ห น้ า | 96
คาอธบิ ายรายวชิ า คณิตศาสตรเ์ พิม่ เตมิ 2 รหัสวชิ า ค31202
รายวชิ าเพม่ิ เตมิ กลมุ่ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์
ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 4 ภาคเรยี นที่ 2
เวลาเรียน 80 ชวั่ โมง ( 4 คาบ / สปั ดาห์ ) จานวน 2.0 หนว่ ยกติ
ศึกษา ฝกึ ทกั ษะการคิดคานวณ และฝกึ การแก้ปญั หาในสาระตอ่ ไปน้ี
ความสัมพันธ์และฟังกช์ นั การใชฟ้ งั กช์ ันในชวี ิตจรงิ กราฟของฟังก์ชัน การดาเนินการของฟังก์ชัน
ฟังก์ชันประกอบ และฟงั กช์ ันผกผนั
เมทริกซ์ ดีเทอร์มแิ นนตข์ องเมทรกิ ซ์ขนาด 2x2 และ 3x3 เมทรกิ ซผ์ กผนั การหาคาตอบของระบบ
สมการเชงิ เส้น
เรขาคณติ วิเคราะห์ ความรูเ้ บื้องต้นเก่ยี วกบั เรขาคณติ วเิ คราะห์ ไดแ้ ก่ ระยะทางระหว่างจุดสองจุด
จุดก่ึงกลางของส่วนของเส้นตรง ความชันของเส้นตรง เส้นขนาน เส้นต้ังฉาก ความสัมพันธ์ซึ่งมีกราฟเป็น
เส้นตรง และระยะห่างระหว่างเส้นตรงกับจุด ภาคตัดกรวย ได้แก่ วงกลม วงรี พาราโบลา ไฮเพอร์โบลา
และการเลอื่ นขนาน
โดยการจัดประสบการณ์หรือสร้างสถานการณ์ในชีวิตประจาวันท่ีใกล้ตัวให้ผู้เรียนได้ศึกษาค้นคว้า
โดยการปฏิบัติจริง ทดลอง สรุป รายงาน เพ่ือพัฒนาทักษะ / กระบวนการในการคิดคานวณ การ
แก้ปญั หา การให้เหตผุ ล การสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์ และนาประสบการณ์ด้านความรู้ ความคิด
ทักษะกระบวนการที่ได้ไปใช้ในการเรียนรู้ส่ิงต่าง ๆ และใช้ในชีวิตประจาวันอย่างสร้างสรรค์ รวมทั้งเห็น
คุณค่าและมีเจตคตทิ ่ดี ตี ่อคณติ ศาสตร์ สามารถทางานอย่างเป็นระบบ ระเบียบ มีความรอบคอบ มีความ
รบั ผิดชอบ มีวิจารญาณ และมคี วามเชื่อมั่นในตนเอง
การวัดและประเมนิ ผล ใชว้ ธิ กี ารทหี่ ลากหลายตามสภาพความเปน็ จริงให้สอดคล้องกับเน้ือหาและ
ทักษะที่ตอ้ งการวัด
ผลการเรียนรู้
1. หาผลลัพธข์ องการบวก การลบ การคูณ การหารฟงั กช์ นั หาฟงั ก์ชันประกอบและฟังกช์ ันผกผนั ได้
2. ใช้สมบัตขิ องฟังกช์ นั ในการแก้ปัญหาได้
3. เข้าใจความหมาย หาผลลัพธ์ของ การบวกเมทริกซ์ การคูณเมทริกซ์กับ จานวนจริง การคูณ
ระหวา่ งเมทรกิ ซ์ และหาเมทริกซส์ ลบั เปลยี่ น หาดเี ทอร์มิแนนตข์ องเมทริกซ์ n x n เม่ือ n เป็นจานวนนับท่ี
ไม่เกนิ สาม
4. หาเมทรกิ ซผ์ กผนั ของเมทรกิ ซ์ 2x2
5. แก้ระบบสมการเชิงเส้นโดยใช้เมทรกิ ซผ์ กผนั และการดาเนนิ การตามแถว
6. เข้าใจและใชค้ วามร้เู ก่ียวกับเรขาคณิตวิเคราะหใ์ นการแกป้ ญั หา
รวม 6 ผลการเรียนรู้
หลกั สตู รสถานศกึ ษา โรงเรียนคณะราษฎรบารงุ จังหวดั ยะลา
ห น้ า | 97
คาอธบิ ายรายวิชา คณิตศาสตร์เสรมิ 1 รหสั วชิ า ค31203
รายวชิ าเพิ่มเติม กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์
ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 ภาคเรียนที่ 1
เวลาเรียน 20 ช่วั โมง ( 1 คาบ / สปั ดาห์ ) จานวน 0.5 หนว่ ยกิต
ศกึ ษา ฝึกทกั ษะการคดิ คานวณ และฝึกการแก้ปัญหาในสาระต่อไปน้ี
ตรรกศาสตร์เบือ้ งตน้ ประพจน์ การหาค่าความจริงของประพจน์ การสรา้ งตารางคา่ ความจรงิ รูปแบบของ
ประพจนท์ ี่สมมลู กัน สัจนิรันดร์ การอ้างเหตุผล ประโยคเปิด ตัวบ่งปริมาณ ค่าความจริงของประโยคที่มีตัวบ่ง
ปริมาณตัวเดียว สมมูลและนิเสธของประโยคท่มี ตี วั บ่งปรมิ าณ และคา่ ความจริงของประโยคท่ีมีตวั บง่ ปรมิ าณสอง
ตัว
ระบบจานวนจริงจานวนจริง สมบัติของระบบจานวนจริง การแก้สมการพหุนามตัวแปรเดียว สมบัติ
การไม่เท่ากนั ชว่ งและการแกส้ มการ ค่าสัมบูรณ์ การแก้สมการและอสมการในรูปค่าสมั บูรณ์
ทฤษฎีจานวน การหารลงตัว ขั้นตอนวิธกี ารหาร ตวั หารร่วมมาก และตวั คูณร่วมนอ้ ย
โดยการจัดประสบการณ์หรอื สรา้ งสถานการณใ์ นชีวิตประจาวันท่ใี กลต้ ัวใหผ้ เู้ รียนได้ศกึ ษาคน้ คว้าโดยการ
ปฏิบัติจริง ทดลอง สรุป รายงาน เพื่อพัฒนาทักษะ / กระบวนการในการคิดคานวณ การแก้ปัญหา การให้
เหตผุ ล การสือ่ ความหมายทางคณิตศาสตร์ และนาประสบการณ์ดา้ นความรู้ ความคดิ ทกั ษะกระบวนการท่ีได้ไป
ใช้ในการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ และใช้ในชีวิตประจาวันอย่างสร้างสรรค์ รวมท้ังเห็นคุณค่าและมีเจตคติที่ดีต่อ
คณิตศาสตร์ สามารถทางานอย่างเป็นระบบ ระเบียบ มคี วามรอบคอบ มีความรับผิดชอบ มีวิจารญาณ และมี
ความเชือ่ ม่ันในตนเอง
การวัดและประเมนิ ผล ใชว้ ิธีการท่ีหลากหลายตามสภาพความเป็นจริงใหส้ อดคล้องกับเนื้อหาและทักษะ
ท่ตี ้องการวดั
ผลการเรียนรู้
1. หาค่าความจริงของประพจน์ และรูปแบบของประพจน์ท่ีสมมูลกัน รูปแบบของประพจน์ที่ เป็นสัจนิ
รนั ดร์ และนเิ สธของประพจน์
2. รปู แบบที่สมมูลและนิเสธประโยคที่มตี วั บง่ ปรมิ าณ และหาค่าความจรงิ ของประพจน์ท่มี ตี ัวบง่ ปรมิ าณได้
3. บอกไดว้ ่าการอา้ งเหตผุ ลที่กาหนดใหส้ มเหตุสมผลหรือไม่
4. มคี วามคดิ รวบยอดเกี่ยวกบั ระบบจานวนจริง
5. นาสมบัตติ ่าง ๆ เกย่ี วกับจานวนจรงิ และการดาเนนิ การไปใชไ้ ด้
6. แกส้ มการพหุนามตวั แปรเดยี วดกี รีไม่เกนิ สี่ได้
7. แก้สมการและอสมการในรปู คา่ สมั บูรณ์ได้
8. เขา้ ใจสมบัติของจานวนเตม็ และนาสมบัตขิ องจานวนเตม็ ไปใช้ในการให้เหตุผลเกย่ี วกบั การหารลงลงตัว
รวม 8 ผลการเรยี นรู้
หลกั สูตรสถานศึกษา โรงเรียนคณะราษฎรบารุง จงั หวัดยะลา
ห น้ า | 98
คาอธบิ ายรายวิชา คณิตศาสตร์เสริม 2 รหสั วิชา ค31204
รายวิชาเพ่มิ เตมิ กลุ่มสาระการเรียนร้คู ณติ ศาสตร์
ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 4 ภาคเรยี นท่ี 2
เวลาเรยี น 20 ชว่ั โมง ( 1 คาบ / สัปดาห์ ) จานวน 0.5 หน่วยกติ
ศกึ ษา ฝึกทักษะการคดิ คานวณ และฝึกการแก้ปัญหาในสาระตอ่ ไปนี้
ระบบสมการเชงิ เสน้ และเมทรกิ ซ์ ระบบสมการเชิงเสน้ เมทรกิ ซ์ ตวั ผกผันการคูณของเมทริกซ์ การหาตัว
ผกผันการคณู ของเมทริกซ์ และการใชเ้ มทริกซแ์ กร้ ะบบสมการเชงิ เสน้
ฟังก์ชัน ความสัมพันธ์ ผลคูณคาร์ทีเซียน ความสัมพันธ์ โดเมนและเรนจ์ของความสัมพันธ์ ตัวผกผันของ
ความสมั พันธ์ ฟงั ก์ชนั ความหมายและการดาเนินการของฟงั กช์ นั ฟังก์ชนั ผกผัน และเทคนิคการเขยี นกราฟ
เรขาคณิตวิเคราะห์ ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเรขาคณิตวิเคราะห์ ระยะทางระหว่างจุดสองจุด จุดกึ่งกลาง
ระหว่างจุดสองจุด ความชันของเส้นตรง เส้นขนาน เส้นตั้งฉาก ความสัมพันธ์ซึ่งมีกราฟเป็นเส้นตรง ระยะห่าง
ระหว่างเสน้ ตรงกบั จุด ภาคตัดกรวย วงกลม วงรี พาราโบลา ไฮเพอร์โบลา และการเลอ่ื นขนาน
โดยการจัดประสบการณ์หรือสร้างสถานการณ์ในชีวิตประจาวันท่ีใกล้ตัวให้ผู้เรียนได้ศึกษาค้นคว้าโดยการ
ปฏิบตั จิ ริง ทดลอง สรปุ รายงาน เพอื่ พฒั นาทักษะ / กระบวนการในการคิดคานวณ การแก้ปัญหา การให้เหตุผล
การส่ือความหมายทางคณิตศาสตร์ และนาประสบการณ์ด้านความรู้ ความคิดทักษะกระบวนการที่ได้ไปใช้ในการ
เรียนรสู้ ง่ิ ต่าง ๆ และใช้ในชวี ิตประจาวันอย่างสรา้ งสรรค์ รวมท้งั เห็นคุณคา่ และมีเจตคติทด่ี ีต่อคณิตศาสตร์ สามารถ
ทางานอย่างเป็นระบบ ระเบยี บ มีความรอบคอบ มีความรบั ผดิ ชอบ มีวิจารญาณ และมคี วามเช่อื มัน่ ในตนเอง
การวัดและประเมินผล ใช้วิธีการที่หลากหลายตามสภาพความเป็นจริงให้สอดคล้องกับเน้ือหาและทักษะท่ี
ตอ้ งการวัด
ผลการเรยี นรู้
1. มีความคดิ รวบยอดเกี่ยวกบั เมทริกซ์และการดาเนินการของเมทริกซ์
2. หาดเี ทอรม์ แิ นนตข์ องเมทรกิ ซ์ nxn เม่ือ n เปน็ จานวนเตม็ ไม่เกนิ ส่ไี ด้
3. วิเคราะห์และหาคาตอบของระบบสมการเชิงเสน้
4. หาระยะทางระหวา่ งจดุ สองจดุ จุดก่งึ กลาง ระยะระหว่างเส้นตรงกบั จดุ
5. หาความชนั ของเสน้ ตรง สมการเส้นตรง เส้นขนาน เส้นต้ังฉาก และนาไปใช้ในการแกป้ ญั หาได้
6. เขยี นความสมั พันธท์ ่มี ีกราฟเปน็ ภาคตัดกรวย เมอื่ กาหนดส่วนต่าง ๆ ของภาคตัดกรวยให้และเขียนกราฟ
ของความสมั พันธ์นนั้ ได้
7. นาความรู้เรอ่ื งการเล่ือนแกนทางขนานไปใช้ในการเขยี นกราฟได้
8. นาความรเู้ รอื่ งเรขาคณิตวเิ คราะห์ไปใชใ้ นการแก้ปญั หาได้
9. มคี วามคดิ รวบยอดเก่ยี วกับฟงั กช์ นั เขียนกราฟของฟังกช์ นั และสร้างฟังกช์ นั จากโจทย์ ปัญหาที่กาหนดให้
10. นาความร้เู รือ่ งฟงั ก์ชันไปใช้แก้ปญั หาได้
รวม 10 ผลการเรยี นรู้
หลกั สูตรสถานศึกษา โรงเรียนคณะราษฎรบารงุ จังหวัดยะลา
ห น้ า | 99
คาอธบิ ายรายวิชา การแก้ปัญหาทางพีชคณิต รหัสวชิ า ค31205
รายวชิ าเพมิ่ เติม กลุ่มสาระการเรียนรคู้ ณติ ศาสตร์
ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 ภาคเรียนท่ี 1
เวลาเรียน 20 ชัว่ โมง ( 1 คาบ / สัปดาห์ ) จานวน 0.5 หน่วยกติ
ศึกษา ฝกึ ทกั ษะการคิดคานวณ และฝึกการแก้ปญั หาในสาระตอ่ ไปนี้
มโนคติเบื้องต้นทางพีชคณิต สมการและสมการสมมูล เอกลักษณ์พีชคณิต ความสมมาตรเชิง
พีชคณิต พหุนามและสมการพหุนาม พหุนามตัวแปรเดียว พหุนามกาลังสอง พหุนามกาลังสาม พหุนาม
กาลังสบ่ี างรปู แบบ พหุนามสว่ นกลบั เพื่อพัฒนาศักยภาพของผู้เรียนให้มีความรู้ ความเข้าใจ มีทักษะในการ
พิสูจน์ การใช้ภาษาทางคณิตศาสตร์ และสามารถนาความรู้นั้นไปประยุกต์ได้ในเนื้อหาเก่ียวกับมโนคติ
เบื้องต้นทางพีชคณิต พหุนามและสมการพหุนาม เห็นคุณค่าและเจตคติที่ดีต่อวิชาคณิตศาสตร์สามารถ
ทางานเปน็ ระบบ มคี วามรอบคอบมวี จิ ารณญาณและเช่ือมน่ั ในตนเอง
โดยการจัดประสบการณ์หรือสร้างสถานการณ์ในชีวิตประจาวันที่ใกล้ตัวให้ผู้เรียนได้ศึกษาค้นคว้า
โดยการปฏิบัติจริง ทดลอง สรุป รายงาน เพ่ือพัฒนาทักษะ / กระบวนการในการคิดคานวณ การ
แก้ปัญหา การให้เหตุผล การสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์ และนาประสบการณ์ด้านความรู้ ความคิด
ทักษะกระบวนการท่ีได้ไปใช้ในการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ และใช้ในชีวิตประจาวันอย่างสร้างสรรค์ รวมทั้งเห็น
คณุ คา่ และมีเจตคตทิ ด่ี ตี ่อคณิตศาสตร์ สามารถทางานอย่างเป็นระบบ ระเบียบ มีความรอบคอบ มีความ
รับผิดชอบ มวี จิ ารญาณ และมคี วามเชอื่ ม่นั ในตนเอง
การวดั และประเมนิ ผล ใช้วิธกี ารทห่ี ลากหลายตามสภาพความเปน็ จริงให้สอดคล้องกับเน้ือหาและ
ทกั ษะที่ต้องการวดั
ผลการเรยี นรู้
1. มีความคิดรวบยอดเกีย่ วกับพีชคณิต
2. พิสูจนเ์ อกลกั ษณ์พีชคณติ ได้
3. นาสมบัติต่าง ๆ เก่ยี วกับพีชคณติ ไปใช้แกส้ มการพหุนามได้
รวม 3 ผลการเรยี นรู้
หลกั สูตรสถานศึกษา โรงเรยี นคณะราษฎรบารุง จงั หวดั ยะลา
ห น้ า | 100
คาอธบิ ายรายวชิ า คณติ ศาสตร์เพ่ิมเตมิ 3 รหสั วิชา ค32201
รายวชิ าเพมิ่ เตมิ กล่มุ สาระการเรียนรคู้ ณติ ศาสตร์
ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 5 ภาคเรยี นที่ 1
เวลาเรียน 80 ช่ัวโมง ( 4 คาบ / สปั ดาห์ ) จานวน 2.0 หน่วยกติ
ศกึ ษา ฝึกทกั ษะการคดิ คานวณ และฝึกการแกป้ ัญหาในสาระตอ่ ไปน้ี
ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม เลขยกกาลัง ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียล ฟังก์ชัน
ลอการิทมึ การหาค่าลอการทิ มึ การเปลีย่ นฐานของลอการิทึม สมการและอสมการลอการิทึม การประยุกต์
ของฟังก์ชันเอกซโ์ พเนนเชยี ลและฟงั กช์ นั ลอการิทึม
ฟงั กช์ นั ตรีโกณมิติ ฟังก์ชันไซน์และโคน์ ฟังก์ชันตรีโกณมิติอื่น ๆ ฟังก์ชันตรีโกณมิติของมุม กราฟ
ของฟงั กช์ นั ตรโี กณมิติ ฟังก์ชันตรโี กณมติ ขิ องผลบกและผลตา่ งของจานวนจริงหรือมุม ตัวผกผันของฟังก์ชัน
ตรโี กณมติ ิ เอกลกั ษณแ์ ละสมการตรโี กณมติ ิ กฎของโคไซนแ์ ละกฎของไซน์ การหาระยะทางและความสงู
โดยการจัดประสบการณ์หรือสร้างสถานการณ์ในชีวิตประจาวันที่ใกล้ตัวให้ผู้เรียนได้ศึกษาค้นคว้า
โดยการปฏิบัติจริง ทดลอง สรุป รายงาน เพ่ือพัฒนาทักษะ / กระบวนการในการคิดคานวณ การ
แก้ปัญหา การให้เหตผุ ล การส่ือความหมายทางคณิตศาสตร์ และนาประสบการณ์ด้านความรู้ ความคิด
ทักษะกระบวนการท่ีได้ไปใช้ในการเรียนรู้ส่ิงต่าง ๆ และใช้ในชีวิตประจาวันอย่างสร้างสรรค์ รวมท้ังเห็น
คุณคา่ และมเี จตคติที่ดตี อ่ คณติ ศาสตร์ สามารถทางานอย่างเป็นระบบ ระเบียบ มีความรอบคอบ มีความ
รับผิดชอบ มีวิจารญาณ และมีความเชื่อมั่นในตนเอง
การวดั และประเมินผล ใช้วธิ กี ารทีห่ ลากหลายตามสภาพความเปน็ จรงิ ให้สอดคล้องกับเนื้อหาและ
ทักษะที่ตอ้ งการวัด
ผลการเรยี นรู้
1. เข้าใจลักษณะกราฟของฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึมและนาไปใช้ในการ
แก้ปัญหาได้
2. แกส้ มการเอกซโ์ พเนนเชียลและสมการลอการทิ ึมและนาไปใชใ้ นการแกป้ ญั หาได้
3. เขา้ ใจฟังกช์ นั ตรโี กณมติ ิและลักษณะการของฟังก์ชันตรโี กณมติ ิและนาไปใช้ในการแก้ปัญหา
4. แก้สมการตรีโกณมติ ิ และนาไปใชใ้ นการแกป้ ัญหา
5. ใช้กฎของโคไซน์ และโคไซนใ์ นการแก้ปญั หา
รวม 5 ผลการเรียนรู้
หลักสูตรสถานศกึ ษา โรงเรยี นคณะราษฎรบารงุ จงั หวดั ยะลา
ห น้ า | 101
คาอธบิ ายรายวิชา คณติ ศาสตร์เพม่ิ เตมิ 4 รหสั วชิ า ค32202
รายวิชาเพมิ่ เติม กลุม่ สาระการเรียนรคู้ ณติ ศาสตร์
ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5 ภาคเรยี นที่ 2
เวลาเรียน 80 ชัว่ โมง ( 4 คาบ / สปั ดาห์ ) จานวน 2.0 หนว่ ยกิต
ศกึ ษา ฝกึ ทักษะการคิดคานวณ และฝึกการแก้ปญั หาในสาระต่อไปน้ี
เวกเตอร์ เวกเตอร์และสมบัติของเวกเตอร์ ระบบพิกัดฉากสามมิติ เวกเตอรใ์ นระบบพกิ ดั ฉาก ผลคณู เชงิ ส
