัฐธรรมนูญ ก ำหนด เป็นไปอย่ำงมีประสิทธิภำพ ถูกต้องตำมหลักวิชำกำรและกฎหมำย รวมทั้งบรรลุเป้ำหมำย ขององค์กรในกำรบริกำรด้ำนเลขำนุกำร ด้ำนวิชำกำรและกฎหมำยให้เป็นไปอย่ำงสะดวก รวดเร็ว ทันสมัย และตรงต่อควำมต้องกำรตลอดจนสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทน รำษฎรที่จะเป็นองค์กรที่มีขีดสมรรถนะสูง (High Performance Organization) เพื่อสนับสนุน บทบำทภำรกิจของสถำบันนิติบัญญัติให้เกิดประโยชน์สุขต่อประชำชนด้วย
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๓๖๕ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ๒ กฎหมาย กฎ ระเบียบ และยุทธศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง ๒.๑ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกับกำรปฏิรูปประเทศนั้นมีกำรบัญญัติไว้ใน หมวด ๑๖ ว่ำด้วยกำรปฏิรูปประเทศ ตั้งแต่มำตรำ ๒๕๗ ถึงมำตรำ ๒๖๑ โดยกำรพิจำรณำ ร่ำงพระรำชบัญญัติที่จะตรำขึ้นเพื่อด ำเนินกำรตำมหมวด ๑๖ กำรปฏิรูปประเทศนั้น บทเฉพำะกำล มำตรำ ๒๗๐ ของรัฐธรรมนูญได้ก ำหนดให้เสนอและพิจำรณำในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภำ (คณะกรรมกำรร่ำงรัฐธรรมนูญ, ๒๕๖๐, น.๘๗) นอกจำกนี้ ควำมในมำตรำ ๒๗๐ ของรัฐธรรมนูญ ยังก ำหนดว่ำ ร่ำงพระรำชบัญญัติใดที่คณะรัฐมนตรีเห็นว่ำเป็นร่ำงพระรำชบัญญัติที่จะตรำขึ้นเพื่อ ด ำเนินกำรตำมหมวด ๑๖ กำรปฏิรูปประเทศ ให้แจ้งให้ประธำนรัฐสภำทรำบพร้อมกับกำรเสนอ ร่ำงพระรำชบัญญัตินั้น และในกรณีที่คณะรัฐมนตรีมิได้แจ้งว่ำเป็นร่ำงพระรำชบัญญัติที่จะตรำขึ้นเพื่อ ด ำเนินกำรตำมหมวด ๑๖ กำรปฏิรูปประเทศ หำกสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรหรือสมำชิกวุฒิสภำ เห็นว่ำร่ำงพระรำชบัญญัตินั้นเป็นร่ำงพระรำชบัญญัติที่จะตรำขึ้นเพื่อด ำเนินกำรตำมหมวด ๑๖ กำรปฏิรูปประเทศ สมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรหรือสมำชิกวุฒิสภำจ ำนวนไม่น้อยกว่ำหนึ่งในห้ำของ แต่ละสภำ อำจเข้ำชื่อกันร้องขอต่อประธำนรัฐสภำเพื่อให้ประธำนรัฐสภำเสนอเรื่องต่อคณะกรรมกำร ร่วมวินิจฉัยต่อไป ซึ่งบทบัญญัติดังกล่ำวถือเป็นหลักกำรส ำคัญของกำรพิจำรณำร่ำงกฎหมำยเกี่ยวกับ กำรปฏิรูปประเทศในขั้นคณะกรรมำธิกำรของที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภำ ๒.๒ ข้อบังคับการประชุมรัฐสภา พ.ศ. ๒๕๖๓ ข้อบังคับกำรประชุมรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๖๓ ก ำหนดขึ้นเพื่อให้สมำชิกรัฐสภำปฏิบัติ หน้ำที่ในฐำนะผู้แทนปวงชนชำวไทย อันมีเป้ำหมำยส ำคัญเพื่อกำรพัฒนำและขับเคลื่อนกำรปฏิรูป ประเทศ ซึ่งข้อบังคับ กำรประชุมรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๖๓ ได้ก ำหนดเกี่ยวกับกำรเสนอและกำรพิจำรณำ ร่ำพระรำชบัญญัติที่จะตรำขึ้นเพื่อด ำเนินกำรตำมหมวด ๑๖ กำรปฏิรูปประเทศ ตำมมำตรำ ๒๗๐ ของรัฐธรรมนูญ ไว้ในหมวด ๕ กำรเสนอและกำรพิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัติส่วนที่ ๑ กำรเสนอและ กำรพิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัติที่จะตรำขึ้นเพื่อด ำเนินกำรตำมหมวด ๑๖ กำรปฏิรูปประเทศ ตำมมำตรำ ๒๗๐ ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งจำกผลของข้อ ๑๐๘ ของข้อบังคับกำรประชุมรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๖๓ ก ำหนดให้กำรพิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัติที่เกี่ยวกับกำรปฏิรูปประเทศ ให้กระท ำเป็นสำมวำระ ตำมล ำดับ และให้น ำควำมในหมวด ๔ กำรเสนอและกำรพิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญ มำใช้บังคับโดยอนุโลม (ข้อบังคับกำรประชุมรัฐสภำ, ๒๕๖๓, น.๘๒-๘๓) ซึ่งสำระส ำคัญ ของกำรพิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวกับกำรปฏิรูปประเทศนี้อยู่ในข้อบังคับกำรประชุมรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยมีบทบัญญัติที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ ข้อ ๒๙ ญัตติทั้งหลำยต้องเสนอล่วงหน้ำเป็นหนังสือต่อประธำนรัฐสภำ และต้องมี สมำชิกรัฐสภำรับรองไม่น้อยกว่ำสิบคน ทั้งนี้ เว้นแต่ข้อบังคับนี้ได้ก ำหนดไว้โดยเฉพำะเป็นอย่ำงอื่น
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๓๖๖ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ข้อ ๗๐ เพื่อประโยชน์ในกำรพิจำรณำของคณะกรรมำธิกำร คณะกรรมำธิกำรอำจ ขอให้เลขำธิกำรรัฐสภำแต่งตั้งข้ำรำชกำรส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎรคนหนึ่ง เพื่อปฏิบัติ หน้ำที่เป็นผู้ช่วยเลขำนุกำรในคณะกรรมำธิกำรก็ได้ ข้อ ๘๑ ก ำหนดให้ร่ำงพระรำชบัญญัติที่จะตรำขึ้นเพื่อด ำเนินกำรตำมหมวด ๑๖ กำร ปฏิรูปประเทศ ต้องแบ่งเป็นมำตรำและต้องมีบันทึกประกอบ คือ หลักกำรกำรแห่งร่ำงพระรำชบัญญัติ เหตุผลในกำรเสนอร่ำงพระรำชบัญญัติ บันทึกวิเครำะห์สรุปสำระส ำคัญของร่ำงพระรำชบัญญัติ รวมทั้งสรุปผลกำรรับฟังควำมคิดเห็นและรำยงำนกำรวิเครำะห์ผลกระทบที่อำจเกิดขึ้นจำก ร่ำงพระรำชบัญญัติให้เสนอมำพร้อมบันทึกประกอบด้วย ข้อ ๘๘ ในกรณีที่รัฐสภำมีมติในวำระที่หนึ่งรับหลักกำรแห่งร่ำงพระรำชบัญญัติ ให้รัฐสภำพิจำรณำตำมล ำดับต่อไปเป็นวำระที่สอง กำรพิจำรณำในวำระที่สอง ให้พิจำรณำ ร่ำงพระรำชบัญญัติโดยคณะกรรมำธิกำร ข้อ ๙๑ กำรพิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัติขั้นคณะกรรมำธิกำรที่รัฐสภำตั้ง สมำชิก รัฐสภำผู้ใดเห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมร่ำงพระรำชบัญญัติ ก็ให้เสนอค ำแปรญัตติล่วงหน้ำเป็นหนังสือต่อ ประธำนคณะกรรมำธิกำรภำยในก ำหนดเจ็ดวันนับแต่วันถัดจำกวันที่รัฐสภำรับหลักกำรแห่ง ร่ำงพระรำชบัญญัติ เว้นแต่รัฐสภำจะได้ก ำหนดเวลำแปรญัตติส ำหรับร่ำงพระรำชบัญญัตินั้นไว้เป็น อย่ำงอื่น ซึ่งกำรแปรญัตติต้องแปรเป็นรำยมำตรำ และกำรแปรญัตติเพิ่มมำตรำขึ้นใหม่หรือตัดทอน หรือแก้ไขมำตรำเดิมต้องไม่ขัดกับหลักกำรแห่งร่ำงพระรำชบัญญัตินั้น ข้อ ๙๒ เมื่อคณะกรรมำธิกำรได้พิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัติเสร็จแล้ว ให้เสนอร่ำง พระรำชบัญญัตินั้น โดยแสดงร่ำงเดิมและกำรแก้ไขเพิ่มเติมพร้อมทั้งรำยงำนต่อประธำนรัฐสภำ รำยงำนนั้นอย่ำงน้อยต้องระบุว่ำได้มีหรือไม่มีกำรแก้ไขเพิ่มเติมในมำตรำใดบ้ำง และถ้ำมีกำรแปรญัตติ มติของคณะกรรมำธิกำรเกี่ยวด้วยค ำแปรญัตตินั้นเป็นประกำรใด หรือมีกำรสงวนค ำแปรญัตติของ ผู้แปรญัตติ หรือมีกำรสงวนควำมเห็นของกรรมำธิกำร และในกรณีที่คณะกรรมำธิกำรมีกำรรับฟัง ควำมคิดเห็นและวิเครำะห์ผลกระทบที่อำจเกิดขึ้นจำกร่ำงพระรำชบัญญัติ ก็ให้ระบุไว้ในรำยงำนด้วย ทั้งนี้ ในกรณีที่คณะกรรมำธิกำรเห็นว่ำมีข้อสังเกตที่คณะรัฐมนตรีควรทรำบหรือควรปฏิบัติ ให้บันทึก ข้อสังเกตดังกล่ำวไว้ในรำยงำนของคณะกรรมำธิกำรเพื่อให้ที่ประชุมรัฐสภำพิจำรณำต่อไป ข้อ ๑๐๘ กำรพิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัติที่จะตรำขึ้นเพื่อด ำเนินกำรตำมรัฐธรรมนูญ หมวด ๑๖ กำรปฏิรูปประเทศ ให้กระท ำเป็นสำมวำระตำมล ำดับ และให้น ำควำมในหมวด ๔ กำรเสนอและกำรพิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ มำใช้บังคับโดยอนุโลม ๓ บทวิเคราะห์ จำกกำรศึกษำวิเครำะห์สภำพปัญหำและอุปสรรคที่เกิดขึ้นจำกกำรปฏิบัติหน้ำที่ ผู้ช่วยเลขำนุกำรในคณะกรรมำธิกำรวิสำมัญพิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมำย วิธีพิจำรณำควำมแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (หลักเกณฑ์และวิธีกำรไกล่เกลี่ยข้อพิพำทก่อนฟ้องคดี)
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๓๖๗ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร (คณะกรรมำธิกำรของรัฐสภำ) ซึ่งเป็นร่ำงพระรำชบัญญัติที่ตรำขึ้นเพื่อด ำเนินกำรตำมหมวด ๑๖ กำรปฏิรูปประเทศ พบว่ำ มีประเด็นปัญหำที่เกิดขึ้นหลำยประกำร สรุปสำระส ำคัญได้ ดังนี้ ๓.๑ ประเด็นการโต้แย้งว่าร่างพระราชบัญญัติที่เสนอไม่ใช่ร่างพระราชบัญญัติ ที่จะตราขึ้นเพื่อด าเนินการตามรัฐธรรมนูญ หมวด ๑๖ การปฏิรูปประเทศ ในกำรประชุมคณะกรรมำธิกำรวิสำมัญพิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม ประมวลกฎหมำยวิธีพิจำรณำควำมแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (หลักเกณฑ์และวิธีกำรไกล่เกลี่ยข้อพิพำท ก่อนฟ้องคดี) มีกรรมำธิกำรบำงส่วนเสนอควำมเห็นว่ำร่ำงพระรำชบัญญัติฉบับนี้ไม่ใช่ร่ำง พระรำชบัญญัติที่จะตรำขึ้นเพื่อด ำเนินกำรตำมรัฐธรรมนูญ หมวด ๑๖ กำรปฏิรูปประเทศ โดยเห็นว่ำ เป็นเพียงร่ำงพระรำชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมำยทั่วไป ซึ่งควรเสนอร่ำงกฎหมำยต่อ สภำผู้แทนรำษฎรก่อน ดังนั้น ในกำรปฏิบัติหน้ำที่ผู้ช่วยเลขำนุกำรในคณะกรรมำธิกำรที่พิจำรณำ ร่ำงกฎหมำยเกี่ยวกับกำรปฏิรูปประเทศ ผู้ช่วยเลขำนุกำรควรมีบทบำทในกำรเสนอควำมเห็นโดยอำจ จัดท ำเป็นเอกสำรประกอบกำรพิจำรณำของคณะกรรมำธิกำรว่ำร่ำงพระรำชบัญญัติที่เสนอต่อ คณะกรรมำธิกำรเป็นร่ำงพระรำชบัญญัติที่จะตรำขึ้นเพื่อด ำเนินกำรตำมรัฐธรรมนูญ หมวด ๑๖ กำรปฏิรูปประเทศ หรือไม่ ทั้งนี้ เมื่อพิจำรณำควำมมุ่งหมำยและค ำอธิบำยประกอบของบทบัญญัติหมวด ๑๖ กำรปฏิรูปประเทศ พบว่ำ บทบัญญัติในหมวดนี้เป็นบทบัญญัติที่เพิ่มขึ้นใหม่และเป็นกลไกส ำคัญ เพื่อให้เกิดกำรปฏิรูปประเทศในด้ำนต่ำง ๆ ที่ส ำคัญและจ ำเป็น เพื่อให้สำมำรถขับเคลื่อนกำรปฏิรูป ประเทศไปข้ำงหน้ำได้อย่ำงมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เพื่อให้สัมฤทธิ์ผลอย่ำงแท้จริงจึงจ ำเป็นต้องบัญญัติ หลักกำร และก ำหนดกรอบเวลำในกำรปฏิรูปอย่ำงชัดเจน รวมทั้งมีบทบังคับในตัวเองเพื่อให้บรรลุ เป้ำหมำยตำมที่ก ำหนด (คณะกรรมกำรร่ำงรัฐธรรมนูญ, ๒๕๖๒, น.๔๖๑) ประกอบกับเมื่อพิจำรณำ ควำมมุ่งหมำยของรัฐธรรมนูญ มำตรำ ๒๕๘ แล้วพบว่ำ ร่ำงพระรำชบัญญัตินี้อยู่ในประเด็นกำรปฏิรูป ประเทศด้ำนกระบวนกำรยุติธรรม โดยเป็นกลไกช่วยเหลือประชำชนผู้ขำดแคลนทุนทรัพย์ให้เข้ำถึง กระบวนกำรยุติธรรมได้ รวมทั้งเป็นร่ำงกฎหมำยที่จัดท ำขึ้นภำยใต้กรอบแผนกำรปฏิรูปประเทศ ด้ำนกระบวนกำรยุติธรรม เรื่องและประเด็นปฏิรูปที่ ๒ กำรพัฒนำกลไกช่วยเหลือและเพิ่มศักยภำพ เพื่อให้ประชำชนเข้ำถึงกระบวนกำรยุติธรรม ข้อ ๒ ปฏิรูปกระบวนวิธีพิจำรณำควำมแพ่งและ วิธีพิจำรณำคดีปกครอง เพื่อเพิ่มโอกำสของประชำชนในกำรเข้ำถึงควำมยุติธรรม (ส ำนักวิชำกำร ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร, ๒๕๖๒, น.๗) นอกจำกนี้ เมื่อพิจำรณำบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มำตรำ ๒๗๐ วรรคสำม จะพบว่ำ หำกร่ำงพระรำชบัญญัติใดที่คณะรัฐมนตรีเห็นว่ำเป็นร่ำง พระรำชบัญญัติที่จะตรำขึ้นเพื่อด ำเนินกำรตำมหมวด ๑๖ กำรปฏิรูปประเทศ ให้แจ้งให้ประธำน รัฐสภำทรำบพร้อมกับกำรเสนอร่ำงพระรำชบัญญัตินั้น ดังนั้น เมื่อพิจำรณำจำกข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ทั้งหมด ร่ำงพระรำชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมำยวิธีพิจำรณำควำมแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (หลักเกณฑ์และวิธีกำรไกล่เกลี่ยข้อพิพำทก่อนฟ้องคดี) จึงเป็นร่ำงพระรำชบัญญัติที่จะตรำขึ้นเพื่อ ด ำเนินกำรตำมรัฐธรรมนูญ หมวด ๑๖ กำรปฏิรูปประเทศ
