77 | P a g e ตารางที่ 42 แสดงผลการคัดกรองสุขภาพผู้สูงอายุตามชุดสิทธิประโยชน์ ที่ รายการคัดกรอง จ านวน ผู้สูงอายุ เป้าหมาย จ านวนคัดกรอง ร้อยละ เสี่ยงสูง/ ผิดปกติ ร้อยละ 1 ความดันโลหิตสูง 219,943 99,989 45.46 6,945 6.95 2 เบาหวาน 130,476 59.32 2,271 1.74 3 CVD 51,360 23.35 8,098 15.77 4 ช่องปาก 111,377 50.64 8,190 7.35 5 สมองเสื่อม 80,025 36.38 1,347 1.68 6 ซึมเศร้า 2 Q 113,105 51.42 353 0.31 7 ข้อเข่าเสื่อม 110,089 50.05 11,122 10.10 8 ภาวะหกล้ม 111,107 50.52 5,813 5.23 9 ADL 117,002 53.2 ติดสังคม 109,636 93.70 ติดบ้าน 6,422 5.49 ติดเตียง 944 0.81 10 BMI 22,745 10.34 ผอม 5,735 25.21 อ้วน + เริ่มอ้วน 4,119 18.11 อ้วนอันตราย 46 0.20 ที่มา : ข้อมูลผลการคัดกรองสุขภาพผู้สูงอายุ จาก HDC Data ประมวลผล วันที่ 20 พฤษภาคม 2565 ผลการคัดกรอง/ประเมินสุขภาพผู้สูงอายุ มีผู้สูงอายุ จ านวน 219,943 คน ได้รับการคัดกรองสุขภาพ 10 เรื่อง เรื่องที่ได้รับการคัดกรองมากที่สุด ได้แก่ เบาหวาน ร้อยละ 59.32 คัดกรอง ADL ร้อยละ 53.2 คัดกรอง ซึมเศร้า 2 Q ร้อยละ 51.42 และคัดกรองช่องปาก ร้อยละ 50.64 จังหวัดศรีสะเกษ ด าเนินงานด้านคลินิกผู้สูงอายุตั้งแต่ปี 2561 โดยส่งเสริมให้ทุกโรงพยาบาลด าเนินการ จัดตั้งคลินิกผู้สูงอายุ ซึ่งเน้นการให้บริการ กลุ่ม Geriatric Syndromes เน้นการคัดกรองภาวะสมองเสื่อมและการ ป้องกันภาวะหกล้ม ในปี 2564 เน้นให้ทุกโรงพยาบาลมีการจัดบริการคลินิกผู้สูงอายุเช่นเดิม และเน้นในกลุ่ม โรงพยาบาล M2 ขึ้นไปตามนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งประกอบด้วย โรงพยาบาล ศรีสะเกษ, กันทรลักษ์,อุทุมพรพิสัย,ขุขันธ์,ราศีไศล โดยมีโรงพยาบาลศรีสะเกษเป็นต้นแบบและเป็นพี่เลี้ยง ให้ผ่านเกณฑ์ คลินิกผู้สูงอายุระดับคุณภาพ ทั้ง 5 แห่ง ส่วนแห่งอื่นๆ เน้นผ่านเกณฑ์มาตรฐาน ตามที่กระทรวงก าหนด
78 | P a g e นอกจากนั้นโรงพยาบาลศรีสะเกษ และโรงพยาบาลกันทรลักษ์ยังได้เปิดบริการคลินิกผู้สูงอายุวันหยุดจัดบริการ คลินิกผู้สูงอายุนอกเวลา (วันเสาร์ 08.30. – 12.00 น.)
ผลการด าเนินงาน กลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อ
79 | P a g e 3.2 ผลการด าเนินงานกลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อ ประเด็นงาน : ผลการด าเนินงานควบคุมวัณโรค สถานการณ์ สภาพปัญหา ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง องค์การอนามัยโลกได้ก าหนดยุทธศาสตร์ ยุติวัณโรค (The End TB Strategy) มีเป้าหมายลดอุบัติการณ์ วัณโรค (Incidence) ให้ต่ ากว่า 10 ต่อแสนประชากรโลก ภายในปี พ.ศ.2578 (2035) กระทรวงสาธารณสุข ได้เห็นชอบแผนยุทธศาสตร์วัณโรคระดับชาติ พ.ศ. 2564 - 2569 โดยมีเป้าหมายยุติวัณโรคประเทศไทยต้องลดอัตรา อุบัติการณ์เฉลี่ยร้อยละ 18 ต่อปี เหลือ 51 ต่อประชากรแสนคน ในปี พ.ศ. 2570 โดยมีกรอบการด าเนินงาน คือ (1) เร่งรัดการค้นหา วินิจฉัย และรายงานให้มีความครอบคลุมการรักษา (Treatment Coverage) ร้อยละ 90 ของ จ านวนผู้ป่วยที่คาดประมาณจากอุบัติการณ์ (2) เร่งรัดการเข้าถึงบริการตรวจวินิจฉัยในประชากรกลุ่มเปราะบาง และกลุ่มเสี่ยงวัณโรค เช่น ผู้สัมผัสโรคร่วมบ้าน ผู้ติดเชื้อเอชไอวี/ผู้ป่วยเอดส์ ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ผู้ต้องขัง ผู้สูงอายุ แรงงานข้ามชาติ บุคลากรทางการแพทย์ และผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เป็นต้น ให้ครอบคลุมร้อยละ 90 และ (3) ดูแลรักษา ผู้ป่วยวัณโรคที่ตรวจพบทุกรายด้วยแนวทางการดูแลผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง Patient center care ให้มีอัตรา ความส าเร็จการรักษาไม่ต่ ากว่า ร้อยละ 90 สถานการณ์วัณโรคในประเทศไทยคาดประมาณว่าจะพบผู้ป่วยวัณโรครายใหม่ประมาณ 105,000 ราย หรือคิดเป็น 150 ต่อประชากรแสนคน (WHO, Global TB Report 2021) ในปี 2565 จากรายงานวัณโรคของ ประเทศไทย (โปรแกรม NTIP) พบผู้ป่วยวัณโรครายใหม่และกลับเป็นซ้ า 68,106 ราย คิดเป็นอัตราความ ครอบคลุมการขึ้นทะเบียนรักษาวัณโรค (Treatment coverage) ร้อยละ 68.23 และปี 2564 มีอัตราการรักษา ส าเร็จในผู้ป่วยวัณโรครายใหม่และกลับเป็นซ้ า ร้อยละ 79.61 อัตราเสียชีวิตร้อยละ 9.13 อัตราการขาดการรักษา ร้อยละ 4.68 และผลการด าเนินงานตามตัวชี้วัดกระทรวงสาธารณสุข (PA) ปี2565 มีอัตราการรักษาส าเร็จ ในผู้ป่วยวัณโรคปอดรายใหม่ ร้อยละ 82.74 อัตราเสียชีวิตร้อยละ 9.80 อัตราการขาดการรักษาร้อยละ 4.01 (NTIP, ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2565) พื้นที่เขตสุขภาพที่ 10 อุบลราชธานี ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559-2565 พบผู้ป่วยวัณโรครายใหม่ทุก ประเภท 5,467 ราย, 5,567 ราย, 5,443 ราย, 5,536 ราย, 5,677 ราย, 5,175 ราย และ 4,455 ราย ตามล าดับ คิดเป็นอุบัติการณ์ (Incidence rate) 121.04, 123.18, 120.13, 164.14, 169.16, 112.81 และ 97.12 ต่อ ประชากรแสนคน คิดเป็นอัตราการค้นพบ (Case detection rate) ร้อยละ 70.37, 72.62, 77.01, 76.89, 78.85, 74.68 และ72.17 จากค่าประมาณการจะมีผู้ป่วยวัณโรค ตามล าดับ ส่วนการประเมินผลการรักษาใน ปี 2559 – 2564 อัตราการรักษาส าเร็จของผู้ป่วยวัณโรครายใหม่ทุกประเภท ร้อยละ 82.06, 86.90, 86.0, 88.82 85.11 และ 79.61 อัตราการเสียชีวิต ร้อยละ 8.64, 8.64, 9.15, 8.81 9.13 และ 9.13 อัตราการขาดยา ร้อยละ 2.86, 3.16, 3.14, 1.51 1.65 และ 4.68 ตามล าดับ และส าหรับผู้ป่วยวัณโรคดื้อยาหลายขนาน (MDR-TB) ปี 2559 จ านวน 24 ราย ปี 2560 จ านวน 39 ราย ปี 2561 จ านวน 32 ราย ปี 2562 จ านวน 49 ราย ปี 2563 จ านวน 66 ราย ปี
80 | P a g e 2564 จ านวน 40 ราย และปี 2565 จ านวน 38 ราย ผู้ป่วย Pre XDR ปี 2562 จ านวน 2 ราย ปี 2563 จ านวน 2 ราย ปี 2564 จ านวน 1 ราย และปี 2565 จ านวน 3 ราย และผู้ป่วยวัณโรคดื้อยาหลายขนานชนิดรุนแรง (XDR-TB) สะสม จ านวน 5 ราย (ปี 2559-2565) ส่วนใหญ่มาจากผู้ป่วยที่มีประวัติการรักษาซ้ า (NTIP, ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2565) จังหวัดศรีสะเกษ มีการเร่งรัดการด าเนินงานวัณโรคตั้งแต่ปีงบประมาณ 2552 จนถึงปัจจุบัน พบว่า อัตรา การรักษาส าเร็จยังไม่ถึงเป้าหมายร้อยละ 90 ซึ่งยังพบผู้ป่วยวัณโรคเสียชีวิตสูงมากกว่าร้อยละ 5 และยังพบผู้ป่วย วัณโรคดื้อยาปีละ 10 – 15 รายต่อปี ซึ่งเป็นการสะท้อนถึงคุณภาพของระบบบริการสาธารณสุข และควบคุม วัณโรคในการตัดวงจรการแพร่กระจายเชื้อวัณโรค และป้องกันเชื้อยังมีปัญหา ผลการด าเนินงานวัณโรค ปีงบประมาณ 2565 จ านวนผู้ป่วยวัณโรครายใหม่และกลับเป็นซ้ า 1,707 ราย คิดเป็นอัตราความครอบคลุมการขึ้น ทะเบียนรักษา (Treatment coverage) ร้อยละ 78.1 คิดเป็นอุบัติการณ์ (Incidence rate) 117.11 ต่อประชากร แสนคน พบผู้ป่วยวัณโรคดื้อยาหลายขนาน (MDR-TB) จ านวน 11 ราย ผู้ป่วย Pre XDR-TB จ านวน 1 ราย และ ผู้ป่วยวัณโรคดื้อยาหลายขนานชนิดรุนแรง (XDR-TB) จ านวน 0 ราย ในปี 2564 มีอัตราการรักษาส าเร็จในผู้ป่วย วัณโรครายใหม่และกลับเป็นซ้ า ร้อยละ 84.12 อัตราเสียชีวิตร้อยละ 11.66 อัตราการขาดการรักษาร้อยละ 1.27 และผลการด าเนินงานตามตัวชี้วัดกระทรวงสาธารณสุข (PA) มีอัตราการรักษาส าเร็จในผู้ป่วยวัณโรคปอดรายใหม่ ร้อยละ 85.60 อัตราเสียชีวิตร้อยละ 11.11 อัตราการขาดการรักษาร้อยละ 1.80 และในปีงบประมาณ 2565 ผลการค้นหาผู้ป่วยวัณโรครายใหม่ในกลุ่มเสี่ยงต่างๆ ด าเนินการคัดกรองด้วยวาจา 141,685 ราย พบผู้มีอาการ สงสัยวัณโรค (มีอาการเข้าได้) 23,966 ราย คิดเป็นร้อยละ 16.91 ได้รับการถ่ายรังสีทรวงอก จ านวน 133,587 ราย คิดเป็นร้อยละ 94.28 พบปอดผิดปกติ5,922 ราย คิดเป็นร้อยละ 4.43 ได้รับการตรวจเสมหะเพื่อยืนยันการ วินิจฉัย 5,426 ราย เป็นเสมหะพบเชื้อ 602 ราย และได้รับการตรวจด้วย Xpert MTB/RIF 2,562 ราย พบเชื้อ วัณโรค 1,156 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.87 ของเป้าหมายที่ได้รับการถ่ายภาพรังสีทรวงอก (CXR) พบเป็นวัณโรคดื้อ ยา Rifampicin 8 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.69 ของเป้าหมายที่พบเชื้อวัณโรค ซึ่งส่วนใหญ่มาจากกลุ่มผู้สัมผัสโรคร่วม บ้าน, ผู้สูงอายุมากกว่า 65 ปี, ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง, ผู้ติดเชื้อเอชไอวี/ผู้ป่วยเอดส์ และผู้ป่วยโรคเบาหวาน (NTIP, ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2565) ตารางที่ 43 ตัวชี้วัด เป้าหมายโครงการพัฒนาการด าเนินงานวัณโรค จังหวัดศรีสะเกษ ปี 2565 ตัวชี้วัด เป้าหมาย 1. อัตราการรักษาส าเร็จของผู้ป่วยวัณโรคปอดรายใหม่ ≥ ร้อยละ 88 2. อัตราความครอบคลุมการขึ้นทะเบียนรักษาผู้ป่วยวัณโรค ≥ ร้อยละ 88
81 | P a g e ผลการด าเนินงาน ผลการด าเนินงานวัณโรคในปีงบประมาณ 2565 และผลการด าเนินงานตามตัวชี้วัดระดับกระทรวง (Performance Agreement : PA 2565) คือ อัตราความส าเร็จการรักษาผู้ป่วยวัณโรคปอดรายใหม่ (เป้าหมาย > ร้อยละ 88) โดยใช้ผลการรักษาส าเร็จผู้ป่วยวัณโรคปอดรายใหม่ที่ขึ้นทะเบียนรักษาตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม - 31 ธันวาคม 2564 และการประเมินความครอบคลุมการขึ้นทะเบียนรักษา (TB Treatment Coverage) ในปีงบประมาณ 2565 มากกว่าหรือเท่ากับร้อยละ 88 ข้อมูลจากโปรแกรม NTIP ดังนี้ 1. การคัดกรองค้นหาผู้ป่วยวัณโรครายใหม่ในกลุ่มสี่ยง 7 กลุ่มเสี่ยง ได้แก่ ผู้สัมผัสโรคร่วมบ้านผู้ป่วย วัณโรค/วัณโรคดื้อยาหลายขนาน ผู้ติดเชื้อเอชไววี ผู้ป่วยโรคเบาหวานและโรคเรื้อรัง ( CKD COPD HF CA) ผู้สูงอายุ > 65 ปี บุคลากรสาธารณสุข ผู้ต้องขัง และแรงงานข้ามชาติ เป้าหมายกลุ่มเสี่ยงทั้งหมด 141,685 ราย พบผู้มีอาการสงสัยวัณโรค (มีอาการเข้าได้) 23,966 ราย คิดเป็นร้อยละ 16.91 ได้รับการถ่ายรังสีทรวงอก จ านวน 133,587 ราย คิดเป็นร้อยละ 94.28 พบปอดผิดปกติ5,922 ราย คิดเป็นร้อยละ 4.43 ได้รับการตรวจเสมหะ เพื่อยืนยันการวินิจฉัย 5,426 ราย เป็นเสมหะพบเชื้อ 602 ราย และได้รับการตรวจด้วย Xpert MTB/RIF 2,562 ราย พบเชื้อวัณโรค 1,156 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.87 ของเป้าหมายที่ได้รับการถ่ายภาพรังสีทรวงอก (CXR) พบเป็น วัณโรคดื้อยา Rifampicin 8 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.69 ของเป้าหมายที่พบเชื้อวัณโรค (NTIP, ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2565) ตารางที่ 44 สรุปผลการคัดกรองค้นหาผู้ป่วยวัณโรคใน 7 กลุ่มเสี่ยง ด้วยการถ่ายภาพรังสีทรวงอก (CXR) กลุ่มเสี่ยง คัดกรองทั้งหมด CXR_ทั้งหมด CXR_ABNORMAL ผู้สัมผัสร่วมบ้าน 16,046 15,271 1,447 ผู้ติดเชื้อเอชไอวี 10,280 10,049 333 โรคเบาหวาน 41,081 38,549 1,157 ผู้สูงอายุ 41,901 37,695 2,107 บุคลากรสาธารณสุขดูแลผู้ป่วย 19,729 19,454 69 ผู้ต้องขังในเรือนจ า 12,515 12,436 804 ประชากรข้ามชาติ 133 133 5 รวม 141,685 133,587 5,922
82 | P a g e ตารางที่ 45 สรุปผลการด าเนินงานคัดกรองวัณโรคด้วยการตรวจ AFB และตรวจด้วย Xpert MTB/RIF ใน 7 กลุ่มเสี่ยง กลุ่มเสี่ยง AFB_ทั้งหมด AFB Positive XPERT_ALL XPERT_MTB XPERT_RR พบ TB ผู้สัมผัสร่วมบ้าน 1,966 288 743 116 3 492 ผู้ติดเชื้อเอชไอวี 468 30 205 17 1 69 โรคเบาหวาน 564 104 270 55 1 228 ผู้สูงอายุ 2,138 161 938 121 1 305 บุคลากรสาธารณสุข ดูแลผู้ป่วย 49 4 26 0 0 13 ผู้ต้องขังในเรือนจ า 231 14 379 27 2 48 ประชากรข้ามชาติ 10 1 1 0 0 1 รวม 5,426 602 2,562 336 8 1,156 ตารางที่ 46 สรุปผลการด าเนินงานคัดกรองวัณโรค ใน 7 กลุ่มเสี่ยง ที่ได้รับการรักษาวัณโรคระยะแฝง กลุ่มเสี่ยง พบวัณโรคระยะแฝง รักษาวัณโรคระยะแฝง ผู้สัมผัสร่วมบ้าน 204 185 ผู้ติดเชื้อเอชไอวี 55 19 โรคเบาหวาน 0 0 ผู้สูงอายุ 0 0 บุคลากรสาธารณสุขดูแลผู้ป่วย 0 0 ผู้ต้องขังในเรือนจ า 0 0 ประชากรข้ามชาติ 0 0 รวม 259 204 2. การขึ้นทะเบียนรักษา เป้าหมายผู้ป่วยวัณโรคขึ้นทะเบียนรักษาทั้งหมดเทียบกับเป้าหมายอุบัติการณ์ 150 ต่อประชากรแสนคน คือ 2,186 ราย ผลการด าเนินงานจังหวัดศรีสะเกษในการค้นพบผู้ป่วยวัณโรครายใหม่ และกลับเป็นซ้ าที่ขึ้นทะเบียนรักษา จ านวน 1,707ราย คิดเป็นอัตราความครอบคลุมการขึ้นทะเบียนรักษา (Treatment coverage) ร้อยละ 78.1 คิดเป็นอุบัติการณ์ (Incidence rate) 117.11 ต่อประชากรแสนคน พบผู้ป่วยวัณโรคดื้อยาหลายขนาน (MDR-TB) จ านวน 11 ราย ผู้ป่วย Pre XDR-TB จ านวน 1 ราย และผู้ป่วย วัณโรคดื้อยาหลายขนานชนิดรุนแรง (XDR-TB) จ านวน 0 ราย (NTIP, ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2565)
83 | P a g e แผนภูมิอุบัติการณ์วัณโรคจังหวัดศรีสะเกษ ปีงบประมาณ 2565 จ าแนกรายอ าเภอ เทียบกับอุบัติการณ์วัณโรค ประเทศไทย 150 ต่อประชากรแสนคน ที่มา: โปรแกรม NTIP ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2565 เวลา 16.00 น.
