The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

องค์การและการจัดการสมัยใหม่

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by brother_dol, 2022-08-07 00:25:52

องค์การและการจัดการสมัยใหม่

องค์การและการจัดการสมัยใหม่

Keywords: องค์การและการจัดการสมัยใหม่

องคก์ ารและการจดั การสมัยใหม่ | 391

3. วิธีการแข่งขันเพื่อเอาชนะ (Competing Approaches) หมายถึงการพ
ลักดันให้บรรลุเป้าหมายของตน โดยไม่คำนึงถึงการประสานความร่วมมือกับผู้อื้นอาจ
แสดงถึงผู้ท่ีมีความแขง่ ขันสงู หรืออาจเป็นการแสดงถงึ การลุกข้ึนต่อสู้

4. วิธีการประนีประนอมความขัดแย้ง (Compromising Approaches)
หมายถึง รูปแบบที่เดินสายกลาง ระหว่างการผลักดันให้บรรลุเป้าหมายของตนเองกับ
การประสานความต้องการของผุ้อื่น เป็นการหาสิ่งที่เหมือนกัน หรือแยกสิ่งที่เป็นไป
ไม่ได้ออกไปวิธีนี้อาจไม่เหมาะสมหรือใช่ไม่ได้ในกรณีที่ความขัดแย้งเป็นเรื่องเกี่ยวกับ
โลกทศั น์ (World View) หรอื คา่ นิยมพน้ื ฐาน(Functional Vlues)

5. วิธีการร่วมมือซึ่งกันและกัน (Collaborating Approaches) หมายถึง
การประสานความร่วมมือ การผสมผสานหรือแก้ไขปัญหาการที่บุคคลพยายามที่จะทำ
ใหบ้ รรลวุ ตั ถปุ ระสงค์ของตนเอง แต่ในขณะเดยี วกนั ก็คำนึงถึงความต้องการของฝ่ายอื่น
ด้วย

อลัน ฟิลเลย์10 ได้กล่าวถึงการแก้ปัญหาหรือระงับความขัดแย้ง (Conflict
Resolution or Supervision) เป็นการทำให้ความขัดแย้งสิ้นสุดลง อาจโดยให้ทุกฝ่าย
ตกลงกัน หรือให้ฝา่ ยหนง่ึ ฝา่ ยใดชนะไป วธิ กี ารแก้ไขความขดั แยง้ มี 3 วิธี ไดแ้ ก่

1. วิธีชนะ –แพ้ (Win-Lose Methods) คือ มีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ได้สิ่งที่ต้องการ
เป็นฝ่ายชนะไป ส่วนอีกฝ่ายเป็นฝ่ายแพ้ เหตุของการแพ้อาจเกิดจากการใช้อำนาจ
หน้าที่ หรือการใช้เสียงข้างมากในการดำเนินการเสียงข้างน้อยจึงแพ้ซึ่งผู้แพ้อาจเกิด
ความรสู้ กึ สญู เสยี และภาวะคับข้องใจเกดิ ข้ึนวธิ แี บบนี้ประกอบด้วยวิธยี ่อย ๆ คือ

1.1 วิธีการบังคับ (Forcing) โดยอีกฝ่ายหนึ่งมีอำนาจเหนือกว่าอีกฝ่าย และไร้
อำนาจของตนเองบังคบั ให้อีกฝา่ ยยินยอมและยตุ ิข้อขัดแย้ง ซง่ึ วิธนี ้ีอาจนำไปสู่ความคิด
แก้แคน้ เพราะการแก้ไขแบบนี้มใิ ช่การแก้ที่สาเหตุของปัญหา จงึ ทำใหป้ ญั หายังคงอยู่

10 Filley. A. C. Interpersonal conflict resolution. (lllinois : Scott Foreman and
Company.1975).p. 21.

องค์การและการจัดการสมัยใหม่ | 392

1.2 วิธีการทำให้สถานการณ์ของความขัดแย้งสงบลง (Smoothing) วิธีการ
แบบนี้มีลักษณะเป็นการเขา้ ไปทำให้สถานการณ์ของความขัดแย้งที่กำลังเกิดข้ีนให้สงบ
ลงมา เพ่ือไม่ใหค้ วามขัดแยง้ ขยายวงกว้างขวางมากขน้ึ โดยการเข้าไปขอรอ้ งใหย้ ตุ ิความ
ขดั แยง้ พยายามชักจงู คูก่ รณีให้เหน็ ว่าปัญหาทเ่ี กิดขน้ึ ไม่มีความสำคญั เพยี งพอ ทจ่ี ะต้อง
เสียเวลาไปกับมันทำให้สมาชิกของกลุ่มที่ ขัดแย้งกันเห็นถึงความสำคัญของการเป็น
อันหนึ่งอันเดียวกันและเห็นถึงผลเสียของการแตกแยกกันวิธีการนี้ไม่ใชเป็นการเข้าไป
แก้ที่สาเหตุของปัญหา หากแต่เป็การแก้ปญั หาที่ปลายเหตุ ดังน้น ปัญหายังจะดำรงอยู่
ต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับบุคคลหรือกลุ่มที่มีความรู้สึกว่าตนเองเป็นฝ่ายแพ้ เพราะ
การที่พวกเขายอมยุติความขัดแย้ง อาจจะมาจากสาเหตุของการขอร้อง หรือเห็นแก่
บุคคลอ่นื ก็ได้ ในสภาพเชน่ น้ีความขดั แย้งท่ียุตลิ งไปน้นั จึงเป็นความสงบช่ัวคราวเท่าน้ัน
และความขัดแยง้ พร้อมทจ่ี ะปะทขุ น้ึ มาอีกเม่อื ไรก็ได้

1.3 วิธีการหลีกเลี่ยง(Avoiding)วิธากรแบบนี้มีลักษณะเป็นการที่ผู้บริหารไม่
สนใจที่จะเข้าไปเผชิญกับสถานการณ์ของความขัดแย้งที่กำลังเกิดขึ้น อาจจะทำให้เป็น
ไม่รู้ว่ามีความ ขัดแย้งเกิดขึ้น เฉยเมยหรือไม่มีการตอบสนองต่อข้อเรียกร้องของ
ผู้ใต้บังคับบัญชา หรือพยายามยืดเวลาโดยไม่ยอมตัดสินใจแก้ปัญหา เป็นต้น การใช้
วิธีการแบบนี้ไม่สามารถก่อให้เกิดประสิทธิผลในการแก้ไขความขัดแย้งได้เลยเราะการ
หลีกเลี่ยงแท้ที่จริงก็คือการไม่ยอมเข้าไปแก้ไขที่สาเหตุของปัญหานั่นเองและที่ร้ายไป
กว่านั้นหากผู้บรหิ ารใชว้ ธิ ีการแบบนีก้ ับการเรียกร้องของผู้ใต้บังคับบัญชาแลว้ จะทำให้
เกิดความรู้สึกกลายเป็นผู้แพ้ขึ้นมา เพราะข้อเสนอของพวกเขาไม่ได้รับความสนใจเลย
สภาพเช่นนี้จะทำให้ความขัดแย้งยิ่งบานปลายและรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และแทนท่ี
ความขดั แยง้ ควรจะถูกลดลงมาให้กลายเปน็ สภาวะท่สี รา้ งสรรค์ กลบั มลี กั ษณะเป็นการ
ทำลายมากขน้ึ

2. วิธแี พ้-แพ้ (Lose-Lose Methods) หมายถงึ ว่า เปน็ วธิ ที ท่ี ำให้ทัง้ สองฝ่าย
ที่เป็นคู่กรณีของความขัดแย้งนี้ ไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ตามที่ตนเองต้องการได้
ทั้งหมด แต่อาจจะได้มาเป็นบางส่วนเท่านั้น ดังนั้น จึงเรียกว่าทั้งสองฝ่ายเป็นผู้แพ้
วิธีการแบบนี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความคิดที่ว่า การได้มาบางส่วนดีกว่าไม่ได้เลย ซึ่งมี

องคก์ ารและการจดั การสมัยใหม่ | 393

นกั วชิ าการหลายท่านเห็นวา่ เป็นวธิ ีการแก้ไขความขัดแย้งท่ีดีกวา่ วิธีการท่ฝี า่ ยหน่ึงเป็นผู้
ชนะและอีกฝ่ายหนึ่งเป็นผู้แพ้ สำหรับวิธีการประการที่สองที่นิยมใช้กันนี้ ได้แก่ การ
ประนีประนอม (Compromising) หรือบางครั้งอาจจะเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าเป็นการ
เจรจาต่อรอง (Bargaining) ซึ่งมีลักษณะเป็นการแก้ไขความขัดแย้งโดยการพบกันครึ่ง
ทาง ซึ่งแต่ละฝ่ายจะไม่สามารถบรรลุได้ตามที่ต้องการนั่นเอง ดังนั้น ความขัดแย้ง
อาจจะยุติลงเพียงชั่วคราวเท่านั้น และ ที่ร้ายไปกว่านั้น วิธีการประนีประนอมจะไม่
สามารถนำไปส่กู ารสร้างสรรค์ขน้ึ มาไดเ้ ลย

