The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by chatreewr chatreewr, 2019-11-14 08:34:14

2562-2

2562-2

3-5-17

1. ให้นกั เรียนสรปุ สาระสาคัญทไ่ี ด้จากการสืบค้น ข้อมูล และบนั ทกึ ลงในสมุด
1. พลงั งานกล
2. พลงั งานจลน์
3. ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งงานและพลงั งานจลน์
4. พลงั งานศักย์

2. ใหน้ กั เรียนเติมคา หรือข้อความลงในช่องว่างให้ถูกต้อง

1. เราจะทราบไดอ้ ย่างไรวา่ วัตถุใดมีพลังงาน

หรือไม่…………………………………………………………………………………………………………………………………..

2. วัตถุท่กี าลงั เคลือ่ นท่ีด้วยอตั ราเร็ว มพี ลังงานชนดิ ใด…………………………………………….……………

3. พลงั งานจลนจ์ ะมากหรือนอ้ ยข้นึ อย่กู ับอะไร…………………………………………………….…………...

4. งานของแรงลัพธ์ท่ีกระทาต่อวตั ถุจะเท่ากบั ………………………………………………………………….

5. พลงั งานจลน์ มหี นว่ ยเปน็ ……………………………………………………………………………………

6. พลังงานศักย์ของวัตถุท่อี ยใู่ นทส่ี ูง ซ่งึ เกดิ จากแรงดึงดดู ของโลก เรยี กว่า……………………………………

7. พลงั งานศักย์โนม้ ถ่วง วัดจาก………………………………………………………………………………..

8. เมือ่ วัตถตุ กลงโดยอสิ ระ พลงั งานศักยท์ ่ีลดลงจะเทา่ กบั ……………………………………………………..

9. พลังงานศักยท์ ่เี ก่ยี วกบั การยดื หรอื หดของสปรงิ เรยี กว่า ……….………………….………………………...

10. สมการพลงั งานศักยท์ ี่เกี่ยวกับการยืดหรอื หดของสปริง คือ …………………………………………………

ลูกปืนมวล 0.15 กิโลกรัม เคล่ือนออกจากลากล้องปืนซ่ึงยาว 0.60 m ด้วยอัตราเร็ว 20 m/s จงหา พลังงาน

จลน์ของลูกปนื 1
2
วธิ ที า จาก Ek = mv2
Ek =
1 ( …… )(…….. )2 = …………. จูล
2
12. นักกายกรรมหนกั 650 N ไต่เชือกท่ีแขวนอยู่ในแนวด่ิง ขนึ้ ไปสูง 10 m จากพื้นดิน จงหาพลังงานศักย์โนม้

ถ่วงเม่อื เขาอยู่ท่ีจดุ สงู สุด

วธิ ที า จาก Ep = mgh

Ep = ( ……… )(………. )
Ep = ………… จูล

13. สปรงิ อนั หนงึ่ เมื่อออกแรงดงึ 60 N จะทาให้ยดื ออก 15 เซนตเิ มตร จงหาพลังงานศักยย์ ดื หยุ่นของสปริง เมอ่ื

สปริงยืดออกมา 10 เซนตเิ มตร

วธิ ที า จาก F = kx

60 = k ( ……………)

k = ………………… N/m

3-5-18

Ep = 1 kx2
Ep = 2
1
2 ( …… )(…….. )2 = …………. จูล

3-5-19

1. ลูกปนื มวล 1.0 กรัม เคล่ือนที่ดว้ ยอตั ราเรว็ 250 เมตร/วินาที ไปกระทบเป้าซึ่งเปน็ ไม้ ลูกปืนจมลงไปในเนื้อ
ไมล้ กึ 4.0 เซนตเิ มตร จงหาแรงเฉล่ยี ของลูกปนื ที่กระทาตอ่ ไมใ้ นการเคลื่อนที่เข้าไปในเน้ือไม้
..........................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .............................................
..........................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .............................................
............................................................................................................................. .............................................
..........................................................................................................................................................................

2. ลกู ปนื มวล 0.02 กโิ ลกรัม เคล่ือนที่ออกจากลากล้องปนื ซง่ึ ยาว 0.75 เมตร ดว้ ยอตั ราเร็ว 400 เมตร/วนิ าที
จงหา แรงทดี่ ันใหล้ กู ปนื หลดุ ออกจากลากลอ้ งเป็นกนี่ วิ ตัน
.......................................................................................................................................... ................................
...................................................................................................... ....................................................................
............................................................................................................................. .............................................
............................................................................................................................................. .............................
...................................................................................................... ....................................................................
............................................................................................................................. .............................................

3. เครือ่ งชงั่ สปริงแบ่งสเกลไวต้ ัง้ แต่ 0 – 30 นิวตนั บนสเกลที่ยาว 0.15 เมตร จงหาพลังงานศักยย์ ืดหย่นุ ของ
สปริง ขณะทเ่ี คร่ืองสปริงอ่านคา่ แรงได้ 20 นวิ ตนั
............................................................................................................................ ..............................................
............................................................................................................................. .............................................
............................................................................................................................. .............................................
..........................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................. ............................................
............................................................................................................................. .............................................

3-5-20

คาชี้แจง จงเติมคาตอบลงในช่องว่างใหถ้ กู ตอ้ ง

1. ลกู ปืนมวล 0.5 กิโลกรมั เคลอ่ื นออกจากลากล้องปืนซ่ึงยาว 0.50 m ด้วยอตั ราเรว็ 30 m/s จงหา พลงั งาน

จลน์ของลกู ปนื 1
2
วิธีทา จาก Ek = mv2

2. นกั กายกรรมหนัก 450 N ไตเ่ ชอื กท่ีแขวนอยใู่ นแนวด่ิง ขึ้นไปสูง 15 m จากพนื้ ดิน จงหาพลงั งานศักย์โน้มถว่ ง

เมื่อเขาอยู่ที่จดุ สูงสดุ

วิธที า จาก Ep = mgh

3. สปรงิ อันหนง่ึ เมื่อออกแรงดึง 20 N จะทาให้ยดื ออก 20 เซนตเิ มตร จงหาพลงั งานศักยย์ ดื หย่นุ ของสปริง เมื่อ

สปริงยดื ออกมา 8 เซนติเมตร

วธิ ีทา จาก F = kx
1
Ep = 2 kx2

3-5-21

แผนผังมโนทัศน์ที่ 5
องค์ความรเู้ รื่อง พลังงานกล

เจ้าของผลงาน ชอื่ ……………………………………………………ชน้ั ……………..เลขท…ี่ …….

3-5-22

แบบทดสอบกอ่ นเรยี น – หลังเรียนท่ี 5
เรอ่ื ง พลังงานกล

ช่ือ…………………………….……………………นามสกุล……………………….…………………………ช้นั ……………..เลขท…ี่ …….
คาชีแ้ จง จงตอบคาถามใหถ้ ูกตอ้ ง โดยใช้เวลาในการทาขอ้ สอบ 10 นาที

1.นักกายกรรมหนกั 500 นิวตัน ไต่เชือกท่แี ขวนอยู่ในแนวด่งิ ข้นึ ไปสูง 10.0 เมตร จากพ้ืน จงหาพลังงานจลน์

เฉลี่ยขณะท่ีเขากาลงั เคล่ือนที่ ถา้ อตั ราเรว็ เฉล่ยี ในการไต่เท่ากบั 0.50 เมตรตอ่ วนิ าที

ก. 5 จูล ข. 6.25 จลู ค. 25.0 จลู ง. 72.5 จูล

2.จากข้อ 1. จงหาพลงั งานศักย์เมอื่ เขาอยู่ท่ีจุดสงู 8 เมตร จากพ้นื ดิน
ก. 400 จลู ข. 500 จูล ค. 4,000 จลู ง. 5,000 จลู

3.อเิ ล็กตรอน 1 ตวั มีมวลประมาณ 9x10-31 กิโลกรมั จงหาจะต้องใช้อิเลก็ ตรอนกี่ตัว จึงจะมีพลังงานจลนเ์ ป็น 9
จูล ซึ่งเคลื่อนท่ีดว้ ยอัตราเรว็ 2x108 เมตร/วินาที
ก. 1x1014 ข. 3x1014 ค. 5x1014 ง. 9x1014

4.ลกู ปนื มวล 2.0 กรัม เคล่อื นท่ดี ว้ ยอตั ราเรว็ 200 เมตร/วนิ าที ไปกระทบเป้าซึ่งเป็นไม้ ลูกปืนจมลงไปในเนอื้ ไม้

ลกึ 5.0 เซนติเมตร ลกู ปนื มีพลังงานจลนเ์ ปลี่ยนไปก่ีจลู

ก. 20 จูล ข. 40 จลู ค. 80 จลู ง. 100 จลู

5.ลกู ปืนมวล 0.002 กิโลกรมั เคลอ่ื นที่ออกจากลากล้องปนื ซ่ึงยาว 0.80 เมตร ดว้ ยอตั ราเรว็ 400 เมตร/วนิ าที

จงหางานท่ที าใหล้ ูกปนื หลุดออกจากลากล้องเป็นกจ่ี ูล

ก. 80 จูล ข. 160 จูล ค. 240 จูล ง. 320 จูล

6.เคร่อื งชัง่ สปรงิ แบ่งสเกลไวต้ ั้งแต่ 0 – 20 นิวตนั บนสเกลทยี่ าว 0.10 เมตร จงหาพลงั งานศักยย์ ืดหยุ่นของ

สปรงิ ขณะทเี่ ครื่องสปริงอ่านค่าแรงได้ 10 นวิ ตนั

ก. 1.00 จลู ข. 0.75 จูล ค. 0.50 จูล ง. 0.25 จลู

7.วัตถมุ วล 1.00 กิโลกรมั ติดอยู่กบั ปลายขา้ งหน่งึ ของสปริงดงั รูป เม่ือสปรงิ ถกู กดเข้า เป็นระยะ 0.20 เมตรจาก

ตาแหนง่ สมดุล แลว้ ถกู ปล่อย จงหาอัตราเรว็ ของวัตถุขณะผา่ นตาแหน่งสมดลุ ของสปริง เมอื่ ค่าคงตัวของสปริง

เทา่ กับ 400 นวิ ตันต่อเมตร ( พื้นลืน่ )

ก. 4 m/s ข. 3 m/s

ค. 2 m/s ง. 1 m/s

ตำแหน่งสมดุล

3-5-23

8. ก้อนหินมวล 40.0 กโิ ลกรัม ตกจากท่สี งู 185 เมตร เหนอื พนื้ ดิน จงหาพลงั งานศกั ย์ของก้อนหิน เม่ือเวลาผา่ น

ไป 1 วนิ าที เปน็ กจี่ ูล ข. 6.8x104 ค. 7.2x104 ง. 9.6x104
ก. 4.6x104

9.จากข้อ 8. เมอื่ เวลาผา่ นไป 5 วนิ าที ขณะนนั้ ก้อนหนิ มีพลังงานจลนเ์ ปน็ ก่ีจูล
ก. 5x103 ข. 5x104 ค. 5x105 ง. 5x106

10.วัตถุมวล 2 กโิ ลกรมั วางอยบู่ นพืน้ โตะ๊ ท่ีมแี รงเสยี ดทานน้อยมาก ( ไม่คิดแรงเสียดทาน ) มแี รงลัพธ์กระทาต่อ
วัตถุในแนวขนานกับพื้นโตะ๊ กราฟระหวา่ งความสัมพนั ธ์ระหวา่ งแรงกบั เวลาแสดงดงั รูป พลงั งานจลนข์ องวัตถุ
เม่อื สนิ้ สดุ วนิ าทที ่ี 6 มคี ่าเท่ากับกจ่ี ูล

