The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนคณะราษฎรบำรุง จังหวัดยะลา

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by กรรธดา เงินราษฎร์, 2023-01-10 01:51:23

หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนคณะราษฎรบำรุง จังหวัดยะลา

หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนคณะราษฎรบำรุง จังหวัดยะลา

ห น้ า | 396
เกณฑก์ ารตัดสิน

ผู้เรียนจะต้องได้รับการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนและผ่านเกณฑ์ตามท่ีโรงเรียนกาหนด โดย
กาหนดเกณฑใ์ นการประเมินอยา่ งเหมาะสมดงั น้ี

1. กาหนดคุณภาพหรือเกณฑ์ ในการประเมินตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐานกาหนด
ไว้ 2 ระดบั คอื ผ่านและไม่ผ่าน

2. กาหนดประเด็นการประเมินให้สอดคล้องตามวัตถุประสงค์ในแต่ละกิจกรรมและกาหนดเกณฑ์
การผ่านการประเมนิ ดังน้ี

2.1 เกณฑ์การตดั สินผลการประเมินรายกจิ กรรม
ผา่ น หมายถึง ผ้เู รียนมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมครบตามเกณฑ์ ปฏบิ ัตกิ จิ กรรมและมี

ผลงาน/ชิ้นงาน/คุณลักษณะตามเกณฑ์ท่โี รงเรยี นกาหนด
ไม่ผ่าน หมายถึง ผเู้ รียนมเี วลาเข้าร่วมกจิ กรรมไมค่ รบตามเกณฑ์ ไมผ่ ่านการ

ปฏบิ ัตกิ ิจกรรมหรือมผี ลงาน/ช้ินงาน/คณุ ลักษณะไม่เป็นไปตามเกณฑท์ ีโ่ รงเรียนกาหนด
2.2 เกณฑ์การตัดสนิ ผลการประเมนิ กิจกรรมพัฒนาผเู้ รียนรายภาค
ผา่ น หมายถงึ ผู้เรียนมีผลการประเมินระดับ “ผ่าน” ในกิจกรรมสาคัญท้ัง 3
ลักษณะ คือ กิจกรรมแนะแนว กิจกรรมนักเรียน และกิจกรรม
เพ่อื สังคมและสาธารณประโยชน์
ไม่ผา่ น หมายถึง ผู้เรียนมีผลการประเมินระดับ “ไม่ผ่าน” ในกิจกรรมสาคัญ
กิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่งจาก 3 ลักษณะคือ กิจกรรมแนะแนว
กิจกรรมนักเรยี น กจิ กรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์
2.3 เกณฑ์การตัดสนิ ผลการประเมนิ กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี นเพ่อื จบระดบั การศกึ ษา
ผา่ น หมายถงึ ผู้เรียนมีผลการประเมินระดับ “ผ่าน” ทุกชั้นปีในระดับ
การศึกษานั้น
ไมผ่ า่ น หมายถึง ผู้เรียนมีผลการประเมินระดับ “ไม่ผ่าน” บางช้ันปี ในระดับ
การศึกษานนั้

