332 เป็นไปได้ เป็นไปไม่ได้ ข้อเสนอแนะ .................................................................................................................. ........................ .......................................................................................................................................... ...................... ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ .......................................................................................................................................................... ...... ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ .................................................................................................................................. .............................. ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ .......................................................................................................................................................... ...... ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................... . แนวทางการด าเนินงานของรูปแบบ 1. ผู้บริหารสถานศึกษา หัวหน้างานวิชาการ ครูผู้รับผิดชอบงานการประกันคุณภาพการศึกษา และคณะครูทุกคนในสถานศึกษาตลอดจนผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ประชุมร่วมกันเพื่อพิจารณาจุดอ่อน จุดแข็ง และแนวทางพัฒนาของสถานศึกษาตามรายงานการประเมินตนเองของสถานศึกษาและรายงาน ผลการประเมินคุณภาพการศึกษาของส านักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา ตามมาตรฐานและประเด็นการพิจารณาของการประกันคุณภาพการศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พร้อมกับท าความเข้าใจแนวคิดของเกณฑ์คุณภาพการศึกษาเพื่อการด าเนินการที่เป็นเลิศซึ่งบุคลากรทุกคน ในสถานศึกษาต้องรับรู้และเข้าใจว่ามาตรฐานและประเด็นการพิจารณาของการประกันคุณภาพ การศึกษาใดได้ไปสอดคล้องกับองค์ประกอบของเกณฑ์คุณภาพการศึกษาเพื่อการด าเนินการที่เป็นเลิศ อย่างไรบ้าง 2. ผู้บริหารสถานศึกษาจัดระบบการบริหารจัดการของสถานศึกษาโดยยึดเกณฑ์คุณภาพ การศึกษาเพื่อการด าเนินการที่เป็นเลิศใน 7องค์ประกอบ ซึ่งได้แก่ 1) การน าองค์กร2) การวางแผนกลยุทธ์ 3) การมุ่งเน้นผู้เรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย 4) การวัด การวิเคราะห์ และการจัดการความรู้ 5) การมุ่งเน้นครูและบุคลากร 6) การจัดการกระบวนการ 7) ผลลัพธ์ โดยต้องจัดระบบการท าแผนปฏิบัติการ ของสถานศึกษาให้โครงการต่างๆของสถานศึกษาในแต่ละมาตรฐานการศึกษาเป็นไปตามแนวทางการพัฒนา ของสถานศึกษา และข้อเสนอแนะของผู้ประเมินภายนอก พร้อมกับเป็นไปตามเกณฑ์คุณภาพการศึกษา เพื่อการด าเนินการที่เป็นเลิศ โดยแต่ละโครงการต้องมีผู้รับผิดชอบโครงการ จัดท าข้อเสนอโครงการ ด าเนินงานตามโครงการ และรายงานการประเมินผลโครงการที่เป็นระบบและมีสะดวก ไม่ก่อให้เกิด
333 ความยุ่งยากในการด าเนินงาน โดยแนวทางการด าเนินงานตามเกณฑ์คุณภาพการศึกษาเพื่อการด าเนินการ ที่เป็นเลิศทั้ง 7 องค์ประกอบ มีดังต่อไปนี้ 2.1 การน าองค์กร โดยการน าองค์กร (Leadership) มีความสัมพันธ์สอดคล้องกับ มาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐานเพื่อการประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษา มาตรฐานที่ 2 กระบวนการบริหาร และการจัดการของผู้บริหารสถานศึกษา ประเด็นการพิจารณา ประเด็นที่ 1 การมีเป้าหมาย วิสัยทัศน์ และ พันธกิจที่สถานศึกษาก าหนดชัดเจน ซึ่งมีรายละเอียดของแนวทางด าเนินการ และโครงการหรือกิจกรรม ที่สอดคล้อง ส่งเสริม สนับสนุนการด าเนินงานดังนี้ 1. การก าหนดและสื่อสาร วิสัยทัศน์ ค่านิยม และพันธกิจ 2. การสื่อสารและผลการด าเนินงาน 3. การจัดระบบการก ากับดูแลสถานศึกษา 4. การประพฤติกรรมตามกฎหมายและจริยธรรม 5. การสร้างความรับผิดชอบต่อสังคมและการให้การสนับสนุนชุมชนที่ส าคัญ โครงการหรือกิจกรรมที่สอดคล้อง ส่งเสริม สนับสนุนด้านการน าองค์กร เช่น โครงการพัฒนาประสิทธิภาพการบริหารจัดการ โครงการธรรมมาภิบาลในสถานศึกษา เป็นต้น 2.2 การวางแผนกลยุทธ์ โดยการวางแผนกลยุทธ์ (Strategic Planning) มีความสัมพันธ์กับ มาตรฐานการศึกษาเพื่อการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา มาตรฐานที่ 2 กระบวนการบริหาร และการจัดการของผู้บริหารสถานศึกษา ประเด็นการพิจารณา ประเด็นที่ 2 การวางแผนพัฒนาคุณภาพ การจัดการศึกษาของผู้บริหารสถานศึกษา ประกอบด้วย 1) การวางแผนและด าเนินงานพัฒนาวิชาการ ที่เน้นคุณภาพผู้เรียนรอบด้าน ทุกกลุ่มเป้าหมาย และด าเนินการอย่างเป็นรูปธรรม 2) การวางแผน และด าเนินงานพัฒนาครูและบุคลากรให้มีความเชี่ยวชาญทางวิชาชีพ 3) การวางแผนการบริหารและ จัดการข้อมูลสารสนเทศอย่างเป็นระบบ และ 4) การวางแผนพัฒนาสภาพแวดล้อมทางกายภาพ และสังคม ที่เอื้อต่อการจัดการเรียนรู้อย่างมีคุณภาพ ประเด็นที่ 3 การมีส่วนร่วมของผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย และร่วมรับผิดชอบ ต่อผลการจัดการศึกษาให้มีคุณภาพและได้มาตรฐาน และประเด็นที่ 4 การก ากับ ติดตาม ประเมินผล การบริหารและการจัดการศึกษา ซึ่งการวางแผนกลยุทธ์มีรายละเอียดของแนวทางการด าเนินงาน และ โครงการหรือกิจกรรมที่สอดคล้อง ส่งเสริม สนับสนุนการด าเนินงานดังนี้ 1. การจัดท าแผนกลยุทธ์ 2. การก าหนดวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ 3. การจัดท าแผนปฏิบัติการและการน าไปสู่การปฏิบัติ 4. การคาดการณ์ผลการด าเนินการของแผนระยะสั้นและระยะยาว โครงการหรือกิจกรรมที่สอดคล้อง ส่งเสริม สนับสนุนด้านการวางแผนกลยุทธ์ เช่น โครงการแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาน าพาสู่ความเป็นเลิศ โครงการ Best Practice เป็นต้น 2.3 การมุ่งเน้นผู้เรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยการมุ่งเน้นผู้เรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Student and Stakeholder Focus) มีความสัมพันธ์ สอดคล้องกับมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อการประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษา มาตรฐานที่ 3 กระบวนการจัดการเรียนการสอน ที่เน้นผู้เรียนเป็นส าคัญ ประเด็นการพิจารณา ประเด็นที่ 1 การมีกระบวนการเรียนการสอนที่สร้างโอกาส ให้ผู้เรียนทุกคนมีส่วนร่วม ประเด็นที่ 2 การจัดการเรียนการสอนที่ยึดโยงกับบริบทของชุมชนและท้องถิ่น
334 และประเด็นที่ 3 การตรวจสอบและประเมินความรู้ความเข้าใจของผู้เรียนอย่างเป็นระบบ และมีประสิทธิภาพ ซึ่งการมุ่งเน้นผู้เรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย มีรายละเอียดของแนวทางการด าเนินงาน และโครงการหรือ กิจกรรมที่สอดคล้อง ส่งเสริม สนับสนุนการด าเนินงานดังนี้ 1. การจัดการหลักสูตร บริการส่งเสริมการเรียนรู้ และบริการทางการศึกษา 2. การสร้างวัฒนธรรมที่มุ่งเน้นผู้เรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย 3. การรับฟังผู้เรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย 4. การประเมินความพึงพอใจและความผูกพันของผู้เรียน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย 5. การวิเคราะห์และใช้ข้อมูลของผู้เรียน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โครงการหรือกิจกรรมที่สอดคล้อง ส่งเสริม สนับสนุนด้านการมุ่งเน้นผู้เรียน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เช่น โครงการส่งเสริมศักยภาพผู้เรียนสู่ความเป็นเลิศ โครงการจัดการเรียนรู้ ที่เน้นผู้เรียนเป็นส าคัญ โครงการสร้างเครือข่ายการเรียนรู้สานสู่ฝัน 2.4 การวัด การวิเคราะห์ และการจัดการความรู้ โดยการวัด การวิเคราะห์ และการจัดการความรู้ (Measurement Analysis and Knowledge Management) มีความสัมพันธ์กับมาตรฐานการศึกษา ขั้นพื้นฐานเพื่อการประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษา มาตรฐานที่ 2 กระบวนการบริหารและการจัดการ ของผู้บริหารสถานศึกษา ประเด็นการพิจารณา 2.3) การวางแผนบริหารและการจัดการข้อมูลสารสนเทศ อย่างเป็นระบบ ประเด็นการพิจารณาที่ 4 การก ากับ ติดตาม ประเมินผลการบริหารและการจัดการศึกษา และมาตรฐานที่ 4 ระบบการประกันคุณภาพการศึกษาภายในที่มีประสิทธิผล ประเด็นการพิจารณา การใช้ระบบการประกันคุณภาพภายในเพื่อยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษาให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งการวัด การวิเคราะห์ และการจัดการความรู้มีรายละเอียดของแนวทางการด าเนินงาน และโครงการหรือกิจกรรมที่สอดคล้อง ส่งเสริม สนับสนุนการด าเนินงานดังนี้ 1. การวัดผลการด าเนินการ 2. การปรับปรุงผลการด าเนินการ 3. การจัดการข้อมูล สารสนเทศ และการจัดการความรู้ โครงการหรือกิจกรรมที่สอดคล้อง ส่งเสริม สนับสนุนด้านการวัด การวิเคราะห์ และการจัดการความรู้ เช่น โครงการพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการ โครงการพัฒนาระบบ การประกันคุณภาพภายใน เป็นต้น 2.5 การมุ่งเน้นครูและบุคลากร โดยการมุ่งเน้นครูและบุคลากร (Teacher and Staff Focus) มีความสัมพันธ์ สอดคล้องกับมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐานเพื่อการประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษา มาตรฐานที่ 2 กระบวนการบริหารและการจัดการของผู้บริหารสถานศึกษา ประเด็นการพิจารณา 2.2) การวางแผนและด าเนินงานพัฒนาครูและบุคลากรให้มีความเชี่ยวชาญทางวิชาชีพ 2.4) การวางแผน และพัฒนาสภาพแวดล้อมทางกายภาพและสังคม ที่เอื้อต่อการจัดการเรียนรู้อย่างมีคุณภาพ ซึ่งการมุ่งเน้นครู และบุคลากร มีรายละเอียดของแนวทางการด าเนินงาน และโครงการหรือกิจกรรมที่สอดคล้อง ส่งเสริม สนับสนุนการด าเนินงานดังนี้ 1. การสร้างคุณค่าของครูและบุคลากร 2. การพัฒนาครู บุคลากร และผู้น า 3. การประเมินความผูกพันของครูและบุคลากร
