12 130 32 210 52 340 72 549 92 887
13 133 33 215 53 348 73 562 93 909
14 137 34 221 54 357 74 576 94 931
15 140 35 226 55 365 75 590 95 953
16 143 36 232 56 374 76 604 96 976
17 147 37 237 57 383 77 619
18 150 38 243 58 392 78 634
19 154 39 249 59 402 79 649
20 158 40 255 60 412 80 665
ู
ตารางที่ 8.4 ตารางตัวคูณที่ต้องเติมค่าลงไปแสดงในรปตัวอักษรของรหัส EIA96
ตัวอักษร ตัวคูณ
Z 0.001
ื
Y หรอ R 0.01
ื
X หรอ S 0.1
A 1
ื
B หรอ H 10
C 100
D 1,000
E 10,000
F 100,000
07 = 115 29 = 196
Y = x 0.01 B = x 10
07Y R = 115 x 0.01 = 1.15 29B R = 196 x 10 = 1,960 = 1.96 k
รูปท 8.16 การอ่านค่าความต้านทานแบบใช้รหัส EIA96
่
ี
่
่
ี
่
ี
ตัวอยางที่ 8.5 จงอานค่าความต้านทานของตัวต้านทานทบอกค่าไว้ด้วยรหัสต่อไปน้
01X = ความต้านทาน 100 x 0.1 = 10
44A = ความต้านทาน 280 x 1 = 280
55B = ความต้านทาน 365 x 10 = 3,650 = 3.65 k
10C = ความต้านทาน 124 x 100 = 12,400 = 12.4 k
91D = ความต้านทาน 866 x 1,000 = 866,000 = 866 k
ตอบ
8.5 การอานความตานทานจากรหัสส
้
ี
่
ี
ี
้
ี
็
ี่
ตัวต้านทานบางแบบแสดงค่าความต้านทานด้วยแถบส โดยใช้สทก าหนดไว้ระบายเปนเสนรอบตัวต้านทานเรยง
็
ตามล าดับแทนตัวเลขและตัวอักษร ใช้แทนทั้งค่าความต้านทานและค่าผิดพลาด แถบสทใช้แบ่งได้เปน 2 แบบ คือ แบบ 4 แถบส ี
ี่
ี
ี
ี
และแบบ 5 แถบส การอ่านค่าความต้านทานออกมามรายละเอียดแตกต่างกัน
่
ี
็
ี่
ี
ี
ค่ารหัสสทระบายไว้บอกทั้งค่าความต้านทานและค่าผิดพลาด จะต้องแปลงรหัสสทก ากับไว้กลับมาเปนตัวเลขทั้งหมด
็
ี
รหัสสทบอกไว้สามารถน ามาแทนเปนตัวเลขได้ทั้งค่าตัวตั้ง ค่าตัวคูณ และค่าผิดพลาด น าตัวเลขมาแทนลงไปให้ถูกต้องตามค่า
่
ี
ี
้
ี
่
่
สทก าหนด พรอมทั้งจัดค่าและจัดหนวยให้เหมาะสม จะได้ค่าความต้านทาน และค่าผิดพลาดของตัวต้านทานตัวนั้นออกมา
8.5.1 แบบรหัส 4 แถบส
ี
ี
่
ี
ี
ี
ิ
ี่
่
ตัวต้านทานแบบรหัส 4 แถบส มแถบสทแสดงไว้ทั้งหมด 4 แถบ การอานค่าให้อ่านแถบสทอยู่ชดกัน 3 แถบ
ี
็
ี
่
ี
่
ี
่
ี
ี
่
ี
็
ี
ื
่
ี
ี
ี
่
ี
ก่อน โดยให้แถบสแรกทชดขาตัวต้านทานเปนแถบสท 1 อยูทางซ้าย มอ แถบสต่อมาเปนแถบสท 2 ทั้งแถบสท 1 และแถบสท 2
ิ
็
่
ี
ี
็
ื
แทนค่าเปนตัวเลขลงไป และอ่านค่าตัวเลขนั้นออกมาโดยตรง สวนแถบสต่อมาเปนแถบสท 3 เปนแถบสตัวคูณหรอจ านวนเลข
ี
ี
่
็
ี
่
ี
ิ
ิ
ื
ี่
็
่
ึ
ศูนย์ (0) ทต้องเตมเข้าไป และแถบสสดท้ายเปนแถบสท 4 ซงอาจอยู่ตดกันหรออยู่หางออกมาเล็กน้อย เปนแถบสแสดงค่า
ี
ี่
ุ
็
ี
ู
ี
ผิดพลาด ตัวต้านทานแบบ 4 แถบส และตารางแสดงค่าส แสดงดังรปที่ 8.17
แถบสที่ 1 แถบสที่ 2 แถบสที่ 3 แถบสที่ 4
ี
ี
ี
ี
สี
คาตัวเลข คาตัวเลข คาตัวคูณ (เติมจ านวนศูนย) ์ คาผิดพลาด อักษร
่
่
่
่
ด า 0 0 1
น ้าตาล 1 1 10 1% F
แดง 2 2 100 2% G
ส้ม 3 3 1,000
เหลือง 4 4 10,000
เขียว 5 5 100,000 0.5% D
น ้าเงน 6 6 1,000,000 0.25% C
ิ
ม่วง 7 7 10,000,000 0.1% B
เทา 8 8 0.05% A
ขาว 9 9
ทอง 0.1 5% J
ิ
เงน 0.01 10% K
ไม่มีส ี 20% M
รูปท 8.17 ตารางแสดงค่าแถบสตัวต้านทานแบบรหัส 4 แถบส ี
ี
่
ี
ี่
ี
ิ
ี
การสังเกตหาแถบสแถบท 1 พจารณาดังน้
ี่
ี
ี่
ิ
็
ี
1. แถบสทอยู่ชดขาตัวต้านทานมากกว่าเปนแถบสท 1
ี
ี่
็
ี
ี
ิ
ิ
2. แถบส 3 แถบอยู่ชดกัน แถบสแรกทอยู่ชดขาตัวต้านทานเปนแถบสท 1
ี่
3. แถบสท 1 เส้นแถบสจะเล็กกวาปกต ิ
่
ี
ี่
ี
ี
ื
ี
ิ
็
4. สเงน หรอสทอง ไม่สามารถเปนแถบสท 1 ได้
ี่
ี
ี
ี่
่
ตัวอยางที่ 8.6 จงอ่านค่าความต้านทานของตัวต้านทานแบบรหัส 4 แถบส ตามค่าทก าหนด
1. 1 แถบสที่ 1 2 3 4
ี
ิ
2 สแสดง แดง ด า ด า เงน
ี
3 คาตัวเลข 2 0 1 10%
่
4
่
คาอานได ้ 20 1 = 20
่
่
คาผิดพลาด 10%
2. 1 แถบสที่ 1 2 3 4
ี
2 สแสดง แดง ม่วง แดง ทอง
ี
3 คาตัวเลข 2 7 100 5%
่
4
่
คาอานได ้ 27 100 = 2,700 = 2.7 k
่
่
คาผิดพลาด 5%
3. 1 แถบสที่ 1 2 3 4
ี
ิ
2 สแสดง ส้ม น ้าเงน เขียว ทอง
ี
3 คาตัวเลข 3 6 100,000 5%
่
4
่
คาอานได ้ 36 100,000 = 3,600,000 = 3.6 M
่
่
คาผิดพลาด 5%
ี
8.5.2 แบบรหัส 5 แถบส
่
ี
ี
ี
่
ตัวต้านทานแบบรหัส 5 แถบส มแถบสทแสดงไว้ทั้งหมด 5 แถบ การอานค่าให้อานแถบสทอยูชดกัน 4
ี
่
ิ
่
ี
่
ี
ื
ี่
็
ี
็
ี
แถบก่อน โดยให้แถบสแรกทชดขาตัวต้านทานเปนแถบสท 1 อยู่ทางซ้ายมอ แถบสต่อมาเปนแถบสท 2 และ 3 ตามล าดับ แถบ
ี
ิ
ี่
ี่
ี
ี
ี
่
ี
็
ี่
ี่
สท 1, 2 และ 3 แทนค่าเปนตัวเลขลงไป และอานค่าตัวเลขนั้นออกมาโดยตรง สวนแถบสต่อมาเปนแถบสท 4 เปนแถบสตัวคูณ
่
ี
็
็
็
่
ื
ี
ี่
ี่
ี
ุ
ิ
ึ
ิ
ื
่
หรอจ านวนเลขศูนย์ (0) ทต้องเตมเข้าไป และแถบสสดท้ายแถบสท 5 ซงอาจอยู่ตดกันหรออยู่หางออกมาเล็กน้อย เปนแถบส ี
ี
ี
ู
แสดงค่าผิดพลาด ตัวต้านทานแบบ 5 แถบส และตารางแสดงค่าส แสดงดังรปที่ 8.18
ี
ี
แถบสที่ 1 แถบสที่ 2 แถบสที่ 3 แถบสที่ 4 แถบสที่ 5
ี
ี
ี
สี
่
่
่
่
คาตัวเลข คาตัวเลข คาตัวเลข คาตัวคูณ (เติมจ านวนศูนย) ์ คาผิดพลาด อักษร
่
ด า 0 0 0 1
น ้าตาล 1 1 1 10 1% F
แดง 2 2 2 100 2% G
ส้ม 3 3 3 1,000
เหลือง 4 4 4 10,000
เขียว 5 5 5 100,000 0.5% D
น ้าเงน 6 6 6 1,000,000 0.25% C
ิ
ม่วง 7 7 7 10,000,000 0.1% B
เทา 8 8 8 0.05% A
ขาว 9 9 9
ทอง 0.1 5% J
ิ
เงน 0.01 10% K
ี
รูปท 8.18 ตารางแสดงค่าแถบสตัวต้านทานแบบรหัส 5 แถบส ี
่
ี
ี
ี่
การสังเกตหาแถบสแถบท 1 พจารณาดังน้
ี
ิ
ี
ี่
ี่
ิ
ี
็
1. แถบสทอยู่ชดขาตัวต้านทานมากกว่าเปนแถบสท 1
็
2. แถบส 3 แถบ หรอ 4 แถบทอยู่ตดกัน แถบสแรกทอยู่ชดขาตัวต้านทานเปนแถบสท 1
ื
ี
ี่
ี่
ิ
ี
ิ
ี
ี่
ี
็
ี่
ี
ี่
ื
ี
ิ
ื
3. สเงน หรอสทอง ไม่สามารถเปนแถบสท 1 หรอแถบสท 2 ได้
ี
ื
ี
่
ี
ี
ื
็
์
4. แถบสค่าเปอรเซนต์ผิดพลาดจะอยู่หางออกมา หรอท าให้มขนาดแถบเล็กหรอใหญ่กว่าแถบสอื่นๆ
่
ี่
ี
ตัวอยางที่ 8.7 จงอ่านค่าความต้านทานของตัวต้านทานแบบรหัส 5 แถบส ตามค่าทบอกไว้
1. 1 แถบสที่ 1 2 3 4 5
ี
2 สแสดง แดง ด า ด า ทอง แดง
ี
3
่
4 คาตัวเลข 2 0 0 0.1 2%
5 คาอานได 200 0.1 = 20
้
่
่
่
คาผิดพลาด 2%
2. 1 แถบสที่ 1 2 3 4 5
ี
2 สแสดง เขียว ม่วง น ้าเงน แดง น ้าตาล
ิ
ี
3
่
4 คาตัวเลข 5 7 6 100 1%
5 คาอานได 576 100 = 57,600 = 57.6 k
่
่
้
คาผิดพลาด 1%
่
ี
3. 1 แถบสที่ 1 2 3 4 5
2 สแสดง ส้ม ด า เขียว ส้ม เขียว
ี
3
่
4 คาตัวเลข 3 0 5 1,000 0.5%
5 คาอานได 305 1,000 = 305,000 = 305 k
่
้
่
่
คาผิดพลาด 0.5%
่
้
8.6 การตอตัวตานทาน
ี่
การต่อตัวต้านทาน คือ การน าตัวต้านทานมาต่อวงจรรวมกัน เพื่อปรบเปลยนค่าความต้านทานให้ได้ตามต้องการ
ั
ุ
การต่อตัวต้านทานแบ่งออกได้เปน 3 แบบ คือ ต่อแบบอนกรม ต่อแบบขนาน และต่อแบบผสม การต่อตัวต้านทานแต่ละแบบม ี
็
ี่
ี่
ผลท าให้ค่าความต้านทานรวมทได้ออกมาเปลยนแปลงไป
่
้
8.6.1 การตอตัวตานทานแบบอนุกรม
ุ
็
ื่
ี
การต่อตัวต้านทานแบบอนกรม (Series Resistor) เปนการต่อตัวต้านทานเข้าด้วยกันแบบเรยงล าดับต่อเนองกัน
ี่
ไป ในลักษณะท้ายของตัวต้านทานตัวแรกต่อเข้าหัวตัวต้านทานตัวทสอง และท้ายของตัวต้านทานตัวทสองต่อเข้าหัวตัวต้านทาน
ี่
่
ี
่
่
ื
ี่
ู
ุ
ี
ตัวทสาม ต่อเชนน้เรอยไป การต่อวงจรตัวต้านทานแบบอนกรม แสดงดังรปท 8.19
R 1 R 2 R 3 R 4 R 1 R 2 R 3 R 4
(ก) รปวงจร (ข) สัญลักษณวงจร
ู
์
รูปท 8.19 การต่อตัวต้านทานแบบอนกรม
ุ
ี
่
ิ
ี
่
ิ
ี
การต่อตัวต้านทานแบบน้ ท าให้ค่าความต้านทานรวมของวงจรเพ่มขึ้นตามจ านวนตัวต้านทานทน ามาต่อเพ่ม
ุ
็
การหาค่าความต้านทานรวมในวงจรแบบอนกรม สามารถเขียนเปนสมการได้ดังน้ ี
R = R + R + R + R + .... .....(8-1)
2
4
T
1
3
เมอ R = ความต้านทานรวมของวงจร หนวย
ื่
่
T
่
R , R , R , R = ความต้านทานของตัวต้านทาน 1, 2, 3 และ 4 ตามล าดับ หนวย
4
3
2
1
่
ี่
ุ
ู
ตัวอยางที่ 8.8 จงหาค่าความต้านทานรวมของวงจรอนกรมตามรปท 8.20
วิธีท า
R 1 R 2 R 3
จากสตร R = R + R + R
ู
220 470 100 T 1 2 3
แทนค่า R = 220 + 470 + 100
T
รูปท 8.20 วงจรตัวต้านทานแบบอนกรม R = 790 ตอบ
ุ
่
ี
T
้
่
8.6.2 การตอตัวตานทานแบบขนาน
็
การต่อตัวต้านทานแบบขนาน (Parallel Resistor) เปนการต่อตัวต้านทานแต่ละตัวในลักษณะครอมขนาน
่
ี
รวมกันทุกตัว มจุดต่อรวมกัน 2 จุด คือจุดรวมขาแต่ละด้านของตัวต้านทานแต่ละตัว ลักษณะการต่อวงจรตัวต้านทานแบบ
่
่
ู
ขนาน แสดงดังรปที่ 8.21
R 1 R 1
R 2 R 2
R 3 R 3
R 4 R 4
(ก) รปวงจร (ข) สัญลักษณวงจร
ู
์
ี
่
รูปท 8.21 การต่อตัวต้านทานแบบขนาน
การต่อตัวต้านทานแบบน้ ท าให้ค่าความต้านทานรวมของวงจรลดลง ได้ค่าผล รวมของความต้านทานใน
ี
ุ
ี
่
ี่
ี่
วงจร น้อยกวาค่าความต้านทานของตัวต้านทานตัวทมค่าน้อยทสดในวงจร การหาค่าความต้านทานรวมในวงจรแบบขนาน
สามารถเขียนสมการได้ดังน้ ี
1 1 1 1 1
R T = R 1 + R 2 + R 3 + R 4 + .... .....(8-2)
่
เมอ R = ความต้านทานรวมของวงจร หนวย
ื่
T
่
R , R , R , R = ความต้านทานของตัวต้านทาน 1, 2, 3 และ 4 ตามล าดับ หนวย
4
2
1
3
่
ี่
ู
ตัวอยางที่ 8.9 จงหาค่าความต้านทานรวมของวงจรตามรปท 8.22
วิธีท า
1 1 1 1 1
ู
จากสตร = + + +
R T R 1 R 2 R 3 R 4
1 1 1 1 1
แทนค่า = + + +
R T 10 24 20 12
R 1 = 10 1 12 +5 +6 +10 33
= =
R 120 120
R 2 = 24 T
120
R = = 3.64 ตอบ
R 3 = 20 T 33
R 4 = 12
รูปท 8.22 วงจรตัวต้านทานแบบขนาน
ี
่
้
่
8.6.3 การตอตัวตานทานแบบผสม
็
การต่อตัวต้านทานแบบผสม (Compound Resistor) เปนการต่อตัวต้านทานผสมรวมกัน ระหวางการต่อแบบ
่
ี่
ี
อนกรมและการต่อแบบขนานอยู่ในวงจรเดยวกัน การต่อตัวต้านทานแบบผสมไม่มวงจรตายตัว สามารถเปลยนแปลงไปตาม
ุ
ี
ุ
ี
่
ลักษณะการต่อวงจรทต้องการ การหาค่าความต้านทานรวมของวงจร ให้ใช้วิธหาแบบอนกรมและวธหาแบบขนานรวมกัน โดย
ี่
ี
ิ
ึ
่
ู
่
ี
พิจารณาการต่อทละสวน ลักษณะการต่อวงจรตัวต้านทานแบบผสมลักษณะหนง แสดงดังรปที่ 8.23
R 1 R 2 R 3 R 1 R 2 R 3
R 4 R 5 R 4 R 5
ู
์
