407 | P a g e - พัฒนาระบบการส่งต่อผู้ป่วยบริเวณช่องทางเข้าออกระหว่างประเทศ ด่านชายแดน ช่องสะง า โดยประยุกต์ใช้ระบบส่งต่อออนไลน์ (Smart-Refer) ของจังหวัดศรีสะเกษ โดยก าหนดให้ด่านควบคุม โรคติดต่อระหว่างประเทศ ด่านพรหมแดนช่องสะง า รวมถึงโรงพยาบาลรัฐและโรงพยาบาลเอกชนที่มีผู้ป่วยจาก ประเทศเพื่อนบ้านเข้ามารักษา เป็นอีกหนึ่งหน่วยบริการ ที่จะสามารถส่งข้อมูลผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาล ปลายทางผ่านระบบ Smart-Refer เพื่อให้แพทย์และสหวิชาชีพในโรงพยาบาลปลายทางสามารถเตรียมความ พร้อมรับมือ และส่งข้อมูลการรักษากลับไปยังด่านควบคุมโรคติดต่อ เพื่อเป็นข้อมูลในการวางแผนการเฝ้าระวัง โรคติดต่อ และส่งต่อผู้ป่วยระหว่างประเทศในอนาคต - จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการพัฒนาหน่วยปฏิบัติการควบคุมโรคติดต่อระดับอ าเภอ (CDCU) เพื่อให้ทุกอ าเภอมีหน่วยปฏิบัติการในพื้นที่ที่สามารถด าเนินการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรคติดต่อหรือ โรคระบาด และมีการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินได้อย่างรวดเร็ว บนหลักการของวิทยาการระบาดที่ถูกต้อง โดยมีการจัด ประชุมเชิงปฏิบัติการหลักสูตรระบาดวิทยา ส าหรับเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการควบคุมโรคติดต่อ (CDCU) ประจ าปี 2564 ในวันที่ 20 – 22 มกราคม 2564 ณ ห้องประชุมส านักงานสาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ และ อบรมเชิง ปฏิบัติการพัฒนาศักยภาพบุคลากรสาธารณสุข หน่วยปฏิบัติการควบคุมโรคติดต่อ หลักสูตร CDCU จังหวัดศรีสะ เกษ รุ่นที่ 1 ประจ าปี 2565 ในระหว่างวันที่ 22 – 24 มิถุนายน 2565 ณ ห้องประชุมส านักงานสาธารณสุขจังหวัด ศรีสะเกษ - ส านักงานสาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ ได้จัดประชุม Conference EOC กับผู้บริหาร และทีม CDCU เพื่อติดตามสถานการณ์และวางแนวทางในการเฝ้าระวังควบคุมโรคโควิด – 19 สัปดาห์ละ 2 ครั้ง - ติดตามสถานการณ์โรคติดต่อในการประชุมคณะกรรมการประสานงานสาธารณสุข ระดับจังหวัด โดยเฉพาะโรคติดต่อในพื้นที่ที่ส าคัญ เช่นโรคไข้เลือดออก วัณโรค มาลาเรีย เป็นต้น - พัฒนาระบบการเฝ้าระวังตามแนวทางและมาตรฐานของงานเฝ้าระวัง 506 (Indicator based) และการเฝ้าระวังเหตุการณ์ (Event based) ของส านักระบาดวิทยา ที่มีประสิทธิภาพ การแจ้งเหตุการณ์ หรือชี้เป้าพื้นที่ได้อย่างรวดเร็ว - พัฒนาระบบการรายงานเหตุการณ์หรือข่าวการระบาดที่ส าคัญเสนอผู้บริหารหรือ ผู้เกี่ยวข้องเพื่อทราบ ตัดสินใจหรือสั่งการตามความเหมาะสม โดยมีการแต่งคณะกรรมการทีมตระหนักรู้ สถานการณ์ (SAT) 3 ทีม ในส านักงานสาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ และ 2 ทีมในระดับอ าเภอ เพื่อรายงานสถานการ หรือข่าวสารการระบาดของโรคหรือภัยสุขภาพในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษทุกสัปดาห์ - ส านักงานสาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ และส านักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 10 ได้ประชุมคณะท างานบูรณาการวัณโรคและเอดส์ ครั้งที่ 1 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลงพื้นที่ติดตามด าเนินงานเอดส์ และวัณโรค ในวันที่ 4 ตุลาคม 2565 ณ ห้องประชุมโรงพยาบาลกันทรลักษ์ อ าเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ 2. ด้านศูนย์ตอบโต้ภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข
408 | P a g e - มีการแต่งตั้งคณะกรรมการศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉิน (EOC) ระดับจังหวัด ตามโครงสร้าง การจัดตั้งศูนย์ โดยมีท่านผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ รองผู้ว่าราชการจังหวัด ที่ท าหน้าที่เป็นผู้บัญชาการ เหตุการณ์และรองผู้บัญชาการเหตุการณ์ฉุกเฉินทางสาธารณสุข ผ่านการอบรมหลักสูตร ICS ส าหรับผู้บริหาร และ มีนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ เป็นเลขานุการ - มีการจัดตั้งทีมปฏิบัติการระดับจังหวัดในส่วนภารกิจปฏิบัติการ (Operation Section) มีการก าหนดบทบาทหน้าที่ของบุคลากรในหน่วยงาน ตามโครงสร้างระบบบัญชาการเหตุการณ์ของกรม ควบคุมโรคที่สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่ โดยมีทีมปฏิบัติการระดับจังหวัด ได้แก่ MERT, mini MERT, EMS, MCAT, CDCU/SRRT แต่ละทีมมีกิจกรรมการด าเนินงานอย่างต่อเนื่อง - มีการเปิดศูนย์ปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินระดับอ าเภอทุกอ าเภอ และให้ EOC อ าเภอชายแดนมีมาตรการในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 บริเวณแนวชายแดน ติดต่อกับประเทศกัมพูชา โดยเฉพาะจุดลักลอบผ่านแดนช่องทางธรรมชาติ 3. ด้านการสื่อสารความเสี่ยง - จังหวัดศรีสะเกษได้แต่งตั้งคณะกรรมการตอบโต้สถานการณ์ฉุกเฉิน (EOC) เพื่อให้ สามารถตอบโต้สถานการณ์และภัยสุขภาพ ในจังหวัดศรีสะเกษได้อย่างรวดเร็ว มีกล่องภารกิจสื่อสารความเสี่ยง เป็นกล่องหลักในการสื่อสารความเสี่ยง โดยมีประชาสัมพันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ เป็นประธาน ได้ด าเนินการสื่อสาร และประชาสัมพันธ์ความเสี่ยงแก่ประชาชนเกี่ยวกับโรคโควิด – 19 ผ่านช่องทางต่างๆ ดังนี้ เพจศูนย์ข่าวโควิดศรี สะเกษ และ เพจแจ้งข่าวโรคภัยศรีสะเกษ นอกจากนี้ยังมีรายงานผู้ว่ามาแล้ว ทางช่องสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่ง ประเทศไทย 100.25 MHz ทุกวันศุกร์เวลา 18.00 น - มีการจัดท าโครงสร้าง ระบบ กลไก แนวทางการสื่อสารความเสี่ยง โดยมีนายแพทย์ สาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษเป็นประธานในการสื่อสารความเสี่ยงด้านสาธารณสุขระดับจังหวัด และรองนายแพทย์ สาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ เป็นรองประธานคณะกรรมการสื่อสารความเสี่ยงด้านสาธารณสุข และหัวหน้ากลุ่ม งานต่างๆ ในส านักงานสาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ เป็นกรรมการ และผู้รับผิดชอบงานหลัก เป็นกรรมการและ เลขานุการ - มีการก าหนดผู้รับผิดชอบด้านการสื่อสารความเสี่ยงในกลุ่มงาน และมีการด าเนินงาน ตามระบบ กลไก แนวทางการสื่อสารความเสี่ยงเรื่องโรคและภัยสุขภาพ - มีการก าหนดโครงสร้างผู้ที่ท าหน้าที่สื่อสารความเสี่ยง การเฝ้าระวัง/ตอบโต้ ข่าวลือ ข่าวลบ และข้อเข้าใจผิด โดยมีการก าหนดกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มเสี่ยง ชุมชนกลุ่มเสี่ยง 4. ด้านอื่นๆ - กลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อ ส านักงานสาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ ร่วมกับสถาบันวิจัย วิทยาศาสตร์การแพทย์ทหาร หน่วยวิจัยสหรัฐฯ (USAMD-AFRIMS) ได้ท าการวิจัย 2 โครงการ ได้แก่ โครงการวิจัย
