้
ี
แผนการสอน/แผนการเรยนรูภาคทฤษฏ
ี
ู
ี
้
ี
แผนการสอน/การเรยนรภาคทฤษฎ บทท 2
ี่
ี่
ชอวิชา งานไฟฟาและอเล็กทรอนกสเบ้องต้น สอนสัปดาห์ท 2-
ื่
ื
์
ิ
้
ิ
(Basic Electricity and Electronic) 3
ื
้
ื
่
ื
่
ื
ชอหน่วย เครองมอวัดไฟฟาเบ้องต้น คาบรวม 8
ื
ื
ื
้
่
ื่
ื่
ชอเรอง. เครองมอวัดไฟฟาเบ้องต้น จ านวนคาบ 8
้
ื่
หัวขอเรอง
้
้
ดานความรู
1. ชนดเครองมอวัดไฟฟาเบ้องต้น
ื
ื
่
้
ิ
ื
2. มัลตมเตอรชนดแอนะลอก
ิ
์
ิ
ิ
3. สเกลหน้าปดมัลตมิเตอรชนดแอนะลอก
ิ
ิ
ั
์
4. การใช้งานมัลตมเตอรชนดแอนะลอก
ิ
ิ
์
ิ
5. มัลตมเตอรชนดดจตอล
ิ
ิ
์
ิ
ิ
ิ
6. การใช้งานมัลตมเตอรชนดดจตอล
ิ
ิ
์
ิ
ิ
ิ
7. บทสรป
ุ
้
ดานทักษะ
1. การวัดแรงดันไฟตรงด้วยมัลตมิเตอร ์
ิ
2. การวัดแรงดันกระแสตรงด้วยมัลตมเตอร ์
ิ
ิ
3. การวัดความต้านทานด้วยมัลตมเตอร ์
ิ
ิ
้
ิ
ดานคุณธรรม จรยธรรม
1. เตรยมความพรอมด้าน วัสด อุปกรณสอดคล้องกับงานได้อย่างถูกต้อง
ี
้
ุ
์
ื
ิ
้
ี
่
็
ื
2. มความรบผิดชอบ ปฏบัตงานได้อย่างถกต้องในเรองเครองมอวัดไฟฟาเบ้องต้น และส าเรจภายใน เวลาทก าหนดอย่าง
ั
่
ื
ู
ิ
ี
่
ื
มเหตุและผลตามหลักปรชญาเศรษฐกจพอเพียง
ิ
ี
ั
สาระสาคัญ
์
ิ
้
้
ู
ิ
็
้
ิ
ิ
มัลตมเตอรเปนมเตอรใช้วัดปรมาณไฟฟาหลายชนด ถกสรางขึ้นมาเพออ านวยความสะดวกต่อผู้ใช้ โครงสรางของมัลต ิ
์
่
ื
ิ
่
์
่
่
ิ
์
ุ
ี
ิ
ิ
มเตอรประกอบด้วยสวนประกอบของอปกรณหลายชนดแต่ละชนดมขนาดเล็กและบอบบาง ย่งในสวนเคลอนไหวย่งต้อง
ื
ิ
ิ
ิ
ระมัดระวัง เพราะช ารดเสยหายได้ง่าย หากถูกกระทบกระเทอนแรงๆ การน าไปใช้งานต้องมความระมัดระวังในเรองปรมาณ
ี
ุ
ื่
ี
ื
่
ิ
ุ
่
้
ู
ี
่
่
่
ิ
ี
่
ี
ี
้
่
ี
ไฟฟาทจะวัด ต้องไมมากเกนกวาย่านทตั้งวัด กรณทไมทราบค่าปรมาณไฟฟาทจะวัดควรตั้งย่านวัดสงสดไว้ก่อน
ื
ิ
้
ิ
็
ิ
์
การวัดปรมาณไฟฟาชนดไฟกระแสตรง ( DC ) ไม่ว่าเปนแรงดันหรอกระแส ขณะต่อมัลตมเตอรวัดวงจรไฟฟานั้นๆ ต้อง
้
ิ
ึ
่
ึ
ื
์
ึ
ิ
ี
ค านงถงขั้วของมัลตมเตอร และขั้วแรงดันของแหลงจ่ายในวงจร ต้องเหมอนกันโดยยดหลักการต่อวัดดังน้ ใกล้บวกต่อบวก ใกล้
ิ
่
ึ
ิ
่
ิ
้
็
ลบต่อลบ จงสามารถวัดค่าปรมาณนั้นๆได้ สวนปรมาณไฟฟาชนดไฟกระแสสลับ ( AC ) ไม่วาเปนแรงดันหรอกระแสขณะ
ื
ิ
ิ
ึ
ิ
่
์
ิ
ิ
ึ
้
์
่
ต่อมัลตมเตอรวัดวงจรไฟฟานั้นๆ ไมต้องค านงถงขั้วของมัลตมเตอรและขั้วแรงดันของแหลงจ่ายในวงจร
ิ
ิ
ิ
ู
ี
ึ
่
้
ความส าคัญอกประการหนงคือการตั้งย่านวัดปรมาณไฟฟา ต้องตั้งย่านวัดปรมาณให้ถกต้องตามชนดของปรมาณไฟฟา ้
ิ
ี
ุ
นั้นๆ เพราะการตั้งย่านวัดผิดชนดอาจมผลท าให้มัลตมเตอรช ารดเสยหายได้ และการตั้งย่านวัดทเหมาะสมเปนส่งจ าเปนเชนกัน
ี
่
่
็
ิ
์
ิ
ิ
็
ี
ิ
ิ
ิ
่
ู
่
์
้
ี
ั
จะชวยให้การอานค่าการวัดมความถกต้องมากขึ้น การวัดปรมาณไฟฟาบางอย่างต้องท าการปรบแต่งมเตอรก่อนการวัดค่าเสมอ
่
ิ
ู
ั
ั
์
เชน การวัดความต้านทาน การวัดจะถกต้องได้ ก่อนการวัดค่าต้องปรบแต่งมเตอรก่อนทุกคร้ง
่
ออสซลโลสโคป สรางขึ้นมาเพอวัดแรงดันของสญญาณ วัดเวลาของสญญาณ วัดความถของสญญาณ และดรปรางของ
ื
ี
่
ั
ิ
ู
ั
ู
้
ั
่
่
ึ
ี
ิ
่
่
ุ
ี
ิ
ั
่
ื
ื
็
่
ี
สญญาณ ออสซลโลสโคปทผลตขึ้นมามหลายรน หลายแบบและหลายยห้อ จ าเปนต้องท าการศกษาคูมอการใช้เครองให้เข้าใจ
ิ
ก่อนน าออสซลโลสโคปไปใช้งาน
ี
ี
ื
เครองก าเนดสญญาณและความถ ท าหน้าทให้ก าเนดสญญาณรปรางต่างๆ ขึ้นมา เปนสญญาณทมมาตรฐาน สามารถควบคุม
ั
ี
่
็
ั
ิ
ิ
ั
่
ี
่
ู
่
่
ี
่
็
ิ
ี
ั
่
่
ั
ปรบแต่งได้ทั้งระดับความแรง และความถ โดยท าหน้าทเปนแหลงก าเนด สญญาณมาตรฐาน เพื่อใช้งานในการตรวจสอบ
ื
ี
ี
ปรบแต่ง วัดเปรยบเทยบค่าหรอใช้อ้างอิง
ั
สมรรถนะอาชพประจ าหนวย (ส่งทต้องการให้เกดการประยุกต์ใช้ความร ทักษะ คุณธรรม เข้าด้วยกัน)
ี
่
่
ี
ิ
้
ู
ิ
1. การวัดแรงดันไฟตรงด้วยมัลตมิเตอร ์
ิ
2. การวัดแรงดันกระแสตรงด้วยมัลตมเตอร ์
ิ
ิ
3. การวัดความต้านทานด้วยมัลตมเตอร ์
ิ
ิ
์
ค าศพทสาคัญ
ั
้
ื
ื่
เครองมอวัดไฟฟา Electrical Instruments
ิ
์
ิ
มัลตมเตอร Multimeter
์
ิ
ิ
ิ
มัลตมเตอรชนดแอนะลอก Analog Multimeter
Digital Multimeter
ิ
ิ
์
ิ
ิ
และมัลตมเตอรชนดดจิตอล Leakage Current
ั
ค่ากระแสร่วไหล Load Current
กระแสภาระ Load Voltage
แรงดันภาระ Selector Switch
ื
สวิตช์เลอกย่านวัด Positive Pole
Negative Pole
ขั้วบวก
Zero Ohms
ขั้วลบ
Infinity
ศูนย์โอห์ม Range
ค่าอนันต์
ย่าน
์
ี
จุดประสงคการสอน/การเรยนรู ้
• จดประสงค์ทั่วไป / บรณาการเศรษฐกิจพอเพียง
ุ
ู
่
ิ
ี
1. เพื่อให้มความรเกยวกับการใช้เครองมอวัดไฟฟาเบ้องต้น, สวนประกอบของมัลตมเตอร, สเกลหน้าปดของมัลต ิ
ั
ิ
์
ื
ี่
ื่
้
ื
้
ู
ิ
์
ิ
์
ิ
มเตอร,ข้อควรระวังในการใช้มัลตมเตอร, การวัดแรงดันไฟตรง, การวัดแรงดันไฟสลับ, การวัดกระแสไฟตรง, การวัดความ
ื่
ต้านทาน, ออสซลโลสโคป, เครองก าเนดสัญญาณและความถ (ดานความร)
ิ
ิ
้
ี่
้
ู
้
้
ี
ั
2. เพื่อให้มทักษะในการวัดแรงดันไฟฟากระแสตรงและกระแสสลับ (ดานทกษะ)
ี
ี่
3. เพื่อให้มเจตคติทดีต่อการเตรยมความพรอมด้านการเตรยม วัสด อุปกรณ และการปฏบัตงานอย่างถูกต้อง ส าเรจ
ี
ี
ิ
์
้
็
ุ
ิ
ิ
ี
ี่
ั
ิ
้
ภายในเวลาทก าหนด มเหตุและผลตามหลักปรชญาเศรษฐกจพอเพียง (ดานคุณธรรม จรยธรรม)
• จดประสงค์เชงพฤตกรรม / บรณาการเศรษฐกิจพอเพียง
ู
ุ
ิ
ิ
้
ื
ิ
ื
่
้
้
ื
ู
1. อธบายการใช้เครองมอวัดไฟฟาเบ้องต้น (ดานความร)
้
้
ู
ิ
่
์
2. วิเคราะห์สวนประกอบของมัลตมิเตอร (ดานความร)
ิ
์
ู
้
ิ
ั
้
ิ
3. อธบายสเกลหน้าปดของมัลตมเตอร (ดานความร)
ิ
ิ
ี
ู
้
้
์
4. ช้แจงข้อควรระวังในการใช้มัลตมเตอร (ดานความร)
ี
ู
ิ
้
้
5. บอกวธการวัดแรงดันไฟตรง (ดานความร)
ู
้
ี
้
ิ
6. บอกวธการวัดแรงดันไฟสลับ (ดานความร)
้
ิ
ู
้
ี
7. อธบายวิธการวัดกระแสไฟตรง (ดานความร)
ู
้
ี
ิ
้
8. อธบายวิธการวัดความต้านทาน (ดานความร)
ั
้
9. แสดงการวัดกระแสและแรงดันไฟตรง (ดานทกษะ)
้
ั
10. แสดงการวัดแรงดันไฟสลับ (ดานทกษะ)
้
้
ี
ิ
ุ
์
11. เตรยมความพรอมด้าน วัสด อุปกรณสอดคล้องกับงานได้อย่างถูกต้อง (ดานคุณธรรม จรยธรรม/บูรณาการ
ิ
เศรษฐกจพอเพียง)
12. ปฏบัตงานได้อย่างถูกต้อง และส าเรจภายใน เวลาที่ก าหนดอย่างมเหตุและผลตามหลักปรชญาของเศรษฐกิจ
็
ิ
ี
ิ
ั
้
ิ
ิ
พอเพียง (ดานคุณธรรม จรยธรรม/บูรณาการเศรษฐกจพอเพียง)
ี
้
้
ื
เนอหาสาระการสอน/การเรยนรู
ี
ู
้
• ด้านความร(ทฤษฎ)
ื
้
ื่
2.1 ชนิดเครองมอวัดไฟฟาเบ้องตน
้
ื
ื
้
์
ี่
็
่
ิ
ึ
ี่
้
การศกษาหรอการเกยวข้องทางด้านไฟฟาและอิเล็กทรอนกส จ าเปนต้องเกยวข้องกับปรมาณไฟฟาหลายชนด เชน
ิ
ิ
ิ
้
่
ั
ี
็
่
แรงดัน กระแส ความต้านทาน และก าลังไฟฟา เปนต้น ปรมาณไฟฟาเหลาน้ไมสามารถตรวจสอบตรวจวัดค่าได้ด้วยการสมผัส
้
ื
ู
่
ู
็
ิ
่
ื
ี
การได้ยินด้วยห การดด้วยตา หรอการดมกล่น การจะตรวจสอบตรวจวัดปรมาณไฟฟาเหลาน้ได้ จ าเปนต้องใช้เครองมอวัดไฟฟา
้
ื
้
ิ
่
ี่
้
่
ิ
(Electrical Instruments) ชวยในการวัดและชวยในการแสดงค่าปรมาณไฟฟาทถูกต้องออกมา
ี
่
้
ื
ื
่
เครองมอวัดไฟฟาเบ้องต้นทควรทราบ ได้แก่ มัลต ิ
ื
ื่
่
์
ื
ิ
ื
่
มเตอร (Multimeter) ซงถอได้วาเปนเครองมอวัดไฟฟาท ี่
้
ึ
็
่
้
์
็
่
ิ
จ าเปนต่อชางไฟฟา ชางอิเล็กทรอนกส และชางทจ าเปนต้อง
ี่
่
็
้
่
้
ึ
เกยวข้องกับปรมาณไฟฟาต่างๆ ซงสามารถวัดปรมาณไฟฟา
ิ
ิ
ี่
ได้หลายชนด มราคาถูก เล็กกะทัดรด พกพาไปได้สะดวก
ั
ี
ิ
ิ
มัลตมเตอรทผลตมาใช้งานแบ่งออกได้เปน 2 ชนด ได้แก่ มัล
ิ
็
ี
่
ิ
ิ
์
์
ติมเตอรชนดแอนะลอก (Analog Multimeter) เปนมัลตมเตอรท ี่
ิ
ิ
ิ
์
ิ
็
้
การแสดงค่าปรมาณไฟฟาใช้เข็มช้บ่ายเบนช้ค่าปรมาณไฟฟา (ก) มัลตมเตอรชนดแอนะลอก
้
ิ
ิ
ี
ี
ิ
ิ
์
ิ
ิ
ิ
ิ
ิ
์
ทวัดได้ออกมา และมัลตมเตอรชนดดจตอล (Digital Multimeter)
ี่
ิ
ี่
์
ิ
เปนมัลตมเตอรทการแสดงค่าปรมาณไฟฟา ใช้แสดงค่าด้วย
ิ
ิ
้
็
ตัวเลขบอกค่าปรมาณไฟฟาทวัดได้ออกมา รปรางลักษณะ มัล
ี่
ิ
้
่
ู
ิ
ิ
ิ
์
ู
ตมเตอรแต่ละชนด แสดงดังรปที่ 2.1
ิ
์
ิ
ี่
มัลตมเตอรเปนมเตอรทสามารถน าไปใช้วัดปรมาณ
ิ
์
็
ิ
ิ
้
ไฟฟาได้หลายชนด การใช้งานจ าเปนต้องต่อขั้ววัดและ
็
ั
ู
ปรบแต่งค่าให้ถกต้องก่อนน าไปใช้งาน
(ข) มัลตมิเตอรชนดดจิตอล
ิ
ิ
์
ิ
ิ
ิ
รูปท 2.1 มัลตมเตอรแต่ละชนด
์
ิ
่
ี
2.2 มัลติมิเตอรชนิดแอนะลอก
์
ื
ื
ู
ี
ิ
ิ
่
ิ
มัลตมเตอรชนดแอนะลอก หรอมัลตมเตอรชนดเข็มช้ เปนมัลตมเตอรพ้นฐานทถกน ามา ใช้งานยาวนานหลายสบปแล้ว
ิ
ิ
ิ
ิ
ี
์
ิ
็
์
์
ิ
ี
จนถงปจจุบันก็ยังเปนทนยมใช้งานอยู่ เพราะด้วยคุณสมบัตทดหลายประการของมัลตมเตอรชนดน้ ทพิเศษคือ สามารถวัด
ิ
ั
ี่
ี
ึ
ิ
ิ
ี่
์
ี
็
ิ
ี่
ิ
ิ
์
ิ
ิ
ี
ิ
ตรวจสอบด เสย ชนด และขา ของอุปกรณอิเล็กทรอนกสได้หลายประเภท การจะน ามัลตมเตอรชนดแอนะลอกไปใช้งาน
ิ
ี
์
์
ึ
ี
่
ี
ิ
์
จ าเปนต้องศกษาท าความเข้าใจในสวนประกอบ และรายละเอยดต่างๆ ของมัลตมเตอรชนดน้ก่อนการใช้งาน เพอให้ผู้ใช้
ื
่
ิ
ิ
็
ิ
่
สามารถใช้งานได้อย่างถูกต้อง เกดความปลอดภัยในการใช้งาน ลักษณะรปรางและสวนประกอบของมัลตมเตอรชนดแอนะลอก
ู
ิ
ิ
่
์
ิ
่
ึ
ู
แบบหนง แสดงดังรปที่ 2.2
ี่
ิ
มัลตมเตอรชนดแอนะลอกตามรปท 2.2
ู
ิ
์
ิ
เปนมัลตมเตอรแบบหนงทมขายทั่วไป มราคาถูก ใช้ 2 1
ึ
์
ี
่
ิ
ิ
ี
ี
็
่
่
ี
งานได้ด สวนประกอบต่างๆ ไม่แตกต่างไปจากมัลต ิ
่
ี่
ี
ื
ิ
มเตอรแอนะลอกแบบอื่น ตัวเลขทช้แสดงไว้ บอกชอ 3
์
ี่
่
ของสวนประกอบ หน้าทการท างาน และการใช้งาน มี
ี
รายละเอยดดังน้ ี 4
หมายเลข 1 เปนหน้าปดแสดงสเกลบอกค่า 5
ั
็
ี่
้
ิ
ต่างๆ ของปรมาณไฟฟาทวัดได้ 6
หมายเลข 2 เปนไดโอดเปล่งแสง (LED) จะ
็
เปล่งแสงสว่างออกมา แสดงถงการต่อวงจร (Continuity) 7
ึ
็
เมอตั้งย่านวัดโอห์ม (Ω) ทย่าน x1 ในขณะชอตปลาย 9 8
ี่
ื่
สายวัดเข้าด้วยกัน
็
ี
หมายเลข 3 เปนเข็มช้ของมเตอร ์ รูปท 2.2 สวนประกอบมัลตมเตอรชนดแอนะลอก
ิ
ิ
ิ
่
ิ
์
่
ี
่
ั
ู
่
หมายเลข 4 เปนสกรใช้ปรบแต่งให้เข็มช้ในสภาวะมเตอรไมท างาน ช้ทต าแหนงซ้ายมอสดของสเกลพอด (ท , 0 V,
ิ
่
์
ี
่
ื
ี
็
ี
ี
ุ
ี
่
ิ
์
ี่
้
ี
0 A) ชวยให้มเตอรอยู่ในสภาวะพรอมใช้งาน และขณะใช้งานจะแสดงค่าทวัดได้ออกมามค่าถูกต้อง
ี
ิ
์
่
ั
่
หมายเลข 5 เปนปุมปรบให้เข็มช้ของมเตอรช้ทต าแหนงศูนย์โอห์มพอด (0 Ω.ADJ) ใช้รวมกับการตั้งย่านวัดโอห์ม (Ω)
ี
ี
็
่
ี
่
ื
โดยขณะทชอตปลายสายวัดมเตอรเข้าด้วยกัน เข็มมเตอรจะ ต้องบ่ายเบนไปทางขวามอช้ทต าแหนง 0 Ω พอด ถ้าเข็มช้ไมอยูท ่ ี
ี
ี
ี
่
่
่
่
ี
ิ
ี
่
์
์
็
ิ
่
ื
ี
ั
ี
ี
่
่
่
ต าแหนง 0 Ω พอดต้องปรบปุมน้ชวย เพอท าให้การวัดความต้านทานมค่าถูกต้อง
ื
็
ื่
หมายเลข 6 เปนขั้วต่อเอาต์พต (OUTPUT) ใช้ส าหรบวัดความดังของเสยงจากเครองขยายเสยง หรอเครองรบวิทยุ วัด
ี
ั
ุ
ื่
ี
ั
่
ิ
็
่
ออกมาเปนหนวยเดซเบล (dB) ใช้งานรวมกับขั้วหมายเลข 9
หมายเลข 7 เปนสวิตช์ปรบเลอกย่านวัดค่าปรมาณไฟฟาทเหมาะสม สามารถปรบหมุนได้รอบตัว
้
็
ั
ี่
ื
ิ
ั
ิ
็
์
ี
ั
หมายเลข 8 เปนขั้วต่อสายวัดมเตอรขั้วบวก (+) ใช้ส าหรบต่อสายวัดสแดง
หมายเลข 9 เปนขั้วต่อสายวัดมเตอรขั้วลบ (-COM) ใช้ส าหรับต่อสายวัดสด า
ี
ิ
์
็
2.3 สเกลหนาปดมัลติมิเตอรชนิดแอนะลอก
้
์
ั
ี
ิ
ี
้
ั
ิ
ื
์
สเกลหน้าปดของมัลตมเตอรชนดแอนะลอก หรอชนดเข็มช้ จะมสเกลแสดงค่าปรมาณไฟฟาหลายชนด ปรมาณไฟฟา ้
ิ
ิ
ิ
ิ
ิ
ี
ี่
ี่
ิ
ั
็
แต่ละชนดแสดงค่าออกมาแตกต่างกัน ท าให้สเกลทก าหนดไว้ทหน้าปดแต่ละสเกลมความแตกต่างกัน ถูกแยกออกเปนสเกล
้
หลายชองหลายแถว แต่ละชองแต่ละแถวใช้แสดงปรมาณไฟฟาแต่ละชนดโดยเฉพาะ การใช้งานและการอ่านค่าเปนส่ง
