The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หลักสูตรสถานศึกษา นยร.61

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by moonoymootoon, 2022-03-23 12:30:08

หลักสูตรสถานศึกษา นยร.61

หลักสูตรสถานศึกษา นยร.61

๑๐๑

ศึกษาววิ ัฒนาการของแบบจาลองอะตอมของธาตุ อนุภาคมลู ฐานของอะตอม เลขอะตอม เลขมวล
และไอโซโทป สญั ลกั ษณน์ วิ เคลยี ร์ การจดั เรยี งอิเลก็ ตรอนในอะตอมของธาตุบางชนดิ การจัดเรียงธาตใุ น
ตารางธาตุ แนวโนม้ สมบัติบางประการของธาตตุ ามตารางธาตุ ศึกษาและทดลองเกยี่ วกบั ชนิดของพนั ธะเคมี
จากการนาไฟฟ้าของสารบางชนิด ศกึ ษาการเกิดพันธะและสมบัตบิ างประการของสารโคเวเลนต์
สารประกอบไอออนกิ และโลหะศึกษาและทดลองการเกิดปฏกิ ริ ิยาเคมี ศกึ ษาความสมั พนั ธ์ของพลังงานกับ
การเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมีศึกษาและคานวณหาอัตราการเกิดปฏกิ ริ ิยาเคมี ศึกษาและทดลองปัจจัยท่มี ีผลตอ่ อตั รา
การเกิดปฏกิ ิริยา ศึกษาปฏิกิริยาเคมีในชวี ติ ประจาวัน การใชป้ ระโยชน์และผลของปฏิกริ ิยาเคมตี ่อสิ่งมีชีวิต
และสิง่ แวดล้อม ศึกษาการเกดิ และแหลง่ ปิโตรเลียม กระบวนการแยกแก๊สธรรมชาติ การกลั่นนา้ มันดิบ
ผลติ ภัณฑแ์ ละการใช้ประโยชน์ผลติ ภัณฑท์ ไี่ ด้ ผลกระทบของการใช้ผลติ ภัณฑจ์ ากปโิ ตรเลียมตอ่ สิ่งมชี ีวิตและ
สงิ่ แวดลอ้ มรวมทัง้ การปอ้ งกนั และแก้ไขปญั หา เช้ือเพลิงในชวี ิตประจาวัน เลขออกเทน เลขซเี ทน ศึกษา
ความหมายและตัวอยา่ งพอลิเมอรธ์ รรมชาตแิ ละพอลเิ มอร์สังเคราะห์ ปฏิกิริยาการสงั เคราะหพ์ อลเิ มอร์
โครงสรา้ ง สมบตั ิ ประเภทของพอลิเมอร์ รวมทง้ั การใชป้ ระโยชนแ์ ละผลกระทบจากการใชผ้ ลิตภัณฑข์ องพอลิ
เมอร์ ศึกษาทดลองจาแนกชนิดของพลาสติกบางชนิดโดยใช้ความหนาแนน่ เปน็ เกณฑ์ศกึ ษายางธรรมชาติ
รวมทั้งยางสงั เคราะห์ เสน้ ใยธรรมชาติ เสน้ ใยสงั เคราะห์ และทดลองเตรียมเส้นใยสงั เคราะห์ ศึกษา
องคป์ ระกอบหลกั โครงสรา้ ง ประเภท แหล่งที่พบและความสาคัญของคารโ์ บไฮเดรต ลพิ ดิ โปรตนี และกรด
นิวคลอี ิกซ่ึงเปน็ สารชวี โมเลกุล ศกึ ษาสมบตั แิ ละปฏิกิรยิ าบางชนิดของคารโ์ บไฮเดรต ลพิ ดิ โปรตีน

โดยใชก้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ การสบื เสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูล
การอภิปราย การทดลอง บันทึกและอธิบายผลการทดลอง เพอื่ ใหเ้ กิดความรู้ ความคิด ความเขา้ ใจ
สามารถนาเสนอสื่อสารสง่ิ ทีเ่ รียนรู้

มคี วามสามารถในการตัดสินใจ เห็นคณุ ค่าขอการนาความรไู้ ปใชใ้ นชีวิตประจาวัน มีจติ วทิ ยาศาสตร์
คณุ ธรรมจริยธรรม ค่านยิ มทีเ่ หมาะสม เกดิ ทกั ษะชวี ติ และสามารถบูรณาการหลักคิดเศรษฐกิจพอเพียง

รหัสตวั ช้ีวัด
ว ๓.๑ ม. ๔-๖/๑ - ๕
ว ๓.๒ ม. ๔-๖/๑ - ๑๐
ว ๘.๑ ม. ๔-๖/๑ - ๑๒
รวม ๒๖ ตวั ชี้วดั

หลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรียนหนองยองพิทยาคม รชั มงั คลาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๑
ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑

๑๐๒

คาอธิบายรายวิชา
รายวิชา ชวี วทิ ยาพ้ืนฐาน รหัส ว ๓๑๑๐๓ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ ๔
กลุ่มสาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์ ภาคเรยี นท่ี ๑ เวลา ๖๐ ชัว่ โมง จานวน ๑.๕ หนว่ ยกติ

ศึกษาวิเคราะห์การรักษาสมดุลยภาพของเซลล์ กลไกการรกั ษาดุลยภาพของน้าในพืช กลไกควบคุม
ดุลยภาพของน้า เกลอื แร่ อุณหภมู ิในร่างกายมนุษย์และสัตวร์ ะบบภูมิคมุ้ กันของมนษุ ย์กระบวนการถ่ายทอด
สารพันธุกรรม การแปรผันทางพันธุกรรม การเกิดมิวเทชัน การเกิดความหลากหลายทางชีวภาพ ประโยชน์
ของเทคโนโลยที างชวี ภาพ ความหลากหลายของส่งิ มีชีวิตที่มตี อ่ สังคมและสงิ่ แวดล้อม แนวทางในการป้องกัน
และแก้ไขปัญหา วางแผนและดาเนนิ การเฝ้าระวัง อนรุ ักษแ์ ละพัฒนาสง่ิ แวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ

โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการสืบเสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ การสงั เกต การ
สบื ค้นขอ้ มูล การอภิปราย และสรปุ

เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถสื่อสารสิ่งที่เรยี นรู้ มีความสามารถในการตดั สินใจ
นาความรู้ไปใช้ในชีวิตของตนเอง ดูแลรักษาสิ่งมีชีวิตอื่น เฝ้าระวังและพัฒนาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน มีจิต
วิทยาศาสตร์ จริยธรรม คณุ ธรรม และคา่ นิยมทเ่ี หมาะสม

รหสั ตวั ช้ีวัด
ว ๑.๑ ม.๔-๖/๑ - ม.๔-๖/๔
ว ๑.๒ ม.๔-๖/๑ - ม.๔-๖/๔
ว ๒.๑ ม.๔-๖/๑- ม.๔-๖/๓
ว ๒.๒ ม.๔-๖/๑- ม.๔-๖/๓
ว ๘.๑ ม.๔-๖/๑- ม.๔-๖/๑๒
รวม ๒๖ ตวั ช้ีวัด

หลักสตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนหนองยองพทิ ยาคม รชั มงั คลาภิเษก พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๑
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑

๑๐๓

คาอธิบายรายวชิ า
รายวชิ า โลกดาราศาสตรแ์ ละอวกาศ รหสั ว ๓๑๑๐๔ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๔
กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๒ เวลา ๔๐ ชวั่ โมง จานวน ๑.๐ หนว่ ยกิต

ศกึ ษาโครงสร้างโลก การแบง่ โครงสร้างโลก หลักฐานและสมมติฐานการเคลื่อนทขี่ องทวีปหลกั ฐาน
และขอ้ มูลทางธรณวี ทิ ยาทีส่ นบั สนุนการเคลอื่ นตัวของทวีป กระบวนการที่ทาให้เกดิ การเคลือ่ นท่ีของแผน่
ธรณี ลักษณะการเคลือ่ นท่ขี องแผน่ ธรณี การเปล่ียนลกั ษณะของเปลือกโลก แผ่นดินไหว ภเู ขาไฟระเบิด อายุ
ทางธรณวี ิทยา ซากดึกดาบรรพ์ การลาดับช้นั หนิ กาเนดิ เอกภพ กาแลก็ ซี ววิ ัฒนาการของดาวฤกษ์ กาเนดิ
และววิ ฒั นาการของดวงอาทิตย์ ความสอ่ งสวา่ งและโชตมิ าตรของดาวฤกษ์ สีและอณุ หภูมิผิวของดาวฤกษ์
ระยะห่างของดาวฤกษ์ เนบิวลา แหลง่ กาเนดิ ดาวฤกษ์ ระบบดาวฤกษ์ มวลของดาวฤกษ์ การกาเนดิ ระบบ
สุริยะ ดวงอาทิตย์ เขตของบริวารดวงอาทติ ย์ กล้องโทรทรรศน์ การขนสง่ และการโคจรของดาวเทียม ระบบ
ขนส่งอวกาศ การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีอวกาศ

โดยใชก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสบื เสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูล
การอภปิ ราย การสงั เกต การวิเคราะห์ การอธบิ ายและสรุป

เพื่อใหเ้ กดิ ความรู้ ความคิด ความเขา้ ใจ สามารถสื่อสารส่ิงทเี่ รียนรู้ มีความสามารถในการตดั สนิ ใจ
เกดิ ทักษะชวี ติ ปรับตัวเพอื่ รับการเปลย่ี นแปลง นาความรู้ไปใชใ้ นชวี ิตประจาวนั มีจติ วทิ ยาศาสตร์ คณุ ธรรม
จริยธรรม ค่านยิ มท่เี หมาะสมและสามารถบูรณาการหลกั คิดเศรษฐกจิ พอเพยี ง

รหัสตัวชี้วดั
ว ๖.๑ ม.๔-๖/๑- ม.๔-๖/๖
ว ๗.๑ ม.๔-๖/๑- ม.๔-๖/๒
ว ๗.๒ ม.๔-๖/๑- ม.๔-๖/๓

หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรยี นหนองยองพทิ ยาคม รชั มงั คลาภเิ ษก พทุ ธศักราช ๒๕๖๑
ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑

๑๐๔

ว ๘.๑ ม.๔-๖/๑-ม.๔-๖/๑๒
รวม ๒๓ ตวั ช้ีวัด

คาอธบิ ายรายวิชา
รายวชิ า ฟสิ ิกส์ ๑ รหสั ว ๓๑๒๐๑ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๔
กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ภาคเรยี นท่ี ๒ เวลา ๘๐ ช่วั โมง จานวน ๒.๐ หน่วยกติ

ศึกษาธรรมชาติของวชิ าฟสิ ิกส์ ปรมิ าณกายภาพและหนว่ ย การวัด ความคลาดเคลอ่ื นในการวัดและ
การทดลองในวิชาฟิสิกส์ การบอกตาแหนง่ ของวตั ถุ ความสมั พันธร์ ะหวา่ งปรมิ าณต่างๆ ท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั การ
เคล่ือนท่ีแนวตรงดว้ ยความเร่งคงตวั แรงและผลของแรงทมี่ ตี ่อสภาพการเคลอ่ื นทข่ี องวตั ถุ กฎการเคล่ือนท่ี
ของ
นวิ ตัน กฎแรงดึงดูดระหว่างมวล และแรงเสียดทาน การเคล่ือนทีแ่ บบโพรเจกไทล์ การเคล่ือนทแ่ี บบวงกลม
และการเคลื่อนท่แี บบฮาร์มอนิกอย่างง่าย

โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ สืบเสาะหาความรู้ สบื คน้ ขอ้ มลู บนั ทึกจดั กลุ่มข้อมูล ทดลอง
และอธบิ ายผลการทดลอง

เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถส่ือสารสงิ่ ท่ีเรียนรู้ มคี วามสามารถในการ
ตัดสินใจ นาความรูไ้ ปใช้ในชวี ติ ประจาวนั และสามารถบูรณาการหลกั คดิ เศรษฐกิจพอเพยี ง มีจิต
วทิ ยาศาสตร์ จริยธรรม คณุ ธรรม และคา่ นิยมที่เหมาะสม

ผลการเรยี นรู้
๑. อธิบายเก่ียวกับธรรมชาตขิ องวิชาฟสิ กิ ส์ ปริมาณกายภาพและหนว่ ยในระบบเอสไอ
๒. อธบิ ายความสาคญั ของการทดลอง การวดั ปริมาณกายภาพตา่ งๆ และการบันทกึ ผลการวัด
๓. อธบิ ายเกี่ยวกบั การเคลอ่ื นท่ีแนวตรง และปรมิ าณท่เี ก่ยี วขอ้ ง

หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรยี นหนองยองพิทยาคม รัชมงั คลาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๑
ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑

๑๐๕

๔. อธบิ ายความสัมพันธร์ ะหว่างการกระจัด ความเร็วและความเรง่ ของการเคลื่อนที่ของวตั ถุในแนว
ตรงทม่ี ีความเรง่ คงตวั

๕. อธิบายแรงและหาแรงลัพธ์ของแรงหลายแรง
๖. อธิบายกฎการเคลื่อนท่ีของนิวตันและใช้กฎการเคลือ่ นทขี่ องนิวตันอธบิ ายการเคล่ือนทขี่ องวตั ถุ
๗. อธิบายกฎแรงดึงดูดระหวา่ งมวล
๘. อธิบายแรงเสียดทานระหวา่ งผิวสัมผสั ของวัตถุคู่หนึง่
๙. วเิ คราะหแ์ ละอธิบายการเคล่อื นท่ีแบบโพรเจกไทล์
๑๐. วเิ คราะห์และอธิบายการเคลื่อนทีแ่ บบวงกลม
๑๑. วเิ คราะห์และอธิบายการเคลื่อนทแี่ บบฮารม์ อนิกอยา่ งง่าย
รวมท้งั หมด ๑๑ ผลการเรยี นรู้
หมายเหตุ ในการจัดการเรยี นรใู้ หด้ าเนินกจิ กรรมให้บรรลถุ งึ มาตรฐาน ว ๘.๑ ธรรมชาตขิ องวทิ ยาศาสตร์
และเทคโนโลยี ที่กาหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ ด้วย

คาอธิบายรายวชิ า
รายวชิ า เคมี ๑ รหัส ว ๓๑๒๒๑ ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี ๔
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๒ เวลา ๖๐ ชั่วโมง จานวน ๑.๕ หนว่ ยกิต

ศึกษาวิเคราะห์เปรียบเทยี บแบบจาลองอะตอมของดอลตัน ทอมสนั รทั เทอร์ฟอรด์ โบร์และ
แบบกลุม่ หมอก เขียนและแปลความหมายสัญลกั ษณ์นิวเคลยี ร์ของธาตุ ศกึ ษาอนุภาคมูลฐานของอะตอม
เลขอะตอม เลขมวล ไอโซโทป ศึกษา ทดลองเก่ยี วกับสขี องเปลวไฟจากสารประกอบและเสน้ สเปกตรมั ของ
ธาตุบางชนดิ ศกึ ษาและเขยี นการจัดเรียงอิเลก็ ตรอนในอะตอม ศึกษาความหมายของระดบั พลังงานของ
อเิ ล็กตรอน ออร์บทิ ลั เวเลนซอ์ ิเล็กตรอน ศึกษาวเิ คราะห์การจัดเรยี งธาตใุ นตารางธาตุของนกั วิทยาศาสตร์
แนวโนม้ สมบตั ิบางประการของธาตุในตารางธาตตุ ามหมแู่ ละตามคาบ ศกึ ษาคานวณและเปรยี บเทยี บเลข
ออกซิเดชนั ของธาตใุ นสารประกอบและไอออน ศกึ ษาวเิ คราะหแ์ รงยึดเหนยี่ วระหว่างอนภุ าคหรือพนั ธะเคมี
ของสาร กฎออกเตต การเกิดพนั ธะและชนิดของพนั ธะโคเวเลนต์ สูตร การเรียกช่อื และโครงสร้าง
สารประกอบโคเวเลนต์ ความยาวพนั ธะ พลงั งานพนั ธะ การคานวณหาพลงั งานพนั ธะและพลังงานที่
เปลย่ี นแปลงของปฏิกริ ยิ า แนวคดิ เกี่ยวกบั เรโซแนนซ์ รูปรา่ งของโมเลกลุ และสภาพขั้วของโมเลกลุ โคเวเลนต์
แรงยดึ เหนย่ี วระหวา่ งโมเลกลุ โคเวเลนต์ สารโครงผลกึ ร่างตาขา่ ย สมบัตบิ างประการของสารโคเวเลนต์ การ
เกดิ พันธะไอออนกิ โครงสร้างของสารประกอบไอออนกิ สตู รและการเรยี กชอื่ สารประกอบไอออนกิ ศึกษา

หลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรียนหนองยองพทิ ยาคม รัชมงั คลาภเิ ษก พุทธศกั ราช ๒๕๖๑
ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑

๑๐๖

การเปลีย่ นแปลงพลังงานในการเกิดสารประกอบไอออนกิ ทดลองเพื่อศกึ ษาสมบัติบางประการของ
สารประกอบไอออนกิ ปฏิกริ ิยาของสารประกอบไอออนิก ศกึ ษาเกย่ี วกบั พันธะโลหะศึกษาวิเคราะห์
เปรียบเทยี บสมบัติของสารประกอบของธาตุตามหมู่และตามคาบเกีย่ วกบั จุดหลอมเหลว จุดเดือด ความเป็น
กรด-เบสของสารประกอบคลอไรดแ์ ละออกไซด์ การละลายน้าและเลขออกซิเดชัน ศึกษาและทดลองเกี่ยวกบั
ปฏิกิรยิ าของธาตุ และการละลายน้าของสารประกอบบางชนิดของธาตุหมู่ IA และ IIA ศกึ ษาตาแหน่งของธาตุ
ไฮโดรเจนในตารางธาตุ ทดลองเพื่อศึกษาสมบัติของธาตุแทรนซิชันและฝกึ คานวณหาเลขออกซเิ ดชัน ทดลอง
เตรียมสารประกอบเชิงซ้อนของธาตุแทรนซชิ นั เพ่ือศกึ ษาการเปล่ียนสขี องสารประกอบเชงิ ซ้อนของธาตุแทรน
ซิชัน ศึกษาสมบัติของธาตกุ ่ึงโลหะ ธาตกุ มั มันตรังสี การเกดิ กัมมนั ตภาพรังสี การสลายตัวของธาตุ
กัมมนั ตรังสี ศกึ ษาและคานวณครงึ่ ชีวติ ของธาตกุ มั มันตรังสี ศกึ ษาปฏกิ ริ ิยานิวเคลียร์ การตรวจสอบสาร
กัมมนั ตรังสี และเทคโนโลยีที่เก่ียวข้องกับการใช้สารกัมมนั ตรงั สี ธาตแุ ละสารประกอบบางชนิดในส่ิงมีชีวติ
และส่งิ แวดล้อม

โดยใชก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ การสบื คน้ ขอ้ มูล
การทดลองและการอภิปราย เพือ่ ให้เกดิ ความรู้ ความคดิ ความเข้าใจ สามารถสอื่ สารสิ่งทีเ่ รียนรู้
มคี วามสามารถในการตัดสนิ ใจ

เห็นคุณค่าของการนาความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์ในชีวิตประจาวัน มคี วามรับผิดชอบตอ่ สง่ิ แวดลอ้ มใน
ท้องถนิ่ มีเจตคตทิ ่ดี ีตอ่ วิชาวทิ ยาศาสตร์ มคี ุณธรรม จริยธรรม คา่ นยิ มที่พึงประสงค์ และสามารถบูรณาการ
หลกั คิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

ผลการเรยี นรู้
๑. เปรียบเทยี บและอธิบายแบบจาลองอะตอมของดอลตนั ทอมสนั รทั เทอรฟ์ อร์ด โบร์ และแบบ

กลมุ่ หมอกได้
๒. เขยี นและแปลความหมายสัญลกั ษณ์นิวเคลียรข์ องธาตไุ ด้
๓. อธบิ ายผลการศกึ ษาที่ทาใหน้ กั วิทยาศาสตร์เช่ือว่าอเิ ลก็ ตรอนในอะตอมอยใู่ นระดบั พลงั งานตา่ ง

ๆ กันได้
๔. เขียนการจดั เรยี งอเิ ล็กตรอนในออร์บทิ ลั เมอ่ื ทราบเลขอะตอมของธาตุ รวมท้ังสามารถระบเุ ลขหมู่

เลขคาบและกล่มุ ของธาตุในตารางธาตุได้
๕. อธิบายแนวคิดของนักวทิ ยาศาสตร์ในยคุ ต่างๆ เกี่ยวกบั การจดั แบ่งธาตเุ ปน็ หมวดหมู่จนไดเ้ ปน็

ตารางธาตุ พรอ้ มท้งั ระบุปญั หาของการจดั หมวดหมูธ่ าตไุ ด้

หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรียนหนองยองพิทยาคม รัชมงั คลาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๑
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑

