ประเภทของภาษอี ากร
ภาษีอากรสามารถแบ่งไดเ้ ปน็ 2 ประเภทใหญๆ่ คอื
• ภาษีทางตรง (Direct Tax) หมายถงึ ภาษีท่ีผูเ้ สียภาษีตอ้ งรับภาระ
ภาษไี วเ้ องโดยจะผลกั ไปใหผ้ อู้ ื่นได้ยาก เช่น ภาษีเงินไดบ้ ุคคลธรรมดา
ภาษเี งนิ ไดน้ ิติบุคคล ภาษที ด่ี ิน ภาษมี รดก เป็นต้น
• ภาษีทางออ้ ม (Indirect Tax) หมายถงึ ภาษที ผี่ ู้เสียภาษสี ามารถ
ผลกั ภาระภาษีไปให้ผ้อู นื่ ได้ง่าย เช่น ภาษมี ูลค่าเพ่มิ ภาษีสรรสามติ
ภาษศี ลุ กากร เป็นตน้
10
อัตราภาษี
ฐานภาษี คือ สง่ิ ทเ่ี ปน็ รายไดท้ จี่ ะนามาคานวณภาษี อาจเปน็ เงินรายได้
หรือมูลค่าของทรพั ยส์ นิ ก็ได้ เช่น ราคาที่ดิน คอื ฐานภาษสี าหรบั การ
เก็บภาษีทีด่ ิน
อัตราภาษที จ่ี ดั เกบ็ แบง่ ออกเปน็ 3 ประเภท
1. อัตราคงท่ี
2. อัตราก้าวหนา้
3. อตั ราถอยหลงั
11
1. อตั ราคงท่ี (Flat Rate หรือ Proportional Rate) คอื อัตราภาษที ี่
จัดเกบ็ ในอตั ราทีเ่ ทา่ กันไม่ว่าขนาดของฐานภาษเี ทา่ ใดกต็ าม เช่น
ภาษมี ลู คา่ เพ่มิ ภาษีเงินไดน้ ิติบคุ คล
2. อตั ราก้าวหน้า (Progressive Rate) คือ อัตราภาษีที่จัดเกบ็ ในอตั ราที่
สูงขนึ้ เมอ่ื ฐานภาษีมากข้ึน เช่น ภาษเี งินไดบ้ คุ คลธรรมดา
3. อัตราถอยหลัง (Regressive Rate) คอื อตั ราภาษที ี่จัดเก็บในอัตราท่ี
ลดลงเม่ือฐานภาษีมากขึ้น (ไม่มตี วั อยา่ ง แต่เมอ่ื เทยี บสดั ส่วนภาษีทต่ี ้อง
จา่ ยกับรายได้ หากอตั ราภาษีคงที่ พบว่าคนรวยจะเสยี ในสดั สว่ นทนี่ อ้ ย
กวา่ คนจน ซึ่งไดแ้ ก่พวกภาษที างออ้ มตา่ งๆ เชน่ VAT)
12
อตั ราภาษี ฐานภาษี อัตราภาษี (%) จานวนภาษี
คงที่ 1,000 5 50
2,000 5 100
ก้าวหนา้ 3,000 5 150
1,000 5 50
ถอยหลัง 2,000 7 140
3,000 10 300
1,000 10 100
2,000 7 140
3,000 5 150
13
VAT spend as a proportion of household incomeกลุ่มคน 20% ท่ีจนท่ีสุดใน UK เสียภาษีมูลค่าเพ่ิมโดยมีสัดส่วนคิดเป็นกว่า 12.1% ของรายได้
ท้ังหมด ในขณะทีก่ ลุ่มคนท่ีรวยที่สุด 20% เสียภาษีมูลค่าเพ่ิมเทียบกับรายได้น้อยกว่า 5% ดังน้ัน
VAT เปน็ regressive rate
14
ประเทศแคนาดา