335 4. การจัดการขีดความสามารถและอัตราก าลังของครูและบุคลากร 5. การสร้างบรรยากาศของครูและบุคลากร โครงการหรือกิจกรรมที่สอดคล้อง ส่งเสริม สนับสนุนด้านการมุ่งเน้นครูและบุคลากร เช่น โครงการพัฒนาศักยภาพครูสู่ศตวรรษที่ 21 โครงการต้นแบบครูดี เป็นต้น 2.6 การจัดการกระบวนการ โดยการจัดการกระบวนการ (Process Management) มีความสัมพันธ์กับมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐานเพื่อการประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษา มาตรฐานที่ 4 ระบบการประกันคุณภาพการศึกษาภายในที่มีประสิทธิผล ประเด็นการพิจารณา การใช้ระบบการประกันคุณภาพภายในเพื่อยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษาให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งการจัดการกระบวนการ มีรายละเอียดของแนวทางการด าเนินงาน และโครงการหรือกิจกรรม ที่สอดคล้อง ส่งเสริม สนับสนุนการด าเนินงานดังนี้ 1. การออกแบบระบบงาน 2. การก าหนดกระบวนการท างานหลัก 3. การเตรียมความพร้อมต่อภาวะฉุกเฉิน 4. การออกแบบกระบวนการท างาน 5. การปรับปรุงกระบวนการท างาน 6. การจัดกระบวนการท างานให้ทันต่อความต้องการและทิศทางการจัดการศึกษา โครงการหรือกิจกรรมที่สอดคล้อง ส่งเสริม สนับสนุนด้านการจัดการกระบวนการ เช่น โครงการพัฒนาภูมิทัศน์และสภาพแวดล้อมในโรงเรียน โครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน โครงการเด็กไทยยุคใหม่หัวใจ 4.0 โครงการเยาวชนคนดี โครงการแหล่งเรียนรู้ ครูนอกห้องเรียน 2.7 ผลลัพธ์ โดยผลลัพธ์ (Performance Results) มีความสัมพันธ์กับมาตรฐานการศึกษา ขั้นพื้นฐานเพื่อการประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษา มาตรฐานที่ 1 คุณภาพของผู้เรียน ประเด็นการพิจารณาที่ 1ผลสัมฤทธิ์ทางวิชาการของผู้เรียน และประเด็นการพิจารณาที่ 2 คุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ของผู้เรียน และมาตรฐานที่ 4 ระบบการประกันคุณภาพการศึกษาภายในที่มีประสิทธิผล ประเด็นการพิจารณา การใช้ระบบการประกันคุณภาพภายในเพื่อยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษา ให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งผลลัพธ์ มีรายละเอียดของแนวทางการด าเนินงาน และโครงการหรือกิจกรรมที่สอดคล้อง ส่งเสริม สนับสนุนการด าเนินงานดังนี้ 1. ผลลัพธ์ด้านการเรียนรู้ของผู้เรียนและด้านกระบวนการ 2. ผลลัพธ์ด้านการมุ่งเน้นผู้เรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย 3. ผลลัพธ์ด้านการมุ่งเน้นครูและบุคลากร 4. ผลลัพธ์ด้านการน าองค์กรและการก ากับดูแล 5. ผลลัพธ์ด้านการงบประมาณ การเงิน และการสร้างชื่อเสียง โครงการหรือกิจกรรมที่สอดคล้อง ส่งเสริม สนับสนุนด้านการจัดการกระบวนการ เช่น โครงการวันชื่นชมผลงานของโรงเรียน โครงการสารประชาสัมพันธ์โรงเรียน เป็นต้น 3. ผู้บริหารสถานศึกษาต้องสร้างการบริหารการเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงสภาพ ในปัจจุบันไปสู่สภาพที่ต้องการในอนาคตของสถานศึกษาตามโครงการต่าง ๆ ที่ได้ก าหนดไว้
336 ในแผนปฏิบัติการประจ าปี และมีความสอดคล้องกับแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา ทั้งนี้เพื่อต้องการจะบรรลุตามวิสัยทัศน์ของสถานศึกษา ประกอบด้วยขั้นตอนการบริหารใน 3 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนที่ 1 การเตรียมการเปลี่ยนแปลง (Preparing for Change) เป็นการเตรียมความพร้อม ขององค์กรก่อนด าเนินการตามเป้าหมายที่ร่วมกันวางไว้ ประกอบด้วยกระบวนการด าเนินงาน 6 กระบวนการ ได้แก่ 1) การวิเคราะห์สถานศึกษา ประกอบด้วยการด าเนินการใน 4 ขั้นตอน ได้แก่ (1) การศึกษาและ วิเคราะห์บริบทของสถานศึกษา (2) การส ารวจและวิเคราะห์ปัญหา ความต้องการ (3) การประเมินทรัพยากรและ (4) การประเมินความสามารถของทีมงาน 2)การก าหนดเป้าหมาย ประกอบด้วยการด าเนินการใน 3 ขั้นตอน ได้แก่ (1) การร่วมกันก าหนด เป้าหมาย (2) การท าความเข้าใจเป้าหมาย และ (3) การสื่อสารเป้าหมาย 3)การสร้างทีม ประกอบด้วยการด าเนินการใน 3 ขั้นตอน ได้แก่ (1) การแต่งตั้งคณะกรรมการ ด าเนินงาน (2) การสร้างบรรยากาศการมีส่วนร่วม และ (3) การพัฒนาความสามารถของทีมงาน 4)การประเมินความสามารถในการเปลี่ยนแปลง ประกอบด้วยการด าเนินการใน 4 ขั้นตอน ได้แก่ (1) การส ารวจ วิเคราะห์ ความต้องการเปลี่ยนแปลงสถานภาพของสถานศึกษา (2) การจัดล าดับความส าคัญ (3) การก าหนดภาพอนาคต และ (4) การก าหนดผู้สนับสนุนและความสามารถในการสนับสนุน 5) การสร้างเครือข่ายความร่วมมือ ประกอบด้วยการด าเนินการใน 3 ขั้นตอน ได้แก่ (1) การสร้างความร่วมมือภายในสถานศึกษา (2) การสร้างความร่วมมือภายนอกสถานศึกษา และ (3) การสร้างบรรยากาศการมีส่วนร่วม 6)การสื่อสาร ประกอบด้วยการด าเนินการใน 4 ขั้นตอน ได้แก่ (1) การศึกษาความพร้อม ในการสื่อสาร (2) การก าหนดช่องทางการสื่อสาร (3) การจัดหาทรัพยากรที่จ าเป็นในการสื่อสาร และ (4) การพัฒนาความรู้ ความสามารถในการสื่อสารแก่บุคลากร ขั้นตอนที่ 2 การจัดการการเปลี่ยนแปลง (Managing Change) เป็นการด าเนินการ ให้บรรลุเป้าหมายที่ได้ร่วมกันวางไว้ ประกอบด้วยกระบวนการด าเนินงาน 4 กระบวนการ ได้แก่ 1)การออกแบบแผน ประกอบด้วยการด าเนินการใน 4 ขั้นตอน ได้แก่ (1) แผนการสื่อสาร (2) แผนการสนับสนุน (3) แผนการอบรม และ (4) แผนการนิเทศ ติดตาม ประเมินผล 2) การวางแผน ประกอบด้วยการด าเนินการใน 4 ขั้นตอน ได้แก่ (1) การจัดท าและ การสื่อสารวิสัยทัศน์ พันธกิจ และกลยุทธ์ (2) การก าหนดกิจกรรม/วิธีการ (3) การจัดท าปฏิทิน การปฏิบัติงาน และ (4) การก าหนดเครื่องมือ ระยะเวลา วิธีการนิเทศ ติดตาม ประเมินผล 3) การน าแผนสู่การปฏิบัติ วางแผน ประกอบด้วยการด าเนินการใน 4 ขั้นตอน ได้แก่ (1) การด าเนินการตามแผน (2) การสนับสนุน (3) การสอนงาน และ (4) การนิเทศ ควบคุม ติดตามผล 4)การประเมินผล ประกอบด้วยการด าเนินการใน 4 ขั้นตอน ได้แก่ (1) การก าหนดเครื่องมือ การวัดและประเมินผล (2) การสร้างและหาคุณภาพเครื่องมือวัดและประเมินผล (3) การวัดและประเมินผล การด าเนินงานตามเวลาที่ก าหนด และ (4) การเปรียบเทียบผลการด าเนินงานกับวัตถุประสงค์ และเป้าหมายของสถานศึกษา
337 ขั้นตอนที่ 3 การเสริมแรงการเปลี่ยนแปลง (Reinforcing Change) เป็นการด าเนินการ หลังจากด าเนินงานเป็นระยะๆ และเมื่อการด าเนินการบรรลุเป้าหมายที่ได้ร่วมกันวางไว้ ประกอบด้วย กระบวนการ 5 กระบวนการ ได้แก่ 1) การให้ข้อมูลย้อนกลับ (Feedback) แก่สถานศึกษา ประกอบด้วยการด าเนินการ ใน 2 ขั้นตอน ได้แก่ (1) การเก็บรวบรวมข้อมูลย้อนกลับ และ (2) การนิเทศ ควบคุม ติดตามผล 2)การทบทวนหลังการปฏิบัติงาน (After Action Review) ประกอบด้วยการด าเนินการ ใน 2ขั้นตอน ได้แก่ (1) การประชุมทบทวนระหว่างการปฏิบัติงาน และ(2) การประชุมทบทวนเมื่อเสร็จสิ้น การปฏิบัติงาน 3)การเผยแพร่ผลการปฏิบัติงานที่ประสบความส าเร็จแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องและบุคคลทั่วไป ทั้งภายในและภายนอกสถานศึกษา ประกอบด้วยการด าเนินการใน 2 ขั้นตอน ได้แก่ (1) การเผยแพร่ผล การปฏิบัติงานที่ประสบความส าเร็จภายในองค์กรและ (2) การเผยแพร่ผลการปฏิบัติงานที่ประสบความส าเร็จ ภายนอกองค์กร 4) การยกย่อง ชื่นชม ความส าเร็จ ประกอบด้วยการด าเนินการใน 2 ขั้นตอน ได้แก่ (1) การยกย่อง ชื่นชม ความส าเร็จในเบื้องต้น และ (2) การยกย่อง ชื่นชม ความส าเร็จเมื่อเสร็จสิ้นการ ด าเนินงาน 5) การเพิ่มพลังอ านาจแก่บุคลากร ประกอบด้วยการด าเนินการใน 3 ขั้นตอน ได้แก่ (1) การมอบหมายงานที่ตรงกับความสามารถของบุคลากร (2) การให้อิสระในการท างานของบุคลากร และ (3) การให้อิสระในการตัดสินใจในการปฏิบัติงาน 4. ผู้บริหารสถานศึกษาบริหารจัดการในสถานศึกษาแบบร่วมคิดร่วมท า ซึ่งกระบวนการ บริหารจัดการในสถานศึกษาแบบร่วมคิดร่วมท า ประกอบไปด้วยขั้นตอนต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ ขั้นที่ 1 การก าหนดเป้าหมายและวิเคราะห์ปัญหา/ความต้องการ (Goal Setting and Need Identification) เป้าหมาย (Goal) เป็นข้อความแสดงทิศทางอย่างกว้างๆ รวมทั้งวัตถุประสงค์หรือ ความต้องการ ไม่มีก าหนดช่วงเวลาและไม่เกี่ยวกับผลผลิตเฉพาะในช่วงเวลา เป้าหมายของโรงเรียน มักจะแสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นกับนักเรียน ปกติเป้าหมายของโรงเรียนจะมีอยู่ 4 ประเภท คือ 1. เป้าหมายที่แสดงถึงผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นกับนักเรียน 2. เป้าหมายที่แสดงถึงประสบการณ์การเรียนรู้ของนักเรียน 3. เป้าหมายที่แสดงถึงการจัดสรรทรัพยากร 4. เป้าหมายที่แสดงถึงระบบการบริหารจัดการของโรงเรียน โดยการก าหนดปั ญหา/ความต้ องการ (Need Identification)ซึ่งในส่ วนที่ เกี่ ยวกั บ การก าหนดปัญหาและความต้องการนั้น ก็ก าหนดได้จากการพิจารณาจากสิ่งเป็นจริงกับส่วนที่ควรจะเป็น ว่ามีความแตกต่างกันมากน้อยเพียงใด กล่าวคือ ถ้าช่องว่างระหว่างสิ่งที่ควรจะเป็นกับสิ่งที่เป็นจริง (Gap) มีมาก ก็แสดงว่ามีปัญหาหรือความต้องการมาก หลังจากนั้นก็น าเอาปัญหา/ความต้องการ ในแต่ละด้านมาจัดล าดับความส าคัญ เพื่อน าไปก าหนดเป็นนโยบายต่อไป
338 ขั้นที่ 2 การก าหนดนโยบาย (Policy Making) นโยบายเป็นข้อความที่แสดงถึงวัตถุประสงค์และแนวทาง (มาตรการ) ที่จะด าเนินการ เพื่อให้วัตถุประสงค์นั้นประสบความส าเร็จ รวมทั้งก าหนดกรอบเพื่อเป็นแนวปฏิบัติด้วย โดยปกติแล้ว นโยบายมักจะน ามาจากแนวปรัชญาการศึกษาและเป้าหมายการศึกษาที่โรงเรียนยอมรับและก าหนดขึ้น พร้อมเสนอแนวทางปฏิบัติ (Guideline) ประกอบเอาไว้ค่อนข้างจะชัดเจนเพื่อให้สะดวกหรือง่าย ต่อการน าไปปฏิบัติ ภาษาหรือข้อความทั้งหมดนี้ที่เขียนเป็นนโยบายควรจะเป็นภาษาง่ายๆ ไม่ควรจะเป็น ศัพท์เทคนิค ซึ่งจะต้องอาศัยการดัดแปลงและสร้างความเข้าใจอีก ทั้งนี้เพื่อให้สมาชิกทุกคน ของโรงเรียนสามารถอ่านและเข้าใจได้ทันที ขั้นที่ 3 การวางแผน (Planning) การวางแผน หมายถึง การคิดก่อนท า นั่นคือ จะท าอะไร ท าเมื่อไร ท าอย่างไร และ ใครเป็นคนท า การวางแผนมีหลายระดับแตกต่างกันไปตามลักษณะแผนงาน/โครงการ เช่น การวางแผนการจัดการเรียน/การสนับสนุน (Programme Planning) การวางแผนการใช้หลักสูตร (Curriculum Planning) และการวางแผนการสอน (Instructional Planning) ขั้นที่ 4 การก าหนดงบประมาณ (Budgeting) งบประมาณของโรงเรียนอาจถูกมองในฐานะเป็นการแปลค่าข้อมูลทางการเงิน ของแผนงานด้านการศึกษาของโรงเรียน งบประมาณเป็นเกณฑ์ส่วนหนึ่งของแผน วงจรการบริหาร จัดการงบประมาณและแผนงานเป็นการแปลค่าข้อมูลทางการเงินของแผนงาน ทีมแผนงานจะเตรียมข้อมูล ด้านการงบประมาณในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการด้านแผนงาน ซึ่งการก าหนดงบประมาณ ควรจัดท าเป็นโครงการ ขั้นที่ 5 การน าแผนไปปฏิบัติ (Implementing) เมื่อทุกฝ่ายยอมรับหรือตกลงในรายละเอียดของแผนที่ฝ่ายนโยบายให้ความเห็นชอบแล้ว ฝ่ายโครงการของโรงเรียนก็มีอ านาจที่จะน าแผนไปปฏิบัติต่อไปและก็ไม่จ าเป็นจะต้องทบทวน หรือ อ้างอิงกลุ่มนโยบายอีก ยกเว้นมีการเปลี่ยนแปลงในรายละเอียดของแผนไปมาก ขั้นที่ 6 การประเมินผล (Evaluating) การประเมินผล ก็คือการเก็บรวบรวมข้อมูลข่าวสาร เพื่อจุดประสงค์ในการตัดสินใจ และต้อง ตัดสินว่าให้ถูกหรือผิดโดยพิจารณาจากข้อมูลข่าวสารเหล่านั้น การประเมินผลจะต้องกระท า ทั้งในระหว่างด าเนินงานและภายหลังการปฏิบัติงานตามแผนเสร็จสิ้นลงแล้ว เป็นไปได้ เป็นไปไม่ได้ ข้อเสนอแนะ .................................................................................................................. ........................ ..................................................................................................................................................... ........... ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................
