• ระบบเศรษฐกิจ
ระบบเศรษฐกิจ หมายถึง หนว่ ยเศรษฐกจิ ท่รี วมตัวเปน็ กลุม่
สถาบนั ทางเศรษฐกจิ และดาเนินกจิ กรรมทางเศรษฐกจิ ภายใต้
ระเบยี บขอ้ บังคบั ขนบธรรมเนยี ม ประเพณี วฒั นธรรม และกฎหมาย
อนั เดยี วกนั โดยแบง่ ออกเปน็ 3 ระบบดว้ ยกันคอื
51
1. ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม
(Capitalist economic system)
ระบบเศรษฐกจิ แบบทนุ นิยม หรอื ระบบเศรษฐกจิ แบบเสรี หรอื ระบบ
เศรษฐกิจแบบตลาด เปน็ ระบบเศรษฐกิจทีป่ ระชาชนมสี ทิ ธเิ สรภี าพมากทส่ี ดุ ใน
การประกอบกิจกรรมทางเศรษฐกิจ โดยมีลักษณะสาคญั ดงั น้ี
o เอกชนมกี รรมสิทธิ์ในทรพั ย์สนิ
o เอกชนมเี สรีภาพในการดาเนนิ กิจกรรมทางเศรษฐกจิ โดยรัฐบาลไม่เขา้ มา
แทรกแซง
o กจิ กรรมทางเศรษฐกจิ ดาเนนิ การโดยผ่านกลไกราคา
52
ขอ้ ดี: มกี ารใช้ทรพั ยากรอย่างมปี ระสิทธภิ าพ
ข้อเสยี : มปี ัญหาโดยเฉพาะเร่ืองการกระจายรายได้ที่ไม่เป็นธรรม
การแก้ปญั หาพนื้ ฐานทางเศรษฐกจิ : กลไกราคา และระบบตลาด
53
2. ระบบเศรษฐกิจแบบสังคม
(Socialist economic system)
หรอื ระบบเศรษฐกจิ แบบวางแผน โดยลักษณะสาคัญของระบบ
เศรษฐกิจแบบน้ี คอื
o เอกชนไม่มีสทิ ธิเป็นเจ้าของทรพั ย์สนิ หรืออาจมไี ดบ้ ้างเพียงส่วนนอ้ ย แต่
ทรัพยส์ นิ สว่ นใหญ่จะเปน็ ของรฐั บาล
o เอกชนไม่มเี สรภี าพในการดาเนนิ กจิ กรรมทางเศรษฐกจิ
o กลไกราคาไม่มีบทบาทในระบบเศรษฐกจิ น้ี
54
ขอ้ ดี: ไมม่ ปี ัญหาการกระจายรายได้
ข้อเสยี : มกี ารใช้ทรพั ยากรอยา่ งไม่มปี ระสิทธิภาพ เน่ืองจากขาด
แรงจงู ใจในการทางานของประชาชน
การแก้ปญั หาพนื้ ฐานทางเศรษฐกิจ: รัฐบาลหรือหน่วยงานกลาง
กาหนด
55
3. ระบบเศรษฐกิจแบบผสม
(Mixed economy)
ระบบเศรษฐกจิ แบบผสม จะมีลกั ษณะผสมระหวา่ งระบบเศรษฐกิจ
แบบทนุ นยิ มและระบบเศรษฐกิจแบบสงั คมนยิ ม โดยมลี ักษณะสาคญั ดงั น้ี
o เอกชนมีกรรมสิทธ์เิ ป็นเจ้าของทรัพยส์ ินได้
o เอกชนมสี ทิ ธด์ิ าเนนิ กิจกรรมทางเศรษฐกจิ ไดเ้ สรี แต่บางกิจกรรมท่ีจะสง่ ผล
กระทบแกส่ งั คมสว่ นรวมรัฐจะเขา้ มาควบคมุ เอง
o ใช้กลไกราคาควบคู่กบั การวางแผน
การแก้ปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกจิ : ทั้งกลไกราคา และรัฐบาลหรือหน่วยงาน
กลางกาหนด
56
• แขนงของวิชาเศรษฐศาสตร์
1. เศรษฐศาสตร์จลุ ภาค (Microeconomics) เป็นการศึกษาพฤตกิ รรมของ
