ห น้ า | 146
คาอธิบายรายวิชา ฟสิ ิกสเ์ พ่ิมเตมิ 4 รหัสวชิ า ว32202
รายวิชาเพิม่ เติม กล่มุ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5 ภาคเรยี นที่ 1
เวลาเรยี น 80 ชวั่ โมง ( 4 คาบ / สัปดาห์ ) จานวน 2.0 หน่วยกิต
ศึกษาหลักการของไฟฟ้าและแมํเหล็กในเรื่อง กฎของคูลอมบ์ สนามไฟฟ้า ศักย์ไฟฟ้า ความจุและตัว
เกบ็ ประจุ กฎของโอห์ม สภาพต๎านทานและสภาพนาไฟฟ้า การวิเคราะห์วงจรไฟฟ้ากระตรงอยํางงําย การหา
พลังงานไฟฟ้าท่ีใช๎ในเครื่องใช๎ไฟฟ้า สนามแมํเหล็ก ความสัมพันธ์ระหวํางแมํเหล็กและไฟฟ้า หลักการของ
มอเตอร์ กฎการเหนีย่ วนาแมํเหล็กไฟฟ้าของฟาราเดยแ์ ละกฎของเลนซ์ หลักการของเครื่องกาเนิดไฟฟ้า ไฟฟ้า
กระแสสลับ การแปลงไฟฟ้ากระแสสลับเป็นไฟฟ้ากระแสตรง แนวคิดทฤษฎีแมํเหล็กไฟฟ้าของแมกซ์เวลล์
คลน่ื แมํเหล็กไฟฟา้ และสเปกตรมั คลน่ื แมเํ หล็กไฟฟ้าง
โดยใช๎กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู๎ การสารวจตรวจสอบ การสืบค๎นข๎อมูล
และการอภิปราย ทักษะด๎านการอําน การเขียน การคิดคานวณ มีทักษะด๎านการคิดอยํางมีวิจารณญาณและ
ทักษะในการแก๎ปัญหา ทักษะด๎านการสร๎างสรรค์ ทักษะด๎านความรํวมมือ การทางานเป็นทีม และภาวะผู๎นา
ทักษะดา๎ นคอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสาร และทกั ษะการเรียนร๎ู
เพ่อื ให๎เกิดความร๎คู วามเขา๎ ใจ เกดิ ทักษะทางวทิ ยาศาสตร์ มีความสามารถในการตดั สนิ ใจ นาความร๎ูไป
ใช๎ในชีวิตประจาวนั มีจิตวทิ ยาศาสตร์ จริยธรรม คณุ ธรรม และคาํ นยิ มทเ่ี หมาะสม
ผลการเรียนรู้
1. อธบิ ายการเหนย่ี วนาไฟฟ้า
2. อธบิ ายแรงกระทาระหวาํ งอนภุ าคท่ีมปี ระจไุ ฟฟา้
3. อธิบายสนามไฟฟา้ สนามไฟฟ้าของจดุ ประจุ และสนามไฟฟ้าของตัวนาวงกลม
4. อธิบายพลังงานศักยไ์ ฟฟ้า ศกั ยไ์ ฟฟ้า และความตํางศักยร์ ะหวาํ งสองตาแหนํง
5. อธบิ ายความจุ หลกั การทางานของตัวเก็บประจแุ ละผลการตํอตวั เกบ็ ประจแุ บบอนุกรมหรอื ขนาน
6. อธบิ ายหลักการทางานของอุปกรณบ์ างชนิดโดยใชค๎ วามรเ๎ู กีย่ วกบั ไฟฟา้ สถิต
7. อธิบายการเกดิ กระแสไฟฟ้าในตัวกลาง และวเิ คราะห์หากระแสไฟฟ้าในลวดตัวนาโลหะ
8. อธบิ ายกฎของโอหม์ ความต๎านทาน และการใช๎กฎของโอห์ม
9. อธบิ ายความหมายของแรงเคล่อื นไฟฟา้ และความตาํ งศักยร์ ะหวํางขวั้
10. อธบิ ายพลังงานไฟฟา้ และกาลังไฟฟา้ ในวงจร
11. วเิ คราะห์และหาปริมาณทางไฟฟา้ ในวงจรไฟฟา้ กระแสตรงอยํางงาํ ย
12. อธบิ ายแรงกระทาตอํ อนุภาคทีม่ ปี ระจุไฟฟา้ ทเ่ี คล่อื นท่ีเขา๎ ไปในสนามแมํเหล็ก และแรงกระทาตํอ
ลวดตัวนาท่ีมีกระแสไฟฟ้าผํานและอยใูํ นสนามแมํเหล็ก
13. อธิบายการหมนุ ของขดลวดทม่ี ีกระแสไฟฟา้ ผาํ นและอยูํในสนามแมํเหล็ก และการนาหลักการน้ี
ไปสรา๎ งและอธบิ ายการทางานของแกลแวนอมิเตอรแ์ ละมอเตอร์ไฟฟ้า
หลกั สตู รสถานศกึ ษา โรงเรียนคณะราษฎรบารงุ จังหวดั ยะลา
ห น้ า | 147
14. อธิบายแรงเคลือ่ นไฟฟา้ เหนีย่ วนา กฎของฟาราเดย์ และการนาหลักการนีไ้ ปสร๎างและอธบิ าย
การทางานของเครือ่ งกาเนดิ ไฟฟ้า
15. อธบิ ายลกั ษณะของไฟฟ้ากระแสสลับ การผลติ ไฟฟ้ากระแสสลบั และปริมาณทเี่ กี่ยวข๎อง
16. อธิบายหลกั การทางานของหม๎อแปลง
17. อธบิ ายการเกดิ คล่ืนแมํเหล็กไฟฟา้ และสเปกตรัมคล่ืนแมเํ หลก็ ไฟฟ้า
18. อธิบายโพลาไรเซชันของแสง แสงโพลาไรส์ และแสงไมํโพลาไรส์
รวม 18 ผลการเรยี นรู้
หลกั สตู รสถานศกึ ษา โรงเรียนคณะราษฎรบารุง จังหวัดยะลา
ห น้ า | 148
คาอธบิ ายรายวชิ า ชีววิทยาเพ่มิ เตมิ 3 รหัสวชิ า ว32244
รายวชิ าเพิม่ เตมิ กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรยี นท่ี 1
เวลาเรียน 60 ชัว่ โมง ( 3 คาบ / สปั ดาห์ ) จานวน 1.5 หน่วยกิต
ศึกษาเก่ียวกับการดารงชีวิตของพืช โครงสรางและหนาที่ของพืชดอก เน้ือเย่ือพืช อวัยวะและหน
าท่ีของอวัยวะของพืชจากราก ลาตน และใบ การแลกเปลี่ยนแกสและการคายน้าของพืช การลาเลียงน้า
ของพืช การลาเลยี งสารอาหารของพชื และการลาเลียงอาหารของพืช ศึกษาการสังเคราะหดวยแสงของพืช
การคนควาที่เกี่ยวของกับการสังเคราะหดวยแสง กระบวนการสังเคราะหดวยแสง โฟโตเรสไพเรชัน กลไก
การเพิ่มความเขมขน ของคารบอนไดออกไซดในพืช C4 และพืช CAM ปจจัยบางประการท่ีมีผลตออัตรา
การสังเคราะหดวยแสง รวมทั้งการปรับตัวของพืชทางดานโครงสรางของใบ ทิศทางของใบและการจัดเรียง
ใบของพชื เพ่ือรับแสง ศึกษาการสืบพันธุของพืชดอกและการเจริญเติบโต วัฏจักรชีวิตและการสืบพันธุแบบ
อาศัยเพศของพืชดอกท่ีเกี่ยวของกับโครงสรางของดอกและการสรางละอองเรณู ถุงเอ็มบริโอ การสราง
เซลลสืบพันธุและการปฏิสนธิ การเกดผลและเมล็ด และการงอกของเมล็ด การสืบพันธุแบบไมอาศัยเพศ
ของพืชดอกและการขยายพันธุพืช รวมทั้งการวัดการเจริญเติบโตของพืช ศึกษาสารควบคุมการเจริญเติบโต
ของพชื และการตอบสนองของพืชตอส่ิงแวดลอม การนาความรูเก่ียวกบั พืชมาประยุกตใชในชวี ติ ประจาวนั
โดยใช๎กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ การสบื เสาะหาความรู๎ การสารวจตรวจสอบ การสืบค๎นข๎อมูล
และการอภิปราย ทักษะด๎านการอําน การเขียน การคิดคานวณ มีทักษะด๎านการคิดอยํางมีวิจารณญาณ
และทักษะในการแก๎ปัญหา ทักษะด๎านการสร๎างสรรค์ ทักษะด๎านความรํวมมือ การทางานเป็นทีม และ
ภาวะผ๎ูนา ทักษะดา๎ นคอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร และทักษะการเรียนรู๎
เพื่อให๎เกิดความรู๎ความเข๎าใจ เกิดทักษะทางวิทยาศาสตร์ มีความสามารถในการตัดสินใจ นา
ความรูไ๎ ปใชใ๎ นชีวติ ประจาวนั มีจิตวทิ ยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คุณธรรม และคาํ นิยมที่เหมาะสม
ผลการเรยี นรู้
1. สบื คนขอมูล ทดลอง อภิปราย และสรุปเกีย่ วกบั เน้ือเย่อื ของพืช โครงสรางและหนาที่ของ พชื
ดอก การแลกเปล่ยี นแกสและการคายน้า และกระบวนการลาเลียง
2. สืบคนขอมูลเกีย่ วกบั การคนควาท่ีเกยี่ วของกับกระบวนการสังเคราะหดวยแสง ทดลองและ
อภปิ ราย เพือ่ ศกึ ษากระบวนการสังเคราะหดวยแสง
3. สบื คนขอมูล ทดลองอภิปราย และสรปุ เกี่ยวกบั โฟโตเรสไพเรชันในพชื ทว่ั ๆ ไป กลไกการ เพม่ิ
ความเขมขนของคารบอนไดออกไซดในพชื C4 และพชื CAM รวมทัง้ ปจจัยบางประการที่ มผี ลตอการ
สังเคราะหดวยแสง
หลักสูตรสถานศกึ ษา โรงเรยี นคณะราษฎรบารงุ จังหวัดยะลา
ห น้ า | 149
4. สืบคนขอมลู ทดลอง อธบิ าย อภิปราย และสรปุ เกย่ี วกับโครงสรางและหนาที่ของดอก วัฏจกั ร
ชวี ิตและการสืบพนั ธุแบบอาศัยเพศ การสืบพันธุแบบไมอาศัยเพศและการขยายพันธุพชื รวมท้งั การวัดอัตรา
การเจริญเตบิ โตของพืช
5. สบื คนขอมลู ทดลอง อธิบายอภิปราย และสรปุ เก่ียวกบั สารควบคมุ การเจริญเตบิ โตของพชื และ
การตอบสนองของพชื ตอส่ิงแวดลอม
รวม 5 ผลการเรียนรู้
หลกั สูตรสถานศึกษา โรงเรยี นคณะราษฎรบารงุ จังหวดั ยะลา
ห น้ า | 150
คาอธบิ ายรายวิชา ชีววทิ ยาเพิม่ เตมิ 4 รหัสวชิ า ว32245
รายวิชาเพม่ิ เตมิ กล่มุ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี 5 ภาคเรียนท่ี 2
เวลาเรยี น 60 ชว่ั โมง ( 3 คาบ / สัปดาห์ ) จานวน 1.5 หนว่ ยกติ
ศึกษาเก่ียวกับพันธุศาสตร การศึกษาพันธุศาสตร ของเมนเดล กฏของความนาจะเปน กฏแหงกา
รแยกและกฏแหงการรวมกลุมอยางอิสระ การผสมเพ่ือ ทดสอบ ลกั ษณะทางพนั ธุกรรมท่ีเปนสวนขยายของ
พันธุศาสตรเมนเดล และวิวัฒนาการ กระบวนการถายทอดสารพันธุกรรม การแปรผันทางพันธุกรรม การ
เกิดมิวเทชัน กระบวนการคัดเลือกตามธรรมชาติและผล ของกระบวนการคัดเลือกตามธรรมชาติตอความ
หลากหลายทางชีวภาพ ศึกษาเกี่ยวกับยีนและโครโมโซม การถายทอดยีนและโครโมโซม การคนพบสาร
พันธกุ รรม โครโมโซม องคประกอบทางเคมีของ DNA โครงสรางของ DNA สมบัติของสารพันธุกรรม มิวเท
ชัน ศึกษาเก่ยี วกับพนั ธศุ าสตรและเทคโนโลยีทาง DNA พนั ธวุ ศิ วกรรม การวิเคราะห DNA และการศึกษาจี
โนม การประยุกตใชเทคโนโลยีทาง DNA ความปลอดภัยของเทคโนโลยีทาง DNA และมุมมองทางสังคม
และจริยธรรม ศึกษาเก่ียวกับวิวัฒนาการ หลักฐานที่บงบอกถึงวิวัฒนาการของส่ิงมีชีวิต แนวคิดเกี่ยวกับ
วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต พันธุศาสตร ประชากร ปจจัยท่ีทาใหเกิดการเปลี่ยนแปลงความถี่ของแอลลีล
กาเนดิ ของสปชีส และวิวฒั นาการของมนษุ ย
โดยใช๎กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความร๎ู การสารวจตรวจสอบ การสืบค๎นข๎อมูล
และการอภิปราย ทักษะด๎านการอําน การเขียน การคิดคานวณ มีทักษะด๎านการคิดอยํางมีวิจารณญาณ
และทักษะในการแก๎ปัญหา ทักษะด๎านการสร๎างสรรค์ ทักษะด๎านความรํวมมือ การทางานเป็นทีม และ
ภาวะผู๎นา ทกั ษะด๎านคอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสาร และทกั ษะการเรยี นรู๎
เพ่ือให๎เกิดความรู๎ความเข๎าใจ เกิดทักษะทางวิทยาศาสตร์ มีความสามารถในการตัดสินใจ นา
ความรู๎ไปใช๎ในชวี ิตประจาวนั มจี ติ วทิ ยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คุณธรรม และคาํ นยิ มทเ่ี หมาะสม
ผลการเรยี นรู้
1. สบื คนขอมลู วิเคราะห อภิปราย อธบิ าย และสรุปการคนพบกฏการถายทอดทางพันธุกรรม ของ
เมนเดล
2. สบื คนขอมูล วเิ คราะห อภิปราย อธิบาย และสรุปการถายทอดลักษณะทางพนั ธุกรรมท่เี ปน ส
วนขยายของพนั ธุศาสตรเมนเดลและความแปรผันทางพนั ธุกรรม
3. สืบคนขอมลู วิเคราะหและอธบิ ายเก่ียวกบั โครโมโซม โครงสรางและหนาที่ของสารพนั ธกุ รรม
4. สืบคนขอมูลวิเคราะหอธิบายและสรุปเกยี่ วกับสมบัติของสารพนั ธกุ รรม
5. สบื คนขอมูลวิเคราะหอภปิ รายอธบิ ายและสรุปเกี่ยวกบั การเกดิ มวิ เทชนั และผลของการเกดิ มิว
เทชนั
หลกั สตู รสถานศกึ ษา โรงเรยี นคณะราษฎรบารุง จังหวัดยะลา
ห น้ า | 151
6. สบื คนขอมลู วเิ คราะหอภปิ รายและอธิบายเก่ยี วกับเทคโนโลยีทางดีเอน็ เอและการนาความรู ไป
ประยกุ ตใชในดานตางๆ
7. สืบคนขอมลู วิเคราะหอภิปรายอธิบาย และสรุปเกี่ยวกับหลกั ฐานการเกิดวิวัฒนาการ และ
แนวคดิ เก่ียวกับวิวัฒนาการ
8. สืบคนขอมูลวเิ คราะหอธิบายและสรปุ เกี่ยวกบั พันธศุ าสตรประชากรและการกาเนิดสปชสี
9. สบื คนขอมูลวิเคราะหอธิบายและสรุปเก่ียวกับววิ ัฒนาการของมนษุ ย
รวม 9 ผลการเรยี นรู้
หลักสตู รสถานศกึ ษา โรงเรยี นคณะราษฎรบารงุ จังหวัดยะลา
ห น้ า | 152
คาอธิบายรายวชิ า เคมีเพิ่มเติม 3 รหัสวิชา ว32285
รายวิชาเพิม่ เติม กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5 ภาคเรียนท่ี 1
เวลาเรยี น 60 ชว่ั โมง ( 3 คาบ / สัปดาห์ ) จานวน 1.5 หนว่ ยกติ
ศกึ ษาความหมายของอัตราการเกิดปฏิกริ ิยาเคมี ทดลองเพ่ือศึกษาอัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี การ
คานวณหาอัตราการเกิดปฏิกิริยาของสารจากกราฟ ศึกษาและวิเคราะห์แนวคิดเก่ียวกับการเกิดปฏิกิริยา
เคมีโดยใช๎ทฤษฎีจลน์และการชนกันเองของอนุภาค การเกิดสารเชิงซ๎อนกัมมันต์ พลังงานกับการดาเนิน
ไปของปฏิกริ ิยาเคมี ศึกษาและทดลองเก่ียวกับผลของความเข๎มข๎น พ้ืนท่ีผิว อุณหภูมิ ตัวเรํงปฏิกิริยาและ
ตวั หนํวงปฏกิ ริ ยิ าตํออัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี สมบัติของตัวเรํงปฏิกิริยา และการใช๎ทฤษฎีจลน์อธิบายผล
ของปัจจยั ตํางๆ ท่มี ีผลตํออตั ราการเกิดปฏิกิรยิ าเคมี
ศึกษาปฏิกิริยาเคมีที่เกิดข้ึนอยํางสมบูรณ์ การเกิดปฏิกิริยาไปข๎างหน๎า ปฏิกิริยาย๎อนกลับและ
ปฏิกริ ยิ าทผ่ี นั กลับได๎ ทดลองเก่ยี วกบั ปฏิกิริยาท่ีผันกลับได๎ ศึกษาการเปลี่ยนแปลงท่ีทาให๎เกิดภาวะสมดุล
ระหวํางสถานะ สมดุลในสารละลายอ่ิมตัว สมดุลไดนามิก ศึกษาและทดลองสมดุลเคมีในปฏิกิริยา
วเิ คราะห์ความสัมพันธ์ระหวํางความเข๎มข๎นของสารตํางๆ ณ ภาวะสมดุล คําคงที่ของสมดุลกับสมการเคมี
คานวณหาคําคงท่ีของสมดุลและและหาความเข๎มข๎นของสารตํางๆ ณ ภาวะสมดุล ทดลองเพื่อศึกษาผล
ของความเข๎มข๎น ความดัน อุณหภูมิตํอภาวะสมดุลและคําคงท่ีสมดุล หลักของเลอชาเตอลิเอและการนา
หลักของเลอชาเตอริเอไปใชใ๎ นกระบวนการอตุ สาหกรรม กระบวนการตาํ งๆ ของสิ่งมชี ีวิตและสงิ่ แวดลอ๎ ม
ศึกษาและทดลองสมบัติบางประการของสารละลายอเิ ลก็ โทรไลต์และสารละลายนอนอิเล็กโทรไลต์
ประเภทของสารละลายอเิ ลก็ โทรไลต์ ศกึ ษาไอออนในสารละลาย กรดและเบส ทฤษฎีกรด – เบสของอาร์เร
เนียส เบรนิ สเตด – ลาวรี และลิวอิส ศึกษาและทดลองเกย่ี วกบั การถํายโอนโปรตอนของสารละลายกรด –
เบส ศึกษาคูํกรด – เบส การคานวณและการเขียนสมการแตกตัวของกรด – เบส การคานวณหาคําคงท่ี
การแตกตัวเป็นไอออนของกรดอํอนและเบสอํอน ศึกษาและทดลองการแตกตัวเป็นไอออนของน้า การ
คานวณหาคําคงท่ีการแตกตัวเป็นไอออนของน้า การคานวณหาคําคํงที่การแตกตัวของน้า pH ของ
สารละลาย และการคานวณคํา pH อินดิเคเตอร์ สาหรับกรด – เบส สารละลายกรด – เบส ใน