3. วิธีชนะทงั้ คู่(Win-Win Methods)วธิ ีการน้ีคู่กรณขี องความขัดแย้งประสบ
ผลสำเร็จในการแก้ปัญหาร่วมกัน และทำให้สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ได้ตามที่ท้ังสอง
ฝ่ายต้องการ ดังนั้นทั้งสองฝ่ายจึงเป็นผู้ชนะ สำหรับวิธีการที่นิยมใช้กันคือ การแก้ไข
ปัญหาร่วมกัน(Integrative Problem Solving) ซึ่งบางครั้งมีนักวิชาการเรียกอีกอย่าง
หนึ่งว่า การเผชิญหนา้ กัน (Confrontation) วิธีการแบบนี้จะไมม่ ีการเขา้ ไปกำจดั ความ
ขัดแย้ง หรือประนปี ระนอมกนั ใดๆ ทั้งส้นิ หากแต่เป็นการเปิดโอกาสให้คู่กรณีของความ
ขัดแย้งเข้ามาร่วมกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับตัวพวกเขาทั้งนี้เพื่อหาแนวทางแก้ไขที่ทั้ง
สองฝ่ายพึงพอใจและยอมรับกันได้ในการใช้วิธีการแบบนี้ผู้บริหารจะต้องทำให้
ผู้ใต้บังคับบัญชาหรือคู่กรณีของความขัดแย้งเกิดความรู้สึกขึ้นมาว่า สมาชิกภายใน
องคก์ รทกุ คนสามารถทำงานรว่ มกันไดเ้ พื่อใหบ้ รรลวุ ตั ถปุ ระสงค์ร่วมกนั

2. แนวคดิ การการจัดการความขัดแย้งโดยวธิ กี ารเจรจาไกล่เกลีย่
การจัดการความขัดแย้งที่นำไปส่ผู ลที่ทั้งสองฝ่าย ชนะ-ชนะ ประการสำคัญ
คือ การเจรจาไกล่เกลี่ย ซึ่งปัจจับันเป็นที่ยอมรับและนำมาใช้ในการแก้ปัญหาความ
ขัดแย้งในศาล จากการศึกษาเอกสารที่เกยี่ วข้องกบั การเจรจาไกล่เกลีย่ ผู้วจิ ัยจึงขอสรุป
ประเด็นสาระสำคญั ของรปู แบบการจดั การความขัดแย้งโดยวิธีดงั กลา่ วนด้ี ังนี้
ในเอกสารคู่มือการเพิ่มพลังความสามารถกระบวนการจัดการข้อพิพาท ซ่ึง
แปลโดย วันชัย วัฒนศัพท์ และคณะได้นำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับการเจรจาไกล่เกลี่ยไว้
ดังนี้

องค์การและการจดั การสมัยใหม่ | 394

การเจรจา (Negotiation) คือ กระบวนการแก้ปัญหาท่ีประกอบดว้ ยคนสอง
คน หรือมากกว่านั้น สมัครใจพูดคุยปรึกษาถึงความแตกต่างในเรื่องความคิดเห็น และ
พยายามให้บรรลุเป้าหมายร่วมกันถึงแนวทางแก้ปัญหาในประเด็นที่มีความห่วงกังวล
เหมอื นกนั โดยแบง่ การเจรจาออกเป็น 2 ประเภท คอื

1. การเจรจาไกล่เกลี่ยโดยยึดจุดยืน (Position – Based Negotiation)
เป็นการเจรจาที่จะเอาแพ้เอาชนะกัน จะอยู่บนพื้นฐานของจดุ ยนื คู่เจรจาปฏิบัติต่อกัน
เหมือนเป็นศัตรูต่อกัน คู่เจรจามีความเคลือบแคลงสงสัยในทุกๆ สิ่งที่ฝ่ายอื่นนำเสนอ
และแสดงออก ความเชื่อของการเจรจาแบบยึดจุดยืน คือ เป็นลักษณะถ้าไม่ชนะก็คือ
แพ้ (Zero Sum Game) จึงต้องพยายามแข่งขันเอาชนะให้ได้โดยที่ให้ฝ่ายหนึ่งได้
ประโยชน์แตอ่ ีกฝา่ ยเสียประโยชน์ แต่ผลของการเจรจาเช่นนี้มกั จะจบลงที่มีการยอมรับ
กันครึ่งทาง (Compromise หรือ Halfway) ระหว่างจุดยืนของแต่ละฝ่ายโดยไม่มี
โอกาสที่จะร่วมกันพิจารณาถึงทางเลือกที่ให้ประโยชน์ร่วมกันและต่อส่วนรวมอย่าง
สงู สดุ

การเจรจาโดยยึดจุดยืนจะพบเห็นได้บ่อยๆ ในการตอ่ รองซ้ือของกัน ซ่ึงเป็น
การต่อรองที่ไม่สลับซับซ้อน สามารถตกลงกันได้ โดยเฉพาะในร้านค้าที่ชอบตั้งราคาไว้
สูงเพ่ือต่อ คนไทยและคนเอเชียจึงนิยมทจี่ ะต่อรองกนั ในลักษณะดังกล่าว และความคุ้น
ชินในการเจรจาต่อรองแบบนี้ เมื่อต้องมาเจรจาในเรื่องที่เกี่ยวกับนโยบายสาธารณะจึง
ยังคงใช้วิธีการเดียวกัน และเมื่อมีการเจรจาไกล่เกลี่ยกันเราจึงเห็นภาพของการต่อรอง
ดังกล่าว เคยมีคำถามในเรื่องการฟ้องร้องว่า ทำไมเรามักจะชอบฟ้องร้องกันในมูลค่าที่
สูงมากเกินจริง คำตอบที่ได้นอกจากจะให้คู่กรณีหรือสังคมรู้สึกถึงความสูญเสียของเขา
แลว้ ก็เพอ่ื ให้ศาลตอ่ รองลงมา

การเจรจาโดยยึดจุดยืนจึงไม่ควรนำมาใช้ในกรณีของความขัดแย้งใน
นโยบายสาธารณะ เพราะมีปัญหาสลับซับซ้อนมากกว่าการต่อราคาของและผลที่เกิด
ตามมาของข้อตกลงจากนโยบายสาธารณะน้นั มผี ลมากกวา่ ทั้งตอ่ คู่เจรจาและส่วนรวม

2. การเจรจาโดยยึดผลประโยชน์ร่วม (Interest – Based Negotiation)
การเจรจาในรูปแบบนี้ไม่มองถึงประโยชน์ของตนฝ่ายเดียว มองและทำความเข้าใจกับ

องคก์ ารและการจัดการสมัยใหม่ | 395

ความต้องการ และความกังวลของฝ่ายอื่น นำมาคิดพิจารณาในการหาทางเลือกหรือ
ทางออกหลายๆ อยา่ งเพื่อให้เกิดประโยชนก์ บั ทกุ ฝ่าย โดยเฉพาะตอ่ ส่วนรวม

การเจรจาโดยยึดผลประโยชน์ร่วมนี้เป็นวิธีการที่เกิดจากคู่เจรจาทุกฝ่ายมา
รว่ มกนั แก้ไขปัญหาเพื่อนำไปสู่การตดั สินใจร่วมกันโดยมุ่งหวังให้ผลลัพธ์ท่ีได้ตอบสนองต่อ
ความต้องการของทุกฝ่าย ทุกฝ่ายจะไม่ระบุแต่จุดยืนของเขา แต่จะบอกถึงความหวัง
ความต้องการ ความห่วงกังวล ความหวาดระแวง และอื่นๆ ที่ทำให้เขายืนอยู่ ณ จุดยืน
น้ี

ในการเจรจาโดยยึดผลประโยชน์ร่วมมีหลักการพื้นฐานที่จะต้องคำนึงถึง 4
ประการ คอื

1. แยกคนออกจากตัวปัญหา ในที่นี้หมายความว่า นักเจรจาไกล่เกลี่ยควร
มงุ่ ความสำคญั ไปท่ีตัวปัญหาและลงมือแก้ไข โดยไม่ดไู ปทต่ี วั คกู่ รณี เหตุผลของหลักการ
นี้ก็คือ คู่กรณีเป็นมนุษย์ปุถุชนที่มีอารมณ์ และมีการรับรู้ ที่แตกต่างกันความรู้สึกและ
อารมณ์ที่เกิด ส่วนมากมีโอกาสมาพัวพันกับตัวปัญหา ซึ่งเป็นอุปสรรคปัญหาแก่คู่กรณี
ในการเจรจาอย่างมีเหตุผล ผลตามมาคือการเจรจาลงเอยที่ทางออกที่ไม่มีเหตุผล หรือ
ปฏิเสธแนวทางแกป้ ัญหาทม่ี เี หตุผล

2. เน้นผลประโยชน์หรือความต้องการ ไม่ใช่จุดยืน ไม่ควรที่จะมุ่งประเด็น
ไปทจี่ ดุ ยืนของคู่กรณี โดยลืมการพจิ ารณาผลประโยชน์หรือความต้องการท่ีแท้จริง หรือ
เหตุผลทแ่ี ทจ้ รงิ ทอ่ี ยู่เบ้ืองหลงั จดุ ยืน การเจรจาโดยยึดจดุ ยืนมักจะทำให้มองไมเ่ ห็น และ
ยากที่จะรู้ว่าคู่กรณีต้องการอะไรอย่างแท้จริง และยากที่จะนำไปสู่ข้อตกลงที่จะ
ตอบสนองความต้องการของคู่กรณีได้ ทำให้คู่กรณีหวนกลับมายังจุดยืนของตนเอง

