The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รายงานประจำปี 2565

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

รายงานประจำปี 2565

รายงานประจำปี 2565

Keywords: รายงานประจำปี 2565

123 | P a g e 5. การวางระบบการเฝ้าระวัง ป้องกัน คัดกรอง ค้นหาผู้ป่วย และการควบคุมโรคที่มีประสิทธิภาพ 6. ใช้การสื่อสารความเสี่ยง และการประชาสัมพันธ์ ในการสื่อสารท าความเข้าใจกับประชาชน ในหลากหลายช่องทาง มีกลุ่มภารกิจเฉพาะในการแก้ข่าวร้าย กระจายข่าวดี ชี้ข้อเท็จจริง และให้ค าปรึกษา ตอบข้อสงสัยของประชาชนได้อย่างดี 7. การบูรณาการทรัพยากรจากทุกภาคส่วน ทั้งคน เงิน วิธีการ และวัสดุอุปกรณืต่างร่วมกัน 8.การวางระบบข้อมูลการเฝ้าระวังโรค และภัยสุขภาพ ที่สามารถน าข้อมูลมาใช้ประโยชน์ในการชี้เป้า และคาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น เพื่อให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดได้พิจารณาข้อมูล ข้อเท็จจริง และสั่งการด าเนินการแก้ไข รับมือ ได้ตรงจุด รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ 9. การประชุมเชิงปฏิบัติการซ้อมแผนเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่อ าเภอภูสิงห์ โดยมีการซ้อมแผนตั้งโต๊ะ (Table Top Exercise) และการซ้อมแผนเสมือนจริงใน การรับ-ส่งต่อผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ปัจจัยแห่งความส าเร็จ 1. การก าหนดกอรบโครงสร้างตามกล่องภารกิจ และบทบาทหน้าที่ของคณะกรรมการศูนย์ตอบโต้ สถานการณ์ฉุกเฉินระดับจังหวัด (EOC) คณะกรรมการศูนย์ตอบโต้สถานการณ์ฉุกเฉินด้านการแพทย์และ สาธารณสุข (PHEOC) 2. การขับเคลื่อนการด าเนินงานของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดศรีสะเกษ 3. ภาวะผู้น าและศิลปะการบริหารจัดการตอบโต้สถานการณ์ฉุกเฉินของผู้บัญชาการเหตุการณ์ทั้งในระดับ จังหวัด และอ าเภอ 4. การวางกลยุทธ์ในการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคติด่อ และการบริหารจัดการตอบโต้สถานการณ์ ภัยพิบัติที่ดีและมีประสิทธิภาพ 5. การบริหารจัด`งการทรัพยากรร่วมกันของหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน ในการตอบโต้ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งเป็นสถานการณืที่ท าให้มีการขับเคลื่อนการท างานของ คณะกรรมการ EOC ทุกระดับ 6. การบังคับใช้ข้อกฎหมายตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ได้อย่างเข้มข้น จริงจัง ปัญหาอุปสรรค 1. คณะกรรมการภาวะฉุกเฉินจังหวัดศรีสะเกษ (EOC) ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 หลายคนอาจจะยังไม่เข้าใจในบทบาทหน้าที่การขับเคลื่อนการด าเนินงานเพื่อตอบโต้ สถานการณ์ฉุกเฉิน ท าให้บทบาทหน้าที่ในกล่องภารกิจนั้น เป็นภาวะของหน่วยงานด้านสาธารณสุขเป็นหลัก ซึ่งถือ


124 | P a g e ว่ายังท าหน้าที่ได้ไม่เต็มก าลังความสามารถ และหน่วยงานด้านสาธารณสุขมีภาระหน้าที่ในหลากหลายภารกิจ จนเกินไป 2. สถานบริการบางแห่งไม่มีการตรวจสอบความถูกต้องของรหัสวัคซีนให้ตรงกับรหัสวัคซีนที่ใช้ในปัจจุบัน 3. การเปลี่ยนแปลงบุคลากร ในงานควบคุมโรคของพื้นที่บ่อย ท าให้ระบบการควบคุมโรคมีประสิทธิภาพ น้อยลง เนื่องจากทักษะและความเชี่ยวชาญในงานของบุคลากรเหล่านี้ต้องอาศัยเวลาในการพัฒนา 4. ความเข้าใจและใช้กระบวนการ EOC ในการตอบโต้โรคและภัยสุขภาพ อยู่ในเกณฑ์ที่ดี แต่ยังมีหลาย คนที่ไม่เข้าใจในบทบาทตามกล่องภารกิจต่างๆ เท่าที่ควร ท าให้หน่วยงาด้านสาธารณสุขในฐานะทีมเลขานุการ ได้ปฏิบัติภารกิจแทน 5. การสื่อสารในมาตรการต่างๆ ของการควบคุมโรค หรือ EOC มีช่องทางที่หลากหลาย บางครั้งเกิดการ สื่อสารที่ท าให้ประชาชนรับสารได้ไม่ตรงกับที่สื่อสารออกไป 6. ศูนย์ปฏิบัติตอบโต้สถานการณ์ฉุกเฉิน ยังไม่มีสถานที่ตั้งหรือห้องประจ าศูนย์ที่ชัดเจน รวมทั้งวัสดุ อุปกรณ์ส านักงานที่จ าเป็นในการวิเคราะห์ ประเมินสถานการณ์ และการประชุมทีมเพื่อประเมินสถานการณ์ยังมี่ ตามมาตรฐานของศูนย์ปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน แนวทางการพัฒนางานในปีถัดไป 1. การพัฒนาและยกระดับศูนย์ปฏิบัติการตอบโต้สถานการณ์ฉุกเฉินระดับจังหวัด (Province Emergency Operation Center: PEOC) และศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข (Public Health Emergency Operation Center: PHEOC) ให้ได้ตามมาตรฐานสากล 2. การพัฒนาศักยภาพทีมเจ้าหน้าที่ตามกล่องภารกิจต่างๆ ตามกรอบโครงสร้าง EOC ให้มีความเข้าใจใน บทบาทหน้าที่ และมีการทบทวนการประสานการท างานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ 3. การพัฒนาในด้านต่างๆ และการเตรียมความพร้อมในการประเมินมาตรฐาน EOC ปี 2566 4. การประชุมทบทวนการเฝ้าระวังเหตุการณ์ (Event-Base Surveillance) และการซ้อมแผนตอบโต้ สถานการณ์ฉุกเฉิน ทั้งในรูปแบบตั้งโต๊ะ (Table Top Exercise) โดยมีมอบภารกิจระหว่างซ้อมให้กล่องภารกิจ ต่างๆ ในการชี้แจงการด าเนินการ (Functional Exercise) และการซ้อมแผนเสมือนจริง 5. การประชุมติดตามสถานการณ์โรคและภัยสุขภาพ อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง และเปิดศูนย์ EOC เพื่อตอบ โต้สถานการณ์โรคและภัยสุขภาพทุกปี เพื่อให้มีระบบการตอบโต้สถานการณ์ฉุกเฉินที่มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว ทันเหตุการณ์ และลดการเจ็บ ป่วย ตาย ตลอดจนการสูญเสียในด้านอื่นๆ ของประชาชน ผลงานที่โดเด่น/ รางวัลที่ภาคภูมิใจ การเปิดศูนย์ปฏิบัติการตอบโต้สถานการณ์ฉุกเฉินกรณีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19, การเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคในการแข่งขันกีฬาระดับชาติ และการตอบโต้สถานการณ์ฉุกเฉินกรณีการเกิดอุทกภัย


125 | P a g e ประเด็นงาน : พัฒนาระบบเฝ้าระวังโรคทางระบาดวิทยาประจ าปี 2565 สถานการณ์ สภาพปัญหา ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ปี 2565 ที่สถานการณ์โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงเฉียบพลัน (Acute Flaccid Paralysis) จังหวัดศรีสะเกษ นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565 ส านักงานสาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ ได้รับรายงาน ผู้ป่วยโรค Acute Flaccid Paralysis จ านวนทั้งสิ้น 103 ราย คิดเป็นอัตราป่วย 6.99 ต่อประชากรแสนคน ไม่มี รายงานผู้ป่วยเสียชีวิต พบผู้ป่วยเพศชายมากกว่าเพศหญิง โดยพบเพศชาย 58 ราย เพศหญิง 45 ราย อัตราส่วน เพศชาย ต่อ เพศหญิง เท่ากับ 1.29 : 1 กลุ่มอายุที่พบสูงสุดคือกลุ่มอายุ 5 - 9 ปี คิดเป็นอัตราป่วย 40.87 ต่อประชากรแสนคน รองลงมาคือ กลุ่มอายุ 10 - 14 ปี, 0 - 4 ปี, 15 - 24 ปี, 65 ปี ขึ้นไป, 55 - 64 ปี,45 - 54 ปี, 35 - 44 ปี, 25 - 34 ปี อัตราป่วยเท่ากับ 40.74, 35.22 และ 4.13 ต่อประชากรแสนคน ตามล าดับ อาชีพที่มี จ านวนผู้ป่วยสูงสุดคือ นักเรียน จ านวนผู้ป่วยเท่ากับ 69 ราย รองลงมาคือ กลุ่มเด็กในปกครอง จ านวนผู้ป่วย เท่ากับ 34 ราย ตามล าดับ พบผู้ป่วยสูงสุดในเดือน เมษายน จ านวน 20 ราย อ าเภอที่มีอัตราป่วยต่อประชากรแสน คนสูงสุดคือ อ าเภอเมือง อัตราป่วยเท่ากับ 22.19 ต่อประชากรแสนคน รองลงมาคือ อ าเภอห้วยทับทัน, อ าเภอ ปรางค์กู่, อ าเภอบึงบูรพ์, อ าเภออุทุมพรพิสัย และอ าเภอราษีไศลอัตราป่วยเท่ากับ 11.78 , 10.32 , 9.41 , 9.34 และ 7.44 ต่อแสนประชากร ตามล าดับ และจากการทวนสอบข้อมูลจากทุกโรงพยาบาลที่มีรายงานผู้ป่วย AFP พบว่า ไม่มีผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ อาการทางคลิกนิก และการติดตามหลังป่วย 6 เดือนยังไม่เข้าเกณฑ์ของ โรค AFP สถานการณ์โรคหัด (Measle) จังหวัดศรีสะเกษ นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565 ส านักงานสาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ จ านวนทั้งสิ้น 2 ราย คิดเป็นอัตราป่วย 0.14 ต่อประชากรแสนคน ไม่มีรายงานผู้ป่วยเสียชีวิต พบผู้ป่วยเพศชาย 2 ราย ไม่มีรายงานผู้ป่วยเพศหญิง กลุ่มอายุที่พบสูงสุดคือกลุ่มอายุ 0 - 4 ปี คิดเป็นอัตราป่วย 1.35 ต่อประชากรแสนคน รองลงมาคือ กลุ่มอายุ 35 - 44 ปี อัตราป่วยเท่ากับ 0.42 ต่อประชากรแสนคน อาชีพที่มีจ านวนผู้ป่วยสูงสุดคือ นักบวช จ านวน 1 ราย และกลุ่มเด็กในปกครอง 1 ราย ตามล าดับ พบผู้ป่วยสูงสุดในเดือน พฤษภาคม จ านวน 1 ราย และเดือนพฤษภาคม 1 ราย อ าเภอที่มีอัตราป่วย ต่อประชากรแสนคนสูงสุดคือ อ าเภอไพรบึง อัตราป่วยเท่ากับ 2.07 ต่อประชากรแสนคน รองลงมาคือ อ าเภอเมือง อัตราป่วยเท่ากับ 0.72 ต่อแสนประชากร อาการภายหลังได้รับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค (AEFI) ของจังหวัดศระเกษ นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565 ส านักงานสาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ ได้รับรายงานผู้ป่วยโรค AEFI จ านวน ทั้งสิ้น 21 ราย คิดเป็นอัตราป่วย 1.43 ต่อประชากรแสนคน ไม่มีรายงานผู้ป่วยเสียชีวิต พบผู้ป่วยเพศชายมากกว่า เพศหญิง โดยพบเพศชาย11 ราย เพศหญิง 10 ราย อัตราส่วนเพศชาย ต่อ เพศหญิง เท่ากับ 1.10 : 1 กลุ่มอายุ ที่พบสูงสุดคือกลุ่มอายุ 0 - 4 ปี คิดเป็นอัตราป่วย 6.77 ต่อประชากรแสนคน รองลงมาคือ กลุ่มอายุ 15 - 24 ปี,


126 | P a g e 45 - 54 ปี, 10 - 14 ปี, 35 - 44 ปี, 55 - 64 ปี, 65 ปี ขึ้นไป และ 25 - 34 ปี อัตราป่วยเท่ากับ 5.16, 1.41, 1.1, 0.84, 0.63, 0.55 และ 0.47 ต่อประชากรแสนคน ตามล าดับ อาชีพที่มีจ านวนผู้ป่วยสูงสุดคือ เด็กในปกครอง หรือ เด็ก 0-5 ปีจ านวน 8 ราย รองลงมาคือ อาชีพเกษตร จ านวน 8 ราย ส่วนใหญ่เป็นอาการหลังฉีดวัคซีนโควิด-19 พบผู้ป่วยสูงสุดในเดือน มกราคม จ านวน 5 ราย เดือนกุมภาพันธ์ 3 ราย มีนาคม 5 ราย เมษายน 2 ราย พฤษภาคม 0 ราย มิถุนายน 0 ราย กรกฏาคม 1 ราย สิงหาคม 2 ราย กันยายน 2 ราย ตุลาคม 0 ราย พฤศจิกายน 0 ราย ธันวาคม 1 ราย อ าเภอที่มีอัตราป่วยต่อประชากรแสนคนสูงสุดคืออ าเภอวังหิน อัตราป่วยเท่ากับ 5.98 ต่อประชากรแสนคน รองลงมาคือ อ าเภอพยุห์, อ าเภอน้ าเกลี้ยง, อ าเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ, อ าเภอเมือง, อ าเภอ ขุนหาญ, อ าเภอห้วยทับทัน, อ าเภอไพรบึง, อ าเภออุทุมพรพิสัย, อ าเภอภูสิงห์และ อ าเภอปรางค์กู่ อัตราป่วย เท่ากับ 5.54 , 4.49 , 4.2 , 2.86 , 2.78 , 2.36 , 2.07 , 1.87 , 1.84 และ 1.47 ต่อแสนประชากร ตามล าดับ การเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดต่อที่ส าคัญในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ ได้แก่ สถานการณ์ โรคไข้เลือดออกจังหวัดศรีสะเกษ นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565 ส านักงาน สาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ ได้รับรายงานผู้ป่วยโรค ไข้เลือดออก จ านวนทั้งสิ้น 864 ราย คิดเป็นอัตราป่วย 58.66 ต่อประชากรแสนคน มีรายงานผู้เสียชีวิต 1 ราย อัตราตายต่อประชากรแสนคน เท่ากับ 0.07 อัตราผู้ป่วยตาย เท่ากับร้อยละ 0.12 พบผู้ป่วยเพศชายมากกว่าเพศหญิง โดยพบเพศชาย473 ราย เพศหญิง 391 ราย อัตราส่วน เพศชาย ต่อ เพศหญิง เท่ากับ 1.21 : 1 กลุ่มอายุที่พบสูงสุดคือกลุ่มอายุ 10 - 14 ปี คิดเป็นอัตราป่วย 277.48 ต่อประชากรแสนคน รองลงมาคือ กลุ่มอายุ 5 - 9 ปี, 15 - 24 ปี, 0 - 4 ปี, 25 - 34 ปี, 35 - 44 ปี,55 - 64 ปี, 45 - 54 ปี, 65 ปี ขึ้นไป อัต ร าป่ ว ยเท่ ากับ 231.62, 200.23, 115.13, 26.39, 12.24, 6.9, 6.5 แล ะ 5.51 ต่อประชากรแสนคน ตามล าดับ อาชีพที่มีจ านวนผู้ป่วยสูงสุดคือนักเรียน จ านวนผู้ป่วยเท่ากับ 586 ราย รองลงมา คือ อาชีพเกษตร, อาชีพเด็กในปกครอง, อาชีพอื่นๆ, อาชีพบุคคลากรสาธารณสุข, อาชีพนักบวช, อาชีพราชการ, อาชีพรับจ้าง, อาชีพเลี้ยงสัตว์, อาชีพครู,และ อาชีพทหาร/ต ารวจ จ านวนผู้ป่วยเท่ากับ 135, 86, 35, 5, 5, 5, 4, 1, 1 และ 1 ราย ตามล าดับ พบผู้ป่วยสูงสุดในเดือน มิถุนายนจ านวนผู้ป่วย เท่ากับ 241 ราย จ านวนผู้ป่วยเดือนนี้ (ธันวาคม) น้อยกว่าเดือนที่แล้ว (พฤศจิกายน) จ านวนผู้ป่วยเดือนนี้ (ธันวาคม) เท่ากับ 8 ราย ส่วนเดือนที่แล้ว (พฤศจิกายน) เท่ากับ 29 ราย โดยมีรายงานผู้ป่วยเดือน มกราคม 5 ราย กุมภาพันธ์ 5 ราย มีนาคม 4 ราย เมษายน 14 ราย พฤษภาคม 65 ราย มิถุนายน 241 ราย กรกฏาคม 219 ราย สิงหาคม 155 ราย กันยายน 78 ราย ตุลาคม 41 ราย พฤศจิกายน 29 ราย ธันวาคม 8 ราย อ าเภอที่มีอัตราป่วยต่อประชากรแสนคนสูงสุด คืออ าเภอ ยางชุมน้อย อัตราป่วยเท่ากับ 593.46 ต่อประชากรแสนคน รองลงมาคือ อ าเภอ ห้วยทับทัน, อ าเภอ กันทรารมย์, อ าเภอ ปรางค์กู่, อ าเภอ กันทรลักษ์, อ าเภอ ราษีไศล, อ าเภอ ศิลาลาด, อ าเภอ เบญจลักษ์, อ าเภอ อุทุมพรพิสัย, อ าเภอ โพธิ์ศรีสุวรรณ, อ าเภอ ขุขันธ์, อ าเภอ วังหิน, อ าเภอ น้ าเกลี้ยง, อ าเภอ โนนคูณ, อ าเภอ ภูสิงห์, อ าเภอ ขุนหาญ, อ าเภอ เมือง, อ าเภอ ศรีรัตนะ, อ าเภอ ไพรบึง และอ าเภอพยุห์ อัตราป่วยเท่ากับ 164.86


127 | P a g e , 115.86 , 75.19 , 70.14 , 67 , 54.7 , 40.27 , 35.49 , 33.58 , 29.02 , 27.89 , 26.94 , 22.75 , 18.39 , 17.58 , 15.03 , 11.23 , 10.34 และ 2.77 ต่อแสนประชากร ตามล าดับ สถานการณ์โรคไข้ปวดข้อยุงลาย (Chikungunya fever) จังหวัดศรีสะเกษ นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 ถึงวันที่ 21 ธันวาคม 2565 ส านักงานสาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ ได้รับรายงานผู้ป่วยโรค Chikungunya fever จ านวนทั้งสิ้น 15 ราย คิดเป็นอัตราป่วย 1.02 ต่อประชากรแสนคน ไม่มีรายงานผู้ป่วยเสียชีวิต พบผู้ป่วย เพศหญิงมากกว่าเพศชาย โดยพบเพศหญิง 12 ราย เพศชาย 3 ราย อัตราส่วนเพศหญิงต่อเพศชาย เท่ากับ 4.00 : 1 กลุ่มอายุที่พบสูงสุดคือกลุ่มอายุ 35-44 ปี คิดเป็นอัตราป่วย 2.11 ต่อประชากรแสนคน รองลงมาคือ กลุ่มอายุ 25-34 ปี, 0-4 ปี, 55-64 ปี, 5-9 ปี, 15-24 ปี, 65 ปีขึ้นไป, 45-54 ปี, 10-14 ปี อัตราป่วยเท่ากับ 1.41, 1.35, 1.26, 1.14, 1.03, 0.55 และ 0.28 ต่อประชากรแสนคน ตามล าดับ อาชีพที่มีจ านวนผู้ป่วยสูงสุดคือ เกษตร จ านวนผู้ป่วยเท่ากับ 8 ราย รองลงมาคือ อาชีพราชการ จ านวน 3 ราย พบผู้ป่วยสูงสุดในเดือนพฤศจิกายน เท่ากับ 5 ราย จ านวนผู้ป่วยเดือนธันวาคม จ านวน 4 ราย เดือนพฤษภาคม 1 ราย เดือนกรกฎาคม 1 ราย เดือนสิงหาคม 3 ราย และเดือนตุลาคม 1 ราย พบผู้ป่วยในเขตองค์การบริหารส่วนต าบลทั้ง 15 ราย ผู้ป่วยเข้ารับการรักษา ที่ โรงพยาบาลศูนย์เท่ากับ 5 ราย และโรงพยาบาลชุมชนเท่ากับ 10 ราย อ าเภอที่มีอัตราป่วยต่อประชากรแสนคน สูงสุดคือ อ าเภอภูสิงห์ อัตราป่วยเท่ากับ 14.71 ต่อประชากรแสนคน รองลงมาคือ อ าเภอเมือง, อ าเภออุทุมพร พิสัย และอ าเภอขุนหาญ อัตราป่วยเท่ากับ 3.58, 0.93 และ 0.93 ต่อแสนประชากร ตามล าดับ ปี 2565 พบการ ระบาดของโรคไข้ปวดข้อยุงลาย (Chikungunya fever) อ าเภอภูสิงห์ และอ าเภอเมือง การระบาดของโรคไข้ ปวดข้อยุงลายที่อ าเภอภูสิงห์ ได้รับรายงานผู้ป่วยโรคไข้ปวดข้อยุงลาย (Chikungunya fever) จ านวนทั้งสิ้น 8 ราย คิดเป็นอัตราป่วย 14.71 ต่อประชากรแสนคน ไม่มีรายงานผู้ป่วยเสียชีวิต พบผู้ป่วยเพศหญิงมากกว่าเพศชาย โดยพบเพศหญิง 7 ราย เพศชาย 1 ราย อัตราส่วนเพศหญิงต่อเพศชาย เท่ากับ 7.00 : 1 กลุ่มอายุที่พบสูงสุดคือ กลุ่มอายุ 35-44 ปี จ านวนผู้ป่วยเท่ากับ 2 ราย รองลงมาคือ กลุ่มอายุ 25-34 ปี, 65 ปี ขึ้นไป, 55-64 ปี, 15-24 ปี และ 0-4 ปี จ านวน 2, 1, 1, 1 และ 1 ราย ตามล าดับ อาชีพที่มีจ านวนผู้ป่วยสูงสุดคือเกษตร จ านวนผู้ป่วยเท่ากับ 5 ราย รองลงมาคือ กลุ่มเด็กในปกครอง อาชีพนักเรียน และอาชีพราชการ จ านวนผู้ป่วยเท่ากับ 1, 1 และ 1 ราย ตามล าดับ พบผู้ป่วยสูงสุดในเดือนพฤศจิกายน จ านวนผู้ป่วยเท่ากับ 5 ราย เดือนสิงหาคม 2 ราย และเดือนตุลาคม 1 ราย ต าบลที่มีอัตราป่วยต่อประชากรแสนคนสูงสุดคือ ต าบลโคกตาล อัตราป่วยเท่ากับ 94.94 ต่อประชากรแสน คน และต าบลตะเคียนราม อัตราป่วยเท่ากับ 16.5, 0, 0, 0, 0, 0 ราย ตามล าดับ การระบาดของโรคไข้ปวด ข้อยุงลายที่อ าเภอเมือง ได้รับรายงานผู้ป่วยโรคไข้ปวดข้อยุงลาย (Chikungunya fever) จ านวนทั้งสิ้น 5 ราย คิดเป็นอัตราป่วย 3.58 ต่อประชากรแสนคน ไม่มีรายงานผู้ป่วยเสียชีวิต พบผู้ป่วยเพศหญิงมากกว่าเพศชาย โดยพบเพศหญิง 3 ราย เพศชาย 2 ราย อัตราส่วนเพศหญิงต่อเพศชาย เท่ากับ 1.50 : 1 กลุ่มอายุที่พบสูงสุดคือ