ชีวิตประจาวันและในส่ิงมีชีวิต ศึกษาและทดลองเร่ืองปฏิกิริยาสะเทินและปฏิกิริยาการเกิดเกลือจาก
ปฏิกิริยาระหวํางสารละลายกรดกับสารละลายเบส ปฏิกิริยาไฮโดร-ไลซิสของเกลือ ศึกษาเกี่ยวกับการ
ไทเทรตสารละลายกรด – เบส การเขียนกราฟและการหาจุดสมมูลจากกราฟของการไทเทรต และ
คานวณหาความเข๎มข๎นของสารละลายกรด – เบส ศึกษาหลักการเลือกใช๎อินดิเคเตอร์สาหรับการไทเทรต
กรด – เบส การประยกุ ตค์ วามรู๎เรอื่ งการไทเทรตไปใช๎ในชีวิตประจาวัน ศึกษาและทดลองสมบัติความเป็น
บัฟเฟอร์ของสารละลาย
โดยใช๎กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู๎ การสารวจตรวจสอบ การสืบค๎น
ข๎อมูลและการอภิปราย ทักษะด๎านการอําน การเขียน การคิดคานวณ มีทักษะด๎านการคิดอยํางมี
หลักสตู รสถานศึกษา โรงเรียนคณะราษฎรบารุง จงั หวัดยะลา
ห น้ า | 153
วิจารณญาณและทักษะในการแก๎ปญั หา ทกั ษะด๎านการสร๎างสรรค์ ทักษะด๎านความรํวมมือ การทางานเป็น
ทีม และภาวะผ๎ูนา ทักษะด๎านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สาร และทักษะการเรียนร๎ู
เพ่ือให๎เกิดความร๎ูความเข๎าใจ เกิดทักษะทางวิทยาศาสตร์ มีความสามารถในการตัดสินใจ นา
ความรไ๎ู ปใช๎ในชวี ติ ประจาวัน มีจติ วิทยาศาสตร์ จริยธรรม คณุ ธรรม และคาํ นิยมทเี่ หมาะสม
ผลการเรยี นรู้
1. คานวณและเปรียบเทยี บอัตราการเกดิ ปฏิกิริยาเคมไี ด๎
2. เขยี นและแปลความหมายกราฟแสดงความสัมพันธ์ระหวํางความเข๎มข๎นของสารกับเวลารวมท้ัง
สามารถหาอตั ราการเกดิ ปฏิกิริยาเคมจี ากกราฟได๎
3. อธิบายแนวคิดเก่ียวกับการเกิดปฏิกิริยาเคมีโดยใช๎ทฤษฎีจลน์และการชนกันของอนุภาค และ
การเกิดสารเชิงซอ๎ นกัมมนั ต์ได๎
4. แปลความหมายกราฟแสดงการเปลี่ยนแปลงพลังงานกับการดาเนินไปของปฏิกิริยาเคมีและ
สามารถระบไุ ด๎วําเปน็ ปฏกิ ริ ยิ าดดู หรือคายพลังงานได๎
5. ระบปุ จั จัยตาํ งๆ ท่ีมผี ลตอํ อตั ราการเกดิ ปฏิกริ ิยาเคมีได๎
6. อธิบายผลของความเข๎มข๎นและพื้นที่ผิวของสาร อุณหภูมิ ตัวเรํงและตัวหนํวงปฏิกิริยาที่มีตํอ
อัตราการเกิดปฏกิ ริ ยิ าเคมไี ด๎
7. อธิบายความหมายของปฏิกิริยาผันกลับได๎ ภาวะสมดุล สมดุลระหวํางสถานะ สมดุลใน
สารละลายอ่ิมตัว สมดลุ ในปฏกิ ิริยาเคมี และคาํ คงทส่ี มดลุ ได๎
8. อธิบายสมบตั ิตํางๆ ของระบบ ณ ภาวะสมดลุ ได๎
9. เขยี นความสมั พันธ์ระหวาํ งความเขม๎ ขน๎ ของสารตง้ั ต๎นกับสารผลติ ภณั ฑ์ ณ ภาวะสมดุลได๎
10. คานวณคําคงทสี่ มดลุ และความเขม๎ ข๎นสารตํางๆ ณ ภาวะสมดลุ ได๎
11. ระบุปจั จยั ทีม่ ีผลตํอภาวะสมดลุ ของระบบ พร๎อมท้ังอธิบายการเปล่ียนแปลงที่เกิดขึ้นเมื่อภาวะ
สมดลุ ของระบบถกู รบกวนได๎
12. ระบุปัจจัยทีม่ ีผลตอํ คําคงทีส่ มดุลพร๎อมท้งั อธิบายผลได๎
13. อธิบายการปรับตัวของระบบเพ่ือเข๎าสูํภาวะสมดุลโดยใช๎หลักของเลอชาเตอริเอ รวมท้ังการ
เลอื กภาวะทีเ่ หมาะสมเพ่ือใหไ๎ ด๎ผลิตภัณฑ์สงู ในอตุ สาหกรรมได๎
14. อธิบายการเกิดสมดุลเคมีในกระบวนการตํางๆ ของส่ิงมีชีวิต และปรากฏการณ์ตํางๆ ใน
ธรรมชาติและส่ิงแวดล๎อมได๎
15. เปรียบเทียบสมบัติของสารละลายอิเล็กโทรไลต์กับสารละลายนอนอิเล็กโทรไลต์ และระบุ
ประเภทของสารละลายอเิ ลก็ โทรไลตไ์ ด๎
16. อธิบายการเปลี่ยนแปลงเม่ือกรดหรือเบสละลายในน้า พร๎อมท้ังระบุชนิดของไอออนท่ีทาให๎
สารละลายแสดงสมบัตเิ ป็นกรดหรือเบสได๎
หลักสูตรสถานศกึ ษา โรงเรียนคณะราษฎรบารงุ จังหวัดยะลา
ห น้ า | 154
17. อธิบายความหมายของกรดและเบสตามทฤษฎีกรด – เบส อาร์เรเนียส เบรินสเตด – ลาวรี
และ ลิวอสิ พรอ๎ มท้งั อธบิ ายสมบัตขิ องกรดหรอื เบสตามทฤษฎกี รด – เบส เบรนิ สเตด – ลาวรไี ด๎
18. ระบุโมเลกุลหรือไอออนท่ีเป็นคํูกรด – เบส ในปฏิกิริยาตามทฤษฎีกรด – เบส เบรินสเตด –
ลาวรี ได๎
19. อธิบายความสามารถในการแตกตัวของกรดแกํ เบสแกํ กรดอํอน เบสอํอน รวมทั้งคานวณหา
รอ๎ ยละของการแตกตวั และคาํ คงท่กี ารแตกตัวของกรดอํอนหรือเบสอํอนได๎
20. เปรยี บเทยี บปริมาณการแตกตัวของกรดหรือเบส และคานวณหาความเข๎มข๎นของ H3O+ และ
OH-โดยใช๎คาํ คงที่การแตกตวั ของกรดและเบสได๎
21. อธิบายการเปล่ียนแปลงภาวะสมดุลของน้าเม่ือเติมกรดหรือเบส พร๎มทั้งคานวณหาความ
เขม๎ ขน๎ ของH3O+ และ OH-โดยใช๎คําคงทก่ี ารแตกตัวของกรดและเบสได๎
22. อธิบายการเปลี่ยนแปลงภาวะสมดุลของน้าเม่ือเติมกรดหรือเบส พร๎อมทั้งคานวณหาความ
เขม๎ ขน๎ ของ H3O+ และ OH- ในสารละลายได๎
23. คานวณหา pH ของสารละลาย เมื่อทราบความเข๎มข๎นของH3O+ และ OH- และบอกความ
เป็นกรด – เบสของสารละลายจากคาํ pH ได๎
24. อธิบายความสาคัญของ pH หรือความเป็นกรด – เบส ของสารละลายในส่ิงมีชีวิตและ
ส่ิงแวดลอ๎ มได๎
25. อธิบายการเกิดเกลือจากปฏิกิริยาระหวํางกรดกับเบส และกรดหรือเบสกับสารบางชนิด
พรอ๎ มทัง้ เขียนสมการแสดงปฏิกิริยา และบอกสมบตั ขิ องเกลอื ท่ีเกิดขึ้นได๎
26. อธิบายความหมายของปฏกิ ริ ิยาสะเทิน พร๎อมทง้ั เขียนสมการแสดงปฏิกิริยาได๎
27. อธิบายการเกิดปฏิกิรยิ าไฮโดรไลซสิ ของเกลือในนา้ พร๎อมทงั้ เขียนสมการแสดงปฏกิ ริ ยิ าได๎
28.อธบิ ายวธิ ีการไทเทรต การเลือกใช๎อินดิเคเตอร์ที่เหมาะสมในการไทเทรตกรด– เบส ตลอดจน
คานวณหาความเขม๎ ข๎นของสารละลายจากการไทเทรตได๎
29. เขียนกราฟของการไทเทรตและหาจุดสมมลู จากกราฟ พรอ๎ มท้ังบอกคําpH ของสารละลาย ณ
จุดสมมลู ได๎
30. อธิบายการเปลย่ี นแปลงทเ่ี กิดข้ึนเมื่อเติมกรดหรือเบสลงในระบบบัฟเฟอร์ เขียนสมการแสดง
ปฏิกริ ยิ าการควบคมุ pH ของสารละลายบัฟเฟอร์ได๎
รวม 30 ผลการเรียนรู้
หลักสตู รสถานศึกษา โรงเรยี นคณะราษฎรบารงุ จังหวัดยะลา
ห น้ า | 155
คาอธิบายรายวชิ า เคมีเพิ่มเติม 4 รหสั วิชา ว32286
รายวชิ าเพ่ิมเติม กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรยี นที่ 2
เวลาเรียน 60 ชวั่ โมง ( 3 คาบ / สัปดาห์ ) จานวน 1.5 หนว่ ยกติ
ศึกษาทดลองการถํายโอนอิเล็กตรอนในปฏิกิริยาระหวํางโลหะกับสารละลายของโลหะไอออน ศึกษา
ปฏิกริ ิยาออกซิเดชัน ปฏิกริ ิยารดี ักชนั ปฏิกิรยิ ารดี อกซ์ ตัวรีดิวซ์ ตัวออกซิไดซ์ การเขียนและดุลสมการรีดอกซ์
โดยใชเ๎ ลขออกซเิ ดชนั และครง่ึ ปฏกิ ริ ยิ า ศกึ ษาเซลลไ์ ฟฟา้ เคมี ศกึ ษาและทดลองเก่ียวกับหลักการของเซลล์กัลป์
วานกิ ศกึ ษาการเขยี นแผนภาพของเซลลก์ ัลปว์ านกิ การหาคําศักย์ไฟฟ้าของเซลล์และศักย์ไฟฟ้ามาตรฐานของ
คร่ึงเซลล์ ปฏิกิริยาในเซลล์กัลป์วานิกประเภทเซลล์ปฐมภูมิและเซลล์ทุติยภูมิบางชนิด ทดลองเพื่อศึกษา
หลกั การสรา๎ งและการทางานของเซลล์สะสมไฟฟา้ แบบตะก่ัว ศกึ ษาหลักการของเซลลอ์ ิเลก็ โทรไลตแ์ ละทดลอง
การแยกสารละลายด๎วยไฟฟ้าตามหลักการของเซลล์อิเล็กโทรไลต์ ศึกษาการแยกสารที่หลอมเหลวด๎วยไฟฟ้า
ศึกษาและทดลองชุบโลหะด๎วยกระแสไฟฟ้า ศึกษาวิธีการทาให๎โลหะบริสุทธ์ิ การถลุงแรํ ศึกษาและทดลอง
เกี่ยวกับการผุกรํอนและการป้องกันการผุกรํอนของโลหะ ศึกษาความก๎าวหน๎าทางเทคโนโลยีท่ีเกี่ยวข๎องกับ
เซลลไ์ ฟฟา้ เคมี
ศึกษาและสืบค๎นข๎อมูลเกี่ยวกับชนิด สมบัติ และการนามาใช๎ประโยชน์ของธาตุและสารประกอบที่
สาคัญในประเทศไทย ศึกษาแรํประกอบหิน แรํเศรษฐกิจ การถลุงหรือการสกัดแรํเพื่อนาไปใช๎ประโยชน์ใน
กระบวนการผลติ ของอตุ สาหกรรมแรํ อุตสาหกรรมเซรามิกส์ อุตสาหกรรมที่เก่ียวข๎องกับโซเดียมคลอไรด์และ
อุตสาหกรรมปุ๋ยเพ่ือให๎มีความร๎ูความเข๎าใจเก่ียวกับเซลล์ไฟฟ้าเคมีและปฏิกิริยาในเซลล์ไฟฟ้าเคมี ธาตุและ
สารประกอบ อนินทรยี ท์ ส่ี าคัญในอตุ สาหกรรม
โดยใช๎กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความร๎ู การสารวจตรวจสอบ การสืบค๎นข๎อมูล
และการอภิปราย ทักษะด๎านการอําน การเขียน การคิดคานวณ มีทักษะด๎านการคิดอยํางมีวิจารณญาณและ
ทักษะในการแก๎ปัญหา ทักษะด๎านการสร๎างสรรค์ ทักษะด๎านความรํวมมือ การทางานเป็นทีม และภาวะผ๎ูนา
ทกั ษะดา๎ นคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สาร และทกั ษะการเรยี นรู๎
เพือ่ ใหเ๎ กิดความร๎ูความเข๎าใจ เกิดทักษะทางวิทยาศาสตร์ มคี วามสามารถในการตัดสินใจ นาความร๎ูไป
ใชใ๎ นชวี ติ ประจาวนั มีจติ วิทยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คณุ ธรรม และคํานยิ มท่ีเหมาะสม
ผลการเรยี นรู้
1. อธบิ ายความหมายของปฏิกิริยาออกซเิ ดชัน ปฏิกิรยิ ารดี กั ชัน ปฏกิ ิริยารดี อกซ์ ตัวรดี ิวซ์ และตัว
ออกซิไดส์ ในดา๎ นการถํายโอนอิเลก็ ตรอนและการเปลี่ยนแปลงเลขออกซิเดชันได๎
2. จัดลาดับความสามารถในการรับอิเล็กตรอนของธาตหุ รือไอออนและเปรียบเทยี บความสามารถใน
การเป็นตวั รดี วิ ซห์ รอื ตัวออกซไิ ดส์ได๎
3. ดลุ สมการรีดอกซ์โดยใช๎เลขออกซิเดชันและคร่งึ ปฏกิ ริ ิยาได๎
4. ตอํ เซลล์กัลปว์ านิกจากคร่งึ เซลลท์ กี่ าหนดให๎ พรอ๎ มท้งั บอกข้ัวแอโนด ขวั้ แคโทดและเขยี นสมการ
แสดงปฏกิ ิรยิ าได๎
หลักสตู รสถานศึกษา โรงเรยี นคณะราษฎรบารงุ จังหวัดยะลา
ห น้ า | 156
5. เขียนแผนภาพเซลลก์ ลั วานิกได๎
6. อธิบายวิธหี าคําศกั ยไ์ ฟฟ้ามาตรฐานของครงึ่ เซลล์ (E0) โดยการเปรียบเทียบกับครึ่งเซลลไ์ ฮโดรเจน
มาตรฐานได๎
7. ใชค๎ าํ E0ของครง่ึ เซลล์คานวณหาคําศักยไ์ ฟฟ้าของเซลล์และทานายการเกิดปฏิกริ ิยารีดอกซ์ได๎
8. อธิบายหลักการทางานของเซลล์กัลปว์ านิก เซลลป์ ฐมภูมิ เซลล์ทตุ ิยภูมแิ ละเซลลอ์ เิ ล็กโทรไลต์ได๎
9. อธบิ ายหลักการทางานพรอ๎ มทั้งเขียนสมการแสดงปฏิกริ ยิ าท่ีเกิดขึ้นในถาํ นไฟฉาย เซลล์แอล
คาไลน์ เซลลป์ รอท เซลล์เงนิ เซลลเ์ ช้ือเพลิงไฮโดรเจน – ออกซิเจน เซลล์เชอื้ เพลิงโพเพน – ออกซเิ จน เซลล์
สะสมไฟฟ้าแบบตะกวั่ เซลล์นิกเกลิ – แคดเมีย่ ม และเซลล์โซเดยี ม – ซัลเฟอร์ได๎
10. อธิบายหลักการของการแยกสารเคมดี ๎วยกระแสไฟฟา้ การชุบโลหะดว๎ ยกระแสไฟฟ้า และการทา
โลหะใหบ๎ ริสุทธ์ิ พรอ๎ มทง้ั เขียนสมการแสดงปฏกิ ิริยาที่เกิดข้ึนได๎
11. อธิบายสาเหตหุ รอื ภาวะที่ทาให๎โลหะเกิดการผุกรอํ นพร๎อมทงั้ เขียนสมการแสดงปฏิกริ ิยาได๎
12. อธิบายวธิ ีป้องกนั การผกุ รอํ นของโลหะโดยวธิ ีอะโนไดซ์ การรมดา วิธแี คโทดกิ การเคลอื บผิวด๎วย
พลาสตกิ สีหรอื นา้ มัน การชบุ ดว๎ ยโลหะได๎
13. อธิบายหลักการทางานของแบตเตอรอี่ ิเล็กโทรไลตแ์ ข็ง แบตเตอรี่อากาศ การทาอเิ ลก็ โทรไดอะลิ
ซิสนา้ ทะเลได๎
14. อธิบายหลักการถลงุ แรหํ รอื การสกดั แรดํ บี กุ ทองแดง สงั กะสี แคดเมียม ทงั สเตน พลวง
แทนทาลมั ไนโอเบยี ม และเซอร์โคเนยี ม พร๎อมท้งั เขยี นสมการแสดงปฏกิ ิริยาทเ่ี กดิ ข้นึ ได๎
15. บอกประโยชน์ของทองแดง สงั กะสี แคดเมยี ม ทังสเตน พลวง แทนทาลัม ไนโอเบียม และ
เซอรโ์ คเนยี มได๎
16. อธิบายสมบัติและประโยชน์ของแรรํ ตั นชาตชิ นดิ ตาํ งๆได๎
17. อธิบายวธิ พี ัฒนาคุณภาพของแรํรัตนชาตไิ ด๎
18. อธิบายขนั้ ตอนสาคญั ของการทาผลติ ภณั ฑ์เซรามกิ สไ์ ด๎
19. บอกประโยชน์ของผลติ ภณั ฑ์เซรามกิ สพ์ ร๎อมท้ังยกตวั อยาํ งได๎
20. อธบิ ายวธิ กี ารผลิตแกว๎ และปูนซเี มนต์ได๎
21. อธบิ ายวธิ กี ารผลิตเกลือสมทุ รและเกลอื สนิ เธาว์ได๎
22. อธิบายการผลติ โซเดียมไฮดรอกไซด์และแก๏สคลอรนี จากโซเดยี มคลอไรด์ โดยใช๎เซลลเ์ ย่ือ
แลกเปลีย่ นไอออน พร๎อมทั้งเขยี นสมการแสดงปฏิกิรยิ าทีเ่ กดิ ขนึ้ ได๎
23. อธิบายกระบวนการผลติ โซดาแอชและสารฟอกขาว พรอ๎ มท้งั เขยี นสมการแสดงปฏกิ ริ ยิ าที่
เกิดขึ้นได๎
24. อธบิ ายกระบวนการผลิตปุ๋ยไนโตรเจน ปุ๋ยฟอสเฟต ปุ๋ยโพแทส และปยุ๋ ผสม ตลอดจนผลกระทบ
ตอํ สง่ิ แวดล๎อม ที่เกิดจากการใช๎ป๋ยุ ได๎
25. อธบิ ายผลกระทบตํอส่งิ แวดลอ๎ ม ที่เกิดจากอตุ สาหกรรมประเภทตํางๆได๎
รวม 25 ผลการเรยี นรู้
หลกั สตู รสถานศกึ ษา โรงเรยี นคณะราษฎรบารงุ จังหวดั ยะลา
ห น้ า | 157
คาอธิบายรายวิชา คอมพิวเตอร์สร้างสรรค์ รหัสวชิ า ว32294
รายวิชาเพมิ่ เตมิ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5 ภาคเรียนที่ 1
เวลาเรยี น 40 ชวั่ โมง ( 2 คาบ / สัปดาห์ ) จานวน 1.0 หน่วยกติ
ศึกษาเกี่ยวกับหลักการสร๎างเว็บเพจด๎วยภาษา HTML หรือโปรแกรมสาเร็จรูป การประยุกต์การ
สรา๎ งเวบ็ ไซต์ การจดั การและการตกแตํงข๎อความ การแทรกรปู ภาพลงในเว็บเพจ การสร๎างตาราง การสร๎าง
จดุ เชื่อมโยงในแตํละหน๎าเว็บเพจ การแบํงหนา๎ เวบ็ เพจเป็นสํวน ๆ การสร๎างฟอร์มเพ่ือรองรับข๎อมูลจากผ๎ูใช๎
การประยุกต์สร๎างเลเยอร์ในการตกแตํงเอกสารเว็บเพจ การแทรกมัลติมีเดียสื่อตําง ๆ ลงในเว็บเพจ การ
จัดการเว็บไซต์ การขอใช๎บริการเสริมตําง ๆ เพื่อการตกแตํงเว็บเพจ ให๎สวยงาม การขอพ้ืนท่ีเพ่ือรองรับ
เว็บไซต์ การนาเว็บไซต์ขึ้นสูํอินเทอร์เน็ตศึกษาเทคนิคการสร๎างเว็บไซต์และสร๎างเว็บเพจให๎สวยงาม
นําสนใจ รวมถึงการปลูกฝังให๎นักเรียนมีจริยธรรมและคุณธรรมในการใช๎อินเทอร์เน็ต ทราบกฎ กติกา
