ื่
ชอกลุ่ม……………………………………………ชั้น………………………ห้อง
............................
ื่
ิ
รายชอสมาชก
ี่
1……………………………………เลขท…….
ี่
2……………………………………เลขท…….
ี่
3……………………………………เลขท…….
ี่
4……………………………………เลขท…….
ิ
ท ี่ รายการประเมน คะแนน ข้อคิดเห็น
3 2 1
1 การก าหนดเป้าหมายร่วมกัน
2 การแบ่งหน้าที่รับผิดชอบและการเตรียมความพร้อม
ิ
ี่
3 การปฏบัติหน้าที่ทได้รับมอบหมาย
ุ
ิ
4 การประเมนผลและปรับปรงงาน
รวม
ิ
ผู้ประเมน…………………………………………………
ี่
ื
วันท…………เดอน……………………..พ.ศ…………...
้
์
เกณฑการใหคะแนน
่
้
1. การก าหนดเปาหมายรวมกัน
ิ
้
่
่
3 คะแนน = สมาชกทุกคนมีสวนรวมในการก าหนดเปาหมายการท างานอย่างชัดเจน
ิ
่
่
่
้
2 คะแนน = สมาชกสวนใหญ่มีสวนรวมในการก าหนดเปาหมายในการท างาน
่
ิ
่
้
1 คะแนน = สมาชกสวนน้อยมีสวนรวมในการก าหนดเปาหมายในการท างาน
่
ี
ั
้
ี่
2. การหน้าทรบผิดชอบและการเตรยมความพรอม
ิ
่
ื
ี
่
ี
3 คะแนน = กระจายงานได้ทั่วถึง และตรงตามความสามารถของสมาชกทกคน มการจัดเตรยมสถานท สอ /
ี
ุ
้
ี
อุปกรณ์ไว้อย่างพรอมเพรยง
่
่
่
ี
้
ื
ี
2 คะแนน = กระจายงานได้ทั่วถึง แตไมตรงตามความสามารถ และมสอ / อุปกรณ์ไว้อย่างพรอมเพรยง แต่ขาด
การจัดเตรยมสถานท ี่
ี
1 คะแนน = กระจายงานไมทั่วถึงและมสอ / อุปกรณ์ไม่เพียงพอ
ี
ื
่
่
ิ
ิ
ั
ี่
ี่
3. การปฏบัตหน้าททได้รบมอบหมาย
ี่
็
้
3 คะแนน = ท างานได้ส าเรจตามเปาหมาย และตามเวลาทก าหนด
ี่
้
2 คะแนน = ท างานได้ส าเรจตามเปาหมาย แต่ช้ากว่าเวลาทก าหนด
็
1 คะแนน = ท างานไม่ส าเรจตามเปาหมาย
้
็
ั
ุ
4. การประเมินผลและปรบปรงงาน
ั
ิ
่
็
ึ
ื
ิ
ุ
3 คะแนน = สมาชกทุกคนรวมปรกษาหารอ ตดตาม ตรวจสอบ และปรบปรงงานเปนระยะ
ิ
่
่
ึ
่
ุ
ั
ื
2 คะแนน = สมาชกบางสวนมีสวนรวมปรกษาหารอ แต่ไม่ปรบปรงงาน
ุ
่
่
่
่
่
ิ
ั
ื
ึ
1 คะแนน = สมาชกบางสวนมีสวนรวมไม่มีสวนรวมปรกษาหารอ และปรบปรงงาน
์
บทที่ 4 กฎของโอหม ก าลังไฟฟา และพลังงานไฟฟา
้
้
ตอนที่ 1
1. ง 2. ก 3. ข 4. ค 5. ง
6. ข 7. ค 8. ก 9. ง 10. ค
ตอนที่ 2
ี
้
ี
1. เตารดไฟฟา 220 V วัดค่าความต้านทานของตัวเตารดได้ 35 จงหาค่ากระแสไหลในวงจร
วิธีท า
E
ู
สตร I =
R
ื่
เมอ I = ?
E = 220 V
R = 35 Ω
220 V
แทนค่า I = = 6.29 A
35
กระแสไหลผ่านเตารดไฟฟา = 6.29 A ตอบ
ี
้
้
ี
้
2. หลอดไฟฟา 24 V มกระแสไหลผ่าน 1.5 A จงหาค่าความต้านทานของหลอดไฟฟา
วิธีท า
E
ู
สตร R =
I
เมอ R = ?
ื่
E = 24 V
I = 1.5 A
24 V
แทนค่า R = = 16
5 . 1 A
้
ความต้านทานของหลอดไฟฟา = 16 ตอบ
ุ
้
ี
้
ุ
3. หม้อหงข้าวไฟฟาใบหนงบอกค่าไว้ดังน้ ใช้กับแรงดัน 220 V ขณะท างานมกระแสไหล 5 A จงหาก าลังไฟฟาของหม้อหงข้าว
่
ี
ึ
ใบน้ ี
วิธีท า
สตร P = EI
ู
ื่
เมอ P = ?
E = 220 V
I = 5 A
แทนค่า P = 220 V 5 A = 1,100 W
ุ
้
้
หม้อหงข้าวไฟฟาใช้ก าลังไฟฟา = 1,100 W ตอบ
ื่
ี
ี
ื่
4. เครองซักผ้าขนาด 800 W ใช้กับแรงดันขนาด 220 V เครองซักผ้าจะมกระแสไหลในวงจรเท่าไร และวงจรมความต้านทาน
เท่าไร
วิธีท า
P
ู
ื่
ี่
ก. หากระแสทไหลผ่านเครองซักผ้า จากสตร I =
E
ื่
เมอ P = 800 W
E = 220 V
I = ?
800 W
แทนค่า I = = 3.64 A
220 V
E 2
ู
ื่
ข. หาความต้านทานของเครองซักผ้า จากสตร R =
P
ื่
เมอ R = ?
P = 800 W
E = 220 V
( 220 ) V 2 , 48 400 V 2
แทนค่า R = = = 60.5
800 W 800 W
ื่
ี่
กระแสทไหลผ่านเครองซักผ้า = 3.64 A
ื่
ความต้านทานของเครองซักผ้า = 60.5 ตอบ
้
ี
้
ิ
้
5. กระตกต้มน ้าไฟฟาขนาด 650 W ใช้งานนาน 6 ชั่วโมง จะใช้พลังงานไฟฟาไปเท่าไร และเสยค่าพลังงานไฟฟาหนวยละ
่
ี
3.50 บาท จะต้องเสยค่าใช้จ่ายเท่าไร
วิธีท า
ี่
้
ู
ก. หาพลังงานไฟฟาทใช้ไป จากสตร W = Pt
เมอ W = ?
ื่
650 W
P = 650 W = = 0.65 kW
, 1 000
t = 6 h
แทนค่า W = 0.65 kW 6 h = 3.9 หนวย
่
้
ข. หาค่าใช้จ่ายในการใช้ไฟฟา
้
่
ค่าพลังงานไฟฟาหนวยละ 3.50 บาท
้
ใช้ไฟฟาไป 3.9 หนวย
่
เสยค่าใช้จ่ายในการใช้ไฟฟา = 3.50 บาท 3.9 หนวย = 13.65 บาท
้
ี
่
ี่
่
้
พลังงานไฟฟาทใช้ไป = 3.9 หนวย
ี
้
เสยค่าใช้จ่ายในการใช้ไฟฟา = 13.65 บาท ตอบ
ึ
บันทกหลังการสอน
ี่
้
์
้
บทท 4 กฎของโอหม ก าลังไฟฟา และพลังงานไฟฟา
ี
ผลการใช้แผนการเรยนร ้ ู
ื
ิ
ิ
13. เน้อหาสอดคล้องกับจุดประสงค์เชงพฤตกรรม
ิ
ี
ิ
14. สามารถน าไปใช้ปฏบัตการสอนได้ครบตามกระบวนการเรยนการสอน
15. สอการสอนเหมาะสมด ี
ื่
ี
ผลการเรยนของนักเรยน
ี
13. นักศกษาสวนใหญ่มีความสนใจใฝร เข้าใจในบทเรยนรวมกัน อภปรายตอบค าถามในกลุ่ม และรวมกันปฏิบัต ิ
่
ิ
ึ
่
้
่
่
ี
ู
ั
ี่
ิ
ใบปฏบัติงานทได้รบมอบหมาย
ื
ึ
ื
ั
ี่
็
14. นักศกษากระตอรอร้นและรบผิดชอบในการท างานกลุ่มเพื่อให้งานส าเรจทันเวลาทก าหนด
้
ู
ึ
15. นักศกษาปฐมพยาบาลผู้ถูกไฟฟาดด
ู
ผลการสอนของคร
ื
ู
13. สอนเน้อหาได้ครบตามหลักสตร
ุ
ี
ิ
ื
14. แผนการสอนและวธการสอนครอบคลมเน้อหาการสอนท าให้ผู้สอนสอนได้อย่างมั่นใจ
ี่
15. สอนได้ทันตามเวลาทก าหนด
ั
ปญหาและอุปสรรค์
่
ื
ึ
ี
่
ี
ี
1. นักศกษาแต่ละคนมความรพ้นฐานในเน้อหาทเรยนไมเท่ากัน
ู
ื
้
ึ
ิ
2. นักศกษาแต่ละคนมีทักษะในการปฏบัตงานไม่เท่ากัน
ิ
ี
้
ี
แผนการสอน/แผนการเรยนรูภาคทฤษฏ
ู
ี
้
ี
แผนการสอน/การเรยนรภาคทฤษฎ บทท 7
ี่
ื
้
ิ
ิ
์
ื
ิ
ี่
่
ชอวชา งานไฟฟาและอเล็กทรอนกสเบ้องต้น สอนสัปดาห์ท 9
(Basic Electricity and Electronic)
่
ิ
้
์
ื
้
ุ
ชอหน่วย อปกรณปองกันไฟฟาและการต่อสายดน คาบรวม 4
้
้
ื่
ุ
ื่
ิ
์
ชอเรอง. อปกรณปองกันไฟฟาและการต่อสายดน จ านวนคาบ 4
ื่
้
หัวขอเรอง
ดานความรู
้
้
• อุปกรณปองกันอันตรายในระบบไฟฟา
้
์
้
• ฟวส
ิ
์
• สวิตช์ตัดวงจรอัตโนมัต
ิ
• สวตชตัดไฟฟาร่วอัตโนมัต
ั
ิ
ิ
์
้
• สวิตช์นรภัย
ิ
• สายดนและการต่อสายดน
ิ
ิ
• การตดตั้งหลักดนและสายดนทถกต้อง
ู
ิ
ี
่
ิ
ิ
• บทสรป
ุ
ดานทักษะ
้
1. การต่อสายดนให้ได้คุณภาพ
ิ
ิ
้
ดานคุณธรรม จรยธรรม
้
ิ
ี
ิ
็
์
ิ
ี่
ุ
ี
ี
1. เพื่อให้มเจตคตทดต่อการเตรยมความพรอมด้านการเตรยม วัสด อุปกรณ และการปฏบัตงานอย่างถูกต้อง ส าเรจ
ี
ภายในเวลาทก าหนด มเหตุและผลตามหลักปรชญาเศรษฐกจพอเพียง
ี
ิ
ั
ี่
2. เตรยมความพรอมด้าน วัสด อุปกรณสอดคล้องกับงานได้อย่างถูกต้อง
์
ุ
้
ี
ี
ื
่
็
่
ื
ิ
ู
ี
ิ
์
3. มความรบผิดชอบ ปฏบัตงานได้อย่างถกต้องในเรองมอเตอรและการควบคุมเบ้องต้น ส าเรจภายใน เวลาทก าหนด
ั
อย่างมเหตุและผลตามหลักปรชญาเศรษฐกจพอเพียง
ี
ั
ิ
สาระสาคัญ
้
ี่
์
ี่
้
่
ิ
็
์
ิ
์
ฟวสเปนอุปกรณปองกันในระบบไฟฟาทใช้งานอย่างแพรหลาย หน้าทของฟวสคือจะตัดการจ่ายแรงดันและ
ิ
ื่
ี
ิ
์
ิ
ิ
ิ
กระแสออกจากวงจร เมอเกดการลัดวงจรและกระแสไหลเกนก าหนด ฟวสเกดการหลอมละลายและขาดตัดวงจรทันท ฟวสม ี
์
หลายชนด เชนฟวสเสน ฟวสปลั๊ก และฟวสหลอด
ิ
ิ
่
์
ิ
์
์
้
ิ
ี
ิ
้
่
็
่
ิ
้
ื
ี
่
ิ
ั
การต่อสายดนให้เครองใช้ไฟฟาเปนส่งส าคัญและมประโยชน์มาก ในการชวยปองกันอันตรายทอาจเกดจากการร่ว
ิ
่
้
ั
ี
่
ื
ของกระแสไปยังตัวถังโลหะของเครองใช้ไฟฟา ท าให้เกดอันตรายต่อมนษย์หรอส่งมชวตทไปสมผัสถกได้ การต่อสายดนแบ่ง
ิ
ื
ู
ี
ิ
ิ
ุ
ี
ิ
้
ิ
่
้
ี่
็
ิ
ื่
้
ได้เปนการต่อสายดนทระบบสงจ่ายไฟฟา การต่อสายดนของระบบไฟฟาในบ้าน และการต่อสายดนของเครองใช้ไฟฟา
สมรรถนะอาชพประจ าหนวย (ส่งทต้องการให้เกดการประยุกต์ใช้ความร ทักษะ คุณธรรม เข้าด้วยกัน)
่
ี
ิ
่
้
ิ
ู
ี
1. ต่อสายดนให้ได้คุณภาพ
ิ
ค าศพทสาคัญ
์
ั
ฟวส Fuse
์
ิ
็
หลอมละลายเรว Fast Blow
Slow Blow
หลอมละลายช้า Wire Fuse
์
ิ
ฟวสเส้น Knife Switch
ี
สวิตช์ใบมด Cut Out
Tube Fuse
คัตเอาต์ Cartridge Fuse
ิ
์
ฟวสหลอด Plug Fuse
Special Fuse
์
์
ิ
ิ
คารทรดจ์ฟวส Thermal Fuse
ิ
์
ฟวสปลั๊ก Thermal Cutoff Fuse
์
ิ
ิ
ฟวสชนดพิเศษ Surface Mounted Devices Fuse
Circuit Breaker
์
ิ
้
ฟวสความรอน Trip
์
ิ
้
ฟวสตัดความรอน Thermal Circuit Breaker
์
ิ
ิ
ฟวสแปะตด (SMD) Bimetal
Contact Switch
ิ
สวิตช์ตัดวงจรอัตโนมัต Magnetic Circuit Breaker
ตัดวงจร Thermal – Magnetic Circuit Breaker
้
ิ
สวิตช์ตัดวงจรอัตโนมัตแบบใช้ความรอน Earth Leakage Circuit Breaker
แผ่นโลหะคู่ Ground Fault Circuit Interrupter
ิ
สวตช์หน้าสัมผัส Residual Current Circuit Breaker Without
Overload Protection
ิ
สวิตช์ตัดวงจรอัตโนมัตแบบใช้สนามแม่เหล็ก
ิ
้
สวิตช์ตัดวงจรอัตโนมัตแบบใช้ความรอน รวมกับ
่
สนามแม่เหล็ก
ELCB
GFCI
RCCB
์ ี ้
จุดประสงคการสอน/การเรยนรู
ู
• จดประสงค์ทั่วไป / บรณาการเศรษฐกิจพอเพียง
ุ
ิ
ื
ู
ี
ิ
1. เพื่อให้มความรเกยวกับ อุปกรณปองกันไฟฟา,ฟวสสวิตซ์ประธาน,สวิตซ์ตัดวงจรอัตโนมัต,เครองตัดไฟร่ว,สายดน
่
ั
้
์
์
้
ิ
้
ี่
และการต่อสายดน (ดานความร)
้
ู
ิ
้
้
ิ
ิ
ิ
ั
2. เพื่อให้มทักษะในการปฏบัตงานในการต่อสายดนให้ได้คุณภาพ (ดานทกษะ)
ี
ี่
ี
ุ
ี
ี
์
ิ
ิ
3. เพื่อให้มเจตคติทดีต่อการเตรยมความพรอมด้านการเตรยม วัสด อุปกรณ และการปฏบัตงานอย่างถูกต้อง ส าเรจ
้
็
ี
้
ิ
ิ
ี่
ั
ภายในเวลาทก าหนด มเหตุและผลตามหลักปรชญาเศรษฐกจพอเพียง (ดานคุณธรรม จรยธรรม)
ิ
ิ
ุ
ู
• จดประสงค์เชงพฤตกรรม / บรณาการเศรษฐกิจพอเพียง
1. บอกประโยชน์ของอุปกรณปองกันไฟฟาได้ (ดานความร)
ู
์
้
้
้
้
้
้
ิ
ู
ิ
์
2. จ าแนกฟวสแต่ละชนดได้ (ดานความร)
์
้
ี
้
ู
ิ
3. ช้แจงลักษณะของสวตซประธานได้ (ดานความร)
ิ
้
้
ู
ิ
4. อธบายหลักการท างานของสวิตซ์ตัดวงจรอัตโนมัต (ดานความร)
ู
ื
้
ั
ิ
่
้
5. บอกคุณสมบัตของเครองตัดไฟร่วได้ (ดานความร)
ิ
้
้
ู
ิ
ิ
6. อธบายประโยชน์ของสายดนและการต่อสายดนได้ (ดานความร)
ิ
ั
ิ
้
7. สาธตการต่อสายดนให้ได้คุณภาพ(ดานทกษะ)
ิ
้
ิ
ี
ุ
8. เตรยมความพรอมด้าน วัสด อุปกรณสอดคล้องกับงานได้อย่างถูกต้อง (ดานคุณธรรม จรยธรรม/บูรณาการเศรษฐกจ
้
์
พอเพียง)
ั
ิ
ิ
ี
็
9. ปฏบัตงานได้อย่างถูกต้อง และส าเรจภายใน เวลาที่ก าหนดอย่างมเหตุและผลตามหลักปรชญาของเศรษฐกิจ
้
ิ
ิ
พอเพียง (ดานคุณธรรม จรยธรรม/บูรณาการเศรษฐกจพอเพียง)
้
ี
เนอหาสาระการสอน/การเรยนรู
ื
้
้
ู
ี
• ด้านความร(ทฤษฎ)
7.1 อุปกรณปองกันอันตรายในระบบไฟฟา
้
้
์
ื
่
ุ
ไฟฟาสามารถเดนทางผ่านไปได้โดยสะดวกในวัสด อปกรณ และส่งต่างๆ ทเปนสอตัวน าไฟฟาทด ได้แก่ โลหะชนด
์
่
ี
ิ
้
็
่
้
ี
ี
ิ
ุ
ิ
ี
ิ
ิ
ู
็
ี
่
ี
ต่างๆ เชน ทองค า ทองแดง เงน เหล็ก ตะกั่ว และอะลมเนยม เปนต้น ในของเหลวหรอส่งของทมความช้นต่างๆ เชน น ้า ใน
่
ื
ิ
ื
่
ี
็
ิ
ิ
ี
ื
ื
ื
่
ี
่
ี
ื
ี
ื
ื
่
่
ี
ี
ื
่
เครองดมทมสวนผสมของน ้า ผ้าเปยกน ้า ก่งไม้สด พ้นดนหรอพ้นปูนทมความช้น และในอากาศทมความช้นมากๆ เปนต้น ผู้ใช้
่
ไฟฟาทุกคนจ าเปนต้องทราบถงอันตรายของไฟฟา และทราบถงวธใช้ไฟฟาอย่างปลอดภัย ก่อนการใช้ไฟฟา และ
็
ึ
้
้
ิ
ี
้
ึ
้
เครองใช้ไฟฟาทุกชนด รวมถงต้องมการตดตั้งอปกรณปองกันอันตรายในระบบไฟฟา
ิ
ุ
ึ
ิ
ี
้
ื
้
์
้
่
์
้
้
ี่
็
้
้
็
อุปกรณปองกันอันตรายในระบบไฟฟา เปนอุปกรณไฟฟาทส าคัญและจ าเปนต่อระบบการท างานในงานไฟฟาต่างๆ
์
้
่
ื่
ี่
ี่
้
ื
ี
ิ
้
์
โดยท าหน้าทชวยปองกันอันตรายทจะเกดจากการใช้ไฟฟา และปองกันความเสยหายของอุปกรณไฟฟา เครองมอไฟฟา
้
้
้
้
ื่
ิ
ี่
์
้
ิ
เครองใช้ไฟฟา และระบบไฟฟาทใช้งาน จากสาเหตุการลัดวงจร การเกดกระแสไหลมากเกนพิกัด การใช้อุปกรณไฟฟาผิด
ประเภท รวมถงความผิดพลาดทเกดจากระบบไฟฟาเอง อุปกรณปองกันอันตรายในระบบไฟฟา จะท าหน้าทตัดวงจรไฟฟาย่อย
ี่
้
้
์
้
ี่
้
ิ
ึ
ี
ิ
ู
้
ออกจากระบบการจ่ายไฟทันท ชวยให้เกดความปลอดภัยต่อระบบการใช้ไฟฟา การเกดไฟฟาดด และการเกดไฟฟาลัดวงจร
่
ิ
ิ
้
้
ู
้
อันตรายจากการใช้ไฟฟา แสดงดังรปที่ 7.1
ู
ิ
ิ
ิ
้
ิ
้
(ก) ใช้กระแสเกดพิกัดเกดความรอนสง (ข) เพลงไหม้เกดจากไฟฟาลัดวงจร
้
ี
่
รูปท 7.1 อันตรายจากการใช้ไฟฟา
์
7.2 ฟวส
ิ
้
ี
ี่
ี
ิ
ี่
์
้
์
ิ
็
้
็
ี
ิ
ฟวส (Fuse) เปนอุปกรณปองกันอันตรายในระบบไฟฟา มคุณสมบัตเปนตัวน าไฟฟาทด ผลตมาจากโลหะทมจุดหลอม
์
ิ
่
ี่
์
ิ
ี่
้
ิ
ละลายต า ฟวสท าหน้าทตัดวงจรจากการเกดไฟฟาลัดวงจร หรอเกดจากการท างานทกระแสไหลมากผิดปกต โดยฟวสจะหลอม
ิ
ื
ิ
ิ
์
ิ
ิ
ื่
ี
์
ี่
ี
์
ิ
่
ิ
ละลายทันทเมอมกระแสไหลผ่านฟวสเกนพิกัดทก าหนดไว้ในตัวฟวส ตัวลวดโลหะฟวสท ามาจากโลหะหลายชนด เชน ตะกั่ว
ดบุก สังกะส และบสมัท เปนต้น หรอจากสวนผสมของโลหะเหลาน้ ฟวสทั่วไปควรมคุณสมบัตในการท างานดังน้
ิ
ี
ิ
่
ิ
