188 และก ำหนดขึ้น พร้อมเสนอแนวทำงปฏิบัติ (Guideline) ประกอบเอำไว้ค่อนข้ำงจะชัดเจน เพื่อให้สะดวกหรือง่ำยต่อกำรน ำไปปฏิบัติ ภำษำหรือข้อควำมทั้งหมดนี้ที่เขียนเป็นนโยบำยควรจะเป็น ภำษำง่ำย ๆ ไม่ควรจะเป็นศัพท์เทคนิค ซึ่งจะต้องอำศัยกำรดัดแปลงและสร้ำงควำมเข้ำใจอีก ทั้งนี้ เพื่อให้สมำชิกทุกคนของโรงเรียนสำมำรถอ่ำนและเข้ำใจได้ทันที ขั้นที่ 3 กำรวำงแผน (Planning) กำรวำงแผน หมำยถึง กำรคิดก่อนท ำ นั่นคือ จะท ำอะไร ท ำเมื่อไร ท ำอย่ำงไร และใครเป็นคนท ำ กำรวำงแผนมีหลำยระดับแตกต่ำงกันไปตำมลักษณะแผนงำน/โครงกำร เช่น กำรวำงแผนกำรจัดกำรเรียน/กำรสนับสนุน (Programme Planning) กำรวำงแผนกำรใช้หลักสูตร (Curriculum Planning) และกำรวำงแผนกำรสอน (Instructional Planning) ขั้นที่ 4 กำรก ำหนดงบประมำณ (Budgeting) งบประมำณของโรงเรียนอำจถูกมองในฐำนะเป็นกำรแปลค่ำข้อมูลทำงกำรเงิน ของแผนงำนด้ำนกำรศึกษำของโรงเรียน งบประมำณเป็นเกณฑ์ส่วนหนึ่งของแผน วงจรกำรบริหำร จัดกำรงบประมำณแผนงำนเป็นกำรแปลค่ำข้อมูลทำงกำรเงินของแผนงำน ทีมแผนงำนจะเตรียม ข้อมูลด้ำนกำรงบประมำณในฐำนะที่เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนกำรด้ำนแผนงำน ซึ่งกำรก ำหนด งบประมำณอำจจัดท ำเป็นโครงกำร ขั้นที่ 5 กำรน ำแผนไปปฏิบัติ (Implementing) เมื่อทุกฝ่ำยยอมรับห รือตกลงในรำยละเอียดของแผนที่ฝ่ำยนโยบำย ให้ควำมเห็นชอบแล้ว ฝ่ำยโครงกำรของโรงเรียนก็มีอ ำนำจที่จะน ำแผนไปปฏิบัติต่อไปและก็ไม่จ ำเป็น จะต้องทบทวน หรืออ้ำงอิงกลุ่มนโยบำยอีก ยกเว้นมีกำรเปลี่ยนแปลงในรำยละเอียดของแผนไปมำก ขั้นที่ 6 กำรประเมินผล (Evaluating) กำรประเมินผล ก็คือกำรเก็บรวบรวมข้อมูลข่ำวสำร เพื่อจุดประสงค์ ในกำรตัดสินใจ และต้องตัดสินว่ำให้ถูกหรือผิดโดยพิจำรณ ำจำกข้อมูลข่ำวสำรเหล่ำนั้น กำรประเมินผลจะต้องกระท ำทั้งในระหว่ำงด ำเนินงำนและภำยหลังกำรปฏิบัติงำนตำมแผนเสร็จสิ้นลงแล้ว เงื่อนไขและข้อจ ากัดของรูปแบบ ในกำรน ำรูปแบบกำรน ำผลกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำไปใช้ในกำรพัฒนำคุณภำพ ของสถำนศึกษำขั้นพื้นฐำนขนำดเล็กในภำคใต้ไปใช้ เพื่อให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด ผู้บริหำรสถำนศึกษำ นับเป็นผู้ที่มีควำมส ำคัญมำกจึงควรมีคุณลักษณะดังต่อไปนี้ 1. มีควำมรู้และควำมเข้ำใจเกี่ยวกับระบบกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำ เข้ำใจมำตรฐำน ประเด็นกำรพิจำรณำ และเกณฑ์กำรตัดสินคุณภำพของแต่ละมำตรฐำนทั้งระบบกำรประกันคุณภำพ ภำยใน และระบบกำรประกันคุณภำพภำยนอก 2. มีควำมรู้และควำมเข้ำใจเกี่ยวกับแนวทำงกำรกำรเขียนรำยงำนกำรประเมินตนเอง ของสถำนศึกษำ (Self – Assessment Report: SAR) 3. สำมำรถวิเครำะห์ควำมสัมพันธ์ของมำตรฐำนและประเด็นกำรพิจำรณำของระบบ กำรประกันคุณภำพภำยในสถำนศึกษำกับเกณฑ์คุณภำพกำรศึกษำเพื่อกำรด ำเนินกำรที่เป็นเลิศ พร้อมสำมำรถจัดท ำแผนปฏิบัติกำรประจ ำปี และแผนพัฒนำคุณภำพกำรศึกษำของสถำนศึกษำ
189 ให้สอดรับกับระบบกำรประกันคุณภำพภำยในสถำนศึกษำและระบบกำรประกันคุณภำพภำยนอก สถำนศึกษำกับเกณฑ์คุณภำพกำรศึกษำเพื่อกำรด ำเนินกำรที่เป็นเลิศ 4. มีภำวะผู้น ำ เป็นแบบอย่ำงที่ดี มีกำรใช้ภำวะผู้น ำในกำรบริหำรสถำนศึกษำ โดยเฉพำะ ภำวะผู้น ำกำรเปลี่ยนแปลง 5. มีควำมมุ่งมั่นในกำรท ำงำน มุ่งปฏิบัติงำนให้ประสบควำมส ำเร็จและบรรลุเป้ำหมำย มีควำมยืดหยุ่น รับฟังควำมคิดของผู้อื่น และบริหำรงำนแบบมีส่วนร่วม อีกทั้งประสิทธิผลของรูปแบบกำรน ำผลกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำไปใช้ในกำรพัฒนำ คุณภำพของสถำนศึกษำขั้นพื้นฐำนขนำดเล็กในภำคใต้ยังต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยที่ส่งผลต่อกำรใช้ ผลกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำทั้ง 4 ประกำรด้วย แนวทางการน ารูปแบบไปใช้ แนวทำงกำรน ำรูปแบบกำรน ำผลกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำไปใช้ในกำรพัฒนำคุณภำพ ของสถำนศึกษำขั้นพื้นฐำนขนำดเล็กในภำคใต้ไปใช้ผู้บริหำรสถำนศึกษำควรด ำเนินกำรตำม 7 ขั้นตอน ดังนี้ ขั้นที่ 1 การศึกษาและท าความเข้าใจในรูปแบบ ในขั้นนี้ผู้บริหำรสถำนศึกษำจะต้องศึกษำและท ำควำมเข้ำใจรูปแบบกำรน ำผล กำรประกันคุณภำพกำรศึกษำไปใช้ในกำรพัฒนำคุณภำพของสถำนศึกษำขั้นพื้นฐำนขนำดเล็ก ในภำคใต้ให้ถ่องแท้ เพื่อให้ทรำบว่ำรูปแบบประกอบด้วยขั้นตอนอะไรบ้ำง แต่ละขั้นตอน มีกระบวนกำรด ำเนินงำนอย่ำงไร ซึ่งขั้นตอนของรูปแบบกำรน ำผลกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำไปใช้ ในกำรพัฒนำคุณภำพของสถำนศึกษำขั้นพื้นฐำนขนำดเล็กในภำคใต้แบ่งเป็น 3 ขั้นตอน คือ ปัจจัยน ำเข้ำ (Input) กระบวนกำร (Process) และผลผลิต (Output) พร้อมกับข้อมูลย้อนกลับ (Feedback) ของรูปแบบ ซึ่งแต่ละขั้นตอนประกอบด้วยกิจกรรมต่ำง ๆ ที่ผู้บริหำรสถำนศึกษำและ บุคลำกรทุกคนในสถำนศึกษำต้องร่วมกันวิเครำะห์และด ำเนินกำร ขั้นที่ 2 การสร้างความตระหนักให้กับผู้เกี่ยวข้อง ในขั้นนี้ผู้บริหำรสถำนศึกษำจะต้องสร้ำงควำมตระหนักให้บุคลำกรทุกคน ในสถำนศึกษำเห็นคุณค่ำและควำมส ำคัญของกำรน ำรูปแบบกำรน ำผลกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำ ไปใช้ในกำรพัฒนำคุณภำพของสถำนศึกษำขั้นพื้นฐำนขนำดเล็กในภำคใต้ มำใช้ในสถำนศึกษำโดยอำจ ใช้วิธีกำรประชุมอย่ำงเป็นทำงกำรในที่ประชุมประจ ำเดือนของสถำนศึกษำ ประกอบกับกำรพูดคุย อย่ำงไม่เป็นทำงกำรกับบุคลำกรแต่ละคนอย่ำงสม่ ำเสมอ โดยสร้ำงควำมตระหนักให้บุคลำกรทุกคน รับรู้และเข้ำใจว่ำกำรน ำผลกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำไปใช้ในกำรพัฒนำคุณภำพของสถำนศึกษำ เป็นหัวใจส ำคัญของกำรจัดระบบกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำ ขั้นที่ 3 การสร้างภาวะผู้น าในตนเองและการท างานเป็นทีมของบุคลากร ในขั้นนี้มุ่งให้ผู้บริหำรสถำนศึกษำและบุคลกรทุกคนในสถำนศึกษำเข้ำใจ ในบทบำท หน้ำที่รับผิดชอบของตนเอง สร้ำงควำมเป็นเลิศและคุณภำพในกำรท ำงำนของตนเอง เป็นบุคคลที่รอบรู้เชี่ยวชำญ แลกเปลี่ยนเรียนรู้และท ำงำนเป็นทีม ซึ่งผู้บริหำรสถำนศึกษำจะต้องเป็น แบบอย่ำงที่ดี ให้ควำมส ำคัญและปฏิบัติตนให้เกิดคุณลักษณะดังกล่ำวอย่ำงต่อเนื่องก่อน
190 ขั้นที่ 4 การเตรียมความพร้อมของสถานศึกษา ในขั้นนี้มุ่งให้ผู้บริหำรสถำนศึกษำร่วมกับบุคลำกรทุกคนในสถำนศึกษำ คณะกรรมกำรสถำนศึกษำ ด ำเนินกำรปรับเปลี่ยนสถำนศึกษำให้เป็นองค์กรที่มีควำมคล่องตัว เป็นองค์กรแนวรำบ มีล ำดับชั้นในกำรบริหำรน้อยที่สุด มีควำมยืดหยุ่น ลดขั้นตอนในกำรท ำงำน สร้ำงกำรมีส่วนร่วมของทุกฝ่ำย และด ำเนินกำรบริหำรงำนอย่ำงเป็นระบบ ขั้นที่ 5 ขั้นการพัฒนาสถานศึกษาตามขั้นตอนและกระบวนการของรูปแบบ ในขั้นนี้มุ่งให้ผู้บริหำรสถำนศึกษำ บริหำรจัดกำรสถำนศึกษำตำมขั้นตอน และกระบวนกำรของรูปแบบกำรน ำผลกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำไปใช้ในกำรพัฒนำคุณภำพ ของสถำนศึกษำขั้นพื้นฐำนขนำดเล็กในภำคใต้ โดยน ำขั้นตอนทั้ง 3 ขั้นตอนมำด ำเนินกำรอย่ำงเป็นรูปธรรม ด้วยควำมร่วมมือร่วมใจของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ำยในกำรน ำรูปแบบไปใช้ตำมขั้นตอนที่ก ำหนดไว้ ทั้งนี้กระบวนกำรย่อย ๆ ของแต่ละขั้นตอนควรด ำเนินกำรตำมล ำดับ แต่ทั้งนี้ผู้บริหำรสถำนศึกษำ และทีมงำนสำมำรถวิเครำะห์และปรับเปลี่ยนให้เหมำะสมกับบริบทของแต่ละสถำนศึกษำได้ ขั้นที่ 6 ขั้นการติดตาม ตรวจสอบและประเมินผล ในขั้นนี้เป็นกำรติดตำม ตรวจสอบ และประเมินผลกำรด ำเนินงำนตำมขั้นตอน และกระบวนกำรย่อย ๆ ของแต่ละขั้นตอนของรูปแบบกำรน ำผลกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำไปใช้ ในกำรพัฒนำคุณภำพของสถำนศึกษำขั้นพื้นฐำนขนำดเล็กในภำคใต้ ว่ำมีกำรด ำเนินกำรอย่ำงเป็น ระบบหรือไม่มีผลกำรด ำเนินกำรเป็นอย่ำงไร เกิดปัญหำหรืออุปสรรคอย่ำงไรบ้ำง ขั้นที่ 7 การน าผลการประเมินไปปรับปรุงและพัฒนา ในขั้นนี้เป็นขั้นของกำรน ำผลกำรติดต ำม ต รวจสอบและป ระเมินผล กำรด ำเนินงำนไปใช้ในกำรปรับปรุงระบบกำรประกันคุณภำพของสถำนศึกษำ และผลกำรบริหำร จัดกำรคุณภำพของสถำนศึกษำ เป็นกำรประเมินในภำพรวมของสถำนศึกษำโดยให้ทุกฝ่ำยงำน ทุกคน ได้น ำเสนอผลกำรด ำเนินงำนและร่วมกันก ำหนดภำพอนำคตของกำรจัดระบบกำรประกันคุณภำพ กำรศึกษำในรอบปีต่อไป เพื่อร่วมกันด ำเนินกำรตำมรูปแบบกำรน ำผลกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำ ไปใช้ในกำรพัฒนำคุณภำพของสถำนศึกษำขั้นพื้นฐำนขนำดเล็กในภำคใต้ต่อไปอย่ำงต่อเนื่อง ตอนที่ 3 ผลการประเมินรูปแบบการใช้ผลการประกันคุณภาพการศึกษาไปใช้ในการพัฒนา คุณภาพของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานขนาดเล็กในภาคใต้ 3.1 ผลกำรสอบถำมควำมคิดเห็นของผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชำญ ด้ำนกำรประกัน คุณภำพกำรศึกษำ เพื่อตรวจสอบควำมคิดเห็นในประเด็นควำมเหมำะสม (Appropriateness) ของร่ำงรูปแบบกำรใช้ผลกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำเพื่อน ำไปใช้ในกำรพัฒนำคุณภำพ ของสถำนศึกษำขั้นพื้นฐำนขนำดเล็กในภำคใต้ 3.1.1 ควำมคิดเห็นของผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชำญ ด้ำนกำรประกันคุณภำพ ก ำรศึกษ ำ เพื่ อต รวจสอบค ว ำมคิดเห็ นในป ระเด็น ค ว ำมเห ม ำะสม (Appropriateness) ของร่ำงรูปแบบกำรน ำผลกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำไปใช้ในกำรพัฒนำคุณภำพของสถำนศึกษำ ขั้นพื้นฐำนขนำดเล็กในภำคใต้รำยละเอียดตำมตำรำงที่ 12
191 ตารางที่ 12 ผลกำรพิจำรณำควำมเหมำะสมของร่ำงรูปแบบกำรน ำผลกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำไปใช้ ในกำรพัฒนำคุณภำพของสถำนศึกษำขั้นพื้นฐำนขนำดเล็กในภำคใต้จำกผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้เชี่ยวชำญ รายการรูปแบบการน าผลการประกันคุณภาพการศึกษาไปใช้ ในการพัฒนาคุณภาพของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานขนาดเล็กใน ภาคใต้ เหมาะสม ไม่เหมาะสม บางส่วน ตัดทิ้ง 1. ชื่อรูปแบบ 16 9 - 2. หลักกำรและเหตุผล 14 11 - 3. วัตถุประสงค์ 20 5 - 4. แนวคิด หลักกำร และข้อมูลที ่น ำมำใช้ในกำรออกแบบ รูปแบบ 22 3 - 5. แนวคิดและค่ำนิยมหลักของรูปแบบ 20 5 - 6. นิยำมศัพท์เฉพำะที่ใช้ในรูปแบบ 21 4 - 7. ขั้นตอนและกระบวนกำรบริหำรของรูปแบบ 17 8 - 8. แนวทำงกำรด ำเนินงำนของรูปแบบ 21 4 - 9. เงื่อนไขและข้อจ ำกัดของรูปแบบ 23 2 - 10. แนวทำงกำรน ำรูปแบบไปใช้ 22 3 - จำกตำรำงที่ 12 พบว่ำ ผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชำญทุกท่ำน เห็นด้วยกับกำรคงไว้ ขององค์ประกอบทั้ง 10 องค์ประกอบของร่ำงรูปแบบกำรน ำผลกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำไปใช้ ในกำรพัฒ นำคุณภ ำพของสถำนศึกษ ำขั้นพื้นฐำน ขนำดเล็กในภ ำคใต้ไว้ ซึ่งผู้ทรงคุณ วุฒิ และผู้เชี่ยวชำญส่วนใหญ่เห็นว่ำทุกองค์ประกอบมีควำมเหมำะสม แต่ทุกองค์ประกอบควรจะได้มีกำร พัฒนำให้มีควำมสมบูรณ์มำกยิ่งขึ้น เพรำะยังมีควำมไม่เหมำะสมบำงส่วนอยู่ โดยได้มีประเด็น ที่เป็นข้อเสนอแนะ ค ำแนะน ำในกำรปรับปรุงรำยละเอียดของรูปแบบในแต่ละองค์ประกอบ เป็นไปตำมเนื้อหำสำระในตำรำงที่ 13
192 ตารางที่ 13 ข้อเสนอแนะของร่ำงรูปแบบกำรน ำผลกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำไปใช้ในกำรพัฒนำคุณภำพ ของสถำนศึกษำขั้นพื้นฐำนขนำดเล็กในภำคใต้จำกผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชำญ รายการประเมิน ข้อเสนอแนะของผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญ 1. ชื่อรูปแบบ 1. ปรับชื่อรูปแบบให้สอดคล้องกับชื่อเรื่องวิจัย 2. ชื่อย่อ ควรเพิ่มเติมค ำว่ำ Model 3. ตั้งชื ่อให้เห็น ว ่ำเป็น Model ส ำห รับโรงเรียน ขนำดเล็ก 4. ควรตั้งชื ่อให้มีลักษณะเฉพำะ อ ่ำนแล้วน ่ำสนใจ สะท้อนให้เห็นภำพรวมของรูปแบบมำกที่สุด 5. ภำษำไทยและภำษำอังกฤษไม่สอดคล้องกัน 2. หลักกำรและเหตุผล 1. ควรมีกำรแก้ไขข้อควำมให้มีกำรเชื ่อมโยงของค ำ ในหลักกำรและเหตุผลมีควำมร้อยรัดกันมำกขึ้น 2. ยังขำดข้อสรุปหรือหลักกำรที ่จะพัฒนำโรงเรียน ขนำดเล็กว่ำต้องด ำเนินกำรอย่ำงไร 3. ค ว รเพิ ่ม แ น วน โยบ ำย ก ำ รป ร ะกัน ค ุณ ภ ำพ กำรศึกษำในปัจจุบัน 4. ควรอธิบำยให้เห็นเหตุผลที่ต้องน ำรูปแบบนี้มำใช้ ในกำรพัฒนำคุณภำพของสถำนศึกษำขั้นพื้นฐำน ขนำดเล็ก 5. ควรเขียนให้เป็น concept ที่ไม่ยำวมำกนัก 3. วัตถุประสงค์ 1. ควรระบุว่ำเป็นรูปแบบส ำหรับโรงเรียนขนำดเล็ก ในภำคใต้ 2. เปลี่ยนข้อควำมจำกยกระดับ เป็นกำรศึกษำหรือ เพื่อพัฒนำแนวทำง 3. ตัดข้อควำมตั้งแต่ท้ำยค ำว่ำเป็นเลิศทั้งระบบออก 4. แนวคิด หลักกำร และข้อมูลที่น ำมำใช้ ในกำรออกแบบรูปแบบ - 5. แนวคิดและค่ำนิยมหลักของรูปแบบ ควรเขียนใหม่ให้สั้น กระชับ มีควำมชัดเจนในแต่ละ ประเด็น
193 ตารางที่ 13 ข้อเสนอแนะของร่ำงรูปแบบกำรน ำผลกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำไปใช้ในกำรพัฒนำคุณภำพ ของสถำนศึกษำขั้นพื้นฐำนขนำดเล็กในภำคใต้จำกผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชำญ (ต่อ) รายการประเมิน ข้อเสนอแนะของผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญ 6. นิยำมศัพท์เฉพำะที่ใช้ในรูปแบบ 1. คว รเขียนให้เป็นนิย ำมเชิงปฏิบัติก ำรเพื ่อให้ สำมำรถวัดได้ 2. ควรปรับแก้นิยำมศัพท์ กำรประกันคุณภำพภำยใน 3. ควรปรับแก้นิยำมศัพท์ ผลกำรประกันคุณภำพ กำรศึกษำ 4. เพิ่มนิยำมศัพท์ เกณฑ์คุณภำพกำรศึกษำเพื ่อกำร ด ำเนินกำรที่เป็นเลิศ 7. ขั้นตอนและกระบวนกำรบริหำรของ รูปแบบ 1. อธิบำยให้เห็นว่ำรูปแบบนี้เหมำะสมกับโรงเรียน ขนำดเล็กอย่ำงไร 2. เขียนแผนภำพให้เห็นกระบวนกำรพัฒนำงำน ตำมระบบให้ชัดเจนโดยใช้เส้นประ 3. ค ว ร มี Feedback ตั้งแ ต ่ผ ล ก ำ ร ด ำ เนินง ำน กระบวนกำร และปัจจัยน ำเข้ำ 4. ก ำรป ร ะ กัน ค ุณ ภ ำพ ภ ำ ย น อ ก ต้องม ำ ก ่อ น กำรประกันคุณภำพภำยใน 8. แนวทำงกำรด ำเนินงำนของรูปแบบ เพิ่มขั้นตอนกำรนิเทศ ติดตำม ก ำกับ 9. เงื่อนไขและข้อจ ำกัดของรูปแบบ ควรระบ ุปัจจัยที ่ส ่งผลต ่อก ำรใช้ผลก ำรป ระกัน คุณภำพกำรศึกษำทั้ง 4 ประกำรด้วย 10. แนวทำงกำรน ำรูปแบบไปใช้ 1. ควรเน้นให้เห็นว่ำแต่ละคนในสถำนศึกษำจะน ำผล กำรประกันคุณภำพกำรศึกษำไปใช้ในกำรพัฒนำ งำนของตนเองอย่ำงไร 2. ขั้นตอนที่ 6 เปลี่ยนเป็น นิเทศ ติดตำม ตรวจสอบ และประเมินผล หลังจำกสอบถำมควำมคิดเห็นของผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชำญทั้ง 25 คนแล้ว ผู้วิจัย ได้ท ำกำรปรับปรุงร่ำงรูปแบบกำรน ำผลกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำไปใช้ในกำรพัฒนำคุณภำพ ของสถำนศึกษำขั้นพื้นฐำนขนำดเล็กในภำคใต้ตำมข้อเสนอแนะ จึงได้ร่ำงรูปแบบกำรน ำผลกำร ประกันคุณภำพกำรศึกษำไปใช้ในกำรพัฒนำคุณภำพของสถำนศึกษำขั้นพื้นฐำนขนำดเล็กในภำคใต้ หลังจำกสอบถำมควำมคิดเห็นของผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชำญ (รำยละเอียดภำคผนวก ก ตำมเอกสำรประกอบกำรสัมมนำอิงผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชำญ (Connoisseurship) 3.2 ผลกำรสัมมนำอิงผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชำญ (Connoisseurship) ด้ำนกำรประกัน คุณภำพกำรศึกษำ เพื่อตรวจสอบควำมคิดเห็นในประเด็นควำมเหมำะสม (Appropriateness)