๑๐๗

๖. สรปุ แนวโนม้ สมบตั ิตา่ งๆ ของธาตตุ ามหมแู่ ละคาบ ในเร่ืองเกี่ยวกับขนาดอะตอม รศั มีไอออน
พลังงานไอออไนเซชัน อิเลก็ โทรเนกาติวติ ี สมั พรรคภาพอเิ ลก็ ตรอน จุดหลอมเหลวและจุดเดือด พร้อมท้งั
อธบิ ายเหตุผลประกอบได้

๗. คานวณเลขออกซิเดชนั ของธาตใุ นสารประกอบและไอออน รวมทั้งสามารถเปรียบเทยี บเลข
ออกซิเดชันของธาตุโลหะกับธาตอุ โลหะได้

๘. บอกเหตผุ ลทแี่ สดงว่ามีแรงยึดเหน่ยี วระหว่างอนภุ าคของสารหรอื พนั ธะเคมไี ด้
๙. อธิบายการเกิดพันธะโคเวเลนตแ์ ละระบชุ นิดของพันธะโคเวเลนตใ์ นโมเลกุลได้
๑๐. เขยี นสตู รและเรยี กชอ่ื สารโคเวเลนตไ์ ด้
๑๑. ใช้ความรู้เร่ืองความยาวพนั ธะและพลงั งานพนั ธะระบุชนิดของพนั ธะโคเวเลนต์ได้
๑๒. ใชค้ ่าพลังงานพนั ธะคานวณหาพลังงานทีเ่ ปล่ียนแปลงของปฏกิ ริ ยิ าได้
๑๓. อธบิ ายโครงสร้างของสารโคเวเลนต์ที่มีโครงสรา้ งเรโซแนนซไ์ ด้
๑๔. ทานายรูปร่างโมเลกลุ โคเวเลนต์ และเขียนแสดงดว้ ยโครงสร้างลวิ อิสได้
๑๕. อธบิ ายสภาพขว้ั และทศิ ทางของขัว้ ของพันธะโคเวเลนตแ์ ละของโมเลกุลโคเวเลนต์ได้
๑๖. ระบชุ นดิ ของแรงยึดเหน่ยี วระหวา่ งโมเลกุลโคเวเลนต์ รวมท้งั อธิบายความสมั พนั ธร์ ะหว่างแรง
ยึดเหน่ียวระหวา่ งโมเลกลุ กับจดุ หลอมเหลวและจุดเดือดของสารโคเวเลนต์ได้
๑๗. บอกสมบตั ิท่แี ตกตา่ งกนั ของสารโคเวเลนต์ประเภทโมเลกุลไมม่ ีขัว้ โมเลกลุ มขี ้วั และโครงผลกึ
รา่ งตาข่ายได้
๑๘. อธบิ ายเกยี่ วกบั กฎออกเตต การเกิดไอออน การเกดิ พนั ธะไอออนกิ และโครงสรา้ งของ
สารประกอบไอออนิกได้
๑๙. เขียนสตู รและเรยี กชอื่ สารประกอบไอออนิกได้
๒๐. อธิบายการเปลย่ี นแปลงพลงั งานกับการเกดิ สารประกอบไอออนิก และสมบัติบางประการของ
สารประกอบไอออนกิ ได้
๒๑. เขยี นสมการไอออนกิ และสมการไอออนกิ สุทธไิ ด้
๒๒. อธบิ ายการเกิดพนั ธะโลหะและใช้ความรเู้ รือ่ งพนั ธะโลหะอธบิ ายสมบัตขิ องโลหะได้
๒๓. สรุปสมบัตติ า่ ง ๆ ของธาตุและสารประกอบของธาตุตามหมแู่ ละตามคาบเกย่ี วกบั จุดหลอมเหลว
จดุ เดือด ความเป็นกรด-เบสของสารประกอบคลอไรด์และออกไซด์การละลายนา้ และเลขออกซเิ ดชัน พร้อม
ท้งั อธิบายเหตุผลประกอบได้
๒๔. เปรยี บเทียบสมบัติของธาตุแทรนซิชันกบั ธาตุหมู่ IA IIA VIIA และพวกธาตุกึง่ โลหะได้

หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรยี นหนองยองพิทยาคม รัชมงั คลาภเิ ษก พุทธศกั ราช ๒๕๖๑
ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑

๑๐๘

๒๕. เปรียบเทียบสมบตั ิของสารประกอบของธาตุแทรนซิชันกับสารประกอบของธาตุหมู่ IA IIA และ
VIIA ได้

๒๖. อธบิ ายสมบัติของธาตุกมั มันตรงั สีและเขียนสมการแสดงปฏิกิรยิ านวิ เคลียรบ์ างปฏกิ ิริยาได้
๒๗. อธบิ ายหลักการเกิดปฏกิ ิรยิ าฟิชชนั ปฏกิ ิริยาฟวิ ชัน ปฏิกิริยาลกู โซ่ และการนาปฏกิ ิรยิ าดังกล่าว
ไปใชป้ ระโยชนไ์ ด้
๒๘. บอกประโยชนแ์ ละโทษของธาตหุ มู่ IA IIA VIIA ธาตุแทรนซชิ นั และธาตกุ ัมมนั ตรังสไี ด้
รวมทัง้ หมด ๒๘ ผลการเรยี นรู้
หมายเหตุ ในการจัดการเรยี นรใู้ หด้ าเนนิ กจิ กรรมให้บรรลุถงึ มาตรฐาน ว ๘.๑ ธรรมชาตขิ องวทิ ยาศาสตร์
และเทคโนโลยี ทกี่ าหนดไวใ้ นหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ ด้วย

คาอธบิ ายรายวชิ า
รายวิชา ชวี วทิ ยา ๑ รหสั ว ๓๑๒๔๑ ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี ๔
กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์ ภาคเรยี นท่ี ๒ เวลา ๖๐ ชว่ั โมง จานวน ๑.๕ หนว่ ยกิต
ศึกษาเกีย่ วกบั ลักษณะทีส่ าคัญของส่ิงมีชีวิต การใชความรูและกระบวนการทางชีววทิ ยาทเี่ ปน ประโยชน
ตอมนุษยและส่งิ แวดลอม การศึกษาชวี วิทยาโดยใชวิธกี ารทางวทิ ยาศาสตร และการนาความรู เก่ยี วกับ
ชวี วทิ ยามาประยุกตใชในชวี ติ ประจาวัน ศกึ ษาโครงสรางและหนาที่ของสารเคมีทเ่ี ปนองคประกอบในเซลล

หลักสตู รสถานศึกษาโรงเรยี นหนองยองพทิ ยาคม รชั มงั คลาภิเษก พุทธศกั ราช ๒๕๖๑
ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑

๑๐๙

ของสิง่ มชี ีวิต โครงสรางและหนาท่ีของสวนทห่ี อหุมเซลล ไซโทพลาซึม และนวิ เคลียสท่ีศึกษาดวยกลองจุล
ทรรศน การสือ่ สารระหวางเซลล การเปลยี่ นแปลงสภาพของเซลล และการชราภาพของเซลล โครงสรางและ
การทางานของระบบยอยอาหารในรางกายของสตั วและมนุษย การสลายสารอาหารระดับ เซลลเพ่อื ใหได
พลงั งานในรูปของ ATP โครงสรางและการทางานของระบบสืบพนั ธุและการเจรญิ เตบิ โต ของสตั วและมนษุ ย
โดยใชก้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ กระบวนการสบื เสาะหาความรู้ การสบื คน้ ขอ้ มูล การสังเกต การ
วเิ คราะห์ การอภิปราย การอธิบายและสรปุ
เพ่ือให้เกดิ ความรู้ความคดิ ความเขา้ ใจ สามารถนาไปอธิบายปรากฏการณ์ทางธรรมชาตทิ เี่ กดิ ขึน้ ได้อย่าง
ถูกตอ้ ง เกดิ ความคิดสร้างสรรค์ต่อเนื่อง ตัดสนิ ใจไดอ้ ย่างรวดเร็วแมน่ ยา นาความรไู้ ปปรับใช้ในชีวิตประจาวัน
ใหเ้ กิดผลเชิงบวก มีจติ วิทยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คุณธรรม และคา่ นยิ มท่ีเหมาะสม

ผลการเรยี นรู้
๑. สบื คนขอมูลและอธิบายเกย่ี วกับลกั ษณะท่สี าคัญของส่ิงมชี วี ิต
๒. อธิบายและสรปุ เกย่ี วกบั กระบวนการทางชีววิทยา ที่เปนประโยชนตอมนษุ ยและสง่ิ แวดลอม
๓. นาวิธกี ารทางวิทยาศาสตรมาออกแบบการทดลอง ทดลอง อภปิ ราย และสรุปเกี่ยวกับชวี วทิ ยา
๔. อธบิ ายเก่ยี วกับโครงสรางและหนาทีข่ องสารเคมีในเซลลของสิง่ มีชวี ิต
๕. สบื คนขอมูล อภิปราย และอธิบายโครงสรางและหนาท่ีของสวนประกอบภายในเซลลท่ีศึกษาดวย
กลองจุลทรรศน
๖. อภปิ รายและสรุปเก่ียวกับการส่อื สารระหวางเซลล การเปลี่ยนแปลงสภาพของเซลล และการชรา
ภาพของเซลล
๗. สืบคนขอมูล อภปิ ราย และสรุปเกย่ี วกบั โครงสรางและการทางานของระบบยอยอาหาร และการ
สลายสารอาหารระดบั เซลลในรางกายของสตั วและมนษุ ย
๘. สืบคนขอมูล อภปิ ราย และสรุปเก่ยี วกบั โครงสรางและการทางานของระบบสืบพนั ธุและการ
เจรญิ เตบิ โตของสตั วและมนุษย

รวมทง้ั หมด ๘ ผลการเรยี นรู้

คาอธิบายรายวิชา
รายวชิ า ฟิสกิ ส์ ๒ รหสั ว ๓๒๒๐๑ ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ ๕
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ภาคเรยี นที่ ๑ เวลา ๘๐ ช่ัวโมง จานวน ๒.๐ หน่วยกติ

หลักสตู รสถานศึกษาโรงเรียนหนองยองพทิ ยาคม รัชมงั คลาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๑
ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑

๑๑๐

ศึกษาหลักการของกลศาสตรใ์ นเร่ือง งาน พลงั งาน ความสมั พันธ์ระหวา่ งงานและพลังงานจลน์ กฎ
การอนรุ ักษ์พลงั งาน กาลัง เครอื่ งกลอย่างงา่ ยและประสทิ ธภิ าพของเคร่อื งกล โมเมนตัม การชนกันของวัตถุ
และกฎการอนรุ กั ษโ์ มเมนตัม การเคล่อื นทแ่ี บบหมุน ทอร์กและผลของทอร์กที่มตี อ่ สภาพการหมนุ สภาพ
สมดุลและเงอื่ นไขที่ทาให้เกิดสมดุล สภาพยืดหยุ่นของวตั ถแุ ละมอดลุ สั

โดยใชก้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ สืบเสาะหาความรู้ สืบคน้ ขอ้ มูล บนั ทกึ จดั กลุ่มขอ้ มูล อภปิ ราย
และการทดลอง

เพือ่ ใหเ้ กดิ ความรู้ ความคดิ ความเข้าใจ สามารถส่อื สารสิ่งทเ่ี รียนรู้ มคี วามสามารถในการ
ตัดสนิ ใจ นาความร้ไู ปใช้ในชวี ิตประจาวัน สามารถบูรณาการหลกั คดิ เศรษฐกิจพอเพียง มจี ติ วิทยาศาสตร์
จริยธรรม คณุ ธรรม และค่านยิ มท่เี หมาะสม

ผลการเรยี นรู้

๑. อธบิ ายงานและวิเคราะห์งานของแรงตา่ ง ๆ

๒. อธบิ ายพลังงาน พลังงานจลน์ พลังงานศกั ย์ และความสมั พันธ์ระหว่างงานและพลังงาน

๓. อธิบายและใชก้ ฎการอนรุ ักษพ์ ลงั งานกลวิเคราะหก์ ารเคลอื่ นทใ่ี นสถานการณ์ต่างๆ

๔. อธบิ ายการทางานของเคร่อื งกลอยา่ งง่าย

๕. อธบิ ายโมเมนตมั และความสมั พนั ธ์ระหว่างแรงและโมเมนตัมทเ่ี ปลย่ี นไป

๖. อธบิ ายการชนของวตั ถุ กฎการอนรุ กั ษ์โมเมนตัม และวิเคราะห์การชนกันของวตั ถุ

๗. อธิบายการเคลื่อนท่แี บบหมนุ และความสมั พนั ธ์ของปริมาณทเ่ี กย่ี วข้องกับการหมุน

๘. อธิบายทอรก์ โมเมนต์ความเฉอ่ื ย และความสัมพนั ธร์ ะหว่างทอร์กกับโมเมนต์ความเฉอื่ ย

๙. อธิบายโมเมนตัมเชิงมมุ และกฎการอนุรักษโ์ มเมนตัมเชงิ มมุ

๑๐. อธิบายพลงั งานจลนข์ องการหมนุ ของวตั ถทุ ีม่ ีการเคลือ่ นทแ่ี บบหมุน

๑๑. อธบิ ายสภาพสมดลุ ของวัตถุ และวิเคราะหส์ ภาพสมดลุ ตามเงื่อนไขของสมดุล

๑๒. อธบิ ายผลของแรงคู่ควบ โมเมนตข์ องแรงคู่ควบท่มี ตี อ่ สมดุลของวตั ถุ

๑๓. อธบิ ายสภาพการเคล่ือนทขี่ องวตั ถุและผลของแรงท่กี ระทาตอ่ วตั ถุมคี วามเกย่ี วข้องกับ

ศูนยก์ ลาง มวลและศนู ยถ์ ่วงของวตั ถุ

๑๔. อธบิ ายการได้เปรียบเชิงกลของเคร่อื งกลอยา่ งงา่ ย

๑๕. อธบิ ายสภาพยดื หยนุ่ ของของแข็งและมอดุลัสของยงั

หลักสตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนหนองยองพทิ ยาคม รชั มงั คลาภิเษก พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๑
ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑

๑๑๑

รวมท้งั หมด ๑๕ ผลการเรยี นรู้
คาอธบิ ายรายวิชา

รายวชิ า เคมี ๒ รหสั ว ๓๒๒๒๑ ชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ ๕
กลุม่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์ ภาคเรยี นท่ี ๑ เวลา ๖๐ ชั่วโมง จานวน ๑.๕ หน่วยกติ

ศกึ ษาและคานวณเกยี่ วกบั มวลอะตอมของธาตุ มวลของธาตุ ๑ อะตอม มวลอะตอมเฉล่ียของธาตุ
มวลโมเลกลุ ของสาร ความสมั พันธ์ระหวา่ งจานวนโมล อนุภาค มวลและปริมาตรของแกส๊ ที่ STP ศึกษาหน่วย
และการคานวณความเข้มข้นของสารละลาย ศกึ ษาและทดลองเตรียมสารละลาย ศกึ ษาและทดลองและ
เปรียบเทยี บจดุ เดือด จุดหลอมเหลวของสารบริสุทธแิ์ ละสารละลาย ศึกษาความหมายและเขียนสูตรโมเลกลุ
สตู รเอมพิริคัลหรอื สตู รอยา่ งงา่ ย และสูตรโดรงสร้าง การคานวณหามวลเป็นรอ้ ยละจากสตู รการคานวณหา
สตู รเอมพริ ิคัลและสูตรโมเลกลุ ของสาร ศึกษาการเขียนและดลุ สมการเคมี ทดลองและคานวณหาอัตราสว่ น
จานวนโมลของสารตั้งต้นทที่ าปฏกิ ริ ิยาพอดีกนั ศึกษาสมบตั ิของระบบปิดและระบบเปดิ ศึกษาและฝกึ
คานวณปรมิ าณสารในปฏิกิรยิ าเคมีที่เป็นไปตามกฎทรงมวล กฎสัดสว่ นคงท่ี ศึกษาทดลองและคานวณ
ปริมาตรของแกส๊ ในปฏกิ ิรยิ าเคมีตามกฎของเกย์-ลสู แซก และกฎของอาโวกาโดร ศึกษาและฝึกคานวณหา
ความสัมพนั ธ์ระหว่างปรมิ าณของสารในสมการเคมนี ้ันๆ และสมการเคมที เ่ี กี่ยวขอ้ งมากกว่าหน่ึงสมการ สาร
กาหนดปรมิ าณ ผลไดร้ อ้ ยละ ศกึ ษาสมบัตแิ ละการจัดเรยี งอนภุ าคของของแขง็ ทดลองเตรียมผลกึ สาร และ
ศึกษาชนิดของผลึก
การเปลี่ยนสถานะของของแขง็ การหลอมเหลว การระเหดิ ศึกษาวิเคราะห์สมบัติของของเหลวเกยี่ วกับความ
ตงึ ผวิ การระเหย ความดันไอ ศึกษาและทดลองเกี่ยวกบั ความดันไอกบั จดุ เดือดของของเหลวความสัมพันธ์
ระหว่างความดันไอของของเหลวตา่ งชนดิ และผลของอุณหภูมติ อ่ ความดนั ไอ ศึกษาเกี่ยวกับสมบตั ิบาง
ประการของแกส๊ ทฤษฎจี ลน์ของแกส๊ ศึกษาและทดลองเก่ยี วกับความสมั พนั ธข์ องความดนั อณุ หภูมิและ
ปรมิ าตรของแกส๊ และคานวณหาปรมิ าตร ความดัน และอุณหภูมิของแก๊สโดยใช้กฎของบอยล์ กฎของชารล์
กฎรวมแก๊ส ศกึ ษาและคานวณความดนั ปรมิ าตร จานวนโมล มวล และอณุ หภมู ิของแกส๊ ตามกฎแกส๊ สมบูรณ์
ศึกษาทดลองการแพร่และอตั ราการแพรข่ องแกส๊ การคานวณเกยี่ วกับกฎการแพร่ผา่ นของเกรแฮม ศกึ ษา
เทคโนโลยีท่ีเก่ยี วขอ้ งกับสมบัติของของแข็งของเหลว และแกส๊

โดยใชก้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ การสบื เสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ การสืบคน้ ข้อมูล
การอภปิ ราย การทดลอง บนั ทกึ และอธบิ ายผลการสารวจตรวจสอบ

หลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรียนหนองยองพทิ ยาคม รัชมงั คลาภิเษก พุทธศกั ราช ๒๕๖๑
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพนื้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑

๑๑๒

เพือ่ ใหเ้ กิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถนาเสนอสอ่ื สารสงิ่ ทีเ่ รยี นรู้ มคี วามสามารถใน
การตัดสนิ ใจแก้ปญั หา เชอ่ื มโยง อธบิ ายปรากฏการณ์ หรอื แก้ปญั หาในชวี ิตประจาวนั เหน็ คุณค่าของการนา
ความรู้ไปใช้ในชวี ติ ประจาวัน มีจติ วิทยาศาสตร์ คณุ ธรรมจริยธรรม และค่านิยมที่เหมาะสม

ผลการเรยี นรู้
๑. คานวณมวลอะตอมของธาตุ มวลของธาตุ ๑ อะตอม และมวลอะตอมเฉลี่ยของธาตุได้
๒. คานวณมวลโมเลกลุ ของสารหรอื มวลสตู ร และมวลของสาร ๑ โมเลกุลได้
๓. อธิบายความสมั พนั ธร์ ะหว่างปรมิ าณต่างๆ ของสาร ซึ่งไดแ้ ก่ จานวนโมล จานวนอนุภาค มวล

และ ปริมาตรของแกส๊ ท่ี STP รวมท้ังใชค้ วามสัมพันธด์ งั กล่าวคานวณหาปริมาณใดปริมาณหนึง่ ได้
๔. อธิบายวิธเี ตรียมสารละลายให้มีความเข้มขน้ หรอื ปรมิ าตรตามต้องการ และคานวณหาความ

