The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by chatreewr chatreewr, 2019-11-14 08:34:14

2562-2

2562-2

3-7-18

คาถาม

1. โมเมนตัม คือ…………………………………………….…….…………………………………………….

2. โมเมนตมั เป็นปริมาณ…………………………………………….…………………………………………

3. ปรมิ าณโมเมนตัม ขึ้นกบั ปรมิ าณใดบ้าง……….……………………………………………………………

4. เPราสาเมปา็นรสถญั เขญียลนกัสษมณกาแ์ รทในนรคูปวสามัญหญมลากัยษใดณ…เ์ ก…ี่ย…ว…ก.บั .…ก…าร…ห…าค…่า…โม…เ…ม…นต…มั …ด…ังน…้ี……………………………………………………….
5.

6. โมเPมนเตปมั ็นสมญัหี นญว่ ลยักเษป็นณ…์แ…ทน…ค…ว…า…มห…ม…า…ย…ใด………………………..…………………………………………………………………………………………………….
7.

8. เราสามารถเขยี นสมการในรูปสัญญลักษณ์เก่ยี วกับการเปล่ียนแปลงโมเมนตมั ไดด้ งั น้ี………………………

……………………………………………………………………………………………………………….

9. วตั ถจุ ะมีการเปล่ยี นแปลงโมเมนตัมเมื่อใด…………………………………………………………………

10. รถยนต์วิ่งไปชนกาแพง ทาให้คนในรถยนต์ถงึ กลบั เสียชีวติ เพราะ คอหัก นักเรยี นคดิ วา่ เร่ืองการ

เปล่ียนแปลงโมเมนตัมเกย่ี วข้องหรอื ไม่……………………………………………………………………………

11. วัตถมุ วล 1 kg กาลังเคPล่ือนท่ีไป=ทางทิศใmต้ดvว้ ยความเรว็ 5 m/s จะมีโมเมนตัมเท่าไร
วธิ ที า

= ( 1 kg )( 5 m/s )

= ………………….. kg.m/s ตอบ

12. ปล่อยวตั ถมุ วล 1 kg ลงในแนวดง่ิ เม่ือเวลาผา่ นไป 3 วนิ าที โมเมนตัมของวัตถุเปลยี่ นแปลงเทา่ ใด

วธิ ที า จากโจทยค์ วามเร็วของวัตถเุ ปลย่ี นไป จงึ เป็นผลให้โมเมนตัมของวตั ถุน้ีเปล่ียนไป

ความเร็วขณะปลอ่ ย = 0 เมตรตอ่ วนิ าที

เมอ่ื เวลา 3 วนิ าทีความเรว็ ของวตั ถุมีคา่ ดังน้ี

v = u + gt=  P0 + ( 10 )( 3 ) = …………… m/s
ดงั น้ัน โมเมนตัมของวตั ถุนเี้ ปลยี่ นไป = m v – m u

= ( …..)(……) - ( …..)(……) = 30 kg.m/s ตอบ

13. วตั ถุหน่ึงมพี ลงั งานจลน์ 9 จลู มคี วามเร็ว 3 เมตรตอ่ วนิ าที จะมโี มเมนตมั เท่าไร
1
วธิ ีทา จาก Ek = 2 m v 2

แทนค่า 9 = 1 m ( 3 )2 จะได้ m = ……………. kg
= m v 2
ดังนน้ั P = (………..)(………….) = ………….. kg.m/s ตอบ

3-7-19

1. ลูกบอลวงิ่ เข้ากระทบกาแพงด้วยความเร็ว 20 เมตร/วนิ าที มีโมเมนตมั ของลูกบอลขณะกระทบกาแพงเท่ากับ
10 กโิ ลกรัม.เมตร/วินาที ลูกบอลมมี วลเทา่ ใด

……………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………….

2. วัตถุมีมวล 6 กิโลกรัม เคลื่อนที่จากหยุดนิ่งด้วยความเร่ง 2 เมตร/วินาที2 หลังจากเวลาผ่านไป 3 วินาที
จะมโี มเมนตัม เทา่ ใด

……………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………….

3. กอ้ นหินมวล 2 กิโลกรมั ตกจากทีส่ ูง 200 เมตร เหนือพน้ื ดิน จงหาการเปลีย่ นแปลงโมเมนตัมของ

ก้อนหินนี้ เมอ่ื เวลาผ่านไป 4 วนิ าที

……………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………….

3-7-20

14. วตั ถุมวล 2 กโิ ลกรัม กาPลงั เคล่ือ=นทไ่ี ปทาmงทvิศใต้ด้วยความเร็ว 5 m/s จะมโี มเมนตัมเท่าไร
วิธีทา

= ( 2 kg )( ……… m/s )

= ………………….. kg.m/s ตอบ

15. ปลอ่ ยวัตถมุ วล 2 kg ลงในแนวดงิ่ เม่อื เวลาผ่านไป 2 วินาที โมเมนตัมของวตั ถเุ ปลยี่ นแปลงเท่าใด

วิธีทา จากโจทย์ความเร็วของวตั ถุเปล่ยี นไป จงึ เป็นผลให้โมเมนตัมของวตั ถนุ ้เี ปล่ียนไป

ความเร็วขณะปลอ่ ย = 0 เมตรตอ่ วนิ าที

เม่อื เวลา 3 วินาทคี วามเรว็ ของวัตถุมคี ่าดังน้ี

v = u + gt=  P0 + ( 10 )( 2 ) = …………… m/s
ดงั น้นั โมเมนตมั ของวัตถนุ เี้ ปลี่ยนไป = m v – m u

= ( 2 kg )(……) - ( 2 kg )(……) = …………………. kg.m/s ตอบ

16. วตั ถุหน่งึ มพี ลังงานจลน์ 16 จลู มคี วามเร็ว 4 เมตรตอ่ วินาที จะมโี มเมนตัมเทา่ ไร
1
วิธที า จาก Ek = 2 m v 2

แทนค่า 16 = 1 m ( 4 )2 จะได้ m = ……………. kg
= 2
ดงั นั้น P m v = (………..)(………….) = ………….. kg.m/s ตอบ

3-7-21

1. วัตถุมวล 2 กิโลกรัม กาPลงั เคล่อื =นทไี่ ปทาmงทvิศใต้ด้วยความเร็ว 5 m/s จะมีโมเมนตัมเทา่ ไร
วิธที า

= ( 2 kg )(…. 5… m/s )

= ……10…….. kg.m/s ตอบ

2. ปลอ่ ยวัตถมุ วล 2 kg ลงในแนวด่ิง เม่อื เวลาผ่านไป 2 วนิ าที โมเมนตมั ของวัตถเุ ปลยี่ นแปลงเทา่ ใด

วธิ ีทา จากโจทยค์ วามเร็วของวัตถุเปลีย่ นไป จึงเป็นผลใหโ้ มเมนตัมของวัตถุนเ้ี ปลี่ยนไป

ความเร็วขณะปล่อย = 0 เมตรต่อวินาที

เม่ือเวลา 3 วินาทีความเร็วของวตั ถมุ คี ่าดังน้ี

v = u + gt=  P0 + ( 10 )( 2 ) = …20… m/s
ดงั น้นั โมเมนตมั ของวตั ถุนเ้ี ปล่ียนไป = m v – m u

= ( 2 kg )(.20.) - ( 2 kg )(.0.) = …40… kg.m/s

ตอบ

3. วัตถหุ น่งึ มีพลงั งานจลน์ 16 จลู มคี วามเรว็ 4 เมตรตอ่ วินาที จะมีโมเมนตัมเทา่ ไร
1
วิธีทา จาก Ek = 2 m v 2

แทนคา่ 16 = 1 m ( 4 )2 จะได้ m = ..2… kg
= m v 2
ดังนั้น P = (..2..)(..4…) = ..8.. kg.m/s ตอบ

3-7-22

แผนผงั มโนทศั น์ท่ี 7
องคค์ วามรู้เร่ือง โมเมนตัม

เจ้าของผลงาน ชือ่ ……………………………………………………ชน้ั ……………..เลขท…่ี …….

3-7-23

แบบทดสอบก่อนเรียน – หลังเรยี นท่ี 7
เรอื่ ง โมเมนตัม

ชือ่ …………………………….……………………นามสกุล……………………….…………………………ชั้น……………..เลขท…่ี …….
คาช้ีแจง จงตอบคาถามใหถ้ ูกตอ้ ง โดยใช้เวลาในการทาข้อสอบ 10 นาที

1. ขอ้ ใดถูกต้อง

1. โมเมนตมั เป็นปรมิ าณเวกเตอร์ มที ศิ ไปทางเดียวกับทศิ ความเรว็

2. โมเมนตัมเปน็ ปรมิ าณเวกเตอร์ มที ิศไปทางเดียวกับทิศการเคลอื่ นที่

3. กราฟความสมั พันธร์ ะหวา่ งโมเมนตมั กบั ความเรว็ ความชันกราฟมีหน่วยเชน่ เดียวกับหน่วยของมวล

4. กราฟความสัมพนั ธร์ ะหว่างโมเมนตัมกับความเรว็ ความชนั กราฟมีคา่ เท่ากบั มวลของวัตถุ

ก. 1 ข. 1, 2 ค. 1, 2 , 3 ง. 1, 2, 3, 4

2. วตั ถุที่มีโมเมนตัมจาเปน็ ตอ้ งมปี รมิ าณใดต่อไปนี้

ก. พลงั งานจลน์ ข. พลงั งานศักย์ ค. ความเร่ง ง. การดล

3. ปลอ่ ยวตั ถุมวล 100 g ให้ตกจากทสี่ ูง 20 m โมเมนตัมของวตั ถขุ ณะทชี่ นพื้นเป็นเทา่ ใด (ให้ g = 10 m/s2)

ก. 80 N.S ข. 20 N.S ค. 10 N.S ง. 2 N.S

4. จงหาโมเมนตมั ของรถยนต์มวล 2  103 kg ซงึ่ กาลังเคลือ่ นที่ดว้ ยความเรว็ 72 km / hr
ก. 6 x104kg.m / s ข. 4  104kg.m / s ค. 2  104kg.m / s ง. 104 kg.m / s

5. ลูกบอลตกกระทบพืน้ แลว้ สะท้อนกลบั ดว้ ยอตั ราเร็วเท่าเดิม ลูกบอลมปี ริมาณทีเ่ ปลย่ี นไปคือ

1. โมเมนตัม 2. ความเร็ว 3. พลังงานจลน์

คาตอบที่ถกู ต้องคือ

ก. 1, 2, 3 ข. 2, 3 ค. 1, 3 ง. 1, 2

6. โมเมนตัมของวัตถุท่เี ปลย่ี นไปเป็นปรมิ าณเวกเตอรม์ ที ิศเดียวกับ

ก. ความเร็วที่เปลย่ี นไป ข. ความเรว็ ตน้ ค. ความเร็วปลาย ง. ความเรว็ เฉล่ีย

7. แรงทที่ าใหม้ ีการเปลยี่ นแปลงโมเมนตัมข้นึ อย่กู ับอะไรบ้าง

1. มวล 2. ความเรว็ 3. เวลาทใ่ี ช้ในการเปล่ยี นโมเมนตัม

3-7-24

คาตอบทีถ่ ูกต้องคือ

ก. 1, 2, 3 ข. 2, 3 ค. 1, 3 ง. 1, 2

8. วตั ถุมวล 2 kg ตกลงจากที่สูง 500 m จะมีการเปล่ียนแปลงโมเมนตัมเท่าใดตง้ั แต่เริ่มตกจนถึงพ้ืน

