( ร่าง )
รส.๒๓ – ๙ – ๒
ว่าด้วย
กำรฝึ ก ปลย.ทำโวร์
ขนำด ๕.๕๖ มม.
ค่ายธนะรัชต์ อาเภอปราณบุรี จังหวดั ประจวบครี ีขนั ธ์
คำนำ
คู่มือเล่มน้ีเป็ นเครื่องช่วยแนะแนวทางการวางแผนการฝึก และลาดบั ข้นั ตอนวธิ ีฝึกทหารใน
การใชป้ ื นเล็กยาว ทาโวร์ แบบ ทาร์๒๑ ขนาด ๕.๕๖ มม. ซ่ึงมีรายละเอียดของการฝึกยงิ ปื นเลก็ ยาวใน
ข้นั เบ้ืองตน้ และข้นั สูง เป็ นขอ้ มลู สาหรับผบู้ งั คบั หน่วยทหารทุกระดบั และผฝู้ ึ กเพอื่ นาไปประยกุ ต์
และใชพ้ ฒั นาแผนบทเรียน เพ่ือใหก้ ารฝึกไดบ้ รรลุผลตามความมุ่งหมายของกองทพั บก
ขอ้ ความในบางตอนของคูม่ ือเล่มน้ีไดอ้ ธิบายถึง คุณลกั ษณะเฉพาะของปื นเลก็ ยาว ทาโวร์
แบบ ทาร์ ๒๑ ขนาด ๕.๕๖ มม. การทางานของเครื่องกลไก หลกั พ้ืนฐานของการฝึกยงิ ปื นเลก็ ยาว
รวมท้งั สนามฝึก เคร่ืองช่วยฝึก และอุปกรณ์ซ่ึงมีใชใ้ นกองทพั บก และบางรายการยงั ไมไ่ ดถ้ ูกนาเขา้ มา
ใช้ เช่น เป้ าสาหรับยงิ ปรับศูนยป์ ื นในแตล่ ะระยะ ซ่ึงแสดงไวด้ ว้ ยภาพท่ีไมถ่ ูกตามมาตราส่วน และ
สนามยงิ ปื นติดต้งั เป้ าอตั โนมตั ิแบบต่างๆ ฯลฯ ผบู้ งั คบั หน่วยจาเป็นตอ้ งใชก้ ารดดั แปลงสนามฝึก และ
เคร่ืองช่วยฝึกที่มีอยู่ หรือริเริ่มจดั ทาข้ึนโดยวธิ ีแสวงเครื่อง เพอื่ ใหก้ ารฝึกไดบ้ รรลุผล
คู่มือราชการสนามเล่มน้ี ไดผ้ า่ นกระบวนการ กลน่ั กรอง จากคณะทางาน และผทู้ รงคุณวฒุ ิใน
แผนกวชิ าท่ีเกี่ยวขอ้ ง ซ่ึงกรอบแนวความคิดไดน้ ามาจาก รส.๒๓-๙ วา่ ดว้ ย การฝึก ปลย. เอม็ .๑๖ เอ ๑
และ ปลย. เอม็ ๑๖ เอ ๒, คู่มือซ่อมบารุงระดบั หน่วยและระดบั ซ่อมบารุงสนบั สนุนโดยตรงสาหรับ
ปื นเลก็ ยาวทาโวร์ ขนาด ๕.๕๖ มม. ( TAVOR Assault Rifle 5.56 mm Maintenance
Manual for Echelons A&B ) และ ท่ายงิ ปื นเลก็ ยาวทาโวร์ ขนาด ๕.๕๖ มม. ( TAVOR
Assault Rifle 5.56 mm Firing positions )
หากผใู้ ชค้ ู่มือเล่มน้ี สงสยั ขอ้ ความตอนใดหรือประสงคท์ ่ีจะใหข้ อ้ เสนอและเพอื่ การปรับปรุง
แกไ้ ข และพฒั นาใหท้ นั สมยั เหมาะสมยงิ่ ข้ึน ขอไดส้ ่งขอ้ มูล โดยระบุหมายเลขหนา้ หวั ขอ้ และ
บรรทดั ของขอ้ ความในคูม่ ือเล่มน้ี พร้อมดว้ ยเหตุผลประกอบในการเสนอแนะมายงั กองวทิ ยาการ
ศูนยก์ ารทหารราบ คา่ ยธนะรัชต์ อาเภอปราณบุรี จงั หวดั ประจวบคีรีขนั ธ์ รหสั ไปรษณีย์ ๗๗๑๖๐
ศูนย์กำรทหำรรำบ
สำรบำญ
บทที่ ๑ กล่ำวนำ หน้ำ
บทท่ี ๒ ๑ - ๑ กลวธิ ีในการฝึก ๑
๑ - ๒ ลกั ษณะและการปรากฏของเป้ าหมายในสนามรบ ๑
บทท่ี ๓ ๓
ระบบกำรทำงำนและกำรใช้งำน ๕
ตอนที่ ๑ ลกั ษณะการทางาน ๗
ตอนท่ี ๒ การทางานของปื น ๑๓
๒ – ๑ ข้นั ตอนการทางาน ๑๓
๒ – ๒ เคร่ืองนิรภยั ๑๔
ตอนที่ ๓ การทางานผดิ ปกติและการแกไ้ ข ๑๕
๒ – ๓ เหตุติดขดั ๑๕
๒ – ๔ การแกไ้ ขทนั ทีทนั ใด ๑๖
๒ – ๕ สาเหตุสาคญั ของการทางานผดิ ปกติ ๑๗
ตอนท่ี ๔ กระสุน ๒๐
๒ – ๖ กระสุนชนิดตา่ งๆ ๒๐
ตอนที่ ๕ การทาลายอาวธุ ปื น ๒๒
๒ – ๗ วธิ ีการทาลาย ๒๒
๒ – ๘ การทาลายแบบเร่งด่วนในสนาม ๒๒
๒๓
กำรฝึ กพลแม่นปื น ๒๓
ตอนท่ี ๑ หลกั สูตรการเสริมสร้างข้นั พ้ืนฐาน ๒๔
๓ – ๑ การเลือกครูฝึกและผฝู้ ึก ๒๕
๓ – ๒ หนา้ ท่ีของครูฝึก/ ผฝู้ ึก ๒๕
ตอนที่ ๒ การดาเนินการฝึก ๒๖
๓ – ๓ อาวธุ ศึกษา ๒๙
๓ – ๔ ข้นั ตอนของการแกไ้ ขทนั ทีทนั ใด ๒๙
๓ – ๕ การฝึกการแกไ้ ขแบบทนั ทีทนั ใด ๒๙
๓ – ๖ หลกั พ้นื ฐานของการฝึกยงิ ปื น ๓๔
๓ – ๗ การเลง็ (กลอ้ งเล็งสะทอ้ นภาพ (MEPRO 21M)และ
๔๒
ศูนยส์ ารอง
๓ – ๘ การฝึกการเล็ง
บทที่ ๔ ๓ – ๙ ท่ายงิ หน้ำ
ตอนท่ี ๓ การยงิ แหง้ ๔๕
๓ – ๑๐ วธิ ีการฝึก ๕๘
๓ – ๑๑ ระบบเครื่องเลง็ ของ ปลย.ทาโวร์ ขนาด ๕.๕๖ มม. แบบ ทาร์๒๑ ๕๘
๓ – ๑๒ การยา้ ยกลุ่มกระสุน ๖๗
๓ – ๑๓ ขอ้ หา้ มในการปรับเครื่องควบคุมการยงิ ๗๒
๓ – ๑๔ การปรนนิบตั ิบารุงกลอ้ งเล็งสะทอ้ นภาพ MEPRO 21M ๘๐
๓ – ๑๕ การฝึกยงิ ปลย.ในสนามทราบระยะ ดว้ ยเป้ าแสดงผล ๘๐
๘๑
(Downrange Feedback Training)
๓ – ๑๖ การฝึกยงิ เป้ ารูปหุ่นในสนามทราบระยะ ๘๑
๓ – ๑๗ การฝึกยงิ ปื นเพือ่ บนั ทึกผลและจดั ช้นั คุณวฒุ ิ ๘๒
เทคนิคของกำรยิงทำนองรบ ๘๓
ตอนที่ ๑ การยงิ ข่ม ๘๓
๔ – ๑ ลกั ษณะการปรากฏของเป้ าหมาย ๘๓
ตอนท่ี ๒ การยงิ เร็วในแบบก่ึงอตั โนมตั ิ ๘๖
๔ – ๒ ประสิทธิภาพของการยงิ เร็ว ๘๖
๔ – ๓ การฝึกยงิ ในสถานการณ์ตา่ งๆ ๙๔
ตอนที่ ๓ การยงิ แบบอตั โนมตั ิ ๙๕
๔ – ๔ ประสิทธิภาพของการยงิ แบบอตั โนมตั ิ ๙๕
๔ – ๕ การดดั แปลงทา่ ยงิ แบบอตั โนมตั ิ ๙๖
๔ – ๖ การฝึกเทคนิคการยงิ แบบอตั โนมตั ิ ๑๐๐
ตอนที่ ๔ การยงิ ฉบั พลนั ๑๐๒
๔ – ๗ ประสิทธิภาพของการยงิ ฉบั พลนั ๑๐๒
๔ – ๘ การประยกุ ตห์ ลกั การยงิ เพือ่ ใชฝ้ ึกยงิ ฉบั พลนั ๑๐๖
ตอนที่ ๕ การยงิ เม่ือสวมชุดป้ องกนั นชค. ๑๐๘
๔ – ๙ ประสิทธิภาพของการยงิ เมื่อสวมชุดป้ องกนั นชค. ๑๐๙
๔ – ๑๐ ผลของการปรับเปล่ียนวธิ ีการเล็ง ๑๑๓
๔ – ๑๑ การปฏิบตั ิต่ออาวธุ ยทุ โธปกรณ์ในสถานการณ์ นชค. ๑๑๖
ตอนที่ ๖ การยงิ เป้ าเคล่ือนท่ี ๑๑๗
๔ – ๑๒ เทคนิคการยงิ เป้ าเคล่ือนที่ ๑๑๗
๔ – ๑๓ หลกั พ้ืนฐานการยงิ ปื นกบั การยงิ เป้ าหมายเคลื่อนที่ ๑๒๑
๔ – ๑๔ สนามฝึกยงิ ปื นแบบเอนกประสงค์ ๑๓๐
บทท่ี ๕ กำรยงิ ปื นในเวลำกลำงคืน หน้ำ
ผนวก ก ๕ – ๑ ขอ้ พิจารณา ๑๓๑
ผนวก ข ๕ – ๒ หลกั พ้ืนฐานของการยงิ ปื น ๑๓๑
๕ – ๓ กฎการมองเห็นในเวลากลางคืน ๑๓๒
ผนวก ค ๕ – ๔ เทคนิคการยงิ ปื นในเวลากลางคืน ๑๓๓
๕ – ๕ การฝึก ๑๓๔
๑๓๖
กำรฝึ กยงิ ปื นตำมวงรอบกำรฝึ กประจำปี ๑๓๙
ก – ๑ การฝึกพลแมน่ ปื นกบั กิจเฉพาะของการฝึก ๑๓๙
ก – ๒ สถานภาพขีดความสามารถในการยงิ ปื น ๑๓๙
ก – ๓ การฝึกครูฝึกและผฝู้ ึก ๑๔๐
ก – ๔ เอกสารอา้ งอิง ๑๔๐
ก – ๕ การฝึกตามข้นั คุณวฒุ ิ ๑๔๐
ก – ๖ กิจเฉพาะในการฝึกพลแมน่ ปื น ๑๔๒
ก – ๗ การยงิ ดว้ ยกระสุนจริงเป็นหน่วย ๑๕๖
ก – ๘ การฝึกเพอ่ื ดารงขีดความสามารถของหน่วย ๑๕๖
ก – ๙ ตวั อยา่ งของแนวทางการประเมินค่าผลการฝึก ๑๕๗
๑๖๑
กำรฝึ กค้นหำเป้ ำหมำย ๑๖๑
ตอนที่ ๑ การคน้ หาเป้ าหมายและการยงิ ๑๖๑
ข – ๑ การกาหนดที่ต้งั เป้ าหมาย ๑๖๑
ข – ๒ การเลือกที่วางตวั ๑๖๒
ข – ๓ การตรวจการณ์เป็นพ้ืนท่ี ๑๖๓
ข – ๔ การปรากฏสิ่งบอกเหตุแก่ฝ่ ายตรงขา้ ม ๑๖๔
ข – ๕ การหมายตาบลของเป้ าหมาย ๑๖๕
ข – ๖ วธิ ีการกะระยะ ๑๗๒
ข – ๗ การสร้างสนาม ๑๗๖
ตอนที่ ๒ การฝึก ๑๗๖
ข – ๘ แผน่ บนั ทึกหลกั ฐานประจาสนาม และบตั รบนั ทึกการปฏิบตั ิ
๑๙๖
ของพลเป้ าหมาย ๑๙๖
๒๑๓
เครื่องช่วยฝึ กและอปุ กรณ์กำรฝึ ก
ค – ๑ การใชเ้ คร่ืองช่วยฝึกประกอบการฝึก
ค – ๒ วธิ ีการฝึก
ผนวก ง ค – ๓ การฝึกยงิ แหง้ หน้ำ
ผนวก จ ค – ๔ รายการเครื่องช่วยฝึกและอุปกรณ์การฝึก ๒๑๙
๒๒๒
ผนวก ฉ ระเบยี บปฏบิ ัตกิ ำรรักษำควำมปลอดภยั ในสนำมยงิ ปื นและ ๒๒๓
รำยกำรตรวจสอบกำรปฏิบัติ ๒๒๓
ง – ๑ การช้ีแจงสรุปท่ีจาเป็น ๒๒๔
ง – ๒ เจา้ หนา้ ท่ีรับผดิ ชอบในสนามยงิ ปื น ๒๒๕
ง – ๓ การฝึกยงิ เพ่ือบนั ทึกผลและการยงิ เพ่อื จดั ช้นั คุณวฒุ ิ ๒๒๘
ง – ๔ รายการตรวจสอบการปฏิบตั ิในสนามยงิ ปื น ๒๓๕
๒๓๕
เป้ ำรูปหุ่นแบบย่อส่วน ๒๓๕
จ – ๑ กล่าวทว่ั ไป ๒๓๖
จ – ๒ วตั ถุประสงค์ ๒๓๙
จ – ๓ กรอบแนวคิด ๒๔๐
จ – ๔ กระสุนวถิ ี ๒๔๑
จ – ๕ หลกั พ้นื ฐาน ๒๔๖
จ – ๖ เป้ ารูปหุ่นแบบยอ่ ส่วน ๒๔๗
จ – ๗ การฝึก ๒๕๐
จ – ๘ เป้ าสาหรับการยงิ ชา้ (ไม่จบั เวลา) ๒๕๔
จ – ๙ เป้ าสาหรับการยงิ เร็ว (จบั เวลาในการยงิ ) ๒๕๔
๒๕๔
ข้อมูลสำหรับกำรยงิ ประณตี ๒๖๐
ตอนที่ ๑ กลอ้ งเลง็ สะทอ้ นภาพ (MEPRO 21M) และศนู ยเ์ ล็งสารอง ๒๖๐
ฉ – ๑ กลอ้ งเลง็ สะทอ้ นภาพ (MEPRO 21M) ๒๖๔
ตอนท่ี ๒ ผลจากแรงดึงดูดของโลก ๒๖๔
ฉ – ๒ ผลกระทบท่ีมีต่อลูกกระสุนปื น ๒๗๑
ตอนท่ี ๓ ผลของกระแสลม ๒๗๑
ฉ – ๓ ความเร็วและทิศทางของลม ๒๘๓
ตอนที่ ๔ กฎทางสูงและทางทิศ ๒๙๒
ฉ – ๔ กลอ้ งเล็งสะทอ้ นภาพ (MEPRO 21M) ๒๙๓
ฉ – ๕ ศูนยส์ ารอง (ศนู ยห์ นา้ ) ๒๙๔
ตอนที่ ๕ กระสุนวถิ ี
ฉ – ๖ องคป์ ระกอบของกระสุนวถิ ีภายนอก
ฉ – ๗ ปัจจยั ท่ีมีผลตอ่ กระสุนวถิ ี ณ เป้ าหมาย
ผนวก ช ฉ – ๘ อาการกระจายของกระสุนในระยะต่างๆ หน้ำ
ผนวก ซ ฉ – ๙ กระสุนวถิ ีของ ปลย.ทาโวร์ (กระสุนแบบ เอม็ .๑๙๓ และ ๒๙๕
๒๙๗
เอม็ .๘๕๕)
๓๐๒
กำรฝึ กยงิ ปื นด้วยกระสุนจริง ๓๐๒
ตอนท่ี ๑ สนามฝึกยงิ จดั กลุ่มกระสุน ๓๐๒
ช – ๑ การดาเนินการฝึก ๓๒๐
ช – ๒ ตวั อยา่ งการวเิ คราะห์กลุ่มกระสุนและการปรับศูนย์ ๓๒๘
ตอนที่ ๒ สนามยงิ ปรับศูนย์ ๓๒๘
ช – ๓ การดาเนินการฝึกในสนามยงิ ปรับศูนยร์ ะยะ ๒๕ เมตร ๓๓๓
ตอนที่ ๓ การยงิ ปื นในสนามทราบระยะโดยใชเ้ ป้ าแสดงผล ๓๓๕
ช – ๔ การดาเนินการฝึก ๓๔๔
ตอนที่ ๔ สนามยงิ ปื นทราบระยะ ๓๔๕
ช – ๕ การดาเนินการฝึกในสนามยงิ ปื นทราบระยะ ๓๔๘
ตอนท่ี ๕ หลกั สูตรสารองหรือเสริมในสนามยงิ ปื นทราบระยะ ๓๔๘
ช – ๖ การดาเนินการฝึก ๓๔๙
ช – ๗ อุปกรณ์สาหรับการฝึก ๓๕๐
ช – ๘ เกณฑก์ ารจดั ช้นั คุณวฒุ ิ ๓๕๑
ตอนที่ ๖ การยงิ เป้ าหุ่นอตั โนมตั ิในสนามยงิ ปื นทราบระยะ ๓๕๑
ช – ๙ การดาเนินการฝึก ๓๕๖
ตอนท่ี ๗ การยงิ ปื นในสนามยงิ ปื นทานองรบเพอื่ จดั ช้นั คุณวฒุ ิ ๓๕๖
ช – ๑๐ การดาเนินการฝึก ๓๖๑
ตอนท่ี ๘ สนามยงิ ปื นทานองรบ ๓๖๑
ช – ๑๑ หลกั เกณฑก์ ารจดั ช้นั คุณวฒุ ิ ๓๖๒
ช – ๑๒ การจดั ภายในสนามยงิ ปื น ๓๖๗
ตอนท่ี ๙ หลกั สูตรสารองสาหรับจดั ช้นั คุณวฒุ ิ ๓๖๗
ช – ๑๓ หลกั สูตรสารองในสนามยงิ ปื นระยะ ๒๕ เมตรและ ๑๕ เมตร ๓๗๓
๓๗๓
กำรปรนนิบัติบำรุงอำวุธ ปลย.ทำโวร์ ขนำด ๕.๕๖ มม. ๓๗๓
ซ – ๑ กล่าวนา ๓๗๓
ซ – ๒ หนา้ ท่ีของผใู้ ชใ้ นการปรนนิบตั ิบารุงอาวธุ ๓๗๔
ซ – ๓ โอกาสที่จะปรนนิบตั ิบารุง
ซ – ๔ น้ามนั ทาความสะอาด หล่อล่ืนและการใช้
ผนวก ด ซ – ๕ การบารุงรักษาและทาความสะอาด ปลย.ทาโวร์ หน้ำ
ซ – ๖ การตรวจปื น - ก่อนการถอดปื น ๓๗๔
ซ – ๗ การทาความสะอาดปื น ๓๗๕
ซ – ๘ เครื่องมือทาความสะอาด ๓๗๕
ซ – ๙ การชโลมปื น/ การหล่อลื่น ๓๗๖
ซ – ๑๐ การทาความสะอาดซองกระสุน ๓๗๖
๓๗๗
ท่ำยงิ แบบต่ำงๆ ๓๗๘
ด – ๑ กล่าวทว่ั ไป ๓๗๘
ด – ๒ ท่ายงิ ที่มน่ั คง ๓๗๘
ด – ๓ ท่ายงิ ตอ่ เนื่อง ๓๘๓
ด – ๔ การยงิ ขณะเคล่ือนที่ในสถานการณ์เขา้ โจมตี ๓๘๖
-๑-
บทท่ี ๑
กล่าวนา
ข้นั ตอนและวธิ ีการฝึกในหลกั สูตรการฝึกยงิ ปื นเล็กยาวของกองทพั บก มีความมุง่ หมาย
ในข้นั พ้ืนฐาน คือ ฝึกใหท้ หารมีทกั ษะของการยงิ ปื นในระดบั ท่ีสามารถนาไปใชใ้ นการรบไดอ้ ยา่ งมี
ประสิทธิภาพ รส.๒๕ – ๑๐๐ น้นั ไดเ้ นน้ ถึงทกั ษะของการยงิ ปื นของทหารมากกวา่ สิ่งอื่นใด