หนว่ ยทางเศรษฐกิจตา่ งๆ เช่น ผบู้ รโิ ภค ผูผ้ ลติ เจา้ ของปจั จัยการผลิต
ในการตดั สินใจเก่ียวกบั ปัญหาทางเศรษฐกจิ ตา่ ง ๆ และอะไรทม่ี ผี ลต่อการ
ตัดสินใจนั้น เชน่ การกาหนดราคาสนิ คา้ แต่ละชนดิ ต้นทุนในการผลติ สนิ ค้า
ชนิดตา่ ง ๆ
2. เศรษฐศาสตรม์ หภาค (Macroeconomics) เป็นการศกึ ษาถึงพฤติกรรม
ทางเศรษฐกิจของระบบเศรษฐกจิ ในภาพรวม เชน่ รายไดป้ ระชาชาติ
การจา้ งงาน อัตราดอกเบีย้ ระดบั ราคาของสนิ ค้าและบรกิ ารโดยทวั่ ไป
57
• ประโยชน์ของการศึกษาวิชาเศรษฐศาสตร์
1. ผบู้ ริโภค: ร้จู ักการใชท้ รพั ยากรอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ สามารถประมาณ
คา่ ใช้จา่ ย และวางแผนการบริโภค ได้อย่างเหมาะสม
2. ผู้ผลติ รู้จักการใชป้ ัจจัยการผลิตไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ สามารถคาดคะเน
ความต้องการสินค้าของตนได้
3. ผ้กู าหนดนโยบายทางเศรษฐกจิ : ทาใหเ้ ข้าใจปญั หาและสามารถกาหนด
แนวทาง นโยบายแกไ้ ขปัญหาได้อยา่ งมีประสิทธภิ าพ
58
บทที่ 2
พฤตกิ รรมของผ้บู ริโภค
• ความหมายของอปุ สงค์
• กฎของอุปสงค์
• ตารางและเสน้ อปุ สงค์
• อุปสงค์ตลาด
• ปัจจัยกาหนดอปุ สงค์
• การเปลีย่ นแปลงเส้นอปุ สงค์
• ความยดื หยนุ่ ของอปุ สงค์
1
• ความหมายของอุปสงค์
อปุ สงค์ (Demand) คือ ปริมาณหรอื จานวนสนิ คา้ และบริการชนิดนัน้ ๆ
ทผ่ี ู้บริโภคมีความต้องการเสนอซ้ือ ซึง่ ในทางเศรษฐศาสตร์แลว้ อุปสงค์จะตอ้ งเป็น
อุปสงคส์ มั ฤทธผิ ล (Effective Demand) ซ่งึ จะตอ้ งประกอบด้วย
(1) มีความตอ้ งการในสินคา้ และบรกิ ารน้นั (Want)
(2) มคี วามสามารถและเตม็ ใจทจ่ี ะจ่ายเงนิ ซ้อื สินค้าและบรกิ ารน้ัน (Ability and
Willingness to pay)
2
ชนิดของอุปสงค์ มี 3 ชนิด คอื
1) อปุ สงค์ตอ่ ราคา (Price Demand) หมายถึง ปรมิ าณสนิ คา้ และบริการชนดิ ใด
ชนิดหน่งึ ทผ่ี ู้บรโิ ภคความต้องการเสนอซื้อ ณ ระดบั ราคาตา่ งๆ กนั ของสินค้า
และบริการชนดิ นนั้ ภายในระยะเวลาใดเวลาหนึง่
2) อปุ สงคต์ อ่ รายได้ (Income Demand) หมายถึง ปรมิ าณสนิ คา้ และบริการชนิด
ใดชนดิ หนึ่ง ที่ผ้บู ริโภคความตอ้ งการเสนอซ้ือ ณ รายได้ต่างๆ กนั ของผู้บรโิ ภค
ภายในระยะเวลาใดเวลาหนง่ึ
3) อปุ สงคต์ ่อราคาสินคา้ อื่นทีเ่ ก่ียวขอ้ ง หรืออุปสงค์ไขว้ (Cross Demand)