F (N )

8

0 2 4 6 t (s)

ก. 136 ข. 256 ค. 396 ง. 436

3-5-24

เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น – หลังเรียนที่ 5
เรื่อง พลังงานกล

เฉลยแบบทดสอบ
ก่อนเรียนและหลังเรียน
ขอ้ คาตอบ
1ข
2ค
3ค
4ค
5ข
6ง
7ก
8ค
9ข
10 ข

3-6-1

แผนจัดการเรยี นร้ทู ี่ 6

3-6-2

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 6
กลุม่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์ รหสั วิชา ว30202 วิชา ฟสิ ิกส์ 2

ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 ภาคเรียนที่ 2
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 เร่อื ง งานและพลงั งาน
เรอื่ งที่ 6 กฎอนรุ กั ษพ์ ลังงาน เวลา 5 ชั่วโมง
ผสู้ อน นายชาตรี ศรมี ่วงวงค์ โรงเรียนวชั รวทิ ยา

1. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด
การทางานของเครื่องกลอยา่ งงา่ ย ได้แก่ คาน รอก พื้นเอยี ง ล่มิ สกรู และล้อกบั เพลา ใชห้ ลักของงาน

และสมดุลกลประกอบการพิจารณาประสิทธิภาพและการไดเ้ ปรียบเชิงกลของเคร่ืองกลอยา่ งง่ายประสิทธิภาพ
คานวณไดจ้ ากสมการ Efficiency = W out / W in x 100% การไดเ้ ปรยี บเชงิ กลคานวณไดจ้ ากสมการ
M.A. = W out / W in

2. สาระการเรยี นรฟู้ ิสิกส์
สาระฟิสกิ ส์ ข้อ 1เขา้ ใจธรรมชาตทิ างฟสิ กิ ส์ ปริมาณ และกระบวนการวัด การเคลื่อนทแ่ี นวตรง แรง

และกฎการเคลื่อนท่ีของนิวตัน กฎความโนม้ ถ่วงสากล แรงเสียดทาน สมดลุ กลของวตั ถุ งานและกฎการอนุรักษ์
พลงั งานกล โมเมนตัมและกฎการอนรุ ักษโ์ มเมนตัม การเคลือ่ นทแ่ี นวโค้ง รวมทัง้ นาความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์

3. ผลการเรยี นรู้
6. อธิบายการทางานประสทิ ธิภาพและการได้เปรียบเชิงกลของเครอ่ื งกลอยา่ งง่ายบางชนิดโดยใช้ความรู้

เรือ่ งงานและสมดุลกล รวมท้ังคานวณประสิทธิภาพและการได้เปรยี บเชงิ กล

3-6-3

4.สาระการเรียนรู้
4.1 สาระฟิสกิ ส์เพิม่ เติม
สาระฟิสกิ ส์ ข้อ 1เข้าใจธรรมชาตทิ างฟสิ ิกส์ ปรมิ าณ และกระบวนการวัด การเคล่ือนที่แนวตรง

แรงและกฎการเคล่ือนทขี่ องนิวตัน กฎความโน้มถ่วงสากล แรงเสยี ดทาน สมดลุ กลของวัตถุ งานและกฎการ
อนุรกั ษ์พลังงานกล โมเมนตมั และกฎการอนุรกั ษ์โมเมนตัม การเคล่อื นท่ีแนวโค้ง รวมทง้ั นาความรไู้ ปใช้ประโยชน์

4.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิน่
-

4.3 สาระการเรยี นรูเ้ ก่ียวกับอาเซียน
-

4.4 สาระการเรียนรู้เศรษฐกจิ พอเพยี ง
ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงเรื่อง ความมีเหตผุ ล

5. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียนและจุดเนน้ ทตี่ อ้ งการพฒั นาคณุ ภาพผูเ้ รยี น
5.1 สมรรถนะ ความสามารถในการส่อื สาร
5.2 สมรรถนะ ความสามารถในการคดิ
5.3 สมรรถนะ ความสามารถในการแกป้ ญั หา
5.4 สมรรถนะ ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต
5.5 สมรรถนะ ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
5.6 จุดเน้น แสวงหาความรู้เพ่อื การแก้ปญั หา
5.7 จดุ เนน้ การใชภ้ าษาต่างประเทศ
5.8 จดุ เนน้ การคิดวเิ คราะห์ขั้นสงู
5.9 จดุ เน้น การใช้เทคโนโลยีเพือ่ การเรียนรู้
5.10 จุดเน้น ทกั ษะชีวิต
5.11 จุดเน้น ทักษะการสื่อสารอยา่ งสร้างสรรค์ตามช่วงวยั

6. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
6.1. รกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์
6.2. ซื่อสตั ยส์ ุจริต
6.3. มวี นิ ยั
6.4 ใฝ่เรยี นรู้
6.5อยู่อยา่ งพอเพยี ง
6.6 ม่งุ มนั่ ในการทางาน
6.7 รักความเป็นไทย
6.8 มีจิตสาธารณะ

3-6-4

7. ชน้ิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด/ระหวา่ งเรยี น)
7.1 แบบฝกึ ทกั ษะ (ระหวา่ งเรยี น)
7.2 แผนผังมโนทศั น์ Concept mapping (รวบยอด)
7.3 แบบทดสอบหลังเรยี น (รวบยอด)

8.การวัดและประเมนิ ผล

สิง่ ท่วี ดั ช่วงการวัด วิธีการประเมนิ ผล เครอื่ งมือ เกณฑก์ ารประเมิน
ถกู ตอ้ งสมบรู ณ์
8.1 ความรู้ความเข้าใจ ระหว่างสอน ความถูกตอ้ งของ Concept
Concept mapping ตอบถกู ต้อง
ในเน้ือหา mapping
คาถาม
8.2 ความรคู้ วามเข้าใจ ระหวา่ งสอน การตอบคาถาม
ในเนอ้ื หา ระหวา่ งสอน
ระหว่างสอน การตอบคาถาม คาถาม ตอบถูกตอ้ ง
8.3 ทกั ษะและ
กระบวนการ การตอบคาถาม คาถาม วิเคราะหต์ าม
สภาพคาตอบ
8.4 เจตคติ

8.5 ผลการเรียนรู้ ระหวา่ งสอน การทาแบบฝึกทักษะ แบบฝึกทักษะ ทาถูกรอ้ ยละ 70 ขึ้นไป
8.6 ผลสัมฤทธ์ิ สิ้นสดุ การสอน
คะแนนสอบหลงั เรยี น แบบทดสอบหลงั เรียน ไดค้ ะแนน

รอ้ ยละ 70 ขึน้ ไป

9. กจิ กรรมการเรียนรู้
ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement)
9.1 ครูเปิดเพาเวอรพ์ อยตจ์ ากเวบ็ ไซตส์ อนฟิสิกส์ ท่ีเว็บไซต์ http://gg.gg/ct3110 เพื่อเปิดวดี ิทศั นใ์ ห้

นกั เรยี นศึกษา เรอื่ ง กฎอนุรกั ษพ์ ลังงาน
9.2 ครแู ละนักเรียนร่วมกนั และเปลย่ี นเรยี นรจู้ ากเนื้อหาในวีดิทัศน์ที่ได้ดูร่วมกัน
9.3 ครตู ้งั คาถามนักเรยี นเกย่ี วกับกฎอนรุ ักษพ์ ลังงาน
9.4 นักเรยี นตอบคาถามของครอู ย่างอสิ ระ และร่วมแลกเปลีย่ นเรียนรซู้ ึง่ กันและกนั พร้อมสอดแทรก

หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หวั รัชการที่ 9 เกีย่ วกบั เร่ือง ความพอประมาณ
กบั การเคล่อื นท่ี

9.5 นกั เรียนทาแบบทดสอบก่อนเรยี นออนไลนจ์ ากเวบ็ ไซต์การสอนฟิสกิ ส์ จานวน 10 ข้อ
ข้นั สารวจและค้นหา (Exploration)
9.6 ครแู จง้ ให้นักเรยี นทราบถึงเน้อื หาทีจ่ ะเรียน จดุ ประสงค์ กระบวนการเรยี นที่จะดาเนินการโดยยอ่
9.7 ครใู หน้ ักเรียนศึกษาเนื้อหาความรู้จากเพาเวอร์พอยต์จากเว็บไซต์สอนฟสิ กิ ส์ โดยให้นักเรยี นสบื คน้
ข้อมูลและศึกษาข้อมลู เบ้ืองต้น
9.8 ครสู าธติ วธิ ีการแกป้ ญั หาโจทย์ใหก้ ับนักเรียน ตามโจทย์ตวั อย่างในเพาเวอร์พอยต์ จานวน 3 ข้อ
9.9 นักเรยี นฝึกทักษะการทาแบบฝกึ หัดจากแบบฝกึ หัดตามท่ีครรู ะบุให้จานวน 5 ขอ้
9.10 ครูเฉลยแบบฝึกหัดอย่างละเอยี ดพร้อมแลกเปลยี่ นเรยี นรู้กบั นักเรยี นอย่างเป็นกนั เอง โดยกระตุ้น
ด้วยคาถามเพื่อใหน้ กั เรียนคิดอยา่ งเปน็ ขัน้ ตอน

3-6-5

ขั้นอธบิ ายและลงข้อสรุป (Explanation)
9.11 นกั เรยี นแตล่ ะกลุม่ สรปุ หลกั การในการแก้โจทยใ์ นแบบฝึกหดั
9.12 นกั เรียนแลกเปลย่ี นเรยี นรู้กันภายในกล่มุ และระหว่างกล่มุ
9.13 นกั เรียนแตล่ ะคนสรุปหลักการในการแกโ้ จทย์ของตนเอง
9.14 ครูและนักเรยี นร่วมกันอภปิ รายเพ่ือสรปุ การแก้ไขปญั หาโจทย์อยา่ งเปน็ ข้นั ตอน นกั เรยี นบันทึก
ขอ้ มูลลงในสมุดบนั ทึก
9.15 นกั เรียนทาแบบฝกึ ทักษะเพ่ิมเติมตามหลกั การที่ได้จากการสรปุ รว่ มกันระหว่างครแู ละนักเรียน
ขั้นขยายความรู้ (Elaboration)
9.16 ครูใช้คาถามนาเพ่อื ให้นักเรียนนาหลกั การที่สรปุ ได้มาประยกุ ต์ใชง้ านในสถานการณ์โจทยท์ มี่ ีความ
ซับซ้อนมากขน้ึ และเปดิ โอกาสใหน้ ักเรียนซกั ถามและแลกเปลี่ยนเรยี นร้ใู นเรอ่ื งที่เรียน
9.17 นักเรยี นทดลองทาแบบฝึกหดั ที่หลากหลาย โดยนาข้อสอบโอเน็ต ข้อสอบ PAT2 ข้อสอบคัดเลอื ก
เข้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ขอ้ สอบคัดเลอื กเข้ามหาวิทยาลัยขอนแกน่ มาใหน้ ักเรยี นฝกึ ทาโดยครจู ัดเตรยี มไวใ้ น
เพาเวอร์พอยตป์ ระกอบการสอนในเว็บไซตก์ ารสอนฟสิ กิ ส์
9.18 นกั เรยี นทาแบบฝกึ ทักษะเพิ่มเติมโดยมีครคู อยใหค้ าแนะนา
9.19 นักเรยี นตรวจคาตอบและศกึ ษาเพ่ิมเตมิ จากเวบ็ ไซต์การสอนฟสิ กิ ส์
9.20 ครสู ่งั แบบฝกึ หดั ใหน้ ักเรียนกลบั ไปฝึกทาเป็นการบ้าน
ขั้นประเมิน (Evaluation)
9.21 นกั เรียนเขยี น Concept mapping ของเรอ่ื งท่ีเรยี นลงในสมุดแล้วถ่ายรูปสง่ ใน line ห้องเรยี น
ฟิสกิ ส์และครปู ระเมนิ ความเข้าใจเนอ้ื หาของนักเรยี นจาก Concept mapping ทนี่ ักเรียนส่งมา
9.22 ครตู งั้ คาถามเพ่ือใหน้ กั เรยี นตอบเพ่ือตรวจสอบความเขา้ ใจในเนื้อหาทีเ่ รียนอกี ครั้ง
9.23 นกั เรยี นทาข้อสอบออนไลนผ์ า่ นโทรศพั ทม์ ือถอื จานวน 10 ขอ้ โดยใชเ้ วลาในการทาขอ้ สอบ
10 นาที
9.24 ครูแจ้งผลการสอบทันที โดยส่งคะแนนใหน้ ักเรยี นทาง line หอ้ งเรยี นฟิสกิ ส์
9.25 นักเรียนทม่ี ีคะแนนไม่ถึงร้อยละ 50 ครใู หน้ กั เรยี นกลับไปทบทวนเนื้อหาเพาเวอร์พอยต์อีกครง้ั
และนดั หมายใหส้ อบออนไลน์ใหม่อีกครัง้ ในการเรียนคาบต่อไป ในสว่ นของนักเรียนที่มีคะแนนเกนิ ร้อยละ 50
และตอ้ งการศกึ ษาทบทวนเพิ่มข้นึ ครูแนะนาให้ศึกษาซ้าในเพาเวอร์พอยต์และแนะนาเว็บไซตเ์ พอื่ ศึกษาด้วย
ตนเองเพ่ิมเติม