แบบฝึกหดั พ้นื ฐานที่ไดก้ ล่าวไวใ้ นคูม่ ือเล่มน้ีจะตอ้ งถูกนาไปใชใ้ นการฝึกยงิ ปื นของทุกหน่วย ผบู้ งั คบั
หน่วยจะตอ้ งพฒั นาการฝึกการยงิ ปื นของทหารในหน่วยจนถึงระดบั ปฏิบตั ิการ ประสิทธิภาพของ
ทหารจะข้ึนอยกู่ บั การฝึกที่ถูกตอ้ ง และการนาหลกั ฐานการยงิ ปื นไปประยกุ ตใ์ ชอ้ ยา่ งเหมาะสม ใน
ระหวา่ งการฝึกยงิ ปื นเบ้ืองตน้ ครูฝึกจะตอ้ งเนน้ หลกั ฐานการยงิ ปื น ก่อนท่ีจะผา่ นไปสู่การฝึกข้นั ต่อไป
๑-๑ กลวธิ ีในการฝึ ก
กลวธิ ีในการฝึก เป็นการรวบรวมแนวคิดและแนวทางในการใชเ้ คร่ืองช่วยฝึก สนามยงิ ปื น
และอุปกรณ์ท้งั มวล เพ่ือฝึกทหารเป็ นบุคคลและรวมเป็ นหน่วย เพ่ือเตรียมการปฏิบตั ิการในสนาม
กลวธิ ีในการฝึกน้ี สามารถนาไปใชห้ น่วยฝึกตา่ ง ๆ รวมท้งั หน่วยกาลงั รบ ซ่ึงจะใชฝ้ ึกไดท้ ้งั ทหาร และ
ผบู้ งั คบั หน่วย ใหส้ ามารถปฏิบตั ิร่วมกนั และเป็นปัจจยั นาไปสู่ความสาเร็จในการปฏิบตั ิการรบ
องศป์ ระกอบสาคญั ๒ ประการ คือ
๑. การฝึกเบ้ืองตน้
๒. การดารงการฝึกอยา่ งต่อเน่ือง ท้งั เป็ นบุคคลและเป็นหน่วย
การฝึกเบ้ืองตน้ เป็นสิ่งสาคญั ยง่ิ การฝึกสอนและการเรียนรู้ที่ถูกตอ้ งจะทาให้ทหารสามารถ
ดารงทกั ษะในการยงิ ปื น และยงั สามารถพฒั นาขีดความสามารถไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว ผบู้ งั คบั หน่วยและผู้
ฝึกจะตอ้ งใหค้ วามสนใจการฝึกเบ้ืองตน้ เป็นพิเศษ ถึงกระน้นั ก็ตามขีดความสามารถของทหารหรือ
ของหน่วยจะลดลง เนื่องจากสาเหตุอีกหลายประการ เช่น การขาดความต่อเน่ืองในการฝึกฝน
โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ในการฝึกท่ีมีกิจเฉพาะค่อนขา้ งยากและซบั ซอ้ น การท่ีทหารภายในหม่บู างคนขาด
การฝึกร่วมกบั ทหารคนอ่ืน ก็เป็นสาเหตุท่ีทาใหผ้ ลการฝึกยงิ ปื นเป็นหน่วยไมถ่ ึงเกณฑม์ าตรฐานที่
กาหนดให้ นอกจากน้ีการเปลี่ยนแปลงหลกั นิยมในการฝึกกเ็ ป็นสาเหตุสาคญั อีกประการหน่ึง
กลวธิ ีในการฝึกสาหรับการยงิ ปื นเลก็ ยาวน้นั จะเร่ิมตน้ ท่ีการฝึกทหารใหม่และพฒั นาต่อไป
จนถึงการฝึกยงิ เป็นหน่วย ข้นั ตอนและกระบวนการต่าง ๆ ของการฝึกในรูปท่ี ๑ – ๑ น้นั เป็นตวั อยา่ ง
หน่ึงของวงรอบการฝึกประจาปี ซ่ึงเป็นการฝึกต่อเน่ืองของหน่วย (ดูผนวก ก) ขอบเขตของหลกั สูตร
การยงิ ปื นข้นั เบ้ืองตน้ น้นั จะกล่าวถึงการสอนใหท้ หารรู้จกั วธิ ีการปรนนิบตั ิบารุงอาวธุ ปื นเลก็ ยาวท่ี
ถูกตอ้ งเพือ่ ใหส้ ามารถใชย้ งิ ถกู เป้ าหมายเป็นจุด การสอนใหท้ หารคน้ หาเป้ าหมายและการกาหนด
ระยะ ตลอดจนหลกั การพ้ืนฐานของการยงิ ปื นและเทคนิคการยงิ ในลกั ษณะตา่ ง ๆ การยงิ ในเวลา
กลางคืน การยงิ เมื่อสวมชุด นชค.
จากพ้นื ฐานในการยงิ ปื นเบ้ืองตน้ เราสามารถนาไปใชใ้ นการฝึกยงิ ปื นในข้นั ตน้ ต่อไปได้ เช่น
การยงิ เป้ าหมายเป็นพ้ืนท่ี ซ่ึงจะพฒั นาไปสู่การฝึกยงิ ปื นเล็กเป็นชุดยงิ และหมวดดว้ ยกระสุนจริง (ดงั มี
-๒-
รายละเอียดตามผนวก ก) กระบวนการฝึกยงิ ปื นเลก็ น้ี จะเร่ิมจากการฝึกสอนวชิ าอาวธุ ศึกษา การใช้
งาน และการยงิ ดว้ ยกระสุนจริงจนถึงข้นั การจดั ช้นั คุณวฒุ ิ อยา่ งไรกต็ ามหน่วยจะตอ้ งริเริ่มวธิ ีการและ
ข้นั ตอนการฝึกข้ึนเองในวงรอบการฝึกประจาปี เพื่อดารงทกั ษะในการใชอ้ าวธุ ของกาลงั พล ปัจจยั
แห่งความสาเร็จประการหน่ึงคือ การฝึกครู การฝึกโดยไมใ่ ชก้ ระสุนจริง และการใชเ้ คร่ืองช่วยฝึกแบบ
ต่าง ๆ เพื่อแกไ้ ขการยงิ ปื นของทหาร
ทกั ษะที่จะตอ้ งเพ่มิ ในการฝึกข้นั ต่อไปคือ การยงิ เป็นพ้นื ที่ ท้งั ในแบบก่ึงอตั โนมตั ิและแบบ
อตั โนมตั ิ,การยงิ ปื นในเวลากลางคืน,การยงิ ปื นในขณะสวมชุดป้ องกนั นชค,และการยงิ ปื นเลก็ ต่อเป้ า
เคลื่อนท่ี นอกจากน้ียงั มีเทคนิคประกอบอีก เช่น การพราง การกาบงั การซ่อนเร้น การยงิ และการ
เคล่ือนที่ การเตรียมท่ีกาบงั และการเลือกใชท้ า่ ยงิ ซ่ึงจะเป็นข้นั ตอนต่อเนื่องกบั การฝึกทางยทุ ธวธิ ี
ในหน่วยทหารน้นั สมรรถภาพของกาลงั พลและผบู้ งั คบั หน่วย จะถูกเพ่ิมพนู ข้ึนไดจ้ ากการ
ฝึกรวมเป็นพวก หมู่ ตอนและหมวด รวมท้งั การฝึกประกอบสถานการณ์ ซ่ึงการฝึกเหล่าน้ีจะมี
ประสิทธิผลเพยี งใดข้ึนอยกู่ บั การวางแผนและการอานวยการกากบั ดูแล และดว้ ยแนวทางการวางแผน
น้ีจะคน้ ควา้ ไดจ้ ากคูม่ ือการวางแผนการฝึกของแตล่ ะหน่วย(รวมถึงการฝึก ๒ ฝ่ าย และการใช้
เคร่ืองช่วยฝึกแสงเลเซอร์ประกอบดว้ ย) มาตรฐานการฝึกและเกณฑก์ ารตดั สินน้นั จะมีความแตกต่าง
กนั ข้ึนอยกู่ บั ลกั ษณะของแต่ละหน่วยหรือเหล่าและการวิจารณ์การฝึกจะกระทาภายหลงั การฝึกเสร็จ
สิ้น พร้อมกบั การประเมินผล ซ่ึงผลของการฝึกน้ีจะเป็ นสิ่งท่ีใชก้ าหนดปัจจยั ในการวางแผนการฝึก
คร้ังต่อไป
ข้นั ตอนที่นบั วา่ มีความสาคญั ยงิ่ ตอนหน่ึงคือ การฝึกครู และผนู้ าหน่วย หลกั สูตรท่ีสามารถ
พฒั นาครูและผนู้ าหน่วย ท้งั นายทหารและนายสิบ จะช่วยใหก้ ารวางแผนและการฝึกมีประสิทธิภาพ
มากข้ึน นอกจากน้นั แลว้ ควรพจิ ารณาการใชเ้ ครื่องช่วยฝึกและอุปกรณ์อ่ืน ๆ เช่น คูม่ ือราชการสนาม
เคร่ืองมือแบบอุปกรณ์จาลองและตารางการฝึกท่ีเหมาะสม เม่ือทหารไดม้ ีความรู้ความเขา้ ใจเร่ืองอาวธุ
ศึกษา สามารถปรับศูนยแ์ ละทาการยงิ ดว้ ยกระสุนจริงในสนามยงิ ปื นประกอบเป้ าในระยะต่าง ๆ แลว้
จึงเพ่มิ ชนิดของเป้ าแบบตา่ ง ๆ และการปรากฏของเป้ าในลกั ษณะและเวลาตา่ ง ๆ กนั จึงเพอ่ื ใหท้ หาร
ไดพ้ ฒั นาขีดความสามารถของตนเอง
การฝึกยงิ ปื นในข้นั ตน้ น้ี จะวดั ผลไดจ้ ากการยงิ ในสนามแบบทานองรบ เพอ่ื จดั ช้นั คุณวฒุ ิซ่ึง
จะเป็นสิ่งบ่งช้ีถึงประสิทธิภาพของหน่วยไดเ้ ช่นกนั ทกั ษะในการยงิ ปื นของทหารน้นั จะลดลงอยา่ งง่าย
หากไม่มีการฝึกทบทวนในหว้ งระยะเวลาส้นั ๆ ท่ีเหมาะสมต่อเนื่องตลอดปี ความตอ้ งการของหน่วย
ทหารส่วนมากแลว้ กค็ ือ ตอ้ งการใหท้ หารทุกคนสามารถปรับศนู ยป์ ื นของตนเองไดใ้ นระยะเวลาท่ี
กาหนดให้ ทหารจะตอ้ งทาการยงิ เพือ่ ปรับศูนยก์ ่อนทุกคร้ังที่จะเขา้ ทาการยงิ ในสนามแบบทานองรบ
เพื่อจดั ช้นั คุณวฒุ ิ วงรอบการฝึกยงิ ปื นประจาน้ีจะทาใหห้ น่วยดารงขีดความสามารถในการยงิ ปื นไว้
เพ่อื ปฏิบตั ิภารกิจใหล้ ุล่วงได้
-๓-
๑-๒ ลกั ษณะและการปรากฏของเป้ าหมายในสนามรบ
ขอใหผ้ บู้ งั คบั หน่วยระลึกเสมอวา่ การยงิ ปื นในสนามแบบทานองรบเพ่ือจดั ช้นั คุณวฒุ ิเป็น
รายบุคคลน้นั ไม่ใช่ข้นั ตอนสุดทา้ ยของการฝึกยงิ ปื น แต่เป็นข้นั ตอนท่ีจะกา้ วสู่การฝึกข้นั สูงต่อไป
ทหารจะตอ้ งมีความรู้ความเขา้ ใจในปัจจยั ตา่ ง ๆ เหล่าน้ี คือ
ก. ทหารฝ่ ายขา้ ศึกมกั จะไมป่ รากฏตวั ใหเ้ ห็น นอกจากขณะเคล่ือนท่ีเขา้ โจมตีฝ่ ายเรา
ข. การยงิ ในขณะทาการรบน้นั จะตอ้ งกระทาไปยงั พ้นื ท่ีฝ่ ายเราตรวจการณ์พบขา้ ศึกและ
ตาบลที่คาดวา่ ขา้ ศึกจะวางตวั อยแู่ ต่เราตรวจการณ์ไม่พบเป้ าหมายเป็นพ้นื ท่ีมกั จะประกอบดว้ ย
เป้ าหมายเป็นบุคคลท่ีไม่ปรากฏรูปร่างเด่นชดั ตามท่ีกาบงั และที่ท่ีใหก้ ารซ่อนพราง (เช่น พ้ืนที่หลุมบ่อ
แนวชายป่ า กลุ่มตน้ ไม)้
ค. เป้ าหมายต่าง ๆ สามารถตรวจพบไดจ้ าก ควนั , แสง, ฝ่ ุน, เสียง หรือการเคลื่อนท่ีและ
จะปรากฏใหเ้ ห็นในระยะเวลาชว่ั ขณะเทา่ น้นั
ง. ทหารอาจใชต้ าบลเด่นชดั ที่อยใู่ กลเ้ คียงเป้ าหมายเป็นจุดอา้ งไปยงั เป้ าหมายน้นั ๆ และ
ทาการยงิ ได้
จ. ระยะที่ทหารขา้ ศึกจะปรากฏตวั ใหเ้ ห็น และฝ่ ายเราสามารถยงิ หวงั ผลได้ มกั จะไมเ่ กิน
๓๐๐ เมตร
ฉ. ลกั ษณะของเป้ าหมายและสภาพตา่ ง ๆ ของภูมิประเทศ ตลอดจนพชื พนั ธุ์ไมจ้ ะทาให้
ทหารฝ่ ายเราตอ้ งใชท้ ่ายงิ ตา่ ง ๆ นอกเหนือจากท่านอนยงิ หรือทา่ ยงิ ที่ใชเ้ คร่ืองหนุนรองเพือ่ ทาใหก้ าร
ยงิ ไดผ้ ล แต่ถา้ หากเป็นสถานการณ์ต้งั รับแลว้ ทหารมกั จะไดม้ ีโอกาสใชท้ ่ายงิ ท่ีมีเคร่ืองหนุนรองเสมอ
ช. การเลือกใชจ้ ุดเล็ง โดยการเลง็ ที่สูงน้นั จะทาไดย้ ากลาบาก เน่ืองจากความสูงต่าของ
พ้ืนท่ีโดยรอบและความไมช่ ดั เจนของเป้ าหมาย
ซ. การปรากฏของเป้ าในเวลาจากดั น้นั สามารถแบง่ ออกเป็ น ๓ ลกั ษณะ
๑) เป้ าเดี่ยวท่ีเคล่ือนท่ีดว้ ยความเร็ว จะตอ้ งทาการยงิ อยา่ งรวดเร็ว
๒) เป้ าหมายเป็นพ้นื ที่ ซ่ึงจะตอ้ งถูกทาการยงิ ใหค้ รอบคลุมพ้ืนท่ีน้นั ๆ ทหารจะตอ้ ง
ทาการยงิ อยา่ งตอ่ เน่ืองในเขตรับผดิ ชอบของตน
๓) เป้ าหมายที่ปรากฏอยา่ งไม่คาดคิด ซ่ึงจะตอ้ งทาการยงิ อยา่ งแม่นยาในพ้ืนที่ดว้ ย
สัญชาตญาณ
-๔-
รูปท่ี ๑-๑ กระบวนการฝึ กยงิ ปื นเพอ่ื ความต่อเน่ือง
-๕-
บทที่ ๒
ระบบการทางานและการใช้งาน
เทคนิคและข้นั ตอนตา่ ง ๆ ท่ีกล่าวไวใ้ นบทน้ี จะใหข้ อ้ มูลที่จาเป็ นในเรื่อง ปลย.ทาโวร์ ขนาด
๕.๕๖ มม. เก่ียวกบั กลไกระบบการทางาน การใชง้ าน การปรนนิบตั ิบารุงรักษา และสาเหตุทว่ั ไปของ
การติดขดั การทางานผดิ ปกติ ขอ้ มลู ทางเทคนิคจะเป็นลาดบั ข้นั ตอนจากง่ายไปยาก สาหรับขอ้ มลู ทาง
เทคนิคท่ีมีรายละเอียดมากกวา่ น้ีจะปรากฏอยใู่ นคู่มือทางเทคนิค ปลย.
๑. จดั คนั บงั การยงิ ไปที่ตาแหน่งหา้ มไก ปื นชนิดน้ีหา้ มไก ไดข้ ณะปื นจะอยใู่ นตาแหน่งข้ึนนก
หรือไม่ข้ึนนกก็ตามใหจ้ ดั คนั บงั คบั การยงิ ไปยงั ตาแหน่งห้ามไก (SAFE) รูปที่ ๒ – ๑
รูปท่ี ๒ – ๑
๒.ปลดซองกระสุน กดป่ ุมยดึ ซองกระสุนดึงซองกระสุนออกมา รูปท่ี ๒ - ๒
กดที่กระเดื่อง
ปลดซองกระสุน
รูปท่ี ๒ - ๒
-๖-
๓.เปิ ดลูกเล่ือนคา้ งไว,้ ดึงคนั ร้ังลูกเลื่อนมาขา้ งหลงั กดสลกั ยดึ ลูกเล่ือน แลว้ ปล่อยคนั ร้ัง
กลบั ไปขา้ งหนา้ รูปที่ ๒ – ๓
รูปท่ี ๒ - ๓
๔.ตรวจดูโครงปื น( รูปท่ี ๒ – ๔ ) และรังเพลิงดูวา่ มีกระสุนคา้ งอยหู่ รือไม่
ดูในรังเพลิงมีลูก
กระสุนคา้ งหรือไม่
รูปที่ ๒ - ๔
-๗-
๕. ปล่อยลูกเล่ือนใหเ้ คล่ือนท่ีไปขา้ งหนา้ โดย กดส่วนบนของสลกั ยดึ ลูกเล่ือนใน ขณะท่ี
คนั บงั คบั การยงิ ยงั อยใู่ นตาแหน่งหา้ มไก รูปที่ ๒ – ๕
กดท่ีกระเดื่อง
หยดุ ชุดโครงนา
ลูกเลื่อน
รูปที่ ๒ - ๕
หมายเหตุ : ข้นั ตอนของการตรวจสอบอาวธุ มีดงั น้ี
๑. ปลดซองกระสุน
๒. ดึงคนั ร้ังลูกเล่ือนมาขา้ งหลงั ๓ คร้ังแลว้ คา้ งไว้
๓. หา้ มไก
๔. ตรวจดูรังเพลิง
๕. ปล่อยลูกเลื่อนไปขา้ งหนา้
๖. จดั หา้ มไกไปที่ตาแหน่ง SEMI
๗. ลนั่ ไกในทิศทางที่ปลอดภยั แลว้ หา้ มไก
ตอนท่ี ๑
ลกั ษณะการทางาน
ปลย.ทาโวร์ ขนาด ๕.๕๖ มม. ตามรูปที่ ๒ – ๖ เป็น ปลย.ขนาดกวา้ งปากลากลอ้ ง ๕.๕๖ มม.
