ิ
1. ตัวต้านทานชนดค่าคงท ี่
ิ
2. ตัวต้านทานชนดแบ่งค่า
ี่
ิ
ื
3. ตัวต้านทานชนดเปลยนเลอกค่า
ิ
ี่
4. ตัวต้านทานชนดปรบเปลยนค่า
ั
5. ตัวต้านทานชนดพิเศษ
ิ
่
้
8.3.1 ตัวตานทานชนิดคาคงที่
็
่
ิ
ี
ี
ิ
ตัวต้านทานชนดค่าคงท (Fixed Resistor) เปนตัวต้านทานทผลตขึ้นมาใช้งานแต่ละตัวมค่าความต้านทานคงท ี่
ี่
ิ
ู
ี
่
ึ
่
็
ตายตัว ผลตค่าออกมาใช้งานมความหลากหลาย ตั้งแต่ค่าความต้านทานต าๆ เปนเศษสวนของโอห์ม จนถงค่าความต้านทานสงๆ
ิ
ี
ุ
็
่
ุ
เปนเมกะโอห์มขึ้นไป ผลตด้วยวัสดทั้งโลหะและอโลหะ โดยเรยกชอตัวต้านทานชนดคงทตามวัสดทใช้ผลต เชน ชนดลวดพัน
ิ
ิ
่
ี
่
่
ื
ิ
ี
่
ี
ิ
็
่
ิ
์
้
ิ
่
ึ
์
ิ
ิ
ิ
ชนดฟล์มโลหะ ชนดสนมโลหะ ชนดคารบอน และชนดฟล์มคารบอน เปนต้น มค่าทนก าลังไฟฟาตั้งแต่ค่าต าน้อยกวาหนงวัตต์
ิ
ู
ี่
์
ี่
ู
ั
ึ
ิ
่
็
ู
จนถงค่าสงเปนพันวัตต์ขึ้นไป รปรางและสญลักษณตัวต้านทานชนดค่าคงท แสดงดังรปท 8.7
ิ
ิ
ิ
ิ
ิ
(ก) ชนดลวดพัน (ข) ชนดฟล์มโลหะ (ค) ชนดสนมโลหะ
ิ
(ง) ชนดคารบอน (จ) ชนดฟล์มคารบอน (ฉ) สัญลักษณ ์
์
์
ิ
ิ
ิ
่
ี
รูปท 8.7 ตัวต้านทานชนดค่าคงท ี่
ในปจจุบันอุปกรณ เครองมอ เครองใช้ทางไฟฟาและอิเล็กทรอนกสมขนาดเล็กลง ท าให้ตัวต้านทานชนดค่าคงทถูก
ิ
ี
ิ
์
ี่
้
ื่
์
ื
ื่
ั
ิ
ปรบเปลยนรปแบบให้มขนาดเล็กลงตามไปด้วย เพื่อให้เหมาะสม เกดความสะดวกต่อการน าไปใช้งาน และทันกับเทคโนโลยี
ี่
ู
ี
ั
ู
สมัยใหม ตัวต้านทานชนดค่าคงทจงถกพัฒนารปแบบให้มลักษณะแตกต่างไปเพ่มมากขึ้น เชน แบบจัดกลมขาเรยงด้านเดยว
่
ี
ี
ึ
่
ุ
ิ
่
ี
ู
่
ี
ิ
ื
ี
ื
ิ
หรอ SIL (Single in Line) แบบจัดกลุ่มขาเรยงสองด้าน หรอ DIL (Dual in Line) และแบบแปะตด SMD (Surface Mounted Devices)
ู
ี่
็
ี่
ิ
เปนต้น ตัวต้านทานชนดค่าคงทแบบใหม่ แสดงดังรปท 8.8
ิ
(ก) แบบจัดกลุ่ม SIL (ข) แบบจัดกลุ่ม DIL (ค) แบบแปะตด SMD
รูปท 8.8 ตัวต้านทานชนดค่าคงที่แบบใหม่
ิ
่
ี
่
้
่
8.3.2 ตัวตานทานชนิดแบงคา
็
ี่
ี
ิ
ตัวต้านทานชนดแบ่งค่า (Tapped Resistor) เปนตัวต้านทานทผลตขึ้นมาใช้งานแต่ละตัวมค่าคงทตายตัว
่
ี
ิ
่
ี่
่
ี
ิ
่
ิ
ี่
เชนเดยวกับตัวต้านทานชนดคงท แต่แยกจ านวนขาคงทออกมาจากตัวต้านทานเพ่มขึ้นมากกวา 2 ขาขึ้นไป เชน 3 ขา 4 ขา และ 5
่
ี
็
ขา เปนต้น ความต้านทานทต่อแยกออกมา ต่อแบบอนกรมเรยงกันไป ตามค่าทก าหนดไว้ ตัวต้านทานชนดน้เปนชนดลวดพัน
ุ
ี
ี่
ี
็
ิ
ิ
ิ
ี
ั
ี
ิ
ิ
่
ื
ิ
ผลตด้วยโลหะหลายชนด หรอโลหะหลายชนดผสมรวมกัน เชน นกเกล สงกะส แคดเมยม ทองแดง โครเมยม และแมงกานส
ิ
ี
ี
่
ู
็
้
่
ิ
เปนต้น จะใช้โลหะชนดใดผสมกันขึ้นอยูกับจุดประสงค์ของการใช้งาน เชน ทนความรอนสง ทนกระแสสง หรอทนแรงดัน
ู
ื
ี
สง เปนต้น ผลตมาใช้งานมความต้านทานหลากหลายค่า ตั้งแต่ค่าต าน้อยกวาโอห์มจนถงค่าสงเปนเมกะโอห์มขึ้นไป และ
่
ู
็
็
ู
ิ
ึ
่
ู
ู
ิ
์
ผลตให้มค่าทนก าลังไฟฟาสงจากเปนวัตต์ จนถงเปนพันวัตต์ขึ้นไป รปรางและสญลักษณตัวต้านทานชนดแบ่งค่า แสดงดังรปท ่ ี
ู
ี
ึ
่
ิ
็
ั
้
็
8.9
ู
(ก) รปราง (ข) สัญลักษณ ์
่
ิ
่
ี
รูปท 8.9 ตัวต้านทานชนดแบ่งค่า
่
ื
้
8.3.3 ตัวตานทานชนิดเปลี่ยนเลอกคา
่
ิ
ี
ี่
ิ
็
ี
่
ตัวต้านทานชนดเปลยนเลอกค่า (Adjustable Resistor) เปนตัวต้านทานทผลตขึ้นมาแต่ละตัวมค่าคงทตายตัว
ี
ื
่
่
ี
ื
่
คล้ายกับตัวต้านทานชนดแบ่งค่า ขาทสามทเพ่มเข้ามาสามารถเปลยนต าแหนงเลอกค่าความต้านทานใหมได้ตามต้องการ ตัว
่
ิ
ี
ี
่
ิ
ต้านทานชนดน้เปนชนดลวดพัน โดยพันเสนลวดโลหะรอบแกนเซรามกรปทรงกระบอก มสวนหนงของเสนลวดไม่ได้ห้ม
ู
ึ
่
็
้
ิ
ิ
ุ
ิ
ี
่
ี
้
็
ึ
ุ
ี่
ั
ฉนวน ขาทสามเปนปลอกโลหะสวมล้อมรอบ มสวนหนงสัมผัสกับเส้นลวดไม่ได้ห้มฉนวนบนตัวต้านทาน สามารถปรบเลอนไป
ี
่
ื่
่
ั
ื่
ี
้
้
่
ี่
่
มาได้ตามต้องการ มสกรขันยึดปลอกโลหะให้สมผัสแนนกับเสนลวดทตัวต้านทาน เพื่อปองกันการเลอนเปลยนต าแหนง ตัว
ี่
ู
ต้านทานชนดน้ผลตมาใช้งานมความต้านทานหลากหลายค่า ตั้งแต่ค่าต าน้อยกวาโอห์มจนถงค่าสงเปนเมกะโอห์มขึ้นไป
ึ
ู
็
ี
่
ิ
่
ิ
ี
็
็
เชนเดยวกัน มค่าทนก าลังไฟฟาวัตต์สงเปน 10 วัตต์ จนถงเปนพันวัตต์ขึ้นไป รปรางและสญลักษณตัวต้านทานชนดเปลยน
ู
ิ
ี่
้
ึ
ี
์
ู
ั
ี
่
่
ู
ื
ี่
เลอกค่า แสดงดังรปท 8.10
่
ู
(ก) รปราง (ข) สัญลักษณ ์
ี่
ื
ิ
ี
่
รูปท 8.10 ตัวต้านทานชนดเปลยนเลอกค่า
่
ั
้
8.3.4 ตัวตานทานชนิดปรบเปลี่ยนคา
ี่
ิ
็
ี
่
ั
่
ตัวต้านทานชนดปรบเปลยนค่า (Variable Resistor) เปนตัวต้านทานทผลตขึ้น มาแต่ละตัวมค่าคงทตายตัว
ิ
ี
ี
ิ
ื
ี
่
ี
ื
ี
่
ิ
คล้ายกับตัวต้านทานชนดเปลยนเลอกค่า โดยมขาทสามเพ่มเข้ามา เพอปรบเปลยนค่าความต้านทานใหมได้อย่างอสระ ตั้งแต่
ิ
่
่
่
ั
ี
่
ึ
ุ
่
ี
ี
ิ
ุ
ู
ุ
ื่
ค่าความต้านทานต าสด ไปจนถงค่าความต้านทานสงสดอย่างต่อเนองทุกเวลาตามความต้องการ วัสดทน ามาใช้ผลตมทั้ง
์
่
ุ
้
่
ี
ประเภทอโลหะและประเภทโลหะ ประเภทอโลหะผลตจากวัสดจ าพวกคารบอน มค่าการทนก าลังไฟฟาต า สวนประเภทโลหะ
ิ
็
ู
ี
้
ิ
ี
ิ
ี
ิ
้
ิ
เปนชนดลวดพันผลตจากลวดนกเกลและแคดเมยม แบบน้ผลตให้ทนก าลัง ไฟฟาสงๆ ได้ โครงสรางม 2 แบบ คือแบบวงกลม
ิ
ั
ื่
ทรงกระบอก (ใช้ปรบหมุนรอบตัว) และแบบแท่งสเหลยมผืนผ้ายาว (ใช้ปรบเลอนไปมา) มขาต่อออกมาใช้งาน 3 ขา ขากลาง
ี่
ี่
ี
ั
่
ั
ู
ู
็
์
ิ
ี่
ี่
ั
เปนขาสามารถปรบเปลยนค่าได้ รปรางและสัญลักษณตัวต้านทานชนดปรบเปลยนค่า แสดงดังรปที่ 8.11
ั
ั
ื่
ั
์
์
(ก) ปรบหมุนคารบอน (ข) ปรบหมุนลวดพัน (ค) ปรบเลอนคารบอน (ง) สัญลักษณ ์
ิ
ั
ี่
่
ี
รูปท 8.11 ตัวต้านทานชนดปรบเปลยนค่า
้
8.3.5 ตัวตานทานชนิดพิเศษ
่
ี
ิ
ี่
้
ตัวต้านทานชนดพิเศษ (Special Resistor) เปนตัวต้านทานทสรางขึ้นมาใช้งานในหน้าทเฉพาะอย่าง ตาม
็
คุณสมบัตทต้องการ ใช้วัสดในการผลตแตกต่างกันออกไป มชอเรยกตัวต้านทานทแตกต่างกันตามการท างาน และตามค่าของ
ี
ี
ื่
ี่
ี่
ุ
ิ
ิ
ิ
ี
ี
่
ี
พลังงานทใช้ในการควบคุมการท างานของตัวต้านทานชนดนั้น สงผลให้ค่าความต้านทานเปลยนแปลงไป มด้วยกันหลาย
่
่
ี่
่
ิ
์
์
ชนด เชน เทอรมสเตอร (Thermistor) วารสเตอร (Varistor) และตัวต้านทานเปลยนค่าตามแสง (Light Dependent Resistor ; LDR)
ิ
์
ิ
็
เปนต้น
์
1. เทอรมิสเตอร เปนตัวต้านทานชนดพิเศษทค่าความต้านทานภายในตัวเอง สามารถเปลยนแปลงได้ตามค่า
็
์
ี่
ิ
ี่
ี
ิ
ุ
ู
ิ
ี่
ี่
ั
ิ
ี่
่
ี
อุณหภมทได้รบ ค่าความต้านทานทเปลยนแปลงไปแตกต่างกันตามชนดของวัสดทใช้ผลต วัสดทใช้ผลตมทั้งโลหะและสนม
ุ
ี่
ิ
ิ
่
ู
์
ิ
์
้
ี
ี่
โลหะ รปรางทสรางมาใช้งานมความแตกต่างกันไปหลายแบบ ขึ้นอยูกับความเหมาะสมในการใช้งาน เทอรมสเตอรแบ่งได้ 2
่
ิ
ิ
ุ
ิ
็
ชนด คือ ชนดสัมประสทธอุณหภมเปนบวก (Positive Temperature Coefficients ; PTC) ค่าความต้านทานเพ่มขึ้น เมออณหภมเพ่มขึ้น
ิ
ิ
ิ
ู
ิ
ู
ิ
์
่
ื
่
ู
ิ
็
ิ
ี
ิ
ิ
่
ุ
็
ี
วัสดทใช้ผลต เชน แบเรยม สตรอนเทยม และตะกั่วไททาเนต เปนต้น อีกชนดคือ ชนดสมประสทธอุณหภมเปนลบ (Negative
ั
ิ
ี
์
ิ
ิ
ิ
ื
่
Temperature Coefficients ; NTC) ค่าความต้านทานเพ่มขึ้น เมออุณหภูมลดลง วัสดทใช้ผลต เชน ทองแดง นกเกล แมงกานส เหล็ก
ิ
ี
่
ิ
ิ
ี่
ุ
ิ
์
่
ู
ู
็
์
์
และโคบอลต์ เปนต้น รปรางและสัญลักษณของเทอรมสเตอร แสดงดังรปที่ 8.12
+t o
PTC
-t o
NTC
ิ
่
ู
ู
่
ิ
(ก) รปรางชนด PTC (ข) รปรางชนด NTC (ค) สัญลักษณ ์
ิ
์
่
ี
รูปท 8.12 เทอรมสเตอร ์
ี่
ื
2. วารสเตอร หรอตัวตานทานเปลี่ยนคาตามแรงดัน (Voltage Dependent Resistor ; VDR) เปนตัวต้านทานทค่า
็
ิ
่
้
์
ั
ความต้านทานสามารถเปลยนแปลงได้ ตามค่าแรงดันทปอนเข้ามา วารสเตอรมาจากค าเต็มวาตัวต้านทานปรบเปลยนค่า (Variable
์
่
ี่
ิ
้
ี่
ี่
ิ
ิ
Resistor = Varistor) คุณสมบัตของวารสเตอรท างานตรงข้ามกับแรงดัน ดังน้ ความต้านทานของวารสเตอรจะลดลงเมอแรงดัน
ื่
ี
์
์
ิ
ื
่
็
ิ
่
ิ
ิ
ิ
ี
์
ิ
ี
เพ่มขึ้น ในกรณทแรงดันเพ่มขึ้นอย่างต่อเนอง ค่าความต้านทานของวารสเตอรจะลดลงรวดเรว จากคุณสมบัตดังกล่าววารสเตอร ์
ิ
็
เหมาะสมกับการใช้งานเปนตัวปองกันแรงดันกระโชก นยมน าไปใช้งานเปนอุปกรณปองกันฟาผ่า และชวยคายประจุของไฟฟา ้
้
็
่
้
้
์
ุ
็
ี่
ิ
ี
สถต เปนต้น วัสดทน ามา ใช้ผลตวารสเตอร มทั้งชนดสนมโลหะ ถกเรยกวาวารสเตอรชนดสนมโลหะ (Metal Oxide Varistor ; MOV)
ู
ิ
ิ
์
ิ
ี
ิ
์
ิ
ิ
ิ
่
ิ
์
ี
ึ
่
ุ
่
ิ
่
์
ี
ิ
ี
ั
ิ
ุ
ิ
วัสดทใช้ได้แก่ สนมสงกะส (Zinc Oxide ; ZnO) และวารสเตอรชนดสารกงตัวน า (Semi conductor) วัสดทใช้ได้แก่ ซลคอนคารบอน
ู
ู
์
์
ิ
่
(Silicon Carbon ; SiC) รปรางและสัญลักษณของวารสเตอร แสดงดังรปที่ 8.13
V
่
ู
ิ
ิ
ู
่
ิ
(ก) รปรางชนดขา (ข) รปรางชนดแปะตด SMD (ค) สัญลักษณ ์
ิ
ี
่
รูปท 8.13 วารสเตอร ์
ี่
่
้
ี่
3. ตัวตานทานเปลี่ยนคาตามแสง (LDR) เปนตัวต้านทานทค่าความต้านทานสามารถเปลยนแปลงค่าได้ตาม
็
ี
แสงสวางทมาตกกระทบ แสงสวางตกกระทบน้อย LDR มความต้านทานสง และแสงสวางตกกระทบมาก LDR มความ
ี
่
่
ู
่
ี่
่
ิ
่
ุ
ิ
ต้านทานต า วัสดทใช้ผลตตัว LDR ท ามาจากสารกงตัวน าหลายชนดผสมกัน เชน แคดเมยมซัลไฟล์ (Cadmium Sulfide ; CdS)
ี่
ึ
่
ี
ู
่
ี่
์
ี
ี
็
ี
และแคดเมยมซลไนด์ (Cadmium Selenide ; CdSe) เปนต้น รปรางและสัญลักษณของตัวต้านทานเปลยนค่าตามแสง แสดงดังรปที่
ู
8.14
(ก) รปราง (ข) สัญลักษณ ์
ู
่
่
รูปท 8.14 ตัวต้านทานเปลยนค่าตามแสง (LDR)
ี
ี่
8.4 การอานความตานทานจากรหัสตัวเลขตัวอักษร
้
่
ี
่
ี
ิ
ตัวต้านทานทผลตขึ้นมาใช้งานทุกตัว จะต้องมค่าความต้านทานบอกไว้ เพื่อให้ทราบค่าความต้านทานของตัว
ื
ึ
่
ี่
ิ
ู
ิ
ี
ิ
ี
ต้านทานตัวนั้น สามารถเลอกค่าไปใช้งานได้ง่ายและถกต้อง การบอกค่าความต้านทานบอกได้หลายวธ วธหนงทนยมใช้งาน
ได้แก่ บอกค่าความต้านทานไว้เปนตัวเลขและตัวอักษร แบ่งได้เปน 3 แบบ คือ แบบบอกค่าความต้านทานออกมาโดยตรง
็
็
แบบบอกค่าความต้านทานเปนรหัสตัวเลขตัวอักษร และแบบใช้รหัส EIA96 การอ่านค่าความต้านทานในแต่ละแบบจะแตกต่าง
็
กันไป
8.4.1 บอกคาความตานทานออกมาโดยตรง
้
่
ี่
ตัวต้านทานทบอกค่าออกมาโดยตรง จะพิมพ์ค่าความต้านทานลงบนตัวต้านทานตามค่าความต้านทานของตัว
ี
ั
ื
้
ต้านทานตัวนั้น พรอมทั้งแสดงหนวยก ากับไว้เปน , k หรอ M บางคร้งมค่าการทนก าลังไฟฟา และค่าเปอรเซนต์ความ
์
่
็
็
้
์
็
ผิดพลาดก ากับไว้ด้วยก็ได้ ตัวต้านทานบางแบบอาจใช้ตัวอักษรก ากับไว้บอกค่าเปอรเซนต์ความผิดพลาดแทนตัวเลข ม ี
ี
ี่
ี่
ตัวอักษรภาษา อังกฤษทใช้บอกค่า 9 ตัว ได้แก่ A, B, C, D, F, G, J, K และ M มความหมายความผิดพลาด แสดงดังตารางท 8.2
็
์
ตารางที่ 8.2 ค่าเปอรเซนต์ความผิดพลาดแสดงด้วยตัวอักษรภาษาอังกฤษ
่
ตัวอักษร คาความผิดพลาด (%)
A 0.05%
B 0.1%
C 0.25%
D 0.5%
F 1%
G 2%
J 5%
K 10%
M 20%
ี
ี
วธบอกค่าความต้านทานบนตัวต้านทานด้วยวธน้มความแตกต่างกันไป การอานค่าความต้านทานทก ากับไว้ จะต้อง
ิ
ี
ี่
่
ิ
ี
่
ึ
ี่
่
้
็
พิจารณาถงค่าทบอกไว้ ว่าสวนใดเปนค่าความต้านทาน สวนใดเปนค่าก าลังไฟฟา และสวนใดเปนค่าความผิดพลาด ค่าทก ากับ
ี่
็
่
็
ไว้บางแบบบอกครบทุกค่า บางแบบบอกไว้เพียงบางสวน การอ่านค่าจะต้องพิจารณาจากตัวต้านทานแต่ละตัวไป แสดงไว้ดัง
่
ี่
ี่
ตัวอย่างท 8.1 และตัวอย่างท 8.2
ี
่
ตัวอยางที่ 8.1 จงอ่านค่าความต้านทานของตัวต้านทานที่บอกค่าไว้โดยตรงต่อไปน้
470 k = ความต้านทาน 470 k
2 M K = ความต้านทาน 2 M ค่าผิดพลาด 10%