3-6-6

10. ส่อื การเรยี นรู้/แหล่งเรยี นรู้ จานวน ลาดบั ข้นั ตอนการใชส้ อ่ื

รายการสื่อ 1 เว็บไซต์ ทุกขั้นตอน
10.1 เวบ็ ไซตก์ ารสอนฟิสิกส์
ทผี่ ลิตโดยนายชาตรี ศรีม่วงวงค์ 1 ไฟล์ ทุกขน้ั ตอน
http://gg.gg/ct3110 1 เล่ม ทกุ ข้ันตอน
10.2 เพาเวอร์พอยตก์ ารสอนฟิสกิ ส์ 1 กลมุ่ ทุกขั้นตอน
10.3 หนังสอื เรยี นวชิ าฟสิ กิ ส์ 1 สสวท. 1 ชดุ ทุกขั้นตอน
10.4 กลุ่ม line การสอนฟิสกิ ส์ 1 ชุด ขนั้ ขยายความรู้ / ข้ันลงขอ้ สรุป
10.5 ใบความร้ทู ี่ 6 1 ชดุ ข้นั ลงขอ้ สรุป
10.6 แบบฝึกทักษะท่ี 6 1 ชุด ขน้ั สร้างความสนใจ
10.7 แผนผังมโนทศั น์ที่ 6 1 ชดุ ขน้ั ประเมนิ
10.8 แบบทดสอบก่อนเรยี นออนไลน์
10.9 แบบทดสอบหลงั เรยี นออนไลน์

11. กิจกรรมเสนอแนะ

รายการ วิธีการ
11.1 ปรบั ปรงุ -แกไ้ ขขอ้ บกพร่องของผ้เู รียน
นักเรียนทีม่ ีคะแนนไม่ถงึ รอ้ ยละ 50 ครูให้นักเรยี นกลับไป
11.2 ส่งเสริมความรคู้ วามสามารถของผู้เรยี น ทบทวนเนอื้ หาเพาเวอร์พอยต์อกี คร้ังและนดั หมายให้
สอบออนไลนใ์ หม่อีกครั้งในการเรียนคาบต่อไป

นักเรียนทม่ี ีคะแนนเกินร้อยละ 50 และต้องการศึกษา
ทบทวนเพ่ิมข้ึน ครแู นะนาให้ศึกษาซ้าในเพาเวอร์พอยต์
และแนะนาเวบ็ ไซต์เพื่อศึกษาดว้ ยตนเองเพ่ิมเตมิ

3-6-7

12.บนั ทกึ ผลหลังการสอน
12.1 ความก้าวหน้าในการเรยี นการสอน

จานวน คะแนน คะแนนเฉลยี่ คะแนนเฉลย่ี คะแนนเฉลย่ี E1/E2 ความก้าวหน้า
นกั เรียน เตม็ ก่อนเรียน ระหว่างเรยี น ในการเรียน
หลงั เรียน
157 10 2.12 8.12 63.50
8.47 81.20/84.70

สตู ร ร้อยละความกา้ วหน้าในการเรยี น = คะแนนหลังเรยี น – คะแนนกอ่ นเรียน x 100
คะแนนเตม็

สูตร หาประสิทธิภาพของสื่อ = E1/ E2 (ตามเกณฑ์ 80/80)
E1 = ประสทิ ธภิ าพของกระบวนการ (ทาแบบฝึก)
E2 = ประสทิ ธภิ าพของผลลพั ธ์ (สอบหลงั เรยี น)
ประสทิ ธภิ าพของกระบวนการ = คะแนนเฉลยี่ ระหวา่ งเรียน x 100
คะแนนเต็ม

ประสทิ ธภิ าพของผลลพั ธ์ = คะแนนเฉลี่ยหลังเรยี น x 100
คะแนนเตม็

12.2 กระบวนการจัดการเรียนการสอน
1.ขน้ั สรา้ งความสนใจ นักเรียนรอ้ ยละ 90 ให้ความสนใจคลปิ เกย่ี วกบั การสาธิตตัวอยา่ งของ

ครเู กย่ี วกับสมดุล และใหค้ วามสนใจคลิปทีค่ รูเปิดให้ดู โดยมนี ักเรียนบางสว่ นสนใจซักถามเพิม่ เติม และรว่ มกัน
กาหนดประเด็นของเรอ่ื งทีต่ ้องการศึกษาเกยี่ วกับกฏอนุรกั ษ์พลงั งาน

2.ขน้ั สารวจและคน้ หา นักเรียนร้อยละ 90 ร่วมกันศกึ ษาเกย่ี วกับเนอ้ื หาของสภาพสมดุล โดย
มีการซักถามและรว่ มกนั หาคาตอบ เข้าใจในประเด็นทีส่ นใจจะศึกษา ร่วมกันวางแผนกาหนดแนวทางการสารวจ
ตรวจสอบ ตัง้ สมมติฐาน กาหนดวิธีการทดลองและทาการศึกษาเน้ือหาจากหนงั สือเรยี นและใบงาน มีการสืบคน้
ข้อมลู จากเวบ็ ไซต์ตา่ งๆ เพอ่ื ลงข้อสรุปเกี่ยวกบั กฏอนุรกั ษ์พลังงาน

3.ข้นั อธิบายและลงข้อสรปุ นกั เรยี นรอ้ ยละ 50 ร่วมกนั อภิปรายเก่ยี วกบั เรื่องท่ีเรยี นและ
รว่ มกนั สรุปเก่ียวกบั กฏอนรุ ักษ์พลงั งาน

4.ขั้นขยายความรู้ นักเรยี นร้อยละ 50 รว่ มกนั อธิบายสถานการณใ์ นชีวิตประจาวันโดยใช้
ขอ้ สรุปเก่ียวกับกฏอนุรักษ์พลังงาน

5.ขั้นประเมนิ นักเรยี นร้อยละ 75 สามารถนาหลักการและความรทู้ ี่เรยี นตอบคาถามและ
สถานการณ์ท่ีครูต้งั ขนึ้ ได้

3-6-8

บรรยากาศการจดั กิจกรรมการเรยี นการสอนกฏอนรุ กั ษ์พลังงาน

12.3 ผลการสอน
( / ) สอนไดต้ ามแผนการจดั การเรียนรู้
( ) สอนไม่ไดต้ ามแผนการจัดการเรียนรู้ เนอื่ งจาก...............................................................

12.4 ปัญหาและอปุ สรรค
1. นกั เรยี นรอ้ ยละ 30 วเิ คราะห์โจทย์ฟิสิกส์ไมค่ ่อยได้
2. นกั เรียนรอ้ ยละ 50 ยงั แก้สมการคณิตศาสตร์ในโจทยไ์ ม่ได้
3. นักเรียนรอ้ ยละ 20 คิดเลขไม่ถูกต้อง
4. นักเรยี นทาใบงานไมเ่ สรจ็ ตามเวลา

12.5 แนวทางการแก้ไขปัญหา
1. ใหน้ ักเรียนศกึ ษาตวั อยา่ งจากหนังสือคู่มอื เพิ่มเตมิ
2. นักเรยี นฝกึ แกส้ มการคณิตศาสตร์
3. นกั เรยี นฝกึ คิดเลขโดยให้ทดลองเล่นเกม 180 ไอคิว
4. ปรับปรงุ ใบงาน

ลงชอ่ื ..............................................ผ้สู อน
(นายชาตรี ศรมี ่วงวงค์)

3-6-9

ขอ้ เสนอแนะของหัวหนา้ กลุม่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์
.................................................................... ..........................................................................................
................................................................................................ ..............................................................
............................................................................................................................. .................................

ลงชือ่ ........................................................
(นายสุระศกั ด์ิ ยอดหงษ์)

ตาแหนง่ หัวหน้ากลุม่ สาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์
วนั ท่ี..........เดือน..........................พ.ศ............

ขอ้ เสนอแนะของรองผู้อานวยการกลุ่มบริหารงานวิชาการ
................................................................................................................................. .............................
..................................................................................................... .........................................................
............................................................................................................................. .................................

ลงชื่อ ........................................................
(นายวิเชียร ยอดนิล)

ตาแหน่ง รองผอู้ านวยการกลุ่มบริหารงานวิชาการ
วนั ที่..........เดอื น..........................พ.ศ............

ขอ้ เสนอแนะของผูอ้ านวยการโรงเรียน
..............................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................
............................................................................................................................. .................................

ลงช่ือ ........................................................
(นายไพชยนต์ ศรีมว่ ง)

ตาแหน่ง ผอู้ านวยการโรงเรียนวัชรวทิ ยา
วันท่ี..........เดอื น..........................พ.ศ............

