The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by schtgr1125, 2020-04-15 00:10:24

สาราสารกถา พระธรรมพุทธิมงคล เจ้าอาวาสวัดป่าเลไลยก์วรวิหาร จังหวัดสุพรรณบุรี.

208
สาราสารกถา




ประวัติย่อ

















คณพอเงยบ ทวพฒน (๒๙ เมษายน ๒๔๓๖-๑๖ กนยายน
๒๕๑๐)



คุณพ่อเง๊ยบ ทวิพัฒน์ เกิดวันท ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๔๓๖


มีภูมิลาเนาเดิมอยู่บ้านปากคลองบางกอกน้อย ตาบลศิริราช อาเภอ

บางกอกน้อย ธนบุรี เป็นบุตรคนที่ ๒ ของนายเอี้ยม นางเหม
ทวิพัฒน์ มีพี่น้องบิดามารดารวม ๔ คน ดังนี้
๑. คุณป้าพร้ง ทวิพัฒน์ สมรสกับพระอินทรปริญญา อดีต

ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์
๒. นายเงี๊ยบ ทวิพัฒน์ สมรสกับ นางเง็ก ทวิพัฒน์

๓. คุณหญิงพร้อมเพรา ทวิพัฒน์ สมรสกับ พระยาอรรถ
การียนิพนธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม

๔. ศาสตราจารย์ บัณเย็น ทวิพัฒน์ สมรสกับ นางลับ ทวิ-

พัฒน์


คุณพ่อเง๊ยบ ทวิพัฒน์ สมรสกับนางเง็ก ทวิพัฒน์ ณ

บ้านเลขท่ ๒๖๕ ตาบลสองพ่น้อง อาเภอสองพ่น้อง สุพรรณบุร ี




มีบุตร ๕ คน

209
พระธรรมพุทธิมงคล (สอิ้ง สิรินนฺโท ป.ธ.๘)




๑. นายสงัด ทวิพัฒน์

๒. นายสงบ (กมล) ทวิพัฒน์ สมรสกับ นางสมถวิล ตันเจริญ


๓. นางเสง่ยม ทวิพัฒน์ สมรสกับ นายประพัตร เพียรเลิศ
๔. นางศาลา ทวิพัฒน์ สมรสกับ นายมะลิ แก้วมณี

๕. นายสายหยุด ทวิพัฒน์ สมรสกับ นางอุษา



คุณพ่อเง๊ยบ ทวิพัฒน์ ได้ถึงแก่กรรมเม่อวันท ๑๖ กันยายน



พ.ศ. ๒๕๑๐ เวลา ๑๐.๐๓ น. ณ บ้านเลขท่ ๒๖๕ ตาบล






สองพ่น้อง อาเภอสองพ่น้อง สุพรรณบุร ด้วยโรคชราแทรกด้วย


โรคเบาหวาน โดยเร่มป่วยกระเสาะกระแสะ เม่อเดือนมีนาคม



๒๕๑๐ มีอาการร้อนใน อาบนาวันละหลายๆ คร้ง ถึงเดือนพฤษภาคม



๒๕๑๐ จึงล้มป่วย นอนน่งอยู่กับท และรับประทานอาหารน้อยลง
อาการทรงกับทรุดอยู่ได้ประมาณ ๔ เดือน ก็ถึงแก่กรรมตามเวลา
ดังกล่าว ระหว่างเจ็บป่วยได้รับการรักษาพยาบาลจากนายแพทย์


ภรรยา บุตร และหลานๆ อย่างใกล้ชิด คร้งใดบุตรหลานท่อยู่ทาง
กรุงเทพฯ มาเย่ยมเยือนก็มีความปีติยินดีและให้ศีลให้พรทุกคน






คุณพ่อเง๊ยบ ได้มามีภูมิลาเนาอยู่ท่อาเภอสองพ่น้อง
สุพรรณบุรี เพราะทางกระทรวงมหาดไทยได้แต่งต้งให้เป็นปลัด



อาเภอสองพ่น้อง ได้สมรสกับนางเง็ก ภรรยาท่อยู่ปัจจุบันน้ และ




ย้ายไปเป็นปลัดอาเภอหลายอาเภอ ในจังหวัดสุพรรณบุรี ผลที่สุด


ได้ลาออกท่อาเภอเมือง สุพรรณบุรี เน่องด้วยดวงตาเจ็บและ

กลับมาอยู่บ้านตาบลสองพ่น้อง อาเภอสองพ่น้อง สุพรรณบุร ี





210
สาราสารกถา





คุณพ่อมีใจโอบอ้อมอารีต่อเพ่อนบ้านและญาติฝ่ายคุณแม่เป็น



อย่างดี จนเป็นท่เคารพนับถือต่อเพ่อนบ้านญาติมิตรโดยท่วไป
ด้วยความดีในด้านต่างๆ ทางราชการจึงแต่งตั้งให้เป็นนายกเทศ-

มนตรีคนแรกของเทศบาลตาบลสองพ่น้อง แต่ พ.ศ. ๒๔๗๘

ถึง พ.ศ. ๒๔๘๓


เม่อออกจากนายกเทศมนตรี ทรงราชการก็แต่งต้งให้เป็น


สมาชิกสภาจังหวัดสุพรรณบุร และผู้จัดการบริษัทจังหวัด สาขา
อาเภอสองพ่น้อง เม่ออายุมากข้น หมดหน้าท่ราชการก็หยุด








พกผ่อนอยู่บานเฉยๆ และเป็นท่ปรึกษาหารอต่อเพ่อนบ้าน และ


วัดวาอารามเป็นนิจ
ในชีวิตคุณพ่อ มีฐานะปานกลาง ยึดถืออุดมคติถือความ

ซ่อสัตย์สุจริต มีศีลธรรมเป็นสาคัญ เป็นคนมักน้อยไม่โลภมาก

ได้อบรมส่งสอนลูกหลานทุกคนให้กระทาความดีละความช่ว



ซ่อสัตย์สุจริต กตัญญูกตเวทีต่อญาติผู้ใหญ่ และโอบอ้อมอาร ี

ต่อเพ่อนบ้านและมิตรสหาย ให้การศึกษาต่อบุตรทุกคนตาม




ความสามารถ ซ่งเป็นมรดกท่ไม่รู้จักหมด ก่อนส้นใจ คุณพ่อ


สติยังดี ได้ส่งเสียลูกหลานให้รักใคร่พ่งพาอาศัยซ่งกันและกันไว้

ด้วยความห่วงใยและความดี ลูกหลานทุกคนจึงขอให้ดวงวิญญาณ
ของคุณพ่อจงไปสู่สุคติ
กมล - สมถวิล ทวิพัฒน์

