The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

๑๐๐ ปี พระอารามหลวงวัดป่าเลไลยก์วรวิหาร จังหวัดสุพรรณบุรี

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by schtgr1125, 2020-04-14 22:03:00

๑๐๐ ปี พระอารามหลวงวัดป่าเลไลยก์วรวิหาร จังหวัดสุพรรณบุรี

๑๐๐ ปี พระอารามหลวงวัดป่าเลไลยก์วรวิหาร จังหวัดสุพรรณบุรี

สมโภชพระอารามหลวง ครบ ๑๐๐ ปี วัดปา่ เลไลยกว์ รวหิ าร  •  269 

ครนั้ รุ่งเชา้ เจา้ พลายก็โกนจุก จนผมยาวเจา้ ไดต้ ดั มหดั ไทย

เปน็ พ้นทกุ ขพ์ น้ รอ้ นนอนหลับไหล คดิ จะใคร่ไปเปน็ ข้าฝา้ ธลุ ”ี

(ขนุ ชา้ งขุนแผน หนา้ ๕๓๓-๕๓๕)

การโกนผมไฟก็ดี การโกนจุกก็ดี เป็นการบันทึกประวัติ
ประเพณไี ว้ ปจั จบุ นั เดก็ ไทย ไมไ่ วผ้ มจกุ และไมม่ ที รงผมมหดั ไทย
(มหาดไทย)๔ การโกนจกุ เปน็ เครอื่ งแสดงวา่ เดก็ ผา่ นจากวยั เดก็
มาสู่วยั หนุ่มสาวแลว้

การบวช

การบวชเป็นประเพณีการบําเพ็ญกุศลอย่างหนึ่ง เช่น
การบวชสามเณร นิยมกระทํากันเมื่อโกนจุกลูกเรียบร้อยแล้ว 
พ่อแม่จะนําเด็กไปฝากกับพระเพื่อฝึกอบรมนิสัยและฝึกวิชา
ความรู้ ดังคําประพนั ธ์ว่า

“พระสงฆ์องคใ์ ดวิชาดี แม่จงพาลกู นี้ไปฝากท่าน
ใหเ้ ป็นอุปัชฌายอ์ าจารย์ อธษิ ฐานบวชลูกเป็นเณรไว”้

(ขนุ ช้างขุนแผน หนา้ ๔๕)

ในขนุ ชา้ งขนุ แผนกลา่ วถงึ ตอนพลายแกว้ บวชเณรไวอ้ ยา่ ง
แจ่มชัด ต้ังแต่เร่มิ เตรียมหาซื้อผา้ ตดั เยบ็ ยอ้ ม จนสําเร็จเป็น

๔ ทรงผมมหาดไทย เป็นทรงผมที่โกนผมข้างๆ ให้เกรียน หรือตัดข้างให้เตียน
เหลอื ไว้แต่กลางกระหม่อมเป็นรปู กลมแผแ่ บนๆ เหมอื นแปรง

270  •  สมโภชพระอารามหลวง ครบ ๑๐๐ ปี วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร

ผา้ สบง จีวร ผา้ พาดไหล่ รวมเรยี กว่า ผา้ ไตร และมยี า่ มบาตร
พระเตรยี มไว้ ดงั คําประพันธว์ า่

“กจู ะบวชลูกชายสายสดุ ใจ เอง็ จงไปเที่ยวหาผ้าเนือ้ ดี

ทําจวี รสบงสไบลาด หาทั้งยา่ มบาตรมาตามที่

---------------------------- ---------------------------

เอาผ้าขาวมาจัดตัง้ สบง เย็บลงฝีเขม็ เหมอื นเล็มเลีย่ น

ตดั จวี รสไบตะไกรเจียน เย็บทับจับเนยี นเป็นเนื้อเดียว

อังสะนน้ั แพรหนงั ไก่น่มุ รังดมุ หไู หมใสเ่ ย็บเส้ยี ว

มานงั่ พรอ้ มท่ัวตัวเปน็ เกลยี ว เอิกเกรกิ กราวเกรยี วดว้ ยศรัทธา

บางคนออกมาหาขม้ิน โขลกสิ้นแล้วไปเอามาอกี หวา

---------------------------- ----------------------------

เอาน้ำ� ส้มพรมแก้แลเห็นสกุ พน้ ทุกข์แลว้ หมอหัวร่อร่ี

ชว่ ยกนั ผูกราวขึงผ่ึงท่ี แหง้ ดีเขา้ ไตรไว้บนพาน

ฝ่ายพวกแมค่ รัวท่ีตัวยวด หงุ ต้มเรว็ รวดอลหม่าน

หน้าดาํ คล้ำ� ไหม้ใกล้เชิงกราน บา้ งซาวขา้ วสารใส่กระทะ

บ้างตม้ บา้ งพะแนงบา้ งแกงขม คั่วยำ� ทาํ ขนมอยู่เอะอะ

สม้ สกุ ลูกไม้ใสธ่ ารณะ ใส่กระบะเรียงรายไว้หลายใบ”

(ขนุ ชา้ งขุนแผน หนา้ ๔๕-๔๖)

ภาพทแ่ี มค่ รัวชว่ ยกนั หุงข้าวต้มแกงอยหู่ น้าเตาไฟ “หน้า
ดําคลำ้� ไหมใ้ กลเ้ ชงิ กราน” หงุ ขา้ วดว้ ยกระทะใบใหญ่ “กระทะ
ใบบัว” บ้างช่วยกันต้มแกงทําขนม อย่างอลหม่าน ภาพเช่นน้ี

สมโภชพระอารามหลวง ครบ ๑๐๐ ปี วัดปา่ เลไลยกว์ รวิหาร  •  271 

จะหาดูได้ในชนบทที่มีงานประเพณี เชน่ บวช (พระ) แต่งงาน
ชาวชนบทยงั คงถือว่าเปน็ งานทีอ่ อกหน้าออกตา นอกจากเปน็  
งานบญุ แลว้ ยงั เปน็ การทําทานไปดว้ ย จงึ จดั เลย้ี งขา้ วปลาอาหาร 
อย่างมากมาย เล้ียงดูแขกเหรื่อที่มาช่วยงานอย่างอ่ิมหนํา 
สําราญ ใครที่เป็นญาติใกล้ชิดสนิทสนมกับเจ้าของงานก็จะได้
รับขนมนมเนยกลบั ไปบา้ นอกี ส่วนหนึ่งด้วย

ผู้ท่ีจะบวชก็อาบน�้ำทาขมิ้นแต่งตัวอย่างสวยงามแล้วก็
แห่แหนกันมาท่ีวัด ส่วนเครื่องบวชและอาหารนํามายังวัดด้วย
เมอื่ ถงึ วดั สมภารโกนหวั โกนคว้ิ ให้ แลว้ พามายงั ศาลาซงึ่ พระสงฆ์
คอยอย่แู ลว้ ผูบ้ วชก็อุ้มไตรเข้าไปไหวข้ อบรรพชา พระสงฆท์ ํา
พธิ บี วชใหโ้ ดยให้รบั ไตรสรณคมน์ ดังคําประพันธ์วา่

“คร้นั แลว้ ลงมาศาลาใหญ่ พระสงฆล์ งไปอยูพ่ ร้อมหน้า
พลายแก้วอุม้ ไตรไปวันทา ขรัวบุญใหบ้ รรพชาเป็นเณรพลนั

(ขุนชา้ งขุนแผน หน้า ๔๗)

หลังจากเสร็จพิธีบวชแล้ว มีการเล้ียงพระ กรวดน้�ำอุทิศ
สว่ นบุญกุศล เปน็ อันเสร็จพิธี

272  •  สมโภชพระอารามหลวง ครบ ๑๐๐ ปี วัดป่าเลไลยกว์ รวิหาร
ภาพ นางทองประศรพี าเณรแก้วมาฝากสมภารมี วัดปา่ เลไลยก์

สมโภชพระอารามหลวง ครบ ๑๐๐ ปี วดั ป่าเลไลยก์วรวิหาร  •  273 

ภาพ นางทองประศรพี าเณรแกว้ กลบั สพุ รรณ นางทองประศร ี
เมอ่ื ใหเ้ ณรแกว้ บวชเรยี นวชิ ากบั สมภารบญุ วดั สม้ ใหญ่ จนหมดสนิ้  
วิชาแล้ว จึงพาเณรแก้วกลับสุพรรณใช้เวลาเดินทางสามวัน 
มาเรยี นวชิ ากบั สมภารมี วดั ปา่ เลไลยก์ เพอื่ นของขุนไกร และมี
เหตุให้หนอี อกจากวัดปา่ ไปเรยี นวิชากับขรวั ตาคง วัดแค แสดง
ถึงความส�ำคัญของวัดที่เปรียบเสมือนโรงเรียนสอนวิชาการ
ตา่ งๆ ของลูกผูช้ าย

การแต่งงาน

สมยั กอ่ นชายหนมุ่ หญงิ สาว จะพบหนา้ กนั ในงานเทศกาล
ตา่ งๆ สถานทพี่ บกนั ไดค้ อื ทว่ี ดั เมอ่ื เกดิ ความพงึ พอใจซง่ึ กนั และกนั  
ฝ่ายชายจะให้พ่อแม่ส่งเถ้าแก่มาพูดจาสู่ขอกับพ่อแม่ของฝ่าย
หญิง ในเสภาขุนช้างขุนแผนกล่าวถึงการสู่ขอนางพิมพิลาไลย
คําพดู ทนี่ างทองประศรพี ดู กบั นางศรปี ระจนั เปน็ ทํานองเปรยี บ
เทียบวา่

“จะขอพรรณฟักแฟงแตงน้�ำเตา้ ที่ออเจา้ ไปปลูกในไร่ขา้
ท้งั อตั คดั ขัดสนจนเงินตรา จะมาขอออแกว้ ใหช้ ว่ งใช้
อยรู่ องเทา้ นึกเอาว่าเกือกหนัง ไม่เชือ่ ฟังก็จะหาประกันให้
ไดบ้ ากบ่ันมาถึงเรือนอยา่ เบือนไป จะไดฤ้ าไมไ่ ด้ให้ว่ามา

(ขนุ ช้างขนุ แผน หน้า ๑๕๗)

นางศรปี ระจนั ตอบวา่ เปน็ คนดี ไมข่ เ้ี หลา้ เมายา ขยนั ทํามา 
หากนิ ก็จะยกลกู สาวใหเ้ พราะ

274  •  สมโภชพระอารามหลวง ครบ ๑๐๐ ปี วดั ป่าเลไลยกว์ รวิหาร

“ถึงยากจนอย่างไรกไ็ ม่วา่ แต่พรา้ ขัดหลังมาจะยกให้
อตุ สา่ หท์ าํ มาหากนิ ไป รทู้ าํ ร้ไู ดด้ ้วยง่ายดาย
ถึงเงินทองเป็นของพ่อแมใ่ ห้ ไม่รู้รกั ษาไว้กฉ็ ิบหาย
ตูจะขอถามความทา่ นยาย ลกู ชายนนั้ ดีฤาอยา่ งไร
ไมเ่ ลน่ เบี้ยกินเหล้าเมากญั ชา ฝ่ินฝามันสบู บา้ งหรือไม่
จะสูงต่ำ� ดําขาวสักคราวใคร ตยู ังไมเ่ หน็ แกต่ าวา่ ตามจรงิ ”