128 | P a g e กลุ่มอายุ 55-64 ปี จ านวนผู้ป่วยเท่ากับ 1 ราย รองลงมาคือ กลุ่มอายุ 45-54 ปี, 35-44 ปี, 25-34 ปี และ 5-9 ปี จ านวนผู้ป่วยเท่ากับ 1, 1, 1 และ 1 ราย ตามล าดับ อาชีพที่มีจ านวนผู้ป่วยสูงสุดคือ ข้าราชการ จ านวนผู้ป่วย เท่ากับ 2 ราย รองลงมาคือ อาชีพนักเรียน และเกษตรกรรม พบผู้ป่วยสูงสุดในเดือนธันวาคม จ านวน 4 ราย และเดือนสิงหาคม 1 ราย ต าบลที่มีอัตราป่วยต่อประชากรแสนคนสูงสุดคือ ต าบลเมืองเหนือ อัตราป่วยเท่ากับ 34.77 ต่อประชากรแสนคน รองลงมาคือ ต าบลทุ่ม และต าบลโพธิ์ อัตราป่วยเท่ากับ 14.41 และ 7.3 ต่อแสน ประชากร ตามล าดับ สถานการณ์โรคสุกใส (Chickenpox) จังหวัดศรีสะเกษ นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565 ส านักงานสาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ ได้รับรายงานผู้ป่วยโรคสุกใส (Chickenpox) จ านวน ทั้งสิ้น 314 ราย คิดเป็นอัตราป่วย 21.32 ต่อประชากรแสนคน ไม่มีรายงานผู้ป่วยเสียชีวิต พบผู้ป่วยเพศชาย มากกว่าเพศหญิง โดยพบเพศชาย 161 ราย เพศหญิง 153 ราย อัตราส่วนเพศชาย ต่อ เพศหญิง เท่ากับ 1.05 : 1 กลุ่มอายุที่พบสูงสุดคือกลุ่มอายุ 0 - 4 ปี คิดเป็นอัตราป่วย 186.92 ต่อประชากรแสนคน รองลงมาคือ กลุ่มอายุ 5 - 9 ปี, 10 - 14 ปี, 15 - 24 ปี, 25 - 34 ปี, 55 - 64 ปี, 65 ปี ขึ้นไป, 35 - 44 ปี, 45 - 54 ปี อัตราป่วยเท่ากับ 56.77 ,39.64, 37.16, 10.37, 6.9, 3.86, 3.38 และ 1.7 ต่อประชากรแสนคน ตามล าดับ อาชีพที่มีจ านวนผู้ป่วย สูงสุดคือนปค. จ านวนผู้ป่วยเท่ากับ 176 ราย รองลงมาคือ อาชีพนักเรียน, อาชีพเกษตร, อาชีพอื่นๆ, อาชีพครู, อาชีพค้าขาย, อาชีพนักบวช และ อาชีพรับจ้าง จ านวนผู้ป่วยเท่ากับ 86, 29, 17, 2, 2, 1 และ 1 ราย ตามล าดับ พบผู้ป่วยสูงสุดในเดือน กรกฎาคม จ านวนผู้ป่วย เท่ากับ 97 ราย จ านวนผู้ป่วยเดือนพฤศจิกายนน้อยกว่าเดือน ตุลาคม จ านวนผู้ป่วยเดือนพฤศจิกายน เท่ากับ 13 ราย ส่วนเดือนตุลาคม เท่ากับ 14 ราย โดยมีรายงานผู้ป่วย เดือน มกราคม 27 ราย กุมภาพันธ์ 25 ราย มีนาคม 17 ราย เมษายน 9 ราย พฤษภาคม 12 ราย มิถุนายน 33 ราย กรกฏาคม 97 ราย สิงหาคม 52 ราย กันยายน 15 ราย ตุลาคม 14 ราย พฤศจิกายน 13 ราย พบผู้ป่วยในเขต เทศบาลเท่ากับ 51 ราย ในเขตองค์การบริหารต าบลเท่ากับ 263 ราย และไม่ทราบเขต เท่ากับ 0 ราย พบผู้ป่วยใน เขตองค์การบริหารส่วนต าบลมากกว่าในเขตเทศบาล โดยจ านวนผู้ป่วยในเขตองค์การบริหารส่วนต าบล เท่ากับ ร้อยละ 83.76 ส่วนผู้ป่วยในเขตเทศบาล เท่ากับร้อยละ 16.24 ผู้ป่วยเข้ารับการรักษาที่ โรงพยาบาลศูนย์เท่ากับ 26 ราย โรงพยาบาลทั่วไป เท่ากับ 15 ราย โรงพยาบาลชุมชน เท่ากับ 232 ราย สถานีอนามัย เท่ากับ 41 ราย อ าเภอที่มีอัตราป่วยต่อประชากรแสนคนสูงสุดคืออ าเภอ ไพรบึง อัตราป่วยเท่ากับ 45.51 ต่อประชากรแสนคน รองลงมาคือ อ าเภอ ภูสิงห์, อ าเภอ น้ าเกลี้ยง, อ าเภอ เบญจลักษ์, อ าเภอ ขุนหาญ, อ าเภอ โนนคูณ, อ าเภอ โพธิ์ศรีสุวรรณ, อ าเภอ ยางชุมน้อย, อ าเภอ ปรางค์กู่, อ าเภอ วังหิน, อ าเภอ กันทรารมย์, อ าเภอ เมือง, อ าเภอ อุทุมพรพิสัย, อ าเภอ ราษีไศล, อ าเภอ ห้วยทับทัน, อ าเภอ พยุห์, อ าเภอ กันทรลักษ์, อ าเภอ บึงบูรพ์, อ าเภอ ขุขันธ์, อ าเภอ เมืองจันทร์, อ าเภอ ศิลาลาด, อ าเภอ ศรีรัตนะ, อัตราป่วยเท่ากับ 42.3 , 40.41 , 37.58 , 36.1 ,


129 | P a g e 35.39 , 33.58 , 29.95 , 28.01 , 27.89 , 25.97 , 20.76 , 17.75 , 17.37 , 11.78 , 11.08 , 9.88 , 9.41 , 7.25 , 5.55 , 4.97 , 1.87 , ราย ตามล าดับ สถานการณ์โรคเลปโตสไปโรสีสจังหวัดศรีสะเกษ นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565 ส านักงานสาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ ได้รับรายงานผู้ป่วยโรค Leptospirosis จ านวนทั้งสิ้น 314 ราย คิดเป็นอัตราป่วย 21.32 ต่อประชากรแสนคน มีรายงานผู้เสียชีวิต 7 ราย อัตราตายต่อประชากรแสนคน เท่ากับ 0.48 อัตราผู้ป่วยตายเท่ากับร้อยละ 2.23 พบผู้ป่วยเพศชายมากกว่าเพศหญิง โดยพบเพศชาย266 ราย เพศหญิง 48 ราย อัตราส่วนเพศชาย ต่อ เพศหญิง เท่ากับ 5.54 : 1 กลุ่มอายุที่พบสูงสุดคือกลุ่มอายุ 55 - 64 ปี คิดเป็น อัตราป่วย 51.46 ต่อประชากรแสนคน รองลงมาคือ กลุ่มอายุ 65 ปี ขึ้นไป, 45 - 54 ปี, 35 - 44 ปี, 25 - 34 ปี, 15 - 24 ปี,10 - 14 ปี, 5 - 9 ปี, 0 - 4 ปี อัตราป่วยเท่ากับ 34.17,19.5,19.42,18.85,14.45, 1.1, 0 และ 0 ต่อประชากรแสนคน ตามล าดับ อาชีพที่มีจ านวนผู้ป่วยสูงสุดคือเกษตร จ านวนผู้ป่วยเท่ากับ 243 ราย รองลงมา คือ อาชีพอื่นๆ, อาชีพรับจ้าง, อาชีพนักเรียน, อาชีพนปค., อาชีพนักบวช, อาชีพทหาร/ต ารวจ, อาชีพราชการ, อาชีพบุคคลากรสาธารณสุข, อาชีพอาชีพพิเศษ, อาชีพเลี้ยงสัตว์, อาชีพครู, อาชีพประมง, อาชีพงานบ้าน, อาชีพ ค้าขาย, จ านวนผู้ป่วยเท่ากับ 37,15,8,4,3,2,2,0,0,0,0,0,0,0, ราย ตามล าดับ พบผู้ป่วยสูงสุดในเดือน ตุลาคม จ านวนผู้ป่วย เท่ากับ 128 ราย จ านวนผู้ป่วยเดือนนี้( ธันวาคม ) น้อยกว่าเดือนที่แล้ว (พฤศจิกายน) จ านวนผู้ป่วย เดือนนี้ (ธันวาคม) เท่ากับ 17 ราย ส่วนเดือนที่แล้ว (พฤศจิกายน) เท่ากับ 30 ราย โดยมีรายงานผู้ป่วยเดือน มกราคม 1 ราย กุมภาพันธ์ 5 ราย มีนาคม 5 ราย เมษายน 7 ราย พฤษภาคม 8 ราย มิถุนายน 4 ราย กรกฏาคม 14 ราย สิงหาคม 27 ราย กันยายน 68 ราย ตุลาคม 128 ราย พฤศจิกายน 30 ราย ธันวาคม 17 ราย พบผู้ป่วย ในเขตเทศบาลเท่ากับ 22 ราย ในเขตองค์การบริหารต าบลเท่ากับ 292 ราย และไม่ทราบเขต เท่ากับ 0 ราย พบผู้ป่วยในเขตองค์การบริหารส่วนต าบลมากกว่าในเขตเทศบาล โดยจ านวนผู้ป่วยในเขตองค์การบริหารส่วน ต าบล เท่ากับร้อยละ 92.99 ส่วนผู้ป่วยในเขตเทศบาล เท่ากับร้อยละ 7.01 ผู้ป่วยเข้ารับการรักษาที่ โรงพยาบาล ศูนย์เท่ากับ 108 ราย โรงพยาบาลทั่วไป เท่ากับ 5 ราย โรงพยาบาลชุมชน เท่ากับ 199 ราย สถานีอนามัย เท่ากับ 2 ราย อ าเภอที่มีอัตราป่วยต่อประชากรแสนคนสูงสุดคืออ าเภอ ขุขันธ์ อัตราป่วยเท่ากับ 51.44 ต่อประชากรแสน คน รองลงมาคือ อ าเภอ ขุนหาญ, อ าเภอ ไพรบึง, อ าเภอ ภูสิงห์, อ าเภอ กันทรารมย์, อ าเภอ วังหิน, อ าเภอ เบญจลักษ์, อ าเภอ ยางชุมน้อย, อ าเภอ ราษีไศล, อ าเภอ ปรางค์กู่, อ าเภอ บึงบูรพ์, อ าเภอ น้ าเกลี้ยง, อ าเภอ ศรีรัตนะ, อ าเภอ อุทุมพรพิสัย, อ าเภอ ห้วยทับทัน, อ าเภอ เมือง, อ าเภอ พยุห์, อ าเภอ ศิลาลาด, อ าเภอ กันทรลักษ์, อ าเภอ โพธิ์ศรีสุวรรณ, อ าเภอ เมืองจันทร์, อ าเภอ โนนคูณ, อัตราป่วยเท่ากับ 45.35 , 41.38 , 40.46 , 27.97 , 25.9 , 24.16 , 21.78 , 19.85 , 19.17 , 18.81 , 17.96 , 16.85 , 10.27 , 9.42 , 7.87 , 5.54 , 4.97 , 4.45 , 4.2 , 0 , 0 , ราย ตามล าดับ


130 | P a g e สถานการณ์โรค Hand foot and mouth disease จังหวัดศรีสะเกษ นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565 ส านักงานสาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ ได้รับรายงานผู้ป่วยโรค Hand, foot and mouth disease จ านวนทั้งสิ้น 3093 ราย คิดเป็นอัตราป่วย 209.98 ต่อประชากรแสนคน ไม่มีรายงานผู้ป่วย เสียชีวิต พบผู้ป่วยเพศชายมากกว่าเพศหญิง โดยพบเพศชาย1764 ราย เพศหญิง 1329 ราย อัตราส่วนเพศชาย ต่อ เพศหญิง เท่ากับ 1.33 : 1 กลุ่มอายุที่พบสูงสุดคือกลุ่มอายุ 0 - 4 ปี คิดเป็นอัตราป่วย 3632.82 ต่อประชากร แสนคน รองลงมาคือ กลุ่มอายุ 5 - 9 ปี, 10 - 14 ปี, 15 - 24 ปี, 25 - 34 ปี, 55 - 64 ปี,65 ปี ขึ้นไป, 45 - 54 ปี, 35 - 44 ปี อัตราป่วยเท่ากับ 423.5,31.93,4.13,0.94,0.63, 0.55, 0.28 และ 0 ต่อประชากรแสนคน ตามล าดับ อาชีพที่มีจ านวนผู้ป่วยสูงสุดคือนปค. จ านวนผู้ป่วยเท่ากับ 2821 ราย รองลงมาคือ อาชีพนักเรียน, อาชีพเกษตร, อาชีพอื่นๆ, อาชีพนักบวช และอาชีพครู จ านวนผู้ป่วยเท่ากับ 257, 10, 3, 1 และ 1 ราย ตามล าดับ พบผู้ป่วย สูงสุดในเดือน สิงหาคมจ านวนผู้ป่วย เท่ากับ 1444 ราย จ านวนผู้ป่วยเดือนนี้(ธันวาคม) น้อยกว่าเดือนที่แล้ว (พฤศจิกายน) จ านวนผู้ป่วยเดือนนี้ (ธันวาคม) เท่ากับ 22 ราย ส่วนเดือนที่แล้ว (พฤศจิกายน ) เท่ากับ 28 ราย โดยมีรายงานผู้ป่วยเดือน มกราคม 0 ราย กุมภาพันธ์ 3 ราย มีนาคม 2 ราย เมษายน 0 ราย พฤษภาคม 2 ราย มิถุนายน 83 ราย กรกฏาคม 1244 ราย สิงหาคม 1444 ราย กันยายน 227 ราย ตุลาคม 38 ราย พฤศจิกายน 28 ราย ธันวาคม 22 ราย พบผู้ป่วยในเขตเทศบาลเท่ากับ 503 ราย ในเขตองค์การบริหารต าบลเท่ากับ 2590 ราย และไม่ทราบเขต เท่ากับ 0 ราย พบผู้ป่วยในเขตองค์การบริหารส่วนต าบลมากกว่าในเขตเทศบาล โดยจ านวน ผู้ป่วยในเขตองค์การบริหารส่วนต าบล เท่ากับร้อยละ 83.74 ส่วนผู้ป่วยในเขตเทศบาล เท่ากับร้อยละ 16.26 ผู้ป่วยเข้ารับการรักษาที่ โรงพยาบาลศูนย์เท่ากับ 191 ราย โรงพยาบาลทั่วไป เท่ากับ 272 ราย โรงพยาบาลชุมชน เท่ากับ 2412 ราย สถานีอนามัย เท่ากับ 217 ราย คลินิก โรงพยาบาลเอกชน เท่ากับ 1 ราย อ าเภอที่มีอัตราป่วย ต่อประชากรแสนคนสูงสุดคืออ าเภอ กันทรารมย์ อัตราป่วยเท่ากับ 436.49 ต่อประชากรแสนคน รองลงมาคือ อ าเภอ น้ าเกลี้ยง, อ าเภอ ภูสิงห์, อ าเภอ ยางชุมน้อย, อ าเภอ ห้วยทับทัน, อ าเภอ โนนคูณ, อ าเภอ ปรางค์กู่, อ าเภอ ไพรบึง, อ าเภอ โพธิ์ศรีสุวรรณ, อ าเภอ เบญจลักษ์, อ าเภอ ขุนหาญ, อ าเภอ ศิลาลาด, อ าเภอ วังหิน, อ าเภอ อุทุมพรพิสัย, อ าเภอ ราษีไศล, อ าเภอ กันทรลักษ์, อ าเภอ เมือง, อ าเภอ ศรีรัตนะ, อ าเภอ บึงบูรพ์, อ าเภอ ขุขันธ์, อ าเภอ เมืองจันทร์, อ าเภอ พยุห์, อัตราป่วยเท่ากับ 428.78 , 369.64 , 294.01 , 287.32 , 280.57 , 256.54 , 256.53 , 251.83 , 249.64 , 247.11 , 233.71 , 209.17 , 184 , 177.43 , 145.71 , 132.41 , 99.24 , 94.06 , 87.06 , 66.56 , 49.86 , ราย ตามล าดับ


131 | P a g e ตารางที่ 62 ตัวชี้วัด เป้าหมาย ผลการด าเนินงานพัฒนาระบบเฝ้าระวังโรคทางระบาดวิทยา ตัวชี้วัด เป้าหมาย ผลการด าเนินงาน 1. มีการค้นหาและจัดท ารายงานการค้นหาผู้ป่วย ในระบบเฝ้าระวังโรคตามนโยบาย 3 โรค (หัด AFP AEFI) ตามเกณฑ์ ร้อยละ 100 ร้อยละ 77.27 2. อ าเภอมีการรายงานตามแบบฟอร์มที่เกี่ยวข้อง โรคตามนโยบาย 3 โรค (หัด AFP AEFI) ร้อยละ 100 ร้อยละ 54.54 3. มีทีมปฏิบัติการควบคุมโรคติดต่อ (CDCU) ระดับอ าเภอ/ต าบลที่ได้มาตรฐาน ผ่านมาตรฐาน ร้อยละ 100 ร้อยละ 100 มีค าสั่งแต่งจากผู้ว่าราชการจังหวัด 4. ทีมปฏิบัติการควบคุมโรคติดต่อ (CDCU) ผ่าน การอบรมตามมาตรฐานและมีอย่างน้อยอ าเภอละ 3 ทีม ร้อยละ 100 ร้อยละ 100 5. ทีมตระหนักรู้สถานการณ์ (SAT) มีระบบจัดเก็บ ข้อมูลโดยใช้โปรแกรม R506 และส่งข้อมูลทันเวลา ร้อยละ 90 ร้อยละ 67.38 อ าเภอที่ผ่าน ได้แก่ บึงบูรพ์, โนนคูณ, วังหิน, ขุขันธ์, อุทุมพรพิสัย, ปรางค์กู่, ยางชุมน้อย และศรีรัตนะ 6. ทีมตระหนักรู้สถานการณ์ (SAT) วิเคราะห์ข้อมูล จ า ก ฐ า น ข้ อ มู ล 506/ร า ยง า น เ ห ตุ ก า ร ณ์ และรายงานให้เครือข่ายระบาดวิทยาในพื้นที่ทราบ ทุกเดือน ร้อยละ 100 ร้อยละ 100 มาตรการในการด าเนินงาน 1. มาตรการเฝ้าระวังโรคติดต่ออันตราย โรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง ในโรงพยาบาล โรงพยาบาลส่เสริม สุขภาพต าบล และในชุมชน 2. ระบบการส่งต่อข้อมูลเฝ้าระวังโรคติดต่อ ผ่านระบบโปรแกรม R506 3. การพัฒนาความรู้ ทักษะ และเทคนิคในการเฝ้าระวัง ป้องกัน ค้นหา คัดกรอง และควบคุมโรคติดต่อ ในกลุ่มเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบงานควบคุมโรคติดต่อคนใหม่ 4. การทบทวน ฟื้นฟู ความรู้ ทักษะ และเทคนิคในการเฝ้าระวัง ป้องกัน ค้นหา คัดกรอง และควบคุม โรคติดต่อในกลุ่มเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบงานควบคุมโรคติดต่อคนเดิม 5. การวางระบบการเฝ้าระวัง ป้องกัน คัดกรอง ค้นหาผู้ป่วย และการควบคุมโรคที่มีประสิทธิภาพ 6. ใช้การสื่อสารความเสี่ยง และการประชาสัมพันธ์ ในการสื่อสารท าความเข้าใจกับประชาชน ในหลากหลายช่องทาง มีกลุ่มภารกิจเฉพาะในการแก้ข่าวร้าย กระจายข่าวดี ชี้ข้อเท็จจริง และให้ค าปรึกษา ตอบ ข้อสงสัยของประชาชนได้อย่างดี 7. มีระบบการให้ค าปรึกษา และช่วยแก้ไขปัญหาหรือข้อผิดพลาดในการรับ-สูงข้อมูล ในโปรแกรม R506


132 | P a g e 8.การวางระบบข้อมูลการเฝ้าระวังโรค และภัยสุขภาพ ที่สามารถน าข้อมูลมาใช้ประโยชน์ในการชี้เป้า และคาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น เพื่อให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดได้พิจารณาข้อมูล ข้อเท็จจริง และสั่งการด าเนินการแก้ไข รับมือ ได้ตรงจุด รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ ปัจจัยแห่งความส าเร็จ 1. การพัฒนาศักยภาพทีมปฏิบัติการควบคุมโรคติดต่อ (CDCU) ทั้งการเพิ่มศักยภาพบุคลากรคนใหม่ และการฟื้นฟูทักษะ ความรู้ และแนวทางทีม CDCU เดิม 2. การสนับสนุน ช่วยเหลือ และร่วมปฏิบัติการเฝ้าระวัง คัดกรอง สอบสวน ค้นหา ป้องกันควบคุมโรค ระหว่างทีม สสจ. สสอ. รพ. รพ.สต. และ อสม. ในพื้นที่ 3. การประชุมติดตามการด าเนินงานอย่างต่อเนื่อง ทั้งการลงพื้นที่ การประชุมติดตามผลการด าเนินผ่าน ระบบออนไลน์อย่างต่อเนื่อง 4. มีระบบการเฝ้าระวัง แจ้งเหตุการณ์ และการวางแผนการปฏิบัติให้กับพื้นที่ได้ดี 5. การพัฒนาโปรแกรมเพิ่มอ านวยความสะดวกในการวิเคราะห์สถานการณ์ ท าให้ระบบข้อมูลมีการจัดเก็บที่ดี สามารถน ามาสะท้อนผล ช้อเป้าหมายการท างานและการพิจารณาสั่งการตามข้อมูลที่ได้ ปัญหาอุปสรรค 1. โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงเฉียบพลัน ที่ได้รับรายงาน ยังไม่มีการสอบทวนเคส บางรายมีลักษณะอาการ ไม่เข้านิยามโรค AFP และทีมระบาดวิทยา พยาบาล Coder และแพทย์ ยังไม่ทบทวนเคส ส่งรายงานสอบสวนโรค มาที่ สสจ. 2. รายงาน AFP ที่หน่วยบริการส่งมาเกือนร้อยละ 70 เป็นกลุ่มอายุมากกว่า 15 ปี ซึ่งไม่ตรงตามนิยาม ของโรค 3. รายงาน AEFI จากการได้รับวัคซีนโควิด-19 ส่งรายงานสอบสวนโรคไม่ครบถ้วน และมีปัญหาเรื่องการ เบิกจ่ายเงินชดเชยของญาตผู้ป่วย และยังขาดการค้นหาผู้ป่วยเพิ่มเติมในเวชระเบียน 4. พื้นที่ที่พบผู้ป่วยหัด ได้มีการด าเนินการเฝ้าระวัง ค้นหา และสอบสวนควบคุมโรค แต่ไม่รายงาน สอบสวนโรคส่งมาที่กลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อ ส านักงานสาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ 5. การจัดตั้งทีม CDCU ระดับอ าเภอบางพื้นที่มี 3 ทีม แต่เมื่อเจอสถานการณ์โควิด-19 ที่มีการระบาด รุนแรง ทีม CDCU ไม่เพียงพอในการด าเนินการสอบสวน ควบคุมโรคได้ตามมาตรฐาน 6. เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบงานควบคุมโรคมีการเปลี่ยนแปลงหน้าที่รับผิดชอบงาน และส่วนใหญ่จะเป็น บุคลากรคนใหม่มารับหน้าที่ต่อจากคนเดิม ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ทีม CDCU ยังขาดทักษะ ความรู้ในการเฝ้า ระวังสอบสวนโรค และสามารถน าทีมในการสอบสวน ค้นหา ป้องกันและควบคุมโรคได้เท่าที่ควร


