The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้
วิชาคณิตศาสตร์
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1
ภาคเรียนที่ 2

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by janpim.2p, 2022-04-02 04:53:37

แผนการจัดการเรียนรู้ ป.1

แผนการจัดการเรียนรู้
วิชาคณิตศาสตร์
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1
ภาคเรียนที่ 2

Keywords: แผนการจัดการเรียนรู้,วิชาคณิตศาสตร์

สอ่ื การเรียนรู้
1. สงิ่ ตา่ งๆ ทม่ี ลี ักษณะเหมอื นหรือคล้ายกบั รปู เรขาคณติ สามมติ ิ
2. สง่ิ ต่างๆ ทม่ี ลี ักษณะเหมอื นทรงส่ีเหลยี่ มมมุ ฉาก
3. สิ่งของท่มี ลี ักษณะไมเ่ ป็นทรงส่เี หลีย่ มมุมฉาก
4. บตั รภาพรปู เรขาคณติ ทรงส่ีเหลีย่ มมมุ ฉาก
5. ใบงานที่ 1 ทรงสีเ่ หลี่ยมมุมฉาก

การวัดผลและประเมินผล

สิ่งที่ต้องการวัด วิธวี ัด เครื่องมอื วัด เกณฑก์ ารประเมนิ

1. ด้านความรู้ ตรวจใบงานที่ 1 ใบงานที่ 1 ผ่านเกณฑร์ อ้ ยละ 70 ขึ้นไป

2. ด้านทักษะ สงั เกตพฤติกรรมดา้ น แบบสงั เกตพฤตกิ รรม นกั เรียนไดค้ ะแนนระดับ
กระบวนการ ทกั ษะกระบวนการ
3. ดา้ นคุณลักษณะ สงั เกตพฤติกรรมดา้ น ด้านทักษะกระบวนการ พอใช้ขน้ึ ไป
ที่พงึ ประสงค์ คณุ ลกั ษณะที่พึง
ประสงค์ แบบสงั เกตพฤติกรรม นกั เรยี นได้คะแนนคุณภาพ 2

ดา้ นคุณลักษณะ ทกุ รายการขึ้นไปถือวา่ ผ่าน

ท่ีพึงประสงค์ เกณฑ์

ใบงานท่ี 1 ทรงสี่เหล่ยี มมุมฉาก
คาชีแ้ จง ระบายสที รงส่เี หล่ยี มมมุ ฉากทกุ รปู

แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 13

รายวชิ าคณติ ศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 1

หน่วยการเรียนรู้ที่ 9 รูปเรขาคณิต เวลาเรยี น 12 ช่วั โมง

เร่อื ง ทรงกลม ทรงกระบอก และกรวย เวลาเรยี น 1 ชวั่ โมง

สอนวันท่ี....... เดอื น.......................... พ.ศ. .........

.......................................................................................................................................................... ...

มาตรฐานการเรียนรู้

มาตรฐาน ค 2.2 : เข้าใจ และ วเิ คราะห์รูปเรขาคณิต สมบัติของรูปเรขาคณติ

ความสมั พันธร์ ะหว่างรปู เรขาคณติ และทฤษฎบี ททางเรขาคณติ และ

นาไปใช้

ตัวชี้วัด
ค 2.2 ป.1/1 : จาแนกรปู สามเหลยี่ ม รูปส่เี หลย่ี ม วงกลม วงรี ทรงสเ่ี หลีย่ มมุมฉาก ทรง
กลม ทรงกระบอก และกรวย

สาระสาคัญ
ทรงกลม ทรงกระบอก และกรวยเปน็ รูปเรขาคณติ สามมิติ โดยทรงกลมมีผวิ โค้งท้ังหมด ไม่

เรียบแบนกลงิ้ ไดโ้ ดยรอบ วางซอ้ นกนั ไมไ่ ด้ ทรงกระบอก มีผิวบางสว่ นโคง้ บางสว่ นเรยี บแบน นาสว่ น
ที่เรยี บแบนวางซ้อนกนั ได้ กลงิ้ ไดท้ างเดยี ว กรวย มยี อดแหลม ผวิ บางสว่ นโค้ง บางส่วนเรยี บแบน วาง
ซอ้ นกันไม่ได้ และกล้งิ ได้เป็นวง

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1. อธิบายเก่ยี วกับรูปเรขาคณติ ทรงกลม ทรงกระบอก และกรวยได้ (K)
2. สามารถจาแนกรปู เรขาคณติ สามมิติที่มลี ักษณะเป็นทรงกลม ทรงกระบอก และกรวยได้

(P)
3. นาความรเู้ ก่ียวกบั ทรงกลม ทรงกระบอก และกรวยไปใช้แกป้ ญั หาทางคณิตศาส ตร์ได้

(A)

สาระการเรียนรู้
ทรงกลม ทรงกระบอก และกรวย

ทักษะและกระบวนการทางคณติ ศาสตร์
1. ความสามารถในการแก้ปัญหา
2. ความสามารถในการส่ือสารและการสื่อความหมายทางคณติ ศาสตร์
3. ความสามารถในการใหเ้ หตผุ ล

คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
1. มีวินัย
2. ใฝเ่ รยี นรู้
3. มุง่ มน่ั ในการทางาน

กจิ กรรมการเรียนรู้
ขน้ั นาเข้าสู่บทเรยี น
1. ครูชูแท่งไม้ทรงสเี่ หล่ียมมุมฉากให้นกั เรยี นพิจารณา แลว้ ตอบว่า แทง่ ไม้มลี ักษณะ

เปน็ รปู เรขาคณิตสามมิติชนดิ ใด เพราะเหตุใด
ขั้นสอน
2. ครตู ดิ บัตรภาพรูปเรขาคณิตใหน้ กั เรียนสงั เกตลักษณะและรปู ร่างของรูปเรขาคณติ

สามมติ ทิ ัง้ ฝึกเรียกช่ือรูปเรขาคณิตสามมิติทลี ะรปู ดังตัวอย่าง

ทรงสีเ่ หล่ียมมมุ ฉาก ทรงกระบอก กรวย ทรงกลม

3. แบ่งนกั เรยี นเป็นกลมุ่ กล่มุ ละ 3 – 4 คน ครูแจกลูกบอลให้แต่ละกลุม่ พิจารณาและ
สมั ผสั แลว้ ถามวา่ ลูกบอลนี้มีลักษณะเปน็ ทรงสเ่ี หลี่ยมมมุ ฉากหรอื ไม่ เพราะเหตุใด ให้แต่ละกลมุ่ ผลดั
กนั ตอบ ต่อมาจึงแจกลูกปงิ ปองและลูกแกว้ ตามลาดบั แล้วใชค้ าถามเช่นเดมิ จากนน้ั จงึ แนะนาวา่
ลกู บอล ลกู ปิงปอง และลูกแกว้ มีลักษณะเป็ นทรงกลม ซ่งึ เปน็ รูปเรขาคณิตสามมติ ิอีกชนดิ หน่งึ โดย
ใหน้ กั เรยี นสงั เกตว่าทรงกลมจะมีผวิ โคง้ ทง้ั หมดไมเ่ รียบแบน กล้งิ ไดโ้ ดยรอบ วางซอ้ นกนั ไมไ่ ด้

4. ครชู ูสง่ิ ของอน่ื ๆ ทม่ี ีลักษณะเปน็ ทรงกลม และไมเ่ ปน็ ทรงกลม ให้แต่ละกล่มุ ตอบวา่
สงิ่ ของนนั้ เปน็ ทรงกลม หรือไมเ่ ป็นทรงกลม เพราะเหตใุ ด

5. ครแู จกลูกบอลกบั แทง่ ไมท้ รงกระบอก (หรอื แทง่ พลาสติกทรงกระบอก ) ให้ทุกกลมุ่
แลว้ ช่วยกนั สารวจวา่ สิง่ ของ 2 สง่ิ นมี้ ีลกั ษณะเหมือนกนั หรอื แตกตา่ งกนั อย่างไร ใหผ้ ลัดกนั บอกผล
การสารวจ ครูรวบรวมผลสารวจท่ไี ด้ แลว้ ใหน้ กั เรยี นช่วยกันสรปุ ซึ่งจะได้ว่า ลกู บอลกับแท่ งไม้ มีผวิ
โค้งเชน่ เดยี วกันแตล่ ูกบอลมีผิวโค้งท้งั หมด วางซอ้ นกันไมไ่ ด้ สามารถกลิ้งไดโ้ ดยรอบ สว่ นแท่งไม้มที ้ัง
ส่วนที่เป็นผิวโค้ง และสว่ นท่ีเรียบแบน ส่วนท่ีเรียบแบนสามารถวางซอ้ นกนั ได้ และกลง้ิ ได้ทางเดียว
จากนน้ั ครูแนะนาว่าแทง่ ไม้ (หรอื แท่งพลาสติกทรงกระบอก )นี้ มีลักษณะเปน็ ทรงกระบอก ซ่ึงเปน็ รปู
เรขาคณติ สามมติ อิ ีกชนิดหน่งึ

6. ครูชูสิง่ ของ 2 ส่งิ ที่มีลักษณะแตกต่างกัน เช่น ลกู ปิงปอง กับกระปอ๋ ง นา้ อัดลม
แลว้ ถามนักเรยี นวา่ สิ่งใดมีลักษณะเปน็ ทรงกระบอก และอกี สิง่ หนึ่งมีลักษณะเปน็ รูปเรขาคณติ สามมิติ
ชนิดใด

7. ครูแจกแท่งไม้ทรงกระบอก (หรอื แทง่ พลาสตกิ ทรงกระบอก) กับกรวยไม้ (หรือกรวย
พลาสติก ) ให้ทกุ กลุม่ แลว้ ชว่ ยกนั สารวจว่าสิ่งของ 2 ส่งิ นี้มลี ักษณะเหมอื นกัน หรอื แตกต่างกัน
อย่างไร ใหผ้ ลัดกันบอกผลการสารวจ ครรู วบรวบผลสารวจทไี่ ด้ แลว้ ให้นักเรยี นชว่ ยกนั สรุป ซึง่ จะได้
ว่า ท้งั สองส่ิงมสี ่วนทเ่ี ป็นผิวโค้งและสว่ นทเ่ี รียบแบนเช่นเดยี วกนั แทง่ ไม้ทรงกระบอกวางซอ้ นกันได้
กลิง้ ไดท้ างเดยี ว แตอ่ กี สง่ิ หนึ่งวางซอ้ นกันไม่ได้ กลิง้ ได้เปน็ วง และมียอดแหลม ครูแนะน าวา่ ส่งิ นีม้ ี
ลักษณะเปน็ กรวย ซึง่ เปน็ รูปเรขาคณิตสามมิติอกี ชนดิ หนงึ่

8. ครูชูสิ่งของ 2 สง่ิ ท่มี ีลกั ษณะแต กต่างกัน เช่น ถา่ นไฟฉายกับแกว้ กระดาษรปู กรวย
แล้วถามนักเรียนวา่ ส่งิ ใดมลี กั ษณะเป็นกรวย และอีกสง่ิ หน่ึงมลี กั ษณะเป็นรูปเรขาคณติ สามมิติชนิดใด

9. ครตู รวจสอบความเข้าใจเกย่ี วกับลักษณะของรปู เรขาคณิตสามมติ ิแต่ละชนิดโดย
แจกชุดรปู เรขาคณิตสามมติ ทิ ปี่ ระกอบดว้ ย ทรงสีเ่ หล่ยี มมมุ ฉาก ทรงกลม ทรงกระบอก และกรวย
ขนาดต่าง ๆ กัน กลุ่มละ 1 ชดุ ใหน้ ักเรียนช่วยกันจา แนก ครูชรู ูปเรขาคณติ สามมิติทลี ะชนดิ ถามว่า
เปน็ รปู เรขาคณิตสามมิติชนดิ ใด พร้อมกบั ใหท้ ุกกลมุ่ ชูรปู เรขาคณติ สามมิตนิ ัน้

10. ครชู ูบตั รภาพรปู เรขาคณิตสามมติ ทิ ลี ะภาพ ใหน้ กั เรียนช่วยกันตอบวา่ เปน็ รปู
เรขาคณติ สามมิตชิ นดิ ใดแท่งไมท้ รงกระบอกวางซ้อนกนั ได้ กลง้ิ ได้ทางเดยี ว แต่อีกสิ่งหน่งึ วางซอ้ นกนั
ไมไ่ ด้ กลง้ิ ไดเ้ ปน็ วง และมียอดแหลม ครแู นะนา ว่า สงิ่ น้ีมีลักษณะเปน็ กรวย ซ่งึ เปน็ รูปเรขาคณติ สาม
มติ อิ กี ชนดิ หนึ่ง

11. ครชู สู ิ่งของ 2 สง่ิ ที่มีลกั ษณะแตกต่างกัน เช่น ถา่ นไฟฉายกับแก้วกระดาษรูปกรวย
แลว้ ถามนักเรียนว่า สงิ่ ใดมีลกั ษณะเปน็ กรวย และอกี สง่ิ หน่ึงมีลักษณะเป็นรูปเรขาคณติ สามมติ ชิ นดิ ใด