ค�ำน�ำ













คณกมล ทวิพฒน์ เทศมนตรเทศบาล ตาบลสองพน้อง




จะทาการฌาปนกิจศพ คุณโยมเง๊ยบ ทวิพัฒน์ ผู้บิดา ได้มา
ปรารภกับข้าพเจ้าว่าจะใคร่พิมพ์หนังสือเป็นอนุสรณ์ธรรม-












วทยาทานสกเรองหนง เพ่อแจกแกญาติมตรและท่านผมเกยรต ิ


ท่ได้กรุณามาร่วมประชุมเพลิงด้วย โดยท่เห็นว่าการพิมพ์

หนังสือแจกนี้ จักเป็นอนุสรณ์สืบไปนาน และจักเป็นประโยชน์
แก่ผู้ที่รับแจกไปอีกด้วย
เรื่องหนังสือที่จะพิมพ์แจกนี้ เดิมทีเดียว คุณกมล ทวิพัฒน์

ต้งใจจะขอความกรุณาจากญาติผู้ใหญ่ซ่งอยู่ทางกรุงเทพฯ และ



ท่านผู้รู้อ่นๆ ท่ตนเคารพนับถือให้ช่วยอุปการะเขียนเป็นบทความ
หรือคติพจน์ให้ตามแต่จะเมตตา แล้วเอารวมเป็นเล่มแจกในงาน
แต่น่าเสียดายท่ความดาริชอบน้ต้องชะงักลง เพราะคุณกมล



ทวิพัฒน์ มีเหตุจาเป็นต้องเข้าโรงพยาบาลให้แพทย์ผ่าตัดนัยน์ตา



ต้องพักรักษาตัวอยู่ทโรงพยาบาลเป็นเวลาแรมเดือน จนกาหนด

งานใกล้เข้ามา นัยน์ตาก็ยังหาเป็นปรกติไม่ จึงไม่สามารถจะไป
ติดต่อขอความกรุณาจากผู้ใดได้

212
สาราสารกถา







แต่ถึงกระน้นก็ตาม กุศลเจตนาท่คดจะพิมพ์หนังสือแจกใน

งานศพบิดาน้ก็หาได้ดับลงไม่ คุณกมล ทวิพัฒน์ คงคิดอยู่ตลอด
เวลา แต่จนด้วยไม่สามารถจะไปไหนได้ คร้นกาหนดงานใกล้เข้ามา






มาก วันหน่งจึงได้นิมนต์ข้าพเจ้าไปพบท่บ้าน ปรารภเร่องนให้



ข้าพเจ้าฟังและขอให้ข้าพเจ้าช่วยเขียนเร่องให้สักเร่องหน่งและ

ต้องการเร็วด้วย มิฉะนั้นจะจัดพิมพ์ไม่ทันงาน





ข้าพเจ้ายินดีท้งๆ ท่หนักใจเป็นท่สุด ท่ยินดีก็เพราะเร่อง



ท่จะจัดพิมพ์หนังสือแจกในงานศพน้ เกิดข้นด้วยแรงกตัญญ ู
กตเวทีของคุณกมล ทวิพัฒน์ และลูกๆ ของคุณโยมเง๊ยบทุกคน











ซงควรไดรบการสนบสนนอยางยง อกประการหนงขาพเจากจะได ้





มีโอกาสช่วยเหลือแบ่งเบาภาระท่พอจะช่วยได้ ของคนท่ชอบพอ


นับถือกันด้วยอัธยาศัยไมตรี

ข้อท่หนักใจก็คือ ต้งแต่เกิดมาทีเดียว การเขียนหนังสือเป็น





เรองราวอย่างน ข้าพเจ้ายงไม่เคยเขยนเลย และภายในสมอง


ของข้าพเจ้าก็หาได้บรรจุความรู้เร่องราวต่างๆ ไว้อย่างมีระเบียบ

ประหน่งเคร่องบันทึกเสียง ซ่งเม่อต้องการก็เปิดไขเอาได้ตาม






ปรารถนาไม่ ประกอบกับในช่วงเวลาท่ได้รับการติดต่อเร่องน ้ ี

ข้าพเจ้าก็บังเอิญมีธุระอ่นๆ พัวพันอยู่มากเสียด้วย จึงทาให้

รู้สึกหนักใจ





เมอรบปากแลว กตองมาเสยเวลานกชอเรองทจะเขยนเสย











อีกต้งหลายวัน จนเหลือเวลาอีก ๓ วัน จะต้องส่งต้นฉบับไป





พิมพ์ จึงนึกข้นได้ว่างานน บรรดาลูกๆ ของคุณโยมเง๊ยบ ได้

213
พระธรรมพุทธิมงคล (สอิ้ง สิรินนฺโท ป.ธ.๘)





ร่วมกันจัดทาด้วยความกตัญญูกตเวทีต่อบิดา ลูกอย่างน้ควรจะ

เรียกว่า “ลูกแก้ว” เพราะเป็นแก้วตาแก้วใจของพ่อ-แม่จริงๆ





ข้าพเจ้าจึงต้งช่อเร่องท่เขียนน้ว่า “ลูกแก้ว” โดยมุ่งจะเขียนเน้น
ให้เห็นว่า ลูกควรปฏิบัติต่อพ่อแม่ตนอย่างไร จึงจะชอบ
ได้กล่าวมาข้างต้นแล้วว่า งานเขียนน้ข้าพเจ้ายังไม่เคยมา




ก่อน ท่งเวลาก็จากัด การเขียนเร่องน้จึงบกพร่องมาก ท้งความ


บางตอนก็วกๆ วนๆ ขอท่านผู้อ่านได้โปรดอภัยแก่ข้าพเจ้าผ้ ู
ปล่อยไก่ตัวนี้ออกสู่บรรณโลกด้วย
อน่ง เพราะเกรงว่าท่านผู้ได้รับแจกหนังสือน้ไปจะไม่ได้


รับประโยชน์ จากเรื่องที่ข้าพเจ้าเขียนขึ้นนี้ ฉะนั้นในตอนท้าย
ของเร่อง ข้าพเจ้าจึงได้รวบรวมคาพระท่พุทธศาสนิกชนควร