่
ิ
็
ิ
ิ
่
ิ
ิ
ั
ู
ี
ิ
็
์
จ าเปนต้องท าความเข้าใจ เพื่อการใช้งานมความถูกต้อง ลักษณะสเกลหน้าปดของมัลตมเตอรชนดแอนะลอก แสดงดังรปที่ 2.3
สเกลหน้าปดมัลตมเตอรชนดแอนะลอก ตามรปท 2.3 แสดงสเกลค่าปรมาณไฟฟาแต่ละชนดของมัลตมเตอรแบบ
ิ
ู
ิ
ิ
ิ
์
์
้
ี่
ิ
ั
ิ
ิ
่
ิ
ี
ิ
ึ
ื่
่
้
หนง ถูกก ากับไว้ด้วยหมายเลข เพื่อบอกชอปรมาณไฟฟาแต่ละสวนอธบายรายละเอยดได้ดังน้ ี
หมายเลข 1 คือสเกลโอห์ม ()
ั
ี่
ใช้ส าหรบอ่านค่าความต้านทานทวัดได้
ื
ออกมา เมอตั้งย่านวัดความต้านทานหรอ 1 8
่
ื
2
ย่าน 3
หมายเลข 2 คือสเกลแรงดัน 4 5 6
ไฟตรง กระแสไฟตรง และแรงดันไฟสลับ 7
(DCV, A & ACV) ใช้ส าหรบอ่านค่าแรงดันไฟ
ั
ั
์
ิ
ิ
ิ
ี
่
ื
่
ตรง เมอตั้งย่านวัดแรงดัน รูปท 2.3 สเกลหน้าปดมัลตมเตอรชนดแอนะลอก
ั
ื
่
ื
ั
ไฟตรง (DCV) ใช้ส าหรบอานค่ากระแสไฟตรง เมอตั้งย่านวัดกระแสไฟตรง (DCmA) และใช้ส าหรบอ่านค่าแรงดันไฟสลับ เมอตั้งย่าน
่
่
วัดแรงดันไฟสลับ (ACV)
ี
่
่
่
ื
ั
หมายเลข 3 คือสเกลแรงดันไฟสลับเฉพาะย่าน 10 โวลต์ (AC 10 V) ใช้ส าหรบอานค่าแรงดันไฟสลับเมอตั้งย่านวัดท 10
ACV
ั
ิ
์
หมายเลข 4 คือสเกลค่าอัตราขยายกระแสไฟตรงของตัวทรานซสเตอร (h ) ใช้ส าหรบอ่านค่าอัตราขยายกระแสไฟตรง
FE
ื
์
่
่
ี่
ิ
ของตัวทรานซสเตอรเมอตั้งย่านวัดโอห์ม () ทต าแหนง x10 (h )
FE
์
ั
ิ
หมายเลข 5 คือสเกลค่ากระแสร่วไหล (Leakage Current) ของตัวทรานซสเตอร (I ) ใช้ส าหรบอานค่ากระแสร่วไหล
่
ั
ั
CEO
ิ
์
ี่
ี่
ิ
ของตัวทรานซสเตอรทขาคอลเลกเตอร (C) และขาอิมตเตอร (E) เมอขาเบส (B) เปดลอย ขณะตั้งย่านวัดโอห์ม () ท x1 (150 mA),
์
ื่
์
ิ
x10 (15 mA), x100 (1.5 mA) และ x1k (150 A) นอกจากนั้นยังใช้แสดงค่ากระแสภาระ (Load Current) ในการวัดไดโอด (LI) ใช้
ั
ื่
ี่
ส าหรบอ่านกระแสภาระทไหลผ่านไดโอด เมอวัดด้วยย่านวัดโอห์ม ()
ั
หมายเลข 6 คือสเกลค่าแรงดันภาระ (Load Voltage) ในการวัดไดโอด (LV) ใช้ส าหรบอ่านแรงดันภาระทตกครอม
่
ี่
ี
ื่
็
ไดโอด เมอวัดด้วยย่านวัดโอห์ม () เปนการวัดค่าในเวลาเดยวกับการวัด LI
ั
ั
็
ี
ิ
หมายเลข 7 คือสเกลค่าความดังของสญญาณเสยง บอกค่าการวัดออกมาเปนเดซเบล (dB) ใช้ส าหรบอ่านค่าความดัง
ื
ี
ั
ี
่
่
ของสญญาณเสยง เมอตั้งย่านวัดทแรงดันไฟสลับ (ACV)
ี
ู
ิ
่
ุ
ี
่
ื
ี
่
่
้
หมายเลข 8 คือกระจกเงา ใช้สะท้อนเข็มช้ เพอชวยให้การอานปรมาณไฟฟาค่าต่างๆ มความถกต้องทสด โดยขณะ
ี
่
ิ
่
ี
อานค่าต้องให้ต าแหนงเข็มช้จรงและเข็มช้ในกระจกเงาซ้อนทับกันพอด ี
2.4 การใชงานมัลติมิเตอรชนิดแอนะลอก
้
์
่
ิ
ิ
้
ิ
ิ
ิ
์
มัลตมเตอรชนดแอนะลอก สามารถใช้วัดหาปรมาณไฟฟาค่าต่างๆ ได้หลายชนด เชน แรงดันไฟตรง (DCV) แรงดันไฟ
่
ี
ิ
ี่
ิ
สลับ (ACV) กระแสไฟตรง (DCmA) และความต้านทาน () เปนต้น ส่งส าคัญในการใช้งานของมัลตมเตอรชนดน้ อยูทค่าทอ่าน
็
ิ
์
่
ี
ิ
ู
็
่
ี
่
ี
ออกมาได้จากการบ่ายเบนไปของเข็มช้ ถกแสดงค่าออกมาเปนสเกลทแบ่งไว้ การอานค่าทถกต้องของค่าทเข็มช้ช้บอกไว้
่
่
ี
ี
ู
ี
ี
่
ี
็
่
่
็
จ าเปนต้องใช้ค่าการแบ่งออกเปนอัตราสวน จากค่าตัวเลขทบอกไว้ในต าแหนงใกล้เคียงทั้งด้าน ซ้ายและด้านขวาของเข็มช้ ี
่
ี
ี่
่
อัตราสวนทแบ่งออกมความแตกต่างกันไปในแต่ละสเกลและแต่ละค่า ซงส่งน้เองเปนผลท าให้การอานค่าเกดความผิดพลาดได้
ิ
ิ
่
ี
็
ึ
ี
ึ
็
่
ู
ิ
ิ
์
ิ
ง่าย การจะน ามัลตมเตอรชนดแอนะลอกไปใช้งาน จ าเปนต้องศกษาท าความเข้าใจการใช้งานและการอานค่าให้ถกต้องเสยก่อน
2.4.1 การวัดแรงดันไฟตรง (DCV)
ั
ิ
ิ
ิ
ิ
์
ื
ุ่
การวัดแรงดันไฟตรง โดยปรบสวตช์เลอกย่านวัดไปที่ DCV มัลตมเตอรชนดแอนะลอกรนมาตรฐาน จะม ี
ย่านวัดแรงดันไฟตรงทั้งหมด 7 ย่านวัดเต็มสเกล คือ ย่าน 0.1 V, 0.5 V, 2.5 V, 10 V, 50 V, 250 V และ 1,000 V การตั้งย่านวัดท ี ่
ี่
DCV แสดงดังรปท 2.4 การอ่านค่าแรงดันไฟตรง อ่านทหน้าปดรปท 2.3 หมายเลข 2 สเกล DCV, A & ACV ขั้นตอนการวัดค่า
ั
ี่
ู
ู
ี่
ิ
ิ
ปฏบัตดังน้ ี
- +
ิ
ี
่
ิ
ี
่
์
รูปท 2.4 ย่านวัดแรงดันไฟตรง (DCV) รูปท 2.5 การต่อมัลตมเตอรวัดแรงดันไฟตรง (DCV)
ี
่
1. เสยบสายวัดสแดงเข้าทขั้วต่อขั้วบวก (+) เสยบสายวัดสด าเข้าทขั้วต่อขั้วลบ (-COM) ของมเตอร น าสายวัดทั้งสองเสน
์
ิ
้
ี
ี
ี
่
ี
ี
ไปวัดค่าแรงดันไฟตรงทต้องการ
ี่
ี
่
2. ปรบสวิตช์เลอกย่านวัด DCV ไปย่านทเหมาะสม หากไมทราบค่าแรงดันไฟตรงทต้อง การวัด ให้ปรบตั้งย่านวัดไปท ่ ี
ี่
่
ื
ั
ั
ู
ุ
ี
่
ย่านสงสดไว้ก่อนทย่าน 1,000 V
์
ิ
ึ
3. การวัดแรงดันไฟตรง ต้องน ามเตอรไปต่อวัดแบบขนานกับวงจร (ต่อครอมอุปกรณ) และขณะวัดต้องค านง ถงขั้ว
ึ
์
่
์
ี
ิ
่
่
ี
ึ
ิ
ของมเตอรให้ตรงกับขั้วของแรงดันทวัด โดยยดหลักดังน้ ใกล้บวกแหลงจ่ายแรงดัน ต่อวัดด้วยขั้วบวก (+) ของมเตอร ใกล้ลบ
์
ิ
์
ู
์
ิ
ิ
่
แหลงจ่ายแรงดัน ต่อวัดด้วยขั้วลบ (–) ของมเตอร การต่อมัลตมเตอรวัดแรงดันไฟตรง แสดงดังรปที่ 2.5
ี่
่
4. การตั้งย่านวัด การใช้สเกล และการอานค่า แสดงได้ตามตารางท 2.1
่
ตารางที่ 2.1 การตั้งย่านวัด การใช้สเกล และการอานค่า แรงดันไฟตรง (DCV)
่
่
่
้
้
่
่
ยานตังวัด สเกลใชอาน การอานคา คาที่วัดได ้ หมายเหตุ
ี่
ี
0.1 V 0 – 10 ใช้ 0.01 คูณค่าทอ่านได้ 0 – 0.1 V ใช้สเกลสด าใต้
ี่
0.5 V 0 – 50 ใช้ 0.01 คูณค่าทอ่านได้ 0 – 0.5 V กระจกเงา 3 ย่าน คือ
ี่
2.5 V 0 – 250 ใช้ 0.01 คูณค่าทอ่านได้ 0 – 2.5 V 0 – 10,
10 V 0 – 10 อ่านโดยตรง 0 – 10 V 0 – 50
50 V 0 – 50 อ่านโดยตรง 0 – 50 V และ 0 – 250
250 V 0 – 250 อ่านโดยตรง 0 – 250 V
ี่
1,000 V 0 – 10 ใช้ 100 คูณค่าทอ่านได้ 0 – 1,000 V
่
ิ
์
ิ
ื
ิ
่
์
ู
ี
ี
ี
ตัวอยางที่ 2.1 ตั้งย่านมัลตมเตอรไว้ท DCV เพอวัดแรงดันไฟตรง เข็มช้มเตอรช้ค่าออกมาตามรปท 2.6 จงอานค่าแรงดันไฟตรง
่
ี
่
่
ทุกย่านวัดบนสเกลหน้าปด
ั
วิธีท า
ี
อ่านค่าแต่ละย่านวัดเต็มสเกล (สเกลสด าใต้กระจกเงา DCV)
ย่าน 0 – 10 V อ่านได้ = 6.4 V
ย่าน 0 – 50 V อ่านได้ = 32 V
ย่าน 0 – 250 V อ่านได้ = 160 V
ตอบ รูปท 2.6 เข็มช้แสดงค่าย่านวัดแรงดันไฟตรง
ี
ี
่
(DCV) ใช้ในตัวอย่างท 2.1
ี่
2.4.2 การวัดแรงดันไฟสลับ (ACV)
ื
การวัดแรงดันไฟสลับ โดยปรบสวิตช์เลอกย่านวัดไปที่ ACV มัลตมเตอรชนดแอนะลอกรนมาตรฐาน จะม ี
ิ
์
ิ
ิ
ุ่
ั
่
ย่านวัดแรงดันไฟสลับทั้งหมด 4 ย่านวัดเต็มสเกล คือ ย่าน 10 V, 50 V, 250 V และ 1,000 V การตั้งย่านวัดท ACV แสดงดังรปที่
ู
ี
ู
ี่
2.7 การอ่านค่าแรงดันไฟสลับ อ่านทหน้าปดรปที่ 2.3 หมายเลข 2 สเกล DCV, A & ACV และหมายเลข 3 สเกล AC 10 V ขั้นตอน
ั
ิ
ิ
การวัดค่าปฏบัตดังน้ ี
ี
ี
่
ิ
์
ิ
่
รูปท 2.7 ย่านวัดแรงดันไฟสลับ (ACV) รูปท 2.8 การต่อมัลตมเตอรวัดแรงดันไฟสลับ (ACV)
่
ี
ิ
ี
ี
ี
ี
่
ี
์
1. เสยบสายวัดสแดงเข้าทขั้วต่อขั้วบวก (+) เสยบสายวัดสด าเข้าทขั้วต่อขั้วลบ (-COM) ของมเตอร น าสายวัดทั้งสองเสน
้
ไปวัดค่าแรงดันไฟสลับ
ี่
ั
ื
2. ปรบสวิตช์เลอกย่านวัด ACV ไปย่านทเหมาะสม หากไมทราบค่าแรงดันไฟสลับทจะวัด ให้ตั้งย่านวัดไปทย่านสงสด
ุ
ู
่
ี
ี
่
่
ี
่
ไว้ก่อนท 1,000 V
่
์
็
ิ
์
3. การวัดแรงดันไฟสลับ ต้องน ามเตอรไปต่อวัดแบบขนานกับวงจร (ต่อครอมอุปกรณ) และขณะวัดไม่จ าเปนต้อง
ิ
์
์
ิ
ิ
ู
ึ
ึ
ค านงถงขั้วของมเตอร สามารถวัดสลับขั้วได้ การต่อมัลตมเตอรวัดแรงดันไฟสลับ แสดงดังรปที่ 2.8
์
ิ
ิ
์
4. ก่อนต่อมัลตมเตอรวัดแรงดันไฟสลับค่าสง ควรตัดไฟของวงจรทจะวัดออกก่อน เมอต่อมัลตมเตอรเข้าวงจร
ี
ื่
่
ู
ิ
ิ
้
ึ
ี
ี่
เรยบรอยแล้ว จงจ่ายไฟเข้าวงจรทต้องการวัด
ิ
็
้
ี
ิ
ี
5. อย่าจับสายวัดหรอตัวมัลตมเตอรขณะวัดแรงดันไฟสลับค่าสง เมอวัดเสรจเรยบรอยควรตัดไฟทท าการวัดเสยก่อน
ู
์
ื่
่
ี
ื
์
ิ
ึ
ิ
จงปลดสายวัดของมัลตมเตอรออกจากวงจร
่
6. การตั้งย่านวัด การใช้สเกล และการอานค่า แสดงได้ตามตารางท 2.2
ี่
่
ตารางที่ 2.2 การตั้งย่านวัด การใช้สเกล และการอานค่าแรงดันไฟสลับ (ACV)
่
่
่
่
้
่
้
ยานตังวัด สเกลใชอาน การอานคา คาที่วัดได ้ หมายเหตุ
10 V 0 – 10 อ่านโดยตรง 0 – 10 V ใช้สเกล AC 10 V
ี
50 V 0 – 50 อ่านโดยตรง 0 – 50 V ใช้สเกลสด าใต้กระจกเงา 3
250 V 0 – 250 อ่านโดยตรง 0 – 250 V ย่าน คือ 0 – 10, 0 – 50 และ
ี่
1,000 V 0 – 10 ใช้ 100 คูณค่าทอ่านได้ 0 – 1,000 V 0 – 250
ิ
ี
่
ี
ื
่
ู
่
ี
ตัวอยางที่ 2.2 ตั้งย่านมัลตมเตอรไว้ท ACV เพอวัดแรงดันไฟสลับ เข็มช้มเตอรช้ค่าออกมาตามรปท 2.9 จงอานค่าแรงดันไฟสลับ
์
่
์
ิ
ิ
ี
่
ทุกย่านวัดบนสเกลหน้าปด
ั
วิธีท า
ี
อ่านค่าแต่ละย่านวัดเต็มสเกล (สเกลสด าใต้กระจกเงา ACV
ี
และสเกลสแดง AC 10 V ด้านล่าง )
ย่าน 0 – 10 V อ่านได้ = 3.6 V
ย่าน 0 – 50 V อ่านได้ = 18 V
ย่าน 0 – 250 V อ่านได้ = 90 V รูปท 2.9 เข็มช้แสดงค่าย่านวัดแรงดันไฟสลับ
ี
ี
่
ย่าน AC 10 V อ่านได้ = 3.8 V (ACV) ใช้ในตัวอย่างท 2.2
ี่
ตอบ
2.4.3 การวัดกระแสไฟตรง (DCmA)
ุ่
การวัดกระแสไฟตรง โดยปรบสวตชเลอกย่านวัดไปที่ DCmA มัลตมเตอรชนดแอนะลอกรนมาตรฐาน จะม ี
ิ
ื
์
ั
์
ิ
ิ
ิ
ี
่
ย่านวัดกระแสไฟตรงทั้งหมด 4 ย่านวัดเต็มสเกล คือ ย่าน 50 A, 2.5 mA, 25 mA และ 250 mA (0.25 A) การตั้งย่านวัดท DCmA
ิ
ี่
ู
แสดงดังรปที่ 2.10 การอ่านค่ากระแสไฟตรง อ่านทหน้าปดรปที่ 2.3 หมายเลข 2 สเกล DCV, A & ACV ขั้นตอนการวัดค่าปฏบัต ิ
ู
ั
ดังน้ ี
- +
ี
ิ
่
์
่
ิ
ี
รูปท 2.10 ย่านวัดกระแสไฟตรง รูปท 2.11 การต่อมัลตมเตอรวัดกระแสไฟตรง (DCmA)
์
ิ
ี
ี
ี
ี
่
ี
่
ี
1. เสยบสายวัดสแดงเข้าทขั้วต่อขั้วบวก (+) เสยบสายวัดสด าเข้าทขั้วต่อขั้วลบ (-COM) ของมเตอร น าสายวัดทั้งสอง
เส้นไปวัดค่ากระแสไฟตรง
ั
ิ
ี่
2. ปรบสวตชเลอกย่านวัด DCmA ไปย่านทเหมาะสม หากไม่ทราบค่ากระแสไฟตรงทจะวัด ให้ตั้งย่านวัดไปทย่าน
ี
ี่
่
์
ื
่
ี
ุ
ู
สงสดไว้ก่อนท 250 mA
ิ
์
ิ
ึ
่
์
่
็
่
3. การวัดกระแสไฟตรง ต้องน ามเตอรไปต่ออนกรมกับวงจร (ตัดวงจรออกน ามเตอรเข้าไปต่อรวมเปนสวนหนงของ
ุ
์
วงจร) และขณะต่อวัดต้องค านงถงขั้วของมเตอรให้ตรงกับขั้วของแรงดันแหลงจ่าย โดยยดหลักดังน้ ใกล้บวกแหล่งจ่ายแรงดัน
ิ
่
ึ
ี
ึ
ึ
ิ
ิ
ิ
่
์
์
ิ
์
ต่อวัดด้วยขั้วบวก (+) ของมเตอร ใกล้ลบแหลงจ่ายแรงดัน ต่อวัดด้วยขั้วลบ (–) ของมเตอร การต่อมัลตมเตอรวัดกระแสไฟตรง
ู
แสดงดังรปที่ 2.11
่
ี
ิ
์
็
ี
็
4. ย่านวัดกระแสไฟตรง 50 A เปนย่านเดยวกับย่านวัดแรงดันไฟตรง 0.1 V ในย่านน้ท าหน้าทเปนทั้งมเตอรวัด
ี
็
์
ิ
แรงดันไฟตรงเต็มสเกล 0.1 V และเปนมเตอรวัดกระแสไฟตรงเต็มสเกล 50 A
ี่
่
5. การตั้งย่านวัด การใช้สเกล และการอานค่า แสดงได้ตามตารางท 2.3
่
ี่
ตารางท 2.3 การตั้งย่านวัด การใช้สเกล และการอานค่ากระแสไฟตรง (DCmA)
้
่
่
้
่
่
่
ยานตังวัด สเกลใชอาน การอานคา คาที่วัดได ้ หมายเหตุ
ี
่
50 A 0 – 50 อ่านโดยตรงในหนวย A 0 – 50 A ใช้สเกลสด าใต้
ี่
่
2.5 mA 0 – 250 ใช้ 0.01 คูณค่าทอ่านได้ในหนวย mA 0 – 2.5 mA กระจกเงา 3
ย่าน คือ 0 – 10, 0
่
ี่
25 mA 0 – 250 ใช้ 0.1 คูณค่าทอ่านได้ในหนวย mA 0 – 25 mA
– 50 และ 0 –
่
0.25 A 0 – 250 อ่านโดยตรงในหนวย mA 0 – 250 mA 250
ตัวอยางที่ 2.3 ตั้งย่านมัลตมเตอรไว้ท DCmA เพอวัดกระแสไฟตรง เข็มช้มเตอรช้ค่าออกมาตามรปท 2.12 จงอ่านค่ากระแส
์
ิ
ี
ี
่
ี
์
่
ู
ี
่
ิ
ื
ิ
่
ั
ไฟตรงทุกย่านวัดบนสเกลหน้าปด
วิธีท า
อ่านค่าแต่ละย่านวัดเต็มสเกล (สเกลสด าใต้กระจกเงา DCmA
ี
ี่
ี
ทใช้ม 2 ย่าน คือ 50, 250)
ย่าน 0 – 50 mA อ่านได้ = 46 mA