133 | P a g e 7. ในปี 2565 การส่งรายงาน 506 ทันเวลา ต่ ากว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากผลกระทบจากสถานการณ์ โควิด-19 เนื่องจากผู้รับผิดชอบงานต้องลงพื้นที่สอบสวน ควบคุมโรค 8. การรายงานข้อมูลโรคที่ต้องรายงานในระบบเฝ้าระวัง มีข้อมูลซ้ าซ้อน และไม่มีการตรวจสอบข้อมูล ก่อนส่งรายงาน 9. การน าข้อมูลมาวิเคราะห์น าเสนอชี้เป้าประเด็นเฝ้าระวัง สอบสวน ควบคุมโรค จากระบบ 506 ของทีม SAT ในพื้นที่ยังไม่ได้ประสิทธิภาพเท่าที่ควร และยังใช้งานโปรแกรม 506 ยังไม่ได้เต็มประสิทธิภาพ แนวทางการพัฒนางานในปีถัดไป 1. การพัฒนาทีมหน่วยปฏิบัติการควบคุมโรคติดต่อ (CDCU) และขยายผลต่อยอดในการพัฒนาทีมหน่วย ปฏิบัติการควบคุมโรคติดต่อน าโดยแมลง (VCU) ตามมาตรฐานการด าเนินงานของโรคติดต่อน าโดยแมลง ปี 2566 2. การพัฒนาศักยภาพทีมเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบงานควบคุมโรคติดต่อ และเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบงาน ระบาดวิทยา ในการใช้งานระบบเฝ้าระวังโรค R506 ผ่านระบบ API 3. การทบทวนแนวทางการเฝ้าระวัง ค้นหา ผู้ป่วยโรค AFP, AEFI และ Measle ทั้งการรายงานผ่านระบบ R506 การเก็บส่งตัวอย่างตรวจยืนยันทางห้องปฏิบัติการ 4. การประชุมทบทวนการเฝ้าระวังเหตุการณ์ (Event-Base Surveillance) ของส านักระบาดวิทยา ผ่านระบบ Event-Base province ทั้งแนวทาง เกณฑ์การรายงาน และข้อมูลที่จ าเป็นในการรายงานเหตุการณ์ 5. การติดตามประเมินระบบเฝ้าระวังโรค R506 ของโรงพยาบาล เพื่อลดความล่าช้า ความซ้ าซ้อนของ ข้อมูล และการบริหารจัดการข้อมูลเฝ้าระวังโรคที่มีประสิทธิภาพ 6. หน่วยบริการในระดับโรงพยาบาล มีการค้นหาและจัดท ารายงานการค้นหาผู้ป่วยในระบบเฝ้าระวังโรค ตามนโยบาย 3 โรค (หัด AFP AEFI) 6 เดือน/ครั้ง 7. อ าเภอส่งรายงานตามแบบฟอร์มที่เกี่ยวข้อง โรคตามนโยบาย 3 โรค (หัด AFP AEFI) โรคละ 1 ราย 8. อ าเภอจัดตั้งหน่วยปฏิบัติการควบคุมโรคติดต่อระดับอ าเภอ (CDCU) อย่างน้อย อ าเภอละ 3 ทีม 9. เจ้าหนักงานควบคุมโรค ประจ าหน่วยปฏิบัติการควบคุมโรคติดต่อระดับอ าเภอ (CUDU) ผ่านการอบรม ตามเกณฑ์ 10. ทีม CDCU ผ่านการประเมินรับรองมาตรฐานการปฏิบัติงาน JIT & SAT 11. ทีม SAT มีระบบจัดเก็บข้อมูลโดยใช้โปรแกรม R506 และส่งข้อมูลทันเวลา 12. ทีม SAT วิเคราะห์ข้อมูลจากฐานข้อมูล 506/รายงานเหตุการณ์ และรายงานให้เครือข่ายระบาดวิทยา ในพื้นที่ทราบทุกเดือน


134 | P a g e ผลงานที่โดเด่น/ รางวัลที่ภาคภูมิใจ 1. ปี 2565 มีการจัดอบรมหลักสูตร CDCU จ านวน 2 ครั้ง จัดโดย สสจ. 1 ครั้ง จ านวน 120 คน และครั้ง ที่ 2 จัดโดยส านักงานเขตสุขภาพที่ 10 2. ทีม CDCU ระดับอ าเภอทุกอ าเภอ จ านวน 96 ทีม และทีมปฏิบัติการควบคุมโรคอย่างน้อย 3 ทีม ร้อยละ 100 3. ทีม CDCU ได้ด าเนินการในการสอบสวน ควบคุมโรคโควิด-19 ทุกอ าเภอ และเป็นทีมหลักในการวาง ระบบเฝ้าระวัง คัดกรอง สอบสวน และควบคุมโรคระดับอ าเภอ 4. ทีม SAT มีระบบจัดเก็บข้อมูลโดยใช้โปรแกรม R506 และส่งข้อมูลทันเวลา ร้อยละ 80 5. ทีม SAT วิเคราะห์ข้อมูลจากฐานข้อมูล 506/รายงานเหตุการณ์ และรายงานให้เครือข่ายระบาดวิทยา ในพื้นที่ทราบทุกเดือน 6. รายงานการเฝ้าระวังโรค AFP, AEFI และ Measle ยังมีรายงานค่อนข้างน้อย ยังต้องมีการกระตุ้นและ พัฒนาทีมระบาดวิทยาระดับโรงพยาบาล ส านักงานสาธารณสุขอ าเภอ และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพต าบล เพิ่มเติมในปี 2566 ประเด็นงาน : ยุติปัญหาเอดส์ สถานการณ์ สภาพปัญหา ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ตามที่ประเทศไทยได้ตั้งเป้าหมายที่จะยุติปัญหาเอดส์ให้ได้ ภายในปี 2573 โดยมียุทธศาสตร์แห่งชาติว่า ด้วยการ ยุติปัญหาเอดส์ พ.ศ. 2560 - 2573 ก าหนดเป้าประสงค์การยุติปัญหาเอดส์ ส านักงานสาธารณสุขจังหวัด ศรีสะเกษได้ ขับเคลื่อนงานตามยุทธศาสตร์แห่งชาติ และรวบรวมข้อมูล การระบาดในพื้นที่ ทั้ง 22 อ าเภอใน จังหวัด ตามตัวชี้วัดที่ส าคัญ ดังนี้ ผลการด าเนินงานตามเป้า 95-95-95 , การให้บริการ Prep , การด าเนินงาน index testing , ลดการตีตราและเลือกปฏิบัติ ตารางที่ 63 ตัวชี้วัด เป้าหมาย ผลการด าเนินงานยุติปัญหาเอดส์ ตัวชี้วัด เป้าหมาย ผลการด าเนินงาน 1. ไม่มีการติดเชื้อ รายใหม่ 2. ไม่มีการเสียชีวิตที่ เกี่ยวเนื่องกับเอดส์ 3. ไม่ตีตราและเลือก ปฏิบัติ - ลดการติดเชื้อเอชไอวี รายใหม่ <1000 คน/ ปี - ลดการเสียชีวิตจาก เอดส์<4000 คน/ ปี - การตีตราและเลือก ปฏิบัติลดลง 90 % - ผู้ติดเชื้อรายใหม่มีแนวโน้มการติดเชื้อที่ลดลง


135 | P a g e ตัวชี้วัด เป้าหมาย ผลการด าเนินงาน - ผู้ติดเชื้อเสียชีวิตสะสม - เริ่มมีการด าเนินงานเรื่อง ระบบร้องเรียน ในปี พ.ศ. 2565 ได้รับการ รายงาน ในระบบ CRS 2 ครั้ง ได้รับการแก้ไขแล้ว ทั้ง 2 ครั้ง มาตรการในการด าเนินงาน 1. การพัฒนาระบบการป้องกันและควบคุมโรคติดต่อให้มีประสิทธิภาพและเป็นที่ยอมรับในระดับ นานาชาติ 2. การส่งเสริม สนับสนุนให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมอย่างเข้มแข็งในการป้องกันควบคุมโรคติดต่อ 3. การพัฒนา องค์ความรู้ นวัตกรรมและเทคโนโลยีในการป้องกันและควบคุมโรคติดต่อและถ่ายทอด เครือข่ายทุกภาคส่วน 4. การพัฒนาสมรรถนะบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและควบคุมโรคติดต่อ ปัจจัยแห่งความส าเร็จ 1. ได้รับความร่วมมือจากทีมสหสาขาวิชาชีพ มีการประสานงานทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อยุติปัญหาเอดส์ร่วมกัน 2. เครือข่ายการท างานที่ดี ปัญหาอุปสรรค 1. เปลี่ยนถ่ายผู้รับผิดชอบงานใน สสจ.เอง และพื้นที่ ทั้งหมด 8 อ าเภอ ท าให้งานบางอย่างไม่ต่อเนื่องขาด การเชื่อมโยง 2. อัตราก าลัง และภาระงานที่มากเกินไป ท าให้ดูแลงานไม่ทั่วถึง 3. การลงระบบรายงานที่มากเกินไป หลายโปรแกรม แนวทางการพัฒนางานในปีถัดไป 1. เพิ่มศักยภาพบุคลากร 2. เร่งด าเนินงานเชิงรุก การคัดกรอง ให้มากขึ้น


136 | P a g e 3. พัฒนาคลินิก ARV ให้ได้มาตรฐานระดับทอง 80 % ผลงานที่โดดเด่น/ รางวัลที่ภาคภูมิใจ 1. สสจ.ศรีสะเกษได้รับรางวัลขับเคลื่อนการส่งเสริมป้องกันเอชไอวี เพื่อยุติปัญหาเอดส์ เขตสุขภาพที่ 10 ระดับ ดีมาก 2. รางวัลโรงพยาบาลที่ขับเคลื่อนการส่งเสริมป้องกันเอชไอวี เพื่อยุติปัญหาเอดส์ เขตสุขภาพที่ 10 ทั้งหมด 3 โรงพยาบาล คือ รพ. ศรีสะเกษ รพ.อุทุมพร รพ.ขุขันธ์ 3. รางวัลองค์กรภาคประชาสังคมจังหวัดศรีสะเกษ ได้รับรางวัล ที่ขับเคลื่อนงานโดดเด่น ระดับเขต สุขภาพที่ 10 ประเด็นงาน : ยุติปัญหาโรคไวรัสตับอักเสบ บีและซี สถานการณ์ สภาพปัญหา ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง จังหวัดศรีสะเกษ มีผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี ในปี 2560- 2565 พบผู้ป่วยต่อประชากรแสนราย 12.24 , 12.09 ,13.24 ,12.35 ,11.52 และ 9.95 ตามล าดับ มีผู้ป่วยโรค ไวรัสตับอักเสบ ซี ในปี 2560-2565 พบผู้ป่วยต่อประชากรแสนราย 1.63 1.15 1.22 1.36 1.23 และ 1.17 ตามล าดับ ที่มา : รง. 506 สาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ (ปี 2565 ณ วันที่ 15 พ.ย.2565) ในปี 2565 จังหวัดศรี สะเกษพบผู้ป่วยโรคไวรัสตับอักเสบ บี มากที่สุดคือ อ าเภอขุนหาญ จ านวน 31 คน อัตราป่วย 28.8 ต่อประชากร แสนราย และพบผู้ป่วยโรคไวรัสตับอักเสบ ซี มากที่สุด คือ อ าเภอศิลาลาด 2 คน อัตราป่วย 9.87 ต่อประชากร แสนราย ตารางที่ 64 ตัวชี้วัด เป้าหมาย ผลการด าเนินงานยุติปัญหาโรคไวรัสตับอักเสบ บีและซี ตัวชี้วัด เป้าหมาย ผลการด าเนินงาน 1. ลดอุบัติการณ์ของ HBV ร้อยละ 95 ภายในปี พ.ศ. 2573 เทียบจาก การคาดประมาณอุบัติการณ์ในปี 2557 2. ลดอุบัติการณ์ของ HCV ร้อยละ 80 ภายในปี พ.ศ. 2573 เทียบจาก การคาดประมาณอุบัติการณ์ในปี 2557 3. ลดอัตราการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้อง กับโรคไวรัสตับอักเสบ บี และ ซี ร้อยละ 65 ภายในปี 2573 - ร้อยละ 95 -ร้อยละ 80 -ร้อยละ 65 สรุปการรายงานผลการคัดกรองประชาชนทั่วไป (อปท.) ปี 2565 - คัดกรองไวรัสตับอีกเสบ บี 1361 ราย ผล บวก 17 ราย - คัดกรองไวรัสตับอักเสบ ซี 1361 ราย ผล บวก 16 ราย จ านวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ ในปี 2565 - ไวรัสตับอักเสบ บี 149 ราย - ไวรัสตับอักเสบ ซี 17 ราย


137 | P a g e มาตรการในการด าเนินงาน 1. เร่งรัดการจัดบริการป้องกันการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี และซี รายใหม่ 2. ส่งเสริมการเข้าถึงความครอบคลุมและคุณภาพการดูแลรักษาโรคไวรัสตับอักเสบ บี และ ซี 3. ลดความเหลื่อมล้ าและไม่เท่าเทียมกัน ทางสุขภาพเกี่ยวกับโรคไวรัสตับอักเสบ บี และ ซี 4. พัฒนาโครงสร้างและกลไกที่บูรณาการ และบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ ปัจจัยแห่งความส าเร็จ - ได้รับการสนับสนุนอุปกรณ์ชุดตรวจจากส่วนกลางอย่างเพียงพอ ปัญหาอุปสรรค 1. เป็นคัดกรองเชิงรุกในปีแรกท าให้ประชาชน และ เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ยังไม่เห็นความส าคัญ 2. ปี พ.ศ.2565 มีแพทย์ที่ผ่านการอบรม 5 แห่ง ใน 22 แห่ง ท าให้เกิดปัญหา การดูแลผู้ป่วยที่ไม่ทั่วถึง แนวทางการพัฒนางานในปีถัดไป 1. ขยายพื้นที่การคัดกรองให้ครอบคลุม ทั้ง 22 อ าเภอ 2. ทุกโรงพยาบาลในจังหวัดศรีสะเกษมีแพทย์ที่ผ่านการอบรม และสามารถรักษาโรคไวรัสตับอักเสบบี และ ซี ผลงานที่โดเด่น/ รางวัลที่ภาคภูมิใจ - ปี พ.ศ.2565 ศรีสะเกษเป็นพื้นที่น าร่องในการคัดกรองเชิงรุก ในงบ อปท. ศรีสะเกษสามารถด าเนินงาน ได้ตามเป้าที่ สคร. 10 อุบลราชธานี ก าหนด ประเด็นงาน : ยุติปัญหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ สถานการณ์ สภาพปัญหา ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง จังหวัดศรีสะเกษ เป็นพื้นที่เร่งรัดของการป้องกันและควบคุมการแพร่กระจายเชื้อโรคติดต่อทาง เพศสัมพันธ์ มีการเร่งรัดการด าเนินงานป้องกันการแพร่เชื้อทั้งภาครัฐ และเอกชน รวมถึงภาคีเครือข่าย สหสาขา วิชาชีพ ด าเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ พบอัตราป่วยผู้ติดเชื้อที่ในกลุ่มโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ในปี 2564 ในช่วงอายุ 15-24 ปี เป็นช่วงอายุที่มีอัตราป่วยสูงสุด คือ ซิฟิลิส 55.45 ต่อแสนประชากร หนองใน 92.25 ต่อแสนประชากร และอัตราป่วยเฉลี่ย โรคซิฟิลิส 15.98 ต่อแสนประชากร โรคหนองใน 22.91 ต่อแสนประชากร


138 | P a g e ตารางที่ 65 ตัวชี้วัด เป้าหมาย ผลการด าเนินงานยุติปัญหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ตัวชี้วัด เป้าหมาย ผลการด าเนินงาน 1. อัตราป่วยโรคซิฟิลิส (ทุกกลุ่มอายุ) ลดจาก 15 ในปี 2564 เป็นไม่ เกิน 1 ต่อ ประชากร แสนคน ภายในปี 2573 2. อัตราป่วยโรคหนอง ใน (ทุกกลุ่มอายุ) ลดลง จาก 9 ในปี 2564 เป็น ไม่เกิน 1 ต่อ ประชากร แสนคน ภายในปี 2573 3. อัตราป่วยซิฟิลิส แต่ ก าเนิด < 50 ต่อเด็กเกิด มีชีพแสนคน - - ไม่มีเด็กเกิดมีชีพที่ติดเชื้อซิฟิลิสแต่ก าเนิดในปี พ.ศ. 2565 มาตรการในการด าเนินงาน 1. ส่งเสริมการเข้าถึงและการใช้ชุดบริการป้องกันการคัดกรองโรคซิฟิลิสให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย 2. ขยายประชากรเชิงรุกให้ครอบคลุมกลุ่มประชากรเป้าหมาย บริการสุขภาพที่รอบด้าน และเข้าสู่บริการ ตรวจคัดกรองโรค STI ให้มีพฤติกรรมทางเพศที่ปลอดภัย 3. ส่งเสริมและพัฒนากลไกการประสานงานส่งต่อกลุ่มประชากรเป้าหมายให้เข้าถึงรักษา STIs และได้รับ การรักษาโดยเร็ว (ตรวจและรักษาภายในวันเดียว) ใน รพ.และ ระหว่าง รพ. รวมทั้งระหว่างภาครัฐ เอกชนและ ภาคประชาสังคม อย่างมีประสิทธิภาพ 4. ส่งเสริมระบบการสื่อสารในประชากรเป้าหมายรับรู้ เข้าใจในองค์ความรู้ด้าน STIs ให้เหมาะสมกับ บริบทและสภาพแวดล้อมของกลุ่มเป้าหมาย 5. พัฒนาศักยภาพให้เครือข่ายสามารถด าเนินงาน ด้านการป้องกัน ควบคุม คัดกรอง การตรวจ และดูแล รักษาโรค STIs ได้ตามาตรฐานที่กรมควบคุมโรคก าหนด 6. พัฒนาความร่วมมือและสร้างความเข้มแข็งให้ อปท. สามารถด าเนินงานด้านป้องกัน ควบคุม STIs 7. พัฒนาและผลักดันนโยบายระบบบริการเฉพาะโรค STIs ปัจจัยแห่งความส าเร็จ 0 10 20 30 40 50 60 70 80 2558 2559 2560 2561 2562 2563 2564 2565 อัตราป่วยต่อแสนประชากร พ.ศ. อัตราป่วยต่อแสนประชากร โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ พ.ศ. 2558 - 2565 ฝีมะม่วง แผลริม อ่อน หนองใน เทียม หนองใน ซิฟิลิซ


139 | P a g e การได้รับความร่วมมือทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงาน NGO ภาคประชาสังคม และ อปท. ปัญหาอุปสรรค 1. การลง DX. ของโรคที่ยังไม่ได้รับทบทวนเกณฑ์การวินิจฉัย 2. การลงรายงานหลายระบบ หลายหน่วยงานท าให้ข้อมูลขาดการเชื่อมโยงได้ง่าย 3. ขาดแคลนถุงยางอนามัย ท าให้ไม่สามารถจัดสรรให้พื้นที่ได้ทั่วถึง แนวทางการพัฒนางานในปีถัดไป 1. พัฒนาคลินิก STI ให้ได้มาตรฐาน 2. พัฒนาการคัดกรองเชิงรุกให้ครอบคลุม ในกลุ่มประชากรหลัก และ กลุ่มอายุที่มีการแพร่ระบาดของโรค 3. พัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ และ แนวทางการด าเนินงานเป็นมาตรฐานเดียวกัน ประเด็นงาน : ควบคุมป้องกันโรคเล็ปโตสไปโรซิส สถานการณ์ สภาพปัญหา ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง จากข้อมูลทางระบาดวิทยา 5 ปี จากปี 2561-2565 พบว่าจ านวนอ าเภอที่อัตราป่วยด้วยโรคเลปโตสไปโรซิส เกินกว่าเกณฑ์ใหม่ที่ก าหนดไว้คือ 3.16/แสนประชากร ยังเป็นอ าเภอที่เป็นพื้นที่ระบาดเดิม ส าหรับในปี 2565 อัตราป่วยเพิ่มขึ้นกว่าทุกปีทั้งนี้เกิดจากอุทกภัยครั้งใหญ่และยาวนานในพื้นที่ ส าหรับปีที่ผ่านมาก่อนปี 2565จาก การด าเนินงานเชิงรุกและประกอบกับมีธรรมชาติเป็นส่วนช่วยเอื้อต่อการควบคุมโรคอีกแรงคือมีภาวะฝนทิ้งช่วงใน หลายพื้นที่และได้มีแผนงานโครงการกิจกรรมเชิงรุกและมาตรการในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง จึงมีส่วนท าให้อัตราป่วย ควบคุมอยู่ได้ในวงจ ากัดเป็นที่น่าพอใจ ส าหรับ อัตราป่วยเกณฑ์ใหม่ปี 2565ที่ก าหนดไว้คือ 3.16/แสนประชากร( เดิม 20/แสนประชากร )ข้อมูล ปี2561-2565ดังนี้ 51.16,26.99,11.87,6.87,3.26,และ21.66 อัตราป่วยตายเกณฑ์ก าหนดไว้ไม่เกินร้อยละ 1 พบว่า ในภาพรวมของจังหวัดอัตราป่วยตายยังเป็นปัญหาของจังหวัด คือ 2.91, 1.78, 2.34,1.98, 0 และ1.88 ถึงแม้ว่าอัตราป่วยตายจะลดลงแต่หากดูจ านวนผู้เสียชีวิตเมื่อเทียบกับความสามารถในการตรวจรักษาและ เครื่องมือที่ทันสมัยในปัจจุบัน ก็ยังไม่เป็นที่วางใจเนื่องจากโรคเลปโตสไปโรซีส มีอาการด าเนินของโรคที่อวัยวะ ส าคัญและมีความรุนแรงของอาการท าให้เสียชีวิตได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ยังคงต้องมีการพัฒนา สนับสนุนวิชาการ หน่วยพยาบาลในพื้นที่ปฐมภูมิและวางระบบเฝ้าระวัง การวินิฉัยและการส่งต่อผู้ป่วยอย่างเข้มข้นต่อไป จนกว่า สถานการณ์ จะคลี่คลายจนไม่เป็นปัญหา ตารางที่ 66 ตัวชี้วัด เป้าหมาย ผลการด าเนินงานควบคุมป้องกันโรคเล็ปโตสไปโรซิส ตัวชี้วัด เป้าหมาย ผลการด าเนินงาน 1. อัตราป่วย ไม่เกิน 3.16 ต่อแสนประชากร 2. อัตราป่วยตาย ไม่เกินร้อยละ 1 3.16/แสน ร้อยละ 1 21.66 1.88