เข้มข้น ของสารละลายในหน่วยตา่ งๆ ท่ีกาหนดให้ได้
๕. เปรยี บเทียบจุดเดือด จดุ เยอื กแข็งหรือจุดหลอมเหลวของสาร
๖. คานวณหามวลเปน็ ร้อยละของธาตุองคป์ ระกอบจากสูตรท่กี าหนดใหไ้ ด้
๗. คานวณหาสตู รเอมพริ คิ ลั และสตู รโมเลกลุ ของสารได้
๘. เขียนและดลุ สมการเคมี เม่ือทราบสารต้ังต้นและผลติ ภัณฑ์ได้
๙. คานวณหาอัตราส่วนโดยมวลของธาตุท่รี วมตวั กันเปน็ สารประกอบตามกฎสัดส่วนคงท่ีได้
๑๐. สรปุ ข้อความของกฎเกย์–ลสู แซกและกฎอาโวกาโดร รวมทั้งสามารถใช้กฎท้งั สองคานวณหา
ปรมิ าตรของแกส๊ ทเ่ี ก่ยี วขอ้ งในปฏกิ ริ ยิ าเคมีและสตู รโมเลกุลของแก๊สได้
๑๑. คานวณหาจานวนโมล มวลของสาร ปรมิ าตรของแกส๊ ท่ี STP หรือจานวนอนุภาคของสารจาก
สมการเคมีได้
๑๒. ระบสุ ารกาหนดปริมาณและใชค้ านวณหาปริมาณของสารอน่ื ในปฏิกริ ยิ าเคมีได้
๑๓. คานวณหาผลได้รอ้ ยละของสารจากการทดลองทก่ี าหนดให้ได้
๑๔. อธบิ ายสมบัติบางประการของของแขง็ ได้
๑๕. อธบิ ายเหตุผลท่ีทาใหธ้ าตุบางชนดิ ปรากฏเป็นรปู ต่าง ๆ ได้
๑๖. อธิบายสมบัติของของเหลวเกีย่ วกับความตึงผวิ การระเหยและการเกิดความดนั ไอได้

หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรยี นหนองยองพิทยาคม รัชมงั คลาภิเษก พทุ ธศักราช ๒๕๖๑
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑

๑๑๓

๑๗. อธิบายความสัมพันธร์ ะหว่างความดันไอกับจดุ เดอื ดของของเหลวได้
๑๘. ใชท้ ฤษฎจี ลน์ของแก๊สอธบิ ายสมบัติบางประการของแก๊สได้
๑๙. อธบิ ายความสมั พนั ธ์ระหว่างอุณหภูมิ ความดัน และปริมาตรของแกส๊ ได้
๒๐. ใชก้ ฎตา่ ง ๆ ของแกส๊ คานวณหาปริมาตร ความดัน อณุ หภมู ิ และจานวนโมลหรอื มวลของแก๊ส
ได้
๒๑. อธบิ ายความสัมพันธ์ระหว่างการแพร่ของแกส๊ กับมวลโมเลกุล รวมท้ังสามารถเปรียบเทยี บอัตรา

การแพรแ่ ละอัตราการแพรผ่ ่านของแก๊สได้
รวมทั้งหมด ๒๑ ผลการเรยี นรู้
หมายเหตุ ในการจัดการเรยี นร้ใู หด้ าเนนิ กิจกรรมให้บรรลุถึงมาตรฐาน ว ๘.๑ ธรรมชาติของวทิ ยาศาสตร์
และเทคโนโลยี ทกี่ าหนดไวใ้ นหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ ดว้ ย

คาอธิบายรายวิชา
รายวิชา ชวี วิทยา ๒ รหสั ว ๓๒๒๔๑ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ ๕
กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ ภาคเรยี นท่ี ๑ เวลา ๖๐ ชว่ั โมง จานวน ๑.๕ หนว่ ยกติ

ศึกษา วิเคราะห์ การรกั ษาดุลยภาพในรา่ งกายของสตั ว์และมนุษย์ ศกึ ษาโครงสรา้ งและการทางาน
ของระบบหายใจ ระบบขับถ่าย ระบบหมุนเวียนเลอื ด ระบบน้าเหลอื ง และระบบภมู คิ ุ้มกนั โครงสร้างและ
อวยั วะที่ใชใ้ นการเคล่อื นท่ีของสง่ิ มชี วี ติ เซลล์เดยี ว สตั วแ์ ละมนุษยร์ ะบบประสาทและอวัยวะรับความรูส้ ึก การ
รบั รแู้ ละตอบสนองของสง่ิ มีชีวติ เซลล์เดยี ว สตั วแ์ ละมนุษย์ เซลลป์ ระสาทและการทางานของเซลล์ประสาท
โครงสร้างและการทางานของต่อมไร้ทอ่ ฮอร์โมนจากต่อมไรท้ อ่ และอวัยวะท่ีสาคัญกลไกการเกดิ พฤติกรรม
ของสัตว์ ความสัมพันธ์ระหว่างพฤติกรรมกบั การพฒั นาของระบบประสาท

โดยใชก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการสบื เสาะหาความรู้การสืบคน้ ขอ้ มลู การสารวจ
ตรวจสอบ กระบวนการกลุ่ม และการอภปิ ราย

เพือ่ ให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ สามารถนาไปอธบิ ายปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นได้อยา่ ง
ถกู ต้อง เกดิ ความคิดสร้างสรรค์ตอ่ เนื่อง ตดั สินใจได้อย่างรวดเร็วแมน่ ยา นาความรูไ้ ปประยกุ ต์ใช้ใน
ชวี ติ ประจาวนั ให้เกิดผลเชงิ บวก มจี ิตวทิ ยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม และคา่ นิยมท่ีเหมาะสม

ผลการเรยี นรู้

หลักสตู รสถานศึกษาโรงเรียนหนองยองพิทยาคม รชั มงั คลาภิเษก พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๑
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑

๑๑๔

๑. สบื คนขอมูล ทดลอง อภปิ ราย และสรปุ เกย่ี วกับการรักษาดลุ ยภาพของรางกายสตั วและมนษุ ย
โดยการทางานของระบบหายใจ ระบบขับถาย ระบบหมุนเวียนเลือด ระบบน้าเหลอื ง และระบบ
ภูมิคุมกัน

๒. สบื คน้ ข้อมูล ทดลอง อภปิ ราย และสรุปโครงสรา้ งและหนา้ ท่ีของการเคลอื่ นท่ขี องสง่ิ มชี วี ติ
๓. สบื คน้ ขอ้ มูล ทดลอง อภิปราย และสรุปเกีย่ วกับการรับรู้และการตอบสนองของสิง่ มีชีวิตการ

ทางานของระบบประสาทและอวัยวะรับความรู้สกึ
๔. สืบคน้ ข้อมูล อภปิ ราย และสรุปเกี่ยวกบั การทางานของระบบตอ่ มไร้ทอ่ และอวัยวะทีส่ าคัญ
๕. สบื ค้นขอ้ มูล ทดลอง อภิปราย และสรปุ เก่ยี วกับกลไกการเกิดพฤติกรรมของสัตว์ ความสมั พนั ธ์

ระหวา่ งพฤติกรรมกบั พฒั นาการของระบบประสาท
รวมทั้งหมด ๕ ผลการเรียนรู้

คาอธิบายรายวชิ า
รายวชิ า ฟสิ กิ ส์ ๓ รหสั ว ๓๒๒๐๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕
กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๒ เวลา ๘๐ ช่ัวโมง จานวน ๒.๐ หนว่ ยกติ

ศกึ ษาหลกั การของคลน่ื ในเรอื่ ง องคป์ ระกอบและการเคลอื่ นท่ีของคลื่น สมบัติของคล่นื ธรรมชาติ
ของเสยี ง สมบัติของคลืน่ เสยี ง การอธบิ ายปรากฏการณ์ทีเ่ กี่ยวกบั คลน่ื เสยี ง การส่ันพ้องของเสยี ง บีตส์
ปรากฏการณ์ดอปเพลอร์และคลื่นกระแทก หูและการไดย้ ิน ความเข้มของเสยี งและมลพิษทางเสียง ธรรมชาติ
ของแสง แสงเชิงเรขาคณติ กระจกเงาโคง้ เลนส์บางและหลกั การของทศั นอปุ กรณ์บางชนดิ การรับรสู้ ขี อง
นัยนต์ าคน แสงเชงิ ฟิสกิ สแ์ ละการอธิบายปรากฏการณ์ที่เกี่ยวกบั คล่นื แสง

โดยใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ สืบเสาะหาความรู้ สืบคน้ ขอ้ มูล บันทึกจดั กลุ่มขอ้ มูล อภปิ ราย
และทดลอง

เพ่ือให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถส่อื สารส่งิ ที่เรยี นรู้ มคี วามสามารถในการ
ตดั สนิ ใจแกป้ ัญหาในชีวิตประจาวนั สามารถบรู ณาการหลกั คดิ เศรษฐกจิ พอเพยี ง มีจิตวิทยาศาสตร์
จริยธรรม คุณธรรมและคา่ นิยมที่เหมาะสม

หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรยี นหนองยองพทิ ยาคม รัชมงั คลาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๑
ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑

๑๑๕

ผลการเรียนรู้
๑. อธบิ ายการเคลือ่ นท่แี บบคลน่ื และการเกดิ คล่ืนกล
๒. อธิบายสมบตั ิของคลนื่ ไดแ้ ก่ การสะทอ้ น การหกั เห การแทรกสอด และการเล้ียวเบน
๓. อธบิ ายการเกิดคลน่ื นง่ิ
๔. อธบิ ายการเกิดเสียงและสมบตั ขิ องเสยี ง ได้แก่ การสะท้อน การหกั เห การแทรกสอด และการ
เลย้ี วเบน
๕. อธิบายเก่ยี วกบั การไดย้ นิ ไดแ้ ก่ ระดับเสียง ระดับสูงตา่ ของเสยี ง คุณภาพเสยี ง และผลของมลพิษ
ทางเสยี งตอ่ การได้ยิน
๖. อธิบายความถีธ่ รรมชาติและการสัน่ พ้องของวตั ถุ
๗. อธิบายปรากฏการณบ์ างอยา่ งของเสยี ง และการนาความร้มู าประยกุ ต์ใช้ประโยชนด์ า้ นตา่ งๆ
๘. อธบิ ายการสะทอ้ นของแสง การหาตาแหน่ง ขนาดและชนิดของภาพท่เี กดิ จากกระจกเงาราบและ
กระจกเงาโค้ง ทง้ั โดยการเขยี นภาพและการคานวณ
๙. อธิบายการหักเหของแสงเมอื่ ผ่านรอยต่อระหวา่ งตวั กลางสองชนิด
๑๐. อธิบายการหาตาแหน่ง ขนาดและชนิดของภาพที่เกิดจากเลนส์บาง ทั้งโดยการเขยี นภาพและ

การ คานวณ
๑๑. อธิบายปรากฏการณ์ที่เกยี่ วกับแสง ไดแ้ ก่ การกระจายแสง การสะทอ้ นกลบั หมดของแสง ร้งุ

การ ทรงกลด และมริ าจ

๑๒. อธบิ ายหลกั การทางานของทัศนอุปกรณ์บางชนิด ไดแ้ ก่ เคร่อื งฉายภาพ กล้องถ่ายรูปกล้อง
จุลทรรศน์ และกล้องโทรทรรศน์

๑๓. อธบิ ายความสว่างและการมองเห็นสี
๑๔. อธบิ ายการเลีย้ วเบนและการแทรกสอดของแสงท่ีผา่ นชอ่ งเลก็ ยาว (หรอื สลิต) และการใชเ้ กรต
ติง
๑๕. อธบิ ายการกระเจิงของแสง
รวมทงั้ หมด ๑๕ ผลการเรยี นรู้

หมายเหตุ ในการจัดการเรียนรู้ใหด้ าเนนิ กจิ กรรมให้บรรลถุ งึ มาตรฐาน ว ๘.๑ ธรรมชาตขิ องวทิ ยาศาสตร์

หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรยี นหนองยองพิทยาคม รัชมงั คลาภิเษก พทุ ธศักราช ๒๕๖๑
ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑

๑๑๖

และเทคโนโลยี ที่กาหนดไวใ้ นหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ ดว้ ย

คาอธบิ ายรายวิชา
รายวชิ า เคมี ๓ รหัส ว ๓๒๒๒๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕
กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ ภาคเรยี นที่ ๒ เวลา ๖๐ ชวั่ โมง จานวน ๑.๕ หนว่ ยกิต

ศึกษาความหมายของอัตราการเกดิ ปฏิกิริยาเคมี ทดลองเพ่อื ศกึ ษาอัตราการเกิดปฏิกิรยิ าเคมี
การคานวณหาอัตราการเกิดปฏิกริ ิยาของสารจากกราฟ ศึกษาและวิเคราะห์แนวคดิ เกี่ยวกับการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ า

หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนหนองยองพทิ ยาคม รัชมงั คลาภเิ ษก พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๑
ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑

๑๑๗

เคมีโดยใช้ทฤษฎีจลนแ์ ละการชนกนั ของอนุภาค การเกิดสารเชงิ ซ้อนกัมมนั ต์ พลงั งานกับการดาเนนิ ไป
ของปฏิกิริยาเคมี ศึกษาและทดลองเกยี่ วกบั ผลของความเข้มขน้ พ้ืนท่ีผิว อณุ หภูมิ ตวั เร่งปฏิกริ ิยาและ
ตวั หน่วงปฏิกิรยิ าตอ่ อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี สมบัตขิ องตวั เร่งปฏิกริ ิยา และการใช้ทฤษฎจี ลน์อธบิ ายผล
ของปัจจัยตา่ งๆ ท่มี ีตอ่ อัตราการเกิดปฏกิ ริ ิยาเคมี ศึกษาปฏกิ ริ ิยาเคมีท่เี กดิ ขน้ึ อย่างสมบรู ณ์ การเกดิ ปฏิกริ ยิ า
ไปขา้ งหนา้ ปฏิกริ ิยายอ้ นกลับและปฏกิ ิรยิ าที่ผันกลับได้ ทดลองเกย่ี วกบั ปฏิกิริยาท่ีผันกลบั ได้ ศึกษาการ
เปลี่ยนแปลงท่ีทาให้เกิดภาวะสมดุลระหว่างสถานะ สมดลุ ในสารละลายอม่ิ ตัว สมดุลไดนามกิ ศกึ ษาและ
ทดลองสมดุลเคมใี นปฏกิ ิริยาวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหวา่ งความเข้มข้นของสารตา่ งๆ ณ ภาวะสมดุล ค่าคงที่
สมดุลกับสมการเคมีคานวณหาคา่ คงท่ีของสมดุลและหาความเขม้ ขน้ ของสารในปฏกิ ริ ิยา ณ ภาวะสมดลุ
ทดลองเพื่อศกึ ษาผลของความเขม้ ข้น ความดัน อุณหภมู ติ ่อภาวะสมดุลและค่าคงทีส่ มดลุ หลักของเลอชา
เตอลิเอและการนาหลักของเลอชาเตอลเิ อไปใช้ในกระบวนการอุตสาหกรรม กระบวนการต่างๆ ของสิ่งมีชวี ิต
และสง่ิ แวดล้อม ศึกษาและทดลองสมบัตบิ างประการของสารละลายอเิ ล็กโทรไลตแ์ ละสารละลายนอนอเิ ลก็
โทรไลต์ ประเภทของสารละลายอเิ ลก็ โทรไลต์ ศึกษาไอออนในสารละลาย กรด และเบส ทฤษฎีกรด-เบสของ
อารเ์ รเนียส เบรนิ สเตด–ลาวรี และลวิ อิส ศกึ ษาและทดลองเกี่ยวกับการถ่ายโอนโปรตอนของสารละลายกรด-
เบส ศึกษาคู่กรด–เบส การคานวณและการเขียนสมการการแตกตัวของกรด-เบส การคานวณค่าคงที่การแตก
ตัวเปน็ ไอออนของกรดออ่ นและเบสออ่ น ศึกษาและทดลองการแตกตัวเปน็ ไอออนของน้า การคานวณคา่ คงท่ี
การแตกตวั ของนา้ pH ของสารละลาย และการคานวณคา่ pH อินดเิ คเตอรส์ าหรบั กรด-เบส สารละลายกรด-
เบสในชวี ติ ประจาวนั และในสง่ิ มีชวี ติ ศึกษาและทดลองเร่อื งปฏิกริ ิยาสะเทนิ และปฏิกิรยิ าการเกดิ เกลอื จาก
ปฏิกริ ิยาระหวา่ งสารละลายกรดกบั สารละลายเบส ปฏิกิริยาไฮโดรลิซิสของเกลือ ศกึ ษาเกีย่ วกับการไทเทรต
สารละลายกรด-เบส การเขยี นกราฟและการหาจุดสมมลู จากกราฟของการไทเทรต และคานวณหาความ
เขม้ ขน้ ของสารละลายกรด-เบส ศกึ ษาหลกั การเลือกใชอ้ ินดเิ คเตอร์สาหรบั ไทเทรตกรด-เบส การประยกุ ต์
ความรูเ้ ร่อื งการไทเทรตไปใช้ในชีวติ ประจาวนั ศึกษาและทดลองสมบตั ิความเปน็ บัฟเฟอร์ของสารละลาย

โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ การสบื ค้นขอ้ มูล
การอภปิ ราย บันทกึ และอธบิ ายผลการสารวจตรวจสอบ

เพอื่ ให้เกดิ ความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถนาเสนอสื่อสารสง่ิ ทเี่ รยี นรู้ มีความสามารถ
ในการตดั สนิ ใจ เห็นคณุ คา่ ของการนาความรู้ไปใช้ในชีวิตประจาวัน สามารถบรู ณาการหลกั คิดเศรษฐกจิ
พอเพยี ง มจี ิตวทิ ยาศาสตร์ คุณธรรมจริยธรรม และค่านิยมทเ่ี หมาะสม
ผลการเรียนรู้

๑. คานวณและเปรยี บเทียบอัตราการเกิดปฏกิ ริ ิยาเคมไี ด้

หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรยี นหนองยองพิทยาคม รัชมงั คลาภิเษก พุทธศกั ราช ๒๕๖๑
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑

๑๑๘

๒. เขียนและแปลความหมายกราฟแสดงความสัมพนั ธ์ระหว่างความเขม้ ข้นของสารกบั เวลารวมทั้ง

สามารถหาอตั ราการเกดิ ปฏิกิรยิ าเคมจี ากกราฟได้

๓. อธิบายแนวคิดเก่ยี วกับการเกิดปฏกิ ริ ยิ าเคมโี ดยใชท้ ฤษฎีจลนแ์ ละการชนกันของอนุภาค และการ

เกิดสารเชิงซ้อนกมั มันตไ์ ด้

๔. แปลความหมายกราฟแสดงการเปลี่ยนแปลงพลงั งานกับการดาเนินไปของปฏิกิรยิ าเคมแี ละ

สามารถระบุได้วา่ เป็นปฏิกิริยาดดู หรือคายพลังงานได้

๕. ระบุปัจจัยต่าง ๆ ท่มี ผี ลต่ออตั ราการเกดิ ปฏกิ ิรยิ าเคมีได้

๖. อธิบายผลของความเขม้ ข้นและพ้ืนที่ผวิ ของสาร อณุ หภมู ิ ตวั เรง่ และตวั หนว่ งปฏิกริ ยิ าท่ีมตี อ่

อัตรา การเกดิ ปฏิกิรยิ าเคมีได้

๗. อธบิ ายความหมายของปฏกิ ิริยาผันกลบั ภาวะสมดลุ สมดุลระหวา่ งสถานะ สมดุลในสารละลาย

อ่ิมตัว สมดุลในปฏิกริ ิยาเคมี และค่าคงทีส่ มดลุ ได้

๘. อธิบายสมบตั ิต่างๆ ของระบบ ณ ภาวะสมดลุ ได้

๙. เขียนความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งความเข้มขน้ ของสารตั้งตน้ กับผลิตภัณฑ์ ณ ภาวะสมดลุ ได้

๑๐. คานวณคา่ คงที่สมดุลและความเข้มข้นของสารตา่ งๆ ณ ภาวะสมดุลได้

๑๑. ระบปุ ัจจยั ท่ีมีผลต่อภาวะสมดลุ ของระบบ พรอ้ มท้งั อธิบายการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเมื่อภาวะ

สมดุลของระบบถกู รบกวนได้

๑๒. ระบปุ จั จยั ที่มีผลต่อคา่ คงที่สมดุลพร้อมทั้งอธิบายเหตุผลได้

๑๓. อธบิ ายการปรบั ตัวของระบบเพ่อื เข้าส่ภู าวะสมดุลโดยใชห้ ลกั ของเลอชาเตอลิเอ รวมท้งั การ

เลอื ก ภาวะทีเ่ หมาะสมเพ่ือให้ไดผ้ ลติ ภณั ฑ์สงู ในอตุ สาหกรรมได้

๑๔. อธิบายการเกดิ สมดุลเคมใี นกระบวนการต่างๆ ของสง่ิ มีชวี ิต และปรากฏการณ์ต่างๆ ใน

ธรรมชาติ และสงิ่ แวดล้อมได้

๑๕. เปรยี บเทียบสมบัติของสารละลายอิเล็กโทรไลตก์ ับสารละลายนอนอิเลก็ โทรไลต์ และระบุ

ประเภทของสารละลายอเิ ล็กโทรไลต์ได้

๑๖. อธิบายการเปลี่ยนแปลงเม่อื กรดหรอื เบสละลายในน้า พรอ้ มทั้งระบชุ นดิ ของไอออนทที่ าให้

สารละลายแสดงสมบตั ิเปน็ กรดหรอื เบสได้

๑๗. อธิบายความหมายของกรดและเบสตามทฤษฎกี รด–เบสอาร์เรเนียส เบรนิ สเตด–ลาวรี และลวิ