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๓๖๘ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ๓.๒ ประเด็นก าหนดระยะเวลาในการยื่นค าแปรญัตติและรับค าแปรญัตติ ประเด็นปัญหำที่พบเกี่ยวกับกำรแปรญัตติในกำรประชุมของคณะกรรมำธิกำร คือ ก ำหนดระยะเวลำในกำรยื่นค ำแปรญัตติ กรณีดังกล่ำวแม้ข้อบังคับกำรประชุมรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๖๓ มำตรำ ๙๑ วรรคหนึ่ง จะก ำหนดให้สมำชิกรัฐสภำเสนอค ำแปรญัตติล่วงหน้ำเป็นหนังสือต่อประธำน คณะกรรมำธิกำรภำยในก ำหนดเจ็ดวันนับแต่วันถัดจำกวันที่รัฐสภำรับหลักกำรแห่งร่ำงพระรำชบัญญัติ ก็ตำม แต่ในทำงปฏิบัติปรำกฏว่ำ ระยะเวลำกำรเสนอค ำแปรญัตติร่ำงพระรำชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม ประมวลกฎหมำยวิธีพิจำรณำควำมแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (หลักเกณฑ์และวิธีกำรไกล่เกลี่ย ข้อพิพำทก่อนฟ้องคดี) ตรงกับช่วงเทศกำลวันหยุดประจ ำปี (วันส่งท้ำยปีและวันขึ้นปีใหม่) ท ำให้เกิด ปัญหำว่ำสมำชิกรัฐสภำบำงส่วนเกิดควำมไม่สะดวกในกำรมำยื่นค ำแปรญัตติในช่วงระยะเวลำดังกล่ำว ซึ่งส่งผลต่อกำรนับระยะเวลำในกำรยื่นและกำรรับค ำแปรญัตติ จึงต้องพิจำรณำตรวจสอบให้รอบคอบ เพื่อให้กำรยื่นและรับค ำแปรญัตติเป็นไปโดยชอบด้วยข้อบังคับกำรประชุมรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๖๓ ๓.๓ ประเด็นเกี่ยวกับการจัดท ารายงานผลการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ กำรพิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมำยวิธีพิจำรณำควำมแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (หลักเกณฑ์และวิธีกำรไกล่เกลี่ยข้อพิพำทก่อนฟ้องคดี) มีกรรมำธิกำรสงวน ควำมเห็นและสมำชิกรัฐสภำสงวนค ำแปรญัตติจ ำนวนมำก ท ำให้กำรจัดท ำรำยงำนผลกำรพิจำรณำ ร่ำงพระรำชบัญญัติดังกล่ำวต้องกระท ำอย่ำงรอบคอบ เพื่อป้องกันมิให้เกิดควำมผิดพลำดได้ นอกจำกนี้ ยังมีปัญหำเรื่องรูปแบบในกำรจัดท ำรำยงำน เนื่องจำกร่ำงพระรำชบัญญัติฉบับนี้เป็น กฎหมำยปฏิรูปฉบับแรกที่เสนอให้ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภำพิจำรณำ ท ำให้ยังไม่มีหลักเกณฑ์และ รูปแบบในกำรจัดท ำรำยงำนผลกำรพิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัติที่เป็นมำตรฐำน ซึ่งรวมถึงกำรเพิ่ม หัวข้อ “ผลกำรด ำเนินกำรตำมมำตรำ ๗๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย” เข้ำไปในรำยงำนที่ ยังไม่มีควำมชัดเจนในกำรด ำเนินกำรด้วย ๓.๔ การก าหนดแนวทางปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ จำกประเด็นปัญหำข้ำงต้น จึงควรมีกำรจัดท ำแนวทำงกำรปฏิบัติหน้ำที่ ผู้ช่วยเลขำนุกำรในคณะกรรมำธิกำรในกำรพิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัติที่จะตรำขึ้นเพื่อด ำเนินกำรตำม รัฐธรรมนูญ หมวด ๑๖ กำรปฏิรูปประเทศ ส ำหรับใช้เป็นแนวทำงในกำรปฏิบัติหน้ำที่ดังกล่ำว โดยมี รำยละเอียด ดังนี้ แนวทำงกำรพัฒนำกำรปฏิบัติหน้ำที่ผู้ช่วยเลขำนุกำรในคณะกรรมำธิกำรในกำร พิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัติที่จะตรำขึ้นเพื่อด ำเนินกำรตำมรัฐธรรมนูญ หมวด ๑๖ กำรปฏิรูป ประเทศ กล่ำวถึงขั้นตอนที่จ ำเป็นส ำหรับกำรปฏิบัติหน้ำที่ผู้ช่วยเลขำนุกำรในคณะกรรมำธิกำรในกำร พิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับกำรปฏิรูปประเทศ ทั้งนี้ เนื่องจำกร่ำงพระรำชบัญญัติ ดังกล่ำวเป็นร่ำงพระรำชบัญญัติที่ต้องด ำเนินกำรให้เป็นไปตำมหมวด ๑๖ กำรปฏิรูปประเทศ ตำมมำตรำ ๒๗๐ ของรัฐธรรมนูญ จึงก ำหนดให้กำรเสนอและพิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัติต้องกระท ำ
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๓๖๙ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภำ ดังนั้น กำรด ำเนินกำรต่ำง ๆ จึงต้องอำศัยข้อบังคับกำรประชุมรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๖๓ เป็นหลักในกำรด ำเนินกำร ดังนี้ ส่วนที่ ๑ ขั้นตอนการปฏิบัติหน้าที่ผู้ช่วยเลขานุการฯ เมื่อบุคคลใดได้รับมอบหมำย ให้ปฏิบัติหน้ำที่ผู้ช่วยเลขำนุกำรในคณะกรรมำธิกำรในกำรพิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับ กำรปฏิรูปประเทศ สิ่งแรกที่ต้องด ำเนินกำร คือ กำรศึกษำรัฐธรรมนูญ ข้อบังคับกำรประชุมรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๖๓ และหลักกฎหมำยที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่ำว โดยเฉพำะกำรเตรียมกำรเพื่อให้มีกำร เลือกต ำแหน่งต่ำง ๆ ในคณะกรรมำธิกำร ซึ่งเป็นไปตำมข้อบังคับกำรประชุมรัฐสภำ ข้อ ๖๓ ประกอบ ข้อ ๖๖ โดยให้คณะกรรมำธิกำรแต่ละคณะเลือกตั้งประธำน รองประธำน เลขำนุกำร และต ำแหน่ง อื่น ๆ จำกกรรมำธิกำรในคณะนั้น ๆ และข้อ ๗๐ ได้ก ำหนดว่ำคณะกรรมำธิกำรอำจขอให้เลขำธิกำร รัฐสภำแต่งตั้งข้ำรำชกำรส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎรคนหนึ่ง เพื่อปฏิบัติหน้ำที่เป็น ผู้ช่วยเลขำนุกำรในคณะกรรมำธิกำรก็ได้ ประกำรต่อมำคือ กำรตรวจสอบจ ำนวนกรรมำธิกำรว่ำ มีทั้งหมดกี่ท่ำน เพื่อให้สำมำรถตรวจสอบองค์ประชุมและองค์มติในกำรประชุมคณะกรรมำธิกำรใน แต่ละครั้งได้ ทั้งนี้ ข้อบังคับกำรประชุมรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๖๓ ข้อ ๖๕ ก ำหนดให้กำรประชุม คณะกรรมำธิกำรต้องมีกรรมำธิกำรมำประชุมไม่น้อยกว่ำกึ่งหนึ่งของจ ำนวนกรรมำธิกำรทั้งหมดเท่ำที่ มีอยู่ จึงจะเป็นองค์ประชุม ซึ่งจะแตกต่ำงจำกที่ก ำหนดไว้ในข้อบังคับกำรประชุมสภำผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๙๒ ที่ก ำหนดว่ำ กำรประชุมคณะกรรมำธิกำรต้องมีกรรมำธิกำรมำประชุมไม่น้อยกว่ำ หนึ่งในสำมของจ ำนวนกรรมำธิกำรทั้งหมดเท่ำที่มีอยู่ จึงจะเป็นองค์ประชุม เว้นแต่กำรประชุม คณะกรรมำธิกำรที่จะมีกำรลงมติในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ต้องมีกรรมำธิกำรมำประชุมไม่น้อยกว่ำกึ่งหนึ่ง ของจ ำนวนกรรมำธิกำรทั้งหมดเท่ำที่มีอยู่ ประกำรต่อมำ คือ จ ำนวนผู้รับรองกำรเสนอค ำแปรญัตติ ร่ำงกฎหมำยนั้น หำกเป็นกำรเสนอค ำแปรญัตติร่ำงพระรำชบัญญัติทั่วไปตำมข้อบังคับกำรประชุม สภำผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๔๕ ต้องมีจ ำนวนสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรรับรองไม่น้อยกว่ำ ๕ คน ขณะที่กำรเสนอค ำแปรญัตติร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวกับกำรปฏิรูปประเทศตำมข้อบังคับกำร ประชุมรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๖๓ ข้อ ๒๙ ต้องมีจ ำนวนสมำชิกรัฐสภำรับรองไม่น้อยกว่ำ ๑๐ คน ซึ่งเป็น ข้อแตกต่ำงที่ผู้ช่วยเลขำนุกำรฯ จะต้องตรวจสอบให้รอบคอบ นอกจำกนี้ กำรจัดเตรียมข้อมูล ประกอบกำรพิจำรณำร่ำงกฎหมำยและกำรน ำเสนอข้อมูลต่อคณะกรรมำธิกำรก็เป็นเรื่องที่มี ควำมส ำคัญ เนื่องจำกกำรประชุมคณะกรรมำธิกำรที่พิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัติเกี่ยวกับกำรปฏิรูป ประเทศส่วนใหญ่จะมีกฎหมำยที่เกี่ยวข้องหลำยฉบับและมีควำมเกี่ยวพันกับภำรกิจของ หลำยหน่วยงำน กำรศึกษำและจัดท ำข้อมูลล่วงหน้ำจึงเป็นสิ่งที่มีควำมส ำคัญ และผู้ช่วยเลขำนุกำรฯ ควรมีควำมคิดริเริ่มและกล้ำที่จะน ำเสนอควำมเห็นทำงกฎหมำยและเอกสำรที่จัดท ำขึ้นต่อ คณะกรรมำธิกำรด้วย ส่วนที่ ๒ การพิจารณาว่าร่างพระราชบัญญัติใดเป็นร่างกฎหมายเกี่ยวกับการ ปฏิรูปประเทศหรือไม่ ร่ำงพระรำชบัญญัติบำงเรื่องที่เสนอต่อรัฐสภำ อำจมีสมำชิกรัฐสภำโต้แย้งว่ำ ร่ำงพระรำชบัญญัตินั้นไม่ใช่ร่ำงกฎหมำยที่จะตรำขึ้นเพื่อด ำเนินกำรตำมหมวด ๑๖ กำรปฏิรูปประเทศ
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๓๗๐ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร โดยเห็นว่ำเป็นเพียงร่ำงพระรำชบัญญัติทั่วไปที่ต้องเสนอให้สภำผู้แทนรำษฎรพิจำรณำก่อน ซึ่งแม้ ข้อบังคับกำรประชุมรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๖๓ ข้อ ๑๐๕ จะก ำหนดว่ำ เมื่อประธำนรัฐสภำได้รับ ร่ำงพระรำชบัญญัติที่จะตรำขึ้นเพื่อด ำเนินกำรตำมหมวด ๑๖ กำรปฏิรูปประเทศ จำกคณะรัฐมนตรีแล้ว ให้ประธำนรัฐสภำบรรจุเข้ำระเบียบวำระกำรประชุมรัฐสภำเป็นเรื่องด่วนก็ตำม แต่ผู้ช่วยเลขำนุกำรใน คณะกรรมำธิกำรควรมีบทบำทในกำรเสนอควำมเห็นทำงกฎหมำย โดยอำจจัดท ำเป็นเอกสำร ประกอบกำรพิจำรณำของคณะกรรมำธิกำรว่ำร่ำงพระรำชบัญญัติที่เสนอต่อคณะกรรมำธิกำรเป็น ร่ำงพระรำชบัญญัติที่จะตรำขึ้นเพื่อด ำเนินกำรตำมรัฐธรรมนูญ หมวด ๑๖ กำรปฏิรูปประเทศหรือไม่ ซึ่งขั้นตอนเบื้องต้นในกำรพิจำรณำว่ำร่ำงพระรำชบัญญัติใดเป็นร่ำงพระรำชบัญญัติที่จะตรำขึ้นเพื่อ ด ำเนินกำรตำมรัฐธรรมนูญ หมวด ๑๖ กำรปฏิรูปประเทศหรือไม่ อำจพิจำรณำเบื้องต้นได้ ดังนี้ ๑) ควรพิจำรณำที่หลักกำรและเหตุผลของร่ำงพระรำชบัญญัตินั้นก่อนว่ำ หลักกำร และเหตุผลของร่ำงพระรำชบัญญัติดังกล่ำวเป็นไปตำมควำมมุ่งหมำยและค ำอธิบำยประกอบของ รัฐธรรมนูญ หมวด ๑๖ กำรปฏิรูปประเทศ หรือไม่ ๒) พิจำรณำเนื้อหำของร่ำงพระรำชบัญญัติดังกล่ำวว่ำสอดคล้องกับประกำศส ำนัก นำยกรัฐมนตรี เรื่องกำรประกำศแผนกำรปฏิรูปประเทศซึ่งออกตำมควำมในพระรำชบัญญัติแผนและ ขั้นตอนกำรปฏิรูปประเทศ พ.ศ. ๒๕๖๐ หรือไม่ ๓) พิจำรณำว่ำร่ำงพระรำชบัญญัติดังกล่ำวเป็นร่ำงพระรำชบัญญัติที่คณะรัฐมนตรี เห็นว่ำเป็นร่ำงพระรำชบัญญัติที่จะตรำขึ้นเพื่อด ำเนินกำรตำมหมวด ๑๖ กำรปฏิรูปประเทศ และได้ แจ้งให้ประธำนรัฐสภำทรำบพร้อมกับกำรเสนอร่ำงพระรำชบัญญัตินั้นตำมรัฐธรรมนูญมำตรำ ๒๗๐ วรรคสำม หรือไม่ ส่วนที่ ๓ การพิจารณาเกี่ยวกับค าแปรญัตตินอกจำกจ ำนวนสมำชิกรัฐสภำผู้รับรอง กำรเสนอค ำแปรญัตติแล้ว สิ่งที่ผู้ช่วยเลขำนุกำรฯ ต้องค ำนึงถึงคือ ก ำหนดระยะเวลำในกำรเสนอ ค ำแปรญัตติ เนื่องจำกแม้ข้อบังคับกำรประชุมรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๖๓ ข้อ ๙๑ จะก ำหนดให้สมำชิก รัฐสภำเสนอค ำแปรญัตติล่วงหน้ำเป็นหนังสือต่อประธำนคณะกรรมำธิกำรภำยในก ำหนดเจ็ดวัน นับแต่วันถัดจำกวันที่รัฐสภำรับหลักกำรแห่งร่ำงพระรำชบัญญัติก็ตำม แต่ในทำงปฏิบัติหำกมีผู้เสนอ ค ำแปรญัตติในช่วงวันเวลำนอกรำชกำรหรือช่วงเทศกำลวันหยุดยำวประจ ำปี จะเกิดปัญหำว่ำ ไม่สำมำรถเสนอค ำแปรญัตติในช่วงเวลำดังกล่ำวได้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อกำรนับระยะเวลำในกำร รับค ำแปรญัตติ ดังนั้น เพื่อแก้ไขปัญหำดังกล่ำวจึงอำจด ำเนินกำรได้ใน ๓ แนวทำง คือ ๑) ควรแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับกำรประชุมสภำผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๑๒๕ และข้อบังคับกำรประชุมรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๖๓ ข้อ ๙๑ โดยก ำหนดให้กำรเสนอค ำแปรญัตติต้องกระท ำ ล่วงหน้ำภำยในก ำหนดเจ็ดวันท ำกำรนับแต่วันถัดจำกวันที่สภำรับหลักกำรแห่งร่ำงพระรำชบัญญัติ ๒) ควรให้สภำผู้แทนรำษฎรหรือรัฐสภำออกระเบียบเพื่อก ำหนดให้กำรเสนอค ำแปร ญัตติสำมำรถด ำเนินกำรผ่ำนทำงระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือระบบเทคโนโลยีสำรสนเทศอื่นได้ ซึ่งจะ สอดคล้องกับระเบียบวุฒิสภำว่ำด้วยกำรเสนอญัตติ กำรเสนอค ำแปรญัตติ กำรยื่นกระทู้ถำม และกำร
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๓๗๑ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ขอเปิดอภิปรำยทั่วไปของสมำชิกวุฒิสภำทำงไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์หรือทำงเทคโนโลยีสำรสนเทศอื่น พ.ศ. ๒๕๖๓ ด้วย ๓) กรณีที่ร่ำงพระรำชบัญญัติใดเป็นเรื่องด่วนที่จ ำเป็นต้องมีกำรพิจำรณำโดยเร็ว สภำผู้แทนรำษฎรหรือรัฐสภำอำจเสนอให้มีกำรก ำหนดระยะเวลำกำรรับค ำแปรญัตติที่เกินกว่ำเจ็ดวัน นับแต่วันถัดจำกวันที่สภำรับหลักกำรแห่งร่ำงพระรำชบัญญัติก็ได้ โดยอำจก ำหนดเพิ่มเติมให้ชัดเจนว่ำ ร่ำงพระรำชบัญญัตินั้นมีกำรรับค ำแปรญัตติในวันหยุดรำชกำรหรือไม่ และมีกำรรับค ำแปรญัตติใน ช่วงเวลำใดบ้ำง เป็นต้น ส่วนที่ ๔ การจัดท ารายงานผลการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติหน้ำที่ประกำร ส ำคัญของผู้ช่วยเลขำนุกำรฯ คือ กำรจัดท ำรำยงำนผลกำรพิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัติเสนอต่อ สภำผู้แทนรำษฎรหรือที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภำ ซึ่งกำรด ำเนินกำรดังกล่ำวจะต้องตรวจสอบกำร สงวนควำมเห็นของกรรมำธิกำร กำรสงวนค ำแปรญัตติของผู้เสนอค ำแปรญัตติ ให้ถูกต้องและชัดเจน รวมทั้งต้องตรวจสอบกำรแก้ไขเพิ่มเติมร่ำงกฎหมำยให้ถูกต้องตำมหลักวิชำกำร และหำกร่ำงกฎหมำย ฉบับใดมีข้อสังเกตก็ต้องตรวจสอบให้ครบถ้วนว่ำข้อสังเกตนั้นมีขึ้นเพื่อให้หน่วยงำนใดทรำบหรือ ด ำเนินกำรอย่ำงไรต่อไป นอกจำกนี้ รูปแบบกำรในกำรจัดท ำรำยงำนก็มีควำมส ำคัญ เนื่องจำก กฎหมำยที่เกี่ยวกับกำรปฏิรูปประเทศถือเป็นเรื่องใหม่ที่ยังไม่มีกำรก ำหนดรูปแบบกำรจัดท ำรำยงำนที่ ชัดเจน เช่น กำรเพิ่มหัวข้อ “ผลกำรด ำเนินกำรตำมมำตรำ ๗๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย” เข้ำไปในรำยงำนของคณะกรรมำธิกำร ยังมีควำมแตกต่ำงในกำรด ำเนินกำรของคณะกรรมำธิกำร แต่ละคณะ ดังนั้น ส ำนักกรรมำธิกำร ๑ ส ำนักกรรมำธิกำร ๒ และส ำนักกรรมำธิกำร ๓ ในฐำนะที่ เป็นผู้รับผิดชอบหลักในกำรปฏิบัติหน้ำที่ฝ่ำยเลขำนุกำรคณะกรรมำธิกำร ควรปรึกษำหำรือกันเพื่อ ก ำหนดรูปแบบกำรจัดท ำรำยงำนผลกำรพิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัติที่เกี่ยวกับกำรปฏิรูปประเทศให้ เกิดควำมชัดเจนและมีควำมเป็นเอกภำพยิ่งขึ้น ๔ บทสรุปและอภิปรายผล ๔.๑ บทสรุป จ ำกก ำ รที่ผู้ศึกษ ำได้ รับก ำ รแต่งตั้งให้ปฏิบัติหน้ ำที่ผู้ช่ ว ยเลข ำนุก ำ รใน คณะกรรมำธิกำรวิสำมัญพิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมำยวิธีพิจำรณำ ควำมแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (หลักเกณฑ์และวิธีกำรไกล่เกลี่ยข้อพิพำทก่อนฟ้องคดี) รัฐสภำ พบว่ำ ร่ำงพระรำชบัญญัติดังกล่ำวเป็นร่ำงพระรำชบัญญัติที่ตรำขึ้นตำมบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ หมวด ๑๖ กำรปฏิรูปประเทศ ซึ่งมีกระบวนกำรเสนอและกำรพิจำรณำร่ำงกฎหมำยที่แตกต่ำงไปจำกร่ำง กฎหมำยทั่วไป กล่ำวคือ ต้องเสนอและพิจำรณำร่ำงกฎหมำยเกี่ยวกับกำรปฏิรูปประเทศในที่ประชุม ร่วมกันของรัฐสภำ ขณะที่ร่ำงกฎหมำยทั่วไปต้องเสนอผ่ำนสภำผู้แทนรำษฎรก่อนแล้วจึงเสนอเข้ำสู่ กำรพิจำรณำของวุฒิสภำ ท ำให้แนวทำงในกำรปฏิบัติหน้ำที่ผู้ช่วยเลขำนุกำรในคณะกรรมำธิกำร มีควำมแตกต่ำงไปจำกเดิมบำงประกำร ประกอบกับร่ำงพระรำชบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับกำรปฏิรูป
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๓๗๒ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ประเทศฉบับนี้ได้มีกำรเสนอและพิจำรณำในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภำเป็นฉบับแรก ท ำให้ยังไม่มี แนวทำงในกำรปฏิบัติหน้ำที่ของผู้ช่วยเลขำนุกำรในคณะกรรมำธิกำรในกรณีดังกล่ำว นอกจำกนี้ เมื่อพิจำรณำถอดบทเรียนจำกกำรปฏิบัติหน้ำที่ผู้ช่วยเลขำนุกำรในคณะกรรมำธิกำรวิสำมัญพิจำรณำ ร่ำงพระรำชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมำยวิธีพิจำรณำควำมแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (หลักเกณฑ์และวิธีกำรไกล่เกลี่ยข้อพิพำทก่อนฟ้องคดี) ท ำให้พบปัญหำและอุปสรรคในกำรปฏิบัติ หน้ำที่หลำยประกำร ซึ่งท ำให้กำรสนับสนุนคณะกรรมำธิกำรในกำรพิจำรณำร่ำงกฎหมำยดังกล่ำวไม่มี ประสิทธิภำพเท่ำที่ควร จำกสภำพปัญหำที่เกิดขึ้นจึงเห็นว่ำ ควรมีกำรจัดท ำแนวทำงกำรพัฒนำกำรปฏิบัติ หน้ำที่ผู้ช่วยเลขำนุกำรในคณะกรรมำธิกำรในกำรพิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัติที่จะตรำขึ้นเพื่อ ด ำเนินกำรตำมรัฐธรรมนูญ หมวด ๑๖ กำรปฏิรูปประเทศ เพื่อเป็นแนวทำงในกำรปฏิบัติหน้ำที่ของ ผู้ช่วยเลขำนุกำรในคณะกรรมำธิกำรในกำรพิจำรณำร่ำงกฎหมำย โดยเฉพำะกำรพิจำรณำ ร่ำงพระรำชบัญญัติที่จะตรำขึ้นตำมบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญเรื่องกำรปฏิรูปประเทศ ซึ่งแนวทำงกำร ปฏิบัติหน้ำที่ดังกล่ำวควรมีสำระส ำคัญเกี่ยวกับอ ำนำจหน้ำที่ของผู้ช่วยเลขำนุกำรในคณะกรรมำธิกำร สำระส ำคัญของกฎหมำยที่เกี่ยวกับกำรปฏิรูปประเทศ กระบวนกำรเสนอและพิจำรณำร่ำงกฎหมำยที่ เกี่ยวกับกำรปฏิรูปประเทศ และผลกำรศึกษำจำกกำรวิเครำะห์สภำพปัญหำและอุปสรรคที่เกิดขึ้นจำก กำรปฏิบัติหน้ำที่ผู้ช่วยเลขำนุกำรในคณะกรรมำธิกำรวิสำมัญพิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัติแก้ไข เพิ่มเติมประมวลกฎหมำยวิธีพิจำรณำควำมแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (หลักเกณฑ์และวิธีกำรไกล่เกลี่ย ข้อพิพำทก่อนฟ้องคดี) พบว่ำ ในประเด็นว่ำร่ำงพระรำชบัญญัติใดเป็นร่ำงกฎหมำยเกี่ยวกับกำรปฏิรูป ประเทศหรือไม่อำจพิจำรณำหลักกำรและเหตุผล และเนื้อหำของร่ำงพระรำชบัญญัตินั้นว่ำ หลักกำร และเหตุผลของร่ำงพระรำชบัญญัติดังกล่ำวเป็นไปตำมควำมมุ่งหมำยและค ำอธิบำยประกอบของ รัฐธรรมนูญ หมวด ๑๖ กำรปฏิรูปประเทศหรือไม่และเป็นร่ำงพระรำชบัญญัติที่คณะรัฐมนตรีเห็นว่ำ เป็นร่ำงพระรำชบัญญัติที่จะตรำขึ้นเพื่อด ำเนินกำรตำมหมวด ๑๖ กำรปฏิรูปประเทศ และได้แจ้งให้ ประธำนรัฐสภำทรำบพร้อมกับกำรเสนอร่ำงพระรำชบัญญัตินั้นตำมรัฐธรรมนูญมำตรำ ๒๗๐ วรรคสำมหรือไม่ ส่วนประเด็นก ำหนดระยะเวลำในกำรยื่นและรับค ำแปรญัตติที่นั้น ในทำงปฏิบัติจะมี สมำชิกรัฐสภำยื่นค ำแปรญัตติในช่วงเวลำนอกรำชกำรหรือช่วงวันหยุดรำชกำร ท ำให้ไม่สำมำรถรับ ค ำแปรญัตติไว้ได้ จึงควรมีกำรแก้ไขข้อบังคับกำรประชุมรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยก ำหนดให้กำรเสนอ ค ำแปรญัตติต้องกระท ำล่วงหน้ำภำยในก ำหนดเจ็ดวันท ำกำรนับแต่วันถัดจำกวันที่รัฐสภำรับหลักกำร แห่งร่ำงพระรำชบัญญัติ หรืออำจให้สภำผู้แทนรำษฎรและรัฐสภำออกระเบียบเพื่อก ำหนดให้กำร เสนอค ำแปรญัตติสำมำรถด ำเนินกำรผ่ำนระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือระบบเทคโนโลยีสำรสนเทศอื่นได้ ด้วย ส่วนประเด็นเกี่ยวกับกำรจัดท ำรำยงำนผลกำรพิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัติซึ่งถือเป็นเอกสำร ส ำคัญในกำรพิจำรณำร่ำงกฎหมำยนั้น ควรก ำหนดรูปแบบกำรจัดท ำรำยงำนผลกำรพิจำรณำร่ำง พระรำชบัญญัติที่ตรำขึ้นเพื่อด ำเนินกำรตำมรัฐธรรมนูญ หมวด ๑๖ กำรปฏิรูปประเทศ ให้มีควำม ชัดเจน โดยส ำนักกรรมำธิกำร ๑ ส ำนักกรรมำธิกำร ๒ และส ำนักกรรมำธิกำร ๓ ในฐำนะผู้รับผิดชอบ
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๓๗๓ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร หลักในกำรเป็นฝ่ำยเลขำนุกำรในคณะกรรมำธิกำร ควรประชุมปรึกษำหำรือกันเพื่อก ำหนดแนวทำง และรูปแบบของกำรจัดท ำรำยงำนผลกำรพิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัติที่เกี่ยวกับกำรปฏิรูปประเทศ ให้เกิดควำมชัดเจนและมีควำมเป็นเอกภำพ ทั้งนี้ แนวทำงกำรพัฒนำกำรปฏิบัติหน้ำที่ผู้ช่วยเลขำนุกำรในคณะกรรมำธิกำรในกำร พิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัติที่จะตรำขึ้นเพื่อด ำเนินกำรตำมรัฐธรรมนูญ หมวด ๑๖ กำรปฏิรูป ประเทศ ข้ำงต้นจะช่วยให้ผู้ที่ปฏิบัติหน้ำที่สนับสนุนกำรร่ำงกฎหมำยเกี่ยวกับกำรปฏิรูปประเทศ มีแนวทำงในกำรปฏิบัติหน้ำที่ผู้ช่วยเลขำนุกำรในคณะกรรมำธิกำร ในกำรพิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัติ ที่ตรำขึ้นเพื่อด ำเนินกำรตำมรัฐธรรมนูญ หมวด ๑๖ กำรปฏิรูปประเทศ ได้อย่ำงมีประสิทธิภำพ อันส่งผลให้คณะกรรมำธิกำรที่พิจำรณำร่ำงกฎหมำยดังกล่ำวสำมำรถตรำกฎหมำยเกี่ยวกับกำรปฏิรูป ประเทศได้สัมฤทธิ์ผลตรงตำมบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ๔.๒ อภิปรายผล กำรจัดท ำแนวทำงกำรพัฒนำกำรปฏิบัติหน้ำที่ผู้ช่วยเลขำนุกำรในคณะกรรมำธิกำรใน กำรพิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัติที่จะตรำขึ้นเพื่อด ำเนินกำรตำมรัฐธรรมนูญ หมวด ๑๖ กำรปฏิรูป ประเทศ ข้ำพเจ้ำได้น ำหลักกฎหมำยที่เกี่ยวข้องมำเป็นหลักในกำรด ำเนินกำร โดยกำรจัดท ำแนวทำง กำรพัฒนำกำรปฏิบัติหน้ำที่ผู้ช่วยเลขำนุกำรในคณะกรรมำธิกำรในกำรพิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัติที่จะ ตรำขึ้นเพื่อด ำเนินกำรตำมรัฐธรรมนูญ หมวด ๑๖ กำรปฏิรูปประเทศนี้เกิดจำกกำรศึกษำค้นคว้ำ และรวบรวมข้อมูลด้ำนวิชำกำรและกฎหมำยที่เกี่ยวข้องกับกำรพิจำรณำร่ำงกฎหมำยในขั้นของ คณะกรรมำธิกำร ได้แก่ รัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พุทธศักรำช ๒๕๖๐ และข้อบังคับกำร ประชุมรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๖๓ ประกอบกับกำรวิเครำะห์สภำพปัญหำและอุปสรรคที่เกิดขึ้นจำกกำร ปฏิบัติหน้ำที่ผู้ช่วยเลขำนุกำรในคณะกรรมำธิกำรวิสำมัญพิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม ประมวลกฎหมำยวิธีพิจำรณำควำมแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (หลักเกณฑ์และวิธีกำรไกล่เกลี่ยข้อพิพำท ก่อนฟ้องคดี) ซึ่งเป็นประสบกำรณ์ที่เกิดขึ้นจริงจำกกำรปฏิบัติหน้ำที่ ทั้งนี้ แนวทำงกำรพัฒนำกำรปฏิบัติ หน้ำที่ผู้ช่วยเลขำนุกำรในคณะกรรมำธิกำรในกำรพิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัติที่จะตรำขึ้นเพื่อ ด ำเนินกำรตำมรัฐธรรมนูญ หมวด ๑๖ กำรปฏิรูปประเทศ ได้น ำหลักกฎหมำยที่เกี่ยวข้องมำใช้ ด ำเนินกำร ดังนี้ ผู้ศึกษำได้น ำรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พุทธศักรำช ๒๕๖๐ และข้อบังคับ กำรประชุมรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๖๓ มำใช้ประกอบกำรจัดท ำขั้นตอนกำรปฏิบัติหน้ำที่ผู้ช่วยเลขำนุกำร และกำรพิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัติที่จะตรำขึ้นเพื่อด ำเนินกำรตำมรัฐธรรมนูญ หมวด ๑๖ กำรปฏิรูปประเทศ ส่วนกำรพิจำรณำว่ำร่ำงพระรำชบัญญัติที่เสนอต่อรัฐสภำเป็นร่ำงพระรำชบัญญัติ ที่เกี่ยวข้องกับกำรปฏิรูปประเทศหรือไม่ ข้ำพเจ้ำได้น ำรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พุทธศักรำช ๒๕๖๐ ข้อบังคับกำรประชุมรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๖๓ และเอกสำรควำมมุ่งหมำยและค ำอธิบำยประกอบ ของรัฐธรรมนูญ หมวด ๑๖ กำรปฏิรูปประเทศ (คณะกรรมกำรร่ำงรัฐธรรมนูญ, ๒๕๖๒ น.๔๖๑) มำใช้พิจำรณำหลักกำรและเหตุผลของร่ำงพระรำชบัญญัตินั้น ส ำหรับแนวทำงกำรพัฒนำกำรปฏิบัติ
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๓๗๔ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร หน้ำที่ของผู้ช่วยเลขำนุกำร ในส่วนที่เกี่ยวกับกำรพิจำรณำค ำแปรญัตติ มีประเด็นส ำคัญเกี่ยวกับเรื่อง ก ำหนดระยะเวลำในกำรเสนอค ำแปรญัตติที่ตรงกับช่วงวันหยุดรำชกำร ข้ำพเจ้ำจึงได้เสนอแนวทำงกำร แก้ไขปัญหำดังกล่ำวโดยกำรเสนอให้สภำผู้แทนรำษฎรหรือรัฐสภำออกระเบียบเพื่อก ำหนดให้กำร เสนอค ำแปรญัตติสำมำรถด ำเนินกำรผ่ำนระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือระบบเทคโนโลยีสำรสนเทศอื่นได้ โดยเทียบเคียงหลักกำรจำกระเบียบของวุฒิสภำ และในกำรจัดท ำรำยงำนผลกำรพิจำรณำ ร่ำงพระรำชบัญญัติที่จะตรำขึ้นเพื่อด ำเนินกำรตำมรัฐธรรมนูญ หมวด ๑๖ กำรปฏิรูปประเทศ ซึ่งต้อง ตรวจสอบกำรสงวนควำมเห็นของกรรมำธิกำรและกำรสงวนค ำแปรญัตติของผู้เสนอค ำแปรญัตติให้ ถูกต้องและชัดเจน รวมทั้งต้องตรวจสอบกำรแก้ไขเพิ่มเติมร่ำงกฎหมำยให้ถูกต้องตำมหลักวิชำกำร และรูปแบบในกำรจัดท ำรำยงำนผลกำรพิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัติ (คณะท ำงำนปรับปรุงคู่มือตำม โครงกำรสัมมนำเชิงปฏิบัติกำรเพื่อเสริมสร้ำงควำมรู้ ควำมเข้ำใจเกี่ยวกับกำรปฏิบัติหน้ำที่ฝ่ำย เลขำนุกำรในคณะกรรมำธิกำร, ๒๕๕๗, น.๕-๒) ได้น ำข้อบังคับกำรประชุมรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๖๓ มำใช้ เป็นหลักในกำรด ำเนินกำรด้วย ดังนั้น กำรจัดท ำแนวทำงกำรพัฒนำกำรปฏิบัติหน้ำที่ผู้ช่วยเลขำนุกำรใน คณะกรรมำธิกำรในกำรพิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัติที่จะตรำขึ้นเพื่อด ำเนินกำรตำมรัฐธรรมนูญ หมวด ๑๖ กำรปฏิรูปประเทศ ข้ำพเจ้ำได้ใช้หลักกฎหมำยที่เกี่ยวข้องมำพิจำรณำประกอบกัน ซึ่งจะ ท ำให้แนวทำงกำรพัฒนำกำรปฏิบัติหน้ำที่ผู้ช่วยเลขำนุกำรฯ มีเนื้อหำที่สมบูรณ์ มีกำรอ้ำงอิง แหล่งที่มำของข้อมูลอย่ำงชัดเจน และน ำไปใช้เป็นแนวทำงส ำหรับกำรปฏิบัติหน้ำที่ผู้ช่วยเลขำนุกำร ในคณะกรรมำธิกำรในกำรพิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัติที่จะตรำขึ้นเพื่อด ำเนินกำรตำมรัฐธรรมนูญ หมวด ๑๖ กำรปฏิรูปประเทศ ได้จริงต่อไป ๕ ข้อเสนอแนะ ๕.๑ ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย ๑) ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎรควรจัดท ำแผนพัฒนำศักยภำพของบุคลำกร และจัดให้มีกำรฝึกอบรมเชิงปฏิบัติกำรส ำหรับผู้ด ำรงต ำแหน่งนิติกร วิทยำกร หรือบุคคลที่ปฏิบัติ หน้ำที่ผู้ช่วยเลขำนุกำรในคณะกรรมำธิกำรในกำรพิจำรณำร่ำงกฎหมำยอย่ำงสม่ ำเสมอ โดยมีกำร อบรมเกี่ยวกับกำรจัดท ำเอกสำรทำงวิชำกำรเพื่อประกอบกำรพิจำรณำของคณะกรรมำธิกำร กำรให้ ควำมเห็นทำงกฎหมำย กำรเขียนงำนทำงวิชำกำร รวมถึงทักษะในกำรเสนอควำมเห็นต่อที่ประชุม คณะกรรมำธิกำรหรือกำรกล่ำวในที่ชุมชน เป็นต้น ๒) ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎรควรพิจำรณำเรื่องกำรมอบหมำยภำรกิจใน กำรสนับสนุนคณะกรรมำธิกำรในกำรพิจำรณำร่ำงกฎหมำยที่เกี่ยวข้องกับกำรปฏิรูปประเทศให้มี ควำมชัดเจน เนื่องจำกในอนำคตกฎหมำยเกี่ยวกับกำรปฏิรูปประเทศจะเข้ำสู่กำรพิจำรณำของ ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภำมำกยิ่งขึ้น จึงมีควรมีกำรวำงแผนรองรับภำรกิจดังกล่ำวไว้ด้วย