(ก) รปวงจร (ข) สัญลักษณวงจร
รูปท 8.23 การต่อตัวต้านทานแบบผสมลักษณะหนง
่
ึ
ี
่
ู
่
ตัวอยางที่ 8.10 จงหาค่าความต้านทานรวมของวงจรตามรปที่ 8.24
วิธีท า
R 1 = 10 R 2 = 24 R 3 = 20
ู
ุ
สตรอนกรม R = R + R + R 3
123
1
2
R 4 = 56 R 5 = 22 แทนค่า R = 10 + 24 + 20
123
R = 54
123
รูปท 8.24 วงจรตัวต้านทานแบบผสม
ี
่
สตรอนกรม R = R + R
ุ
ู
45
5
4
แทนค่า R = 56 + 22
45
R = 78
45
1 1 1
สตรขนาน = +
ู
R T R 123 R 45
R R
ู
ื
หรอใช้สตร R = 123 45
T
R 123 + R 45
54 78
แทนค่า R =
T
54 + 78
R = 31.91 ตอบ
T
8.7 บทสรุป
่
็
วัตถุทุกชนดบนโลกมความต้านทานเปนสวนประกอบรวมอยู่ด้วยเสมอ ในขนาดค่าความต้านทานทแตกต่างกัน บาง
ี่
ิ
ี
ิ
ู
็
ิ
ี
่
ุ
่
ี
ิ
ชนดมค่าต า บางชนดมค่าสง สามารถน าวัตถเหลานั้นน ามาผลตเปนตัวต้านทานได้ ท าให้เกดความสะดวกต่อการใช้งาน หน้าทตัว
ิ
ี่
่
ต้านทานคือจ ากัดการไหลของกระแส และก าหนดค่าแรงดันตกครอม
ี่
ิ
ิ
ชนดของตัวต้านทานแบ่งออกได้ตามวัสดทใช้ผลต คือ วัสดประเภทโลหะท ามาจากโลหะผสมของนกเกล แคดเมยม
ุ
ิ
ี
ิ
ุ
ี
่
ี
็
์
ทองแดง แมงกานส และโครเมยม เปนต้น สวนวัสดประเภทอโลหะ ท ามาจากผงคารบอนอัด หรอฟล์มคารบอน และแบ่งออก
ื
์
ุ
ิ
่
ิ
ี
ั
ิ
ื
ิ
่
ี
ิ
ิ
ี
ิ
ิ
่
ี่
ได้ตามรปแบบทผลต ได้แก่ ชนดคงท ชนดแบ่งค่า ชนดเปลยนเลอกค่า ชนดปรบเปลยนค่า และชนดพเศษ แต่ละชนดของตัว
ิ
ู
ิ
่
ุ
ี
ต้านทานทผลตขึ้นมาสามารถใช้วัสดได้ทั้งประเภทโลหะและประเภทอโลหะ
็
ี
ตัวต้านทานชนดพเศษ เปนตัวต้านทานทผลตขึ้นมาใช้ในแต่ละงานโดยเฉพาะ ค่าความต้านทานของตัวต้านทานชนด
ิ
ิ
ิ
ิ
่
ิ
ี
่
ี
ี
น้สามารถเปลยนแปลงค่าได้ตามการควบคุมของขนาดพลังงานทใช้งาน เชน เทอรมสเตอรใช้อุณหภมควบคุมความต้านทาน
์
ู
่
่
์
ี
ิ
์
์
ี
้
วารสเตอรใช้แรงดันไฟฟาควบคุมความต้านทาน และแอลดอาร (LDR) ใช้แสงควบคุมความต้านทาน
การอ่านค่าความต้านทานทแสดงไว้บนตัวต้านทานอ่านได้หลายแบบ เชน แบบแสดงค่าออกมาโดยตรง จะพิมพ์ค่า
ี่
่
็
ความต้านทานบอกไว้สามารถอานค่าออกมาได้โดยตรง แบบแสดงค่าเปนรหัส จะต้องท าการแปลงรหัสออกก่อนจงสามารถ
่
ึ
็
ี
ึ
ี
อ่านค่าความต้านทานออกมาได้ และแบบแสดงค่าเปนแถบส จะต้องแปลงแถบสให้เปนตัวเลขก่อน จงสามารถอานค่าความ
็
่
ี
่
ี
ี
ี
ต้านทานออกมาได้ แถบสทบอกไว้มทั้งแบบ 4 แถบส และแบบ 5 แถบส ี
้
ิ
่
์
ี
้
• ดานทักษะ(ปฏิบัติ) (จุดประสงคเชงพฤติกรรมขอท 4-6)
3. ใบปฏิบัตงานท 8.1 การอ่านค่าความต้านทานและการวัดค่าความต้านทาน
ิ
ี่
ิ
้
• ดานคุณธรรม/จรยธรรม/จรรยาบรรณ/บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง
(จุดประสงคเชงพฤตกรรมขอท 7-8)
้
ิ
์
ิ
ี่
ี
้
ี
ึ
์
ุ
ึ
ุ
1. การเตรยมความพรอมด้านการเตรยม วัสด อปกรณนักศกษาจะต้องกระจายงานได้ทั่วถง และตรง
์
ี
้
ุ
ิ
ื่
ี
ี่
ตามความสามารถของสมาชกทุกคน มการจัดเตรยมสถานท สอ วัสด อุปกรณไว้อย่างพรอม
ี
เพรยง
ี
ี
ี
ิ
ิ
ั
ิ
ึ
4. ความมเหตุมผลในการปฏบัตงาน ตามหลักปรชญาเศรษฐกจพอเพียง นักศกษาจะต้องมการใช้
ี
่
ิ
ี
่
่
่
ื
ิ
ุ
ี
่
เทคนคทแปลกใหม ใช้สอและเทคโนโลย ประกอบการ น าเสนอทนาสนใจ น าวัสดในท้องถ่นมา
ประยุกต์ใช้อย่างคุ้มค่าและประหยัด
ี
ี
ื
กิจกรรมการเรยนการสอนหรอการเรยนรู ้
ั
ั
ขนตอนการสอนหรอกิจกรรมของครู ขนตอนการเรยนรูหรอกิจกรรมของนกเรยน
ี
้
้
ื
ี
ื
้
ั
้
้
้
้
่
ี
ี
่
1. ขันน าเขาสูบทเรยน ( 15 นาที ) 1. ขันน าเขาสูบทเรยน ( 15 นาที )
ี
ี
ี
ี
1. ผู้สอนเตรยมตัวสอนบทที่ 8 เรอง ตัวต้านทาน 1. ผู้เรยนเตรยมตัวเรยนบทที่ 8 เรอง ตัวต้านทาน
ื่
ื่
ี
ื่
2. ผู้สอนแจ้งวัตถุประสงค์ของการเรยน เรอง ตัว
ี่
ี
ต้านทาน 2. ผู้เรยนท าความเข้าใจเกยวกับวัตถุประสงค์ของการ
ี
ื่
ิ
ี
3. ผู้สอนให้ผู้เรยนอธบายความหมายของความ เรยน เรอง ตัวต้านทาน
ิ
ี
ต้านทาน 3. ผู้เรยนอธบายความหมายของความต้านทานตามท ี่
ี
ี
ี
ึ
ผู้เรยนเข้าใจ และเตรยมตัวท าแบบฝกหัดก่อนเรยน
้
้
้
้
้
้
2. ขันใหความรู ( 120 นาที ) 2. ขันใหความรู ( 120 นาที )
ิ
ี
ู
ื
้
ื
ิ
1. ผู้สอนฉายแผ่นใส พรอมเปดหนังสอ งานไฟฟา ้ 1. ผู้เรยนดแผ่นใสและเปดหนังสอ งานไฟฟาและ
้
ี
ิ
์
่
ื่
ิ
ื
และอเล็กทรอนกสเบ้องต้น บทท 8 เรอง ตัวต้านทาน อเล็กทรอนกสเบ้องต้น บทท 8 เรอง ตัวต้านทาน
ิ
ิ
ื
ี
่
ื่
์
ี
้
ื
ึ
่
ี
ั
ี
ื
้
พรอมอธบายเน้อหาให้ผู้เรยนฟงทละหน้า พรอมกับจดบันทกเน้อทได้เรยน
ิ
ี
ิ
ี
ิ
ี่
ุ
2. ผู้สอนอธบายความรเพ่มเตม และให้ผู้เรยนชวยกัน 2. ผู้เรยนบอกชนดความต้านทานตามวัสดทใช้ผลต
ิ
่
ี
ู
ิ
ิ
้
ิ
ี
ี
ั
่
ิ
ี่
ิ
ุ
บอกชนดความต้านทานตามวัสดทใช้ผลต 3. ผู้เรยนซักถามข้อสงสยทเกดขึ้น
ิ
ี
3. ผู้สอนเปดโอกาสให้ผู้เรยนซักถามข้อสงสยท ี่
ั
ิ
่
ี
เกดขึ้นระหวางการเรยนการสอน และตอบข้อซักถาม
้
้
์
3. ขันประยุกตใช ( 285 นาที )
้
้
์
3. ขันประยุกตใช ( 285 นาที ) 1. ผู้เรยนท าใบปฏบัตงาน 8.1 เรอง การอ่านและการวัด
ิ
ิ
ื่
ี
ิ
ิ
1. ผู้สอนให้ผู้เรยนท าใบปฏบัตงาน 8.1 เรอง การ
ี
ื่
ค่าความต้านทาน
อ่านและการวัดค่าความต้านทาน 2. ผู้เรยนฝกอ่านค่าความต้านทานแสดงเปนตัวอักษร
ึ
็
ี
ี
2. ผู้สอนให้ผู้เรยนอ่านค่าความต้านทานแสดงเปน ี
็
ตัวอักษรและแถบส และแถบส
ี
ื
ี
ี
กิจกรรมการเรยนการสอนหรอการเรยนรู ้
ี
ั
ขนตอนการสอนหรอกิจกรรมของครู ขนตอนการเรยนรูหรอกิจกรรมของนกเรยน
ื
้
ื
้
ั
ี
้
ั
้
้
4. ขันสรุปและประเมินผล ( 60 นาที ) 4. ขันสรุปและประเมินผล ( 60 นาที )
่
ี
1. ผู้สอนและผู้เรยนรวมกันสรปเน้อหาทได้เรยนให้ม ี 1. ผู้สอนและผู้เรยนรวมกันสรปเน้อหาทได้เรยนให้ม ี
ี
ี่
ื
ี
ี
ี่
ุ
่
ุ
ื
ี
ิ
ี
ิ
ความเข้าใจในทศทางเดยวกัน ความเข้าใจในทศทางเดยวกัน
ี่
ึ
ี่
ี
ั
ี
ึ
2. ผู้สอนให้ผู้เรยนท าแบบฝกหัดท 8 2. ผู้เรยนรบแบบฝกหัดท 8 จากผู้สอน
ื่
ี
ี่
ี่
ึ
ึ
3. แจกแบบฝกหัดท 8 3. ผู้เรยนท าแบบฝกหัดท 8 ด้วยความซอสัตย์
ี
ู
ึ
ึ
ี่
ึ
ี
4. ครตรวจแบบฝกหัดหลังเรยนพรอมกับบันทก 4. ผู้เรยนน าคะแนนจากแบบฝกหัดบทท 8 เพื่อด ู
้
คะแนน ความก้าวหน้าของตนเอง
้
ิ
ิ
(บรรลุจุดประสงคเชงพฤตกรรมขอท 1-8)
์
ี่
้
ี่
ิ
์
ิ
(บรรลุจุดประสงคเชงพฤตกรรมขอท 1-8)
ื
ี
ี
(รวม 480 นาท หรอ 8 คาบเรยน)
ื
งานที่มอบหมายหรอกิจกรรมการวัดผลและประเมินผล
กอนเรยน
ี
่
5. จัดเตรยมเอกสาร สอการเรยนการสอนตามทอาจารย์ผู้สอนและบทเรยนก าหนด
ื่
ี่
ี
ี
ี
6. ท าความเข้าใจเกยวกับจุดประสงค์การเรยนของบทที่ 8 และการให้ความรวมมอในการท ากจกรรมในบทที่ 8
ี่
ิ
ื
่
ี
ี
ขณะเรยน
7. ศกษาเน้อหา ในบทท 8 เรอง ตัวต้านทาน
ื
ื่
ึ
ี
่
8. ปฏบัตใบปฏบัตงานท 8.1
ิ
ิ
ิ
ิ
ี่
ี
9. รายงานผลหน้าชั้นเรยน
หลังเรยน
ี
ี
1. ท าแบบฝกหัดหลังเรยน
ึ
ี
2. ท าแบบประเมินการเรยนร ้ ู
็
ิ
้
ผลงาน/ชนงาน/ความสาเรจของผูเรยน
ี
้
่
9. แปลงหนวยความต้านทาน
็
10. อ่านค่าความต้านทานแสดงเปนตัวเลขตัวอักษร
็
11. อ่านค่าความต้านทานแสดงเปนแถบส ี
12. ใบปฏบัติงานท 8.1
ี่
ิ
13. แบบฝกหัดบทท 8
ึ
ี่
่
ี
ี
สอการเรยนการสอน/การเรยนรู
ื
้
ิ่
ื่
สอสงพิมพ ์
ิ
ิ
์
13. หนังสอเรยนวชา งานไฟฟาและอเล็กทรอนกสเบ้องต้น (ใช้ประกอบการเรยนการสอนจุดประสงค์เชงพฤตกรรมข้อท ี่
ื
ี
ี
ิ
ิ
ื
้
ิ
1-8)
่
14. แผ่นใส บทท 7 เรอง อุปกรณปองกันไฟฟาและสายดน (ใช้ประกอบการเรยนการสอนขั้นสอน เพอให้บรรล ุ
ี
ิ
ื
้
์
้
ี่
ื่
จุดประสงค์เชงพฤตกรรมข้อท 1-6)
ิ
ี่
ิ
ิ
ี่
ี
ื่
15. ใบปฏบัติงานท 8.1 เรอง การอ่านค่าความต้านทานและการวัดค่าความต้านทาน(ใช้ประกอบการเรยนการสอน
จุดประสงค์เชงพฤตกรรมข้อท 4-6)
ี่
ิ
ิ
16. แบบฝกหัดบทท 8 ใช้ประกอบการสอนขั้นเตรยม ข้อ 2
ึ
ี่
ี
17. แบบประเมินผลงานตามใบปฏบัตงาน ใช้ประกอบการสอนขั้นการเรยนการสอน ข้อ 2
ิ
ิ
ี
18. แบบประเมนพฤตกรรมการท างานกลม ใช้ประกอบการสอนขั้นการเรยนการสอน ข้อ 2
่
ุ
ิ
ิ
ี
ื่
์
ี
สอโสตทัศน (ถ้าม)
5. เครองฉาย ภาพ โปรเจคเตอร (PROJECTOR)
ื่
์
6. เครองฉายแผ่นใส (OVERHEAD)
ื่
ิ
ื่
สอของจรง
4. มัลตมเตอรชนดเข็ม 1 เครอง
์
ิ
ิ
ื่
ิ
ิ
ี
5. ตัวต้านทานค่าต่างๆกันจากค่าต าไปหาค่าสงชนด 4 แถบส 10 ตัว
่
ู
6. ตัวต้านทานค่าต่างๆกันจากค่าต าไปหาค่าสงชนด 5 แถบส 10 ตัว
ิ
ู
่
ี
ี
่
้
แหลงการเรยนรู
ในสถานศึกษา
5. ห้องสมุด
ิ
6. ห้องปฏบัตการคอมพิวเตอร ศกษาหาข้อมูลทาง INTERNET
ิ
ึ
์
ึ
นอกสถานศกษา
ิ
ผู้ประกอบการ สถานประกอบการ ในท้องถ่น
ื
ั
่
์
การบูรณาการ/ความสมพันธกับวิชาอน
ิ
ึ
ิ
1. บูรณาการกับวิชาชวิตและวัฒนธรรมไทย ด้านการพูด การอ่าน การเขียน และการฝกปฏบัตตนทางสังคมด้านการ
ี
เตรยมความพรอม ความรบผิดชอบ และความสนใจใฝร ้ ู
้
ี
่
ั
ื
ื
ิ
ิ
ิ
2. บูรณาการกับวชาการบรหารการจัดซ้อ ด้านการซ้อ การแสวงหาผลตภัณฑ์
ี
ิ
ิ
ี
ุ
3. บูรณาการกับวิชากฬาเพื่อพัฒนาสขภาพและบุคลกภาพ ด้านบุคลกภาพในการน าเสนอหน้าชั้นเรยน
4. บูรณาการกับวิชาหลักเศรษฐศาสตร ด้านการเลอกใช้ทรพยากรอย่างประหยัด
ั
์
ื
้
ี
การประเมินผลการเรยนรู
หลักการประเมนผลการเรยนรู
ิ
้
ี
ี
ขณะเรยน
ิ
ี่
ิ
5. ตรวจผลงานตามใบปฏบัตงานท 8.1
6. สังเกตการท างานกลุ่ม
ี
หลังเรยน
ี
ึ
5. ตรวจแบบฝกหัดหลังเรยน
6. สังเกตการท างานกลุ่ม
ผลงาน/ชนงาน/ผลสาเรจของผูเรยน
้
ี
ิ
็
้
่
1. แปลงหนวยความต้านทาน
็
2. อ่านค่าความต้านทานแสดงเปนตัวเลขตัวอักษร
็
3. อ่านค่าความต้านทานแสดงเปนแถบส ี
ค าถาม
์
ี
์
ิ
อธบายให้ได้ใจความสมบูรณและแสดงวิธท าให้สมบูรณถูกต้อง
์
ิ
์
ิ
์
1. เทอรมสเตอร และวารสเตอรแตกต่างกันอย่างไร
์
ิ
ิ
ิ
ิ
2. ตัวต้านทานชนดฟล์มโลหะ และตัวต้านทานชนดฟล์มคารบอน แตกต่างกันอย่างไร
ี
่
่
ี
3. จงอานค่าความต้านทานของตัวต้านทานทบอกค่าไว้ดังต่อไปน้
่
่
่
ที่ คาแสดง คาอานได ้
1 2W 33KK
2 6M8J
3 270E 5WJ
4 131
5 2R94
6 7872
่
ี
ี
4. จงอานค่าความต้านทานของตัวต้านทานตามแถบสดังต่อไปน้
ี
่
ที่ ส1 ส2 ส3 ส4 ส5 คาอานได ้
ี
ี
ี
่
ี
1 ทอง -
2 เงิน -
3 ทอง ทอง -
4
5
6
ู
5. จงหาค่าความต้านทานรวมของวงจรตามรป