3. สรา้ งทางเลือกก่อนการตัดสินใจวา่ จะดำเนินการทำอะไร คูก่ รณีมีแนวโน้มท่ี
จะมาส่โู ต๊ะเจรจาพร้อมกับข้อเสนอแนวทางแก้ไขปัญหา แม้วา่ จะไม่ใช่ส่ิงผดิ ท่จี ะทำ แต่
การยึดติดอยู่กับข้อเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาแนวทางเดียวนี้ อาจจำกัดขีด
ความสามารถอันสร้างสรรค์ของคู่กรณีที่จะคิดหาแนวทางแก้ปัญหาที่ดีกว่า ดังนั้น จึง
เป็นส่ิงสำคัญในการสร้างทางเลือกของการแก้ปัญหาให้มากที่สุดเท่าที่จะมา กได้
ระหวา่ งการเจรจากอ่ นจะทำการตัดสินใจในทางเลือกใด หรือชดุ ของทางเลอื ก การสรา้ ง

องค์การและการจัดการสมัยใหม่ | 396

ทางเลือกสามารถเกิดขึ้นได้ดี ถ้าเราปล่อยให้ความคิดดำเนินไปอย่างอิสระราบรื่น อย่า
วพิ ากษว์ ิจารณ์ความคิดของบุคคลอื่นท่ีเสนอต่อกลมุ่ นอกจากนี้ ให้คกู่ รณีแต่ละฝ่ายเปิด
ใจ ไม่เพียงจะแสวงหาคำตอบเดียวหรือทางเดียว แต่พยายามหาหลายคำตอบหรือรวม
ขอ้ เสนอต่างๆ เขา้ ดว้ ยกัน

4. ตอ้ งมนั่ ใจว่าผลท่ีได้รับ ตง้ั อยู่บนมาตรฐานที่ไม่มีอคติ คู่กรณีควรยืนยันว่า
การตัดสินใจหรือทางออกที่เลือกนั้นตั้งอยู่บนมาตรฐานที่ชัดเจน ไม่มีอคติและยุติธรรม
สิ่งนี้ไม่ได้หมายความว่าการคัดเลือกมาตรฐานที่มาจากการตัดสินใจของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด
ฝ่ายเดียว แตค่ วรอยู่บนมาตรฐานของความยตุ ิธรรม เชน่ ราคาในตลาด ขนบธรรมเนียม
ประเพณี ความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ มาตรฐานด้านคุณธรรม ความเท่าเทียมกัน
ความมีประสิทธิภาพ นำไปปฏิบัติได้ มีความเป็นไปได้ หรือ เป็นไปตามกฎหมายท่ี
คู่กรณีทั้งสองฝ่ายตกลงร่วมกัน จากการกระทำดังกล่าว คู่กรณีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไม่
จำเป็นตอ้ งยอมจำนนแกอ่ กี ฝ่ายหน่งึ ท้ังคูส่ ามารถคาดหวงั ทางออกที่ยตุ ิธรรมได้

เมื่อมีความเข้าใจอย่างชัดเจนในเรื่องของหลักการพื้นฐานในการเจรจาไกล่
เกลี่ยแล้ว จึงมีความจำเป็นจะต้องเข้าใจขั้นตอนการเจรจาโดยยึดผลประโยชน์ร่วม ใน
เอกสารที่ผู้เขียนอ้างถึงพบว่า ได้มีการจำแนกประเด็นเกี่ยวกับขั้นตอนของการเจรจา
ไกล่เกลี่ยไวด้ ังนี้

1. พิจารณาถึงประเด็นปญั หา โดยให้คูเ่ จรจาพิจารณาว่ามีประเดน็ อะไรบา้ ง
ทจี่ ะตอ้ งพจิ ารณาโดยยังไม่ลงรายละเอียดวา่ ปญั หามเี น้ือเร่ืองอยา่ งไรให้คู่เจรจาตกลงใน

องค์การและการจัดการสมัยใหม่ | 397

หัวขอ้ ประเด็นท้ังหมด และใหค้ เู่ จรจาให้ความเห็นชอบในประเด็นท้ังหมดก่อนว่าเราจะ
คยุ กนั ท้งั หมดก่เี ร่ือง

2. พิจารณาถึงความต้องการหรือผลประโยชน์ เมื่อเริ่มเจรจาในแต่ละ
ประเด็นแล้วเราก็จะพิจารณารายละเอียดว่าจุดยืนคู่เจรจาคืออะไร และอะไรคือ
ผลประโยชนห์ รือความต้องการในแตล่ ะประเด็นยอ่ ยน้ันๆ

3. สร้างทางเลือกหลายๆ ทาง วิธีหาทางเลือกก็คือ คู่เจรจาร่วมเรียนรู้
ด้วยกันและเขียนทางเลือกโดยดูจากผลประโยชน์หรือความต้องการความห่วงกังวล
ความหวงั ตา่ งๆ ของคเู่ จรจาทุกๆ ฝ่าย

4. เลอื กเกณฑ์มาตรฐานเพ่ือใช้ประเมนิ ทางเลือก กอ่ นทเ่ี ราจะตดั สินใจเลือก
ทางเลอื กใด เราควรจะมมี าตรฐานในการจะประเมินทางเลือกนน้ั ๆ วา่ “อย่างไร” จงึ จะ
เป็นที่ยอมรับทั้งสองฝ่าย หรือทุกๆ ฝ่ายก็ให้พิจารณากำหนดเกณฑ์ออกมาร่วมกันก่อน
จะตดั สนิ ใจเลือก

5. ประเมินทางเลือกโดยใช้เกณฑ์มาตรฐาน เมื่อได้เกณฑ์มาตรฐานแล้วเราจึง
ใช้เกณฑ์นั้นๆ ในการประเมินให้เกิดความยุติธรรมจากทุกๆ ทางเลือก แล้วจึงเลือก
ทางเลือกท่ีดที ส่ี ดุ ท่ีทกุ ฝ่ายพงึ พอใจรว่ มกนั

6. พัฒนาหาข้อยุติและบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร เมื่อเราสามารถหาทาง
เลือกได้แล้ว เราอาจจะต้องเอาทางเลือกมาปรับให้ตรงกันที่สุดก่อนจะถือเป็นข้อยุติ
แล้วบันทกึ ลงนามรว่ มกัน

3. แนวคิดการจัดการความขัดแย้งโดยวิธกี ารเจรจาไกล่เกลย่ี คนกลาง
หลักการของกระบวนการเจรจาไกล่เกลี่ยคนกลาง กระบวนการเจรจาไกล่
เกลย่ี คนกลางมหี ลักการที่จะต้องทำความเข้าใจอยหู่ ลายประเดน็ ไดแ้ ก่
1. กระบวนการนี้การพิจารณาตัดสินหาทางออกของข้อขัดแย้งเกิดโดย
คู่กรณี หรือคู่ขัดแย้งช่วยกันพิจารณาหาทางออกร่วมกัน คนกลางไม่มีหน้าที่หรือไม่มี
อำนาจไปตัดสิน
2. กระบวนการในการเจรจาจะใช้วิธีหรือกระบวนการใช้การเรียนรู้ร่วมกัน
(Learning Process) โดยไม่ใช้จุดยืน (Position) แต่จะใช้การเจรจาโดยใช้ความ

องค์การและการจดั การสมัยใหม่ | 398

ต้องการหรือความสนใจร่วมกันเป็นพื้นฐานในการเจรจา (Interest - Based
Negotiation)

3. กระบวนการเจรจาต้องมีกติกาในการเจรจา (Ground Rules) เพื่อให้คน
กลางที่มีหน้าที่กำกับกระบวนการได้ตามนั้น เช่น กำหนดว่าให้ผลัดกันพูดทีละคน
อาจจะแยกกลุ่มคุยกัน หรืออะไรคือข้อยุติ หากไม่สามารถหาข้อยุติได้จะทำอะไร จะ
ประชมุ ทีไ่ หน ใช้เวลามากน้อยเทา่ ไร เร่ิมเมอ่ื ใด เลกิ เมื่อใด ใครจะทำหน้าทเ่ี ป็นคนกลาง

สำหรับกระบวนการหลักของการเจรจาไกล่เกลี่ยคนกลางประกอบด้วย
ขั้นตอนสองระยะ คือ ระยะหาปัญหาหรืออภิปรายปัญหา และระยะเจรจาแก้ปัญหาหรือ
การเจรจาไกลเ่ กลยี่