84 | P a g e แผนภูมิอัตราความครอบคลุมการขึ้นทะเบียนของผู้ป่วยวัณโรครายใหม่และกลับเป็นซ้ า (TB Treatment Coverage) ที่ขึ้นทะเบียนในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 (1 ตุลาคม พ.ศ. 2564 - 30 กันยายน พ.ศ. 2565) (เป้าหมาย ร้อยละ 88) ที่มา: โปรแกรม NTIP ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2565 เวลา 16.00 น. 3. การประเมินผลเมื่อสิ้นสุดการรักษา (Treatment Outcome) 3.1 ผลการด าเนินงานตามตัวชี้วัดกระทรวงสาธารณสุข ปี 2565 (PA) ได้แก่ ผู้ป่วยวัณโรคที่ขึ้น ทะเบียนรักษาตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 ถึง 31 ธันวาคม 2564 มีอัตราการรักษาส าเร็จในผู้ป่วยวัณโรคปอดราย ใหม่ ร้อยละ 85.60 อัตราเสียชีวิตร้อยละ 11.11 อัตราการขาดการรักษาร้อยละ 1.80
85 | P a g e ตารางที่ 47 อัตราความส าเร็จการรักษาผู้ป่วยวัณโรคปอดรายใหม่ (Success rate) ที่ขึ้นทะเบียน ในไตรมาส ที่ 1 ของปีงบประมาณ 2565 (1 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2564) (เป้าหมาย ร้อยละ 88) อ าเภอ ประเมินได้ ทั้งหมด (ราย) รักษา ส าเร็จ (ราย) ร้อยละ ก าลัง รักษา (ราย) ร้อยละ ขาด ยา (ราย) ร้อยละ เสีย ชีวิต (ราย) ร้อยละ โอน ออก (ราย) ร้อยละ เมืองศรีสะเกษ 30 25 83.3 1 3.3 2 6.7 1 3.3 1 3.3 ยางชุมน้อย 15 13 86.7 0 0.0 0 0.0 2 13.3 0 0.0 กันทรารมย์ 22 20 90.9 0 0.0 0 0.0 2 9.1 0 0.0 กันทรลักษ์ 30 29 96.7 0 0.0 0 0.0 0 0.0 1 3.3 ขุขันธ์ 41 36 87.8 0 0.0 1 2.4 4 9.8 0 0.0 ไพรบึง 13 12 92.3 0 0.0 0 0.0 1 7.7 0 0.0 ปรางค์กู่ 17 14 82.4 0 0.0 0 0.0 3 17.6 0 0.0 ขุนหาญ 18 17 94.4 0 0.0 0 0.0 1 5.6 0 0.0 ราษีไศล 21 17 81.0 0 0.0 0 0.0 4 19.0 0 0.0 อุทุมพรพิสัย 30 23 76.7 1 3.3 1 3.3 5 16.7 0 0.0 บึงบูรพ์ 2 1 50.0 1 50.0 0 0.0 0 0.0 0 0.0 ห้วยทับทัน 6 5 83.3 0 0.0 0 0.0 1 16.7 0 0.0 โนนคูณ 7 7 100.0 0 0.0 0 0.0 0 0.0 0 0.0 ศรีรัตนะ 15 13 86.7 0 0.0 0 0.0 2 13.3 0 0.0 น้ าเกลี้ยง 9 4 44.4 0 0.0 1 11.1 4 44.4 0 0.0 วังหิน 11 10 90.9 0 0.0 0 0.0 1 9.1 0 0.0 ภูสิงห์ 17 14 82.4 0 0.0 1 5.9 2 11.8 0 0.0 เมืองจันทร์ 3 3 100.0 0 0.0 0 0.0 0 0.0 0 0.0 เบญจลักษ์ 7 5 71.4 0 0.0 0 0.0 2 28.6 0 0.0 พยุห์ 11 9 81.8 0 0.0 0 0.0 2 18.2 0 0.0 โพธิ์ศรีสุวรรณ 4 4 100.0 0 0.0 0 0.0 0 0.0 0 0.0 ศิลาลาด 4 4 100.0 0 0.0 0 0.0 0 0.0 0 0.0 ภาพรวมจังหวัด 333 285 85.59 3 0.90 6 1.80 37 11.11 2 0.60 ที่มา: โปรแกรม NTIP ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2565 เวลา 16.00 น.
86 | P a g e 3.2 ผลการรักษาผู้ป่วยวัณโรครายใหม่และกลับเป็นซ้ า ปีงบประมาณ 2564 ได้แก่ผู้ป่วยวัณโรคที่ขึ้นทะเบียน รักษาตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2563 ถึง 30 กันยายน 2564 มีอัตราการรักษาส าเร็จในผู้ป่วยวัณโรครายใหม่และกลับ เป็นซ้ า ร้อยละ 84.12 อัตราเสียชีวิตร้อยละ 11.66 อัตราการขาดการรักษาร้อยละ 1.27 ตารางที่ 48 การประเมินผลเมื่อสิ้นสุดการรักษาผู้ป่วยวัณโรครายใหม่และกลับเป็นซ้ า ปี 2564 อ าเภอ ร้อยละผลการรักษา %Success %Failure %Died %LTF %TO %Not Evaluate เมืองศรีสะเกษ 90.75 0.00 8.37 0.44 0.00 0.44 ยางชุมน้อย 87.80 0.00 12.20 0.00 0.00 0.00 กันทรารมย์ 80.91 0.00 16.36 1.82 0.00 0.91 กันทรลักษ์ 89.43 0.00 6.91 0.41 1.22 2.03 ขุขันธ์ 81.12 0.00 16.33 1.02 0.00 1.53 ไพรบึง 85.07 0.00 11.94 0.00 0.00 2.99 ปรางค์กู่ 73.87 0.00 14.41 0.90 0.00 10.81 ขุนหาญ 84.26 0.00 5.56 0.93 2.78 6.48 ราษีไศล 84.68 0.00 14.41 0.00 0.00 0.90 อุทุมพรพิสัย 84.13 0.00 11.90 2.38 0.00 1.59 บึงบูรพ์ 90.00 0.00 10.00 0.00 0.00 0.00 ห้วยทับทัน 81.97 0.00 13.11 1.64 1.64 1.64 โนนคูณ 78.13 0.00 18.75 3.13 0.00 0.00 ศรีรัตนะ 81.43 0.00 15.71 1.43 1.43 0.00 น้ าเกลี้ยง 79.63 0.00 9.26 9.26 1.85 0.00 วังหิน 85.71 0.00 11.11 1.59 1.59 0.00 ภูสิงห์ 72.73 0.00 15.58 3.90 2.60 5.19
87 | P a g e อ าเภอ ร้อยละผลการรักษา %Success %Failure %Died %LTF %TO %Not Evaluate เมืองจันทร์ 85.19 0.00 14.81 0.00 0.00 0.00 เบญจลักษ์ 92.86 0.00 3.57 3.57 0.00 0.00 พยุห์ 86.96 0.00 13.04 0.00 0.00 0.00 โพธิ์ศรีสุวรรณ 81.25 0.00 6.25 0.00 0.00 12.50 ศิลาลาด 86.21 0.00 6.90 0.00 0.00 6.90 ภาพรวมจังหวัด 84.19 0.00 11.65 1.27 0.63 2.27 ที่มา: โปรแกรม NTIP ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2565 เวลา 16.00 น. มาตรการในการด าเนินงาน จังหวัดศรีสะเกษ ได้ก าหนดนโยบายและแนวทางในการเร่งรัดด าเนินงานวัณโรคให้บรรลุตามตัวชี้วัดดังนี้ 1. ติดตามผลการด าเนินงาน โดย นพ.สสจ.ศรีสะเกษ ในการประชุม คปสจ.ทุกเดือน 2. ติดตามในกลุ่มผู้บริหารโดยท่าน ผชชว.1 เป็นผู้ก ากับติดตาม 3. ผู้ประสานงานวัณโรคระดับจังหวัดวิเคราะห์สถานการณ์ ในทีม SAT เสนอผู้บริหาร 4. เร่งรัดการค้นหาผู้ป่วยวัณโรครายใหม่ในกลุ่มเสี่ยง 7 กลุ่ม โดยการถ่ายภาพรังสีทรวงอก (CXR) - บุคลากรสาธารณสุขในระดับอ าเภอ ก าหนดให้ผู้รับผิดชอบงานในระดับอ าเภอ ไปรับการเอกซเรย์ปอด ณ โรงพยาบาลระดับอ าเภอ - การคัดกรองค้นหาผู้ป่วยวัณโรคในเรือนจ า 100 % - ผู้ป่วยโรคเอดส์และผู้ติดเชื้อเอชไอวีต้องได้รับการตรวจด้วยการถ่ายภาพรังสีทรวงอก (CXR) 100 % - ผู้สัมผัสโรคร่วมบ้านผู้ป่วยวัณโรค ใช้ข้อมูลผู้ป่วยวัณโรคย้อนหลัง 5 ปี ในการติดตาม CXR - ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ผลการตรวจ Hb A1C > 7 ต้องได้รับการตรวจด้วยการถ่ายภาพรังสีทรวงอก (CXR) 100 % - ผู้สูงอายุ > 65 ปีที่มีโรคร่วม ต้องได้รับการตรวจด้วยการถ่ายภาพรังสีทรวงอก (CXR) 100 % - แรงงานข้ามชาติต้องได้รับการตรวจด้วยการถ่ายภาพรังสีทรวงอก (CXR) 100 %
88 | P a g e โดยเน้น 5 กลุ่มเสี่ยง ได้แก่ ผู้สัมผัสโรคร่วมบ้านผู้ป่วยวัณโรค ใช้ข้อมูลผู้ป่วยวัณโรคย้อนหลัง 5 ปี, ผู้ป่วย โรคเบาหวานที่ผลการตรวจ Hb A1C > 7, ผู้สูงอายุ > 65 ปีที่มีโรคร่วม, ผู้ป่วยโรคเอดส์และผู้ติดเชื้อเอช ไอวี และบุคลากรสาธารณสุข 5. ทุกรายต้องขึ้นทะเบียนรักษาในโปรแกรม NTIP 6. ใช้มาตรการในการก ากับติดามการรักษาโดยกระบวนการ 2-2-2 2 : มีการส่งต่อข้อมูลการรักษาผู้ป่วยถึงหน่วยบริการปฐมภูมิภายใน 2 วัน และคัดเลือกพี่เลี้ยง เพื่อช่วยในการก ากับดูแลประเมินสภาพแวดล้อมสถานที่เก็บยาให้พ้นแสงแดดและความร้อน 2 : เจ้าหน้าที่ รพ.สต./PCU ก ากับติดตามการกินยาผู้ป่วยให้ได้กินยาครบถูกต้องทุกวัน 14 วัน 2 : เจ้าหน้าที่ รพ.สต./PCU ประเมินอาการผู้ป่วยถ้ายังอาการไม่ดีขึ้นต้องติดตามประคับประ ครองดูแลต่อเนื่องทุกวันจนครบ 2 เดือน แต่ถ้าประเมินอาการแล้วผู้ป่วยดีขึ้นปฏิบัติตัวได้ ถูกต้อง เจ้าหน้าที่ก็ไปกับดูแลแบบใกล้ชิดต่อเนื่องต่อจนครบ 2 เดือน ต่อจากนั้นก็เข้าระบบ การดูแลตามมาตรฐาน 7. ประเมิน QTB รพ. 22 แห่ง ทั้งใน รพ.สต./รพท./รพช. และชุมชน ให้สามารถด าเนินงานได้ตาม มาตรฐาน 8. ผู้ประสานงานระดับจังหวัด ประเมินผลการด าเนินงานจากโปรแกรม NTIP เสนอผู้บริหาร และส่งผล การประเมินให้ TBC/DTC ใน Line กลุ่ม TB Sisaket ปัจจัยแห่งความส าเร็จ มีนโยบายและแนวทางในการเร่งรัดด าเนินงานวัณโรคทุกระดับ ปัญหาอุปสรรค 1. การส่งต่อข้อมูลภายใน 2 วัน บางพื้นที่ยังด าเนินการได้ไม่ครอบคลุม สาเหตุเพราะไม่ขึ้นทะเบียนรักษา ทุกวัน และบางแห่งใช้การสื่อสารทางเดียว บางแห่งไม่เปิดดูข้อมูลที่โรงพยาบาลส่งออกไป ท าให้ด าเนินงานตาม นโยบายไม่ครอบคลุม 2. เมื่อไม่ได้รับข้อมูลภายใน 2 วัน การก ากับการดูแลผู้ป่วยภายใน 14 วัน จึงไม่เกิดขึ้น และท าให้ไม่มีการ บันทึกการก ากับการกินยาในโปรแกรม NTIP ข้อมูล DOT จึงต่ ากว่าเป้าหมาย และการได้รับค่าชดเชยก็ไม่ตามที่ ควรจะได้ 3. การด าเนินการ Case management ในผู้ป่วยวัณโรคปอดเสมหะพบเชื้อ ส่วนใหญ่ไม่ได้ด าเนินการ เพราะ ขาดการประชุมชี้แจงแนวทางการด าเนินงาน ขาดทีมที่มีสมรรถนะ ไม่มีการวางแผน 4. เจ้าหน้าที่ระดับปฐมภูมิบางแห่งเป็นคนใหม่มารับผิดชอบงาน ไม่ทราบวิธีการในการด าเนินงาน
89 | P a g e 5. ผู้ประสานงานวัณโรคระดับอ าเภอ ส่วนใหญ่ไม่วิเคราะห์ผลการด าเนินในพื้นที่ ไม่หาสาเหตุของการ เสียชีวิต หรือหาแนวทางป้องกันการขาดยา ขาดการก ากับติดตามการด าเนินงานของ รพ.สต. 6. ผู้รับผิดชอบงานวัณโรคในระดับอ าเภอ (TBC และ DTC) บางพื้นที่ไม่วิเคราะห์พื้นที่เสี่ยงตาม หลักระบาดวิทยาและการคัดกรองกลุ่มเสี่ยงบางแห่งไม่สามารถก าหนดเป้าหมายได้อย่างชัดเจน 7. ขาดงบประมาณในการด าเนินงานในช่วงต้นปีงบประมาณ ซึ่งไม่สอดคล้องกับบริบทของกิจกรรมที่ต้อง เร่งรัดด าเนินงาน 8. สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ท าให้การด าเนินงานไม่ต่อเนื่อง บุคลากรมีภาระงานมาก จึง ไม่สามารถเยี่ยมบ้านผู้ป่วยได้ครอบคลุม และไม่สามารถด าเนินการคัดกรองกลุ่มเสี่ยงได้ครอบคลุมทุกกลุ่ม แนวทางการพัฒนางานในปีถัดไป 1. ทุกพื้นที่ส ารวจเป้าหมายกลุ่มเสี่ยงในการคัดกรอง ปี 2565 จ านวน 7 กลุ่มเสี่ยง ให้ชัดเจนและ รายงานจังหวัดภายในวันที่ 25 ตุลาคม 2565 2. ก าหนดการคัดกรองค้นหาผู้ป่วยรายใหม่ในกลุ่มเสี่ยง ด้วย X-ray ปอด 3. ทีมสหวิชาชีพจัดท า Case management ในผู้ป่วยวัณโรคปอดเสมหะบวก และผู้ป่วยวัณโรค ปอดเสมหะลบที่มีภาวะเสี่ยงหรือมีโรคร่วมทุกรายภายใน 15 วันหลังรักษาวัณโรค เพื่อลดอัตราอัตราการเสียชีวิต 4. อบรมพัฒนาคุณภาพเจ้าหน้าที่สาธารณสุขให้มีความรู้ความสามารถในการ DOT แบบมีคุณภาพ โดยใช้มาตรการ 2-2-2 2 : ส่งต่อข้อมูลผู้ป่วยถึง รพช./รพ.สต. ภายใน 2 วัน 2 : ดูแลแบบใกล้ชิดภายใน 2 สัปดาห์(ติดตามทุกวัน) พี่เลี้ยงเป็นเจ้าหน้าที่สาธารณสุข 14 วัน 2 : ก ากับติดตามการรักษาแบบเข้มข้นภายใน 2 เดือน (เน้นประเมินผู้ป่วยก่อนวางแผนต่อเนื่อง) 5. ทุก CUP ต้องด าเนินการ Dot Meeting ทุกไตรมาส เพื่อติดตามผลการรักษา และแก้ไขปัญหาที่เกิดระหว่าง การรักษา ผลงานที่โดเด่น/ รางวัลที่ภาคภูมิใจ ได้รับเกียรติบัตรผลงานดีเด่นในการขับเคลื่อนการด าเนินงานป้องกันควบคุมวัณโรค เรื่อง อัตราความส าเร็จการ รักษาผู้ป่วยวัณโรครายใหม่ (Treatment success rate) ≥ ร้อยละ 85 ปีงบประมาณ 2565 จากส านักงานป้องกัน ควบคุมโรคที่ 10 จังหวัดอุบลราชธานี
90 | P a g e ประเด็นงาน : ป้องกันควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ประจ าปี 2565 สถานการณ์ สภาพปัญหา ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง สถานการณ์ผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2565 ทั่วโลกพบผู้ป่วย ยืนยันทั้งสิ้น 622,370,893 ราย เสียชีวิด 6,547,074 ราย สถานการณ์ประเทศไทย พบผู้ป่วยยืนยันสะสมตั้งแต่ ปี 2563 จ านวน 4,681,309 ราย เสียชีวิตสะสม 32,764 คน (0.70%) การระบาดระลอกมกราคม 2565 (1 ม.ค. – 30 ก.ย. 65) พบผู้ป่วยยืนยันสะสม 2,457,874 ราย เสียชีวิตสะสม 11,066 ราย (0.45%) สถานการณ์ผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เขตสุขภาพที่ 10 การระบาดระลอกมกราคม 2565 (1 ม.ค. – 30 ก.ย. 65) พบผู้ป่วยยืนยันสะสม 99,107 ราย เป็นผู้ป่วยสะสมจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการฯ 98,880 ราย ผู้ป่วยสะสมในเรือนจ า 229 ราย เสียชีวิตสะสม 797 คน (0.80%) สถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จังหวัดศรีสะเกษ ตั้งแต่ปี 2563 พบผู้ป่วยยืนยันสะสม 48,877 ราย การระบาดระลอก เมษายน (1 เม.ย.–31 ธ.ค. 64) พบผู้ป่วยยืนยันสะสม 18,127 ราย เสียชีวิตสะสม 92 ราย (0.50%) ระลอกมกราคม 2565 (1 ม.ค. – 30 ก.ย. 65) พบผู้ป่วยยืนยันสะสม 30,741 ราย เสียชีวิตสะสม 246 ราย (0.80%) ตารางที่ 49 ตัวชี้วัด เป้าหมายโครงการป้องกันควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จ.ศรีสะเกษ ปี 2565 ตัวชี้วัด เป้าหมาย ผลการด าเนินงาน 1. อัตราป่วยตายของผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) จังหวัด ศรีสะเกษ ไม่เกิน ร้อยละ 1.55 ≤ ร้อยละ 1.55 ร้อยละ 0.78 2. ทุก คปสอ. สามารถควบคุมสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ให้สงบได้ภายใน 21 – 28 วัน ร้อยละ 100 ร้อยละ 95.45 มาตรการในการด าเนินงาน 1. ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ปี 2565 2. ประกาศค าสั่ง/มาตรการ มาตรการควบคุมพื้นที่เพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 ตามมติคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด 3. การปรับแนวทางการด าเนินชีวิต ให้สามารถด าเนินชีวิตร่วมกับโควิดได้ (Living with COVID) 4. เมื่อโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) เข้าสู่โรคประจ าถิ่น ในภาพรวมของจังหวัด 5. ก าหนดแผนบริหารจัดการสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) สู่โรคประจ าถิ่นจังหวัด ศรีสะเกษ 6. จัดท าค าสั่งแต่งตั้งคณะท างานเตรียมความพร้อมเข้าสู่โรคประจ าถิ่น จังหวัดศรีสะเกษ 7. เร่งรัดการการด าเนินฉีดวัคซีนป้องกันโรค โควิด-19 โดยเฉพาะเข็มกระตุ้น (เข็มที่ 3) เป้าหมาย 60% 8. พัฒนารูปแบบการบริหารจัดการวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้น (เข็มที่ 3) โดยการมีส่วนร่วมของประชาชน และหน่วยงานภาคีเครือข่ายจังหวัดศรีสะเกษ