R 1 = 10
R 2 = 30
R 3 = 20
ู
ี
รายละเอยดการประเมินผลการเรยนร
้
ี
ุ
ิ
ิ
ิ
ี่
• จุดประสงค์เชงพฤตกรรม ข้อท 1 อธบายความหมายความต้านทานในวัสดต่าง ๆได้
ี
ิ
7. วิธการประเมน : ทดสอบ
ื
ื่
8. เครองมอ : แบบทดสอบ
ุ
ิ
9. เกณฑ์การให้คะแนน : อธบายความหมายความต้านทานในวัสดต่าง ๆได้ จะได้ 3 คะแนน
ี่
ิ
ี่
ิ
ิ
ุ
ิ
• จุดประสงค์เชงพฤตกรรม ข้อท 2 จ าแนกชนดตัวต้านทานตามวัสดทใช้ผลตได้
ิ
ี
7. วิธการประเมน : ทดสอบ
ื
ื่
8. เครองมอ : แบบทดสอบ
ิ
ิ
ี่
ุ
9. เกณฑ์การให้คะแนน : จ าแนกชนดตัวต้านทานตามวัสดทใช้ผลตได้จะได้ 3 คะแนน
ู
ิ
ิ
ี่
• จุดประสงค์เชงพฤตกรรม ข้อท 3 วิเคราะห์ตัวต้านทานตามรปแบบที่ผลิตได้
ิ
ี
7. วิธการประเมน : ทดสอบ
ื
ื่
8. เครองมอ : แบบทดสอบ
ู
9. เกณฑ์การให้คะแนน : วิเคราะห์ตัวต้านทานตามรปแบบที่ผลิตได้ 3 คะแนน
ี่
ิ
่
ิ
• จุดประสงค์เชงพฤตกรรม ข้อท 4 แปลงหนวยความต้านทานได้
ิ
ี
7. วิธการประเมน : ทดสอบ
ื่
ื
8. เครองมอ : แบบทดสอบ
่
9. เกณฑ์การให้คะแนน : แปลงหนวยความต้านทานได้ จะได้ 7 คะแนน
็
ี่
ิ
ิ
• จุดประสงค์เชงพฤตกรรม ข้อท 5 อ่านค่าความต้านทานแสดงเปนตัวเลยตัวอักษรได้
ิ
ี
3. วิธการประเมน : ทดสอบ
ื
ื่
4. เครองมอ : แบบทดสอบ
็
8. เกณฑ์การให้คะแนน : อ่านค่าความต้านทานแสดงเปนตัวเลยตัวอักษรได้จะได้ 7 คะแนน
ิ
็
ี
ิ
ี่
• จุดประสงค์เชงพฤตกรรม ข้อท 6 อ่านค่าความต้านทานแสดงเปนแถบสได้
ิ
ี
4. วิธการประเมน : ทดสอบ
ื
ื่
5. เครองมอ : แบบทดสอบ
็
ี
6. เกณฑ์การให้คะแนน : อ่านค่าความต้านทานแสดงเปนแถบสได้ได้ จะได้ 7 คะแนน
ุ
์
ิ
้
ิ
ี่
ี
• จุดประสงค์เชงพฤตกรรม ข้อท 7 เตรยมความพรอมด้าน วัสด อุปกรณสอดคล้องกับงานได้อย่างถูกต้อง
ิ
ี
7. วิธการประเมน : ตรวจผลงาน
ื่
ิ
ื
8. เครองมอ : แบบประเมนกระบวนการท างานกลุ่ม
ุ
์
้
ี
9. เกณฑ์การให้คะแนน : เตรยมความพรอมด้าน วัสด อุปกรณสอดคล้องกับงานได้อย่าง
ถูกต้อง จะได้ 5 คะแนน
ิ
็
ิ
ี
ิ
ิ
ี่
ี่
• จุดประสงค์เชงพฤตกรรม ข้อท 8 ปฏบัตงานได้อย่างถูกต้อง และส าเรจภายใน เวลาทก าหนดอย่างมเหตุ
ิ
ั
และผลตามหลักปรชญาเศรษฐกจพอเพียง
ี
ิ
7. วิธการประเมน : ตรวจผลงาน
ื่
ื
8. เครองมอ : แบบประเมินกระบวนการท างานกลุ่ม
็
ี่
ิ
ี
ิ
9. เกณฑ์การให้คะแนน : ปฏบัตงานได้อย่างถูกต้อง และส าเรจภายใน เวลาทก าหนดอย่างมเหตุ
ั
ิ
และผลตามหลักปรชญาเศรษฐกจพอเพียง จะได้ 5 คะแนน
แบบฝกหัดบทที่ 8
ึ
้
ื่
เรอง ตัวตานทาน
ู
ิ
ิ
ื่
้
ี่
ิ
้
้
ึ
วัตถุประสงค์ เพื่อประเมนความรเดมของนักศกษาเกยวกับเรอง แหล่งก าเนดไฟฟาและประเภทของไฟฟา
ุ
ื่
ี่
ี่
เขียนเครองหมายกากบาท (X) ลงในข้อทถูกต้องทสด
ุ
ี่
ิ
ุ
ิ
ี่
ี
1. วัสดชนดใดทมคุณสมบัตแสดงค่าความต้านทานออกมาได้มากทสด
ิ
์
ก. ซลคอน ข. คารบอน
ิ
ิ
ี
์
ี
ค. อะลูมเนยม ง. เจอรเมเนยม
ี่
้
2. หน้าทของตัวต้านทานในวงจรไฟฟาคืออะไร
่
้
ิ
ก. ท าให้เกดก าลังไฟฟาตามต้องการตกครอมภายในตัว
ี่
้
ข. ก าหนดระดับแรงดันทต้องการปอนไปให้วงจร
ค. จ ากัดค่าการไหลของกระแสในวงจร
ง. ถูกทุกข้อ
ี
ิ
ู
็
ิ
ี่
้
3. ตัวต้านทานชนดใดทสามารถผลตให้มขนาดใหญ่ ทนก าลังไฟฟาได้สงเปนพันวัตต์
์
ก. ลวดพัน ข. คารบอน
ิ
ค. ฟล์มโลหะ ง. ฟล์มสนมโลหะ
ิ
ิ
ิ
ู
็
4. ตัวต้านทานตามรปเปนชนดใด
ิ
ิ
ก. ชนดพิเศษ ข. ชนดแบ่งค่า
ี่
ื
ิ
ิ
ี่
ค. ชนดปรับเปลยนค่า ง. ชนดเปลยนเลอกค่า
ิ
็
ู
5. V สัญลักษณตามรปเปนตัวต้านทานชนดใด
์
์
ิ
์
ิ
ก. วารสเตอร ข. เทอรมสเตอร ์
ั
ี่
ี่
ิ
ค. ตัวต้านทานเปลยนค่าตามแสง ง. ตัวต้านทานชนดปรบเปลยนค่า
ู
์
6. อุปกรณตามรปคืออะไร
์
์
ิ
์
ิ
ก. วารสเตอร ข. เทอรมสเตอร
ี่
ค. ตัวต้านทานแบบ SIL ง. ตัวต้านทานเปลยนค่าตามแสง
1M2 K 2W
ู
7. ตัวต้านทานตามรปอ่านค่าได้เท่าไร
ก. 2.2 k ค่าผิดพลาด 20%
้
ข. 12 k ค่าผิดพลาด 20% ทนก าลังไฟฟาได้ 2 W
้
ค. 12 M ค่าผิดพลาด 10% ทนก าลังไฟฟาได้ 2 W
้
ง. 1.2 M ค่าผิดพลาด 10% ทนก าลังไฟฟาได้ 2 W
683J
ู
8. ตัวต้านทานตามรปอ่านค่าได้เท่าไร
ก. 683 ข. 68 k
ค. 68 k ค่าผิดพลาด 5% ง. 683 ค่าผิดพลาด 5%
205
ู
9. ตัวต้านทานตามรปอ่านค่าได้เท่าไร
ก. 20.5 ข. 205
ค. 2 M ง. 20 ค่าผิดพลาด 5%
31R2
ู
10. ตัวต้านทานตามรปอ่านค่าได้เท่าไร
ก. 31.2 ข. 312
ค. 3.1 , 2W ง. 31 , 2W
ใบปฏิบัติงาน การอ่านค่าความต้านทาน
8.1 และการวัดค่าความต้านทาน
้
์
ี
จุดประสงคการเรยนรู
ี
ิ
1. อ่านค่าความต้านทานและค่าผิดพลาดของตัวต้านทานชนด 4 แถบสได้
ี
ิ
2. อ่านค่าความต้านทานและค่าผิดพลาดของตัวต้านทานชนด 5 แถบสได้
ิ
ิ
์
3. ใช้มัลตมเตอรวัดค่าความต้านทานของตัวต้านทานได้
่
4. มมนษยสัมพันธ์ทดกับเพื่อนรวมงาน
ี
ี
ุ
ี่
่
ื
เครองมอและอุปกรณ ์
ื
ิ
ู
1. ตัวต้านทานค่าความต้านทานต ่าไปหาสงชนด 4 แถบส 10 ตัว
ี
ู
ี
ิ
2. ตัวต้านทานค่าความต้านทานต ่าไปหาสงชนด 5 แถบส 10 ตัว
ิ
ื่
ิ
์
ิ
3. มัลตมเตอรชนดเข็มช้ ี 1 เครอง
ล าดับขันการทดลอง
้
่
ึ
ิ
1. เขียนค่ารหัสสและอ่านค่าความต้านทานของตัวต้านทานชนด 4 แถบสทเตรยมไว้ทั้ง 10 ตัว บันทกค่าลงในตารางท ี ่
ี
ี
ี
ี
็
8.1 ให้เปนค่ามาตรฐานสากล
ิ
์
2. ปรบย่านวัดของโอห์มมเตอรให้เหมาะสมกับค่าความต้านทานตัวทจะวัดค่า ปรบแต่งโอห์มมเตอรให้พรอมใช้งาน
์
ั
ิ
ั
ี่
้
ั
ในแต่ละคร้งก่อนการวัดค่า
่
ิ
์
้
่
3. ทุกคร้งทเปลยนย่านวัดโอห์มใหม จะต้องปรบแต่งโอห์มมเตอรให้พรอมใช้งานใหมก่อนการวัดค่าเสมอ
ี
ี
่
่
ั
ั
่
4. วัดและอานค่าความต้านทานของตัวต้านทานทั้ง 10 ตัว บันทกค่าทตั้งย่านวัดโอห์ม และค่าความต้านทานทอานได้
ี
่
่
่
ี
ึ
ี่
ลงในตารางท 8.1
ิ
5. การตั้งย่านวัดโอห์มมเตอรตั้งแต่ย่าน x1k ขึ้นไป ห้ามจับปลายเข็มวัดทเปนโลหะของโอห์มมเตอรทั้งสองเสนด้วยมอ
์
้
ื
่
็
ี
์
ิ
ี่
ิ
สองด้าน เพราะจะท าให้ค่าความต้านทานทวัดออกมาได้เกดความผิดพลาด
ิ
ิ
ิ
ี
ตารางที่ 8.1 การอ่านค่าความต้านทานและการวัดค่าความต้านทานชนด 4 แถบสด้วยมัลตมเตอร ์
์
่
รหัสส ี ยานโอหม
่
่
้
R คาความตานทาน ตัวเลขอานได ้ คาจรงอานได ้
่
ิ
่
้
่
้
ั
ี
ี
ี
ตัวที่ สี 1 ส 2 ส 3 ส 4 อานไดจากรหัสส ี มิเตอร ์ บนหนาปด จากมิเตอร ์
ที่ตังวัด
้
ิ
0 แดง ด า น ้าตาล เงน 200 10% 10 20 200
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
ี
ิ
็
ี่
6. เปลยนตัวต้านทานเปนชนด 5 แถบส
ี
ี
ี
่
7. เขียนค่ารหัสสและอานค่าความต้านทานของตัวต้านทานชนด 5 แถบสทเตรยมไว้ทั้ง 10 ตัว บันทกค่าลงในตารางท ี ่
ึ
ี
ิ
่
8.2
ิ
ิ
ี
ิ
ตารางที่ 8.2 การอ่านค่าความต้านทานและการวัดค่าความต้านทานชนด 5 แถบสด้วยมัลตมเตอร ์
่
รหัสส ี ยานโอหม ตัวเลข
์
่
ิ
่
R คาความตานทาน มิเตอร ์ อานได ้ คาจรงอานได ้
่
้
่
ี
ี
ี
ตัวที่ สี 1 ส 2 ส 3 ส 4 ส 5 อานไดจากรหัสส ี จากมิเตอร ์
้
ี
่
้
้
ที่ตังวัด บนหนาปด
ั
0 ส้ม เหลือง เทา น ้าตาล แดง 3480 = 3.48k 2% 1k 3.5 3.5k
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
ิ
ั
์
้
ั
ิ
ี่
์
8. ปรบย่านวัดของโอห์มมเตอรให้เหมาะสมกับค่าความต้านทานตัวทจะวัดค่า ปรบแต่งโอห์มมเตอรให้พรอมใช้งาน
ั
ในแต่ละคร้งก่อนการวัดค่า
ึ
ี
ี
่
่
่
9. วัดและอานค่าความต้านทานของตัวต้านทานทั้ง 10 ตัว บันทกค่าทตั้งย่านวัดโอห์ม และค่าความต้านทานทอานได้
่
ี่
ลงในตารางท 8.2
สรุปผลการทดลอง
______________________________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________________________
ค าถามและการวิเคราะห ์
ื
ี่
์
ิ
ี
ื
็
ึ
ี
1. ค่าทอ่านได้จากรหัสสและค่าทวัดได้ด้วยโอห์มมเตอรมค่าเหมอนกันหรอแตกต่างกันอย่างไร ท าไมถงเปนเชนนั้น
่
ี่
______________________________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________________________
ิ
แบบประเมนผลการน าเสนอผลงาน
ื่
ชอกลุ่ม……………………………………ชั้น………………………ห้อง............................
ิ
ื่
รายชอสมาชก
ี่
1……………………………………เลขท…….
ี่
2……………………………………เลขท…….
ี่
3……………………………………เลขท…….
ี่
4……………………………………เลขท…….
ิ
ท ี่ รายการประเมน คะแนน ข้อคิดเห็น
3 2 1
ี
้
1 เน้อหาสาระครอบคลมชัดเจน (ความรเกยวกับเน้อหา ความถกต้อง
ุ
ู
่
ู
ื
ื
ิ
ั
ปฏภาณในการตอบ และการแก้ไขปญหาเฉพาะหน้า)
2 รูปแบบการน าเสนอ
ิ
่
ุ่
ี
3 การมสวนรวมของสมาชกในกลม
่
ิ
ี
ิ
ิ
ั
ี
ู
4 บุคลกลักษณะ กรยา ท่าทางในการพด น ้าเสยง ซงท าให้ผู้ฟงมความ
่
ึ
สนใจ
รวม
ิ
ผู้ประเมน…………………………………………………
้
์
เกณฑการใหคะแนน
ื
1. เน้อหาสาระครอบคลุมชัดเจนถูกต้อง
ุ
ี
3 คะแนน = มสาระส าคัญครบถ้วนถูกต้อง ตรงตามจดประสงค์
2 คะแนน = สาระส าคัญไม่ครบถ้วน แต่ตรงตามจุดประสงค์
1 คะแนน = สาระส าคัญไม่ถูกต้อง ไม่ตรงตามจุดประสงค์
ู
2. รปแบบการน าเสนอ
ื่
ี
ี่
ู
ี
ิ
ี่
3 คะแนน = มรปแบบการน าเสนอทเหมาะสม มการใช้เทคนคทแปลกใหม่ ใช้สอและเทคโนโลยี
ประกอบการ น าเสนอทนาสนใจ น าวัสดในท้องถ่นมาประยุกต์ใช้อย่างคุ้มค่าและประหยัด
ี่
ิ
่
ุ
ี่
ื่
ิ
ี
่
4 คะแนน = มเทคนคการน าเสนอทแปลกใหม่ ใช้สอและเทคโนโลยีประกอบการน าเสนอที่นาสน ใจ แต่
ุ
ิ
ขาด การประยุกต์ใช้ วัสดในท้องถ่น
1 คะแนน = เทคนคการน าเสนอไม่เหมาะสม และไม่นาสนใจ
ิ
่
ิ
ี
่
่
3. การมสวนรวมของสมาชกในกลุ่ม
่
3 คะแนน = สมาชกทุกคนมีบทบาทและมสวนรวมกจกรรมกลุ่ม
ิ
่
ี
ิ
ี
่
ิ
่
ิ
ี
่
2 คะแนน = สมาชกสวนใหญ่มบทบาทและมสวนรวมกจกรรมกลุ่ม
1 คะแนน = สมาชกสวนน้อยมบทบาทและมสวนรวมกจกรรมกลุ่ม
ี
ิ
่
ิ
่
่
ี
ั
4. ความสนใจของผู้ฟง
่
้
ั
ื
3 คะแนน = ผู้ฟงมากกว่ารอยละ 90 สนใจ และให้ความรวมมอ
2 คะแนน = ผู้ฟงรอยละ 70-90 สนใจ และให้ความรวมมอ
่
ั
ื
้
ั
้
่
ื
1 คะแนน = ผู้ฟงน้อยกว่ารอยละ 70 สนใจ และให้ความรวมมอ
ุ
ิ
แบบประเมนกระบวนการท างานกล่ม
ชอกลุ่ม……………………………………ชั้น………………………ห้อง............................
ื่
ื่
ิ
รายชอสมาชก
ี่
1……………………………………เลขท…….
ี่
2……………………………………เลขท…….
ี่
3……………………………………เลขท…….
ี่
4……………………………………เลขท…….