มารยาทในการใช๎อินเทอร์เน็ต เข๎าใจและสร๎างทักษะการส่ือสารข๎อมูล ผํานเครือขํายอินเทอร์เน็ต เพื่อให๎
เกิดความรู๎ ความเข๎าใจ และสามารถนาเสนอผลงาน สร๎างงานหรือโครงงานและแก๎ปัญหาได๎ปฏิบัติและ
ประยุกต์ใช๎คอมพิวเตอร์ เพ่ือให๎เกิดความรู๎ความเข๎าใจในการสร๎างสรรค์ผลงานทางด๎านเทคโนโลยี
สารสนเทศ และเกิดเจตคติทด่ี ี ทาใหส๎ ามารถใชค๎ อมพิวเตอร์ ในทางสรา๎ งสรรค์ได๎
ผลการเรยี นรู้
1. เข๎าใจกระบวนการและโครงสรา๎ งการทางานของเวบ็ เพจเบื้องต๎น
2. เขา๎ ใจโครงสร๎างและไวยากรณข์ องโปรแกรมและภาษา หรือกระบวนการใชเ๎ ครื่องมือการสร๎าง
เว็บเพจ
3. สามารถออกแบบและกาหนดสวํ นประกอบทจี่ าเปน็ ของเว็บเพจได๎อยํางถูกต๎องและเหมาะสม
4. มีทักษะในการใชโ๎ ปรแกรมภาษาหรือโปรแกรมสาเร็จรูปสร๎างเว็บเพจ
5. มกี ิจนิสัยและสงํ เสริมคุณธรรม คาํ นิยมทีด่ ีในการใช๎คอมพิวเตอร์
รวม 6 ผลการเรียนรู้
หลกั สตู รสถานศึกษา โรงเรยี นคณะราษฎรบารุง จงั หวัดยะลา
ห น้ า | 158
คาอธบิ ายรายวชิ า คอมพวิ เตอร์ 3 รหัสวิชา ว32295
รายวิชาเพ่มิ เตมิ กล่มุ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 5 ภาคเรียนท่ี 1
เวลาเรียน 40 ช่วั โมง ( 2 คาบ / สัปดาห์ ) จานวน 1.0 หนว่ ยกิต
ศึกษาวเิ คราะห์องคป์ ระกอบคอมพวิ เตอร์ การโปรแกรมเบือ้ งต๎น โครงสร๎างและสวํ นประกอบของ
โปรแกรม คาสัง่ พ้ืนฐาน ตัวแปร โครงสร๎างควบคมุ และกระบวนความ
โดยใช๎กระบวนการองค์ประกอบคอมพิวเตอร์ การโปรแกรมเบ้ืองต๎น โครงสร๎างและสํวนประกอบ
ของโปรแกรม คาสัง่ พืน้ ฐาน ตวั แปร โครงสรา๎ งควบคุม และกระบวนความ
เพ่ือให๎เกิดองค์ประกอบคอมพิวเตอร์ การโปรแกรมเบ้ืองต๎น โครงสร๎างและสํวนประกอบของ
โปรแกรม คาส่งั พน้ื ฐาน ตัวแปร โครงสรา๎ งควบคมุ และกระบวนความ
ผลการเรยี นรู้
1. อธิบายองค์ประกอบคอมพิวเตอร์
2. อธบิ ายข้ันตอนและเขียนโปรแกรมสัง่ งานคอมพิวเตอร์
3. ใช๎คาสั่งพื้นฐานในการเขยี นโปรแกรม
4. กาหนดและใชง๎ านตวั แปร
5. ใช๎คาสัง่ โครงสร๎างควบคุมในการเขยี นโปรแกรม
6. สร๎างและเรยี กใช๎กระบวนความ
รวม 6 ผลการเรยี นรู้
หลักสูตรสถานศกึ ษา โรงเรียนคณะราษฎรบารงุ จงั หวัดยะลา
ห น้ า | 159
คาอธิบายรายวชิ า ปฏิบตั ิการทางวทิ ยาศาสตร์ 3 รหัสวชิ า ว32292
รายวิชาเพ่ิมเตมิ กลุม่ สาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรยี นที่ 1
เวลาเรียน 40 ช่ัวโมง ( 2 คาบ / สปั ดาห์ ) จานวน 1.0 หน่วยกิต
ศึกษา วิเคราะห์ ต้ังคาถามที่กาหนดประเด็นหรือตัวแปรท่ีสาคัญในการสารวจตรวจสอบ หรือ
ศึกษาค๎นคว๎าเร่ืองท่ีสนใจได๎อยํางครอบคลุม และเช่ือถือได๎ สร๎างสมมติฐานที่สามารถตรวจสอบได๎และวาง
แผนการสารวจตรวจสอบหลายๆ วิธี เลือกเทคนิควิธีการท่ีได๎ผลเท่ียงตรงและปลอดภัย มีความเข๎าใจ
เกี่ยวกับวิธีการทางวิทยาศาสตร์และอธิบายทักษะกระบวนการ มีความเข๎าใจเทคนิคการไทเทรดกรด-เบส
PH scale และอินดิเคเตอร์ นาความรู๎การเคลื่อนที่แบบคลื่นและการเกิดคล่ืนกลไปประยุกต์ใช๎ได๎ เพื่อให๎
เกิดความร๎คู วามคิด ความเขา๎ ใจ สามารถสื่อสารส่ิงที่เรียนรู๎ มีความสามารถในการตัดสินใจ นาความร๎ูไปใช๎
ในชวี ิตประจาวัน จริยธรรม คณุ ธรรมและคาํ นิยมทเี่ หมาะสม
ผลการเรียนรู้
1. มเี จตคตทิ างวทิ ยาศาสตร์ และมีเจตคตทิ ด่ี ีตํอวทิ ยาศาสตร์
2. มคี วามเขา๎ ใจเก่ียวกับวธิ ีการทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละอธิบายทักษะกระบวนการ
3. มคี วามเข๎าใจเทคนคิ การไทเทรดกรด-เบส PH scale และอนิ ดเิ คเตอร์
4. มคี วามรู๎ความเข๎าใจและทกั ษะการใช๎ห๎องปฏบิ ัติการทางวิทยาศาสตร์
5. ทาการทดลองวทิ ยาศาสตรใ์ นเชิงฟสิ กิ ส์ เคมี ชีววิทยา
6. มีทักษะการสงั เกตการณ์เกิดปฏกิ ิริยาเคมีและไฟฟา้ เคมี โครงสร๎างลักษณะของราก ลาต๎นและใบ
7. อธบิ ายการสงั เคราะห์แสง การคายน้า
8. นาความรก๎ู ารเคล่ือนท่แี บบคลืน่ และการเกดิ คลืน่ กลไปประยุกต์ใช๎ได๎
9. จดบันทึกผลการทดลองและเขียนรายงานการปฏิบัติการทดลองได๎ถูกต๎อง โดยยึดระบบเลข
นัยสาคญั
รวม 9 ผลการเรยี นรู้
หลกั สูตรสถานศึกษา โรงเรยี นคณะราษฎรบารงุ จงั หวดั ยะลา
ห น้ า | 160
คาอธบิ ายรายวชิ า ปฏิบตั ิการทางวทิ ยาศาสตร์ 4 รหัสวิชา ว32293
รายวชิ าเพิม่ เตมิ กลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 5 ภาคเรียนท่ี 2
เวลาเรียน 40 ช่ัวโมง ( 2 คาบ / สปั ดาห์ ) จานวน 1.0 หน่วยกิต
ศึกษา วิเคราะห์ ตั้งคาถามท่ีกาหนดประเด็นหรือตัวแปรที่สาคัญในการสารวจตรวจสอบ หรือ
ศึกษาค๎นคว๎าเร่ืองท่ีสนใจได๎อยํางครอบคลุม และเชื่อถือได๎ สร๎างสมมติฐานที่สามารถตรวจสอบได๎และวาง
แผนการสารวจตรวจสอบหลายๆ วธิ ี เลอื กเทคนิควิธกี ารทไี่ ดผ๎ ลเที่ยงตรงและปลอดภัย ความเข๎าใจเก่ียวกับ
วิธีการทางวิทยาศาสตร์และอธิบายทักษะกระบวนการ ทาการทดลองวิทยาศาสตร์ในเชิงฟิสิกส์ เคมี
ชีววิทยา นาความร๎ูการทาวัตถุท่ีเป็นกลางทางไฟฟ้าให๎มีประจุไฟฟ้าไปประยุกต์ใช๎ได๎ อธิบายและคานวณ
แรงไฟฟ้าตามกฎของคูลอมบ์เพื่อให๎เกิดการเรียนรู๎กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ มีคุณสมบัติและ
จรรยาบรรณวิทยาศาสตร์มีความสามารถในการตัดสินใจ มีจิตวิทยาศาสตร์ คุณธรรม จริยธรรมและ
คุณลกั ษณะท่พี ึงประสงค์
ผลการเรยี นรู้
1. มีเจตคติทางวทิ ยาศาสตร์ และมเี จตคติทีด่ ตี อํ วทิ ยาศาสตร์
2. มีความเข๎าใจเกย่ี วกับวธิ กี ารทางวิทยาศาสตร์และอธิบายทักษะกระบวนการ
3. ทาการทดลองวิทยาศาสตรใ์ นเชงิ ฟิสกิ ส์ เคมี ชวี วิทยา
4. มคี วามร๎ูความเขา๎ ใจและทักษะการใช๎ห๎องปฏบิ ัติการทางวทิ ยาศาสตร์
5. ทาการทดลองการสกัดสีย๎อมโครโมโซมโดยใช๎พืชแทนสารเคมีเพื่อใช๎ศึกษาระยะการแบํงเซลล์
ของพืช
6. นาความรก๎ู ารทาวัตถุท่เี ป็นกลางทางไฟฟา้ ให๎มีประจุไฟฟา้ ไปประยุกต์ใชไ๎ ด๎
7. อธบิ ายและคานวณแรงไฟฟ้าตามกฎของคูลอมบ์
8. ทาการทดลองการแยกสารเคมีด๎วยกระแสไฟฟา้ พร๎อมทัง้ เขียนสมการแสดงปฏกิ ริ ิยาที่เกิดขน้ึ ได๎
9. จดบันทึกผลการทดลอง และเขียนรายงานการปฏิบัติการทดลองได๎ถูกต๎อง โดยยึดระบบเลข
นยั สาคัญ
รวม 9 ผลการเรียนรู้
หลกั สูตรสถานศึกษา โรงเรยี นคณะราษฎรบารงุ จังหวดั ยะลา
ห น้ า | 161
คาอธบิ ายรายวชิ า ฟสิ ิกสเ์ พ่มิ เติม 5 รหสั วชิ า ว33201
รายวชิ าเพ่มิ เติม กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 6 ภาคเรียนท่ี 1
เวลาเรยี น 80 ชว่ั โมง ( 4 คาบ / สปั ดาห์ ) จานวน 2.0 หนว่ ยกิต
ศึกษาหลักการของสะสารและฟสิ กิ สแ์ ผนใหมํในเรอื่ ง ความร๎อน การเปล่ียนสถานะของสาร ทฤษฎี
จลน์ของแก๏ส กฎของแก๏สและพลังงานภายในระบบของแก๏ส ความดันในของไหลและกฎพาสคัล แรงพยุง
และหลักอาร์คิมีดีส ความตึงผิว การเคล่ือนที่ในของไหล และหลักแบร์นูลลี การค๎นพบอิเล็กตรอน แนวคิด
เก่ียวกับแบบจาลองอะตอม สมมติฐานของพลังค์ ปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริก ทวิภาวะของคลื่นและ
อนภุ าค กัมมนั ตภาพรงั สี การสลายกมั มนั ตรังสี ปฏิกิรยิ านิวเคลียร์ พลังงานนวิ เคลยี ร์ รังสีในธรรมชาติ การ
ป้องกนั อนั ตรายและการใชป๎ ระโยชนจ์ ากกมั มันตภาพรงั สี และพลงั งานนิวเคลียร์
โดยใชก๎ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ การสบื เสาะหาความร๎ู การสารวจตรวจสอบ การสืบค๎นข๎อมูล
และการอภิปราย ทักษะด๎านการอําน การเขียน การคิดคานวณ มีทักษะด๎านการคิดอยํางมีวิจารณญาณ
และทักษะในการแก๎ปัญหา ทักษะด๎านการสร๎างสรรค์ ทักษะด๎านความรํวมมือ การทางานเป็นทีม และ
ภาวะผ๎นู า ทกั ษะดา๎ นคอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สาร และทกั ษะการเรยี นรู๎
เพ่ือให๎เกิดความร๎ูความเข๎าใจ เกิดทักษะทางวิทยาศาสตร์ มีความสามารถในการตัดสินใจ นา
ความร๎ูไปใชใ๎ นชวี ติ ประจาวัน มจี ิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม คณุ ธรรม และคาํ นิยมท่เี หมาะสม
ผลการเรียนรู้
1. อธบิ ายความดนั หลกั การของเคร่อื งวัดความดนั
2. อธิบายหลักอารค์ ิมดี ิส และนาไปใช๎อธบิ ายเกีย่ วกับการลอยของวตั ถใุ นของไหล
3. อธิบายความตึงผิวของของเหลวและความหนืดในของเหลว
4. อธบิ ายการไหลของของไหลอุดมคติ ซ่ึงเปน็ การเคลื่อนท่ีท่ีเปน็ ไปตามกฎการอนุรักษ์พลังงาน
5. อธิบายผลของความร๎อนท่ีทาใหส๎ ารเปลยี่ นอุณหภูมแิ ละเปล่ียนสถานะ
6. อธบิ ายแก๏สอุดมคติ กฎของแก๏ส และใช๎กฎของแก๏สอธิบายพฤติกรรมของแก๏ส
7. อธบิ ายทฤษฎีจลน์ของแก๏สและใช๎ทฤษฎีจลนข์ องแก๏สอธิบายสมบตั ิทางกายภาพของแก๏สได๎
8. อธิบายพลังงานภายในระบบ และความสัมพันธ์ระหวํางพลังงานความร๎อน พลงั งานภายใน
ระบบ และงานทีร่ ะบบทาหรือรบั จากสงิ่ แวดล๎อม
9. อธบิ ายการค๎นพบอิเล็กตรอน และโครงสรา๎ งอะตอมตามแบบจาลองอะตอมของทอมสันและ
รทั เทอร์ฟอร์ด
10. อธบิ ายสมมตฐิ านของพลังค์
11. อธบิ ายทฤษฎีอะตอมของไฮโดรเจนของโบร์และระดับพลงั งานของอะตอม
12. อธิบายปรากฏการณโ์ ฟโตอเิ ลก็ ทริกและปรากฏการณ์คอมป์ตันซงึ่ เป็นปรากฏการณ์ท่ี
สนับสนนุ วําแสงแสดงสมบัติของอนุภาคได๎
หลกั สูตรสถานศึกษา โรงเรียนคณะราษฎรบารงุ จงั หวัดยะลา
ห น้ า | 162
13. อธิบายสมมติฐานของเดอบรอยล์ และทวิภาวะของคลื่นและอนภุ าค
14. อธบิ ายโครงสร๎างอะตอมตามทฤษฎีกลศาสตร์ควอนตมั
15. อธบิ ายกัมมนั ตภาพรังสี และการเปลี่ยนสภาพนวิ เคลียสของธาตุกัมมันตรงั สี
16. อธิบายหลักการทีเ่ กี่ยวข๎องการสลายของธาตุกัมมนั ตรังสี
17. อธิบายไอโซโทปและการแยกไอโซโทป
18. อธบิ ายแรงนิวเคลียร์ พลังงานยดึ เหนี่ยว และเสถยี รภาพของนวิ เคลียส
19. อธิบายปฏิกิรยิ านวิ เคลียร์และพลังงานนิวเคลยี รท์ ี่เกดิ ขนึ้ รวมทงั้ การใชป๎ ระโยชน์
20. อธบิ ายประโยชนแ์ ละโทษของรงั สแี ละการป้องกัน
รวม 20 ผลการเรียนรู้
หลักสตู รสถานศึกษา โรงเรยี นคณะราษฎรบารงุ จงั หวัดยะลา
ห น้ า | 163
คาอธิบายรายวชิ า ฟสิ ิกส์เพิ่มเตมิ 6 รหสั วิชา ว33202
รายวิชาเพม่ิ เติม กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรยี นที่ 2
เวลาเรียน 80 ช่วั โมง ( 4 คาบ / สัปดาห์ ) จานวน 2.0 หน่วยกิต
ศึกษาและคานวณแรงและการเคลื่อนที่ในเรื่องการเคล่ือนที่แนวตรงแรงและผลของแรงที่มีตํอ
สภาพการเคลื่อนที่ของวัตถุกฎการเคลื่อนที่ของนิวตันกฎแรงดึงดูดระหวํางมวลและแรงเสียดทานการ
เคลือ่ นทแี่ บบโพรเจกไทลก์ ารเคล่อื นท่ีแบบวงกลมและการเคลอื่ นท่ีแบบฮาร์มอนิกอยํางงํายแรงท่ีกระทาตํอ
วัตถุในสนามโน๎มถํวงและการเคลื่อนท่ีของวัตถุในสนามโน๎มถํวง แรงท่ีกระทาตํออนุภาคท่ีมีประจุไฟฟ้าใน
สนามไฟฟ้าและสนามแมํเหล็กรวมท้ังแรงนิวเคลียร์ในนิวเคลียสและการใช๎ประโยชน์จากแรงและการ
เคลื่อนท่ีแบบตํางๆศึกษาหลักการของสสารในเรื่องสภาพยืดหยํุนของวัตถุและมอดุลัสหลักการของคล่ืนใน
เรื่ององคป์ ระกอบและการเคลื่อนทข่ี องคล่ืนสมบัติของคลื่นธรรมชาติของเสียงหลักการของพลังงานในเรื่อง
องคป์ ระกอบของคลนื่ สมบัติของคลืน่ เสยี งและการไดย๎ ินความเข๎มเสียงมลพิษทางเสียงหลักการของสสารใน
เรื่องสภาพยืดหยํุนของวัตถุและมอดุลัสการนาปรากฏการณ์ที่เกี่ยวกับคลื่นเสียงการส่ันพ๎องของเสียงบีตส์
ปรากฏการณ์ดอปเพลอรแ์ ละคลนื่ กระแทกหูและการได๎ยนิ ความเข๎มของเสียงและมลพิษทางเสียงธรรมชาติ
ของแสงแสงเชิงเรขาคณิตกระจกเงาโค๎งเลนส์บางและหลักการของทัศนอุปกรณ์บางชนิด ไปประยุกต์ใช๎ให๎
เขา๎ ในชวี ิตประจาวันการรับรูส๎ ีของนยั นต์ าคนแสงเชงิ ฟิสิกส์และการอธิบายปรากฏการณ์ที่เก่ียวกับคลื่นแสง
ความดันในของไหลและกฎพาสคัลแรงพยุง และหลักอาร์คิมีดีสความตึงผิวการเคล่ือนที่ในของไหลและ
หลักแบร์นูลลี ความร๎อนการเปล่ียนสถานะของสารทฤษฎีจลน์ของแก๏สกฎของแก๏สและพลังงานภายใน
ระบบของแกส๏ สเปกตรมั หลกั การของมอเตอรก์ ฎการเหนย่ี วนาแมเํ หล็กไฟฟา้ ของฟาราเดย์และกฎของเลนซ์
หลักการของเคร่ืองกาเนิดไฟฟ้าไฟฟ้ากระแสสลับการแปลงไฟฟ้ากระแสสลับเป็นไฟฟ้ากระแสตรงคลื่น
แมํเหล็กไฟฟ้าแนวคิดทฤษฎีแมํเหล็กไฟฟ้าของแมกซ์เวลล์คลื่นแมํเหล็กไฟฟ้าและสเปกตรัมคลื่น
แมํเหล็กไฟฟ้ากัมมันตภาพรังสีรังสีในชีวิตประจาวันปฏิกิริยานิวเคลียร์พลังงานนิวเคลียร์และการใช๎
ประโยชน์ในทางสร๎างสรรค์ผลกระทบตํอสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล๎อมโดยใช๎กระบวนการทางวิทยาศาสตร์การ
สืบค๎นข๎อมูลการสารวจตรวจสอบเพื่อให๎เกิดความร๎ูความเข๎าใจความคิดมีความสามารถในการสื่อสารสิ่ งที่
เรียนรู๎การตัดสินใจการนาความร๎ูไปใช๎ในชีวิตประจาวันมีจิตวิทยาศาสตร์จริยธรรมคุณธรรมและคํานิยมที่
เหมาะสม
โดยใชก๎ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความร๎ู การสารวจตรวจสอบ การสืบค๎นข๎อมูล