15
16
Thailand
ทีม่ า กรมสรรพากร
17
The US
Federal marginal income tax brackets
ทีม่ า https://www.thebalance.com/federal-income-tax-rates-4108244
18
Belgium
ท่มี า https://home.kpmg.com/xx/en/home/insights/2011/12/belgium-income-tax.html
19
1.2 รายไดจ้ ากการขายสงิ่ ของและบรกิ าร ไดแ้ ก่ ค่าขายหนงั สือ
ราชการ คา่ เชา่ ทรพั ยส์ นิ ของรฐั บาล คา่ ธรรมเนยี มต่าง ๆ เปน็ ตน้
1.3 รายได้จากรฐั พาณชิ ย์ ไดแ้ ก่ รายได้จากผลกาไร เงินปันผลท่ไี ด้
จากองค์การของรัฐ หรือกิจการทเี่ ปน็ ของรัฐหรอื มหี ุน้ สว่ น เป็นตน้
1.4 รายไดอ้ ืน่ ๆ ไดแ้ ก่ ค่าแสตมป์ และค่าปรบั ตา่ ง ๆ
20
2. ด้านเงินกู้
เงินกู้ หมายถึง การกู้ยืมเงินของรัฐบาล เกิดจากการท่ีรายได้
น้อยกว่ารายจ่าย (งบประมาณขาดดุล) โดยเงินกู้ของรัฐบาลเรียกว่า
หนี้สาธารณะ
หนส้ี าธารณะ แบ่งออกไดเ้ ปน็ 2 ประเภท ตามระยะเวลาการ
กู้ยืม และแหล่งทม่ี าของเงนิ กู้
21
แบ่งตามระยะเวลาการกยู้ ืม ได้แก่
การก้รู ะยะสน้ั คือ การกู้เงินทมี่ ีกาหนดเวลาการชาระคืนเงนิ ตน้
ภายในระยะเวลา 1 ปี เชน่ ต๋วั เงินคลังในระยะสน้ั เป็นต้น
การกู้ระยะปานกลาง คอื การกเู้ งินทม่ี กี าหนดเวลาการชาระคืนเงิน
ตน้ ภายในระยะเวลา 2-5 ปี เชน่ พันธบัตรหรือหลกั ทรัพยข์ อง
รัฐบาลในระยะปานกลาง เปน็ ต้น
การกรู้ ะยะยาว คือ การกเู้ งนิ ทม่ี กี าหนดเวลาการชาระคืนเงินตน้
ต้งั แต่ 5 ปขี น้ึ ไป ได้แก่ พันธบัตรรัฐบาลระยะยาว การก้ยู มื เพ่ือ
การลงทนุ ระยะยาว เช่น โครงการสรา้ งเขอ่ื น เป็นต้น
22
แบ่งตามแหลง่ ท่ีมาของเงนิ กู้ ได้แก่
หน้ีภายในประเทศ (Internal Debt) คอื การกูย้ มื เงนิ ของ
รฐั บาลจากประชาชนและสถาบนั การเงนิ ตา่ งๆ ภายในประเทศ
ได้แก่ การกเู้ งินจากประชาชนตา่ งๆ การกูเ้ งนิ จากธนาคาร
พาณิชย์ เป็นต้น
หนีภ้ ายนอกประเทศ (External Debt) คือ การกู้เงนิ โดยตรง
ของรัฐบาลและการกู้เงนิ ของรัฐวสิ าหกจิ ซ่ึงรัฐบาลค้าประกัน
โดยแหล่งเงนิ กสู้ ว่ นใหญ่ คอื ธนาคารโลก IMF ADB เป็นตน้
23
ทมี่ า: ฐานเศรษฐกิจ