10W 200 J = ทนก าลังไฟฟ้าได้ 10 W ความต้านทาน 200 ค่าผิดพลาด 5%
20W 390 K K = ทนก าลังไฟฟ้าได้ 20 W ความต้านทาน 390 k ค่าผิดพลาด 10%
= ความต้านทาน 10 ค่าผิดพลาด 5% ทนก าลังไฟฟ้าได้ 2 W
= ทนก าลังไฟฟ้าได้ 6 W ความต้านทาน 0.1 ค่าผิดพลาด 5%
= ทนก าลังไฟฟ้าได้ 5 W ความต้านทาน 0.33 ค่าผิดพลาด 5%
ตอบ
การบอกค่าความต้านทานบางแบบจะใช้ตัวอักษรเข้ารวมแสดงการบอกค่าด้วย นอกจากใช้บอกค่า
่
ู
่
ิ
ิ
้
เปอรเซนต์ความผิดพลาดแล้ว ยังแสดงค่าไว้ในรปจุดทศนยมของเลขฐานสบ พรอมทั้งบอกหนวยความต้านทานในรปตัวคูณ
ู
์
็
ี
ื
รวมด้วย ตัวอักษรทนยมใช้ คือ R, K, M และ E ตัวอักษรเหลาน้เมออยูหน้า อยู่กลาง หรออยู่หลัง ตัวอักษรแสดงค่าเปนจุด
่
ี่
็
ื
ิ
่
่
่
ี
ิ
ี
่
ี
ิ
็
ทศนยม นอกจากนั้นยังแสดงค่าเปนตัวคูณ (จ านวนค่าเลขศูนย์ทเตมเข้าไป) ด้วย ตัวอักษรแต่ละตัวมความหมายดังน้
ี
ตัวอักษร R มค่าเปนตัวคูณ = x1
็
ตัวอักษร K มค่าเปนตัวคูณ = x10
ี
็
3
็
ี
ตัวอักษร M มค่าเปนตัวคูณ = x10
6
ื่
ตัวอักษร E แทนเครองหมาย =
ี
่
่
่
ี
ตัวอยางที่ 8.2 จงอานค่าความต้านทานของตัวต้านทานทบอกค่าไว้โดยตรงต่อไปน้
1M0 = ความต้านทาน 1 M
4R7 K = ความต้านทาน 4.7 ค่าผิดพลาด 10%
2W 2K2 E = ทนก าลังไฟฟ้า 2 W ความต้านทาน 2.2 k
430E 3W J = ความต้านทาน 430 ทนก าลังไฟฟ้าได้ 3 W ค่าผิดพลาด 5%
0E25 10W J = ความต้านทาน 0.25 ทนก าลังไฟฟ้าได้ 10 W ค่าผิดพลาด 5%
= ทนก าลังไฟฟ้าได้ 5 W ความต้านทาน 50 ค่าผิดพลาด 5%
= ทนก าลังไฟฟ้าได้ 2 W ความต้านทาน 2.7 k ค่าผิดพลาด 10%
ตอบ
่
็
8.4.2 บอกคาเปนรหัสตัวเลขตัวอักษร
่
่
ี
่
ตัวต้านทานบางแบบตัวเลขและตัวอักษรทก ากับไว้บนตัวต้านทานเหลานั้น ไมได้บอกค่าความต้านทาน
็
ี่
ู
ออกมาโดยตรง เพราะค่าทแสดงไว้บนตัวต้านทานบอกค่าออกมาในรปรหัส ต้องน ามาแปลงรหัสให้กลับมาเปนค่าความต้านทาน
ก่อนทจะอานค่าออกมา การอานค่ามหลายวธแตกต่างกันไป รหัสค่าความต้านทานมักถกแสดงไว้ในรปตัวเลข และตัวอักษร
ู
ิ
ี
่
ี
่
ู
ี
่
ี
ี
ื
เขียนเรยงกัน 3 หรอ 4 ตัว การอ่านค่าแต่ละแบบท าได้ดังน้
1. แบบตัวเลข 3 ตัว และอาจเพิ่มตัวอักษร 1 ตัว การอ่านค่า ให้อ่านตัวเลขจากซ้ายมอไปขวามอ ตัวเลข 2 ตัว
ื
ื
ี่
็
่
แรกด้านซ้ายมออ่านค่าออกมาได้โดยตรง ตัวเลขตัวท 3 แสดงจ านวนเลขศูนย์ (0) ทต้องเตมเข้าไป อ่านค่าออกมามหนวยเปน
ี
ี่
ื
ิ
่
์
่
ี
ู
็
โอห์ม () สวนตัวอักษรมักจะแสดงค่าไว้ในสวนของค่าเปอรเซนต์ความผิดพลาด วิธการอ่านค่าแสดงดังรปที่ 8.15
1 = 4 1 = 1
2 = 7 2 = 0
2 = 00 3 = 000
+
F = 1% J = 5%
+
-
-
472F R = 4,700 = 4.7 k R = 10,000 = 10 k
1% 5%
+
+
-
-
(ก) ตัวต้านทานทั่วไป (ข) ตัวต้านทานแบบ SIL
1 = 1 1 = 3
= . ( ) 2 = 9
2 = 6 = 0000
1R6 R = 1.6 394 R = 390,000 = 390 k
ิ
(ค) ตัวต้านทานแบบแปะตด SMD
รูปท 8.15 การอ่านค่ารหัสตัวต้านทานแบบตัวเลข 3 ตัว
่
ี
ี
ี
ี่
ื
่
กรณทตัวต้านทานมค่าต ากว่า 10 โอห์มลงมา จะใช้ตัวอักษร R วางไว้เปนตัวแรกหรอตัวทสองแทนตัวเลข เพื่อแสดง
็
ี่
่
็
่
ี
่
ิ
ค่าเปนจุดทศนยม () สวนตัวเลขทั้งสองตัวทแสดงค่าไว้ อานค่าออกมาได้โดยตรง
่
ี
่
่
ี
ตัวอยางที่ 8.3 จงอานค่าความต้านทานของตัวต้านทานทบอกค่าไว้ด้วยรหัสต่อไปน้
R18 = ความต้านทาน 0.18
7R5 = ความต้านทาน 7.5
ื
33R หรอ 330 = ความต้านทาน 33
ื
222 = ความต้านทาน 22 x 100 = 2,200 หรอ 2.2 k
470F = ความต้านทาน 47 ค่าผิดพลาด 1%
ื
ความต้านทาน 82 x 100,000 = 8,200,000 หรอ 8.2 M
825D =
ค่าผิดพลาด 0.5%
ตอบ
ิ
ิ
ื
2. แบบตัวเลข 4 ตัว นยมใช้กับตัวต้านทานแบบแปะตด SMD การอ่านค่าให้อ่านตัวเลขจากซ้ายมอไป
ี่
ี่
ี
ื
ิ
ขวามอ ตัวเลข 3 ตัวแรกจากซ้ายมออ่านค่าได้โดยตรง ตัวเลขตัวท 4 แสดงจ านวนเลขศูนย์ (0) ทต้องเตมเข้าไป กรณทตัว
ี่
ื
ี่
็
ี
ี่
่
ื
็
ิ
ต้านทานมค่าต ากว่า 10 โอห์มลงมา ให้ใช้ตัวอักษร R วางไว้เปนตัวทสองหรอตัวทสามแทนตัวเลข เพื่อแสดงค่าเปนจุดทศนยม
็
ี่
่
ี่
() สวนตัวเลขสองตัวแรกอ่านค่าออกมาโดยตรง ตัวเลขตัวสดท้ายเปนจ านวนเลขศูนย์ (0) ทต้องเตมเข้าไปเชนเดม ค่าทอ่าน
ิ
ุ
่
ิ
ื
ี
ี
็
่
ออกมาได้มหนวยเปนโอห์ม () ค่าความผิดพลาดของตัวต้านทานแบบ 4 ตัวเลข มค่าประมาณ 1% หรอน้อยกว่า
ี
่
่
่
ี
ตัวอยางที่ 8.4 จงอานค่าความต้านทานของตัวต้านทานทบอกค่าไว้ด้วยรหัสต่อไปน้
0 . 56
0R56 ความต้านทาน 0.56
=
91 . 0
91R0
= ความต้านทาน 91
330x1
3300 = ความต้านทาน 330 x 1 = 330
16R9 = ความต้านทาน 16.9
2
7322 = ความต้านทาน 732 x 10 = 73,200 = 73.2 k
4123 = ความต้านทาน 412 x 10 = 412,000 = 412 k
3
4
4304 = ความต้านทาน 430 x 10 = 4,300,000 = 4.3 M
ตอบ
ิ
ิ
ี่
ั
ื
้
3. แบบใชรหัส EIA96 หรอรหัส E – 96 เพราะในปจจุบันตัวต้านทานชนดแปะตด SMD ทพัฒนามาใช้งานม ี
ุ
ขนาดย่งเล็กลงเพ่มขึ้น เปนผลมาจากการพัฒนาเทคโนโลยในการผลตอปกรณอเล็กทรอนกส ท าให้หลายบรษัทผลตตัว
ี
ิ
ิ
์
ิ
ิ
ิ
ิ
์
ิ
็
่
ื
ั
ต้านทานชนดแปะตด SMD ออกมาใช้งาน ได้คิดค้นรหัสบอกค่าความต้านทานใหม่ๆ ออกมา เพอให้มความกะทัดรดมากขึ้น
ิ
ี
ิ
่
ี
ี
พิมพ์ขนาดตัว อักษรได้ขนาดใหญขึ้น รหัสแบบใหมทน ามาใช้งาน ได้แก่ รหัส EIA96 ตัวต้านทานทใช้รหัสชนดน้จะบอกค่าเปน
่
็
ี่
่
ิ
ตัวเลข 2 ตัวแรก และตัวอักษร 1 ตัวหลัง มความผิดพลาดไม่เกน 1% หรอน้อยกว่า การอ่านค่าความต้านทานต้องน ารหัสทบอก
ี
ิ
ื
ี่
ไว้ไปเปดตารางเทียบค่า รหัสตัวเลข 2 ตัวแรกบอกค่าความต้านทาน และตัวอักษร 1 ตัวหลังบอกค่าตัวคูณ (จ านวนศูนย์ทเตม)
ิ
ิ
ี่
ี
ี่
ี่
ี
ู
ี
ี่
็
่
ค่าทอ่านออก มาได้มหนวยเปนโอห์ม () ตารางเทยบค่า แสดงดังตารางท 8.3 และตารางท 8.4 วิธการอ่านค่าแสดงดังรปที่ 8.16
ู
ตารางที่ 8.3 ตารางค่าความต้านทานแสดงในรปรหัสตัวเลขของรหัส EIA96
่
่
่
่
่
รหัส คา รหัส คา รหัส คา รหัส คา รหัส คา
01 100 21 162 41 261 61 422 81 681
02 102 22 165 42 267 62 432 82 698
03 105 23 169 43 274 63 442 83 715
04 107 24 174 44 280 64 453 84 732
05 110 25 178 45 287 65 464 85 750
06 113 26 182 46 294 66 475 86 768
07 115 27 187 47 301 67 487 87 787
08 118 28 191 48 309 68 499 88 806
09 121 29 196 49 316 69 511 89 825
10 124 30 200 50 324 70 523 90 845
11 127 31 205 51 332 71 536 91 866
12 130 32 210 52 340 72 549 92 887
13 133 33 215 53 348 73 562 93 909
14 137 34 221 54 357 74 576 94 931
15 140 35 226 55 365 75 590 95 953
16 143 36 232 56 374 76 604 96 976
17 147 37 237 57 383 77 619
18 150 38 243 58 392 78 634
19 154 39 249 59 402 79 649
20 158 40 255 60 412 80 665
ู
ตารางที่ 8.4 ตารางตัวคูณที่ต้องเติมค่าลงไปแสดงในรปตัวอักษรของรหัส EIA96
ตัวอักษร ตัวคูณ
Z 0.001
ื
Y หรอ R 0.01
ื
X หรอ S 0.1
A 1
ื
B หรอ H 10
C 100
D 1,000
E 10,000
F 100,000
07 = 115 29 = 196
Y = x 0.01 B = x 10
07Y R = 115 x 0.01 = 1.15 29B R = 196 x 10 = 1,960 = 1.96 k
ี
่
รูปท 8.16 การอ่านค่าความต้านทานแบบใช้รหัส EIA96
่
ี
ี
่
่
ตัวอยางที่ 8.5 จงอานค่าความต้านทานของตัวต้านทานทบอกค่าไว้ด้วยรหัสต่อไปน้
01X = ความต้านทาน 100 x 0.1 = 10
44A = ความต้านทาน 280 x 1 = 280
55B = ความต้านทาน 365 x 10 = 3,650 = 3.65 k
10C = ความต้านทาน 124 x 100 = 12,400 = 12.4 k
91D = ความต้านทาน 866 x 1,000 = 866,000 = 866 k
ตอบ
ี
้
8.5 การอานความตานทานจากรหัสส
่
็
ี
ี
ี่
ี
ตัวต้านทานบางแบบแสดงค่าความต้านทานด้วยแถบส โดยใช้สทก าหนดไว้ระบายเปนเสนรอบตัวต้านทานเรยง
้
ตามล าดับแทนตัวเลขและตัวอักษร ใช้แทนทั้งค่าความต้านทานและค่าผิดพลาด แถบสทใช้แบ่งได้เปน 2 แบบ คือ แบบ 4 แถบส ี
็
ี่
ี
ี
ี
และแบบ 5 แถบส การอ่านค่าความต้านทานออกมามรายละเอียดแตกต่างกัน
่
ี
ี
ี่
ค่ารหัสสทระบายไว้บอกทั้งค่าความต้านทานและค่าผิดพลาด จะต้องแปลงรหัสสทก ากับไว้กลับมาเปนตัวเลขทั้งหมด
็
ี
็
ี
่
รหัสสทบอกไว้สามารถน ามาแทนเปนตัวเลขได้ทั้งค่าตัวตั้ง ค่าตัวคูณ และค่าผิดพลาด น าตัวเลขมาแทนลงไปให้ถูกต้องตามค่า
ี
ี
้
ี
่
่
สทก าหนด พรอมทั้งจัดค่าและจัดหนวยให้เหมาะสม จะได้ค่าความต้านทาน และค่าผิดพลาดของตัวต้านทานตัวนั้นออกมา
8.5.1 แบบรหัส 4 แถบส
ี
ี
่
ี
ี
ี
ี่
่
ี
ตัวต้านทานแบบรหัส 4 แถบส มแถบสทแสดงไว้ทั้งหมด 4 แถบ การอานค่าให้อ่านแถบสทอยู่ชดกัน 3 แถบ
ิ
ื
ี
็
ี
่
ี
่
่
ี
ี
ี
่
ิ
็
ี
ี
ี
่
ี
ี
ก่อน โดยให้แถบสแรกทชดขาตัวต้านทานเปนแถบสท 1 อยูทางซ้าย มอ แถบสต่อมาเปนแถบสท 2 ทั้งแถบสท 1 และแถบสท 2
่
็
่
็
ี
ี
ี
่
็
แทนค่าเปนตัวเลขลงไป และอ่านค่าตัวเลขนั้นออกมาโดยตรง สวนแถบสต่อมาเปนแถบสท 3 เปนแถบสตัวคูณหรอจ านวนเลข
ี
ื
ุ
ื
ี
ี
ี่
็
่
ิ
ี
่
ี่
็
ิ
ศูนย์ (0) ทต้องเตมเข้าไป และแถบสสดท้ายเปนแถบสท 4 ซงอาจอยู่ตดกันหรออยู่หางออกมาเล็กน้อย เปนแถบสแสดงค่า
ึ
ี
ี
ู
ผิดพลาด ตัวต้านทานแบบ 4 แถบส และตารางแสดงค่าส แสดงดังรปที่ 8.17
ี
ี
ี
แถบสที่ 1 แถบสที่ 2 แถบสที่ 3 แถบสที่ 4
ี
สี
่
คาตัวเลข คาตัวเลข คาตัวคูณ (เติมจ านวนศูนย) ์ คาผิดพลาด อักษร
่
่
่
ด า 0 0 1
น ้าตาล 1 1 10 1% F
แดง 2 2 100 2% G
ส้ม 3 3 1,000
เหลือง 4 4 10,000
เขียว 5 5 100,000 0.5% D
ิ
น ้าเงน 6 6 1,000,000 0.25% C
ม่วง 7 7 10,000,000 0.1% B
เทา 8 8 0.05% A
ขาว 9 9
ทอง 0.1 5% J
ิ
เงน 0.01 10% K
ไม่มีส ี 20% M
รูปท 8.17 ตารางแสดงค่าแถบสตัวต้านทานแบบรหัส 4 แถบส ี
ี
่
ี
ิ
การสังเกตหาแถบสแถบท 1 พจารณาดังน้
ี
ี
ี่
ิ
ี
ี่
ี่
ี
1. แถบสทอยู่ชดขาตัวต้านทานมากกว่าเปนแถบสท 1
็
ี่
ี
ี
ิ
ิ
็
2. แถบส 3 แถบอยู่ชดกัน แถบสแรกทอยู่ชดขาตัวต้านทานเปนแถบสท 1
ี
ี่
่
ี
ี
ี่
3. แถบสท 1 เส้นแถบสจะเล็กกวาปกต ิ
ี
ื
ี
็
ิ
ี
ี่
4. สเงน หรอสทอง ไม่สามารถเปนแถบสท 1 ได้
่
ี
ี่
ตัวอยางที่ 8.6 จงอ่านค่าความต้านทานของตัวต้านทานแบบรหัส 4 แถบส ตามค่าทก าหนด
1. 1 แถบสที่ 1 2 3 4
ี
ิ
2 สแสดง แดง ด า ด า เงน
ี
3 คาตัวเลข 2 0 1 10%
่
4
่
่
คาอานได ้ 20 1 = 20
่
คาผิดพลาด 10%
2. 1 แถบสที่ 1 2 3 4
ี
2 สแสดง แดง ม่วง แดง ทอง
ี
3 คาตัวเลข 2 7 100 5%
่
4
่
่
คาอานได ้ 27 100 = 2,700 = 2.7 k
่
คาผิดพลาด 5%
3. 1 แถบสที่ 1 2 3 4
ี
ิ
2 สแสดง ส้ม น ้าเงน เขียว ทอง
ี
3 คาตัวเลข 3 6 100,000 5%
่
4
คาอานได ้ 36 100,000 = 3,600,000 = 3.6 M
่
่
่
คาผิดพลาด 5%
ี
8.5.2 แบบรหัส 5 แถบส
ี
ี
ี
่
ตัวต้านทานแบบรหัส 5 แถบส มแถบสทแสดงไว้ทั้งหมด 5 แถบ การอานค่าให้อานแถบสทอยูชดกัน 4
่
ี
่
่
ี
ิ
่
ี
ี่
ี
ิ
ื
็
ี่
ี
แถบก่อน โดยให้แถบสแรกทชดขาตัวต้านทานเปนแถบสท 1 อยู่ทางซ้ายมอ แถบสต่อมาเปนแถบสท 2 และ 3 ตามล าดับ แถบ
็
ี
ี่
ี
็
็
ี
่
ี่
ี
่
ี่
สท 1, 2 และ 3 แทนค่าเปนตัวเลขลงไป และอานค่าตัวเลขนั้นออกมาโดยตรง สวนแถบสต่อมาเปนแถบสท 4 เปนแถบสตัวคูณ
ี
็
ี
ื
ึ
ิ
ี
่
ิ
่
ี่
ี่
ี
ุ
ื
หรอจ านวนเลขศูนย์ (0) ทต้องเตมเข้าไป และแถบสสดท้ายแถบสท 5 ซงอาจอยู่ตดกันหรออยู่หางออกมาเล็กน้อย เปนแถบส ี
็
ู
ี
ี
แสดงค่าผิดพลาด ตัวต้านทานแบบ 5 แถบส และตารางแสดงค่าส แสดงดังรปที่ 8.18
แถบสที่ 1 แถบสที่ 2 แถบสที่ 3 แถบสที่ 4 แถบสที่ 5
ี
ี
ี
ี
ี
สี
่
่
่
่
่
คาตัวเลข คาตัวเลข คาตัวเลข คาตัวคูณ (เติมจ านวนศูนย) ์ คาผิดพลาด อักษร