เกลาร์ และผลคูณเชิงเวกเตอร์
จานวนเชงิ ซ้อน จานวนเชิงซ้อนและสมบตั ิเชิงพีชคณติ ของจานวนเชงิ ซ้อน รากทส่ี องของจานวนเชงิ ซอ้ น
กราฟและค่าสัมบูรณ์ของจานวนเชิงซ้อน รูปเชิงข้ัวของจานวนเชิงซ้อน รากที่ n ของจานวนเชิงซ้อน เมื่อ n เป็น
จานวนนับทีม่ ากกวา่ 1 และสมการพหุนามตวั แปรเดียว
หลกั การนบั เบ้อื งตน้ หลักการบวกและหลักการคูณ การเรียงสับเปลี่ยนเชิงเส้นของส่ิงของที่แตกต่างกัน
ท้ังหมด การเรียงสับเปลี่ยนเชิงเส้นของสิ่งของที่ไม่แตกต่างกันท้ังหมด การเรียงสับเปล่ียนเชิงวงกลมของส่ิงของ
แตกต่างกันทั้งหมด การจดั หมู่ของส่ิงของแตกตา่ งกนั ทั้งหมด และทฤษฎบี ททวินาม
ความน่าจะเป็น การทดลองสุ่มและเหตุการณ์ ความน่าจะเป็น กฎท่ีสาคัญบางประการของความน่าจะ
เป็น
โดยการจัดประสบการณห์ รือสรา้ งสถานการณ์ในชวี ิตประจาวนั ที่ใกล้ตวั ให้ผู้เรียนไดศ้ กึ ษาค้นคว้าโดยการ
ปฏิบัติจริง ทดลอง สรุป รายงาน เพ่ือพัฒนาทักษะ / กระบวนการในการคิดคานวณ การแก้ปัญหา การให้
เหตุผล การส่ือความหมายทางคณติ ศาสตร์ และนาประสบการณ์ด้านความรู้ ความคดิ ทกั ษะกระบวนการที่ได้ไป
ใช้ในการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ และใช้ในชีวิตประจาวันอย่างสร้างสรรค์ รวมทั้งเห็นคุณค่าและมีเจตคติที่ดีต่อ
คณิตศาสตร์ สามารถทางานอยา่ งเป็นระบบ ระเบยี บ มีความรอบคอบ มีความรับผิดชอบ มีวิจารญาณ และมี
ความเช่อื มนั่ ในตนเอง
การวัดและประเมินผล ใชว้ ิธกี ารท่ีหลากหลายตามสภาพความเป็นจรงิ ให้สอดคลอ้ งกับเน้ือหาและทักษะ
ทต่ี ้องการวดั
ผลการเรยี นรู้
1. หาผลลัพธ์ของการบวก การลบเวกเตอร์ การคูณเวกเตอร์ด้วยสเกลาร์ หาผลคูณเชิง สเกลาร์ และผล
คูณเชงิ เวกเตอร์
2. นาความรเู้ กีย่ วกบั เวกเตอร์ในสามมิตไิ ปใชใ้ นการแกป้ ญั หา
3. เขา้ ใจจานวนเชิงซอ้ นและใช้สมบัตขิ องจานวนเชิงซอ้ นในการแก้ปัญหา
4. หารากท่ี n ของจานวนเชงิ ซอ้ น เมอ่ื n เป็นจานวนนบั ทมี่ ากกวา่ 1
5. แก้สมการพหุนามตวั เดยี วดีกรีไมเ่ กนิ ส่ีท่ีมีสมั ประสทิ ธิเ์ ปน็ จานวนเต็มและนาไปใชใ้ นการแก้ปญั หา
6. เข้าใจและใชห้ ลักการบวกและการคณู การเรียงสบั เปล่ียนและการจดั หมู่ในการแก้ปัญหา
7. หาความน่าจะเป็นและนาความร้เู ก่ียวกับความนา่ จะเป็นไปใช้
รวม 7 ผลการเรียนรู้
หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนคณะราษฎรบารงุ จงั หวดั ยะลา
ห น้ า | 102
คาอธิบายรายวิชา คณติ ศาสตร์เสรมิ 3 รหสั วชิ า ค32203
รายวชิ าเพมิ่ เติม กลุม่ สาระการเรียนรคู้ ณติ ศาสตร์
ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 5 ภาคเรยี นท่ี 1
เวลาเรยี น 20 ชว่ั โมง ( 1 คาบ / สปั ดาห์ ) จานวน 0.5 หนว่ ยกติ
ศึกษา ฝกึ ทักษะการคิดคานวณ และฝึกการแก้ปญั หาในสาระตอ่ ไปนี้
ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียล ฟังก์ชันลอการิทึม
กราฟของฟงั ก์ชนั เอกซ์โพเนนเชียล และฟังกช์ ันลอการทิ มึ สมการเอกซ์โพเนนเชยี ล และสมการลอการทิ ึม
ฟังก์ชันตรีโกณมิติและการประยุกต์ฟังก์ไซน์และโคไซน์ ค่าของฟังก์ไซน์และโคไซน์ ฟังก์ชัน
ตรีโกณมิติอื่นๆ การอ่านค่าของฟังก์ชันตรีโกณมิติจากตาราง กราฟของฟังก์ชันตรีโกณมิติ ฟังก์ชัน
ตรีโกณมติ ขิ องผลบวกและผลต่างจานวนจริงหรอื มมุ อนิ เวอรส์ ฟงั ก์ชันตรีโกณมิติ กฎไซน์และโคไซน์ การหา
ระยะทางและความสงู
เวกเตอรใ์ นสามมิติเวกเตอร์ การบวกเวกเตอร์ การลบเวกเตอร์ และการคูณเวกเตอร์ด้วย สเกลาร์
ผลคูณเชงิ สเกลาร์ ผลคูณเชิงเวกเตอร์
โดยการจัดประสบการณ์หรือสร้างสถานการณ์ในชีวิตประจาวันที่ใกล้ตัวให้ผู้เรียนได้ศึกษาค้นคว้า
โดยการปฏิบัติจริง ทดลอง สรุป รายงาน เพ่ือพัฒนาทักษะ / กระบวนการในการคิดคานวณ การ
แกป้ ญั หา การใหเ้ หตผุ ล การสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์ และนาประสบการณ์ด้านความรู้ ความคิด
ทกั ษะกระบวนการท่ีได้ไปใช้ในการเรียนรู้ส่ิงต่าง ๆ และใช้ในชีวิตประจาวันอย่างสร้างสรรค์ รวมทั้งเห็น
คุณคา่ และมเี จตคติทดี่ ตี อ่ คณิตศาสตร์ สามารถทางานอย่างเป็นระบบ ระเบียบ มีความรอบคอบ มีความ
รบั ผดิ ชอบ มวี จิ ารญาณ และมคี วามเชอื่ ม่นั ในตนเอง
การวัดและประเมนิ ผล ใชว้ ิธกี ารทหี่ ลากหลายตามสภาพความเปน็ จรงิ ให้สอดคล้องกับเนื้อหาและ
ทกั ษะทีต่ ้องการวัด
ผลการเรียนรู้
1. นกั เรยี นมีความร้เู กี่ยวกบั เรอ่ื งฟงั ก์ชนั เอกโพเนนเชยี ลและฟังก์ชันลอการิทึม และนาความรู้เร่ือง
ฟังกช์ ันเอกโพเนนเชียลและลอการทิ ึมไปใช้ในการแก้ปญั หาได้
2. นักเรียนมีความรู้เก่ียวกับเรื่องฟังก์ชันตรีโกณมิติและการประยุกต์ และนาความรู้เรื่องฟังก์ชัน
ตรโี กณมิตไิ ปใชแ้ กป้ ัญหาได้
3. นักเรียนมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องเวกเตอร์ในสามมิติ และนาความรู้เรื่องเวกเตอร์สามมิติไปใช้ใน
การแก้ปญั หาได้
รวม 3 ผลการเรยี นรู้
หลักสูตรสถานศกึ ษา โรงเรียนคณะราษฎรบารงุ จังหวดั ยะลา
ห น้ า | 103
คาอธบิ ายรายวิชา คณิตศาสตรเ์ สรมิ 4 รหัสวชิ า ค32204
รายวิชาเพม่ิ เตมิ กลุ่มสาระการเรียนร้คู ณติ ศาสตร์
ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 5 ภาคเรียนท่ี 2
เวลาเรยี น 20 ช่ัวโมง ( 1 คาบ / สัปดาห์ ) จานวน 0.5 หนว่ ยกิต
ศกึ ษา ฝึกทกั ษะการคิดคานวณ และฝกึ การแกป้ ัญหาในสาระตอ่ ไปนี้
จานวนเชิงซ้อน จานวนเชิงซ้อน กราฟและค่าสัมบูรณ์ของจานวนเชิงซ้อน จานวนเชิงซ้อนในรูป
เชิงขั้ว สมการพหนุ าม
ทฤษฎกี ราฟเบ้อื งตน้ กราฟ กราฟออยเลอร์ และการประยกุ ตข์ องกราฟ
โดยการจัดประสบการณ์หรือสร้างสถานการณ์ในชีวิตประจาวันที่ใกล้ตัวให้ผู้เรียนได้ศึกษาค้นคว้า
โดยการปฏิบัติจริง ทดลอง สรุป รายงาน เพ่ือพัฒนาทักษะ / กระบวนการในการคิดคานวณ การ
แก้ปัญหา การใหเ้ หตุผล การส่ือความหมายทางคณิตศาสตร์ และนาประสบการณ์ด้านความรู้ ความคิด
ทักษะกระบวนการท่ีได้ไปใช้ในการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ และใช้ในชีวิตประจาวันอย่างสร้างสรรค์ รวมท้ังเห็น
คุณค่าและมเี จตคตทิ ี่ดตี ่อคณติ ศาสตร์ สามารถทางานอย่างเป็นระบบ ระเบียบ มีความรอบคอบ มีความ
รับผดิ ชอบ มวี จิ ารญาณ และมีความเช่ือมัน่ ในตนเอง
การวัดและประเมินผล ใช้วธิ ีการท่ีหลากหลายตามสภาพความเป็นจริงให้สอดคล้องกับเนื้อหาและ
ทักษะท่ีต้องการวัด
ผลการเรยี นรู้
1. นักเรียนมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องจานวนเชิงซ้อน และนาความรู้เรื่อง จานวนเชิงซ้อน ไปใช้ในการ
แกป้ ัญหาได้
2. นักเรียนมีความรู้เร่ือง ทฤษฎีกราฟเบ้ืองต้น และนาความรู้เร่ืองทฤษฎีกราฟเบ้ืองต้น ไปใช้ใน
การแกป้ ญั หาได้
รวม 2 ผลการเรียนรู้
หลกั สูตรสถานศึกษา โรงเรยี นคณะราษฎรบารงุ จังหวดั ยะลา
ห น้ า | 104
คาอธิบายรายวิชา การแกป้ ัญหาทางทฤษฎีจานวน รหสั วิชา ค32206
รายวชิ าเพิม่ เติม กล่มุ สาระการเรียนร้คู ณติ ศาสตร์
ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรยี นที่ 1
เวลาเรยี น 20 ชว่ั โมง ( 1 คาบ / สัปดาห์ ) จานวน 0.5 หน่วยกติ
ศึกษา ฝกึ ทกั ษะการคดิ คานวณ และฝกึ การแกป้ ัญหาในสาระตอ่ ไปน้ี
การพิสจู นด์ ว้ ยวธิ ีอุปนัยทางคณิตศาสตร์ การหารลงตัว จานวนเฉพาะ ห.ร.ม.และ ค.ร.น.
โดยการจัดประสบการณ์หรือสร้างสถานการณ์ในชีวิตประจาวันที่ใกล้ตัวให้ผู้เรียนได้ศึกษาค้นคว้า
โดยการปฏิบัติจริง ทดลอง สรุป รายงาน เพ่ือพัฒนาทักษะ / กระบวนการในการคิดคานวณ การ
แก้ปัญหา การใหเ้ หตผุ ล การส่ือความหมายทางคณิตศาสตร์ และนาประสบการณ์ด้านความรู้ ความคิด
ทกั ษะกระบวนการที่ได้ไปใช้ในการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ และใช้ในชีวิตประจาวันอย่างสร้างสรรค์ รวมทั้งเห็น
คณุ คา่ และมีเจตคติท่ดี ตี อ่ คณิตศาสตร์ สามารถทางานอย่างเป็นระบบ ระเบียบ มีความรอบคอบ มีความ
รบั ผิดชอบ มวี ิจารญาณ และมีความเช่อื มัน่ ในตนเอง
การวดั และประเมนิ ผล ใชว้ ธิ กี ารทห่ี ลากหลายตามสภาพความเปน็ จริงให้สอดคล้องกับเน้ือหาและ
ทักษะทต่ี อ้ งการวดั
ผลการเรยี นรู้
1. นาความรเู้ รื่องหลกั อุปนัยทางคณิตศาสตร์พิสจู น์ข้อความ p(n) สาหรบั ทกุ n ทีเ่ ปน็ จานวนนับได้
2. นาทฤษฎีบทการหารลงตัวไปแก้ปัญหาโจทย์ที่กาหนดให้ได้
3. นาทฤษฎเี กีย่ วกบั จานวนเฉพาะไปใชไ้ ด้
4. หา ห.ร.ม. โดยวิธขี องยคุ ลิดได้
5. นาทฤษฎีตา่ ง ๆ ของ ห.ร.ม. และ ค.ร.น. ไปใชไ้ ด้
รวม 5 ผลการเรยี นรู้
หลกั สูตรสถานศกึ ษา โรงเรยี นคณะราษฎรบารงุ จังหวดั ยะลา
ห น้ า | 105
คาอธบิ ายรายวิชา การแก้ปัญหาทางคอมบนิ าทอริกส์ รหัสวชิ า ค32207
รายวิชาเพ่ิมเติม กล่มุ สาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์
ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรยี นที่ 2
เวลาเรยี น 20 ช่ัวโมง ( 1 คาบ / สัปดาห์ ) จานวน 0.5 หนว่ ยกิต
ศึกษา ฝกึ ทักษะการคิดคานวณ และฝึกการแกป้ ญั หาในสาระต่อไปนี้
การแก้ปัญหาโดยใช้แผนภาพต้นไม้ หรือกฎเกณฑ์เบ้ืองต้นเกี่ยวกับการนับ การแก้ปัญหา
เก่ียวกับแฟกทอเรียล วิธีเรียงสับเปล่ียนของส่ิงของที่แตกต่างกันทั้งหมด ในแบบเชิงเส้น และแบบวงกลม
วิธเี รยี งสับเปล่ียนของส่ิงของที่ไม่แตกต่างกันทั้งหมดในแนวเชิงเส้นและการแก้ปัญหาเกี่ยวกับวิธีจัดหมู่ของ
ส่งิ ของทแี่ ตกต่างกันท้ังหมด
โดยการจัดประสบการณ์หรือสร้างสถานการณ์ในชีวิตประจาวันที่ใกล้ตัวให้ผู้เรียนได้ศึกษาค้นคว้า
โดยการปฏิบัติจริง ทดลอง สรุป รายงาน เพ่ือพัฒนาทักษะ / กระบวนการในการคิดคานวณ การ
แก้ปัญหา การให้เหตุผล การสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์ และนาประสบการณ์ด้านความรู้ ความคิด
ทกั ษะกระบวนการท่ีได้ไปใช้ในการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ และใช้ในชีวิตประจาวันอย่างสร้างสรรค์ รวมท้ังเห็น
คณุ ค่าและมีเจตคติท่ดี ตี ่อคณติ ศาสตร์ สามารถทางานอย่างเป็นระบบ ระเบียบ มีความรอบคอบ มีความ
รับผิดชอบ มวี จิ ารญาณ และมคี วามเชอื่ มั่นในตนเอง
การวดั และประเมินผล ใช้วิธกี ารที่หลากหลายตามสภาพความเป็นจรงิ ให้สอดคล้องกับเน้ือหาและ
ทกั ษะท่ตี ้องการวัด
ผลการเรยี นรู้
1. สามารถใช้แผนภาพตน้ ไม้ หาจานวนวิธที ีเ่ ป็นไปไดท้ ้ังหมด ของการเกิดเหตุการณไ์ ด้
2. สามารถใช้กฎเกณฑ์เบอ้ื งต้นเกีย่ วกับการนับ ในการแก้โจทยป์ ญั หาได้
3. สามารถบอกความหมายของแฟกทอเรียล และแก้โจทย์ปัญหาเกี่ยวกบั แฟกทอเรียลได้
4. อธบิ ายและบอกลกั ษณะของวิธเี รียงสบั เปลีย่ นและคานวณหาวธิ เี รยี งสับเปล่ียนแบบเชิงเส้นของ
ส่ิงของทแ่ี ตกต่างกันท้ังหมด หรือสง่ิ ของทไี่ ม่แตกตา่ งกนั ทงั้ หมดได้
5. คานวณหาจานวนวิธเี รียงสับเปลย่ี นของสิ่งของทแี่ ตกต่างกันทัง้ หมดแบบวงกลมได้
6. อธิบายและบอกลักษณะของวิธีการจัดหมู่และคานวณหาจานวนวิธีจัดหมู่ของสิ่งของที่แตกต่าง
กันทั้งหมดได้
7. คานวณหาจานวนวิธี จัดหมู่ของสิ่งของทีแ่ ตกต่างกนั ทัง้ หมดได้
8. สามารถแก้โจทยป์ ญั หาระคนทเี่ ก่ียวกับวธิ เี รยี งสบั เปล่ียนและวิธจี ดั หมู่ได้
รวม 8 ผลการเรียนรู้
หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนคณะราษฎรบารุง จังหวัดยะลา
ห น้ า | 106
คาอธิบายรายวิชา คณติ ศาสตรเ์ พมิ่ เตมิ 5 รหัสวิชา ค33201
รายวชิ าเพิม่ เติม กลุ่มสาระการเรียนรคู้ ณติ ศาสตร์
ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 6 ภาคเรยี นท่ี 1
เวลาเรียน 80 ช่วั โมง ( 4 คาบ / สปั ดาห์ ) จานวน 2.0 หน่วยกิต
ศึกษา ฝึกทักษะการคดิ คานวณ และฝกึ การแกป้ ัญหาในสาระต่อไปน้ี
ลาดบั และอนุกรม ลาดบั ได้แก่ ความหมายของลาดับ ลาดบั จากัดและลาดบั อนนั ต์ ลาดบั
เลขคณิต ลาดบั เรขาคณิตและลาดบั ฮาร์มอนิก ลิมิตของลาดับอนนั ต์ อนุกรม ไดแ้ ก่ อนุกรมจากดั และ
อนกุ รมอนนั ต์ อนุกรมเลขคณิตและอนุกรมเรขาคณิต อนุกรมอนนั ต์ สัญลักษณแ์ สดงการบวก และการ
ประยุกต์ของลาดับและอนกุ รม
แคลคูลสั เบอ้ื งต้น ลมิ ิตของฟงั กช์ นั ความต่อเนื่องของฟังกช์ นั อนพุ ันธข์ องฟงั ก์ชัน การหาอนุพันธ์
ของฟังก์ชันโดยใช้สูตร อนุพันธ์ของฟังก์ชันประกอบ เส้นสัมผัสเส้นโค้ง อนุพันธ์อันดับสูงและการประยุกต์
ของอนุพันธ์ ได้แก่ การเคล่ือนท่ีแนวตรง ค่าสูงสุดและค่าต่าสุด และโจทย์ปัญหาเกี่ยวกับค่าสูงสุดและค่า
ตา่ สดุ ปฏิยานุพนั ธ์และปริพันธ์ไม่จากดั เขต ปริพันธจ์ ากัดเขต พืน้ ทท่ี ่ีปดิ ล้อมดว้ ยเส้นโค้ง
โดยการจัดประสบการณ์หรือสร้างสถานการณ์ในชีวิตประจาวันที่ใกล้ตัวให้ผู้เรียนได้ศึกษาค้นคว้า
โดยการปฏิบัติจริง ทดลอง สรุป รายงาน เพ่ือพัฒนาทักษะ / กระบวนการในการคิดคานวณ การ
แกป้ ญั หา การใหเ้ หตผุ ล การสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์ และนาประสบการณ์ด้านความรู้ ความคิด
ทักษะกระบวนการที่ได้ไปใช้ในการเรียนรู้ส่ิงต่าง ๆ และใช้ในชีวิตประจาวันอย่างสร้างสรรค์ รวมทั้งเห็น
คุณค่าและมเี จตคตทิ ี่ดีต่อคณติ ศาสตร์ สามารถทางานอย่างเป็นระบบ ระเบียบ มีความรอบคอบ มีความ
รบั ผิดชอบ มวี ิจารญาณ และมคี วามเชอื่ ม่ันในตนเอง
การวัดและประเมินผล ใชว้ ธิ ีการที่หลากหลายตามสภาพความเปน็ จริงให้สอดคล้องกับเนื้อหาและ
ทกั ษะท่ีตอ้ งการวดั
ผลการเรยี นรู้