3-6-10

ภาคผนวก
ประกอบแผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ 6

3-6-11

สื่อการสอน

เวบ็ ไซตก์ ารสอนฟิสิกส์ ทสี่ รา้ งขนึ้ โดยนายชาตรี ศรมี ว่ งวงค์
ทอี่ ยู่ของเวบ็ ไซต์ http://gg.gg/ct3110

3-6-12

ใบความร้ทู ี่ 6
เรื่อง กฏอนุรกั ษ์พลงั งาน

กฎการอนุรักษ์พลงั งาน
พลังงานรวมของระบบ คอื ผลรวมของพลังงานศักยแ์ ละพลังงานจลน์ของระบบ

จากรูป ท่ีตาแหน่ง A จะมีพลงั งานศกั ยแ์ ละพลงั งานจลน์ D
โดยที่ ตาแหน่ง B จะมีพลงั งานศกั ยแ์ ละพลงั งานจลน์ C

ตาแหน่ง C จะมีพลงั งานศกั ยแ์ ละพลงั งานจลน์

ตาแหน่ง D จะมีพลงั งานศกั ยแ์ ละพลงั งานจลน์ B
โดย ที่ตาแหน่ง A จะมีพลงั งานศกั ยเ์ ป็นศูนยแ์ ลว้ พลงั งานศกั ยจ์ ะเพม่ิ ข้ึน

จนมีค่ามากที่สุดที่ตาแหน่งสูงสุด และท่ีตาแหน่ง A จะมีค่าพลงั งานจลน์ A
มากท่ีสุดแลว้ พลงั งานจลนจ์ ะมีค่าลดลงจนเป็นศูนยท์ ี่ตาแหน่งสูงสุด

กฎการอนรุ กั ษ์พลงั งานกล่าววา่

“พลังงานรวมของระบบจะไม่สญู หายไปไหน แตอ่ าจเปลยี่ นจากรูปหนึง่ ไปเปน็ อีกรูปหนงึ่ ได้”

ดงั นนั้ จากรูปข้างบนทีต่ าแหน่ง A , B , C และ D จะตอ้ งมีพลังงานรวมของ ( Ep + Ek ) D
ระบบเทา่ กันยกตัวอยา่ งเช่น

ถ้าทต่ี าแหน่ง A จะมีพลังงานรวมของระบบเท่ากบั 10 จลู จะได้ ( Ep + Ek ) C
ทต่ี าแหนง่ B , C และ D จะมีพลังงานรวมของระบบเทา่ กับ 10 จูล

ด้วย ( Ep + Ek ) B
ถา้ แยกละเอียดเป็นพลังงานศักย์และพลังงานจลน์ จะได้

ทีต่ าแหนง่ A จะมีพลังงานศักย์เท่ากับ 0 จูล และพลงั งานจลน์มคี ่า ( Ep + Ek ) A
เท่ากับ 10 จลู รวมเทา่ กบั 10 จูล

ท่ีตาแหนง่ B จะมีพลังงานศักย์เพ่มิ ข้นึ และพลังงานจลนจ์ ะมีคา่

ลดลงรวมแลว้ เท่ากบั 10 จลู

ทตี่ าแหนง่ C จะมพี ลงั งานศกั ย์เพ่มิ ขึน้ และพลังงานจลน์จะมคี า่ ลดลงรวมแล้วเทา่ กับ 10 จูล

จนกระทั่งทตี่ าแหน่งสงู สุดจะมพี ลงั งานศกั ยเ์ ท่ากับ 10 จูล และพลงั งานจลนเ์ ป็นศนู ย์รวมแลว้ เทา่ กับ10 จลู

ตวั อยา่ งก้อนหนิ มวล 50.0 กิโลกรมั ตกจากท่สี งู 196 เมตรเหนอื พ้ืนดิน จงหาพลังงานศักย์และพลงั งานจลน์ของ

ก้อนหนิ ขณะที่ก้อนหินเร่มิ ตก และพลงั งานรวมของระบบ

วิธที า ทต่ี าแหนง่ เรม่ิ ตก จะมพี ลังงานศกั ยส์ ูงสดุ ( Ep + Ek )
หาได้จาก Ep = mgh
Ep = (50)(10)(196)
Ep = 9.8x104 จลู
Ek 1 196 เมตร
2 2
 mv

3-6-13

Ek = ( ½ )( 50 ) ( 0 )2 9.8x104 จลู
Ek = 0 จูล
 พลังงานรวมของระบบ เท่ากบั Ep + Ek =

การใชพ้ ลังงาน ควรระลกึ อยเู่ สมอว่า “ประหยดั พลงั งานวนั น้ี ดกี วา่ ไมม่ ใี ช้ในวันข้างหนา้ ”
นักเรียนลองคิดคาขวัญการใช้พลงั งาน เพ่ือกระต้นุ ให้เกดิ การใช้พลงั งานอย่างมีคุณค่ามากท่ีสุด

เคร่อื งกล

ประสทิ ธภิ าพของเครอ่ื งกลและเครอื่ งใชไ้ ฟฟา้

ประสิทธิภาพของเคร่อื งกล หรือ อปุ กรณ์ = งานทไี่ ดร้ ัับจากเคอรงื่ กล หรือ อปุ กรณ์
งานทใี่ หก้ ัับเครื่องลกหรือ อปุ กรณ์

ประสทิ ธภิ าพของเคร่ืองกล หรอื อุปกรณ์ = 1 หมายถงึ ไม่มกี ารสูญเสยี พลงั งาน ประสิทธิภาพเปน็ 100 %

ประสทิ ธิภาพของเครือ่ งกล หรือ อุปกรณ์  1หมายถึง มีการสญู เสียพลังงาน และมปี ระสทิ ธภิ าพนอ้ ยกวา่ 100
%

ประสทิ ธภิ าพของเคร่ืองกลหรืออปุ กรณ์ = งานทไี่ ดร้ ัับจากเคอรงื่ กล หรือ อปุ กรณ์ X100 %
งานทใี่ หก้ ัับเคร่ืองลกหรือ อปุ กรณ์

ตวั อยา่ ง ประสิทธิภาพของรอก ดงั รูปมีค่าเท่าใด 40 N s
วิธที า 1. หางานทไี่ ดร้ ับจากรอก

จากสูตร W = Fs
แทนค่าจะได้ W = (60)(s/2)
ให้ระยะทางท่วี ัตถุเคลอ่ื นทีไ่ ด้คอื (s/2)

2. หางานทใ่ี หจ้ ากรอก

จากสูตร W = Fs s/2

แทนคา่ จะได้ W = (40)s

ประสิทธิภาพของรอก = งางนานททไี่ ดใี่ หร้ ัจ้ าับกจราอกกรอกX 100 % 6 kg
s
ประสทิ ธิภาพของรอก = (60) 2  X 100 % 2N

(40)s

ประสิทธิภาพของรอก = 75 %

30 3 N

3-6-14

ตัวอย่างประสิทธิภาพของพื้นเอยี งมคี ่าเท่าใด ถา้ ใช้เปน็ เคร่ืองกลอนั หนง่ึ

วิธีทา 1. หางานทใ่ี หใ้ นการเคล่อื นวัตถุไปบนพ้นื เอยี ง

จากสูตร W = Fs

แทนคา่ จะได้ W = (2)L

ให้ระยะทางทว่ี ตั ถเุ คล่อื นทไ่ี ด้คือ ระยะความยาวของพื้นเอียง (L)

2. หางานที่ไดร้ ับในการเคลื่อนวัตถุมาทบี่ นสดุ หาได้

จากสตู ร W = mgh

แทนคา่ จะได้ W = (3)(Lsin 30)

ใหร้ ะยะทางทวี่ ตั ถุเคลอ่ื นที่ได้คือ ระยะความสูงของพนื้ เอยี ง ( Lsin30 )

ประสทิ ธภิ าพของพื้นเอียง = งางนานททไี่ ดใี่ หร้ ัจ้ าับกจราอกกรอกX 100 %
(3)Lsin30
ประสิทธิภาพของพน้ื เอยี ง = (2)L X 100 %

ประสิทธิภาพของพืน้ เอียง = 75 %

ตัวอยา่ งประสิทธิภาพของเคร่ืองกลดังรปู มคี ่าเท่าใด 10 kg 0.5 m F = 1 N
ระยะห่างระหวา่ งเกลียว 1 ซม
วธิ ีทา 1. หางานท่ีให้ในการหมนุ สกรู

จากสูตร W = Fs

แทนคา่ จะได้ W = (1)2r , (   3

)

ใหร้ ะยะทางทีจ่ บั แขนสกรเู คลื่อนทไี่ ด้คือระยะความยาวของเสน้ รอ

บวง

W = (1)(2)(3)(0.5)

= 3 จลู

2. หางานท่ไี ด้รบั คือการเคล่ือนวัตถุขึ้นมา 1 ระยะเกลียวเม่ือหมนุ 1 รอบ

จากสูตร W = mgh

ให้ระยะทางท่วี ตั ถเุ คลือ่ นท่ไี ด้คอื 1 ระยะเกลยี ว = 0.01 m

แทนคา่ จะได้ W = (10)(10)(0.01) = 1 จูล

ประสิทธภิ าพของสกรู = งางนานททไี่ ดใี่ หร้ ัจ้ าับกจราอกกรอกX 100 %

ประสิทธิภาพของสกรู = 1 X 100 %
3

ประสทิ ธิภาพของสกรู = 1 X 100 %
3

3-6-15

แบบฝกึ ทักษะที่ 6
เรอื่ ง กฏอนรุ กั ษ์พลังงาน

ช่อื ..........................................................………………….. ช้ัน ม. 4 /......…. ……….เลขท่ี............….

1. ให้นกั เรียนเลอื กเขียนแสดงความคิดเห็นว่า ทกุ ตาแหนง่ ของวตั ถทุ ่มี ีการเคลื่อนทพ่ี ลงั งานจะเปล่ียนแปลง
อยา่ งไร

…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
2. ความคิดเหน็ ของกลุม่ เหน็ ว่า ทกุ ตาแหนง่ ของวัตถทุ ี่มีการเคลื่อนทีพ่ ลงั งานจะเปลย่ี นแปลงอยา่ งไร
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….

3. ความคดิ เห็นที่นักเรียนและครูรว่ มกนั อภิปรายสรปุ เหน็ ว่า ทุกตาแหนง่ ของวตั ถุท่ีมีการเคล่อื นที่พลงั งานจะ
เปล่ียนแปลงอยา่ งไร

…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….

3-6-16

ใหน้ ักเรียนสรุปสาระสาคญั ที่ไดจ้ ากการสืบค้น ขอ้ มูล ลงในสดุ จดบันทึก

1. กฎการอนุรักษ์พลงั งาน

2. ประสทิ ธภิ าพของเครือ่ งกล

ใหน้ กั เรียนเติมคาตอบที่ถูกต้องลงในชอ่ งวา่ งต่อไปน้ี

1. กฎการอนุรักษ์พลังงาน หมายถงึ ………………………………………………………………………………

…………………………………………………………………………………………………………………

2. ในกรณที ี่ไม่มแี รงภายนอกมากระทา พลงั งานกล เปน็ ผลรวมของ………………………………………………

3. ในกรณีท่ีมแี รงภายนอกมากระทา พลงั งานกล เปน็ ผลรวมของ…………………………………………………

4. วตั ถทุ ่ตี กอยา่ งอสิ ระ กรณนี ้ีถือว่ามแี รงภายนอกมากระทาหรอื ไม่ ………………………………………………

5. วัตถุท่ีเคลื่อนทไี่ ปบนพ้นื ท่ีมแี รงเสยี ดทาน กรณีนถ้ี ือว่ามีแรงภายนอกมากระทาหรอื ไม่ ……………………….

6. จากขอ้ 4 พลงั งานกลของระบบ มี อะไรบา้ ง …………………………………………………………………...

7. จากขอ้ 5 พลังงานกลของระบบ มี อะไรบ้าง …………………………………………………………………...

8. จากขอ้ 4 เมื่อนามาเขียนในรูป กฎการอนุรักษ์พลงั งาน จะมีสมการเป็นอยา่ งไร ……………………………….

…………………………………………………………………………………………………………………..

9. จากข้อ 5 เมอ่ื นามาเขียนในรปู กฎการอนรุ กั ษ์พลงั งาน จะมสี มการเป็นอย่างไร ……………………………….

…………………………………………………………………………………………………………………..

10. โยนวัตถุขึ้นไปในอากาศ ขณะท่ีวัตถุกาลังเคลื่อนท่ี กรณีน้ี ทุกตาแหน่งพลังงานกลของระบบจะมีอะไรบ้าง



…………………………………………………………………………………………………………………..