12. ครูตรวจสอบความเข้าใจเกย่ี วกบั ลักษณะของรปู เรขาคณิตสามมิตแิ ต่ละชนดิ โดย
แจกชดุ รปู เรขาคณิตสามมิตทิ ่ปี ระกอบดว้ ย ท รงสเ่ี หลยี่ มมุมฉาก ทรงกลม ทรงกระบอก และกรวย
ขนาดต่าง ๆ กัน กล่มุ ละ 1 ชุด ให้นักเรียนช่วยกนั จาแนก ครูชรู ูปเรขาคณิตสามมติ ิทลี ะชนดิ ถามวา่
เปน็ รูปเรขาคณิตสามมติ ิชนดิ ใด พรอ้ มกบั ใหท้ ุกกล่มุ ชรู ปู เรขาคณติ สามมิตนิ นั้

13. ครใู ห้นักเรยี นทา ใบงานท่ี 2 ทรงกลม ทรงกระบอก และกรวย เมอื่ เสร็จแลว้ ให้
นกั เรยี นชว่ ยกนั ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง จากนนั้ ครูและนักเรยี นร่วมกันเฉลยกจิ กรรมในใบงานที่ 2

ขนั้ สรปุ
14. ครูและนักเรยี นร่วมกนั สรุปส่ิงทไ่ี ด้เรยี นรรู้ ่วมกนั ดังนี้ ทรงกลม ทรงกระบอก และ

กรวยเป็นรูปเรขาคณิตสามมติ ิ โดยทรงกลมมผี ิวโคง้ ทง้ั หมด ไม่ เรยี บแบนกล้ิงได้โดยรอบ วางซอ้ นกนั
ไม่ได้ ทรงกระบอก มผี ิวบางสว่ นโคง้ บางสว่ นเรียบแบน นาสว่ นท่ีเรยี บแบนวางซอ้ นกันได้ กล้ิงไดท้ าง
เดยี ว กรวย มยี อดแหลม ผวิ บางส่วนโค้ง บางส่วนเรียบแบน วางซอ้ นกนั ไม่ได้ และกลิง้ ได้เปน็ วง

สอ่ื การเรยี นรู้
1. แทง่ ไมท้ รงสเี่ หลย่ี มมมุ ฉาก
2. ลกู บอล ลูกปงิ ปอง และลูกแก้ว
3. สิ่งของที่มลี กั ษณะไมเ่ ปน็ ทรงกลม
4. แทง่ ไมท้ รงกระบอก หรือแทง่ พลาสติกทรงกระบอก
5. กรวยไมห้ รือกรวยพลาสติกทรงตัน

6. แกว้ กระดาษรูปกรวย
7. บตั รภาพรูปเรขาคณติ สามมติ ิ
8. ใบงานที่ 2 ทรงกลม ทรงกระบอก และกรวย

การวัดผลและประเมินผล

สง่ิ ท่ตี ้องการวดั วิธวี ดั เครื่องมอื วดั เกณฑก์ ารประเมิน

1. ดา้ นความรู้ ตรวจใบงานที่ 2 ใบงานท่ี 2 ผา่ นเกณฑร์ ้อยละ 70 ขน้ึ ไป

2. ดา้ นทกั ษะ สงั เกตพฤตกิ รรมดา้ น แบบสังเกตพฤติกรรม นักเรยี นได้คะแนนระดับ
กระบวนการ ทักษะกระบวนการ
3. ด้านคณุ ลักษณะ สงั เกตพฤตกิ รรมดา้ น ด้านทกั ษะกระบวนการ พอใชข้ ึน้ ไป
ทพี่ งึ ประสงค์ คณุ ลกั ษณะทพ่ี งึ
ประสงค์ แบบสงั เกตพฤติกรรม นักเรยี นได้คะแนนคณุ ภาพ 2

ดา้ นคณุ ลกั ษณะ ทุกรายการข้นึ ไปถอื วา่ ผา่ น

ทพ่ี งึ ประสงค์ เกณฑ์

ใบงานท่ี 2 ทรงกลม ทรงกระบอก และกรวย
คาชแ้ี จง ระบายสีรปู เรขาคณติ สามมติ ทิ ี่ตรงกบั ชนิดท่ีกาหนดใหท้ างซ้าย

ทรงส่ีเหลี่ยมมมุ ฉาก

ทรงกลม

ทรงกระบอก

กรวย

แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 14

รายวชิ าคณิตศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 1

หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 9 รปู เรขาคณิต เวลาเรยี น 12 ช่ัวโมง

เรอ่ื ง สิ่งรอบตัวกับทรงสีเ่ หลี่ยมมมุ ฉาก ทรงกลม ทรงกระบอก และกรวย เวลาเรยี น 1 ชั่วโมง

สอนวันท่ี....... เดอื น.......................... พ.ศ. .........

.......................................................................................................................................................... ...

มาตรฐานการเรียนรู้

มาตรฐาน ค 2.2 : เขา้ ใจ และ วิเคราะห์รูปเรขาคณติ สมบตั ขิ องรูปเรขาคณติ

ความสมั พนั ธ์ระหว่างรปู เรขาคณิต และทฤษฎีบททางเรขาคณิต และ

นาไปใช้

ตวั ชว้ี ัด
ค 2.2 ป.1/1 : จาแนกรูปสามเหลีย่ ม รปู สเ่ี หลย่ี ม วงกลม วงรี ทรงสเ่ี หลี่ยมมมุ ฉาก ทรง
กลม ทรงกระบอก และกรวย

สาระสาคัญ
สงิ่ ต่างๆ รอบตัว มกั มลี กั ษณะเป็นรูปเรขาคณติ สา มมิติ เช่น ทรงสเ่ี หล่ยี มมุมฉาก ทรงกลม

ทรงกระบอก กรวย เปน็ ต้น

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1. อธบิ ายเก่ียวกับสง่ิ ต่างๆ รอบตวั ที่มีรูปรา่ งลกั ษณะเหมอื นหรอื คล้ายกบั ทรงสเ่ี หล่ียมมมุ

ฉาก ทรงกลม ทรงกระบอก และกรวยได้ (K)
2. สามารถยกตัวอย่างสิ่งตา่ งๆ รอบตวั ทม่ี รี ูปรา่ งลกั ษณะเหมอื นหรือคลา้ ยกบั กบั ทรง

สีเ่ หลีย่ มมุมฉาก ทรงกลม ทรงกระบอก และกรวยได้ (P)
3. นาความร้เู กย่ี วกบั ส่ิงรอบตวั กับทรงสเี่ หลยี่ มมุมฉาก ทรงกลม ทรงกระบอก และกรวยไป

ใชแ้ ก้ปญั หาทางคณติ ศาสตรไ์ ด้ (A)

สาระการเรยี นรู้
สง่ิ รอบตวั กบั ทรงส่ีเหลีย่ มมุมฉาก ทรงกลม ทรงกระบอก และกรวย

ทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์
1. ความสามารถในการแกป้ ัญหา
2. ความสามารถในการสื่อสารและการสอื่ ความหมายทางคณิตศาสตร์
3. ความสามารถในการให้เหตผุ ล

คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
1. มีวินัย
2. ใฝ่เรยี นรู้
3. มงุ่ มั่นในการทางาน

กิจกรรมการเรยี นรู้
ขั้นนาเข้าสบู่ ทเรียน
1. ครนู าสนทนาถงึ ส่งิ ตา่ ง ๆ ทอี่ ยูร่ อบตวั ว่ามลี กั ษณะเหมอื นหรือคล้ายกบั รปู เรข าคณติ

สามมติ ิ จากนัน้ ทบทวนลกั ษณะของทรงสี่เหลีย่ มมุมฉ าก ทรงกลม ทรงกระบอก และกรวย โดยชู
ส่งิ ของต่ าง ๆ และรูปภ าพทีม่ ลี กั ษณะเหมอื นหรอื คล้ ายกับรูปเรข าคณติ ส ามมติ ดิ งั กล่ าว แลว้ ให้
นักเรยี นตอบว่า มลี กั ษณะเหมอื นหรอื คล้ายกบั รปู เรขาคณติ สามมติ ใิ ด เพราะเหตุใด

ข้ันสอน
2. ให้นักเรยี นทากจิ กรรมโดยแบง่ นักเรยี นเป็น 4 กลุ่ม ใหต้ ัวแทนจบั ฉล ากชือ่ ชนดิ ของ

รปู เรขาคณิตสามมติ ิ จากนน้ั ใหแ้ ต่ ละกลุ่มชว่ ยกันรวบรวมสงิ่ ของต่ าง ๆ ทอ่ี ยรู่ อบตัวทั้งในและนอก
หอ้ งเรียนทม่ี ีลักษณะตรงกบั ช่ือทีร่ ะบใุ นฉลาก ให้ได้มากทสี่ ดุ ภายในเวลา 10 นาที ในกรณที สี่ ่งิ ของนน้ั
มขี นาดใหญห่ รอื เคลอื่ นย้ ายไมไ่ ดอ้ าจชีใ้ ห้เห็นหรอื บอกด้วยว าจา จากนน้ั ให้แต่ละกลุ่มนาเสนอสิ่งท่ี
รวบรวมมาได้ และใหก้ ล่มุ ที่เหลืออกี 3 กล่มุ เปน็ ผูต้ รวจสอบความถูกต้อง โดยมคี รเู ปน็ ผูใ้ หค้ าแนะนา
และกากบั ดูแล กลุ่มใดรวบรวมไดม้ ากทส่ี ุดและถูกตอ้ งเป็นผ้ชู นะ

3. ให้นกั เรียนทากจิ กรรมโดยครนู าส่งิ ต่าง ๆ ทีม่ ลี ักษณะเหมอื นหรือคล้ายทรงสเี่ หลย่ี ม
มุมฉาก ทรงกลม ทรงกระบอก และกรวย ใส่กลอ่ งทึบ ให้ตวั แทนแต่ละกลุ่มสมุ่ หยบิ ทีละชนิ้ แลว้ นา มา
วางบนโต๊ะหนา้ ชั้นเรียน โดยให้จา แนกตามรปู ร่างลกั ษณะ สิง่ ท่มี ีรปู รา่ งลักษณะเหมือนกนั ใหว้ างกอง
เดยี วกนั ผลดั กนั หยบิ จนหมด ครถู ามว่า สิ่งต่าง ๆ แต่ละกองมรี ปู ร่างลกั ษณะเหมอื นรปู เรขาคณติ สาม
มติ ชิ นดิ ใด แล้วใหต้ ั วแทนนักเรยี นหยบิ บตั รคา ชื่อชนดิ ของรูปเรขาคณติ สามมิติ ไปติดที่กองของส่งิ
ต่างๆ เหล่านั้นใหถ้ ูกต้อง

4. ครูใหน้ ักเรียนทา ใบงานท่ี 3 สงิ่ รอบตวั กบั ทรงส่เี หล่ยี มมมุ ฉาก ทรงกลม
ทรงกระบอก และกรวย เม่ือเสรจ็ แล้วใหน้ กั เรยี นชว่ ยกันตรวจสอบความถกู ต้อง จากนัน้ ครแู ละ
นกั เรยี นรว่ มกันเฉลยกจิ กรรมในใบงานที่ 3

ขัน้ สรปุ
5. ครูและนกั เรียนรว่ มกันสรุปสิง่ ทไี่ ดเ้ รียนร้รู ่วมกนั ดังนี้
- สง่ิ ของบางชนดิ มลี กั ษณะคลา้ ยทรงส่เี หลีย่ มมุมฉาก เช่น กลอ่ งชอล์ก
- สิ่งของบางชนิดมีลกั ษณะคลา้ ยทรงกลม เช่น ลูกบอล
- สิ่งของบางชนิดมลี ักษณะคล้ายทรงกระบอก เช่น กระปอ๋ งนม
- สง่ิ ของบางชนดิ มลี กั ษณะคลา้ ยกรวย เชน่ หมวกปีใหม่

สอ่ื การเรียนรู้
1. ฉลากเขยี นชื่อชนิดของรปู เรขาคณิตสามมิติ
2. กลอ่ งทึบขนาดใหญ่
3. ส่ิงของทมี่ ีลกั ษณะเหมอื นหรอื คลา้ ยกบั ทรงส่เี หลย่ี มมมุ ฉาก ทรงกลม ทรงกระบอก และ

กรวย
4. ใบงานท่ี 3 สง่ิ รอบตัวกับทรงสีเ่ หลย่ี มมุมฉาก ทรงกลม ทรงกระบอก และกรวย

การวดั ผลและประเมินผล

สิ่งที่ต้องการวัด วิธีวัด เครือ่ งมอื วัด เกณฑ์การประเมนิ

1. ดา้ นความรู้ ตรวจใบงานท่ี 3 ใบงานที่ 3 ผ่านเกณฑร์ ้อยละ 70 ข้ึนไป

2. ดา้ นทกั ษะ สังเกตพฤติกรรมดา้ น แบบสังเกตพฤติกรรม นักเรยี นไดค้ ะแนนระดบั
กระบวนการ ทักษะกระบวนการ
3. ด้านคุณลักษณะ สงั เกตพฤติกรรมดา้ น ด้านทักษะกระบวนการ พอใช้ขน้ึ ไป
ที่พึงประสงค์ คุณลักษณะท่พี ึง
ประสงค์ แบบสงั เกตพฤติกรรม นกั เรยี นได้คะแนนคณุ ภาพ 2

ด้านคุณลกั ษณะ ทกุ รายการขนึ้ ไปถือวา่ ผา่ น

ทพี่ ึงประสงค์ เกณฑ์

ใบงานท่ี 3 สงิ่ รอบตวั กับทรงสเ่ี หลย่ี มมมุ ฉาก ทรงกลม
ทรงกระบอก และกรวย

คาชีแ้ จง เขยี นวงกลมรอบส่ิงทม่ี ลี กั ษณะตามรูปท่ีกาหนดใหท้ างซ้าย
ทรงสเ่ี หล่ยี ม
มุมฉาก

ทรงกลม

ทรงกระบอก

กรวย

แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 15

รายวิชาคณิตศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 1

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 9 รปู เรขาคณติ เวลาเรียน 12 ชวั่ โมง

เรอ่ื ง สง่ิ รอบตวั กบั ทรงส่เี หล่ียมมุมฉาก ทรงกลม ทรงกระบอก และกรวย เวลาเรียน 1 ช่วั โมง

สอนวันที่....... เดอื น.......................... พ.ศ. .........