ี
ี
็
ื
ี
์
ี
่
ิ
ิ
1. ทนกระแสไหลผ่านได้ประมาณ 1.1 เท่าของขนาดทนกระแสปกตของฟวส ์
2. ขณะหลอมละลาย ต้องไม่เกดประกายไฟ เปลวไฟ หรอเกดการหลอมละลายใดๆ ทท าให้อุปกรณเกดความเสยหาย
ื
ิ
ี
ิ
ี่
ิ
์
ิ
ิ
ี
ื่
3. เกดการหลอมละลายภายในเวลา 15 วินาท เมอกระแสเกนพิกัดประมาณ 20 % และหลอมละลายภายในเวลา 1 วินาท ี
ิ
ื่
ื
หรอน้อยกว่า เมอกระแสเกนพิกัดประมาณ 150 %
ฟวสทผลตมาใช้งาน สามารถแบ่งเวลาในการหลอมละลายของฟวสออกได้ 2 ชนด ดังน้
ิ
ิ
์
ิ
์
่
ิ
ี
ี
็
์
ิ
ื่
ิ
ี่
ิ
์
ิ
็
์
ี่
ิ
1. ชนดหลอมละลายเรว (Fast Blow) เปนฟวสชนดทเมอกระแสไหลเกนพิกัดทฟวสทนได้ ฟวสจะหลอมละลายขาด
ิ
ื
ี
ิ
ิ
์
ื่
้
ิ
่
่
วงจรทันท หรอเมอเกดไฟฟาลัดวงจรฟวสจะหลอมละลายขาดวงจรขาดทันทโดยไม่มการหนวงเวลา นยมน าไปใช้ในงาน เชน
ี
ี
้
้
็
ื
่
่
ี
วงจรไฟฟาท างานทั่วไป วงจรท างานเกยวกับความรอน หรอวงจรแสงสวาง เปนต้น
ิ
2.ชนดหลอมละลายช้า (Slow Blow) เปนฟวสชนดทเมอกระแสไหลเกนพกัดทฟวสทนได้ชั่วขณะ ฟวสจะยังไมหลอม
ี
่
์
่
ิ
ิ
ี
์
ิ
่
่
ิ
์
็
ิ
ิ
ื
ี
ี
ิ
ิ
้
ละลาย เกดการหนวงเวลาตามพกัดของฟวส แต่ถ้าเกดไฟฟาลัดวงจรฟวสจะหลอมละลายขาดวงจรทันทโดยไม่มการหนวงเวลา
ิ
่
์
ิ
่
ิ
์
์
์
ื
่
ิ
็
นยมน าไปใช้ในงาน เชน วงจรควบคุมการท างานของมอเตอร หรอมอเตอรขนาดใหญ่ เปนต้น
ิ
ิ
ี
่
์
ิ
่
ิ
ฟวสทผลตขึ้นมาใช้งานมด้วยกันหลายชนด โดยผลตให้เหมาะสมกับลักษณะของงาน และชวยให้เกดความสะดวก
ี
ิ
ิ
์
ิ
้
ิ
ิ
ิ
์
์
ิ
้
ิ
์
่
์
็
ต่อการใช้งาน แบ่งออกได้ตามลักษณะโครงสรางฟวส เชน ฟวสเสน ฟวสปลั๊ก ฟวสหลอด และฟวสชนดพเศษ เปนต้น
ิ
้
์
7.2.1 ฟวสเสน
ิ
่
่
์
ี
ิ
้
์
ิ
ฟวสเส้น (Wire Fuse) เปนฟวสชนดเสนลวดเปลอยยาว ตัวฟวสไมมอะไรหอห้ม จ าเปนต้องใช้งานรวมกับ
ุ
่
ื
็
์
ิ
็
์
่
ี
สวตช์ใบมด (Knife Switch) หรอคัตเอาต์ (Cut Out) โดยน าฟวสไปยึดใสไว้ในสวนรองรบของสวตช์ใบมด ขันยึดฟวสให้แนนด้วย
ิ
ิ
ั
ิ
่
ื
ิ
่
ี
์
ู
ิ
์
้
ี
ิ
สกร ฟวสชนดน้แบ่งออกได้ 2 แบบ ตามลักษณะโครงสราง ดังน้ ี
ี่
1. แบบเสนกลม เสนฟวสถูกพันเก็บไว้เปนม้วน เวลาใช้งานต้องน ามาตัดแบ่งตามความยาวทต้องการ นยม
ิ
ิ
์
้
้
็
ี
ู
ิ
่
์
่
ิ
ู
ิ
ิ
์
ี
ี
เรยกว่า ฟวสเส้น การยึดตดกับสวิตช์ใบมด ให้น าปลายฟวสไปพันในรองสกรของสวิตช์ใบมด และขันสกรยึดตดให้แนน
้
ี
่
่
้
ิ
ิ
์
์
้
่
ี
2. แบบเส้นแบน เสนฟวสทสรางขึ้นมาให้มความยาวแนนอนตามค่ามาตรฐาน สวนหัวท้ายของเสนฟวสท า
ี
์
์
ี
ี
่
ิ
ู
่
ิ
็
่
เปนรองคล้ายก้ามปู ไว้ใสเข้ารองสกรของสวิตชใบมด นยมเรยกว่า ฟวสก้ามปู มความสะดวกในการต่อใช้งานมากขึ้น
ิ
้
ฟวสเสนนยมใช้งานกับวงจรไฟฟาภายในบ้านเรอน ทอยู่อาศัย หรอในวงจรทภาระใช้งานกนกระแสต า
ิ
่
้
ิ
์
ื
ี่
ี่
ื
ิ
ี
่
์
ี
ปกตนยมน าไปใช้งานในวงจรทมกระแสไหลผ่านรวมทั้งส้นไมเกน 30 แอมแปร สวตช์ใบมด ฟวสเสน และฟวสก้ามปู แสดงดัง
ิ
้
่
ิ
์
ี
ิ
ิ
์
ิ
ิ
ู
รปที่ 7.2
ี
์
ิ
์
ิ
(ก) สวิตช์ใบมด (ข) ฟวสเส้น (ค) ฟวสก้ามปู
ิ
รูปท 7.2 สวิตช์ใบมด ฟวสเส้น ฟวสก้ามปู
์
ิ
์
ี
่
ี
์
ิ
7.2.2 ฟวสหลอด
์
ิ
ี่
้
ิ
์
์
ิ
์
ิ
็
ฟวสหลอด (Tube Fuse) หรอคารทรดจ์ฟวส (Cartridge Fuse) เปนฟวสทสรางขึ้นมามโครงสรางเปนหลอด
ื
้
ี
็
่
์
ี
ื
์
ี
ิ
่
์
ี
ทรงกระบอก หรอทรงสเหลยม หลอดฟวสท าด้วยกระเบ้อง แก้ว หรอไฟเบอร ภายในหลอดฟวสมเสนฟวสต่อออกมา
้
ื
ิ
ิ
์
ื
์
ิ
่
ื
ี่
ิ
์
ภายนอก โดยยึดตดกับโลหะตัวน าทสวนหัวท้ายของกระบอกฟวส ภายในหลอดฟวสบรรจุอากาศ หรอบรรจุทรายละเอียดไว้
ิ
์
ิ
ู
ี
ิ
์
่
่
่
ิ
ื
่
์
ิ
็
รปรางมทั้งแบบหัวท้ายฟวสเปนโลหะทรงกระบอกปกต มักเรยกวา ฟวสหลอด น าไปใช้งานรวมกับกระบอกใสฟวสหรอฐานยึด
ี
่
ี
ฟวส และแบบหัวท้ายฟวสเปนโลหะและมแผ่นโลหะคล้ายใบมดยื่นออกมาทหัวท้ายด้วย มักเรยกวา ฟวสใบมด น าไปใช้งาน
ิ
ี
ิ
ิ
์
ี
ี่
็
์
ี
์
ี
์
ิ
ู
่
ี
่
ี
ี
่
ิ
ู
์
ิ
ิ
์
รวมกับฐานฟวสใบมด ฟวสหลอดถกผลตขึ้นมาหลายรปแบบ และหลายหน้าทการใช้งาน ขนาดฟวสมหลายขนาด และมรปราง
ู
ี
ึ
็
์
์
ู
แตกต่างกันไป มค่าการทนกระแสหลายค่า ตั้งแต่ค่าต าๆ ไมถงแอมแปร จนถงค่าสงเปนแสนแอมแปร นยมน าไป ใช้งานอย่าง
่
่
ึ
ิ
ิ
่
่
้
์
่
แพรหลายในหลายด้าน เชน ด้านไฟฟาและอิเล็กทรอนกสทั่วไป ด้านไฟฟาก าลังในงานอุตสาหกรรม และด้านการสงจ่าย
้
ก าลังไฟฟา เปนต้น ฟวสหลอด แสดงดังรปที่ 7.3
็
้
์
ิ
ู
้
้
ิ
้
(ก) ใช้งานไฟฟาและอเล็กทรอนกสทั่วไป (ข) ใช้งานไฟฟาก าลัง (ค) ใช้งานสงจ่ายก าลังไฟฟา
์
ิ
่
์
รูปท 7.3 ฟวสหลอด
ิ
ี
่
์
ิ
7.2.3 ฟวสปลั๊ก
ู
ิ
ี
์
ี
็
ี
่
์
ฟวสปลั๊ก (Plug Fuse) เปนฟวสทตัวถังฟวสมรปรางคล้ายปลั๊กไฟฟา การใช้งานจ าเปนต้องเสยบหรอสอดใสเข้า
ื
็
่
่
ิ
์
ิ
้
ื
่
ไปในรองฐานฟวส มรปรางและโครงสรางแตกต่างกันหลายแบบ ขึ้นอยูกับการใช้งาน ตัวถังฟวสท าด้วยกระเบ้อง แก้ว หรอ
ื
่
ี
ิ
่
้
ู
์
์
ิ
่
ิ
ู
่
์
ิ
ิ
ี
์
่
่
ิ
้
่
ี
์
ิ
ื
พลาสตกทนความรอน ฟวสปลั๊กทผลตมาใช้งาน เชน ฟวสขวด มรปรางทรงกระบอกเหมอนขวด สวนหัวและสวนท้ายฟวสใหญ่
์
ิ
ื
ี่
้
ิ
่
ี
์
ไม่เท่ากัน ด้านหัวใหญ่กวาด้านท้าย ภายในหลอดฟวสมเสนฟวส ทบรรจุอากาศ หรอบรรจุทรายละเอียดไว้ สามารถมองเหน
็
ี่
์
ิ
สภาพฟวสได้จากภายนอก ฟวสปลั๊ก มรปรางเหมอนถ้วยด้านนอกฟวสเปนเกลยวหมุน ภายในหลอดฟวสมเส้นฟวส ทบรรจุ
ู
ี
่
ื
์
ิ
ี
็
์
ิ
์
ี
ิ
์
ิ
ี
ิ
์
ิ
์
็
้
ิ
ื
อากาศ หรอบรรจุทรายละเอยดไว้ สามารถมอง เหนสภาพฟวสได้จากภายนอก ฟวสทั้ง 2 แบบนยมใช้งานกับวงจรไฟฟาภายใน
้
่
ื
ุ
่
ี
ู
ี
ี
ื
่
ิ
บ้านเรอน ทอยู่อาศัย หรอวงจรทใช้กระแสสงมากขึ้น มความปลอดภัยในการใช้งาน เพราะมสวนปองกันหอห้มฟวสไว้ และ
์
ี่
ฟวสรถยนต์ มรปรางเปนรปตัว U คล้ายปลั๊กไฟฟา ฟวสถูกหอห้มด้วยตัวถังพลาสตกทนความรอน มขาโลหะยื่นออกมา 2 ขา นยม
ี
ู
์
ิ
้
่
้
ิ
ิ
ิ
ุ
์
ี
็
ู
่
น าไปใช้งานในรถยนต์ หรอใช้ในอปกรณไฟฟาและเครองใช้ไฟฟาบางชนด ฟวสปลั๊ก แสดงดังรปท 7.4
ุ
ิ
ิ
้
ื
้
่
์
ู
์
่
ื
ี
ิ
์
์
ิ
ิ
(ก) ฟวสขวด (ข) ฟวสปลั๊ก (ค) ฟวสรถยนต์
์
รูปท 7.4 ฟวสปลั๊ก
์
ิ
่
ี
ิ
์
7.2.4 ฟวสชนิดพิเศษ
ิ
็
ื
ิ
ฟวสชนดพิเศษ (Special Fuse) เปนฟวสทถกผลตขึ้นมาใช้งานเพอให้ท างานโดยเฉพาะเจาะจง ตามงานท ่ ี
่
่
์
ู
ี
ิ
ิ
์
ิ
ื
ต้องการเปนพิเศษ เกดความเหมาะสมต่อการท างานในระบบงานทต้องการ หรอตามความเหมาะสมของโครงสรางระบบ ฟวส ์
็
้
ี่
ิ
ชนดพิเศษมหลายลักษณะและหลายรปแบบการท างาน เชน ฟวสความรอน และฟวสแปะตด SMD เปนต้น
ิ
ิ
้
ู
์
์
ิ
ิ
ี
่
็
1. ฟวสความรอน (Thermal Fuse) หรอฟวสตัดความรอน (Thermal Cutoff Fuse) เปนฟวสทท างานด้วยความ
้
์
ิ
์
ี่
์
ิ
็
้
ื
ิ
ิ
ี่
ี
์
ิ
ิ
์
์
ิ
ื่
รอนทมากระทบกับตัวฟวส เมอฟวสได้รบความรอนมากเกนพิกัดทตัวฟวสทนได้ ฟวสจะหลอมละลายตัดการต่อวงจรทันท
้
์
ี่
ั
้
ิ
่
้
ึ
้
เพื่อปองกันอันตรายทจะเกดกับอุปกรณไฟฟาและเครองใช้ไฟฟาจากการท างานเกดความรอนมากเกนไป ซงจะมผลต่อการท าให้
ิ
้
้
ื่
ิ
ี
์
ิ
ี่
ื่
ี
้
ิ
้
่
ี
้
เกดเพลงไหม้ขึ้นได้ ท าให้อุปกรณไฟฟาและเครองใช้ไฟฟาสมัยใหมหลายชนด ทในขณะท างานมความรอนเกดขึ้นภายในตัว
่
์
ิ
ิ
ิ
่
ิ
ิ
ิ
้
้
ี
ิ
่
์
์
นยมใสฟวสความรอนเพ่มเข้าไปภายในทบรเวณทเกดความรอน ท าให้การท างานเกดความปลอดภัยต่อตัวอุปกรณไฟฟาและ
่
้
ี
ิ
ิ
ึ
้
ื่
ิ
ี่
ิ
ิ
้
้
ื่
เครองใช้ไฟฟา รวมถงท าให้เกดการท างานทปลอดภัยมากขึ้น อุปกรณไฟฟาและเครองใช้ไฟฟาทนยมใช้ฟวสความรอนม ี
ี
์
์
่
้
้
่
ู
่
ุ
่
่
่
ื
ื
่
ั
ื
ื
ื
มากมาย เชน พัดลม เครองระบายอากาศ เครองดดควัน เครองปรบอากาศ ตู้เย็น เครองซักผ้า เครองท าน ้าอน เตาไฟฟา เตา
่
ี่
ุ
็
ิ
์
ิ
ี
้
ิ
ไมโครเวฟ หม้อหงข้าวไฟฟา เครองถ่ายเอกสาร และคอมพิวเตอร เปนต้น ฟวสความรอนทผลตมาใช้งานมหลายแบบหลายชนด ม ี
้
์
ื่
โครงสรางแตกต่างกันไป เพื่อให้เหมาะสมต่อการใช้งาน ฟวสความรอน แสดงดังรปที่ 7.5 (ก)
้
้
์
ู
ิ
้
์
ิ
ิ
(ก) ฟวสความรอน (ข) ฟวสแปะตด SMD
์
ิ
รูปท 7.5 ฟวสชนดพิเศษ
์
่
ี
ิ
ิ
ิ
็
์
ิ
2. ฟวสแปะตด SMD (Surface Mounted Devices Fuse) เปนฟวสทพัฒนาขึ้นมาให้เหมาะสมกับเทคโนโลย ี
ี
์
ิ
่
้
ี
้
สมัยใหม่ ทอุปกรณไฟฟาและเครองใช้ไฟฟามขนาดเล็กลง ท าให้ฟวสทน ามาใช้งานจ าเปนต้องมขนาดเล็กลงตามไปด้วย ฟวส ์
ิ
ื่
์
็
ี
ี่
ี่
ิ
์
์
่
ิ
ี
ี
ี
่
์
ิ
ิ
แปะตด SMD จงถกพัฒนาขึ้นมาใช้งานอย่างแพรหลาย โดยท าหน้าทเปนฟวสเชนเดยวกับฟวสทั่วไป เพียงแต่มขนาดของฟวสท ี่
็
ิ
์
่
ึ
ู
เล็กกะทัดรดลง ฟวสแปะตด SMD แสดงดังรปที่ 7.5 (ข)
ิ
ิ
ู
์
ั
7.3 สวิตชตัดวงจรอัตโนมัติ
์
ิ
์
ิ
์
็
ิ
ื
ี่
ิ
์
สวตชตัดวงจรอัตโนมัต หรอเซอรกตเบรกเกอร (Circuit Breaker) เปนสวตชทสามารถตัดวงจร (Trip) ได้โดยอัตโนมัต
์
ิ
ิ
ี
ี
ื่
ิ
์
เมอมกระแสไหลในวงจรมากเกนพิกัดทก าหนดไว้เชนเดยวกับฟวส โดยท าหน้าทตัดวงจรจากการเกดไฟฟาลัดวงจร หรอเกด
ิ
้
ื
่
ี่
ิ
ี่
ี
่
ี
ี่
่
์
ื่
ิ
จากการท างานทกระแสไหลมากผิดปกต แต่มสวนแตกต่างไปจากฟวส ตรงทเมอตัดวงจรแล้วจะไม่มสวนประกอบใดๆ
ี่
ิ
ิ
ี
ภายในสวตชตัดวงจรอัตโนมัตเสยหาย เพียงแต่วงจรหน้าสมผัสภายในสวตชตัดวงจรอัตโนมัตถูกตัดแยกออกจากกัน สามารถท า
ั
ิ
ิ
์
ิ
์
ี
ั
่
ิ
ี่
ิ
์
ให้กลับมาท างานได้ใหม่ โดยการโยกสวตชทตัวสวตชตัดวงจรอัตโนมัตให้ต่อวงจรใหมอกคร้ง ระบบควบคุมการท างานของ
์
ิ
์
ิ
้
สวตชตัดวงจรอัตโนมัตแบ่งออกได้ 3 แบบ คือ แบบใช้ความรอนตัดวงจร แบบใช้สนามแม่เหล็กตัดวงจร และแบบใช้ความรอน
้
ิ
รวมกับสนาม แม่เหล็กชวยกันตัดวงจร
่
่
์
7.3.1 สวิตชตัดวงจรอัตโนมัติแบบใชความรอน
้
้
์
้
ิ
ิ
สวตชตัดวงจรอัตโนมัตแบบใช้ความรอน (Thermal Circuit Breaker) ใช้หลักการท างานจากคุณสมบัตการขยายตัว
ิ
ั
ิ
ของแผ่นโลหะคู่ (Bimetal) โดยใช้โลหะต่างชนดกัน เมอได้รบความรอนจะเกดการขยายตัวไม่เท่ากัน ท าให้เกดการโค้งงอของแผ่น
ิ
้
ิ
ื่
โลหะคู่ ไปควบคุมให้สวตชหน้าสมผัส (Contact Switch) ทท าหน้าทเชอมต่อวงจรไฟฟาเกดการแยกวงจรออกจากกัน ตัด
ิ
้
ี่
ื่
์
ั
ี่
ิ
วงจรไฟฟาออกจากระบบทันท โครงสรางและการท างานสวิตช์ตัดวงจรอัตโนมัตแบบใช้ความรอนแบบเบ้องต้น แสดงดังรปท 7.6
้
้
้
ิ
ี
ื
ู
่
ี
(ก) สภาวะท างานปกต ิ (ข) สภาวะไฟฟาลัดวงจร
้
รูปท 7.6 โครงสรางและการท างานสวตชตัดวงจรอัตโนมัตแบบใช้ความรอนแบบเบ้องต้น
้
์
ิ
ื
้
ิ
่
ี
จากรปที่ 7.6 แสดงโครงสรางและการท างานสวิตช์ตัดวงจรอัตโนมัตแบบใช้ความรอนแบบเบ้องต้น รปท 7.6 (ก) เปน
้
้
ื
ู
ี
่
ู
็
ิ
ี่
ิ
ิ
ื่
สภาวะท างานปกต เมอโยกต่อสวิตช์ตัดวงจรอัตโนมัต ท าให้แกนสวิตช์ถูกสลักของแกนตัดวงจรเกยว ท าให้สวิตช์หน้าสัมผัสต่อ
์
ี
ิ
ิ
ิ
วงจร มแรงดันจ่ายผ่านสวตช์ตัดวงจรอัตโนมัตไปให้ภาระท างาน มกระแสไหลในวงจรสวตชตัดวงจรอัตโนมัต และเกดกระแส
ี
ิ
ิ
ไหลผ่านแผ่นโลหะคู่ กรณทกระแสไหลผ่านแผ่นโลหะคู่ไมเกนพิกัดทก าหนด ความรอนทเกดกับแผ่นโลหะคู่ยังไม่สงมาก แผ่น
ี
ี่
ี่
ิ
ิ
ี่
่
ู
้
โลหะคู่งอโค้งไม่มาก ยังคงมแรงดันจ่ายให้วงจรปกต ภาระท างานเปนปกต
็
ี
ิ
ิ
ิ
้
่
ู
ี่
ิ
ิ
์
สวนรปท 7.6 (ข) เปนสภาวะไฟฟาลัดวงจร เมอเกดการลัดวงจรขึ้น สงผลให้เกดกระแสไหลผ่านเข้าวงจรสวตชตัด
่
ื
็
่
ี่
ี่
วงจรอัตโนมัติผ่านแผ่นโลหะคู่มากเกนพิกัดทก าหนด เกดความรอนทแผ่นโลหะคู่สงมาก แผ่นโลหะคู่เกดการงอโค้งมากขึ้น
้
ิ
ู
ิ
ิ
ี่
ื่
่
ี่
ิ
ิ
ื่
ิ
ปลายแผ่นโลหะคู่เคลอนตัวไปดันแกนตัดวงจรให้เคลอนท สงผลท าให้สลักทเกยวเข้ากับแกนสวตช์เกดการคลายตัว สปรงดง
ี่
ึ
ี
์
แกนสวตชเคลอนทไป ท าให้สวตชหน้าสมผัสตัดวงจร แรงดันถูกตัดออกจากวงจรสวตชตัดวงจรอัตโนมัตทันท ภาระหยุด
ิ
์
์
ิ
ั
ื่
ี่
ิ
ิ
ท างาน
่
7.3.2 สวิตชตัดวงจรอัตโนมัติแบบใชสนามแมเหล็ก
์
้
ิ
ิ
สวิตช์ตัดวงจรอัตโนมัตแบบใช้สนามแม่เหล็ก (Magnetic Circuit Breaker) ใช้หลักการท างานจากคุณสมบัตของ
ิ
้
ิ
ี่
สนามแม่เหล็กไฟฟาทเกดจากกระแสไหลผ่านขดลวดแม่เหล็ก ไปดงดดชดกลไกควบคุมการตัดต่อวงจร สงผลให้สวตช ์
ุ
ู
ึ
่
ี่
ิ
ี่
ิ
้
หน้าสมผัสทท าหน้าทตัดต่อวงจรไฟฟาตัดวงจรออกจากกัน โครงสรางและการท างานสวตชตัดวงจรอัตโนมัตแบบใช้
์
้
ั
สนามแม่เหล็กแบบเบ้องต้น แสดงดังรปท 7.7
่
ื
ี
ู
้
(ก) สภาวะท างานปกต ิ (ข) สภาวะไฟฟาลัดวงจร
่
้
์
ิ
ี
ื
่
ิ
รูปท 7.7 โครงสรางและการท างานสวตชตัดวงจรอัตโนมัตแบบใช้สนามแมเหล็กแบบเบ้องต้น
ิ
ิ
ู
้
็
ี่
จากรปที่ 7.7 แสดงโครงสรางและการท างานสวตช์ตัดวงจรอัตโนมัตแบบใช้สนามแม่เหล็ก รปท 7.7 (ก) เปนสภาวะ
ู