409 | P a g e ประสิทธิผลของการชุบเสื้อผ้าด้วยสารเคมีป้องกันยุง เพื่อป้องกันการติดเชื้อมาลาเรียในกลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐที่ท างาน ในป่าแถบเทือกเขาพนมดงรัก จังหวัดศรีสะเกษ และ โครงการวิจัยประสิทธิผลของการชุบเสื้อผ้าด้วยสารเคมี เพื่อ ป้องกันยุงก้นปล่องกัดในประชาชนกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อมาลาเรีย อ าเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ - การคัดกรองโรคมาลาเรียในด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศช่องสะง า ทุกวัน พฤหัสบดี - ส านักงานสาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ จัดอบรมให้ความรู้เรื่องผลิตภัณฑ์สุขภาพ ที่ไม่ได้มาตรฐาน และสนับสนุนชุดทดสอบเบื้องต้น เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2565 ณ สถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา นวมินทราชินีภูมิซรอล โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็น อสม.นักวิทย์ชุมชน ในพื้นที่ต าบลเสาธงชัย อ าเภอ กันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ จ านวน 50 คน เพื่อพัฒนาเครือข่ายเฝ้าระวังผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ไม่ปลอดภัยในพื้นที่ ชายแดน 3) ที่ประชุมด ารงการสนับสนุนและผลักดันโดยจัดการประชุมเพื่อวางระบบการส่งต่อคนไข้ระหว่าง สองประเทศ และการรับรองความปลอดภัยให้แก่เจ้าหน้าที่ของทั้งสองประเทศที่เดินทางไปส่งต่อผู้ป่วยยัง โรงพยาบาลด้วยความชัดเจน 1. ส านักงานสาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ ได้ร่วมด าเนินงานตามแผนงานความร่วมมือเพื่อการ พัฒนาไทย-กัมพูชา สาขาสาธารณสุข ระยะที่ 2 (ปี 2565-2567) โดยเป็นจังหวัดคู่ความร่วมมือไทย-กัมพูชา (จังหวัดศรีสะเกษ – จังหวัดอุดรมีชัย) ซึ่งจะมุ่งเน้นการด าเนินกิจกรรมการสร้างความเข้มแข็งระบบส่งต่อ (Strengthening Referral System) และการพัฒนาโรงพยาบาลคู่มิตร (Twin Hospitals Development) เพื่อเสริมสร้างระบบสาธารณสุขชายแดนไทย-กัมพูชา ให้เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น ภายใต้การสนับสนุนงบประมาณ จากกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ 2. ส านักงานสาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ ได้จัดท าโครงการพัฒนาศักยภาพการป้องกันควบคุม โรคอ าเภอชายแดนคู่ขนาน จังหวัดศรีสะเกษ ปีงบประมาณ 2565 ขึ้น โดยมีกิจกรรมส าคัญคือ “การประชุมเชิง ปฏิบัติการซ้อมแผนการส่งต่อผู้ป่วยระหว่างประเทศ และสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ ให้กับราชอาณาจักร กัมพูชา จัดขึ้นเมื่อวันพุธที่ 21 กันยายน 2565 ณ สถานีขนส่งเมืองใหม่ช่องสะง า ด่านพรมแดนถาวรช่องสะง า อ าเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ และถนน 2201 สามแยกบายพาสไปจังหวัดอุดรมีชัย จังหวัดเสียมราฐ ราชอาณาจักรกัมพูชา ซึ่งการด าเนินงานครั้งนี้ เป็นครั้งแรกของจังหวัดชายแดนที่มีการซ้อมแผนการส่งต่อผู้ป่วย ระหว่างประเทศ และมีการซ้อมแผนที่ราชอาณาจักรกัมพูชา ในการนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ และผู้ว่า ราชการจังหวัดอุดรมีชัย ได้มอบหมายให้ นายนพ พงศ์ผลาดิสัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ และนางมิน เทีย รี รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรมีชัย เป็นประธานร่วมในพิธีเปิดการประชุม โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาระบบการ ส่งต่อ การติดตามการรักษา พัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านการส่งต่อป่วยระหว่างประเทศ และเพิ่มประสิทธิภาพการ
410 | P a g e ท างานเป็นทีม การประสานงาน การก าหนดบทบาทหน้าที่และขั้นตอนการปฏิบัติร่วมกัน ในการส่งต่อผู้ป่วย ระหว่างประเทศ 4) ที่ประชุมด ารงการสนับสนุนจัดให้มีการประชุมเพื่อเสริมสร้างสัมพันธภาพของผู้บริหาร/ ผู้ประสานงาน ระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสองฝ่าย รวมถึงการพัฒนาช่องทางการติดต่อสื่อสาร และ จัดเตรียมล่ามในการประสานงานโดยไม่เลือกปฏิบัติ 1. ส านักงานสาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ ได้มีการจัดประชุม/หารือเพื่อพัฒนาระบบบริการทาง การแพทย์และสาธารณสุขของทั้งสองประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนการพัฒนาระบบบริการทางการแพทย์และ สาธารณสุขร่วมกัน 2 ประเด็น ได้แก่ การสร้างความเข้มแข็งระบบส่งต่อ และ การพัฒนาโรงพยาบาลคู่มิตร ซึ่งมี การจัดประชุม/หารือ ทั้งในประเทศไทย และราชอาณาจักรกัมพูชา โดยได้รับการสนับสนุนล่ามจากหน่วย ประสานงานชายแดนไทย – กัมพูชา ประจ าพื้นที่ 1 ทั้งนี้ ผู้บริหารสาธารณสุขของจังหวัดศรีสะเกษ และจังหวัด อุดรมีชัย ได้มีความสัมพันธ์อันดี มีความปรองดองฉันมิตร และมีโอกาสในการพบปะพูดคุยกันอย่างต่อเนื่อง ทั้ง ผ่านการประชุมตามวาระโอกาสต่างๆ หรือจากการพุดคุย/ประสานงานอย่างไม่เป็นทางการผ่านโซเชียลมีเดีย 2. ประชุมพิจารณาความพร้อมในการเปิดจุดผ่านแดนถาวรช่องสะง า กับจังหวัดอุดรมีชัย ราชอาณาจักรกัมพูชา และ มาตรการป้องกันการแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ส าหรับผู้เดินทาง มาจากราชอาณาจักรกัมพูชาเข้าสู่ราชอาณาจักรไทย วันพุธที่ 17 พฤศจิกายน 2564 เวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุมหน่วยประสานงานชายแดนประจ าพื้นที่ 1 ไทย – กัมพูชา จุดผ่านแดนถาวรช่องสะง า ต าบล ไพรพัฒนา อ าเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ (นายส ารวย เกษกุล) และ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรมีชัย ราชอาณาจักรกัมพูชา (นายลึม ซกโต) เป็นประธานร่วม ที่ประชุมได้ปรึกษาหารือ ถึงความพร้อมในการเปิดจุดผ่านแดนถาวรช่องสะง า ของทั้งสองฝ่าย 3. วันที่ 1 สิงหาคม 2565 ส านักงานสาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ พร้อมด้วย ส านักงาน สาธารณสุขอ าเภอภูสิงห์ ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศช่องสะง า และหน่วยประสานงานชายแดนไทยกัมพูชา ประจ าพื้นที่ 1 ได้ด าเนินการชี้แจงและหารือการด