194 และควำมเป็นไปได้ (Feasibility) ของร่ำงรูปแบบกำรใช้ผลกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำเพื่อน ำไปใช้ ในกำรพัฒนำคุณภำพของสถำนศึกษำขั้นพื้นฐำนขนำดเล็กในภำคใต้ ควำมคิดเห็นของผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชำญด้ำนกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำ จำกกำรสัมมนำอิงผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชำญ เพื่อตรวจสอบควำมคิดเห็นในประเด็นควำมเหมำะสม (Appropriateness) และควำมเป็นไปได้ (Feasibility) ของร่ำงรูปแบบกำรน ำผลกำรประกันคุณภำพ กำรศึกษำไปใช้ในกำรพัฒนำคุณภำพของสถำนศึกษำขั้นพื้นฐำนขนำดเล็กในภำคใต้รำยละเอียด ตำมตำรำงที่ 14 ตารางที่ 14ผลกำรพิจำรณำควำมเหมำะสมและควำมเป็นไปได้ของร่ำงรูปแบบกำรน ำผลกำรประกันคุณภำพ กำรศึกษำไปใช้ในกำรพัฒนำคุณภำพของสถำนศึกษำขั้นพื้นฐำนขนำดเล็กในภำคใต้ จำกกำรสัมมนำอิงผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชำญ รายการรูปแบบการน าผลการประกัน คุณ ภาพการศึกษ าไปใช้ในการพัฒน า คุณ ภ าพ ขอ งสถ าน ศึกษ าขั้นพื้ น ฐ าน ขนาดเล็กในภาคใต้ เหมาะสม เป็นไปได้ ร้อยละ ไม่เหมาะสม เป็นไปไม่ได้ ร้อยละ 1. ชื่อรูปแบบ 7 77.78 2 22.22 2. หลักกำรและเหตุผล 8 88.89 1 11.11 3. วัตถุประสงค์ 9 100.00 - - 4. แนวคิด หลักกำร และข้อมูลที ่น ำมำใช้ ในกำรออกแบบรูปแบบ 9 100.00 - - 5. แนวคิดและค่ำนิยมหลักของรูปแบบ 6 66.67 3 33.33 6. นิยำมศัพท์เฉพำะที่ใช้ในรูปแบบ 7 77.78 2 22.22 7. ขั้น ต อ น แ ล ะ ก ร ะ บ ว น ก ำ ร บ ริห ำ ร ของรูปแบบ 7 77.78 2 22.22 8. แนวทำงกำรด ำเนินงำนของรูปแบบ 7 77.78 2 22.22 9. เงื่อนไขและข้อจ ำกัดของรูปแบบ 8 88.89 1 11.11 10. แนวทำงกำรน ำรูปแบบไปใช้ 9 100.00 - - จำกตำรำงที ่ 14 พบว ่ำ ผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี ่ยวชำญส ่วนใหญ ่ เห็นว ่ำรำยละเอียด ขององค์ประกอบทั้ง 10 องค์ประกอบของร่ำงรูปแบบกำรน ำผลกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำไปใช้ ในกำรพัฒนำคุณภำพของสถำนศึกษำขั้นพื้นฐำนขนำดเล็กในภำคใต้มีควำมเหมำะสมและควำมเป็นไปได้ โดยเฉพำะวัตถุประสงค์ แนวคิด หลักกำร และข้อมูลที่น ำมำใช้ในกำรออกแบบรูปแบบ และแนวทำง กำรน ำรูปแบบไปใช้ ผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชำญทุกคนให้ควำมเห็นว่ำมีควำมเหมำะสมและควำมเป็นไปได้ แต่ทุกองค์ประกอบควรจะได้มีกำรพัฒนำให้มีควำมสมบูรณ์มำกยิ่งขึ้น เพรำะยังมีควำมไม่เหมำะสม และเป็นไปไม่ได้บำงส่วนอยู่ โดยได้มีประเด็นที่เป็นข้อเสนอแนะ ค ำแนะน ำในกำรปรับปรุงรำยละเอียด ของรูปแบบในแต่ละองค์ประกอบ เป็นไปตำมเนื้อหำสำระในตำรำงที่ 15
195 ตารางที่ 15 ข้อเสนอแนะของร่ำงรูปแบบกำรน ำผลกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำไปใช้ในกำรพัฒนำคุณภำพของ สถำนศึกษำขั้นพื้นฐำนขนำดเล็กในภำคใต้จำกกำรสัมมนำอิงผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชำญ รายการประเมิน ข้อเสนอแนะของผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญ 1. ชื่อรูปแบบ ควรเขียนภำษำอังกฤษขยำยค ำย ่อทั้งนี้เพื ่อขยำย ควำมให้ชัดเจน จะเป็นกำรช่วยสร้ำงควำมเข้ำใจใน รูปแบบได้ดีขึ้น 2. หลักกำรและเหตุผล 1. ต้องให้กระชับมำกยิ่งขึ้น ชี้ประเด็นให้เห็นปัญหำ จำกกำรไม ่น ำผลกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำ ไปใช้ในกำรพัฒนำคุณภำพของสถำนศึกษำ 2. ป รับแก้ข้อควำม กำรป ระกันค ุณภ ำพภ ำยใน เป็นกำรสร้ำงระบบและกลไกในกำรควบค ุม ตรวจสอบ และประเมิน เป็น ประเมิน ติดตำม ตรวจสอบ และพัฒนำคุณภำพในกำรท ำงำน ของสถำนศึกษำ 3. วัตถุประสงค์ ในวัตถุประสงค์ข้อที ่ 2 ควรตัดข้อควำมกำรบริหำร กำรเปลี่ยนแปลงออก 4. แนวคิด หลักกำร และข้อมูลที่น ำมำใช้ ในกำรออกแบบรูปแบบ - 5. แนวคิดและค่ำนิยมหลักของรูปแบบ ปรับแก้เนื้อหำสำระใหม่ให้เป็นประเด็นต่อไปนี้ 1. กำรบริหำรสู่ควำมเป็นเลิศของสถำนศึกษำ 2. กำรบริหำรบนฐำนของข้อมูลและสำรสนเทศ 3. กำรตัดสินใจทำงกำรบริหำรตำมผลกำรประเมิน 4. กำรรำยงำนผลลัพธ์กำรด ำเนินงำน 5. กำรพัฒนำสถำนศึกษำอย่ำงต่อเนื่อง 6. กำ ร ส ร้ำง ภ ำ พ ล ัก ษ ณ ์ข อ ง ส ถ ำ น ศ ึก ษ ำ พร้อมสังเครำะห์ข้อควำมเดิมให้มีรำยละเอียด ของแต่ละประเด็นให้ชัดเจน 6. นิยำมศัพท์เฉพำะที่ใช้ในรูปแบบ 1. สลับ ข้อ ระห ว ่ำงก ำ รป ระกันค ุณ ภ ำพภ ำยใน สถำนศึกษ ำกับกำรป ระกันค ุณภำพภำยนอก สถำนศึกษำ โดยให้กำรประกันคุณภำพภำยนอก สถำนศึกษำมำก่อน 2. เขียนนิยำมศัพท์ กำรป ระกันค ุณภ ำพภ ำยใน สถำนศึกษำใหม่
196 ตารางที่ 15 ข้อเสนอแนะของร่ำงรูปแบบกำรน ำผลกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำไปใช้ในกำรพัฒนำคุณภำพของ สถำนศึกษำขั้นพื้นฐำนขนำดเล็กในภำคใต้จำกกำรสัมมนำอิงผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชำญ (ต่อ) รายการประเมิน ข้อเสนอแนะของผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญ 7. ขั้นตอนและกระบวนกำรบริหำรของ รูปแบบ 1. เปลี ่ยนจำกค ำว่ำ ระบบ เป็น ผล ทั้งกำรประกัน คุณภำพภำยนอกสถำนศึกษำ และกำรประกัน คุณภำพภำยในสถำนศึกษำ 2. น ำชื ่อรูปแบบทั้งภำษำไทย ค ำย ่อภำษำอังกฤษ พ ร้อม ข้อค ว ำม ข ย ำยค ำย ่อทั้งห มดม ำใส ่ใน แผนภำพ 3. ท ำกำรบูรณำกำรกระบวนกำรบริหำร ทั้งเกณฑ์ คุณภำพกำรศึกษำเพื ่อกำรด ำเนินกำรที ่เป็นเลิศ กำรบริหำรกำรเปลี ่ยนแปลง และกำรบริหำร จัดกำรในสถำนศึกษำแบบร ่วมคิดร ่วมท ำเข้ำ ด้วยกัน เพิ ่มลูกศรให้เห็นกระบ วนก ำรทั้ง 3 กระบวนกำรให้ชัดเจนขึ้น 4. ข้อควำม OUT PUT เพิ ่มเติมเป็น คุณภำพของ สถำนศึกษำขั้นพื้นฐำนขนำดเล็กในภำคใต้ 8. แนวทำงกำรด ำเนินงำนของรูปแบบ ป รับแก้ข้อ 2 โดยเขียนแนวท ำงกำรด ำเนินงำน ตำมเกณฑ์คุณภำพกำรศึกษำเพื ่อกำรด ำเนินกำร ที ่เป็น เลิศ ทั้ง 7 องค ์ป ร ะ ก อ บ ให้มีแน วท ำง ก ำ ร ด ำ เนิน ก ำ ร แ ล ะโค รงก ำ ร ห รือ กิจ ก ร ร ม ที่สอดคล้องกับมำตรฐำนและประเด็นกำรพิจำรณำ ของระบบกำรประกันคุณภำพภำยในสถำนศึกษำ 9. เงื่อนไขและข้อจ ำกัดของรูปแบบ ปรับแก้ข้อ 4 ให้เป็น ผู้บริหำรสถำนศึกษำมีกำรใช้ ภ ำ ว ะ ผู้น ำ ก ำ รเป ลี ่ย น แ ป ลง (Transformation Leadership) และภำวะผู้น ำแบบกระจำยควำมเป็น ผู้น ำ (Distributed Leadership) 10. แนวทำงกำรน ำรูปแบบไปใช้ - หลังจำกกำรสัมมนำอิงผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชำญ (Connoisseurship) จ ำนวน 9 ท่ำน แล้วผู้วิจัยได้ท ำกำรปรับปรุงร่ำงรูปแบบกำรน ำผลกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำไปใช้ในกำรพัฒนำ คุณภำพของสถำนศึกษำขั้นพื้นฐำนขนำดเล็กในภำคใต้ตำมข้อเสนอแนะ จึงได้ร่ำงรูปแบบกำรน ำผล กำรประกันคุณภำพกำรศึกษำไปใช้ในกำรพัฒนำคุณภำพของสถำนศึกษำขั้นพื้นฐำนขนำดเล็กใน ภำคใต้หลังจำกกำรสัมมนำอิงผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชำญ (รำยละเอียดภำคผนวก ก ตำมเอกสำร ประกอบกำรสนทนำกลุ่มผู้บริหำรสถำนศึกษำขั้นพื้นฐำนขนำดเล็ก (Focus Group Discussion)
197 3.3 ผลกำรสนทนำกลุ่มผู้บริหำรสถำนศึกษำขั้นพื้นฐำนขนำดเล็ก (Focus Group Discussion) เพื่อตรวจสอบควำมคิดเห็นในประเด็นควำมเป็นไปได้ (Feasibility) ของร่ำงรูปแบบกำร ใช้ผลกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำเพื่อน ำไปใช้ในกำรพัฒนำคุณภำพของสถำนศึกษำขั้นพื้นฐำน ขนำดเล็กในภำคใต้ ควำมคิดเห็นของผู้บริหำรสถำนศึกษำขั้นพื้นฐำนขนำดเล็ก จำกกำรสนทนำกลุ่ม ผู้บริหำรสถำนศึกษำขั้นพื้นฐำนขนำดเล็ก เพื่อตรวจสอบควำมคิดเห็นในประเด็นควำมเป็นไปได้ (Feasibility) ของร่ำงรูปแบบกำรน ำผลกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำไปใช้ในกำรพัฒนำคุณภำพ ของสถำนศึกษำขั้นพื้นฐำนขนำดเล็กในภำคใต้รำยละเอียดตำมตำรำงที่ 16 ตารางที่ 16 ผลกำรพิจำรณำควำมเป็นไปได้ของร่ำงรูปแบบกำรน ำผลกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำไปใช้ ในกำรพัฒนำคุณภำพของสถำนศึกษำขั้นพื้นฐำนขนำดเล็กในภำคใต้จำกกำรสนทนำกลุ่มผู้บริหำร สถำนศึกษำขั้นพื้นฐำนขนำดเล็ก รายการรูปแบบการน าผลการประกัน คุณ ภาพการศึกษาไปใช้ในการพัฒน า คุณภาพของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานขนาด เล็กในภาคใต้ เป็นไปได้ ร้อยละ เป็นไปไม่ได้ ร้อยละ 1. ชื่อรูปแบบ 25 100.00 - - 2. หลักกำรและเหตุผล 25 100.00 - - 3. วัตถุประสงค์ 25 100.00 - - 4. แนวคิด หลักกำร และข้อมูลที ่น ำมำใช้ ในกำรออกแบบรูปแบบ 25 100.00 - - 5. แนวคิดและค่ำนิยมหลักของรูปแบบ 25 100.00 - - 6. นิยำมศัพท์เฉพำะที่ใช้ในรูปแบบ 25 100.00 - - 7. ขั้น ต อ น แ ล ะ ก ร ะ บ ว น ก ำ รบ ริห ำ ร ของรูปแบบ 25 100.00 - - 8. แนวทำงกำรด ำเนินงำนของรูปแบบ 25 100.00 - - 9. เงื่อนไขและข้อจ ำกัดของรูปแบบ 25 100.00 - - 10. แนวทำงกำรน ำรูปแบบไปใช้ 25 100.00 - - จำกตำรำงที่ 16 พบว่ำ ผู้บริหำรสถำนศึกษำขั้นพื้นฐำนขนำดเล็กทั้ง 25 คน คิดเป็นร้อยละ 100 เห็นว่ำร่ำงรูปแบบกำรน ำผลกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำไปใช้ในกำรพัฒนำคุณภำพของสถำนศึกษำ ขั้นพื้นฐำนขนำดเล็กในภำคใต้ทุกองค์ประกอบมีควำมเป็นไปได้ในทำงปฏิบัติ
198 ตารางที่ 17 ข้อเสนอแนะของร่ำงรูปแบบกำรน ำผลกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำไปใช้ในกำรพัฒนำคุณภำพของ สถำนศึกษำขั้นพื้นฐำนขนำดเล็กในภำคใต้จำกกำรกำรสนทนำกลุ่มผู้บริหำรสถำนศึกษำ ขั้นพื้นฐำนขนำดเล็ก รายการประเมิน ข้อเสนอแนะของผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐานขนาดเล็ก 1. ชื่อรูปแบบ - 2. หลักกำรและเหตุผล - 3. วัตถุประสงค์ - 4. แนวคิด หลักกำร และข้อมูลที่ น ำมำใช้ในกำรออกแบบรูปแบบ - 5. แน วคิด แ ล ะค ่ำนิย มห ลัก ข อง รูปแบบ - 6. นิยำมศัพท์เฉพำะที่ใช้ในรูปแบบ ปรับแก้นิยำมศัพท์เฉพำะ คุณภาพของสถานศึกษา หมำยถึง ประสิทธิผลในกำร บริหำรจัดกำรสถำนศึกษำตำมควำมคิดเห็นของผู้บริหำร ครู คณะกรรมกำรสถำนศึกษำขั้นพื้นฐำน และผู้ปกครองของ นักเรียนชั้นประถมศึกษำปีที่ 1-6 ซึ่งเป็นไปตำมมำตรฐำน ของสถำนศึกษำขั้นพื้นฐำนใน 4 ด้ำน คือ 1) ด้ำนผลกำรจัด กำรศึกษำ 2) ด้ำนกำรบริหำรจัดกำรศึกษำ 3) ด้ำนกำรจัดกำร เรียนกำรสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นส ำคัญ และ 4) ด้ำนกำรประกัน คุณภำพภำยใน ตำมกฎกระทรวง ว่ำด้วยระบบ หลักเกณฑ์ และวิธีกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำ พ.ศ. 2553 สถานศึกษาขั้นพื้นฐานขนาดเล็ก หมำยถึง สถำนศึกษำ ในสังกัดส ำนักงำนเขตพื้นที่กำรศึกษำประถมศึกษำที่มี นักเรียนไม่เกิน 120 คน และสถำนศึกษำในสังกัดส ำนักงำน เขตพื้นที่กำรศึกษำมัธยมศึกษำที่มีนักเรียนไม่เกิน 300 คน 7. ขั้นตอนและกระบวนกำรบริหำร ของรูปแบบ - 8. แ น ว ท ำงก ำ ร ด ำเนินง ำน ข อง รูปแบบ - 9. เงื่อนไขและข้อจ ำกัดของรูปแบบ เพิ่มเติมภำษำอังกฤษของภำวะผู้น ำกำรเปลี่ยนแปลง ให้ถูกต้องเป็น (Transformational Leadership) 10. แนวทำงกำรน ำรูปแบบไปใช้ -
199 จำกตำรำงที่ 17 พบว่ำผู้ปฏิบัติซึ่งผู้บริหำรสถำนศึกษำขั้นพื้นฐำนขนำดเล็ก ได้ให้ข้อเสนอแนะในกำรปรับแก้นิยำมศัพท์เฉพำะที่ใช้ในรูปแบบ และเงื่อนไขและข้อจ ำกัด ของรูปแบบเท่ำนั้นส่วนองค์ประกอบอื่น ๆ ไม่มีข้อเสนอแนะในกำรปรับปรุงรูปแบบ หลังจำกกำรสนทนำกลุ่มผู้บริหำรสถำนศึกษำขั้นพื้นฐำนขนำดเล็ก (Focus Group Discussion) จ ำนวน 25 ท่ำนแล้ว ผู้วิจัยได้ท ำกำรปรับปรุงร่ำงรูปแบบกำรน ำผลกำรประกันคุณภำพ กำรศึกษำไปใช้ในกำรพัฒนำคุณภำพของสถำนศึกษำขั้นพื้นฐำนขนำดเล็กในภำคใต้ตำมข้อเสนอแนะ จึงได้ร่ำงรูปแบบกำรน ำผลกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำไปใช้ในกำรพัฒนำคุณภำพของสถำนศึกษำ ขั้นพื้นฐำนขนำดเล็กในภำคใต้หลังจำกกำรสนทนำกลุ่มผู้บริหำรสถำนศึกษำขั้นพื้นฐำนขนำดเล็ก ดังต่อไปนี้ ชื่อรูปแบบ รูปแบบกำรน ำผลกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำไปใช้ในกำรพัฒนำคุณภำพของสถำนศึกษำ ขั้นพื้นฐำนขนำดเล็กในภำคใต้: IPOF_UREd.QA Model (Input Process Output Feedback for Using the Results from Educational Quality Assurance Model) หลักการและเหตุผล หลักกำรส ำคัญของกำรจัดกำรศึกษำโดยทั่วไป มีควำมมุ่งหมำยเพื่อพัฒนำเด็ก และเยำวชนให้ส ำเร็จกำรศึกษำอย่ำงมีคุณภำพ มีประสิทธิภำพ เต็มตำมศักยภำพของแต่ละคน สำมำรถร่วมพัฒนำสังคมอย่ำงสร้ำงสรรค์ทั้งในและต่ำงประเทศ รวมทั้งเป็นผู้สำมำรถตัดสินใจ ได้อย่ำงมีเหตุผล ตลอดจนเป็นบุคคลแห่งกำรเรียนรู้ และปรับตัวได้ทันกับควำมก้ำวหน้ำ ทำงเทคโนโลยี (กระทรวงศึกษำธิกำร, 2557 : 17) แต่ในสภำพควำมเป็นจริงพบว่ำ กำรจัดกำรศึกษำ ของประเทศไทยที่ผ่ำนมำประสบผลส ำเร็จเป็นที่น่ำพอใจไม่มำกนัก ในขณะที่มีปัญหำหลำยประกำร สะสมอยู่ กล่ำวคือ ยังไม่สำมำรถจัดกำรศึกษำได้ทั่วถึงและครอบคลุม อีกทั้งควำมรู้ ทักษะ และ ประสบกำรณ์ของผู้จบกำรศึกษำในแต่ละระดับยังไม่เพียงพอต่อกำรพัฒนำคุณภำพชีวิตให้ดีขึ้น ไม่สำมำรถรองรับกำรเปลี่ยนแปลงของสังคมตำมกระแสโลกำภิวัตน์ คุณภำพกำรจัดกำรศึกษำ ในด้ำนกำรพัฒนำอำคำรสถำนที่ อุปกรณ์ครุภัณฑ์ บุคลำกรทำงกำรศึกษำ กำรจัดกำรเรียนกำรสอน กำรบริหำรจัดกำร ตลอดจนผลสัมฤทธิ์ทำงกำรเรียนยังไม่เป็นที่พึงพอใจ อีกทั้งมีควำมแตกต่ำงกันมำก ในมำตรฐำนและคุณภำพของสถำนศึกษำ ท ำให้ผู้ปกครองเกิดค่ำนิยมในกำรส่งบุตรหลำนเข้ำเรียน ในสถ ำนศึกษ ำที่มีคุณ ภ ำพและมีชื่อเสียง (ป ระกอบ คุณ ำรักษ์ แล ะคณ ะ, 2543 : 53) กระทรวงศึกษำธิกำรจึงได้ก ำหนดเป้ำประสงค์ของกำรจัดกำรศึกษำว่ำ ให้มุ่งกำรจัดกำรศึกษำ ที่เป็นเลิศ ให้ควำมส ำคัญกับกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำ ด้วยกำรท ำให้โรงเรียนมีคุณภำพ กำรเรียน กำรสอนมีคุณภำพ ห้องเรียนมีคุณภำพ และผลกำรศึกษำของผู้เรียนมีคุณภำพได้มำตรฐำนสูง ในระดับสำกลภำยในปี พ.ศ. 2560 (กระทรวงศึกษำธิกำร, 2558 : 5 - 6) กำรประกันคุณภำพกำรศึกษำเป็นแนวทำงในกำรบริหำรที่มีพื้นฐำนมำจำกกำรบริหำร ทำงธุรกิจและอุตสำหกรรม ซึ่งมุ่งเน้นกำรใช้วิธีกำรบริหำรที่สร้ำงควำมเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคสินค้ำ
200 และผู้ใช้บริกำรให้ได้รับสิ่งที่มีคุณภำพถึงระดับมำตรฐำนที่ก ำหนด กำรประกันคุณภำพกำรศึกษำ จึงเป็นกระบวนกำรหรือกลไกที่ด ำเนินกำรเพื่อให้เกิดกำรรักษำ ปรับปรุง และพัฒนำคุณภำพ กำรศึกษำให้ได้มำตรฐำนคุณภำพอย่ำงต่อเนื่อง โดยเน้นกำรประกันคุณภำพของกระบวนกำรบริหำร และกำรบริกำรทำงกำรศึกษำทั้งระบบ เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ำยเกิดควำมมั่นใจในคุณภำพ ของผู้ส ำเร็จกำรศึกษำ และเชื่อถือคุณภำพของโรงเรียน ระบบกำรบริหำรที่ให้ควำมส ำคัญ กับกำรวำงแผนเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหำ มีกำรก ำกับ ควบคุม ตรวจสอบกำรด ำเนินกำรทุกขั้นตอน มีกำรรักษำ ปรับปรุง พัฒนำกระบวนกำรท ำงำนอย่ำงต่อเนื่อง เพื่อให้งำนในทุกส่วนของโรงเรียน ด ำเนินกำรไปด้วยควำมรำบรื่น มีประสิทธิภำพ และเกิดประสิทธิผล จึงเรียกว่ำเป็นระบบกำรประกัน คุณภำพกำรศึกษำ (Vroman & Luchsinger,1994 : 329) กำรจัดกำรในเรื่องกำรป ระกันคุณภำพกำรศึกษ ำ ได้มีกำรระบุไว้อย่ำงชัดเจน ในพระรำชบัญญัติกำรศึกษำแห่งชำติ พ.ศ. 2542 โดยก ำหนดจุดหมำยและหลักกำรของกำรจัด กำรศึกษำที่ต้องมุ่งเน้นคุณภำพมำตรฐำน ไว้ในหมวด 6 มำตรฐำนและกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำ ว่ำกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำต้องประกอบด้วย ระบบกำรประกันคุณภำพภำยในและระบบกำร ประกันคุณภำพภำยนอก (ส ำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำแห่งชำติ, 2545 : 28) กำรประกัน คุณภำพกำรศึกษำเป็นกลไกส ำคัญในกำรพัฒนำคุณภำพของสถำนศึกษำ ซึ่งถือว่ำเป็นหน้ำที่ ของบุคลำกรทุกคนทั้งในและนอกสถำนศึกษำ โดยกำรด ำเนินกำรต้องยึดหลักกำรมีส่วนร่วม และกำรกระจำยอ ำนำจให้ทุกฝ่ำยได้เข้ำมำก ำหนดนโยบำย วำงแผน ก ำกับ ติดตำม และประเมินผล กำรด ำเนินงำน ได้ร่วมกันพัฒนำและปรับปรุงให้สถำนศึกษำมีคุณภำพตำมเป้ำหมำยและมำตรฐำน ที่ก ำหนดไว้ซึ่งกระบวนกำรพัฒนำระบบกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำต้องเป็นไปอย่ำงต่อเนื่อง ตำมวงจรกำรบริหำร PDCA จนกลำยเป็นวัฒนธรรมและ วิถีชีวิตกำรท ำงำนของบุคลำกรทุกฝ่ำย ในสถำนศึกษำ ทั้งนี้เพื่อให้ผู้เรียนได้รับกำรศึกษำที่ดีมีคุณภำพเป็นไปตำมควำมต้องกำรของผู้ปกครอง ชุมชน สังคม และประเทศชำติ กำรประกันคุณภำพภำยในเป็นกำรสร้ำงระบบและกลไกเพื่อกำรประเมิน ติดตำม ตรวจสอบ และพัฒนำคุณภำพในกำรท ำงำนของสถำนศึกษำให้เป็นไปตำมนโยบำย เป้ำประสงค์ และระดับคุณภำพตำมมำตรฐำนที่ก ำหนดโดยสถำนศึกษำ และ/หรือหน่วยงำนต้นสังกัด ส ำหรับกำรประกันคุณภำพภำยในนั้น หน่วยงำนต้นสังกัดและสถำนศึกษำจะต้องด ำเนินกำร ให้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนกำรบริหำรกำรศึกษำที่กระท ำอย่ำงต่อเนื่องตลอดจนจัดท ำรำยงำน เสนอต่อหน่วยงำนต้นสังกัด หน่วยงำนที่เกี่ยวข้อง และเปิดเผยต่อสำธำรณชนเป็นประจ ำทุกปี เพื่อน ำไปสู่กำรพัฒนำคุณภำพและมำตรฐำนกำรศึกษำ และเพื่อรองรับกำรประเมินคุณภำพภำยนอก โดยส ำนักงำนรับรองมำตรฐำนและประเมินคุณภำพกำรศึกษำ (องค์กำรมหำชน) (สมศ.) กำรประกันคุณภำพกำรศึกษำภำยนอกเป็นกำรติดตำม ตรวจสอบ และประเมินคุณภำพ และมำตรฐำนกำรศึกษำของสถำนศึกษำโดยส ำนักงำนรับรองมำตรฐำนและประเมินคุณภำพ กำรศึกษำใน 3 มิติ คือ ควำมตระหนักถึงควำมส ำคัญของกำรพัฒนำกำรศึกษำให้ได้มำตรฐำน ควำมพยำยำมในกำรพัฒนำคุณภำพให้ได้มำตรฐำน และผลสัมฤทธิ์ของกำรด ำเนินงำนตำมมำตรฐำน ที่ก ำหนด (ส ำนักงำนรับรองมำตรฐำนและประเมินคุณภำพกำรศึกษำ, 2545 : 25) กำรประกัน คุณภำพภำยนอกที่รับผิดชอบโดยส ำนักงำนรับรองมำตรฐำนและประเมินคุณภำพกำรศึกษำ