อิส พรอ้ มทัง้ อธบิ ายสมบตั ิของกรดหรือเบสตามทฤษฎีกรด–เบสเหล่านไี้ ด้

หลักสตู รสถานศกึ ษาโรงเรยี นหนองยองพทิ ยาคม รชั มงั คลาภเิ ษก พุทธศักราช ๒๕๖๑
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พนื้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑

๑๑๙

๑๘. ระบโุ มเลกุลหรือไอออนทเี่ ปน็ คู่กรด – เบสในปฏกิ ริ ิยาตามทฤษฎกี รด – เบสเบรนิ สเตด – ลาวรี
ได้

๑๙. อธิบายความสามารถในการแตกตวั ของกรดแก่ เบสแก่ กรดออ่ น เบสออ่ น รวมท้งั คานวณหา
รอ้ ย ละของการแตกตวั และค่าคงที่การแตกตวั ของกรดออ่ นหรือเบสออ่ นได้

๒๐. เปรยี บเทยี บปรมิ าณการแตกตวั ของกรดหรอื เบส และคานวณหาความเขม้ ขน้ ของ H๓O+ และ
OH- โดยใช้ค่าคงท่ีการแตกตัวของกรดและเบสได้

๒๑. อธบิ ายการเปลยี่ นแปลงภาวะสมดลุ ของนา้ เมื่อเตมิ กรดหรือเบส พร้อมทัง้ คานวณหาความ
เขม้ ข้น ของ H๓O+ และ OH- ในสารละลายได้

๒๒. คานวณหา pH ของสารละลายเมือ่ ทราบความเขม้ ขน้ ของ H๓O+ หรือ OH- และบอกความเปน็
กรด – เบสของสารละลายจากค่า pH ได้

๒๓. อธิบายเหตุผลท่ีทาให้อินดิเคเตอรเ์ ปลย่ี นสี และใชช้ ว่ งของการเปลย่ี นสีของอินดเิ คเตอร์บอก
คา่ pH หรือความเปน็ กรด – เบสของสารละลายได้

๒๔. อธิบายความสาคัญของ pH หรือความเปน็ กรด – เบสของสารละลายในส่งิ มีชวี ิตและ
ส่ิงแวดล้อม

๒๕. อธบิ ายการเกิดเกลือจากปฏิกริ ิยาระหวา่ งกรดกบั เบส และกรดหรือเบสกับสารบางชนดิ พรอ้ ม
ทั้ง เขยี นสมการแสดงปฏกิ ิรยิ า และบอกสมบตั ิของเกลือท่เี กดิ ขึน้ ได้

๒๖. อธิบายความหมายของปฏิกิริยาการสะเทนิ พรอ้ มทงั้ เขียนสมการแสดงปฏิกิรยิ าได้
๒๗. อธิบายการเกดิ ปฏิกริ ิยาไฮโดรลิซสิ ของเกลือในน้า พร้อมทั้งเขียนสมการแสดงปฏิกิริยาได้
๒๘. อธบิ ายวิธีการไทเทรต การเลือกใชอ้ นิ ดิเคเตอร์ทเ่ี หมาะสมในการไทเทรตกรด – เบสตลอดจน

คานวณหาความเขม้ ขน้ ของสารละลายจากการไทเทรตได้
๒๙. เขียนกราฟของการไทเทรตและหาจดุ สมมูลจากกราฟ พรอ้ มทงั้ บอกค่า pH ของสารละลาย ณ

จดุ สมมูลได้
๓๐. อธิบายการเปล่ยี นแปลงท่เี กดิ ขึ้นเมือ่ เติมกรดหรือเบสลงในระบบบฟั เฟอร์ เขยี นสมการแสดง

ปฏกิ ิริยาการควบคุม pH ของสารละลายบฟั เฟอรไ์ ด้
รวมทง้ั หมด ๓๐ ผลการเรียนรู้

หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรยี นหนองยองพิทยาคม รชั มงั คลาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๑
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พืน้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑

๑๒๐

หมายเหตุ ในการจัดการเรยี นร้ใู หด้ าเนนิ กิจกรรมให้บรรลถุ งึ มาตรฐาน ว ๘.๑ ธรรมชาติของวิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยี ทก่ี าหนดไวใ้ นหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ ด้วย

คาอธืบายรายวิชา
รายวชิ าชวี วิทยา ๓ รหสั ว ๓๒๒๔๒ ช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี ๕
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๒ เวลา ๖๐ ช่วั โมง จานวน ๑.๕ หนว่ ยกติ

ศึกษา วิเคราะห์ โครงสร้างและหนา้ ท่ีของพืชดอกโครงสรา้ งและหน้าท่ีของราก ลาต้น และใบ
หลักการแลกเปล่ียนแก๊สและการคายนา้ ของพืชกระบวนการลาเลยี งนา้ การลาเลยี งธาตุ และการลาเลยี ง
สารอาหารของพชื กระบวนการสังเคราะหดวยแสง โฟโตเรสไพเรชนั กลไกการเพม่ิ ความเขมขนของคารบอน
ไดออกไซคในพืชC๔และพชื CAM ปจจยั บางประการท่มี ผี ลตอการสังเคราะหดวยแสง การปรบั ตัวของพืช
ทางด้านโครงสรา้ ง เพอ่ื รบั แสงการสบื พันธ์ุของพชื ดอกแบบอาศัยเพศและแบบไมอาศัยเพศกระบวนการสรา้ ง
เซลล์สืบพันธ์ุและการปฏิสนธิของพชื ดอกกระบวนการเจรญิ เติบโตของพืชดอกสารท่ีควบคุมการเจริญเติบโต
ของพืช และการตอบสนองของพชื ตอสิง่ แวดลอม

โดยใชกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร กระบวนการสืบเสาะหาความรู การสารวจตรวจสอบ การ
สังเกต การสืบคนขอมลู การอภปิ ราย การอธบิ าย และสรุป

เพ่ือใหเกดิ ความรู ความเขาใจ สอ่ื สารสง่ิ ทีเ่ รยี นรู มีความสามารถในการตัดสนิ ใจ นาความรูไปใชใน
ชวี ิตประจาวันพฒั นาสงิ่ แวดลอมอยางย่ังยนื มีจิตวิทยาศาสตร จริยธรรม คุณธรรม และคานิยมทีเ่ หมาะสม

ผลการเรียนรู้
๑. สืบคนขอมูล ทดลอง อภปิ ราย และสรปุ เกยี่ วกับเนือ้ เย่อื ของพืช โครงสรางและหนาที่ของพชื ดอก
การแลกเปลยี่ นแกสและการคายนา้ และกระบวนการลาเลยี ง
๒. สบื คนขอมูลเกี่ยวกับการคนควาทเี่ กีย่ วของกับกระบวนการสังเคราะหดวยแสง ทดลองและ
อภิปราย เพอ่ื ศึกษากระบวนการสังเคราะหดวยแสง

หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรยี นหนองยองพิทยาคม รชั มงั คลาภเิ ษก พุทธศักราช ๒๕๖๑
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑

๑๒๑

๓. สืบคนขอมูล ทดลอง อภิปราย และสรุปเกย่ี วกับโฟโตเรสไพเรชันในพชื ทัว่ ๆ ไป กลไกการ เพ่ิม
ความเขมขนของคารบอนไดออกไซดในพชื C๔ และพชื CAM รวมท้งั ปจจัยบางประการที่ มีผล
ตอการสังเคราะหดวยแสง

๔. สบื คนขอมูล ออกแบบและทาการทดลองเพ่อื ศึกษากระบวนการสงั เคราะหดวยแสง และปจจยั
ตางๆ ทีม่ ผี ลตอการสังเคราะหดวยแสง

๕. สืบคนขอมูล ทดลอง อธิบาย อภิปราย และสรปุ เก่ียวกบั โครงสรางและหนาที่ของดอกวฏั จกั รชวี ติ
และการสืบพนั ธุแบบอาศยั เพศ การสืบพันธุแบบไมอาศัยเพศและการขยายพันธุพืช

๖. สบื คนขอมูล ทดลอง อธิบาย อภิปราย และสรปุ เก่ยี วกับสารควบคุมการเจรญิ เติบโตของพืช และ
การตอบสนองของพืชตอสิ่งแวดลอม

รวมทั้งหมด ๖ ผลการเรียนรู้

คาอธิบายรายวิชา
รายวิชาฟิสกิ ส์ ๔ รหสั ว ๓๓๒๐๑ ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี ๖
กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ ภาคเรยี นท่ี ๑ เวลา ๘๐ ชวั่ โมง จานวน ๒.๐ หนว่ ยกิต

ศกึ ษาหลกั การของไฟฟ้าและแม่เหลก็ ในเรอ่ื ง กฎของคูลอมบ์ สนามไฟฟา้ ศกั ยไ์ ฟฟา้ ความจแุ ละ
ตัวเก็บประจุ กฎของโอหม์ สภาพต้านทานและสภาพนาไฟฟ้า การวเิ คราะห์วงจรไฟฟา้ กระแสตรงอยา่ งง่าย
การหาพลังงานไฟฟา้ ทใี่ ช้ในเครือ่ งใชไ้ ฟฟ้า สนามแมเ่ หลก็ ความสมั พันธ์ระหวา่ งแมเ่ หลก็ และไฟฟา้ หลักการ
ของมอเตอร์ กฎการเหน่ียวนาแมเ่ หลก็ ไฟฟ้าของฟาราเดยแ์ ละกฎของเลนซ์ หลักการของเครอ่ื งกาเนิดไฟฟ้า
ไฟฟา้ กระแสสลับ การแปลงไฟฟา้ กระแสสลบั เปน็ ไฟฟา้ กระแสตรง แนวคดิ ทฤษฎีแมเ่ หล็กไฟฟา้ ของแมกซ์
เวลล์ คลน่ื แมเ่ หลก็ ไฟฟ้าและสเปกตรัมคลนื่ แมเ่ หลก็ ไฟฟา้

โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ สืบเสาะหาความรู้ สืบคน้ ข้อมลู บันทึกจัดกลมุ่ ข้อมูล อภปิ ราย
และทดลอง

เพอ่ื ให้เกิดความรู้ ความคดิ ความเข้าใจ สามารถสือ่ สารส่งิ ท่ีเรยี นรู้ มีความสามารถในการ
ตดั สนิ ใจ นาความรู้ไปใชใ้ นชีวิตประจาวัน สามารถบูรณาการหลักคิดเศรษฐกิจพอเพยี ง มีจิตวิทยาศาสตร์
จริยธรรม คณุ ธรรม และค่านิยมทเ่ี หมาะสม

ผลการเรยี นรู้

หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรยี นหนองยองพิทยาคม รชั มงั คลาภเิ ษก พทุ ธศักราช ๒๕๖๑
ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑

๑๒๒

๑. อธิบายการเหน่ยี วนาไฟฟา้
๒. อธบิ ายแรงกระทาระหว่างอนุภาคทมี่ ปี ระจไุ ฟฟา้
๓. อธบิ ายสนามไฟฟ้า สนามไฟฟ้าของจดุ ประจุ และสนามไฟฟ้าของตวั นาทรงกลม
๔. อธิบายพลังงานศกั ยไ์ ฟฟ้า ศักยไ์ ฟฟ้า และความต่างศักยร์ ะหวา่ งสองตาแหน่ง
๕. อธิบายความจุ หลักการทางานของตวั เกบ็ ประจแุ ละผลการต่อตัวเกบ็ ประจแุ บบอนกุ รมหรอื

ขนาน
๖. อธิบายหลักการทางานของอปุ กรณบ์ างชนิดโดยใชค้ วามรู้เกยี่ วกบั ไฟฟ้าสถติ
๗. อธบิ ายการเกิดกระแสไฟฟา้ ในตวั กลาง และวิเคราะห์หากระแสไฟฟา้ ในลวดตวั นาโลหะ
๘. อธิบายกฎของโอหม์ ความต้านทาน และการใช้กฎของโอห์ม
๙. อธบิ ายความหมายของแรงเคลื่อนไฟฟ้าและความตา่ งศกั ย์ระหวา่ งขัว้
๑๐. อธิบายพลงั งานไฟฟ้าและกาลงั ไฟฟ้าในวงจร
๑๑. วเิ คราะหแ์ ละหาปรมิ าณทางไฟฟา้ ในวงจรไฟฟ้ากระแสตรงอย่างง่าย
๑๒. อธบิ ายแรงกระทาตอ่ อนภุ าคทม่ี ปี ระจุไฟฟ้าที่เคลื่อนทเ่ี ข้าไปในสนามแม่เหล็ก และแรงกระทา

ต่อลวดตัวนาท่มี ีกระแสไฟฟ้าผา่ นและอยู่ในสนามแมเ่ หลก็

๑๓. อธิบายการหมนุ ของขดลวดที่มีกระแสไฟฟา้ ผา่ นและอยู่ในสนามแมเ่ หล็ก และการนาหลกั การน้ี
ไปสร้างและอธิบายการทางานของแกลแวนอมิเตอร์และมอเตอรไ์ ฟฟ้า

๑๔. อธิบายแรงเคลอื่ นไฟฟ้าเหน่ยี วนา กฎของฟาราเดย์ และการนาหลกั การนไ้ี ปสร้างและอธิบาย
การ ทางานของเครอ่ื งกาเนิดไฟฟ้า

๑๕. อธิบายลกั ษณะของไฟฟ้ากระแสสลบั การผลิตไฟฟา้ กระแสสลับ และปริมาณที่เกีย่ วขอ้ ง
๑๖. อธบิ ายหลกั การทางานของหม้อแปลง
๑๗ . อธบิ ายการเกดิ คลนื่ แมเ่ หล็กไฟฟา้ และสเปกตรัมคล่ืนแม่เหลก็ ไฟฟ้า
๑๘. อธิบายโพลาไรเซชนั ของแสง แสงโพลาไรส์ และแสงไม่โพลาไรส์
รวมทั้งหมด ๑๘ ผลการเรียนรู้

หมายเหตุ ในการจัดการเรยี นรใู้ หด้ าเนนิ กจิ กรรมให้บรรลุถึงมาตรฐาน ว ๘.๑ ธรรมชาติของวทิ ยาศาสตร์
และเทคโนโลยี ทก่ี าหนดไวใ้ นหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ ดว้ ย

หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรียนหนองยองพทิ ยาคม รชั มงั คลาภเิ ษก พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๑
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พนื้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑

๑๒๓

คาอธบิ ายรายวิชา
รายวิชาเคมี ๔ รหัส ว ๓๓๒๒๔ ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี ๖
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ เวลา ๖๐ ชั่วโมง จานวน ๑.๕ หนว่ ยกติ
ศึกษาทดลองการถา่ ยโอนอเิ ลก็ ตรอนในปฏิกิริยาระหว่างโลหะกบั สารละลายของโลหะไอออน
ศกึ ษาปฏกิ ริ ยิ าออกซิเดชัน ปฏิกริ ิยารีดกั ชนั ปฏิกิรยิ ารีดอกซ์ ตวั รีดวิ ซ์ ตวั ออกซไิ ดซ์ การเขยี นและดุลสมการ
รีดอกซโ์ ดยใชเ้ ลขออกซิเดชันและคร่งึ ปฏกิ ิรยิ า ศกึ ษาเซลลไ์ ฟฟา้ เคมี ศกึ ษาและทดลองเก่ียวกบั หลักการของ
เซลล์กัลวานกิ ศึกษาการเขียนแผนภาพของเซลล์กัลวานกิ การหาคา่ ศกั ย์ไฟฟ้าของเซลลแ์ ละศักยไ์ ฟฟ้า
มาตรฐานของคร่งึ เซลล์ ปฏกิ ริ ยิ าในเซลล์กัลวานกิ ประเภทเซลล์ปฐมภูมิและเซลล์ทุติยภมู ิบางชนิด ทดลอง

หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรียนหนองยองพิทยาคม รัชมงั คลาภิเษก พุทธศกั ราช ๒๕๖๑
ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑

๑๒๔

เพื่อศึกษาหลกั การสรา้ งและการทางานของเซลล์สะสมไฟฟา้ แบบตะกั่ว ศกึ ษาหลักการของเซลล์อเิ ลก็ โทรไลต์
และทดลองการแยกสารละลายด้วยไฟฟา้ ตามหลักการของเซลลอ์ ิเลก็ โทรไลต์ ศกึ ษาการแยกสารท่ี
หลอมเหลวด้วยไฟฟ้า ศกึ ษาและทดลองชบุ โลหะดว้ ยกระแสไฟฟ้า ศกึ ษาวิธกี ารทาให้โลหะบรสิ ุทธิ์ การถลงุ
แร่ ศกึ ษาและทดลองเกี่ยวกบั การผุกร่อนและการป้องกนั การผกุ รอ่ นของโลหะ ศึกษาความก้าวหน้าทาง
เทคโนโลยที ่ีเกีย่ วข้องกับเซลลไ์ ฟฟ้าเคมี ศกึ ษาและสบื คน้ ข้อมูลเก่ยี วกบั ชนดิ สมบัติ และการนามาใช้
ประโยชนข์ องธาตแุ ละสารประกอบที่สาคญั ในประเทศไทย ศึกษาแร่ประกอบหนิ แรเ่ ศรษฐกจิ การถลงุ หรือ
การสกดั แรเ่ พอิ่ นาไปใชป้ ระโยชน์ในกระบวนการผลติ ของอุตสาหกรรมแร่ อตุ สาหกรรมเซรามิกส์
อุตสาหกรรมทเ่ี กี่ยวข้องกบั โซเดยี มคลอไรด์ และอุตสาหกรรมปยุ๋

โดยใชก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสบื เสาะหาความรู้ ทดลอง การสารวจตรวจสอบ
การสบื คน้ ข้อมลู การอภปิ ราย บันทึก อธิบายและผลการสารวจตรวจสอบ เพือ่ ใหเ้ กิดความรู้ ความคิด
ความเข้าใจ สามารถนาเสนอสอ่ื สารสิง่ ทีเ่ รยี นรู้ มคี วามสามารถในการตัดสนิ ใจ

เหน็ คุณค่าของการนาความรู้ไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวัน สามารถบรู ณาการหลกั คิดเศรษฐกิจพอเพียง มี
จิตวทิ ยาศาสตร์ คุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมทเี่ หมาะสม

ผลการเรยี นรู้
๑. อธบิ ายความหมายของปฏิกริ ยิ าออกซเิ ดชัน ปฏกิ ิริยารีดักชัน ปฏิกิรยิ ารดี อกซ์ ตัวรดี ิวซ์ และตัวออกซิ
ไดส์ ในดา้ นการถ่ายโอนอเิ ล็กตรอนและการเปลี่ยนแปลงเลขออกซเิ ดชันได้
๒. จัดลา ดบั ความสามารถในการรับอเิ ลก็ ตรอนของธาตหุ รือไอออนและเปรยี บเทยี บความสามารถในการ
เป็นตวั รีดวิ ซ์หรือตัวออกซไิ ดส์ได้
๓. ดุลสมการรดี อกซ์โดยใช้เลขออกซิเดชนั และครง่ึ ปฏกิ ิรยิ าได้
๔. ตอ่ เซลลก์ ลั วานิกจากครง่ึ เซลลท์ กี่ าหนดให้ พรอ้ มทัง้ บอกขว้ั แอโนด ขว้ั แคโทดและเขยี นสมการแสดง
ปฏิกริ ิยาได้
๕. เขียนแผนภาพเซลล์กัลวานกิ ได้

๖. อธิบายวธิ หี าคา่ ศกั ย์ไฟฟา้ มาตรฐานของครงึ่ เซลล์ (Eo) โดยการเปรียบเทยี บกบั คร่งึ เซลล์ไฮโดรเจน
มาตรฐานได้

๗. ใชค้ ่า (Eo ) ของครงึ่ เซลล์คานวณหาค่าศกั ยไ์ ฟฟ้าของเซลลแ์ ละทานายการเกดิ ปฏิกริ ยิ ารีดอกซ์ได้
๘. อธบิ ายหลกั การทางานของเซลล์กลั วานิก เซลลป์ ฐมภมู ิ เซลลท์ ุตยิ ภมู แิ ละเซลลอ์ เิ ลก็ โทรไลต์ได้

หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนหนองยองพทิ ยาคม รชั มงั คลาภิเษก พทุ ธศักราช ๒๕๖๑
ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑

๑๒๕

๙. อธบิ ายหลกั การทางานพร้อมท้ังเขยี นสมการแสดงปฏิกริ ิยาทเ่ี กดิ ข้ึนในถา่ นไฟฉาย เซลลแ์ อลคาไลน์

เซลล์ ปรอท เซลล์เงิน เซลลเ์ ช้อื เพลิงไฮโดรเจน – ออกซเิ จน เซลล์เช้อื เพลงิ โพรเพน –ออกซเิ จน เซลลส์ ะสม