ป้ อนกระสุนดว้ ยซองกระสุนทางานดว้ ยแก๊ส เป็นอาวธุ ประทบั บ่ายงิ สามารถทาการยงิ ไดท้ ้งั แบบ
ก่ึงอตั โนมตั ิและแบบอตั โนมตั ิ โดยใชค้ นั บงั คบั การยงิ (SAFE, SEMI และ AUTO)
ปื นเล็กยาวทาโวร์ ขนาด ๕.๕๖ มม. เป็นปื นที่ประดิษฐต์ ามกรรมวธิ ีการผลิตท่ีทนั สมยั ของ
บริษทั Israel Weapon Industries (IWI) Ltd. ประเทศอิสราเอล ทาการยงิ จากตาแหน่งหนา้ ลูกเลื่อนปิ ด
ลูกเลื่อนหมุนตวั ขดั กลอนและปลดกลอนดว้ ยแรงดนั แกส๊ ตอ่ หวั ลูกสูบ ติดกลอ้ งเล็งแบบสะทอ้ นภาพ
ทางานดว้ ยแก๊ส ระบายความร้อนดว้ ยอากาศ ทาการยงิ แบบก่ึงอตั โนมตั ิและอตั โนมตั ิ ป้ อนกระสุน
ดว้ ยซองกระสุนขนาด ๓๐ นดั สามารถทาการยงิ ดว้ ยการประทบั บ่าและท่ายงิ ใตแ้ ขน
-๘-
ก. แบบของ ปลย.ทาโวร์ มีอยู่ ๔ แบบ คือ
๑) TAR (TAVOR Assault Rifle ปื นเล็กยาวทาโวร์)
๒) CTAR (Commander TAVOR Assault Rifle ปื นเล็กยาวทาโวร์สาหรับ
ผบู้ งั คบั บญั ชา)
๓) STAR (Sharpshooter TAVOR Assault Rifle ปื นเล็กยาวทาโวร์สาหรับพลแมน่
ปื น)
๔) GTAR (TAVOR With Grenade Launcher ปื นเลก็ ยาวทาโวร์ติดเคร่ืองยงิ ลูก
ระเบิด)
รูปที่ ๒ - ๖ แบบปื นเลก็ ยาว ทาโวร์ แบบ ทาร์ ๒๑
ข. รายการหลกั ฐานของปื นเลก็ ยาวทาโวร์ แบบ TAR
๑) รายการหลกั ฐานทว่ั ไป
ความกวา้ งปากลากลอ้ ง ๕.๕๖ X ๔๕ มม.
หลกั การทางาน ยงิ จากตาแหน่งหนา้ ลูกเล่ือนปิ ดและปลดกลอน
ดว้ ยแรงดนั แก๊สดนั หวั ลูกสูบ
ระบบขดั กลอน การหมุนตวั ขดั กลอนของลูกเลื่อน
เคร่ืองป้ อนกระสุน ซองกระสุนขนาดความจุ ๓๐ นดั
เกลียวภายในลากลอ้ ง ๖ เกลียว/ เวยี นขวา/ครบรอบระยะ ๗ นิ้ว
แบบของการยงิ ทีละนดั และเป็นชุด
อตั ราการยงิ ๗๐๐ – ๑,๐๐๐ นดั /นาที
-๙-
เครื่องเล็งและศูนยเ์ ล็ง กลอ้ งเลง็ สะทอ้ นภาพ MEPRO 21 M ติดต้งั กบั
ลากลอ้ งและ ศนู ยเ์ ลง็ สารอง ประกอบดว้ ย
ศนู ยห์ นา้ ศนู ยห์ ลงั
ความเร็วตน้ ๙๖๐ เมตร/วนิ าที
ระยะยงิ ไกลสุด ประมาณ ๓,๐๐๐ เมตร
ระยะยงิ หวงั ผล ๕๐๐ เมตรลงมา
๒) ความยาว
ความยาวตวั ปื น ๗๒.๕ ซม.
ความยาวลากลอ้ ง ๔๖ ซม.
ปลอกลดแสง ---------
๓) น้าหนกั
น้าหนกั (เฉพาะตวั ปื น) ๓.๓ กก.
สายสะพาย ---------
ซองกระสุนขนาด ๓๐ นดั ----------
กระสุน ๑ นดั ๑๙๐ เกรน
น้าหนกั หวั กระสุน ๖๒ เกรน
๔) อุปกรณ์ประกอบมาตรฐาน
สายสะพาย
ซองกระสุนขนาดความจุ ๓๐ นดั
คู่มือการใชแ้ ละกล่องชุดเคร่ืองมือทาความสะอาด
๕) อุปกรณ์พิเศษ
ดาบปลายปื น
ขาทราย
เคร่ืองยงิ ลูกระเบิดขนาด ๔๐ มม.
กลอ้ งเลง็ แบบตา่ ง ๆ มีหลายแบบ
ค. ส่วนประกอบต่างๆ ของตัวปื น (รูปท่ี ๒ – ๖ ) หมายเลข
1 ปลอกลดแสง
2 ลากลอ้ ง
3 คนั ข้ึนนก
4 ศนู ยห์ นา้ (ศูนยส์ ารอง)
5 หูกระวนิ บน
6 กลอ้ งเล็งสะทอ้ นภาพ
7 ศูนยห์ ลงั (ศนู ยส์ ารอง)
- ๑๐ -
8 แท่นยดึ กลอ้ งมองกลางคืน
9 แผน่ ปิ ดช่องคดั ปลอก
10 หูกระวนิ ล่าง
11 ชุดพานทา้ ย
12 กระเด่ืองหยดุ ชุดโครงนาลูกเล่ือน
13 ช่องใส่ซองกระสุน
14 เหล็กยดึ ซองกระสุน
15 กระเด่ืองปลดซองกระสุน
16 ดา้ มปื น
17 คนั เลื่อนตาแหน่งการยงิ
18 โกร่งไก
19 ไกปื น
20 ประกบั รองมือ
21 ห่วงยดึ ดา้ มดาบปลายปื น
1 2 34 56 7 89 10
21 20 19 18 17 16 15 14 13 12 11
รูปท่ี ๒ – ๖ ส่วนประกอบ ปลย.ทาโวร์ แบบ ทาร์ ๒๑
ง. การถอดและการประกอบปกติ ระดบั ผใู้ ช้ เพือ่ ตรวจความปลอดภยั ของปื นก่อนการถอด
ประกอบ ใหท้ าการตรวจอาวธุ ตามข้นั การปฏิบตั ิ การถอดประกอบปกติ แบ่งออกเป็ น ๒ ข้นั คือ
๑) ข้นั ท่ี ๑ การถอดชุดกลไกเคลื่อนท่ีถอยหลงั ออกจากปื น(รูปที่ ๒- ๗ ) วธิ ีถอด
ก) กดสลกั ยดึ พานทา้ ยจากทางดา้ นขวาของปื น แลว้ ดึงสลกั ออกทางซา้ ยจนสุดระยะ
(สลกั ยงั คาอย)ู่
ข) เปิ ดพานทา้ ยออก จบั แผน่ รับแรงถอย แลว้ ดึงชุดกลไกเคล่ือนที่ถอยหลงั ออก
- ๑๑ - 2
1
3
รูปท่ี ๒ – ๘ การถอดข้นั ท๑ี่
ลาดบั ช่ือชิ้นส่วนหมายเลข
1 Butt locking pin สลกั ยดึ พานทา้ ย
2 Recoiling system ชุดกลไกเคลื่อนท่ีถอยหลงั
3 Butt assembly ชุดพานทา้ ย
๒) ข้นั ท่ี ๒ การถอดชิ้นส่วนของชุดกลไกเคล่ือนท่ีถอยหลงั ( รูปที่ ๒ – ๙ ) วธิ ีถอด
ก) ถอดแหนบส่งลูกเลื่อนออกจากแผน่ รับแรงกระแทก
ข) ถอดสลกั บงั คบั ลูกเล่ือน
1 2 3 45
87 6
รูปที่ ๒ – ๙ ชิ้นส่วนต่าง ๆ ของชุดกลไกเคลอื่ นทถี่ อยหลัง
- ๑๒ -
ลาดบั ช่ือชิ้นส่วนหมายเลข
1 ลูกสูบ (Piston)
2 ชุดโครงนาลูกเล่ือน ( Bolt carrier assembly )
3 แหนบส่งลูกเลื่อน ( Return spring )
4 กา้ นนาโครงนาลูกเล่ือน ( Bolt carrier guide rod )
5 แผน่ รับแรงกระแทก ( Buffer )
6 เขม็ แทงชนวน ( Firing pin )
7 สลกั บงั คบั ลูกเลื่อน ( Bolt guide pin )
8 ลูกเล่ือน ( Bolt )
จ.การถอดเครื่องลนั่ ไก (รูปที่ ๒ – ๑๐)
ก) ดนั สลกั ยดึ ชุดเครื่องลนั่ ไกออกทางซา้ ยจนสุดระยะ(คาอยกู่ บั โครงปื น)
ข) งา้ งป่ ุมปลดโครงนาลูกเลื่อนแลว้ ดึงเอาชุดเคร่ืองกลไกออก
1
2
3
รูปที่ ๒ – ๑๐ การถอดชุดเครื่องลนั่ ไก
ลาดบั ช่ือชิ้นส่วนหมายเลข
1 สลกั ยดึ เคร่ืองลน่ั ไก ( Mechanism locking pins )
2 ป่ ุมปลดโครงนาลูกเล่ือน ( Bolt carrier stop button )
3 ชุดเคร่ืองลน่ั ไก ( Trigger mechanism )
- ๑๓ -
ฉ. การประกอบปกติ
๑) การประกอบชุดกลไกเคลื่อนท่ี
ก) ใส่ลูกเลื่อนและเขม็ แทงชนวนเขา้ ในโครงนาลูกเลื่อน
ข) หมุนเขม็ แทงชนวนจนดา้ นขอบตรงช่องทา้ ยเขม็ แทงชนวนหนั ข้ึนดา้ นบน
ค) สอดสลกั บงั คบั ลูกเล่ือนล็อคเขม็ แทงชนวนกบั ลูกเลื่อน
ง) ใส่แกนนาโครงนาลูกเล่ือนเขา้ ที่
จ) สอดชุดกลไกเคล่ือนที่ทางดา้ นทา้ ยโครงปื น
ฉ) ปิ ดพานทา้ ยปื น
ช) ดนั สลกั ยดึ พานทา้ ยปื นเขา้ ที่
ซ) ตรวจดูการทางานดึงแลว้ ปล่อยคนั ร้ังจะตอ้ งไมต่ ิดขดั
๒) การประกอบเครื่องลนั่ ไก
ก) ประกอบเคร่ืองลนั่ ไกเขา้ กบั ป่ ุมปลดโครงนาลูกเลื่อน
ข) กดสลกั ยดึ เคร่ืองลนั่ ไกไปทางขวา
ตอนท่ี ๒
การทางานของปื น
ทหารจะตอ้ งเขา้ ใจชิ้นส่วนประกอบของ ปลย.และข้นั ตอนการทางานของกลไกใน
ระหวา่ งวงรอบของการยงิ ปลย.ทาโวร์ ถูกออกแบบใหส้ ามารถทาการยงิ ไดท้ ้งั แบบก่ึงอตั โนมตั ิและ
แบบอตั โนมตั ิ
๒-๑ ข้นั ตอนการทางาน
ข้นั ตอนการทางาน ๘ ข้นั ตอน ( การป้ อนกระสุน,การข้ึนนก,การบรรจุ,การขดั กลอน,การลนั่
ไก,การปลดกลอน,การร้ังปลอก,การคดั ปลอก) จะเริ่มตน้ ภายหลงั จากท่ีไดน้ าซองกระสุนบรรจุ
กระสุนใส่เขา้ ไปในตวั ปื น
ก. ข้นั ตอนท่ี ๑ การป้ อนกระสุน (Loading) คือ การสอดซองกระสุนท่ีมีกระสุนบรรจุอยเู่ ขา้
ในช่องติดซองกระสุนท่ี โครงปื นกระสุนนดั บนสุดในซองกระสุนพร้อมถูกบรรจุเขา้ รังเพลิง
ข. ข้นั ตอนที่ ๒ การข้ึนนก (Cocking)
๑) การข้ึนนกดว้ ยมือ - โดยการดึงคนั ร้ังลูกเลื่อนมาดา้ นหลงั ทาใหโ้ ครงนาลูกเลื่อน
เคล่ือนถอย หลงั ดนั ใหน้ กปื นงา้ งออกแลว้ นกปื นจะถูกขดั ไวด้ ว้ ยกระเด่ืองนกปื น เม่ือปล่อยคนั ร้ัง
โครงนาลูกเลื่อนจะเคลื่อนกลบั ไปยงั ดา้ นหนา้ ดว้ ยแรงดนั แหนบ
๒) การข้ึนนกโดยอตั โนมตั ิ - เมื่อกระสุนถูกขบั ผา่ นรูนาแกส๊ ,แรงดนั แก๊สส่วนหน่ึงไหล
เขา้ กระบอกสูบดนั ตอ่ หวั สูบ,แรงดนั แก๊สทาใหล้ ูกสูบรวมท้งั โครงนาลูกเล่ือนและลูกเลื่อนเคลื่อนถอย
หลงั
- ๑๔ -
ค. ข้นั ตอนท่ี ๓ การบรรจุ (Feeding) ขณะที่โครงนาลูกเล่ือนถูกแหนบดนั กลบั ไปทางดา้ น
หนา้ ,แง่ดา้ นล่างตรงหนา้ ลูกเลื่อนดนั ขอบจานทา้ ยปลอกกระสุนในซองกระสุน, กระสุนเลื่อนผา่ น
ลาดทา้ ยรังเพลิงเขา้ ไปบรรจุ อยใู่ นรังเพลิง
ง. ข้นั ตอนที่ ๔ การขดั กลอน (Locking) เม่ือลูกเลื่อนเคลื่อนถึงดา้ นหนา้ สุด,หนา้ ลูกเลื่อนยนั
ทา้ ยลากลอ้ งทาใหล้ ูกเล่ือนหยดุ เคล่ือนขณะท่ีลูกเล่ือนหยดุ เคล่ือนไปขา้ งหนา้ แลว้ แต่โครงนาลูกเลื่อน
ยงั เคลื่อนไปขา้ งหนา้ ไดอ้ ีกเล็กนอ้ ยโครงนาลูกเล่ือนถ่ายทอดแรงเคล่ือนท่ีไปขา้ งหนา้ ผา่ นสลกั บงั คบั
ลูกเล่ือนท่ีสอดผา่ นช่องในลูกเลื่อนที่มีลกั ษณะเป็นลาดทาใหล้ ูกเลื่อนถูกบงั คบั ใหห้ มุนตวั การหมุนตวั
ของลูกเลื่อนทาใหแ้ ง่หนา้ ลูกเล่ือนขดั กลอนกบั แง่ท่ีโครงต่อทา้ ยลากลอ้ ง
จ. ข้นั ตอนท่ี ๕ การลน่ั ไก (Firing) การเหน่ียวทาใหเ้ กิดการเคลื่อนที่ของกา้ นตอ่ ไกไปดึง
เหล็กบงั คบั กระเด่ืองนกปื น ทาใหก้ ระเด่ืองนกปื นเคลื่อนที่และปลดนกปื น,นกปื นตีลงตรงทา้ ยเขม็
แทงชนวน เขม็ แทงชนวนพงุ่ ไปขา้ งหนา้ กระแทกจอกชนวนทา้ ยของกระสุนเกิดการลนั่ ไก
ฉ. ข้นั ตอนที่ ๖ การปลดกลอน (Unlocking) ขณะที่กระสุนถูกขบั ถึงปลายลากลอ้ งแก๊ส
จานวนหน่ึงไหลผา่ นรูนาแก๊สเขา้ ไปยงั กระบอกสูบแลว้ ดนั ต่อหวั ลูกสูบ ลูกสูบเริ่มเคล่ือนดนั ต่อชุด
กลไกเคล่ือนที่ถอยหลงั โครงนาลูกเลื่อนเร่ิมเคล่ือนถอยหลงั ขณะท่ีลูกเลื่อนยงั ขดั กลอนอยู่ สลกั
บงั คบั ลูกเล่ือนเบียดลาดบงั คบั ใหข้ ดั กลอนของลูกเลื่อนในทิศทางตรงกนั ขา้ มกบั ตอนเคล่ือนที่ไป
ดา้ นหนา้ ทาใหล้ ูกเล่ือนหมุนตวั ในทิศทางกลบั กนั การหมุนตวั ของลูกเลื่อนในทิศทางกลบั กนั ทาให้
เกิดการปลดกลอน โดยแง่ขดั กลอนหนา้ ลูกเลื่อนหลุดออก จากการขดั กบั แง่ขดั กลอนทา้ ยลากลอ้ ง
ช. ข้นั ตอนที่ ๗ การร้ังปลอก (Extraction) ขอร้ังปลอกเกาะเก่ียวขอบจานทา้ ยปลอกกระสุน
ไวต้ ้งั แตข่ ้นั ตอนการบรรจุ,และระหวา่ งท่ีลูกเลื่อนเคล่ือนท่ีถอยหลงั ขอร้ังปลอกก็จะร้ังปลอกกระสุน
ออกจากรังเพลิง
ซ. ข้นั ตอนที่ ๘ การคดั ปลอก (Ejection) เหลก็ คดั ปลอกที่มีแหนบดนั อยจู่ ะดนั ต่อจานทา้ ย
ปลอกกระสุนอยขู่ า้ งหน่ึง ขณะที่อีกขา้ งหน่ึงมีขอร้ังปลอกเกาะเก่ียวอยทู่ าใหป้ ลอกกระสุนพร้อมถูก
ดีดออกทางดา้ นขอร้ังปลอก แต่ในตอนแรกของการเคลื่อนที่ถอยหลงั ปลอกกระสุนถูกรังเพลิงและ
โครงตอ่ ทา้ ยลากลอ้ งบงั คบั ไว้ เมื่อปลอกถูกร้ังเคลื่อนพน้ โครงตอ่ ทา้ ยลากลอ้ ง ก็จะถูกดีดออกผา่ น
ช่องคดั ปลอกดว้ ยแรงดนั ของเหลก็ คดั ปลอก
๒-๒ เครื่องนิรภยั ประกอบดว้ ย
ก. กลไกนิรภยั อนั แรกคือ การขดั กลอนไม่สนิท
ข. กลไกนิรภยั อนั ท่ีสองคือ ลูกเล่ือนจะยงั ไม่ปลดกลอนจนกวา่ ลูกกระสุนจะผา่ นพน้ ปาก
ลากลอ้ ง
ค. กลไกนิรภยั อนั ที่สามคือ คนั บงั คบั การยงิ หรือหา้ มไก สามารถจดั ได้ ๓ ตาแหน่งคือ
๑) หา้ มไก (S) คนั บงั คบั การยงิ จะถูกหมุนใหเ้ ขา้ ไปหนุนแง่บนกา้ นไกไว้
ป้ องกนั ไมใ่ หไ้ กเคลื่อนที่ได้
- ๑๕ -
๒) การยงิ แบบก่ึงอตั โนมตั ิ (R)
ก) การลนั่ ไกกระสุนนดั แรก เมื่อเหน่ียวไก กา้ นไกถูกดึง การเคลื่อนท่ีของกา้ นไก
จะดึงเหล็กบงั คบั กระเดื่องนกปื นใหโ้ ยกรอบสลกั แกนหมุน พร้อมกบั บงั คบั ใหก้ ระเดื่องนกปื นโยก