ิ
ท ี่ รายการประเมน คะแนน ข้อคิดเห็น
3 2 1
1 การก าหนดเป้าหมายร่วมกัน
2 การแบ่งหน้าที่รับผิดชอบและการเตรียมความพร้อม
3 การปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
ุ
ิ
4 การประเมนผลและปรับปรงงาน
รวม
ิ
ผู้ประเมน…………………………………………………
ื
ี่
วันท…………เดอน……………………..พ.ศ…………...
้
เกณฑการใหคะแนน
์
้
่
1. การก าหนดเปาหมายรวมกัน
้
่
่
ิ
3 คะแนน = สมาชกทุกคนมีสวนรวมในการก าหนดเปาหมายการท างานอย่างชัดเจน
่
่
ิ
2 คะแนน = สมาชกสวนใหญ่มีสวนรวมในการก าหนดเปาหมายในการท างาน
่
้
่
1 คะแนน = สมาชกสวนน้อยมีสวนรวมในการก าหนดเปาหมายในการท างาน
ิ
่
่
้
ี
ั
2. การหน้าทรบผิดชอบและการเตรยมความพรอม
้
ี่
ิ
ี
ี
ื่
ี
่
ุ
3 คะแนน = กระจายงานได้ทั่วถึง และตรงตามความสามารถของสมาชกทกคน มการจัดเตรยมสถานท สอ /
ี
้
อุปกรณ์ไว้อย่างพรอมเพรยง
่
่
ื
่
2 คะแนน = กระจายงานได้ทั่วถึง แตไมตรงตามความสามารถ และมสอ / อุปกรณ์ไว้อย่างพรอมเพรยง แต่ขาด
ี
้
ี
ี
การจัดเตรยมสถานท ี่
ื่
่
1 คะแนน = กระจายงานไมทั่วถึงและมีสอ / อุปกรณ์ไม่เพียงพอ
ี่
ิ
ี่
ิ
ั
3. การปฏบัตหน้าททได้รบมอบหมาย
3 คะแนน = ท างานได้ส าเรจตามเปาหมาย และตามเวลาทก าหนด
็
ี่
้
ี่
็
้
2 คะแนน = ท างานได้ส าเรจตามเปาหมาย แต่ช้ากว่าเวลาทก าหนด
1 คะแนน = ท างานไม่ส าเรจตามเปาหมาย
้
็
ุ
ั
4. การประเมินผลและปรบปรงงาน
ั
ิ
่
็
ึ
ุ
ิ
ื
3 คะแนน = สมาชกทุกคนรวมปรกษาหารอ ตดตาม ตรวจสอบ และปรบปรงงานเปนระยะ
่
ิ
ึ
่
่
2 คะแนน = สมาชกบางสวนมีสวนรวมปรกษาหารอ แต่ไม่ปรบปรงงาน
ื
ุ
ั
ุ
ั
่
่
่
่
ื
ิ
่
ึ
1 คะแนน = สมาชกบางสวนมีสวนรวมไม่มีสวนรวมปรกษาหารอ และปรบปรงงาน
เฉลยบทที่ 8 ตัวตานทาน
้
ตอนที่ 1
1. ข 2. ง 3. ก 4. ค 5. ก
6. ข 7. ง 8. ค 9. ค 10. ก
ตอนที่ 2
์
์
ิ
ิ
์
1. เทอรมสเตอร และวารสเตอรแตกต่างกันอย่างไร
์
ิ
ี่
ี่
์
ิ
ู
็
ั
ี่
เทอรมสเตอร เปนตัวต้านทานทค่าความต้านทานภายในตัวเอง สามารถเปลยนแปลงได้ตามค่าอุณหภมทได้รบ ค่า
ี่
ี
ู
ุ
ี
ี่
่
ี่
ี่
ิ
้
ิ
่
ิ
ุ
ิ
ความต้านทานทเปลยนแปลงไปแตกต่างกันตามชนดของวัสดทใช้ผลต วัสดทใช้ผลตมทั้งโลหะและสนมโลหะ รปรางทสราง
์
ิ
์
ิ
ิ
่
ี
มาใช้งานมความแตกต่างกันไปหลายแบบ ขึ้นอยูกับความเหมาะสมในการใช้งาน เทอรมสเตอรแบ่งได้ 2 ชนด คือ ชนด
ิ
็
ู
ู
สมประสทธอุณหภมเปนบวก (Positive Temperature Coefficients ; PTC) ค่าความต้านทานเพ่มขึ้น เมออุณหภม ิ
ิ
ั
ื
่
ิ
ิ
์
ี
ี
็
ิ
่
ิ
ุ
ี่
ิ
์
็
เพ่มขึ้น วัสดทใช้ผลต เชน แบเรยม สตรอนเทยม และตะกั่วไททาเนต เปนต้น อีกชนดคือ ชนดสมประสทธอุณหภมเปนลบ
ิ
ิ
ู
ิ
ั
ิ
ู
ี่
(Negative Temperature Coefficients ; NTC) ค่าความต้านทานเพ่มขึ้น เมออุณหภมลดลง วัสดทใช้ผลต เชน
่
ิ
ิ
ื
่
ุ
ิ
่
ู
ู
์
์
ิ
์
ี
็
ิ
ิ
ทองแดง นกเกล แมงกานส เหล็ก และโคบอลต์ เปนต้น รปรางและสัญลักษณของเทอรมสเตอร แสดงดังรปที่ 1
+t o
PTC
-t o
NTC
ู
่
่
ู
ิ
ิ
(ก) รปรางชนด PTC (ข) รปรางชนด NTC (ค) สัญลักษณ ์
์
ิ
ี
่
รูปท 1 เทอรมสเตอร ์
์
วารสเตอร หรอตัวต้านทานเปลยนค่าตามแรงดัน (Voltage Dependent Resistor ; VDR) เปนตัวต้านทานทค่า
ี่
ิ
ื
ี่
็
ี่
ความต้านทานสามารถเปลยนแปลงได้ ตามค่าแรงดันทปอนเข้ามา วารสเตอรมาจากค าเต็มว่าตัวต้านทานปรบเปลยนค่า (Variable
ิ
ั
ี่
์
ี่
้
ิ
ิ
Resistor = Varistor) คุณสมบัตของวารสเตอรท างานตรงข้ามกับแรงดัน ดังน้ ความต้านทานของวารสเตอรจะลดลงเมอ
ื่
์
ิ
์
ี
็
ื
ิ
ี
่
ี
ิ
่
ิ
แรงดันเพ่มขึ้น ในกรณทแรงดันเพ่มขึ้นอย่างต่อเนอง ค่าความต้านทานของวารสเตอรจะลดลงรวดเรว วารสเตอรเหมาะกับการ
ิ
์
์
์
็
้
ิ
้
็
ใช้งานเปนตัวปองกันแรงดันกระโชก นยมน าไปใช้งานเปนอุปกรณปองกันฟาผ่า และชวยคายประจุของไฟฟาสถต เปนต้น
้
้
ิ
็
่
ี่
์
ิ
ิ
่
ิ
ิ
ิ
ุ
ิ
ิ
์
ี
วัสดทน ามา ใช้ผลตวารสเตอร มีทั้งชนดสนมโลหะ ถูกเรยกวาวารสเตอรชนดสนมโลหะ (Metal Oxide Varistor ;
MOV) วัสดทใช้คือสนมสงกะส (Zinc Oxide ; ZnO) และวารสเตอรชนดสารกงตัวน า (Semi conductor) วัสดทใช้
ุ
ิ
่
ี
ิ
์
ึ
ี่
ุ
ี่
ั
ิ
ิ
์
์
ู
่
ู
ิ
ิ
์
คือ ซลคอนคารบอน (Silicon Carbon ; SiC) รปรางและสัญลักษณของวารสเตอร แสดงดังรปที่ 2
V
ิ
่
ู
ิ
่
ู
ิ
(ก) รปรางชนดขา (ข) รปรางชนดแปะตด SMD (ค) สัญลักษณ ์
ิ
ี
่
รูปท 2 วารสเตอร ์
์
ิ
ิ
ิ
ิ
2. ตัวต้านทานชนดฟล์มโลหะ และตัวต้านทานชนดฟล์มคารบอน แตกต่างกันอย่างไร
ี
่
่
ั
ิ
ิ
็
ิ
ึ
ิ
ิ
็
ตัวต้านทานชนดฟล์มโลหะ เปนตัวต้านทานประเภทโลหะชนดหนงทปจจุบันนยมผลตขึ้นมาใช้งาน เปนตัว
ี
ี
่
่
้
ิ
้
ี
ิ
ต้านทานทมขนาดการทนก าลังไฟฟาต า โครงสรางของตัวต้านทานชนดน้ประกอบด้วยแกนเซรามกทรงกระบอกขนาดต่างๆ
ู
ิ
ี
ื
ิ
ใช้โลหะจ าพวกพวกนกเกล (Nickel) หรอโครเมยม (Chromium) แผ่นบางๆ ในรปของฟล์มโลหะเคลอบทผิวเซรามก
ิ
ื
ี่
ิ
็
่
โดยท าการเคลอบในสญญากาศ และสงไปผ่านความรอนสงท าให้เกดการยึดเกาะแนน น าไปตัดให้เปนเกลยวพันรอบแกน
่
ี
้
ู
ิ
ื
ุ
ึ
่
่
ี
่
ิ
แบบต่อเนองจากปลายด้านหนงไปยังปลายอีกด้านหนง และมฝาครอบโลหะครอบฟล์มโลหะทปลายทั้งสองด้านต่อออกมา
ึ
ี
ื่
ิ
ิ
็
ู
เปนขาตัวต้านทาน ลักษณะตัวต้านทานชนดฟล์มโลหะ แสดงดังรปที่ 3
ี
่
ิ
์
่
ี
ิ
ิ
ิ
รูปท 3 ตัวต้านทานชนดฟล์มโลหะ รูปท 4 ตัวต้านทานชนดฟล์มคารบอน
ิ
ิ
่
์
็
ึ
่
ิ
ี่
็
ิ
ตัวต้านทานชนดฟล์มคารบอน เปนตัวต้านทานชนดคารบอนแบบหนงเปนชนดทผลตขึ้นมาใช้งานอย่างแพรหลาย
ิ
์
ื
่
ุ
ิ
ิ
ั
ิ
ิ
์
์
ในปจจุบันมากกวาชนดคารบอนแบบเดม การผลตท าได้โดยน าผงคารบอนผสมกับกาวไปเคลอบห้มแกนเซรามกทรงกระ
บอกขนาดต่างๆ น าไปตัดให้เปนเกลยวพันรอบแกนแบบต่อเนองจากปลายด้านหนงไปยังปลายอีกด้านหนง และมฝาครอบ
ึ
ื่
็
ี
่
ึ
่
ี
โลหะครอบฟล์มคารบอนทปลายทั้งสองด้านต่อออกมาเปนขาตัวต้านทาน เคลอบผิวนอกสดด้วยฉนวนอกชั้นหนง ลักษณะตัว
ี
ิ
ึ
ุ
ื
์
ี่
่
็
ิ
ิ
ู
์
ต้านทานชนดฟล์มคารบอน แสดงดังรปที่ 4
ี
่
ี
่
3. จงอานค่าความต้านทานของตัวต้านทานทบอกค่าไว้ดังต่อไปน้
่
่
่
ที่ คาแสดง คาอานได ้
้
1 2W 33KK ทนก าลังไฟฟาได้ 2 W ความต้านทาน 33 k ค่าผิดพลาด 10%
2 6M8J ความต้านทาน 6.8 M ค่าผิดพลาด 5%
้
3 270E 5WJ ความต้านทาน 270 ทนก าลังไฟฟาได้ 5 W ค่าผิดพลาด 5%
4 131 ความต้านทาน 13 x 10 = 130
5 2R94 ความต้านทาน 2.94
6 7872 ความต้านทาน 787 x 10 = 78,700 = 78.7 k
2
่
ี
ี
4. จงอานค่าความต้านทานของตัวต้านทานตามแถบสดังต่อไปน้
ที่ ส1 ส2 ส3 ส4 ส5 คาอานได ้
่
่
ี
ี
ี
ี
ี
1 ทอง - 10 10 = 100 ค่าผิดพลาด 5%
2 เงิน - 27 1000 = 27,000 = 27 k ค่าผิดพลาด 10%
3 ทอง ทอง - 56 0.1 = 5.6 ค่าผิดพลาด 5%
4 365 1000 = 365,000 = 365 k ค่าผิดพลาด 2%
5 432 10 = 4,320 = 3.32 k ค่าผิดพลาด 1%
6 284 100 = 28,400 = 28.4 k ค่าผิดพลาด 0.5%
ี่
ู
5. จงหาค่าความต้านทานรวมของวงจรตามรปท 5
R 1 = 10
R 2 = 30
R 3 = 20
ี่
ู
รปท 5
วิธีท า
1 1 1 1
จากสตร = + +
ู
R T R 1 R 2 R 3
1 1 1 1
แทนค่า = + +
R T 10 30 20
1 6 +2 +3 11
= =
R T 60 60
60
RT = = 5.46 ตอบ
11
ึ
บันทกหลังการสอน
ี่
บทท 8 ตัวต้านทาน
ี
ผลการใช้แผนการเรยนร ู ้
ิ
ื
ิ
7. เน้อหาสอดคล้องกับจุดประสงค์เชงพฤตกรรม
ิ
ี
ิ
8. สามารถน าไปใช้ปฏบัตการสอนได้ครบตามกระบวนการเรยนการสอน
ื่
9. สอการสอนเหมาะสมด ี
ี
ผลการเรยนของนักเรยน
ี
่
ี
7. นักศกษาสวนใหญ่มีความสนใจใฝร เข้าใจในบทเรยนรวมกัน อภปรายตอบค าถามในกลุ่ม และรวมกันปฏิบัต ิ
่
ู
ิ
่
่
้
ึ
ิ
ี่
ั
ใบปฏบัติงานทได้รบมอบหมาย
ึ
ี่
ื
ั
็
ื
8. นักศกษากระตอรอร้นและรบผิดชอบในการท างานกลุ่มเพื่อให้งานส าเรจทันเวลาทก าหนด
ู
้
ึ
9. นักศกษาปฐมพยาบาลผู้ถูกไฟฟาดด
ู
ผลการสอนของคร
ู
ื
7. สอนเน้อหาได้ครบตามหลักสตร
ื
ุ
ี
ิ
8. แผนการสอนและวธการสอนครอบคลมเน้อหาการสอนท าให้ผู้สอนสอนได้อย่างมั่นใจ
ี่
9. สอนได้ทันตามเวลาทก าหนด
ั
ปญหาและอุปสรรค์
่
ู
ื
ี
ี
่
ี
1. นักศกษาแต่ละคนมความรพ้นฐานในเน้อหาทเรยนไมเท่ากัน
ื
ึ
้
2. นักศกษาแต่ละคนมีทักษะในการปฏบัตงานไม่เท่ากัน
ิ
ึ
ิ
แผนการสอน/แผนการเรยนรูภาคทฤษฏ ี
ี
้
แผนการสอน/การเรยนรภาคทฤษฎ ี บทท 10
ี
ู
้
ี่
ชอวิชา งานไฟฟาและอเล็กทรอนกสเบ้องต้น สอนสัปดาห์ท 14-15
ื่
้
ื
ี่
์
ิ
ิ
(Basic Electricity and Electronic)
่
ี่
ชอหน่วย ตัวเหนยวน าและหม้อแปลงไฟฟา คาบรวม 8
ื
้
ื่
ื่
้
ชอเรอง. ตัวเหนยวน าและหม้อแปลงไฟฟา จ านวนคาบ 8
ี่
ื่
หัวขอเรอง
้
้
้
ดานความรู
• คุณสมบัตของตัวเหนยวน า
ิ
ี่
• ตัวเหนยวน าแบบขดเดยว
ี่
ี
• ตัวเหนยวน าแบบหลายขด
ี่
• หม้อแปลงก าลัง
• หนวยความเหนยวน า
่
ี่
• บทสรป
ุ
้
ดานทักษะ
8. มทักษะในการแปลงหนวยค่าความเหนยวน าของตัวเหนยวน า
่
ี
ี่
ี่
9. อ่านค่าความเหนยวน าแสดงเปนตัวเลขตัวอักษร
็
ี่
้
ิ
ดานคุณธรรม จรยธรรม
้
ี
11. เพื่อให้มเจตคตทดต่อการเตรยมความพรอมด้านการเตรยม วัสด อุปกรณ และการปฏบัตงานอย่างถูกต้อง ส าเรจ
ิ
ิ
ิ
ี
ี่
ุ
์
็
ี
ี
ภายในเวลาทก าหนด มเหตุและผลตามหลักปรชญาเศรษฐกจพอเพียง
ี
ั
ิ
ี่
12. เตรยมความพรอมด้าน วัสด อุปกรณสอดคล้องกับงานได้อย่างถูกต้อง
์
้
ุ
ี
ี
ั
13. มความรบผิดชอบ ปฏบัตงานได้อย่างถูกต้องในเรองตัวเหนยวน าและหม้อแปลง ส าเรจภายในเวลาทก าหนดอย่างม ี
ิ
ิ
ี่
ี่
ื่
็
เหตุและผลตามหลักปรชญาเศรษฐกจพอเพียง
ั
ิ
สาระสาคัญ
็
ี่
ี
้
็
้
ตัวเหนยวน าเปนเสนลวดตัวน าจ าพวกทองแดงขดเปนวงเรยงกันหลายๆรอบ ลักษณะการพันเสนลวดตัวน าแตกต่าง
ี
ี
ึ
ี่
ิ
ื่
ื
ี
ื่
้
กัน จงถูกเรยกชอแตกต่างกัน แต่คุณสมบัตของตัวเหนยวน ามความเหมอนกันคือ เมอมกระแสไฟฟาไหลผ่านเส้นลวดตัวน า จะ
่
้
ิ
้
เกดเสนแรงแมเหล็กขึ้นรอบเสนลวด
หม้อแปลงไฟฟาแกนเหล็ก ฐานรองขดลวดท าด้วยแผ่นเหล็กบางเคลอบฉนวนวางซ้อนกัน ชวยเพ่มค่าความเหนยวน า