1. ระบไุ ด้ว่าลาดับทีก่ าหนดให้เปน็ ลาดับลเู่ ขา้ หรือลอู่ อก
2. หาผลบวก n พจนแ์ รกของอนุกรมเลขคณิตและอนุกรมเรขาคณิต
3. หาผลบวกอนุกรมอนนั ต์
4. เขา้ ใจและนาความรู้เกี่ยวกับลาดับและอนุกรมไปใช้
5. ตรวจสอบความต่อเนื่องของฟงั ก์ชนั ทกี่ าหนดให้
6. หาอนพุ ันธข์ องฟงั กช์ ันพีชคณิตท่ีกาหนดใหแ้ ละนาไปใช้แก้ปัญหา
7. หาปรพิ ันธ์ไม่จากัดเขตและจากัดเขตของฟังก์ชนั พีชคณิตทีก่ าหนดให้ และนาไปใช้แกป้ ัญหา
รวม 7 ผลการเรียนรู้
หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนคณะราษฎรบารงุ จงั หวดั ยะลา
ห น้ า | 107
คาอธบิ ายรายวิชา คณติ ศาสตร์เพม่ิ เตมิ 6 รหัสวิชา ค33202
รายวิชาเพ่ิมเตมิ กลุ่มสาระการเรียนร้คู ณิตศาสตร์
ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 6 ภาคเรยี นที่ 2
เวลาเรยี น 80 ชวั่ โมง ( 4 คาบ / สปั ดาห์ ) จานวน 2.0 หน่วยกติ
ศึกษา ฝกึ ทักษะการคดิ คานวณ และฝกึ การแกป้ ญั หาในสาระต่อไปน้ี
สถิติศาสตร์และข้อมูล ความหมายของสถิติศาสตร์และข้อมูล ได้แก่ สถิติศาสตร์ คาสาคัญใน
สถิติศาสตร์ ประเภทของข้อมูล ได้แก่ การแบ่งประเภทของข้อมูลตามแหล่งท่ีมาของข้อมูล การแบ่งประเภทของ
ขอ้ มูลตามระยะเวลาทีจ่ ดั เก็บ และการแบง่ ประเภทของขอ้ มูลตามลักษณะของข้อมูล สถิติศาสตร์เชิงพรรณนาและ
สถิตศิ าสตรเ์ ชิงอนุมาน
การวิเคราะห์และนาเสนอข้อมูลเชิงคุณภาพ การวิเคราะห์และนาเสนอข้อมูลเชิงคุณภาพด้วยตาราง
ความถี่ ได้แก่ การวเิ คราะหข์ อ้ มลู เชิงคณุ ภาพ การนาเสนอข้อมลู เชิงคุณภาพด้วยตารางความถี่
การวิเคราะหแ์ ละนาเสนอขอ้ มูลเชงิ คณุ ภาพดว้ ยแผนภาพ
การวิเคราะห์และนาเสนอข้อมูลเชิงปริมาณ การวิเคราะห์และนาเสนอข้อมูลเชิงปริมาณด้วยตาราง
ความถี่ การวิเคราะห์และนาเสนอข้อมูลเชิงปริมาณด้วยแผนภาพ ค่าวัดทางสถิติ ได้แก่ ค่ากลางของข้อมูล
ประกอบด้วย ค่าเฉลี่ยเลขคณิต มัธยฐาน และฐานนิยม ค่าวัดการกระจายของข้อมูล ได้แก่ พิสัย และส่วน
เบ่ยี งเบนมาตรฐาน และค่าวัดตาแหน่งที่ของขอ้ มูล ได้แก่ ควอไทล์ เดไซล์ และเปอรเ์ ซ็นไทล์
ตัวแปรสุ่มและการแจกแจงความน่าจะเป็น ความหมายและชนิดของตัวแปรสุ่ม การแจกแจงความ
น่าจะเป็นของตัวแปรสมุ่ ไม่ต่อเนื่อง ได้แก่ การแจกแจงเอกรปู มาตอ่ เนื่อง และการแจกแจงทวนิ าม ความน่าจะเป็น
ของตัวแปรส่มุ ต่อเนอ่ื ง ไดแ้ ก่ การแจกแจงปกติ และการแจกแจงปกตมิ าตรฐาน
โดยการจดั ประสบการณห์ รอื สร้างสถานการณ์ในชีวิตประจาวันทีใ่ กลต้ วั ใหผ้ เู้ รยี นได้ศึกษาคน้ คว้าโดยการ
ปฏิบัติจริง ทดลอง สรุป รายงาน เพ่ือพัฒนาทักษะ / กระบวนการในการคิดคานวณ การแก้ปัญหา การให้
เหตุผล การส่ือความหมายทางคณิตศาสตร์ และนาประสบการณ์ดา้ นความรู้ ความคดิ ทกั ษะกระบวนการท่ีได้ไป
ใช้ในการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ และใช้ในชีวิตประจาวันอย่างสร้างสรรค์ รวมทั้งเห็นคุณค่าและมีเจตคติที่ดีต่อ
คณติ ศาสตร์ สามารถทางานอยา่ งเป็นระบบ ระเบียบ มีความรอบคอบ มีความรับผิดชอบ มีวิจารญาณ และมี
ความเชื่อมนั่ ในตนเอง
การวัดและประเมนิ ผล ใชว้ ิธกี ารท่ีหลากหลายตามสภาพความเป็นจรงิ ใหส้ อดคล้องกับเนื้อหาและทักษะ
ทตี่ อ้ งการวดั
ผลการเรยี นรู้
1. เข้าใจและใช้ความรู้ทางสถิติในการนาเสนอข้อมูล และแปลความหมายของค่าสถิติเพ่ือประกอบการ
ตดั สินใจ
2. หาความน่าจะเป็นของเหตุการณ์ที่เกิดจากตัวแปรสุ่มที่มีการแจกแจงเอกรูป การแจกแจง
ทวินาม และการแจกแจงปกติ และนาไปใชใ้ นการแก้ปญั หา
รวม 2 ผลการเรยี นรู้
หลกั สูตรสถานศกึ ษา โรงเรยี นคณะราษฎรบารุง จังหวัดยะลา
ห น้ า | 108
กลุม่ สาระการเรยี นรู้
วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
หลักสตู รสถานศึกษา โรงเรียนคณะราษฎรบารุง จังหวดั ยะลา
รายวิชาที่เปดิ สอนตามโครงสรา้ งหลกั สตู ร ห น้ า | 109
กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
หน่วยกิต
วชิ าพืน้ ฐาน ภาคเรียนที่ รหสั วิชา ชอื่ วิชา 1.0
ช้นั 1 ว31107 วิทยาศาสตร์ชีวภาพ 1 1.0
ม.4 2 ว31108 วิทยาศาสตรช์ วี ภาพ 2 1.0
1 ว32105 วิทยาศาสตร์กายภาพ 1 (เคมี) 1.0
ม.5 2 ว32106 วิทยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟสิ กิ ส)์ 1.0
1 ว33194 วทิ ยาศาสตร์ โลก และอวกาศ 1 1.0
ม.6 2 ว33195 วิทยาศาสตร์ โลก และอวกาศ 2
หนว่ ยกิต
วิชาพ้นื ฐาน (เทคโนโลย)ี รหสั วชิ า ช่ือวชิ า 1.0
ช้ัน ภาคเรียนที่ ว32103 วทิ ยาการคานวณ 1.0
ม.5 1 ว32104 การออกแบบและเทคโนโลยี
2
วิชาเพ่มิ เติม ภาคเรียนที่ รหสั วิชา ชือ่ วิชา หนว่ ยกิต
ชน้ั 1 ว30281 เทคนคิ ปฏิบัติการพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ 1 1.0
ม.4 2 ว30282 1.0
1 ว30285 เทคนิคปฏบิ ตั กิ ารพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ 2 1.0
2 ว30290 1.0
1 ว30292 ระเบยี บวธิ วี จิ ยั เบ้อื งต๎น 1.0
2 ว30293 โครงงานวิทยาศาสตร์ 1 1.0
1 ว31282 โลก ดาราศาสตรแ์ ละอวกาศ 1 2.0
1 ว31283 โลก ดาราศาสตร์และอวกาศ 2 1.5
2 ว31284 ฟสิ กิ ส์เพิ่มเติม 1 1.5
2 ว31285 เคมเี พ่ิมเติม 1 2.0
1 ว31288 เคมเี พ่ิมเติม 2 1.0
1 ว31289 ฟิสกิ ส์เพ่ิมเตมิ 2 1.5
2 ว31290 ปฏิบตั ิการทางวิทยาศาสตร์ 1 1.5
2 ว31291 ชวี วทิ ยาเพิม่ เติม 1 1.0
ชีววิทยาเพ่ิมเติม 2
ปฏบิ ตั ิการทางวทิ ยาศาสตร์ 2
หลกั สตู รสถานศกึ ษา โรงเรียนคณะราษฎรบารงุ จงั หวดั ยะลา
ชั้น ภาคเรียนท่ี รหัสวิชา ชอ่ื วิชา ห น้ า | 110
1 ว31293 คอมพวิ เตอร์ 1
2 ว31294 คอมพิวเตอร์ 2 หน่วยกิต
1 ว31296 คอมพวิ เตอร์กราฟฟิก 1.0
2 ว31297 การออกแบบผลิตภณั ฑ์ 1.0
ว30291 โครงงานวิทยาศาสตร์ 2 1.0
ม.5 1 ว30294 โลก ดาราศาสตรแ์ ละอวกาศ 3 1.0
1 ว32201 ฟสิ ิกส์เพ่ิมเตมิ 3 1.0
1 ว32202 ฟิสิกส์เพิ่มเตมิ 4 1.0
2 ว32244 ชวี วิทยาเพิม่ เติม 3 2.0
1 ว32245 ชีววทิ ยาเพม่ิ เติม 4 2.0
2 ว32285 เคมีเพ่ิมเติม 3 1.5
1 ว32286 เคมีเพิ่มเติม 4 1.5
2 ว32292 ปฏิบัตกิ ารทางวทิ ยาศาสตร์ 3 1.5
1 ว32293 ปฏบิ ัติการทางวทิ ยาศาสตร์ 4 1.5
2 ว32294 คอมพวิ เตอรส์ ร๎างสรรค์ 1.0
1 ว32295 คอมพิวเตอร์ 3 1.0
1 1.0
1.0
วชิ าเพิม่ เติม รหสั วชิ า ช่ือวิชา
ชัน้ ภาคเรียนท่ี ว33201 ฟสิ ิกส์เพ่ิมเติม 5 หนว่ ยกติ
ม.6 1 ว33202 ฟสิ กิ ส์เพิ่มเติม 6 2.0
2 ว33287 เคมีเพ่ิมเติม 5 2.0
1 ว33288 เคมีเพ่ิมเติม 6 1.5
2 ว33289 ชีววทิ ยาเพมิ่ เติม 5 1.5
1 ว33290 ชวี วทิ ยาเพิม่ เติม 6 1.5
2 ว33294 ปฏิบัติการทางวทิ ยาศาสตร์ 5 1.5
1 1.0
หลกั สูตรสถานศึกษา โรงเรยี นคณะราษฎรบารงุ จังหวัดยะลา
ห น้ า | 111
คาอธิบายรายวชิ าพื้นฐาน
กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์
หลักสูตรสถานศกึ ษา โรงเรียนคณะราษฎรบารุง จังหวัดยะลา
ห น้ า | 112
คาอธบิ ายรายวิชา วทิ ยาศาสตรช์ วี ภาพ 1 รหสั วิชา ว31107
รายวชิ าพนื้ ฐาน กลุม่ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 ภาคเรียนที่ 1
เวลาเรียน 40 ช่วั โมง ( 2 คาบ / สัปดาห์ ) จานวน 1.0 หน่วยกติ
ศึกษา วิเคราะห์ สารวจ ตรวจสอบ และทาการทดลอง เก่ียวกับเซลล์และองค์ประกอบสาคัญของ
เซลล์ การลาเลียงสารเข๎าและออกจากเซลล์ กลไกการรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต การป้องกันและการ
กาจัดเช้ือโรคของรํางกาย การเสริมสร๎างภูมิคุ๎มกันโรคให๎แกํรํางกาย ความผิดปกติของภูมิค๎ุมกัน การ
ถํายทอดลักษณะทางพันธุกรรม โครงสร๎างและองค์ประกอบของ DNA การเกิดมิวเทชัน การแปรผันทาง
พันธุกรรม ความก๎าวหน๎าทางเทคโนโลยีชีวภาพ ผลท่ีเกิดจากการใช๎เทคโนโลยีทางชีวภาพ ความ
หลากหลายทางชีวภาพ ส่ิงมีชีวิตในอาณาจักรตําง ๆ ระบบนิเวศ การถํายทอดพลังงานในระบบนิเวศ การ
เปล่ียนแปลงแทนที่ ความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ระหวํางส่ิงมีชีวิตกับส่ิงมีชีวิต และ
สิ่งมีชีวิตกับสิ่งแวดล๎อม ทรัพยากรธรรมชาติ แนวทางป้องกันแก๎ไขฟื้นฟูสภาพแวดล๎อม การอนุรักษ์
ทรัพยากรธรรมชาตอิ ยาํ งยั่งยนื
โดยใชก๎ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ การสบื เสาะหาความรู๎ การสารวจตรวจสอบ การสืบค๎นข๎อมูล
และการอภิปราย ทักษะด๎านการอําน การเขียน การคิดคานวณ มีทักษะด๎านการคิดอยํางมีวิจารณญาณ
และทักษะในการแก๎ปัญหา ทักษะด๎านการสร๎างสรรค์ ทักษะด๎านความรํวมมือ การทางานเป็นทีม และ
ภาวะผู๎นา ทกั ษะด๎านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร และทกั ษะการเรียนรู๎
เพ่ือให๎เกิดความร๎ูความเข๎าใจ เกิดทักษะทางวิทยาศาสตร์ มีความสามารถในการตัดสินใจ นา
ความร๎ไู ปใชใ๎ นชีวิตประจาวนั มีจิตวิทยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คณุ ธรรม และคํานิยมทเี่ หมาะสม
รหัสตัวช้วี ดั
ว 1.1 ม.4-6/1-4
ว 1.2 ม.4-6/1-2
ว 2.1 ม.4-6/1-3
ว 2.2 ม.4-6/1-3
รวม 12 ตัวชีว้ ดั
หลกั สตู รสถานศึกษา โรงเรยี นคณะราษฎรบารงุ จงั หวดั ยะลา
ห น้ า | 113
คาอธิบายรายวิชา วิทยาศาสตรช์ วี ภาพ 2 รหัสวิชา ว31108
รายวชิ าพนื้ ฐาน กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 4 ภาคเรียนที่ 2
เวลาเรียน 40 ชว่ั โมง ( 2 คาบ / สัปดาห์ ) จานวน 1.0 หน่วยกติ
ศกึ ษา วเิ คราะห์ สารวจ ตรวจสอบ และทาการทดลอง เกีย่ วกับไบโอม ระบบนิเวศ ปัจจัยกายภาพ
ปัจจัยชีวภาพ ความสัมพันธร์ ะหวํางสิง่ มีชีวิต การถํายทอดพลังงาน โซํอาหาร สายใยอาหาร การหมุนเวียน
สาร การเปลี่ยนแปลงแทนที่ทรัพยากรธรรมชาติ ปัญหาส่ิงแวดล๎อม กล๎องจุลทรรศน์ใช๎แสงและกล๎อง
จุลทรรศน์อเิ ลก็ ตรอน โครงสรา๎ งของเซลล์ เซลลโ์ พรคารโิ อตและเซลล์ยูคาริโอต การลาเลียงสารผํานเย่ือหุ๎ม
เซลล์โดยวิธีใช๎และไมํใช๎พลังงาน การรักษาดุลยภาพของน้า อุณหภูมิ กรด-เบส แรํธาตุของส่ิงมีชีวิต
ภูมิคุ๎มกันของรํางกาย การทางานของเอนไซม์ การแบํงเซลล์แบบไมโทซิสและไมโอซิสวัฏจักรเซลล์ สาร
พันธุกรรม โครโมโซม การถํายทอดลักษณะทางพันธุกรรม ความแปรผันทางพันธุกรรม มิวเทชัน การ
คัดเลือกโดยธรรมชาติ เทคโนโลยีชวี ภาพ ความหลากหลายทางชีวภาพ และการจัดจาแนกสิ่งมีชวี ิต
โดยใช๎กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความร๎ู การสารวจตรวจสอบ การสืบค๎นข๎อมูล
และการอภิปราย ทักษะด๎านการอําน การเขียน การคิดคานวณ มีทักษะด๎านการคิดอยํางมีวิจารณญาณ
และทักษะในการแก๎ปัญหา ทักษะด๎านการสร๎างสรรค์ ทักษะด๎านความรํวมมือ การทางานเป็นทีม และ
ภาวะผน๎ู า ทกั ษะด๎านคอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และทกั ษะการเรียนร๎ู
เพื่อให๎เกิดความร๎ูความเข๎าใจ เกิดทักษะทางวิทยาศาสตร์ มีความสามารถในการตัดสินใจ นา
ความร๎ูไปใช๎ในชวี ติ ประจาวัน มจี ติ วทิ ยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คณุ ธรรม และคาํ นยิ มท่ีเหมาะสม
รหัสตวั ช้วี ดั
ว 2.1 ม.4-6/1-2
ว 2.2 ม.4-6/1-3
ว 1.1 ม.4-6/1-4
ว 1.2 ม.4-6/1-4
รวม 13 ตัวชว้ี ดั
หลักสตู รสถานศกึ ษา โรงเรียนคณะราษฎรบารุง จงั หวัดยะลา
ห น้ า | 114
คาอธิบายรายวชิ า วิทยาศาสตร์กายภาพ 1 (เคม)ี รหัสวิชา ว32105
รายวชิ าพ้ืนฐาน กลุม่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5 ภาคเรยี นที่ 1
เวลาเรยี น 40 ชว่ั โมง ( 2 คาบ / สัปดาห์ ) จานวน 1.0 หน่วยกติ
ศกึ ษา วเิ คราะหโ์ ครงสร๎างอะตอม ชนิดของอนุภาคมูลฐานในอะตอม สัญลักษณ์นิวเคลียร์ของธาตุ
การจดั เรยี งอเิ ลก็ ตรอนในระดบั พลังงานตํางๆ ตารางแนวโนม๎ และสมบตั ขิ องธาตุในตารางธาตุ สมบัติธาตุใน
แตํละหมูํ สมบัติของธาตุแทรนซิชันรวมถึงธาตุกัมมันตรังสี พันธะเคมี สมการเคมี ปฏิกิริยาเคมี และอัตรา
การเกิดปฏิกิริยาเคมี สารชีวโมเลกุล ได๎แกํ คาร์โบไฮเดรต ไขมัน โปรตีน กรดนิวคลีอิก ผลิตภัณฑ์
ปิโตรเลียม เช้อื เพลงิ ในชวี ติ ประจาวนั พอลเิ มอร์จาพวกพลาสตกิ ยางสังเคราะห์ และเส๎นใยสังเคราะห์ ธาตุ
และสารประกอบ ชนดิ ของธาตุ แนวโนม๎ ความเป็นโลหะและอโลหะของธาตใุ นตารางธาตุ โครงสร๎างอะตอม
พันธะเคมี การเกิดปฏิกิริยาเคมี สมการเคมี ปฏิกิริยาเคมีในชีวิตประจาวันและผลกระทบตํอส่ิงแวดลอม
สารเคมใี นชีวิตประจาวนั อัตราการเกดิ ปฏกิ ริ ิยาเคมี สารชีวโมเลกุล การเกิดและแหลํงปิโตรเลียม การกล่ัน
น้ามันดิบและผลิตภัณฑ์ การแยกแก็สธรรมชาติ และผลิตภัณฑ์ เช้ือเพลิงในชีวิตประจาวัน ผลของ
ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมตํอสิ่งมีชีวิตและส่ิงแวดล๎อม พอลิเมอร์ธรรมชาติ และพอลิเมอร์สังเคราะห์ การเกิด
และโครงสร๎างพอลิเมอร์ ผลิตภัณฑ์จากพอลิเมอร์ ผลท่ีเกิดจากการผลิตและการใช๎พอลิเมอร์ตํอส่ิงมีชีวิต
และสิ่งแวดล๎อม สมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหวํางสมบัติของสสารกับ
โครงสรา๎ งและแรงยึดเหน่ยี วระหวาํ งอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การ
เกิดสารละลายและการเกิดปฏิกริ ิยาเคมี
โดยใช๎กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู๎ การสารวจตรวจสอบ การสืบค๎นข๎อมูล
และการอภิปราย ทักษะด๎านการอําน การเขียน การคิดคานวณ มีทักษะด๎านการคิดอยํางมีวิจารณญาณ
และทักษะในการแก๎ปัญหา ทักษะด๎านการสร๎างสรรค์ ทักษะด๎านความรํวมมือ การทางานเป็นทีม และ