าเนินงานภายใต้แผนงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนา ไทย-กัมพูชา สาขาสาธารณสุข ระยะที่ 2 (2565-2567) ร่วมกับส านักงานสาธารณสุขอ าเภออัลลองเวง จังหวัดอุดรมีชัย ณ ห้องประชุมส านักงานสาธารณสุขอ าเภออัลลองเวง จังหวัดอุดรมีชัย 4. วันที่ 29 สิงหาคม 2565 ส านักงานสาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ ร่วมประชุมหารือการซ้อมแผน อุบัติเหตุฉุกเฉินและการส่งต่อผู้ป่วยระหว่างประเทศไทย – กัมพูชา ร่วมกับ อ าเภออัลลองเวง จังหวัดอุดรมีชัย ราชอาณาจักรกัมพูชา โดยมีนายอ าเภอภูสิงห์ และนายอ าเภออัลลองเวง เป็นประธานการประชุม 5) ที่ประชุมด ารงการสนับสนุนต่อผลการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีอย่างไม่เป็น ทางการ (JCR) ไทย - กัมพูชา ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 18 - 19 ธันวาคม 2558 ที่กรุงเทพมหานครโดยทั้งสองฝ่าย
411 | P a g e จะร่วมมือในการจัดรูปแบบการส่งผู้ป่วยข้ามแดน รวมทั้งความร่วมมือในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และการ ควบคุมโรคติดต่อ 1. จังหวัดศรีสะเกษได้มีการขับเคลื่อนระบบเฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรคและภัยสุขภาพ โดยมีคณะท างานประจ าช่องทางเข้าออกด่านพรมแดนช่องสะง า อ าเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ ได้ประกาศ คณะท างานฯ เรื่อง แนวทางการตรวจจับโรค การเฝ้าระวังภัยสุขภาพและการส่งต่อผู้ป่วยทุกกลุ่มโรค ทุกระบบ ระหว่างประเทศ ด่านพรมแดนช่องสะง า จังหวัดศรีสะเกษ พ.ศ. 2563 ซึ่งจะมีรายละเอียดเกี่ยวกับแนวทางการส่งต่อ ผู้ป่วย/ผู้ป่วยฉุกเฉิน เพื่อให้ทั้ง 2 ประเทศใช้เป็นแนวทางในการด าเนินงานร่วมกัน และสามารถรับมือกับภาวะ ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ 2. ส านักงานสาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ ร่วมกับ กองบริหารการสาธารณสุข ส านักงาน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กรมความร่วมมือระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ และกรมควบคุมโรค ด าเนินการลงพื้นที่และจัดประชุมในการประเมินความต้องการเพื่อการพัฒนาศักยภาพระบบส่งต่อของโรงพยาบาล เป้าหมาย ในอ าเภออัลลองเวง จังหวัดอุดรมีชัย ราชอาณาจักรกัมพูชา โดยได้ร่วมหารือในประเด็น การพัฒนา ระบบการส่งต่อผู้ป่วยของทั้งสองประเทศ ทั้งในด้านการพัฒนาบุคลากร การพัฒนาด้านสถานที่ วัสดุอุปกรณ์ รวมทั้งการพัฒนาระบบในการส่งต่อผู้ป่วย 6) ที่ประชุมด ารงการสนับสนุนขอให้ฝ่ายกัมพูชาตรวจโรคเบื้องต้นก่อนที่จะส่งไปรักษาต่อที่ ประเทศไทย โดยขอให้มีการผ่านแดนตามขั้นตอนสาธารณสุขของประเทศไทยเช่น จากโรงพยาบาลอ าเภอ ไปยังโรงพยาบาลประจ าจังหวัด เพื่อป้องกันการระบาดของโรคติดต่อ รวมทั้งการใช้เอกสารในรูปแบบสากล ในการส่งผู้ป่วย 1. คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดศรีสะเกษ ได้มีมติเห็นชอบในการประกาศคณะท างานประจ า ช่องทางเข้าออกประจ าด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ด่านพรมแดนช่องสะง า อ าเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ เรื่อง แนวทางการตรวจจับโรค การเฝ้าระวังภัยสุขภาพและการส่งต่อผู้ป่วยทุกกลุ่มโรค ทุกระบบระหว่างประเทศ ด่านพรมแดนช่องสะง า จังหวัดศรีสะเกษ พ.