24
25
สดั สว่ นของหนีส้ าธารณะตอ่ GDP
Thailand
ทมี่ า https://tradingeconomics.com/thailand/government-debt-to-gdp
26
Greece
ท่ีมา https://tradingeconomics.com/greece/government-debt-to-gdp
27
Japan
ทมี่ า https://tradingeconomics.com/japan/government-debt-to-gdp
28
3. เงินคงคลัง
เงินคงคลัง หมายถึง เงินที่เหลือจากการใช้จ่ายในปีก่อน ๆ ซ่ึง
รัฐบาลเก็บสะสมไว้และสามารถนามาใช้ในปีที่งบประมาณขาดดุลได้
ซงึ่ เงนิ คงคลงั เกิดไดห้ ลายกรณคี ือ เงินที่เหลือจากการประมูลต่างๆ ที่รัฐ
ได้ตั้งงบประมาณสูงเกินกว่าจ่ายจริง หรือส่วนราชการบางแห่งอาจใช้
เงินไม่หมด หรือเกิดการแก้ไขภาษีระหว่างปี (เพิ่มอัตราภาษีในปีน้ัน)
เปน็ ตน้
29
• งบประมาณรายจ่าย
ในการกาหนดงบประมาณรายจา่ ยเพ่ือนาไปใชพ้ ัฒนาประเทศ จะพจิ ารณา
โดยคิดเป็นสัดสว่ นของผลติ ภัณฑ์ภายในประเทศเบ้ืองต้น (GDP)
1. ตามลกั ษณะงาน คอื แบง่ ตามการดาเนินงานของรัฐบาล มี 8 ดา้ นคือ
เศรษฐกจิ การศึกษา การป้องกนั ประเทศ การรักษาความสงบภายใน
การสาธารณสขุ การบริหารทั่วไป การชาระหนี้ และดา้ นอื่นๆ
2. ตามแผนงาน คอื แบ่งตามแผนงานตา่ งๆ เชน่ เกษตรกรรม
อตุ สาหกรรม คมนาคม สาธารณสขุ เปน็ ตน้
30
3. ตามลกั ษณะทางเศรษฐกิจ คอื แบง่ เป็นรายจ่ายประจา (รายจ่าย
ทางด้านเงนิ เดอื น สวสั ดกิ ารของขา้ ราชการ ซึง่ มีสดั สว่ นมากสดุ )
รายจ่ายเพื่อการลงทนุ (รายจา่ ยกอ่ สรา้ ง ครุภัณฑ์ เพื่อสร้าง
ความเจรญิ เตบิ โตทางเศรษฐกจิ ) และรายจา่ ยในการชาระหนี้
4. ตามสว่ นราชการและรฐั วิสาหกิจ คอื แบง่ ตามหน่วยงานตา่ งๆ
โดยแบง่ ตามกระทรวง ทบวงตา่ งๆ และหนว่ ยงานรัฐวิสาหกจิ
31
ท่มี า รายงานงบประมาณประจาปี 2560,
สานักงบประมาณ
32
ท่มี า รายงานงบประมาณประจาปี 2560,
สานักงบประมาณ
33
• ประเภทของงบประมาณแผ่นดิน
แบง่ ออกเปน็ 2 ประเภทคือ
1. งบประมาณสมดลุ (Balance Budget) หมายถึง งบประมาณทรี่ ายได้
ของรฐั บาล เทา่ กบั รายจา่ ยของรฐั บาล เนอื่ งจากให้ประบบเศรษฐกิจมี
เสถยี รภาพ
2. งบประมาณไมส่ มดุล (Unbalanced Budget) หมายถงึ งบประมาณ