ตามไปดว้ ยจนปลดนกปื นเป็ นอิสระ ตีต่อทา้ ยเขม็ แทงชนวนทาใหเ้ กิดการลน่ั ไกกระสุนนดั แรก
ข) กระสุนนดั ท่ีสอง หลงั จากกระสุนนดั แรกถูกยงิ ออกไปโครงนาลูก
เลื่อนเคล่ือนถอยหลงั ทาใหเ้ กิดการข้ึนนก นกปื นจะถูกขดั ไวด้ ว้ ยกระเดื่องนกปื นเม่ือผอ่ นไกเหล็ก
บงั คบั กระเดื่องนกปื นจะเขา้ ไปขดั อยใู่ ตท้ างกระเดื่องนกปื น พร้อมท่ีจะดนั กระเดื่องนกปื นให้
เคลื่อนที่เมื่อมีการเหน่ียวอีกคร้ัง
๓) การยงิ แบบอตั โนมตั ิรูปที่
ก) การลนั่ ไกกระสุนนดั แรก เมื่อจดั คนั บงั คบั การยงิ ให้อยใู่ นตาแหน่งยงิ อตั โนมตั ิ
ระยะเหน่ียวไกจะมีมากข้ึน ทาใหเ้ หลก็ บงั คบั กระเดื่องนกปื นโยกหมุนตวั ไดม้ ากข้ึน,และทาให้
กระเดื่องนกปื นพน้ จากการขดั กบั นกปื น นกปื นที่ถูกปลดเป็นอิสระจะตีต่อทา้ ยเขม็ แทงชนวน
การยงิ ตอ่ เนื่อง หลงั จากลนั่ ไกนดั แรก
ข) กระสุนนดั ท่ีสอง (การลน่ั ไกนดั ต่อๆ ไป) ก็จะเกิดข้ึนโดยอตั โนมตั ิ(ผยู้ งิ ยงั คง
เหนี่ยวไกอย)ู่ เม่ือโครงนาลูกเล่ือนเคลื่อนที่ถอยหลงั ,โครงนาลูกเลื่อนจะดนั นกปื นให้งา้ งต่าลง ระยะ
เหน่ียวไกที่มีมากข้ึน จะทาใหเ้ หลก็ บงั คบั กระเดื่องนกปื นโยกหมุนไดม้ ากข้ึน ส่งผลใหก้ ระเดื่องนก
ปื นมีระยะเคล่ือนตวั มากข้ึนดว้ ย จนพน้ จากระยะท่ีขดั กบั นกปื น นกปื นจะถูกขดั ไวโ้ ดยกระเดื่องนก
ปื นอตั โนมตั ิเทา่ น้นั การเคล่ือนที่ไปดา้ นหนา้ ของโครงนาลูกเล่ือนทาใหแ้ ง่ตรงส่วนล่างดา้ นทา้ ยเตะ
ปลายดา้ นบนของกระเด่ืองนกปื นอตั โนมตั ิใหต้ ่าลงและปลดใหน้ กปื นเป็นอิสระ นกปื นท่ีถูกปลดให้
เป็นอิสระตีต่อทา้ ยเขม็ แทงชนวนลนั่ ไกกระสุนนดั ตอ่ ไป วงรอบการทางานเช่นน้ีจะเกิดข้ึนนานตราบ
ที่ไกถูกเหน่ียวไว้ เมื่อผยู้ งิ ผอ่ นไก,กระเด่ืองนกปื นจะเคล่ือนข้ึนมาขดั นกปื นไวแ้ ละหยดุ วงรอบการ
ทางาน
ตอนที่ ๓
การทางานผดิ ปกติและการแก้ไข
การดารงรักษาสภาพอาวธุ เป็นความรับผิดชอบของผบู้ งั คบั หน่วยและนายสิบช่างอาวธุ
ตวั ทหารเองก็มีความรับผดิ ชอบในการปรนนิบตั ิบารุงอาวธุ ของตน ใหส้ ะอาดและอยใู่ นสภาพใชก้ าร
ไดต้ ลอดเวลา ไมว่ า่ จะในการฝึกหรืออบรม ดงั น้นั ทหารจึงควรจะไดร้ ับการแจกจา่ ยคู่มือการใชง้ าน
และอุปกรณ์ทาความสะอาดอาวธุ ประจากายหรืออาวธุ ท่ีตนไดร้ ับมอบใหใ้ ชง้ าน
๒-๓ เหตุตดิ ขัด
เหตุติดขดั คือ การท่ีอาวธุ ไม่ทางานครบตามวงรอบของเคร่ืองกลไก โดยท่ีผยู้ งิ ไมเ่ จตนา ผยู้ งิ
สามารถใชก้ ารแกไ้ ขเหตุติดขดั ทนั ทีทนั ใด หรือการแกไ้ ขตามสาเหตุ เพ่ือทาให้เคร่ืองกลไกของปื น
ทางานใหค้ รบวงจร เหตุติดขดั ในบางลกั ษณะไมส่ ามารถใชก้ ารแกไ้ ขทนั ทีทนั ใดหรือการแกไ้ ขตาม
- ๑๖ -
สาเหตุได้ กจ็ าเป็นตอ้ งใชก้ ารซ่อมโดยช่างอาวธุ การเขา้ ใจในระบบการทางานของอาวุธปื น จึงเป็น
ส่วนหน่ึงที่จะช่วยใหก้ ารแกไ้ ขดงั กล่าวสาเร็จ
๒-๔ การแก้ไขทนั ทที ันใด
หมายถึง การดาเนินการโดยใชว้ ธิ ีการตา่ ง ๆ อยา่ งรวดเร็วเพอื่ ขจดั เหตุติดขดั เมื่อผยู้ งิ ไดต้ รวจ
พบหรือสันนิษฐานเอา โดยยงั ไม่ตอ้ งใชก้ ารวิเคราะห์อยา่ งละเอียดแทจ้ ริง การแกไ้ ขทนั ทีทนั ใดน้นั มี
ข้นั ตอน คือ.-
ก. หา้ มไกตบซองกระสุนข้ึนขา้ งบนไมแ่ รงนกั เพอ่ื มน่ั ใจวา่ ซองกระสุนเขา้ ที่
ข. ดึงคนั ร้ังโครงนาลูกเล่ือนมาขา้ งหลงั สุด
ค. ตรวจดูในรังเพลิง (มองดูวา่ การคดั ปลอกกระสุนเป็ นปกติ และมีกระสุนท่ียงิ แลว้ คา้ งอยู่
หรือไม่ ถา้ มีใหค้ า้ งคนั ร้ังไวแ้ ลว้ แกไ้ ขตามสาเหตุ)
ง. ปล่อยคนั ร้ังโครงนาลูกเลื่อนไปขา้ งหนา้
จ. ปลดหา้ มไกแลว้ ทาการยงิ ต่อไป
ใหใ้ ชก้ ารแกไ้ ขทนั ทีทนั ใดเพียงคร้ังเดียว อยา่ ทาถึงสองคร้ัง ถา้ หากปื นยงั ไม่ทางานตามปกติ
ใหต้ รวจดูสาเหตุของการติดขดั หรือการทางานผดิ ปกติ แลว้ จึงใชก้ ารแกไ้ ขตามสาเหตุ การแก้ไขตาม
สาเหตุ เป็นวธิ ีการท่ีใชต้ อ่ มา เพ่ือตรวจดูสาเหตุของการติดขดั หรือการทางานผดิ ปกติ เพ่ือขจดั เหตุ
ติดขดั น้นั เม่ือคน้ พบแลว้
คาเตอื น
ถา้ หากขณะทาการยงิ ปื น ทหารไดย้ นิ เสียงปื นของตนเองดงั เบาผดิ ปกติหรือแรงสะทอ้ น
ถอยหลงั ของปื นนอ้ ยผดิ ปกติ ใหท้ หารหยดุ ทาการยงิ ทนั ที เพราะเสียงปื นท่ีดงั เบาผดิ ปกติหรือ
แรงสะทอ้ นถอยหลงั ที่นอ้ ยผิดปกติน้นั เป็นส่ิงบอกเหตุวา่ น่าจะมีกระสุนที่ถูกทาการยงิ แตอ่ อก
ไม่พน้ ปากลากลอ้ ง เนื่องจากการเผาไหมข้ องดินปื นไม่ทาใหเ้ กิดแรงส่งที่พอเพียงกระสุนจึงคา้ ง
อยใู่ นลากลอ้ ง กรณีเช่นน้ี หา้ มใชว้ ธิ ีการแกไ้ ขเหตุติดขดั ทนั ทีทนั ใดเด็ดขาดและใหท้ หารปฏิบตั ิ
ดงั น้ี.-
ก. ปลดซองกระสุนออกจากปื น
ข. ดึงคนั ร้ังโครงนาลูกเล่ือนมาขา้ งหลงั แลว้ กดป่ ุมหยดุ ลูกเล่ือนไว้
ง. จดั คนั บงั คบั การยงิ ไปท่ีตาแหน่งหา้ มไก
จ. ใชส้ ายตาตรวจดูภายในลากลอ้ งวา่ มีกระสุนคา้ งอยหู่ รือไม่
ฉ. ถา้ พบวา่ มีกระสุนติดคา้ งในลากลอ้ ง อยา่ พยายามเอาออกดว้ ยตนเอง
ช. ใหน้ าอาวธุ ปื นกระบอกน้นั ส่งไปใหน้ ายสิบช่างอาวธุ
- ๑๗ -
๒-๕ สาเหตุสาคัญของการทางานผดิ ปกติ
การทางานผดิ ปกติน้นั มีสาเหตุหลกั ๆ มาจากเคร่ืองกลไกของ ปลย.ซองกระสุนและความ
ผดิ ปกติของกระสุน หากไดม้ ีการตรวจสภาพอาวธุ ก่อนทาการยงิ และมีการตรวจสภาพการปรนนิบตั ิ
บารุง จะทาใหส้ ามารถคน้ พบขอ้ บกพร่องได้ ก่อนท่ีอาวธุ จะทางานผดิ ปกติ ประเภทของการทางาน
ผดิ ปกติเบ้ืองตน้ น้นั มีอยู่ ๓ ลกั ษณะ คือ.-
ก. การไม่ป้ อนกระสุน ไม่เข้ารังเพลงิ หรือไม่ขัดกลอน
๑) ลกั ษณะอาการ การทางานผดิ ปกติน้ีจะเกิดข้ึนเม่ือบรรจุกระสุนเขา้ ปื น หรือใน
ระหวา่ งวงรอบการทางาน เมื่อบรรจุซองกระสุนเขา้ กบั ปื นแลว้ การเคล่ือนที่ไปขา้ งหนา้ ของชุดโครง
นาลูกเลื่อน ไมส่ ่งแรงท่ีพอเพียง ( แรงท่ีเกิดจากการขยายตวั ของสปริงหรือแหนบรับแรงถอย) ท่ีจะ
ป้ อนกระสุนเขา้ สู่ รังเพลงิ หรือทาให้เกดิ การขัดกลอนในนัดแรก ในเมอ่ื ทาการยงิ วงรอบของการ
ทางานจะถูกรบกวนจากการทก่ี ระสุนไม่ถูกดนั ขึน้ มาจากซองกระสุนจึงไม่เข้าสู่รังเพลงิ และไม่ขัด
กลอน
๒) สาเหตุทน่ี ่าจะเป็ น สาเหตุที่ทาใหเ้ กิดอาการดงั กล่าวน่าจะเป็นหน่ึงหรือหลาย ๆ ส่ิง
ดงั ต่อไปน้ี ลูกเลื่อนและโครงนาลูกเลื่อนมีสิ่งสกปรกหรือสิ่งแปลกปลอมสะสมอยบู่ ริเวณรอบ ๆ มาก
เกินไปซองกระสุนผดิ รูปร่าง (บุบเป็นรอยหรือขยายอา้ ออก) การบรรจุกระสุนเขา้ ซองกระสุนไม่
ถูกตอ้ ง กระสุนผดิ รูปร่าง (หวั กระสุนถูกดนั เขา้ ไปในปลอกกระสุนทาใหเ้ กิดกระสุนผดิ รูป) หรือจาน
ทา้ ยปลอกกระสุนของนดั ก่อนขาดติดอยใู่ นรังเพลิง สาหรับสาเหตุอ่ืน ๆ ท่ีอาจเป็นไดค้ ือ สปริงหรือ
แหนบรับแรงถอยหกั หรือเสียหาย สิ่งสกปรกสะสมอยภู่ ายนอกโครงปื นส่วนล่าง หรือทอ่ นาแก๊ส
สกปรกจึงทาใหแ้ รงดนั ของแก๊สสกปรกจึงทาใหแ้ รงดนั ของแกส๊ ลดนอ้ ยลง
๓) การปฏบิ ตั เิ พอื่ แก้ไข ใหใ้ ชก้ ารแกไ้ ขเหตุติดขดั ทนั ทีทนั ใดกบั การทางานผดิ ปกติน้นั
อยา่ งไรก็ตาม เพ่ือหลีกเลี่ยงการที่จะเกิดการป้ อนกระสุนซอ้ น ๒ นดั ผยู้ งิ ควรตรวจดูการคดั ปลอก
กระสุนเพ่อื ใหแ้ น่ใจวา่ ไมม่ ีกระสุนหลงเหลืออยใู่ นรังเพลิง ถา้ การแกไ้ ขทนั ทีทนั ใดน้นั ไม่ไดผ้ ล ใหผ้ ู้
ยงิ ใชก้ ารแกไ้ ขจากสาเหตุ ไม่ควรใชก้ าลงั กระแทก ถา้ พบวา่ มีแรงตา้ นทานซ่ึงอาจเกิดข้ึนจากกระสุน
ท่ีผดิ รูปหรือใชง้ านไมไ่ ด้ ให้ดึงโครงนาลูกเลื่อนมาขา้ งหลงั แลว้ คา้ งลูกเล่ือนไว้ จากน้นั ดึงซองกระสุน
ออก แลว้ ตรวจสอบดูสาเหตุของการทางานผดิ ปกติ ตวั อยา่ งเช่น ลูกเลื่อนไดเ้ คลื่อนตวั ข้ึนมาดา้ นบน
เพราะปลอกกระสุนแทรกตวั เขา้ มาระหวา่ งลูกเล่ือน หนทางปฏิบตั ิท่ีดีท่ีสุดท่ีจะแกป้ ัญหา คือ
ก) ตรวจดูใหแ้ น่ใจวา่ ลูกเลื่อนไดเ้ คลื่อนตวั ไปขา้ งหนา้ และอยใู่ นตาแน่งปกติ
ข) จบั ถือปื นในท่าที่ปลอดภยั แลว้ ดึงลูกเลื่อนมาดา้ นหลงั จนกระทง่ั ลูกเล่ือนคา้ ง แลว้
เอียงปื นเพ่ือเทปลอกกระสุนออก
ข. การทปี่ ื นไม่ลนั่ กระสุน
๑) ลกั ษณะอาการ การที่ปื นไมล่ นั่ กระสุน ถึงแมว้ า่ กระสุนจะถูกป้ อนเขา้ รังเพลิงผยู้ งิ
ไดเ้ หน่ียวไกและนกปื นฟาดไปขา้ งหนา้ แลว้ อาการเช่นน้ีเกิดข้ึนเม่ือเขม็ แทงชนวนถูกกระแทก เขา้ กบั
จานทา้ ยของกระสุนดว้ ยแรงที่ไม่พอเพยี ง หรือกระสุนใชง้ านไม่ได้
- ๑๘ -
๒) สาเหตุทน่ี ่าจะเป็ น คือ การที่มีคราบเขมา่ ติดอยทู่ ่ีเขม็ แทงชนวนมากเกินไป เป็ น
สาเหตุที่เกิดข้ึนบอ่ ยคร้ัง เพราะเขม็ แทงชนวนจะไม่สามารถเคลื่อนตงั ไปขา้ งหนา้ ไดเ้ ตม็ ท่ี แต่อยา่ งไร
กต็ ามสาเหตุอาจเกิดจากเขม็ แทงชนวนคดหรือหกั การตรวจดูสภาพของกระสุนจะทาใหร้ ู้ไดว้ า่ จาน
ทา้ ยของกระสุนถูกกระแทกเป็นรอยต้ืนหรือไมม่ ีรอยถูกกระแทก แสดงวา่ เขม็ แทงชนวนผดิ ปกติ แต่
ถา้ หากที่จานทา้ ยของกระสุนมีรอยถูกกระแทกเป็นรอยลึกน้นั แสดงวา่ ไมไ่ ดเ้ กิดจากเข็มแทงชนวน
แตเ่ กิดจากกระสุนใชง้ านไมไ่ ด้
๓) การปฏิบัติเพอื่ แก้ไข ถา้ หากการทางานผดิ ปกติยงั คงเป็นตอ่ ไป ทหารจะตอ้ ง
ตรวจสภาพของเขม็ แทงชนวน, ลูกเลื่อน, โครงนาลูกเล่ือนและร่องท่ีทา้ ยลากลอ้ ง เพ่อื ดูคราบเขมา่ และ
สิ่งสกปรกแลว้ ทาความสะอาด นอกจากน้ีจะตอ้ งตรวจดูสภาพของเขม็ แทงชนวน ถา้ รอยถูกกระแทกที่
จานทา้ ยเป็นรอยลึกปกติน้นั จะแสดงใหเ้ ห็นวา่ กระสุนใชง้ านไม่ได้ หรืออาจเป็นเพราะกระสุนไมเ่ ขา้ ท่ี
ในรังเพลิงตามปกติ
หมายเหตุ : เมื่อตรวจพบวา่ กระสุนใชง้ านไมไ่ ด้ ใหร้ ายงานไปยงั หน่วยงานส่งกาลงั บารุงท่ี
รับผดิ ชอบ หรืออาจนาส่งคืนท้งั หมดในหมายเลขงานน้นั
ค. การไม่ร้ังและไม่คดั ปลอกกระสุนการไม่ร้ังปลอกกระสุน ปลอกกระสุนจะตอ้ งถูกร้ังมาขา้ ง
หลงั ก่อนที่จะถูกคดั ปลอก
๑) ลกั ษณะอาการ การที่ปลอกกระสุนไม่ถูกร้ังมาขา้ งหลงั ปลอกกระสุนจะยงั คงคา้ งอยู่
ในรังเพลิงเพราะลูกเล่ือนและโครงนาลูกเลื่อนเคล่ือนท่ีมาขา้ งหลงั เพียงเล็กนอ้ ย บางกรณีลูกเลื่อนและ
โครงนาลูกเลื่อนเคลื่อนท่ีมาขา้ งหลงั เตม็ ที่ แต่ปลอกกระสุนยงั คงคา้ งอยใู่ นรังเพลิง และกระสุนนดั
ต่อไปจะเคล่ือนตวั กลบั มาขา้ งหนา้ การทางานผดิ ปกติลกั ษณะน้ียากท่ีจะคน้ พบสาเหตุและแกไ้ ข
ต่อไป
หมายเหตุ : แรงสะทอ้ นถอยหลงั ที่นอ้ ยผดิ ปกติน้ีเกิดจากทอ่ นาแก๊สสกปรกหรือมีส่ิงตกคา้ ง
คาเตือน
การไมร่ ้ังปลอกกระสุนน้นั ถือเป็ นการทางานผิดปกติอยา่ งยง่ิ ซ่ึงตอ้ งการการใชเ้ ครื่องมือ
พิเศษแกไ้ ขปัญหา และถา้ หากกระสุนที่ติดอยใู่ นรังเพลิงน้นั ยงั มิไดถ้ ูกทาการยงิ แลว้ มีการป้ อน
