คมู่ อื ปฏบิ ตั งิ านคลนิ กิ ใหค้ ำปรกึ ษาดา้ นจติ สงั คมในศาลจงั หวดั ธญั บรุ ี ๒๙๖
ผ้ใู หค้ ำปรกึ ษา พูดคยุ จุดประกายความคดิ แม้ศาลจะไม่มีหน้าที่โดยตรง แต่การ
ร่วมแลกเปล่ยี นประสบการณ์ ทำหนา้ ทเี่ ปน็ ช่วยเหลือกันในฐานะเพื่อนมนุษย์ ให้ได้รับ
พี่เล้ยี งให้แก่ประชาชนทตี่ อ้ งผา่ นเข้ามาใน การช่วยเหลือเยียวทางจิตใจในขณะมีความ
ระบบศาล ทุกข์เป็นเร่ืองที่มนุษยชาติพึ่งกระทำต่อกัน
ไม่วา่ ช่วงใดของชีวติ .
“การชว่ ยเหลอื ใครสกั คนใหห้ ลดุ พน้ จากความทกุ ข์ อาจชว่ ยลดปญั หา
ครอบครวั สง่ ผลเปน็ ความสุขใหแ้ กใ่ ครอกี หลายคนทคี่ าดไม่ถงึ หรอื อาจชว่ ยลด
อาชญากรหรอื อาชญากรรมท่ีสง่ ผลรา้ ยแรงในอนาคตกเ็ ปน็ ได้ สงั คมยอ่ มไดร้ บั
ประโยชนเ์ ปน็ ความสขุ ”
ชว่ งเวลาท่คี วรใหค้ ำปรึกษาหากทำทันที สง่ิ แวดลอ้ ม ให้ได้เรียนรู้ มที ศั นคติใหม่ ๆ
ตงั้ แต่ผู้ตอ้ งหาหรอื จำเลยไดร้ บั การปลอ่ ยตวั สำหรับนำไปใช้ประกอบการตดั สินใจ
ชัว่ คราว ก็จะทำให้ได้รบั ประโยชน์สงู สดุ แก้ปัญหาและพัฒนาตนเองในดา้ นตา่ ง ๆ
เพราะความเครยี ดในระดับหน่งึ จะส่งผลให้ แนวคดิ และทฤษฎกี ารให้คำปรกึ ษามีความ
บคุ คลมแี รงจงู ใจเพื่อการปรับเปลี่ยน หลากหลาย บางกลุม่ เนน้ อารมณแ์ ละ
พฤตกิ รรมได้เปน็ ผลสำเรจ็ ย่งิ กว่าภาวะปกติ ความรสู้ ึก บางกลมุ่ เนน้ ความคิดและเหตุผล
ทั้งยังเปน็ การสนับสนนุ ใหก้ ารบังคบั ใช้ หรอื บางกลุ่มเนน้ การเปลย่ี นแปลง
พระราชบัญญัตมิ าตรการกำกบั และตดิ ตาม พฤติกรรม การจะใช้ทฤษฎใี ดนน้ั กค็ วรดู
จับกุมผูห้ ลบหนีการปลอ่ ยช่วั คราวโดยศาล ลกั ษณะของผรู้ บั คำปรกึ ษาเป็นหลกั วา่ มี
พ.ศ. ๒๕๖๐ ได้อย่างเต็มประสทิ ธภิ าพ บุคลกิ ภาพโนม้ เอียงไปทางใด ตอ้ งสง่ เสรมิ
แรงจูงใจอย่างไร ขึน้ อยู่กบั สภาพปญั หา
ส่วนการให้คำปรึกษานัน้ มที ฤษฎกี ารให้ เฉพาะราย จึงไม่อาจที่จะใช้ทฤษฎีใดเป็น
คำปรกึ ษาหลากหลายทงั้ แบบนำทางและไม่ การเฉพาะเจาะจง แต่ควรปรบั ให้เหมาะสม
นำทาง แตม่ ีวัตถุประสงค์อย่างเดยี วกนั คือ กับบริบทของผู้รบั คำปรกึ ษารายนน้ั ๆ
เพอ่ื ช่วยผู้รบั บริการให้เข้าใจตนเองและ
๘.คำถามคา ใจกบั คลนิ กิ ใหค้ ำปรกึ ษาดา้ นจติ สงั คมในระบบศาล
คมู่ อื ปฏบิ ตั งิ านคลนิ กิ ใหค้ ำปรกึ ษาดา้ นจติ สงั คมในศาลจงั หวดั ธัญบรุ ี ๒๙๗
ดงั โคลงโลกนิติ ว่า .....
“พระสมุทรสุดลกึ ลน้ คณนา สายดง่ิ ทง้ิ ทอดมาหยงั่ ได้
เขาสงู อาจวดั วา กำหนด จติ มนษุ ยน์ ี้ไซร้ ยากแทห้ ยงั่ ถงึ ”
**คลนิ กิ ใหค้ ำปรกึ ษาดา้ นจติ สงั คม**
เปน็ ประโยชนม์ ากแกป่ ระชาชนทต่ี อ้ งพงึ่ พาและผา่ นเขา้ มาในระบบศาล
คำถามว่า ในระบบศาลจำเปน็ ตอ้ งมคี ลนิ กิ ใหค้ ำปรกึ ษาดา้ นจติ สงั คม
หรอื ไม?่ เป็นเร่ืองนานาจิตตงั ขอให้แตล่ ะทา่ นชว่ ยกนั ตอบด้วยหัวใจอนั บรสิ ุทธนิ์ า่ จะ
เปน็ การดที ่สี ุด.