ย่าน 0 – 250 mA อ่านได้ = 230 mA
ตอบ รูปท 2.12 เข็มช้แสดงค่าย่านวัดกระแสไฟตรง
ี
ี
่
(DCmA) ใช้ในตัวอย่างท 2.3
ี่
้
2.4.4 การวัดความตานทาน ()
ิ
์
ั
์
ิ
ื
ิ
ิ
การวัดความต้านทาน โดยปรบสวตชเลอกย่านวัดไปที่ มัลตมเตอรชนดแอนะลอกรนมาตรฐาน จะม ี
ุ่
ี
ุ่
ย่านวัดความต้านทานทั้งหมด 4 ถง 5 ย่านวัดเต็มสเกล คือ ย่าน x1, x10, x100, x1k และ x10k (บางรนไม่มย่าน x100 และบางรน
ุ่
ึ
่
ู
ี่
ี
ู
ั
ี
ไม่มย่าน x10k ) การตั้งย่านวัดท แสดงดังรปที่ 2.13 การอ่านค่าความต้านทาน อ่านทหน้าปดรปที่ 2.3 หมายเลข 1 สเกล
ิ
ิ
ขั้นตอนการวัดค่าปฏบัตดังน้ ี
ี
1. เสยบสายวัดสแดงเข้าทขั้วต่อขั้วบวก (+) เสยบสาย
ี
ี
ี
่
่
ี
วัดสด าเข้าทขั้วต่อขั้วลบ (-COM) ของมเตอร น าสายวัดทั้งสอง
์
ี
ิ
เส้นไปวัดค่าความต้านทาน
ิ
ื
ั
ิ
2. ปรบสวตช์เลอกไปย่านวัด ก่อนน าโอห์มมเตอร ์
่
ไปใช้วัดตัวต้านทานทุกคร้ ัง ในทุกย่านวัดทตั้งวัดโอห์ม ต้อง
ี
ี
ี
่
ิ
์
็
ปรบแต่งเข็มช้ของมเตอรให้ช้ค่าท 0 ก่อนเสมอ โดยชอตป
ั
ี
ิ
์
ั
่
้
ั
ลายสายวัดทั้งสองเสนของมเตอรเข้าด้วยกัน ปรบแต่งปุมปรบ 0
ี
รูปท 2.13 ย่านวัดความต้านทาน () ADJ จนเข็มช้ของ
ี
่
ิ
ั
์
ี
ี่
ี
้
ิ
์
ี
่
ู
่
มเตอรช้ทต าแหนง 0 พอด ลักษณะการปรบแต่งโอห์มมเตอรให้พรอมใช้งาน แสดงดังรปท 2.14
ิ
ิ
3. น าโอห์มมเตอรไปวัดค่าความต้านทานได้ตามต้องการอย่างถูกต้อง ค่าทอ่านออกมาได้จากโอห์มมเตอร คือ ค่า
์
์
ี่
ู
์
ิ
ิ
ิ
ี่
ความต้านทานของตัวต้านทานตัวทวัด ลักษณะการวัดตัวต้านทานด้วยมัลตมเตอรชนดแอนะลอก แสดงดังรปที่ 2.15
4. การตั้งย่านวัด การใช้สเกล และการอานค่า แสดงได้ตามตารางท 2.4
ี่
่
0
รูปที 2.14 การปรบแต่งโอห์มมเตอรให้ช้ท 0 พอด ี รูปท 2.15 การวัดความต้านทานด้วยโอห์มมเตอร ์
่
่
ี
่
์
ิ
ั
ี
ี
ิ
่
ตารางที่ 2.4 การตั้งย่านวัด การใช้สเกล และการอานค่าความต้านทาน ()
่
่
่
่
้
่
้
ยานตังวัด สเกลใชอาน การอานคา คาที่วัดได ้ หมายเหตุ
ี
1 อ่านโดยตรง 0 – 2 kΩ ใช้สเกลสด า
ี่
ื
10 ใช้ 10 คูณค่าทอ่านได้ 0 – 20 kΩ เหนอกระจกเงา
ี
ี่
100 0 – ใช้ 100 คูณค่าทอ่านได้ 0 – 200 kΩ ย่านเดยว คือ 0 –
่
1k อ่านโดยตรงในหนวย kΩ 0 – 2 MΩ
ี่
่
10k ใช้ 10 คูณค่าทอ่านได้ในหนวย kΩ 0 – 20 MΩ
ิ
ี
ิ
ี
์
ตัวอยางที่ 2.4 ตั้งย่านมัลตมเตอรไว้ท เพื่อวัดความต้านทาน เข็มช้มเตอรช้ค่าออกมาตามรปท 2.16 จงอานความต้านทานท ี่
ู
่
์
ี
่
ี
่
่
ิ
ั
ี
แสดงบนสเกลหน้าปดทุกหมายเลขเข็มช้
วิธีท า 3 2
ื
่
ี
อานค่าทุกหมายเลขเข็มช้ (สเกลสด าเหนอกระจก 4 1
ี
เงา )
หมายเลข 1 อ่านได้ = 1.4
หมายเลข 2 อ่านได้ = 8.5
หมายเลข 3 อ่านได้ = 42
หมายเลข 4 อ่านได้ = 180 รูปท 2.16 เข็มช้แสดงค่าย่านวัดความต้านทาน
ี
ี
่
ตอบ () ใช้ในตัวอย่างท 2.4
ี่
์
2.5 มัลติมิเตอรชนิดดิจิตอล
ิ
์
ิ
้
ิ
มัลตมเตอรชนดดจตอล สามารถใช้วัดหาปรมาณไฟฟาค่าต่างๆ ได้หลายชนดเชนเดยวกับ มัลตมเตอรชนดแอนะลอก เช่น
์
ิ
ิ
ิ
ิ
่
ี
ิ
ิ
ิ
็
ิ
แรงดันไฟตรง (DCV) แรงดันไฟสลับ (ACV) กระแสไฟตรง (DCmA) และความต้านทาน () เปนต้น ส่งส าคัญในการใช้งาน
ี
ี
็
ิ
ิ
ิ
์
ของมัลตมเตอรชนดน้ อยูทการแสดงค่าออกมาเปนตัวเลขอ่านค่าได้โดยตรง อ่านได้รวดเรว มความถูกต้อง เที่ยงตรง เกดความ
็
่
ิ
ี
่
่
ึ
สะดวก การจะน ามัลตมเตอรชนดดจตอลไปใช้งาน จ าเปนต้องศกษาท าความเข้าใจในสวนประกอบ และรายละเอยดต่างๆ ก่อนการ
ิ
ิ
ิ
็
ิ
์
ี
ิ
ื
ิ
ู
ิ
ิ
์
่
่
ใช้งาน เพอท าให้ผู้ใช้สามารถใช้งานได้อย่างถกต้อง เกดความปลอดภัย ทั้งตัวมัลตมเตอรและตัวผู้ใช้งาน รปรางและ
ู
ิ
ิ
ิ
์
่
ิ
ิ
ู
สวนประกอบของมัลตมเตอรชนดดจตอล แสดงดังรปที่ 2.17
ิ
์
ิ
ิ
ู
ิ
มัลตมเตอรชนดดจตอลตามรปที่ 2.17 เปนมัล
็
ิ
ี
ึ
่
ี
ิ
ู
์
ตมเตอรแบบหนงทมขายทั่วไป มราคาถก
ี
ิ
่
ิ
ิ
์
ิ
ิ
ิ
่
สวนประกอบไม่แตกต่างไปจากมัลตมเตอรชนดดจตอล
ี
ุ
่
ิ
่
ื
แบบอนๆ มากนัก (บางรนมขั้ววัดปรมาณไฟฟาอื่นๆ ได้
้
ี่
เพ่มขึ้น) ตัวเลขทช้แสดงไว้ บอกชอของสวนประกอบ
ิ
ี
่
ื่
ี
ี
ี่
หน้าทการท างาน และการใช้งาน มรายละเอยดดังน้ ี 1
็
หมายเลข 1 เปนหน้าปดแสดงผลการวัดค่า 7
ั
ิ
ปรมาณไฟฟา แสดงเปนตัวเลขจ านวน 3 1/2 หลักและ 8 9
็
้
ิ
็
ตัวอักษร จอเปนครสตอลเหลว (LCD) 2 10
ิ
หมายเลข 2 เปนสวิตช์เลอกค่าปรมาณ ไฟฟาท ี่ 12
็
ื
้
ั
ื
ต้องการวัด ปรบหมุนไปซ้ายหรอขวาได้ 11 13
3 4
5
14
6
ิ
ิ
ิ
ี
์
่
่
ิ
ิ
รูปท 2.17 สวนประกอบมัลตมเตอรชนดดจตอล
อย่างอิสระ
หมายเลข 3 เปนขั้วเสยบไว้ส าหรบวัดตัวทรานซสเตอร เพอหาค่าอัตราขยายกระแส (h ) ของตัวทรานซสเตอร ใช้ท างาน
่
ิ
ี
ั
็
ื
์
์
ิ
FE
่
่
รวมกับต าแหนงหมายเลข 13 ย่าน h
FE
ิ
ู
ู
่
็
ี
ื
์
หมายเลข 4 เปนขั้วต่อสายวัดมเตอรสแดง เพอใช้วัดค่ากระแสไฟตรงค่าสง (10A ) วัดค่าได้สงสด 10 A ใช้ท างาน
ุ
่
่
รวมกับขั้วต่อหมายเลข 6 และต าแหนงหมายเลข 12 ย่าน 10 A
์
ิ
ี
็
หมายเลข 5 เปนขั้วต่อสายวัดมเตอรสแดง เพื่อใช้วัดค่าแรงดันไฟตรง (DCV) แรงดัน ไฟสลับ (ACV) กระแสไฟตรง
่
่
ค่าต า (DCmA) และความต้านทาน () ใช้ท างานรวมกับขั้วต่อหมายเลข 6
่
ิ
็
ี
็
์
หมายเลข 6 เปนขั้วต่อสายวัดมเตอรสด า (COM) เปนขั้วต่อสายวัดขั้วรวม ใช้รวมกับขั้วหมายเลข 4 และขั้วหมายเลข 5
่
ิ
้
ใช้วัดค่าปรมาณไฟฟาต่างๆ
ิ
็
์
์
็
ิ
์
่
หมายเลข 7 เปนต าแหนงเลอกการปดสวตชหยุดใช้งานมเตอร (OFF) เพื่อหยุดการจ่าย ไฟให้มเตอร เปนการหยุด
ิ
ื
ิ
ิ
์
ท างานของมเตอร
หมายเลข 8 เปนต าแหนงเลอกการท างานเปนโวลต์มเตอรไฟตรง (V ) วัดแรงดันไฟตรงได้สงสด 1,000 V
่
ู
์
ุ
ื
ิ
็
็
์
ิ
ื
ุ
หมายเลข 9 เปนต าแหนงเลอกการท างานเปนโวลต์มเตอรไฟสลับ (V~) วัดแรงดันไฟสลับได้สงสด 750 V
่
ู
็
็
็
่
์
ุ
ู
็
ิ
หมายเลข 10 เปนต าแหนงเลอกการท างานเปนแอมมเตอรไฟตรง (A ) วัดกระแสไฟ ตรงได้สงสด 200 mA
ื
ื
์
็
ุ
ิ
หมายเลข 11 เปนต าแหนงเลอกการท างานเปนโอห์มมเตอร () วัดความต้านทานได้สงสด 2,000 k
ู
่
็
ุ
หมายเลข 12 เปนต าแหนงเลอกการท างานเปนแอมมเตอรไฟตรงค่าสง (10A) วัดกระแสไฟตรงได้สงสด 10 A
ู
่
ิ
์
ื
็
ู
็
์
่
์
ิ
็
หมายเลข 13 เปนต าแหนงเลอกใช้มเตอรท างานเปนเครองวัดอัตราขยายกระแส (h ) ของตัวทรานซสเตอร ใช้ท างาน
ิ
็
ื
ื่
FE
่
่
รวมกับต าแหนงหมายเลข 3
ิ
์
่
ื่
็
ื
หมายเลข 14 เปนต าแหนงเลอกใช้มเตอรท างานเปนเครองวัดตัวไดโอด
็
2.6 การใชงานมัลติมิเตอรชนิดดิจิตอล
์
้
ิ
์
ิ
ิ
ิ
่
ี
ิ
การน ามัลตมเตอรชนดดจตอลไปใช้งาน ใช้ได้เชนเดยวกับมัลตมเตอรชนดแอนะลอก เมอต้องการวัดปรมาณไฟฟา
์
ิ
ิ
ิ
้
ิ
ื่
ื
ชนดใด ก็ปรบสวตชเลอกย่านวัดหมายเลข 2 ของรปท 2.17 ไปย่านปรมาณไฟฟาทต้องการวัด ถ้าไม่ทราบค่าปรมาณไฟฟานั้นให้
ี่
ิ
์
ู
ั
ี่
้
้
ิ
ิ
ิ
์
ุ
่
ู
ั
ิ
ี
้
ิ
ิ
ิ
ิ
ิ
ตั้งค่าทย่านวัดสงสดไว้ก่อน และค่อยๆ ปรบต าลงมาในย่านทเหมาะสม มัลตมเตอรชนดดจตอลจะแสดงค่าปรมาณไฟฟาออกมา
่
่
ี
ิ
ิ
ี
ิ
์
ิ
็
ิ
ึ
เปนตัวเลขอ่านค่าได้ทันท การจะน ามัลตมเตอรชนดดจตอลไปใช้งาน จ าเปนต้องศกษาท าความเข้าใจการใช้งานและการอ่านค่า
็
ี
ิ
ู
ิ
้
ี
ให้ถกต้องเสยก่อน การวัดปรมาณไฟฟาชนดต่างๆ ท าได้ดังน้
2.6.1 การวัดแรงดันไฟตรง (DCV)
การวัดแรงดันไฟตรงด้วยมัลตมเตอรชนดดจตอล โดยปรบสวิตช์เลอกย่านวัดไปที่แรงดันไฟตรง (V ) มัล
ิ
์
ิ
ิ
ิ
ิ
ื
ั
ิ
ิ
ู
่
ุ
ตมเตอรชนดดจตอลรนทใช้งานตามรปท 2.17 มย่านวัดแรงดันไฟตรงทั้งหมด 5 ย่านวัดเต็มสเกล คือ ย่าน 200 mV, 2,000 mV, 20
ี
่
ิ
่
์
ี
ิ
ิ
ี
ั
่
ี
V, 200 V และ 1,000 V ตัวเลขทแสดงให้เหนบนหน้าปดขณะวัดค่า คือค่าแรงดันไฟตรงทวัดได้ การต่อวัดค่าโดยยดหลักดังน้ ี
ึ
็
่
ี
ิ
่
์
ี่
ิ
ี
ใกล้บวกแหลงจ่ายแรงดัน ต่อวัดด้วยขั้วบวก (+) ของมเตอร ใกล้ลบแหลงจ่ายแรงดัน ต่อวัดด้วยขั้วลบ (–) ของมเตอร กรณทวัด
์
่
ี
่
ค่าแล้วเกดเครองหมายลบ (–) แสดงอยู่ด้านหน้าตัวเลขทบอกค่าไว้ บอกให้ทราบวาการต่อสายวัดแรงดันไฟตรงผิดขั้ว ให้สลับขั้ว
ื่
่
ิ
ู
์
ิ
ิ
ิ
ี่
ิ
ิ
สายวัดใหม่ การตั้งย่านวัดและการต่อมัลตมเตอรชนดดจตอลวัดแรงดันไฟตรง แสดงดังรปท 2.18
- +
ิ
ี
่
ิ
ิ
์
ิ
ิ
รูปท 2.18 การต่อมัลตมเตอรชนดดจตอลวัดแรงดันไฟตรง
2.6.2 การวัดแรงดันไฟสลับ (ACV)
การวัดแรงดันไฟสลับด้วยมัลตมเตอรชนดดจตอล โดยปรบสวิตช์เลอกย่านวัดไปทโวลต์มเตอรไฟสลับ (V~)
์
ี่
ิ
ื
์
ิ
ิ
ิ
ิ
ิ
ั
ี่
ิ
ิ
ี
์
ิ
ิ
ุ่
ี่
ิ
ู
มัลตมเตอรชนดดจตอลรนทใช้งานตามรปท 2.17 มย่านวัดแรงดัน ไฟสลับทั้งหมด 2 ย่านวัดเต็มสเกล คือ ย่าน 200 V และ 750 V
์
์
ี
่
ึ
่
ขณะวัดค่ามเตอรจะแสดงค่าทวัดได้ออกมา การวัดแรงดันไฟสลับไมจ าเปนต้องค านงถงขั้ววัดของมเตอร ใช้สลับขั้ววัดได้ การ
็
ึ
ิ
ิ
ิ
ิ
์
ิ
ู
ตั้งย่านวัดและการต่อมัลตมเตอรชนดตัวเลขวัดแรงดันไฟสลับ แสดงดังรปที่ 2.19
ิ
ิ
ิ
์
ิ
ิ
่
ี
รูปท 2.19 การต่อมัลตมเตอรชนดดจตอลวัดแรงดันไฟสลับ
2.6.3 การวัดกระแสไฟตรง (DCA)
ิ
ื
ิ
ิ
ั
์
์
ิ
ิ
ิ
ี่
การวัดกระแสไฟตรงด้วยมัลตมเตอรชนดดจตอล โดยปรบสวตชเลอกย่านวัดไปทแอมมเตอรไฟตรง (A
ิ
์
่
ุ
่
ี
ี
ี
ู
่
ิ
ิ
ิ
์
ิ
ิ
) มัลตมเตอรชนดดจตอลรนทใช้งานตามรปท 2.17 มทั้งหมด 5 ย่านวัดเต็มสเกล คือ ย่าน 200 A, 2,000 A, 20 mA, 200 mA และ
ุ
10 A การต่อวัดกระแสไฟตรงต้องต่อแบบอนกรม ตัวเลขทแสดงให้เห็นบนหน้าปดขณะวัดค่า คือค่ากระแสไฟตรงทวัดได้ การ
ั
ี่
ี่
ี
ิ
่
ต่อวัดค่าโดยยดหลักดังน้ ใกล้บวกแหลงจ่ายแรงดัน ต่อวัดด้วยขั้วบวก (+) ของมเตอร ใกล้ลบแหลงจ่ายแรงดัน ต่อวัดด้วยขั้วลบ
ึ
์
่
ื่
ี่
ี
(–) ของมเตอร กรณทวัดค่าแล้วเกดเครองหมายลบ (–) แสดงอยู่ด้านหน้าตัวเลขทบอกค่าไว้ บอกให้ทราบวาการต่อสายวัดกระแส
่
ี่
์
ิ
ิ
่
ื
ู
็
่
ี
่
่
่
ี
์
ไฟตรงผิดขั้ว ให้สลับขั้วสายวัดใหม และเมอต้องการวัดกระแสไฟตรงค่าสงเปนแอมแปรตั้งท 10 A เปลยนต าแหนงขั้วต่อสายวัด
ี
ิ
เส้นสแดง ไปเสยบทขั้วต่อหมายเลข 4 ตามรปท 2.17 การตั้งย่านวัดและการต่อมัลตมเตอรชนดดจตอลวัดกระแสไฟตรง แสดง
ิ
ิ
์
ิ
ิ
ู
ี
่
ี
่
ี
ี่
ู
ดังรปท 2.20
- +
ิ
ิ
ิ
ิ
ี
์
่
ิ
รูปท 2.20 การต่อมัลตมเตอรชนดดจตอลวัดกระแสไฟตรง
้
2.6.4 การวัดความตานทาน ()
ิ
การวัดความต้านทานด้วยมัลตมเตอรชนดดจตอล โดยตั้งสวตชเลอกย่านวัดไปทโอห์มมเตอร () มัลต ิ
่
ิ
ิ
ื
์
์
ี
ิ
ิ
ิ
์
ิ
ี
ู
่
์
ิ
ี
มเตอรชนดดจตอลรนทใช้งานตามรปท 2.17 มทั้งหมด 5 ย่านวัดเต็มสเกล คือ ย่าน 200, 2,000, 20 k, 200 k และ 2,000 k การวัด
ิ
่
่
ิ
ี
ิ
ุ
ิ
ิ
ค่าความต้านทานด้วยโอห์มมเตอรชนดดจตอล ไม่จ าเปนต้องช็อตปลายสายวัดเข้าด้วยกัน เพื่อปรบแต่งความถูกต้อง สามารถน าไป
็
์
ิ
ิ
ั
ิ
์
่
ิ
ี
่
ี
็
ิ
ิ
ิ
วัดค่าได้เลยในทุกย่านวัด ตัวเลขทแสดงให้เหนคือค่าความต้านทานทวัดได้ การตั้งย่านวัด และการต่อมัลตมเตอรชนดดจตอล
ู
วัดค่าความต้านทาน แสดงดังรปที่ 2.21
ิ
์
ิ
ิ
ิ
ิ
่
ี
รูปท 2.21 การต่อมัลตมเตอรชนดดจตอลวัดค่าความต้านทาน
2.7 บทสรุป
ื
่
ึ
ื
ื
่
ี
้
์
ิ
ิ
่
้
ี่
ื่
ื
็
่
่
้
็
ื
เครองมอวัดไฟฟาเบ้องต้นทควรทราบ ได้แก่ มัลตมเตอร ซงถอได้ว่าเปนเครองมอวัดไฟฟาทจ าเปนต่อชางไฟฟา ชาง
ิ
์
ี่
ี่
็
ิ
ิ
้
ิ
้
อิเล็กทรอนกส และชางทจ าเปนต้องเกยวข้องกับปรมาณไฟฟาต่างๆ มัลตมเตอรสามารถวัดปรมาณไฟฟาได้หลายชนด มราคา
์
่
ี
ิ
ิ
ิ
ิ
ิ
ี
ิ
็
ิ
ิ
์
์
ิ
่
ู
ั
ถก เล็กกะทัดรด พกพาไปได้สะดวก มัลตมเตอรทผลตมาใช้งานแบ่งออกได้เปน 2 ชนด ได้แก่ มัลตมเตอรชนดแอนะลอก
ิ
ิ
ิ
์
ิ
ิ
และมัลตมเตอรชนดดจตอล
ิ
ื
่
้
การวัดปรมาณไฟฟาชนดไฟตรง (DC) ไม่วาเปนแรงดันหรอกระแส ขณะต่อมัลตมเตอรวัดวงจรไฟฟานั้นๆ ต้อง
ิ
็
ิ
ิ
์
้
ิ
ึ
ี