11. วัตถุมวล 5 กิโลกรัม เคล่ือนที่บนพ้ืนราบลื่นด้วยอัตราเร็ว 4 เมตรต่อวินาที เข้าชนสปริงปรากฏว่าสปริงหด

สนั้ มากทส่ี ดุ 8 เซนติเมตร ค่านิจของสปรงิ มคี ่ากีน่ ิวตันต่อเมตร
1 1
วิธีทา จากกฎการอนรุ กั ษ์พลังงาน 2 mv2 = 2 kx2
=
( 5 ) ( …… )2 k ( …………… )2

k = …………………. N/m

3-6-17

12. หินก้อนหนึ่งมีมวล 8 กิโลกรัม ไถลลงตามเนินเอียง ถ้าก้อนหินมีอัตราเร็ว 2 เมตรต่อวินาที ท่ีจุด X และ

3 เมตรตอ่ วนิ าที ท่จี ดุ Y จงหางานของแรงเสียดทานทีก่ ระทาต่อก้อนหนิ ในชว่ งการเคล่อื นที่จาก X ไป Y
1 1
วิธีทา จากกฎการอนรุ กั ษ์พลังงาน mgh + 2 mvx2 = 2 mvy2 + Wf
X ….. )+ 8)
…… )( 10 )( 1 ( (…. )2 = 1 ( ….. )( 3 )2 + Wf
5m ( 2 2

8m Wf = ………… จูล
Y

13. ผกู สปรงิ อนั หนึง่ กบั มวลขนาด 3 กโิ ลกรัม และยึดติดกับผนังดังรูป สปริงมีค่านิจเท่ากับ 100 นิวตันต่อเมตร

เม่ือดังออกจากเดิม 15 เซนติเมตร แล้วปล่อยให้มวลเคล่ือนที่ พบว่าขณะท่ีมวลผ่านตาแหน่งสมดุล วัด

ความเรว็ ได้ 1 เมตรตอ่ วินาที สัมประสิทธิ์ความเสยี ดทานระหวา่ งมวลกับพ้นื มีค่าเท่าใด
1 1
วิธีทา 2 kx2 = 2 mv2 + Wf

1 kx2 = 1 mv2 + mg.x 15 cm
2 2
1 1
2 (……. )(…….) 2 = 2 ( …… )( ……. ) 2 + (……. )(10).( 15x10- 2)

 = ………………….

3-6-18

จากรูป ประสทิ ธิภาพของรอก ดังรปู มีค่าเท่าใด

วิธที า 1. หางานท่ีได้รบั จากรอก 60 N s

จากสตู ร W = Fs แทนค่าจะได้ W = (…….)(s/2) s/2
90 kg
ใหร้ ะยะทางท่ีวัตถุเคลื่อนท่ไี ด้คือ (s/2)

2. หางานทีใ่ ห้จากรอก

จากสูตร W = Fs แทนคา่ จะได้ W = (……..)s

ประสทิ ธิภาพของรอก = งางานนททไี่ ดใี่ ห้รั้จาบกจราอกกรอกX 100 %
s
ประสทิ ธภิ าพของรอก = (.........) 2  X 100 %

(...........)s

ประสิทธิภาพของรอก = ……………. %

จากรูป ประสทิ ธภิ าพของพน้ื เอยี งมีค่าเท่าใด ถ้าใช้เปน็ เคร่ืองกลอันหนึ่ง 5N
วิธีทา 1. หางานทีใ่ ห้ในการเคลอื่ นวัตถุไปบนพ้ืนเอียง 30 8N

จากสตู ร W = Fs แทนคา่ จะได้ W = (…….)L
ใหร้ ะยะทางทวี่ ัตถเุ คล่อื นที่ได้คือ ระยะความยาวของพ้ืนเอียง (L)
2. หางานทีไ่ ด้รับในการเคลื่อนวัตถมุ าที่บนสุด หาได้
จากสตู ร W = mgh แทนค่าจะได้ W = (………)(Lsin 30)
ให้ระยะทางที่วัตถุเคลอ่ื นทไ่ี ด้คอื ระยะความสูงของพน้ื เอียง ( Lsin30 )

ประสิทธิภาพของพ้ืนเอยี ง = งานทไ่ี ดร้ ับจากรอกX 100 %

ประสทิ ธภิ าพของพื้นเอยี ง = (.ง.า..น..ท..ใ่ี.ห..จ)้ Lากsiรnอ3ก0 X 100 %
(...............)L

ประสทิ ธิภาพของพื้นเอียง = ………… %

จากรปู ประสิทธิภาพของเคร่อื งกลมคี ่าเทา่ ใด

วธิ ีทา 1. หางานที่ให้ในการหมุนสกรู 3-6-19

จากสูตร W = Fs 15 kg 0.6 m F = 5 N

แทนค่าจะได้ W = (……)2r , (   3 ) ระยะห่างระหวา่ งเกลียว 1 ซม

ใหร้ ะยะทางท่จี ับแขนสกรูเคล่ือนท่ีไดค้ ือระยะความยาวของเส้นรอบวง

W = (……..)(2)(3)(0.6) = ………. จูล

2. หางานท่ไี ด้รับคอื การเคล่ือนวัตถุข้ึนมา 1 ระยะเกลยี วเมื่อหมนุ 1 รอบ

จากสูตร W = mgh

ให้ระยะทางท่ีวตั ถุเคล่อื นท่ีได้คือ 1 ระยะเกลยี ว = 0.01 m

แทนค่าจะได้ W = (………..)(10)(……….) = ……….. จูล

ประสทิ ธิภาพของสกรู = งางนานททไี่ ดใี่ หร้ ัจ้ าับกจราอกกรอกX 100 %

ประสทิ ธภิ าพของสกรู = ………….. %

3-6-20

14. วัตถุมวล 2 กิโลกรัม เคล่ือนท่ีบนพ้ืนราบลื่นด้วยอัตราเร็ว 2 เมตรต่อวินาที เข้าชนสปริงปรากฏว่าสปริงหด

ส้ันมากที่สุด 10 เซนติเมตร ค่านิจของสปริงมีคา่ ก่นี วิ ตันตอ่ เมตร 1 1
2 2
วธิ ีทา จากกฎการอนรุ ักษพ์ ลังงาน mv2 = kx2

15. หินก้อนหน่ึงมีมวล 20 กิโลกรัม ไถลลงตามเนินเอียง ถ้าก้อนหินมีอัตราเร็ว 1 เมตรต่อวินาที ที่จุด X และ

4 เมตรตอ่ วินาที ทีจ่ ดุ Y จงหางานของแรงเสียดทานทีก่ ระทาต่อก้อนหนิ ในชว่ งการเคล่ือนทจ่ี าก X ไป Y
1 1
วิธที า จากกฎการอนุรกั ษพ์ ลังงาน mgh + 2 mvx2 = 2 mvy2 + Wf
X

4m

5m
Y
16. ผูกสปริงอันหน่ึงกับมวลขนาด 2 กิโลกรัม และยึดติดกับผนังดังรูป สปริงมีค่านิจเท่ากับ 50 นิวตันต่อเมตร

เม่ือดังออกจากเดิม 20 เซนติเมตร แล้วปล่อยให้มวลเคลื่อนท่ี พบว่าขณะท่ีมวลผ่านตาแหน่งสมดุล วัด

ความเรว็ ได้ 0.4 เมตรต่อวินาที สัมประสทิ ธ์คิ วามเสยี ดทานระหวา่ งมวลกับพื้นมีคา่ เท่าใด
1 1
วิธที า 2 kx2 = 2 mv2 + Wf

1 kx2 = 1 mv2 + mg.x 20 cm
2 2

3-6-21

3-6-22

แผนผังมโนทศั นท์ ี่ 6
องค์ความรเู้ รอื่ ง กฏอนรุ กั ษ์พลังงาน

เจ้าของผลงาน ช่อื ……………………………………………………ชัน้ ……………..เลขท…่ี …….

3-6-23

แบบทดสอบกอ่ นเรยี น – หลังเรยี นที่ 6
เร่ือง กฏอนุรกั ษ์พลงั งาน

ช่ือ…………………………….……………………นามสกลุ ……………………….…………………………ช้ัน……………..เลขท…ี่ …….

คาช้แี จง จงตอบคาถามใหถ้ ูกตอ้ ง โดยใช้เวลาในการทาขอ้ สอบ 10 นาที

โจทยใ์ ช้ตอบคาถามข้อ 1 – 3 ก้อนหินมวล 50.0กโิ ลกรัม ตกจากที่สงู 200 เมตรเหนือพ้ืนดิน

1. จงหาพลังงานศักย์ของก้อนหิน เมอื่ เวลาผ่านไป 4 วนิ าที
ก. 1.0x105 J ข. 2.0x104 J ค. 4.0x104 J ง. 6.0x104 J

2. จงหาพลังงานจลนข์ องก้อนหิน เมอ่ื เวลาผ่านไป 4 วนิ าที
ก. 1.0x105 J ข. 2.0x104 J ค. 4.0x104 J ง. 6.0x104 J

3. จงหางานรวมของระบบ เมื่อเวลาผ่านไป 4 วินาที ง. 6.0x104 J
ก. 1.0x105 J ข. 2.0x104 J ค. 4.0x104 J

4. ลกู กลมอนั หน่งึ ตกลงกระทบพื้นตามแนวดิ่งจากจุด X ผ่าน Y ซ่ึง Y เป็นจุดท่ีระยะ X

หา่ จากตาแหน่ง X เท่ากับ2/5ของระยะ X ถึงพ้ืน ถ้าให้ Ep เป็นพลังงานศักย์ โน้ม Y

ถ่วงของวัตถุท่ีตาแหน่ง X และ Ek เป็นพลังงานจลน์ของวัตถุท่ีตาแหน่ง Y เป็นก่ี
เทา่ ของ Ep
ก. Ek = 2 Ep ข. Ek = 3 Ep ค. Ek = 3 Ep
3 2 5
5
ง. Ek = 3 Ep

โจทย์ใช้ตอบคาถามข้อ 5 - 7

โยนวตั ถมุ วล 0.2 กิโลกรมั ขึ้นตามแนวดงิ่ เมื่อขน้ึ ไปได้สงู สดุ 3 เมตร วัตถตุ ก Y

กลบั มาทเ่ี ดิม ดงั รปู x , y และ z เปน็ ตาแหนง่ ต่างๆของวตั ถุขณะอยสู่ งู จากพ้นื

5. จงหาพลังงานจลน์ทีต่ าแหน่ง Y และ Y เปน็ จดุ สงู สดุ ของการเคล่อื นท่ี Z

ก. 0 J ข. 2 J ค. 4 J ง. 6 J

6. จงหาพลงั งานรวมของระบบท่ีตาแหน่ง X X

ก. 0 J ข. 2 J ค. 4 J ง. 6 J

7. จงหาพลังงานศกั ย์ที่ตาแหนง่ Z เมอ่ื ท่ีตาแหนง่ Z มีพลังงานจลนเ์ ท่ากบั 2 จลู

ก. 0 J ข. 2 J ค. 4 J ง. 6 J

50 N s

8. ประสทิ ธภิ าพของรอก ดังรปู มีค่าเทา่ ใด

s/2
8 kg

3-6-24

ก. 65 %
ข. 70%
ค. 75 %
ง. 80%

9. ประสทิ ธิภาพของพน้ื เอียงมีค่าเทา่ ใด ถ้าใช้เปน็ เครื่องกลอันหนง่ึ 3N

ก. 33.33 %

ข. 66.67%

ค. 75.00 % 30 4N
ง. 80.00% 0.5 m
3
10. ประสทิ ธภิ าพของเครอื่ งกลดังรูปมีค่าเทา่ ใด N
ก. 33.33 % F=
ข. 66.67% 20 kg
ค. 75.00 % 
ง. 80.00%
1 cm

3-6-25

เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น – หลงั เรยี นท่ี 6
เรือ่ ง กฏอนรุ กั ษ์พลังงาน