๘.คำถามคา ใจกบั คลนิ กิ ใหค้ ำปรกึ ษาดา้ นจติ สงั คมในระบบศาล
คมู่ อื ปฏบิ ตั งิ านคลนิ กิ ใหค้ ำปรกึ ษาดา้ นจติ สงั คมในศาลจงั หวดั ธญั บรุ ี ๒๙๘
๙
เทคนคิ การใหค้ ำปรึกษา (Techniques in Counseling)
ผพู้ พิ ากษาประจำคลนิ กิ ใหค้ ำปรกึ ษา รวบรวม
การให้คำปรึกษาเป็นกระบวนการให้ความช่วยเหลือ โดยการสื่อสารทางวาจาและ
ท่าทางดว้ ยการใชเ้ ทคนิคต่างๆ ในการสร้างความสัมพนั ธ์ ซ่ึงเกิดจากสมั พันธภาพของบุคคลอย่าง
น้อย ๒ คน คือ ผู้ให้คำปรึกษาและผู้รับคำปรึกษา เพ่ือช่วยให้ผู้รับคำปรึกษาเปลี่ยนแปลง
ทัศนคติและพฤติกรรม เข้าใจปัญหาความยุ่งยากต่าง ๆ ของตนเองตามสภาพการณ์ที่เป็นจริง
รจู้ กั คิดและตัดสินใจด้วยตนเองอยา่ งถูกต้อง สามารถจดั การกับปัญหาได้อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ
เทคนิคการให้คำปรึกษา ถือเป็นเคร่ืองมือสำคัญในสร้างความไว้วางใจ ช่วยให้ผู้รับ
คำปรึกษามีทัศนคติท่ีดีต่อการปรึกษา และช่วยให้ผู้รับคำปรึกษาสำรวจและเข้าใจตนเอง เข้าใจ
ปัญหา สาเหตุของปัญหา เข้าใจสิ่งแวดล้อม มีทักษะในการตัดสินใจ แสวงหาแนวทาง
ปรับเปล่ียนความคิด ความรู้สึก และพฤติกรรมด้วยตนเอง จนสามารถพัฒนาไปสู่เป้าหมาย
ที่ต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อการมีชีวิตท่ีมีความสุข ท้ังนี้ระเบียบข้อ ๑๙ และข้อ ๓๓
ก าร ให้ ค ำ ป รึ ก ษ า ใน ร ะ บ บ ศ าล ใช้ ก ร ะ บ ว น ก าร สั ม ภ าษ ณ์ เพื่ อ ส ร้ าง แ ร ง จู ง ใจ ( Motivational
Interviewing) ให้เปล่ียนแปลงพฤติกรรม โดยมุ่งเน้นให้ผู้รับคำปรึกษามีทัศนคติ ค่านิยมที่
เหมาะกับชว่ งวกิ ฤติของชวี ติ และมโี อกาสเลือกแนวทางการดำเนินชวี ิตท่ถี ูกตอ้ ง
คณะกรรมการบริหารงานคลินกิ จึงไดร้ วบรวมเอกสารเกยี่ วกับเทคนคิ การให้
คำปรึกษาไว้ ๔ เร่ือง เพอ่ื ผใู้ หค้ ำปรึกษาไดม้ โี อกาสศกึ ษาและทดลองฝกึ ปฏบิ ัตดิ ว้ ยตนเอง
ขอขอบคุณเจา้ ของหนังสอื ท่ีเผยแพร่ผลงาน ณ โอกาสน้ี คือ
๑. การสมั ภาษณ์เพ่ือเสรมิ สรา้ งแรงจงู ใจ Motivational Interviewing (MI) ของ
สถาบนั สขุ ภาพจิตเด็กและวัยรนุ่ ราชนครนิ ทร์ สืบคน้ หาจากเว็บไซต์
https://online.pubhtml5.com/kagm/wwtx/#p=23
๒. เอกสารการสมั ภาษณ์เพือ่ เสริมสรา้ งแรง จูงใจ (Motivational Interviewing &
Motivational Enhancement Therapy : MI&MET) ของนางนฤมล อารยะพิพฒั น์ พยาบาล
วชิ าชพี ชำนาญการพิเศษ โรงพยาบาลธญั รกั ษข์ อนแกน่ สบื ค้นจาก
http://www.tyrkk.go.th/center/media/kunena/attachments/583/MotivationalInterviewing.pdf
๙.เทคนคิ การใหค้ ำปรกึ ษา (Techniques in Counseling)
คมู่ อื ปฏบิ ตั งิ านคลนิ กิ ใหค้ ำปรกึ ษาดา้ นจติ สงั คมในศาลจงั หวดั ธญั บรุ ี ๒๙๙
๓. ทกั ษะเบอื้ งต้นของการปรึกษาเชงิ จิตวิทยา ในหนงั สอื การใหค้ ำปรึกษา ของ
สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร และสมาคมแนะแนวแห่ง
ประเทศไทย สบื คน้ จาก http://www.sesalpglpn.go.th/wp-content/uploads/2019/06/manual-
consultation.pdf
๔. การฝกึ ปฏบิ ัติเทคนคิ การใหค้ ำปรกึ ษาจากตำราเทคนิคการใหค้ ำปรกึ ษา
Techniques in Counseling PC 328 (H) เขยี นโดยรองศาสตราจารย์ ดร.นวลศิริ เปาโรหิตย์
ภาควชิ าจติ วิทยา คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั รามคำแหง สืบค้นจาก http://old-
book.ru.ac.th/e-book/inside/html/dlbook.asp?code=PC328(H)
๙.เทคนคิ การใหค้ ำปรกึ ษา (Techniques in Counseling)
300
๙.เทคนคิ การให้คาํ ปรึกษา (Techniques in Counseling)
301
๙.เทคนคิ การให้คาํ ปรึกษา (Techniques in Counseling)
302
๙.เทคนคิ การให้คาํ ปรึกษา (Techniques in Counseling)
303
๙.เทคนคิ การให้คาํ ปรึกษา (Techniques in Counseling)
304
๙.เทคนคิ การให้คาํ ปรึกษา (Techniques in Counseling)
305
๙.เทคนคิ การให้คาํ ปรึกษา (Techniques in Counseling)
306
๙.เทคนคิ การให้คาํ ปรึกษา (Techniques in Counseling)
307
๙.เทคนคิ การให้คาํ ปรึกษา (Techniques in Counseling)
308
๙.เทคนคิ การให้คาํ ปรึกษา (Techniques in Counseling)
309
๙.เทคนคิ การให้คาํ ปรึกษา (Techniques in Counseling)
310
๙.เทคนคิ การให้คาํ ปรึกษา (Techniques in Counseling)
311
๙.เทคนคิ การให้คาํ ปรึกษา (Techniques in Counseling)
312
Motivational Interviewing MI)
:
(Motivational Interviewing & Motivational Enhancement Therapy : MI&MET)
MI
Miller & Rollniek (1991)
Health Promotion
Obj
๙.เทคนคิ การใหค้ าํ ปรึกษา (Techniques in Counseling)
313
MI
MI
Express Empathy)
Develop Diserepancy)
Self Awareness
Avoid Argeementation)
๙.เทคนคิ การใหค้ าํ ปรกึ ษา (Techniques in Counseling)
MI 314
Self Efficacy) Roll with Resistance)
(Support
1) Stage of Change)
2) Motivational Interviewing)
3)
Statements-SMS) Self-Motivational
4)
Therapy- MET) Motivational Enhancement
๙.เทคนคิ การใหค้ ําปรึกษา (Techniques in Counseling)
315
Motivational Interviewing-MI)
Miller & Rollnick
Stage of Change Prochaska & DiClemente
MI Client-
centered counseling
Self Perception Theory
As I hear myself talk, I learn
MI
OARS
Open-ended questioning)
Affirmation)
Reflective listening)
Summarization)
๙.เทคนคิ การให้คําปรกึ ษา (Techniques in Counseling)
316
MI
Self-Motivational Statement (SMS)