.......................................................................................................................................................... ...

มาตรฐานการเรียนรู้

มาตรฐาน ค 2.2 : เข้าใจ และ วิเคราะห์รปู เรขาคณิต สมบัติของรูปเรขาคณติ

ความสมั พันธร์ ะหวา่ งรปู เรขาคณิต และทฤษฎบี ททางเรขาคณิต และ

นาไปใช้

ตวั ชี้วดั
ค 2.2 ป.1/1 : จาแนกรูปสามเหลีย่ ม รูปสี่เหล่ยี ม วงกลม วงรี ทรงสี่เหลย่ี มมมุ ฉาก ทรง
กลม ทรงกระบอก และกรวย

สาระสาคญั
ทรงสเี่ หลย่ี มมุมฉาก ทรงกลม ทรงกระบอก กรวย เปน็ รปู เรขาคณิตสามมิติ และสง่ิ ต่าง ๆ ท่ี

อยู่รอบตัว กม็ ีลกั ษณะเหมือนหรอื คล้ายรูปเรขาคณติ สามมิติเหล่าน้ัน

จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. อธิบายเกย่ี วกับสง่ิ ตา่ งๆ รอบตวั ท่มี รี ูปรา่ งลักษณะเหมอื นหรอื คล้ายกบั ทรงสี่เหลย่ี มมมุ

ฉาก ทรงกลม ทรงกระบอก และกรวยได้ (K)
2. สามารถเช่อื มโยงสิ่งต่างๆ ทีม่ ใี นชวี ติ ประจาวันกบั ทรงสเี่ หล่ยี มมุมฉาก ทรงกลม

ทรงกระบอก และกรวยได้ (P)
3. นาความร้เู กี่ยวกบั ส่ิงรอบตวั กบั ทรงส่ีเหลี่ยมมมุ ฉาก ทรงกลม ทรงกระบอก และกรวยไป

ใช้แก้ปญั หาทางคณติ ศาสตร์ได้ (A)

สาระการเรยี นรู้
สิง่ รอบตัวกับทรงสเ่ี หล่ียมมุมฉาก ทรงกลม ทรงกระบอก และกรวย

ทักษะและกระบวนการทางคณติ ศาสตร์
1. ความสามารถในการแกป้ ัญหา
2. ความสามารถในการสอ่ื สารและการสือ่ ความหมายทางคณิตศาสตร์
3. ความสามารถในการใหเ้ หตุผล

คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
1. มีวินัย
2. ใฝ่เรียนรู้
3. มงุ่ มนั่ ในการทางาน

กิจกรรมการเรยี นรู้
ข้นั นาเข้าสู่บทเรยี น
1. ครทู บทวนลักษณะของรปู เรขาคณติ สามมิติโดยนาไมบ้ ล็อกทรงสเ่ี หล่ยี มมมุ ฉาก ทรง

กลม ทรงกระบอก และกรวย ให้นักเรียนดูและสมั ผสั แลว้ ให้นกั เรยี นบอกลกั ษณะของไม้บล็อก
เหลา่ นัน้ วา่ เป็นรปู เรขาคณติ สามมติ ิชนิดใด เพราะเหตุใด

ขน้ั สอน
2. แบ่งนกั เรยี นเป็นกล่มุ กลุ่มละ 3 – 4 คน ครูแจกภาพบา้ นรปู แบบตา่ ง ๆ ใหแ้ ตล่ ะ

กลุ่มพิจารณา แลว้ ออกมานาเสนอว่า พบสิ่งใดบ้างท่ีมีลักษณะเหมอื นหรอื คลา้ ยกบั ทรงสีเ่ หลยี่ มมุม
ฉาก ทรงกลม ทรงกระบอก และกรวย

3. ครแู จกอปุ กรณใ์ หแ้ ตล่ ะกลุม่ ดงั น้ี
- บลอ็ กไมท้ รงสีเ่ หลีย่ มมมุ ฉาก ทรงกลม ทรงกระบอก และกรวย
- กลอ่ งขนม กลอ่ งยา กระปอ๋ งหรอื อน่ื ๆ ทีม่ ีลกั ษณะเป็นทรงส่ีเหล่ียมมุมฉาก

ทรงกระบอก และกรวย
- ลกู บอลโฟม
- เทปกาวใส หรือกาว
- กระดาษ A4 1 แผน่ สาหรบั รอง
- แปง้ โด หรอื ดินน้ามัน
จากน้ันให้นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ช่วยกนั สร้างบา้ นน้อยในฝัน โดยใช้อุปกรณ์ทแี่ จกให้

หรอื อาจปัน้ แป้งโดหรือดินนา้ มันเป็นทรงสเ่ี หล่ยี มมุมฉาก ทรงกระบอก และกรวย ไดต้ ามต้องการ
แล้วตกแต่งใหส้ วยงาม จากน้นั ให้นา เสนอผลงานของกล่มุ โดยระบุว่า บา้ นนอ้ ยในฝันของกลุม่
ประกอบดว้ ย รูปเรขาคณิตสามมิตใิ ดบ้าง และรปู เรขาคณิตสามมิติเหล่านน้ั ใช้แทนสง่ิ ใด เช่น
ทรงกระบอก แทนตวั บ้าน ทรงสีเ่ หลยี่ มมมุ ฉากแทนตวั บ้าน กรวยแทนหลงั คาบา้ น ทรงกลมแทน
ต้นไม้

4. ครใู ห้นกั เรียนทา ใบงานท่ี 4 สิง่ รอบตัวกับทรงส่เี หล่ียมมุมฉาก ทรงกลม
ทรงกระบอก และกรวย เมือ่ เสร็จแล้วใหน้ กั เรียนชว่ ยกันตรวจสอบความถูกตอ้ ง จากนัน้ ครูและ
นกั เรยี นรว่ มกันเฉลยกจิ กรรมในใบงานที่ 4

ขั้นสรุป
5. ครแู ละนักเรียนรว่ มกันสรุปสิ่งทีไ่ ดเ้ รยี นรรู้ ่วมกนั ดังน้ี
- ส่ิงของบางชนดิ มีลักษณะคล้ายทรงสีเ่ หลย่ี มมมุ ฉาก เชน่ กล่องชอล์ก
- สงิ่ ของบางชนิดมีลักษณะคล้ายทรงกลม เช่น ลูกบอล
- สิง่ ของบางชนดิ มลี ักษณะคล้ายทรงกระบอก เชน่ กระปอ๋ งนม

- ส่ิงของบางชนดิ มลี ักษณะคล้ายกรวย เช่น หมวกปีใหม่

สอ่ื การเรียนรู้
1. ไมบ้ ลอ็ กรปู เรขาคณติ สามมติ ิ
2. ภาพบ้านรูปแบบตา่ งๆ
3. ใบงานที่ 4 สิง่ รอบตัวกบั ทรงส่เี หลยี่ มมุมฉาก ทรงกลม ทรงกระบอก และกรวย

การวัดผลและประเมนิ ผล

ส่ิงที่ต้องการวดั วิธีวัด เครื่องมือวดั เกณฑ์การประเมนิ

1. ดา้ นความรู้ ตรวจใบงานท่ี 4 ใบงานที่ 4 ผ่านเกณฑร์ ้อยละ 70 ขนึ้ ไป

2. ดา้ นทกั ษะ สงั เกตพฤติกรรมดา้ น แบบสังเกตพฤติกรรม นกั เรยี นไดค้ ะแนนระดบั
กระบวนการ ทักษะกระบวนการ
3. ดา้ นคุณลักษณะ สังเกตพฤตกิ รรมดา้ น ดา้ นทกั ษะกระบวนการ พอใช้ขนึ้ ไป
ทพ่ี ึงประสงค์ คณุ ลกั ษณะท่พี งึ
ประสงค์ แบบสังเกตพฤตกิ รรม นกั เรยี นได้คะแนนคุณภาพ 2

ด้านคณุ ลกั ษณะ ทุกรายการข้ึนไปถอื ว่าผา่ น

ทพี่ ึงประสงค์ เกณฑ์

ใบงานที่ 4 สิง่ รอบตวั กบั ทรงสเ่ี หล่ยี มมุมฉาก ทรงกลม
ทรงกระบอก และกรวย

คาชแี้ จง ระบายสีส่งิ ของท่ีมีลักษณะเหมือนหรือคลา้ ยกบั รปู เรขาคณติ สามมิตทิ ่ี
กาหนด

ทรงสี่เหลย่ี มมุมฉาก ระบายสเี ขยี ว ทรงกลม ระบายสีแดง
ทรงกระบอก ระบายสีเหลอื ง กรวย ระบายสีฟา้

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 16

รายวิชาคณติ ศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 1

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 9 รูปเรขาคณติ เวลาเรียน 12 ชว่ั โมง

เรอื่ ง รปู สามเหลี่ยม รปู ส่เี หล่ียม วงกลม และวงรี เวลาเรียน 1 ช่ัวโมง

สอนวันท่ี....... เดือน.......................... พ.ศ. .........

.......................................................................................................................................................... ...

มาตรฐานการเรียนรู้

มาตรฐาน ค 2.2 : เขา้ ใจ และ วิเคราะห์รูปเรขาคณิต สมบัตขิ องรปู เรขาคณติ

ความสัมพันธ์ระหวา่ งรูปเรขาคณิต และทฤษฎบี ททางเรขาคณติ และ

นาไปใช้

ตวั ชี้วดั
ค 2.2 ป.1/1 : จาแนกรูปสามเหลี่ยม รูปสเ่ี หลี่ยม วงกลม วงรี ทรงสเี่ หลย่ี มมุมฉาก ทรง
กลม ทรงกระบอก และกรวย

สาระสาคญั
รปู เรขาคณติ สองมติ ิเป็นรปู ปดิ มีความกวา้ งและความยาว แตไ่ มม่ ีความหนาหรอื ความลึก

เช่น รปู สามเหล่ยี ม รปู สเ่ี หล่ียม วงกลม วงรี

จุดประสงค์การเรียนรู้
1. อธบิ ายเก่ียวกับลกั ษณะรปู สามเหล่ียม รูปสี่เหล่ียม วงกลม และวงรีได้ (K)
2. สามารถจาแนกรูปสามเหลี่ยม รูปส่เี หลย่ี ม วงกลม และวงรีได้ (P)
3. นาความรู้เกยี่ วกับรปู สามเหลีย่ ม รปู สีเ่ หลย่ี ม วงกลม และวงรไี ปใช้แก้ปัญหาทาง

คณติ ศาสตรไ์ ด้ (A)

สาระการเรียนรู้
รูปสามเหล่ยี ม รปู ส่เี หล่ยี ม วงกลม และวงรี

ทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์
1. ความสามารถในการแกป้ ญั หา
2. ความสามารถในการสอ่ื สารและการสื่อความหมายทางคณติ ศาสตร์
3. ความสามารถในการใหเ้ หตผุ ล

คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
1. มีวินัย
2. ใฝ่เรยี นรู้
3. มุ่งมนั่ ในการทางาน

กิจกรรมการเรียนรู้
ขัน้ นาเขา้ สู่บทเรียน
1. ครูหยิบเหรยี ญสิบบาทข้ึนมาแล้วถามนักเรยี นว่า นักเรียนคิดว่าเหรยี ญสบิ มลี ักษณะ

อย่างไร (เปน็ วงกลม) จากนน้ั ครูใหน้ ักเรยี นสงั เกตสง่ิ ที่อยใู่ นห้องเรยี นมีส่งิ ของใดบ้างทม่ี ีลกั ษณะเป็น
ทรงกลม

ขนั้ สอน
2. แบ่งนักเรยี นเป็นกลมุ่ กลุม่ ละ 3 – 4 คน ครูแจกชดุ รูปเรขาคณติ สองมติ ิ กลุ่มละ 1

ชุด ประกอบดว้ ย แผน่ กระดาษสหี รือพ ลาสตกิ สเี ดยี วกันตดั เป็นรูปสามเหลล่ียม รูปส่เี หล่ยี ม วงกลม
และวงรี แต่ละรูปมีหลายขนาด ให้นกั เรยี นแตะ่ กลุ่มชว่ ยกันจดั กลุ่มรูปเรขาคณิต พรอ้ มบอกเหตุผลล
ในการจัดกลุ่ม