140 | P a g e มาตรการในการด าเนินงาน 1. ด้วยสภาพปัญหาดังกล่าว จังหวัดศรีสะเกษ ได้ด าเนินการป้องกันและควบคุมโรคเลปโตสไปโรซิสโดย มีวัตถุประสงค์ เพื่อมุ่งให้ประชาชน ครอบครัว ชุมชน มีทัศนคติ และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมทางสุขปฏิบัติที่ดีขึ้น เพื่อช่วยป้องกันการเจ็บป่วย และมีการเฝ้าระวังอาการการเจ็บป่วยได้อย่างเหมาะสม เพื่อลดอัตราการเสียชีวิต จังหวัดศรีสะเกษได้ด าเนินการทั้งเชิงรุกและเชิงรับ รวมทั้งมีการนิเทศติดตามเพื่อให้การด าเนินงานเกิด ประสิทธิภาพตามแนวทางการด าเนินงาน 4 E คือ Early detection การค้นพบเร็ว, Early diagnosis การ วินิจฉัยเร็ว,Early treatment การรักษาและส่งต่อผู้ป่วยโดยเร็ว, และสุดท้าย Early control 2. การด าเนินการป้องกันและควบคุมโรคโดยเร็ว โดยมีกิจกรรมเพื่อการตอบสนองการด าเนินงานทั้งเชิงรุก และเชิงรับ ดังนี้ 2.1 นิเทศแจ้งการด าเนินงานตามมติคณะกรรมการแก้ไขปัญหาโรคเลปโตสไปโรซีส จังหวัดศรีสะเกษ ให้ อ าเภอที่มีการระบาดอัตราป่วยสูง 9 อ าเภอได้แก่ อ าเภอภูสิงห์ ขุนหาญ ยางชุมน้อย ราศีไศล ขุขันข์ ปรางค์กู่ กันทรารมย์ ห้วยทับทัน วังหิน เป็นอ าเภอเข้มข้นในการป้องกันควบคุมโรคเลปโตสไปโรซีส ที่ต้องด าเนินงานเชิง รุกก าหนดแผนงานโครงการ สื่อสารความเสี่ยงกระชับพื้นที่ ทุกต าบลทุกหมู่บ้าน ทุกรอบไตรมาสเดือน อย่าง เข้มข้นส าหรับอ าเภอที่เหลืออีก 13 อ าเภอ ด าเนินการเป็นอ าเภอลดโรคเลปโตสไปโรซีสกระชับพื้นที่ ในต าบล ที่ จังหวัดวิเคราะห์ข้อมูล ชี้เป้าให้รายอ าเภอ อย่างเข้มข้น ต าบลอื่นด าเนินแผนงานโครงการเฝ้าระวังตามปกติตามบริบท 2.2 ด าเนินงานเชิงรุกติดตามในพื้นที่ต าบลที่มีการระบาดใน 22 อ าเภอ โดยได้นิเทศติดตามสถานบริการ เพื่อช่วยลดอัตราการเจ็บป่วย และเป็นการสร้างเครือข่ายการเฝ้าระวังในชุมชน ช่วยเจ้าหน้าที่ในการแจ้งข้อมูล ข่าวสาร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเฝ้าระวังและควบคุมโรค การรับ-ส่งผู้ป่วย เข้ารับการรักษาได้อย่างทันเวลา 2.3 คปสอ.จัดการประชุมวิชาการโดยกระบวนการ Death case conference ส าหรับเจ้าหน้าที่ ผู้เกี่ยวข้องส าหรับพื้นที่ที่มีผู้ป่วยเสียชีวิต 2.4 การบูรณาการ และความร่วมมือกันทั้งในส่วนของโรงเรียน องค์การบริหารส่วนต าบล การ ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูล การมีส่วนร่วมของชุมชน เพื่อเป็นช่องทางให้กลุ่มเสี่ยงเข้าถึงระบบ บริการและการป้องกันควบคุมโรคในระดับพื้นที่ ทั้งระดับจังหวัด อ าเภอ และต าบล ต้องเพิ่มความเข้มข้น ในการ ด าเนินงาน การนิเทศติดตามเป็นสิ่งส าคัญที่จะต้องมีการพัฒนาและด าเนินการต่อไป ( 2 C = 1.Coordination 2.Community Involvment) ปัจจัยแห่งความส าเร็จ 1. วิเคราะห์ความเสี่ยงของประชาชนในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ การบูรณาการ และความร่วมมือกันทั้งใน ส่วนของโรงเรียน องค์การบริหารส่วนต าบล การประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูล การมีส่วนร่วมของ


141 | P a g e ชุมชน เพื่อเป็นช่องทางให้กลุ่มเสี่ยงเข้าถึงระบบบริการและการป้องกันควบคุมโรคในระดับพื้นที่ ทั้งระดับจังหวัด อ าเภอ และต าบล เพิ่มความเข้มข้น ในการด าเนินงาน 2. นิเทศติดตาม ประสานงานภาคีเครือข่าย วิเคราะห์สถานการณ์ ชี้เป้า ด าเนินการตามมาตรการจังหวัด และมาตรการทางการด าเนินงาน 4 E คือ Early detection การค้นพบเร็ว, Early diagnosis การวินิจฉัยเร็ว ,Early treatment การรักษาและส่งต่อผู้ป่วยโดยเร็ว, และสุดท้าย Early control ปัญหาอุปสรรค 1. เนื่องจากเกิดสถานการณ์อุทกภัยจากพายุโนรูในช่วงปลายปี พื้นที่ในจังหวัดศรีสะเกษเกิดภาวะอุทกภัย และยาวนาน ท าให้เกิดพบผู้ป่วยต่อเนื่องเพิ่มขึ้นต่อเนื่องอีกครั้ง แนวทางการพัฒนางานในปีถัดไป 1. เนื่องด้วยมีการจ ากัดและความจ าเป็นในการใช้งบประมาณ ควรเน้นงานบูรณาการและสร้างเครือข่าย ชุมชนให้เข้มแข็งเพื่อช่วยในการกระจายความรู้ ทัศนคติที่ถูกต้องในการป้องกันการเจ็บป่วย 2. พื้นที่ต้องมีการวิเคราะห์สถานการณ์ตามระบบระบาดวิทยาและวางแผนจัดสรรงบประมาณของตนใน การด าเนินงานเชิงรุกในชุมชนตามบริบทและเพื่อแก้ไขสภาพปัญหาในพื้นที่ตนเอง 3. การประชาสัมพันธ์ความรู้ข่าวสารที่ส าคัญต้องเพิ่มช่องทางและเพิ่มความเข้มข้นให้เข้าถึงประชาชนใน ชุมชนให้มากยิ่งขึ้นเพื่อลดการเจ็บป่วยและการเข้าถึงการบริการรับการตรวจรักษาอย่างทันเวลา 4. การพัฒนาและความร่วมมือกันทั้งในส่วนของโรงเรียน องค์การบริหารส่วนต าบล การประชาสัมพันธ์ให้ ประชาชนได้รับทราบข้อมูล การมีส่วนร่วมของชุมชน เพื่อเป็นช่องทางให้กลุ่มเสี่ยงเข้าถึงระบบบริการและการ ป้องกันควบคุมโรคในระดับพื้นที่ ทั้งระดับจังหวัด อ าเภอ และต าบล ต้องเพิ่มความเข้มข้น ในการด าเนินงาน พัฒนาและด าเนินการต่อไป ( 2 C = 1.Coordination 2.Community Involvment) ประเด็นงาน : สาธารณภัยจังหวัดศรีสะเกษ สถานการณ์ สภาพปัญหา ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ภายใต้นโยบายตอบโต้ภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณภัย พื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ ก าหนดแผนรองรับ ซ้อมแผน เตรียมความพร้อมวัสดุอุปกรณ์ ก าลังพล ร้อยละ100 แผนรองรับ หมายถึงผังก ากับการบัญชาการเหตุการณ์, การแบ่งแยกหน้าที่ผู้รับผิดชอบตามส่วนงานและ บทบาทหน้าที่,แผนเตรียมความพร้อมเผชิญเหตุตอบโต้ภาวะ ฉุกเฉิน ทั้งก่อนเกินเหตุ ขณะเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุ สถานการณ์สาธารณภัย (กรณีอุทกภัย) ปี 2558-2563 ประสพอุทกภัยพื้นที่เกษตรและชุมชนบางแห่ง ( สถานบริการสาธารณสุขไม่ได้รับผลกระทบ ) ปี 2564 ประสพ อุทกภัยเฉพาะพื้นที่เกษตร ปี 2565 ประสพอุทกภัยจากภายุโนรู พื้นที่เกษตรเสียหายร้อยละ 91, สถานบริการ สาธารณสุขได้รับผลกระทบ 19 แห่ง(แต่ยังเปิดให้บริการได้) พื้นที่ประสพอุทกภัย 22 อ าเภอได้แก่อ าเภอภูสิงห์ , ขุนหาญ,ขุขันข์,ปรางค์กู่,เบญจลักษ์,โนนคูณ, กันทรลักษ์ ,วังหิน,ห้วยทับทัน,กันทรารมย์ ,ราษีไศล, , ยางชุมน้อย, น้าเกลี้ยง, อุทุมพรพิสัย,เมืองจันทร์,ศิลาลาด ,ศรีรัตนะ,ไพรบึง, พยุห์โพธิศรีสุวรรณ,บึงบูรพ์,เมืองฯ รวม


142 | P a g e 112 ต าบล, 644 หมู่บ้าน บ้านเรือนได้รับผลกระทบ 469 หลังคาเรือน ราษฎรได้รับผลกระทบ 53,545 ครัวเรือน ได้รับผลกระทบด้านการเกษตรเสียหายนาข้าว 289,025ไร่ พืชไร่22,597 ไร่ พืชสวน 914 ไร่ บ่อปลา 1,144 ไร่ บ่ออพยพปศุสัตว์ (โค กระบือ สุกร) 56,978ตัว สิ่งสาธารณประโยชน์ 189 แห่ง (ถนน/สะพาน) ฝาย 82 แห่ง และ 1 เทศบาล (24 ชุมชน จาก 37 ชุมชน ) เคลื่อนย้ายประชาชนมายังจุดพักพิงชั่วคราว รวม 37 จุด ตัวถนน หลักระหว่างจังหวัดยังสัญจรได้ปกติ/ถนนทางหลวงพื้นที่ศรีสะเกษ ห้ามรถผ่าน 8 สายจากเดิม 13 สาย ตารางที่ 67 ตัวชี้วัด เป้าหมาย ผลการด าเนินงานสาธารณภัยจังหวัดศรีสะเกษ ตัวชี้วัด เป้าหมาย ผลการด าเนินงาน 1. ก าหนดแผนรองรับ ซ้อมแผน เตรียมความพร้อมวัสดุอุปกรณ์ ก าลังพล ร้อยละ 100 ร้อยละ 100 ร้อยละ 100 มาตรการในการด าเนินงาน 1. การด าเนินงานและมาตรการด้านสาธารณภัยพัฒนาระบบเฝ้าระวัง และติดตามประสิทธิภาพ ระดับจังหวัด 1. ติดตามและขับเคลื่อนระบบการเฝ้าระวัง 2. ส่งต่อข้อมูลสถานการณ์ 3. สนับสนุนวิชาการ 4. ติดตามประเมินระบบเตรียมความพร้อม แผนรองรับ สสอ. โรงพยาบาล รพสต. ระดับอ าเภอ 1. รพสต. โรงพยาบาลชุมชน 2. จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ เวชภัณท์ ผังการด าเนินงาน คู่มือการปฎิบัติงานในพื้นที่ 3. เตรียมความพร้อมประสานความร่วมมือเคลือข่ายพื้นที่ ระดับต าบล 1. วางระบบเฝ้าระวัง ในสถานบริการ 2. จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ เวชภัณท์ ผังการด าเนินงาน คู่มือการปฎิบัติงานในพื้นที่ 2. พัฒนาศักยภาพทีมบุคลากรด้านองค์ความรู้ด้านสาธารณภัย ระดับจังหวัด 1. สื่อสารความเสี่ยง และการพัฒนาความรอบรู้ด้านวิชาการ 2. สนับสนุนข้อมูล และติดตามนิเทศเพื่อพัฒนาการด าเนินงานของ จนท. 3. การติดตาม ประเมินผล และรับฟังปัญหาอุปสรรคในการด าเนินการในพื้นที่ ระดับอ าเภอ 1. จัดระบบสื่อสารความเสี่ยง 2. นิเทศติดตามความพร้อมด้านวัสดุอุปกรณ์ คู่มือการด าเนินงาน


143 | P a g e 3.ก าหนดมาตรการแนวทางปฎิบัติป้องกันและลดผลกระทบจากภาวะฉุกเฉินและสาธารณภัย ระดับต าบล 1. ประชาสัมพันธ์ สื่อสารความเสี่ยงให้ความรู้แก่ประชาชน 2. การพัฒนาความรู้ด้านการเฝ้าระวังข้อมูลสถานการณ์ การตอบโต้ภาวะฉุกเฉินในพื้นที่ 3. ก าหนดมาตรการแนวทางปฎิบัติป้องกันและลดผลกระทบจากภาวะฉุกเฉินและสาธารณภัยในพื้นที่ ปัจจัยแห่งความส าเร็จ 1. การเปิดศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ ฝ่ายการแพทย์และสาธารณสุข ( EOC ) มอบหมายงานตามกล่องภาระกิจ 2. การสื่อสารความเสี่ยง การบูรณางาน ร้องขอการสนับสนุน กับหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง 3. นิเทศติดตามประเมินระบบเตรียมความพร้อม แผนรองรับ 4. การติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ทันเวลาและตอบโต้ภาวะฉุกเฉินแก้ไขปัญหาทันตามสถานการณ์ ปัญหาอุปสรรค 1. ขณะเกิดภัยสถานการณ์ปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา เหนือการควบคุม การติดตามสถานการณ์อย่าง ต่อเนื่อง ทันเวลาและตอบโต้แก้ไขปัญหา แนวทางการพัฒนางานในปีถัดไป 1. เนื่องด้วยมีการจ ากัดและความจ าเป็นในการใช้งบประมาณ ควรเน้นงานบูรณาการและสร้างเครือข่าย ให้เข้มแข็งเพื่อช่วยในการกระจายความรู้ ทัศนคติที่ถูกต้องในการป้องกันการเจ็บป่วยและเสียชีวิต 2. พื้นที่ต้องมีการวิเคราะห์สถานการณ์และวางแผนจัดสรรงบประมาณของตนในการด าเนินงานตาม บริบทและเพื่อแก้ไขสภาพปัญหาในพื้นที่ตนเอง 3. การประชาสัมพันธ์ความรู้ข่าวสารที่ส าคัญต้องเพิ่มช่องทางและเพิ่มความเข้มข้นให้เข้าถึงประชาชนใน ชุมชนให้มากยิ่งขึ้นเพื่อลดการเจ็บป่วยและเสียชีวิต 4. ก าหนดแผนรองรับ ซ้อมแผนกับภาคีเครือข่าย นิเทศติดตามเตรียมความพร้อม ก าลังพล ร้อยละ 100 5. การมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนของหน่วยงานภาคีเครือข่าย และประชาชน ประเด็นงาน : การป้องกันควบคุมโรคพิษสุนัขบ้าประจ าปี 2565 สถานการณ์ สภาพปัญหา ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง 1. สถานการณ์โรคพิษสุนัขบ้า ประเทศไทย สถานการณ์โรคพิษสุนัขบ้าในประเทศไทย พบว่ามีการเกิดโรคพิษสุนัขบ้าในคนตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2565 ประเทศไทย มีรายงานผู้ป่วยเสียชีวิตแล้ว 1 ราย ในพื้นที่จังหวัดชลบุรีในพื้นที่ประเทศ ไทย พบรายงานผลบวกของโรคพิษสุนัขบ้าในสัตว์ 202 ตัว คิดเป็นร้อยละ 4.30 ของตัวอย่างทั้งหมด (4,696) ตัว จาก 77 จังหวัด พบสูงสุดในจังหวัดชลบุรี คิดเป็นร้อยละ 48.02 (97/202) ตรวจพบมากที่สุดในสุนัข คิดเป็นร้อย


144 | P a g e ละ 92.00 (184/200) นอกจากนี้ ตัวอย่างที่พบผลตรวจในสุนัข-แมว ที่มีเจ้าของร้อยละ28.04 (53/189) ไม่มี เจ้าของร้อยละ 29.63 (56/189) และไม่ทราบว่ามีเจ้าของร้อยละ 42.33 (80/189)และพบว่า สุนัข-แมว ไม่ได้ฉีด วัคซีนร้อยละ 24.60 (46/187) ฉีดวัคซีน ร้อยละ 9.63 (18/187) และไม่ทราบประวัติร้อยละ 65.78 (123/187) ดังภาพที่ 1 2. สถานการณ์โรคพิษสุนัขบ้า จังหวัดศรีสะเกษ สถานการณ์โรคพิษสุนัขบ้าในจังหวัดศรีสะเกษ พบว่า ปี 2565 จังหวัดศรีสะเกษ ไม่พบรายงานผู้เสียชีวิต ด้วยโรคพิษสุนัขบ้า ส่วนสถานการณ์โรคพิษสุนัขบ้าในสัตว์ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 – 30 กันยายน 2565 ไม่ พบรายงานผลบวกของโรคพิษสุนัขบ้าในสัตว์ ดังภาพที่ 2 3. สรุปผู้สัมผัสสัตว์ที่มีผลยืนยันติดเชื้อโรคพิษสุนัขบ้าที่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าครบชุด ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2564 – 30 กันยายน 2565 ไม่พบการเกิดโรคพิษสุนัขบ้าในสัตว์ 4. สรุปผู้สัมผัสโรคพิษสุนัขบ้าในระบบรายงาน ร.36 ได้รับวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าครบชุด จ านวนผู้เสียชีวิตจากโรคพิษสุนัขบ้า ปี2545-2565


145 | P a g e ข้อมูลผู้สัมผัสโรคในระบบ ร. 36 ที่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าครบชุดตามแนวทางเวชปฏิบัติตั้งแต่ปี 2559-2565ที่มีการฉีดวัคซีครบชุด ร้อยละ 90, 88.44, 85.89, 91.52, 90.09, 95.48 และ 91.46 ตามล าดับ ดังภาพที่ 3 ตารางที่ 68 ตัวชี้วัด เป้าหมาย ผลการด าเนินงานการป้องกันควบคุมโรคพิษสุนัขบ้าประจ าปี 2565 ตัวชี้วัด เป้าหมาย ผลการด าเนินงาน 1. ผู้สัมผัสโรคพิษสุนัขบ้าได้รับการ ฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าครบ ชุด ร้อยละ 95 2. ระดับความส าเร็จของการ ขับเคลื่อนนโยบายการสร้างพื้นที่ ปลอดโรคพิษสุนัขบ้า โดยมีต าบล ต้นแบบการสร้างพื้นที่ปลอดโรคพิษ สุนัขบ้า อย่างน้อยอ าเภอละ 1 ต าบล 3. เป้าหมายสูงสุด คือ ไม่พบรายงาน การเสียด้วยโรคพิษสุนัขบ้าในคน ร้อยละ 95 อ าเภอละ 1 ต าบล 0 ราย 1. ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตด้วยโรคพิษสุนัขบ้า 2. ผู้สัมผัสสัตว์ที่มีผลยืนยันติดเชื้อโรคพิษสุนัขบ้า ได้รับการฉีดวัคซีน ป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าครบชุดตามแนวทางเวชปฏิบัติ ร้อยละ 100 3. มีระบบการติดตามผู้สัมผัสโรคพิษสุนัขบ้ามารับวัคซีน ผ่านกลุ่มไลน์ Dog bite center: Auto alert และทุก รพ.สต. มีทะเบียนรับแจ้งผู้ สัมผัสโรคพิษสุนัขบ้าในพื้นที่รับผิดชอบทุกอ าเภอ 4. การบริหารจัดการวัคซีนภายในหน่วยบริการและในระดับจังหวัด มี ความเพียงต่อปริมาณผู้สัมผัสโรคที่เข้ารับบริการ ระบบการรายงาน ข้อมูลการฉีดวัคซีนในผู้สัมผัสโรคพิษสุนัขบ้า มีแนวโน้มที่ดีขึ้น รายงาน ผลได้ทันเวลา และมีระบบการติดตามการด าเนินงานทุกเดือน 5. องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดศรีสะเกษได้มีการขับเคลื่อนการ ด าเนินงานเฝ้าระวัง ป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ภายใต้โครงการ สัตว์ปลอด โรค คนปลอดภัย จากโรคพิษสุนัขบ้า ตามพระปณิธาน ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสว่างควัฒนวรขัตติยราชนารี ประจ าปี 2565 และได้รับรางวัลหน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีผลงาน การป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าดีเด่นเป็นที่ประจักษ์ โครงการ Thailand Rabies Awards 2022


146 | P a g e มาตรการในการด าเนินงาน 1. การพัฒนาระบบการติดตามผู้สัมผัสโรคพิษสุนัขบ้ามารับวัคซีน ผ่านกลุ่มไลน์ Dog bite center: Auto alert และทุก รพ.สต. มีทะเบียนรับแจ้งผู้สัมผัสโรคพิษสุนัขบ้าในพื้นที่รับผิดชอบ ทุกอ าเภอ 2. มีการอบรมแนวทางเวชปฏิบัติฯ ส าหรับบุคลากรทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการผู้สัมผัสโรค พิษสุนัขบ้า 3. มีการจัดกิจกรรมรณรงค์ ประชาสัมพันธ์ และการสื่อสารความเสี่ยงการป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าให้กับ ประชาชน ปัจจัยแห่งความส าเร็จ 1. มีการด าเนินงานอย่างต่อเนื่องและทุกฝ่ายให้ความร่วมมืออย่างจริงจังในทุกระดับ 2. มีการติดตามการด าเนินงานอย่างต่อเนื่อง ปัญหาอุปสรรค 1. เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ท าให้การขับเคลื่อน การด าเนินงานด้านการถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าให้กับบุคลากรทางการแพทย์ และประชาชน ไม่สามารถด าเนินการได้ในรูปแบบปกติ และการจัดประชุมให้ความรู้ในกลุ่มนักเรียนไม่สามารถ ด าเนินการได้ 2. จังหวัดศรีสะเกษ ได้มีแผนการทวนสอบและถอดบทเรียนระบบเฝ้าระวัง ป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า จากกรณีผู้ป่วยเสียด้วยโรคพิษสุนัขบ้าอ าเภอบึงบูรพ์ เพื่อวางระบบเฝ้าระวังตั้งแต่ระดับชุมชนจนถึงจังหวัด ไม่สามารถด าเนินการได้ เนื่องจากผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 3. การบันทึกข้อมูลการมารับบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าในหน่วยบริการ มีหลายโปรแกรม ได้แก่ โปรแกรม HIS ของ โรงพยาบาล, ร.36 และ E-claim ท าให้เพิ่มภาระงานและเป็นการท างานซ้ าซ้อน ท าให้ การบันทึกข้อมูลมีความล่าช้า กรอกข้อมูลไม่ครบถ้วน แนวทางการพัฒนางานในปีถัดไป 1. จังหวัดมีการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรค อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตด้วยโรคพิษสุนัขบ้า 2. จังหวัดมีการเร่งรัดและติดตามการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าครบชุดตามแนวทางเวชปฏิบัติ ให้ได้ ร้อยละ 97 3. มีการด าเนินการสร้างพื้นที่ปลอดโรคพิษสุนัขบ้า ตามมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกันควบคุมโรคพิษสุนัขบ้า ทั้งในคนและสัตว์อ าเภอต้นแบบ อย่างน้อย 6 อ าเภอ ผลงานที่โดเด่น/ รางวัลที่ภาคภูมิใจ