339 ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ .................................................................................................................................................... ............ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ .......................................................................................................................................................... ...... ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ เงื่อนไขและข้อจ ากัดของรูปแบบ ในการน ารูปแบบการน าผลการประกันคุณภาพการศึกษาไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพ ของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานขนาดเล็กในภาคใต้ไปใช้เพื่อให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด ผู้บริหารสถานศึกษา นับเป็นผู้ที่มีความส าคัญมากจึงควรมีคุณลักษณะดังต่อไปนี้ 1. มีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับระบบการประกันคุณภาพการศึกษา เข้าใจมาตรฐาน ประเด็นการพิจารณา และเกณฑ์การตัดสินคุณภาพของแต่ละมาตรฐานทั้งระบบการประกันคุณภาพภายใน และระบบการประกันคุณภาพภายนอก 2. มีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางการการเขียนรายงานการประเมินตนเอง ของสถานศึกษา (Self – Assessment Report : SAR) 3. สามารถวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของมาตรฐานและประเด็นการพิจารณาของระบบ การประกันคุณภาพภายในสถานศึกษากับเกณฑ์คุณภาพการศึกษาเพื่อการด าเนินการที่เป็นเลิศ พร้อมสามารถจัดท าแผนปฏิบัติการประจ าปี และแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา ให้สอดรับกับระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาและระบบการประกันคุณภาพภายนอก สถานศึกษากับเกณฑ์คุณภาพการศึกษาเพื่อการด าเนินการที่เป็นเลิศ 4. มีภาวะผู้น า เป็นแบบอย่างที่ดี มีการใช้ภาวะผู้น าในการบริหารสถานศึกษา โดยเฉพาะ ภาวะผู้น าการเปลี่ยนแปลง (Transformation Leadership) ประกอบด้วย การมีอิทธิพลอย่างมีอุดมการณ์ การกระตุ้นทางปัญญา การสร้างแรงบันดาลใจ การค านึงถึงความเป็นปัจเจกบุคคล การให้รางวัล ตามสถานการณ์ และภาวะผู้น าแบบกระจายความเป็นผู้น า (Distributed Leadership) ประกอบด้วย การสร้างพันธกิจ วิสัยทัศน์และเป้าหมายร่วมกัน การสร้างวัฒนธรรมการท างานเป็นทีม การสร้างความรับผิดชอบ ร่วมกัน และการปฏิบัติภาวะผู้น า 5. มีความมุ่งมั่นในการท างาน มุ่งปฏิบัติงานให้ประสบความส าเร็จและบรรลุเป้าหมาย มีความยืดหยุ่น รับฟังความคิดของผู้อื่น และบริหารงานแบบมีส่วนร่วม อีกทั้งประสิทธิผลของรูปแบบการน าผลการประกันคุณภาพการศึกษาไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพ ของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานขนาดเล็กในภาคใต้ ยังต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยที่ส่งผลต่อการใช้ผลการประกันคุณภาพ การศึกษาทั้ง 4 ประการด้วยซึ่งได้แก่ 1) ลักษณะบริบทของสถานศึกษา 2) ความน่าเชื่อถือของผลการประเมิน 3) ศักยภาพของบุคลากรในสถานศึกษา และ 4) การก ากับติดตามจากหน่วยงานต้นสังกัด
340 เป็นไปได้ เป็นไปไม่ได้ ข้อเสนอแนะ .......................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................ ................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ....................................................................................................................................................... ......... ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ........................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................... ..... แนวทางการน ารูปแบบไปใช้ แนวทางการน ารูปแบบการน าผลการประกันคุณภาพการศึกษาไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพ ของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานขนาดเล็กในภาคใต้ไปใช้ผู้บริหารสถานศึกษาควรด าเนินการตาม 7 ขั้นตอน ดังนี้ ขั้นที่ 1 การศึกษาและท าความเข้าใจรูปแบบ ในขั้นนี้ผู้บริหารสถานศึกษาจะต้องศึกษาและท าความเข้าใจรูปแบบการน าผลการประกันคุณภาพ การศึกษาไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานขนาดเล็กในภาคใต้ให้ชัดเจน เพื่อให้ทราบว่า รูปแบบประกอบด้วยขั้นตอนอะไรบ้าง แต่ละขั้นตอนมีกระบวนการด าเนินงานอย่างไร ซึ่งขั้นตอน ของรูปแบบการน าผลการประกันคุณภาพการศึกษาไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานขนาด เล็กในภาคใต้แบ่งเป็น 3 ขั้นตอน คือ ปัจจัยน าเข้า (Input) กระบวนการ (Process)และผลผลิต(Output) พร้อมกับข้อมูลย้อนกลับ (Feedback) ของรูปแบบ ซึ่งแต่ละขั้นตอนประกอบด้วยกิจกรรมต่าง ๆ ที่ผู้บริหารสถานศึกษาและบุคลากรทุกคนในสถานศึกษาต้องร่วมกันวิเคราะห์และด าเนินการ ขั้นที่ 2 การสร้างความตระหนักให้กับผู้เกี่ยวข้อง ในขั้นนี้ผู้บริหารสถานศึกษาจะต้องสร้างความตระหนักให้บุคลากรทุกคนในสถานศึกษา เห็นคุณค่าและความส าคัญของการน ารูปแบบการน าผลการประกันคุณภาพการศึกษาไปใช้ในการพัฒนา คุณภาพของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานขนาดเล็กในภาคใต้ มาใช้ในสถานศึกษาโดยอาจใช้วิธีการประชุม อย่างเป็นทางการในที่ประชุมประจ าเดือนของสถานศึกษา ประกอบกับการพูดคุยอย่างไม่เป็นทางการ กับบุคลากรแต่ละคนอย่างสม่ าเสมอ โดยสร้างความตระหนักให้บุคลากรทุกคนรับรู้และเข้าใจว่า การน าผลการประกันคุณภาพการศึกษาไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพของสถานศึกษาเป็นหัวใจส าคัญ ของการจัดระบบการประกันคุณภาพการศึกษา
341 ขั้นตอนที่3 การสร้างภาวะผู้น าในตนเองและการท างานเป็นทีมของบุคลากร ในขั้นนี้มุ่งให้ผู้บริหารสถานศึกษาและบุคลกรทุกคนในสถานศึกษาเข้าใจในบทบาท หน้าที่ รับผิดชอบของตนเอง สร้างความเป็นเลิศและคุณภาพในการท างานของตนเอง เป็นบุคคลที่รอบรู้เชี่ยวชาญ แลกเปลี่ยนเรียนรู้และท างานเป็นทีม ซึ่งผู้บริหารสถานศึกษาจะต้องเป็นแบบอย่างที่ดี ให้ความส าคัญ และปฏิบัติตนให้เกิดคุณลักษณะดังกล่าวอย่างต่อเนื่องก่อน ขั้นตอนที่ 4 การเตรียมความพร้อมของสถานศึกษา ในขั้นนี้มุ่งให้ผู้บริหารสถานศึกษาร่วมกับบุคลากรทุกคนในสถานศึกษา คณะกรรมการ สถานศึกษา ด าเนินการปรับเปลี่ยนสถานศึกษาให้เป็นองค์กรที่มีความคล่องตัว เป็นองค์กรแนวราบ มีล าดับชั้นในการบริหารน้อยที่สุด มีความยืดหยุ่น ลดขั้นตอนในการท างาน สร้างการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย และด าเนินการบริหารงานอย่างเป็นระบบ ขั้นที่ 5 ขั้นการพัฒนาสถานศึกษาตามขั้นตอนและกระบวนการของรูปแบบ ในขั้นนี้มุ่งให้ผู้บริหารสถานศึกษา บริหารจัดการสถานศึกษาตามขั้นตอนและกระบวนการ ของรูปแบบการน าผลการประกันคุณภาพการศึกษาไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานขนาด เล็กในภาคใต้โดยน าขั้นตอนทั้ง 3 ขั้นตอนมาด าเนินการอย่างเป็นรูปธรรม ด้วยความร่วมมือร่วมใจ ของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายในการน ารูปแบบไปใช้ตามขั้นตอนที่ก าหนดไว้ ทั้งนี้กระบวนการย่อย ๆ ของแต่ละขั้นตอนควรด าเนินการตามล าดับ แต่ทั้งนี้ผู้บริหารสถานศึกษาและทีมงานสามารถวิเคราะห์ และปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับบริบทของแต่ละสถานศึกษาได้ ขั้นที่ 6 ขั้นการนิเทศ ติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผล ในขั้นนี้เป็นการนิเทศ ติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการด าเนินงานตามขั้นตอน และกระบวนการย่อย ๆ ของแต่ละขั้นตอนของรูปแบบการน าผลการประกันคุณภาพการศึกษาไปใช้ ในการพัฒนาคุณภาพของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานขนาดเล็กในภาคใต้ ว่ามีการด าเนินการอย่างเป็นระบบหรือไม่ มีผลการด าเนินการเป็นอย่างไร เกิดปัญหาหรืออุปสรรคอย่างไรบ้าง ขั้นที่ 7 การน าผลการประเมินไปปรับปรุงและพัฒนา ในขั้นนี้เป็นขั้นของการน าผลการติดตาม ตรวจสอบและประเมินผลการด าเนินงาน ไปใช้ในการปรับปรุงระบบการประกันคุณภาพของสถานศึกษา และผลการบริหารจัดการคุณภาพ ของสถานศึกษา เป็นการประเมินในภาพรวมของสถานศึกษาโดยให้ทุกฝ่ายงาน ทุกคนได้น าเสนอ ผลการด าเนินงานและร่วมกันก าหนดภาพอนาคตของการจัดระบบการประกันคุณภาพการศึกษา ในรอบปีต่อไป เพื่อร่วมกันด าเนินการตามรูปแบบการน าผลการประกันคุณภาพการศึกษาไปใช้ ในการพัฒนาคุณภาพของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานขนาดเล็กในภาคใต้ต่อไปอย่างต่อเนื่อง เป็นไปได้ เป็นไปไม่ได้ ข้อเสนอแนะ .................................................................................................................. ........................ .................................................................................................................................. .............................. ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ .......................................................................................................................................................... ......
342 ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ....................................................................................................................................................... ......... ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ......................................................................................................................................................... ....... ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ขอขอบพระคุณในความอนุเคราะห์เป็นอย่างยิ่ง
315 ที่ ศธ ๐๕๕๗.๐๗/พิเศษ ส ำนักงำนโครงกำรวิจัยของ สมศ. บัณฑิตวิทยำลัย มหำวิทยำลัยรำชภัฏนครศรีธรรมรำช อ ำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมรำช ๘๐๒๘๐ ๑๐ พฤษภำคม ๒๕๖๐ เรื่อง ขอเชิญเข้ำร่วมกำรสนทนำกลุ่มผู้ปฏิบัติ เรียน สิ่งที่ส่งมาด้วย เอกสำรประกอบกำรสนทนำกลุ่มผู้ปฏิบัติ จ ำนวน ๑ ชุด ด้วยกระผม ผู้ช่วยศำสตรำจำรย์ ดร.วีระยุทธ ชำตะกำญจน์ อำจำรย์ประจ ำมหำวิทยำลัย รำชภัฏนครศรีธรรมรำชได้รับกำรสนับสนุนจำก สมศ. ให้ท ำกำรศึกษำวิจัยเรื่องกำรพัฒนำรูปแบบ กำรน ำผลกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำไปใช้ในกำรพัฒนำคุณภำพของสถำนศึกษำขั้นพื้นฐำนขนำดเล็ก ในภำคใต้ ทั้งนี้เพื่อกำรสนทนำกลุ่มผู้ปฏิบัติส ำหรับกำรยืนยันควำมเป็นไปได้ของรูปแบบฯในวันอำทิตย์ที่ ๑๕ พฤษภำคม ๒๕๖๐ ตั้งแต่เวลำ ๐๙.๐๐ น . ณ บัณฑิตวิทยำลัย มห ำวิทยำลัยรำชภัฏ นครศรีธรรมรำช จึงอนุเครำะห์ท่ำนได้พิจำรณำควำมเป็นไปได้ของรูปแบบฯ พร้อมขอรับข้อเสนอแนะ ในประเด็นต่ำงๆตำมเอกสารประกอบการสนทนากลุ่มผู้ปฏิบัตินี้กลับคืนในวันสนทนากลุ่มด้วย ทั้งนี้ เพื่อกำรปรับปรุงรูปแบบฯให้มีควำมสมบูรณ์ทำงวิชำกำรมำกยิ่งขึ้น จึงเรียนมำเพื่อโปรดพิจำรณำให้กำรอนุเครำะห์ และขอขอบพระคุณอย่ำงสูงมำ ณ โอกำสนี้ ขอแสดงควำมนับถือ (ผู้ช่วยศำสตรำจำรย์ ดร.วีระยุทธ ชำตะกำญจน์) ประธำนหลักสูตรปริญญำโท สำขำกำรบริหำรกำรศึกษำ บัณฑิตวิทยำลัย มหำวิทยำลัยรำชภัฏนครศรีธรรมรำช ส ำนักงำนโครงกำรวิจัยของ สมศ. โทรศัพท์ ๐๙๘-๐๒๕๙๔๒๒
แบบสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับคุณภาพในการจัดการศึกษาของโรงเรียน วัตถุประสงค์ แบบสอบถามฉบับนี้จัดท าขึ้นเพื่อสอบถามเกี่ยวกับคุณภาพในการจัดการศึกษาของโรงเรียน ส าหรับใช้เป็นข้อมูลและสารสนเทศในการวิจัยเพื่อพัฒนารูปแบบการน าผลการประกันคุณภาพการศึกษา ไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานขนาดเล็กในภาคใต้ อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาระบบ การประกันคุณภาพภายในและภายนอกของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานต่อไป ค าชี้แจง 1. แบบสอบถามฉบับนี้แบ่งเป็น 3 ตอน ตอนที่ 1 ข้อมูลเกี่ยวกับสถานภาพของผู้ตอบแบบสอบถาม ตอนที่ 2 สอบถามเกี่ยวกับคุณภาพในการจัดการศึกษาของโรงเรียน ตอนที่ 3 ความคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะเพิ่มเติม 2. ข้อมูลที่สอบถามในครั้งนี้ต้องการความคิดเห็นตามทัศนะของท่าน ดังนั้นการให้ข้อมูลขอให้ ตอบตามสภาพความเป็นจริงโดยจะไม่มีผลเสียต่อสถานศึกษาของท่านแต่ประการใด การตอบหรือให้ข้อมูล ที่ไม่ตรงสภาพความเป็นจริงจะท าให้การสรุปผลวิจัยผิดพลาด ซึ่งจะไม่เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนา คุณภาพการจัดการศึกษา 3. ผู้ตอบแบบสอบถามจะประกอบด้วย 1) ผู้บริหารสถานศึกษา 2) คณะครูทุกท่าน 3) คณะกรรมการสถานศึกษาทุกท่าน และ 4) ผู้ปกครองนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6 ทุกท่าน 4. เมื่อแต่ละท่านได้ตอบแบบสอบถามเรียบร้อยแล้ว ขอความอนุเคราะห์ส่งกลับคืนที่ ผู้บริหารสถานศึกษาโดยเร็วที่สุด ผู้วิจัยขอขอบพระคุณในความอนุเคราะห์ของท่านเป็นอย่างสูงมา ณ โอกาสนี้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วีระยุทธ ชาตะกาญจน์ ประธานหลักสูตรปริญญาโท สาขาการบริหารการศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช
345 ตอนที่ 1 ข้อมูลเกี่ยวกับสถานภาพของผู้ตอบแบบสอบถาม ค าชี้แจง โปรดท าเครื่องหมาย ลงใน 1. เพศ ชาย หญิง 2. อายุ (เกินกว่า 6 เดือน ให้นับเป็น 1 ปี) ต่ ากว่า 30 ปี 31 – 40 ปี 41 – 50 ปี 51 – 60 ปี มากกว่า 60 ปี 3. วุฒิการศึกษาสูงสุด ต่ ากว่าปริญญาตรี ปริญญาตรี ป.บัณฑิต วิชาชีพ ปริญญาโท/ปริญญาเอก 4. สถานภาพ ผู้อ านวยการสถานศึกษา ครู คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้ปกครองนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6 ตอนที่2 การสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับคุณภาพในการจัดการศึกษาของโรงเรียน ค าชี้แจง 1.คุณภาพในการจัดการศึกษาของโรงเรียนได้แบ่งออกเป็น 4 ด้าน โดยยึดมาตรฐาน การศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานตามกฎกระทรวงฯ คือ 1) ผลการจัดการศึกษา 2) การบริหารจัด การศึกษา 3) การจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นส าคัญ และ 4) การประกันคุณภาพภายใน 2. โปรดท าเครื่องหมาย ลงในช่องว่างที่ตรงกับสภาพความจริงในปัจจุบันตามรายการ ของข้อค าถามจากแบบสอบถาม โดยให้ท่านพิจารณาระดับคุณภาพในการจัดการศึกษาของโรงเรียน ซึ่งได้ก าหนดเป็นมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ แต่ละระดับมีความหมายดังนี้ 5 หมายถึง มีคุณภาพอยู่ในระดับมากที่สุด 4 หมายถึง มีคุณภาพอยู่ในระดับมาก 3 หมายถึง มีคุณภาพอยู่ในระดับปานกลาง 2 หมายถึง มีคุณภาพอยู่ในระดับน้อย 1 หมายถึง มีคุณภาพอยู่ในระดับน้อยที่สุด
346 แบบสอบถามคุณภาพในการจัดการศึกษาของโรงเรียน มาตรฐานการศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานตาม กฎกระทรวงฯ ระดับคุณภาพในการจัด การศึกษา ของโรงเรียน 5 4 3 2 1 ผลการจัดการศึกษา 1. นักเรียนมีน้ าหนัก ส่วนสูง และสมรรถภาพทางกายตามเกณฑ์ รวมทั้งรู้จักดูแลตนเองให้มีความปลอดภัย 2. นักเรียนมีสุนทรียภาพ 3. นักเรียนเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ หรือผู้ปกครอง 4. นักเรียนเป็นนักเรียนที่ดีของโรงเรียน 5. นักเรียนมีการบ าเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม 6. นักเรียนค้นคว้าหาความรู้จากการอ่านและใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ 7. นักเรียนเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ตรง ร่วมกับผู้อื่นทั้งในและนอก สถานศึกษา 8. นักเรียนมีความสามารถด้านการคิด 9. นักเรียนมีความสามารถในการปรับตัวเข้ากับสังคม 10. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยของ นักเรียน 11. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ของ นักเรียน 12. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ของ นักเรียน 13. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมของนักเรียน 14. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพล ศึกษาของนักเรียน 15. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพล ศึกษาของนักเรียน 16. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะของนักเรียน
347 มาตรฐานการศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานตาม กฎกระทรวงฯ ระดับคุณภาพในการจัดการศึกษา ของโรงเรียน 5 4 3 2 1 17. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ และเทคโนโลยีของนักเรียน 18. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาต่างประเทศของนักเรียน 19. ผลการพัฒนาให้บรรลุตามปรัชญา ปณิธาน/วิสัยทัศน์ พันธกิจ และวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งสถานศึกษา 20. ผลการพัฒนาตามจุดเน้นและจุดเด่นที่ส่งผลสะท้อน เอกลักษณ์ของสถานศึกษา 21. ผลการด าเนินงานโครงการพิเศษเพื่อส่งเสริมบทบาทของ สถานศึกษา 22. ผลการส่งเสริมพัฒนาสถานศึกษาเพื่อยกระดับมาตรฐาน รักษามาตรฐาน และพัฒนาสู่ความเป็นเลิศที่สอดคล้องกับ แนวทางการปฏิรูปการศึกษา การบริหารจัดการศึกษา 23. ประสิทธิภาพการบริหารจัดการตามบทบาทหน้าที่ของผู้บริหาร สถานศึกษา 24. ประสิทธิภาพของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน 25. บรรยากาศและสภาพแวดล้อมของสถานศึกษา การจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นส าคัญ 26. ประสิทธิผลของการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นส าคัญ 27. กระบวนการจัดการเรียนรู้ของครู การประกันคุณภาพภายใน 28. การประเมินคุณภาพภายในของสถานศึกษา 29. พัฒนาการของระบบการประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษา ตอนที่ 3 ความคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะเพิ่มเติม ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………..………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………...………..…………………………………………………………………………………………………………………… …………………………….………..……………………………………………………………………………………………………… ………………………………………….………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………….……….……………………………………………………………………………
348 …………………………………………………………………….……….………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………..…………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………..……………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………....…….………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………..…………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ..……………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ขอขอบพระคุณในความอนุเคราะห์เป็นอย่างยิ่ง และโปรดส่งกลับคืนมายังผู้บริหารสถานศึกษาโดยเร็วที่สุด
343 ที่ ศธ ๐๕๕๗.๐๗/พิเศษ ส ำนักงำนโครงกำรวิจัยของ สมศ. บัณฑิตวิทยำลัย มหำวิทยำลัยรำชภัฏนครศรีธรรมรำช อ ำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมรำช ๘๐๒๘๐ ๒๒ พฤษภำคม ๒๕๖๐ เรื่อง ขอควำมอนุเครำะห์เก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อกำรวิจัย เรียน ผู้บริหำรสถำนศึกษำ ครูคณะกรรมกำรสถำนศึกษำขั้นพื้นฐำน และผู้ปกครองนักเรียน สิ่งที่ส่งมาด้วย แบบสอบถำมควำมคิดเห็นเกี่ยวกับคุณภำพในกำรจัดกำรศึกษำของโรงเรียน จ ำนวน ๑ ชุด ด้วยกระผม ผู้ช่วยศำสตรำจำรย์ ดร. วีระยุทธ ชำตะกำญจน์ อำจำรย์ประจ ำมหำวิทยำลัย รำชภัฏนครศรีธรรมรำชได้รับกำรสนับสนุนจำก สมศ. ให้ท ำกำรศึกษำวิจัยเรื่อง กำรพัฒนำรูปแบบ กำรน ำผลกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำ ไปใช้ในกำรพัฒนำคุณภำพของสถำนศึกษำขั้นพื้นฐำนขนำดเล็ก ในภำคใต้ ทั้งนี้เพื่อกำรศึกษำประสิทธิผลของรูปแบบฯ ต่อกำรพัฒนำคุณภำพของสถำนศึกษำ จึงขอควำมอนุเครำะห์ท่ำน ได้อนุเครำะห์ตอบแบบสอบถำม จึงเรียนมำเพื่อโปรดพิจำรณำให้กำรอนุเครำะห์ พร้อมส่งกลับคืนแบบสอบถำมฉบับนี้ ต่อผู้บริหำรสถำนศึกษำโดยเร็วที่สุด และขอขอบพระคุณอย่ำงสูงมำ ณ โอกำสนี้ ขอแสดงควำมนับถือ (ผู้ช่วยศำสตรำจำรย์ ดร.วีระยุทธ ชำตะกำญจน์) ประธำนหลักสูตรปริญญำโท สำขำกำรบริหำรกำรศึกษำ บัณฑิตวิทยำลัย มหำวิทยำลัยรำชภัฏนครศรีธรรมรำช ส ำนักงำนโครงกำรวิจัยของ สมศ. โทรศัพท์ ๐๙๘-๐๒๕๙๔๒๒ โทรสำร ๐๗๕-๓๗๗๔๓๘