จะจาให้ได้เท่าท่จาเป็นเข้าไว้ด้วย ตอนคาพระน้นถ้าท่านยังจา

ไม่ได้มาก่อน พยายามท่องจ�าให้ได้คงได้รับประโยชน์แน่


ขออานาจกุศลธรรมวิทยาทานน้ และบุญกุศลท้งมวลท ี ่

บรรดาลูกๆ ของคุณโยมเง๊ยบ ทวิพัฒน์ ได้ร่วมกันบาเพ็ญมา


ด้วยดี อันก่อให้เกิดอิฏฐวิบูลมนุญญสุข ทิพยสมบัติจงสาเร็จ



แก่ คุณโยมเง๊ยบ ทวิพัฒน์ โดยควรแก่คติวิสัยในปรภพน้น
ทุกประการ เทอญ.
พระมหาสอิ้ง สิรินนฺโท
เจ้าอาวาสวัดสองพี่น้อง
๒๑ มี.ค.๑๑

ลูกแก้ว










อันคนสัตว์ท่เกิดมาในโลกน้ ไม่เลือกว่าพรรคใด ย่อมสะดุ้ง





กลัวต่อความตายกันท้งน้น ท้งๆ ท่ต้งแต่เกิดมา ต่างก็ยังไม่เคย

ตายกันเลย ถ้าเคยตายกันมาบ้างในชีวิตน้และรู้ว่ามันมีความ




ทุกข์ทรมานแสนสาหัสอย่างไรในความตายน้น อย่างน้การท่สัตว์
ต้องสะดุ้งกลัวต่อความตายนน กไม่ประหลาดอศจรรย์อะไร




แต่ความตายน้ คนและสัตว์ท่เกิดมาแล้วยังไม่เคยประสบด้วย


ตนเองเลย ท้งผู้ท่ตายไปแล้วก่อนๆ ก็ไม่เคยมีใครกลับมาบอก



เลยว่าตายแล้วไปอยู่ท่ไหน เป็นสุขหรือเป็นทุกข์อย่างไร ด้วย

เหตุนี้การสะดุ้งกลัวต่อความตายของคนและสัตว์ท้งปวง จึงน่า
จะเป็นเรื่องประหลาดอัศจรรย์มากอยู่
ธรรมดาว่าคุกตารางน้น แม้เราจะไม่ต้องโทษถึงถูกจองจา



ได้รับความทุกข์ยากในท่น้นเลย แต่เราก็ทราบกันดีถึงสภาพความ

เป็นอยู่ภายในคุกตารางน้นว่าเป็นเช่นไร เพราะเป็นของมีให้เห็น

ประจักษ์กันอยู่ในโลกน้ การท่เราจะกลัวและไม่ปรารถนาจะ


เข้าไปถูกจองจาอยู่ในท่น้น จึงเป็นเร่องธรรมดา แต่ความตายนี ้




หาได้ประจักษ์แก่เราเช่นคุกตารางนั้นไม่

215
พระธรรมพุทธิมงคล (สอิ้ง สิรินนฺโท ป.ธ.๘)






คนท่ตายไปแล้ว เม่อถูกนาไปฝังหรือเผา จะได้แสดง


อาการด้นรนทุกข์ร้อนให้เราเห็นสักน้อยหน่งก็หาไม่ เหตไรจึง


ต้องกลว หรือยังไม่แน่ใจว่าจะตายกันจริงๆ ไม่มีอะไรจะไปผุด

ไปเกิดอีก ถ้าตายแล้วจะไม่มีอะไรไปผุดไปเกิดอีกจริง ความตาย

ไม่เห็นว่าจะน่ากลัวอะไรเลย กลับจะดีเสียอีก เพราะจะทาให้



ส้นความทุกข์ยากลาบากท่จะพึงได้รับในชีวิต เช่น ความร้อน
ความเจ็บไข้ได้ป่วย เป็นต้น แต่ความรู้สึกโดยสัญชาตญาณท ่ ี
เนื่องอยู่ในสันดานของคนและสัตว์ทั้งปวง



พูดกันถึงเร่องกลัวตายกันแล้ว เฉพาะในหมู่มนุษย์ ย่งคน



มีอายุมากข้นเพียงไร ย่งกลัวตายมากข้นเพียงน้น ความกลัว





ตายน้ดูเหมือนว่ามันเกิดมาตามอายุ ย่งอายุมาก ย่งกลัวตายมาก
จะสังเกตได้วา เมออายน้อยๆ ยังไม่รเดยงสา ความกลัว








ตายก็เป็นเพียงความรู้สึกโดยสัญชาตญาณ เม่อประสบมรณภัย
เท่าน้น เม่อดารงอยู่ในวัยหนุ่มวัยสาวก็ยังพอทาเนา คร้นผ่าน







วัยหนุ่มวัยสาวไปแล้ว ตอนน้แหละ ความกลัวตายชักจะมากข้น
เกินกว่าสัญชาตญาณเสียแล้ว ย่งสมัยน้ทางตายมีมาก เวลาจะออก




จากบ้านไปธุระไกลๆ ซ่งต้องข้นรถลงเรือ หรือข้นเคร่องบินไป






บางครงชักจะร้สกพะวาพะวง หวงหนาหวงหลง เหมือนกลวจะ








ไม่ได้กลับมาอีก ก่อนออกเดินทาง ถ้ามีส่งศักด์สิทธ์อะไร ตาม




ท่ตนเช่อถืออยู่ พอจะเอาติดเน้อติดตัวไปได้ ต้องเอาไปด้วย

หรือไม่กต้องบอกเล่าอ้อนวอนให้ช่วยคุ้มครองรักษาตนให้ไปด ี

มาดี พูดง่ายๆ ก็คือให้รอดตายกลับมานั่นเอง

216
สาราสารกถา





การไปไหนมาไหนของคนท่ผ่านวัยหนุ่มวัยสาวไปบ้างแล้ว









บางคนจึงดเหมอนกบวาจะเขาประจญบานกับขาศกในสมรภม ิ

















อยางนนทเดยว ทงนจะวาคนทผานวยหนมวัยสาวไปแลว ความ
ตายชักจะใกล้ๆ เข้ามาทุกขณะๆ จึงต้องกลัวมากก็หามิได้ เพราะ
การตายของคนเรานี้ พญามัจจุราชท่านมิได้จัดคิวไว้ว่า ผู้ใหญ่
ต้องถึงท่ตายก่อนเด็กเสมอ ลัดคิวกันตายได้ท้งน้น ไม่เลือกว่า




เด็กหรือผู้ใหญ่กลัว เหตุท่ทาให้ผู้ใหญ่ตายมากกว่าเด็กน้น เพราะ


ในผู้ใหญ่ ความสนุกเพลิดเพลินอันเป็นเหตุให้ลืมตายชักจะอ่อน


ดีกรีลง ส่วนเด็กๆ หรือหนุ่มสาวน้น ยังมีเร่องให้สนุกเพลิดเพลิน
ได้มาก จึงดูเหมือนว่ากลัวตายน้อยกว่าผู้ใหญ่