เฉลยแบบทดสอบ
ก่อนเรียนและหลงั เรียน
ข้อ คาตอบ
1ค
2ข
3ง
4ก
5ก
6ง
7ค
8ง
9ข
10 ข

3-7-1

แผนจัดการเรยี นร้ทู ี่ 7

3-7-2

แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ 7
กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ รหสั วิชา ว30202 วชิ า ฟสิ กิ ส์ 2

ชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 4 ภาคเรียนที่ 2
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 เรอ่ื ง โมเมนตัมและการชน

เรื่องท่ี 7 โมเมนตัม เวลา 5 ชั่วโมง
ผสู้ อน นายชาตรี ศรมี ่วงวงค์ โรงเรียนวชั รวทิ ยา

1. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด
วัตถุท่ีเคลอ่ื นทจ่ี ะมีโมเมนตัมซ่ึงเป็นปริมาณเวกเตอร์มคี ่าเทา่ กับผลคูณระหวา่ งมวลและความเร็วของ

วัตถุ ดงั สมการ p = mv เม่ือมแี รงลัพธ์กระทาต่อวัตถุจะทาให้โมเมนตัมของวตั ถเุ ปล่ียนไป โดยแรงลพั ธเ์ ท่ากับ
อัตราการเปลย่ี นโมเมนตมั ของวัตถุ แรงลัพธ์ท่ีกระทาต่อวัตถใุ นเวลาส้ัน ๆ เรียกว่า แรงดลโดยผลคูณของแรงดล
กบั เวลา เรียกว่า การดลตามสมการ I =Ft ซ่งึ การดลอาจหาไดจ้ ากพื้นท่ีใต้กราฟระหว่างแรงดลกบั เวลา
2. สาระการเรยี นร้ฟู ิสิกส์

สาระฟิสิกส์ ขอ้ 1เข้าใจธรรมชาตทิ างฟิสิกส์ ปริมาณ และกระบวนการวดั การเคลื่อนที่แนวตรง แรงและกฎ
การเคลอื่ นทขี่ องนวิ ตนั กฎความโน้มถว่ งสากล แรงเสียดทาน สมดลุ กลของวัตถุ งานและกฎการอนุรักษ์พลงั งาน
กล โมเมนตัมและกฎการอนุรักษ์โมเมนตัม การเคลอ่ื นที่แนวโคง้ รวมทั้งนาความรไู้ ปใช้ประโยชน์

3. ผลการเรยี นรู้
7. อธิบาย และคานวณโมเมนตมั ของวัตถแุ ละการดลจากสมการและพ้นื ที่ใตก้ ราฟความสัมพันธร์ ะหวา่ ง

แรงลัพธก์ บั เวลา รวมท้งั อธิบายความสมั พนั ธ์ระหว่างแรงดลกับโมเมนตัม

3-7-3

4.สาระการเรียนรู้
4.1 สาระฟสิ ิกส์เพ่ิมเติม
สาระฟสิ กิ ส์ ข้อ 1เขา้ ใจธรรมชาติทางฟิสิกส์ ปรมิ าณ และกระบวนการวัด การเคลื่อนที่แนวตรง

แรงและกฎการเคล่ือนทขี่ องนิวตัน กฎความโนม้ ถว่ งสากล แรงเสยี ดทาน สมดุลกลของวัตถุ งานและกฎการ
อนุรักษ์พลังงานกล โมเมนตมั และกฎการอนรุ ักษ์โมเมนตัม การเคล่อื นที่แนวโค้ง รวมทัง้ นาความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์

4.2 สาระการเรยี นรู้ท้องถนิ่
การอธบิ ายปรากฏการณ์ท่ีเกิดข้ึนในท้องถ่นิ ด้วยโมเมนตัม

4.3 สาระการเรียนรู้เก่ยี วกบั อาเซียน
-

4.4 สาระการเรยี นรู้เศรษฐกิจพอเพยี ง
-

5. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียนและจดุ เนน้ ทีต่ ้องการพฒั นาคณุ ภาพผเู้ รียน
5.1 สมรรถนะ ความสามารถในการสือ่ สาร
5.2 สมรรถนะ ความสามารถในการคิด
5.3 สมรรถนะ ความสามารถในการแก้ปญั หา
5.4 สมรรถนะ ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
5.5 สมรรถนะ ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
5.6 จุดเนน้ แสวงหาความรเู้ พ่ือการแก้ปญั หา
5.7 จดุ เน้น การใชภ้ าษาต่างประเทศ
5.8 จุดเนน้ การคิดวิเคราะหข์ ้ันสงู
5.9 จดุ เนน้ การใช้เทคโนโลยีเพือ่ การเรียนรู้
5.10 จุดเนน้ ทกั ษะชวี ติ
5.11 จุดเน้น ทกั ษะการสื่อสารอย่างสรา้ งสรรคต์ ามชว่ งวยั

6. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
6.1. รกั ชาติ ศาสน์ กษัตริย์
6.2. ซือ่ สตั ยส์ จุ ริต
6.3. มีวนิ ัย
6.4 ใฝ่เรยี นรู้
6.5อย่อู ยา่ งพอเพียง
6.6 ม่งุ มัน่ ในการทางาน
6.7 รกั ความเป็นไทย
6.8 มีจิตสาธารณะ

3-7-4

7. ช้นิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด/ระหวา่ งเรยี น)
7.1 แบบฝึกทกั ษะ (ระหวา่ งเรียน)
7.2 แผนผงั มโนทศั น์ Concept mapping (รวบยอด)
7.3 แบบทดสอบหลงั เรยี น (รวบยอด)

8.การวัดและประเมินผล

สง่ิ ท่วี ัด ชว่ งการวัด วิธกี ารประเมินผล เครือ่ งมอื เกณฑก์ ารประเมิน
ถกู ต้องสมบรู ณ์
8.1 ความรูค้ วามเขา้ ใจ ระหวา่ งสอน ความถูกต้องของ Concept
Concept mapping ตอบถกู ต้อง
ในเน้ือหา mapping
คาถาม
8.2 ความร้คู วามเขา้ ใจ ระหวา่ งสอน การตอบคาถาม
ในเนื้อหา ระหวา่ งสอน
ระหวา่ งสอน การตอบคาถาม คาถาม ตอบถูกตอ้ ง
8.3 ทกั ษะและ
กระบวนการ การตอบคาถาม คาถาม วเิ คราะหต์ าม
สภาพคาตอบ
8.4 เจตคติ

8.5 ผลการเรยี นรู้ ระหว่างสอน การทาแบบฝึกทกั ษะ แบบฝึกทกั ษะ ทาถูกร้อยละ 70 ขึ้นไป
8.6 ผลสัมฤทธ์ิ สน้ิ สดุ การสอน
คะแนนสอบหลังเรยี น แบบทดสอบหลังเรียน ไดค้ ะแนน

ร้อยละ 70 ขนึ้ ไป

9. กจิ กรรมการเรยี นรู้
ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement)
9.1 ครเู ปิดเพาเวอร์พอยต์จากเว็บไซตส์ อนฟิสิกส์ ทเ่ี วบ็ ไซต์ http://gg.gg/ct3110 เพอื่ เปดิ วดี ิทัศน์ให้

นกั เรยี นศึกษา เร่อื ง โมเมนตัม
9.2 ครูและนกั เรยี นร่วมกันและเปล่ยี นเรยี นรจู้ ากเนื้อหาในวีดทิ ัศนท์ ่ไี ด้ดรู ่วมกนั
9.3 ครูตง้ั คาถามนักเรียนเก่ียวกับโมเมนตัม
9.4 นักเรยี นตอบคาถามของครูอย่างอิสระ และร่วมแลกเปลย่ี นเรยี นรซู้ ่งึ กันและกัน นอกจากนนั้ ครยู ัง

ชักชวนนักเรยี นพดู คยุ และแลกเปล่ียนความรเู้ กย่ี วกับเรอ่ื ง การอธบิ ายปรากฏการณ์ที่เกิดขึน้ ในท้องถ่นิ ดว้ ย
โมเมนตมั

9.5 นักเรยี นทาแบบทดสอบก่อนเรยี นออนไลน์จากเวบ็ ไซต์การสอนฟิสกิ ส์ จานวน 10 ข้อ
ขนั้ สารวจและคน้ หา (Exploration)
9.6 ครแู จ้งให้นักเรียนทราบถึงเน้ือหาทจี่ ะเรียน จุดประสงค์ กระบวนการเรียนทีจ่ ะดาเนินการโดยย่อ
9.7 ครใู ห้นกั เรยี นศึกษาเน้ือหาความรจู้ ากเพาเวอร์พอยตจ์ ากเวบ็ ไซต์สอนฟิสกิ ส์ โดยให้นักเรียนสืบค้น
ข้อมลู และศึกษาขอ้ มลู เบือ้ งต้น
9.8 ครูสาธติ วธิ กี ารแกป้ ญั หาโจทย์ให้กับนักเรียน ตามโจทย์ตัวอย่างในเพาเวอร์พอยต์ จานวน 3 ข้อ
9.9 นักเรยี นฝกึ ทักษะการทาแบบฝกึ หัดจากแบบฝกึ หดั ตามทคี่ รูระบใุ หจ้ านวน 5 ข้อ
9.10 ครเู ฉลยแบบฝกึ หัดอยา่ งละเอยี ดพร้อมแลกเปลีย่ นเรยี นรู้กบั นกั เรียนอย่างเปน็ กันเอง โดยกระตุ้น

3-7-5

ด้วยคาถามเพื่อให้นักเรยี นคิดอยา่ งเปน็ ข้ันตอน
ขั้นอธบิ ายและลงข้อสรุป (Explanation)
9.11 นกั เรียนแต่ละกลุ่มสรปุ หลักการในการแกโ้ จทย์ในแบบฝึกหดั
9.12 นักเรยี นแลกเปล่ียนเรยี นรู้กนั ภายในกลุ่มและระหวา่ งกลุม่
9.13 นกั เรยี นแตล่ ะคนสรปุ หลกั การในการแกโ้ จทย์ของตนเอง
9.14 ครแู ละนักเรยี นร่วมกนั อภปิ รายเพอื่ สรุปการแก้ไขปัญหาโจทย์อย่างเป็นขนั้ ตอน นักเรยี นบันทกึ

ขอ้ มูลลงในสมุดบนั ทึก
9.15 นักเรยี นทาแบบฝกึ ทักษะเพิ่มเติมตามหลักการทีไ่ ดจ้ ากการสรุปรว่ มกนั ระหวา่ งครแู ละนักเรยี น
ข้นั ขยายความรู้ (Elaboration)
9.16 ครใู ชค้ าถามนาเพอ่ื ให้นักเรยี นนาหลักการที่สรุปได้มาประยกุ ต์ใช้งานในสถานการณ์โจทยท์ ม่ี คี วาม

ซับซอ้ นมากขึน้ และเปิดโอกาสให้นักเรียนซกั ถามและแลกเปลย่ี นเรยี นร้ใู นเรอื่ งทเี่ รยี น
9.17 นกั เรียนทดลองทาแบบฝึกหัดทหี่ ลากหลาย โดยนาข้อสอบโอเน็ต ขอ้ สอบ PAT2 ขอ้ สอบคดั เลือก

เขา้ มหาวทิ ยาลัยเชียงใหม่ ขอ้ สอบคัดเลอื กเข้ามหาวิทยาลยั ขอนแกน่ มาใหน้ ักเรียนฝึกทาโดยครูจดั เตรียมไว้ใน
เพาเวอร์พอยตป์ ระกอบการสอนในเวบ็ ไซตก์ ารสอนฟิสกิ ส์