๙.เทคนคิ การใหค้ าํ ปรกึ ษา (Techniques in Counseling)
317
Problem Recognition Concern
Self-Motivational Statement
(SMS)
Intention to change Optimism for change
Problem Recognition Concern
Self-Motivational Statement (SMS)
Intention to change Optimism for change
๙.เทคนิคการให้คาํ ปรึกษา (Techniques in Counseling)
318
Problem Recognition Concern
Self-Motivational Statement (SMS)
Intention to change Optimism for change
Problem Recognition Concern
Self-Motivational Statement
(SMS)
Intention to change Optimism for change
๙.เทคนคิ การใหค้ ําปรึกษา (Techniques in Counseling)
319
Problem Recognition Concern
Self-Motivational Statement
(SMS)
Intention to change Optimism for change
๙.เทคนิคการใหค้ าํ ปรกึ ษา (Techniques in Counseling)
320
Evocative Questions
Problem Recognition Concern
Self-Motivational Statement
(SMS)
Intention to change Optimism for change
SMS
๙.เทคนิคการใหค้ ําปรกึ ษา (Techniques in Counseling)
321
Problem Recognition
Concern
๙.เทคนิคการใหค้ าํ ปรึกษา (Techniques in Counseling)
322
Intention to change
Optimism for change
๙.เทคนิคการให้คาํ ปรึกษา (Techniques in Counseling)
323
Exploring Pros and Cons
-
Pros and Cons
๙.เทคนคิ การใหค้ าํ ปรกึ ษา (Techniques in Counseling)
324
Elaboration
-
SMS
๙.เทคนคิ การให้คาํ ปรกึ ษา (Techniques in Counseling)
325
Imagining
๙.เทคนิคการใหค้ ําปรกึ ษา (Techniques in Counseling)
326
Looking Forward
๙.เทคนคิ การให้คําปรึกษา (Techniques in Counseling)
327
Looking Back
๙.เทคนิคการใหค้ าํ ปรึกษา (Techniques in Counseling)
328
Exploring Goals
๙.เทคนคิ การให้คาํ ปรึกษา (Techniques in Counseling)
329
Paradoxical Challenge
๙.เทคนคิ การให้คําปรกึ ษา (Techniques in Counseling)
330
Motivational Enhancement Therapy-MET)
MET
>
MET
Brief Intervention : BI)
6
FRAMES
FRAMES
Feedback
Responsibility
Advice
Menu
Empathy
Self-efficacy
๙.เทคนิคการใหค้ าํ ปรึกษา (Techniques in Counseling)
331
FRAMES
Feedback
SGOT/SGPT, GGT, Bilirubin,
MCV
FRAMES
Responsibility
๙.เทคนคิ การใหค้ ําปรกึ ษา (Techniques in Counseling)
332
FRAMES
Advice
Dependence)
FRAMES
Menu
Self-Help group)
๙.เทคนคิ การใหค้ าํ ปรกึ ษา (Techniques in Counseling)
333
FRAMES
Empathy
FRAMES
Self-efficacy
๙.เทคนิคการให้คําปรกึ ษา (Techniques in Counseling)
334
MI
Plan
Plan
๙.เทคนิคการใหค้ าํ ปรกึ ษา (Techniques in Counseling)
335
การใหค้ ำปรึกษา
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พื้นฐาน
สมาคมแนะแนวแหง่ ประเทศไทย
กระทรวงศึกษาธิการ
๙.เทคนิคการใหค้ าํ ปรกึ ษา (Techniques in Counseling)
20 การใหคำปรึกษา 336
ทักษะเบือ้ งตน้ ของการปรึกษาเชิงจิตวิทยา
2
บทที่
ทักษะการปรึกษาเชิงจิตวิทยา คือ ความสามารถหรือความชำนาญในการส่ือสาร
ท้ังการใช้ภาษาท่าทางและภาษาพูดซึ่งเปนเครื่องมือสำคัญของผู้ให้การปรึกษาในการช่วยเหลือบุคคล
ท่มี ีความทกุ ขห์ รือผู้รับการปรึกษาให้
• ไวว้ างใจและมีทศั นคตทิ ดี่ ตี ่อผูใ้ หก้ ารปรกึ ษาและการปรกึ ษาเชิงจติ วทิ ยา
• เขา้ ใจปญหา สาเหตขุ องปญหา และความต้องการของตัวเอง
• แสวงหาแนวทางการปรบั เปลย่ี นการคดิ การรสู้ กึ และการปฏบิ ตั ติ นเพอ่ื ใหม้ ชี วี ติ ทด่ี ขี น้ึ
ทักษะการปรึกษาท่ีเปนทักษะพื้นฐานเบ้ืองต้นในการปรึกษาเชิงจิตวิทยา ประกอบด้วย
ทักษะตอ่ ไปน้ี
1.
ทกั ษะการใส่ใจ
(Attending
Skill)
การใส่ใจ เปนพฤติกรรมของผู้ให้การปรึกษาท่ีแสดงออกด้วยภาษาพูด หรือภาษา
ทา่ ทางทบี่ ง่ บอกถงึ ความกระตอื รอื รน้ ทจ่ี ะชว่ ยเหลอื ผรู้ บั การปรกึ ษาโดยการแสดงความสนใจ การเหน็
ความสำคัญ และการให้เกียรติ เพ่ือช่วยให้ผู้รับการปรึกษาเกิดความอบอุ่นใจและไม่รู้สึกห่างเหิน
โดยมวี ตั ถุประสงค์ เพื่อ
1. แสดงความสนใจเหน็ ความสำคญั และใหเ้ กยี รตผิ รู้ บั การปรึกษา
2. แสดงความกระตอื รอื รน้ ท่ีจะใหค้ วามช่วยเหลอื
3. ชว่ ยเพมิ่ ความอบอุ่นใจใหผ้ รู้ ับการปรกึ ษา
การใส่ใจ สามารถแสดงออกด้วยภาษาพูดและภาษาท่าทาง ซึ่งภาษาท่าทาง
ประกอบดว้ ย การประสานสายตาและการแสดงออก
1) ประสานสายตากับผู้รับการปรึกษา แต่ไม่ควรจ้องมองมากเกินไป เพราะ
จะทำใหผ้ รู้ ับการปรึกษารสู้ ึกอดึ อดั ได้
2) การแสดงออกทางสีหน้า ทา่ ทาง การเคล่ือนไหวและระยะหา่ ง ดงั รายละเอียด
ต่อไปน้ี
• การแสดงออกทางสีหน้าที่อบอุ่นเปนมิตรและสอดรับกับเร่ืองราวของผู้รับ
การปรกึ ษา
๙.เทคนิคการใหค้ าํ ปรกึ ษา (Techniques in Counseling)
การใหคำปรกึ ษา 33721
• การโน้มตัวเข้าหาผู้รับการปรึกษาเล็กน้อย เปนการแสดงความต้ังใจ
และใสใ่ จ
• การแสดงออกทางสีหน้าและท่าทางท่ีมีความสอดคล้องกับเร่ืองราวของ
ผรู้ ับการปรกึ ษา
• การนัง่ หรอื ยนื ให้มรี ะยะห่างระหวา่ งผ้ใู หแ้ ละผู้รบั การปรึกษาท่พี อเหมาะ
แนวทางปฏิบตั ิ
1. ขณะฟงควรประสานสายตากับผู้รับการปรึกษาและอาจผงกศีรษะรับคำตาม
ความเหมาะสม
2. ตอบรบั สน้ั ๆ หลงั จากผู้รับคำปรกึ ษาพดู จบ เชน่ “ครบั ค่ะ อมื ” หรอื พูดซ้ำ
ประโยคทผี่ ู้รับการปรึกษากล่าวไว้
3. ใชค้ ำพดู ท่สี มั พันธก์ บั คำพดู ของผู้รับการปรกึ ษาโดยไม่ขดั จงั หวะ
4. น่ังโนม้ ตัวไปข้างหนา้ พอสมควรและมที ่าทีผอ่ นคลาย
2.