147 | P a g e 1. องค์การบริหารส่วนต าบลปราสาทเยอ อ าเภอไพรบึง ได้รับรางวัลชนะเลิศ ระดับประเทศ โครงการ Thailand Rabies Awards 2022 ประเภทหน่วยงานองค์การบริหารส่วนต าบล ประเด็นงาน : กฎอนามัยระหว่างประเทศ (IHR) และงานสาธารณสุขชายแดน ประจ าปี 2565 สถานการณ์ สภาพปัญหา ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง 1. การด าเนินงานตามเป้าหมายของ IHR-JEE การด าเนินงานตามสมรรถนะหลักตามกฎอนามัยระหว่างประเทศ IHR2005 ของจังหวัดสุขภาพชายแดนและ จังหวัดเศรษฐกิจพิเศษ ปี 2565 จังหวัดศรีสะเกษ ได้ด าเนินการใน 8 ประเด็น ได้แก่ ประเด็นที่ 1 กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ นโยบาย ข้อก าหนดด้านการบริหาร ส าหรับการด าเนินการตาม กฎอนามัยระหว่างประเทศ ผลการประเมินอยู่ในระดับ 5 - จังหวัดมีมาตรการในการ เฝ้าระวัง การป้องกัน และการควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรค จากสิ่งแวดล้อม ประเด็นที่ 2 การประสานงานกฎอนามัยระหว่างประเทศระดับจังหวัด ผลการประเมินอยู่ในระดับ 5 - จังหวัดมีการซ้อมแผนการประสานงาน คือ การซ้อมแผนบนโต๊ะ (Table Top Exercise) เกี่ยวกับการส่ง ต่อผู้ป่วยระหว่างประเทศ ประเด็นที่ 3 ด้านการป้องกันการเกิดและแพร่ระบาดของเชื้อจุลชีพดื้อยา ผลการประเมินอยู่ในระดับ 4 - ส านักงานสาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ และโรงพยาบาลศรีสะเกษ มีแผนการปฏิบัติงานในการ ด าเนินงานด้านการป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อในโรงพยาบาล มีเครือข่ายการด าเนินงานทุกโรงพยาบาล ทั้ง 22 อ าเภอ มีการติดตามและประเมินผลการด าเนินงาน และมีการบันทึกข้อมูล นอกจากนี้ยังมีการวิเคราะห์ช่องว่าง ของการเฝ้าระวัง ป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาลทุกแห่ง ประเด็นที่ 4 การป้องกันการเกิดและการแพร่ระบาดของโรคติดต่อระหว่างสัตว์และคน ผลการประเมินอยู่ ในระดับ 5 - จังหวัดมีแนวทางการด าเนินการป้องกัน ควบคุมโรคติดต่อระหว่างสัตว์และคนโดยมีแนว แนวทางในการด าเนินงานป้องกัน ควบคุมโรค และรายงานการสอบสวนโรคร่วมกัน ประเด็นที่ 5 ด้านอาหารปลอดภัย ผลการประเมินอยู่ในระดับ 4 - จังหวัดมีคณะกรรมการอาหารปลอดภัย และการสร้างเครือข่ายการด าเนินงานด้านอาหารปลอดภัย ในระดับพื้นที่ ส านักงานสาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ โดยกลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภคและเภสัชสาธารณสุข กลุ่มงาน อนามัยสิ่งแวดล้อม และกลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อ ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในจังหวัดศรีสะเกษ ได้มีการ


148 | P a g e แต่งตั้งคณะกรรมการ/คณะท างานด้านอาหารปลอดภัยระดับจังหวัด มีเครือข่ายผู้ประสานงานด้านอาหาร ปลอดภัย มีการวางแผนด าเนินงาน/โครงการอาหารปลอดภัย อย่างมีส่วนร่วมของหน่วยงานเครือข่ายในพื้นที่ มีการพัฒนาศักยภาพบุคลากรและมีคู่มือ/แนวทางด าเนินงานที่เกี่ยวข้องกับอาหารปลอดภัย ให้กับหน่วยงาน เครือข่ายในพื้นที่ เช่น การตรวจเฝ้าระวังสารปนเปื้อนในอาหาร การสุขาภิบาล การสอบสวนโรคติดต่อทางอาหาร และน้ า ที่มีหน่วยงานเครือข่ายที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ตั้งแต่ด้านการเกษตร ปศุสัตว์ และประมง ด้านการคุ้มครอง ผู้บริโภค ด้านสุขาภิบาลและอนามัยสิ่งแวดล้อม ด้านการเฝ้าระวัง ควบคุมโรค รวมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือองค์การบริหารส่วนจังหวัด พัฒนากลุ่มบุคลากรในพื้นที่ เพื่อสร้างเครือข่ายการด าเนินงานอาหารปลอดภัย เช่น อสม. ครู นักเรียน มีเครือข่ายและช่องทางการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านอาหารปลอดภัยระหว่างหน่วยงานอย่าง เป็นระบบ เช่น INFOSAN มีการรณรงค์ และช่องทางการสื่อสารประชาสัมพันธ์ แจ้งเตือนด้านอาหารให้กับประชา ชน และประเมินผลการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชน จังหวัดมีกลไกการตอบสนองต่อการระบาดโรคติดต่อทาง อาหารและน้ า ตามแผนรับมือในภาวะฉุกเฉิน ความปลอดภัยอาหารของประเทศไทย (Food Safety Emergency Response Plan: FSER) และมีระบบการประเมินภาวะความปลอดภัยด้านอาหาร ประเด็นที่ 7 การสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ผลการประเมินอยู่ในระดับ 5 - มีความครอบคลุมการได้รับวัคซีนที่มีส่วนประกอบของวัคซีนป้องกันโรคหัด (MMR) อย่างน้อย 1 เข็ม ในเด็กอายุต่ ากว่า 1 ปี รายจังหวัด ร้อยละ 95 ขึ้นไป ประเด็นที่ 10 ด้านการพัฒนาระบบรายงานโรค ผลการประเมินอยู่ในระดับ 5 - จังหวัดมีแนวทาง และกลไกการรายงานโรคติดต่อ โรคระบาด และโรคติดต่ออันตรายตาม พระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 มีคู่มือ แนวทาง และขั้นตอนการรายงานโรคติดต่อ โรคระบาด และโรคติดต่ออันตรายตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 โดยเฉพาะการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรค ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยได้มีการวางระบบรายงานสถานการณ์การเกิดโรคในระดับจังหวัด อ าเภอ ต าบล และระดับชุมชน มีการด าเนินการรายงานโรคให้ได้ตามมาตรฐานทีมตระหนักรู้สถานการณ์สาธารณสุข (SAT) ให้ทันเวลาไปยังส านักงานป้องกันควบคุมโรคให้ได้ร้อยละ 80 ของเหตุการณ์ที่เข้าเกณฑ์ทั้งหมด โดยมีการจัดท า เอกสาร หรือรายงานเหตุการณ์ ตามมาตรฐานทีมตระหนักรู้สถานการณ์สาธารณสุข (SAT) ที่รายงานไปยัง ส านักงานป้องกันควบคุมโรคให้ให้ทันเวลา และมีการด าเนินการรายงานโรคให้ได้ตามมาตรฐานทีมตระหนักรู้ สถานการณ์สาธารณสุข (SAT) ให้ทันเวลาไปยังส านักงานป้องกันควบคุมโรคให้ได้ร้อยละ 90 ของเหตุการณ์ ที่เข้าเกณฑ์ทั้งหมด มีเอกสาร หรือรายงานโรคติดต่ออันตราย ให้ทันเวลาตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 หรือ กรณีพื้นที่นั้นไม่มีโรคติดต่ออันตรายเกิดขึ้นในพื้นที่ ต้องได้รับการทดสอบการรายงานเป็นประจ าเพื่อเพิ่ม


149 | P a g e สมรรถนะของตน โดยการจ าลองสถานการณ์ หรือซ้อมแผนการรายงานโรคติดต่ออันตราย เช่น การซ้อมแผน การเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ประเด็นที่ 12 ด้านการเตรียมความพร้อม ผลการประเมินอยู่ในระดับ 5 - จังหวัดศรีสะเกษมีการวิเคราะห์ และประเมินความเสี่ยงต่อภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขของพื้นที่ โดยเฉพาะในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ผ่านคณะกรรมการโรคติดต่อระดับ จังหวัด อ าเภอ และต าบล มีการบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วนราชการ องค์กร ชมรม และประชาชนใน พื้นที่ จัดท าแผนปฏิบัติการเตรียมความพร้อมตอบโต้ภาวะฉุกเฉินตามโรคและภัยสุขภาพที่ได้จากการประเมิน ความเสี่ยง และได้ด าเนินการซ้อมแผนเตรียมความพร้อมตอบโต้ภาวะฉุกเฉินตามโรคและภัยสุขภาพที่ได้จากการ ประเมินความเสี่ยง การซ้อมแผนเตรียมความพร้อมตอบโต้ภาวะฉุกเฉินตามโรคและภัยสุขภาพที่ได้จากการ ประเมินความเสี่ยงร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในจังหวัด และทบทวนแผนเตรียมความพร้อมตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน ตามโรคและภัยสุขภาพที่ได้จากการประเมินความเสี่ยง และมีการปรับปรุงแผนฯ เป็นประจ า ให้สามารถตอบโต้ สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ได้มีการปรับปรุง ทบทวนแนวทาง มาตรการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 อย่างต่อเนื่องตามสถานการณืการเกิดโรคในปัจจุบัน 2. การพัฒนาความร่วมมือด้านการเฝ้าระวังป้องกัน ควบคุมโรค และภัยสุขภาพร่วมกับจังหวัดชายแดน คู่ขนาน (Twin cities) 2.1 การท าบันทึกข้อตกลงร่วมกันระหว่างจังหวัดชายแดนคู่ขนาน ไทย-กัมพูชา การจัดท าร่างข้อตกลงร่วมกัน ในประเด็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลการเฝ้าระวังโรค การสอบสวนโรค การส่งต่อผู้ป่วย การซ้อมแผนเพื่อเตรียมพร้อมกับสถานการณ์ระบาดของโรคติดต่ออุบัติใหม่ และการพัฒนาทรัพยากรบุคคล แต่ยัง ไม่มีการลงนามความร่วมมือ เนื่องจากยังติดเรื่องการพิจารณาและการตัดสินของผู้บริหารระดับสูงของฝ่ายประเทศ กัมพูชา 2.2 การประชุมซ้อมแผนเพื่อการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรค และการส่งต่อผู้ป่วย ได้ด าเนินการร่วมกัน ระหว่างอ าเภอภูสิงห์ โรงพยาบาลภูสิงห์ สาธารณสุขอ าเภอภูสิงห์ หน่วยงานราชการที่บริเวณด่านพรหมแดนช่อง สะง า และโรงพยาบาลอัลลองเวง จังหวัดอุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา 2.3 มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง ระหว่างประเทศ โดยมีการส่งรายงานโรคติดต่อ ประจ าสัปดาห์ (Weekly Epidemiology Report) ระว่างส านักงานธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย และส านักงานสาธารณสุขจังหวัดพระวิหาร สาธารณสุขจังหวัดอุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา ซึ่งที่ผ่านมาฝ่ายกัมพูชา จะส่งข้อมูลมาไม่ต่อเนื่อง และเริ่มมีการส่งข้อมูลมาอย่างต่อเนื่อง


150 | P a g e 2.4 ประเด็นระบบการส่งต่อผู้ป่วย ส านักงานสาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ ร่วมกับด่านควบคุมโรคติดต่อ ด่านพรหมแดนช่องสะง า และโรงพยาบาลศรีสะเกษ ได้พัฒนาระบบการส่งต่อผู้ป่วยระหว่างประเทศ ที่ผ่านทาง ด่านพรหมแดนช่องสะง า โดยระบบการส่งต่อผู้ป่วยออนไลน์ โดยให้ด่านควบคุมโรคติดต่อ และโรงพยาบาลเอกชน ที่มีผู้ป่วยจากประเทศกัมพูชาเข้ามารับบริการ มาเป็นหน่วยบริการในระบบ E-Refer ของจังหวัดศรีสะเกษที่มีการ ด าเนินการส่งต่อผู้ป่วยอยู่แล้ว ซึ่งจะสามารถส่งต่อข้อมูลผู้ป่วย และการวางแผนเตรียมความพร้อมในการรักษา หรือการเฝ้าระวังเหตุการณ์ทางระบาดวิทยาในโรงพยาบาล ตลอดจนการการรับส่งข้อมูลผู้ป่วย เพื่อเป็นข้อมูลใน การติดตามและการวางแผนการด าเนินงานด้านการเฝ้าระวังโรคติดต่อในอนาคตต่อไป ตารางที่ 69 ตัวชี้วัด เป้าหมายงานกฎอนามัยระหว่างประเทศ (IHR) และงานสาธารณสุขชายแดน ประจ าปี 2565 ตัวชี้วัด เป้าหมาย 1. จังหวัดมีการด าเนินงานตามแนวทางการประเมินตามประเด็นกฎอนามัยระหว่างประเทศ (IHR2005) และผ่านการประเมินไม่ต่ ากว่า ระดับ 4 2. พัฒนาสมรรถนะช่องทางเข้าออกตามข้อก าหนดของกฎอนามัยระหว่างประเทศ ไม่ต่ ากว่า ระดับ 4 3. อ าเภอที่อยู่พื้นที่ชายแดน มีระบบการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคติดต่อ ตามแนวทางของ วิทยาการระบาดของกลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อ ทุกตัวชี้วัด ร้อยละ 100 4. อ าเภอชายแดน มีแผนเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคติดต่อ เพื่อรองรับสถานการณ์และ บริบทการท างานในพื้นที่ชายแดน ร้อยละ 100 ไม่ต่ ากว่า ระดับ 4 ไม่ต่ ากว่าระดับ 4 ร้อยละ 100 ร้อยละ 100 ผลการด าเนินงาน 1. การด าเนินงานตามสมรรถนะหลักตามกฎอนามัยระหว่างประเทศ IHR2005 ของจังหวัดสุขภาพ ชายแดนและจังหวัดเศรษฐกิจพิเศษ ปี 2565 จังหวัดศรีสะเกษ ได้ด าเนินการใน 8 ประเด็น ได้แก่ ประเด็นที่ 1 กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ นโยบาย ข้อก าหนดด้านการบริหาร ส าหรับการ ด าเนินการตามกฎอนามัยระหว่างประเทศ ผลการประเมินอยู่ในระดับ 5 ประเด็นที่ 2 การประสานงานกฎอนามัยระหว่างประเทศระดับจังหวัด ผลการประเมินอยู่ใน ระดับ 5 ประเด็นที่ 3 ด้านการป้องกันการเกิดและแพร่ระบาดของเชื้อจุลชีพดื้อยา ผลการประเมินอยู่ใน ระดับ 4 ประเด็นที่ 4 การป้องกันการเกิดและการแพร่ระบาดของโรคติดต่อระหว่างสัตว์และคน ผลการ ประเมินอยู่ในระดับ 5 ประเด็นที่ 5 ด้านอาหารปลอดภัย ผลการประเมินอยู่ในระดับ 4 ประเด็นที่ 7 การสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ผลการประเมินอยู่ในระดับ 5


151 | P a g e ประเด็นที่ 10 ด้านการพัฒนาระบบรายงานโรค ผลการประเมินอยู่ในระดับ 5 ประเด็นที่ 12 ด้านการเตรียมความพร้อม ผลการประเมินอยู่ในระดับ 5 2. ด่านเข้าออกเข้าออกระหว่างประเทศ ทั้งฝั่งไทยและกัมพูชา มีระบบการตรวจคัดกรอง การตรวจหาเชื้อ ผู้เดินทางเข้าออก ประเภทผู้ขนส่งสินค้า และมีระบบการท างาน ประสานส่งต่อข้อมูลกันอย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นไปตามมาตรการด าเนินงานตามกฎอนามัยระหว่างประเทศ (IHR2005) 3. มีระบบการท างานเชิงรุก ในการตรวจพ่อค้า แม่ค้า และประชาชนที่มาใช้บริการซื้อและขนส่งสินค้า ณ ตลาดเมืองใหม่ช่องสะง า อ าเภอภูสิงห์ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และสร้าง ความเชื่อมั่นในการมาส่งสินค้าของผู้ประกอบการฝั่งกัมพูชา 4. คณะท างานประจ าช่องทางฯ สามารถจัดท าประกาศ เรื่องแนวทางการตรวจจับโรค การเฝ้าระวังภัย สุขภาพและการส่งต่อผู้ป่วยทุกกลุ่มโรค ทุกระบบระหว่างประเทศ ด่านพรมแดนช่องสะง า จังหวัดศรีสะเกษท าให้มี แนวทางในการรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้เป็นอย่างดี มีระบบ แนวทางปฏิบัติ และเครือข่ายการด าเนินงานประสานส่งต่อเชื่อมโยงทั้งฝั่งประเทศไทยและกัมพูชาได้อย่างมี ประสิทธิภาพ 5. การพัฒนาระบบตรวจคัดกรองโรคติดต่อ บริเวณด่านชายแดนช่องสะง า ให้มีห้องตรวจคัดกรอง โรคติดต่อ ห้องกักกัน และห้องปฐมพยาบาลผู้ป่วยบริเวณด่านช่องสะง า 6. การพัฒนาระบบส่งต่อผู้ป่วยระหว่างประเทศ ด่านชายแดนช่องสะง า โดยใช้โปรแกรม E-Refer ซึ่งอยู่ ใช่วงของการเพิ่ม user ของด่านควบคุมโรคติดต่อและโรงพยาบาลเอกชนที่เกี่ยวข้องไปในระบบ E-Refer 7. การซ้อมแผนการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรคและการส่งต่อผู้ป่วย ระหว่างประเทศ โดยเครือข่าย บริการสุขภาพอ าเภอภูสิงห์ หน่วยงานบริเวณด่านช่องสะง า ร่วมกับโรงพยาบาลอัลลองเวง จังหวัดอุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา มาตรการในการด าเนินงาน พัฒนาสมรรถนะหลักของช่องทางเข้าออกประเทศตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 และข้อก าหนดกฎอนามัยระหว่างประเทศ พ.ศ. 2548 และติดตามประเมินผล ดังนี้ 1. ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านก าลังคน อุปกรณ์ และสถานที่ท างานเพื่อช่องทางเขาออกประเทศ สามารถด าเนินงานเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรค ได้ตามข้อก าหนดของกฎอนามัยระหว่างประเทศ 2. จัดให้มีพื้นที่ที่เหมาะสมเป็นสัดส่วนแยกจากผู้เดินทางอื่น เพื่อใช้เป็นพื้นที่คัดกรองผู้เดินทางจากพื้นที่ ติดโรค


152 | P a g e 3. ปรับปรุงมาตรฐานการปฏิบัติงานเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรคและภัยสุขภาพระหว่างประเทศของช่อง ทางเข้าออกประเทศ ทั้งในภาวะปกติและภาวะฉุกเฉิน รวมทั้งประสานและเผยแพร่มาตรฐานการปฏิบัติงานแผน ฉุกเฉินดังกล่าวให้กับหน่วยงานที่รับผิดชอบช่องทางเข้าออกประเทศอย่างทั่วถึง 4. พัฒนาระบบการแพทย์เพื่อตรวจ วินิจฉัย รักษา และส่งต่อผู้ป่วย รวมทั้งผู้เดินทางที่สงสัยจะป่วย บริเวณช่องทางเข้าออกประเทศ 5. พัฒนาระบบการจัดการ การคัดกรอง การตรวจ วินิจฉัยทางห้องปฏิบัติการ ในการน าเข้า น าผ่าน อาหาร พืช สัตว์ สารเคมี วัตถุกัมมันตรังสี วัสดุนิวเคลียร์ และสารชีวภาพ ที่ทางเขาออกประเทศ 6. สนับสนุนเครื่องมือ วัสดุ อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล ให้เพียงพอในการด าเนินงานและฝึกอบรมบุคลากร ณ ช่องทางเข้าออกประเทศ ในการคัดกรองอาหาร พืช สัตว์ สารเคมี วัตถุกัมมันตรังสี วัสดุนิวเคลียร์ และสารชีวภาพ และผู้เดินทางระหว่างประเทศ 7. จัดระบบการติดต่อสื่อสารและประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อการตรวจจับเหตุการณ์ผิดปกติ ในช่องทางและรายงานข้อมูลที่จ าเป็นเพื่อด าเนินมาตรการสาธารณสุขในช่องทางเข้าออกประเทศ 8. จัดให้มีพื้นที่หรือช่องทางในการเข้าถึงความรู้เกี่ยวกับโรคและภัยสุขภาพที่อาจก่อให้เกิดภาวะฉุกเฉิน ทางด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ 9. พัฒนาโปรแกรมการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัย ส าหรับผู้เดินทางที่มาใช้สิ่งอ านวยความสะดวก ที่ช่องทางเข้าออกประเทศ และโปรแกรมการจัดการพาหะน าโรค แหล่งรังโรค และภัยสุขภาพภายในช่อง ทางเข้าออกประเทศและพื้นที่โดยรอบ 10. บูรณาการท างานร่วมกันระหว่างภาคีเครือข่ายเพื่อเตรียมความพร้อมและตอบโต้ภาวะฉุกเฉินทาง สาธารณสุขระหว่างประเทศ ปัจจัยแห่งความส าเร็จ 1. มีการด าเนินงานอย่างต่อเนื่องและทุกฝ่ายให้ความร่วมมืออย่างจริงจังในทุกระดับ 2. มีการติดตามการด าเนินงานอย่างต่อเนื่อง ปัญหาอุปสรรค 1. ในการส่งต่อผู้ป่วยระหว่างชายแดน พบปัญหาในเรื่องระยะเวลาในการเดินทาง ซึ่งปกติระยะเวลา มาตรฐานคือ 30 นาที แต่ด้วยเส้นทางจราจรที่มีทั้งขึ้นเขา ทางคดเคี้ยว ท าให้ใช้ระยะเวลาอย่างเร็วที่สุด 50 นาที 2. ในการด าเนินงานบางประเด็น ต้องค านึงถึงความเหมาะสมในเรื่องต่างๆ ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ระหว่างประเทศ แนวทางการพัฒนางานในปีถัดไป