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๓๗๕ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ๕.๒ ข้อเสนอแนะเชิงวิชาการ ๑) ควรมีกำรส่งเสริมและสนับสนุนให้มีกำรจัดแนวทำงหรือท ำคู่มือกำรปฏิบัติหน้ำที่ ผู้ช่วยเลขำนุกำรในคณะกรรมำธิกำรในกำรพิจำรณำร่ำงกฎหมำย โดยเฉพำะกำรปฏิบัติหน้ำที่ ผู้ช่วยเลขำนุกำรในคณะกรรมำธิกำรในกำรพิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัติที่จะตรำขึ้นเพื่อด ำเนินกำร ตำมรัฐธรรมนูญ หมวด ๑๖ กำรปฏิรูปประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องใหม่ส ำหรับกำรเสนอและพิจำรณำร่ำง กฎหมำยดังกล่ำวในชั้นคณะกรรมำธิกำรและในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภำ ๒) ปัญหำเรื่องก ำหนดระยะเวลำในกำรยื่นและรับค ำแปรญัตติที่ตรงกับวันหยุดรำชกำร หรือช่วงเทศกำลวันหยุดประจ ำปี อำจแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับกำรประชุมรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๖๓ และข้อบังคับกำรประชุมสภำผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยก ำหนดให้สมำชิกเสนอค ำแปรญัตติ ล่วงหน้ำเป็นหนังสือต่อประธำนคณะกรรมำธิกำรภำยในก ำหนดเจ็ดวันท ำกำรนับแต่วันถัดจำกวันที่ สภำรับหลักกำรแห่งร่ำงพระรำชบัญญัตินั้น เพื่อให้เกิดควำมชัดเจนในทำงปฏิบัติ นอกจำกนี้ ควรยก ร่ำงระเบียบหรือประกำศรัฐสภำ หรือร่ำงระเบียบหรือประกำศสภำผู้แทนรำษฎร เพื่อก ำหนด หลักเกณฑ์เกี่ยวกับกำรเสนอค ำแปรญัตติทำงไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์หรือช่องทำงเทคโนโลยี สำรสนเทศอื่นได้ ซึ่งจะสอดคล้องกับระเบียบวุฒิสภำว่ำด้วยกำรเสนอญัตติ กำรเสนอค ำแปรญัตติ กำรยื่นกระทู้ถำม และกำรขอเปิดอภิปรำยทั่วไป ของสมำชิกวุฒิสภำทำงไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ หรือทำงเทคโนโลยีสำรสนเทศอื่น พ.ศ. ๒๕๖๓ ๓) ควรมีกำรก ำหนดรูปแบบกำรจัดท ำรำยงำนกำรพิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัติให้ เป็นไปในทิศทำงเดียวกันทั้งส ำนักกรรมำธิกำร ๑ ส ำนักกรรมำธิกำร ๒ และส ำนักกรรมำธิกำร ๓ เพื่อให้เกิดควำมเป็นเอกภำพในกำรปฏิบัติงำน โดยเฉพำะกำรจัดท ำรำยงำนกำรพิจำรณำร่ำง พระรำชบัญญัติที่จะตรำขึ้นเพื่อด ำเนินกำรตำมรัฐธรรมนูญ หมวด ๑๖ กำรปฏิรูปประเทศ ซึ่งเป็น เรื่องใหม่ที่จ ำเป็นต้องมีกำรก ำหนดรูปแบบของรำยงำนให้ชัดเจนด้วย ๕.๓ ข้อเสนอแนะเชิงปฏิบัติ ๑) ผู้ปฏิบัติหน้ำที่ผู้ช่วยเลขำนุกำรในคณะกรรมำธิกำรที่พิจำรณำร่ำงกฎหมำย เกี่ยวกับกำรปฏิรูปประเทศ ควรมีบทบำทในกำรเสนอควำมเห็นต่อคณะกรรมำธิกำร กรณีมีข้อโต้แย้ง ว่ำร่ำงพระรำชบัญญัติใดเป็นร่ำงพระรำชบัญญัติที่จะตรำขึ้นเพื่อด ำเนินกำรตำมรัฐธรรมนูญ หมวด ๑๖ กำรปฏิรูปประเทศ หรือไม่ โดยอำจจัดท ำเป็นเอกสำรวิชำกำรด้ำนกฎหมำยเพื่อประกอบกำรพิจำรณำ ของคณะกรรมำธิกำร ๒) ประเด็นกำรยื่นค ำแปรญัตติที่อำจขัดต่อหลักกำรของร่ำงกฎหมำย ผู้ปฏิบัติหน้ำที่ ผู้ช่วยเลขำนุกำรในคณะกรรมำธิกำรควรแจ้งหลักเกณฑ์กำรยื่นค ำแปรญัตติตำมข้อบังคับกำรประชุม รัฐสภำให้สมำชิกได้ทรำบ และควรตรวจสอบกำรจัดท ำตำรำงแจงค ำแปรญัตติให้รอบคอบก่อนจะ เสนอเอกสำรดังกล่ำวต่อคณะกรรมำธิกำร เพื่อป้องกันปัญหำที่เกิดจำกกำรยื่นค ำแปรญัตติที่อำจขัด ต่อหลักกำรของร่ำงกฎหมำย
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๓๗๖ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ๖. การน าไปใช้ประโยชน์ ๖.๑ บุคคลที่ได้รับกำรแต่งตั้งให้เป็นผู้ช่วยเลขำนุกำรฯ สำมำรถน ำแนวทำงกำร พัฒนำกำรปฏิบัติหน้ำที่ผู้ช่วยเลขำนุกำรในคณะกรรมำธิกำรในกำรพิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัติที่จะ ตรำขึ้นเพื่อด ำเนินกำรตำมรัฐธรรมนูญ หมวด ๑๖ กำรปฏิรูปประเทศ ไปปฏิบัติหน้ำที่ผู้ช่วยเลขำนุกำร ในคณะกรรมำธิกำรในกำรพิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัติที่จะตรำขึ้นเพื่อด ำเนินกำรตำมรัฐธรรมนูญ หมวด ๑๖ กำรปฏิรูปประเทศ ได้อย่ำงถูกต้อง รวดเร็ว และมีประสิทธิภำพ ๖.๒ มีแนวทำงกำรปฏิบัติหน้ำที่ผู้ช่วยเลขำนุกำรในคณะกรรมำธิกำรในกำรพิจำรณำ ร่ำงพระรำชบัญญัติที่จะตรำขึ้นเพื่อด ำเนินกำรตำมรัฐธรรมนูญ หมวด ๑๖ กำรปฏิรูปประเทศ ซึ่งสำมำรถน ำแนวทำงกำรพัฒนำกำรปฏิบัติหน้ำที่ดังกล่ำวไปใช้สนับสนุนงำนของคณะกรรมำธิกำรใน กำรร่ำงกฎหมำยเกี่ยวกับกำรปฏิรูปประเทศ ท ำให้คณะกรรมำธิกำรมีควำมพึงพอใจในกำรปฏิบัติ หน้ำที่ของฝ่ำยเลขำนุกำรในคณะกรรมำธิกำรได้ ๖.๓ เอกสำรแนวทำงกำรพัฒนำกำรปฏิบัติหน้ำที่ผู้ช่วยเลขำนุกำรในคณะกรรมำธิกำร ในกำรพิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัติที่จะตรำขึ้นเพื่อด ำเนินกำรตำมรัฐธรรมนูญ หมวด ๑๖ กำรปฏิรูปประเทศ สำมำรถช่วยแก้ไขปัญหำในทำงปฏิบัติที่เกิดขึ้นกับกำรพิจำรณำร่ำงกฎหมำย เกี่ยวกับกำรปฏิรูปประเทศได้โดยผู้ปฏิบัติหน้ำที่ผู้ช่วยเลขำนุกำรในคณะกรรมำธิกำรสำมำรถน ำแนว ทำงกำรปฏิบัติหน้ำที่ดังกล่ำวไปศึกษำและปรับใช้กับขั้นตอนกำรปฏิบัติหน้ำที่ผู้ช่วยเลขำนุกำรฯ ใน ร่ำงกฎหมำยปฏิรูปประเทศ รวมทั้งกำรจัดท ำเอกสำรประกอบกำรพิจำรณำของคณะกรรมำธิกำร กำร ตั้งข้อซักถำมของกรรมำธิกำรในประเด็นปัญหำข้อกฎหมำยต่ำง ๆ ตลอดจนกำรจัดท ำรำยงำนผลกำร พิจำรณำร่ำงกฎหมำยของคณะกรรมำธิกำรเพื่อเสนอต่อที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภำ ให้เป็นไปด้วย ควำมเรียบร้อยและครบถ้วนถูกต้องด้วย นำยนฤพนธ์ ธุลีจันทร์ นิติกรช ำนำญกำร กลุ่มงำนบริกำรเอกสำรอ้ำงอิง ส ำนักกรรมำธิกำร ๒
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๓๗๗ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร การน าเทคโนโลยีสารสนเทศมาพัฒนากระบวนการรับค าแปรญัตติ ๑. ความเป็นมาและความส าคัญของปัญหา ในการเสนอร่างกฎหมายระดับพระราชบัญญัติจ าเป็นต้องเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาถึงหลักการและเหตุผล ความเหมาะสมและความถูกต้องของร่างกฎหมายฉบับดังกล่าว เมื่อ สภาผู้แทนราษฎรได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติและลงมติเห็นชอบแล้ว สภาผู้แทนราษฎรจะเสนอ ร่างพระราชบัญญัตินั้นต่อวุฒิสภา เพื่อให้ความเห็นชอบต่อไปตามมาตรา 136 ของรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 เพื่อให้การพิจารณาร่างกฎหมายแต่ละฉบับเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทยประกอบกับข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2562 ได้ก าหนดให้สภา ผู้แทนราษฎรมีอ านาจมอบหมายให้คณะกรรมาธิการสามัญหรือตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นเพื่อ พิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าว โดยจะต้องมีการรับค าแปรญัตติจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มิได้ถูก แต่งตั้งเป็นกรรมาธิการเสนอต่อคณะกรรมาธิการ โดยต้องเสนอค าแปรญัตติล่วงหน้าเป็นหนังสือต่อ ประธานคณะกรรมาธิการภายในก าหนด 7 วัน หรือภายในระยะเวลาที่สภาผู้แทนราษฎรก าหนด ในทางปฏิบัติกลุ่มงานที่ได้รับมอบหมายให้เป็นฝ่ายเลขานุการประจ าคณะกรรมาธิการจะ มอบหมายให้นิติกร วิทยากร หรือเจ้าพนักงานธุรการผลัดเปลี่ยนกันปฏิบัติหน้าที่รับค าแปรญัตติณ บริเวณที่ก าหนดภายในอาคารรัฐสภา ท าให้สูญเสียทรัพยากรบุคคลภายในส่วนงาน ด้วยยุคสมัยที่ เปลี่ยนแปลงไปส่งผลให้ปัจจุบันมีเครื่องมือและเทคโนโลยีดิจิทัลที่มีความก้าวหน้า สามารถอ านวยความ สะดวกในการส่งเอกสารต่าง ๆ ซึ่งสามารถน ามาประยุกต์ใช้ เพื่อสร้างระบบปฏิบัติการในการรับค าแปรญัตติผ่าน ระบบออนไลน์ ท าให้สามารถรับค าแปรญัตติได้ตลอดเวลาไม่ว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะอยู่ที่ใด โดย การน าระบบยืนยันตัวตนของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาประกอบการใช้งาน เพื่อเป็นการ ประหยัดเวลา อ านวยความสะดวกแก่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และลดภาระงานของเจ้าหน้าที่ภายใน ส่วนงาน นอกจากนี้ การที่ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๑๒๕ ได้ก าหนดให้ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่จะเสนอค าแปรญัตติต้องด าเนินการเสนอค าแปรญัตติล่วงหน้าเป็นหนังสือ ต่อประธานคณะกรรมาธิการซึ่งเป็นการจ ากัดไว้ว่า การแปรญัตตินั้นต้องจัดท าเป็นเอกสารเท่านั้น ท า ให้ต้องมีการเก็บรักษาเอกสารหนังสือดังกล่าวเพื่อน าเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญต่อไป เทคโนโลยีปัจจุบันท าให้สามารถสแกนเอกสารดังกล่าวเพื่อจัดเก็บไว้ในรูปแบบไฟล์เอกสารดิจิทัล ท าให้สามารถน าไปใช้ในระบบดิจิทัลผ่านอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้เช่นนี้แล้ว การที่ข้อบังคับการประชุมสภา ผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๑๒๕ ก าหนดให้ต้องด าเนินการเสนอค าแปรญัตติล่วงหน้าเป็นหนังสือ เพียงอย่างเดียวนั้นอาจเป็นการจ ากัดมากจนเกินไป และไม่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพสังคม สมัยใหม่ จึงควรมีการแก้ไขข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๑๒๕ ให้สามารถยื่น ค าแปรญัตติผ่านระบบออนไลน์เพื่อเป็นการอ านวยความสะดวกแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ในการจัดเก็บ เอกสาร และเพื่อเป็นการปรับตัวให้สอดคล้องกับสภาพสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงไปสอดคล้องกับ วิสัยทัศน์ของส านักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร “รัฐสภาสามารถ” (SMART Parliament) ใน
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๓๗๘ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร การผลักดันองค์กรให้มีการบริหารจัดการด้วยระบบที่ทันสมัย มีขีดความสามารถและมีสมรรถนะสูง พร้อมปรับเปลี่ยนไปสู่รัฐสภาดิจิทัล มีคุณธรรม จริยธรรม และความโปร่งใส เพื่อสนับสนุนงานของสถาบัน นิติบัญญัติให้มีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และเกิดประโยชน์สุขต่อประชาชน ๒. กฎหมาย กฎ ระเบียบ และยุทธศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง 2.2.1 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาญาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 129 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า “สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภามีอ านาจเลือกสมาชิกของ แต่ ละสภาตั้งเป็นคณะกรรมาธิการสามัญ และมีอ านาจเลือกบุคคลผู้เป็นสมาชิกหรือมิได้เป็นสมาชิก ตั้งเป็น คณะกรรมาธิการวิสามัญหรือคณะกรรมาธิการร่วมกันตามมาตรา ๑๓๗ เพื่อกระท ากิจการพิจารณา สอบหาข้อเท็จจริงหรือศึกษาเรื่องใด ๆ และรายงานให้สภาทราบตามระยะเวลาที่สภาก าหนด” 2.2.2 ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ 125 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า “การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติในชั้นคณะกรรมาธิการ ที่สภาตั้ง สมาชิกผู้ใดเห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมร่างพระราชบัญญัติ ก็ให้เสนอค าแปรญัตติล่วงหน้าเป็น หนังสือต่อประธานคณะกรรมาธิการภายในก าหนดเจ็ดวันนับแต่วันถัดจากวันที่สภารับหลักการแห่งร่าง พระราชบัญญัติ เว้นแต่สภาจะได้ก าหนดเวลาแปรญัตติส าหรับร่างพระราชบัญญัตินั้นไว้เป็นอย่างอื่น” 2.2.3 ยุทธศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง 1) หลักธรรมาภิบาล คือ การบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี (Good Governance) หมายถึง การบริหารกิจการบ้านเมืองและสังคมที่ดีเป็นแนวทางส าคัญในการจัดระเบียบให้สังคมรัฐ ภาคธุรกิจ เอกชน และภาคประชาชน ซึ่งครอบคลุมถึงฝ่ายวิชาการ ฝ่ายปฏิบัติการ ฝ่ายราชการ และฝ่ายธุรกิจ สามารถอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข มีความรู้รักสามัคคีและร่วมกันเป็นพลังก่อให้เกิดการพัฒนาอย่าง ยั่งยืน และเป็นส่วนเสริมความเข้มแข็งหรือสร้างภูมิคุ้มกันแก่ประเทศ เพื่อบรรเทาป้องกันหรือแก้ไข เยียวยาภาวะวิกฤต ภยันตราย ที่อาจจะมีขึ้นในอนาคต เพราะสังคมจะรู้สึกถึงความยุติธรรม ความ โปร่งใส และความมีส่วนร่วม อันเป็นคุณลักษณะส าคัญของศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และการปกครอง แบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข สอดคล้องกับความเป็นไทย รัฐธรรมนูญ และกระแสโลกยุคปัจจุบัน มีองค์ประกอบที่ส าคัญ 6 ประการ ดังนี้ (1) หลักนิติธรรม คือ การตรากฎหมาย กฎ ระเบียบข้อบังคับและกติกาต่าง ๆ ให้ทันสมัยและเป็นธรรมตลอดจนเป็นที่ยอมรับของสังคมและสมาชิก โดยมีการยินยอมพร้อมใจและ ถือปฏิบัติร่วมกันอย่างเสมอภาคและเป็นธรรม กล่าวโดยสรุป คือ สถาปนาการปกครองภายใต้ กฎหมาย มิใช่กระท ากันตามอ าเภอใจหรืออ านาจบุคคล (2) หลักคุณธรรม คือ การยึดถือและเชื่อมั่นในความถูกต้องดีงาม โดยการรณรงค์เพื่อ สร้างค่านิยมที่ดีงามให้ผู้ปฏิบัติงานในองค์กรหรือสมาชิกของสังคมถือปฏิบัติ ได้แก่ ความซื่อสัตย์สุจริต ความเสียสละ ความอดทนขยันหมั่นเพียร ความมีระเบียบวินัย เป็นต้น (3) หลักความโปร่งใส คือ การท าให้สังคมไทยเป็นสังคมที่เปิดเผยข้อมูลข่าวสาร อย่างตรงไปตรงมาและสามารถตรวจสอบความถูกต้องได้ โดยการปรับปรุงระบบและกลไกการท างาน