ระยะหาปญั หาหรืออภิปรายปญั หา ประกอบดว้ ย
1. คำกลา่ วเปิดการเจรจาของคนกลาง
2. คำกล่าวของคู่เจรจา
3. การประชุมแยกคู่เรียกว่า “Caucuses หรือการประชุมแยกกลุ่ม" ซึ่งคู่
เจรจาจะแยกพบกับคนกลาง อธิบายถึงปัญหาทั้งหมดและความต้องการหรือ
ผลประโยชน์ที่อาจจะเป็นความกลัว ความกังวล ความหวัง ความปรารถนาที่อยู่
เบอื้ งหลังจุดยนื ท่ีมคี วามสำคญั เพ่ือนำไปส่ทู างออกที่ยตุ ธิ รรมและเปน็ ไปได้
ระยะเจรจาแก้ปญั หาหรอื การเจรจาไกล่เกลย่ี ประกอบด้วย
1. ระยะหาปัญหาหรืออภิปรายปัญหา ระยะนี้จะเริ่มโดยคนกลางจะต้อง
กล่าวนำเปิดการเจรจาแล้วจึงให้คู่เจรจาบอกถึงความขัดแย้งของเขา ขั้นตอนนี้คู่เจรจา
จะนัง่ อย่ตู รงกันแต่คนละขา้ งโดยมีคนกลางน่งั อยูต่ รงกลาง
2. ระยะเจรจาแก้ปัญหาหรือการเจรจาไกล่เกลี่ย คู่ขัดแย้งเข้าใจใน
กระบวนการมากขึ้นที่จะหาทางออกร่วมกันและเตรียมความพร้อมที่จะหาทางออก
รว่ มกนั มากขนึ้ สร้างทางเลอื กตา่ งๆ ออกมา คนกลางกล็ องทดสอบทางเลือกที่เกิดขึ้นใน

องคก์ ารและการจัดการสมัยใหม่ | 399

แต่ละฝ่ายในช่วงแยกเจรจาจนเกอื บเป็นทีพ่ อใจ ในระยะนี้ส่งที่คนกลางจะต้องคำนงึ ถงึ
โดยสรุปดังนี้

- เมื่อมีการแยกคู่กรณี ควรให้ “การบ้าน” แก่คู่กรณีเพื่อให้เขาได้คิดหาทาง
ออกใหม่ ๆ ท่ยี ังมิไดส้ ำรวจ โดยเป็นการคดิ ในทางสร้างสรรค์

-เริ่มการแยกเจรจาไกลเ่ กล่ียโดยแจ้งว่าขอ้ มูลในช่วงแยกเจรจาไกล่เกลี่ย จะ
เปน็ ความลับ

-ขอบคณุ คกู่ รณที ีเ่ ข้าร่วมกระบวนการไกลเ่ กลี่ย
-ใชค้ ำถามเปดิ เพือ่ กระต้นุ ให้คกู่ รณีได้เลา่ เรื่องของตน
-จงเปิดเผย แต่อย่าตัดสิน เพราะจะปิดกั้นการหาทางออกทางเลือกใหม่ ทั้ง
เป็นทา่ ทางที่ตอ้ งยอมรับหรอื ยอมตาม
-ในช่วงสรุปปิดท้าย ให้เตือนคู่กรณีว่าข้อมูลที่ได้รับจะเป็นความลับ หากไม่
อนุญาตก่อนจะไมน่ ำไปเปดิ เผยแก่คกู่ รณฝี า่ ยอ่นื
-พยายามใช้เวลาในการแยกเจรจาไกล่เกล่ียกับแตล่ ะฝ่ายจำนวนเท่า ๆ กัน
เมื่อได้ข้อยุติเบื้องต้นแล้ว คนกลางจะมีหน้าที่ช่วยร่างข้อตกลงเบื้องต้น
เพื่อให้ คู่เจรจาได้ดูและให้ความเห็นชอบ หากจะมีการปรับแก้อย่างไรก็ให้ทำจนเป็นที่
พอใจของท้งั สองฝา่ ย
จากนั้นจึงเข้าสู่การปิดกระบวนการไกล่เกลี่ย สำหรับการประชุมเจรจา
สำหรบั การปดิ การเจรจานน้ั มีข้อทค่ี วรคำนงึ ถงึ คอื
- ถ้าตกลงกันได้ให้จัดทำเค้าโครงของข้อตกลงและขอรับความเห็นชอบจาก
คู่กรณีทุกฝ่ายว่าถูกต้อง รูปแบบของการจัดทำ ขึ้นอยู่กับโครงสร้างของการไกล่เกล่ีย
อาจส่งร่างข้อตกลงให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาในบางกรณีที่มีทนายความอยู่ด้วย

องคก์ ารและการจดั การสมัยใหม่ | 400

ทนายความอาจเป็นผู้ร่างข้อตกลง ข้อตกลงต้องมีการลงนาม หากจะต้องมีการลงนาม
ต่อไป ก่อนจะลงนามต้องแจ้งคู่กรณีว่าข้อตกลงยังไมย่ ตุ จิ นกว่าจะได้ลงนาม

- ถ้าตกลงกันไมไ่ ด้ ให้ขอบคณุ คูก่ รณี แล้วปดิ การไกลเ่ กลี่ย
- ถ้าคู่กรณีประสงค์จะดำเนินการไกล่เกลี่ยต่อ ให้หาข้อตกลงจากคู่กรณีใน
รายละเอยี ดของการประชุมที่จะมีขึ้นต่อไป ไม่ว่า วัน เวลา สถานที่ของการประชุม และ
เปน็ ส่ิงท่ีดีทส่ี ุดท่ีจะมีหนงั สือเตือนล่วงหน้าใหค้ ู่กรณีเขา้ รว่ มประชมุ ดว้ ย
3. ระยะหลังปิดการเจรจาไกล่เกลี่ยแล้ว ขั้นตอนที่เป็นขั้นตอนสุดท้ายของ
การไกล่เกลี่ยซึ่งประสบผลสำเร็จเป็นข้อตกลงระหว่างคู่ความทั้งสองฝ่ายซึ่งในทาง
ปฏิบัติจะทำเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความกัน ส่วนในกรณีที่ไกล่เกลี่ยไม่สำเร็จก็
คงต้องสั่งยกเลิกการไกล่เกลี่ย ซึ่งอาจเป็นเพราะคู่ความขอยกเลิกเองหรือผู้ไกล่เกลีย่ ส่ัง
ยกเลิกเพราะมองไม่เห็นหนทางทคี่ ู่ความจะตกลงกันได้
ในกรณีที่คู่ความตกลงกันได้และทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันน้ัน
สำหรบั ในประเทศไทยหากเป็นการไกล่เกลีย่ ท่ีกระทำในศาล โดยปกติคู่ความก็จะขอให้
ศาลพิพากษาตามหลัง แต่คู่ความก็อาจเลือกใช้วิธีถอนฟ้องไปโดยไม่ติดใจให้ศาล
พิพากษาตามยอมก็จะกระทำได้สำหรับในกรณีที่ตกลงกันได้ แต่ไม่มีการทำสัญญา
ประนีประนอมยอมความกันคู่ความก็อาจใช้วิธีถอนฟ้องไป ส่วนในกรณีที่เป็นการไกล่
เกลยี่ นอกศาลน้นั ทางปฏิบัติก็คงจบลงท่ีการทำเป็นสญั ญาประนปี ระนอมยอมความตาม
กฎหมายแล้วกย็ อ่ มจะนำไปใชบ้ งั คบั ตามกฎหมายได้

4. แนวคิดในพทุ ธศาสนาท่ีเกย่ี วข้องกบั การจัดการความขัดแยง้
หลักการสำคัญในการพิจารณาแก้ปัญหาความขัดแย้งโดยการประยุกต์หลัก
พุทธธรรมมาใช้ กค็ ือ วิธขี องอริยสัจจ์ 4 เรยี กตามทางธรรมะไดว้ ่า วธิ ีแหง่ ความดับทุกข์
หรือวธิ ีการดบั ความขดั แยง้ มีวิธกี ารปฏบิ ตั ิ 4 ขั้นตอน คือ

1. ทุกข์ คือ การกำนดให้รู้จักสภาพปัญหาความขัดแย้ง หมายถึง ความไม่
สบายกาย ความไม่สบายใจ อนั เนื่องมาจากสภาวะท่ีทนได้ยาก คือ เป็นสภาวะที่บีบค้ัน
จิตใจ ความขัดแย้ง การขาดความเที่ยงแท้การพลัดพรากจากสิ่งที่รัก ความไม่สม

องค์การและการจดั การสมัยใหม่ | 401

ปรารถนา เมื่อเกิดทุกข์หรือความขัดแย้งต้องไม่ประมาท และต้องพร้อมที่จะเผชิญกับ
ความเป็นจรงิ

2. สมุทัย คือ การกำหนดเหตุแห่งทุกข์เพื่อกำจัด หมายถึง เหตุที่ทำให้เกิด
ทุกข์ คือ เป็นสิ่งเริ่มต้นที่ทำให้เกิดทุกข์ ทุกข์ที่เกิดขึ้นนั้นมีสาเหตุที่แตกต่างกันออกไป
แตส่ าเหตทุ แี่ ท้จริงทกี่ ่อให้เกดิ ทกุ ข์หรอื ความขดั แย้ง กค็ อื ตัณหา หรือความอยาก ความ
ต้องการ มอี ยู่ 3 ประการคอื

2.1 กามตัณหา หมายถึง ความอยากได้สิ่งที่ปรารถณาทุกอย่าง เช่น
อยากได้ทรพั ย์สินเงนิ ทอง

2.2 ภวตณั หา หมายถึง ความอยากเปน็ นน่ั อยากเป็นนี่ เชน่ อยากเป็น
คนดงั อยากเปน็ ดารา เป็นต้น

2.3 วิภวตัณหา หมายถึง ความไม่อยากเป็นนั่นเป็นนี่ เช่น ไม่อยาก
สอบตก ไมอ่ ยากเป็นคนพิการ เป็นต้น