และการอภิปราย ทักษะด๎านการอําน การเขียน การคิดคานวณ มีทักษะด๎านการคิดอยํางมีวิจารณญาณ
และทักษะในการแก๎ปัญหา ทักษะด๎านการสร๎างสรรค์ ทักษะด๎านความรํวมมือ การทางานเป็นทีม และ
ภาวะผ๎นู า ทกั ษะด๎านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอื่ สาร และทกั ษะการเรยี นร๎ู
เพ่ือให๎เกิดความรู๎ความเข๎าใจ เกิดทักษะทางวิทยาศาสตร์ มีความสามารถในการตัดสินใจ นา
ความร๎ไู ปใช๎ในชวี ิตประจาวนั มีจติ วทิ ยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม และคาํ นิยมทเ่ี หมาะสม
หลกั สตู รสถานศกึ ษา โรงเรียนคณะราษฎรบารงุ จังหวัดยะลา
ห น้ า | 164
ผลการเรยี นรู้
1. อธิบายกฎการเคลื่อนท่ีของนวิ ตนั และใชก๎ ฎการเคล่ือนที่ของนิวตันโดยประยุกต์เข๎ากบั การ
เคล่ือนที่ของวตั ถแุ บบตํางๆ
2. อธิบายพลงั งานจลนพ์ ลังงานศักย์และและประยกุ ต์ใชค๎ วามสมั พนั ธ์ระหวาํ งงานและพลงั งาน
3. อธิบายทอร์กโมเมนต์ความเฉ่ือยและความสมั พนั ธ์ระหวํางทอร์กกบั โมเมนตค์ วามเฉื่อย
4. อธบิ ายประยุกต์ใช๎สภาพการเคล่ือนที่ของวตั ถแุ ละผลของแรงทกี่ ระทาตํอวัตถุมคี วามเก่ียวขอ๎ ง
กับศูนยก์ ลางมวลและศูนย์ถวํ งของวัตถุ
5. อธบิ ายและคานวณปรากฎการณ์การเก่ยี วกบั เสยี งและสมบัติของเสยี ง
6. อธิบายและคานวณการสะท๎อนของแสงการหาตาแหนํงขนาดและชนิดของภาพท่ีเกิดจาก
กระจกเงาราบและกระจกเงาโคง๎ ท้งั โดยการเขียนภาพและการคานวณ
7. อธิบายและคานวณปรากฎการณ์การเกี่ยวกบั แสงและสมบัตขิ องแสง
8. อธิบายและคานวณเก่ยี วกับไฟฟา้ และแมเํ หล็ก
9. อธิบายและคานวณเกีย่ วกับของไหลและความรอ๎ น
10. อธบิ ายและคานวณกัมมันตภาพรังสแี ละการเปลี่ยนสภาพนิวเคลยี สของธาตุกมั มนั ตรงั สีพร๎อม
ทั้งพลังงานนิวเคลียร์
รวม 10 ผลการเรียนรู้
หลักสูตรสถานศกึ ษา โรงเรยี นคณะราษฎรบารงุ จังหวัดยะลา
ห น้ า | 165
คาอธบิ ายรายวชิ า เคมีเพิ่มเตมิ 5 รหัสวิชา ว33287
รายวชิ าเพ่มิ เติม กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 6 ภาคเรียนที่ 1
เวลาเรียน 60 ช่วั โมง ( 3 คาบ / สปั ดาห์ ) จานวน 1.5 หน่วยกติ
ศกึ ษาความหมายของสารประกอบอินทรีย์ การเขียนสูตรโครงสรา๎ งแบบลวิ อิส แบบยํอ แบบผสม
แบบใชเ๎ สน๎ และมุม ศึกษาทดลองการเกดิ ไอโซเมอร์ของสารประกอบอนิ ทรยี ์ ศกึ ษาและทดลองเกี่ยวกับหมํู
อะตอมทแี่ สดงสมบตั ิเฉพาะหรือหมฟูํ ังกช์ นั ในโมเลกลุ ของสาร ศกึ ษาหมฟํู ังก์ชัน การจาแนกประเภทของ
สารประกอบอนิ ทรีย์ ศกึ ษาโครงสร๎าง การเขียนสตู ร การเรียกช่อื แนวโนม๎ ของจุดหลอมเหลวและจดุ เดือด
การละลายในน้า ปฏกิ ิรยิ าบางชนดิ การนาไปใช๎ประโยชน์ และอันตรายของสารประกอบอินทรีย์ประเภท
แอลเคน แอลคีนแอลไคน์ แอลกอฮอล์ ฟนี อล อีเทอร์ แอลดีไฮด์คโี ตน กรดคารบ์ อกซิลกิ เอสเทอร์ เอมนี
และเอไมด์ ศกึ ษาและทดลองสมบัติบางประการของสารประกอบไฮโดรคารบ์ อน การเตรียมเอสเทอร์จาก
ปฏกิ ิรยิ าท่ีเรยี กวาํ เอสเทอริฟิเคชัน และปฏกิ ิรยิ าไฮโดรลิซิสของเอสเทอร์
ศึกษาการเกิดและองค์ประกอบทางเคมีของเช้ือเพลิงซากดึกดาบรรพ์ การสารวจหาแหลํง
ปิโตรเลียม กระบวนการกลั่นน้ามันดิบและแยกแก๏สธรรมชาติ เลขออกเทน เลขซีเทน อุตสาหกรรมปิโตร
เคมีและการใช๎ประโยชน์ของปิโตรเคมีภัณฑ์ ศึกษาประเภทของโพลิเมอร์และปฏิกิริยาพอลิเมอไรเซชัน
ความสัมพันธ์ระหวํางโครงสร๎างกับสมบัติของพอลิเมอร์ ศึกษาสมบัติของผลิตภัณฑ์จากพอลิเมอร์ประเภท
ตํางๆ ศึกษาทดลองสมบัติบางประการของพลาสติกชนิดตํางๆ และการเตรียมเส๎นใยก่ึงสังเคราะห์จากเส๎น
ใยธรรมชาติ ความก๎าวหน๎าทางเทคโนโลยีที่นามาใช๎ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์พอลิเมอร์สังเคราะห์ และการ
นาพอลิเมอร์ไปใช๎ประโยชน์อยํางเหมาะสมและปลอดภัย มลพิษท่ีอาจเกิดขึ้น และแนวทางในการป้องกัน
ศึกษาธาตุท่ีเป็นองค์ประกอบหลัก โครงสร๎าง ชนิด หน๎าที่ แหลํงที่พบ และประโยชน์ของโปรตีน
คาร์โบไฮเดรต ลิพิด และกรดนวิ คลอี ิก ศึกษาและทดลองเก่ยี วกบั การทดสอบโปรตีนในอาหาร ศึกษาสมบัติ
และการทางานของเอนไซม์ และการเรียกชื่อ ทดลองเพื่อศึกษาสมบัติของเอนไซม์และปัจจัยบางประการที่
มีผลตํอการทางานของเอนไซม์ ศึกษาและทดลองการแปลงสภาพโปรตีน สมบัติบางประการและปฏิกิริยา
เฉพาะของคารโ์ บไฮเดรต การละลายของน้ามันและไขมันในตัวทาละลายบางชนิด ปฏิกิริยาไฮโดรลิซิสของ
น้ามันหรือไขมันซึ่งเป็นเอสเทอร์ด๎วยสารละลายเบส ศึกษาความก๎าวหน๎าของเทคโนโลยีท่ีเก่ียวข๎องกับสาร
ชีวโมเลกุลเพ่อื ให๎มีความรค๎ู วามเข๎าใจเกี่ยวกับสมบัติและปฏิกิริยาของสารประกอบอินทรีย์เชื้อเพลิงซากดึก
ดาบรรพ์และผลิตภัณฑ์ สารววี โมเลกลุ
โดยใช๎กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความร๎ู การสารวจตรวจสอบ การสืบค๎น
ข๎อมูลและการอภิปราย ทักษะด๎านการอําน การเขียน การคิดคานวณ มีทักษะด๎านการคิดอยํางมี
วจิ ารณญาณและทกั ษะในการแก๎ปัญหา ทกั ษะด๎านการสร๎างสรรค์ ทักษะด๎านความรํวมมือ การทางานเป็น
ทมี และภาวะผู๎นา ทกั ษะดา๎ นคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อื สาร และทกั ษะการเรยี นรู๎
หลกั สูตรสถานศกึ ษา โรงเรยี นคณะราษฎรบารุง จังหวัดยะลา
ห น้ า | 166
เพ่ือให๎เกิดความรู๎ความเข๎าใจ เกิดทักษะทางวิทยาศาสตร์ มีความสามารถในการตัดสินใจ นา
ความรูไ๎ ปใช๎ในชีวิตประจาวัน มีจติ วิทยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คณุ ธรรม และคํานยิ มทเ่ี หมาะสม
ผลการเรียนรู้
1. บอกความแตกตาํ งระหวาํ งสารประกอบอินทรีย์กับสารประกอบอนินทรียไ์ ด๎
2. อธบิ ายเหตุผลทีท่ าให๎มสี ารประกอบอินทรียเ์ ปน็ จานวนมากได๎
3. เขียนสตู รโครงสรา๎ งของสารประกอบอินทรยี ใ์ นรปู สูตรแบบ ลิวอิส แบบยอํ แบบผสม แบบใช๎
เสน๎ และมุม
4. เขียนไอโซเมอรโ์ ครงสร๎างของสารประกอบอินทรีย์ประเภทตาํ งๆได๎
5. ระบุประเภทของสารประกอบอินทรยี ์โดยใชห๎ มํูฟังกช์ นั เป็นเกณฑ์พร๎อมทั้งยกตวั อยํางได๎
6. บอกประเภทของสารประกอบไฮโดรคารบ์ อนโดยใช๎พนั ธะในโมเลกลุ และสมบัติบางประการ
เป็นเกณฑ์ พรอ๎ มทง้ั ยกตัวอยํางได๎
7. อธิบายความแตกตํางระหวํางซิสไอโซเมอร์กบั ทรานสไ์ อโซเมอร์ พร๎อมท้ังยกตัวอยํางได๎
8. เรียกชอื่ สารประกอบอนิ ทรยี ์ประเภทตํางๆได๎
9. สรปุ ความสมั พันธร์ ะหวาํ งการละลายในน้า จดุ หลอมเหลวและจดุ เดอื ดกับจานวนอะตอมของ
คารบ์ อนในโมเลกลุ ของสารประกอบอนิ ทรีย์ได๎
10. เปรียบเทยี บจุดเดอื ดของสารประกอบอนิ ทรีย์ชนดิ ตํางๆทีม่ มี วลโมเลกุลใกลเ๎ คียงกันได๎
11. อธิบายการเกดิ ปฏิกิริยาบางชนดิ ของสารประกอบอนิ ทรยี ป์ ระเภทตาํ งๆพร๎อมท้ังเขียนสมการ
เคมีแสดงปฏกิ ริ ยิ าท่ีเกิดข้นึ ได๎
12. บอกประโยชนห์ รือโทษของสารประกอบอินทรีย์บางชนดิ ได๎
13. อธิบายการเกดิ และองค์ประกอบทางเคมีที่สาคญั ของเช้ือเพลงิ ซากดกึ ดาบรรพ์ชนดิ ตํางๆได๎
14. อธบิ ายการใช๎ประโยชน์จากถํานหินและหินนา้ มันได๎
15. อธิบายกระบวนการกล่ันนา้ มนั ดิบและการแยกแกส๏ ธรรมชาติ พรอ๎ มท้ังยกตวั อยําง ผลติ ภณฑ์
ทไี่ ด๎และการนาไปใช๎ประโยชน์
16. อธบิ ายความหมายของปิโตรเลยี ม เลขออกเทน เลขซเี ทนปโิ ตรเคมภี ัณฑ์ อุตสาหกรรมปโิ ตร
เคมขี น้ั ตน๎ อุตสาหกรรมปิโตรเคมีขัน้ ตํอเน่ือง พอลเิ มอร์ มอนอเมอร์ พลาสตกิ เส๎นใยธรรมชาติ เส๎นใย
สังเคราะห์ ยางธรรมชาติ ยางสงั เคราะห์ และกระบวนการวัลคาไนเซชนั ได๎
17. อธบิ ายการเกดิ พอลิเมอรแ์ ละความสมั พันธร์ ะหวาํ งโครงสร๎างกับสมบตั ิของพอลิเมอรไ์ ด๎
18. อธิบายสมบตั ขิ องผลติ ภณั ฑพ์ อลเิ มอร์แตลํ ะชนดิ รวมท้งั การนาไปใชป๎ ระโยชนไ์ ด๎
19. อธิบายความก๎าวหน๎าทางเทคโนโลยีที่นามาใช๎ในการพัฒนาผลิตภณั ฑพ์ อลเิ มอรส์ งั เคราะห์
และยกตัวอยํางการใช๎ประโยชน์จากผลิตภณั ฑ์พอลเิ มอรส์ งั เคราะห์ได๎
20. อธิบายผลทเี่ กดิ จากการผลติ และการใช๎ผลิตภณั ฑจ์ ากเชอื้ เพลงิ ซากดึกดาบรรพต์ ํอชีวติ และ
ส่งิ แวดลอ๎ มได๎
หลกั สตู รสถานศกึ ษา โรงเรียนคณะราษฎรบารุง จังหวดั ยะลา
ห น้ า | 167
21. บอกวธิ กี ารนาผลติ ภัณฑ์จากเชอ้ื เพลงิ ซากดึกดาบรรพ์ไปใช๎อยํางเหมาะสมเพ่ือให๎เกิดความ
ปลอดภัยตอํ ชีวิตและสิง่ แวดล๎อมได๎
22. อธิบายโครงสรา๎ งของโปรตนี คารโ์ บไฮเดรต ลิพดิ และกรดนิวคลีอกิ ได๎
23. บอกสมบตั ิ และการทดสอบไขมนั โปรตีนและคาร์โบไฮเดรตได๎
24. บอกประโยชน์ของโปรตนี คารโ์ บไฮเดรต ลิพิด และกรดนวิ คลีอิกได๎
รวม 24 ผลการเรียนรู้
หลักสูตรสถานศกึ ษา โรงเรยี นคณะราษฎรบารงุ จงั หวดั ยะลา
ห น้ า | 168
คาอธบิ ายรายวชิ า เคมีเพิ่มเตมิ 6 รหัสวิชา ว33288
รายวชิ าเพิ่มเติม กลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 6 ภาคเรียนท่ี 2
เวลาเรยี น 60 ชั่วโมง ( 3 คาบ / สัปดาห์ ) จานวน 1.5 หน่วยกติ
ศึกษาวิเคราะห์ ความหมายของปิโตรเลียม พอลิเมอร์ การสกัด การกล่ัน แก๏ส การคานวณ
ปริมาตรแกส๏
โดยใช๎กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู๎ การสารวจตรวจสอบ การสืบค๎น
ข๎อมูลและการอภิปราย ทักษะด๎านการอําน การเขียน การคิดคานวณ มีทักษะด๎านการคิดอยํางมี
วิจารณญาณและทักษะในการแกป๎ ญั หา ทักษะด๎านการสร๎างสรรค์ ทักษะด๎านความรํวมมือ การทางานเป็น
ทีม และภาวะผน๎ู า ทักษะดา๎ นคอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร และทกั ษะการเรียนรู๎
เพื่อให๎เกิดความร๎ูความเข๎าใจ เกิดทักษะทางวิทยาศาสตร์ มีความสามารถในการตัดสินใจ นา
ความร๎ูไปใช๎ในชีวติ ประจาวัน มีจิตวิทยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คณุ ธรรม และคํานิยมท่เี หมาะสม
ผลการเรยี นรู้
1. วิเคราะหก์ ระบวนการกลน่ั และสกัดสารโดยเลอื กใชก๎ ระบวนการไดเ๎ หมาะสม
2. สืบค๎นข๎อมูลและอธิบายการเกดิ ปโิ ตรเลยี ม กระบวนการแยกแกส๏ ธรรมชาติ และการกลนั่ ลาดับ
สวํ นนา้ มันดิบ
3. สบื ค๎นข๎อมูลและอภปิ รายการนาผลติ ภัณฑ์ทีไ่ ด๎จากการแยกแกส๏ ธรรมชาติและการกลนั่ ลาดบั
สวํ นน้ามันดบิ ไปใชป๎ ระโยชน์ รวมทง้ั ผลของผลติ ภณั ฑต์ อํ สิ่งมชี ีวิตและสงิ่ แวดล๎อม
4. อธิบายการเกิดพอลเิ มอร์ สมบตั ิของพอลิเมอร์
5. อภปิ รายการนาพอลิเมอร์ไปใช๎ประโยชน์ รวมทงั้ ผลท่เี กิดจากการผลิตและใช๎พอลเิ มอรต์ อํ
สิ่งมชี วี ติ และสิง่ แวดลอ๎ ม
6. คานวณหาปริมาณ มวล และความดนั แกส๏
7. อธบิ ายทฤษฎีจลนโ์ มเลกลุ ของแกส๏
8. อธบิ ายพฤติกรรมของแกส๏ จริง
รวม 8 ผลการเรียนรู้
หลกั สตู รสถานศึกษา โรงเรยี นคณะราษฎรบารุง จงั หวดั ยะลา
ห น้ า | 169
คาอธบิ ายรายวิชา ชีววิทยาเพ่มิ เตมิ 5 รหัสวิชา ว33289
รายวิชาเพม่ิ เตมิ กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 6 ภาคเรียนที่ 1
เวลาเรยี น 60 ช่ัวโมง ( 3 คาบ / สปั ดาห์ ) จานวน 1.5 หน่วยกิต
ศึกษาโครงสรางและหนาที่ของสารเคมีที่เปนองคประกอบ ในเซลลของส่ิงมีชีวิต ศึกษาเกี่ยวกับ
ความหลากหลายทางชีวภาพและความยั่งยืนของส่ิงแวดลอม ความหลากหลายของ ส่ิงมีชีวิต การศึกษา
ความหลากหลายของส่ิงมีชีวิต กาเนิดของชีวิต อาณาจักรของส่ิงมีชีวิต ความหลากหลายทางชีวภาพใน
ประเทศไทย การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ ผลของความหลากหลาย ทางชีวภาพและ
เทคโนโลยีชีวภาพที่มีตอมนุษยและสิ่งแวดลอม กระบวนการคัดเลือกตามธรรมชาติและผล ของ
กระบวนการคดั เลือกตามธรรมชาตติ อความหลากหลายทางชวี ภาพ ศึกษาเกี่ยวกับ ประชากร ความหนาแน
นและการแพรกระจายของประชากร ขนาดของประชากร รูปแบบการเพิ่มของ ประชากร การรอดชีวิตของ
ประชากร ประชากรมนุษย์
โดยใช๎กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ การสบื เสาะหาความร๎ู การสารวจตรวจสอบ การสืบค๎นข๎อมูล
และการอภิปราย ทักษะด๎านการอําน การเขียน การคิดคานวณ มีทักษะด๎านการคิดอยํางมีวิจารณญาณ
และทักษะในการแก๎ปัญหา ทักษะด๎านการสร๎างสรรค์ ทักษะด๎านความรํวมมือ การทางานเป็นทีม และ
ภาวะผ๎นู า ทักษะด๎านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สาร และทักษะการเรียนร๎ู
เพื่อให๎เกิดความรู๎ความเข๎าใจ เกิดทักษะทางวิทยาศาสตร์ มีความสามารถในการตัดสินใจ นา
ความร๎ไู ปใชใ๎ นชวี ิตประจาวัน มีจิตวิทยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คณุ ธรรม และคาํ นิยมทเี่ หมาะสม
ผลการเรยี นรู้
1. อธิบายเก่ยี วกับโครงสรางและหนาทข่ี องสารเคมีในเซลลของสง่ิ มีชวี ติ
2. สบื คนขอมลู อภิปราย และอธบิ ายเก่ยี วกับความหมายและองคประกอบของความหลากหลาย
ทางชีวภาพ
3. สบื คนขอมูลอภิปราย และอธิบายการศึกษาความหลากหลายของสงิ่ มีชวี ติ การจดั หมวดหมู ของ
สิ่งมีชีวติ ช่ือของสงิ่ มชี วี ิต และการระบชุ นดิ
4. สืบคนขอมูล อภิปราย อธิบายและสรุปเก่ยี วกบั กาเนดิ ของชวี ติ กาเนิดของเซลลโพรคาริโอต