ก. 1,000 N.s ข. 200 N.s ค. 100 N.s ง. 50 N.s

9. ปลอ่ ยวัตถุมวล 2 kg ลงในแนวดง่ิ เม่ือเวลาผา่ นไป 2 วนิ าที โมเมนตมั ของวัตถเุ ปลย่ี นแปลงเทา่ ใด

ก. 70 N.s ข. 40 N.s ค. 20 N.s ง. 10 N.s

10. ปาวัตถุมวล 0.5 kg ขน้ึ ไปในแนวดิง่ ดว้ ยความเรว็ 20 m/s เมอ่ื เวลาผา่ นไป 4 s โมเมนตัมเปลยี่ นไปเทา่ ใด

ก. 30 N.s ข. 20 N.s ค. 10 N.s ง. 5 N.s

3-7-25

เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน – หลังเรียนที่ 7
เรือ่ ง โมเมนตัม

เฉลยแบบทดสอบ
ก่อนเรียนและหลงั เรียน
ข้อ คาตอบ
1ข
2ก
3ง
4ข
5ง
6ก
7ก
8ข
9ค
10 ข

3-8-1

แผนจัดการเรยี นร้ทู ี่ 8

3-8-2

แผนการจัดการเรียนรูท้ ี่ 8
กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ รหสั วิชา ว30202 วิชา ฟสิ กิ ส์ 2

ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 4 ภาคเรยี นที่ 2
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 เรื่อง โมเมนตัมและการชน

เร่ืองท่ี 8 การชน เวลา 5 ช่ัวโมง
ผูส้ อน นายชาตรี ศรีม่วงวงค์ โรงเรยี นวัชรวิทยา

1. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด
ในการชนกันของวัตถุและการดีดตัวออกจากกนั ของวตั ถใุ นหน่ึงมิติ เมอื่ ไม่มีแรงภายนอกมากระทา โม

เมนตมั ของระบบมีคา่ คงตวั ซึ่งเป็นไปตามกฎการอนุรักษโ์ มเมนตัม เขียนแทนได้ดว้ ย สมการ pi = pf
โดย pi เปน็ โมเมนตัมของระบบก่อนชน และ pf เปน็ โมเมนตัมของระบบหลังชน ในการชนกันของวตั ถุ พลงั งาน
จลน์ของระบบอาจคงตัวหรือไมค่ งตวั ก็ได้ การชนทีพ่ ลังงานจลนข์ องระบบคงตัวเปน็ การชนแบบยืดหย่นุ ส่วนการ
ชน ทีพ่ ลังงานจลนข์ องระบบไมค่ งตวั เปน็ การชนแบบไมย่ ืดหยนุ่
2. สาระการเรียนรู้ฟิสิกส์

สาระฟิสกิ ส์ ข้อ 1เข้าใจธรรมชาติทางฟสิ กิ ส์ ปรมิ าณ และกระบวนการวดั การเคลื่อนท่แี นวตรง แรง
และกฎการเคล่ือนที่ของนวิ ตัน กฎความโนม้ ถ่วงสากล แรงเสียดทาน สมดุลกลของวตั ถุ งานและกฎการอนุรักษ์
พลงั งานกล โมเมนตมั และกฎการอนุรักษ์โมเมนตัม การเคล่อื นที่แนวโคง้ รวมทง้ั นาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์

3. ผลการเรยี นรู้
8. ทดลอง อธบิ าย และคานวณปรมิ าณต่าง ๆ ทเ่ี กยี่ วกบั การชนของวัตถุในหนงึ่ มติ ิ ท้งั แบบยืดหย่นุ ไม่

ยดื หยนุ่ และการดีดตวั แยกจากกัน ในหน่ึงมิตซิ ึง่ เป็นไปตามกฎการอนุรักษโ์ มเมนตมั

3-8-3

4.สาระการเรยี นรู้
4.1 สาระฟสิ ิกส์เพ่ิมเติม
สาระฟสิ ิกส์ ข้อ 1เข้าใจธรรมชาติทางฟสิ ิกส์ ปริมาณ และกระบวนการวดั การเคล่ือนทแี่ นวตรง

แรงและกฎการเคล่ือนที่ของนิวตัน กฎความโนม้ ถ่วงสากล แรงเสียดทาน สมดุลกลของวัตถุ งานและกฎการ
อนุรักษ์พลงั งานกล โมเมนตัมและกฎการอนรุ ักษ์โมเมนตัม การเคลือ่ นทีแ่ นวโคง้ รวมท้งั นาความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์

4.2 สาระการเรยี นรู้ท้องถ่ิน
-

4.3 สาระการเรียนรู้เกย่ี วกับอาเซียน
โมเมนตมั กบั วิถชี วี ติ ของประเทศในอาเซียน

4.4 สาระการเรยี นร้เู ศรษฐกิจพอเพียง
-

5. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียนและจดุ เน้นท่ีตอ้ งการพัฒนาคณุ ภาพผ้เู รียน
5.1 สมรรถนะ ความสามารถในการส่ือสาร
5.2 สมรรถนะ ความสามารถในการคิด
5.3 สมรรถนะ ความสามารถในการแก้ปญั หา
5.4 สมรรถนะ ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต
5.5 สมรรถนะ ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
5.6 จดุ เน้น แสวงหาความรเู้ พอ่ื การแก้ปัญหา
5.7 จุดเน้น การใชภ้ าษาต่างประเทศ
5.8 จุดเนน้ การคดิ วเิ คราะหข์ ้ันสงู
5.9 จุดเนน้ การใชเ้ ทคโนโลยีเพ่ือการเรียนรู้
5.10 จุดเน้น ทักษะชีวติ
5.11 จดุ เนน้ ทักษะการสอื่ สารอยา่ งสรา้ งสรรคต์ ามช่วงวัย

6. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
6.1. รกั ชาติ ศาสน์ กษัตริย์
6.2. ซอ่ื สัตยส์ จุ รติ
6.3. มีวนิ ัย
6.4 ใฝเ่ รยี นรู้
6.5อยู่อยา่ งพอเพียง
6.6 มงุ่ มัน่ ในการทางาน
6.7 รกั ความเป็นไทย
6.8 มีจิตสาธารณะ

3-8-4

7. ชน้ิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด/ระหว่างเรยี น)
7.1 แบบฝึกทักษะ (ระหว่างเรยี น)
7.2 แผนผงั มโนทัศน์ Concept mapping (รวบยอด)
7.3 แบบทดสอบหลงั เรียน (รวบยอด)

8.การวดั และประเมินผล

สิง่ ทีว่ ดั ชว่ งการวดั วธิ กี ารประเมินผล เครือ่ งมอื เกณฑก์ ารประเมิน
ถูกต้องสมบรู ณ์
8.1 ความรูค้ วามเข้าใจ ระหวา่ งสอน ความถกู ตอ้ งของ Concept
Concept mapping ตอบถูกต้อง
ในเน้ือหา mapping
คาถาม
8.2 ความร้คู วามเข้าใจ ระหวา่ งสอน การตอบคาถาม
ในเนอื้ หา ระหวา่ งสอน
ระหว่างสอน การตอบคาถาม คาถาม ตอบถกู ต้อง
8.3 ทักษะและ
กระบวนการ การตอบคาถาม คาถาม วเิ คราะหต์ าม
สภาพคาตอบ
8.4 เจตคติ

8.5 ผลการเรยี นรู้ ระหวา่ งสอน การทาแบบฝกึ ทักษะ แบบฝึกทกั ษะ ทาถกู รอ้ ยละ 70 ขน้ึ ไป
8.6 ผลสมั ฤทธิ์ สิน้ สดุ การสอน
คะแนนสอบหลังเรยี น แบบทดสอบหลงั เรียน ไดค้ ะแนน

ร้อยละ 70 ขึ้นไป

9. กจิ กรรมการเรียนรู้
ขนั้ สรา้ งความสนใจ (Engagement)
9.1 ครูเปดิ เพาเวอรพ์ อยต์จากเว็บไซต์สอนฟิสิกส์ ที่เวบ็ ไซต์ http://gg.gg/ct3110 เพอื่ เปดิ วดี ทิ ัศน์ให้

นักเรยี นศึกษา เร่อื ง การดลและแรงดล
9.2 ครแู ละนักเรยี นร่วมกันและเปลีย่ นเรียนร้จู ากเน้ือหาในวีดทิ ัศน์ทีไ่ ดด้ ูร่วมกนั
9.3 ครูตัง้ คาถามนักเรยี นเก่ยี วกับการประยุกตใ์ ช้การดลและแรงดล
9.4 นักเรียนตอบคาถามของครอู ย่างอสิ ระ และรว่ มแลกเปลยี่ นเรียนร้ซู ่งึ กันและกัน นอกจากน้ันครูยัง

ชกั ชวนนักเรียนพดู คยุ และแลกเปล่ียนความรู้เก่ียวกบั เร่อื ง โมเมนตัมกบั วถิ ีชีวติ ของประเทศในอาเซยี น
9.5 นกั เรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียนออนไลนจ์ ากเว็บไซต์การสอนฟสิ ิกส์ จานวน 10 ข้อ
ขั้นสารวจและค้นหา (Exploration)
9.6 ครแู จง้ ใหน้ กั เรยี นทราบถึงเนอ้ื หาที่จะเรียน จดุ ประสงค์ กระบวนการเรียนท่จี ะดาเนินการโดยยอ่
9.7 ครใู ห้นกั เรียนศึกษาเน้ือหาความรจู้ ากเพาเวอร์พอยต์จากเวบ็ ไซต์สอนฟิสกิ ส์ โดยให้นักเรยี นสบื คน้

ข้อมูลและศึกษาขอ้ มลู เบอ้ื งต้น
9.8 ครสู าธติ วธิ กี ารแกป้ ญั หาโจทยใ์ หก้ บั นกั เรยี น ตามโจทย์ตัวอยา่ งในเพาเวอร์พอยต์ จานวน 3 ข้อ
9.9 นกั เรียนฝึกทักษะการทาแบบฝกึ หัดจากแบบฝกึ หัดตามท่ีครรู ะบใุ ห้จานวน 5 ขอ้
9.10 ครูเฉลยแบบฝกึ หดั อยา่ งละเอยี ดพร้อมแลกเปล่ยี นเรียนรกู้ บั นักเรยี นอย่างเปน็ กันเอง โดยกระตุ้น