(ขนุ ช้างขุนแผน หน้า ๑๕๗-๑๕๘)

นางศรปี ระจนั ถามถงึ อปุ นสิ ยั ใจคอ และรปู รา่ งหนา้ ตาของ 
ฝา่ ยชายวา่ เป็นอยา่ งไร เถ้าแกท่ ต่ี ดิ ตามนางทองประศรมี าดว้ ย 
คือ ตาสน ตาเสา ยายเมา้ ยายมง่ิ จงึ ทําหนา้ ท่เี ปน็ ผ้สู นบั สนุน 
โดยยกคณุ สมบตั ทิ ่ดี ๆี ของพลายแก้ว มากลา่ ว

“วา่ นานไปทา่ นจะได้พ่งึ พิง ลกู ทองประศรดี นี ักนะคนน้ี
วา่ นอนสอนง่ายชายฉลาด ทั้งรปู ทรงก็สะอาดสาํ อางศรี
รุ่นหนมุ่ น้อยๆ เรยี บร้อยดี ความชั่วไมม่ สี ักสิง่ อนั ”
(ขุนช้างขุนแผน หนา้ ๑๕๘)

นางศรีประจันยินดียกลูกสาวให้ โดยเรียกสินสอดเป็น
เงินสิบห้าชั่ง ขันหมาก ผ้าไหว้ เรือนฝากระดานมีห้าห้อง ดัง 
คําประพนั ธว์ า่

“ขา้ จะให้ลกู ขา้ สบิ ห้าชง่ั ขนั หมากมงั่ นอ้ ยมากไม่จ้จู ี้
ผา้ ไหว้สํารับหนึ่งก็พบดี หอมีหา้ หอ้ งฝากระดาน”
(ขุนช้างขุนแผน หนา้ ๑๕๘)

สมโภชพระอารามหลวง ครบ ๑๐๐ ปี วดั ป่าเลไลยก์วรวิหาร  •  275 

หลังจากสู่ขอแล้ว ฝ่ายชายจะเตรียมปลูกเรือนหอใน
บรเิ วณบา้ นของฝา่ ยหญงิ การปลกู เรอื นหอสมยั กอ่ น จะมเี พอ่ื น
บ้านมาช่วยปลูกโดยไม่คิดค่าแรง การปลูกก็ต้องออกและทํา
ขวัญเสาด้วย เจ้าภาพเป็นผู้ทําอาหารมาเลี้ยงดู ลักษณะเช่นนี้
อาจจะยงั มีอยู่ในสังคมชนบท

เมอ่ื ถงึ วนั แตง่ งาน เจา้ บา่ วจะยกขบวนขนั หมากไปยงั บา้ น
เจ้าสาว มีดนตรีปี่พาทย์ ครั้นพอขบวนมาถึงบ้านเจ้าสาว จะ
มีคนมากั้นขันหมากไว้ยังไม่ให้ข้ึนบ้านจนกว่าจะเสียเงินก่อน
พอขนั หมากขึ้น บนบา้ นจะมีเด็กผหู้ ญงิ คนหนึง่ ถอื ขนั หรือพาน
หมากออกไปต้อนรับ ต่อจากนั้นจึงเปิดขันหมากเพ่ือตรวจให้
ครบ ตามทตี่ กลงกนั ไว้ ดงั คําประพันธว์ ่า

“จึงจอดเรือเข้าหน้าสะพานใหญ่ ตาผลวงิ่ ไปเอาไม้กั้น
เสยี เงนิ ทองใหข้ ึ้นไปพลนั ขนขนั หมากขึน้ บนบนั ได
ยายเป้าเถ้าแกอ่ ยู่ท่บี ้าน กน็ บั ขานเงินตราและผา้ ไหว้
ครบจาํ นวนถว้ นท่สี ญั ญาไว้ ใหเ้ ขาเข้าไปในเรือนพลนั ”

(ขุนช้างขนุ แผน หน้า ๑๖๑)

พอเสร็จพิธีเชิญขันหมากแล้วก็มีการเล้ียงอาหารผู้มา 
ร่วมงาน ตอนเยน็ มพี ิธซี ดั นำ�้ โดยนิมนต์พระสงฆม์ าสวดมนตท์ ี่
เรือนหอ เม่ือพระสงฆ์สวดพุทธมนต์จบแล้ว มีการสวมมงคลคู่
ใหแ้ กบ่ า่ วสาว เพอ่ื นเจา้ บา่ วเจา้ สาว พระสงฆส์ วดชยนั โตพรอ้ ม
กบั ซัดน้�ำมนต์ให้ ดงั คําประพันธ์วา่

276  •  สมโภชพระอารามหลวง ครบ ๑๐๐ ปี วัดปา่ เลไลยก์วรวหิ าร

“ครัน้ พระสุรยิ าเวลาบา่ ย พลายแกว้ ย่างกรายมาจากบา้ น

ลงเรอื พร้อมกันมิทนั นาน รบี มายังบ้านศรปี ระจนั

กับเพือ่ นบา่ วกก็ ้าวข้นึ บนหอ พระมารอสวดมนตส์ �ำรวมมั่น

เพ่อื นสาวเข้าหอ้ มลอ้ มกัน ออกจากเรือนนั้นมาทนั ใด

นั่งลงตรงหนา้ ท่านสมภาร แลว้ ทา่ นจงึ ส่งมงคลให้

--------------- ---------------

พระสงฆส์ วดมนตก์ ระหน�ำไป เอาน�ำ้ ซัดสาดใหอ้ ยู่ฉานฉา่ ”

(ขุนช้างขุนแผน หน้า ๑๖๒)

หลงั จากเสรจ็ พธิ ซี ดั นำ้� แลว้ เจา้ บา่ วเจา้ สาวไปเปลย่ี นเครอื่ ง
แต่งตัว ตอนกลางคืนเจ้าบ่าวจะต้องมาเฝ้าหอ ๑ คืน เรียกว่า
กลอ่ มหอ มดี นตรขี บั กลอ่ ม ดงั กลา่ วไวใ้ นตอนพระไวยแตง่ งาน
กบั นางศรมี าลา ดังคําประพนั ธว์ ่า

“จดุ ประทปี แสงประเทืองเรอื งรอง มโหรีแซ่ซ้องประสานซอ
ขบั กล่อมซอ้ มเสียงสําเนียงนวล โหยหวนโอดลน่ั สน่ันหอ
ฆ้องวงหน่งหนอดสอดเสียงซอ ระนาดตลอดลอดล้อบรรเลงลอย
แสนเสนาะเสยี งสนน่ั สนกุ สนาน วเิ วกหวานครำ�่ ครวญหวนละหอ้ ย
พระไวยฟงั วงั เวงเพลงทยอย ระเรงิ ลมื ตวั มอ่ ยผลอ็ ยหลบั พลนั ”

(ขนุ ชา้ งขนุ แผน หน้า ๘๐๔)

ตอนเช้าวันรุ่งขึ้น เจ้าบ่าวเจ้าสาวจะตักบาตรร่วมกัน 
ดังกลา่ วไวใ้ นงานแตง่ งานพระไวย ว่า

สมโภชพระอารามหลวง ครบ ๑๐๐ ปี วดั ปา่ เลไลยก์วรวิหาร  •  277 

“เดินออกชอกชานสะทา้ นใจ พระหมน่ื ไวยตกั ขา้ วไวค้ อยทา่
แล้วสง่ คันทพั พใี หศ้ รมี าลา พอสบตาเจา้ ก็มอ่ ยละมุนลง
ศรมี าลาอายใจมใิ คร่จะรับ วนั ทองจับข้อศอกคอยเสอื กส่ง
แตพ่ อกุมเขา้ ดว้ ยกนั ใหม้ น่ั คง ประคองคอ่ ยเทลงในบาตรพลัน”

(ขุนช้างขุนแผน หนา้ ๘๐๖)

ตอนพลายแกว้ แตง่ งานกบั นางพมิ พลิ าไลย เจา้ บา่ วตอ้ งนอน 
เฝ้าหอครบ ๓ วัน จึงจะมีการส่งตัวเจ้าสาว พอได้ฤกษ์ส่งตัว
พ่อแม่เจ้าสาวก็จะสั่งสอนลูกสาวเกี่ยวกับการครองเรือน การ
ปรนนบิ ตั ิสามี และ หน้าทีข่ องภรรยาว่า

“รอ้ ยชั่งจงฟังคํามารดา นค่ี เู่ คยของเจ้ามาแต่ก่อนแลว้
ร้อยคนพันคนไมด่ ลใจ จาํ เพาะเจาะได้เจา้ พลายแก้ว
แมเ่ ลย้ี งไว้มิได้อันใดแพว แตแ่ นวไม้เปรียะหนง่ึ ไม่ตอ้ งตวั
ครนั้ เติบใหญจ่ ะไปเสยี จากอก แมว่ ติ กอยู่ด้วยเจา้ จะเลี้ยงผัว
ฉวยขกคาํ ทําผิดแม่คิดกลัว อย่าทําชัว่ ชน้ั เชงิ ใหช้ ายชัง
เนื้อเยน็ จะเปน็ ซงึ่ แมเ่ รือน ทําให้เหมอื นแม่สอนมาแต่หลัง
เขา้ นอกออกในใหร้ ะวงั ลุกน่ังนอบนบแก่สามี
อย่าหงึ หวงจ้วงจาบประจานเจิ่น อย่าก่อเกนิ กอ่ นผวั ไม่พอท่ี
แม่เลีย้ งมาหวังว่าจะให้ดี จงเป็นศรสี วสั ดิส์ ุขทกุ เวลา

(ขนุ ช้างขนุ แผน หน้า ๑๖๔)

นางศรีประจันมีความเช่ือว่าการที่ได้แต่งงานกันเพราะ
เคยเปน็ เนอ้ื คกู่ นั มา เมอื่ ลกู แตง่ งานไปแลว้ กย็ งั ไมส่ น้ิ หว่ ง เกรงวา่  

278  •  สมโภชพระอารามหลวง ครบ ๑๐๐ ปี วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร

ชีวิตแต่งงานจะไม่ราบรื่น จึงส่ังสอนด้วยความห่วงใยและได้
พูดจาฝากฝังกับเจา้ บา่ วว่า

“จงกลอ่ มเกลี้ยงเลีย้ งกนั ให้ยนื ยง กวา่ จะปลงชีวิตชีวาไลย
ผดิ พลงั้ ส่งั สอนกันก่อนหนา อยา่ ตดี า่ กนั มหี าดไี ม่”

(ขนุ ชา้ งขนุ แผน หนา้ ๑๖๔)

ลักษณะของนางศรีประจันคือตัวแทนของแม่ต้ังแต่สมัย
โบราณจนถงึ ปจั จบุ ัน ทีห่ ว่ งใยลกู ตงั้ แตเ่ ล็กจนโต แมจ้ ะมเี หย้า
เรือนไปแลว้ กย็ งั ห่วงใยเหมือนเดมิ