9.18 นักเรยี นทาแบบฝึกทักษะเพ่ิมเตมิ โดยมีครูคอยให้คาแนะนา
9.19 นกั เรยี นตรวจคาตอบและศกึ ษาเพ่ิมเตมิ จากเวบ็ ไซต์การสอนฟสิ ิกส์
9.20 ครูสงั่ แบบฝึกหัดให้นักเรียนกลับไปฝึกทาเป็นการบ้าน
ขน้ั ประเมนิ (Evaluation)
9.21 นกั เรยี นเขียน Concept mapping ของเรือ่ งท่เี รียนลงในสมุดแลว้ ถา่ ยรูปสง่ ใน line ห้องเรยี น
ฟิสิกส์และครูประเมนิ ความเข้าใจเน้ือหาของนักเรยี นจาก Concept mapping ท่นี กั เรียนสง่ มา
9.22 ครตู ง้ั คาถามเพ่ือใหน้ กั เรียนตอบเพ่ือตรวจสอบความเข้าใจในเน้ือหาที่เรียนอีกครั้ง
9.23 นักเรยี นทาขอ้ สอบออนไลนผ์ า่ นโทรศพั ท์มอื ถือ จานวน 10 ข้อ โดยใชเ้ วลาในการทาขอ้ สอบ
10 นาที
9.24 ครแู จง้ ผลการสอบทันที โดยสง่ คะแนนให้นักเรยี นทาง line หอ้ งเรยี นฟสิ กิ ส์
9.25 นักเรียนทม่ี ีคะแนนไม่ถึงร้อยละ 50 ครใู หน้ กั เรียนกลับไปทบทวนเนื้อหาเพาเวอร์พอยต์อีกครง้ั
และนดั หมายใหส้ อบออนไลน์ใหม่อีกครง้ั ในการเรยี นคาบต่อไป ในสว่ นของนกั เรยี นทีม่ ีคะแนนเกินร้อยละ 50
และต้องการศกึ ษาทบทวนเพ่ิมขึน้ ครแู นะนาให้ศกึ ษาซา้ ในเพาเวอร์พอยต์และแนะนาเว็บไซต์เพ่ือศกึ ษาดว้ ย
ตนเองเพ่ิมเติม

3-7-6

10. ส่อื การเรยี นรู้/แหล่งเรยี นรู้ จานวน ลาดบั ข้นั ตอนการใชส้ อ่ื

รายการสื่อ 1 เว็บไซต์ ทุกขั้นตอน
10.1 เวบ็ ไซตก์ ารสอนฟิสิกส์
ทผี่ ลิตโดยนายชาตรี ศรีม่วงวงค์ 1 ไฟล์ ทุกขน้ั ตอน
http://gg.gg/ct3110 1 เล่ม ทกุ ข้ันตอน
10.2 เพาเวอร์พอยตก์ ารสอนฟิสกิ ส์ 1 กลมุ่ ทุกขั้นตอน
10.3 หนังสอื เรยี นวชิ าฟสิ กิ ส์ 1 สสวท. 1 ชดุ ทุกขั้นตอน
10.4 กลุ่ม line การสอนฟิสกิ ส์ 1 ชุด ขนั้ ขยายความรู้ / ข้ันลงขอ้ สรุป
10.5 ใบความร้ทู ี่ 7 1 ชดุ ข้นั ลงขอ้ สรุป
10.6 แบบฝึกทักษะท่ี 7 1 ชุด ขน้ั สร้างความสนใจ
10.7 แผนผังมโนทศั น์ที่ 7 1 ชดุ ขน้ั ประเมนิ
10.8 แบบทดสอบก่อนเรยี นออนไลน์
10.9 แบบทดสอบหลงั เรยี นออนไลน์

11. กิจกรรมเสนอแนะ

รายการ วิธีการ
11.1 ปรบั ปรงุ -แกไ้ ขขอ้ บกพร่องของผ้เู รียน
นักเรียนทีม่ ีคะแนนไม่ถงึ รอ้ ยละ 50 ครูให้นักเรยี นกลับไป
11.2 ส่งเสริมความรคู้ วามสามารถของผู้เรยี น ทบทวนเนอื้ หาเพาเวอร์พอยต์อกี คร้ังและนดั หมายให้
สอบออนไลนใ์ หม่อีกครั้งในการเรียนคาบต่อไป

นักเรียนทม่ี ีคะแนนเกินร้อยละ 50 และต้องการศึกษา
ทบทวนเพ่ิมข้ึน ครแู นะนาให้ศึกษาซ้าในเพาเวอร์พอยต์
และแนะนาเวบ็ ไซต์เพื่อศึกษาดว้ ยตนเองเพ่ิมเตมิ

3-7-7

12.บนั ทึกผลหลังการสอน
12.1 ความก้าวหน้าในการเรยี นการสอน

จานวน คะแนน คะแนนเฉลยี่ คะแนนเฉลยี่ คะแนนเฉลย่ี E1/E2 ความกา้ วหน้า
นกั เรียน เตม็ กอ่ นเรยี น ระหวา่ งเรยี น ในการเรียน
หลังเรยี น
157 10 2.12 8.12 63.50
8.47 81.20/84.70

สตู ร รอ้ ยละความก้าวหน้าในการเรียน = คะแนนหลงั เรยี น – คะแนนกอ่ นเรยี น x 100
คะแนนเตม็

สูตร หาประสิทธภิ าพของส่ือ = E1/ E2 (ตามเกณฑ์ 80/80)
E1 = ประสิทธิภาพของกระบวนการ (ทาแบบฝกึ )
E2 = ประสิทธภิ าพของผลลัพธ์ (สอบหลังเรียน)
ประสทิ ธภิ าพของกระบวนการ = คะแนนเฉลยี่ ระหวา่ งเรยี น x 100
คะแนนเตม็

ประสทิ ธภิ าพของผลลพั ธ์ = คะแนนเฉล่ยี หลังเรยี น x 100
คะแนนเต็ม

12.2 กระบวนการจัดการเรยี นการสอน
1.ขัน้ สรา้ งความสนใจ นักเรียนรอ้ ยละ 90 ให้ความสนใจคลปิ เกี่ยวกบั การสาธติ ตวั อย่างของ

ครูเกี่ยวกับสมดุล และใหค้ วามสนใจคลิปทคี่ รเู ปิดให้ดู โดยมนี กั เรยี นบางสว่ นสนใจซักถามเพม่ิ เตมิ และรว่ มกัน
กาหนดประเดน็ ของเร่อื งที่ต้องการศึกษาเกย่ี วกบั โมเมนตมั

2.ขน้ั สารวจและคน้ หา นกั เรียนรอ้ ยละ 90 ร่วมกนั ศึกษาเก่ียวกบั เนือ้ หาของสภาพสมดุล โดย
มกี ารซักถามและร่วมกนั หาคาตอบ เขา้ ใจในประเดน็ ทีส่ นใจจะศกึ ษา รว่ มกนั วางแผนกาหนดแนวทางการสารวจ
ตรวจสอบ ตง้ั สมมตฐิ าน กาหนดวธิ ีการทดลองและทาการศึกษาเนื้อหาจากหนงั สือเรียนและใบงาน มีการสบื คน้
ขอ้ มลู จากเวบ็ ไซต์ตา่ งๆ เพอื่ ลงขอ้ สรปุ เก่ียวกบั โมเมนตมั

3.ข้นั อธิบายและลงข้อสรุป นักเรยี นรอ้ ยละ 50 รว่ มกนั อภิปรายเกยี่ วกบั เร่ืองทเ่ี รียนและ
รว่ มกนั สรปุ เกีย่ วกบั โมเมนตัม

4.ขั้นขยายความรู้ นักเรียนร้อยละ 50 ร่วมกนั อธบิ ายสถานการณใ์ นชวี ิตประจาวนั โดยใช้
ขอ้ สรปุ เก่ยี วกับโมเมนตัม

5.ขัน้ ประเมนิ นักเรยี นร้อยละ 75 สามารถนาหลกั การและความร้ทู ่ีเรียนตอบคาถามและ
สถานการณ์ทค่ี รูต้ังขึ้นได้

3-7-8

บรรยากาศการจัดกจิ กรรมการเรียนการสอนโมเมนตัม

12.3 ผลการสอน
( / ) สอนไดต้ ามแผนการจดั การเรียนรู้
( ) สอนไม่ได้ตามแผนการจัดการเรียนรู้ เนื่องจาก...............................................................

12.4 ปญั หาและอุปสรรค
1. นกั เรียนร้อยละ 30 วิเคราะห์โจทย์ฟสิ กิ ส์ไมค่ ่อยได้
2. นักเรียนร้อยละ 50 ยงั แก้สมการคณิตศาสตร์ในโจทย์ไม่ได้
3. นกั เรยี นรอ้ ยละ 20 คิดเลขไมถ่ ูกต้อง
4. นักเรยี นทาใบงานไม่เสรจ็ ตามเวลา

12.5 แนวทางการแกไ้ ขปัญหา
1. ให้นกั เรยี นศกึ ษาตัวอย่างจากหนังสอื คู่มือเพิ่มเติม
2. นักเรยี นฝึกแก้สมการคณิตศาสตร์
3. นกั เรยี นฝกึ คดิ เลขโดยให้ทดลองเลน่ เกม 180 ไอควิ
4. ปรบั ปรุงใบงาน

ลงชอื่ ..............................................ผ้สู อน
(นายชาตรี ศรมี ว่ งวงค์)

3-7-9

ขอ้ เสนอแนะของหัวหนา้ กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์
.................................................................... ..........................................................................................
............................................................................................................................. .................................
................................................................................................. .............................................................

ลงชอ่ื ........................................................
(นายสรุ ะศกั ด์ิ ยอดหงษ์)

ตาแหนง่ หัวหนา้ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์
วนั ท่ี..........เดอื น..........................พ.ศ............

ขอ้ เสนอแนะของรองผู้อานวยการกลุ่มบริหารงานวชิ าการ
............................................................................................................................. .................................
.................................................................................................................................. ............................
...................................................................................................... ........................................................

ลงชอ่ื ........................................................
(นายวเิ ชียร ยอดนิล)

ตาแหนง่ รองผ้อู านวยการกลุ่มบรหิ ารงานวิชาการ
วันที่..........เดือน..........................พ.ศ............

ขอ้ เสนอแนะของผ้อู านวยการโรงเรียน
............................................................................................................................. .................................
..............................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................

ลงช่ือ ........................................................
(นายไพชยนต์ ศรีม่วง)

ตาแหน่ง ผอู้ านวยการโรงเรียนวชั รวิทยา
วนั ท่ี..........เดอื น..........................พ.ศ............