3. นิโรธ คือ การดับทุกข์อย่างมีจุดหมาย ต้องมีการกำหนดว่าจุดหมายที่
ตอ้ งการคอื อะไร หมายถงึ ความดบั ทกุ ข์ หรือภาวะท่ีทำใหต้ ณั หาดับส้ินไป ทุกข์เกิดขึ้น
มีสาเหตุมาจากตัณหา หรอื ความอยาก ถ้าคนเราลดตัณหาหรือความอยากไดม้ ากเท่าไร
ทกุ ขก์ ย็ อ่ มนอ้ ยลงไปดว้ ย แตถ่ ้าเราดับได้โดยสิน้ เชงิ ชวี ติ เราก็จะมแี ต่ความสงบ

4. มรรค คือ การกำหนดวิธีการในรายละเอียดและปฏิบัติเพื่อกำจัดปัญหา
หมายถึง ข้อปฏิบัตใิ หถ้ งึ ความทกุ ข์ ไดแ้ ก่ การเดินทางสายกลาง ซ่งึ มรรคมีองคป์ ระกอบ
ดว้ ย 8 ประการ คือ

4.1 สัมมาทิฏฐิ หมายถงึ ความเหน็ ชอบ คือการเห็นตามความจริงและ
รู้วา่ อะไรดี อะไรไม่ดี

4.2 สัมมาสังกัปปะ หมายถึง ความดำริชอบ คือการไม่คิดลุ่มหลงให้
เกิดสุขในอารมณ์ ไม่คิดอาฆาตพยาบาท ตลอดจนไมเ่ บยี ดเบียนผอู้ นื่

4.3 สัมมาวาจา หมายถึง การเจรจาชอบ คือการพูดแตใ่ นส่ิงท่ดี ี ไมพ่ ดู
เทจ็ ไมพ่ ดู สอ่ เสียด ไมพ่ ูดหยาบคาบ ไม่พดู ไรส้ าระ

องคก์ ารและการจดั การสมัยใหม่ | 402

4.4 สัมมากัมมันตะ หมายถึง การกระทำชอบ คือการกระทำในส่งิ ท่ีดี
ไม่ฆ่าสตั ว์ ไม่ลกั -ทรัพย์ ไมป่ ระพฤตผิ ิดในกาม

4.5 สัมมาอาชีวะ หมายถึง การเลี้ยงชีพชอบ คือการประกอบอาชีพที่
สุจรติ ไมค่ ดโกง หลอกลวง ไม่กระทำในส่ิงท่เี ปน็ ผลรา้ ยตอ่ ผอู้ น่ื

4.6 สัมมาวายามะ หมายถึง พยายามชอบ คือพยายามที่จะป้องกัน
ไม่ให้เกิดความชั่ว พยายามที่จะกำจัดความชั่วที่มีอยู่ให้หมดไป พยายามสร้างความดีที่
ยงั ไม่เกดิ ใหเ้ กดิ และพยายามรักษาความดีท่มี ใี หค้ งอย่ตู ่อไป

4.7 สัมมาสติ หมายถึง การระลึกชอบ คือระลึกอยู่เสมอว่าสิ่งที่รู้สิ่งที่
เหน็ น้นั เปน็ ไปตามความเปน็ จรงิ

4.8 สัมมาสมาธิ หมายถึง การตั้งจิตมั่นชอบ คือ การที่สามารถตั้ง
จิตใจใหจ้ ดจ่ออย่กู ับสิง่ ใดสง่ิ หนง่ึ ไดน้ าน

5. การป้องกันความขดั แย้งโดยการสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมตามหลัก
พทุ ธธรรม

หลักธรรมที่กล่าวถึง หลักการมีส่วนร่วม ก็คือ หลักการ “อปริหานิยธรรม”
เนื่องจากสาระสำคัญของหลักธรรมจะแสดงให้เห็นกระบวนการสร้างการมีส่วนร่วม
(Participation)โดยการประชุมเพื่อปรึกษาหารือกันทั้งก่อนการประชุม ขณะประชุม
และหลังประชุมให้พร้อมเพรียงกัน การทำในลักษณะนี้ทำให้กระบวนการนำเสนอ
ปัญหา สาเหตุของปัญหา และแสวงหาทางออกของปัญหาได้อย่างครบวงจรและรัดกุม
มากย่งิ ขน้ึ สอดรับกบั แนวคดิ เรือ่ ง “สานเสวนา” (Dialogue)

“อปริหานิยธรรม” หมายถึง “ธรรมที่เป็นเหตุให้เกิดความเจริญโดยส่วน
เดยี ว ไมม่ เี สอื่ ม” พระพทุ ธเจ้าได้ทรงแสดงแก่เจ้าลิจฉวี มี 7 ข้อ กล่าวคือ

1. หมั่นประชมุ กนั เนื่องนิตย์ ประชุมกันบอ่ ยๆ
2. เมื่อจะประชุมก็พร้อมเพรียงกันประชุม เมื่อเลิกประชุมก็พร้อมเพรียงกัน
เลกิ และพรอ้ มเพรยี งกันช่วยทำกิจทคี่ วรจะช่วยกนั ไมบ่ ัญญตั ิ

องคก์ ารและการจัดการสมัยใหม่ | 403

3. ไมบ่ ญั ญัตสิ งิ่ ท่ีมไิ ด้บัญญัติ ไมล่ บล้างสงิ่ ท่บี ญั ญัตไิ ว้แล้ว ถอื ปฏิบัติมั่นในวัช
ชีธรรมทวี่ า่ งไวต้ ามเดมิ

4. สักการะ เคารพ นับถือผู้ใหญ่ในชุมชน และพร้อมที่จะรบั ฟังข้อเสนอแนะ
จากท่านเหล่าน้นั

5. ไม่ขม่ เหง ไม่ฉดุ ครา่ ขืนใจกุลสตรี หรือกลุ กุมารี
6. สักการะ เคารพ นบั ถอื บูชาเจดีย์ท้ังในเมอื ง และนอกเมือง และไม่ละเลย
การบูชาอันชอบธรรมท่เี คยให้ เคยกระทำตอ่ เจดยี ์เหล่าน้นั ใหเ้ ส่อื มสูญไป
7. จัดการ รักษา คุ้มครอง ป้องกันพระอรหันต์ทั้งหลายโดยชอบธรรมด้วย
ตั้งใจว่า “ทำอย่างไร พระอรหันต์ที่ยงั ไม่มี พึงมาสู่แว่นแควน้ ของเรา และท่านที่มาแล้ว
พึงอยอู่ ย่างผาสกุ ”

สรุปท้ายบท

ความขัดแย้งของบุคคลเกิดจากการที่บุคคลต้องตัดสินใจเลือกอย่างใดอย่าง
หนึ่งโดยที่การเลือกนั้นอาจเต็มใจหรือจำใจเลือกความขัดแย้งระหว่างบุคคลเป็น
สถานการณ์ที่การกระทำของฝ่ายหนึ่งไปขัดขวางหรือการที่บุคคลที่มีความแตกต่างกัน
ค่านยิ มความสนใจแนวคดิ วธิ กี ารเปา้ หมายต้องมาติดตอ่ ทำงานด้วยกนั หรืออยู่รว่ มกันใน
สังคมเดียวกันโดยที่มีความแตกต่างนี้เป็นสิ่งที่ไม่สอดคล้องกันหรือไปด้วยกันไม่ได้ โดย
ได้ขยายประเด็นว่า ความขัดแย้งเป็นสิ่งที่ผู้บริหารต้องเผชญิ หน้าอยู่ทุกวัน ผู้บริหารไม่
สามารถละเลยหรือปล่อยไห้เกิดความขัดแย้งมากขึ้นจนรุนแรงขึ้นโดยไม่จัดการแก้ไข
งานวิจัยในต่างประเทศแสดงไห้เห็นว่าผู้บริหารระดับสูงใช้เวลาประมาณร้อยละ 25
และผู้บริหารระดับกลางใช้เวลาประมาณร้อยละ 30 ของเวลาที่ทำงานเพื่อการจัดการ
กับความขัดแย้งและเนื่องจากมนุษย์ต้องการความสำเร็จ การกระทำของมนุษย์
เพื่อที่จะได้เกิดความสำเร็จน้ี ส่วนหนึ่ง นำไปสู่ความขัดแย้งโดยมีการแข่งขันในรูปแบบ
ตา่ งๆ เช่น การแข่งขนั กีฬา การศึกษาเลา่ เรียน การแขง่ ขันในเชิงธรุ กิจ และกิจกรรมใน
สังคม การแข่งขันทำไห้เกิดการแพ้หรือชนะ ความสำเร็จมักจะถูกวัดโดยการชนะ ซึ่งก็
เป็นความจริงของการแข่งขัน หลักสำคัญเกิดเนื่องมาจากความขาดแคลน(Scarcity)