หมายถึง ปรมิ าณสินค้าและบรกิ ารชนดิ ใดชนิดหนง่ึ ท่ผี ูบ้ ริโภคความต้องการ
เสนอซื้อ ณ ระดับราคาต่างๆ กนั ของสินคา้ ชนดิ อนื่ ทีเ่ กีย่ วขอ้ ง ภายใน
ระยะเวลาใดเวลาหน่งึ
3
• กฎของอุปสงค์ (Law of demand)
ปรมิ าณสินคา้ และบรกิ ารชนิดใดชนดิ หน่งึ ท่ีผ้บู ริโภคต้องการซอื้ มีความสมั พนั ธ์
ในทศิ ทางตรงกันข้าม (ผกผัน) กบั ระดบั ราคาของสนิ คา้ และบรกิ ารชนดิ น้ันเสมอ
ราคา (P) ↑ → ปริมาณเสนอซือ้ (Q) ↓
เกิดจากสาเหตุ 2 ประการคอื
• ผลทางดา้ นรายได้ (Income Effect)
ราคา (P) ↑ → รายไดท้ ่ีแทจ้ ริง ↓ → ปรมิ าณเสนอซ้อื (Q) ↓
• ผลทางด้านการทดแทนกนั (Substitution Effect)
ราคา (P) ↑ แตร่ าคาสินคา้ อ่นื ซึ่งใชท้ ดแทนคงท่ี → ซอ้ื สินค้าอ่นื ↑
และ ปรมิ าณเสนอซือ้ (Q) ↓
4
ตารางอปุ สงคแ์ ละเส้นอปุ สงค์
ราคาไก่ยา่ ง (บาท/ไม้) ปรมิ าณซอ้ื ไกย่ า่ ง (ไม้)
20 3
15 5
10 8
5 12
ราคาไก่ยา่ ง
25
20
15
10
5
0 ปรมิ าณซ้ือไก่ยา่ ง 5
14
0 2 4 6 8 10 12
อปุ สงคต์ ลาด
เมื่อนาปริมาณเสนอซื้อสินค้าและบริการของผู้บริโภคทั้งหมดในตลาดมารวมกัน
ณ แต่ละระดับราคาของสินคา้ และบริการนน้ั จะได้อปุ สงค์ตลาด ซง่ึ แสดงให้เหน็ ถึงปริมาณ
เสนอซื้อสินค้าและบรกิ ารนนั้ ๆ ทม่ี ีอย่ทู ง้ั หมดในตลาด ณ ระดบั ราคาตา่ งๆ
ราคาไกย่ า่ ง ปริมาณซอื้ ไกย่ ่าง (ไม้) อปุ สงคต์ ลาด
(บาท/ไม้) นายดา นายแดง
8
20 35 12
15 57 18
10 8 10 27
5 12 15
6
ราค2า5ไก่ยา่ ง 35 8
20 57 12
15
10 8 10 18
5
0 12 15 27
0 5 10 15 20 25 ปริมา3ณ0ซื้อไก่ยา่ ง
นายดา นายแดง อปุ สงคต์ ลาด
7
• ปัจจัยที่กาหนดอุปสงค์
คอื ปัจจยั ใดๆ กต็ ามท่มี ีอิทธพิ ลตอ่ ความต้องการซอ้ื ของผ้บู รโิ ภค ได้แก่
➢ ราคาสินคา้ นน้ั (-)
➢ ราคาสินคา้ อืน่ ที่เกย่ี วข้อง
สนิ ค้าทีใ่ ช้ทดแทนกนั (Substitution Goods) (+)
สินค้าที่ใช้ประกอบกนั (Complementary Goods) (-)
➢ รายได้ของผบู้ ริโภค
สนิ คา้ ปกติ (Normal Goods) (+)
สินคา้ ด้อยคณุ ภาพ (Inferior Goods) (-)
8
ปัจจัยที่กาหนดอุปสงค์ (ต่อ)
➢ รสนิยมของผบู้ ริโภค: หากสนิ ค้านนั้ อยใู่ นสมยั นยิ ม อปุ สงคต์ อ่ สนิ คา้ นน้ั จะเพมิ่ ขึ้น
➢ จานวนประชากร: เม่ือจานวนประชากรเพม่ิ ความตอ้ งการในสนิ ค้าและบรกิ ารก็จะ
เพิ่มขน้ึ แตป่ ระชากรทีเ่ พมิ่ ขนึ้ ต้องมอี านาจซือ้ จงึ จะก่อใหเ้ กดิ อุปสงค์