ด้วยคาถามเพือ่ ให้นักเรยี นคิดอย่างเป็นข้นั ตอน

3-8-5

ขั้นอธบิ ายและลงข้อสรุป (Explanation)
9.11 นกั เรยี นแตล่ ะกลุม่ สรปุ หลกั การในการแก้โจทยใ์ นแบบฝึกหดั
9.12 นกั เรียนแลกเปลย่ี นเรยี นรู้กันภายในกล่มุ และระหว่างกล่มุ
9.13 นกั เรียนแตล่ ะคนสรุปหลักการในการแกโ้ จทย์ของตนเอง
9.14 ครูและนักเรยี นร่วมกันอภปิ รายเพ่ือสรปุ การแก้ไขปญั หาโจทย์อย่างเปน็ ข้นั ตอน นกั เรยี นบันทึก
ขอ้ มูลลงในสมุดบนั ทึก
9.15 นกั เรียนทาแบบฝกึ ทักษะเพ่ิมเติมตามหลกั การที่ได้จากการสรุปรว่ มกันระหว่างครแู ละนักเรยี น
ขั้นขยายความรู้ (Elaboration)
9.16 ครูใช้คาถามนาเพ่อื ให้นักเรียนนาหลกั การที่สรุปได้มาประยกุ ตใ์ ชง้ านในสถานการณ์โจทยท์ ่มี คี วาม
ซับซ้อนมากขน้ึ และเปดิ โอกาสใหน้ ักเรียนซกั ถามและแลกเปลี่ยนเรยี นร้ใู นเรือ่ งทีเ่ รียน
9.17 นักเรยี นทดลองทาแบบฝึกหดั ที่หลากหลาย โดยนาข้อสอบโอเน็ต ขอ้ สอบ PAT2 ข้อสอบคัดเลอื ก
เข้ามหาวิทยาลัยเชยี งใหม่ ขอ้ สอบคัดเลอื กเข้ามหาวิทยาลัยขอนแกน่ มาใหน้ ักเรียนฝกึ ทาโดยครจู ดั เตรียมไวใ้ น
เพาเวอร์พอยตป์ ระกอบการสอนในเว็บไซตก์ ารสอนฟสิ กิ ส์
9.18 นกั เรยี นทาแบบฝกึ ทักษะเพิ่มเติมโดยมีครคู อยใหค้ าแนะนา
9.19 นักเรยี นตรวจคาตอบและศกึ ษาเพ่ิมเตมิ จากเว็บไซต์การสอนฟิสกิ ส์
9.20 ครสู งั่ แบบฝกึ หัดใหน้ ักเรียนกลบั ไปฝึกทาเป็นการบ้าน
ขั้นประเมิน (Evaluation)
9.21 นกั เรียนเขยี น Concept mapping ของเรอ่ื งท่ีเรยี นลงในสมดุ แลว้ ถ่ายรูปสง่ ใน line หอ้ งเรียน
ฟิสกิ ส์และครปู ระเมนิ ความเข้าใจเนอ้ื หาของนักเรยี นจาก Concept mapping ทนี่ ักเรียนส่งมา
9.22 ครตู ้งั คาถามเพ่ือใหน้ กั เรยี นตอบเพ่ือตรวจสอบความเขา้ ใจในเนื้อหาทีเ่ รียนอกี คร้ัง
9.23 นกั เรยี นทาข้อสอบออนไลนผ์ า่ นโทรศพั ทม์ ือถือ จานวน 10 ข้อ โดยใชเ้ วลาในการทาข้อสอบ
10 นาที
9.24 ครูแจ้งผลการสอบทันที โดยส่งคะแนนใหน้ ักเรียนทาง line ห้องเรยี นฟิสกิ ส์
9.25 นักเรียนทม่ี ีคะแนนไม่ถึงร้อยละ 50 ครใู หน้ กั เรยี นกลับไปทบทวนเนื้อหาเพาเวอร์พอยตอ์ ีกครง้ั
และนดั หมายใหส้ อบออนไลน์ใหม่อีกครัง้ ในการเรียนคาบต่อไป ในสว่ นของนกั เรียนที่มีคะแนนเกนิ ร้อยละ 50
และตอ้ งการศกึ ษาทบทวนเพิ่มข้นึ ครูแนะนาให้ศึกษาซ้าในเพาเวอร์พอยต์และแนะนาเว็บไซต์เพือ่ ศึกษาดว้ ย
ตนเองเพ่ิมเติม

3-8-6

10. ส่อื การเรยี นรู้/แหล่งเรยี นรู้ จานวน ลาดบั ข้นั ตอนการใชส้ อ่ื

รายการสื่อ 1 เว็บไซต์ ทุกขั้นตอน
10.1 เวบ็ ไซตก์ ารสอนฟิสิกส์
ทผี่ ลิตโดยนายชาตรี ศรีม่วงวงค์ 1 ไฟล์ ทุกขน้ั ตอน
http://gg.gg/ct3110 1 เล่ม ทกุ ข้ันตอน
10.2 เพาเวอร์พอยตก์ ารสอนฟิสกิ ส์ 1 กลมุ่ ทุกขั้นตอน
10.3 หนังสอื เรยี นวชิ าฟสิ กิ ส์ 1 สสวท. 1 ชดุ ทุกขั้นตอน
10.4 กลุ่ม line การสอนฟิสกิ ส์ 1 ชุด ขนั้ ขยายความรู้ / ข้ันลงขอ้ สรุป
10.5 ใบความร้ทู ี่ 8 1 ชดุ ข้นั ลงขอ้ สรุป
10.6 แบบฝึกทักษะท่ี 8 1 ชุด ขน้ั สร้างความสนใจ
10.7 แผนผังมโนทศั น์ที่ 8 1 ชดุ ขน้ั ประเมนิ
10.8 แบบทดสอบก่อนเรยี นออนไลน์
10.9 แบบทดสอบหลงั เรยี นออนไลน์

11. กิจกรรมเสนอแนะ

รายการ วิธีการ
11.1 ปรบั ปรงุ -แกไ้ ขขอ้ บกพร่องของผ้เู รียน
นักเรียนทีม่ ีคะแนนไม่ถงึ รอ้ ยละ 50 ครูให้นักเรยี นกลับไป
11.2 ส่งเสริมความรคู้ วามสามารถของผู้เรยี น ทบทวนเนอื้ หาเพาเวอร์พอยต์อกี คร้ังและนดั หมายให้
สอบออนไลนใ์ หม่อีกครั้งในการเรียนคาบต่อไป

นักเรียนทม่ี ีคะแนนเกินร้อยละ 50 และต้องการศึกษา
ทบทวนเพ่ิมข้ึน ครแู นะนาให้ศึกษาซ้าในเพาเวอร์พอยต์
และแนะนาเวบ็ ไซต์เพื่อศึกษาดว้ ยตนเองเพ่ิมเตมิ

3-8-7

12.บนั ทกึ ผลหลังการสอน
12.1 ความกา้ วหนา้ ในการเรยี นการสอน

จานวน คะแนน คะแนนเฉลยี่ คะแนนเฉลย่ี คะแนนเฉลยี่ E1/E2 ความก้าวหนา้
นักเรียน เต็ม ก่อนเรยี น ระหวา่ งเรยี น ในการเรียน
หลังเรียน
157 10 2.12 8.12 63.50
8.47 81.20/84.70

สูตร รอ้ ยละความก้าวหนา้ ในการเรยี น = คะแนนหลงั เรยี น – คะแนนก่อนเรยี น x 100
คะแนนเตม็

สตู ร หาประสทิ ธิภาพของสอ่ื = E1/ E2 (ตามเกณฑ์ 80/80)
E1 = ประสทิ ธิภาพของกระบวนการ (ทาแบบฝึก)
E2 = ประสทิ ธภิ าพของผลลพั ธ์ (สอบหลังเรียน)
ประสิทธภิ าพของกระบวนการ = คะแนนเฉลยี่ ระหว่างเรียน x 100
คะแนนเตม็

ประสิทธภิ าพของผลลพั ธ์ = คะแนนเฉล่ยี หลงั เรยี น x 100
คะแนนเต็ม

12.2 กระบวนการจัดการเรยี นการสอน
1.ขั้นสร้างความสนใจ นกั เรียนร้อยละ 90 ให้ความสนใจคลปิ เกยี่ วกับการสาธิตตวั อย่างของ

ครูเกีย่ วกับสมดุล และให้ความสนใจคลปิ ท่ีครเู ปิดให้ดู โดยมีนักเรยี นบางส่วนสนใจซกั ถามเพิ่มเตมิ และร่วมกนั
กาหนดประเดน็ ของเรอ่ื งทตี่ ้องการศึกษาเก่ยี วกบั การดลและแรงดล

2.ขั้นสารวจและคน้ หา นักเรียนร้อยละ 90 ร่วมกันศกึ ษาเกี่ยวกบั เน้ือหาของสภาพสมดุล โดย
มีการซักถามและร่วมกนั หาคาตอบ เข้าใจในประเด็นท่สี นใจจะศึกษา ร่วมกันวางแผนกาหนดแนวทางการสารวจ
ตรวจสอบ ต้ังสมมติฐาน กาหนดวธิ ีการทดลองและทาการศึกษาเน้ือหาจากหนังสือเรียนและใบงาน มีการสืบค้น
ขอ้ มลู จากเวบ็ ไซต์ตา่ งๆ เพ่ือลงข้อสรุปเกยี่ วกับการดลและแรงดล

3.ขน้ั อธบิ ายและลงข้อสรุป นกั เรยี นร้อยละ 50 รว่ มกนั อภปิ รายเก่ียวกับเร่ืองท่เี รียนและ
ร่วมกนั สรุปเก่ียวกับการดลและแรงดล

4.ขน้ั ขยายความรู้ นักเรียนร้อยละ 50 ร่วมกนั อธิบายสถานการณใ์ นชีวติ ประจาวนั โดยใช้
ขอ้ สรปุ เก่ียวกับการดลและแรงดล

5.ขั้นประเมนิ นักเรยี นรอ้ ยละ 75 สามารถนาหลักการและความร้ทู เี่ รยี นตอบคาถามและ
สถานการณ์ทคี่ รตู ง้ั ข้ึนได้

3-8-8

บรรยากาศการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนการดลและแรงดล

12.3 ผลการสอน
( / ) สอนไดต้ ามแผนการจดั การเรยี นรู้
( ) สอนไม่ไดต้ ามแผนการจัดการเรยี นรู้ เนอ่ื งจาก...............................................................

12.4 ปัญหาและอปุ สรรค
1. นักเรียนร้อยละ 30 วิเคราะห์โจทย์ฟิสิกส์ไมค่ ่อยได้
2. นักเรียนร้อยละ 50 ยงั แก้สมการคณติ ศาสตร์ในโจทยไ์ ม่ได้
3. นกั เรยี นรอ้ ยละ 20 คิดเลขไม่ถูกต้อง
4. นกั เรียนทาใบงานไม่เสร็จตามเวลา

12.5 แนวทางการแกไ้ ขปญั หา
1. ให้นักเรียนศกึ ษาตวั อย่างจากหนงั สือคู่มอื เพิ่มเตมิ
2. นักเรียนฝึกแก้สมการคณติ ศาสตร์
3. นักเรยี นฝึกคดิ เลขโดยให้ทดลองเลน่ เกม 180 ไอคิว
4. ปรับปรงุ ใบงาน

ลงชอ่ื ..............................................ผ้สู อน
(นายชาตรี ศรมี ว่ งวงค์)

3-8-9

ข้อเสนอแนะของหวั หนา้ กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์
.................................................................... ..........................................................................................
............................................................................................................................. .................................
................................................................................................................................... ...........................

ลงช่ือ ........................................................
(นายสรุ ะศกั ดิ์ ยอดหงษ์)

ตาแหนง่ หัวหนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
วนั ที่..........เดือน..........................พ.ศ............

ขอ้ เสนอแนะของรองผู้อานวยการกล่มุ บรหิ ารงานวิชาการ
..............................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................
........................................................................................................................................ ......................

ลงชื่อ ........................................................
(นายวิเชยี ร ยอดนลิ )

ตาแหนง่ รองผอู้ านวยการกลุ่มบรหิ ารงานวิชาการ
วันที่..........เดอื น..........................พ.ศ............

ขอ้ เสนอแนะของผู้อานวยการโรงเรยี น
......................................................................................................... .....................................................
............................................................................................................................. .................................
..............................................................................................................................................................

ลงชอื่ ........................................................
(นายไพชยนต์ ศรีมว่ ง)

ตาแหนง่ ผู้อานวยการโรงเรียนวัชรวิทยา
วนั ที่..........เดือน..........................พ.ศ............