ทกั ษะการนำ
(Leading
Skill)
การนำ เปนการท่ีผู้ให้การปรึกษาพูดนำผู้รับการปรึกษาไปในทิศทางท่ีผู้ให้
การปรึกษาคิดว่าจะทำให้ผู้รับการปรึกษาได้ประโยชน์สูงสุดในการมาขอรับการปรึกษา โดยมี
วตั ถปุ ระสงค์ เพ่ือ
1. กระตนุ้ ใหผ้ รู้ บั การปรกึ ษากลา้ ทจ่ี ะพูดคยุ มากขน้ึ
2. เปด ประเดน็ ปญหาของผู้รบั การปรึกษา
3. ให้ผู้รับการปรึกษาเลือกประเด็นปญหาที่ตอ้ งการปรกึ ษา
4. กระตนุ้ ใหผ้ รู้ บั การปรกึ ษาสำรวจปญ หาและนำเสนอความรสู้ กึ ของตวั เองมากขน้ึ
แนวทางปฏบิ ตั
ิ
1. กำหนดวัตถุประสงค์ของการนำให้ชัดเจน ว่าต้องการนำโดยให้อิสระแก่ผู้รับ
การปรกึ ษาในการพูดถึงเรอื่ งใดเร่อื งหนง่ึ ตามท่เี ขาต้องการ หรือต้องการนำในประเดน็ ใดประเด็นหนง่ึ
เปนการเฉพาะเจาะจง
2. ใชป้ ระโยคบอกเล่า เพอ่ื กระตนุ้ ใหผ้ ู้รบั การปรกึ ษาพูด
3. ใช้ประโยคคำถาม เพื่อให้ผู้รับการปรึกษาแสดงความรู้สึก ความคิดเห็นหรือ
รายละเอียดอน่ื ๆ เพิ่มเติม
๙.เทคนคิ การให้คําปรกึ ษา (Techniques in Counseling)
22 การใหค ำปรกึ ษา 338
ตวั อยา่ ง
การนำดว้ ยการใช้ประโยคบอกเลา่
“หนูจะเริ่มตนเลา สาเหตุของการท่หี นูมาพบครใู นตอนนไ้ี ดเ ลยนะ”
“ขอรายละเอียดเก่ียวกับเรื่อง……….เพิ่มเตมิ อกี สกั หนอ ยซ”ิ
“เม่อื กี้หนูพูดวา ……”
“ลองยกตวั อยางการกระทำของแมท่ที ำใหเธอรูส กึ เสียใจสัก 1-2 ตัวอยา งซคิ รบั ”
การนำด้วยการถาม
“วันนี้หนูอยากคยุ เร่ืองอะไรคะ”
“เราจะเร่ิมท่เี รือ่ งไหนกอ นดี ”
“มีอะไรอกี ไหมท่หี นอู ยากพูดถึง”
“เธอบอกวามีเรื่องกังวลอยูหลายเร่ือง แลวเร่ืองไหนที่เธอกังวลมากท่ีสุดและ
อยากพดู ถงึ กอนเปน อันดับแรก”
3.
ทักษะการฟง
(Listening
Skill)
การฟง เปน การรับร้คู วามรู้สึก ความคดิ และเร่ืองราวของผูร้ ับการปรกึ ษาด้วยความ
สนใจใสใ่ จ โดยแสดงออกดว้ ยภาษาท่าทางหรือคำพดู มวี ัตถปุ ระสงค์ เพ่ือ
1. ทำความเข้าใจความรูส้ ึก ความคดิ และเรอ่ื งราวของผูร้ บั การปรึกษา
2. รวบรวมข้อมูลของผู้รับการปรึกษาเพื่อสะท้อนให้เขาเข้าใจตนเองและหา
แนวทางแกไ้ ขปญ หาไดอ้ ย่างเหมาะสมดว้ ยตนเอง
แนวทางปฏิบตั
ิ
1. แสดงความใสใ่ จด้วยภาษาท่าทาง เช่น มองหน้า สบตา ผงกศีรษะรบั คำ
2. สงั เกตสีหนา้ ท่าทาง น้ำเสียงของผู้รบั การปรึกษา
3. ตอบรับสนั้ ๆ เชน่ อมื ค่ะ ครับ
4. พยายามทำความเขา้ ใจในส่งิ ทีผ่ ู้รับการปรึกษาเล่าและแสดงออก
5. ไมร่ ีบตคี วาม ตัดสินหรอื สรปุ เร่อื งราวที่ฟงก่อนท่ผี รู้ ับการปรกึ ษาจะเล่าเร่ืองจบ
6. ไม่โน้มนา้ ว ขดั แย้ง หรือแนะนำผ้รู ับการปรึกษา
7. คดิ ตาม จับประเดน็ สำคญั ของเรือ่ งราวที่ผรู้ ับการปรึกษาเล่า
4.
