หนว่ ยท่ี 4 กลยทุ ธ์การตลาดอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์
พบว่า ผูเ้ ข้าเยย่ี มชมเวบ็ ไซตน์ ี้ส่วนใหญ่เป็นผู้ชายถงึ ร้อยละ 55.43 ระดบั การศึกษาจะอยู่
ในระดับมัธยมปลายถึงระดับ ปวส. และอยู่ในช่วงอายุประมาณ 24 - 40 ปี ดังนั้นในการโฆษณา
ออนไลน์ในเว็บไซต์ดังกล่าวเราจึงสามารถกาหนดเน้ือหา และรูปแบของกรโฆษณาออนไลน์ให้มคี วาม
เหมาะสม และสามารถดึงดูดตรงกบั กลุ่มผูเ้ ข้าเยยี่ มชมดังกลา่ วได้มากขึ้น
ภาพที่ 4.1 แสดงตัวอยา่ งข้อมูลประชากรศาสตร์ของเว็บไซต์ sanook.com
(ที่มา : http://truehits.net/stat.php?login=sanook)
1.2.2 การเลือกกลุ่มเป้าหมายตามบรบิ ท
กา ร เ ลื อ กก ลุ่ มเ ป้ า ห ม า ย ต า ม บ ริ บ ท เ ป็ น วิ ธี นิ ย ม ใ ช้ กั น อย่ า ง แ พ ร่ ห ล า ย ใ น ก า ร
พจิ ารณาโฆษณาออนไลน์ของไทยท้ังนี้อาจเป็นเพราะเว็บไซต์ส่วนใหญ่ท่ีเปน็ ท่ีนิยมน้ันมักเป็นเว็บไซต์
ทม่ี ีเนื้อหาเฉพาะทางหรือมุ่งเน้นเร่ืองใดเร่ืองหนึ่ง ยกตัวอย่าง เว็บไซต์ที่มีเน้ือหาเก่ียวกับกีฬาฟุตบอล
เช่น www.siamsport.co.th เป็นต้นโดยที่เราสามารถทราบได้ว่ามีเว็บไซต์ใดบ้างที่มีเนื้อหาในหมวด
ทเี่ ราสนใจจะลงโฆษณา โดยพิจารณาจากรายละเอียดต่าง ๆ ดงั นี้
1) ดูจากสารบัญของเว็บท่า: ตัวอย่างเช่น จะหาเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับ
ฟุตบอล ก็ไปท่ี http://directory.truehits.net/ หลังจากน้ันก็ไปท่ี หมวดกีฬา และหมวดย่อย
ฟตุ บอล
2) ใช้การสังเกต: ตัวอย่างเช่น การสังเกตจากการพูดคุยกันของผู้ใช้อินเทอร์เน็ต
ในชมุ ชนุ เว็บไซต์ตา่ ง ๆ
173
เอกสารประกอบการเรยี น รายวชิ า การตลาดอเิ ล็กทรอนิกส์ (3202-2103)
หน่วยท่ี 4 กลยทุ ธ์การตลาดอเิ ลก็ ทรอนิกส์
3) ใช้เคร่ืองมือค้นหา (Search Engine) ช่วย : ตัวอย่างเช่น ลองพิมพ์ค้นคาว่า
“ฟุตบอล” ใน www.Google.com เพือ่ ดูว่ามเี ว็บไซตใ์ ดบา้ ง
ตัวอยา่ งเช่น บริษทั รถยนตย์ ่ีห้อหนึ่งต้องการโฆษณารถยนต์ของบริษัทผ่านทางส่ือ
อินเทอร์เน็ต และเว็บไซต์แล้ว หากต้องการวางกลุ่มเป้าหมายตามบริบท ก็สามารถดูจากตัวประเภท
สินค้าได้ โดยใช้วิธีการลองพิมพ์คาค้นหาในหน้าสารบัญของ Truehits ท่ีอยู่ในหมวด “ยานยนต์”
http://car.trurhits.net/index.php เปน็ ต้น
อยา่ งไรกต็ าม สิง่ หน่ึงทเี่ ราจะตอ้ งทาควบคู่ไปด้วย คอื การสังเกต อ่าน และ
พิจารณาเน้ือหาใน เวบ็ ไซต์เหลา่ นนั้ ว่ามีเน้ือหาทีน่ า่ สนใจมากนอ้ ยเพียงไร และเวบ็ ไซตน์ ้ันมีความถใ่ี น
การปรบั เปล่ยี นข้อมูล ในเวบ็ ไซตห์ รือไม่ อย่างไร
1.2.3 การเลือกกล่มุ เป้าหมายตามพฤติกรรม (Behavioral Targeting)
เช่น การไปลงโฆษณาในหน้าเว็บที่เช่ือว่าผู้ใช้งานมีพฤติกรรมที่ตรงกับท่ี
ผู้ประกอบการ หรือเจ้าของสินค้าน้ัน ๆ ต้องการ เช่น การลงโฆษณาเช่าในเว็บจองต๋ัวเครื่องบิน
เป็นตน้
1.2.4 การเลอื กกลมุ่ เปา้ หมายตามภูมิศาสตร์ (Geographic Targeting)
เชน่ หากเจ้าของสนิ ค้าจะไปจัดกจิ กรรม หรือคอนเสิรต์ เพื่อโปรโมทสินค้าในพ้นื ที่
ทีจ่ ังหวัดเชียงใหม่แลว้ กค็ วรลงโฆษณาในเว็บไซตข์ องชุมชนเชียงใหม่ เปน็ ต้น
1.2.5 การเลอื กกลมุ่ เปา้ หมายตามช่วงเวลาของวัน (Daypart Targeting)
ให้เหมาะสมกับสินค้าท่ีตอ้ งการโฆษณา ตัวอยา่ งเชน่ กรณีสินค้าอาหารประเภท
Fast Foods ก็ควรเนน้ ลงโฆษณาในชว่ งก่อนมื้ออาหารเที่ยง เปน็ ต้น
1.3 พิจารณารปู แบบราคา (Pricing Model)
รูปแบบการซอ้ื ขายพ้นื ทโ่ี ฆษณาออนไลนน์ น้ั มหี ลายรปู แบบท่ีนยิ มในปจั จบุ นั มีดังนี้
1.3.1 ราคาเหมาตอ่ ช่วงเวลา (Fixed Rate)
คือ การจ่ายราคาเหมา เพื่อให้โฆษณาแสดงผลอยู่ท่ีตาแหน่งนั้น ตลอดช่วงเวลา
หน่ึง เช่น ราคา 20,000 บาทต่อเดือนสาหรับการลงโฆษณาที่มีขนาด 250 x 250 pixel เป็นต้น ใน
บางคร้ังเว็บไซต์อาจขายพื้นท่ีนั้น ๆ ให้แก่ผู้ลงโฆษณามากกว่าหน่ึงรายโดยอาศัยการสุ่ม หมุนวน
โฆษณาของแต่ละรายขึ้นมาเท่า ๆ กัน หรือที่เราเรียกว่า Rotate Banner เช่น ค่าใช้จ่ายในการลง
โฆษณา 10,000 บาท สาหรับโฆษณาขนาด 728 x 90 ด้านบนของหน้า Rotate จานวน 3 ราย
แสดงว่าค่าใช้จ่ายในการโฆษณา 10,000 บาทน้ัน จะได้จานวนการแสดงผลเพียงแค่1 ใน 3 ของการ
แสดงผลทั้งหมดทีม่ ใี นหนา้ น้นั ๆ เปน็ ตน้
174
เอกสารประกอบการเรยี น รายวิชา การตลาดอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ (3202-2103)
หน่วยท่ี 4 กลยทุ ธ์การตลาดอิเลก็ ทรอนิกส์
1.3.2 ราคาตอ่ หนง่ึ คร้งั การแสดงผล (Cost per Impression)
คือ คิดราคาต่อ 1 คร้ังท่ีแบนเนอร์แสดงผล ส่วนใหญ่แล้วจะใช้เป็นหน่วยราคาต่อ
หนึ่งพันครั้งการแสดงผล (Cost per Millar หรือ CPM) มากกว่า ตัวอย่างเช่น ราคา 850 CPM
หมายถงึ เราต้องจา่ ยเงิน 850 บาท เพ่ือให้โฆษณาแสดงผล 1,000 คร้งั ในตาแหนง่ ทกี่ าหนด เป็นตน้
1.3.3 ราคาต่อหนึง่ คลิก (Cost per Click)
คือ รูปแบบของราคาโฆษณาที่ผู้โฆษณาต้องจ่ายค่าโฆษณาเฉพาะเม่ือมีคนคลิก
โฆษณา และ Cost per Action หรือจ่ายค่าโฆษณาเฉพาะเม่ือมีการตอบรับการโฆษณาตามทีก่ าหนด
ตัวอย่างเช่น การจ่ายเงินเม่ือมีคนลงทะเบียนรับจดหมายข่าว หรือจ่ายเงินเมื่อมีคนเล่นกิจกรรม
ออนไลน์ของสินค้าน้ัน ๆ อย่างไรก็ตามในปัจจุบันนั้น รูปแบบของการกาหนดราคาในลักษณะน้ียังไม่
เป็นที่นยิ มมากนกั
1.4 การเลือกใช้เคร่อื งมอื วัดปริมาณผล (Tracking and Evaluation)
มีหลายวิธีด้วยกันวิธีการวัดผลจากการลงโฆษณา ต้องกาหนดตัววัดผลท่ีถูกต้องและ
สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการโฆษณา ซ่ึงควรพิจารณาท้ังในเชิงปริมาณ และความค้มุ ค่า โดยตัว
วัดท่ีนิยมใช้ คือ การวัดผลของการตอบรับโฆษณาผ่านการคลิก เช่น CPM, CPC หรือ CPA ซ่ึงผู้ลง
โฆษณาสามารถพิจารณาได้จากรายงานที่ทางเว็บไซต์ส่งมอบให้หรืออาจใช้รายงานจากระบบของเอ
เจนซ่ี หรือจากระบบแอดเซริ ฟ์ เวอรข์ องผลู้ งโฆษณาเอง
นอกเหนือจากวิธกี ารวัดผลการตอบรบั โฆษณาผา่ นการคลิกแลว้ ปัจจุบนั ยงั มีวิธีวัดผลที่มี
ความก้าวหน้ามากข้ึน คือ การวัดผลแบบ Advance Tracking ด้วย โดยใช้วิธีการวัดการตอบสนอง
โดยการเอาเมาส์วางบนแบนเนอร์ หรือจานวนครั้งการเล่นวีดีโอโฆษณา หรือบางครั้งอาจวัดผลตอบ
รบั ได้โดยดูจากจานวนคนท่ีเห็นโฆษณา และเข้าสู่เว็บไซต์ในเวลาตอ่ มา แม้ว่าจะไม่ได้คลิกโฆษณาโดย
ทนั ที
2. การตลาดแบบ Viral Marketing
กลยุทธ์การตลาดแบบ Viral Marketing นั้นถือว่าไม่ได้เป็นเรื่องใหม่แท้ที่จริงในโลกของ
การตลาด มีช่ือเรียกอ่ืนเช่น Buzz Marketing, Word-of-Mouth Marketing หรือการตลาดใน
รปู แบบของปากต่อปากนั่นเอง สาหรบั กรณผี ่านเวบ็ ไซตจ์ ะเรียกว่าเปน็ Word-of-Mouse
การตลาดแบบ Viral Marketing คือ การใหผ้ ู้คนได้รับข้อความทางการตลาด และส่งต่อ
ข้อความนี้ให้กับผู้อ่ืนท่ีอยู่ใกล้ชิด และผู้ที่ได้รับข้อความมาก็จะทาให้กระจายข้อความต่อไปเร่ือย ๆ
และเม่ือมีการส่งผ่านอินเทอร์เน็ต ในปัจจุบันนี้ย่ิงส่งผลให้ข้อความไปถึงผู้คนจานวนมากภายในเวลา
อนั สนั้ และมตี ้นทนุ ท่ีต่ามาก
175
เอกสารประกอบการเรียน รายวิชา การตลาดอเิ ล็กทรอนกิ ส์ (3202-2103)
หนว่ ยท่ี 4 กลยทุ ธ์การตลาดอิเล็กทรอนกิ ส์
2.1 หลักการทา Viral Marketing
ในการทาการตลาดแบบ Viral Marketing นั้น มกั มสี ่วนประกอบอยู่ 6 ประการ
2.1.1 มกี ารแจกสินคา้ หรือให้ใช้บรกิ ารฟรี
ปกติแล้วคาว่า “ฟรี” นั้นจะเป็นคาที่ทรงอานาจมากในทางการตลาด ดังนั้น
แผนการตลาดแบบ Viral Marketing ส่วนมากนิยมแจกสินค้าฟรี หรือเปิดให้ใช้บริการฟรี โดยสินค้า
หรือบริการน้ันหากไม่มีใครเปิดให้ใช้ฟรีมาก่อนก็จะยิ่งทาให้แผนการตลาดแข็งแกร่งขึ้นมาก
ยกตัวอยา่ งเชน่ hotmail.com ก็มกี ารแจกให้ใช้ e-mail ฟรี ซึ่งในขณะนนั้ ไมม่ ใี ครทามาก่อน
2.1.2 ผู้ได้รบั ขา่ วไมต่ ้องใช้ความพยายามมากนักในการส่งต่อข้อความ
ผู้วางแผนการตลาดแบบ Viral Marketing ต้องทาให้การแพร่กระจายข้อความ
ทางการตลาดสามารถทาได้ง่าย ตัวอย่างการส่งข้อความทาง e-mail จะทาให้ผู้รับสามารถส่งต่อให้
ผู้อ่ืนได้โดยง่ายเพียงแค่คลิกไม่กี่คร้ังเหมือนการได้รับ Forward Mail มาบ่อย ๆ แทบทุกวันนั่นเอง
นอกจากการมีเว็บไซต์โดยเฉพาะเพ่ือรับรองแผนการตลาดก็สามารถกระจายข้อความได้มากขึ้นด้วย
กล่าวคือ เนือ้ หาขอ้ ความทสี่ ง่ ไปทาง e-mail อาจเป็นเพยี งคาเชญิ ชวนให้ผทู้ ่ไี ดร้ ับคลกิ ลิงค์ท่ีอยภู่ ายใน
e-mail ซ่ึงภายในเว็บไซต์นัน้ ตอ้ งมีการเตรียมพร้อม เพื่อให้ผูท้ ี่เข้ามากระทาการบรรลุจดุ ประสงค์ของ
การตลาดครัง้ น้ีดว้ ย
2.1.3 สามารถขยายการส่งข้อความไปได้แม้จะมีผู้รบั ข้อความจานวนมาก
บางคร้ังถ้าใช้ทรัพยากรของผู้ประกอบการในการส่งข้อความต่อ ต้องมีการ
เตรียมพร้อมให้มีทรัพยากรเพียงพอในการส่งต่อข้อความในกรณีท่ีมีผู้ส่งข้อความจานวนมาก
ยกตวั อย่างเชน่ Hotmail.com ท่ีใช้ระบบ e-mail ของตวั เองในกระจายข้อความ ดงั นั้นจงึ ต้องเตรยี ม
Mail Server เพ่ือรองรับการสง่ e-mail จานวนมาก
2.1.4 ใชข้ อ้ ความการตลาดทีม่ ีจติ วิทยาจูงใจใหค้ นสง่ ข้อความ
นกั วางแผนการตลาดแบบ Viral Marketing น้ันตอ้ งร้จู กั จิตวิทยาในการจูงใจผู้คน
โดยใช้ประโยชน์จากข้อความด้วย ตัวอย่างเช่น การได้รับ e-mail ประชาสัมพันธ์สินค้าตัวใหม่ที่
กระตุ้นให้ผูไ้ ดร้ บั e-mail ส่งตอ่ ใหเ้ พอ่ื นตามจานวนทกี่ าหนด และจะไดร้ ับสินค้าตัวอย่างฟรี
176
เอกสารประกอบการเรยี น รายวชิ า การตลาดอิเล็กทรอนกิ ส์ (3202-2103)
หนว่ ยที่ 4 กลยุทธก์ ารตลาดอิเลก็ ทรอนิกส์
2.1.5 ใหก้ ารส่งข้อความผา่ นเนต็ เวริ ก์ ของผู้คน
เนื่องจากมนุษย์เป็นสัตว์เป็นสัตว์สังคม ซ่ึงงานวิจัยของนักสังคมวิทยารายงานว่า
แต่ละคนจะมีเน็ตเวิร์คของเพื่อนสนิทประมาณ 8 ถึง 12 คน ซึ่งรวมถึงครอบครัวและเพ่ือนร่วมงาน
ด้วย คนท่ีมีเน็ตเวิร์กใหญ่อาจจะมีจานวนเพื่อนมากเป็นร้อย หรือพันคนก็ได้ ซึ่งก็ข้ึนอยู่กับตาแหน่ง
หน้าที่ของแต่ละคน ยกตัวอย่างเช่น พนักงานร้านอาหารอาจจะติดต่อกับผู้คนมากมายเป็นร้อยคนใน
เวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ ดังนั้นนักวางแผนการตลาดแบบ Viral Marketing นั้น จึงต้องรู้จักวิธีการส่ง
ขอ้ ความเพอ่ื ให้กระจายในเนต็ เวริ ์คของกลุ่มเป้าหมายได้
2.1.6 ใชท้ รพั ยากรของผอู้ น่ื ในการสง่ ข้อความ
จุดเด่นของเทคนิคการตลาดแบบ Viral Marketing นั้น คือการใช้ทรัพยากรของ
ผ้อู ื่นในการแพร่กระจายของขอ้ ความทางการตลาด ยกตัวอย่างเชน่ การส่งข้อความทาง e-mail แล้ว
มีคนนาข้อความน้ันไปใส่ในเวบ็ ไซตส์ ่วนตวั หรือ Blog หลังจากน้ันก็มคี นอืน่ นาไปกระจายต่อไปวิธกี าร
ดงั กล่าวนนั้ นับเปน็ การกระจายข่าวโดยใชเ้ วบ็ ไซต์ของคนอ่นื โดยไม่มคี ่าใช้จา่ ยเลย
2.2 เทคนคิ การสร้าง Viral Marketing
เทคนิคการสร้าง Viral Marketing แม้ว่าจะไม่มีรูปแบบการสร้าง Viral Marketing ท่ี
ตายตวั อย่างไรกต็ ามนักการตลาดแบบ Viral Marketing สว่ นมากจะมีขั้นตอนการทางาน ดังตอ่ ไปนี้
2.2.1 เลอื กกลุ่มเปา้ หมายกล่มุ แรก
การเลือกกลุ่มเป้าหมายแม้ว่าจะใช้หลักการเช่นเดียวกับหลักการตลาดทั่วไป คือ
ตอ้ งมกี ารเลอื กกล่มุ เปา้ หมาย แต่ในทางของ Viral Marketing นนั้ การเลอื กกลุม่ เปา้ หมายจะหมายถึง
กลุ่มของผู้ที่จะได้รับข้อความทางการตลาดเป็นกลุ่มแรก ซึ่งจะประสบความสาเร็จในการกระจาย
ขอ้ ความดังกล่าวได้มาก ถา้ ผ้คู นในกลุ่มนี้เป็นผมู้ ีอทิ ธิพลทางความคิดต่อคนอืน่ ๆ ที่เปน็ กลุ่มเป้าหมาย
ในวงกว้าง กลุ่มเป้าหมายกลุ่มแรกนี้อาจมีจานวนเพียงแค่ไม่ก่ีคน เช่น ในกรณีต้องการทาตลาดกับ
กลุ่มนักเล่นเกมส์คอมพิวเตอร์ กลุ่มเป้าหมายกลุ่มแรกก็ควรเป็นนักเล่นเกมส์ที่โดดเด่นเพียงไม่ก่ีคน
จากแตล่ ะเว็บบอรด์ เก่ยี วกับเกมส์
2.2.2 สร้างเนือ้ หาท่จี ะแพรก่ ระจายออกไป
เนื้อหา ท่ีทาการเผยแพร่นั้นต้องมีอิทธิพลต่ออารมณ์ผู้ได้รับเนื้อหานั้น โดยต้อง
สร้างความรสู้ ึกแปลกใจ (Surprise) และอยากจะส่งต่อความร้สู ึกน้ันไปใหค้ นอ่ืนที่รู้จัก หรอื มวี ธิ ีการจูง
ใจอย่างอื่นในการทาให้อยากส่งต่อ เช่น มีส่วนลดค่าสินค้า เป็นต้น นอกจากน้ันควรจะเป็นเนื้อหาท่ี
จดจาได้ง่าย เพอ่ื ใหส้ ามารถบอกต่อได้ด้วยการสนทนาด้วย
177
เอกสารประกอบการเรียน รายวชิ า การตลาดอเิ ลก็ ทรอนิกส์ (3202-2103)
หนว่ ยท่ี 4 กลยทุ ธก์ ารตลาดอิเลก็ ทรอนิกส์
2.2.3 เลอื กสือ่ ในการกระจายข้อความ
การเลือกสื่อออนไลน์ในการแพร่กระจายข้อความทางการตลาดแบบ Viral
Marketing นั้นข้ึนอยู่กับสินค้า หรือบริการที่อยู่ในแผนการตลาด ซ่ึงการดาเนินการส่วนมากมักจะมี
การใชส้ ่ือหลายแบบผสมกันในการสอ่ื สารโดยสอ่ื ที่เปน็ ที่นยิ ม มดี ังต่อไปนี้
1) E-mail เป็นสื่อที่สามารถส่งต่อกันง่ายที่สุด และใช้เวลาผลิตน้อยท่ีสุด
โดยท่ัวไปมักจะใช้ในการส่งข้อความสั้น ๆ เพื่อดึงดูดให้ผู้รับเมล์ติดตามไปอ่านรายละเอียดยังเว็บไซต์
หลักอกี ครั้งหน่งึ
2) E-book หรือหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ มักใช้ในการประชาสัมพันธ์ความ
เชี่ยวชาญของผู้ประกอบการในเรื่องนั้น ๆ E-book จะเน้นให้ผู้อ่านนั้น อ่าน และส่งต่อ E-book ที่
ได้รับออกสู่ผู้อ่านอื่น ๆ ไปเรื่อย ๆ โดยมีจุดประสงค์สาคัญ คือ เพ่ือที่จะทาให้ผู้ที่ได้อ่าน E-book นี้
ทราบว่าผู้เขียน (อาจจะเป็นบริษัท) มีความเช่ียวชาญในเรื่องนั้นเป็นอย่างมาก ถ้าคิดถึงเร่ืองน้ีต้อง
คิดถงึ คนน้ี
3) Video clip โดยการส่งไปที่ Youtube.com เป็นซื่อท่ีได้รับความนิยมสูงมาก
เพราะเป็นส่ือท่ีมีท้ังภาพและเสียง นอกจากนั้นปัจจุบันน้ีคนท่ัวไปก็สามารถสร้าง Video Clip ได้
โดยง่าย เทคนิคการใช้ Youtube คือ ความสร้างเรื่องราวท่ีต่อเนื่องกันจาก Video Clip หนึ่งไปยัง
คลปิ ตอ่ ไป เพ่อื ให้ผ้คู นติดตาม และบอกต่อ ๆ กันไป
4) Social Network เช่น Facebook.com, Flickr, Hi5.com เป็นแหล่งท่ีจะ
สามารถสร้างเนต็ เวิรก์ เพื่อการตลาดได้ดี เพราะเป็นท่รี วมของคนทส่ี นใจในเร่ืองต่างกนั มากมาย โดยท่ี
ใครสนใจเร่ืองไหนก็สามารถสมัครเข้ากลุ่มที่สนใจในเรื่องเดียวกันดังน้ันจึงสามารถเข้าถึง
กลุ่มเป้าหมายได้อย่างชัดเจน เช่น การจัดงานแสดงรอยสักงานหนึ่งในประเทศสงิ คโปร์ ทีมการตลาด
ได้สร้างชุมชนเก่ียวกับการสักตามตัวข้ึนใน Facebook ซ่ึงมีความคึกคักเป็นอย่างมาก ในตอนแรก
ทมี งานคาดหวังว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานประมาณ 3,000 คน แต่พอถึงงานจริง กับมีผรู้ ่วมงานถึง 15,000
คน นับเป็นศักยภาพของการใช้ Viral Marketing ผ่านทาง Social Network อย่างแทจ้ ริง
5) Blogs สามารถดึงดูดผู้อ่านท่ีมีความสนใจ ในเร่ืองทั่วไป รสนิยม หรือ
พฤติกรรมอย่างเดียวกับเจ้าของ Blog ได้เป็นอย่างดี หากสามารถทาให้เจ้าของ Blog ที่มีชื่อเสียงใน
เร่ืองที่ต้องทาการตลาดเป็นผู้เขียนถึงสินค้าบริการของเราได้ ก็จะเป็นการกระจายข้อความที่ต้องการ
ส่อื สารออกไปได้อยา่ งดี
178
เอกสารประกอบการเรียน รายวชิ า การตลาดอเิ ลก็ ทรอนิกส์ (3202-2103)
หนว่ ยท่ี 4 กลยุทธก์ ารตลาดอิเล็กทรอนิกส์
2.2.4 ข้อควรระวงั ในการใช้
1) ไม่มีอะไรท่ีรับประกันได้ว่าส่ิงท่ีส่งออกไปจะเป็น Viral Marketing อย่าง
แน่นอน ต้องอาศัยเวลา และการพัฒนาแผนการตลาด
2) เมื่อมีการแพร่กระจายขอ้ ความแบบ Viral Marketing แล้วเป็นการยาก หรือ
แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเรียกข้อความนั้นกลับคืนมา ดังน้ัน ก่อนจะส่งเน้ือหาออกไปต้องตรวจสอบ
อยา่ งละเอยี ดท่ีสุด
3) ควรมีการสร้างเว็บไซต์เพ่ือเป็นจุดเข้าสู่เนื้อหาของสินค้าหรือบริการ และใช้
เทคนิค Search Engine Optimization (SEO) อาจจะมีผู้รับสารท่ีอาจไม่ได้รับสารน้ันแบบเต็มฉบับ
จะใช้ Search Engine ในการค้นหาขอ้ มูลเพ่ิม
2.3 กรณีศึกษาของการใช้การตลาดแบบ Viral Marketing
2.3.1 ซิมแฮปปไ้ี วรสั โดยแฮปป้ีดีแทคได้สร้างซิมพเิ ศษ สาหรับโทรศัพท์มือถอื โดยซมิ น้ี
จะแจกฟรีให้เฉพาะวัยรุ่นใช้ จดุ เดน่ ของซิมพิเศษสาหรับโทรศพั ท์มือถือนี้ คือมีคา่ ใช้จา่ ยถูก และมี