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๓๗๙ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ขององค์กรให้มีความโปร่งใส มีการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารหรือเปิดให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูล ข่าวสารได้สะดวก ตลอดจนมีระบบหรือกระบวนการตรวจสอบและประเมินผลที่มีประสิทธิภาพ ซึ่ง จะเป็นการสร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกัน และช่วยให้การท างานของภาครัฐและภาคเอกชนปลอด จากการทุจริตคอร์รัปชัน (4) หลักความมีส่วนร่วม คือ การท าให้สังคมไทยเป็นสังคมที่ประชาชนมีส่วนร่วมรับรู้ และร่วมเสนอความเห็นในการตัดสินใจส าคัญ ๆ ของสังคม โดยเปิดโอกาสให้ประชาชน มีช่องทางในการเข้ามามีส่วนร่วม ได้แก่ การแจ้งความเห็น การไต่สวนสาธารณะ การประชาพิจารณ์การ แสดงประชามติ หรืออื่น ๆ และขจัดการผูกขาดทั้งโดยภาครัฐหรือภาคธุรกิจเอกชน ซึ่งจะช่วยให้เกิด ความสามัคคี และความร่วมมือกันระหว่างภาครัฐและภาคธุรกิจเอกชน (5) หลักความรับผิดชอบ ผู้บริหารตลอดจนคณะข้าราชการทั้งฝ่ายการเมืองและ ข้าราชการประจ าต้องตั้งใจปฏิบัติหน้าที่อย่างดียิ่ง โดยมุ่งให้บริการแก่ผู้มารับบริการ เพื่ออ านวยความ สะดวกต่าง ๆ มีความรับผิดชอบต่อความบกพร่องในหน้าที่การงานที่ตนรับผิดชอบอยู่และพร้อมที่จะ ปรับปรุงแก้ไขได้ทันที (6) หลักความคุ้มค่า ผู้บริหารต้องตระหนักว่ามีทรัพยากรค่อนข้างจ ากัด ดังนั้นใน การบริหารจัดการจ าเป็นจะต้องยึดหลักความประหยัดและความคุ้มค่า ซึ่งจ าเป็นจะต้องตั้ง จุดมุ่งหมายไปที่ผู้รับบริการหรือประชาชนโดยส่วนรวม 2) วิสัยทัศน์ของส านักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร “รัฐสภาสามารถ” SMART Parliament ผลักดันองค์กรให้มีก ารบริหารจัดการด้วยระบบที่ทันสมัย มีขีดความสามารถ และ สมรรถนะสูง พร้อมปรับเปลี่ยนไปสู่รัฐสภาดิจิทัล มีคุณธรรม จริยธรรม และความโปร่งใส เพื่อสนับสนุนงานของสถาบันนิติบัญญัติให้มีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และเกิดประโยชน์สุขต่อ ประชาชน ซึ่งประกอบไปด้วย S - Sophisticated สมรรถนะสูง เป็นองค์กรที่มีบุคลากรมีความรอบรู้ มีทักษะ มี สมรรถนะสูง มีความเชี่ยวชาญเป็นมืออาชีพด้านนิติบัญญัติ และสามารถปรับตัวเพื่อตอบสนองต่อการ เปลี่ยนแปลง ต่อสถานการณ์ในประเทศและสถานการณ์โลกได้อย่างยั่งยืน (Sustainable Risk and Change Management) M - Moral & Ethics มุ่งคุณธรรม เป็นองค์กรที่ยึดมั่นคุณธรรมและจริยธรรม มี ค่านิยมและวัฒนธรรมองค์กรที่ดีมีความผาสุกในการปฏิบัติงาน A - Accountability & Transparency ผู้น าความโปร่งใส เป็นองค์กรธรรมาภิบาล (Good Governance) ที่มีการบริหารจัดการองค์กรตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี ค านึงถึง หลักความเสี่ยง และผลกระทบต่อสังคม หลักความคุ้มค่า หลักการมีส่วนร่วม และความรับผิดชอบยึดมั่นความ โปร่งใสและตรวจสอบได้ R- Resilient & Competitive ปรับตัวพร้อมแข่งขัน เป็นองค์กรที่ตอบสนองทันต่อ การเปลี่ยนแปลง และมีความสามารถในการแข่งขันตามระบบราชการ 4.0 คือ มีการท างานอย่างเปิด กว้างและเชื่อมโยงถึงกัน (Open & Connected Government) มีการท างานโดยยึดประชาชนเป็น
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๓๘๐ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ศูนย์กลาง (Citizen-Centric Government) มีการสานพลังภาคีและเครือข่ายกับทุกภาคส่วนทั้งใน และต่างประเทศ (Collaboration) T - Technology & Digital Transformation ส ร้ า ง ส ร ร ค์ เ ท ค โ น โ ล ยี เป็นองค์กรรัฐสภาดิจิทัล ที่สามารถสร้างสรรค์และใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัล นวัตกรรม ข้อมูล สารสนเทศ และทุนมนุษย์ ๓. บทวิเคราะห์ การที่ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ 125 ซึ่งก าหนดให้ การเสนอค าแปรญัตตินั้นจะต้องด าเนินการเสนอล่วงหน้าเป็นหนังสือ กล่าวคือในการเสนอ ค าแปรญัตติต้องมีการจัดท าในรูปแบบเอกสารเท่านั้น โดยในปัจจุบันมีระบบเทคโนโลยีดิจิทัล ที่สามารถจัดส่งเอกสารต่าง ๆ ได้ตลอดเวลาไม่ว่าจะอยู่ ณ สถานที่ใด ในรูปแบบของไฟล์เอกสาร ดิจิทัล ผู้ศึกษาจึงมีความเห็นว่าควรให้มีการน าเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้จัดท าระบบรับ ค าแปรญัตติ ออนไลน์ ท าให้ส านักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเป็นองค์กรที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงทาง สังคม เพื่ออ านวยความสะดวกให้กับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในการยื่นค าแปรญัตติ จึงเห็นควรเสนอ ให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ 125 เพื่อเปลี่ยนแปลง ให้มีการรับค าแปรญัตติเป็นไฟล์เอกสารดิจิทัลแทน เป็นการอ านวยความสะดวกแก่สมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรที่ประสงค์จะเสนอค าแปรญัตติ นอกจากนี้ ในการรับค าแปรญัตติตามที่ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ 125 ได้ก าหนดหลักการไว้ว่า ให้มีการเสนอค าแปรญัตติต่อประธานคณะกรรมาธิการ โดยในทางปฏิบัตินั้นจะมีการด าเนินการโดยจัดให้มีพนักงานเจ้าหน้าที่ในต าแหน่งนิติกรและวิทยากร จากส่วนงานที่รับผิดชอบและเจ้าพนักงานธุรการจากกลุ่มงานบริหารงานทั่วไปผลัดเปลี่ยนกันมา ประจ า ณ บริเวณที่ก าหนดภายในอาคารรัฐสภาเพื่อรอรับค าแปรญัตติ ท าให้ต้องสูญเสียบุคลากร ภายในกลุ่มงาน ส่งผลกระทบต่อการบริหารจัดการปริมาณงานภายในกลุ่มงาน ผู้ศึกษาจึงมีความเห็น ว่าควรน าเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการรับค าแปรญัตติ เพื่อให้สามารถบริหารจัดการพนักงาน เจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นทรัพยากรบุคคลในแต่ละส่วนงานได้อย่างมีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้นตามหลักความ คุ้มค่า เนื่องจากพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นทรัพยากรบุคคลในแต่ละกลุ่มงานนั้นมีจ านวนจ ากัด ผู้บริหารของแต่ละหน่วยงานจึงควรบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลดังกล่าวโดยยึดหลักความประหยัด และความคุ้มค่า เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว เพื่อเป็นการอ านวย ความสะดวกให้กับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามหลักธรรมาภิบาล และยังเป็นไปตามวิสัยทัศน์ของ ส านักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรให้เป็นองค์กรที่มีบุคลากรมีทักษะ มีสมรรถนะสูง มีความเชี่ยวชาญเป็นมืออาชีพด้านนิติบัญญัติ และสามารถปรับตัวเพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลง ต่อสถานการณ์ในประเทศ และสถานการณ์โลกได้อย่างยั่งยืน
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๓๘๑ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ๔. บทสรุปและอภิปรายผล กำรพิจำรณำร่ำงกฎหมำยต่ำง ๆ จ ำเป็นที่จะต้องมีกำรรับฟังควำมคิดเห็นที่หลำกหลำยเพื่อ ใช้ในกำรพิจำรณำผลกระทบที่อำจเกิดขึ้นมิให้ละเมิดต่อสิทธิเสรีภำพของประชำชน จึงต้องจัดให้ มีกำรแปรญัตติเพื่อให้สมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรซึ่งมิได้ถูกแต่งตั้งเป็นคณะกรรมำธิกำรสำมำรถเสนอ ให้มีกำรแก้ไขเพิ่มเติมในร่ำงกฎหมำย เพื่อปรับปรุงให้มีควำมถูกต้องและเหมำะสมแก่สภำพสังคมของ ประเทศไทย โดยก ำหนดให้เสนอค ำแปรญัตติล่วงหน้ำเป็นหนังสือต่อประธำนคณะกรรมำธิกำร ซึ่งในปัจจุบันสำมำรถด ำเนินกำรผ่ำนเทคโนโลยีดิจิทัล จึงเห็นควรให้มีกำรจัดท ำระบบรับค ำแปรญัตติ ออนไลน์ เพื่อเป็นกำรอ ำนวยควำมสะดวกให้แก่สมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรในกำรเสนอค ำแปรญัตติ และผลักดันให้องค์กรมีกำรปรับตัวให้มีขีดควำมสำมำรถที่มำกยิ่งขึ้น ๕. ข้อเสนอแนะ จากที่ได้ท าการศึกษาผู้ศึกษามีความเห็นว่า เนื่องด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปปัจจุบัน มีเทคโนโลยีดิจิทัลที่สามารถน ามาใช้อ านวยความสะดวกแก่การยื่นค าแปรญัตติ ท าให้สามารถ ลดกระบวนการและระยะเวลา เพื่อเป็นการอ านวยความสะดวกให้กับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ ประสงค์จะยื่นค าแปรญัตติและพนักงานเจ้าหน้าที่ในส่วนงานที่เกี่ยวข้องท าให้สามารถปฏิบัติงานได้ อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ทั้งยังเป็นการประหยัดเวลา ท าให้ไม่สูญเสียอัตราก าลังในการปฏิบัติงาน ผู้ศึกษา จึงขอเสนอความเห็นให้มีการแก้ไขในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้ 1. ควรแก้ไขข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ข้อ 125 โดยก าหนดให้การเสนอค าแปร ญัตติจะต้องด าเนินการผ่านระบบออนไลน์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพื่อเป็นการอ านวยความสะดวกให้กับ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรให้สามารถเสนอค าแปรญัตติได้ ๒. ควรจัดท าระบบรับค าแปรญัตติผ่านระบบออนไลน์ โดยออกแบบระบบให้สมาชิก สภาผู้แทนราษฎรสามารถอัพโหลดไฟล์ค าแปรญัตติลงในระบบ เมื่อกดอัพโหลดจะมีการแจ้งเตือนไปยัง เจ้าหน้าที่ในส่วนงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เข้าไปท าการตรวจสอบความถูกต้องของค าแปรญัตติดังกล่าว อัน จะเป็นการอ านวยความสะดวกให้กับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และยังเป็นการอ านวยความสะดวกต่อพนักงาน เจ้าหน้าที่ในส่วนงานที่เกี่ยวข้อง ให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น 3. ควรเชื่อมโยงระบบกับฐานข้อมูลที่มีอยู่เดิมของทางส านักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร อันเป็นการน าฐานข้อมูลรายชื่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาใช้ เพื่อจัดท าระบบยืนยันตัวตน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้สามารถระบุตัวและติดต่อ หากต้องมีการแก้ไขค าแปรญัตติที่ได้มีการ เสนอเข้ามา และเห็นควรให้มีการจัดท าข้อความประชาสัมพันธ์ไว้ที่ด้านหน้าของเว็บไซต์รัฐสภาเพื่อ เป็นการอ านวยความสะดวกให้กับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่จะเสนอความคิดเห็นผ่านการเสนอค า แปรญัตติให้สามารถเข้าสู่ระบบยื่นค าแปรญัตติ นำยอติรุจ เพ็ชรกูล นิติกรปฏิบัติกำร กลุ่มงำนบริกำรเอกสำรอ้ำงอิง ส ำนักกรรมำธิกำร ๒