91 | P a g e 9. ปรับมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ส าหรับการเดินทางเข้าราชอาณาจักร 10. การขับเคลื่อนและยกระดับมาตรการ COVID Free Setting รายงานและติดตามข้อมูลการประเมินตนเอง ของสถานประกอบการ ในที่ประชุมคณะกรรมการคุมโรคติดต่อจังหวัด ปัจจัยแห่งความส าเร็จ 1. ระบบโครงสร้างและการบริหารจัดการของจังหวัดที่มีเอกภาพ 2. การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและระบบฐานข้อมูล มาประกอบการตัดสินใจของผู้บริหารในการวางแผน ยุทธศาสตร์ 3. การบูรณาการการท างานร่วมกันระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน และภาคประชาสังคม 4. การสื่อสารเพื่อสร้างความเข้าใจต่อประชาชนและสาธารณชน 5. มีการเตรียมความพร้อมในการเผชิญเหตุและรับมือต่อสถานการณ์ ทั้งระยะก่อนเกิดเหตุ ระหว่างเกิดเหตุ และระยะหลังเกิดเหตุ ปัญหาอุปสรรค 1. การระบาดตั้งแต่มกราคม 2565 เป็นต้นมา เป็นการระบาดของสายพันธุ์ Omicron ซึ่งมีการระบาดอย่าง รวดเร็วและเป็นวงกว้าง ท าให้ไม่สามารถระบุการระบาดเป็นกลุ่มก้อน (Cluster) ได้ ท าให้การควบคุม การระบาดเป็นไปได้ยาก 2. ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สายพันธุ์ Omicron ส่วนใหญ่มีอาการเล็กน้อย เป็นผู้ป่วยสีเขียว จะรักษา ตัวเองที่บ้าน (HI) ในช่วงเวลาที่พบผู้ป่วยจ านวนมาก เกิดปัญหาความล่าช้าและความครอบคลุมในการรับยา ท าให้ผู้ป่วยมีอาการหนักขึ้นในภายหลัง แนวทางการพัฒนางานในปีถัดไป จัดประชุมเชิงปฏิบัติการซ้อมแผนเตรียมความพร้อมรองรับการระบาดซ้ าจากเชื้อไวรัสโควิด 19 กลายพันธุ์ ผลงานที่โดเด่น/ รางวัลที่ภาคภูมิใจ การดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด 19 และกลุ่มผู้มีความเสี่ยงสูง ด้วย Model บ้าน 5 หลัง ประเด็นงาน : การป้องกันโรคด้วยวัคซีน ประจ าปีงบประมาณ 2565 สถานการณ์ สภาพปัญหา ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง วัคซีนเป็นเครื่องมือส าคัญในการป้องกันและควบคุมโรคติดต่อที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีนตลอด ระยะเวลา ที่ผ่านมา มีการพัฒนาและปรับปรุงการด าเนินงานอย่างต่อเนื่อง อาทิ การคงรักษาและเร่งรัดระดับ ความ ครอบคลุมการได้รับวัคซีนในประชากรกลุ่มเป้าหมายให้สูงตามเกณฑ์เป้าหมาย การเพิ่มวัคซีนใหม่เพื่อให้ประชากร กลุ่มเป้าหมายได้รับการป้องกันโรคที่มีความส าคัญมากขึ้น การปรับชนิดของวัคซีนเดิมเพื่อเพิ่ม ประสิทธิภาพและ ลดจ านวนครั้งในการให้บริการ การปรับตารางการให้วัคซีนตามระบบปกติ การรณรงค์ให้วัคซีนแก่ประชากรกลุ่ม เสี่ยงเพื่อป้องกันไม่ให้โรคระบาดเป็นวงกว้าง การด าเนินงานตามพันธะสัญญาร่วมกับ นานาประเทศทั่วโลกในการ
92 | P a g e ก าจัดและกวาดล้างโรค ผลการด าเนินงานมีความก้าวหน้ามาโดยตลอด โดยเฉพาะ ความครอบคลุมของการได้รับ วัคซีน การด าเนินงานเพื่อเร่งรัดความครอบคลุมการได้รับวัคซีนในเด็กกลุ่มเป้าหมาย รายงานผลความครอบคลุม การได้รับวัคซีนของเด็กกลุ่มเป้าหมาย นอกจากนี้กลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อขอความร่วมมือศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศ ประมวลผลความ ครอบคลุมการได้รับวัคซีนในฐานข้อมูล 43 แฟ้มมาตรฐานเพื่อความครบถ้วน ถูกต้อง และเป็นปัจจุบันตาม แผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคของกระทรวงสาธารณสุข อันจะเป็นประโยชน์ในการ ควบคุม ก ากับและติดตาม ผลการด าเนินงานส าหรับหน่วยงานทุกระดับตามเกณฑ์การประมวลความครอบคลุมการ ได้รับวัคซีน ในกลุ่มเป้าหมายต่างๆ จากฐานข้อมูล 43 แฟ้มมาตรฐาน โดยการด าเนินการเพื่อให้ระดับความ ครอบคลุมการ ได้รับวัคซีนทุกชนิดในกลุ่มเป้าหมายได้ตามเกณฑ์ที่ก าหนด พิจารณาจากกลุ่มเป้าหมาย ดังนี้1. เด็กอายุครบ 1 ปี ในปีงบประมาณ 2564 ได้รับวัคซีน BCG, HB1, DTP-HB3-Hib3, OPV3, IPV และ MMR1 2. เด็กอายุครบ 2 ปี ในปีงบประมาณ 2563 ได้รับวัคซีน DTP4, OPV4 และ JE 3. เด็กอายุครบ 3 ปีในปีงบประมาณ 2562 ได้รับ วัคซีน MMR2 และ JE 4. เด็กอายุครบ 5 ปี ในปีงบประมาณ 2565 ได้รับวัคซีน DTP5 และ OPV5 5. ประเมิน มาตรฐานการด าเนินงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค โดยคณะกรรมการ คปสอ. ปีละ 1 ครั้ง 5.ประชากรที่อยู่ ในราชอาณาจักรไทยได้รับวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ร้อยละ 70 ตารางที่ 50 ตัวชี้วัด เป้าหมาย ผลการด าเนินงานการป้องกันโรคด้วยวัคซีน ประจ าปีงบประมาณ 2565 ตัวชี้วัด เป้าหมาย ผลการด าเนินงาน 1. ความครอบคลุมวัคซีนพื้นฐาน - ความครอบคลุมของเด็กอายุครบ 1 ปี - ความครอบคลุมของเด็กอายุครบ 2 ปี - ความครอบคลุมของเด็กอายุครบ 3 ปี - ความครอบคลุมของเด็กอายุครบ 5 ปี 2. ความครอบคลุมการได้รับวัคซีนหัด คางทูม หัดเยอรมัน (MMR1) 3. ความครอบคลุมการได้รับวัคซีนหัด คางทูม หัดเยอรมัน (MMR2) 4. ประเมินมาตรฐานการด าเนินงานสร้าง เสริมภูมิคุ้มกันโรค โดยคณะกรรมการ คปสอ.ปีละ 1 ครั้ง 5. ประชากรที่อยู่ในราชอาณาจักรไทยได้รับ วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 ร้อยละ 90 ร้อยละ 95 ร้อยละ 95 ร้อยละ 100 ร้อยละ 70 97.82 85.23 81.45 81.88 86.30 84.30 100 90.30
93 | P a g e มาตรการในการด าเนินงาน 1. ชี้แจงแนวทางปฏิบัติที่ดี -ควบคุมคุณภาพวัคซีนและระบบ ลูกโซ่ความเย็น -ควบคุมปริมาณการใช้วัคซีนเพื่อลดการสูญเสียและให้มีความเพียงพอในการใช้วัคซีน -จัดท าทะเบียนการให้บริการวัคซีน -การเตรียมความพร้อมการให้บริการวัคซีน เช่น สถานที่เหมาะสม/การชั่งน้ าหนัก/วัดไข้/และการ observe หลังฉีดวัคซีนอย่างน้อย 30 นาที 2. ประชาสัมพันธ์ รณรงค์ ให้ความรู้ความเข้าใจเรื่องวัคซีนอย่างต่อเนื่อง - รายงานอาการภายหลังได้รับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค (AEFI) ในระบบรายงานออนไลน์ ของ สสจ.ศรีสะเกษ - หลังฉีดวัคซีนหากมีอาการแพ้วัคซีนถือเป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องส่งต่อไปยังโรงพยาบาล และรายงานในระบบรายงาน (AEFI) 3. สร้างระบบการมีส่วนร่วมและการประสานงานทุกภาคีเครือข่ายและพัฒนาระบบ IT ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น - มีการพัฒนากลไกด้านบุคลากร เช่นบุคลากรมีความรู้ด้าน IT และสามารถ อับเดตข้อมูลการ ให้วัคซีนให้เป็นปัจจุบัน - มีการพัฒนากลไกด้าน IT เช่น พัฒนาโปรมแกรม และ ซอฟต์แวร์ ให้ทันสมัย - พัฒนาระบบเครือข่ายสุขภาพให้มีประสิทธิภาพ - พัฒนาระบบการเร่งรัดติดตามการด าเนินงาน อย่างมีประสิทธิภาพ - นิเทศติดตามงานแบบบูรณาการ - ประเมินผลและสรุปรายงานรายไตรมาส ปัจจัยแห่งความส าเร็จ 1. ผู้รับผิดชอบงานวัคซีนมีความรู้ความเข้าใจในการปฏิบัติงาน 2. ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจและมีทัศนคติต่อวัคซีน ปัญหาอุปสรรค 1. การบันทึกข้อมูลของสถานบริการ (ในระบบฐานข้อมูลมาตรฐาน 43 แฟ้ม ของกระทรวงสาธารณสุข) ยังประมวลผลได้ไม่ครบถ้วนและไม่ถูกต้อง อาจจะเกิดจากเมื่อส่งออกข้อมูลแล้ว หรือไม่มีการตรวจสอบความ ครบถ้วน ถูกต้องในการบันทึกข้อมูลการให้บริการวัคซีน 2. สถานบริการบางแห่งไม่มีการตรวจสอบความถูกต้องของรหัสวัคซีนให้ตรงกับรหัสวัคซีนที่ใช้ในปัจจุบัน 3. เด็กในกลุ่มเป้าหมายมีการย้ายที่อยู่อาศัย ท าให้ข้อมูลการได้รับวัคซีนไม่ถูกน ามาบันทึกในระบบข้อมูล
94 | P a g e 4. เด็กในกลุ่มเป้าหมายบางส่วนรับบริการวัคซีนจากสถานบริการมากกว่า 1 แห่ง ตามความสะดวกของ ผู้ปกครองท าให้ข้อมูลการได้รับวัคซีนบางส่วนไม่ถูกน ามาบันทึกในระบบข้อมูล 5. ความครอบคลุมในระบบฐานข้อมูล 43 แฟ้ม ส่วนใหญ่เป็นข้อมูลการให้บริการวัคซีนในสถานบริการ ของ รัฐ ภายใต้สังกัดกระทรวงสาธารณสุข โดยมีข้อมูลจากสถาน บริการอื่นๆ น้อยมาก เช่น โรงพยาบาล เอกชน คลินิก เป็นต้น แนวทางการพัฒนางานในปีถัดไป 1. แจ้งแนวทางการด าเนินงานเป็นหนังสือราชการ 2. ติดตามการด าเนินงานใน HDC เพื่อรายงานผู้บังคับบัญชาประจ าเดือน 3. ลงนิเทศติดตามงานเฉพาะกิจในพื้นที่ที่มีผลงานต่ ากว่าเกณฑ์ 4. สุ่มประเมิน รพ.สต. และ PCU 5. น าเข้าประเมินในการจัดล าดับอ าเภอ Ranking ผลงานที่โดเด่น/ รางวัลที่ภาคภูมิใจ 1. โล่ประกาศเกียรติคุณ จังหวัดที่ร่วมด าเนินการฉีดวัคซีนโควิด 19 เข็มกระตุ้นให้กับผู้สูงอายุ Save 608 by Booster ให้ไว้ ณ วันที่ 7 เมษายน 2565 ประเด็นงาน : การด าเนินงานควบคุมป้องกันโรคเรื้อน สถานการณ์ สภาพปัญหา ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่ปี 2537 การด าเนินงานควบคุมโรคเรื้อนของประเทศไทยที่ผ่านมาสามารถก าจัดโรคเรื้อนให้ไม่เป็น ปัญหาสาธารณสุขตามหลักเกณฑ์ขององค์การอนามัยโลก (อัตราความชุกโรคในระดับประเทศ ต่ ากว่า 1 ราย ต่อประชากร 10,000 คน) จนเข้าสู่ระยะหลังการก าจัดโรคเรื้อน (post-elimination phase) ในปัจจุบัน สถานการณ์ของโรคมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2564 อัตราความชุกโรคเท่ากับ 0.03 ต่อประชากร 10,000 คน และพบผู้ป่วยโรคเรื้อนรายใหม่ จ านวน 200 ราย กลุ่มการรักษาประเภทเชื้อมาก (MB) จ านวน 193 ราย (96.50%) กลุ่มการรักษาประเภทเชื้อน้อย (PB) จ านวน 7 ราย (3.50%) จังหวัดที่มีการขึ้นทะเบียนมากที่สุด 3 จังหวัด คือ นราธิวาส 15 ราย (0.18/10,000 ประชากร) นครราชสีมา 10 ราย (0.04/10,000 ประชากร) และบุรีรัมย์ 9 ราย (0.06/10,000 ประชากร) ตามล าดับ และทุกอ าเภอทั่วประเทศได้บรรลุเป้าหมายการก าจัดโรค เรื้อนจนไม่เป็นปัญหาสาธารณสุขตามหลักเกณฑ์ขององค์การอนามัยโลก (อัตราความชุกโรคในระดับประเทศ ต่ ากว่า 1 ราย ต่อประชากร 10,000 คน) และในปี 2564 ค้นพบผู้ป่วยโรคเรื้อนรายใหม่ จ านวน 62 ราย คิดเป็น อัตราการค้นพบผู้ป่วยรายใหม่ 0.09 ต่อแสนประชากร กลุ่มการรักษาประเภทเชื้อมาก (MB) จ านวน 54 ราย (87.10%) กลุ่มการรักษาประเภทเชื้อน้อย (PB) จ านวน 8 ราย (12.90%) จ าแนกเป็นผู้ป่วยโรคเรื้อนรายใหม่ที่มี ความพิการระดับ 2 (มองเห็นได้) จ านวน 8 ราย คิดเป็นร้อยละ 12.90 และผู้ป่วยโรคเรื้อนรายใหม่ที่มีประวัติเป็น ผู้สัมผัสโรค จ านวน 12 ราย คิดเป็นร้อยละ 19.35 ความล่าช้าในการวินิจฉัยโรคเฉลี่ย 32 เดือน หรือประมาณ 2 ปี