และเซลลยคู าริโอต
5. สืบคนขอมลู ทดลอง อภปิ รายอธบิ ายและสรปุ เกณฑทใี่ ชในการจดั จาแนกส่ิงมีชวี ิตออกเปน
โดเมนและอาณาจักรลกั ษณะทเ่ี หมือนและแตกตางกันของสง่ิ มีชีวิตในอาณาจักรมอเนอรา อาณาจักรโพ
รทิสตา อาณาจักรพืช อาณาจักรฟงไจ และอาณาจักรสตั ว
6. สืบคนขอมูลอภิปรายอธบิ ายและนาเสนอคณุ คาของความหลากหลายทางชวี ภาพกับการใช ประ
โยชนของมนษุ ยทมี่ ีผลตอสังคมและสิ่งแวดลอม
หลกั สตู รสถานศกึ ษา โรงเรยี นคณะราษฎรบารงุ จงั หวดั ยะลา
ห น้ า | 170
7. สบื คนขอมูลอภิปรายและนาเสนอสถานการณความหลากหลายทางชวี ภาพในประเทศไทย และ
ผลกระทบจากการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ
8. ออกแบบสถานการณจาลองท่ีแสดงถึงการเปล่ียนแปลงปจจัยตางๆ ของสิ่งแวดลอมท่มี ีผลตอ กา
รอยรู อดของสิ่งมชี วี ติ
9. วเิ คราะห อภิปรายและสรุปไดวาการอยูรอดของสงิ่ มชี ีวติ สมั พนั ธกบั ความหลากหลายของ
สง่ิ มีชวี ติ
10. สืบคนขอมูล อภิปราย และอธิบายเกยี่ วกบั ความหมายของประชากร ความหนาแนนของ
ประชากร อัตราการเปลย่ี นแปลงขนาดของประชากร และปจจัยสาคัญท่มี ผี ลตอการ เปลีย่ นแปลงขนาด
ของประชากร
11. สืบคนขอมูล อภิปราย และวเิ คราะหขอมูลเก่ยี วกับเรื่องประชากรมนุษยการเติบโต และ โครง
สรางอายขุ องประชากรมนุษย
รวม 11 ผลการเรียนรู้
หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรยี นคณะราษฎรบารงุ จังหวดั ยะลา
ห น้ า | 171
คาอธิบายรายวชิ า ชวี วทิ ยาเพ่ิมเติม 6 รหสั วชิ า ว33290
รายวชิ าเพม่ิ เตมิ กล่มุ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 6 ภาคเรยี นที่ 2
เวลาเรียน 60 ช่ัวโมง ( 3 คาบ / สัปดาห์ ) จานวน 1.5 หนว่ ยกติ
ศึกษาเก่ียวกับลักษณะที่สาคัญของสิ่งมีชีวิต การใช๎ความร๎ูและกระบวนการทางชีววิทยาท่ีเป็น
ประโยชน์ตํอมนษุ ย์และสง่ิ แวดลอ๎ ม การศกึ ษาชีววิทยาโดยใช๎วิธีการทางวิทยาศาสตร์ศึกษาวิเคราะห์ ระบบ
นิเวศธรรมชาติของโลก ระบบนิเวศในท๎องถ่ิน ความสัมพันธ์ขององค์ประกอบตํางๆ ภายในระบบนิเวศ
ศึกษาเกี่ยวกับประชากร ความหนาแนํนและการแพรํกระจายของประชากร ขนาดของประชากร รูปแบบ
การเพิ่มของประชากร การรอดชีวิตของประชากร ประชากรมนุษย์ ศึกษาเกี่ยวกับมนุษย์กับความย่ังยืน
ของส่ิงแวดล๎อมทรัพยากรธรรมชาติ การใช๎ประโยชน์ ปัญหาและการจัดการ หลักการอนุรักษ์
ทรพั ยากรธรรมชาติ และชนดิ พนั ธตุ์ าํ งถ่นิ ที่สงํ ผลกระทบตํอสภาพแวดล๎อม ศึกษาเกี่ยวกับพันธุศาสตร์และ
วิวัฒนาการ การศึกษาพันธุศาสตร์ของเมนเดล กฎของความนําจะเป็น กฎแหํงการแยก และกฎแหํงการ
รวมกลุํมอยํางอิสระการผสมเพ่ือทดสอบลักษณะทางพันธุกรรมท่ีเป็นสํวนขยายของพันธุศาสตร์เมนเดล
ศึกษาเก่ียวกับวิวัฒนาการ หลักฐานท่ีบํงบอกถึงวิวัฒนาการของส่ิงมีชีวิต แนวคิดเก่ียวกับวิวัฒนาการของ
สิ่งมีชีวิต พันธุศาสตร์ประชากร ศึกษาเกี่ยวกับการดารงชีวิตของพืช โครงสร๎างและหน๎าที่ของพืชดอก
เนื้อเยื่อพืช อวัยวะและหน๎าที่ของอวัยวะของพืชจากราก ลาต๎น และใบ ศึกษากระบวนการสังเคราะห์ด๎วย
แสง โฟโตเรสไพเรชนั กลไกการเพม่ิ ความเข๎มข๎นของคาร์บอนไดออกไซด์ในพืช รวมทั้งปัจจัยบางประการที่
มีผลตํออัตราการสังเคราะห์ด๎วยแสง ศึกษาการสืบพันธุ์ของพืชดอกและการเจริญ เติบโต รวมท้ังสาร
ควบคมุ การเจริญเติบโตของพชื และการตอบสนองของพืชตํอสงิ่ แวดล๎อม
โดยใช๎กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสบื เสาะหาความรู๎ การสารวจตรวจสอบ การสืบค๎นข๎อมูล
และการอภิปราย ทักษะด๎านการอําน การเขียน การคิดคานวณ มีทักษะด๎านการคิดอยํางมีวิจารณญาณ
และทักษะในการแก๎ปัญหา ทักษะด๎านการสร๎างสรรค์ ทักษะด๎านความรํวมมือ การทางานเป็นทีม และ
ภาวะผ๎นู า ทกั ษะดา๎ นคอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสาร และทกั ษะการเรียนรู๎
เพื่อให๎เกิดความรู๎ความเข๎าใจ เกิดทักษะทางวิทยาศาสตร์ มีความสามารถในการตัดสินใจ นา
ความร๎ไู ปใช๎ในชวี ติ ประจาวนั มีจิตวทิ ยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คุณธรรม และคาํ นยิ มทีเ่ หมาะสม
ผลการเรยี นรู้
1. สืบคน๎ ข๎อมลู และอธิบายลักษณะสาคญั ของสง่ิ มชี วี ิต
2. อธิบายเกยี่ วกบั โครงสร๎างและหน๎าท่ีของสารเคมใี นเซลล์ของสงิ่ มชี วี ิต
3. สารวจสืบค๎นขอ๎ มูล อภิปรายและสรุปเกีย่ วกับโครงสรา๎ งและการทางานของระบบสืบพนั ธ์ุ และ
การเจรญิ เตบิ โตของสัตว์และมนุษย์
4. อธบิ ายเก่ยี วกับระบบภูมคิ ุ๎มกันของราํ งกาย
หลักสตู รสถานศึกษา โรงเรียนคณะราษฎรบารุง จงั หวัดยะลา
ห น้ า | 172
5. สืบคน๎ ข๎อมูล วิเคราะห์ อภิปราย อธิบายเกย่ี วกับโครโมโซม โครงสร๎างการถาํ ยทอดลกั ษณะทาง
พนั ธุกรรมทีเ่ ปน็ สํวนสํวนขยายของพนั ธุศาสตรเ์ มนเดล
6. สืบค๎นข๎อมูล วิเคราะห์ อภิปราย อธิบาย และสรุปเกี่ยวกบั หลกั ฐานการเกิดวิวฒั นาการและ
แนวคิดเกย่ี วกับวิวฒั นาการของมนุษย์
7. สบื คน๎ ขอ๎ มลู อภิปราย และอธิบายเกยี่ วกับความหมายของประชากร ความหนาแนนํ อัตราการ
เปลยี่ นแปลงขนาดของประชากร และปัจจยั สาคญั ทม่ี ผี ลตอํ การเปลย่ี นแปลง
8. อธบิ ายดุลยภาพของระบบนเิ วศ
9. อภิปราย อธิบาย และสรปุ แนวทางการจัดการทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ๎ ม รวมท้งั การ
อนุรักษ์และพัฒนาท่ียงั่ ยนื พร๎อมทัง้ เสนอแนวทางในการอนุรกั ษท์ รัพยากรธรรมชาติ
10. สืบคน๎ ข๎อมลู ทดลอง อภิปราย และสรุปเกยี่ วกับเน้ือเย่ือของพืช โครงสรา๎ งและหน๎าทีข่ องพชื
ดอก การแลกเปลี่ยนแกส๏ และการคายนา้ และกระบวนการลาเลยี ง
11. สืบค๎นขอ๎ มลู เกยี่ วกบั การค๎นควา๎ ทเ่ี กย่ี วขอ๎ งกบั กระบวนการสงั เคราะหด์ ว๎ ยแสง ทดลองและ
อภปิ ราย เพอื่ ศึกษากระบวนการสังเคราะหด์ ว๎ ยแสง
12. สบื คน๎ ขอ๎ มูล ทดลอง อภิปราย และสรุปเก่ียวกบั โฟโตเรสไพเรชัน ในพชื ท่ัวๆไป กลไกการเพิม่
ความเข๎มขน๎ ของคาร์บอนไดออกไซดใ์ นพชื C4และพชื CAM รวมท้งั ปัจจยั บางประการทม่ี ีผลตํอการ
สงั เคราะหด์ ๎วยแสง
13. สืบคน๎ ขอ๎ มูล ทดลอง อภปิ ราย และสรุปเกยี่ วกับสารควบคมุ การเจรญิ เตบิ โตของพืชและการ
ตอบสนองของพืชตํอสิ่งแวดล๎อม
รวม 13 ผลการเรียนรู้
หลักสตู รสถานศึกษา โรงเรยี นคณะราษฎรบารงุ จงั หวัดยะลา
ห น้ า | 173
คาอธบิ ายรายวิชา ปฏิบตั กิ ารทางวทิ ยาศาสตร์ 5 รหสั วชิ า ว33294
รายวิชาเพ่มิ เติม กลุม่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 6 ภาคเรยี นที่ 1
เวลาเรยี น 40 ชวั่ โมง ( 2 คาบ / สปั ดาห์ ) จานวน 1.0 หน่วยกิต
ศึกษา วิเคราะห์ ต้ังคาถามที่กาหนดประเด็นหรือตัวแปรท่ีสาคัญในการสารวจตรวจสอบ หรือ
ศึกษาค๎นคว๎าเร่ืองท่ีสนใจได๎อยํางครอบคลุม และเช่ือถือได๎ สร๎างสมมติฐานที่สามารถตรวจสอบได๎และวาง
แผนการสารวจตรวจสอบหลายๆ วิธี เลือกเทคนิควิธีการท่ีได๎ผลเที่ยงตรงและปลอดภัย อธิบายโครงสร๎าง
และหนา๎ ทขี่ องตา หู จมกู ลน้ิ และผิวหนังของมนุษย์ ทดสอบปฏิกิริยาเอสเทอริฟิเคชัน ปฏิกิริยาไฮโดรลิซิส
และปฏกิ ริ ิยาสะปอนนฟิ ิเคชนั ทดสอบ และระบุประเภทของพลาสติกและผลิตภัณฑ์ยาง เพ่ือให๎เกิดความรู๎
ความคิด ความเข๎าใจ สามารถส่ือสารสิ่งที่เรียนร๎ู มีความสามารถในการตัดสินใจ นาความรู๎ไปใช๎ใน
ชีวติ ประจาวนั จริยธรรม คุณธรรมและคาํ นยิ มทีเ่ หมาะสม
ผลการเรียนรู้
1. มเี จตคตทิ างวิทยาศาสตร์ และมีเจตคตทิ ี่ดตี ํอวิทยาศาสตร์
2. มคี วามเขา๎ ใจเกี่ยวกบั วิธกี ารทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละอธบิ ายทกั ษะกระบวนการ
3. ทาการทดลอง อธิบาย และคานวณขนาดของแรงพยงุ จากการไหล
4. ทาการทดลอง อธิบาย และคานวณความตงึ ผวิ ของของเหลว
5. อธิบายโครงสร๎างและหน๎าที่ของตา หู จมกู ลนิ้ และผวิ หนังของมนษุ ย์
6. เปรยี บเทยี บและยกตวั อยํางการทางานของระบบประสาทโซมาตกิ และระบบประสาทอตั โนวัติ
7. วเิ คราะหแ์ ละเปรยี บเทียบจดุ เดอื ดและการละลายในนา้ ของสารประกอบอินทรียท์ ่มี ีหมูํฟงั กช์ ัน
ขนาด โมเลกลุ หรือโครงสร๎างตํางกัน
8. ทดสอบปฏกิ ิริยาเอสเทอริฟิเคชนั ปฏกิ ริ ยิ าไฮโดรลซิ สิ และปฏิกิรยิ าสะปอนนิฟิเคชนั
9. ทดสอบ และระบปุ ระเภทของพลาสตกิ และผลติ ภณั ฑย์ าง
รวม 9 ผลการเรียนรู้
หลกั สตู รสถานศึกษา โรงเรยี นคณะราษฎรบารงุ จงั หวดั ยะลา
ห น้ า | 174
กลุ่มสาระการเรยี นรู้
สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
หลักสตู รสถานศกึ ษา โรงเรยี นคณะราษฎรบารุง จงั หวดั ยะลา
ห น้ า | 175
รายวชิ าท่เี ปดิ สอนตามโครงสร้างหลักสตู ร
กลมุ่ สาระการเรียนรู้สังคมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม
วิชาพ้ืนฐาน รหัสวิชา ชื่อวิชา หนว่ ยกิต
ช้ัน ภาคเรียนท่ี ส31101 สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม 1.0
ม.4 1 ส31102 ประวตั ิศาสตร์ 0.5
1 ส31103 สังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม 1.0
2 ส31104 ประวตั ศิ าสตร์ 0.5
2 ส32101 สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม 1.0
ม.5 1 ส32102 ประวตั ศิ าสตร์ 0.5
1 ส32103 สังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม 1.0
2 ส32104 ประวัติศาสตร์ 0.5
2 ส33101 สังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม 1.0
ม.6 1 ส33102 สังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม 1.0
2
หลกั สูตรสถานศกึ ษา โรงเรยี นคณะราษฎรบารุง จงั หวดั ยะลา
วชิ าเพิม่ เติม รหสั วชิ า ช่ือวิชา ห น้ า | 176
ช้ัน ภาคเรียนที่ ส30231 หนา้ ทพี่ ลเมอื ง 1
ม.4-6 ส30232 หนา้ ที่พลเมือง 2 หนว่ ยกติ
ส30233 หน้าทพ่ี ลเมือง 3 0.5
ม.4 1 ส30234 หนา้ ทพ่ี ลเมอื ง 4 0.5
2 ส30235 เศรษฐกิจพอเพยี ง 0.5
1 ส31201 อิสลามศกึ ษา 1 0.5
2 ส31202 อสิ ลามศึกษา 2 1.0
1 ส31203 พระพุทธศาสนา 1 0.5
2 ส31204 พระพุทธศาสนา 2 0.5
ส31221 สงั คมวิทยา 0.5
ม.5 1 ส31222 การเมืองการปกครองของไทย 0.5
2 ส32201 อสิ ลามศกึ ษา 3 1.0
1 ส32202 อิสลามศกึ ษา 4 1.0
2 ส32203 พระพทุ ธศาสนา 3 0.5
1 ส32204 พระพุทธศาสนา 4 0.5
2 ส32221 อาเซยี นศกึ ษา 0.5
1 ส32222 โลกศึกษา 0.5
2 ส32241 การเงนิ การธนาคาร 1.0
ส32281 ภมู ศิ าสตรก์ ายภาพ 0.5
ม.6 1 ส33201 อสิ ลามศกึ ษา 5 1.0
2 ส33202 อสิ ลามศึกษา 6 1.0
1 ส33203 พระพุทธศาสนา 5 0.5
2 ส33204 พระพุทธศาสนา 6 0.5
1 ส33221 กฎหมายทป่ี ระชาชนควรรู้ 0.5
2 ส33222 เหตุการณป์ ัจจบุ นั 0.5
1.0
1.0
หลักสตู รสถานศกึ ษา โรงเรยี นคณะราษฎรบารุง จังหวัดยะลา
ห น้ า | 177
คาอธิบายรายวิชาพ้ืนฐาน
กลุ่มสาระการเรียนรู้สงั คมศกึ ษาฯ
หลักสตู รสถานศกึ ษา โรงเรียนคณะราษฎรบารงุ จังหวัดยะลา
ห น้ า | 178
คาอธิบายรายวิชา สังคมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม รหสั วิชา ส31101
รายวิชาพน้ื ฐาน กลมุ่ สาระการเรยี นรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม
ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนท่ี 1
เวลาเรยี น 40 ชัว่ โมง ( 2 คาบ / สัปดาห์ ) จานวน 1.0 หน่วยกิต
ศึกษาเรอื่ งสังคมชมพูทวปี และคตคิ วามเชอื่ ทางศาสนาสมัยก่อนพระพุทธเจา้ ศึกษาพุทธประวัติต้ังแต่การ
ตรัสรู้ การก่อตั้งพระพุทธศาสนา วิธีการสอนและการเผยแผ่พระพุทธศาสนาตามแนวพุทธจริยา พุทธประวัติด้าน
การบริหารและการธารงรักษาศาสนา วิเคราะหข์ ้อปฏิบตั ิทางสายกลางในพระพุทธศาสนา และการพัฒนาศรัทธา
และปัญญาท่ีถูกต้องในพระพุทธศาสนา วิเคราะห์ลักษณะประชาธิปไตยในพระพุทธศาสนาและหลักการของ
พระพุทธศาสนากับหลักวิทยาศาสตร์ การฝึกฝนและพัฒนาตนเอง การพ่ึงตนเ องและการมุ่งอิสรภาพใน
พระพทุ ธศาสนา พระพุทธศาสนาเปน็ ศาสนาแหง่ การศึกษา ซง่ึ เน้นความสมั พันธ์ของเหตปุ ัจจัยกับวิธีการแก้ปัญหา
พระพุทธศาสนาฝึกตนไม่ใหป้ ระมาท มุ่งประโยชน์และสนั ตภิ าพแกบ่ คุ คล สังคมและโลก วเิ คราะหพ์ ระพทุ ธศาสนา
กับปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและการพัฒนาประเทศแบบยั่งยืน ความสาคัญของพระพุทธศาสนาเก่ียวกับ
การศึกษาท่ีสมบูรณ์ การเมืองและสันติภาพ พระรัตนตรัย กลักธรรมในกรอบอริยสัจ 4 และพุทธศาสนสุภาษิต
ศกึ ษาประวัติสาวก สาวิกา ศาสนนิกชนตวั อย่างในพระพทุ ธศาสนา ศึกษาคุณค่าและความสาคัญของการสังคายนา
พระไตรปิฎก การเชื่อม่นต่อผลของการทาความดี ความช่ัว ศึกษาประวัติศาสดาของศาสนาอ่ืนๆ ตระหนักใน
คณุ ค่าและความสาคัญของค่านิยม และจรยิ ธรรมที่เปน็ ตวั กาหนดความเชื่อและพฤติกรรมท่แี ตกตา่ งกันของศาสนกิ
ชนของศาสนาต่างๆ การเห็นคุณคา่ เชื่อมัน่ และมุง่ ม่ันพฒั นาชวี ติ ดว้ ยการพัฒนาจิตและพฒั นาการเรยี นร้ดู ว้ ยวิธคี ิด