โปรโมช่นั พิเศษตา่ งๆ มากมาย
1) เทคนิคท่เี ก่ยี วข้อง มดี งั น้ี
(1.1) แจกฟรซี ิม และคา่ โทรราคาถูก
(1.2) เน้นให้คนทีร่ ับซิมไปแล้ว ไปหาลูกคา้ ให้กบั ดีแทค
(1.3) กระจายข้อความโปรโมชั่นไปตามโรงเรียน และสถาบนั การศกึ ษา
ซึง่ เปน็ วัยรนุ่ และมักมกี ลุ่มของเพอื่ นจานวนมาก
2.3.2 Will it blend?
Will it blend? เป็นการตลาดแบบ Viral Marketing ของบริษทั Blended ผู้ผลิต
เครื่องปั่นอาหาร โดยเร่ิมเมื่อปี 2006 จากข้อความต้องการสื่อข้อความว่า เคร่ืองป่ันอาหารของ
Blendtec นั้นมีพลังในการป่ันที่สงู มาก และสามารถจะปั่นอะไรก็ได้ โดยนาส่ิงของตา่ ง ๆ มาปั่น และ
ทาเป็นวิดีโอคลิปส่งไปยัง YouTube ด้วยเวลาเพียง 5 วัน มีคนเข้าไปดูคลิปน้ีถึง 6 ล้านครั้ง นับเป็น
ความสาเรจ็ อย่างยิ่ง และนาไปสู่การเพมิ่ ยอดของบริษัททขี่ ยายตัวสงู ขนึ้ อย่างมาก
1) เทคนิคทเ่ี กย่ี วข้อง มดี งั นี้
(1.1) ใช้ SEO กบั เว็บไซต์ willitblens.com เมอื่ มีคนคน้ หา “will it
blend” กจ็ ะได้ขอ้ มลู ตามท่ีต้องการ
(1.2) ผลิตวดิ โี อคลปิ ท่ีเปน็ ตอน ๆ เพื่อให้คนดตู ดิ ตามและบอกต่อ ๆ กนั
179
เอกสารประกอบการเรียน รายวิชา การตลาดอิเลก็ ทรอนกิ ส์ (3202-2103)
หน่วยท่ี 4 กลยุทธ์การตลาดอิเล็กทรอนิกส์
(1.3) ให้ผชู้ มมีสว่ นร่วม คอื เปดิ รับความคิดเหน็ ว่า อยากให้ป่นั อะไรในตอน
ตอ่ ไป
2.3.3 Million Dollar Homepage
Million Dollar Homepage เปน็ เว็บเพจทีส่ ร้างขึ้นเม่ือปี 2005 โดยเด็กหนมุ่ อายุ
21 ปี ท่ีมีช่ือว่า Alex Tew โดยหน้าเว็บนจี้ ะมีพ้นื ท่ีสาหรับลงโฆษณาขนาด 1,000*1,000 pixels ซึ่ง
มีราคาโฆษณา 1 เหรียญสหรัฐ ต่อ 1 pixels โดยขายบลอ็ กละ 10*10 pixels จุดประสงค์เพ่ือหาเงิน
ไปใช้หนี้ที่กู้ยืมมาเพื่อการศึกษา หลังจากเปิดตัวไปเพียง 5 เดือน พ้ืนท่ีโฆษณาขายได้ท้ังหมด โดย
บล็อกสุดท้าย ขนาด 1,000 pixels ได้ถูกส่งประมูลราคาใน eBay.com ซ่ึงได้ผู้ชนะการประมูลที่
ราคา 38,100 เหรียญสหรฐั ซง่ึ ทาใหร้ ายไดจ้ ากการขายพื้นทีท่ ั้งหมดคือ 1,037,100 เหรียญสหรัฐ
1) เทคนิคทเ่ี กยี่ วข้อง มีดังน้ี
(1.1) แนวคิดทีง่ า่ ย ๆ แต่คนอืน่ คดิ ไมถ่ งึ และคิดวา่ เป็นไปไมไ่ ด้ส่งผลให้คน
บอกต่อ ๆ กัน และสรา้ งเป็น traffic ขนาดมหึมา
(1.2) เร่มิ บอกจากคนใกล้ตวั ก่อน คนแรกท่ซี ื้อพ้ืนท่ีโฆษณา คือ เพือ่ นของตัว
Alex เอง และตามมาด้วยญาติ ๆ ของเขา
(1.3) เม่ือมีผลงานระดบั หน่ึงจึงสง่ press release ให้กับสื่อกระแสเช่น BBC
online
3. การตลาดแบบ Search Engine Optimization
ในปัจจุบันนี้ผู้คนมักจะใช้ Search Engine ในค้นหาข้อมูลเก่ียวกับสินค้าและบริการ
ดังนั้น ถ้าเว็บไซต์ของเราถูกแสดงอยู่ในผลการค้นหาก็จะเป็นการทาให้คนรู้จักเว็บไซตข์ องเรามากขึ้น
แนวคิดน้ีจึงนามาสู่หน่ึงในเทคนิคที่สาคัญในการทาการตลาดออนไลน์ที่มีช่ือเรียกว่า Search Engine
Optimization หรือเรียกโดยย่อว่า SEO ซ่ึงคาจากัดความจาก Wikipedia กล่าวว่า SEO คือ
“กระบวนในการเพม่ิ จานวน และคุณภาพของผเู้ ข้าชมเวบ็ ไซตจ์ าก Search Engine โดยการคลกิ มา
จากผลการค้นหาโดยปกติ (Normal Search Results หรือในบางครั้งกร็ ัยกว่า Natural
Search Results)” ซึ่งการเพิ่มคุณภาพของผู้เข้าชมเว็บไซต์ หมายถึง การเพ่มิ จานวนผู้เขา้ ชมเว็บไซต์
ท่ีเป็น กลุม่ เปา้ หมายของเว็บไซต์ โดยแนวคดิ ของ SEO นั้น มาจากผลงานวิจัยหลายชิ้นทแ่ี สดงให้เห็น
ว่า เมื่อทาการค้นหาข้อมูลผ่าน Search Engine เว็บไซต์ไหนท่ีถูกแสดงผลข้ึนมาก่อนก็จะมีคนคลิก
เข้าไปชมเว็บไซต์ท่ีอยู่ล่างลงไป ดังนั้น SEO คือ กระบวนการทาให้เว็บไซต์ของเราถูกแสดงผลขึ้นมา
ก่อนเว็บไซต์อื่น ๆ น่ันเอง การที่จะทา SEO ให้ได้ผลดีนั้น ควรพิจารณาว่า Search Engine ทางาน
อย่างไร และคนใช้ Search Engine เพ่ือค้นหาอะไร ซ่ึงการทา SEO จะเก่ียวข้องกับการปรับปรุง
180
เอกสารประกอบการเรียน รายวิชา การตลาดอเิ ลก็ ทรอนิกส์ (3202-2103)
หนว่ ยท่ี 4 กลยุทธก์ ารตลาดอเิ ลก็ ทรอนิกส์
แก้ไขเว็บไซต์เพื่อให้ Search Engine สามารถเข้าถึงได้ง่ายข้ึน (On-Page Optimization) และให้มี
การสรา้ งลงิ คม์ าจากเวบ็ ไซตอ์ ืน่ ๆ (Off-Page Optimization) ดว้ ย
3.1 การทางานของ Search Engine
ในการทางานของ Search Engine โดยท่ัวไปจะมีหุ่นยนต์ (Robot) หรือแมงมุม
(Spider) หรือชื่ออื่น ๆ ตามช่ือ Search Engine เช่น googlebot ของ Google ซึ่งหุ่นยนต์น้ีจะเป็น
โปรแกรมคอมพิวเตอร์ท่ีไต่ (Crawling) ไปตามเว็บไซต์ต่าง ๆ แล้วเก็บข้อมูลเข้ามาในฐานข้อมูลของ
Search Engine เพ่ือการจัดทาดัชนีคาสาหรับการค้นหา หลังจากนั้นจะมีการใช้เทคนิคที่ซับซ้อนใน
การจัดลาดับ (Ranking) ความสาคัญของหน้าเว็บไซตท์ ี่ค้นหาเพื่อประโยชน์ในการแสดงผลการค้นหา
เมื่อมกี ารปอ้ นคาหรือ Keywords เข้ามาในระบบ Search Engine
ในกรณขี อง Google น้ันแตล่ ะเว็บไซต์จะมีการให้คะแนนเรยี กวา่ PageRank (PR) ซง่ึ
การคานวณ PR จะใช้แบบจาลองทางคณิตศาสตร์ซึ่งมีความซับซ้อนมากที่ประกอบด้วยตัวแปร
มากกว่า 500 ล้านคา และคาอีก 2 พันล้านคา ในการวัดคุณภาพของหน้าเว็บไซต์หนึ่ง ๆ ซึ่งแตกต่าง
กับ Search Engine อ่ืน ๆ ท่ีมักคิดจากจานวน Keywords และดจู าก Meta Tags ทาใหผ้ ลการค้นหา
จาก Google เป็นหน้าเว็บไซต์มีความเก่ียวข้องกับ Keywords อย่างแท้จริง ผู้คนส่วนมากจึงนิยมใช้
งาน Google ในการค้นหา ซ่ึงในการคานวณค่า PR น้ัน Google จะพยายามเลียนแบบการจัดอันดับ
โดยมนุษย์ให้มากท่ีสุด หลักการหนึ่ง คือ เว็บไซตท์ ่ีมีคุณภาพดีควรจะต้องมคี นรู้จักมาก และมีการพูด
ถึงหรือทาลิงคไ์ ปหาจานวนมาก น่นั คือ หน้าเว็บไซต์ท่มี ีเว็บไซต์อื่นที่มีเรื่องเกี่ยวข้องกันลิงค์มามากจะ
ได้รับคะแนนมาก และถูกแสดงผลออกมาสงู กวา่ หนา้ เว็บทีม่ ลี ิงคเ์ ขา้ มานอ้ ยกวา่
3.2 ตัวช้ีวดั ท่ีควรทราบ
3.2.1 PageRank
การตรวจดูว่า PageRank ของหน้าเว็บไซต์ใด ๆ ทาได้โดย การติดต้ังโปรแกรม
Google Toolbar ซึ่งเป็นโปรแกรมเสริมของโปรแกรมดูเว็บ (Wed Browser) ซึ่งเมื่อเปิดหน้าเว็บ
ขน้ึ มา Google Toolbar จะแสดงค่า PR ของหนา้ เว็บนนั้ ซึ่งจะมีค่าระหวา่ ง 0 ถงึ 10
3.2.2 จานวนหน้าเวบ็ ท่ถี ูกเก็บไวใ้ น Google
จานวนหน้าเว็บท่ีถูกเก็บไว้ใน Google สามารถทราบได้โดยการพิมพ์ site :
domain name ลงไปในช่องสาหรับค้นหาของ Google แล้วกดปุ่มค้นหา site : dbdmart.com ผล
ของการคน้ หาจะปรากฏเป็นหนา้ เวบ็ ไซตท์ ่ีถกู เกบ็ จาก domain dbdmart.com
เครื่องมือน้ีเป็นการตรวจสอบดูว่า มีหน้าเว็บใดของเว็บไซต์เราที่ไม่ได้ถูกเก็บไว้ใน
Google บา้ งเพื่อจะไดท้ าการปรับปรงุ ต่อไป
181
เอกสารประกอบการเรียน รายวิชา การตลาดอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ (3202-2103)
หน่วยที่ 4 กลยทุ ธก์ ารตลาดอิเล็กทรอนิกส์
3.2.3 จานวนหนา้ เวบ็ ท่ที าลงิ ค์มายังหน้าเวบ็ ไซต์ของเรา
จานวนหน้าเว็บที่ทาลิงค์มายังหน้าเว็บไซต์ของเรา สามารถทราบได้โดยการพิมพ์
link : domain name ลงไปในชิงสาหรับค้นหาของ Google แล้วกดปุ่มค้นหา เช่น link :
dbdmart.com ผลการค้นหาจะปรากฏเป็นหน้าเว็บไซต์ที่มีลิงค์มายังหน้าเว็บไซต์หน้าแรกของ
dbdmart.com ซ่งึ เปน็ การตรวจดวู ่ามลี งิ ค์มาทีเ่ วบ็ ไซตเ์ ราจากเว็บไซต์ใดบา้ ง
3.3 Keywords Research
การทา SEO น้ันเป็นการเพ่ิมคุณภาพของเว็บไซต์ผ่านการใช้ Keywords ที่ตรงกับ
กลุ่มเป้าหมาย ดังน้ันการวิเคราะห์ Keywords น้ันจึงเป็นส่ิงแรกสุดท่ีจาเป็นต้องทาเม่ือเร่ิมต้นทา
SEO เพ่ือจะได้มาซึ่ง Keywords ที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่มคุณภาพของเว็บ ค่าตัวเลขที่ใช้ในการ
วิเคราะห์ Keywords มี 2 แบบคอื
3.3.1 จานวนหน้าท่เี กยี่ วขอ้ งกบั Keyword
สามารถได้โดยการทาการค้นหาด้วย Keyword นั้น ๆ แล้ว พิจารณาผลว่ามีหน้า
เวบ็ ในผลการคน้ หาเป็นจานวนเทา่ ใด
3.3.2 จานวนการใช้ Keyword
จานวนการใช้ Keyword ในการคน้ หาขอ้ มูลในระยะเวลาหนึ่ง (Search Volume)
เคร่อื งมือทีช่ ่วยในการวิเคราะห์ Search Volume ทีจ่ ะแนะนา มดี ังนี้
1) https://adwords.google.com/select/KeywordToolExternal
2) http://trehits.net/ ตอ้ งเปน็ สมาชิกจงึ ใชบ้ รกิ ารได้
3) http://www.keyworddiscovery.com/keywords.html ต้องเป็นสมาชกิ
จึงใชบ้ รกิ ารได้
จากท้ังสองค่าที่ได้มา สามารถคานวณดัชนีประสิทธิผลของ Keyword
(Keyword Effectiveness Index: KEI) โดย KEI = จานวนการค้นหา*2/ จานวนหน้าเว็บ ซ่ึงค่า KEI
สูงกจ็ ะแสดงถงึ การมปี ระสิทธภิ าพสูงของ Keyword นนั้ Keyword
ตัวอย่างการวิเคราะห์จากจากตารางที่ 4.1 จะเห็นได้ว่า Keywords ที่ดีท่ีสุดในกลุ่มน้ีคือ
Thailand hotels ดังน้นั เมือ่ สามารถเลอื ก Keywords ทดี่ ีได้แล้ว กส็ ามารถลงมือปฏิบัตทิ า SEO ได้
182
เอกสารประกอบการเรยี น รายวชิ า การตลาดอิเลก็ ทรอนิกส์ (3202-2103)
หน่วยที่ 4 กลยทุ ธ์การตลาดอเิ ล็กทรอนิกส์
Keywords จานวนการคน้ หา จานวนหน้าเวบ็ ค่า KEI
Thailand hotels 823,000 25,300,000 26771.9
Hotels in Thailand 27,100 32,000,000 22.95031
Travel Thailand 673,000 74,100,000 6112.402
ตารางท่ี 4.1 แสดงตัวอย่างการวเิ คราะห์ Keywords
3.4 On-Page Optimization
เม่ือทาการวิเคราะห์ Keywords ได้แล้ว ข้ันตอนต่อมาที่จะต้องดาเนินการต่อไป คือ
การแก้ไขปรับปรุงเว็บไซตใ์ ห้มีความเกีย่ วข้อง Keywords ที่ตอ้ งการ กระบวนการน้ีเรยี กว่า On-Page
Optimization ซงึ่ มีหลกั การดงั ตอ่ ไปนี้
3.4.1 การตั้งชื่อเว็บ
การต้ังช่ือหน้าเว็บนั้นถือเป็นส่ิงสาคัญอันดับแรกของการทา SEO คือ การต้ังชื่อ
ของหน้าเว็บหรือ Title มาให้สัมพันธ์กับเน้ือหาของหน้าเว็บ ทั้งน้ีเป็นเพราะว่าเมื่อมีคนใช้ Search
Engine คน้ หาข้อมูล สง่ิ ท่ีแสดงผลออกมาในผลการค้นหาจะเป็นชื่อของหนา้ เว็บนั้นๆเอง ดังนั้นหากมี
การเลือกใช้ช่ือที่สามารถสื่อความถึงเนื้อหา หรือ Keywords ได้ดีแล้ว ก็จะสามารถดงึ ดูดให้คนคลิกดู
ไดม้ าก ซงึ่ การตั้งชือ่ หนา้ เวบ็ ทาได้ โดยการใช้ title tag ในภาษา HTML
3.4.2 การใช้ Meta Description
แม้ว่าในปัจจุบัน Search Engine จะไม่ได้ให้ความสาคัญกับ Meta Tags มากนัก
แต่สาหรับการทา SEO แล้ว Meta Tags ถือเป็นสิ่งท่ีละเลยไม่ได้ โดย Meta Description จะเป็น
ประโยคส้ัน ๆ ที่อธิบาย ถึงธุรกิจและจุดขายของเว็บไซต์ ซ่งึ เนื้อหาของ Meta Description จะแสดง
ออกมาในผลของการค้นหา ถ้าหน้าเว็บไหนเขียน Description ไดต้ รงกับความตอ้ งการของผู้ทท่ี าการ
คน้ หา กจ็ ะทาใหม้ โี อกาสทผ่ี ทู้ าการคน้ หาตดั สินใจคลิกเข้าไปดูในเว็บไซต์นัน้
3.4.3 เทคนคิ เกยี่ วกับ Keywords
ควรเขียนเนอ้ื หาเปน็ เร่ืองราวให้ผกู พนั กับ Keywords ที่ได้เลือกไว้โดย
1) พยายามเขียนให้มี Keywords บ่อย ๆ โดยผูกเป็นเร่ือง และไม่ควรเขียน
Keywords เรียงต่อกนั ไป โดยไม่ส่ือความหมาย
2) ใช้คาท่ีมีความหมายเหมือนกัน แทนการเขียน Keywords น้ัน ๆ ลงไป
โดยตรงและอาจจาเป็นตอ้ งเขียนคาท่ีมักเขียนผดิ เผ่ือไวบ้ า้ ง
3) ตรวจดู Keywords ที่นาคนมาท่ีเวบ็ ไซต์ โดยใช้เคร่อื งมือติดตามแล้วปรับปรุง
เนื้อหาใหส้ อดคลอ้ งกัน
183
เอกสารประกอบการเรียน รายวิชา การตลาดอเิ ล็กทรอนกิ ส์ (3202-2103)
หน่วยที่ 4 กลยทุ ธก์ ารตลาดอิเลก็ ทรอนกิ ส์
3.4.4 การเน้นเนื้อหาทส่ี าคญั
ในเนื้อหาของหน้าเว็บไซต์ ควรมีการเน้นข้อความเพื่อให้ผู้เข้าชมเว็บไซต์สนใจ
และเพอ่ื ให้ Search Engine เก็บข้อความเหลา่ นี้เป็น Keywords ของหนา้ เว็บนั้นดว้ ย การเน้นเนอื้ หา
หรือ ข้อความสามารถทาได้ในสองรูปแบบการเน้นหัวข้อด้วย Header เช่น <Hl> และอีกแบบ คือ
การเนน้ ด้วยรปู แบบตัวอกั ษร เช่น ตวั เข้ม <strong>ตัวเอียง <em> เปน็ ตน้
3.4.5 การทาลงิ ค์ภายใน (Internal link)
การทาลิงค์นั้น ควรทาลิงค์ไปหน้าเว็บอื่นในเวบ็ ไซต์ของตัวเองด้วย จากข้อความท่ี
เป็น Keywords เพอ่ื ให้ Search Engine สามารถสรา้ งความสัมพันธร์ ะหว่าง Keywords กบั หนา้ เว็บ
ที่ถูกลิงค์ไป โดยไม่ควรใช้คาว่า “Click here” หรือ “คลิกที่น่ี” เพราะอาจไม่ส่ือความหมายว่าหน้า
เว็บไซต์ปลายทางของลิงค์เป็นหน้าเว็บเก่ียวข้องกับเร่ืองอะไร นอกจากนั้นควรจัดทาลิงค์ให้ง่ายที่สุด
โดยใช้ HTML ธรรมดา และไม่ควรทาลิงค์โดยใช้ JavaScript หรือ Flash หรอื คาส่ังพิเศษอนื่ ๆ เพราะ
Robot ของ Search Engine อาจไม่สามารถติดตามลงิ คเ์ หลา่ นน้ั ได้
3.4.6 คาอธิบายรูปภาพ
ปัจจุบันน้ีผู้คนนิยมค้นหาข้อมูลจากรูปภาพมากข้ึน ดังนั้นหากมีการเขียนอธิบาย
รูปภาพท่ีดีก็จะช่วยให้ Search Engine สามารถทาดัชนีค้นหาข้อมูลเก่ียวข้องกับรูปภาพของเว็บไซต์
เราได้ง่ายย่ิงข้ึน การเขียนคาอธิบายรูปภาพทาได้โดยการใช้ ALT Text ในคาสั่งใส่รูปภาพ <img>