ื่
ิ
ี่
ิ
์
ท างานปกต เมอโยกต่อสวิตชตัดวงจรอัตโนมัต ท าให้แกนสวิตช์ถูกสลักของแกนตัดวงจรเกยว ไปท าให้สวิตช์หน้าสัมผัสต่อวงจร
ี
มแรงดันจ่ายผ่านสวตชตัดวงจรอัตโนมัตไปให้ภาระท างาน มกระแสไหลในวงจรสวตชตัดวงจรอัตโนมัต และเกดกระแสไหล
ิ
ิ
ิ
ี
ิ
ิ
์
์
้
้
่
ี
ี
่
ิ
้
่
่
ผ่านขดลวดแมเหล็กไฟฟา ท าให้ขดลวดแมเหล็กไฟฟาเกดสนามแมเหล็กขึ้นมา กรณทกระแสไหลผ่านขดลวดแม่เหล็กไฟฟาค่า
ปกตไม่เกนพิกัด สนามแม่เหล็กไฟฟาเกดอ านาจแม่เหล็กน้อยไม่เพียงพอกับการดงดดแกนตัดวงจรให้เคลอนทเข้ามาหาได้
ู
ึ
ิ
ิ
ี่
ื่
้
ิ
สวิตช์หน้าสัมผัสยังคงต่อวงจรปกต มแรงดันจ่ายให้วงจรปกต ภาระท างานเปนปกต
็
ิ
ิ
ี
ิ
่
็
ู
ิ
สวนรปที่ 7.7 (ข) เปนสภาวะไฟฟาลัดวงจร เมอเกดการลัดวงจรขึ้น สงผลให้เกดกระแสไหลผ่านเข้าวงจรสวิตช์ตัดวงจร
ื
่
้
่
ิ
ิ
อัตโนมัต ผ่านขดลวดแม่เหล็กไฟฟามากเกนพิกัดทก าหนด ท าให้สนามแม่เหล็กไฟฟาเกดอ านาจแม่เหล็กมากเพียงพอ สามารถ
้
ี่
ิ
้
ิ
ื่
ดงดดแกนตัดวงจรให้เคลอนทเข้ามาหา สงผลท าให้สลักทเกยวเข้ากับแกนสวตชเกดการคลายตัว สปรงดงแกนสวตชเคลอนท ี่
ี่
ี่
่
ี่
ึ
ึ
ิ
ิ
ู
ื่
ิ
์
์
ิ
ิ
ี
ไป ท าให้สวิตช์หน้าสัมผัสตัดวงจร แรงดันถูกตัดออกจากวงจรสวิตช์ตัดวงจรอัตโนมัตทันท ภาระหยุดท างาน
้
7.3.3 สวิตชตัดวงจรอัตโนมัติแบบใชความรอนรวมกับสนามแมเหล็ก
่
์
้
่
ิ
้
์
่
ิ
สวตชตัดวงจรอัตโนมัตแบบใช้ความรอน รวมกับสนามแม่เหล็ก (Thermal – Magnetic Circuit Breaker) ใช้
ื่
้
คุณสมบัตการขยายตัวของแผ่นโลหะคู่เมอได้รบความรอน และใช้สนามแม่เหล็กไฟฟาทเกดจากกระแสไหลผ่านขดลวดแม่เหล็ก
้
ั
ิ
ิ
ี่
้
่
ี่
ไปดงดดแกนตัดวงจรให้เคลอนทเข้ามาหา สงผลให้สวิตช์หน้าสัมผัสทท าหน้าทตัดต่อวงจรไฟฟาตัดวงจรออกจากกัน โครงสราง
้
ู
ี่
ี่
ึ
ื่
และการท างานสวตชตัดวงจรอัตโนมัตแบบใช้ความรอนรวมกับสนามแมเหล็กแบบเบ้องต้น แสดงดังรปที่ 7.8
ื
้
ู
่
่
ิ
์
ิ
้
(ก) สภาวะท างานปกต ิ (ข) สภาวะไฟฟาลัดวงจร
ิ
้
้
รูปท 7.8 โครงสรางและการท างานสวตชตัดวงจรอัตโนมัตแบบใช้ความรอนรวมกับสนามแมเหล็กแบบเบ้องต้น
่
ื
่
่
ี
ิ
์
ิ
จากรปท 7.8 แสดงโครงสรางและการท างานสวตชตัดวงจรอัตโนมัตแบบใช้ความรอนรวม กับสนามแม่เหล็ก รปท 7.8
้
ู
ี่
ู
ิ
ี่
่
์
้
ี่
(ก) เปนสภาวะท างานปกต เมอโยกต่อสวิตช์ตัดวงจรอัตโนมัต จ่ายแรงดันให้ภาระท างาน กรณทกระแสไหลผ่านแผ่นโลหะคู่และ
ิ
ื่
ี
็
ิ
ขดลวดแม่เหล็กมค่าปกตไม่เกนพิกัด ยังไม่เกดการเปลยนแปลงการท างาน แรงดันยังคงจ่ายให้วงจรปกต ภาระท างานเปนปกต
ิ
็
ี
ี่
ิ
ิ
ิ
ิ
ู
สวนรปท 7.8 (ข) เปนสภาวะไฟฟาลัดวงจร เมอเกดการลัดวงจรขึ้น สงผลให้เกดกระแสไหลผ่านเข้าวงจรผ่านแผ่น
่
้
ิ
ื
่
็
ิ
ี่
่
ิ
ี่
ี่
้
ิ
ิ
ู
โลหะคู่ และขดลวดแม่เหล็กมากเกนพิกัดทก าหนด เกดความรอนทแผ่นโลหะคู่สงมาก และขดลวดแม่เหล็กเกดอ านาจ
่
่
่
ื่
แมเหล็กไฟฟามากเพยงพอ สงผลท าให้แผ่นโลหะคูเกดการงอโค้งมากขึ้น ปลายแผ่นโลหะคู่เคลอนตัวไปดันแกนตัดวงจรให้
้
ี
ิ
ิ
เคลอนท และในเวลาเดยวกันสนามแม่เหล็กไฟฟาเกดอ านาจแม่เหล็กมากเพียงพอ สามารถดงดดแกนตัดวงจรให้เคลอนทเข้ามา
้
ื่
ึ
ู
ี
ี่
ื่
ี่
์
หา สงผลท าให้สลักทเกยวเข้ากับแกนสวตชเกดการคลายตัว สปรงดงแกนสวตช์เคลอนทไป ท าให้สวตชหน้าสมผัสตัดวงจร
ั
ี่
ิ
ื่
ี่
ิ
ึ
ิ
์
ิ
ิ
่
ี่
ี
ิ
แรงดันถูกตัดออกจากวงจรสวิตช์ตัดวงจรอัตโนมัตทันท ภาระหยุดท างาน
้
์
ื
7.3.4 การเลอกสวิตชตัดวงจรอัตโนมัติมาใชงาน
ิ
์
ิ
ี
ิ
ี่
ิ
สวตชตัดวงจรอัตโนมัตทผลตมาใช้งานมมากมายหลายชนด หลายแบบ หลายขนาดการท างานต่อพิกัดทนกระแส
รวมถงมหลายบรษัทผลตออกมาจ าหนาย ท าให้กลไกและสวนประกอบของโครงสรางภายในมความแตกต่างกันไปบ้าง แต่ม ี
่
ิ
ิ
่
ึ
้
ี
ี
่
ี
ื
ึ
ื
ึ
หลักการท างานทเหมอนกัน ดังนั้นการเลอก ใช้งานควรค านงถงมาตรฐาน ความปลอดภัย และเลอกใช้ให้ถูกต้องเหมาะสมกับภาระ
ื
งาน รวมถงการตดตั้งใช้งานจะต้องถกต้องและปลอดภัย สวตชตัดวงจรอัตโนมัตแบบต่างๆ แสดงดังรปที่ 7.9
ิ
ึ
ู
ิ
ิ
ู
์
้
่
้
(ก) แบบใช้ความรอน (ข) แบบใช้สนามแม่เหล็ก (ค) แบบใช้ความรอนรวมกับสนามแม่เหล็ก
ิ
รูปท 7.9 รปรางลักษณะสวิตช์ตัดวงจรอัตโนมัตแบบต่างๆ
่
ู
่
ี
ื
่
ิ
ึ
์
ิ
ิ
ในการเลอกสวตชตัดวงจรอัตโนมัตมาใช้งาน ผู้ออกแบบจะต้องพิจารณาถงคุณสมบัตการท างานของวงจร เพื่อชวย
ปองกันอันตรายทจะเกดขึ้น และสามารถตัดการท างานของวงจรได้ทันตามความต้องการ โดยพจารณาดังน้ ี
ิ
ิ
ี
่
้
1. ระดับแรงดันทใช้งาน และชนดของแรงดัน เปนไฟสลับ (AC) หรอไฟตรง (DC)
ี่
ื
็
ิ
็
ี
ิ
ี่
2. จ านวนเฟสแรงดันทใช้งาน เปนชนดเฟสเดยว หลายเฟส และจ านวนของขั้วแรงดัน
็
ี่
่
ื
3. ระบบมาตรฐานไฟฟาทใช้งาน ให้เปนไปตามมาตรฐานและกฎระเบยบความปลอดภัยขององค์การหรอหนวยงานท ี่
้
ี
ี่
เกยวข้อง
ิ
4. ความสามารถในการท าให้หยุดท างานในขณะเกดการลัดวงจร
ุ
ู
5. ข้อก าหนดสงสด ขนาดข้อบังคับที่เหมาะสม และการปองกันอันตราย
้
้
์
7.4 สวิตชตัดไฟฟารวอัตโนมัติ
ั่
ื
ิ
ั
้
็
่
ิ
้
ิ
็
์
ี
ั
่
สวตชตัดไฟฟาร่วอัตโนมัต หรอเครองตัดไฟฟาร่วอัตโนมัต เปนสวตชทสามารถตัดวงจรได้โดยอัตโนมัตอย่างรวดเรว
ื
์
ิ
ิ
่
่
ื
ื
เมอมกระแสร่วไหลในวงจรผ่านลงดน มกระแสร่วไหลในเครองใช้ ไฟฟาผ่านลงดน หรอมกระแสไหลผ่านรางกายมนษย์ผ่าน
ี
ั
่
ิ
ิ
้
ุ
ี
ั
ื
ี
้
ั
ิ
์
ิ
่
ี
่
ี
ิ
่
ื
ิ
่
์
ิ
ิ
ลงดน ในปรมาณทมากกวาค่าพกัดทก าหนดไว้ของเครอง สวตชตัดไฟฟาร่วอัตโนมัตท างานคล้ายกับสวตชตัดวงจรอัตโนมัต ิ
้
ี
์
ิ
ุ
ิ
่
ื
็
แต่มความแตกต่างในคุณสมบัตของการท างาน และจุดประสงค์ของการน าไปใช้งาน โดยผลตขึ้นมาเพอใช้เปนอปกรณปองกัน
ั
่
้
ื
่
ิ
ิ
อันตรายเสรมรวมกับระบบการต่อสายดน ชวยปองกันอันตรายจากการถกไฟฟาดด จากไฟฟาร่วไหลในเครองใช้ไฟฟาผ่านลง
่
้
้
ู
้
ู
ั
ิ
้
ิ
ดน สวิตช์ตัดไฟฟาร่วอัตโนมัตทผลตมาใช้งานมด้วยกันหลายชนด แบ่งออกตามลักษณะของกระแสร่วไหล แบ่งออกได้ 2 ชนด
ี
ิ
ิ
ั
ิ
่
ี
ดังน้
ี
่
ิ
ิ
ั
่
ื
็
้
์
ื
ิ
1. สวิตชตัดกระแสรวลงดิน เปนสวตชตัดไฟฟาร่วอัตโนมัต เมอเกดกระแสร่วไหลจากเครองใช้ไฟฟาผ่านลงดน ชวย
่
ั
้
ิ
ั่
์
้
ี
ั
ิ
ู
ี
ปองกันอันตรายจากไฟฟาดดได้ มความไวในการตรวจวัดกระแสร่วลงดนตั้งแต่ 10 – 30 mA และมความไวในการตัดวงจร
้
ี
ี
ื่
ื่
ประมาณ 0.01 – 0.04 วนาท มหลายชนด เชน เครอง ELCB (Earth Leakage Circuit Breaker) และเครอง GFCI (Ground Fault Circuit
ิ
่
ิ
Interrupter) เปนต้น สวตชตัดกระแสร่วลงดน แสดงดังรปที่ 7.10
็
ิ
ิ
ู
ั
์
(ก) เครอง ELCB (ข) เครอง GFCI
ื่
ื่
รูปท 7.10 สวตชตัดกระแสร่วลงดน
์
ั
ิ
ิ
ี
่
ิ
ี
ี
ึ
์
็
ิ
ิ
2. สวิตชตัดกระแสเหลอ เปนสวตชตัดวงจรอัตโนมัตอกแบบหนง มสภาวะการท างานทั้งในสภาวะปกต และในสภาวะ
ื
์
่
ี
ื่
ี่
ื
ี่
ื
ตัดวงจรเมอกระแสเหลอในวงจรถงค่าทก าหนด มความไวในการท างานตรวจวัดกระแสเหลอในวงจรท 30 mA, 100 mA, 300
ึ
mA และ 500 mA และมความไวในการตัดวงจรประมาณ 0.1 - 0.3 วนาท แล้วแต่รน แล้วแต่ชนด เชน เครอง RCCB (Residual
ี
ื่
ิ
่
ิ
ี
ุ่
Current Circuit Breaker Without Overload Protection) ตัดได้เฉพาะกระแสเหลอ ไม่สามารถตัดกระแสลัดวงจรได้ จ าเปนต้องใช้งาน
ื
็
่
์
ิ
ื่
่
ื
รวมกับฟวส หรอใช้งานรวมกับสวิตช์ตัดวงจรอัตโนมัต และเครอง RCBO (Residual Current Circuit Breaker With Overload Protection)
ิ
สามารถใช้ตัดกระแสเหลอ และกระแสลัดวงจรได้ เปนต้น สวิตชตัดกระแสเหลอ แสดงดังรปที่ 7.11
์
็
ื
ื
ู
ื่
(ก) เครอง RCCB (ข) เครอง RCBO
ื่
ื
ี
่
รูปท 7.11 สวิตช์ตัดกระแสเหลอ
่
ิ
้
ิ
้
ิ
ั
สวิตชตัดไฟฟาร่วอัตโนมัตชวยปองกันไฟฟาร่ว และไฟฟาดดได้ จะต้องมคุณสมบัตและการตดตั้งดังน้ ี
์
ั
้
ู
้
ี
ี
1. พกัดขนาดกระแสร่วต้องไมเกน 30 มลลแอมแปร (mA) และตัดไฟฟาได้ภายในระยะ เวลา 0.04 วนาท เมอมไฟฟา ้
ิ
ื่
ี
่
ิ
ิ
ิ
ิ
ั
้
์
ื
ั
ิ
ร่วขนาด 5 เท่าของพกัด หรอประมาณ 150 mA
ิ
ั
่
ั
ั
ี
2. ควรตดตั้งใช้งานเฉพาะจุด เชน วงจรเต้ารบในห้องครว ห้องน ้า ห้องนอน ห้องเด็ก และวงจรเต้ารบทมสายไฟ
ี
่
ต่อไปใช้งานภายนอกอาคาร
่
ี
ี
ี
่
ิ
ิ
์
ั
ิ
่
ี
่
ี
3. ในกรณทต้องตดตั้งรวมทสวตชประธาน จะต้องแยกวงจรทมค่าไฟร่วตามธรรมชาตมากๆ ออกไป เชน อุปกรณ ์
้
่
ั
ื
ุ
ิ
ิ
้
ิ
ั
ื
่
์
ี
ี
ี
้
ปองกันฟาผ่า เครองปรบอากาศ และอปกรณทมโอกาสเปยกช้นต่างๆ โดยตดตั้งสวตช์ตัดไฟฟาร่วอัตโนมัตแยกเฉพาะวงจรท ี่
็
จ าเปน
ิ
ี่
่
ั
ิ
4. ในทางปฏบัตทต้องการความแนนอน จะต้องตรวจสอบปรมาณกระแสร่วไหลในแต่ละวงจรด้วยเครองตรวจวัด
ิ
ื่
ู
ี
้
ั
ิ
็
ี
ิ
ี
่
็
้
ั
ิ
ิ
์
ั
ั
่
กระแสร่วไหล ถ้าวงจรใดมกระแสร่วไหลมากเปนปกต จ าเปนต้องใช้สวตชตัดไฟฟาร่วอัตโนมัตทมพกัดไฟฟาร่วสงขึ้น เชน 100
ื
้
mA 300 mA หรอ 500 mA ปองกันในแต่ละวงจรโดยเฉพาะ
์
7.5 สวิตชนิรภัย
่
ื
ิ
ิ
ี่
ี
์
์
็
ิ
สวตชนรภัย (Safety Switch) หรออาจเรยกวา สวตชประธาน (Main Switch) เปนสวตชหลักทใช้ตัดต่อวงจรไฟฟา จาก
้
ิ
์
์
้
ื
้
็
้
ุ
สายไฟฟาภายนอกจ่ายเข้าอาคารบ้านเรอนกับสายไฟฟาภายในทั้งหมด เปนอปกรณตัดต่อวงจรไฟฟาตัวแรก ถัดจากวัตต์อาวร ์
ิ
์
ื
ิ
์
็
์
์
ิ
้
่
มเตอรวัดหนวยไฟฟาเข้ามาในบ้าน สวตชประธานอาจเปนอุปกรณตัดไฟหลักตัวเดยว หรออยู่รวมกับสวตช์และอุปกรณอื่นๆ
ี
ื
์
่
ิ
้
ี่
ิ
็
ั
ซงอาจเปนสวตช์คันโยกทตัดภาระได้ หรอเปนเครองตัดไฟฟาร่วอัตโนมัต (อุปกรณปองกันกระแสเกนหรอลัดวงจร) หรอเปน
ื
็
ิ
้
ึ
ื
ื
่
็
ื่
ิ
ิ
ี่
ื่
็
ี่
ิ
้
่
ี
์
์
สวตชทมฟวสในตัวก็ได้ ไม่วาเปนแบบใดต้องมคุณสมบัตของเครองตัดวงจร ทเมอตัดวงจรไฟฟาดับแล้วต้องมความปลอดภัย
ี
ี
โครงสรางของสวิตช์นรภัยจะเปนตู้โลหะปดมดชด มความแข็งแรงทนทาน
ิ
้
ี
็
ิ
ิ
ิ
ิ
ู
์
ี
ุ
็
ิ
ิ
สวตชนรภัยชนดจ่ายกระแสสงๆ ภายในมักเปนสวตชตัดไฟหลักอย่างเดยว ภายในตู้ประกอบด้วยชดสวตช์ตัดตอน
์
ิ
ิ
ี
ี
ใบมด 2 ชด หรอ 3 ชด แล้วแต่ชนดของไฟฟาทใช้งาน คล้ายกับสวิตช์ใบมดแต่มขนาดใหญ่ สามารถน าไปใช้งานกับวงจรไฟฟา
ุ
ิ
ี่
้
ุ
้
ี
ื
ี่
ี
้
ู
้
ี
ิ
ทต้องการกระแสสง ภายนอกตู้มก้านคันโยกสวิตช์นรภัย ไว้โยกตัดต่อวงจรไฟฟาเพื่อจ่ายแรงดันไปใช้งาน มระบบปองกันอันตราย
และท าให้เกดความปลอดภัยของสวิตช์นรภัย โดยปองกันการเปดประตูตู้สวิตช์นรภัยในขณะต่อไฟฟาไปใช้งาน ฝาตู้จะไม่สามารถ
ิ
้
ิ
้
ิ
ิ
ิ
ิ
้
ี่
่
ิ
ิ
ิ
เปดออกได้ และขณะทฝาตู้เปดอยู่จะไม่สามารถโยกสวตช์นรภัยต่อไฟฟาจ่ายให้วงจรได้ ชวยให้เกดความปลอดภัยต่อการใช้งาน
ี
์
ิ
ิ
สวตชนรภัยชนดน้นยมน าไป ใช้งานกับสถานทต่างๆ มากมาย เชน บ้านเรอนขนาดใหญ่ บรษัท อพารตเมนต์ คอนโดมเนยม
ิ
ื
่
่
ิ
ิ
ี
ี
ิ
์
หนวยงานราชการ โรงงานอุตสาหกรรม และห้าง สรรพสนค้า เปนต้น สวิตช์นรภัยชนดตัดไฟหลักอย่างเดยวแบ่งออกได้เปน 2 แบบ
ิ
่
ิ
ี
็
็
ิ
ี
ิ
์
ู
ิ
ิ
์
ิ
ี
ิ
ิ
ิ
ิ
ี่
คือ สวตชนรภัยไมมฟวสตดตั้ง (Non – Fusible Safety Switch) และสวตชนรภัยมฟวสตดตั้ง (Fusible Safety Switch) แสดงดังรปท 7.12
่
์
์
ู
และรปที่ 7.13
ู
้
(ก) รปราง (ข) โครงสรางภายใน
่
รูปท 7.12 สวิตช์นรภัยชนดตัดไฟหลักอย่างเดยว แบบไม่มฟวส ์
ิ
ี
ี
ิ
ิ
ี
่
่
้
(ก) รปราง (ข) โครงสรางภายใน
ู
ิ
ี
ิ
ี
ิ
รูปท 7.13 สวิตช์นรภัยชนดตัดไฟหลักอย่างเดยว แบบมฟวส ์
่
ี
็
่
์
ิ
ิ
ี่
ื
ิ
่
ิ
ิ
์
ี
ิ
สวนสวิตช์นรภัยชนดทนยมใช้งานตามบ้านเรอนอยูอาศัยทุกวันน้ มักเปนชนดรวมสวตชและอุปกรณหลายชนดไว้ในตู้
ี
่
์
ิ
ิ
ิ
์
์
ื
แผงสวตชรวม มักเรยกวา ตู้สวตชประธาน (Main Switch Box) หรอตู้คอนซมเมอรยูนต (consumer unit Box) ซงตู้สวตชนรภัยชนดน้
ู
ี
ิ
ิ
์
ึ
่
ิ
์
้
่
์
ี
ิ
นอกจากจะประกอบด้วยตัวสวตชนรภัยหลักแล้ว มักมอุปกรณปองกันอื่นๆ รวมอยู่ด้วย เชน สวตชตัดวงจรอัตโนมัต และ
ิ
์
ิ
ิ
ั
ู
้
้
ี
ั
สวิตชตัดไฟฟาร่วอัตโนมัตตัวลูกส าหรบปองกันวงจรย่อยต่างๆ หลายตัวรวมกันอยู่ในตู้เดยวกัน ตู้คอนซมเมอรยูนต แสดงดังรป
ิ
ิ
์
ู
์
ท 7.14
ี่
่
ู
้
(ก) รปราง (ข) โครงสรางภายใน
รูปท 7.14 ตู้คอนซมเมอรยูนต
ิ
์
ู
ี
่
่
7.6 สายดินและการตอสายดิน
้
ิ
สายดน (Ground Line) เปนสายไฟทท าหน้าทชวยปองกันอันตรายจากไฟฟา และท าให้เกดความปลอดภัยกับผู้ใช้อุปกรณ ์
ิ
ี่
้
ี่
็
่
้
้
ี
่
ิ
ึ
ื่
่
้
ี
ิ
ี
้
ิ
ไฟฟาและเครองใช้ไฟฟา เรยกสายดนประเภทน้วา สายดนปองกัน (protective earthing conductor) สายดนเสนน้ปลายด้านหนง
ึ
ี่
ื่
ิ
่
์
่
้
็
ิ
้
จะต้องต่อลงดน (Ground) จรง ปลายอีกด้านหนงถูกต่อเข้ากับสวนทเปนโลหะ ของอุปกรณไฟฟาและเครองใช้ไฟฟา ทต้องการ