ทร่ี ายไดข้ องรฐั บาลไม่เท่ากับรายจา่ ยของรฐั บาล ซง่ึ แบ่งออกเป็น
34
I. งบประมาณเกนิ ดุล (Surplus Budget) หมายถงึ งบประมาณท่ี
รายไดข้ องรฐั บาลมากกว่ารายจา่ ยของรัฐบาล เงนิ คงคลังเพ่ิม
การใชน้ โยบายแบบเกินดุลนเ้ี พ่อื แก้ปญั หาเศรษฐกิจขยายตัวมาก
ไป หรือเพือ่ ให้ระบบเศรษฐกจิ มกี ารชะลอตวั
I. งบประมาณขาดดุล (Deficit Budget) หมายถึงงบประมาณทีร่ ายได้
ของรัฐบาลนอ้ ยกว่ารายจา่ ยของรฐั บาล เงนิ คงคลังลด
การใชน้ โยบายแบบขาดดลุ น้ีเพอ่ื แกป้ ัญหาเศรษฐกจิ ตกต่า
เพอ่ื ให้ระบบเศรษฐกิจมกี ารขยายตวั
35
• นโยบายการคลัง
นโยบายการคลงั คือ นโยบายท่ีดาเนินการโดยรฐั บาลเกย่ี วกบั การจดั หารายไดแ้ ละการ
ใช้จา่ ยเพื่อรกั ษาเสถยี รภาพของระบบเศรษฐกจิ
ลักษณะของนโยบายการคลัง มี 2 ประเภทดังนี้
1. นโยบายการคลังแบบหดตวั (Contractionary Fiscal Policy) หมายถงึ
การดาเนนิ งบประมาณแบบเกนิ ดุล คือ มีงบประมาณรายได้มากกว่างบประมาณ
รายจ่าย โดยเพิม่ อตั ราภาษอี ากร ลดรายจา่ ยของรฐั บาล
ซึ่งมกั จะใช้ช่วงเศรษฐกิจขยายตัวมากไป
2. นโยบายการคลงั แบบขยายตวั (Expansionary Fiscal Policy) หมายถึง การ
ดาเนินงบประมาณแบบขาดดุล คอื มงี บประมาณรายไดน้ อ้ ยกวา่ งบประมาณ
รายจ่าย โดยลดอัตราภาษี เพิม่ รายจา่ ยของรัฐบาล ซ่งึ มักจะใชใ้ นช่วงเศรษฐกิจ
ตกต่าเพ่ือกระตุ้นให้เศรษฐกจิ ฟื้นตวั
36
เศรษฐกิจตกต่า นโยบายการคลงั แบบขยายตวั
ลดภาษเี งนิ ไดบ้ คุ คลธรรมดา ลดภาษีเงินได้นติ บิ ุคคล
รายได้พึง่ ใชจ้ า่ ย รายไดธ้ ุรกจิ
ค่าใชจ้ ่ายในการบรโิ ภค การลงทนุ
รายได้ประชาชาติ
ลดภาษีมูลค่าเพิม่ และ เพิ่มรายจ่ายของรัฐบาล
ลดภาษสี รรพาสามิต
37
เศรษฐกจิ ขยายตวั มากไป นโยบายการคลงั แบบหดตวั
ขึน้ ภาษเี งินไดบ้ คุ คลธรรมดา ขึ้นภาษเี งินไดน้ ิตบิ ุคคล
รายได้พ่ึงใชจ้ ่าย รายได้ธรุ กจิ
คา่ ใช้จา่ ยในการบริโภค การลงทุน
รายไดป้ ระชาชาติ
ขึ้นภาษีมลู ค่าเพ่มิ และ ลดรายจ่ายของรัฐบาล
ขึ้นภาษสี รรพาสามติ
38
• สรุปการดาเนินนโยบายการคลัง