หลกั สตู รสถานศึกษา โรงเรียนคณะราษฎรบารงุ จงั หวดั ยะลา

ห น้ า | 397
กจิ กรรมแนะแนว
กิจกรรมแนะแนว เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมและพัฒนาความสามารถของนักเรียนให้เหมาะสมตามความ
แตกต่างระหว่าง บุคคล สามารถค้นพบและพัฒนาศักยภาพของตน เสริมสร้างทักษะชีวิต วุฒิภาวะทางอารมณ์
การเรียนรู้ ในเชิงพหุปัญญาและการสร้างสัมพันธภาพท่ีดี นอกจากนี้ยังเป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนรู้จัก
ตนเอง รู้จักสิ่งแวดล้อม สามารถคิดวิเคราะห์ ตัดสินใจ คิดแก้ปัญหา กาหนดเป้าหมาย วางแผนชีวิตท้ังด้านการ
เรียนและอาชีพ สามารถปรับตนได้อย่างเหมาะสม นอกจากน้ียังช่วยให้ครูรู้จักและเข้าใจผู้เรียน ท้ังยังเป็น
กิจกรรมท่ีช่วยเหลือและให้คาปรึกษาแก่ผู้ปกครองในการมีส่วนร่วมพัฒนาผู้เรียนด้วย โดยโรงเรียนจัดให้
นักเรียนทุกคนร่วมกิจกรรมแนะแนว 1 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ตลอดเวลา 3 ปี ทั้งชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นและช้ัน
มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย รวมกจิ กรรมแนะแนว 20 ชวั่ โมงต่อภาคเรยี น
กิจกรรมแนะแนวมีขอบข่ายของกจิ กรรม 3 ด้าน คอื
1.1 กิจกรรมแนะแนวด้านการศึกษา มุ่งให้ผู้เรียนได้พัฒนาตนเองในด้านการเรียนอย่างเต็มตาม
ศักยภาพ รู้จักแสวงหาและใช้ข้อมูลประกอบการวางแผนการเรียน การศึกษาต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ มี
เทคนิค วิธีการและทักษะการเรียนรู้ มีนิสัยใฝ่รู้ ใฝ่เรียน และสามารถวางแผนการเรียน การศึกษาต่อได้อย่าง
เหมาะสมกบั ตนเอง
1.2 กจิ กรรมแนะแนวดา้ นการงานและอาชีพ มุ่งให้ผู้เรียนได้รู้จักตนเองในทุกด้านรู้โลกของงานอาชีพ
อย่างหลากหลาย มเี จตคตทิ ดี่ แี ละทกั ษะพ้นื ฐานทจ่ี าเป็นในอาชพี มกี ารเตรียมตัวสอู่ าชีพ ตลอดจนมีการพัฒนา
งานอาชพี ตามทีต่ นเองถนดั และสนใจ
1.3 กิจกรรมด้านชีวิตและสังคม มุ่งให้ผู้เรียนรู้จักและเข้าใจตนเอง รักและเห็นคุณค่าในตนเองและ
ผู้อื่น มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ มีเจตคติที่ดีต่อการมีชีวิตที่ดีมีคุณภาพ มีทักษะในการดาเนินชีวิต และสามารถ
ปรบั ตวั ใหด้ ารงชวี ติ อยใู่ นสงั คมได้อย่างมคี วามสุข
แนวการจดั กจิ กรรมแนะแนว
1. สารวจสภาพปญั หา ความตอ้ งการ ความสนใจ และธรรมชาตขิ องผ้เู รียน
2. ศึกษาวิสยั ทศั น์ของสถานศึกษาและวิเคราะหข์ ้อมูลของผูเ้ รียนทีไ่ ดจ้ ากการสารวจ
3. กาหนดสดั สว่ นสาระของกิจกรรมในแต่ละด้าน
4. กาหนดแผนการปฏบิ ัติกจิ กรรมแนะแนว
5. การจัดทารายละเอียดของแต่ละกิจกรรม
6. ปฏิบัตติ ามแผน วัดและประเมินผล และสรปุ รายงาน
เกณฑ์การประเมิน
1. เวลาเข้ารว่ มกจิ กรรม ตลอดภาคเรยี นไม่นอ้ ยกวา่ ร้อยละ 80 ของเวลาทากจิ กรรมทงั้ หมด
2. การปฏบิ ตั ิกจิ กรรม
3. ผลงาน / ช้นิ งาน / คณุ ลักษณะของผเู้ รยี น

หลกั สตู รสถานศึกษา โรงเรียนคณะราษฎรบารงุ จังหวัดยะลา

ห น้ า | 398

ผลการประเมนิ
1. ปฏบิ ัตติ ามเกณฑก์ ารประเมินได้ผลผ่าน “ผ” ส่งผลการประเมิน
2. ไม่ปฏบิ ตั ิตามเกณฑ์การประเมนิ ได้ผลไม่ผ่าน “มผ” จดั กจิ กรรมซอ่ มเสรมิ