ตอนนางบษุ บาส่งั สอนศรมี าลา กลา่ วว่า

“จงอุตสา่ หเ์ สงีย่ มค่อยเจียมตน อย่าให้คนทัง้ ปวงลว่ งขม่ เหง
จงซ่อื ตรงต่อผัวรู้กลัวเกรง อยา่ ครื้นเครงดา่ วา่ กับข้าไท
ปรนนิบตั ิอยา่ ใหข้ ดั น�ำ้ ใจเขา การเรือนการเหย้าเอาใจใส่
ข้าวของสารพันหมนั่ เกบ็ ไว้ ระวงั ระไวดูแลอย่าแชเชือน”

(ขุนช้างขุนแผน หน้า ๘๑๕)

ใจความที่สอนลูกสาวก็คือการทําหน้าที่ของภรรยา และ
การเปน็ แม่บา้ นแม่เรอื นน่นั เอง

สรปุ

พิธีแต่งงานสมัยก่อนเป็นพิธีท่ีจัดอย่างใหญ่โต เพื่อ
ประกาศบอกญาติพ่ีน้องให้รู้โดยท่ัวกันมีการยกขันหมาก มี

สมโภชพระอารามหลวง ครบ ๑๐๐ ปี วัดปา่ เลไลยก์วรวิหาร  •  279 

สินสอด๕ ทองหมั้น๖ พิธีรดน้าเป็นหน้าที่ของพระสงฆ์เป็นผู้ 
ประกอบพธิ ซี ัดน้�ำค่บู ่าวสาว ตอ่ จากน้นั มกี ารกล่อมหอ เฝ้าหอ
และส่งตัวเจ้าสาว ปัจจุบันพิธีการเหล่าน้ีลดความส�ำคัญลงไป
บา้ งแล้ว

ภาพ ตอนพลายแก้วแตง่ งานกับนางพิม
๕ สินสอด หมายถึง เงินที่ฝ่ายชายให้แก่บิดามารดาหญิงที่จะแต่งงานเป็นค่า 
นาํ้ นมขา้ วปอ้ น (กฎ.) ทรพั ยส์ นิ ทฝ่ี า่ ยชายใหแ้ กผ่ ปู้ กครองฝา่ ยหญงิ เพอื่ ตอบแทน
การที่หญงิ ยอมสมรส
๖ ทองหม้ัน หมายถึง ทองค�ำท่ีฝ่ายชายมอบให้ไว้กับฝ่ายหญิง แสดงความ 
มนั่ หมายวา่ จะแตง่ งานด้วย

280  •  สมโภชพระอารามหลวง ครบ ๑๐๐ ปี วดั ปา่ เลไลยก์วรวหิ าร

ภาพ ตอนพลายแก้วแต่งงานกับนางพิมพิลาไลย เจ้าบ่าว
ต้องนอนเฝ้าหอครบ ๓ วัน จึงจะมีการส่งตัวเจ้าสาว นอกจาก
เป็นเร่ืองฤกษ์ยามอันเป็นมงคลแล้ว การรอส่งตัวแต่โบราณ
คอื การรอพสิ จู นใ์ หร้ แู้ นว่ า่ เจา้ บา่ วมหี ญงิ อนื่ แอบซอ่ นอยหู่ รอื ไม ่
หากเกินสามวัน (บางงานอาจถึงเจ็ดวันแล้วแต่ฤกษ์) ไม่มีใคร
มาร้องเรยี นก็ถือว่า เจ้าบ่าวเปน็ คนไม่มีพนั ธะ สามารถอยู่ร่วม
หอลงโรงได้

สมโภชพระอารามหลวง ครบ ๑๐๐ ปี วัดปา่ เลไลยกว์ รวหิ าร  •  281 
ภาพ ขนุ ช้างแตง่ งานกับนางวนั ทอง

282  •  สมโภชพระอารามหลวง ครบ ๑๐๐ ปี วดั ป่าเลไลยกว์ รวหิ าร

ภาพ ขนุ ชา้ งแตง่ งานกบั นางวนั ทอง ขนุ ชา้ งพยายามทกุ อยา่ ง
ที่จะท�ำให้ได้นางวันทองเป็นภรรยาทั้งเอาน้�ำร้อนไปรดต้นโพธิ์
เส่ียงทาย จนสุดท้าย นางศรีประจันยกนางวันทองให้ขุนช้าง
โดยทนี่ างวันทองไมเ่ ตม็ ใจไมย่ อมเขา้ พิธแี ต่งงาน แมว้ ่านางศรี-
ประจนั จะบงั คบั ถงึ กบั ทบุ ตนี างวนั ทองกไ็ มย่ อมออกมาจากหอ้ ง
เพื่อท�ำพิธแี ตง่ งาน ไมย่ อมเขา้ ห้องหอกับขุนช้าง ครองตวั ไว้รอ
ขนุ แผน แตผ่ ลสดุ ทา้ ยเมอ่ื ขนุ แผนกลบั มา มนี างลาวทองภรรยา
ใหม่มาดว้ ยสรา้ งความเจ็บช�ำ้ ระก�ำใจอย่างทส่ี ดุ กบั นางวนั ทอง

ภาพ แตง่ งานพระไวย (พลายงาม) กับนางศรีมาลา

สมโภชพระอารามหลวง ครบ ๑๐๐ ปี วัดปา่ เลไลยกว์ รวหิ าร  •  283 

ภาพ แต่งงานพระไวย (พลายงาม) กับนางศรีมาลา คือ 
คู่บ่าวสาว พลายงามกับนางศรีมาลาตักบาตรร่วมขัน ถือทพั พ ี
เดียวกัน อันเป็นค�ำกล่าวท�ำบุญร่วมชาติตักบาตรร่วมขัน งาน 
แต่งงานพระไวยตักข้าวรอไว้แล้ว ส่งทัพพีให้นางศรีมาลาถือ 
ทพั พรี ่วมกัน

การทําศพ

ตัวละครในเรื่องขุนช้างขุนแผน ประสบชะตากรรมล้ม
หายตายจากไปด้วยเหตุต่างๆ กัน การทําศพในสมัยก่อนมี
พธิ กี รรมหลายอย่าง ต้งั แตก่ ารอาบน�ำ้ ศพ มัดตราสั่ง และสวด
พระอภิธรรมตอนทําศพพนั ศรโยธาและขนุ ศรวี ชิ ัย กล่าวไว้วา่

284  •  สมโภชพระอารามหลวง ครบ ๑๐๐ ปี วัดปา่ เลไลยกว์ รวิหาร

“อาบน้ำ� ศพแล้วทาขม้ิน ผ้าขาวหุม้ สิน้ ตราสงั ม่ัน
เข้าไม้ไว้ในเรอื นใหญน่ ้นั ค�ำ่ สวดทุกวนั หลายคืนมา”
(ขนุ ช้างขุนแผน หน้า ๔๓)

กอ่ นถงึ วนั เผาศพจะมกี ารตง้ั ศพไว้ ๓ วนั ระหวา่ งนนั้ มกี าร 
มหรสพและจดุ ดอกไมไ้ ฟพะเนยี ง ประทดั พลุ เมือ่ ครบ ๓ วนั
จึงเผา ดงั คําประพนั ธ์ว่า

“จึงใหแ้ ต่งการศพท่ีวดั เขา ช่างเชาฉลุฉลักจักสาน

บ้างก็ทําตาชะแลงแผงเพดาน ปลกู เมรุผูกมา่ นไว้เบื้องบน

ชา่ งระทาดอกไม้ไฟพะเนยี ง แตง่ แม่ครัวเล้ยี งไมข่ ัดสน

พลุประทัดจดั สรรจังหนั กล จดุ บนท้งิ น�้ำดําผุดไป

-------------------- --------------------

ครน้ั เสร็จกช็ ักทัง้ สองศพ เวียนประจบแล้วตัง้ ในเมรใุ หญ่

ปก่ี ลองคร�ำ่ เคร่งโหมง่ เหม่งไป ค่ำ� จดุ ดอกไมไ้ ฟพะเนียง

ประทดั พลตุ ้งั อยฝู่ ัง่ ผาง จังหินกรวดวางครางส่งเสยี ง

โป้งปบี ตับราวปวิ๊ ป๊าวเปร้ยี ง จอหนังตั้งเรยี งเล่นครนื้ ไป

ครน้ั แสงทองส่องฟา้ เพลาสวา่ ง พระสงฆ์ลงสามสร้างไม่ช้าได้

มีโขนหุ่นชกั อยขู่ วกั ไขว่ เลย้ี งพระถวายไตรไทยทาน

คร้ันครบสามวันกป็ ลงศพ ญาตกิ ามาครบอลหมา่ น

ฉลองธาตถุ วายกระจาดทา่ นสมภาร แลว้ เลิกกลบั เขา้ บา้ นในทันที”

(ขนุ ชา้ งขุนแผน หนา้ ๔๓-๔๔)

สมโภชพระอารามหลวง ครบ ๑๐๐ ปี วัดปา่ เลไลยก์วรวิหาร  •  285 

ในงานศพมักจะมีญาติพ่ีน้องของผู้ตายบวชเพื่ออุทิศ 
ส่วนกุศลให้ผู้ตาย เช่น พระไวยบวชให้นางวันทอง ๗ วันก็สึก 
ขนุ ชา้ งบวชเณร ๓ วนั เปน็ ตน้ สมยั กอ่ นการทําศพมกั จะมมี หรสพ 
ทั้งโขน ละคร หรือมวยปล้�ำ ตามแต่ฐานะ ปัจจุบันไม่นิยมมี
มหรสพ มแี ตพ่ ระสงฆส์ วดพระอภธิ รรมในแตล่ ะคนื เทา่ นนั้ ตาม
ความเชื่อท่ีปรากฏในขนุ ชา้ งขนุ แผน

ภาพ ขุนชา้ งถวายฎกี า นางวนั ทองทลู เป็นกลาง ไม่เลือกอยกู่ ับผู้ใด  
สมเดจ็ พระพนั วษากริ้ว ตรสั ส่งั ให้ประหารชีวิตนางวันทอง

286  •  สมโภชพระอารามหลวง ครบ ๑๐๐ ปี วดั ปา่ เลไลยกว์ รวหิ าร

ภาพ ขนุ ชา้ งถวายฎกี า นางวนั ทองทลู เปน็ กลาง ไมเ่ ลอื ก
อยู่กบั ผู้ใด สมเดจ็ พระพันวษากร้วิ ตรสั ส่งั ให้ประหารชวี ิตนาง
วนั ทอง พระพนั วษาใหน้ างวนั ทองเลอื กวา่ จะอยกู่ บั ผใู้ ด อยกู่ บั
พระไวยลกู ชาย หรอื อยกู่ บั ขนุ ชา้ งหรอื ขนุ แผน เพราะพระองค์
เหน็ ว่าเป็นหญงิ ท�ำแบบนี้ไม่เหมาะสม แต่นางวันทองกลัวตอบ
ไมถ่ กู ใจจงึ ทลู เปน็ กลางเขา้ ไว้ พระพนั วษาจงึ พโิ รธสงั่ ใหป้ ระหาร
นางวันทอง เอาใบตองรองเลือดไมใ่ ห้ตกสู่พ้นื ดนิ