แบบโยนโิ สมนสกิ าร สวดมนตแ์ ปล แผเ่ มตตา บรหิ ารจติ และเจริญปัญญาตามหลักสติปัฏฐาน หลักธรรมในการอยู่
ร่วมกันอย่างสันติสุขของแต่ละศาสนา การเสนอแนวทางการจัดกิจกรรมความร่วมมือของทุกศาสนาในการ
แก้ปัญหาและพฒั นาสังคม การปฏิบัติตนเป็นศาสนิกชนท่ีดี และปฏิบัติตนถูกต้องตามศาสนพิธี การแสดงตนเป็น
พุทธมามกะ หลักธรรม คติธรรมท่ีเกี่ยวเน่ืองกับวันสาคัญทางศาสนา สัมมนาและเสนอแนวทางในการธารงรักษา
ศาสนาทตี่ นนับถอื อนั ส่งผลถึงการพัฒนาตน พัฒนาชาติ และโลก
กิจกรรมการเรียนรู้เน้นการให้ประสบการณ์ท่ีใกล้ตัวผู้เรียน เพ่ือให้เกิดการเช่ือมโยงประสบการณ์เดิมสู่
การสร้างประสบการณใ์ หม่ โดยใช้กระบวนการคิด กระบวนการสืบค้นข้อมูล กระบวนการทางสังคม กระบวนการ
ปฏิบัติ กระบวนการเผชญิ สถานการณแ์ ละการแกป้ ญั หา กระบวนการกลุ่ม ภาพ ข่าว ให้ผ้เู รียนฝึกการสังเกต ตอบ
คาถามเชงิ วเิ คราะหแ์ ละสรุปความรู้ที่ไดเ้ ป็นผงั ความคิด กระต้นุ ให้แสดงความคดิ เห็นอยา่ งหลากหลาย เพ่ือร่วมกัน
หานงทางปฏิบัติท่ีถูกต้อง เหมาะสม ส่งเสริมการทางานกลุ่มเพื่อพัฒนาทักษะทางสังคม นาไปสู่การยอมรับและ
เหน็ คณุ คา่ ของตนเองและผู้อน่ื
ตัวชี้วัด
ส 1.1 ม.4-6/1-22
ส 1.2 ม.4-6/2, 4
ส 1.2 ม.4-6/3-3
ส 1.2 ม.4-6/4-5
รวม 28 ตวั ช้ีวดั
หลกั สตู รสถานศึกษา โรงเรยี นคณะราษฎรบารุง จงั หวัดยะลา
ห น้ า | 179
คาอธบิ ายรายวชิ า ประวตั ศิ าสตร์ รหสั วิชา ส31102
รายวชิ าพน้ื ฐาน กล่มุ สาระการเรียนรสู้ งั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 4 ภาคเรียนที่ 1
เวลาเรียน 20 ช่ัวโมง ( 1 คาบ / สปั ดาห์ ) จานวน 0.5 หน่วยกติ
ศึกษาวิเคราะห์ความสาคัญของเวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ที่แสดงถึงการเปล่ียนแปลงของ
มนุษยชาติ ตัวอย่างเวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ของสังคมมนุษย์ที่ปรากฏในหลักฐานประวัติศาสตร์
ไทยและประโยชน์วิธีการทางประวัติศาสตร์ที่มีต่อการศึกษาประวัติศาสตร์ใช้วิธีการทางปร ะวัติศาสตร์
ตามลาดับขน้ั ตอนอยา่ งเปน็ ระบบในการสบื คน้ เรื่องราวทีต่ นสนใจ
ศึกษาวิเคราะห์ประเด็นสาคัญของประวัติศาสตร์ไทย เช่น การตั้งถิ่นฐานในดินแดนไทย รัฐไทยใน
ดินแดนไทย ความสาคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์ต่อชาติไทย การปรับปรุงประเทศสมัยรัชกาลที่ 5 การ
เปล่ียนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 บทบาทของสตรไี ทยในประวตั ิศาสตร์
ตวั ชีว้ ัด
ส 4.1 ม. 4-6/1 ม. 4-6/2
ส 4.3 ม. 4-6/1
รวม 3 ตัวชี้วดั
หลักสตู รสถานศึกษา โรงเรยี นคณะราษฎรบารงุ จังหวดั ยะลา
ห น้ า | 180
คาอธบิ ายรายวชิ า สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม รหัสวชิ า ส31103
รายวชิ าพน้ื ฐาน กลุ่มสาระการเรยี นรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 4 ภาคเรียนที่ 2
เวลาเรยี น 40 ชวั่ โมง ( 2 คาบ / สปั ดาห์ ) จานวน 1.0 หน่วยกิต
ศึกษาลักษณะทางกายภาพ ซึ่งทาให้เกิดลักษณะเฉพาะหรือปรากฏการณ์ในพื้นท่ีแต่ละประเทศ
ตระหนักในความสัมพันธ์ของสรรพสิ่งที่ปรากฏในพื้นที่ในภูมิภาคต่าง ๆของโลก ซึ่งมีผลต่อกันในระบบ
ธรรมชาติ ร้จู ักใชเ้ ครอื่ งมอื ทางภมู ิศาสตร์ในการค้นหาข้อมูลสารสนเทศ เข้าใจปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับ
สิ่งแวดล้อมทางกายภาพท่ีก่อใหเ้ กดิ การสร้างสรรค์วัฒนธรรมและมีจิตสานึก อนุรักษ์ทรัพยากร และพัฒนา
ส่ิงแวดล้อมทีย่ ่งั ยืน
ตวั ชว้ี ัด
ส 5.1 ม. 4-6/1, ม. 4-6/2
ส 5.2 ม. 4-6/1, ม. 4-6/2, ม. 4-6/3, ม. 4-6/4
รวม 8 ตัวช้ีวดั
หลกั สูตรสถานศกึ ษา โรงเรยี นคณะราษฎรบารุง จงั หวดั ยะลา
ห น้ า | 181
คาอธบิ ายรายวิชา ประวตั ศิ าสตร์ รหัสวชิ า ส31104
รายวิชาพืน้ ฐาน กลมุ่ สาระการเรียนร้สู งั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม
ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 ภาคเรียนท่ี 2
เวลาเรียน 20 ชั่วโมง ( 1 คาบ / สปั ดาห์ ) จานวน 0.5 หน่วยกติ
วิเคราะห์บทบาทของสถาบันพระมหากษัตริย์ต่อชาติไทย อารยธรรมตะวันออก และตะวันตกที่มี
อิทธิพลต่อสังคมไทย รวมทั้งผลงานของบุคคลสาคัญในประวัติศาสตร์ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศที่มี
สว่ นสรา้ งสรรคพ์ ฒั นาการของชาติไทยในด้านตา่ ง ๆ
มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ภูมิปัญญา ด้วยการใช้โครงงานศึกษาปัจจัยศึกษาปัจจัยที่ส่งเสริมการ
สร้างสรรค์วฒั นธรรมและภมู ปิ ญั ญาไทยที่มตี ่อสงั คมไทยในปัจจุบนั
เพื่อให้เกิดความตระหนักในความสาคัญของการศึกษาประวัติศาสตร์ชาติไทยในพัฒนาด้านต่าง ๆ
ความเป็นมาวฒั นธรรมและภูมปิ ัญญาไทย เพ่อื ให้เกดิ ความรัก ความภาคภูมใิ จ และธารงความเปน็ ไทย
ตัวช้วี ดั
ส 4.3 ม. 4-6/1-5
รวม 5 ตวั ชี้วัด
หลักสตู รสถานศึกษา โรงเรยี นคณะราษฎรบารงุ จงั หวดั ยะลา
ห น้ า | 182
คาอธบิ ายรายวิชา สงั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม รหสั วิชา ส32101
รายวชิ าพน้ื ฐาน กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ งั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 5 ภาคเรียนที่ 1
เวลาเรยี น 40 ชวั่ โมง ( 2 คาบ / สปั ดาห์ ) จานวน 1.0 หนว่ ยกติ
ศึกษา วิเคราะห์ และปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับตนเอง ครอบครัว ชุมชน ประเทศชาติ
และสงั คมโลก
วิเคราะห์ความสาคัญของโครงสร้างทางสังคม การขัดเกลาทางสังคม การเปล่ียนแปลงทางสังคม
ยอมรบั การเปลี่ยนแปลงทางสงั คม อนุรักษ์ไว้ซงึ่ ขนบธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรมและค่านิยมที่ดีงามของ
ชาติ และเลอื กรับวัฒนธรรมสากลในการยึดถอื ปฏบิ ัตไิ ด้อยา่ งเหมาะสม
วิเคราะห์ความสาคัญ ความจาเป็นที่ต้องธารงไว้ซ่ึงการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมี
พระมหากษัตริย์เป็นประมุข ปฏิบัติตนและมีส่วนสนับสนุนให้ผู้อื่นประพฤติปฏิบัติตนเป็นพลเมืองดีของ
ประเทศชาตแิ ละสังคมโลก สามารถอยรู่ ว่ มกนั ได้อย่างมีความสขุ ภายไต้กรอบกาหนดสิทธิมนุษยชน
วิเคราะห์ปัญหาการเมืองท่ีสาคัญในประเทศจากแหล่งข้อมูลต่างๆพร้อมทั้งเสนอแนวทางแก้ไข
เสนอแนวทางการเมืองการปกครองที่จะนาไปสู่ความเข้าใจและการประสานประโยชน์ร่วมกันระหว่าง
ประเทศ
วิเคราะห์ความสาคัญและความจาเป็นที่จะต้องธารงไว้ซึ่งการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย
อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเปน็ ประมุข เสนอแนวทางและมสี ่วนรว่ มในการตรวจสอบการใช้อานาจรฐั
รหัสตวั ช้ีวดั
ส 2.1 ม. 5/1-5
ส 2.2 ม. 5/1-4
รวม 9 ตัวชี้วดั
หลกั สตู รสถานศกึ ษา โรงเรยี นคณะราษฎรบารุง จังหวดั ยะลา
ห น้ า | 183
คาอธิบายรายวชิ า ประวตั ศิ าสตร์ รหัสวชิ า ส32102
รายวชิ าพ้ืนฐาน กลุ่มสาระการเรียนร้สู ังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม
ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรยี นที่ 1
เวลาเรยี น 20 ช่ัวโมง ( 1 คาบ / สัปดาห์ ) จานวน 0.5 หนว่ ยกติ
ศึกษาวิเคราะห์ ความสาคัญการนับและเทียบศักราชสากล การแบ่งยุคสมัยทางประวัติศาสตร์
สากลและเหตุการณ์สาคัญทางประวัติศาสตร์ของโลกท่ีแสดงความสัมพันธ์ในความต่อเนื่องของเวลา
สามารถเปรียบเทยี บการแบ่งยุคสมัยทางประวตั ศิ าสตรส์ ากล และภูมิภาคที่สาคญั ของโลก
เพ่ือให้นักเรียนเกิดความรู้ ความเข้าใจข้ันตอนวิธีการทางประวัติศาสตร์ตระหนักใน
ความสาคญั เหน็ คุณคา่ และประโยชน์วิธกี ารทางประวัติศาสตร์ สามารถนาวิธีการทางประวัติศาสตร์มาใช้ใน
การศึกษาสร้างองค์ความรู้ใหม่ทางประวัติศาสตร์สากลเกี่ยวกับพัฒนาการอารยธรรมของมนุษย์ ในแหล่ง
อารยธรรมลุ่มแม่น้าไทกริส – ยูเฟรติส ไนล์ ฮวงโห สินธุ และอารยธรรมกรีกโรมันการติดต่อระหว่างโลก
ตะวนั ออกและโลกตะวันตก และอทิ ธิพลทางวฒั นธรรมท่มี ีตอ่ กนั และกนั
มคี ณุ ลักษณะทพี่ งึ ประสงค์ ในด้านใฝเุ รยี นรู้ ม่งุ มั่นในการทางาน มวี ินัย มคี วามรบั ผดิ ชอบ
รหัสตวั ชี้วดั
ส 4.1 ม. 4-6/1 ม. 4-6/2
ส 4.2 ม. 4-6/1
รวม 3 ตัวชี้วัด
หลักสูตรสถานศกึ ษา โรงเรียนคณะราษฎรบารงุ จงั หวดั ยะลา
ห น้ า | 184
คาอธิบายรายวชิ า สงั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม รหสั วิชา ส32103
รายวิชาพ้ืนฐาน กลุม่ สาระการเรยี นรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม
ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรยี นท่ี 2
เวลาเรียน 40 ชวั่ โมง ( 2 คาบ / สปั ดาห์ ) จานวน 1.0 หน่วยกิต
ศึกษาความหมายความเป็นมาของเศรษฐศาสตร์ หลักเศรษฐศาสตร์ ทรัพยากรเพ่ือการผลิตสินค้า
บริการ ข้อดีและข้อเสียของตลาดประเภทต่างๆการกาหนดราคา ค่าจ้างตามอุปสงค์และอุปทาน การควบคุม
ราคาและการแทรกแซงราคาของรัฐบาล เพ่ือให้รู้และเข้าใจแนวความคิดพ้ืนฐานในการแก้ปัญหาอย่างมี
คุณธรรม ศึกษาระบบเศรษฐกิจ การเจริญเติบโตของระบบเศรษฐกิจ การปูองกันคุ้มครองผู้บริโภคและ
กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค ศึกษากระบวนการเพ่ิมผลผลิต การแข่งขันท่ีมีผลต่อการผลิตสินค้าและบริการ
เพอื่ ใหม้ คี วามรู้ ความเขา้ ใจและตระหนกั ถึงประโยชนข์ องผบู้ ริโภคท่เี กดิ จากการผลิตและการบรกิ าร
ศึกษา วเิ คราะห์ ความสาคัญของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่มีต่อเศรษฐกิจสังคมของประเทศในภาค
เกษตรกรรม อุตสาหกรรม การค้าและบริการ โดยศึกษาแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ วิวัฒนาการ
ของสหกรณ์ในประเทศไทย หลักการ ประเภทของสหกรณ์ และแนวทางแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในชุมชนพร้อม
ทัง้ เสนอแนวทางการแกไ้ ข และตระหนักถงึ ความสาคัญของปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งทีม่ ีตอ่ เศรษฐกจิ สังคม
ของประเทศ วเิ คราะหค์ วามสาคญั ของระบบสหกรณใ์ นการพัฒนาเศรษฐกจิ ในระดบั ชมุ ชนและประเทศชาติ
ศึกษา อธิบาย บทบาทของรัฐบาลด้านนโยบายการเงิน การคลังในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ
วิเคราะห์ผลกระทบของการเปิดเสรที างเศรษฐกจิ ในยุคโลกาภวิ ฒั นท์ ี่มผี ลตอ่ สงั คมไทย ผลเสียของความร่วมมือ
ทางเศรษฐกจิ ระหวา่ งประเทศในรปู แบบต่าง ๆ
ศึกษา อธิบาย ภาวะการค้า การลงทุน การเงินระหว่างประเทศ เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจระบบ
เศรษฐกิจของประเทศในปัจจุบัน และสามารถพ่ึงพาประสานประโยชน์ระหว่างประเทศบทบาทขององค์กร
ระหว่างประเทศในเวทีการเงินโลก และความร่วมมือทางเศรษฐกิจโลก เช่น WTO, NAFTA, EU, IMF, ADB,
OPEC, FTA, APEC ในระดับต่าง ๆ เขตส่ีเหล่ียมเศรษฐกิจ ปัจจัยท่ีนาไปสู่การพึ่งพาการแข่งขัน การขัดแย้ง
การกีดกันทางการค้า และการประสานประโยชน์ทางเศรษฐกิจในการคา้ ระหวา่ งประเทศโดยใช้กระบวนการคิด
วิจารณญาณ กระบวนการกลุ่ม กระบวนการปฏิบัติ กระบวนการแก้ปัญหา กระบวนการสืบสวนสอบสวน
กระบวนการทางสังคม กระบวนการสรา้ งเจตคติ กระบวนการสร้างค่านยิ ม กระบวนการสร้างความตระหนกั
รหสั ตัวชวี้ ดั
ส 3.1 ม. 4-6/1 ม. 4-6/2 ม. 4-6/3 ม. 4-6/4
ส 3.2 ม. 4-6/1 ม. 4-6/2 ม. 4-6/3
รวม 7 ตวั ชี้วัด
หลกั สูตรสถานศกึ ษา โรงเรยี นคณะราษฎรบารงุ จงั หวดั ยะลา
ห น้ า | 185
คาอธิบายรายวชิ า ประวตั ิศาสตร์ รหสั วชิ า ส32104
รายวชิ าพ้นื ฐาน กลุ่มสาระการเรียนรูส้ ังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 5 ภาคเรียนท่ี 2
เวลาเรยี น 20 ชัว่ โมง ( 1 คาบ / สปั ดาห์ ) จานวน 0.5 หน่วยกติ
มีความรู้ ความเข้าใจสามารถนาวิธีการทางประวัติศาสตร์มาใช้ในการศึกษาสร้างองค์ความรู้ใหม่
ทางประวัติศาสตร์สากลเก่ียวกับ เหตุการณ์สาคัญต่าง ๆ ท่ีส่งผลต่อการเปล่ียนแปลงของโลกในปัจจุบัน
เช่น ระบอบฟิวดัล การฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ สงความครูเสด การสารวจทางทะเล การปฏิรูปศาสนา การ
ปฏิวตั ิทางวทิ ยาศาสตร์ การปฏิวตั ิอตุ สาหกรรม การขยายอาณานิคมตามลัทธิจักรวรรดินิยมของประเทศใน
ยุโรปไปยงั ทวปี อเมริกา แอฟริกา และเอเชีย ลัทธิชาตนิ ยิ ม
วิเคราะห์ผลกระทบความขัดแย้ง และความร่วมมือของมนุษยชาติในโลก ตลอดจน
สถานการณส์ าคัญของโลกในครสิ ต์ศตวรรษท่ี 21
มคี ุณลกั ษณะทีพ่ ึงประสงคใ์ นดา้ นใฝเุ รยี นรู้ มุ่งมนั่ ในการทางาน มีวินัย มีความรบั ผดิ ชอบ
รหสั ตัวช้ีวดั
ส 4.2 ม. 4-6/1 ม. 4-6/2 ม. 4-6/3 ม. 4-6/4
รวม 4 ตวั ช้ีวดั
หลกั สูตรสถานศึกษา โรงเรยี นคณะราษฎรบารงุ จงั หวดั ยะลา