กจิ กรรมนักเรียน
กิจกรรมนักเรียน เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมและพัฒนานักเรียนให้มีระเบียบวินัย ความเป็นผู้นา ผู้
ตามท่ีดี ความรบั ผดิ ชอบ การทางานร่วมกนั การร้จู กั แก้ปัญหา การตดั สนิ ใจท่ีเหมาะสม ความมีเหตุผล การ
ช่วยเหลือแบ่งปัน เอื้ออาทรและสมานฉันท์ โดยจัดให้สอดคล้องกับความสามารถ ความถนัด และความ
สนใจของผู้เรียน ให้ผู้เรียนได้ปฏิบัติด้วยตนเองในทุกข้ันตอน ได้แก่ การศึกษาวิเคราะห์ วางแผน ปฏิบัติ
ตามแผน ประเมินและปรับปรุงการทางาน เน้นการทางานร่วมกันเป็นกลุ่มตามความเหมาะสมและ
สอดคล้องกับวฒุ ภิ าวะของผ้เู รยี น บรบิ ทของสถานศึกษาและท้องถ่ิน กจิ กรรมนกั เรียน ประกอบดว้ ย
กจิ กรรมลกู เสอื เนตรนารี ยุวกาชาด ผบู้ าเพญ็ ประโยชน์ และนักศึกษาวชิ าทหาร โรงเรียนจัดให้
นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาตอนต้นชายทุกคนเลือกกิจกรรมลูกเสือ และเปิดโอกาสให้นักเรียนช้ันมัธยมศึกษา
ตอนต้นหญิงเลือกกิจกรรมเนตรนารี ยุวกาชาด หรือผู้บาเพ็ญประโยชน์คนละ 1 กิจกรรม โดยต้องร่วม
กิจกรรมดังกล่าว 1 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ต่อเนื่องกันตลอดทั้ง 3 ปี รวม 20 ช่ัวโมงต่อภาคเรียน สาหรับ
กจิ กรรมนักศกึ ษาวชิ าทหารใหน้ กั เรยี นชน้ั มัธยมศึกษาตอนปลายทัง้ ชายและหญงิ สมัครเรียนตามความสนใจ
เวลาเรยี นเป็นไปตามทโ่ี รงเรยี นกาหนด
กิจกรรมชุมนุม เป็นกิจกรรมเพ่ือส่งเสริมศักยภาพนักเรียนที่สอดคล้องกับกลุ่มสาระการเรียนรู้ท้ัง
8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ ตามความสนใจของนักเรียน โรงเรียนจัดให้นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาตอนต้นและ
นกั เรียนช้ันมัธยมศึกษาตอนปลายเลอื กกิจกรรมชมุ นมุ ตามความสนใจคนละ 1 กจิ กรรมตลอดปีการศึก รวม
กจิ กรรมชมุ นุม 20 ช่วั โมงต่อภาคเรียน

แนวการจดั กิจกรรมลูกเสอื เนตรนารี
กิจกรรมลูกเสือเนตรนารี มีแนวทางการจัดกิจกรรมตามวิธีการลูกเสือ ซึ่งมีองค์ประกอบ 7

ประการ
1. คาปฏิญาณและกฎถือเป็นหลักเกณฑ์ท่ีลูกเสือทุกคนให้คาม่ันสัญญา ว่าจะปฏิบัติตามกฎของ
ลกู เสอื
2. เรียนรู้จากการกระทา เปน็ การพฒั นาส่วนบคุ คล ความสาเรจ็ หรอื ไม่สาเรจ็ ของผลงานอยู่ที่การ
กระทาของตนเอง
3. ระบบหมู่ เป็นรากฐานอันแท้จริงของลูกเสือเป็นพ้ืนฐานในการอยู่ร่วมกัน การยอมรับซึ่งกัน
และกัน การแบ่งหน้าท่ีความรับผิดชอบ การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เป็นการเรียนรู้การใช้
ประชาธิปไตยเบือ้ งต้น

หลกั สูตรสถานศกึ ษา โรงเรียนคณะราษฎรบารงุ จงั หวดั ยะลา

ห น้ า | 399
4. การใช้สัญลักษณ์ร่วมกัน ฝึกให้มีความเป็นหนึ่งเดียวในการเป็นสมาชิกลูกเสือ เนตรนารีด้วย

การใชส้ ัญลกั ษณร์ ว่ มกัน ได้แก่ เคร่ืองแบบ เคร่ืองหมาย การทาความเคารพ รหัส คาปฏิญาณ
กฎ คติพจน์ คาขวัญ ธง เป็นตน้
5. การศึกษาธรรมชาติ คือสิง่ สาคัญอนั ดับหนงึ่ ในกิจกรรมลูกเสือ ธรรมชาติอันโปร่งใสตามชนบท
ปา่ เขา ป่าละเมาะ และพุ่มไม้ เป็นท่ีปรารถนาอยา่ งยงิ่ ในการไปทากจิ กรรม กับธรรมชาติ
6. ความก้าวหน้าในการเข้าร่วมกิจกรรม กิจกรรมต่าง ๆ ท่ีจัดให้เด็กทาต้องให้มีความก้าวหน้า
และดึงดูดใจ สร้างให้เกิดความกระตือรือร้น อยากท่ีจะทาและวัตถุประสงค์ในการจัดแต่ละ
อย่างใหส้ ัมพันธ์กับความหลากหลายในการพัฒนาตนเอง
7. การสนับสนุนโดยผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่เป็นผู้ช้ีแนะทางที่ถูกต้องให้แก่เด็กเพ่ือให้เขาเกิดความมั่นใจใน
การทจี่ ะตดั สินใจกระทาสิง่ ใดลงไป