องคก์ ารและการจดั การสมัยใหม่ | 404

หรือความไม่เพียงพอของสิ่งที่ต้องการ ในบางครั้งความขาดแคลนนี้ อาจเป็นความขาด
แคลนจริงๆ หรือไม่จรงิ แต่ไมว่ ่าจะเปน็ ความขัดแย้งในกรณใี ดกต็ าม คนเม่ือถูกกระตุ้นก้
จะมีแรงจูงใจที่จะแข่งขันและเพื่อที่จะให้ประสบความสำเร็จ ความขัดแย้งจะเกิดเพิ่ม
มากขน้ึ เมอื่ คนเราพยายามต่อสู้เพื่อไห้ได้มากท่สี ุดในส่ิงท่ีตนต้องการ ความต้องการที่จะ
ประสบความสำเรจ็ ของมนุษย์ กอ็ าจนำไปส่คู วามขดั แย้งในกระบวนการแข่งขัน บางคน
ใช้อำนาจที่เหนือกว่าใช้ปัญญาที่มีมากกว่า ใช้ความรวดเร็วหรือใช้วิธีการต่างๆนานา
เพื่อที่จะช่วยไห้ตนเองมีชัยชนะในการแข่งขันเพื่อที่จะได้รับทรพั ยากรหรือรางวัลต่างๆ
เหนือกว่าคนอื่น กระบวนการแข่งขันที่มีประสิทธิภาพจะทำไห้ได้รับประโยชน์มากกว่า
กระบวนการแขง่ ขันทด่ี ้อยประสิทธภิ าพ และความขัดแย้งก็เป็นส่งิ ท่ีไม่มีใครปรารถนาที่
จะไห้เกิดขึ้นแต่ก็ยังเป็นสิ่งที่ยากจะหลีกเลี่ยงพ้น ตราบใดที่มนุษย์ยังมีชีวิตอยู่และอยู่
ร่วมกับคนอื่นในสงั คม ดังนั้น เมื่อเราไม่สามารถจะหลีกเลี่ยงจากความขัดแย้งได้จงึ ควร
รจู้ ักและเขา้ ใจความขัดแย้ง และแปลงสภาพความขดั แยง้ ใหเ้ ป็นประโยชน์

คำถามท้ายบทท่ี 12

1. จงอธิบายถงึ ความหมายของความขดั แยง้
2. จงอธยิ ายถึงประเภทและสาเหตขุ องความขัดแยง้
3. จงบอกถึงแนวคิดเก่ียวกับการแก้ปัญหาความขดั แย้ง

องคก์ ารและการจัดการสมัยใหม่ | 405

อ้างอิงทา้ ยบทท่ี 12

คริสโตเฟอร์ มัวร์ เขียน. วันชัย วัฒนศัพท์ แปล.(2542). กระบวนการเจรจาไกล่เกลี่ย
คนกลางขอนแก่น: สถาบันสนั ติศึกษา.

เจมส์ แอล เครตัน เขยี น. วนั ชัย วฒั นศัพท์ แปล.(2547). การมสี ว่ นร่วมของประชาชน
ในการตดั สินใจของชุมชน.นนทบรุ ี: สถาบนั พระปกเกลา้ .

เจมส์ โค และคณะ ผู้แต่ง. วันชัย วัฒนศัพท์ และคณะ ผู้แปล.(2545). คู่มือการเพิ่ม
พลังความสามารถกระบวนการจัดการข้อพิพาท. นนทบุรี: สถาบัน
พระปกเกลา้ .

ฉันทนา บรรพศิริโชติ.(2542). “ความขัดแย้งในสังคมไทย: ช่องว่างของการรับรู้และ
ความเข้าใจ”. ใน ความขัดแย้งในสังคมไทยยุควิกฤติเศรษฐกิจ. พัชรี สิโร
รส บรรณาธิการ. กรงุ เทพมหานคร: สำนกั พมิ พค์ บไฟ.

ชัยวัฒน์ สถาอานันท์.(2533). ท้าทายทางเลือก: ความรุนแรง และการไม่ใช้ความ
รนุ แรง. กรุงเทพมหานคร: มลู นธิ ิโกมลคีมทอง.

ทวีศกั ด์ิ สวุ คนธ์. (2549).วถิ สี ูส่ นั ต.ิ กรงุ เทพมหานคร : โรงพิมพ์ไฮเออร์เพรส.
ม.ร.ว.พฤทธิสาณ ชุมพล.(2543). “สันติภาพภายใต้เงื่อนไขของความขัดแย้งทางสังคม

และการเมือง”. ใน มนุษย์กับสันติภาพ. ศรีเพ็ญ ศุภพิทยากุล บรรณาธิการ.
กรุงเทพมหานคร: จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั .
ยีน ชาร์ป เขียน. ชัยวัฒน์ สถาอานันท์ และคมสันต์ หุตะแพทย์ แปล.(2529). อำนาจ
และยุทธวิธีไรค้ วามรนุ แรง กรุงเทพมหานคร: มูลนธิ โิ กมลคมี ทอง.
ร า ช บ ั ณ ฑ ิ ต ย ส ถ า น . ( 2 5 4 6 ) . พ จ น า น ุ ก ร ม ฉ บ ั บ ร า ช บ ั ณ ฑ ิ ต ส ถ า น พ .ศ .2 5 4 2 .
กรุงเทพมหานคร : นานมีบุคส์พับลิเคชันส.์ วันชัย วัฒนศัพท์ และคณะ(2548).
การแก้ปัญหาความขัดแย้งในสถานศึกษา. กรุงเทพมหานคร : สถาบัน
พระปกเกลา้ .
วันชัย วัฒนศัพท์ และคณะ แปลและเรียบเรียง.(2545). คู่มือการเพิ่มพลัง
ความสามารถกระบวนการจัดการขอ้ พิพาท. นนทบรุ ี: สถาบนั พระปกเกล้า.

องค์การและการจดั การสมัยใหม่ | 406

วันชัย วัฒนศัพท์.(2547). คู่มือเกี่ยวกับความขัดแย้ง: หลักการ และเครื่องมือ
แก้ปัญหา. กรงุ เทพมหานคร: ศนู ยส์ ันติวิธแี ละธรรมาภบิ าล.

สถาบันพระปกกลา้ .(2545). ยทุ ธศาสตร์เพือ่ การพัฒนาท้องถน่ิ . กรุงเทพมหานคร :
โรงพิมพ์สถาบนั พระปกกลา้ .
สำนักระงับข้อพิพาท กระทรวงยุติธรรม.(2547). คู่มือระงับข้อพิพาทสำหรับ

ประชาชน. กรุงเทพมหานคร: จริ รชั การพิมพ์.
หรรษา ธมฺมหาโส.พระมหา.(2547) รูปแบบการจัดการความขัดแย้งโดยพุทธสันติวิธี :

กรณีลุ่มน้ำตาช้าง จังหวัดเชียงใหม่.วิทยานิพนธ์ปริญญาพุทธศาสตรดุษฎี
บณั ฑติ .บณั ฑติ วทิ ยาลยั มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย.
อรุณ รักธรรม.(2538). ความขัดแย้งในกรุงเทพมหานคร : กรณีศึกษาเฉพาะระดับเขต.
เอกสารอดั สำเนาเยบ็ เลม่ . สำนักวจิ ัยสถาบนั บณั ฑติ พัฒนบริหารศาสตร์.
Filley. A. C. (1975). Interpersonal conflict resolution. lllinois : Scott Foreman
and Company.
Gultung. Johan.(1969). “Violece Peace and Peace Research”. in Journal of
Peace Research . Vol.6 VI.
Galtung. Johan. (1 9 7 5 ). Peace: Research. Education. Action: Essays in
Peace Research.1. Copenhagen: Christian Ejlers.
Moor. Christopher. (1996).The Mediation Process: Practical Strategic for
Resolving Conflict. 2 nd ed. San Francisco. CA: Jossey-Bass
Publishers.

บรรณานุกรม

ก่งิ กาญจน์ วรนทิ ศั น์และคณะ. กรงุ เทพมหานคร: สำนักพิมพแ์ มคกรอ-ฮลิ , 2551.
กวี วงศ์พฒุ . ภาวะผนู้ ำ. พิมพค์ รัง้ ท่ี 5 กรุงเทพมหานคร: บ.ี เค. อนิ เตอร์ปรินท์, 2542.
กิติมา ปรดี ดี ิลก. ทฤษฎกี ารบรหิ ารองค์การ. กรงุ เทพมหานคร: ชนะการพมิ พ์, 2540.
เขมมารี รักษช์ ูชีพ. ทฤษฎอี งคก์ าร. กรงุ เทพมหานคร: ทริปเพล้ิ กรุ๊ป, 2553.
_________. ทฤษฎอี งค์การและการจดั การ. กรงุ เทพมหานคร: ทรปิ เพ้ลิ กรปุ๊ , 2553.
คริสโตเฟอร์ มัวร์ เขียน. วันชัย วัฒนศัพท์ แปล.(2542). กระบวนการเจรจาไกล่เกล่ีย

คนกลางขอนแก่น: สถาบนั สนั ตศิ กึ ษา.
เชาว์ โรจนแสงและคณะ.องค์การและการจัดการ. เล่มที่ 1 หน่วยที่ 7 นนทบุรี: ฝ่าย

การพมิ พ์ มหาทยาลัยสโุ ขทัยธรรมาธริ าช, 2544.
ชัยยุทธ ชิโนกุล. การจัดการเชงิ ยุทธศาสตรว์ ่าด้วย การนำแผนยุทธศาสตร์ไปปฏิบัติ.