ค านงถงขั้วของมัลตมเตอร และขั้วแรงดันของแหลงจ่ายในวงจร ต้องเหมอนกันโดยยดหลักการต่อวัดดังน้ ใกล้บวกต่อบวก
ื
ึ
ึ
ิ
่
์
ิ
่
ใกล้ลบต่อลบ จงสามารถวัดค่าปรมาณไฟฟานั้นๆ ได้ สวนปรมาณไฟฟาชนดไฟสลับ (AC) ไม่วาเปนแรงดันหรอกระแส ขณะ
้
ิ
ึ
ื
่
้
ิ
็
ิ
ิ
่
ึ
่
ึ
้
ิ
์
์
ิ
ต่อมัลตมเตอรวัดวงจรไฟฟานั้นๆ ไมต้องค านงถงขั้วของมัลตมเตอรและขั้วแรงดันของแหลงจ่ายในวงจร
ส่งส าคัญทต้องค านงถงก่อนน ามัลตมเตอรไปใช้งาน คือการตั้งย่านวัดปรมาณไฟฟา ต้องตั้งย่านวัดให้ถกต้องตามชนด
ึ
ิ
้
ี
ู
ึ
ิ
่
ิ
ิ
์
ิ
ิ
ิ
ของปรมาณไฟฟานั้นๆ เพราะการตั้งย่านวัดผิดชนดอาจมผลท าให้ มัลตมเตอรช ารดเสยหายได้ และการตั้งย่านวัดในค่าท ี ่
ี
ิ
์
ุ
้
ี
ิ
ิ
ั
็
ี
่
เหมาะสมเปนส่งจ าเปนเชนกัน จะชวยให้การอานค่าการวัดมความถกต้องมากขึ้น การวัดปรมาณไฟฟาบางชนดต้องท าการปรบแต่ง
ิ
่
ิ
้
ู
็
่
ิ
ู
ั
์
ึ
ั
่
่
์
ิ
มเตอรก่อนการวัดค่าเสมอ เชน การวัดความต้านทาน ซงการวัดจะถกต้องได้ ก่อนการวัดค่าต้องปรบแต่งมเตอรก่อนการใช้งานทุกคร้ง
์
ิ
่
ี
้
้
• ดานทักษะ(ปฏิบัติ) (จุดประสงคเชงพฤติกรรมขอท 11-12)
1. ใบปฏิบัตงานท 2.1 การวัดแรงดันไฟตรงด้วยมัลตมเตอร ์
ิ
ี่
ิ
ิ
2. ใบปฏิบัตงานท 2.2 การวัดกระแสไฟตรงด้วยมัลตมเตอร ์
ิ
ิ
ิ
ี่
3. ใบปฏบัติงานท 2.3 การวัดความต้านทานด้วยมัลตมเตอร ์
ิ
ิ
ี่
ิ
4. แบบฝกหัดผลการเรยนร ู ้
ี
ึ
้
ิ
• ดานคุณธรรม/จรยธรรม/จรรยาบรรณ/บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง
(จุดประสงคเชงพฤตกรรมขอท 11-12)
์
้
ี่
ิ
ิ
์
ุ
ึ
้
1. การเตรยมความพรอมด้านการเตรยม วัสด อปกรณนักศกษาจะต้องกระจายงานได้ทั่วถง และ ตรงตาม
ี
ี
ึ
ุ
ี่
ี
ิ
ี
ี
์
ุ
ื่
้
ความสามารถของสมาชกทุกคนมการจัดเตรยมสถานท สอ วัสด อุปกรณไว้อย่างพรอมเพรยง
ี่
ิ
ี
ิ
ึ
ั
ี
ิ
2. ความมเหตุมีผลในการปฏบัติงาน ตามหลักปรชญาเศรษฐกจพอเพียง นักศกษาจะต้องมการใช้ เทคนคทแปลก
่
ิ
ี
ใหม ใช้สอและเทคโนโลย ประกอบการ น าเสนอทนาสนใจ น าวัสดในท้องถ่นมาประยุกต์ใช้อย่างคุ้มค่าและ
ุ
่
ื
่
ี
่
ประหยัด
ี
ี
ื
กิจกรรมการเรยนการสอนหรอการเรยนรู ้
ั
ั
้
ื
้
ี
้
ี
ั
ื
ขนตอนการสอนหรอกิจกรรมของครู ขนตอนการเรยนรูหรอกิจกรรมของนกเรยน
ี
ี
้
้
1. ขันเตรยม ( 15 นาที ) 1. ขันเตรยม ( 15 นาที )
ี่
ื่
ั
1. จัดเตรยมเอกสารและสอการสอน พรอมกับอธบาย 1. จัดเตรยมเอกสารตามทอาจารย์ผู้สอนก าหนด ฟง
ี
ิ
ี
้
ื่
ื่
ิ
ี
้
ิ
ี
ิ
ื
ี
ี
ื่
ื่
ี
ื
วธการให้คะแนนและวธการเรยนเรอง เครองมอวัดไฟฟา วธการให้คะแนนและวธการเรยน เรอง เครองมอวัดไฟฟา ้
ี
ิ
ิ
ิ
อิเล็กทรอนกส ์ อิเล็กทรอนกส ์
2. ผู้สอนแจ้งจุดประสงค์การเรยนของบทท 2 เรอง 2. ท าความเข้าใจเกยวกับจุดประสงค์การเรยนของบทท ี่
ี่
ี
ี่
ื่
ี
ื่
ิ
้
ื่
ิ
่
ื่
์
ื
ื
ื
้
เครองมอวัดไฟฟาอิเล็กทรอนกส ์ 2 เรอง เครองมอวัดไฟฟาอิเล็กทรอนกส และให้ความรวมมอ
ในการท ากจกรรม
ิ
3. ผู้สอนให้ผู้เรยนยกตัวอย่างสวนประกอบของมัลต ิ 3. ผู้เรยนยกตัวอย่างสวนประกอบของมัลตมเตอร ์
ี
่
ิ
่
ี
ิ
์
ี
ิ
ึ
มเตอร และเตรยมตัวท าแบบฝกหัดก่อนเรยน
ี
ี่
ื่
ึ
ึ
ื
ื่
ี
ี่
ี
ื่
4. ผู้สอนให้ผู้เรยนท าแบบฝกหัดบทท 2 เรอง 4. ผู้เรยนท าแบบฝกหัดบทท 2 เรอง เครองมอวัด
้
ิ
ึ
ื
์
ิ
้
ื่
์
เครองมอวัดไฟฟาอิเล็กทรอนกส แล้วให้นักศกษาสลับกัน ไฟฟาอิเล็กทรอนกส แล้วสลับกันตรวจค าตอบด้วยความ
ื่
ตรวจค าตอบ และให้คะแนน ซอสัตย์
้
้
ี
ี
2. ขันการเรยนการสอน ( 90 นาที) 2. ขันการเรยนการสอน ( 90 นาที)
ี
1. ผู้สอนเปดเครองฉายแผ่นใสโดยวิธการบรรยาย 1. ผู้เรยนฟงผู้สอนอธบายตามแผ่นใส เรอง เครองมอ
ั
ื่
ิ
ี
ื่
ิ
ื่
ื
ิ
้
ี
ื่
ิ
ิ
้
ิ
ื่
ประกอบการสาธต เรอง เครองมือวัดไฟฟาอิเล็กทรอนกส ์ วัดไฟฟาอิเล็กทรอนกสและให้ผู้เรยนเปดหนังสอ งานไฟฟา
ื
้
์
ื
ี
ิ
ิ
และให้ผู้เรยนเปดหนังสอ งานไฟฟาและอิเล็กทรอนกส ์ และอเล็กทรอนกสเบ้องต้นและระบบปฏบัตการตาม ดการ
์
ื
ิ
้
ิ
ิ
ู
ิ
ึ
ื
ิ
ี่
้
ี
เบ้องต้นตามทละหน้า สาธตพรอมจดบันทกข้อความทส าคัญ
2. ผู้เรยนวัดความต้านทานและอ่านค่า ตามทเข้าใจ
ี่
ี
ี
2. ผู้สอนให้ผู้เรยนวัดความต้านทานและอ่านค่า ี ั
3. ผู้เรยนฟงข้อเสนอแนะ
่
ิ
ิ
ี
ิ
ี
ิ
3. ผู้สอนให้ข้อเสนอแนะเพ่มเตมในส่งทผู้เรยนอธบาย
้
์
้
์
้
้
3. ขันประยุกตใช ( 315 นาที ) 3. ขันประยุกตใช ( 315 นาที )
ิ
ี
ื
ื่
์
ุ
ิ
ี
1. ผู้สอนให้ผู้เรยนเบก เครองมอ วัสดอุปกรณในการ 1. ผู้เรยนเบกเครองมอ วัสดอุปกรณ เพื่อใช้ในการ
ุ
์
ื่
ื
ี่
ิ
ิ
ิ
ิ
ิ
ี่
ิ
ิ
ิ
ปฏบัตใบปฏบัตงานท 2.1 , 2.2 และ 2.3 ปฏบัตใบปฏบัตงานท 2.1 , 2.2 และ 2.3
ี
ื
ี
กิจกรรมการเรยนการสอนหรอการเรยนรู ้
ื
ี
้
ื
ั
ั
ี
ั
้
ขนตอนการสอนหรอกิจกรรมของครู ขนตอนการเรยนรูหรอกิจกรรมของนกเรยน
้
ี
ิ
2. ผู้สอนให้ผู้เรยนแบ่งกลุ่ม ๆ 2-3 คน สาธตการ 2. ผู้เรยนเข้ากลุ่ม สาธตการใช้มัลตมเตอร โดยขอ
์
ิ
ิ
ิ
ี
ิ
ิ
ิ
ื
้
์
ื
ึ
ใช้มัลตมเตอร โดยคอยให้ค าแนะน าอย่างใกล้ชด ค าแนะน าจากผู้สอนหรอศกษาจากหนังสองานไฟฟาและ
์
ื
อเล็กทรอนกสเบ้องต้น
ิ
ิ
ิ
ี่
ิ
ี
3. ผู้สอนให้ผู้เรยนท าใบปฏบัตงานท 2.1 , 2.2 , 2.3 3. ผู้เรยนท าใบปฏบัตงานท 2.1 , 2.2 , 2.3 ตามท ี่
ี่
ิ
ิ
ี
้
4. ขันสรุปและประเมินผล ( 60 นาที ) ผู้สอนก าหนด
ี่
1. ผู้สอนและผู้เรยนรวมกันสรปเน้อหาทได้เรยนให้ม ี 4. ขันสรุปและประเมินผล ( 60 นาที )
ี
ุ
ี
่
ื
้
ิ
ี
ความเข้าใจในทศทางเดยวกัน 1. ผู้สอนและผู้เรยนรวมกันสรปเน้อหาทได้เรยนให้ม ี
ุ
ี่
ื
ี
ี
่
ั
ี
2. ผู้สอนให้ผู้เรยนท าแบบฝกหัดบทที่ 2 อกคร้ง ความเข้าใจในทศทางเดยวกัน
ึ
ี
ิ
ี
3. แจกแบบฝกหัดเรยนบทท 2 เรอง เครองมอวัด 2. ผู้เรยนท าแบบฝกหัดเรยนบทที่ 2
ื่
ื
ี่
ึ
ี
ื่
ี
ึ
ี
้
ิ
ไฟฟาและอิเล็กทรอนกส ์
3. ผู้เรยนท าแบบฝกหัดเรยนบทที่ 2 เรอง เครองมอวัด
ึ
ี
ื
ื่
ื่
ี
4. ผู้สอนตรวจแบบฝกหัดหลังเรยนพรอมกับบันทก ไฟฟาและอิเล็กทรอนกส ด้วยความซอสัตย์
้
ี
ึ
ึ
ิ
ื่
์
้
คะแนน 4. ผู้เรยนน าคะแนนจากแบบฝกหัดทั้งสองคร้ ังมา
ึ
ี
เปรยบเทยบกันวาเปนอย่างไรมผลต่างกันอย่างไร เพื่อด ู
ี
ี
็
ี
่
ี่
้
ิ
ิ
์
(บรรลุจุดประสงคเชงพฤตกรรมขอท 1-12) ความก้าวหน้าของตนเอง
้
ี่
ิ
์
ิ
(บรรลุจุดประสงคเชงพฤตกรรมขอท 1-12)
ื
(รวม 480 นาท หรอ 8 คาบเรยน)
ี
ี
ื
งานที่มอบหมายหรอกิจกรรมการวัดผลและประเมินผล
กอนเรยน
่
ี
1. จัดเตรยมเอกสาร สอการเรยนการสอนตามทอาจารย์ผู้สอนและบทเรยนก าหนด
ี
ี
ี่
ื่
ี
2. ท าความเข้าใจเกยวกับจุดประสงค์การเรยนของบทที่ 2 และการให้ความรวมมอในการท ากจกรรมในบทที่ 2
่
ี่
ี
ิ
ื
ขณะเรยน
ี
1. ศกษาเน้อหา ในบทท 2 เรอง เครองมอวัดไฟฟาเบ้องต้น
้
ึ
่
่
ี
ื
ื
่
ื
ื
ื
2. รายงานผลหน้าชั้นเรยน
ี
ิ
ิ
ิ
ิ
์
ิ
ื่
ื่
ี่
3. ปฏบัตใบปฏิบัตงานท 2.1 เรอง การวัดแรงดันไฟตรงด้วยมัลตมเตอร , ใบปฏิบัตงานท 2.2 เรอง การวัดกระแส
ี่
ิ
ไฟตรงด้วยมัลตมเตอร และใบปฏบัตงานท 2.3 เรอง การวัดความต้านทานด้วยมัลตมเตอร ์
ี่
ิ
ิ
ื่
ิ
ิ
์
ิ
ิ
4. สรปผลการทดลอง
ุ
หลังเรยน
ี
ี
1. ท าแบบฝกหัดหลังเรยน
ึ
ี
ึ
2. ท าแบบฝกหัดการเรยนร ู ้
้
ิ
ี
ผลงาน/ชนงาน/ความสาเรจของผูเรยน
้
็
ิ
ี่
1. ใบปฏบัติงานท 2.1
ี่
ิ
2. ใบปฏบัติงานท 2.2
ิ
ี่
3. ใบปฏบัติงานท 2.3
4. ท าแบบฝกหัดบทท 2
ึ
ี่
5. ตรวจสอบการวัดแรงดันไฟตรงและไฟสลับ
สอการเรยนการสอน/การเรยนรู
ี
่
ื
ี
้
ิ่
ื่
สอสงพิมพ ์
ิ
ิ
ิ
้
ิ
ื
์
ื
1. หนังสอเรยนวชา งานไฟฟาและอเล็กทรอนกสเบ้องต้น (ใช้ประกอบการเรยนการสอนจุดประสงค์เชงพฤตกรรม
ิ
ี
ี
ข้อท 1-12)
ี่
ื่
ี่
2. ใบปฏบัติงานท 2.1 เรอง การวัดแรงดันไฟตรงด้วยมัลตมเตอร (ใช้ประกอบการเรยนการสอนจุดประสงค์เชง
ิ
ี
ิ
์
ิ
ิ
พฤตกรรมข้อท 9)
ี่
ิ
ี่
ื่
3. ใบปฏบัติงานท 2.2 เรอง การวัดกระแสไฟตรงด้วยมัลตมเตอร (ใช้ประกอบการเรยนการสอนจุดประสงค์เชง ิ
ิ
์
ี
ิ
ิ
พฤตกรรมข้อท 9)
ี่
ิ
ิ
4. ใบปฏบัติงานท 2.3 เรอง การวัดความต้านทานด้วยมัลตมิเตอร (ใช้ประกอบการเรยนการสอนจุดประสงค์เชง ิ
์
ื่
ี
ิ
ี่
พฤตกรรมข้อท 9)
ี่
ิ
5. แบบฝกหัดบทท 2 ใช้ประกอบการสอนขั้นเตรยม ข้อ 4
ึ
ี่
ี
6. แบบฝกหัดผลงานตามใบปฏิบัตงาน ใช้ประกอบการสอนขั้นการเรยนการสอน ข้อ 4
ี
ิ
ึ
7. แบบฝกหัดพฤตกรรมการท างานกลม ใช้ประกอบการสอนขั้นการเรยนการสอน ข้อ 4
ึ
่
ิ
ี
ุ
ื่
์
ี
สอโสตทัศน (ถ้าม)
3. เครองฉาย ภาพ โปรเจคเตอร (PROJECTOR)
์
ื่
4. เครองฉายแผ่นใส (OVERHEAD)
ื่
ิ
ื่
สอของจรง
ิ
ิ
์
ิ
ื่
1. มัลตมเตอรชนดเข็ม 1 เครอง
ั
ื่
2. แหล่งจ่ายแรงดันไฟตรงปรบค่าได้ 0-30V 1 เครอง
ี
3. หลอดไฟมไส้ขนาด 60W ; 220W 1 ดวง
ื
หรอตัวต้านทานโหลด 1k Ω ; 5W 1 ตัว
ุ
4. แผนประกอบวงจรและสายต่อวงจร 1 ชด
ื่
ั
5. หม้อแปลงปรบค่าได้ 1 เครอง
6. ตัวต้านทานค่าต่าง ๆ กันจากค่าต ่าไปหาค่าสง 10 ตัว
ู
่
ี
้
แหลงการเรยนรู
ในสถานศึกษา
3. ห้องสมุด
ิ
ึ
4. ห้องปฏบัตการคอมพิวเตอร ศกษาหาข้อมูลทาง INTERNET
์
ิ
ึ
นอกสถานศกษา
ผู้ประกอบการ สถานประกอบการ ในท้องถ่น
ิ
ั
์
่
ื
การบูรณาการ/ความสมพันธกับวิชาอน
ิ
ี
ิ
1. บูรณาการกับวิชาชวิตและวัฒนธรรมไทย ด้านการพูด การอ่าน การเขียน และการฝกปฏบัตตนทางสังคมด้านการ
ึ
ั
้
เตรยมความพรอม ความรบผิดชอบ และความสนใจใฝร ู ้
่
ี
ิ
ิ
ิ
ื
ื
2. บูรณาการกับวชาการบรหารการจัดซ้อ ด้านการซ้อ การแสวงหาผลตภัณฑ์
ิ
ื
ิ
ุ
ี
่
ิ
ี
3. บูรณาการกับวชากฬาเพอพัฒนาสขภาพและบุคลกภาพ ด้านบุคลกภาพในการน าเสนอหน้าชั้นเรยน
ี
การประเมินผลการเรยนรู
้
หลักการประเมนผลการเรยนรู
้
ี
ิ
ี
ขณะเรยน
ี่
ิ
ิ
ิ
ี่
3. ตรวจผลงานตามใบปฏบัตงานท 1 และ ใบปฏบัติงานท 2
4. สังเกตการท างานกลุ่ม
ี
หลังเรยน
ึ
ี
3. ตรวจแบบฝกหัดหลังเรยน
ี
4. ตรวจแบบแบบฝกหัดผลการเรยนร ้ ู
ึ
ค าถาม
ี
ิ
์
์
อธบายให้ได้ใจความสมบูรณและแสดงวิธท าให้สมบูรณถูกต้อง
6. อธบายการใช้มัลตมเตอรชนดแอนะลอกวัดแรงดันไฟตรงมาให้เข้าใจ
ิ
ิ
ิ
์
ิ
7. อธบายการใช้มัลตมเตอรชนดแอนะลอกวัดแรงดันไฟสลับมาให้เข้าใจ
ิ
์
ิ
ิ
ิ
8. อธบายการใช้มัลตมเตอรชนดแอนะลอกวัดความต้านทานมาให้เข้าใจ
์
ิ
ิ
ิ
ิ
9. อธบายการใช้มัลตมเตอรชนดดจตอลวัดแรงดันไฟตรงมาให้เข้าใจ
ิ
ิ
ิ
์
ิ
ิ
ิ
10. อธบายการใช้มัลตมเตอรชนดดิจิตอลวัดกระแสไฟตรงมาให้เข้าใจ
ิ
ิ
ิ
์
ิ
ิ
้
็
ี
้
ผลงาน/ชนงาน/ผลสาเรจของผูเรยน
1. ใบปฏบัติงานท 2.1 เรอง การวัดแรงดันไฟตรงด้วยมัลตมเตอร
์
ิ
ี่
ื่
ิ
ิ
2. ใบปฏบัติงานท 2.2 เรอง การวัดกระแสไฟตรงด้วยมัลต ิ
ี่
ิ
ื่
3. ใบปฏบัติงานท 2.3 เรอง การวัดความต้านทานด้วยมัลตมิเตอร
์
ิ
ี่
ื่
ิ
4. แบบฝกหัดบทท 2
ึ
ี่
5. ตรวจสอบการวัดแรงดันไฟตรงและไฟสลับ
รายละเอียดการประเมินผลการเรยนรู
้
ี
ิ
ิ
ื
้
ื
ื
ี่
ิ
่
• จุดประสงค์เชงพฤตกรรม ข้อท 1 อธบายการใช้เครองมอวัดไฟฟาเบ้องต้น ได้
ี
ิ
4. วิธการประเมน : ทดสอบ
ื
ื่
ึ
5. เครองมอ : แบบฝกหัด
้
ื
ิ
่
ื
ื
6. เกณฑ์การให้คะแนน : อธบายการใช้เครองมอวัดไฟฟาเบ้องต้น ได้ จะได้ 2 คะแนน
ิ
่
ี่
์
ิ
ิ
• จุดประสงค์เชงพฤตกรรม ข้อท 2 วิเคราะห์สวนประกอบของมัลติมเตอร ได้
ี
ิ
3. วิธการประเมน : ทดสอบ
ึ
ื
ื่
4. เครองมอ : แบบฝกหัด
์
ิ
ิ
่
5. เกณฑ์การให้คะแนน : วิเคราะห์สวนประกอบของมัลตมเตอร ได้ จะได้ 2 คะแนน
์
ั
ิ
ี่
ิ
ิ
ิ
• จุดประสงค์เชงพฤตกรรม ข้อท 3 อธบายสเกลหน้าปดของมัลตมิเตอร ได้
ี
ิ
4. วิธการประเมน : ทดสอบ
ึ
ื
ื่
5. เครองมอ : แบบฝกหัด
ิ
ิ
์
ิ
ั
6. เกณฑ์การให้คะแนน : อธบายสเกลหน้าปดของมัลตมเตอรได้ จะได้ 2 คะแนน
ิ
์
ิ
ิ
ี่
ี
ิ
• จุดประสงค์เชงพฤตกรรม ข้อท 4 ช้แจงข้อควรระวังในการใช้มัลตมเตอร ได้