ี่
์
ิ
ื
็
้
ให้มศักย์ไฟฟาเปนศูนย์เท่ากับพ้นดน เพอท าให้เกดความมั่นใจทจะไมท าให้เกดไฟฟาดดในขณะใช้งานอุปกรณไฟฟาและ
ี
้
้
่
่
ิ
่
ู
ิ
ื
ี
ิ
้
่
ิ
ื่
ิ
ั
ี่
์
้
เครองใช้ไฟฟา อุปกรณไฟฟาและเครองใช้ไฟฟาชนดทนยมต่อสายดน เชน กล่องสวิตช์ประธาน กล่องสวิตช์นรภัย เต้ารบชนด 3
้
ิ
ิ
ื่
้
ขา หม้อหงข้าว เตาไมโครเวฟ เตารด กระทะไฟฟา กระตกน ้ารอนไฟฟา ตู้เย็น เครองปรบอากาศ เครองซักผ้า และเครองท า
ื่
ิ
ื่
้
ื่
ั
ี
ุ
้
น ้าอน เปนต้น
ุ
่
็
ั
ี่
ี่
การต่อสายดน ทางด้านทต่อลงดนจะต้องต่อผ่านหลักดน (Ground Rod) ทฝงไว้ในดน หลักดนผลตจากโลหะตัวน า เชน
ิ
ิ
่
ิ
ิ
ิ
ิ
ิ
ุ
แท่งเหล็กห้มทองแดงบรสทธ มขนาดความยาวมาตรฐานดังน้ คือ 1.5, 1.8, 2.4 และ 3 เมตร มขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของหลัก
ี
ุ
ิ
ี
์
ี
ี่
ิ
ี
ิ
ี
้
ั
ี่
ิ
ั
ิ
ิ
่
ดนมาตรฐานดังน้ คือ 10, 11, 12.5, 15 และ 19 มลลเมตร น ามาตอกฝงลงดนทน าไฟฟาได้ดในบรเวณบ้าน ชวยให้กระแสทร่ว
้
ผ่านตัวถังอุปกรณไฟฟาและเครองใช้ไฟฟาไหลผ่านลงดนได้สะดวก หลักดน อุปกรณประกอบ และการต่อสายดน แสดงดังรปท ี่
ิ
ื่
์
้
ู
ิ
์
ิ
7.15
์
ิ
(ก) หลักดนและอุปกรณประกอบ (ข) การต่อสายดน
ิ
รูปท 7.15 หลักดน อุปกรณประกอบ และการต่อสายดน
ิ
์
ิ
ี
่
ี
ิ
ประโยชน์ของสายดนมดังน้
ี
้
่
ี
ั
ื
์
้
ู
ื่
้
้
1. ปองกันไฟฟาดดเมอมกระแสร่วจากอุปกรณไฟฟาและเครองใช้ไฟฟา
็
ิ
้
2. ท าให้มแรงดันอ้างองเปนศูนย์เท่ากับพ้นดน การต่อลงดนของระบบไฟฟา อุปกรณไฟฟาและเครองใช้ไฟฟา ของ
ี
ื
้
ิ
้
์
ิ
ื่
ื
ิ
้
่
ี
้
่
ื
ั
ผู้ใช้ไฟฟา จะชวยปองกันไมให้อปกรณไฟฟาและเครองใช้ไฟฟาได้รบความเสยหาย เมอเกดความผิดปกตขึ้นในระบบการจ่าย
่
์
่
้
้
ุ
ิ
แรงดัน
้
ุ
ิ
ี
่
่
ื
ั
์
่
้
่
้
ี
3. ชวยลดอันตรายจากการสัมผัสแรงดัน ทเกดจากไฟฟาร่วทตัวถังโลหะของอปกรณไฟฟาและเครองใช้ไฟฟา
้
ี
ื่
่
ี
่
่
์
์
ื
ิ
4. ชวยให้มการท างานสมบูรณเพ่มขึ้นของเครองใช้ไฟฟาบางประเภท เชน คอมพิวเตอร เครองเสยง อุปกรณ ์
ุ
์
ื
ื
้
ิ
์
่
่
็
ิ
่
่
ี
ี
ื
์
่
ิ
อเล็กทรอนกส และอปกรณสอสาร เปนต้น ถ้าหากไมมสายดนอาจท าให้เครองใช้ไฟฟาเหลาน้ท างานได้ไมสมบูรณ หรอเกด
ิ
ุ
ี
การช ารดเสยหายได้ง่าย
ี
่
็
้
้
ิ
ี่
ระบบไฟฟาทจ่ายมาจากแหล่งจ่ายไฟฟา จะมสายไฟเสนสายดนจ่ายมาด้วยเชนเดยวกัน แต่จะเปนสายดนอีกประเภท
ิ
้
ี
ี
่
ี่
่
ึ
หนงทท าหน้าทแตกต่างไป โดยท าหน้าทชวยให้อุปกรณไฟฟาและเครองใช้ไฟฟาสามารถท างานได้ เรยกสายดนประเภทน้วา สาย
ี
ี่
่
ี่
ิ
้
้
์
ื
่
ี่
์
ี
ิ
ดนชวยในการท างาน (functional earthing conductor) เปนสายดนทไม่เกยวข้องกับเรองความปลอดภัย มไว้เพียงเพื่อให้อุปกรณไฟฟา ้
ี่
่
ื่
ิ
็
ี
้
และเครองใช้ไฟฟาสามารถท างานได้เท่านั้น ระบบไฟฟาทจ่ายมาใช้งานของการไฟฟา มด้วยกัน 2 ระบบ คือ ระบบเฟสเดยว
ี
้
ื่
้
ี
่
ึ
่
้
็
้
ื
ี
่
ี
(Single Phase) และระบบสามเฟส (Three Phase) สาย ไฟฟาทจ่ายมายังอาคารบ้านเรอนทั้งสองระบบ จะมสายไฟเสนหนงเปนสาย
่
็
้
ิ
็
ดน นยมเรยกวาสายศูนย์ (Neutral) เปนสายเสนทไม่มไฟฟาจ่ายมา ซงก็คือสายดนของแหล่งจ่ายไฟฟา สวนสายไฟทเหลอเปน
ี
ื
ิ
ี่
ึ
่
ิ
่
้
้
ี
ี่
สายมไฟฟาจ่าย (Line) ลักษณะระบบไฟฟาจ่ายมาจากแหล่งจ่ายไฟฟา แสดงดังรปที่ 7.16
้
้
้
ี
ู
(L 1)
(L) (L 2)
(N) (L 3)
(N)
(ก) ระบบไฟฟาเฟสเดยว (ข) ระบบไฟฟาสามเฟส
้
ี
้
้
้
รูปท 7.16 ระบบไฟฟาจ่ายมาจากแหล่งจ่ายไฟฟา
ี
่
่
ิ
ิ
ื
ิ
การต่อสายดนภายในอาคารบ้านเรอนอยูอาศัย ควรปฏบัตดังน้ ี
ิ
ื
ิ
้
1. -สวิตช์นรภัยหรอตู้สวิตช์ประธานต้องต่อระบบไฟฟาทจ่ายเข้าบ้านลงดน โดยใช้สาย ไฟฟาต่อกับสายศูนย์ (N) น าไป
้
ี่
ต่อลงดนเข้ากับหลักดนของบ้าน และห้ามต่อรวมกันในทอื่นๆ อีก เชน ในแผงสวตชย่อย ขั้วสายศูนย์ต้องมฉนวนกั้นแยกจากตัว
์
ี่
่
่
ิ
ิ
ี
ิ
ึ
่
ิ
่
ี
ิ
ึ
่
ิ
ึ
กล่อง สวนขั้วต่อสายดนกับตัวตู้จะต่อถงกันและต่อลงสายดน ซงขั้วสายศูนย์และขั้วสายดนจะไมมการต่อถงกัน
ิ
์
้
ี่
ี
ิ
ิ
็
ี่
็
ื่
2. อุปกรณไฟฟาและเครองใช้ไฟฟาชนดทมตัวถังเปนโลหะต้องต่อสายดน โดยการเดนสายไฟต่อตัวถังทเปนโลหะ
้
ี
ุ
ิ
่
ิ
ี่
์
้
ื
่
ิ
่
้
์
่
ของอปกรณไฟฟาและเครองใช้ไฟฟาเหลานั้น น าไปต่อลงดนทตู้สวตชประธานในต าแหนงสายศูนย์ (N) ทต่อลงดนไว้แล้ว
ิ
ิ
ิ
ั
่
ี่
ี
ิ
ี
ั
ู
ิ
ู
ิ
3. ตดตั้งเต้ารบชนด 3 ร ทมรต่อสายดนอยูด้วย น ารสายดนของเต้ารบทุกจุดไปต่อลงดนทตู้สวตช์ประธานในต าแหนงสาย
่
่
ู
ี่
ิ
ศูนย์ (N) ทต่อลงดนไว้แล้ว
4. ห้ามต่อสายดนของเครองใช้ไฟฟาเข้ากับสายศูนย์ (N) หากต่อไว้เมอสายศูนย์ขาด จะท าให้ตัวถังโลหะของ
ิ
ื่
้
ื่
ั
ู
เครองใช้ไฟฟา มศักย์ไฟฟาเท่ากับแรงดันของสายไฟเสนมไฟ ผู้สมผัสถูกตัวถังโลหะอาจได้รบอันตรายจากไฟฟาดดได้ การ
้
ื่
้
ั
ี
้
้
ี
ู
้
ื
ิ
ต่อสายดนของระบบไฟฟาภายในอาคารบ้านเรอนอยู่อาศัย แสดงดังรปที่ 7.17
(N)
(L)
L N
G
G N L
G N L
N =
L =
G =
่
รูปท 7.17 การต่อสายดนของระบบไฟฟาภายในอาคารบ้านเรอนอยู่อาศัย
ิ
้
ี
ื
่
้
้
7.7 การติดตังหลักดินและสายดินทีถูกตอง
ิ
ิ
็
ี
หลักควรปฏบัตในการตดตั้งหลักดนและสายดนทถกต้อง เปนดังน้
่
ี
ู
ิ
ิ
ิ
ุ
่
ุ
ื
ิ
ิ
ี่
็
ุ
่
1. หลักดนต้องท าด้วยวัสดททนต่อการผุกรอนและไม่เปนสนม เชน แท่งทองแดง แท่งเหล็กชบหรอห้มด้วยทองแดง
ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 16 มม. ความยาวไม่น้อยกว่า 2.40 เมตร
ี
ิ
ู
ิ
ื
่
่
ิ
่
ี
ื
ิ
ิ
ี
็
ื
2. เน้อดนบรเวณทใช้ตอกหลักดนทดควรเปนดนแท้ และต้องไมถกขวางกั้นหรอล้อมรอบด้วยหน กรวด ทราย หรอแผ่น
่
่
ู
คอนกรต เพราะเปนอุปสรรคต่อการแพรกระจายของกระแสลงสดน ท าให้ความต้านทานการต่อลงดนของหลักดนมค่าสงเกน
ิ
ิ
ี
ิ
ี
็
ิ
ู
กว่ามาตรฐาน
3. หลักดนทดเมอตอกลงดนแล้ว ต้องมค่าความต้านทานการต่อลงดนไม่เกน 5 โอห์ม ตามค่ามาตรฐานของการไฟฟา
ิ
ิ
ี
ิ
ิ
้
ื่
ี
ี่
นครหลวง
ิ
ี
ี
ื
ื
ี
ี
4. ห้ามใช้ตะปูคอนกรตตอกเข้าไปในผนังคอนกรตหรอพ้นคอนกรตแทนหลักดน เพราะตะปูคอนกรตไม่สามารถ
่
ี
ิ
ั
ื
กระจายกระแสลงดนได้เมอมไฟร่ว
5. ต าแหนงของหลักดินควรอยู่ใกล้กับตู้สวิตช์ประธาน
่
6. ห้ามแชหลักดนในน ้า เพราะเมอเกดไฟร่วจะแพรกระจายไปกับน ้า ท าให้เกดอันตรายกับผู้ทอยูในน ้า ถ้าจ าเปนต้อง
่
่
ื
็
ั
ิ
่
่
ิ
ี
่
ิ
ิ
้
ิ
ิ
ุ
ิ
ิ
ิ
ตอกหลักดนในน ้าต้องตอกให้มดดน และสายต่อหลักดนต้องห้มฉนวนปองกันน ้าให้มดชด
ี
ิ
ิ
ั
ุ
ิ
ี
ิ
ิ
์
7. การต่อสายดนเข้ากับหลักดน แคลมปยึดหลักดน และสายต่อหลักดนควรใช้วัสดชนดเดยวกัน เพื่อไม่ให้มปญหา
่
การกัดกรอน
ี่
็
ี
้
8. ขนาดของสายดนทใช้ต่อหลักดนต้องไม่เล็กกวา 10 ตร.มม. จะต้องเปนสายเสนเดยวโดยตลอด และควรมท่อหรอ
ี
ิ
่
ิ
ื
ุ
ฉนวนห้มอยู่ด้วย
ั
์
ิ
ิ
์
ื
ิ
์
ื่
ิ
ิ
ิ
ิ
9. ห้ามต่อสายดนผ่านฟวสหรอสวตชตัดไฟร่วอัตโนมัต นอกจากการต่อผ่านสวตชตัดวงจรอัตโนมัต และเมอสวตช ์
ิ
้
้
ิ
ตัดวงจรอัตโนมัตท างาน ต้องตัดสายไฟฟาทุกเส้นของวงจรพรอมสายดนออกด้วย
7.8 บทสรุป
้
์
็
์
ี
ื่
ี่
ิ
้
ฟวสเปนอุปกรณปองกันอันตรายในระบบไฟฟา มหน้าทตัดการจ่ายแรงดันและกระแสออกจากวงจร เมอเกดการ
ิ
ลัดวงจรและกระแสไหลเกนพิกัด ฟวสเกดการหลอมละลายทันท
ิ
์
ิ
ิ
ี
ี่
ิ
ี
ิ
ี่
์
ิ
ิ
ื่
็
สวตชตัดวงจรอัตโนมัต เปนสวตชทสามารถตัดวงจรโดยอัตโนมัต เมอมกระแสไหลผ่านวงจรทเกดจากการลัดวงจร
์
ิ
ิ
ื
ี
้
หรอจากกระแสไหลมากเกนพิกัด สวิตช์จะตัดไฟฟาออกจากวงจรทันท
็
สวตชตัดไฟฟาร่วอัตโนมัต เชน ELCB GFCI RCCB และ RCBO เปนต้น สามารถตัดวงจรได้อย่างรวดเรวภายในเวลาท ี่
ิ
็
้
่
ิ
์
ั
ี
่
ิ
ิ
ี
็
ั
ุ
้
์
ิ
ื
่
่
ื
่
ิ
ั
่
ก าหนด เมอมกระแสไฟร่วในปรมาณมากกวาพกัดทก าหนดไว้ เครองตัดไฟร่วเปนอปกรณปองกันเสรมกับระบบสายดน ชวย
้
ู
ปองกันอันตรายจากไฟดด
ิ
ิ
สวตชนรภัย หรอสวตช์ประธานเปนสวตช์ตัดไฟฟา อาจเปนอุปกรณตัดไฟหลักตัวเดยว หรออยู่รวมกับสวตชและ
็
์
ิ
ิ
็
ื
้
์
ื
ี
์
ิ
ิ
์
ี
ิ
้
็
ิ
้
ิ
์
อุปกรณอื่นๆ ลักษณะโครงสรางเปนตู้โลหะปดมดชด มความแข็งแรงทนทาน ขณะต่อสวตชเข้าวงจรเพื่อจ่ายไฟฟาไปใช้งาน
ิ
ฝาตู้ไม่สามารถเปดออกได้
ิ
้
่
สายดนเปนสายไฟท าหน้าทชวยปองกันอันตรายจากไฟฟา และท าให้เกดความปลอดภัยกับผู้ใช้ไฟฟา การต่อสายดนให้
ิ
็
้
ิ
้
ี่
ี่
ื
่
ี่
ั
ั
ิ
่
้
่
เครองใช้ไฟฟาเปนส่งส าคัญ โดยต่อสายดนผ่านลงดินด้วยหลักดินทฝงไว้ในดน ชวยให้กระแสทร่วผ่านตัวถังเครองใช้ไฟฟา ้
ิ
ิ
ื
็
ิ
ไหลผ่านลงดนได้สะดวก
ิ
้
์
่
ี
้
• ดานทักษะ(ปฏิบัติ) (จุดประสงคเชงพฤติกรรมขอท 7)
1. ใบปฏิบัตงานท 7.1 อุปกรณปองกันอันตรายจากไฟฟา
ิ
ี่
้
์
้
ิ
้
• ดานคุณธรรม/จรยธรรม/จรรยาบรรณ/บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง
(จุดประสงคเชงพฤตกรรมขอท 8-9)
์
ิ
ี่
ิ
้
ึ
ุ
์
ี
ึ
ี
้
ุ
1. การเตรยมความพรอมด้านการเตรยม วัสด อปกรณนักศกษาจะต้องกระจายงานได้ทั่วถง และตรง
ตามความสามารถของสมาชกทุกคน มการจัดเตรยมสถานท สอ วัสด อุปกรณไว้อย่างพรอม
ี่
ื่
ิ
ี
้
ี
ุ
์
ี
เพรยง
2. ความมเหตุมผลในการปฏบัตงาน ตามหลักปรชญาเศรษฐกจพอเพียง นักศกษาจะต้องมการใช้
ิ
ี
ิ
ี
ั
ี
ิ
ึ
ิ
่
่
่
ี
่
่
ิ
ี
ี
ื
ุ
เทคนคทแปลกใหม ใช้สอและเทคโนโลย ประกอบการ น าเสนอทนาสนใจ น าวัสดในท้องถ่นมา
ประยุกต์ใช้อย่างคุ้มค่าและประหยั
ี
ื
ี
กิจกรรมการเรยนการสอนหรอการเรยนรู ้
ั
ื
ขนตอนการสอนหรอกิจกรรมของครู ขนตอนการเรยนรูหรอกิจกรรมของนกเรยน
ั
ี
้
้
้
ั
ี
ื
1. ขันน าเขาสูบทเรยน (15 นาที ) 1. ขันน าเขาสูบทเรยน (15 นาที )
ี
้
่
่
้
ี
้
้
ี
1. จัดเตรยมเอกสารและสอการสอน พรอมกับ 1. จัดเตรยมเอกสาร ฟงอาจารย์ผู้สอนอธบายวธการให้
ื่
ี
ี
้
ิ
ั
ิ
ื่
ื่
ิ
ี
์
ี
ิ
้
อธบายวธการให้คะแนนและวธการเรยนเรอง อุปกรณ คะแนนและวธการเรยนเรอง อุปกรณปองกันไฟฟาและการต่อ
ี
์
้
ิ
ิ
ี
ี
้
้
ิ
ิ
ปองกันไฟฟาและการต่อสายดน สายดน
ี่
ี
ี
ื่
ี
2. ผู้สอนแจ้งจุดประสงค์การเรยนของบทที่ 7 เรอง 2. ผู้เรยนท าความเข้าใจเกยวกับจุดประสงค์การเรยน
้
ิ
มอเตอรและการควบคุมเบ้องต้น ของบทท 7 เรอง อุปกรณปองกันไฟฟาและการต่อสายดน
ี่
ื่
้
ื
์
์
ื
ิ
่
และการให้ความรวมมอในการท ากจกรรม
ิ
้
3. ผู้สอนให้ผู้เรยนอธบายเสนแรงแม่เหล็กและ 3. ผู้เรยนอธบายอุปกรณปองกันไฟฟาและการต่อสาย
ี
์
้
้
ี
ิ
่
ิ
ี
สนามแมเหล็ก โดยอธบายหน้าชั้นเรยน ดน ตามความเข้าใจของตนเอง
ิ
2. ขันใหความรู (60 นาที) 2. ขันใหความรู (60 นาที )
้
้
้
้
้
้
ื่
1. ผู้สอนฉายแผ่นใส บทท 7 เรอง อุปกรณปองกัน 1. ผู้เรยนดบทเรยนจากแผ่นใส บทท 7 เรอง อุปกรณ ์
์
ี่
้
ี
ี
ู
ื่
ี่
้
ิ
ไฟฟาและการต่อสายดน ปองกันไฟฟาและการต่อสายดน
ิ
้
้
ิ
2. ผู้สอนตอบข้อสงสย และอธบายเพ่มเตม เรอง 2. ผู้เรยนฝกการหาเสนแรงแม่เหล็กรอบเสนลวดตัวน า
ิ
ิ
ื
ั
่
้
ึ
ี
้
ิ
การต่อสายดน โดยใช้กฎมอซ้าย
ื
ี
ั
่
3. ผู้สอนให้ผู้สอนถามข้อสงสยทเกดขึ้นระหวาง 3. ผู้เรยนฟงผู้สอนอธบายเพ่มเตม เรอง การต่อสายดน
่
ิ
ิ
่
ื
ี
ั
ิ
ิ
ิ
ี
การเรยนการสอน และตอบข้อซักถาม 4. ผู้เรยนตั้งค าถามคนละ 1 ข้อ พรอมเรยกเพื่อนตอบ
ี
้
ี
4. ผู้สอนให้ผู้เรยนตั้งค าถามทได้จากการเรยนคนละ
ี
่
ี
ี
้
้
์
ี
1 ข้อ และเรยกเพื่อนตอบ 3. ขันประยุกตใช ( 105 นาที )
ิ
ี
้
์
ี่
ิ
1. ผู้เรยนท าใบปฏบัตงานท 7.1 อุปกรณปองกัน
้
3. ขันประยุกตใช ( 105 นาที ) อันตรายจากไฟฟา
์
้
้
ิ
ี่
1. ผู้สอนให้ผู้เรยนท าใบปฏบัตงานท 7.1 เรอง 2. ผู้เรยนเข้ากลุ่ม ค้นหาข้อมูล เรอง อุปกรณปองกัน
ื่
ิ
ี
ี
ื่
์
้
้
้
์
อุปกรณปองกันอันตรายจากไฟฟา ไฟฟาและการต่อสายดนน าเสนอเปน PowerPoint หน้าชั้น
็
ิ
้
ี
2. ผู้สอนให้ผู้เรยนแบ่งกลุ่ม ๆ ละ 4 คน ค้นหา เรยน
ี
ข้อมูล เรอง อุปกรณปองกันไฟฟาและการต่อสายดน
ื่
ิ
้
้
์
็
ี
กระแสตรง น าเสนอเปน PowerPoint หน้าชั้นเรยน
ี
ื
ี
กิจกรรมการเรยนการสอนหรอการเรยนรู ้
ขนตอนการสอนหรอกิจกรรมของครู ขนตอนการเรยนรูหรอกิจกรรมของนกเรยน
ั
้
ื
ื
ั
ี
้
้
ั
ี
4. ขันสรุปและประเมินผล ( 60 นาที ) 4. ขันสรุปและประเมินผล ( 60 นาที )
้
้
่
ี
1. ผู้สอนและผู้เรยนรวมกันสรปเน้อหาทได้เรยนให้ม ี 1. ผู้สอนและผู้เรยนรวมกันสรปเน้อหาทได้เรยนให้ม ี
ี
ี
่
ุ
ื
่
ี
ื
่
ุ
ี
ี
ี
ิ
ิ
ี
ความเข้าใจในทศทางเดยวกัน ความเข้าใจในทศทางเดยวกัน
ึ
ี
ี่
ั
ี
ึ
ี่
2. ผู้สอนให้ผู้เรยนท าแบบฝกหัดท 7 2. ผู้เรยนรบแบบฝกหัดท 7 จากผู้สอน
ี่
ึ
ึ
ื่
ี
ี่