201 (องค์กำรมหำชน) (สมศ.) นั้น พระรำชบัญญัติกำรศึกษำแห่งชำติ พ.ศ. 2542 ได้ก ำหนดให้ สถำนศึกษำทุกแห่งต้องได้รับกำรประเมินคุณภำพภำยนอกอย่ำงน้อย 1 ครั้ง ในทุกระยะ 5 ปี โดยกำรประเมินในช่วง พ.ศ. 2559 - 2562 โรงเรียนจะได้รับกำรประเมินคุณภำพกำรศึกษำในรอบ 4 จำกส ำนักงำนรับรองมำตรฐำนและประเมินคุณภำพกำรศึกษำ (องค์กำรมหำชน) (สมศ.) พระรำชบัญญัติกำรศึกษำแห่งชำติ หมวด 6 มำตรำ 48 ระบุว่ำให้หน่วยงำนต้นสังกัด และสถำนศึกษำจัดให้มีระบบประกันคุณภำพภำยในสถำนศึกษำ และให้ถือว่ำกำรประกันคุณภำพ ภำยในเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนกำรบริหำรกำรศึกษำ แต่ควำมจริงที่ปรำกฏพบว่ำกำรประกัน คุณภำพกำรศึกษำและกระบวนกำรบริหำรได้แยกส่วนกันปฏิบัติ และนอกจำกนี้กระบวนกำรขั้นตอน ของกำรประกันคุณภำพที่มีอยู่ 3 ขั้นตอน คือ กำรควบคุม กำรตรวจสอบ และกำรประเมินคุณภำพนั้น ส่วนใหญ่จะน ำมำใช้ในส่วนของกำรประเมินคุณภำพเท่ำนั้นและใช้อย่ำงไม่จริงจัง หลังจำกประเมิน แล้วก็จะน ำมำเขียนรำยงำนกำรประเมินตนเอง (Self-Assessment Report : SAR) โดยกำรเขียนนี้ จะขึ้นอยู่กับควำมสำมำรถของบุคลำกรและควำมต้องกำรของผู้บริหำรหรือผู้เกี่ยวข้องทั้งเจตนำ และไม่เจตนำ จึงไม่สอดคล้องกับควำมเป็นจริงของสถำนศึกษำเพียงพอ นอกจำกนี้ก็ไม่น ำผล กำรประเมินโดยเฉพำะในประเด็นที่บกพร่องไปใช้ในกำรปรับปรุงแก้ไข ซึ่งปรัชญำของกำรประเมิน คือ กำรพัฒนำ เมื่อไม่น ำผลกำรประกันคุณภำพไปพัฒนำสถำนศึกษำหรือน ำไปใช้น้อยกว่ำที่ควร แล้วก็ถือว่ำกำรด ำเนินงำนในขั้นตอนอื่น ๆ เป็นกำรสูญเปล่ำมำก จึงอำจกล่ำวได้ว่ำ ในทำงปฏิบัติแล้ว กำรประกันคุณภำพกำรศึกษำไม่ได้เป็น ส่วนหนึ่งของกระบวนกำรบริหำรจัดกำรตำมที่กฎหมำย ก ำหนดไว้ ปัญหำของระบบกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำในโรงเรียนขนำดเล็กจึงต้องได้รับกำรแก้ไข อย่ำงเป็นรูปธรรม มิฉะนั้นจะส่งผลต่อคุณภำพของผู้เรียน และคุณภำพของสถำนศึกษำ รวมทั้ง ควำมมั่นใจของสังคมต่อคุณภำพของกำรจัดกำรศึกษำอีกด้วย ในกำรพัฒนำสถำนศึกษำให้มีคุณภำพจ ำเป็นต้องใช้ผลกำรประเมิน (Evaluation Utilization) ให้เป็นกระบวนกำรขับเคลื่อนในกำรท ำงำน โดยต้องน ำผลหรือสำรสนเทศที่ได้จำกกำร ประเมินมำประกอบกับกำรวำงแผนเพื่อให้เกิดกำรเปลี่ยนแปลงของนโยบำยหรือกำรปฏิบัติงำน และ ช่วยในกำรตัดสินใจของผู้บริหำรเกี่ยวกับกำรวำงแผนและด ำเนินงำน ก่อให้เกิดวงจรกำรท ำงำน เชิงคุณภำพเป็นไปอย่ำงต่อเนื่อง (ศิริวัฒน์ วรนำม, 2540 : 135) เป้ำหมำยส ำคัญของกำรประเมิน คือ กำรได้สำรสนเทศส ำหรับน ำไปใช้ประโยชน์ในกำรพัฒนำคุณค่ำของสิ่งที่มุ่งประเมิน (ศิริชัย กำญจนวำสี, 2550 : 151) ดังนั้น ในกำรประกันคุณภำพภำยในสถำนศึกษำและกำรประกันคุณภำพภำยนอก สถำนศึกษ ำ ที่จะท ำให้เกิดป ระโยชน์และคุ้มค่ ำ ผู้ที่เกี่ยวข้องจึงควรน ำผลกำรป ระเมิน และข้อเสนอแนะไปใช้ในกำรปรับปรุงและพัฒนำสถำนศึกษำ เพื่อให้สถำนศึกษำสำมำรถด ำเนินกำร จัดกำรศึกษ ำได้อย่ำงมีคุณภ ำพมำกขึ้น (Castetter, 1992 : 3) ซึ่งกำรพัฒ น ำสถำนศึกษ ำ ให้สำมำรถเป็นแบบอย่ำงที่มีคุณภำพ งำนบรรลุตำวัตถุประสงค์ เป้ำหมำยกำรจัดกำรศึกษำ ตำมแนวปฏิรูปกำรศึกษำและมำตรฐำนกำรจัดกำรศึกษำขั้นพื้นฐำน และสำมำรถก้ำวสู่ควำมเป็นเลิศ ได้นั้น สถำนศึกษำทุกแห่งจ ำเป็นต้องเรียนรู้ถึงเทคนิคกำรบริหำรจัดกำรคุณภำพสมัยใหม่ โดยเฉพำะ เกณฑ์คุณภำพกำรศึกษำเพื่อด ำเนินกำรที่เป็นเลิศ กำรบริหำรกำรเปลี่ยนแปลง และแนวคิด กำรบริหำรจัดกำรในสถำนศึกษำแบบร่วมคิดร่วมท ำ น่ำจะเป็นนวัตกรรมทำงกำรบริหำรกำรศึกษำ ที่ควรได้รับกำรประยุกต์ใช้เพื่อช่วยท ำให้คุณภำพของสถำนศึกษำได้มำตรฐำน มีระบบกำรประกัน
202 คุณภำพกำรศึกษำที่มีประสิทธิผลสูงขึ้น อันจะท ำให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเกิดควำมมั่นใจต่อคุณภำพ ของสถำนศึกษำสูงขึ้น อย่ำงไรก็ตำม ปัญหำของโรงเรียนขนำดเล็กเป็นสิ่งท้ำทำยผู้บริหำรมำตลอดทุกยุคสมัย กระทรวงศึกษำธิกำรได้พยำยำมแก้ปัญหำโรงเรียนขนำดเล็กมำอย่ำงต่อเนื่อง แต่อัตรำกำรเกิด ของประชำกรได้ลดลงตำมล ำดับ ส่งผลให้จ ำนวนประชำกรในวัยระดับประถมศึกษำที่มีอำยุในช่วง 6 - 12 ปี ลดลง ดังนั้น จึงท ำให้นักเรียนที่เป็นตัวป้อนให้แก่โรงเรียนประถมศึกษำจึงลดลง อย่ำงต่อเนื่อง โดยเฉพำะโรงเรียนขนำดเล็กที่สังกัดส ำนักงำนเขตพื้นที่กำรศึกษำในเขตจังหวัดภำคใต้ ในปีกำรศึกษำ 2559 ซึ่งมีอยู่ถึง 2,505 โรงเรียน จำกโรงเรียนทั้งหมด 4,311 โรงเรียน ซึ่งคิดเป็น ร้อยละ 58.11 จำกกำรที่มีโรงเรียนขนำดเล็กเป็นจ ำนวนมำก ย่อมส่งผลประสิทธิภำพในกำรบริหำร จัดกำร โดยเฉพำะกำรบริหำรอัตรำก ำลังครู และเมื่อวิเครำะห์คุณภำพทำงกำรศึกษำพบว่ำ โรงเรียน ขนำดเล็กได้เป็นที่รองรับนักเรียนที่มีพื้นฐำนของครอบครัวที่ยำกจน ท ำให้เกิดข้อเสียเปรียบในกำรจัด กำรศึกษำของสถำนศึกษำหลำยประกำร ซึ่งจำกกำรศึกษำผลสัมฤทธิ์ทำงกำรเรียนของส ำนักทดสอบ ทำงกำรศึกษำในปีกำรศึกษำ 2556 พบข้อมูลที่สอดคล้องกัน คือนักเรียนในโรงเรียนขนำดเล็กทุกช่วง ชั้นในทุกเขตพื้นที่กำรศึกษำ มีค่ำเฉลี่ยของผลสัมฤทธิ์ทำงกำรเรียนต่ ำกว่ำนักเรียนจำกโรงเรียน ขนำดกลำงและขนำดใหญ่ อีกทั้งผลกำรประเมินมำตรฐำนของส ำนักงำนรับรองมำตรฐำนและ ประเมินคุณภำพกำรศึกษำที่ได้ด ำเนินกำรประเมิน คุณภำพภำยนอกสถำนศึกษำ รอบ 3 (พ.ศ. 2554-2558) ของสถำนศึกษำในระดับกำรศึกษำขั้นพื้นฐำน พบว่ำ มีโรงเรียนได้รับรอง มำตรฐำนทั้งสิ้น 4,185 โรงเรียน คิดเป็นร้อยละ 53.72 และไม่ได้รับรองมำตรฐำน 3,606 โรงเรียน คิดเป็นร้อยละ 46.28 โดยโรงเรียนที่ไม่ได้รับรองมำตรฐำนนั้นเป็นโรงเรียนขนำดเล็กถึง 3,025 โรงเรียน คิดเป็นร้อยละ 47.99 ของโรงเรียนขนำดเล็กทั้งหมด (ส ำนักงำนรับรองมำตรฐำน และประเมินคุณภำพกำรศึกษำ, 2557) ประกอบกับข้อมูลผลกำรประเมินคุณภำพภำยนอก สถำนศึกษำ รอบ 3 (พ.ศ. 2554-2558) ของสถำนศึกษำขนำดเล็กระดับกำรศึกษำขั้นพื้นฐำน ในภำคใต้จำกส ำนักงำนรับรองมำตรฐำนและประเมินคุณภำพกำรศึกษำ (องค์กำรมหำชน) ในปี พ.ศ. 2559 พบว่ำในจ ำนวนโรงเรียนทั้งหมด 1,174 โรงเรียน ได้มีสถำนศึกษำขนำดเล็กในภำคใต้ที่ได้รับ กำรรับกำรรับรองมำตรฐำน 680 โรงเรียน คิดเป็นร้อยละ 57.92 และไม่รับรองมำตรฐำนถึง 494 โรงเรียน คิดเป็นร้อยละ 42.08 ดังนั้น กำรพัฒนำรูปแบบกำรน ำผลกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำ ไปใช้ในกำรพัฒนำคุณภำพของสถำนศึกษำขั้นพื้นฐำนขนำดเล็กในภำคใต้จึงมีควำมจ ำเป็น ต้องด ำเนินกำรเป็นอย่ำงยิ่ง พร้อมกับผลกำรศึกษำสภำพปัจจุบันและควำมต้องกำรในกำรน ำผล กำรประกันคุณภำพกำรศึกษำไปใช้ในกำรพัฒนำคุณภำพของสถำนศึกษำขั้นพื้นฐำนขนำดเล็ก ในภำคใต้ พบว่ำกำรน ำผลกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำไปใช้ในกำรพัฒนำคุณภำพของสถำนศึกษำ ขั้นพื้นฐำนขนำดเล็กในภำคใต้ภำพรวมมีระดับกำรน ำไปใช้ในปัจจุบันตำมเกณฑ์คุณภำพกำรศึกษำ เพื่อด ำเนินกำรที่เป็นเลิศอยู่ในระดับปำนกลำงโดยมีค่ำเฉลี่ยเท่ำกับ 2.78 และเมื่อพิจำรณำ เป็นรำยหมวดเกือบทุกหมวดมีระดับกำรน ำไปใช้อยู่ในระดับปำนกลำงเช่นเดียวกัน ยกเว้นหมวด กำรน ำองค์กรระดับกำรน ำไปใช้อยู่ในระดับน้อยมีค่ำเฉลี่ยเท่ำกับ 2.06 โดยทุกหมวดจะมีค่ำเฉลี่ย อยู่ระหว่ำง 2.06 - 3.49 และหำกเมื่อพิจำรณำควำมต้องกำรน ำผลกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำ ไปใช้ในกำรพัฒนำคุณภำพของสถำนศึกษำขั้นพื้นฐำนขนำดเล็กในภำคใต้ตำมเกณฑ์คุณภำพ
203 กำรศึกษำเพื่อด ำเนินกำรที่เป็นเลิศในอนำคต ภำพรวมจะอยู่ในระดับมำกที่สุดโดยมีค่ำเฉลี่ยเท่ำกับ 4.74 และเมื่อพิจำรณำรำยละเอียดเป็นรำยหมวด ทุกหมวดจะมีระดับควำมต้องกำรน ำไปใช้ ในอนำคตอยู่ในระดับมำกที่สุดเช่นเดียวกัน โดยจะมีค่ำเฉลี่ยอยู่ระหว่ำง 4.57 -4.81 พร้อมผลกำรศึกษำ ข้อมูลเชิงคุณภำพของกรณีศึกษำโรงเรียนขนำดเล็ก 3 โรงเรียน และผลกำรสัมภำษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิ ทำงด้ำนกำรบริหำรคุณภำพและกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำ 3 ท่ำน ผลกำรสอบถำมผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้เชี่ยวชำญ 25 ท่ำน และผลกำรสัมมนำอิงผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชำญ 9 ท่ำน อีกทั้งผลกำรสนทนำ กลุ่มผู้บริหำรสถำนศึกษำขั้นพื้นฐำนขนำดเล็ก 25 ท่ำน จึงได้ก ำหนดรำยละเอียดของรูปแบบดังต่อไปนี้ จึงได้ก ำหนดรำยละเอียดของรูปแบบดังต่อไปนี้ วัตถุประสงค์ 1. เพื่อสร้ำงรูปแบบกำรน ำผลกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำไปใช้ในกำรพัฒนำคุณภำพ ของสถำนศึกษำขั้นพื้นฐำนขนำดเล็กที่สอดคล้องกับบริบทของภำคใต้ 2. เพื่อพัฒนำแนวทำงในกำรพัฒนำคุณภำพของสถำนศึกษำขั้นพื้นฐำนขนำดเล็กในภำคใต้ ให้มีควำมเป็นเลิศทั้งระบบด้วยกำรใช้ข้อมูลและสำรสนเทศจำกผลกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำ หลักการ แนวคิด และข้อมูลที่น ามาใช้ในการออกแบบรูปแบบ 1. หลักกำรของกำรจัดระบบกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำของสถำนศึกษำขั้นพื้นฐำน กำรพัฒนำระบบกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำของสถำนศึกษำขั้นพื้นฐำน ได้ยึดหลักกำร 3 ประกำร คือ 1) กำรกระจำยอ ำนำจ (Decentralization) สถำนศึกษำมีอิสระ และมีควำมคล่องตัวในกำรบริหำร และตัดสินใจด ำเนินงำน ทั้งด้ำนกำรบริหำรงำนวิชำกำร งบประมำณ บุคลำกร และทรัพยำกร กำรจัดสิ่งอ ำนวยควำมสะดวกและผู้สอนท ำบทบำทหน้ำที่ ในกำรสอน จัดกิจกรรมและพัฒนำสื่อเพื่อพัฒนำกำรเรียนรู้ของผู้เรียนให้บรรลุผลตำมจุดหมำย ของหลักสูตรได้อย่ำงเต็มที่ สำมำรถจัดกำรศึกษำได้สอดคล้องกับสภำพพื้นที่ ควำมต้องกำรของชุมชน และสังคมได้มำกที่สุด 2) กำรเปิดโอกำสกำรมีส่วนร่วมในกำรท ำงำน (Participation) หน่วยงำน ทั้งภำครัฐ ภำคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้ประกอบกำร ภูมิปัญญำท้องถิ่น/ปรำชญ์ชำวบ้ำน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เข้ำมำมีส่วนร่วมในกำรพัฒนำคุณภำพผู้เรียน ทั้งในฐำนะเป็นคณะกรรมกำร สถำนศึกษำขั้นพื้นฐำน หรือคณะท ำงำนในส่วนอื่น ๆ ของสถำนศึกษำโดยมีกำรร่วมกันคิด ตัดสินใจ สนับสนุน ส่งเสริม และติดตำมตรวจสอบกำรด ำเนินงำน ตลอดจนร่วมภำคภูมิใจในควำมส ำเร็จ ของสถำนศึกษำ และ 3)กำรแสดงภำระรับผิดชอบที่ตรวจสอบได้ (Accountability) มำตรฐำนกำรศึกษำ ของสถำนศึกษำเป็นเป้ำหมำย (Goals) ที่ผู้เรียน ผู้ปกครอง และชุมชนต้องได้รับรู้เพื่อกำรพัฒนำ ร่วมกันและเพื่อกำรติดตำมตรวจสอบกำรด ำเนินงำนของสถำนศึกษำว่ำสำมำรถน ำพำผู้เรียน ไปสู่มำตรฐำนที่ได้ก ำหนดร่วมกันไว้หรือไม่จำกเป้ำหมำยและจุดเน้นกำรพัฒนำดังกล่ำว สถำนศึกษำ ต้องสร้ำงกำรมีส่วนร่วมในกำรจัดท ำแผนพัฒนำคุณภำพสถำนศึกษำ (School Improvement Plan) เลือกกลวิธีกำรพัฒนำที่เหมำะสมและสำมำรถท ำให้เกิดผลได้อย่ำงเป็นรูปธรรม มีกำรประชำสัมพันธ์
204 เป้ำหมำยและจุดเน้นที่ต้องกำรพัฒนำให้ทุกฝ่ำยได้รับรู้เพื่อเป็นสัญญำประชำคมและเพื่อให้ทุกฝ่ำย ที่เกี่ยวข้องมีทิศทำงกำรท ำงำนที่ชัดเจนสู่เป้ำหมำยเดียวกัน 2. แนวคิดเกี่ยวกับกำรพัฒนำรูปแบบ ในกำรพัฒนำรูปแบบนั้นไม่มีข้อก ำหนดที่แน่นอนว่ำจะต้องด ำเนินกำรอย่ำงไรแต่จำกกำรศึกษำ แนวคิด ทฤษฎี พบว่ำแนวทำงในกำรพัฒนำรูปแบบส่วนมำกมี4 ขั้นตอน คือ 1) กำรทบทวนวรรณกรรม โดยกำรศึกษำเอกสำรแนวคิด ทฤษฎีองค์ควำมรู้เกี่ยวกับรูปแบบที่จะพัฒนำให้ชัดเจน 2) กำรสัมภำษณ์ นักวิชำกำรและผู้เชี่ยวชำญ 3) กำรพัฒนำรูปแบบ และ 4) กำรประเมินรูปแบบ 3. แนวคิดของเกณฑ์คุณภำพกำรศึกษำเพื่อกำรด ำเนินกำรที่เป็นเลิศใน 7 องค์ประกอบ ปี 2016 - 2018 (Education Criteria for Performance Excellence ; EdPEx) ซึ่งได้แก่ 1) กำรน ำองค์กร 2) กำรวำงแผนกลยุทธ์ 3) กำรมุ่งเน้นผู้เรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย 4) กำรวัด กำรวิเครำะห์ และกำรจัดกำรควำมรู้ 5) กำรมุ่งเน้นครูและบุคลำกร 6) กำรจัดกำรกระบวนกำร 7) ผลลัพธ์ 4. แนวคิดเกี่ยวกับกำรบริหำรกำรเปลี่ยนแปลง เป็นกระบวนกำรเปลี่ยนแปลงสภำพ ในปัจจุบันไปสู่สภำพที่ต้องกำรในอนำคต ประกอบด้วยขั้นตอนกำรบริหำร 3 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนที่ 1 กำรเตรียมกำรเปลี่ยนแปลง (Preparing for Change) เป็นกำรเตรียม ควำมพร้อมขององค์กรก่อนด ำเนินกำรตำมเป้ำหมำยที่ร่วมกันวำงไว้ ประกอบด้วยกระบวนกำร ด ำเนินงำน 6 กระบวนกำร ได้แก่ 1) กำรวิเครำะห์สถำนศึกษำ 2) กำรก ำหนดเป้ำหมำย 3) กำรสร้ำงทีม 4) กำรประเมินควำมสำมำรถในกำรเปลี่ยนแปลง 5) กำรสร้ำงเครือข่ำยควำมร่วมมือ 6) กำรสื่อสำร ขั้นตอนที่ 2 กำรจัดกำรกำรเปลี่ยนแปลง (Managing Change) เป็นกำรด ำเนินกำร ให้บรรลุเป้ำหมำยที่ได้ร่วมกันวำงไว้ ประกอบด้วยกระบวนกำรด ำเนินงำน 4 กระบวนกำร ได้แก่ 1) กำรออกแบบแผน 2) กำรวำงแผน 3) กำรน ำแผนสู่กำรปฏิบัติ 4) กำรประเมินผล
205 ขั้นตอนที่ 3 กำรเสริมแรงกำรเปลี่ยนแปลง (Reinforcing Change) เป็นกำรด ำเนินกำร หลังจำกด ำเนินงำนเป็นระยะ ๆ และเมื่อกำรด ำเนินกำรบรรลุเป้ำหมำยที่ได้ร่วมกันวำงไว้ประกอบด้วย กระบวนกำร 5 กระบวนกำร ได้แก่ 1) กำรให้ข้อมูลย้อนกลับ (Feedback) แก่สถำนศึกษำ 2) กำรทบทวนหลังกำรปฏิบัติงำน (After Action Review) 3)กำรเผยแพร่ผลกำรปฏิบัติงำนที่ประสบควำมส ำเร็จแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องและบุคคลทั่วไป ทั้งภำยในและภำยนอกสถำนศึกษำ 4) กำรยกย่อง ชื่นชม ควำมส ำเร็จ 5) กำรเพิ่มพลังอ ำนำจแก่บุคลำกร 5. แนวคิดเกี่ยวกับกำรบริหำรจัดกำรในสถำนศึกษำแบบร่วมคิดร่วมท ำ ซึ่งกระบวนกำร บริหำรจัดกำรในสถำนศึกษำแบบร่วมคิดร่วมท ำ ประกอบไปด้วยขั้นตอนต่ำง ๆ ดังต่อไปนี้ 1) กำรก ำหนดเป้ำหมำยและวิเครำะห์ปัญหำ/ควำมต้องกำร (Goal Setting and Need Identification) 2) กำรก ำหนดนโยบำย (Policy Making) 3) กำรวำงแผน (Planning) 4) กำรก ำหนดงบประมำณ (Budgeting) 5) กำรน ำแผนไปปฏิบัติ (Implementing) 6) กำรประเมินผล (Evaluating) 6. แนวทำงในกำรจัดท ำปฏิบัติกำรประจ ำปีและแผนพัฒนำคุณภำพกำรศึกษำของสถำนศึกษำ 7. บริบทของสถำนศึกษำขั้นพื้นฐำนขนำดเล็ก 8. ข้อมูลจำกผลกำรศึกษำสภำพปัจจุบันและควำมต้องกำรในกำรน ำผลกำรประกัน คุณภำพกำรศึกษำไปใช้ในกำรพัฒนำคุณภำพของสถำนศึกษำขั้นพื้นฐำนขนำดเล็กในภำคใต้ 9. ข้อมูลจำกกำรสัมภำษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิทำงกำรบริหำรคุณภำพและกำรประกันคุณภำพ กำรศึกษำ 10. ข้อมูลจำกกำรสอบถำมผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชำญ 11. ข้อมูลจำกกำรสัมมนำอิงผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชำญ 12. ข้อมูลจำกกำรสนทนำกลุ่มผู้บริหำรสถำนศึกษำขั้นพื้นฐำนขนำดเล็ก แนวคิดและค่านิยมหลักของรูปแบบ 1. การบริหารสู่ความเป็นเลิศของสถานศึกษา กำรจัดระบบกำรประกันคุณภำพ กำรศึกษำท ำให้สถำนศึกษำมีคุณภำพบรรลุตำมวิสัยทัศน์ แผนพัฒนำคุณภำพกำรศึกษำ และแผนปฏิบัติกำรประจ ำปี ผู้บริหำรสถำนศึกษำต้องจัดระบบกำรบริหำรจัดกำรของสถำนศึกษำ โดยควรเริ่มต้นจำกกำรท ำกำรวิเครำะห์จุดอ่อน จุดแข็ง เอกลักษณ์ของสถำนศึกษำ แนวทำง กำรพัฒนำจำกรำยงำนกำรประเมินตนเองของสถำนศึกษำ (SAR) และรำยงำนผลกำรประเมิน คุณภำพกำรศึกษำของส ำนักงำนรับรองมำตรฐำนและประเมินคุณภำพกำรศึกษำ ตำมมำตรฐำน
206 และประเด็นกำรพิจำรณำของกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำระดับกำรศึกษำขั้นพื้นฐำน แล้วน ำเสนอ โครงกำรพัฒนำสถำนศึกษำตำมเกณฑ์คุณภำพกำรศึกษำเพื่อกำรด ำเนินกำรที่เป็นเลิศทั้ง 7 องค์ประกอบ โดยมุ่งหวังจะให้เกิดกำรเปลี่ยนแปลงของสถำนศึกษำสำมำรถบรรลุตำมวิสัยทัศน์ และคุณภำพด้วยกำรบริหำรจัดกำรสถำนศึกษำแบบร่วมคิดร่วมท ำ 2. การบริหารบนฐานของข้อมูลและสารสนเทศ กำรจัดระบบกำรประกันคุณภำพ กำรศึกษำ ช่วยให้เกิดฐำนข้อมูล ซึ่งเป็นระบบสำรสนเทศ เพื่อกำรบริหำรจัดกำรของสถำนศึกษำ (MIS) หำกสำมำรถพัฒนำให้เป็นระบบที่สำมำรถใช้งำนได้ทุกที่ ทุกเวลำ เป็นแบบ Automation สำมำรถท ำงำนในระบบ Online ที่สำมำรถค้นหำ ใช้ข้อมูลได้ทันที โดยน ำเอำมำตรฐำนและประเด็น กำรพิจำรณำของกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำเป็นฐำนข้อมูลเพื่อพัฒนำคุณภำพของสถำนศึกษำ 3. การตัดสินใจทางการบริหารตามผลการประเมิน โดยธรรมชำติสำรสนเทศอันเป็นผล มำจำกระบบกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำแต่ละส่วน มีคุณค่ำแตกต่ำงกัน จะเป็นประโยชน์ต่อ กำรตัดสินใจของผู้บริหำรสถำนศึกษำและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของสถำนศึกษำในแต่ละภำคส่วน ไม่เท่ำกัน อีกทั้งสำรสนเทศนั้นจะมีเพียงคุณค่ำแฝง ไม่ใช่คุณค่ำจริง จนกว่ำจะมีกำรน ำสำรสนเทศ ที่เป็นผลของระบบกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำไปใช้จึงจะท ำให้สำรสนเทศได้เกิดพลังอ ำนำจ ในกำรพัฒนำคุณภำพของสถำนศึกษำ 4. การรายงานผลลัพธ์การด าเนินงาน กำรจัดระบบกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำ เป็นกำรรำยงำนผลลัพธ์กำรด ำเนินงำนในกำรจัดกำรศึกษำต่อผู้ปกครอง ชุมชน และสำธำรณะ สถำนศึกษำควรได้จัดท ำเป็นรำยงำนประจ ำปีและใช้เป็นข้อมูลพื้นฐำนส ำหรับกำรจัดท ำแผนพัฒนำ คุณภำพกำรศึกษำและแผนปฏิบัติกำรประจ ำปีในรอบต่อ ๆ ไป 5. การพัฒนาสถานศึกษาอย่างต่อเนื่อง กำรจัดระบบกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำ ท ำให้สถำนศึกษำได้จัดกำรศึกษำแบบรับผิดรับชอบ (Accreditation) ท ำให้สถำนศึกษำสำมำรถ มองเห็นจุดแข็ง จุดอ่อน และแนวทำงกำรพัฒนำของตนเอง สำมำรถแก้ปัญหำและพัฒนำจุดอ่อน ได้ตรงจุด ผู้บริหำรสถำนศึกษำและบุคลำกรทุกคนต้องร่วมจัดท ำและด ำเนินงำนตำมระบบประกัน คุณภำพกำรศึกษำอยู่เป็นประจ ำต่อเนื่อง ให้กลำยเป็นวิถีชีวิตและวัฒนธรรมคุณภำพของสถำนศึกษำ 6. การสร้างภาพลักษณ์ของสถานศึกษา กำรจัดระบบกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำ เป็นกำรช่วยประชำสัมพันธ์ส ำหรับสร้ำงภำพลักษณ์ (Image) ของสถำนศึกษำ และมีส่วนช่วยท ำให้ สถำนศึกษำเป็นของชุมชน ท้องถิ่น และประเทศชำติ นิยามศัพท์เฉพาะที่ใช้ในรูปแบบ 1. การประกันคุณภาพภายนอก หมำยถึง ระบบกำรประเมินผลและกำรติดตำม ตรวจสอบคุณภำพและมำตรฐำนกำรศึกษำของสถำนศึกษำจำกภำยนอก โดยส ำนักงำนรับรอง มำตรฐำนและประเมินคุณภำพกำรศึกษำ หรือบุคคลหรือหน่วยงำนภำยนอกที่ส ำนักงำนดังกล่ำว รับรอง เพื่อให้เป็นผู้ประเมินภำยนอก ทั้งนี้เพื่อให้มีกำรพัฒนำคุณภำพและมำตรฐำนกำรศึกษำ ของสถำนศึกษำ หรือเพื่อยืนยันมำตรฐำนของสถำนศึกษำ 2. การประกันคุณภาพภายใน หมำยถึง ระบบที่สถำนศึกษำสร้ำงควำมมั่นใจ แก่ผู้รับบริกำร ทั้งผู้เรียน ผู้ปกครอง ชุมชน ตลอดจนองค์กรหรือสถำนประกอบกำรที่รับผู้เรียน
207 เข้ำศึกษำต่อหรือท ำงำน ว่ำสถำนศึกษำสำมำรถจัดกำรศึกษำให้มีคุณภำพได้ตำมมำตรฐำน ที่สถำนศึกษำก ำหนด ซึ่งเป็นกลไกเพื่อกำรประเมิน ติดตำม ตรวจสอบ และพัฒนำคุณภำพ ในกำรท ำงำนของสถำนศึกษำให้เป็นไปตำมนโยบำย เป้ำประสงค์และระดับคุณภำพตำมมำตรฐำน ที่ก ำหนด โดยสถำนศึกษำและ/หรือหน่วยงำนต้นสังกัด 3. ผลการประกันคุณภาพการศึกษา หมำยถึง ผลกำรประเมินคุณภำพของสถำนศึกษำ ตำมมำตรฐำนที่ว่ำด้วยผลกำรจัดกำรศึกษำ กำรบริหำรจัดกำรศึกษำ กำรจัดกำรเรียนกำรสอน ที่เน้นผู้เรียนเป็นส ำคัญ และกำรประกันคุณภำพภำยใน พร้อมข้อเสนอแนะในกำรพัฒนำจุดอ่อน และเสริมจุดแข็ง หรือแนวทำงในกำรพัฒนำเพื่อพัฒนำคุณภำพของสถำนศึกษำ อันเป็นผลมำจำก สำรสนเทศที่ได้รับกำรประเมินภำยในและกำรประเมินภำยนอกของสถำนศึกษำ 4. การน าผลการประกันคุณภาพการศึกษาไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพของสถานศึกษา หมำยถึง กำรด ำเนินกำรน ำผลจำกกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำไปใช้เพื่อพัฒนำคุณภำพ ของสถำนศึกษำใน 7 องค์ประกอบ ซึ่งได้แก่ 1) กำรน ำองค์กร 2) กำรวำงแผนกลยุทธ์ 3) กำรมุ่งเน้น ผู้เรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย 4) กำรวัด กำรวิเครำะห์ และกำรจัดกำรควำมรู้ 5) กำรมุ่งเน้นครู และบุคลำกร 6) กำรจัดกำรกระบวนกำร และ 7) ผลลัพธ์ 4.1 การน าองค์กร หมำยถึง กระบวนกำรบริหำรจัดกำรสถำนศึกษำโดยใช้ภำวะผู้น ำ ของผู้น ำระดับสูงที่เกี่ยวกับ กำรก ำหนดและกำรสื่อสำร วิสัยทัศน์ ค่ำนิยม และพันธกิจ กำรสร้ำง บรรยำกำศที่ส่งเสริมให้มีกำรผลกำรด ำเนินกำรที่ดี กำรพัฒนำผู้น ำในอนำคตของสถำนศึกษำ กำรก ำกับดูแลเพื่อให้มีกำรด ำเนินกำรที่ถูกต้องตำกฎหมำยและจริยธรรม ควำมรับผิดชอบต่อสังคม และกำรสนับสนุนชุมชนที่ส ำคัญ 4.2 การวางแผนเชิงกลยุทธ์หมำยถึง กระบวนกำรบริหำรจัดกำรสถำนศึกษำ ที่เกี่ยวกับกำรจัดท ำกลยุทธ์และวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ กำรจัดท ำแผนปฏิบัติกำร และถ่ำยทอด แผนปฏิบัติกำรไปสู่กำรปฏิบัติ กำรวัดผลควำมก้ำวหน้ำและกำรเปรียบเทียบผลกำรด ำเนินกำร กับเป้ำประสงค์ของสถำนศึกษำ 4.3 การมุ่งเน้นผู้เรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย หมำยถึง กระบวนกำรบริหำรจัดกำร สถำนศึกษำที่เกี่ยวกับกำรสร้ำงควำมผูกพันกับผู้เรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย กำรสร้ำงวัฒนธรรม ที่มุ่งเน้นผู้เรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย กำรรับฟังเสียงผู้เรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และกำรใช้ สำรสนเทศนี้เพื่อกำรปรับปรุงและสร้ำงนวัตกรรมในกำรจัดกำรหลักสูตร กำรบริกำรด้ำนกำรศึกษำ แก่ผู้เรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย 4.4 การวัด การวิเคราะห์ และการจัดการความรู้หมำยถึง กระบวนกำรบริหำร จัดกำรสถำนศึกษำที่เกี่ยวกับ กำรเลือกรวบรวม วิเครำะห์ จัดกำร และปรับปรุงข้อมูลสำรสนเทศ และสินทรัพย์เชิงควำมรู้ กำรบริหำรจัดกำรเทคโนโลยีสำรสนเทศ กำรทบทวนและกำรใช้ผล กำรทบทวนในกำรปรับปรุงผลกำรด ำเนินงำน 4.5 การมุ่งเน้นครูและบุคลากร หมำยถึง กระบวนกำรบริหำรจัดกำรสถำนศึกษำ ที่เกี่ยวกับกำรผูกใจครูและบุคลำกร กำรจัดกำรและกำรพัฒนำครูและบุคลำกรเพื่อน ำศักยภำพของครู และบุคลำกรมำใช้อย่ำงเต็มที่และสอดคล้องไปในทิศทำงเดียวกับพันธกิจ กลยุทธ์ แผนปฏิบัติกำร ของสถำนศึกษำ และกำรสร้ำงสภำพแวดล้อมที่สนับสนุนกำรท ำงำนที่ส่งผลต่อควำมส ำเร็จของงำน
208 4.6 การจัดการกระบวนการ หมำยถึง กระบวนกำรบริหำรจัดกำรสถำนศึกษำที่เกี่ยวกับ กำรก ำหนดสมรรถนะหลักของสถำนศึกษำ กำรออกแบบระบบงำน กำรออกแบบกระบวนกำรท ำงำนหลัก และกำรจัดกำรและกำรปรับปรุงกระบวนกำรท ำงำนเพื่อสร้ำงคุณค่ำแก่ผู้เรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และท ำให้สถำนศึกษำบรรลุผลส ำเร็จ 4.7 ผลลัพธ์หมำยถึง ผลลัพธ์ที่เกิดจำกกำรด ำเนินกำรของสถำนศึกษำใน 5 ด้ำน ได้แก่ 1)ด้ำนกำรเรียนรู้ของผู้เรียนและด้ำนกระบวนกำร 2) ด้ำนกำรมุ่งเน้นผู้เรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย 3) ด้ำนกำรมุ่งเน้นครูและบุคลำกร 4) ด้ำนกำรน ำองค์กรและกำรก ำกับดูแล 5) ด้ำนกำรงบประมำณ กำรเงินและชื่อเสียง 5.รูปแบบการน าผลการประกันคุณภาพการศึกษาไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพของสถานศึกษา ขั้นพื้นฐานขนาดเล็กในภาคใต้หมำยถึง ภำพจ ำลองที่แสดงควำมสัมพันธ์ของชุดองค์ประกอบ เชิงระบบในกำรน ำผลกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำไปใช้ในกำรพัฒนำคุณภำพของสถำนศึกษำ ขั้นพื้นฐำนขนำดเล็กในภำคใต้ ซึ่งประกอบด้วยปัจจัยน ำเข้ำ กระบวนกำร และผลผลิต พร้อมข้อมูลย้อนกลับ 6. เกณฑ์คุณภาพการศึกษาเพื่อด าเนินการที่เป็นเลิศ หมำยถึง ข้อก ำหนดของเกณฑ์คุณภำพ กำรศึกษำเพื่อด ำเนินกำรที่เป็นเลิศส ำหรับปี 2016–2018ซึ่งเป็นควำมเชื่อและพฤติกรรมกำรบริหำรจัดกำร ที่ฝังลึกในองค์กรเพื่อให้มีผลกำรด ำเนินกำรที่เป็นเลิศ โดยมีค่ำนิยมหลักและแนวคิดส ำหรับเป็นรำกฐำน ที่ก่อให้เกิดควำมเชื่อมโยงระหว่ำงควำมต้องกำรหลักของสถำนศึกษำและกระบวนกำรปฏิบัติงำน ภำยใน 7 หมวด ภำยใต้กรอบกำรจัดกำรที่เน้นผลลัพธ์อันเป็นรำกฐำนส ำคัญของกำรปฏิบัติ กำรให้ข้อมูล ป้อนกลับ และกำรสร้ำงควำมส ำเร็จอย่ำงต่อเนื่อง 7. การบริหารการเปลี่ยนแปลง หมำยถึง กระบวนกำรเปลี่ยนแปลงสภำพในปัจจุบันไปสู่สภำพ ที่ต้องกำรในอนำคตของสถำนศึกษำโดยอำศัยข้อมูลและสำรสนเทศจำกผลกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำ ประกอบด้วยขั้นตอนกำรบริหำร 3 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนที่ 1 กำรเตรียมกำรเปลี่ยนแปลง เป็นกำรเตรียมควำม พร้อมขององค์กรก่อนด ำเนินกำรตำมเป้ำหมำยที่ร่วมกันวำงไว้ ประกอบด้วยกระบวนกำรด ำเนินงำน 6 กระบวนกำร ได้แก่ 1) กำรวิเครำะห์สถำนศึกษำ 2) กำรก ำหนดเป้ำหมำย 3) กำรสร้ำงทีม 4) กำรประเมิน ควำมสำมำรถในกำรเปลี่ยนแปลง 5) กำรสร้ำงเครือข่ำยควำมร่วมมือ 6) กำรสื่อสำร ขั้นตอนที่ 2 กำรจัดกำร กำรเปลี่ยนแปลง เป็นกำรด ำเนินกำรให้บรรลุเป้ำหมำยที่ได้ร่วมกันวำงไว้ ประกอบด้วยกระบวนกำร ด ำเนินงำน 4 กระบวนกำร ได้แก่ 1) กำรออกแบบแผน 2) กำรวำงแผน 3) กำรน ำแผนสู่กำรปฏิบัติ 4) กำรประเมินผล และขั้นตอนที่ 3 กำรเสริมแรงกำรเปลี่ยนแปลง เป็นกำรด ำเนินกำรหลังจำก ด ำเนินงำนเป็นระยะ ๆ และเมื่อกำรด ำเนินกำรบรรลุเป้ำหมำยที่ได้ร่วมกันวำงไว้ ประกอบด้วย กระบวนกำร 5 กระบวนกำร ได้แก่ 1) กำรให้ข้อมูลย้อนกลับแก่สถำนศึกษำ 2) กำรทบทวนหลัง กำรปฏิบัติงำน 3) กำรเผยแพร่ผลกำรปฏิบัติงำนที่ประสบควำมส ำเร็จแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องและบุคคลทั่วไป ทั้งภำยในและภำยนอกสถำนศึกษำ 4) กำรยกย่อง ชื่นชม ควำมส ำเร็จ 5) กำรเพิ่มพลังอ ำนำจแก่บุคลำกร 8. การบริหารจัดการในสถานศึกษาแบบร่วมคิดร่วมท า หมำยถึง กระบวนกำรบริหำรจัดกำร เพื่อให้สถำนศึกษำมีคุณภำพโดยกำรมีส่วนร่วมของทุกภำคส่วน ซึ่งประกอบด้วย 6 ขั้นตอน คือ 1) กำรก ำหนดเป้ำหมำยและวิเครำะห์ปัญหำ/ควำมต้องกำร 2) กำรก ำหนดนโยบำย 3) กำรวำงแผน 4) กำรก ำหนดงบประมำณ 5) กำรน ำแผนไปปฏิบัติ และ 6) กำรประเมินผล
209 9. คุณภาพของสถานศึกษา หมำยถึง ประสิทธิผลในกำรบริหำรจัดกำรสถำนศึกษำ ตำมควำมคิดเห็นของผู้บริหำร ครูคณะกรรมกำรสถำนศึกษำขั้นพื้นฐำน และผู้ปกครองของนักเรียน ชั้นประถมศึกษำปีที่ 1-6 ซึ่งเป็นไปตำมมำตรฐำนของสถำนศึกษำขั้นพื้นฐำนใน 4 ด้ำน คือ 1) ด้ำนผลกำรจัดกำรศึกษำ 2) ด้ำนกำรบริหำรจัดกำรศึกษำ 3) ด้ำนกำรจัดกำรเรียนกำรสอนที่เน้น ผู้เรียนเป็นส ำคัญ และ 4) ด้ำนกำรประกันคุณภำพภำยใน ตำมกฎกระทรวง ว่ำด้วยระบบ หลักเกณฑ์ และวิธีกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำ พ.ศ. 2553 10. สถานศึกษาขั้นพื้นฐาน หมำยถึง สถำนศึกษำของรัฐบำลที่อยู่ในสังกัดของส ำนักงำน เขตพื้นที่กำรศึกษำประถมศึกษำ และส ำนักงำนเขตพื้นที่กำรศึกษำมัธยมศึกษำในภำคใต้ 11. สถานศึกษาขั้นพื้นฐานขนาดเล็ก หมำยถึง สถำนศึกษำในสังกัดส ำนักงำนเขตพื้นที่ กำรศึกษำประถมศึกษำที่มีนักเรียนไม่เกิน 120 คน และสถำนศึกษำในสังกัดส ำนักงำนเขตพื้นที่ กำรศึกษำมัธยมศึกษำที่มีนักเรียนไม่เกิน 300 คน กลไกและกระบวนการบริหารของรูปแบบ รูปแบบก ำรน ำผลก ำรป ระกันคุณภ ำพกำรศึกษ ำไปใช้ในก ำรพัฒ น ำคุณ ภ ำพ ของสถำนศึกษำขั้นพื้นฐำนขนำดเล็กในภำคใต้ประกอบด้วยขั้นตอนในกำรบริหำรจัดกำรสถำนศึกษำ ตำมแนวคิดทฤษฎีระบบเป็น 3 ขั้นตอน คือ ปัจจัยน ำเข้ำ (Input) กระบวนกำร (Process) และผลผลิต (Output) พร้อมกับข้อมูลย้อนกลับ (Feedback) ของรูปแบบโดยรำยละเอียด ของขั้นตอนและกระบวนกำรบริหำรของรูปแบบเป็นไปตำมรูปภำพ ดังต่อไปนี้ ปัจจัยน ำเข้ำ (Input) ประกอบด้วย 1. ผลกำรประกันคุณภำพภำยนอกสถำนศึกษำ โดยสถำนศึกษำต้องบริหำรจัดกำรให้สถำนศึกษำมีคุณภำพเป็นไปตำมมำตรฐำนที่ส ำนักงำนรับรอง มำตรฐำนและประเมินคุณภำพกำรศึกษำก ำหนด 2. ผลกำรประกันคุณภำพภำยในสถำนศึกษำ โดยสถำนศึกษำต้องบริหำรจัดกำรให้สถำนศึกษำมีคุณภำพใน 4 มำตรฐำน คือ 1) คุณภำพผู้เรียน 2) กระบวนกำรบริหำรและกำรจัดกำรศึกษำ 3) กระบวนกำรจัดกำรเรียนกำรสอนที่เน้นผู้เรียน เป็นส ำคัญ และ 4) ระบบกำรประกันคุณภำพภำยในที่มีประสิทธิผล 3. ปัจจัยที่ส่งผลต่อกำรใช้ ผลกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำใน 4 ปัจจัย ประกอบด้วย 1) ลักษณะบริบทของสถำนศึกษำ 2) ค วำมน่ ำเชื่อถือของผลก ำรป ระเมิน 3) ศักยภ ำพ ของบุ คล ำก รใน สถ ำนศึกษ ำ แล ะ 4) กำรก ำกับติดตำมจำกหน่วยงำนต้นสังกัด กระบวนกำร (Process) ประกอบด้วย 1. กำรพัฒนำสถำนศึกษำตำมเกณฑ์คุณภำพ กำรศึกษำเพื่อกำรด ำเนินกำรที่เป็นเลิศใน 7 หมวด คือ 1) กำรน ำองค์กำร 2) กำรวำงแผนกลยุทธ์ 3) กำรมุ่งเน้นผู้เรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย 4) กำรวัด กำรวิเครำะห์ และกำรจัดกำรควำมรู้ 5) กำรมุ่งเน้นครูและบุคลำกร 6) กำรจัดกำรกระบวนกำร และ 7) ผลลัพธ์ 2. กำรบริหำรกำร เปลี่ยนแปลงใน 3 ระยะ คือ 1) กำรเตรียมกำรเปลี่ยนแปลง 2) กำรจัดกำรกำรเปลี่ยนแปลง และ 3) กำรเสริมแรงกำรเปลี่ยนแปลง 3. กำรบริหำรจัดกำรในสถำนศึกษำแบบร่วมคิดร่วมท ำ คือ 1) กำรก ำหนดเป้ำหมำยและวิเครำะห์ปัญหำ 2) กำรก ำหนดนโยบำย 3) กำรวำงแผน 4) กำรก ำหนด งบประมำณ 5) กำรน ำแผนไปปฏิบัติ และ 6) กำรประเมินผล ทั้งนี้ให้เป็นไปตำมแผนปฏิบัติกำร
210 ประจ ำปี ที่สอดคล้องกับแผนพัฒนำคุณภำพกำรศึกษำ และบรรลุตำมวิสัยทัศน์ของสถำนศึกษำ ที่ก ำหนดไว้ ผลผลิต (Output) เป็นคุณภำพของสถำนศึกษำขนำดเล็กใน 4 ด้ำน ประกอบด้วย 1) ผลกำรจัดกำรศึกษำ 2) กำรบริหำรจัดกำรศึกษำ 3) กำรจัดกำรเรียนกำรสอนที่เน้นผู้เรียน เป็นส ำคัญ และ 4) กำรประกันคุณภำพภำยใน ข้อมูลย้อนกลับ (Feedback) เป็นข้อมูลและสำรสนเทศส ำหรับใช้ในกำรพัฒนำคุณภำพ ของสถำนศึกษำในรอบปีกำรศึกษำต่อ ๆ ไป
211
212 แนวทางการด าเนินงานของรูปแบบ 1. ผู้บริหำรสถำนศึกษำ หัวหน้ำงำนวิชำกำร ครูผู้รับผิดชอบงำนกำรประกันคุณภำพ กำรศึกษำ และคณะครูทุกคนในสถำนศึกษำ ตลอดจนผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ประชุมร่วมกันเพื่อพิจำรณำ จุดอ่อน จุดแข็ง เอกลักษณ์ของสถำนศึกษำ และแนวทำงพัฒนำของสถำนศึกษำตำมรำยงำน กำรประเมินตนเองของสถำนศึกษำและรำยงำนผลกำรประเมินคุณภำพกำรศึกษำของส ำนักงำน รับรองมำตรฐำนและประเมินคุณภำพกำรศึกษำ ตำมมำตรฐำนและประเด็นกำรพิจำรณ ำ ของกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำระดับกำรศึกษำขั้นพื้นฐำน พร้อมกับท ำควำมเข้ำใจแนวคิด ของเกณฑ์คุณภำพกำรศึกษำเพื่อกำรด ำเนินกำรที่เป็นเลิศ ซึ่งบุคลำกรทุกคนในสถำนศึกษำต้องรับรู้ และเข้ำใจว่ำมำตรฐำนและประเด็นกำรพิจำรณำของกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำใดได้ไปสอดคล้อง กับองค์ประกอบของเกณฑ์คุณภำพกำรศึกษำเพื่อกำรด ำเนินกำรที่เป็นเลิศอย่ำงไรบ้ำง 2. ผู้บริหำรสถำนศึกษำจัดระบบกำรบริหำรจัดกำรของสถำนศึกษำโดยยึดเกณฑ์คุณภำพ กำรศึกษำเพื่อกำรด ำเนินกำรที่เป็นเลิศใน 7 องค์ประกอบ ซึ่งได้แก่ 1) กำรน ำองค์กร 2) กำรวำงแผน กลยุทธ์3) กำรมุ่งเน้นผู้เรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย 4) กำรวัด กำรวิเครำะห์ และกำรจัดกำรควำมรู้ 5) กำรมุ่งเน้นครูและบุคลำกร 6) กำรจัดกำรกระบวนกำร 7) ผลลัพธ์ โดยต้องจัดระบบกำรท ำ แผนปฏิบัติกำรของสถำนศึกษำให้โครงกำรต่ำง ๆ ของสถำนศึกษำในแต่ละมำตรฐำนกำรศึกษำเป็นไป ตำมแนวทำงกำรพัฒนำของสถำนศึกษำ และข้อเสนอแนะของผู้ประเมินภำยนอก พร้อมกับเป็นไป ตำมเกณฑ์คุณภำพกำรศึกษำเพื่อกำรด ำเนินกำรที่เป็นเลิศ โดยแต่ละโครงกำรต้องมีผู้รับผิดชอบ โครงกำร จัดท ำข้อเสนอโครงกำร ด ำเนินงำนตำมโครงกำร และรำยงำนกำรประเมินผลโครงกำร ที่เป็นระบบและมีสะดวกไม่ก่อให้เกิดควำมยุ่งยำกในกำรด ำเนินงำน โดยแนวทำงกำรด ำเนินงำน ตำมเกณฑ์คุณภำพกำรศึกษำเพื่อกำรด ำเนินกำรที่เป็นเลิศทั้ง 7 องค์ประกอบ มีดังต่อไปนี้ 2.1 กำรน ำองค์กร โดยกำรน ำองค์กร (Leadership) มีควำมสัมพันธ์ สอดคล้องกับ มำตรฐำนกำรศึกษำขั้นพื้นฐำนเพื่อกำรประกันคุณภำพภำยในของสถำนศึกษำ มำตรฐำนที่ 2 กระบวนกำรบริหำรและกำรจัดกำรของผู้บริหำรสถำนศึกษำ ประเด็นกำรพิจำรณำ ประเด็นที่ 1 กำรมีเป้ำหมำย วิสัยทัศน์ และพันธกิจที่สถำนศึกษำก ำหนดชัดเจน ซึ่งมีรำยละเอียดของแนวทำง ด ำเนินกำร และโครงกำรหรือกิจกรรมที่สอดคล้อง ส่งเสริม สนับสนุนกำรด ำเนินงำนดังนี้ 1. กำรก ำหนดและสื่อสำร วิสัยทัศน์ ค่ำนิยม และพันธกิจ 2. กำรสื่อสำรและผลกำรด ำเนินงำน 3. กำรจัดระบบกำรก ำกับดูแลสถำนศึกษำ 4. กำรประพฤติกรรมตำมกฎหมำยและจริยธรรม 5. กำรสร้ำงควำมรับผิดชอบต่อสังคมและกำรให้กำรสนับสนุนชุมชนที่ส ำคัญ โครงกำรหรือกิจกรรมที่สอดคล้อง ส่งเสริม สนับสนุนด้ำนกำรน ำองค์กร เช่น โครงกำรพัฒนำประสิทธิภำพกำรบริหำรจัดกำร โครงกำรธรรมมำภิบำลในสถำนศึกษำ เป็นต้น 2.2 กำรวำงแผนกลยุทธ์ โดยกำรวำงแผนกลยุทธ์ (Strategic Planning) มีควำมสัมพันธ์กับ มำตรฐำนกำรศึกษำเพื่อกำรประกันคุณภำพภำยในสถำนศึกษำ มำตรฐำนที่ 2 กระบวนกำรบริหำร และกำรจัดกำรของผู้บริหำรสถำนศึกษำ ประเด็นกำรพิจำรณำ ประเด็นที่ 2 กำรวำงแผนพัฒนำ คุณภำพกำรจัดกำรศึกษำของผู้บริหำรสถำนศึกษำ ประกอบด้วย 1) กำรวำงแผนและด ำเนินงำน