➢ การคาดการณ์ของผ้บู ริโภค: การคาดการณ์วา่ ในอนาคตราคาสนิ ค้าจะเพ่ิมสูงขน้ึ
ก็จะส่งผลให้ความต้องการสินคา้ และบริการในปัจจบุ ันเพ่ิมขน้ึ ตาม
➢ ฤดกู าล: เช่น ความตอ้ งการเคร่ืองปรับอากาศจะเพิ่มสูงขน้ึ มากในชว่ งฤดรู อ้ น เป็นตน้
9
• ฟังก์ชันอุปสงค์
เม่อื QX QX = f (PX, PY, Y, T, …)
PX = ปริมาณความตอ้ งการซอื้ สินค้า X
PY
Y = ราคาสินค้า X → ตวั กำหนดโดยตรง
T = ราคาสินคา้ อื่นทเี่ กี่ยวข้อง (Y)
= ระดับรายได้ของผู้บรโิ ภค
= รสนยิ มของผู้บริโภค
10
กาหนดให้ปริมาณความตอ้ งการซ้อื สินคา้ X (หรอื QX ) ข้ึนอย่กู ับราคา
สนิ ค้า X (หรือ PX ) เพียงอย่างเดยี ว โดยกาหนดให้ปัจจัยอน่ื ๆ คงที่ หรือไม่มี
อิทธิพลต่อปรมิ าณซือ้ สามารถเขยี นเป็นฟังก์ชันไดด้ ังนี้
QX = f (PX)
และสามารถเขียนใหอ้ ยู่ในรปู อปุ สงคอ์ ย่างงา่ ย ไดด้ ังน้ี
QX = a – bPX
เม่อื a คือจุดตัดบนแกน QX และ b คือค่าความชันของเสน้ อปุ สงค์เม่ือเทียบกับ
แกน PX
11
จากสมการอปุ สงค์ QX = a – bPX เม่ือ ระคาเปลยี่ นแปลงไปก็จะทาใหป้ รมิ าณ
ความต้องการซ้ือเปลีย่ นแปลงไปด้วยในทศิ ทางตรงกันขา้ ม
เชน่ QX = 50 – 3PX
หากราคาสนิ คา้ X ปรับเพม่ิ ข้นึ เปน็ 5, 10, และ 15 แล้ว ปรมิ าณซอื้ สนิ ค้า X กจ็ ะ
มีค่าเท่ากบั 35, 20, และ 5 ตามลาดบั
12
• การเปล่ียนแปลงของอุปสงค์
1. กำรเปล่ยี นแปลงปรมิ ำณเสนอซ้ือ (Change in quantity demanded)
คือ การเปลย่ี นแปลงปรมิ าณเสนอซ้อื เน่ืองจากราคาของสินคา้ ชนดิ น้นั
เปลยี่ นแปลงไป ในขณะที่ปัจจัยอ่ืนๆ คงที่ โดยจะเปน็ การย้ายจากจุดหน่งึ ไปยังอีกจดุ
หน่งึ บนเส้นอุปสงค์เดมิ
13
รำคำ ราคาเดิมอยูท่ ี่ระดบั P1 ปริมาณซอื้ เท่ากบั Q1
ต่อมาราคาเปลี่ยนเปน็ P2 ปรมิ าณซอ้ื เท่ากบั Q2
P1 ซึง่ เป็นการเคล่ือนย้ายจากจุด D1 เปน็ D2 บนเส้น
P2 อปุ สงคเ์ ดมิ
D1
D2
Q1 Q2 ปริมำณ
14
เช่น กรณีราคาเพิ่มขึ้น
ราคาสินค้า X
P2 B D
P1 A ปริมาณสนิ คา้ X
Q2 Q1 15
ราคาสนิ ค้า X กรณรี าคาลดลง
P1 A
P3 C
Q1 Q3 D
ปรมิ าณสินค้า X
16
2. กำรยำ้ ยเส้นอุปสงค์ (Shift in the demand curve)
คอื การท่เี ส้นอปุ สงค์ยา้ ยไปจากเดมิ ทงั้ เสน้ ซง่ึ เกิดจากการทีป่ จั จัยโดยออ้ ม
อน่ื ๆ ที่ไม่ใช่ราคาของสินค้าชนดิ นั้นเปล่ยี นแปลงไป ในขณะท่ีราคาสินคา้ นน้ั ไม่