3. แจกแบบฝกหัดท 7 3. ผู้เรยนท าแบบฝกหัดท 7 ด้วยความซอสัตย์
้
4. ครตรวจแบบฝกหัดหลังเรยนพรอมกับบันทก 4. ผู้เรยนน าคะแนนจากแบบฝกหัดบทท 7 เพื่อด ู
ึ
ู
ึ
ี
ึ
ี่
ี
คะแนน ความก้าวหน้าของตนเอง
์ ิ ิ ้ ี่
ี่
้
ิ
ิ
์
(บรรลุจุดประสงคเชงพฤตกรรมขอท 1-9) (บรรลุจุดประสงคเชงพฤตกรรมขอท 1-9)
ี
ี
ื
(รวม 240 นาท หรอ 4 คาบเรยน)
ื
งานที่มอบหมายหรอกิจกรรมการวัดผลและประเมินผล
กอนเรยน
่
ี
1. จัดเตรยมเอกสาร สอการเรยนการสอนตามทอาจารย์ผู้สอนและบทเรยนก าหนด
ี
ี่
ี
ี
ื่
2. ท าความเข้าใจเกยวกับจุดประสงค์การเรยนของบทที่ 7 และการให้ความรวมมอในการท ากจกรรมในบทที่ 7
ื
ี่
่
ิ
ี
ี
ขณะเรยน
1. ศกษาเน้อหา ในบทท 7 เรอง อุปกรณปองกันไฟฟาและการต่อสายดน
้
้
่
ี
์
ึ
ิ
ื่
ื
2. ปฏบัตใบปฏบัตงานท 7.1
ิ
ิ
ี่
ิ
ิ
ี
3. รายงานผลหน้าชั้นเรยน
ี
หลังเรยน
1. ท าแบบฝกหัดหลังเรยน
ี
ึ
2. ท าแบบประเมินการเรยนร ู ้
ี
ิ
้
ี
ผลงาน/ชนงาน/ความสาเรจของผูเรยน
้
็
1. ตรวจผลงานการสาธตการต่อสายดนให้ได้คุณภาพใบปฏบัตงานท 7.1
ิ
ิ
ี่
ิ
ิ
2. ใบปฏบัติงานท 7.1
ี่
ิ
3. แบบฝกหัดบทท 7
ี่
ึ
ี
สอการเรยนการสอน/การเรยนรู
้
ื
่
ี
สอสงพิมพ ์
ิ่
ื่
ิ
ิ
1. หนังสอเรยนวชา งานไฟฟาและอเล็กทรอนกสเบ้องต้น (ใช้ประกอบการเรยนการสอนจุดประสงค์เชงพฤตกรรมข้อท ี่
้
ิ
ิ
ื
ี
ิ
์
ี
ื
1-9)
ื
้
2. แผ่นใส บทท 7 เรอง อุปกรณ์ปองกันไฟฟาและสายดน (ใช้ประกอบการเรยนการสอนขั้นสอน เพอให้บรรล ุ
้
ี่
่
ิ
ี
ื่
จุดประสงค์เชงพฤตกรรมข้อท 1-7)
ี่
ิ
ิ
์
ิ
้
ิ
้
ี
ี่
ื่
3. ใบปฏบัติงานท 7.1 เรอง อุปกรณปองกันอันตรายจากไฟฟา(ใช้ประกอบการเรยนการสอนจุดประสงค์เชงพฤตกรรม
ิ
ข้อท 6)
ี่
4. แบบฝกหัดบทท 7 ใช้ประกอบการสอนขั้นเตรยม ข้อ 2
ี
ี่
ึ
5. แบบประเมนผลงานตามใบปฏบัตงาน ใช้ประกอบการสอนขั้นการเรยนการสอน ข้อ 2
ิ
ิ
ี
ิ
6. แบบประเมินพฤตกรรมการท างานกลุ่ม ใช้ประกอบการสอนขั้นการเรยนการสอน ข้อ 2
ี
ิ
ื่
ี
์
สอโสตทัศน (ถ้าม)
1. เครองฉาย ภาพ โปรเจคเตอร (PROJECTOR)
ื่
์
2. เครองฉายแผ่นใส (OVERHEAD)
ื่
ิ
ื่
สอของจรง
-
้
แหลงการเรยนรู
ี
่
ในสถานศึกษา
1. ห้องสมุด
ิ
ึ
์
ิ
2. ห้องปฏบัตการคอมพิวเตอร ศกษาหาข้อมูลทาง INTERNET
ึ
นอกสถานศกษา
ิ
ผู้ประกอบการ สถานประกอบการ ในท้องถ่น
์
ั
่
ื
การบูรณาการ/ความสมพันธกับวิชาอน
ี
1. บูรณาการกับวิชาชวิตและวัฒนธรรมไทย ด้านการพูด การอ่าน การเขียน และการฝกปฏบัตตนทางสังคมด้านการ
ิ
ึ
ิ
เตรยมความพรอม ความรบผิดชอบ และความสนใจใฝร ้ ู
้
ี
่
ั
ิ
ิ
2. บูรณาการกับวชาการบรหารการจัดซ้อ ด้านการซ้อ การแสวงหาผลตภัณฑ์
ื
ิ
ื
ี
ิ
ี
ุ
ิ
3. บูรณาการกับวิชากฬาเพื่อพัฒนาสขภาพและบุคลกภาพ ด้านบุคลกภาพในการน าเสนอหน้าชั้นเรยน
การประเมินผลการเรยนรู
้
ี
ี
ิ
หลักการประเมนผลการเรยนรู
้
ขณะเรยน
ี
ิ
ิ
ี่
1. ตรวจผลงานตามใบปฏบัตงานท 7.1
2. สังเกตการท างานกลุ่ม
ี
หลังเรยน
ี
ึ
1. ตรวจแบบฝกหัดหลังเรยน
2. สังเกตการท างานกลุ่ม
ผลงาน/ชนงาน/ผลสาเรจของผูเรยน
็
ิ
้
ี
้
สาธตการต่อสายดนให้ได้คุณภาพ
ิ
ิ
ค าถาม
อธบายให้ได้ใจความสมบูรณและแสดงวิธท าให้สมบูรณถูกต้อง
์
ี
ิ
์
1. ฟวสคืออะไรมคุณสมบัตในการท างานอย่างไร
ิ
์
ี
ิ
์
ี
ิ
2. บอกลักษณะของฟวสต่อไปน้มาให้เข้าใจ
ิ
์
้
ิ
์
2.1 ฟวสเส้น 2.2 ฟวสหลอด 2.3 ฟวสปลั๊ก 2.4 ฟวสความรอน
์
์
ิ
ิ
้
ี
ิ
3. สวิตช์ตัดวงจรอัตโนมัตโดยใช้สนามแม่เหล็ก มโครงสรางและหลักท างานอย่างไร
์
ั
ิ
ี
ู
ิ
ิ
้
้
้
ั
้
4. สวิตชตัดไฟฟาร่วอัตโนมัตใช้ปองกันไฟฟาร่วและไฟฟาดด จะต้องมคุณสมบัตและการตดตั้งอย่างไร
ี
ู
่
ิ
ิ
ิ
5. การตดตั้งหลักดนและสายดนทถกต้องท าได้อย่างไร
ี
้
รายละเอียดการประเมินผลการเรยนรู
• จุดประสงค์เชงพฤตกรรม ข้อท 1 บอกประโยชน์ของอุปกรณปองกันไฟฟาได้
ิ
้
ี่
์
้
ิ
ี
ิ
1. วิธการประเมน : ทดสอบ
ึ
ื
ื่
2. เครองมอ : แบบฝกหัด
้
้
3. เกณฑ์การให้คะแนน : บอกประโยชน์ของอุปกรณ์ปองกันไฟฟาได้ จะได้ 3 คะแนน
ิ
ิ
ิ
์
ี่
ิ
• จุดประสงค์เชงพฤตกรรม ข้อท 2 จ าแนกฟวสแต่ละชนดได้
ิ
ี
1. วิธการประเมน : ทดสอบ
ื่
ึ
ื
2. เครองมอ : แบบฝกหัด
ิ
ิ
์
3. เกณฑ์การให้คะแนน : จ าแนกฟวสแต่ละชนดได้ จะได้ 3 คะแนน
ิ
ี่
ิ
ี
์
ิ
• จุดประสงค์เชงพฤตกรรม ข้อท 3 ช้แจงลักษณะของสวตซประธานได้ได้
ิ
ี
1. วิธการประเมน : ทดสอบ
ื
ื่
ึ
2. เครองมอ : แบบฝกหัด
์
ิ
ี
3. เกณฑ์การให้คะแนน : ช้แจงลักษณะของสวตซประธานได้ได้ จะได้ 3 คะแนน
ิ
ี่
ิ
ิ
ิ
• จุดประสงค์เชงพฤตกรรม ข้อท 4 อธบายหลักการท างานจองสวิตซ์ตัดวงจรอัตโนมัตได้
ิ
ี
1. วิธการประเมน : ทดสอบ
ึ
ื
ื่
2. เครองมอ : แบบฝกหัด
ิ
ิ
3. เกณฑ์การให้คะแนน : อธบายหลักการท างานจองสวิตซ์ตัดวงจรอัตโนมัตได้จะได้ 3 คะแนน
ั
่
ื
ิ
ิ
ิ
ี่
• จุดประสงค์เชงพฤตกรรม ข้อท 5 บอกคุณสมบัตของเครองตัดไฟร่วได้
ิ
ี
1. วิธการประเมน : ทดสอบ
ึ
ื่
ื
2. เครองมอ : แบบฝกหัด
ิ
่
ื
ั
3. เกณฑ์การให้คะแนน : บอกคุณสมบัตของเครองตัดไฟร่วได้จะได้ 3 คะแนน
ิ
ิ
ิ
ี่
ิ
ิ
• จุดประสงค์เชงพฤตกรรม ข้อท 6 อธบายประโยชน์ของสายดนและการต่อสายดนได้
ิ
ี
1. วิธการประเมน : ทดสอบ
ื่
ื
ึ
2. เครองมอ : แบบฝกหัด
ิ
ิ
ิ
3. เกณฑ์การให้คะแนน : อธบายประโยชน์ของสายดนและการต่อสายดนได้ จะได้ 4 คะแนน
• จุดประสงค์เชงพฤตกรรม ข้อท 7 สาธตการต่อสายดนให้ได้คุณภาพได้
ี่
ิ
ิ
ิ
ิ
ิ
ี
4. วิธการประเมน : ทดสอบ
ื่
ึ
ื
5. เครองมอ : แบบฝกหัด
ิ
ิ
6. เกณฑ์การให้คะแนน : สาธตการต่อสายดนให้ได้คุณภาพได้ จะได้ 11 คะแนน
ี่
้
์
ี
ิ
ุ
ิ
• จุดประสงค์เชงพฤตกรรม ข้อท 8 เตรยมความพรอมด้าน วัสด อุปกรณสอดคล้องกับงานได้อย่างถูกต้อง
ิ
ี
1. วิธการประเมน : ตรวจผลงาน
ิ
ื
ื่
2. เครองมอ : แบบประเมนกระบวนการท างานกลุ่ม
ุ
้
์
ี
3. เกณฑ์การให้คะแนน : เตรยมความพรอมด้าน วัสด อุปกรณสอดคล้องกับงานได้อย่าง
ถูกต้อง จะได้ 5 คะแนน
• จุดประสงค์เชงพฤตกรรม ข้อท 9 ปฏบัตงานได้อย่างถูกต้อง และส าเรจภายใน เวลาทก าหนดอย่างมเหตุ
ี่
ิ
ี
ิ
ิ
็
ิ
ี่
ิ
ั
และผลตามหลักปรชญาเศรษฐกจพอเพียง
ี
ิ
1. วิธการประเมน : ตรวจผลงาน
ื่
ื
2. เครองมอ : แบบประเมินกระบวนการท างานกลุ่ม
ี่
ี
็
ิ
ิ
3. เกณฑ์การให้คะแนน : ปฏบัตงานได้อย่างถูกต้อง และส าเรจภายใน เวลาทก าหนดอย่างมเหตุ
ั
ิ
และผลตามหลักปรชญาเศรษฐกจพอเพียง จะได้ 5 คะแนน
แบบฝกหัดบทที่ 7
ึ
ิ
่
์
้
ื่
้
เรอง อุปกรณปองกันไฟฟาและการตอสายดน
วัตถุประสงค์ เพื่อประเมนความรเดมของนักศกษาเกยวกับเรอง แหล่งก าเนดไฟฟาและประเภทของไฟฟา
้
ึ
ู
ิ
ื่
ิ
้
้
ิ
ี่
ี่
ี่
ุ
ื่
เขียนเครองหมายกากบาท (X) ลงในข้อทถูกต้องทสด
1. ไฟไหม้ทเกดจากความรอนของการใช้ไฟฟาเกดจากสาเหตุใดมากทสด
ี่
้
ิ
้
ิ
ุ
ี่
้
้
ู
ก. ไฟฟาดด ข. ไฟฟาลัดวงจร
ิ
้
้
ค. ใช้ไฟฟาเกนพิกัด ง. ใช้ไฟฟาผิดประเภท
์
ิ
ุ
้
ิ
2. ฟวสใช้ในวงจรไฟฟาผลตจากวัสดประเภทใด
ก. ดบุก ข. ตะกั่ว
ี
ิ
ค. บสมัท ง. ถูกทุกข้อ
์
ู
3. อุปกรณตามรปคืออะไร
้
ิ
์
ิ
์
ก. ฟวสความรอน ข. ฟวสหลอด
์
ิ
ิ
์
ค. ฟวสปลั๊ก ง. ฟวสเส้น
ื่
ิ
4. สวิตช์ตัดวงจรอัตโนมัต จะตัดวงจรโดยอัตโนมัติเมอไร
ี
ิ
ก. มกระแสไหลในวงจรเกนพิกัด
ี
ิ
ข. มแรงดันจ่ายในวงจรเกนพิกัด
้
ู
ิ
์
ิ
้
ค. อุปกรณไฟฟาเกดความรอนสงเกนพิกัด
ุ
ี
ิ
้
์
ง. อุปกรณไฟฟาเกดการช ารดเสยหายขณะท างาน
ู
้
ี่
์
้
้
้
5. อุปกรณปองกันไฟฟาทสามารถปองกันอันตรายจากไฟฟาดดได้คืออะไร
ิ
ก. สวิตช์นรภัย ข. สวิตช์ประธาน
ั
ค. สวิตช์ตัดวงจรอัตโนมัต ิ ง. สวตชตัดไฟฟาร่วอัตโนมัต ิ
้
ิ
์
ื่
ื
้
6. สวิตช์ตัดกระแสเหลอในวงจรไฟฟาจะท างานเมอใด
ื
ก. กระแสเหลอจากการใช้งาน
ข. กระแสไหลจากการลัดวงจรเกินพิกัด
่
ื
ั
ิ
้
ิ
ค. กระแสร่วไหลในเครองใช้ไฟฟาเกนพกัด
้
ื่
ิ
ง. กระแสไหลผ่านเครองใช้ไฟฟาจากการท างานเกนพิกัด
็
ิ
7. สวิตช์นรภัยเปนสวิตช์ประเภทใด
ิ
้
ื่
ิ
์
ก. สวิตชตัดวงจรไฟฟาเมอเกดกระแสเกนพิกัด
ื
์
ข. สวิตชตัดต่อการจ่ายแรงดันเข้าบ้านเรอน
้
ื่
ค. สวิตช์ตัดวงจรไฟฟาเมอกระแสลัดวงจร
์
้
ง. สวิตชตัดวงจรไฟฟาโดยอัตโนมัต ิ
ิ
่
่
8. ข้อใดไมใชประโยชน์ในการต่อสายดน
่
ื
ิ
่
ิ
้
ิ
ู
ก. ชวยเพ่มประสทธภาพในการท างานของเครองใช้ไฟฟาให้สงขึ้น
ิ
่
้
ุ
ิ
ข. ปองกันการเกดกระแสไหลผ่านรางกายมนษย์ลงดน
ิ
่
ิ
ั
ค. ชวยให้กระแสร่วไหลผ่านสายดนลงดนได้สะดวก
่
ี
้
ิ
ั
ง. ปองกันอันตรายทอาจเกดจากการร่วของกระแส
ิ
ื่
้
9. การต่อสายดนให้กับเครองใช้ไฟฟาข้อใดถูกต้องเหมาะสม
ก. น าสายดนเครองใช้ไฟฟายึดตดเข้ากับก๊อกประปาในบ้าน
ิ
ื่
้
ิ
ื่
ิ
ี่
ิ
ิ
ั
้
ข. น าสายดนเครองใช้ไฟฟายึดเข้ากับหลักต่อสายดนทฝงลงดน
้
ิ
ื่
้
ค. น าสายดนเครองใช้ไฟฟาไปต่อเข้าสายศูนย์ของสายไฟฟาในบ้าน
ี
ื่
ี่
้
ิ
ี
ง. ยึดสายดนเครองใช้ไฟฟาเข้ากับตะปูคอนกรตทตอกไว้กับฝาผนังคอนกรต
ุ
ิ
ี่
ุ
ิ
10. หลักสายดนทดทสดควรใช้วัสดชนดใด
ี่
ี
ิ
ี
ี
ื
ก. เหล็กเคลอบสังกะส ข. อะลูมเนยม
ค. ทองแดง ง. เหล็ก
ใบปฏิบัติงาน
้
้
อุปกรณปองกันอันตรายจากไฟฟา
์
7.1
์
ี
้
จุดประสงคการเรยนรู
1. วัดทดสอบการท างานของอุปกรณปองกันอันตรายจากไฟฟาได้
์
้
้
่
้
ิ
ิ
้
์
่
ั
2. ต่อวงจรไฟฟาแสงสวางรวมกับสวตชตัดไฟฟาร่วอัตโนมัตได้
ื
ื
้
ี
3. มความกระตอรอรนต่อการท างาน
ื
่
ื
เครองมอและอุปกรณ ์
ิ
ี
ิ
1. ฟวสหลอดด, ฟวสหลอดขาด ชนดละ 1 ตัว
ิ
์
์
ิ
้
2. สวิตช์ตัดไฟฟาร่วอัตโนมัต ELCB 1 ตัว
ั
ุ
ิ
3. ชดวงจรหลอดคอมแพกต์ชนดบัลลาสต์ภายใน (ปลั๊ก, สวิตช์,
ุ
ุ
ชดฐานหลอด, หลอดคอมแพกต์) หรอชดหลอดไฟชนดอื่น 1 ชด
ิ
ุ
ื
4. เทปพันสายไฟ 1 ม้วน
ื่
ิ
์
ิ
5. มัลตมเตอรชนดเข็มช้ ี 1 เครอง
ิ
6. สายต่อวงจร 1 ชด
ุ
้
ล าดับขันการทดลอง
ิ
์
1. ตั้งมัลตมเตอรไปทย่านวัดโอห์ม 1
ี่
ิ
่
ี
ั
ั
่
2. ชอตปลายสายวัดทั้งสองของโอห์มมเตอรเข้าด้วยกัน ปรบแต่งปุมปรบ 0 Ω ADJ ให้เข็มช้โอห์มมเตอรชทต าแหนง
ิ
์
่
่
์
ิ
ี
็
ี
ี
ื
0 Ω พอดทางขวามอ
์
์
ี
3. ใช้โอห์มมเตอรวัดทขั้วโลหะทั้งสองของฟวสหลอด ทั้งตัวฟวสขาดและตัวฟวสด บันทกค่าความต้านทานทวัดได้ลง
์
์
ิ
ิ
ิ
ี
ิ
ึ
ี่
่
ี่
ึ
่
ื
่
์
่
ู
่
ี
่
ิ
ในตารางท 7.1 แถวฟวสย่าน 1 ในชองขาด หรอชองด ชองใดชองหนง การวัดแสดงดังรปที่ 7.1 (ก)
์
์
ิ
ิ
่
์
ิ
ั
้
์
่
4. เปลยนจากฟวสมาวัดสวตชตัดไฟฟาร่วอัตโนมัตทขั้วต่อไฟเข้า ขณะยังไมโยกสวตชต่อวงจร และขณะโยกสวตชต่อ
ิ
ี
ิ
่
ี
์
ี่
ิ
วงจร บันทกค่าความต้านทานทวัดได้ลงในตารางท 7.1 แถวชองสวตชตัดไฟฟาร่วอัตโนมัตย่าน 1 ท N และ N และท L และ L
ั
ึ
ี่
้
ิ
ี่
ี่
่
1
1
่
ู
ื
่
และสลับไปสลับมา ตามล าดับ ในชองตัดวงจร หรอชองต่อวงจร ตามสภาวะการท างาน การวัดแสดงดังรปที่ 7.1 (ข)
N N 1
L L 1
์
ิ
ิ
์
์
ิ
(ก) วัดฟวสหลอดด้วยโอห์มมเตอรย่าน x1 (ข) วัดสวิตช์ ELCB ด้วยโอห์มมเตอรย่าน x1
รูปท 7.1 ใช้โอห์มมิเตอรวัดฟวสและสวิตช์ ELCB
ิ
์
์
่
ี
ตารางที่ 7.1 ค่าความต้านทานทตัวฟวสหลอด
์
ี่
ิ
อุปกรณทวด ยานโอหมที่ตังวัด ขาดหรอตัดวงจร (Ω) ดีหรอตอวงจร (Ω)
์
ั
ี
่
ื
ื
่
้
่
์
x1
ิ
ฟวส ์
x10k
ี่
x1 ท N และ N
1
x1 ท L และ L
ี่
1
x1 ท N และ L
ี่
1
ี่
้
ั
สวิตช์ตัดไฟฟาร่ว x1 ท L และ N
1
ี่
อัตโนมัต ิ x10k ท N และ N
1
x10k ท L และ L
ี่
1
x10k ท N และ L
ี่
1
x10k ท L และ N
ี่
1
ิ
์
์
ี
ั
ั
ิ
์
ี
่
้
5. ตั้งโอห์มมเตอรไปทย่านวัด 10k ปรบแต่งโอห์มมเตอรให้พรอมใช้งาน น าไปวัดฟวสขาดและฟวสดอกคร้ง (ขณะ
์
ิ
ิ
ี
ี่
ี
วัดห้ามจับปลายเข็มวัดสวนโลหะทั้งสองด้วยมอทั้งสองข้าง จับสวนโลหะได้ด้านเดยว) บันทกค่าความต้านทานทวัดได้ลงใน
่
่
ื
ึ
ตารางท 7.1 แถวฟวสย่าน 10k ในชองขาด หรอชองด ชองใดชองหนง
่
ี
ึ
ิ
์
่
่
ี่
่
่
ื
่
่
6. เปลยนจากฟวสมาวัดสวตชตัดไฟฟาร่วอัตโนมัตทขั้วต่อไฟเข้า ขณะยังไมโยกสวตชต่อวงจร และขณะโยกสวตชต่อ
ิ
ี
ี
่
์
ิ
ิ
์
์
์
ิ
ิ
้
ั
ี่
ี่
้
วงจร บันทกค่าความต้านทานทวัดได้ลงในตารางท 7.1 แถวชองสวตชตัดไฟฟาร่วอัตโนมัตย่าน 10k ท N และ N และท L และ
ั
ึ
ี่
่
ี่
ิ
์
ิ
1
่
ื
่
L และสลับไปสลับมา ตามล าดับ ในชองตัดวงจร หรอชองต่อวงจร ตามสภาวะการท างาน
1
้
ิ
์
์
ิ
7. ขณะโยกสวตชตัดไฟฟาร่วอัตโนมัต (ELCB) ให้ต่อวงจร (ON) ทดสอบการท างานของสวตชตัดไฟฟาร่วอัตโนมัต ิ
้
ั
ั
ิ
่
่
็
ี่
ิ
ื
็
์
(ELCB) โดยกดปุมทดสอบ (Test) ผลทเกดเปนเชนไร (สวตชตัดวงจรหรอไม่) ....................... เปนเพราะเหตุใด
ิ
......................................................................