สมโภชพระอารามหลวง ครบ ๑๐๐ ปี วัดปา่ เลไลยกว์ รวหิ าร  •  287 

ภาพ การประหารนางวนั ทอง ถอื เปน็ เหตกุ ารณท์ น่ี า่ สะเทอื น 
ใจทสี่ ดุ ซง่ึ สมเดจ็ กรมพระยาด�ำรงราชานภุ าพไดใ้ หข้ อ้ สนั นษิ ฐาน
ว่าเรอ่ื งเดิมคงจบตอนทน่ี างวนั ทองถกู ตดั สินประหารชวี ิต เป็น

288  •  สมโภชพระอารามหลวง ครบ ๑๐๐ ปี วัดป่าเลไลยกว์ รวหิ าร

อีกตอนหน่ึงซึ่งถือเป็นวัฒนธรรมของคนไทยที่จะต้องมีการขอ
อโหสิกรรมกับผู้ตายไม่ให้มีเวรมีกรรมต่อกัน จะได้ตายแบบ
ไม่ต้องห่วง คนโบราณมีค�ำพูดว่าผีไม่เผาเงาไม่เหยียบ เปรียบ
เปรยว่าโกรธมากไม่อโหสิกรรมกัน ซ่ึงวัฒนธรรมของคนไทย
แต่เดิมน้ัน เมื่อรู้ว่าคนที่ไม่ค่อยชอบกันโกรธกันเสียชีวิตยัง
ต้องไปเผาศพเป็นการอโหสิกรรมกันเพื่อวิญญาณผู้ตายจะ 
ได้หมดหว่ ง

ภาพ เผาศพนางวันทอง

สมโภชพระอารามหลวง ครบ ๑๐๐ ปี วัดปา่ เลไลยกว์ รวิหาร  •  289 

ภาพ เผาศพนางวันทอง แม้พระพันวษาจะอภัยโทษให้ 
นางวนั ทอง แตก่ ส็ ายเกนิ ไป ทหารน�ำความไปแจง้ ไมท่ นั นางวนั ทอง 
จงึ ถกู เพชฌฆาตฟนั คอขาดตาย ระหวา่ งท�ำการเผาศพ พระไวย
เข้าป่าสามวันเสกคาถาแล้วเอาน�ำมันงาทาตัวข้ึนไปนอนท่ีเชิง
ตะกอนเอาศพนางวันทองทับร่างของตน จุดไฟเผาจนศพนาง
วนั ทองเผาไหมห้ มด แตพ่ ระไวยไมเ่ ปน็ อะไร แสดงถงึ วชิ าอาคมสงู
แม้ไฟก็ไม่ท�ำอันตรายได้

งานศพแต่โบราณมีการละเล่นสนุกสนานเพื่อบ�ำรุงขวัญ 
ผู้อยู่และมีเสียงพลุตะไลไฟพะเนียงถือเป็นการส่งเสียงดังให้
ขวญั ไดย้ นิ หากไมต่ ายกจ็ ะกลบั เขา้ รา่ งตามความเชอ่ื วา่ คนทกุ คน 
มีขวญั อันหมายถงึ จติ วญิ ญาณประจ�ำตัว

290  •  สมโภชพระอารามหลวง ครบ ๑๐๐ ปี วดั ปา่ เลไลยกว์ รวหิ าร

ความเช่อื

ความเชอ่ื หมายถงึ การยอมรบั นบั ถอื หรอื ยดึ มน่ั ในสง่ิ ใด
สง่ิ หนงึ่ ทงั้ ทม่ี ตี วั ตนหรอื ไมก่ ต็ าม การยอมรบั นบั ถอื นอ้ี าจจะมี
หลักฐานอย่างเพียงพอที่จะพสิ จู นไ์ ด้ หรืออาจจะไมม่ หี ลักฐาน
ที่นํามาใช้พิสูจน์ให้ เห็นจริงเก่ียวกับส่ิงนั้นก็ได้ ความเช่ือของ
คนสมยั กอ่ นสะทอ้ นใหเ้ หน็ ความคดิ ความตอ้ งการของคนสมยั
น้ัน ความคิดเช่นนั้นเปลี่ยนแปลงไปตามความเจริญก้าวหน้า
ของสงั คม ดงั นนั้ จงึ ไมค่ วรเอาความคดิ ของคนปจั จบุ นั ไปตดั สนิ
วา่ ดีหรือไม่ดี จรงิ หรอื ไมจ่ รงิ

ความเชอ่ื ทปี่ รากฏในขนุ ชา้ งขนุ แผนกลา่ วไวม้ ากมาย เชน่  
ความเชอ่ื เรอื่ งผสี างเทวดา วญิ ญาณ การเสย่ี งทาย การบอกลาง 
ของสัตว์ การต้ังชื่อ เปลี่ยนช่ือ โชคลาง ฤกษ์ยาม ความฝัน 
ไสยศาสตร์ และเคร่ืองรางของขลัง ในท่ีนี้จะกล่าวเฉพาะ ๓
ประเภทหลงั ดังนี้

๑. ความเชอื่ เรือ่ งความฝัน
๒. ความเชือ่ ทางไสยศาสตร์
๓. ความเชื่อเร่ืองเครอ่ื งรางของขลงั

ความเชอ่ื เรอ่ื งความฝัน

ความฝันที่ปรากฏในขุนช้างขุนแผนมีตลอดทั้งเร่ือง
เป็นความฝันท่ีบอกเหตุดีและร้าย คนสมัยก่อนมักจะเชื่อตาม 

สมโภชพระอารามหลวง ครบ ๑๐๐ ปี วดั ปา่ เลไลยกว์ รวิหาร  •  291 

ความฝนั สว่ นมากผหู้ ญงิ ฝนั มากกวา่ ผชู้ าย การฝนั มกั จะเปน็ อยู่
ในชว่ งสําคญั ของชีวติ เชน่ ตอนจะไดค้ ู่ ตอนต้งั ครรภ์และตอน
ทจ่ี ะเสียของรกั เป็นต้น

ตอนท่ีขุนช้าง ขุนแผน และพิมพิลาไลยเกิด ผู้เป็นแม่ก็
ฝันแตกต่างกันไปในความฝัน ให้รู้ว่าลูกท่ีจะเกิดมามีลักษณะ
อยา่ งไร

นางเทพทองฝัน

“วา่ ชา้ งพลายตายกล้งิ ตลิ่งชัน พองข้ึนหวั นนั้ เนา่ โขลงไป
ยังมีนกตะกรมุ หวั เหม่ บินเตร่เร่มาแต่ป่าใหญ่
อา้ ปากคาบช้างแลว้ วางไป เข้าในหอยลางท่ีนางนอน
ในฝันน้ันวา่ นางเรยี กนก เชิญเจา้ ขรวั หวั ถกมาน่ีกอ่ น
นางควา้ ได้ตวั เจ้าหัวกลอ้ น กอดนกกบั ชา้ งนอนสบายใจ

(ขุนชา้ งขุนแผน หนา้ ๑)

ขุนศรีวิชัยทํานายฝันนางเทพทองว่าจะได้ลูกชายหัวล้าน
เหมอื นนกตะกรมุ และจะเปน็ เศรษฐี รำ่� รวยมาก ดงั คํากลอนวา่

“หัวล้านแตก่ ําเนิดเกิดมา จะม่งั มเี งินตรากวา่ หา้ เกวียน

นางทองประศรฝี นั วา่ พระอนิ ทรถ์ อื แหวนเพชรเม็ดใหญ่
มายื่นให้นางก็รับไว้ ดังกลอนวา่

292  •  สมโภชพระอารามหลวง ครบ ๑๐๐ ปี วดั ปา่ เลไลยก์วรวิหาร

“นมิ ิตฝนั วา่ ทา้ วสหสั นัยน์ ถือแหวนเพชรเมด็ ใหญ่เหาะต้นมา
คร้นั ถงึ จงึ ยนื่ แหวนน้นั ให้ นางรบั แหวนไวด้ ้วยหรรษา
แสงเพชรส่องวาบปลาบเข้าตา ต่นื ผวาคว้าทั่วปลุกตัวพลัน”

(ขุนชา้ งขนุ แผน หน้า ๓)

ขุนไกรทํานายฝันให้ว่า จะได้ลูกชายที่มีความเก่งกล้า
สามารถมาก และจะไดเ้ ปน็ นายทหาร มยี ศศกั ดิ์ ขา้ ทาสบรวิ าร
ดงั คํากลอนว่า

“ฝนั วา่ ได้ธ�ำมรงค์วงวเิ ศษ ของโกสยี ์ตรีเนตรอันเฉดิ ฉาย

เพชรรตั น์อรา่ มงามเพรศิ พราย บรรยายว่าเปน็ ส่ิงมิ่งมงคล

จะมคี รรภ์ลูกนัน้ จะเป็นชาย ดงั ทหารพระนารายณ์มาปฏสิ นธ์ิ

กล้าหาญการณรงคค์ งทน ฤทธริ ณปราบทั่วทง้ั แดนไตร

ซึ่งว่าเพชรรศั มสี ีกลา้ ภายหนา้ จะไดเ้ ป็นทหารใหญ่

มียศศกั ด์ิเป็นพระยาข้าใช้ ร่วมพระทยั ทรงธรรม์พระพนั ป”ี

(ขุนชา้ งขุนแผน หน้า ๑)

นางศรีประจัน ฝันว่าพระพิศณุกรรม ถือแหวนมาสวม 
นว้ิ นาง พันศรโยธากท็ ํานายฝันว่าจะไดล้ กู สาว รูปรา่ งสวยงาม 
ไมม่ ีใครเทียบได้ ดังคํากลอนว่า

“วา่ พระพศิ ณกุ รรมเ์ หาะง้ันฟา้ ถือแหวนประดับมาสวมนว้ิ นาง

แล้วก็กลบั สถานพิมานมาศ แสนสนิทพศิ วาสจนสวา่ ง

พนั ศรโยธาทํานายวา่ .......................................