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๓๘๒ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร แนวทางการพัฒนาการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการในส่วนของบันทึกการประชุมของ คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติที่อยู่ในความครอบครองและ ควบคุมดูแลของกลุ่มงานบริการเอกสารอ้างอิง ส านักกรรมาธิการ ๒ ๑. ความเป็นมาและความส าคัญของปัญหา กำรปกครองในระบอบประชำธิปไตย สิทธิของประชำชนที่จะได้รับทรำบและเข้ำถึง ข้อมูลหรือข่ำวสำรที่อยู่ในควำมครอบครองของหน่วยงำนรำชกำร หน่วยงำนของรัฐ ถือเป็นสิทธิขั้น พื้นฐำนของประชำชน โดยรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย มำตรำ ๕๙ ก ำหนดให้รัฐต้องเปิดเผย ข้อมูลหรือข่ำวสำรสำธำรณะในครอบครองของหน่วยงำนของรัฐที่มิใช่ข้อมูลเกี่ยวกับควำมมั่นคงของ รัฐหรือเป็นควำมลับของทำงรำชกำรตำมที่กฎหมำยบัญญัติ และต้องจัดให้ประชำชนเข้ำถึงข้อมูลหรือ ข่ำวสำรดังกล่ำวได้โดยสะดวก ถือได้ว่ำรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย ฉบับปัจจุบัน ได้ เปลี่ยนแปลงหลักกำรเกี่ยวกับกำรเปิดเผยข้อมูลหรือข่ำวสำรสำธำรณะในครอบครองของหน่วยงำน ของรัฐ แตกต่ำงจำกที่เคยก ำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พุทธศักรำช ๒๕๔๐ และ รัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พุทธศักรำช ๒๕๕๐ โดยเปลี่ยนแปลงจำกสิทธิของประชำชนใน กำรเข้ำถึงข้อมูลข่ำวสำรของรำชกำร เป็นหน้ำที่ของรัฐที่ต้องเปิดเผยข้อมูลหรือข่ำวสำรสำธำรณะใน ครอบครองของหน่วยงำนของรัฐให้ประชำชนรับทรำบ และต้องจัดให้ประชำชนเข้ำถึงข้อมูลหรือ ข่ำวสำรดังกล่ำวได้โดยสะดวก ซึ่งบัญญัติไว้ในมำตรำ ๑๒๙ วรรคหก ของรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พุทธศักรำช ๒๕๖๐ ที่ก ำหนดให้สภำผู้แทนรำษฎรและวุฒิสภำเปิดเผยบันทึกกำรประชุม รำยงำน ด ำเนินกำร รำยงำนกำรสอบหำข้อเท็จจริง หรือรำยงำนกำรศึกษำ แล้วแต่กรณี ของคณะกรรมำธิกำร ให้ประชำชนทรำบเว้นแต่สภำผู้แทนรำษฎรหรือวุฒิสภำ แล้วแต่กรณี มีมติมิให้เปิดเผยด้วย จึงเป็น หลักกำรให้คณะกรรมำธิกำรของสภำผู้แทนรำษฎร วุฒิสภำและของรัฐสภำ ต้องเปิดเผยเอกสำรที่ เกี่ยวข้องกับกำรประชุมของคณะกรรมำธิกำรให้ประชำชนทรำบ ส่งผลให้กระบวนกำรในกำรเปิดเผย ข้อมูลข่ำวสำรของรำชกำรของคณะกรรมำธิกำรวิสำมัญพิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัติซึ่งอยู่ในควำม ครอบครองและควบคุมดูแลของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ เปลี่ยนแปลงไปจำกเดิม เมื่อมำตรำ ๑๒๙ วรรคหก ของรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย ได้ก ำหนด หลักกำรในกำรเปิดเผยบันทึกกำรประชุม รำยงำนกำรด ำเนินกำร รำยงำนกำรสอบหำข้อเท็จจริง หรือ รำยงำนกำรศึกษำของคณะกรรมำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎรให้ประชำชนทรำบ เว้นแต่สภำผู้แทนรำษฎร หรือวุฒิสภำมีมติมิให้เปิดเผยไว้อย่ำงชัดเจน ท ำให้กำรวิเครำะห์และกำรเปิดเผยข้อมูลข่ำวสำรของ รำชกำรของในส่วนที่เป็นบันทึกกำรประชุมของคณะกรรมำธิกำรวิสำมัญพิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัติ ซึ่งอยู่ในควำมครอบครองและควบคุมดูแลของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ มีขั้นตอนและวิธีกำรที่ เปลี่ยนแปลงไปเพื่อให้เป็นไปตำมหลักกำรตำมมำตรำ ๑๒๙ วรรคหกของรัฐธรรมนูญแห่ง รำชอำณำจักรไทย ประกอบกับปัจจุบัน สภำผู้แทนรำษฎรได้มีกำรก ำหนดระเบียบสภำผู้แทนรำษฎร ว่ำด้วยกำรรับรองควำมถูกต้องของบันทึกกำรประชุมของคณะกรรมำธิกำรและกำรเปิดเผยบันทึกกำร ประชุมและรำยงำนของคณะกรรมำธิกำรให้ประชำชนทรำบ พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยก ำหนดกระบวนกำร ในกำรเปิดเผยบันทึกกำรประชุมของคณะกรรมำธิกำรวิสำมัญพิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัติให้มีกำร
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๓๘๓ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร เปิดเผยบันทึกกำรประชุมของคณะกรรมำธิกำรผ่ำนทำงสื่ออิเล็กทรอนิกส์หรือสื่อเทคโนโลยี สำรสนเทศของส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร หรือช่องทำงอื่นที่ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำ ผู้แทนรำษฎรจัดท ำขึ้น ถือเป็นกระบวนกำรในกำรเปิดเผยที่ท ำให้ประชำชนสำมำรถรับรู้รับทรำบผล กำรพิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัติและผลกำรด ำเนินงำนของคณะกรรมำธิกำรได้อย่ำงสะดวก อย่ำงไรก็ ตำม ในระเบียบฉบับนี้ยังมีเนื้อหำบำงส่วนที่อำจท ำให้เกิดปัญหำในกำรตีควำมและส่งผลท ำให้เกิด ปัญหำในทำงปฏิบัติว่ำให้เปิดเผยเฉพำะบันทึกกำรประชุมของคณะกรรมำธิกำรเท่ำนั้นหรือไม่ และใน ส่วนของกำรเปิดเผยบันทึกกำรประชุมของคณะกรรมำธิกำรของรัฐสภำกรณีที่ประชุมรัฐสภำตั้ง คณะกรรมำธิกำรวิสำมัญพิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัติต่ำงๆ นั้น ปัจจุบันกำรเปิดเผยเอกสำรเหล่ำนี้ เป็นกำรด ำเนินกำรตำมข้อบังคับกำรประชุมรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๖๓ ซึ่งไม่ได้ก ำหนดรำยละเอียดที่ชัดเจน ว่ำต้องด ำเนินกำรอย่ำงไร และยังไม่มีกำรออกระเบียบของรัฐสภำในกำรเปิดเผยบันทึกกำรประชุม คณะกรรมำธิกำรของรัฐสภำให้มีลักษณะเช่นเดียวกับกำรเปิดเผยบันทึกกำรประชุมของ คณะกรรมำธิกำรของสภำผู้แทนรำษฎรได้ท ำให้กระบวนกำรและขั้นตอนในกำรเปิดเผย บันทึกกำรประชุมคณะกรรมำธิกำรของรัฐสภำยังไม่มีหลักเกณฑ์ซึ่งเป็นข้อแตกต่ำงกับ กำรเปิดเผยบันทึกกำรประชุมของคณะกรรมำธิกำรของสภำผู้แทนรำษฎรอยู่พอสมควร ดังนั้น กระบวนกำรในกำรเปิดเผยข้อมูลข่ำวสำรของรำชกำรในส่วนของบันทึก กำรประชุมของคณะกรรมำธิกำรวิสำมัญพิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัติซึ่งอยู่ในควำมครอบครองและ ควบคุมดูแลของกลุ่มงำนบริกำรเอกสำรอ้ำงอิง ส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ซึ่งเป็นกระบวนกำร ที่มีควำมส ำคัญต่อกำรเข้ำถึงข้อมูลหรือข่ำวสำรของประชำชน ยังมีแนวทำงในกำรด ำเนินกำร ที่ไม่ชัดเจนและแตกต่ำงกัน จึงควรมีกำรศึกษำเรื่องนี้เพื่อหำแนวทำงในกำรพัฒนำกำรเปิดเผยเอกสำร ทั้งในส่วนของบันทึกกำ รประชุมของคณะกรรมำ ธิก ำร วิส ำมัญของสภ ำผู้แทนร ำษฎร และบันทึกกำรประชุมของคณะกรรมำธิกำรของรัฐสภำในกำรพิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัติ ให้เป็นไปในทิศทำงเดียวกันเพื่อให้สอดคล้องกับหลักกำรของมำตรำ ๑๒๙ วรรคหก ของรัฐธรรมนูญ แห่งรำชอำณำจักรไทย พุทธศักรำช ๒๕๖๐ ๒. กฎหมาย กฎ ระเบียบ และยุทธศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง ๒.๑ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย รั ฐ ธ ร รมนูญแห่ง ร ำชอ ำณ ำจัก รไทย พุท ธศัก ร ำช ๒๕๖๐ ได้บัญญัติ หลักกำรเกี่ยวกับสิทธิของประชำชนในกำรรับรู้และเข้ำถึงข้อมูลหรือข่ำวสำรสำธำรณะ ในครอบครองของหน่วยงำนของรัฐ ซึ่งมีคว ำมแตกต่ำงจำกรัฐธรรมนูญฉบับที่ผ่ำนมำ โดยเปลี่ยนแปลงหลักกำรในกำรรับรู้และเข้ำถึงข้อมูลหรือข่ำวสำรสำธำรณะในครอบครองของ หน่วยงำนของรัฐจำก “สิทธิของประชำชน” มำเป็น “หน้ำที่ของรัฐ” โดยได้จ ำแนกบทบัญญัติของ รัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย ฉบับปัจจุบันที่เกี่ยวข้องกับกำรเปิดเผยข้อมูลข่ำวสำรของ คณะกรรมำธิกำร ดังนี้
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๓๘๔ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ๑. หมวดว่ำด้วยหน้ำที่ของรัฐ มำตรำ ๕๙ บัญญัติว่ำ “รัฐต้องเปิดเผยข้อมูลหรือข่ำวสำรสำธำรณะ ในครอบครองของหน่วยงำนของรัฐที่มิใช่ข้อมูลเกี่ยวกับควำมมั่นคงของรัฐหรือเป็นควำมลับของทำง รำชกำร ตำมที่กฎหมำยบัญญัติและต้องจัดให้ประชำชนเข้ำถึงข้อมูลหรือข่ำวสำรดังกล่ำวได้ โดยสะดวก” มำตรำ ๕๙ ของรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย มีควำมมุ่งหมำยให้ ก ำหนดหน้ำที่ของรัฐในกำรเปิดเผยข้อมูลหรือข่ำวสำรสำธำรณะต่อประชำชน โดยมำตรำนี้ เป็นบทบัญญัติเกี่ยวกับกำรคุ้มครองสิทธิกำรเข้ำถึงข้อมูลข่ำวสำรสำธำรณะ โดยก ำหนดให้เป็นหน้ำที่ ของรัฐที่จะต้องเปิดเผยข้อมูลหรือข่ำวสำรสำธำรณะในครอบครองของหน่วยงำนของรัฐที่มิใช่ข้อมูล เกี่ยวกับควำมมั่นคงของรัฐหรือเป็นควำมลับของทำงรำชกำรตำมที่กฎหมำยบัญญัติ และต้องจัดให้ ประชำชนเข้ำถึงข้อมูลหรือข่ำวสำรดังกล่ำวได้โดยสะดวก เพื่อให้กำรปฏิบัติรำชกำรมีควำมโปร่งใส ประชำชนตรวจสอบได้โดยตรงซึ่งจะสอดคล้องกับหลักกำรของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ที่มุ่งจะให้ประชำชน เข้ำมำมีส่วนร่วมในด้ำนต่ำง ๆ โดยกำรเข้ำถึงข้อมูลข่ำวสำรสำธำรณะตำมรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ถูก ก ำหนดอยู่ใน ๒ หมวด ที่สอดคล้องกัน คือ หมวดสิทธิของปวงชนชำวไทย และหมวดหน้ำที่ของรัฐ กล่ำวคือ มำตรำ ๔๑ (๑) ในหมวดสิทธิปวงชนชำวไทย เป็นกำรบัญญัติรับรองถึงสิทธิขั้นพื้นฐำนของ ประชำชนในกำรเข้ำถึงข้อมูลและข่ำวสำรสำธำรณะที่อยู่ในควำมครอบครองของหน่วยงำนของรัฐ ส่วนควำมในมำตรำ ๕๙ ในหมวดหน้ำที่ของรัฐ บัญญัติให้รัฐมีหน้ำที่ต้องเปิดเผยข้อมูลและข่ำวสำร สำธำรณะที่อยู่ในควำมครอบครองของรัฐเช่นกัน อย่ำงไรก็ตำม หน้ำที่ในกำรเปิดเผยข้อมูลดังกล่ำว จะไม่รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับควำมมั่นคงของรัฐหรือเป็นควำมลับของทำงรำชกำร ส่วนข้อมูลหรือ ข่ำวสำรสำธำรณะใดจะเป็นข้อมูลเกี่ยวกับควำมมั่นคงของรัฐหรือเป็นควำมลับของทำงรำชกำรหรือไม่ รัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทยก ำหนดให้เป็นไปตำมที่กฎหมำยบัญญัติ(คณะกรรมกำรร่ำง รัฐธรรมนูญ, ๒๕๖๒, หน้ำ ๘๘) ๒. หมวดว่ำด้วยเรื่องรัฐสภำ มำตรำ ๑๒๙ วรรคหก บัญญัติว่ำ “ให้สภำผู้แทนรำษฎรและวุฒิสภำ เปิดเผยบันทึกกำรประชุม รำยงำนกำรด ำเนินกำร รำยงำนกำรสอบหำข้อเท็จจริง หรือรำยงำน กำรศึกษำ แล้วแต่กรณีของคณะกรรมำธิกำรให้ประชำชนทรำบ เว้นแต่ สภำผู้แทนรำษฎร หรือวุฒิสภำ แล้วแต่กรณีมีมติมิให้เปิดเผย” มำตรำ ๑๒๙ วรรคหก มีควำมมุ่งหมำยก ำหนดอ ำนำจในกำร ตั้งคณะกรรมำธิกำรของสภำผู้แทนรำษฎรและวุฒิสภำและอ ำนำจของกรรมำธิกำรใน (กำรด ำเนินกำร เพื่อให้ได้มำซึ่งข้อเท็จจริง) กำรเรียกเอกสำรหรือบุคคลใดมำชี้แจงในที่ประชุมคณะกรรมำธิกำร และมี ค ำอธิบำยประกอบที่เกี่ยวข้องกับมำตรำ ๑๒๙ วรรคหกว่ำ กำรบัญญัติให้เปิดเผยบันทึกกำรประชุม รำยงำนกำรด ำเนินกำร รำยงำนกำรสอบหำข้อเท็จจริง หรือรำยงำนกำรศึกษำของคณะกรรมำธิกำรให้ ประชำชนทรำบ เป็นกำรสะท้อนให้ประชำชนเห็นถึงควำมโปร่งใส สุจริต และตรวจสอบได้ในกำรปฏิบัติ หน้ำที่ของคณะกรรมำธิกำร เพื่อเป็นหลักประกันว่ำกำรด ำเนินของคณะกรรมำธิกำรจะยึดถือเอำประโยชน์ ของประชำชนและประเทศชำติเป็นส ำคัญ (คณะกรรมกำรร่ำงรัฐธรรมนูญ, ๒๕๖๒, น. ๒๒๒ น. ๒๒๔)
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๓๘๕ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ๒.๒ ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อบังคับกำรประชุมสภำผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ได้ก ำหนดแนวทำงในกำร เปิดเผยบันทึกกำรประชุมของคณะกรรมำธิกำร ซึ่งก ำหนดไว้ในข้อ ๑๐๗ ดังนี้ “ข้อ ๑๐๗ บันทึกกำรประชุม รำยงำนกำรด ำเนินกำร รำยงำนกำรสอบหำ ข้อเท็จจริงหรือรำยงำนกำรศึกษำ แล้วแต่กรณี ของคณะกรรมำธิกำรให้เปิดเผยให้ประชำชนทรำบ ตำมหลักเกณฑ์วิธีกำร และเงื่อนไขที่ประธำนสภำก ำหนด ในกรณีที่จะไม่เปิดเผยบันทึกกำรประชุมหรือรำยงำนตำมวรรคหนึ่ง ให้คณะกรรมำธิกำรที่เกี่ยวข้องเสนอควำมเห็นต่อสภำเพื่อให้สภำมีมติมิให้เปิดเผย ทั้งนี้ หำกสภำมีมติมิให้เปิดเผยให้ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎรจัดเก็บบันทึกกำรประชุมหรือ รำยงำนดังกล่ำวไว้ตำมหลักเกณฑ์วิธีกำรและเงื่อนไขที่เลขำธิกำรก ำหนด หำกสภำมิได้มีมติไปตำม ควำมเห็นของคณะกรรมำธิกำรดังกล่ำวให้ด ำเนินกำรตำมวรรคหนึ่งต่อไป กำรรับรองควำมถูกต้องของบันทึกกำรประชุม ให้เป็นไปตำมหลักเกณฑ์และ วิธีกำรที่ประธำนสภำก ำหนด” ข้อ ๑๐๗ ของข้อบังคับกำรประชุมสภำผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ เป็นข้อบังคับที่ก ำหนดขึ้นมำเพื่อรองรับกำรด ำเนินกำรตำมมำตรำ ๑๒๙ วรรคหก ของรัฐธรรมนูญ แห่งรำชอำณำจักรไทย โดยข้อ ๑๐๗ วรรคหนึ่ง ของข้อบังคับกำรประชุมสภำผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ก ำหนดให้มีกำรเปิดเผยบันทึกกำรประชุม รำยงำนกำรด ำเนินกำร รำยงำนกำรสอบหำ ข้อเท็จจริงหรือรำยงำนกำรศึกษำของคณะกรรมำธิกำรให้ประชำชนทรำบ ให้เป็นไปตำมหลักเกณฑ์ วิธีกำรและเงื่อนไขที่ประธำนสภำผู้แทนรำษฎรก ำหนด และในข้อ ๑๐๗ วรรคสอง ของข้อบังคับกำร ประชุมสภำผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ได้ก ำหนดแนวทำงในกำรด ำเนินกำรกับกรณีที่คณะกรรมำธิกำรมี ควำมเห็นที่จะไม่เปิดเผยบันทึกกำรประชุมหรือรำยงำนของคณะกรรมำธิกำร แบ่งเป็น ๒ กรณี คือ กรณี ที่ ๑ เป็นกรณีที่สภำผู้แทนรำษฎรมีมติมิให้เปิดเผยให้ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎรจัดเก็บ บันทึกกำรประชุมหรือรำยงำนดังกล่ำวไว้ ตำมหลักเกณฑ์วิธีกำรและเงื่อนไขที่เลขำธิกำรสภำ ผู้แทนรำษฎรก ำหนด กรณีที่ ๒ เป็นกรณีที่สภำผู้แทนรำษฎรมิได้มีมติไปตำมควำมเห็นของ คณะกรรมำธิกำรดังกล่ำวให้ด ำเนินกำรเปิดเผยบันทึกกำรประชุม รำยงำนกำรด ำเนินกำร รำยงำนกำร สอบหำข้อเท็จจริงหรือรำยงำนกำรศึกษำตำมข้อ ๑๐๗ วรรคหนึ่ง ของข้อบังคับกำรประชุมสภำ ผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ต่อไป ๒.๓ ข้อบังคับการประชุมรัฐสภา พ.ศ. ๒๕๖๓ ข้อบังคับกำรประชุมรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๖๓ ได้ก ำหนดแนวทำงในกำรเปิดเผยบันทึก กำรประชุมของคณะกรรมำธิกำร ซึ่งก ำหนดไว้ในข้อ ๗๘ ดังนี้ “ข้อ ๗๘ คณะกรรมำธิกำรต้องเปิดเผยบันทึกกำรประชุม รำยงำนกำรด ำเนินกำร รำยงำนกำรสอบหำข้อเท็จจริง หรือรำยงำนกำรศึกษำ แล้วแต่กรณี ให้ประชำชนทรำบ เว้นแต่รัฐสภำ มีมติมิให้เปิดเผย”