กระสุนใหม่ซอ้ นเขา้ ไปอีก โดยท่ีหวั กระสุนนดั ใหม่เขา้ ไปชนกบั จานทา้ ยของกระสุนนดั เดิม ปื นก็
อาจจะเกิดการระเบิดและเป็นอนั ตรายแก่ผยู้ งิ การทางานผิดปกติลกั ษณะน้ีจะตอ้ งถูกคน้ หาสาเหตุ
และรายงานใหผ้ คู้ วบคุมการฝึกทราบ ส่วนการไม่คดั ปลอกกระสุนจะตอ้ งแยกต่างหากจากกรณีการ
ไม่ร้ังปลอกกระสุน
๒) สาเหตุทนี่ ่าจะเป็ น แรงสะทอ้ นถอยหลงั ที่นอ้ ยผิดปกติและรังเพลิงท่ีสกปรกหรือเป็ น
สนิม มกั จะเป็นสาเหตุทวั่ ไปของการท่ีปื นไม่ร้ังปลอกกระสุน เหล็กร้ังปลอกกระสุนท่ีชารุดหรือ
แหนบร้ังปลอกกระสุนที่ลา้ หรือหกั กเ็ ป็ นสาเหตุหน่ึงของการไมร่ ้ังปลอกกระสุนเช่นกนั
- ๑๙ -
๓) การปฏิบตั เิ พอ่ื แก้ไข จากลกั ษณะต่าง ๆ ท่ีปรากฏจะเป็นส่ิงบง่ ช้ีใหท้ ราบถึงวธิ ีการ
แกไ้ ข กล่าวคือ ถา้ หากลูกเลื่อนเคล่ือนตวั มาขา้ งหลงั เป็นระยะพอเพยี งที่กระสุนนดั ใหมจ่ ะเล่ือนตวั
ข้ึนมาแลว้ จะตอ้ งดึงโครงนาลูกเล่ือนมาทางดา้ นหลงั แลว้ แขวนโครงนาลูกเล่ือนไว้
ทหารจะตอ้ งปลดซองกระสุน และนากระสุนที่ติดคา้ งอยอู่ อกเสียก่อนท่ีจะทาการคน้ หา
สาเหตุต่อไป การนากระสุนออกจากรังเพลิงน้นั โดยปกติใชก้ ารเคาะพานทา้ ยกจ็ ะทาใหป้ ลอกกระสุน
ร่วงหล่นลงมาจากรังเพลิง แต่ถา้ หากปลอกกระสุนเกิดการขยายตวั หรือบวมกม็ กั จะติดแน่นอยใู่ นรัง
เพลิง การแกไ้ ขกค็ ือ ใชแ้ ส้ทาความสะอาดสอดเขา้ ไปทางปากลากลอ้ งแลว้ กระทุง้ ปลอกกระสุน
ออกมาจากรังเพลิง และถา้ หากทาความสะอาดเครื่องกลไกของลูกเล่ือนและรังเพลิงแลว้ ไม่พบส่ิง
ผดิ ปกติ แต่ปื นยงั คงไมร่ ้ังปลอกกระสุนเช่นเดิม จะตอ้ งดาเนินการเปลี่ยนขอร้ังปลอกกระสุนและ
แหนบขอร้ังปลอกกระสุนใหม่ และถา้ ตรวจพบวา่ ผวิ ของรังเพลิงมีรอยชารุดเสียหาย กจ็ ะตอ้ งเปลี่ยน
ชุดลากลอ้ งท้งั ชุด
ง. การไม่คัดปลอกกระสุน การไม่คดั ปลอกกระสุนน้นั เป็นลกั ษณะของการทางานผดิ ปกติ ซ่ึง
ไม่เกี่ยวขอ้ งกบั จงั หวะการยงิ ของปื น การทางานผดิ ปกติน้ีเกิดข้ึนเม่ือปลอกกระสุนไม่ถูกคดั ออกมา
ทางช่องคดั ปลอกกระสุน และปลอกกระสุนน้นั ยงั คงติดคา้ งอยใู่ นรังเพลิง ในขณะท่ีลูกเล่ือนปิ ด เม่ือ
ผยู้ งิ ทาการแกไ้ ขในข้นั ตน้ น้นั ปลอกกระสุนอาจเคลื่อนตวั กระทบกบั โครงปื น และกลบั เขา้ ไปวางตวั
อยทู่ ี่หนา้ ลูกเล่ือนไดอ้ ีก
๑) สาเหตุท่ีน่าจะเป็ น การทางานผดิ ปกติน้ี ยากที่จะระบุช้ีชดั ถึงสาเหตุได้ แต่ก็มกั จะเกิด
จากการชารุดหรือการอ่อนลา้ ของแหนบร้ังปลอกกระสุนและ/หรือแหนบคดั ปลอกกระสุน การไม่คดั
ปลอกกระสุนน้นั อาจเกิดจากการท่ีมีเขม่าหรือส่ิงสกปรกติดอยทู่ ่ีแหนบคดั ปลอกกระสุน หรือขอร้ัง
ปลอกกระสุน หรืออาจเกิดจากแรงสะทอ้ นถอยหลงั ที่นอ้ ยผดิ ปกติ ซ่ึงแรงสะทอ้ นถอยหลงั ท่ีผดิ ปกติ
น้ีอาจเกิดจากส่ิงสกปรกภายในกลไกของโครงนาลูกเล่ือนหรือภายในท่อนาแกส๊ และเป็นสาเหตุของ
การทางานผดิ ปกติอื่น ๆ ไดอ้ ีกมากมาย แรงเสียดทานท่ีเกิดจากคราบเขม่าหรือสนิมในรังเพลิง จะทา
ใหก้ ารร้ังปลอกกระสุนชา้ ลง และไม่คดั ปลอกกระสุนในที่สุด
๒) การปฏิบัติเพอ่ื แก้ไข การดึงคนั ร้ังโครงนาลูกเลื่อนมาขา้ งหลงั มกั จะทาใหป้ ลอก
กระสุนดีดตวั ออกมาและทาใหส้ ่วนอ่ืน ๆ เคล่ือนท่ีได้ แต่ผยู้ งิ ไมค่ วรปล่อยคนั ร้ังจนกวา่ จะได้
ดาเนินการกบั กระสุนนดั ตอ่ ไปใหเ้ ขา้ สู่ตาแหน่งท่ีถูกตอ้ ง ถา้ หากกระสุนนดั ต่อไปถูกดนั ข้ึนมาจาก
ซองกระสุนและยงั ติดอยใู่ นรังเพลิง กจ็ ะตอ้ งปลดซองกระสุนและนากระสุนท่ีติดคา้ งอยอู่ อกเสีย
ก่อนท่ีจะปล่อยคนั ร้ังไปขา้ งหนา้ และถา้ หากเกิดการทางานผดิ ปกติข้ึนหลายคร้ัง แลว้ ไม่สามารถ
แกไ้ ขไดด้ ว้ ยการทาความสะอาดหรือการชโลมสารหล่อล่ืนผใู้ ชป้ ื นกระบอกน้นั จะตอ้ งดาเนินการ
เปลี่ยนแหนบคดั ปลอกกระสุน, แหนบร้ังปลอกกระสุนและเหลก็ ร้ังปลอกกระสุนใหม่
จ. การทางานผดิ ปกติในลกั ษณะอน่ื ๆ อาจเกิดข้ึนในลกั ษณะดงั ตอ่ ไปน้ี
๑) การท่ีลูกเล่ือนไม่อยใู่ นตาแหน่งเปิ ด ภายหลงั จากที่กระสุนนดั สุดทา้ ยถูกยงิ ออกไป
แลว้ วธิ ีแกไ้ ขใหต้ รวจดูสภาพของซองกระสุนและสาเหตุที่ทาใหเ้ กิดแรงถอยหลงั นอ้ ยลง
- ๒๐ -
๒) การที่ลูกเล่ือนไม่ถูกยบุ หยดุ ลูกเลื่อนในตาแหน่งเปิ ดท้งั ๆ ที่สลกั หยดุ ลูกเลื่อนได้
ทางานวธิ ีแกไ้ ข คือ การตรวจสภาพของสลกั หยดุ ลูกเลื่อน และทาการเปล่ียนใหม่ถา้ จาเป็น
๓) ปื นที่ทาการยงิ ทีละ ๒ นดั หรือมากกวา่ เม่ือเหนี่ยวไกในขณะท่ีคนั บงั คบั การยงิ อยใู่ น
ตาแหน่งก่ึงอตั โนมตั ิ หรือ SEMI กรณีน้ีแสดงใหเ้ ห็นวา่ หนา้ นกปื นสึกหรอมากผดิ ปกติหรือลูกเบ้ียว
หรือกระเดื่องไกสึกหรอมากเกินไป วธิ ีแกไ้ ข คือ การส่งซ่อมเพ่อื เปล่ียนหรือซ่อมแซมชุดเครื่องลนั่ ไก
๔) ไมส่ ามารถเหน่ียวไกปื นมาขา้ งหลงั หรือไกปื นไมก่ ลบั เขา้ ที่เดิมหลงั จากปล่อยนิ้วที่
เหน่ียวไกในขณะท่ีไม่ไดห้ า้ มไกไว้ แสดงวา่ สลกั เครื่องลนั่ ไกหลุดจากโครงปื นหรือแหนบนกปื น
ชารุด วธิ ีแกไ้ ข คือ การส่งซ่อม
๕) การท่ีซองกระสุนไม่ยดึ กบั ตวั ปื นใหต้ รวจดูซองกระสุนและเหลก็ ยดึ ซอง
กระสุนวา่ ชารุดหรือไม่ เพื่อทาการส่งซ่อม
๖) การทางานผดิ ปกติของส่วนใดส่วนหน่ึงของชุดโครงนาลูกเลื่อน ใหต้ รวจ
สภาพผดิ ปกติของชิ้นส่วนน้นั ๆ ภายในชุด แลว้ ทาความสะอาด จดั เขา้ ท่ี หรือนาเอาชิ้นส่วนอะไหล่มา
เปลี่ยน
๗) การท่ีซองกระสุนไม่ป้ อนกระสุนตามปกติ ใหต้ รวจดูสภาพของซอง
กระสุนวา่ ชารุดหรือไม่ ถา้ ชารุดใหส้ ่งคืนและเบิกใหม่
หมายเหตุ : รายละเอียดเก่ียวกบั ขอ้ มลู ทางเทคนิคท่ีเกี่ยวกบั การทางานผดิ ปกติ และการซ่อม
หรือเปล่ียนชิ้นส่วนจะปรากฏในคู่มือทางเทคนิคการปรนนิบตั ิบารุงของ ปลย. น้ี
ตอนที่ ๔
กระสุน
กระสุนแบบมาตรฐานต่าง ๆ สาหรับ ปลย.ทาโวร์ ซ่ึงมีการใชง้ านเฉพาะท่ีผลิตในประเทศ
อิสราเอล บริษทั ผผู้ ลิตเป็นสาคญั อยา่ งไรก็ตาม กระสุนท่ีสามารถใชก้ บั ปลย.ทาโวร์ ขนาด ๕.๕๖ มม.
ประกอบดว้ ยกระสุนขนาด ๕.๕๖ มม.ท่ีผลิตในประเทศสหรัฐอเมริกาและกลุ่มประเทศนาโต้
๒-๖ กระสุนชนิดต่าง ๆ รูปท่ี ๒ - ๒๓ ประกอบดว้ ย
ก. กระสุนขนาด ๕.๕๖ มม. ชนิดหดั บรรจุ แบบ เอม็ .๑๙๙ ใชเ้ มื่อทาการฝึกยงิ แหง้ หรือการ
บรรจุ สงั เกตจากร่อง ๖ ร่อง ที่ตวั ปลอกกระสุนมีระยะห่างประมาณ ๑/๒ นิ้ว จากตวั หวั กระสุนน้ีไมม่ ี
ดินส่งกระสุนหรือจอกกระทบแตกท่ีจานทา้ ยจะเป็ นช่องวา่ ง ไวเ้ พือ่ ป้ องกนั เขม็ แทงชนวนชารุด
ข. กระสุนขนาด ๕.๕๖ มม. ธรรมดา แบบ เอม็ . ๑๙๓ กระสุนแบบ เอม็ . ๑๙๓ เป็นกระสุน
ชนวนกลางมีน้าหนกั ๕๕ เกรน หวั เคลือบโลหะ มีแกนโลหะผสมภายใน ชนวนจอกกระทบแตกและ
ปลอกกระสุนกนั น้าได้ กระสุนแบบ เอม็ . ๑๙๓ น้ี เป็ นแบบมาตรฐาน ใชใ้ นราชการสนาม ไม่มี
เคร่ืองหมายพิเศษใด ๆ หวั กระสุนหนกั ๕๕ เกรน ความยาว ๑.๙ ซม. มีแกนตะกว่ั ภายใน
ค. กระสุนขนาด ๕.๕๖ มม. ธรรมดา แบบ เอม็ . ๘๕๕ กระสุนแบบน้ีมีหวั กระสุนหนกั ๖๒
เกรน เคลือบโลหะและมีแกนโลหะผสมอยภู่ ายใน ซ่ึงหวั กระสุนน้ีสามารถเจาะแผน่ เหล็กได้ ตวั ปลอก
- ๒๑ -
กระสุนและจอกกระทบแตก สามารถกนั น้าได้ เป็นกระสุนแบบมาตรฐานของนาโต(้ ผลิตในประเทศ
สหรัฐอเมริกา) ใชก้ บั ปลก. ขนาด ๕.๕๖ มม. ไดด้ ว้ ย มีที่สังเกตคือ ทาสีเขียวที่ปลายหวั กระสุน
ง. กระสุนขนาด ๕.๕๖ มม. ส่องวถิ ี แบบ เอม็ . ๑๙๖ มีท่ีสงั เกตคือ ทาสีแดงหรือสีส้ม ท่ีปลาย
หวั กระสุน ความมุง่ หมายในการใช้ เพอ่ื ตรวจสอบการยงิ ตอ้ งการผลจากการเผาไหม้ หรือใชเ้ พ่ือเป็ น
อาณตั ิสัญญาณ ปกติการใชจ้ ะปะปนสลบั กบั กระสุนแบบธรรมดา ในอตั ราส่วนไม่เกินหน่ึงต่อหน่ึง
แตต่ ามปกติแลว้ อตั ราส่วนท่ีนิยมใชค้ ือ กระสุนธรรมดา ๓ นดั ต่อกระสุนส่องวถิ ี ๑ นดั
จ. กระสุนขนาด ๕.๕๖ มม. ชนิดหดั บรรจุ แบบ เอม็ . ๑๙๙ ใชเ้ ม่ือทาการฝึกยงิ แหง้ หรือการ
บรรจุ กระสุนน้ีไมม่ ีดินส่งกระสุนหรือจอกกระทบแตกท่ีจานทา้ ยจะเป็นช่องวา่ งไวเ้ พอื่ ป้ องกนั เขม็
แทงชนวนชารุด
ฉ. กระสุน ขนาด ๕.๕๖ มม. ซอ้ มรบ เอม็ . ๒๐๐ กระสุนชนิดน้ีไม่มีหวั กระสุน ที่ปลายปลอก
กระสุนจะเป็นหวั จีบ มี ๗ จีบ ปลายทาสีม่วง
ปลายสีแดง ปลายสีม่วง ปลายสีเขียว ปลายสีแดง
๑.ธรรมดา ๒.ส่องวถิ ี ๓.หดั บรรจุ ๔.ซอ้ มรบ ๕.ธรรมดา ๖.ส่องวถิ ี
เอม็ .๑๙๓ เอม็ .๑๙๖ เอม็ .๑๙๙ เอม็ .๒๐๐ เอม็ .๘๕๕ เอม็ .๘๕๕
(เจาะเหลก็ ได)้
รูปท่ี ๒ – ๑๐ กระสุน ปลย. ทาโวร์
ช การดูแลรักษาและขอ้ ควรระมดั ระวงั ในการใชง้ าน เมื่อจาเป็นท่ีจะตอ้ งเกบ็ กระสุนไวใ้ นที่
เปิ ด ใหว้ างหีบกระสุนใตเ้ ครื่องหนุนรอง ซ่ึงมีความสูงจากพ้ืนอยา่ งนอ้ ย ๖ นิ้วฟุต และใชผ้ า้ ใบปกคลุม
ไว้ โดยใหม้ ีช่องวา่ งสาหรับการถ่ายเทของอากาศไดอ้ ยา่ งพอเพียง และเพราะเหตุวา่ กระสุนและวตั ถุ
ระเบิดสามารถถูกทาใหเ้ ส่ือมสภาพหรือเสียหายไดโ้ ดยความช้ืนและอุณหภมู ิสูง จึงควรระมดั ระวงั
ตามหวั ขอ้ ตา่ ง ๆ ดงั น้ี
- ๒๒ -
๑) อยา่ เปิ ดหีบกระสุนจนกวา่ จะตอ้ งการใชง้ าน
๒) ป้ องกนั กระสุนจากอุณหภูมิสูง และการถูกแสงแดดส่องโดยตรง
๓) อยา่ พยายามถอดหวั กระสุน หรือส่วนประกอบส่วนใดส่วนหน่ึง
๔) หา้ มใชส้ ารหล่อล่ืนหรือไข ทาหวั กระสุนเด็ดขาด
ตอนที่ ๕
การทาลายอาวุธปื น
การทาลายอาวธุ ปลย. เพื่อมิใหถ้ ูกยดึ เป็นของฝ่ ายขา้ ศึก น้นั เป็ นอานาจการตกลงใจของ
ผบ.หน่วยในสนามรบ ซ่ึงระบุไวใ้ นระเบียบ ทบ. และเมื่อไดด้ าเนินการทาลายไปแลว้ ใหร้ ายงานตาม
สายการบงั คบั บญั ชา
๒-๗ วธิ ีการทาลาย
วธิ ีการทาลาย ท่ีมกั ใชก้ นั คือ การใชว้ ตั ถุระเบิดหรือระเบิดเพลิงและอีกหลายวธิ ีซ่ึงข้ึนอยกู่ บั
ดุลยพินิจและการตดั สินใจของผบู้ งั คบั บญั ชา ดงั น้ี
ก. การทาลายดว้ ยเครื่องมือ เช่น ขวาน,จอบ,เสียม,ชะแลง คอ้ น หรือวตั ถุโลหะท่ีมีน้าหนกั
มาก
ข. การเผาทาลาย ซ่ึงตอ้ งใชน้ ้ามนั เช้ือเพลิง, น้ามนั หล่อลื่น,ระเบิดเพลิง หรือวตั ถุท่ีเป็ น
เช้ือเพลิงและเคร่ืองมือที่ใหพ้ ลงั งานความร้อน
ค. การระเบิดทาลาย ตอ้ งการใชว้ ตั ถุระเบิดหรือกระสุน และในบางสถานการณ์อาจตอ้ งใชล้ ูก
ระเบิดขวา้ งทาลาย
ง. การทาใหส้ ูญหาย เช่น การฝังดิน, การทิง้ ในลาน้า หรือหล่มโคลน หรือถอดเป็นชิ้นส่วน
แลว้ กระจายทิง้ ไปในท่ีตา่ ง ๆ ที่ห่างไกล การทาลายน้นั จะตอ้ งทาลายชิ้นส่วนประเภทเดียวกนั
รวมท้งั ชิ้นส่วนอะไหล่เพอื่ ป้ องกนั มิใหข้ า้ ศึกนาชิ้นส่วนของปื นแตล่ ะกระบอกมาผสมประกอบกนั จน
สามารถใชง้ านไดห้ รือขา้ ศึกอาจนาชิ้นส่วนท่ีเหลือของแต่ละหน่วยที่คน้ พบมาประกอบกนั ใชง้ านและ
ประการสาคญั คือ จะตอ้ งมีผคู้ วบคุม กากบั ดูแลในการดาเนินการทาลาย