กล่าวโดยสรุป เหตท่ทาให้เรากลัวตายกันน้ คอ “ความรัก”




และส่งท่เรารักอันเป็นส่อให้เกิดความกลัวตายน้ก็คือชีวิต



พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า “สพฺเพสํ ชีวิตํ ปิยํ ชีวิตเป็นท่รักของคน



และสัตว์ทุกจาพวก” ไม่มีคนหรือสัตว์ประเภทใดเลยท่จะไม่รัก


ชีวิตตน ไม่ว่าชีวิตน้นจะดารงอยู่บนความทุกข์ยากสักเพียงใด
ก็ตาม
เพราะฉะน้น ชีวิตจึงเป็นสมบัติอันลาค่าย่งท่เรารักและ






หวงแหนเป็นท่สุด กล่าวเพียงเท่าน้ก็เห็นได้ว่าบรรดาสมบัต ิ



ท้งมวลท่มีในโลกน้ ล้วนเป็นบริวารสมบัติของชีวิตท้งน้น ถ้า






ไม่มีชีวิต สมบัติอ่นจะมีได้อย่าไร ก็สมบัติอันลาค่าคือชีวิตน้ เรา

ได้มาจากใครๆ เป็นผ้มอบให้ ตอบได้อย่างเตมปากทเดียวว่า




217
พระธรรมพุทธิมงคล (สอิ้ง สิรินนฺโท ป.ธ.๘)




เราได้มาจากพ่อแม่ เป็นผู้มอบให้แก่เราด้วยความหวังและ

ความชื่นชมยินดีเป็นที่สุด



ท่ว่าพ่อ-แม่มอบชีวิตให้เราด้วยความหวังและความช่นชม



ยินดีเป็นท่สุดน้น จะเห็นได้จากความจริงท่ว่า ไม่มีหญิงชาย


คู่ใดในโลก ซ่งเม่อเป็นสามีภรรยากันแล้ว จะไม่ต้องการมีลูก


และความช่นชมยินดีของสามีภรรยาก็ไม่มีอะไรจะย่งไปกว่า



การมีลูกคนแรก พ่อ-แม่เม่อให้กาเนิดลูกแล้ว ก็พยายามช่วยกน
ประคับประคองทนุถนอมเล้ยงดูลูกให้มีความสุขโดยสมควรแก่



ฐานะ ด้วยความรักอนบริสุทธ์ผุดผ่อง (เมตตา) เม่อได้ทุกข์ พ่อ

-แม่ก็หว่นใจ เป็นทุกข์เป็นร้อนกระวีกระวาดหาทางขจัดปัดเป่า


ให้คลายทกข์ (กรุณา) เมอลูกได้ดมสุข พ่อ-แมกแสนจะชนชม










ยินดี (มุทิตา) เม่อไกลลูกหรือลูกไปอยู่ท่อ่น พ่อแม่ก็มีใจจดใจจ่อ

ห่วงใยคิดถึงอยู่เป็นนิตย์ (อุเบกขา) เพราะคุณธรรมของพรหม


ท้ง ๔ ประการน้เกิดข้นประจาดวงจิตของพ่อ-แม่ พร้อมกับ


การให้กาเนิดลูก จึงสมแล้วท่พ่อ-แม่ของเราได้รับการยกย่องว่า


“เป็นพระพรหมของลูก”

อันพระคุณของพ่อ-แม่น้น เจิดจ้ายิ่งกว่าแสงอาทิตย์








แสงจนทร์ สาหรบลกทมองเหนคณค่าแห่งชวตตนและรกชวต






ตน ซ่งได้มาจากพ่อแม่ ได้รับความทุกข์ยากลาบากเพียงไรกวา


จะเล้ยงลูกให้เติบใหญ่มาได้ละคนๆ กล่าวเพียงเท่าน้แม้ไม่ต้อง




พรรณนาถึงอุปการคุณอ่นๆ ท่พ่อแม่กระทาแก่ตนเป็นอเนก-


218
สาราสารกถา




ประการ ลูกผู้เปี่ยมด้วยกตัญญูกตเวทีย่อมซาบซ้งในพระคุณ

ท่านได้ดีว่าใหญ่หลวงเพียงใด สมแล้วท่โบราณกล่าวไว้ว่า คุณพ่อ


-คุณแม่น้นใหญ่หลวงนัก แม้จะจารึกด้วยตัวอักษรจนเต็มแผ่น
ฟ้าอากาศ ก็ไม่อาจพรรณนาคุณท่านให้สิ้นสุดได้


ลูกท่เป็นคนโดยสมบูรณ์ ย่อมเห็นพระคุณของพ่อ-แม่ตน



ทุกเม่อ แต่ลูกอกตัญญหามองเห็นแม้แต่น้อยไม่ เพราะความเลว



ของตนบดบงไว้ คดว่าพ่อ-แม่มได้ตงใจให้ตนเกด เมอเกดมา









แล้วก็จาเป็นจาใจต้องเล้ยงดูมา เพราะกลัวโลกจะตาหนิติเตียน

คิดเหมือนกับว่าพ่อ-แม่ของตนมิใช่คน

ลูกอย่างน้ไม่น่าจะเกิดให้รกโลกเลย เพราะเป็นคนไร้ค่า



หาประโยชน์อะไรมได้แม้แต่น้อย มแต่จะทาลายประโยชน์สข

ของสังคมถ่ายเดียว
ถ้าพบคนอย่างน้ลอยนามาคู่กับไม้แห้งหน่ง จงเก็บเอาไม้แห้ง







ข้นมาเถิด อย่างน้อยก็เอามาทาฟืนหุงข้าวต้มแกงได้ ส่วนคนน้น
อย่าเก็บเอาขึ้นมาเลย ปล่อยให้ลอยไปตามยถากรรมเถิด

ก็ลูกผู้มีความกตัญญูกตเวทีน้น เม่อมาระลึกเห็นพระคุณ

ของพ่อ-แม่ อันมีแก่ตนอย่างใหญ่หลวงแล้ว จึงตอบแทน







พระคณท่านตามกาลโอกาส ทจะพงกระทาได้ อนการทจะ





ตอบแทนสนองพระคุณให้เป็นท่ช่นอกช่นใจของพ่อ-แม่น้น ก ็


พึงพิจารณากระทาตามท่เราชอบใจ คือให้ลองถามตัวเราเองด ู

219
พระธรรมพุทธิมงคล (สอิ้ง สิรินนฺโท ป.ธ.๘)