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๓๘๖ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ข้อ ๗๘ ของข้อบังคับกำรประชุมรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๖๓ เป็นข้อบังคับที่ก ำหนด ขึ้นมำเพื่อรองรับกำรด ำเนินกำรตำมมำตรำ ๑๒๙ วรรคหก ของรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย โดย ก ำหนดให้คณะกรรมำธิกำรของรัฐสภำ มีหน้ำที่ต้องเปิดเผยบันทึกกำรประชุม รำยงำนกำรด ำเนินกำร รำยงำนกำรสอบหำข้อเท็จจริง หรือรำยงำนกำรศึกษำ แล้วแต่กรณี ให้ประชำชนทรำบ เว้นแต่รัฐสภำ มีมติมิให้เปิดเผย ๒.๔ ระเบียบสภาผู้แทนราษฎรว่าด้วยการรับรองความถูกต้องของบันทึกการ ประชุมของคณะกรรมาธิการและการเปิดเผยบันทึกการประชุมและรายงานของคณะกรรมาธิการ ให้ประชาชนทราบ พ.ศ. ๒๕๖๔ ระเบียบสภำผู้แทนรำษฎรว่ำด้วยกำรรับรองควำมถูกต้องของบันทึกกำรประชุม ของคณะกรรมำธิกำรและกำรเปิดเผยบันทึกกำรประชุมและรำยงำนของคณะกรรมำธิกำรให้ประชำชน ทรำบ พ.ศ. ๒๕๖๔ (ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร, ๒๕๖๔) ได้ก ำหนดแนวทำงและขั้นตอนใน กำรเปิดเผยบันทึกกำรประชุมของคณะกรรมำธิกำร มีสำระส ำคัญสรุปได้ ดังนี้ ๑. ข้อ ๓ ก ำหนดบทนิยำมค ำว่ำ “บันทึกกำรประชุม” หมำยควำมว่ำ กำรบันทึก ข้อเท็จจริงหรือควำมคิดเห็นของกรรมำธิกำร ผู้เข้ำร่วมประชุม และมติของคณะกรรมำธิกำรที่เกิดขึ้น ในกำรประชุมคณะกรรมำธิกำร ซึ่งฝ่ำยเลขำนุกำรคณะกรรมำธิกำรจัดท ำขึ้นไว้เป็นหลักฐำน และบทนิยำม ค ำว่ำ “คณะกรรมำธิกำร” หมำยควำมว่ำ คณะกรรมำธิกำรสำมัญ คณะกรรมำธิกำร วิสำมัญที่สภำผู้แทนรำษฎรตั้งขึ้น และคณะกรรมำธิกำรร่วมกันตำมมำตรำ ๑๓๗ ของรัฐธรรมนูญแห่ง รำชอำณำจักรไทย ๒. ข้อ ๔ วรรคหนึ่ง ก ำหนดวิธีกำรรับรองบันทึกกำรประชุม โดยให้ฝ่ำยเลขำนุกำร คณะกรรมำธิกำรเสนอบันทึกกำรประชุมให้ที่ประชุมพิจำรณำในระเบียบวำระรับรองบันทึกกำรประชุม เมื่อ ที่ประชุมได้พิจำรณำควำมถูกต้องของบันทึกกำรประชุมแล้ว ให้ประธำนในที่ประชุมถำมมติของที่ ประชุมว่ำจะรับรองบันทึกกำรประชุมหรือไม่ หรือจะรับรองโดยมีกำรแก้ไขถ้อยค ำหรือข้อควำม ให้ฝ่ำยเลขำนุกำรคณะกรรมำธิกำรบันทึกมติของที่ประชุมไว้ในระเบียบวำระรับรองบันทึกกำรประชุม ของบันทึกกำรประชุมครั้งที่พิจำรณำนั้น และให้ประธำนคณะกรรมำธิกำรหรือกรรมำธิกำรที่ประธำน คณะกรรมำธิกำรมอบหมำยเป็นผู้ลงลำยมือชื่อรับรองควำมถูกต้องของบันทึกกำรประชุมนั้น โดยระบุ ชื่อตัว ชื่อสกุล และต ำแหน่ง ตลอดจนวัน เดือน ปี ให้ชัดเจนไว้ท้ำยบันทึกกำรประชุม ส ำหรับวรรคสอง ในกรณีที่ที่ประชุมคณะกรรมำธิกำรมีมติรับรองบันทึกกำรประชุมโดยมีกำรแก้ไข ให้ฝ่ำยเลขำนุกำร คณะกรรมำธิกำรแก้ไขข้อควำมในบันทึกกำรประชุมครั้งที่มีกำรแก้ไขนั้นให้ถูกต้องตำมมติที่ประชุม คณะกรรมำธิกำร และวรรคสำมในกำรพิจำรณำรับรองบันทึกกำรประชุม หำกที่ประชุม คณะกรรมำธิกำรมติว่ำไม่ควรเปิดเผยบันทึกกำรประชุมไม่ว่ำทั้งหมดหรือแต่บำงส่วน ให้ฝ่ำย เลขำนุกำรคณะกรรมำธิกำรระบุมติพร้อมด้วยเหตุผลที่เห็นว่ำไม่ควรเปิดเผยไว้ในระเบียบวำระรับรอง บันทึกกำรประชุมของบันทึกกำรประชุมครั้งที่พิจำรณำนั้น และวรรคสี่ ให้เปิดเผยบันทึกกำรประชุม ของคณะกรรมำธิกำรให้ประชำชนทรำบภำยในเจ็ดวันนับแต่วันที่คณะกรรมำธิกำรรับรองควำม ถูกต้องของบันทึกกำรประชุม
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๓๘๗ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ๓. ข้อ ๕ ก ำหนดให้บันทึกกำรประชุมที่คณะกรรมำธิกำรมีมติรับรองแล้ว แต่ประธำนคณะกรรมำธิกำรหรือกรรมำธิกำรที่ประธำนคณะกรรมำธิกำรมอบหมำยยังไม่ได้ ลงลำยมือชื่อรับรองควำมถูกต้อง หรือบันทึกกำรประชุมที่คณะกรรมำธิกำรยังไม่ได้มีมติรับรอง เพรำะ เหตุที่อำยุของสภำผู้แทนรำษฎรหรือคณะกรรมำธิกำรสิ้นสุดลง หรือมีเหตุยุบสภำผู้แทนรำษฎร หรือมี เหตุจ ำเป็นอื่น ให้ฝ่ำยเลขำนุกำรคณะกรรมำธิกำรบันทึกเหตุนั้นไว้ในส่วนท้ำยของบันทึกกำรประชุม และให้เลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎรหรือผู้ซึ่งเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎรมอบหมำยเป็นผู้ลงลำยมือชื่อ รับรองควำมถูกต้องของบันทึกกำรประชุมนั้น ๔. ข้อ ๗ ก ำหนดให้รำยงำนของคณะกรรมำธิกำรที่พิจำรณำเสร็จแล้วให้เปิดเผย ให้ประชำชนทรำบ และในกรณีที่ที่ประชุมคณะกรรมำธิกำรมีมติว่ำไม่ควรเปิดเผยรำยงำนไม่ว่ำ ทั้งหมดหรือบำงส่วน ให้ฝ่ำยเลขำนุกำรคณะกรรมำธิกำรระบุมติพร้อมด้วยเหตุผลที่เห็นว่ำไม่ควร เปิดเผยไว้ในบันทึกกำรประชุมครั้งนั้นด้วย ๕. ข้อ ๘ ก ำหนดให้บันทึกกำรประชุมหรือรำยงำนที่คณะกรรมำธิกำร มีมติว่ำไม่ควรเปิดเผยตำมข้อ ๔ หรือข้อ ๗ ให้คณะกรรมำธิกำรเสนอควำมเห็นต่อสภำผู้แทนรำษฎร เพื่อพิจำรณำและลงมติ เมื่อสภำผู้แทนรำษฎรมีมติเป็นประกำรใดแล้ว ให้ฝ่ำยเลขำนุกำร คณะกรรมำธิกำรบันทึกมติของที่ประชุมสภำผู้แทนรำษฎร โดยระบุครั้งที่ประชุม และวัน เดือน ปี ที่ สภำผู้แทนรำษฎรมีมติรวมไว้ในส่วนท้ำยของบันทึกกำรประชุมหรือรำยงำนนั้น แล้วแต่กรณี ๖. ข้อ ๙ ก ำหนดให้กำรเปิดเผยบันทึกกำรประชุมและรำยงำนของ คณะกรรมำธิกำร ให้ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎรด ำเนินกำรผ่ำนทำงสื่ออิเล็กทรอนิกส์หรือ สื่อเทคโนโลยีสำรสนเทศของส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร หรือช่องทำงอื่นที่ส ำนักงำน เลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎรจัดท ำขึ้นเพื่อให้ประชำชนเข้ำถึงได้โดยสะดวก ๒.๕ ระเบียบสภาผู้แทนราษฎรว่าด้วยการเปิดเผยรายงานการประชุมของ คณะกรรมาธิการ พ.ศ. ๒๕๔๖ ระเบียบสภำผู้แทนรำษฎรว่ำด้วยกำรเปิดเผยรำยงำนกำรประชุมของ คณะกรรมำธิกำร พ.ศ. ๒๕๔๖ ได้ก ำหนดหลักเกณฑ์แนวทำงปฏิบัติให้กับเจ้ำหน้ำที่ที่เกี่ยวข้องในกำร เปิดเผยรำยงำนกำรประชุมของคณะกรรมำธิกำร โดยข้อ ๔ ของระเบียบฉบับนี้ก ำหนดนิยำม ค ำว่ำ “คณะกรรมำธิกำร” หมำยถึง คณะกรรมำธิกำรสำมัญประจ ำสภำและคณะกรรมำธิกำรวิสำมัญของ สภำผู้แทนรำษฎร และให้หมำยควำมรวมถึง คณะอนุกรรมำธิกำรซึ่งตั้งขึ้นโดยคณะกรรมำธิกำรสำมัญ หรือคณะกรรมำธิกำรวิสำมัญด้วย และก ำหนดนิยำม ค ำว่ำ “รำยงำนกำรประชุม” ในระเบียบนี้ หมำยถึง บันทึกกำรประชุมของคณะกรรมำธิกำรสำมัญประจ ำสภำและคณะกรรมำธิกำรวิสำมัญของ สภำผู้แทนรำษฎร และให้หมำยควำมรวมถึงบันทึกกำรประชุมของคณะอนุกรรมำธิกำรซึ่งตั้งขึ้นโดย คณะกรรมำธิกำรสำมัญหรือคณะกรรมำธิกำรวิสำมัญ (ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร, ๒๕๔๖)
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๓๘๘ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ๓. บทวิเคราะห์ จำกกำรศึกษำรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย ข้อบังคับกำรประชุม สภำผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อบังคับกำรประชุมรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๖๓ ระเบียบสภำผู้แทนรำษฎรว่ำด้วยกำรรับรอง ควำมถูกต้องของบันทึกกำรประชุมของคณะกรรมำธิกำรและกำรเปิดเผยบันทึกกำรประชุมและ รำยงำนของคณะกรรมำธิกำรให้ประชำชนทรำบ พ.ศ. ๒๕๖๔ และระเบียบสภำผู้แทนรำษฎรว่ำด้วย กำรเปิดเผยรำยงำนกำรประชุมของคณะกรรมำธิกำร พ.ศ. ๒๕๔๖ โดยมีผลกำรศึกษำแบ่งเป็น ๒ ประเด็น ดังนี้ ๓.๑ ประเด็นกำรเปิดเผยบันทึกกำรประชุมคณะกรรมำธิกำรวิสำมัญพิจำรณำร่ำง พระรำชบัญญัติของสภำผู้แทนรำษฎร ผลกำรศึกษำวิเครำะห์ จำกกำรศึกษำวิเครำะห์มำตรำ ๑๒๙ วรรคหก ของรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำไทย ท ำให้เห็นว่ำมำตรำ ๑๒๙ วรรคหก มีควำมมุ่งหมำยเพื่อให้ ประชำชนรับทรำบถึงผลกำรด ำเนินกำรและกำรปฏิบัติหน้ำที่ของคณะกรรมำธิกำรว่ำมีควำมโปร่งใส สุจริต และตรวจสอบได้หรือไม่ และเพื่อให้มีหลักประกันว่ำกำรด ำเนินงำนคณะกรรมำธิกำรจะต้อง ยึดถือเอำประโยชน์ของประชำชนและประเทศชำติเป็นส ำคัญ ซึ่งประชำชนจะรับทรำบถึงผลกำร ด ำเนินงำนและกำรปฏิบัติหน้ำที่ของคณะกรรมำธิกำรจำกเอกสำร ๔ ประเภท คือ บันทึกกำรประชุม รำยงำนกำรด ำเนินกำร รำยงำนกำรสอบหำข้อเท็จจริง หรือรำยงำนกำรศึกษำของคณะกรรมำธิกำร เป็นผลให้ในข้อ ๑๐๗ ของข้อบังคับกำรประชุมสภำผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ได้ก ำหนดแนวทำงใน กำรเปิดเผยบันทึกกำรประชุมทั้งในกรณีที่สภำผู้แทนรำษฎรมีมติมิให้เปิดเผยและกรณีที่สภำ ผู้แทนรำษฎรมิได้มีมติไปตำมควำมเห็นของคณะกรรมำธิกำรที่จะไม่เปิดเผยบันทึกกำรประชุมไว้อย่ำงชัดเจน ในส่วนของกำรเปิดเผยบันทึกกำรประชุมของคณะกรรมำธิกำรวิสำมัญ พิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัติของสภำผู้แทนรำษฎร หำกเป็นกำรเปิดเผยบันทึกกำรประชุม ซึ่งที่ป ระชุมคณะก รรมำ ธิกำรมีมติรับ รองคว ำมถูกต้องและมีมติให้เปิดเผยได้และได้ ด ำเนินกำรให้ประธำนคณะกรรมำธิกำรหรือกรรมำธิกำรที่ประธำนคณะกรรมำธิกำรมอบหมำยเป็นผู้ ลงลำยมือชื่อรับรองควำมถูกต้องของบันทึกกำรประชุมนั้น โดยระบุชื่อตัว ชื่อสกุล และต ำแหน่ง ตลอดจนวัน เดือน ปี ไว้ท้ำยบันทึกกำรประชุม ตำมข้อ ๔ ของระเบียบสภำผู้แทนรำษฎรว่ำด้วยกำร รับรองควำมถูกต้องของบันทึกกำรประชุมของคณะกรรมำธิกำรและกำรเปิดเผยบันทึกกำรประชุม และรำยงำนของคณะกรรมำธิกำรให้ประชำชนทรำบ พ.ศ. ๒๕๖๔ ก็สำมำรถเปิดเผยผ่ำนทำงสื่อ อิเล็กทรอนิกส์หรือสื่อเทคโนโลยีสำรสนเทศของส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎรได้ ท ำให้เห็น ว่ำกระบวนกำรในกำรเปิดเผยบันทึกกำรประชุมของคณะกรรมำธิกำรวิสำมัญ สภำผู้แทนรำษฎร เป็นกำรด ำเนินกำรที่สอดคล้องกับหลักกำรของมำตรำ ๑๒๙ วรรคหกของรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย และข้อ ๑๐๗ ของข้อบังคับกำรประชุมสภำผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ที่มุ่งหมำยให้มีกำรเปิดเผย เอกสำรบันทึกกำรประชุมคณะกรรมำธิกำรให้ประชำชนทรำบถึงผลกำรด ำเนินกำรและกำรปฏิบัติ หน้ำที่ของคณะกรรมำธิกำรว่ำมีควำมโปร่งใส สุจริต และตรวจสอบได้ทันที โดยไม่จ ำเป็นต้องมีผู้ใดมำ ร้องขอให้เปิดเผย
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๓๘๙ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร อย่ำงไรก็ตำม จำกกำรศึกษำระเบียบสภำผู้แทนรำษฎรว่ำด้วยกำรรับรองควำม ถูกต้องของบันทึกกำรประชุมของคณะกรรมำธิกำรและกำรเปิดเผยบันทึกกำรประชุมและรำยงำนของ คณะกรรมำธิกำรให้ประชำชนทรำบ พ.ศ. ๒๕๖๔ ได้ก ำหนดบทนิยำมค ำว่ำ “คณะกรรมำธิกำร” หมำยควำมว่ำ คณะกรรมำธิกำรสำมัญ คณะกรรมำธิกำรวิสำมัญที่สภำผู้แทนรำษฎรตั้งขึ้น และ คณะกรรมำธิกำรร่วมกันตำมมำตรำ ๑๓๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย” จึงอำจท ำให้เกิด กำรตีควำมว่ำ คณะกรรมำธิกำรตำมระเบียบนี้ หมำยควำมถึงคณะกรรมำธิกำรตำมที่ระบุเท่ำนั้น และ ไม่ได้หมำยควำมรวมถึง คณะอนุกรรมำธิกำรที่อยู่ในคณะกรรมำธิกำรด้วย จึงอำจท ำให้กำรเปิดเผย บันทึกกำรประชุมของคณะอนุกรรมำธิกำร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคณะกรรมำธิกำรไม่ต้องด ำเนินกำรตำม ระเบียบนี้ก็ได้ จำกกำรศึกษำระเบียบสภำผู้แทนรำษฎรว่ำด้วยกำรเปิดเผยรำยงำนกำรประชุม ของคณะกรรมำธิกำร พ.ศ. ๒๕๔๖ ได้ก ำหนดบทนิยำมค ำว่ำ “คณะกรรมำธิกำร” ให้หมำยควำม รวมถึง คณะอนุกรรมำธิกำรซึ่งตั้งขึ้นโดยคณะกรรมำธิกำรสำมัญหรือคณะกรรมำธิกำรวิสำมัญด้วย และ ก ำหนดนิยำม ค ำว่ำ “รำยงำนกำรประชุม” ให้หมำยควำมรวมถึงบันทึกกำรประชุมของคณะอนุ กรรมำธิกำรซึ่งตั้งขึ้นโดยคณะกรรมำธิกำรสำมัญหรือคณะกรรมำธิกำรวิสำมัญด้วย จะเห็นได้ว่ำ ระเบียบสภำผู้แทนรำษฎรว่ำด้วยกำรเปิดเผยรำยงำนกำรประชุมของคณะกรรมำธิกำร พ.ศ. ๒๕๔๖ ได้ก ำหนดรำยละเอียดที่ครอบคลุมถึงบันทึกกำรประชุมของคณะอนุกรรมำธิกำรไว้อย่ำงชัดเจน ดังนั้น เพื่อให้กำรด ำเนินกำรเปิดเผยบันทึกกำรประชุมทั้งในส่วนของคณะกรรมำธิกำรและคณะอนุกรรมำธิกำร เป็นไปในทิศทำงเดียวกัน โดยไม่ท ำให้เกิดปัญหำในกำรตีควำมระเบียบสภำผู้แทนรำษฎรว่ำด้วยกำร รับรองควำมถูกต้องของบันทึกกำรประชุมของคณะกรรมำธิกำรและกำรเปิดเผยบันทึกกำรประชุมและ รำยงำนของคณะกรรมำธิกำรให้ประชำชนทรำบ พ.ศ. ๒๕๖๔ ว่ำหมำยควำมรวมถึงบันทึกของคณะอนุ กรรมำธิกำรหรือไม่ จึงเห็นว่ำควรมีกำรปรับปรุงแก้ไขบทนิยำมค ำว่ำ “คณะกรรมำธิกำร” ตำมระเบียบ ฉบับนี้ ให้หมำยควำมรวมถึงคณะอนุกรรมำธิกำรให้ชัดเจนเช่นเดียวกับที่ระเบียบสภำผู้แทนรำษฎร ว่ำด้วยกำรเปิดเผยรำยงำนกำรประชุมของคณะกรรมำธิกำร พ.ศ. ๒๕๔๖ ๓.๒ ประเด็นกำรเปิดเผยบันทึกกำรประชุมคณะกรรมำธิกำรวิสำมัญพิจำรณำร่ำง พระรำชบัญญัติของรัฐสภำ ผลกำรศึกษำวิเครำะห์ กำรเปิดเผยบันทึกกำรประชุมของคณะกรรมำธิกำร วิสำมัญพิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัติของรัฐสภำนั้น เป็นกำรด ำเนินกำรตำม ข้อ ๗๘ ของข้อบังคับกำร ประชุมรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๖๓ ที่ก ำหนดให้คณะกรรมำธิกำรต้องเปิดเผยบันทึกกำรประชุมให้ประชำชน ทรำบ เว้นแต่รัฐสภำมีมติมิให้เปิดเผย แต่ในปัจจุบัน กำรด ำเนินกำรและกระบวนกำรในกำรเปิดเผย บันทึกกำรประชุมของคณะกรรมำธิกำรของรัฐสภำยังไม่มีระเบียบที่ก ำหนดชัดเจนว่ำให้ด ำเนินกำร เปิดเผยเอกสำรบันทึกกำรประชุมของคณะกรรมำธิกำรของรัฐสภำอย่ำงไร ท ำให้กำรด ำเนินกำร เปิดเผยบันทึกกำรประชุมวิสำมัญพิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัติของคณะกรรมำธิกำรแต่ละคณะ ยังไม่ มีแนวทำงปฏิบัติที่ชัดเจน