๒-๘ การทาลายแบบเร่งด่วนในสนาม
เมื่อตอ้ งการทาลายปื นเพ่ือมิใหข้ า้ ศึกนาไปใชป้ ระโยชน์น้นั จะตอ้ งทาลายใหห้ มดสภาพการ
ใชง้ าน การทาลายแบบเร่งด่วน มีขอ้ พิจารณาที่สาคญั กค็ ือ จะตอ้ งเลือกชิ้นส่วนท่ีสาคญั เพ่ือนาไป
ทาลาย หรือแยกเอาไปทิง้ ท่ีห่างไกลจนขา้ ศึกไมส่ ามารถคน้ พบได้ วธิ ีการพจิ ารณาลาดบั ความสาคญั
น้นั ใหพ้ ิจารณาดงั น้ี
อนั ดบั หน่ึง ชุดโครงนาลูกเล่ือน ถอดแยกชิ้นส่วนหรือทาลายหรือนาไปซ่อน
อนั ดบั สอง ชุดโครงปื น ใหท้ าลายหรือนาไปทิง้ ทาลายหรือนาไปซ่อน
อนั ดบั สาม ชุดเคร่ืองลน่ั ไก ใหถ้ อดชิ้นส่วน กระจายกนั ทิ้งหรือทาลาย หรือ
นาไปซ่อน
- ๒๓ -
บทที่ ๓
การฝึ กพลแม่นปื น
ข้นั ตอนและเทคนิคซ่ึงใชเ้ ป็นเครื่องมือในการฝึกพลแมน่ ปื นของกองทพั บกน้นั มีพ้ืนฐานอยู่
บนแนวความคิดและหลกั การสาคญั คือทหารทุกคนจะตอ้ งมีความเขา้ ใจในหลกั การเบ้ืองตน้ ของการ
ยงิ ปื น การเป็นพลแม่นปื นท่ีมีขีดความสามารถ และมีความเชื่อมนั่ ในการนาเอาทกั ษะการยงิ ปื นของ
ตนเองไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นการปฏิบตั ิการรบ สิ่งต่าง ๆ ที่กล่าวมาน้นั จะข้ึนอยกู่ บั ความรอบรู้ในเร่ือง
อาวธุ ปลย. และการนาเอาหลกั การพ้ืนฐานของการยงิ ปื นไปใชอ้ ยา่ งถูกตอ้ งนนั่ เอง ขีดความสามารถ
และประสิทธิภาพท่ีดีในการยงิ ปื นจะเกิดข้ึนไดจ้ ากการฝึ กหดั ภายใตก้ ารใหค้ าแนะนา กากบั ดูแลจาก
ครู/ผฝู้ ึกที่มีคุณวฒุ ิในการยงิ ตลอดจนผฝู้ ึก รวมท้งั การแสดงเจตนารมณ์ ความมุ่งมน่ั และความต้งั ใจ
จริงของผบู้ งั คบั บญั ชา ในการที่จะสนบั สนุนทรัพยากรท้งั ปวงท่ีมีอยเู่ พอื่ การฝึก
ในระหวา่ งการฝึกอาวธุ ศึกษาและหลกั การเบ้ืองตน้ ตา่ งๆน้นั ครูและผฝู้ ึกจะตอ้ งเนน้ ย้าและ
เอาใจใส่ต่อการเรียนรู้ในข้นั ตน้ ข้นั การทบทวน การเสริมหลกั การ และการฝึกหดั ในหลกั การน้นั
ทหารจะตอ้ งรอบรู้เป็นอยา่ งดีในข้นั การดูแลการปรนนิบตั ิบารุงอาวธุ ตลอดจนการตรวจสอบระบบ
การทางานของอาวธุ และหลกั การพ้ืนฐานของการยงิ ปื น ก่อนที่จะพฒั นาไปสู่หลกั การยงิ ปื นเบ้ืองสูง
และการยงิ รวมเป็นพวก หรือการยงิ ในสถานการณ์ทางยุทธวธิ ี ทกั ษะตา่ ง ๆ ที่ทหารจะตอ้ งไดร้ ับการ
พฒั นาตามลาดบั ข้นั ตอน มีดงั น้ี
ข้นั ที่ ๑ อาวธุ ศึกษาและหลกั การเบ้ืองตน้
ข้นั ที่ ๒ การยงิ ปื นในสนามโดยใชเ้ ป้ าแสดงผล
ข้นั ที่ ๓ การยงิ ปื นสนามทราบระยะโดยใชเ้ ป้ าหุ่นอตั โนมตั ิ
ข้นั ที่ ๔ การฝึกเบ้ืองสูงและการฝึกรวมเป็นหน่วย
ทหารแต่ละคนท่ีไดร้ ับการพฒั นาตามข้นั ตอนต่างๆ เหล่าน้ี จะมีความรู้พ้นื ฐานของการยงิ ปื น
ท่ีถูกตอ้ งและจะดารงรักษาขีดความสามารถ (ความชานาญเฉพาะดา้ น) ของตนเองไวไ้ ดน้ าน
ความสาเร็จตามข้นั ตอนน้ีจะเป็นหลกั ที่สาคญั ยงิ่ อนั จะนาไปสู่การปฏิบตั ิท่ีถูกตอ้ งในสนามรบ
ตอนท่ี ๑
หลกั สูตรการเสริมสร้างข้นั พนื้ ฐาน
ครูฝึกและผฝู้ ึกสอนท่ีมีความชานาญน้นั เป็นปัจจยั สาคญั ยงิ่ ของการฝึกยงิ ปื น ผบู้ งั คบั บญั ชา
จะตอ้ งตระหนกั และระมดั ระวงั ในเรื่องการพิจารณาจดั ครูฝึกและผฝู้ ึกที่มีความรู้ความสามารถให้
พอเพยี งอยเู่ สมอ ตลอดจนถึงพิจารณากระบวนการเรียนรู้ การฝึกสอนอยา่ งเป็นระบบ หว้ งระยะเวลา
ท่ีเหมาะสมอยา่ งรอบดา้ น
- ๒๔ -
๓-๑ การเลอื กครูฝึ กและผู้ฝึ ก
ครูฝึกและผฝู้ ึกจะตอ้ งไดร้ ับการคดั เลือกมาจากผทู้ ่ีมีคุณวฒุ ิข้นั สูงในการยงิ ปื น มีขีดความ
สามารถ ทกั ษะท่ีดีในการยงิ ปื นไดอ้ ยา่ งแม่นยา จนรู้จกั การนาหลกั การตา่ งๆท่ีมีอยู่ ตลอดจนถึง
ประสบการณ์ไปประยกุ ตใ์ ช้ รู้จกั คุณคา่ ของการฝึกยงิ ปื น และมีความช่าชองในการยงิ แขง่ ขนั
ตลอดจนมีลกั ษณะท่าทางท่ีดีมีความสามารถท่ีจะถ่ายถอดความรู้ได้ ผบู้ งั คบั หน่วยจะตอ้ งให้
ความสาคญั กบั การเลือกเฟ้ นครูฝึก และจะตอ้ งให้เวลาการเตรียมตวั และการฝึกทบทวนครูฝึก เพ่ือให้
มนั่ ใจวา่ มีความพร้อม
ครูฝึกและผฝู้ ึกจะตอ้ งมีประสบการณ์และความชานาญมากกวา่ ผรู้ ับการฝึก ครูจะตอ้ งฝึ กให้
ทหารรู้จกั การใชอ้ าวธุ ปลย.อยา่ งมีประสิทธิภาพ โดยปลูกฝังวนิ ยั การใชอ้ าวธุ ในสนามยงิ ปื น
กระตุน้ เตือนใหท้ หารสนใจในระเบียบการรักษาความปลอดภยั ของสนามยงิ ปื น ท้งั น้ีครูจะตอ้ งเขา้ ใจ
วธิ ีการฝึกและข้นั ตอนต่าง ๆ เป็นอยา่ งดี ครูฝึกที่ดีตอ้ งประกอบดว้ ยคุณสมบตั ิดงั ต่อไปน้ี
ก. ความรู้ ครูฝึกและผฝู้ ึกจะตอ้ งเป็ นผทู้ ่ีมีความรู้ถ่องแทใ้ นเรื่องอาวธุ ศึกษา ประสบการณ์ใน
การยงิ ปื นในหลายๆ รูปแบบ หรือจากการที่ไดเ้ ขา้ ร่วมในการแข่งขนั การยงิ ปื นในระดบั หน่วย ระดบั
ทบ. การยงิ ปื นแขง่ ขนั ในกลุ่มประเทศ และมีความรู้ความเขา้ ใจในคู่มือราชการสนามต่าง ๆ ตลอดจน
คู่มือทางเทคนิค และคู่มือการฝึกท่ีเกี่ยวขอ้ ง
ข. ความอดทนและใจเยน็ ครูฝึกจะตอ้ งปฏิบตั ิต่อผรู้ ับการฝึกดว้ ยความใจเยน็ อดทนและไม่
ทอ้ ถอยแมว้ า่ ผรู้ ับการฝึกจะปฏิบตั ิไม่ไดผ้ ล โดยครูฝึกจะตอ้ งพยายามคิดคน้ สรรหากลวธิ ี วธิ ีการเรียน
การสอน นาเคร่ืองช่วยฝึกต่างๆมาเพ่อื ที่จะถ่ายทอดความรู้ความสามารถของครู/ผฝู้ ึกใหผ้ ทู้ ่ีเขา้ รับการ
ฝึก สามารถท่ีจะทาใหเ้ ขา้ ใจและปฏิบตั ิตามไดเ้ ป็นอยา่ งดี
ค. ความเข้าใจ ครูฝึกและผฝู้ ึกจะตอ้ งเขา้ ใจกระบวนการต่างๆ ในวธิ ีการและความมุ่งหมาย
ของแต่ละข้นั ตอนของการฝึกวา่ ในแต่ละข้นั ตอนของการฝึ กตอ้ งการอะไร และในแตล่ ะข้นั ตอนก็
จะตอ้ งมีกระบวนการตรวจสอบที่เช่ือถือได้ และสามารถวดั ผลไดจ้ ริงท้งั จะไดร้ ู้วา่ ผเู้ ขา้ รับการฝึกใน
แต่ละบุคคล หรือกลุ่มอยใู่ นเกณฑข์ องระดบั ขีดความสามารถใด เพอื่ เพ่ิมประสิทธิผลของการฝึกน้นั
ง. วจิ ารณญาณ ตามปกติแลว้ ทหารส่วนใหญจ่ ะมีความสนุกและชอบยงิ ปื นเป็นสัญชาตญาณ
อยแู่ ลว้ ครูฝึกสามารถเพิม่ ความสนใจ และความตอ้ งการท่ีจะฝึกไดโ้ ดยการพิจารณาถึงบรรยากาศ
ของการฝึก และสภาพของทหาร บางคร้ังอาจใชก้ ารต้งั รางวลั ในการฝึกใหก้ บั ทหารที่ปฏิบตั ิไดด้ ีเพื่อ
เป็นตวั อยา่ ง
จ. ความรับผดิ ชอบ เมื่อไดร้ ับการเลือกใหเ้ ป็ นครูฝึกหรือผฝู้ ึกแลว้ จะตอ้ งตระหนกั ในหนา้ ที่
และความรับผดิ ชอบเมื่อไดร้ ับความไวว้ างใจ ครูฝึกที่ดีจะตอ้ งมีความต่ืนตวั ท่ีจะพิจารณาขอ้ ผดิ พลาด
ของผรู้ ับการฝึก และหาหนทางท่ีจะรีบดาเนินการแกไ้ ขปรับปรุง(ไมป่ ล่อยทิ้ง หรือวางเฉย ต่อปัญหา
และขอ้ บกพร่องเล็กๆนอ้ ยๆ ท่ีอาจจะส่งผลกระทบต่อการเรียนรู้ การนาไปปฏิบตั ิจริงของผทู้ ่ีเขา้ รบ
การฝึกในอนาคต) ตลอดจนสารวจและปรับปรุงแกไ้ ขตนเองอยตู่ ลอดเวลา
- ๒๕ -
ฉ. การให้กาลงั ใจ ตลอดหว้ งระยะเวลาการฝึก ครูฝึกจะตอ้ งใกลช้ ิด เป็นที่ปรึกษา ให้
คาแนะนาและใหก้ าลงั ใจ ใหค้ วามเชื่อมน่ั กบั ผรู้ ับการฝึกอยเู่ สมอวา่ ทุกคนมีขีดความสามารถอยใู่ น
ตวั เอง ถา้ ทุกคนมีความต้งั ใจทุม่ เทความรู้ความสามารถของตนเองอยา่ งถึงที่สุดแลว้ ก็จะพฒั นาขีด
ความสามารถในการยงิ ปื นไดด้ ว้ ยการหมนั่ ฝึกฝน
๓-๒ หน้าทขี่ องครูฝึ ก/ผ้ฝู ึ ก
ครูฝึก/ผฝู้ ึกจะตอ้ งถ่ายทอดหลกั การยงิ ปื นใหก้ บั ทหาร จะตอ้ งมน่ั ใจวา่ ทหารผรู้ ับการฝึ กน้นั
ไดน้ าหลกั การยงิ ปื นที่ไดเ้ รียนรู้เอาไปใชอ้ ยา่ งต่อเน่ือง เมื่อเร่ิมฝึกทหารใหม่น้นั ครูฝึกจะไดพ้ บและ
เผชิญหนา้ กบั ปัญหามากมายหลายประการ เช่น ความกลวั ความกงั วล การหลงลืม ความไม่เขา้ ใจ
และการประสานการปฏิบตั ิท่ีไมส่ มบูรณ์ นกั ยงิ ปื นที่เช่ียวชาญหลายคนมกั มองขา้ มปัญหาหลาย
ประการ ซ่ึงเป็นปัญหาซบั ซอ้ น หรือเกิดจากความประมาทของตนเอง แต่อยา่ งไรก็ตามเมื่อตอ้ งทา
การฝึกนกั ยงิ ปื นหลาย ๆ แบบ ครูฝึกจะตอ้ งมนั่ ใจวา่ ผรู้ ับการฝึกหรือนกั ยงิ ปื นทุกคนไดต้ รวจสอบ
ขอ้ บกพร่องของตนเอง วเิ คราะห์หาสาเหตุ และแกไ้ ข มีบอ่ ยคร้ังท่ีไมส่ ามารถคน้ พบขอ้ บกพร่องได้
โดยง่าย โดยผรู้ ับการฝึกเอง ดงั น้นั ครูฝึกจะตอ้ งช่วยกนั คน้ หา อธิบายปัญหาและช่วยเหลือผรู้ ับการ
ฝึกแกไ้ ขปัญหาต่าง ๆ เหล่าน้นั
ก. หม่ันสังเกตและตรวจดูผู้รับการฝึ ก ครูฝึกจะตอ้ งสังเกตผรู้ ับการฝึกในระหวา่ งการฝึ กหดั
และขณะทาการยงิ เพ่อื คน้ หาขอ้ บกพร่อง ถา้ ไม่มีอาการผิดปกติท่ีเห็นไดเ้ ด่นชดั , ให้ตรวจสอบท่ายงิ ,
การควบคุมการหายใจ , การปฏิบตั ิก่อนลน่ั ไก และการเหน่ียวไก โดยใชก้ ารสังเกตอยา่ งใกลช้ ิด
ข. สอบถามผ้รู ับการฝึ ก ผรู้ ับการฝึกจะตอ้ งไดร้ ับคาสั่งใหค้ น้ หาขอ้ บกพร่องของตนเอง และ
ควรอธิบายข้นั ตอนการยงิ ปื นไดใ้ นข้นั พ้ืนฐาน เช่น ท่ายงิ , การเลง็ , การควบคุมการหายใจ และการ
เหนี่ยวไก
ค. วเิ คราะห์กลุ่มกระสุน ข้นั ตอนน้ีสาคญั มากทีเดียว ในการคน้ หา และแกไ้ ขขอ้ บกพร่อง
เมื่อทาการวเิ คราะห์กลุ่มกระสุนที่เป้ าน้นั ครูฝึก/ผฝู้ ึก ตอ้ งวจิ ารณ์และร่วมสงั เกตขอ้ บกพร่องของผรู้ ับ
การฝึกจากรูปร่างและขนาดของกลุ่มกระสุน และสาหรับกลุ่มกระสุนที่มีลกั ษณะคอ่ นขา้ งเลวจะตอ้ ง
ไดร้ ับการวิเคราะห์จากครูฝึกหลาย ๆ คนช่วยกนั
ตอนที่ ๒
การดาเนินการฝึ ก
ก่อนเร่ิมดาเนินการฝึกน้นั ครูฝึก/ผฝู้ ึก ตอ้ งร่วมกนั สัมมนาถึงภาพรวมของการฝึกและ
จดั ลาดบั ข้นั ตอนการฝึกใหเ้ หมาะสม เพอื่ พฒั นาขีดความสามารถของผรู้ ับการฝึกทีละระดบั (หน่วย
ฝึกและศึกษาควรริเริ่มการจดั ทาวดี ีทศั นเ์ ผยแพร่กรรมวธิ ีในการฝึกเพ่ือเป็นมาตรฐานเดียวกนั ) หาก
ผรู้ ับการฝึกไดท้ ราบถึงกิจเฉพาะและเริ่มมีความเขา้ ใจวตั ถุประสงค์ ก็จะพร้อมเร่ิมตน้ ทาการฝึก
ทหารทุกคนจะตอ้ งไดร้ ับการทบทวนในเรื่องอาวธุ ศึกษาและการปรนนิบตั ิบารุงก่อนทาการฝึกยงิ ดว้ ย
กระสุนจริงทุกคร้ัง
- ๒๖ -
๓-๓ อาวุธศึกษา
วชิ าอาวธุ ศึกษาจะประกอบดว้ ย การเรียนรู้คุณลกั ษณะ, ขีดความสามารถ, การถอดและการ
ประกอบชิ้นส่วนของอาวธุ , ระบบกลไกและการทางาน, การตรวจสอบเพื่อใชง้ าน และการปรนนิบตั ิ
บารุงอาวธุ ปลย. นอกจากน้ียงั เนน้ ถึงการแกไ้ ขเมื่อเกิดเหตุติดขดั ในทนั ที และวธิ ีการป้ องกนั มิให้
เกิดเหตุติดขดั ตลอดจนการนาพาและการใชง้ าน ปลย. และกระสุนอยา่ งปลอดภยั ทุกวธิ ี ตวั อยา่ ง
ของวธิ ีการฝึกอาวธุ ศึกษา ซ่ึงกล่าวถึง กิจเฉพาะ เงื่อนไข มาตรฐานการฝึก ไดแ้ สดงไวใ้ น ผนวก ก
ซ่ึงเหมาะสมท่ีจะใชฝ้ ึกทหารใหม่ การฝึกวชิ าอาวธุ ศึกษาน้ีจะเป็นแนวทางไปสู่การบรรลุกิจทว่ั ไปของ
ทหาร ซ่ึงระบุไวใ้ นคู่มือพลทหาร เกี่ยวกบั การถอดปกติ การทาความสะอาด การตรวจสภาพ และ