153 | P a g e 1. มีการศึกษาดูงานระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินและระบบส่งต่อผู้ป่วย เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่าง โรงพยาบาลทั้ง 2 ประเทศ 2. มีการศึกษาดูงานการตรวจรักษาทางการแพทย์ เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับการตรวจรักษาทางด้าน การแพทย์ ระหว่างโรงพยาบาลภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ และ โรงพยาบาลอัลลองเวง จังหวัดอุดรมีชัย 3. มีการประชุมเชิงปฏิบัติการพัฒนาความรอบรู้ในการเฝ้าระวังโรคระหว่างอ าเภอชายแดนคู่มิตร ผลงานที่โดดเด่น/ รางวัลที่ภาคภูมิใจ 1. การซ้อมแผนการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรคและการส่งต่อผู้ป่วย ระหว่างประเทศ โดยเครือข่าย บริการสุขภาพอ าเภอภูสิงห์ หน่วยงานบริเวณด่านช่องสะง า ร่วมกับโรงพยาบาลอัลลองเวง จังหวัดอุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา ประสบความส าเร็จตามเป้าหมาย ประเด็นงาน : ป้องกันควบคุมโรคไข้เลือดออก สถานการณ์ สภาพปัญหา ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ในปี 2565 จังหวัดศรีสะเกษ มีการระบาดของโรคไข้เลือดออกสูงและมีผู้ป่วยเสียชีวิต จากวันที่ 1 มกราคม 2565 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2565 มีรายงานผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกจ านวน 776 ราย เสียชีวิต 1 ราย อัตราป่วย 52.68 ต่อแสนประชากร อัตราป่วยตายร้อยละ 0.13 จ านวนผู้ป่วยสูงสุดในเดือนมิถุนายน เท่ากับ 238 ราย รองลงมา ได้แก่ เดือนกรกฎาคม สิงหาคม และกันยายน เท่ากับ 212, 150 และ 74 รายตามล าดับ อ าเภอที่มี อัตราป่วยสูง 10 อันดับแรก ได้แก่ อ าเภอยางชุมน้อย ห้วยทับทัน กันทรารมย์ ราษีไศล กันทรลักษ์ ปรางค์กู่ ศิลาลาด เบญจลักษ์ โพธิ์ศรีสุวรรณ และอุทุมพรพิสัย เท่ากับ 590.73, 143.66, 102.88, 65.76, 65.20, 58.97, 49.73, 37.58, 33.58 และ 29.89 ต่อแสนประชากร อ าเภอที่ไม่พบผู้ป่วย ได้แก่ อ าเภอบึงบูรพ์และเมืองจันทร์ สถานการณ์โรคไข้เลือดออกของจังหวัดศรีสะเกษย้อนหลัง 10 ปี ตั้งแต่ปี 2555-2564 มีรายงานผู้ป่วย ไข้เลือดออกจ านวน 1,472, 4,574, 530, 3,358, 1,206, 637, 2,113, 2,420, 908 และ 169 ราย ตามล าดับ อัตราป่วยต่อแสนประชากร เท่ากับ 101.34, 310.30, 36.49, 229.19, 82.97, 43.55, 143.07, 164.29, 61.64 และ 11.50 ตารางที่ 70 ตัวชี้วัด เป้าหมาย ผลการด าเนินงานป้องกันควบคุมโรคไข้เลือดออก ตัวชี้วัด เป้าหมาย ผลการด าเนินงาน 1. ร้อยละของอ าเภอมีอัตราป่วยโรค ไข้เลือดออกลดลงเมื่อเทียบกับค่ามัธยฐาน ย้อนหลัง 5 ปี 2. ค่าดัชนีความชุกลูกน้ า ไม่เกินเกณฑ์ ร้อยละ 15 อ าเภอมีอัตราป่วยโรคไข้เลือดออกลดลงเมื่อเทียบ กับค่ามัธยฐานย้อนหลัง 5 ปีคิดเป็นร้อยละ 64 ของอ าเภอทั้งหมด


154 | P a g e ตัวชี้วัด เป้าหมาย ผลการด าเนินงาน 2.1 หมู่บ้าน/ชุมชน ที่สุ่มส ารวจ มีค่า ดัชนีลูกน้ าในบ้าน House Index น้อยกว่า หรือเท่ากับ 10 (HI ≤10) 2.2 สถานศึกษา/ศูนย์เด็กเล็ก มีค่าดัชนี ลูกน้ ายุงลาย Container Index เท่ากับ 0 (CI = 0) 3. อ าเภอสามารถควบคุมโรคไข้เลือดออก ให้สงบได้ภายใน 14 วันหลังพบผู้ป่วยราย แรกของหมู่บ้าน 4. ร้อยละของหน่วยบริการสาธารณสุข (รพ. รวมกับ รพ.สต.) กรอกข้อมูลใน โปรแกรม “ศรีสะเกษสู้ไข้เลือดออก” ครบถ้วนทันเวลา ร้อยละ 80 ของหมู่บ้าน / หลังคาเรือน มีค่า HI ≤10 ร้อยละ 100 ร้อยละ 100 ร้อยละ 100 หมู่บ้าน/ชุมชน ที่สุ่มส ารวจ มีค่าดัชนีลูกน้ าในบ้าน HI ≤10 ร้อยละ 14 สถานศึกษา/ศูนย์เด็กเล็ก มีค่าดัชนีลูกน้ ายุงลาย CI = 0 ร้อยละ 45 อ าเภอผ่านเกณฑ์ ร้อยละ 82 อ าเภอผ่านเกณฑ์ ร้อยละ 86 มาตรการในการด าเนินงาน 1. วิเคราะห์แนวโน้มความเสี่ยงโรคไข้เลือดออก ตามแนวทางอ าเภอควบคุมโรคเข้มแข็ง 2. ก าหนดตัวชี้วัด (KPI) 3. น าเสนอสถานการณ์โรคไข้เลือดออกในที่ประชุมคณะกรมการจังหวัดและหัวหน้าส่วนราชการทุกเดือน 4. ติดตามเยี่ยม รับฟังปัญหาอุปสรรคในการด าเนินงาน ในทุกอ าเภอ 5. ประเมินผลการด าเนินงานและช่วยแก้ไขปัญหา ให้ค าแนะน า ในพื้นที่ที่มีการระบาดสูงหรือระบาด ต่อเนื่อง 6. จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน กรณีโรคไข้เลือดออก เริ่มวันที่ 1 มิถุนายน 2565 7. จัดประชุมผ่านระบบทางไกล ทุกวันอังคาร เริ่มวันที่ 1 มิถุนายน 2565 เพื่อติดตามผลการด าเนินงาน โดยนพ.สสจ.หรือรองนพ.สสจ. 8. จัดกิจกรรม Kick off ไข้เลือดออกทุกอ าเภอ โดยจิตอาสาท าลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย 9. อสม. บันทึกค่าดัชนีความชุกลูกน้ ารายหลังคาเรือนที่รับผิดชอบทุกสัปดาห์ ในโปรแกรม “ศรีสะเกษสู้ ไข้เลือดออก” ปัจจัยแห่งความส าเร็จ การด าเนินงานอย่างต่อเนื่องและจริงจัง ภายใต้การก ากับดูแลอย่างใกล้ชิดของผู้ว่าราชการจังหวัด นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด และนายอ าเภอ ท าให้จังหวัดศรีสะเกษ สามารถควบคุมโรคไข้เลือดออก โดยมีอัตรา ป่วยลดลงอย่างต่อเนื่อง และไม่มีผู้ป่วยเสียชีวิตเพิ่มขึ้น


155 | P a g e ปัญหาอุปสรรค 1. มีสายพันธุ์ของเชื้อไข้เลือดออกในพื้นที่หลายสายพันธุ์ ท าให้มีการระบาดซ้ าซาก 2. ประชากรมีการเคลื่อนย้าย มีโอกาสน าเชื้อเข้ามาในพื้นที่ 3. การเฝ้าระวังและค้นหาผู้ป่วยในชุมชนยังมีการด าเนินการน้อย ส่งผลต่อการควบคุมโรค 4. การสื่อสารความเสี่ยงในระดับชุมชน ยังไม่ครอบคลุม ท าให้ประชาชนไม่รับรู้ความเสี่ยง และขาดการ ป้องกันโรค 5. ขาดการวางแผนส ารองวัสดุอุปกรณ์ให้พร้อมใช้งาน ท าให้การควบคุมโรคท าได้ล่าช้า 6. สภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง ท าให้ยุงขยายพันธุ์และเจริญเติบโตได้เร็วและยุงสามารถถ่ายทอดเชื้อไป ทางพันธุกรรมได้ (ทางไข่) แนวทางการพัฒนางานในปีถัดไป 1. วิเคราะห์ความเสี่ยงโรคไข้เลือดออกรายหมู่บ้าน 2. ถอดบทเรียนการด าเนินงาน ปี 2565 3. จัดท าแผนกิจกรรม แผนงบประมาณ ก าหนดระยะเวลา และก าหนดผู้รับผิดชอบให้ชัดเจน 4. จัดท าแผนปฏิบัติงาน ให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ และบริบทของประชาชนในพื้นที่นั้น 5. สื่อสารความเสี่ยงให้ประชาชน หน่วยงาน ภาคีเครือข่าย เพื่อรับทราบและร่วมวางแผนแก้ไข ผลงานที่โดดเด่น/รางวัลที่ภาคภูมิใจ อสม. บันทึกค่าดัชนีความชุกลูกน้ ารายหลังคาเรือนที่รับผิดชอบทุกสัปดาห์ ในโปรแกรม “ศรีสะเกษสู้ ไข้เลือดออก” โดยบันทึกใน smart phone ข้อมูลที่ได้เป็นปัจจุบัน (real time) ประเด็นงาน : ป้องกันควบคุมโรคไข้มาลาเรีย สถานการณ์ สภาพปัญหา ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง สถานการณ์โรคไข้มาลาเรียประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 – วันที่ 30 กันยายน 2565 พบผู้ป่วย ทั้งหมด 8,530 ราย เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2564 พบว่าในปี 2565 มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นร้อยละ 65.40 (ปี 2564 พบผู้ป่วย 2,951 ราย) จังหวัดที่มีจ านวนผู้ป่วยสูง 10 ล าดับแรกของประเทศไทย ได้แก่ จังหวัดตาก แม่ฮ่องสอน กาญจนบุรี ราชบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ระนอง ยะลา เชียงใหม่ และชุมพร ตามล าดับ จ านวนผู้ป่วย 5,142, 1,480, 868, 342, 284, 148, 64, 58, 43 และ 37 รายตามล าดับ จ านวนผู้ป่วยรวม 10 จังหวัดเท่ากับ 8,466 ราย คิดเป็นร้อยละ 99.25 ของจ านวนผู้ป่วยทั้งประเทศ ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นเพศชายร้อยละ 69.80 อายุมากกว่า 15 ปี


156 | P a g e ร้อยละ 94.62 อาชีพของผู้ป่วยที่ส าคัญ ได้แก่ รับจ้าง เด็ก/นักเรียน ท าสวนหรือไร่ เกษตรกรรม และทหาร/ต ารวจ คิดเป็นร้อยละ 30.78, 29.50, 27.63, 5.27 และ 3.39 ตามล าดับ ชนิดของเชื้อที่พบส่วนใหญ่เป็น Plasmodium vivax (PV) 8,108 ราย คิดเป็นร้อยละ 95.05 Plasmodium falciparum (PF) 198 ราย คิดเป็นร้อยละ 2.32 พบผู้ป่วยทุกกลุ่มอายุ พบมากที่สุดในกลุ่มอายุ 25-44 ปี ร้อยละ 28.32 สถานการณ์โรคไข้มาลาเรียของจังหวัดศรีสะเกษ มีผู้ป่วยลดลง ในปีงบประมาณ 2555-2564 มีผู้ป่วย 1,183, 1,642, 815, 1,019, 831, 827, 871, 386, 66 และ 21 ราย ตามล าดับ ในปี 2565 ณ วันที่ 30 กันยายน 2565 มีผู้ป่วย 16 ราย เป็นคนไทย 15 ราย คนต่างชาติ 1 ราย ผู้ป่วยอยู่ใน 2 อ าเภอ ได้แก่ อ าเภอภูสิงห์ จ านวน 12 ราย และอ าเภอขุนหาญ จ านวน 4 ราย จากการสอบสวนโรคพบว่า อาชีพของผู้ป่วยที่ติดเชื้อมาลาเรียจากมาก ไปน้อย ได้แก่ ท าสวนหรือไร่ เด็ก/นักเรียน ทหาร/ต ารวจ หาของป่า และอาชีพอื่น ๆ คิดเป็นร้อยละ 43.75, 12.50, 12.50, 6.25 และ 25.00 ตามล าดับ เมื่อเปรียบเทียบกับปีงบประมาณ 2564 พบว่าในปี 2565 มีผู้ป่วย ลดลงร้อยละ 23.81 พบผู้ป่วยสูงสุดในเดือนกรกฎาคม จ านวน 4 ราย รองลงมา ได้แก่ เดือนมิถุนายน ธันวาคม ตุลาคม มกราคม กุมภาพันธ์ พฤษภาคม และพฤศจิกายน จ านวน 4, 3, 3, 2, 1, 1, 1 และ 1 ราย ตามล าดับ ชนิด ของเชื้อที่พบเป็น Plasmodium vivax (PV) ทั้งหมด 16 ราย คิดเป็นร้อยละ 100 ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นเพศชาย คิด เป็นร้อยละ 87.50 อายุของผู้ป่วยที่พบ ดังนี้ กลุ่มอายุ 25-44 ปี รองลงมา ได้แก่ กลุ่มอายุ 45 ปีขึ้นไป 5-14 ปี และ 15-24 ปี คิดเป็นร้อยละ 50.00, 31.25, 12.50 และ 6.20 ตามล าดับ ตารางที่ 71 ตัวชี้วัด เป้าหมาย ผลการด าเนินงานป้องกันควบคุมโรคไข้มาลาเรีย ตัวชี้วัด เป้าหมาย ผลการด าเนินงาน 1. มาตรการ 1 ร้อยละของผู้ป่วยโรคไข้มาลาเรียรายงานภายใน 24 ชั่วโมง 2. มาตรการ 3 ร้อยละของผู้ป่วยโรคไข้มาลาเรียได้รับการสอบประวัติ ภายใน 3 วัน 3. มาตรการ 7ร้อยละของกลุ่มบ้านที่มีรายงานผู้ป่วยรายสัปดาห์และได้รับ การตอบโต้ ภายใน 7 วัน ร้อยละ 80 ร้อยละ 95 ร้อยละ 70 ด าเนินการได้ร้อยละ 94 ด าเนินการได้ร้อยละ 100 ด าเนินการได้ร้อยละ 91 มาตรการในการด าเนินงาน 1. จัดบริการตรวจรักษาโรคไข้มาลาเรียในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพต าบลและในหมู่บ้าน 2. ด าเนินงานตามมาตรการ 1 – 3 – 7 3. ติดตามการกินยาแบบมีพี่เลี้ยง (Dots) และติดตามการรักษาของผู้ป่วย 4. สนับสนุนมุ้งชุบเคมี ยาทากันยุง กับประชาชนในพื้นที่เสี่ยง 5. ให้สุขศึกษาแก่ผู้มารับบริการตรวจรักษาทุกราย ที่มารับการตรวจหาเชื้อมาลาเรีย


157 | P a g e 6. จัดประชุมชี้แจงแนวทางการด าเนินงานก าจัดโรคไข้มาลาเรีย ส าหรับผู้รับผิดชอบงานมาลาเรียของ โรงพยาบาล สาธารณสุขอ าเภอ กันทรลักษ์/ขุนหาญ/ภูสิงห์ และขุขันธ์ ผู้รับผิดชอบงานมาลาเรียของโรงพยาบาล ส่งเสริมสุขภาพต าบลที่ตั้งในพื้นที่เสี่ยงไข้มาลาเรีย พนักงานมาลาเรียคลินิกชุมชน 7. ประชุมจัดท าแผนงานโครงการแก้ไขปัญหาโรคไข้มาลาเรีย โดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นร่วมกับ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพต าบลที่ตั้งอ าเภอและต าบลที่เป็นพื้นที่เสี่ยงไข้มาลาเรีย 8. นิเทศ ก ากับ ติดตามการด าเนินงานในหน่วยตรวจรักษา ปัจจัยแห่งความส าเร็จ 1. จัดตั้งหน่วยบริการตรวจรักษาจ านวน 24 แห่ง ที่ รพ.สต. 17 แห่ง และในหมู่บ้าน 7 แห่ง 2. ได้รับสนับสนุนมุ้งชุบสารเคมี (LLIN) มุ้งคลุมเปลชุบสารเคมี และยาทากันยุง ให้กับประชาชนที่อาศัย อยู่ในพื้นที่เสี่ยงไข้มาลาเรีย 3. การให้ความรู้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงไข้มาลาเรียในหน่วยบริการตรวจรักษาทุกราย และในการค้นหา ผู้ป่วยเชิงรุกและการควบคุมโรค ปัญหาอุปสรรค กลุ่มคนที่ป่วยส่วนใหญ่มีอาชีพที่ต้องเดินทางเข้าไปในป่า เช่น ทหาร ต ารวจตระเวนชายแดน เจ้าหน้าที่ป่า ไม้ ประชาชนที่มีอาชีพหาของป่า ล่าสัตว์ ตัดไม้ และการดูแลความสงบชายแดนระหว่างไทย - ราชอาณาจักร กัมพูชา ท าให้มีคนเข้าไปในแหล่งที่มีการแพร่เชื้อมากขึ้น จึงมีโอกาสเป็นไข้มาลาเรียสูง การควบคุมแหล่งแพร่เชื้อ ท าได้เฉพาะบางช่วงเวลาเท่านั้นและการมีช่องผ่านทางระหว่างประเทศทั้งที่เป็นช่องถาวรและไม่ถาวร ท าให้ ประชาชนมีการเดินทางไปมาตลอดเวลา จึงมีโอกาสได้รับเชื้อมากขึ้นด้วย แนวทางการพัฒนางานในปีถัดไป 1. ก ากับการกินยาและติดตามการรักษาผู้ป่วยโรคไข้มาลาเรียไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 2. เฝ้าระวังผู้ติดเชื้อมาลาเรียที่ไม่แสดงอาการ และให้การรักษา 3. เฝ้าระวังเชื้อมาลาเรียดื้อยา 4. เพิ่มความครอบคลุมการด าเนินงานตามมาตรการ 1 และมาตรการ 7 5. แสวงหาความร่วมมือจากภาคีเครือข่าย 6. ส่งเสริมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดูแลประชาชนในพื้นที่ 7. ส่งเสริมให้หน่วยงาน/องค์กรต่าง ๆ มีศักยภาพ สามารถจัดการปัญหาโรคไข้มาลาเรีย ผลงานที่โดดเด่น/ รางวัลที่ภาคภูมิใจ การด าเนินงานที่เข้มข้นร่วมกับภาคีเครือข่ายท าให้เกิดความยั่งยืนของการป้องกันควบคุมโรคในพื้นที่


ผลการด าเนินงาน กลุ่มงานควบคุมโรคไม่ติดต่อ สุขภาพจิต และยาเสพติด


158 | P a g e 3.3 ผลการด าเนินงานกลุ่มงานควบคุมโรคไม่ติดต่อ สุขภาพจิต และยาเสพติด ประเด็นงาน : รณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด TO BE NUMBER ONE จังหวัดศรีสะเกษ สถานการณ์ สภาพปัญหา ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง สถานการณ์การเข้ารับการบ าบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้เสพผู้ติดยาเสพติดในจังหวัดศรีสะเกษตั้งแต่ ปีงบประมาณ 2562-2565 พบผู้ป่วยยาเสพติดเข้ารับการบ าบัดทุกระบบ จ านวน 5,176, 3,883, 4,032, 2,502 ราย ตามล าดับ ในปี 2565 จังหวัดศรีสะเกษ มีผู้ป่วยที่เข้ารับการบ าบัดรักษาฟื้นฟูสมรรถภาพผู้เสพผู้ติดยาเสพติด รวมทุกระบบ จ านวน 875 ราย พบเพศชายมากกว่าเพศหญิง ร้อยละ 91.97 จ าแนกตามอายุ พบช่วงอายุ 25-29 ปี มากที่สุด ร้อยละ 22.31 พบอาชีพรับจ้างมากที่สุด ร้อยละ 47.48 ยาเสพติดหลักที่ใช้พบยาบ้ามากที่สุด ร้อยละ 99.05 จ าแนกเป็นผู้เสพมากที่สุดร้อยละ 78.91 แบ่งเป็นระบบสมัครใจบ าบัด 872 รายคิดเป็นร้อยละ 99.60 แล ระบบค าสั่งศาล 3 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.40 (แบบรายงานบสต. ณ วันที่ 1 ตุลาคม 2565) และพบผู้ป่วยที่มีอาการ ทางจิตจากการใช้ยาเสพติด จ านวน 3,975 ราย (ส านักงานสาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ ข้อมูล ณ 1 ตุลาคม 2565) จากข้อมูลดังกล่าว จะเห็นได้ว่า การแพร่ระบาดของยาเสพติดในเยาวชนจังหวัดศรีสะเกษมีแนวโน้มลดลง แต่พบการแพร่ระบาดของยาเสพติดในวัยเด็กเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นปัญหาที่ส าคัญอย่างยิ่งในระดับประเทศ และรัฐบาลยัง ประกาศให้เป็นวาระแห่งชาติ ในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด การส่งเสริม ป้องกัน และแก้ไขปัญหายาเสพติด จึงเป็นสิ่งส าคัญในการดูแลช่วยเหลือเยาวชน โดย โครงการรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด TO BE NUMBER ONE ในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราช กัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ได้ก าหนดแนวทางการด าเนินงาน โดยการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่ เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน ในการส่งเสริม ป้องกัน และแก้ไขปัญหายาเสติดในกลุ่มเด็กและเยาวชนอย่าง ต่อเนื่องภายใต้ 3 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ ยุทธศาสตร์ที่ 1 การรณรงค์ปลูกจิตส านึกและสร้างกระแสนิยมที่เอื้อต่อการ ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ยุทธศาสตร์ที่ 2 การเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางจิตใจให้แก่เยาวชน โดยการให้ ความรู้ การสร้างเสริมทักษะชีวิต เพิ่มความฉลาดทางอารมณ์ และสร้างความภาคภูมิใจในตนเอง ก่อให้เกิดความ เข้มแข็งทางด้านจิตใจ และยุทธศาสตร์ที่ 3 การสร้างและการพัฒนาเครือข่ายเพื่อการป้องกันและแก้ไขปัญหายา เสพติด โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2545 จนถึงปัจจุบัน เพื่อส่งเสริม ป้องกัน และแก้ไขปัญหายาเสพติดในเยาวชน ซึ่งส่งผล กระทบทั้งทางด้านสุขภาพ ครอบครัว เศรษฐกิจ สังคม และอาจเกิดพฤติกรรมการเลียนแบบของเยาวชนในสังคม ต่อไป


159 | P a g e ตารางที่ 72 ตัวชี้วัด เป้าหมาย ผลงานรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด TO BE NUMBER ONE จังหวัดศรีสะเกษ ตัวชี้วัด เป้าหมาย ผลงาน 1. อ าเภอด าเนินกิจกรรมภายใต้ 3 ยุทธศาสตร์ ไม่น้อยกว่าร้อยละ 100 22 ร้อยละ 100 2. เด็กและเยาวชนอายุ 6-24 ปี เป็นสมาชิก TO BENUMBER ONE ไม่น้อยกว่าร้อยละ 98 358,671 ร้อยละ 97.50 3. สถานศึกษาระดับมัธยมศึกษา ขยายโอกาสอาชีวศึกษา มหาวิทยาลัย มีชมรม TO BE NUMBER ONE ทุกแห่งร้อยละ 100 703 ร้อยละ 99.83 4. สถานศึกษา ระดับมัธยมศึกษา ขยายโอกาส อาชีวศึกษา มหาวิทยาลัย มีศูนย์เพื่อนใจ TO BE NUMBER ONE ทุกแห่ง ร้อยละ 100 402 ร้อยละ 62.10 5. หมู่บ้านมีชมรม TO BE NUMBER ONE อย่างน้อย 1 ต าบล/2 หมู่บ้าน ร้อยละ 100 375 ร้อยละ 100 ผลการด าเนินงาน จังหวัดศรีสะเกษ มีการด าเนินงานตามโครงการ TO BE NUMBER ONE ครอบคลุมทั้ง 22 อ าเภอ รายละเอียดดังนี้ 1. การติดตั้งป้ายรณรงค์โครงการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด TO BE NUMBER ONE 2 ประชุมคณะกรรมการ TO BE NUMBER ONE จ านวน 1 ครั้ง 3. ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) การด าเนินงานโครงการรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายา เสพติด TO BE NUMBER ONE จังหวัดศรีสะเกษ ร่วมกันระหว่างผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ กับนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด นายอ าเภอทุกอ าเภอ จ านวน 22 อ าเภอ และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ในจังหวัดศรีสะเกษ ในวันที่ 26 มกราคม 2566 ณ ห้องประชุมล าดวนทอง โรงแรมพรหมพิมาน อ าเภอเมืองศรีสะ เกษ จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อขับเคลื่อนการด าเนินงานตามโครงการ รวมทั้งเตรียมความพร้อมที่ จะก้าวสู่จังหวัด TO BE NUMBER ONE ระดับเพชรต่อไป 4. มีสมาชิกชมรม TO BE NUMBER ONE จ านวน 358,671 คน คิดเป็นร้อยละ 97.50 5. มีชมรม TO BE NUMBER ONE จ านวน 703 ชมรม คิดเป็นร้อยละ 99.87 6. มีศูนย์เพื่อนใจ TO BE NUMBER ONE จ านวน 420 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 63.16 7. โครงการ“ ใครติดยายกมือขึ้น”2,114 คน ได้รับการบ าบัดรักษาแบบจิตสังคมบ าบัด ร้อยละ 100