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๓๙๐ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร จำกกำรศึกษำวิเครำะห์ข้อ ๗๘ ของข้อบังคับกำรประชุมรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๖๓ ก ำหนดให้คณะกรรมำธิกำรต้องเปิดเผยบันทึกกำรประชุมให้ประชำชนทรำบเท่ำนั้น โดยไม่มีกำร ก ำหนดรำยละเอียดรองรับในกรณีที่คณะกรรมำธิกำรจะไม่เปิดเผยบันทึกกำรประชุมหรือรำยงำนกำร ด ำเนินกำร รำยงำนกำรสอบหำข้อเท็จจริง หรือรำยงำนกำรศึกษำเช่นเดียวกับข้อ ๑๐๗ วรรคสองของ ข้อบังคับกำรประชุมสภำผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ท ำให้กระบวนกำรในกำรเปิดเผยบันทึกกำรประชุม ของคณะกรรมำธิกำรพิจำรณำของรัฐสภำ ยังไม่มีควำมชัดเจนและมีข้อแตกต่ำงกับกำรเปิดเผยบันทึก กำรประชุมของคณะกรรมำธิกำรของสภำผู้แทนรำษฎร ซึ่งอำจมีเหตุผลจำก ข้อ ๗๘ ของข้อบังคับ กำรประชุมรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๖๓ ไม่ได้ก ำหนดให้กำรด ำเนินกำรเปิดเผยบันทึกกำรประชุมของ คณะกรรมำธิกำรเป็นไปตำมหลักเกณฑ์วิธีกำร และเงื่อนไขที่ประธำนรัฐสภำก ำหนด ซึ่งปัจจุบันยังไม่ มีกำรออกระเบียบขึ้นมำรองรับกับกำรด ำเนินกำรตำมข้อ ๗๘ ของข้อบังคับกำรประชุมรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๖๓ ดังนั้น เพื่อให้กำรด ำเนินกำรในส่วนของกำรเปิดเผยบันทึกกำรประชุมของคณะกรรมำธิกำร พิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัติของรัฐสภำเป็นไปโดยเปิดเผยและมีควำมชัดเจนในกำรด ำเนินกำร เห็น ว่ำควรปรับปรุงแก้ไขข้อ ๗๘ ของข้อบังคับกำรประชุมรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยก ำหนดเพิ่มเติมว่ำ กำรเปิดเผยบันทึกกำรประชุมคณะกรรมำธิกำรให้เป็นไปตำมหลักเกณฑ์วิธีกำร และเงื่อนไขที่ประธำน รัฐสภำก ำหนด เพื่อให้สำมำรถก ำหนดหลักเกณฑ์ในกำรเปิดเผยบันทึกกำรประชุม รำยงำนกำร ด ำเนินกำร รำยงำนกำรสอบหำข้อเท็จจริง หรือรำยงำนกำรศึกษำของคณะกรรมำธิกำรได้ และเมื่อได้มี กำรแก้ไขข้อ ๗๘ ของข้อบังคับกำรประชุมรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๖๓ แล้วควรมีกำรออกระเบียบของรัฐสภำใน กำรเปิดเผยบันทึกกำรประชุมของคณะกรรมำธิกำรให้ประชำชนทรำบ โดยให้มีหลักเกณฑ์และ แนวทำงเช่นเดียวกับกำรเปิดเผยบันทึกกำรประชุมของคณะกรรมำธิกำรของสภำผู้แทนรำษฎร ซึ่งจะ สำมำรถท ำให้กำรเปิดเผยบันทึกกำรประชุมของคณะกรรมำธิกำรของรัฐสภำและคณะกรรมำธิกำร ของสภำผู้แทนรำษฎร เป็นไปในทิศทำงเดียวกัน ๔. บทสรุปและอภิปรายผล ๔.๑ บทสรุป จำกกำรศึกษำวิเครำะห์ข้อมูลเชิงคุณภำพเกี่ยวกับมำตรำ ๑๒๙ วรรคหก ของรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย ข้อบังคับกำรประชุมสภำผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อบังคับ กำรประชุมรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๖๓ ระเบียบสภำผู้แทนรำษฎรว่ำด้วยกำรรับรองควำมถูกต้องของบันทึก กำรประชุมของคณะกรรมำธิกำรและกำรเปิดเผยบันทึกกำรประชุมและรำยงำนของคณะกรรมำธิกำร ให้ประชำชนทรำบ พ.ศ. ๒๕๖๔ และระเบียบสภำผู้แทนรำษฎรว่ำด้วยกำรเปิดเผยรำยงำนกำรประชุม ของคณะกรรมำธิกำร พ.ศ. ๒๕๔๖ สำมำรถสรุปผลกำรศึกษำ แบ่งเป็น ๒ ประเด็น ดังนี้ ๑. ประเด็นกำรเปิดเผยบันทึกกำรประชุมคณะกรรมำธิกำรวิสำมัญพิจำรณำ ร่ำงพระรำชบัญญัติของสภำผู้แทนรำษฎร จำกกำรศึกษำพบว่ำ ระเบียบสภำผู้แทนรำษฎรว่ำด้วย กำรรับรองควำมถูกต้องของบันทึกกำรประชุมของคณะกรรมำธิกำรและกำรเปิดเผยบันทึกกำรประชุม และรำยงำนของคณะกรรมำธิกำรให้ประชำชนทรำบ พ.ศ. ๒๕๖๔ ได้ก ำหนดกระบวนกำรขั้นตอน ในกำรเปิดเผยบันทึกกำรประชุมของคณะกรรมำธิกำร
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๓๙๑ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร ให้ประชำชนทรำบผ่ำนทำงสื่ออิเล็กทรอนิกส์หรือสื่อเทคโนโลยีสำรสนเทศของส ำนักงำนเลขำธิกำร สภำผู้แทนรำษฎร ซึ่งเป็นกำรด ำเนินกำรที่สอดคล้องกับหลักกำรของมำตรำ ๑๒๙ วรรคหกของรัฐธรรมนูญ แห่งรำชอำณำจักรไทย และข้อ ๑๐๗ ของข้อบังคับกำรประชุมสภำผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ แต่ในส่วนรำยละเอียดเนื้อหำบำงส่วนของระเบียบฉบับนี้ คือ บทนิยำม ค ำว่ำ “คณะกรรมำธิกำร” มีประเด็นที่จะต้องตีควำมว่ำหมำยควำมรวมถึง คณะอนุกรรมำธิกำรในคณะกรรมำธิกำรด้วยหรือไม่ จึงควรมีกำรปรับปรุงแก้ไขบทนิยำมค ำว่ำ “คณะกรรมำธิกำร” ในข้อ ๓ ของระเบียบ สภำผู้แทนรำษฎรว่ำด้วยกำรรับรองควำมถูกต้องของบันทึกกำรประชุมของคณะกรรมำธิกำรและกำร เปิดเผยบันทึกกำรประชุมและรำยงำนของคณะกรรมำธิกำรให้ประชำชนทรำบ พ.ศ. ๒๕๖๔ ให้หมำยควำมรวมถึงคณะอนุกรรมำธิกำรเหมือนเช่น บทนิยำม ค ำว่ำ “คณะกรรมำธิกำร” ในข้อ ๔ ของระเบียบสภำผู้แทนรำษฎรว่ำด้วยกำรเปิดเผยรำยงำนกำรประชุมของคณะกรรมำธิกำร พ.ศ. ๒๕๔๖ ๒. ประเด็นกำรเปิดเผยบันทึกกำรประชุมคณะกรรมำธิกำรของรัฐสภำ จำกกำรศึกษำพบว่ำ ข้อ ๗๘ ของข้อบังคับกำรประชุมรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๖๓ ก ำหนดให้ คณะกรรมำธิกำรต้องเปิดเผยบันทึกกำรประชุมให้ประชำชนทรำบเท่ำนั้น โดยไม่ได้ก ำหนด รำยละเอียดในกรณีที่คณะกรรมำธิกำรจะไม่เปิดเผยบันทึกกำรประชุมของคณะกรรมำธิกำร และไม่ได้ ก ำหนดให้กำรเปิดเผยเอกสำรเหล่ำนั้นให้เป็นไปตำมหลักเกณฑ์วิธีกำร และเงื่อนไขที่ประธำนรัฐสภำ ก ำหนดซึ่งปัจจุบันยังไม่มีกำรด ำเนินกำรออกระเบียบในกำรด ำเนินกำรเรื่องนี้ที่ชัดเจน จึงควรปรับปรุง แก้ไขข้อ ๗๘ ของข้อบังคับกำรประชุมรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยก ำหนดเพิ่มเติมให้กำรเปิดเผยบันทึก กำรประชุมคณะกรรมำธิกำรให้เป็นไปตำมหลักเกณฑ์วิธีกำร และเงื่อนไขที่ประธำนรัฐสภำก ำหนด เพื่อให้สำมำรถด ำเนินกำรออกระเบียบของรัฐสภำในกำรเปิดเผยบันทึกกำรประชุมของ คณะกรรมำธิกำรให้มีหลักเกณฑ์เช่นเดียวกับกำรเปิดเผยบันทึกกำรประชุมของคณะกรรมำธิกำรของ สภำผู้แทนรำษฎร ๔.๒ อภิปรำยผล กำรเปิดเผยบันทึกกำรประชุมของคณะกรรมำธิกำรวิสำมัญพิจำรณำ ร่ำงพระรำชบัญญัติ ถือเป็นกระบวนกำรที่ต้องด ำเนินกำรตำมมำตรำ ๑๒๙ วรรคหก ของรัฐธรรมนูญ แห่งรำชอำณำจักรไทย พุทธศักรำช ๒๕๖๐ เพื่อท ำให้ประชำชนได้ทรำบถึงเหตุผลในกำรพิจำรณำ กฎหมำยในแต่ละมำตรำว่ำมีควำมเป็นมำอย่ำงไร ซึ่งในข้อ ๑๐๗ ของข้อบังคับกำรประชุมสภำ ผู้แทนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ และข้อ ๗๘ ของข้อบังคับกำรประชุมรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๖๓ ได้ก ำหนด ขึ้นมำเพื่อรองรับกับกำรเปิดเผยของคณะกรรมำธิกำรที่สอดคล้องกับหลักกำรของมำตรำ ๑๒๙ วรรค หกของรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทยอย่ำงชัดเจน ท ำให้เห็นว่ำ บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่ง รำชอำณำจักรไทยมำตรำนี้มีส่วนส ำคัญที่ท ำให้เกิดกำรพัฒนำกระบวนกำรในกำรเปิดเผยบันทึกกำร ประชุมของคณะกรรมำธิกำรวิสำมัญพิจำรณำร่ำงพระรำชบัญญัติท ำให้ประชำชนสำมำรถเข้ำถึงข้อมูล ข่ำวสำรเหล่ำนี้ได้สะดวกรวดเร็วมำกกว่ำเดิม แต่ในระเบียบสภำผู้แทนรำษฎรว่ำด้วยกำรรับรองควำมถูกต้อง ของบันทึกกำรประชุมของคณะกรรมำธิกำรและกำรเปิดเผยบันทึกกำรประชุมและรำยงำนของ คณะกรรมำธิกำรให้ประชำชนทรำบ พ.ศ. ๒๕๖๔ ที่ก ำหนดให้กำรเปิดเผยบันทึกกำรประชุมของ
๓๐ องค์ความรู้เพื่อน าไปสู่แนวปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการ ๓๙๒ คณะท ำงำนบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management : KM) และนวัตกรรมของส ำนักกรรมำธิกำร ๒ ส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร คณะกรรมำธิกำรผ่ำนทำงสื่ออิเล็กทรอนิกส์หรือสื่อเทคโนโลยีสำรสนเทศ ยังมีเนื้อหำบำงส่วนที่อำจ ท ำให้เกิดปัญหำในกำรตีควำมว่ำ กำรเปิดเผยบันทึกกำรประชุมของคณะกรรมำธิกำร หมำยควำม รวมถึงคณะอนุกรรมำธิกำรหรือไม่ และในส่วนของกำรเปิดเผยบันทึกกำรประชุมของ คณะกรรมำธิกำรของรัฐสภำตำมข้อบังคับกำรประชุมรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๖๓ ไม่ได้ก ำหนดรำยละเอียด ในกำรเปิดเผยบันทึกกำรประชุมของคณะกรรมำธิกำรของรัฐสภำไว้อย่ำงชัดเจนและซึ่งปัจจุบันยังไม่มี กำรออกระเบียบในกำรเปิดเผยบันทึกกำรประชุมของคณะกรรมำธิกำรของรัฐสภำ ท ำให้เห็นว่ำกำร ด ำเนินกำรในกำรเปิดเผยบันทึกกำรประชุมของคณะกรรมำธิกำรในขั้นตอนปฏิบัติตำมระเบียบสภำ ผู้แทนรำษฎรว่ำด้วยกำรรับรองควำมถูกต้องของบันทึกกำรประชุมของคณะกรรมำธิกำรและกำร เปิดเผยบันทึกกำรประชุมและรำยงำนของคณะกรรมำธิกำรให้ประชำชนทรำบ พ.ศ. ๒๕๖๔ และ ข้อบังคับกำรประชุมรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๖๓ ยังมีควำมไม่ชัดเจนและอำจท ำให้เกิดปัญหำในทำงปฏิบัติได้ จำกผลกำรศึกษำที่เห็นว่ำ ควรแก้ไขเพิ่มเติมบทนิยำมค ำว่ำ “คณะกรรมำธิกำร” ในข้อ ๓ ของระเบียบสภำผู้แทนรำษฎรว่ำด้วยกำรรับรองควำมถูกต้องของบันทึกกำรประชุมของ คณะกรรมำธิกำรและกำรเปิดเผยบันทึกกำรประชุมและรำยงำนของคณะกรรมำธิกำรให้ประชำชน ทรำบ พ.ศ. ๒๕๖๔ ให้หมำยควำมรวมถึงคณะอนุกรรมำธิกำร เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหำในทำง ปฏิบัติและท ำให้กำรเปิดเผยบันทึกกำรประชุมของคณะอนุกรรมำธิกำรมีควำมชัดเจนมำกยิ่งขึ้น และ ควรแก้ไขเพิ่มเติมข้อ ๗๘ ของข้อบังคับกำรประชุมรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยก ำหนดให้กำรเปิดเผย บันทึกกำรประชุมคณะกรรมำธิกำรให้เป็นไปตำมหลักเกณฑ์วิธีกำร และเงื่อนไขที่ประธำนรัฐสภำ ก ำหนด เพื่อให้สำมำรถด ำเนินกำรออกระเบียบของรัฐสภำในกำรเปิดเผยบันทึกกำรประชุมของ คณะกรรมำธิกำรที่มีหลักเกณฑ์เช่นเดียวกับกำรเปิดเผยบันทึกกำรประชุมของคณะกรรมำธิกำรของ สภำผู้แทนรำษฎร เป็นแนวทำงที่จะสำมำรถพัฒนำกำรเปิดเผยบันทึกกำรประชุมของคณะกรรมำธิกำร ของรัฐสภำมีประสิทธิภำพมำกยิ่งขึ้น และจะท ำให้ประชำชนรับทรำบผลกำรพิจำรณำร่ำง พระรำชบัญญัติและสำมำรถตรวจสอบกำรปฏิบัติหน้ำที่ของคณะกรรมำธิกำรได้อย่ำงสมบูรณ์ สอดคล้องกับค ำอธิบำยประกอบของมำตรำ ๑๒๙ วรรคหกของรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย ที่ ก ำหนดว่ำ กำรบัญญัติให้เปิดเผยบันทึกกำรประชุม รำยงำนกำรด ำเนินกำร รำยงำนกำรสอบหำ ข้อเท็จจริง หรือรำยงำนกำรศึกษำของคณะกรรมำธิกำรให้ประชำชนทรำบเป็นกำรสะท้อนให้ ประชำชนเห็นถึงควำมโปร่งใส สุจริต และตรวจสอบได้ในกำรปฏิบัติหน้ำที่ของคณะกรรมำธิกำร เพื่อ เป็นหลักประกันว่ำกำรด ำเนินงำนของคณะกรรมำธิกำรจะยึดถือเอำประโยชน์ของประชำชนและ ประเทศชำติเป็นส ำคัญ (คณะกรรมกำรร่ำงรัฐธรรมนูญ, ๒๕๖๒, น. ๒๒๔) ๕. ข้อเสนอแนะ ๑. ควรปรับปรุงแก้ไขบทนิยำมค ำว่ำ “คณะกรรมำธิกำร” ในข้อ ๓ ของระเบียบสภำ ผู้แทนรำษฎรว่ำด้วยกำรรับรองควำมถูกต้องของบันทึกกำรประชุมของคณะกรรมำธิกำรและกำร เปิดเผยบันทึกกำรประชุมและรำยงำนของคณะกรรมำธิกำรให้ประชำชนทรำบ พ.ศ. ๒๕๖๔ ให้หมำยควำมรวมถึงคณะอนุกรรมำธิกำรด้วย