3. ครูแนะนา รูปสเ่ี หลย่ี ม รปู สามเหลี่ยม วงกลม และวงรี โดยใช้ส่อื แผ่นกระดาษสี
หรือแผ่นพลาสติก ตัดเป็นรูปเรขาคณิต แต่ละชนิดใหม้ ีรปู รา่ งหลากหลาย เพือ่ ให้นักเรยี นจะไดเ้ ห็นรูป
เรขาคณติ ท่หี ลากหลาย ดงั นี้

4. ครตู ิดบัตรภาพสิ่งของต่าง ๆ ท่ีมีส่วนประกอบคล้ายรปู สามเหลี่ยม รูปสีเ่ หลีย่ ม
วงกลม หรอื วงรี ทีม่ ีเส้นเน้นขอบเพอ่ื ง่ายตอ่ การสังเกตรปู รา่ ง และใชค้ าถามกระตุ้นนักเรยี น ดงั นี้

- เสน้ สีแดงบนภาพเป็นรปู เรขาคณิตชนิดใด (เสน้ ที่แสดงท่หี มอนเป็นรูป
สามเหลีย่ ม เสน้ สแี ดงทกี่ ล่องนมเปน็ รูปสเ่ี หล่ียม เสน้ สีแดงทลี่ กู แกว้ เป็นวงกลม และเสน้ สีแดงที่
กระจกเปน็ วงรี)

- มีสิ่งใดอกี ที่มีส่วนประกอบคล้ายรูปสามเหลยี่ ม รปู สเ่ี หลี่ยม วงกลม หรอื วงรี
(หมอนขิด ยางลบ เหรียญบาท และกรวย)

5. ครใู หน้ กั เรยี นทา ใบงานที่ 5 รปู สามเหลีย่ ม รปู สเ่ี หล่ียม วงกลม และวงรี เมอื่ เสร็จ
แล้วให้นกั เรียนชว่ ยกันตรวจสอบความถกู ต้อง จากนนั้ ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั เฉลยกิจกรรมในใบงานท่ี
5

ขนั้ สรุป
6. ครูและนกั เรียนรว่ มกนั สรปุ ส่งิ ท่ีได้เรียนรรู้ ่วมกัน ดงั นี้ รปู เรขาคณติ สองมิตเิ ปน็ รปู

ปดิ มีความกวา้ งและความยาว แตไ่ ม่มีความหนาหรอื ความลกึ เช่น รปู สามเหลย่ี ม รูปสี่เหลย่ี ม
วงกลม วงรี

สอ่ื การเรียนรู้
1. แผน่ กระดาษสี หรือแผ่นพลาสติกสีทต่ี ดั เป็นรปู สามเหล่ยี ม รปู ส่ีเหล่ยี ม วงกลม และวงรี
2. บตั รภาพ
3. ใบงานท่ี 5 รปู สามเหลย่ี ม รปู ส่เี หลี่ยม วงกลม และวงรี

การวดั ผลและประเมนิ ผล

สิ่งท่ีตอ้ งการวัด วิธวี ดั เครื่องมือวดั เกณฑ์การประเมิน
1. ด้านความรู้
ตรวจใบงานที่ 5 ใบงานที่ 5 ผา่ นเกณฑร์ อ้ ยละ 70 ขึ้นไป
2. ด้านทักษะ
กระบวนการ สงั เกตพฤตกิ รรมด้าน แบบสังเกตพฤติกรรม นักเรียนไดค้ ะแนนระดบั
ทกั ษะกระบวนการ
3. ด้านคณุ ลักษณะ ด้านทกั ษะกระบวนการ พอใช้ข้ึนไป
ท่ีพงึ ประสงค์ สงั เกตพฤตกิ รรมดา้ น
คณุ ลักษณะท่ีพงึ แบบสงั เกตพฤตกิ รรม นกั เรียนไดค้ ะแนนคุณภาพ 2
ประสงค์
ด้านคุณลักษณะ ทกุ รายการขึน้ ไปถือวา่ ผา่ น

ที่พงึ ประสงค์ เกณฑ์

ใบงานที่ 5 รปู สามเหลยี่ ม รูปสเี่ หลย่ี ม วงกลม และวงรี

คาชี้แจง จงระบายสรี ปู เรขาคณติ ให้ตรงกับช่ือท่กี าหนดให้
รปู สามเหลย่ี ม
รูปสี่เหลย่ี ม

วงกลม
วงรี

แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 17

รายวชิ าคณติ ศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 1

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 9 รปู เรขาคณติ เวลาเรยี น 12 ชวั่ โมง

เรื่อง ลักษณะของรปู สามเหลยี่ ม รปู สีเ่ หลยี่ ม วงกลม และวงรี เวลาเรยี น 1 ช่ัวโมง

สอนวันที่....... เดือน.......................... พ.ศ. .........

.......................................................................................................................................................... ...

มาตรฐานการเรียนรู้

มาตรฐาน ค 2.2 : เข้าใจ และ วิเคราะหร์ ูปเรขาคณิต สมบัตขิ องรูปเรขาคณิต

ความสัมพนั ธ์ระหว่างรูปเรขาคณติ และทฤษฎีบททางเรขาคณติ และ

นาไปใช้

ตวั ชว้ี ดั
ค 2.2 ป.1/1 : จาแนกรูปสามเหลีย่ ม รปู สเี่ หลยี่ ม วงกลม วงรี ทรงส่เี หลี่ยมมุมฉาก ทรง
กลม ทรงกระบอก และกรวย

สาระสาคญั
รูปสามเหล่ียม มี 3 ดา้ น 3 มมุ รูปส่เี หล่ียม มี 4 ดา้ น 4 มุม วงกลมและวงรี ไมม่ ดี า้ น ไมม่ ีมมุ

จุดประสงค์การเรียนรู้
1. อธบิ ายลกั ษณะลักษณะของรปู สามเหลี่ยม รปู สเี่ หล่ยี ม วงกลม และวงรีได้ (K)
2. บอกลกั ษณะของรปู สามเหลย่ี ม รปู สเ่ี หล่ียม วงกลม และวงรไี ด้ (P)
3. นาความรเู้ กย่ี วกับลักษณะของรูปสามเหลยี่ ม รูปสี่เหลยี่ ม วงกลม และวงรีไปใช้แก้ปญั หา

ทางคณติ ศาสตร์ได้ (A)

สาระการเรยี นรู้
ลกั ษณะของรปู สามเหล่ียม รปู ส่เี หลีย่ ม วงกลม และวงรี

ทกั ษะและกระบวนการทางคณติ ศาสตร์
1. ความสามารถในการแก้ปญั หา
2. ความสามารถในการสอ่ื สารและการสือ่ ความหมายทางคณติ ศาสตร์
3. ความสามารถในการใหเ้ หตุผล

คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์
1. มีวนิ ยั
2. ใฝ่เรยี นรู้
3. มงุ่ มน่ั ในการทางาน

กจิ กรรมการเรยี นรู้
ขนั้ นาเขา้ สบู่ ทเรยี น
1. แบง่ นักเรียนเปน็ กลุ่ม กล่มุ ละ 3 – 4 คน ครู ใหน้ กั เรยี นเลน่ เกม “กลอ่ งปริศนา ”

โดยครนู าแผ่นกระดาษสีหรอื พลาสตกิ รูปสามเหลยี่ ม รปู ส่เี หล่ยี ม วงกลม และวงรีที่มีขนาดตา่ งกันใส่
ในกลอ่ งกระดาษท่มี ีชอ่ งอยู่ดา้ นบนกลอ่ งสาหรับเอามือลว้ งเขา้ ไปหยิบของ แล้วใหน้ ักเรียนผลัดกัน
ออกมาสุ่มหยิบแผน่ กระดาษสหี รอื พลาสตกิ รูปเรขาคณิตในกล่อง กอ่ นหยิบออกมาใหน้ ักเรียนทายว่า
เปน็ รปู เรขาคณิตชนิดใดพร้อมบอกเหตผุ ล

ข้นั สอน
2. ครตู ิดรปู สามเหลย่ี มบนกระดาน พร้อมบัตรคา “รปู สามเหลย่ี ม ” ใหน้ กั เรยี นอ่าน

พร้อมกนั แลว้ แนะนาใหน้ กั เรยี นรจู้ ักรูปสามเหล่ียม โดยให้นักเรียนเลือกรปู เรขาคณิตสองมิตทิ จี่ าแนก
ไว้ ท่มี ีลักษณะเช่นเดยี วกบั ท่ีติดบนกระดาน ถอื ไว้ทุกคน ครูแนะนาให้รู้จักดา้ นของรูปสามเหลย่ี ม โดย
ใหท้ ุกคนใช้น้ิวลากไปตามขอบของรปู สามเหล่ียมทลี ะด้าน พร้อมสังเกตว่า ด้านแตล่ ะดา้ นมลี ักษณะ
ตรง แลว้ นบั พรอ้ มกนั จนครบทกุ ด้าน จากน้ันชว่ ยกันสรปุ วา่ ลัก ษณะของรปู สามเหลี่ยมจะมีด้าน 3
ดา้ น มมุ 3 มุม ดงั นี้

3. ครแู นะนา ใหน้ กั เรียนร้จู กั “รปู สี่เหลย่ี ม ” โดยใหท้ า กจิ กรรมทา นองเดียวกับข้อ 2.
ซง่ึ จะทา ให้ไดข้ ้อสรุปว่า รูปส่เี หล่ียมมดี ้าน 4 ดา้ น และมุม 4 มุม และรูปส่เี หลี่ยมแตล่ ะรปู อาจมี
ลกั ษณะแตกต่างกัน แตท่ กุ รูปมดี ้าน 4 ดา้ น และมมุ 4 มุม เช่นเดียวกนั

4. ครใู หน้ ักเรยี นจาแนกรูปเรขาคณติ สองมิตทิ ี่เหลอื โดยใหส้ ังเกตจากขอบของรูป ซึง่
ควรจาแยกได้ 2 กล่มุ คือ วงกลม และวงรี ให้นักเรยี นสา รวจวา่ ทัง้ สองชนดิ มคี วามเหมอื นกนั และ
ความแตกตา่ งกนั อย่างไรบ้าง ครูอาจแนะนา ใหน้ ักเรียนใช้น้ิวลากไปตามขอบของรูป ซึ่งควรจะไดว้ า่
ทั้งสองชนดิ ไมม่ ีด้าน ไม่มมี มุ เหมือนกนั มีเส้นขอบของรูปโคง้ เหมอื นกนั และเมื่อเปรียบเทยี บลกั ษณะ

ของรูปแล้วจะพบว่า ลักษณะของรูปชนดิ หน่ึงจะยาวรคี ลา้ ยขอบจานเปลหรอื รปู ไข่ จากนัน้ ให้นักเรียน
นารูปเรขาคณติ สองมติ ิท่ีจาแนกไดน้ ี้ ติดบนกระดาน ดังนี้

5. ครใู หน้ ักเรียนทาใบงานที่ 6 ลักษณะของรูปสามเหล่ยี ม รูปสเ่ี หลยี่ ม วงกลม และวงรี
เม่ือเสร็จแล้วใหน้ ักเรียนชว่ ยกนั ตรวจสอบความถูกตอ้ ง จากนนั้ ครูและนักเรยี นร่วมกนั เฉลยกิจกรรม
ในใบงานท่ี 6

ขน้ั สรุป
6. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรปุ สง่ิ ทไ่ี ดเ้ รียนรู้รว่ มกัน ดงั น้ี รูปสามเหลย่ี ม มี 3 ดา้ น 3

มุม รปู สีเ่ หลยี่ ม มี 4 ดา้ น 4 มุม วงกลมและวงรี ไม่มดี า้ น ไมม่ มี มุ
สอ่ื การเรียนรู้

1. กลอ่ งกระดาษ
2. แผน่ กระดาษสหี รอื พลาสตกิ รปู สามเหลยี่ ม รูปสีเ่ หลี่ยม วงกลม และวงรี
3. บัตรภาพ
4. ใบงานท่ี 6 ลักษณะของรปู สามเหลีย่ ม รูปส่ีเหล่ียม วงกลม และวงรี

การวดั ผลและประเมนิ ผล

สิ่งท่ีตอ้ งการวัด วิธวี ดั เครื่องมือวดั เกณฑ์การประเมิน
1. ด้านความรู้
ตรวจใบงานที่ 6 ใบงานที่ 6 ผา่ นเกณฑร์ อ้ ยละ 70 ขึ้นไป
2. ด้านทักษะ
กระบวนการ สงั เกตพฤตกิ รรมด้าน แบบสังเกตพฤติกรรม นักเรียนไดค้ ะแนนระดบั
ทกั ษะกระบวนการ
3. ด้านคณุ ลักษณะ ด้านทกั ษะกระบวนการ พอใช้ข้ึนไป
ท่ีพงึ ประสงค์ สงั เกตพฤตกิ รรมดา้ น
คณุ ลักษณะท่ีพงึ แบบสงั เกตพฤตกิ รรม นกั เรียนไดค้ ะแนนคุณภาพ 2
ประสงค์
ด้านคุณลักษณะ ทกุ รายการขึน้ ไปถือวา่ ผา่ น

ที่พงึ ประสงค์ เกณฑ์

ใบงานท่ี 6 ลกั ษณะของรปู สามเหลี่ยม รปู สี่เหลย่ี ม วงกลม และ
วงรี

คาชแ้ี จง สงั เกตรูปท่กี าหนดให้แล้วเตมิ คาตอบลงในชอ่ งวา่ งให้ถกู ต้อง

รูปนม้ี ดี า้ น ดา้ น มมี มุ มุม
เรียกรูปนว้ี ่ารปู ดา้ น มีมุม มุม
ดา้ น มมี ุม มุม
รูปนม้ี ีดา้ น ดา้ น มีมมุ มมุ
เรยี กรูปนี้ว่ารปู ด้าน มีมุม มุม
ด้าน มีมุม มุม
รูปนม้ี ีดา้ น
เรียกรูปน้ีว่ารูป

รูปนมี้ ีดา้ น
เรียกรูปนี้ว่ารปู

รูปนีม้ ดี า้ น
เรยี กรูปนว้ี ่ารูป

รปู นม้ี ีด้าน
เรยี กรปู นี้ว่ารปู

แผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่ 18

รายวิชาคณติ ศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 1

หน่วยการเรยี นรู้ที่ 9 รูปเรขาคณติ เวลาเรยี น 12 ช่ัวโมง

เร่อื ง การเขยี นรปู สามเหลยี่ ม รปู สเ่ี หลี่ยม วงกลม และวงรโี ดยใชแ้ บบของรปู เวลาเรยี น 1 ชัว่ โมง

สอนวันท่ี....... เดือน.......................... พ.ศ. .........