3-8-10

ภาคผนวก
ประกอบแผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ 8

3-8-11

สื่อการสอน

เวบ็ ไซตก์ ารสอนฟิสิกส์ ทสี่ รา้ งขนึ้ โดยนายชาตรี ศรมี ว่ งวงค์
ทอี่ ยู่ของเวบ็ ไซต์ http://gg.gg/ct3110

3-8-12

ใบความร้ทู ่ี 8
เรื่อง การดลและแรงดล

การดลและแรงดล (Impulse ; Impulsive Force) F v

u m

F m

t=0 t=t

วัตถมุ วล m ไดร้ บั แรงกระทา F เคลอื่ นท่ีบนพื้นราบจากความเรว็ ตน้ u เปน็ ความเร็ว v ใน

เวลา t

จากกฎข้อ 2 ของนวิ ตัน F = m a  a = v  u
t
จะไดว้ ่า… F = v  u
m t

F = mv  mu
t
- แรงทก่ี ระทากับวตั ถุในช่วงเวลาสั้นๆ เรียกวา่ แรงดล (Impulsive Force)

- แรงลัพธ์คูณกับเวลา ( F t) เรียกว่า การดล (Impulse)

I = F t = m v - m u

การดล (I) แยกพิจารณาเป็น 2 แบบ
1. การดลเน่ืองจากแรงคงท่ี ถ้ามแี รงคงทก่ี ระทากบั วตั ถุจะได้การดลเท่ากบั ผลคูณของแรงลพั ธ์กบั

เวลา มีหนว่ ยเป็น นวิ ตัน.วินาที
I = Ft

การดลของแรงที่มีขนาดคงที่ ถ้าขนาดของการดลของแรงมคี ่าเป็นบวก แสดงวา่ โมเมนตมั ของวัตถทุ ีเ่ รา
กาลังพิจารณามีค่าเพ่ิมขึน้ ถ้าเปน็ ลบแสดงว่า โมเมนตมั ของวตั ถจุ ะมีค่าลดลง และถา้ การดลมีคา่ เปน็ ศนู ย์ ก็
หมายถงึ ไม่มีการออกแรงกระทากับวัตถุเลย

3-8-13

2. การดลเน่ืองจากแรงไมค่ งที่ ถา้ มีแรงไมค่ งท่ีกระทากับวตั ถจุ ะได้การดลมีค่าเท่ากับพ้ืนท่ใี ตก้ ราฟระหวา่ งแรง

กับเวลา F

I = พนื้ ท่ีใต้กราฟของ F และ t

0 t
การดลเนื่องจากแรงไม่คงที่ แยกการพิจารณาเป็น 2 แบบ คือ

2.1 ถ้ามแี รงไมค่ งที่เพยี งแรงเดยี วกระทากบั วัตถุ จะได้การดลเทา่ กบั พื้นท่ีใต้กราฟ F กับ t

2.2 ถา้ มีแรงคงที่และไม่คงทก่ี ระทากับวตั ถุ จะไดก้ ารดลเท่ากับผลรวมของพน้ื ท่ีใต้กราฟ โดยแรงท่ีมีทศิ ตามกนั

การดลจะเท่ากบั ผลบวกของพน้ื ท่ใี ต้กราฟ แรงทีม่ ีทิศตรงข้ามกัน การดลจะเทา่ กบั ผลตา่ งของพ้ืนที่ใต้กราฟ

การดลทีเ่ ราพบบ่อยๆน้นั เป็นการดลท่ีแรงมีค่ามากมากระทากบั วัตถุในชว่ งเวลาส้ันๆ เช่น รถยนตช์ น

กัน การตีลกู เทนนิส การตลี กู ปงิ ปอง การตอกตะปดู ว้ ยค้อน ลูกบลิ เลียดชนกนั เปน็ ตน้

แรงดล หมายถงึ แรงท่ีกระทากับวัตถุในช่วงเวลาสัน้ ๆ หาไดจ้ ากสมการ

F = mv mu มหี น่วยเปน็ นวิ ตัน
t

F = I  แรงดล = การดล
t เวลา

แรงดลไม่ใช่เป็นแรงใหม่อะไร ความจริงคือแรงภายนอกที่กระทากับวัตถุดังกล่าวมาแล้ว มีข้อ

แตกต่างกันเพียงเวลาท่ีแรงกระทากับวัตถุกับวัตถุต้องเป็นเวลาส้ันๆ จึงเรียกชื่อให้ต่างออกไปเสียใหม่ว่า “ แรง

ดล ” หน่วยท่ีใช้ก็เป็นหน่วยเดียวกัน สูตรที่ใช้ก็เป็นสูตรเดียวกัน มีสิ่งท่ีควรสังเกต ถ้า mv – mu (การ

เปลย่ี นแปลง โมเมนตมั ) นัน้ เท่าเดิม แต่ t มีค่าน้อย เราจะไดค้ ่า F มากขึ้น เช่น ถ้า mv – mu มีค่า 1 หน่วย
1
และ t เท่ากับ 1 วินาที จะมีค่า 1 หน่วย แต่ถ้าเราใช้ t เท่ากับ 100 วินาที F จะมีค่าเป็น

100 หน่วย มากข้นึ กวา่ เดิมถึง 100 เท่า

ตัวอย่าง 1 วัตถุมวล 3 กิโลกรัม กาลังเคล่ือนทด่ี ว้ ยความเร็ว 8 เมตร/วินาที เม่อื มีแรงคงท่ีกระทากบั วตั ถุ

ในทศิ ตรงข้ามกบั ทศิ การเคล่ือนท่ีของวัตถุเดมิ เปน็ เวลานาน 0.02 วนิ าที และทาให้วตั ถุมีความเรว็ เปน็ 4

เมตร/วินาที ในทศิ ของแรงกระทา จงหาขนาดของ

ก. แรงดลท่กี ระทากับวัตถุ ข. การดลทก่ี ระทากับวัตถุ

u = -8 m/s v = +4 m/s

3-8-14

3 Kg F 3 kg F

วธิ ีทา F = mv mu
ก. จากสตู ร t
F = (3)(+4) (3)( 8)
แทนคา่ … 0.02 = + 1800 N

 แรงดลทกี่ ระทากับวัตถเุ ปน็ 1800 นิวตัน มที ศิ ทางไปทางขวามือ
ตอบ

ข. จากสูตร Ft = mv – mu
แทนค่า…
Ft = (3)(+4) - (3)(-8)
= + 36 N.s

 การดลที่กระทากบั วตั ถุมีค่าเท่ากับ +36 นวิ ตนั .วนิ าที มที ศิ ทางเดยี วกบั แรงดล

ตอบ

ตวั อยา่ ง 2 จากรูปเปน็ กราฟแสดงความสัมพันธร์ ะหว่างแรง แรง(N)

กับเวลาของวตั ถุหน่ึง
ก. ขนาดของการดลทกี่ ระทาต่อวตั ถใุ นชว่ ง 10 x10-2 วนิ าที
แรก 20 เวลา ( x10-2 s)
10 5 10
ข. ขนาดของแรงดลท่ีกระทาตอ่ วตั ถุใน 10 x10-2 วนิ าทแี รก
0
วธิ ที า ก. ขนาดของการดลท่ีกระทาตอ่ วตั ถใุ นชว่ ง 10 x10-2

วินาทีแรก

I = พืน้ ทใ่ี ต้กราฟ 1
1 2
I = 2 xฐานxสูง = x10x20

I = 100 N.s
ข. ขนาดของแรงลัพธท์ ีก่ ระทาต่อวัตถใุ น 10 x10-2 วนิ าทแี รก
F = I
t
100
แทนคา่ … F = 10x10 -2 = 1,000 N

3-8-15

แบบฝกึ ทกั ษะท่ี 8
เรอื่ ง การดลและแรงดล

ชอื่ ..........................................................………………….. ชนั้ ม. 4 /......…. ……….เลขที่............….

1. ให้นกั เรียนเลอื กเขยี นแสดงความคิดเห็นว่า ทาไมรถทีว่ ิง่ มาดว้ ยความเรว็ สงู แลว้ เบรคอยา่ งกระทนั หัน จะทา
ใหเ้ กิดการเสียหายมากกวา่ การเบรคให้รถหยดุ อย่างช้าๆ จนหยุดนงิ่

…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
2. ความคดิ เหน็ ของกลมุ่ เห็นว่า ทาไมรถท่ีวงิ่ มาด้วยความเรว็ สูงแลว้ เบรคอย่างกระทันหนั จะทาใหเ้ กดิ การ

เสยี หายมากกวา่ การเบรคให้รถหยุดอย่างชา้ ๆ จนหยุดนง่ิ
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….

3. ความคดิ เห็นท่ีนักเรียนและครูรว่ มกนั อภิปรายสรุป เหน็ ว่า ทาไมรถที่วง่ิ มาดว้ ยความเรว็ สูงแล้วเบรคอยา่ ง
กระทนั หนั จะทาใหเ้ กิดการเสยี หายมากกวา่ การเบรคให้รถหยุดอยา่ งชา้ ๆ จนหยดุ นิ่ง

…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….

3-8-16
ให้นกั เรียนสรปุ สาระสาคญั ที่ได้จากการสบื ค้น ข้อมูล และตอบคาถามต่อไปน้ี
การดล (Impulse )

แรงดล ( Impulsive Force)

3-8-17

คาถาม
1. การดล คอื ………………….………………….………………….………………….……………………….
2. การดล เป็นปริมาณ………………….…………………. ……………………………………………………
3. การดล มหี นว่ ยเป็น………………….………………….…………………………………………………….
4. การดล มสี ูตรคานวณ คือ……………………………………………………………………………………..
5. แรงดล คือ………………….………………….………………….………………….………………………
6. แรงดล มีความสมั พนั ธ์กับกฎการเคล่อื นทีข่ ้อทีเ่ ทา่ ไรของนิวตนั ………………….…………………………

7. แรงดล มี สูตรคานวณ………………….………………….………………….………………………………
8. การห้อยโหนของนกั แสดงกายกรรมจาเปน็ ตอ้ งมตี าข่ายขึงไว้เบื้องล่าง ตาข่ายน้ีใช้รองรับนักแสดงเมื่อเกิดตก

ลงมา ถ้าผูแ้ สดงตกลงบนตาขา่ ยกับตกลงบนพื้นดว้ ยความเร็วก่อนกระทบเท่ากัน จนกระท่ังหยุด นักเรียนว่า
นกั แสดงนม้ี ีการดล หรือ แรงดลหรอื ทัง้ การดลและแรงดลท่ตี ่างกัน ……………………………………

9. “ปล่อยไขใ่ บหน่ึงใหต้ กลงบนฟองน้าหนาๆ แลว้ ปล่อยไขใ่ บหนง่ึ ท่มี ีขนาดเท่ากนั กบั ไข่ใบแรกใหต้ กลงบนพ้นื

แข็ง จากท่ี ระดับความสูงประมาณ 1 เมตร เทา่ กัน” ไข่ขณะตกกระทบฟองน้าไม่แตก แตก่ ระทบบนพ้ืน
แข็งแตก แสดงว่า ไข่แตก เพราะผลจากการดล หรือ แรงดล หรือท้ังสอง…………………………………

10. จากขอ้ 9 ชว่ งเวลาทไี่ ข่เปลย่ี นความเร็วขณะกระทบฟองนา้ จนหยดุ นงิ่ ต่างกับชว่ งเวลาทกี่ ระทบพื้นแข็งแล้ว

หยดุ นิ่ง อยา่ งไร…………………………………………………………………………………………

11. ลูกปืนมวล 20 กรัม เคลื่อนท่ีด้วยอัตราเร็ว 240 เมตร/วินาที กระทบกล่องที่ทาด้วยไม้ แล้วเคล่ือนท่ีเข้า
ไปในกล่อง และหยดุ น่งิ ในเวลา 1.5  10- 4 วนิ าที จงหาคา่ การดลที่เกดิ จากกล่องไม้และแรงต้านเฉล่ีย

ขวิธอีทงกาลอ่ งกไามรท้ ดก่ี ลระIทาต่อ=ลูกปืนP = m v 2 - m v 1 = ( 20x10-3)( ….. – ……. ) = …….. kg. m /s
ตอบ
แรงตา้ นเฉล่ยี F P .............
= t = 1.5x10-4 = …………… N ตอบ