ทกั ษะการถาม
(Question
Skill)
การถาม เปนการให้ผู้รับการปรึกษาได้เล่าเรื่องราวที่ต้องการปรึกษา รวมทั้ง
ความรู้สึกนึกคิดตลอดจนความเชื่อ การถามแบ่งเปน การถามเปด และถามปด โดยถามเปด
เม่ือต้องการให้ผู้รับการปรึกษาได้พูด เล่าความรู้สึกหรือเรื่องราวของเขาอย่างอิสระมักจะลงท้าย
ประโยคด้วย “อะไร อย่างไร” และถามปด เม่ือต้องการคำตอบสั้นและเฉพาะเจาะจงมักจะลงท้าย
๙.เทคนิคการใหค้ าํ ปรกึ ษา (Techniques in Counseling)
การใหค ำปรึกษา 33923
ประโยคดว้ ย “ไหม” “เหรอ” “หรอื ไม่” “หรือยงั ” “รึเปลา่ ” การถามมีวัตถุประสงค์ เพอื่
1. ให้โอกาสผู้รับการปรึกษาได้บอกถึงความรู้สึกและเร่ืองราวต่าง ๆ ท่ีต้องการ
จะปรกึ ษา
2. ใหผ้ รู้ บั การปรกึ ษาไดส้ ำรวจและคดิ ถงึ เรอ่ื งราวของตนเอง เพอ่ื เขา้ ใจตนเองมากขน้ึ
3. ให้ได้ข้อมลู แนวทางแกไ้ ขปญหา และแผนการแก้ไขปญหา
แนวทางปฏบิ ัต
ิ
1. กำหนดวัตถุประสงค์ของการถามว่าต้องการข้อมูลแบบใดจากผู้รับการปรึกษา
โดยทั่วไปแล้วผู้ให้การปรึกษาควรใช้การถามเปด เพ่ือให้ผู้รับการปรึกษาได้ตอบตามที่ต้องการ
อย่างเตม็ ทแ่ี ละไม่รสู้ กึ ว่าถูกซกั ถามมากเกนิ ไปจากการใชค้ ำถามปด
2. สังเกตและฟงอย่างต้ังใจ หลังจากนั้นสรุปหรือทวนซ้ำประเด็นของข้อมูลและ
รายละเอียดทผี่ รู้ ับการปรกึ ษาบอกกอ่ นแลว้ จึงตง้ั คำถาม
3. เมื่อถามแล้วให้ฟงคำตอบของผู้รับการปรึกษาอย่างใส่ใจ เพ่ือรวบรวมข้อมูล
ของผรู้ บั การปรึกษาไว้
4. ไม่ควรถามบ่อยเกินไปเพราะอาจทำให้ผู้รับการปรึกษารำคาญและต่อต้าน
การให้การปรกึ ษาได้
5. หลีกเลี่ยงการถามด้วยคำถาม “ทำไม” เพราะมักจะทำให้ผู้รับการปรึกษารู้สึก
วา่ ตนเองผดิ และคิดหาคำตอบที่เหมอื นเปนการแกต้ ัว
การถามปด
การถามเปด
“วนั นเ้ี ราคยุ กันเร่อื งเรียนของหนูกอ่ นดีไหม” “วนั นห้ี นอู ยากคุยเรอื่ งอะไร”
“หลงั จากคยุ กันคร้ังก่อนหนไู ด้ทำ…แล้วหรือยัง” “หลงั จากคุยกันวันก่อนหนทู ำอะไรไปบา้ งแลว้ ”
“เธอไม่ชอบเขาเหรอ” “เธอรู้สึกอยา่ งไรกบั เขา”
“เธอไมต่ อ้ งการให้เขาทำแบบน้นั ใช่ไหม” “เธอตอ้ งการให้เขาทำอย่างไร”
ตวั อย่าง
ตัวอย่างการถามคำถาม
“ทำไม”
นักเรยี น : ผมโกรธมากจนทนไมไ หวผมก็เลยผลกั เขาลมลง
ครู : ทำไมเธอไมเดินหนีไป (เธอเปนคนผิดที่ไมหาวิธีแกปญหาอยางอ่ืน
ท่ีสรางสรรค)
นักเรียน : ......ก็เขาแกลง ผม เขา…..............(แกตัว)
๙.เทคนคิ การให้คาํ ปรกึ ษา (Techniques in Counseling)
24 การใหคำปรกึ ษา 340
5.
ทักษะการเงียบ
(Silence
Skill)
การเงยี บ เปน ชว่ งระยะเวลาระหวา่ งการปรกึ ษาทไี่ มม่ กี ารสอื่ สารดว้ ยวาจา ระหวา่ งผู้
ให้กับผรู้ ับการปรกึ ษา แต่ยงั คงมกี ารส่อื สารทางอารมณ์และความรสู้ กึ อยู่ โดยมวี ตั ถปุ ระสงค์ เพอ่ื
1. ให้ผู้รับการปรึกษาได้คิดทบทวนเรื่องราวของตัวเองและทำความเข้าใจในส่ิงที่
เขาพดู หรือรสู้ กึ
2. ใหผ้ รู้ บั การปรกึ ษาไดห้ ยดุ พกั หลงั จากแสดงอารมณโ์ กรธ เสยี ใจ เชน่ รอ้ งไห้ ฯลฯ
3. แสดงความใส่ใจ ร่วมรับรู้ และเข้าใจในอารมณ์และความรู้สึกของผู้รับ
การปรกึ ษาทเ่ี กดิ ขึ้นในขณะน้นั
แนวทางปฏิบตั ิ
1. เมอ่ื ผรู้ บั การปรกึ ษานงิ่ เงยี บผใู้ หก้ ารปรกึ ษาควรประเมนิ วา่ เงยี บ เพราะสาเหตใุ ด
เชน่
• เศร้าสะเทือนใจจนพดู ตอ่ ไปไมไ่ ด้
• เหน่อื ยจากการรอ้ งไห้หรือระบายความรู้สึกทร่ี นุ แรง
• คิดทบทวนเร่อื งราวของตัวเอง
• จบประเดน็ หรอื เรอ่ื งราวนั้น ๆ แลว้ หรือกำลังคดิ ถึงเรือ่ งทีจ่ ะพูดตอ่ ไป
ซึ่งเหตุผลดังกล่าวเปนการเงียบท่ีจะเปนประโยชน์ต่อการให้การปรึกษา ดังนั้น