ไฟฟา้ แบบตะกวั่ เซลล์นิกเกลิ – แคดเมียมและเซลลโ์ ซเดียม – ซลั เฟอร์ได้

๑๐. อธิบายหลักการของการแยกสารเคมดี ว้ ยกระแสไฟฟา้ การชบุ โลหะดว้ ยกระแสไฟฟ้าและการทาโลหะ

ให้บรสิ ุทธิ์ พร้อมทั้งเขียนสมการแสดงปฏิกริ ยิ าท่ีเกิดขึน้ ได้

๑๑. อธบิ ายสาเหตุหรอื ภาวะทท่ี าใหโ้ ลหะเกดิ การผกุ ร่อนพรอ้ มท้งั เขียนสมการแสดงปฏกิ ริ ิยาได้

๑๒. อธบิ ายวิธีป้องกนั การผกุ รอ่ นของโลหะโดยวิธีอะโนไดซ์ การรมดา วธิ แี คโทดกิ การเคลือบผิวดว้ ย

พลาสตกิ สหี รอื น้ามัน การชบุ ดว้ ยโลหะได้

๑๓. อธบิ ายหลกั การทางานของแบตเตอรี่อิเล็กโทรไลต์แขง็ แบตเตอร่ีอากาศ การทาอเิ ล็กโทรไดอะลซิ สิ

นา้ ทะเลได้

๑๔. อธิบายหลกั การถลุงแร่หรอื การสกดั แร่ดบี กุ ทองแดง สังกะสี แคดเมยี ม ทงั สเตน พลวง แทนทาลัม

ไนโอเบียม และเซอร์โคเนยี ม พร้อมทัง้ เขียนสมการแสดงปฏกิ ริ ยิ าทเ่ี กิดขนึ้ ได้

๑๕. บอกประโยชนข์ องทองแดง สังกะสี แคดเมยี ม ดีบกุ ทังสเตน พลวง แทนทาลมั ไนโอเบียมและ

เซอรโ์ คเนยี มได้

๑๖. อธบิ ายสมบัติและประโยชนข์ องแร่รตั นชาตชิ นดิ ต่าง ๆ ได้

๑๗. อธิบายวธิ พี ัฒนาคุณภาพของแร่รตั นชาติได้

๑๘. อธิบายขน้ั ตอนสาคัญของการทาผลิตภัณฑ์เซรามิกส์ได้

๑๙. บอกประโยชน์ของผลิตภณั ฑ์เซรามิกส์พร้อมทง้ั ยกตัวอยา่ งได้

๒๐. อธบิ ายวธิ กี ารผลติ แก้วและปนู ซเี มนต์ได้

๒๑. อธบิ ายวธิ ีการผลิตเกลือสมุทรและเกลอื สนิ เธาวไ์ ด้

๒๒. อธิบายวิธีการผลติ โซเดยี มไฮดรอกไซดแ์ ละแก๊สคลอรีนจากโซเดยี มคลอไรด์ โดยใช้เซลล์เย่ือ

แลกเปล่ียน ไอออน พรอ้ มทัง้ เขยี นสมการแสดงปฏิกริ ยิ าทเี่ กิดขน้ึ ได้

๒๓. อธิบายกระบวนการผลิตโซดาแอชและสารฟอกขาว พรอ้ มทั้งเขยี นสมการแสดงปฏิกิรยิ าทเ่ี กดิ ข้นึ ได้

๒๔. อธิบายกระบวนการผลติ ปยุ๋ ไนโตรเจน ป๋ยุ ฟอสเฟต ปุ๋ยโพแทส และป๋ยุ ผสม ตลอดจนผลกระทบต่อ

ส่ิงแวดลอ้ ม ท่ีเกดิ จากการใชป้ ยุ๋ ได้

๒๕. อธบิ ายผลกระทบต่อสง่ิ แวดลอ้ ม ทเ่ี กิดจากอตุ สาหกรรมประเภทต่าง ๆ ได้

รวมท้งั หมด ๒๕ ผลการเรียนรู้

หมายเหตุ ในการจัดการเรียนรู้ใหด้ าเนนิ กจิ กรรมให้บรรลถุ ึงมาตรฐาน ว ๘.๑ ธรรมชาติของวิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยี ที่กาหนดไวใ้ นหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พื้นฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ ดว้ ย

หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนหนองยองพิทยาคม รัชมงั คลาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๑
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพนื้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑

๑๒๖

คาอธบิ ายรายวชิ า
รายวชิ าฟิสกิ ส์ ๕ รหัส ว ๓๓๒๐๕ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๖
กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๒ เวลา ๘๐ ชว่ั โมง จานวน ๒.๐ หน่วยกติ

ศกึ ษาหลกั การของสสารและฟิสกิ ส์แผนใหม่ในเรอื่ ง ความร้อน การเปลี่ยนสถานะของสาร
ทฤษฎจี ลนข์ องแก๊ส กฎของแก๊สและพลงั งานภายในระบบของแก๊ส ความดนั ในของไหลและกฎพาสคัล แรง
พยงุ และหลกั อารค์ ิมดี ีส ความตงึ ผวิ การเคล่อื นที่ในของไหล และหลักแบรน์ ลู ลี การคน้ พบอิเลก็ ตรอน
แนวคิด
เกย่ี วกับแบบจาลองอะตอม สมมติฐานของพลังค์ ปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริก ทวภิ าวะของคลนื่ และอนุภาค
กมั มนั ตภาพรงั สี การสลายกัมมันตรังสี ปฏิกิรยิ านิวเคลียร์ พลังงานนวิ เคลยี ร์ รงั สใี นธรรมชาติ การป้องกนั
อันตรายและการใชป้ ระโยชน์จากกมั มันตภาพรังสี และพลงั งานนิวเคลยี ร์

โดยใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ สืบเสาะหาความรู้ สบื ค้นขอ้ มูล ทดลอง บนั ทกึ จดั กล่มุ ข้อมูล
อภิปราย เพ่อื ใหเ้ กดิ ความรู้ ความคดิ ความเขา้ ใจ สามารถสอื่ สารสิ่งที่เรยี นรู้

สามารถตัดสนิ ใจ นาความรู้ไปปรบั ใชใ้ นชีวติ ประจาวนั สามารถบรู ณาการหลกั คิดเศรษฐกิจ
พอเพียง มีจติ วิทยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คุณธรรม และค่านิยมท่ีเหมาะสม

ผลการเรยี นรู้
๑. อธบิ ายความดนั หลักการของเครอ่ื งวดั ความดัน
๒. อธิบายหลกั อารค์ ิมีดสิ และนาไปใชอ้ ธบิ ายเกยี่ วกับการลอยของวัตถใุ นของไหล
๓. อธิบายความตงึ ผวิ ของของเหลวและความหนืดในของเหลว
๔. อธบิ ายการไหลของของไหลอดุ มคติ ซ่ึงเปน็ การเคลอ่ื นที่ท่ีเปน็ ไปตามกฎการอนุรักษพ์ ลงั งาน
๕. อธิบายผลของความร้อนทีท่ าใหส้ ารเปล่ียนอุณหภูมิและเปลีย่ นสถานะ
๖. อธิบายแก๊สอุดมคติ กฏของแกส๊ และใชก้ ฏของแกส๊ อธบิ ายพฤตกิ รรมของแก๊ส
๗. อธบิ ายทฤษฎีจลนข์ องแกส๊ และใช้ทฤษฎีจลนข์ องแกส๊ อธิบายสมบตั ิทางกายภาพของแก๊สได้
๘. อธิบายพลังงานภายในระบบ และความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งพลังงานความรอ้ น พลังงานภายในระบบ
และงานทร่ี ะบบทาหรอื รับจากสง่ิ แวดลอ้ ม

หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนหนองยองพทิ ยาคม รชั มงั คลาภิเษก พุทธศกั ราช ๒๕๖๑
ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑

๑๒๗

๙. อธิบายการคน้ พบอเิ ล็กตรอน และโครงสร้างอะตอมตามแบบจาลองอะตอมของทอมสนั และ
รทั เทอร์ฟอรด์

๑๐. อธิบายสมมติฐานของพลงั ค์
๑๑. อธบิ ายทฤษฎอี ะตอมของไฮโดรเจนของโบรแ์ ละระดับพลังงานของอะตอม
๑๒. อธบิ ายปรากฏการณโ์ ฟโตอิเล็กทรกิ และปรากฏการณค์ อมป์ตนั ซึง่ เปน็ ปรากฏการณ์ท่สี นับสนุน

ว่าแสงแสดงสมบตั ิของอนภุ าคได้
๑๓. อธบิ ายสมมติฐานของเดอบรอยล์ และทวภิ าวะของคลื่นและอนุภาค
๑๔. อธบิ ายโครงสร้างอะตอมตามทฤษฎกี ลศาสตร์ควอนตัม
๑๕. อธิบายกัมมันตภาพรงั สี และการเปลีย่ นสภาพนวิ เคลยี สของธาตกุ ัมมันตรังสี
๑๖. อธิบายหลกั การที่เก่ียวข้องการสลายของธาตกุ ัมมันตรงั สี
๑๗. อธิบายไอโซโทปและการแยกไอโซโทป
๑๘. อธิบายแรงนิวเคลียร์ พลังงานยดึ เหนีย่ ว และ เสถยี รภาพของนิวเคลยี ส
๑๙. อธิบายปฏิกริ ิยานิวเคลียร์และพลังงานนวิ เคลียร์ท่เี กิดขึ้นรวมทั้งการใชป้ ระโยชน์
๒๐. อธิบายประโยชน์และโทษของรงั สีและการปอ้ งกัน
รวมทัง้ หมด ๒๐ ผลการเรยี นรู้

หมายเหตุ ในการจดั การเรียนรู้ให้ดาเนินกิจกรรมใหบ้ รรลถุ งึ มาตรฐาน ว ๘.๑ ธรรมชาตขิ องวทิ ยาศาสตร์
และเทคโนโลยี ท่กี าหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้นื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ด้วย

หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรียนหนองยองพทิ ยาคม รชั มงั คลาภเิ ษก พทุ ธศักราช ๒๕๖๑
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑

๑๒๘

คาอธิบายรายวิชา
รายวิชาเคมี ๖ รหสั ว ๓๓๒๒๕ ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี ๖
กลุม่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์ ภาคเรยี นท่ี ๒ เวลา ๖๐ ช่ัวโมง จานวน ๑.๕ หนว่ ยกติ

ศกึ ษาความหมายของสารประกอบอนิ ทรยี แ์ ละเคมีอินทรีย์ การเขียนสตู รโครงสรา้ งแบบลิวอิส
แบบย่อ แบบผสม แบบใช้เส้นและมุม ศกึ ษาทดลองการเกดิ ไอโซเมอรข์ องสารประกอบอนิ ทรีย์ ศกึ ษาและ
ทดลองเกีย่ วกบั หมูอ่ ะตอมทแี่ สดงสมบัติเฉพาะหรอื หมูฟ่ งั ก์ชั่นในโมเลกุลของสาร ศึกษาหมู่ฟังกช์ ่นั การ
จาแนกประเภทของสารประกอบอนิ ทรยี ์ ศึกษาโครงสร้าง การเขียนสตู ร การเรยี กชือ่ แนวโนม้ ของจดุ
หลอมเหลวและจดุ เดือด การละลายในน้า ปฏกิ ริ ยิ าบางชนิด การนาไปใชป้ ระโยชน์ และอนั ตรายของ
สารประกอบอนิ ทรยี ์ประเภทแอลเคน แอลคนี แอลไคน์ แอลกอฮอล์ ฟนี อล อีเทอร์ แอลดไี ฮด์ คโี ตนกรดคาร์
บอกซิลิก เอสเทอร์ เอมนี และเอไมด์ ศึกษาและทดลองสมบตั ิบางประการของสารประกอบไฮโดรคารบ์ อน
การเตรียมเอสเทอรจ์ ากปฏกิ ริ ิยาที่เรียกวา่ เอสเทอริฟิเคชัน และปฏิกริ ยิ าไฮโดรลซิ สิ ของเอสเทอร์ ศึกษาการ
เกิดและองค์ประกอบทางเคมีของเชื้อเพลงิ ซากดึกดาบรรพ์ การสารวจหาแหล่งปโิ ตรเลยี ม กระบวนการกลน่ั
น้ามันดบิ และแยกแก๊สธรรมชาติ เลขออกเทน เลขซเี ทน อตุ สาหกรรมปิโตรเคมแี ละการใชป้ ระโยชน์ของปิโตร
เคมภี ณั ฑ์ ศึกษาประเภทของพอลิเมอร์และปฏกิ ริ ยิ าพอลเิ มอไรเซชนั ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งโครงสรา้ งกบั สมบัติ
ของพอลเิ มอร์ ศกึ ษาสมบัตขิ องผลิตภณั ฑจ์ ากพอลิเมอรป์ ระเภทตา่ งๆ ศึกษาทดลองสมบัตบิ างประการของ
พลาสตกิ ชนดิ ตา่ งๆ และการเตรียมเสน้ ใยก่งึ สงั เคราะห์จากเสน้ ใยธรรมชาติ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยที ี่
นามาใช้ในการพฒั นาผลิตภัณฑ์พอลิเมอรส์ ังเคราะห์ และการนาพอลเิ มอรไ์ ปใชป้ ระโยชน์อย่างเหมาะสมและ
ปลอดภยั มลพษิ ที่อาจเกิดขึ้น และแนวทางในการปอ้ งกนั ศกึ ษาธาตทุ ่ีเป็นองคป์ ระกอบหลัก โครงสร้าง ชนิด

หลักสูตรสถานศกึ ษาโรงเรียนหนองยองพทิ ยาคม รัชมงั คลาภิเษก พทุ ธศักราช ๒๕๖๑
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑

๑๒๙

หน้าที่ แหลง่ ทพ่ี บ และประโยชน์ของโปรตีน คารโ์ บไฮเดรต ลิพดิ และกรดนิวคลีอิก ศกึ ษาและทดลอง
เกี่ยวกบั การทดสอบโปรตนี ในอาหาร ศึกษาสมบัติและการทางานของเอนไซม์ และการเรยี กชื่อ ทดลองเพือ่
ศึกษาสมบัตขิ องเอนไซม์และปจั จยั บางประการทีม่ ีผลตอ่ การทางานของเอนไซม์ ศกึ ษาและทดลองการแปลง
สภาพโปรตีน สมบัติบางประการและปฏกิ ริ ยิ าเฉพาะของคารโ์ บไฮเดรต การละลายของนา้ มนั และไขมันในตวั
ทาละลายบางชนิด ปฏกิ ิรยิ าไฮโดรลซิ สิ ของนา้ มันหรอื ไขมันซง่ึ เป็นเอสเทอรด์ ว้ ยสารละลายเบส
ศึกษาความก้าวหน้าของเทคโนโลยที ่ีเกีย่ วขอ้ งกับสารชีวโมเลกุล

โดยใชก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ การสืบคน้ ขอ้ มูล
การอภิปราย บนั ทึกและอธิบายผลการสารวจตรวจสอบ

เพ่อื ให้เกดิ ความรู้ ความคดิ ความเข้าใจ สามารถนาเสนอสอ่ื สารสงิ่ ทเ่ี รยี นรู้ มคี วามสามารถใน
การตัดสินใจ เห็นคุณค่าของการนาความรูไ้ ปใชใ้ นชีวติ ประจาวัน สามารถบรู ณาการหลกั คดิ เศรษฐกิจ
พอเพียง มจี ติ วทิ ยาศาสตร์ คุณธรรมจรยิ ธรรม และคา่ นยิ มท่ีเหมาะสม

ผลการเรยี นรู้
๑. บอกความแตกต่างระหวา่ งสารประกอบอนิ ทรยี ก์ บั สารประกอบอนนิ ทรียไ์ ด้
๒. อธบิ ายเหตุผลท่ีทาใหม้ สี ารประกอบอนิ ทรียเ์ ป็นจานวนมากได้
๓. เขียนสูตรโครงสร้างของสารประกอบอนิ ทรยี ์ในรูปสตู รแบบ ลวิ อสิ แบบย่อ แบบผสม แบบใช้เส้น
และมุม
๔. เขียนไอโซเมอรโ์ ครงสรา้ งของสารประกอบอนิ ทรียป์ ระเภทตา่ งๆ ได้
๕. ระบปุ ระเภทของสารประกอบอนิ ทรียโ์ ดยใช้หมฟู่ ังก์ชนั เปน็ เกณฑ์ พรอ้ มทั้งยกตัวอยา่ งได้
๖. บอกประเภทของสารประกอบไฮโดรคาร์บอนโดยใช้พันธะในโมเลกุลและสมบัติบางประการเปน็
เกณฑ์พร้อมทง้ั ยกตัวอย่างได้
๗. อธิบายความแตกต่างระหว่างซิสไอโซเมอร์กับทรานส์ไอโซเมอร์ พร้อมทง้ั ยกตัวอย่างได้
๘. เรียกช่อื สารประกอบอินทรีย์ประเภทตา่ งๆ ได้
๙. สรปุ ความสัมพันธ์ระหวา่ งการละลายในน้า จดุ หลอมเหลวและจุดเดือดกบั จานวนอะตอมของ
คาร์บอนในโมเลกุลของสารประกอบอนิ ทรีย์ได้
๑๐. เปรียบเทยี บจดุ เดอื ดของสารประกอบอนิ ทรยี ์ชนิดต่างๆ ทมี่ มี วลโมเลกุลใกล้เคยี งกนั ได้

หลักสตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนหนองยองพิทยาคม รชั มงั คลาภเิ ษก พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๑
ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑

๑๓๐

๑๑. อธิบายการเกิดปฏกิ ิริยาบางชนดิ ของสารประกอบอนิ ทรยี ป์ ระเภทต่างๆ พร้อมทัง้ เขยี นสมการ
เคมีแสดงปฏิกริ ิยาท่ีเกดิ ข้นึ ได้

๑๒. บอกประโยชน์หรือโทษของสารประกอบอินทรยี บ์ างชนิดได้
๑๓. อธิบายการเกดิ และองคป์ ระกอบทางเคมีท่ีสาคญั ของเช้อื เพลงิ ซากดกึ ดาบรรพ์ชนิดตา่ งๆ ได้
๑๔. อธบิ ายการใชป้ ระโยชน์จากถ่านหินและหินน้ามนั ได้
๑๕. อธบิ ายกระบวนการกลนั่ นา้ มันดบิ และการแยกแกส๊ ธรรมชาติ พรอ้ มทั้งยกตวั อย่าง ผลิตภัณฑ์ที่
ได้ และการนาไปใชป้ ระโยชน์ได้
๑๖. อธบิ ายความหมายของปิโตรเลยี ม เลขออกเทน เลขซีเทน ปโิ ตรเคมีภัณฑ์ อตุ สาหกรรมปิโตร
เคมี ขัน้ ต้น อุตสาหกรรมปโิ ตรเคมขี ัน้ ต่อเนอื่ ง พอลิเมอร์ มอนอเมอร์ พลาสตกิ เสน้ ใยธรรมชาติ เส้น

ใยสังเคราะห์ ยางธรรมชาติ ยางสงั เคราะห์ และกระบวนการวัลคาไนเซชนั ได้
๑๗. อธิบายการเกดิ พอลเิ มอร์และความสมั พันธร์ ะหวา่ งโครงสร้างกบั สมบตั ขิ องพอลิเมอรไ์ ด้
๑๘. อธบิ ายสมบตั ิของผลติ ภัณฑ์พอลเิ มอร์แต่ละชนดิ รวมทัง้ การนาไปใชป้ ระโยชนไ์ ด้
๑๙. อธิบายความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีท่ีนามาใชใ้ นการพัฒนาผลิตภัณฑพ์ อลิเมอร์สังเคราะหแ์ ละ

ยกตวั อยา่ งการใชป้ ระโยชน์จากผลติ ภัณฑพ์ อลเิ มอรส์ งั เคราะห์ได้
๒๐. อธิบายผลที่เกดิ จากการผลติ และการใช้ผลติ ภณั ฑ์จากเช้อื เพลิงซากดกึ ดาบรรพต์ อ่ ชีวิต และ

ส่ิงแวดลอ้ มได้

๒๑. บอกวธิ ีการนาผลติ ภัณฑจ์ ากเชอ้ื เพลงิ ซากดึกดาบรรพไ์ ปใช้อยา่ งเหมาะสมเพ่อื ใหเ้ กิดความ
ปลอดภัยตอ่ ชีวติ และส่งิ แวดลอ้ มได้

๒๒. อธิบายโครงสรา้ งของโปรตีน คารโ์ บไฮเดรต ลิพิด และกรดนิวคลอี กิ ได้
๒๓. บอกสมบตั ิ และการทดสอบไขมนั โปรตนี และคาร์โบไฮเดรตได้
๒๔. บอกประโยชนข์ องโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ลพิ ิด และกรดนวิ คลีอกิ ได้
รวมทั้งหมด ๒๔ ผลการเรยี นรู้