พมิ พ์คร้ังที่ 1 กรงุ เทพมหานคร : สุขุมและบตุ ร จำกดั , 2546.
เจมส์ แอล เครตัน เขียน. วันชัย วัฒนศัพท์ แปล.การมีส่วนร่วมของประชาชนในการ

ตดั สนิ ใจของชมุ ชน.นนทบุรี: สถาบันพระปกเกลา้ . 2547.
เจมส์ โค และคณะ ผู้แต่ง. วันชัย วัฒนศัพท์ และคณะ ผู้แปล.(2545). คู่มือการเพิ่ม

พลังความสามารถกระบวนการจัดการข้อพิพาท. นนทบุรี: สถาบัน
พระปกเกลา้ .
ฉันทนา บรรพศิริโชติ. “ความขัดแย้งในสังคมไทย: ช่องว่างของการรับรู้และความ
เขา้ ใจ”. ใน ความขัดแย้งในสังคมไทยยุควิกฤติเศรษฐกิจ. พัชรี สิโรรส
บรรณาธกิ าร. กรงุ เทพมหานคร: สำนักพิมพค์ บไฟ. 2542.
ชัยวัฒน์ สถาอานันท์.(2533). ท้าทายทางเลือก: ความรุนแรง และการไม่ใช้ความ
รุนแรง. กรงุ เทพมหานคร: มูลนธิ โิ กมลคมี ทอง.
โชติ ทองประยูร. ความเหมาะสมของกฎหมายคณะสงฆ์ฉบับใหม่. พระราชบัญญัติ
คณะสงฆ์ พ.ศ.2505.

องคก์ ารและการจดั การสมัยใหม่ | 408

ทพิ วรรณ หลอ่ สุวรรณรัตน์. ทฤษฎีองค์การสมัยใหม่. กรงุ เทพมหานคร : ดี เค พร้ินติ้ง
เวิลด์, 2553.

ทวศี ักดิ์ สวุ คนธ.์ วิถีสูส่ นั ต.ิ กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพไ์ ฮเออร์เพรส. 2549.
ธนชัย ยมจินดาและคณ.องค์การและการจัดการ. เล่มที่ 1 หน่วยที่ 1-8

มหาวทิ ยาลัยสุโขทยั ธรรมาธริ าช. นนทบรุ ี: ฝา่ ยการพิมพ์ มหิทยาลัยสุโขทัยธรร
มาธริ าช, 2544.
ธนชัย ยมจินดาและคณะ.เอกสารการสอนชุดวิชา องค์การและการจัดการ หน่วยท่ี
1-8. นนทบรุ ฯี : มหาวทิ ยาลยั สุโขทัยธรรมาธิราช, 2552.
ธนชัย ยมจินดา และคณะ. เอกสารสารสอนชุดวิชา องค์การและการจัดการ. หน่วยท่ี
1-8 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1. พิมพ์ครั้งที่ 15 มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช,
2552.
ธงชัย สันติวงษ.์ หลกั การจดั การ. กรงุ เทพมหานคร: ไทยวัฒนพานชิ , 2531.
_________. องค์การและการจัดการ ทันสมัยยุคโลกาภิวฒั น์. กรุงเทพมหานคร: ไทย
วัฒนาพานิช, 2540.
_________. องค์การและการจัดการ. เล่มที่ 1 หน่วยที่ 4 หาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิ
ราช. นนทบรุ ี: ฝา่ ยการพิมพ์ มหทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธิราช, 2544.
_________. อ ง ค ์ ก า ร แ ล ะ ก า ร บ ร ิ ห า ร ก า ร ศ ึ ก ษ า ก า ร จ ั ด ก า ร แ ผ น ใ ห ม่ .
กรงุ เทพมหานคร: ไทยวัฒนาพานชิ , 2543.
ธีรวัส บำเพ็ญบุญบารมี. “มังสวิรัติของสำนักสันติอโศก-นิพพานเป็นอัตตาของสำนัก
วัดพรธรรมกายศึกษาจากพระไตรปิฎก อรรถกถา ฎีกาตลอดจนคัมภีร์ทาง
พระพุทธศาสนา พร้อมบทวิเคราะห์ธรรมของพระพรหมคุณภรณ์ (ป.อ.
ปยุตฺโต)” โครงการธรรมศึกษาวิจัย. มหาบัณฑิตสาขาวิชาพุทธศาสน์ศึกษา:
มหาวิทยาลยั มหามกฎุ ราชวิทยาลยั . 2550.

องค์การและการจัดการสมัยใหม่ | 409

นิรมล กิติกุล. องค์การและการจัดการ. พิมพ์ครั้งท่ี 11 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย,
2549.

บรรยงค์ โตจนิ ดา. องค์การและการจดั การ. กรุงเทพมหานคร : อมรการพมิ พ์, 2542.
ปิยนาถ วรศิริ “การเมืองเรื่องศาสนา:บทบาทและการดำเนินการของมหาเถรสมาคม

ต่อกรณีสันติอโศก”. วิทยานิพนธ์รัฐศาสตร์มหาบัณฑิต. คณะรัฐศาสตร์:
มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์, 2533.
ปกรณ์ ปรียากรณ์. การวางแผนกลยุทธ์ แนวคิดและแนวทางเชิงประยุกต์. พิมพ์คร้ัง
ท่ี 9 กรุงเทพมหานคร : เสมาธรรม, 2550.
ปรีชา คัมภีรปกรณ์.การวิจัยเกี่ยวกับวัฒนธรรมองค์การทางการศึกษา ใน ประมวล
สาระชุดวิชาการวิจัยการบริหารการศึกษา หน่วยท่ี 10-12.นนทบุรี : สานัก
พมิ พม์ หาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธิราช, 2540.
พยอม วงศ์สารศรี. การบริหารงานบุคคล. กรงุ เทพมหานคร: โรงพมิ พ์พระนครพาณิชย์,
2530.
_________. องคก์ ารและการจัดการ. คณะวทิ ยาการจดั การ มหาวทิ ยาลัยราชภฎั สวน
ดุสิต. 2537.
พระธรรมโกศาจารย์ (ประยูร ธมฺมจิตฺโต). พุทธวิธีการบริหาร. โรงพิมพ์มหาวิทยาลัย
มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั , 2549.
พระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยุตฺโต). กรณีธรรมกาย: บทเรียนเพื่อพระพุทธศาสนาและ
สร้างสรรค์สังคมไทย. กรงุ เทพมหานคร: ธรรมสาร, 2542.
พระมงคลเทพมุนี. ประวัติหลวงพ่อวัดปากน้ำและคู่มือสมภาร. กรุงเทพมหานคร:
ไทยวฒั นพานชิ , 2529.
พระเมธีธรรมาภรณ์ (ประยูร ธมฺมจิตฺโต). การปกครองคณะสงฆ์ไทย. พิมพ์ครั้งที่ 9.
กรุงเทพมหานคร: สหธรรมิก, 2539.
พิชาย รตนดิลก ณ ภูเก็ต. องค์การและการบริหารจัดการ. นนทบุรี: ธิงค์ บียอนด์
บ๊คุ ส์, 2552.

องค์การและการจัดการสมัยใหม่ | 410

พิทยา บวรวัฒนา. ทฤษฎีองค์การสาธารณะ. พิมพ์ครั้งที่ 3.กรุงเทพมหานคร: ศักด์ิ
โสภาการพิมพ์, 2543.

ภัทรพร สิริกาญจน์. พระพุทธศาสนาในประเทศไทย เอกภาพในความหลากหลาย.
กรงุ เทพมหานคร: บรษิ ทั มิสเตอรก์ ๊อปป้ี (ประเทศไทย) จำกดั , 2553.

ภิกษุณีปุญสิมา พิทยรังสฤษฎ์ “การศึกษาการเผยแผ่พระพุทธศาสนาขององค์กรพุทธ
ฉอื จีใ้ นไต้หวนั ”. วทิ ยานพิ นธพ์ ทุ ธศาสตรมหาบัณฑติ . บณั ฑิตวทิ ยาลยั : มหา
จฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย. 2552.

มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. การบริหารและการพัฒนาองค์การ.
กรงุ เทพมหานคร: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, 2530.

มหามกุฎราชวิทยาลัย. ประวัติการปกครองคณะสงฆ์ไทยและลักษณะการปกครอง
คณะสงฆ์ไทยโดยสังเขป. 2521.

ม.ร.ว.พฤทธิสาณ ชุมพล.(2543). “สันติภาพภายใต้เงื่อนไขของความขัดแย้งทางสังคม
และการเมือง”. ใน มนุษย์กับสันติภาพ. ศรีเพ็ญ ศุภพิทยากุล บรรณาธิการ.
กรุงเทพมหานคร: จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย.

มัลลกิ า ตน้ สอน.การจดั การยคุ ใหม่. กรงุ เทพมหานคร: เอก็ เปอร์เนท็ จำกัด,2544.
ยีน ชาร์ป เขียน. ชัยวัฒน์ สถาอานันท์ และคมสันต์ หุตะแพทย์ แปล.(2529). อำนาจ

และยทุ ธวิธีไร้ความรุนแรง กรุงเทพมหานคร: มูลนธิ ิโกมลคีมทอง.
ระวัง เนตรโพธ์ิ. แก้วความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจ. กรุงเทพมหานคร :

พิทกั ษ์อกั ษร, 2545.
ราชบัณฑิตยสถาน. พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถานพ.ศ.2542.กรุงเทพมหานคร :

นานมีบุคส์พบั ลิเคชันส์. 2546.
วรนิทัศน์ และคณะ. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์แมคกรอ-ฮลิ , 2551.