ตวั อย่างเช่น <img src”clock.jpg” alt =” นาฬิกาแขวนผนังขนาดใหญ่มองเห็นได้ไกล”> เมอ่ื เลื่อน
Mouse ไปวางบนรูปภาพทม่ี ีการเขียนคาอธบิ ายแลว้ จะมคี าอธบิ ายขึ้นที่ Mouse
3.4.7 แผนทีเ่ วบ็ ไซต์ หรอื Sitemap
เว็บไซต์ท่ีมีหนา้ เวบ็ จานวนมาก และมกี ารทาลงิ ค์ไม่มีประสทิ ธภิ าพ อาจมีผลทาให้
Robot ของ Search Engine ไม่สามารถเข้าไปได้ครบทุกหน้าเว็บไซต์ได้ อย่างไรก็ตาม การใช้
Sitemap หรือ แผนท่ีเว็บไซตจ์ ะช่วยแกป้ ัญหานี้ได้ นอกจากนั้นแลว้ ผู้เข้าชมเว็บไซต์ยังสามารถเข้าถึง
หน้าท่ีต้องการได้ทันทีโดยผ่านทาง Sitemap โดยไม่ต้องคลิกหลายคร้ัง การใช้ Sitemap ยังเป็น
เครื่องมือในการช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้งานเว็บไซต์ด้วย เราสามารถสร้าง Sitemap ได้ โดย
การใช้เคร่ืองมือช่วย ซึ่งในที่นี้จะแนะนาเคร่ืองมือฟรี คือ XML Sitemap (http://www.xml
Sitemap.com/) ที่สามารถสร้าง Sitemap เป็น XML ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายและ Sitemap ที่สร้าง
ข้ึนมานั้นจะสามารถส่งไปยัง Google ได้ทันที อย่างไรก็ตามจากการทดสอบ พบว่า เว็บไซต์บาง
เว็บไซต์ไม่สามารถใช้เคร่ืองมือในการสร้าง Sitemap ได้ ดังน้ันผู้ใช้งานจึงควรตรวจสอบอีกคร้ัง
โดยเฉพาะเว็บไซต์ทเี่ ป็นภาษาไทย
184
เอกสารประกอบการเรยี น รายวชิ า การตลาดอเิ ล็กทรอนกิ ส์ (3202-2103)
หน่วยท่ี 4 กลยุทธ์การตลาดอเิ ล็กทรอนกิ ส์
3.5 Off-Page Optimization
จากหลักการท่ีว่าคุณภาพของเว็บไซต์ข้ึนอยู่กับจานวน และคุณภาพของลิงค์ท่ีช้ีมายัง
เว็บไซต์น้ัน ดังนั้นจึงมีความจาเป็นต้องสร้างลิงค์จากเว็บไซต์อื่น ๆ มายังเว็บไซต์ของเราให้มากที่สุด
โดยการทาลิงคม์ านนั้ จะต้องทาตามเทคนคิ ดงั นี้
3.5.1 เลอื กเว็บไซต์ทท่ี าลงิ ค์มาใหม้ ีเนอ้ื หาเก่ียวข้องกับเน้ือหาของเว็บไซต์เรา
เนื่องจากการสร้างลิงค์จากเว็บไซต์ที่ไม่เก่ียวข้องจะเป็นการเพ่มิ จานวนเพียงอย่าง
เดียวไม่ได้เป็นการเพ่ิมคุณภาพ ในการสร้างลิงค์ผู้ประกอบควรพิจารณาถึงลักษณะ และเนื้อหาของ
เว็บไซต์ท่ีต้องการสร้างลิงค์น้ันกับเนื้อหาของเว็บไซต์ของผู้ประกอบการเองด้วยว่ามีเน้ือหาสอดคล้อง
เช่ือมโยงกันอย่างไร เพ่ือให้การสร้างลิงค์น้ันสามารถเช่ือมโยงกับเว็บไซต์ต่าง ๆ ได้ตรงกับ
กลุ่มเปา้ หมาย และนาไปสกู่ ารมีประสทิ ธิผล และมปี ระสิทธภิ าพสงู สุดในการสร้างลิงคน์ นั้
3.5.2 สร้างลงิ ค์โดยใช้ keywords ทต่ี ้องการสร้างความสัมพันธ์กับเว็บไซตเ์ รา
ตัวอย่างเช่น หากผู้ประกอบการต้องการเน้น Keywords คือ “กระเป๋าหนัง”
เพ่ือให้ ผู้ค้นหาคาว่ากระเป๋าหนังได้เข้ามาที่เว็บไซต์ของผ้ประกอบการน้ันควรสร้างลิงค์รูปแบบดังนี้
คอื <a href=”http://www.myshop.com”>กระเปา๋ หนงั </a>
3.5.3 ลิงค์จากหนา้ เว็บท่ีมี PageRank สูง
ลงิ ค์จากหนา้ เวบ็ ท่ีมี PageRank สูง จะทาหน้าเว็บของเรามีคะแนนมากขนึ้ ไปดว้ ย
โดยแหล่งสาคัญทีค่ วรสรา้ งลงิ ค์เวบ็ ไซตข์ องเรา คือ
1) สารบญั เวบ็ หรือ Web Directories ระดับโลก เช่น
(1.1) Open Directory: http:/www.dmoz.org
(1.2) Yahoo! Directory:http://dir.yahoo.com
(1.3) GoGuids: http://www.goguides.org
(1.4) Best of the Web: http://botw.org
(1.5) Joeant:http://www.joeant.com
2) สารบญั เวบ็ ของประเทศไทย ตวั อย่างเชน่
(2.1) Sanook : http://webindex.sanook.com
(2.2) Hunsa: http:/webdir.hunsa.com/reg.php
3) สารบัญเวบ็ ทเี่ ปน็ กลุ่มเปา้ หมาย เช่น
(3.1) http://www.tourismthailand.org , http://thailand
tourismdirectory.com
(3.2) รา้ นอาหาร http://www.aroys.com, http://www.ranarhan.com
185
เอกสารประกอบการเรยี น รายวชิ า การตลาดอิเลก็ ทรอนกิ ส์ (3202-2103)
หน่วยที่ 4 กลยทุ ธ์การตลาดอเิ ล็กทรอนิกส์
4) สร้าง Blog แล้วเขียนบทความทาลิงค์มายังเว็บไซต์เรา โดยเฉพาะ Blog ท่ี
เป็น Do follow (หมายถงึ ยอมให้ Search Engine Robot ไต่ไปตามลงิ คท์ ่ีเขียนไว้ในเนื้อหา) เชน่
(4.1) Blogger.com: http://www.blogger.com
(4.2) Wordpress:http://wordpress.com, Hroyy.com
5) ส่งข้อความทมี่ ลี ิงค์ไปตามเวบ็ บอร์ดตา่ ง ๆ ที่มีเน้ือหาเกี่ยวขอ้ งกบั เวบ็ ไซต์ของ
เราแต่ต้องศึกษากติกาของแต่ละเว็บบอร์ดให้ดี เพระบางเว็บบอร์ดไม่อนุญาตให้ทาลิงค์ไปเว็บไซต์เรา
ทส่ี ่วนของลายเซ็น (Signature) และการพยายามแสดงการมสี ่วนร่วมใน Community นน้ั ๆ ให้มาก
ทส่ี ดุ
6) สง่ ลงิ ค์ไปยัง Social Bookmarking เชน่
(6.1) Digg: http://digg.com
(6.2) StumbleUpon: http://www.stumbleupon.com
(6.3) Delicious: http://delicious.com
(6.4) Reddit:http://www.reddit.com
3.6 การทาให้เว็บไซต์เปน็ ท่ีรูจ้ กั ของ Search Engine
เมื่อสร้างเว็บไซต์ขึ้นมาใหม่ เราต้องทาการส่งเว็บไซต์ให้กับ Search Engine เพื่อให้ผู้ที่
ค้นหาข้อมูลจะมีโอกาสค้นพบเว็บไซต์เรา เปรียบเสมือนเราสร้างบ้านข้ึนมาแล้ว ก็ต้องทาถนนออกสู่
ถนนใหญ่ ในที่นจ้ี ะแนะนาวิธีการเข้าสู่ Search Engine ทีส่ าคญั ดังตอ่ ไปน้ี
3.6.1 การสง่ เว็บไซตส์ ู่ Google.com
ผู้ประกอบการสามารถกระทาได้โดยเข้าท่ีเว็บไซต์ http://www.google.com/
addurl/ อย่างไรก็ตาม การสง่ เว็บแบบน้ีเป็นการแจ้งเพียงว่าเว็บไซต์หน้าแรกของเราอยู่ทใ่ี ด แต่ไม่ได้
บอกว่าเว็บไซต์ของเรามีก่ีหน้าและมีชื่อว่าอะไรบา้ ง ดังนน้ั วธิ ีการที่ดีในการส่งเวบ็ ไซต์สู่ Google.com
คือการใช้ Google Webmaster Tool: http://www.google.com/webmaster/ ซ่ึงนอกจาก
สามารถส่ง Sitemap และมีเคร่ืองมือตา่ งๆ ยงั รวมถงึ สถิตทิ ม่ี ีประโยชนใ์ นการปรับปรุงเวบ็ ไซตต์ อ่ ไป
3.6.2 การส่งเวบ็ สู่ Yahoo.com
ผู้ประกอบการสามารถส่งเว็บไซต์ของตนเองให้กับ Yahoo.com ได้โดยผ่านทาง
เว็บไซต์ http://sitecxplorer.search.yahoo.com/submit ซ่ึงเครื่องมือให้ใช้งานเก่ียวกับเว็บไซต์
เชน่ กนั
186
เอกสารประกอบการเรยี น รายวิชา การตลาดอิเล็กทรอนกิ ส์ (3202-2103)
หนว่ ยท่ี 4 กลยุทธก์ ารตลาดอิเลก็ ทรอนิกส์
3.6.3 การส่งเว็บสู่ bing.com (MSN)
Bing.com มีเครื่องมือคล้ายกับ Google Webmaster Tool ผู้ประกอบการ
สามารถเข้าไปใช้งานได้ท่ี http://www.bing.com/webmaster นอกจากการใช้เว็บไซต์แล้ว
ผู้ประกอบการยงั สามารถส่ง Sitemap ไดอ้ ีกด้วย
4. การตลาดแบบ Blog Marketing
คาว่า Blog น้ันมาจากคาเต็มก็คือ Weblog (เว็บ-ล็อก) ซ่ึงหมายถึง การบันทึกบน
เว็บไซต์หากแต่คนจานวนมากนิยมเรียก Weblog แบบสั้น ๆ กันว่า Blog (บล็อก) โดยลักษณะเด่น
ของ Blog นน้ั คอื เป็นระบบการบนั ทึกเร่ืองราวสว่ นตวั แบบออนไลน์
Blog น้ันมีการจัดเก็บ แสดงผลในแบบของใหม่จะมาแสดงอยู่ในบทความล่าสุด แล้ว
บทความเกา่ กจ็ ะถูกดนั ใหไ้ ปอยดู่ ้านหลัง (Chronological Order) นอกเหนอื จากนี้ Blog ยังมีรปู แบบ
ที่มีการสื่อสารสองทางระหว่างตัวของผู้เขียน และตัวของผู้อ่านด้วย โดยมีการใช้ระบบ Comment
มาเป็นการสื่อสารและจุดเด่นที่สาคัญท่ีสุดของ Blog คือ ความไม่เป็นทางการ หรือความเป็นกันเอง
โดยสว่ นมากผู้เขียนจะใส่ความคิดเห็นของตนเองลงในบทความที่เขียนลงใน Blog ด้วยนั้นเอง ซึ่งเป็น
ส่วนหน่ึงที่ทาให้ Blog ไดร้ บั ความนิยมอยา่ งมาก และใช้ข้อมูลเหล่าน้ีเป็นสว่ นหนึง่ ในการประกอบการ
ตัดสินใจที่จะกระทาการใดๆ ต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการตัดสินใจซ้ือสินค้าเพราะเช่ือถือความคิดเห็นที่
เขยี นใน Blog เป็นต้น
4.1 ขอ้ ดีของ Blog มดี ังน้ี
4.1.1 ระบบ Blog ใชง้ านง่าย
ดังที่กล่าวไว้แล้วในข้างต้นว่า ระบบ Blog ในปัจจุบันน้ันสามารถใช้งานได้ง่าย
เพราะมีการพัฒนาเคร่ืองมือในการเขียนบทความ เครื่องมือในการใส่รูปภาพ และ Template ให้
เลอื กใชใ้ นการตกแต่ง Blog ไดอ้ ยา่ งมาก
4.1.2 Search Engine ชอบ Blog
เนื้อหาใน Blog สว่ นใหญ่จะเปน็ ตัวหนังสือ ซ่ึงสอดคล้องกับเสิรช์ เอนจิ้น (Search
Engine) อย่างเช่น Google ที่ได้รับความนิยมในหมู่คนไทยน้ันก็มีลักษณะชอบเว็บไซต์ท่ีมีเนื้อหาเป็น
ตัวหนังสือเช่นกัน เพราะตัวหนังสือนี้จะเป็นเสมือน Keyword ที่เราใช้ในการค้นหาโดยเสิร์ชเอนจิ้น
นั้นเอง
4.1.3 อัพเดท และกระจายข้อมูลไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว
ด้วยความที่ Blog สามารถอัพเดทง่าย และระบบ Blog ส่วนใหญ่มักจะมีระบบ
RSS Feed ติดตั้งมาให้อยู่แล้วโดยอัตโนมัติ ดังน้ันคนอ่านจึงสามารถใช้ Feed เหล่าน้ีในการอ่าน
รปู แบบต่าง ๆ ได้อีกช่องทางหน่งึ ด้วย
187
เอกสารประกอบการเรียน รายวิชา การตลาดอเิ ลก็ ทรอนิกส์ (3202-2103)
หน่วยที่ 4 กลยุทธก์ ารตลาดอเิ ล็กทรอนิกส์
4.1.4 ประหยดั คา่ ใช้จา่ ย
ผู้ให้บริการพื้นที่ Blog ส่วนมากมักจะมีการให้บริการฟรี ส่งผลให้ผู้คนหันมาใช้
งาน Blog แทนเว็บไซต์ ดงั น้นั เม่ือการใช้ Blog มีค่าใช้จ่ายในการพัฒนาท่ีไม่สูงมากนัก ก็ย่อมส่งผลให้
คนท่ีกาลงั จะทาเวบ็ ไซต์ หนั มาใช้งาน Blog แทนมากขนึ้
4.1.5 มีการจดั ข้อมลู อยา่ งเปน็ ระบบ
Blog นั้นมีการจัดการหมวดหมู่ของข้อมูล และยังมีความสามารถในการใช้ Tag
กาหนดหมวดหมู่ย่อยได้เองอีกด้วย ทาให้ Blog เป็นอีกระบบหนึ่งที่เหมาะสมสาหรับนามาใช้งานใน
การจัดระเบยี บขอ้ มลู ดว้ ย
4.1.6 สามารถเขียนได้หลายคน
ระบบ Blog อย่าง Word press สามารถต้ังค่าให้มีผู้เขียน Blog ได้หลายคน
และสามารถร่วมกันเขยี นใน Blog เดยี วกนั ได้
4.2 การนา Blog มาใช้ทาการตลาด
ปัจจุบัน ได้มีการประยุกต์ใช้ประโยชน์จาก Blog ในการทาการตลาดกันเป็นจานวนมาก
ท้ังน้ีเนื่องจาก Blog น้ันมีลักษณะพิเศษเฉพาะตัวในเรื่องการแสดงความคิดเห็นส่วนตัว ซึ่ง Blog
สามารถนามาใชป้ ระโยชนท์ างการตลาดในดา้ นตา่ ง ๆ ดังนน้ั
4.2.1 เพอ่ื แสดงความเป็นผเู้ ชีย่ วชาญ
Blog สามารถนามาใช้ประโยชน์เพื่อเขียน หรือแสดงบทความที่แต่ละคนถนัด
ออกมาได้ดีหากการเขียนบทความในเรื่องเฉพาะด้าน จะสามารถทาให้ผู้อ่านสามารถทราบถึงความ
เช่ียวชาญของผเู้ ขยี น Blog ได้
4.2.2 เพอื่ ใช้ขายสนิ ค้า
Blog น้ันสามารถใช้ประโยชน์เพ่ือขายสินค้า หรือบริการได้ โดยเฉพาะสินค้าที่
เกี่ยวข้องกันเร่ืองที่เราเขียนใน Blogเพราะผู้อ่านจะรู้จักเจ้าของ Blog อยู่ในระดับหน่ึงแล้ว เม่ือ
เจ้าของ Blogมาแนะนาสนิ ค้าหรอื บริการจงึ มกั จะไดร้ ับการตอบรับจากผู้อา่ นไดอ้ ย่างดี
4.2.3 เพ่อื การทาประชาสัมพันธ์
บริษัทต่าง ๆ มักใช้ Blog เพื่อประชาสัมพันธ์ข่าวของตนเอง ตัวอย่างเช่น บริษัท
อย่าง Google มักใช้ Blog ของตนเอง เพ่ือประกาศข่าวต่าง ๆ แบบเป็นทางการใน Blog ของตัวเอง
ก่อนทจี่ ะออกไปเปน็ ข่าวตามหน้าส่อื ต่าง ๆ เช่น หนงั สือพมิ พ์ เป็นตน้ ซ่ึงแสดงให้เห็นถงึ ประโยชน์ของ
การทาประชาสัมพนั ธ์ผ่าน Blogไดอ้ ยา่ งชัดเจน
188
เอกสารประกอบการเรยี น รายวิชา การตลาดอิเล็กทรอนกิ ส์ (3202-2103)
หน่วยท่ี 4 กลยุทธ์การตลาดอิเล็กทรอนิกส์
4.2.4 เพ่อื การทาวจิ ัย หรือพัฒนาผลิตภัณฑ์
ระบบแสดงความคิดเห็น (Comment) ของ Blog ช่วยทาหน้าที่น้ีเป็นอย่างดี
โดยเฉพาะเม่ือผู้อ่าน Blog ได้แสดงความคิดเห็นเข้ามา ผู้ประกอบการสามารถนาความคิดน้ันไป
พัฒนา หรอื ปรบั ปรุงสนิ คา้ และบริการต่อไป
4.2.5 เพอ่ื บรกิ ารลกู ค้า
Blog สามารถใช้เป็นอีกหน่ึงช่องทางในการติดต่อผู้ประกอบการได้ ดังนั้น
ผู้ประกอบการท่ีเป็นเจ้าของสินค้าหรือบริการนั้นจึงมีโอกาสในในการบริการลูกค้าที่ติดต่อเข้ามาผ่าน
Blog ได้
4.2.6 เพือ่ พัฒนาCommunity
เนื่องจากลักษณะพฤติกรรมของคนท่ีเขียนอ่าน Blog ส่วนมากมีแนวโน้มรู้จักกัน
มากข้ึน ดังน้ันเม่ือผู้ประกอบการใช้ Blog ในการทาการตลาดแล้ว ผู้ประกอบการก็จะมีโอกาสได้ทา
ความรู้จักคนที่สนใจในเรื่องเดียวกัน และมีโอกาสพัฒนา Community ให้กับสินค้าหรือบริการของ
เราได้
4.2.7 เพ่อื สร้างBrand
Blog สามารถนามาใช้ประโยชน์ในการสร้างBrandได้โดยแสดงได้ท้ังเน้ือหาใน
ส่วนท่ีเป็นรูปภาพ (Visual) และเนื้อหาในส่วนที่เป็นข้อความ (Text) ท่ีจะทาให้ Brand ของเราไป
ปรากฏใน Search Engine ได้และเมื่อคนคลิกเข้ามาที่ Blog ของเราก็สามารถรู้จกั Brand ของเราได้
ดังนนั้ Blog จึงเป็นอกี ชอ่ งทางหนง่ึ ในการสร้าง Brand ได้อย่างดี
4.2.8 เพื่อการสอ่ื สารภาพในองคก์ ร
ระบบ Blog ทีด่ ี มักมรี ะบบ Login เพอ่ื ใหเ้ ฉพาะคนที่เปน็ สมาชกิ เท่านั้นทส่ี ามารถ
เข้าไปอ่าน Blog ได้ดังนั้น Blog จึงมีประโยชน์ในการนามาใช้ในการส่ือสารภายในองค์กรโดยเฉพาะ
การใส่ขอ้ มูลประเภทค่มู ือ หรอื ระบบการทางานไวใ้ น Blog เฉพาะภายในองคก์ รได้
4.3 การเลือกระบบBlog
การเลือกระบบ Blog เพื่อใช้งาน ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ประกอบการในการทา
Blogวา่ ต้องการรายละเอยี ดและความสามารถในการปรับแตง่ Blog มากนอ้ ยแค่ไหน กล่าวคือ