95 | P a g e 8 เดือน โดยมีผู้ป่วยที่เริ่มมีอาการแสดงของโรคจนได้รับการวินิจฉัยและรักษา (since of onset) ภายในเวลา 1 ปี จ านวน 29 ราย (46.77%) โดยการค้นพบผู้ป่วยรายใหม่สูงสุด 3 ล าดับ นราธิวาส 7 ราย (0.86/10,000 ประชากร) ชลบุรี 4 ราย (0.25/10,000 ประชากร) และขอนแก่น 4 ราย (0.22/10,000 ประชากร) วิธีการค้นพบผู้ป่วยราย ใหม่จ าแนกได้ดังนี้ มาตรวจเอง 52 ราย (83.87%) ตรวจผู้สัมผัสโรค 3 ราย (4.84%) ส่งต่อ 6 ราย (9.68%) และ ส ารวจหมู่บ้าน 1 ราย (1.61%) ผู้ป่วยโรคเรื้อนรายใหม่ที่เป็นประชากรข้ามชาติที่ค้นพบในระหว่างวันที่ 1 มกราคม - 31 ธันวาคม 2564 มีจ านวน 11 ราย สัญชาติเมียนมาร์ 11 ราย (100%) เป็นผู้ป่วยประเภทเชื้อน้อย 11 ราย (100%) (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564) ทั้งนี้การด าเนินงานควบคุมโรคเรื้อนยังคงต้องด าเนินการต่อไป แต่ปัญหาที่ยังคงมีอยู่คือ แนวโน้มสัดส่วน ความพิการ ระดับ 2 (ความพิการที่มองเห็นได้) ในผู้ป่วยโรคเรื้อนรายใหม่ไม่ลดลง โดยมีค่าเฉลี่ยร้อยละ 10-17 โดยพบว่า มีความล่าช้าในการตรวจวินิจฉัยและรักษาโดยเฉลี่ย 3.3 ปี สาเหตุของความล่าช้ามี 2 ส่วนคือ ส่วนที่ 1 ความล่าช้าที่เกิดจากตัวผู้ป่วย (patient delay) นาน 2.1 ปีซึ่งเกิดจากประชาชนขาดความรู้และความตระหนักใน เรื่องโรคเรื้อน เห็นได้จากการที่ผู้ป่วยรายใหม่ออกมารับการตรวจรักษาเอง โดยรู้หรือสงสัยว่าตนเองเป็นโรคเรื้อน (awareness self-reporting) มีเพียงร้อยละ 22 กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข จึงได้เร่งด าเนินการใน 2 มาตรการส าคัญคือ 1.การเร่งรัดค้นหา ผู้ป่วยโรคเรื้อนในพื้นที่ที่มีข้อบ่งชี้ทางระบาดวิทยา และในผู้สัมผัสโรคร่วมบ้านเพื่อให้ผู้ป่วยที่ตกค้างในชุมชน ได้รับการค้นพบโดยเร็ว และได้รับการรักษาตามมาตรฐาน ส่งผลให้สามารถลดการแพร่เชื้อโรคเรื้อนในชุมชน และ ลดการเกิดความพิการระดับ 2 ในผู้ป่วยโรคเรื้อนรายใหม่ และ 2.การพัฒนาเครือข่ายในการฟื้นฟูสภาพผู้ประสบ ปัญหาจากโรคเรื้อน โดยการส ารวจความพิการ ปัญหาเศรษฐกิจ สังคม และความต้องการที่จ าเป็นของผู้ประสบ ปัญหาจากโรคเรื้อน เพื่อไห้ได้รับการฟื้นฟูสภาพตามความเหมาะสม หรือสามารถพึ่งตนเองได้ โรคเรื้อนเป็นโรคผิวหนัง ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนหรือยาป้องกัน แต่มียารักษาที่ให้ผลดี วิธีการเดียวที่มี ประสิทธิภาพสูงสุด คือ การตรวจร่างกายให้พบโรคได้เร็วที่สุด จึงขอแนะน าประชาชนให้สังเกตอาการผิดปกติ ที่ผิวหนัง เพราะเชื้อโรคเรื้อนมีระยะฟักตัวนานประมาณ 2-12 ปี กว่าจะปรากฏอาการ โดยผิวหนังจะเป็นรอย ผื่นวงด่างขาวหรือแดงหรือเป็นตุ่ม นูนแดง ชา หยิกไม่เจ็บ ไม่คัน ขนภายในรอยวงร่วง เหงื่อไม่ออก หากได้รับ การรักษาคือกินยาเร็ว ยาเม็ดแรกจะฆ่าเชื้อในร่างกายได้มากถึงร้อยละ 99 ภายใน 3-5 วัน จะไม่มีความพิการ และไม่แพร่เชื่อสู่คนอื่น "หากไม่ได้รับการรักษา เชื้อจะเข้าไปท าลายเส้นประสาทส่วนปลายที่หล่อเลี้ยง เช่น บริเวณปลายมือ ปลายเท้า ท าให้เกิดความพิการ ต่ออวัยวะเหล่านี้ เริ่มตั้งแต่มือ เท้าอ่อนแรง กระดูกนิ้วมือนิ้วเท้า ผิดรูป หงิกงอ นิ้วกุดหรือเท้าเป็นแผลติดเชื้ออักเสบลุกลามจนถึงต้องตัดทิ้ง โรคนี้ใช้เวลารักษานาน 6 เดือนถึง 2 ปี ขี้นอยู่กับความรุนแรงและชนิดโรค ดังนั้น จึงขอให้ผู้ที่เป็นโรคผิวหนัง รักษาไม่หายขาดใน 3 เดือน อย่าชะล่าใจ ขอให้พบแพทย์ที่สถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้าน เพื่อให้การตรวจวินิจฉัยยืนยันและเข้ารับการรักษาต่อไป
96 | P a g e จังหวัดศรีสะเกษก าหนดให้มีพื้นที่ที่มีข้อบ่งชี้ทางระบาดวิทยา ได้แก่ อ าเภอกันทรลักษ์ อ าเภอกันทรา รมย์ อ าเภออุทุมพรพิสัย และอ าเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ โดยพบผู้ป่วยโรคเรื้อนรายใหม่ปีใดปีหนึ่งไม่ติดต่อกันในรอบ 10 ปีแต่มียอดรวมตั้งแต่ 7 รายขึ้นไป ในปี 2565 สถานการณ์โรคเรื้อนจังหวัดศรีสะเกษ พบอัตราความชุก 0.03/10,000 ประชากร และพบผู้ป่วยโรคเรื้อนรายใหม่ จ านวน 1 กลุ่มการรักษาประเภทเชื้อมาก (MB) อัตราพบ ผู้ป่วยโรคเรื้อนรายใหม่ 0.07/100,000 ประชากร โดยไม่พบอัตราความพิการในผู้ป่วยโรคเรื้อนรายใหม่ และเมื่อ เทียบกับตัวชี้วัดผ่านเกณฑ์ทุกตัวชี้วัด (ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2565) จากการด าเนินงานดังกล่าวจังหวัดศรี สะเกษได้ก าหนดพื้นที่ที่มีผู้ป่วยโรคเรื้อนรายใหม่โดยใช้ข้อมูลย้อนหลัง 5 ปี ต้องด าเนินกิจกรรมการคัดกรองค้นหา ผู้ป่วยโรคเรื้อนรายใหม่โดยการส ารวจหมู่บ้าน เพื่อค้นหาผู้ป่วยโรคเรื้อนรายใหม่ให้พบและน ามารับการรักษาให้ ครบ ซึ่งเป็นการก าจัดโรคเรื้อนให้หมดไป ไม่เป็นปัญหาทางสาธารณสุขของจังหวัดศรีสะเกษต่อไป ตารางที่ 51 ตัวชี้วัด เป้าหมายโครงการการด าเนินงานควบคุมป้องกันโรคเรื้อน ตัวชี้วัด เป้าหมาย 1. อัตราความชุกผู้ป่วยโรคเรื้อน < 1/10000 ประชากร 2. อัตราพบผู้ป่วยโรคเรื้อนรายใหม่ < 1/100000 ประชากร 3. อัตราพบความพิการในผู้ป่วยโรคเรื้อนรายใหม่ < ร้อยละ 10 ผลการด าเนินงาน 1. อัตราความชุกผู้ป่วยโรคเรื้อน ปี 2565 = 0.03 /10,000 ประชากรผ่านเกณฑ์ตัวชี้วัดปีงบประมาณ 2565 ผู้ป่วยโรคเรื้อนยังรักษาอยู่จ านวน 4ราย คิดเป็นอัตรา 0.03 ต่อประชากรหมื่นคน จ าแนกเป็นรายอ าเภอได้แก่ อ าเภอ จ านวนผู้ป่วยโรคเรื้อนยังรักษาอยู่ อัตรา/10,000 ประชากร - กันทรลักษ์ 1 0.05 - ขุนหาญ 1 0.09 - เบญจลักษ์ 1 0.28 - พยุห์ 1 0.28 รวมศรีสะเกษ 4 0.03 2. อัตราพบผู้ป่วยโรคเรื้อนรายใหม่ ปี 2565 = 0.07 /100,000 ประชากร ผ่านเกณฑ์ตัวชี้วัด อ าเภอ จ านวนผู้ป่วยโรคเรื้อนรายใหม่ อัตรา/100,000ประชากร - เบญจลักษ์ 1 2.78 รวมศรีสะเกษ 1 0.07
97 | P a g e 3. จ านวนผู้ป่วยโรคเรื้อน จ าแนกรายอ าเภอ จังหวัดศรีสะเกษ ปี พ.ศ. 2556 – 2565 ตารางที่ 52 จ านวนผู้ป่วยโรคเรื้อน จ าแนกรายอ าเภอ จังหวัดศรีสะเกษ ปี พ.ศ. 2556 – 2565 อ าเภอ 2556 2557 2558 2559 2560 2561 2562 2563 2564 2565 รวม เมืองศรีสะเกษ 1 1 1 1 4 ยางชุมน้อย 0 กันทรารมย์ 2 5 1 1 1 1 11 กันทรลักษ์ 3 4 2 2 1 12 ขุขันธ์ 0 ไพรบึง 1 1 2 ปรางค์กู่ 1 1 ขุนหาญ 1 1 1 3 ราษีไศล 1 2 3 อุทุมพรพิสัย 2 1 1 1 1 1 7 บึงบูรพ์ 0 อ าเภอ 2556 2557 2558 2559 2560 2561 2562 2563 2564 2565 รวม ห้วยทับทัน 0 โนนคูณ 1 1 ศรีรัตนะ 1 1 2 น้ าเกลี้ยง 1 1 1 3 วังหิน 1 1 2 ภูสิงห์ 1 1 เมืองจันทร์ 0 เบญจลักษ์ 1 1 พยุห์ 1 1 2 โพธิ์ศรีสุวรรณ 4 6 2 1 1 14 ศิลาลาด 0 รวม 6 15 18 9 5 5 2 5 3 1 69
98 | P a g e 4. อัตราป่วยโรคเรื้อน (ต่อแสนประชากร) จังหวัดศรีสะเกษ ปี พ.ศ. 2556 – 2565 5. อัตราพบความพิการในผู้ป่วยโรคเรื้อนรายใหม่ ร้อยละ 10 สรุปไม่พบผู้ป่วยพิการ ผ่านเกณฑ์ตัวชี้วัด 6. การด าเนินงานส ารวจหมู่บ้านเพื่อค้นหาผู้ป่วยโรคเรื้อนรายใหม่ (RVS) ปีงบประมาณ 2565 - พื้นที่เป้าหมายในกรด าเนินงานเร่งรัดปัญหาโรคเรื้อน ปี 2565 มีจ านวน 4 อ าเภอ ได้แก่ อ าเภอ กันทรลักษ์ อ าเภอกันทรารมย์ อ าเภออุทุมพรพิสัย และอ าเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ โดยมีการด าเนินงานตามมาตรฐาน ครบทุกกิจกรรมท างานเป็นทึมทุกอ าเภอ - พื้นที่ที่มีข้อบ่งชี้ทางระบาดวิทยา คือ มีผู้ป่วยโรคเรื้อนรายใหม่ 5 ปี ย้อนหลัง ได้แก่ เมือง, กันทรารมย์, กันทรลักษ์, ไพรบึง, ปรางค์กู่, ราษีไศล, อุทุมพรพิสัย, ศรีรัตนะ, น้ าเกลี้ยง, วังหิน, พยุห์ และ โพธิ์ศรีสุวรรณ - พื้นที่ที่มีการด าเนินงาน RVS ได้แก่ กันทรลักษ์, กันทรารมย์, ไพรบึง, อุทุมพรพิสัย, ศรีรัตนะ, พยุห์ และโพธิ์ศรีสุวรรณ 7. การด าเนินการส ารวจความพิการของผู้ป่วย โรคเรื้อนเพื่อรับการสงเคราะห์ - พื้นที่ที่มีการด าเนินการได้แก่ อ าเภอเมืองศรีสะเกษ, กันทรลักษ์, กันทรารมย์, ราษีไศล, อุทุมพรพิสัย, ปรางค์กู่, ห้วยทับทัน, ศรีรัตนะ, พยุห์ และโพธิ์ศรีสุวรรณ - พื้นที่ที่ได้รับการสงเคราะห์รายเดือน ได้แก่ กันทรลักษ์, ขุนหาญ, อุทุมพรพิสัย, ปรางค์กู่, พยุห์ และโพธิ์ศรีสุวรรณ 0.57 1.42 1.70 0.85 0.47 0.47 0.20 0.49 0.21 0.07 0.00 0.20 0.40 0.60 0.80 1.00 1.20 1.40 1.60 1.80 2556 2557 2558 2559 2560 2561 2562 2563 2564 2565
99 | P a g e มาตรการในการด าเนินงาน 1. พื้นที่ที่มีข้องชี้ทางระบาดวิทยา ได้แก่ พบผู้ป่วยโรคเรื้อนรายใหม่ในระยะ 5 ปี 2. ต้องด าเนินการส ารวจหมู่บ้านเพื่อค้นหาผู้ป่วยโรคเรื้อนรายใหม่ โดยตรวจผู้สัมผัสโรคร่วมบ้าน (Household contact) ของผู้ป่วยรายใหม่ทุกคน โดยเร็วที่สุดหลังจากผู้ป่วยขึ้นทะเบียนรักษาแล้ว ติดตามตรวจต่อเนื่องปีละ 1 ครั้งรวมเป็นเวลา 10 ปี 3. ตรวจผู้สัมผัสโรคที่เป็นเพื่อนบ้าน (Neighboring contact) ซึ่งอยู่รอบๆ บ้าน Index case และผู้ สัมผัสโรคกับผู้ป่วยประเภทเชื้อมาก (MB) ที่มีกิจกรรมร่วมทางสังคม (Social contact) ทุกคนอย่าง น้อย 1 ครั้ง โดยติดตามตรวจภายใน 3 เดือนหลังจากผู้ป่วยขึ้นทะเบียนรักษา 4. จัดท ารายงานการขึ้นทะเบียนรักษาและจ าหน่ายส่งจังหวัดทุกเดือน 5. ส่งเบิกยารักษาโรคเรื้อนทุก 3 เดือน 6. ส ารวจและประเมินความพิการของผู้ป่วยโรคเรื้อนที่ยังรักษาหรือรักษาครบแล้วเพื่อขอรับการ สงเคราะห์จากมูลนิธิราชประชาสมาสัย 7. นิเทศติดตามการด าเนินควบคู่ไปกับโครงการวัณโรค ปัจจัยแห่งความส าเร็จ ทุกอ าเภอมีการส ารวจ คัดกรองค้นหาผู้ป่วยโรคเรื้อนรายใหม่ทุกปี และมีการติดตามตรวจผู้สัมผัสโรค ร่วมบ้าน (Household contact) ของผู้ป่วยรายใหม่ทุกคน โดยติดตามตรวจคัดกรองต่อเนื่อง ปีละ 1 ครั้ง รวม เป็นเวลา 10 ปี ปัญหาอุปสรรค 1. ผู้รับผิดชอบระดับอ าเภอ (ส่วนใหญ่) - ไม่วิเคราะห์ข้อมูล - ไม่ติดตามผลการด าเนินงาน - ขาดความรู้เรื่องโรคเรื้อน 2. ไม่ได้ประชุมติดตามผลการด าเนินงาน 3. ในระดับพื้นที่ไม่มีงบประมาณในการด าเนินงาน RVS แนวทางการพัฒนางานในปีถัดไป 1. จังหวัดวิเคราะห์พื้นที่เสี่ยงในการด าเนินการส ารวจหมู่บ้าน และก าหนดเป็นพื้นที่ในการ จัดล าดับอ าเภอเพื่อคัดกรองค้นหาผู้ป่วยโรคเรื้อนรายใหม่ โดยทีม คปสอ. 2. ติดตามการด าเนินงานในไลน์กลุ่มโรคเรื้อน
100 | P a g e 3. ลงนิเทศติดตามงานเฉพาะกิจในพื้นที่ที่มีข้อบ่งชี้ทางระบาดวิทยา 4. สุ่มประเมินโรงพยาบาลแม่ข่าย ประเด็นงาน : การด าเนินงานป้องกันควบคุมโรคติดต่อทางอาหารและน้ า จ.ศรีสะเกษ ปี 2565 สถานการณ์ สภาพปัญหา ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565 ถึง 31 ธันวาคม 2565 ประเทศไทยโดยกองระบาดวิทยา ได้รับรายงานผู้ป่วยโรค อุจจาระร่วงจ านวน 643,281 ราย คิดเป็นอัตราป่วย 972.14 ต่อแสนประชากร ไม่มีรายงานเสียชีวิต จังหวัดที่มี อัตราป่วยเป็นอันดับ 1 ของประเทศคือจังหวัดอ านาจเจริญ มีอัตราป่วย 1,841.11 ต่อแสนประชากร ส าหรับ จังหวัดศรีสะเกษ ได้รับรายงานผู้ป่วย 18,208 ราย คิดเป็นอัตราป่วย 1236.11 ต่อแสนประชากร เป็นอันดับที่ 17 ของประเทศ อันดับที่ 7 ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ไม่มีผู้ป่วยเสียชีวิต ส่วนโรคอาหารเป็นพิษ ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565 ถึง 31 ธันวาคม 2565 ประเทศไทยโดยกองระบาดวิทยา ได้รับรายงานผู้ป่วยโรคอาหารเป็นพิษ จ านวน 70,010 ราย คิดเป็นอัตราป่วย 105.8 ต่อแสนประชากร ไม่มี รายงานเสียชีวิต จังหวัดที่มีอัตราป่วยเป็นอันดับ 1 ของประเทศคือจังหวัดมุกดาหาร มีอัตราป่วย 298.45 ต่อแสน ประชากร ส าหรับจังหวัดศรีสะเกษ ได้รับรายงานผู้ป่วย 3,685 ราย คิดเป็นอัตราป่วย 250.17 ต่อแสนประชากร เป็นอันดับ 4 ของประเทศ อันดับ 3 ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และไม่มีผู้ป่วยเสียชีวิต ตารางที่ 53 ตัวชี้วัด เป้าหมาย ผลการด าเนินงานโครงการป้องกันควบคุมโรคติดต่อทางอาหารและน้ า จ.ศรีสะเกษ ปี 2565 ตัวชี้วัด เป้าหมาย ผลการด าเนินงาน 1. อัตราป่วยด้วยโรคอุจจาระร่วงไม่เกิน ค่ามัธยฐานย้อนหลัง 5 ปี < 2,010.40 ต่อแสนประชากร อัตราป่วยด้วยโรคอุจจาระร่วง 972.14 ต่อแสน ประชากร 2. อัตราป่วยด้วยโรคอาหารเป็นพิษไม่เกิน ค่ามัธยฐานย้อนหลัง 5 ปี < 251.77 ต่อแสนประชากร อัตราป่วยด้วยโรคอาหารเป็นพิษ 105.8 ต่อแสน ประชากร มาตรการในการด าเนินงาน 1. วิเคราะห์สถานการณ์โรคอุจจาระร่วงและอาหารเป็นพิษ ตามหลักระบาดวิทยา 2. วิเคราะห์หาสาเหตุของการระบาดเป็นกลุ่มก้อน เพื่อวิเคราะห์ปัจจัยเสี่ยงและหาแนวทางการแก้ไขปัญหา 3. เฝ้าระวังสถานการณ์โรค โดยใช้ระบบ Line Application รายงานจากพื้นที่ Real Time ใน Line Group ระบบเฝ้าระวังโรค 4. เฝ้าระวังปริมาณคลอรีนตกค้างในน้ าประปาในช่วงฤดูร้อน 5. ประชาสัมพันธ์และให้สุขศึกษาแก่ประชาชนทั่วไป