จงึ ทํานายฝันไปมไิ ดช้ า้ ว่าเจา้ ฝนั นั้นหนาจะมีครรภ์

สมโภชพระอารามหลวง ครบ ๑๐๐ ปี วัดป่าเลไลยก์วรวหิ าร  •  293 

ไดแ้ หวนประดับลูกจะเป็นหญงิ รปู ร่างงามจริงตละแกลง้ สรร
ดว้ ยเป็นแหวนของพระพิศณุกรรม์ จะเปน็ ช่างใครนั้นไม่ทนั เลย”

(ขุนช้างขุนแผน หน้า ๔)

ความฝนั เปน็ สงิ่ ทเ่ี กดิ ขนึ้ ไดก้ บั ทกุ คน เพยี งแตว่ า่ จะจดจําได ้
หรือไม่ว่าเหตุการณ์ท่ีฝันเป็นอย่างไร สมัยก่อนเชื่อว่าถ้าฝันว่า
ฟันหัก เป็นฝันร้ายที่เป็นลางบอกให้รู้ว่า ผู้ท่ีเก่ียวข้องใกล้ชิด 
กับผู้ฝันจะตาย เช่น ตอนขุนไกรจะตาย นางทองประศรีก็ฝัน
“ว่าฟันฉันหักกระเด็นเห็นไม่ดี” ขุนไกรก็รู้ว่าตัวเองคงจะตาย
ดังความฝัน เพราะ “แต่ใจคิดครั้งน้ีมิรอดตัว น่ากลัวจะม้วย
ด้วยกระบอื ” ปรากฏวา่ เป็นจริงตามความฝนั

ตอนเมยี ของขนุ ราม “ฝนั วา่ ฟนั หกั เปน็ สามซ”่ี ลางรา้ ยก ็
เกดิ แกข่ นุ ราม พอเดนิ ลงบนั ได บนั ไดกห็ กั สวบลงมาหา้ ขน้ั ขนุ ราม 
ก็ถกู ขุนแผนฆ่าเปน็ ไปตามความฝนั

บางครั้งความฝันก็น่ากลัว และมีลางร้ายบอกเหตุหลาย
อย่าง เช่น เมียขุนเพชร ฝัน “ว่าถูกฟัน ตัวขาดเป็นสองท่อน 
ผา่ อกขวา้ งหวั ใจไปดงดอน ตนื่ นอนตวั สน่ั ประหวนั่ ใจ” พอนางเลา่
ความฝันให้ขุนเพชรฟัง ขุนเพชรก็รู้ว่าตัวเองคงจะไม่รอดตาย
ลางร้ายก็เกิดข้ึน กล่าวคือเมียขุนเพชรมองเห็นสามีไม่มีเงาหัว
ความฝนั และลางรา้ ยก็เป็นจรงิ ดังทฝ่ี ัน ปจั จุบนั ก็ยงั ถอื กันอยู่

ตอนนางลาวทองต้องพรากจากขุนแผน นางลาวทองฝัน
ร้ายวา่

294  •  สมโภชพระอารามหลวง ครบ ๑๐๐ ปี วัดป่าเลไลยกว์ รวิหาร

“นางฝนั ว่ายกั ษใ์ หญ่เขา้ ในหอ้ ง จับลาวทองมัดลากไปจากหมอน
ไปใสก่ รงเหล็กไวใ้ หอ้ าวรณ์ เดอื ดร้อนทุกข์ทนทั้งตาปี
ในฝันน้ันว่าผัวตวั ตามไป ก็ตกในเหวห้องคีรีศรี
ได้ความยากแค้นแสนทวี แลว้ มชี ายหนง่ึ เรอื งฤทธิไกร
มาอุ้มเจา้ ลาวทองกบั ขุนแผน ออกจากแดนยกั ษต์ รงมาสง่ ได้
สน้ิ ฝนั พลันฟ้นื ต่ืนตกใจ ปลกู ปลอบตวั ให้ทํานายพลนั ”

(ขุนชา้ งขุนแผน หนา้ ๓๒๖)

ความฝนั ของนางลาวทองเปน็ จรงิ นางถกู พวกอ�ำมาตย์ พา
ตัวไปเขา้ เฝ้าสมเด็จพระพันวษา พระองคส์ ่ังให้กกั นางลาวทอง 
ไวใ้ นวัง เพราะขนุ ชา้ งกราบทูลว่าขุนแผนหนีเวร ปนี กําแพงวงั  
ไปหานางลาวทอง ทั้งๆ ทข่ี ุนแผนฝากเวรไวก้ บั ขุนช้าง

ฝันร้ายที่เป็นลางบอกเหตุเกิดแก่ตัวผู้ฝันเอง เช่น ความ
ฝนั ของนางวันทอง ก่อนถกู ตดั สินประหารชวี ิต นางฝนั ว่า

“ฝนั ว่าพลัดไปในไพรเถือ่ น เลื่อนเปือ้ นไมร่ ทู้ จี่ ะกลบั หลัง
ลดเลย้ี วเทย่ี วหลงในดงรัง ยงั มพี ยคั ฆร์ า้ ยมาราวี
ท้ังสองมองหมอบอยู่รมิ ทาง พอนางด้ันปา่ มาถงึ ท่ี
โดดตะครบุ คาบครนั ในทันที แล้วฉดุ คร่าพารี่ไปในไพร
สน้ิ ฝนั ครัน้ ตน่ื ตกประหมา่ หวีดผวากอดผัวสะอืน้ ไห้
เล่าความบอกผัวดว้ ยกลัวภยั ประหลาดใจน้องฝนั พรนั่ อุรา”

(ขนุ ช้างขนุ แผน หน้า ๘๕๙)

สมโภชพระอารามหลวง ครบ ๑๐๐ ปี วดั ป่าเลไลยกว์ รวหิ าร  •  295 

ขนุ แผนรวู้ า่ “ครง้ั นน้ี า่ จะมอี นั ตราย ฝนั รา้ ยสาหสั ตดั ตํารา” 
นอกจากน้ียังมลี าง “ใต้เตียง เสียงหนกู ็กุกกก แมลงมุมทมุ่ อก 
ทร่ี มิ ฝา” เหตกุ ารณเ์ ชน่ นที้ ําใหน้ างวนั ทองกลวั มาก ขนุ แผนจงึ
มิรู้ที่จะแถลงแจ้งกิจจากอดเมียเมินหน้าน�้ำตากระเด็น แสดง
ให้เห็นอิทธิพลความเชื่อเก่ียวกับความฝันของคนในสมัยก่อน
อยา่ งชดั เจน

ความฝนั ทบ่ี อกเหตเุ ปน็ ลางดกี ม็ อี ยมู่ าก โดยเฉพาะหญงิ สาว 
ทจี่ ะพบเนอื้ คู่ มกั จะฝนั วา่ ไดด้ อกบวั มาเชยชม เชน่ ตอนนางพมิ  
ฝันวา่ ได้บวั ทองมาช่ืนชม ดงั คําประพันธว์ า่

“คราน้ันนางพมิ น่ิมสนิท เกิดนมิ ติ ประจกั ษ์ใจเมื่อใกล้สว่าง
ว่าว่ายขา้ มน�้ำได้ไปกลางทาง กับพี่นางสายทองคะนองใจ
ถงึ ฝงั่ หย่ังตนื่ พอยนื ตรง สายทองสง่ บวั ทองประคองให้
หอมหอ่ ผา้ ห่มชมช่นื ใจ แล้วกลับขา้ มน้ำ� ไดด้ ังจนิ ดา”

(ขุนช้างขุนแผน หน้า ๖๔)

นางสายทองทํานายฝันของนางพมิ วา่ จะไดค้ ู่ครอง

“ซงึ่ ฝนั ว่าได้ดอกบวั ชม จะได้คูส่ ู่สมพิสมยั
ชายน้เี ห็นท่ไี มใ่ กลไ้ กล คงจะได้โดยพลันมิทนั ช้า
ซึ่งฝนั ว่าพ่เี ดด็ ดอกบวั ส่ง คงจะได้พึ่งแม่ไปภายหนา้
ถา้ กระไรไดเ้ หมอื นดังจนิ ดา แมเ่ มตตาสายทองให้ไดด้ ี”

(ขนุ ชา้ งขุนแผน หนา้ ๖๔-๖๕)

296  •  สมโภชพระอารามหลวง ครบ ๑๐๐ ปี วดั ป่าเลไลยก์วรวหิ าร

พลายงามก่อนที่จะได้พบศรมี าลากฝ็ ันว่า

“ฝันวา่ นารีพึง่ รุน่ สาว ผิวขาวคมคายมิใช่ชวั่
สองเตา้ เตง่ ตั้งดงั ดอกบวั มายืนย้มิ ยว่ั แลว้ เยื้องกราย
พอภิปรายทายทักชกั สนทิ นางเบอื นบดิ ทาํ ท่ีจะหนีหนา่ ย
ก็ลกุ รบี ตามติดเขา้ ชิดกาย คว้าเข้าเจ้าก็หายไปกับมอื ”

(ขนุ ช้างขนุ แผน หนา้ ๖๐๔)

ขนุ แผนทํานายฝนั ให้พลายงามวา่

“ฝนั เช่นนี้มีตํารบั แต่บรุ าณ ใครฝันมกั บนั ดาลไดเ้ มียดี
ฤาจะถูกลูกเจา้ บา้ นผ่านเมือง ทํานายพลางยา่ งเย้อื งออกจากท”่ี

(ขนุ ช้างขุนแผน หน้า ๖)

นางศรมี าลากฝ็ นั กอ่ นทจี่ ะพบพลายงาม นางฝนั วา่ ไดเ้ กบ็
ดอกบวั มาเชยชม

“ว่าลงสระเล่นน�ำ้ สาํ ราญครนั เหน็ บุษบันดอกหนงึ่ ดูพึงตา
ผดุ ขน้ึ พ้นน้ำ� งามสะอาด นางโผนผาดออกไปด้วยหรรษา
เดด็ ได้ดใี จว่ายกลบั มา กอดแนบแอบอรุ าประคองดม”

(ขุนช้างขนุ แผน หน้า ๘๓๑-๖๓๒)

เรอื่ งของความฝนั ในเสภาเรอ่ื งขนุ ชา้ งขนุ แผน มที งั้ ฝนั รา้ ย
และฝนั ดี โบราณเชอ่ื เรอื่ งฝนั มาก จงึ แทรกอยใู่ นวรรณคดเี รอ่ื ง
ขุนชา้ งขุนแผนหลายตอน ดังกลา่ วมาข้างต้น

สมโภชพระอารามหลวง ครบ ๑๐๐ ปี วดั ปา่ เลไลยกว์ รวหิ าร  •  297 

อยา่ งไรก็ตาม ความเชือ่ เรือ่ งความฝันกด็ ี ลางบอกเหตุ
ต่างๆ ก็ดี ได้ตกทอดมาจนถึงปัจจุบัน จะเห็นได้จากตําราทํา
นายฝันและตําราพรหมชาติ ซง่ึ บนั ทกึ คําทํานายและความเชอ่ื
เกย่ี วกบั สงิ่ ตา่ งๆ ทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั การดําเนนิ ชวี ติ ไวอ้ ยา่ งละเอยี ด
ลออ แตค่ วามเช่อื บางอยา่ งกส็ ญู ไป บางอยา่ งก็ยงั คงอยู่

ภาพ ขนุ ไกรต้องโทษถกู ประหารชีวิต

298  •  สมโภชพระอารามหลวง ครบ ๑๐๐ ปี วดั ป่าเลไลยกว์ รวิหาร

ภาพ ขนุ ไกรตอ้ งโทษถูกประหารชวี ติ เพราะใชห้ อกแทง
กระบือตายไปเกือบสองร้อยตัว ตอนขุนไกรจะตาย นางทอง
ประศรฝี นั วา่ ฟนั หกั กระเดน็ ขนุ ไกรรวู้ า่ ตวั เองคงจะตายดงั ความ
ฝันดว้ ยกระบือ ปรากฏว่าเป็นจริง ถอื ว่าเป็นฝันร้าย การฝนั วา่
ฟันหักหมายถึงการเสียชีวิต ยังมีผู้คนบางส่วนที่ยังมีความเช่ือ
เร่อื งความฝนั น้ีอยู่จนถึงปัจจุบัน

ความเชื่อทางไสยศาสตร์

คําว่า ไสยศาสตร์ หมายถึง ศาสตร์ที่ศึกษาเก่ียวกับ
เวทมนตร์คาถาอาคมซึง่ ได้มาจากพราหมณ์ ไม่ใชศ่ าสนาพุทธ