้
ิ
่
ี
่
ื
ี
ู
ื
่
ี
ื
่
ี
ให้มากขึ้น ลดการสญเสยเนองจากกระแสไหลวน การเรยกชอหม้อแปลงแกนเหล็กเรยกตามลักษณะการพันขดลวด และตาม
ลักษณะโครงสรางของหม้อแปลง
้
่
สมรรถนะอาชพประจ าหนวย (ส่งทต้องการให้เกดการประยุกต์ใช้ความร ทักษะ คุณธรรม เข้าด้วยกัน)
ี
ู
้
ิ
ี
่
ิ
ี่
่
ี่
6. แปลงหนวยค่าความเหนยวน าของตัวเหนยวน า
ี่
็
ี่
7. อ่านค่าความเหนยวน าของตัวเหนยวน าแสดงเปนตัวเลขตัวอักษร
ั
์
ค าศพทสาคัญ
ี่
ตัวเหนยวน า Inductor
้
สนามแม่เหล็กไฟฟา Electromagnetic Field
ี่
ื่
้
แรงเคลอนไฟฟาเหนยวน า (EMF) Induce Electro Motive Force
Coil
ขดลวด
Choke
โช้ก Inductance
ี่
ความเหนยวน า Self Induction
ี่
การเหนยวน าตัวเอง Mutual Induction
ี่
การเหนยวน าข้ามขด Air Core Type
ิ
ชนดแกนอากาศ Ferromagnetic Core Type
Variable Core Type
ิ
ิ
์
ชนดแกนสารเฟอรโรแมกเนตก High Frequency
ั
ิ
ชนดแกนปรบค่าได้ Radio Frequency
ู
ี่
ความถสง Air Core Inductor
ี่
ความถวิทยุ (RF) Ferromagnetic Core Inductor
ิ
ี่
ตัวเหนยวน าชนดแกนอากาศ Ferrite Core Inductor
ี่
ิ
ิ
์
ตัวเหนยวน าชนดสารเฟอรโรแมกเนตก Iron Powder Core Inductor
Eddy Current
์
ี่
ตัวเหนยวน าแกนเฟอรไรต์ Toroidal Core Inductor
ี่
ตัวเหนยวน าแกนผงเหล็กอัด Laminated Iron Core Inductor
กระแสไหลวน Lamination
ี่
ตัวเหนยวน าแกนทอรอยด์ Audio Frequency
ี่
ตัวเหนยวน าแกนเหล็กแผ่นบาง Filter
ี
็
รดให้เปนแผ่นบาง Variable Core Inductor
Primary
ี
ี่
ความถเสยง (AF) Secondary
ตัวกรองสัญญาณ Transformer
ิ
ี่
ี่
ั
ตัวเหนยวน าชนดแกนปรบเปลยนค่าได้ Air Core Transformer
Ferrite Core Transformer
ขดปฐมภูม ิ Tuner
ิ
ขดทุตยภูม ิ Oscillator
หม้อแปลง Intermediate Frequency
ิ
หม้อแปลงชนดแกนอากาศ Laminated Iron Core Transformer
์
ิ
หม้อแปลงชนดแกนเฟอรไรต์ Toroidal Core Transformer
ี่
ั
ภาครบความถวิทยุ Power Transformer
Step Down Voltage
ี่
ิ
ภาคก าเนดความถ (Osc.) Step Up Voltage
ี่
ภาคก าหนดความถปานกลาง (IF) Step Up – Step Down Voltage
ิ
หม้อแปลงชนดแกนเหล็กแผ่นบาง Auto
ิ
หม้อแปลงชนดแกนทอรอยด์ Variable Voltage
หม้อแปลงก าลัง Step Down Transformer
ิ
ชนดลดแรงดัน Step Up Transformer
Step Up – Step Down Transformer
ิ
ิ
ชนดเพ่มแรงดัน Auto Transformer
ิ
ิ
ชนดเพ่ม – ลดแรงดัน Variable Transformer
ิ
ชนดออโต Variac
ั
ี่
ิ
ชนดปรบเปลยนแรงดันได้ Counter Electro Motive Force
ิ
หม้อแปลงก าลังชนดลดแรงดัน
ิ
ิ
หม้อแปลงก าลังชนดเพ่มแรงดัน
ิ
ิ
หม้อแปลงก าลังชนดเพ่ม – ลดแรงดัน
ิ
หม้อแปลงก าลังชนดออโต
ิ
ี่
ั
หม้อแปลงก าลังชนดปรบเปลยนค่าได้
ิ
วารแอก
แรงเคลอนไฟฟาเหนยวน าต้านกลับ
้
ี่
ื่
์ ี ้
จุดประสงคการสอน/การเรยนรู
• จดประสงค์ทั่วไป / บรณาการเศรษฐกิจพอเพียง
ุ
ู
ี่
ิ
ิ
ี
้
ี่
ี่
ี่
ี
ู
1. เพื่อให้มความรเกยวกับตัวเหนยวน าและสนามแม่เหล็ก, ตัวเหนยวน าชนดขดเดยว,ตัวเหนยวน าชนดหลายขดและชนด
ิ
ของหม้อแปลงไฟฟาแกนเหล็ก (ดานความร)
ู
้
้
้
ี
้
ี่
่
ั
ี่
2. เพื่อให้มทักษะในการแปลงหนวยค่าความเหนยวน าของตัวเหนยวน า (ดานทกษะ)
ี่
3. เพื่อให้มเจตคติทดีต่อการเตรยมความพรอมด้านการเตรยม วัสด อุปกรณ และการปฏบัตงานอย่างถูกต้อง ส าเรจ
็
ิ
ี
ุ
ี
ี
์
ิ
้
ี่
ี
ิ
้
ิ
ั
ภายในเวลาทก าหนด มเหตุและผลตามหลักปรชญาเศรษฐกจพอเพียง (ดานคุณธรรม จรยธรรม)
• จดประสงค์เชงพฤตกรรม / บรณาการเศรษฐกิจพอเพียง
ิ
ิ
ุ
ู
ี่
ู
ิ
้
้
1. บอกลักษณะตัวเหนยวน าและการเกดสนามแม่เหล็กได้ (ดานความร)
ิ
้
ี
ู
้
ี
ี่
ิ
ี
2. เปรยบเทยบลักษณะตัวเหนยวน าชนดขดเดยวแต่ละชนดได้(ดานความร)
ู
ี่
ิ
้
้
3. วิเคราะห์ตัวเหนยวน าชนดหลายขดได้ (ดานความร)
้
้
้
ิ
ู
4. จ าแนกชนดของหม้อแปลงไฟฟาแกนเหล็กได้ (ดานความร)
ี่
ั
้
่
ี่
5. แปลงหนวยค่าความเหนยวน าของตัวเหนยวน าได้(ดานทกษะ)
6. เตรยมความพรอมด้าน วัสด อุปกรณสอดคล้องกับงานได้อย่างถูกต้อง (ดานคุณธรรม จรยธรรม/บูรณาการ
ิ
ี
้
้
์
ุ
ิ
เศรษฐกจพอเพียง)
ี
็
ิ
ิ
ั
7. ปฏบัตงานได้อย่างถูกต้อง และส าเรจภายใน เวลาที่ก าหนดอย่างมเหตุและผลตามหลักปรชญาของเศรษฐกิจ
้
ิ
ิ
พอเพียง (ดานคุณธรรม จรยธรรม/บูรณาการเศรษฐกจพอเพียง)
ี
้
เนอหาสาระการสอน/การเรยนรู
้
ื
ู
้
ี
• ด้านความร(ทฤษฎ)
่
10.1 คุณสมบัติของตัวเหนียวน า
์
ิ
็
้
ี่
์
ตัวเหนยวน า (Inductor) เปนอุปกรณทถูกน าไปใช้งานทางด้านไฟฟาและอิเล็กทรอนกสอย่างแพรหลายในหลายงาน
่
ี่
ี่
ื
ี่
ี
ิ
่
้
ิ
และหลายหน้าท คุณสมบัตของตัวเหนยวน าม 2 สภาวะ คือ จะให้ก าเนดสนามแม่เหล็กไฟฟา (Electromagnetic Field) ขึ้นมา เมอม ี
ื่
ี่
ิ
กระแสไหลผ่านในตัวเหนยวน า และจะให้ก าเนดแรงเคลอนไฟฟาเหนยวน า (Induce Electro Motive Force ; EMF) ขึ้นมา เมอม ี
ี่
่
ื
้
ี
่
ี
ิ
ี
่
่
ู
ี
ื
่
ู
ี
สนามแมเหล็กเคลอนทตัดผ่านตัวเหนยวน า ตัวเหนยวน าทถกผลตขึ้นมาใช้งานมหลายขนาดและหลายรปแบบแตกต่างกัน ตัว
่
่
ี่
ู
ี่
เหนยวน าแบบต่างๆ แสดงดังรปท 10.1
ี่
่
ี
รูปท 10.1 ตัวเหนยวน าแบบต่างๆ
็
ื่
ี
ี่
่
ื
้
ตัวเหนยวน าสามารถเรยกได้หลายชอ เชน ขดลวด (Coil) หรอ โช้ก (Choke) เปนต้น สรางขึ้นจากการน า
ี
้
ี่
็
เสนลวดทองแดงอาบน ้ายาฉนวน พันเปนขดวงกลมหลายๆ วงเรยงซ้อนกัน จ านวนรอบของการพันขดลวดตัวเหนยวน ามผลท าให้
ี
ี่
ิ
ค่าความเหนยวน า (Inductance) ทเกดขึ้นในตัวเหนยวน าแตกต่างกันไปมค่าดังน้ พันขดลวดจ านวนรอบน้อยเกดความเหนยวน าค่า
ี
ี
่
่
ี
ี
่
ิ
ี
ิ
น้อย พันขดลวดจ านวนรอบมากเกดความเหนยวน าค่ามาก จ านวนรอบทพันยังมผลต่อปรมาณสนาม แมเหล็กทเกดขึ้นด้วย พัน
่
ี
ี
่
ี
ิ
่
ี
่
ิ
ิ
ขดลวดจ านวนรอบน้อยสนามแมเหล็กเกดขึ้นน้อย พันขดลวดจ านวนรอบมากสนามแมเหล็กเกดขึ้นมาก ค่าทั้งสองม ี
ิ
่
่
ึ
่
ความสัมพันธ์ซงกันและกัน
่
้
ิ
ิ
็
ื
เสนลวดตัวน าเมอน ามาพันเปนขดลวด จะสงผลให้เสนแรงแมเหล็กทเกดขึ้นรอบเสนลวด ตัวน าเกดการเสรมแรงกัน เกด
้
ี
่
ิ
้
่
ิ
่
ิ
่
่
่
เปนสนามแมเหล็กขึ้นรอบขดลวด และสนามแมเหล็กทเกดขึ้นมความเข้มเพ่มมากขึ้นตามจ านวนรอบทพัน ลักษณะการเกด
็
ี
ี
ิ
ี่
ิ
ู
สนามแม่เหล็ก แสดงดังรปที่ 10.2
S N
ิ
ี่
รูปท 10.2 การเกดสนามแม่เหล็กเสรมแรงในตัวเหนยวน า
ิ
่
ี
ี
้
ิ
ความเข้มของสนามแมเหล็กไฟฟาทเกดขึ้นในขดลวดขึ้นอยูกับสวนประกอบต่างๆ ดังน้ ี
่
่
่
่
ิ
ิ
1. จ านวนรอบของการพันเส้นลวดตัวน า พันรอบน้อยเกดสนามแม่เหล็กน้อย พันรอบมากเกดสนามแม่เหล็กมาก
ิ
2. ปรมาณการไหลของกระแสผ่านเสนลวดตัวน า กระแสไหลน้อยสนามแม่เหล็กเกดน้อย กระแสไหลมาก
ิ
้
ิ
สนามแม่เหล็กเกดมาก
ุ
ี่
้
ี่
ิ
3. ชนดของวัสดทใช้ท าแกนแม่เหล็กไฟฟา แกนอากาศให้ความเข้มสนามแม่เหล็กน้อย แกนทท ามาจากโลหะให้ความ
เข้มของสนามแม่เหล็กมาก
่
่
ิ
่
4. ขนาดของแกนทน ามาใช้งาน แกนขนาดเล็กเกดสนามแมเหล็กขึ้นน้อย แกนขนาดใหญเกดสนามแมเหล็กขึ้นมาก
ิ
ี
่
ี่
ี่
ตัวเหนยวน าทผลตมาใช้งาน แบ่งตามลักษณะการเหนยวน าสนามแม่เหล็ก แบ่งออกได้เปน 2 แบบ คือ แบบตัว
ิ
ี่
็
เหนยวน าขดเดยว หรอแบบการเหนยวน าตัวเอง (Self Induction) และแบบตัวเหนยวน าหลายขด หรอแบบการเหนยวน าข้ามขด
ี่
ี่
ี่
ี่
ื
ี
ื
(Mutual Induction)
10.2 ตัวเหนี่ยวน าแบบขดเดียว
ี่
่
ิ
ี
ี่
ี
ี่
ี
็
ตัวเหนยวน าแบบขดเดยว เปนตัวเหนยวน าทมขดลวดพันไว้เพียงขดเดยว การเหนยวน าทเกดขึ้นภายในขดลวดเปนการ
็
ี
ี่
เหนยวน าตัวเอง จงเรยกตัวเหนยวน าแบบน้วา ขดลวด หรอโช้ก ซงการเหนยวน าสนามแมเหล็กจะเกดขึ้นภายในตัวเองเท่านั้น ค่า
ี
ี
ี
่
่
ื
ึ
ี
ึ
ิ
่
ี
่
่
่
ิ
ี่
ิ
ี
ิ
ี
้
่
ี
่
แรงเคลอนไฟฟาเหนยวน า (EMF) ทเกดขึ้น มทั้งเสรมและหักล้างกับแรงดันทปอนเข้ามา นยมน าไปใช้งานเกยวกับความถต่างๆ
้
ี่
ี
ื่
่
ิ
่
ิ
ี
ั
ี่
ี
ิ
ี
และการก าจัดสญญาณรบกวนทเกดขึ้น ตัวเหนยวน าแบบน้แบ่งออกได้ตามชนดของแกนทใช้รองรบขดลวด ได้แก่ ชนดแกน
ั
่
ั
ิ
ิ
ิ
์
อากาศ (Air Core Type) ชนดแกนสารเฟอรโรแมกเนตก (Ferromagnetic Core Type) และชนดแกนปรบค่าได้ (Variable Core Type)
10.2.1 ตัวเหนี่ยวน าชนิดแกนอากาศ (Air Core Inductor)
็
ี่
ี
ตัวเหนยวน าชนดแกนอากาศ เปนตัวเหนยวน าชนดทพันขดลวดไว้ลอยๆ โดยไมมฐานรอง หรอใช้แกน
ิ
ี่
ิ
่
ี่
ื
่
ื
ิ
ี
ฐานรองขดลวดท ามาจากวัสดทเปนฉนวนไฟฟา เชน ไฟเบอร พลาสตก หรอคารบอน เปนต้น ตัวเหนยวน าชนดน้นยมน าไปใช้
์
่
ิ
์
่
ี
็
ิ
็
้
ุ
ี
ิ
ี
ี
่
ิ
่
ี
ื
ี่
ี่
ี่
ึ
ู
งานกับความถสง (High Frequency) หรอความถวทยุ (Radio Frequency ; RF) จงมักเรยกตัวเหนยวน าชนดน้วา RF โช้ก ตัวเหนยวน า
ี่
แกนอากาศเปนตัวเหนยวน าทมค่าความเหนยวน าต า เพราะแกนไม่สามารถชวยเสรมค่าความเหนยวน าได้ การจะท าให้ค่าความ
ี่
่
็
ี่
ี่
ี
่
ิ
ู
ี
ิ
่
ิ
ี
่
ิ
ี
เหนยวน าเพ่มมากขึ้น ต้องใช้วธพันจ านวนรอบของขดลวดมากขึ้น ลักษณะตัวเหนยวน าชนดแกนอากาศ แสดงดังรปที่ 10.3
ู
(ก) รปราง (ข) สัญลักษณ ์
่
รูปท 10.3 ตัวเหนยวน าชนดแกนอากาศ
ิ
ี่
ี
่
10.2.2 ตัวเหนี่ยวน าชนิดแกนสารเฟอรโรแมกเนติก (Ferromagnetic
์
Core Inductor)
ื
์
ิ
ี่
ี่
ี่
ิ
็
ตัวเหนยวน าชนดแกนสารเฟอรโรแมกเนตก เปนตัวเหนยวน าทพันขดลวดบนแกนหรอฐานรองท ามาจาก
ิ
่
วัสดประเภทสารเฟอรโรแมกเนตก สามารถเกดอ านาจแมเหล็กขึ้นในตัวเองได้ และชวยเสรมอ านาจแมเหล็กให้ก าเนดได้มากขึ้น
์
ิ
ิ
ิ
ุ
่
่
ุ
ิ
ิ
ี่
์
่
ี
ิ
ี
วัสดทนยมน ามาใช้ผลตท าแกน เชน เฟอรไรต์ ผงเหล็กอัด ทอรอยด์ และเหล็กแผ่นบาง เปนต้น ตัวเหนยวน าชนดน้น าไปใช้งาน
่
็
็
ิ
่
ี
ี่
ู
ี่
ี่
ี
ี่
ได้กับทั้งความถต าและความถสง เปนตัวเหนยวน าชนดทผลตให้มค่าความเหนยวน าจ านวนมากๆ ได้ ตัวเหนยวน าชนดแกนสาร