การประกอบอาวธุ ปลย. และซองกระสุน (รูปท่ี ๓ – ๑)
1 2 3 45 67
รูปท่ี ๓ – ๑
การถอดชิ้นส่วนของ ปลย. ทาโวร์ ในสนาม
หมายเหตุ : 1 สายสะพายปื น 5 เขม็ แทงชนวน
2 ซองกระสุน 6 ลูกเล่ือน
3 แผน่ รับแรงกระแทก 7 ชุดโครงนาลูกเลื่อน
4 สลกั บงั คบั ลูกเลื่อน
- ๒๗ -
ครูฝึก/ผฝู้ ึก จะตอ้ งสอนและฝึกทหารใหร้ ู้วธิ ีการตรวจสภาพอาวธุ ก่อน – ระหวา่ งและหลงั
การใชง้ าน เพือ่ ประกนั วา่ ทหารจะไดม้ ีความเขา้ ใจถึงระบบการทางานของอาวธุ ปลย. เพอ่ื ประโยชน์
ในการฝึกและในการรบ (ขอ้ มูลและรายละเอียดต่าง ๆ เก่ียวกบั อาวธุ ศึกษา จะปรากฏอยใู่ นคูม่ ือการ
ใชง้ านของ ปลย. ทาโวร์ ขนาด ๕.๕๖ มม แบบ ทาร์ ๒๑ ) นอกจากน้ีแลว้ ทหารตอ้ งไดร้ ับการฝึกการ
ปฏิบตั ิตอ่ อาวธุ ปลย. ในสภาพการณ์ต่าง ๆ เช่น การถอดและประกอบชิ้นส่วนของ ปลย. ในเวลา
กลางคืน ในขณะสวมเคร่ืองป้ องกนั นชค. และในขณะท่ีสวมชุดกนั หนาว
ในระหวา่ งการฝึกวชิ าอาวธุ ศึกษาน้ี ทหารจะตอ้ งไดร้ ับการสอนและฝึกการบรรจุกระสุนลง
ในซองกระสุนดว้ ยวธิ ีการที่ถูกตอ้ ง ท้งั ๒ วธิ ี คือ วธิ ีการบรรจุทีละนดั (รูปท่ี ๓ – ๒ ก) และวธิ ีการ
บรรจุแบบเร่งด่วน ทีละ ๑๐ นดั (รูปที่ ๓ – ๒ ข และ ค) รวมท้งั การเอากระสุนออกจากซองกระสุน
ท่ีถูกตอ้ ง
การเนน้ ถึงวธิ ีการปรนนิบตั ิบารุงที่ถูกตอ้ ง จะช่วยป้ องกนั มิใหเ้ กิดปัญหาและการทางาน
ผดิ ปกติของอาวธุ ปลย. ไดเ้ ป็นอยา่ งมาก แต่อยา่ งไรกต็ าม ทหารกจ็ ะอาจจะตอ้ งประสบกบั ปัญหา
เหตุติดขดั และการทางานผดิ ปกติได้ ทหารจะตอ้ งสามารถแกไ้ ขเหตุติดขดั ไดโ้ ดยวธิ ีการแกไ้ ขแบบ
ทนั ทีทนั ใด เพื่อใหอ้ าวธุ ปลย. ทางานเป็นปกติ และทหารสามารถใชย้ งิ ตอ่ เป้ าหมายไดต้ อ่ ไป
รูปที่ ๓ – ๒( ก ) การบรรจุกระสุนลงในซองกระสุนทลี ะนัด
- ๒๘ -
รูปที่ ๓ – ๒( ข ) การบรรจุกระสุนลงในซองกระสุนแบบเร่งด่วน (ใช้คลปิ๊ กระสุน)
รูปท่ี ๓ – ๒ (ค) การบรรจุกระสุนลงในซองกระสุนแบบเร่งด่วน (ใช้คลป๊ิ กระสุน)
- ๒๙ -
๓-๔ ข้นั ตอนของการแก้ไขทนั ทีทนั ใด
ทหารที่เขา้ รับการฝึกจะตอ้ งเรียนรู้สาเหตุของการติดขดั ของอาวธุ ปลย. และสามารถที่จะ
แกไ้ ขเหตุติดขดั ต่างๆ ท่ีเกิดข้ึนไดด้ ว้ ยตนเอง และศึกษาหาความรู้เพ่มิ เติมในคูม่ ือการใชง้ าน ซ่ึงทหาร
จะไดร้ ับการสอนและฝึกในระหวา่ งการฝึกอาวธุ ศึกษา การยงิ แหง้ และควรเสริมในระหวา่ งการฝึกยงิ
ดว้ ยกระสุนจริง
๓-๕ การฝึ กการแก้ไขแบบทนั ทที นั ใด
จะตอ้ งใชก้ ระสุนหดั บรรจุ (แบบ เอม็ .๑๙๙) บรรจุลงในซองกระสุน ทหารจะบรรจุกระสุน
หดั บรรจุน้ีเขา้ ไปในรังเพลิง ๑ นดั แลว้ ทาท่ายงิ เม่ือเหนี่ยวไกไปแลว้ นกปื นฟาดไปขา้ งหนา้ แตไ่ ม่มี
แรงสะทอ้ นถอยหลงั จากน้นั ใหส้ มมุติวา่ เกิดเหตุติดขดั ทหารจะทาการแกไ้ ขในทนั ทีทนั ใดแลว้ ทา
การยงิ ต่อไป ทหารจะไดร้ ับการฝึกแบบน้ีจนสามารถปฏิบตั ิไดภ้ ายในเวลา ๓ ถึง ๕ วนิ าที
มีหลกั การจาง่าย ๆ โดยใชค้ าข้ึนตน้ ส้ัน ๆ ของแต่ละข้นั ตอน ดงั น้ี.-
ตบ ดา้ นล่างของซองกระสุนข้ึนเพอื่ ใหซ้ องกระสุนติดแน่น
ดึง คนั ร้ังลูกเล่ือนมาขา้ งหลงั
ตรวจ ดูวา่ มีกระสุนถูกคดั ออกมาจากรังเพลิง ถา้ ปลอกกระสุนคา้ งอยู่ ใหห้ ยดุ คนั ร้ังไว้
ขา้ งหลงั แลว้ ใชก้ ารแกไ้ ขตามสาเหตุ
ดนั คนั ร้ังลูกเลื่อนไปขา้ งหนา้
เหนี่ยว ไกเพือ่ ทาการยงิ อีกคร้ัง
หมายเหตุ : เม่ือตบซองกระสุนข้ึนไป ใหร้ ะวงั มิใหก้ ระสุนนดั ใหม่วงิ่ เขา้ สู่แนวเส้นเดียวกบั
โครงนาลูกเลื่อนซ่ึงจะก่อให้เกิดปัญหามากข้ึนอีก ดงั น้นั จึงควรใชแ้ รงตบพอใหซ้ องกระสุนเขา้ ท่ี
เท่าน้นั
๓-๖ หลกั พนื้ ฐานของการฝึ กยงิ ปื น
ทหารจะตอ้ งเขา้ ใจหลกั พ้ืนฐานสาคญั ๔ ประการ ก่อนท่ีจะเขา้ สู่แนวยงิ กล่าวคือ
- ทหารตอ้ งสามารถจดั ท่ายงิ ท่ีมน่ั คง เพือ่ ให้ตรวจการณ์คน้ หาเป้ าหมายได้
- ทหารตอ้ งสามารถเล็งปื นไปยงั เป้ าหมายไดโ้ ดยใชศ้ ูนยพ์ อดี
- ทหารตอ้ งสามารถยงิ ปื นไดโ้ ดยที่ไมก่ ระทบกระเทือนการจดั ศูนยพ์ อดีต่อเป้ าหมาย
ด้วยวธิ ีการควบคุมระบบการหายใจ
- ในขณะที่เหน่ียวไกน้นั ภาพการจดั ศนู ยพ์ อดีต่อเป้ าหมายจะตอ้ งไม่ถูกทาใหเ้ สียไป
ทกั ษะที่จะทาใหเ้ กิดสิ่งต่าง ๆ ดงั กล่าวไดน้ ้นั เรียกวา่ หลกั พ้ืนฐานของการยงิ ปื นเลก็ ยาว
หลกั การง่าย ๆ เหล่าน้ี จะช่วยใหท้ หารประสบความสาเร็จในการยงิ ต่อเป้ าหมายในสภาพการณ์
หลายๆ แบบ เม่ือไดร้ ับการเพิ่มเติมเทคนิคและการฝึก การใชห้ ลกั พ้ืนฐานของการยงิ ปื นไดอ้ ยา่ ง
รวดเร็วและสม่าเสมอน้นั เรียกวา่ การมีทกั ษะในการยงิ ปื นสูง
- ๓๐ -
ก. ท่ายงิ ทมี่ ่ันคง เม่ือทหารเขา้ สู่แนวยงิ น้นั จะตอ้ งจดั ทา่ ทางใชท้ ่ายงิ ที่สบายและมน่ั คง
เพอื่ ท่ีจะทาการยงิ เป้ าหมายไดถ้ ูกตอ้ งอยา่ งสม่าเสมอและต่อเนื่อง บนแนวยงิ น้นั จะมีเวลาจากดั
สาหรับครูฝึกท่ีจะกากบั ดูแลการจดั ทา่ ทางใหท้ หารทุกคน ดงั น้นั ทหารจะตอ้ งไดร้ ับการฝึกหดั และ
เรียนรู้การจดั ทา่ ยงิ ในระหวา่ งการฝึกยงิ แหง้ ผทู้ ่ีทาการยงิ ปื นจะตดั สินไดด้ ว้ ยตนเองวา่ ทา่ ยงิ ลกั ษณะ
ใดที่เหมาะสมกบั ตนเอง (ทา่ ยงิ ที่แสดงในรูปท่ี ๓ – ๓ ก, ข, ค, ง และ จ เป็นเพยี งแนวทางหน่ึงเทา่ น้นั
ทหารอาจดดั แปลงใหเ้ หมาะสมกบั ร่างกายของตนเองได)้ ตราบใดกต็ ามท่ีทหารสามารถประคอง
ศนู ยห์ นา้ ของปื นใหอ้ ยนู่ ่ิงได้ ขณะที่นกปื นฟาดไปขา้ งหนา้ นนั่ แสดงวา่ ทหารคนน้นั ทาท่ายงิ ได้
เหมาะสมกบั ตนเองแลว้ ปัจจยั ท่ีทาใหท้ ่ายงิ มน่ั คงน้นั ไดแ้ ก่ :
ข. การใช้มอื จับทฝ่ี าปะกบั ลากล้อง ฝาปะกบั ลากลอ้ งปื นน้นั จะวางอยใู่ นอุง้ มือที่ทาเป็ นรูปตวั
วี (V) โดยนิ้วหวั แม่มือและนิ้วท่ีเหลือท้งั หมด การจบั ท่ีฝาปะกบั ลากลอ้ งน้นั ไมแ่ น่นนกั และออกแรง
ดึงมาขา้ งหลงั เล็กนอ้ ย
ค. ตาแหน่งทว่ี างพานท้าย พานทา้ ยปื นจะอยบู่ ริเวณร่องไหล่ ซ่ึงจะช่วยทาใหล้ ดแรงสะทอ้ น
ถอยหลงั ของปื น และจะทาใหท้ ่ายงิ มน่ั คง
ง. การจับถอื ของมอื ข้างทใ่ี ช้เหน่ียวไก มือขา้ งท่ีใชเ้ หน่ียวไก (มือซา้ ยหรือขวา) น้นั จะใชจ้ บั ที่
ดา้ มปื น ซ่ึงใชน้ ิ้วหวั แมม่ ือและนิ้วช้ีทาเป็นรูปตวั ว(ี V) นิ้วช้ีท่ีใชว้ างที่ไกปื นน้นั จะอยใู่ นตาแหน่งที่ไม่
ทาใหป้ ื นเคลื่อนไปมาเม่ือออกแรงเหน่ียวไก นิ้วท่ีเหลือน้นั ใชอ้ อกแรงอดั พานทา้ ยมาทางดา้ นหลงั
เล็กนอ้ ยใหพ้ านทา้ ยยงั คงอยใู่ นร่องไหล่ เพอื่ ลดแรงสะทอ้ นถอยหลงั ของปื น
มือซา้ ยจบั ท่ีฝาประกบั รองมือ
รูปที่ ๓ – ๓ ( ก )
ท่ายงิ ทมี่ นั่ คง การใช้มือจับที่ฝาปะกบั รองมอื การถือจับจะไม่แน่นมาก
ออกแรงดึงเพยี งเลก็ น้อยมาด้านหลงั
- ๓๑ -
ตาแหน่งท่ีวางพานทา้ ยปื นเขา้ ร่องไหล่
รูปที่ ๓ – ๓ (ข) ท่ายงิ ทม่ี ่นั คง
การจบั ถือของมือขา้ งท่ีใชเ้ หน่ียวไกปื น
รูปท่ี ๓ – ๓ ( ค ) ท่ายงิ ทม่ี ่ันคง
- ๓๒ -
จุดสมั ผสั พานทา้ ยปื นกบั แกม้ ของพลยงิ
รูปที่ ๓ – ๓ ( ง ) ท่ายงิ ทมี่ นั่ คง
ตาแหน่งการวางขอ้ ศอก
ขา้ งท่ีใชเ้ หน่ียวไก ขา้ งท่ีใชจ้ บั ฝาประกบั รองมือ
รูปที่ ๓ – ๓ ( จ ) ท่ายงิ ทม่ี ่นั คง
- ๓๓ -
จ. การวางศอกข้างทถ่ี นัด (แขนของมือที่ใชเ้ หนี่ยวไก) ตาแหน่งของศอกขา้ งน้ีมีความสาคญั
เพราะจะทาใหเ้ กิดความสมดุลในการยงิ ปื น แตก่ ารท่ีจะระบุตาแหน่งที่แน่นอนน้นั ข้ึนอยกู่ บั ทา่ ยงิ
ตา่ ง ๆ ตลอดจนสรีระของทหารในแตล่ ะบุคคล กนั เช่น ทา่ นงั่ คุกเข่า ทา่ นอน หรือท่ายนื การจดั
ตาแหน่งของขอ้ ศอกน้นั จะตอ้ งทาใหห้ วั ไหล่ของผยู้ งิ อยใู่ นแนวระดบั
ฉ. ศอกข้างทไี่ ม่ถนัด (แขนขา้ งท่ีอยใู่ ตฝ้ าปะกบั ลากลอ้ ง) ศอกขา้ งน้ีจะอยใู่ นตาแหน่งใตต้ วั
ปื น เพ่อื ทาใหผ้ ยู้ งิ เกิดความสบายและทา่ ยงิ มน่ั คง และเม่ือจะทาการยงิ เป้ าหมายในพ้ืนที่รับผดิ ชอบที่
มีความกวา้ ง เป้ าเคล่ือนที่ หรือเป้ าท่ีมีระดบั ความสูงต่าตา่ งกนั น้นั ผยู้ งิ จะตอ้ งใหศ้ อกขา้ งน้ีเป็นอิสระ
จากเคร่ืองหนุนรอง
ช. จุดสัมผสั พานท้าย หลกั การกาหนดจุดสมั ผสั พานทา้ ยน้นั จะไมต่ ายตวั แต่มีหลกั สาคญั
๒ ประการ กค็ ือ จุดสมั ผสั พานทา้ ยจะตอ้ งเอ้ืออานวยประโยชน์ต่อผยู้ งิ ทาใหเ้ กิดเส้นเลง็ ท่ีเป็น
ธรรมชาติจากนยั นต์ า ผา่ นก่ึงกลางของศูนย(์ กลอ้ งเล็งสะทอ้ นภาพ หรือ ศูนยส์ ารอง) และไปยงั
เป้ าหมาย ส่วนคอของผยู้ งิ จะตอ้ งไมเ่ กร็งและอยใู่ นทา่ ท่ีสบาย พอที่จะใหแ้ กม้ ของผยู้ งิ ไดส้ ัมผสั กบั
พานทา้ ยในขณะท่ีทหารทาการฝึกยงิ แหง้ น้นั ทหารจะตอ้ งฝึกทาทา่ และยงิ ตนกระทง่ั ตนเองสามารถ
กาหนดจุดสัมผสั พานทา้ ยที่ถูกตอ้ งและเหมาะสมกบั ทหารคนน้นั ระยะห่างระหวา่ งนยั น์ตากบั ศนู ย์
(กลอ้ งเลง็ สะทอ้ นภาพ หรือศูนยส์ ารอง) ที่เหมาะสมและถูกตอ้ งจะเกิดข้ึนจากจุดสัมผสั พานทา้ ยท่ี
เหมาะสมและถูกตอ้ งเช่นกนั แต่ระยะระหวา่ งนยั น์ตากบั ศูนย์ (กลอ้ งเล็งสะทอ้ นภาพ หรือศูนย์
สารอง)อาจเปล่ียนแปลงไปเลก็ นอ้ ยเม่ือทหารเปล่ียนแปลงทา่ ยงิ อยา่ งไรก็ตามทหารควรจะเร่ิมตน้
จากการวางจุดสัมผสั แกม้ ของผยู้ งิ ไวบ้ นส้นั พานทา้ ยปื นโดยใหป้ ลายจมกู อยใู่ กลบ้ ริเวณดา้ นหลงั ของ
แทน่ ยดึ กลอ้ งมองเวลากลางคืนแลว้ ค่อย ๆ ปรับเปล่ียนจนกวา่ จะพบตาแหน่งที่เหมาะสมสาหรับ
ตนเอง
ซ. เครื่องหนุนรอง ถา้ หากทหารใชเ้ ครื่องหนุนรองในการยงิ ปื น (กระสอบทราย, ท่อนไม,้
ขอนไม)้ กค็ วรพิจารณานามาใชใ้ หเ้ กิดประโยชน์ในการเพิ่มความมนั่ คงใหก้ บั ทา่ ยงิ และปื น แต่ถา้
หากไมม่ ีเคร่ืองหนุนรองดงั กล่าวแลว้ ทหารจะตอ้ งใชโ้ ครงกระดูกของร่างกาย (ไม่ใชก้ ลา้ มเน้ือ) ใน
ท่อนบนเป็นเคร่ืองรองรับปื น
ด. การผ่อนคลายกล้ามเนือ้ เมื่อไดใ้ ชเ้ คร่ืองหนุนรองอยา่ งถูกตอ้ งแลว้ ทหารจะไดผ้ อ่ นคลาย
กลา้ มเน้ือของตนเองไดม้ าก การใชเ้ คร่ืองหนุนรองหรือใชโ้ ครงกระดูกของร่างกายทอ่ นบนเพอื่ รองรับ
ปื น จะทาใหท้ หารไดม้ ีการผอ่ นคลายและวางรากฐานท่ายงิ ถา้ หากทหารพยายามใชส้ ่วนท่ีเป็น
กลา้ มเน้ือรองรับน้าหนกั ของปื นแลว้ กจ็ ะทาใหเ้ กิดอาการเกร็งและปื นจะมีอาการเคลื่อนไหวส่าย
ไป – มา ท้งั ในแนวดิ่งและแนวระดบั
ต. จุดเลง็ ตามธรรมชาติ เมื่อทหารไดท้ าท่ายงิ ในตอนเริ่มแรก ทหารจะตอ้ งวางทิศทางของ
ปื นใหม้ ุ่งไปสู่เป้ าหมายอยา่ งคร่าวๆ จากน้นั ใหท้ หารขยบั ร่างกายเพื่อท่ีจะนาปื นและเส้นเลง็ เขา้ สู่แนว
- ๓๔ -
เป้ าหมายหรือจุดเล็งที่ตอ้ งการ เม่ือใชเ้ คร่ืองหนุนรองและจุดสัมผสั พานทา้ ยปื นที่ถูกตอ้ งเหมาะสมแลว้
ทหารจะไดแ้ นวเส้นระหวา่ งปื นและแนวเส้นเลง็ เป็นแนวธรรมชาติที่เหมาะสมไปยงั เป้ าหมาย เม่ือ