3-8-18

12. ลูกกลมลูกหนึ่งมวล 2 กิโลกรัม เคลื่อนท่ีด้วยอัตราเร็ว 1 เมตร/วินาที ไปกระทบผนังแล้วกระดอนกลับ

ด้วยอัตราเร็ว 1 เมตร/วินาที ถ้าแรงเฉลี่ยที่กระทาต่อผนังในช่วงเวลาท่ีมีการชนเป็น 4 นิวตัน การดลท่ี

เกดิ ขน้ึ และเวลาของการดลดังกล่าวมีคา่ เทา่ ใด

วธิ ีทา วัตถุเคล่อื นท่ีกระทบผนังด้วยอัตราเรว็ 1 m/s มคี วามเรว็ ( v1 ) = 1 m/s
Iวัตถเุ =คลอ่ื นทPี่กระด=อนmกลับvด2้วย- อmัตรvาเร1็ว=1 m/s มีความเร็ว ( v2 ) = - 1 m/s
การดล ( 2 )( ….. – ……. ) = ……….. kg. m /s

ตอบ = P
t
แรงตา้ นเฉล่ยี F = .............
t
4

 t = …………… วินาที ตอบ

13. ชายคนหน่ึงมวล 60 กิโลกรัม ขับรถยนต์ไปทางถนนตรงสายหนึ่งด้วยอัตราเร็วคงที่ 60 กิโลเมตร/ช่ัวโมง

ไปทางทศิ เหนอื ถา้ เขาบงั คบั ให้รถหยุดได้ภายในเวลา 10 วนิ าที จงหาการดลและแรงเฉลี่ยท่ีกระทาต่อชาย

ผนู้ น้ั =  P = m v 2 - m v 1 = ( 60 )( …... – ……. ) = …….….. kg. m /s
วิธีทา การดล I

ตอบ F = P = ............. = …………… N ตอบ
แรงเฉลี่ย t 10

3-8-19

14. จากรูปเป็นกราฟแสดงความสัมพันธ์ระหว่างโมเมนตัมกับเวลา โมเมนตมั (kg.m/s)
ของวตั ถุหนงึ่
ก. ขนาดของการดลท่กี ระทาต่อวตั ถใุ นชว่ ง 5 วินาทแี รก 20

ข. ขนาดของแรงลัพธ์ท่ีกระทาต่อวัตถใุ น 5 วินาทีแรก 10 เวลา (s)
5 10
วธิ ที า กP. 1 จากรูปกราฟ ท่เี วลา 0 วินาที จะได้ 0
= 0 kg . m/ s
จะได้ P 2 = 20 kg . m/ s
ทเ่ี วลา 5 วนิ าที

ขนาดของการดลท่กี ระทาต่อวPตั ถุใน=ชว่ ง 5 วินPาท2ีแร-ก P 1 = (……….) – (……….) ตอบ
= ………………….. kg . m/s

ข. ขนาดของFแรงลัพธ์ท=ี่กระทPtาต่อวตั ถุใ=น 5 วนิ าทแี รก
.............
= …………… N ตอบ
............

3-8-20
1. ลูกบอลมวล 0.4 กโิ ลกรัม เคลื่อนทด่ี ว้ ยความเร็ว 35 เมตร/วินาที ในแนวระดับ เข้าหากาแพง เมื่อกระทบ
แลว้ ลูกบอลสะท้อนออกมาในแนวระดับดว้ ยความเรว็ 25 เมตร/วนิ าที จงหาการดลที่แรงกระทาต่อลูกบอล

2. ใชค้ ้อนมวล 0.5 กิโลกรมั ตอกตะปู ในขณะทค่ี ้อนเริ่มกระทบหัวตะปู คอ้ นมีขนาดความเร็ว8 เมตร/วินาที
หลังจากกระทบหัวตะปูแล้ว ค้อนสะท้อนกลับด้วยขนาดความเรว็ เทา่ เดมิ ถ้าช่วงเวลาที่ค้อนกระทบหัวตะปเู ป็น
1 มิลลิวนิ าที แรงดลเฉลยี่ ที่คอ้ นกระทาต่อตะปูเป็นเท่าใด และการดลที่ค้อนกระทาต่อตะปเู ปน็ เทา่ ใด

3-8-21

3. กระสุนปืนมวล 0.05 กิโลกรัม เคล่ือนที่เข้ากระทบแท่งไม้ท่ียึดแน่นกับผนัง ขณะเร่ิมกระทบเนื้อไม้ กระสุน
ปืนมอี ตั ราเร็ว 400 เมตร/วินาที และสามารถทะลุเข้าไปในเนื้อไม้เป็นระยะ 0.1 เมตร ถ้าแรงต้านของเน้ือไม้ที่
กระทาตอ่ กระสุนปืนมคี ่าคงตัว จงหาการดลท่เี นอ้ื ไมก้ ระทาต่อกระสนุ ปนื เวลาทก่ี ระสุนปืนเคลื่อนที่ในเน้ือไม้แรง
ตา้ นของเนื้อไม้ท่กี ระทาตอ่ กระสุนปืน

4. จากรูปเป็นกราฟแสดงความสมั พนั ธร์ ะหว่างโมเมนตัมกบั โมเมนตมั (kg.m/s) เวลา (s)
เวลาของวัตถุหนึง่ 20
10
ก. ขนาดของการดลที่กระทาต่อวัตถุในช่วงวินาทีที่ 5 - 10
ข. ขนาดของแรงลัพธท์ ี่กระทาต่อวตั ถใุ น ชว่ งวินาทีท่ี 10 - 15 0 5 10

15

3-8-22

1. ลูกบอลมวล 0.4 กิโลกรมั เคล่ือนที่ด้วยความเร็ว 35 เมตร/วินาที ในแนวระดับ เข้าหากาแพง เมื่อกระทบ

แลว้ ลูกบอลสะทอ้ นออกมาในแนวระดบั ด้วยความเร็ว 25 เมตร/วนิ าที จงหาการดลที่แรงกระทาต่อลูกบอล

วธิ ที า ลูกบอลเคลื่อนที่กระทบกาแพงดว้ ยอตั ราเรว็ 35 m/s มคี วามเร็ว ( v1 ) = 35 m/s
Iลูกบอ=ลสะทP้อนกล=บั ดว้mยอvตั ร2า-เรmว็ 2v5 m/s มีความเร็ว ( v2 ) = - 25 m/s
การดล 1 = ( 0.4 )( - 25 – 35 ) = -24 kg. m /s

ตอบ

2. ใช้คอ้ นมวล 0.5 กิโลกรัม ตอกตะปู ในขณะท่คี ้อนเร่มิ กระทบหัวตะปู คอ้ นมขี นาดความเร็ว8 เมตร/วินาที

หลังจากกระทบหวั ตะปูแล้ว ค้อนสะทอ้ นกลบั ด้วยขนาดความเรว็ เทา่ เดมิ ถ้าช่วงเวลาที่ค้อนกระทบหัวตะปเู ปน็

1 มิลลวิ ินาที แรงดลเฉลยี่ ทคี่ ้อนกระทาต่อตะปเู ปน็ เท่าใด และการดลท่ีคอ้ นกระทาต่อตะปูเปน็ เทา่ ใด

วธิ ที า คอ้ นเคลื่อนที่กระทบหัวตะปดู ้วยอตั ราเร็ว 8 m/s มคี วามเรว็ ( v1 ) = 8 m/s
Iคอ้ นส=ะท้อนPกลบั ด=ว้ ยอmัตรvาเ2ร็ว- เmทา่ vเดิม1 มคี วามเรว็ ( v2 ) = -8 m/s
การดล = ( 0.5 )( -8– 8) = -9 kg. m /s

ตอบ = P = -9 = -9x10 3 N ตอบ
t 1x10- 3
แรงต้านเฉลย่ี F

3. กระสุนปืนมวล 0.05 กิโลกรัม เคล่ือนที่เข้ากระทบแท่งไม้ที่ยึดแน่นกับผนัง ขณะเร่ิมกระทบเนื้อไม้ กระสุน

ปืนมีอัตราเร็ว 400 เมตร/วินาที และสามารถทะลเุ ข้าไปในเน้ือไม้เป็นระยะ 0.1 เมตร ถ้าแรงต้านของเน้ือไม้ท่ี

กระทาต่อกระสุนปืนมีค่าคงตัว จงหาการดลท่ีเน้ือไม้กระทาต่อกระสุนปืน เวลาท่ีกระสุนปืนเคลื่อนที่ในเนื้อไม้

แรงต้านของเนอ้ื ไม้ที่กระทาต่อกระสุนปืน

วิธีทา กระสุนปืนเคลื่อนที่กระทบแท่งไม้ดว้ ยอัตราเร็ว 400 m/s มคี วามเรว็ ( v1 ) = 400 m/s
Iกระส=นุ ปืนเคPลื่อนท=เี่ ขา้mเนvอ้ื ไ2ม้เ-ปmน็ รvะย1ะ 0.1 m แสดงวา่ ลกู ปนื หยุดน่ิง ( v2 ) = 0 m/s
= ( 0.05 )( 0 – 400 ) = - 20 kg. m /s
การดล

ตอบ S= v1  v2 . t
เวลาท่ีกระสุนปนื เคล่ือนทใ่ี นเนอ้ื ไม้ 2

0.1 = ( 400 0 ) . t
2
t =
0.1 = 5 x 10- 4 วินาที
แรงตา้ นเฉลย่ี F = P = - 20 200
t 5x10- 4 = - 4 x 10 4 N

ตอบ

4. จากรปู เปน็ กราฟแสดงความสัมพนั ธ์ระหวา่ งโมเมนตัมกบั เวลาของวตั ถหุ นึ่ง
ก. ขนาดของการดลทกี่ ระทาต่อวตั ถุในชว่ งวนิ าทีที่ 5 - 10
ข. ขนาดของแรงลัพธ์ที่กระทาต่อวตั ถใุ น ชว่ งวินาทีที่ 10 - 15

วธิ ีทา ก. จากรูปกราฟ ทีเ่ วลา วนิ าทที ่ี 5 จะได้ P 1 = 20 kg . m/ s

3-8-23

ท่เี วลา วนิ าทีที่ 10 จะได้ P 2 = 20 kg . m/ s
ขนาดของการดลทีก่ รPะทาต=่อวัตถุในชPว่ ง2วนิ -าททีP่ี 5 - 10
=
1 (20) – (20) = 0 kg . m/s

ตอบ

ข. ขนาดของFแรงลัพธ์ท=่กี รPะ2ทา-ตP1่อวตั ถุใ=นช1่ว0งว-ินา2ท0ที ี่ 10 - 15
= -2
t 5 N ตอบ

3-8-24

คาชแี้ จง จงเติมคาตอบลงในช่องว่างให้ถกู ต้อง

1.ลูกปนื มวล 10 กรมั เคลื่อนท่ีด้วยอัตราเร็ว 200 เมตร/วินาที กระทบกล่องที่ทาด้วยไม้ แล้วเคล่ือนท่ีเข้าไป
ในกล่อง และหยุดนิ่ง ในเวลา 1.0  10- 4 วินาที จงหาค่าการดลที่เกิดจากกล่องไม้และแรงต้านเฉล่ียของ

กลอ่ งไม้ท่กี ระทาต่อลูกปืน  P = m v 2 - m v 1 = ( 10x10-3)( ……. – ……. ) = …….. kg. m
วิธีทา การดล I =