ด า 0 0 0 1
น ้าตาล 1 1 1 10 1% F
แดง 2 2 2 100 2% G
ส้ม 3 3 3 1,000
เหลือง 4 4 4 10,000
เขียว 5 5 5 100,000 0.5% D
ิ
น ้าเงน 6 6 6 1,000,000 0.25% C
ม่วง 7 7 7 10,000,000 0.1% B
เทา 8 8 8 0.05% A
ขาว 9 9 9
ทอง 0.1 5% J
เงน 0.01 10% K
ิ
ี
รูปท 8.18 ตารางแสดงค่าแถบสตัวต้านทานแบบรหัส 5 แถบส ี
่
ี
ี
การสังเกตหาแถบสแถบท 1 พจารณาดังน้
ี่
ี
ิ
็
ี่
ิ
ี
ี
ี่
1. แถบสทอยู่ชดขาตัวต้านทานมากกว่าเปนแถบสท 1
ี่
ี่
ี
ิ
ี
็
ี
2. แถบส 3 แถบ หรอ 4 แถบทอยู่ตดกัน แถบสแรกทอยู่ชดขาตัวต้านทานเปนแถบสท 1
ื
ิ
ี่
ี
3. สเงน หรอสทอง ไม่สามารถเปนแถบสท 1 หรอแถบสท 2 ได้
ี
ี่
ี่
ี
ื
ื
็
ิ
ี
ื
์
็
ี
ี
ื
ี
่
4. แถบสค่าเปอรเซนต์ผิดพลาดจะอยู่หางออกมา หรอท าให้มขนาดแถบเล็กหรอใหญ่กว่าแถบสอื่นๆ
ี่
ี
่
ตัวอยางที่ 8.7 จงอ่านค่าความต้านทานของตัวต้านทานแบบรหัส 5 แถบส ตามค่าทบอกไว้
1. 1 แถบสที่ 1 2 3 4 5
ี
2 สแสดง แดง ด า ด า ทอง แดง
ี
3
่
4 คาตัวเลข 2 0 0 0.1 2%
5 คาอานได 200 0.1 = 20
่
่
้
่
คาผิดพลาด 2%
2. 1 แถบสที่ 1 2 3 4 5
ี
2 สแสดง เขียว ม่วง น ้าเงน แดง น ้าตาล
ิ
ี
3
่
4 คาตัวเลข 5 7 6 100 1%
5 คาอานได 576 100 = 57,600 = 57.6 k
้
่
่
่
คาผิดพลาด 1%
ี
3. 1 แถบสที่ 1 2 3 4 5
2 สแสดง ส้ม ด า เขียว ส้ม เขียว
ี
3
่
4 คาตัวเลข 3 0 5 1,000 0.5%
5 คาอานได 305 1,000 = 305,000 = 305 k
้
่
่
่
คาผิดพลาด 0.5%
้
่
8.6 การตอตัวตานทาน
ี่
การต่อตัวต้านทาน คือ การน าตัวต้านทานมาต่อวงจรรวมกัน เพื่อปรบเปลยนค่าความต้านทานให้ได้ตามต้องการ
ั
ุ
การต่อตัวต้านทานแบ่งออกได้เปน 3 แบบ คือ ต่อแบบอนกรม ต่อแบบขนาน และต่อแบบผสม การต่อตัวต้านทานแต่ละแบบม ี
็
ี่
ี่
ผลท าให้ค่าความต้านทานรวมทได้ออกมาเปลยนแปลงไป
่
้
8.6.1 การตอตัวตานทานแบบอนุกรม
ื่
ี
็
ุ
การต่อตัวต้านทานแบบอนกรม (Series Resistor) เปนการต่อตัวต้านทานเข้าด้วยกันแบบเรยงล าดับต่อเนองกัน
ี่
ไป ในลักษณะท้ายของตัวต้านทานตัวแรกต่อเข้าหัวตัวต้านทานตัวทสอง และท้ายของตัวต้านทานตัวทสองต่อเข้าหัวตัวต้านทาน
ี่
ื
ุ
่
ี่
่
ี
ี
ู
่
ตัวทสาม ต่อเชนน้เรอยไป การต่อวงจรตัวต้านทานแบบอนกรม แสดงดังรปท 8.19
R 1 R 2 R 3 R 4 R 1 R 2 R 3 R 4
ู
์
(ก) รปวงจร (ข) สัญลักษณวงจร
ุ
ี
รูปท 8.19 การต่อตัวต้านทานแบบอนกรม
่
่
ี
ี
การต่อตัวต้านทานแบบน้ ท าให้ค่าความต้านทานรวมของวงจรเพ่มขึ้นตามจ านวนตัวต้านทานทน ามาต่อเพ่ม
ิ
ิ
็
ุ
การหาค่าความต้านทานรวมในวงจรแบบอนกรม สามารถเขียนเปนสมการได้ดังน้ ี
R = R + R + R + R + .... .....(8-1)
1
2
T
4
3
เมอ R = ความต้านทานรวมของวงจร หนวย
ื่
่
T
่
R , R , R , R = ความต้านทานของตัวต้านทาน 1, 2, 3 และ 4 ตามล าดับ หนวย
4
3
1
2
ุ
ี่
ู
่
ตัวอยางที่ 8.8 จงหาค่าความต้านทานรวมของวงจรอนกรมตามรปท 8.20
R 1 R 2 R 3 วิธีท า
จากสตร R = R + R + R
ู
220 470 100 T 1 2 3
แทนค่า R = 220 + 470 + 100
T
รูปท 8.20 วงจรตัวต้านทานแบบอนกรม R = 790 ตอบ
ุ
ี
่
T
้
่
8.6.2 การตอตัวตานทานแบบขนาน
่
็
การต่อตัวต้านทานแบบขนาน (Parallel Resistor) เปนการต่อตัวต้านทานแต่ละตัวในลักษณะครอมขนาน
รวมกันทุกตัว มจุดต่อรวมกัน 2 จุด คือจุดรวมขาแต่ละด้านของตัวต้านทานแต่ละตัว ลักษณะการต่อวงจรตัวต้านทานแบบ
ี
่
่
ู
ขนาน แสดงดังรปที่ 8.21
R 1 R 1
R 2 R 2
R 3 R 3
R 4 R 4
ู
์
(ก) รปวงจร (ข) สัญลักษณวงจร
รูปท 8.21 การต่อตัวต้านทานแบบขนาน
ี
่
ี
การต่อตัวต้านทานแบบน้ ท าให้ค่าความต้านทานรวมของวงจรลดลง ได้ค่าผล รวมของความต้านทานใน
ุ
วงจร น้อยกวาค่าความต้านทานของตัวต้านทานตัวทมค่าน้อยทสดในวงจร การหาค่าความต้านทานรวมในวงจรแบบขนาน
ี่
ี
ี่
่
สามารถเขียนสมการได้ดังน้ ี
1 1 1 1 1
R T = R 1 + R 2 + R 3 + R 4 + .... .....(8-2)
เมอ R = ความต้านทานรวมของวงจร หนวย
่
ื่
T
่
R , R , R , R = ความต้านทานของตัวต้านทาน 1, 2, 3 และ 4 ตามล าดับ หนวย
3
4
1
2
ู
ี่
่
ตัวอยางที่ 8.9 จงหาค่าความต้านทานรวมของวงจรตามรปท 8.22
วิธีท า
1 1 1 1 1
ู
จากสตร = + + +
R T R 1 R 2 R 3 R 4
R 1 = 10 1 1 1 1 1
แทนค่า = + + +
R 10 24 20 12
R 2 = 24 T
1 12 +5 +6 +10 33
= =
R 3 = 20 R T 120 120
120
R 4 = 12 R = 33 = 3.64 ตอบ
T
รูปท 8.22 วงจรตัวต้านทานแบบขนาน
่
ี
่
้
8.6.3 การตอตัวตานทานแบบผสม
การต่อตัวต้านทานแบบผสม (Compound Resistor) เปนการต่อตัวต้านทานผสมรวมกัน ระหวางการต่อแบบ
่
็
ี่
อนกรมและการต่อแบบขนานอยู่ในวงจรเดยวกัน การต่อตัวต้านทานแบบผสมไม่มวงจรตายตัว สามารถเปลยนแปลงไปตาม
ุ
ี
ี
ิ
ี่
่
ุ
ี
ลักษณะการต่อวงจรทต้องการ การหาค่าความต้านทานรวมของวงจร ให้ใช้วิธหาแบบอนกรมและวธหาแบบขนานรวมกัน โดย
ี
่
่
ึ
ี
ู
พิจารณาการต่อทละสวน ลักษณะการต่อวงจรตัวต้านทานแบบผสมลักษณะหนง แสดงดังรปที่ 8.23
R 1 R 2 R 3 R 1 R 2 R 3
R 4 R 5 R 4 R 5
์
ู
(ก) รปวงจร (ข) สัญลักษณวงจร
ึ
่
รูปท 8.23 การต่อตัวต้านทานแบบผสมลักษณะหนง
ี
่
ู
่
ตัวอยางที่ 8.10 จงหาค่าความต้านทานรวมของวงจรตามรปที่ 8.24
วิธีท า
R 1 = 10 R 2 = 24 R 3 = 20
ู
สตรอนกรม R = R + R + R 3
ุ
123
2
1
R 4 = 56 R 5 = 22 แทนค่า R = 10 + 24 + 20
123
R = 54
123
รูปท 8.24 วงจรตัวต้านทานแบบผสม
่
ี
สตรอนกรม R = R + R
ุ
ู
45
4
5
แทนค่า R = 56 + 22
45
R = 78
45
1 1 1
ู
สตรขนาน = +
R T R 123 R 45
R R
ื
หรอใช้สตร R = 123 45
ู
T
R 123 + R 45
54 78
แทนค่า R =
T
54 + 78
R = 31.91 ตอบ
T
8.7 บทสรุป
่
็
ี่
วัตถุทุกชนดบนโลกมความต้านทานเปนสวนประกอบรวมอยู่ด้วยเสมอ ในขนาดค่าความต้านทานทแตกต่างกัน บาง
ิ
ี
ี
ิ
็
ิ
ี
ิ
ู
่
่
ุ
ชนดมค่าต า บางชนดมค่าสง สามารถน าวัตถเหลานั้นน ามาผลตเปนตัวต้านทานได้ ท าให้เกดความสะดวกต่อการใช้งาน หน้าทตัว
ิ
ี่
่
ต้านทานคือจ ากัดการไหลของกระแส และก าหนดค่าแรงดันตกครอม
ิ
ชนดของตัวต้านทานแบ่งออกได้ตามวัสดทใช้ผลต คือ วัสดประเภทโลหะท ามาจากโลหะผสมของนกเกล แคดเมยม
ี่
ิ
ุ
ิ
ี
ุ
ิ
่
็
์
ทองแดง แมงกานส และโครเมยม เปนต้น สวนวัสดประเภทอโลหะ ท ามาจากผงคารบอนอัด หรอฟล์มคารบอน และแบ่งออก
์
ุ
ี
ื
ิ
ี
ิ
ิ
่
ี
ี
ิ
ั
ื
่
ิ
่
ี
ิ
ิ
ิ
ได้ตามรปแบบทผลต ได้แก่ ชนดคงท ชนดแบ่งค่า ชนดเปลยนเลอกค่า ชนดปรบเปลยนค่า และชนดพเศษ แต่ละชนดของตัว
ิ
ี่
ู
ุ
่
ิ
ี
ต้านทานทผลตขึ้นมาสามารถใช้วัสดได้ทั้งประเภทโลหะและประเภทอโลหะ
ตัวต้านทานชนดพเศษ เปนตัวต้านทานทผลตขึ้นมาใช้ในแต่ละงานโดยเฉพาะ ค่าความต้านทานของตัวต้านทานชนด
ี
ิ
็
่
ิ
ิ
ิ
่
่
ี
ี
ี
่
ู
์
น้สามารถเปลยนแปลงค่าได้ตามการควบคุมของขนาดพลังงานทใช้งาน เชน เทอรมสเตอรใช้อุณหภมควบคุมความต้านทาน
ิ
ี
์
้
์
ิ
์
ี
วารสเตอรใช้แรงดันไฟฟาควบคุมความต้านทาน และแอลดอาร (LDR) ใช้แสงควบคุมความต้านทาน
การอ่านค่าความต้านทานทแสดงไว้บนตัวต้านทานอ่านได้หลายแบบ เชน แบบแสดงค่าออกมาโดยตรง จะพิมพ์ค่า
ี่
่
ความต้านทานบอกไว้สามารถอานค่าออกมาได้โดยตรง แบบแสดงค่าเปนรหัส จะต้องท าการแปลงรหัสออกก่อนจงสามารถ
็
ึ
่
ี
่
็
ึ
อ่านค่าความต้านทานออกมาได้ และแบบแสดงค่าเปนแถบส จะต้องแปลงแถบสให้เปนตัวเลขก่อน จงสามารถอานค่าความ
ี
็
ี
ี
ี
่
ี
ต้านทานออกมาได้ แถบสทบอกไว้มทั้งแบบ 4 แถบส และแบบ 5 แถบส ี
• ดานทักษะ(ปฏิบัติ) (จุดประสงคเชงพฤติกรรมขอท 4-6)
ี
่
้
ิ
์
้
2. ใบปฏิบัตงานท 8.1 การอ่านค่าความต้านทานและการวัดค่าความต้านทาน
ิ
ี่
ิ
้
• ดานคุณธรรม/จรยธรรม/จรรยาบรรณ/บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง
(จุดประสงคเชงพฤตกรรมขอท 7-8)
ิ
์
้
ิ
ี่
ี
ึ
้
์
ึ
ี
ุ
ุ
1. การเตรยมความพรอมด้านการเตรยม วัสด อปกรณนักศกษาจะต้องกระจายงานได้ทั่วถง และตรง
ี
ื่
้
ุ
ี
์
ี่
ิ
ตามความสามารถของสมาชกทุกคน มการจัดเตรยมสถานท สอ วัสด อุปกรณไว้อย่างพรอม
ี
เพรยง
ี
ี
ี
ิ
ิ
ั
ึ
ิ
3. ความมเหตุมผลในการปฏบัตงาน ตามหลักปรชญาเศรษฐกจพอเพียง นักศกษาจะต้องมการใช้
ี
่
ิ
่
ื
่
ี
ี
่
ิ
ุ
่
เทคนคทแปลกใหม ใช้สอและเทคโนโลย ประกอบการ น าเสนอทนาสนใจ น าวัสดในท้องถ่นมา
ประยุกต์ใช้อย่างคุ้มค่าและประหยัด
ี
ี
ื
กิจกรรมการเรยนการสอนหรอการเรยนรู ้
ั
ั
ขนตอนการสอนหรอกิจกรรมของครู ขนตอนการเรยนรูหรอกิจกรรมของนกเรยน
ี
้
้
ื
ี
ื
้
ั
้
้
้
้
่
ี
ี
่
1. ขันน าเขาสูบทเรยน ( 15 นาที ) 1. ขันน าเขาสูบทเรยน ( 15 นาที )
ี
ี
ี
ี
1. ผู้สอนเตรยมตัวสอนบทที่ 8 เรอง ตัวต้านทาน 1. ผู้เรยนเตรยมตัวเรยนบทที่ 8 เรอง ตัวต้านทาน
ื่
ื่
ี
ื่
2. ผู้สอนแจ้งวัตถุประสงค์ของการเรยน เรอง ตัว
ี่
ี
ต้านทาน 2. ผู้เรยนท าความเข้าใจเกยวกับวัตถุประสงค์ของการ
ี
ื่
ิ
ี
3. ผู้สอนให้ผู้เรยนอธบายความหมายของความ เรยน เรอง ตัวต้านทาน
ิ
ี
ต้านทาน 3. ผู้เรยนอธบายความหมายของความต้านทานตามท ี่
ี
ี
ี
ึ
ผู้เรยนเข้าใจ และเตรยมตัวท าแบบฝกหัดก่อนเรยน
้
้
้
้
้
้
2. ขันใหความรู ( 120 นาที ) 2. ขันใหความรู ( 120 นาที )
ิ
ี
ู
ื
้
ื
ิ
1. ผู้สอนฉายแผ่นใส พรอมเปดหนังสอ งานไฟฟา ้ 1. ผู้เรยนดแผ่นใสและเปดหนังสอ งานไฟฟาและ
้
ี
ิ
์
่
ื่
ิ
ื
และอเล็กทรอนกสเบ้องต้น บทท 8 เรอง ตัวต้านทาน อเล็กทรอนกสเบ้องต้น บทท 8 เรอง ตัวต้านทาน
ิ
ิ
ื
ี
่
ื่
์
ี
้
ื
ึ
่
ี
ั
ี
ื
้
พรอมอธบายเน้อหาให้ผู้เรยนฟงทละหน้า พรอมกับจดบันทกเน้อทได้เรยน
ิ
ี
ิ
ี
ิ
ี่
ุ
2. ผู้สอนอธบายความรเพ่มเตม และให้ผู้เรยนชวยกัน 2. ผู้เรยนบอกชนดความต้านทานตามวัสดทใช้ผลต
ิ
่
ี
ู
ิ
ิ
้
ิ
ี
ี
ั
่
ิ
ี่
ิ
ุ
บอกชนดความต้านทานตามวัสดทใช้ผลต 3. ผู้เรยนซักถามข้อสงสยทเกดขึ้น
ิ
ี
3. ผู้สอนเปดโอกาสให้ผู้เรยนซักถามข้อสงสยท ี่
ั
ิ
่
ี
เกดขึ้นระหวางการเรยนการสอน และตอบข้อซักถาม
้
้
์
3. ขันประยุกตใช ( 285 นาที )
้
้
์
3. ขันประยุกตใช ( 285 นาที ) 1. ผู้เรยนท าใบปฏบัตงาน 8.1 เรอง การอ่านและการวัด
ิ
ิ
ื่
ี
ิ
ิ
1. ผู้สอนให้ผู้เรยนท าใบปฏบัตงาน 8.1 เรอง การ
ี
ื่
ค่าความต้านทาน
อ่านและการวัดค่าความต้านทาน 2. ผู้เรยนฝกอ่านค่าความต้านทานแสดงเปนตัวอักษร
ึ
็
ี
ี
2. ผู้สอนให้ผู้เรยนอ่านค่าความต้านทานแสดงเปน ี
็
ตัวอักษรและแถบส และแถบส
ี
ี
ี
ื
กิจกรรมการเรยนการสอนหรอการเรยนรู ้
ี
ขนตอนการสอนหรอกิจกรรมของครู ขนตอนการเรยนรูหรอกิจกรรมของนกเรยน
้
ี
ั
้
ื
ั
้
ั
ื
้
้
4. ขันสรุปและประเมินผล ( 60 นาที ) 4. ขันสรุปและประเมินผล ( 60 นาที )
ุ
ี่
ื
ี
่
ื
ี่
ี
่
ุ
ี
1. ผู้สอนและผู้เรยนรวมกันสรปเน้อหาทได้เรยนให้ม ี 1. ผู้สอนและผู้เรยนรวมกันสรปเน้อหาทได้เรยนให้ม ี
ี
ิ
ี
ิ
ี
ความเข้าใจในทศทางเดยวกัน ความเข้าใจในทศทางเดยวกัน
ี
ึ
ี
ี่
ี่
ึ
ั
2. ผู้สอนให้ผู้เรยนท าแบบฝกหัดท 8 2. ผู้เรยนรบแบบฝกหัดท 8 จากผู้สอน
ี่
ื่
ี่
ึ
ึ
ี
3. แจกแบบฝกหัดท 8 3. ผู้เรยนท าแบบฝกหัดท 8 ด้วยความซอสัตย์
ี่
ึ
ี
ึ
ี
4. ครตรวจแบบฝกหัดหลังเรยนพรอมกับบันทก 4. ผู้เรยนน าคะแนนจากแบบฝกหัดบทท 8 เพื่อด ู
้
ู
ึ
คะแนน ความก้าวหน้าของตนเอง
ิ
ี่
์
(บรรลุจุดประสงคเชงพฤตกรรมขอท 1-8)
้
ิ
ี่
์
้
ิ
ิ
(บรรลุจุดประสงคเชงพฤตกรรมขอท 1-8)
ี
(รวม 480 นาท หรอ 8 คาบเรยน)
ื
ี
ื
งานที่มอบหมายหรอกิจกรรมการวัดผลและประเมินผล
กอนเรยน
ี
่
3. จัดเตรยมเอกสาร สอการเรยนการสอนตามทอาจารย์ผู้สอนและบทเรยนก าหนด
ี
ี
ี่
ี
ื่
4. ท าความเข้าใจเกยวกับจุดประสงค์การเรยนของบทที่ 8 และการให้ความรวมมอในการท ากจกรรมในบทที่ 8