หมายเหตุ ในการจดั การเรียนร้ใู ห้ดาเนินกจิ กรรมให้บรรลุถึงมาตรฐาน ว ๘.๑ ธรรมชาตขิ องวทิ ยาศาสตร์
และเทคโนโลยี ทีก่ าหนดไว้ในหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ ด้วย

หลักสตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนหนองยองพิทยาคม รัชมงั คลาภิเษก พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๑
ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พนื้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑

๑๓๑

คาอธิบายรายวิชา
รายวิชาชวี วทิ ยา ๖ รหัส ว ๓๓๒๔๕ ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ ๖
กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๒ เวลา ๖๐ ชว่ั โมง จานวน ๑.๕ หนว่ ยกติ
ศกึ ษา วเิ คราะห์ ความหลากหลายทางชีวภาพกาเนดิ ของชีวติ อาณาจักรของสงิ่ มีชวี ิต และการ
สูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพศึกษาประชากร ความหนาแนน่ และการแพรก่ ระจายของประชากร
ขนาดของประชากร การเปลีย่ นแปลงขนาดประชากร การรอดชีวิตของประชากร ประชากรมนุษย์
ทรัพยากรธรรมชาติ การใชประโยชนจากทรพั ยากรธรรมชาติ ปญหาและการจดั การวเิ คราะห์สภาพและ

หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรียนหนองยองพิทยาคม รชั มงั คลาภิเษก พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๑
ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑

๑๓๒

ปัจจัยที่เกี่ยวขอ้ งกบั คณุ ภาพและสภาวะแวดล้อมการปลกู ฝงั ความสานึกในเร่อื งของทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละ
สิ่งแวดล้อม และชนิดพนั ธ์ตุ ่างถิน่ ท่สี ง่ ผลกระทบต่อสภาพแวดลอ้ ม

โดยใชกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร กระบวนการสืบเสาะหาความรู การสารวจตรวจสอบ การ
สงั เกต การสบื คนขอมูล การอภิปราย การอธบิ าย และสรุป

เพ่อื ให้เกดิ ความรู้ ความคิด ความเขา้ ใจ สามารถส่ือสารสิ่งท่ีเรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสนิ ใจ
นาความรู้ไปใช้ในชีวิตประจาวนั ดูแลรักษาส่งิ มชี ีวิตอ่นื เฝาระวังและพัฒนาสิ่งแวดลอมอยาง ย่ังยนื มจี ิต
วิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม และค่านยิ มท่เี หมาะสม

ผลการเรยี นรู้
๑. สบื คนขอมลู อภิปรายและอธบิ ายความหลากหลายทางชวี ภาพ การจดั หมวดหมูของสิง่ มชี วี ิต

การ ตงั้ ชือ่ ของสงิ่ มชี ีวติ พรอมทง้ั ระบุเกณฑทีใ่ ชในการจาแนกส่ิงมชี วี ติ
๒. สืบคนขอมลู อภิปรายอธบิ ายและสรปุ เกี่ยวกับกาเนิดของสิง่ มีชีวิต กาเนดิ ของเซลลโ์ พรคารโิ อต
และเซลลยคู ารโิ อ
๓. สืบคนขอมลู อภปิ รายอธบิ ายและสรุปเกณฑท่ีใชในการจาแนกสิง่ มชี วี ิต ลกั ษณะของสิง่ มชี ีวิตใน
อาณาจกั รมอเนอรา อาณาจักรโพรทสิ ตา อาณาจกั รพืช อาณาจกั รฟงไจและอาณาจกั รสตั ว์
๔. สบื คนขอมูล อภิปราย และนาเสนอสถานการณความหลากหลายทางชีวภาพในประเทศไทย
รวมทั้งตะหนักถงึ ผลกระทบจากการสูญเสยี ความหลากหลายทางชีวภาพ
๕. สืบคนขอมลู อภิปราย และอธบิ ายเกีย่ วกบั ประชากรของสงิ่ มีชีวิต ความหนาแน่นและการ
แพร่กระจายของประชากร ขนาดของประชากร การเปลย่ี นแปลงขนาดประชากร การรอดชีวติ
ของประชากร
๖. สบื คนขอมูล วเิ คราะห์ และอภิปรายเกี่ยวกบั ทรพั ยากรธรรมชาติ การนาทรัพยากรธรรมชาตมิ า

ใช้ ผลกระทบทเ่ี กดิ ขึ้น ในการนาทรัพยากรมาใช้ในอนาคต
๗. สืบคนขอมูล อภิปราย และสรปุ ถงึ การอนรุ กั ษท์ รพั ยากรธรรมชาติ ให้มีอยู่คมู่ นษุ ยเ์ พอ่ื การ

พฒั นา คณุ ภาพชวี ติ ทย่ี ่งั ยืนและเกิดสภาวะสมดุลทางธรรมชาตติ ่อไป
รวมทง้ั หมด ๗ ผลการเรยี นรู้

คาอธบิ ายรายวชิ า
รายวิชาดลุ ยภาพของส่ิงมีชีวิต รหสั ว ๓๐๒๘๑ ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ ๔-๖
กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ ภาคเรยี นที่ ๑-๒ เวลา ๖๐ ชวั่ โมง จานวน ๑.๕ หน่วยกิต

หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรยี นหนองยองพทิ ยาคม รัชมงั คลาภิเษก พทุ ธศักราช ๒๕๖๑
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พนื้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑

๑๓๓

ศกึ ษา วเิ คราะห์และอธิบายเกยี่ วกบั โครงสรางหนาทขี่ องเซลลของสิง่ มีชวี ิต การลาเลยี งสารผ่านเซลลโ์ ดย
วิธกี ารแพร่ การออสโมซิส การลาเลียงแบบฟาซิลเิ ทต การลาเลยี งแบบใชพ้ ลงั งานและการลาเลยี งสารขนาด
ใหญ่ การลาเลยี งสารของส่งิ มีชีวิตเซลล์เดียว และส่ิงมชี วี ิตหลายเซลล์ การรกั ษาดุลยภาพของเซลลของ
สิ่งมีชีวติ การรกั ษาดุลยภาพของนา้ ในพืช กลไกการควบคุมดุลยภาพของนา้ และแรธาตุในสง่ิ มีชีวิตเซลล์เดียว
สตั ว์และมนุษย์ การรักษาดลุ ยภาพของอณุ หภูมิในรางกายมนษุ ยและสตั ว ระบบภูมคิ ุมกันของรางกายมนุษย์
กลไกการสร้างภมู ิคมุ้ กัน และความผิดปกติของระบบภมู คิ ุ้มกันของมนุษย์

โดยใชก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ การสบื คน้ ขอ้ มลู
การอภปิ ราย และอธิบาย เพอื่ ใหเ้ กดิ ความรูค้ วามคดิ ความเขา้ ใจ สามารถนาเสนอส่อื สารสง่ิ ทเี่ รยี นรู้

มคี วามสามารถในการตดั สินใจ เห็นคุณค่าของการนาความรู้ไปใช้ในชีวิตประจาวัน มีจติ วิทยาศาสตร์
คณุ ธรรมจรยิ ธรรม และค่านิยมทเี่ หมาะสม

ผลการเรียนรู้
๑. สืบคนขอมูล อภปิ รายและอธิบายเกี่ยวกับทฤษฎีเซลล์ โครงสร้างพนื้ ฐานของเซลล์ ท่ีศึกษาดวย
กลองจุลทรรศน์
๒. สบื คนขอมูล อภิปรายและสรปุ เกี่ยวกับกระบวนการลาเลียงของสารผ่านเยอื่ หุม้ เซลล์ โดยการ

แพร่
การออสโมซิสการลาเลียงแบบฟาซลิ ิเทตการใช้พลงั งานและการสร้างถุงบรรจุสารจากเยอื่ หมุ้

เซลล์
๓. สบื คนขอมูล อภปิ ราย และสรุปการรกั ษาดุลยภาพของเซลลข์ องสงิ่ มชี ีวิต
๔. สบื ค้นข้อมูลและอธบิ ายกลไกการควบคุมดุลยภาพของน้าในพืช
๕. สืบคน้ ขอ้ มูลและอธบิ ายกลไกการควบคมุ ดลุ ยภาพของน้า และแรธ่ าตขุ องมนษุ ย์และสตั ว์อืน่ ๆ

และ นาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์
๖. สืบค้นข้อมูลและอธบิ ายกลไกการควบคมุ ดลุ ยภาพอุณหภมู ิของมนุษยแ์ ละสัตว์อ่ืน ๆและนา

ความรู้ ไปใชป้ ระโยชน์
๗. สืบค้นข้อมูลและอธบิ ายกลไกการเกยี่ วกบั กลไกการทางานของระบบภูมคิ มุ้ กนั ของร่างกายและนา
ความร้ไู ปใช้ในการดแู ลรักษาสขุ ภาพ

รวมทัง้ หมด ๗ ผลการเรียนรู้

หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรียนหนองยองพทิ ยาคม รัชมงั คลาภิเษก พุทธศกั ราช ๒๕๖๑
ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑

๑๓๔

คาอธิบายรายวชิ า
รายวิชาพันธุกรรมและสง่ิ แวดล้อม รหสั ว ๓๐๒๘๔ ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๔-๖
กลุม่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ภาคเรยี นที่ ๑-๒ เวลา ๖๐ ชว่ั โมง จานวน ๑.๕ หน่วยกติ

ศึกษา วิเคราะห์และอธิบายเกยี่ วกับโครงสร้างและหนา้ ทขี่ องสารพันธุกรรม กระบวนการถา่ ยทอด
ลักษณะทางพนั ธุกรรมตามกฎของเมนเดล การถา่ ยทอดลกั ษณะทางพันธกุ รรมท่นี อกเหนือกฎของเมนเด
ลการแปรผนั ทางพนั ธุกรรม ววิ ฒั นาการการคัดเลือกโดยธรรมชาติเทคโนโลยีชวี ภาพ ศกึ ษาสงิ่ มีชวี ติ กับ
สิง่ แวดลอ้ ม ระบบนิเวศ ความสมั พนั ธ์ขององคป์ ระกอบในระบบนิเวศ วฎั จกั รของสารในระบบนเิ วศ การ
เปลย่ี นแปลงแทนที่ทรพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ ม ตลอดจนความหลากหลายทางชวี ภาพ

โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ การสืบค้นขอ้ มลู
การอภิปราย และอธิบายเพือ่ ให้เกิดความรู้ ความคดิ ความเข้าใจ สามารถนาเสนอสอื่ สารสิง่ ทเี่ รียนรู้

มคี วามสามารถในการตดั สินใจ เหน็ คุณค่าของการนาความรู้ไปใช้ในชวี ติ ประจาวนั มจี ติ วิทยาศาสตร์
คณุ ธรรมจรยิ ธรรม และคา่ นยิ มทเ่ี หมาะสม

ผลการเรียนรู้
๑. สบื คน้ ขอ้ มูล อภปิ ราย และอธิบายกระบวนการถ่ายทอดลักษณะทางพนั ธกุ รรมตามกฎของเมน
เดลและการถ่ายทอดลกั ษณะทางพนั ธุกรรมทน่ี อกเหนือกฎของเมนเดล
๒. สบื ค้นข้อมูล อภิปราย และอธิบายทฤษฎวิวฒั นาการตามแนวคดิของลารม์ ารก์ และชารล์ ดารว์ ิน
และกลไกการเกิดววิ ัฒนาการ
๓. สืบค้นข้อมูล อภิปราย และอธิบายถึงเทคโนโลยชี ีวภาพ การนาไปใช้ประโยชน์ และผลกระทบต่อ
มนษุ ย์และสงิ่ แวดลอ้ ม
๔. สบื ค้นข้อมูล อภปิ ราย และอธบิ ายกระบวนการเปล่ยี นแปลงแทนที่ของสง่ิ มชี วี ติ ความหลากหลาย
ของระบบนิเวศ และดลุ ยภาพของระบบนิเวศ
๕. สบื คนขอมูล อภปิ รายและอธิบายความหลากหลายทางชวี ภาพ การจัดหมวดหมูของสง่ิ มีชวี ติ
และความสาคญั ของสิ่งมชี วี ิตทมี่ ีผลกระทบตอ่ ระบบนเิ วศและมนุษย์

รวมท้งั หมด ๕ ผลการเรยี นรู้

หลักสตู รสถานศกึ ษาโรงเรยี นหนองยองพทิ ยาคม รชั มงั คลาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๑
ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑

๑๓๕

โครงสรา้ งรายวชิ า
กล่มุ สาระการเรยี นรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม

ระดับช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี ๑ - ๓

รายวิชาพนื้ ฐาน ๓ ชวั่ โมง/สัปดาห์ ๑.๕ หนว่ ยกติ
ชั้นมัธยมศึกษำปที ่ี ๑ ๑ ชั่วโมง/สัปดาห์ ๐.๕ หนว่ ยกติ
ส ๒๑๑๐๑ สงั คมศึกษาฯ ๑ ๓ ชั่วโมง/สปั ดาห์ ๑.๕ หนว่ ยกติ
ส ๒๑๑๐๒ ประวัติศาสตร์ ๑ ๑ ชว่ั โมง/สปั ดาห์ ๐.๕ หนว่ ยกติ
ส ๒๑๑๐๓ สังคมศึกษาฯ ๒
ส ๒๑๑๐๔ ประวตั ิศาสตร์ ๒ ๓ ช่วั โมง/สัปดาห์ ๑.๕ หน่วยกติ
ชั้นมัธยมศกึ ษำปที ี่ ๒ ๑ ชว่ั โมง/สัปดาห์ ๐.๕ หนว่ ยกิต
ส ๒๒๑๐๑ สงั คมศึกษาฯ ๓ ๓ ชั่วโมง/สัปดาห์ ๑.๕ หนว่ ยกิต
ส ๒๒๑๐๒ ประวัตศิ าสตร์ ๓ ๑ ชั่วโมง/สัปดาห์ ๐.๕ หน่วยกติ
ส ๒๒๑๐๓ สงั คมศึกษาฯ ๔
ส ๒๒๑๐๔ ประวัติศาสตร์ ๔ ๓ ชว่ั โมง/สปั ดาห์ ๑.๕ หน่วยกิต
ชน้ั มัธยมศกึ ษำปที ี่ ๓ ๑ ชว่ั โมง/สัปดาห์ ๐.๕ หน่วยกิต
ส ๒๓๑๐๑ สังคมศึกษาฯ ๕ ๓ ชั่วโมง/สปั ดาห์ ๑.๕ หนว่ ยกิต
ส ๒๓๑๐๒ ประวัตศิ าสตร์ ๕ ๑ ชว่ั โมง/สัปดาห์ ๐.๕ หน่วยกติ
ส ๒๓๑๐๓ สังคมศกึ ษาฯ ๖
ส ๒๓๑๐๔ ประวัติศาสตร์ ๖

รายวิชาเพิ่มเติม ๑ ชั่วโมง/สัปดาห์ ๐.๕ หนว่ ยกติ
ชั้นมัธยมศึกษำปที ี่ ๑
ส ๒๑๒๓๑ หนา้ ทพ่ี ลเมอื ง ๑

หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรยี นหนองยองพิทยาคม รัชมงั คลาภิเษก พทุ ธศักราช ๒๕๖๑
ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พนื้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑

๑๓๖

ส ๒๑๒๓๒ หนา้ ทีพ่ ลเมอื ง ๒ ๑ ชั่วโมง/สปั ดาห์ ๐.๕ หน่วยกิต
ชั้นมธั ยมศึกษำปีที่ ๒
๑ ชั่วโมง/สัปดาห์ ๐.๕ หนว่ ยกิต
ส ๒๒๒๓๓ หนา้ ทพ่ี ลเมือง ๓ ๑ ชัว่ โมง/สปั ดาห์ ๐.๕ หนว่ ยกิต
ส ๒๒๒๓๔ หน้าทพ่ี ลเมอื ง ๔
ชน้ั มัธยมศึกษำปีท่ี ๓ ๑ ชวั่ โมง/สปั ดาห์ ๐.๕ หนว่ ยกิต
ส ๒๓๒๓๕ หนา้ ทพ่ี ลเมือง ๕ ๑ ช่วั โมง/สัปดาห์ ๐.๕ หน่วยกติ
ส ๒๓๒๓๖ หน้าทีพ่ ลเมือง ๖

ชั้นมธั ยมศึกษำปีที่ ๑-๓

ส ๒๐๒๐๑ เศรษฐกจิ พอเพียง ๒ ชวั่ โมง/สัปดาห์ ๑.๐ หน่วยกติ
๑.๐ หน่วยกติ
ส ๒๐๒๐๒ อาเซยี นศกึ ษา ๒ ชว่ั โมง/สัปดาห์ ๑.๐ หนว่ ยกติ
๑.๐ หนว่ ยกิต
ส ๒๐๒๒๑ ภูมิปญั ญาท้องถิ่น ๒ ชวั่ โมง/สปั ดาห์ ๑.๐ หนว่ ยกติ
๑.๐ หน่วยกติ
ส ๒๐๒๒๒ การปกครองส่วนท้องถนิ่ ๒ ช่ัวโมง/สปั ดาห์ ๑.๐ หน่วยกติ

ส ๒๐๒๒๓ กฎหมายนา่ รู้ ๒ ชว่ั โมง/สัปดาห์

ส ๒๐๒๔๑ เศรษฐศาสตร์ครอบครวั ๒ ช่ัวโมง/สปั ดาห์

ส ๒๐๒๖๑ ประวัติศาสตรท์ อ้ งถ่ิน ๒ ชัว่ โมง/สปั ดาห์

หลักสตู รสถานศึกษาโรงเรียนหนองยองพิทยาคม รัชมงั คลาภิเษก พทุ ธศักราช ๒๕๖๑
ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑

๑๓๗

คาอธบิ ายรายวิชา
วิชา สงั คมศกึ ษาฯ ๑ รหัสวชิ า ส ๒๑๑๐๑ ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี ๑ ภาคเรียนท่ี ๑
กลุ่มสาระการเรียนร้สู ังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เวลา ๖๐ ชวั่ โมง จานวน ๑.๕ หนว่ ยกิต
สาระที่ ๑ ศาสนา ศลี ธรรม จรยิ ธรรม
อธบิ ายการเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนา หรอื ศาสนาท่ีตนนับถือสปู่ ระเทศไทยความสาคญั ของ
พระพทุ ธศาสนาต่อสังคมไทยในฐานะเปน็ ศาสนาประจาชาติ สถาบนั หลกั ของสงั คมไทยสภาพแวดลอ้ มที่
กวา้ งขวางและครอบคลมุ สังคมไทย การพฒั นาตนและครอบครวั อธิบายพุทธประวตั ิตง้ั แตป่ ระสตู ิจนถึง
บาเพญ็ ทุกรกิรยิ า หรอื ประวัติศาสดาที่ตนนบั ถอื ตามที่กาหนด อธิบายพุทธคุณ และขอ้ ธรรมสาคัญในกรอบ
อริยสจั ๔ หรอื หลกั ธรรมของศาสนาท่ีตนนบั ถอื มีความรใู้ นเรื่องตวั อย่างบุคคลในท้องถ่ินหรอื ประเทศที่
ปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างดา้ นศาสนสมั พันธ์หรอื มีผลงานดา้ นศาสนสมั พันธ์ อธิบายจริยวตั รของสาวกเพ่อื เปน็
แบบอยา่ งในการประพฤติปฏิบตั ิ วิถีชีวติ ของพระภิกษุ บทบาทของพระภกิ ษุในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา
อธบิ ายประวตั ิ ความสาคญั ของวันสาคญั ทางศาสนาได้ถกู ต้อง
วิเคราะหค์ วามสาคญั ของพระพทุ ธศาสนา หรือศาสนาทีต่ นนบั ถือ ทีม่ ีต่อสภาพแวดลอ้ มในสังคมไทย
รวมทง้ั การพฒั นาตนและครอบครัว วิเคราะหพ์ ุทธประวัตติ ้ังแตป่ ระสูตจิ นถึงบาเพ็ญทุกรกริ ิยา หรือประวตั ิ
ศาสดาท่ีตนนบั ถอื ตามท่กี าหนด สรปุ และวิเคราะห์ พุทธประวตั ิ ท้งั การประสูติ เทวทตู ๔ การแสวงหาความรู้

หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรียนหนองยองพทิ ยาคม รัชมงั คลาภิเษก พทุ ธศักราช ๒๕๖๑
ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑

๑๓๘

และการบาเพญ็ ทุกรกิริยา วิเคราะห์และประพฤติตนตามแบบอยา่ งการดาเนนิ ชวี ิตและข้อคดิ จากประวัติ
สาวก ชาดก/เร่ืองเลา่ และศาสนกิ ชนตวั อยา่ ง รูว้ ธิ กี ารสวดมนต์ แผ่เมตตา บริหารจติ และเจรญิ ปัญญาด้วยอา
นาปานสตหิ รือตามแนวทางของศาสนาทีต่ นนับถือ วเิ คราะหแ์ ละปฏบิ ตั ิตนตามหลกั ธรรมทางศาสนาที่ตนนับ
ถอื ในการดารงชวี ิตแบบพอเพียง และดูแลรกั ษาสง่ิ แวดลอ้ มเพื่อการอยู่รว่ มกนั ไดอ้ ย่างสนั ตสิ ขุ วเิ คราะห์
เหตผุ ลความจาเปน็ ที่ทุกคนต้องศึกษาเรยี นร้ศู าสนาอน่ื ๆ ปฏิบตั ิตนต่อศาสนิกชนอืน่ ในสถานการณต์ ่างๆได้
อยา่ งเหมาะสม วเิ คราะหก์ ารกระทาของบุคคลท่ีเป็นแบบอย่างด้านศาสนสัมพันธ์ และนาเสนอแนวทางการ
ปฏบิ ตั ขิ องตนเอง บาเพญ็ ประโยชน์ต่อศาสนสถานของศาสนาทต่ี นนับถือ ปฏิบัตติ นอย่างเหมาะสมต่อสาวก
ของศาสนาทต่ี นนับถือ ปฏิบัตติ นอยา่ งเหมาะสมต่อเพือ่ นตามหลกั พระพทุ ธศาสนา หรือศาสนาท่ีตนนบั ถอื
นาความรใู้ นเรอ่ื งการจดั โตะ๊ หมบู่ ูชา การจุดธูปเทียน การจัดเครอ่ื งประกอบโต๊ะหมูบ่ ูชา คาอาราธนาต่างๆ ไป
ใช้ในชวี ติ ประจาวันได้ และปฏิบตั ติ นในวันสาคัญทางศาสนาไดถ้ ูกตอ้ ง

เห็นคุณค่าพุทธคุณ และข้อธรรมสาคัญในกรอบอริยสจั ๔ หรอื หลกั ธรรมของศาสนาทต่ี นนบั ถือ
ตามท่ีกาหนด ตระหนกั ถงึ ข้อคดิ จากประวตั ิสาวก ชาดก/เรอื่ งเล่า และศาสนกิ ชนตัวอย่างตามทีก่ าหนด เห็น
คุณค่าของการพัฒนาจติ เพอ่ื การเรยี นรูแ้ ละการดาเนินชีวิต ด้วยวิธีคดิ แบบโยนโิ สมนสกิ ารคอื วิธีคิดแบบคณุ คา่
แท้ – คุณค่าเทยี ม และวิธคี ิดแบบคุณ – โทษ และทางออก หรือการพัฒนาจิตตามแนวทางของศาสนาที่ตน
นบั ถือ

สาระท่ี ๒ หนา้ ที่พลเมอื ง วฒั นธรรม และการดาเนนิ ชีวติ ในสังคม
ศึกษากฎหมายในการค้มุ ครองสิทธขิ องบุคคล กฎหมายการคมุ้ ครองเด็ก กฎหมายการศกึ ษา

กฎหมายการคุม้ ครองผบู้ ริโภค กฎหมายลิขสิทธิ์ อธบิ ายบทบาทและหนา้ ทข่ี องเยาวชนทีม่ ตี อ่ สงั คมและ
ประเทศชาติ โดยเนน้ จิตสาธารณะ มสี ่วนรว่ มและรบั ผดิ ชอบในกจิ กรรมทางสงั คม อนุรกั ษ์ทรพั ยากรธรรมชาติ
รักษาสาธารณประโยชน์ อภิปรายเก่ยี วกับคุณค่าทางวัฒนธรรมที่เป็นปจั จยั ในการสร้างความสัมพันธ์ทดี่ หี รอื
อาจนาไปสคู่ วามเข้าใจผดิ ต่อกนั ความคล้ายคลึงและความแตกต่างระหว่างวัฒนธรรมไทยกบั วฒั นธรรมของ
ประเทศในภูมิภาคเอเชยี ตะวันออกเฉยี งใต้ อธบิ ายผลที่ได้จากการเคารพในสิทธขิ องตนเองและผู้อ่ืน อธิบาย
หลักการ เจตนารมณ์ โครงสร้าง และสาระสาคัญของรฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทยฉบับปัจจุบันได้

ปฏบิ ัติตนตามกฎหมายในการคุ้มครองสทิ ธขิ องบุคคล ระบุความสามารถของตนเองในการทา
ประโยชน์ตอ่ สงั คมและประเทศชาติ เคารพกตกิ าสงั คม แสดงออกถงึ การเคารพในสทิ ธขิ องตนเองและผอู้ ื่น
ปฏบิ ัตติ นตามกฎหมาย มีส่วนร่วมและรบั ผิดชอบในกจิ กรรมทางสงั คม อนรุ ักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ รักษา
สาธารณประโยชนว์ ิเคราะหบ์ ทบาทการถว่ งดุลของอานาจอธปิ ไตยในรฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทยฉบับ

หลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรยี นหนองยองพทิ ยาคม รชั มงั คลาภิเษก พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๑
ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑

๑๓๙

ปจั จบุ ัน และปฏิบัติตนตามบทบญั ญตั ขิ องรฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทยฉบับปัจจุบนั ทเี่ ก่ียวข้องกบั
ตนเอง

ตระหนกั ถงึ บทบาทและหน้าทข่ี องเยาวชนทมี่ ีตอ่ สังคมและประเทศชาติ โดยเน้นจิตสาธารณะ เช่น
เคารพกติกาสงั คม ปฏิบัติตนตามกฎหมาย มสี ่วนรว่ มและรบั ผดิ ชอบในกจิ กรรมทางสงั คม อนรุ ักษ์
ทรพั ยากรธรรมชาติ รกั ษาสาธารณประโยชน์ เหน็ ความสาคัญของผลทีไ่ ด้จากการเคารพในสิทธิของตนเองและ
ผอู้ ่นื

รหสั ตวั ช้ีวดั
ส ๑.๑ ม.๑/๑, ม.๑/๒, ม.๑/๓, ม.๑/๔, ม.๑/๕, ม.๑/๖, ม.๑/๗, ม.๑/๘, ม.๑/๙,
ม.๑/๑๐, ม.๑/๑๑
ส ๑.๒ ม.๑/๑, ม.๑/๒, ม.๑/๓, ม.๑/๔, ม.๑/๕
ส ๒.๑ ม.๑/๑, ม.๑/๒, ม.๑/๓, ม.๑/๔
ส ๒.๒ ม.๑/๑, ม.๑/๒, ม.๑/๓
รวม ๒๓ ตัวชี้วดั

คาอธิบายรายวชิ า
วิชา ประวัติศาสตร์ ๑ รหัสวิชา ส ๒๑๑๐๒ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๑ ภาคเรียนท่ี ๑
กลุ่มสาระการเรียนร้สู ังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม เวลา ๒๐ ชว่ั โมง จานวน ๐.๕ หนว่ ยกิต

อธิบายตัวอยา่ งและความสาคญั ของการใช้เวลา ช่วงเวลา และยคุ สมยั ที่ปรากฏในเอกสาร
ประวัตศิ าสตร์ไทย ความสัมพันธแ์ ละความสาคัญของอดีตทม่ี ตี ่อปจั จบุ นั และอนาคต ที่มาของศกั ราชทป่ี รากฏ
ในเอกสารประวัตศิ าสตรไ์ ทย ตัวอย่างการใช้ศกั ราชตา่ ง ๆ ที่ปรากฏในเอกสารประวตั ศิ าสตรไ์ ทย อธิบาย

หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรียนหนองยองพทิ ยาคม รัชมงั คลาภเิ ษก พุทธศกั ราช ๒๕๖๑
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑

๑๔๐

ความหมายและความสาคัญของประวัติศาสตร์ และวธิ ีการทางประวตั ิศาสตรท์ ี่มคี วามสัมพนั ธ์เช่ือมโยงกนั
บอกตวั อย่างหลักฐานในการศึกษาประวตั ศิ าสตรไ์ ทยสมัยสุโขทยั ท้ังหลกั ฐานชนั้ ต้น และหลักฐานชั้นรอง
อธิบายพัฒนาการทางสงั คม เศรษฐกิจและการเมืองของประเทศตา่ งๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ศึกษาอิทธพิ ลของอารยธรรมโบราณในดินแดนไทยท่มี ีต่อพฒั นาการของสงั คมไทยในปัจจบุ นั

วเิ คราะห์ความสาคญั ของเวลาในการศึกษาประวัติศาสตร์ เทียบศกั ราชตามระบบต่างๆ ท่ีใชศ้ กึ ษา
ประวตั ิศาสตร์ วิธีการเทยี บศกั ราชต่างๆ และตัวอยา่ งการเทยี บ นาวิธีการทางประวัตศิ าสตร์มาใช้ศึกษา
เหตกุ ารณ์ทางประวตั ศิ าสตร์ ระบุความสาคัญของแหลง่ อารยธรรมในภมู ิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

เห็นความสาคญั และประโยชน์ของอดีตทม่ี ตี อ่ ปัจจุบนั และอนาคต ตระหนกั ถึงคณุ คา่ ของแหล่งอารย
ธรรมในภูมิภาคเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้

รหัสตัวช้ีวดั
ส ๔.๑ ม.๑/๑, ส ๔.๑ ม.๑/๒, ส ๔.๑ ม.๑/๓
ส ๔.๒ ม.๑/๑, ส ๔.๒ ม.๑/๒

รวม ๕ ตัวช้ีวัด

คาอธิบายรายวชิ า
วชิ า สงั คมศกึ ษาฯ ๒ รหสั วชิ า ส ๒๑๑๐๓ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๑ ภาคเรยี นที่ ๒
กลมุ่ สาระการเรียนรสู้ ังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เวลา ๖๐ ชัว่ โมง จานวน ๑.๕ หน่วยกิต

หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรียนหนองยองพทิ ยาคม รชั มงั คลาภิเษก พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๑
ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑

๑๔๑

สาระท่ี ๓ เศรษฐศาสตร์
อธิบายความหมายและความสาคญั ของเศรษฐศาสตร์ การบริโภค หลกั การในการบริโภคท่ีดี ปัจจัยท่ี

มีอทิ ธิพลตอ่ พฤติกรรมการบรโิ ภค ค่านยิ มและพฤติกรรมของการบรโิ ภคของคนในสงั คมปจั จบุ นั อธิบาย
ความเปน็ มาหลักการและความสาคญั ของปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งตอ่ สังคมไทย อภิปรายผลของการมี
กฎหมายเกยี่ วกับทรัพย์สนิ ทางปญั ญา

วิเคราะห์คา่ นิยมและพฤติกรรมการบรโิ ภคของคนในสังคมซง่ึ ส่งผลตอ่ เศรษฐกิจของชมุ ชนและ
ประเทศ การประยกุ ตใ์ ช้ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งในการดารงชวี ิต วเิ คราะห์บทบาทหนา้ ท่ีและความ
แตกต่างของสถาบนั การเงินแต่ละประเภทและธนาคารกลาง และการแข่งขันกนั ทางเศรษฐกจิ ในประเทศ
รวมท้งั ระบปุ จั จยั ที่มอี ิทธิพลตอ่ การกาหนดอุปสงค์และอปุ ทาน

ตระหนักถงึ ความสาคัญ คุณค่าและประโยชน์ของปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงตอ่ สังคมไทย สานึก
ในพระมหากรณุ าธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัวในการทรงงานรวมทงั้ โครงการตามพระราชดาริ

สาระท่ี ๕ ภูมิศาสตร์
ศึกษาเคร่อื งมือทางภมู ศิ าสตร์ท่ีแสดงลกั ษณะทางกายภาพ และสังคมของประเทศไทย ทวปี เอเชีย

ทวปี ออสเตรเลยี และโอเชยี เนยี อธบิ ายเส้นแบ่งเวลา และเปรียบเทียบวัน เวลาของประเทศไทยกบั ทวีปตา่ งๆ
วิเคราะหเ์ ชื่อมโยงสาเหตแุ ละแนวทางปอ้ งกันภัยธรรมชาติและการระวงั ภัย ผลกระทบจากการ

เปลย่ี นแปลงทางธรรมชาติ ความรว่ มมอื ของประเทศตา่ งๆ ท่มี ผี ลต่อสง่ิ แวดลอ้ มทางธรรมชาติของประเทศ
ไทย ทวีปเอเชยี ทวีปออสเตรเลยี และโอเชยี เนีย วิเคราะห์ปัจจยั ทางกายภาพและสังคมทมี่ ผี ลต่อการเลือ่ น
ไหลของความคิด เทคโนโลยี สนิ ค้า และประชากรในทวปี เอเชยี ออสเตรเลียและโอเชยี เนยี

เล็งเห็นความสาคญั ของการระวังภยั ธรรมชาติ แนวทางการใชท้ รัพยากรของคนในชุมชนให้ใชไ้ ดน้ าน
ขึ้นโดยมจี ิตสานึกรู้คุณค่าของทรพั ยากร

รหสั ตัวช้ีวัด
ส ๓.๑ ม.๑/๑, ม.๑/๒, ม.๑/๓
ส ๓.๒ ม.๑/๑, ม.๑/๒, ม.๑/๓, ม.๑/๔
ส ๕.๑ ม.๑/๑, ม.๑/๒, ม.๑/๓
ส ๕.๒ ม.๑/๑, ม.๑/๒, ม.๑/๓, ม.๑/๔

รวม ๑๔ ตวั ช้ีวดั

หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรยี นหนองยองพทิ ยาคม รัชมงั คลาภเิ ษก พุทธศกั ราช ๒๕๖๑
ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพืน้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑

๑๔๒

คาอธบิ ายรายวิชา
วชิ า ประวตั ิศาสตร์ ๒ รหัสวิชา ส ๒๑๑๐๔ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๑ ภาคเรียนที่ ๒
กลุ่มสาระการเรียนร้สู ังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เวลา ๒๐ ชัว่ โมง จานวน ๐.๕ หนว่ ยกิต

อธิบายเรอื่ งราวทางประวตั ศิ าสตร์สมัยกอ่ นสโุ ขทัยในดินแดนไทย รัฐโบราณในดนิ แดนไทย การ
สถาปนาอาณาจักรสุโขทัยและปัจจัยที่เกีย่ วข้อง พัฒนาการของอาณาจกั รสุโขทัย ในด้านการเมืองการ
ปกครอง เศรษฐกิจ สงั คม วัฒนธรรม ความสมั พันธ์ระหวา่ งประเทศ ภมู ิปัญญาไทยในสมัยสุโขทยั และความ
เสอ่ื มของอาณาจักรสุโขทัย

วเิ คราะหพ์ ฒั นาการของอาณาจกั รสโุ ขทัยในด้านต่างๆ รวมไปถงึ อทิ ธพิ ลของวัฒนธรรม และภูมิ
ปัญญาไทยสมัยสุโขทัยและสงั คมไทยในปจั จบุ ัน

ช่ืนชมคุณงานความดีของบรรพบรุ ษุ ไทย นาเรื่องราวในอดตี มาประยกุ ตใ์ ช้ในชวี ิตประจาวนั เหน็
คุณค่าทางวฒั นธรรมและภูมปิ ญั ญาไทยสมัยสุโขทัย

รหสั ตัวชี้วัด
ส ๔.๓ ม.๑/๑, ส ๔.๓ ม.๑/๒, ส ๔.๓ ม.๑/๓

รวม ๓ ตัวชวี้ ัด

หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรยี นหนองยองพทิ ยาคม รัชมงั คลาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๑
ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑

๑๔๓

คาอธบิ ายรายวชิ า
วชิ า สังคมศึกษาฯ ๓ รหัสวชิ า ส ๒๒๑๐๑ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๒ ภาคเรยี นที่ ๑
กลุม่ สาระการเรียนรูส้ ังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เวลา ๖๐ ชว่ั โมง จานวน ๑.๕ หนว่ ยกิต

สาระที่ ๑ ศาสนา ศีลธรรม จรยิ ธรรม
รแู้ ละเขา้ ใจประวตั ิ ความสาคัญ ศาสดา หลกั ธรรมของพระพทุ ธศาสนาหรือศาสนาท่ีตนนบั ถอื และ

ศาสนาอนื่ มีศรทั ธาท่ีถูกต้อง อธบิ ายการเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนา หรือศาสนาที่ตนนับถือสู่ประเทศเพือ่ นบา้ น
ความสาคัญของพระพทุ ธศาสนาท่ีชว่ ยเสริมสร้างความเขา้ ใจอันดีกบั ประเทศเพื่อนบ้าน มีความรใู้ นเรอ่ื งของ
พระพทุ ธศาสนาตอ่ สังคมไทยในฐานะเปน็ รากฐานของวฒั นธรรมและเป็นเอกลักษณแ์ ละ มรดกของชาติ
อภปิ รายความสาคัญของพระพทุ ธศาสนา หรือศาสนาทต่ี นนบั ถือกบั การพฒั นาชุมชนและการจดั ระเบียบ
สังคม อธิบายโครงสรา้ ง และสาระสงั เขปของพระไตรปิฎกหรอื คมั ภรี ข์ องศาสนาทตี่ นนับถอื ศกึ ษาธรรมคณุ
และขอ้ ธรรมสาคัญในกรอบอรยิ สัจ ๔ หรอื หลกั ธรรมของศาสนาท่ีตนนบั ถอื รูแ้ ละเขา้ ใจวธิ ีปฏบิ ตั แิ ละ
ประโยชนข์ องการบริหารจติ และเจรญิ ปัญญา อธบิ ายคาสอนที่เกี่ยวเนอื่ งกับวนั สาคัญทางศาสนา อธบิ าย
ความแตกต่างของศาสนพิธี พธิ กี รรมตามแนวปฏบิ ตั ขิ องศาสนาอื่นๆ เพอื่ นาไปสกู่ ารยอมรบั และความเขา้ ใจ
ซ่ึงกนั และกนั

ยึดมั่นและปฏิบัตติ ามหลกั ธรรมเพือ่ อย่รู ว่ มกนั อย่างสนั ตสิ ุข วเิ คราะห์ความสาคัญของ
พระพทุ ธศาสนา หรือศาสนาที่ตนนบั ถอื ทช่ี ว่ ยเสริมสร้างความเขา้ ใจอนั ดีกับประเทศเพือ่ นบ้าน วเิ คราะห์
ความสาคญั ของพระพทุ ธศาสนา หรอื ศาสนาทีต่ นนับถือในฐานะทเ่ี ปน็ รากฐานของวัฒนธรรม เอกลกั ษณ์ของ
ชาตแิ ละมรดกของชาติ สรปุ และวเิ คราะห์พทุ ธประวัติ ทง้ั การผจญมาร
การตรสั รู้และการสงั่ สอน วเิ คราะห์และประพฤติตนตามแบบอยา่ งการดาเนนิ ชีวติ และขอ้ คิดจากประวตั ิสาวก
ชาดก/เร่อื งเลา่ และศาสนิกชนตวั อย่างตามท่กี าหนด สวดมนต์ แผ่เมตตา บริหารจิตและเจรญิ ปัญญาด้วยอา
นาปานสตหิ รอื ตามแนวทางของศาสนาทีต่ นนบั ถือ นาวิธีการบรหิ ารจติ และเจริญปญั ญาไปใช้ใน
ชวี ิตประจาวนั วเิ คราะหก์ ารปฏิบตั ิตนตามหลักธรรมทางศาสนาที่ตนนบั ถือ เพ่อื การดารงตนอย่างเหมาะสม

หลักสูตรสถานศกึ ษาโรงเรียนหนองยองพิทยาคม รัชมงั คลาภิเษก พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๑
ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑

๑๔๔

ในกระแสความเปลยี่ นแปลงของโลก และการอยรู่ ว่ มกนั อยา่ งสันตสิ ุข ปฏิบัติตนอยา่ งเหมาะสมต่อบุคคล
ต่างๆ ตามหลกั ศาสนาทตี่ นนับถือ มมี รรยาทของความเปน็
ศาสนกิ ชนท่ีดี วเิ คราะหค์ ุณค่าของศาสนพิธแี ละปฏบิ ตั ติ นไดถ้ กู ต้อง ปฏบิ ตั ิตนเน่ืองกับวันสาคญั ทางศาสนา

เห็นคณุ ค่าของธรรมคณุ และข้อธรรมสาคัญในกรอบอริยสัจ ๔ หรือหลักธรรมของศาสนาทีต่ นนับถือ
และนาไปพัฒนา แกป้ ญั หาของชุมชนและสงั คม ตระหนักถงึ คณุ คา่ ของการพฒั นาจติ เพ่อื การเรยี นรแู้ ละ
ดาเนินชวี ิต ด้วยวธิ ีคดิ แบบโยนโิ สมนสกิ ารคอื วิธีคดิ แบบอุบายปลกุ เร้าคุณธรรม และวธิ ีคิดแบบอรรถธรรม
สมั พันธ์ หรือการพัฒนาจติ ตามแนวทางของศาสนาที่ตนนบั ถือ ตระหนักและปฏิบัติตนเปน็ ศาสนกิ ชนทดี่ ีและ
ธารงรักษาพระพุทธศาสนาหรือศาสนาทีต่ นนับถือ มมี รรยาทของความเป็นศาสนิกชนทด่ี ี