ภาวะผ๎ูนา ทักษะด๎านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อื สาร และทักษะการเรยี นรู๎
เพื่อให๎เกิดความรู๎ความเข๎าใจ เกิดทักษะทางวิทยาศาสตร์ มีความสามารถในการตัดสินใจ นา
ความรู๎ไปใชใ๎ นชวี ติ ประจาวนั มจี ิตวทิ ยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คณุ ธรรม และคาํ นยิ มที่เหมาะสม
รหัสตัวชีว้ ดั
ว 2.1 ม.5/14-25
ว 3.1 ม.4-6/1-5
ว 3.2 ม.4-6/1-9
ว 8.1 ม.4-6/1-9
รวม 35 ตัวช้วี ัด
หลกั สตู รสถานศึกษา โรงเรียนคณะราษฎรบารงุ จงั หวดั ยะลา
ห น้ า | 115
คาอธบิ ายรายวิชา วทิ ยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟิสิกส์) รหัสวิชา ว32106
รายวิชาพ้ืนฐาน กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 5 ภาคเรียนท่ี 2
เวลาเรยี น 40 ชวั่ โมง ( 2 คาบ / สปั ดาห์ ) จานวน 1.0 หน่วยกิต
ศึกษาวิเคราะห์การบอกตาแหนํงของวัตถุการเคลื่อนท่ีแนวตรง อัตราเร็ว ความเร็วและความเรํง
การเคล่ือนที่แบบโพรเจกไทล์ การเคล่ือนท่ีแบบวงกลม การเคล่ือนที่แบบฮาร์มอนิกอยํางงําย แรงโน๎มถํวง
และสนามโน๎มถํวง ประโยชน์จากสนามโน๎มถํวง แรงแมํเหล็กและสนามแมํเหล็ก ประโยชนจาก
สนามแมํเหล็ก สนามแมํเหล็กโลก แรงไฟฟ้าและสนามไฟฟ้า ประโยชน์จากสนามไฟฟ้า แรงนิวเคลียร์ รูป
พลงั งาน แหลงํ พลงั งาน การถาํ ยโอนพลงั งาน คลน่ื กล ชนดิ และองค์ประกอบของคล่ืน สมบัติของคลื่น คล่ืน
น่ิงและการส่ันพ๎อง การเคล่ือนท่ีของคล่ืนเสียง อัตราเร็วของเสียง ประเภทของคล่ืน เสียง ลักษณะทาง
กายภาพของคล่ืนเสียง การได๎ยิน การเกิดบีตส์ ปรากฏการณ์ดอปเปลอร์ มลพิษทางเสียง ความสัมพันธ์
ระหวํางสนามไฟฟ้าและสนามแมเํ หลก็ แมํเหล็กไฟฟ้า สเปกตรัมของคลื่น แมํเหล็กไฟฟ้า พลังงานนิวเคลียร์
การค๎นพบนิวเคลยี ส สัญลักษณน์ ิวเคลยี ร์ กมั มนั ตภาพรงั สี ปฏิกิริยานิวเคลียร์ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ หลักการ
พนื้ ฐานของแรง และการเคล่อื นทีใ่ นเรื่อง ระยะทาง การกระจัด อัตราเร็ว ความเร็ว ความเรํง การเคลื่อนที่
แนวตรง การเคลอ่ื นทแ่ี บบโพรเจกไทล์ การเคล่ือนท่ีแบบวงกลม และการเคล่ือนท่ีแบบฮาร์มอนิกอยํางงําย
แรงท่ีกระทาตํอวัตถุในสนามโน๎มถวํ ง และการเคลื่อนที่ของวัตถุในสนามโนม๎ ถํวง แรงที่กระทาตํออนุภาคที่มี
ประจุไฟฟ้าในสนามไฟฟ้าและสนามแมํเหล็ก รวมทั้งแรงนิวเคลียร์ในนิวเคลียส และการใช๎ประโยชน์จาก
แรงและการเคลื่อนทแี่ บบตาํ งๆ หลักการพน้ื ฐานของพลงั งานในเร่ือง องค์ประกอบของคลื่น สมบัติของคลื่น
เสียงและการได๎ยิน ความเข๎มเสียง มลพิษทางเสียง สเปกตรัมคลื่น แมํเหล็กไฟฟ้า กัมมันตภาพรังสีใน
ชีวิตประจาวัน ปฏิกิริยานิวเคลียร์ พลังงานนิวเคลียร์ และการใช๎ประโยชน์ในทางสร๎างสรรค์ผลกระทบตํอ
สิง่ มชี ีวติ และส่ิงแวดล๎อม
โดยใช๎กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสบื เสาะหาความร๎ู การสารวจตรวจสอบ การสืบค๎นข๎อมูล
และการอภิปราย ทักษะด๎านการอําน การเขียน การคิดคานวณ มีทักษะด๎านการคิดอยํางมีวิจารณญาณ
และทักษะในการแก๎ปัญหา ทักษะด๎านการสร๎างสรรค์ ทักษะด๎านความรํวมมือ การทางานเป็นทีม และ
ภาวะผ๎นู า ทักษะดา๎ นคอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สาร และทักษะการเรยี นร๎ู
เพื่อให๎เกิดความรู๎ความเข๎าใจ เกิดทักษะทางวิทยาศาสตร์ มีความสามารถในการตัดสินใจ นา
ความรูไ๎ ปใชใ๎ นชีวติ ประจาวัน มจี ิตวทิ ยาศาสตร์ จริยธรรม คณุ ธรรม และคํานยิ มท่เี หมาะสม
รหสั ตัวชวี้ ดั
ว.4.1 ม.4-6/1-4
ว.4.2 ม.4-6/1-3
ว.5.1 ม.4-6/1-9
รวม 16 ตวั ชว้ี ัด
หลกั สูตรสถานศกึ ษา โรงเรยี นคณะราษฎรบารงุ จังหวัดยะลา
ห น้ า | 116
คาอธบิ ายรายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ โลก และอวกาศ 1 รหัสวิชา ว33194
รายวชิ าพน้ื ฐาน กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 6 ภาคเรยี นที่ 1
เวลาเรียน 40 ช่ัวโมง ( 2 คาบ / สปั ดาห์ ) จานวน 1.0 หนว่ ยกิต
ศึกษาวิเคราะห์โครงสร๎างโลก หลักฐานและสมมติฐานการเคล่ือนที่ของทวีปหลักฐานและข๎อมูล
ทางธรณีวิทยาที่สนับสนุนการเคล่ือนตัวของทวีป กระบวนการท่ีทาให๎เกิดการเคล่ือนท่ีของแผํนธรณี
ลักษณะการเคลื่อนที่ของแผํนธรณี การเปลี่ยนแปลงลักษณะของเปลือกโลก แผํนดินไหว ภูเขาไฟระเบิด
อายุทางธรณีวิทยา ซากดึกดาบรรพ์ การลาดับชั้นหิน เอกภพวิทยา ในอดีต กาเนิดเอกภพ กาแล็กซี่
วิวัฒนาการของดาวฤกษ์ กาเนิดและวิวัฒนาการของดวงอาทิตย์ ความสวํางและอันดับความสวํางของดาว
ฤกษ์ สีและอุณหภูมิผิวของดาวฤกษ์ ระยะหํางของดาวฤกษ์ เนบิวลา แหลํงกาเนิด ดาวฤกษ์ กาเนิดระบบ
สุริยา การกาเนิดระบบสุรยิ ะเขตของดาวฤกษ์ดวงอาทติ ย์ โดยกลอ๎ งโทรทรรศน์ การขนสํงและการโคจรของ
ดาวเทยี ม ระบบขนสงํ อวกาศ และการใช๎ประโยชน์จากเทคโนโลยอี วกาศ
โดยใชก๎ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความร๎ู การสารวจตรวจสอบ การสืบค๎นข๎อมูล
และการอภิปราย ทักษะด๎านการอําน การเขียน การคิดคานวณ มีทักษะด๎านการคิดอยํางมีวิจารณญาณ
และทักษะในการแก๎ปัญหา ทักษะด๎านการสร๎างสรรค์ ทักษะด๎านความรํวมมือ การทางานเป็นทีม และ
ภาวะผูน๎ า ทกั ษะดา๎ นคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอื่ สาร และทกั ษะการเรียนรู๎
เพื่อให๎เกิดความรู๎ความเข๎าใจ เกิดทักษะทางวิทยาศาสตร์ มีความสามารถในการตัดสินใจ นา
ความรไู๎ ปใชใ๎ นชีวิตประจาวัน มจี ิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม คณุ ธรรม และคํานิยมทเี่ หมาะสม
รหัสตวั ชีว้ ดั
ว 6.1 ม.4-6/1-6
ว 7.1 ม.4-6/1-2
ว 7.2 ม.4-6/1-3
รวม 11 ตัวชี้วัด
หลกั สูตรสถานศกึ ษา โรงเรียนคณะราษฎรบารุง จังหวัดยะลา
ห น้ า | 117
คาอธบิ ายรายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ โลก และอวกาศ 2 รหสั วิชา ว33195
รายวชิ าพนื้ ฐาน กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรียนที่ 2
เวลาเรียน 40 ชวั่ โมง ( 2 คาบ / สัปดาห์ ) จานวน 1.0 หนว่ ยกิต
ศึกษาองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกดิ และวิวัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซี ดาวฤกษ์ และ
ระบบสุรยิ ะ รวมทงั้ ปฏิสมั พนั ธ์ภายในระบบสุริยะที่สํงผลตํอสิ่งมีชีวิต และการประยุกต์ใช๎เทคโนโลยีอวกาศ
องค์ประกอบและความสัมพันธ์ของระบบโลก กระบวนการเปล่ียนแปลงภายในโลกและบนผิวโลก ธรณี
พบิ ตั ภิ ยั กระบวนการเปล่ียนแปลงลมฟา้ อากาศและภมู ิอากาศโลก รวมท้งั ผลตอํ ส่งิ มชี วี ติ และส่งิ แวดล๎อม
โดยใชก๎ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความร๎ู การสารวจตรวจสอบ การสืบค๎นข๎อมูล
และการอภิปราย ทักษะด๎านการอําน การเขียน การคิดคานวณ มีทักษะด๎านการคิดอยํางมีวิจารณญาณ
และทักษะในการแก๎ปัญหา ทักษะด๎านการสร๎างสรรค์ ทักษะด๎านความรํวมมือ การทางานเป็นทีม และ
ภาวะผ๎นู า ทักษะด๎านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสอ่ื สาร และทักษะการเรียนร๎ู
เพื่อให๎เกิดความร๎ูความเข๎าใจ เกิดทักษะทางวิทยาศาสตร์ มีความสามารถในการตัดสินใจ นา
ความรไ๎ู ปใช๎ในชวี ติ ประจาวนั มีจิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม คณุ ธรรม และคํานิยมที่เหมาะสม
รหสั ตัวช้วี ัด
ว 3.1 ม.6/1-10
ว 3.2 ม.6/1-14
รวม 24 ตัวช้วี ดั
หลกั สตู รสถานศึกษา โรงเรยี นคณะราษฎรบารงุ จงั หวัดยะลา
ห น้ า | 118
คาอธิบายรายวชิ า วิทยาการคานวณ รหสั วิชา ว32103
รายวชิ าพื้นฐาน กลมุ่ สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 5 ภาคเรยี นที่ 1
เวลาเรยี น 40 ชัว่ โมง ( 2 คาบ / สปั ดาห์ ) จานวน 1.0 หน่วยกติ
ศึกษาหลักการของวิทยาการข๎อมูลและหลักการคิดเชิงออกแบบเพ่ือเพ่ิมมูลคําให๎บริการหรือ
ผลิตภัณฑ์ วิธีการเก็บข๎อมูลและเตรียมข๎อมูล การวิเคราะห์ข๎อมูล การประมวลผลข๎อมูล เครื่องมือทาง
เทคโนโลยี สารสนเทศที่ใช๎ในการประมวลผลข๎อมูล การจัดเก็บข๎อมูล การน าเสนอข๎อมูล การแปลงข๎อมูล
ให๎เปน็ ภาพ การเลือกใชข๎ ๎อมลู จากฐานขอ๎ มูลขนาดใหญํ การใชป๎ ระโยชนจ์ ากข๎อมลู และตวั อยาํ งกรณีศึกษา
รหัสตัวช้วี ัด
ว. 4.2 ม.5/1
รวม 1 ตวั ชวี้ ดั
หลักสตู รสถานศกึ ษา โรงเรยี นคณะราษฎรบารงุ จังหวดั ยะลา
ห น้ า | 119
คาอธิบายรายวชิ า การออกแบบและเทคโนโลยี รหสั วิชา ว32104
รายวชิ าพื้นฐาน กล่มุ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 5 ภาคเรยี นท่ี 2
เวลาเรียน 40 ช่ัวโมง ( 2 คาบ / สปั ดาห์ ) จานวน 1.0 หนว่ ยกติ
ศึกษาและวิเคราะหสถานการณหรือความตองการท่ีคานึงถึงผูใชดวยการคิดเชิงออกแบบ และ
ความรู ทางดานวิทยาศาสตร คณิตศาสตร และศาสตรอื่น ๆ เพ่ือทาความเขาใจปญหาอยางลึกซ้ึง และรอ
บดาน เพื่อ พัฒนาวิธีการแกปญหาท่ีตรงความตองการ พัฒนาโครงงานเพื่อแกปญหาจากสถานการณที่
ตนเองสนใจโดยใช กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม ศึกษาการพัฒนาผลงาน การสรางประโยชนจาก
ผลงาน และการคุมครอง ทรัพยสนิ ทางปญญาเพอ่ื นาความรูไปประยุกตใชในการพัฒนาหรือสรางประโยชน
จากผลงานของตนเอง และ เผยแพรประชาสัมพันธผลงานของตนเองใหเปนทร่ี ูจักและกอใหเกิดประโยชน์
รหสั ตวั ชี้วัด
ว. 4.1 ม.5/1
รวม 1 ตัวช้ีวัด
หลกั สูตรสถานศึกษา โรงเรียนคณะราษฎรบารงุ จังหวดั ยะลา
ห น้ า | 120
คาอธิบายรายวชิ าเพม่ิ เตมิ
กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์
หลักสตู รสถานศกึ ษา โรงเรียนคณะราษฎรบารุง จังหวัดยะลา
ห น้ า | 121
คาอธิบายรายวิชา เทคนิคปฏบิ ัตกิ ารพนื้ ฐานทางวิทยาศาสตร์ 1 รหสั วิชา ว30281
รายวิชาเพม่ิ เติม กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 ภาคเรยี นท่ี 1
เวลาเรยี น 40 ชว่ั โมง ( 2 คาบ / สปั ดาห์ ) จานวน 1.0 หน่วยกติ
ศกึ ษากระบวนการแก๎ปัญหาและสืบค๎นข๎อมูลเกี่ยวกับเทคนิคปฏิบัติการพ้ืนฐานทางชีววิทยา เร่ือง
การใช๎กล๎องจุลทรรศน์ การศึกษาเน้ือเยื่อพืชและสัตว์ การเล้ียงจุลินทรีย์ในสภาพปลอดเชื้อ การเพาะเลี้ยง
เน้ือเยื่อพืชในสภาพปลอดเชื้อ การสกัดและแยก DNA ด๎วยไฟฟ้า และปฏิบัติการทางนิเวศวิทยา ความ
ปลอดภัยในห๎องปฏิบตั ิการ เทคนิคพนื้ ฐานทางเคมี เทคนิคการไทเทรต และการวิเคราะห์หาปริมาณสารใน
สารตัวอยําง การออกแบบและการแก๎ปัญหา โดยใช๎เทคนิคพื้นฐานทางเคมีและเรียนร๎ูปัญหาพิเศษ เพื่อ
นาไปสูโํ ครงงานวทิ ยาศาสตร์
โดยใชก๎ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู๎ การสารวจตรวจสอบ การสืบค๎นข๎อมูล
และการอภิปราย ทักษะด๎านการอําน การเขียน การคิดคานวณ มีทักษะด๎านการคิดอยํางมีวิจารณญาณ
และทักษะในการแก๎ปัญหา ทักษะด๎านการสร๎างสรรค์ ทักษะด๎านความรํวมมือ การทางานเป็นทีม และ
ภาวะผู๎นา ทกั ษะด๎านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสาร และทกั ษะการเรียนรู๎
เพื่อให๎เกิดความร๎ูความเข๎าใจ เกิดทักษะทางวิทยาศาสตร์ มีความสามารถในการตัดสินใจ นา
ความร๎ไู ปใช๎ในชีวติ ประจาวนั มจี ติ วิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม และคํานยิ มท่ีเหมาะสม
ผลการเรียนรู้
1. อธบิ ายสํวนประกอบและการทางานของกล๎องจุลทรรศน์
2. สืบคน๎ อธบิ าย และสรุปเกีย่ วกบั ชนดิ และลกั ษณะของเนอ้ื เย่ือพืช
3. สงั เกต สบื ค๎น อธบิ าย และเปรียบเทียบความแตกตํางโครงสรา๎ งภายในของพวกราก ลาต๎น และ
ใบของพชื เลย้ี งเดย่ี วและพืชใบเล้ยี งคูํ โดยวิธีการเตรยี มสไลด์สด
4. สืบค๎นข๎อมูล อธิบายสมบัติและหน๎าท่ีของสารพันธุกรรม โครงสร๎างและองค์ประกอบทางเคมี
DNA และสรุปการจาลอง DNA
5. ออกแบบการสารวจ สรุป อภิปรายและนาเสนอผลการสารวจ เพ่ือระบุปัญหาเกี่ยวกับระบบ
นิเวศในท๎องถนิ่ โดยรวบรวมขอ๎ มลู จากการใช๎อปุ กรณท์ างนเิ วศวทิ ยาที่เหมาะสม
6. สืบค๎นข๎อมูล อภิปราย และนาเสนอแนวทางในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการ
แกป๎ ญั หาส่ิงแวดลอ๎ ม
7. ศึกษากระบวนการแก๎ปัญหาทางชีววิทยาโดยใช๎วิธีทางวิทยาศาสตร์และทักษะกระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์
8. อธบิ ายกระบวนการและความสาคญั ของออสโมซสิ ตํอสงิ่ มีชีวิต
รวม 8 ผลการเรยี นรู้
หลกั สูตรสถานศกึ ษา โรงเรียนคณะราษฎรบารุง จังหวัดยะลา
ห น้ า | 122
คาอธิบายรายวิชา เทคนคิ ปฏิบัติการพ้ืนฐานทางวิทยาศาสตร์ 2 รหสั วชิ า ว30282
รายวชิ าเพมิ่ เติม กลุ่มสาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 ภาคเรียนที่ 2
เวลาเรียน 40 ชัว่ โมง ( 2 คาบ / สัปดาห์ ) จานวน 1.0 หน่วยกิต
ฝึกกระบวนการคิดและการทดลอง การแกป๎ ญั หาฟิสิกส์เก่ียวกับการวัดระยะทาง เวลา อุณหภูมิใน
ระดบั ขนาดทแ่ี ตกตํางกับการใชช๎ วี ติ ประจาวัน การวัดปรมิ าณไฟฟ้า ความผิดพลาดและขอบเขตของการวัด
ศึกษาวิธีการ และลงมือปฏิบัติการ ค๎นคว๎าหาความร๎ูท่ีต๎องการผํานเครือขํายคอมพิวเตอร์ ศึกษาการวัด
ประมวลผลขอ๎ มูลดว๎ ยโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ ศกึ ษาและปฏิบัติการเกี่ยวกับวงจรควบคุมการเขียนโปรแกรม
เพื่อให๎เกิดความรู๎ ความเข๎าใจที่เก่ียวข๎องกับปฏิบัติการพื้นฐานทางฟิสิกส์ เพ่ิมทักษะความชานาญและ
ความรู๎ในการใช๎โปรแกรมสาเร็จรูปด๎วยตนเอง ผํานตัวชํวยเหลือในโปรแกรมคอมพิวเตอร์ และใช๎วงจร
ควบคุมรํวมกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ในการอํานคําและประมวลผลข๎อมูลในการทาโครงงาน การทดลอง
ตํางๆ
โดยใชก๎ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความร๎ู การสารวจตรวจสอบ การสืบค๎นข๎อมูล
และการอภิปราย ทักษะด๎านการอําน การเขียน การคิดคานวณ มีทักษะด๎านการคิดอยํางมีวิจารณญาณ
และทักษะในการแก๎ปัญหา ทักษะด๎านการสร๎างสรรค์ ทักษะด๎านความรํวมมือ การทางานเป็นทีม และ
ภาวะผูน๎ า ทักษะด๎านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร และทกั ษะการเรยี นรู๎
เพ่ือให๎เกิดความร๎ูความเข๎าใจ เกิดทักษะทางวิทยาศาสตร์ มีความสามารถในการตัดสินใจ นา
ความรไู๎ ปใช๎ในชวี ติ ประจาวนั มีจติ วทิ ยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม และคาํ นยิ มที่เหมาะสม
ผลการเรียนรู้
1. บอกวธิ ีและการใชเ๎ ครือ่ งมือในการวดั ระยะทางเวลา และอุณหภมู ิได๎
2. บอกวธิ แี ละหลกั การวดั กระแสไฟฟ้า และความตาํ งศักย์จากวงจรไฟฟ้าท่ีกาหนดได๎
3. อาํ นคาํ และบันทึกผลการวดั กระแสไฟฟ้า และความตาํ งศกั ยไ์ ฟฟ้าจากเครอื่ งมอื วัดได๎
4. อธบิ ายความผิดพลาด และขอบเขตของการวดั ได๎
5. บอกวิธีการค๎นควา๎ และเก็บรวบรวมข๎อมลู จากอนิ เตอรเ์ นต็ ท่กี าหนดได๎
6. อธิบายวิธีการใช๎โปรแกรมคอมพวิ เตอร์ทีก่ าหนดได๎
7. เขยี นโปรแกรมคอมพวิ เตอรจ์ ากสมการทางวิทยาศาสตร์ทกี่ าหนดและนาไปใชใ๎ นการแกป๎ ญั หา
ของเหตุการณ์ได๎
รวม 7 ผลการเรยี นรู้
หลักสตู รสถานศกึ ษา โรงเรยี นคณะราษฎรบารุง จงั หวดั ยะลา
ห น้ า | 123
คาอธิบายรายวิชา ระเบยี บวิธวี ิจยั เบื้องต้น รหัสวชิ า ว30285
รายวิชาเพ่มิ เตมิ กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 ภาคเรยี นท่ี 1
เวลาเรียน 40 ชวั่ โมง ( 2 คาบ / สัปดาห์ ) จานวน 1.0 หน่วยกติ
ศึกษาผลงานวิจัยด๎านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยีจากแหลํงเรียนร๎ู โดยมีการสืบค๎น
ขอ๎ มลู วเิ คราะห์ นาเสนอ อภปิ รายและสรปุ ผล ศกึ ษาสถติ เิ พ่ือการวิจัย รูปแบบการเขียนงานวิจัย เขียนเค๎า
โครงงานวิจยั และนาเสนอเค๎าโครงงานวิจยั
โดยใชก๎ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู๎ การสารวจตรวจสอบ การสืบค๎นข๎อมูล
และการอภิปราย ทักษะด๎านการอําน การเขียน การคิดคานวณ มีทักษะด๎านการคิดอยํางมีวิจารณญาณ
และทักษะในการแก๎ปัญหา ทักษะด๎านการสร๎างสรรค์ ทักษะด๎านความรํวมมือ การทางานเป็นทีม และ
ภาวะผ๎นู า ทกั ษะดา๎ นคอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และทกั ษะการเรียนร๎ู
เพ่ือให๎เกิดความรู๎ความเข๎าใจ เกิดทักษะทางวิทยาศาสตร์ มีความสามารถในการตัดสินใจ นา
ความรูไ๎ ปใชใ๎ นชีวิตประจาวัน มจี ติ วทิ ยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คณุ ธรรม และคํานยิ มท่เี หมาะสม
ผลการเรยี นรู้
1. อธบิ ายเกย่ี วกับระเบียบวิธวี ิจัยเบ้ืองตน๎ ความหมายการวจิ ัย ขั้นตอนการวิจัย การต้ังปัญหาและ
หัวข๎อเร่ืองสมมติฐาน จุดประสงค์การทาวิจัย การค๎นคว๎า การวางแผน การจัดทารายงาน การนาเสนอ
งานวจิ ัย สถติ ิเบอื้ งตน๎ ทใ่ี ช๎ในการวิจยั คุณสมบัติและจรรยาบรรณของนักวิจัย
2. สืบค๎นข๎อมลู การวิจัย แหลํงสบื ค๎น วธิ กี ารสบื ค๎น การรวบรวม การนาเสนอข๎อมลู ทีน่ กั เรียนสนใจ
และวิเคราะหผ์ ลงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี
3. เขียนเค๎าโครงงานวิจัย โดยระบุปัญหาและหัวข๎อเรื่อง ต้ังสมมติฐาน จุดประสงค์ การออกแบบ
การทดลอง การวางแผนการดาเนินงาน การออกแบบวิธีการจดั การขอ๎ มูล และนาเสนอเคา๎
โครงงานวจิ ัยของตนเองในสาขาท่ีสนใจ
รวม 3 ผลการเรียนรู้
หลักสตู รสถานศึกษา โรงเรียนคณะราษฎรบารุง จงั หวดั ยะลา
ห น้ า | 124
คาอธบิ ายรายวชิ า โครงงานวิทยาศาสตร์ 1 รหสั วชิ า ว30290
รายวชิ าเพ่มิ เติม กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 ภาคเรียนท่ี 2
เวลาเรยี น 40 ชัว่ โมง ( 2 คาบ / สปั ดาห์ ) จานวน 1.0 หนว่ ยกิต
ศึกษาวิเคราะห์ ความหมายและคุณคําของการทาโครงงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประเภท
ของโครงงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิธีดาเนินการทาโครงงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ศึกษา
วเิ คราะหแ์ ละอภปิ รายตวั อยาํ งโครงงานเก่ียวกับ ชื่อเรื่อง บทคัดยํอ การออกแบบการทดลอง การอภิปราย
และสรุปผล การเขียนอ๎างอิง แนวคิดการดัดแปลง ขยาย เพ่ิมเติม จากโครงงานท่ีได๎ศึกษา กาหนดปัญหา
สืบค๎นข๎อมูล และเสนอแนวทางแก๎ปัญหาในเร่ืองที่สนใจเป็นพิเศษ นาเสนอเค๎าโครงของโครงงาน
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทาการทดลองเบ้ืองต๎น ศึกษาความปลอดภัยในห๎องปฏิบัติการและ
จรรยาบรรณในการใช๎สตั ว์ทดลอง
โดยใชก๎ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ การสบื เสาะหาความร๎ู การสารวจตรวจสอบ การสืบค๎นข๎อมูล
และการอภิปราย ทักษะด๎านการอําน การเขียน การคิดคานวณ มีทักษะด๎านการคิดอยํางมีวิจารณญาณ
และทักษะในการแก๎ปัญหา ทักษะด๎านการสร๎างสรรค์ ทักษะด๎านความรํวมมือ การทางานเป็นทีม และ
ภาวะผ๎นู า ทักษะดา๎ นคอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสอื่ สาร และทกั ษะการเรียนร๎ู
เพื่อให๎เกิดความรู๎ความเข๎าใจ เกิดทักษะทางวิทยาศาสตร์ มีความสามารถในการตัดสินใจ นา
ความรไ๎ู ปใช๎ในชีวิตประจาวนั มจี ิตวิทยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คณุ ธรรม และคาํ นิยมทเ่ี หมาะสม
ผลการเรียนรู้
1. อธบิ ายและบอกประเภทของโครงงานวทิ ยาศาสตรไ์ ด๎
2. บอกชอื่ เรื่องของโครงงานวทิ ยาศาสตร์ วางแผนและออกแบบการทดลองของโครงงาน
วทิ ยาศาสตร์ท่ีต๎องการศึกษาได๎
3. บอกเอกสารและแหลงํ ข๎อมลู ตาํ ง ๆ ของโครงงานวิทยาศาสตร์ได๎
4. บอกวสั ดอุ ุปกรณ์ และวิธีทดลอง หรอื วธิ กี ารศึกษาของโครงงานวิทยาศาสตร์ได๎
5. เขยี นเคา๎ โครงยอํ ของโครงงานวทิ ยาศาสตร์ได๎ครบทุกขั้นตอนได๎
รวม 5 ผลการเรยี นรู้
หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนคณะราษฎรบารงุ จงั หวดั ยะลา
ห น้ า | 125
คาอธิบายรายวชิ า โครงงานวิทยาศาสตร์ 1 รหสั วชิ า ว30290
รายวชิ าเพ่มิ เติม กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 ภาคเรยี นที่ 2
เวลาเรยี น 40 ชัว่ โมง ( 2 คาบ / สปั ดาห์ ) จานวน 1.0 หน่วยกติ
ศึกษาวิเคราะห์ ความหมายและคุณคําของการทาโครงงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประเภท
ของโครงงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิธีดาเนินการทาโครงงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ศึกษา
วเิ คราะหแ์ ละอภปิ รายตวั อยํางโครงงานเกี่ยวกับ ช่ือเรื่อง บทคัดยํอ การออกแบบการทดลอง การอภิปราย
และสรุปผล การเขียนอ๎างอิง แนวคิดการดัดแปลง ขยาย เพิ่มเติม จากโครงงานที่ได๎ศึกษา กาหนดปัญหา
สืบค๎นข๎อมูล และเสนอแนวทางแก๎ปัญหาในเรื่องท่ีสนใจเป็นพิเศษ นาเสนอเค๎าโครงของโครงงาน
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทาการทดลองเบ้ืองต๎น ศึกษาความปลอดภัยในห๎องปฏิบัติการและ
จรรยาบรรณในการใช๎สตั ว์ทดลอง
โดยใชก๎ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความร๎ู การสารวจตรวจสอบ การสืบค๎นข๎อมูล
และการอภิปราย ทักษะด๎านการอําน การเขียน การคิดคานวณ มีทักษะด๎านการคิดอยํางมีวิจารณญาณ
และทักษะในการแก๎ปัญหา ทักษะด๎านการสร๎างสรรค์ ทักษะด๎านความรํวมมือ การทางานเป็นทีม และ
ภาวะผ๎นู า ทักษะดา๎ นคอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสอื่ สาร และทกั ษะการเรยี นรู๎
เพื่อให๎เกิดความร๎ูความเข๎าใจ เกิดทักษะทางวิทยาศาสตร์ มีความสามารถในการตัดสินใจ นา
ความรไ๎ู ปใช๎ในชีวิตประจาวัน มจี ิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม คณุ ธรรม และคาํ นยิ มทเี่ หมาะสม
ผลการเรียนรู้
1. อธบิ ายและบอกประเภทของโครงงานวิทยาศาสตรไ์ ด๎
2. บอกชอื่ เรื่องของโครงงานวทิ ยาศาสตร์ วางแผนและออกแบบการทดลองของโครงงาน
วทิ ยาศาสตร์ท่ีต๎องการศึกษาได๎
3. บอกเอกสารและแหลงํ ข๎อมลู ตาํ ง ๆ ของโครงงานวทิ ยาศาสตรไ์ ด๎
4. บอกวสั ดอุ ุปกรณ์ และวิธีทดลอง หรือวธิ ีการศึกษาของโครงงานวทิ ยาศาสตรไ์ ด๎
5. เขยี นเคา๎ โครงยํอของโครงงานวิทยาศาสตร์ได๎ครบทุกข้ันตอนได๎
รวม 5 ผลการเรยี นรู้
หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรยี นคณะราษฎรบารุง จังหวดั ยะลา
ห น้ า | 126
คาอธิบายรายวิชา โลก ดาราศาสตร์และอวกาศ 1 รหัสวิชา ว30292
รายวิชาเพมิ่ เตมิ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรยี นที่ 1
เวลาเรยี น 40 ชวั่ โมง ( 2 คาบ / สปั ดาห์ ) จานวน 1.0 หน่วยกติ
ศึกษาเก่ียวกับวิทยาศาสตร์ โลก กระบวนการเปล่ียนแปลงของโลก ใช๎ความร๎ูเรื่องสมบัติทาง
กายภาพและทางเคมใี นการจาแนกแรแํ ละหิน ศกึ ษาการหาอายุทางธรณีวทิ ยา ตารางธรณีธาตุ และกลุํมหิน
ทีส่ าคญั ของประเทศไทย ศกึ ษาธรณีโครงสรา๎ งจากแนวแตก แนวเลื่อน หรือแนวโครงท่ีเกิดจากความเค๎นดึง
ความเค๎นบีบอัด และความเค๎นเฉือน แปลความหมายของแผนที่ภูมิประเทศ แผนท่ีธรณีวิทยา และแผนที่
อน่ื ๆ หาชั้นความสงู ประยุกต์ความร๎ูเกี่ยวกับแผนท่ีไปใช๎ประโยชน์ในชีวิตประจาวัน ศึกษาแหลํงทรัพยากร
พลังงาน ทรัพยากรโลหะ และทรัพยากรอโลหะ ประยุกต์ความร๎ูเร่ืองทรัพยากรไปใช๎ประโยชน์ในรูปแบบ
ตํางๆ ศึกษาเก่ียวกับแผํนดินไหว สึนามิ แผํนดินถลํม แผํนดินทรุด หลุมยุบ น้าทํวม และภัยแล๎ง ทาความ
เข๎าใจธรรมชาติของธรณพี บิ ัตเิ พ่ือเตรียมพร๎อมรับสถานการณ์
โดยใชก๎ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความร๎ู การสารวจตรวจสอบ การสืบค๎นข๎อมูล
และการอภิปราย ทักษะด๎านการอําน การเขียน การคิดคานวณ มีทักษะด๎านการคิดอยํางมีวิจารณญาณ
และทักษะในการแก๎ปัญหา ทักษะด๎านการสร๎างสรรค์ ทักษะด๎านความรํวมมือ การทางานเป็นทีม และ
ภาวะผนู๎ า ทักษะด๎านคอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสาร และทักษะการเรยี นรู๎
เพ่ือให๎เกิดความรู๎ความเข๎าใจ เกิดทักษะทางวิทยาศาสตร์ มีความสามารถในการตัดสินใจ นา
ความร๎ูไปใชใ๎ นชวี ติ ประจาวัน มจี ติ วทิ ยาศาสตร์ จริยธรรม คณุ ธรรม และคาํ นยิ มที่เหมาะสม
ผลการเรียนรู้
1. สืบคน๎ ข๎อมูล และอธิบายความหมายของวทิ ยาศาสตรโ์ ลก และกระบวนการตาํ งๆ ทาง
ธรณีวิทยาท่ีเกิดข้ึนทาให๎โลกมีการเปล่ียนแปลงตั้งแตํอดตี จนถงึ ปจั จบุ นั
2. สืบค๎นขอ๎ มูล อภิปราย และอธิบายความหมาย สมบตั แิ ละการเกิดแรแํ ละหิน การลาดบั ช้นั หิน
การแบํงลกั ษณะชน้ั หินออกเป็นหนํวยหนิ
3. สบื คน๎ อภิปราย และอธบิ ายเกยี่ วกับการแบงํ เวลาของโลกและการทาธรณปี ระวัติของโลก
4. ทดลอง อภปิ ราย และอธิบายการเปล่ียนลักษณะของธรณีโครงสรา๎ ง
5. สบื ค๎น และอภิปรายเก่ียวกับความหมายของสญั ลกั ษณ์ตาํ งๆ การสรา๎ งแผนทีภ่ มู ิประเทศ แผน
ทีธ่ รณวี ทิ ยา และแผนที่อนื่ ๆ รวมถงึ ประโยชน์ของแผนทด่ี งั กลําว
6. สืบคน๎ ข๎อมูล และอภิปรายเกีย่ วกับทรัพยากรธรณีของประเทศไทยกลมํุ ตํางๆ และการใช๎ประโยชน์
7. สบื คน๎ ข๎อมูล และอภปิ รายเก่ยี วกับแผนํ ดนิ ไหว สึนามิ แผนํ ดนิ ถลํม นา้ ทํวม สาเหตแุ ละการ
ปฏิบัติตนให๎ปลอดภยั จากการเกดิ ธรณีพบิ ัติภัยดังกลาํ ว
รวม 7 ผลการเรยี นรู้
หลกั สตู รสถานศึกษา โรงเรียนคณะราษฎรบารุง จงั หวัดยะลา
ห น้ า | 127
คาอธบิ ายรายวิชา โลก ดาราศาสตรแ์ ละอวกาศ 2 รหสั วิชา ว30293
รายวิชาเพ่มิ เตมิ กล่มุ สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 2
เวลาเรยี น 40 ชวั่ โมง ( 2 คาบ / สปั ดาห์ ) จานวน 1.0 หน่วยกติ
ศึกษาองค์ประกอบของอากาศ ชั้นบรรยากาศ แบบจาลองการหมุนเวียนของระบบลมโลก การ
หมุนเวียนของกระแสน้าในมหาสมุทร เมฆและการเกิดเมฆ เสถียรภาพของอากาศ การเกิดพายุฝนฟ้า
คะนองทอร์นาโด พายุหมุนเขตร๎อน การเกิดมรสุม อิทธิพลของมรสุมตํอประเทศไทย ปรากฏการเรือน
กระจก คล่ืนความร๎อน การตรวจอากาศ วิธีการพยากรณ์อากาศ แผนที่อากาศ แสงและสมบัติทางแสง สี
ของท๎องฟ้า ร๎ุง อาทิตย์ทรงกลด จันทร์ทรงกลดและมิราจ
โดยใช๎กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความร๎ู การสารวจตรวจสอบ การสืบค๎นข๎อมูล
และการอภิปราย ทักษะด๎านการอําน การเขียน การคิดคานวณ มีทักษะด๎านการคิดอยํางมีวิจารณญาณ
และทักษะในการแก๎ปัญหา ทักษะด๎านการสร๎างสรรค์ ทักษะด๎านความรํวมมือ การทางานเป็นทีม และ
ภาวะผนู๎ า ทักษะด๎านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสือ่ สาร และทักษะการเรยี นรู๎
เพ่ือให๎เกิดความรู๎ความเข๎าใจ เกิดทักษะทางวิทยาศาสตร์ มีความสามารถในการตัดสินใจ นา
ความรู๎ไปใช๎ในชีวิตประจาวนั มีจิตวทิ ยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คุณธรรม และคาํ นิยมท่ีเหมาะสม
ผลการเรียนรู้
1. สืบค๎นขอ๎ มลู วเิ คราะห์ อภิปราย และอธิบายเกย่ี วกบั องคป์ ระกอบของอากาศ การแบํงชนั้
บรรยากาศ และอิทธิพลของช้นั บรรยากาศท่ีมีตํอโลก
2. ทดลอง สืบคน๎ อภิปราย และอธิบายระบบลมของโลก พรอ๎ มระบปุ ัจจัยท่ีเก่ยี วข๎อง
3. ทดลอง สบื ค๎น อภิปราย และอธิบายการหมนุ เวียนของกระแสนา้ ในมหาสมทุ ร พร๎อมระบุ