160 | P a g e ผลส าเร็จที่เป็นรูปธรรมชัดเจนในการด าเนินงานโครงการรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด TO BE NUMBER ONE ของจังหวัดศรีสะเกษ ในโครงการ “ใครติดยายกมือขึ้น” รายละเอียด ดังนี้ - เยาวชนอายุ 10 -24 ปี ที่เข้าสู่กระบวนการบ าบัดยาเสพติด ลดลง จากปี 2561 ร้อยละ 53.90 เหลือ 37.50 ในปี 2565 โครงการ“ใครติดยายกมือขึ้น” 2,114 คนได้รับการบ าบัดรักษาแบบจิต สังคมบ าบัด ร้อยละ 100 เยาวชนอายุ 10-24 ปี ที่เข้าสู่กระบวนการบ าบัดยาเสพติด ลดลงเป็นร้อยละ 39 ไม่กลับไปเสพซ้ า ร้อยละ 71.17 (ข้อมูลจาก บสต. ปี 2565) - สามารถคืนคนดีสู่สังคมได้ฝึกและพัฒนาอาชีพในปี 2565 จ านวน 890ราย (ข้อมูล บสต. ปี 2565) -บ าบัดโดยใช้ชุมชนเป็นศูนย์กลาง (CBTx) รูปแบบเขินโมเดล โดยการค้นหา คัดกรอง ผู้เสพ ผู้ติด ยาเสพติดในชุมขน TO BE NUMBER ONE 390 หมู่บ้าน จ านวน 230 ราย (ข้อมูล บสต. ปี 2565) - การบ าบัดฟื้นฟูสมรรถภาพผู้เสพ ผู้ติดยาเสพติด ในระบบบังคับบ าบัดแบบไม่ควบคุมตัว เพื่อคืน คนดีสู่สังคมในรูปแบบ “พุทธบ าบัด พบว่า เณร 53 รูป เข้าร่วมกิจกรรมพุทธบ าบัดครบ 3 เดือน 53 รูป คิดเป็น ร้อยละ 100 และสมัครใจบวชต่อจ านวน 3 รูป คิดเป็นร้อยละ 5.6 - การสูบบุหรี่ในเยาวชนลดลง ในปี 2554 ร้อยละ 24.98 (อันดับที่ 2 ของประเทศ) เป็นร้อยละ 14.4 ในปี 2564 (อันดับที่ 11 ของประเทศ) และการดื่มสุราลดลง ในปี 2554 ร้อยละ 37.2 (อันดับ 5 ของ ประเทศ) เป็นร้อยละ 26.9 ในปี 2564 (อันดับที่ 37 ของประเทศ) (ข้อมูลส านักงานสถิติแห่งชาติปี2564) - จ านวนเยาวชนตั้งครรภ์ไม่พร้อมลดลง จากปี 2561 ร้อยล่ะ 32.45 เหลือร้อยละ 20.98 ต่อ หญิงอายุ 15-19 ปี 1,000 คน ของประเทศ (ข้อมูลจาก HDC ปี 2565) มาตรการในการด าเนินงาน : มีการด าเนินงานตาม 3 ยุทธศาสตร์หลักของโครงการ ยุทธศาสตร์ที่ 1 การรณรงค์ปลุกจิตส านึกและสร้างกระแสนิยมที่เอื้อต่อการป้องกันและแก้ไขปัญหายา เสพติด ได้แก่ แสดงเชิงสัญลักษ์โดยการติดตั้งป้ายประชาสัมพันธ์ โครงการ TO BE NUMBER ONE ทั้งจังหวัด ทั้ง ภาครัฐและเอกชน ก าหนดให้ทุกวันพุทธ เป็นวัน สวมใส่เสื้อ TO BE NUMBER ONE รณรงค์ผ่านสื่อ /จัดท า ช่องทางการสื่อสาร จดหมายข่าว Line, Face book, website, วิทยุ, โทรทัศน์ กิจกรรมรับสมัครสมาชิกใหม่ใน เดือนเมษายน, วันเปิดภาคเรียน, วันต่อต้านยาเสพติด, วันกองทุนแม่ของแผ่นดิน และวันเด็ก จัดกิจกรรมตาม เทศกาลหลัก 8 เทศกาล หรือเทศกาลประเพณีที่ส าคัญในพื้นที่ และเข้าร่วมกิจกรรมมหกรรมรวมพล TO BE NUMBER ONE จังหวัดศรีสะเกษ ยุทธศาสตร์ที่ 2 การสร้างเสริมภูมิคุ้มกันทางจิตใจให้แก่เยาวชน ได้แก่ จัดตั้งชมรมและศูนย์เพื่อนใจ TO BE NUMBER ONE ในสถานศึกษา, สถานประกอบการ, สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน, เรือนจ าและ


161 | P a g e ชุมชน พัฒนาสมาชิก TO BE NUMBER ONE ทั้งทางด้าน IQ และ EQ เข้าค่ายคุณธรรมจริยธรรม ท าพื้นที่เชิง บวกส าหรับสมาชิก/ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ได้แก่ ค่าย TO BE NUMBER ONE CAMP, การประกวด TO BE NUMBER ONE TEEN Dancercise การประกวด TO BE NUMBER ONE IDOL ทั้งระดับจังหวัด ภาคและ ประเทศ ด าเนินการตามกิจกรรมตามโครงการหลัก หรือกิจกรรมสร้างสรรค์ที่ก าหนดขึ้นเอง คืนคนดีสู่สังคม : โครงการใครติดยายกมือขึ้นโดยการค้นหา ผู้เสพ ผู้ติด บ าบัด รักษา ฝึกอาชีพ และติดตามเพื่อป้องกันการกลับไป เสพซ้ า ยุทธศาสตร์ที่ 3 การสร้างและพัฒนาเครือข่าย เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ได้แก่ ลงนามบันทึก ข้อตกลงความร่วมมือ ระหว่างหน่วยงาน จัดท าประกาศจังหวัดศรีสะเกษ/อ าเภอ เข้าร่วมมหกรรมรวมพล TO BE NUMBER ONE ระดับภาค/ประเทศ พัฒนาระบบการจัดเก็บและรายงานข้อมูลการด าเนินงานโครงการ TO BE NUMBER ONE พัฒนาช่องทางการติดต่อสื่อสารระหว่างเครือข่ายสมาชิก TO BE NUMBER ONE เช่น เว็บไซต์ LINE FACEBOOK การจัดกิจกรรมประกวดชมรม TO BE NUMBER ONE DANCERCISE, TO BE NUMBER ONE DANCERCISE IDOL และส่งเข้าประกวดระดับจังหวัด พัฒนา CORE TEAM ระดับจังหวัด/อ าเภอ และ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ การเป็นวิทยากรศึกษาดูงาน การจัดค่ายพัฒนาแกนน า/สมาชิก รวมถึงการมีผลงานเด่น ปัจจัยแห่งความส าเร็จ ผลการด าเนินงานจากการประกวด TO BE NUMBER ONE ในระดับประเทศ จังหวัดศรีสะเกษ ได้รับรางวัล ประกวดระดับประเทศ จ านวน 5 ชมรม ดังนี้ 1. นายวัฒนา พุฒิชาติ ต าแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ได้รับรางวัลผู้ว่าราชการจังหวัด TO BE NUMBER ONE ดีเด่น ประจ าปี 2564 2. จังหวัดศรีสะเกษ ได้รับรางวัลประเภทจังหวัด TO BE NUMBER ONE ต้นแบบระดับเงิน ขึ้นเป็นจังหวัด TO BE NUMBER ONE รักษามาตรฐานพร้อมเป็นต้นแบบระดับทองปีที่ 1 3. ชมรม TO BE NUMBER ONE บ้านขี้เหล็ก ต าบลพราน อ าเภอขุนหาญ ได้รับรางวัล ประเภทหมู่บ้าน/ ชุมชนระดับดีเด่น ขึ้นเป็นชมรม TO BE NUMBER ONE รักษามาตรฐานพร้อมเป็นต้นแบบระดับเงินปีที่ 1 4. ชมรม TO BE NUMBER ONE ส านักงานคุมประพฤติจังหวัดศรีสะเกษ ได้รับรางวัลประเภทชมรม TO BE NUMBER ONE ส านักงานคุมประพฤติจังหวัด รักษามาตรฐานพร้อมเป็นต้นแบบ ระดับเงินปีที่ 2 ขึ้นเป็น ชมรม TO BE NUMBER ONE ต้นแบบระดับเงิน 5. โรงเรียนกันทรลักษ์วิทยา ได้รับรางวัลประเภทชมรม TO BE NUMBER ONE ในสถานศึกษา ขึ้นเป็น ระดับดีเด่น


162 | P a g e ผลการประกวดเยาวชนเก่งและดี TO BE NUMBER ONE (TO BE NUMBER ONE IDOL) จังหวัดศรีสะ เกษ ได้ก าหนดจัดอบรมเพื่อพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์แก่แกนน า/สมาชิกเยาวชน TO BE NUMBER ONE (TO BE NUMBER ONE IDOL) โดยประกวดเยาวชนต้นแบบเก่งและดี TO BE NUMBER ONE (TO BE NUMBER ONE IDOL) รุ่นที่ 12 จังหวัดศรีสะเกษ ระหว่างวันที่ 24-27 สิงหาคม 2564 ณ โรงแรมพรหมพิมาน อ าเภอเมืองศรีสะเกษ จังหวัดศรีสะเกษ ผลการประกวด ผ่านการคัดเลือก จ านวน 10 คน เพื่อเข้าร่วมประกวด ระดับภาคและระดับประเทศต่อไป รายละเอียดดังนี้ 1. ทีมหญิง จ านวน 5 คน ได้แก่ 1. นางสาวอุทัยทิพย์ พัชรนันท์พร (น้องเอ็นไซม์) โรงเรียนขุขันธ์ 2. นางสาวโชติกา ศิริบูรณ์ (น้องน้ า) โรงเรียนกันทรลักษ์วิทยา 3. นางสาวเกษมณี กาประสิทธิ์ (น้องหลิน) โรงเรียนวัดหลวงวิทยา 4. นางสาวปริดา พัดทอง (น้องหนูดี) โรงเรียนสตรีสิริเกศ 5. นางสาวอเมเลีย บุญมีศรีสุข (น้องอเมเลีย) โรงเรียนสตรีสิริเกศ 2. ทีมชาย จ านวน 5 คน ได้แก่ 1. นายณัฐวุฒิ เนตรสืบสาน (น้องบอล) โรงเรียนก าแพง 2. นายณัฐพล ศิริวาล (น้องปังปอนด์) โรงเรียนก าแพง 3. นายรัฐศาสตร์ แก้วคะตา (น้องกัน) โรงเรียนพรานพิบูลวิทยา 4. นายธนารักษ์ บุษบงค์ (น้องแทร็คเตอร์) โรงเรียนสตรีสิริเกศ 5. นายพลวัฒน์ บุญเกิ่ง (น้องกอต) โรงเรียนสตรีสิริเกศ ผลการประกวด TO BE NUMBER ONE TEEN DANCERCISE 2023 ประเภท Junior ทีม MILK SHAKE โรงเรียน อนุบาลไพรบึง อ าเภอไพรบึง ชนะเลิศระดับประเทศ ปัญหาอุปสรรค การด าเนินงานโครงการรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด TO BE NUMBER ONE ยังไม่ครอบคลุมใน สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน แนวทางการพัฒนางานในปีถัดไป ประสานการด าเนินงานร่วมกันระหว่างภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง และต้องมีการด าเนินงานอย่างต่อเนื่อง อย่างยั่งยืน ผลงานที่โดดเด่น/ รางวัลที่ภาคภูมิใจ


163 | P a g e 1. “กิจกรรมส่งเสริมทักษะสมอง (Executive function: EF)” เป็นการศึกษาผลและปัจจัยการส่งเสริม สมรรถนะครูปฐมวัยต่อทักษะสมอง EF ของเด็กปฐมวัย ในโครงการพื้นที่บูรณาการส่งเสริมทักษะสมอง EF เพื่อ สร้างภูมิคุ้มกันยาเสพติดตั้งแต่ปฐมวัย ในเด็กอายุ 3-6 ปี จ านวน 178 คน พัฒนาทักษะ 3 ด้าน ระยะเวลา 6 เดือน ได้แก่ 1) ทักษะพื้นฐาน (ความจ า,การคิดไต่ตรอง, ยืดหยุ่นความคิด) เพิ่มขึ้นร้อยละ 24.52 2) ทักษะก ากับตนเอง (การใส่ใจ, ควบคุมอารมณ์, ประเมินตนเอง) เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.60 3) ทักษะปฏิบัติ (ลงมือท า, วางแผนด าเนินการ, เป้าหมาย) เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.29 2. นวัตกรรมการศึกษา ขับเคลื่อนเพื่อสร้างคนรุ่นใหม่จังหวัดศรีสะเกษ ให้มีคุณลักษณะ “รู้คิด จิตใจดี มี ทักษะชีวิตและทักษะอาชีพ มีสุขภาพดีทั้งกายและใจ” ซึ่งจะส่งผลให้ศรีสะเกษเป็นจังหวัดที่น่าอยู่ ประเด็นงาน : ยาเสพติด สถานการณ์ ปัญหา ผลการวิเคราะห์ปัญหา จังหวัดศรีสะเกษ พบผู้ป่วยเข้ารับการบ าบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดในปี 2563-2565 จ านวน 3,883, 4,032 และ 2,502 ราย ตามล าดับ ในปี 2565 พบเพศชายมากกว่าเพศหญิง ร้อยละ 91.61 พบ ช่วงอายุ 18-24 ปี มากที่สุด ร้อยละ 28.94 รองลงมาช่วงอายุ 25-29 ปี ร้อยละ 19.98 พบอาชีพรับจ้างมากที่สุด ร้อยละ 33.01 รองลงมาอาชีพเกษตรกร ร้อยละ 22.72 ยาเสพติดหลักที่ใช้พบยาบ้ามากที่สุด ร้อยละ 94.44 รองลงมาเป็นกัญชา ร้อยละ 2.46 จ าแนกเป็นผู้เสพมากที่สุด ร้อยละ 84.37 รองลงมาเป็นผู้ติด ร้อยละ 10.47 แบ่งเป็นระบบสมัครใจบ าบัด ร้อยละ 80.46 และบังคับบ าบัด ร้อยละ 19.54 ผู้ป่วยยาเสพติดแบบสมัครใจบ าบัด ได้รับการบ าบัดรักษาและติดตามดูแลอย่างต่อเนื่อง 1 ปี (Retention Rate) ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 71.63 (เกณฑ์ มาตรฐานร้อยละ 58) และการบ าบัดฟื้นฟูผู้ป่วยยาเสพติดโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน (Community based treatment and rehabilitation) จ านวน 248 ราย (แบบรายงานบสต. ณ วันที่ 1 ตุลาคม 2564 - 30 กันยายน 2565) และในปี 2563-2565 พบผู้ป่วยที่ได้รับอันตรายจากการใช้ยาและสารเสพติด (Harm Reduction) จ านวน 4,284, 4,435 และ 4,711 ราย ตามล าดับ (ส านักงานสาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ ข้อมูล ณ 30 กันยายน 2565) จากข้อมูลดังกล่าวจะเห็นได้ว่า จ านวนผู้ป่วยสมัครใจบ าบัดที่เข้ารับการบ าบัดรักษาฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด เพิ่มขึ้นเกินเป้าหมายที่ก าหนดในปี 2565 คือ 2,502 ราย (เป้าหมาย 1,755) เนื่องจากการบังคับใช้พระราชบัญญัติ ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. 2564 ซึ่งมีกรอบแนวคิด “ผู้เสพ”คือ“ผู้ป่วย” โดยการมุ่งเน้นระบบการ บ าบัดรักษาแบบสมัครใจและการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดเป็นส าคัญ และพบปริมาณการผลิตยาเสพติดมี แนวโน้มเพิ่มขึ้น ประกอบกับราคายาเสพติดที่ถูกลง เป็นปัจจัยเสริมให้กลุ่มเสี่ยงเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด การส่งเสริม ป้องกัน และแก้ไขปัญหายาเสพติด จึงเป็นสิ่งส าคัญในการดูแลช่วยเหลือประชาชน ทุกกลุ่ม วัย โดยกลุ่มปกติและกลุ่มเสี่ยงเน้นการให้ความรู้ การสร้างเสริมทักษะชีวิต เพิ่มความฉลาดทางอารมณ์ และการ


164 | P a g e สร้างเสริมความเข้มแข็งทางด้านจิตใจ เพื่อป้องกันไม่ให้เป็นผู้เสพรายใหม่ เพิ่มการเข้าถึงบริการบ าบัดรักษา ทุก ระดับ กลุ่มติดที่เป็นผู้ป่วยได้รับการบ าบัดรักษาอย่างมีคุณภาพมาตรฐานด้วยคุณค่าของความเป็นมนุษย์ และมีการ ติดตามดูแลช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง 1 ปี เพื่อป้องกันการเสพติดซ้ า ลดภาวะแทรกซ้อนและอันตรายจากการใช้ยา สารเสพติด (Harm Reduction) โดยการบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน รวมทั้งการ บ าบัดฟื้นฟูผู้ป่วยยาเสพติดโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน (Community based treatment and rehabilitation: CBTx) อย่างต่อเนื่องยั่งยืน เป็นการคืนคนดีสู่สังคมต่อไป ตารางที่ 73 ตัวชี้วัด เป้าหมายงานยาเสพติด ตัวชี้วัด เป้าหมาย -ผู้ป่วยยาเสพติดแบบสมัครใจบ าบัดเข้ารับการบ าบัดรักษา และได้รับติดตามดูแล อย่างต่อเนื่อง 1 ปี (Retention Rate) ร้อยละ 58 ผลการด าเนินงาน 1. ตัวชี้วัด : ผู้ป่วยยาเสพติดแบบสมัครใจบ าบัดเข้ารับการบ าบัดรักษาและได้รับการติดตามดูแลอย่าง ต่อเนื่อง 1 ปี (Retention Rate) ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 71.63 มีรายละเอียด ดังนี้ ตารางที่ 74 ผู้ป่วยยาเสพติดแบบสมัครใจบ าบัดเข้ารับการบ าบัดรักษาและได้รับการติดตามดูแลอย่างต่อเนื่อง 1 ปี (Retention Rate) ชือหน่วยงาน ระบบสมัครใจ (รอบ) ข้อมูลที่ 1 ข้อมูลที่ 2 % ท้ังหมด ครบโปรแกรม ไม่ครบโปรแกรม โรงพยาบาลเบญจลักษ์ 3 20 20 0 15 โรงพยาบาลเมืองจันทร์ 11 18 16 2 61.11 โรงพยาบาลโนนคูณ 22 33 33 0 66.67 โรงพยาบาลโพธิ์ศรีสุวรรณ 52 65 55 10 80 โรงพยาบาลไพรบึง 32 36 36 0 88.89 โรงพยาบาลกันทรลักษ์ 77 163 76 87 47.24 โรงพยาบาลกันทรารมย์ 30 38 12 26 78.95 โรงพยาบาลขุขันธ์ 108 131 129 2 82.44 โรงพยาบาลขุนหาญ 76 88 88 0 86.36 โรงพยาบาลน้ าเกลี้ยง 8 67 39 28 11.94


165 | P a g e ชือหน่วยงาน ระบบสมัครใจ (รอบ) ข้อมูลที่ 1 ข้อมูลที่ 2 % ท้ังหมด ครบโปรแกรม ไม่ครบโปรแกรม โรงพยาบาลบึงบูรพ์ 10 11 10 1 90.91 โรงพยาบาลปรางค์กู่ 2 2 2 0 100 โรงพยาบาลพยุห์ 32 34 32 2 94.12 โรงพยาบาลภูสิงห์ 33 60 60 0 55 โรงพยาบาลยางชุมน้อย 26 73 28 45 35.62 โรงพยาบาลราษีไศล 28 33 29 4 84.85 โรงพยาบาลวังหิน 17 18 17 1 94.44 โรงพยาบาลศรีรัตนะ 51 51 50 1 100 โรงพยาบาลศรีสะเกษ 216 225 223 2 96 โรงพยาบาลศิลาลาด 0 1 1 0 0 โรงพยาบาลห้วยทับทัน 15 23 19 4 65.22 โรงพยาบาลอุทุมพรพิสัย 17 19 18 1 89.47 รวม 899 1255 1039 216 71.63 ที่มา : ระบบรายงาน บสต. 30 ก.ย. 2565 2. ผลการด าเนินงานด้านการบ าบัดรักษายาเสพติด เป้าหมาย 1,755 ราย ผลงาน 2,017 ราย คิดเป็น ร้อยละ114.92 3. ผลการด าเนินงานการบ าบัดฟื้นฟูโดยชุมชนเป็นศูนย์กลาง (Community based treatment and rehabilitation; CBTx) เป้าหมาย 50 ราย ผลงาน 231 ราย มาตรการในการด าเนินงาน 1. การตั้งคณะกรรมการและก าหนดบทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบ จังหวัดศรีสะเกษ มีการจัดตั้งคณะกรรมการพัฒนาระบบบริการสุขภาพ (Service Plan) สาขายาเสพติด มาตั้งแต่ปีงบประมาณ 2563 โดยคณะกรรมการประกอบไปด้วย สหวิชาชีพ ได้แก่ แพทย์ พยาบาล เภสัชกร นักจิตวิทยา และนักวิชาการสาธารณสุข โดยเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลศรีสะเกษเป็นประธานและเลขานุการ และมีการทบทวน คณะกรรมการในปีงบประมาณ 2565 มีการแต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาระบบบริการสุขภาพ (Service Plan) สาขายาเสพ ติด ที่เป็นปัจจุบัน 2. แผนและผลการพัฒนาระบบบริการที่ครอบคลุมในแต่ละด้าน