เปลยี่ นแปลง
การเปลย่ี นแปลงนัน้ อาจเพิ่มขีน้ หรอื ลดลงแล้วแต่กรณี ซง่ึ ข้ึนกับตวั กาหนด
อุปสงคโ์ ดยอ้อม
– ถา้ เพ่ิมขึ้น อุปสงค์ Shift ไปทางขวา
– ถ้าลดลง อปุ สงค์ Shift ไปทางซา้ ย
17
ราคาสินคา้ X กรณีอปุ สงค์เพม่ิ ขึ้น
P1
เช่น เกิดจากรายได้ผู้บริโภค
เพิ่มขึ้น (หากสินค้าน้ีเป็นสินค้า
ปกติ) การเปล่ียนแปลงรสนิยม
จานวนประชากร เป็นตน้
AE
D/
D
Q1 Q4 ปรมิ าณสินค้า X
18
ราคาสินคา้ X กรณีอปุ สงค์ลดลง
P1 F A เชน่ รายไดผ้ ู้บรโิ ภคลดลง
(หากสินค้าน้เี ป็นสินค้าปกติ)
Q5 Q1 การเปล่ียนแปลงรสนยิ ม
จานวนประชากร เปน็ ตน้
D
D//
ปริมาณสินคา้ X
19
• ความยืดหยุ่นของอุปสงค์
(ELASTICITY OF DEMAND)
หมายถงึ ค่าที่ไดจ้ ากการวดั เปอรเ์ ซน็ ต์การเปลยี่ นแปลงของปรมิ าณเสนอซ้อื
สนิ คา้ ต่อเปอร์เซ็นตก์ ารเปลี่ยนแปลงของตัวแปรอิสระทีเ่ ป็นตวั กาหนดปริมาณเสนอซ้ือ
สินคา้ นนั้ โดยแบง่ ออกเป็น
(1) ความยดื หยุ่นของอปุ สงค์ต่อราคา (Price elasticity of demand; Ed)
คอื เปอรเ์ ซน็ ตก์ ารเปลย่ี นแปลงของปรมิ าณเสนอซือ้ สินคา้ ชนิดใดชนิดหน่งึ
ตอ่ เปอรเ์ ซน็ ต์การเปลีย่ นแปลงของราคาสินคา้ น้นั
20
ตัวอย่ำงกำรคำนวณ ปริมาณเสนอซ้อื (หนว่ ย)
2,000
ราคา (บาท/หนว่ ย) 1,600
เดมิ 100
ใหม่ 150
21
ความยืดหยุ่นของอุปสงค์ต่อราคาแบ่งออกเป็น 5 รูปแบบ
1) อปุ สงค์ที่ไมม่ ีควำมยืดหยนุ่ เลย (Perfectly Inelastic Demand)
ปริมาณซื้อจะไมเ่ ปลี่ยนแปลง ไมว่ า่ ราคาสนิ คา้ จะเปลี่ยนแปลงไปเทา่ ใด เส้นอุปสงคจ์ ะต้งั
ฉากกับแกนนอน และมีค่าความยืดหย่นุ เท่ากับ 0 ตลอดทง้ั เส้น (|Ed| = 0 )
ราคาสินค้า
D
P2
P1
ปริมาณสินค้า
22
2) อุปสงคม์ คี วำมยดื หยุ่นนอ้ ย (Relatively Inelastic Demand)
% การเปลย่ี นแปลงของปริมาณซ้ือจะน้อยกวา่ % การเปล่ยี นแปลงของราคา เสน้ อุปสงค์
จะค่อนขา้ งชนั และมคี ่าความยดื หยนุ่ 0 < |Ed| < 1 (มากกวา่ 0 แตน่ อ้ ยกวา่ 1)
ราคาสนิ ค้า D
P2
P1
Q2 Q1 ปริมาณสนิ ค้า
23
3) อุปสงคม์ ีควำมยืดหยนุ่ คงท่ี (Unitary Elastic Demand)
กรณี % การเปลย่ี นแปลงของปริมาณซอ้ื เท่ากับ % การเปลยี่ นแปลงของราคา เส้นอปุ สงค์
จะเป็นเสน้ โค้ง Rectangular Hyperbola เสน้ อปุ สงคล์ กั ษณะน้จี ะมพี ืน้ ทร่ี ูปสเ่ี หลยี่ มใต้เส้น
โคง้ เทา่ กันตลอด ทาให้มีคา่ ความยืดหย่นุ |Ed| = 1