ิ
ี
4. วิธการประเมน : ทดสอบ
ื่
ึ
ื
5. เครองมอ : แบบฝกหัด
์
ิ
ิ
ี
6. เกณฑ์การให้คะแนน : ช้แจงข้อควรระวังในการใช้มัลตมเตอร ได้ จะได้ 2 คะแนน
ิ
ิ
ี่
ี
• จุดประสงค์เชงพฤตกรรม ข้อท 5 บอกวิธการวัดแรงดันไฟตรง ได้
ี
ิ
4. วิธการประเมน : ทดสอบ
ื
ึ
ื่
5. เครองมอ : แบบฝกหัด
ี
6. เกณฑ์การให้คะแนน : บอกวิธการวัดแรงดันไฟตรงได้ จะได้ 2 คะแนน
ี
ิ
ิ
ี่
• จุดประสงค์เชงพฤตกรรม ข้อท 6 บอกวิธการวัดแรงดันไฟสลับได้
ิ
ี
1. วิธการประเมน : ทดสอบ
ึ
ื่
ื
2. เครองมอ : แบบฝกหัด
ี
3. เกณฑ์การให้คะแนน : บอกวิธการวัดแรงดันไฟสลับได้ จะได้ 2 คะแนน
ิ
ิ
ี่
ิ
ี
• จุดประสงค์เชงพฤตกรรม ข้อท 7 อธบายวิธการวัดกระแสไฟตรงได้
ี
ิ
1. วิธการประเมน : ทดสอบ
ื่
ื
ึ
2. เครองมอ : แบบฝกหัด
ิ
ี
3. เกณฑ์การให้คะแนน : อธบายวิธการวัดกระแสไฟตรงได้ จะได้ 2 คะแนน
ี่
ี
ิ
ิ
• จุดประสงค์เชงพฤตกรรม ข้อท 8 บอกวิธการวัดความต้านทานได้
ิ
ี
1. วิธการประเมน : ทดสอบ
ื
ึ
ื่
2. เครองมอ : แบบฝกหัด
ี
3. เกณฑ์การให้คะแนน : บอกวิธการวัดความต้านทานได้ จะได้ 2 คะแนน
ิ
ิ
ี่
• จุดประสงค์เชงพฤตกรรม ข้อท 9 แสดงการวัดกระแสและแรงดันไฟตรง
ี
ิ
1. วิธการประเมน : ทดสอบ
ื่
ึ
ื
2. เครองมอ : แบบฝกหัด
3. เกณฑ์การให้คะแนน : แสดงการวัดแรงดันไฟตรงได้ จะได้ 5 คะแนน
ิ
ิ
ี่
• จุดประสงค์เชงพฤตกรรม ข้อท 10 แสดงการวัดแรงดันไฟสลับได้
ิ
ี
1. วิธการประเมน : ทดสอบ
ึ
ื
ื่
2. เครองมอ : แบบฝกหัด
3. เกณฑ์การให้คะแนน : แสดงการวัดแรงดันไฟสลับได้ จะได้ 5 คะแนน
ี
้
ี่
ิ
ิ
์
• จุดประสงค์เชงพฤตกรรม ข้อท 11 เตรยมความพรอมด้าน วัสดุ อุปกรณสอดคล้องกับงานได้อย่างถูกต้อง
ี
ิ
4. วิธการประเมน : ตรวจผลงาน
ื
ื่
ึ
5. เครองมอ : แบบฝกหัดกระบวนการท างานกลุ่ม
์
ุ
้
ี
6. เกณฑ์การให้คะแนน : เตรยมความพรอมด้าน วัสด อุปกรณสอดคล้องกับงานได้อย่าง
ถูกต้อง จะได้ 5 คะแนน
ิ
ี่
็
ิ
ี
ิ
ี่
ิ
• จุดประสงค์เชงพฤตกรรม ข้อท 12 ปฏบัตงานได้อย่างถูกต้อง และส าเรจภายใน เวลาทก าหนดอย่างมเหตุ
ั
ิ
และผลตามหลักปรชญาเศรษฐกจพอเพียง
ิ
ี
4. วิธการประเมน : ตรวจผลงาน
ึ
ื่
ื
5. เครองมอ : แบบฝกหัดกระบวนการท างานกลุ่ม
ี
็
ู
ิ
ิ
ี่
6. เกณฑ์การให้คะแนน : ปฏบัตงานได้อย่างถกต้อง และส าเรจภายใน เวลาทก าหนดอย่างมเหตุ
ั
ิ
และผลตามหลักปรชญาเศรษฐกจพอเพียง จะได้ 5 คะแนน
ึ
แบบฝกหัดบทที่ 2
้
ื
ื่
้
ื
เครองมอวัดไฟฟาเบ้องตน
ิ
ู
ิ
ึ
้
ี่
ื
่
ื
ื
้
วัตถุประสงค์ เพื่อประเมนความรเดมของนักศกษาเกยวกับเรอง เครองมอวัดไฟฟาเบ้องต้น
ื่
ุ
ี่
ี่
ื่
เขียนเครองหมายกากบาท (X) ลงในข้อทถูกต้องทสด
์
ิ
์
ิ
1. มัลตมเตอรคือมิเตอรอะไร
์
ิ
ี
ก. มเตอรวัดแรงดัน กระแส และความต้านทานได้ในตัวเดยว
์
ี
้
่
ิ
ข. มเตอรทสรางขึ้นมาเพื่ออ านวยความสะดวกในการใช้งาน
ิ
ิ
์
้
ิ
ค. มเตอรวัดปรมาณไฟฟาได้หลายชนด
ง. ถูกทุกข้อ
้
ี่
์
้
ิ
ิ
ิ
2. มัลตมเตอรทสรางมาใช้งาน ไม่สามารถวัดปรมาณไฟฟาอะไรได้
ก. กระแส ข. แรงดัน
ค. ก าลังไฟฟา ง. ความต้านทาน
้
ิ
่
ี
์
์
ิ
ิ
3. น ามัลตมเตอรไปวัดค่าแรงดันของแบตเตอรรถยนต์ต้องตั้งมเตอรย่านใด
ก. DCmA ข. DCV
ค. ACV ง.
ิ
์
่
ี
ิ
ุ
์
้
ิ
4. การวัดปรมาณไฟฟาทต้องใช้มเตอรต่ออนกรมกับวงจรต้องตั้งมเตอรย่านใด
ก. DCmA ข. DCV
ค. ACV ง.
์
ิ
ั
ิ
ิ
้
์
่
ื
ิ
ิ
ี่
5. มัลตมเตอรชนดแอนะลอก ทต้องปรบแต่งมเตอรก่อนการวัดค่าเสมอ เพอใช้วัดปรมาณไฟฟาอะไร
้
ก. ความต้านทาน ข. ก าลังไฟฟา
ค. แรงดัน ง. กระแส
ิ
์
ิ
่
์
ิ
่
6. ปุมปรับ 0 ADJ ของมัลตมิเตอร ใช้งานรวมกับมเตอรชนดใด
์
ิ
ิ
ก. โวลต์มเตอร ์ ข. โอห์มมเตอร
์
ิ
ค. แอมมเตอร ง. ถูกทุกข้อ
ี่
์
ุ
ิ
ิ
้
์
7. ต้องการวัดความต้านทานของอุปกรณไฟฟา ควรใช้มเตอรชนดใดเหมาะสมทสด
์
ก. วัตต์มเตอร ข. แอมมเตอร ์
ิ
ิ
ิ
์
ค. โอห์มมเตอร ์ ง. โวลต์มเตอร
ิ
ี
ั
ิ
์
ิ
ิ
8. กระจกเงาที่หน้าปดมัลตมเตอรชนดแอนะลอกมไว้เพื่ออะไร
ิ
ิ
ิ
ก. เพ่มความสวยงามให้มัลตมเตอร ์
็
่
่
ี
ข. ชวยสะท้อนแสงสองเข็มช้ให้เหนชัดเจนขึ้น
้
ิ
ค. แยกสเกลแสดงค่าปรมาณไฟฟาออกจากกัน
ิ
้
ี
ุ
่
ี่
ง. ชวยให้การอ่านปรมาณไฟฟามความถูกต้องทสด
ิ
ิ
ิ
์
ิ
ู
่
ื
ิ
9. จากรปการตั้งย่านวัดของมัลตมเตอรชนดดจตอลเพอวัดค่าอะไร
ก. กระแส
ข. แรงดัน
ค. ตัวไดโอด
ง. ความต้านทาน
์
ู
ิ
ิ
ึ
ิ
ี่
ิ
ิ
ั
ื
10. จากรปข้อ 9 บนหน้าปดเลอกย่านวัดของมัลตมเตอรชนดดจตอล ค่าตัวเลขต่างๆ ทก ากับไว้บอกถงอะไร
่
ุ
ก. ค่าต าสดของการใช้งาน
ี
ุ
่
ู
ข. ค่าสงสดทวัดได้ในย่านนั้น
ิ
ี่
้
ค. ค่าเหมาะสมทใช้วัดปรมาณไฟฟา
ิ
้
ง. ค่าตายตัวในการใช้วัดปรมาณไฟฟา
ใบปฏิบัติงาน การวัดแรงดันไฟตรง
2.1 ด้วยมัลติมิเตอร์
้
ี
์
จุดประสงคการเรยนรู
์
ิ
1. วัดค่าแรงดันไฟตรงด้วยมัลตมเตอรชนดแอนะลอกได้
ิ
ิ
ิ
์
ิ
2. อ่านค่าแรงดันไฟตรงด้วยมัลติมเตอรชนดแอนะลอกได้
ิ
ั
3. เกดความรกสามัคคีในหมู่คณะ
่
ื
เครองมอและอุปกรณ ์
ื
์
ี
ิ
ิ
ื่
1. มัลตมเตอรชนดแอนะลอก (ชนดเข็มช้) 1 เครอง
ิ
ิ
2. แหล่งจ่ายแรงดันไฟตรงปรบค่าได้ 0 – 30 V หรอมากกว่า 1 เครอง
ื่
ั
ื
ล าดับขันการทดลอง
้
้
ิ
ี
1. เตรยมมัลตมเตอรชนดแอนะลอกให้พรอมใช้งาน ตั้งย่านวัดของมเตอรไว้ท 50 VDC
ิ
ิ
์
่
ี
์
ิ
้
ุ
ั
ิ
ิ
2. เตรยมแหล่งจ่ายแรงดันไฟตรงให้พรอมใช้งาน ปรบปุมปรบกระแส (Current) ไปในทศทางตามเข็มนาฬกาสด ปรบ
่
ี
ั
ั
ิ
ิ
่
ุ
ปุมแรงดัน (Voltage) ไปทศทางทวนเข็มนาฬกาสด
ู
ี่
3. ประกอบวงจรตามรปท 2.1
รูปท 2.1 การต่อมัลตมเตอรชนดแอนะลอกวัดแรงดันไฟตรง
ี
์
ิ
ิ
่
ิ
ู
ี่
ั
่
ี่
4. ปรบแหล่งจ่ายแรงดันไฟตรงจากค่าต าไปหาค่าสง ตามค่าทก าหนดให้ในตารางท 2.1 ทุกค่า วัดและอ่านค่าแรงดัน
์
ิ
ิ
ิ
ึ
ั
ด้วยมัลตมเตอรชนดแอนะลอก พรอมทั้งปรบย่านวัดให้เหมาะสม บันทกค่าไว้ในตารางท 2.1 ทุกค่าแรงดัน โดยตั้งย่านวัด
ี่
้
ิ
ู
์
ี่
ิ
ของมัลตมเตอรให้สงกว่าค่าแรงดันทจะวัดค่าเสมอ
์
ิ
ิ
ิ
ตารางที่ 2.1 วัดแรงดันไฟตรงด้วยมัลตมเตอรชนดแอนะลอก
้
่
่
คาแรงดัน ยานวัดที่ตัง (DCV)
แหลงจาย 0.5 V 2.5 V 10 V 50 V
่
่
0.4 V
1 V
2.3 V
4 V
8.6 V
12.5 V
23 V
29 V
สรุปผลการทดลอง
______________________________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________________________
ค าถามและการวิเคราะห ์
1. การอ่านค่าแรงดันด้วยมัลตมเตอรชนดแอนะลอกมความยากง่ายประการใด
์
ิ
ี
ิ
ิ
______________________________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________________________
ใบปฏิบัติงาน การวัดกระแสไฟตรง
2.2 ดวยมัลติมิเตอร
้
์
้
ี
์
จุดประสงคการเรยนรู
์
ิ
1. วัดค่ากระแสไฟตรงด้วยมัลตมิเตอรชนดแอนะลอกได้
ิ
ิ
2. อ่านค่ากระแสไฟตรงด้วยมัลติมเตอรชนดแอนะลอกได้
์
ิ
่
่
ื
ิ
3. เกดความรวมมอรวมใจในการท างาน
เครองมอและอุปกรณ ์
ื
ื
่
1. ตัวต้านทาน 200 Ω ; 10 W 1 ตัว
ื่
ิ
์
ี
ิ
2. มัลตมเตอรชนดแอนะลอก (ชนดเข็มช้) 1 เครอง
ิ
ิ
ั
3. แหล่งจ่ายแรงดันไฟตรงปรบค่าได้ 0 – 30 V หรอมากกว่า 1 เครอง
ื
ื่
ุ
4. สายต่อวงจร 1 ชด
้
ล าดับขันการทดลอง
่
ี
์
ิ
1. เตรยมมัลตมเตอรชนดแอนะลอกให้พรอมใช้งาน ตั้งย่านวัดของมเตอรไว้ท 2.5 mA
้
ิ
์
ี
ิ
ิ
ั
ี
ั
ั
่
ิ
้
2. เตรยมแหล่งจ่ายแรงดันไฟตรงให้พรอมใช้งาน ปรบปุมปรบกระแส (Current) ไปในทศทางตามเข็มนาฬกาสด ปรบ
ิ
ุ
ุ
่
ิ
ิ
ปุมแรงดัน (Voltage) ไปทศทางทวนเข็มนาฬกาสด
3. ประกอบวงจรตามรปท 2.2
ี่
ู
รูปท 2.2 การต่อมัลตมเตอรชนดแอนะลอกวัดกระแสไฟตรง
่
ิ
ิ
์
ี
ิ
ู
ี่
่
ั
ี่
4. ปรบแหล่งจ่ายแรงดันไฟตรงจากค่าต าไปหาค่าสง ตามค่าทก าหนดให้ในตารางท 2.2 ทุกค่า วัดและอ่านค่าแรงดัน
ิ
ิ
ิ
์
้
ั
ึ
ด้วยมัลตมเตอรชนดแอนะลอก พรอมทั้งปรบย่านวัดให้เหมาะสม บันทกค่าไว้ในตารางท 2.2 ทุกค่ากระแส โดยตั้งย่านวัด
ี่
่
ั
์
ู
ิ
ิ
กระแสของมัลตมเตอรให้สงไว้ก่อนและค่อยๆ ปรบลดค่าต าลงมา
์
ิ
ิ
ิ
ตารางที่ 2.2 วัดกระแสไฟตรงด้วยมัลตมเตอรชนดแอนะลอก
้
่
่
คาแรงดัน ยานวัดที่ตัง (DCmA)
่
่
แหลงจาย 2.5 mA 25 mA 250 mA
0.4 V
1.5 V
2 V
4.4 V
10 V
18 V
26 V
30 V
สรุปผลการทดลอง
______________________________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________________________
ค าถามและการวิเคราะห ์
ิ
ี
ิ
ิ
1. การอ่านค่ากระแสด้วยมัลตมเตอรชนดแอนะลอกมความยากง่ายประการใด
์
______________________________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________________________
้
ใบปฏิบัติงาน การวัดความตานทาน
2.3 ดวยมัลติมิเตอร
้
์
้
์
ี
จุดประสงคการเรยนรู
1. วัดค่าความต้านทานด้วยมัลตมเตอรชนดแอนะลอกได้
ิ
์
ิ
ิ
์
2. อ่านความต้านทานด้วยมัลตมิเตอรชนดแอนะลอกได้
ิ
ิ
ิ
ิ
ิ
3. เกดความขยันขันแข็งในการปฏบัตงาน
ื
เครองมอและอุปกรณ ์
ื
่
ิ
ู
่
ี
1. ตัวต้านทานชนดรหัสส 4 แถบ ค่าต่างกันจากต าไปหาสง 10 ตัว
ื่
ิ
ิ
ี
2. มัลตมเตอรชนดแอนะลอก (ชนดเข็มช้) 1 เครอง
์
ิ
ิ
้
ล าดับขันการทดลอง
่
ิ
ี
ี
ี
ิ
ิ
์
่
1. ต่อสายวัดสแดงเข้าทขั้วต่อขั้วบวก (+) และสายวัดสด าเข้าทขั้วต่อขั้วลบ (-COM) ของ มัลตมเตอรชนดแอนะลอก ตั้ง
ี
์
ิ
ี่
์
ิ
ย่านวัดของมเตอรไว้ทโอห์มมเตอร (Ω) ย่าน 1
ั
2. น าปลายสายวัดทั้งสองของมเตอรชอตเข้าด้วยกัน ปรบปุมปรบ 0Ω ADJ จนเข็มช้ของมเตอรช้ท 0 Ω พอด การ
ี
์
ั
่
่
ี
ิ
ี
ี
ิ
็
์
ู
ิ
ั
์
ปรบแต่ง 0 Ω ของโอห์มมเตอร แสดงดังรปที่ 2.3
0
ิ
ั
ิ
ี
์
่
ี
่
ี
รูปท 2.3 ปรบแต่งโอห์มมเตอรให้ช้ 0 พอด ี รูปท 2.4 การวัดความต้านทานด้วยโอห์มมเตอร ์
่
ั
ี
ิ
์
่
ี
ั
ี
้
ี
3. น าโอห์มมเตอรทปรบแต่งเรยบรอย ไปวัดค่าความต้านทานของตัวต้านทานทเตรยมไว้ทั้ง 10 ตัว วัดค่าคร้งละ 1 ตัว
ตามล าดับ การวัดค่าความต้านทาน แสดงดังรปที่ 2.4
ู
ี
4. วัดและบันทกค่าความต้านทานทั้ง 10 ตัวตามล าดับ บันทกค่าลงในตารางท 2.3 แต่ละค่า พรอมทั้งบันทกรหัสสของ
ึ
ึ
่
ึ
ี
้
ี่
ตัวต้านทานแต่ละตัวทวัดไว้ด้วย
็
5. การเปลยนย่านวัดโอห์มมเตอรทุกคร้ ัง จะต้องปรบแต่งโอห์มมเตอรให้พรอมใช้งานใหมทุกคร้ ัง เพอเปนการ
ิ
ี
่
์
ื
่
้
์
ั
่
ิ
ี
ิ
์
้
ตรวจสอบความพรอมในการใช้งานของโอห์มมเตอร และท าให้การวัดค่ามความถูกต้อง
ื
์
6. ข้อควรระวัง ขณะตั้งย่านวัดโอห์มมเตอรทย่าน 1k และ 10k การวัดความต้านทาน ห้ามใช้มอทั้งสองจับปลายขั้ว
ิ
่
ี
ิ
์
ิ
วัดทั้งสองขั้วของโอห์มมเตอร เพราะจะท าให้การวัดความต้านทานเกดความผิดพลาด
์
ิ
ิ
ตารางที่ 2.3 วัดความต้านทานของตัวต้านทานด้วยมัลตมิเตอรชนดแอนะลอก
่
รหัสส ี ตัวเลขที่อาน
่
์
่
่
้
ิ
ตัวตานทาน ยานวัดโอหม ไดบน คาจรงที่อาน
้
้
้
ี
ี
ี
ี
ตัวที่ สที่ 1 สที่ 2 สที่ 3 สที่ 4 ที่ตัง ไดจากมิเตอร ์
ั
้
หนาปด
0 แดง แดง ด า ทอง 1 22 22 Ω
ิ
ื
00 เหลอง ม่วง ส้ม เงน 1k 47 47 kΩ
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
สรุปผลการทดลอง
______________________________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________________________
ค าถามและการวิเคราะห ์
ิ
ี
ิ
1. การอ่านค่าความต้านทานด้วยมัลตมเตอรชนดแอนะลอกมความยากง่ายประการใด
์
ิ
______________________________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________________________
ึ
แบบฝกหัดผลการน าเสนอผลงาน
ื่
ชอกลุ่ม……………………………………………ชั้น………………………ห้อง
............................
ื่
ิ
รายชอสมาชก
ี่
1……………………………………เลขท…….
ี่
2……………………………………เลขท…….
ี่
3……………………………………เลขท…….
ี่
4……………………………………เลขท…….