ห น้ า | 186
คาอธิบายรายวิชา สงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม รหสั วชิ า ส33101
รายวิชาพน้ื ฐาน กลุ่มสาระการเรยี นรสู้ งั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 6 ภาคเรยี นที่ 1
เวลาเรียน 40 ชัว่ โมง ( 2 คาบ / สปั ดาห์ ) จานวน 1.0 หนว่ ยกติ
ศึกษาท่ีมา ความหมาย ความสาคัญของศาสนา องค์ประกอบ ประเภทประโยชน์ของศาสนา
ศาสนากับลัทธิ การเปรียบเทียบศาสนาต่าง ๆ ศึกษาวิเคราะห์ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู พระพุทธศาสนา
ศาสนาคริสต์ ศาสนาอิสลาม และซิกส์ในด้านความเป็นมาในด้านความเป็นมา ประวัติศาสดา คัมภีร์และ
นิกายสาคัญ หลักคาสอนที่เป็นแบบอย่างในการดาเนินชีวิตได้ โดยวิเคราะห์ในเร่ืองจริยธรรม จุดมุ่งหมาย
ปลายทางของแต่ละศาสนาและหลักการพัฒนาคุณค่าความเป็นมนุษย์ได้ รวมท้ังความสามารถแก้ไขปัญหา
ชวี ติ และดารงชีวติ อยใู่ นสังคมไดด้ ว้ ยดี
ศึกษาความสาคัญของเวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ ขั้นตอนของวิธีการทางประวัติศาสตร์
คุณค่าและประโยชน์ของวิธีการทางประวัติศาสตร์ท่ีมีต่อการศึกษาทางประวัติศาสตร์ หลักฐานทาง
ประวัติศาสตร์ ประเด็นสาคัญทางประวัติศาสตร์ต้ังแต่ความเป็นมาของชาติไทยสมัยก่อนอาณาจักรสุโขทัย
จนถงึ ปจั จบุ ันในดา้ นการปกครอง สงั คม เศรษฐกิจ ศลิ ปะและวฒั นธรรม
ศึกษาวเิ คราะห์ ประวตั ิศาสตร์ยคุ ก่อนประวตั ศิ าสตรแ์ ละยุคประวตั ิศาสตร์ท่ีมีผลต่อการพัฒนาและ
การเปลย่ี นแปลงของโลก และเหตกุ ารณ์สาคัญตา่ ง ๆ ทส่ี ่งผลต่อการเปล่ียนแปลงทางสังคม เศรษฐกิจ และ
การเมืองโลกตลอดจนสถานการณ์สาคัญของโลกในคริสต์ศตวรรษที่ 21 รวมทั้งอารยธรรมตะวันออกท่ี
สาคญั ความร่วมมือและความขัดแยง้ ทเ่ี กดิ ข้นึ
โดยใช้กระบวนการคิดวิเคราะห์ วิเคราะห์ กระบวนการสืบค้นข้อมูล และกระบวนการกลุ่ม เพื่อให้
ให้เกิดความรู้ ความข้าใจในศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม และประวัติศาสตร์ไทย-สากล มีคุณลักษณะท่ีพึง
ประสงค์
โดยจัดกระบวนการเสรมิ สร้างประสบการณใ์ กล้ตวั ใหผ้ ู้เรียนได้ศกึ ษาคน้ ควา้ การสืบเสาะหาความรู้
การสืบคน้ ข้อมูล ปฏบิ ัติจรงิ สรปุ รายงาน เพ่ือพัฒนาทกั ษะ/กระบวนการในการคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา
การใหเ้ หตุผล การส่ือความหมายทางสังคม
รหัสตวั ชี้วดั
ส 1.1 ม. 4-6/1-3 ม. 4-6/13-15 ม. 4-6/17 ม. 4-6/19-20
ส 4.1 ม. 4-6/1-2
ส 4.2 ม. 4-6/1-4
ส 4.3 ม. 4-6/1-5
รวม 20 ตวั ชี้วัด
หลักสูตรสถานศกึ ษา โรงเรียนคณะราษฎรบารุง จงั หวัดยะลา
ห น้ า | 187
คาอธิบายรายวชิ า สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม รหสั วิชา ส33102
รายวิชาพื้นฐาน กลุ่มสาระการเรยี นรสู้ งั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม
ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรียนท่ี 2
เวลาเรียน 40 ช่ัวโมง ( 2 คาบ / สปั ดาห์ ) จานวน 1.0 หนว่ ยกติ
ศึกษา วิเคราะห์สังคมชมพูทวีป และคติความเช่ือทางศาสนาสมัยก่อนพระพุทธเจ้า หรือสังคม
สมัยของศาสดาที่ตนนับถือ วิเคราะห์พระพุทธเจ้าในฐานะเป็นมนุษย์ผู้ฝึกตนได้อย่างสูงสุด ในการตรัสรู้
การก่อต้ัง วิธีการสอน และการเผยแผ่พระพุทธศาสนา หรือวิเคราะห์ประวัติศาสดาท่ีตนนับถือตามที่
กาหนด วิเคราะห์พุทธประวัติด้านการบริหาร และการธารงรักษาศาสนา หรือวิเคราะห์ประวัติศาสดาที่
ตนนับถือตามท่กี าหนด วเิ คราะห์ข้อปฏบิ ัติทางสายกลางในพระพทุ ธศาสนา หรือแนวคิดของศาสนาท่ีตน
นับถือตามท่ีกาหนด วิเคราะห์การพัฒนาศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้องในพระพุทธศาสนา หรือแนวคิดของ
ศาสนาท่ีตนนับถือตามที่กาหนด วิเคราะห์ลักษณะประชาธิปไตยในพระพุทธศาสนา หรือแนวคิดของ
ศาสนาที่ตนนับถือตามท่ีกาหนด วิเคราะห์หลักการของพระพุทธศาสนากับหลักวิทยาศาสตร์ หรือแนวคิด
ของศาสนาที่ตนนับถือตามที่กาหนด วิเคราะห์การฝึกฝนและพัฒนาตนเอง การพ่ึงพาตนเอง การมุ่ง
อิสรภาพในพระพุทธศาสนา หรือแนวคิดของศาสนาท่ีตนนับถือตามที่กาหนด วิเคราะห์พระพุทธศาสนา
ว่าเป็นศาสตร์แห่งการศึกษาซึ่งเน้นความสัมพันธ์ของเหตุปัจจัยกับวิธีการแก้ปัญหา หรือแนวคิด ของ
ศาสนาท่ีตนนับถือตามท่ีกาหนด วิเคราะห์พระพุทธศาสนาในการฝึกตนไม่ให้ประมาท มุ่งประโยชน์และ
สันติภาพบุคคล สังคมและโลก หรือแนวคิดของศาสนาที่ตนนับถือตามท่ีกาหนด วิเคราะห์
พระพุทธศาสนากับปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และการพัฒนาประเทศแบบย่ังยืนหรือแนวคิดของ
ศาสตร์ท่ีตนนับถือตามที่กาหนด วิเคราะห์ความสาคัญของพระพุทธศาสนาเกี่ยวกับการศึกษาท่ีสมบูรณ์
การเมืองและสันติภาพ หรือแนวคิดของศาสนาที่ตนนับถือตามที่กาหนด วิเคราะห์หลักธรรมในกรอบ
อริยสจั 4 หรือหลกั คาสอนของศาสนาที่ตนนบั ถือ วเิ คราะห์ข้อคิดและแบบอย่างการดาเนินชีวิตจากประวัติ
สาวก ชาดก เร่ืองเล่า และศาสนิกชนตัวอย่างตามท่ีกาหนด วิเคราะห์คุณค่าและความสาคัญของการ
สงั คายนาพระไตรปิฎก หรือคัมภีร์ของศาสนาทีต่ นนบั ถือ และการเผยแผ่ เชือ่ มั่นต่อผลของการทาความดี
ความช่วั สามารถวิเคราะห์สถานการณ์ท่ีต้องเผชิญ และตัดสินใจเลือกดาเนินการหรือปฏิบัติตนได้อย่างมี
เหตุผลถูกต้องตามหลกั ธรรม จรยิ ธรรม และกาหนดเปูาหมาย บทบาทการดาเนินชีวิตเพื่อการอยู่ร่วมกัน
อย่าง สันติสุข และอยู่ร่วมกันเป็นชาติอย่างสมานฉันท์ อธิบายประวัติศาสดาของศาสนาอ่ืน ๆ
โดยสังเขป ตระหนักในคุณค่าและความสาคัญของค่านิยม จริยธรรม ที่เป็นตัวกาหนดความเช่ือ และ
พฤติกรรมท่ีแตกต่างกันของศาสนิกชนศาสนาต่าง ๆ เพ่ือขจัดความขัดแย้ง และอยู่ร่วมกันในสังคมอย่าง
สนั ตสิ ุข เหน็ คณุ ค่า เช่ือมั่น และมุ่งม่ันพัฒนาชีวิตด้วยการพัฒนาจิตและพัฒนาการเรียนรู้ด้วยวิธีคิดแบบ
โยนโิ ส-มนสกิ าร หรือการพัฒนาจติ ตามแนวทางของศาสนาที่ตนนับถือ สวดมนต์ แผ่เมตตา และบริหาร
จติ เจริญปัญญาตามหลักสติปัฏฐาน หรือตามแนวทางของศาสนาท่ีตนนับถือ วิเคราะห์หลักธรรมสาคัญ
ในการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขของศาสนาอื่น ๆ และชักชวน ส่งเสริม สนับสนุนให้บุคคลอ่ืนเห็น
หลักสตู รสถานศกึ ษา โรงเรยี นคณะราษฎรบารงุ จงั หวัดยะลา
ห น้ า | 188
ความสาคัญของการทาความดีต่อกัน เสนอแนวทางการจัดกิจกรรมความร่วมมือของทุกศาสนาในการ
แก้ปัญหา และพัฒนาสังคม ปฏิบัติตนเป็นศาสนิกชนท่ีดีต่อศาสนา สมาชิกในครอบครัวและคนรอบข้าง
ปฏิบัติตนถูกต้องตามศาสนพิธี พิธีกรรมตามหลักศาสนาที่ตนนับถือ แสดงตนเป็นพุทธมามกะ หรือแสดง
ตนเป็นศาสนกิ ชนของศาสนาที่ตนนับถือ วิเคราะหห์ ลักธรรม คติธรรมที่เกย่ี วเนอ่ื งกบั วันสาคัญของศาสนา
และเทศกาลท่ีสาคัญของศาสนาท่ีตนนับถือและปฏิบัติตนได้ถูกต้อง สัมมนาและเสนอแนะแนวทางในการ
ธารงรกั ษาศาสนาทต่ี นนับถืออันสง่ ผลถึงการพฒั นาตน พัฒนาชาตแิ ละโลก
ศึกษาลักษณะทางกายภาพ ซ่ึงทาให้เกิดลักษณะเฉพาะหรือปรากฎการณ์ในพื้นที่แต่ละประเทศ
ตระหนักในความสัมพันธ์ของสรรพสิ่งท่ีปรากฏในพ้ืนท่ีในภูมิภาคต่าง ๆ ของโลก ซ่ึงมีผลต่อกันในระบบ
ธรรมชาติ รู้จักใช้เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ในการค้นหาข้อมูลสารสนเทศ เข้าใจปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์
กับสภาพแวดล้อมทางกายภาพท่ีก่อให้เกิดการสร้างสรรค์วัฒนธรรมและมีจิตสานึก อนุรักษ์ทรัพยากร
และพฒั นาสงิ่ แวดล้อมท่ยี ัง่ ยืน
ศึกษา วิเคราะห์ ความสาคัญของเวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ท่ีแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงของ
มนุษยชาติ ข้ันตอนของวิธีการทางประวัติศาสตร์ คุณค่าและประโยชน์ของวิธีการทางประวัติศาสตร์ที่มีต่อ
การศึกษาทางประวัติศาสตร์ ประเด็นสาคัญทางประวัติศาสตร์ตั้งแต่ความเป็นมาของชาติไทยสมัยก่อน
อาณาจักรสุโขทัยจนถึงการเปล่ียนแปลงการปกครอง ความสาคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์ต่อชาติไทย
ปจั จัยทส่ี ง่ เสรมิ การสร้างสรรค์ภูมิปัญญาไทยและวัฒนธรรมไทยซึ่งมีผลต่อสังคมไทยในยุคปัจจุบัน บทบาท
ของสถาบันพระมหากษัตริย์ในการพัฒนาชาติไทยในด้านต่าง ๆ อิทธิพลของวัฒนธรรมตะวันตกและ
ตะวันออกที่มีต่อสังคมไทย ผลงานของบุคคลสาคัญทั้งชาวไทยและต่างประเทศท่ีมีส่วนสร้างสรรค์
วัฒนธรรมไทยและประวัติศาสตร์ไทย ปัจจัยและบุคคลท่ีส่งเสริมสร้างสรรค์ภูมิปัญญาไทย และวัฒนธรรม
ไทยที่มีผลต่อสังคมไทยในปัจจุบัน สภาพแวดล้อมที่มีผลต่อการสร้างสรรค์ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทย
การกาหนดแนวทางและการมสี ว่ นร่วมอนรุ ักษภ์ มู ิปัญญาไทยและวัฒนธรรมไทย
ศกึ ษา วิเคราะห์ ความสาคัญการนบั และเทียบศกั ราชสากล การแบง่ ยุคสมยั ทางประวัติศาสตรส์ ากล
และเหตุการณ์สาคญั ทางประวัติศาสตรข์ องโลกที่แสดงความสมั พันธใ์ นความต่อเนื่องของเวลา สามารถ
เปรียบเทยี บการแบ่งยคุ สมยั ทางประวตั ิศาสตรส์ ากล และภมู ภิ าคที่สาคญั ของโลก ข้ันตอนวธิ ีการทาง
ประวัติศาสตร์ คุณค่าและประโยชน์ของวิธีการทางประวัติศาสตร์ อารยธรรมของโลกยุคโบราณท่ีมีผลต่อ
การ
พฒั นาและการเปล่ยี นแปลงของโลก ได้แก่ ลมุ่ แมน่ ้าไทกรสิ – ยูเฟรติส ไนล์ ฮวงโห สินธุ และอารยธรรม
กรกี -โรมัน การติดต่อระหว่างโลกตะวันออกและโลกตะวันตก และอิทธิพลทางวัฒนธรรมท่ีมีต่อกันและกัน
เหตุการณ์สาคัญต่าง ๆ ท่ีส่งผลต่อการเปล่ียนแปลงทางสังคม เศรษฐกิจ และการเมืองโลก เช่น ระบอบ
ฟวิ ดัล
การฟ้ืนฟู ศิลปะวิทยาการ สงครามครูเสด การสารวจทางทะเล การปฏิรูปศาสนา การปฏิวัติทาง
วิทยาศาสตร์
หลักสูตรสถานศกึ ษา โรงเรียนคณะราษฎรบารุง จังหวัดยะลา
ห น้ า | 189
การปฏิวตั ิอตุ สาหกรรม การขยายอาณานิคมตามลทั ธจิ กั รวรรดินิยมของประเทศในยุโรปไปยงั ทวปี อเมริกา
แอฟริกา และเอเชีย ลัทธิชาตินิยม ผลกระทบความขัดแย้ง และความร่วมมือของมนุษยชาติในโลก
ตลอดจนสถานการณส์ าคญั ของโลกในครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี 21
โดยใช้กระบวนการคิด วิเคราะห์ กระบวนการสืบค้นข้อมูล และกระบวนการกลุ่ม เพ่ือให้เกิด
ความรู้ ความเข้าใจในศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม ภูมิศาสตร์และประวัติศาสตร์ไทย-สากล มีคุณลักษณะ
ทพี่ ึงประสงค์
รหสั ตวั ช้ีวัด
ส 1.1 ม.4-6/1-22
ส 1.2 ม.4-6/1-5
ส 4.1 ม.4-6/1-2
ส 4.2 ม. 4-6/1-4
ส 4.3 ม.4-6/1-5
ส 5.1 ม. 4-6/1-2
ส 5.2 ม. 4-6/1-4
รวม 42 ตัวช้ีวัด
หลกั สูตรสถานศกึ ษา โรงเรยี นคณะราษฎรบารุง จงั หวดั ยะลา
ห น้ า | 190
คาอธิบายรายวิชาเพิ่มเตมิ
กลุ่มสาระการเรียนรู้สงั คมศึกษาฯ
หลักสตู รสถานศกึ ษา โรงเรียนคณะราษฎรบารงุ จังหวัดยะลา
ห น้ า | 191
คาอธบิ ายรายวิชา หนา้ ทพ่ี ลเมอื ง 1 รหสั วิชา ส30231
รายวิชาเพิม่ เตมิ กลมุ่ สาระการเรียนรูส้ งั คมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม
ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4-6 ภาคเรยี นท่ี 1-2
เวลาเรียน 20 ช่ัวโมง (1 คาบ/ สปั ดาห์) จานวน 0.5 หนว่ ยกติ
มสี ่วนรว่ มและแนะนาผู้อน่ื ให้อนุรกั ษ์และเผยแพรม่ ารยาทไทยสูส่ าธารณะ ในเร่ืองการแสดงความ
เคารพ การสนทนา การแตง่ กาย การมสี มั มาคารวะ เหน็ คุณค่าอนรุ กั ษ์ สืบสาน ประยุกต์และเผยแพร่
ขนบธรรมเนยี ม ประเพณี ศลิ ปวฒั นธรรมและภูมิปัญญาไทย ปฏบิ ตั ิตนเป็นผู้มวี ินยั ในตนเอง ในเร่ืองความ
อดทน ใฝหุ าความรู้ และตั้งใจปฏบิ ัตหิ นา้ ท่ี
ปฏบิ ตั ิตนเปน็ แบบอยา่ ง มีส่วนรว่ มในการจัดกจิ กรรม และสนบั สนนุ ใหผ้ ู้อื่นแสดงออกถึงความรกั
ชาติ ยดึ มัน่ ในศาสนา และเทิดทูนสถาบนั พระมหากษัตรยิ ์ ปฏบิ ัตติ นเป็นแบบอย่าง ประยุกต์ และเผยแพร่
พระบรมราโชวาท ในเรือ่ งการมรี ะเบยี บวินัย ความสามัคคี หลกั การทรงงาน ในเรื่องระเบิดจากข้างใน ไม่
ตดิ ตารา บรกิ ารรวมท่ีจดุ เดียว ใช้อธรรมปราบอธรรม และหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ปฏบิ ัตติ น
เปน็ ผูม้ วี นิ ัย ในตนเอง ในเรื่องความซอื่ สตั ย์สจุ รติ ขยันหม่นั เพียร อดทน ใฝุหาความรู้ ตั้งใจปฏิบัติหนา้ ท่ี
ยอมรับผลทเ่ี กิดจากการกระทาของตนเอง
โดยใชก้ ระบวนการกลุ่ม กระบวนการคิด กระบวนการปฏิบตั ิ กระบวนการเผชิญสถานการณ์
กระบวนการแกป้ ัญหา กระบวนการสืบเสาะหาความรู้
เพื่อให้ผู้เรียนมีลักษณะท่ีดีของคนไทย ภาคภูมิใจในความเป็นไทย แสดงออกถึงความรักชาติ ยึดมั่น ใน
ศาสนา และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นพลเมืองดีในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์