ศ. 2563 โดยมีสาระส าคัญเกี่ยวกับการก าหนดให้มีแผนปฏิบัติการ ตรวจจับโรค การเฝ้าระวังภัยสุขภาพและการส่งต่อผู้ป่วยทุกกลุ่มโรค ทุกระบบระหว่างประเทศให้เป็นไปอย่างมี มาตรฐานและสอดคล้องกับกฎอนามัยระหว่างประเทศ พ.ศ. 2548 (International Health Regulations (IHR 2005) และให้ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ช่องสะง า อ าเภอภูสิงห์ได้ด าเนินการตรวจคัดกรองโรคติดต่อ อันตราย โรคต้องห้าเข้าราชอาณาจักรและโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง ในกลุ่มผู้เดินทางเข้าออกระหว่างประเทศอย่าง เคร่งครัด 2. ตั้งแต่วันที่ 9 พฤษภาคม 2565 ที่มีการเปิดด่านเข้าออกระหว่างประเทศ ช่องสะง า อ าเภอ ภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ จะมีกลุ่มประชาชนจากประเทศกัมพูชาที่มีความประสงค์จะเดินทางเข้ามารับการรักษา และตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลรัฐ และโรงพยาบาลเอกชนในราชอาณาจักรไทย ซึ่งในช่วงแรกจะมีด าเนินการตาม
412 | P a g e มาตรการป้องกันโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด โดยต้องมีผลการฉีดวัคซีนและตรวจ ATK มาไม่เกิน 72 ชั่วโมง และ ประชาชนทุกคนที่เดินทางข้ามแดน ณ จุดผ่านแดนช่องสะง า จะต้องผ่านการตรวจคัดกรองโรคเบื้องต้นจาก เจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศช่องสะง า ส่วนการเดินทางไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลปลายทาง จะมีระบบการเดินทาง 2 แบบ คือ 1. การเดินทางโดยรถส่วนบุคคล กรณีที่มารับการตรวจสุขภาพหรือเป็นผู้ป่วยที่ อาการไม่รุนแรง 2. เดินทางโดยรถรับ-ส่งผู้ป่วยของโรงพยาบาลเอกชน ที่มีการประสานการรักษาไว้แล้ว 7) ฝ่ายกัมพูชารับทราบว่า ฝ่ายไทยด ารงการสนับสนุนทุนการศึกษาแก่เยาวชนกัมพูชาไปเข้ารับ การศึกษาด้านการพยาบาลที่วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีสุรินทร์ ปีละ 5 คน อย่างต่อเนื่อง เป็นเวลา 10 ปี โดยเริ่มเข้ารับการศึกษาตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมา จังหวัดศรีสะเกษไม่มีทุนการศึกษาแก่เยาวชนชาวกัมพูชาในการศึกษาด้านพยาบาลแต่มีนักเรียน นักศึกษาเข้ามาศึกษาต่อในสถาบันการศึกษาในจังหวัดศรีสะเกษ เช่น วิทยาลัยเทคนิคศรีสะเกษ วิทยาลัยเกษตร และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ โรงเรียนไพรพัฒนา และมหาวิทยาลัยกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตศรีสะเกษ 8) ด้านการแพทย์ทหาร ฝ่ายไทยเห็นชอบความร่วมมือในการอ านวยความสะดวกรับนายทหาร-นายสิบ ฝ่ายกัมพูชาเข้าไปรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลทหาร ของกองทัพภาคที่ 2 ตามขั้นตอน หากมีความประสงค์ หรือกรณีจ าเป็นในการรักษาพยาบาล จังหวัดศรีสะเกษ ได้เปิดจุดผ่านแดนถาวรช่องสะง า เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2565 จนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีทหาร-นายสิบ ฝ่ายกัมพูชาเดินทางข้ามแดนเพื่อเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลทหารของกองทัพภาคที่ 2 9) ที่ประชุมแสดงความยินดีที่ทั้งสองฝ่ายได้ร่วมมือในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของ โรคโควิด-19 (Covid-19) อย่างเข้มงวด พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ความรู้เกี่ยวกับโรคให้ประชาชนตามแนว ชายแดนได้รับทราบ ท าให้การป้องกันและควบคุม การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 (Covid-19) ได้ผลเป็นที่ น่าพอใจ ส านักงานสาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ ด าเนินการจัดอบรมพัฒนาศักยภาพบุคลากร ด่านพรมแดนช่องสะง า (ไทย-กัมพูชา) ในการตรวจคัดกรองโควิด-19 โดยใช้ชุดตรวจ ATK เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2565 ณ สถานีขนส่งเมืองใหม่ช่องสะง า อ าเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาศักยภาพ บุคลากรด่านพรมแดนช่องสะง า ให้สามารถตรวจคัดกรองโควิด-19 ได้ด้วยตนเอง สามารถตรวจคัดกรองและ ถ่ายทอดความรู้ให้กับประชาชนในพื้นที่ได้ กลุ่มเป้าหมายประกอบด้วยบุคลากรประจ าด่านพรมแดนช่องสะง าและ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จากฝ่ายไทยและกัมพูชา จ านวน 50 คน ปัจจัยแห่งความส าเร็จ 1. ผู้บริหารของทั้งสองประเทศ ให้ความส าคัญ และให้การสนับสนุนในการด าเนินงาน 2. ภาคีเครือข่ายเข้มแข็ง และให้การสนับสนุนในการด าเนินงาน
413 | P a g e ผลงานที่โดดเด่น/ รางวัลที่ภาคภูมิใจ 1. มีการด าเนินงานด้านสาธารณสุขร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรมของทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะกิจกรรม การซ้อมแผนการส่งต่อผู้ป่วยระหว่างประเทศ โดยผู้บริหารระดับจังหวัดของจังหวัดศรีสะเกษ และจังหวัดอุดรมีชัย เห็นความส าคัญ และร่วมเป็นประธานเปิดการประชุม อีกทั้ง จังหวัดศรีสะเกษ ยังไม่เคยมีการซ้อมแผนในพื้นที่ของ ราชอาณาจักรกัมพูชามาก่อน จะเป็นเพียงการซ้อมแผน ณ จุด Buffer zone และมีผู้สังเกตการณ์จากฝ่ายกัมพูชา เพียงไม่กี่คน แต่การซ้อมแผนในครั้งนี้ เป็นการสร้างสถานการณ์สมมติ ณ พื้นที่ราชอาณาจักรกัมพูชา และได้รับ ความร่วมมือจากเครือข่ายฝ่ายกัมพูชาในการจัดกิจกรรมเป็นอย่างดียิ่ง 2. คณะท างานประจ าช่องทางฯ สามารถจัดท าประกาศ เรื่องแนวทางการตรวจจับโรค การเฝ้าระวังภัย สุขภาพและการส่งต่อผู้ป่วยทุกกลุ่มโรค ทุกระบบระหว่างประเทศ ด่านพรมแดนช่องสะง า จังหวัดศรีสะเกษ พ.ศ. 2563 ท าให้มีแนวทางในการรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้เป็นอย่างดี มีระบบ แนวทางปฏิบัติ และเครือข่ายการด าเนินงานประสานส่งต่อเชื่อมโยงทั้งฝั่งประเทศไทยและกัมพูชาได้อย่าง มีประสิทธิภาพ 3. ด่านเข้าออกเข้าออกระหว่างประเทศ ทั้งฝั่งไทยและกัมพูชา มีระบบการตรวจคัดกรอง การตรวจหาเชื้อ ผู้เดินทางเข้าออก ประเภทผู้ขนส่งสินค้า และมีระบบการท างาน ประสานส่งต่อข้อมูลกันอย่างมีประสิทธิภาพ และ เป็นไปตามมาตรการด าเนินงานตามกฎอนามัยระหว่างประเทศ (IHR 2005) 4. มีระบบการท างานเชิงรุก ในการตรวจพ่อค้า แม่ค้า และประชาชนที่มาใช้บริการซื้อและขนส่งสินค้า ณ ตลาดเมืองใหม่ช่องสะง า อ าเภอภูสิงห์ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และ สร้างความเชื่อมั่นในการมาส่งสินค้าของผู้ประกอบการฝั่งกัมพูชา
ส ำนักงำนสำธำรณสุขจังหวัดศรีสะเกษ