สมโภชพระอารามหลวง ครบ ๑๐๐ ปี วดั ปา่ เลไลยก์วรวหิ าร  •  299 

ตวั ละครเอกฝา่ ยชายในขนุ ชา้ งขนุ แผน จะเรยี นวชิ าตา่ งๆ
พร้อมๆ กับเรียนทางไสยศาสตร์ควบคู่ไปด้วย สะท้อนให้เห็น
ค่านิยมของผู้ชายไทยสมัยน้ัน ว่าใครมีความรู้ทางไสยศาสตร์ด ี
จงึ จะเปน็ คนเกง่ มคี นเกรงกลวั ดว้ ยเหตนุ ขี้ นุ แผนจงึ เรยี นตํารบั  
พชิ ยั สงครามและเวทมนตรค์ าถาอาคมตา่ งๆ ดงั คําประพนั ธว์ า่

“เจ้าอตุ สา่ หศ์ กึ ษาวิชาการ เขียนอ่านท่องไดแ้ ล้วไตถ่ าม
ตํารับใหญ่พิชยั สงคราม สูรย์จนั ทร์ฤกษย์ ามก็รอบรู้
อย่ยู งคงกระพนั ล่องหน ภาพยนตรผ์ ูกใช้ใหต้ อ่ สู้
รักทัง้ เรียนเสกเปา่ เปน็ เจา้ ชู้ ผกู จิตหญิงอยูไ่ มเ่ คล่ือนคลาย”

(ขุนชา้ งขนุ แผน หน้า ๕๐)

ตอนพลายงามเรยี นวชิ ากบั ยา่ ทองประศรี วชิ าทเี่ รยี นมที ง้ั
ภาษาขอม บาลี และเวทมนตร์คาถาอาคมต่างๆ เช่นเดียวกัน
ดงั คําประพันธว์ า่

“อันเรือ่ งราวกล่าวความพลายงามนอ้ ย คอ่ ยเรยี บรอ้ ยเรยี นรคู้ รทู องประศรี

ทงั้ ขอมไทยไดส้ ้ินกย็ ินดี เรยี นคมั ภรี พ์ ทุ ธเพทพระเวทมนตร์

ปัถมงั ตง้ั ตวั นะปัดตลอด แลว้ ถอนถอดถกู ตอ้ งเปน็ ลอ่ งหน

หวั ใจกริดอทิ ธเิ จเสน่ห์กล แลว้ เลา่ มนตรเ์ สกขมนิ้ กนิ นำ้� มนั

เขา้ ในหอ้ งลองวชิ าประสาเดก็ แทงจนเหลก็ แหลมลยู ขู่ ยัน้

มหาทะม่นื ยืนยงคงกระพัน ท้งั เลขยันตล์ ากเหมอื นไม่เคล่ือนคลาย

แลว้ ทาํ ตวั หัวใจอติ ปิ โิ ส เสดาะโซต่ รวนไดด้ ังใจหมาย
สะกดคนมนต์จงั งงั กาํ บังกาย เมฆฉายสูรยจ์ นั ทร์ขยันดี

300  •  สมโภชพระอารามหลวง ครบ ๑๐๐ ปี วัดปา่ เลไลยกว์ รวิหาร

ทงั้ เรยี นธรรมกรรมฐานนิพพานสูตร รอ้ งเรยี กภตู พรายปราบกาํ ราบผี
ผูกพยนตห์ นุ่ หญ้าเข้าราวี ทองประศรสี อนหลานชาํ นาญมา”

(ขนุ ช้างขนุ แผน หนา้ ๕๓๓)

เวทมนต์ท่ีพลายงามเรียนได้แก่ คาถาทําให้คนรัก เช่น 
คาถาปัถมังตั้งตัวนะปัดตลอด และ คาถาอิทธิเจ คาถาหัวใจ 
อิติปิโส เสกขม้ิน เสกน้�ำมัน ล่องหนหายตัว มนต์มหาทะมึน
เลขยันต์ สะเดาะโซตรวน สะกดคน เมฆฉาย๗ สูรย์จันทร์
กรรมฐาน ผูกหุ่นหญ้าเสกเป็นทหาร เป็นต้น ความรู้เหล่าน้ี
พลายงามได้น�ำไปใชป้ ระโยชนท์ ง้ั ในเรื่องสว่ นตวั และสงคราม

ภาพ นางพิมเปลย่ี นชื่อเป็นวนั ทอง
๗ เมฆฉาย หมายถึง การอธิษฐานโดยบริกรรมด้วยมนตร์ เช่ือว่าจะท�ำให้เงาของ
คนเจบ็ ลอยขน้ึ ไปในอากาศแลว้ พิจารณาดูคนเจบ็ นัน้ เปน็ โรคอะไร

สมโภชพระอารามหลวง ครบ ๑๐๐ ปี วดั ปา่ เลไลยก์วรวิหาร  •  301 

ภาพ นางพิมเปลี่ยนชื่อเป็นวันทอง เม่ือขุนแผนไปทัพ
นางพิมร้อนรุ่มกลุ้มใจนอนไม่หลับ ละเม้อเพ้อพกกินข้าวปลา
อาหารไม่ได้ ประกอบกับขุนชา้ งกค็ อยใสค่ วามตา่ งๆ นานา ว่า
ต้นโพธ์ิเสี่ยงทายตายแล้ว นางศรีประจันก็อยากจะยกนางพิม
ใหข้ นุ ชา้ ง ในทสี่ ดุ นางศรปี ระจนั ผเู้ ปน็ แมเ่ หน็ ทา่ ไมด่ กี ลวั นางพมิ
จะตายจงึ ไปขอใหข้ รวั ตาจู วดั ปา่ เลไลยกท์ �ำนาย ทา่ นท�ำนายวา่
ขุนแผนไม่ตาย แต่นางวันทองชะตาตกท่ีนั่งนางสีดา ในต�ำรา
ฉตั รสามชนั้ ถอื วา่ เคราะหร์ า้ ย จงึ เปลย่ี นชอ่ื จากพมิ พลิ าไลย เปน็
วันทอง ตอ่ มาโรคน้ันกห็ าย อยู่เป็นปกติดงั เดมิ

302  •  สมโภชพระอารามหลวง ครบ ๑๐๐ ปี วัดป่าเลไลยกว์ รวหิ าร
ภาพ กุมารทองชวนน้องพลายชุมพลเดนิ ป่า

สมโภชพระอารามหลวง ครบ ๑๐๐ ปี วัดปา่ เลไลยก์วรวิหาร  •  303 

ภาพ กุมารทองชวนนอ้ งพลายชุมพลเดนิ ป่า คอื วิชาการ
สร้างกุมารทองไว้ใช้สารพัดนึกผู้ที่มีเวทมนตร์คาถาจึงได้รับ
ความเชอ่ื ถอื และเกรงกลวั ในอ�ำนาจพลงั จติ กมุ ารทองทขี่ นุ แผน
สรา้ งขนึ้ มาถอื เปน็ ไสยศาสตรข์ าว เอาไวร้ บั ใชใ้ นทางทด่ี ี มคี วาม 
คิดความรู้สึกเหมือนคนธรรมดาท่ัวไป อีกทั้งยังเคยเตือนสต ิ
ขัดขวางไม่ให้ขุนแผนฆ่าขุนช้างเม่ือคราวท่ีขุนแผนบุกไปบ้าน 
ขนุ ชา้ ง เหน็ นางวนั ทองนอนอยดู่ ว้ ย จนขนุ แผนไดส้ ตยิ ง้ั มอื ไมฆ่ า่  
ขนุ ช้าง

ความเชือ่

ความเชอ่ื ทางไสยศาสตร์ เปน็ สงิ่ ทเ่ี กยี่ วขอ้ งกนั คาถาอาคม 
ที่นําไปใชใ้ นเรอื่ งต่างๆ ดังนี้

๑. เวทมนต์คาถา ๒. สะเดาะโซ่ตรวน ๓. สะกดคน  
๔. อยู่ยงคงกระพนั ๕. ท�ำเสน่ห์

๑. เวทมนตรค์ าถา
พลายแกว้ ใชม้ นตรเ์ ทพรญั จวนทําใหล้ าวทองรกั ทนั ที หลงั

จากกนิ หมากท่ีเสกแลว้ ดังค�ำประพันธ์วา่

“ครน้ั ตอ้ งหมากมนตรเ์ คยี้ วประเดยี๋ วใจ กอ็ าลยั ลอบเหลอื บชาํ เลอื งตา
เป็นเจ้าพลายนายทัพขยับย้ิม ปม๊ิ ประหนง่ึ จะคลานเขา้ ไปหา
เจ้าพลายแกว้ แว่วเห็นกิรยิ า ก็ร้วู า่ ต้องเทพรําจวนใจ”

(ขุนช้างขนุ แผน หน้า ๒๒๒)

304  •  สมโภชพระอารามหลวง ครบ ๑๐๐ ปี วดั ป่าเลไลยก์วรวหิ าร

ตอนพระไวยเข้าไปทูลขออภัยโทษให้นางวันทอง ก็ใช้
มนตรม์ หาละลวย ทูลขอไดส้ ําเรจ็ สมความปรารถนา

“ถึงวงั น่งั พักผอ่ นเวลา ระงับใจบ่ายหนา้ สู่บรู พท์ ิศ

อา่ นมนตร์มหาละลวยเลห่ ์ เปน็ เสน่ห์ผูกพนั กระสนั จติ

แปง้ ผงลงยนั ตเ์ ทพนิมิต ปิดมอื ลูบไล้ไมม่ รี อย

แลว้ ตงั้ สตั ย์อธษิ ฐานพระพรชยั ขอพระทัยเคืองกลับขยับถอย

พอได้ลมจันทรส์ าํ คัญคอย ก็คลานคล้อยเขา้ พระโรงรัตนา

เห็นกาํ ลังพระองคท์ รงโสมนัส ประภาษตรัสสรวลสนั ตห์ รรษา

พระหมนื่ ไวยกราบงามลงสามลา ภาวนาหมอบชมอ้ ยคอยท่วงท”ี

(ขนุ ชา้ งขนุ แผน หนา้ ๘๘๐)

พระพนั วษาบอกพระไวยวา่ “ถา้ ผดิ จากมงึ แลว้ กไู มใ่ ห้ ใคร 
ขอกจ็ ะพลอยมาอาสัญ” นคี่ ือความขลังของคาถามหาละลวย

สมโภชพระอารามหลวง ครบ ๑๐๐ ปี วัดป่าเลไลยก์วรวหิ าร  •  305 

ภาพ พลายงามได้ศรีมาลาเปน็ เมีย พลายงามมาถึงเรือน
ทน่ี างศรมี าลาอาศยั อยู่ จงึ รา่ ยมนตส์ ะกดจนหลบั ใหลไปทงั้ หมด
จากนั้นจึงใช้วิชาสะเดาะกลอนเข้าไปในห้องศรีมาลา อัจกลับ
ตามวางกระจา่ งแสง อจั กลบั คอื โคมแขวน จะเหน็ ไดว้ า่ คนสมยั
กอ่ นถอื วา่ วชิ าความรทู้ างไสยศาสตรเ์ วทมนต์ มคี วามส�ำคญั มาก
สามารถท่ีจะใช้ให้เกิดผลส�ำเร็จตามท่ีตนเองปรารถนา และใน
ที่สดุ พลายงามก็ได้นางศรีมาลาเปน็ ภรรยา