เศรษฐกจิ ตกตา่ (เงนิ ฝดื ) เศรษฐกจิ ขยายตัวมากไป (เงนิ เฟ้อ)
นโยบายการคลังแบบขยายตวั นโยบายการคลงั แบบหดตัว
(งบประมาณขาดดุล) (งบประมาณเกินดลุ )
- เพม่ิ ค่าใชจ้ ่ายรัฐบาล
- ลดอตั ราภาษี - ลดค่าใชจ้ า่ ยรัฐบาล
- เพม่ิ อตั ราภาษี
39
บทที่ 8
เงนิ เฟอ้ เงินฝืด และการวา่ งงาน
ความหมายของเงนิ เฟอ้
สาเหตุของการเกดิ เงนิ เฟ้อ
ผลกระทบของเงินเฟอ้
การแก้ปัญหาเงนิ เฟอ้
ภาวะเงินเฟ้อของประเทศไทยและมาตรการแกไ้ ข
เงนิ ฝืด
การว่างงาน
1
• ความหมายของเงินเฟ้อ
เงนิ เฟ้อ (Inflation) หมายถงึ ภาวะที่ระดับราคาสนิ คา้ โดยท่วั ไป
เพ่ิมสงู ขนึ้ อย่างต่อเนื่องอนั เป็นผลทาใหค้ ่าของเงินลดลง (ดว้ ยรายไดเ้ ทา่ เดมิ
เมอื่ เกิดภาวะเงินเฟ้อผู้บรโิ ภคกจ็ ะมีอานาจซ้อื ลดลง)
เราใช้การเปลยี่ นแปลงราคาสนิ คา้ โดยท่วั ไปเปน็ เครื่องช้วี ดั ความ
รุนแรงของภาวะเงนิ เฟ้อ โดยหากราคาเฉลี่ยสงู ข้นึ เพียงครง้ั เดยี วและไม่
ต่อเนื่อง จะไมเ่ รียกวา่ เกิดภาวะเงนิ เฟอ้ แตห่ ากราคาสูงขึน้ อย่างตอ่ เนอ่ื ง
และอตั ราการเปล่ียนแปลงสูง จะถือวา่ ภาวะเงนิ เฟ้อมีความรนุ แรง
ระดบั ราคาในท่นี ี้ หมายถงึ ราคาเฉลี่ยของสนิ ค้าและบรกิ ารประเภท
ตา่ ง ๆ ซ่งึ พจิ ารณาไดจ้ าก “ดัชนรี าคาผ้บู รโิ ภค (Consumer Price Index :
CPI)”
2
o ดัชนีราคาผู้บริโภค
(Consumer Price Index : CPI)
• เป็นเครอ่ื งมอื ทางสถติ ิท่ีใชว้ ดั การเปลย่ี นแปลงราคาขายปลกี ของสินค้า
และบรกิ ารโดยเฉลี่ยทผี่ บู้ รโิ ภคจ่ายในชว่ งเวลาหนง่ึ เปรยี บเทียบกับปฐี าน
• เป็นการวัดการเปล่ยี นแปลงของราคาสินค้าและบรกิ ารประมาณ 270
รายการ โดยใช้ค่าเฉลี่ยถ่วงน้าหนักในสัดส่วนรอ้ ยละ 100 ของสินคา้
2 กลมุ่ คือ
1) กลุ่มสนิ ค้าอาหารและเคร่ืองดมื่ โดยใหน้ ้าหนักร้อยละ 40
2) กลุม่ สินค้าทไ่ี ม่ใชอ่ าหารและเครอื่ งดม่ื โดยให้นา้ หนักรอ้ ยละ 60
ซ่ึงแบ่งออกไดเ้ ป็นอกี 6 หมวดย่อย ดงั นี้
3
กล่มุ สนิ คา้ ท่ไี มใ่ ช่อาหารและเคร่อี งดมื่ ประกอบดว้ ย 6 หมวด คอื
(1) หมวดเคหะสถาน
(2) หมวดยานพาหนะ การขนส่งและการสอื่ สาร