4.3.1 ระบบBlogขัน้ สงู
ระบบBlogขั้นสูงเหมาะสมกับผู้ประกอบการที่มีความรู้พ้ืนฐานในการทาเว็บไซต์
เบือ้ งตน้ เช่น ภาษาhtml ภาษาphp หรือฐานข้อมูล MySQL เป็นต้นรวมถงึ ผู้ประกอบการที่ต้องการมี
โดเมนเนมเป็นของตัวเองผู้ประกอบการที่ต้องการเช่า Web Hosting เพ่ือใช้งานBlogและ
ผู้ประกอบการที่ต้องการปรับแต่ง Template เพื่อให้เข้ากับเว็บไซต์ของตนเองซึ่งสามารถใช้ระบบ
189
เอกสารประกอบการเรยี น รายวชิ า การตลาดอเิ ล็กทรอนกิ ส์ (3202-2103)
หน่วยท่ี 4 กลยทุ ธ์การตลาดอิเลก็ ทรอนกิ ส์
Blog ขึ้นสูงได้ เช่น Word Press (www.wordpress.org) หรือ Movable Type ซึ่งเป็นระบบท่ีต้อง
ดาวน์โหลดซอฟต์แวรเ์ พ่อื มาติดต้ังใน Web Hosting
4.3.2 ระบบBlogท่วั ไป
ระบบBlogท่ังไปส่วนใหญ่จะให้บริการฟรีโดยสมัครใช้บริการได้ทันทีแต่จะมี
ข้อจากัดในเร่ืองพ้ืนท่ี หรือข้อจากัดด้านการปรับแต่ง Template เช่นBlogger.com, exteen.com,
Bloggang.com หรือ wordpress.com
4.4 การพฒั นาระบบ Blog
เพ่ือให้การพัฒนา Blog มีระบบเพ่ิมมากยิ่งขึ้น ผู้ประกอบการ ควรมีการวางกลยุทธ์
สาหรบั การพัฒนาระบบ Blog ดงั นี้
4.4.1 การทาความเขา้ ใจกับระบบ Blog
ผู้พัฒนา Blog ควรทาความเข้าใจกับตนเองก่อนว่า ต้องการทาธุรกิจอะไร และ
วัตถุประสงค์ของการพัฒนา Blog นี้คืออะไร ท้ังน้ีเพื่อทาความเข้าใจ และทาความรู้จักกับความ
ต้องการของตนเองก่อนการพฒั นา Blog หากผู้พฒั นา Blog สามารถค้นพบได้ว่าผู้พัฒนา Blog น้ันมี
ความนิยมและชอบในเร่ืองอะไรเป็นพิเศษ และหากเปน็ เรื่องที่ชอบนั้นเป็นเรื่องท่สี อดคล้องกับธุรกจิ ที่
ทาแล้วก็จะทาให้ผู้พัฒนา Blog นั้น ๆ สามารถเขียน Blog ได้เป็นระยะเวลานาน (ตัวอย่างเช่น
Keng.com ทีม่ ีวัตถุประสงค์ท่ีต้องการจะจัดอบรมเทรนนิ่งทางดา้ นการตลาดออนไลนต์ า่ ง ๆ)
4.4.2 การทาความเข้าใจกับกลุ่มเปา้ หมาย
ผพู้ ัฒนา Blog ควรทาความเข้าใจกับกลุ่มเป้าหมายที่จะมาอ่าน Blog เราว่า เป็น
ใคร อายุเท่าไหร่ และชอบเรื่องอะไรบ้าง เป็นต้น (เช่น กลุม่ เป้าหมายของ Keng.com คือคนทท่ี างาน
ในสายการตลาด หรือพนักงานจากเอเจนซตี่ า่ ง ๆ)
4.4.3 การกาหนดกลยุทธ์ในการพัฒนา Blog
ผู้พัฒนา Blog ควรกาหนดท่ีต้องการว่า จะพัฒนา Blog ไปในแนวทางหรือ
ทิศทางใด การกาหนดวิถีทาง หรือแนวทางจะช่วยผู้พัฒนา Blog ประสบความสาเร็จในการทา
การตลาดได้ โดยจะต้องมีการกาหนดเป้าหมาย แผนงาน และนโยบายท่ีชัดเจน เพื่อเป็นเครื่องมื อ
ควบคุม และกากับการดาเนนิ การให้ผู้พฒั นา Blog ให้เปน็ ไปตามเปา้ หมายท่ีกาหนดไว้ได้ (ตวั อย่างกล
ยุทธ์ เชน่ เรียนร้กู ารตลาดออนไลน์กับ Keng.com
4.4.4 การกาหนดเน้อื หา
การกาหนดสัดสว่ นเน้ือหา ควรอ้างอิงจากกลยุทธ์ท่ีวางไว้กอ่ นหน้านี้ ตัวอย่างเช่น
keng.com มีกลยุทธ์ว่า เรียนรู้การตลาดออนไลน์กับ keng.com เวลาท่ีจะแบ่งสัดส่วนเน้ือหา ก็จะ
เน้นไปยังบทความที่ให้ความรู้มากหน่อย ส่วนบทความประเภทข่าวสารต่าง ๆ จะมีน้อย เพราะ
ต้องการให้ผู้อ่านร้สู ึกว่า บทความของเราเป็นการให้ความรู้ท่เี ขาสามารถนาไปใชไ้ ด้ และจะตอบโจทย์
190
เอกสารประกอบการเรยี น รายวชิ า การตลาดอิเล็กทรอนิกส์ (3202-2103)
หนว่ ยท่ี 4 กลยุทธ์การตลาดอเิ ล็กทรอนกิ ส์
ในอีกมุมหน่ึงคือ คนอ่านจะได้เห็นวา่ เรามีความรู้ความสามารถ หากจัดอบรม (training) คนอ่านก็จะ
สนใจใชบ้ ริการไมย่ าก
4.5 การโปรโมท Blog
เมื่อเราสามารถกาหนดกลยุทธ์ในการสร้างและพัฒนา Blog ได้แล้วในการทาขั้นตอน
สดุ ท้ายของการทา Blog Marketing ก็คือ การโปรโมท Blog และเม่ือผู้พฒั นา Blog ตอ้ งการโปรโมท
Blog ก็จะต้องมีการพิจารณา ประเภทของผู้ท่ีเข้าเว็บไซต์ว่า ผู้ที่เข้าเว็บไซต์มาน้ัน จะมาจากช่องทาง
ใดบ้าง (เฉพาะส่ือออนไลน์) หากสามารถวิเคราะห์ และทาความเข้าใจผู้ท่ีเข้าเว็บไซต์ได้ว่า ผู้ที่เข้า
เว็บไซต์นั้นเข้ามาจากแหล่งใดบ้าง ก็จะทาให้ผู้พัฒนา Blog นั้นสามารถวางแผนการโปรโมท Blog ได้
ดยี ่งิ ขน้ึ
โดยท่วั ไปสามารถแบ่งประเภทของผู้เข้าเว็บไซดไ์ ดต้ ามชอ่ งทางในการเขา้ เวบ็ ไซดไ์ ด้ดงั น้ี
4.5.1 ผูท้ ี่พิมพ์ URL ของเว็บไซดเ์ ขา้ มาโดยตรง
4.5.2 ผู้ที่เข้ามาผ่านทางเว็บลิงค์ (ซ่ึงมีเว็บไซต์ อื่นที่ทาลิงค์ มาหา Blog ของ
ผ้ปู ระกอบการ ผ้จู ัดทา หรือผ้พู ัฒนา Blog แล้วมผี ู้คลกิ เขา้ มา
4.5.3 ผทู้ ีเ่ ข้ามาผ่านชอ่ งทางการค้นหาจาก Search Engine แลว้ คลิกมาท่ี Blog
5. กลยุทธก์ ารตลาดแบบ Social Media Marketing
ในปจั จุบันการพัฒนาของ Web 2.0 ช่วยให้บุคคลธรรมดาท่วั ไปสามารถผลติ เนื้อหาไม่ว่า
จะเป็นข้อความรูปภาพ หรือวีดีโอข้ึนมาเผยแพร่บนอินเทอร์เน็ตได้ง่าย ทาให้ส่ือใหม่ชนิดนี้เริ่มมี
บทบาทในการเปล่ียนแปลงรูปแบบการทาการตลาดของภาคธุรกิจมากข้ึน จากเดิมที่ธุรกิจนิยมใช้ส่ือ
เก่าอย่างโทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ หรือนิตยสาร เพ่ือเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายจานวนมาก ซึ่งสื่อเก่า
เหล่าน้เี ป็นเสมือนตวั กลางระหวา่ งบรษิ ทั และผู้บรโิ ภคท่ีมีอิทธพิ ลสูง
ขณะการทางานของ Web 2.0 ในปัจจุบันส่งผลให้ผู้บริโภคสามารถผลิตเน้ือหาได้ไม่ต่างกับ
สื่อเก่าและเริ่มมีอิทธิพลต่อภาคธุรกิจมากขึ้นในสังคมออนไลน์ และยังสามารถนาเสนอเน้ือหาสู่คน
อ่นื ๆ ท่อี ยใู่ นอินเทอร์เนต็ ได้ ส่อื ใหมช่ นดิ นจ้ี ึงถกู เรยี กวา่ Social Media
5.1 โอกาสของการทาการตลาดผา่ น Social Media
Social Media Marketing คือ วิธีการทาการตลาดท่ีอาศัยผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นส่ือกลาง
ในการกระจายข้อความทางการตลาด หรอื ภาพลกั ษณ์ของสนิ คา้ ไปสื่อผูใ้ ช้อนิ เทอรเ์ น็ตด้วยกัน
จากการสารวจของ Nielsen พบว่า ปัจจุบันผู้บริโภคให้ความเช่ือถือจากคาแนะนา
ผู้บริโภคด้วยกันเอง สูงถึงร้อยละ 78 รองลงมาคือ หนังสือพิมพ์ร้อยละ 63 และข้อความผู้บริโภค
โพสต์บนอินเทอร์เน็ตถึงร้อยละ 61 นอกจากนีย้ ังพบด้วยว่าผ้บู รโิ ภครอ้ ยละ 86 ไมเ่ ช่ือเจ้าของแบรนด์
พดู ถึงตวั เอง
191
เอกสารประกอบการเรยี น รายวิชา การตลาดอเิ ล็กทรอนกิ ส์ (3202-2103)
หน่วยท่ี 4 กลยุทธ์การตลาดอิเล็กทรอนิกส์
ในประเทศไทยผลการสารวจพบว่าผใู้ ช้อินเทอร์เน็ตจานวนร้อยละ 82 ระบวุ า่ คาแนะนา
จากคนรู้จักนั้นจะส่งผลต่อการตัดสินใจซ้ือสินค้าของตนเอง รองลงมาคือโทรทัศน์ ร้อยละ 80 และ
ขอ้ ความท่ีอยู่บนสื่ออินเทอร์เน็ต ร้อยละ 62 ตามลาดับ ดังนั้นจากการส่งผลสารวจดังกล่าวจึงถือเป็น
เร่ืองสาคัญทภ่ี าคธุรกิจจะต้องให้ความสาคัญ และคดิ หาวิธีที่จะให้ผู้บริโภคกล่าวถึงสินค้า และบริการ
ของตนเองในแงบ่ วก
โดย Social Media Tracker ในการทาสารวจกิจกรรมท่ีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตนิยมทาเป็น
ประจาพบว่า อันดับแรกคือ การดูวีดีโอคลิปออนไลน์ รองลงมาคือ การอ่านบล็อก และการเล่น
เวบ็ ไซต์ Social Network ท้ังสามกิจกรรมน้จี ึงถือเป็นช่องทางสาคญั ที่นักการตลาดออนไลน์ตอ้ งใชใ้ ห้
เป็นประโยชน์
5.2 ร้จู ักและเข้าใจบรกิ าร Social Media ชื่อดงั
ผู้ท่ีจะทาการตลาดบน Social Media จะต้องทาความเข้าใจในบริการ Social Media
ต่าง ๆให้ถ่องแท้ บริการเหล่าน้ี ได้แก่ Blog, Micro Blog, Network, Message Board, Video
Sharing, Photo Sharing, Social News และ Social Shopping/Review เป็นต้น
5.2.1 Blog
บล็อก หรือเว็บบล็อก เป็นเว็บไซต์ประเภทหนึ่งท่ีให้เจ้าของบล็อกเขียนข้อความ
บอกเล่าต่าง ๆ ที่เป็นความสนใจของตนเอง เสมือนเป็นคอลัมนิสต์ท่ีเขียนบทความลงในเว็บไซต์
บทความท่ีเผลแพร่ในบล็อกจะถูกเรียงลาดับตามเวลาที่เผยแพร่ โดยบทความใหม่ล่าสุดจะอยู่ด้าน
บนสุด ผู้เขียนบล็อกที่ไดค้ วามนยิ มสูงมักจะมีพลังในการโน้มนาผู้อ่านให้คล้อยตามในเรื่องบางเรื่องได้
ซ่ึงเป็นไปได้ทั้งการโน้มนาให้เกิดความชอบหรือโน้มนาให้เกลียดชังได้ นักการตลาดออนไลน์จึงต้อง
พยายามเข้าถงึ และสรา้ งสัมพนั ธภาพทด่ี ีกบั ผูเ้ ขยี นบล็อกเหลา่ น้ี
นอกจากนักการตลาดออนไลนก์ ็ควรเขียนบลอ็ กเพ่ือส่ือสารกบั ผู้บรโิ ภคโดยตงด้วย
การเขียนบล็อกท่ีดีนั้น ควรใช้ภาษาท่ีไม่เป็นทางการมากนัก อย่าเขียนให้เน้ือหายาวเกินไป เพราะ
ผู้อา่ นมคี วามอดทนไม่มากนัก ใช้รูปภาพประกอบบ้าง และปิดใหผ้ อู้ า่ นแสดงความคดิ เห็นเขา้ มาได้
5.2.2 Micro Blog
บริการไมโครบล็อกช่ือดัง คือ Twitter ซึ่งให้ผู้ใช้สามารถเขียนข้อความท่ีมีความ
ยาวไมเ่ กิน 140 ตัวอักษร เข้ามาเพื่อบอกว่าเขาทาอะไรอยู่ เพื่อใหผ้ ู้ใช้แต่ละคนสามารถตดิ ตามผู้ใชค้ น
อนื่ ได้ (Follower) เช่นกนั
ดังน้ัน Twitter จึงสามารถนามาใช้ประโยชน์ในการดาเนินธุรกิจได้ในหลาย
รูปแบบ เช่นการชกั ชวนคนเขา้ ไปในเวบ็ ไซต์ การขอให้คนมาช่วยตอบแบบสอบถามทางการตลาด การ
ประชาสัมพันธ์กิจกรรมบริษัท การใช้เป็นช่องทางการขายสินค้า การติดตามดูว่าผู้คนทั่วไปน้ันกาลัง
พูดถึงแบรนด์ของเราอย่างไร หรอื การจดั การสมั พันธล์ ูกคา้ เป็นตน้
192
เอกสารประกอบการเรียน รายวชิ า การตลาดอิเล็กทรอนกิ ส์ (3202-2103)
หน่วยท่ี 4 กลยทุ ธก์ ารตลาดอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์
5.2.3 Social Network
เว็บไซต์เครือข่ายสังคม คือ เว็บไซต์ท่ีเชื่อมผู้คนทั่วโลกถึงกันโดยให้ผู้ใช้ระบุว่า
ใครเป็นเพ่ือนของเราบ้าง ผู้ใช้แต่ละคนสามารถทากิจกรรมต่าง ๆ กับเพ่ือนบนเว็บไซต์ เช่น
สง่ ข้อความถงึ กนั เล่นเกมส์ดว้ ยกัน หรอื ชวนเพอ่ื นเขา้ ร่วมกล่มุ ที่มีความสนใจเหมอื นกัน เป็นตน้
จุดเด่นของเครือข่ายสังคม คือ การที่ผู้ใช้แต่ละคนรู้ได้ว่าเพ่ือนของตนมีใครเป็น
เพื่อนอยู่บ้าง และผู้ใช้คนใดคนหนงึ่ ทากิจกรรมบางอย่างบนเว็บไซต์ เพื่อนของเขาก็จะรู้ และถ้าเพ่ือน
ของเขาทากิจกรรมน้ันบ้าง เพ่ือนของเพ่ือนก็จะรู้ด้วย ทาให้เกิดการกระจายตัวของเครือข่ายสังคม
ออกไป
เว็บไซต์เครือข่ายสังคมที่มีผู้ใช้มากที่สุดในขณะน้ี คือ Facebook ซ่ึงมีผู้ใช้ทั่วโลก
กว่า 250 ล้าน และมีผู้ใช้ชาวไทยมากว่า 850,000 คน Facebook มีเครื่องมือการตลาดหลายอย่าง
เช่น Page สาหรับสร้างชุมชนแฟนคลับของสินค้า บริการ หรือ บุคคลต่าง ๆ Event สาหรับสร้าง
กิจกรรมท่ีจะจดั ขึ้นแล้วประชาสัมพันธ์ใหก้ ลุ่มเป้าหมายมาร่วมงาน Group สาหรับสร้างชมุ ชนของผู้ท่ี
มีความสนใจเร่ืองเดียวกัน และ Application สาหรับพัฒนาเป็นบริการอะไรก็ได้เพ่ือให้ผู้ใช้
Facebook เข้ามาใช้
5.2.4 Message Board
เว็บไซต์ด้านข่าวคือชุมชนของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตที่มีความสนในเรื่องเดียวกันเข้ามา
เขียนข้อความ และร่วมแสดงความคิดเห็นต่อประเด็นต่าง ๆ จุดเด่นของกระดานข่าว คือ การมี
กล่มุ เป้าหมายจานวนมากทใี่ ช้บริการอยู่ ทาให้ธรุ กจิ มีโอกาสไปมสี ่วนร่วมกับผใู้ ช้กระดานขา่ วได้
5.2.5 Video Sharing
เว็บไซต์ Video Sharing สาหรับใช้เผยแพร่วีดีโอคลิปอย่างเช่น YouTube เป็น
เครื่องมือทางการตลาดออนไลน์ทีท่ รงพลัง เนอ่ื งจากนักการตลาดสามารถนาเสนอ ภาพยนตรโ์ ฆษณา
ท่ีมีความยาวมากกว่าการฉายโทรทัศน์ได้ โดยไม่มีต้นทุนค่าเวลา ออกอากาศ นอกจากนี้วีดีโอคลิปท่ี
นา่ สนใจจะถูกผชู้ มบอกต่อไปถงึ เพื่อนฝงู ดว้ ย
5.2.6 Photo Sharing
เว็บไซต์ Photo Sharing เป็นเว็บไซต์สาหรับเก็บบันทัก และแบ่งปันรูปภาพให้
เพ่ือนดู Flickr หรือ Multiply ผู้ใช้ที่ชอบถ่ายภาพ และนามาแสดงบนเว็บไซต์เหล่านี้ มักจะมีเพื่อน
เขา้ มาแสดงความคิดเห็นอยเู่ สมอ และสามารถสร้างแฟนคลับท่ชี ืน่ ชอบรูปภาพแบบเดียวกันไดด้ ว้ ย
193
เอกสารประกอบการเรยี น รายวิชา การตลาดอเิ ล็กทรอนกิ ส์ (3202-2103)
หนว่ ยท่ี 4 กลยุทธก์ ารตลาดอเิ ล็กทรอนกิ ส์
5.2.7 Social Bookmark
เวบ็ ไซต์ Social Bookmark เปน็ เว็บทใ่ี หผ้ ใู้ ชเ้ กบ็ บันทกึ URL ของเว็บไซต์ที่ตนชื่น
ชมไว้เพ่ือดู หรือค้นหาไว้ในภายหลังได้ ข้อดีของ Social Bookmark คือ การท่ีระบุเว็บไซต์ใดที่ถูก
ผู้ใช้งานจานวนมากเก็บบันทึกไว้บ้าง ซ่ึงแสดงให้เห็นว่าเว็บไซต์น้ัน เป็นเว็บไซต์ที่มีความน่าสนใจ
จรงิ ๆ ซึง่ บางคร้ัง Social Bookmark สามารถแนะนาเว็บไซตไ์ ด้ดีกว่าการค้นหาผา่ น Search Engine
เสยี อีก
5.2.8 Social News
เว็บไซต์ Social News เป็นเว็บไซต์สาหรบั แนะนาเวบ็ ไซต์ที่น่าสนใจให้คนอื่นลอง
เข้าไปชม Social News มีระบบโหวตเว็บไซตใ์ ดมีคะแนนโหวตสูงก็มกั แสดงในตาแหน่งท่ีโดดเด่น ซึ่ง
จะทาใหม้ จี านวนคนเข้าเว็บไซต์ดังกลา่ วเพิม่ สูงอยา่ งรวดเรว็
5.2.9 Social Shopping/Review
เปน็ เว็บไซต์ Social Shopping/Review เป็นเว็บไซตส์ าหรับให้ผ้ใู ชเ้ ขียนข้อความ
แนะนาสินค้าหรือบริการว่า ดีหรือไม่ดีอย่างไร ตัวอย่างเช่น Trip Advisor จะแนะนาโรงแรม ที่พัก
ตา่ ง ๆ ทวั่ โลกหรอื Yelp จะแนะนาร้านอาหารในอเมริกา เป็นตน้