ิ
่
ี
ิ
่
ิ
ิ
์
ี
เฟอรโรแมกเนตกแบ่งย่อยออกได้หลายชนด ดังน้
1. ตัวเหนี่ยวน าแกนเฟอรไรต (Ferrite Core Inductor) เปนตัวเหนยวน าทใช้แกนรองขดลวดท ามาจากวัสด ุ
็
ี่
ี่
์
์
์
์
ี
ึ
่
ู
่
็
ิ
ประเภทเฟอรไรต์อัดขึ้นรปในลักษณะต่างๆ ซงสารเฟอรไรต์มสวนผสมทแตกต่างกันไป โดยมสวนผสมหลักเปนสนมเหล็ก และ
ี่
ี
่
่
ิ
ี
ี
ี
ิ
ิ
่
่
ผสมรวมกับสารอื่นๆ อีกหลายชนด เชน อะลูมเนยม แมกนเซยม นกเกล โคบอลต์ และสังกะส เปนต้น การใช้สวนผสมแตกต่างกัน
็
ี
ิ
ี่
ี
ี
ี่
มผลต่อค่าความเหนยวน าทได้ออกมามค่ามากน้อยแตกต่างกัน
ี
้
ู
ี่
ข้อดของตัวเหนยวน าแกนเฟอรไรต์ คือสามารถสรางให้แกนมรปรางหลากหลายลักษณะแตกต่างกันไปตาม
่
์
ี
่
่
ู
ู
ความต้องการ น าไปใช้งานได้ดทั้งย่านความถต าและย่านความถสง ถกผลตขึ้นมาใช้งานมากมายหลากหลายรปแบบ และถก
ี
ู
ี
่
ู
ี
ิ
่
ู
์
ี่
น าไปใช้งานอย่างแพรหลาย ลักษณะตัวเหนยวน าแกนเฟอรไรต์ แสดงดังรปที่ 10.4
่
ู
(ก) รปราง (ข) สัญลักษณ ์
์
รูปท 10.4 ตัวเหนยวน าแกนเฟอรไรต์
ี่
ี
่
็
ี่
2. ตัวเหนี่ยวน าแกนผงเหล็กอัด (Iron Powder Core Inductor) เปนตัวเหนยวน าทใช้แกนรองขดลวดท ามา
ี่
็
จากวัสดประเภทผงเหล็กชนดอัดแนน โดยน าผงเหล็กผสมกับกาวอัดแนนเปนรปรางต่างๆ ตามต้องการ สามารถก าหนด
่
่
ุ
่
ิ
ู
ู
รปแบบได้อย่างหลากหลาย
ี่
ี
ี
ั
่
ู
ข้อดของตัวเหนยวน าแกนผงเหล็กอัด คือสามารถชวยลดการสญเสยการไหลของกระแสสญญาณภายใน
ิ
่
ู
่
ขดลวดจากกระแสไหลวน (Eddy Current) ลงได้ ท าให้กระแสสญญาณสงผ่านตัวเหนยวน าแกนผงเหล็กอัดได้สงขึ้น เกดการสญเสย
ั
ู
ี
ี
ู
ี
ี่
ี่
่
ี
้
สญญาณภายในตัวเหนยวน าลดลง ใช้งานได้ดในย่านความถสง สามารถสรางให้มค่าความเหนยวน าสงขึ้นได้ แต่มขนาดตัว
ี
ู
ี
ั
ี่
ู
ี่
เหนยวน าเล็กลง ลักษณะตัวเหนยวน าแกนผงเหล็กอัด แสดงดังรปที่ 10.5
(ก) รปราง (ข) สัญลักษณ ์
ู
่
รูปท 10.5 ตัวเหนยวน าแกนผงเหล็กอัด
ี่
่
ี
ี่
ี่
์
็
3. ตัวเหนี่ยวน าแกนทอรอยด (Toroidal Core Inductor) เปนตัวเหนยวน าทใช้แกนรองขดลวดท ามาจากวัสด ุ
ิ
ู
็
่
์
ื
้
ประเภทเฟอรไรต์ หรอท าจากผงเหล็กชนดอัดแนน โดยสรางแกนขึ้นเปนวงกลมรปวงแหวน น าขดลวดพันโดยรอบแกนวงแหวน
ข้อดของตัวเหนยวน าแกนทอรอยด์ คือเส้นแรงแม่เหล็กจะไม่แพรกระจายออกไปภายนอก และสนามแม่เหล็ก
ี่
ี
่
่
ี
ี
ู
ี
ี
จากภายนอกก็ไม่เข้ามารบกวน สามารถท าให้ตัวเหนยวน ามความเหนยวน าสงขึ้น โดยมขนาดตัวเหนยวน าเล็กลง และใช้จ านวน
่
ี่
ี
ี่
ิ
ี่
ู
รอบในการพันขดลวดน้อยลง นยมน าไปใช้งานกับย่านความถสง ทต้องการค่าความเหนยวน าสง และมสนามแม่เหล็กรบกวน
ู
ี่
ู
ี่
่
ต า ลักษณะตัวเหนยวน าแกนทอรอยด์ แสดงดังรปที่ 10.6
(ก) รปราง (ข) สัญลักษณ ์
่
ู
รูปท 10.6 ตัวเหนยวน าแกนทอรอยด์
ี่
่
ี
ี่
็
ี่
4. ตัวเหนี่ยวน าแกนเหล็กแผนบาง (Laminated Iron Core Inductor) เปนตัวเหนยวน าทใช้แกนรองขดลวดท ามา
่
่
ี
็
ุ
ู
็
จากวัสดประเภทเหล็กรดให้เปนแผ่นบาง (Lamination) ตัดขึ้นรปเหล็กแต่ละแผ่นเปนรปรางต่างๆ น ามาวางซ้อนกันเปนแกนรอง
็
ู
ื
ี่
ขดลวด โดยทเหล็กแผ่นบางแต่ละแผ่นถูกเคลอบฉนวนไว้ เพื่อให้เหล็กแต่ละแผ่นถูกแยกตัวออกจากกัน
ู
ี
่
ื่
ี่
ี
่
้
ข้อดของตัวเหนยวน าแกนเหล็กแผ่นบาง คือชวยลดการสญเสยเนองจากกระแสไหลวน ชวยลดความรอนจาก
ิ
ี
ี
ี
ิ
่
การเหนยวน า และชวยท าให้ค่าความเหนยวน าเพ่มมากขึ้น การใช้งานนยมน าไปใช้งานในย่านความถต า และย่านความถเสยง
่
่
่
่
ี
ี
่
ิ
่
่
ี
ี
ึ
่
็
(Audio Frequency ; AF) จงมักเรยกตัวเหนยวน าชนดน้วา AF โช้ก น าไปใช้งานได้หลายชนด เชน ใช้เปนตัวกรองสัญญาณไฟฟา
้
ี
ิ
ี
่
ี
่
็
็
ู
(Filter) ใช้ได้ทั้งแรงดันไฟสลับ และเปนแรงดันไฟตรง เปนต้น ลักษณะตัวเหนยวน าแกนเหล็กแผ่นบาง แสดงดังรปท 10.7
ู
(ก) รปราง (ข) สัญลักษณ ์
่
ี่
รูปท 10.7 ตัวเหนยวน าแกนเหล็กแผ่นบาง
ี
่
ั
่
้
9.2.3 ตัวเหนี่ยวน าชนิดแกนปรบเปลี่ยนคาได (Variable Core Inductor)
ิ
ี่
็
ี่
ิ
ี่
ตัวเหนยวน าชนดแกนปรบเปลยนค่าได้ เปนตัวเหนยวน าทขดลวดถูกพันรอบฐานรองโดยถูกยึดตดคงท ี่
ี่
ั
่
ี
ี
์
ี
็
ฐานรองเปนฉนวนมรองเกลยวอยู่ภายใน ตอนกลางของฐานรองขดลวดมแกนเฟอรไรต์มรองเกลยวสมผัสอยู่กับตอนกลางของ
ี
ั
่
ี
็
ี่
ั
ี่
ฐานรอง แกนเฟอรไรต์สามารถปรบเคลอนท ได้ การปรบแกนเฟอรไรต์เปนการปรบเปลยนค่าความเหนยวน าของตัวเหนยวน าให้
์
์
ี่
ั
ี่
ั
ื่
ื
ั
ื่
ี่
ิ
ื่
ั
มากขึ้นหรอน้อยลงได้ตามต้องการ น าไปใช้งานกับความถสงย่านความถวทยุ (RF) เชน ในวงจรเครองรบวทยุ วงจรเครองรบ
ิ
่
ู
ี่
ี่
็
ั
ี่
ี่
ื่
ั
่
ู
ิ
โทรทัศน์ และวงจรเครองรบสงวิทยุ เปนต้น ลักษณะตัวเหนยวน าชนดแกนปรบ เปลยนค่าได้ แสดงดังรปท 10.8
ู
(ก) รปราง (ข) สัญลักษณ ์
่
รูปท 10.8 ตัวเหนยวน าแกนปรบค่าได้
ั
ี่
ี
่
10.3 ตัวเหนี่ยวน าแบบหลายขด
ตัวเหนยวน าแบบหลายขด เปนตัวเหนยวน า ทม ี
็
ี่
ี่
ี่
่
ขดลวดพันไว้ใช้งานรวมกันมากกวาหนงขดขึ้นไป การ
ึ
่
ี
็
ิ
ี่
่
ี
ี
เหนยวน าทเกดขึ้นเปนการเหนยวน าแบบข้ามขด มขั้วต่อขดลวด
่
่
ออกมาใช้งานหลายขั้ว เชน 4 ขั้ว 6 ขั้ว และ 8 ขั้ว เปนต้น ขดลวด
็
่
ี
ทั้งหมดทต่อออกมาใช้งานถกแบ่งออกเปน 2 ด้าน คือ ด้านทางเข้า
ู
็
้
ั
หรออินพุต (Input) ใช้ส าหรบปอนแรงดันเข้า หรอสญญาณไฟฟา ้
ื
ื
ั
เข้าขดลวด ถูกเรยกวา ขดปฐมภม (Primary) และด้านทางออก
่
ี
ิ
ู
ื
้
ื
ั
หรอเอาต์พุต (Output) ใช้ส าหรบปอนแรงดันออก หรอ
ื
ี
่
รูปท 10.9 การท างานเบ้องต้นของหม้อแปลง
่
้
ื
ี
ี่
ิ
ี
่
ื
ี
ี
ิ
สัญญาณไฟฟาออกจากขดลวด ถูกเรยกว่า ขดทุตยภูม (Secondary) ตัวเหนยวน าแบบหลายขดน้มชอเรยกวา หม้อแปลง หรอทรานส
ื
์
์
ู
ฟอรเมอร (Transformer) การท างานเบ้องต้นของหม้อแปลง แสดงดังรปที่ 10.9
การท างานของหม้อแปลง เมอมแรงดันไฟสลับปอนเข้าทขดปฐมภูม ท าให้เกดการยุบตัวและพองตัวของสนามแม่เหล็ก
้
ี
ื่
ิ
ิ
ี่
่
ี่
ทางขดปฐมภม เกดฟลักซแมเหล็กว่งเคลอนทรอบแกนรองขดลวด เหนยวน าสนามแม่เหล็กไปให้ขดทุตยภูม สนามแม่เหล็กตัดผ่าน
ี
ิ
ู
ิ
์
่
ิ
ื
ิ
ิ
่
ิ
ู
ี
่
่
ี
ิ
็
ิ
ี
้
ิ
่
ื่
ิ
ิ
ขดทุตยภูมสงผลให้เกดแรงเคลอน ไฟฟาชักน า (EMF) ขึ้นมา ค่าทเกดขึ้นน้คือแรงดันไฟสลับทจ่ายออกมาทางขดทุตยภม จ่ายเปน
แรงดันออกไปใช้งาน
่
ี
ี
่
ู
แรงดันไฟสลับทได้ออกมาทางขดทุตยภม ขึ้นอยูกับจ านวนรอบของขดลวดทพันไว้ พันจ านวน รอบขดลวดน้อยได้
ิ
ิ
่
แรงดันไฟสลับออกมาน้อย พันจ านวนรอบขดลวดมากได้แรงดันไฟสลับออกมามาก น าหลักการน้ไปใช้แปลงแรงดันไฟสลับท ี ่
ี
ี
จ่ายออกมา ให้มากขึ้นหรอน้อยลงได้ตามต้องการ ลักษณะหม้อแปลงแบบต่างๆ แสดงดังรปท 10.10
่
ื
ู
ี
่
รูปท 10.10 หม้อแปลงแบบต่างๆ
่
ิ
ี่
หม้อแปลงทผลตมาใช้งานมมากมายหลายแบบ หลายชนด และหลายลักษณะ ขึ้นอยูกับงานทต้องการน าหม้อแปลงไป
ี
่
ิ
ี
ี
่
ึ
ี่
ใช้ ทั้งค่าแรงดันทต้องการใช้ ค่าการจ่ายกระแสทหม้อแปลงสามารถจ่ายออกมาได้ รวมถงหน้าทในการท างานของหม้อแปลง ถ้า
่
ี
ิ
ิ
ี
์
ี
ิ
ิ
่
แบ่งหม้อแปลงออกตามลักษณะแกนทใช้รองขดลวด แบ่งออกได้หลายชนด ดังน้ ชนดแกนอากาศ ชนดแกนเฟอรไรต์ ชนดแกน
ิ
เหล็กแผ่นบาง และชนดแกนทอรอยด์
้
10.3.1 หมอแปลงชนิดแกนอากาศ (Air Core Transformer)
ี
ี่
หม้อแปลงชนดแกนอากาศ เปนหม้อแปลงชนดทพันขดลวดไว้ลอยๆ โดยไม่มฐานรอง หรอใช้แกนฐานรอง
ิ
ื
ิ
็
ุ
ิ
้
ี
่
ิ
็
ี่
์
ิ
์
ื
็
ขดลวดท ามาจากวัสดทเปนฉนวนไฟฟา เชน ไฟเบอร พลาสตก หรอคารบอน เปนต้น หม้อแปลงชนดน้นยมน าไปใช้งานกับ
ความถสงย่านความถวทยุ (RF) เพราะมค่าความเหนยวน าต า แกนไมสามารถชวยเสรมค่าความเหนยวน าได้ การจะเพ่มให้ค่า
่
ี
ี
่
่
ี
่
ี่
ู
ิ
่
ิ
ี่
ิ
ี
ี
่
ความเหนยวน ามากขึ้น ท าได้โดยใช้วธพันจ านวนรอบของขดลวดเพ่มขึ้น ลักษณะหม้อแปลงชนดแกนอากาศ แสดงดังรปท ี่
ู
ิ
ิ
ิ
10.11
(ก) รปราง (ข) สัญลักษณ ์
่
ู
รูปท 10.11 หม้อแปลงชนดแกนอากาศ
่
ี
ิ
้
์
10.3.2 หมอแปลงชนิดแกนเฟอรไรต (Ferrite Core Transformer)
์
์
ิ
ี่
์
ุ
็
หม้อแปลงชนดแกนเฟอรไรต์ เปนหม้อแปลงทใช้แกนรองขดลวดท ามาจากวัสดประเภทเฟอรไรต์อัดขึ้น
ู
รปลักษณะต่างๆ ทมสวนผสมของเฟอรไรต์แตกต่างกันไป แต่มสวนผสมหลักเปนสนมเหล็ก และผสมรวมกับสารอื่นๆ เชน
่
็
่
ี
ิ
์
่
ี
ี่
่
ี่
ี่
ี
ี่
ิ
ี
ี
ั
ิ
ี
็
ิ
อะลูมเนยม โคบอลต์ แมกนเซยม นกเกล และสงกะส เปนต้น สวนผสมทใช้แตกต่างกันมผลท าให้ค่าความเหนยวน าทได้
ี
่
ู
ิ
แตกต่างกัน นยมน าไปใช้งานในย่านความถสง เชน ภาครบความถวทยุ (Tuner) ภาคก าเนดความถ (Oscillator ; Osc.) และภาค
ี่
ั
ิ
ิ
ี่
่
ี่
็
่
์
ก าหนดความถปานกลาง (Intermediate Frequency ; IF) เปนต้น โดยท างานรวมกับอุปกรณอื่นๆ ลักษณะหม้อแปลงแกนเฟอรไรต์
ี่
์
ู
แสดงดังรปที่ 10.12
่
(ก) รปราง (ข) สัญลักษณ ์
ู
ี
์
่
รูปท 10.12 หม้อแปลงแกนเฟอรไรต์
10.3.3 หมอแปลงชนิดแกนเหล็กแผนบาง (Laminated Iron Core
่
้
Transformer)
หม้อแปลงชนดแกนเหล็กแผ่นบาง เปนหม้อแปลงทใช้แกนรองขดลวดท ามาจากวัสดประเภทเหล็กรดให้เปน
ิ
็
ี่
ุ
็
ี
็
ู
ี่
แผ่นบาง ตัดขึ้นรปเหล็กแต่ละแผ่นเปนรปตัว E และตัว I น ามาวางซ้อนกันเปนแกนรองขดลวด โดยทเหล็กแผ่นบางแต่ละแผ่น
็
ู
่
่
ถูกเคลอบฉนวนไว้ ท าให้เหล็กแต่ละแผ่นถูกแยกตัวออกจากกัน เพื่อชวยลดการสญเสยเนองจากกระแสไหลวน ชวยลดความ
ื่
ู
ี
ื
ี
่
ิ
้
ิ
ี่
รอนจากการเหนยวน า และชวยท าให้ค่าความเหนยวน าเพ่มมากขึ้น การใช้งานนยมน าไปใช้งานในย่านความถต า และย่าน
่
ี
่
่
ู
ี
ี่
ความถเสยง (AF) ใช้งานได้ทั้งแรงดันไฟตรงและแรงดันไฟสลับ ลักษณะหม้อแปลงแกนเหล็กแผ่น แสดงดังรปที่ 10.13
่
ู
(ก) รปราง (ข) สัญลักษณ ์
รูปท 10.13 หม้อแปลงแกนเหล็กแผ่นบาง
ี
่
้
์
10.3.4 หมอแปลงชนิดแกนทอรอยด (Toroidal Core Transformer)
ิ
่
ุ