ิ
ท ี่ รายการประเมน คะแนน ข้อคิดเห็น
3 2 1
่
1 เนื้อหาสาระครอบคลุมชัดเจน (ความรู้เกียวกับเนื้อหา ความถูกต้อง
ิ
ั
ปฏภาณในการตอบ และการแก้ไขปญหาเฉพาะหน้า)
2 รปแบบการน าเสนอ
ู
3 การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลุ่ม
4 บุคลิกลักษณะ กิริยา ท่าทางในการพูด น ้าเสียง ซึ่งท าให้ผู้ฟังมีความ
สนใจ
รวม
ิ
ผู้ประเมน…………………………………………………
้
์
เกณฑการใหคะแนน
ื
1. เน้อหาสาระครอบคลุมชัดเจนถูกต้อง
ุ
ี
3 คะแนน = มสาระส าคัญครบถ้วนถูกต้อง ตรงตามจดประสงค์
2 คะแนน = สาระส าคัญไม่ครบถ้วน แต่ตรงตามจุดประสงค์
1 คะแนน = สาระส าคัญไม่ถูกต้อง ไม่ตรงตามจุดประสงค์
ู
2. รปแบบการน าเสนอ
3 คะแนน = มรปแบบการน าเสนอทเหมาะสม มการใช้เทคนคทแปลกใหม่ ใช้สอและเทคโนโลยี
ี่
ื่
ู
ี่
ิ
ี
ี
ิ
่
ุ
ี
่
ประกอบการ น าเสนอทนาสนใจ น าวัสดในท้องถ่นมาประยุกต์ใช้อย่างคุ้มค่าและประหยัด
ื่
ี
่
ี่
3 คะแนน = มเทคนคการน าเสนอทแปลกใหม่ ใช้สอและเทคโนโลยีประกอบการน าเสนอที่นาสน ใจ แต่
ิ
ขาด
ุ
การประยุกต์ใช้ วัสดในท้องถ่น
ิ
่
ิ
1 คะแนน = เทคนคการน าเสนอไม่เหมาะสม และไม่นาสนใจ
ี
3. การมสวนรวมของสมาชกในกลุ่ม
่
ิ
่
่
ิ
ี
่
ิ
3 คะแนน = สมาชกทุกคนมีบทบาทและมสวนรวมกจกรรมกลุ่ม
ี
ี
ิ
่
ิ
่
่
2 คะแนน = สมาชกสวนใหญ่มบทบาทและมสวนรวมกจกรรมกลุ่ม
1 คะแนน = สมาชกสวนน้อยมบทบาทและมสวนรวมกจกรรมกลุ่ม
่
่
ี
ิ
่
ี
ิ
ั
4. ความสนใจของผู้ฟง
ื
่
้
3 คะแนน = ผู้ฟงมากกว่ารอยละ 90 สนใจ และให้ความรวมมอ
ั
้
ื
่
ั
2 คะแนน = ผู้ฟงรอยละ 70-90 สนใจ และให้ความรวมมอ
1 คะแนน = ผู้ฟงน้อยกว่ารอยละ 70 สนใจ และให้ความรวมมอ
่
ั
ื
้
ุ
ึ
แบบฝกหัดกระบวนการท างานกล่ม
ื่
ชอกลุ่ม……………………………………………ชั้น………………………ห้อง
............................
ิ
ื่
รายชอสมาชก
ี่
1……………………………………เลขท…….
ี่
2……………………………………เลขท…….
ี่
3……………………………………เลขท…….
ี่
4……………………………………เลขท…….
ิ
ท ี่ รายการประเมน คะแนน ข้อคิดเห็น
3 2 1
1 การก าหนดเป้าหมายร่วมกัน
2 การแบ่งหน้าที่รับผิดชอบและการเตรียมความพร้อม
ิ
ี่
3 การปฏบัติหน้าที่ทได้รับมอบหมาย
ิ
ุ
4 การประเมนผลและปรับปรงงาน
รวม
ิ
ผู้ประเมน…………………………………………………
ื
ี่
วันท…………เดอน……………………..พ.ศ…………...
์
เกณฑการใหคะแนน
้
่
1. การก าหนดเปาหมายรวมกัน
้
ิ
่
่
้
3 คะแนน = สมาชกทุกคนมีสวนรวมในการก าหนดเปาหมายการท างานอย่างชัดเจน
่
่
้
ิ
่
2 คะแนน = สมาชกสวนใหญ่มีสวนรวมในการก าหนดเปาหมายในการท างาน
่
่
ิ
่
้
1 คะแนน = สมาชกสวนน้อยมีสวนรวมในการก าหนดเปาหมายในการท างาน
้
ี่
ั
ี
2. การหน้าทรบผิดชอบและการเตรยมความพรอม
ี
ี
ุ
่
่
ื
ิ
ี
3 คะแนน = กระจายงานได้ทั่วถึง และตรงตามความสามารถของสมาชกทกคน มการจัดเตรยมสถานท สอ /
้
อุปกรณ์ไว้อย่างพรอมเพรยง
ี
ื
่
ี
้
่
่
ี
2 คะแนน = กระจายงานได้ทั่วถึง แตไมตรงตามความสามารถ และมสอ / อุปกรณ์ไว้อย่างพรอมเพรยง แต่ขาด
ี
การจัดเตรยมสถานท ี่
ี
่
ื
่
1 คะแนน = กระจายงานไมทั่วถึงและมสอ / อุปกรณ์ไม่เพียงพอ
ี่
ี่
ั
3. การปฏบัตหน้าททได้รบมอบหมาย
ิ
ิ
3 คะแนน = ท างานได้ส าเรจตามเปาหมาย และตามเวลาทก าหนด
้
็
ี่
ี่
2 คะแนน = ท างานได้ส าเรจตามเปาหมาย แต่ช้ากว่าเวลาทก าหนด
็
้
้
็
1 คะแนน = ท างานไม่ส าเรจตามเปาหมาย
ั
ุ
4. การประเมินผลและปรบปรงงาน
็
ั
ุ
่
ื
ึ
ิ
3 คะแนน = สมาชกทุกคนรวมปรกษาหารอ ตดตาม ตรวจสอบ และปรบปรงงานเปนระยะ
ิ
ิ
ั
่
่
ุ
ึ
ื
2 คะแนน = สมาชกบางสวนมีสวนรวมปรกษาหารอ แต่ไม่ปรบปรงงาน
่
่
่
ุ
ั
ิ
่
ึ
่
่
ื
1 คะแนน = สมาชกบางสวนมีสวนรวมไม่มีสวนรวมปรกษาหารอ และปรบปรงงาน
้
้
ื
ื่
เฉลยบทที่ 2 เครองมอวัดไฟฟาเบ้องตน
ื
ตอนที่ 1
1. ง 2. ค 3. ข 4. ก 5. ก
6. ข 7. ค 8. ง 9. ค 10. ข
ตอนที่ 2
ิ
ิ
์
ิ
ิ
1. อธบายการใช้มัลตมเตอรชนดแอนะลอกวัดแรงดันไฟตรงมาให้เข้าใจ
ี่
ิ
ิ
ื
ั
ิ
์
การวัดแรงดันไฟตรง โดยปรบสวตชเลอกย่านวัดไปท DCV มัลตมเตอรชนดแอนะลอกรนมาตรฐาน จะมีย่านวัด
ุ่
์
ิ
แรงดันไฟตรงทั้งหมด 7 ย่านวัดเต็มสเกล คือ ย่าน 0.1 V, 0.5 V, 2.5 V, 10 V, 50 V, 250 V และ 1,000 V การตั้งย่านวัดท ่ ี
ู
ี่
ิ
ิ
ั
DCV แสดงดังรปท 1 การอ่านค่าแรงดันไฟตรง ได้จากหน้าปดสเกล DCV, A & ACV ขั้นตอนการวัดค่าปฏบัตดังน้ ี
1. เสียบสายวัดสีแดงเข้าทีขั้วต่อขั้วบวก (+) เสียบสายวัดสีด าเข้าทีขั้วต่อขั้วลบ (-COM) ของ
่
่
่
มิเตอร์ นาสายวัดทั้งสองเส้นไปวัดค่าแรงดันไฟตรงทีต้องการ
ั
ี่
ี่
ื
ั
2. ปรบสวิตช์เลอกย่านวัด DCV ไปย่านทเหมาะสม หากไม่ทราบค่าแรงดันไฟตรงทต้อง การวัด ให้ปรบตั้งย่านวัด
่
ี
ู
่
ี
ุ
ไปทย่านสงสดไว้ก่อนทย่าน 1,000 V
- +
ี่
ี
่
รูปท 1 ย่านวัดแรงดันไฟตรง (DCV) รูปท 2 การต่อมัลติมิเตอร์วัดแรงดันไฟตรง (DCV)
ึ
ึ
ิ
่
์
3. การวัดแรงดันไฟตรง ต้องน ามเตอรไปต่อวัดแบบขนานกับวงจร (ต่อครอมอุปกรณ) และขณะวัดต้องค านง ถงขั้ว
์
์
ิ
ึ
ิ
ี
ี
่
ของมเตอรให้ตรงกับขั้วของแรงดันทวัด โดยยดหลักดังน้ ใกล้บวกแหล่งจ่ายแรงดัน ต่อวัดด้วยขั้วบวก (+) ของมเตอร ใกล้ลบ
์
ิ
ู
์
ิ
์
ิ
่
แหลงจ่ายแรงดัน ต่อวัดด้วยขั้วลบ (–) ของมเตอร การต่อมัลตมเตอรวัดแรงดันไฟตรง แสดงดังรปที่ 2
4. การตั้งย่านวัด การใช้สเกล และการอ่านค่า แสดงได้ตามตารางที 1
่
่
ี่
ตารางท 1 การตั้งย่านวัด การใช้สเกล และการอานค่า แรงดันไฟตรง (DCV)
่
่
่
่
้
้
่
ยานตังวัด สเกลใชอาน การอานคา คาที่วัดได ้ หมายเหตุ
ี่
ี
0.1 V 0 – 10 ใช้ 0.01 คูณค่าทอ่านได้ 0 – 0.1 V ใช้สเกลสด าใต้
ี่
0.5 V 0 – 50 ใช้ 0.01 คูณค่าทอ่านได้ 0 – 0.5 V กระจกเงา 3 ย่าน คือ
ี่
2.5 V 0 – 250 ใช้ 0.01 คูณค่าทอ่านได้ 0 – 2.5 V 0 – 10,
10 V 0 – 10 อ่านโดยตรง 0 – 10 V 0 – 50
50 V 0 – 50 อ่านโดยตรง 0 – 50 V และ 0 – 250
250 V 0 – 250 อ่านโดยตรง 0 – 250 V
ี่
1,000 V 0 – 10 ใช้ 100 คูณค่าทอ่านได้ 0 – 1,000 V
ิ
์
ิ
ิ
ิ
2. อธบายการใช้มัลตมเตอรชนดแอนะลอกวัดแรงดันไฟสลับมาให้เข้าใจ
์
ิ
ิ
ุ่
ื
ั
ิ
ี่
การวัดแรงดันไฟสลับ โดยปรบสวิตช์เลอกย่านวัดไปท ACV มัลตมเตอรชนดแอนะลอกรนมาตรฐาน จะมีย่านวัด
ี
ู
แรงดันไฟสลับทั้งหมด 4 ย่านวัดเต็มสเกล คือ ย่าน 10 V, 50 V, 250 V และ 1,000 V การตั้งย่านวัดท ACV แสดงดังรปที่ 3
่
ี่
ิ
ิ
การอ่านค่าแรงดันไฟสลับ อ่านทสเกล DCV, A & ACV และสเกล AC 10 V ขั้นตอนการวัดค่าปฏบัตดังน้ ี
่
รูปท 3 ย่านวัดแรงดันไฟสลับ รูปท 4 การต่อมัลตมเตอรวัดแรงดันไฟสลับ (ACV)
ี
่
ี
ิ
ิ
์
(ACV)
่
1. เสียบสายวัดสีแดงเข้าทีขั้วต่อขั้วบวก (+) เสียบสายวัดสีด าเข้าทีขั้วต่อขั้วลบ (-COM) ของ
่
มิเตอร์ นาสายวัดทั้งสองเส้นไปวัดค่าแรงดันไฟสลับ
่
2. ปรับสวิตช์เลือกย่านวัด ACV ไปย่านทีเหมาะสม หากไมทราบค่าแรงดันไฟสลับทีจะวัด ให้ตั้ง
่
่
่
ย่านวัดไปทีย่านสูงสุดไว้ก่อนที 1,000 V
่
่
์
์
ิ
3. การวัดแรงดันไฟสลับ ต้องน ามเตอรไปต่อวัดแบบขนานกับวงจร (ต่อครอมอุปกรณ) และขณะวัดไม่จ าเปนต้อง
็
ิ
ู
ึ
์
์
ิ
ึ
ิ
ค านงถงขั้วของมเตอร สามารถวัดสลับขั้วได้ การต่อมัลตมเตอรวัดแรงดันไฟสลับ แสดงดังรปที่ 4
่
4. ก่อนต่อมัลติมิเตอร์วัดแรงดันไฟสลับค่าสูง ควรตัดไฟของวงจรที่จะวัดออกก่อน เมือต่อมัลติ
มิเตอร์เข้าวงจรเรียบร้อยแล้ว จึงจ่ายไฟเข้าวงจรทีต้องการวัด
่
5. อย่าจับสายวัดหรือตัวมัลติมิเตอร์ขณะวัดแรงดันไฟสลับค่าสูง เมือวัดเสร็จเรียบร้อยควรตัดไฟ
่
่
ทีท าการวัดเสียก่อน จึงปลดสายวัดของมัลติมิเตอร์ออกจากวงจร
่
6. การตั้งย่านวัด การใช้สเกล และการอ่านค่า แสดงได้ตามตารางที 2
ี่
ตารางท 2 การตั้งย่านวัด การใช้สเกล และการอ่านค่าแรงดันไฟสลับ (ACV)
่
่
่
้
้
่
่
ยานตังวัด สเกลใชอาน การอานคา คาที่วัดได ้ หมายเหตุ
10 V 0 – 10 อ่านโดยตรง 0 – 10 V ใช้สเกล AC 10 V
ี
50 V 0 – 50 อ่านโดยตรง 0 – 50 V ใช้สเกลสด าใต้กระจกเงา 3
250 V 0 – 250 อ่านโดยตรง 0 – 250 V ย่าน คือ 0 – 10, 0 – 50 และ
่
1,000 V 0 – 10 ใช้ 100 คูณค่าทีอ่านได้ 0 – 1,000 V 0 – 250
ิ
์
ิ
ิ
ิ
3. อธบายการใช้มัลตมเตอรชนดแอนะลอกวัดความต้านทานมาให้เข้าใจ
ุ่
ิ
ิ
์
ั
ื
ิ
การวัดความต้านทาน โดยปรบสวิตช์เลอกย่านวัดไปที่ มัลตมเตอรชนดแอนะลอกรนมาตรฐาน จะมีย่านวัดความ
ุ่
ึ
ต้านทานทั้งหมด 4 ถง 5 ย่านวัดเต็มสเกล คือ ย่าน x1, x10, x100, x1k และ x10k (บางรนไม่มย่าน x100 และบางรนไม่ม ี
ุ่
ี
ี
ู
ี่
ิ
ิ
่
ย่าน x10k ) การตั้งย่านวัดท แสดงดังรปที่ 5 การอ่านค่าความต้านทาน อ่านทสเกล ขั้นตอนการวัดค่าปฏบัตดังน้ ี
ี
1. เสยบสายวัดสแดงเข้าทขั้วต่อขั้วบวก (+) เสยบสาย
ี
ี
ี
่
่
วัดสด าเข้าทขั้วต่อขั้วลบ (-COM) ของมเตอร น าสายวัดทั้งสอง
ี
ิ
์
ี
เส้นไปวัดค่าความต้านทาน
ิ
ื
ั
2. ปรบสวตช์เลอกไปย่านวัด ก่อนน าโอห์มมเตอร ์
ิ
ี
่
ไปใช้วัดตัวต้านทานทุกคร้ ัง ในทุกย่านวัดทตั้งวัดโอห์ม ต้อง
ี
ั
ี
์
ิ
ี
ปรบแต่งเข็มช้ของมเตอรให้ช้ค่าท 0 ก่อนเสมอ โดยชอตป
็
่
ั
่
้
ิ
์
ั
ลายสายวัดทั้งสองเสนของมเตอรเข้าด้วยกัน ปรบแต่งปุมปรบ 0
ี
ี
่
รูปท 5 ย่านวัดความต้านทาน () ADJ จนเข็มช้ของ
ี
ิ
ี
ิ
์
ั
ู
่
่
ี
ี่
์
้
มเตอรช้ทต าแหนง 0 พอด ลักษณะการปรบแต่งโอห์มมเตอรให้พรอมใช้งาน แสดงดังรปท 6
3. น าโอห์มมเตอรไปวัดค่าความต้านทานได้ตามต้องการอย่างถูกต้อง ค่าทอ่านออกมาได้จากโอห์มมเตอร คือ ค่า
ี่
์
ิ
ิ
์
ิ
ิ
์
ี่
ิ
ู
ความต้านทานของตัวต้านทานตัวทวัด ลักษณะการวัดตัวต้านทานด้วยมัลตมเตอรชนดแอนะลอก แสดงดังรปที่ 7
4. การตั้งย่านวัด การใช้สเกล และการอานค่า แสดงได้ตามตารางท 3
ี่
่
0
ิ
่
์
ี
่
ั
่
ี
ี
ิ
ี
รูปท 6 การปรบแต่งโอห์มมเตอรให้ช้ท 0 พอด ี รูปท 7 การวัดความต้านทานด้วยโอห์มมเตอร ์
ี่
ตารางท 3 การตั้งย่านวัด การใช้สเกล และการอ่านค่าความต้านทาน ()
่
่
่
้
่
้
่
ยานตังวัด สเกลใชอาน การอานคา คาที่วัดได ้ หมายเหตุ
ี
1 อ่านโดยตรง 0 – 2 kΩ ใช้สเกลสด า
ื
ี่
10 ใช้ 10 คูณค่าทอ่านได้ 0 – 20 kΩ เหนอกระจกเงา
ี
ี่
100 0 – ใช้ 100 คูณค่าทอ่านได้ 0 – 200 kΩ ย่านเดยว คือ 0
่
1k อ่านโดยตรงในหนวย kΩ 0 – 2 MΩ –
ี่
่
10k ใช้ 10 คูณค่าทอ่านได้ในหนวย kΩ 0 – 20 MΩ
ิ
ิ
ิ
ิ
์
ิ
ิ
4. อธบายการใช้มัลตมเตอรชนดดจตอลวัดแรงดันไฟตรงมาให้เข้าใจ
ี่
์
ิ
ั
ิ
ิ
ิ
ิ
ื
ิ
ิ
การวัดแรงดันไฟตรงด้วยมัลตมเตอรชนดดจตอล โดยปรบสวตช์เลอกย่านวัดไปทแรงดัน ไฟตรง (V ) มัลตมเตอร ์
ิ
ิ
ี่
ิ
ิ
ุ่
ี่
ชนดดจตอลรนทใช้งานตามรปท 8 มีย่านวัดแรงดันไฟตรงทั้งหมด 5 ย่านวัดเต็มสเกล คือ ย่าน 200 mV, 2,000 mV, 20 V,
ู
ึ
200 V และ 1,000 V ตัวเลขทแสดงให้เหนบนหน้าปดขณะวัดค่า คือค่าแรงดันไฟตรงทวัดได้ การต่อวัดค่าโดยยดหลักดังน้ ใกล้
็
ี
ั
ี่
ี่
ี
์
ี่
่
์
ิ
บวกแหล่งจ่ายแรงดัน ต่อวัดด้วยขั้วบวก (+) ของมเตอร ใกล้ลบแหลงจ่ายแรงดัน ต่อวัดด้วยขั้วลบ (–) ของมเตอร กรณทวัดค่าแล้ว
ิ
ื่
เกดเครองหมายลบ (–) แสดงอยู่ด้านหน้าตัวเลขทบอกค่าไว้ บอกให้ทราบว่าการต่อสายวัดแรงดันไฟตรงผิดขั้ว ให้สลับขั้ว
ิ
ี่
ิ
ิ
ี่
ู
์
ิ
ิ
ิ
สายวัดใหม่ การตั้งย่านวัดและการต่อมัลตมเตอรชนดดจตอลวัดแรงดันไฟตรง แสดงดังรปท 8
- +
ิ
์
ิ
ู
รปท 8 การต่อมัลตมิเตอรชนดดจตอลวัดแรงดันไฟตรง
ิ
ี่
ิ
ิ
ิ
ิ
ิ
ิ
ิ
์
5. อธบายการใช้มัลตมเตอรชนดดจตอลวัดกระแสไฟตรงมาให้เข้าใจ
ิ
ิ
ิ
ั
ิ
ื
ี่
์
ิ
ิ
์
ิ
การวัดกระแสไฟตรงด้วยดจตอลมัลตมเตอร โดยปรบสวิตช์เลอกย่านวัดไปทแอมมเตอรไฟตรง (A ) ดจตอลมัลต ิ
ุ่
ี่
์
มเตอรรนทใช้งานตามรปที่ 9 มทั้งหมด 5 ย่านวัดเต็มสเกล คือ ย่าน 200 A, 2,000 A, 20 mA, 200 mA และ 10 A การ