5.3 การทาการตลาดบน Social Media ในทางปฏบิ ัติ
นักการตลาดออนไลน์จะต้องวิเคราะห์ให้ได้ว่าเว็บไซต์ Social Media ใดท่ีมี
กลุ่มเป้าหมายอยู่ และควรเขา้ ไปทาการตลาดบ้าง จากน้ันจึงเข้าไปมีส่วนรว่ มในเวบ็ ไซต์น้ัน โดยที่อาจ
ไม่จาเป็นต้องวางแผนนักมาก เพราะเหตุการณ์ต่าง ๆ บนโลกของ Social Media มีการเปล่ียนแปลง
และแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว
เว็บไซต์ Social Media สว่ นใหญ่มักกาหนดใหผ้ ู้ใช้งานตอ้ งดาเนินการสรา้ งบัญชีใชข้ น้ึ มา
การตั้งชื่อของผู้ใช้น้ัน ควรต้ังชื่อผู้ใช้ให้สามารถจาง่าย และสะกดง่าย รมท้ังควรใช้ชื่อเดียวกันในทุก
เว็บไซต์ เน่ืองจากช่ือทกี่ าหนดนั้นจะกลายเป็นแบรนดใ์ นโลกออนไลน์
เม่ือสร้างบัญชีได้แล้ว ข้ันตอนถัดไปจึงเป็นการสร้างเนื้อหาที่เป็นของคุณเองขึ้นมา และ
เริ่มเข้าไปมีส่วนร่วมในกิจกรรมออนไลน์กับผู้ใช้คนอื่น ๆ ท่ีสาคัญคือ อย่างจงใจขายของ เพราะผู้ใช้
สว่ นใหญ่ไมช่ อบถูกขายสินคา้ แต่เขาจะรู้สกึ ดมี ากกวา่ หากเจ้าของสินค้านน้ั เข้ามาช่วยเหลอื เมอ่ื ลูกค้า
ประสบปัญหา และนามาบอกกลา่ วผ่านทางสอื่ อินเทอร์เน็ต
5.4 การเฝ้าตดิ ตาม และการจัดการขอ้ ความบอกต่อเชิงลบ
ผู้บริโภคจานวนมากเมื่อไม่พอใจสินค้า หรือบริการท่ีได้รับ ผู้บริโภคมักจะม่ีร้องเรียนกับ
บริษัทโดยตรง เน่ืองจากคิดว่าคาร้องเรียนนัน้ ๆ อาจจะสง่ ไปไม่ถึงผู้มีอานาจในการจัดการ หรือคิดว่า
เม่ือร้องเรียนไปแล้วจะไม่ได้รับการช่วยเหลืออะไร ผู้บริโภคส่วนมากมักจะเขียนข้อความเพ่ือตาหนิ
194
เอกสารประกอบการเรยี น รายวชิ า การตลาดอเิ ล็กทรอนกิ ส์ (3202-2103)
หน่วยที่ 4 กลยทุ ธก์ ารตลาดอเิ ล็กทรอนกิ ส์
สินค้า และบริการนั้น ๆ ลงในเว็บไซต์ท่ีผู้บริโภคเหล่าน้ัน คุ้นเคยดี ดังนั้นเจ้าของแบรนด์จึงควรหมั่น
ตรวจสอบตามเวบ็ ไซตต์ า่ ง ๆ ว่าแบรนด์ของตนเองกล่าวถงึ อยา่ งไรบนสอื่ อนิ เทอรเ์ นต็ ดว้ ย
ปจั จุบันมีเครื่องมือหลายชนิด สาหรับช่วยติดตามว่า Social Media กาลังพูดถึงอะไรท่ี
เกี่ยวข้องกับแบรนด์ของเราอยู่บ้าง ถ้าเป็นข้อความบน Twitter สามารถใช้ Twitter Search Twit
Pipe หรือ Tweet Beep ได้ ถ้าเป็นข้อความในบล็อก สามารถใช้ Google Blog Search หรือ
Google Alerts ได้
ขอ้ ความตาหนสิ ินคา้ หรือบริการท่ีปรากฏอยู่บนเวบ็ ไซต์ต่าง ๆ บ่อยคร้ังมกั เป็นข้อความ
ที่มีความรุนแรง และสร้างความเสียหายต่อแบรนด์อย่างมาก เจ้าของแบรนด์กว่าใหญ่มักให้ฝ่าย
กฎหมายของบรษิ ัทเป็นผดู้ าเนินการติดต่อเจ้าของเว็บไซต์เพ่ือลบข้อความน้ัน ๆ ออกอย่างไรก็ตามใน
ความเป็นจริงแล้ว เจ้าของเว็บไซต์ส่วนใหญ่มักจะทาเช่นนั้นไม่ได้ เพราะเจ้าของเว็บไซต์จะถูกผู้ใช้
เว็บไซต์น้ันต่อต้าน และถึงแม้ว่าเจ้าของเว็บไซต์จะลบข้อความดังกล่าวออกไป ผู้ใช้เว็บไซต์ก็สามารถ
เขียนข้ึนใหม่ หรอื เปล่ยี นไปเขยี นทเ่ี วบ็ ไซต์อ่นื ที่กฎหมายเข้าไปจัดการไดย้ าก
วิธีจัดการกับข้อความเชิงลบที่ถูกต้อง คือ การติดต่อไปยังผู้เขียนข้อความซึ่งแสดงถึง
ความไม่พอใจต่อสินคา้ หรอื บรกิ ารของเราโดยตรง จากน้ันจึงดาเนินการขอโทษ และช้ีแจงถึงปญั หาที่
เกิดข้ึนอย่างตรงไปตรงมา บ่อยครั้งที่เจ้าของแบรนด์เข้าไปขอโทษ และชี้แจงผ่านทางเซ็บไซต์มักจะมี
ผลตอบรับในทิศทางบวกกลับมา เพราะผู้ใช้เว็บไซต์รายอื่น ๆ จะรู้สึกว่าแบรนด์น้ันฟังเสียงความ
คิดเห็นของลูกค้าและใหค้ วามใส่ใจกับลูกค้า
5.5 การออกแบบ และสรา้ งแคมเปญการตลาดบอกต่อ
การตลาดแบบบอกต่อ คือ การสร้างกลไกท่ีทาให้ผู้บรโิ ภคส่งต่อขอ้ ความทางการตลาดไป
หาเพอื่ นของเขา และเพื่อนก็จะส่งต่อไปหาเพอ่ื นของเพ่อื นต่อไปเรอื่ ย ๆ ปจั จัยที่ทาให้เกิดการบอกต่อ
มี 2 ประการ คือ ข้อความหรือเนื้อหาทางการตลาด ที่น่าสนใจ และช่องทางการบอกต่อเหมาะสม
นักการตลาดจะต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการผลิตเนื้อหาที่ถูกใจ Social Media และต้องเลือก
ช่องทางทมี่ ีกล่มุ เป้าหมายอยูเ่ พอ่ื สรา้ งกลไกใหเ้ กดิ การบอกต่อไดโ้ ดยงา่ ย
5.6 Social Media Optimization
Social Media Optimization (SMO) คือ วิธีการทาให้ข้อความทางการตลาดถูก
เผยแพร่ส่สู าธารณะในวงกว้าง โดย อาศัย Social media และชมุ ชนออนไลนต์ า่ ง ๆ ซ่ึงประกอบดว้ ย
5.6.1 การเพ่ิมจานวนเน้ือหาบนเว็บท่ีทาให้ Social Media สามารถทาลิงค์มาหา
ไดม้ ากขึ้น
5.6.2 การเพ่ิมปุ่มสาหรับ Bookmark/ Tag ลงในเวบ็ ไซต์
5.6.3 การจงู ใจใหเ้ วบ็ ไซต์อ่นื ทาลิงคม์ าหา
5.6.4 การนาเน้อื หาไปไว้บนเวบ็ ไซต์ Social Media ตา่ งๆ
195
เอกสารประกอบการเรยี น รายวชิ า การตลาดอเิ ลก็ ทรอนิกส์ (3202-2103)
หนว่ ยที่ 4 กลยุทธก์ ารตลาดอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์
5.6.5 การเปิดโอกาสให้เว็บไซตอ์ ่ืนสามารถนาเนอื้ หาจากเว็บไซต์เราไปต่อยอดได้
5.6.6 การสรา้ งแหล่งรวมขอ้ มูลทเ่ี ปน็ ประโยชนแ์ ก่ผใู้ ช้
5.6.7 การให้รางวัลแก่ผ้ใู ช้ทม่ี ีคณุ คา่
5.6.8 การเข้าไปมสี ่วนร่วมในชมุ ชนตา่ ง ๆ
5.6.9 การรูว้ ่าจะเขา้ ถงึ กลมุ่ เปา้ หมายท่ีแท้จริงไดอ้ ย่างไร
5.6.10 การเป็นตัวตนทแ่ี ท้จรงิ ไม่หลอกลวง
6. การโฆษณาแบบ Pay Per Click Advertising
6.1 การโฆษณาดว้ ย Google AdWords
เปน็ รปู แบบหนง่ึ ของการทาการตลาดผา่ นเคร่ืองมอื ค้นหา (Search Engine) ด้วยวธิ กี าร
ซ้ือโฆษณา โดยการบริการโฆษณาของ Google หรือ GoogleAdWords น้ัน มีรูปแบบการโฆษณา
ออนไลน์ที่มีการจ่ายค่าโฆษณาแบบ PPC (Pay Per Click) คือ จะมีการจ่ายค่าโฆษณาก็ต่อเมื่อมีผู้
ค้นหาสาคัญ (Keyword) ท่ีผู้โฆษณาได้เลือกไว้แล้ว และทาการเชื่อมโยงเพ่ือเชื่อมโฆษณาไปยัง
เว็บไซต์ท่ีผู้โฆษณาได้กาหนดไว้ โดยโฆษณาของผู้ท่ีโฆษณาน้ันจะให้ผู้ชมโฆษณาเห็นตามคาสาคัญ
(Keyword) ซ่งึ อาจเป็นคา ๆ เดยี ว หรอื เปน็ คาวลีกไ็ ด้ตามท่ผี ู้ลงโฆษณาไดเ้ ลือกไว้
การโฆษณารูปแบบน้ีจะไมม่ ีการกาหนดคา่ ใช้จา่ ยขั้นต่า และไมม่ ีค่าบรกิ ารรายเดือน โดย
จะคิดค่าใช้จ่ายก็ต่อเมื่อโฆษณาน้ันได้ถูกคลิกเท่านั้น ซ่ึงโฆษณานั้นจะแสดงผลในเว็บไซต์ Google
ตามคาค้นหาที่เก่ียวข้อง และจะแสดงโฆษณาไปยังเว็บไซต์อ่ืนท่ีเป็นพันธมิตรกับ Google ด้วย
ตัวอย่างเช่น เว็บไซต์ About.com เว็บไซต์ InfoSpaces.com เว็บไซต์ Shopping.com เว็บไซต์
Lycos.com เป็นตน้
นอกจากน้ียังรวมถึงเว็บไซต์ท่ีได้เข้าร่วมติดต้ังโฆษณา Google AdSense ที่เว็บไซต์ของ
ตนเองด้วย โดยมีการให้ผลตอบแทนจากการคลิกท่ีมาจากผู้เข้าเย่ียมชมเป็นค่าตอบแทนจากการ
โฆษณา และล่าสุดยังได้มีการนาโฆษณา Google AdWords น้ันจะพิจารณาจากผลตอบแทนท่ีทาง
Google จะไดร้ ับสูงสดุ เป็นหลกั ซง่ึ แบ่งออกไดเ้ ป็น 2 สว่ นด้วยกันคอื
6.1.1 Cost Per Click (CPC) : เปน็ ราคาที่ได้จากการประมูล (Bidding ) ใน Keyword
ทตี่ ้องการ โดย Keyword ซ่ึงเป็นที่สนใจจะมีราคาสูง ตัวอย่างเช่นคาว่า โรงแรม เกมส์ เป็นต้น ซึ่งไม่
วา่ ผู้โฆษณาจะประมูลด้วยราคาเท่าไหร่จะเปน็ เพียงราคาที่เต็มใจจ่าย แต่คา่ โฆษณาในลาดับท่หี นึ่งจะ
กาหนดใหส้ ูงกว่าลาดับทสี่ อง 0.5 เหรยี ญสหรฐั เสมอ
6.1.2 Click Through Rate (CTR) : เป็นอัตราการคลิกโฆษณา โดยโฆษณาใดท่ีมีการ
คลกิ สูงก็จะถกู จัดอันดบั สงู
196
เอกสารประกอบการเรยี น รายวชิ า การตลาดอิเลก็ ทรอนกิ ส์ (3202-2103)
หน่วยท่ี 4 กลยุทธก์ ารตลาดอิเลก็ ทรอนิกส์
6.2 ประโยชน์ของการจัดทาโฆษณาดว้ ย Google AdWords
6.2.1 ผู้โฆษณาสามารถทาการโฆษณาได้ทันที่ภายหลังการเปิด Account ภายในไม่กี่
นาทีและสามารถบอกเลกิ เมือ่ ใดก็ได้ ตามความตอ้ งการของผโู้ ฆษณา
6.2.2 ไม่มีการคิดค่าใช้จ่ายโฆษณารายเดือน หรือการกาหนดค่าใช้จ่ายขั้นต่า โดยจะมี
การเก็บค่าใช้จ่ายก็ต่อเมื่อมีผู้เข้าใช้งานเครื่องมือค้นหาทากรคิดเท่านั้น โดยมีการกาหนดค่าใช้จ่ายใน
การเปิดAccount เพียง5เหรยี ญสหรัฐ
6.2.3 สามารถควบคุมงบประมาณการโฆษณา และกาหนดค่าใช้จา่ ยประจาวนั ได้
6.2.4 แม้ว่าพ้ืนที่ที่ทาการโฆษณาอยู่ในตาแหน่งที่มีอัตราการคลกิ ไม่สูงนกั แต่ผู้ท่ีทาการ
คลิกจะเป็นกลุ่มเป้าหมายท่ีตรงกลุ่มมากกว่าการค้นหาในส่วนปกติ น่ันคือมีอัตรา conversion Rate
ในระดบั ทสี่ งู
6.2.5 มีเครื่องมีทชี่ ว่ ยในการวเิ คราะห์ Keyword กับตลาดกลุ่มเปา้ หมายของธุรกิจ
ได้แก่Google Keyword Tool โดยสามารถเช็คดรู าคาของ Keyword ได้จากเวบ็ ไซตข์ อง Google
AdWords ดังนี้
https://AdWords.google.com/select/TrafficEstimatorSandbox?ctx=awblog&sourceid=a
wo&subid=US-ET-AWB-05092006_3
6.2.6 สามารถวิเคราะห์ตรวจสอบผลตอบรับจากโฆษณาได้จากรายงานของ Google
AdWords Report และสามารถปรบั ปรงุ แกไ้ ขการ โฆษณาไดต้ ลอดเวลา
6.3 หลงั ในการโฆษณาด้วย Google AdWords
6.3.1 ทาการเลือกสรรKeyword คาโฆษณาที่ยังไม่ค่อยมคี นใชม้ ากนัก ราคาประมลู ทไ่ี ม่
สงู แต่มีความหมาย และผใู้ ช้งานมโี อกาสเลือกในการค้นหา
6.3.2 ผ้โู ฆษณาจะต้องทาการเลือกข้อความโฆษณาใต้การค้นหาด้วย Keywordเดียวกัน
เพยี งโฆษณา (ท่เี ช่ือมโยงไปยังหนา้ เวบ็ เพจเดยี วกัน) เนอื่ งจาก Google จะทาการเลอื กแสดงข้อความ
โฆษณาที่มี Ad Rank สูงท่ีสุดเพียงโฆษณาเดียว ดังนั้นจึงควรเลือก Keyword เพ่ือใช้ในการโฆษณา
อย่างนอ้ ย 3 คาทีแ่ ตกต่างในการโฆษณา
6.3.3 การเขียนโฆษณาจะกาหนดความยาวของ Headline ยาวไมเ่ กนิ 25 ตัวอกั ษรและ
กาหนดให้มีความยาวของ Description ไม่เกิน 35 ตัวอักษร ส่วนของ Destination URL (การ
เชอื่ มโยงไปยงั หนา้ Landing Page) จะมีความยาวไม่เกนิ 1,024 ตัวอักษร
197
เอกสารประกอบการเรียน รายวชิ า การตลาดอเิ ล็กทรอนกิ ส์ (3202-2103)
หน่วยท่ี 4 กลยทุ ธก์ ารตลาดอิเล็กทรอนิกส์
6.3.4 การกาหนดกลุ่มเป้าหมายทจี่ ะโฆษณาต้องกาหนดใหจ้ ัดเจนได้ว่าจะโฆษณาเฉพาะ
ภายในประเทศ หรือรวมต่างประเทศด้วย และหากรวมต่างประเทศแล้ว ภาษาที่กลุ่มเป้าหมายใช้คือ
อะไร เพอ่ื ใหส้ ามารถกาหนดภายในการโฆษณาได้อย่างถูกต้อง
6.3.5 การจา่ ยเงินเพ่อื โฆษณาด้วย Google AdWordsจะมีลกั ษณะโฆษณาก่อนแล้วค่อย
จ่ายเงิน (Post Paid)ดังนน้ั ควรจะมีการกาหนดงบประมาณเพอ่ื การโฆษณาไว้ล่วงหนา้ ซ่ึงเราสามารถ
ในการกาหนดค่าใชจ้ า่ ยเพอื่ การโฆษณาได้
6.4 การโฆษณาด้วย Yahoo! Search Engine Marketing
Yahoo! Search Engine Marketing หรือท่ีเรียกสั้น ๆ ว่า Y!SM เป็นการทาการตลาด
ผ่าน Search Engine ด้วยพน้ื ฐาน Keyword และทาการแสดงผลผ่านเครื่องมอื ค้นหา Yahoo บริการ
ตา่ งๆท่ีอยู่บน เว็บไซต์ภายใต้ Yahoo.com และเว็บไซต์ท่ีเป็นเครือข่ายของ Yahoo ได้แก่ Go.com,
CNN, AltaVista, AllTheWeb.com, Excite, Metacrawler, Dogpile, Infospace, WebCrawler,
ESPN, Rent.com, Citystarch, MyFaimily.com นอกจากนี้ยังรวมถึงเว็บไซต์ที่ได้เข้าร่วมติดตั้ง
โฆษณา Y!SM Expert ทเ่ี วบ็ ไซต์ของตนเอง เป็นตน้
โดย Yahoo! Search Engine Marketing มีรูปแบบการโฆษณาในลักษณะ PPC (Pay
per Click) หรอื CPC Click หรือการโฆษณาโดยผูใ้ ห้การสนับสนนุ (Sponsored Search) แต่เดิมน้ัน
การใหบ้ ริการโฆษณาในรูปแบบของPay Per Click ในยุคแรกทไ่ี ดถ้ กู นามาใช้ในเว็บ Go.com หากแต่
ในช่วงระยะนั้นการโฆษณาในรูปแบบดังกล่าวยังประสบปัญหาที่มีรูปแบบการทางานท่ียาก และ
ค่อนข้างช้า ซ่ึง Yahoo ได้เข้าซ้ือกิจการบริษัท Overture Services Inc. และได้มีการเปลี่ยนพัฒนา
ตามระบบตามมา โดยได้เปิดตวั โครงงานโดยชือ่ ว่า Panama ในตน้ ปี พ.ศ.2550
6.4.1 ประโยชนจ์ ากการจัดทาโฆษณาดว้ ยYahoo! Search Marketing
Panama เป็นระบบการจัดอันดับการโฆษณาท่ีช่วยกาหนดว่าการโฆษณาชิ้นใด
ควรจะปรากฏบนหน้าผลของการสืบค้นของผู้ใช้ให้สอดคล้องกับ Keyword ที่ผู้ใช้ค้นหา เพื่อให้ตรง
กับกลุ่มผู้ลงโฆษณา และมี Click Ads ซ่ึงเปน็ ระบบคานวณอัตราค่าโฆษณาตามจานวนคลิกทผ่ี ู้ใช้คลิก
จริงดังน้ันการโฆษณาจึงสามารถทาการบริหารการโฆษณาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการใช้งานท่ี
ง่ายข้นึ ซ้ึงเป็นระบบที่มีความคลา้ ยคลงึ กับการโฆษณาบน Google AdWords
สาหรับวิธีในการจัดอันดับโฆษณาของ Yahoo จะพิจารณาราคาที่ได้จากการ
ประมูลที่ราคาสูงท่ีสุด (Maximum Bid) ที่ผู้โฆษณาสามารถจ่ายได้ หรือประสงค์จะจ่ายเพียงอย่าง
เดยี ว โดยมีการกาหนดเงื่อนไขในการปรบั ราคาของผทู้ ่ีอยใู่ นอนั ดับท่สี งู กว่าให้มากกว่าราคาของผทู้ อี่ ยู่
ในอนั ดับรองมาจานวน 1 Cent (Bid Discounter)
198
เอกสารประกอบการเรยี น รายวชิ า การตลาดอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ (3202-2103)
หน่วยที่ 4 กลยทุ ธ์การตลาดอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์
หากแต่ปัจจุบัน Yahoo ได้ทาการเปล่ียนวิธีในการจัดอันดับโฆษณาใหม่ โดยใช้