101 | P a g e 6. ประสานงานในการปรับปรุงสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อมและอาหารปลอดภัยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น เทศบาล ประปาส่วนภูมิภาค กลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภคและเภสัชสาธารณสุข กลุ่มงานอนามัยสิ่งแวดล้อมและ อาชีวอนามัย 7. เตรียมทีมเฉพาะกิจในการสอบสวนและควบคุมโรคให้พร้อมปฏิบัติงาน ผลการด าเนินงาน อัตราป่วยด้วยโรคอุจจาระร่วงในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษในปี 2565 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง วันที่ 31 มกราคม 2565 มีรายงานผู้ป่วยจ านวน 18,208 ราย คิดเป็นอัตราป่วย 1236.11 ต่อแสนประชากร น้อยกว่า ค่ามัธยฐาน คือ 2,010.40 ต่อแสนประชากร เมื่อจ าแนกผู้ป่วยเป็นรายอ าเภอ พบว่าส่วนใหญ่มีอัตราป่วย น้อยกว่า ค่ามัธยฐาน อ าเภอที่มีอัตราป่วยสูงสุด 3 อันดับแรก คือ โนนคูณ (2,682 ต่อแสนประชากร) บึงบูรพ์(2,633 ต่อแสนประชากร) และขุนหาญ(2,508 ต่อแสนประชากร) (รูปที่ 1) เมื่อจ าแนกผู้ป่วยเป็นรายเดือน พบว่าใน ปี 2565 มีผู้ป่วยโรคอุจจาระร่วงต่ ากว่าค่ามัธยฐานทุกเดือน (รูปที่ 3) ส าหรับอัตราป่วยด้วยโรคอาหารเป็นพิษในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษในปี 2565 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง วันที่ 31 ธันวาคม 2565 มีรายงานผู้ป่วยจ านวน 3,685 ราย คิดเป็นอัตราป่วย 250.17 ต่อแสนประชากร น้อยกว่า ค่ามัธยฐานคือ 251.77 ต่อแสนประชากร เมื่อจ าแนกผู้ป่วยเป็นรายอ าเภอ พบว่าส่วนใหญ่มีอัตราป่วยเกิน ค่ามัธยฐาน อ าเภอที่มีอัตราป่วยสูงสุด 3 อันดับแรกคือ คือ เมืองจันทร์(826 ต่อแสนประชากร) น้ าเกลี้ยง (682 ต่อแสนประชากร) และห้วยทับ (499 ต่อแสนประชากร) (รูปที่2)
102 | P a g e แผนภูมิ แสดงอัตราป่วยด้วยโรคอุจจาระร่วงจ าแนกรายอ าเภอ จังหวัดศรีสะเกษ ปี 2565 แผนภูมิ แสดงอัตราป่วยด้วยอาหารเป็นพิษจ าแนกรายอ าเภอ จังหวัดศรีสะเกษ ปี 2565
103 | P a g e กราฟ แสดงจ านวนป่วยด้วยโรคอุจจาระร่วงจ าแนกรายเดือน จังหวัดศรีสะเกษ ปี 2565 เทียบกับค่ามัธยฐาน 5 ปี กราฟ แสดงจ านวนป่วยด้วยโรคอาหารเป็นพิษจ าแนกรายเดือน จังหวัดศรีสะเกษ ปี 2565 เทียบกับค่ามัธยฐาน 5 ปี
104 | P a g e ปัจจัยแห่งความส าเร็จ 1. ประชาชนมีเทคโนโลยีที่น ามาใช้ในการถนอมอาหาร คือ ตู้เย็น ท าให้ถนอมอาหารได้นานขึ้น จึงพบ ผู้ป่วยลดลง 2. ประชาชนใช้น้ าดื่มชนิดถังหรือชนิดขวดจากโรงงานผลิตน้ าดื่มที่ผ่านกระบวนการปรับปรุงคุณภาพแล้ว ท าให้ป่วยด้วยโรคติดต่อทางอาหารลดลง 3. จังหวัดศรีสะเกษ มีนโยบายให้ร้านส้มต าจ าหน่ายปลาร้าสุก และบริโภคอาหารที่ปรุงด้วยปลาร้าที่ผ่าน การปรุงให้สุกด้วยความร้อน เป็นผลให้ลดโรคติดต่อทางอาหารและน้ า ปัญหาอุปสรรค 1. กลุ่มอายุที่พบผู้ป่วยสูงที่สุดในโรคอุจจาระร่วง คือเด็กอายุ 0-4 ปี อัตราป่วย 3,971.24 ต่อแสน ประชากร โรคอาหารเป็นพิษ กลุ่มอายุที่พบผู้ป่วยสูงสุดคือกลุ่มอายุ 0-4 ปีเช่นเดียวกัน มีอัตราป่วย 535.93 ต่อแสนประชากร ดังนั้นการด าเนินการแก้ไขปัญหา จึงต้องเร่งรัดการป้องกันโรคในกลุ่มอายุนี้ 2. พื้นที่อ าเภอที่พบผู้ป่วยโรคอาหารเป็นพิษเกินค่ามัธยฐาน ทุกอ าเภอ ควรมีกิจกรรมเพื่อลดอัตราป่วย ด้วยโรคอาหารเป็นสื่อในพื้นที่นี้ 3. ช่วงเวลาที่เกิดโรคสูง พบผู้ป่วยโรคอุจจาระร่วงต่ ากว่าค่ามัธยฐานตั้งแต่เดือนมกราคมถึงธันวาคม ส าหรับโรคอาหารเป็นพิษพบผู้ป่วยสูงกว่าค่ามัธยฐาน 3 เดือน คือเดือนมกราคม สิงหาคมและพฤศจิกายน แต่อย่างไรก็ดีควรด าเนินการป้องกันควบคุมโรคต่อเนื่องทุกเดือนตลอดปี 4. การระบาดเป็นกลุ่มก้อนพบได้ประปราย โดยในปี 2565 พบผู้ป่วยเสียชีวิตจากเห็ดพิษ จ านวน 3 ราย ในพื้นที่อ าเภอยางชุมน้อย 3 ราย และ น้ าเกลี้ยง 1 ราย ดังนั้น การเร่งรัดการประชาสัมพันธ์การเลือกเห็ดที่ จะรับประทานให้ถี่ถ้วนก่อนน ามารับประทาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูฝน จึงเป็นสิ่งที่ยังคงต้องด าเนินการต่อไป แนวทางการพัฒนางานในปีถัดไป 1. แจ้งพื้นที่ที่พบผู้ป่วยสูงกว่าค่ามัธยฐาน ให้จัดท าแผนงาน/โครงการเร่งรัดการด าเนินงานป้องกัน ควบคุมโรคติดต่อทางอาหารและน้ า ในปีงบประมาณ 2566 2. แจ้งสถานบริการสาธารณสุขทุกแห่ง ในการเร่งรัดด าเนินการป้องกันโรคในกลุ่มเด็กอายุ 0-4 ปี การให้ อาหารและนมที่ปลอดภัยแก่เด็ก การล้างมือด้วยน้ าและสบู่ก่อนให้อาหารแก่เด็ก ช่องทางในการด าเนินการได้แก่ Well Baby Clinic ของสถานบริการสาธารณสุขทุกแห่ง 3. ประสานสถานีวิทยุกระจายเสียง สวท.ทางข่าวแดนล าดวนในการรณรงค์การ “กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ” เพื่อให้ประชาชนตระหนักรู้ถึงความส าคัญและมีพฤติกรรมการป้องกันโรคติดต่อทางอาหารและน้ า และรณรงค์เรื่องส้มต าปลาร้าสุก รวมทั้งให้ความรู้เรื่องการบริโภคอาหารทะเลสุกและไม่รับประทานอาหารค้างคืน โดยไม่อุ่นให้ร้อนก่อนน ามารับประทาน และการเลือกเห็ดให้ถี่ถ้วนก่อนน ามารับประทาน
105 | P a g e ประเด็นงาน : การด าเนินงานป้องกันควบคุมโรคมือเท้าปาก จ.ศรีสะเกษ ปี 2565 สถานการณ์ สภาพปัญหา ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง. ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565 ถึง 31 ธันวาคม 2565 ประเทศไทยโดยกองระบาดวิทยา ได้รับรายงานผู้ป่วย โรคมือเท้าปาก จ านวน 98,982 ราย จาก 77 จังหวัด คิดเป็นอัตราป่วย 149.58 ต่อแสนประชากร ไม่มีผู้เสียชีวิต จังหวัดที่มีอัตราป่วยสูงสุดคือจังหวัดสุรินทร์(314.92 ต่อแสนประชากร) ตารางที่ 54 ตัวชี้วัด เป้าหมาย ผลการด าเนินงานโครงการป้องกันควบคุมโรคมือเท้าปาก จ.ศรีสะเกษ ปี 2565 ตัวชี้วัด เป้าหมาย ผลการด าเนินงาน 1. อัตราป่วยด้วยโรคมือเท้าปากไม่เกิน ค่ามัธยฐานย้อนหลัง 5 ปี อัตราป่วย < 94.64 ต่อแสน ประชากร อัตราป่วยด้วยโรคมือเท้าปาก 210.18 ต่อแสน ประชากร มาตรการในการด าเนินงาน 1. วิเคราะห์สถานการณ์โรคมือเท้าปาก ตามหลักระบาดวิทยา 2. เฝ้าระวังสถานการณ์โรค โดยใช้ระบบ Line Application รายงานจากพื้นที่ Real Time ในLine Group ระบบเฝ้าระวังโรค 3. เฝ้าระวังโรคในศูนย์เด็กเล็กและโรงเรียนที่มีชั้นอนุบาล โดย 3.1 ให้คุณครูท าการคัดกรองเด็กทุกเช้าก่อนเข้าเรียน 3.2 หากพบเด็กป่วยให้แยกเด็ก ให้เด็กหยุดเรียนอยู่บ้าน 3.3 ท าความสะอาดของเล่นเด็ก ด้วยผงซักฟอกทุกสัปดาห์ 4. การควบคุมป้องกันการระบาดของโรคในโรงเรียน - ท าความสะอาดอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆในห้องเรียน รวมถึงห้องน้ า ห้องส้วม และอาคารสถานที่ - จัดเตรียมสิ่งของเครื่องใช้ของเด็ก แยกเป็นรายบุคคล ไม่ให้ใช้ปะปนกัน เช่น ผ้าเช็ดหน้า แก้วน้ า ช้อน จาน ชาม แปรงสีฟัน - จัดหาอุปกรณ์ให้เด็กมีการล้างมือด้วยน้ าและสบู่ ก่อนรับประทานอาหารและหลังจากเข้าห้องส้วม - กรณีพบเด็กป่วยมากกว่า 2 ราย ใน 1 สัปดาห์ ให้ปิดสถานศึกษา เป็นเวลา 1 วันท าการ และท า ความสะอาดห้องเรียนระหว่างหยุดเรียน และแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ในสถานบริการสุขภาพ - ส านักงานสาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ วิเคราะห์สถานการณ์โรคทุกสัปดาห์ในช่วงฤดูกาลระบาด เพื่อ ชี้เป้าหมู่บ้านที่พบการระบาดของโรคหรือพื้นที่ที่มีรายงานผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง และแจ้งข้อมูล รวมทั้งรายชื่อผู้ป่วย ให้กับสถานบริการที่รับผิดชอบเพื่อสกัดเด็กที่ป่วยในหมู่บ้าน ไม่ให้แพร่โรคสู่เด็กคนอื่นๆ - กรณีอ าเภอที่มีการระบาดรุนแรงและต่อเนื่อง ส านักงานสาธารณสุขอ าเภอร่วมกับส านักงาน สาธารณสุขจังหวัดและโรงพยาบาลชุมชน ด าเนินการประชุมบุคลากรสาธารณสุขและครูในพื้นที่ระบาด เพื่อด าเนินงานควบคุมโรคอย่างเข้มข้น
106 | P a g e 5. ประชาสัมพันธ์และให้สุขศึกษาแก่ประชาชนทั่วไปทางสถานีวิทยุ สวท.และ อสมท.ในช่วงฤดูกาลระบาด ผลการด าเนินงาน อัตราป่วยด้วยโรคมือเท้าปากในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษในปี 2565 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 31 ธันวาคม 2565 มีรายงานผู้ป่วยจ านวน 3,096 ราย คิดเป็นอัตราป่วย 210.18 ต่อแสนประชากร สูงกว่าค่ามัธยฐาน คือ 94.64 ต่อแสนประชากร และเกือบทุกอ าเภอมีอัตราป่วยเกินค่ามัธยฐาน มีเพียง 3 อ าเภอที่มีอัตราป่วยต่ ากว่า ค่ามัธยฐาน คือ อ าเภอขุขันธ์(87 ต่อแสนประชากร) อ าเภอเมืองจันทร์ (66 ต่อแสนประชากร) และอ าเภอพยุห์ (49 ต่อแสนประชากร) (รูปที่ 1) เมื่อจ าแนกผู้ป่วยเป็นรายเดือนในปี 2565 พบผู้ป่วยโรคมือเท้าปากมากกว่าค่ามัธยฐาน ในช่วงเดือนกรกฏาคม สิงหาคม และกันยายน ส่วนในเดือนอื่นๆมีจ านวนผู้ป่วยน้อยกว่าค่ามัธยฐาน (รูปที่ 2) แต่ช่วงเวลา 3 เดือนดังกล่าว เป็นช่วงเวลาที่พบผู้ป่วยสูงมากนับพันราย ซึ่งสูงที่สุดในรอบ 10 ปี ที่มีการเฝ้าระวังโรคมือเท้าปาก ซึ่งส านักงาน สาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ ได้ตรวจจับพบการระบาด และแจ้งสถานการณ์ที่ผิดปกตินี้ไปยังพื้นที่ วิเคราะห์ข้อมูล ทุกสัปดาห์และชี้เป้าหมายพื้นที่เร่งรัดการด าเนินงานควบคุมโรคให้กับพื้นที่ที่มีการระบาดอย่างต่อเนื่องทาง Website ส านักงานสาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ และทางApplication Line รวมทั้งการประชุม คปสจ.และการ ประชุมกรมการจังหวัด แผนภูมิแสดงอัตราป่วยด้วยโรคมือเท้าปาก จ าแนกรายอ าเภอ จ.ศรีสะเกษ ปี 2565
107 | P a g e ส าหรับกลุ่มอายุที่พบผู้ป่วย พบผู้ป่วยมากในกลุ่มอายุ 2-3 ปี(ร้อยละ 46) รองลงมาคือกลุ่มอายุ 0-1 ปี (ร้อยละ 29.7) 4-6 ปี(ร้อยละ 17.5) โดยกลุ่มอายุ 2-3 ปี และกลุ่มอายุมากกว่า 4-5 ปี มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่วนกลุ่ม อายุ 0-1 ปี และ 6-9 ปี มีแนวโน้มลดลง (รูปที่3) ปัจจัยแห่งความส าเร็จ 1. กลุ่มอายุที่พบผู้ป่วยสูงที่สุด คือ เด็กกลุ่มอายุ 2-3 ปี ซึ่งเป็นเด็กที่เริ่มเข้าสู่สถานศึกษา ดังนั้น การ ด าเนินงานจึงยังคงต้องมุ่งเน้นในศูนย์เด็กเล็กและโรงเรียนอนุบาลที่มีชั้นเด็กเล็ก ในขณะเดียวกันก็ยังคงต้องมีการ ด าเนินงานป้องกันควบคุมโรคในเด็กก่อนวัยเรียนคือกลุ่มอายุ 0-1 ปีด้วย เนื่องจากเป็นกลุ่มที่พบผู้ป่วยรองลงมา จึงจะท าให้สามารถลดอัตราป่วยลงได้ส าเร็จ 2. ระบบการแจ้งเตือนด้วย Application Line ได้ผลค่อนข้างดีมาก ในเรื่องของการแจ้งเตือนพื้นที่ เกิดโรค แต่การควบคุมโรคให้สงบได้หรือไม่นั้น ยังมีปัจจัยอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย นั่นคือการตระหนักและการ กราฟ แสดงจ านวนป่วยด้วยโรคมือเท้าปาก จ าแนกรายเดือน จ.ศรีสะเกษ ปี 2565 เทียบกับค่ามัธยฐาน 5 ปี แผนภูมิแสดงร้อยละผู้ป่วยด้วยโรคมือเท้าปาก จ าแนกตามกลุ่มอายุจ.ศรีสะเกษ ปี 2563 ปี 2564 และ ปี 2565