ิ
ู
ี
ั
ี่
ี่
็
ต่อวัดกระแสไฟตรงต้องต่อแบบอนกรม ตัวเลขทแสดงให้เหนบนหน้าปดขณะวัดค่า คือค่ากระแสไฟตรงทวัดได้ การต่อวัดค่า
ุ
ี
ิ
่
์
โดยยึดหลักดังน้ ใกล้บวกแหลงจ่ายแรงดัน ต่อวัดด้วยขั้วบวก (+) ของมเตอร ใกล้ลบแหล่งจ่ายแรงดัน ต่อวัดด้วยขั้วลบ (–)
์
ิ
ิ
่
ี
ื่
ี่
ี่
ของมเตอร กรณทวัดค่าแล้วเกดเครองหมายลบ (–) แสดงอยู่ด้านหน้าตัวเลขทบอกค่าไว้ บอกให้ทราบวาการต่อสายวัด
ู
ี่
์
็
กระแสไฟตรงผิดขั้ว ให้สลับขั้วสายวัดใหม และเมอต้องการวัดกระแสไฟตรงค่าสงเปนแอมแปรตั้งท 10 A เปลยนต าแหนง ่
่
่
ื่
ี
่
้
ิ
ิ
ขั้วต่อสายวัดเสนสแดงไปเสยบทขั้วต่อ 10 A ตามรปท 9 แทน การตั้งย่านวัดและการต่อมัลตมเตอรชนดดจตอลวัดกระแส
ี
ิ
ี
ิ
์
ี่
ิ
ู
ี
ี่
ู
ไฟตรง แสดงดังรปท 9
- +
์
ิ
ิ
ิ
ิ
ี
่
รูปท 9 การต่อมัลตมเตอรชนดดจิตอลวัดกระแสไฟตรง
ึ
บันทกหลังการสอน
บทท 2 เครองมอวัดไฟฟาเบ้องต้น
ื
่
ื
ื
ี่
้
ี
ผลการใช้แผนการเรยนร ้ ู
ื
ิ
ิ
4. เน้อหาสอดคล้องกับจุดประสงค์เชงพฤตกรรม
ิ
ิ
ี
5. สามารถน าไปใช้ปฏบัตการสอนได้ครบตามกระบวนการเรยนการสอน
6. สอการสอนเหมาะสมด ี
ื่
ี
ี
ผลการเรยนของนักเรยน
ึ
4. นักศกษาสวนใหญ่มีความสนใจใฝร เข้าใจในบทเรยนรวมกัน อภปรายตอบค าถามในกลุ่ม และรวมกันปฏิบัต ิ
่
ี
้
่
่
ิ
่
ู
ิ
ั
ี่
ใบปฏบัติงานทได้รบมอบหมาย
ั
ี่
็
ื
ื
ึ
5. นักศกษากระตอรอร้นและรบผิดชอบในการท างานกลุ่มเพื่อให้งานส าเรจทันเวลาทก าหนด
ู
้
ึ
6. นักศกษาปฐมพยาบาลผู้ถูกไฟฟาดด
ู
ผลการสอนของคร
ู
ื
4. สอนเน้อหาได้ครบตามหลักสตร
ื
ุ
ี
ิ
5. แผนการสอนและวธการสอนครอบคลมเน้อหาการสอนท าให้ผู้สอนสอนได้อย่างมั่นใจ
ี่
6. สอนได้ทันตามเวลาทก าหนด
ั
ปญหาและอุปสรรค์
้
ื
1. นักศกษาแต่ละคนมความรพ้นฐานในเน้อหาทเรยนไมเท่ากัน
ี
ี
่
่
ื
ู
ึ
ี
ิ
ิ
2. นักศกษาแต่ละคนมีทักษะในการปฏบัตงานไม่เท่ากัน
ึ
้
ี
แผนการสอน/แผนการเรยนรูภาคทฤษฏ
ี
ู
ี
้
ี
แผนการสอน/การเรยนรภาคทฤษฎ บทท 3
ี่
ื่
์
ี่
ิ
ื
ิ
ชอวิชา งานไฟฟาและอเล็กทรอนกสเบ้องต้น สอนสัปดาห์ท 4
้
(Basic Electricity and Electronic)
ื
้
่
ิ
้
ชอหน่วย แหล่งก าเนดไฟฟาและประเภทของไฟฟา คาบรวม 4
ิ
ื่
้
ื่
้
ชอเรอง. แหล่งก าเนดไฟฟาและประเภทของไฟฟา จ านวนคาบ 4
หัวขอเรอง
้
ื่
้
้
ดานความรู
• อะตอมกับไฟฟา
้
• ไฟฟาเกดจากการเสยดส
ิ
้
ี
ี
• ไฟฟาเกดจากแรงกดดัน
้
ิ
• ไฟฟาเกดจากความรอน
้
ิ
้
• ไฟฟาเกดจากปฏกรยาเคม
ี
ิ
้
ิ
ิ
ิ
• ไฟฟาเกดจากแสงสว่าง
้
ิ
• ไฟฟาเกดจากสนามแม่เหล็ก
้
ิ
• ประเภทไฟฟา
้
• บทสรป
ุ
้
ดานทักษะ
1. ไฟฟาเกดจากสนามแม่เหล็ก
ิ
้
ิ
้
ดานคุณธรรม จรยธรรม
1. เตรยมความพรอมด้าน วัสด อุปกรณสอดคล้องกับงานได้อย่างถูกต้อง
์
้
ุ
ี
ี่
ื
็
้
ื
่
ิ
ิ
ั
2. มความรบผิดชอบ ปฏบัตงานได้อย่างถกต้องในเรองเครองมอวัดไฟฟาเบ้องต้น และส าเรจภายใน เวลาทก าหนดอย่าง
ี
่
ื
ื
ู
มเหตุและผลตามหลักปรชญาเศรษฐกจพอเพียง
ิ
ี
ั
สาระสาคัญ
ุ
่
้
้
่
้
็
ิ
่
์
้
แหลงก าเนดไฟฟาคือแหลงก าเนดพลังงานไฟฟา เพอใช้ปอนให้อปกรณไฟฟาต่างๆ เปนการให้พลังงานแก่
ื
ิ
ื
่
ี
ิ
ู
่
ิ
ี
่
อิเล็กตรอนอิสระ ท าให้อเล็กตรอนอสระว่งเคลอนทไปตามอะตอมต่างๆได้ เกดการเปลยนแปลงพลังงานในรปต่างๆ เชน
ิ
ิ
่
้
่
ิ
ิ
็
ิ
้
พลังงานกล พลังงานความรอน พลังงานแสง เปนต้น ไฟฟาเกดขึ้นได้จากแหลงก าเนดหลายชนดแตกต่างกันไป
ิ
ี
ี
ิ
ี่
้
็
ี
ิ
ไฟฟาเกดจากการเสยดส เปนแหล่งก าเนดไฟฟาทถูกค้นพบมานานกว่า 2,000 ป เกดขึ้นได้จากการน าวัตถต่างกัน 2 ชนด
ุ
ิ
้
็
่
ิ
มาขัดสกัน ท าให้เกดความไมสมดลขึ้นของประจุไฟฟาในวัตถทั้งสองชนด วัตถทั้งสองแสดงศักย์ไฟฟาออกมาชนดหนงเปน
ุ
ุ
้
้
่
ิ
ี
ิ
ึ
ุ
ี
่
้
ึ
ี
ิ
่
็
ี
ิ
้
ิ
ศักย์บวกอกชนดหนงเปนศักย์ลบ การเกดไฟฟาแบบน้มักเรยกวา ไฟฟาสถต
้
ิ
ไฟฟาเกดจากการท าปฏกิรยาทางเคม ท าได้โดยใช้แท่งโลหะ2 แท่ง จุ่มลงในกรดก ามะถันเจอจาง ท าให้เกิดการแยกตัว
ี
ื
ิ
ิ
ุ
่
้
ี
ึ
่
้
ี
้
ของประจุไฟฟาขึ้น เกดความไมสมดลของประจุไฟฟาขึ้นกับแท่งโลหะทั้งสอง โลหะแท่งหนงมศักย์ไฟฟาบวก โลหะอกแท่ง
ิ
้
่
ึ
หนงมีศักย์ไฟฟาลบ
ี่
ื่
ี่
ิ
ิ
้
้
ไฟฟาเกดจากความรอน ท าได้โดยใช้โลหะ 2 ชนดเชอมตดกันทปลายด้านหนงเมอให้ความรอนทปลายด้านต่อตดกัน
่
ิ
้
ื่
ิ
ึ
่
ี
ิ
ู
้
้
์
ของโลหะ ท าให้เกดการแยกตัวของประจุไฟฟา เกดศักย์ไฟฟาขึ้นทปลายด้านเปดของโลหะ อปกรณสรางใช้งานจรงถกเรยกวา
ิ
ุ
ิ
่
ิ
้
ี
์
ิ
เทอรโมคับเปล
ี
์
ไฟฟาเกดจากแสงสวาง ถูกก าเนดขึ้นได้จากอปกรณเซลล์แสงอาทตย์ เปนอปกรณจ าพวกสารกงตัวน า เมอมแสงอาทตย์
ิ
ิ
็
้
ิ
ุ
่
ึ
ิ
่
์
ุ
ื
่
ื
ี่
ิ
ื่
หรอแสงสว่างมาตกกระทบ ท าให้เกดการเคลอนทของอิเล็กตรอนอิสระ
ื
ื
์
ั
่
์
่
ื
่
ิ
ิ
์
้
ี
่
ไฟฟาเกดจากแรงกดดัน ผลตขึ้นได้จากแรควอตซ เมอมแรงกดดันหรอแรงส่นสะเทอนให้แรควอตซ แรควอตซจะท าให้
้
ิ
เกดไฟฟาขึ้นมา
ิ
้
้
ิ
่
่
้
ไฟฟาเกดจากสนามแมเหล็ก โดยการตัดผ่านกันของเสนลวดตัวน าและสนามแมเหล็ก ท าให้เกดแรงดันไฟฟาชักน าขึ้นท ี ่
ขดลวดตัวน า
้
ื
ิ
่
ี
ุ
็
ิ
ิ
ิ
้
ิ
ไฟฟาสถตเปนไฟฟาทเกดขึ้นเองตามธรรมชาต หรอเกดจากการเสยดสของวัตถ 2 ชนด สวนไฟฟากระแสเกดขึ้นจาก
่
ี
ี
ิ
้
้
ิ
ี่
ื่
ิ
ี
้
ิ
แหล่งก าเนดไฟฟาหลายชนด ขณะเกดไฟฟาต้องมการเคลอนทของอิเล็กตรอนตลอดเวลา
้
ิ
ไฟฟากระแสตรงเปนไฟฟาททศทางการไหลของกระแสมทศทางเดยว สวนไฟฟากระแสสลับมทศทางการไหลของ
ิ
ี
ี
ิ
ี่
็
้
ี
่
้
กระแสไฟฟาสลับไปสลับมาตลอดเวลา
้
สมรรถนะอาชพประจ าหนวย (ส่งทต้องการให้เกดการประยุกต์ใช้ความร ทักษะ คุณธรรม เข้าด้วยกัน)
่
ี
้
ู
่
ิ
ี
ิ
• ทดสอบไฟฟาเกดจากสนามแม่เหล็ก
้
ิ
ั
์
ค าศพทสาคัญ
วัตถุ Material
ธาตุ Element
Matter
สสาร Atomic Theory
ี
ทฤษฎอะตอม
Molecule
โมเลกุล Atom
อะตอม Nucleus
ี
ิ
นวเคลยส Proton
Neutron
โปรตอน Electron
ิ
นวตรอน Atomic Structure
อิเล็กตรอน Shell
้
โครงสรางอะตอม Quartz Crystal
วงโคจร Crystal Oscillator
่
ึ
ผลกแรควอตซ์ Thermocouple
Voltaic Cell
ี่
ิ
ิ
ตัวก าเนดความถครสตอล Battery
ิ
์
เทอรโมคัปเปล Solar Cell
โวลตาอิกเซลล์ Induced Electromotive Force
ี่
แบตเตอร Generator
์
โซลารเซลล์ Static Electricity
ื่
ี่
้
แรงเคลอนไฟฟาเหนยวน า Current Electricity
Van de Graaff Static Generator
้
ื่
ิ
เครองก าเนดไฟฟา Direct Current
้
ิ
ไฟฟาสถต Alternating Current
้
ไฟฟากระแส
้
ื่
ิ
ิ
เครองก าเนดไฟฟาสถตแวนเดอกราฟ
้
ไฟฟากระแสตรง
้
ไฟฟากระแสสลับ
์ ี ้
จุดประสงคการสอน/การเรยนรู
• จดประสงค์ทั่วไป / บรณาการเศรษฐกิจพอเพียง
ุ
ู
ิ
ู
ิ
้
้
้
ิ
ี
ี
้
ี่
ิ
ิ
ิ
ี
ี
1. เพื่อให้มความรเกยวกับไฟฟากับความเจรญของโลก, ไฟฟาเกดจากการเสยดส, ไฟฟาเกดจากการท าปฏกรยาทางเคม,
ิ
้
่
ิ
้
้
้
้
้
้
ิ
ไฟฟาเกดจากความรอน, ไฟฟาเกดจากแสงสวาง, ไฟฟาเกดจากแรงกดดัน, ประเภทของไฟฟา, ไฟฟากระแสตรง, ไฟฟากระแสสลับ,
ู
ิ
้
ทศทางการไหลของกระแส (ด้านความร)
้
ี
ิ
2. เพื่อให้มทักษะในการทดสอบไฟฟาเกดจากสนามแม่เหล็ก (ด้านทักษะ)
์
ิ
ิ
้
ี
ุ
ี
3. เพื่อให้มเจตคตทดต่อการเตรยมความพรอมด้านการเตรยม วัสด อุปกรณ และการปฏบัตงานอย่างถูกต้อง ส าเรจภายใน
ี
ี่
ิ
็
ี
ี
ิ
ี่
ิ
ั
เวลาทก าหนด มเหตุและผลตามหลักปรชญาเศรษฐกจพอเพียง (ด้านคุณธรรม จรยธรรม)
ู
ุ
ิ
• จดประสงค์เชงพฤตกรรม / บรณาการเศรษฐกิจพอเพียง
ิ
ู
ิ
ิ
้
้
้
1. อธบายไฟฟากับความเจรญของโลก (ดานความร)
ี
ี
้
ิ
ิ
ู
้
้
2. อธบายไฟฟาเกดจากการเสยดส (ดานความร)
ิ
ิ
ิ
ิ
้
้
ู
้
ิ
ี
3. อธบายไฟฟาเกดจากการท าปฏกรยาทางเคม (ดานความร)
ิ
้
ิ
ู
้
้
้
4. อธบายไฟฟาเกดจากความรอน (ดานความร)
้
ิ
้
้
ู
ิ
5. อธบายไฟฟาเกดจากแสงสว่าง (ดานความร)
้
ู
้
้
ิ
ิ
6. อธบายไฟฟาเกดจากแรงกดดัน (ดานความร)
้
้
ู
้
7. แยกแยะประเภทของไฟฟา (ดานความร)
้
ู
ิ
้
้
8. อธบายลักษณะของไฟฟากระแสตรง (ดานความร)
ิ
้
้
ู
้
9. อธบายลักษณะของไฟฟากระแสสลับ (ดานความร)
้
ิ
ู
้
10. บอกทศทางการไหลของกระแส (ดานความร)
้
้
ิ
ั
11. ทดสอบไฟฟาเกดจากสนามแม่เหล็ก (ดานทกษะ)
ุ
้
์
ี
้
ิ
12. เตรยมความพรอมด้าน วัสด อุปกรณสอดคล้องกับงานได้อย่างถูกต้อง (ดานคุณธรรม จรยธรรม/บูรณาการ
ิ
เศรษฐกจพอเพียง)
13. ปฏบัตงานได้อย่างถูกต้อง และส าเรจภายใน เวลาทก าหนดอย่างมีเหตุและผลตามหลักปรชญาของเศรษฐกิจ
ั
ี่
ิ
็
ิ
ิ
้
ิ
พอเพียง (ดานคุณธรรม จรยธรรม/บูรณาการเศรษฐกจพอเพียง)
เนอหาสาระการสอน/การเรยนรู
ี
้
ื
้
้
• ด้านความร(ทฤษฎ)
ี
ู
3.1 อะตอมกับไฟฟา
้
ิ
ุ
่
ื
ิ
้
โครงสรางภายในส่งต่างๆ ทเกดขึ้นมาบนโลก เชน วัตถ (Material) ธาตุ (Element) หรอสสาร (Matter) ประกอบด้วย
ี
่
ื่
่
ิ
่
ิ
้
่
สวนประกอบเล็กๆ หลายสวนรวมกัน เมอน ามาวเคราะห์ตามหลักทฤษฎอะตอม (Atomic Theory) พบวาโครงสรางภายในส่ง
ี
่
ิ
ุ
เหลานั้นประกอบไปด้วย โมเลกล (Molecule) อะตอม (Atom) นวเคลยส (Nucleus) โปรตอน (Proton) นวตรอน (Neutron) และ
ิ
ี
ี
ี่
่
ิ
ื
อิเล็กตรอน (Electron) เหมอนกัน แต่ส่งทเรามองเหนจากโครงสรางภายนอกของวัตถุ ธาตุ หรอสสาร มลักษณะทแตกต่างกันไป
้
็
ี
ื
ี
ุ
ิ
ี
่
่
ุ
ี
ี
ี
่
ิ
่
่
่
่
ิ
เพราะส่งเหลานั้นมสวนประกอบของสวนทเล็กทสดทเรยกวาโมเลกล จะมจ านวนโปรตอน นวตรอน และอเล็กตรอนไม ่
ี
ุ
เหมอนกัน ไมเท่ากัน เชน โมเลกลของน ้า (H O) ใน 1 โมเลกุล ประกอบด้วยอะตอมของธาตุไฮโดรเจน (H) 2 อะตอม และ
่
ื
่
2
์
ื
อะตอมของธาตุออกซเจน (O) 1 อะตอม หรอโมเลกุลของก๊าซคารบอนไดออกไซด์ (CO) ใน 1 โมเลกุล ประกอบด้วยอะตอมของ
ิ
2
็
์
้
ุ
ิ
ธาตุคารบอน (C) 1 อะตอม และอะตอมของธาตุออกซเจน (O) 2 อะตอม เปนต้น โครงสราง 1 โมเลกลของน ้า (H O) และก๊าซ
2
ู
์
ี่
คารบอนไดออกไซด์ (CO) แสดงดังรปท 3.1
2
O O O C O
H H H H O C O
ุ
์
(ก) 1 โมเลกลของน ้า (H O) (ข) 1 โมเลกุลของก๊าซคารบอนไดออกไซด์ (CO )
2
2
้
์
ุ
่
ี
รูปท 3.1 โครงสราง 1 โมเลกลของน ้า (H O) และก๊าซคารบอนไดออกไซด์ (CO )
2
2
้
ิ
่
ู
่
ื
ี่
ี
สวนประกอบภายในโครงสรางแต่ละสวนของวัตถุ ธาตุ หรอสสาร ทอยู่ในรปของโมเลกุล อะตอม นวเคลยส โปรตอน
ี
ิ
ิ
ิ
ี
่
ี
นวตรอน และอเล็กตรอน มคุณสมบัตทแตกต่างกันดังน้
ื
1. โมเลกุล คือ สวนทเล็กทสดของวัตถุ ธาตุ หรอสสาร ทยังคงแสดงคุณสมบัตเดมอยู ทั้งทางด้านเคมและฟสกส
ิ
่
่
ี่
ิ
ี
์
่
ิ
ิ
ี่
ุ
ี
่
ี
2. อะตอม คือ สวนทเล็กทสดของธาตุ แสดงโครงสรางเดมของธาตุนั้นๆ ออกมา เชน น ้าเมอแยกตัวออกจนเปนโมเลกุล
้
่
็
่
ิ
่
ี
ื่
ุ
็
ู
็
่
ยังคงสภาพเปนน ้าอยู แต่ถ้าแยกตัวออกไปอกจะแสดงค่าอยูในรปอะตอม มองเหนเปนธาตุเดมทมาประกอบรวมกัน จะ
่
ี
ิ
ี
่
่
็
็
ิ
ประกอบด้วยด้วย ธาตุออกซเจน (O) และธาตุไฮโดรเจน (H) เปนต้น
ิ
่
ื
่
ิ
่
ี
ี
่
ิ
ี
่
่
3. นวเคลยส คือ สวนทอยูใจกลางของอะตอม อยูน่งไมเคลอนไหว ภายในนวเคลยสยังประกอบด้วย โปรตอน และ
ิ
นวตรอน
4. นวตรอน คือ สวนทอยูภายในนวเคลยส อยูน่งไมเคลอนไหว ไมมประจุไฟฟา ไม่มสวนส าคัญทางด้านไฟฟา
่
ี
่
ี
่
้
ี
ิ
ิ
่
ี
่
่
่
้
ื
่
ิ
่
็
ี
ี
้
่
่
5. โปรตอน คือ สวนทอยูภายในนวเคลยส อยูน่งไมเคลอนไหว มประจุไฟฟาเปนบวก (+) มบทบาทและมสวนส าคัญ
ิ
ี
ี
่
ิ
่
ื
ี
่
่
้
ิ
ึ
ู
ทางด้านไฟฟา เกดอ านาจดงดดกับอิเล็กตรอน
ี
ื
ิ
่
่
ี
่
ิ
่
6. อิเล็กตรอน คือ สวนทว่งเคลอนทรอบนวเคลยส มประจุไฟฟาเปนลบ (–) มบทบาทและมสวนส าคัญทางด้านไฟฟา
ี
ี
้
็
้
่
ี
ี
ื
ี
ู
่
ื
่
ี
ี
่
ิ
โดยจะถกดงดดด้วยโปรตอน เนองจากอเล็กตรอนมน ้าหนักเบาและว่งเคลอนทรอบนวเคลยสตลอดเวลา เมอมพลังงานจาก
ิ
ี
ื
ิ
ึ
่
ู
ิ
่