ผู้ให้การปรึกษาไม่ควรรบกวนความเงียบนั้น ควรรอจนกระทั่งผู้รับการปรึกษาพร้อมที่จะพูดต่อไป
ซ่ึงอาจใช้เวลาในการรอคอย 5-10 วินาที หากผู้รับการปรึกษาเงียบนานพอสมควรแล้วและไม่พูดต่อ
ผใู้ ห้คำปรึกษาอาจจะ
• พดู ให้กำลงั ใจหรอื แสดงความเขา้ ใจเห็นใจ เชน่ “ครคู ดิ วาครูเขา ใจความรสู ึก
ของหนู”
• สะท้อนเน้ือหาและความรู้สึกของผู้รับการปรึกษาเกี่ยวกับสิ่งท่ีกำลังพูดถึง
กอ่ นทจ่ี ะมีการเงยี บเกดิ ขน้ึ เชน่ “เธอนอยใจและกผ็ ิดหวังที่พอ ทำอยางนน้ั ”
• ถามถงึ ความหมายของการเงยี บ โดยสรปุ เนอ้ื หาทพ่ี ดู ถงึ กอ่ นทผ่ี รู้ บั การปรกึ ษา
จะเงียบไป เช่น “พอเราคุยกันถึงเรื่อง…..เธอก็เงียบไปครูไมแนใจวา
ท่ีเธอเงยี บไปน่มี ันหมายถงึ อะไร”
• ถามถึงความรู้สึกของผู้รับการปรึกษาในขณะท่ีเงียบ โดยสรุปเน้ือหาที่พูดถึง
ก่อนที่ผู้รับการปรึกษาจะเงียบไป เช่น “เม่ือก้ีเราพูดกันถึงเร่ือง…..แลวหนู
ก็เงยี บไปตอนน้ีหนกู ำลังรูส กึ อยางไรอยูเ หรอ”
๙.เทคนคิ การให้คําปรึกษา (Techniques in Counseling)
การใหคำปรกึ ษา 34125
หากผู้ให้การปรึกษาพิจารณาแล้วเห็นวา่ การท่ีผู้รับการปรึกษาเงียบไปนานน้ัน
อาจมีสาเหตมุ าจาก
• ต่อต้านการมาพบผู้ให้การปรึกษาเพราะถูกบังคับให้มา ผู้ให้การปรึกษา
ควรแสดงความเข้าใจ เห็นใจ และพูดถึงความตั้งใจ ความใส่ใจ และเต็มใจ
ท่ีจะช่วยเหลือผู้รับการปรึกษา รวมทั้งหลักการ วิธีการ และประโยชน์ของ
การใหก้ ารปรกึ ษาเพอื่ ชว่ ยใหผ้ รู้ บั การปรกึ ษาเกดิ ทศั นคตทิ ด่ี ตี อ่ การถกู เชญิ พบ
และประโยชนท์ ่เี ขาจะได้รบั จากการรับการปรึกษา เช่น
“ครูคิดวาครูเขาใจความรูสึกของเธอที่อยู ๆ ครูก็ขอใหเธอมาพบ...ที่ใหเธอ
มาพบก็เพราะวาครูไดรับทราบเกี่ยวกับ...(เร่ืองราวของผูรับการปรึกษา)...ครูเปนหวงและคิดวา
ถาไดคุยกันจนไดขอมูลทั้งหมดแลว เราอาจจะชวยกันหาแนวทางท่ีจัดการกับ....(ปญหาของผูรับ
การปรึกษา)...ไดจึงไดตามเธอมาพบ”
• ประหม่าหรือหวาดกลัวต่อการถูกเรียกพบ ผู้ให้การปรึกษาควรชวนพูดคุย
เร่ืองท่ัวไป และแสดงท่าทางท่ีอบอุ่นเปนมิตรเพ่ือสร้างความเปนกันเอง
ใหผ้ ้รู ับการปรึกษาร้สู กึ ผ่อนคลาย เช่น
“น่งั กอ นซิ กนิ ขาวแลวหรอื ยัง (กรณที ีน่ ดั พบตอนพกั เที่ยง)”
“วันนเ้ี ดนิ ทางมาทีน่ ่ียงั ไงคะ”
2. ไม่ควรพูดเพ่ือลดความรู้สึกอึดอัดของผู้ให้การปรึกษาที่ทนให้มีการเงียบเกิดข้ึน
ในระหว่างการสนทนาไม่ได้ให้อดทนต่อความเงียบและใช้การเงียบให้เปนประโยชน์ในการ
ใหก้ ารปรกึ ษา เพราะการฟงผรู้ บั การปรึกษาอย่างสงบ หรือนัง่ อยู่กบั เขาเงยี บ ๆ เมือ่ ผรู้ บั การปรกึ ษา
มสี ภาพอารมณท์ ร่ี นุ แรง เช่น โกรธมาก เสียใจมาก รอ้ งไห้ เปน การเปด โอกาสให้เขาได้แสดงอารมณ์
อยา่ งเตม็ ท่ี โดยไมม่ กี ารรบกวนและยงั เปน การแสดงวา่ ผใู้ หก้ ารปรกึ ษาเขา้ ใจความรสู้ กึ ของเขา จะเปน
ผลดีกบั การให้การปรึกษามากกว่าการปลอบโยนหรอื ซกั ถามความรสู้ ึกในขณะนั้น
ตวั อย่าง
นักเรยี น : ผมไมแนใจวา ผมจะมีโอกาสตอบแทนบญุ คณุ ของแมไหม…เพราะ….
ครู : (เงยี บ)…….
นกั เรียน : …หมอบอกวา….แม…แม… อาจจะ…(นำ้ ตาไหล)
ครู : (เงยี บ)…..........…(สง กระดาษซับน้ำตาให )….
นกั เรยี น : แม. ..แมอาจจะ…อยกู ับพวกเรา…ไดไ มน าน…(รอ งไห)
ครู : (เงยี บ)…..ครเู ขา ใจความรสู กึ ของเธอ.............ในเมอื่ ตอนนแ้ี มข องเธอ
ยงั อยู เธอคิดวา เธอจะทำอะไรใหแมชืน่ ใจไดบ า งละ
๙.เทคนิคการใหค้ ําปรกึ ษา (Techniques in Counseling)
26 การใหค ำปรกึ ษา 342
6.