๒. สะเดาะโซ่ตรวน
ขุนแผนใช้คาถาสะเดาะกลอนเพ่ือขึ้นบนหอของขุนช้าง

จับขุนช้างมัดกับนางวันทองไว้ พร้อมท้ังสะกดคนให้หลับหมด
ดังคําประพนั ธ์วา่

“ถงึ หอขนุ ชา้ งพลันทันใด จดุ เทยี นติดไว้ทเี่ สาแรก
เอามีดหมอตาํ เขา้ ฉบั ปลายเสาแตกยับเปน็ ส่แี ฉก
สะเดาะกาลหน้าตา่ งใหก้ วา้ งแยก ข้าวสารแทรกกระดูกผกี ็ซัดไป
ผคู้ นบนเรือนทเี่ กล่ือนกล่น ต่างงว่ งโงกทุกคนไมท่ นได้
นอนระเนนเอนพบั หลบั ไป ก็ปนื หน้าตา่ งใหญ่น้นั ขึน้ มา”

(ขุนชา้ งขนุ แผน หน้า ๓๙๔)

ตอนทข่ี นุ แผนถกู จําคกุ เพราะทลู ขอนางลาวทอง ขนุ แผน
ไดส้ ะเดาะเครอ่ื งจํา พระยายมราชผอ่ นจําใหข้ นุ แผน ขนุ แผนใช้
คาถาสะเดาะโซต่ รวน เพราะ

306  •  สมโภชพระอารามหลวง ครบ ๑๐๐ ปี วัดป่าเลไลยกว์ รวหิ าร

“โซต่ รวนถ้วนครบห้าประการ ทรมานมึนเมอ่ื ยเปน็ หนกั หนา

จะพลกิ ตัวตงึ ทั่วทั้งกายา ยง่ิ นานยง่ิ ระอาระอดิ ใจ

----------------------- -----------------------

เพยี งถือสัตย์สุจรติ ไมค่ ดิ หนี แตเ่ ท่าน้ีกพ็ อจะเป็นผล

ไม่คดิ คดต่อเจา้ ข้าวแดงตน กเ็ ปน็ คนเลศิ โลกย่อมลือชา

คิดแลว้ จงึ สะเดาะดว้ ยฤทธิ์มนต ์ ตรวนหล่นคนหลบั สนทิ หน้า

รว่ งกราวเท้ามือทั้งขื่อคา กล็ ่องหนออกมาจากคกุ พลัน”

(ขุนชา้ งขุนแผน หนา้ ๕๐๓)

ภาพ พลายแก้วเข้าหอ้ งนางสายทอง

สมโภชพระอารามหลวง ครบ ๑๐๐ ปี วดั ปา่ เลไลยกว์ รวิหาร  •  307 

ภาพ พลายแกว้ เขา้ หอ้ งนางสายทอง หลงั จากทพ่ี ลายแกว้  
กล่อมนางพิมจนหลับใหลแล้วจึงมุ่งหน้ามาท่ีห้องนางสายทอง 
พเี่ ลย้ี งของนางพมิ แตเ่ นอ่ื งจากหอ้ งนางวนั ทองลงกลอนประตไู ว้ 
พลายแกว้ จงึ ใชว้ ชิ ามหาสะเดาะ จนกลอนประตหู ลดุ เลอื่ นออก 
ไปได้ เข้าห้องนางวันทองได้สมใจ วิชามหาสะเดาะน้ีมีความ
ส�ำคัญมาก ส�ำหรับผู้ที่จะรับราชการทหาร หรือจะเป็นนักรบ
ในสมัยน้ัน จ�ำเป็นต้องเรียนรู้ไว้เผื่อว่าพลาดพลั้งจากการต่อสู้
ถกู จบั เปน็ เชลยกส็ ามารถทจ่ี ะใชว้ ชิ ามหาสะเดาะหลดุ รอดออก
มาได้ และสามารถน�ำมาใช้ได้สารพัดตามเหตุการณ์และความ
ตอ้ งการของตนอย่างเชน่ พลายแกว้ เขา้ ห้องนางสายทอง

308  •  สมโภชพระอารามหลวง ครบ ๑๐๐ ปี วัดป่าเลไลยกว์ รวหิ าร
ภาพ ตอนขนุ แผนติดคกุ

สมโภชพระอารามหลวง ครบ ๑๐๐ ปี วัดปา่ เลไลยกว์ รวิหาร  •  309 

ภาพ ตอนขนุ แผนตดิ คุก เพราะทูลขอนางลาวทอง พระ
พนั วษากรว้ิ จงึ สงั่ จ�ำคกุ ขนุ แผน ขนุ แผนไดส้ ะเดาะเครอ่ื งจําจอง 
ท้ังข่ือคา โซ่ตรวนครบถ้วนห้าประการออกได้แต่ไม่หลบหนี
เพียงแต่รู้สึกร�ำคาญ เมื่อถึงเวลากลางคืนเวลานอนไมส่ ะดวก 
จึงสะเดาะข่ือคาโซ่ตรวนออก เพื่อความสะดวกสบายไม่คิด 
หลบหนี ยอมรับโทษด้วยความซื่อสัตย์ต่อพระพันวษา ยอมรับ
อาญาแผน่ ดนิ ถอื เป็นขา้ ราชการตัวอยา่ งท่มี ีความจงรกั ภักดี

๓. สะกดคน
ตอนพระไวยพานางวนั ทองมาจากบา้ นขนุ ชา้ ง กใ็ ชค้ าถา

สะกดคน

“จงึ ร่ายมนตรามหาสะกด เสือ่ มหมดอาถรรพณท์ ฝ่ี ังอยู่
ภตู พรายนายขุนชา้ งวางวิง่ พรู คนผู้ในบา้ นกซ็ านเซอะ
ท้ังชายหญิงงว่ งงมลม้ หลับ นอนทบั ควำ่� หงายก่ายกนั เปรอะ
จ่ปี ลาคาไฟมนั ไหลเลอะ โงกเงอะงยุ งมไมส่ มประดี”

(ขุนช้างขนุ แผน หน้า ๘๔๕)

การใช้คาถาสะเดาะโซ่ตรวนก็ดี สะกดผู้คนให้หลับใหล 
กด็ ปี จั จบุ นั นไ้ี มม่ แี ลว้ เพราะเทคโนโลยใี หมๆ่ ใชแ้ ทนคาถาเหลา่ นี้ 
ได้ดีกวา่ สมยั ก่อนเชอื่ ว่าขุนแผนใชเ้ วทมนตค์ าถาถอดโซต่ รวน
และสะเดาะกลอนไดจ้ รงิ

310  •  สมโภชพระอารามหลวง ครบ ๑๐๐ ปี วัดปา่ เลไลยกว์ รวหิ าร
ภาพ พลายงามไดน้ างศรีมาลาเปน็ เมยี

สมโภชพระอารามหลวง ครบ ๑๐๐ ปี วดั ป่าเลไลยก์วรวหิ าร  •  311 

ภาพ พลายงามได้นางศรมี าลาเป็นเมยี พลายงามใชว้ ชิ า 
สะกดคนให้หลับใหลและสะเดาะกลอนประตูเข้าห้องนาง 
ศรมี าลา หอ้ งนางศรมี าลาจดั ไวส้ วยงามเปน็ แบบของผดู้ ี รวมทง้ั  
ม่านปักเรื่องอิเหนา ถือการเย็บปักถักร้อยเป็นวัฒนธรรมท่ี 
ผู้หญงิ ตอ้ งเรยี นรแู้ สดงฝีมอื ให้เห็นความงดงามปราณตี

๔. อยู่ยงคงกระพัน

วชิ าอยยู่ งคงกระพนั นยิ มกนั มากในสมยั กอ่ น เพราะการท ่ี
ฟนั ไมเ่ ขา้ ยงิ ไมอ่ อก รา่ งกายไมม่ บี าดแผล จงึ จะนบั วา่ เปน็ ชายชาตร ี
ตวั ละครในขนุ ชา้ งขนุ แผนทน่ี บั วา่ อยยู่ งคงกระพนั มากคอื หมน่ื หาญ 
นายเดชกระดกู ดํา และพรรคพวกทกุ คนอยยู่ งคงกระพนั ทง้ั หมด 
เพราะ

“ปลกุ เสกเครอ่ื งฝังไว้ทง้ั ตัว เปน็ ปมปุ่มไปทวั่ ท้ังกายตน

อยู่ปืนยืนยงคงอาวธุ เหยยี บสะดุดขวากปักก็หกั ปนุ่

มีทหารตัวดยี ่สี บิ คน ลว้ นอยูย่ งคงทนทุกคนไป”

(ขุนชา้ งขุนแผน หนา้ ๓๓๓)

หม่ืนหาญอวดอ้างกบั ขนุ แผนว่า

“อันพวกทหารในบ้านกู คนเดยี วกส็ ูส้ ิบคนได้
ลว้ นอยูย่ งคงทนทุกคนไป จะฟันแทงสกั เทา่ ไรไมไ่ หวติง
(ขนุ ชา้ งขุนแผน หนา้ ๓๔๕)

312  •  สมโภชพระอารามหลวง ครบ ๑๐๐ ปี วัดปา่ เลไลยก์วรวิหาร

ความเก่งกล้าของหมื่นหาญก็ไม่อาจสู้ขุนแผนได้ เพราะ
นอกจากขนุ แผนจะอยยู่ งคงกระพนั แลว้ ยงั แคลว้ คลาดศาสตราวธุ  
ทัง้ หลายดว้ ย เพราะ

“ถึงอยยู่ งคงทนพน้ ประมาณ ไมพ่ อการฉานยงั ไม่ชอบใจ
ที่เรี่ยวแรงแขง็ ขนั ฟันไม่เข้า จะนับเอาวา่ ดยี งั ไมไ่ ด้
ถ้าเขารุมแทงฟันตะบันไป คงชํ้าในหักป่นไมพ่ ้นตาย
ถา้ แม้นมาตรอาจหาญการวชิ า ตอ้ งแคลว้ คลาดศาสตราสนิ้ ทงั้ หลาย
ให้ยัดปืนยนื ยงิ เขา้ รอบกาย ไมร่ ะคายปลายขนสกั นดิ เดียว”

(ขุนช้างขนุ แผน หน้า ๔๓๖)

สมัยก่อนคนท่ีมีคาถาอาคมอยู่ยงคงกระพันมีแพร่หลาย
มาก แมแ้ ตน่ ักโทษมวี ิชาอยยู่ งคงกระพนั เชน่ นักโทษ ๓๕ คน
ที่ไปร่วมรบกับขุนแผนและพลายงามได้ทดลองวิชาหน้าท่ีนั่ง
สมเด็จพระพนั วษา ดงั คําประพนั ธ์วา่