ก่อนว่า ถ้าเราเป็นพ่อ-แม่เล้ยงดูลูกมาจนเติบใหญ่ แบ่งสมบัต ิ

ให้แล้ว หรือส่งเสียให้ศึกษาเล่าเรียนจนสาเร็จออกไปประกอบ

อาชีพได้เป็นหลักเป็นฐานแล้ว ตัวเราแก่ชราถอยกาลังลง ประกอบ

การงานก็ไม่ค่อยจะไหว ลูกไม่เคยมาเหลียวแลหยิบย่นอะไรให้เลย
หรือท�าประหนึ่งว่าเราเป็นญาติห่างๆ ของเขา

เม่อยามเราเจ็บไข้ได้ป่วย ทาอะไรไม่ได้ ต้องประคองลุก



ประคองน่ง ลูกไม่เคยเอาใจใส่รักษาพยาบาล เพียงแต่มาเย่ยมเยือน





แล้วประเด๋ยวก็กลับ จะมาอีกทีก็ตอนเผา ลูกทาแก่เราอย่างน เรา


จะชอบใจไหม คงได้รับคาตอบว่า ทาอย่างน้ไม่ตรอมใจตาย



ก็นับว่าบุญ ถ้าอย่างน้ไม่ชอบใจ จะชอบอย่างไร เม่อเราแก่เฒ่าลง
ลูกไม่ทอดท้งเอาใจใส่ปรนนิบัติด้วยดี ท่อยู่ไกลก็หาโอกาสมา



กราบเท้าเย่ยมเยือนเสมอ เม่อเราเจ็บไข้ได้ป่วย ลูกคอยเฝ้า


รักษาพยาบาลไม่ทอดท้ง คอยช่วยประคับประคอง ยามจะลุก


จะน่ง ลูกทาอย่างน้เราช่นใจชอบใจไหม ถูกละทาอย่างน้เราช่น







ชอบใจ เม่อลูกปฏิบัติอย่างไรแก่เราๆ ช่นใจชอบใจ เราปฏิบัต ิ

อย่างน้นในพ่อ-แม่ ช่อว่ากระทาตามท่เราชอบใจ ดังกล่าวแล้ว











หลกแห่งความกตญญกตเวท ซงเมอลกกระทาได้แล้ว



จะเป็นท่ช่นอกช่นใจของพ่อ-แม่ และเป็นเหตุแห่งความเจริญ


รุ่งเรืองของลูกนั้น มีอยู่ ๕ ประการ คือ

๑. ปรนนิบัติเล้ยงดูพ่อ-แม่เม่อแก่เฒ่า ต้งใจรักษาพยาบาล


เมื่อป่วยไข้

220
สาราสารกถา





๒. เม่อการงานของพ่อ-แม่เกิดข้น เอาเป็นธุระช่วยกระทา


ให้ส�าเร็จ


๓. ประพฤติตนเป็นคนดี นาช่อเสียงเกียรติยศสู่วงศ์สกุล

๔. ไม่ทาลายสมบัติของพ่อ-แม่ ยินดีเฉพาะสมบัติท่พ่อ-

แม่มอบให้ ไม่แก่งแย่งกันระหว่างพ่น้อง ไม่วิวาทกันเพราะเหต ุ

แห่งสมบัติ
๕. ร่วมกันท�าบุญอุทิศให้ เมื่อพ่อ-แม่ถึงอนิจกรรม


ลองพิจารณาดูด้วยจิตใจของเราเองว่า ถ้าเรามีลูก และลูก
ประพฤติปฏิบัติแก่เรา ตามหลักแห่งความกตัญญูกตเวทีท้ง ๕



ประการน้ เราจะรู้สึกอย่างไร ลูกท่ปฏิบัติตามหลักอย่างน้แม้







จะมีตงรอยคนพนคน เรากคงไมอิดหนาระอาใจ จะมแตความ


ชื่นชมยินดีโดยส่วนเดียว
ตรงกันข้าม ถ้าลูกประพฤติปฏิบัติผิดแยกไปจากหลัก


ดังกล่าวน้ แม้จะมีเพียงคนสองคนก็ทาให้มีแต่ความตรม-
ตรอมใจไปจนกว่าจะตายทีเดียว


เม่อพิจารณาเห็นอย่างน้แล้ว ประสงค์จะให้ลูกประพฤต ิ
ปฏิบติอย่างไรในเรา ก็พึงประพฤติปฏิบัติอย่างน้นในพ่อ-แม่ตน


เถิด
เพราะบุคคลหว่านพืชเช่นใด ย่อมได้ผลเช่นนั้น


ถ้าเรารู้จักกตัญญูกตเวทีต่อพ่อ-แม่ตน เม่อเรามีลูกๆ
ก็จะกตัญญูกตเวทีต่อเราเช่นนั้นเหมือนกัน

221
พระธรรมพุทธิมงคล (สอิ้ง สิรินนฺโท ป.ธ.๘)






เพราะฉะน้น หลักแห่งความกตัญญูกตเวทีท้ง ๕ ประการ

ู้
ดังกล่าวแล้ว จึงเป็นหลกสากลอันลูกทุกคนพงร และพึงประพฤต ิ


ปฏิบัติโดยชอบตามกาลโอกาส เพราะหลัก ๕ ประการนี้เท่าน้น
ที่ท�าให้ลูกได้ชื่อว่า “เป็นลูกแก้ว” ของพ่อ-แม่

222
สาราสารกถา







ค�ำไว้อำลัย

แด่คุณพ่อ ที่รัก และเคำรพยิ่ง









วันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๑๐ เป็นวันที่ลูกได้รับความเศร้าโศก


เสียใจอย่างท่สุดในชีวิต เพราะเป็นวันท่คุณพ่อจากลูกไปไม่มีวัน

กลับ ดิฉันเป็นบุตรหญิงคนที่ ๒ ตั้งแต่เกิดไม่เคยได้จากคุณพ่อ


ไปอยู่ท่อ่น เป็นผู้ใกล้ชิด และปรนนิบัติคุณพ่ออยู่จนถึงวันตาย



และเฝ้าพยาบาลใกล้ชิดจนคุณพ่อส้นใจ ในระหว่างท่คุณพ่อ

มีชีวิตอยู่ ไม่เคยดุด่า ได้แต่อบรมให้เป็นคนดี เม่อคุณพ่อถึง
แก่กรรมก็มีความเสียใจท่สุดในชีวิต คราวใดถึงเวลานอนเวลากิน

ก็ให้รู้สึกว้าเหว่ เพราะขาดความร่มเย็น ด้วยความดี ดิฉันจึงขอ

ให้คุณพ่อจงไปสู่สุคติ



ศาลา แก้วมณี

223
พระธรรมพุทธิมงคล (สอิ้ง สิรินนฺโท ป.ธ.๘)