213 พัฒนำวิชำกำรที่เน้นคุณภำพผู้เรียนรอบด้ำน ทุกกลุ่มเป้ำหมำย และด ำเนินกำรอย่ำงเป็นรูปธรรม 2) กำรวำงแผนและด ำเนินงำนพัฒนำครูและบุคลำกรให้มีควำมเชี่ยวชำญทำงวิชำชีพ 3) กำรวำงแผน กำรบริหำรและจัดกำรข้อมูลสำรสนเทศอย่ำงเป็นระบบ และ 4) กำรวำงแผนพัฒนำสภำพแวดล้อม ทำงกำยภำพ และสังคม ที่เอื้อต่อกำรจัดกำรเรียนรู้อย่ำงมีคุณภำพ ประเด็นที่ 3 กำรมีส่วนร่วม ของผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ำย และร่วมรับผิดชอบต่อผลกำรจัดกำรศึกษำให้มีคุณภำพและได้มำตรฐำน และ ประเด็นที่ 4 กำรก ำกับ ติดตำม ประเมินผลกำรบริหำรและกำรจัดกำรศึกษำ ซึ่งกำรวำงแผนกลยุทธ์ มีรำยละเอียดของแนวทำงกำรด ำเนินงำน และโครงกำรหรือกิจกรรมที่สอดคล้อง ส่งเสริม สนับสนุน กำรด ำเนินงำนดังนี้ 1. กำรจัดท ำแผนกลยุทธ์ 2. กำรก ำหนดวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ 3. กำรจัดท ำแผนปฏิบัติกำรและกำรน ำไปสู่กำรปฏิบัติ 4. กำรคำดกำรณ์ผลกำรด ำเนินกำรของแผนระยะสั้นและระยะยำว โครงกำรหรือกิจกรรมที่สอดคล้อง ส่งเสริม สนับสนุนด้ำนกำรวำงแผนกลยุทธ์ เช่น โครงกำรแผนพัฒนำคุณภำพกำรศึกษำน ำพำสู่ควำมเป็นเลิศ โครงกำร Best Practice เป็นต้น 2.3 กำรมุ่งเน้นผู้เรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยกำรมุ่งเน้นผู้เรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Student and Stakeholder Focus) มีควำมสัมพันธ์ สอดคล้องกับมำตรฐำนกำรศึกษำขั้นพื้นฐำน เพื่อกำรประกันคุณภำพภำยในของสถำนศึกษำ มำตรฐำนที่ 3 กระบวนกำรจัดกำรเรียนกำรสอน ที่เน้นผู้เรียนเป็นส ำคัญ ประเด็นกำรพิจำรณำ ประเด็นที่ 1 กำรมีกระบวนกำรเรียนกำรสอน ที่สร้ำงโอกำสให้ผู้เรียนทุกคนมีส่วนร่วม ประเด็นที่ 2 กำรจัดกำรเรียนกำรสอนที่ยึดโยงกับบริบท ของชุมชนและท้องถิ่น และประเด็นที่ 3 กำรตรวจสอบและประเมินควำมรู้ควำมเข้ำใจของผู้เรียน อย่ำงเป็นระบบ และมีประสิทธิภำพ ซึ่งกำรมุ่งเน้นผู้เรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย มีรำยละเอียด ของแนวทำงกำรด ำเนินงำน และโครงกำรหรือกิจกรรมที่สอดคล้อง ส่งเสริม สนับสนุนกำรด ำเนินงำน ดังนี้ 1. กำรจัดกำรหลักสูตร บริกำรส่งเสริมกำรเรียนรู้ และบริกำรทำงกำรศึกษำ 2. กำรสร้ำงวัฒนธรรมที่มุ่งเน้นผู้เรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย 3. กำรรับฟังผู้เรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย 4. กำรประเมินควำมพึงพอใจและควำมผูกพันของผู้เรียน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย 5. กำรวิเครำะห์และใช้ข้อมูลของผู้เรียน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โครงกำรหรือกิจกรรมที่สอดคล้อง ส่งเสริม สนับสนุนด้ำนกำรมุ่งเน้นผู้เรียนและ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เช่น โครงกำรพัฒนำผลสัมฤทธิ์ทำงกำรเรียน โครงกำรส่งเสริมศักยภำพผู้เรียน สู่ควำมเป็นเลิศ โครงกำรจัดกำรเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นส ำคัญ โครงกำรสร้ำงเครือข่ำยกำรเรียนรู้ สำนสู่ฝัน 2.4 กำรวัด กำรวิเครำะห์ และกำรจัดกำรควำมรู้ โดยกำรวัด กำรวิเครำะห์ และ กำรจัดกำรควำมรู้(Measurement Analysis and Knowledge Management) มีควำมสัมพันธ์กับ มำตรฐำนกำรศึกษำขั้นพื้นฐำนเพื่อกำรประกันคุณภำพภำยในของสถำนศึกษำ มำตรฐำนที่ 2 กระบวนกำรบริหำรและกำรจัดกำรของผู้บริหำรสถำนศึกษำ ประเด็นกำรพิจำรณำ 2.3) กำรวำงแผน บริหำรและกำรจัดกำรข้อมูลสำรสนเทศอย่ำงเป็นระบบ ประเด็นกำรพิจำรณำที่ 4 กำรก ำกับ ติดตำม
214 ประเมินผลกำรบริหำรและกำรจัดกำรศึกษำ และมำตรฐำนที่ 4 ระบบกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำ ภำยในที่มีประสิทธิผล ประเด็นกำรพิจำรณำ กำรใช้ระบบกำรประกันคุณภำพภำยในเพื่อยกระดับ คุณภำพกำรจัดกำรศึกษำให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งกำรวัด กำรวิเครำะห์ และกำรจัดกำรควำมรู้ มีรำยละเอียด ของแนวทำงกำรด ำเนินงำน และโครงกำรหรือกิจกรรมที่สอดคล้อง ส่งเสริม สนับสนุนกำรด ำเนินงำน ดังนี้ 1. กำรวัดผลกำรด ำเนินกำร 2. กำรปรับปรุงผลกำรด ำเนินกำร 3. กำรจัดกำรข้อมูล สำรสนเทศ และกำรจัดกำรควำมรู้ โครงกำรหรือกิจกรรมที่สอดคล้อง ส่งเสริม สนับสนุนด้ำนกำรวัด กำรวิเครำะห์ และกำรจัดกำรควำมรู้ เช่น โครงกำรพัฒนำระบบข้อมูลสำรสนเทศเพื่อกำรบริหำรจัดกำร โครงกำร พัฒนำระบบกำรประกันคุณภำพภำยใน เป็นต้น 2.5 กำรมุ่งเน้นครูและบุคลำกร โดยกำรมุ่งเน้นครูและบุคลำกร (Teacher and Staff Focus) มีควำมสัมพันธ์ สอดคล้องกับมำตรฐำนกำรศึกษำขั้นพื้นฐำนเพื่อกำรประกันคุณภำพภำยใน ของสถำนศึกษำ มำตรฐำนที่ 2 กระบวนกำรบริหำรและกำรจัดกำรของผู้บริหำรสถำนศึกษำ ประเด็นกำรพิจำรณำ2.2) กำรวำงแผนและด ำเนินงำนพัฒนำครูและบุคลำกรให้มีควำมเชี่ยวชำญทำงวิชำชีพ 2.4) กำรวำงแผนและพัฒนำสภำพแวดล้อมทำงกำยภำพและสังคม ที่เอื้อต่อกำรจัดกำรเรียนรู้อย่ำงมีคุณภำพ ซึ่งกำรมุ่งเน้นครูและบุคลำกร มีรำยละเอียดของแนวทำงกำรด ำเนินงำน และโครงกำรหรือกิจกรรม ที่สอดคล้อง ส่งเสริม สนับสนุนกำรด ำเนินงำนดังนี้ 1. กำรสร้ำงคุณค่ำของครูและบุคลำกร 2. กำรพัฒนำครู บุคลำกร และผู้น ำ 3. กำรประเมินควำมผูกพันของครูและบุคลำกร 4. กำรจัดกำรขีดควำมสำมำรถและอัตรำก ำลังของครูและบุคลำกร 5. กำรสร้ำงบรรยำกำศของครูและบุคลำกร โครงกำรหรือกิจกรรมที่สอดคล้อง ส่งเสริม สนับสนุนด้ำนกำรมุ่งเน้นครูและบุคลำกร เช่น โครงกำรพัฒนำศักยภำพครูสู่ศตวรรษที่ 21 โครงกำรต้นแบบครูดี เป็นต้น 2.6 กำรจัดกำรกระบวนกำร โดยกำรจัดกำรกระบวนกำร (Process Management) มีควำมสัมพันธ์กับมำตรฐำนกำรศึกษำขั้นพื้นฐำนเพื่อกำรประกันคุณภำพภำยในของสถำนศึกษำ มำตรฐำนที่ 4 ระบบกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำภำยในที่มีประสิทธิผล ประเด็นกำรพิจำรณำ กำรใช้ระบบกำรประกันคุณภำพภำยในเพื่อยกระดับคุณภำพกำรจัดกำรศึกษำให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งกำรจัดกำรกระบวนกำร มีรำยละเอียดของแนวทำงกำรด ำเนินงำน และโครงกำรหรือกิจกรรม ที่สอดคล้องส่งเสริม สนับสนุนกำรด ำเนินงำนดังนี้ 1. กำรออกแบบระบบงำน 2. กำรก ำหนดกระบวนกำรท ำงำนหลัก 3. กำรเตรียมควำมพร้อมต่อภำวะฉุกเฉิน 4. กำรออกแบบกระบวนกำรท ำงำน 5. กำรปรับปรุงกระบวนกำรท ำงำน
215 6. กำรจัดกระบวนกำรท ำงำนให้ทันต่อควำมต้องกำรและทิศทำงกำรจัดกำรศึกษำ โครงกำรหรือกิจกรรมที่สอดคล้อง ส่งเสริม สนับสนุนด้ำนกำรจัดกำรกระบวนกำร เช่น โครงกำรพัฒนำภูมิทัศน์และสภำพแวดล้อมในโรงเรียน โครงกำรระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน โครงกำรเด็กไทยยุคใหม่หัวใจ 4.0 โครงกำรเยำวชนคนดี โครงกำรแหล่งเรียนรู้ ครูนอกห้องเรียน 2.7 ผลลัพธ์ โดยผลลัพธ์ (Performance Results) มีควำมสัมพันธ์กับมำตรฐำนกำรศึกษำ ขั้นพื้นฐำนเพื่อกำรประกันคุณภำพภำยในของสถำนศึกษำ มำตรฐำนที่ 1 คุณภำพของผู้เรียน ประเด็นกำรพิจำรณำที่ 1 ผลสัมฤทธิ์ทำงวิชำกำรของผู้เรียน และประเด็นกำรพิจำรณำที่ 2 คุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้เรียน และมำตรฐำนที่ 4 ระบบกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำภำยใน ที่มีประสิทธิผล ประเด็นกำรพิจำรณำ กำรใช้ระบบกำรประกันคุณภำพภำยในเพื่อยกระดับคุณภำพ กำรจัดกำรศึกษำให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งผลลัพธ์ มีรำยละเอียดของแนวทำงกำรด ำเนินงำน และโครงกำร หรือกิจกรรมที่สอดคล้อง ส่งเสริม สนับสนุนกำรด ำเนินงำนดังนี้ 1. ผลลัพธ์ด้ำนกำรเรียนรู้ของผู้เรียนและด้ำนกระบวนกำร 2. ผลลัพธ์ด้ำนกำรมุ่งเน้นผู้เรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย 3. ผลลัพธ์ด้ำนกำรมุ่งเน้นครูและบุคลำกร 4. ผลลัพธ์ด้ำนกำรน ำองค์กรและกำรก ำกับดูแล 5. ผลลัพธ์ด้ำนกำรงบประมำณ กำรเงิน และกำรสร้ำงชื่อเสียง โครงกำรหรือกิจกรรมที่สอดคล้อง ส่งเสริม สนับสนุนด้ำนกำรจัดกำรกระบวนกำร เช่น โครงกำรวันชื่นชมผลงำนของโรงเรียน โครงกำรสำรประชำสัมพันธ์โรงเรียน เป็นต้น 3. ผู้บริหำรสถำนศึกษำต้องสร้ำงกำรบริหำรกำรเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นกระบวนกำร เปลี่ยนแปลงสภำพในปัจจุบันไปสู่สภำพที่ต้องกำรในอนำคตของสถำนศึกษำตำมโครงกำรต่ำง ๆ ที่ได้ก ำหนดไว้ในแผนปฏิบัติกำรประจ ำปี และมีควำมสอดคล้องกับแผนพัฒนำคุณภำพกำรศึกษำ ของสถำนศึกษำ ทั้งนี้เพื่อต้องกำรจะบรรลุตำมวิสัยทัศน์ของสถำนศึกษำ ประกอบด้วยขั้นตอน กำรบริหำรใน 3 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนที่ 1 กำรเตรียมกำรเปลี่ยนแปลง (Preparing for Change) เป็นกำรเตรียม ควำมพร้อมขององค์กรก่อนด ำเนินกำรตำมเป้ำหมำยที่ร่วมกันวำงไว้ ประกอบด้วยกระบวนกำร ด ำเนินงำน 6 กระบวนกำร ได้แก่ 1) กำรวิเครำะห์สถำนศึกษำ ประกอบด้วยกำรด ำเนินกำรใน 4 ขั้นตอน ได้แก่ (1) กำรศึกษำและวิเครำะห์บริบทของสถำนศึกษำ (2) กำรส ำรวจและวิเครำะห์ปัญหำ ควำมต้องกำร (3) กำรประเมินทรัพยำกร และ (4) กำรประเมินควำมสำมำรถของทีมงำน 2) กำรก ำหนดเป้ำหมำย ประกอบด้วยกำรด ำเนินกำรใน 3 ขั้นตอน ได้แก่ (1) กำรร่วมกันก ำหนดเป้ำหมำย (2) กำรท ำควำมเข้ำใจเป้ำหมำย และ (3) กำรสื่อสำรเป้ำหมำย 3) กำรสร้ำงทีม ประกอบด้วยกำรด ำเนินกำรใน 3 ขั้นตอน ได้แก่ (1) กำรแต่งตั้ง คณะกรรมกำรด ำเนินงำน (2) กำรสร้ำงบรรยำกำศกำรมีส่วนร่วม และ (3) กำรพัฒนำควำมสำมำรถ ของทีมงำน
216 4) กำรประเมินควำมสำมำรถในกำรเปลี่ยนแปลง ประกอบด้วยกำรด ำเนินกำร ใน 4 ขั้นตอน ได้แก่ (1) กำรส ำรวจ วิเครำะห์ ควำมต้องกำรเปลี่ยนแปลงสถำนภำพของสถำนศึกษำ (2) กำรจัดล ำดับควำมส ำคัญ (3) กำรก ำหนดภำพอนำคต และ (4) กำรก ำหนดผู้สนับสนุนและ ควำมสำมำรถในกำรสนับสนุน 5) กำรสร้ำงเครือข่ำยควำมร่วมมือ ประกอบด้วยกำรด ำเนินกำรใน 3 ขั้นตอน ได้แก่ (1) กำรสร้ำงควำมร่วมมือภำยในสถำนศึกษำ (2) กำรสร้ำงควำมร่วมมือภำยนอกสถำนศึกษำ และ (3) กำรสร้ำงบรรยำกำศกำรมีส่วนร่วม 6) กำรสื่อสำร ประกอบด้วยกำรด ำเนินกำรใน 4 ขั้นตอน ได้แก่ (1) กำรศึกษำ ควำมพร้อมในกำรสื่อสำร (2) กำรก ำหนดช่องทำงกำรสื่อสำร (3) กำรจัดหำทรัพยำกรที่จ ำเป็นในกำร สื่อสำร และ (4) กำรพัฒนำควำมรู้ ควำมสำมำรถในกำรสื่อสำรแก่บุคลำกร ขั้นตอนที่ 2 กำรจัดกำรกำรเปลี่ยนแปลง (Managing Change) เป็นกำรด ำเนินกำร ให้บรรลุเป้ำหมำยที่ได้ร่วมกันวำงไว้ ประกอบด้วยกระบวนกำรด ำเนินงำน 4 กระบวนกำร ได้แก่ 1) กำรออกแบบแผน ประกอบด้วยกำรด ำเนินกำรใน 4 ขั้นตอน ได้แก่ (1) แผนกำรสื่อสำร (2) แผนกำรสนับสนุน (3) แผนกำรอบรม และ (4) แผนกำรนิเทศ ติดตำม ประเมินผล 2) กำรวำงแผน ประกอบด้วยกำรด ำเนินกำรใน 4 ขั้นตอน ได้แก่ (1) กำรจัดท ำ และกำรสื่อสำรวิสัยทัศน์ พันธกิจ และกลยุทธ์ (2) กำรก ำหนดกิจกรรม/วิธีกำร (3) กำรจัดท ำปฏิทิน กำรปฏิบัติงำน และ (4) กำรก ำหนดเครื่องมือ ระยะเวลำ วิธีกำรนิเทศ ติดตำม ประเมินผล 3) กำรน ำแผนสู่กำรปฏิบัติ วำงแผน ประกอบด้วยกำรด ำเนินกำรใน 4 ขั้นตอน ได้แก่ (1) กำรด ำเนินกำรตำมแผน (2) กำรสนับสนุน (3) กำรสอนงำน และ (4) กำรนิเทศ ควบคุม ติดตำมผล 4) กำรประเมินผล ประกอบด้วยกำรด ำเนินกำรใน 4 ขั้นตอน ได้แก่ (1) กำรก ำหนด เครื่องมือกำรวัดและประเมินผล (2) กำรสร้ำงและหำคุณภำพเครื่องมือวัดและประเมินผล (3) กำรวัด และประเมินผลกำรด ำเนินงำนตำมเวลำที่ก ำหนด และ (4) กำรเปรียบเทียบผลกำรด ำเนินงำนกับ วัตถุประสงค์และเป้ำหมำยของสถำนศึกษำ ขั้นตอนที่ 3 กำรเสริมแรงกำรเปลี่ยนแปลง (Reinforcing Change) เป็นกำรด ำเนินกำร หลังจำกด ำเนินงำนเป็นระยะ ๆ และเมื่อกำรด ำเนินกำรบรรลุเป้ำหมำยที่ได้ร่วมกันวำงไว้ ประกอบด้วยกระบวนกำร 5 กระบวนกำร ได้แก่ 1)กำรให้ข้อมูลย้อนกลับ (Feedback) แก่สถำนศึกษำ ประกอบด้วยกำรด ำเนินกำร ใน 2 ขั้นตอน ได้แก่ (1) กำรเก็บรวบรวมข้อมูลย้อนกลับ และ (2) กำรนิเทศ ควบคุม ติดตำมผล 2) กำรทบทวนหลังกำรปฏิบัติงำน (After Action Review) ประกอบด้วยกำร ด ำเนินกำรใน 2 ขั้นตอน ได้แก่ (1) กำรประชุมทบทวนระหว่ำงกำรปฏิบัติงำน และ (2) กำรประชุม ทบทวนเมื่อเสร็จสิ้นกำรปฏิบัติงำน
217 3)กำรเผยแพร่ผลกำรปฏิบัติงำนที่ประสบควำมส ำเร็จแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องและบุคคลทั่วไป ทั้งภำยในและภำยนอกสถำนศึกษำ ประกอบด้วยกำรด ำเนินกำรใน 2 ขั้นตอน ได้แก่ (1) กำรเผยแพร่ ผลกำรปฏิบัติงำนที่ประสบควำมส ำเร็จภำยในองค์กร และ (2) กำรเผยแพร่ผลกำรปฏิบัติงำน ที่ประสบควำมส ำเร็จภำยนอกองค์กร 4) กำรยกย่อง ชื่นชม ควำมส ำเร็จ ประกอบด้วยกำรด ำเนินกำรใน 2 ขั้นตอน ได้แก่ (1) กำรยกย่อง ชื่นชม ควำมส ำเร็จในเบื้องต้น และ (2) กำรยกย่อง ชื่นชม ควำมส ำเร็จ เมื่อเสร็จสิ้นกำรด ำเนินงำน 5) กำรเพิ่มพลังอ ำนำจแก่บุคลำกร ประกอบด้วยกำรด ำเนินกำรใน 3 ขั้นตอน ได้แก่ (1) กำรมอบหมำยงำนที่ตรงกับควำมสำมำรถของบุคลำกร (2) กำรให้อิสระในกำรท ำงำน ของบุคลำกร และ (3) กำรให้อิสระในกำรตัดสินใจในกำรปฏิบัติงำน 4. ผู้บริหำรสถำนศึกษำบริหำรจัดกำรในสถำนศึกษำแบบร่วมคิดร่วมท ำ ซึ่งกระบวนกำร บริหำรจัดกำรในสถำนศึกษำแบบร่วมคิดร่วมท ำ ประกอบไปด้วยขั้นตอนต่ำง ๆ ดังต่อไปนี้ ขั้นที่ 1 กำรก ำหนดเป้ำหมำยและวิเครำะห์ปัญหำ/ควำมต้องกำร (Goal Setting and Need Identification) เป้ำหมำย (Goal) เป็นข้อควำมแสดงทิศทำงอย่ำงกว้ำง ๆ รวมทั้งวัตถุประสงค์ หรือควำมต้องกำร ไม่มีก ำหนดช่วงเวลำและไม่เกี่ยวกับผลผลิตเฉพำะในช่วงเวลำ เป้ำหมำย ของโรงเรียนมักจะแสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นกับนักเรียน ปกติเป้ำหมำยของโรงเรียนจะมีอยู่ 4 ประเภท คือ 1. เป้ำหมำยที่แสดงถึงผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นกับนักเรียน 2. เป้ำหมำยที่แสดงถึงประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ของนักเรียน 3. เป้ำหมำยที่แสดงถึงกำรจัดสรรทรัพยำกร 4. เป้ำหมำยที่แสดงถึงระบบกำรบริหำรจัดกำรของโรงเรียน โดยกำรก ำหนดปัญหำ/ควำมต้องกำร (Need Identification)ซึ่งในส่วนที่เกี่ยวกับ กำรก ำหนดปัญหำและควำมต้องกำรนั้น ก็ก ำหนดได้จำกกำรพิจำรณำจำกสิ่งเป็นจริงกับส่วนที่ควรจะเป็น ว่ำมีควำมแตกต่ำงกันมำกน้อยเพียงใด กล่ำวคือ ถ้ำช่องว่ำงระหว่ำงสิ่งที่ควรจะเป็นกับสิ่งที่เป็นจริง (Gap) มีมำก ก็แสดงว่ำมีปัญหำหรือควำมต้องกำรมำก หลังจำกนั้นก็น ำเอำปัญหำ/ควำมต้องกำร ในแต่ละด้ำนมำจัดล ำดับควำมส ำคัญ เพื่อน ำไปก ำหนดเป็นนโยบำยต่อไป ขั้นที่ 2 กำรก ำหนดนโยบำย (Policy Making) นโยบำยเป็นข้อควำมที่แสดงถึงวัตถุประสงค์และแนวทำง (มำตรกำร) ที่จะด ำเนินกำร เพื่อให้วัตถุประสงค์นั้นประสบควำมส ำเร็จ รวมทั้งก ำหนดกรอบเพื่อเป็นแนวปฏิบัติด้วย โดยปกติแล้ว นโยบำยมักจะน ำมำจำกแนวปรัชญำกำรศึกษำและเป้ำหมำยกำรศึกษำที่โรงเรียนยอมรับและก ำหนดขึ้น พร้อมเสนอแนวทำงปฏิบัติ (Guideline) ประกอบเอำไว้ค่อนข้ำงจะชัดเจนเพื่อให้สะดวกหรือง่ำยต่อ กำรน ำไปปฏิบัติ ภำษำหรือข้อควำมทั้งหมดนี้ที่เขียนเป็นนโยบำยควรจะเป็นภำษำง่ำย ๆ ไม่ควรจะเป็น ศัพท์เทคนิค ซึ่งจะต้องอำศัยกำรดัดแปลงและสร้ำงควำมเข้ำใจอีก ทั้งนี้เพื่อให้สมำชิกทุกคน ของโรงเรียนสำมำรถอ่ำนและเข้ำใจได้ทันที