วิธกี ารจดั อนั ดับโฆษณาเชน่ เดยี วกบั GoogleAdWords โดยใชก้ ารพจิ ารณาค่า “Quality Score” มา
ประกอบ กบั “Bid price” หรือราคาทไี่ ด้จากการประมลู ในการจัดอนั ดับโฆษณาดว้ ย
การจัดอนั ดบั (Ad Rank) = ราคาประมูล ( Bid Price) x คะแนนคุณภาพ (Quality Score)
ค่า Quality Score จะคิดบนพื้นฐานของค่า CTR (Click Through Rate) ซ่ึงจะ
เป็นตัวช้ีวัดถึงแนวคิดสร้างสรรค์ในการนาเสนอโฆษณา และคุณภาพของหน้า Landing Page ที่
นาเสนอไปยังผูใ้ ช้งาน
6.4.2 หลักในการโฆษณาด้วย Yahoo! Search Marketing
1) สามารถสมัครเข้าใช้งานได้ง่าย โดยสามารถเลือกที่จะสมัครด้วยตัวเอง หรือ
ให้ พนักงานของ Yahoo เป็นผู้ชว่ ยในการสมัคร ท้งั การเลือกสรร Keyword และชว่ ยสรา้ งโฆษณาใน
ตอนเร่ิมต้น จะเสียค่าธรรมเนียม 199 เหรียญสหรัฐ ยกเว้นในกรณีที่ผู้โฆษณากาหนดงบประมาณ
300 เหรียญสหรฐั ตอ่ เดือนจะไมเ่ สยี คา่ ธรรมเนียม
2) รปู แบบการแสดงผลโฆษณาจะมีลักษณะทค่ี ลา้ ยกับ Google AdWords แต่มี
อัตราตน้ ทุนในการโฆษณาท่ีต่ากวา่ ของทาง Google ทม่ี ีการแขง่ ขันของราคาโฆษณาทสี่ งู
3) การเสียค่าใช้จ่ายเพ่ือการเปิดบัญชีผู้ใช้งาน (Account) คร้ังแรกเพียง5
เหรียญสหรัฐและไม่มีค่าบริการรายเดือนอีก โดยเงินคา่ เปิดบัญชีดังกล่าวจะถูกแปลงมาเป็นค่าใช้จ่าย
โฆษณา และไมม่ ีการกาหนดค่าใช้จ่ายข้นั ต่ารายเดือนใด ๆ
4) สามารถทาการเลือกสรร Keyword เพ่ือทาแคมเปญโฆษณาได้มาถึง 20
แคมเปญตอ่ หน่ึงบญั ชีผใู้ ชง้ าน และภายในแต่ละแคมเปญจะถูกแบ่งเป็นแต่ละ Ad Group เพอื่ ช่วย ใน
การบรกิ าร Keyword ตา่ ง ๆ มากทีส่ ดุ 500 Keyword ต่อหนง่ึ Ad Group
6.5 การโฆษณาด้วย Microsoft adCenter Marketing
การโฆษณาด้วย Microsoft adCenter Marketing เป็นการทาการตลาดผ่าน Search
ด้วยพื้นฐาน Keyword และทาการแสดงผลผ่านเคร่ืองมือการค้นหา Live.com ของ Microsoft Inc.
ซึ่งมีผู้ใช้งานมากท่ีสุดถึงอันดับที่ 3 ของโลก โดยพบว่า รายได้ด้านการโฆษณาในสหรัฐอเมริกา
ประมาณ 1.12 พันล้านเหรียญสหรัฐในปีงบประมาณซึ่งสิ้นสุดในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2550 บริษัท
Microsoft นั้น ติดอันดับท่ี 41 ของตารางบริษัทสื่อท่ีใหญ่ที่สุดในประเทศสหรัฐอเมริกา ตามการจัด
อันดับของ Adage โดยในงบประมาณ พ.ศ. 2550 เป็นรายรับที่มาจากภายในประเทศสหรัฐอเมริกา
คดิ เปน็ ร้อยละ 63.1 ของรายรบั จากโลก
199
เอกสารประกอบการเรียน รายวชิ า การตลาดอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ (3202-2103)
หน่วยที่ 4 กลยุทธ์การตลาดอเิ ล็กทรอนกิ ส์
Microsoft adCenter ได้ถูกพัฒนาขึ้นและนามาใช้แทนระบบคิดค่าโฆษณาของ
Overture อย่างถาวรในเดือนมิถุนายน พ.ศ.2548 รวมถึงได้มีการพัฒนาเคร่ืองมือ Wed Analytics
ในเดอื นพฤศจกิ ายน พ.ศ.2548
6.5.1 ประโยชน์ของการจดั ทาโฆษณาดว้ ย Microsoft adCenter Marketing
Microsoft adCenter Marketing มีการบริการเครื่องมือในการวิเคราะห์
Keyword ซ่ึงมีระบบการทางานที่คล้ายคลึง Google Trend บน Microsoft adCenter Lab เคร่ือง
ทอดังกล่าวนั้นรียกว่า Keyword Forecast Tool ซ่ึงเป็นเครื่องมือเพื่อช่วยให้ผู้โฆษณาสามารถการ
บริหารการโฆษณาใหม้ ีประสิทธภิ าพสงู ทส่ี ุด
6.5.2 หลักการโฆษณาด้วย Microsoft adCenter
1) ผ้โู ฆษณาใหม่ทย่ี ังไม่เคยเปดิ บัญชที างMicrosoft adCenter มากอ่ นจะต้อง
ชาระคา่ แรกเขา้ สาหรบั การบรกิ ารโฆษณา 5 เหรียญสหรัฐ
2) ผู้โฆษณาสามารถเลือกกาหนดเปา้ หมาย เลอื กภาษา ขอบเขต พ้ืนท่ีทจี่ ะทา
การโฆษณา(กลุ่มประเทศ และเมืองเป้าหมาย) และกาหนดชว่ งเวลาในการโฆษณาได้
3) การเขียนโฆษณาจะกาหนดให้มีความยาวของAd Title ได้ไม่เกินอักษร และ
กาหนดให้มีความยาวของAd Tex ไม่เกิน 70 ตัวอักษรและในส่วนของ Display URL ไม่เกิน 35
ตัวอักษร โดยหน้าเว็บเพจทลี่ กู ค้าทาการคลิกเชอื่ มโยงจะมีความยาวได้ไมเ่ กิน1,022 ตัวอกั ษร
4) สามารถตั้งงบประมาณสาหรับการโฆษณาได้ล่วงหน้า โดยโฆษณาจะต้องทา
การกาหนดดวงเงินมากท่ีสุดที่จะจ่ายต่อเดือน โดยกาหนดค่าใช้จ่ายสูงสุดต่อคลิกต่าท่ีสุดอยู่ที่ 0.05
เหรยี ญสหรัฐ
7. กลยุทธ์การสรา้ งความสัมพนั ธ์ลกู ค้าออนไลน์
การสรา้ งความสัมพันธ์จะช่วยเพ่ิมความสัมพนั ธ์อันดีให้กับลูกค้า เพ่ิมรายได้ลดค่าใช้จ่าย
ต่าง ๆ เช่น ค่าใช้จ่ายในการแสวงหาลูกค้า และเพ่ิมความสัมพันธ์ (Customer Satisfaction) โดย
สรา้ งกระบวนการทางานและพฒั นาผลิตภัณฑ์ตามความต้องการของลูกคา้
ระบบการบริหารลูกค้าสัมพันธ์ในฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ท่ีสาคัญ คือ การดูแลลูกค้า
(Customer Care Service) เช่น ระบบการจัดการเก่ียวกับข้อมูล รายละเอียดของลูกค้าในองค์กร
(Account management) และระบบแสดงรายละเอียดของ ข้อสัญญาระหว่างองค์กรกับลูกค้า
(Detail Service Agreement) นอกจากน้ีแล้วระบบจัดการทางด้านอีเมล์ (Email Management
System) ถือว่าเป็นส่วนสาคัญในการสร้างกลยุทธ์ทางด้านการบริหารลูกค้า (CRM : Customer
200
เอกสารประกอบการเรยี น รายวิชา การตลาดอเิ ล็กทรอนกิ ส์ (3202-2103)
หน่วยที่ 4 กลยทุ ธ์การตลาดอิเลก็ ทรอนิกส์
Relation Management) เช่น สามารถย้อนหลังดูอีเมล์ของลูกค้าในอดีตได้ และระบุผู้แทนฝ่ายขาย
ท่ีเหมาะสมท่สี ดุ กบั ลกู ค้ารายนัน้ ได้โดยขอ้ มลู ท่ใี ช้อาจจะมาจากขอ้ มูลต่าง ๆ ที่ลูกคา้ เคยติดตอ่
ธรุ กิจสามารถใช้ระบบกีบ่ ริหารลูกค้าสัมพันธ์ ในการออกรายละเอียดการจ่ายเงินของลูกค้า
(Bill Payment) และที่ผ่านการจ่ายเงินระบบอินเทอร์เน็ต (Electronic Bill) และการใหบ้ ริการในการ
ตอบขอ้ สงสัยตา่ ง ๆ ผา่ ยชอ่ งทางการสอ่ื สารตา่ ง ๆ เชน่ ในระบบออนไลน์
การขายและให้บริการในสถานท่ีที่ลูกค้าต้องการ (Field Sales and Service) การบริหาร
ลูกค้าสมั พันธ์ ที่เก่ยี วขอ้ งกบั การขายและให้บรกิ ารสถานที่ท่ลี กู คา้ ตอ้ งการ ทาให้พนงั งานสามารถชว่ ย
ในการดึงข้อมูลมาใช้ในขณะที่ทาการขายหรือให้บริการลูกค้า โดยสามารถใช้ข้อมูลดังกล่าวรวมกับ
ข้อมูลองคก์ รได้ โดย
7.1 เลอื กกลยทุ ธเ์ พื่อทจ่ี ะสรา้ งการตดิ ตอ่ คร้ังแรกให้เวบ็ ไซต์ เชน่ หาเวบ็ ไซต์อน่ื เพ่ือท่ีจะฝาก
Link, ใส่ title โดยใช้ keyword ที่สาคญั ในทกุ ๆ หน้า , ใช้ meta tags ในการเขยี น HTML, ลงชื่อ
เวบ็ ไซตใ์ น search engine
7.2 เลอื กกลยุทธเ์ พ่ือทจ่ี ะทาให้ผู้ที่เข้าชมกับมาทีเ่ วบ็ ไซต์อีกคร้ัง เช่น ปรับปรุงเว็บทุกวัน,
ให้บรกิ ารใหม่ ๆ, สรา้ งเครือข่ายให้กับเว็บไซต์
8. การประเมินผลและควบคุม (Evaluation and Control)
การประเมินผลความสาเร็จ ไม่ได้อยู่ท่ีรอ้ ยละของการคลิกต่อผู้ได้รับเทา่ น้ัน จานวนคลิก
เป็นพียงตัวเลขสนับสนุน แต่ความสาเร็จน้นั หมายถึงยอดขายท่ีเพ่ิมข้นึ จากการทาตลาดอิเล็กทรอนกิ ส์
การตัดสนิ ใจซ้ือของลกู ค้าทาใหย้ อดขายกิจการเพิ่มข้ึน
8.1 การควบคุมทางการตลาด ( Marketing Controls)
หมายถึงการติดตามผลงานการปฏิบัติงานหรือกิจกรรด้านการตลาด และการแก้ไข
ปัญหาท่ีเกิดขึ้น ให้เป็นไปตามแผนการท่ีกาหนดไว้ และให้มีประสิทธิภาพ จึงเป็นเร่ืองจาเป็น เพราะ
ชว่ ยให้ควบคุมประสิทธิภาพการทางานในตลาด ควบคุมมาตรฐานของบริษัท แก้ไขปัญหาท่ีเกิดข้ึนใน
ดา้ นตา่ ง ๆ ชว่ ยในการวิเคราะห์ผลกาไรและตรวจสอบกระบวนการ สง่ เสรมิ การจดั จาหน่าย ดงั น้ี
8.1.1 การควบคุมการวางแผน (Planning Control) คือ การวางแผนงานในบรรลุถึง
จุดมุง่ หมาย หรือตามวัตถุประสงค์ท่ีได้วางไวใ้ หส้ อดคลอ้ งกับกิจกรรมต่าง ๆ ท่ีจาทานั้น ซ่งึ ต้องมีการ
ควบคุมแผนงาน อาจใช้วิธีการช่วยการควบคุม เช่น ใช้วิธี PERT (Program Evaluation and
Review Techniques) คือประมวลเหตุการณ์และสถานการณ์ แล้วจัดให้เข้ากับกิจกรรมต่าง ๆ ให้
เหมาะสม เพื่อนามาวางแผนโดยการพยากรณ์สาหรับช่วงระยะเวลาที่ต้องการและให้ได้ผลตาม
201
เอกสารประกอบการเรียน รายวชิ า การตลาดอเิ ล็กทรอนิกส์ (3202-2103)
หนว่ ยท่ี 4 กลยทุ ธก์ ารตลาดอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์
กาหนด ซ่ึงในการวางแผนจะต้องกาหนดเปา้ หมายอย่างชดั เจนและมีการวิเคราะห์และเปรยี บเทียบผล
การปฏบิ ตั ิงานกบั เป้าหมายท่ีกาหนดไว้ เพื่อวเิ คราะหป์ ัญหาและขอ้ บกพร่องตา่ ง ๆ
8.1.2 การควบคุมเกี่ยวกับผลกาไร (Opportunity Control) เน่ืองจากผลกาไรเป็น
องค์ประกอบสาคัญ ทาให้ดาเนินกิจการต่อไปได้ จึงต้องควบคุมเกี่ยวกับผลกาไร เพ่ือไม่ให้เกิดความ
ผิดพลาดได้ ซง่ึ บริษทั จะตอ้ งดูแนวโน้มของตลาดในการยอมรับ
8.1.3 การควบคุมประสิทธิภาพ (Effort or Efficiency Control) ผู้บริหารจะต้อง
ควบคุมประสทิ ธิภาพการทางาน การส่งเสริมการตลาดและการจัดจาหน่าย และกลยุทธก์ ารตลาด ใน
การจัดให้มี กลยุทธ์ทางการตลาดวิธีต่าง ๆ แต่ละครั้งควรมีการสารวจว่าประสิทธิผลท่ีเกิดข้ึน
ได้ผลดีอย่างไร เหมาะสมกับการจัดองค์กรตลาดและระบบตลาดของกิจการหรือไม่ และกลยุทธ์ใดเห
มะสมกับช่วงระยะเวลาใดของปี เพื่อท่ีกิจการจะไดป้ ระเมินและรวบรวมเปน็ ข้อมลู สาหรับสินค้าใหม่ท่ี
จะออกสตู่ ลาดในอนาคต
8.1.4 การควบคุมคุณค่า (Value Control) พิจารณาเกณฑ์ โดยการตัดสินใจดูจากการ
วางแผนตลาด (planning) ผลกาไร (profit) และประสิทธิภาพ (effort or efficiency) มาพิจารณา
รว่ มกนั
202
เอกสารประกอบการเรยี น รายวชิ า การตลาดอเิ ล็กทรอนิกส์ (3202-2103)
หน่วยท่ี 4 กลยุทธก์ ารตลาดอิเลก็ ทรอนกิ ส์
สรปุ เนื้อหา หนว่ ยท่ี 4
การแข่งขันทางธุรกิจที่ปัจจุบันมีสูงมากขึ้น หากธุรกิจใดมีกลยุทธ์ท่ีดีน้ันสามารถที่จะทา
ให้ธุรกิจอยู๋ในตลาดท่ีมีการแข่งขันกันสูงน้ันได้ สาหรับการตลาดอิเล็กทรอนิกส์น้ันเป็นช่องทางหนึ่งท่ี
สาคญั สาหรบั ธุรกิจ เนื่องจากพฤติกรรมของผบู้ รโิ ภคในปัจจุบันน้ันนิยมท่ีจะใชเ้ คร่ืองมือส่ือสารในการ
รบั ข้อมูลข่าวสาร ดังน้ันผู้ประกอบการธุรกิจควรจะรู้เร่ืองเกี่ยวกับกลยุทธ์การตลาดอิเล็กทรอนิกส์ไว้
เพ่อื ใหส้ ามารถแขง่ ขันกบั คูแ่ ขง่ ขันได้ โดยกลยทุ ธ์การตลาดอิเลก็ ทรอนิกสท์ ่สี าคญั ดังนี้
1. กลยุทธ์การโฆษณาออนไลน์
2. กลยทุ ธ์การตลาดแบบ Viral Marketing
3. กลยุทธ์การตลาดแบบ Search Engine Optimization (SEO)
4. กลยทุ ธ์การตลาดแบบ Blog Marketing
5. กลยทุ ธ์การตลาดแบบ Social Media Marketing
6. กลยทุ ธ์การโฆษณาแบบ Pay Per Click Advertising
7. กลยทุ ธ์การสร้างความสัมพันธ์ลกู คา้ ออนไลน์
ธุรกิจที่มีความสามารถเลือกใช้กลยุทธ์การตลาดอิเล็กทรอนิกส์ได้มากเท่าไร ก็จะมี
ประสิทธภิ าพในการดาเนนิ กิจกรรมการตลาดอิเล็กทรอนิกส์มากตามด้วย แต่ในบางคร้ังธรุ กจิ อาจไม่
จาเป็นต้องเลือกใช้ทุกกลยุทธ์มาใช้ในการทาการตลาดอิเล็กทรอนิกส์ แต่ให้เลือกใช้กลยุทธ์ท่ีเป็นท่ี
นิยมและเป็นท่ีสนใจของผู้บริโภค เพื่อให้สินค้าและบริการของธุรกิจเข้าไปถึงยังกลุ่มผู้บริโภค
เปา้ หมายได้กว้างข้ึนและตอบสนองต่อความตอ้ งการของผู้บรโิ ภคได้อย่างต่อเนื่อง
203
เอกสารประกอบการเรียน รายวิชา การตลาดอเิ ล็กทรอนิกส์ (3202-2103)
หน่วยท่ี 4 กลยุทธก์ ารตลาดอิเลก็ ทรอนกิ ส์
Online Advertising คาศัพทห์ น่วยท่ี 4
Display Advertising
Targeting การโฆษณาออนไลน์
Search Engine รปู แบบการโฆษณา
Behavioral Targeting การเลือกกลุม่ เปา้ หมาย
Geographic Targeting เครอ่ื งมอื ค้นหา
Day part Targeting กลมุ่ เป้าหมายตามพฤติกรรม
Keywords กลมุ่ เป้าหมายตามภูมศิ าสตร์
Site Map กลุ่มเป้าหมายตามชว่ งวนั เวลา
Comment คาสาคญั
Social Network แผนท่ีเวบ็ ไซต์
Message Board ความคิดเห็น
Bid Price เครือข่ายสังคมออนไลน์
Quality Score บอรด์ สาหรบั แลกเปล่ยี นความคดิ เหน็
Planning Control ราคาประมูล
Opportunity Control คะแนนคุณภาพ
Efficiency Control การควบคมุ การวางแผน
Value Control การควบคมุ เกีย่ วกับผลกาไร
Profit การควบคุมประสทิ ธิภาพ
การควบคมุ คุณค่า
กาไร
204
เอกสารประกอบการเรียน รายวิชา การตลาดอิเลก็ ทรอนกิ ส์ (3202-2103)
หนว่ ยท่ี 4 กลยุทธก์ ารตลาดอเิ ล็กทรอนิกส์
แบบฝึกหัด หนว่ ยที่ 4
เร่อื ง กลยทุ ธก์ ารตลาดอเิ ล็กทรอนิกส์
คาส่ัง จงเติมขอ้ ความให้ถูกตอ้ งและสมบูรณ์
จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรม :
1 อธบิ ายวิธีการกาหนดกลยทุ ธ์การโฆษณาออนไลน์ (Online Advertising) ได้
2 อธบิ ายวธิ ีการกาหนดกลยทุ ธ์การตลาดแบบ Viral Marketing ได้
3 อธิบายวิธีการกาหนดกลยุทธ์การตลาดแบบ Search Engine Optimization ได้
4 อธบิ ายวธิ กี ารกาหนดกลยุทธ์การตลาดแบบ Blog Marketing ได้
5 อธบิ ายวธิ กี ารกาหนดกลยทุ ธ์การตลาดแบบ Social Media Marketing ได้
6 อธบิ ายวิธกี ารกาหนดกลยุทธก์ ารโฆษณาแบบ Pay Per Click Advertising ได้
7 อธบิ ายวธิ กี ารกาหนดกลยุทธ์การสรา้ งความสมั พันธล์ ูกค้าออนไลนไ์ ด้