ค�ำไว้อำลัย


แด่พ่อ ที่รัก และเคำรพยิ่ง









วันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๑๐ เป็นวันท่ลูกได้รับความเศร้าโศก
เสียใจอย่างท่สุดในชีวิต เพราะเป็นวันท่พ่อจากลูกไปอย่างไม่ม ี






วันกลับ นับแต่น้ต่อไปลูกไม่มีร่มโพธ์ร่มไทรเป็นท่พ่งพิงอีกแล้ว
เมื่อพ่อมีชีวิตอยู่ พ่อได้ท�าหน้าที่ของพ่ออย่างสมบูรณ์ ให้


การศึกษาลูกๆ ทกคน เท่าท่ “กาลง” ของพ่อจะให้ได้ แม้จะ





ไมสงนก ลกกมไดเสยใจแต่อยางใด แตสงทลกภาคภมใจยง คอ

















การที่ได้เกิดมาเป็นลูกของพ่อที่ “รักความซื่อสัตย์สุจริต ยิ่งกว่า


ชีวิต” และเฝ้าอบรมส่งสอนลูกๆ ให้มีความซ่อสัตย์สุจริตอยู่เป็น
นิตย์ ลูกจาได้ว่าสมัยสงครามโลก พ่อเป็นผู้จัดการบริษัทจังหวัด

สุพรรณพาณิชย์ จากัด สาขาอาเภอสองพ่น้อง สินค้าบางอย่าง






ขาดแคลน เช่น บุหร่ ไม้ขีดไฟ น�าตาลทราย นามันก๊าด เหล้า

ฯลฯ ต้องมีบัตรปันส่วน หากพ่อจะเอาออกขาย “หลังร้าน”
ก็ย่อมทาได้ แต่พ่อก็ไม่ทา ใครต่อใครว่าพ่อ “ซ่อตรงเกินไป”



พ่อก็เฉยไม่โกรธท�าตัวเหมือนกับพระ

224
สาราสารกถา




ลูกไม่แน่ใจว่า ช่วชีวิตของลูกๆ จะทาได้เหมือนพ่อหรือไม่




แตขอวญญาณของพอ จงรบรไวเถดวา ลกจะพยายามจนสดฤทธ ิ ์









ที่จะท�าได้ดังที่พ่อสอนไว้
ถ้าชาติหน้ามีจริง และลูกเลือกเกิดได้ ลูกจะเลือกเกิดมา
เป็น “ลูกของพ่อ” ลูกของ “พ่อเงี๊ยบ ทวิพัฒน์”
จากลูก
สายหยุด ทวิพัฒน์

225
พระธรรมพุทธิมงคล (สอิ้ง สิรินนฺโท ป.ธ.๘)






ค�ำพระที่ควรจ�ำ










๑. บูชำพระ


(ข้าพเจ้า บูชาพระพุทธเจ้า ด้วยเคร่องสักการะน้) อิมินา


สกฺกาเรน พุทฺธ อภิปูชยามิ.


(ข้าพเจ้า บูชาพระธรรม ด้วยเคร่องสักการะน้) อิมินา


สกฺกาเรน ธมฺม อภิปูชยามิ.
(ข้าพเจ้า บูชาพระสงฆ์ ด้วยเคร่องสักการะน้) อิมินา



สกฺกาเรน สงฺฆ อภิปูชยามิ.


๒. กรำบพระ



(ข้าพเจ้า กราบอภิวาทพระผู้มีพระภาค ผู้บริสุทธ์ตรัสรู้เอง
โดยชอบ)

อรห� สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา, พุทฺธ� ภควนฺต� อภิวาเทม ิ

(กราบ)

(ข้าพเจ้า น้อมนนัสการพระธรรม อนพระผู้มีพระภาค

ตรัสไว้ดีแล้ว)

226
สาราสารกถา





สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม, ธมฺม นมสฺสามิ (กราบ)
(ข้าพเจ้า นบไหว้พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาค ผู้

ปฏิบัติดีแล้ว)


สุปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ, สงฺฆ นมามิ (กราบ)


๓. นมัสกำรพระ


นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส



๔. สรณคมน์




พุทฺธ สรณ คจฺฉามิ

ธมฺม สรณ คจฺฉามิ


สงฺฆ สรณ คจฺฉามิ



ทุติยมฺปิ พุทฺธ สรณ คจฺฉามิ

ทุติยมฺปิ ธมฺม สรณ คจฺฉามิ



ทุติยมฺปิ สงฺฆ สรณ คจฺฉามิ

ตติยมฺปิ พุทฺธ สรณ คจฺฉามิ


ตติยมฺปิ ธมฺม สรณ คจฺฉามิ

ตติยมฺปิ สงฺฆ สรณ คจฺฉามิ



227
พระธรรมพุทธิมงคล (สอิ้ง สิรินนฺโท ป.ธ.๘)




๕. ค�ำสมำทำนศีล ๕



๑. ปาณาติปาตา เวรมณีสิกฺขาปท สมาทิยามิ

๒. อทินฺนาทานา เวรมณีสิกฺขาปท สมาทิยามิ
๓. กาเมสุ มิจฺฉาจารา เวรมณีสิกฺขาปท สมาทิยามิ

๔. มุสาวาทา เวรมณีสิกฺขาปท สมาทิยามิ


๕. สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานา เวรมณีสิกฺขาปท สมาทิยาม ิ
(อิมานิ ปญฺจ สิกฺขาปทานิ สมาทิยามิ)


๖. ค�ำอำรำธนำศีล ๕



มย ภนฺเต ติสรเณน สห ปญฺจ สีลานิ ยาจาม

ทุติยมฺปิ ฯลฯ ยาจาม
ตติยมฺปิ ฯลฯ ยาจาม



๗. ค�ำสมำทำนศีลอุโบสถ




๑. ปาณาติปาตา เวรมณีสิกฺขาปท สมาทิยามิ

๒. อทินฺนาทานา เวรมณีสิกฺขาปท สมาทิยามิ

๓. อพฺรหฺมจริยา เวรมณีสิกฺขาปท สมาทิยามิ
๔. มุสาวาทา เวรมณีสิกฺขาปท สมาทิยามิ


๕. สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานา เวรมณีสิกฺขาปท สมาทิยาม ิ

๖. วิกาลโภชนา เวรมณีสิกฺขาปท สมาทิยามิ

228
สาราสารกถา




๗. นจฺจคีตวาทิตวิสูกทสฺสนมาลาคนฺธวิเลปนธารณมณฺฑน-


วิภูสนฏฺานา เวรมณีสิกฺขาปท สมาทิยามิ
๘. อุจฺจาสยนมหาสยนา เวรมณีสิกฺขาปท สมาทิยามิ