/s ตอบ = P = ............. = …………… N ตอบ
t 1.0x10-4
แรงตา้ นเฉลี่ย F

2.ลูกกลมลูกหนึ่งมวล 1 กิโลกรัม เคลื่อนท่ีด้วยอัตราเร็ว 1.5 เมตร/วินาที ไปกระทบผนังแล้วกระดอนกลับ

ด้วยอัตราเร็ว 1.5 เมตร/วินาที ถ้าแรงเฉลี่ยที่กระทาต่อผนังในช่วงเวลาท่ีมีการชนเป็น 3 นิวตัน การดลท่ี

เกดิ ขึน้ และเวลาของการดลดังกล่าวมคี ่าเท่าใด

วิธีทา วัตถุเคล่อื นท่ีกระทบผนงั ดว้ ยอตั ราเร็ว 1 m/s มคี วามเรว็ ( v1 ) = 1.5 m/s
Iวัตถเุ =คล่อื นทPี่กระด=อนmกลับvด2้วย- อmตั รvาเร1็ว=1 m/s มีความเรว็ ( v2 ) = - 1.5 m/s
การดล ( 1 )( ….. – ……. ) = ……….. kg. m /s

ตอบ = P
t
แรงต้านเฉลยี่ F = .............
t
3

 t = …………… วนิ าที ตอบ

3-8-25

3.ชายคนหนง่ึ มวล 80 กิโลกรัม ขบั รถยนต์ไปทางถนนตรงสายหน่ึงด้วยอัตราเร็วคงที่ 72 กิโลเมตร/ชั่วโมง ไป

ทางทวิศิธีทเหานือกาถรา้ ดเขลาบIังคับใ=หร้ ถหยPดุ ได้ภา=ยใmนเวvลา2 -5mวินvาท1ี จงหาการดลและแรงเฉล่ียทีก่ ระทาต่อชายผนู้ ั้น /s
= ( 80 )( …..... – ……. ) = …….….. kg. m

ตอบ F P
t
แรงเฉลี่ย = = ............. = ……….. N ตอบ
5

4.จากรูปเป็นกราฟแสดงความสัมพันธ์ระหว่างโมเมนตัมกับเวลาของ โมเมนตมั (kg.m/s)
วตั ถุหนงึ่
ก. ขนาดของการดลทีก่ ระทาต่อวัตถุในชว่ ง 4 วนิ าทีแรก 50

ข. ขนาดของแรงลัพธ์ทีก่ ระทาต่อวตั ถใุ น 4 วินาทีแรก 25 เวลา (s)
48
วธิ ที า กP. 1 จากรปู กราฟ ที่เวลา 0 วินาที จะได้ 0
= 0 kg . m/ s
จะได้ P 2 = ………. kg . m/ s
ท่เี วลา 4 วินาที

ขนาดของการดลทีก่ ระทาต่อวPตั ถใุ น=ช่วง 4 วินPาท2แี ร-ก P 1 = (……….) – ( 0 )
= ………………….. kg . m/s ตอบ

ข. ขนาดของFแรงลัพธ์ท=ี่กระทPtาต่อวตั ถุใ=น 4 วนิ าทีแรก
.............
= …………… N ตอบ
4

3-8-26

คาชแี้ จง จงเติมคาตอบลงในช่องว่างให้ถูกตอ้ ง

1. ลูกปืนมวล 10 กรัม เคลื่อนที่ด้วยอัตราเร็ว 200 เมตร/วินาที กระทบกล่องที่ทาด้วยไม้ แล้วเคล่ือนท่ีเข้า
ไปในกลอ่ ง และหยุดนิง่ ในเวลา 1.0  10- 4 วนิ าที จงหาคา่ การดลท่ีเกดิ จากกล่องไม้และแรงต้านเฉล่ีย

วขิธอีทงกาล่องกไามรท้ ดก่ี ลระIทาต่อ=ลกู ปนื P = m v 2 - m v 1 = ( 10x10-3)( 0 – 200 ) = .. - 2 … kg. m /s
ตอบ
แรงตา้ นเฉล่ีย F P .....- 2.....
= t = 1.0x10-4 = .. -2 x10 4 .. N ตอบ

2. ลูกกลมลูกหนง่ึ มวล 1 กโิ ลกรมั เคลือ่ นทด่ี ้วยอัตราเร็ว 1.5 เมตร/วินาที ไปกระทบผนังแล้วกระดอนกลับ

ดว้ ยอตั ราเรว็ 1.5 เมตร/วนิ าที ถ้าแรงเฉลี่ยที่กระทาต่อผนังในช่วงเวลาที่มีการชนเป็น 3 นิวตัน การดลท่ี

เกดิ ข้ึน และเวลาของการดลดังกลา่ วมีคา่ เทา่ ใด

วธิ ที า วตั ถุเคลอ่ื นท่ีกระทบผนงั ด้วยอัตราเร็ว 1 m/s มีความเรว็ ( v1 ) = 1.5 m/s
Iวตั ถุเ=คลอ่ื นทPี่กระด=อนmกลับvด2้วย- อmตั รvาเร1็ว=1 m/s มีความเร็ว ( v2 ) = - 1.5 m/s
การดล ( 1 )( .-1.5. – .1.5. )= ..-3.. kg. m /s

ตอบ = P
t
แรงตา้ นเฉลยี่ F = ..3..
t
3

 t = … 1 … วินาที ตอบ

3-8-27

3. ชายคนหน่ึงมวล 80 กิโลกรัม ขับรถยนต์ไปทางถนนตรงสายหนึ่งด้วยอัตราเร็วคงท่ี 72 กิโลเมตร/ช่ัวโมง

ไปทางทิศเหนอื ถา้ เขาบังคับใหร้ ถหยดุ ได้ภายในเวลา 5 วนิ าที จงหาการดลและแรงเฉลี่ยท่ีกระทาต่อชายผู้

นัน้ =  P = m v 2 - m v 1 = ( 80 )( ..0.. – ..20.. ) = ..-1,600.. kg. m /s
วธิ ีทา การดล I

ตอบ F = P = ...-1,600... = …-320... N
แรงเฉลี่ย t 5

ตอบ

4. จากรูปเป็นกราฟแสดงความสัมพันธ์ระหว่างโมเมนตัมกับเวลา โมเมนตมั (kg.m/s) เวลา (s)
ของวตั ถุหนง่ึ 50
ก. ขนาดของการดลทีก่ ระทาต่อวัตถุในช่วง 4 วนิ าทีแรก 25
ข. ขนาดของแรงลัพธท์ ก่ี ระทาต่อวัตถุใน 4 วินาทีแรก
0 48

วธิ ที า ก. จากรูปกราฟ ทเ่ี วลา 0 วินาที จะได้ P 1 =P 0 kg . m/ s
ท่เี วลา 4 วินาที = …50….
จะได้ 2 kg . m/ s

ขนาดของการดลทกี่ ระทาต่อวPัตถใุ น=ช่วง 4 วนิ Pาท2ีแร-ก P 1 = (…50….) – ( 0 )
= ……50….. kg . m/s ตอบ

ข. F ขนา=ดขอPงt แรงลพั =ธ์ท...กี่.5ร40ะ..ท..าต่อ=วตั ถ…ุใ1น2.54… วนิ าทีแรก

N ตอบ

3-8-28

แผนผังมโนทศั น์ท่ี 8
องค์ความรเู้ ร่อื ง การดลและแรงดล

เจ้าของผลงาน ชื่อ……………………………………………………ช้นั ……………..เลขท…่ี …….

3-8-29

แบบทดสอบกอ่ นเรียน – หลังเรยี นที่ 8
เรอ่ื ง การดลและแรงดล

ชือ่ …………………………….……………………นามสกลุ ……………………….…………………………ชัน้ ……………..เลขท…่ี …….

คาชีแ้ จง จงตอบคาถามใหถ้ ูกต้อง โดยใช้เวลาในการทาข้อสอบ 10 นาที

3-8-30

1. ไข่ 2 ใบ ขนาดเท่ากนั ตกลงจากท่ีสงู เท่ากนั โดยไข่ A ตกลงบนฟองนา้ แต่ไข่ B ตกลงบนพื้นไม้ ปรากฏว่าไข่

B แตก ไข่ A ไม่แตก ทั้งนเี้ ป็นเพราะอะไร

1. อัตราการเปลีย่ นโมเมนตมั ของ B มากกวา่ A ขณะกระทบพนื้

2. แรงท่พี น้ื กระทาต่อ B มากกว่าแรงท่พี ้ืนกระทาต่อ A

3. ขณะทตี่ กถึงพน้ื ไข่ B ถูกทาให้หยดุ เรว็ กวา่ ไข่ A

4. ในขณะถึงพืน้ โมเมนตัมของ B มากกว่าของ A
1
5. แรงดลแปรผกผนั กับเวลา ( F  t )

ก. 2, 3, 4, 5 ข. 1, 2, 3, 5 ค. 1, 2, 3, 4 ง. 1, 2, 3

2. จากกราฟ มแี รงกระทากบั วตั ถุ ในช่วงเวลาที่มแี รงกระทาน้ัน (จากวนิ าทที ่ี 1 – 3) จะทาให้วตั ถุเปล่ียน โม

เมนตมั ไปเทา่ ใด (kg.m/s)

F (N) ก. 20 kg.m/s

10 ข. 15 kg.m/s
ค. 10 kg.m/s
5 ง. 5 kg.m/s

3. จากข้อ 2 แรงเฉลีย่ ท1ก่ี ระท2าต่อ3วตั ถมุ ีค่ากีน่ ิวตัน t (s)

ก. 10 N ข. 5.0 N ค. 2.5 N ง. 0.5N

4. ถา้ ลูกบอลมวล m ว่ิงเขา้ ชนกาแพงดว้ ยความเร็ว u โดยทามมุ  กบั เสน้ ตัง้ ฉาก ดงั รปู ถ้าลกู บอลใชเ้ วลา t

ในการกระทบ จงหาโมเมนตัมที่เปลย่ี นไป 2mu cosθ
t
u ก.

 ข. 2 mu cos  . t
 ค. 2 mu cos  . F

u ง. 2 mu cos 

3-8-31

5. เทิดศักด์ิเตะลูกบอลมวล 0.5 kg ทาให้ลูกบอลเคลื่อนท่ีด้วยอัตราเร็ว 20 m/s เข้าชนฝาผนังในแนวตั้งฉาก
แล้วสะท้อนกลับออกมาในแนวเดิมด้วยอัตราเร็ว 20 m/s เท่ากัน ถ้าลูกบอลกระทบฝาผนังนาน 0.05 วินาที
จงหา
1. การดลของลกู บอล
2. แรงเแฉลย่ี ทฝ่ี าผนังกระทาตอ่ ลกู บอล

ก. การดล = 5 kg.m/s แรงเฉลี่ย = 100 N ข. การดล = 10 kg.m/s แรงเฉลยี่ =
200 N
ค. การดล = 15 kg.m/s แรงเฉล่ยี = 300 N ง. การดล = 20 kg.m/s แรงเฉลีย่ = 400
N

6. ปลอ่ ยลกู บอลมวล 0.6 kg จากทสี่ ูง 20 m ลงกระทบพื้น ปรากฏว่าลกู บอลกระดอนข้ึนจากพนื้ ได้ สูงสุด 5 m

ถ้าเวลาตัง้ แต่เร่มิ ปล่อยลูกบอลจนกระท่ังลูกบอลกระดอนถึงตาแหนง่ สูงสุดเทา่ กับ 3.05 วนิ าที จงหาแรงดล

เฉล่ียทีก่ ระทาต่อลูกบอลน้ี

ก. 460 N ข. 360 N ค. 250 N ง. 150 N

7. การดลทก่ี ระทาบนวตั ถหุ นึ่งจะมคี ่าเท่ากบั การเปลย่ี นแปลงของปริมาณใดต่อไปนี้