สาระที่ ๒ หน้าท่ีพลเมือง วฒั นธรรม และการดาเนินชวี ิตในสังคม
รู้และเข้าใจในหนา้ ท่ขี องการเปน็ พลเมืองดี อธิบายและปฏิบตั ติ นตามกฎหมายท่เี กย่ี วขอ้ งกับตนเอง

ครอบครวั ชุมชนและประเทศ ศึกษาแนวทางส่งเสรมิ ใหป้ ฏิบัตติ นเป็นพลเมอื งดีตามวถิ ีประชาธิปไตย อธบิ าย
ความคล้ายคลงึ และความแตกต่างของวัฒนธรรมไทยและวฒั นธรรมของประเทศในภูมิภาคเอเชีย เพือ่ นาไปสู่
ความเข้าใจอันดีระหว่างกนั เขา้ ใจระบบการเมอื งการปกครองในสังคมปจั จุบนั ยดึ มน่ั ศรทั ธาและธารงรกั ษา
ไว้ซ่งึ การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมพี ระมหากษตั รยิ ท์ รงเปน็ ประมุข อธิบายกระบวนการในการตรา
กฎหมาย

ปฏบิ ตั ิตนตามหน้าท่ีของการเปน็ พลเมืองดี ดารงชีวติ อยู่ร่วมกันในสังคมไทยและสงั คมโลกอย่างสันติ
สขุ วิเคราะห์บทบาท ความสาคัญ และความสมั พันธข์ องสถาบันทางสงั คม วิเคราะหข์ อ้ มูล ข่าวสารทาง
การเมอื งการปกครองท่มี ีผลกระทบตอ่ สงั คมไทยสมัยปจั จบุ นั

มคี ่านิยมทด่ี งี ามและธารงรกั ษาประเพณแี ละวฒั นธรรมไทย เหน็ คณุ คา่ ในการปฏิบัตติ นตาม
สถานภาพ บทบาท สิทธิ เสรภี าพ หนา้ ที่ในฐานะพลเมอื งดีตามวิถีประชาธิปไตย ศรทั ธาและธารงรกั ษาไว้ซึง่
การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมพี ระมหากษตั ริยท์ รงเปน็ ประมขุ

รหสั ตวั ช้ีวดั
ส ๑.๑ ม.๒/๑, ส ๑.๑ ม.๒/๒, ส ๑.๑ ม.๒/๓, ส ๑.๑ ม.๒/๔, ส ๑.๑ ม.๒/๕, ส ๑.๑ ม.๒/๖,
ส ๑.๑ ม.๒/๗, ส ๑.๑ ม.๒/๘, ส ๑.๑ ม.๒/๙, ส ๑.๑ ม.๒/๑๐, ส ๑.๑ ม.๒/๑๑
ส ๑.๒ ม.๒/๑, ส ๑.๒ ม.๒/๒, ส ๑.๒ ม.๒/๓, ส ๑.๒ ม.๒/๔, ส ๑.๒ ม.๒/๕

หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนหนองยองพิทยาคม รชั มงั คลาภเิ ษก พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๑
ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พืน้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑

๑๔๕

ส ๒.๑ ม.๒/๑, ส ๒.๑ ม.๒/๒, ส ๒.๑ ม.๒/๓, ส ๒.๑ ม.๒/๔
ส ๒.๒ ม.๒/๑, ส ๒.๒ ม.๒/๒
รวม ๒๒ ตัวชี้วดั

คาอธิบายรายวชิ า
วิชา ประวัติศาสตร์ ๓ รหสั วิชา ส ๒๒๑๐๒ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๒ ภาคเรียนที่ ๑
กลุ่มสาระการเรยี นรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เวลา ๒๐ ชว่ั โมง จานวน ๐.๕ หน่วยกิต

อธบิ ายวิธีการประเมนิ ความนา่ เชือ่ ถอื ของหลักฐานทางประวตั ิศาสตรใ์ นลกั ษณะ ตา่ งๆ อย่างง่ายๆ
เชน่ การศกึ ษาภมู ิหลงั ของผูท้ าหรอื ผู้เก่ียวข้อง สาเหตุช่วงระยะเวลา รูปลกั ษณ์ของหลกั ฐานทาง
ประวตั ิศาสตร์ เป็นต้น ยกตัวอยา่ งการประเมนิ ความน่าเช่อื ถอื ของหลกั ฐานทางประวตั ิศาสตรไ์ ทยที่อยู่ใน
ท้องถ่ินของตนเองหรอื หลกั ฐานสมยั อยุธยา การวิเคราะหข์ ้อมูลจากเอกสารต่างๆ ในสมยั อยธุ ยาและธนบุรี
ตัวอยา่ งการตีความข้อมูลจากหลกั ฐานท่ีแสดงเหตุการณ์สาคัญในสมยั อยธุ ยาและธนบุรี ความสาคญั ของการ
วเิ คราะห์ขอ้ มูลและการตีความทางประวตั ศิ าสตร์ อธบิ ายพฒั นาการทางสังคม เศรษฐกิจ และการเมืองของ
ภมู ภิ าคเอเชีย ทงั้ ท่ตี งั้ และสภาพทางภมู ิศาสตร์ ความสาคญั ของแหลง่ อารยธรรมโบราณของภูมิภาคตา่ งๆใน
ทวีปเอเชยี (ยกเว้นเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้) อิทธิพลของอารยธรรมโบราณท่มี ตี ่อภูมภิ าคเอเชียในปัจจบุ นั
ระบุความสาคญั ของแหลง่ อารยธรรมโบราณในภูมภิ าคเอเชีย

หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรียนหนองยองพิทยาคม รัชมงั คลาภิเษก พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๑
ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพนื้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑

๑๔๖

ประเมนิ ความนา่ เชื่อถอื ของหลักฐานทางประวัตศิ าสตร์ในลักษณะต่างๆ วิเคราะหค์ วามแตกตา่ ง
ระหวา่ งความจรงิ กบั ข้อเทจ็ จริงของเหตุการณ์ทางประวตั ศิ าสตร์ แยกแยะระหว่างขอ้ มลู กับความคดิ เหน็
รวมท้งั ความจริงกับขอ้ เทจ็ จรงิ จากหลักฐานทางประวัตศิ าสตร์

เห็นความสาคัญของการตีความหลักฐานทางประวตั ศิ าสตร์ทน่ี ่าเชอ่ื ถือ การวเิ คราะห์ข้อมูลและการ
ตีความทางประวัติศาสตร์ ตระหนกั ถึงคณุ ค่าและความสาคัญของแหล่งอารยธรรมโบราณในภมู ิภาคเอเชีย

รหัสตวั ช้ีวัด
ส ๔.๑ ม.๒/๑, ส ๔.๑ ม.๒/๒, ส ๔.๑ ม.๒/๓
ส ๔.๒ ม.๒/๑, ส ๔.๒ ม.๒/๒

รวม ๕ ตัวชีว้ ัด

คาอธิบายรายวิชา
วชิ า สังคมศึกษาฯ ๔ รหสั วิชา ส ๒๒๑๐๓ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๒ ภาคเรยี นท่ี ๒
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เวลา ๖๐ ช่ัวโมง จานวน ๑.๕ หน่วยกิต

สาระท่ี ๓ เศรษฐศาสตร์
เขา้ ใจและสามารถบรหิ ารจัดการทรพั ยากรในการผลติ และการบรโิ ภค การใชท้ รัพยากรทมี่ อี ยูจ่ ากดั

ได้อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพและค้มุ คา่ รู้และเขา้ ใจปัจจัยท่มี ผี ลต่อการลงทนุ และการออม อธิบายปจั จยั การผลิต
สนิ คา้ และบรกิ ารและปัจจยั ทีม่ ีอิทธิพลตอ่ การผลิตสนิ คา้ และบริการ อภิปรายแนวทางการคุ้มครองสทิ ธิของ
ตนเองในฐานะผบู้ รโิ ภค กฎหมายคุ้มครองสิทธิผู้บรโิ ภคและหน่วยงานทเ่ี กย่ี วขอ้ ง การดาเนนิ กจิ กรรมพิทกั ษ์

หลักสูตรสถานศกึ ษาโรงเรียนหนองยองพทิ ยาคม รชั มงั คลาภเิ ษก พทุ ธศักราช ๒๕๖๑
ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พืน้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑

๑๔๗

สทิ ธิและผลประโยชนต์ ามกฎหมายในฐานะผู้บรโิ ภค เข้าใจระบบและสถาบนั ทางเศรษฐกิจตา่ งๆ
ความสัมพันธท์ างเศรษฐกิจและความจาเป็นของการรว่ มมอื กันทางเศรษฐกิจในสังคมโลก อภิปรายระบบ
เศรษฐกิจแบบตา่ งๆ

วเิ คราะหป์ ัจจัยทมี่ ผี ลตอ่ การลงทุนและการออม สารวจการผลติ สนิ ค้าในทอ้ งถิน่ ว่ามีการผลิต
อะไรบ้าง ใชว้ ิธีการผลติ อยา่ งไร มีปญั หาดา้ นใดบา้ ง นาหลักการผลติ มาวิเคราะหก์ ารผลิตสินคา้ และบรกิ ารใน
ท้องถิ่นทงั้ ดา้ นเศรษฐกจิ สังคม และส่ิงแวดลอ้ ม เสนอแนวทางการพฒั นาการผลติ ในทอ้ งถิน่ ตามปรัชญาของ
เศรษฐกิจพอเพยี ง ประยกุ ตใ์ ชป้ รัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงในการผลิตสินคา้ และบริการในท้องถิน่ วิเคราะห์
การกระจายของทรัพยากรในโลกทสี่ ง่ ผลตอ่ ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ วเิ คราะหก์ ารแขง่ ขัน
ทางการคา้ ในประเทศและต่างประเทศส่งผลตอ่ คุณภาพสนิ คา้ ปริมาณการผลติ และราคาสินคา้

ตระหนกั ถึงปญั หาของการลงทุนและการออมในสงั คมไทย เหน็ ความสาคญั ในแนวทางการปกปอ้ ง
สทิ ธขิ องผ้บู ริโภค เหน็ ประโยชนข์ องการประยกุ ต์ใช้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งในการผลติ สนิ ค้าและ
บรกิ ารในท้องถ่นิ

สาระที่ ๕ ภมู ิศาสตร์
เขา้ ใจลกั ษณะของโลกทางกายภาพ และความสัมพนั ธข์ องสรรพสิง่ ซ่ึงมผี ลต่อกันและกันในระบบของ

ธรรมชาติ เขา้ ใจปฏิสัมพนั ธ์ระหว่างมนษุ ยก์ ับสภาพแวดล้อมทางกายภาพท่กี อ่ ใหเ้ กดิ การสร้างสรรค์
วัฒนธรรม

ใชเ้ ครือ่ งมือทางภูมิศาสตรใ์ นการรวบรวม วิเคราะห์ และนาเสนอขอ้ มลู เกย่ี วกบั ลักษณะทางกายภาพ
และสงั คมของทวีปยโุ รปและแอฟรกิ า วิเคราะหค์ วามสัมพนั ธ์ระหวา่ งลักษณะทางกายภาพและสงั คมของทวปี
ยโุ รปและแอฟริกา วเิ คราะหก์ ารก่อเกดิ สิ่งแวดล้อมใหม่ทางสงั คม อันเป็นผลจากการเปลีย่ นแปลงทาง
ธรรมชาติและทางสงั คมของทวีปยโุ รปและแอฟรกิ า ระบแุ นวทางการอนรุ ักษท์ รัพยากรธรรมชาติและ
สง่ิ แวดล้อมในทวปี ยโุ รปและแอฟรกิ า สารวจ อภิปรายประเดน็ ปัญหาเก่ยี วกับสงิ่ แวดลอ้ มที่เกดิ ข้ึนในทวีป
ยุโรปและแอฟรกิ า วิเคราะหเ์ หตุและผลกระทบท่ีประเทศไทยไดร้ บั จากการเปล่ียนแปลงของสง่ิ แวดล้อมใน
ทวีปยุโรปและแอฟริกา

มจี ติ สานึกและมสี ว่ นร่วมในการอนรุ ักษท์ รพั ยากรและสิง่ แวดลอ้ ม เพ่ือการพฒั นาที่ยัง่ ยืน การ
อนุรกั ษ์ทรพั ยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมในทวปี ยโุ รปและแอฟริกา ตระหนกั ถึงปญั หาเกี่ยวกับสง่ิ แวดลอ้ ม
ท่เี กิดข้นึ ในทวปี ยโุ รปและแอฟริกา

หลักสตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนหนองยองพิทยาคม รชั มงั คลาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๑
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑

๑๔๘

รหสั ตวั ช้ีวัด
ส ๓.๑ ม.๒/๑, ส ๓.๑ ม.๒/๒, ส ๓.๑ ม.๒/๓, ส ๓.๑ ม.๒/๔
ส ๓.๒ ม.๒/๑, ส ๓.๒ ม.๒/๒, ส ๓.๒ ม.๒/๓, ส ๓.๒ ม.๒/๔
ส ๕.๑ ม.๒/๑, ส ๕.๑ ม.๒/๒
ส ๕.๒ ม.๒/๑, ส ๕.๒ ม.๒/๒, ส ๕.๒ ม.๒/๓, ส ๕.๒ ม.๒/๔

รวม ๑๔ ตัวชี้วัด

คาอธบิ ายรายวิชา
วิชา ประวัติศาสตร์ ๔ รหัสวิชา ส ๒๒๑๐๔ ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ ๒ ภาคเรยี นที่ ๒

หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนหนองยองพทิ ยาคม รชั มงั คลาภเิ ษก พุทธศักราช ๒๕๖๑
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑

๑๔๙

กลุ่มสาระการเรยี นรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เวลา ๒๐ ช่วั โมง จานวน ๐.๕ หนว่ ยกิต

ร่วมอภปิ รายพฒั นาการของอาณาจกั รอยุธยา และธนบรุ ใี นด้านต่างๆ เชน่ การสถาปนาอาณาจกั ร
อยุธยา ปจั จัยทสี่ ่งผลต่อความเจริญรงุ่ เรืองของอาณาจักรอยธุ ยา พัฒนาการของอาณาจกั รอยุธยาในด้าน
การเมอื งการปกครอง สังคม เศรษฐกจิ และความสัมพันธ์ระหวา่ งประเทศ
การเสียกรงุ ศรอี ยุธยาคร้งั ท่ี ๑ และการกูเ้ อกราช ภมู ิปญั ญาและวัฒนธรรมไทยสมยั อยุธยา การเสียกรงุ ศรี
อยธุ ยาครัง้ ที่ ๒ การกู้เอกราชและการสถาปนาอาณาจกั รธนบุรี ภูมปิ ญั ญาและวฒั นธรรมไทยสมัยธนบรุ ี
วีรกรรมของบรรพบุรุษไทย ผลงานของบุคคลสาคัญของไทยและตา่ งชาตทิ ่ีมีส่วนสรา้ งสรรค์ชาติไทย

วิเคราะหพ์ ฒั นาการของอาณาจักรอยุธยา และธนบุรใี นด้านตา่ งๆ ปัจจัยทส่ี ง่ ผลต่อความมั่นคงและ
ความเจริญรงุ่ เรืองของอาณาจักรอยธุ ยา ระบภุ ูมปิ ญั ญาและวัฒนธรรมไทยสมัยอยธุ ยาและธนบุรแี ละอทิ ธพิ ล
ของภมู ิปญั ญาดงั กล่าวตอ่ การพฒั นาชาติไทยในยคุ ต่อมา

แสดงความรสู้ ึกตอ่ เหตกุ ารณ์ทีส่ าคัญ เชน่ การเสียกรงุ ศรอี ยธุ ยาครงั้ ที่ ๑ และครงั้ ที่ ๒ หวงแหนต่อ
ภมู ปิ ัญญาและวัฒนธรรมไทย ช่ืนชมคณุ ความดีของบรรพบุรษุ ไทย

รหสั ตัวชี้วดั
ส ๔.๓ ม.๒/๑, ส ๔.๓ ม.๒/๒, ส ๔.๓ ม.๒/๓

รวม ๓ ตัวชว้ี ดั

หลักสตู รสถานศึกษาโรงเรียนหนองยองพทิ ยาคม รชั มงั คลาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๑
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑

๑๕๐

คาอธิบายรายวิชา
วชิ า สังคมศึกษาฯ ๕ รหัสวิชา ส ๒๓๑๐๑ ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี ๓ ภาคเรยี นที่ ๑
กลุม่ สาระการเรยี นร้สู ังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เวลา ๖๐ ชั่วโมง จานวน ๑.๕ หนว่ ยกิต

สาระที่ ๑ ศาสนา ศลี ธรรม จรยิ ธรรม
รู้และเข้าใจการเผยแผ่พระพุทธศาสนาเข้าสูป่ ระเทศตา่ งๆ ทั่วโลกและการนับถือพระพุทธศาสนาของ

ประเทศเหลา่ น้นั ในปจั จบุ นั อภปิ รายความสาคัญของพระพทุ ธศาสนาหรอื ศาสนาทต่ี นนบั ถือกับปรัชญาของ
เศรษฐกิจพอเพยี งและการพฒั นาอยา่ งยั่งยืน ศกึ ษาพุทธประวตั จิ ากพระพทุ ธรปู ปางต่างๆ อธิบายสังฆคุณและ
ขอ้ ธรรมสาคญั ในกรอบอริยสัจ ๔ รู้และเขา้ ใจวิธีปฏิบัติและประโยชน์ของการบรหิ ารจติ และเจริญปญั ญา
อธิบายประวัตวิ ันสาคญั ทางศาสนาตามท่กี าหนดและปฏบิ ตั ิตนไดถ้ กู ต้อง

วเิ คราะห์ความสาคญั ของพระพุทธศาสนา หรือศาสนาที่ตนนบั ถอื ในฐานะที่ชว่ ยสร้างสรรค์อารย
ธรรมและความสงบสขุ แกโ่ ลก สรุปและวิเคราะห์พทุ ธประวตั ิ วิเคราะหแ์ ละประพฤติตนตามแบบอย่างการ
ดาเนินชวี ติ และข้อคิดจากประวตั สิ าวก ชาดก/เรอื่ งเลา่ และศาสนิกชนตวั อย่าง ฝึกการบริหารจิตและเจรญิ
ปญั ญาตามหลักสติปฎั ฐานเนน้ อานาปานสติ วเิ คราะหค์ วามแตกต่างของวถิ ีการดาเนินชีวิตของศาสนิกชนใน
ศาสนาอื่นๆ วิเคราะห์หนา้ ทแ่ี ละบทบาทของสาวก และปฏิบัตติ นตอ่ สาวกไดถ้ ูกต้อง ปฏบิ ตั ิตนอย่างเหมาะสม
ต่อบคุ คลต่างๆ ตามหลักศาสนา ปฏบิ ตั หิ น้าทขี่ องศาสนกิ ชนทด่ี ี ปฏิบตั ิตนในศาสนพิธีพิธกี รรมได้ถกู ตอ้ ง
นาเสนอแนวทางในการธารงรกั ษาศาสนาทต่ี นนับถือ

เห็นคุณค่าการปฏิบตั ิตนตามหลกั ธรรมในการพัฒนาตนเพอื่ เตรยี มพร้อมสาหรับการทางานและการมี
ครอบครัว เห็นคุณคา่ ของการพัฒนาจติ เพื่อการเรียนรู้และดาเนนิ ชีวติ ด้วยวิธคี ิดแบบโยนโิ สมนสกิ ารคือ วธิ ีคดิ
แบบอริยสจั และวธิ ีคิดแบบสืบสาวเหตปุ จั จัย ยอมรับวถิ ีการดาเนินชวี ิตของศาสนกิ ชนในศาสนาอนื่ ๆ มีความ
ตระหนกั ในการประพฤติปฏบิ ัตใิ นวนั ธรรมสวนะและเทศกาลสาคัญ มจี ิตสานึกในดา้ นการบารงุ รักษาวัดและ
พทุ ธสถานใหเ้ กิดประโยชน์

สาระที่ ๒ หนา้ ท่ีพลเมือง วัฒนธรรม และการดาเนนิ ชวี ติ ในสงั คม
อธบิ ายความแตกต่างของการกระทาความผิดระหวา่ งคดีอาญาและคดแี พง่ อธิบายความหมายและ

ความสาคญั ของสทิ ธมิ นษุ ยชนร้แู ละเขา้ ใจความสาคญั ของวัฒนธรรมไทย ภูมิปัญญาไทยและวฒั นธรรมสากล

หลักสตู รสถานศึกษาโรงเรยี นหนองยองพทิ ยาคม รัชมงั คลาภิเษก พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๑
ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑


Click to View FlipBook Version