ทรงเป็นประมุข มีส่วนร่วมทางการเมืองการปกครอง มีวิจารณญาณในการเลือกต้ัง และการวิพากษ์
นโยบายสาธารณะ อยู่ร่วมกบั ผู้อ่นื อยา่ งสนั ติ จัดการความขดั แยง้ ด้วยสนั ติวธิ ี และมวี นิ ยั ในตนเอง
ผลการเรียนรู้
1.มสี ่วนรว่ มและแนะนาผู้อน่ื ใหอ้ นุรักษ์ และเผยแพรม่ ารยาทไทยสสู่ าธารณะ
2. เหน็ คุณคา่ อนรุ ักษ์ สืบสาน ประยุกต์ และเผยแพร่ ขนบธรรมเนยี ม ประเพณี ศลิ ปวัฒนธรรม
และภมู ิปญั ญาไทย
3. เป็นแบบอย่าง มีส่วนร่วมในการจดั กิจกรรม และสนบั สนนุ ให้ผอู้ ่ืนแสดงออกถงึ ความรกั ชาติ ยดึ
มนั่ ในศาสนา และเทิดทูนสถาบนั พระมหากษัตริย์
4. เปน็ แบบอยา่ ง ประยุกตแ์ ละเผยแพร่ พระบรมราโชวาท หลกั การทรงงาน และหลักปรัชญาของ
เศรษฐกจิ พอเพยี ง
5. ปฏิบตั ิตนเป็นผู้มีวินยั ในตนเอง
รวม 5 ผลการเรยี นรู้
หลกั สูตรสถานศกึ ษา โรงเรยี นคณะราษฎรบารุง จังหวัดยะลา
ห น้ า | 192
คาอธบิ ายรายวิชา หน้าที่พลเมือง 2 รหัสวชิ า ส30232
รายวชิ าเพิม่ เติม กลุ่มสาระการเรยี นรสู้ งั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม
ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 4-6 ภาคเรียนที่ 1-2
เวลาเรยี น 20 ชว่ั โมง (1 คาบ/ สัปดาห)์ จานวน 0.5 หนว่ ยกิต
ปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างและส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้อ่ืนเป็นพลเมืองดีตามวิถีประชาธิปไตย เรื่องการ
เป็นผู้นาและการเป็นสมาชิกท่ีดี การใช้สิทธิและหน้าที่ การใช้เสรีภาพอย่างรับผิดชอบ ความกล้าหาญทาง
จริยธรรม การเสนอแนวทางการแก้ปัญหาสังคมต่อสาธารณะ การติดตามและประเมินข่าวสารทางการเมือง
และการรู้เท่าทันส่ือ การมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมือง ประยุกต์ใช้กระบวนการประชาธิปไตยในการ
วพิ ากษ์ประเด็นนโยบายสาธารณะที่ตนสนใจ มสี ว่ นร่วมและตัดสินใจเลือกต้ังอย่างมีวิจารณญาณ รู้ทันข่าวสาร
และรู้ทันส่ือ คาดการณ์เหตุการณ์ล่วงหน้าบนพื้นฐานของข้อมูล ปฏิบัติตนเป็นผู้มีวินัยในตนเอง ในเรื่องความ
ซื่อสัตย์สุจริต ขยันหมั่นเพียร อดทน ใฝุหาความรู้ ต้ังใจปฏิบัติหน้าท่ี และยอมรับผลท่ีเกิดจากการกระทาของ
ตนเอง
ยอมรับในอตั ลักษณแ์ ละเคารพความหลากหลายในสังคมพหุวัฒนธรรม เห็นคุณค่าของการอยู่ร่วมกัน
อย่างสันติ และพึ่งพาซ่ึงกันและกันด้วยการเคารพซ่ึงกันและกัน ไม่แสดงกิริยาและวาจาดูหม่ินผู้อื่น ช่วยเหลือ
ซ่ึงกันและกัน แบ่งปัน ปฏิบัติตนเป็นผู้มีวินัยในตนเอง ในเร่ืองความอดทน ใฝุหาความรู้ และยอมรับผลที่เกิด
จาก การกระทาของตนเอง
โดยใช้กระบวนการกลุ่ม กระบวนการคิด กระบวนการปฏิบัติ กระบวนการเผชิญสถานการณ์
กระบวนการแกป้ ัญหา กระบวนการสืบเสาะหาความรู้
เพ่ือให้ผู้เรียนมีลักษณะที่ดีของคนไทย ภาคภูมิใจในความเป็นไทย แสดงออกถึงความรักชาติ ยึดมั่น
ในศาสนา และเทิดทนู สถาบนั พระมหากษัตริย์ เป็นพลเมอื งดใี นระบอบประชาธปิ ไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรง
เป็นประมุข มีส่วนร่วมทางการเมืองการปกครอง มีวิจารณญาณในการเลือกตั้ง และการวิพากษ์นโยบาย
สาธารณะ อยรู่ ว่ มกบั ผอู้ นื่ อย่างสันติ จดั การความขัดแย้งด้วยสันติวธิ ี และมีวนิ ัยในตนเอง
ผลการเรียนรู้
1. เปน็ แบบอยา่ งและสง่ เสริมสนับสนุนให้ผอู้ ื่นเป็นพลเมอื งดีตามวถิ ีประชาธปิ ไตย
2. ประยกุ ตใ์ ช้กระบวนการประชาธปิ ไตยในการวพิ ากษ์ประเด็นนโยบายสาธารณะท่ีตนสนใจ
3. มสี ่วนร่วมและตัดสินใจเลอื กตง้ั อย่างมีวิจารณญาณ
4. รทู้ นั ขา่ วสารและรู้ทนั สอื่
5. คาดการณเ์ หตกุ ารณ์ล่วงหนา้ บนพ้นื ฐานของขอ้ มลู
6. ยอมรับในอัตลกั ษณแ์ ละเคารพความหลากหลายในสังคมพหุวัฒนธรรม
7. เหน็ คุณค่าของการอยรู่ ่วมกนั อยา่ งสนั ติ และพ่งึ พาซึ่งกันและกัน
8. ปฏบิ ตั ติ นเป็นผู้มีวินยั ในตนเอง
รวม 8 ผลการเรยี นรู้
หลกั สตู รสถานศึกษา โรงเรยี นคณะราษฎรบารงุ จงั หวัดยะลา
ห น้ า | 193
คาอธิบายรายวชิ า หน้าทพ่ี ลเมอื ง 3 รหัสวิชา ส30233
รายวชิ าเพิม่ เติม กลมุ่ สาระการเรียนรู้สงั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม
ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 4-6 ภาคเรียนที่ 1-2
เวลาเรยี น 20 ช่ัวโมง (1 คาบ/ สัปดาห์) จานวน 0.5 หน่วยกิต
แสดงออก แนะนาผู้อื่น และยกย่องบุคคลท่ีมีความเอ้ือเฟื้อเผื่อแผ่และเสียสละต่อสังคม ปฏิบัติตน
เปน็ ผมู้ ีวินยั ในตนเอง ในเร่อื งใฝหุ าความรู้
ปฏิบัติตนเป็นแบบอย่าง มีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรม และสนับสนุนให้ผู้อ่ืนแสดงออกถึงความรัก
ชาติ ยดึ ม่ันในศาสนา และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ปฏิบัติตนเป็นแบบอย่าง ประยุกต์ และเผยแพร่
พระบรมราโชวาท ในเร่ืองการมีระเบียบวินัย ความสามัคคี หลักการทรงงาน ในเรื่องระเบิดจากข้างใน ไม่
ติดตารา บริการรวมที่จุดเดียว ใช้อธรรมปราบอธรรม และหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ปฏิบัติตน
เป็นผู้มีวินัย ในตนเอง ในเรื่องความซ่ือสัตย์สุจริต ขยันหม่ันเพียร อดทน ใฝุหาความรู้ ต้ังใจปฏิบัติหน้าที่
ยอมรบั ผลทเ่ี กดิ จาก การกระทาของตนเอง
โดยใช้กระบวนการกลุ่ม กระบวนการคิด กระบวนการปฏิบัติ กระบวนการเผชิญสถานการณ์
กระบวนการแก้ปัญหา กระบวนการสืบเสาะหาความรู้
เพื่อให้ผู้เรียนมีลักษณะท่ีดีของคนไทย ภาคภูมิใจในความเป็นไทย แสดงออกถึงความรักชาติ ยึดมั่น ใน
ศาสนา และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นพลเมืองดีในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์
ทรงเป็นประมุข มีส่วนร่วมทางการเมืองการปกครอง มีวิจารณญาณในการเลือกต้ัง และการวิพากษ์
นโยบายสาธารณะ อยู่ร่วมกบั ผู้อน่ื อย่างสันติ สามารถจดั การความขดั แยง้ ด้วยสนั ตวิ ธิ ี และมีวนิ ัยในตนเอง
ผลการเรยี นรู้
1. แสดงออก แนะนาผูอ้ ่ืน และยกย่องบุคคลท่ีมคี วามเอื้อเฟ้ือเผอื่ แผ่ และเสยี สละ
2. เป็นแบบอย่าง มีส่วนร่วมในการจดั กิจกรรม และสนับสนุนใหผ้ อู้ น่ื แสดงออกถงึ ความรักชาติ
ยดึ ม่ันในศาสนา และเทิดทูนสถาบนั พระมหากษัตริย์
3. เป็นแบบอย่าง ประยุกต์ และเผยแพร่ พระบรมราโชวาท หลกั การทรงงาน และหลักปรัชญา
ของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
4. ปฏบิ ตั ิตนเป็นผูม้ ีวนิ ัยในตนเอง
รวม 4 ผลการเรียนรู้
หลกั สตู รสถานศึกษา โรงเรยี นคณะราษฎรบารงุ จังหวัดยะลา
ห น้ า | 194
คาอธิบายรายวิชา หนา้ ท่ีพลเมือง 4 รหสั วชิ า ส30234
รายวชิ าเพิม่ เติม กลมุ่ สาระการเรียนรู้สงั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม
ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4-6 ภาคเรียนที่ 1-2
เวลาเรียน 20 ชั่วโมง (1 คาบ/ สปั ดาห)์ จานวน 0.5 หนว่ ยกิต
ปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างและส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้อื่นเป็นพลเมืองดีตามวิถีประชาธิปไตย ในเร่ือง
การเป็นผู้นาและการเป็นสมาชิกที่ดี การใช้สิทธิและหน้าที่ การใช้เสรีภาพอย่างรับผิดชอบ ความกล้าหาญ
ทางจริยธรรม การเสนอแนวทางการแก้ปัญหาสังคมต่อสาธารณะ การติดตามและประเมินข่าวสารทาง
การเมือง และการรู้เท่าทันสื่อ การมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมือง ประยุกต์ใช้กระบ วนการ
ประชาธิปไตยในการวิพากษ์ประเด็นนโยบายสาธารณะที่ตนสนใจ มีส่วนร่วมและตัดสินใจเลือกตั้งอย่างมี
วิจารณญาณ ร้ทู นั ขา่ วสารและรทู้ ันส่ือคาดการณ์เหตุการณ์ล่วงหน้าบนพ้ืนฐานของข้อมูล ปฏิบัติตนเป็นผู้มี
วินัยในตนเอง ในเรอื่ งความซ่อื สัตย์สุจริต ขยนั หมน่ั เพยี ร อดทน ใฝุหาความรู้ ต้ังใจปฏิบัติหน้าท่ี ยอมรับผล
ทเี่ กิดจากการกระทาของตนเอง
มีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาเม่ือเกิดความขัดแย้งโดยสันติวิธี ด้วยการเจรจาไกล่เกล่ีย การเจรจา
ต่อรอง การระงับความขัดแย้ง และสร้างเครือข่ายปูองกันปัญหาความขัดแย้ง ปฏิบัติตนเป็นผู้มีวินัยใน
ตนเอง ในเร่ืองความซ่อื สตั ยส์ ุจรติ อดทน และยอมรับผลที่เกิดจากการกระทาของตนเอง
โดยใช้กระบวนการกลุ่ม กระบวนการคิด กระบวนการปฏิบัติ กระบวนการเผชิญสถานการณ์
กระบวนการแก้ปัญหา กระบวนการสืบเสาะหาความรู้
เพ่ือให้ผู้เรียนมีลักษณะท่ีดีของคนไทย ภาคภูมิใจในความเป็นไทย แสดงออกถึงความรักชาติ ยึดมั่น ใน
ศาสนา และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นพลเมืองดีในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์
ทรงเป็นประมุข มีส่วนร่วมทางการเมืองการปกครอง มีวิจารณญาณในการเลือกต้ัง และการวิพากษ์
นโยบายสาธารณะ อยู่ร่วมกับผ้อู น่ื อย่างสันติ สามารถจัดการความขดั แยง้ ดว้ ยสันติวธิ ี และมีวนิ ยั ในตนเอง
ผลการเรียนรู้
1. เปน็ แบบอยา่ งและสง่ เสรมิ สนับสนุนให้ผู้อืน่ เป็นพลเมืองดีตามวิถปี ระชาธิปไตย
2. ประยกุ ต์ใช้กระบวนการประชาธิปไตยในการวิพากษป์ ระเด็นนโยบายสาธารณะที่ตนสนใจ
3. มสี ่วนรว่ มและตดั สนิ ใจเลือกต้ังอย่างมีวจิ ารณญาณ
4. รู้ทนั ข่าวสารและรู้ทนั สื่อ
5. คาดการณเ์ หตกุ ารณล์ ว่ งหนา้ บนพน้ื ฐานของข้อมูล
6. มสี ว่ นร่วมในการแก้ปัญหาเม่ือเกดิ ความขดั แยง้ โดยสันตวิ ธิ แี ละสร้างเครือข่ายการปูองกัน
ปัญหาความขัดแย้ง
7. ปฏิบตั ิตนเปน็ ผมู้ วี ินยั ในตนเอง
รวม 7 ผลการเรียนรู้
หลกั สตู รสถานศกึ ษา โรงเรียนคณะราษฎรบารุง จงั หวดั ยะลา
ห น้ า | 195
คาอธบิ ายรายวิชา เศรษฐกจิ พอเพยี ง รหสั วชิ า ส30235
รายวชิ าเพิม่ เติม กลุ่มสาระการเรียนรู้สงั คมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม
ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 4-6 ภาคเรยี นท่ี 1-2
เวลาเรียน 20 ช่ัวโมง (1 คาบ/ สปั ดาห์) จานวน 0.5 หนว่ ยกิต
ศกึ ษา ฝกึ ปฏบิ ัติ และประยุกต์ใช้ เกยี่ วกบั เศรษฐกจิ พอเพียง ดงั น้ีคือ
ความเป็นมา ความหมาย หลักแนวคิด ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงท้ังระดับประเทศและ
สถานการณ์โลก เพ่ือให้เป็นคนมีเหตุผล พอประมาณ มีภูมิคุ้มกัน มีความรู้ และมีคุณธรรม จริยธรรม ในการ
พัฒนาชมุ ชน และมสี ่วนร่วมในการพฒั นาชุมชนดา้ นสังคม เศรษฐกจิ และสิง่ แวดล้อม
ศกึ ษาขอ้ มูลตนเอง ขอ้ มูลวิชาการ ข้อมูลส่งิ แวดลอ้ ม วิเคราะห์ สงั เคราะห์ เช่อื มโยงเขา้ กับความรู้และ
ประสบการณ์ จากกรณีตัวอย่าง สภาพจริง ส่ือทุกประเภท อภิปรายแลกเปล่ียนเรียนรู้ระหว่างผู้เรียนและ ภูมิ
ปัญญา ทดลอง ฝึกปฏิบัติ และวางแผนการนาไปประยุกต์ใช้ในชีวิต ทาแผน ปฏิบัติการ โครงงาน และนาไป
ประยุกต์ใช้ในกระบวนการเรียนรู้ การประกอบอาชีพ และการดาเนินชีวิตของตนเอง และมีส่วนร่วมในการ
พฒั นาชมุ ชน ตลอดจนมกี ารประเมนิ ตนเอง
การวัดและประเมนิ ผล ประเมนิ ความรู้ ความเข้าใจ ประเมินแผนปฏบิ ตั ิการ โครงงาน ชิ้นงาน ผลงาน
โดยวธิ กี ารทดสอบ สงั เกต สมั ภาษณ์ ตรวจสอบ ประเมนิ การปฏบิ ัติจรงิ และประเมนิ ตามสภาพจรงิ
ผลการเรียนรู้
1. อธิบายความเป็นมา ความหมายและหลักแนวคดิ ของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง
2. รเู้ ข้าใจและวิเคราะหแ์ นวคิด หลกั การปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง
3. อธบิ ายความหมาย ความสาคัญ และการบรหิ ารจัดการชมุ ชน ตามหลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง
4. วิเคราะห์กระบวนการ เทคนิค การบริหารจัดการชุมชน และประยุกต์ใช้ในการดาเนินชีวิตอย่าง
สมดุลพร้อมรบั ตอ่ การเปล่ยี นแปลงของชมุ ชน
5. สารวจและวิเคราะห์ปัญหาของชุมชนด้านสังคม เศรษฐกิจ ส่ิงแวดล้อมและวัฒนธรรม-พ้ืนฐานของ
หลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
6. อธิบายแนวทางพัฒนาชุมชนด้านสังคม เศรษฐกิจ ส่ิงแวดล้อมและวัฒนธรรมตามหลักแนวคิด
ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งได้
7. เสนอแนวทางและมสี ่วนร่วมในการแกป้ ญั หาหรือพัฒนาชุมชนด้านสังคม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อมและ
วัฒนธรรมโดยใช้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง
8. มีส่วนร่วมในการส่งเสริม เผยแพร่ ขยายผลงานการปฏิบัติตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
ของบคุ คล ชมุ ชนที่ประสบผลสาเร็จ
9. อธบิ ายและวเิ คราะหก์ ารพฒั นาประเทศตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง
10. ประยุกตใ์ ชใ้ นการดาเนนิ ชวี ิตอยา่ งสมดลุ และพร้อมรบั ต่อการเปลี่ยนแปลงของประเทศชาติ
รวม 10 ผลการเรยี นรู้
หลกั สตู รสถานศกึ ษา โรงเรียนคณะราษฎรบารุง จงั หวดั ยะลา