108 | P a g e ตอบสนองที่ว่องไวรวดเร็วของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ หากเจ้าหน้าที่ตระหนักและตอบสนองรวดเร็ว จะท าให้ควบคุมโรค ให้สงบได้ในเวลาที่ค่อนข้างจะรวดเร็ว แต่การที่จะตอบสนองได้เร็วหรือไม่นั้น ผู้บริหารระดับอ าเภอมีความส าคัญที่ มีผลต่อการตอบสนองของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ รวมทั้งสถานศึกษาด้วย 3. การเฝ้าระวังโรคต้องด าเนินการต่อเนื่อง ซึ่งผู้รับผิดชอบทุกระดับต้องเฝ้าระวังสถานการณ์ของโรคอย่าง ต่อเนื่องตลอดปี เพื่อให้สามารถตรวจจับการระบาดและชี้เป้าหมายพื้นที่ด าเนินการควบคุมได้ 4. ไม่มีรายงานการระบาดเป็นกลุ่มก้อน ในปี 2565 แสดงให้เห็นว่าการป้องกันโรคท าได้ค่อนข้างดี ทั้งนี้ อาจเนื่องจากครูในศูนย์เด็กเล็ก ในโรงเรียน รวมทั้งผู้ปกครองมีความรู้ดีขึ้น สามารถแยกเด็กที่ป่วยก่อนที่จะมี การระบาดได้ และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเองมีความตระหนักในการป้องกันโรคดีขึ้นด้วย ปัญหาอุปสรรค การแจ้งเตือนการระบาดของโรคค่อนข้างล่าช้า ท าให้โรคระบาดในหลายพื้นที่ ก่อนที่จะสามารถควบคุมโรคให้ สงบได้ในช่วงปลายปี แนวทางการพัฒนางานในปีถัดไป 1. การด าเนินงานแจ้งเตือนสถานศึกษาก่อนฤดูกาลระบาด และการตรวจจับการระบาดด้วยระบบ Application Line รวมทั้งการชี้เป้าพื้นที่เป้าหมายทุกสัปดาห์ในช่วงสถานการณ์การระบาดยังคงต้องด าเนินการ ต่อไป 2. แจ้งสถานบริการสาธารณสุขทุกแห่ง ในการด าเนินการป้องกันโรคในกลุ่มเด็กอายุ 0-2 ½ ปี ให้กับ ผู้ปกครองที่พาเด็กมารับวัคซีนใน Well Baby Clinic ของสถานบริการสาธารณสุขทุกแห่ง โดยเน้นการล้างมือ การสกัดเด็กป่วยไม่ให้สัมผัสใกล้ชิดกับเด็กปกติ รวมทั้งการแยกแก้วน้ า จาน ชาม ผ้าเช็ดตัวและแปรงสีฟัน เพื่อลด การแพร่โรคและลดอัตราป่วยในเด็กกลุ่มอายุนี้ 3. ประสานสถานีวิทยุกระจายเสียง สวท.ในการให้ความรู้ประชาชนในช่วงฤดูฝน เพื่อให้ประชาชน ตระหนักรู้ถึงความส าคัญในการป้องกันโรคมือเท้าปาก ประเด็นงาน : การด าเนินงานควบคุมป้องกันโรคหนอนพยาธิ ปีงบประมาณ 2565 สถานการณ์ สภาพปัญหา ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง โรคพยาธิใบไม้ตับในประเทศไทย เกิดจากการติดเชื้อพยาธิOpisthorchis viverini หรือ OV เป็นโรค ที่องค์การอนามัยโลกจัดให้อยู่ในบัญชีโรคของคนยากจนที่ถูกละเลยและองค์กรมะเร็งนานาชาติ องค์การอนามัย โลก จัดให้พยาธิใบไม้ตับเป็นสารก่อมะเร็งชีวภาพ กลุ่มที่ 1 ที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็งท่อน้ าดี โดยพบว่าคนที่เป็น โรคพยาธิใบไม้ตับ จะเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งท่อน้ าดีมากกว่าคนที่ไม่เป็นโรคพยาธิใบไม้ตับ 16 เท่า โรคพยาธิใบไม้ ตับและมะเร็งท่อน้ าดี เป็นโรคที่ป้องกันได้ หากมีการด าเนินการทั้งภาครัฐ ภาคการศึกษาและประชาชน จาก การศึกษาระบาดวิทยาของโรคพยาธิใบไม้ตับในปี 2539 ปี 2552 และปี 2557 อัตราความชุกในภาพรวมของ ประเทศเฉลี่ยร้อยละ 11.8 ร้อยละ 8.7 และร้อยละ 5.1 ตามล าดับ เมื่อพิจารณาในระดับหมู่บ้าน ในปี 2552
109 | P a g e พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รายงานอัตราความชุกของโรคสูงที่สุดร้อยละ 85.2 เช่นเดียวกับในระดับหมู่บ้าน ภาคเหนือ รายงานอัตราความชุกของโรค สูงสุดที่ร้อยละ 45.6 และในปี 2557 บางหมู่บ้านในภาค ตะวันออกเฉียงเหนือพบการเป็นโรคพยาธิใบไม้ตับ มากกว่าร้อยละ 90 จากการประมาณการพบว่าประเทศไทย มีประชาชนเป็นโรคพยาธิใบไม้ตับกว่า 6 ล้านคน ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส าหรับจังหวัด ศรีสะเกษ ในปี 2559 ถึง 2564 มีความชุกของพยาธิใบไม้ตับร้อยละ 11.88 ,6.43, 7.15, 5.54 ,3.02 และ 2.20 ตามล าดับ ซึ่งพบพยาธิใบไม้ตับมีแนวโน้มลดลง แต่อย่างไรก็ดี อัตราความชุกโรคพยาธิใบไม้ตับยังไม่บรรลุ เป้าหมายคือไม่เกินร้อยละ 1 ตามเป้าหมายทศวรรษก าจัดพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ าดีของกระทรวง สาธารณสุข นอกจากนี้ ผลการส ารวจความชุกของพาหะกึ่งกลางระยะติดต่อ(metacercariae) ของพยาธิใบไม้ตับ ในปลาน้ าจืดมีเกล็ดในบริเวณพื้นที่ฝายหัวนา จาก 6 แหล่ง ในปี 2557 ได้ตัวอย่างปลาที่ส ารวจทั้งหมด 255 ตัวอย่าง จ าแนกปลาได้ 15 ชนิด พบว่ามีปลา 3 ชนิดที่พบmetacercariae ของพยาธิใบไม้ตับ ได้แก่ ปลาแม่ สะแด้ง พบmetacercariae like OV ร้อยละ 3.7 ปลาสร้อยนกเขา พบร้อยละ 3.2 และปลาตะเพียนทราย พบร้อยละ 3.9 ดังนั้นจึงแสดงว่าปลาน้ าจืดมีเกล็ดในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ ยังมีความเสี่ยงต่อการติดโรคพยาธิ ใบไม้ตับ หากบริโภคดิบ-สุกๆดิบๆ จะท าให้ติดโรคพยาธิใบไม้ตับได้ ตารางที่ 55 ตัวชี้วัด เป้าหมาย ผลการด าเนินงานโครงการควบคุมป้องกันโรคหนอนพยาธิ ปีงบประมาณ 2565 ตัวชี้วัด เป้าหมาย ผลการด าเนินงาน 1. อัตราความชุกโรคพยาธิใบไม้ตับ < ร้อยละ 3 < ร้อยละ 3 1. อัตราความชุกโรคพยาธิใบไม้ตับ < ร้อยละ 1.95 2. ความครอบคลุมการตรวจพยาธิ ร้อยละ 80 ของเป้าหมาย ร้อยละ 80 ของเป้าหมาย 2. ความครอบคลุมการตรวจพยาธิร้อยละ 101.1 ของเป้าหมาย มาตรการในการด าเนินงาน 1. จัดท าโครงการที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโรคพยาธิใบไม้ตับ จ านวน 4 โครงการ ได้แก่ 1.1 โครงการส่งเสริมสังคมน่าอยู่และพัฒนาคุณภาพชีวิตทุกช่วงวัย กิจกรรม ป้องกันควบคุมโรคพยาธิ ใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ าดี จังหวัดศรีสะเกษ ปี 2565 (งบพัฒนาจังหวัด จ านวน 1,000,000 บาท) กิจกรรมประกอบด้วย - อบรมให้ความรู้ในพื้นที่เป้าหมาย 25 ต าบล ต าบลละ 400 คน - ตรวจพยาธิประชาชนในพื้นที่เป้าหมาย 25 ต าบล ๆละ 900 คน 1.2 โครงการปลอดพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ าดี เพื่อคนไทยสุขภาพดี จ.ศรีสะเกษ ปี 2565 (งบเงินอุดหนุน จ านวน 150,000 บาท) กิจกรรมประกอบด้วย - ด าเนินการในพื้นที่ คปสอ.ปรางค์กู่ เพื่อให้ด าเนินการตาม 5 มาตรการ “ทศวรรษก าจัดพยาธิ ใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ าดี ปี 2559-2568”
110 | P a g e - จัดท าสื่อประชาสัมพันธ์ต่างๆ ประกอบด้วยป้ายประชาสัมพันธ์ 4 มุมเมือง ผลิตคลิปหนังสั้น พร้อมเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ไตรมาสละ 1 รวม 4 คลิป 1.3 โครงการพัฒนาระบบการป้องกันและควบคุมโรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ าดีในพื้นที่เสี่ยง จังหวัดศรีสะเกษ ปี 2565 (งบบูรณาการภาค จ านวน 704,000 บาท) กิจกรรมประกอบด้วย - จัดสรรให้ต าบลพื้นที่พิเศษที่เป็นเป้าหมายของโครงการ Isan Cohort ถวายเป็นพระราชกุศล จ านวน 37 ต าบล เพื่อให้ด าเนินการตาม 5 มาตรการ “ทศวรรษก าจัดพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ าดี ปี 2559-2568” - จัดอบรบถ่ายทอดแผนการสอนเรื่องพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ าดี แก่ครูในโรงเรียนที่เป็น พื้นที่เป้าหมาย รวม 230 คน 1.4 โครงการก าจัดปัญหาโรคพยาธิในประชาชน นักเรียนและเยาวชนในพื้นที่ทุรกันดารตาม พระราชด าริ จังหวัดศรีสะเกษ ปี 2565 (งบเงินอุดหนุน จ านวน 102,000 บาท) กิจกรรมประกอบด้วย - จัดอบรมให้ความรู้แก่ นักเรียน พระภิกษุ สามเณร ในโรงเรียนตามโครงการพระราชด าริฯ จ านวน 12 โรงเรียน -จัดประชุมชี้แจงแนวทางการด าเนินงานป้องกันควบคุมโรคหนอนพยาธิ จังหวัดศรีสะเกษ ปี 2565 - ศึกษาวิจัยจ านวน 2 เรื่อง ได้แก่ : ปัจจัยการติดเชื้อซ้ าโรคพยาธิใบไม้ตับและประสิทธิภาพ E-Book ในการเพิ่มความรู้และ ทัศนคติในการป้องกันโรคพยาธิใบไม้ตับ : ปัจจัยที่มีผลต่อการบริโภคปลาน้ าจืดดิบ-สุกๆดิบๆ ของประชาชนจังหวัดศรีสะเกษ 2. จัดท าเป้าหมายในการตรวจพยาธิให้กับสถานพยาบาลทุกแห่ง โดยสถานพยาบาลจะมีเป้าหมายใน การตรวจพยาธิคือ - พื้นที่เป้าหมาย Isan Cohort ที่มีความชุก > ร้อยละ 3 ตรวจต าบลละ 900 คน - สถานพยาบาลทุกแห่ง ตรวจพยาธิปีละร้อยละ 20 ของหมู่บ้าน หมู่บ้านละ 60 % ของ หลังคาเรือน ในระหว่างปี 2563-2567 3. ติดตามประเมินผลสถานการณ์การตรวจพยาธิและความครอบคลุมการตรวจพยาธิตามเป้าหมายในที่ ประชุมประจ าเดือน คณะกรรมการประสานงานสาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ ผลการด าเนินงาน ตารางที่56 อัตราความชุกโรคพยาธิใบไม้ตับ จ าแนกรายอ าเภอ จ.ศรีสะเกษ ปี 2563-2565 ที่ อ าเภอ ปี 2563 ปี 2564 ปี 2565 ตรวจ (คน) พบพยาธิใบไม้ตับ ตรวจ (คน) พบพยาธิใบไม้ตับ ตรวจ (คน) พบพยาธิใบไม้ตับ จ านวน % จ านวน % จ านวน % 1 เมือง 6821 84 1.23 6597 26 0.39 1936 0 0 2 ยางชุมน้อย 1694 69 4.07 2882 136 4.72 2267 76 3.35
111 | P a g e ที่ อ าเภอ ปี 2563 ปี 2564 ปี 2565 ตรวจ (คน) พบพยาธิใบไม้ตับ ตรวจ (คน) พบพยาธิใบไม้ตับ ตรวจ (คน) พบพยาธิใบไม้ตับ จ านวน % จ านวน % จ านวน % 3 กันทรารมย์ 5149 141 2.74 6194 37 0.60 3957 16 0.40 4 กันทรลักษ์ 8411 205 2.44 8992 267 2.97 5093 107 2.10 5 ขุขันธ์ 9341 545 5.83 4827 208 4.31 7668 252 3.29 6 ไพรบึง 1930 14 0.73 2752 13 0.47 1588 0 0 7 ปรางค์กู่ 3376 336 9.95 3205 273 8.52 8556 295 3.45 8 ขุนหาญ 4715 58 1.23 7740 144 1.86 6022 90 1.49 9 ราษีไศล 6322 34 0.54 4569 30 0.66 4776 14 0.29 10 อุทุมพรพิสัย 4282 98 2.29 7561 126 1.67 6165 63 1.02 11 บึงบูรพ์ 518 3 0.58 1628 0 0 499 2 0.40 12 ห้วยทับทัน 2264 23 1.02 2264 2 0.09 2334 5 0.21 13 โนนคูณ 1269 33 2.60 1356 95 7.01 1699 19 1.12 14 ศรีรัตนะ 3478 54 1.55 2094 10 0.48 1350 9 0.67 15 น้ าเกลี้ยง 3187 258 8.10 2517 139 5.52 1597 70 4.38 16 วังหิน 996 34 3.41 680 0 0 1972 141 7.15 17 ภูสิงห์ 3279 174 5.31 1419 12 0.85 1786 36 2.02 18 เมืองจันทร์ 828 0 0 784 0 0 752 0 0 19 เบญจลักษ์ 1717 41 2.39 1900 93 4.89 1748 47 2.69 20 พยุห์ 1568 3 0.19 1353 2 0.15 1048 12 1.15 21 โพธิ์ศรีสุวรรณ 942 4 0.42 2098 1 .0.05 1005 1 0.10 22 ศิลาลาด 1154 0 0 126 1 0.79 440 0 0 รวม 73241 2211 3.02 73538 1615 2.20 64258 1255 1.95 ในระหว่างปี 2563-2565 จากผลการตรวจพยาธิของบุคลากรจังหวัดศรีสะเกษ พบว่าประชาชนจังหวัดศรีสะเกษ มีการติดเชื้อโรคพยาธิใบไม้ตับลดลง โดยมีอัตราความชุกโรคพยาธิใบไม้ตับ ร้อยละ 3.02 , 2.2 และ 1.95 ตามล าดับ (รายละเอียดตามตารางที่ 1 และรูปที่ 1)
112 | P a g e ส าหรับความครอบคลุมการตรวจพยาธิ ในภาพรวมจังหวัดศรีสะเกษมีความครอบคลุมการตรวจพยาธิร้อยละ 101.1 ของเป้าหมาย โดยอ าเภอที่มีความครอบคลุมการตรวจพยาธิได้ตามเป้าหมายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ อ าเภอขุนหาญ ห้วยทับทัน ราษีไศล เบญจลักษ์ และวังหิน มีผลการตรวจร้อยละ 219.4 , 183.9 , 176.8 , 174.3 และ 154.9 ของเป้าหมายตามล าดับ (รายละเอียดตามรูปที่ 2) เมื่อจ าแนกอัตราความชุกโรคพยาธิใบไม้ตับเป็นรายอ าเภอ พบว่าอ าเภอที่มีความชุกเกินร้อยละ 3 ตามเป้าหมาย มีเพียง 5 อ าเภอ คือ อ าเภอวังหิน น้ าเกลี้ยง ปรางค์กู่ ยางชุมน้อย และขุขันธ์ โดยมีความชุกร้อยละ 7.2 , 4.4 , 3.5 ,3.4 และ 3.3 ตามล าดับและอ าเภอที่มีอัตราความชุกเป็น 0 มี 4 อ าเภอ คือ เมือง ไพรบึง เมืองจันทร์และศิลา ลาด (รายละเอียดตามรูปที่ 3) แผนภูมิแสดงอัตราป่วยด้วยโรคหนอนพยาธิ จ.ศรีสะเกษ ปี 2563- 2565 แผนภูมิความครอบคลุมการตรวจพยาธิตามเป้าหมาย จ าแนกรายอ าเภอ จ.ศรีสะเกษ ปี 2565
113 | P a g e ตารางที่ 57 ผลการตรวจพยาธินักเรียนในโรงเรียนตามพระราชด าริฯ จ.ศรีสะเกษ ปี 2565 ที่ โรงเรียน นร. ทั้งหมด ตรวจ พบพยาธิทั้งหมด พยาธิปากขอ พยาธิใบไม้ตับ จ านวน % จ านวน % จ านวน % จ านวน % 1 รร.บ้านหนองใหญ่ 84 84 100 0 0 0 0 0 0 2 รร.บ้านหนองบาง 54 54 100 0 0 0 0 0 0 3 รร.ศรีเกษตรวิทยา 70 70 100 1 1.4 1 1.4 0 0 4 รร.พระปริยัติธรรมโนนคูณวิทยา 60 60 100 0 0 0 0 0 0 5 รร.วัดประชานิมิต 53 53 100 0 0 0 0 0 0 6 รร.สระก าแพงใหญ่ 124 124 100 0 0 0 0 0 0 7 รร.วัดบ้านดวนใหญ่ 45 45 100 0 0 0 0 0 0 8 รร.ปรางค์กู่วิทยา 93 93 100 0 0 0 0 0 0 9 รร.พระปริยัติธรรมเกียรติแก้ววิทยา 50 50 100 1 2 0 0 1 2 10 รร.กันทรลักษ์ธรรมวิทย์ 52 52 100 1 1.9 0 0 1 1.9 11 รร.โพธิ์ศรีวิทยา 55 55 100 0 0 0 0 0 0 12 รร.ราชประชานุเคราะห์ 29 693 693 100 0 0 0 0 0 0 รวม 1433 1433 100 3 0.2 1 0.07 2 0.14 ผลการตรวจพยาธิในโรงเรียนพระราชด าริ 12 แห่ง จ านวน 1433 คน พบพยาธิทั้งหมด 3 คน คิดเป็น ร้อยละ 0.2 โดยโรงเรียนศรีเกษตรวิทยา พบพยาธิปากขอ 1 คน คิดเป็นร้อยละ 1.4 โรงเรียนพระปริยัติธรรม เกียรติแก้ววิทยาและโรงเรียนกันทรลักษ์ธรรมวิทย์ ตรวจพบพยาธิใบไม้ตับแห่งละ 1 คน คิดเป็นร้อยละ 2 และ ร้อยละ 1.9 ตามล าดับ แผนภูมิความชุกโรคพยาธิใบไม้ตับ จ าแนกรายอ าเภอ จ.ศรีสะเกษ ปี 2565