หม้อแปลงชนดแกนทอรอยด์ เปนหม้อแปลงทใช้แกนรองขดลวดท ามาจากวัสดหลายประเภท เชน เหล็ก
ี่
็
ู
่
ื
้
ื
แผ่นบางเคลอบฉนวน ผงเหล็กชนดอัดแนน หรอเฟอรไรต์ โดยสรางแกนขึ้นเปนรปวงแหวน ขดลวดถูกพันรอบแกนวงแหวน
็
์
ิ
่
โดยรอบ ท าให้เสนแรงแมเหล็กทเกดขึ้นภายในขดลวดไมแพรกระจายออกไปภายนอก และสนามแม่เหล็กจากภายนอกก็ไม่เข้ามา
ิ
ี
่
่
้
่
รบกวน ท าให้หม้อแปลงชนดน้มค่าความเหนยวน าสงขึ้น โดยสรางขนาดหม้อแปลงได้เล็กลง และใช้จ านวนรอบในการพันขดลวด
ี
ู
้
ี
ิ
่
ี
น้อยลง นยมน าไปใช้งานทั้งความถต าและความถสง ทต้องการค่าความเหนยวน าสง และมสนามแม่เหล็กรบกวนต า ลักษณะหม้อ
่
่
ี่
ี่
ี
่
ี่
ู
ี
ิ
ู
ู
แปลงแกนทอรอยด์ แสดงดังรปที่ 10.14
์
ื
แกนผงเหล็กอัด หรอเฟอรไรต์
แกนเหล็กแผ่นบาง
่
ู
(ก) รปราง (ข) สัญลักษณ ์
่
รูปท 10.14 หม้อแปลงแกนทอรอยด์
ี
้
10.4 หมอแปลงก าลัง
็
หม้อแปลงก าลัง (Power Transformer) เปนหม้อแปลงชนดทสามารถจ่ายแรงดัน จ่ายกระแส หรอจ่ายทั้งแรงดันและ
ิ
ี่
ื
ู
ี
่
กระแสออกมาใช้งานได้มากขึ้น ถกน าไปใช้งานอย่างแพรหลาย ในหลายหน้าทและหลายลักษณะการท างาน ทั้งงานในด้าน
่
ึ
่
ิ
ี
อิเล็กทรอนกส ด้านไฟฟาก าลัง และด้านอตสาหกรรม หม้อแปลงก าลังทผลตมาใช้งาน มตั้งแต่ทนกระแสได้ต า ไปจนถงทน
ุ
่
ี
้
ิ
์
่
ี
กระแสได้สงๆ และจ่ายแรงดันออกมาได้หลายค่าจากต าไปถงค่าสง หม้อแปลงก าลังมหลายลักษณะ หลายคุณสมบัต และหลาย
ู
ู
ึ
ิ
่
ิ
ื
ี
ี
่
ู
ี
้
หน้าทการท างาน แต่ส่งทเหมอนกันของหม้อแปลงก าลัง คือจะต้องสามารถจ่ายก าลังไฟฟาออกมาในรปแรงดันและกระแสมค่า
ื
ี่
ิ
ู
มากหรอน้อยได้ตามความต้องการของภาระทต้องการใช้งาน ลักษณะหม้อแปลงก าลังชนดต่างๆ แสดงดังรปที่ 10.15
(ก) ใช้งานระบบจ่ายก าลังไฟฟา (ข) ใช้งานไฟฟาและอเล็กทรอนกสทั่วไป
์
ิ
้
ิ
้
ี
่
รูปท 10.15 หม้อแปลงก าลังชนดต่างๆ
ิ
ี่
ื
ิ
ิ
แกนรองขดลวดหม้อแปลงก าลังนยมใช้ชนดเหล็กแผ่นบางเคลอบฉนวนซ้อนทับกัน ด้วยเหตุทหม้อแปลงก าลังขณะ
้
้
ู
่
ึ
ิ
ี่
ี
็
ี
้
ท างานใช้ก าลังไฟฟาสง ท าให้เกดความรอนสงมาก จ าเปนต้องมการระบายความรอนทด ซงแผ่นเหล็กบางสามารถระบายความ
ู
้
รอนได้ด และด้วยขนาดทใหญของหม้อแปลงก าลัง รวมทั้งรปรางของหม้อแปลงก าลังทมความแตกต่างกัน การใช้เหล็กแผ่น
ี
่
ี
่
ี
่
ู
่
ี
ี
ึ
ื
้
ิ
บางเคลอบฉนวนขึ้นรปแกนรองขดลวดท าได้ง่าย รวมถงสามารถสรางให้มระบบการระบายความรอนทแตกต่างกันได้ ชวยให้เกด
่
ี่
ู
้
ิ
ี
ี
่
ิ
ิ
ิ
ี
้
ิ
การสญเสยก าลังไฟฟาขณะท างานต า เกดประสทธภาพในการท างานเพ่มมากขึ้น หม้อแปลงก าลังทผลตมาใช้งานมด้วยกันหลาย
่
ู
ู
ิ
ิ
ี
รปแบบ หลายลักษณะ และหลายชนด แบ่งออกตามคุณลักษณะของการพันขดลวดได้ดังน้ ชนดลดแรงดัน (Step Down Voltage)
ิ
ิ
ิ
ิ
ชนดเพ่มแรงดัน (Step Up Voltage) ชนดเพ่ม – ลดแรงดัน (Step Up – Step Down Voltage) ชนดออโต (Auto) และชนดปรบเปลยน
ิ
ิ
ั
ี่
แรงดันได้ (Variable Voltage)
10.4.1 หมอแปลงก าลังชนิดลดแรงดัน (Step Down Transformer)
้
ิ
ี่
็
220V หม้อแปลงก าลังชนดลดแรงดัน เปนหม้อแปลงทท า
60V หน้าทลดแรงดันไฟสลับทางด้านขดทุตยภม หรอด้านสงออก
่
ิ
ื
ู
ิ
ี่
่
ี
24V เอาต์พุต ให้มค่าแรงดันไฟสลับน้อยกวาค่าแรงดันไฟสลับท ี่
0V ปอนเข้าทางด้านขดปฐมภม รปแบบการพันขดลวดในหม้อ
ู
้
ิ
ู
24V
ิ
ู
แปลงชนดน้ ี โดยพันจ านวนรอบของขดลวดทางขดปฐมภม ิ
60V มากกว่าการพันจ านวนรอบของขดลวดทางขดทุตยภูม สัญลักษณ ์
ิ
ิ
0V
หม้อแปลงก าลังชนดลดแรงดัน แสดงดังรปที่ 10.16
ิ
ู
ิ
่
ี
รูปท 10.16 หม้อแปลงก าลังชนดลดแรงดัน
10.4.2 หมอแปลงก าลังชนิดเพิ่มแรงดัน (Step Up Transformer)
้
ิ
ี่
็
ิ
450V หม้อแปลงก าลังชนดเพ่มแรงดัน เปนหม้อแปลงทท า
ิ
ี
่
ิ
ู
ื
่
ิ
220V 250V หน้าทเพ่มแรงดันไฟสลับทางด้านขดทุตยภม หรอด้านสงออก
่
เอาต์พุต ให้มค่าแรงดันไฟสลับมากกวาค่าแรงดันไฟสลับท ี่
ี
0V ปอนเข้าทางด้านขดปฐมภม รปแบบการพันขดลวดในหม้อ
ู
ิ
ู
้
ิ
ิ
ี
ู
0V 250V แปลงชนดน้ โดยพันจ านวนรอบของขดลวดทางขดปฐมภม น้อย
ั
่
ู
ิ
ิ
450V กวาการพันจ านวนรอบของขดลวดทางขดทุตยภม สญลักษณ ์
หม้อแปลงก าลังชนดเพ่มแรงดัน แสดงดังรปท 10.17
ิ
่
ู
ี
ิ
ิ
ิ
ี
่
รูปท 10.17 หม้อแปลงก าลังชนดเพ่มแรงดัน
10.4.3 หมอแปลงก าลังชนิดเพิ่ม – ลดแรงดัน (Step Up – Step Down
้
Transformer)
ิ
ิ
็
450V หม้อแปลงก าลังชนดเพ่ม – ลดแรงดัน เปนหม้อ
ู
ิ
ิ
ี
แปลงทมจ านวนรอบของขดลวดทางขดทุตยภมมากกว่า 1 ขด
ี่
0V
ี
่
ิ
็
ิ
220V โดยแยกเปนขดเพ่มแรงดัน และขดลดแรงดัน ท าหน้าทเพ่ม
ี่
ู
ิ
ิ
450V และลดแรงดันไฟสลับทาง ด้านขดทุตยภมทจ่ายแรงดันออก
24V
่
ี
่
ื
เอาต์พุต ให้มค่าแรงดันมากกวาหรอน้อยกวาค่าแรงดันท ี่
0V
ิ
ู
ป้อนเข้าทางขดปฐมภม การพันขดลวดในหม้อแปลงชนดน้
ิ
ี
0V 24V โดยแยกจ านวนขดลวดทพันไว้ทางขดทุตยภมออกจากกัน
ิ
ี่
ิ
ู
6V
ุ
เปนแต่ละชดไม่รวมกัน สญลักษณหม้อแปลงก าลังชนดเพ่ม –
็
์
ิ
ิ
ั
0V
ลดแรงดัน แสดงดังรปที่ 10.18
ู
ิ
ิ
รูปท 10.18 หม้อแปลงก าลังชนดเพ่ม – ลด
่
ี
แรงดัน
้
10.4.4 หมอแปลงก าลังชนิดออโต (Auto Transformer)
ี่
ี
็
ิ
ิ
หม้อแปลงก าลังชนดออโต เปนหม้อแปลงทมลักษณะการพันขดลวดแตกต่างไปจากหม้อแปลงก าลังชนด
อนทกลาวมา โดยการพันขดลวดทั้งชดในหม้อแปลงเปนขดเดยว จงท าให้ขดปฐมภมและขดทุตยภมอยู่ในขดเดยวกัน การจ่าย
ึ
ี
ุ
็
ู
ิ
ี
ู
ิ
ิ
ื
่
่
ี
่
แรงดันเข้าและออกใช้การแยกจุดต่อ (Taps) ขดลวดออกมาใช้งานเปนจุดๆ ตามต้องการ บนขดลวดเพียงชดเดยว จุดใดใช้เปนจุด
็
ี
ุ
็
ิ
ู
ิ
็
ี
ิ
ี
่
่
ิ
จ่ายแรงดันเข้าเรยกวา ขดปฐมภม และจุดใดเปนจุดจ่ายแรงดันออกเรยกวา ขดทุตยภม ลักษณะหม้อแปลงก าลังชนดออโต
ู
ู
แสดงดังรปที่ 10.19
380V
220V
110V
0V 0V
่
(ก) รปราง (ข) สัญลักษณ ์
ู
ิ
รูปท 10.19 หม้อแปลงก าลังชนดออโต
ี
่
ั
้
10.4.5 หมอแปลงก าลังชนิดปรบเปลี่ยนคาได (Variable Transformer)
้
่
ี
ิ
่
หม้อแปลงก าลังชนดปรบเปลยนค่าได้ หรออาจเรยกวา วารแอก (Variac) เปนหม้อแปลงก าลังชนดออโต
ิ
ี่
ั
็
ื
ิ
ี
่
ี
ิ
ู
ุ
ิ
็
ี่
ู
นั่นเอง คือการพันขดลวดทั้งชดทใช้เปนขดปฐมภมและขดทุตยภมเปนขดเดยวกัน การจ่ายแรงดันเข้าจ่ายเข้าทขั้วหัวท้ายของ
ิ
็
ขดลวด และการจ่ายแรงดันออกใช้ขั้วจ่ายรวมกับขั้วจ่ายแรงดันเข้าหนงขั้ว อกขั้วของการจ่ายแรงดันออกใช้ขั้วแบบปรบเปลยนค่า
ี
่
่
ี
่
ึ
ั
ี
ได้ สมผัสกับขดลวดหม้อแปลงหมุนปรบเปลยนเลอกค่าตามต้องการ ปรบจ่ายแรงดันออกมาบนชดขดลวดขดเดยว ลักษณะหม้อ
ุ
ั
ั
ั
ี่
ื
ู
แปลงออโต แสดงดังรปที่ 10.20
220V
0V 0V
่
(ก) รปราง (ข) สัญลักษณ ์
ู
ั
ี่
ิ
รูปท 10.20 หม้อแปลงก าลังชนดปรบเปลยนค่าได้
ี
่
่
10.5 หนวยความเหนี่ยวน า
็
ี
ี
ี
่
่
ิ
ี
ี
่
ี
ี
่
ึ
ตัวเหนยวน าทผลตขึ้นมาใช้งานจะมค่าความเหนยวน าบอกก ากับไว้ ค่าความเหนยวน าน้เปนค่าทแสดงถงคุณสมบัต ิ
่
ี
่
้
ื่
ี่
ิ
ี
่
ของตัวเหนยวน า ต่อการตอบสนองต่อกระแสและแรงดันทเกดขึ้นภายในตัวเหนยวน า โดยสามารถท าให้เกดแรงเคลอนไฟฟา
ิ
ี
ี
่
ี
ี่
ชักน า (EMF) ขึ้นมาได้น้อยหรอมากเพียงไร ค่าความเหนยวน ามหนวยมาตรฐานเปนเฮนร (Henry ; H) ค่าความเหนยวน า 1 เฮนร (H)
ี่
ื
็
คือ ค่าทจ่ายกระแสไหลเข้าไปในขดลวด 1 แอมแปร (A) ไหลเปลยนแปลงในเวลา 1 วนาท (s) ท าให้เกดแรงเคลอนไฟฟา ้
ิ
์
ี
ิ
ี่
ื่
ี่
ี่
เหนยวน าต้านกลับ (Counter Electro Motive Force) 1 โวลต์ (V)
ี
ี
ี
่
ี
่
ึ
ตัวเหนยวน าทผลตออกมาใช้งาน มหลายขนาดหลายค่าความเหนยวน า ตั้งแต่ค่าความเหนยวน าต า ไปจนถงความ
ี
่
ิ
่
่
ี
่
ี่
เหนยวน าสง ท าให้การใช้หนวยบอกค่าเปนเฮนร (H) อย่างเดยว มความไม่สะดวกในการใช้งาน จงได้แบ่งหนวยบอกค่าความ
็
่
ี
ึ
ี
ู
่
่
ี
ิ
็
ี
ิ
ี่
เหนยวน าออกเปนหนวยย่อยๆ เปน มลลเฮนร (Millihenry ; mH) และหนวยไมโครเฮนร (Microhenry ; H) หนวยใช้งานทั้งหมด
่
็
ั
์
เขียนความสมพันธกันออกมาได้ดังน้ ี
ิ
ี
ิ
ี
1 เฮนร (H) = 1,000 มลลเฮนร (mH) = 1 10 mH
3
ี
6
= 1,000,000 ไมโครเฮนร (H) = 1 10 H
ี
ี
ิ
ิ
3
1 มลลเฮนร (mH) = 1,000 ไมโครเฮนร (H) = 1 10 H
1
ี
-3
= เฮนร (H) = 1 10 H
, 1 000
1
ิ
ิ
ี
ี
-3
1 ไมโครเฮนร (H) = มลลเฮนร (mH) = 1 10 mH
, 1 000
1
ี
-6
= เฮนร (H) = 1 10 H
, 1 000 , 000
่
ู
ี
่
ี
่
ตัวอยางที่ 10.1 จงแปลงหนวยค่าความเหนยวน าต่อไปน้ให้ถกต้อง
่
็
(ก) 56,400 mH ให้เปนหนวย H
่
็
(ข) 2.56 H ให้เปนหนวย mH
่
็
(ค) 41,986,000 H ให้เปนหนวย H
็
(ง) 21.20 mH ให้เปนหนวย H
่
่
(จ) 0.0825 H ให้เปนหนวย H
็
็
(ฉ) 65,125 H ให้เปนหนวย mH
่
ี
วิธท า
1
(ก) 56,400 mH = 56,400 H = 56.4 H
, 1 000
(ข) 2.56 H = 2.56 1,000 mH = 2,560 mH
1
(ค) 41,986,000 H = 41,986,000 H = 41.986 H
, 1 000 , 000
(ง) 21.20 mH = 21.20 1,000 H = 21,200 H
(จ) 0.0825 H = 0.0825 1,000,000 H = 82,500 H
1
(ฉ) 65,125 H = 65,125 mH = 65.125 mH ตอบ
, 1 000
10.6 บทสรุป
ิ
ี
ี่
ี
ี่
็
ตัวเหนยวน าผลตจากเส้นลวดทองแดงขดเปนวงเรยงกันหลายรอบ จ านวนรอบของการพันขดลวดตัวเหนยวน ามผลท า
้
ิ
ให้ค่าความเหนยวน าแตกต่างกันไป แต่มคุณสมบัตเหมอนกันคือ เมอมกระแสไหลผ่านเสนลวดตัวน า จะเกดเสนแรงแม่เหล็ก
ี
้
ิ
ื่
ื
ี
ี่
้
ขึ้นรอบเสนลวดตัวน า
ี่
ิ
้
่
ิ
้
ความเข้มสนามแม่เหล็กไฟฟาทเกดขึ้นในขดลวดขึ้นอยูกับ จ านวนรอบของการพันเสนลวด ตัวน า ปรมาณการไหลของ
้
ิ
ี่
้
ุ
ี่
กระแส ขนาดของแกนทใช้ท าแม่เหล็กไฟฟา และชนดของวัสดทใช้ท าแกนของแม่เหล็กไฟฟา
ี
ี่
ี่
ี่
ี
ตัวเหนยวน าแบบขดเดยว เปนตัวเหนยวน าทมขดลวดพันไว้เพียงขดเดยว ท างานโดยการเหนยวน าตัวเอง โครงสราง
ี
้
ี่
็
ี
ี
่
ี
่
ประกอบด้วยเสนลวดทองแดงอาบน ้ายาฉนวน พันเปนขดลวดอยูบนแกน การเรยกชอตัวเหนยวน าประเภทน้เรยกชอตามแกนทท า
ื
่
่
ี