218 ขั้นที่ 3 กำรวำงแผน (Planning) กำรวำงแผน หมำยถึง กำรคิดก่อนท ำ นั่นคือ จะท ำอะไร ท ำเมื่อไร ท ำอย่ำงไร และใครเป็นคนท ำ กำรวำงแผนมีหลำยระดับแตกต่ำงกันไปตำมลักษณะแผนงำน/โครงกำร เช่น กำร วำงแผนกำรจัดกำรเรียน/กำรสนับสนุน (Programme Planning) กำรวำงแผนกำรใช้หลักสูตร (Curriculum Planning) และกำรวำงแผนกำรสอน (Instructional Planning) ขั้นที่ 4 กำรก ำหนดงบประมำณ (Budgeting) งบประมำณของโรงเรียนอำจถูกมองในฐำนะเป็นกำรแปลค่ำข้อมูลทำงกำรเงิน ของแผนงำนด้ำนกำรศึกษำของโรงเรียน งบประมำณเป็นเกณฑ์ส่วนหนึ่งของแผน วงจรกำรบริหำร จัดกำรงบประมำณและแผนงำนเป็นกำรแปลค่ำข้อมูลทำงกำรเงินของแผนงำน ทีมแผนงำนจะเตรียม ข้อมูลด้ำนกำรงบประมำณในฐำนะที่เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนกำรด้ำนแผนงำน ซึ่งกำรก ำหนด งบประมำณควรจัดท ำเป็นโครงกำร ขั้นที่ 5 กำรน ำแผนไปปฏิบัติ (Implementing) เมื่อทุกฝ่ำยยอมรับหรือตกลงในรำยละเอียดของแผนที่ฝ่ำยนโยบำยให้ควำมเห็นชอบแล้ว ฝ่ำยโครงกำรของโรงเรียนก็มีอ ำนำจที่จะน ำแผนไปปฏิบัติต่อไปและก็ไม่จ ำเป็นจะต้องทบทวน หรือ อ้ำงอิงกลุ่มนโยบำยอีก ยกเว้นมีกำรเปลี่ยนแปลงในรำยละเอียดของแผนไปมำก ขั้นที่ 6 กำรประเมินผล (Evaluating) กำรประเมินผล ก็คือกำรเก็บรวบรวมข้อมูลข่ำวสำร เพื่อจุดประสงค์ในกำรตัดสินใจ และต้องตัดสินว่ำให้ถูกหรือผิดโดยพิจำรณำจำกข้อมูลข่ำวสำรเหล่ำนั้นกำรประเมินผลจะต้องกระท ำ ทั้งในระหว่ำงด ำเนินงำนและภำยหลังกำรปฏิบัติงำนตำมแผนเสร็จสิ้นลงแล้ว เงื่อนไขและข้อจ ากัดของรูปแบบ ในกำรน ำรูปแบบกำรน ำผลกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำไปใช้ในกำรพัฒนำคุณภำพ ของสถำนศึกษำขั้นพื้นฐำนขนำดเล็กในภำคใต้ไปใช้ เพื่อให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด ผู้บริหำรสถำนศึกษำ นับเป็นผู้ที่มีควำมส ำคัญมำกจึงควรมีคุณลักษณะดังต่อไปนี้ 1. มีควำมรู้และควำมเข้ำใจเกี่ยวกับระบบกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำ เข้ำใจมำตรฐำน ประเด็นกำรพิจำรณำ และเกณฑ์กำรตัดสินคุณภำพของแต่ละมำตรฐำนทั้งระบบกำรประกันคุณภำพ ภำยใน และระบบกำรประกันคุณภำพภำยนอก 2. มีควำมรู้และควำมเข้ำใจเกี่ยวกับแนวทำงกำรกำรเขียนรำยงำนกำรประเมินตนเอง ของสถำนศึกษำ (Self – Assessment Report: SAR) 3. สำมำรถวิเครำะห์ควำมสัมพันธ์ของมำตรฐำนและประเด็นกำรพิจำรณำของระบบ กำรประกันคุณภำพภำยในสถำนศึกษำกับเกณฑ์คุณภำพกำรศึกษำเพื่อกำรด ำเนินกำรที่เป็นเลิศ พร้อมสำมำรถจัดท ำแผนปฏิบัติกำรประจ ำปี และแผนพัฒนำคุณภำพกำรศึกษำของสถำนศึกษำ ให้สอดรับกับระบบกำรประกันคุณภำพภำยในสถำนศึกษำและระบบกำรประกันคุณภำพภำยนอก สถำนศึกษำกับเกณฑ์คุณภำพกำรศึกษำเพื่อกำรด ำเนินกำรที่เป็นเลิศ
219 4. มีภำวะผู้น ำ เป็นแบบอย่ำงที่ดี มีกำรใช้ภำวะผู้น ำในกำรบริหำรสถำนศึกษำ โดยเฉพำะ ภำวะผู้น ำกำรเปลี่ยนแปลง (Transformational Leadership) ประกอบด้วย กำรมีอิทธิพล อย่ำงมีอุดมกำรณ์กำรกระตุ้นทำงปัญญำ กำรสร้ำงแรงบันดำลใจ กำรค ำนึงถึงควำมเป็นปัจเจกบุคคล กำรให้รำงวัลตำมสถำนกำรณ์ และภำวะผู้น ำแบบกระจำยควำมเป็นผู้น ำ (Distributed Leadership) ประกอบด้วยกำรสร้ำงพันธกิจ วิสัยทัศน์และเป้ำหมำยร่วมกัน กำรสร้ำงวัฒนธรรมกำรท ำงำนเป็นทีม กำรสร้ำงควำมรับผิดชอบร่วมกัน และกำรปฏิบัติภำวะผู้น ำ 5. มีควำมมุ่งมั่นในกำรท ำงำน มุ่งปฏิบัติงำนให้ประสบควำมส ำเร็จและบรรลุเป้ำหมำย มีควำมยืดหยุ่น รับฟังควำมคิดของผู้อื่น และบริหำรงำนแบบมีส่วนร่วม อีกทั้งประสิทธิผลของรูปแบบกำรน ำผลกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำไปใช้ในกำรพัฒนำ คุณภำพของสถำนศึกษำขั้นพื้นฐำนขนำดเล็กในภำคใต้ยังต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยที่ส่งผลต่อกำรใช้ ผลกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำทั้ง 4 ประกำรด้วย ซึ่งได้แก่ 1) ลักษณะบริบทของสถำนศึกษำ 2) ควำมน่ำเชื่อถือของผลกำรประเมิน 3) ศักยภำพของบุคลำกรในสถำนศึกษำ และ 4) กำรก ำกับ ติดตำมจำกหน่วยงำนต้นสังกัด พร้อมกับกำรเชื่อมโยงผลกำรประกันคุณกำรศึกษำไปใช้ในกำรจัดท ำ แผนปฏิบัติกำรประจ ำปีและแผนพัฒนำคุณภำพกำรศึกษำของสถำนศึกษำ แนวทางการน ารูปแบบไปใช้ แนวทำงกำรน ำรูปแบบกำรน ำผลกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำไปใช้ในกำรพัฒนำ คุณภำพของสถำนศึกษำขั้นพื้นฐำนขนำดเล็กในภำคใต้ไปใช้ผู้บริหำรสถำนศึกษำควรด ำเนินกำร ตำม 7 ขั้นตอน ดังนี้ ขั้นที่ 1 การศึกษาและท าความเข้าใจรูปแบบ ในขั้นนี้ผู้บริหำรสถำนศึกษำจะต้องศึกษำและท ำควำมเข้ำใจรูปแบบกำรน ำผล กำรประกันคุณภำพกำรศึกษำไปใช้ในกำรพัฒนำคุณภำพของสถำนศึกษำขั้นพื้นฐำนขนำดเล็ก ในภำคใต้ให้ชัดเจน เพื่อให้ทรำบว่ำรูปแบบประกอบด้วยขั้นตอนอะไรบ้ำง แต่ละขั้นตอน มีกระบวนกำรด ำเนินงำนอย่ำงไร ซึ่งขั้นตอนของรูปแบบกำรน ำผลกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำไปใช้ ในกำรพัฒนำคุณภำพของสถำนศึกษำขั้นพื้นฐำนขนำดเล็กในภำคใต้แบ่งเป็น 3 ขั้นตอน คือ ปัจจัยน ำเข้ำ (Input) กระบวนกำร (Process) และผลผลิต (Output) พร้อมกับข้อมูลย้อนกลับ (Feedback) ของรูปแบบ ซึ่งแต่ละขั้นตอนประกอบด้วยกิจกรรมต่ำง ๆ ที่ผู้บริหำรสถำนศึกษำ และบุคลำกรทุกคนในสถำนศึกษำต้องร่วมกันวิเครำะห์และด ำเนินกำร ขั้นที่ 2 การสร้างความตระหนักให้กับผู้เกี่ยวข้อง ในขั้นนี้ผู้บริหำรสถำนศึกษำจะต้องสร้ำงควำมตระหนักให้บุคลำกรทุกคน ในสถำนศึกษำเห็นคุณค่ำและควำมส ำคัญของกำรน ำรูปแบบกำรน ำผลกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำ ไปใช้ในกำรพัฒนำคุณภำพของสถำนศึกษำขั้นพื้นฐำนขนำดเล็กในภำคใต้ มำใช้ในสถำนศึกษำ โดยอำจใช้วิธีกำรประชุมอย่ำงเป็นทำงกำรในที่ประชุมประจ ำเดือนของสถำนศึกษำ ประกอบกับ กำรพูดคุยอย่ำงไม่เป็นทำงกำรกับบุคลำกรแต่ละคนอย่ำงสม่ ำเสมอ โดยสร้ำงควำมตระหนัก ให้บุคลำกรทุกคนรับรู้และเข้ำใจว่ำกำรน ำผลกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำไปใช้ในกำรพัฒนำคุณภำพ ของสถำนศึกษำเป็นหัวใจส ำคัญของกำรจัดระบบกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำ
220 ขั้นที่ 3 การสร้างภาวะผู้น าในตนเองและการท างานเป็นทีมของบุคลากร ในขั้นนี้มุ่งให้ผู้บริหำรสถำนศึกษำและบุคลกรทุกคนในสถำนศึกษำเข้ำใจ ในบทบำท หน้ำที่รับผิดชอบของตนเอง สร้ำงควำมเป็นเลิศและคุณภำพในกำรท ำงำนของตนเอง เป็นบุคคลที่รอบรู้เชี่ยวชำญ แลกเปลี่ยนเรียนรู้และท ำงำนเป็นทีม ซึ่งผู้บริหำรสถำนศึกษำจะต้อง เป็นแบบอย่ำงที่ดี ให้ควำมส ำคัญและปฏิบัติตนให้เกิดคุณลักษณะดังกล่ำวอย่ำงต่อเนื่องก่อน ขั้นที่ 4 การเตรียมความพร้อมของสถานศึกษา ในขั้นนี้มุ่งให้ผู้บริหำรสถำนศึกษำร่วมกับบุคลำกรทุกคนในสถำนศึกษ ำ คณะกรรมกำรสถำนศึกษำ ด ำเนินกำรปรับเปลี่ยนสถำนศึกษำให้เป็นองค์กรที่มีควำมคล่องตัว เป็นองค์กรแนวรำบ มีล ำดับชั้นในกำรบริหำรน้อยที่สุด มีควำมยืดหยุ่น ลดขั้นตอนในกำรท ำงำน สร้ำงกำรมีส่วนร่วมของทุกฝ่ำย และด ำเนินกำรบริหำรงำนอย่ำงเป็นระบบ ขั้นที่ 5 ขั้นการพัฒนาสถานศึกษาตามขั้นตอนและกระบวนการของรูปแบบ ในขั้นนี้มุ่งให้ผู้บริหำรสถำนศึกษำ บริหำรจัดกำรสถำนศึกษำตำมขั้นตอน และกระบวนกำรของรูปแบบกำรน ำผลกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำไปใช้ในกำรพัฒนำคุณภำพ ของสถำนศึกษำขั้นพื้นฐำนขนำดเล็กในภำคใต้ โดยน ำขั้นตอนทั้ง 3 ขั้นตอนมำด ำเนินกำร อย่ำงเป็นรูปธรรมด้วยควำมร่วมมือร่วมใจของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ำยในกำรน ำรูปแบบไปใช้ ตำมขั้นตอนที่ก ำหนดไว้ ทั้งนี้กระบวนกำรย่อย ๆ ของแต่ละขั้นตอนควรด ำเนินกำรตำมล ำดับ แต่ทั้งนี้ผู้บริหำรสถำนศึกษำและทีมงำนสำมำรถวิเครำะห์และปรับเปลี่ยนให้เหมำะสมกับบริบท ของแต่ละสถำนศึกษำได้ ขั้นที่ 6 ขั้นการนิเทศ ติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผล ในขั้นนี้เป็นกำรนิเทศ ติดตำม ตรวจสอบ และประเมินผลกำรด ำเนินงำน ตำมขั้นตอนและกระบวนกำรย่อย ๆ ของแต่ละขั้นตอนของรูปแบบกำรน ำผลกำรประกันคุณภำพ ก ำรศึกษ ำไปใช้ใน ก ำรพัฒ น ำคุณ ภ ำพ ของสถ ำนศึกษ ำขั้นพื้น ฐ ำน ขน ำดเล็กในภ ำคใต้ ว่ำมีกำรด ำเนินกำรอย่ำงเป็นระบบหรือไม่ มีผลกำรด ำเนินกำรเป็นอย่ำงไร เกิดปัญหำหรืออุปสรรค อย่ำงไรบ้ำง ขั้นที่ 7 การน าผลการประเมินไปปรับปรุงและพัฒนา ในขั้นนี้เป็นขั้นของกำรน ำผลกำรติดต ำม ต รวจสอบและป ระเมินผล กำรด ำเนินงำนไปใช้ในกำรปรับปรุงระบบกำรประกันคุณภำพของสถำนศึกษำ และผลกำรบริหำร จัดกำรคุณภำพของสถำนศึกษำ เป็นกำรประเมินในภำพรวมของสถำนศึกษำโดยให้ทุกฝ่ำยงำน ทุกคนได้น ำเสนอผลกำรด ำเนินงำนและร่วมกันก ำหนดภำพอนำคตของกำรจัดระบบกำรประกัน คุณภำพกำรศึกษำในรอบปีต่อไป เพื่อร่วมกันด ำเนินกำรตำมรูปแบบกำรน ำผลกำรประกันคุณภำพ กำรศึกษำไปใช้ในกำรพัฒนำคุณภำพของสถำนศึกษำขั้นพื้นฐำนขนำดเล็กในภำคใต้ต่อไป อย่ำงต่อเนื่อง
221 ตอนที่ 4 ผลการทดลองใช้รูปแบบการน าผลการประกันคุณภาพการศึกษาไปใช้ในการพัฒนา คุณภาพของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานขนาดเล็กในภาคใต้ ตารางที่ 18 ผลกำรเปรียบเทียบควำมคิดเห็นเกี่ยวกับคุณภำพในกำรจัดกำรศึกษำของโรงเรียนจำก ผู้บริหำร ครู คณะกรรมกำรสถำนศึกษำ และผู้ปกครองของนักเรียนชั้นประถมศึกษำปีที่ 1-6 ก่อนทดลองใช้รูปแบบ ระหว่ำงโรงเรียนที่ทดลองใช้รูปแบบและโรงเรียนที่ไม่ได้ ทดลองใช้รูปแบบ คุณภาพในการจัดการศึกษา ของโรงเรียน โรงเรียนที่ทดลอง ใช้รูปแบบ โรงเรียนที่ไม่ได้ ทดลองใช้รูปแบบ t-test Sig. n X S.D. n X S.D. ผลกำรจัดกำรศึกษำ 49 4.05 .29 63 4.02 .27 .447 .66 กำรบริหำรจัดกำรศึกษำ 49 4.36 .53 63 4.22 .47 1.470 .14 กำรจัดกำรเรียนกำรสอนที่เน้นผู้เรียน เป็นส ำคัญ 49 4.28 .57 63 4.12 .48 1.526 .13 กำรประกันคุณภำพภำยใน 49 4.39 .47 63 4.33 .51 .581 .56 รวม 49 4.12 .30 63 4.07 .27 .874 .38 จำกตำรำงที่ 18 พบว่ำควำมคิดเห็นเกี่ยวกับคุณภำพในกำรจัดกำรศึกษำของโรงเรียน จำกผู้บริหำร ครู คณะกรรมกำรสถำนศึกษำ และผู้ปกครองของนักเรียนชั้นประถมศึกษำปีที่ 1-6 ก่อนทดลองใช้รูปแบบทั้งในภำพรวมและรำยด้ำน ระหว่ำงโรงเรียนที่ทดลองใช้รูปแบบและโรงเรียน ที่ไม่ได้ทดลองใช้รูปแบบไม่แตกต่ำงกัน
222 ตารางที่ 19 ผลกำรเปรียบเทียบควำมคิดเห็นเกี่ยวกับคุณภำพในกำรจัดกำรศึกษำของโรงเรียน จำกผู้บ ริห ำร ค รู คณ ะก รรมก ำรสถ ำนศึกษ ำ และผู้ป กค รองของนักเรียน ชั้นประถมศึกษำปีที่ 1-6 หลังทดลองใช้รูปแบบ ระหว่ำงโรงเรียนที่ทดลองใช้รูปแบบ และโรงเรียนที่ไม่ได้ทดลองใช้รูปแบบ คุณภาพในการจัดการศึกษา ของโรงเรียน โรงเรียนที่ทดลองใช้ รูปแบบ โรงเรียนที่ไม่ได้ทดลอง ใช้รูปแบบ t-test Sig. n X S.D. n X S.D. ผลกำรจัดกำรศึกษำ 44 4.49 .51 54 4.15 .41 3.49 .00 กำรบริหำรจัดกำรศึกษำ 44 4.80 .38 54 4.33 .51 5.33 .00 กำรจัดกำรเรียนกำรสอนที่เน้น ผู้เรียนเป็นส ำคัญ 44 4.55 .53 54 4.24 .59 2.67 .00 กำรประกันคุณภำพภำยใน 44 4.86 .31 54 4.38 .54 5.61 .00 รวม 44 4.55 .43 54 4.19 .40 4.23 .00 ตำรำงที่ 19 พบว่ำควำมคิดเห็นเกี่ยวกับคุณภำพในกำรจัดกำรศึกษำของโรงเรียน จำกผู้บริหำร ครู คณะกรรมกำรสถำนศึกษำ และผู้ปกครองของนักเรียนชั้นประถมศึกษำปีที่ 1-6 หลังทดลองใช้รูปแบบทั้งในภำพรวมและรำยด้ำน ในโรงเรียนที่ทดลองใช้รูปแบบสูงกว่ำโรงเรียน ที่ไม่ได้ทดลองใช้รูปแบบอย่ำงนัยส ำคัญทำงสถิติที่ระดับ .05
223 ตารางที่ 20 ผลกำรเปรียบเทียบควำมคิดเห็นเกี่ยวกับคุณภำพในกำรจัดกำรศึกษำของโรงเรียน จำกผู้บ ริห ำร ค รู คณ ะก รรมก ำรสถ ำนศึกษ ำ และผู้ป กค รองของนักเรียน ชั้นประถมศึกษำปีที่ 1-6 ก่อนและหลังทดลองใช้รูปแบบ ของโรงเรียนที่ทดลองใช้รูปแบบ คุณภาพในการจัดการศึกษา ของโรงเรียน ก่อนทดลองใช้รูปแบบ หลังทดลองใช้รูปแบบ t-test Sig. n X S.D. n X S.D. ผลกำรจัดกำรศึกษำ 49 4.05 .29 44 4.49 .51 3.23 .00 กำรบริหำรจัดกำรศึกษำ 49 4.36 .53 44 4.80 .38 4.70 .00 กำรจัดกำรเรียนกำรสอน ที่เน้นผู้เรียนเป็นส ำคัญ 49 4.28 .57 44 4.55 .53 2.15 .04 กำรประกันคุณภำพภำยใน 49 4.39 .47 44 4.86 .31 5.80 .00 รวม 49 4.12 .30 44 4.55 .43 3.98 .00 ตำรำงที ่ 20 พบว ่ำควำมคิดเห็นเกี่ยวกับคุณภำพในกำรจัดกำรศึกษำของโรงเรียน จำกผู้บริหำร ครู คณะกรรมกำรสถำนศึกษำ และผู้ปกครองของนักเรียนชั้นประถมศึกษำปีที่ 1-6 ของโรงเรียนที่ทดลองใช้รูปแบบทั้งในภำพรวมและรำยด้ำน หลังทดลองใช้รูปแบบสูงกว่ำก่อนใช้รูปแบบ อย่ำงมีนัยส ำคัญทำงสถิติที่ระดับ .05 ตอนที่ 5 ผลการปรับปรุงและการเผยแพร่รูปแบบการน าผลการประกันคุณภาพการศึกษาไปใช้ ในการพัฒนาคุณภาพของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานขนาดเล็กในภาคใต้ จำกกำรสนทนำกลุ่มผู้บริหำรสถำนศึกษำและครู หลังกำรทดลองใช้รูปแบบซึ่งได้ข้อมูล เชิงคุณภำพเกี่ยวกับประสิทธิผลของรูปแบบ ดังต่อไปนี้ “การน ารูปแบบนี้ไปใช้ท าให้โรงเรียนมีนวัตกรรมทางการบริหารในการขับเคลื่อนคุณภาพ การจัดการศึกษาที่อาศัยฐานจากผลการประกันคุณภาพการศึกษาภายในและภายนอกสถานศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษา คณะครู และตัวแทนคณะกรรมการสถานศึกษา ได้ร่วมกันศึกษาผลการประเมิน คุณภาพการศึกษาและข้อเสนอแนะต่างๆ แล้วท าการปรับเปลี่ยนแผนปฏิบัติการประจ าปีตามมาตรฐาน การศึกษาขั้นพื้นฐานที่ประกาศใหม่ ท าการบูรณาการให้เข้ากับเกณฑ์ความเป็นเลิศในการจัดการศึกษา คิดว่าเวลาประมาณ 3 เดือนที่ผ่านมาท าให้เรามีทิศทางในการพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษา ทั้งทางด้านคุณภาพนักเรียน การบริหารจัดการ การจัดการเรียนการสอน และการประกันคุณภาพ การศึกษาที่ชัดเจนขึ้น เพื่อให้เกิดคุณภาพของโรงเรียนทั้ง 4 ด้าน จึงได้แปลงเป็นโครงการ ในแผนปฏิบัติการประจ าปีการศึกษา 2560 ซึ่งพิจารณาในภาพรวมแล้ว ครู คณะกรรมการ สถานศึกษา และผู้ปกครองนักเรียนพึงพอใจกับคุณภาพในการจัดการศึกษาของโรงเรียนมากขึ้น ความจริงควรจะดูผลการพัฒนาโรงเรียนเมื่อสิ้นปีการศึกษาน่าจะเห็นผลการพัฒนาได้มากกว่านี้” ผู้อ านวยการ โรงเรียนวัดหนองแตน
224 “เป็นหัวหน้างานวิชาการของโรงเรียน รับผิดชอบงานประกันคุณภาพการศึกษามาตลอด เพิ่งเห็นคุณค่าและความส าคัญอย่างแท้จริงของระบบการประกันคุณภาพการศึกษาในช่วงที่ผ่านมานี้เอง ผู้บริหารและครูทั้ง 4 คน ได้เข้าใจห่วงโซ่คุณภาพการศึกษาที่อาศัยการพัฒนาโรงเรียนตามผล การประกันคุณภาพการศึกษา ต้องขอบคุณอาจารย์และผู้อ านวยการที่ได้น าสิ่งดีๆ เข้ามาบริหาร จัดการโรงเรียนให้มีคุณภาพสูงขึ้น” หัวหน้างานวิชาการ โรงเรียนวัดหนองแตน “ครูเราได้มีหลักการและทิศทางในการจัดท าโครงการ ท ากิจกรรมตามโครงการ ประเมินโครงการ ส าคัญที่เราได้ร่วมกันจัดท าแผนปฏิบัติการประจ าปีตามจุดเด่น จุดควรพัฒนา ข้อเสนอแนะต่าง ๆ จากผลการประเมินคุณภาพภายในและภายนอกรอบที่ผ่านมา หน้าที่รับผิดชอบ งานการสอนเราก็ท ากันอย่างเต็มศักยภาพ งานโครงการเพื่อพัฒนาโรงเรียนก็แบ่งความรับผิดชอบกัน แต่ด้วยการที่อยู่ในโรงเรียนขนาดเล็ก บุคลากรน้อย ทรัพยากรจ ากัด ดังนั้นเมื่อท ากิจกรรม ตามโครงการต่าง ๆ ก็ต้องช่วยกันทุกคน ซึ่งเมื่อผู้อ านวยการน ารูปแบบฯของอาจารย์เข้ามาใช้ เป็นแนวทางในการท างานของโรงเรียน ท าให้เราเข้าใจวิธีการท างานเพื่อคุณภาพมากขึ้น อีกทั้ง ศึกษาธิการจังหวัดยังได้ลงมาให้ก าลังใจเยี่ยมเยือนในการท างานของพวกเราด้วย ช่วงที่ผ่านมาถึงแม้ เราจะท างานกันมากขึ้น เราได้เกิดทิศทางในการท างานร่วมกันที่ชัดเจนขึ้น แต่เราก็ท างานกัน อย่างมีความสุข” ครูโรงเรียนวัดหนองแตน คนที่ 1 “สามารถฟันธงได้เลยว่า รูปแบบฯที่น ามาใช้สามารถช่วยให้โรงเรียนเกิดคุณภาพ ในการจัดระบบการบริหารจัดการ และการประกันคุณภาพการศึกษา ได้ชัดเจน ทุกคนตระหนัก และเห็นคุณค่า ความส าคัญ อานิสงค์ของการประกันคุณภาพการศึกษา แต่เรื่องคุณภาพผู้เรียน และการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นส าคัญ ควรต้องรอดูผลตอนสิ้นภ าคเรียน หรือสิ้นปีการศึกษา” ครู โรงเรียนวัดหนองแตน คนที่ 2 ซึ่งจำกผลกำรสนทนำกลุ่มผู้บริหำรสถำนศึกษำและครูหลังกำรทดลองรูปแบบประกอบกับ ข้อมูลเชิงปริมำณที่เป็นควำมคิดเห็นเกี่ยวกับคุณภำพในกำรจัดกำรศึกษำของโรงเรียนจำกผู้บริหำร ครู คณะกรรมกำรสถำนศึกษำ และผู้ปกครองนักเรียนชั้นประถมศึกษำปีที่ 1-6 แสดงให้เห็นว่ำรูปแบบ ที่พัฒนำขึ้นมีประสิทธิผลในกำรพัฒนำคุณภำพในกำรจัดกำรศึกษำของสถำนศึกษำขั้นพื้นฐำน ขนำดเล็กจึงไม่จ ำเป็นต้องปรับปรุงรูปแบบ ดังนั้นผู้วิจัยได้ท ำรูปแบบไปเผยแพร่เป็น 2 ระดับ คือ 1. เผยแพร่โดยใช้เป็นแบบอย่ำงของรูปแบบที่เป็นผลมำจำกกำรใช้วิธีวิทยำกำรวิจัย ประเภทกำรวิจัยและพัฒนำ (Research and Development) ในกำรจัดกำรเรียนกำรสอนนักศึกษำ ระดับปริญญำเอก สำสขำวิชำกำรบริหำรกำรศึกษำ รำยวิชำสัมมนำกำรวิจัยทำงกำรบริหำรกำรศึกษำ ในภำคเรียนที่ 1 ปีกำรศึกษำ 2560