.......................................................................................................................................................... ...

มาตรฐานการเรยี นรู้

มาตรฐาน ค 2.2 : เขา้ ใจ และ วเิ คราะหร์ ปู เรขาคณติ สมบัตขิ องรูปเรขาคณิต

ความสัมพนั ธร์ ะหว่างรูปเรขาคณิต และทฤษฎีบททางเรขาคณิต และ

นาไปใช้

ตัวชี้วดั
ค 2.2 ป.1/1 : จาแนกรูปสามเหลี่ยม รูปสเี่ หลยี่ ม วงกลม วงรี ทรงส่เี หล่ยี มมุมฉาก ทรง
กลม ทรงกระบอก และกรวย

สาระสาคญั
การเขียนรปู สามเหลยี่ ม รูปสี่เหล่ยี ม วงกลม และวงรี อาจใชแ้ บบของรปู มาเปน็ แบบ

จุดประสงค์การเรียนรู้
1. อธบิ ายการเขยี นรปู สามเหล่ยี ม รูปสเี่ หล่ยี ม วงกลม และวงรีโดยใชแ้ บบของรูปได้ (K)
2. สามารถเขยี นรปู สามเหล่ยี ม รูปสีเ่ หล่ียม วงกลม และวงรีโดยใชแ้ บบของรปู ได้ (P)
3. นาความรเู้ กย่ี วกับการเขียนรปู สามเหล่ียม รปู ส่ีเหลย่ี ม วงกลม และวงรีโดยใชแ้ บบของ

รปู ไปใชแ้ กป้ ัญหาทางคณิตศาสตร์ได้ (A)

สาระการเรยี นรู้
การเขยี นรูปสามเหล่ียม รูปส่ีเหลยี่ ม วงกลม และวงรโี ดยใช้แบบของรูป

ทกั ษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์
1. ความสามารถในการแกป้ ัญหา
2. ความสามารถในการส่ือสารและการสอ่ื ความหมายทางคณิตศาสตร์
3. ความสามารถในการให้เหตผุ ล

คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
1. มวี นิ ยั
2. ใฝเ่ รียนรู้
3. มุ่งมน่ั ในการทางาน

กจิ กรรมการเรยี นรู้
ข้นั นาเขา้ สู่บทเรียน
1. ครซู กั ถามถึงรปู เรขาคณิตสองมติ ิท่นี กั เรียนร้จู กั ว่า มีชนดิ ใดบา้ ง ให้นกั เรียนชว่ ยกนั

ตอบ จากน้ันครชู บู ตั รภาพรูปเรขาคณติ สองมติ เิ หลา่ นั้น แลว้ ใหน้ ักเรยี นช่วยกนั ตอบว่า เป็นรูป
เรขาคณิตสองมติ ิชนดิ ใด

ขัน้ สอน
2. ครูให้นกั เรียนวาดรูปสามเหล่ียม รปู ส่ีเหลย่ี ม วงกลม และวงรี อยา่ งละ 1 รูปลงใน

กระดาษ A4 เมือ่ นกั เรยี นวาดเสรจ็ แล้วชูใหเ้ พ่อื น ๆ ดู และใหน้ ักเรยี นสงั เกตผลงานของตนเองและ
ของเพื่อน ๆ ซึง่ จะพบว่า เส้นขอบของรปู ไม่ตรง เสน้ ไมโ่ ค้ง ไมเ่ รียบ รปู บดิ เบี้ยว เปน็ ต้น ครูซกั ถาม
นักเรยี นถึงความร้สู กึ ขณะทว่ี าดแตล่ ะรปู วา่ ร้สู ึกอยา่ งไร วาดง่ายหรือยาก เพราะเหตใุ ด และรูป
เรขาคณิตรปู ใดทนี่ ักเรยี นคดิ ว่าวาดยากที่สุด ครูแนะนาว่าถา้ ตอ้ งการเขยี นรูปให้ถูกตอ้ งสมบูรณ์ เรา
อาจใช้แบบของรูปเรขาคณิตสองมิตชิ ว่ ยการเขียน

3. ครูแนะนาแบบของรปู เรขาคณิตสอง มิติทั้งสองแบบ คอื แบบรูปแบบเจาะ ซึ่งจะ
ลากเส้นตามขอบใน เชน่

4. ครูอธบิ ายวธิ ีวาดรปู สามเหล่ยี ม รปู ส่ีเหลย่ี ม วงกลม และวงรี ครเู ตรียมแผ่นกระดาษ
แข็งสี หรือแผน่ พลาสตกิ ทต่ี ดั เปน็ รปู เรขาคณิต แล้วสาธิตการวาดตามแบบขอบในบนกระดานทีละรูป
ดงั นี้

5. จากนั้นครูแจกแบบของรูปแบบเจาะให้นักเรียนคนละ 1 แผ่น ให้แต่ละคนบอกว่าได้
แบบของรูปเรขาคณติ สองมิติชนดิ ใด แลว้ ใหน้ กั เรยี นฝึกเขยี นรปู ตามแบบของรูปท่ไี ดร้ ับพร้อมเขียน
ชนิดของรปู กากับ จากนน้ั ใหแ้ ตล่ ะคนแลกแบบของรูปกบั เพอ่ื น เพอ่ื เขยี นรปู ให้ครบทง้ั 4 ชนิด คอื รูป
สามเหลี่ยม รปู สเี่ หลย่ี ม วงกลม และวงรี พรอ้ มเขียนชนดิ ของรปู กากับ

6. ครแู จกแบบของรปู แบบลากเสน้ ตามขอบนอก ให้นักเรยี นคนละ 1 แผน่ แลว้ ทา
กิจกรรมทานองเดยี วกนั กับข้อ 5.

7. ครใู ห้นักเรียนทา ใบงานที่ 7 การเขยี นรปู สามเหลีย่ ม รูปสีเ่ หลย่ี ม วงกลม และวงรี
โดยใชแ้ บบของรูป เมอื่ เสร็ จแล้วให้นกั เรยี นช่วยกนั ตรวจสอบความถูกตอ้ ง จากนน้ั ครแู ละนักเรียน
รว่ มกันเฉลยกิจกรรมในใบงานท่ี 7

ข้นั สรุป
8. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปสงิ่ ที่ไดเ้ รยี นรรู้ ว่ มกนั ดังน้ี การเขยี นรปู สามเหลย่ี ม รูป

สี่เหล่ยี ม วงกลม และวงรี อาจใชแ้ บบของรปู มาเปน็ แบบ

สอ่ื การเรยี นรู้
1. บัตรภาพรูปเรขาคณติ สองมิติ
2. แบบรปู แบบเจาะ
3. ใบงานท่ี 7 การเขียนรปู สามเหลีย่ ม รูปสี่เหล่ยี ม วงกลม และวงรโี ดยใชแ้ บบของรปู

การวดั ผลและประเมนิ ผล

ส่ิงทตี่ อ้ งการวัด วิธวี ดั เครอ่ื งมอื วดั เกณฑก์ ารประเมิน
1. ด้านความรู้
ตรวจใบงานท่ี 7 ใบงานท่ี 7 ผ่านเกณฑ์รอ้ ยละ 70 ขน้ึ ไป
2. ดา้ นทกั ษะ
กระบวนการ สงั เกตพฤติกรรมด้าน แบบสงั เกตพฤติกรรม นักเรียนได้คะแนนระดับ
ทกั ษะกระบวนการ
3. ดา้ นคุณลกั ษณะ ดา้ นทกั ษะกระบวนการ พอใช้ข้ึนไป
ทพ่ี งึ ประสงค์ สงั เกตพฤติกรรมด้าน
คุณลักษณะทพี่ ึง แบบสังเกตพฤติกรรม นกั เรยี นไดค้ ะแนนคุณภาพ 2
ประสงค์
ดา้ นคุณลักษณะ ทุกรายการขนึ้ ไปถอื วา่ ผ่าน

ที่พงึ ประสงค์ เกณฑ์

ใบงานท่ี 7 การเขยี นรูปสามเหลี่ยม รปู สเ่ี หลี่ยม วงกลม และวงรี
โดยใชแ้ บบของรูป

คาช้แี จง เขียนรูปตามข้อกาหนดโดยใชแ้ บบรูป

รูปสามเหลยี่ มอย่ใู นวงกลม วงกลมอยู่ในรูปส่เี หลี่ยม

วงรีอยู่ในรูปสามเหล่ยี ม รูปสีเ่ หลี่ยมอยใู่ นวงรี

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 19

รายวชิ าคณิตศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ 1

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 9 รูปเรขาคณติ เวลาเรยี น 12 ช่วั โมง

เร่ือง การเขยี นรปู สามเหล่ยี ม รปู ส่ีเหล่ียม วงกลม และวงรี เวลาเรยี น 1 ช่วั โมง

โดยใช้ส่ิงของเปน็ แบบ

สอนวันที่....... เดือน.......................... พ.ศ. .........

.......................................................................................................................................................... ...

มาตรฐานการเรยี นรู้

มาตรฐาน ค 2.2 : เข้าใจ และ วิเคราะหร์ ูปเรขาคณิต สมบตั ขิ องรูปเรขาคณติ

ความสมั พันธ์ระหว่างรปู เรขาคณิต และทฤษฎีบททางเรขาคณติ และ

นาไปใช้

ตัวชีว้ ัด
ค 2.2 ป.1/1 : จาแนกรปู สามเหลย่ี ม รูปสีเ่ หลย่ี ม วงกลม วงรี ทรงสีเ่ หล่ยี มมุมฉาก ทรง
กลม ทรงกระบอก และกรวย

สาระสาคญั
การเขียนรูปสามเหล่ียม รปู สเี่ หลี่ยม วงกลม และวงรี อาจใช้สิง่ ของรอบตัวมาเปน็ แบบ

จุดประสงค์การเรยี นรู้
1. อธบิ ายการเขยี นรปู สามเหล่ยี ม รปู สเ่ี หล่ยี ม วงกลม และวงรโี ดยใช้สิ่งของเปน็ แบบได้ (K)
2. สามารถเขยี นรูปสามเหลย่ี ม รูปสเ่ี หลี่ยม วงกลม และวงรโี ดยใช้สง่ิ ของเปน็ แบบได้ (P)
3. นาความร้เู ก่ยี วกบั การเขียนรูปสามเหลย่ี ม รูปสีเ่ หล่ียม วงกลม และวงรีโดยใชส้ ่งิ ของเป็น

แบบไปใช้แก้ปญั หาทางคณติ ศาสตร์ได้ (A)

สาระการเรียนรู้
การเขียนรปู สามเหลยี่ ม รปู สเ่ี หลี่ยม วงกลม และวงรีโดยใชส้ ่งิ ของเป็นแบบ

ทกั ษะและกระบวนการทางคณติ ศาสตร์
1. ความสามารถในการแก้ปัญหา
2. ความสามารถในการสื่อสารและการสอ่ื ความหมายทางคณติ ศาสตร์
3. ความสามารถในการใหเ้ หตผุ ล

คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
1. มวี นิ ัย
2. ใฝ่เรียนรู้
3. ม่งุ มัน่ ในการทางาน

กิจกรรมการเรียนรู้
ขัน้ นาเขา้ สบู่ ทเรยี น
1. ครนู าสนทนาถงึ การเขียนรูปเรขาคณิตสองมิติ ให้มคี วามถกู ต้องสมบรู ณ์ ควรใช้