ตารางที่ 58 ผลการตรวจพยาธิในต าบลเป้าหมาย ปี 2565 จังหวัดศรีสะเกษ ล ำดับ อ ำเภอ ต ำบล เป้ำหมำย คัดกรอง OV (รำย) 1 กันทรารมย์ หนองหัวช้าง 150 2 กันทรารมย์ ดู่ 150 3 กันทรารมย์ ดูน 150 4 กันทรลักษ์ หนองหญ้าลาด 150 5 กันทรลักษ์ เวียงเหนือ 150 6 ไพรบึง สุขสวัสดิ์ 150 7 ไพรบึง ปราสาทเยอ 150 8 ขุขันธ์ โสน 150 9 ขุขันธ์ สะเดาใหญ่ 150 10 ขุขันธ์ โคกเพชร 150 11 ขุขันธ์ ส าโรงตาเจ็น 150 12 ขุขันธ์ หนองฉลอง 150 13 ขุขันธ์ ห้วยเหนือ 150 14 ปรางค์กู่ กู่ 900 15 ปรางค์กู่ ตูม 900 16 ปรางค์กู่ ส าโรงปราสาท 900 17 ราษีไศล หว้านค า 150 18 ราษีไศล เมืองคง 150 19 ราษีไศล จิกสังข์ทอง 150 20 ราษีไศล ดู่ 150
113 | P a g e ผลงำน ติดพยำธิใบไม้ตับ หมำยเหตุ (ปัญหำ อุปสรรค แผนกำรด ำเนินงำน) รำย ร้อยละ รำย ร้อยละ 536 100 0 0 165 100 0 0 484 100 0 0 166 100 0 0 316 100 0 0 284 100 0 0 410 100 0 0 366 100 2 0.55 380 100 10 2.63 1161 100 14 1.21 280 100 17 6.07 578 100 1 ๐.17 193 100 9 4.66 947 100 37 3.91 932 100 15 1.61 1113 100 14 1.26 281 100 0 0 380 100 0 0 246 100 6 2.44 809 100 0 0
ล ำดับ อ ำเภอ ต ำบล เป้ำหมำย คัดกรอง OV (รำย) 21 เมือง หนองไฮ 150 22 เมือง หนองครก 900 23 เมือง โพนเขวา 150 24 เมือง หมากเขียบ 150 25 เมือง เมืองเหนือ 150 26 เมือง เมืองใต้ 150 27 ขุนหาญ สิ 150 28 อุทุมพรพิสัย หนองไฮ 150 29 อุทุมพรพิสัย ก าแพง 150 30 อุทุมพรพิสัย อีหล่ า 150 31 อุทุมพรพิสัย โคกหล่าม 150 32 อุทุมพรพิสัย โพธิ์ชัย 150 33 อุทุมพรพิสัย โคกจาน 150 34 อุทุมพรพิสัย แข้ 150 35 ห้วยทับทัน กล้วยกว้าง 150 36 ห้วยทับทัน ปราสาท 150 37 โนนคูณ โนนค้อ 900 38 ภูสิงห์ ไพรพัฒนา 150 39 ภูสิงห์ โคกตาล 150 40 เบญจลักษ์ หนองงูเหลือม 150 41 เมืองจันทร์ เมืองจันทร์ 150 42 ยางชุมน้อย ยางชุมน้อย 150
114 | P a g e ผลงำน ติดพยำธิใบไม้ตับ หมำยเหตุ (ปัญหำ อุปสรรค แผนกำรด ำเนินงำน) รำย ร้อยละ รำย ร้อยละ 0 0 0 0 870 96.67 0 0 1 0.66 0 0 1 0.66 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 433 100 0 0 435 100 0 0 273 100 12 4.40 267 100 0 0 0 0 0 0 854 100 9 1.05 244 100 3 1.23 848 100 14 1.65 360 100 0 0 252 100 0 0 412 45.78 0 0 369 100 5 1.36 230 100 0 0 208 100 0 0 186 100 2 0.96 261 100 0 0
115 | P a g e ปัจจัยแห่งความส าเร็จ 1. มีการด าเนินงานอย่างจริงจังของเจ้าหน้าที่ทุกระดับ 2. มีการติดตามการด าเนินงานในที่ประชุม คปสจ.อย่างต่อเนื่อง 3. มีวัสดุอุปกรณ์สนับสนุนการด าเนินงานอย่างเพียงพอ รวมทั้งมีกล้องจุลทรรศน์ที่เพียงพอ 4. มีบุคลากรที่มีความรู้ความช านาญการการตรวจพยาธิที่เพียงพอ ปัญหาอุปสรรค 1. ยังพบการบริโภคอาหารปลาดิบ-สุกๆดิบๆ ในประชาชนจังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งเป็นปัจจัยส าคัญที่ท าให้ เกิดการติดเชื้อโรคพยาธิใบไม้ตับรวมทั้งการติดเชื้อซ้ าหลังการรักษา 2. จังหวัดศรีสะเกษยังมีระบบบ าบัดสิ่งปฏิกูลจากรถสูบส้วมยังไม่เพียงพอที่จะรองรับสิ่งปฏิกูลในพื้นที่ ซึ่งเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคพยาธิใบไม้ตับ แนวทางการพัฒนางานในปีถัดไป 1. จังหวัดวิเคราะห์พื้นที่เสี่ยงที่มีความชุกโรคพยาธิใบไม้ตับสูง เพื่อด าเนินการตรวจเพื่อบ าบัดเพื่อลด อัตราความชุกโรคหนอนพยาธิใบไม้ตับ และเป็นพื้นที่เป้าหมายในการด าเนินงาน ปี 2566 2. เน้นการด าเนินงานสร้างความรอบรู้เพื่อให้ประชาชนสามารถป้องกันตนเองให้ปลอดภัยจากโรคพยาธิ ใบไม้ตับได้ โดยเน้นการด าเนินงานตามพื้นที่ในข้อ 1 3. เร่งรัดการสร้างระบบบ าบัดสิ่งปฏิกูล 4. ด าเนินการสร้างความรอบรู้ด้วยสื่อประชาสัมพันธ์ทุกรูปแบบ ผลงานที่โดดเด่น/รางวัลที่ภาคภูมิใจ 1. เป็นจังหวัดที่สามารถตรวจพยาธิได้มากที่สุดในเขตสุขภาพที่ 10 ติดต่อกันอย่างน้อย 3 ปี ซ้อน 2. มีอัตราความชุกโรคพยาธิใบไม้ตับน้อยเป็นอันดับ 4 ของเขตสุขภาพที่ 10 มากกว่าจังหวัดอ านาจเจริญ เพียงจังหวัดเดียว ประเด็นงาน “วาระคนศรีสะเกษสุขภาพดี ปลอดโรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ าดี สู่การท่องเที่ยววิถี ใหม่ มีวัคซีนใจ ไม่ฆ่าตัวตาย ” ปีงบประมาณ 2565 สถานการณ์ สภาพปัญหา ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง โรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ าดี เป็นปัญหาทางสาธารณสุขที่ส าคัญของประเทศไทย ซึ่งอัตราการ เสียชีวิตกว่าครึ่งเป็นประชาชนในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในปีพ.ศ.2559 กระทรวงสาธารณสุขได้ก าหนดให้ มีแผนยุทธศาสตร์ทศวรรษก าจัดปัญหาพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ าดีปี 2559–2568 และได้จัดท าโครงการก าจัด ปัญหาพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ าดีถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิ พลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในวโรกาสครองราชย์ครบ 70 ปี พร้อมทั้งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา ในปี 2559 เพื่อก าจัด
116 | P a g e ปัญหาพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ าดี ในพื้นที่เสี่ยงสูงของประเทศ ซึ่งได้มีการด าเนินโครงการมาตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมา โดยใช้ยุทธศาสตร์ต าบลจัดการสุขภาพในการเฝ้าระวัง ป้องกันแก้ไขปัญหาโรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็ง ท่อน้ าดี เป็นตัวขับเคลื่อนกิจกรรมของโครงการ ซึ่งจังหวัดศรีสะเกษ เป็นจังหวัดหนึ่งใน 29 จังหวัด ที่เป็นพื้นที่ เป้าหมายในการด าเนินงาน เนื่องจากมีอัตราป่วยและตายด้วยมะเร็งท่อน้ าดีสูงมาก โดยมีผู้เสียชีวิตด้วยมะเร็งท่อ น้ าดีกว่า 400 คนต่อปี หรือเฉลี่ยวันละ 1 คน ซึ่งปัจจัยหลักของมะเร็งท่อน้ าดีเกิดจากประชาชนป่วยด้วยโรคพยาธิ ใบไม้ตับ อันเกิดจากค่านิยมบริโภคปลาดิบถึงแม้กระทรวงสาธารณสุขได้รณรงค์สร้างส้วมจนครบ 100 เปอร์เซ็นต์ และในปี 2557 ประชาชนจังหวัดศรีสะเกษเป็นโรคพยาธิใบไม้ตับอันดับ 5 ของประเทศ ส่งผลต่อสภาพเศรษฐกิจ ของครัวเรือน ภาครัฐมีค่าใช้จ่ายมาดูแลด้านสุขภาพ ทั้งนี้จังหวัดศรีสะเกษได้ให้ความส าคัญในการขับเคลื่อนวาระ ได้ก าหนดเป็น 1 ใน 10 วาระจังหวัดศรีสะเกษ คือ “วาระคนศรีสะเกษสุขภาพดี ปลอดโรคพยาธิใบไม้ตับและ มะเร็งท่อน้ าดี สู่การท่องเที่ยววิถีใหม่ มีวัคซีนใจ ไม่ฆ่าตัวตาย” เพื่อบูรณาการระหว่างส่วนราชการ ภาคเอกชน และภาคประชาชน โดยมีภาระกิจร่วมกันในการด าเนินงานเพื่อลดอัตราตายด้วยโรคมะเร็งท่อน้ าดี ลดอัตราการ ติดโรคพยาธิใบไม้ตับ ด้วยการรณรงค์ให้ร้านส้มต า จ าหน่ายส้มต าปลาร้าสุก ซึ่งต่อมามีการระบาดของโรค COVID - 19 จึงต้องมีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคในร้านอาหาร ด้วยมาตรการ Covid Free Setting ประกอบกับร้านอาหารจ าเป็นต้องผ่านมาตรฐานร้านอาหารปลอดภัย (Food Safety) โดยผ่านมาตรฐาน Clean Food Good Taste จึงขยายผลจากร้านส้มต าปลาร้าสุกไปสู่ “ร้านอาหารมาตรฐาน QFC” โดยมี ความหมายดังนี้ : มาตรฐาน Q หมายถึง ร้านอาหารวัตถุดิบปลอดภัย เลือกใช้สินค้า Q : มาตรฐาน F หมายถึง Food Safety (Clean Food Good Taste) : มาตรฐาน C หมายถึง Covid Free Setting ซึ่งมีแนวคิดการด าเนินงาน คือ หากร้านอาหารผ่านการประเมินมาตรฐาน QFC จะได้รับการประชาสัมพันธ์ เชิญชวนนักท่องเที่ยวมาใช้บริการ จึงเป็นที่มาของการปรับเนื้อหาของวาระจังหวัดศรีสะเกษเป็น “วาระคนศรีสะเกษ สุขภาพดี ปลอดโรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ าดี สู่การท่องเที่ยววิถีใหม่” โดยมีเป้าหมายในการด าเนินการ ดังนี้ 1. อัตราความชุกโรคพยาธิใบไม้ตับไม่เกินร้อยละ 3 2. อัตราตายด้วยโรคมะเร็งตับ-ท่อน้ าดี ไม่เกิน 24.6 ต่อแสนประชากร 3. จ านวนร้านอาหารผ่านมาตรฐาน QFC จ านวน 15 ร้าน ต่อมาแม่ข่ายงานสุขภาพจิต คือโรงพยาบาลพระศรีมหาโพธิ์ ได้เสนอให้การด าเนินงานป้องกันการ ฆ่าตัวตาย เป็นวาระจังหวัดเพิ่มอีก 1 ประเด็น เนื่องจากจังหวัดศรีสะเกษ มีอัตราการฆ่าตัวตายส าเร็จของจังหวัด ศรีสะเกษ สูงสุดในเขตสุขภาพที่ 10 และสูงเกินเกณฑ์ของประเทศ คือ เกิน 8 ต่อแสนประชากร เนื้อหาของ วาระจังหวัดศรีสะเกษ จึงเพิ่มเป็น “วาระคนศรีสะเกษสุขภาพดี ปลอดโรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ าดี
117 | P a g e สู่การท่องเที่ยววิถีใหม่ มีวัคซีนใจ ไม่ฆ่าตัวตาย”ซึ่งสถานการณ์การฆ่าตัวตายส าเร็จ จังหวัดศรีสะเกษ ปี 2560 –2564 พบว่าอัตราการฆ่าตัวตายส าเร็จ 4.85, 3.8, 5.6, 4.05 และ 8.08 ต่อประชากรแสนคน ตามล าดับ ซึ่งพบว่า อัตรา การฆ่าตัวตายส าเร็จของประชาชนมีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นและลดลงตามสถานการณ์และสภาวะแวดล้อม ที่เกี่ยวข้องกับหลายปัจจัย ทั้งจากสภาพปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางสังคม เศรษฐกิจ การเจ็บป่วยเรื้อรังและปัญหา การติดสุรา ยาเสพติด ตารางที่ 59 ตัวชี้วัด เป้าหมาย ผลการด าเนินงานโครงการ“วาระคนศรีสะเกษสุขภาพดี ปลอดโรคพยาธิใบไม้ ตับและมะเร็งท่อน้ าดี สู่การท่องเที่ยววิถีใหม่ มีวัคซีนใจ ไม่ฆ่าตัวตาย ” ปีงบประมาณ 2565 ตัวชี้วัด เป้าหมาย ผลการด าเนินงาน 1. มีระบบบ าบัดสิ่งปฏิกูลจากรถสูบส้วมทุก อ าเภอ 22 แห่ง 22 แห่ง มีระบบบ าบัดสิ่งปฏิกูลจากรถสูบส้วมทุกอ าเภอ 16 แห่ง 2. อัตราความชุกพยาธิใบไม้ตับไม่เกิน ร้อยละ 3 < ร้อยละ 3 อัตราความชุกพยาธิใบไม้ตับไม่เกินร้อยละ 1.95 3. อัตราตายด้วยมะเร็งตับ-ท่อน้ าดี < 24.6 /แสนประชากร < 24.6 /แสน ประชากร อัตราตายด้วยมะเร็งตับ-ท่อน้ าดี < 23.64 /แสน ประชากร 4. ร้านส้มต าจ าหน่ายส้มต าปลาร้าสุก ร้อยละ 90 งานบุญปลาร้าสุก ร้อยละ 90 สถานประกอบการผลิตปลาร้า-ปลาส้มผ่าน GMP 5 แห่ง ร้านอาหารผ่านมาตรฐาน QFC จ านวน 15 ร้าน ร้อยละ 90 ร้อยละ 90 5 แห่ง 15 ร้าน ร้านส้มต าจ าหน่ายส้มต าปลาร้าสุก ร้อยละ 92.09 งานบุญปลาร้าสุก ร้อยละ 98.75 สถานประกอบการผลิตปลาร้า-ปลาส้มผ่าน GMP 4 แห่ง ร้านอาหารผ่านมาตรฐาน QFC จ านวน 19 ร้าน 5. มีการสื่อสารประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง ต่อเนื่อง มีการสื่อสารประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง 6. อัตราการฆ่าตัวตายส าเร็จไม่เกิน 8 ต่อแสน ประชากร < 8 ต่อแสน ประชากร อัตราการฆ่าตัวตายส าเร็จไม่เกิน 7.13 ต่อแสนประชากร มาตรการในการด าเนินงาน 1. มีระบบบ าบัดสิ่งปฏิกูลจากรถสูบส้วมทุกอ าเภอ 22 แห่ง ผลการด าเนินงานเร่งรัดการสร้างระบบบ าบัดสิ่งปฏิกูล ในระหว่างปี 2563-2564 มีระบบบ าบัดสิ่งปฏิกูลจาก รถสูบส้วมจ านวน 6 แห่ง ได้แก่ - เทศบาลต าบลบุสูง อ าเภอวังหิน - เทศบาลต าบลขุขันธ์ อ าเภอขุขันธ์ - เทศบาลต าบลศรีรัตนะ อ าเภอศรีรัตนะ - เทศบาลต าบลเสียว อ าเภอเบญจลักษ์ - เทศบาลต าบลปรางค์กู่ อ าเภอปรางค์กู่
118 | P a g e - ต าบลรังแร้ง อ าเภออุทุมพรพิสัย ส าหรับผลการด าเนินงานในปี 2565 มีระบบบ าบัดสิ่งปฏิกูลจากรถสูบส้วมเพิ่มขึ้น 10 แห่ง รวมเป็น 16 แห่ง ได้แก่ - อบต.คูบ อ าเภอน้ าเกลี้ยง - อบต.กระแชง อ าเภอกันทรลักษ์ - อบต.โพธิ์ อ าเภอโนนคูณ - อบต.น้ าค า อ าเภอเมือง - อบต.ซ า อ าเภอเมือง - เทศบาลต าบลบัวหุ่ง อ าเภอราษีไศล - เทศบาลต าบลโพธิ์กระสังข์ อ าเภอขุนหาญ - อบต.ไพรบึง อ าเภอไพรบึง - เทศบาลต าบลพยุห์ อ าเภอพยุห์ - อบต.กุง อ าเภอศิลาลาด 2. อัตราความชุกพยาธิใบไม้ตับไม่เกินร้อยละ 3 ผลการด าเนินงาน ในระหว่างปี 2563-2565 จากผลการตรวจพยาธิของบุคลากรจังหวัดศรีสะเกษ พบว่าประชาชนจังหวัด ศรีสะเกษ มีการติดเชื้อโรคพยาธิใบไม้ตับลดลง โดยมีอัตราความชุกโรคพยาธิใบไม้ตับ ร้อยละ 3.02 , 2.2 และ 1.95 ตามล าดับ (รายละเอียดตามตารางที่ 1 และรูปที่ 1) ตารางที่60 อัตราความชุกโรคพยาธิใบไม้ตับ จ าแนกรายอ าเภอ จ.ศรีสะเกษ ปี 2563-2565 ที่ อ าเภอ ปี 2563 ปี 2564 ปี 2565 ตรวจ (คน) พบพยาธิใบไม้ตับ ตรวจ (คน) พบพยาธิใบไม้ตับ ตรวจ (คน) พบพยาธิใบไม้ตับ จ านวน % จ านวน % จ านวน % 1 เมือง 6821 84 1.23 6597 26 0.39 1936 0 0 2 ยางชุมน้อย 1694 69 4.07 2882 136 4.72 2267 76 3.35 3 กันทรารมย์ 5149 141 2.74 6194 37 0.60 3957 16 0.40 4 กันทรลักษ์ 8411 205 2.44 8992 267 2.97 5093 107 2.10 5 ขุขันธ์ 9341 545 5.83 4827 208 4.31 7668 252 3.29 6 ไพรบึง 1930 14 0.73 2752 13 0.47 1588 0 0 7 ปรางค์กู่ 3376 336 9.95 3205 273 8.52 8556 295 3.45 8 ขุนหาญ 4715 58 1.23 7740 144 1.86 6022 90 1.49 9 ราษีไศล 6322 34 0.54 4569 30 0.66 4776 14 0.29 10 อุทุมพรพิสัย 4282 98 2.29 7561 126 1.67 6165 63 1.02