ื
่
ี
้
็
็
เปนฐานรอง
ตัวเหนยวน าแบบหลายขด เปนตัวเหนยวน าทมขดลวดพันไว้รวมกันมากกวาหนงขดขึ้นไป การเหนยวน าทเกดขึ้นเปน
่
ึ
่
ี
่
ี
่
ี
็
็
ิ
ี
่
ี
่
ี
่
ู
ิ
่
่
ิ
การเหนยวน าแบบข้ามขด ขดลวดแบ่งเปน 2 สวน คือ สวนทางเข้าเรยกวาขดปฐมภม และสวนทางออกเรยกวาขดทุตยภม การ
ี
่
่
ี
่
ี่
ู
ิ
็
ิ
้
ิ
ี่
ี่
ี่
่
ื่
สงผ่านแรงดันออกมาทขดทุตยภูมต้องอาศัยการเหนยวน าสนามแม่เหล็กจากขดปฐมภม ท าให้เกดแรงเคลอนไฟฟาเหนยวน า (EMF)
ิ
ิ
ู
ื่
ี
ี่
่
ื
่
็
ี
์
็
ขึ้นมา เกดเปนแรงดันขึ้นมา การเรยกชอหม้อแปลงเรยกตามชอแกนทเปนฐานรองขดลวด เชน แกนอากาศ แกนเฟอรไรต์ แกนเหล็ก
ิ
แผ่นบาง และแกนทอรอยด์ เปนต้น
็
ี่
่
็
ิ
หม้อแปลงก าลัง เปนหม้อแปลงชนดทสามารถจ่ายแรงดันและกระแสออกมาได้มากขึ้น น าไปใช้งานอย่างแพรหลาย ทั้ง
้
ี
งานในด้านอิเล็กทรอนกส ด้านไฟฟาก าลัง และด้านอุตสาหกรรม หม้อแปลงก าลังมหลายลักษณะ หลายคุณสมบัต และหลาย
ิ
์
ิ
่
หน้าทการท างาน แต่ส่งทเหมอนกัน คือต้องสามารถจ่ายแรงดันและกระแสมค่ามากหรอน้อยได้ตามความต้องการของภาระ
ื
ิ
ี
ื
ี
ี
่
ี่
ิ
ี่
ิ
ตัวเหนยวน าทผลตออกมาใช้งาน มหลายขนาดหลายค่าความเหนยวน า แบ่งหนวยบอกค่าใช้งานเปนเฮนร (H) มลลเฮ
ี
่
ี่
ิ
ี
็
ี
ี
นร (mH) และไมโครเฮนร (H)
้
ี
้
์
ิ
่
• ดานทักษะ(ปฏิบัติ) (จุดประสงคเชงพฤติกรรมขอท 5)
4. ใบปฏิบัตงานท 10.1 การวัดทดสอบหม้อแปลง
ี่
ิ
5. แบบประเมินผลการเรยนร ู ้
ี
ิ
้
• ดานคุณธรรม/จรยธรรม/จรรยาบรรณ/บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง
(จุดประสงคเชงพฤตกรรมขอที่ 6-7)
้
์
ิ
ิ
้
์
ุ
ี
ึ
9. การเตรยมความพรอมด้านการเตรยม วัสด อปกรณนักศกษาจะต้องกระจายงานได้ทั่วถง และ ตรงตาม
ุ
ึ
ี
ี
ี
ุ
ื่
์
้
ี่
ิ
ี
ความสามารถของสมาชกทุกคนมการจัดเตรยมสถานท สอ วัสด อุปกรณไว้อย่างพรอมเพรยง
ั
ึ
ี
ี่
ิ
10. ความมเหตุมีผลในการปฏบัติงาน ตามหลักปรชญาเศรษฐกจพอเพียง นักศกษาจะต้องมการใช้ เทคนคทแปลก
ิ
ิ
ี
่
ิ
ใหม ใช้สอและเทคโนโลย ประกอบการ น าเสนอทนาสนใจ น าวัสดในท้องถ่นมาประยุกต์ใช้อย่างคุ้มค่าและ
ุ
่
ี
่
ี
ื
่
ประหยัด
ี
ี
ื
กิจกรรมการเรยนการสอนหรอการเรยนรู ้
้
ั
ั
ี
ขนตอนการสอนหรอกิจกรรมของครู ขนตอนการเรยนรูหรอกิจกรรมของนกเรยน
ี
ั
้
ื
้
ื
้
่
่
้
้
ี
้
ี
1. ขันน าเขาสูบทเรยน ( 15 นาที ) 1. ขันน าเขาสูบทเรยน ( 15 นาที )
1. จัดเตรยมเอกสารประกอบการสอนและให้ผู้เรยน 1. ผู้เรยนอ่านหนังสอ เรอง ตัวเหนยวน าและหม้อแปลง
ี่
ื่
ื่
ี
ี
ี
ี่
้
ื
้
ื่
ี่
อ่านหนังสอบทท 10 เรอง ตัวเหนยวน าและหม้อแปลงไฟฟา ไฟฟา
ี
ื่
ี่
ี่
ี
ี
2. ผู้สอนแจ้งจุดประสงค์การเรยนของบทท 10 เรอง 2. ผู้เรยนท าความเข้าใจเกยวกับจุดประสงค์การเรยนของ
้
้
ี่
ี่
ี่
ื่
ตัวเหนยวน าและหม้อแปลงไฟฟา บทท 10 เรอง ตัวเหนยวน าและหม้อแปลงไฟฟา และการให้
ี
ื
ี่
ิ
่
3. ผู้สอนให้ผู้เรยนบอกลักษณะการเหนยวน าและการ ความรวมมอในการท ากจกรรม
้
ิ
ี
ิ
ี่
เกดสนามแม่เหล็กพรอมให้เหตุผลประกอบ 3. ผู้เรยนบอกลักษณะการเหนยวน าและการเกด
ี
ี่
ี
้
ื่
ึ
4. ผู้สอนให้ผู้เรยนเตรยมตัวท าแบบฝกหัดบทท 10 เรอง สนามแม่เหล็ก พรอมให้เหตุผลประกอบ
ึ
ี่
ี
ี่
ี
้
ตัวเหนยวน าและหม้อแปลงไฟฟา 4. ผู้เรยนเตรยมตัวท าแบบฝกหัดบทที่ 10 ตัวเหนยวน า
ี
ื่
้
ึ
้
ี
5. เมอผู้เรยนพรอม ผู้สอนให้ผู้เรยนท าแบบฝกหัด และหม้อแปลงไฟฟา ตามความเข้าใจของตนเอง
ี
้
ี่
ี่
ึ
ื่
ื่
ี่
บทท 10 เรอง ตัวเหนยวน าและหม้อแปลงไฟฟาแล้วให้ 5. ผู้เรยนท าแบบฝกหัด เรอง ตัวเหนยวน าและหม้อ
ื่
ึ
้
นักศกษาสลับกันตรวจค าตอบ และให้คะแนน แปลงไฟฟา แล้วสลับกันตรวจค าตอบด้วยความซอสัตย์
้
้
้
2. ขันใหความรู ( 120 นาที ) 2. ขันใหความรู ( 120 นาที )
้
้
้
1. ผู้สอนฉายแผ่นใส บททแจกเอกสารประกอบการ 1. ผู้เรยนดบทเรยนจากแผ่นใส บทท 10 เรอง ตัว
ี่
ี่
ี
ื่
ู
ี
ี่
สอน บทท 10 เรอง ตัวเหนยวน าและหม้อแปลงไฟฟา และ เหนยวน าและหม้อแปลงไฟฟาพรอมกับจดบันทกเน้อทส าคัญ
ื่
้
ี่
ื
่
้
ี่
ึ
้
ี
ึ
ี
ั
ให้ผู้เรยนศกษารายละเอียดด้วยตนเอง และถามข้อสงสยทเกดขึ้น
ิ
่
ี
ื
่
ี่
ิ
ิ
ิ
ิ
2. ผู้สอนอธบายอธบายเพ่มเตม เรอง ตัวเหนยวน า
ิ
ิ
ี
ิ
่
ื
ี
่
ิ
ิ
ั
ี
ชนดขดเดยวและหลายขด 2. ผู้เรยนฟงผู้สอนอธบายเพ่มเตม เรอง ตัวเหนยวน าชด
ี
ขดเดยวและหลายขด
้
้
์
3. ขันประยุกตใช ( 285 นาที )
ิ
ุ
1. ผู้สอนแบ่งกลุ่ม ๆ 4-5 คน ท ากจกรรมเสนอแนะ 3. ขั้นประยกต์ใช้( 285 นาที )
ี่
ี่
ี
ิ
บทท 10 1. ผู้เรยนเข้ากลุ่ม ท ากจกรรมเสนอแนะบทท 10
ี
ี
ื
กิจกรรมการเรยนการสอนหรอการเรยนรู ้
ั
้
ั
ขนตอนการสอนหรอกิจกรรมของครู ขนตอนการเรยนรูหรอกิจกรรมของนกเรยน
้
ื
้
ื
ั
ี
ี
ี
ี่
ิ
็
ี
ี่
ิ
ิ
2. ผู้สอนให้ผู้เรยนท าใบปฏิบัตงานท 10.1 ผู้สอนเปนผู้ 2. ผู้เรยนท าใบปฏบัตงานท 10.1
ั
ี่
็
คอยแนะน า เปนทปรกษา แก้ไขปญหา และตรวจสอบความ
ึ
ผิดพลาด
ี
ุ
ี
่
3. ผู้สอนให้ผู้เรยนน าเสนอผลการทดลองและชวยกัน 3. ผู้เรยนน าเสนอผลการทดลองและสรปผลการ
ุ
ี่
ึ
ุ
สรปผลการทดลอง ทดลองจดบันทกสรปผลการทดลองทถูกต้อง
้
้
4. ขันสรุปและประเมินผล ( 60 นาที ) 4. ขันสรุปและประเมินผล ( 60 นาที )
ี
่
ี
่
ี
ุ
ื
1. ผู้สอนและผู้เรยนรวมกันสรปเน้อหาทได้เรยนให้ม ี 1. ผู้สอนและผู้เรยนรวมกันสรปเน้อหาทได้เรยนให้ม ี
่
ี
ื
ุ
ี
่
ี
ิ
ี
ี
ิ
ความเข้าใจในทศทางเดยวกัน ความเข้าใจในทศทางเดยวกัน
้
ู
ี่
ึ
ี
ี
ี
ี่
้
ู
ึ
ี
2. ผู้สอนให้ผู้เรยนท าแบบฝกหัดการเรยนร บทท 10 2. ผู้เรยนท าแบบฝกหัดการเรยนรบทท 10
ั
ี
อกคร้ง
ี่
ื่
ี
ึ
3. แจกแบบฝกหัดท 10 3. ผู้เรยนท าแบบฝกหัดท 10 ความซอสัตย์
ึ
ี่
ึ
ี
4. ผู้สอนตรวจแบบฝกหัดหลังเรยนพรอมกับบันทก 4. ผู้เรยนน าคะแนนจากแบบฝกหัดทั้งสองคร้ ังมา
้
ี
ึ
ึ
ี
่
็
ี
ี
คะแนน เปรยบเทยบกันวาเปนอย่างไรมผลต่างกันอย่างไร เพื่อด ู
ความก้าวหน้าของตนเอง
ิ
ิ
์
ี่
้
(บรรลุจุดประสงคเชงพฤตกรรมขอท 1-7) (บรรลุจุดประสงคเชงพฤตกรรมขอท 1-7)
์
ิ
ิ
้
ี่
ี
ื
ี
(รวม 480 นาท หรอ 8 คาบเรยน)
ื
งานที่มอบหมายหรอกิจกรรมการวัดผลและประเมินผล
กอนเรยน
ี
่
7. จัดเตรยมเอกสาร สอการเรยนการสอนตามทอาจารย์ผู้สอนและบทเรยนก าหนด
ี
ี
ี่
ี
ื่
ื
8. ท าความเข้าใจเกยวกับจุดประสงค์การเรยนของบทที่ 10 และการให้ความรวมมอในการท ากิจกรรมในบทที่
่
ี่
ี
10
ี
ขณะเรยน
10. ศกษาเน้อหา ในบทท 10 เรอง ตัวเหนยวน าและหม้อแปลงไฟฟา
ื
้
ึ
ื่
ี
่
ี่
11. รายงานผลหน้าชั้นเรยน
ี
ิ
ี่
ิ
ิ
ื่
ิ
12. ปฏบัตใบปฏบัตงานท 10.1 เรองการวัดทดสอบหม้อแปลง
ั
้
ึ
้
13. ฝกการค านวณแก้ปญหาวงจรไฟฟาด้วยกฎของโอห์มและการค านวณหาค่าก าลังไฟฟา ตอบข้อสงสัย
ี
หลังเรยน
1. ท าแบบฝกหัดหลังเรยน
ึ
ี
ิ
ี
2. ท าแบบประเมนการเรยนร ู ้
ี
ิ
้
้
ผลงาน/ชนงาน/ความสาเรจของผูเรยน
็
14. ตรวจผลงาน การแปลงหนวยค่าความเหนยวน าของตัวเหนยวน าได้
ี่
่
ี่
15. ใบปฏบัติงานท 10.1
ิ
ี่
16. แบบฝกหัดบทท 10
ี่
ึ
่
ี
สอการเรยนการสอน/การเรยนรู ้
ี
ื
ื่
ิ่
สอสงพิมพ ์
้
ี
ี
ิ
ื
ิ
ิ
ื
19. หนังสอเรยนวชา งานไฟฟาและอเล็กทรอนกสเบ้องต้น (ใช้ประกอบการเรยนการสอนจุดประสงค์เชงพฤตกรรมข้อท ี่
ิ
ิ
์
1-7)
ี่
้
ี
ี่
20. แผ่นใส บทท 10 เรอง ตัวเหนยวน าและหม้อแปลงไฟฟา (ใช้ประกอบการเรยนการสอนขั้นสอน เพอให้บรรล ุ
ื
่
ื่
จุดประสงค์เชงพฤตกรรมข้อท 1-7
ี่
ิ
ิ
ิ
ิ
้
ี
ี่
ื่
ิ
21. ใบปฏบัตงานท 10.1 เรอง ตัวเหนยวน าและหม้อแปลงไฟฟา (ใช้ประกอบการเรยนการสอนจุดประสงค์เชงพฤตกรรมข้อท ี่
ิ
ี่
1-7)
22. แบบฝกหัดบทท 10 ใช้ประกอบการสอนขั้นเตรยม ข้อ 2
ึ
ี
ี่
23. แบบประเมนผลงานตามใบปฏบัตงาน ใช้ประกอบการสอนขั้นการเรยนการสอน ข้อ 2
ิ
ิ
ี
ิ
24. แบบประเมนพฤตกรรมการท างานกลม ใช้ประกอบการสอนขั้นการเรยนการสอน ข้อ 2
ิ
่
ิ
ุ
ี
ื่
์
สอโสตทัศน (ถ้าม) ี
7. เครองฉาย ภาพ โปรเจคเตอร (PROJECTOR)
์
ื่
8. เครองฉายแผ่นใส (OVERHEAD)
ื่
ิ
ื่
สอของจรง
1. มัลตมเตอร ์ 1 เครอง
ื่
ิ
ิ
ิ
ื่
ิ
2. หม้อแปลงชนดปรับค่าได้ (วารแอก) 1 เครอง
้
ิ
3. หลอดไฟ 12V ขนาดเล็ก (กนก าลังไฟฟาน้อยๆ) 1 หลอด
ี่
ิ
4. หม้อแปลงชนดลดแรงดันทถอดแกนเหล็กรป E , I ออก 1 ตัว
ู
ุ
5. แผงประกอบวงจรและสายต่อวงจร 1 ชด
ิ
ิ
ิ
ี
ู
6. ท่อนเหล็ก , ท่อนทองแดง , ท่อนอะลมเนยม ยาว 3 น้ว ชนดละ 1 ท่อน
ี
แหลงการเรยนรู
่
้
ึ
ในสถานศกษา
7. ห้องสมุด
8. ห้องปฏบัตการคอมพิวเตอร ศกษาหาข้อมูลทาง INTERNET
์
ิ
ิ
ึ
ึ
นอกสถานศกษา
ิ
ผู้ประกอบการ สถานประกอบการ ในท้องถ่น
ื
่
ั
์
การบูรณาการ/ความสมพันธกับวิชาอน
1. บูรณาการกับวิชาชวิตและวัฒนธรรมไทย ด้านการพูด การอ่าน การเขียน และการฝกปฏบัตตนทางสังคมด้านการ
ิ
ิ
ี
ึ
่
ี
ั
้
เตรยมความพรอม ความรบผิดชอบ และความสนใจใฝร ู ้
ิ
ื
ื
ิ
ิ
2. บูรณาการกับวชาการบรหารการจัดซ้อ ด้านการซ้อ การแสวงหาผลตภัณฑ์
ิ
ุ
ิ
ิ
ี
ื
่
ี
3. บูรณาการกับวชากฬาเพอพัฒนาสขภาพและบุคลกภาพ ด้านบุคลกภาพในการน าเสนอหน้าชั้นเรยน
การประเมินผลการเรยนรู
ี
้
ิ
หลักการประเมนผลการเรยนรู ้
ี
ี
ขณะเรยน
ี่
ิ
ิ
7. ตรวจผลงานตามใบปฏบัตงานท 10.1
8. สังเกตการท างานกลุ่ม
ี
หลังเรยน
ี
ึ
7. ตรวจแบบฝกหัดหลังเรยน
ิ
ี
8. ตรวจแบบแบบประเมนผลการเรยนร ู ้
ค าถาม
์
์
ิ
ี
อธบายให้ได้ใจความสมบูรณและแสดงวิธท าให้สมบูรณถูกต้อง
่
่
่
ิ
ี
่
่
่
ี
้
ี
1. ตัวเหนยวน าคืออะไร ความเข้มของสนามแมเหล็กไฟฟาทเกดขึ้นเปลยนแปลงไป ขึ้นอยูกับสวนประกอบอะไรบ้าง
ื
ื
ี่
ิ
์
2. ตัวเหนยวน าชนดแกนเฟอรไรต์ และแกนผงเหล็กอัดเหมอนกันหรอแตกต่างกันอย่างไร
ี
3. หม้อแปลงคืออะไรมหลักการท างานอย่างไร
ื
ื
์
ิ
ิ
4. หม้อแปลงชนดแกนเฟอรไรต์ และแหม้อแปลงชนดแกนเหล็กแผ่นบางเหมอนกันหรอแตกต่างกันอย่างไร
ี ็
5. หม้อแปลงก าลังคืออะไรมลักษณะการพันขดลวดเปนอย่างไร