225 2. เผยแพร่โดยกำรน ำเสนอเป็นบทควำมทำงวิชำกำรในงำนครุศำสตร์วิชำกำร ครั้งที่ 9 : ชุมชนแห่งกำรเรียนรู้เชิงวิชำชีพสู่มิติใหม่กำรศึกษำไทย 4.0 ณ คณะครุศำสตร์ มหำวิทยำลัยรำชภัฏ นครศรีธรรมรำช จำกกำรเผยแพร่รูปแบบในกำรจัดกำรเรียนกำรสอนและโดยกำรน ำเสนอบทควำม วิชำกำรในงำนครุศำสตร์วิชำกำร ครั้งที่ 9 นักศึกษำ ผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้เข้ำร่วมประชุมวิชำกำร ที่เป็นผู้บริหำรสถำนศึกษำและครูให้กำรยอมรับ ชื่นชม แสดงถึงควำมประสงค์ที่จะท ำรูปแบบ ที่ได้จำกกำรวิจัยในครั้งนี้ไปใช้ในกำรพัฒนำคุณภำพสถำนศึกษำของตนเองโดยให้ควำมเห็นว่ำรูปแบบ ที่ผู้วิจัยได้พัฒนำขึ้นเป็นนวัตกรรมทำงกำรบริหำรกำรศึกษำที่ท ำให้ผลกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำ เป็นองค์ประกอบส ำคัญส ำหรับกำรบูรณำกำรให้เป็นส่วนหนึ่งของระบบบริหำรจัดกำรเพื่อพัฒนำ คุณภำพของสถำนศึกษำขั้นพื้นฐำนขนำดเล็กได้เป็นอย่ำงดี “ขอชื่นชมว่ารูปแบบที่อาจารย์ได้พัฒนาขึ้นเป็นนวัตกรรมทางการบริหารการศึกษา ที่ท าให้ระบบการประกันคุณภาพการศึกษาเป็นเครื่องมือของผู้บริหารสถานศึกษา ส าหรับใช้ในการ ขับเคลื่อนคุณภาพของสถานศึกษา โดยให้สถานศึกษาจัดท าแผนปฏิบัติการประจ าปีตามผล การประกันคุณภาพการศึกษา พร้อมใช้เกณฑ์คุณภาพการศึกษาเพื่อการด าเนินการที่เป็นเลิศ การบริหารการเปลี่ยนแปลง และการบริหารจัดการในโรงเรียนแบบร่วมคิดร่วมท า ซึ่งเป็นเทคนิค ในการบริหารจัดการสถานศึกษาจึงท าให้เชื่อได้ว่ารูปแบบนี้ สามารถช่วยพัฒนาคุณภาพ ของสถานศึกษาขนาดเล็กได้” ผู้ทรงคุณวุฒิในการวิพากษ์บทความวิชาการ “ผมเป็นผู้บริหารของโรงเรียนขนาดเล็กอยู่ซึ่งมีข้อจ ากัดต่าง ๆ มากมายในการบริหาร จัดการเพื่อสร้างคุณภาพของสถานศึกษา แต่เมื่อได้ฟังแนวคิดและรูปแบบที่เป็นผลการวิจัย ของอาจารย์แล้ว มองเห็นเป็นแสงสว่างที่สามารถจุดประกายความคิดในการพัฒนาคุณภาพ การบริหารจัดการโรงเรียนของผมได้มาก โดยผมจะน ารูปแบบนี้ไปปรับใช้เพื่อเป็นแนวทาง ในการสร้างคุณภาพทางการศึกษาในโรงเรียนของผมต่อไป” ผู้เข้าร่วมงานครุศาสตร์วิชาการ “ได้ฟังการน าเสนอรูปแบบฯ ของอาจารย์แล้วท าให้อยากจะอ่านรายงานการวิจัยฉบับ สมบูรณ์คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ทางวิชาการ และประโยชน์ส าหรับหน่วยงานก าหนดนโยบายใน ระดับต่าง ๆ และสถานศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นอย่างยิ่ง” นักศึกษาระดับปริญญาเอก ของมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช และท้ำยสุดของกระบวนกำรวิจัยได้น ำเสนอรำยงำนกำรวิจัยฉบับสมบู รณ์ ต่อผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งเป็นคณะกรรมกำรบริหำรงำนวิจัยของส ำนักงำนรับรองมำตรฐำนและประเมิน คุณภำพกำรศึกษำ (องค์กรมหำชน) โดยได้รับข้อเสนอแนะที่ส ำคัญคือ ให้ปรับปรุงกลไก และกระบวนกำรบริหำรของรูปแบบซึ่งมีลักษณะเป็นไปตำมแผนภำพ และให้ปรับปรุงแนวทำง
226 กำรด ำเนินงำนของรูปแบบในข้อ 1 และ 2 โดยผู้บริหำรสถำนศึกษำและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ำย ต้องมีกระบวนกำรในกำรน ำสำรสนเทศจำกกำรประเมินซึ่งเป็นปัจจัยน ำเข้ำ (Input) ของรูปแบบ ไปด ำเนินกำรสู่กระบวนกำร (Process) โดยให้เพิ่มขั้นตอนกำรน ำผลกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำ ไปใช้ใน 4 ระยะ คือ 1) กำรท ำให้เกิดควำมกระจ่ำงในผลกำรประเมิน (Clarify) 2) กำรทบทวนและ ออกแบบระบบ (Approve) 3) กำรด ำเนินกำรบริหำรกำรเปลี่ยนแปลง (Implement) และ 4) ก ำรติดต ำม ป ระเมินผลควำมก้ ำวหน้ ำ (Documenting Progress) พ ร้อมทั้งให้ป รับชื่อ ภำษำอังกฤษของรูปแบบเป็น IPOF Model ทั้งนี้ผู้วิจัยได้น ำสำระส ำคัญนี้ไปเพิ่มเติมในคู่มือ กำรน ำรูปแบบไปใช้ ตำมภำคผนวก ช
227
225 บทที่ 5 สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) ซึ ่งมุ ่งถึง การพัฒนารูปแบบการน าผลการประกันคุณภาพการศึกษาไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพของสถานศึกษา ขั้นพื้นฐานขนาดเล็กในภาคใต้ ทั้งนี้เพื ่อให้สามารถค้นพบรูปแบบที ่เหมาะสมส าหรับจัดระบบ การประกันคุณภาพของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานขนาดเล็กที่จะน าไปสู่การใช้และการปฏิบัติจริง ในสถานศึกษาในโอกาสต่อไป โดยมีวัตถุประสงค์ของการวิจัย คือ 1) เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบันและ ความต้องการในการน าผลการประกันคุณภาพการศึกษาไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพของสถานศึกษา ขั้นพื้นฐานขนาดเล็กในภาคใต้2) เพื่อพัฒนารูปแบบการน าผลการประกันคุณภาพการศึกษาไปใช้ ในการพัฒนาคุณภาพของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานขนาดเล็กในภาคใต้3) เพื่อประเมินรูปแบบการน าผล การประกันคุณภาพการศึกษาไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานขนาดเล็ก ในภาคใต้ซึ่งมีวิธีด าเนินการวิจัยประกอบด้วย 4 ขั้นตอนดังนี้ ขั้นตอนที่ 1 การศึกษาสภาพปัจจุบันและความต้องการในการน าผลการประกันคุณภาพ การศึกษาไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานขนาดเล็กในภาคใต้ ซึ่งประกอบด้วย การด าเนินการ 2 ขั้นตอนย่อย โดยเป็นขั้นตอนด าเนินการวิจัยโดยใช้การวิจัยเชิงส ารวจ (Survey Research) ท าเก็บรวบรวมข้อมูลโดยการส่งแบบสอบถามทางไปรษณีย์เพื่อสอบถามความคิดเห็นของผู้บริหาร สถานศึกษา หัวหน้างานวิชาการ และครูผู้รับผิดชอบงานประกันคุณภาพการศึกษาในสถานศึกษา ขนาดเล็ก สังกัดส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานในภาคใต้ทั้งนี้ได้มีสถานศึกษาส่ง แบบสอบถามกลับคืนมา 301 โรงเรียน รวมทั้งหมด 797 ชุด คิดเป็นร้อยละ 79.30 ของจ านวน แบบสอบถามถามที่ได้ส่งไป วิเคราะห์ข้อมูลและหาค่าสถิติต่าง ๆ ในการวิจัยโดยใช้โปรแกรมสถิติ ส าเร็จรูปและค่าสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ความถี่ (f) ค่าร้อยละ (%) ค่าเฉลี่ย ( X ) และค่า ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ส ่วนการวิเคราะห์ข้อมูลที ่ได้จากข้อค าถามปลายเปิดเกี ่ยวกับ ข้อเสนอแนะเพิ ่มเติมใช้การวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) ได้ท าการเลือกสถานศึกษาขนาดเล็กจากต ่างเขตพื้นที ่การศึกษาใน ภาคใต้ จ านวน 3 โรงเรียน โดยก าหนดให้เป็นโรงเรียนประถมศึกษา 2 โรงเรียน และโรงเรียน มัธยมศึกษา 1 โรงเรียน ท าการศึกษารายงานการประเมินตนเอง (SAR), รายงานผลการประเมิน คุณภาพภายนอกรอบที่ 3 และร่องรอยการน าผลการประกันคุณภาพการศึกษาไปใช้ในการพัฒนา คุณภาพของสถานศึกษา พร้อมกับท าการสนทนากลุ่ม (Focus Group Interview) ผู้ให้ข้อมูลซึ่งเป็น ผู้บริหารสถานศึกษา หัวหน้างานวิชาการ และครูผู้รับผิดชอบงานประกันคุณภาพการศึกษาของแต่ละ โรงเรียนตามประเด็นของการน าผลการประกันคุณภาพการศึกษาไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพของ สถานศึกษาใน 7 องค์ประกอบ ของเกณฑ์คุณภาพการศึกษาเพื่อการด าเนินการที่เป็นเลิศ และท าการ วิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis)
226 ขั้นตอนที่ 2 การพัฒนารูปแบบการน าผลการประกันคุณภาพการศึกษาไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพ ของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานขนาดเล็กในภาคใต้ซึ่งประกอบด้วย การด าเนินการ 3 ขั้นตอนย่อย คือ 1) การศึกษาเอกสาร โดยการศึกษาเอกสารต่าง ๆ ทั้งเอกสารสิ่งพิมพ์ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ รวมถึงเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ที่พิจารณาเห็นว่าเกี่ยวข้องกับรูปแบบการบริหารคุณภาพในลักษณะต่าง ๆ 2) การสัมภาษณ์เชิงลึก (In-Depth Interview) ผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านการบริหารคุณภาพและการประกัน คุณภาพการศึกษาเกี่ยวกับองค์ประกอบของรูปแบบการน าผลการประกันคุณภาพการศึกษา ไปใช้ในการ พัฒนาคุณภาพของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานขนาดเล็ก จ านวน 3 ท่าน ท าการเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยแบบ สัมภาษณ์เกี่ยวกับองค์ประกอบของรูปแบบการน าผลการประกันคุณภาพการศึกษาไปใช้ในการพัฒนา คุณภาพของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานขนาดเล็กในภาคใต้ซึ่งเป็นแบบสัมภาษณ์เชิงลึกแบบ มีโครงสร้าง (Structured in-depth Interview) วิเคราะห์ข้อมูลจากการศึกษาเอกสาร หนังสือ วารสาร และ งานวิจัยที่เกี่ยวข้องและข้อมูลจากการการสัมภาษณ์เชิงลึก โดยการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) 3) ยกร่างรูปแบบการน าผลการประกันคุณภาพการศึกษาไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพของสถานศึกษา ขั้นพื้นฐานขนาดเล็กในภาคใต้โดยสังเคราะห์ผลจากการศึกษาสภาพปัจจุบันและความต้องการ ในการน าผลการประกันคุณภาพการศึกษาไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพของสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ขนาดเล็กของการวิจัยในขั้นตอนที่ 1 ประกอบกับสาระส าคัญจากการศึกษาเอกสารและงานวิจัย ในขั้นตอนที ่ 2.1 และจากการสังเคราะห์การสัมภาษณ์เชิงลึกผู้ทรงคุณวุฒิในขั้นตอนที ่ 2.2 น ามาพัฒนาเป็นร่างรูปแบบการน าผลการประกันคุณภาพการศึกษาไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพ ของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานขนาดเล็กในภาคใต้ ขั้นตอนที่ 3 การประเมินรูปแบบการน าผลการประกันคุณภาพการศึกษาไปใช้ ในการพัฒนาคุณภาพของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานขนาดเล็กในภาคใต้ซึ่งประกอบด้วยการด าเนินการ 3 ขั้นตอนย ่อย คือ 1)การสอบถามความคิดเห็นของผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญด้านการประกันคุณภาพ การศึกษาผู้ให้ข้อมูล ประกอบด้วย 1.1) ผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านการประกันคุณภาพการศึกษาจ านวน 5 คน 1.2) ผู้เชี่ยวชาญซึ่งเป็นผู้บริหารการศึกษาจ านวน 10 คน และ1.3) ผู้เชี่ยวชาญซึ่งเป็นผู้บริหารสถานศึกษา จ านวน 10 คน 2) การสัมมนาอิงผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี ่ยวชาญ (Connoisseurship) ผู้ให้ข้อมูล ประกอบด้วย 2.1) ผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านการประกันคุณภาพการศึกษาจ านวน 3 คน 2.2) ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งเป็นผู้บริหารการศึกษาจ านวน 3 คน และ 2.3) ผู้เชี่ยวชาญซึ่งเป็นผู้บริหารสถานศึกษาจ านวน 3 คน 3)การสนทนากลุ่มผู้ปฏิบัติ(Focus Group Interview)ผู้ให้ข้อมูล คือ ผู้บริหารสถานศึกษาในโรงเรียน ขนาดเล็ก จ านวน 25 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยส าหรับใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลประกอบด้วย 1) แบบสอบถามความคิดเห็นผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี ่ยวชาญด้านการประกันคุณภาพการศึกษา เพื่อตรวจสอบความเหมาะสมและให้ข้อเสนอแนะต่อร่างรูปแบบ 2) เอกสารประกอบการสัมมนาอิงผู้เชี่ยวชาญ (Connoisseurship Pattern) เพื่อตรวจสอบและยืนยันใน 2 ประเด็น คือ ความเหมาะสมและ ความเป็นไปได้ของร่างรูปแบบ 3) เอกสารประกอบการสนทนากลุ่มผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐานขนาดเล็ก (Focus Group Discussion) เพื่อตรวจสอบและยืนยันความเป็นไปได้ของร่างรูปแบบ ท าการวิเคราะห์ข้อมูล โดยการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) ขั้นตอนที่ 4 การทดลองใช้รูปแบบ โดยประสานกับเขตพื้นที่การศึกษาและสถานศึกษา ในจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อสรรหาสถานศึกษาขนาดเล็กส าหรับการทดลองใช้รูปแบบการน าผล
227 การประกันคุณภาพการศึกษาไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานขนาดเล็ก ในภาคใต้ จ านวน 2 โรงเรียน ซึ่งได้ก าหนดให้เป็นโรงเรียนที่ทดลองใช้รูปแบบและโรงเรียนที่ไม่ได้ใช้ รูปแบบ โดยออกแบบการวิจัย จะเป็นแบบ Pretest-Posttest Equivalent Groups Design เครื่องมือในการวิจัยเป็นแบบสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับคุณภาพในการจัดการศึกษาของโรงเรียน เก็บรวบรวมข้อมูลจากผู้บริหาร ครู คณะกรรมการสถานศึกษา และผู้ปกครองของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปี่ที่ 1-6 ของโรงเรียนทั้ง 2 โรงเรียน ก่อนและหลังทดลองใช้รูปแบบ วิเคราะห์ข้อมูล และหาค่าสถิติต่าง ๆ ในการวิจัยโดยใช้โปรแกรมสถิติส าเร็จรูปและค่าสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ความถี่ (f) ค่าร้อยละ (%) ค่าเฉลี่ย ( X ) และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ส่วนการวิเคราะห์ ข้อมูลที่ได้จากข้อค าถามปลายเปิดเกี่ยวกับข้อเสนอแนะเพิ่มเติมใช้การวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) โดยทดสอบค่าเฉลี่ยความคิดเห็นเกี่ยวกับคุณภาพในการจัดการศึกษาของโรงเรียนก่อนและหลังทดลองใช้ รูปแบบด้วยสถิติ t-test แบบ 2 กลุ่มอิสระและสถิติt-test แบบ 2 กลุ่มสัมพันธ์พร้อมท าการสนทนากลุ่ม ผู้บริหารสถานศึกษาและครูหลังการทดลองใช้รูปแบบ สรุปผลการวิจัย 1.ผลการศึกษาสภาพปัจจุบันและความต้องการในการน าผลการประกันคุณภาพการศึกษา ไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานขนาดเล็กในภาคใต้ 1.1 การน าผลการประกันคุณภาพการศึกษาไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพของสถานศึกษา ขั้นพื้นฐานขนาดเล็กในภาคใต้เชิงปริมาณ พบว่าภาพรวมมีระดับการน าไปใช้ในปัจจุบันตามเกณฑ์คุณภาพ การศึกษาเพื่อด าเนินการที่เป็นเลิศอยู่ในระดับปานกลางโดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 2.78 และเมื่อพิจารณา เป็นรายหมวดเกือบทุกหมวดมีระดับการน าไปใช้อยู่ในระดับปานกลางเช่นเดียวกัน ยกเว้นหมวดการน า องค์กรระดับการน าไปใช้อยู่ในระดับน้อยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 2.06 โดยทุกหมวดจะมีค่าเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 2.06 - 3.49หากเมื ่อพิจารณาความต้องการน าผลการประกันคุณภาพการศึกษาไปใช้ในการพัฒนา คุณภาพของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานขนาดเล็กในภาคใต้ตามเกณฑ์คุณภาพการศึกษาเพื่อด าเนินการที่เป็นเลิศ ในอนาคต ภาพรวมจะอยู่ในระดับมากที่สุดโดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.74 และเมื่อพิจารณารายละเอียดเป็น รายหมวด ทุกหมวดจะมีระดับความต้องการน าไปใช้ในอนาคตอยู่ในระดับมากที่สุดเช่นเดียวกัน โดย จะมีค่าเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 4.57 - 4.81 1.2 การน าผลการประกันคุณภาพการศึกษาไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพของสถานศึกษา ขั้นพื้นฐานขนาดเล็กในภาคใต้เชิงคุณภาพ พบว่าการน าผลการประกันคุณภาพทั้งภายในและภายนอก ไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพของสถานศึกษาตามเกณฑ์คุณภาพการศึกษาเพื่อการด าเนินการที่เป็นเลิศ ทั้ง 7 หมวด ยังไม่เห็นเชิงประจักษ์ได้ชัดเจน เพราะโรงเรียนได้จัดท าแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษา และแผนปฏิบัติการประจ าปีตามมาตรฐานและตัวบ่งชี้ของการประกันคุณภาพภายในเป็นหลักส าคัญ แต่หากจะจัดระบบการบริหารจัดการของโรงเรียนตามเกณฑ์คุณภาพการศึกษาเพื่อการด าเนินการ ที่เป็นเลิศ ผู้อ านวยการให้ความเห็นว่าสามารถด าเนินการได้โดยต้องวิเคราะห์ว่ามาตรฐานและตัวบ่งชี้ ของการประกันคุณภาพภายในว่ามีความสอดคล้องกับตามเกณฑ์คุณภาพการศึกษาเพื่อการด าเนินการ ที่เป็นเลิศทั้ง 7 หมวดอย่างไรบ้าง เป็นเรื่องที่ดีมากโดยจะเป็นพัฒนาระบบการประกันคุณภาพศึกษา