8 อธบิ ายวิธีการกาหนดการประเมนิ ผลและการควบคมุ ได้
คาชี้แจง : แบบฝึกหัดแบบอัตนัย จานวน 10 ขอ้ ใชเ้ วลาในการทาแบบฝึกหดั 30 นาที
1. กลยุทธก์ ารตลาดอเิ ลก็ ทรอนิกส์ เป็นการสร้างกลยทุ ธ์รวมเพอ่ื สิ่งใด
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. กลยุทธ์การตลาดอิเล็กทรอนิกส์ ประกอบด้วยอะไรบ้าง
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
205
เอกสารประกอบการเรียน รายวิชา การตลาดอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ (3202-2103)
หน่วยที่ 4 กลยุทธ์การตลาดอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์
3. รปู แบบการโฆษณาออนไลน์แบบ Display Advertising คอื อะไร
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
4. การทาการตลาดแบบ Viral Marketing มกี วี่ ิธี ประกอบไปด้วยอะไรบา้ ง
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
5. SEO คอื อะไร
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
6. ข้อดีของ Blog คอื อะไร
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
7. Social Media Marketing คอื อะไร
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
206
เอกสารประกอบการเรียน รายวชิ า การตลาดอเิ ลก็ ทรอนิกส์ (3202-2103)
หน่วยที่ 4 กลยุทธก์ ารตลาดอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์
8. PPC (Pay Per Click) คือ
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
9. ใหน้ กั ศึกษายกตัวอยา่ ง ระบบการบริหารลูกค้าสัมพันธใ์ นฝา่ ยลกู ค้าสัมพนั ธท์ ส่ี าคญั
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
10. การควบคมุ ทางการตลาด ( Marketing Controls) หมายถึง
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
207
เอกสารประกอบการเรียน รายวชิ า การตลาดอิเล็กทรอนิกส์ (3202-2103)
หนว่ ยที่ 4 กลยทุ ธ์การตลาดอิเล็กทรอนิกส์
เรอ่ื ง กลยทุ ธ์การตลาดอิเล็กทรอนิกส์
ใบงานที่ 4
ผลการเรยี นรู้ทค่ี าดหวัง
1 อธิบายวิธกี ารกาหนดกลยทุ ธก์ ารโฆษณาออนไลน์ (Online Advertising) ได้
2 อธิบายวิธกี ารกาหนดกลยทุ ธก์ ารตลาดแบบ Viral Marketing ได้
3 อธิบายวิธีการกาหนดกลยทุ ธก์ ารตลาดแบบ Search Engine Optimization ได้
4 อธิบายวิธีการกาหนดกลยทุ ธ์การตลาดแบบ Blog Marketing ได้
5 อธบิ ายวธิ กี ารกาหนดกลยทุ ธ์การตลาดแบบ Social Media Marketing ได้
6 อธบิ ายวิธีการกาหนดกลยทุ ธ์การโฆษณาแบบ Pay Per Click Advertising ได้
7 อธิบายวิธีการกาหนดกลยุทธก์ ารสรา้ งความสมั พนั ธล์ ูกค้าออนไลนไ์ ด้
8 อธิบายวิธกี ารกาหนดการประเมนิ ผลและการควบคุมได้
ข้นั ตอนในการปฏิบัติกิจกรรม
ครูมอบหมายให้ผ้เู รยี นรว่ มกันปฏิบตั งิ านโดยใช้กระบวนการกล่มุ ตามขน้ั ตอนต่อไปน้ี
1. ให้นักศึกษาจบั กล่มุ จานวน 3 - 4 คน แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนกลุ่มละ 1 คนเพือ่ เปน็
ผู้สงั เกตการณ์และประเมนิ ผลงานรว่ มกับครู
2. กาหนดให้แตล่ ะกลมุ่ ดาเนนิ การค้นควา้ หาข้อมลู โดยการจับฉลากตามหวั ข้อที่กาหนดให้
โดยใหห้ าขอ้ มลู ธุรกจิ ตัวอย่างท่ีเกย่ี วข้องกบั หัวเร่ืองดังกล่าวด้วย โดยมหี ัวขอ้ ดังน้ี
2.1 วธิ กี ารกาหนดกลยุทธก์ ารโฆษณาออนไลน์ (Online Advertising)
2.2 วธิ กี ารกาหนดกลยุทธ์การตลาดแบบ Viral Marketing
2.3 วธิ ีการกาหนดกลยทุ ธก์ ารตลาดแบบ Search Engine Optimization
2.4 วธิ กี ารกาหนดกลยทุ ธก์ ารตลาดแบบ Blog Marketing
2.5 วิธีการกาหนดกลยุทธ์การตลาดแบบ Social Media Marketing
2.6 วธิ ีการกาหนดกลยุทธ์การโฆษณาแบบ Pay Per Click Advertising
2.7 วิธกี ารกาหนดกลยทุ ธ์การสร้างความสมั พันธ์ลกู คา้ ออนไลน์ได้
2.8 วิธกี ารกาหนดการประเมินผลและการควบคุมได้
3. สมาชิกในกลมุ่ ร่วมกนั อภปิ รายเกย่ี วกบั หวั ข้อที่ได้กาหนดไวก้ ลุ่มละ 10 นาที
208
เอกสารประกอบการเรยี น รายวชิ า การตลาดอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ (3202-2103)
หน่วยท่ี 4 กลยทุ ธ์การตลาดอเิ ล็กทรอนกิ ส์
เร่อื ง กลยุทธ์การตลาดอเิ ล็กทรอนกิ ส์
ใบงานท่ี 4 (ตอ่ )
4. จัดทาผลงานเพ่ือนาเสนอโดยใชโ้ ปรแกรมสาเรจ็ รูป Microsoft PowerPoint
5. ใหด้ าเนนิ กจิ กรรม Gallery Walk โดยให้มีผู้นาเสนออยู่ประจากลุ่มของตวั เองจากนน้ั สมาชิก
ที่เหลือจะต้องเดินไปศึกษาในหัวขอ้ ของกล่มุ อื่น ๆ โดยครจู ะเป็นผู้ดาเนินการจบั เวลาในการหมุน
เปลี่ยนการเข้าศึกษาของแตล่ ะกล่มุ โดยกาหนดให้ศึกษากลุม่ ละ 5 นาที
6. หลังจากทดี่ าเนินกจิ กรรม Gallery Walk เรยี บรอ้ ยให้สมาชกิ กลบั เข้ากลุ่ม และดาเนินการใน
กิจกรรมแลกเปลย่ี นเรียนร้รู ว่ มกนั ภายในกลุม่ เพื่อใหเ้ กิดการเรียนรรู้ ว่ มกนั ใชเ้ วลา 10 นาที
7. ใหส้ มาชิกในกลุ่มรว่ มกนั วาดผงั ความคิดลงในกระดาษทแี่ จกใหโ้ ดยให้เชอ่ื มโยงในหัวข้อเร่อื งท่ี
ได้จากการศึกษาของทุก ๆ กลมุ่ ใช้เวลา 10 นาที
8. นาแผนผงั ความคดิ มานาเสนอหนา้ ชนั้ เรียน ใช้เวลา 5 นาที
9. ครูและผเู้ รียนร่วมกนั สรุปและตอบข้อซักถาม
209
เอกสารประกอบการเรียน รายวิชา การตลาดอิเล็กทรอนิกส์ (3202-2103)
หน่วยท่ี 4 กลยุทธก์ ารตลาดอิเล็กทรอนกิ ส์
แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน
(สาหรับครูและนักศกึ ษา)
ใบงานที่ 4
เรอ่ื ง กลยทุ ธ์การตลาดอเิ ล็กทรอนกิ ส์
กลมุ่ ท่.ี .............................
ระดับช้นั ................สาขางาน.............................. วัน/เดอื น/ป.ี ................
ท่ี รายการประเมิน คะแนน เกณฑก์ ารประเมนิ
1. เนอื้ หา (4 คะแนน) คะแนน 4 : มีครบทกุ ข้อ
1. องคป์ ระกอบครบถว้ นสมบูรณ์ คะแนน 3: มี 3 ขอ้ ขาด 1 ขอ้
2. เนอื้ หาถกู ตอ้ ง คะแนน 2: มี 2 ขอ้ ขาด 2 ขอ้
3. เนือ้ หาต่อเนอ่ื ง คะแนน 1: มี 1 ข้อ ขาด 3 ขอ้
4. มีการคน้ คว้าเพมิ่ เตมิ
2. กระบวนการทางาน (2 คะแนน) คะแนน 2 : มคี รบทุกขอ้
1. มกี ารวางแผนอยา่ งเปน็ ระบบ คะแนน 1: มีไม่ครบ 4 ข้อ
2. การปฏบิ ัตติ ามแผน คะแนน 0: ไม่ปรากฏกระบวนการ
3. ตดิ ตามประเมินผล ทางานทชี่ ดั เจน
4. การปรับปรุงพฒั นางาน
3. การนาเสนอ (2 คะแนน) คะแนน 2 : มคี รบทุกข้อ
1. การใช้สานวนภาษาดีถูกตอ้ ง คะแนน 1.5: มี 3 ข้อ ขาด 1 ข้อ
2. การสะกดคาและไวยากรณ์ถูกต้อง คะแนน 1 : มี 2 ข้อ ขาด 2 ขอ้
3. รปู แบบนา่ สนใจ คะแนน 0.5: มี 1 ข้อ ขาด 3 ขอ้
4. ตรงตามกาหนดเวลา
4. คุณธรรม (2 คะแนน) คะแนน 2 : มีครบทุกข้อ
1. กระตือรือร้น คะแนน 1.5: มี 3 ข้อ ขาด 1 ขอ้
2. ความมนี ้าใจ คะแนน 1 : มี 2 ข้อ ขาด 2 ข้อ
3. ความซ่ือสตั ย์ คะแนน 0.5: มี 1 ข้อ ขาด 3 ข้อ
4. ความรบั ผดิ ชอบ
(ลงชอ่ื ).............................................ผู้ประเมิน
(.............................................)
............./................./.............
210
เอกสารประกอบการเรียน รายวิชา การตลาดอิเลก็ ทรอนกิ ส์ (3202-2103)
หนว่ ยที่ 4 กลยทุ ธ์การตลาดอิเลก็ ทรอนิกส์
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลุ่ม
(สาหรบั ครู)
ใบงานท่ี 4
เรือ่ ง กลยุทธก์ ารตลาดอเิ ล็กทรอนกิ ส์
กลุม่ ที่..................
ระดบั ช้ัน................สาขางาน.............................. วัน/เดอื น/ปี.................
คาช้ีแจง
1. ครูผ้สู อนสงั เกตพฤติกรรมการทางานกลมุ่ ของนกั ศึกษาแต่ละคนทุกครั้งทม่ี กี ารปฏบิ ัติ
กจิ กรรมกลุ่มและทาเคร่ืองหมาย ในชอ่ งทีต่ รงกับพฤติกรรมของนักศึกษาตามเกณฑ์การประเมนิ
2. นาผลการสังเกตไปเปน็ สว่ นหน่งึ ของการประเมินคุณธรรม จรยิ ธรรมและคณุ ลักษณะ
อันพึงประสงค์ของนักศกึ ษา
ลาดับที่ รายการประเมิน ผลลัพธ์ รวม
ปฏบิ ตั ิ ไมป่ ฏบิ ตั ิ
1 ความร่วมมอื ในการทางาน
2 การแสดงความคดิ เหน็
3 การรบั ฟังความคดิ เห็น
4 ความต้งั ใจในการทางาน
5 การมสี ่วนร่วมในการวางแผน / อภิปราย
(ลงช่อื ).............................................ผู้สงั เกต
(.............................................)
............./................./.............
เกณฑก์ ารให้คะแนน = 1
ปฏิบตั ิ = 0
ไมป่ ฏิบตั ิ
211
เอกสารประกอบการเรยี น รายวชิ า การตลาดอิเล็กทรอนิกส์ (3202-2103)
หนว่ ยที่ 4 กลยุทธก์ ารตลาดอิเลก็ ทรอนกิ ส์
แบบประเมินผลหลังการเรยี นรหู้ น่วยที่ 4
คาชีแ้ จง 1. จงทาเคร่อื งหมายกากบาท (X) ทับตัวอกั ษรหนา้ ข้อความท่ีถูกทส่ี ุดเพียงข้อเดียว
2. เวลาทาแบบทดสอบ 10 นาที
3. แบบทดสอบมจี านวน 10 ขอ้ คะแนน 10 คะแนน
1. ส่ิงสาคัญทีส่ ดุ ในการสร้างความสมั พันธล์ ูกคา้ ออนไลน์ คอื ข้อใด
ก. การเพม่ิ รายไดล้ ดคา่ ใชจ้ ่ายตา่ ง ๆ
ข. การขายและให้บรกิ ารในสถานท่ีที่ลูกคา้ ตอ้ งการ
ค. การติดตอ่ สือ่ สาร
ง. การดูแลลกู คา้
จ. การพฒั นาผลติ ภณั ฑ์ตามความตอ้ งการของลูกคา้
2. ข้อใดคอื วธิ ใี นการจดั อันดับโฆษณาใหม่
ก. การจัดอันดับ (Ad Rank) = ราคาประมูล ( Bid Price) + คะแนนคุณภาพ (Quality
Score)
ข. การจัดอันดับ (Ad Rank) = ราคาประมูล ( Bid Price) - คะแนนคุณภาพ (Quality
Score)
ค. การจดั อันดับ (Ad Rank) = ราคาประมลู ( Bid Price) x คะแนนคณุ ภาพ (Quality
Score)
ง. การจัดอันดับ (Ad Rank) = ราคาประมูล ( Bid Price) / คะแนนคุณภาพ (Quality
Score)
จ. การจัดอันดับ (Ad Rank) = ราคาประมูล ( Bid Price) = คะแนนคุณภาพ (Quality
Score)
3. การประเมินผลความสาเร็จและการติดตามผลการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามแผนท่ีกาหนด และมี
ประสทิ ธิภาพจะตอ้ งควบคมุ มาตรฐานของบริษทั ยกเวน้ ข้อใด
ก. การควบคุมการวางแผน (Planning Control)
ข. การควบคมุ เก่ียวกบั ผลกาไร (Opportunity Control)
ค.การควบคมุ ประสิทธภิ าพ (Effort or Efficiency Control)
ง. การควบคมุ ตน้ ทุน (Cost Control)
จ. การควบคมุ คณุ คา่ (Value Control)
212
เอกสารประกอบการเรียน รายวิชา การตลาดอเิ ล็กทรอนิกส์ (3202-2103)
หน่วยท่ี 4 กลยุทธก์ ารตลาดอเิ ล็กทรอนกิ ส์
4. ขอ้ ใดคอื กลยทุ ธ์การโฆษณาแบบ Pay Per Click Advertising
ก. การเพมิ่ จานวน และคุณภาพของผู้เขา้ ชมเว็บไซต์
ข. ใช้ข้อความการตลาดทีม่ จี ติ วิทยาจงู ใจให้คนส่งขอ้ ความ
ค. มกี ารจ่ายคา่ โฆษณาเม่อื มีผู้ค้นหาสาคญั (Keyword)
ง. สามารถขยายการส่งขอ้ ความไปไดแ้ มจ้ ะมีผรู้ บั ข้อความจานวนมาก
จ. ใช้ทรัพยากรของผ้อู ่ืนในการส่งขอ้ ความ
5. วิธีการทาให้ข้อความทางการตลาดถูกเผยแพร่สู่สาธารณะในวงกว้าง โดย อาศัย Social media
และชุมชนออนไลนต์ า่ งๆ คือข้อใด
ก. Social News
ข. Social Shopping
ค. Social Media Tracker
ง. Social Media Marketing
จ. Social Media Optimization
6. ข้อใดคอื กลยุทธก์ ารตลาดแบบ Viral Marketing
ก.มีการแจกสนิ คา้ หรือใหใ้ ช้บริการฟรี
ข. การตลาดในรปู แบบของปากต่อปาก
ค. ใช้ข้อความการตลาดทม่ี ีจติ วทิ ยาจงู ใจให้คนสง่ ขอ้ ความ
ง. สามารถขยายการส่งข้อความไปไดแ้ ม้จะมผี ู้รบั ข้อความจานวนมาก
จ. ใช้ทรัพยากรของผู้อื่นในการส่งขอ้ ความ
7. ขอ้ ใด ไม่ใช่ ประโยชน์ของการนา Blog มาใช้ทาการตลาดในด้านต่าง ๆ
ก. เพื่อบริการลูกคา้
ข. เพ่ือใชซ้ ื้อสินค้า
ค.เพื่อการทาวิจยั หรือพฒั นาผลติ ภัณฑ์
ง. เพื่อแสดงความเป็นผเู้ ชย่ี วชาญ
จ. เพือ่ สรา้ งBrand
213
เอกสารประกอบการเรียน รายวชิ า การตลาดอเิ ลก็ ทรอนิกส์ (3202-2103)
หนว่ ยท่ี 4 กลยทุ ธ์การตลาดอเิ ลก็ ทรอนิกส์
8. ข้อใดกลา่ วถูกต้องเกี่ยวกับกลยุทธ์การตลาดแบบ Search Engine Optimization
ก. การเพมิ่ จานวน และคุณภาพของผู้เข้าชมเว็บไซต์
ข. การตลาดในรปู แบบของปากตอ่ ปาก
ค.การบนั ทกึ เรื่องราวส่วนตวั แบบออนไลน์
ง. การทาการตลาดท่ีอาศยั ผู้ใช้อินเทอรเ์ นต็ เปน็ สื่อกลางในการกระจายข้อความ
จ. การตลาดผา่ นเครอ่ื งมอื คน้ หา (Search Engine) ด้วยวิธกี ารซอ้ื โฆษณา
9. การเลอื กใชง้ านโฆษณาขึน้ อยู่กับส่ิงใดมากท่สี ดุ
ก. รูปแบบงานโฆษณา
ข. แบนเนอร์
ค. ขนาด (กว้าง X ยาว)
ง. ความคิดสรา้ งสรรคข์ องชิน้ งาน
จ. ราคา
10. ข้อใด ไม่ใช่ วธิ กี ารการเลอื กกลมุ่ เป้าหมาย (Targeting)
ก. การเลือกกลุ่มเป้าหมายตามเว็บไซตต์ ่างๆ
ข. การเลอื กกลุ่มเป้าหมายตามบริบท
ค. การเลือกกลมุ่ เปา้ หมายตามพฤติกรรม (Behavioral Targeting)
ง. การเลือกกลมุ่ เป้าหมายตามภมู ิศาสตร์ (Geographic Targeting)
จ. การเลอื กกล่มุ เป้าหมายตามช่วงเวลาของวัน (Day part Targeting)
214
เอกสารประกอบการเรียน รายวชิ า การตลาดอเิ ล็กทรอนกิ ส์ (3202-2103)
หนว่ ยที่ 4 กลยทุ ธก์ ารตลาดอิเลก็ ทรอนกิ ส์
เอกสารอ้างอิง
คมสัน ตันสกลุ . “การตลาดอิเล็กทรอนิกสเ์ ชิงกลยุทธ์”. กรุงเทพฯ : สานกั พิมพ์มหาวิทยาลัยกรุงเทพ,
2552.