อิม อฏฺงฺคสมนฺนาคต� พุทฺธปญญตฺต� อุโปสถ� อิมญฺจ รตฺต ึ



อิมญฺจ ทิวส สมฺมเทว อภิรกฺขิตุ สมาทิยามิ

๘. ค�ำอำรำธนำพระปริตต์



วิปตฺติปฏิพาหาย สพฺพสมฺปตฺติสิทฺธิยา

สพฺพทุกฺขวินาสาย ปริตฺต พฺรูถ มงฺคล �

วิปตฺติปฏิพาหาย สพฺพสมฺปตฺติสิทฺธิยา


สพฺพภยวินาสาย ปริตฺต พฺรูถ มงฺคล �
วิปตฺติปฏิพาหาย สพฺพสมฺปตฺติสิทฺธิยา
สพฺพโรควินาสาย ปริตฺต พฺรูถ มงฺคล �




๙. ค�ำอำรำธนำพระธรรม


พฺรหฺมา จ โลกาธิปตี สหมฺปติ

กตฺอญฺชลี อนฺธิวร อยาจถ

สนฺตีธ สตฺตาปฺปรชกฺขชาติกา
เทเสตุ ธมฺม อนุกมฺปิม ปช �



229
พระธรรมพุทธิมงคล (สอิ้ง สิรินนฺโท ป.ธ.๘)




๑๐. ค�ำจบขันข้ำวก่อนใส่บำตร


อิมินา ปน ทาเนน มา เม ทาลิทฺทิย อหุ

นตฺถีติ วจน นาม มา อโหสิ ภวาภเว












เมอใส่บาตรเสร็จทกครง พงตงใจกรวดนาอทศกศลแก่



หมู่ญาติที่ล่วงลับไปแล้วว่า อิท โน ญาตีน โหตุ

๑๑. ค�ำถวำยทำนทั่วไป
สุทินฺน วต เม ทาน อาสวกฺขยาวห โหตุ (๓ จบ)



๑๒. ค�ำถวำยสังฆทำน
อิมานิ มย ภนฺเต ภตฺตานิ สปริวารานิ ภิกฺขุสงฺฆสฺส

โอโณชยาม, สาธุ โน ภนฺเต, ภิกฺขุสงฺโฆ อิมานิ ภตฺตาน ิ


สปริวารานิ ปฏิคฺคณฺหาตุ, อมฺหาก ทีฆรตฺต หิตาย สุขาย.

๑๓. ค�ำถวำยผ้ำป่ำ




อิมานิ มย ภนฺเต ปํสุกุลจีวรานิ สปริวารานิ ภิกฺขุสงฺฆสฺส

โอโณชยาม, สาธุ โน ภนฺเต, ภิกฺขุสงฺโฆ อิมานิ ปํสุกุลจีวราน

สปริวารานิ ปฏิคฺคณฺหาตุ, อมฺหาก ทีฆรตฺต หิตาย สุขาย.


230
สาราสารกถา




๑๔. ค�ำถวำยผ้ำกฐินแบบเก่ำ



อิม สปริวาร กินจีวรทุสฺส สงฺฆสฺส โอโณชยามิ


(ว่า ๓ จบ)


๑๕. ค�ำถวำยผ้ำกฐินแบบใหม่



อิม ภนฺเต สปริวาร กินจีวรทุสฺส สงฺฆสฺส โอโณชยาม,



สาธุ โน ภนฺเต, สงฺโฆ อิม� สปริวาร กินจีวรทุสฺส� ปฏิคฺคณฺหาตุ,

ปฏิคฺคเหตฺวา จ อิมินา ทุสฺเสน กิน อตฺถรตุ, อมฺหาก ทีฆรตฺต �

หิตาย สุขาย


๑๖. กรวดน�้ำ





ยงฺกิญฺจิ กุสล กมฺม� กตฺตพฺพ กิริย มม


กาเยน วาจามนสา ติทเส สุคต กต �
เย สตฺตา สญฺญโน อตฺถิ เย จ สตฺตา อสญฺญโน


กต ปุญฺญผล มยฺห� สพฺเพ ภาคี ภวนฺตุ เต





เย ต กต สุวิทิต� ทินฺน ปุญฺญผล มยา

เย ตตฺถ น ชานนฺติ เทวา คนฺตฺวา นิเวทยุ �
สพฺเพ โลกมฺหิ เย สตฺตา ชีวนฺตาหารเหตุกา


มนุญฺญ โภชน สพฺเพ ลภนฺตุ มม เจตสาติ ฯ

231
พระธรรมพุทธิมงคล (สอิ้ง สิรินนฺโท ป.ธ.๘)




๑๗. บทระลึกถึงพระพุทธคุณ



อิติปิ โส ภควา อรห สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน

สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสาน�

พุทฺโธ ภควาติ ฯ




๑๘. บทระลึกถึงพระธรรมคุณ


สฺวากฺขาโต ภควโต ธมฺโม สนฺทิฏฺิโก อกาลิโก เอหิปสฺสิโก


โอปนยิโก ปจฺจตฺต เวทิตพฺโพ วิญฺญูหีติ ฯ


๑๙. บทระลึกถึงพระสังฆคุณ


สุปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ, อุชุปฏิปนฺโน ภควโต สาวก-

สงฺโฆ, ญายปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ, สามีจิปฏิปนฺโน ภควโต

สาวกสงฺโฆ, ยทิท� จตฺตาริ ปุริสยุคานิ อฏฺ ปุริสปุคฺคลา, เอส

ภควโต สาวกสงฺโฆ, อาหุเนยฺโย ปาหุเนยฺโย ทกฺขิเณยฺโย อญฺชลี-

กรณีโย อนุตฺตร ปุญฺญกฺเขตฺต โลกสฺสาติ ฯ



หมายเหต ผู้นับถือพระพุทธศาสนา ควรจะไหว้พระสวด




มนต์ก่อนนอนทกคน โดยเสยสละเวลาของตนเพยงคนละ ๑๕

นาทีก็ยังดี การสวดมนต์ ๑๕ นาทีน้ไม่ต้องมีพิธีอะไรมากนัก


เพียงแต่เม่อเราเข้าไปสู่ท่นอนแล้ว ยังไม่นอนก่อน น่งพับเพียบ



232
สาราสารกถา




หรือคุกเข่าตามถนัด ประนมมือหันหน้าไปทางหัวนอน ระลึกถึง



คุณพระกราบลง ๓ คร้ง แล้วเร่มสวดมนต์ต้งแต่ นโม ไปจนจบ





สรณคมน์ (ข้อ ๓-๔) เสรจแล้วสวดบทระลกถงพระพทธคณ





ธรรมคุณ และสังฆคุณโดยลาดบ เพยงเท่าน้ก็พอสาหรับผู้ม ี

โอกาสน้อย เม่อสวดมนต์จบแล้ว พึงต้งจิตเมตตาระลึกถึงตน



คนในครอบครัว ญาติพ่น้อง และสรรพสัตว์ท่วไปให้ได้รับ

ความร่มเย็นเป็นสุขทั่วหน้ากัน ครอบครัวใดกระทาได้อย่างน ี ้



เป็นประจา จะมแต่ความสขความเจริญ ปราศจากภัยพบัต ิ


ทั้งปวง.