ทหารไดจ้ ุดเลง็ ตามธรรมชาติน้ีแลว้ จะไมม่ ีความรู้สึกวา่ ตอ้ งออกแรงฝืนหรือบงั คบั ใหศ้ ูนย์ (กลอ้ งเล็ง
สะทอ้ นภาพ หรือศูนยส์ ารอง) อยใู่ นสภาพคงที่
ถา้ หากทหารไม่ไดอ้ ยใู่ นจุดเลง็ ตามธรรมชาติน้ีแลว้ ทาการยงิ ปื นออกไป ทหารอาจจะไม่
รู้สึกอะไรมากในนดั แรก แต่ในนดั ต่อๆ ไปกลา้ มเน้ือของเขาจะรู้สึกวา่ ถูกฝืน ดงั น้นั โดยธรรมชาติ
ของกลา้ มเน้ือจะพยายามผอ่ นคลายตวั ของมนั เองโดยอตั โนมตั ิ นน่ั คือ จะทาใหเ้ กิดการส่ันไหวของ
กลา้ มเน้ือเพื่อการผอ่ นคลายทาใหท้ หารไม่สามารถคงหรือรักษาตาแหน่งของศนู ย์ (กลอ้ งเล็งสะทอ้ น
ภาพ หรือศูนยส์ ารอง) ต่อการเลง็ เป้ าหมายเอาไวไ้ ด้
เมื่อทหารตอ้ งทาการยงิ ต่อเป้ าหลายๆ เป้ า (หรือทหารไดร้ ับมอบเขตการยงิ เป็นพ้ืนท่ี)
ทหารจะตอ้ งจดั วางตวั ใหอ้ ยตู่ าแหน่งจุดเล็งตามธรรมชาติน้ี โดยประมาณวา่ อยใู่ นยา่ นกลางของเขต
รับผดิ ชอบ หรือยา่ นกลางของพ้นื ที่เป้ าหมาย
๓-๗ การเลง็ (กล้องเลง็ สะท้อนภาพ( MEPRO 21M ) และศูนย์สารอง)
ก. อุปกรณ์ควบคุมการยงิ
๑) กลอ้ งเล็งสะทอ้ นภาพ( MEPRO 21M ) : ใชห้ ลกั การมองดว้ ยตาท้งั สองขา้ งไปที่กลอ้ ง
เล็งสะทอ้ นภาพ แลว้ มองผา่ นไปยงั เป้ าหมาย เม่ือพลยงิ ไดต้ รวจการณ์พบเป้ าหมายที่ตอ้ งการแลว้ ให้
ทาการมองดว้ ยท้งั สองตาแลว้ ควบคุมใหจ้ ุดเล็งสีแดงไปวางทาบทบั บนเป้ าหมาย ซ่ึงเป็ นสิ่งสาคญั ยง่ิ ที่
ทหารจะตอ้ งไดร้ ับการฝึกฝนใหส้ ามารถปฏิบตั ิได้ นอกเหนือไปจากการเรียนรู้วา่ ทาอยา่ งไรจึงจะถือ
ปื นไดอ้ ยา่ งมน่ั คงในการยงิ แต่ละนดั ทหารจะตอ้ งดารงทิศทางของแนวปื นกบั เส้นเล็งเอาไว้ และ
ทหารผทู้ ี่ทาการยงิ เท่าน้นั ท่ีจะรู้วา่ ตาของเขาเพง่ มองอยู่ ณ จุดใด ครูฝึก/ผฝู้ ึก จะตอ้ งเนน้ จุดน้ี โดย
ฝึกใหท้ หารหดั เพง่ มองไปยงั เป้ าหมาย แลว้ เปลี่ยนจุดเพง่ มองกลบั มายงั ศูนย์ ครูฝึก/ผฝู้ ึ ก ควร
ตรวจสอบภาพการเล็งของทหาร (รูปท่ี ๓ – ๔ ก )
๒) ศนู ยส์ ารอง : ใชก้ ารเพง่ มองดว้ ยตาไปท่ีศนู ยห์ ลงั (ศูนยร์ ู) มองไปยงั ศนู ยห์ นา้ (ศนู ย์
แบบแท่ง)ไปยงั เป้ าหมาย น้นั เป็นส่ิงสาคญั ยง่ิ ที่ทหารจะตอ้ งไดร้ ับการฝึกฝนใหส้ ามารถปฏิบตั ิได้
นอกเหนือไปจากการเรียนรู้วา่ ทาอยา่ งไรจึงจะถือปื นไดอ้ ยา่ งมนั่ คงในการยงิ แตล่ ะนดั ทหารจะตอ้ ง
ดารงทิศทางของแนวปื นกบั เส้นเล็งเอาไว้ และทหารผทู้ ี่ทาการยงิ เทา่ น้นั ที่จะรู้วา่ ตาของเขาเพง่ มองอยู่
ณ จุดใด ครูฝึก/ผฝู้ ึก จะตอ้ งเนน้ จุดน้ี โดยฝึกใหท้ หารหดั เพง่ มองไปยงั เป้ าหมาย แลว้ เปลี่ยนจุด
เพง่ มองกลบั มายงั ศนู ย์ ครูฝึ ก/ผฝู้ ึก ควรตรวจสอบภาพการเล็งของทหาร (รูปท่ี ๓ – ๔ ข )
- ๓๕ -
รูปที่ ๓ – ๔ (ก) การจัดแนวเส้นการเลง็ มองผ่านกล้องสะท้อนภาพ
รูปที่ ๓ – ๔ (ข) การจัดแนวเส้นการเลง็ มองผ่านศูนย์สารอง
- ๓๖ -
ข. การจัดศูนย์พอดี (กล้องเล็งสะท้อนภาพ( MEPRO 21M ) และ ศูนย์สารอง)
๑) กลอ้ งเล็งสะทอ้ นภาพ( MEPRO 21M ) : การจดั ให้ ปลย. มีแนวเส้นเล็งระหวา่ งจุด
เลง็ สีแดงตรงไปยงั ป้ าหมายน้นั เป็นสิ่งสาคญั อยา่ งยงิ่ ซ่ึงประกอบดว้ ย การจดั ภาพให้จุดเลง็ สีแดง
ภายในกลอ้ งสะทอ้ นภาพ ( MEPRO 21M) ใหอ้ ยใู่ นตาแหน่งก่ึงกลางของเป้ า (รูปท่ี ๓-๔ ค )
รูปท่ี ๓ – ๔ (ค) การจัดศูนย์พอดีกล้องเลง็ สะท้อนภาพที่ถูกต้อง
๒) ศูนยส์ ารอง : การจดั ให้ ปลย. มีแนวเส้นเลง็ ระหวา่ งศูนยห์ ลงั (ศูนยร์ ู)ตรงไปยงั ยอด
ปลายศูนยห์ นา้ (ศูนยแ์ บบแท่ง) และตรงไปยงั เป้ าหมายน้นั เป็นสิ่งสาคญั อยา่ งยง่ิ ซ่ึงประกอบดว้ ย การ
จดั ภาพใหย้ อดศูนยห์ นา้ ให้อยใู่ นตาแหน่งก่ึงกลางของเป้ า (รูปท่ี ๓-๔ ง )
รูปท่ี ๓ - ๔ (ง) การจัดศูนย์พอดศี ูนย์สารองทถี่ ูกต้อง
- ๓๗ -
หมายเหตุ :ในการจดั ศูนย์ (ศูนยน์ ง่ั แทน่ และศนู ยพ์ อดี)ที่คลาดเคลื่อนระหวา่ งแนวเส้นการเลง็
น้นั จะทบทวคี วามคลาดเคลื่อนข้ึนในทุกระยะ ๑/๒ เมตร ท่ีกระสุนเคล่ือนที่ไปในอากาศ
ตวั อยา่ งเช่น ในระยะ ๒๕ เมตรน้นั ความคลาดเคล่ือนของแนวศูนยจ์ ะทวขี ้ึน ๕๐ เทา่ ถา้ ศนู ยพ์ อดี
มีความคลาดเคลื่อน ๑/๑๐ นิ้ว จะมีผลทาใหก้ ารยงิ ในระยะ ๓๐๐ เมตร กระสุนพลาดเป้ าเป็นระยะ
๕ ฟุต
ค. การเพ่งมองของนัยน์ตา การจดั ทา่ ยงิ ท่ีถูกตอ้ งจะทาใหน้ ยั นต์ าของผยู้ งิ อยใู่ นแนวเส้นตรง
เดียวกนั กบั ก่ึงกลางของศูนย์ เม่ือตาของผยู้ งิ เพง่ มองที่ศูนยแ์ ลว้ ความสามารถตามธรรมชาติของ
นยั น์ตาจะคน้ หาจุดศูนยก์ ลางของวงกลมของศูนยไ์ ดโ้ ดยวิธีคน้ หาจุดท่ีทาใหเ้ กิดภาพการเลง็ ท่ีมีแสง
สวา่ งมากท่ีสุด [ ก่ึงกลางของ(กลอ้ งเล็งหรือศนู ยห์ ลงั ) ] แสงสวา่ งจะมีมากที่สุดก็ตอ่ เมื่อ ศูนยไ์ ดอ้ ยู่
ณ จุดก่ึงกลางของวงกลมของศูนยห์ ลงั พอดี วธิ ีการคน้ หาวธิ ีน้ีสามารถนาไปใชไ้ ดใ้ นการยงิ ปลย.
ทานองรบ ดว้ ยเหตุน้ีผยู้ งิ จะสามารถจดั ให้ [จุดเล็งสีแดง หรือศูนยส์ ารอง(ยอดของปลายศนู ยห์ นา้ )]
โดยใชส้ มาธิ เม่ือทาเช่นน้ีแลว้ ภาพท่ีเกิดชดั เจนจะมีศนู ยเ์ ท่าน้นั แต่ภาพของเป้ าหมายจะไมช่ ดั เจนเท่า
ศนู ย์ เหตุผล ๒ ประการสาหรับการเพง่ มองที่ยอดของปลายศูนยห์ นา้ น้นั กค็ ือ :
๑) ความคลาดเคล่ือนในการเลง็ จะเกิดเพียงเล็กนอ้ ยเท่าน้นั เมื่อทหารหรือผยู้ งิ เลง็ ไม่ถูก
ก่ึงกลางเป้ าอยา่ งแทจ้ ริง แต่ความคลาดเคลื่อนในการเล็งจะเกิดข้ึนอยา่ งมากมายถา้ ทหารหรือผยู้ งิ น้นั
มองเห็นศูนย์ [(จุดเลง็ สีแดง หรือศูนยส์ ารอง(ศูนยห์ นา้ )]ไม่ชดั เจน เพราะไปเพง่ มองท่ีเป้ าหมายหรือ
วตั ถุอ่ืน
๒) การเพง่ มองท่ีศูนย์ [(จุดเล็งสีแดง หรือศนู ยส์ ารอง(ศูนยห์ นา้ )] จะช่วยใหท้ หารหรือผู้
ยงิ สามารถดารงภาพการจดั ศูนยพ์ อดีไวไ้ ด้ (รูปที่ ๓-๔ ค และรูปท่ี ๓-๔ ง)
ง. การจัดภาพการเลง็ ศูนย์น่ังแท่น ถา้ หากทหารสามารถจดั ภาพศูนยพ์ อดีไดแ้ ลว้ กย็ อ่ ม
สามารถจดั ภาพการเล็งศูนยน์ งั่ แท่น (หรือศูนยพ์ อดีประกอบกบั เป้ าหมาย) ได้ ภาพการเล็งศูนยน์ งั่
แท่นน้นั จะเกิดจาก เป้ าหมาย ศูนย์ [(จุดเล็งสีแดง หรือศนู ยส์ ารอง(ศูนยห์ นา้ )] อยใู่ นแนวเส้นตรง
เดียวกนั สรุปไดว้ า่ ภาพการเล็งศนู ยน์ งั่ แท่นจะประกอบดว้ ย ๒ ปัจจยั คือ : ภาพศนู ยพ์ อดี และการ
วางศูนยไ์ ปยงั จุดเลง็ ท่ีเป้ าหมาย
การวางตาแหน่งของศูนยไ์ ปยงั จุดเล็งที่เป้ าหมายน้นั จะแปรเปลี่ยนไปข้ึนอยกู่ บั ระยะที่ทาการ
ยงิ ตวั อยา่ งเช่น [ รูปที่ ๓-๕ ( ก) และ(ข) ] แสดงใหเ้ ห็นเป้ ารูปหุ่นคนในระยะ ๒๕๐ เมตร จุดเล็ง
[(จุดเลง็ สีแดง หรือศนู ยส์ ารอง(ศนู ยห์ นา้ )] น้นั อยทู่ ี่ก่ึงกลางของเป้ าหมาย ภาพการจดั ศูนยพ์ อดีถูกตอ้ ง
สรุปแลว้ นนั่ คือ การจดั ภาพการเลง็ ศนู ยน์ งั่ แทน่ (ท่ีก่ึงกลางเป้ า)
- ๓๘ -
จดั ภาพการเล็งใหจ้ ุดเลง็ สีแดงอยทู่ ี่ก่ึงกลางเป้ าหมาย
รูปที่ ๓-๕ (ก)
ภาพการเลง็ นั่งแท่น (กลางเป้ าหมาย) ทถ่ี ูกต้อง
(กล้องสะท้อนภาพ)
- ๓๙ -
จดั ภาพการเลง็ ใหย้ อดของแท่งศูนยห์ นา้ อยทู่ ่ีจุดก่ึงกลางเป้ าหมาย
รูปท่ี ๓-๕ (ข)
ภาพการเลง็ นั่งแท่น (กลางเป้ าหมาย) ทถ่ี ูกต้อง
(ศูนย์สารอง)
เทคนิคในการจดั ภาพศูนยน์ งั่ แท่นที่ดี กค็ ือ การใชว้ ธิ ีเลง็ ดา้ นขา้ งของเป้ าหมาย
- ๔๐ -
(รูปที่ ๓-๖ ก และ ข ) ซ่ึงกระทาโดยการวางศูนยห์ นา้ ไปยงั ดา้ นขา้ งของเป้ าหมายในแนวระดบั
เดียวกบั ก่ึงกลางเป้ า รักษาภาพศนู ยพ์ อดีไว้ จากน้นั ใหเ้ ลื่อนศูนยพ์ อดีมาทางขา้ งจนกระทงั่ จุดเลง็ สี
แดงหรือยอดศูนยอ์ ยทู่ ี่ก่ึงกลางของเป้ าหมายน้นั
เลื่อนจุดเล็งไปทางขวา เล่ือนจุดเลง็ ไปทางซา้ ย
รูปที่ ๓-๖ (ก) การใช้วธิ ีเลง็ ด้านข้างของเป้ าหมาย
(กล้องเลง็ สะท้อนภาพ)
- ๔๑ -
เลื่อนศูนยห์ นา้ ไปทางขวา เล่ือนศูนยห์ นา้ ไปทางซา้ ย
รูปที่ ๓-๖ (ข) การใช้วธิ ีเลง็ ด้านข้างของเป้ าหมาย
(กล้องเลง็ สารอง)
ศนู ยส์ ารอง(ศูนยห์ นา้ ) น้นั ถือวา่ มีความสาคญั เป็นอยา่ งมาก การที่จะใชศ้ นู ยส์ ารองกต็ ่อเมื่อ
กลอ้ งเล็งสะทอ้ นภาพเกิดการชารุดไม่สามารถใชก้ ารได้ ซ่ึงศนู ยส์ ารองประกอบดว้ ยศูนยห์ ลงั เรียกวา่
ศนู ยร์ ู จะทาการพบั เก็บโดยการหมุนใบศูนยห์ ลงั ลงมาทางดา้ นขวาในทิศทางตามเขม็ นาฬิกา ศนู ยห์ นา้
เรียกวา่ ศนู ยแ์ ทง่ จะทาการพบั เกบ็ กา้ นแท่งศนู ยห์ นา้ ลงมาทางดา้ นหลงั ขนานไปบนแนวแกนลากลอ้ ง
ปื น ศูนยห์ นา้ น้นั ถือวา่ มีความสาคญั อยา่ งยง่ิ ต่อการยงิ ปื นท่ีถูกตอ้ งตามหลกั การและถา้ หากศูนยห์ นา้
เกิดการชารุดเสียหาย เพราะเป็นศนู ยส์ ารองเพือ่ การใชง้ านกรณีที่กลอ้ งเล็งสะทอ้ นภาพชารุดไม่
- ๔๒ -
สามารถใชก้ ารได้ จึงจะตอ้ งทาการเปล่ียนเพอื่ ใหอ้ ยใู่ นสภาพดีพร้อมที่จะใชง้ าน นอกจากน้ีแลว้
ศนู ยห์ นา้ จะตอ้ งไมส่ ะทอ้ นแสง มีวธิ ีการทาใหศ้ นู ยห์ นา้ เป็นเช่นน้นั ไดโ้ ดยการใชต้ ะเกียงรมควนั
หรือเขมา่ จากการเผาไหมข้ องไข หากเมื่อใดศนู ยห์ นา้ เกิดการสะทอ้ นแสงแลว้ ก็จะทาใหผ้ ยู้ งิ ไม่
สามารถเพง่ มองศนู ยห์ นา้ ไดอ้ ยา่ งชดั เจน
๓-๘ การฝึ กการเลง็
การฝึกการเล็ง ครูฝึก/ผฝู้ ึกจะตอ้ งวางแผนในการฝึกเล็งใหก้ บั ทหารในการใชก้ ลอ้ งเล็ง
สะทอ้ นภาพและศูนยส์ ารอง จะตอ้ งปฏิบตั ิก่อนการยงิ ปื นดว้ ยกระสุนจริงและสาหรับการยงิ ปื นใน
เวลากลางวนั ทหารจะตอ้ งไดร้ ับการฝึกใหส้ ามารถจดั ภาพศนู ยพ์ อดีและวางภาพศนู ยพ์ อดีน้นั ลงไปท่ี
จุดเลง็ ณ เป้ าหมาย การฝึกน้ีกระทาไดโ้ ดยใชเ้ ครื่องช่วยฝึกตา่ งๆ เช่น แผน่ บตั รภาพฝึกการเล็ง และ
เคร่ืองมือฝึกจดั ภาพการเลง็ (คานฝึกเล็ง )
ก. การควบคุมการหายใจ เม่ือทหารไดร้ ับการฝึกฝนจนเกิดทกั ษะเพม่ิ ข้ึนแลว้ การฝึกใน
ช้นั สูงข้ึนตอ่ ไปก็คือ การยงิ ต่อเน่ืองในจงั หวะตา่ ง ๆ หรือ การยงิ เป้ าที่เกิดข้ึนหลาย ๆ เป้ า ทหารตอ้ ง
ไดร้ ับการฝึกใหส้ ามารถกล้นั ลมหายใจไดใ้ นทุกจงั หวะของวงรอบการหายใจ วธิ ีการควบคุมการ
หายใจ ๒ วธิ ีท่ีจะกล่าวถึงตอ่ ไปน้ี เป็นการฝึกที่ตอ้ งกระทาในระหวา่ งการฝึกยงิ แหง้
๑) วธิ ีแรก เป็นการฝึกกล้นั ลมหายใจท่ีใชใ้ นขณะการยงิ ปรับศนู ย์ (ซ่ึงมีเวลามากเพียง
พอท่ีจะทาการยงิ แต่ละนดั ) (รูปที่ ๓-๗ ก) แสดงใหเ้ ห็นถึงจงั หวะการหายใจปกติ ซ่ึงทหารสามารถ
กล้นั ลมหายใจในช่วงเวลาที่ลมหายใจออกจากปอดเกือบจะหมด และก่อนที่จะสูดลดหายใจเขา้ ไป
ใหม่ ทหารจะตอ้ งทาการยงิ ใหไ้ ดก้ ่อนที่จะมีความรู้สึกวา่ อึดอดั ไม่สบาย
รูปท่ี ๓ – ๗ (ก) การควบคุมการหายใจ ขณะทาการยงิ ปรับศูนย์ เป้ าหมายเดยี ว