ก. แรง ข. พลังงานจลน์ ค. โมเมนตัม ง. ความเรว็

โจทย์ ใช้ตอบคาถามข้อ 8 -10
วัตถุมวล 2 กิโลกรัม กาลงั เคล่อื นทไ่ี ปทางทิศใต้ ดว้ ยความเร็ว 6 เมตรตอ่ วนิ าที ถูกแรงกระทาสมา่ เสมอเป็นเวลา
0.2 วนิ าที ทาใหว้ ัตถมุ ีความเร็ว 4.5 เมตรต่อวนิ าที ไปทางทศิ ตะวันออก N

8. ข้อใดแสดงโมเมนตัมท่ีเปล่ียนไปได้ถกู ต้อง P1 P2 WE
S
ก. P ข. P ค. P
ง. P

9. จงหาโมเมนตัมของวตั ถทุ ี่เปล่ยี นไปในหน่วย นิวตัน.วนิ าที ( N.s )

ก. 15 ข. 12 ค. 6 ง. 3
ง. 75
10. จงหาแรงท่กี ระทาตอ่ วตั ถุมขี นาดกี่นวิ ตนั

ก. 150 ข. 120 ค. 90

3-8-32

เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน – หลงั เรยี นท่ี 8
เร่ือง การดลและแรงดล

เฉลยแบบทดสอบ
ก่อนเรยี นและหลงั เรียน
ขอ้ คาตอบ
1ข
2ค
3ก
4ง
5ง
6ข
7ค
8ข
9ก
10 ง

3-9-1

แผนจัดการเรยี นร้ทู ี่ 9

3-9-2

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 9
กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ รหสั วิชา ว30202 วิชา ฟิสกิ ส์ 2

ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4 ภาคเรยี นท่ี 2
หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 3 เรอื่ ง โมเมนตัมและการชน

เร่อื งท่ี 9 การชน เวลา 5 ชั่วโมง
ผู้สอน นายชาตรี ศรีม่วงวงค์ โรงเรยี นวัชรวทิ ยา

1. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด
ในการชนกันของวัตถุและการดีดตัวออกจากกนั ของวตั ถใุ นหน่ึงมิติ เม่อื ไม่มีแรงภายนอกมากระทา โม

เมนตัมของระบบมีค่าคงตวั ซง่ึ เปน็ ไปตามกฎการอนรุ ักษ์โมเมนตมั เขียนแทนได้ด้วยสมการ pi = pf
โดย pi เปน็ โมเมนตมั ของระบบก่อนชน และ pf เปน็ โมเมนตัมของระบบหลังชน ในการชนกันของวัตถุ พลังงาน
จลน์ของระบบอาจคงตัวหรือไม่คงตัวก็ได้ การชนท่พี ลงั งานจลนข์ องระบบคงตวั เปน็ การชนแบบยืดหยนุ่ สว่ นการ
ชนท่พี ลังงานจลน์ของระบบไม่คงตัวเป็นการชนแบบไมย่ ืดหย่นุ

2. สาระการเรยี นรู้
สาระฟสิ กิ ส์ ข้อ 1เขา้ ใจธรรมชาตทิ างฟิสิกส์ ปรมิ าณ และกระบวนการวดั การเคลื่อนทแ่ี นวตรง แรงและกฎ

การเคลื่อนทขี่ องนวิ ตนั กฎความโนม้ ถว่ งสากล แรงเสียดทาน สมดุลกลของวัตถุ งานและกฎการอนุรักษ์พลงั งาน
กล โมเมนตัมและกฎการอนุรักษ์โมเมนตัม การเคลือ่ นที่แนวโคง้ รวมทงั้ นาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์

3. ผลการเรยี นรู้
8. ทดลอง อธิบาย และคานวณปริมาณต่าง ๆ ท่เี กีย่ วกับการชนของวัตถุในหนงึ่ มติ ิ ทงั้ แบบยดื หยุ่น ไม่

ยดื หยุน่ และการดีดตัวแยกจากกันในหนง่ึ มิติซง่ึ เปน็ ไปตามกฎการอนุรักษ์โมเมนตัม

3-9-3

4.สาระการเรียนรู้
4.1 สาระฟิสกิ สเ์ พม่ิ เติม
สาระฟสิ กิ ส์ ข้อ 1เข้าใจธรรมชาติทางฟสิ กิ ส์ ปริมาณ และกระบวนการวดั การเคล่ือนที่แนวตรง

แรงและกฎการเคลื่อนทข่ี องนิวตนั กฎความโน้มถว่ งสากล แรงเสียดทาน สมดลุ กลของวัตถุ งานและกฎการ
อนรุ ักษ์พลังงานกล โมเมนตัมและกฎการอนุรกั ษโ์ มเมนตัม การเคลอื่ นที่แนวโค้ง รวมทงั้ นาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์

4.2 สาระการเรยี นรูท้ ้องถ่นิ
-

4.3 สาระการเรียนร้เู ก่ยี วกับอาเซยี น
-

4.4 สาระการเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพยี ง
ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งเร่ือง การมภี มู ิคมุ้ กนั

5. สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี นและจดุ เน้นท่ีต้องการพฒั นาคณุ ภาพผเู้ รียน
5.1 สมรรถนะ ความสามารถในการส่อื สาร
5.2 สมรรถนะ ความสามารถในการคิด
5.3 สมรรถนะ ความสามารถในการแกป้ ญั หา
5.4 สมรรถนะ ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ
5.5 สมรรถนะ ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
5.6 จดุ เน้น แสวงหาความรเู้ พ่ือการแก้ปญั หา
5.7 จดุ เน้น การใช้ภาษาต่างประเทศ
5.8 จดุ เน้น การคิดวิเคราะห์ขั้นสูง
5.9 จดุ เนน้ การใชเ้ ทคโนโลยีเพ่อื การเรียนรู้
5.10 จดุ เนน้ ทักษะชีวิต
5.11 จดุ เน้น ทกั ษะการสือ่ สารอย่างสรา้ งสรรคต์ ามชว่ งวยั

6. คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์
6.1. รกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์
6.2. ซ่ือสตั ย์สจุ ริต
6.3. มวี ินัย
6.4 ใฝ่เรยี นรู้
6.5อยอู่ ย่างพอเพยี ง
6.6 มงุ่ มัน่ ในการทางาน
6.7 รักความเป็นไทย
6.8 มจี ติ สาธารณะ

3-9-4

7. ชิน้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด/ระหว่างเรียน)
7.1 แบบฝกึ ทักษะ (ระหวา่ งเรยี น)
7.2 แผนผงั มโนทัศน์ Concept mapping (รวบยอด)
7.3 แบบทดสอบหลังเรยี น (รวบยอด)

8.การวัดและประเมนิ ผล

ส่ิงท่วี ดั ชว่ งการวดั วธิ ีการประเมนิ ผล เครื่องมือ เกณฑก์ ารประเมนิ
ถูกตอ้ งสมบูรณ์
8.1 ความรูค้ วามเข้าใจ ระหวา่ งสอน ความถกู ต้องของ Concept
Concept mapping ตอบถูกต้อง
ในเนอื้ หา mapping
คาถาม
8.2 ความร้คู วามเข้าใจ ระหวา่ งสอน การตอบคาถาม
ในเน้ือหา ระหว่างสอน
ระหว่างสอน การตอบคาถาม คาถาม ตอบถกู ต้อง
8.3 ทักษะและ
กระบวนการ การตอบคาถาม คาถาม วิเคราะหต์ าม
สภาพคาตอบ
8.4 เจตคติ

8.5 ผลการเรียนรู้ ระหวา่ งสอน การทาแบบฝึกทักษะ แบบฝกึ ทกั ษะ ทาถูกรอ้ ยละ 70 ขึ้นไป
8.6 ผลสัมฤทธ์ิ ส้ินสดุ การสอน
คะแนนสอบหลงั เรียน แบบทดสอบหลังเรยี น ได้คะแนน

ร้อยละ 70 ข้นึ ไป

9. กจิ กรรมการเรียนรู้
ข้นั สรา้ งความสนใจ (Engagement)
9.1 ครเู ปดิ เพาเวอรพ์ อยตจ์ ากเว็บไซตส์ อนฟสิ ิกส์ ท่ีเว็บไซต์ http://gg.gg/ct3110 เพื่อเปิดวีดิทศั นใ์ ห้

นักเรียนศกึ ษา เร่อื ง การชน
9.2 ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั และเปลยี่ นเรยี นรูจ้ ากเนื้อหาในวดี ิทัศนท์ ไ่ี ดด้ ูรว่ มกัน
9.3 ครตู ง้ั คาถามนักเรียนเก่ียวกบั การชน
9.4 นกั เรยี นตอบคาถามของครอู ยา่ งอิสระ และร่วมแลกเปลยี่ นเรยี นรซู้ ่ึงกนั และกัน พร้อมสอดแทรก

หลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี งของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ วั รัชการท่ี 9 เกี่ยวกบั เร่ือง ปรชั ญาของเศรษฐกจิ
พอเพียงเร่ือง การมีภมู ิคุ้มกัน

9.5 นกั เรยี นทาแบบทดสอบก่อนเรียนออนไลน์จากเว็บไซต์การสอนฟสิ ิกส์ จานวน 10 ข้อ
ข้นั สารวจและคน้ หา (Exploration)
9.6 ครแู จง้ ใหน้ ักเรียนทราบถึงเน้ือหาท่จี ะเรียน จุดประสงค์ กระบวนการเรียนทจี่ ะดาเนินการโดยย่อ
9.7 ครใู หน้ กั เรยี นศึกษาเนื้อหาความร้จู ากเพาเวอร์พอยตจ์ ากเว็บไซตส์ อนฟสิ ิกส์ โดยให้นักเรียนสืบค้น
ขอ้ มูลและศึกษาข้อมลู เบอื้ งต้น
9.8 ครสู าธติ วธิ ีการแก้ปญั หาโจทย์ให้กับนกั เรียน ตามโจทย์ตัวอยา่ งในเพาเวอร์พอยต์ จานวน 3 ข้อ
9.9 นักเรยี นฝกึ ทักษะการทาแบบฝกึ หัดจากแบบฝึกหัดตามท่ีครูระบใุ หจ้ านวน 5 ขอ้
9.10 ครูเฉลยแบบฝึกหดั อยา่ งละเอยี ดพร้อมแลกเปลีย่ นเรยี นรกู้ ับนักเรียนอยา่ งเปน็ กนั เอง โดยกระตุ้น