ปัจจยั ทเ่ี กีย่ วข๎อง
4. ทดลอง สืบค๎น อภปิ ราย และอธบิ ายการเกดิ เมฆ เสถยี รภาพของอากาศ และแนวปะทะอากาศ
5. สืบคน๎ อภปิ ราย และอธิบายการเกิดพายฝุ นฟา้ คะนองทอรน์ าโด พายุหมนุ เขตร๎อน มรสมุ
ผลกระทบและแนวทางปฏบิ ตั ิตนใหป๎ ลอดภัยจากพายุตาํ งๆ
6. สบื ค๎น อภปิ ราย และอธิบายการเกิดความแปรปรวนของอากาศ และผลตํอสงิ่ มชี ีวิตและ
ส่งิ แวดล๎อม
7. สบื ค๎น อภปิ ราย และอธิบายการพยากรณ์อากาศ และลักษณะอากาศจากแผนทอ่ี ากาศ
8. ทดลอง สบื ค๎น อภิปราย และอธิบายปรากฏการณ์ทางแสงในท๎องฟา้
รวม 8 ผลการเรยี นรู้
หลักสตู รสถานศึกษา โรงเรียนคณะราษฎรบารงุ จงั หวัดยะลา
ห น้ า | 128
คาอธิบายรายวชิ า ฟิสกิ ส์เพิ่มเติม 1 รหสั วิชา ว31282
รายวิชาเพม่ิ เติม กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 ภาคเรยี นท่ี 1
เวลาเรยี น 80 ชั่วโมง ( 4 คาบ / สปั ดาห์ ) จานวน 2.0 หน่วยกิต
ศึกษาธรรมชาติของวิชาฟิสิกส์ ปริมาณกายภาพและหนํวย การวัด ความคลาดเคลื่อนในการวัด
และการทดลองในวิชาฟิสิกส์ การบอกตาแหนํงของวัตถุ ความสัมพันธ์ระหวํางปริมาณตํางๆที่เก่ียวข๎องกับ
การเคล่ือนท่ีแนวตรงด๎วยความเรํงคงตัว แรงและผลของแรงท่ีมีตํอสภาพการเคล่ือนท่ีของวัตถุ กฎการ
เคล่ือนท่ีของนิวตัน กฎแรงดึงดูดระหวํางมวล และแรงเสียดทาน การเคลื่อนท่ีแบบโพรเจกไทล์ การ
เคล่ือนท่แี บบวงกลมและการเคลอ่ื นที่แบบฮารม์ อนิกอยํางงาํ ย
โดยใช๎กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ การสบื เสาะหาความรู๎ การสารวจตรวจสอบ การสืบค๎นข๎อมูล
และการอภิปราย ทักษะด๎านการอําน การเขียน การคิดคานวณ มีทักษะด๎านการคิดอยํางมีวิจารณญาณ
และทักษะในการแก๎ปัญหา ทักษะด๎านการสร๎างสรรค์ ทักษะด๎านความรํวมมือ การทางานเป็นทีม และ
ภาวะผ๎นู า ทักษะด๎านคอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อื สาร และทกั ษะการเรียนร๎ู
เพ่ือให๎เกิดความร๎ูความเข๎าใจ เกิดทักษะทางวิทยาศาสตร์ มีความสามารถในการตัดสินใจ นา
ความรไ๎ู ปใช๎ในชีวติ ประจาวนั มีจิตวทิ ยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คณุ ธรรม และคํานิยมทเี่ หมาะสม
ผลการเรียนรู้
1. อธิบายเกย่ี วกับธรรมชาติของวิชาฟิสิกส์ ปรมิ าณกายภาพและหนํวยในระบบเอสไอ
2. อธบิ ายความสาคญั ของการทดลอง การวดั ปริมาณกายภาพตํางๆ และการบันทึกผลการวัด
3. อธบิ ายเกยี่ วกบั การเคลอื่ นท่แี นวตรง และปริมาณทเ่ี กี่ยวข๎อง
4. อธิบายความสัมพันธร์ ะหวาํ งการกระจัด ความเรว็ และความเรํงของการเคล่ือนที่ของวตั ถุในแนว
ตรงทมี่ ีความเรงํ คงตวั
5. อธิบายแรงและหาแรงลพั ธข์ องแรงหลายแรง
6. อธิบายกฎการเคลื่อนท่ขี องนวิ ตันและใชก๎ ฎการเคล่อื นท่ีของนวิ ตันอธิบายการเคลอ่ื นทขี่ องวตั ถุ
7. อธบิ ายกฎแรงดงึ ดดู ระหวาํ งมวล
8. อธิบายแรงเสียดทานระหวํางผิวสมั ผัสของวตั ถคุ หูํ นงึ่
9. วิเคราะห์และอธิบายการเคลอ่ื นท่ีแบบโพรเจกไทล์
10. วิเคราะห์และอธบิ ายการเคลอ่ื นท่ีแบบวงกลม
11. วิเคราะหแ์ ละอธบิ ายการเคลอื่ นที่แบบฮาร์มอนิกอยํางงาํ ย
รวม 11 ผลการเรยี นรู้
หลักสูตรสถานศกึ ษา โรงเรียนคณะราษฎรบารงุ จังหวัดยะลา
ห น้ า | 129
คาอธิบายรายวชิ า เคมีเพ่ิมเติม 1 รหัสวิชา ว31283
รายวิชาเพมิ่ เตมิ กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 ภาคเรียนที่ 1
เวลาเรียน 60 ชั่วโมง ( 3 คาบ / สัปดาห์ ) จานวน 1.5 หน่วยกิต
ศึกษาวิเคราะห์ โครงสร๎างอะตอม แบบจาลองอะตอมของดอลตัน ทอมสัน รัทเทอร์ฟอร์ด โบร์
แบบจาลองอะตอมแบบกลุํมหมอก ศึกษาอนุภาคมูลฐานของอะตอม เลขอะตอม เลขมวล ไอโซโทป พลังงาน
ไอออไนเซชัน การจัดอิเลก็ ตรอนในอะตอม ศกึ ษาและทดลองสเปกตรัมของธาตุและสารประกอบ ศึกษาสมบัติ
ธาตุ 20 ธาตุแรก การจัดธาตุเป็นหมวดหมูํของนักเคมียุคตํางๆ จนถึงตารางธาตุปัจจุบัน แนวโน๎มของสมบัติ
บางประการของธาตุตามตารางธาตุ การคานวณหาเลขออกซิเดชัน ศึกษาแรงยึดเหน่ียว ระหวํางอะตอมใน
โมเลกลุ การเกดิ พันธะไอออนิก พนั ธะโคเวเลนต์ ความยาวพนั ธะและการคานวณหาพลังงานพันธะ และพันธะ
โลหะ ศกึ ษาและทดสอบสมบตั ิของสารประกอบคลอไรด์ และออกไซดข์ องธาตุ สมบตั ิบางประการของธาตุตาม
หมูํและตามคาบ ปฏกิ ริ ิยาเคมขี องธาตแุ ละสารประกอบ หมูํ I, II, VII คาบที่ 2, 3 ธาตแุ ทรนซิชนั ธาตุไฮโดรเจน
ธาตุกัมมันตรังสีและการสลายตัวของธาตุกัมมันตรังสี ปฏิกิริยาฟิชชัน ปฏิกิริยาฟิวชัน ประโยชน์ของธาตุ
กมั มนั ตรังสีและอนั ตรายตํอมนุษย์ ธาตุและสารประกอบในสง่ิ มชี ีวิตและสง่ิ แวดล๎อม
โดยใช๎กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู๎ การสารวจตรวจสอบ การสืบค๎นข๎อมูล
และการอภิปราย ทักษะด๎านการอําน การเขียน การคิดคานวณ มีทักษะด๎านการคิดอยํางมีวิจารณญาณและ
ทักษะในการแก๎ปัญหา ทักษะด๎านการสร๎างสรรค์ ทักษะด๎านความรํวมมือ การทางานเป็นทีม และภาวะผู๎นา
ทกั ษะด๎านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสาร และทกั ษะการเรียนร๎ู
เพือ่ ใหเ๎ กิดความร๎ูความเขา๎ ใจ เกดิ ทกั ษะทางวิทยาศาสตร์ มีความสามารถในการตดั สนิ ใจ นาความรู๎ไป
ใชใ๎ นชีวติ ประจาวัน มจี ติ วิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม และคาํ นิยมท่ีเหมาะสม
ผลการเรยี นรู้
1. เปรยี บเทียบและอธบิ ายแบบจาลองอะตอมของดอลตนั ทอมสัน รทั เทอรฟ์ อรด์ โบร์ และแบบ
กลุํมหมอกได๎
2. เขียนและแปลความหมายสญั ลักษณ์นิวเคลยี ร์ของธาตุได๎
3. อธบิ ายผลการศึกษาทที่ าให๎นกั วิทยาศาสตร์เชอ่ื วําอเิ ลก็ ตรอนในอะตอมอยูํในระดบั พลังงาน
ตาํ งๆกนั ได๎
4. เขียนการจัดเรียงอเิ ลก็ ตรอนในออร์บทิ ัลเมือ่ ทราบเลขอะตอม รวมทง้ั สามารถระบุเลขหมํู เลขคาบ
และกลํุมของธาตุในตารางธาตุได๎
5. อธิบายแนวคิดของนักวิทยาศาสตร์ในยคุ ตาํ งๆเกีย่ วกับการจัดแบํงธาตุเป็นหมวดหมจํู นไดเ๎ ป็น
ตารางธาตุ พรอ๎ มทัง้ ระบปุ ัญหาของการจดั หมวดหมูธํ าตไุ ด๎
6. สรุปแนวโนม๎ สมบตั ติ าํ งๆของธาตุตามหมูํและตามคาบ ในเร่อื งเกีย่ วกับขนาดอะตอม รัศมีไอออน
พลังงานไอออนเนเซชัน อเิ ล็กโทรเนกาตาวีตี สมั พรรคภาพอเิ ลก็ ตรอน จดุ หลอมเหลวและจุดเดือด พรอ๎ มทง้ั
อธิบายเหตุผลประกอบ
หลกั สูตรสถานศกึ ษา โรงเรียนคณะราษฎรบารุง จงั หวดั ยะลา
ห น้ า | 130
7. คานวณเลขออกซิเดชันของธาตใุ นสารประกอบและไอออน รวมทัง้ สามารถเปรยี บเทยี บเลข
ออกซิเดชันของธาตุโลหะกับอโลหะได๎
8. บอกเหตผุ ลท่ีแสดงวาํ มีแรงยึดเหนยี่ วระหวาํ งอนภุ าคของสารหรือพันธะเคมีได๎
9. อธบิ ายการเกดิ พันธะโคเวเลนต์และระบุชนิดของพันธะโคเวเลนตใ์ นโมเลกุลได๎
10. เขียนสูตรและเรยี กชอ่ื สารโคเวเลนตไ์ ด๎
11. ใชค๎ วามรู๎เรื่องความยาวพนั ธะและพลงั งานพนั ธะระบชุ นิดของพันธะโคเวเลนต์ได๎
12. ใช๎คําพลังงานพนั ธะคานวณหาพลังงานทเ่ี ปล่ียนแปลงของปฏกิ ิรยิ าได๎
13. อธิบายโครงสรา๎ งของสารโคเวเลนต์ทมี่ ีโครงสรา๎ งเรโซแนนซ์ได๎
14. ทานายรูปราํ งโมเลกลุ โคเวเลนต์ และเขยี นแสดงด๎วยโครงสรา๎ งลิวอสิ ได๎
15. อธบิ ายสภาพข้วั และทศิ ทางของขวั้ ของพนั ธะโคเวเลนต์และของโมเลกลุ โคเวเลนต์ได๎
16. ระบชุ นดิ ของแรงยดึ เหน่ียวระหวาํ งโมเลกุลโคเวเลนต์ รวมท้ังอธบิ ายความสมั พันธร์ ะหวํางแรงยดึ
เหน่ียวระหวาํ งโมเลกุลกับจุดหลอมเหลวและจุดเดือดของสารโคเวเลนต์ได๎
17. บอกสมบตั ทิ ีแ่ ตกตํางกนั ของสารโคเวเลนต์ประเภทโมเลกุลไมมํ ี โมเลกลุ มีขวั้ และโครงผลกึ ราํ ง
ตาขาํ ยได๎
18. อธบิ ายเก่ยี วกบั กฎออกเตด การเกิดไอออน การเกิดไอออนิกและโครงสรา๎ งของสารประกอบไอ
ออนกิ ได๎
19. เขยี นสตู รและเรยี กชื่อสารประกอบไอออนิกได๎
20. อธบิ ายการเปลีย่ นแปลงพลังงานกบั การเกิดสารประกอบไอออนกิ และสมบตั บิ างประการของ
สารประกอบไอออนิกได๎
21. เขียนสมการไอออนกิ และสมการไอออนิกสุทธิได๎
22. อธบิ ายการเกดิ พนั ธะโลหะและใชค๎ วามรเู๎ รอื่ งพนั ธะโลหะอธิบายสมบัตขิ องโลหะได๎
23. สรปุ สมบตั ิตาํ งๆของธาตุและสารประกอบของธาตตุ ามหมแูํ ละตามคาบเกย่ี วกบั จุดหลอมเหลว
จุดเดือด ความเปน็ กรด-เบสของสารประกอบคลอไรดแ์ ละออกไซด์ การละลายน้า และเลขออกซเิ ดชนั พร๎อม
อธิบายเหตผุ ลประกอบได๎
24. เปรยี บเทียบสมบัตขิ องธาตุทรานซิชันกับธาตุหมํู IA IIA IIIA และพวกธาตกุ ่ึงโลหะได๎
25. เปรียบเทยี บสมบตั ขิ องสารประกอบของธาตทุ รานซิชันกบั สารประกอบของหมํู IA IIA IIIAได๎
26. อธิบายสมบตั ขิ องธาตกุ มั มันตรงั สีและเขียนสมการแสดงปฏิกริ ยิ านิวเคลยี ร์บางปฏิกิรยิ าได๎
27. อธิบายการเกิดปฏกิ ริ ิยาฟิชชัน ปฏิกิริยาฟิวชนั ปฏิกิรยิ าลูกโซํ และการนาปฏกิ ิริยาดงั กลาํ วไปใช๎
ประโยชน์ได๎
28. บอกประโยชน์และโทษของธาตุหมูํ IA IIA IIIA ธาตุทรานซชิ ันและธาตกุ ัมมนั ตรังสีได๎
รวม 28 ผลการเรยี นรู้
หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนคณะราษฎรบารุง จงั หวัดยะลา
ห น้ า | 131
คาอธบิ ายรายวชิ า เคมีเพ่ิมเตมิ 2 รหัสวิชา ว31284
รายวิชาเพมิ่ เติม กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 ภาคเรียนที่ 2
เวลาเรียน 60 ชว่ั โมง ( 3 คาบ / สัปดาห์ ) จานวน 1.5 หน่วยกติ
ศกึ ษาวเิ คราะห์ สบื คน๎ ข๎อมูล ความหมายของอะตอม มวลโมเลกุล เพ่ือนาไปสํูความหมายของโมล
และความสัมพันธ์ระหวํางโมลกับปริมาณของสาร ศึกษาองค์ประกอบของความเข๎มข๎นและสมบัติของ
สารละลาย ฝึกปฏิบัติการและคานวณหาความเข๎มข๎นของสารละลาย ศึกษาสมบัติในการเพ่ิมขึ้นของจุด
เดือด และการลดลงของจุดเยือกแข็งของสารละลาย ศึกษาสมบัติของระบบปิด และระบบเปิด ศึกษาและ
คานวณเก่ียวกับกฎทรงมวล กฎสัดสํวนคงท่ี กฎของเกย์ลูสแซก และกฎของอาโวกาโดร เพื่อนาไปสูํการ
เขียนสูตรเคมี คานวณหาสูตรเอมพิริคัล สูตรโมเลกุลเพ่ือนาไปสํูการเขียนและดุลสมการเคมี และฝึก
คานวณหาปรมิ าณของสารในสมการเคมี ศึกษาการเปล่ียนแปลงพลังงานของระบบ ทดลองและคานวณหา
ความสัมพันธ์ของอุณหภูมิความดัน และปริมาณของก๏าซ ศึกษาการแพรํของแก็ส การระเหย การเดือด
ทดลองการเปรียบเทียบความดันไอของของเหลว ศึกษาการหลอมเหลว การระเหิด การจัดเรียง อนุภาค
ของของแข็ง ศึกษาทฤษฎจี ลน์ของแก็ส และเทคโนโลยีเกี่ยวกับของของแข็ง ของเหลว แก๏ส ศึกษาเกี่ยวกับ
การเปลย่ี นแปลงผันกลบั ได๎ สมดลุ เคมี ภาวะสมดลุ ของสารในระบบ การเปล่ียนแปลงของระบบหลังการถูก
รบกวน การปรบั ตวั เข๎าสํสู มดลุ ใหมํ การคานวณหาปรมิ าณสารในระบบท่ีสมดุลใหมํ หลักของเลอชาเตอริเอ
และการนาหลักไปใชใ๎ นอตุ สาหกรรมเพือ่ ให๎เกิดประโยชน์ในการเพิม่ ผลผลติ
โดยใชก๎ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความร๎ู การสารวจตรวจสอบ การสืบค๎นข๎อมูล
และการอภิปราย ทักษะด๎านการอําน การเขียน การคิดคานวณ มีทักษะด๎านการคิดอยํางมีวิจารณญาณ
และทักษะในการแก๎ปัญหา ทักษะด๎านการสร๎างสรรค์ ทักษะด๎านความรํวมมือ การทางานเป็นทีม และ
ภาวะผ๎ูนา ทกั ษะดา๎ นคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สาร และทักษะการเรียนรู๎
เพ่ือให๎เกิดความรู๎ความเข๎าใจ เกิดทักษะทางวิทยาศาสตร์ มีความสามารถในการตัดสินใจ นา
ความร๎ไู ปใชใ๎ นชีวิตประจาวนั มีจติ วทิ ยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม และคํานยิ มท่ีเหมาะสม
ผลการเรียนรู้
1. ศึกษาหาความหมาย หาความสัมพันธ์และคานวณเกย่ี วกับมวลอะตอม มวลโมเลกลุ จานวน
โมล จานวนอนุภาค มวลและปรมิ าตรของแกส๏ ท่ี STP
2. สืบคน๎ ขอ๎ มลู เก่ียวกบั ความเข๎มขน๎ ของสารละลายในหนํวยงานตํางๆเชนํ โมลาริตี โมแลลริตี
การเตรยี มสารละลายตามความเข๎มทีก่ าหนด สืบค๎นขอ๎ มูล อภิปรายสมบตั ิบางประการของสารละลายที่
แตกตํางจาก สารบริสุทธิ์ ความสัมพันธ์ของจดุ เยือกแข็งและจดุ เดือด
3. ศึกษาหาความสัมพนั ธ์ และคานวณเก่ยี วกบั มวลเปน็ รอ๎ ยละของธาตุ องคป์ ระกอบจากสูตร
คานวณหาสูตรเอมพิริคลั สตู รโมเลกุล เขียนและดุลสมการเคมี เพื่อทราบสารต้ังต๎นและผลิตภัณฑ์
หลกั สตู รสถานศกึ ษา โรงเรียนคณะราษฎรบารุง จงั หวดั ยะลา
ห น้ า | 132
4. สบื คน๎ ขอ๎ มลู เกย่ี วกับปริมาณสมั พนั ธ์ของสารทุกสารที่ปรากฏในสมการเคมีทีด่ ุลแลว๎ ปริมาณ
สมั พันธข์ องสารสามารถใช๎การคานวณหาจานวนอนุภาค มวล โมล ปริมาตร บอกปริมาณสัมพันธข์ องสาร
กาหนดปรมิ าณสมการในสมการเคมี และสมการเคมีท่เี ก่ียวข๎องมากกวาํ หน่งึ สมการ
5. สบื คน๎ ขอ๎ มูลเก่ยี วกบั สมบัตขิ องของแข็ง การจัดเรียงอนุภาค ชนิดของผลึก การเปลี่ยนสถานะ
ของของแข็ง
6. สบื ค๎นข๎อมลู ของของเหลวที่แตกตาํ งจากสถานะอื่น ระบุความสมั พนั ธ์ของความดันไปกบั จุด
เดอื ดของของเหลว
7. อภปิ รายสมบตั ิของแก๏สท่ีแตกตาํ งจากสารในสถานะอ่นื ๆ สมบัตขิ องแกส๏ ท่ีอธิบายได๎ดว๎ ยทฤษฎี
จลน์ของแกส๏ กฎของแกส๏ ตาํ งๆ
8. อธบิ ายความหมายของสมดลุ เคมี การเปลี่ยนแปลงทผ่ี ันกลบั ได๎ ภาวะสมดุล สมดลุ ในปฏกิ ริ ิยา
เคมไี ด๎
9. หาความสมั พนั ธ์ระหวาํ งความเขม๎ ขน๎ ของสารตํางๆ ณ ภาวะสมดลุ และคําคงทสี่ มดุลเคมีได๎
10. อธบิ ายการเปลย่ี นภาวะสมดลุ ตามหลกั ของเลอชาเตอลิเอ และใช๎หลักของเลอชาเตอลิเอเพอ่ื
อธบิ ายปฏกิ ริ ยิ าทใี่ ช๎ในอุตสาหกรรมได๎
รวม 10 ผลการเรียนรู้
หลกั สูตรสถานศกึ ษา โรงเรียนคณะราษฎรบารงุ จงั หวดั ยะลา
ห น้ า | 133