์
้
ิ
ั
ู
ี
ิ
่
8. ประกอบวงจรหลอดคอมแพกต์เข้ากับสวิตช์ตัดไฟฟาร่วอัตโนมัตตามรปท 7.2 สวตช ELCB ยังไม่ต่อวงจร (OFF)
N
L
220 V
รูปท 7.2 วงจรหลอดคอมแพกต์ต่อรวมกับสวตชตัดไฟฟาร่วอัตโนมัต (ELCB)
์
ิ
ิ
่
ี
่
ั
้
่
ี
่
ั
ุ
ื
่
่
9. ตรวจสอบการต่อวงจรอกคร้ง โดยเพอนในกลมชวยตรวจไลวงจร
ี
่
่
ี
ิ
10. น าปลั๊กไฟไปเสยบแหลงจ่ายแรงดัน 220 V ให้ปลั๊กขั้วทต่อเข้ากับขั้ว L ของสวตช์ตัดไฟฟาร่วอัตโนมัต (ELCB)
ิ
้
ั
AC
ี
ิ
เสยบเข้ากับขั้วแหลงจ่ายทมไฟ และปลั๊กขั้วทต่อเข้ากับขั้ว N ของสวตชตัดไฟฟาร่วอัตโนมัต (ELCB) เสยบเข้ากับขั้วแหลงจ่ายท ่ ี
์
่
ั
่
ี
ิ
ี
่
ี
ี
่
้
ิ
ั
็
่
่
ี่
ิ
ี
์
ิ
้
ไมมไฟ โยกสวตชตัดไฟฟาร่วอัตโนมัต (ELCB) ให้ต่อวงจร (ON) จ่ายไฟให้วงจรหลอดคอมแพกต์ ผลทเกดเปนเชนไร (หลอด
ื
ิ
ตดหรอดับ) .......................................................
ั
ิ
่
ิ
่
ี่
็
ิ
้
ิ
์
11. ทดสอบการท างานของสวตชตัดไฟฟาร่วอัตโนมัต (ELCB) โดยกดปุมทดสอบ (Test) ผลทเกดเปนเชนไร (หลอดตด
ื
็
หรอดับ) .......................... เปนเพราะเหตุใด ..............................
..............................................................................................................................................
่
ี
์
ี
ิ
12. โยกสวตชตัดไฟฟาร่ ัวอัตโนมัต (ELCB) ต่อวงจรอกคร้ ัง ผลทเกดเปนเชนไร (หลอดตดหรอดับ)
ิ
ื
ิ
็
่
้
ิ
........................................................
ิ
ั
้
์
13. กลับขั้วปลั๊กไฟไปเสยบแหลงจ่ายแรงดัน 220 V ให้ปลั๊กขั้วทต่อเข้ากับขั้ว L ของสวิตชตัดไฟฟาร่วอัตโนมัต (ELCB)
่
่
ี
ี
AC
ี
้
่
ี
่
ี
ี
ั
ิ
เสยบเข้ากับขั้วแหลงจ่ายทไมมไฟ และปลั๊กขั้วทต่อเข้ากับขั้ว N ของสวตชตัดไฟฟาร่วอัตโนมัต (ELCB) เสยบเข้ากับขั้ว
่
์
ิ
ี
่
ิ
แหลงจ่ายทมไฟ โยกสวตชตัดไฟฟาร่วอัตโนมัต (ELCB) ให้ต่อวงจร (ON) จ่ายไฟให้วงจรหลอดคอมแพกต์ ผลทเกดเปนเชนไร
ี่
์
่
ี
่
ี
ิ
้
ั
็
ิ
่
ิ
ื
(หลอดตดหรอดับ) .......................................................
็
ั
่
ิ
้
์
่
ิ
ิ
ี่
ิ
14. ทดสอบการท างานของสวตชตัดไฟฟาร่วอัตโนมัต (ELCB) โดยกดปุมทดสอบ (Test) ผลทเกดเปนเชนไร (หลอดตด
็
ื
หรอดับ) .......................... เปนเพราะเหตุใด ..............................
..............................................................................................................................................
สรุปผลการทดลอง
______________________________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________________________
ค าถามและการวิเคราะห ์
ื่
ิ
ั
ี่
ิ
์
ิ
์
่
ิ
้
1. การกดปุมทดสอบ (Test) สวตชตัดไฟฟาร่วอัตโนมัต (ELCB) เมอโยกสวตชต่อวงจร (ON) ในขณะทสวตช์ตัดไฟฟา ้
ร่วอัตโนมัต (ELCB) ไม่จ่ายไฟฟาให้ และจ่ายไฟฟาให้ เกดผลการท างานแตกต่างกันอย่างไร
้
ิ
ั
้
ิ
______________________________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________________________
แบบประเมนผลการน าเสนอผลงาน
ิ
ื่
ชอกลุ่ม……………………………………………ชั้น………………………ห้อง..................
รายชอสมาชก
ื่
ิ
ี่
1……………………………………เลขท…….
2……………………………………เลขท…….
ี่
ี่
3……………………………………เลขท…….
ี่
4……………………………………เลขท…….
ิ
ท ี่ รายการประเมน คะแนน ข้อคิดเห็น
3 2 1
ู
ื
1 เน้อหาสาระครอบคลมชัดเจน (ความรเกยวกับเน้อหา ความถกต้อง
ื
้
ี
ุ
่
ู
ิ
ั
ปฏภาณในการตอบ และการแก้ไขปญหาเฉพาะหน้า)
2 รูปแบบการน าเสนอ
่
ี
่
ิ
ุ่
3 การมสวนรวมของสมาชกในกลม
ิ
ึ
ี
ู
ิ
ั
่
ี
4 บุคลกลักษณะ กรยา ท่าทางในการพด น ้าเสยง ซงท าให้ผู้ฟงมความ
ิ
สนใจ
รวม
ิ
ผู้ประเมน…………………………………………………
์
้
เกณฑการใหคะแนน
ื
1. เน้อหาสาระครอบคลุมชัดเจนถูกต้อง
3 คะแนน = มสาระส าคัญครบถ้วนถูกต้อง ตรงตามจดประสงค์
ี
ุ
2 คะแนน = สาระส าคัญไม่ครบถ้วน แต่ตรงตามจุดประสงค์
1 คะแนน = สาระส าคัญไม่ถูกต้อง ไม่ตรงตามจุดประสงค์
ู
2. รปแบบการน าเสนอ
ื่
3 คะแนน = มรปแบบการน าเสนอทเหมาะสม มการใช้เทคนคทแปลกใหม่ ใช้สอและเทคโนโลยี
ี
ี่
ู
ี่
ี
ิ
่
ี
่
ิ
ุ
ประกอบการ น าเสนอทนาสนใจ น าวัสดในท้องถ่นมาประยุกต์ใช้อย่างคุ้มค่าและประหยัด
ี่
่
ี
ิ
2 คะแนน = มเทคนคการน าเสนอทแปลกใหม่ ใช้สอและเทคโนโลยีประกอบการน าเสนอที่นาสน ใจ แต่
ื่
ุ
ขาด การประยุกต์ใช้ วัสดในท้องถ่น
ิ
่
ิ
1 คะแนน = เทคนคการน าเสนอไม่เหมาะสม และไม่นาสนใจ
ิ
่
่
ี
3. การมสวนรวมของสมาชกในกลุ่ม
ิ
่
ี
ิ
่
3 คะแนน = สมาชกทุกคนมีบทบาทและมสวนรวมกจกรรมกลุ่ม
ิ
่
2 คะแนน = สมาชกสวนใหญ่มบทบาทและมสวนรวมกจกรรมกลุ่ม
ี
ิ
่
ี
่
่
ิ
ี
่
ิ
ี
่
1 คะแนน = สมาชกสวนน้อยมบทบาทและมสวนรวมกจกรรมกลุ่ม
ั
4. ความสนใจของผู้ฟง
ื
่
้
ั
3 คะแนน = ผู้ฟงมากกว่ารอยละ 90 สนใจ และให้ความรวมมอ
2 คะแนน = ผู้ฟงรอยละ 70-90 สนใจ และให้ความรวมมอ
ื
ั
้
่
1 คะแนน = ผู้ฟงน้อยกว่ารอยละ 70 สนใจ และให้ความรวมมอ
้
่
ื
ั
ิ
ุ
แบบประเมนกระบวนการท างานกล่ม
ชอกลุ่ม……………………………………………ชั้น…………………ห้อ............................
ื่
ื่
ิ
รายชอสมาชก
ี่
1……………………………………เลขท…….
ี่
2……………………………………เลขท…….
ี่
3……………………………………เลขท…….
ี่
4……………………………………เลขท…….
ิ
ท ี่ รายการประเมน คะแนน ข้อคิดเห็น
3 2 1
1 การก าหนดเป้าหมายร่วมกัน
2 การแบ่งหน้าที่รับผิดชอบและการเตรียมความพร้อม
3 การปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
ิ
ุ
4 การประเมนผลและปรับปรงงาน
รวม
ิ
ผู้ประเมน…………………………………………………
ี่
ื
วันท…………เดอน……………………..พ.ศ…………...
้
เกณฑการใหคะแนน
์
่
1. การก าหนดเปาหมายรวมกัน
้
่
่
3 คะแนน = สมาชกทุกคนมีสวนรวมในการก าหนดเปาหมายการท างานอย่างชัดเจน
ิ
้
ิ
้
่
่
่
2 คะแนน = สมาชกสวนใหญ่มีสวนรวมในการก าหนดเปาหมายในการท างาน
้
่
่
ิ
่
1 คะแนน = สมาชกสวนน้อยมีสวนรวมในการก าหนดเปาหมายในการท างาน
้
ั
ี่
2. การหน้าทรบผิดชอบและการเตรยมความพรอม
ี
่
ื
ี
ุ
ี
ิ
3 คะแนน = กระจายงานได้ทั่วถึง และตรงตามความสามารถของสมาชกทกคน มการจัดเตรยมสถานท สอ /
่
ี
ี
้
อุปกรณ์ไว้อย่างพรอมเพรยง
2 คะแนน = กระจายงานได้ทั่วถึง แตไมตรงตามความสามารถ และมสอ / อุปกรณ์ไว้อย่างพรอมเพรยง แต่ขาด
่
่
่
ี
ี
้
ื
ี
การจัดเตรยมสถานท ี่
1 คะแนน = กระจายงานไมทั่วถึงและมสอ / อุปกรณ์ไม่เพียงพอ
่
ี
ื
่
ี่
ี่
ิ
ิ
3. การปฏบัตหน้าททได้รบมอบหมาย
ั
้
ี่
็
3 คะแนน = ท างานได้ส าเรจตามเปาหมาย และตามเวลาทก าหนด
้
ี่
็
2 คะแนน = ท างานได้ส าเรจตามเปาหมาย แต่ช้ากว่าเวลาทก าหนด
็
้
1 คะแนน = ท างานไม่ส าเรจตามเปาหมาย
4. การประเมินผลและปรบปรงงาน
ุ
ั
ุ
ั
็
ิ
ิ
ื
ึ
่
3 คะแนน = สมาชกทุกคนรวมปรกษาหารอ ตดตาม ตรวจสอบ และปรบปรงงานเปนระยะ
่
่
่
ั
2 คะแนน = สมาชกบางสวนมีสวนรวมปรกษาหารอ แต่ไม่ปรบปรงงาน
ื
ุ
ึ
ิ
ิ
่
ื
่
ึ
่
ุ
่
่
ั
1 คะแนน = สมาชกบางสวนมีสวนรวมไม่มีสวนรวมปรกษาหารอ และปรบปรงงาน
้
่
่
้
์
เฉลยบทที 7 อุปกรณปองกันอันตรายจากไฟฟาและการตอสายดิน
ตอนที่ 1
1. ข 2. ง 3. ค 4. ก 5. ง
6. ค 7. ข 8. ก 9. ข 10. ค
ตอนที่ 2
1. ฟวสคืออะไรมคุณสมบัตในการท างานอย่างไร
ิ
์
ิ
ี
์
้
็
ิ
้
์
ิ
้
ี
ี่
ี
ี
็
ิ
ฟวส (Fuse) เปนอุปกรณปองกันอันตรายในระบบไฟฟา มคุณสมบัตเปนตัวน าไฟฟาทด ผลตมาจากโลหะทมจุด
ี่
ิ
ิ
ื
ิ
ิ
หลอมละลายต า ฟวสท าหน้าทตัดวงจรจากการเกดไฟฟาลัดวงจร หรอเกดจากการท างานทกระแสไหลมากผิดปกต โดยฟวส ์
ี่
์
่
้
ิ
ี่
์
จะหลอมละลายทันทเมอมกระแสไหลผ่านฟวสเกนพิกัดทก าหนดไว้ในตัวฟวส ตัวลวดโลหะฟวสท ามาจากโลหะหลายชนด
ิ
ื่
ี่
ี
์
ี
ิ
์
ิ
ิ
ิ
ื
ี
็
ิ
ั
ิ
ี
่
่
ิ
ี
์
ี
่
ี
เชน ตะกั่ว ดบุก สงกะส และบสมัท เปนต้น หรอจากสวนผสมของโลหะเหลาน้ ฟวสทั่วไปควรมคุณสมบัตในการท างานดังน้
1. ทนกระแสไหลผ่านได้ประมาณ 1.1 เท่าของขนาดทนกระแสปกตของฟวส ์
ิ
ิ
์
ี่
ื
ิ
ิ
2. ขณะหลอมละลาย ต้องไม่เกดประกายไฟ เปลวไฟ หรอเกดการหลอมละลายใดๆ ทท าให้อุปกรณเกดความ
ิ
ี
เสยหาย
ิ
ี
ิ
ื่
ิ
3. เกดการหลอมละลายภายในเวลา 15 วนาท เมอกระแสเกนพิกัดประมาณ 20 % และหลอมละลายภายในเวลา 1
ิ
ี
ื
ื่
วินาทหรอน้อยกว่า เมอกระแสเกนพิกัดประมาณ 150 %
์
ิ
ิ
ี
ิ
์
่
ี
ฟวสทผลตมาใช้งาน สามารถแบ่งเวลาในการหลอมละลายของฟวสออกได้ 2 ชนด ดังน้
ิ
ี่
์
ิ
ิ
ิ
ิ
์
ิ
็
ื่
ี่
ิ
์
็
1. ชนดหลอมละลายเรว (Fast Blow) เปนฟวสชนดทเมอกระแสไหลเกนพิกัดทฟวสทนได้ ฟวสจะหลอมละลาย
ี
์
ี
ิ
ิ
ื่
ขาดวงจรทันท หรอเมอเกดไฟฟาลัดวงจรฟวสจะหลอมละลายขาดวงจรขาดทันทโดยไม่มการหนวงเวลา นยมน าไปใช้ใน
้
ิ
่
ี
ื
่
่
ื
่
็
ี
้
้
งาน เชน วงจรไฟฟาท างานทั่วไป วงจรท างานเกยวกับความรอน หรอวงจรแสงสวาง เปนต้น
ิ
ิ
ื
2.ชนดหลอมละลายช้า (Slow Blow) เปนฟวสชนดทเมอกระแสไหลเกนพกัดทฟวสทนได้ชั่วขณะ ฟวสจะยังไม ่
ิ
ิ
ิ
่
ี
์
ิ
ี
ิ
์
่
่
็
์
่
ิ
์
ี
ิ
ิ
หลอมละลาย เกดการหนวงเวลาตามพิกัดของฟวส แต่ถ้าเกดไฟฟาลัดวงจรฟวสจะหลอมละลายขาดวงจรทันทโดยไม่มการ
้
์
ิ
ี
์
ื
็
ิ
์
่
่
หนวงเวลา นยมน าไปใช้ในงาน เชน วงจรควบคุมการท างานของมอเตอร หรอมอเตอรขนาดใหญ่ เปนต้น
ิ
ี
์
2. บอกลักษณะของฟวสต่อไปน้มาให้เข้าใจ
2.1 ฟวสเส้น
์
ิ
ิ
็
์
ี
่
ฟวสเส้น (Wire Fuse) เปนฟวสชนดเส้นลวดเปลอยยาว ตัวฟวสไม่มอะไรหอห้ม จ าเปน ต้องใช้งานรวมกับสวิตช ์
ุ
่
ิ
ิ
ื
็
์
์
ิ
่
ี
ิ
ิ
์
ี
ใบมด (Knife Switch) หรอคัตเอาต์ (Cut Out) โดยน าฟวสไปยึดใสไว้ในสวนรองรบของสวิตช์ใบมด ขันยึดฟวสให้
่
์
ื
ั
ิ
แนนด้วยสกร ฟวสชนดน้แบ่งออกได้ 2 แบบ ตามลักษณะโครงสราง ดังน้
่
ู
์
ี
ิ
ี
้
็
์
1. แบบเสนกลม เสนฟวสถูกพันเก็บไว้เปนม้วน เวลาใช้งานต้องน ามาตัดแบ่งตามความยาวทต้องการ
ิ
้
ี่
้
์
ู
ี
ี
่
ิ
ิ
่
ิ
ี
์
ิ
ู
ิ
นยมเรยกว่า ฟวสเส้น การยึดตดกับสวิตช์ใบมด ให้น าปลายฟวสไปพันในรองสกรของสวิตช์ใบมด และขันสกรยึดตดให้แนน
่
้
้
ิ
ิ
้
2. แบบเสนแบน เสนฟวสทสรางขึ้นมาให้มความยาวแนนอนตามค่ามาตรฐาน สวนหัวท้ายของเสนฟวส ์
ี
้
ี
่
์
่
็
ี
ิ
่
ิ
่
่
ี
์
ู
์
ี
ท าเปนรองคล้ายก้ามปู ไว้ใสเข้ารองสกรของสวิตชใบมด นยมเรยกว่า ฟวสก้ามปู มความสะดวกในการต่อใช้งานมากขึ้น
ิ
ิ
ี่
้
ี่
ื
ิ
ื
้
ฟวสเสนนยมใช้งานกับวงจรไฟฟาภายในบ้านเรอน ทอยู่อาศัย หรอในวงจรทภาระใช้งานกนกระแสต า
่
์
ี
ิ
ิ
์
ิ
ิ
์
ี
ิ
ปกตนยมน าไปใช้งานในวงจรทมกระแสไหลผ่านรวมทั้งส้นไมเกน 30 แอมแปร สวิตช์ใบมด ฟวสเส้น และฟวสก้ามปู แสดง
ี
่
ิ
่
์
ู
ดังรปที่ 1
์
ิ
ิ
ี
์
(ก) สวิตช์ใบมด (ข) ฟวสเส้น (ค) ฟวสก้ามปู
ิ
ี
รูปท 1 สวิตช์ใบมด ฟวสเส้น ฟวสก้ามปู
ี
ิ
่
์
์
2.2 ฟวสหลอด
์
ิ
ี่
์
์
ฟวสหลอด (Tube Fuse) หรอคารทรดจ์ฟวส (Cartridge Fuse) เปนฟวสทสรางขึ้นมามโครงสราง
้
็
์
ิ
ิ
้
์
ื
ี
ิ
ิ
ิ
ื
ี
์
์
ื
ื
่
่
ิ
ี
ิ
็
์
ี
์
เปนหลอดทรงกระบอก หรอทรงสเหลยม หลอดฟวสท าด้วยกระเบ้อง แก้ว หรอไฟเบอร ภายในหลอดฟวสมเส้นฟวสต่อ
ี่
์
ิ
ิ
์
ื
ิ
ออกมาภายนอก โดยยึดตดกับโลหะตัวน าทสวนหัวท้ายของกระบอกฟวส ภายในหลอดฟวสบรรจุอากาศ หรอบรรจุทราย
่
์
ิ
ิ
่
็
์
ู
ี
่
ิ
ี
ละเอยดไว้ รปรางมทั้งแบบหัวท้ายฟวสเปนโลหะทรงกระบอกปกต มักเรยกวา ฟวสหลอด น าไปใช้งานรวมกับกระบอกใส ่
่
ี
ี
ิ
์
็
์
ื
ี่
ิ
ิ
่
์
ี
ิ
ี
ฟวสหรอฐานยึดฟวส และแบบหัวท้ายฟวสเปนโลหะและมแผ่นโลหะคล้ายใบมดยื่นออกมาทหัวท้ายด้วย มักเรยกวา ฟวส ์
ี
ู
ิ
์
ิ
์
ใบมด น าไปใช้งานรวมกับฐานฟวสใบมด ฟวสหลอดถกผลตขึ้นมาหลายรปแบบ และหลายหน้าทการใช้งาน ขนาดฟวสม ี
ี
่
ิ
ี
์
ิ
่
ู
่
่
ึ
หลายขนาด และมรปรางแตกต่างกันไป มค่าการทนกระแสหลายค่า ตั้งแต่ค่าต าๆ ไมถงแอมแปร จนถงค่าสงเปนแสนแอมแปร ์
ี
ี
่
ู
์
็
ึ
ู
่
์
นยมน าไป ใช้งานอย่างแพรหลายในหลายด้าน เชน ด้านไฟฟาและอิเล็กทรอนกสทั่วไป ด้านไฟฟาก าลังในงานอุตสาหกรรม
ิ
้
ิ
้
่
้
์
ิ
่
็
ู
และด้านการสงจ่ายก าลังไฟฟา เปนต้น ฟวสหลอด แสดงดังรปที่ 2
ิ
์
้
ิ
(ก) ใช้งานไฟฟาและอเล็กทรอนกสทั่วไป (ข) ใช้งานไฟฟาก าลัง (ค) ใช้งานสงจ่ายก าลังไฟฟา
่
้
้
ิ
์
่
ี
รูปท 2 ฟวสหลอด
ิ
์
2.3 ฟวสปลั๊ก
็
ฟวสปลั๊ก (Plug Fuse) เปนฟวสทตัวถังฟวสมรปรางคล้ายปลั๊กไฟฟา การใช้งานจ าเปนต้องเสยบหรอสอด
้
็
่
่
์
ี
ิ
ี
์
์
ี
ื
ู
ิ
ิ
ิ
้
่
์
ู
ื
่
่
ี
์
ใสเข้าไปในรองฐานฟวส มรปรางและโครงสรางแตกต่างกันหลายแบบ ขึ้นอยูกับการใช้งาน ตัวถังฟวสท าด้วยกระเบ้อง แก้ว
่
ิ
ื