ฉนั ทวุฒิ พืชผล. “เปิดโลกการค้าอิเล็กทรอนิกส์”. กรุงเทพฯ : โปรวิช่นั จากดั , 2541.
ผุสดี เรืองทอง. “กลยุทธก์ ารส่ือสารการตลาด ความรู้ ทัศนคติ และพฤติกรรมของผู้บรโิ ภคตอ่ ร้าน
หนังสือออนไลน์”. วิทยานิพนธน์ เิ ทศศาสตร์มหาบัณฑิต, สาขาวิชาการโฆษณา : จฬุ าลงกรณ์
มหาวทิ ยาลัย, 2545.
วาทินี เจียมสขุ สจุ ิตต.์ “การโฆษณาออนไลน์ที่มีผลต่อการสงั่ ซื้อสินคา้ ของผู้บรโิ ภค”. งานนิพนธ์
ศลิ ปศาสตรมหาบัณฑิต, สาขาวชิ าเทคโนโลยสี ่ือสารมวลชน : มหาวทิ ยาลยั รามคาแหง, 2552.
วไิ ลลักษณ์ ซ่อนกล่ิน. “กลยุทธ์การตลาด”. กรุงเทพฯ : ศูนย์สง่ เสริมวิชาการ, 2559.
สรฒุ น์ เฉลิมพงษ์. “เครือข่ายทางสังคมออนไลน์ และแรงจูงใจในการสื่อสารผ่านอินเทอร์เนต็ ทมี่ ี
อทิ ธิพลต่อพฤติกรรมการส่ือสารแบบปากต่อปากดา้ นสุขภาพ”. งานวิทยานิพนธ์บรหิ ารธุรกจิ ,
วทิ ยาลัยพาณชิ ยศาสตร์ : มหาวทิ ยาลยั บูรพา, 2551.
อทิ ธวิ ฒั น์ รัตนพองบ่.ู “ทาเงินด้วย ONLINE MARKETING”. กรุงเทพฯ : อนิ ส์พัล, 2556.
215
เอกสารประกอบการเรยี น รายวิชา การตลาดอิเล็กทรอนกิ ส์ (3202-2103)
หนว่ ยที่ 5 เครอ่ื งมือการทาตลาดอเิ ล็กทรอนกิ ส์
5หนว่ ยที่
เคร่อื งมอื การทาตลาดอเิ ลก็ ทรอนิกส์
สาระการเรียนรู้
1. เทคโนโลยีพืน้ ฐานสาหรบั การทาตลาดอิเล็กทรอนกิ ส์
2. เว็บไซต์สาเรจ็ รูปสาหรับขายสินคา้ ออนไลนใ์ นตลาดอิเล็กทรอนิกส์
3. เฟซบ๊กุ แฟนเพจ (Facebook Fanpage) หน้ารา้ นค้าธรุ กิจออนไลน์
4. ไลนแ์ อด (LINE@) แอปพลิเคชันสาหรับธุรกิจ
5. เทคโนโลยเี สมอื นจริง (Augmented Reality) ในการตลาดอเิ ล็กทรอนกิ ส์
สาระสาคญั
เทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจาวันของผู้บริโภค ทาให้พฤติกรรมของ
ผู้บริโภคในการรับข้อมูลข่าวสารส่วนหน่ึงมาจากการใช้เทคโนโลยีในการสืบค้นข้อมูล เครื่องมือที่มี
ประสทิ ธภิ าพในการทาตลาดอิเล็กทรอนิกส์ได้ดีนน้ั สามารถตอบสนองความตอ้ งการของผู้บริโภคได้ใน
ทุกช่องทางท่ีสามารถเชื่อมต่อส่ือสารได้ ดังนั้น จึงควรมีความรู้พื้นฐานในเร่ืองของเทคโนโลยีพ้ืนฐาน
สาหรับเคร่ืองมือการทาตลาดอิเล็กทรอนิกส์ได้แก่ เว็บไซต์สาเร็จรูปเพ่ือสร้างหน้าเว็บไซต์นาเสนอ
สินค้าและบริการ แอปพลิเคชั่นLine@ การทาหน้า Facebook Fanpage สาหรับธุรกิจ และการ
ประยกุ ตเ์ ทคโนโลยเี สมือนจรงิ เข้ามาประยกุ ตใ์ ชใ้ นการทาตลาดอเิ ลก็ ทรอนกิ สเ์ พ่ือใหเ้ กิดประสิทธภิ าพ
มากสาหรับการแขง่ ขนั ท่รี ุนแรงในปจั จบุ ัน
จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
จุดประสงค์ทัว่ ไป
1. เพอื่ ใหผ้ ูเ้ รยี นได้ทราบถึงเทคโนโลยพี น้ื ฐานสาหรับการทาตลาดอิเลก็ ทรอนกิ ส์
2. เพ่ือให้ผเู้ รียนสามารถสร้างเว็บไซต์สาเร็จรปู สาหรบั ขายสินค้าออนไลนใ์ นตลาด
อิเล็กทรอนกิ ส์
216
เอกสารประกอบการเรยี น รายวชิ า การตลาดอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ (3202-2103)
หน่วยท่ี 5 เครือ่ งมอื การทาตลาดอิเลก็ ทรอนิกส์
3. เพอื่ ให้ผเู้ รยี นสามารถสรา้ งเฟซบุ๊กแฟนเพจ (Facebook Fanpage) หนา้ รา้ นคา้ ธุรกจิ
ออนไลน์
4. เพือ่ ใหผ้ ู้เรยี นสามารถสร้างไลน์แอด (LINE@) แอปพลเิ คชนั สาหรบั ธรุ กจิ
5. เพอ่ื ให้ผเู้ รียนสามารถสรา้ งเทคโนโลยีเสมือนจรงิ (Augmented Reality) ในการตลาด
อิเลก็ ทรอนกิ ส์
6. เพ่ือให้มีกิจนิสัยท่ีดีในการทางานรับผิดชอบ ประณีต รอบคอบ ตรงต่อเวลา สะอาด และ
ทางานร่วมกบั ผู้อ่นื ได้
7. น้อมนาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ในการเรียน เครื่องมือการทาตลาด
อเิ ลก็ ทรอนิกส์
จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม
1 ผเู้ รียนสามารถบอกเทคโนโลยพี ื้นฐานสาหรับการทาตลาดอิเลก็ ทรอนิกส์ได้
2 ผเู้ รยี นสามารถเข้าใจและอธิบายวธิ ีการสร้างเวบ็ ไซตส์ าเร็จรูปสาหรับขายสินค้าออนไลน์
ในตลาดอิเลก็ ทรอนิกส์ได้
3 ผเู้ รียนสามารถเข้าใจและอธบิ ายวิธกี ารสรา้ งเฟซบุ๊กแฟนเพจ (Facebook Fanpage)
หนา้ ร้านคา้ ธรุ กิจออนไลน์ได้
4 ผูเ้ รียนสามารถเข้าใจและอธิบายวิธกี ารสรา้ งไลนแ์ อด (LINE@) แอปพลเิ คชันสาหรบั
ธรุ กจิ ได้
5 ผู้เรยี นสามารถเข้าใจและอธบิ ายวิธกี ารสร้างเทคโนโลยเี สมอื นจริง (Augmented
Reality) ในการตลาดอิเลก็ ทรอนกิ ส์ได้
6 ผู้เรยี น มีมนษุ ยสมั พันธ์ วนิ ยั ความรับผิดชอบ ความเช่ือมน่ั ในตนเอง ความสนใจใฝร่ ู้
ความรกั สามัคคี และความกตญั ญูกตเวที
7 ประยกุ ต์หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งไปใช้ในการเรยี น เร่อื ง เครือ่ งมือการทาตลาด
อเิ ลก็ ทรอนิกส์
กิจกรรมการเรยี นรู้
1. ผู้สอนแจ้งวัตถุประสงค์การเรยี นรู้หนว่ ยท่ี 5 เครื่องมือการทาตลาดอิเล็กทรอนกิ ส์ 217
2. ผู้เรียนทาแบบประเมินผลก่อนเรียน
3. ผ้เู รียนศึกษาเอกสารประกอบการเรยี นรู้ดว้ ยตนเอง
4. ผู้เรยี นฝึกทกั ษะการปฏบิ ัตติ ามกจิ กรรมตามข้ันตอนทก่ี าหนด
เอกสารประกอบการเรยี น รายวชิ า การตลาดอิเลก็ ทรอนิกส์ (3202-2103)
หนว่ ยท่ี 5 เคร่ืองมือการทาตลาดอเิ ล็กทรอนกิ ส์
5. ผู้สอนและผเู้ รยี นร่วมกันสรปุ เน้ือหาสาระสาคัญในหน่วยการเรียนรู้
6. ผสู้ อนเปดิ โอกาสให้ผูเ้ รยี นซักถามขอ้ สงสัย
7. ผู้เรยี นทาแบบประเมินผลหลงั เรียน
สอื่ การเรียนรู้
สอ่ื สง่ิ พมิ พ์
1. เอกสารประกอบการเรียน วิชา การตลาดอเิ ล็กทรอนกิ ส์ (3202 - 2103)
เรยี บเรยี งโดยนายนิพนธ์ ร่องพืช
สื่อโสตทศั น์
1. เครื่องมลั ติมเิ ดียโปรเจคเตอร์
2. เคร่อื งคอมพวิ เตอร์
3. ส่ือการนาเสนอ PowerPoint เรือ่ ง เครอื่ งมอื การทาตลาดอิเลก็ ทรอนกิ ส์
แหล่งการเรยี นรู้
1. ผู้สอน
2. ห้องสมดุ วทิ ยาลยั อาชวี ศกึ ษาแพร่
3. อนิ เทอรเ์ น็ต
การวดั ผลและประเมินผล
1. การวดั ผล
1.1 วธิ วี ัดผล
1.1.1 การสังเกตและประเมินพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมและ
คณุ ลักษณะ อนั พงึ ประสงค์
1.1.2 การตรวจผลการเรียนจากการทาแบบทดสอบก่อนเรยี น หน่วยท่ี 5
1.1.3 การตรวจผลการเรียนจากการทาแบบฝึกหดั หน่วยท่ี 5
1.1.4 การตรวจผลการเรยี นจากการทาใบงาน หน่วยที่ 5
1.1.5 การตรวจผลการเรียนจากการทาแบบทดสอบหลงั เรยี น หนว่ ยท่ี 5
1.2 เครื่องมือ
218
เอกสารประกอบการเรยี น รายวชิ า การตลาดอิเลก็ ทรอนกิ ส์ (3202-2103)
หนว่ ยที่ 5 เครื่องมอื การทาตลาดอิเลก็ ทรอนิกส์
1.2.1 แบบทดสอบก่อนเรียน หนว่ ยท่ี 5
1.2.2 แบบฝกึ หัด หนว่ ยท่ี 5
1.2.3 ใบงาน หน่วยท่ี 5
1.2.4 แบบทดสอบหลังเรียน หน่วยที่ 5
2. การประเมินผล
2.1 คะแนนแบบทดสอบก่อนเรยี น หนว่ ยที่ 5
2.2 คะแนนแบบฝกึ หดั หน่วยท่ี 5
2.3 คะแนนใบงาน หน่วยท่ี 5
2.4 คะแนนแบบทดสอบหลังเรยี น หน่วยที่ 5
219
เอกสารประกอบการเรยี น รายวชิ า การตลาดอิเล็กทรอนิกส์ (3202-2103)
หน่วยที่ 5 เครอื่ งมือการทาตลาดอิเล็กทรอนิกส์
แบบประเมนิ ผลกอ่ นการเรียนรู้หนว่ ยท่ี 5
คาชีแ้ จง 1. จงทาเครือ่ งหมายกากบาท (X) ทบั ตัวอักษรหน้าข้อความท่ถี ูกทีส่ ุดเพยี งข้อเดียว
2. เวลาทาแบบทดสอบ 10 นาที
3. แบบทดสอบมจี านวน 10 ข้อ คะแนน 10 คะแนน
1. เทคโนโลยที ม่ี ีอทิ ธิพลและเกย่ี วขอ้ งกบั ตลาดอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ ยกเว้น ข้อใด
ก. เครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์ (Computer Network)
ข. อนิ เทอร์เน็ต (Internet)
ค. เทคโนโลยเี ครือข่ายไรส้ าย (Wireless Lan: WLAN)
ง. เวบ็ หรือเว็บไซต์ (Website)
จ. คอมพวิ เตอร์
2. ข้อใด ไมใ่ ช่ องคป์ ระกอบเว็บไซตท์ ่ดี ี
ก. ความสามารถในการเขา้ ถึงข้อมูล (Accessibility)
ข. ตวั อักษร (Font) และ การใชส้ ี Color
ค. ความนา่ สนใจ (Attractiveness)
ง. ความเร็วในการแสดงผล (Speed)
จ. ความงา่ ย (Simplicity)
3. ข้อใดคอื การสรา้ งความน่าเช่อื ถือของเว็บไซต์ LnwShop (เทพชอป)
ก. สัญลกั ษณ์ Sure Shopping
ข. ชอื่ เจ้าของร้านคา้
ค. ชอื่ บนสมุดบัญชีธนาคาร
ง. รา้ นค้าได้จดทะเบยี นพาณิชย์อเิ ล็กทรอนิกสก์ บั กรมพัฒนาการคา้
จ. สถานะในรายการสั่งซือ้ สนิ คา้ จะเปลี่ยนเปน็ “จัดสง่ แลว้
4. ข้อดีของการใชง้ านเว็บไซต์สาเรจ็ รปู LnwShop ยกเวน้ ข้อใด
ก. หน้ารา้ นค้าสวยงาม ทนั สมัย
ข. แสดงผลไดท้ กุ ขนาดหน้าจอ
ค. ระบบหลังรา้ นทม่ี ีประสทิ ธภิ าพ
ง. เปดิ ร้านครั้งเดยี วได้ถงึ 5 สาขา
จ. บริการฟรีแต่ขายได้ไมจ่ ากดั
220
เอกสารประกอบการเรียน รายวิชา การตลาดอเิ ลก็ ทรอนิกส์ (3202-2103)
หน่วยท่ี 5 เครื่องมือการทาตลาดอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์
5. วตั ถุประสงค์ของการตั้ง Facebook บุคลที่มาเป็นสมาชิกในเครือข่าย จะตอ้ งมสี ่งิ ใด
ก. มธี ุรกิจหรือสนิ คา้
ข. มกี ลุม่ ลกู ค้าเปา้ หมาย
ค. มขี ้อมลู เกีย่ วกับบรษิ ทั หรือสินค้าบริการ
ง. มีการโพสตข์ อ้ ความ รูปภาพ วดี โี อ และอนื่ ๆ ลงบนโปรไฟล์ Facebook
จ. เปิดเผยความจรงิ ใจให้กับเพือ่ น
6. หลักและวิธกี ารโพสตข์ ายสนิ คา้ ในหนา้ Facebook Fanpage
ก. การพดู คยุ หรือแชร์ข้อมูล ไอเดยี ดี ๆ กับทางลูกค้า
ข. ตอบความเหน็ ทงั้ วธิ ีการชน่ื ชม และคาติ ภายใน 3 ชั่วโมง หรอื ไม่ควรเกินกว่า 24 ช่วั โมง
ค. การโพสตแ์ ตล่ ะครัง้ ไม่ควรเกิน 80 ตัวอักษร หรือประมาณ 2 บรรทัด
ง. ไม่ควรโพสตม์ ากกว่า 1-2 ครั้งต่อวัน
จ. 20% ของการโพสต์เปน็ การนาเสนอสินคา้ และบริการ
7. ขอ้ ใด ไมใ่ ช่ คุณสมบตั ขิ องแอปพลเิ คชนั ไลนแ์ อด (LINE@)
ก. ประหยัดเวลาในส่งขอ้ มลู
ข. ประหยดั ค่าใช้จ่าย
ค. ลงทะเบียนผ่านทางโทรศพั ท์มือถือได้ง่าย
ง. ตงั้ เวลาโพสตไ์ ด้
จ. สามารถตั้งระบบตอบกลับอัตโนมตั ิได้
8. แอปพลเิ คชันไลนแ์ อด (LINE@) นั้นสามารถช่วยใหเ้ ราไดส้ ่งขอ้ ความไปยงั กล่มุ ลกู คา้
เปา้ หมายแบบใด
ก. ส่งข้อความไปยงั กลุ่มลูกคา้ เป้าหมายได้แบบ 1 : 2
ข. สง่ ข้อความไปยงั กลมุ่ ลูกคา้ เปา้ หมายไดภ้ ายในครัง้ เดียว
ค. ส่งขอ้ ความไปยงั กลมุ่ ลูกค้าเป้าหมายไดห้ ลายๆคร้งั
ง. ส่งขอ้ มลู ตัวสนิ ค้าในหน้าไทมไ์ ลน์กลมุ่ ทีเ่ กิดจากการท่ีได้รู้จักกันก่อน
จ. สง่ ขอ้ มูลตัวสนิ คา้ ในหนา้ ไทม์ไลน์ของเพ่ือนเทา่ น้ัน
221
เอกสารประกอบการเรียน รายวิชา การตลาดอเิ ลก็ ทรอนิกส์ (3202-2103)
หนว่ ยที่ 5 เครอ่ื งมือการทาตลาดอเิ ล็กทรอนกิ ส์
9. หลักการทางานสาหรับการประยกุ ต์ใช้งานของเทคโนโลยเี สมือนจริง ยกเวน้ ขอ้ ใด
ก. สว่ นเช่ือมต่อสัญญาณไปยงั หน่วยประมวลผล
ข. วตั ถุสญั ลักษณ์
ค. ส่วนรบั ภาพ
ง. ส่วนการประมวลผล
จ. สว่ นแสดงผล
10. บทบาทของเทคโนโลยีเสมอื นจริง (Augmented Reality : AR) ยกเว้น ข้อใด
ก. การประยุกตใ์ ช้ในอุตสาหกรรม
ข. การประยุกต์ใชท้ างด้านการแพทย์
ค. การประยกุ ต์ใชท้ างด้านธุรกจิ
ง. การประยกุ ต์ใช้ทางดา้ นการโฆษณา
จ. การประยกุ ต์ใช้ทางดา้ นการสอื่ สาร
222
เอกสารประกอบการเรียน รายวิชา การตลาดอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ (3202-2103)