228 ให้มีมาตรฐานและมีประสิทธิผลในการพัฒนาสถานศึกษาสูงขึ้น ซึ่งเป็นองค์ความรู้ทางวิชาการ ของศาสตร์การบริหารการศึกษาที่น่าสนใจ อีกทั้งส านักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐานก็ได้จัดท า ระบบการประกันคุณภาพตามแนวทาง OBECQA ที่อาศัยเกณฑ์คุณภาพการศึกษาเพื่อการด าเนินการ ที่เป็นเลิศเป็นฐานองค์ความรู้ในการพัฒนาระบบอยู่แล้วในขณะนี้ แต่ยังจ ากัดอยู่ในเฉพาะโรงเรียน ตามโครงการโรงเรียนมาตรฐานสากลเท่านั้น ผู้บริหารและหัวหน้างานวิชาการรับทราบถึงมาตรฐาน และตัวบ่งชี้การประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาขั้นพื้นฐานใหม่แล้ว แต่รอรายละเอียดในแนวทาง การด าเนินงาน และรูปแบบการเขียนรายงานผลการประเมินคุณภาพภายในสถานศึกษา จากส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาอยู่ว่าจะให้ สถานศึกษาด าเนินการอย่างไรบ้าง 2. การพัฒนารูปแบบการน าผลการประกันคุณภาพการศึกษาไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพ ของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานขนาดเล็กในภาคใต้ 2.1 ผลการศึกษาเอกสาร โดยการศึกษาเอกสารต่าง ๆ ทั้งเอกสารสิ่งพิมพ์ภาษาไทย และภาษาอังกฤษ รวมถึงเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ที่พิจารณาเห็นว่าเกี่ยวข้องกับรูปแบบการบริหารคุณภาพ ในลักษณะต่าง ๆ พบว่ามีเนื้อหาสาระเกี่ยวกับองค์ความรู้ที่ส าคัญของรูปแบบการน าผลการประกันคุณภาพ การศึกษาไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานขนาดเล็กในภาคใต้ที่ส าคัญ ได้แก่ การพัฒนารูปแบบ ระบบการประกันคุณภาพการศึกษา บริบทของสถานศึกษาขนาดเล็ก เกณฑ์คุณภาพการศึกษาเพื่ อการด าเนินการที่เป็นเลิศ ปี 2016-2018 (Education Criteria for Performance Excellence ; EdPEx)การบริหารการเปลี่ยนแปลง และการบริหารจัดการสถานศึกษาแบบ ร่วมคิดร่วมท า 2.2 ผลการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-Depth Interview) ผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านการบริหารคุณภาพ และการประกันคุณภาพการศึกษาเกี่ยวกับองค์ประกอบของรูปแบบการน าผลการประกันคุณภาพ การศึกษาไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานขนาดเล็ก พบว่า รูปแบบการน าผล การประกันคุณภาพการศึกษาไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานขนาดเล็ก ในภาคใต้มีความเหมาะสม เป็นไปได้ สอดคล้อง และเป็นประโยชน์ต่อการน าเอาไปใช้ในการบริหารสถานศึกษา ขั้นพื้นฐานขนาดเล็ก โดยรูปแบบนั้นจะมีองค์ประกอบที่เป็นสาระส าคัญ 10 ประการ คือ 1) ชื่อรูปแบบ 2) หลักการและเหตุผล 3) วัตถุประสงค์4) หลักการแนวคิด และข้อมูลที่น ามาใช้ในการออกแบบรูปแบบ 5) แนวคิดและค่านิยมหลักของรูปแบบ 6) นิยามศัพท์เฉพาะที่ใช้ในรูปแบบ 7) กลไกและกระบวนการ บริหารของรูปแบบ 8) แนวทางการด าเนินงานของรูปแบบ 9) เงื่อนไขและข้อจ ากัดของรูปแบบ 10) แนวทางการน ารูปแบบไปใช้ 2.3 ผลการพัฒนารูปแบบการน าผลการประกันคุณภาพการศึกษาไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพ ของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานขนาดเล็กในภาคใต้ รูปแบบการน าผลการประกันคุณภาพการศึกษาไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพของสถานศึกษา ขั้นพื้นฐานขนาดเล็กในภาคใต้ได้มีแนวคิดและค่านิยมหลักของรูปแบบ คือ1) การบริหารสู่ความเป็นเลิศ
229 ของสถานศึกษา 2) การบริหารบนฐานของข้อมูลและสารสนเทศ 3)การตัดสินใจทางการบริหาร ตามผลการประเมิน 4) การรายงานผลลัพธ์การด าเนินงาน 5)การพัฒนาสถานศึกษาอย่างต่อเนื่องและ 6) การสร้างภาพลักษณ์ของสถานศึกษา กลไกและกระบวนการบริหารของรูปแบบ ประกอบด้วยขั้นตอนในการบริหารจัดการ สถานศึกษาตามแนวคิดทฤษฎีระบบเป็น 3 ขั้นตอน คือ ปัจจัยน าเข้า (Input) กระบวนการ (Process) และ ผลผลิต (Output) พร้อมกับข้อมูลย้อนกลับ (Feedback) ของรูปแบบ โดยมีรายละเอียดของขั้นตอน และกระบวนการบริหารของรูปแบบซึ่ง ปัจจัยน าเข้า (Input) ประกอบด้วย 1. ผลการประกันคุณภาพภายนอกสถานศึกษา โดยสถานศึกษาต้องบริหารจัดการให้สถานศึกษามีคุณภาพเป็นไปตามมาตรฐานที่ส านักงานรับรอง มาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษาก าหนด 2. ผลการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา โดยสถานศึกษาต้องบริหารจัดการให้สถานศึกษามีคุณภาพใน 4 มาตรฐาน คือ 1) คุณภาพผู้เรียน 2) กระบวนการบริหารและการจัดการศึกษา 3) กระบวนการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นส าคัญ และ 4) ระบบการประกันคุณภาพภายในที่มีประสิทธิผล 3.ปัจจัยที่ส่งผลต่อการใช้ผลการประกันคุณภาพ การศึกษาใน 4 ปัจจัย ประกอบด้วย 1) ลักษณะบริบทของสถานศึกษา 2) ความน่าเชื่อถือของผลการประเมิน 3) ศักยภาพของบุคลากรในสถานศึกษา และ 4) การก ากับติดตามจากหน่วยงานต้นสังกัด กระบวนการ (Process) ประกอบด้วย 1. การพัฒนาสถานศึกษาตามเกณฑ์คุณภาพ การศึกษาเพื่อการด าเนินการที่เป็นเลิศใน 7 หมวด คือ 1) การน าองค์การ 2) การวางแผนกลยุทธ์ 3) การมุ่งเน้นผู้เรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย 4) การวัด การวิเคราะห์ และการจัดการความรู้ 5) การมุ่งเน้นครู และบุคลากร 6) การจัดการกระบวนการ และ 7) ผลลัพธ์ 2. การบริหารการเปลี่ยนแปลงใน 3 ระยะ คือ 1) การเตรียมการเปลี่ยนแปลง 2) การจัดการการเปลี่ยนแปลง และ 3) การเสริมแรงการเปลี่ยนแปลง 3. การบริหารจัดการในโรงเรียนแบบร่วมคิดร่วมท า คือ 1) การก าหนดเป้าหมายและวิเคราะห์ปัญหา 2) การก าหนดนโยบาย 3) การวางแผน 4) การก าหนดงบประมาณ 5) การน าแผนไปปฏิบัติ และ 6) การประเมินผล ทั้งนี้ให้เป็นไปตามแผนปฏิบัติการประจ าปี ที่สอดคล้องกับแผนพัฒนาคุณภาพ การศึกษา และบรรลุตามวิสัยทัศน์ของสถานศึกษาที่ก าหนดไว้ ผลผลิต (Output) เป็นคุณภาพของสถานศึกษาขนาดเล็กใน 4 ด้าน ประกอบด้วย 1) ผลการจัดการศึกษา 2) การบริหารจัดการศึกษา 3) การจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นส าคัญ และ 4) การประกันคุณภาพการศึกษา ข้อมูลย้อนกลับ (Feedback)ซึ่งเป็นข้อมูลและสารสนเทศส าหรับใช้ในการพัฒนาคุณภาพ ของสถานศึกษาในรอบปีการศึกษาต่อ ๆ ไป 3. ผลการประเมินรูปแบบการน าผลการประกันคุณภาพการศึกษาไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพ ของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานขนาดเล็กในภาคใต้ 3.1ผลจากการสอบถามความคิดเห็นของผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญด้านการประกันคุณภาพ การศึกษาผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญทุกท่าน เห็นด้วยกับการคงไว้ขององค์ประกอบทั้ง 10 องค์ประกอบ ของร่างรูปแบบการน าผลการประกันคุณภาพการศึกษาไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพของสถานศึกษา ขั้นพื้นฐานขนาดเล็กในภาคใต้ไว้ซึ่งผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่เห็นว่าทุกองค์ประกอบ
230 มีความเหมาะสม แต่ทุกองค์ประกอบควรจะได้มีการพัฒนาให้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น เพราะยังมี ความไม่เหมาะสมบางส่วนอยู่ 3.2 ผลจากการสัมมนาอิงผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญ (Connoisseurship)ผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ เห็นว่ารายละเดียดขององค์ประกอบทั้ง 10 องค์ประกอบของร่างรูปแบบ การน าผลการประกันคุณภาพการศึกษาไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานขนาดเล็ก ในภาคใต้มีความเหมาะสมและความเป็นไปได้ โดยเฉพาะวัตถุประสงค์ แนวคิด หลักการ และข้อมูล ที่น ามาใช้ในการออกแบบรูปแบบ และแนวทางการน ารูปแบบไปใช้ ผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญทุกคน ให้ความเห็นว่ามีความเหมาะสมและความเป็นไปได้ แต่ทุกองค์ประกอบควรจะได้มีการพัฒนาให้มี ความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น เพราะยังมีความไม่เหมาะสมและเป็นไปไม่ได้บางส่วนอยู่ 3.3 ผลจากการสนทนากลุ่มผู้ปฏิบัติ(Focus Group Interview) ผู้บริหารสถานศึกษา ขั้นพื้นฐานขนาดเล็กทุกคน เห็นว่าร่างรูปแบบการน าผลการประกันคุณภาพการศึกษาไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพ ของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานขนาดเล็กในภาคใต้ทุกองค์ประกอบมีความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติ 4. ผลการทดลองใช้รูปแบบการน าผลการประกันคุณภาพการศึกษาไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพ ของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานขนาดเล็กในภาคใต้ 4.1 ผลการเปรียบเทียบความคิดเห็นเกี่ยวกับคุณภาพในการจัดการศึกษาของโรงเรียน จากผู้บริหาร ครู คณะกรรมการสถานศึกษา และผู้ปกครองของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปี่ที่ 1-6 ก่อนการทดลองใช้รูปแบบของโรงเรียนที่น ารูปแบบไปทดลองใช้และโรงเรียนที่ไม่ได้น ารูปแบบไปทดลองใช้ ไม่แตกต่างกัน 4.2 ผลการเปรียบเทียบความคิดเห็นเกี่ยวกับคุณภาพในการจัดการศึกษาของโรงเรียน จากผู้บริหาร ครู คณะกรรมการสถานศึกษา และผู้ปกครองของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปี่ที่ 1-6 ของโรงเรียนที่น ารูปแบบไปทดลองใช้หลังทดลองใช้รูปแบบสูงกว่าก่อนใช้รูปแบบอย่างมีนัยส าคัญ ทางสถิติที่ระดับ .05 4.3 ผลการเปรียบเทียบความคิดเห็นเกี่ยวกับคุณภาพในการจัดการศึกษาของโรงเรียน จากผู้บริหาร ครู คณะกรรมการสถานศึกษา และผู้ปกครองของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปี่ที่ 1-6 หลังการทดลองใช้รูปแบบของโรงเรียนที่น ารูปแบบไปทดลองใช้สูงกว่าโรงเรียนที่ไม่ได้น ารูปแบบไปทดลองใช้ อย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ .05 4.4 ผลการสนทนากลุ่มผู้บริหารสถานศึกษาและครูในโรงเรียนที่น ารูปแบบไปทดลองใช้ ให้ความเห็นสอดคล้องกันว่ารูปแบบมีประสิทธิผลในการพัฒนาคุณภาพในการจัดการศึกษา ตามมาตรฐานของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานทั้ง 4 ด้าน คือ 1) ด้านผลการจัดการศึกษา 2) ด้านการบริหาร จัดการศึกษา 3) ด้านการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นส าคัญ และ 4) ด้านการประกันคุณภาพภายใน
231 อภิปรายผลการวิจัย 1. จากผลการวิจัยที่พบว่าการน าผลการประกันคุณภาพการศึกษาไปใช้ในการพัฒนา คุณภาพของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานขนาดเล็กในภาคใต้ภาพรวมมีระดับการน าไปใช้ในปัจจุบันตามเกณฑ์ คุณภาพการศึกษาเพื่อด าเนินการที่เป็นเลิศอยู่ในระดับปานกลาง และความต้องการน าผลการประกัน คุณภาพการศึกษาไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานขนาดเล็กในภาคใต้ตามเกณฑ์ คุณภาพการศึกษาเพื่อด าเนินการที่เป็นเลิศในอนาคตอยู่ในระดับมากที่สุด อีกทั้งการน าผลการประกัน คุณภาพทั้งภายในและภายนอกไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพของสถานศึกษาตามเกณฑ์คุณภาพ การศึกษาเพื่อการด าเนินการที่เป็นเลิศทั้ง 7 หมวด ยังไม่เห็นเชิงประจักษ์ได้อย่างชัดเจน ทั้งนี้ เป็นเพราะโรงเรียนได้จัดท าแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาและแผนปฏิบัติการประจ าปีตามมาตรฐาน และตัวบ่งชี้ของการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาเป็นแนวทางส าคัญ แต่ผู้บริหารสถานศึกษาได้ ให้ความเห็นว่าหากจะจัดระบบการบริหารจัดการของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานขนาดเล็กตามเกณฑ์ คุณภาพการศึกษาเพื่อการด าเนินการที่เป็นเลิศให้เป็นนวัตกรรมทางการบริหารเพิ่มเติม ก็จะสามารถด าเนินการได้ โดยต้องวิเคราะห์ว่ามาตรฐานและตัวบ่งชี้ของการประกันคุณภาพภายในว่า มีความสอดคล้องกับ เกณฑ์คุณภาพการศึกษาเพื่อการด าเนินการที่เป็นเลิศทั้ง 7 หมวดอย่างไรบ้าง ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมาก โดยจะเป็นพัฒนาระบบการประกันคุณภาพศึกษาให้มีมาตรฐานและมีประสิทธิผลในการพัฒนา สถานศึกษาสูงขึ้น อันจะเป็นองค์ความรู้ทางวิชาการของศาสตร์การบริหารการศึกษาที่น่าสนใจ อีกทั้ง ส านักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐานก็ได้จัดท าระบบการประกันคุณภาพตามแนวทาง OBECQA ที่อาศัยเกณฑ์คุณภาพการศึกษาเพื่อการด าเนินการที่เป็นเลิศเป็นฐานองค์ความรู้ในการพัฒนาระบบอยู่แล้ว ในขณะนี้แต่ยังจ ากัดอยู่ในเฉพาะโรงเรียนตามโครงการโรงเรียนมาตรฐานสากลเท่านั้น ทั้งนี้ ผลการวิจัยที่เกิดขึ้นยังมีความใกล้เคียงกับผลการวิจัยของอัญชลี ประกายเกียรติ(2553) ที่ได้ท าการวิจัย เรื่องการพัฒนาระบบการบริหารคุณภาพภายในส าหรับสถานศึกษาขั้นพื้นฐานโดยใช้เกณฑ์คุณภาพการศึกษา เพื่อการด าเนินการที่เป็นเลิศของบัลดริจเป็นฐานที่ได้พบว่าสภาพปัจจุบันของการบริหารคุณภาพภายใน สถานศึกษาขั้นพื้นฐานระดับมัธยมศึกษาในโครงการโรงเรียนมาตรฐานสากล เมื่อเทียบเคียงกับข้อก าหนด ของเกณฑ์คุณภาพการศึกษาเพื ่อการด าเนินการที ่เป็นเลิศของบัลดริจ มีระดับการปฏิบัติอยู ่ใน ระดับมากทุกองค์ประกอบทั้ง ๆ ที่การวิจัยเรื่องนี้ได้ศึกษาจากโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดใหญ่ และ เป็นไปตามงานวิจัยของแคทลียา ศรีแปลก (2544) ที่ได้ศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อการใช้ผลการประเมินภายใน สถานศึกษาของโรงเรียนประถมศึกษาด้วยวิธีการวิจัย เชิงคุณภาพ ที่พบว่า ปัจจัยที่ส่งผลต่อการใช้ผล การประเมินภายใน ได้แก่ ปัจจัยด้านผู้บริหาร ประกอบด้วย ความรู้ความสามารถของผู้บริหาร ความสามารถในการบริหารจัดการ มีจิตวิทยาในการท างานร่วมกับผู้อื่น และการพัฒนาตนเองอย่างสม่ าเสมอ ของผู้บริหาร ปัจจัยด้านผู้ประเมิน ได้แก่ การพัฒนาตนเองของผู้ประเมิน การจัดกิจกรรมการเรียน การสอนที่เหมาะสม ทัศนคติต่อการท างานประเมินภายในสถานศึกษา การเห็นความส าคัญและคุณค่า ของการประเมินภายในสถานศึกษา และการเห็นความส าคัญของผลการประเมิน ปัจจัยด้านกระบวนการ ได้แก่ กระบวนการท างานตามวงจรบริหารคุณภาพ PDCA และปัจจัยอื่นที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ความร่วมมือ ของผู้ปกครองในการร่วมกิจกรรมต่างๆของโรงเรียน และการพัฒนาตนเองของนักเรียนในด้านการท างาน และการร ่วมกิจกรรมกับทางโรงเรียน และสอดคล้องกับงานวิจัยของวราภรณ์ บุญเจียม (2546) ได้ศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อการใช้ผลการประเมินภายนอกเพื่อพัฒนาคุณภาพของสถานศึกษา
232 ขั้นพื้นฐานโดยแบ่งออกเป็น 4 ปัจจัย คือ 1) ปัจจัยด้านคุณลักษณะของผู้ประเมิน ได้แก่ บุคลิกภาพ และทักษะการสื่อสาร 2) ปัจจัยลักษณะของผู้บริหารสถานศึกษา ได้แก่ ทัศนคติต่อการประเมินภายนอก ระดับการศึกษา ความรู้และความเข้าใจด้านการประเมินคุณภาพภายนอก 3) ปัจจัยด้านลักษณะ ของสถานศึกษาในด้านขนาดของสถานศึกษา 4) ปัจจัยด้านลักษณะของผลการประเมินภายนอก ได้แก่ ประสิทธิภาพของรายงานการประเมินคุณภาพภายนอก และระดับผลการประเมินภายนอก โดย พบว่าปัจจัยทั้ง 4 ประการได้ส่งผลต่อการใช้ผลการประเมินภายนอกเพื่อพัฒนาคุณภาพของสถานศึกษาขั้น พื้นฐานอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และเป็นไปตามงานวิจัยของศิริประภา ษรจันทร์ศรี (2549) ที่ได้พัฒนาและตรวจสอบความสอดคล้องของโมเดลเชิงสาเหตุของการน าผลการประเมินภายนอก ไปใช้และการด าเนินงานด้านระบบประกันคุณภาพภายในของโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานครกับข้อมูล เชิงประจักษ์ โดยพบว่าปัจจัยที่ส่งผลต่อการน าผลการประเมินภายนอกไปใช้ ประกอบด้วย 3ตัวแปรแฝง ได้แก่ 1)สภาพแวดล้อมในการท างาน ประกอบด้วยตัวแปรสังเกตได้ คือ โครงสร้างการบริหารโรงเรียน กระบวนการ PDCA การท างานเป็นทีม วัฒนธรรมองค์กร การสนับสนุนของผู้บริหารและการนิเทศติดตาม ของหน่วยงานต้นสังกัด2) ลักษณะทางจิตสังคมของผู้บริหารและครู ประกอบด้วย ตัวแปรสังเกตได้ คือ เจตคติต่อการมีส่วนร่วมในการประกันคุณภาพ แรงจูงใจในการท าการประกันคุณภาพ ทัศนคติ ในการท าการประกันคุณภาพ ความรู้ความเข้าใจด้านประกันคุณภาพ ความรู้ความเข้าใจ ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ภาวะผู้น าและความรู้ความสามารถของผู้บริหาร การเห็นความส าคัญ ของการประเมินภายนอก และการเห็นความส าคัญของผลการประเมินภายนอก 3) ผู้ประเมินภายนอก ประกอบด้วยตัวแปรที่สังเกตได้ คือ ความน่าเชื่อถือของผู้ประเมิน และคุณภาพของการประเมิน อีกทั้งยังสอดคล้องกับงานวิจัยของ Atria (2000) ที่ได้ศึกษาผลกระทบของกระบวนการในการจัดท า ระบบการประกันคุณภาพการศึกษาและแผนพัฒนาของมลรัฐอิลลินอยซ์ต่อทัศนคติของครูในการท า แผนพัฒนาโรงเรียนในรัฐชิคาโก และเพื่อศึกษาถึงกระบวนการในการจัดท าระบบการประกันคุณภาพการศึกษา และแผนพัฒนาโดยอาศัยพื้นฐานของทฤษฎีการเปลี่ยนแปลงองค์การและแนวคิดว่าทัศนคติของครู เป็นปัจจัยส าคัญในการพัฒนาโรงเรียน ซึ่งผลการศึกษาวิจัยพบว่า ครูมีทัศนคติที่ดีต่อกระบวนการ ในการจัดท าระบบการประกันคุณภาพการศึกษาและแผนพัฒนาของมลรัฐอิลลินอยซ์และงานวิจัย ของ Dale (2003) ที่ได้ศึกษาการรับรู้ที่ส าคัญและการปฏิบัติตามเกณฑ์คุณภาพเพื่อความเป็นเลิศ ซึ่งผลการศึกษาวิจัยพบว่า โรงเรียนรับรู้เกณฑ์คุณภาพเพื่อความเป็นเลิศทั้ง 7 องค์ประกอบว่า เป็นสิ่งส าคัญ ที่จะต้องท าให้โรงเรียนค้นพบจุดเริ่มต้นในการพัฒนาตามโปรแกรมของเกณฑ์คุณภาพเพื่อความเป็นเลิศ อย่างเหมาะสม 2. จากผลการวิจัยที่ได้รูปแบบการน าผลการประกันคุณภาพการศึกษาไปใช้ในการพัฒนา คุณภาพของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานขนาดเล็กในภาคใต้ที่มีแนวคิดและค่านิยมหลักของรูปแบบ คือ 1) การบริหารสู่ความเป็นเลิศของสถานศึกษา 2) การบริหารบนฐานของข้อมูลและสารสนเทศ 3) การตัดสินใจทางการบริหารตาม ผลการประเมิน 4) การรายงานผลลัพธ์การด าเนินงาน 5) การพัฒนาสถานศึกษาอย่างต่อเนื่องกลไกและกระบวนการบริหารของรูปแบบ ประกอบด้วยขั้นตอน ในการบริหารจัดการสถานศึกษาตามแนวคิดทฤษฎีระบบเป็น 3 ขั้นตอน คือ ปัจจัยน าเข้า (Input) กระบวนการ