แนวการจัดกจิ กรรมยุวกาชาด
การจัดกิจกรรมยุวกาชาดประกอบด้วย 4 กลุม่ กจิ กรรม คือ
1. กลุม่ กิจกรรมกาชาดและยุวกาชาด เป็นกิจกรรมเพื่อส่งเสริมให้สมาชิกยุวกาชาดมีความรู้ ความ

เขา้ ใจในหลักการและอุดมการณ์ของกาชาด มีศรัทธาในการเข้าร่วมกิจกรรมด้วยความเสียสละ เป็นคนดี มี
คณุ ธรรม ชว่ ยสร้างสรรค์สังคม ประกอบด้วยสาระที่เกย่ี วข้องกบั เร่อื ง

1.1 กาชาดสากล
1.2 สภากาชาดไทย
1.3 ยวุ กาชาด
2. กลมุ่ กิจกรรมสขุ ภาพ เป็นกิจกรรมใหส้ มาชกิ ยวุ กาชาดไดศ้ ึกษาและฝึกฝนทักษะการป้องกันชีวิต
และสุขภาพ การเสริมสร้างสมรรถภาพ มีความรู้และทักษะในการรักษาอนามัยของตนเองและส่งเสริม
อนามัยของผอู้ ืน่ ประกอบด้วยสาระเก่ียวกบั เร่อื ง
2.1 สุขภาพ
2.2 การปอ้ งกนั ชีวิตและสขุ ภาพ
3. กลุ่มกิจกรรมสัมพันธภาพและความเข้าใจอันดีเป็นการจัดกิจกรรมให้สมาชิกยุวกาชาดได้รู้จัก
ตนเอง มีระเบียบวินัย มีบุคลิกภาพท่ีดี รู้จักการปรับตัวเข้ากับผู้อื่นและสังคมได้ดี มีความสามัคคี มี
สมั พนั ธภาพและความเข้าใจอนั ดีกบั บคุ คลทัว่ ไป ประกอบดว้ ยสาระที่เก่ียวกบั เรื่อง
3.1 ความสามคั คแี ละความพร้อมเพรยี ง
3.2 ความมีระเบยี บวนิ ัย
3.3 สมั พนั ธภาพและความเข้าใจอันดี
4 .กล่มุ กจิ กรรมบาเพ็ญประโยชน์ เปน็ การจัดกจิ กรรมเพ่ือส่งเสริมและสนับสนุนให้สมาชิกยุวกาชาด
ปฏิบัติตนเพื่อสนองต่ออุดมการณ์และวัตถุประสงค์ของยุวกาชาด มีความภาคภูมิใจใน วัฒนธรรม

หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรยี นคณะราษฎรบารงุ จงั หวัดยะลา

ห น้ า | 400

ขนบธรรมเนียมประเพณีและมรดกของชาติ พร้อมที่จะอนุรักษ์สภาพแวดล้อมและธรรมชาติ ประกอบด้วย
สาระทีเ่ กี่ยวกับเรื่อง

4.1 การบาเพญ็ ประโยชน์
4.2 การอนรุ ักษ์ธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดล้อม