119 | P a g e ที่ อ าเภอ ปี 2563 ปี 2564 ปี 2565 ตรวจ (คน) พบพยาธิใบไม้ตับ ตรวจ (คน) พบพยาธิใบไม้ตับ ตรวจ (คน) พบพยาธิใบไม้ตับ จ านวน % จ านวน % จ านวน % 11 บึงบูรพ์ 518 3 0.58 1628 0 0 499 2 0.40 12 ห้วยทับทัน 2264 23 1.02 2264 2 0.09 2334 5 0.21 13 โนนคูณ 1269 33 2.60 1356 95 7.01 1699 19 1.12 14 ศรีรัตนะ 3478 54 1.55 2094 10 0.48 1350 9 0.67 15 น้ าเกลี้ยง 3187 258 8.10 2517 139 5.52 1597 70 4.38 16 วังหิน 996 34 3.41 680 0 0 1972 141 7.15 17 ภูสิงห์ 3279 174 5.31 1419 12 0.85 1786 36 2.02 18 เมืองจันทร์ 828 0 0 784 0 0 752 0 0 19 เบญจลักษ์ 1717 41 2.39 1900 93 4.89 1748 47 2.69 20 พยุห์ 1568 3 0.19 1353 2 0.15 1048 12 1.15 21 โพธิ์ศรีสุวรรณ 942 4 0.42 2098 1 .0.05 1005 1 0.10 22 ศิลาลาด 1154 0 0 126 1 0.79 440 0 0 รวม 73241 2211 3.02 73538 1615 2.20 64258 1255 1.95 ปัจจัยแห่งความส าเร็จ 1. ผู้บริหารทุกระดับให้ความส าคัญ 2. ภาคีเครือข่ายให้ความร่วมมือ 3. นโยบายชัดเจน 4. ได้รับงบประมาณในการสนับสนุนการด าเนินงานต่อเนื่องผู้รับผิดชอบงานต่อเนื่อง ไม่เปลี่ยนผู้รับผิดชอบบ่อย ปัญหาอุปสรรค 1. ยังพบการบริโภคอาหารปลาดิบ-สุกๆดิบๆ ในประชาชนจังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งเป็นปัจจัยส าคัญที่ท าให้ เกิดการติดเชื้อโรคพยาธิใบไม้ตับรวมทั้งการติดเชื้อซ้ าหลังการรักษา 2. จังหวัดศรีสะเกษยังมีระบบบ าบัดสิ่งปฏิกูลจากรถสูบส้วมยังไม่เพียงพอที่จะรองรับสิ่งปฏิกูลในพื้นที่ ซึ่งเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคพยาธิใบไม้ตับ แนวทางการพัฒนางานในปีถัดไป 1. จังหวัดวิเคราะห์พื้นที่เสี่ยงที่มีความชุกโรคพยาธิใบไม้ตับสูง เพื่อด าเนินการตรวจเพื่อบ าบัดเพื่อลด อัตราความชุกโรคหนอนพยาธิใบไม้ตับ และเป็นพื้นที่เป้าหมายในการด าเนินงาน ปี 2566 2. เน้นการด าเนินงานสร้างความรอบรู้เพื่อให้ประชาชนสามารถป้องกันตนเองให้ปลอดภัยจากโรคพยาธิ ใบไม้ตับได้ โดยเน้นการด าเนินงานตามพื้นที่ในข้อ 1
120 | P a g e 3. เร่งรัดการสร้างระบบบ าบัดสิ่งปฏิกูล 4. ด าเนินการสร้างความรอบรู้ด้วยสื่อประชาสัมพันธ์ทุกรูปแบบ ผลงานที่โดดเด่น/รางวัลที่ภาคภูมิใจ 1. ได้รับการเสนอให้ส่งผลงานเข้ารับการประกวดรางวัลเลิศรัฐ ประเด็นงาน : การจัดการภาวะฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข ประจ าปี 2565 สถานการณ์ สภาพปัญหา ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่ปี 2563-2565 ที่มีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโครนา 2019 กระจายเป็นวงกว้างครอบคลุม ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังมีการระบาดทั้งโรคติดต่ออุบัติใหม่และโรคติดต่ออุบัติซ้ า เช่น โรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 (COVID-19) โรคฝีดาษวานร โรคโปลิโอสายพันธุ์ใหม่ โรคไข้หวัดนก โรคติดเชื้อไวรัสซิกา โรคเมอร์ส ไข้เลือดออก อาหารเป็นพิษ เป็นต้น ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน รวมถึงผลกระทบต่อสังคมและ เศรษฐกิจ ตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. ๒๕๕๘ มีการก าหนดนโยบายแนวทางปฏิบัติ และแผนปฏิบัติการ ในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดต่อเป็นระบบมีประสิทธิภาพ และทันต่อสถานการณ์ของโรค ความตาม หมวด ๖ มาตรา ๓๖ พระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. ๒๕๕๘ ก าหนดให้ทุกจังหวัดต้องตั้งหน่วยปฏิบัติการควบคุม โรคติดต่อทุกอ าเภอ (CDCU) อย่างน้อยหนึ่งหน่วย เพื่อท าหน้าที่ในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และสอบสวนโรคติดต่อ อันตรายหรือโรคระบาด ทั้งนี้หลักเกณฑ์การจัดตั้งหน่วยปฏิบัติการควบคุมโรคติดต่อให้เป็นไปตามประกาศ กระทรวงสาธารณสุข เรื่อง หลักเกณฑ์การจัดตั้งหน่วยปฏิบัติการควบคุมโรคติดต่อ พ.ศ. ๒๕๕๙ ประกาศราชกิจจา นุเบกษา วันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ในข้อ ๔ ผู้ที่จะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยปฏิบัติการควบคุม โรคติดต่อ ที่กรมควบคุมโรคก าหนดหรือที่กรมควบคุมโรครับรอง เพื่อเป็นก าลังส าคัญในการขับเคลื่อน การด าเนินการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินในพื้นที่ทุกจังหวัด โดยกระบวนการของคณะกรรมการศูนย์ตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน ของจังหวัด และคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดทั่วประเทศ จังหวัดศรีสะเกษ ได้มีการด าเนินการตอบโต้สถานการณ์ฉุกเฉินโรคและภัยสุขภาพ โดยคณะกรรมการ ด าเนินการตามระบบบัญชาการเหตุการณ์ภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขส าหรับทุกโรคและภัยสุขภาพ และศูนย์ ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข (Emergency Operation Center : EOC) พร้อมทั้งมีการพัฒนา ทีมปฏิบัติการควบคุมโรคติดต่อ (CDCU) ทุกปี เพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการควบคุมโรคติดต่อ ตลอดจนเป็นการฟื้นฟูและเพิ่มศักยภาพในแนวทางปฏิบัติการเฝ้าระวัง ป้องกัน และสอบสวนโรคติดต่ออันตราย หรือโรคระบาดในพื้นที่ โดยมีการพัฒนาทีมปฏิบัติการควบคุมโรคติดต่อ อ าเภอละ ๓ ทีม ตามนโยบายและ หลักเกณฑ์การประเมินมาตรฐานหน่วยปฏิบัติการควบคุมโรคติดต่อ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดต่ออันตราย และโรคระบาดในปัจจุบัน โดยเฉพาะโรคติดเชื้อไวรัส
121 | P a g e โคโรนา 2019 ที่มีการแพร่ระบาดกระจายไปทั่วโลก และในประเทศเทศมีการแพร่ระบาดทุกพื้นที่ ตลอดจน เพื่อเป็นก าลังส าคัญในการสอบสวน ค้นหา เก็บรวบรวมข้อมูล และวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อประเมินสถานการณ์ โรคและภัยสุขภาพ เพื่อรายงานผู้บัญชาการเหตุการณ์และคณะกรรมการตอบโต้สถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อวางแผน ก าหนดข้อสั่งการในการตอบโต้สถานการณ์อย่างมีประสิทธิภาพ จึงมีความจ าเป็นต้องมีการพัฒนาทีมหน่วย ปฏิบัติการควบคุมโรคติดต่อเพิ่มเติม เพื่อให้สามารถตอบโต้สถานการณ์ฉุกเฉินการแพร่ระบาดของโรคอุบัติใหม่ และโรคอุบัติซ้ าในพื้นที่ มีการทบทวน ถอดบทเรียนการด าเนินการตอบโต้สถานการณ์ฉุกเฉินที่ผ่านมา เพื่อน ามา ปรับปรุง พัฒนากระบวนการท างานตอบโต้สถานการณ์ฉุกเฉินให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ตลอดจนการเตรียมพร้อม ในการเฝ้าระวัง ค้นหา ป้องกัน และควบคุมโรคติดต่อในพื้นที่ พร้อมทั้งให้มีการพัฒนาการตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน ทางสาธารณสุขส าหรับโรคและภัยสุขภาพ จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อให้มีการขับเคลื่อนการด าเนินการตอบโต้ สถานการณ์ฉุกเฉินเกี่ยวกับโรคติดต่อและภัยสุขภาพ โดยคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดศรีสะเกษ และคณะกรรมการศูนย์ปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินระดับจังหวัดและอ าเภอเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และรวดเร็ว และพัฒนาศักยภาพบุคลาการสาธารณสุขที่จะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยปฏิบัติการ ควบคุมโรคติดต่อให้มีความรู้ ทักษะ และความสามารถในการปฏิบัติงานเฝ้าระวัง ป้องกัน สอบสวนและควบคุม โรคติดต่ออันตรายและโรคติดต่อในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในช่วงสถานการณ์การแพร่ ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้มีการขยายศูนย์ปฏิบัติการตอบโต้สถานการณ์ฉุกเฉินไปทุกอ าเภอ โดยมีเปิดศูนย์ปฏิบัติการตอบโต้สถานการณ์ฉุกเฉินระดับอ าเภอทุกอ าเภอ รวมทั้งมีการบูรณาการทรัยพยากร ร่วมกันทั้งหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และประชาชนในพื้นที่ ในการช่วยเหลือในภารกิจต่างๆ ที่เป็นการตอบโต้ สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังได้มีการเปิดศูนย์ตอบโต้สถานการณ์ฉุกเฉิน ในโรคติดต่ออื่นๆ เช่น โรคไข้เลือดออก ไข้ปวดข้อยุงลาย การเฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรคในการแข่งขันกีฬา แห่งชาติภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และการตอบโต้สถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ช่วงเดิอน กันยายน-พฤศจิกายน 2565 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตารางที่ 61 ตัวชี้วัด เป้าหมาย ผลการด าเนินงานการจัดการภาวะฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข ตัวชี้วัด เป้าหมาย ผลการด าเนินงาน 1. มีการจัดท าค าสั่งศูนย์ปฏิบัติการ EOC ระดับ อ าเภอเพื่อตอบโต้โรคและภัยสุขภาพที่เป็นปัญหา ของพื้นที่ ร้อยละ 100 (ทุกอ าเภอ) 22 อ าเภอ (ร้อยละ 100) 2. เปิด EOC ตอบโต้โรคติดต่อหรือภัยสุขภาพที่ เป็นปัญหาของพื้นที่ อย่างน้อย 1 เหตุการณ์ ปี 2565 จังหวัดศรีสะเกษได้มีการขับเคลื่อนการ ด าเนินงานการจัดการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินด้าน อย่างน้อยอ าเภอละ 1 เหตุการณ์ครบ ทุกอ าเภอ ร้อยละ 100 22 อ าเภอ (ร้อยละ 100)
122 | P a g e ตัวชี้วัด เป้าหมาย ผลการด าเนินงาน การแพทย์และสาธารณสุข ในสถานการณ์ที่ส าคัญ ที่เกี่ยวข้องกับโรคระบาดและภัยพิบัติอยู่ 4 เหตุการณ์ ได้แก่ 2.1 การตอบโต้สถานการณ์การ ฉุกเฉินด้านการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโค โรนา 2019 (COVID-19) 2.2 ก า รบ ริห า ร จัดก า รด้ านก า ร แพทย์แล ะ สาธารณสุขในการจัดการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ระดับภาตะวันออกเฉียงเหนือ หรือพญาแลเกมส์ เดือนกุมภาพันธ์ 2565 2.3 ก า รบ ริห า ร จัดก า รด้ านก า ร แพทย์แล ะ สาธารณสุขในการจัดการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ครั้ง ที่ 37 และกีฬาคนพิการแห่งชาติ ครั้งที่ 47 ระหว่าง เดือนมีนาคม-เมษายน 2565 2.4 การตอบโต้สถานการณ์ฉุกเฉิน กรณีการเกิด อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดศ รีสะเกษ ระดับภ า ตะวันออกเฉียงเหนือ หรือพญาแลเกมส์ ระหว่าง เดือนกันยายน-พฤศจิกายน 2565 3. มีการสรุปและจ าท าเอกสารสรุปบทเรียนหลัง ปฏิบัติการ (After Action Review: AAR) การตอบ โต้ภาวะฉุกเฉิน ร้อยละ 100 22 อ าเภอ (ร้อยละ 100) มาตรการในการด าเนินงาน 1. การขับเคลื่อนการด าเนินงานและข้อสั่งการตามมติคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ขยายผลการปฏิบัติ สู่คณะกรรมการศูนย์ปฏิบัติการตอบโต้สถานการณ์ฉุกเฉินระดับจังหวัด ระดับอ าเภอ (ศปก.) และระดับต าบล (ศปต.) 2. การก าหนดกรอบโครงสร้างของศูนย์ตอบโต้ระดับจังหวัดที่ชัดเจน มีรูปแบบการด าเนินการระดับจังหวัด และเป็นต้นแบบให้ศูนย์ปฏิบัติการระดับอ าเภอได้น าไปขยายผลการด าเนินการต่อในพื้นที่ เพื่อตอบโต้สถานการณ์ ฉุกเฉินของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 3. การก าหนดบทบาทภารกิจของเจ้าหน้าที่ในกล่องภารกิจต่างๆ ที่ชัดเจน และเน้นการมีส่วนร่วมของ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน ในช่วงการตอบโต้สถานการณ์โควิด-19 4. การยกระดับของการบังคับใช้กฎหมายตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 มาเป็นเครื่องมือที่ใช้ใน การบริหารจัดการควบคุมโรคโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