3-7-10

ภาคผนวก
ประกอบแผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ 7

3-7-11

สื่อการสอน

เวบ็ ไซตก์ ารสอนฟิสิกส์ ทสี่ รา้ งขนึ้ โดยนายชาตรี ศรมี ว่ งวงค์
ทอี่ ยู่ของเวบ็ ไซต์ http://gg.gg/ct3110

3-7-12

โมเมนตัมคืออะไร ใบความรทู้ ่ี 7
เร่ือง โมเมนตัม

(Momentum ; P )

เราทราบกันแล้วว่า วัตถุท่ีกาลังเคล่ือนท่ีจะมีพลังงานจลน์ วัตถุใดมีพลังงานจลน์มาก จะมีความเร็วหรือ
มวลมาก วัตถุใดมีพลังงานจลน์น้อย จะมีความเร็วหรือมวลน้อย และวัตถุที่กาลังเคล่ือนที่จะมีคุณสมบัติข้อหนึ่ง
คือ พยายามเคลื่อนที่ไปข้างหน้าตลอดเวลา วัตถุท่ีเคลื่อนที่ด้วยความเร็วคงท่ี แรงลัพธ์ท่ีกระทากับวัตถุเป็นศูนย์
แต่ถา้ จะให้วัตถุท่ีเคล่ือนที่หยุดลง เราจะต้องออกแรงกระทากับวัตถุ และแรงน้ันจะต้องเป็นแรงต้านคือมีทิศตรง
ข้ามกับทิศการเคล่ือนท่ีของวัตถุ ถ้าเราใช้มือต้านการเคลื่อนที่ของวัตถุก้อนหน่ึงซ่ึงมีความเร็วมาก และวัตถุอีก
ก้อนหน่งึ ซึง่ มมี วลเทา่ กันแต่มีความเร็วน้อย เราจะรู้สึกออกแรงต้านไม่เท่ากัน วัตถุที่มีความเร็วมากจะต้องใช้แรง
ต้านมากกว่า และถ้าเราใช้มือต้านการเคล่ือนที่ของวัตถุสองก้อนซึ่งมีความเร็วเท่ากัน แต่วัตถุก้อนหนึ่งมีมวล
มากกว่าวตั ถุอีกก้อนหนึ่ง วัตถุที่มีมวลมากต้องใช้แรงต้านมากกว่าวัตถุท่ีมีมวลน้อย ฉะนั้นเราสามารถบอกได้ว่า
ในการเคลื่อนที่ของวตั ถจุ ะใช้แรงมากหรอื นอ้ ย ขึ้นกับมวลและความเร็วของวัตถุ ถ้าเรานา มวลคูณกับความเร็ว
ของวัตถุ เราเรยี กค่าทไี่ ด้วา่ โมเมนตัมของวัตถุ

โมเมนตัม เป็นปริมาณหนึ่งซ่ึงบอกสภาพการเคล่ือนท่ีของวัตถุ และเป็นปริมาณเวกเตอร์ท่ีมีทิศตามทิศ
ของความเร็วในการที่จะทาให้วัตถุหยุดน่ิงนั้น วัตถุท่ีมีโมเมนตัมมากจะทาให้หยุดการเคล่ือนที่ยากกว่าวัตถุท่ีมี
โมเมนตัมน้อย

เมอ่ื P = โมเมนตมั ของวตั ถุ

m = มวลของวตั ถุ
v = ความเรว็ ของวัตถุ

เขียนเปน็ สมการได้วา่ P = m v

โมเมนตัมมีหน่วยเป็น กโิ ลกรัม.เมตร / วนิ าที ( kg.m/s )
ตวั อยา่ งที่ 1 จงหาโมเมนตมั ของรถยนต์มวล 2  103 กิโลกรัม ซ่งึ กาลังเคล่อื นทดี่ ว้ ยความเร็ว 72 กิโลเมตร/

ชั่วโมง 2  103

วธิ ที า กาหนดให้ m = kPPg , v = 72 km/hr = 20 m/s
จาก = m v
= (2  103 )( 20 )= 4 x104 kg.m/s
แทนค่า
ตอบ ขนาดโมเมนตมั ของรถยนต์เท่ากับ 4 x104 กิโลกรมั .เมตร / วินาที

ตัวอย่างท่ี 2 ปล่อยลกู เทนนสิ มวล 0.5 กโิ ลกรมั จากจุดซงึ่ สงู จากพ้นื 5 เมตร เมอื่ ลูกเทนนิสกระทบพ้ืน จะมี

โมเมนตมั เท่าใด v = ? m/s , h = 5 m หา v ก่อน แลว้ หา P
วิธีทา กาหนดให้ m = 0.5 kg ,

3-7-13

จากหลักทรงพลงั งาน จะได้ 1 mv2 = mgh
2
v= 2gh

หาโมเมนตมั จาก vPP = 2x10x5 = 10 m/s
แทนค่า = = 5 kg.m/s
= m v
(0.5 )( 10 )

ตอบ ลกู เทนนสิ มีขนาดโมเมนตมั เท่ากบั 5 กโิ ลกรัม.เมตร / วินาที

ตัวอย่างที่ 3 วัตถุมีมวล 8 กิโลกรัม เคล่ือนท่ีด้วยความเร่ง 5 เมตร/วินาที2 ได้ระยะทาง 10 เมตร จะมี

โมเมนตมั เท่าไร , S = 10 m , a = 5 m/s2 หา v ก่อน

วิธที า P กาหนดให้ m = 8 kg , v = ? m/s
แล้วหา
v2 = u2 + 2aS
จาก 2aS , ( u =0 )

จะได้ v= 2x5x10

หาโมเมนตัม จาก vPP = m v = 10 m/s
แทนค่า = (8 )( 10 ) = 80 kg.m/s
=

ตอบ วตั ถุนม้ี ีขนาดโมเมนตมั เทา่ กบั 80 กโิ ลกรมั .เมตร / วินาที

ตัวอย่างที่ 4 ลูกบอลวง่ิ เข้ากระทบกาแพงด้วยความเร็ว 20 เมตร/วินาที มีโมเมนตัมของลูกบอลขณะกระทบ

กวธิาแที พางเทา่ กบั ก1า0หจจนกาะดโิกไลใดหก้ ้รัมP.เมต=ร/1ว0นิ าทkgี .mลูก/mบsPอล,มมี วv==ลเท=า่ ใด20mPv m/s , หา m= ?
= =
v 10
20
0.5 kg

ตอบ ลกู บอลมมี วลเท่ากับ 0.5 กิโลกรัม

ตัวอย่างท่ี 5 วตั ถมุ มี วล 6 กโิ ลกรมั เคล่ือนทีจ่ ากหยุดนิง่ ด้วยความเร่ง 2 เมตร/วินาที2 หลังจากเวลาผ่านไป

3 วินาที จะมโี มเมนตมั เทา่ ใด
วหิธาที าP กาหนดให้ m = 6 kg , v = ? m/s , t = 3 s , a = 2 m/s2 หา v ก่อน แล้ว

จาก v = u + at , ( u =0 )

จะได้ vPP = at = ( 2 )( 3 ) = 6 m/s
หาโมเมนตัม จาก = m v = 36 kg.m/s
= (6 )( 6 )
แทนค่า

3-7-14

ตอบ วัตถุนี้มขี นาดโมเมนตมั เท่ากบั 36 กโิ ลกรัม.เมตร / วินาที

ตวั อย่างที่ 6 ก้อนหินมวล 2 กิโลกรัม ตกจากท่ีสูง 200 เมตร เหนือพื้นดิน จงหาโมเมนตัมของ ก้อนหิน

น้ี เม่ือเวลาผ่านไป 4 วนิ าที

หวิธาีทาP กาหนดให้ m = 6 kg , v = ? m/s , t = 4 s , h = 200 m หา v ก่อน แล้ว

จาก v = u + gt , ( u =0 )

จะได้ vPP = gt v = ( 10 )( 4 ) = 40 m/s
หาโมเมนตมั จาก = m
=
แทนคา่ (2 )( 40 ) = 80 kg.m/s

ตอบ ก้อนหินมขี นาดโมเมนตมั เท่ากบั 80 กโิ ลกรัม.เมตร / วินาที

ตัวอยา่ งที่ 7 วัตถุชน้ิ หนึง่ มคี วามเร็ว 4 เมตร/วินาที มีพลงั งานจลน์ 8 จลู จะมีโมเมนตัมเทา่ ใด P

วิธีทา กาหนดให้ m = ? kg , v= 4 m/s , Ek = 8 J หา m ก่อน แลว้ หา
1 m=  2(8)
จาก Ek = 2 mv2  2E k m = 4 =4 kg
หาโมเมนตัม = v
จาก P m v = (4 )( 4 ) = 16 kg.m/s

กตาอรบเปล่ียวนัตแถปุนลม้ี งขี โนมาเดมโนมตเมัมนต(มั เทP่ากับ) 16 กโิ ลกรัม.เมตร / วินาที

เมื่อวัตถุมีการเคล่ือนที่เปล่ียนไปจากเดิม ขนาดของความเร็วเปล่ียนแปลงไปโดยไม่เปล่ียนทิศทาง หรือ

ขนาดของความเร็วไม่เปล่ียนแต่ทิศของความเร็วเปล่ียน ก็เปน็ ผลให้สภาพการเคล่ือนท่ีของวัตถุเปล่ียนไปด้วย ซ่ึง

เรียกว่า มีการเปล่ียนแปลงโมเมนตัม ทิศของการเปล่ียนแปลงโมเมนตัมจะมีทิศเดียวกับการเปล่ียนแปลง

ความเรว็

หาขนาดของการเปลีย่ นแปลงโมเมนตัมไดด้ งั นี้

 P = P 2 - P 1
หรือ  P = m v 2 - m v 1
หรือ  P = m( v 2 - v 1)
หรอื  P = m v

v1v2 - v1 v1 v2 v1
v v2 v - v1
v2 v
รvูป2-ขv.1 รูป ค.
รูป ก.

3-7-15

จากรปู ก. ความเรว็ ของวัตถุเปลี่ยนไป เมื่อ ขนาดของความเรว็ ไมเ่ ปล่ียน แตท่ ศิ ของความเรว็ เปลยี่ น

จากรปู ข. ความเร็วของวัตถเุ ปล่ยี นไป เมอื่ ขนาดของความเร็วเปล่ียน แตท่ ศิ ของความเรว็ ไมเ่ ปล่ยี น

จากรูป ค. ความเร็วของวตั ถเุ ปลี่ยนไป เมอื่ ขนาดของความเรว็ เปลีย่ น และทศิ ของความเรว็ เปล่ียน

ผลจะทาให้เกิดการเปล่ียนแปลงโมเมนตัมของวัตถุ และทิศของโมเมนตัมที่เปลี่ยนไป จะมีทิศเดียวกับ

ทศิ ของความเรว็ ที่เปลย่ี นไป

ตวั อยา่ งท่ี 1 ชายคนหน่งึ มีมวล 40 กโิ ลกรมั ขบั รถยนต์ดว้ ยความเร็วคงที่ 72 กิโลเมตร/ช่วั โมง บนถนนตรง

สายหน่ึง ถา้ เขาบงั คบั ให้รถหยุดภายในเวลาขณะหนึง่ จงหาโมเมนตัมทีเ่ ปลีย่ นไปที่เกดิ ข้นึ

วธิ ที า จาก P = mv - mu , u = 72 ( 1000/3600) = 20 m / s

แทนค่า P = (40)(0) – (40)(20) = - 80 kg.m/s

ตอบ โมเมนตัมทีเ่ ปลี่ยนไปเทา่ กับ 80 กิโลกรัมเมตรตอ่ วนิ าที มีทิศตรงขา้ มกับการเคลอื่ นท่ี

3-7-16

แบบฝกึ ทักษะท่ี 7
เร่ือง โมเมนตัม

ช่ือ..........................................................………………….. ช้นั ม. 4 /......…. ……….เลขที่............….

1. ให้นักเรียนเขียนแสดงความคิดเหน็ ว่า โมเมนตมั คืออะไร เปน็ อย่างไร
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
2. ความคดิ เห็นของกลุม่ เหน็ วา่ โมเมนตมั คืออะไร เป็นอยา่ งไร
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….

3. ความคดิ เหน็ ท่ีนักเรียนและครูรว่ มกันอภปิ รายสรปุ เห็นว่า โมเมนตมั คืออะไร เปน็ อย่างไร
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….

3-7-17
ให้นกั เรยี นสรปุ สาระสาคญั ที่ได้จากการสืบค้น ขอ้ มลู และตอบคาถามต่อไปนี้

โมเมนตัม

การเปลี่ยนแปลงโมเมนตัม


Click to View FlipBook Version