ื
ิ
ี
่
ภายนอกมากระตุ้น อเล็กตรอนจะสามารถว่งเคลอนทไปยังอะตอมอื่นๆ ได้โดยง่าย
่
ี
็
่
ู
้
ี่
ุ
อะตอมเปนสวนทเล็กทสดของธาตุ ภายในอะตอมมสวนประกอบหลายสวน รวมกันอยู่ในรปโครงสรางอะตอม
่
ี่
ี
ี
ึ
ิ
ิ
่
(Atomic Structure) ซงประกอบด้วยนวเคลยสอยู่ตรงกลางอะตอม ภายในนวเคลยสบรรจุไว้ด้วยโปรตอน และนวตรอนรวมกันอยู่เปน
็
ิ
ี
ิ
ี
ิ
่
่
ี
กลม มอิเล็กตรอนว่งเคลอนทวนรอบนวเคลยสตลอดเวลา วงโคจรของอเล็กตรอนทว่งวนรอบนวเคลยสมหลายวงซ้อนทับกัน
ิ
ื
ี
ี
ิ
ุ่
ี
ิ
่
ิ
่
ู
ิ
ิ
ี
่
ี
ี
ื
่
อยู่ ถูกเรยกวาชั้นวงโคจร (Shell) การเคลอนทของอเล็กตรอนรอบนวเคลยส และชั้นวงโคจรอเล็กตรอน แสดงดังรปที่ 3.2
-
- -
-
-
+
- + + N N N -
N + + - +7 -
+ N N
N +
-
- -
-
-
(ก) การเคลอนทของอิเล็กตรอนรอบนวเคลยส (ข) ชั้นวงโคจรอิเล็กตรอน
ิ
ี
ี่
ื่
้
ี
่
รูปท 3.2 โครงสรางอะตอม
ิ
ี
ี่
้
ื่
ู
จากรปที่ 3.2 แสดงโครงสรางอะตอม รปที่ 3.2 (ก) แสดงในลักษณะการเคลอนทของอิเล็กตรอนรอบนวเคลยส สวน
ู
่
ี่
ี
ี
่
ู
ิ
ิ
รปท 3.2 (ข) แสดงในลักษณะวงโคจรของอเล็กตรอนทว่งวนรอบนวเคลยสแต่ละวงจะสามารถบรรจุจ านวนอิเล็กตรอนได้ไม่
ิ
็
ิ
ิ
ุ
เท่ากัน วงในสดบรรจุได้น้อย และวงหางออกมาจะบรรจุได้เพ่มขึ้นเปนล าดับ แต่ละวงโคจรแบ่งจ านวนอเล็กตรอนออกได้ดังน้ ี
่
ี
ี่
ี
็
ี่
ี
ี่
ี่
ี
วงท 1 ม 2 ตัว วงท 2 ม 8 ตัว วงท 3 ม 18 ตัว และวงท 4 ม 32 ตัว เปนต้น
ิ
ิ
้
้
่
ิ
ิ
์
พลังงานไฟฟาก าเนดขึ้นมาได้จากแหลงก าเนดไฟฟาหลายชนด จากการค้นคว้าทดลองของนักวทยาศาสตรหลายท่าน
่
่
และตั้งเปนทฤษฎอะตอมขึ้นมา ซงกลาวไว้วา ในวัตถ ธาตุ หรอสสารทุกชนด มประจุไฟฟาทั้งบวกและลบเปนสวนประกอบใน
ี
ี
่
้
็
็
ิ
่
ื
ึ
ุ
้
โครงสรางทุกๆ อะตอม ทสภาวะปกตวัตถุ ธาตุ หรอสสารต่างๆ ไม่แสดงอ านาจไฟฟาหรอศักย์ไฟฟาออกมา เพราะเกดความ
้
้
ื
ิ
ิ
ี่
ื
้
่
ิ
สมดลของประจุไฟฟาในทุกๆ อะตอม การจะท าให้มการแสดงอ านาจไฟฟาหรอศักย์ไฟฟาออกมา ต้องท าให้อะตอมเหลานั้นเกด
ี
ื
้
ุ
้
้
้
ิ
ิ
ความไม่สมดลของประจุไฟฟา พลังงานไฟฟาสามารถก าเนดขึ้นมาได้จากแหลงก าเนดไฟฟาหลายชนดแตกต่างกัน แบ่งออกได้ 6
ุ
ิ
้
่
ิ
ี
ิ
ี
ิ
ิ
ิ
่
ชนด ดังน้คือ เกดจากการเสยดส เกดจากแรงกดดัน เกดจากความรอน เกดจากปฏกรยาเคม เกดจากแสงสวาง และเกดจากสนาม
ิ
ี
ิ
ี
้
ิ
ิ
ิ
ิ
้
ิ
้
ิ
แม่เหล็ก แหล่งก าเนดไฟฟาแต่ละชนด สามารถให้ก าเนดไฟฟาออกมามากน้อยแตกต่างกันไป
ี
้
3.2 ไฟฟาเกิดจากการเสยดส
ี
ู
ิ
ิ
้
็
้
ี
่
ี
ี
็
ไฟฟาเกดจากการเสยดส เปนไฟฟาทถกค้นพบมาเปนเวลายาวนานแล้ว เกดขึ้นได้จาก
ี
ี่
ิ
การน าวัตถุต่างกัน 2 ชนดทเหมาะสมกันมาขัดสกันใน
่
บรเวณทมอากาศแห้ง เชน จากการใช้แท่งยางกับผ้าขน
ี
ี่
ิ
ั
สตว์ แท่งแก้วกับผ้าแพร หวกับผมและแผ่นพลาสตกกับ
ิ
ี
็
ี
ี
ิ
ผ้าส าล เปนต้น ผลของการขัดสดังกล่าวท าให้เกดความไม่
ุ
ิ
สมดลขึ้นของประจุไฟฟาในวัตถทั้งสอง เนองจากเกดการ
ุ
่
้
ื
ี
ี
ุ
้
ถ่ายเทประจุไฟฟาในขณะเสยดสกัน วัตถทั้งสองจะแสดง
่
ึ
ิ
้
ศักย์ ไฟฟาออกมาแตกต่างกัน วัตถุชนดหนงแสดงศักย์
ไฟฟาบวก (+) ออกมา วัตถุอีกชนดหนงแสดงศักย์ ไฟฟาลบ
้
่
้
ิ
ึ
้
ี
ิ
ี
ู
(–) ออกมา ไฟฟาเกดจากการเสยดส แสดงดังรปที่ 3.3
รูปท 3.3 ไฟฟาเกดจากการเสยดส ี
้
่
ี
ี
ิ
ี
ิ
ี
ี
้
จากรปที่ 3.3 แสดงไฟฟาเกดจากการเสยดส โดยน าผ้าขนสัตว์กับแท่งยางมาเสยดสกัน ท าให้ประจุไฟฟาลบ (–) จากผ้า
้
ู
ี
่
ื
ิ
ั
่
่
ขนสตว์ว่งเคลอนทเข้าไปในแท่งยาง สงผลให้ผ้าขนสตว์มศักย์บวก (+) มากกว่า แสดงศักย์ไฟฟาบวก (+) ออกมา และแท่งยางม ี
ี
ั
ี
้
ี
ุ
ี
ศักย์ลบ (–) มากกวา แสดงศักย์ไฟฟาลบ (–) ออกมา การตรวจสอบไฟฟาเกดจากการเสยดส โดยน าแท่งยางไปดดเศษวัสดช้น
้
่
้
ิ
ู
ิ
ิ
เล็กๆ เบาๆ เชน เศษกระดาษช้นเล็กๆ หรอเสนผม เปนต้น สามารถดดส่งเหลาน้ได้ น าหลักการไฟฟาเกดจากการเสยดสไปใช้
้
ี
ี
็
่
ู
่
ี
ิ
ื
้
ิ
้
ื่
้
ิ
ิ
สรางเครองก าเนดไฟฟาสถต
3.3 ไฟฟาเกิดจากแรงกดดัน
้
้
ิ
ิ
่
ี
่
ไฟฟาเกดจากแรงกดดัน เปนไฟฟาทเกดขึ้นจากการใช้วัสดทสามารถเกดไฟฟาขึ้นมาได้เมอมแรงไปกดลงบนวัสดนั้น
้
ุ
้
ื
ุ
่
ิ
ี
็
ี
ี
่
์
ิ
่
ึ
่
วัสดทนยมน ามาใช้งาน ได้แก่ผลกแรควอตซ์ (Quartz Crystal) โดยน าผลกแรควอตซไปท าเปนแผ่นบาง น าแผ่นโลหะประกบตด
ุ
ิ
็
ึ
็
่
ึ
้
ด้านบนและด้านลางของผลกแรควอตซ เชอมต่อสายไฟออกจากแผ่นโลหะทั้งสอง เปนขั้วจ่ายแรงดันไฟฟาออกมา ไฟฟาถก
ู
้
ื
่
่
์
์
่
้
ี่
ิ
ื
ั
ิ
ึ
์
ี
่
ี
ก าเนดขึ้นในผลกแรควอตซในขณะมแรงกดดัน หรอแรงส่นสะเทอนไปกระท าทผลกแรควอตซ การตรวจสอบไฟฟาทเกดจาก
ื
ึ
่
่
ึ
์
ผลกแรควอตซ ท าได้โดยใช้โวลต์มเตอรวัดแรงดัน ไปวัดครอมทขั้วโลหะทั้งสอง โวลต์มเตอรจะแสดงค่าแรงดันออกมา
ิ
์
่
์
่
ี
ิ
้
้
ิ
่
ึ
ู
โครงสรางผลกแรควอตซ์ก าเนดไฟฟา แสดงดังรปที่ 3.4
- DCmV +
ึ
(ก) ผลกแรควอตซ ์ (ข) ทดสอบการเกดไฟฟาจากผลึกแรควอตซ ์
้
ิ
่
่
ิ
่
้
รูปท 3.4 ไฟฟาเกดจากแรงกดดัน
ี
ี
ี
่
์
่
่
ื
ี
่
้
ิ
่
ผลกแรควอตซในขณะทไมมแรงกดดัน หรอไมมแรงส่นสะเทอนมากระท า จะยังไมก าเนดไฟฟาขึ้นมา เนองจาก
่
ื
ื
ั
ึ
ิ
ี
ื่
่
ี
ื
ี
ื่
ื
ี่
ั
อิเล็กตรอนในแต่ละอะตอมมพลังงานไม่เพียงพอไม่เกดการเคลอนท เมอมแรงกดดันหรอแรงส่นสะเทอนไปกระท าทแผ่น
่
ื
่
ี
่
ี
ิ
ึ
โลหะทั้งสอง สงไปให้ผลกแรควอตซมพลังงานมากระตุ้นให้อเล็กตรอนในแต่ละอะตอมเกดการเคลอนทระหวางอะตอม ท า
ิ
่
์
่
็
้
่
ี
่
ิ
ิ
์
่
ให้แผ่นโลหะทั้งสองเกดความไมสมดลของศักย์ไฟฟาขึ้น แสดงเปนแรงดันสงออกมาทขั้วต่อ สามารถน าผลกแรควอตซไปผลตเปน
่
ุ
็
ึ
ิ
้
ี่
ิ
ิ
์
็
ิ
่
ิ
อุปกรณไฟฟาได้หลายชนด เชน ล าโพงครสตอล ครสตอลไมโครโฟน และตัวก าเนดความถครสตอล (Crystal Oscillator) เปนต้น
้
3.4 ไฟฟาเกิดจากความรอน
้
้
ิ
ิ
้
ื
็
ิ
ี
ิ
้
ไฟฟาเกดจากความรอน เปนไฟฟาทเกดขึ้นจากการใช้ลวดโลหะต่างชนดกัน 2 เส้น หรอใช้แผ่นโลหะต่างชนดกัน 2
่
ิ
แผ่น เชน ทองแดง และเหล็ก น าปลายด้านหนงของโลหะทั้งสองหมนตเกลยวหรอประกบตดกัน ยดให้แนนด้วยการเชอม
่
ี
ี
ุ
่
ื
ื
่
ึ
ึ
่
ื
่
่
้
ี่
่
ื
ื
ิ
ิ
ี
หรอใช้หมุดยึดตด ปลายโลหะทเหลออีกด้านท าให้แยกหางออกจากกัน เมอใช้ความรอนเผาทปลายด้านตดกันของโลหะทั้งสอง
้
่
สงผลให้โลหะทั้งสองบรเวณปลายด้านได้รบความรอนเกดการแยกตัวของประจุไฟฟา จ่ายศักย์ไฟฟาออกมา การตรวจสอบไฟฟา ้
ิ
้
้
ั
ิ
ิ
ี
่
์
ทเกดจากโลหะทั้งสอง ท าได้โดยใช้โวลต์มเตอรวัดแรงดัน ไปวัดครอมทขั้วโลหะทั้งสองด้านปลายแยกหางจากกัน โวลต์มเตอรจะ
ิ
่
ิ
่
ี
์
่
ี
แสดงค่าแรงดันออกมา อุปกรณทสรางใช้งานจรงของไฟฟาเกดจากความรอน มชอเรยกวา เทอรโมคัปเปล (Thermocouple)
้
ื่
ี่
ิ
ิ
้
่
์
์
ิ
ี
้
ิ
้
้
้
ู
โครงสรางไฟฟาเกดจากความรอน แสดงดังรปที่ 3.5
- D C m V +
์
(ก) เทอรโมคัปเปล (ข) ทดสอบการเกดไฟฟาจากเทอรโมคัปเปล
ิ
้
ิ
์
ิ
่
้
ี
รูปท 3.5 ไฟฟาเกดจากความรอน
ิ
้
้
ในขณะทเทอรโมคัปเปลยังไมได้รบความรอนทรอยต่อ จะยังไมก าเนดไฟฟาขึ้นมา เปนเพราะอิเล็กตรอนในแต่ละ
่
ิ
ิ
่
ั
่
็
ี
ี
้
์
่
ี
อะตอมของโลหะมพลังงานไม่เพียงพอไม่เกดการเคลอนท เมอมความรอนจ่ายให้ทรอยต่อ มพลังงานมากระตุ้นให้อิเล็กตรอน
ี
้
ี่
ี
ี่
ื่
ิ
ื่
ื
่
ิ
้
่
ี
่
ในแต่ละอะตอมเกดการเคลอนทระหวางอะตอม ท าให้แผ่นโลหะทั้งสองเกดความไมสมดลของศักย์ไฟฟาขึ้น แสดงเปนแรงดัน
่
ุ
็
ิ
ิ
่
ี
่
ื
ิ
ุ
ู
่
์
ุ
์
ุ
ิ
่
สงออกทขั้วต่อ น าหลักการไปใช้ผลตอปกรณได้หลายชนด เชน เครองตรวจวัดอณหภม และอปกรณควบคุมการท างานด้าน
็
ิ
อุณหภูม เปนต้น
3.5 ไฟฟาเกิดจากปฏิกิรยาเคมี
้
ิ
ิ
ิ
ิ
้
ี
ิ
่
ี
ไฟฟาเกดจากปฏกรยาเคม เปนไฟฟาเกดขึ้นจากการน าแท่งโลหะต่างกันมา 2 ชนด เชน แท่งทองแดง และแท่งสังกะส
ิ
็
้
ิ
จุ่มลงในกรดก ามะถันเจอจาง (H SO) ทบรรจุลงในถ้วยแก้ว ผลดังกลาวท าให้เกดการแยกตัวของประจุไฟฟาขึ้นทแท่งโลหะทั้ง
ิ
ี
้
ี่
่
ื
่
2
4
ี
้
ี
ี
้
สอง มประจุไฟฟาลบ (–) ไปรวมตัวอยู่ด้านแท่งสังกะส ท าให้แท่งสังกะสแสดงศักย์ไฟฟาลบ (–) ออกมา มประจุไฟฟาบวก (+)
้
ี
ิ
้
้
ิ
ไปรวมตัวอยู่ด้านแท่งทองแดง ท าให้แท่งทองแดงแสดงศักย์ไฟฟาบวก (+) ออกมา การตรวจสอบไฟฟาเกดจากปฏกรยาเคม ี
ิ
ิ
้
ิ
่
ท าได้โดยใช้โวลต์มเตอรวัดแรงดัน วัดครอมทขั้วโลหะทั้งสอง โวลต์มเตอรจะแสดงค่าแรงดันออกมา ไฟฟาเกดจากปฏกรยาเคม ี
ี
์
ิ
่
ิ
ิ
ิ
ิ
์
้
ื
ิ
ิ
่
แบบพ้นฐานมชอเรยกวา โวลตาอิกเซลล์ (Voltaic Cell) ไฟฟาเกดจากปฏกรยาเคมทผลตมาออกมาใช้งานจรงมชอเรยกว่า แบตเตอร ี่
ี
ิ
่
ี
ิ
ื
ื่
ี
ี่
ิ
ิ
ี
ี
ิ
ี
ู
ิ
้
ิ
ิ
(Battery) ไฟฟาเกดจากปฏกรยาเคม แสดงดังรปที่ 3.6
ิ
้
ิ
ิ
(ก) ทดสอบการเกดไฟฟาจากปฏิกรยาเคม ี (ข) แบตเตอร ี่
ิ
่
้
ิ
ี
ิ
ิ
รูปท 3.6 ไฟฟาเกดจากปฏกรยาเคม ี
ิ
่
ี
ิ
ิ
ี่
ิ
็
ี
แบตเตอรเปนอุปกรณให้ก าเนดไฟฟาเกดจากปฏกรยาทางเคม ทผลตขึ้นมาใช้งานจรง ใช้หลักการท างานของโวลตา
ิ
ิ
์
้
ิ
้
้
อิกเซลล์ มาพัฒนาโดยสรางให้มจ านวนเซลล์ไฟฟาภายในเพ่มมากขึ้น น าเซลล์ไฟฟามาต่อรวมกัน ท าให้ได้ค่าแรงดันและ
ี
ิ
่
้
้
ุ
์
์
ิ
ู
ุ
์
ิ
กระแสเพ่มสงขึ้น น าไปใช้งานกันอปกรณไฟฟาและอปกรณอิเล็กทรอนกสได้อย่างกว้างขวางมากมาย
่
3.6 ไฟฟาเกิดจากแสงสวาง
้
ี
ึ
์
้
ุ
ิ
ิ
้
ไฟฟาเกดจากแสงสว่าง เปนไฟฟาเกดขึ้นจากการใช้อปกรณจ าพวกสารกงตัวน า (Semi conductor) ทมความไวต่อแสงมา
็
ี่
่
่
ต่อใช้งาน เมอมแสงมาตกกระทบบนสารกงตัวน า จะสามารถให้ก าเนดไฟฟาออกมาได้ อุปกรณทน ามาใช้งานอย่างแพรหลายม ี
ิ
ึ
์
ี่
ี
ื่
่
้
ี
ื่
ึ
่
ิ
้
ิ
ื
่
ิ
์
ิ
ชอเรยกวา เซลล์แสงอาทตย์ หรอโซลารเซลล์ (Solar Cell) โครงสรางเซลล์แสงอาทตย์ ผลตมาจากสารกงตัวน าต่างชนดกัน 2
ี
ึ
ี
่
่
ชนด ต่อชนกัน ชนดหนงมศักย์ไฟฟาบวก (+) อีกชนดหนงมศักย์ไฟฟาลบ (–) เมอมแสงสองมาตกกระทบสารกงตัวน าทต่อชนกัน
่
ึ
้
ื่
ี
ิ
ิ
ิ
้
่
ึ
ี่
้
ิ
้
ู
็
ิ
จะท าให้เกดการแยกตัวของศักย์ไฟฟา จ่ายเปนแรงดันออกมา ไฟฟาเกดจากแสงสว่าง แสดงดังรปที่ 3.7
+ D C V -
N
P
ิ
(ก) เซลล์แสงอาทตย์ (ข) ทดสอบการเกดไฟฟาจากแสงสว่าง
ิ
้
้
รูปท 3.7 ไฟฟาเกดจากแสงสว่าง
ี
่
ิ
ื
ึ
่
้
ิ
ิ
ี
ี่
ี
ิ
ิ
เซลล์แสงอาทตย์ ผลตมาจากสารกงตัวน าซลคอน (Silicon ; Si) ม 2 ชนด คือ ชนด P ทมโปรตอน หรอศักย์ไฟฟาบวก
ิ
ิ
่
ี
้
ิ
่
ิ
ี่
ิ
(+) มากกวาปกต และสารชนด N ทมอิเล็กตรอน หรอศักย์ไฟฟาลบ (–) มากกวาปกต น ามาประกบตดกัน สวนนอกของสารชนด
ิ
่
ิ
ื
้
ิ
ี
ิ
ี
P และสารชนด N ถูกปดด้วยแผ่นโลหะอกชั้น ใช้ต่อเปนขั้วจ่ายแรงดันออกมา ด้านสารชนด P มขั้วไฟฟาออกมาเปนบวก (+)
ิ
็
็
่
ี
ิ
็
ี
่
ิ
ิ
็
ด้านสารชนด N มขั้วไฟฟาออกมาเปนลบ (–) แผ่นโลหะด้านสารชนด N เจาะเปนชองมฉนวนโปรงใสปดทับด้านบนอกชั้น เพอ
ี
ื
่
้
ึ
่
ิ
่
ั
ใช้รบแสงให้สองมาตกกระทบสารกงตัวน าชนด N
่
้
3.7 ไฟฟาเกิดจากสนามแมเหล็ก
ี่
ื
ไฟฟาเกดจากสนามแม่เหล็ก เกดขึ้นได้จากการใช้เส้นลวดตัวน าเคลอนทตัดผ่านสนาม แม่เหล็ก หรอใช้สนามแม่เหล็ก
ื่
ิ
ิ
้
เคลอนทตัดผ่านเสนลวดตัวน า ผลการเคลอนทตัดผ่านกันท าให้เสนลวดตัวน าก าเนดแรงดันขึ้นมา เรยกวาแรงเคลอนไฟฟา
่
ื่
้
้
ี
ี่
ื่
ิ
ี่
ื่
้
ี่
ื่
เหนยวน า (Induced Electromotive Force ; Induced EMF) การเคลอนทตัดผ่านกันของสนามแม่เหล็กและเสนลวดตัวน า จะต้องท า
้
ี่
ิ
ื่
้
็
ี่
ี
ู
้
ิ
อย่างต่อเนองตลอดเวลา ไฟฟาเกดจากสนามแม่เหล็ก เปนการก าเนดไฟฟาทมความส าคัญต่อการใช้งานมาก ถกน าไปใช้งาน
ื่
อย่างกว้างขวาง และแพรหลาย อปกรณทผลตขึ้นมาใช้งานจรงมชอเรยกวา เครองก าเนดไฟฟา (Generator) ไฟฟาเกดจาก
่
์
่
ี
้
ิ
ิ
้
่
ิ
ี
ิ
ุ
ี
่
ื
ู
สนามแม่เหล็ก แสดงดังรปที่ 3.8