เครอื่ งมอื ใดชว่ ยในการเขียนรูป (แบบของรปู เรขาคณิตสองมิติ ) ครูสุ่มนกั เรียนให้เขียนรปู สามเหลยี่ ม
รูปสี่เหลีย่ ม วงกลม และวงรี บนกระดาน โดยใช้แบบของรูปเรขาคณติ สองมิติ ท้งั แบบเจาะและแบบ
ลากเสน้ ตามขอ บนอก พรอ้ มเขียนชนิดของรูปเรขาคณติ กา กบั ด้วย จากนัน้ แนะนา เพ่มิ เตมิ วา่
นอกจากจะใชแ้ บบของรปู เรขาคณติ สองมติ เิ ป็นแบบในการเขยี นรูปแล้ว ยงั อาจใช้สิง่ ตา่ ง ๆ มาเป็น
แบบในการเขยี นรปู เรขาคณิตสองมติ ไิ ด้เช่นกนั เช่น แหวน เงนิ เหรียญ การด์ แขง็ จานเปล

ข้นั สอน
2. ครแู จกสิ่งต่าง ๆ ทีม่ บี างสว่ นมลี ักษณะเปน็ รปู สามเหล่ียม รูปสเ่ี หลย่ี ม วงกลม และ

วงรี เช่น กล่องไมข้ ีด แกว้ นา้ จานเปล เหรียญ ถ้วย หอ่ ชอ็ คโกแลต กระดมุ เปน็ ต้น โดยใหค้ นละ 1
ชิ้น แลว้ ทาการสารวจว่าส่งิ ต่าง ๆ เหลา่ น้ัน มีส่วนใดบา้ งท่เี ป็นรูปสามเหลยี่ ม รปู สเี่ หล่ยี ม วงกลม และ
วงรี แล้วนาเสนอหนา้ ชัน้ โดยใชน้ ิ้วลากไปตามขอบประกอบการอธบิ ายและบอกวา่ เป็นรปู เรขาคณติ
สองมิตชิ นดิ ใด จากน้นั ครแู นะนา วา่ เราสามารถนา สว่ นตา่ ง ๆ เหลา่ นน้ั มาเปน็ แบบในการเขียนรปู
เรขาคณิตสองมติ ิไดเ้ ชน่ เดียวกับแบบของรูปเรขาคณติ สองมติ ิ

3. ครสู าธติ การใชส้ ง่ิ ตา่ ง ๆ เปน็ แบ บในการเขยี นรูปเรขาคณิตสองมติ ิบนกระดาน
จากนัน้ ให้นกั เรยี นฝกึ เขียนรูปสามเหล่ยี ม รูปสเ่ี หล่ยี ม วงกลม และวงรี จากส่ิงตา่ ง ๆ ทีไ่ ด้รบั โดย
นกั เรียนอาจแลกเปลย่ี นสิ่งต่าง ๆ นน้ั กบั เพ่ือน เพ่ือเขียนรปู เรขาคณิตสองมติ ิใหค้ รบท้งั สี่ชนิด พร้อม
เขยี นชนิดของรปู กากับไวด้ ว้ ย ครตู รวจสอบความถูกตอ้ ง

4. ครใู หน้ ักเรยี นทา ใบงานที่ 8 การเขียนรปู สามเหลีย่ ม รูปส่ีเหลี่ยม วงกลม และวงรี
โดยใช้สิ่งของเป็นแบบ เม่ือเสร็จแลว้ ให้นักเรยี นชว่ ยกันตรวจสอบความถกู ตอ้ ง จากนน้ั ครแู ละนักเรยี น
ร่วมกันเฉลยกิจกรรมในใบงานที่ 8

ขั้นสรุป
5. ครูและนักเรียนรว่ มกนั สรปุ สงิ่ ท่ไี ดเ้ รยี นร้รู ว่ มกนั ดงั น้ี การเขียนรูปสามเหลย่ี ม รูป

สี่เหลยี่ ม วงกลม และวงรี อาจใชส้ ่งิ ของรอบตัวมาเป็นแบบ

สอ่ื การเรียนรู้
1. แบบของรปู เรขาคณิตสองมติ ิแบบเจาะและแบบลากเส้นตามขอบนอก
2. สง่ิ ต่าง ๆ ทีม่ ีบางสว่ นมลี ักษณะเปน็ รปู สามเหลย่ี ม รปู สี่เหลย่ี ม วงกลม และวงรี เชน่

กลอ่ งไมข้ ีด แก้วนา้ จานเปล เหรียญ ถ้วย กระดมุ เป็นตน้
3. ใบงานท่ี 8 การเขยี นรูปสามเหลีย่ ม รปู ส่เี หล่ียม วงกลม และวงรโี ดยใชส้ ิ่งของเปน็ แบบ

การวดั ผลและประเมนิ ผล

สิ่งท่ีตอ้ งการวัด วิธวี ดั เครื่องมือวดั เกณฑ์การประเมิน
1. ด้านความรู้
ตรวจใบงานที่ 8 ใบงานที่ 8 ผา่ นเกณฑร์ อ้ ยละ 70 ขึ้นไป
2. ด้านทักษะ
กระบวนการ สงั เกตพฤตกิ รรมด้าน แบบสังเกตพฤติกรรม นักเรียนไดค้ ะแนนระดบั
ทกั ษะกระบวนการ
3. ด้านคณุ ลักษณะ ด้านทกั ษะกระบวนการ พอใช้ข้ึนไป
ท่ีพงึ ประสงค์ สงั เกตพฤตกิ รรมดา้ น
คณุ ลักษณะท่ีพงึ แบบสงั เกตพฤตกิ รรม นกั เรียนไดค้ ะแนนคุณภาพ 2
ประสงค์
ด้านคุณลักษณะ ทกุ รายการขึน้ ไปถือวา่ ผา่ น

ที่พงึ ประสงค์ เกณฑ์

ใบงานที่ 8 การเขียนรูปสามเหล่ยี ม รปู สเ่ี หลี่ยม วงกลม และวงรี
โดยใช้สิ่งของเป็นแบบ

คาชแ้ี จง เลือกส่ิงของมาเปน็ แบบในการเขยี นรูปสามเหลี่ยม รปู สี่เหล่ยี ม วงกลม
และวงรี

รปู สามเหล่ยี ม

รูปสีเ่ หลี่ยม

วงกลม

วงรี

แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 20

รายวชิ าคณติ ศาสตร์ ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 1

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 9 รปู เรขาคณิต เวลาเรยี น 12 ช่วั โมง

เร่ือง แบบรูปซ้าของรปู เรขาคณติ และรปู อื่น ๆ เวลาเรยี น 1 ชั่วโมง

สอนวันที่....... เดอื น.......................... พ.ศ. .........

.......................................................................................................................................................... ...

มาตรฐานการเรียนรู้

มาตรฐาน ค 1.2 : เข้าใจและวเิ คราะหแ์ บบรปู ความสัมพันธ์ ฟงั ก์ชนั ลาดับและอนกุ รม

และนาไปใช้

ตัวชี้วดั
ค 1.2 ป.1/1 : ระบุจานวนทหี่ ายไปในแบบรูปของจานวนที่เพม่ิ ข้นึ หรอื ลดลงทลี ะ 1 และที
ละ 10 และระบุรปู ทห่ี ายไปในแบบรปู ซา้ ของรูปเรขาคณิตและรปู อนื่ ๆ ท่ี
สมาชกิ ในแต่ละชดุ ที่ซ้ามี 2 รปู

สาระสาคญั
แบบรูปซา้ ของรปู เรขาคณติ และรูปอืน่ ๆ เปน็ การเรียงรปู เรขาคณติ หรอื รปู อน่ื ๆ เป็นชดุ ทซี่ ้า

ไปเรอื่ ย ๆ โดยชดุ ท่ีซา้ ในแบบรูปอาจเก่ยี วกบั รปู รา่ ง ขนาด หรอื สี

จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. อธิบายแบบรูปซา้ ของรปู เรขาคณติ และรปู อ่ืน ๆ ได้ (K)
2. บอกชดุ ท่ซี ้าของรปู เรขาคณติ และรปู อ่ืน ๆ ทกี่ าหนดได้ (P)
3. นาความรเู้ ก่ยี วกับแบบรปู ซา้ ของรูปเรขาคณติ และรปู อ่นื ๆไปใช้แก้ปัญหาทาง

คณติ ศาสตรไ์ ด้ (A)

สาระการเรียนรู้
แบบรูปซา้ ของรปู เรขาคณติ และรปู อื่น ๆ

ทักษะและกระบวนการทางคณติ ศาสตร์
1. ความสามารถในการแก้ปัญหา
2. ความสามารถในการสอ่ื สารและการสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์
3. ความสามารถในการให้เหตุผล

คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์
1. มวี นิ ยั
2. ใฝ่เรียนรู้
3. ม่งุ ม่นั ในการทางาน

กิจกรรมการเรยี นรู้
ขั้นนาเข้าสบู่ ทเรียน
1. นกั เรยี นทบทวน เรือ่ ง รูปสามเหลยี่ ม รูปส่ีเหล่ียม วงกลม วงรี พจิ ารณาบตั รภาพบน

กระดาน นักเรียนร่วมกนั ทายว่า บัตรภาพแต่ละใบเปน็ รปู เรขาคณิตสองมิตชิ นดิ ใด ตวั แทนนักเรียน
ออกมาเฉลยโดยการเปดิ บตั รภาพครั้งละ 1 ใบ เมื่อครบแล้วร่วมกนั สรปุ วา่ นกั เรียนทายถูกกีร่ ปู

ข้นั สอน
2. ครูติดบตั รภาพสร้อยลูกปดั บนกราน นกั เรยี นสังเกตแลละตอบคาถาม ดังน้ี

- สร้อยลกู ปดั มลี กู ปัดท่ีรปู ร่างมรี ปู อะไรบา้ ง ( และ )

- ชุดของสร้อยลกู ปัดน้ีมคี วามสัมพันธก์ นั อยา่ งไร (มีรปู และ

สลบั กนั ครัง้ ละ 1 โดยเร่มิ จาก ต่อดว้ ย เสมอ)

- ถ้าจะรอ้ ยสร้อยในลักษณะนี้ต่อไปอีก ลูกปดั ท่จี ะร้อยตอ่ ไปต้องเป็นอยา่ งไร (

และ ซ้าเดมิ )

ครูแนะนาวา่ การเรียงซา้ กันของรปู เปน็ ชุดไปเรอื่ ย ๆ ลักษณะน้เี รียกวา่ แบบรปู ซงึ่

แบบรปู นี้เปน็ แบบรูปซา้ ของรปู เรขาคณติ ทมี่ ีสเี ดียวกนั ขนาดใกลเ้ คียงกัน แตร่ ปู รา่ งต่างกนั เรยี กว่า

แบบรปู ซา้ ทีเ่ กย่ี วกับรปู ร่างโดยมี เปน็ ชุดที่ซ้า)

3. ครนู าบตั รภาพกระถางท่มี ีสีเดียวกัน แต่ขนาดตา่ งกนั มาติดบนกระดานใหเ้ ปน็ แบบ

รปู ซา้ ท่ีเก่ยี วกับรปู รา่ ง ดงั นี้

ครูแนะนาวา่ การเรยี งซ้ากนั ของกระถาง ที่มีขนาดตา่ งกนั 2 ขนาด วางเรยี งตอ่ กนั
เปน็ ชดุ ซ้าไปเร่อื ย ๆ การวางเรยี งกระถางแบบนมี้ ีลกั ษณะเปน็ แบบรปู ซา้ ทเี่ ก่ียวกับรูปร่าง ท่ีมี

เปน็ ชดุ ทซ่ี ้า
4. ครูนาบตั รภาพธงสที ี่มรี ปู รา่ งเหมอื นกนั ขนาดเท่ากนั แต่สตี า่ งกนั มาติดบนกระดาน
ใหเ้ ปน็ แบบรูปซ้าที่เกี่ยวกบั สี ดงั นี้

ครแู นะนาว่าการเรียงซ้ากนั ของธงสตี ่างกนั 2 สี วางเรียงต่อกันเป็นชดุ ซ้าไปเรื่อย ๆ
การวางธงแบบน้มี ีลักษณะเป็นแบบรูปซา้ ที่มี และ เป็นชดุ ท่ซี ้า

5. ครใู หน้ ักเรยี นทาใบงานที่ 9 แบบรปู ซ้าของรปู เรขาคณติ และรปู อ่ืน ๆ เม่ือเสรจ็ แล้ว
ให้นักเรียนช่วยกนั ตรวจสอบความถกู ต้อง จากนนั้ ครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยกจิ กรรมในใบงานที่ 9

ขนั้ สรปุ
6. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันสรปุ ส่งิ ทไ่ี ดเ้ รยี นรูร้ ว่ มกัน ดงั นี้ แบบรูปซ้าของรูปเรขาคณิต

และรูปอื่น ๆ เปน็ การเรียงรูปเรขาคณติ หรอื รปู อืน่ ๆ เป็นชุดท่ีซา้ ไปเรอ่ื ย ๆ โดยชุดทซี่ ้าในแบบรปู อาจ
เกย่ี วกับรูปร่าง ขนาด หรือสี

สอ่ื การเรียนรู้
1. บัตรภาพ
2. บตั รภาพสรอ้ ยลูกปัด
3. บัตรภาพกระถาง
4. บตั รภาพธงสี
5. ใบงานที่ 9 แบบรูปซ้าของรปู เรขาคณิตและรปู อนื่ ๆ