วันชัย วัฒนศัพท์. คู่มือเกี่ยวกับความขัดแย้ง: หลักการ และเครื่องมือแก้ปัญหา.
กรุงเทพมหานคร: ศนู ย์สนั ติวิธแี ละธรรมาภิบาล. 2547.

วันชัย วัฒนศัพท์ และคณะ การแก้ปัญหาความขัดแย้งในสถานศึกษา.
กรงุ เทพมหานคร : สถาบันพระปกเกลา้ . 2548.

องค์การและการจัดการสมัยใหม่ | 411

วันชัย วัฒนศัพท์ และคณะ แปลและเรียบเรียง.คู่มือการเพิ่มพลังความสามารถ
กระบวนการจัดการขอ้ พิพาท. นนทบุรี: สถาบนั พระปกเกลา้ . 2545.

วิเชียร วิทยอดุ ม. การพัฒนาองค์การ. กรงุ เทพมหานคร: ธนธัชการพมิ พ์, 2550.
วิโรจน์ สารรัตนะ.การบริหารการศึกษา : หลักการ ทฤษฎี หน้าที่ ประเด็น และ บท

วเิ คราะห์. พิมพค์ รงั้ ที่ 4 . กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พท์ ิพยว์ ิสทุ ธ์ิ, 2546.
ศิริวรรณ เสรีรัตน์. องค์การและการจัดการ. กรุงเทพมหานคร: ธีระฟิล์มและไซเท็กซ์,

2543.
_________. หลักการตลาด. กรุงเทพมหานคร: บริษัท ธีระฟิล์มแลไซเท็กซ์ จากัด,

2543.

สถาบันพระปกกล้า. ยุทธศาสตรเ์ พอ่ื การพัฒนาทอ้ งถ่นิ . กรุงเทพมหานคร :
โรงพิมพส์ ถาบันพระปกกล้า. 2545.

สมคิด บางโม. องค์การและการจัดการ. พิมพ์ครั้งที่ 6. กรุงเทพมหานคร: วิทยพัฒน์,
2555.

สมพร แสงชัย. การวางแผนเชิงกลยุทธ์ภาครัฐ. โครงการบัณฑิตศึกษาการจัดการ
สิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพฒั นบรหิ ารศาสตร์. 2548.

สมพงษ์ เกษมสนิ . การบริหารงานบุคคลแผนใหม่. กรงุ เทพมหานคร: ไทยวัฒนาพานชิ ,
2519.

สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ. ประชุมนิพนธ์เกี่ยวกับตำนานทาง
พระพุทธศาสนา. คณะสงฆ์วัดพระพิเรนทร์พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงาน
พระราชทานเพลิงศพพระเทพคณุ าธาร. 2514.

สร้อยตระกูล อรรถมานะ. พฤติกรรมองค์การ : ทฤษฎีและการประยุกต์.
กรงุ เทพมหานคร: สำนักพมิ พ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2542.

เสน่ห์ จุ้ยโต. เอกสารการสอนชุดวิชา องค์การและการจัดการ หน่วยที่ 6.นนทบุรี:
มหาวิทยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธริ าช, 2552.

องคก์ ารและการจัดการสมัยใหม่ | 412

_________. องค์การและการจัดการ. เล่มที่ 1 หน่วยที่ 5 หาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิ
ราช. นนทบุรี: ฝ่ายการพมิ พ์ มหทิ ยาลัยสโุ ขทัยธรรมาธริ าช, 2544.

เสนาะ ตเิ ยาว์. องค์การและการจัดการ. เลม่ ที่ 1 หน่วยที่ 8 หาวิทยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิ
ราช. นนทบรุ ี: ฝา่ ยการพมิ พ์ มหทิ ยาลยั สโุ ขทัยธรรมาธิราช, 2544.

_________. หลักการบริหาร. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์,
2543.

สุนัย เศรษฐ์บญุ สรา้ ง. “อุดมการณท์ างการเมืองในพุทธศาสนา : ศึกษากรณีแนวคิดของ
สำนักสันติอโศก” วิทยานิพนธ์รัฐศาสตร์มหาบัณฑิต. คณะรัฐศาสตร์:
มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์, 2533.

สำนักระงับข้อพิพาท กระทรวงยุติธรรม.(2547). คู่มือระงับข้อพิพาทสำหรับ
ประชาชน. กรุงเทพมหานคร: จริ รชั การพมิ พ์.

หรรษา ธมฺมหาโส.พระมหา.(2547) รูปแบบการจัดการความขัดแย้งโดยพุทธสันติวิธี :
กรณีลุ่มน้ำตาช้าง จังหวัดเชียงใหม่.วิทยานิพนธ์ปริญญาพุทธศาสตรดุษฎี
บณั ฑติ .บัณฑิตวิทยาลัย มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย.

อนิวัช แก้วจำนงค์. หลักการจัดการ. พิมพ์ครั้งที่ 2 ฉบับปรับปรุง. สงขลา: นำศิลป์
โฆษณา, 2552.

อภิญญา เฟื่องฟูสกุล. “ศาสนทัศน์ของชุมชนเมืองสมัยใหม่ : ศึกษากรณี วัด
พระธรรมกาย”. งานวิจัย. ภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะ
สังคมศาสตร์ มหาวิทยาลยั เชียงใหม่, 2533.

อรุณ รักธรรม.ความขัดแย้งในกรุงเทพมหานคร : กรณีศึกษาเฉพาะระดับเขต. เอกสาร
อัดสำเนาเย็บเล่ม. สำนักวจิ ยั สถาบนั บัณฑติ พฒั นบริหารศาสตร์. 2538.

_________. ทฤษฎีองค์การ: ในประมวลสาระชุดวิชาทฤษฎีและแนวปฏิบัติในการ
บริหารการศึกษา. เล่มที่ 1 หน่วยที่ 2 มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.
นนทบุรี: ฝ่ายการพิมพ์ มหทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธริ าช, 2536.

อุทัย เลาหวิเชียร. การบริหาร. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพมหานคร: ไทยวัฒนาพานิช,
2544.

องค์การและการจัดการสมัยใหม่ | 413

อุดม ทุมโฆสิต. การจัดการ. คณะรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหาร
ศาสตร์. 2544.

อัคคี ศรีทราชัยกุล. “ความยึดมั่นผูกพันในศาสนาของชาวพุทธ : ศึกษาเฉพาะกรณีชาว
พทุ ธในกลุม่ วัดพระธรรมกาย พุทธสถานสันติอโศก”. วิทยานพิ นธ์สังคมวิทยา
และมานุษยวิทยามหาบัณฑิต. คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา:
มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์, 2530.

Alvesson. Mats.“Organization Culture and Ideology.” International
Studies of Management and Organization, 1989.

Chester I, Barnard. The Function of the Executive. Cambridge: Harvard
University Press, 1970.

Fremont E. Kast and James E. Rosenweig. Organization and Management :
A Systems Approach. N.Y. : McGraw-Hill, 1970.

Filley. A. C. (1975). Interpersonal conflict resolution. lllinois : Scott Foreman
and Company.

Gultung. Johan.(1969). “Violece Peace and Peace Research”. in Journal of
Peace Research . Vol.6 VI.

Galtung. Johan. (1 9 7 5 ). Peace: Research. Education. Action: Essays in
Peace Research.1. Copenhagen: Christian Ejlers.

John R. Schermahorn. Jr. Management New York : John Wiley & Sons,1996.
Max Weber. The Theory of Social and Economic Organization. New York:

Oxford University Press, 1966.
Moor. Christopher. (1996).The Mediation Process: Practical Strategic for

Resolving Conflict. 2nd ed. San Francisco. CA: Jossey-Bass
Publishers.

องค์การและการจดั การสมัยใหม่ | 414

Max Weber. The Theory of Social and Economic Organization. New York:
Oxford University Press, 1966.

Preston P. LeBreton and Dale A. Henning. Planning Theory.Englewood
Cillffs. N.J. : Prentice-Hall,1961.

Peter Blua and Richard scott. Formal Organization. San Francisco: chandles,
1962.

Robins. S.P.. Organization Theory: Structure. Design. And Application.
Englewood Cliff. NJ: Prentice-Hall, 1983.

Robbins. S.P. Organizational Behavior. New Jersey: Pearson Education.,
2005.

Scoott.W.R..Organization : Rational. Natural. and Open Systems.2ed.
Englewood Cliffs. NJ: Prentice Hall,1987.

Terry. George. Principles of Management. 3rd ed. IIIinois : Richard D. Irwin.
1978.

Tan Chwee Huat. “Management Concepts and Functions” Management
of Business 6 th-Ed. Mc Graw-Hill. Singapore, 1994.

องค์การและการจดั การสมัยใหม่ | 415

ผศ.ดร.ธติ วิ ุฒิ หมนั่ มี

ท่อี ยปู่ จั จบุ นั : 99/374 ศภุ าลัยพาร์ควิลล์ หมู่ 7 ตำบลลำโพ อำเภอบางบัวทอง
จงั หวดั นนทบุรี

หน่วยงานท่ีติดต่อได้สะดวก : ภาควิชารัฐศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหา
จฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย
ประวัติการศึกษา : พธ.บ.(สังคมศกึ ษา), พธ.ม.(ปรชั ญา), พธ.ด.(รฐั ประศาสนศาสตร์)
ปัจจุบันดำรงตำแหนง่ : รองหัวหน้าภาควิชารัฐศาสตร์


Click to View FlipBook Version