(3) หมวดการบันเทงิ การอ่านและการศึกษา
(4) หมวดการตรวจรักษาและบรกิ ารส่วนบคุ คล
(5) หมวดเคร่อื งนุม่ หม่
(6) หมวดยาสูบและเครอ่ื งดื่มท่มี แี อลกอฮอล์
4
• ประเภทของ CPI
1. ดัชนีราคาผ้บู ริโภคทว่ั ไป (Headline CPI) คือ ดัชนีราคาทีพ่ ิจารณาจากทกุ หมวด
สนิ คา้ ใชใ้ นการวิเคราะห์ความเคลอ่ื นไหว วิเคราะห์สถานการณ์ราคาสนิ คา้
โดยท่ัวไป กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์เป็นผคู้ านวณ และใช้เป็นดัชนี
อ้างองิ ถึงภาวะเงินเฟอ้ ของประเทศ
2. ดัชนีราคาผู้บรโิ ภคพน้ื ฐาน (Core CPI) คือ ดัชนรี าคาผ้บู รโิ ภคทว่ั ไปท่ีหกั สินค้าใน
หมวดอาหารสดและพลังงานออก เนื่องจากราคามีความผันผวนในระยะสั้นและอยู่
นอกเหนอื การควบคุมของนโยบายการเงนิ core inflation เป็นการเนน้ เร่อื งการ
รักษาเสถียรภาพดา้ นราคาในระยะปานกลางหรอื ระยะยาวมากกวา่ ระยะส้ัน
5
o ดัชนีราคาผู้บริโภคของประเทศไทย
ปีฐานคือ 2558 (2558 =100)
ปี ดชั นรี าคาผู้บรโิ ภคท่วั ไป ดัชนรี าคาผ้บู รโิ ภคพน้ื ฐาน
2551 88.49 91.18
2552 87.74 91.44
2553 90.63 92.29
2554 94.08 94.46
2555 96.91 96.45
2556 99.03 97.42
2557 100.91 98.96
2558 100 100
2559 100.19 100.74
2560 100.85 101.3
ทม่ี า กระทรวงพาณิชย์ 6
o CPI กับ อัตราเงินเฟ้อ
ปี ดชั นรี าคาผู้บรโิ ภคท่วั ไป อัตราเงินเฟ้อ (%) “อตั ราเงนิ เฟอ้ มคี า่ เทา่ กบั อตั ราการ
เปลีย่ นแปลงดัชนีราคาผู้บรโิ ภค (%)”
2551 88.49 -
2552 87.74 -0.85
2553 90.63 3.29 Inflationt = 100 × (CPIt - CPIt-1 )
CPIt-1
2554 94.08 3.81
2555 96.91 3.01
2556 99.03 2.19 Inflation = 100 × (CPI2560 - CPI2559 )
2557 100.91 1.90 2560 CPI
2559
2558 100 -0.90
= 100 × (100.85 - 100.19) = 0.66
2559 100.19 0.19 100.19
2560 100.85 0.66
7
ในปี 2560 ประเทศไทยมอี ัตราเงนิ เฟอ้ เท่ากับ 0.66% หมายถึง ดัชนรี าคา
ผู้บรโิ ภคของปี 2560 สงู กวา่ ดัชนีราคาผบู้ รโิ ภคของปี 2559 เทา่ กบั รอ้ ยละ
0.66
คาถาม
ในปี 2552 อัตราเงินเฟ้อติดลบ หมายถงึ อะไร?