349 ภาคผนวก ข
350 รายชื่อผู้เชี่ยวชาญในการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือวิจัย 1. รองศาสตราจารย์ ดร. ประกอบ คุณารักษ์ อดีตหน้าภาควิชาบริหารการศึกษา และ อดีตคณบดีบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร คณบดีบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเชีย 2. รองศาสตราจารย์ ดร. ชูศักดิ์ เอกเพชร อดีตคณบดีบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ประธานหลักสูตรปริญญาโท สาขาการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฏร์ธานี รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัย ราชภัฏสุราษฎร์ธานี 3. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ดร. ประกอบ ใจมั่น อดีตรองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช กรรมการหลักสูตรปริญญาเอก สาขาการจัดการนวัตกรรมเพื่อการพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช
351 ภาคผนวก ค
352 รายชื่อผู้ทรงคุณวุฒิในการสัมภาษณ์เชิงลึก 1. รองศาสตราจารย์ ดร. วีระวัฒน์ อุทัยรัตน์ อดีตหัวหน้าภาควิชาบริหารการศึกษา คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้อ านวยการหลักสูตรศึกษาศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษาและภาวะผู้น า การเปลี่ยนแปลง มหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเชีย 2. รองศาสตราจารย์ ดร. ศิริชัย ชินะตังกูร อดีตหัวหน้าภาควิชาบริหารการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร อดีตคณบดีบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหาร มหาวิทยาลัยศิลปากร ผู้อ านวยการหลักสูตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี 3. รองศาสตราจารย์ดร. สมาน อัศวภูมิ อดีตประธานหลักสูตรปริญญาเอก สาขาการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
353 ภาคผนวก ง
354 รายชื่อผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญในการประเมินความเหมาะสมของรูปแบบ นักวิชาการ 1. ศาสตราจารย์ ดร. ธีระ รุญเจริญ ผู้อ านวยการหลักสูตรศึกษาศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล 2. รองศาสตราจารย์ ดร. วีระวัฒน์ อุทัยรัตน์ ผู้อ านวยการหลักสูตรศึกษาศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษาและภาวะผู้น า การเปลี่ยนแปลง มหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเชีย 3. รองศาสตราจารย์ ดร. สมคิด สร้อยน า ประธานหลักสูตรปริญญาเอก สาขาการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี 4. รองศาสตราจารย์ ดร. วัน เดชพิชัย กรรมการบริหารหลักสูตรปริญญาเอก สาขาการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ 5. รองศาสตราจารย์ ดร. สุพักตร์ พิบูลย์ คณบดีคณะศึกษาศาสตร์ วิทยาลัยนานาชาติเซนต์เทเรซา ผู้บริหารการศึกษาระดับสูงของกระทรวงศึกษาธิการ 6.ดร. ชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ 7. ดร. อรรถพล ตรึกตรอง ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ 8. ดร. วิษณุ ทรัพย์สมบัติ ผู้อ านวยการส านักทดสอบทางการศึกษา ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั นพื นฐาน 9. ดร. ชวลิต โพธิ์นคร ผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องมือวัดผล ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั นพื นฐาน 10. ดร. คมศร วงษ์รักษา อดีตรองผู้อ านวยการ สมศ. 11. ดร. เจียร ทองนุ่น ผู้อ านวยการส านักงานเขตพื นที่การศึกษา ประถมศึกษาพัทลุง เขต 1 12. ดร. ชูศักดิ์ ชูช่วย ผู้อ านวยการส านักงานเขตพื นที่การศึกษา ประถมศึกษาสุราษฏร์ธานี เขต 2 13. นายสันติ แสงระวี ผู้อ านวยการส านักงานเขตพื นที่การศึกษา ประถมศึกษาสงขลา เขต 1
355 14. นายชุมพล ศรีสังข์ ผู้อ านวยการส านักงานเขตพื นที่การศึกษา ประถมศึกษาสุราษฏร์ธานี เขต 1 15. นายนิสิต ชายภักตร์ ผู้อ านวยการส านักงานเขตพื นที่การศึกษา ประถมศึกษาตรัง เขต 1 ผู้บริหารสถานศึกษาที่ได้รับการยอมรับและประสบความส าเร็จในการบริหารสถานศึกษา 16. นายมนตรี เจียรมาศ ผู้อ านวยการเชี่ยวชาญ โรงเรียนบ้านทุ่งเกราะ สพป.นครศรีธรรมราช เขต 4 17. นายภักดี เหมทานนท์ ผู้อ านวยการเชี่ยวชาญ โรงเรียนเบญจมราชูทิศ สพม. 12 18. ดร. ปรีดา พ่วงกิ่ม ผู้อ านวยการช านาญการพิเศษ โรงเรียนวัดทุ่งแย้ สพป. นครศรีธรรมราช เขต 1 19. ดร. ศิริพร ใจห้าว ผู้อ านวยการช านาญการพิเศษ โรงเรียนวัดวิสุทธิยาราม สพป. นครศรีธรรมราช เขต 1 20. ดร.ปรีชา ปัญญานฤพล ผู้อ านวยการช านาญการพิเศษ โรงเรียนเสม็ดจวนวิทยาคม สพม. 12 21. ดร. ประชานนท์ ชนะราวี ผู้อ านวยการช านาญการพิเศษ โรงเรียนโมคลานประชาสรรค์สพม. เขต 12 22. ดร. อาภรณ์ อ่อนคง ผู้อ านวยการช านาญการพิเศษ โรงเรียนบ้านเกาะปราง สพป. นครศรีธรรมราช เขต 2 23. ดร. นวลใย สุทธิพิทักษ์ ผู้อ านวยการช านาญการพิเศษ โรงเรียนบ้านนาเคียน สพป. นครศรีธรรมราช เขต 1 24. ดร.สุภาวดี ดวงจันทร์ ผู้อ านวยการช านาญการพิเศษ โรงเรียนวัดโคกสมานคุณ สพป. สงขลา เขต 2 25. ดร.ปาลีวรรณ สิทธิการ ผู้อ านวยการช านาญการพิเศษ โรงเรียนชุมชนบ้านบ่อประดู่ สพป. สงขลา เขต 1
356 ภาคผนวก จ
357 รายชื่อผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญในการสัมมนาอิงผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ 1. รองศาสตราจารย์ ดร. วีระวัฒน์ อุทัยรัตน์ ผู้อ านวยการหลักสูตรศึกษาศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษาและภาวะผู้น า การเปลี่ยนแปลง มหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเชีย 2. รองศาสตราจารย์ ดร. วิเชียร ชิวพิมาย รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการและประกันคุณภาพ วิทยาลัยบัณฑิตเอเชีย 3. รองศาสตราจารย์ ดร. จ าเริญ ชูช่วยสุวรรณ อดีตรองคณบดีคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย ผู้บริหารการศึกษาระดับสูงของกระทรวงศึกษาธิการ 4. ดร. อรรถพล ตรึกตรอง ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ 5. ดร. เจียร ทองนุ่น ศึกษาธิการจังหวัดนครศรีธรรมราช 6. ว่าที่ ร.ท. ดร. สุเวศ กลับศรี รองผู้อ านวยส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 2 ผู้บริหารสถานศึกษาที่ได้รับการยอมรับและประสบความส าเร็จในการบริหารสถานศึกษา 7. ดร.สุนทรัสส์ เพชรรักษ์ค าด้วง ผู้อ านวยการช านาญการพิเศษ โรงเรียนเมืองนครศรีธรรมราช สพม.12 8. ดร. ปรีดา พ่วงกิ่ม ผู้อ านวยการช านาญการพิเศษ โรงเรียนวัดทุ่งแย้ สพป. นครศรีธรรมราช เขต 1 9. ดร. อาภรณ์ อ่อนคง ผู้อ านวยการช านาญการพิเศษ โรงเรียนบ้านเกาะปราง สพป. นครศรีธรรมราช เขต 2
358 ภาคผนวก ฉ
359 รายชื่อผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐานขนาดเล็กในการสนทนากลุ่มผู้ปฏิบัติ 1. นายธวัช ค านวณ ผู้อ านวยการโรงเรียนปากพูน สหวิทยาเขตกัลยาณีสพม. 12 2. นายอนันทน์ แดงเรือง ผู้อ านวยการโรงเรียนทางพูนวิทยาคาร สหวิทยาเขตพระพรหม สพม. 12 3. นายพงศ์สิทธิ์ สิริกาญจน์ ผู้อ านวยการโรงเรียนทุ่งสงสหประชาสรรค์ สหวิทยาเขตสตรีทุ่งสง สพม. 12 4. นายณัฐวุฒิ รัตนอรุณ ผู้อ านวยการโรงเรียนคีรีราษฎร์พัฒนา สหวิทยาเขตร่อนพิบูลย์-จุฬาภรณ์สพม. 12 5. นางสาวกัญญ์พิดา จงคง ผู้อ านวยการโรงเรียนนางเอื้อยวิทยา สหวิทยาเขตต้นน้ าตาปีสพม. 12 6. นางวิมล หนูชุม ผู้อ านวยการโรงเรียนทุ่งสังพิทยาคม สหวิทยาเขตทุ่งใหญ่สพม. 12 7. นายอรุณรักษ์ จันทรศรี ผู้อ านวยการโรงเรียนอินทร์วิทยาคม สหวิทยาเขตปากพนัง สพม. 12 8. นายสมศักดิ์ คงแป้น ผู้อ านวยการโรงเรียนธัญญาวดีศึกษา สหวิทยาเขตสตรีปากพนัง-เชียรใหญ่ สพม. 12 9. นายประเสริฐ ธานีรัตน์ ผู้อ านวยการโรงเรียนขอนหาดประชาสรรค์ สหวิทยาเขตชะอวด สพม. 12 10. นายกิตติชัย ไชยศร ผู้อ านวยการโรงเรียนฉลองรัฐราษฎร์อุทิศ สหวิทยาเขตสิชล-ขนอม สพม. 12 11. นายการุณ ชูช่วย ผู้อ านวยการโรงเรียนหานโพธิ์พิทยาคม สหวิทยาเขตสตรีพัทลุง สพม. 12 12. นางนฤนันท์ เพชรสุวรรณ ผู้อ านวยการโรงเรียนอุดมวิทยายน สหวิทยาเขตควนขนุน สพม. 12 13. นางกัณญารัตน์ แรกรุ่น ผู้อ านวยการโรงเรียนวัดมะม่วงสองต้น สพป.นศ. 1 14. ดร.ศิริพร ใจห้าว ผู้อ านวยการโรงเรียนวัดวิสุทธิยาราม สพป.นศ. 1 15. นายวีระ นิลวิเชียร ผู้อ านวยการโรงเรียนวัดท่านคร สพป.นศ. 1
360 16. นางสาวสุพรรณี สุวรรณเจริญ ผู้อ านวยการโรงเรียนบ้านทวดเหนือ สพป.นศ. 1 17. นางมาลีพันธ์ ภูมา ผู้อ านวยการโรงเรียนวัดพงสิงห์ สพป.นศ. 1 18. นางพิมพ์มณี เชาวลิต ผู้อ านวยการโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 4 สพป.นศ. 1 19. นางสาวรัตนาภรณ์ นะขาว ผู้อ านวยการโรงเรียนวัดหนองแตน สพป.นศ. 1 20. นายระวี เฉตาไพย ผู้อ านวยการโรงเรียนบ้านห้วยยูง สพป.นศ. 1 21. นายประภาส ชูขาว ผู้อ านวยการโรงเรียนวัดท่าช้าง สพป.นศ. 1 22. นายปรีชา ลังแท้กุล ผู้อ านวยการโรงเรียนวัดห้วยพระ สพป.นศ. 1 23. นายสมพร ไชยฉิม ผู้อ านวยการโรงเรียนวัดสระเพลง สพป.นศ. 1 24. นางรวีวรรณ ชัยทอง ผู้อ านวยการโรงเรียนบ้านปลายคลอง สพป.นศ. 1 25. นายอภิชาติ ค าแก้ว ผู้อ านวยการโรงเรียนวัดใหม่ทอน สพป.นศ. 1
361 ภาคผนวก ช
362 ประมวลภาพถ่ายในงานวิจัย (การสัมมนาอิงผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญ)
363
364 ประมวลภาพถ่ายในงานวิจัย (การสนทนากลุ่มผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐานขนาดเล็ก)
365
366 ประมวลภาพถ่ายในงานวิจัย (การปรับแผนปฏิบัติการประจ าปีของโรงเรียนวัดหนองแตน)
367 ประมวลภาพถ่ายในงานวิจัย (ศึกษาธิการจังหวัดตรวจเยี่ยมโรงเรียนวัดหนองแตน)
ภาคผนวก ซ
คู่มือการน ารูปแบบไปใช้ ของรูปแบบการน าผลการประกันคุณภาพการศึกษาไปใช้ ในการพัฒนาคุณภาพของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานขนาดเล็กในภาคใต้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วีระยุทธ ชาตะกาญจน์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช ทุนอุดหนุนการวิจัยจากส านักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา ประจ าปีงบประมาณ 2559
ค าน า รูปแบบที่ผู้วิจัยได้พัฒนาขึ้น โดยอาศัยข้อมูลจากแนวคิดเชิงทฤษฎี ผลการศึกษาสภาพปัจจุบัน และความต้องการในการน าผลการประกันคุณภาพการศึกษาไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพของสถานศึกษา ขั้นพื้นฐานขนาดเล็กในภาคใต้จากการศึกษาเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ ผลการสัมภาษณ์เชิงลึก ผู้ทรงคุณวุฒิทางการบริหารคุณภาพและการประกันคุณภาพการศึกษา 3 ท่าน ผลการสอบถาม ความเหมาะสมและความเป็นไปได้ของร่างรูปแบบจากผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญ 25 ท่าน ผลการสัมมนาอิง ผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญ 9 ท่าน ผลการสนทนากลุ่มผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐานขนาดเล็ก 25 ท่าน พร้อมกับผลการทดลองใช้รูปแบบในสถานศึกษาขั้นพื้นฐานขนาดเล็ก โดยรูปแบบนี้มีลักษณะ เป็นรูปแบบเชิงข้อความ (Semantic Model) ในการบรรยาย อธิบายปรากฏการณ์ที่ศึกษาด้วยภาษา แผนภูมิ เพื่อให้เห็นโครงสร้างของความคิด องค์ประกอบ และความสัมพันธ์ของรูปแบบที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น โดยมีส่วนประกอบ 10 ส่วน คือ 1) ชื่อรูปแบบ 2) หลักการและเหตุผล3) วัตถุประสงค์4) หลักการแนวคิด และข้อมูลที่น ามาใช้ในการออกแบบรูปแบบ 5) แนวคิดและค่านิยมหลักของรูปแบบ 6) นิยามศัพท์เฉพาะ ที่ใช้ในรูปแบบ 7) กลไกและกระบวนการบริหารของรูปแบบ 8) แนวทางการด าเนินงานของรูปแบบ 9) เงื่อนไขและข้อจ ากัดของรูปแบบ 10) แนวทางการน ารูปแบบไปใช้ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความชัดเจน ในเชิงปฏิบัติมากยิ่งขึ้นส าหรับผู้ที่ประสงค์จะน ารูปแบบนี้ไปใช้ผู้วิจัยจึงได้จัดท าคู่มือการน ารูปแบบ ไปใช้ฉบับนี้ขึ้น ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วีระยุทธ ชาตะกาญจน์ ประธานหลักสูตรปริญญาโท สาขาการบริหารการศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช
สารบัญ หน้า ชื่อรูปแบบ ………………………………………………………………………………………………………… 372 หลักการและเหตุผลของรูปแบบ …………………………………………………………………………….. 372 วัตถุประสงค์ของรูปแบบ ……………………………………………………………………………………………………… 375 หลักการ แนวคิด และข้อมูลที่น ามาใช้ในการออกแบบรูปแบบ ………………………………………………….. 376 แนวคิดและค่านิยมหลักของรูปแบบ …………………………………………………………………………………… 378 นิยามศัพท์เฉพาะที่ใช้ในรูปแบบ ………………………………………………………………………………………. 379 กลไกและกระบวนการบริหารของรูปแบบ …………………………………………………………………………………. 381 แนวทางการด าเนินงานของรูปแบบ ………………………………………………………………………………………. 384 เงื่อนไขและข้อจ ากัดของรูปแบบ ………………………………………………………………………………………….. 390 แนวทางการน ารูปแบบไปใช้……………………………………………………………………………………………... 391 บรรณานุกรม …………………………………………………………………………………………………………………. 393 ภาคผนวก 1 การตรวจสอบผลการประกันคุณภาพการศึกษาส าหรับการน าไปใช้ ในการพัฒนาคุณภาพของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานขนาดเล็กในภาคใต้………………… 395 ภาคผนวก 2 ตัวอย่างโครงการในแผนปฏิบัติการประจ าปีการศึกษา 2560 ของโรงเรียน ที่ทดลองใช้รูปแบบ ................................................................................................. 401
372 1. ชื่อรูปแบบ รูปแบบการน าผลการประกันคุณภาพการศึกษาไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพของสถานศึกษา ขั้นพื้นฐานขนาดเล็กในภาคใต้: IPOF_UREd.QA Model (Input Process Output Feedback for Using the Results from Educational Quality Assurance Model) 2. หลักการและเหตุผลของรูปแบบ หลักการส าคัญของการจัดการศึกษาโดยทั่วไป มีความมุ่งหมายเพื่อพัฒนาเด็กและเยาวชน ให้ส าเร็จการศึกษาอย่างมีคุณภาพ มีประสิทธิภาพ เต็มตามศักยภาพของแต่ละคน สามารถร่วมพัฒนาสังคม อย่างสร้างสรรค์ทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งเป็นผู้สามารถตัดสินใจได้อย่างมีเหตุผล ตลอดจนเป็นบุคคล แห่งการเรียนรู้ และปรับตัวได้ทันกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี (กระทรวงศึกษาธิการ, 2557 : 17) แต่ในสภาพความเป็นจริงพบว่าการจัดการศึกษาของประเทศไทยที่ผ่านมาประสบผลส าเร็จเป็นที่น่าพอใจ ไม่มากนัก ในขณะที่มีปัญหาหลายประการสะสมอยู่ กล่าวคือ ยังไม่สามารถจัดการศึกษาได้ทั่วถึง และครอบคลุม อีกทั้งความรู้ ทักษะ และประสบการณ์ของผู้จบการศึกษาในแต่ละระดับยังไม่เพียงพอ ต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น ไม่สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงของสังคมตามกระแสโลกาภิวัตน์ คุณภาพการจัดการศึกษาในด้านการพัฒนาอาคารสถานที่ อุปกรณ์ครุภัณฑ์ บุคลากรทางการศึกษา การจัดการเรียนการสอน การบริหารจัดการ ตลอดจนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนยังไม่เป็นที่พึงพอใจ อีกทั้ง มีความแตกต่างกันมากในมาตรฐานและคุณภาพของสถานศึกษา ท าให้ผู้ปกครองเกิดค่านิยมในการส่งบุตรหลาน เข้าเรียนในสถานศึกษาที่มีคุณภาพและมีชื่อเสียง(ประกอบ คุณารักษ์ และคณะ,2543 :53)กระทรวงศึกษาธิการ จึงได้ก าหนดเป้าประสงค์ของการจัดการศึกษาว่า ให้มุ่งการจัดการศึกษาที่เป็นเลิศ ให้ความส าคัญกับ การประกันคุณภาพการศึกษา ด้วยการท าให้โรงเรียนมีคุณภาพ การเรียนการสอนมีคุณภาพ ห้องเรียน มีคุณภาพ และผลการศึกษาของผู้เรียนมีคุณภาพได้มาตรฐานสูงในระดับสากลภายในปี พ.ศ. 2560 (กระทรวงศึกษาธิการ, 2558 : 5-6) การประกันคุณภาพการศึกษาเป็นแนวทางในการบริหารที่มีพื้นฐานมาจากการบริหารทางธุรกิจ และอุตสาหกรรม ซึ่งมุ่งเน้นการใช้วิธีการบริหารที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคสินค้า และผู้ใช้บริการให้ได้รับสิ่งที่มีคุณภาพถึงระดับมาตรฐานที่ก าหนด การประกันคุณภาพการศึกษา จึงเป็นกระบวนการหรือกลไกที่ด าเนินการเพื่อให้เกิดการรักษา ปรับปรุง และพัฒนาคุณภาพการศึกษา ให้ได้มาตรฐานคุณภาพอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นการประกันคุณภาพของกระบวนการบริหารและการบริการ ทางการศึกษาทั้งระบบ เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายเกิดความมั่นใจในคุณภาพของผู้ส าเร็จการศึกษา และเชื่อถือคุณภาพของโรงเรียน ระบบการบริหารที่ให้ความส าคัญกับการวางแผนเพื่อป้องกัน และแก้ไขปัญหา มีการก ากับ ควบคุม ตรวจสอบการด าเนินการทุกขั้นตอน มีการรักษา ปรับปรุง พัฒนากระบวนการท างานอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้งานในทุกส่วนของโรงเรียนด าเนินการไปด้วย ความราบรื่น มีประสิทธิภาพ และเกิดประสิทธิผล จึงเรียกว่าเป็นระบบการประกันคุณภาพการศึกษา (Vroman & Luchsinger,1994 : 329) การจัดการในเรื่องการประกันคุณภาพการศึกษา ได้มีการระบุไว้อย่างชัดเจนในพระราชบัญญัติ การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 โดยก าหนดจุดหมายและหลักการของการจัดการศึกษาที่ต้องมุ่งเน้น คุณภาพมาตรฐาน ไว้ในหมวด 6 มาตรฐานและการประกันคุณภาพการศึกษา ว่าการประกันคุณภาพการศึกษา
373 ต้องประกอบด้วย ระบบการประกันคุณภาพภายในและระบบการประกันคุณภาพภายนอก (ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ, 2545 : 28)การประกันคุณภาพการศึกษาเป็นกลไกส าคัญ ในการพัฒนาคุณภาพของสถานศึกษาซึ่งถือว่าเป็นหน้าที่ของบุคลากรทุกคนทั้งในและนอกสถานศึกษา โดยการด าเนินการต้องยึดหลักการมีส่วนร่วมและการกระจายอ านาจให้ทุกฝ่ายได้เข้ามาก าหนด นโยบาย วางแผน ก ากับ ติดตาม และประเมินผลการด าเนินงาน ได้ร่วมกันพัฒนาและปรับปรุง ให้สถานศึกษามีคุณภาพตามเป้าหมายและมาตรฐานที่ก าหนดไว้ซึ่งกระบวนการพัฒนาระบบ การประกันคุณภาพการศึกษาต้องเป็นไปอย่างต่อเนื่องตามวงจรการบริหาร PDCA จนกลายเป็น วัฒนธรรมและวิถีชีวิตการท างานของบุคลากรทุกฝ่ายในสถานศึกษา ทั้งนี้เพื่อให้ผู้เรียนได้รับ การศึกษาที่ดีมีคุณภาพ เป็นไปตามความต้องการของผู้ปกครอง ชุมชน สังคม และประเทศชาติ การประกันคุณภาพภายในเป็นการสร้างระบบและกลไกเพื่อการประเมิน ติดตาม ตรวจสอบ และพัฒนาคุณภาพในการท างานของสถานศึกษาให้เป็นไปตามนโยบาย เป้าประสงค์และระดับคุณภาพ ตามมาตรฐานที่ก าหนดโดยสถานศึกษา และ/หรือหน่วยงานต้นสังกัด ส าหรับการประกันคุณภาพภายในนั้น หน่วยงานต้นสังกัดและสถานศึกษาจะต้องด าเนินการให้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการบริหารการศึกษา ที่กระท าอย่างต่อเนื่องตลอดจนจัดท ารายงานเสนอต่อหน่วยงานต้นสังกัด หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และ เปิดเผยต่อสาธารณชนเป็นประจ าทุกปี เพื่อน าไปสู่การพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษา และ เพื่อรองรับการประเมินคุณภาพภายนอกโดยส านักงานรับรองมาตรฐานและประเมิน คุณภาพ การศึกษา (สมศ.) การประกันคุณภาพการศึกษาภายนอกเป็นการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินคุณภาพ และมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาโดยส านักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษาใน 3 มิติ คือ ความตระหนักถึงความส าคัญของการพัฒนาการศึกษาให้ได้มาตรฐาน ความพยายามในการพัฒนาคุณภาพ ให้ได้มาตรฐาน และผลสัมฤทธิ์ของการด าเนินงานตามมาตรฐานที่ก าหนด (ส านักงานรับรองมาตรฐาน และประเมินคุณภาพการศึกษา, 2545 : 25) การประกันคุณภาพภายนอกที่รับผิดชอบโดยส านักงาน รับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) นั้น พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 ได้ก าหนดให้สถานศึกษาทุกแห่งต้องได้รับการประเมินคุณภาพภายนอกอย่างน้อย 1 ครั้ง ในทุกระยะ 5 ปี โดยการประเมินในช่วง พ.ศ. 2559-2562 โรงเรียนจะได้รับการประเมินคุณภาพการศึกษาในรอบที่ 4 จากส านักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ หมวด 6 มาตรา 48 ระบุว่าให้หน่วยงานต้นสังกัดและ สถานศึกษาจัดให้มีระบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา และให้ถือว่าการประกันคุณภาพภายใน เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการบริหารการศึกษา แต่ความจริงที่ปรากฏพบว่าการประกันคุณภาพ การศึกษาและกระบวนการบริหารได้แยกส่วนกันปฏิบัติ และนอกจากนี้กระบวนการขั้นตอน ของการประกันคุณภาพที่มีอยู่ 3 ขั้นตอน คือ การควบคุม การตรวจสอบ และการประเมินคุณภาพนั้น ส่วนใหญ่จะน ามาใช้ในส่วนของการประเมินคุณภาพเท่านั้นและใช้อย่างไม่จริงจัง หลังจากประเมิน แล้วก็จะน ามาเขียนรายงานการประเมินตนเอง (Self-Assessment Report : SAR) โดยการเขียนนี้ จะขึ้นอยู่กับความสามารถของบุคลากรและความต้องการของผู้บริหารหรือผู้เกี่ยวข้องทั้งเจตนาและไม่เจตนา จึงไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงของสถานศึกษาเพียงพอ นอกจากนี้ก็ไม่น าผลการประเมินโดยเฉพาะ ในประเด็นที่บกพร่องไปใช้ในการปรับปรุงแก้ไข ซึ่งปรัชญาของการประเมิน คือ การพัฒนา เมื่อไม่น าผล