ทกั ษะการสะท้อนกลบั
(Reflection
Skill)
การสะท้อนกลับ เปนการบอกความเข้าใจของผู้ให้การปรึกษาที่มีต่อส่ิงท่ีผู้รับ
การปรึกษา รู้สึกรับรู้หรือสนใจท่ีเปนปจจุบันขณะให้การปรึกษา การสะท้อนกลับ จะรวมความรู้สึก
และเน้ือหาที่ผู้รับการปรึกษาพูดถึงหรือส่ิงท่ีผู้ให้การปรึกษาสังเกตเห็นจากกิริยาท่าทางของผู้รับ
การปรกึ ษาโดยใช้คำพูดท่ีชดั เจนเขา้ ใจได้งา่ ย โดยมวี ัตถปุ ระสงค์ เพื่อ
1. กระตุ้นให้ผู้รับการปรึกษาแสดงความรู้สึกและเปดเผยเรื่องราวของตนเอง
ใหม้ ากขึน้ หรือชัดเจนขึ้น
2. ให้ผู้รับการปรึกษาเข้าใจปญหารวมท้ังสาเหตุและผลกระทบที่เกิดข้ึน
ตลอดจนเข้าใจความรู้สึกของตวั เองมากขนึ้
3. แสดงความสนใจและเขา้ ใจความร้สู กึ และเร่ืองราวของผู้รบั การปรึกษา
แนวทางปฏบิ ัต
ิ
1. สังเกตพฤติกรรมของผู้รับการปรึกษาขณะให้การปรึกษา เช่น ลักษณะคำพูด
นำ้ เสยี ง สีหนา้ ทา่ ทาง
2. จับประเด็นสำคัญของส่งิ ท่ีผู้รับการปรึกษาพดู
3. รวมความรู้สึกและเน้ือหาท่ีผู้รับการปรึกษาแสดงออกและพูดถึงเข้าด้วยกัน
แล้วใช้คำพูดที่ชัดเจนเข้าใจได้ง่ายโดยพูดออกไปทันทีเพ่ือสะท้อนส่ิงที่ผู้รับการปรึกษากำลังรู้สึก
หรือรับรู้ โดยอาจพูดความรู้สึกก่อนแล้วตามด้วยเนื้อหาหรือเร่ิมด้วยเน้ือหาก่อนแล้วตามด้วย
ความรูส้ กึ ในการสะท้อนความรู้สกึ ผใู้ ห้การปรึกษาควรหลีกเล่ียงทีจ่ ะใชค้ ำว่า “รสู้ ึก” บอ่ ย ๆ
ตวั อยา่ ง
นกั เรยี น : พอกับแมทะเลาะกันตลอดผมไมรูวาเมื่อไหรครอบครัวของผม
จะอยกู นั อยา งสงบสขุ แบบครอบครัวอ่ืนเขาบา ง
กรณีท่ี
1
สะท้อนความรู้สึกก่อน
ครู : เธอไมม คี วามสุขที่ตอ งอยูในทา มกลางความขดั แยง ของพอแม
กรณีที
่ 2
สะท้อนเนือ้ หากอ่ น
ครู : การท่ีพอ แมไมป รองดองกันทำใหเ ธอไมม คี วามสขุ
7.
ทกั ษะการทวนซ้ำ
(Paraphrasing
Skill)
การทวนซำ้ เปน การทผี่ ใู้ หก้ ารปรกึ ษาพดู ซำ้ ในเรอ่ื งทผ่ี รู้ บั การปรกึ ษาบอกอกี ครง้ั หนง่ึ
โดยคงสาระสำคัญของเนื้อหาหรือความรู้สึกไว้ตามเดิมและใช้คำพูดน้อยลง แต่ไม่ใช้การทวนซ้ำ
ตลอดเวลา โดยมีวตั ถปุ ระสงค์ เพ่อื
๙.เทคนคิ การใหค้ ําปรกึ ษา (Techniques in Counseling)
การใหค ำปรึกษา 34327
1. แสดงถงึ ความใส่ใจความเขา้ ใจผ้รู ับการปรกึ ษา
2. ใหผ้ ูร้ บั การปรึกษาเปดเผยตัวเองมากข้ึน
3. ย้ำให้ผู้รับการปรึกษาเข้าใจในส่ิงที่ตัวเองพูดชัดเจนยิ่งขึ้นจากการฟงส่ิงที่
ตัวเองพูดอีกครง้ั
4. ตรวจสอบความเข้าให้ตรงกันของผู้ให้และผู้รับการปรึกษาในสิ่งท่ีผู้รับ
การปรกึ ษากำลงั พดู ถึง
แนวทางปฏิบตั
ิ
1. ทวนซ้ำคำพูดทั้งหมดของผรู้ ับการปรึกษา โดยเปลีย่ นเฉพาะสรรพนาม
2. ทวนซ้ำเฉพาะประเดน็ สำคญั
3. ไมค่ วรทวนซ้ำบ่อยๆและไม่เพ่มิ เตมิ ความคิดเห็นของผู้ใหก้ ารปรึกษาลงไป
4. สังเกตการตอบสนองของผู้รับการปรึกษา ถ้าทวนซ้ำได้ถูกต้องผู้รับการปรึกษา
จะพยักหน้าตอบรับและพูดหรือขยายความต่อ แต่ถ้าไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองจากผู้รับการปรึกษา
ควรใชท้ กั ษะการถามเปดต่อเพอ่ื ให้ได้ข้อมลู ทถี่ กู ตอ้ ง
ตัวอยา่ ง
นักเรียน : ผมไมรูวาจะจัดการกับชีวิตของผมตอไปอยางไรดี บางครั้ง
อยากจะออกไปหางานทำใหไดประสบการณกอนขณะเดียวกัน
กค็ ิดวา...นาจะเรียนใหจ บ ๆ ไป แต...กไ็ มแ นใ จวา จะเรยี นจบไหม
กรณที
่ี 1
ทวนซ้ำทั้งหมดเปลีย่ นเฉพาะสรรพนาม
ครู : เธอไมรูวาจะตัดสินใจอยางไรดีระหวางออกไปทำงานเพื่อหา
ประสบการณก บั เรียนตอจนจบ แตกไ็ มแนใ จวา จะเรียนจบไหม
กรณที ี
่ 2
ทวนซ้ำโดยสรุปแต่คงสาระสำคญั ไว
้
ครู : เธอตดั สนิ ใจไมไ ดวาทางเลือก 2 ทางนัน้ ทางไหนเหมาะกับตัวเธอ
8.
ทักษะการให้กำลังใจ
(Encouragement
Skill)
การให้กำลังใจเปนการแสดงความสนใจเข้าใจในสิ่งที่ผู้รับการปรึกษาพูด
และสนับสนนุ ให้เขาพดู ต่อไปโดยใช้คำพูดหรือทา่ ทาง โดยมีวัตถปุ ระสงค์ เพ่ือ
1. กระตุ้นให้ผู้รับการปรึกษากระตือรือร้นและมั่นใจในตนเอง รวมทั้งตระหนัก
ในความสามารถและคณุ ค่าในตวั เอง
2. กระตุ้นให้ผรู้ บั การปรึกษากลา้ ทจ่ี ะคิดและทำในสิง่ ท่ีไม่เคยคิดหรอื ทำมากอ่ น
๙.เทคนิคการใหค้ ําปรกึ ษา (Techniques in Counseling)
28 การใหคำปรกึ ษา 344
แนวทางปฏิบตั ิ
เม่ือผู้รับการปรึกษาเสนอความคิดหรือแนวทางแก้ไขปญหาท่ีถูกต้อง เหมาะสม
หรือมีความพร้อมท่ีจะปรับปรุงพัฒนาตนเองแต่ยังลังเลใจ ผู้ให้การปรึกษาก็อาจใช้การให้กำลังใจ
โดยใช้แนวทางตอ่ ไปนี้
1. มองหนา้ สบตายิ้ม ผงกศรี ษะตอบรับสัน้
2. ทวนซ้ำคำสำคัญ ๆ ท่ีผู้รับการปรึกษาพูดถึง รวมทั้งยิ้ม มองหน้าสบตา
ผรู้ ับการปรกึ ษา
3. ใช้คำพูดกระตุ้นให้ผู้รับการปรึกษาเกิดความมั่นใจ มีความหวังและกำลังใจ
ทจ่ี ะคิดหรอื ทำในสิ่งท่ถี กู ตอ้ ง เหมาะสม และเปนจรงิ ได้
4. ไม่ควรสร้างความหวงั และการปลอบใจทไี่ ม่อาจเปนจริงได้
ตัวอยา่ ง
“นอยคนนักจะคิดไดอยางเธอ ครูเช่ือวาเธอจะสามารถจัดการกับเรื่องยุง ๆ นี้
ไดอยางแนน อน”
“ทำตอไปเถอะแมผลจะออกมาไมดีอยางที่หวังท้ังหมดแตทุกอยางก็คลี่คลาย
ไปมากแลว ”
9.