ดชั นรี าคาผ้บู ริโภคลดลงเม่อื เทยี บกับปี 2551
8
• ระดบั ความรุนแรงของเงินเฟอ้
1. เงินเฟ้ออยา่ งออ่ น (Mild inflation) คอื เงนิ เฟ้อไมเ่ กนิ รอ้ ยละ 5 ต่อปี
เปน็ เงนิ เฟ้อที่มผี ลดีต่อผปู้ ระกอบการในการจูงใจให้มกี ารผลิตสินคา้
2. เงนิ เฟอ้ ปานกลาง (Moderate inflation) คือ เงนิ เฟ้อทอ่ี ยรู่ ะหว่างรอ้ ย
ละ 5-20 ต่อปี เป็นระดบั เงินเฟอ้ ท่สี ง่ ผลกระทบตอ่ ผู้บรโิ ภค
3. เงินเฟ้อรุนแรง (Hyperinflation) คือ เงินเฟอ้ ทม่ี ากกวา่ ร้อยละ 20 ตอ่ ปี
เปน็ เงนิ เฟอ้ ในระดบั รนุ แรงที่สง่ ผลตอ่ เศรษฐกิจ มักเกิดในประเทศท่ีมี
สงครามหรอื มปี ัญหาทางการเมืองและเศรษฐกจิ อย่างรนุ แรง
9
Thailand
10
The US
11
Vietnam
12
Hyper Inflation In Zimbabwe
in 2008
13
•ในปี 2008 ประเทศซมิ บบั เว เกดิ ปัญหาเงนิ เฟ้อรนุ แรง และติดอันดบั เงนิ เฟอ้
รนุ แรงทสี่ ุดของโลก อัตราเงนิ เฟอ้ โดยประมาณประจาเดอื นพฤศจิกายน 2008
อยู่ท่ี 79,600,000,000%
• ราคาสนิ ค้าปรบั ตัวสูงขึ้นเป็นรายวัน โดยอตั ราเงนิ เฟอ้ รายวนั อยู่ทีร่ ปะมาณ
98% (ราคาสนิ คา้ เพ่มิ ข้นึ เป็นสองเท่าในทกุ วัน) ในขณะเดยี วกันอัตราการ
ว่างงานก็เพ่มิ ข้นึ จนใกล้ 80%
• สาเหตทุ ่สี าคญั ของการเกิดเงนิ เฟ้อรนุ แรงนีค้ อื การพมิ พ์เงิน (Printing
Money) เพ่อื แกป้ ญั หาเศรษฐกจิ หรือ Economic shocks
14
Zimbabwe
15
ภาวะเงนิ เฟอ้ รุนแรง และทาให้ธนาคารตอ้ งออกธนบตั รใบละ 100 ล้านล้านดอลลารม์ าใช้
16
17
• สาเหตุของการเกิดเงินเฟ้อ
เงนิ เฟอ้ สามารถเกดิ ไดท้ ้ังทางด้านอุปสงค์และอุปทาน
1. เงินเฟอ้ ทเี่ กิดทางดา้ นอุปสงค์ (Demand–Pull Inflation) หมายถึง เงินเฟ้อท่ี
เกิดขนึ้ จากการทอี่ ุปสงค์มวลรวมของประเทศ (Aggregate Demand: AD)
เพมิ่ ขึน้ ขณะทีอ่ ุปทานมวลรวมของสินค้าและบรกิ าร (Aggregate Supply: AS)
ไมเ่ ปลี่ยนแปลง
18
ราคาสนิ คา้ AS
P3 E3
P2
P1 E1 E2 AD3
Y1 AD1 AD2
Yf
รายได้ประชาชาติ
Yf =รายไดป้ ระชาชาติ ณ ระดบั การจา้ งงานเตม็ ที่
19
สาเหตุทีท่ าใหอ้ ุปสงคม์ วลรวมเพ่มิ ข้นึ
มดี ังนค้ี อื
1) ปริมาณเงนิ เพมิ่ ข้ึน (Supply of Money ) หากปรมิ าณเงินเพม่ิ ขึน้ ก็ทาให้
ประชาชนมกี ารใชจ้ า่ ยรวมเพ่มิ ขน้ึ และถา้ ปริมาณการผลติ คงท่ี ราคาสินค้าก็
เพิ่มสูงขึ้น ธนาคารกลางพิมพธ์ นบัตรเพมิ่ Supply of Money
ธนาคารพาณิชย์ขยายสนิ เช่อื
2) การเพิ่มข้นึ ของสว่ นประกอบอุปสงค์มวลรวม ไดแ้ ก่ คา่ ใช้จา่ ยในการบรโิ ภค
(C) รายจ่ายในการลงทนุ (I) รายจ่ายรฐั บาล (G) และส่งออกสุทธิ (X-M)
20