คาอธบิ ายรายวชิ า ฟิสกิ สเ์ พ่ิมเตมิ 2 รหสั วิชา ว31285
รายวิชาเพมิ่ เติม กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 4 ภาคเรียนท่ี 2
เวลาเรียน 80 ชัว่ โมง ( 4 คาบ / สปั ดาห์ ) จานวน 2.0 หนว่ ยกติ
ศกึ ษาหลักการของกลศาสตร์ในเร่อื ง งาน พลังงาน ความสัมพันธ์ระหวํางงานและพลังงานจลน์ กฎ
การอนรุ ักษพ์ ลงั งาน กาลังเครอ่ื งกลอยํางงํายและประสิทธิภาพของเคร่ืองกล โมเมนตัม การชนกันของวัตถุ
และกฎการอนุรักษ์โมเมนตัม การเคล่ือนท่ีแบบหมุน ทอร์กและผลของทอร์กท่ีมีตํอสภาพการหมุน สภาพ
สมดลุ และเงือ่ นไขทีท่ าให๎เกิดสมดลุ สภาพยืดหยํุนของวัตถุและมอดรุ สั
โดยใช๎กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสบื เสาะหาความร๎ู การสารวจตรวจสอบ การสืบค๎นข๎อมูล
และการอภิปราย ทักษะด๎านการอําน การเขียน การคิดคานวณ มีทักษะด๎านการคิดอยํางมีวิจารณญาณ
และทักษะในการแก๎ปัญหา ทักษะด๎านการสร๎างสรรค์ ทักษะด๎านความรํวมมือ การทางานเป็นทีม และ
ภาวะผ๎นู า ทักษะดา๎ นคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสือ่ สาร และทกั ษะการเรียนร๎ู
เพื่อให๎เกิดความร๎ูความเข๎าใจ เกิดทักษะทางวิทยาศาสตร์ มีความสามารถในการตัดสินใจ นา
ความรู๎ไปใชใ๎ นชวี ิตประจาวนั มจี ติ วิทยาศาสตร์ จริยธรรม คณุ ธรรม และคาํ นิยมทเี่ หมาะสม
ผลการเรียนรู้
1. อธบิ ายและวิเคราะห์งานของแรงตาํ งๆ
2. อธิบายพลังงาน พลังงานจลน์ พลังงานศักย์ และความสัมพนั ธ์ระหวํางงานและพลงั งาน
3. อธิบายและใชก๎ ฎการอนุรักษพ์ ลังงานกล วิเคราะหก์ ารเคล่ือนท่ใี นสถานการณ์ตาํ งๆ
4. อธิบายการทางานของเครื่องกลอยํางงาํ ย
5. อธบิ ายโมเมนตัม และความสัมพันธ์ระหวาํ งแรงและโมเมนตัมทีเ่ ปลย่ี นไป
6. อธิบายการชนของวัตถุ กฎการอนุรักษโ์ มเมนตมั และวิเคราะห์การชนกันของวตั ถุ
7. อธบิ ายการเคล่อื นทแ่ี บบหมุน และความสัมพนั ธ์ของปรมิ าณทเ่ี ก่ียวขอ๎ งกบั การหมนุ
8. อธิบายทอรก์ โมเมนตค์ วามเฉื่อย และความสัมพนั ธ์ระหวาํ งทอร์กกบั โมเมนต์ความเฉ่ือย
9. อธบิ ายโมเมนตัมเชิงมมุ และกฎการอนรุ กั ษ์โมเมนตมั เชิงมมุ
10. อธบิ ายพลงั งานจลของการหมนุ ของวตั ถุท่มี ีการเคลื่อนทีแ่ บบหมุน
11. อธิบายสภาพสมดุลของวัตถุ และวเิ คราะห์สภาพสมดลุ ตามเง่อื นไขของสมดุล
12. อธิบายผลของแรงคคํู วบ โมเมนต์ของแรงคูํควบท่มี ีตํอสมดุลของวัตถุ
13. อธิบายสภาพการเคล่ือนทข่ี องวตั ถุ และผลของแรงทก่ี ระทาตํอวัตถุมีความเก่ียวข๎องกบั
ศูนย์กลางมวลและศนู ยถ์ ํวงของวัตถุ
14. อธบิ ายการได๎เปรียบเชิงกลของเครอ่ื งกลอยาํ งงําย
15. อธบิ ายสภาพยดื หยนํุ ของของแข็งและมอดรุ สั ของยัง
รวม 15 ผลการเรียนรู้
หลกั สูตรสถานศกึ ษา โรงเรยี นคณะราษฎรบารุง จงั หวดั ยะลา
ห น้ า | 134
คาอธบิ ายรายวิชา ปฏบิ ัติการทางวทิ ยาศาสตร์ 1 รหสั วชิ า ว31288
รายวิชาเพม่ิ เตมิ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 ภาคเรียนท่ี 1
เวลาเรียน 40 ช่วั โมง ( 2 คาบ / สปั ดาห์ ) จานวน 1.0 หนว่ ยกติ
ศึกษา วิเคราะห์ ต้ังคาถามที่กาหนดประเด็นหรือตัวแปรท่ีสาคัญในการสารวจตรวจสอบ หรือ
ศึกษาค๎นคว๎าเร่ืองที่สนใจได๎อยํางครอบคลุม และเช่ือถือได๎ สร๎างสมมติฐานท่ีสามารถตรวจสอบได๎และวาง
แผนการสารวจตรวจสอบหลายๆ วิธี เลือกเทคนิควิธีการท่ีได๎ผลเที่ยงตรงและปลอดภัย มีความเข๎าใจ
เก่ียวกับวิธีการทางวิทยาศาสตร์และอธิบายทักษะกระบวนการ การใช๎อุปกรณ์หรือเครื่องมือในการทา
ปฏิบัติการ และวัดปริมาณตํางๆได๎อยํางเหมาะสม เพื่อให๎เกิดการเรียนร๎ูกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ มี
คุณสมบัติและจรรยาบรรณวิทยาศาสตร์ มีความสามารถในการตัดสินใจ มีจิตวิทยาศาสตร์ คุณธรรม
จรยิ ธรรมและคุณลกั ษณะทพี่ ึงประสงค์
ผลการเรียนรู้
1. มีเจตคติทางวิทยาศาสตร์ และมเี จตคตทิ ่ีดตี ํอวทิ ยาศาสตร์
2. มคี วามเขา๎ ใจเกยี่ วกับวิธีการทางวิทยาศาสตรแ์ ละอธบิ ายทกั ษะกระบวนการ
3. ทาการทดลองทางวิทยาศาสตร์ในเชิงฟสิ กิ ส์ เคมี ชีววิทยา
4. มีความรคู๎ วามเข๎าใจและทักษะการใช๎ห๎องปฏิบตั ิการทางวทิ ยาศาสตร์
5. การใช๎อุปกรณ์หรอื เครือ่ งมือในการทาปฏบิ ตั กิ าร และวัดปริมาณตํางๆได๎อยาํ งเหมาะสม
6. อธบิ ายโครงสร๎างและหน๎าทีข่ องเซลล์
7. ทดลองและอธบิ ายความสัมพันธ์ระหวํางตาแหนงํ การกระจัด ความเรว็ และความเรํง ของการ
เคล่อื นที่ของวตั ถุ
8. จดบนั ทกึ ผลการทดลองและเขยี นรายงานการปฏบิ ัติการทดลองไดถ๎ ูกต๎อง
รวม 8 ผลการเรียนรู้
หลกั สตู รสถานศึกษา โรงเรียนคณะราษฎรบารุง จงั หวัดยะลา
ห น้ า | 135
คาอธิบายรายวิชา ชวี วทิ ยาเพม่ิ เติม 1 รหัสวชิ า ว31289
รายวชิ าเพิ่มเตมิ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 4 ภาคเรยี นท่ี 1
เวลาเรยี น 60 ชัว่ โมง ( 3 คาบ / สปั ดาห์ ) จานวน 1.5 หน่วยกิต
ศึกษาเก่ยี วกบั ลักษณะท่ีสาคัญของส่ิงมีชีวติ การใชความรูและกระบวนการทางชีววทิ ยาทเ่ี ปน ประโย
ชน ตอมนุษยและส่ิงแวดลอม การศึกษาชีววิทยาโดยใชวิธีการทางวิทยาศาสตรและการนาความรู เก่ียวกับ
ชีววทิ ยามาประยุกตใชในชีวิตประจาวัน ศึกษา โครงสรางและหนาที่ของสวนที่หอหุมเซลล ไซโทพลาซึม และ
นวิ เคลียสที่ศึกษาดวยกลองจลุ ทรรศน การลาเลียงสารผานเซลล การรักษาดุลยภาพของเซลล การสื่อสารระหว
างเซลล การเปล่ียนแปลงสภาพของเซลล และการชราภาพของเซลล ศึกษาโครงสรางและการทางานของ
ระบบยอยอาหารในรางกายของสัตวและมนุษย การสลายสารอาหารระดับเซลลเพื่อใหไดพลังงานในรูปของ
ATP ศึกษาเก่ียวกับดุลยภาพของชีวิตและการดารงชีวิต การรักษาดุลยภาพในรางกายของสัตวและมนุษย
ศึกษาโครงสรางและการทางานของระบบหายใจ ระบบขับถาย ระบบหมุนเวียนเลือด ระบบน้าเหลือง และ
ระบบภูมิคุมกนั การนาความรูท่ีเปนประโยชนมาใชในการดูแลรกั ษาสุขภาพของรางกาย
โดยใช๎กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู๎ การสารวจตรวจสอบ การสืบค๎นข๎อมูล
และการอภิปราย ทักษะด๎านการอําน การเขียน การคิดคานวณ มีทักษะด๎านการคิดอยํางมีวิจารณญาณและ
ทักษะในการแก๎ปัญหา ทักษะด๎านการสร๎างสรรค์ ทักษะด๎านความรํวมมือ การทางานเป็นทีม และภาวะผ๎ูนา
ทักษะดา๎ นคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สาร และทกั ษะการเรียนรู๎
เพ่อื ใหเ๎ กดิ ความรู๎ความเข๎าใจ เกดิ ทกั ษะทางวทิ ยาศาสตร์ มคี วามสามารถในการตดั สินใจ นาความร๎ูไป
ใชใ๎ นชีวติ ประจาวนั มจี ิตวทิ ยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คุณธรรม และคาํ นิยมท่เี หมาะสม
ผลการเรยี นรู้
1. สืบคนขอมลู และอธบิ ายเกี่ยวกับลักษณะทีส่ าคัญของสง่ิ มชี ีวติ
2. อธิบายและสรปุ เกยี่ วกบั กระบวนการทางชีววิทยาทเี่ ปนประโยชนตอมนุษยและสง่ิ แวดลอม
3. นาวิธีการทางวทิ ยาศาสตร์มาออกแบบการทดลอง ทดลองอภปิ รายและสรปุ เกยี่ วกบั ชีววิทยา
4. สบื คนขอมลู อภปิ ราย และอธิบายโครงสรางและหนาท่ีของสวนประกอบภายในเซลลท่ีศึกษาด๎วย
กลองจุลทรรศน
5. อภปิ รายและสรุปเก่ยี วกบั การส่ือสารระหวางเซลลการเปลี่ยนแปลงสภาพของเซลลและการชรา
ภาพของเซลล
6. สืบคนขอมูล อภปิ ราย และสรปุ เกีย่ วกบั โครงสรางและการทางานของระบบยอยอาหาร และ การ
สลายสารอาหารระดบั เซลลในรางกายของสัตวและมนุษย
7. สบื คนขอมูล ทดลองอภิปรายและสรุปเกย่ี วกับการรักษาดลุ ยภาพของรางกายสัตวและมนุษย โดย
การทางานของระบบหายใจ ระบบขบั ถาย ระบบหมนุ เวยี นเลือด ระบบนา้ เหลอื ง และ ระบบภูมคิ ุมกัน
8. สบื คนขอมลู อภิปรายและนาความรเู กีย่ วกับชีววทิ ยามาประยุกตใชในชวี ิตประจาวนั
รวม 8 ผลการเรียนรู้
หลกั สูตรสถานศกึ ษา โรงเรยี นคณะราษฎรบารุง จังหวัดยะลา
ห น้ า | 136
คาอธบิ ายรายวิชา ชีววิทยาเพ่ิมเตมิ 1 รหัสวชิ า ว31290
รายวชิ าเพม่ิ เติม กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 4 ภาคเรยี นที่ 2
เวลาเรียน 60 ช่วั โมง ( 3 คาบ / สัปดาห์ ) จานวน 1.5 หน่วยกติ
ศึกษา โครงสรางและอวัยวะที่ใชในการเคล่ือนที่ของสิ่งมีชีวิตเซลลเดียวของสัตวและมนุษย ศึกษา
ระบบประสาท และอวัยวะรบั ความรูสกึ การรบั รูและตอบสนองของสิ่งมชี วี ิตเซลลเดียว ของสัตวและมนุษย
เซลล ประสาทและการทางานของเซลลประสาท สมองและไขสนั หลงั ท่เี ปนศูนยควบคุมระบบประสาท การ
ทางานของระบบประสาทโซมาติกและระบบประสาทอัตโนวัติ โครงสรางและการทางานของอวัยวะ รับ
ความรูสึกที่เก่ียวกับนัยนตากับการมองเห็น หูกับการไดยิน จมูกกับการดมกลิ่น ลิ้นกับการรับรส และ
ผวิ หนังกบั การรบั ความรูสึก ศึกษาระบบตอมไรทอโครงสรางและการทางานของตอมไรทอ ฮอรโมนจาก ต
อมไรทอและอวัยวะที่สาคัญ การรักษาดุลยภาพของรางกายดวยฮอรโมนและฟโรโมนในสัตว ศึกษา
พฤติกรรมของสัตว กลไกการเกิดพฤติกรรมของสัตว พฤติกรรมเปนมาแตกาเนิดและพฤติกรรมเรียนรู
ความสมั พันธระหวางพฤติกรรมกับพฒั นาการของระบบประสาท การสือ่ สารระหวางสัตวโดยการใชเสียง ท
าทาง และสารเคมี ศึกษาโครงสรางและการทางานของระบบสืบพันธุและการเจริญเติบโต ของสัตวและ
มนุษย์
โดยใชก๎ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความร๎ู การสารวจตรวจสอบ การสืบค๎นข๎อมูล
และการอภิปราย ทักษะด๎านการอําน การเขียน การคิดคานวณ มีทักษะด๎านการคิดอยํางมีวิจารณญาณ
และทักษะในการแก๎ปัญหา ทักษะด๎านการสร๎างสรรค์ ทักษะด๎านความรํวมมือ การทางานเป็นทีม และ
ภาวะผูน๎ า ทักษะดา๎ นคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สาร และทกั ษะการเรียนรู๎
เพื่อให๎เกิดความรู๎ความเข๎าใจ เกิดทักษะทางวิทยาศาสตร์ มีความสามารถในการตัดสินใจ นา
ความร๎ูไปใช๎ในชีวิตประจาวนั มีจติ วทิ ยาศาสตร์ จริยธรรม คณุ ธรรม และคาํ นิยมทีเ่ หมาะสม
ผลการเรียนรู้
1. สืบคนขอมูล ทดลอง อภปิ ราย และสรุปเกีย่ วกบั การเคลื่อนทีข่ องสง่ิ มีชีวิต
2. สบื คนขอมลู ทดลอง อภิปรายและสรุปเกย่ี วกบั การทางานของระบบประสาทและอวัยวะรบั
ความรูสกึ
3. สืบคนขอมลู อภิปรายและสรุปเกีย่ วกับการทางานของระบบตอมไรทอในรางกาย
4. สบื คนขอมลู ทดลองอภปิ รายและสรปุ เกี่ยวกบั พฤตกิ รรมของสัตว
5.สืบคนขอมลู อภปิ ราย และสรปุ เกย่ี วกบั โครงสรางและการทางานของระบบสืบพันธุและการ
เจริญเตบิ โตของสัตวและมนุษย
รวม 5 ผลการเรยี นรู้
หลกั สูตรสถานศกึ ษา โรงเรียนคณะราษฎรบารุง จังหวดั ยะลา
ห น้ า | 137
คาอธบิ ายรายวชิ า ปฏิบัตกิ ารทางวิทยาศาสตร์ 2 รหัสวิชา ว31291
รายวิชาเพมิ่ เตมิ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 ภาคเรียนที่ 1
เวลาเรยี น 40 ชวั่ โมง ( 2 คาบ / สัปดาห์ ) จานวน 1.0 หน่วยกิต
ศึกษา วิเคราะห์ ตั้งคาถามที่กาหนดประเด็นหรือตัวแปรที่สาคัญในการสารวจตรวจสอบ หรือ
ศึกษาค๎นคว๎าเรื่องที่สนใจได๎อยํางครอบคลุม และเชื่อถือได๎ สร๎างสมมติฐานท่ีสามารถตรวจสอบได๎และวาง
แผนการสารวจตรวจสอบหลายๆ วิธี เลือกเทคนิควิธีการที่ได๎ผลเท่ียงตรงและปลอดภัย มีเจตคติทาง
วิทยาศาสตร์ และมีเจตคติท่ีดีตํอวิทยาศาสตร์ ทาการทดลองทางวิทยาศาสตร์ในเชิงฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา
คานวณความเข๎มข๎นของสารละลายในหนํวยตํางๆ เพื่อให๎เกิดความร๎ูความคิด ความเข๎าใจ สามารถสื่อสาร
สง่ิ ทเี่ รยี นรมู๎ คี วามสามารถในการตดั สนิ ใจ นาความรู๎ไปใช๎ในชีวิตประจาวัน จริยธรรม คุณธรรมและคํานิยม
ทเี่ หมาะสม
ผลการเรยี นรู้
1. มเี จตคติทางวิทยาศาสตร์ และมเี จตคตทิ ่ีดตี อํ วิทยาศาสตร์
2. มคี วามเขา๎ ใจเกีย่ วกบั วธิ กี ารทางวิทยาศาสตร์และอธิบายทักษะกระบวนการ
3. ทาการทดลองทางวิทยาศาสตรใ์ นเชิงฟสิ กิ ส์ เคมี ชีววทิ ยา
4. มคี วามร๎คู วามเข๎าใจและทักษะการใชห๎ ๎องปฏบิ ัติการทางวทิ ยาศาสตร์
5. อธบิ ายและสรุปเกี่ยวกับการถํายทอดลักษณะทางพันธุกรรมและเปรียบเทียบลักษณะที่แปรผัน
ทางพนั ธกุ รรม
6. นาความร๎กู ารถาํ ยทอดทางพันธุกรรม การถํายทอดยีนและโครโมโซมไปประยุกต์ใช๎ได๎
7. คานวณความเข๎มข๎นของสารละลายในหนํวยตํางๆ
8. อธิบายวิธีการและเตรียมสารละลายให๎มคี วามเข๎มขน๎ ในหนํวยโมลาริตี และปริมาตรสารละลาย
9. ทดลอง และอธิบายความสมั พันธ์ระหวาํ งแรงสูํศนู ย์กลาง รศั มขี องการเคล่ือนท่ี อัตราเร็วเชิง
เสน๎ อัตราเร็วเชงิ มุม และมวลของวตั ถุ
10. ทดลอง อธิบาย และคานวณปริมาณตํางๆ ท่ีเก่ียวข๎องกับการชนของวัตถุในหน่ึงมิติทั้งแบบ
ยืดหยนํุ ไมํ ยืดหยํนุ และการดีดตัวแยกจากกันในหนงึ่ มิติ ซึง่ เปน็ ไปตามกฎการอนุรักษโ์ มเมนตมั
รวม 10 ผลการเรยี นรู้
หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรยี นคณะราษฎรบารงุ จังหวัดยะลา
ห น้ า | 138
คาอธิบายรายวิชา คอมพวิ เตอร์ 1 รหัสวิชา ว31293
รายวชิ าเพ่ิมเติม กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 4 ภาคเรยี นท่ี 1
เวลาเรยี น 40 ช่ัวโมง ( 2 คาบ / สปั ดาห์ ) จานวน 1.0 หน่วยกิต
ศึกษาเก่ียวกับพ้ืนฐานการใช๎โปรแกรม Adobe Photoshop CS5 สํวนประกอบของ Adobe
Photoshop CS5 เครื่องมอื ตําง ๆ สามารถใช๎งานโปรแกรม Adobe Photoshop CS5 ในการสร๎างช้ินงาน
ได๎อยํางเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ และนาความร๎ูและทักษะกระบวนการทางคอมพิวเตอร์มาใช๎ในการ
พฒั นาโครงงานคอมพวิ เตอร์ได๎อยํางสร๎างสรรค์