แนวการจัดกิจกรรมผูบ้ าเพ็ญประโยชน์
กจิ กรรมผ้บู าเพ็ญประโยชน์ มีแนวทางในการจัดกิจกรรมเฉพาะ 9 ข้อ ดังน้ี
1. ให้ยึดม่ันและปฏิบัติตามคาปฏิญาณและกฎของกิจกรรมผู้บาเพ็ญประโยชน์ วิธีการนี้จะช่วย
สร้างอุปนิสัยที่ดี มีคุณธรรมจริยธรรม ค่านิยมท่ีพึงประสงค์ และตระหนักให้หน้าท่ีของตนต่อ
ชมุ ชนและประเทศชาติ
2. ระบบหมู่ ฝึกการทางานร่วมกันเป็นทีม ที่เรียกว่าระบบหมู่ โยให้ทางานร่วมกันเป็นหมู่เล็ก ๆ
6-8 คน ฝึกความเป็นผนู้ าผูต้ ามในการปกครองตนเอง เพ่ือพัฒนาประชาธปิ ไตย
3. เรียนรูด้ ว้ ยการปฏบิ ัตจิ ริง วิธีการนี้จะชว่ ยใหผ้ ูเ้ รยี นได้รถู้ ึงความสนใจ ความสามารถ และความ
ต้องการของตน
4. ฝึกพัฒนาตนเองให้ก้าวหน้า ให้มีการปรับปรุงเปล่ียนแปลงตัวเอง รู้จักสร้างโอกาสในการ
กระทาสงิ่ ใหม่ๆทที่ ้าทายความสามารถดว้ ยตนเอง
5. ให้มีความรว่ มมืออย่างจริงจังระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่ เป็นการร่วมมือด้านความคิด การวางแผน
การตดั สนิ ใจ การดาเนินกจิ กรรม และการประเมินผลร่วมกนั
6. การใชส้ ัญลกั ษณ์รว่ มกนั ฝกึ ให้มคี วามเปน็ หนง่ึ เดยี วในการเป็นสมาชิกผู้บาเพ็ญประโยชน์ ด้วย
การใช้สญั ลกั ษณ์รว่ มกนั ไดแ้ ก่ เครอื่ งแบบ เครอ่ื งหมาย การทาความเคารพ รหัส คาปฏิญาณ
กฎ คติพจน์ คาขวญั ธง เป็นต้น
7. กิจกรรมกลางแจ้ง ฝึกการใช้ชีวิตร่วมกับผู้อ่ืนและฝึกการเตรียมพร้อมเสมอ ด้วยการใช้
กิจกรรมกลางแจง้ และการอยู่คา่ ยพกั แรม จะชว่ ยใหผ้ ูเ้ รยี นมคี วามพรอ้ มในการดาเนินชีวติ
8. ฝกึ ให้บาเพ็ญประโยชนต์ ่อชมุ ชน วธิ ีการน้ีจะทาให้ผู้เรียนได้ฝึกนิสัยการบาเพ็ญประโยชน์ และ
มคี วามรับผิดชอบในการช่วยเหลือผู้อ่ืน และชมุ ชน
9. เรยี นรเู้ ก่ียวกบั นานาชาติ ทง้ั ด้านวัฒนธรรม ศาสนา และวิถีชีวิตเพ่ือยอมรับความแตกต่างของ
บคุ คลในชาตแิ ละสังคมโลก ลดความขดั แยง้ รจู้ ักพึ่งพาและสรา้ งสันติสุขในโลก

แนวการจดั กจิ กรรมชุมนุม
กิจกรรมชุมนุมเป็นกิจกรรมท่ีผู้เรียนรวมกลุ่มกันจัดข้ึนตามความสามารถ ความถนัด และความ

สนใจของผู้เรียน เพื่อเติมเต็มความรู้ ความชานาญ ประสบการณ์ ทักษะ เจตคติ เพ่ือพัฒนาตนเองตาม
ศักยภาพ

เกณฑก์ ารประเมิน
1. เวลาเข้าร่วมกิจกรรม ตลอดภาคเรยี นไม่นอ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 80 ของเวลาทากจิ กรรมทั้งหมด

หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรยี นคณะราษฎรบารงุ จงั หวดั ยะลา

ห น้ า | 401

2. การปฏิบตั กิ จิ กรรม
3. ผลงาน / ชน้ิ งาน / คณุ ลกั ษณะของผู้เรียน
ผลการประเมิน
1. ปฏบิ ตั ติ ามเกณฑ์การประเมินไดผ้ ลผ่าน “ผ” สง่ ผลการประเมนิ
2. ไม่ปฏิบตั ิตามเกณฑก์ ารประเมนิ ไดผ้ ลไมผ่ ่าน “มผ” จดั กจิ กรรมซอ่ มเสริม

กจิ กรรมเพอื่ สังคมและสาธารณประโยชน์
กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ เป็นกิจกรรมท่ีส่งเสริมให้ผู้เรียนบาเพ็ญตนให้เป็น
ประโยชน์ต่อสังคม ชุมชน และท้องถ่ินตามความสนใจในลักษณะอาสาสมัคร เพ่ือแสดงถึงความรับผิดชอบ
ความดีงาม ความเสียสละต่อสังคม และการมีจิตสาธารณะ เช่น กิจกรรมอาสาพัฒนาต่าง ๆ กิจกรรม
สร้างสรรค์สังคม โดยนักเรียนทุกคนต้องเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ระดับช้ัน
มธั ยมศึกษาตอนต้น รวม 3 ปี จานวน 45 ชวั่ โมง และระดับช้นั มธั ยมศึกษาตอนปลาย รวม 3 ปี จานวน 60
ชว่ั โมง
แนวการจัดกิจกรรมเพอื่ สงั คมและสาธารณประโยชน์
1. จัดกิจกรรมในลกั ษณะบูรณาการใน 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ และประสบการณ์ของผู้เรียนรู้เอง