ี่
ิ
ี
่
ื
ี
ขณะเรยน
4. ศกษาเน้อหา ในบทท 8 เรอง ตัวต้านทาน
ึ
ื
่
ื่
ี
5. ปฏบัตใบปฏบัตงานท 8.1
ิ
ิ
ี่
ิ
ิ
ี
6. รายงานผลหน้าชั้นเรยน
ี
หลังเรยน
ึ
1. ท าแบบฝกหัดหลังเรยน
ี
ี
2. ท าแบบประเมินการเรยนร ู ้
้
็
ี
ผลงาน/ชนงาน/ความสาเรจของผูเรยน
ิ
้
่
4. แปลงหนวยความต้านทาน
็
5. อ่านค่าความต้านทานแสดงเปนตัวเลขตัวอักษร
็
6. อ่านค่าความต้านทานแสดงเปนแถบส ี
7. ใบปฏบัติงานท 8.1
ี่
ิ
8. แบบฝกหัดบทท 8
ึ
ี่
สอการเรยนการสอน/การเรยนรู
้
ี
ื
ี
่
ื่
ิ่
สอสงพิมพ ์
ิ
ิ
้
ี
ื
ิ
ี
์
ิ
ื
ิ
7. หนังสอเรยนวชา งานไฟฟาและอเล็กทรอนกสเบ้องต้น (ใช้ประกอบการเรยนการสอนจุดประสงค์เชงพฤตกรรมข้อท ี่
1-8)
ื
์
ี
้
ี่
ิ
้
่
ื่
8. แผ่นใส บทท 7 เรอง อุปกรณปองกันไฟฟาและสายดน (ใช้ประกอบการเรยนการสอนขั้นสอน เพอให้บรรล ุ
จุดประสงค์เชงพฤตกรรมข้อท 1-6)
ิ
ิ
ี่
ื่
9. ใบปฏบัติงานท 8.1 เรอง การอ่านค่าความต้านทานและการวัดค่าความต้านทาน(ใช้ประกอบการเรยนการสอน
ิ
ี่
ี
จุดประสงค์เชงพฤตกรรมข้อท 4-6)
ี่
ิ
ิ
10. แบบฝกหัดบทท 8 ใช้ประกอบการสอนขั้นเตรยม ข้อ 2
ี
ึ
ี่
11. แบบประเมินผลงานตามใบปฏบัตงาน ใช้ประกอบการสอนขั้นการเรยนการสอน ข้อ 2
ิ
ิ
ี
12. แบบประเมนพฤตกรรมการท างานกลม ใช้ประกอบการสอนขั้นการเรยนการสอน ข้อ 2
ี
่
ุ
ิ
ิ
ี
์
ื่
สอโสตทัศน (ถ้าม)
3. เครองฉาย ภาพ โปรเจคเตอร (PROJECTOR)
ื่
์
4. เครองฉายแผ่นใส (OVERHEAD)
ื่
ิ
ื่
สอของจรง
ิ
ื่
1. มัลตมเตอรชนดเข็ม 1 เครอง
ิ
ิ
์
2. ตัวต้านทานค่าต่างๆกันจากค่าต าไปหาค่าสงชนด 4 แถบส 10 ตัว
ิ
่
ี
ู
3. ตัวต้านทานค่าต่างๆกันจากค่าต าไปหาค่าสงชนด 5 แถบส 10 ตัว
่
ู
ิ
ี
ี
้
่
แหลงการเรยนรู
ในสถานศึกษา
3. ห้องสมุด
์
ึ
ิ
4. ห้องปฏบัตการคอมพิวเตอร ศกษาหาข้อมูลทาง INTERNET
ิ
ึ
นอกสถานศกษา
ิ
ผู้ประกอบการ สถานประกอบการ ในท้องถ่น
์
การบูรณาการ/ความสมพันธกับวิชาอน
ื
ั
่
ึ
1. บูรณาการกับวิชาชวิตและวัฒนธรรมไทย ด้านการพูด การอ่าน การเขียน และการฝกปฏบัตตนทางสังคมด้านการ
ี
ิ
ิ
เตรยมความพรอม ความรบผิดชอบ และความสนใจใฝร ้ ู
่
ั
ี
้
ิ
ื
ิ
ิ
ื
2. บูรณาการกับวชาการบรหารการจัดซ้อ ด้านการซ้อ การแสวงหาผลตภัณฑ์
ี
ี
ุ
ิ
ิ
3. บูรณาการกับวิชากฬาเพื่อพัฒนาสขภาพและบุคลกภาพ ด้านบุคลกภาพในการน าเสนอหน้าชั้นเรยน
ื
ั
์
4. บูรณาการกับวิชาหลักเศรษฐศาสตร ด้านการเลอกใช้ทรพยากรอย่างประหยัด
้
ี
การประเมินผลการเรยนรู
ิ
้
ี
หลักการประเมนผลการเรยนรู
ี
ขณะเรยน
ิ
ิ
ี่
3. ตรวจผลงานตามใบปฏบัตงานท 8.1
4. สังเกตการท างานกลุ่ม
ี
หลังเรยน
ึ
ี
3. ตรวจแบบฝกหัดหลังเรยน
4. สังเกตการท างานกลุ่ม
ิ
้
ี
้
็
ผลงาน/ชนงาน/ผลสาเรจของผูเรยน
่
1. แปลงหนวยความต้านทาน
็
2. อ่านค่าความต้านทานแสดงเปนตัวเลขตัวอักษร
็
3. อ่านค่าความต้านทานแสดงเปนแถบส ี
ค าถาม
์
์
ิ
ี
อธบายให้ได้ใจความสมบูรณและแสดงวิธท าให้สมบูรณถูกต้อง
์
์
ิ
์
ิ
1. เทอรมสเตอร และวารสเตอรแตกต่างกันอย่างไร
์
ิ
ิ
ิ
ิ
2. ตัวต้านทานชนดฟล์มโลหะ และตัวต้านทานชนดฟล์มคารบอน แตกต่างกันอย่างไร
่
่
ี
ี
3. จงอานค่าความต้านทานของตัวต้านทานทบอกค่าไว้ดังต่อไปน้
่
่
่
ที่ คาแสดง คาอานได ้
1 2W 33KK
2 6M8J
3 270E 5WJ
4 131
5 2R94
6 7872
ี
ี
่
4. จงอานค่าความต้านทานของตัวต้านทานตามแถบสดังต่อไปน้
ี
ี
ี
่
ี
่
ี
ที่ ส1 ส2 ส3 ส4 ส5 คาอานได ้
1 ทอง -
2 เงิน -
3 ทอง ทอง -
4
5
6
ู
5. จงหาค่าความต้านทานรวมของวงจรตามรป
R 1 = 10
R 2 = 30
R 3 = 20
ู
้
ี
ี
รายละเอยดการประเมินผลการเรยนร
ิ
ี่
ิ
ิ
ุ
• จุดประสงค์เชงพฤตกรรม ข้อท 1 อธบายความหมายความต้านทานในวัสดต่าง ๆได้
ิ
ี
4. วิธการประเมน : ทดสอบ
ื
ื่
5. เครองมอ : แบบทดสอบ
ิ
ุ
6. เกณฑ์การให้คะแนน : อธบายความหมายความต้านทานในวัสดต่าง ๆได้ จะได้ 3 คะแนน
ิ
ี่
ี่
ิ
ิ
ุ
ิ
• จุดประสงค์เชงพฤตกรรม ข้อท 2 จ าแนกชนดตัวต้านทานตามวัสดทใช้ผลตได้
ี
ิ
4. วิธการประเมน : ทดสอบ
ื
ื่
5. เครองมอ : แบบทดสอบ
ุ
ี่
ิ
ิ
6. เกณฑ์การให้คะแนน : จ าแนกชนดตัวต้านทานตามวัสดทใช้ผลตได้จะได้ 3 คะแนน
ิ
ี่
ู
ิ
• จุดประสงค์เชงพฤตกรรม ข้อท 3 วิเคราะห์ตัวต้านทานตามรปแบบที่ผลิตได้
ี
ิ
4. วิธการประเมน : ทดสอบ
ื
ื่
5. เครองมอ : แบบทดสอบ
ู
6. เกณฑ์การให้คะแนน : วิเคราะห์ตัวต้านทานตามรปแบบที่ผลิตได้ 3 คะแนน
ิ
่
ี่
ิ
• จุดประสงค์เชงพฤตกรรม ข้อท 4 แปลงหนวยความต้านทานได้
ิ
ี
4. วิธการประเมน : ทดสอบ
ื่
ื
5. เครองมอ : แบบทดสอบ
่
6. เกณฑ์การให้คะแนน : แปลงหนวยความต้านทานได้ จะได้ 7 คะแนน
็
ี่
ิ
ิ
• จุดประสงค์เชงพฤตกรรม ข้อท 5 อ่านค่าความต้านทานแสดงเปนตัวเลยตัวอักษรได้
ิ
ี
1. วิธการประเมน : ทดสอบ
ื่
ื
2. เครองมอ : แบบทดสอบ
็
7. เกณฑ์การให้คะแนน : อ่านค่าความต้านทานแสดงเปนตัวเลยตัวอักษรได้จะได้ 7 คะแนน
ี
็
ี่
ิ
ิ
• จุดประสงค์เชงพฤตกรรม ข้อท 6 อ่านค่าความต้านทานแสดงเปนแถบสได้
ิ
ี
1. วิธการประเมน : ทดสอบ
ื่
ื
2. เครองมอ : แบบทดสอบ
ี
็
3. เกณฑ์การให้คะแนน : อ่านค่าความต้านทานแสดงเปนแถบสได้ได้ จะได้ 7 คะแนน
ิ
ุ
้
์
ี
ี่
ิ
• จุดประสงค์เชงพฤตกรรม ข้อท 7 เตรยมความพรอมด้าน วัสด อุปกรณสอดคล้องกับงานได้อย่างถูกต้อง
ี
ิ
4. วิธการประเมน : ตรวจผลงาน
ื
ื่
ิ
5. เครองมอ : แบบประเมนกระบวนการท างานกลุ่ม
ุ
์
้
ี
6. เกณฑ์การให้คะแนน : เตรยมความพรอมด้าน วัสด อุปกรณสอดคล้องกับงานได้อย่าง
ถูกต้อง จะได้ 5 คะแนน
ิ
ิ
ี่
็
ิ
ิ
ี
ี่
• จุดประสงค์เชงพฤตกรรม ข้อท 8 ปฏบัตงานได้อย่างถูกต้อง และส าเรจภายใน เวลาทก าหนดอย่างมเหตุ
ิ
ั
และผลตามหลักปรชญาเศรษฐกจพอเพียง
ิ
ี
4. วิธการประเมน : ตรวจผลงาน
ื่
ื
5. เครองมอ : แบบประเมินกระบวนการท างานกลุ่ม
ี
็
ิ
ี่
ิ
6. เกณฑ์การให้คะแนน : ปฏบัตงานได้อย่างถูกต้อง และส าเรจภายใน เวลาทก าหนดอย่างมเหตุ
ิ
ั
และผลตามหลักปรชญาเศรษฐกจพอเพียง จะได้ 5 คะแนน
แบบฝกหัดบทที่ 8
ึ
้
ื่
เรอง ตัวตานทาน
ิ
ึ
ี่
้
ู
ิ
้
้
ิ
ื่
วัตถุประสงค์ เพื่อประเมนความรเดมของนักศกษาเกยวกับเรอง แหล่งก าเนดไฟฟาและประเภทของไฟฟา
ื่
ี่
ี่
ุ
เขียนเครองหมายกากบาท (X) ลงในข้อทถูกต้องทสด
ิ
ี
ิ
ี่
ุ
ี่
ุ
1. วัสดชนดใดทมคุณสมบัตแสดงค่าความต้านทานออกมาได้มากทสด
ิ
์
ก. ซลคอน ข. คารบอน
ิ
ิ
ี
์
ค. อะลูมเนยม ง. เจอรเมเนยม
ี
้
ี่
2. หน้าทของตัวต้านทานในวงจรไฟฟาคืออะไร
้
่
ิ
ก. ท าให้เกดก าลังไฟฟาตามต้องการตกครอมภายในตัว
้
ี่
ข. ก าหนดระดับแรงดันทต้องการปอนไปให้วงจร
ค. จ ากัดค่าการไหลของกระแสในวงจร
ง. ถูกทุกข้อ
ู
้
็
ี
ิ
ิ
ี่
3. ตัวต้านทานชนดใดทสามารถผลตให้มขนาดใหญ่ ทนก าลังไฟฟาได้สงเปนพันวัตต์
์
ก. ลวดพัน ข. คารบอน
ค. ฟล์มโลหะ ง. ฟล์มสนมโลหะ
ิ
ิ
ิ
ิ
4. ตัวต้านทานตามรปเปนชนดใด
็
ู
ิ
ิ
ก. ชนดพิเศษ ข. ชนดแบ่งค่า
ี่
ิ
ื
ิ
ี่
ค. ชนดปรับเปลยนค่า ง. ชนดเปลยนเลอกค่า
ิ
็
ู
5. V สัญลักษณตามรปเปนตัวต้านทานชนดใด
์
์
ิ
์
ิ
ก. วารสเตอร ข. เทอรมสเตอร ์
ั
ี่
ี่
ิ
ค. ตัวต้านทานเปลยนค่าตามแสง ง. ตัวต้านทานชนดปรบเปลยนค่า
ู
์
6. อุปกรณตามรปคืออะไร
์
์
ิ
์
ิ
ก. วารสเตอร ข. เทอรมสเตอร
ี่
ค. ตัวต้านทานแบบ SIL ง. ตัวต้านทานเปลยนค่าตามแสง
1M2 K 2W
ู
7. ตัวต้านทานตามรปอ่านค่าได้เท่าไร
ก. 2.2 k ค่าผิดพลาด 20%
้
ข. 12 k ค่าผิดพลาด 20% ทนก าลังไฟฟาได้ 2 W
้
ค. 12 M ค่าผิดพลาด 10% ทนก าลังไฟฟาได้ 2 W
้
ง. 1.2 M ค่าผิดพลาด 10% ทนก าลังไฟฟาได้ 2 W
683J
ู
8. ตัวต้านทานตามรปอ่านค่าได้เท่าไร
ก. 683 ข. 68 k
ค. 68 k ค่าผิดพลาด 5% ง. 683 ค่าผิดพลาด 5%
205
ู
9. ตัวต้านทานตามรปอ่านค่าได้เท่าไร
ก. 20.5 ข. 205
ค. 2 M ง. 20 ค่าผิดพลาด 5%
31R2
ู
10. ตัวต้านทานตามรปอ่านค่าได้เท่าไร
ก. 31.2 ข. 312
ค. 3.1 , 2W ง. 31 , 2W
ใบปฏิบัติงาน การอ่านค่าความต้านทาน
8.1 และการวัดค่าความต้านทาน
้
์
ี
จุดประสงคการเรยนรู
ี
ิ
1. อ่านค่าความต้านทานและค่าผิดพลาดของตัวต้านทานชนด 4 แถบสได้
ิ
ี
2. อ่านค่าความต้านทานและค่าผิดพลาดของตัวต้านทานชนด 5 แถบสได้
ิ
ิ
์
3. ใช้มัลตมเตอรวัดค่าความต้านทานของตัวต้านทานได้
่
ี
ี
ี่
ุ
4. มมนษยสัมพันธ์ทดกับเพื่อนรวมงาน
ื
่
ื
เครองมอและอุปกรณ ์
1. ตัวต้านทานค่าความต้านทานต ่าไปหาสงชนด 4 แถบส 10 ตัว
ู
ี
ิ
ู
ี
ิ
2. ตัวต้านทานค่าความต้านทานต ่าไปหาสงชนด 5 แถบส 10 ตัว
ิ
ิ
์
ิ
ื่
3. มัลตมเตอรชนดเข็มช้ ี 1 เครอง
้
ล าดับขันการทดลอง
ี
่
ึ
ี
ิ
ี
1. เขียนค่ารหัสสและอ่านค่าความต้านทานของตัวต้านทานชนด 4 แถบสทเตรยมไว้ทั้ง 10 ตัว บันทกค่าลงในตารางท ่ ี
ี
็
8.1 ให้เปนค่ามาตรฐานสากล
์
ั
้
์
ิ
2. ปรบย่านวัดของโอห์มมเตอรให้เหมาะสมกับค่าความต้านทานตัวทจะวัดค่า ปรบแต่งโอห์มมเตอรให้พรอมใช้งาน
ั
ี่
ิ
ั
ในแต่ละคร้งก่อนการวัดค่า
้
์
ิ
ั
่
่
ี
่
ั
ี
3. ทุกคร้งทเปลยนย่านวัดโอห์มใหม จะต้องปรบแต่งโอห์มมเตอรให้พรอมใช้งานใหมก่อนการวัดค่าเสมอ
่
่
ี
่
ี
่
4. วัดและอานค่าความต้านทานของตัวต้านทานทั้ง 10 ตัว บันทกค่าทตั้งย่านวัดโอห์ม และค่าความต้านทานทอานได้
่
ึ
ี่
ลงในตารางท 8.1
ิ
5. การตั้งย่านวัดโอห์มมเตอรตั้งแต่ย่าน x1k ขึ้นไป ห้ามจับปลายเข็มวัดทเปนโลหะของโอห์มมเตอรทั้งสองเสนด้วยมอ
้
์
็
ื
ี
่
์
ิ
ิ
ี่
สองด้าน เพราะจะท าให้ค่าความต้านทานทวัดออกมาได้เกดความผิดพลาด
ิ
ี
ิ
ิ
ตารางที่ 8.1 การอ่านค่าความต้านทานและการวัดค่าความต้านทานชนด 4 แถบสด้วยมัลตมเตอร ์
่
์
รหัสส ี ยานโอหม
่
R คาความตานทาน ตัวเลขอานได ้ คาจรงอานได ้
ิ
่
่
้
่
้
ั
่
้
ี
ี
ี
ตัวที่ สี 1 ส 2 ส 3 ส 4 อานไดจากรหัสส ี มิเตอร ์ บนหนาปด จากมิเตอร ์
ที่ตังวัด
้
0 แดง ด า น ้าตาล เงน 200 10% 10 20 200
ิ
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
ี่
6. เปลยนตัวต้านทานเปนชนด 5 แถบส
ิ
็
ี
ึ
่
ี
ิ
7. เขียนค่ารหัสสและอานค่าความต้านทานของตัวต้านทานชนด 5 แถบสทเตรยมไว้ทั้ง 10 ตัว บันทกค่าลงในตารางท ่ ี
่
ี
ี
ี
ี
ิ
ิ
ิ
ตารางที่ 8.2 การอ่านค่าความต้านทานและการวัดค่าความต้านทานชนด 5 แถบสด้วยมัลตมเตอร ์
่
์
รหัสส ี ยานโอหม ตัวเลข
ิ
่
R คาความตานทาน คาจรงอานได ้
่
้
่
่
ี
ี
ี
ี
้
่
ตัวที่ สี 1 ส 2 ส 3 ส 4 ส 5 อานไดจากรหัสส ี มิเตอร ์ อานได ้ จากมิเตอร ์
้
ที่ตังวัด บนหนาปด
ั
้
0 ส้ม เหลือง เทา น ้าตาล แดง 3480 = 3.48k 2% 1k 3.5 3.5k
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
ิ
้
์
ั
ั
์
ิ
ี่
8. ปรบย่านวัดของโอห์มมเตอรให้เหมาะสมกับค่าความต้านทานตัวทจะวัดค่า ปรบแต่งโอห์มมเตอรให้พรอมใช้งาน
ั
ในแต่ละคร้งก่อนการวัดค่า
ี
่
ี
่
9. วัดและอานค่าความต้านทานของตัวต้านทานทั้ง 10 ตัว บันทกค่าทตั้งย่านวัดโอห์ม และค่าความต้านทานทอานได้
ึ
่
่
ี่
ลงในตารางท 8.2
สรุปผลการทดลอง
______________________________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________________________
ค าถามและการวิเคราะห ์
ี
ี่
ี
่
ื
ื
็
ึ
ิ
1. ค่าทอ่านได้จากรหัสสและค่าทวัดได้ด้วยโอห์มมเตอรมค่าเหมอนกันหรอแตกต่างกันอย่างไร ท าไมถงเปนเชนนั้น
ี่
์
______________________________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________________________
ิ
แบบประเมนผลการน าเสนอผลงาน
ื่
ชอกลุ่ม……………………………………ชั้น………………………ห้อง......................