หรอพลาสตกทนความรอน ฟวสปลั๊กทผลตมาใช้งาน เชน ฟวสขวด มรปรางทรงกระบอกเหมอนขวด สวนหัวและสวนท้ายฟวส ์
ิ
้
่
ิ
ิ
์
ิ
ื
่
ู
ี
่
่
์
ี
่
ิ
ใหญ่ไม่เท่ากัน ด้านหัวใหญ่กวาด้านท้าย ภายในหลอดฟวสมเสนฟวส ทบรรจุอากาศ หรอบรรจุทรายละเอียดไว้ สามารถ
่
์
ี่
์
ื
ิ
ิ
้
ี
ิ
ี
่
ู
์
ิ
์
ิ
ิ
ิ
็
มองเหนสภาพฟวสได้จากภายนอก ฟวสปลั๊ก มรปรางเหมอนถ้วยด้านนอกฟวสเปนเกลยวหมุน ภายในหลอดฟวสมเส้นฟวส ์
์
็
์
ื
ี
ี
ื
็
ิ
์
ิ
ิ
ี
์
ี่
ทบรรจุอากาศ หรอบรรจุทรายละเอยดไว้ สามารถมอง เหนสภาพฟวสได้จากภายนอก ฟวสทั้ง 2 แบบนยมใช้งานกับ
วงจรไฟฟาภายในบ้านเรอน ทอยู่อาศัย หรอวงจรทใช้กระแสสงมากขึ้น มความปลอดภัยในการใช้งาน เพราะมสวนปองกัน
่
ี่
ื
ี
้
ื
้
่
ู
ี
ี
์
ู
์
ิ
ี
ิ
็
่
หอห้มฟวสไว้ และฟวสรถยนต์ มรปรางเปนรปตัว U คล้ายปลั๊กไฟฟา ฟวสถูกหอห้มด้วยตัวถังพลาสตกทนความรอน มขา
ู
ี
่
้
ุ
ุ
้
์
่
ิ
ิ
โลหะยื่นออกมา 2 ขา นยมน าไปใช้งานในรถยนต์ หรอใช้ในอปกรณไฟฟาและเครองใช้ไฟฟาบางชนด ฟวสปลั๊ก แสดงดังรป
ิ
้
ิ
่
ื
์
์
้
ุ
ู
ื
ิ
ี่
ท 3
ิ
(ก) ฟวสขวด (ข) ฟวสปลั๊ก (ค) ฟวสรถยนต์
ิ
์
์
ิ
์
ิ
์
ี
่
รูปท 3 ฟวสปลั๊ก
2.4 ฟวสความรอน
ิ
์
้
์
ิ
ื
็
้
ิ
้
ฟวสความรอน (Thermal Fuse) หรอฟวสตัดความรอน (Thermal Cutoff Fuse) เปนฟวสทท างาน
ี่
ิ
์
์
ิ
ิ
์
้
ื่
ี่
ิ
ิ
์
์
ด้วยความรอนทมากระทบกับตัวฟวส เมอฟวสได้รบความรอนมากเกนพิกัดทตัวฟวสทนได้ ฟวสจะหลอมละลายตัดการต่อ
้
ั
ิ
์
ี่
ี
ี่
้
่
ิ
ึ
์
วงจรทันท เพื่อปองกันอันตรายทจะเกดกับอุปกรณ ไฟฟาและเครองใช้ไฟฟา จากการท างานเกดความรอนมากเกนไป ซงจะม ี
้
้
ิ
ื่
ิ
้
้
ผลต่อการท าให้เกดเพลงไหม้ขึ้นได้ ท าให้อปกรณไฟฟาและเครองใช้ไฟฟาสมัยใหมหลายชนด ทในขณะท างานมความรอน
่
ุ
้
ี
ิ
ิ
ิ
ื
่
่
ี
์
้
ิ
้
ิ
์
ิ
่
ิ
ี
ิ
้
่
่
ี
ิ
ิ
เกดขึ้นภายในตัว นยมใสฟวสความรอนเพ่มเข้าไปภายในทบรเวณทเกดความรอน ท าให้การท างานเกดความปลอดภัยต่อตัว
้
ิ
ึ
อุปกรณไฟฟาและเครองใช้ไฟฟา รวมถงท าให้เกดการท างานทปลอดภัยมากขึ้น อุปกรณไฟฟาและเครองใช้ไฟฟาทนยมใช้
ื่
้
้
ี่
ื่
์
่
้
ี
์
ิ
ื
่
ู
ี
้
ฟวสความรอนมมากมาย เชน พัดลม เครองระบายอากาศ เครองดดควัน เครองปรบอากาศ ตู้เย็น เครองซักผ้า เครองท าน ้าอน
ุ
่
ั
์
ื่
ิ
ื่
ื่
่
ื่
้
ี
เตาไฟฟา เตาไมโครเวฟ หม้อหงข้าวไฟฟา เครองถ่ายเอกสาร และคอมพิวเตอร เปนต้น ฟวสความรอนทผลตมาใช้งานมหลาย
็
้
ิ
้
ิ
ื่
์
์
ุ
ี่
์
ู
ิ
้
้
ี
ิ
แบบหลายชนด มโครงสรางแตกต่างกันไป เพื่อให้เหมาะสมต่อการใช้งาน ฟวสความรอน แสดงดังรปที่ 4
์
ิ
รูปท 4 ฟวสความรอน
้
่
ี
3. สวิตช์ตัดวงจรอัตโนมัติโดยใช้สนามแม่เหล็ก มโครงสรางและหลักท างานอย่างไร
้
ี
ิ
สวตชตัดวงจรอัตโนมัตแบบใช้สนามแม่เหล็ก (Magnetic Circuit Breaker) ใช้หลักการท างานจากคุณสมบัต ิ
์
ิ
้
ู
่
ิ
ี่
ิ
ุ
ของสนามแม่เหล็กไฟฟาทเกดจากกระแสไหลผ่านขดลวดแม่เหล็ก ไปดงดดชดกลไกควบคุมการตัดต่อวงจร สงผลให้สวตช ์
ึ
หน้าสมผัสทท าหน้าทตัดต่อวงจรไฟฟาตัดวงจรออกจากกัน โครงสรางและการท างานสวตชตัดวงจรอัตโนมัตแบบใช้
้
ี่
ั
้
ิ
ี่
์
ิ
ื
ี
่
ู
สนามแม่เหล็กแบบเบ้องต้น แสดงดังรปท 5
้
(ก) สภาวะท างานปกต ิ (ข) สภาวะไฟฟาลัดวงจร
ิ
ิ
์
้
่
ื
่
ี
รูปท 5 โครงสรางและการท างานสวตชตัดวงจรอัตโนมัตแบบใช้สนามแมเหล็กแบบเบ้องต้น
้
ิ
ู
่
จากรปที่ 5 แสดงโครงสรางและการท างานสวตช์ตัดวงจรอัตโนมัตแบบใช้สนามแมเหล็ก รปท 5 (ก) เปนสภาวะ
ิ
ี่
็
ู
ิ
ิ
ี่
ิ
ื่
ิ
ั
ิ
ท างานปกต เมอโยกต่อสวตช์ตัดวงจรอัตโนมัต ท าให้แกนสวตช์ถูกสลักของแกนตัดวงจรเกยว ไปท าให้สวตชหน้าสมผัสต่อ
์
์
ิ
ี
ี
ิ
ิ
ิ
วงจร มแรงดันจ่ายผ่านสวตช์ตัดวงจรอัตโนมัตไปให้ภาระท างาน มกระแสไหลในวงจรสวตชตัดวงจรอัตโนมัต และเกด
ิ
ิ
้
้
ี่
ี
กระแสไหลผ่านขดลวดแมเหล็กไฟฟา ท าให้ขดลวดแมเหล็กไฟฟาเกดสนามแมเหล็กขึ้นมา กรณทกระแสไหลผ่านขดลวด
่
่
่
้
ิ
ึ
ู
แม่เหล็กไฟฟาค่าปกตไม่เกนพิกัด สนามแม่เหล็กไฟฟาเกดอ านาจแม่เหล็กน้อยไม่เพียงพอกับการดงดดแกนตัดวงจรให้
้
ิ
ิ
เคลอนทเข้ามาหาได้ สวิตช์หน้าสัมผัสยังคงต่อวงจรปกต มแรงดันจ่ายให้วงจรปกต ภาระท างานเปนปกต
ิ
็
ิ
ื่
ี
ิ
ี่
่
ี่
ู
ิ
ิ
ื
์
่
ิ
็
่
สวนรปท 5 (ข) เปนสภาวะไฟฟาลัดวงจร เมอเกดการลัดวงจรขึ้น สงผลให้เกดกระแสไหลผ่านเข้าวงจรสวตชตัด
้
ิ
้
วงจรอัตโนมัต ผ่านขดลวดแม่เหล็กไฟฟามากเกนพิกัดทก าหนด ท าให้สนามแม่เหล็กไฟฟาเกดอ านาจแม่เหล็กมากเพียงพอ
ิ
้
ี่
ิ
ี่
ี่
ิ
สามารถดงดดแกนตัดวงจรให้เคลอนทเข้ามาหา สงผลท าให้สลักทเกยวเข้ากับแกนสวิตช์เกดการคลายตัว สปรงดงแกนสวิตช ์
่
ึ
ิ
ู
ี่
ื่
ึ
ี่
ี
ิ
ื่
เคลอนทไป ท าให้สวิตช์หน้าสัมผัสตัดวงจร แรงดันถูกตัดออกจากวงจรสวิตช์ตัดวงจรอัตโนมัตทันท ภาระหยุดท างาน
ิ
์
ิ
้
ิ
้
้
ู
ั
ั
้
ี
4. สวิตชตัดไฟฟาร่วอัตโนมัตใช้ปองกันไฟฟาร่วและไฟฟาดด จะต้องมคุณสมบัตและการตดตั้งอย่างไร
ิ
ิ
์
ิ
ึ
ื
ในการเลอกสวตชตัดวงจรอัตโนมัตมาใช้งาน ผู้ออกแบบจะต้องพิจารณาถงคุณสมบัตการท างานของวงจร เพื่อ
่
้
่
ิ
ิ
ี
ชวยปองกันอันตรายทจะเกดขึ้น และสามารถตัดการท างานของวงจรได้ทันตามความต้องการ โดยพจารณาดังน้ ี
ี่
ิ
็
1. ระดับแรงดันทใช้งาน และชนดของแรงดัน เปนไฟสลับ (AC) หรอไฟตรง (DC)
ื
็
2. จ านวนเฟสแรงดันทใช้งาน เปนชนดเฟสเดยว หลายเฟส และจ านวนของขั้วแรงดัน
ิ
ี่
ี
่
ื
3. ระบบมาตรฐานไฟฟาทใช้งาน ให้เปนไปตามมาตรฐานและกฎระเบยบความปลอดภัยขององค์การหรอหนวยงาน
็
้
ี่
ี
ี่
ี่
ทเกยวข้อง
ิ
4. ความสามารถในการท าให้หยุดท างานในขณะเกดการลัดวงจร
ุ
ู
5. ข้อก าหนดสงสด ขนาดข้อบังคับที่เหมาะสม และการปองกันอันตราย
้
ิ
้
ี
้
ิ
ั
ู
ั
้
ิ
้
่
์
ี
สวิตชตัดไฟฟาร่วอัตโนมัตชวยปองกันไฟฟาร่ว และไฟฟาดดได้ จะต้องมคุณสมบัตและการตดตั้งดังน้
ื่
์
ิ
ี
ิ
ิ
ิ
1. พกัดขนาดกระแสร่วต้องไมเกน 30 มลลแอมแปร (mA) และตัดไฟฟาได้ภายในระยะ เวลา 0.04 วนาท เมอม ี
ั
ิ
้
่
้
ิ
ั
ื
ไฟฟาร่วขนาด 5 เท่าของพกัด หรอประมาณ 150 mA
2. ควรตดตั้งใช้งานเฉพาะจุด เชน วงจรเต้ารบในห้องครว ห้องน ้า ห้องนอน ห้องเด็ก และวงจรเต้ารบทมสายไฟ
ั
่
ิ
ี
ี
่
ั
ั
ต่อไปใช้งานภายนอกอาคาร
์
ิ
ี
่
ิ
ั
ี
3. ในกรณทต้องตดตั้งรวมทสวตชประธาน จะต้องแยกวงจรทมค่าไฟร่วตามธรรมชาตมากๆ ออกไป เชน อุปกรณ ์
่
ิ
ี
ี
่
่
ี
ุ
์
ิ
ิ
ิ
ั
้
่
ี
์
ื
ี
ี
้
ื
ั
่
ปองกันฟาผ่า เครองปรบอากาศ และอปกรณทมโอกาสเปยกช้นต่างๆ โดยตดตั้งสวตชตัดไฟฟาร่วอัตโนมัตแยกเฉพาะวงจรท ี่
้
็
จ าเปน
ี
่
่
ั
ื่
ิ
ิ
ิ
4. ในทางปฏบัตทต้องการความแนนอน จะต้องตรวจสอบปรมาณกระแสร่วไหลในแต่ละวงจรด้วยเครองตรวจวัด
ั
้
็
็
ิ
่
ิ
ั
ี
ี
ิ
่
ี
ิ
ู
์
้
ั
ั
กระแสร่วไหล ถ้าวงจรใดมกระแสร่วไหลมากเปนปกต จ าเปนต้องใช้สวตชตัดไฟฟาร่วอัตโนมัตทมพกัดไฟฟาร่วสงขึ้น เชน
ื
้
100 mA 300 mA หรอ 500 mA ปองกันในแต่ละวงจรโดยเฉพาะ
ิ
ิ
ู
่
ี
ิ
5. การตดตั้งหลักดนและสายดนทถกต้องท าได้อย่างไร
็
ิ
ิ
ู
หลักควรปฏบัตในการตดตั้งหลักดนและสายดนทถกต้อง เปนดังน้
่
ี
ิ
ิ
ี
ิ
่
็
ุ
ิ
ุ
ุ
ื
ี่
ิ
่
1. หลักดนต้องท าด้วยวัสดททนต่อการผุกรอนและไม่เปนสนม เชน แท่งทองแดง แท่งเหล็กชบหรอห้มด้วย
ทองแดง ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 16 มม. ความยาวไม่น้อยกว่า 2.40 เมตร
ื
่
ู
ื
ิ
ิ
ี
ี
ี
่
ื
ิ
ิ
ิ
่
็
2. เน้อดนบรเวณทใช้ตอกหลักดนทดควรเปนดนแท้ และต้องไมถกขวางกั้นหรอล้อมรอบด้วยหน กรวด ทราย หรอ
ิ
ิ
็
ี
่
ู
่
ิ
ี
แผ่นคอนกรต เพราะเปนอุปสรรคต่อการแพรกระจายของกระแสลงสดน ท าให้ความต้านทานการต่อลงดนของหลักดนมค่า
ู
ิ
สงเกนกว่ามาตรฐาน
ิ
ี
ิ
3. หลักดนทดเมอตอกลงดนแล้ว ต้องมค่าความต้านทานการต่อลงดนไม่เกน 5 โอห์ม ตามค่ามาตรฐานของการ
ิ
ี
ื่
ิ
ี่
้
ไฟฟานครหลวง
ี
ิ
ี
ี
ี
ื
ื
4. ห้ามใช้ตะปูคอนกรตตอกเข้าไปในผนังคอนกรตหรอพ้นคอนกรตแทนหลักดน เพราะตะปูคอนกรตไม่สามารถ
ื
ิ
ี
่
ั
กระจายกระแสลงดนได้เมอมไฟร่ว
่
5. ต าแหนงของหลักดินควรอยู่ใกล้กับตู้สวิตช์ประธาน
ี
ั
่
่
่
่
ิ
ิ
ื
ิ
6. ห้ามแชหลักดนในน ้า เพราะเมอเกดไฟร่วจะแพรกระจายไปกับน ้า ท าให้เกดอันตรายกับผู้ทอยูในน ้า ถ้า
่
ิ
ิ
ุ
ิ
ิ
้
ิ
ิ
็
จ าเปนต้องตอกหลักดนในน ้าต้องตอกให้มดดน และสายต่อหลักดนต้องห้มฉนวนปองกันน ้าให้มดชด
ิ
ี
์
ิ
ุ
7. การต่อสายดนเข้ากับหลักดน แคลมปยึดหลักดน และสายต่อหลักดนควรใช้วัสดชนดเดยวกัน เพื่อไม่ให้มปญหา
ิ
ี
ิ
ิ
ั
่
การกัดกรอน
ี
ี่
ิ
็
้
ิ
่
8. ขนาดของสายดนทใช้ต่อหลักดนต้องไม่เล็กกวา 10 ตร.มม. จะต้องเปนสายเสนเดยวโดยตลอด และควรมท่อ
ี
ุ
ื
หรอฉนวนห้มอยู่ด้วย
ิ
์
ิ
ื่
ิ
ิ
ิ
ิ
์
์
ื
ั
9. ห้ามต่อสายดนผ่านฟวสหรอสวตชตัดไฟร่วอัตโนมัต นอกจากการต่อผ่านสวตชตัดวงจรอัตโนมัต และเมอ
สวิตช์ตัดวงจรอัตโนมัติท างาน ต้องตัดสายไฟฟาทุกเส้นของวงจรพรอมสายดนออกด้วย
้
ิ
้
ึ
บันทกหลังการสอน
้
้
ี่
ุ
์
ิ
บทท 7 อปกรณปองกันไฟฟาและการต่อสายดน
ี
ผลการใช้แผนการเรยนร ู ้
ิ
ื
ิ
1. เน้อหาสอดคล้องกับจุดประสงค์เชงพฤตกรรม
ิ
ิ
ี
2. สามารถน าไปใช้ปฏบัตการสอนได้ครบตามกระบวนการเรยนการสอน
ื่
3. สอการสอนเหมาะสมด ี
ี
ี
ผลการเรยนของนักเรยน
่
ึ
ี
ู
่
่
ิ
1. นักศกษาสวนใหญ่มีความสนใจใฝร เข้าใจในบทเรยนรวมกัน อภปรายตอบค าถามในกลุ่ม และรวมกันปฏิบัต ิ
่
้
ใบปฏบัติงานทได้รบมอบหมาย
ั
ี่
ิ
ึ
ั
็
ี่
ื
ื
2. นักศกษากระตอรอร้นและรบผิดชอบในการท างานกลุ่มเพื่อให้งานส าเรจทันเวลาทก าหนด
้
ู
ึ
3. นักศกษาปฐมพยาบาลผู้ถูกไฟฟาดด
ู
ผลการสอนของคร
1. สอนเน้อหาได้ครบตามหลักสตร
ื
ู
ิ
ื
ี
ุ
2. แผนการสอนและวธการสอนครอบคลมเน้อหาการสอนท าให้ผู้สอนสอนได้อย่างมั่นใจ
ี่
3. สอนได้ทันตามเวลาทก าหนด
ปญหาและอุปสรรค์
ั
1. นักศกษาแต่ละคนมความรพ้นฐานในเน้อหาทเรยนไมเท่ากัน
ื
ี
ี
่
ี
ึ
ู
ื
่
้
2. นักศกษาแต่ละคนมีทักษะในการปฏบัตงานไม่เท่ากัน
ิ
ิ
ึ
ี
้
แผนการสอน/แผนการเรยนรูภาคทฤษฏ
ี
ี่
ี
ี
ู
้
แผนการสอน/การเรยนรภาคทฤษฎ บทท 8
้
ื
ี่
ื่
ิ
์
ิ
ชอวิชา งานไฟฟาและอเล็กทรอนกสเบ้องต้น สอนสัปดาห์ท10-
(Basic Electricity and Electronic) 11
ื
่
ชอหน่วย ตัวต้านทาน คาบรวม 8
ื่
ื่
ชอเรอง. ตัวต้านทาน จ านวนคาบ 8
หัวขอเรอง
้
ื่
้
้
ดานความรู
• ความต้านทานในวัตถุ
• ตัวต้านทานตามประเภทวัสดที่ใช้
ุ
• ตัวต้านทานตามรปแบบผลต
ู
ิ
• การอ่านความต้านทานจากรหัสตัวเลขตัวอักษร
• การอ่านความต้านทานจากรหัสส
ี
• การต่อตัวต้านทาน
• บทสรป
ุ
้
ดานทักษะ
2. แปลงหนวยความต้านทานได้
่
3. อ่านค่าความต้านทานแสดงเปนตัวเลขตัวอักษรได้
็
4. อ่านค่าความต้านทานแสดงเปนแถบสได้
็
ี
้
ิ
ดานคุณธรรม จรยธรรม
ี
์
ุ
็
้
ิ
ิ
ี
ี่
ิ
ี
4. เพื่อให้มเจตคตทดต่อการเตรยมความพรอมด้านการเตรยม วัสด อุปกรณ และการปฏบัตงานอย่างถูกต้อง ส าเรจ
ี
ภายในเวลาทก าหนด มเหตุและผลตามหลักปรชญาเศรษฐกจพอเพียง
ี่
ิ
ั
ี
5. เตรยมความพรอมด้าน วัสด อุปกรณสอดคล้องกับงานได้อย่างถูกต้อง
ี
้
ุ
์
ี
6. มความรบผิดชอบ ปฏบัตงานได้อย่างถกต้องในเรองมอเตอรและการควบคุมเบ้องต้น ส าเรจภายใน เวลาทก าหนด
็
ื
ั
ู
ื
ิ
่
่
์
ิ
ี
อย่างมเหตุและผลตามหลักปรชญาเศรษฐกจพอเพียง
ั
ี
ิ
7. สาระสาคัญ
ิ
ิ
ี่
ุ
ิ
ชนดของตัวต้านทานแบ่งออกได้ตามวัสดทใช้ผลต คือวัสดประเภทโลหะท ามาจากโลหะผสมของนกเกล
ิ
ุ
ิ
์
็
ี
ุ
ี
ื
์
ี
่
แคดเมยม ทองแดง แมงกานส และโครเมยม เปนต้น สวนวัสดประเภทอโลหะ ท ามาจากผงคารบอนอัด หรอฟล์มคารบอน
ี
่
ิ
ั
ี
่
ิ
และแบ่งออกได้ตามรปแบบทผลต ได้แก่แบบคงท แบบแบ่งค่า แบบเปลยนค่า แบบปรบค่า และแบบพเศษ แต่ละแบบของตัว
ู
่
ี
ุ
ิ
ี
่
ต้านทานทผลตขึ้นมาสามารถใช้วัสดได้ทั้งประเภทโลหะและประเภทอโลหะ
ี่
ี่
การอ่านค่าความต้านทานทแสดงไว้บนตัวต้านทานอ่านได้หลายแบบแล้วแต่แบบทบอกค่าไว้ เชนแบบแสดงค่าออกมา
่
่
ี
โดยตรง แบบน้จะพมพ์ค่าความต้านทานบอกไว้สามารถอานออกมาได้โดยตรง แบบแสดงค่าเปนรหัส แบบน้จะพมพ์ค่าความ
ิ
ิ
ี
็
ี
ี
ต้านทานบอกไว้สามารถอ่านออกมาได้โดยตรง และแบบแสดงค่าเปนแถบส แบบน้ต้องแปลงแถบสให้เปนตัวเลขก่อน แปลง
็
็
ี
ี
ึ
ี
่
่
ู
ี
รหัสตัวเลขเปนค่าความต้านทาน จัดหนวยให้ถกต้องจงจะอานค่าความต้านทานออกมาได้ แถบสทบอกไว้ทั้ง 4 แถบส และ
็
่
ี
แบบ 5 แถบส
สมรรถนะอาชพประจ าหนวย (ส่งทต้องการให้เกดการประยุกต์ใช้ความร ทักษะ คุณธรรม เข้าด้วยกัน)
ี
่
้
ิ
ู
่
ิ
ี
2. แปลงหนวยความต้านทาน
่
3. อ่านค่าความต้านทานแสดงเปนตัวเลขตัวอักษร
็
์
ค าศพทสาคัญ
ั
ความต้านทาน Resistance
Conductor
ตัวน า
Insulator
ฉนวน Resistor
ตัวต้านทาน Metallic Type