โดยผเู้ รยี นสามารถจดั กิจกรรมตามองค์ความรู้ทีไ่ ดจ้ ากการเรียนรู้และประสบการณ์ซึ่งสามารถ
จัดกจิ กรรมได้ท้ังภายในและภายนอกโรงเรยี น
2. จัดกิจกรรมในลักษณะโครงการ โครงงาน หรือกิจกรรมท่ีผู้เรียนนาเสนอการจัดกิจกรรมต่อ
โรงเรียนเพื่อขอความเห็นชอบในการจัดทาโครงการ โครงงาน หรือกิจกรรมซึ่งกาหนด
ระยะเวลาชดั เจนสามารถจดั กจิ กรรมไดท้ ัง้ ภายในและภายนอกโรงเรยี น
3. จัดกิจกรรมร่วมกับองค์กรอื่น หมายถึงกิจกรรมที่ผู้เรียนอาสาสมัครเข้าร่วมกิจกรรมกับ
หน่วยงานหรือองค์กรอ่ืนๆ ที่จัดกิจกรรมในลักษณะเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์โดย
ผู้เรียนสามารถเลือดเข้าร่วมกิจกรรมร่วมกับหน่วยงานอื่นท่ีเข้ามาจัดกิจกรรมท้ังในและนอก
โรงเรยี น
เกณฑ์การประเมนิ
1. เวลาเขา้ ร่วมกจิ กรรม ตลอดภาคเรยี นไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของเวลาทากจิ กรรมท้งั หมด
2. การปฏบิ ตั ิกจิ กรรม
3. ผลงาน / ชิ้นงาน / คณุ ลกั ษณะของผเู้ รียน
ผลการประเมนิ
1. ปฏิบตั ิตามเกณฑ์การประเมินได้ผลผา่ น “ผ” สง่ ผลการประเมนิ
2. ไม่ปฏิบตั ติ ามเกณฑ์การประเมินไดผ้ ลไมผ่ า่ น “มผ” จัดกจิ กรรมซอ่ มเสริม

หลกั สตู รสถานศกึ ษา โรงเรียนคณะราษฎรบารงุ จังหวดั ยะลา

ห น้ า | 402

ส่วนท่ี 5
เกณฑ์การจบการศกึ ษา

หลกั สตู รสถานศึกษา โรงเรียนคณะราษฎรบารุง จังหวัดยะลา

ห น้ า | 403

เกณฑก์ ารจบการศกึ ษา

เกณฑก์ ารจบการศึกษาหลักสูตรภาคบงั คบั ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย

โรงเรียนได้กาหนดเกณฑ์การจบการศึกษาหลักสูตรภาคบังคับ ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ซึ่ง
สอดคล้องกบั หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพนื้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 ดงั น้ี

1) ผเู้ รยี นเรียนรายวิชาพื้นฐานและเพ่ิมเติม ไม่น้อยกว่า 77 หน่วยกิต โดยเป็นรายวิชาพื้นฐาน 41
หน่วยกติ และรายวชิ าเพิม่ เติมไมน่ ้อยกวา่ 36 หนว่ ยกติ

2) ผู้เรียนต้องได้หน่วยกิตตลอดหลักสูตรไม่น้อยกว่า 77 หน่วยกิต โดยเป็นรายวิชาพ้ืนฐาน 41
หน่วยกิต และรายวิชาเพม่ิ เติมไม่น้อยกวา่ 36 หนว่ ยกติ

3) ผู้เรียนต้องมีผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน ในระดับ “ดีเยี่ยม” “ดี” หรือ
“ผา่ น”

4) ผู้เรยี นตอ้ งมผี ลการประเมินคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ในระดับ “ดเี ยยี่ ม” “ด”ี หรอื “ผา่ น”
5) ผเู้ รียนต้องเข้ารว่ มกิจกรรมพฒั นาผ้เู รียน และไดร้ บั การตัดสนิ ผลการเรียน “ผ่าน” ทกุ กจิ กรรม

หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนคณะราษฎรบารงุ จังหวัดยะลา


Click to View FlipBook Version