ิ
ื่
รายชอสมาชก
ี่
1……………………………………เลขท…….
ี่
2……………………………………เลขท…….
ี่
3……………………………………เลขท…….
ี่
4……………………………………เลขท…….
ิ
ท ี่ รายการประเมน คะแนน ข้อคิดเห็น
3 2 1
ี
้
1 เน้อหาสาระครอบคลมชัดเจน (ความรเกยวกับเน้อหา ความถกต้อง
ุ
ู
่
ู
ื
ื
ิ
ั
ปฏภาณในการตอบ และการแก้ไขปญหาเฉพาะหน้า)
2 รูปแบบการน าเสนอ
ิ
่
ุ่
ี
3 การมสวนรวมของสมาชกในกลม
่
ิ
ี
ิ
ิ
ั
ี
ู
4 บุคลกลักษณะ กรยา ท่าทางในการพด น ้าเสยง ซงท าให้ผู้ฟงมความ
่
ึ
สนใจ
รวม
ิ
ผู้ประเมน…………………………………………………
้
์
เกณฑการใหคะแนน
ื
1. เน้อหาสาระครอบคลุมชัดเจนถูกต้อง
ุ
ี
3 คะแนน = มสาระส าคัญครบถ้วนถูกต้อง ตรงตามจดประสงค์
2 คะแนน = สาระส าคัญไม่ครบถ้วน แต่ตรงตามจุดประสงค์
1 คะแนน = สาระส าคัญไม่ถูกต้อง ไม่ตรงตามจุดประสงค์
ู
2. รปแบบการน าเสนอ
ื่
ี
ี่
ู
ี
ิ
ี่
3 คะแนน = มรปแบบการน าเสนอทเหมาะสม มการใช้เทคนคทแปลกใหม่ ใช้สอและเทคโนโลยี
ประกอบการ น าเสนอทนาสนใจ น าวัสดในท้องถ่นมาประยุกต์ใช้อย่างคุ้มค่าและประหยัด
ี่
ิ
่
ุ
ี่
ื่
ิ
ี
่
3 คะแนน = มเทคนคการน าเสนอทแปลกใหม่ ใช้สอและเทคโนโลยีประกอบการน าเสนอที่นาสน ใจ แต่
ุ
ิ
ขาด การประยุกต์ใช้ วัสดในท้องถ่น
1 คะแนน = เทคนคการน าเสนอไม่เหมาะสม และไม่นาสนใจ
ิ
่
ิ
ี
่
่
3. การมสวนรวมของสมาชกในกลุ่ม
่
3 คะแนน = สมาชกทุกคนมีบทบาทและมสวนรวมกจกรรมกลุ่ม
ิ
่
ี
ิ
ี
่
ิ
่
ิ
ี
่
2 คะแนน = สมาชกสวนใหญ่มบทบาทและมสวนรวมกจกรรมกลุ่ม
1 คะแนน = สมาชกสวนน้อยมบทบาทและมสวนรวมกจกรรมกลุ่ม
ี
ิ
่
ิ
่
่
ี
ั
4. ความสนใจของผู้ฟง
่
้
ั
ื
3 คะแนน = ผู้ฟงมากกว่ารอยละ 90 สนใจ และให้ความรวมมอ
2 คะแนน = ผู้ฟงรอยละ 70-90 สนใจ และให้ความรวมมอ
่
ั
ื
้
ั
้
่
ื
1 คะแนน = ผู้ฟงน้อยกว่ารอยละ 70 สนใจ และให้ความรวมมอ
ุ
ิ
แบบประเมนกระบวนการท างานกล่ม
ื่
ชอกลุ่ม…………………………………ชั้น………………………ห้อง............................
ิ
ื่
รายชอสมาชก
ี่
1……………………………………เลขท…….
ี่
2……………………………………เลขท…….
ี่
3……………………………………เลขท…….
ี่
4……………………………………เลขท…….
ิ
ท ี่ รายการประเมน คะแนน ข้อคิดเห็น
3 2 1
1 การก าหนดเป้าหมายร่วมกัน
2 การแบ่งหน้าที่รับผิดชอบและการเตรียมความพร้อม
3 การปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
ิ
ุ
4 การประเมนผลและปรับปรงงาน
รวม
ิ
ผู้ประเมน…………………………………………………
ื
ี่
วันท…………เดอน……………………..พ.ศ…………...
้
์
เกณฑการใหคะแนน
้
่
1. การก าหนดเปาหมายรวมกัน
้
ิ
3 คะแนน = สมาชกทุกคนมีสวนรวมในการก าหนดเปาหมายการท างานอย่างชัดเจน
่
่
้
ิ
่
่
่
2 คะแนน = สมาชกสวนใหญ่มีสวนรวมในการก าหนดเปาหมายในการท างาน
่
้
1 คะแนน = สมาชกสวนน้อยมีสวนรวมในการก าหนดเปาหมายในการท างาน
่
่
ิ
2. การหน้าทรบผิดชอบและการเตรยมความพรอม
ั
ี่
้
ี
่
ี
ุ
่
ี
ื
ี
ิ
3 คะแนน = กระจายงานได้ทั่วถึง และตรงตามความสามารถของสมาชกทกคน มการจัดเตรยมสถานท สอ /
อุปกรณ์ไว้อย่างพรอมเพรยง
ี
้
ื
ี
่
่
่
้
ี
2 คะแนน = กระจายงานได้ทั่วถึง แตไมตรงตามความสามารถ และมสอ / อุปกรณ์ไว้อย่างพรอมเพรยง แต่ขาด
ี
การจัดเตรยมสถานท ี่
่
ี
ื
่
1 คะแนน = กระจายงานไมทั่วถึงและมสอ / อุปกรณ์ไม่เพียงพอ
ั
ี่
ี่
ิ
ิ
3. การปฏบัตหน้าททได้รบมอบหมาย
ี่
3 คะแนน = ท างานได้ส าเรจตามเปาหมาย และตามเวลาทก าหนด
้
็
้
2 คะแนน = ท างานได้ส าเรจตามเปาหมาย แต่ช้ากว่าเวลาทก าหนด
ี่
็
็
้
1 คะแนน = ท างานไม่ส าเรจตามเปาหมาย
ุ
ั
4. การประเมินผลและปรบปรงงาน
ุ
็
ั
ิ
่
ื
ึ
ิ
3 คะแนน = สมาชกทุกคนรวมปรกษาหารอ ตดตาม ตรวจสอบ และปรบปรงงานเปนระยะ
2 คะแนน = สมาชกบางสวนมีสวนรวมปรกษาหารอ แต่ไม่ปรบปรงงาน
่
่
ิ
่
ุ
ั
ื
ึ
ึ
ิ
่
่
่
ั
ื
่
่
ุ
1 คะแนน = สมาชกบางสวนมีสวนรวมไม่มีสวนรวมปรกษาหารอ และปรบปรงงาน
เฉลยบทที่ 8 ตัวตานทาน
้
ตอนที่ 1
1. ข 2. ง 3. ก 4. ค 5. ก
6. ข 7. ง 8. ค 9. ค 10. ก
ตอนที่ 2
์
์
ิ
ิ
์
1. เทอรมสเตอร และวารสเตอรแตกต่างกันอย่างไร
์
ิ
ี่
ี่
์
ิ
ู
็
ั
ี่
เทอรมสเตอร เปนตัวต้านทานทค่าความต้านทานภายในตัวเอง สามารถเปลยนแปลงได้ตามค่าอุณหภมทได้รบ ค่า
ี่
ี
ู
ุ
ี
ี่
่
ี่
ี่
ิ
้
ิ
่
ิ
ุ
ิ
ความต้านทานทเปลยนแปลงไปแตกต่างกันตามชนดของวัสดทใช้ผลต วัสดทใช้ผลตมทั้งโลหะและสนมโลหะ รปรางทสราง
์
ิ
์
ิ
ิ
่
ี
มาใช้งานมความแตกต่างกันไปหลายแบบ ขึ้นอยูกับความเหมาะสมในการใช้งาน เทอรมสเตอรแบ่งได้ 2 ชนด คือ ชนด
ิ
็
ู
ู
สมประสทธอุณหภมเปนบวก (Positive Temperature Coefficients ; PTC) ค่าความต้านทานเพ่มขึ้น เมออุณหภม ิ
ิ
ั
ื
่
ิ
ิ
์
ี
ี
็
ิ
่
ิ
ุ
ี่
ิ
์
็
เพ่มขึ้น วัสดทใช้ผลต เชน แบเรยม สตรอนเทยม และตะกั่วไททาเนต เปนต้น อีกชนดคือ ชนดสมประสทธอุณหภมเปนลบ
ิ
ิ
ู
ิ
ั
ิ
ู
ี่
(Negative Temperature Coefficients ; NTC) ค่าความต้านทานเพ่มขึ้น เมออุณหภมลดลง วัสดทใช้ผลต เชน
่
ิ
ิ
ื
่
ุ
ิ
่
ู
ู
์
์
ิ
์
ี
็
ิ
ิ
ทองแดง นกเกล แมงกานส เหล็ก และโคบอลต์ เปนต้น รปรางและสัญลักษณของเทอรมสเตอร แสดงดังรปที่ 1
+t o
PTC
-t o
NTC
ู
่
่
ู
ิ
ิ
(ก) รปรางชนด PTC (ข) รปรางชนด NTC (ค) สัญลักษณ ์
์
ิ
ี
่
รูปท 1 เทอรมสเตอร ์
์
วารสเตอร หรอตัวต้านทานเปลยนค่าตามแรงดัน (Voltage Dependent Resistor ; VDR) เปนตัวต้านทานทค่า
ี่
ิ
ื
ี่
็
ี่
ความต้านทานสามารถเปลยนแปลงได้ ตามค่าแรงดันทปอนเข้ามา วารสเตอรมาจากค าเต็มว่าตัวต้านทานปรบเปลยนค่า (Variable
ิ
ั
ี่
์
ี่
้
ิ
ิ
Resistor = Varistor) คุณสมบัตของวารสเตอรท างานตรงข้ามกับแรงดัน ดังน้ ความต้านทานของวารสเตอรจะลดลงเมอ
ื่
์
ิ
์
ี
็
ื
ิ
ี
่
ี
ิ
่
ิ
แรงดันเพ่มขึ้น ในกรณทแรงดันเพ่มขึ้นอย่างต่อเนอง ค่าความต้านทานของวารสเตอรจะลดลงรวดเรว วารสเตอรเหมาะกับการ
ิ
์
์
์
็
้
ิ
้
็
ใช้งานเปนตัวปองกันแรงดันกระโชก นยมน าไปใช้งานเปนอุปกรณปองกันฟาผ่า และชวยคายประจุของไฟฟาสถต เปนต้น
้
้
ิ
็
่
ี่
์
ิ
ิ
่
ิ
ิ
ิ
ุ
ิ
ิ
์
ี
วัสดทน ามา ใช้ผลตวารสเตอร มีทั้งชนดสนมโลหะ ถูกเรยกวาวารสเตอรชนดสนมโลหะ (Metal Oxide Varistor ;
MOV) วัสดทใช้คือสนมสงกะส (Zinc Oxide ; ZnO) และวารสเตอรชนดสารกงตัวน า (Semi conductor) วัสดทใช้
ุ
ิ
่
ี
ิ
์
ึ
ี่
ุ
ี่
ั
ิ
ิ
์
์
ู
่
ู
ิ
ิ
์
คือ ซลคอนคารบอน (Silicon Carbon ; SiC) รปรางและสัญลักษณของวารสเตอร แสดงดังรปที่ 2
V
ิ
่
ู
ิ
่
ู
ิ
(ก) รปรางชนดขา (ข) รปรางชนดแปะตด SMD (ค) สัญลักษณ ์
ิ
ี
่
รูปท 2 วารสเตอร ์
์
ิ
ิ
ิ
ิ
2. ตัวต้านทานชนดฟล์มโลหะ และตัวต้านทานชนดฟล์มคารบอน แตกต่างกันอย่างไร
ี
่
่
ั
ิ
ิ
็
ิ
ึ
ิ
ิ
็
ตัวต้านทานชนดฟล์มโลหะ เปนตัวต้านทานประเภทโลหะชนดหนงทปจจุบันนยมผลตขึ้นมาใช้งาน เปนตัว
ี
ี
่
่
้
ิ
้
ี
ิ
ต้านทานทมขนาดการทนก าลังไฟฟาต า โครงสรางของตัวต้านทานชนดน้ประกอบด้วยแกนเซรามกทรงกระบอกขนาดต่างๆ
ู
ิ
ี
ื
ิ
ใช้โลหะจ าพวกพวกนกเกล (Nickel) หรอโครเมยม (Chromium) แผ่นบางๆ ในรปของฟล์มโลหะเคลอบทผิวเซรามก
ิ
ื
ี่
ิ
็
่
โดยท าการเคลอบในสญญากาศ และสงไปผ่านความรอนสงท าให้เกดการยึดเกาะแนน น าไปตัดให้เปนเกลยวพันรอบแกน
่
ี
้
ู
ิ
ื
ุ
ึ
่
่
ี
่
ิ
แบบต่อเนองจากปลายด้านหนงไปยังปลายอีกด้านหนง และมฝาครอบโลหะครอบฟล์มโลหะทปลายทั้งสองด้านต่อออกมา
ึ
ี
ื่
ิ
ิ
็
ู
เปนขาตัวต้านทาน ลักษณะตัวต้านทานชนดฟล์มโลหะ แสดงดังรปที่ 3
ี
่
ิ
์
่
ี
ิ
ิ
ิ
รูปท 3 ตัวต้านทานชนดฟล์มโลหะ รูปท 4 ตัวต้านทานชนดฟล์มคารบอน
ิ
ิ
่
์
็
ึ
่
ิ
ี่
็
ิ
ตัวต้านทานชนดฟล์มคารบอน เปนตัวต้านทานชนดคารบอนแบบหนงเปนชนดทผลตขึ้นมาใช้งานอย่างแพรหลาย
ิ
์
ื
่
ุ
ิ
ิ
ั
ิ
ิ
์
์
ในปจจุบันมากกวาชนดคารบอนแบบเดม การผลตท าได้โดยน าผงคารบอนผสมกับกาวไปเคลอบห้มแกนเซรามกทรงกระ
บอกขนาดต่างๆ น าไปตัดให้เปนเกลยวพันรอบแกนแบบต่อเนองจากปลายด้านหนงไปยังปลายอีกด้านหนง และมฝาครอบ
ึ
ื่
็
ี
่
ึ
่
ี
โลหะครอบฟล์มคารบอนทปลายทั้งสองด้านต่อออกมาเปนขาตัวต้านทาน เคลอบผิวนอกสดด้วยฉนวนอกชั้นหนง ลักษณะตัว
ี
ิ
ึ
ุ
ื
์
ี่
่
็
ิ
ิ
ู
์
ต้านทานชนดฟล์มคารบอน แสดงดังรปที่ 4
ี
่
ี
่
3. จงอานค่าความต้านทานของตัวต้านทานทบอกค่าไว้ดังต่อไปน้
่
่
่
ที่ คาแสดง คาอานได ้
้
1 2W 33KK ทนก าลังไฟฟาได้ 2 W ความต้านทาน 33 k ค่าผิดพลาด 10%
2 6M8J ความต้านทาน 6.8 M ค่าผิดพลาด 5%
้
3 270E 5WJ ความต้านทาน 270 ทนก าลังไฟฟาได้ 5 W ค่าผิดพลาด 5%
4 131 ความต้านทาน 13 x 10 = 130
5 2R94 ความต้านทาน 2.94
6 7872 ความต้านทาน 787 x 10 = 78,700 = 78.7 k
2
ี
่
ี
4. จงอานค่าความต้านทานของตัวต้านทานตามแถบสดังต่อไปน้
ี
ี
ที่ ส1 ส2 ส3 ส4 ส5 คาอานได ้
่
่
ี
ี
ี
1 ทอง - 10 10 = 100 ค่าผิดพลาด 5%
2 เงิน - 27 1000 = 27,000 = 27 k ค่าผิดพลาด 10%
3 ทอง ทอง - 56 0.1 = 5.6 ค่าผิดพลาด 5%
4 365 1000 = 365,000 = 365 k ค่าผิดพลาด 2%
5 432 10 = 4,320 = 3.32 k ค่าผิดพลาด 1%
6 284 100 = 28,400 = 28.4 k ค่าผิดพลาด 0.5%
ี่
ู
5. จงหาค่าความต้านทานรวมของวงจรตามรปท 5
R 1 = 10
R 2 = 30
R 3 = 20
ู
ี่
รปท 5
วิธีท า
1 1 1 1
ู
จากสตร = + +
R T R 1 R 2 R 3
1 1 1 1
แทนค่า = + +
R T 10 30 20
1 6 +2 +3 11
= =
R T 60 60
60
RT = = 5.46 ตอบ
11
ึ
บันทกหลังการสอน
ี่
บทท 8 ตัวต้านทาน
ี
ผลการใช้แผนการเรยนร ู ้
ิ
ื
ิ
4. เน้อหาสอดคล้องกับจุดประสงค์เชงพฤตกรรม
ิ
ิ
ี
5. สามารถน าไปใช้ปฏบัตการสอนได้ครบตามกระบวนการเรยนการสอน
ื่
6. สอการสอนเหมาะสมด ี
ี
ผลการเรยนของนักเรยน
ี
่
4. นักศกษาสวนใหญ่มีความสนใจใฝร เข้าใจในบทเรยนรวมกัน อภปรายตอบค าถามในกลุ่ม และรวมกันปฏิบัต ิ
ึ
่
ู
ี
ิ
่
้
่
ี่
ิ
ั
ใบปฏบัติงานทได้รบมอบหมาย
ี่
ึ
็
ื
ั
ื
5. นักศกษากระตอรอร้นและรบผิดชอบในการท างานกลุ่มเพื่อให้งานส าเรจทันเวลาทก าหนด
้
ู
ึ
6. นักศกษาปฐมพยาบาลผู้ถูกไฟฟาดด
ู
ผลการสอนของคร
ู
ื
4. สอนเน้อหาได้ครบตามหลักสตร
ุ
ื
ิ
ี
5. แผนการสอนและวธการสอนครอบคลมเน้อหาการสอนท าให้ผู้สอนสอนได้อย่างมั่นใจ
ี่
6. สอนได้ทันตามเวลาทก าหนด
ั
ปญหาและอุปสรรค์
่
ี
ื
ี
1. นักศกษาแต่ละคนมความรพ้นฐานในเน้อหาทเรยนไมเท่ากัน
่
ี
ู
้
ื
ึ
ิ
2. นักศกษาแต่ละคนมีทักษะในการปฏบัตงานไม่เท่ากัน
ิ
ึ
แผนการสอน/แผนการเรยนรูภาคทฤษฏ
ี
้
ี
ู
้
ี
ี่
ี
แผนการสอน/การเรยนรภาคทฤษฎ บทท 8
ื่
ิ
ชอวิชา งานไฟฟาและอเล็กทรอนกสเบ้องต้น สอนสัปดาห์ท10-
์
ื
ิ
้
ี่
(Basic Electricity and Electronic) 11
่
ื
ชอหน่วย ตัวต้านทาน คาบรวม 8
ื่
ื่
ชอเรอง. ตัวต้านทาน จ านวนคาบ 8
ื่
้
หัวขอเรอง
้
้
ดานความรู
• ความต้านทานในวัตถุ
• ตัวต้านทานตามประเภทวัสดที่ใช้
ุ
• ตัวต้านทานตามรปแบบผลต
ู
ิ
• การอ่านความต้านทานจากรหัสตัวเลขตัวอักษร
• การอ่านความต้านทานจากรหัสส
ี
• การต่อตัวต้านทาน
• บทสรป
ุ
้
ดานทักษะ
5. แปลงหนวยความต้านทานได้