ราคาสินค้า
D
P2
P1
Q2 Q1 ปรมิ าณสินคา้
24
4) อปุ สงค์มีควำมยดื หยุ่นมำก (Relatively Elastic Demand)
% การเปลี่ยนแปลงของปรมิ าณซ้อื จะมากกว่า % การเปลย่ี นแปลงของราคา เส้นอุปสงคจ์ ะ
คอ่ นข้างลาด และมคี ่าความยดื หยุ่น 1 < |Ed| < ∞ (มากกวา่ 1 แตน่ อ้ ยกว่า ∞)
ราคาสินค้า
P2
P1 D
Q2 Q1 ปริมาณสินคา้
25
4) อุปสงคม์ ีควำมยดื หย่นุ มำกท่ีสดุ (Perfectly Elastic Demand)
กรณีน้ปี ริมาณซื้อจะมีไมจ่ ากัดเมอ่ื ผู้ผลติ ขายสินค้าตามราคาท่ีกาหนดโดยตลาดหรือลดราคา
ลง แต่หากผขู้ ายเพ่ิมราคาเพียงเลก็ นอ้ ยก็จะขายไม่ไดเ้ ลย เสน้ อุปสงคจ์ ะเปน็ เส้นตรงขนาน
แกนนอน และมคี า่ ความยดื หย่นุ |Ed| = ∞ ตลอดท้ังเสน้
ราคาสินค้า
P1 D
ปริมาณสนิ ค้า
26
ข้อสังเกตุ
• คา่ ความยืดหยนุ่ ของอุปสงคต์ ่อราคาจะมคี ่าเปน็ ลบเสมอ แสดงการเปลยี่ นแปลง
ของราคาและปริมาณซอ้ื ในทศิ ทางตรงขา้ มกนั
• การพจิ ารณาคา่ ความยืดหยุ่นว่ามากหรือนอ้ ย จะดตู วั เลขโดยไม่คดิ เครื่องหมาย
เชน่ สนิ คา้ 2 ชนดิ มีค่าความยดื หยุ่นของอุปสงค์ตอ่ ราคา ณ ระดับราคา
เดยี วกัน เทา่ กบั -0.4 และ -2 ตามลาดบั ดังนั้น สินคา้ ชนิดแรกมีคา่ ความยืดหยุ่น
นอ้ ยกว่าชนดิ ท่ีสอง
27
28
ตัวอย่าง
29
ตวั อย่าง
สนิ คา้ ทม่ี คี วามยืดหยุน่ มาก
• สินค้าฟมุ่ เฟอื ย
• สินค้าทม่ี รี าคาแพง
• สนิ คา้ ทีห่ าสนิ คา้ อ่นื ทดแทนได้งา่ ย
• สนิ ค้าคงทน
สินค้าทมี่ ีความยดื หย่นุ นอ้ ย
• สินคา้ จาเป็น
• สินค้าทมี่ ีราคาถูก
• สนิ คา้ ที่หาสินค้าอน่ื ทดแทนไดย้ าก
• สินค้าไม่คงทน
30
• ความยืดหยุ่นของอุปสงค์ (ต่อ)
(ELASTICITY OF DEMAND)
(2) ความยืดหยุ่นของอุปสงคต์ อ่ รายได้ (Income elasticity of demand; Ey)
คือ เปอรเ์ ซ็นตก์ ารเปลีย่ นแปลงของปรมิ าณเสนอซ้ือสนิ ค้าชนิดใดชนิดหนึง่
ตอ่ เปอรเ์ ซ็นตก์ ารเปล่ยี นแปลงของรายได้ของผู้บริโภค
31
ความยืดหยนุ่ ของอุปสงคต์ ่อรายได้ (Ey) แบง่ สนิ ค้าออกเปน็ 2 ชนดิ
ได้แก่ สนิ คา้ ปกติ และสนิ คา้ ด้อยคุณภาพ
• สินคำ้ ปกติ (Normal Goods) คอื ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งรายได้กับปรมิ าณ
เสนอซื้อสินค้าปกติจะมที ศิ ทางเดยี วกนั กลา่ วคือ คา่ ความยืดหยุ่นของอปุ สงค์
ตอ่ รายไดข้ องสนิ คา้ ปกติมีคา่ เปน็ บวก