Non – Metallic Type
ประเภทโลหะ
Wire
ประเภทอโลหะ Ribbon
Ceramic Core
ลวด
Wire Wound Resistor
แถบลวด Metal Film Resistor
ิ
แกนเซรามก Metal Oxide Film Resistor
์
ิ
ตัวต้านทานชนดไวรวาวด์ Nickel
Chromium
ิ
ิ
ตัวต้านทานชนดฟล์มโลหะ Tin Chloride
ิ
ิ
ิ
ตัวต้านทานชนดฟล์มสนมโลหะ Tin Oxide Film
ิ
ิ
นกเกล Carbon
Carbon Resistor
ี
โครเมยม Carbon Film Resistor
ี
ดบุกคลอไรด์ Fixed Resistor
Single in Line
ิ
ิ
ี
ฟล์มสนมดบุก Dual in Line
์
คารบอน Surface Mounted Devices
์
ิ
ตัวต้านทานชนดคารบอน Tapped Resistor
Adjustable Resistor
ิ
ิ
์
ตัวต้านทานชนดฟล์มคารบอน Variable Resistor
ิ
ี่
ตัวต้านทานชนดค่าคงท Special Resistor
ี
ี
จัดกลุ่มขาเรยงด้านเดยว (SIL) Thermistor
Varistor
ี
จัดกลุ่มขาเรยงสองด้าน (DIL) Light Dependent Resistor
ิ
แปะตด (SMD) Positive Temperature Coefficients
Negative Temperature Coefficients
ิ
ตัวต้านทานชนดแบ่งค่า Voltage Dependent Resistor
ี่
ื
ิ
ตัวต้านทานชนดเปลยนเลอกค่า Metal Oxide Varistor
ี่
ั
ิ
ตัวต้านทานชนดปรบเปลยนค่า Zinc Oxide
Semiconductor
ิ
ตัวต้านทานชนดพิเศษ Silicon Carbon
์
์
ิ
เทอรมสเตอร Cadmium Sulfide
Cadmium Selenide
์
ิ
วารสเตอร Series Resistor
ี่
ตัวต้านทานเปลยนค่าตามแสง (LDR) Parallel Resistor
ิ
็
์
ิ
ิ
สัมประสทธอุณหภูมเปนบวก (PTC) Compound Resistor
์
ิ
็
ิ
ิ
สัมประสทธอุณหภูมเปนลบ (NTC)
ี่
ตัวต้านทานเปลยนค่าตามแรงดัน (VDR)
ิ
ิ
์
ิ
วารสเตอรชนดสนมโลหะ (MOV)
ิ
ี
สนมสังกะส (ZnO)
ึ
่
สารกงตัวน า
์
ิ
ิ
ซลคอนคารบอน (SiC)
ี
แคดเมยมซัลไฟล์ (CdS)
ี
ี
ี
แคดเมยมซลไนด์ (CdSe)
ุ
ตัวต้านทานแบบอนกรม
ตัวต้านทานแบบขนาน
ตัวต้านทานแบบผสม
์ ี ้
จุดประสงคการสอน/การเรยนรู
ุ
ู
• จดประสงค์ทั่วไป / บรณาการเศรษฐกิจพอเพียง
ิ
้
ุ
ิ
ิ
ู
ุ
1. เพื่อให้มความรเกยวกับ ความต้านทานในวัสดต่างๆ,ชนดตัวต้านทานตามวัสดที่ใช้ผลต, ชนดตัวต้านทานตาม
ี
ี่
ู
ู
้
้
รปแบบที่ผลิต (ดานความร)
่
ี
2. เพื่อให้มทักษะในการแปลงหนวยความต้านทาน, การอ่านค่าความต้านทานแสดงเปนตัวเลขตัวอักษรและการอ่านค่า
็
้
ั
็
ี
ความต้านทานแสดงเปนแถบส (ดานทกษะ)
ี่
ี
ี
ิ
ี
์
ี
้
็
ิ
ิ
3. เพื่อให้มเจตคตทดต่อการเตรยมความพรอมด้านการเตรยม วัสด อุปกรณ และการปฏบัตงานอย่างถูกต้อง ส าเรจ
ุ
ิ
ิ
้
ี่
ั
ี
ภายในเวลาทก าหนด มเหตุและผลตามหลักปรชญาเศรษฐกจพอเพียง (ดานคุณธรรม จรยธรรม)
• จดประสงค์เชงพฤตกรรม / บรณาการเศรษฐกิจพอเพียง
ิ
ุ
ิ
ู
้
ู
้
ุ
ิ
1. อธบายความหมายความต้านทานในวัสดต่าง ๆได้ (ดานความร)
ิ
้
ิ
ี่
้
ุ
ู
2. จ าแนกชนดตัวต้านทานตามวัสดทใช้ผลตได้ (ดานความร)
ิ
ู
้
ู
้
3. วิเคราะห์ตัวต้านทานตามรปแบบที่ผลตได้ (ดานความร)
้
่
ั
4. แปลงหนวยความต้านทานได้ (ดานทกษะ)
็
้
5. อ่านค่าความต้านทานแสดงเปนตัวเลขตัวอักษร(ดานทักษะ)
ี
้
ั
็
6. อ่านค่าความต้านทานแสดงเปนแถบส(ดานทกษะ)
้
ี
์
ุ
้
7. เตรยมความพรอมด้าน วัสด อุปกรณสอดคล้องกับงานได้อย่างถูกต้อง (ดานคุณธรรม จรยธรรม/บูรณาการ
ิ
ิ
เศรษฐกจพอเพียง)
ิ
8. ปฏบัตงานได้อย่างถูกต้อง และส าเรจภายใน เวลาที่ก าหนดอย่างมเหตุและผลตามหลักปรชญาของเศรษฐกิจ
ิ
ี
็
ั
้
ิ
พอเพียง (ดานคุณธรรม จรยธรรม/บูรณาการเศรษฐกจพอเพียง)
ิ
้
ี
้
ื
เนอหาสาระการสอน/การเรยนรู
ี
ู
้
• ด้านความร(ทฤษฎ)
8.1 ความตานทานในวัตถุ
้
็
่
ี
ี
่
ิ
ิ
ี
ี
ึ
ส่งต่างๆ ทุกชนดทก าเนดขึ้นบนโลก ไมวาเปนของแข็ง ของเหลว วัตถ ธาตุ รวมถงส่ง มชวตทั้งหมดจะมค่าความ
ุ
ิ
่
ิ
ิ
ี่
่
ต้านทาน (Resistance) ประกอบรวมอยู่ด้วยเสมอ ความหมายของค าว่าความต้านทาน คือแรงต้านจากวัตถุต่างๆ ท าหน้าทต้าน
ื
้
่
ี
ื
้
ี
การไหลของกระแสให้ผ่านไปได้มากหรอน้อย ความต้านทานน้มผลต่อการท างานของอปกรณไฟฟา เครองใช้ไฟฟา และ
ุ
์
ี
์
ระบบการท างานของวงจรทางไฟฟาและอเล็กทรอนกสทั้งหมด ชวยท าให้ระบบการท างานต่างๆ มความถกต้องสมบูรณตาม
์
้
ู
ิ
ิ
่
ต้องการ
ุ
ิ
ในวัตถต่างชนดกันค่าความต้านทานทเกดขึ้นภายในวัตถเหลานั้นจะแตกต่างกันไป วัตถบางชนดมความต้านทานต า
่
ี
ิ
ี
่
ิ
ุ
ุ
่
ื่
มักถูกเรยกวา ตัวน า (Conductor) วัตถุบางชนดมความต้านทานสงมักถูกเรยกวา ฉนวน (Insulator) เมอน าวัตถุต่างชนดกันมา
ี
ี
ิ
่
ี
ิ
ู
่
เปรยบเทยบค่าความต้านทานกันจะพบว่ามความแตกต่างกันอย่างมาก แสดงได้ดังตารางท 8.1
ี
ี
ี่
ี
ิ
ี
ี
ตารางที่ 8.1 เปรยบเทยบค่าความต้านทานของวัตถุต่างชนดกัน
้
ความตานทาน
่
ื
ั
ชอวตถุ
์
(โอหม – เซนติเมตร ที่ 20C)
ิ
-6
เงน 1.6 x 10
ทองแดง 1.7 x 10
-6
ี
อะลูมเนยม 2.8 x 10
ิ
-6
์
คารบอน 4 x 10
-3
์
ี
เจอรเมเนยม 65
ซลคอน 55 x 10 3
ิ
ิ
12
แก้ว 17 x 10
ยาง 10
18
ิ
ี
ี่
ี
์
ี
้
ิ
จากการทความต้านทานมความส าคัญ และมบทบาทต่อการท างานในวงจรไฟฟา และอิเล็กทรอนกส ท าให้มการผลต
่
ี
ี
่
ี
ตัวต้านทาน (Resistor) ขึ้นมาใช้งานอย่างแพรหลาย ตัวต้านทานทผลตขึ้นมาน้มค่าความต้านทานทแตกต่างกัน หลากหลายค่าใช้
ี่
ิ
ิ
์
่
งาน ชวยอ านวยความสะดวกต่อการน าไปใช้งาน หน้าทของตัวต้านทานในวงจรไฟฟาและวงจรอิเล็กทรอนกส คือ จ ากัดการ
้
ี่
่
ู
ี
้
ิ
่
ไหลของกระแสในวงจร ก าหนดระดับแรงดันทต้องการใช้งานในวงจร และท าให้เกดก าลังไฟฟาขึ้นมาตามต้องการ รปราง
ู
ลักษณะของตัวต้านทานแบบต่างๆ แสดงดังรปที่ 8.1
ั
(ก) แบบค่าคงท ี่ (ข) แบบปรบค่าได้
ู
รูปท 8.1 รปรางลักษณะของตัวต้านทานแบบต่างๆ
่
ี
่
้
่
้
8.2 ตัวตานทานตามประเภทวัสดุทีใช
้
ิ
ู
ี่
ี
ตัวต้านทานทผลตมาใช้งานมมากมายหลายประเภท หลายชนด หลายรปแบบ และหลายโครงสราง เพื่อความสะดวก
ิ
ุ
ื่
และเกดความเหมาะสมกับการน าไปใช้งาน เมอแบ่งตามวัสดทใช้ในการผลตม 2 ประเภท คือ ประเภทโลหะ (Metallic Type)
ี่
ิ
ิ
ี
และประเภทอโลหะ (Non - Metallic Type)
้
8.2.1 ตัวตานทานประเภทโลหะ
ี
ิ
ิ
ี
่
โลหะทน ามาใช้ในการผลตตัวต้านทานมหลายชนดด้วยกัน เชน นกเกล สงกะส แคดเมยม ทองแดง
ิ
ิ
ี
ั
ี่
้
ี
่
้
ู
็
ื
ี
ี
โครเมยม และแมงกานส เปนต้น หรอจากสวนผสมของโลหะเหลาน้ สรางขึ้นมาในรปเสนลวด (Wire) และแถบลวด (Ribbon)
่
น าไปพันรอบแกนเซรามก (Ceramic Core) ต่อปลายลวดทั้งสองเข้ากับขาโลหะตัวต้านทาน ลักษณะการผลตตัวต้านทานประเภท
ิ
ิ
ื
โลหะ แบ่งออกได้หลายชนด ดังน้ ตัวต้านทานชนดลวดพัน หรอตัวต้านทานชนดไวรวาวด์ (Wire Wound Resistor) ตัวต้านทาน
ิ
์
ี
ิ
ิ
ิ
ิ
ิ
ิ
ิ
ชนดฟล์มโลหะ (Metal Film Resistor) และตัวต้านทานชนดฟล์มสนมโลหะ (Metal Oxide Film Resistor)
ื
1. ตัวตานทานชนิดลวดพัน เปนตัวต้านทานทใช้ลวดโลหะผสมพันบนแกนเซรามก ผิวด้านนอกเคลอบ
ิ
็
ี่
้
ด้วยฉนวนอกชั้นหนง อาจผลตขึ้นมาเปนแท่งทรงกระบอกยาว หรอเปนแบบท่อนกลม การต่อขาออกมาใช้งานมตั้งแต่ 2 ขาขึ้น
ื
ึ
็
ิ
ี
ี
่
็
ู
ไป ลักษณะตัวต้านทานแบบลวดพัน แสดงดังรปที่ 8.2
(ก) แบบทรงกระบอก (ข) แบบท่อนกลม
รูปท 8.2 ตัวต้านทานแบบลวดพัน
ี
่
ี
่
ี
่
้
ค่าความต้านทานของตัวต้านทานแบบลวดพันน้ ขึ้นอยูกับขนาดของเสนลวดทใช้พันไว้ ถ้าใช้เส้นลวดเส้น
้
ี
่
ี
ใหญความต้านทานมค่าต า ถ้าใช้ลวดเสนเล็กความต้านทานมค่าสงขึ้น และขึ้นอยูกับความยาวของเสนลวดทพันไว้ ถ้าลวดม ี
่
ี
ู
่
้
่
ู
่
ี
ี
ี
ความยาวน้อยความต้านทานมค่าต า ถ้าลวดมความยาวมากขึ้นความต้านทานมค่าสงขึ้น
ี
้
้
ี
ี
็
ึ
ิ
ู
ข้อดของตัวต้านทานชนดน้ คือ สามารถสรางให้มค่าทนก าลังไฟฟา (วัตต์) ได้สงมากขึ้นจนถงเปนพันวัตต์
ี
ิ
่
ี
่
ี
ี
ี
่
ู
ิ
่
ุ
ื่
ขึ้นไป ค่าความต้านทานมความคงทดต่ออณหภมทเปลยนแปลง และเกดความคลาดเคลอนต า
็
ิ
ิ
่
ี
่
ิ
์
ิ
ั
้
ึ
ี
2. ตัวตานทานชนิดฟลมโลหะ เปนตัวต้านทานประเภทโลหะอกชนดหนงทปจจุบันนยมผลตขึ้นมาใช้งาน
่
้
ี่
ี
ิ
็
เปนตัวต้านทานทมขนาดการทนก าลังไฟฟาต า โครงสรางของตัวต้านทานชนดน้ประกอบด้วยแกนเซรามกทรงกระบอกขนาด
้
ี
ิ
ิ
ี่
ู
ี
ื
ิ
ื
ต่างๆ ใช้โลหะจ าพวกพวกนกเกล (Nickel) หรอโครเมยม (Chromium) แผ่นบางๆ ในรปของฟล์มโลหะเคลอบทผิวเซรามก โดยท า
ิ
ิ
ี
่
็
ู
้
่
การเคลอบในสญญากาศ และสงไปผ่านความรอนสงท าให้เกดการยึดเกาะแนน น าไปตัดให้เปนเกลยวพันรอบแกน
ุ
ิ
ื
ิ
่
ึ
่
ี
่
ี
ื่
แบบต่อเนองจากปลายด้านหนงไปยังปลายอีกด้านหนง และมฝาครอบโลหะครอบฟล์มโลหะทปลายทั้งสองด้านต่อออกมาเปน
ึ
็
ิ
ิ
ู
ขาตัวต้านทาน ลักษณะตัวต้านทานชนดฟล์มโลหะ แสดงดังรปที่ 8.3
่
ิ
ิ
ิ
ิ
่
ิ
ี
ี
รูปท 8.3 ตัวต้านทานชนดฟล์มโลหะ รูปท 8.4 ตัวต้านทานชนดฟล์มสนมโลหะ
็
3. ตัวตานทานชนิดฟลมสนิมโลหะ เปนตัวต้านทานประเภทโลหะ ทใช้สนมโลหะมาผลตเปนตัวต้านทาน
ิ
์
ิ
็
ี่
้
ิ
ิ
ั
้
แทนโลหะ ปจจุบันนยมผลตขึ้นมาใช้งานเปนประเภทตัวต้านทานขนาดทนก าลังไฟฟาต า โครงสรางของตัวต้านทานชนดน้ ี
่
้
ิ
ิ
็
ี่
ี
ิ
ิ
ื
ประกอบด้วยแกนเซรามกทรงกระบอกขนาดต่างๆ ใช้ดบุกคลอไรด์ (Tin Chloride) พ่นเคลอบทผิวเซรามกโดยรอบในรปของ
ู
่
้
ู
ี
ิ
ฟล์มในสญญากาศ และสงไปผ่านความรอนสง จะได้ฟล์มสนมดบุก (Tin Oxide Film) ออกมา น าไปตัดให้เปนเกลยวพันรอบ
ิ
็
ุ
ิ
ี
แกนแบบต่อเนองจากปลายด้านหนงไปยังปลายอกด้านหนง และมฝาครอบโลหะครอบฟล์มสนมโลหะทปลายทั้งสองด้านต่อ
ึ
ี
่
่
ี
่
ึ
ี
ิ
ื่
ิ
ิ
ิ
็
ิ
ู
ออกมาเปนขาตัวต้านทาน ลักษณะตัวต้านทานชนดฟล์มสนมโลหะ แสดงดังรปที่ 8.4
้
8.2.2 ตัวตานทานประเภทอโลหะ
ุ
ี
่
็
ี
่
ุ
ี
่
ตัวต้านทานประเภทอโลหะ เปนตัวต้านทานทผลตขึ้นมาจากวัสดทไมใชโลหะ วัสดอโลหะทนยมน ามาใช้
ิ
ิ
่
่
ิ
ุ
ผลตตัวต้านทาน ได้แก่ คารบอน (Carbon) โดยอยู่ในรปผงคารบอน เมอต้องการผลตตัวต้านทานก็น าไปผสมรวมกับวัสดฉนวน
์
์
ื่
ู
ิ
ิ
ิ
์
ี
ิ
่
กับกาวอัดให้แนน ลักษณะการผลตตัวต้านทานประเภทอโลหะ แบ่งออกได้ 2 ชนด ดังน้ ตัวต้านทานชนดคารบอน (Carbon Resistor)
ิ
ิ
์
และตัวต้านทานชนดฟล์มคารบอน (Carbon Film Resistor)
ี
1. ตัวตานทานชนิดคารบอน เปนตัวต้านทานทผลตขึ้นมาใช้งานในสมัยเร่ม แรก และถกใช้งานเรอยมา ใน
่
ิ
ิ
ู
ื
่
็
้
์
ี
ี
ิ
ั
ิ
ิ
์
ปจจุบันตัวต้านทานชนดน้มการผลตมาใช้งานลดลง การผลตโดยน าผงคารบอนผสมกับกาวและวัสดพวกฉนวน อัดรวมกันให้
ุ
์
ี
็
ิ
ื
แนนเปนทรงกระบอก ต่อขาตัวน าออกทปลายทั้งสองด้านของคารบอนทรงกระบอก และเคลอบปดผิวด้านนอกด้วยฉนวนอีก
่
่
่
ึ
ชั้นหนง
่
ู
ิ
่
ค่าความต้านทานของตัวต้านทานชนดน้ ขึ้นอยูกับความหนาแนนของผงคารบอนทอัดขึ้นรป ความหนาแนน
่
์
่
ี
ี
ี่
่
ี่
เปลยนแปลงท าให้ความต้านทานเปลยนแปลงตามไปด้วย ถ้าความหนาแนนน้อยค่าความต้านทานต า และความหนาแนนมาก
่
่
ี
ี
ู
ู
ุ
ิ
ี
ี
ิ
ู
ค่าความต้านทานสง ข้อเสยของตัวต้านทานชนดน้ คือมค่าความผิดพลาดของความต้านทานสง อณหภมมผลต่อความต้านทาน
่
ิ
ี
่
ี
ู
์
่
มาก และน าไปใช้งานได้ในย่านความถต าเท่านั้น ลักษณะตัวต้านทานชนดคารบอน แสดงดังรปท 8.5
่
ี
ิ
่
ี
์
์
ิ
ิ
รูปท 8.5 ตัวต้านทานชนดคารบอน รูปท 8.6 ตัวต้านทานชนดฟล์มคารบอน
์
ิ
่
2. ตัวตานทานชนิดฟลมคารบอน เปนตัวต้านทานชนดคารบอนอกแบบหนงเปนชนดทผลตขึ้นมาใช้งาน
ิ
ี
ิ
่
ี
็
ึ
็
์
์
ิ
้
่
์
ิ
์
ิ
ื
ุ
ิ
ั
อย่างแพรหลายในปจจุบันมากกว่าชนดคารบอนแบบเดม การผลตท าได้โดยน าผงคารบอนผสมกับกาวไปเคลอบห้มแกนเซรา
ึ
่
ิ
ี
่
ึ
มกทรงกระบอกขนาดต่างๆ น าไปตัดให้เปนเกลยวพันรอบแกนแบบต่อเนองจากปลายด้านหนงไปยังปลายอีกด้านหนง และมฝา
ี
็
ื่
ุ
ี
ื
ึ
่
ิ
์
็
่
ี
ครอบโลหะครอบฟล์มคารบอนทปลายทั้งสองด้านต่อออกมาเปนขาตัวต้านทาน เคลอบผิวนอกสดด้วยฉนวนอกชั้นหนง
ู
ข้อเสยของตัวต้านทานชนดฟล์มคารบอน คือมค่าความต้านทานทผิดพลาดสง อุณหภมมผลต่อความ
ี่
ี
ิ
ิ
ู
ี
ี
์
ิ
ี
ี
่
ี
ี
ต้านทานมาก และน าไปใช้งานได้ในย่านความถต า ข้อดของตัวต้านทานชนดน้คือใช้งานได้ดกับงานทางไฟฟาและงานทาง
่
ิ
้
่
ี
์
ิ
ิ
ิ
ี
ู
ิ
์
ู
อเล็กทรอนกสทั่วไป และมราคาถก ลักษณะตัวต้านทานชนดฟล์มคารบอน แสดงดังรปท 8.6
้
8.3 ตัวตานทานตามรูปแบบผลิต
ิ
ู
่
ื
ี
ตัวต้านทานถกน าไปใช้งานอย่างกว้างขวางและหลากหลายหน้าท ดังนั้นเพอให้การใช้งานเกดความสะดวก และ
่
ู
ิ
ื
สามารถเลอกลักษณะตัวต้านทานไปใช้งานได้เหมาะสม บรษัทผู้ผลตตัวต้านทานจงได้ผลตตัวต้านทานขึ้นมาในหลายรปแบบ
ิ
ึ
ิ
ื
่
่
ู
ี
และหลายโครงสราง ชวยอ านวยความสะดวกในการใช้งานมากขึ้น สามารถเลอกรปแบบตัวต้านทานทเหมาะสมกับงานมาก
้
ี่
ิ
ี
ู
ุ
ิ
ี
ขึ้น วัสดทน ามาใช้ในการผลตตัวต้านทานตามรปแบบผลตน้ ใช้ได้ทั้งวัสดประเภทโลหะและประเภทอโลหะ รปแบบทผลต
่
ิ
ุ
ู
ขึ้นมาใช้งานแบ่งออกได้ดังน้ ี