การวัดผลและประเมินผล

สิ่งทต่ี อ้ งการวัด วธิ ีวดั เคร่ืองมือวดั เกณฑก์ ารประเมิน

1. ด้านความรู้ ตรวจใบงานที่ 9 ใบงานท่ี 9 ผา่ นเกณฑ์ร้อยละ 70 ขน้ึ ไป

2. ดา้ นทักษะ สงั เกตพฤติกรรมด้าน แบบสังเกตพฤตกิ รรม นักเรยี นได้คะแนนระดบั
กระบวนการ ทักษะกระบวนการ
ด้านทักษะกระบวนการ พอใช้ขึน้ ไป
3. ดา้ นคณุ ลักษณะ สังเกตพฤติกรรมดา้ น
ที่พงึ ประสงค์ คณุ ลกั ษณะท่พี ึง แบบสังเกตพฤตกิ รรม นักเรียนไดค้ ะแนนคณุ ภาพ 2
ประสงค์
ด้านคณุ ลักษณะ ทกุ รายการขึ้นไปถอื วา่ ผ่าน

ที่พงึ ประสงค์ เกณฑ์

ใบงานท่ี 9 แบบรูปซ้าของรูปเรขาคณิตและรูปอื่น ๆ

คาชแ้ี จง นับและบอกจานวนส่ิงของ

1. เขียน  หนา้ แบบรปู ทมี่ ี เปน็ ชดุ ทซ่ี ้าในแบบรปู



2. เขียน  หน้าแบบรูปทม่ี ี เป็นชดุ ทซ่ี ้าในแบบรปู




3. เขียน  หน้าแบบรปู ที่มี เปน็ ชดุ ที่ซ้าในแบบรูป



4. เขยี น  หน้าแบบรูปที่มี เป็นชดุ ทีซ่ ้าในแบบรูป



แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 21

รายวิชาคณิตศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 1

หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 9 รปู เรขาคณิต เวลาเรยี น 12 ชว่ั โมง

เรื่อง การหารปู ท่หี ายไปในแบบรปู ซ้าของรปู เรขาคณิตและรปู อื่น ๆ เวลาเรียน 1 ชว่ั โมง

สอนวนั ที่....... เดือน.......................... พ.ศ. .........

.......................................................................................................................................................... ...

มาตรฐานการเรยี นรู้

มาตรฐาน ค 1.2 : เข้าใจและวเิ คราะห์ แบบรปู ความสมั พันธ์ ฟังก์ชนั ลาดับและอนุกรม

และนาไปใช้

ตวั ชี้วัด
ค 1.2 ป.1/1 : ระบุจานวนทห่ี ายไปในแบบรปู ของจานวนทเ่ี พิ่มข้นึ หรอื ลดลงทีละ 1 และที
ละ 10 และระบรุ ูปทห่ี ายไปในแบบรปู ซา้ ของรูปเรขาคณติ และรูปอืน่ ๆ ที่
สมาชกิ ในแต่ละชุดทซ่ี า้ มี 2 รปู

สาระสาคัญ
การหารปู ที่หายไปในแบบรูปซ้าของรูปเรขาคณติ และรปู อืน่ ๆ จะต้องหาชดุ ที่ซ้าของแบบรปู

ก่อน

จุดประสงค์การเรยี นรู้
1. อธิบายการหารูปที่หายไปในแบบรปู ซา้ ของรูปเรขาคณติ และรปู อืน่ ๆ ได้ (K)
2. บอกรปู ทห่ี ายไปในแบบรูปซ้าของรปู เรขาคณิตและรปู อน่ื ๆ ได้ (P)
3. นาความรเู้ ก่ียวกับการหารปู ทห่ี ายไปในแบบรปู ซา้ ของรูปเรขาคณิตและรูปอ่นื ๆ ไปใช้

แกป้ ญั หาทางคณิตศาสตรไ์ ด้ (A)

สาระการเรียนรู้
การหารูปที่หายไปในแบบรูปซา้ ของรปู เรขาคณติ และรปู อ่ืน ๆ

ทกั ษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์
1. ความสามารถในการแก้ปญั หา
2. ความสามารถในการสอื่ สารและการสอ่ื ความหมายทางคณติ ศาสตร์
3. ความสามารถในการใหเ้ หตุผล

คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
1. มีวินัย
2. ใฝ่เรียนรู้
3. มุ่งมน่ั ในการทางาน

กิจกรรมการเรียนรู้
ข้ันนาเขา้ สู่บทเรยี น
1. ครูทบทวนแบบรปู ซ้าของรูปเรขาคณติ และรูปอื่น ๆ โดยครนู าบัตรภาพการวางขลยุ่

กับกลองตดิ บนกระดานให้นักเรยี นพจิ ารณาแลว้ ตอบคาถาม ดังน้ี

- แบบรปู ชุดนี้ประกอบด้วยรูปอะไรบ้าง (ขลุ่ยและกลอง)
- แบบรปู ชุดนี้สัมพันธก์ นั อยา่ งไร (มรี ปู ขลยุ่ และรปู กลองสลบั กนั คร้ังละหนึง่ รูป
โดยเริม่ จากรูปขลุ่ยต่อด้วยรปู กลองเสมอ)
- จากแบบรปู เคร่ืองดนตรีถัดไปคือเคร่ืองดนตรใี ด (ขลุ่ย)
ขนั้ สอน
2. ครูติดบตั รภาพใหเ้ ป็นแบบรูปซา้ ที่เก่ียวกบั รปู ร่าง ขนาด หรอื สี อยา่ งใดอยา่ งหนึง่
ใหน้ กั เรยี นสงั เกตแบบรปู แลว้ บอกวา่ รูปท่ีหายไปในแบบรูปคอื รูปอะไร พร้อมกับตอบคาถามดังน้ี

ตัวอย่างที่ 1

- แบบรูปชดุ นีม้ ีชุดทีซ่ า้ คืออะไร ( )

- ชุดท่ซี ้าในแบบรปู วางเรียงกันอยา่ งไร (เรมิ่ ตน้ ที่ และ วางเรยี งต่อกนั

เป็นชุดทีซ่ ้าไปเรอ่ื ย ๆ)

- รปู ทีห่ ายไปคอื รูปอะไร เพราะเหตใุ ด ( เพราะรูปปในแบบรปู นว้ี างเรยี ง

สลบั กันเป็นชดุ ของรูปทรงกระบอกกับรูปทรงสีเ่ หล่ยี ม และรปู ก่อนหน้ารปู ทีห่ ายไปเป็นรปู ทรง

ส่ีเหลี่ยม ดังนัน้ รูปท่ีหายไปตอ้ งเป็นรูปทรงกระบอก)

จากน้ันใหน้ ักเรียนตรวจสอบวา่ เมื่อวางรปู ทรงกระบอกลงไปแล้วแบบรูปนี้ยงั คงเปน็

แบบรปู ซ้าทีม่ ีทรงกระบอกกับทรงสเ่ี หลยี่ มวางต่อกันเป็นชุดซ้าไปเรื่อย ๆ หรอื ไม่

ตวั อยา่ งท่ี 2

- รูปท่ีหายไปคอื รปู อะไร เพราะเหตุใด (ทรงสเ่ี หลย่ี มขนาดใหญ่ เพราะรูปในแบบ
รูปนว้ี างเรียงสลบั กันเป็นชดุ ของทรงสเี่ หลย่ี มขนาดใหญแ่ ละทรงสี่เหลีย่ มขนาดเล็ก และรูปก่อนหน้า
รปู ท่หี ายไปเป็นรูปทรงส่เี หลยี่ มขนาดเลก็ ดงั น้นั รูปทห่ี ายไปตอ้ งเปน็ ทรงสเ่ี หลยี่ มขนาดใหญ่)

จากนนั้ ให้นักเรยี นตรวจสอบวา่ เม่อื วางทรงสเ่ี หล่ยี มขนาดใหญล่ งไปแล้วแบบรปู น้ี
ยงั คงเปน็ แบบรปู ซา้ หรอื ไม่ (เป็น) เพราะเหตุใด (ทรงสเ่ี หล่ียมขนาดใหญ่กับทรงส่เี หล่ยี มขนาดเล็กวาง
เรียงสลับกันเป็นชดุ ท่ซี ้าไปเรอื่ ย ๆ)

ตวั อยา่ งที่ 3

- รปู ทหี่ ายไปคอื รปู อะไร เพราะเหตุใด (ทรงกระบอกสีเหลือง เพราะรูปในแบบ
รูปน้วี างเรียงสลับกันเปน็ ชุดของทรงกระบอกสีนา้ เงินและทรงกระบอกสีเหลอื ง และรูปกอ่ นหน้ารูปที่
หายไปเปน็ ทรงกระบอกสีนา้ เงิน ดงั น้นั รูปท่ีหายไปต้องเป็นทรงกระบอกสีเหลือง)

จากนนั้ ให้นักเรียนตรวจสอบว่า เม่อื วางทรงกระบอกสีเหลอื งลงไปแลว้ แบบรปู น้ี
ยังคงเป็นแบบรปู ซ้าหรือไม่ (เป็น) เพราะเหตุใด (ทรงกระบอกสีนา้ เงินกับทรงกระบอกสีเหลืองวาง
เรียงสลับกนั เปน็ ชุดท่ซี ้าไปเรื่อย ๆ)

3. ครใู หน้ กั เรียนทาใบงานท่ี 10 การหารปู ท่หี ายไปในแบบรูปซ้าของรปู เรขาคณติ และ
รูปอ่นื ๆ เม่อื เสร็จแล้วให้นกั เรยี นช่วยกันตรวจสอบความถูกตอ้ ง จากนัน้ ครูและนักเรยี นร่วมกันเฉลย
กจิ กรรมในใบงานที่ 10

ข้นั สรุป
4. ครแู ละนักเรียนร่วมกนั สรปุ ส่ิงท่ีไดเ้ รียนรู้รว่ มกนั ดังนี้ การหารปู ที่หายไปในแบบรปู

ซ้าของรปู เราขาคณิตและรปู อน่ื ๆ จะต้องหาชุดทีซ่ าของแบบรูปกอ่ น

สอ่ื การเรยี นรู้
1. บตั รภาพ
2. ใบงานท่ี 10 การหารูปท่หี ายไปในแบบรูปซ้าของรปู เรขาคณติ และรปู อนื่ ๆ

การวัดผลและประเมินผล

ส่งิ ทตี่ อ้ งการวัด วธิ ีวัด เครื่องมือวัด เกณฑก์ ารประเมนิ
1. ด้านความรู้
ตรวจใบงานที่ 10 ใบงานที่ 10 ผ่านเกณฑร์ อ้ ยละ 70 ขึ้นไป
2. ดา้ นทักษะ
กระบวนการ สงั เกตพฤตกิ รรมดา้ น แบบสงั เกตพฤตกิ รรม นักเรียนไดค้ ะแนนระดับ
ทักษะกระบวนการ
3. ดา้ นคณุ ลกั ษณะ ด้านทักษะกระบวนการ พอใช้ขึ้นไป
ทพ่ี ึงประสงค์ สังเกตพฤติกรรมดา้ น
คณุ ลกั ษณะที่พงึ แบบสงั เกตพฤติกรรม นักเรียนไดค้ ะแนนคณุ ภาพ 2
ประสงค์
ด้านคุณลักษณะ ทุกรายการข้ึนไปถอื ว่าผา่ น

ที่พึงประสงค์ เกณฑ์

ใบงานท่ี 10 การหารปู ท่หี ายไปในแบบรูปซ้าของรปู เรขาคณติ และ
รปู อนื่ ๆ

คาชแ้ี จง กา  ทบั รปู ท่ีหายไปจากชดุ แบบรปู อนื่ ๆ ที่กาหนด

……….. ………….
…………. ………….

………….

………. .

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 22

รายวชิ าคณติ ศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 1

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 9 รปู เรขาคณติ เวลาเรียน 12 ชั่วโมง

เรื่อง การสรา้ งแบบรปู ซา้ ของรูปเขาคณิตและรปู อ่นื ๆ เวลาเรยี น 1 ชัว่ โมง

สอนวนั ที่....... เดือน.......................... พ.ศ. .........

.......................................................................................................................................................... ...