• สนิ คำ้ ดอ้ ยคณุ ภำพ (Inferior Goods) คอื ความสัมพันธ์ระหวา่ งรายได้กับ
ปริมาณเสนอซื้อสนิ ค้าด้อยคณุ ภาพจะมที ศิ ทางตรงกันขา้ ม กลา่ วคือ คา่ ความ
ยดื หยนุ่ ของอปุ สงคต์ อ่ รายไดข้ องสนิ คา้ ดอ้ ยคณุ ภาพมีค่าเป็นลบ
32
ตัวอย่ำงกำรคำนวณ
รายได้ (บาท)ปรมิ าณเสนอซื้อสินค้า A (หน่วย) ปรมิ าณเสนอซอ้ื สนิ คา้ B (หนว่ ย)
เดมิ 2,000 20 40
ใหม่ 3,000 50 20
33
• ความยืดหยุ่นของอุปสงค์ (ต่อ)
(ELASTICITY OF DEMAND)
(3) ความยืดหยุน่ ของอปุ สงคต์ อ่ ราคาสนิ คา้ อน่ื ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง หรือ ความยดื หยนุ่ ของ
อุปสงคไ์ ขว้ (Cross elasticity of demand; Ec)
คอื เปอรเ์ ซน็ ต์การเปล่ียนแปลงของปริมาณเสนอซือ้ สินค้าชนดิ ใดชนดิ หน่ึง
ตอ่ เปอร์เซน็ ตก์ ารเปล่ยี นแปลงของราคาสนิ ค้าอกี ชนิดหนงึ่ ทเี่ ก่ยี วข้อง
34
ความยืดหยุ่นของอุปสงคไ์ ขว้ (Ec) แบ่งสนิ ค้าออกเปน็ 2 ชนดิ ได้แก่
สินค้าทดแทนกัน และสินค้าประกอบกนั
• สนิ ค้ำทดแทนกนั (Substitution Goods) คอื ความสัมพันธ์ระหวา่ งราคา
สินค้าทดแทน (PY) กบั ปรมิ าณเสนอซอ้ื สินค้า (QX) จะมที ิศทางเดียวกนั กลา่ วคอื
เม่ือราคาสินค้าทดแทนเพิม่ ขึน้ ปรมิ าณเสนอซอ้ื สนิ ค้าเพ่ิมขนึ้ ดังนน้ั คา่ ความ
ยืดหยนุ่ ของอุปสงค์ตอ่ ราคาของสนิ คา้ อืน่ ที่เกย่ี วข้องมีค่าเปน็ บวก
• สนิ คา้ ประกอบกนั (Complementary Goods) คือ ความสมั พนั ธ์ระหวา่ ง
ราคาสนิ คา้ ประกอบกัน (PY) กบั ปริมาณเสนอซื้อสนิ คา้ (QX) จะมีทิศทางตรงกัน
ขา้ ม กลา่ วคอื เม่อื ราคาสนิ คา้ ประกอบเพม่ิ ขน้ึ ปรมิ าณเสนอซ้อื สนิ ค้าลดลง ดังนั้น
ค่าความยืดหยุน่ ของอุปสงคต์ ่อราคาของสินค้าอน่ื ทเ่ี ก่ียวข้องมคี า่ เป็นลบ
35
ตัวอยา่ งการคานวณ
ราคาชา (บาท) ราคาครมี เทยี ม (บาท) ปริมาณเสนอซอื้ กาแฟ (ขวด)
40 50 20
60 20 40
ความยืดหยนุ่ ของอุปสงค์ไขว้ของกาแฟต่อราคาชา
Ec = 100 × (40 - 20)/20 = 100 × 20/20 = 100% = 2.0
100 × (60 - 40)/40 100 × 20/40 50%
ความยดื หยนุ่ ของอุปสงคไ์ ขว้ของกาแฟต่อราคาครมี เทียม
Ec = 100 × (40 - 20)/20 = 100 × 20/20 = 100% = -1.67
100 × (20 - 50)/50 100 × -30/50 -60%
ดังน้ัน ชาเปน็ สินคา้ ทดแทนกับกาแฟ สว่ นครมี เทียมเป็นสินค้าประกอบกันกบั กาแฟ
36
• ความยืดหยุ่นของอุปสงค์กับรายรับรวม