่
6. อ่านค่าความต้านทานแสดงเปนตัวเลขตัวอักษรได้
็
7. อ่านค่าความต้านทานแสดงเปนแถบสได้
ี
็
้
ิ
ดานคุณธรรม จรยธรรม
ิ
็
ิ
้
ุ
ี
์
ี
ี
8. เพื่อให้มเจตคตทดต่อการเตรยมความพรอมด้านการเตรยม วัสด อุปกรณ และการปฏบัตงานอย่างถูกต้อง ส าเรจ
ี
ิ
ี่
ภายในเวลาทก าหนด มเหตุและผลตามหลักปรชญาเศรษฐกจพอเพียง
ั
ิ
ี่
ี
9. เตรยมความพรอมด้าน วัสด อุปกรณสอดคล้องกับงานได้อย่างถูกต้อง
้
ี
ุ
์
ี
ี
่
็
ื
10. มความรบผิดชอบ ปฏบัตงานได้อย่างถกต้องในเรองมอเตอรและการควบคุมเบ้องต้น ส าเรจภายใน เวลาทก าหนด
ื
่
ิ
ิ
ู
ั
์
อย่างมเหตุและผลตามหลักปรชญาเศรษฐกจพอเพียง
ั
ี
ิ
สาระสาคัญ
ุ
ิ
ี่
ิ
ุ
ิ
ิ
ชนดของตัวต้านทานแบ่งออกได้ตามวัสดทใช้ผลต คือวัสดประเภทโลหะท ามาจากโลหะผสมของนกเกล
่
แคดเมยม ทองแดง แมงกานส และโครเมยม เปนต้น สวนวัสดประเภทอโลหะ ท ามาจากผงคารบอนอัด หรอฟล์มคารบอน
์
์
ี
็
ี
ื
ุ
ี
ิ
ี
ิ
ู
ั
่
ี
ี
และแบ่งออกได้ตามรปแบบทผลต ได้แก่แบบคงท แบบแบ่งค่า แบบเปลยนค่า แบบปรบค่า และแบบพิเศษ แต่ละแบบของตัว
่
่
ี
ิ
่
ุ
ต้านทานทผลตขึ้นมาสามารถใช้วัสดได้ทั้งประเภทโลหะและประเภทอโลหะ
ี่
ี่
การอ่านค่าความต้านทานทแสดงไว้บนตัวต้านทานอ่านได้หลายแบบแล้วแต่แบบทบอกค่าไว้ เชนแบบแสดงค่าออกมา
่
ิ
โดยตรง แบบน้จะพมพ์ค่าความต้านทานบอกไว้สามารถอานออกมาได้โดยตรง แบบแสดงค่าเปนรหัส แบบน้จะพมพ์ค่าความ
่
ี
็
ี
ิ
็
็
ี
ี
่
ี
ต้านทานบอกไว้สามารถอานออกมาได้โดยตรง และแบบแสดงค่าเปนแถบส แบบน้ต้องแปลงแถบสให้เปนตัวเลขก่อน แปลง
ึ
่
ี
ี
ี
่
็
รหัสตัวเลขเปนค่าความต้านทาน จัดหนวยให้ถูกต้องจงจะอ่านค่าความต้านทานออกมาได้ แถบสทบอกไว้ทั้ง 4 แถบส และ
ี
แบบ 5 แถบส
สมรรถนะอาชพประจ าหนวย (ส่งทต้องการให้เกดการประยุกต์ใช้ความร ทักษะ คุณธรรม เข้าด้วยกัน)
่
ี
ี
ิ
่
ู
้
ิ
4. แปลงหนวยความต้านทาน
่
5. อ่านค่าความต้านทานแสดงเปนตัวเลขตัวอักษร
็
์
ค าศพทสาคัญ
ั
ความต้านทาน Resistance
Conductor
ตัวน า
Insulator
ฉนวน Resistor
ตัวต้านทาน Metallic Type
Non – Metallic Type
ประเภทโลหะ Wire
ประเภทอโลหะ Ribbon
ลวด Ceramic Core
Wire Wound Resistor
แถบลวด Metal Film Resistor
ิ
แกนเซรามก Metal Oxide Film Resistor
์
ิ
ตัวต้านทานชนดไวรวาวด์ Nickel
Chromium
ิ
ิ
ตัวต้านทานชนดฟล์มโลหะ Tin Chloride
ิ
ิ
ิ
ตัวต้านทานชนดฟล์มสนมโลหะ Tin Oxide Film
ิ
ิ
นกเกล Carbon
Carbon Resistor
ี
โครเมยม Carbon Film Resistor
ี
ดบุกคลอไรด์ Fixed Resistor
Single in Line
ิ
ี
ิ
ฟล์มสนมดบุก Dual in Line
์
คารบอน Surface Mounted Devices
์
ิ
ตัวต้านทานชนดคารบอน Tapped Resistor
Adjustable Resistor
์
ิ
ิ
ตัวต้านทานชนดฟล์มคารบอน Variable Resistor
ี่
ิ
ตัวต้านทานชนดค่าคงท Special Resistor
Thermistor
ี
ี
จัดกลุ่มขาเรยงด้านเดยว (SIL) Varistor
ี
จัดกลุ่มขาเรยงสองด้าน (DIL) Light Dependent Resistor
ิ
แปะตด (SMD) Positive Temperature Coefficients
Negative Temperature Coefficients
ิ
ตัวต้านทานชนดแบ่งค่า Voltage Dependent Resistor
ิ
ื
ี่
ตัวต้านทานชนดเปลยนเลอกค่า Metal Oxide Varistor
Zinc Oxide
ิ
ั
ี่
ตัวต้านทานชนดปรบเปลยนค่า Semiconductor
ิ
ตัวต้านทานชนดพิเศษ Silicon Carbon
์
์
ิ
เทอรมสเตอร Cadmium Sulfide
Cadmium Selenide
์
ิ
วารสเตอร Series Resistor
ี่
ตัวต้านทานเปลยนค่าตามแสง (LDR) Parallel Resistor
็
ิ
์
ิ
ิ
สัมประสทธอุณหภูมเปนบวก (PTC) Compound Resistor
ิ
์
ิ
็
ิ
สัมประสทธอุณหภูมเปนลบ (NTC)
ี่
ตัวต้านทานเปลยนค่าตามแรงดัน (VDR)
ิ
ิ
ิ
์
วารสเตอรชนดสนมโลหะ (MOV)
ี
ิ
สนมสังกะส (ZnO)
ึ
่
สารกงตัวน า
์
ิ
ิ
ซลคอนคารบอน (SiC)
ี
แคดเมยมซัลไฟล์ (CdS)
ี
ี
ี
แคดเมยมซลไนด์ (CdSe)
ุ
ตัวต้านทานแบบอนกรม
ตัวต้านทานแบบขนาน
ตัวต้านทานแบบผสม
์ ี ้
จุดประสงคการสอน/การเรยนรู
ู
ุ
• จดประสงค์ทั่วไป / บรณาการเศรษฐกิจพอเพียง
้
ู
ิ
ี่
ิ
ี
ิ
ุ
ุ
1. เพื่อให้มความรเกยวกับ ความต้านทานในวัสดต่างๆ,ชนดตัวต้านทานตามวัสดที่ใช้ผลต, ชนดตัวต้านทานตาม
้
ู
ู
้
รปแบบที่ผลิต (ดานความร)
่
ี
็
2. เพื่อให้มทักษะในการแปลงหนวยความต้านทาน, การอ่านค่าความต้านทานแสดงเปนตัวเลขตัวอักษรและการอ่านค่า
ั
้
็
ี
ความต้านทานแสดงเปนแถบส (ดานทกษะ)
ี
ิ
ิ
็
ี
ุ
์
้
ี่
ี
3. เพื่อให้มเจตคตทดต่อการเตรยมความพรอมด้านการเตรยม วัสด อุปกรณ และการปฏบัตงานอย่างถูกต้อง ส าเรจ
ิ
ี
ั
ิ
ี
ิ
ี่
้
ภายในเวลาทก าหนด มเหตุและผลตามหลักปรชญาเศรษฐกจพอเพียง (ดานคุณธรรม จรยธรรม)
ู
ิ
ุ
ิ
• จดประสงค์เชงพฤตกรรม / บรณาการเศรษฐกิจพอเพียง
ู
้
้
ิ
ุ
1. อธบายความหมายความต้านทานในวัสดต่าง ๆได้ (ดานความร)
ิ
ู
้
ิ
ุ
ี่
้
2. จ าแนกชนดตัวต้านทานตามวัสดทใช้ผลตได้ (ดานความร)
ู
้
ิ
ู
้
3. วิเคราะห์ตัวต้านทานตามรปแบบที่ผลตได้ (ดานความร)
่
้
ั
4. แปลงหนวยความต้านทานได้ (ดานทกษะ)
็
้
5. อ่านค่าความต้านทานแสดงเปนตัวเลขตัวอักษร(ดานทักษะ)
็
้
ั
ี
6. อ่านค่าความต้านทานแสดงเปนแถบส(ดานทกษะ)
ี
้
ิ
้
7. เตรยมความพรอมด้าน วัสด อุปกรณสอดคล้องกับงานได้อย่างถูกต้อง (ดานคุณธรรม จรยธรรม/บูรณาการ
์
ุ
ิ
เศรษฐกจพอเพียง)
็
ี
ิ
ิ
8. ปฏบัตงานได้อย่างถูกต้อง และส าเรจภายใน เวลาที่ก าหนดอย่างมเหตุและผลตามหลักปรชญาของเศรษฐกิจ
ั
ิ
ิ
้
พอเพียง (ดานคุณธรรม จรยธรรม/บูรณาการเศรษฐกจพอเพียง)
้
ี
้
ื
เนอหาสาระการสอน/การเรยนรู
้
• ด้านความร(ทฤษฎ)
ู
ี
8.1 ความตานทานในวัตถุ
้
ิ
ี
่
ิ
่
ี
ิ
ิ
ึ
ุ
ส่งต่างๆ ทุกชนดทก าเนดขึ้นบนโลก ไมวาเปนของแข็ง ของเหลว วัตถ ธาตุ รวมถงส่ง มชวตทั้งหมดจะมค่าความ
็
่
ี
ิ
ี
่
ี่
ต้านทาน (Resistance) ประกอบรวมอยู่ด้วยเสมอ ความหมายของค าว่าความต้านทาน คือแรงต้านจากวัตถุต่างๆ ท าหน้าทต้าน
ุ
์
่
ื
ี
การไหลของกระแสให้ผ่านไปได้มากหรอน้อย ความต้านทานน้มผลต่อการท างานของอปกรณไฟฟา เครองใช้ไฟฟา และ
้
้
ี
ื
ระบบการท างานของวงจรทางไฟฟาและอเล็กทรอนกสทั้งหมด ชวยท าให้ระบบการท างานต่างๆ มความถกต้องสมบูรณตาม
์
์
ี
้
ู
ิ
่
ิ
ต้องการ
่
ี
ิ
่
ุ
ุ
ในวัตถต่างชนดกันค่าความต้านทานทเกดขึ้นภายในวัตถเหลานั้นจะแตกต่างกันไป วัตถบางชนดมความต้านทานต า
ี
ิ
่
ุ
ิ
ู
ิ
ิ
ื่
่
ี
ี
ี
่
มักถูกเรยกวา ตัวน า (Conductor) วัตถุบางชนดมความต้านทานสงมักถูกเรยกวา ฉนวน (Insulator) เมอน าวัตถุต่างชนดกันมา
ี
ี
เปรยบเทยบค่าความต้านทานกันจะพบว่ามความแตกต่างกันอย่างมาก แสดงได้ดังตารางท 8.1
ี
ี่
ี
ิ
ี
ตารางที่ 8.1 เปรยบเทยบค่าความต้านทานของวัตถุต่างชนดกัน
้
ความตานทาน
ั
ื
่
ชอวตถุ
์
(โอหม – เซนติเมตร ที่ 20C)
ิ
-6
เงน 1.6 x 10
ทองแดง 1.7 x 10
-6
ิ
ี
อะลูมเนยม 2.8 x 10
-6
์
คารบอน 4 x 10
-3
ี
เจอรเมเนยม 65
์
ิ
ิ
ซลคอน 55 x 10 3
แก้ว 17 x 10
12
ยาง 10
18
ิ
ี
ี่
ี
ิ
้
ี
์
จากการทความต้านทานมความส าคัญ และมบทบาทต่อการท างานในวงจรไฟฟา และอิเล็กทรอนกส ท าให้มการผลต
ตัวต้านทาน (Resistor) ขึ้นมาใช้งานอย่างแพรหลาย ตัวต้านทานทผลตขึ้นมาน้มค่าความต้านทานทแตกต่างกัน หลากหลายค่าใช้
ิ
่
ี
ี
่
ี
ี่
์
ิ
่
ี่
งาน ชวยอ านวยความสะดวกต่อการน าไปใช้งาน หน้าทของตัวต้านทานในวงจรไฟฟาและวงจรอิเล็กทรอนกส คือ จ ากัดการ
้
ู
ิ
่
ไหลของกระแสในวงจร ก าหนดระดับแรงดันทต้องการใช้งานในวงจร และท าให้เกดก าลังไฟฟาขึ้นมาตามต้องการ รปราง
้
ี่
ู
ลักษณะของตัวต้านทานแบบต่างๆ แสดงดังรปที่ 8.1
ั
(ก) แบบค่าคงท ี่ (ข) แบบปรบค่าได้
รูปท 8.1 รปรางลักษณะของตัวต้านทานแบบต่างๆ
่
ู
ี
่
8.2 ตัวตานทานตามประเภทวัสดุทีใช
่
้
้
ิ
ี่
ิ
ตัวต้านทานทผลตมาใช้งานมมากมายหลายประเภท หลายชนด หลายรปแบบ และหลายโครงสราง เพื่อความสะดวก
ี
้
ู
และเกดความเหมาะสมกับการน าไปใช้งาน เมอแบ่งตามวัสดทใช้ในการผลตม 2 ประเภท คือ ประเภทโลหะ (Metallic Type)
ิ
ุ
ี่
ี
ิ
ื่
และประเภทอโลหะ (Non - Metallic Type)
้
8.2.1 ตัวตานทานประเภทโลหะ
ิ
ี
ิ
โลหะทน ามาใช้ในการผลตตัวต้านทานมหลายชนดด้วยกัน เชน นกเกล สงกะส แคดเมยม ทองแดง
ิ
ี
ิ
ั
ี
่
ี่
้
้
่
ู
ี
็
ื
ี
โครเมยม และแมงกานส เปนต้น หรอจากสวนผสมของโลหะเหลาน้ สรางขึ้นมาในรปเสนลวด (Wire) และแถบลวด (Ribbon)
ี
่
ิ
น าไปพันรอบแกนเซรามก (Ceramic Core) ต่อปลายลวดทั้งสองเข้ากับขาโลหะตัวต้านทาน ลักษณะการผลตตัวต้านทานประเภท
ิ
โลหะ แบ่งออกได้หลายชนด ดังน้ ตัวต้านทานชนดลวดพัน หรอตัวต้านทานชนดไวรวาวด์ (Wire Wound Resistor) ตัวต้านทาน
ิ
ื
ิ
์
ี
ิ
ิ
ิ
ิ
ิ
ิ
ชนดฟล์มโลหะ (Metal Film Resistor) และตัวต้านทานชนดฟล์มสนมโลหะ (Metal Oxide Film Resistor)
็
1. ตัวตานทานชนิดลวดพัน เปนตัวต้านทานทใช้ลวดโลหะผสมพันบนแกนเซรามก ผิวด้านนอกเคลอบ
ิ
ื
ี่
้
ด้วยฉนวนอกชั้นหนง อาจผลตขึ้นมาเปนแท่งทรงกระบอกยาว หรอเปนแบบท่อนกลม การต่อขาออกมาใช้งานมตั้งแต่ 2 ขาขึ้น
ี
็
ื
ิ
็
่
ึ
ี
ู
ไป ลักษณะตัวต้านทานแบบลวดพัน แสดงดังรปที่ 8.2
(ก) แบบทรงกระบอก (ข) แบบท่อนกลม
่
รูปท 8.2 ตัวต้านทานแบบลวดพัน
ี
้
ี
่
ี
่
ค่าความต้านทานของตัวต้านทานแบบลวดพันน้ ขึ้นอยูกับขนาดของเสนลวดทใช้พันไว้ ถ้าใช้เส้นลวดเส้น
่
้
่
ู
้
ี
่
ี
ี
ใหญ่ความต้านทานมค่าต า ถ้าใช้ลวดเสนเล็กความต้านทานมค่าสงขึ้น และขึ้นอยูกับความยาวของเสนลวดทพันไว้ ถ้าลวดม ี
ี
่
ี
ี
ู
ความยาวน้อยความต้านทานมค่าต า ถ้าลวดมความยาวมากขึ้นความต้านทานมค่าสงขึ้น
ี
ข้อดของตัวต้านทานชนดน้ คือ สามารถสรางให้มค่าทนก าลังไฟฟา (วัตต์) ได้สงมากขึ้นจนถงเปนพันวัตต์
้
ึ
ี
ู
ี
ิ
็
้
ี
่
่
ี
ี
่
ิ
ี
ี
ื่
่
ู
ุ
ิ
ขึ้นไป ค่าความต้านทานมความคงทดต่ออณหภมทเปลยนแปลง และเกดความคลาดเคลอนต า
ิ
็
ั
2. ตัวตานทานชนิดฟลมโลหะ เปนตัวต้านทานประเภทโลหะอกชนดหนงทปจจุบันนยมผลตขึ้นมาใช้งาน
ิ
์
ิ
้
ิ
ี
่
ี
่
ึ
้
่
ี่
ี
ิ
็
เปนตัวต้านทานทมขนาดการทนก าลังไฟฟาต า โครงสรางของตัวต้านทานชนดน้ประกอบด้วยแกนเซรามกทรงกระบอกขนาด
้
ี
ิ
ิ
ี่
ู
ี
ื
ิ
ื
ต่างๆ ใช้โลหะจ าพวกพวกนกเกล (Nickel) หรอโครเมยม (Chromium) แผ่นบางๆ ในรปของฟล์มโลหะเคลอบทผิวเซรามก โดยท า
ิ
ิ
่
็
การเคลอบในสญญากาศ และสงไปผ่านความรอนสงท าให้เกดการยึดเกาะแนน น าไปตัดให้เปนเกลยวพันรอบแกน
้
่
ู
ื
ุ
ิ
ี
ิ
่
ึ
่
ี
ื่
่
ี
แบบต่อเนองจากปลายด้านหนงไปยังปลายอีกด้านหนง และมฝาครอบโลหะครอบฟล์มโลหะทปลายทั้งสองด้านต่อออกมาเปน
็
ึ
ิ
ิ
ู
ขาตัวต้านทาน ลักษณะตัวต้านทานชนดฟล์มโลหะ แสดงดังรปที่ 8.3
ี
ิ
ิ
ิ
ิ
ี
ิ
่
่
รูปท 8.3 ตัวต้านทานชนดฟล์มโลหะ รูปท 8.4 ตัวต้านทานชนดฟล์มสนมโลหะ
็
3. ตัวตานทานชนิดฟลมสนิมโลหะ เปนตัวต้านทานประเภทโลหะ ทใช้สนมโลหะมาผลตเปนตัวต้านทาน
ิ
์
ิ
็
ี่
้
ิ
ิ
ั
้