มาตรฐานการเรียนรู้

มาตรฐาน ค 1.2 : เขา้ ใจและวเิ คราะหแ์ บบรูป ความสมั พนั ธ์ ฟงั ก์ชนั ลาดบั และอนุกรม

และนาไปใช้

ตวั ชี้วัด
ค 1.2 ป.1/1 : ระบจุ านวนทห่ี ายไปในแบบรปู ของจานวนท่ีเพ่มิ ข้นึ หรือลดลงทีละ 1 และที
ละ 10 และระบรุ ูปท่ีหายไปในแบบรูปซ้าของรปู เรขาคณิตและรูปอ่ืน ๆ ที่
สมาชิกในแต่ละชุดทซ่ี า้ มี 2 รปู

สาระสาคัญ
การสรา้ งแบบรูปซ้าของรูปเรขาคณิตและรปู อ่ืน ๆ อาจสร้างได้ 3 ลักษณะ คอื แบบรปู ซา้ ที่

เกีย่ วกับสี แบบรปู ซา้ ทีเ่ ก่ียวกบั รูปรา่ ง และแบบรูปซ้าท่เี กยี่ วกบั ขนาด

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1. อธบิ ายการสร้างแบบรปู ซ้าของรูปเขาคณติ และรปู อื่น ๆ ได้ (K)
2. สร้างแบบรปู ซา้ ของรปู เรขาคณติ และรปู อื่น ๆ ตามตวั อยา่ งและตามจินตนาการได้ (P)
3. นาความรเู้ กีย่ วกบั การสร้างแบบรูปซา้ ของรปู เขาคณิตและรปู อ่นื ๆ ไปใช้แกป้ ญั หาทาง

คณิตศาสตรไ์ ด้ (A)

สาระการเรยี นรู้
การสร้างแบบรปู ซ้าของรปู เขาคณติ และรูปอนื่ ๆ

ทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์
1. ความสามารถในการแกป้ ญั หา
2. ความสามารถในการสอ่ื สารและการส่ือความหมายทางคณิตศาสตร์
3. ความสามารถในการใหเ้ หตุผล

คุณลักษณะอนั พึงประสงค์
1. มีวนิ ัย
2. ใฝเ่ รยี นรู้
3. มุ่งมัน่ ในการทางาน

กจิ กรรมการเรียนรู้
ขนั้ นาเขา้ สู่บทเรยี น
1. ครูนาเสนอภาพสง่ิ ต่าง ๆ รอบตวั นกั เรียนทมี่ ีแบบรูปซา้ ทเ่ี กยี่ วกบั สี เช่น เสน้ จราจร

ขาว-แดง ทางม้าลายขาว- ดา จากน้ันใหน้ ักเรยี นสงั เกตในหอ้ งเรยี นวา่ มีแบบรปู ซ้าหรือไม่ ถา้ มเี ป็น
แบบรปู ซา้ เกีย่ วกบั อะไร

ขั้นสอน
2. ครูติดแบบรูปทเ่ี ก่ยี วกับสีบนกระดานและให้นักเรยี นทาตาม เช่น ครเู ตรียมรูป

ดอกไม้ 2 สี แล้ววางเปน็ แบบรปู ดังนี้

เม่ือตัวแทนนกั เรยี นคนแรกออกมาติดรูปดอกไมใ้ ห้เหมือนกับแบบรปู ที่ครกู าหนด
แลว้ ให้นกั เรียนคนที่ 2 บอกชุดทซ่ี ้าและตดิ ดอกไม้ตอ่ จากแบบรปู ของนักเรียนค นแรกอกี 2 รูป
จากนัน้ ใหน้ กั เรยี นคนที่ 3 ออกมาตดิ ดอกไม้ให้เป็นแบบรูป โดยไม่ซ้ากบั แบบรปู ของครู และให้
นกั เรยี นคนอนื่ บอกชดุ ท่ีซ้าและตดิ รปู ดอกไม้ตอ่ จากแบบรูปอีก 2 – 3 รูป

ครูแนะนาว่าการสร้างแบบรปู ซ้าที่เกี่ยวกับสี ควรเริม่ จากกาหนดชุดท่ซี ้ากอ่ น
3. ครนู าเสนอแบบรู ปซ้าทีเ่ กี่ยวกบั รูปร่าง ให้นกั เรยี นดูตัวอย่างหลาย ๆ แบบ ท้ังรปู
เรขาคณติ และรูปอืน่ ๆ อาจเพิ่มกจิ กรรมโดยใชก้ ระดาษแข็งตดั เป็นรูปตา่ ง ๆ เชน่ ผลไม้ สัตว์ สิง่ ของ
ให้นกั เรียนวางตามตัวอย่าง ตามจินตนาการ
4. ครูให้นักเรียนทาใบงานท่ี 11 การสร้างแบบรูปซา้ ของรูปเขาคณติ และรปู อ่ืน ๆ เมือ่
เสร็จแลว้ ใหน้ ักเรียนชว่ ยกันตรวจสอบความถกู ตอ้ ง จากน้นั ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั เฉลยกิจกรรมใน ใบ
งานท่ี 11
ขน้ั สรุป
5. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั สรุปส่งิ ทไ่ี ด้เรยี นรู้รว่ มกนั ดังน้ี การหารปู ทหี่ ายไปในแบบรปู
ซา้ ของรูปเราขาคณติ และรปู อน่ื ๆ จะตอ้ งหาชุดท่ซี าของแบบรปู ก่อน

สอ่ื การเรยี นรู้
1. แบบรปู ที่เกีย่ วกบั สี
2. กระดาษแขง็ ตัดเปน็ รูปต่าง ๆ
3. ใบงานที่ 11 การสรา้ งแบบรูปซ้าของรปู เขาคณิตและรูปอื่น ๆ

การวัดผลและประเมินผล

ส่งิ ทตี่ อ้ งการวัด วธิ ีวัด เครื่องมือวัด เกณฑก์ ารประเมนิ
1. ด้านความรู้
ตรวจใบงานที่ 11 ใบงานที่ 11 ผ่านเกณฑร์ อ้ ยละ 70 ขึ้นไป
2. ดา้ นทักษะ
กระบวนการ สงั เกตพฤตกิ รรมดา้ น แบบสงั เกตพฤตกิ รรม นักเรียนไดค้ ะแนนระดับ
ทักษะกระบวนการ
3. ดา้ นคณุ ลกั ษณะ ด้านทักษะกระบวนการ พอใช้ขึ้นไป
ทพ่ี ึงประสงค์ สังเกตพฤติกรรมดา้ น
คณุ ลกั ษณะที่พงึ แบบสงั เกตพฤติกรรม นักเรียนไดค้ ะแนนคณุ ภาพ 2
ประสงค์
ด้านคุณลักษณะ ทุกรายการข้ึนไปถอื ว่าผา่ น

ที่พึงประสงค์ เกณฑ์

ใบงานที่ 11 การสรา้ งแบบรูปซา้ ของรปู เขาคณติ และรปู อน่ื ๆ

คาชแี้ จง สร้างแบบรปู ตามท่กี าหนด
1. สรา้ งแบบรูปซ้าทเ่ี กี่ยวกับรูปรา่ ง

2. สรา้ งแบบรปู ซา้ ทเ่ี ก่ียวกับสี

3. สร้างแบบรูปซ้าทีเ่ กีย่ วกบั ขนาด

แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 23

รายวชิ าคณิตศาสตร์ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 1

หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 9 รูปเรขาคณติ เวลาเรยี น 12 ชว่ั โมง

เรือ่ ง การนาไปใช้ เวลาเรียน 1 ชวั่ โมง

สอนวันที่....... เดอื น.......................... พ.ศ. .........

.......................................................................................................................................................... ...

มาตรฐานการเรียนรู้

มาตรฐาน ค 1.2 : เขา้ ใจและวิเคราะหแ์ บบรูป ความสมั พันธ์ ฟงั ก์ชนั ลาดั บและอนกุ รม

และนาไปใช้

ตัวชวี้ ัด
ค 1.2 ป.1/1 : ระบจุ านวนท่หี ายไปในแบบรูปของจานวนทีเ่ พิม่ ข้ึนหรอื ลดลงทลี ะ 1 และที
ละ 10 และระบุรูปทห่ี ายไปในแบบรปู ซา้ ของรูปเรขาคณติ และรปู อ่นื ๆ ท่ี
สมาชิกในแตล่ ะชุดทีซ่ ้ามี 2 รปู

สาระสาคญั
แบบรปู อาจนามาใช้สร้างงานทส่ี วยงามและเปน็ ประโยชน์ในชีวิตจรงิ

จดุ ประสงค์การเรียนรู้
1. อธบิ ายแบบรปู ซ้าของรูปเรขาคณติ จากแบบรปู ทสี่ ร้างตามจินตนาการได้ (K)
2. สรา้ งแบบรูปซา้ ของรปู เรขาคณติ จากแบบรปู ทสี่ รา้ งตามจนิ ตนาการได้ (P)
3. นาความรู้เกยี่ วกบั การนาแบบรูปเรขาคณติ ไปใช้แก้ปญั หาทางคณิตศาสตรไ์ ด้ (A)

สาระการเรยี นรู้
การนาไปใช้

ทกั ษะและกระบวนการทางคณติ ศาสตร์
1. ความสามารถในการแก้ปัญหา
2. ความสามารถในการส่ือสารและการสือ่ ความหมายทางคณติ ศาสตร์
3. ความสามารถในการใหเ้ หตุผล

คุณลักษณะอันพึงประสงค์
1. มวี ินยั
2. ใฝ่เรียนรู้
3. มุ่งมน่ั ในการทางาน

กจิ กรรมการเรียนรู้
ขัน้ นาเข้าสู่บทเรียน
1. แบง่ กลมุ่ นักเรยี น กลมุ่ ละ 3 – 4 ใหน้ ักเรียนชว่ ยกันหาแบบรูปซา้ จากบตั รภาพที่

คุณครมู อบใหแ้ ละออกมานาเสนอโดยใหบ้ อกชุดท่ซี ้าในแบบรูป และเป็นแบบรปู ซา้ ที่เกยี่ วกบั อะไร
ขัน้ สอน
2. ครูตดิ บตั รภาพบนกระดานแล้วสนทนาถามตอบกนั และใหอ้ อกแบบม่ลู ่ีโดยใช้ความรู้

เร่อื งแบบรูปซา้ ท่ีเก่ียวกบั รูปรา่ ง และบอกชุดทซ่ี ้าในแบบรปู ดงั นี้

มลู่ หี่ นา้ ตา่ งมลี กั ษณะเป็นแบบรปู ซ้า ซ่งึ มี กบั เปน็ ชุดทซ่ี า้
3. ครนู าเสนอภาพหรือของจริง เช่น กระถางต้นไม้ กลอ่ งเกบ็ ของ ชั้นวางหนังสอื เปน็
ตน้ ใหน้ กั เรียนแต่ละกลมุ่ ออกแบบการจัดวางโดยใช้ความรเู้ รอ่ื งแบบรูปซ้าท่เี กี่ยวกับขนาด และบอก
ชดุ ท่ีซา้ ในแบบรูป
4. ครูนาเสนอภาพหรอื ของจริงทีม่ ีแบบรูปซ้าทเ่ี กี่ยวกับสีหลาย ๆ ตัวอยา่ ง เชน่ กล่อง
ดนิ สอ กระดาษหอ่ ของขวัญ ผ้าตัดเส้ือ ถงุ ขนม เปน็ ต้น ใหน้ ักเรียนบอกแบบรปู ซา้ ที่พบ จากน้นั ให้
นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ ออกแบบตกแตง่ เวทีการแสดงของโรงเรยี นโดยใช้ความรเู้ รือ่ งแบบรูปซ้าทีเ่ กย่ี วกั บสี
และบอกชดุ ท่ซี า้ ในแบบรปู
5. ครใู หน้ กั เรียนทา ใบงานท่ี 12 การนาไปใช้ เมอ่ื เสร็จแล้วใหน้ กั เรยี นชว่ ยกนั
ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง จากน้ันครแู ละนกั เรยี นร่วมกันเฉลยกจิ กรรมในใบงานท่ี 12
ขัน้ สรุป
6. ครแู ละนักเรียนร่วมกันสรปุ ส่ิงที่ได้เรยี นรรู้ ว่ มกนั ดังน้ี แบบรปู อาจนามาใช้สร้างงาน
ทสี่ วยงามและเป็นประโยชนใ์ นชีวติ จรงิ

สอ่ื การเรยี นรู้
1. บัตรภาพ
2. ใบงานที่ 12 การนาไปใช้

การวัดผลและประเมินผล

ส่งิ ทตี่ อ้ งการวัด วธิ ีวัด เครื่องมือวัด เกณฑก์ ารประเมนิ
1. ด้านความรู้
ตรวจใบงานที่ 12 ใบงานที่ 12 ผ่านเกณฑร์ อ้ ยละ 70 ขึ้นไป
2. ดา้ นทักษะ
กระบวนการ สงั เกตพฤตกิ รรมดา้ น แบบสงั เกตพฤตกิ รรม นักเรียนไดค้ ะแนนระดับ
ทักษะกระบวนการ
3. ดา้ นคณุ ลกั ษณะ ด้านทักษะกระบวนการ พอใช้ขึ้นไป
ทพ่ี ึงประสงค์ สังเกตพฤติกรรมดา้ น
คณุ ลกั ษณะที่พงึ แบบสงั เกตพฤติกรรม นักเรียนไดค้ ะแนนคณุ ภาพ 2
ประสงค์
ด้านคุณลักษณะ ทุกรายการข้ึนไปถอื ว่าผา่ น

ที่พึงประสงค์ เกณฑ์

ใบงานท่ี 12 การนาไปใช้

คาช้ีแจง ใหน้ กั เรียนออกแบบโดยใช้ความรเู้ รื่องแบบรปู ซ้า
1. ออกแบบสวนดอกไมโ้ ดยใชค้ วามรูเ้ รอื่ งแบบรปู ซ้าท่เี กี่ยวกบั สี

2. ออกแบบสวนดอกไมโ้ ดยใช้ความรเู้ ร่อื งแบบรปู ซา้ ท่ีเกีย่ วกบั ขนาด

3. ออกแบบสวนดอกไมโ้ ดยใชค้ วามร้เู รือ่ งแบบรูปซ้าทีเ่ กย่ี วกับรูปรา่ ง


Click to View FlipBook Version