โดยใช๎กระบวนการคิดวิเคราะห์ กระบวนการปฏิบัติ เพ่ือให๎เกิดความรู๎ เกิดทักษะการปฏิบัติเห็น
คุณคํา การใชง๎ านโปรแกรมAdobe Photoshop CS5 ในการสร๎างช้ินงานได๎อยํางมีประสิทธิภาพ มีคุณธรรม
และจรยิ ธรรม
ผลการเรยี นรู้
1. อธิบายความร๎ูพ้ืนฐานและสวํ นประกอบของโปรแกรม Adobe Photoshop CS5
2. บอกสํวนประกอบของโปรแกรม Adobe Photoshop CS5 ได๎
3. บอกความหมายและใช๎เครื่องมอื ในโปรแกรม Adobe Photoshop CS5 ได๎
4. สามารถประยุกต์ใช๎โปรแกรม Adobe Photoshop CS5 ในการสร๎างช้ินงานได๎อยํางมี
ประสทิ ธภิ าพได๎
รวม 4 ผลการเรยี นรู้
หลกั สูตรสถานศึกษา โรงเรียนคณะราษฎรบารุง จังหวัดยะลา
ห น้ า | 139
คาอธิบายรายวชิ า คอมพิวเตอร์ 2 รหัสวิชา ว31294
รายวชิ าเพ่ิมเตมิ กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 4 ภาคเรียนที่ 2
เวลาเรยี น 40 ชั่วโมง ( 2 คาบ / สปั ดาห์ ) จานวน 1.0 หนว่ ยกติ
ศกึ ษาเกี่ยวกบั พนื้ ฐานการใช๎โปรแกรม Ulead Video Studio11 เบื้องต๎น เคร่ืองมือตําง ๆ ความรู๎
พ้ืนฐานในการสร๎างงานกราฟฟิก การตัดตํอวีดีโอ สํวนประกอบของ Ulead Video Studio เคร่ืองมือ
ตําง ๆ สามารถใช๎งานโปรแกรม Ulead Video Studio11 ในการสร๎างชิ้นงานได๎อยํางเหมาะสมและมี
ประสิทธิภาพ และนาความรู๎และทักษะกระบวนการทางคอมพิวเตอร์มาใช๎ในการพัฒนาโครงงาน
คอมพวิ เตอร์ไดอ๎ ยาํ งสร๎างสรรค์
โดยใช๎กระบวนการคิดวิเคราะห์ กระบวนการปฏิบัติ เพ่ือให๎เกิดความรู๎ เกิดทักษะการปฏิบัติเห็น
คุณคํา การใช๎งานโปรแกรม Ulead Video Studio11 ในการสร๎างชิ้นงานได๎อยําง มีประสิทธิภาพมี
คุณธรรมและจริยธรรม
ผลการเรยี นรู้
1. อธบิ ายความร๎พู ้ืนฐานและสวํ นประกอบของโปรแกรม Ulead Video Studio11ได๎
2. บอกสวํ นประกอบของโปรแกรม Ulead Video Studio11ได๎
3. บอกความหมายและใช๎เครื่องมือในโปรแกรม Ulead Video Studio11ได๎
4. สามารถประยุกต์ใช๎โปรแกรม Ulead Video Studio11 ในการสร๎างชิ้นงานได๎อยํางมี
ประสิทธภิ าพได๎
รวม 4 ผลการเรียนรู้
หลักสตู รสถานศึกษา โรงเรียนคณะราษฎรบารุง จงั หวดั ยะลา
ห น้ า | 140
คาอธบิ ายรายวิชา คอมพิวเตอรก์ ราฟฟกิ รหัสวชิ า ว31296
รายวิชาเพม่ิ เติม กล่มุ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 5 ภาคเรียนท่ี 1
เวลาเรียน 40 ชั่วโมง ( 2 คาบ / สัปดาห์ ) จานวน 1.0 หนว่ ยกิต
คาอธบิ ายรายวิชา
ศึกษาความเป็นมาและความหมาย คุณสมบัติ บทบาทและความสาคัญของงานกราฟิก การ
ออกแบบ การสร๎างภาพหรือรูปกราฟิกพื้นฐาน การใช๎เทคนิคตําง ๆ สาหรับการแตํงภาพ และการใช๎
ซอฟตแ์ วร์ในการสรา๎ งงาน
ปฏิบัติการสร๎างภาพด๎วยโปรแกรมกราฟิก ออกแบบ ตกแตํงผลงานเพื่อนาไปใช๎กับงานนาเสนอ
งานออกแบบและเว็บไซต์ และงานด๎านศิลปะอนื่ ๆ
เพือ่ ให๎มีความรู๎ความเข๎าใจและมีทักษะเกีย่ วกบั การสรา๎ งงานกราฟิกสามารถนาไปประยุกต์ใช๎อยํางมี
จิตสานึกและรับผดิ ชอบ
ผลการเรียนรู้
1. รแู๎ ละเขา๎ ใจบทบาทและประโยชนข์ องงานคอมพวิ เตอร์กราฟิก
2. ร๎ูและเขา๎ ใจหลกั การออกแบบกราฟิกและปกหนังสือ
3. นักเรยี นสามารถใช๎เครอ่ื งมือพ้ืนฐานของโปรแกรม Photoshopได๎
4. นักเรียนสามารถสรา๎ งงานกราฟิกได๎
5. นกั เรียนสามารถปรับแตํงภาพไดด๎ ว๎ ยตนเอง
6. นกั เรียนสามารถใชโ๎ ปรแกรม Photoshop ออกแบบปกหนังสอื ได๎
7. นกั เรียนสามารถสรา๎ งกราฟิกสาหรับเว็บไซตไ์ ด๎
8. นกั เรียนสามารถนาเสนอผลงานสํสู าธารณะไดอ๎ ยํางมีประสิทธิภาพ
รวม 8 ผลการเรียนรู้
หลักสูตรสถานศกึ ษา โรงเรยี นคณะราษฎรบารงุ จงั หวัดยะลา
ห น้ า | 141
คาอธิบายรายวิชา การออกแบบผลิตภณั ฑ์ รหสั วิชา ว3129
รายวชิ าเพิ่มเติม กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 5 ภาคเรียนที่ 2
เวลาเรียน 40 ช่ัวโมง ( 2 คาบ / สปั ดาห์ ) จานวน 1.0 หนว่ ยกติ
คาอธบิ ายรายวชิ า
ศึกษาลักษณะการออกแบบผลิตภัณฑ์ และโปรแกรมการออกแบบผลิตภัณฑ์ ในการใช๎เทคโนโลยี
ในเพ่ือชํวยสร๎างชน้ิ งานไดอ๎ ยาํ งมีประสิทธิภาพ
อธิบายความร๎ูเก่ียวกับการออกแบบผลิตภัณฑ์ และโปรแกรมการออกแบบผลิตภัณฑ์ เพื่อ ฝึก
ทักษะการเรียกใช๎งานโปรแกรม กลุํมแถบเครื่องมือตําง ๆ และสํวนประกอบภายในโปรแกรม การใช๎งาน
เบ้ืองต๎นของโปรแกรม เพ่ือออกแบบและสร๎างชิ้นงาน แก๎ไขและตกแตํงช้ินงาน ด๎วยจินตนาการอยําง
สร๎างสรรค์
เพ่ือให๎มีความรู๎ ความเข๎าใจ และมีทักษะเก่ียวกับการใช๎คอมพิวเตอร์ เพ่ือเป็นพ้ืนฐานในการนาไป
ประยุกต์ใช๎ในชีวิตประจาวันในด๎านตําง ๆ ได๎อยํางมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล มีคุณธรรม จริยธรรม และ
คํานิยมทเี่ หมาะสม ตลอดการปลูกฝังนิสัยรักทางานและปฏิบัติได๎ด๎วยตนเองเพื่อนาไปพัฒนาและประยุกต์ใช๎
งานการสรา๎ งผลิตภัณฑ์ที่เกดิ จากความคดิ สร๎างสรรค์ของนักเรียนเอง
ผลการเรียนรู้
1. นกั เรยี นอธบิ ายหลักการออกแบบผลติ ภณั ฑไ์ ด๎
2. นกั เรยี นบอกคณุ ลกั ษณะและความสามารถของโปรแกรมได๎
3. นักเรียนสามารถบอกสวํ นประกอบของโปรแกรม และการใช๎งานเครือ่ งมือตําง ๆ ของโปรแกรมได๎
4. นักเรียนสามารถออกแบบ และสร๎างชิ้นงานได๎อยํางมีความคิดสร๎างสรรค์ ด๎วยความรับผิดชอบ
ขยัน ซอื่ สัตย์ อดทน ตรงตอํ เวลาและมวี นิ ยั
รวม 4 ผลการเรยี นรู้
หลักสูตรสถานศกึ ษา โรงเรียนคณะราษฎรบารงุ จงั หวดั ยะลา
ห น้ า | 142
คาอธบิ ายรายวชิ า โครงงานวทิ ยาศาสตร์ 2 รหัสวชิ า ว30291
รายวิชาเพิ่มเติม กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 5 ภาคเรยี นที่ 1
เวลาเรยี น 40 ช่ัวโมง ( 2 คาบ / สัปดาห์ ) จานวน 1.0 หนว่ ยกิต
สืบค๎นข๎อมูล ปฏิบัติการ ทดลอง สารวจตรวจสอบสมมติฐานของปัญหาท่ีสนใจเป็นพิเศษ บันทึก
และรวบรวมขอ๎ มลู วิเคราะหแ์ ละจัดกระทาข๎อมลู สรปุ ผล เขยี นรายงาน และนาเสนอผลงาน
โดยใช๎กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสบื เสาะหาความรู๎ การสารวจตรวจสอบ การสืบค๎นข๎อมูล
และการอภิปราย ทักษะด๎านการอําน การเขียน การคิดคานวณ มีทักษะด๎านการคิดอยํางมีวิจารณญาณ
และทักษะในการแก๎ปัญหา ทักษะด๎านการสร๎างสรรค์ ทักษะด๎านความรํวมมือ การทางานเป็นทีม และ
ภาวะผ๎ูนา ทกั ษะด๎านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสาร และทักษะการเรยี นร๎ู
เพื่อให๎เกิดความร๎ูความเข๎าใจ เกิดทักษะทางวิทยาศาสตร์ มีความสามารถในการตัดสินใจ นา
ความร๎ไู ปใช๎ในชวี ติ ประจาวนั มจี ิตวทิ ยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คณุ ธรรม และคํานยิ มทเ่ี หมาะสม
ผลการเรยี นรู้
1. บอกวิธกี ารทดลอง ตารางบนั ทึกผลการทดลองในการทาโครงงานวทิ ยาศาสตร์ได๎
2. บอกความสมั พนั ธข์ องตัวแปรในการศึกษาของโครงงานวิทยาศาสตรไ์ ด๎
3. สรุปผลการทดลอง วิเคราะห์ผลการทดลองและข๎อเสนอแนะของโครงงานวทิ ยาศาสตรไ์ ด๎
4. สามารถเขยี นบรรณานุกรมได๎
5. สามารถเขียนบทคัดยํอของโครงงานวิทยาศาสตร์ได๎
6. เขียนรายงานตามหัวข๎อของโครงงานวิทยาศาสตร์ไดค๎ รบถว๎ น และถูกต๎อง
7. เสนอผลงานและจัดแสดงโครงงานวทิ ยาศาสตร์ได๎
8. สามารถอธบิ ายโครงงานวิทยาศาสตรท์ ี่ตนเองศกึ ษา ได๎อยํางถูกต๎องคลํองแคลวํ และมคี วาม
ม่นั ใจ
รวม 8 ผลการเรียนรู้
หลักสูตรสถานศกึ ษา โรงเรยี นคณะราษฎรบารงุ จงั หวดั ยะลา
ห น้ า | 143
คาอธบิ ายรายวิชา โลก ดาราศาสตรแ์ ละอวกาศ 2 รหสั วิชา ว30294
รายวชิ าเพ่มิ เตมิ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 5 ภาคเรียนท่ี 1
เวลาเรียน 40 ชัว่ โมง ( 2 คาบ / สัปดาห์ ) จานวน 1.0 หน่วยกติ
ศึกษาพิกัดของดาวบนทรงกลมฟ้า ตามพิกัดขอบฟ้า พิกัดเส๎นศูนย์สูตรฟ้า และพิกัดสุริยะวิถีเวลา
สุริยคติและเวลาดาราคติ แบบจาลองของระบบสุริยะ การเคล่ือนที่ปรากฏของดาวเคราะห์และมุมหําง
กฏเคพเลอร์และแรงโน๎มถํวงที่ทาให๎ดวงอาทิตย์และบริวารอยูํเป็นระบบ ศึกษาการกาเนิดดาวฤกษ์ การแผํ
พลังงานและคําดัชนีสีของดาวฤกษ์ โชติมาตรปรากฏและโชติมาตรสัมบูรณ์ ศึกษาวิวัฒนาการของดาวฤกษ์
ระบบดาวคํู กระจุกดาว กาแล็กซีและกระจุกกาแล็กซี การขยายตัวของเอกภพโดยใช๎กฎของฮับเบิล ศึกษา
หลักการทางานของกล๎องโทรทรรศน์แบบตํางๆ ศึกษากาลังแยก กาลังขยาย และกาลังรวมแสงของกล๎อง
โทรทรรศน์ ศกึ ษาการสงั เกตการณท์ างดาราศาสตร์และอุปกรณ์สงั เกตการณ์ในชวํ งความยาวคลนื่ ตาํ งๆ
โดยใช๎กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความร๎ู การสารวจตรวจสอบ การสืบค๎นข๎อมูล
และการอภิปราย ทักษะด๎านการอําน การเขียน การคิดคานวณ มีทักษะด๎านการคิดอยํางมีวิจารณญาณและ
ทักษะในการแก๎ปัญหา ทักษะด๎านการสร๎างสรรค์ ทักษะด๎านความรํวมมือ การทางานเป็นทีม และภาวะผู๎นา
ทกั ษะด๎านคอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สาร และทักษะการเรยี นรู๎
เพื่อให๎เกิดความร๎คู วามเข๎าใจ เกิดทกั ษะทางวิทยาศาสตร์ มีความสามารถในการตัดสินใจ นาความร๎ูไป
ใช๎ในชวี ติ ประจาวัน มีจิตวทิ ยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คณุ ธรรม และคาํ นิยมทเี่ หมาะสม
ผลการเรยี นรู้
1. วิเคราะห์ อธิบายและหาพิกัดของดาวบนทรงกลมฟ้า ตามพิกัดขอบฟ้า พกิ ัดศนู ย์สูตรฟ้า และพกิ ดั
สรุ ยิ ะวิถี
2. สบื ค๎นและอธบิ ายเกย่ี วกบั เวลาสรุ ยิ คติและเวลาดาราคติ
3. อธบิ ายแบบจาลองของระบบสุริยะ การเคล่อื นท่ีปรากฏของดาวเคราะหแ์ ละมุมหาํ ง
4. อธิบายและคานวณการโคจรของดาวเคราะห์โดยใชก๎ ฎเคพเลอร์ และการนาความร๎ูไปใชป๎ ระโยชน์
5. สืบคน๎ อธบิ าย และคานวณแรงโน๎มถวํ งทที่ าใหด๎ วงอาทิตย์ และบรวิ ารอยเูํ ป็นระบบ และแสดง
การคานวณในปัญหาทเ่ี ก่ยี วขอ๎ งกบั กฏนวิ ตนั ได๎
6. สบื คน๎ และอธิบายการเกดิ ของดาวฤกษ์ การแผพํ ลงั านและคาํ ดัชนขี องดาวฤกษ์ โชติมาตรปรากฏ
และโชตมิ าตรสัมบูรณ์ รวมท้ังแสดงการคานวณในกรณีท่ีเกยี่ วขอ๎ ง
7. สืบคน๎ และอธิบายการอยํูรํวมกนั ของดาวคํู กระจกุ ดาว กาแลก็ ซี และกระจกุ กาแล็กซี
8. สบื ค๎นและอธบิ ายการขยายตวั ของเอกภพโดยใช๎กฎของฮบั เบลิ
9. สืบคน๎ และอธบิ ายหลกั การทางานของกลอ๎ งโทรทรรศนแ์ บบตํางๆ และอธบิ ายความกา๎ วหน๎าของ
เทคโนโลยีอวกาศ
รวม 9 ผลการเรยี นรู้
หลักสตู รสถานศกึ ษา โรงเรยี นคณะราษฎรบารุง จังหวัดยะลา
ห น้ า | 144
คาอธิบายรายวชิ า ฟิสกิ ส์เพิ่มเติม 3 รหสั วชิ า ว32201
รายวิชาเพิม่ เตมิ กลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 5 ภาคเรียนท่ี 1
เวลาเรยี น 80 ชั่วโมง ( 4 คาบ / สปั ดาห์ ) จานวน 2.0 หน่วยกิต
ศึกษาหลักการของคล่ืนในเรือ่ ง องคป์ ระกอบและการเคล่อื นทขี่ องคล่นื สมบตั ขิ องคลืน่ ธรรมชาติของ
เสียง สมบัติของคล่ืนเสียง การอธิบายปรากฏการณ์ท่ีเก่ียวกับคล่ืนเสียง การส่ันพ๎องของเสียง บีตส์
ปรากฏการณ์ดอปเพลอร์และคลน่ื กระแทก หูและการได๎ยิน ความเข๎มของเสียงและมลพิษทางเสียง ธรรมชาติ
ของแสง แสงเชิงเรขาคณิต กระจกเงาโค๎ง เลนส์บางและหลักการของทัศนอุปกรณ์บางชนิด การรับร๎ูสีของ
นยั น์ตาคน แสงเชิงฟิสิกส์และการอธิบายปรากฏการณ์ที่เกย่ี วกับคล่นื แสง
โดยใช๎กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความร๎ู การสารวจตรวจสอบ การสืบค๎นข๎อมูล
และการอภิปราย ทักษะด๎านการอําน การเขียน การคิดคานวณ มีทักษะด๎านการคิดอยํางมีวิจารณญาณและ
ทักษะในการแก๎ปัญหา ทักษะด๎านการสร๎างสรรค์ ทักษะด๎านความรํวมมือ การทางานเป็นทีม และภาวะผ๎ูนา
ทกั ษะด๎านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสือ่ สาร และทักษะการเรยี นร๎ู
เพ่อื ใหเ๎ กดิ ความร๎คู วามเข๎าใจ เกดิ ทักษะทางวทิ ยาศาสตร์ มคี วามสามารถในการตัดสนิ ใจ นาความร๎ูไป
ใช๎ในชวี ติ ประจาวนั มีจติ วิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม และคํานิยมท่ีเหมาะสม
ผลการเรียนรู้
1. อธิบายการเคลือ่ นท่ีแบบคลื่น และการเกดิ คลนื่ กล
2. อธิบายสมบัติของคล่ืน ได๎แกํการสะทอ๎ น การหกั เห การแทรกสอด และการเลีย้ วเบน
3. อธบิ ายการเกิดคลื่นนิง่
4. อธิบายการเกิดเสียงและสมบัติของเสียงได๎แกํการสะท๎อน การหักเห การแทรกสอด และการ
เลย้ี วเบน
5. อธิบายเก่ยี วกับการได๎ยินได๎แกํ ระดับเสียง ระดับสูงต่าของเสียง คุณภาพเสียง และผลของมลพิษ
ทางเสยี งตํอการได๎ยิน
6. อธบิ ายความถ่ธี รรมชาตแิ ละการสัน่ พ๎องของวัตถุ
7. อธิบายปรากฏการบางอยํางของเสยี ง และการนาความร๎ูมาประยุกตใ์ ชป๎ ระโยชนด์ ๎านตาํ งๆ
8. อธิบายการสะท๎อนแสง การหาตาแหนํง ขนาดและชนิดของภาพท่ีเกิดจากกระจกเงาราบและ
กระจกเงาโคง๎ ทั้งโดยการเขียนภาพและการคานวณ
9. อธบิ ายการหกั เหของแสงเมือ่ ผํานรอยตอํ ระหวาํ งตวั กลางสองชนิด
10. อธิบายการหาตาแหนํง ขนาดและชนิดของภาพท่ีเกิดจากเลนส์บาง ท้ังโดยการเขียนภาพและ
การคานวณ
11. อธิบายปรากฏการณ์ท่ีเก่ียวกับแสง ได๎แกํ การกระจายแสง การสะท๎อนกลับหมดของแสง ร๎ุง
การทรงกลด และมิราจ
หลกั สูตรสถานศึกษา โรงเรียนคณะราษฎรบารงุ จงั หวัดยะลา
ห น้ า | 145
12. อธิบายหลักการทางานของทัศนอุปกรณ์บางชนิด ได๎แกํ เคร่ืองฉายภาพ กล๎องถํายรูป กล๎อง
จลุ ทรรศน์ และกลอ๎ งโทรทัศน์
13. อธิบายความสวาํ งและการมองเหน็ สี
14. อธิบายการเล้ียวเบนและการแทรกสอดของแสงทีผ่ ํานชํองเลก็ ยาว (หรอื สลติ ) และการใช๎เกรตตงิ
15. อธิบายการกระเจิงของแสง
รวม 15 ผลการเรยี นรู้
หลกั สตู รสถานศกึ ษา โรงเรยี นคณะราษฎรบารุง จังหวัดยะลา