แทนโลหะ ปจจุบันนยมผลตขึ้นมาใช้งานเปนประเภทตัวต้านทานขนาดทนก าลังไฟฟาต า โครงสรางของตัวต้านทานชนดน้ ี
่
้
ิ
ิ
็
ี่
ี
ิ
ิ
ื
ประกอบด้วยแกนเซรามกทรงกระบอกขนาดต่างๆ ใช้ดบุกคลอไรด์ (Tin Chloride) พ่นเคลอบทผิวเซรามกโดยรอบในรปของ
ู
่
้
ู
ี
ิ
ฟล์มในสญญากาศ และสงไปผ่านความรอนสง จะได้ฟล์มสนมดบุก (Tin Oxide Film) ออกมา น าไปตัดให้เปนเกลยวพันรอบ
ิ
็
ุ
ิ
ี
แกนแบบต่อเนองจากปลายด้านหนงไปยังปลายอกด้านหนง และมฝาครอบโลหะครอบฟล์มสนมโลหะทปลายทั้งสองด้านต่อ
ึ
ี
่
่
่
ี
ึ
ี
ิ
ื่
ิ
ิ
ิ
็
ิ
ู
ออกมาเปนขาตัวต้านทาน ลักษณะตัวต้านทานชนดฟล์มสนมโลหะ แสดงดังรปที่ 8.4
้
8.2.2 ตัวตานทานประเภทอโลหะ
ุ
ี
่
็
ี
่
ุ
ี
่
ตัวต้านทานประเภทอโลหะ เปนตัวต้านทานทผลตขึ้นมาจากวัสดทไมใชโลหะ วัสดอโลหะทนยมน ามาใช้
ิ
ิ
่
่
ิ
ุ
ผลตตัวต้านทาน ได้แก่ คารบอน (Carbon) โดยอยู่ในรปผงคารบอน เมอต้องการผลตตัวต้านทานก็น าไปผสมรวมกับวัสดฉนวน
์
์
ื่
ู
ิ
์
ิ
ิ
ี
ิ
กับกาวอัดให้แนน ลักษณะการผลตตัวต้านทานประเภทอโลหะ แบ่งออกได้ 2 ชนด ดังน้ ตัวต้านทานชนดคารบอน (Carbon Resistor)
่
์
ิ
ิ
และตัวต้านทานชนดฟล์มคารบอน (Carbon Film Resistor)
ิ
่
ู
ี
ื
ิ
็
่
1. ตัวตานทานชนิดคารบอน เปนตัวต้านทานทผลตขึ้นมาใช้งานในสมัยเร่ม แรก และถกใช้งานเรอยมา ใน
์
้
ุ
ั
ปจจุบันตัวต้านทานชนดน้มการผลตมาใช้งานลดลง การผลตโดยน าผงคารบอนผสมกับกาวและวัสดพวกฉนวน อัดรวมกันให้
ิ
ิ
ิ
์
ี
ี
ื
็
ิ
์
ี
่
แนนเปนทรงกระบอก ต่อขาตัวน าออกทปลายทั้งสองด้านของคารบอนทรงกระบอก และเคลอบปดผิวด้านนอกด้วยฉนวนอีก
่
ึ
่
ชั้นหนง
์
่
่
่
ู
ค่าความต้านทานของตัวต้านทานชนดน้ ขึ้นอยูกับความหนาแนนของผงคารบอนทอัดขึ้นรป ความหนาแนน
ิ
ี
่
ี
่
่
ี่
เปลยนแปลงท าให้ความต้านทานเปลยนแปลงตามไปด้วย ถ้าความหนาแนนน้อยค่าความต้านทานต า และความหนาแนนมาก
่
ี่
ิ
ี
ี
ี
ู
ู
ี
ุ
ิ
ู
ค่าความต้านทานสง ข้อเสยของตัวต้านทานชนดน้ คือมค่าความผิดพลาดของความต้านทานสง อณหภมมผลต่อความต้านทาน
์
ิ
ู
ี
ี
่
่
่
มาก และน าไปใช้งานได้ในย่านความถต าเท่านั้น ลักษณะตัวต้านทานชนดคารบอน แสดงดังรปท 8.5
ิ
์
์
ี
่
ี
ิ
่
ิ
รูปท 8.5 ตัวต้านทานชนดคารบอน รูปท 8.6 ตัวต้านทานชนดฟล์มคารบอน
์
ี
็
ึ
่
็
ิ
ี
ิ
ิ
่
์
้
์
ิ
2. ตัวตานทานชนิดฟลมคารบอน เปนตัวต้านทานชนดคารบอนอกแบบหนงเปนชนดทผลตขึ้นมาใช้งาน
ั
ิ
์
ิ
์
่
ื
ุ
อย่างแพรหลายในปจจุบันมากกว่าชนดคารบอนแบบเดม การผลตท าได้โดยน าผงคารบอนผสมกับกาวไปเคลอบห้มแกนเซรา
ิ
มกทรงกระบอกขนาดต่างๆ น าไปตัดให้เปนเกลยวพันรอบแกนแบบต่อเนองจากปลายด้านหนงไปยังปลายอีกด้านหนง และมฝา
็
ี
ึ
ิ
่
ึ
่
ื่
ี
็
์
ื
ิ
่
ี
ุ
ึ
่
ี
ครอบโลหะครอบฟล์มคารบอนทปลายทั้งสองด้านต่อออกมาเปนขาตัวต้านทาน เคลอบผิวนอกสดด้วยฉนวนอกชั้นหนง
ิ
ี
ู
ี่
ิ
ี
ข้อเสยของตัวต้านทานชนดฟล์มคารบอน คือมค่าความต้านทานทผิดพลาดสง อุณหภมมผลต่อความ
์
ิ
ี
ู
ี
่
ี
ิ
้
ี
่
ต้านทานมาก และน าไปใช้งานได้ในย่านความถต า ข้อดของตัวต้านทานชนดน้คือใช้งานได้ดกับงานทางไฟฟาและงานทาง
ี
ิ
์
์
ิ
ิ
ี
ิ
ู
่
ู
ี
อเล็กทรอนกสทั่วไป และมราคาถก ลักษณะตัวต้านทานชนดฟล์มคารบอน แสดงดังรปท 8.6
8.3 ตัวตานทานตามรูปแบบผลิต
้
ี
่
ิ
ู
่
ตัวต้านทานถกน าไปใช้งานอย่างกว้างขวางและหลากหลายหน้าท ดังนั้นเพอให้การใช้งานเกดความสะดวก และ
ื
สามารถเลอกลักษณะตัวต้านทานไปใช้งานได้เหมาะสม บรษัทผู้ผลตตัวต้านทานจงได้ผลตตัวต้านทานขึ้นมาในหลายรปแบบ
ู
ึ
ื
ิ
ิ
ิ
ื
ู
่
้
ี่
และหลายโครงสราง ชวยอ านวยความสะดวกในการใช้งานมากขึ้น สามารถเลอกรปแบบตัวต้านทานทเหมาะสมกับงานมาก
ิ
ิ
ี่
ี
่
ุ
ุ
ิ
ู
ี
ขึ้น วัสดทน ามาใช้ในการผลตตัวต้านทานตามรปแบบผลตน้ ใช้ได้ทั้งวัสดประเภทโลหะและประเภทอโลหะ รปแบบทผลต
ู
ขึ้นมาใช้งานแบ่งออกได้ดังน้ ี
ิ
1. ตัวต้านทานชนดค่าคงท ี่
ิ
2. ตัวต้านทานชนดแบ่งค่า
ี่
ิ
ื
3. ตัวต้านทานชนดเปลยนเลอกค่า
ิ
ี่
4. ตัวต้านทานชนดปรบเปลยนค่า
ั
5. ตัวต้านทานชนดพิเศษ
ิ
่
้
8.3.1 ตัวตานทานชนิดคาคงที่
็
่
ิ
ี
ี
ิ
ตัวต้านทานชนดค่าคงท (Fixed Resistor) เปนตัวต้านทานทผลตขึ้นมาใช้งานแต่ละตัวมค่าความต้านทานคงท ี่
ี่
ิ
ู
ี
่
ึ
่
็
ตายตัว ผลตค่าออกมาใช้งานมความหลากหลาย ตั้งแต่ค่าความต้านทานต าๆ เปนเศษสวนของโอห์ม จนถงค่าความต้านทานสงๆ
ิ
ี
ุ
็
่
ุ
เปนเมกะโอห์มขึ้นไป ผลตด้วยวัสดทั้งโลหะและอโลหะ โดยเรยกชอตัวต้านทานชนดคงทตามวัสดทใช้ผลต เชน ชนดลวดพัน
ิ
ิ
่
ี
่
่
ื
ิ
ี
่
ี
ิ
็
่
ิ
์
้
ิ
่
ึ
์
ิ
ิ
ิ
ชนดฟล์มโลหะ ชนดสนมโลหะ ชนดคารบอน และชนดฟล์มคารบอน เปนต้น มค่าทนก าลังไฟฟาตั้งแต่ค่าต าน้อยกวาหนงวัตต์
ิ
ู
ี่
์
ี่
ู
ั
ึ
ิ
่
็
ู
จนถงค่าสงเปนพันวัตต์ขึ้นไป รปรางและสญลักษณตัวต้านทานชนดค่าคงท แสดงดังรปท 8.7
ิ
ิ
ิ
ิ
ิ
(ก) ชนดลวดพัน (ข) ชนดฟล์มโลหะ (ค) ชนดสนมโลหะ
ิ
(ง) ชนดคารบอน (จ) ชนดฟล์มคารบอน (ฉ) สัญลักษณ ์
์
์
ิ
ิ
ิ
่
ี
รูปท 8.7 ตัวต้านทานชนดค่าคงท ี่
ในปจจุบันอุปกรณ เครองมอ เครองใช้ทางไฟฟาและอิเล็กทรอนกสมขนาดเล็กลง ท าให้ตัวต้านทานชนดค่าคงทถูก
ิ
ี
ิ
์
ี่
้
ื่
์
ื
ื่
ั
ิ
ปรบเปลยนรปแบบให้มขนาดเล็กลงตามไปด้วย เพื่อให้เหมาะสม เกดความสะดวกต่อการน าไปใช้งาน และทันกับเทคโนโลยี
ี่
ู
ี
ั
ู
สมัยใหม ตัวต้านทานชนดค่าคงทจงถกพัฒนารปแบบให้มลักษณะแตกต่างไปเพ่มมากขึ้น เชน แบบจัดกลมขาเรยงด้านเดยว
่
ี
ี
ึ
่
ุ
ิ
่
ี
ู
่
ี
ิ
ื
ี
ื
ิ
หรอ SIL (Single in Line) แบบจัดกลุ่มขาเรยงสองด้าน หรอ DIL (Dual in Line) และแบบแปะตด SMD (Surface Mounted Devices)
ู
ี่
็
ี่
ิ
เปนต้น ตัวต้านทานชนดค่าคงทแบบใหม่ แสดงดังรปท 8.8
ิ
(ก) แบบจัดกลุ่ม SIL (ข) แบบจัดกลุ่ม DIL (ค) แบบแปะตด SMD
รูปท 8.8 ตัวต้านทานชนดค่าคงที่แบบใหม่
ิ
่
ี
่
้
่
8.3.2 ตัวตานทานชนิดแบงคา
็
ี่
ี
ิ
ตัวต้านทานชนดแบ่งค่า (Tapped Resistor) เปนตัวต้านทานทผลตขึ้นมาใช้งานแต่ละตัวมค่าคงทตายตัว
่
ี
ิ
่
ี่
่
ี
ิ
่
ิ
ี่
เชนเดยวกับตัวต้านทานชนดคงท แต่แยกจ านวนขาคงทออกมาจากตัวต้านทานเพ่มขึ้นมากกวา 2 ขาขึ้นไป เชน 3 ขา 4 ขา และ 5
่
ี
็
ขา เปนต้น ความต้านทานทต่อแยกออกมา ต่อแบบอนกรมเรยงกันไป ตามค่าทก าหนดไว้ ตัวต้านทานชนดน้เปนชนดลวดพัน
ุ
ี
ี่
ี
็
ิ
ิ
ิ
ี
ั
ี
ิ
ิ
่
ื
ิ
ผลตด้วยโลหะหลายชนด หรอโลหะหลายชนดผสมรวมกัน เชน นกเกล สงกะส แคดเมยม ทองแดง โครเมยม และแมงกานส
ิ
ี
ี
่
ู
็
้
่
ิ
เปนต้น จะใช้โลหะชนดใดผสมกันขึ้นอยูกับจุดประสงค์ของการใช้งาน เชน ทนความรอนสง ทนกระแสสง หรอทนแรงดัน
ู
ื
ี
สง เปนต้น ผลตมาใช้งานมความต้านทานหลากหลายค่า ตั้งแต่ค่าต าน้อยกวาโอห์มจนถงค่าสงเปนเมกะโอห์มขึ้นไป และ
่
ู
็
็
ู
ิ
ึ
่
ู
ู
ิ
์
ผลตให้มค่าทนก าลังไฟฟาสงจากเปนวัตต์ จนถงเปนพันวัตต์ขึ้นไป รปรางและสญลักษณตัวต้านทานชนดแบ่งค่า แสดงดังรปท ่ ี
ู
ี
ึ
่
ิ
็
ั
้
็
8.9
ู
(ก) รปราง (ข) สัญลักษณ ์
่
ิ
่
ี
รูปท 8.9 ตัวต้านทานชนดแบ่งค่า
่
ื
้
8.3.3 ตัวตานทานชนิดเปลี่ยนเลอกคา
่
ิ
ี
ี่
ิ
็
ี
่
ตัวต้านทานชนดเปลยนเลอกค่า (Adjustable Resistor) เปนตัวต้านทานทผลตขึ้นมาแต่ละตัวมค่าคงทตายตัว
ี
ื
่
่
ี
ื
่
คล้ายกับตัวต้านทานชนดแบ่งค่า ขาทสามทเพ่มเข้ามาสามารถเปลยนต าแหนงเลอกค่าความต้านทานใหมได้ตามต้องการ ตัว
่
ิ
ี
ี
่
ิ
ต้านทานชนดน้เปนชนดลวดพัน โดยพันเสนลวดโลหะรอบแกนเซรามกรปทรงกระบอก มสวนหนงของเสนลวดไม่ได้ห้ม
ู
ึ
่
็
้
ิ
ิ
ุ
ิ
ี
่
ี
้
็
ึ
ุ
ี่
ั
ฉนวน ขาทสามเปนปลอกโลหะสวมล้อมรอบ มสวนหนงสัมผัสกับเส้นลวดไม่ได้ห้มฉนวนบนตัวต้านทาน สามารถปรบเลอนไป
ี
่
ื่
่
ั
ื่
ี
้
้
่
ี่
่
มาได้ตามต้องการ มสกรขันยึดปลอกโลหะให้สมผัสแนนกับเสนลวดทตัวต้านทาน เพื่อปองกันการเลอนเปลยนต าแหนง ตัว
ี่
ู
ต้านทานชนดน้ผลตมาใช้งานมความต้านทานหลากหลายค่า ตั้งแต่ค่าต าน้อยกวาโอห์มจนถงค่าสงเปนเมกะโอห์มขึ้นไป
ึ
ู
็
ี
่
ิ
่
ิ
ี
็
็
เชนเดยวกัน มค่าทนก าลังไฟฟาวัตต์สงเปน 10 วัตต์ จนถงเปนพันวัตต์ขึ้นไป รปรางและสญลักษณตัวต้านทานชนดเปลยน
ู
ิ
ี่
้
ึ
ี
์
ู
ั
ี
่
่
ู
ื
ี่
เลอกค่า แสดงดังรปท 8.10
่
ู
(ก) รปราง (ข) สัญลักษณ ์
ี่
ื
ิ
ี
่
รูปท 8.10 ตัวต้านทานชนดเปลยนเลอกค่า
่
ั
้
8.3.4 ตัวตานทานชนิดปรบเปลี่ยนคา
ี่
ิ
็
ี
่
ั
่
ตัวต้านทานชนดปรบเปลยนค่า (Variable Resistor) เปนตัวต้านทานทผลตขึ้น มาแต่ละตัวมค่าคงทตายตัว
ิ
ี
ี
ิ
ื
ี
่
ี
ื
ี
่
ิ
คล้ายกับตัวต้านทานชนดเปลยนเลอกค่า โดยมขาทสามเพ่มเข้ามา เพอปรบเปลยนค่าความต้านทานใหมได้อย่างอสระ ตั้งแต่
ิ
่
่
่
ั
ี
่
ึ
ุ
่
ี
ี
ิ
ุ
ู
ุ
ื่
ค่าความต้านทานต าสด ไปจนถงค่าความต้านทานสงสดอย่างต่อเนองทุกเวลาตามความต้องการ วัสดทน ามาใช้ผลตมทั้ง
์
่
ุ
้
่
ี
ประเภทอโลหะและประเภทโลหะ ประเภทอโลหะผลตจากวัสดจ าพวกคารบอน มค่าการทนก าลังไฟฟาต า สวนประเภทโลหะ
ิ
็
ู
ี
้
ิ
ี
ิ
ี
ิ
้
ิ
เปนชนดลวดพันผลตจากลวดนกเกลและแคดเมยม แบบน้ผลตให้ทนก าลัง ไฟฟาสงๆ ได้ โครงสรางม 2 แบบ คือแบบวงกลม
ิ
ั
ื่
ทรงกระบอก (ใช้ปรบหมุนรอบตัว) และแบบแท่งสเหลยมผืนผ้ายาว (ใช้ปรบเลอนไปมา) มขาต่อออกมาใช้งาน 3 ขา ขากลาง
ี่
ี่
ี
ั
่
ั
ู
ู
็
์
ิ
ี่
ี่
ั
เปนขาสามารถปรบเปลยนค่าได้ รปรางและสัญลักษณตัวต้านทานชนดปรบเปลยนค่า แสดงดังรปที่ 8.11
ั
ั
ื่
ั
์
์
(ก) ปรบหมุนคารบอน (ข) ปรบหมุนลวดพัน (ค) ปรบเลอนคารบอน (ง) สัญลักษณ ์
ิ
ั
ี่
่
ี
รูปท 8.11 ตัวต้านทานชนดปรบเปลยนค่า
้
8.3.5 ตัวตานทานชนิดพิเศษ
่
ี
ิ
ี่
้
ตัวต้านทานชนดพิเศษ (Special Resistor) เปนตัวต้านทานทสรางขึ้นมาใช้งานในหน้าทเฉพาะอย่าง ตาม
็
คุณสมบัตทต้องการ ใช้วัสดในการผลตแตกต่างกันออกไป มชอเรยกตัวต้านทานทแตกต่างกันตามการท างาน และตามค่าของ
ี
ี
ื่
ี่
ี่
ุ
ิ
ิ
ิ
ี
ี
่
ี
พลังงานทใช้ในการควบคุมการท างานของตัวต้านทานชนดนั้น สงผลให้ค่าความต้านทานเปลยนแปลงไป มด้วยกันหลาย
่
่
ี่
่
ิ
์
์
ชนด เชน เทอรมสเตอร (Thermistor) วารสเตอร (Varistor) และตัวต้านทานเปลยนค่าตามแสง (Light Dependent Resistor ; LDR)
ิ
์
ิ
็
เปนต้น
์
1. เทอรมิสเตอร เปนตัวต้านทานชนดพิเศษทค่าความต้านทานภายในตัวเอง สามารถเปลยนแปลงได้ตามค่า
็
์
ี่
ิ
ี่
ี
ิ
ุ
ู
ิ
ี่
ี่
ั
ิ
ี่
่
ี
อุณหภมทได้รบ ค่าความต้านทานทเปลยนแปลงไปแตกต่างกันตามชนดของวัสดทใช้ผลต วัสดทใช้ผลตมทั้งโลหะและสนม
ุ
ี่
ิ
ิ
่
ู
์
ิ
์
้
ี
ี่
โลหะ รปรางทสรางมาใช้งานมความแตกต่างกันไปหลายแบบ ขึ้นอยูกับความเหมาะสมในการใช้งาน เทอรมสเตอรแบ่งได้ 2
่
ิ
ิ
ุ
ิ
็
ชนด คือ ชนดสัมประสทธอุณหภมเปนบวก (Positive Temperature Coefficients ; PTC) ค่าความต้านทานเพ่มขึ้น เมออณหภมเพ่มขึ้น
ิ
ิ
ิ
ู
ิ
ู
ิ
์
่
ื
่
ู
ิ
็
ิ
ี
ิ
ิ
่
ุ
็
ี
วัสดทใช้ผลต เชน แบเรยม สตรอนเทยม และตะกั่วไททาเนต เปนต้น อีกชนดคือ ชนดสมประสทธอุณหภมเปนลบ (Negative
ั
ิ
ี
์
ิ
ิ
ิ
ื
่