ทกั ษะการสรปุ ความ
(Summarizing
Skill)
การสรุปความ เปนการรวบรวมใจความสำคัญท้ังหมดของความคิด อารมณ์
ความรู้สึกของผู้รับการปรึกษาที่เกิดขึ้นในระหว่างการปรึกษา ก่อนจบหรือเร่ิมการปรึกษาแต่ละครั้ง
โดยใช้คำพดู สน้ั ๆ ให้ไดใ้ จความสำคัญทั้งหมด มวี ัตถุประสงค์ เพอ่ื
1. ย้ำประเด็นสำคญั ใหม้ ีความชดั เจนในกรณที ่มี ีการพูดคุยกนั หลายประเดน็
2. ให้ผ้รู บั การปรกึ ษาเขา้ ใจเรือ่ งราวและความรสู้ ึกของตัวเอง
3. ชว่ ยใหก้ ารปรกึ ษาแตล่ ะคร้งั มีความตอ่ เน่ืองกนั
4. ช่วยให้ผู้รับและผู้ให้การปรึกษาเข้าใจเร่ืองราวที่กำลังสนทนาได้อย่างถูกต้อง
ตรงกนั และไดใ้ จความทีช่ ัดเจน
แนวทางปฏบิ ตั ิ
1. ผู้รับการปรึกษาพูดถึงประเด็นปญหาต่าง ๆ หลายประเด็น ผู้ให้การปรึกษา
อาจสรุปแตล่ ะประเด็นก่อนทผ่ี รู้ บั การปรึกษาจะเรมิ่ ประเด็นตอ่ ไป
2. ขอให้ผู้รับการปรึกษาเปนผู้สรุปโดยมีผู้ให้การปรึกษาช่วยเสริมในส่วนสำคัญ
ทผ่ี รู้ บั คำปรึกษามิไดก้ ล่าวถึง หรอื ขาดหายไป
3. สรปุ ก่อนจบและเรม่ิ การปรึกษาในแต่ละครั้งในกรณีทม่ี กี ารปรกึ ษาหลายครงั้
4. สรุปครงั้ สุดทา้ ยก่อนยุตกิ ารปรึกษา
๙.เทคนิคการให้คําปรกึ ษา (Techniques in Counseling)
การใหคำปรึกษา 34529
ตัวอยา่ งท
่ี 1
ผ้ใู หก้ ารปรึกษาสรุป
ครู : จากที่เราคุยกันมาหนูกังวลเร่ือง…….เพราะ……..และหนูอยาก
(ตองการ) ให………เรากำลังชวยกันคิดวิธีการเพ่ือใหเปนไปอยางท่ี
หนูตองการเพ่ิงจะคิดไดวิธีเดียวเองคือ……แตเวลาท่ีเราจะพูดคุยกัน
หมดแลวงั้นครูจะขอใหหนูมาพบครูอีกในวัน……เวลา……เพ่ือเรา
จะไดมาชวยกันคดิ หาวธิ ีการอ่ืน ๆ ตอไป
ตัวอยา่ งท่ี
2
ผู้ใหค้ ำปรกึ ษาขอให้ผรู้ ับคำปรึกษาสรุป
ครู : กอ นทจี่ ะหมดเวลาคยุ กนั ในวนั นค้ี รจู ะขอใหห นสู รปุ วา่ เราคยุ อะไรกนั
ไปบา ง
10.
ทกั ษะการใหข้ อ้ มลู และคำแนะนำ
(Giving
Information
and
Advising
Skill)
การให้ข้อมูล เปนการส่ือสารทางวาจาเกี่ยวกับข้อมูลหรือรายละเอียดต่าง ๆ
ท่ีจำเปนแก่ผู้รับคำปรึกษา ส่วนการให้คำแนะนำ เปนการชี้แนะแนวทางปฏิบัติในการแก้ไขปญหา
ให้แก่ผูร้ บั การปรึกษา โดยมวี ตั ถุประสงค์ ดังน้ี
การให้ข้อมลู
1. ใหค้ วามรู้ ขอ้ มลู และรายละเอยี ดต่าง ๆ ทีจ่ ำเปนแก่ผู้รบั การปรึกษา
2. ใหผ้ รู้ ับการปรึกษาเขา้ ใจปญหาของตนเอง
3. ให้ผรู้ บั การปรึกษามีข้อมลู ประกอบการตัดสินใจ
4. ใหผ้ รู้ บั การปรกึ ษามีทางเลอื กและแนวทางปฏบิ ตั ทิ ีเ่ ขาอาจจะนกึ ไมถ่ งึ
แนวทางปฏบิ ัติ
1. ให้ขอ้ มูลท่ีถกู ตอ้ ง ครบถว้ น และใช้ภาษางา่ ย ๆ
2. ตรวจสอบความรเู้ ดมิ ในเรอ่ื งทจ่ี ะใหข้ อ้ มลู จากผรู้ บั การปรกึ ษากอ่ น เพอ่ื การใหข้ อ้ มลู
มีประสทิ ธภิ าพ
3. หลังจากให้ข้อมูลแล้ว ควรตรวจสอบว่าผู้รับการปรึกษา เข้าใจถูกต้องหรือไม่
โดยให้ผู้รบั การปรกึ ษาทวนซ้ำ
การใหค้ ำแนะนำ
- ให้คำแนะนำเมื่อพิจารณาอย่างรอบคอบแล้วว่าเปนส่ิงท่ีสำคัญและจำเปน
สำหรับผู้รับการปรึกษา และให้โอกาสผู้รับคำปรึกษาพิจารณาว่าคำแนะนำนั้นเหมาะสมกับตนเอง
สามารถนำไปปฏบิ ัติจริงไดห้ รือไม่ หรอื อาจถามความคดิ เหน็ ความรสู้ ึกทีม่ ตี อ่ คำแนะนำนั้น
๙.เทคนคิ การใหค้ าํ ปรกึ ษา (Techniques in Counseling)