166 | P a g e 2.1 การบ าบัดยาเสพติดในกลุ่มผู้ใช้ สามารถให้บริการบ าบัดรักษาได้ในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ต าบลขึ้นไปทุกแห่ง โรงพยาบาลชุมชนทุกแห่ง โรงพยาบาลทั่วไป และโรงพยาบาลศูนย์ โดยให้การบ าบัดแบบ Brief advice, Brief Intervention, Motivational Interviewing, Modify Matrix, Cognitive Behavioral Therapy อย่างน้อย 2- 12 ครั้ง ในระยะเวลา 1-3 เดือน มีการสุ่มตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดอย่างน้อย 1 ครั้ง เข้ารับการบ าบัดในระบบสมัครใจ ในรูปแบบค่าย “ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม” และระบบบังคับบ าบัดแบบไม่ควบคุมตัว“ค่ายศูนย์ขวัญแผ่นดิน”สถานที่ ณ กองร้อยอาสารักษาดินแดนที่ 2 อ าเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ 2.2 การบ าบัดยาเสพติดในกลุ่มผู้เสพ ผู้ติด สามารถให้บริการบ าบัดรักษาได้ในโรงพยาบาลชุมชนขึ้นไป ทุกแห่ง โรงพยาบาลทั่วไป และโรงพยาบาลศูนย์ ในกรณีบ าบัดแบบผู้ป่วยนอก บ าบัดฟื้นฟูโดยให้การบ าบัดแบบ Matrix Program, Cognitive Behavioral Therapy อย่างน้อย 16 ครั้ง ใน 4 เดือน และสุ่มตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดอย่างน้อย 4 ครั้ง โดยจังหวัดศรีสะเกษยังไม่มีการบ าบัดแบบผู้ป่วยใน ในกรณีผู้ติดยาเสพติดและมีอาการทางจิตเวชร่วมด้วยให้ส่งต่อมา ที่โรงพยาบาลศรีสะเกษ หากมีอาการทางจิตรุนแรง ให้ส่งต่อเข้ารับการบ าบัดรักษาที่โรงพยาบาลพระศรีมหาโพธิ์ จังหวัด อุบลราชธานี และในกรณีที่เป็นผู้ติดยาเสพติดรุนแรงส่งต่อเข้ารับการบ าบัดรักษาโรงพยาบาลธัญญารักษ์ขอนแก่น 2.3 ระบบสมัครใจบ าบัด แบบควบคุมตัว ส่งบ าบัดสถานฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด หน่วย พัฒนาการเคลื่อนที่ 53 จังหวัดศรีสะเกษ ค่ายบังคับบ าบัดสังกัดกองบิน 21 และส่งต่อโรงพยาบาลธัญญารักษ์ขอนแก่น 2.4 การบ าบัดโดยใช้ชุมชนเป็นศูนย์กลาง (Community based treatment and rehabilitation; CBTx) แบบบูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วน โดยมีต าบลต้นแบบ 2 ต าบล ได้แก่ ต าบลเขิน อ าเภอน้ าเกลี้ยง และต าบลโนน คูณ อ าเภอยางชุมน้อย มีชุมชน/หมู่บ้านอย่างน้อย อ าเภอละ 1 ชุมชน/หมู่บ้าน รวม 32 หมู่บ้าน 3. การพัฒนาและรับรองคุณภาพสถานพยาบาล/สถานฟื้นฟูสมรรถภาพผู้เสพผู้ติดยาเสพติด 3.1 การรับรองคุณภาพสถานพยาบาลผู้ติดยาเสพติด (HA ยาเสพติด) จ านวน 22 แห่ง และมีโรงพยาบาล ที่เป็นเป้าหมาย Re-ac ในปี 2565 จ านวน 12 แห่ง ผ่านการประเมินคิดเป็นร้อยละ 100 3.2 ศูนย์คัดกรอง จ านวน 251 แห่ง ในทุกโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพต าบล มีการพัฒนาศักยภาพ ผู้ปฏิบัติงาน การจัดระบบบริการและการส่งต่อได้อย่างมีมาตรฐาน และมีการประเมินการรับรองคุณภาพทุก 3 ปี 3.3 สถานฟื้นฟูสมรรถภาพผู้เสพผู้ติดยาเสพติด จ านวน 1 แห่ง “ค่ายปรับเปลี่ยนพฤติกรรม” ณ กองร้อย อาสารักษาดินแดนที่ 2 จังหวัดศรีสะเกษ มีการก าหนดหลักสูตรตามมาตรฐานการบ าบัดยาเสพติด และมีการประเมินการ รับรองคุณภาพทุก 3 ปี 3.4 สถานฟื้นฟูสมรรถภาพผู้เสพผู้ติดยาเสพติด แบบระยะยาว 120 วัน จ านวน 1 แห่ง ณ หน่วย พัฒนาการเคลื่อนที่ 53 (นพค. 53) รองรับการบ าบัดผู้ป่วยระบบสมัครใจบ าบัด แบบเข้มงวดมีการก าหนดหลักสูตรตาม มาตรฐานการบ าบัดยาเสพติด และมีการประเมินการรับรองคุณภาพทุก 3 ปี 3.5 เรือนจ าได้รับการประเมินผ่านมาตรฐานการบ าบัด จ านวน 2 แห่ง ได้แก่ เรือนจ าจังหวัด ศรีสะเกษ และเรือนจ าอ าเภอกันทรลักษ์


167 | P a g e 3.6 ศูนย์ฟื้นฟูสภาพทางสังคม จ านวน 28แห่ง ให้การดูแลช่วยเหลือทางสังคมในด้านต่างๆ เช่น อาชีพ การศึกษา เป็นต้น 4. การพัฒนาระบบบริการลดอันตรายจากยาเสพติด (Harm reduction) 4.1 จังหวัดศรีสะเกษ ได้ด าเนินการให้ความรู้เพื่อสร้างความเข้าใจ ความตระหนัก และประเมินความ เสี่ยงของตนเองต่อการป้องกันการติดเชื้อ HIV/AIDS , Hepatitis B และ C ในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพต าบลขึ้นไป และ จัดให้มีบริการตรวจเลือดโดยสมัครใจให้กับผู้ใช้สารเสพติดในโรงพยาบาลชุมชนขึ้นไป 4.2 การจัดบริการเมทาโดนระยะยาว (Methadone Maintenance Treatment: MMT) ในโรงพยาบาล ศรีสะเกษ มีผู้รับบริการจ านวน 1 ราย 4.3 การจัดบริการคลินิก Harm Reduction ทั้งในโรงพยาบาลศรีสะเกษ โรงพยาบาลชุมชน และ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพต าบลทุกแห่ง มีการด าเนินงานให้บริการตามชุดสิทธิประโยชน์ของผู้ป่วย จัดบริการเข็มและ อุปกรณ์ที่สะอาดพร้อมให้บริการ 5. การด าเนินงานการบ าบัดฟื้นฟูโดยชุมชนเป็นศูนย์กลาง (Community based treatment and rehabilitation) การด าเนินงานการบ าบัดฟื้นฟูโดยชุมชนเป็นศูนย์กลาง (Community based treatment and rehabilitation: CBTx) เป็นรูปแบบการบ าบัดฟื้นฟูเชิงบูรณาการโดยชุมชนมีส่วนร่วมในการดูแลผู้ใช้ ผู้เสพ ยาเสพติดใน ชุมชน โดยการค้นหา คัดกรอง บ าบัดฟื้นฟูสมรรถภาพ ดูแลติดตามอย่างต่อเนื่องตามแนวคิดส่งเสริมคุณภาพชีวิตและคืน คนดีต่อสังคม ส่งต่อประสานความร่วมมือระหว่างภาคีเครือข่ายในศูนย์ฟื้นฟูสภาพทางสังคม เพื่อให้การดูแลด้านอาชีพ การศึกษา และการบริการอื่นๆ ตลอดจนให้การสนับสนุนครอบครัว และชุมชนอย่างจริงจังต่อเนื่องในการป้องกันและแก้ไข ปัญหายาเสพติด เพื่อให้เกิดผลลัพธ์อย่างต่อเนื่องในระยะยาว จังหวัดศรีสะเกษ มีการด าเนินงานบ าบัดฟื้นฟูโดยใช้ชุมชน เป็นศูนย์กลาง (CBTx) แบบบูรณาการร่วมกับโครงการชุมชนยั่งยืนตามยุทธศาสตร์ชาติ จ านวน 32 ต าบล โดยมีต าบล ต้นแบบ 2 ต าบล ได้แก่ ต าบลโนนคูณ อ าเภอยางชุมน้อย และต าบลเขิน “เขินโมเดล” อ าเภอน้ าเกลี้ยง พบจ านวนผู้เข้ารับ การบ าบัด 231 ราย 6. การก ากับดูแลและการประสานความร่วมมือกับหน่วยบ าบัดฟื้นฟูนอกสังกัด สธ. ในการด าเนินงานด้านการบ าบัดรักษาฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด หน่วยงานสาธารณสุขได้มีส่วน ร่วมในการประชุมวางแผนการด าเนินงานด้านการบ าบัดรักษาในหน่วยบ าบัดที่เกี่ยวข้อง ในพื้นที่เพื่อให้การบ าบัดรักษาได้ เป็นไปในแนวทางที่ถูกต้อง ได้คุณภาพมาตรฐานตามโปรแกรมด้านการบ าบัดรักษาของกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งมีส่วน ร่วมในการเป็นวิทยากรกระบวนการบ าบัดตามโปรแกรมการบ าบัดของหน่วยงานภาคีเครือข่าย เช่น ค่ายปรับเปลี่ยน พฤติกรรม ค่าย นพค. 53 และเรือนจ าจังหวัดเป็นประจ าอย่างต่อเนื่อง ปัจจัยแห่งความส าเร็จ 1. มีการประชุมวางแผนก่อนการด าเนินงานร่วมกับภาคีเครือข่าย ในการแบ่งบทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบอย่าง ชัดเจน ทั้งในระดับจังหวัดและในระดับพื้นที่


168 | P a g e 2. การประสานงานและการมีส่วนร่วมของเจ้าหน้าที่ร่วมกับภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง เป็นปัจจัยส าคัญที่ท าให้ กิจกรรมด าเนินการได้ส าเร็จลุล่วง 3. มีการก าหนดแนวทางการขับเคลื่อนตามนโยบายภายในจังหวัดที่ชัดเจน 4. บุคลากรที่มีความรู้ ความช านาญด้านการบ าบัดยาเสพติด 5. งบประมาณที่สนับสนุนการด าเนินงานด้านยาเสพติดมีจ านวนเพียงพอ 6. ภาคีเครือข่ายยาเสพติด สามารถบริหารจัดการครอบคลุมทั้งด้านส่งเสริมป้องกัน การบ าบัดฟื้นฟู และการ ปราบปราม ได้อย่างเหมาะสมตามมาตรฐานแนวทางที่ก าหนดได้อย่างมีประสิทธิภาพภายในจังหวัด ปัญหา อุปสรรค ข้อจ ากัด 1. ขาดโรงพยาบาลเฉพาะทางบ าบัดยาเสพติดในเขต 10 ส่งผลให้ผู้ป่วยที่จ าเป็นต้องได้รับการบ าบัดแบบผู้ป่วยใน ต้องได้รับการส่งตัวไปจังหวัดขอนแก่น ซึ่งมีค่าเดินทางและค่าใช้จ่ายสูงจึงท าให้ผู้ป่วยบางรายเสียโอกาสในการบ าบัดรักษา 2. ขาดบุคลากรเฉพาะทางการพยาบาลผู้เสพยาเสพติด ยังไม่ครบทุกโรงพยาบาล ซึ่งปัจจุบันผู้ป่วย มีปัญหายุ่งยาก ซับซ้อน จึงจ าเป็นต้องมีบุคลากรที่มีสมรรถนะเฉพาะทางในการให้การพยาบาลผู้ป่วยในกลุ่มนี้ 3. จากสถานการณ์แพร่ระบาด COVID-19 และประมวลกฎหมายยาเสพติดใหม่ปี 2564 ซึ่งแนวทางการขับเคลื่อน ยังไม่ชัดเจน มีการปรับกระบวนการบ าบัดรักษาเป็นสมัครใจบ าบัด ท าให้ผู้ป่วยบางส่วนกลับไปเสพซ้ า เกิดอาการทางจิต คลุ้มคลั่งท าร้ายผู้อื่น และเกิดข้อร้องเรียนจากสายด่วน 1567 เพิ่มขึ้น 4. ระบบ บสต. ยังไม่เสถียร แนวทางการพัฒนางานในปีถัดไป 1. ผลักดันให้มีโรงพยาบาลมินิธัญญารักษ์ ในจังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งก าลังด าเนินการที่โรงพยาบาลโพธิ์ศรีสุวรรณ และโรงพยาบาลศรีรัตนะ 2. การพัฒนาศักยภาพปฏิบัติงานด้านยาเสพติด และเพิ่มอัตราก าลังโดยการส่งอบรมพยาบาลเฉพาะทางยาเสพติด ให้ครบทุกโรงพยาบาล 3. ควรผลักดันให้มีการเปิดบริการตึกจิตเวชหรือตึกผู้ป่วยใน ในโรงพยาบาลที่มีความพร้อม 4. ส่วนกลางพัฒนาระบบ บสต.ให้เสถียร 5. ควรปรับกระบวนการบ าบัดรักษา เน้นการบ าบัดโดยชุมชนมีส่วนร่วม มีการดูแลติดตามอย่างต่อเนื่องโดยภาคี เครือข่าย 6. พัฒนาระบบการท างานแบบบูรณาการเครือข่ายยาเสพติดจังหวัดศรีสะเกษ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ เพิ่มการ เข้าถึงบริการ และมีการติดตามอย่างต่อเนื่อง ป้องกันการเสพติดซ้ า คืนคนดีสู่สังคม 7. เพิ่มการจัดตั้งศูนย์คัดกรองทุกรพ.สต. ศูนย์ฟื้นฟูสภาพทางสังคมครอบคลุมทุกอ าเภอ ผลงานที่โดดเด่น/ รางวัลที่ภาคภูมิใจ


169 | P a g e 1. ผ่านการรับรองคุณภาพสถานพยาบาลผู้ติดยาเสพติด (Re-ac HA ยาเสพติด) ในปี 2565 จ านวน 12 แห่ง คิด เป็นร้อยละ 100 2. ผลงานได้รับการน าเสนอวิชาการระดับกระทรวงสาธารณสุข และงานวิชาการยาเสพติดแห่งชาติ จ านวน 4 เรื่อง ได้แก่ -การพัฒนาแนวทางการป้องกันการกลับไปเสพซ้ าในผู้พ้นโทษคดียาเสพติด แบบบูรณาการ จังหวัดศรีสะเกษ -การพัฒนาการให้ค าปรึกษาแบบบูรณาการเพื่อเลิกบุหรี่ในพระภิกษุ สามเณร โรงเรียนวัดพระปริยัติธรรม -การพัฒนารูปแบบการบ าบัดฟื้นฟูผู้ป่วยยาเสพติดโดยการมีส่วนร่วมของชุมบ้านโนนสว่าง - พัฒนารูปแบบการบ าบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ป่วยยาเสพติดโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน ประเด็นงาน : ป้องกันควบคุมโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง สถานการณ์ สภาพปัญหา ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง อัตราอุบัติการณ์การเกิดโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูงรายใหม่ จังหวัดศรีสะเกษ อัตราผู้ป่วยโรคความดัน โลหิตสูงรายใหม่ ในปี 2557 -2564ดังนี้ 696.04 , 695.49 , 1145.70 , 1144.84 , 1318.65 , 1080.30 , 1121.15 และ 1,136.17 ต่อแสนประชากร ตามล าดับ เมื่อพิจารณารายอ าเภอ ในปี 2564 พบว่าอ าเภอที่มีอัตราผู้ป่วยโรคความดันโลหิต สูงรายใหม่ สูงที่สุด 5อันดับแรกได้แก่ อ าเภอศิลาลาด 1016.54ต่อแสนประชากร อ าเภอกันทรารมย์ 871.19ต่อแสน ประชากร อ าเภอปรางค์กู่ 836.31ต่อแสนประชากร อ าเภอบึงบูรพ์ 784.20ต่อแสนประชากร และอ าเภอน้ าเกลี้ยง 781.30 ต่อแสนประชากร ส าหรับอัตราผู้ป่วยโรคเบาหวานรายใหม่ ในปี 2557 -2564ดังนี้ 386.35 , 376.61 , 461.03 , 469.62 , 521.46 , 431.14 , 465.35และ 4345.30ต่อแสนประชากร ตามล าดับ ในปี 2564 พบว่าอ าเภอที่มีอัตราผู้ป่วยโรคเบาหวาน รายใหม่ สูงที่สุด 5อันดับแรกได้แก่ อ าเภอศิลาลาด 990.50ต่อแสนประชากร อ าเภอเมืองศรีสะเกษ 649.57ต่อแสน ประชากร อ าเภอเบญจลักษ์ 668.99ต่อแสนประชากร อ าเภอบึงบูรพ์ 597.84ต่อแสนประชากร และอ าเภอกันทรารมย์ 517.04 ต่อแสนประชากร อัตราความชุกโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง จังหวัดศรีสะเกษ อัตราความชุกผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง ในปี 2557 -2564 ดังนี้ 696.04 , 695.49 , 1145.70 , 1144.84 , 1318.65 , 1080.30 , 1121.15 และ 1,136.17 ต่อแสน ประชากร ตามล าดับ เมื่อพิจารณารายอ าเภอ ในปี 2564 พบว่าอ าเภอที่มีอัตราผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงรายใหม่ สูงที่สุด 5อันดับแรกได้แก่ อ าเภอศิลาลาด 1016.54ต่อแสนประชากร อ าเภอกันทรารมย์ 871.19ต่อแสนประชากร อ าเภอปรางค์ กู่ 836.31ต่อแสนประชากร อ าเภอบึงบูรพ์ 784.20ต่อแสนประชากร และอ าเภอน้ าเกลี้ยง 781.30ต่อแสนประชากร ส าหรับ อัตราผู้ป่วยโรคเบาหวานรายใหม่ ในปี 2557 -2564ดังนี้ 386.35 , 376.61 , 461.03 , 469.62 , 521.46 , 431.14 และ 465.35และ 4345.30ต่อแสนประชากร ตามล าดับ ในปี 2564 พบว่าอ าเภอที่มีอัตราผู้ป่วยโรคเบาหวานรายใหม่ สูง ที่สุด 5อันดับแรกได้แก่ อ าเภอศิลาลาด 990.50ต่อแสนประชากร อ าเภอเมืองศรีสะเกษ 649.57ต่อแสนประชากร อ าเภอ เบญจลักษ์ 668.99ต่อแสนประชากร อ าเภอบึงบูรพ์ 597.84ต่อแสนประชากร และอ าเภอกันทรารมย์ 517.04 ต่อแสน ประชากร


170 | P a g e อัตราตายด้วยโรคความดันโลหิตสูง จังหวัดศรีสะเกษ ปี 2557 –2563ตามล าดับดังนี้ 101.08 , 110.29 , 138.54 , 144.52 , 172.01 , 183.23 , 239.13และ 66.67ต่อแสนประชากร ส าหรับอัตราตายด้วยโรคเบาหวาน ในปี 2559 –2563 ตามล าดับดังนี้ 68.37, 73.73 , 86.63 , 90.43และ 115.63 และ 34.42ตามล าดับ ตามล าดับ ซึ่งพบว่ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้น อัตราความชุกผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง จังหวัดศรีสะเกษอัตราความชุกผู้ป่วยโรคเบาหวาน ในปี 2557 -2564 ดังนี้ 5242.60 , 7067.85 , 5687.15 , 6267.12 , 6750.74 , 7042.70 , 7548.04และ 7686021ต่อแสนประชากร ตามล าดับ อัตราความชุกผู้ป่วยโรคเบาหวาน จังหวัดศรีสะเกษอัตราความชุกผู้ป่วยโรคเบาหวาน ในปี 2557 -2564ดังนี้ 2808.03 , 2386.22 , 2965.78 , 3241.63 , 3467.32 , 3603.01 , 3856.6 และ 4071.54ต่อแสนประชากร ตามล าดับ ตารางที่ 75 ตัวชี้วัด เป้าหมายงานป้องกันควบคุมโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง ตัวชี้วัด เป้าหมาย 1.ร้อยละของประชากรอายุ 35 ปีขึ้นไปที่ได้รับการคัดกรองเพื่อวินิจฉัยเบาหวาน มากกว่าร้อยละ 90 2.ร้อยละการตรวจติดตามยืนยันวินิจฉัยกลุ่มสงสัยป่วยโรคเบาหวาน มากกว่าร้อยละ 70 3.ร้อยละผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ควบคุมระดับน้ าตาลได้ดี มากกว่าร้อยละ 40 4.ร้อยละของประชากรอายุ 35 ปีขึ้นไปที่ได้รับการคัดกรองเพื่อวินิจฉัยความดันโลหิตสูง มากกว่าร้อยละ 90 5.ร้อยละการตรวจติดตามยืนยันวินิจฉัยกลุ่มสงสัยป่วยโรคความดันโลหิตสูง มากกว่าร้อยละ 93 6.ร้อยละผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงที่ควบคุมความดันโลหิตได้ดี มากกว่าร้อยละ 60 7.ร้อยละของผู้ป่วย DM และ/หรือ HT ที่ได้รับการค้นหาและคัดกรองโรคไตเรื้อรัง มากกว่าร้อยละ 80 ผลการด าเนินงาน ตารางที่ 76 ร้อยละของประชากรอายุ35 ปีขึ้นไปที่ได้รับการคัดกรองเพื่อวินิจฉัยเบาหวาน จังหวัด ศรีสะเกษ ปี 2565 (1 ตุลาคม 2564 – 30 กันยายน 2565) ที่ อ าเภอ เป้าหมาย ผลงาน ร้อยละ 1 เมืองศรีสะเกษ 52,446 32,776 62.49 2 ยางชุมน้อย 13,634 11,249 82.51 3 กันทรารมย์ 33,050 28,911 87.48 4 กันทรลักษ์ 80,568 28,776 35.72 5 ขุขันธ์ 51,171 42,065 82.2 6 ไพรบึง 14,761 13,979 94.7 7 ปรางค์กู่ 21,204 19,512 92.02 8 ขุนหาญ 37,665 32,905 87.36 9 ราษีไศล 27,043 25,225 93.28


171 | P a g e ที่ อ าเภอ เป้าหมาย ผลงาน ร้อยละ 10 อุทุมพรพิสัย 35,095 31,624 90.11 11 บึงบูรพ์ 4,087 3,981 97.41 12 ห้วยทับทัน 12,982 10,708 82.48 13 โนนคูณ 12,324 10,943 88.79 14 ศรีรัตนะ 17,872 15,779 88.29 15 น้ าเกลี้ยง 15,517 12,134 78.2 16 วังหิน 17,362 10,383 59.8 17 ภูสิงห์ 15,800 14,904 94.33 18 เมืองจันทร์ 6,167 5,829 94.52 19 เบญจลักษ์ 11,595 10,797 93.12 20 พยุห์ 11,464 10,408 90.79 21 โพธิ์ศรีสุวรรณ 8,352 7,602 91.02 22 ศิลาลาด 6,480 5,719 88.26 จังหวัดศรีสะเกษ 506,639 386,209 76.23 เขต 10 1,613,286 1,368,180 84.81 ประเทศ 22,658,028 19,198,866 84.73 ที่มา HDC จังหวัดศรีสะเกษ ตารางที่77 ร้อยละการตรวจติดตามยืนยันวินิจฉัยกลุ่มสงสัยป่วยโรคเบาหวานจังหวัดศรีสะเกษ ปี 2565 (1 ตุลาคม 2564 – 30 กันยายน 2565) ที่ อ าเภอ เป้าหมาย ผลงาน ร้อยละ 1 เมืองศรีสะเกษ 414 77 18.6 2 ยางชุมน้อย 196 117 59.69 3 กันทรารมย์ 445 83 18.65 4 กันทรลักษ์ 81 18 22.22 5 ขุขันธ์ 421 116 27.55 6 ไพรบึง 136 104 76.47


Click to View FlipBook Version