374 การประกันคุณภาพไปพัฒนาสถานศึกษาหรือน าไปใช้น้อยกว่าที่ควรแล้ว ก็ถือว่าการด าเนินงาน ในขั้นตอนอื่น ๆ เป็นการสูญเปล่ามาก จึงอาจกล่าวได้ว่า ในทางปฏิบัติแล้วการประกันคุณภาพการศึกษา ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการบริหารจัดการตามที่กฎหมายก าหนดไว้ ปัญหาของระบบการประกันคุณภาพ การศึกษาในโรงเรียนขนาดเล็กจึงต้องได้รับการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม มิฉะนั้นจะส่งผลต่อคุณภาพของผู้เรียน และคุณภาพของสถานศึกษา รวมทั้งความมั่นใจของสังคมต่อคุณภาพของการจัดการศึกษาอีกด้วย ในการพัฒนาสถานศึกษาให้มีคุณภาพจ าเป็นต้องใช้ผลการประเมิน (Evaluation Utilization) ให้เป็นกระบวนการขับเคลื่อนในการท างาน โดยต้องน าผลหรือสารสนเทศที่ได้จากการประเมิน มาประกอบกับการวางแผนเพื ่อให้เกิดการเปลี ่ยนแปลงของนโยบายหรือการปฏิบัติงาน และ ช่วยในการตัดสินใจของผู้บริหารเกี่ยวกับการวางแผนและด าเนินงาน ก่อให้เกิดวงจรการท างานเชิงคุณภาพ เป็นไปอย่างต่อเนื่อง (ศิริวัฒน์ วรนาม, 2540 : 135) เป้าหมายส าคัญของการประเมิน คือ การได้สารสนเทศ ส าหรับน าไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาคุณค่าของสิ่งที่มุ่งประเมิน (ศิริชัย กาญจนวาสี, 2550 : 151) ดังนั้นในการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาและการประกันคุณภาพภายนอกสถานศึกษาที่จะท าให้เกิด ประโยชน์และคุ้มค่า ผู้ที่เกี่ยวข้องจึงควรน าผลการประเมินและข้อเสนอแนะไปใช้ในการปรับปรุงและ พัฒนาสถานศึกษา เพื่อให้สถานศึกษาสามารถด าเนินการจัดการศึกษาได้อย่างมีคุณภาพมากขึ้น (Castetter, 1992 : 3) ซึ่งการพัฒนาสถานศึกษาให้สามารถเป็นแบบอย่างที่มีคุณภาพ งานบรรลุ ตามวัตถุประสงค์ เป้าหมายการจัดการศึกษา ตามแนวปฏิรูปการศึกษาและมาตรฐานการจัดการศึกษา ขั้นพื้นฐาน และสามารถก้าวสู่ความเป็นเลิศได้นั้น สถานศึกษาทุกแห่งจ าเป็นต้องเรียนรู้ถึงเทคนิค การบริหารจัดการคุณภาพสมัยใหม่โดยเฉพาะเกณฑ์คุณภาพการศึกษาเพื่อด าเนินการที่เป็นเลิศ การบริหารการเปลี่ยนแปลง และแนวคิดการบริหารจัดการในสถานศึกษาแบบร่วมคิดร่วมท า น่าจะเป็น นวัตกรรมทางการบริหารการศึกษาที่ควรได้รับการประยุกต์ใช้เพื่อช่วยท าให้คุณภาพของสถานศึกษาได้มาตรฐาน มีระบบการประกันคุณภาพการศึกษาที่มีประสิทธิผลสูงขึ้น อันจะท าให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เกิดความมั่นใจต่อคุณภาพของสถานศึกษาสูงขึ้น อย่างไรก็ตามปัญหาของโรงเรียนขนาดเล็กเป็นสิ่งท้าทายผู้บริหารมาตลอดทุกยุคสมัย กระทรวงศึกษาธิการได้พยายามแก้ปัญหาโรงเรียนขนาดเล็กมาอย่างต่อเนื่อง แต่อัตราการเกิด ของประชากรได้ลดลงตามล าดับ ส่งผลให้จ านวนประชากรในวัยระดับประถมศึกษาที่มีอายุในช่วง 6-12 ปี ลดลง ดังนั้น จึงท าให้นักเรียนที่เป็นตัวป้อนให้แก่โรงเรียนประถมศึกษาจึงลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโรงเรียนขนาดเล็กที่สังกัดส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาในเขตจังหวัดภาคใต้ในปีการศึกษา 2559 ซึ่งมีอยู่ถึง 2,505 โรงเรียน จากโรงเรียนทั้งหมด 4,311 โรงเรียน ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 58.11 จากการ ที่มีโรงเรียนขนาดเล็กเป็นจ านวนมาก ย่อมส่งผลประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ โดยเฉพาะการ บริหารอัตราก าลังครูและเมื่อวิเคราะห์คุณภาพทางการศึกษาพบว่า โรงเรียนขนาดเล็กได้เป็นที่รองรับ นักเรียนที่มีพื้นฐานของครอบครัวที่ยากจน ท าให้เกิดข้อเสียเปรียบในการจัดการศึกษาของสถานศึกษา หลายประการ ซึ่งจากการศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของส านักทดสอบทางการศึกษาในปีการศึกษา 2556 พบข้อมูลที่สอดคล้องกัน คือ นักเรียนในโรงเรียนขนาดเล็กทุกช่วงชั้นในทุกเขตพื้นที่การศึกษามีค่าเฉลี่ย ของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ ากว่านักเรียนจากโรงเรียนขนาดกลางและขนาดใหญ่ อีกทั้งผลการประเมิน มาตรฐานของส านักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษาที่ได้ด าเนินการประเมินคุณภาพ ภายนอกสถานศึกษา รอบที่ 3 (พ.ศ. 2554-2558)ของสถานศึกษาในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พบว่ามี
375 โรงเรียนได้รับรองมาตรฐานทั้งสิ้น 4,185 โรงเรียน คิดเป็นร้อยละ 53.72 และไม่ได้รับรองมาตรฐาน 3,606 โรงเรียน คิดเป็นร้อยละ 46.28 โดยโรงเรียนที่ไม่ได้รับรองมาตรฐานนั้นเป็นโรงเรียนขนาดเล็ก ถึง 3,025 โรงเรียน คิดเป็นร้อยละ 47.99 ของโรงเรียนขนาดเล็กทั้งหมด (ส านักงานรับรองมาตรฐาน และประเมินคุณภาพการศึกษา, 2557) ประกอบกับข้อมูลผลการประเมินคุณภาพภายนอกสถานศึกษา รอบที่ 3 (พ.ศ. 2554-2558) ของสถานศึกษาขนาดเล็กระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานในภาคใต้ จากส านักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษาในปี พ.ศ. 2559 พบว่าในจ านวน โรงเรียนทั้งหมด 1,174 โรงเรียน ได้มีสถานศึกษาขนาดเล็กในภาคใต้ที่ได้รับการรับการรับรองมาตรฐาน 680 โรงเรียน คิดเป็นร้อยละ 57.92 และไม่รับรองมาตรฐานถึง 494 โรงเรียน คิดเป็นร้อยละ 42.08 ดังนั้น การพัฒนารูปแบบการน าผลการประกันคุณภาพการศึกษาไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพ ของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานขนาดเล็กในภาคใต้จึงมีความจ าเป็นต้องด าเนินการเป็นอย่างยิ่งพร้อมกับ ผลการศึกษาสภาพปัจจุบันและความต้องการในการน าผลการประกันคุณภาพการศึกษาไปใช้ ในการพัฒนาคุณภาพของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานขนาดเล็กในภาคใต้ พบว่าการน าผลการประกันคุณภาพ การศึกษาไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพของสถานศึกษา ขั้นพื้นฐานขนาดเล็กในภาคใต้ภาพรวมมีระดับ การน าไปใช้ในปัจจุบันตามเกณฑ์คุณภาพการศึกษาเพื่อด าเนินการที่เป็นเลิศอยู่ในระดับปานกลาง โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 2.78 และเมื่อพิจารณาเป็นรายหมวดเกือบทุกหมวดมีระดับการน าไปใช้อยู่ในระดับ ปานกลางเช่นเดียวกัน ยกเว้นหมวดการน าองค์กรระดับการน าไปใช้อยู่ในระดับน้อยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 2.06 โดยทุกหมวดจะมีค่าเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 2.06 -3.49 และหากเมื่อพิจารณาความต้องการน าผลการประกัน คุณภาพการศึกษาไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานขนาดเล็กในภาคใต้ตามเกณฑ์ คุณภาพการศึกษาเพื่อด าเนินการที่เป็นเลิศในอนาคต ภาพรวมจะอยู่ในระดับมากที่สุดโดยมีค่าเฉลี่ย เท่ากับ 4.74 และเมื่อพิจารณารายละเอียดเป็นรายหมวด ทุกหมวดจะมีระดับความต้องการน าไปใช้ ในอนาคตอยู่ในระดับมากที่สุดเช่นเดียวกัน โดยจะมีค่าเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 4.57 - 4.81 พร้อมผลการศึกษา ข้อมูลเชิงคุณภาพของกรณีศึกษาโรงเรียนขนาดเล็ก 3 โรงเรียน ผลการสัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิทางด้าน การบริหารคุณภาพและการประกันคุณภาพการศึกษา 3 ท่าน ผลการสอบถามผู้ทรงคุณวุฒิและ ผู้เชี่ยวชาญ 25 ท่าน ผลการสัมมนาอิงผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญ 9 ท่าน และผลการสนทนากลุ่ม ผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐานขนาดเล็ก 25 ท่าน พร้อมกับผลการทดลองใช้รูปแบบในสถานศึกษา ขั้นพื้นฐานขนาดเล็ก จึงได้ก าหนดรายละเอียดของรูปแบบดังต่อไปนี้ 3. วัตถุประสงค์ของรูปแบบ 1. เพื่อสร้างรูปแบบการน าผลการประกันคุณภาพการศึกษาไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพ ของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานขนาดเล็กที่สอดคล้องกับบริบทของภาคใต้ 2. เพื่อพัฒนาแนวทางในการพัฒนาคุณภาพของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานขนาดเล็กในภาคใต้ ให้มีความเป็นเลิศทั้งระบบด้วยการใช้ข้อมูลและสารสนเทศจากผลการประกันคุณภาพการศึกษา
376 4. หลักการ แนวคิด และข้อมูลที่น ามาใช้ในการออกแบบรูปแบบ 1. หลักการของการจัดระบบการประกันคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน การพัฒนาระบบการประกันคุณภาพการศึกษ าของสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้ยึดหลักการ 3 ประการ คือ 1) การกระจายอ านาจ (Decentralization) สถานศึกษามีอิสระและ มีความคล่องตัวในการบริหาร และตัดสินใจด าเนินงาน ทั้งด้านการบริหารงานวิชาการ งบประมาณ บุคลากร และทรัพยากร การจัดสิ่งอ านวยความสะดวกและผู้สอนท าบทบาทหน้าที่ในการสอน จัดกิจกรรม และพัฒนาสื่อเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียนให้บรรลุผลตามจุดหมายของหลักสูตรได้อย่างเต็มที่ สามารถจัดการศึกษาได้สอดคล้องกับสภาพพื้นที่ ความต้องการของชุมชนและสังคมได้มากที่สุด 2) การเปิดโอกาสการมีส่วนร่วมในการท างาน (Participation) หน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้ประกอบการ ภูมิปัญญาท้องถิ่น/ปราชญ์ชาวบ้าน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ทั้งในฐานะเป็นคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือคณะท างานในส่วนอื่น ๆ ของสถานศึกษาโดยมีการร่วมกันคิด ตัดสินใจ สนับสนุน ส่งเสริม และติดตามตรวจสอบการด าเนินงาน ตลอดจนร่วมภาคภูมิใจในความส าเร็จของสถานศึกษา และ 3)การแสดงภาระรับผิดชอบที่ตรวจสอบได้(Accountability) มาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา เป็นเป้าหมาย (Goals) ที ่ผู้เรียน ผู้ปกครอง และชุมชนต้องได้รับรู้เพื ่อการพัฒนาร่วมกันและ เพื ่อการติดตามตรวจสอบการด าเนินงานของสถานศึกษาว่าสามารถน าพาผู้เรียนไปสู่มาตรฐาน ที่ได้ก าหนดร่วมกันไว้หรือไม่จากเป้าหมายและจุดเน้นการพัฒนาดังกล่าวสถานศึกษาต้องสร้างการมีส่วนร่วม ในการจัดท าแผนพัฒนาคุณภาพสถานศึกษา (School Improvement Plan) เลือกกลวิธีการพัฒนาที่เหมาะสม และสามารถท าให้เกิดผลได้อย่างเป็นรูปธรรม มีการประชาสัมพันธ์เป้าหมายและจุดเน้นที่ต้องการพัฒนา ให้ทุกฝ่ายได้รับรู้เพื่อเป็นสัญญาประชาคมและเพื่อให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมีทิศทางการท างานที่ชัดเจน สู่เป้าหมายเดียวกัน 2. แนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนารูปแบบ ในการพัฒนารูปแบบนั้นไม่มีข้อก าหนดที่แน่นอนว่าจะต้องด าเนินการอย่างไร แต่จากการศึกษาแนวคิด ทฤษฎี พบว่าแนวทางในการพัฒนารูปแบบส่วนมากมี4 ขั้นตอน คือ 1) การทบทวนวรรณกรรมโดยการศึกษาเอกสาร แนวคิด ทฤษฎีองค์ความรู้เกี่ยวกับรูปแบบ ที่จะพัฒนาให้ชัดเจน 2) การสัมภาษณ์นักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญ 3) การพัฒนารูปแบบ และ 4) การประเมินรูปแบบ 3. แนวคิดของเกณฑ์คุณภาพการศึกษาเพื่อการด าเนินการที่เป็นเลิศใน 7 องค์ประกอบ ปี2016-2018 (Education Criteria for Performance Excellence ; EdPEx) ซึ่งได้แก่ 1) การน าองค์กร 2) การวางแผนกลยุทธ์ 3) การมุ่งเน้นผู้เรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย 4) การวัด การวิเคราะห์ และการจัดการความรู้ 5) การมุ่งเน้นครูและบุคลากร 6) การจัดการกระบวนการ
377 7) ผลลัพธ์ 4. แนวคิดเกี่ยวกับการบริหารการเปลี่ยนแปลง เป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงสภาพ ในปัจจุบันไปสู่สภาพที่ต้องการในอนาคต ประกอบด้วยขั้นตอนการบริหาร 3 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนที่ 1 การเตรียมการเปลี่ยนแปลง (Preparing for Change) เป็นการเตรียมความพร้อม ขององค์กรก่อนด าเนินการตามเป้าหมายที่ร่วมกันวางไว้ ประกอบด้วยกระบวนการด าเนินงาน 6 กระบวนการ ได้แก่ 1) การวิเคราะห์สถานศึกษา 2) การก าหนดเป้าหมาย 3) การสร้างทีม 4) การประเมินความสามารถในการเปลี่ยนแปลง 5) การสร้างเครือข่ายความร่วมมือ 6) การสื่อสาร ขั้นตอนที่ 2 การจัดการการเปลี่ยนแปลง (Managing Change) เป็นการด าเนินการ ให้บรรลุเป้าหมายที่ได้ร่วมกันวางไว้ ประกอบด้วยกระบวนการด าเนินงาน 4 กระบวนการ ได้แก่ 1) การออกแบบแผน 2) การวางแผน 3) การน าแผนสู่การปฏิบัติ 4) การประเมินผล ขั้นตอนที่ 3 การเสริมแรงการเปลี่ยนแปลง (Reinforcing Change) เป็นการด าเนินการ หลังจากด าเนินงานเป็นระยะ ๆ และเมื่อการด าเนินการบรรลุเป้าหมายที่ได้ร่วมกันวางไว้ประกอบด้วย กระบวนการ 5 กระบวนการ ได้แก่ 1) การให้ข้อมูลย้อนกลับ (Feedback) แก่สถานศึกษา 2) การทบทวนหลังการปฏิบัติงาน (After Action Review) 3)การเผยแพร่ผลการปฏิบัติงานที่ประสบความส าเร็จแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องและบุคคลทั่วไป ทั้งภายในและภายนอกสถานศึกษา 4) การยกย่อง ชื่นชม ความส าเร็จ 5) การเพิ่มพลังอ านาจแก่บุคลากร 5. แนวคิดเกี่ยวกับการบริหารจัดการในสถานศึกษาแบบร่วมคิดร่วมท า ซึ่งกระบวนการ บริหารจัดการในสถานศึกษาแบบร่วมคิดร่วมท า ประกอบไปด้วยขั้นตอนต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ 1) การก าหนดเป้าหมายและวิเคราะห์ปัญหา/ความต้องการ (Goal Setting and Need Identification) 2) การก าหนดนโยบาย (Policy Making) 3) การวางแผน (Planning) 4) การก าหนดงบประมาณ (Budgeting)