3-9-5

ด้วยคาถามเพื่อให้นักเรยี นคิดอยา่ งเปน็ ข้ันตอน

ขั้นอธบิ ายและลงข้อสรุป (Explanation)
9.11 นกั เรียนแต่ละกลุ่มสรปุ หลักการในการแกโ้ จทย์ในแบบฝึกหดั
9.12 นักเรยี นแลกเปล่ียนเรยี นรู้กนั ภายในกลุ่มและระหวา่ งกลุม่
9.13 นกั เรยี นแตล่ ะคนสรปุ หลกั การในการแกโ้ จทย์ของตนเอง
9.14 ครแู ละนักเรยี นร่วมกนั อภปิ รายเพอื่ สรุปการแก้ไขปัญหาโจทย์อย่างเป็นขนั้ ตอน นักเรยี นบันทกึ
ขอ้ มูลลงในสมุดบนั ทึก
9.15 นักเรยี นทาแบบฝกึ ทักษะเพิ่มเติมตามหลักการทีไ่ ดจ้ ากการสรุปรว่ มกนั ระหวา่ งครแู ละนักเรยี น
ข้นั ขยายความรู้ (Elaboration)
9.16 ครใู ชค้ าถามนาเพอ่ื ให้นักเรยี นนาหลักการที่สรุปได้มาประยกุ ต์ใช้งานในสถานการณ์โจทยท์ ม่ี คี วาม
ซับซอ้ นมากขึน้ และเปิดโอกาสให้นักเรียนซกั ถามและแลกเปลย่ี นเรยี นร้ใู นเรอื่ งทเี่ รยี น
9.17 นกั เรียนทดลองทาแบบฝึกหัดทหี่ ลากหลาย โดยนาข้อสอบโอเน็ต ขอ้ สอบ PAT2 ขอ้ สอบคดั เลือก
เขา้ มหาวทิ ยาลัยเชียงใหม่ ขอ้ สอบคัดเลอื กเข้ามหาวิทยาลยั ขอนแกน่ มาใหน้ ักเรียนฝึกทาโดยครูจดั เตรียมไว้ใน
เพาเวอร์พอยตป์ ระกอบการสอนในเวบ็ ไซตก์ ารสอนฟิสกิ ส์
9.18 นักเรยี นทาแบบฝึกทักษะเพ่ิมเตมิ โดยมีครูคอยให้คาแนะนา
9.19 นกั เรยี นตรวจคาตอบและศกึ ษาเพ่ิมเตมิ จากเวบ็ ไซต์การสอนฟสิ ิกส์
9.20 ครูสงั่ แบบฝึกหัดให้นักเรียนกลับไปฝึกทาเป็นการบ้าน
ขน้ั ประเมนิ (Evaluation)
9.21 นกั เรยี นเขียน Concept mapping ของเรือ่ งท่เี รียนลงในสมุดแลว้ ถา่ ยรูปสง่ ใน line ห้องเรยี น
ฟิสิกส์และครูประเมนิ ความเข้าใจเน้ือหาของนักเรยี นจาก Concept mapping ท่นี กั เรียนสง่ มา
9.22 ครตู ง้ั คาถามเพ่ือใหน้ กั เรียนตอบเพ่ือตรวจสอบความเข้าใจในเน้ือหาที่เรียนอีกครั้ง
9.23 นักเรยี นทาขอ้ สอบออนไลนผ์ า่ นโทรศพั ท์มอื ถือ จานวน 10 ข้อ โดยใชเ้ วลาในการทาขอ้ สอบ
10 นาที
9.24 ครแู จง้ ผลการสอบทันที โดยสง่ คะแนนให้นักเรยี นทาง line หอ้ งเรยี นฟสิ กิ ส์
9.25 นักเรียนทม่ี ีคะแนนไม่ถึงร้อยละ 50 ครใู หน้ กั เรียนกลับไปทบทวนเนื้อหาเพาเวอร์พอยต์อีกครง้ั
และนดั หมายใหส้ อบออนไลน์ใหม่อีกครง้ั ในการเรยี นคาบต่อไป ในสว่ นของนกั เรยี นทีม่ ีคะแนนเกินร้อยละ 50
และต้องการศกึ ษาทบทวนเพ่ิมขึน้ ครแู นะนาให้ศกึ ษาซา้ ในเพาเวอร์พอยต์และแนะนาเว็บไซต์เพ่ือศกึ ษาดว้ ย
ตนเองเพ่ิมเติม

3-9-6

10. ส่อื การเรยี นรู้/แหล่งเรยี นรู้ จานวน ลาดบั ข้นั ตอนการใชส้ อ่ื

รายการสื่อ 1 เว็บไซต์ ทุกขั้นตอน
10.1 เวบ็ ไซตก์ ารสอนฟิสิกส์
ทผี่ ลิตโดยนายชาตรี ศรีม่วงวงค์ 1 ไฟล์ ทุกขน้ั ตอน
http://gg.gg/ct3110 1 เล่ม ทกุ ข้ันตอน
10.2 เพาเวอร์พอยตก์ ารสอนฟิสกิ ส์ 1 กลมุ่ ทุกขั้นตอน
10.3 หนังสอื เรยี นวชิ าฟสิ กิ ส์ 1 สสวท. 1 ชดุ ทุกขั้นตอน
10.4 กลุ่ม line การสอนฟิสกิ ส์ 1 ชุด ขนั้ ขยายความรู้ / ข้ันลงขอ้ สรุป
10.5 ใบความร้ทู ี่ 9 1 ชดุ ข้นั ลงขอ้ สรุป
10.6 แบบฝึกทักษะท่ี 9 1 ชุด ขน้ั สร้างความสนใจ
10.7 แผนผังมโนทศั น์ที่ 9 1 ชดุ ขน้ั ประเมนิ
10.8 แบบทดสอบก่อนเรยี นออนไลน์
10.9 แบบทดสอบหลงั เรยี นออนไลน์

11. กิจกรรมเสนอแนะ

รายการ วิธีการ
11.1 ปรบั ปรงุ -แกไ้ ขขอ้ บกพร่องของผ้เู รียน
นักเรียนทีม่ ีคะแนนไม่ถงึ รอ้ ยละ 50 ครูให้นักเรยี นกลับไป
11.2 ส่งเสริมความรคู้ วามสามารถของผู้เรยี น ทบทวนเนอื้ หาเพาเวอร์พอยต์อกี คร้ังและนดั หมายให้
สอบออนไลนใ์ หม่อีกครั้งในการเรียนคาบต่อไป

นักเรียนทม่ี ีคะแนนเกินร้อยละ 50 และต้องการศึกษา
ทบทวนเพ่ิมข้ึน ครแู นะนาให้ศึกษาซ้าในเพาเวอร์พอยต์
และแนะนาเวบ็ ไซต์เพื่อศึกษาดว้ ยตนเองเพ่ิมเตมิ

3-9-7

12.บนั ทกึ ผลหลังการสอน
12.1 ความกา้ วหนา้ ในการเรยี นการสอน

จานวน คะแนน คะแนนเฉลยี่ คะแนนเฉลย่ี คะแนนเฉลย่ี E1/E2 ความกา้ วหนา้
นักเรียน เต็ม ก่อนเรยี น ระหวา่ งเรยี น ในการเรียน
หลงั เรียน
157 10 2.12 8.12 63.50
8.47 81.20/84.70

สูตร รอ้ ยละความกา้ วหนา้ ในการเรยี น = คะแนนหลังเรียน – คะแนนกอ่ นเรียน x 100
คะแนนเตม็

สตู ร หาประสทิ ธภิ าพของสือ่ = E1/ E2 (ตามเกณฑ์ 80/80)
E1 = ประสทิ ธภิ าพของกระบวนการ (ทาแบบฝกึ )
E2 = ประสิทธิภาพของผลลัพธ์ (สอบหลงั เรียน)
ประสทิ ธภิ าพของกระบวนการ = คะแนนเฉลย่ี ระหว่างเรียน x 100
คะแนนเต็ม

ประสิทธภิ าพของผลลัพธ์ = คะแนนเฉล่ยี หลังเรยี น x 100
คะแนนเตม็

12.2 กระบวนการจัดการเรยี นการสอน
1.ขัน้ สรา้ งความสนใจ นกั เรียนรอ้ ยละ 90 ให้ความสนใจคลิปเก่ียวกบั การสาธติ ตวั อยา่ งของ

ครูเก่ยี วกับสมดลุ และให้ความสนใจคลปิ ทคี่ รูเปิดใหด้ ู โดยมนี ักเรียนบางสว่ นสนใจซักถามเพมิ่ เติม และรว่ มกัน
กาหนดประเด็นของเรื่องท่ีต้องการศึกษาเกีย่ วกบั การชน

2.ขัน้ สารวจและค้นหา นักเรียนรอ้ ยละ 90 ร่วมกันศกึ ษาเกย่ี วกบั เนอ้ื หาของสภาพสมดุล โดย
มีการซักถามและรว่ มกันหาคาตอบ เขา้ ใจในประเด็นทสี่ นใจจะศกึ ษา รว่ มกันวางแผนกาหนดแนวทางการสารวจ
ตรวจสอบ ตง้ั สมมติฐาน กาหนดวิธกี ารทดลองและทาการศึกษาเนื้อหาจากหนงั สือเรียนและใบงาน มีการสืบคน้
ข้อมูลจากเว็บไซต์ต่างๆ เพ่อื ลงข้อสรุปเกี่ยวกับการชน

3.ข้ันอธิบายและลงข้อสรุป นักเรียนรอ้ ยละ 50 ร่วมกนั อภปิ รายเก่ียวกับเร่อื งทเี่ รียนและ
รว่ มกนั สรุปเกยี่ วกับการชน

4.ข้นั ขยายความรู้ นักเรยี นร้อยละ 50 รว่ มกนั อธบิ ายสถานการณใ์ นชวี ติ ประจาวนั โดยใช้
ข้อสรุปเกยี่ วกับการชน

5.ขั้นประเมนิ นักเรยี นรอ้ ยละ 75 สามารถนาหลักการและความรทู้ เี่ รยี นตอบคาถามและ
สถานการณ์ที่ครูตง้ั ขึ้นได้

3-9-8

บรรยากาศการจดั กจิ กรรมการเรียนการสอนการชน

12.3 ผลการสอน
( / ) สอนไดต้ ามแผนการจัดการเรียนรู้
( ) สอนไม่ได้ตามแผนการจัดการเรียนรู้ เน่ืองจาก...............................................................

12.4 ปญั หาและอปุ สรรค
1. นักเรียนร้อยละ 30 วิเคราะห์โจทย์ฟิสกิ ส์ไม่ค่อยได้
2. นักเรียนรอ้ ยละ 50 ยงั แกส้ มการคณิตศาสตร์ในโจทยไ์ ม่ได้
3. นกั เรียนร้อยละ 20 คดิ เลขไม่ถูกต้อง
4. นักเรียนทาใบงานไม่เสรจ็ ตามเวลา

12.5 แนวทางการแกไ้ ขปัญหา
1. ใหน้ ักเรยี นศึกษาตวั อยา่ งจากหนังสือคู่มอื เพ่ิมเตมิ
2. นกั เรยี นฝึกแกส้ มการคณติ ศาสตร์
3. นักเรียนฝกึ คิดเลขโดยให้ทดลองเลน่ เกม 180 ไอคิว
4. ปรบั ปรงุ ใบงาน

ลงชอื่ ..............................................ผ้สู อน
(นายชาตรี ศรมี ว่ งวงค์)

3-9-9

ข้อเสนอแนะของหัวหนา้ กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์
.................................................................... ..........................................................................................
.................................................................................................................................... ..........................
........................................................................................................ ......................................................

ลงช่ือ ........................................................
(นายสรุ ะศกั ด์ิ ยอดหงษ์)

ตาแหนง่ หัวหน้ากลุม่ สาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์
วันท่ี..........เดอื น..........................พ.ศ............

ขอ้ เสนอแนะของรองผู้อานวยการกลมุ่ บรหิ ารงานวชิ าการ
............................................................................................................................. .................................
......................................................................................................................................... .....................
............................................................................................................. .................................................

ลงชือ่ ........................................................
(นายวิเชยี ร ยอดนลิ )

ตาแหนง่ รองผูอ้ านวยการกลุ่มบรหิ ารงานวชิ าการ
วันที่..........เดือน..........................พ.ศ............

ข้อเสนอแนะของผอู้ านวยการโรงเรียน
............................................................................................................................. .................................
.................................................................................................................................................. ............
...................................................................................................................... ........................................

ลงชื่อ ........................................................
(นายไพชยนต์ ศรีมว่ ง)

ตาแหน่ง ผู้อานวยการโรงเรยี นวัชรวทิ ยา
วันท่ี..........เดอื น..........................พ.ศ............

3-9-10

ภาคผนวก
ประกอบแผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ 9


Click to View FlipBook Version