ของผู้ผลิต (หรือรายจ่ายรวมของผู้บริโภค)
ความยืดหยุน่ การเปลี่ยนแปลงของราคา
|Ed| < 1 เพมิ่ ลด
|Ed| = 1
|Ed| > 1 TR เพ่มิ TR ลด
TR คงที่ TR คงท่ี
TR ลด TR เพิม่
หมายเหต:ุ TR (Total revenue) คือ รายรับรวมของผู้ผลติ ซ่งึ มคี ่าเทา่ กับ
รายจ่ายรวมของผบู้ ริโภค คานวณได้จากราคาสินค้าตอ่ หนว่ ยคูณดว้ ยปริมาณซื้อ
37
ตัวอย่าง กรณีความยดื หยุ่นน้อย
ถ้าสินคา้ ชนิดหนง่ึ มรี าคาและปรมิ าณเสนอซอื้ ดังตาราง
รายรับรวม ราคา (บาท/หนว่ ย) ปริมาณเสนอซอ้ื (หนว่ ย)
เพ่ิมขึน้ เมื่อขึ้น 100 2,000
ราคาสินค้า 150 1,600
Ed = 100 (1, 600 - 2, 000)/2, 000 = 100 -400/2, 000 = -20% = -0.4
100 (150 - 100)/100 100 50/100 50%
ก่อนขนึ้ ราคา รายรับรวม(TR) = PxQ = 100x2,000 = 200,000
หลงั ข้นึ ราคา รายรับรวม(TR) = PxQ = 150x1,600 = 240,000 38
ตัวอยา่ งกรณคี วามยดื หยุน่ มาก
ถ้าสินคา้ ชนิดหนึ่งมรี าคาและปรมิ าณเสนอซอ้ื ดงั ตาราง
รายรับรวม ราคา (บาท/หนว่ ย) ปริมาณเสนอซือ้ (หน่วย)
ลดลงเมื่อข้นึ 100 2,000
ราคาสินคา้ 120 1,200
Ed = 100 (1, 200 - 2, 000)/2, 000 = 100 -800/2, 000 = -40% = -2
100 (120 - 100)/100 100 20/100 20%
กอ่ นขึน้ ราคา รายรบั รวม(TR) = PxQ = 100x2,000 = 200,000
หลังข้ึนราคา รายรับรวม(TR) = PxQ = 120x1,200 = 144,000
39
บทที่ 3
พฤติกรรมของผ้ผู ลติ
• ความหมายของอปุ ทาน
• ตารางอุปทาน และเสน้ อุปทาน
• อปุ ทานตลาด
• ปจั จยั กาหนดอุปทาน
• การเปลยี่ นแปลงเสน้ อุปทาน
• ความยืดหยนุ่ ของอปุ ทาน
1
บทท่ี 3
พฤตกิ รรมของผู้ผลติ
• การผลิต
• ระยะเวลาการผลติ
• ฟงั ก์ชั่นการผลิต
• ตน้ ทนุ การผลิต
• รายรับจากการผลติ
• ดลุ ยภาพของผูผ้ ลิต
2
• ความหมายของอุปทาน
อปุ ทาน (Supply) คือ ปรมิ าณความตอ้ งการเสนอขายสนิ ค้าและบรกิ าร
ชนดิ ใดชนดิ หนง่ึ ของผูผ้ ลติ ณ ระดับราคาต่าง ๆ ของสนิ คา้ และบริการนน้ั ภายใน
เวลาใดเวลาหนงึ่ หรือก็คือ เปน็ ปรมิ าณสนิ ค้าที่ผลติ แลว้ นาออกขาย ณ ระดับ
ราคาต่างๆ แต่ไม่ได้หมายถงึ ปรมิ าณสนิ คา้ ทงั้ หมดทผ่ี ูข้ ายผลติ ได้
กฎของอปุ ทาน (Law of supply) ระบุวา่ “ความสมั พันธ์ระหวา่ ง
ปริมาณเสนอขายสนิ ค้ากับระดบั ราคาสนิ คา้ นั้นจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เมอ่ื
กาหนดใหป้ ัจจัยอื่น ๆ คงที่”
3