378 5) การน าแผนไปปฏิบัติ (Implementing) 6) การประเมินผล (Evaluating) 6. แนวทางในการจัดท าปฏิบัติการประจ าปีและแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา 7. บริบทของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานขนาดเล็ก 8. ข้อมูลจากผลการศึกษาสภาพปัจจุบันและความต้องการในการน าผลการประกันคุณภาพ การศึกษาไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานขนาดเล็กในภาคใต้ 9. ข้อมูลจากการสัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิทางการบริหารคุณภาพและการประกันคุณภาพการศึกษา 10. ข้อมูลจากการสอบถามผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญ 11. ข้อมูลจากการสัมมนาอิงผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญ 12. ข้อมูลจากการสนทนากลุ่มผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐานขนาดเล็ก 13. ผลการทดลองใช้รูปแบบในสถานศึกษาขั้นพื้นฐานขนาดเล็ก 5. แนวคิดและค่านิยมหลักของรูปแบบ 1. การบริหารสู่ความเป็นเลิศของสถานศึกษา การจัดระบบการประกันคุณภาพการศึกษา ท าให้สถานศึกษามีคุณภาพบรรลุตามวิสัยทัศน์ แผนพัฒนาคุณภาพการศึกษา และแผนปฏิบัติการประจ าปี ผู้บริหารสถานศึกษาต้องจัดระบบการบริหารจัดการของสถานศึกษาโดยควรเริ่มต้นจากการท าการวิเคราะห์ จุดอ่อน จุดแข็ง แนวทางการพัฒนาจากรายงานการประเมินตนเองของสถานศึกษา (SAR) และ รายงานผลการประเมินคุณภาพการศึกษาของส านักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา ตามมาตรฐานและประเด็นการพิจารณาของการประกันคุณภาพการศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน แล้วน าเสนอโครงการพัฒนาสถานศึกษาตามเกณฑ์คุณภาพการศึกษาเพื่อการด าเนินการที่เป็นเลิศ ทั้ง 7 องค์ประกอบ โดยมุ่งหวังจะให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสถานศึกษาสามารถบรรลุตามวิสัยทัศน์และ คุณภาพด้วยการบริหารจัดการสถานศึกษาแบบร่วมคิดร่วมท า 2. การบริหารบนฐานของข้อมูลและสารสนเทศ การจัดระบบการประกันคุณภาพการศึกษา ช่วยให้เกิดฐานข้อมูล ซึ่งเป็นระบบสารสนเทศ เพื ่อการบริหารจัดการของสถานศึกษา (MIS) หากสามารถพัฒนาให้เป็นระบบที่สามารถใช้งานได้ทุกที่ ทุกเวลา เป็นแบบ Automation สามารถท างาน ในระบบ Online ที่สามารถค้นหา ใช้ข้อมูลได้ทันทีโดยน าเอามาตรฐานและประเด็นการพิจารณา ของการประกันคุณภาพการศึกษาเป็นฐานข้อมูลเพื่อพัฒนาคุณภาพของสถานศึกษา 3. การตัดสินใจทางการบริหารตามผลการประเมิน โดยธรรมชาติสารสนเทศอันเป็นผล มาจากระบบการประกันคุณภาพการศึกษาแต่ละส่วน มีคุณค่าแตกต่างกัน จะเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจ ของผู้บริหารสถานศึกษาและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของสถานศึกษาในแต่ละภาคส่วนไม่เท่ากัน อีกทั้งสารสนเทศ นั้นจะมีเพียงคุณค่าแฝง ไม่ใช่คุณค่าจริง จนกว่าจะมีการน าสารสนเทศที่เป็นผลของระบบการประกัน คุณภาพการศึกษาไปใช้ จึงจะท าให้สารสนเทศได้เกิดพลังอ านาจในการพัฒนาคุณภาพของสถานศึกษา 4. การรายงานผลลัพธ์การด าเนินงาน การจัดระบบการประกันคุณภาพการศึกษา เป็นการรายงานผลลัพธ์การด าเนินงานในการจัดการศึกษาต่อผู้ปกครอง ชุมชน และสาธารณะ สถานศึกษาควรได้จัดท าเป็นรายงานประจ าปีและใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานส าหรับการจัดท าแผนพัฒนา คุณภาพการศึกษาและแผนปฏิบัติการประจ าปีในรอบต่อ ๆ ไป
379 5. การพัฒนาสถานศึกษาอย่างต่อเนื่อง การจัดระบบการประกันคุณภาพการศึกษา ท า ให้สถานศึกษาได้จัดการศึกษาแบบรับผิดรับชอบ (Accreditation) ท าให้สถานศึกษาสามารถมองเห็นจุด แข็ง จุดอ่อน และแนวทางการพัฒนาของตนเอง สามารถแก้ปัญหาและพัฒนาจุดอ่อนได้ตรงจุด ผู้บริหารสถานศึกษาและบุคลากรทุกคนต้องร่วมจัดท าและด าเนินงานตามระบบประกันคุณภาพ การศึกษาอยู่เป็นประจ า ต่อเนื่อง ให้กลายเป็นวิถีชีวิตและวัฒนธรรมคุณภาพของสถานศึกษา 6. การสร้างภาพลักษณ์ของสถานศึกษา การจัดระบบการประกันคุณภาพการศึกษา เป็นการช่วยประชาสัมพันธ์ส าหรับสร้างภาพลักษณ์ (Image) ของสถานศึกษา และมีส่วนช่วยท าให้ สถานศึกษาเป็นของชุมชน ท้องถิ่น และประเทศชาติ 6. นิยามศัพท์เฉพาะที่ใช้ในรูปแบบ 1. การประกันคุณภาพภายนอก หมายถึง ระบบการประเมินผลและการติดตามตรวจสอบ คุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาจากภายนอก โดยส านักงานรับรองมาตรฐานและ ประเมินคุณภาพการศึกษา หรือบุคคลหรือหน่วยงานภายนอกที่ส านักงานดังกล่าวรับรอง เพื่อให้เป็น ผู้ประเมินภายนอก ทั้งนี้เพื่อให้มีการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา หรือ เพื่อยืนยันมาตรฐานของสถานศึกษา 2. การประกันคุณภาพภายใน หมายถึง ระบบที่สถานศึกษาสร้างความมั่นใจแก่ผู้รับบริการ ทั้งผู้เรียน ผู้ปกครอง ชุมชน ตลอดจนองค์กรหรือสถานประกอบการที่รับผู้เรียนเข้าศึกษาต่อหรือท างาน ว่าสถานศึกษาสามารถจัดการศึกษาให้มีคุณภาพได้ตามมาตรฐานที่สถานศึกษาก าหนด ซึ่งเป็นกลไก เพื่อการประเมิน ติดตาม ตรวจสอบ และพัฒนาคุณภาพในการท างานของสถานศึกษาให้เป็นไปตามนโยบาย เป้าประสงค์และระดับคุณภาพตามมาตรฐานที่ก าหนด โดยสถานศึกษาและ/หรือหน่วยงานต้นสังกัด 3. ผลการประกันคุณภาพการศึกษา หมายถึง ผลการประเมิน รวมทั้งข้อเสนอแนะ ในการพัฒนาจุดอ่อนและเสริมจุดแข็ง หรือแนวทางในการพัฒนาเพื่อพัฒนาคุณภาพของสถานศึกษา อันเป็นผลมาจากการประเมินภายในและการประเมินภายนอกของสถานศึกษา 4. การน าผลการประกันคุณภาพการศึกษาไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพของสถานศึกษา หมายถึง การด าเนินการน าผลจากการประกันคุณภาพการศึกษาไปใช้เพื่อพัฒนาคุณภาพของสถานศึกษา ใน 7 องค์ประกอบ ซึ่งได้แก่ 1) การน าองค์กร 2) การวางแผนกลยุทธ์ 3) การมุ่งเน้นผู้เรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย 4) การวัด การวิเคราะห์ และการจัดการความรู้ 5) การมุ่งเน้นครูและบุคลากร 6) การจัดการกระบวนการ และ 7) ผลลัพธ์ 4.1 การน าองค์กร หมายถึง กระบวนการบริหารจัดการสถานศึกษาโดยใช้ภาวะผู้น า ของผู้น าระดับสูงที่เกี่ยวกับ การก าหนดและการสื่อสาร วิสัยทัศน์ ค่านิยม และพันธกิจ การสร้างบรรยากาศ ที่ส่งเสริมให้มีการผลการด าเนินการที่ดี การพัฒนาผู้น าในอนาคตของสถานศึกษา การก ากับดูแล เพื่อให้มีการด าเนินการที่ถูกต้องตากฎหมายและจริยธรรม ความรับผิดชอบต่อสังคม และ การสนับสนุนชุมชนที่ส าคัญ 4.2 การวางแผนเชิงกลยุทธ์หมายถึง กระบวนการบริหารจัดการสถานศึกษาที่เกี่ยวกับ การจัดท ากลยุทธ์และวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ การจัดท าแผนปฏิบัติการ และถ่ายทอดแผนปฏิบัติการ ไปสู่การปฏิบัติ การวัดผลความก้าวหน้าและการเปรียบเทียบผลการด าเนินการกับเป้าประสงค์ของสถานศึกษา
380 4.3 การมุ่งเน้นผู้เรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย หมายถึง กระบวนการบริหารจัดการ สถานศึกษาที่เกี่ยวกับ การสร้างความผูกพันกับผู้เรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย การสร้างวัฒนธรรม ที่มุ่งเน้นผู้เรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย การรับฟังเสียงผู้เรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และการใช้สารสนเทศนี้ เพื่อการปรับปรุงและสร้างนวัตกรรมในการจัดการหลักสูตร การบริการด้านการศึกษาแก่ผู้เรียน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย 4.4 การวัด การวิเคราะห์ และการจัดการความรู้หมายถึง กระบวนการบริหารจัดการ สถานศึกษาที่เกี่ยวกับ การเลือกรวบรวม วิเคราะห์ จัดการ และปรับปรุงข้อมูลสารสนเทศ และ สินทรัพย์เชิงความรู้ การบริหารจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศ การทบทวนและการใช้ผลการทบทวน ในการปรับปรุงผลการด าเนินงาน 4.5 การมุ่งเน้นครูและบุคลากร หมายถึง กระบวนการบริหารจัดการสถานศึกษาที่เกี่ยวกับ การผูกใจครูและบุคลากร การจัดการและการพัฒนาครูและบุคลากรเพื่อน าศักยภาพของครูและบุคลากร มาใช้อย่างเต็มที่และสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกับพันธกิจ กลยุทธ์ แผนปฏิบัติการของสถานศึกษา และการสร้างสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนการท างานที่ส่งผลต่อความส าเร็จของงาน 4.6 การจัดการกระบวนการ หมายถึง กระบวนการบริหารจัดการสถานศึกษาที่เกี่ยวกับ การก าหนดสมรรถนะหลักของสถานศึกษา การออกแบบระบบงาน การออกแบบกระบวนการท างานหลัก และการจัดการและการปรับปรุงกระบวนการท างานเพื่อสร้างคุณค่าแก่ผู้เรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และท าให้สถานศึกษาบรรลุผลส าเร็จ 4.7 ผลลัพธ์หมายถึง ผลลัพธ์ที่เกิดจากการด าเนินการของสถานศึกษาใน 5 ด้าน ได้แก่ 1)ด้านการเรียนรู้ของผู้เรียนและด้านกระบวนการ 2) ด้านการมุ่งเน้นผู้เรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย 3) ด้านการมุ่งเน้นครูและบุคลากร 4) ด้านการน าองค์กรและการก ากับดูแล 5) ด้านการงบประมาณ การเงินและชื่อเสียง 5. รูปแบบการน าผลการประกันคุณภาพการศึกษาไปใช้ในการพั ฒนาคุณภาพ ของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานขนาดเล็กในภาคใต้หมายถึง ชุดองค์ประกอบที่แสดงความสัมพันธ์ ของการน าผลการประกันคุณภาพการศึกษาไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพของสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ขนาดเล็กในภาคใต้ที่มุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพของกระบวนการท างาน และคุณภาพผลการเรียน ของผู้เรียนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้เรียนมีมาตรฐานคุณภาพการศึกษาตามที่ก าหนดไว้ และ สามารถตอบสนองต่อความต้องการ ความคาดหวังของผู้เรียน ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง และสังคมโดยส่วนรวม รวมถึงการบรรลุเกณฑ์คุณภาพของสถานศึกษาโดยประกอบด้วย 1) ชื่อรูปแบบ 2) หลักการและเหตุผล 3) วัตถุประสงค์4) หลักการ แนวคิด และข้อมูลที่น ามาใช้ในการออกแบบรูปแบบ 5) แนวคิดและ ค่านิยมหลักของรูปแบบ 6) นิยามศัพท์เฉพาะที่ใช้ในรูปแบบ 7) กลไกและกระบวนการบริหาร ของรูปแบบ 8) แนวทางการด าเนินงานของรูปแบบ 9) เงื่อนไขและข้อจ ากัดของรูปแบบ 10) แนวทาง การน ารูปแบบไปใช้ 6. เกณฑ์คุณภาพการศึกษาเพื่อด าเนินการที่เป็นเลิศ หมายถึง ข้อก าหนดของเกณฑ์คุณภาพ การศึกษาเพื่อด าเนินการที่เป็นเลิศส าหรับปี 2016-2018ซึ่งเป็นความเชื่อและพฤติกรรมการบริหารจัดการ ที่ฝังลึกในองค์กรเพื่อให้มีผลการด าเนินการที่เป็นเลิศ โดยมีค่านิยมหลักและแนวคิดส าหรับเป็นรากฐาน ที่ก่อให้เกิดความเชื่อมโยงระหว่างความต้องการหลักของสถานศึกษาและกระบวนการปฏิบัติงาน