Temperature Coefficients ; NTC) ค่าความต้านทานเพ่มขึ้น เมออุณหภูมลดลง วัสดทใช้ผลต เชน ทองแดง นกเกล แมงกานส เหล็ก
ิ
ี
่
ิ
ิ
ี่
ุ
ิ
์
่
ู
ู
็
์
์
และโคบอลต์ เปนต้น รปรางและสัญลักษณของเทอรมสเตอร แสดงดังรปที่ 8.12
+t o
PTC
-t o
NTC
ิ
่
ู
ู
่
ิ
(ก) รปรางชนด PTC (ข) รปรางชนด NTC (ค) สัญลักษณ ์
ิ
์
่
ี
รูปท 8.12 เทอรมสเตอร ์
ี่
ื
2. วารสเตอร หรอตัวตานทานเปลี่ยนคาตามแรงดัน (Voltage Dependent Resistor ; VDR) เปนตัวต้านทานทค่า
็
ิ
่
้
์
ั
ความต้านทานสามารถเปลยนแปลงได้ ตามค่าแรงดันทปอนเข้ามา วารสเตอรมาจากค าเต็มวาตัวต้านทานปรบเปลยนค่า (Variable
์
่
ี่
ิ
้
ี่
ี่
ิ
ิ
Resistor = Varistor) คุณสมบัตของวารสเตอรท างานตรงข้ามกับแรงดัน ดังน้ ความต้านทานของวารสเตอรจะลดลงเมอแรงดัน
ื่
ี
์
์
ิ
ื
่
็
ิ
่
ิ
ิ
ิ
ี
์
ิ
ี
เพ่มขึ้น ในกรณทแรงดันเพ่มขึ้นอย่างต่อเนอง ค่าความต้านทานของวารสเตอรจะลดลงรวดเรว จากคุณสมบัตดังกล่าววารสเตอร ์
ิ
็
เหมาะสมกับการใช้งานเปนตัวปองกันแรงดันกระโชก นยมน าไปใช้งานเปนอุปกรณปองกันฟาผ่า และชวยคายประจุของไฟฟา ้
้
็
่
้
้
์
ุ
็
ี่
ิ
ี
สถต เปนต้น วัสดทน ามา ใช้ผลตวารสเตอร มทั้งชนดสนมโลหะ ถกเรยกวาวารสเตอรชนดสนมโลหะ (Metal Oxide Varistor ; MOV)
ู
ิ
ิ
์
ิ
ี
ิ
์
ิ
ิ
ิ
่
ิ
์
ี
ึ
่
ุ
่
ิ
่
์
ี
ิ
ี
ั
ิ
ุ
ิ
วัสดทใช้ได้แก่ สนมสงกะส (Zinc Oxide ; ZnO) และวารสเตอรชนดสารกงตัวน า (Semi conductor) วัสดทใช้ได้แก่ ซลคอนคารบอน
ู
ู
์
์
ิ
่
(Silicon Carbon ; SiC) รปรางและสัญลักษณของวารสเตอร แสดงดังรปที่ 8.13
V
่
ู
ิ
ิ
ู
่
ิ
(ก) รปรางชนดขา (ข) รปรางชนดแปะตด SMD (ค) สัญลักษณ ์
ิ
ี
่
รูปท 8.13 วารสเตอร ์
ี่
่
้
ี่
3. ตัวตานทานเปลี่ยนคาตามแสง (LDR) เปนตัวต้านทานทค่าความต้านทานสามารถเปลยนแปลงค่าได้ตาม
็
ี
แสงสวางทมาตกกระทบ แสงสวางตกกระทบน้อย LDR มความต้านทานสง และแสงสวางตกกระทบมาก LDR มความ
ี
่
่
ู
่
ี่
่
ิ
่
ุ
ิ
ต้านทานต า วัสดทใช้ผลตตัว LDR ท ามาจากสารกงตัวน าหลายชนดผสมกัน เชน แคดเมยมซัลไฟล์ (Cadmium Sulfide ; CdS)
ี่
ึ
่
ี
ี
ี
ี่
ี
ู
็
์
่
และแคดเมยมซลไนด์ (Cadmium Selenide ; CdSe) เปนต้น รปรางและสัญลักษณของตัวต้านทานเปลยนค่าตามแสง แสดงดังรปที่
ู
8.14
ู
(ก) รปราง (ข) สัญลักษณ ์
่
ี่
รูปท 8.14 ตัวต้านทานเปลยนค่าตามแสง (LDR)
่
ี
้
8.4 การอานความตานทานจากรหัสตัวเลขตัวอักษร
่
ี
ิ
ตัวต้านทานทผลตขึ้นมาใช้งานทุกตัว จะต้องมค่าความต้านทานบอกไว้ เพื่อให้ทราบค่าความต้านทานของตัว
่
ี
ึ
่
ี่
ิ
ื
ี
ู
ต้านทานตัวนั้น สามารถเลอกค่าไปใช้งานได้ง่ายและถกต้อง การบอกค่าความต้านทานบอกได้หลายวธ วธหนงทนยมใช้งาน
ิ
ิ
ี
็
็
ได้แก่ บอกค่าความต้านทานไว้เปนตัวเลขและตัวอักษร แบ่งได้เปน 3 แบบ คือ แบบบอกค่าความต้านทานออกมาโดยตรง
็
แบบบอกค่าความต้านทานเปนรหัสตัวเลขตัวอักษร และแบบใช้รหัส EIA96 การอ่านค่าความต้านทานในแต่ละแบบจะแตกต่าง
กันไป
8.4.1 บอกคาความตานทานออกมาโดยตรง
้
่
ตัวต้านทานทบอกค่าออกมาโดยตรง จะพิมพ์ค่าความต้านทานลงบนตัวต้านทานตามค่าความต้านทานของตัว
ี่
ี
ื
้
ั
้
่
์
็
ต้านทานตัวนั้น พรอมทั้งแสดงหนวยก ากับไว้เปน , k หรอ M บางคร้งมค่าการทนก าลังไฟฟา และค่าเปอรเซนต์ความ
็
์
ผิดพลาดก ากับไว้ด้วยก็ได้ ตัวต้านทานบางแบบอาจใช้ตัวอักษรก ากับไว้บอกค่าเปอรเซนต์ความผิดพลาดแทนตัวเลข ม ี
็
ี่
ี่
ี
ตัวอักษรภาษา อังกฤษทใช้บอกค่า 9 ตัว ได้แก่ A, B, C, D, F, G, J, K และ M มความหมายความผิดพลาด แสดงดังตารางท 8.2
์
็
ตารางที่ 8.2 ค่าเปอรเซนต์ความผิดพลาดแสดงด้วยตัวอักษรภาษาอังกฤษ
่
ตัวอักษร คาความผิดพลาด (%)
A 0.05%
B 0.1%
C 0.25%
D 0.5%
F 1%
G 2%
J 5%
K 10%
M 20%
่
ี
ี
ี่
ี
ิ
ิ
ี
วธบอกค่าความต้านทานบนตัวต้านทานด้วยวธน้มความแตกต่างกันไป การอานค่าความต้านทานทก ากับไว้ จะต้อง
็
็
่
่
ี่
้
ึ
ี่
่
พิจารณาถงค่าทบอกไว้ ว่าสวนใดเปนค่าความต้านทาน สวนใดเปนค่าก าลังไฟฟา และสวนใดเปนค่าความผิดพลาด ค่าทก ากับ
็
่
ไว้บางแบบบอกครบทุกค่า บางแบบบอกไว้เพียงบางสวน การอ่านค่าจะต้องพิจารณาจากตัวต้านทานแต่ละตัวไป แสดงไว้ดัง
ี่
ี่
ตัวอย่างท 8.1 และตัวอย่างท 8.2
ี
่
ตัวอยางที่ 8.1 จงอ่านค่าความต้านทานของตัวต้านทานที่บอกค่าไว้โดยตรงต่อไปน้
470 k = ความต้านทาน 470 k
2 M K = ความต้านทาน 2 M ค่าผิดพลาด 10%
10W 200 J = ทนก าลังไฟฟ้าได้ 10 W ความต้านทาน 200 ค่าผิดพลาด 5%
20W 390 K K = ทนก าลังไฟฟ้าได้ 20 W ความต้านทาน 390 k ค่าผิดพลาด 10%
= ความต้านทาน 10 ค่าผิดพลาด 5% ทนก าลังไฟฟ้าได้ 2 W
= ทนก าลังไฟฟ้าได้ 6 W ความต้านทาน 0.1 ค่าผิดพลาด 5%
= ทนก าลังไฟฟ้าได้ 5 W ความต้านทาน 0.33 ค่าผิดพลาด 5%
ตอบ
่
การบอกค่าความต้านทานบางแบบจะใช้ตัวอักษรเข้ารวมแสดงการบอกค่าด้วย นอกจากใช้บอกค่า
ิ
ู
ิ
์
็
้
เปอรเซนต์ความผิดพลาดแล้ว ยังแสดงค่าไว้ในรปจุดทศนยมของเลขฐานสบ พรอมทั้งบอกหนวยความต้านทานในรปตัวคูณ
ู
่
ี
ื
่
่
ิ
รวมด้วย ตัวอักษรทนยมใช้ คือ R, K, M และ E ตัวอักษรเหลาน้เมออยูหน้า อยู่กลาง หรออยู่หลัง ตัวอักษรแสดงค่าเปนจุด
็
่
ี่
่
ื
ี
ี
่
ี
็
ิ
ิ
ทศนยม นอกจากนั้นยังแสดงค่าเปนตัวคูณ (จ านวนค่าเลขศูนย์ทเตมเข้าไป) ด้วย ตัวอักษรแต่ละตัวมความหมายดังน้
็
ี
ตัวอักษร R มค่าเปนตัวคูณ = x1
ตัวอักษร K มค่าเปนตัวคูณ = x10
ี
็
3
ี
็
ตัวอักษร M มค่าเปนตัวคูณ = x10
6
ตัวอักษร E แทนเครองหมาย =
ื่
่
ี
ี
่
่
ตัวอยางที่ 8.2 จงอานค่าความต้านทานของตัวต้านทานทบอกค่าไว้โดยตรงต่อไปน้
1M0 = ความต้านทาน 1 M
4R7 K = ความต้านทาน 4.7 ค่าผิดพลาด 10%
2W 2K2 E = ทนก าลังไฟฟ้า 2 W ความต้านทาน 2.2 k
430E 3W J = ความต้านทาน 430 ทนก าลังไฟฟ้าได้ 3 W ค่าผิดพลาด 5%
0E25 10W J = ความต้านทาน 0.25 ทนก าลังไฟฟ้าได้ 10 W ค่าผิดพลาด 5%
= ทนก าลังไฟฟ้าได้ 5 W ความต้านทาน 50 ค่าผิดพลาด 5%
= ทนก าลังไฟฟ้าได้ 2 W ความต้านทาน 2.7 k ค่าผิดพลาด 10%
ตอบ
8.4.2 บอกคาเปนรหัสตัวเลขตัวอักษร
็
่
่
ี
่
่
ตัวต้านทานบางแบบตัวเลขและตัวอักษรทก ากับไว้บนตัวต้านทานเหลานั้น ไมได้บอกค่าความต้านทาน
ี่
ู
็
ออกมาโดยตรง เพราะค่าทแสดงไว้บนตัวต้านทานบอกค่าออกมาในรปรหัส ต้องน ามาแปลงรหัสให้กลับมาเปนค่าความต้านทาน
ก่อนทจะอานค่าออกมา การอานค่ามหลายวธแตกต่างกันไป รหัสค่าความต้านทานมักถกแสดงไว้ในรปตัวเลข และตัวอักษร
ี
ู
ู
ิ
ี
ี
่
่
่
ี
่
ี
ื
เขียนเรยงกัน 3 หรอ 4 ตัว การอานค่าแต่ละแบบท าได้ดังน้
1. แบบตัวเลข 3 ตัว และอาจเพิ่มตัวอักษร 1 ตัว การอ่านค่า ให้อ่านตัวเลขจากซ้ายมอไปขวามอ ตัวเลข 2 ตัว
ื
ื
่
็
แรกด้านซ้ายมออ่านค่าออกมาได้โดยตรง ตัวเลขตัวท 3 แสดงจ านวนเลขศูนย์ (0) ทต้องเตมเข้าไป อ่านค่าออกมามหนวยเปน
ื
ี่
ิ
ี
ี่
์
่
ู
็
่
ี
โอห์ม () สวนตัวอักษรมักจะแสดงค่าไว้ในสวนของค่าเปอรเซนต์ความผิดพลาด วิธการอ่านค่าแสดงดังรปที่ 8.15
1 = 4 1 = 1
2 = 7 2 = 0
2 = 00 3 = 000
+
F = 1% J = 5%
+
-
-
472F R = 4,700 = 4.7 k R = 10,000 = 10 k
1% 5%
+
+
-
-
(ก) ตัวต้านทานทั่วไป (ข) ตัวต้านทานแบบ SIL
1 = 1 1 = 3
= . ( ) 2 = 9
2 = 6 = 0000
1R6 R = 1.6 394 R = 390,000 = 390 k
ิ
(ค) ตัวต้านทานแบบแปะตด SMD
ี
่
รูปท 8.15 การอ่านค่ารหัสตัวต้านทานแบบตัวเลข 3 ตัว
ื
กรณทตัวต้านทานมค่าต ากว่า 10 โอห์มลงมา จะใช้ตัวอักษร R วางไว้เปนตัวแรกหรอตัวทสองแทนตัวเลข เพื่อแสดง
ี่
ี
ี่
็
ี
่
่
ิ
่
็
่
ี
ค่าเปนจุดทศนยม () สวนตัวเลขทั้งสองตัวทแสดงค่าไว้ อานค่าออกมาได้โดยตรง
่
ี
่
ี
่
ตัวอยางที่ 8.3 จงอานค่าความต้านทานของตัวต้านทานทบอกค่าไว้ด้วยรหัสต่อไปน้
R18 = ความต้านทาน 0.18
7R5 = ความต้านทาน 7.5
ื
33R หรอ 330 = ความต้านทาน 33
ื
222 = ความต้านทาน 22 x 100 = 2,200 หรอ 2.2 k
470F = ความต้านทาน 47 ค่าผิดพลาด 1%
ื
ความต้านทาน 82 x 100,000 = 8,200,000 หรอ 8.2 M
825D =
ค่าผิดพลาด 0.5%
ตอบ
2. แบบตัวเลข 4 ตัว นยมใช้กับตัวต้านทานแบบแปะตด SMD การอ่านค่าให้อ่านตัวเลขจากซ้ายมอไป
ิ
ิ
ื
ิ
ขวามอ ตัวเลข 3 ตัวแรกจากซ้ายมออ่านค่าได้โดยตรง ตัวเลขตัวท 4 แสดงจ านวนเลขศูนย์ (0) ทต้องเตมเข้าไป กรณทตัว
ี่
ี่
ื
ี่
ื
ี
ิ
ื
ี่
็
ี่
ต้านทานมค่าต ากว่า 10 โอห์มลงมา ให้ใช้ตัวอักษร R วางไว้เปนตัวทสองหรอตัวทสามแทนตัวเลข เพื่อแสดงค่าเปนจุดทศนยม
็
่
ี
ี่
ิ
่
่
็
ุ
ิ
() สวนตัวเลขสองตัวแรกอ่านค่าออกมาโดยตรง ตัวเลขตัวสดท้ายเปนจ านวนเลขศูนย์ (0) ทต้องเตมเข้าไปเชนเดม ค่าทอ่าน
ี่
่
ี
็
ื
ี
ออกมาได้มหนวยเปนโอห์ม () ค่าความผิดพลาดของตัวต้านทานแบบ 4 ตัวเลข มค่าประมาณ 1% หรอน้อยกว่า
่
่
ี
ี
่
ตัวอยางที่ 8.4 จงอานค่าความต้านทานของตัวต้านทานทบอกค่าไว้ด้วยรหัสต่อไปน้
0 . 56
0R56
= ความต้านทาน 0.56
91 . 0
91R0
= ความต้านทาน 91
330x1
3300 = ความต้านทาน 330 x 1 = 330
16R9 = ความต้านทาน 16.9
2
7322 = ความต้านทาน 732 x 10 = 73,200 = 73.2 k
4123 = ความต้านทาน 412 x 10 = 412,000 = 412 k
3
4
4304 = ความต้านทาน 430 x 10 = 4,300,000 = 4.3 M
ตอบ
ั
ื
ิ
้
ี่
ิ
3. แบบใชรหัส EIA96 หรอรหัส E – 96 เพราะในปจจุบันตัวต้านทานชนดแปะตด SMD ทพัฒนามาใช้งานม ี
ุ
์
ิ
ี
ิ
ิ
ขนาดย่งเล็กลงเพ่มขึ้น เปนผลมาจากการพัฒนาเทคโนโลยในการผลตอปกรณอเล็กทรอนกส ท าให้หลายบรษัทผลตตัว
ิ
ิ
ิ
์
ิ
็
ื
ิ
ิ
่
ต้านทานชนดแปะตด SMD ออกมาใช้งาน ได้คิดค้นรหัสบอกค่าความต้านทานใหม่ๆ ออกมา เพอให้มความกะทัดรดมากขึ้น
ี
ั
ี
ี
ี่
พิมพ์ขนาดตัว อักษรได้ขนาดใหญขึ้น รหัสแบบใหมทน ามาใช้งาน ได้แก่ รหัส EIA96 ตัวต้านทานทใช้รหัสชนดน้จะบอกค่าเปน
่
ิ
็
่
่
ิ
ี
ี่
ื
ตัวเลข 2 ตัวแรก และตัวอักษร 1 ตัวหลัง มความผิดพลาดไม่เกน 1% หรอน้อยกว่า การอ่านค่าความต้านทานต้องน ารหัสทบอก
ี่
ไว้ไปเปดตารางเทียบค่า รหัสตัวเลข 2 ตัวแรกบอกค่าความต้านทาน และตัวอักษร 1 ตัวหลังบอกค่าตัวคูณ (จ านวนศูนย์ทเตม)
ิ
ิ
ี
ี
ี่
่
ี่
ู
็
ี่
ี
ค่าทอ่านออก มาได้มหนวยเปนโอห์ม () ตารางเทยบค่า แสดงดังตารางท 8.3 และตารางท 8.4 วิธการอ่านค่าแสดงดังรปที่ 8.16
ู
ตารางที่ 8.3 ตารางค่าความต้านทานแสดงในรปรหัสตัวเลขของรหัส EIA96
่
่
่
รหัส คา รหัส คา รหัส คา รหัส คา รหัส คา
่
่
01 100 21 162 41 261 61 422 81 681
02 102 22 165 42 267 62 432 82 698
03 105 23 169 43 274 63 442 83 715
04 107 24 174 44 280 64 453 84 732
05 110 25 178 45 287 65 464 85 750
06 113 26 182 46 294 66 475 86 768
07 115 27 187 47 301 67 487 87 787
08 118 28 191 48 309 68 499 88 806
09 121 29 196 49 316 69 511 89 825
10 124 30 200 50 324 70 523 90 845
11 127 31 205 51 332 71 536 91 866