“นายบัวหัวกระโหลกบา้ นโคกขาม ถวายบงั คับงามแล้วออกหน้า
นอนหงายร่ายมนตภ์ าวนา ใหเ้ อาขวานผ่าเป็นหลายซ�้ำ
โปกโปกขวานกระดอนนอนพยกั ไมแ่ ตกหกั ลกุ มาหนา้ แดงก่าํ
นายคงเคราเข้าน่ังบริกรรม ใหเ้ อาหอกกรอกตําเข้าจําเพาะ
ถกู ตรงยอดอกไมฟ่ กช�ำ้ แทงซ�้ำหลายทที เี่ หมาะเหมาะ
เสียงอกั อักพยกั หนา้ น่งั หวั เราะ จนดา้ มหอกหกั เดาะไมท่ านทน”

(ขนุ ช้างขุนแผน หนา้ ๖๑๕)

สมโภชพระอารามหลวง ครบ ๑๐๐ ปี วดั ปา่ เลไลยกว์ รวหิ าร  •  313 

วิธีการที่จะทําให้อยู่ยงคงกระพันมีหลายวิธี เช่น การ
สักตามแขน ขา และการฝังเขม็ ทองที่ไหล่ ฝังเพชรที่แสกหนา้
ฝังเหล็กไหลที่อก ฝังเทียนคล้าและแก้วตาแมวที่หลัง ดังที่กวี
บรรยายลกั ษณะของ แสนตรีเพชรกล้า ว่า

“อนั แม่ทพั คนนีม้ ีศักดา อย่คู งสาตราวิชาดี
แขนขวาสกั รงเป็นองคน์ ารายณ์ แขนซ้ายสกั ชาดเปน็ ราชสหี ์
ขาขวาหมกึ สกั พยคั ฆี ขาซ้ายสกั หมมี กี ําลงั
สกั อุระรูปพระโมคคัลลาน์ ภควมั ปิดตานั้นสกั หลงั
สีข้างสักอกั ขระนะจังงงั ศีรษะฝงั พลอยนิลเมด็ จินดา
ฝงั เขม็ เล่มทองไว้สองไหล่ ฝังเพชรเมด็ ใหญไ่ ว้แสกหนา้
ฝังกอ้ นเหลก็ ไหลไว้อุรา ข้างหลงั ฝังเทียนคล้าแกว้ ตาแมว
เป็นโปเปาปุบปปิ ยิบท้ังกาย ดเู รย่ี รายรอยร่องเปน็ ถ่องแถว
แต่เกิดมาอาวธุ ไม่พอ่ งแพว ไมม่ แี นวหนามขดี สักนิดเดียว”

(ขนุ ช้างขนุ แผน หน้า ๖๐๓)

นอกจากนย้ี งั มกี ารใชว้ า่ นยาคาถาอาคม ทานำ้� มนั ลงเลข
ยันต์ อาพัดเหล้า (เสกเหล้ากิน) เขี้ยวงา แก้วตาสัตว์ หรือฝัง
เพชรนิลจินดาไวใ้ นเนอื้ ก็อยู่ยงคงกระพันได้ เช่น ตอนบรรยาย
ทหารของทา้ วกรงุ กาฬ ว่า

“สวมสอดเสือ้ ลงใสม่ งคล ลว้ นอยู่ยงคงทนซึง่ สาตรา
บา้ งอยดู่ ้วยรากไมไ้ พลวา่ น บา้ งอยู่ด้วยโอมอ่านพระคาถา
บา้ งอย่ดู ว้ ยเลขยนั ตน์ ้ำ� มันทา บา้ งอยดู่ ว้ ยสุราอาพัดกนิ

314  •  สมโภชพระอารามหลวง ครบ ๑๐๐ ปี วดั ป่าเลไลยก์วรวหิ าร

บา้ งอยู่ดว้ ยเขยี้ วงาแก้วตาสัตว์ บา้ งอยดู่ ว้ ยกําจัดทองแดงหนิ
บ้างอยู่ดว้ ยเนือ้ หนงั ฝงั เพชรนิล ล้วนอยูส่ ิ้นทุกคนทนสาตรา”

(ขนุ ช้างขนุ แผน หนา้ ๖๙๕)

จะเหน็ ไดว้ า่ ความนยิ มสกั ตามรา่ งกาย เชน่ แสนตรเี พชร
กลา้ แขนขวาสกั ดว้ ยรงสีเหลืองเปน็ รปู พระนารายณ์ แขนซา้ ย
สักด้วยสีแดงเป็นรูปราชสีห์ ขาขวาลักเป็นรูปพระภควัมปิดตา
และการใช้ของขลังอื่นๆ ดังกล่าวมาข้างต้น ทั้งน้ีเพราะความ
เช่ือว่าส่ิงเหล่านี้สามารถทําให้รอดพ้นจากอันตราย อยู่ยงคง 
กระพัน สามารถป้องกันอาวุธต่างๆ ได้ ความเชื่อเช่นนี้ยังคง
ตกทอดมาจนถงึ ปจั จบุ นั แตค่ า่ นยิ มเปลย่ี นไป กลา่ วคอื ถา้ ใคร 
มีรอยสักตามร่างกายเป็นเคร่ืองชี้บอกว่าคนนั้นมีนิสัยค่อนข้าง
เป็นนกั เลง ไม่เป็นทไ่ี วว้ างใจของคนทั่วไป

ความเช่ือทางไสยศาสตรท์ ี่ปรากฏในขุนช้างขุนแผน บาง
อย่างเป็นสิ่งเกินจริง ซ่ึงกวีอาจจะใช้เป็นกลวิธีอย่างหนึ่งใน 
การดําเนินเรือ่ ง ส่ิงเหลา่ น้ีพสิ ูจน์ไม่ได้ เช่น

• เรียกฝน “เรียกมหาอาโปเป่าออกไป เป็นน�้ำไหลพลุ่ง
พลงั ดังท่อธาร”

• เรียกลม “อ่านคาถาเป่าปัดไปบัดดล ก็ทดท้นน�้ำแห้ง
ทกุ แห่งไป”

• เรียกไฟ “แล้วอ่านมนต์ดลเรียกเตโชธาตุ เป่าปราดไป
เป็นเพลงิ เถกงิ ไหม”้

สมโภชพระอารามหลวง ครบ ๑๐๐ ปี วัดปา่ เลไลยกว์ รวหิ าร  •  315 

• เสกใบมะขามเป็นตวั ตอ่

“จงึ รูดเอาใบมะขามมาสามกาํ เสกซ�้ำเปน็ ต่อบินปรอ๋ ปรื๋อ
ตั้งโกฏิแสนแนน่ ป่ามาฮอื ฮอื ดูออกคล่�ำดำ� ปื้อไปทกุ ละเมาะ”

• การใชเ้ วทมนตค์ าถาแปลงร่างได้หลายอยา่ ง เช่น

“ครั้นสาํ เรจ็ เสรจ็ แสร้งแปลงอินทรยี ์ รปู ตาชกี ห็ ายกลายเปน็ แร้ง”
“เสกไมเ้ ทา้ ตอ่ หางท่กี ลางตัว แลว้ เอาบาตรสวมหัวเข้าเร็วร่ี
เผ่นโผนโจนผางกลางนที ก็กลายเปน็ กุมภีมหมึ า” ฯลฯ

ถา้ ไมใ่ ชเ้ ปน็ เรอื่ งทก่ี ลา่ วเกนิ จรงิ แตเ่ ปน็ เรอ่ื งจรงิ ได้ แสดง
ว่าการใช้เวทมนต์คาถาสมัยก่อนเป็นของขลังและศักด์ิสิทธิ์ท ่ี
คนทั่วไปตอ้ งเกรงกลัว

ภาพ พลายชุมพลผกู ห่นุ หญ้าแลว้ เสกใหเ้ ป็นทหารแลว้ แต่งเป็นกองทพั มอญ

316  •  สมโภชพระอารามหลวง ครบ ๑๐๐ ปี วดั ป่าเลไลยกว์ รวิหาร

ภาพ พลายชุมพลผูกหุ่นหญ้าแล้วเสกให้เป็นทหารแล้ว
แตง่ เปน็ กองทพั มอญ วชิ าผกู พยนตห์ นุ่ หญา้ เขา้ ราวี คอื เกย่ี วเอา
หญา้ มาผูกเปน็ หุ่นแล้วซัดด้วยขา้ วสาร ห่นุ หญ้ากก็ ลายเป็นคน
ขนึ้ มาเปน็ ทหาร อนั วชิ าผกู หนุ่ หญา้ จนมชี วี ติ นถ้ี อื เปน็ วชิ าสงู สดุ
ในวิชาไสยศาสตรอ์ ันเกิดจากอ�ำนาจพลงั จติ และคาถาอาคม

สมโภชพระอารามหลวง ครบ ๑๐๐ ปี วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร  •  317 

ภาพ พลายงามมาหาขนุ แผนทอี่ ยใู่ นคกุ หลงั จากทไ่ี มเ่ คย
เห็นหน้ากัน แต่โบราณนานมาหากมีลูกมีหลานเกิดใหม่ จะมี
การผกู ขอ้ มอื รบั ขวญั ดว้ ยขนุ แผนตดิ คกุ ไมไ่ ดพ้ กเครอ่ื งรางของ
ขลงั มแี ตล่ กู ประค�ำ มอบใหล้ กู ชายคอื พลายงามเอาไวต้ ดิ ตวั อยู่
หอกปืนยนื ยงคงกระพัน

ภาพ ขนุ ราม ขนุ เพ็ชร เข้าจบั ขนุ แผนแตก่ ลับถูกฆ่า

318  •  สมโภชพระอารามหลวง ครบ ๑๐๐ ปี วดั ป่าเลไลยกว์ รวิหาร

ภาพ ขุนราม ขนุ เพ็ชร เข้าจบั ขุนแผนแต่กลบั ถูกฆา่ วิชา
คงกระพันถือเป็นวิชาท่ีชายชาติทหารต้องเรียนรู้อย่างเจนจบ
ขุนราม ขนุ เพช็ ร ต่อสูก้ บั ขุนแผน เอาหอกแทงอกขนุ แผน แต่
ไม่เข้า เนื้อหนังแข็งแกรง่ ดั่งเหล็กเพชร แต่ทง้ั ขุนราม ขุนเพช็ ร
ทง้ั สองคนไมค่ งกะพนั ถกู ขนุ แผนฟนั ตายทง้ั คู่ แสดงถงึ วชิ าอาคม
มคี วามส�ำคัญต่อนักรบยิ่งนกั
๕. ทาํ เสน่ห์

ไม่วา่ ยคุ ใดสมัยใด ผู้ชายมกั จะมภี รรยามากกว่า ๑ คน
ทําใหเ้ กดิ ปญั หาในครอบครวั ขนึ้ บางคนกห็ าทางแกป้ ญั หาไมไ่ ด ้
จึงต้องไปพึ่งหมอให้ทําเสน่ห์เรียกร้องความรักความสนใจจาก 
สามี เหตกุ ารณเ์ ชน่ นม้ี มี าแตใ่ นอดตี และยงั คงอยใู่ นปจั จบุ นั เสภา 
เรอื่ งขนุ ชา้ งขนุ แผนสะทอ้ นใหเ้ หน็ วา่ การทําเสนห่ เ์ ปน็ เรอ่ื งทาง 


Click to View FlipBook Version