233
พระธรรมพุทธิมงคล (สอิ้ง สิรินนฺโท ป.ธ.๘)





















หนงสอ ซงอย่ในมอผ้มเกยรต และผ้เคารพนบถอทกาลง



อ่านอยู่น้ เร่มงานทีแรกกระผมต้งใจว่าจะไปกราบเรียนญาติผู้ใหญ่

ของคุณพ่อทางจังหวัดพระนคร เพ่อปรึกษาหารือให้ช่วยเรียบเรียง
หนังสือแจกในงานฌาปนกิจศพคุณพ่อ เพ่อให้ได้ความรู้และ

เกิดประโยชน์แก่ผู้ได้อ่าน และเป็นอนุสรณ์ของคุณพ่อสืบไป แต่
บังเอิญข้าพเจ้าป่วยกะทันหัน ต้องเข้าโรงพยาบาลผ่าตัดตา เพราะ
เป็นต้อหินตามค�าสั่งของแพทย์เป็นแรมเดือน จึงไม่สามารถไป

ปรึกษาญาติผู้ใหญ่ได้ ตามท่ท่านพระมหาสอ้ง สิรินนฺโท ได้กล่าว



ไว้ในคานาให้ทราบแล้ว และวันกาหนดงานก็กระช้นชิด จึงได้นิมนต์


ท่านพระมหาสอ้ง สิรินนฺโท ๗ ประโยค เจ้าอาวาสวัดสองพ่น้อง


มาปรึกษาหารือให้ช่วยเรียบเรียงให้ ท่านมหาฯ ถามข้าพเจ้าว่า
จะเรียบเรียงไปในแนวไหนดี ข้าพเจ้าได้พิจารณาเห็นว่าขณะน ้ ี
ทุกคนทุกครอบครัวมีภาระหนัก วุ่นวายไปตามเหตุการณ์ผันผวน
ของโลกทุกวันน้ ไม่มีส่งใดท่ยึดเหน่ยวให้อยู่ในความย้งคิด





ทาใจให้สงบดีเท่ากับการพึงพระบวรพุทธศาสนาและธรรมะ จึง

ให้เขียนไปในแนวทางพระพุทธศาสนา
หนังสือเล่มน้ หากมีความดี มีคุณประโยชน์ แก่ผู้อ่าน

อยู่บ้าง ก็ขอให้ความดีน้ จงเป็นของคุณพ่อ และท่านพระมหา

สอิ้ง เจ้าอาวาส ผู้เรียบเรียง
กระผม คุณแม่ และบุตรธิดาทุกคน ขอกราบขอบพระคุณ

ญาติผู้ใหญ่ ท่านผู้เคารพนับถือ ท่ให้เกียรติมาในงานฌาปนกิจศพ

234
สาราสารกถา













คณพอในครงน หากมสงใดขาดตกบกพรอง ให้ความสะดวกใน

การต้อนรับไม่ท่วถึง และไม่เรียบร้อย โปรดกรุณายกโทษและ

ให้อภัยแก่กระผมและบุตรธิดาของคุณพ่อด้วย จะเป็นพระคุณ
อย่างสูง
กมล ทวิพัฒน์






































พิมพ์ท่ โรงพิมพ์ ประมวลการพิมพ์ ๑๗ แพร่งภูธร พระนคร นายชัยพร

คงคุณกิติ ผู้พิมพ์ผู้โฆษณา ๒๕๑๑

พระผู้ปรำบมำร










ขอเจริญพรคุณสุรสิทธ์ สิทธิกรวนิช ท่านนายอาเภอ
บางเลน คุณอภิวัฒน์ เค้าภูชัย นายกเทศมนตรี เทศบาลบางเลน

ขอโอกาสคณะสงฆ์ทุกรูป

ขอความดีความงามท้งหลายท้งปวง จงบังเกิดมีแด่ศรัทธา

สาธุชน ผู้มีบุญทุกท่าน [สาธุ]

วันน้ จะนับว่าเป็นเซอร์ไพรส์ (surprise) ก็เซอร์ไพรส์

จริงๆ เพราะไม่มีโครงการ และไม่ได้นึก ไม่ได้ฝัน ว่าจะมีบุญ

บารมี ได้มาร่วมสร้างบารมีกับคณะผู้ใจบุญ ลูกหลานหลวงปู่


วัดปากนา เพราะโปรแกรมในการท่จะมากล่าวสัมโมทนียกถา

ในวันน้ เดิมทีเดียวได้รับเมตตาจากพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณ

พระเทพมหาเจติยาจารย์ (ชัยวัฒน์ ป.ธ.๙) เจ้าคณะจังหวัด


นครปฐม ซ่งโดยหน้าท่ก็เป็นอย่างง้น เพราะน่จังหวัดนครปฐม




* พระเทพสุวรรณโมลี (สอ้ง สิรินนฺโท ป.ธ.๘) บรรยายแก่คณะธรรม-


ยาตรา ในพิธีจุดโคม ณ ท่ดินตรงข้ามวัดบางปลา จังหวัดนครปฐม วันท่ ๒๓
มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙

236
สาราสารกถา










ไมใชจังหวัดสุพรรณบุรี แตก็ตองถือวาเปนโชคดี เปนลาภของ

อาตมา (สาธุ)
ท่ไม่ได้คิด ไม่ได้ฝัน ท่จะมาร่วมสร้างบารมีท่สาคัญใน




วันนี้ ก็ได้มา

เน่องจากพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณ พระเทพมหาเจติยา-
จารย์ มีภาระจาเป็น เร่งด่วน ไม่สามารถจะมาสนองศรัทธา

ของพวกเราในวันนี้ได้ ก็เลยให้อาตมามาแทนก็แล้วกัน (สาธุ)
จึงกล่าวว่า เป็นบุญเป็นบารมีอีกส่วนหนึ่ง

ปีใหม่ปีนี้ เดือนมกราคม ได้มีโอกาสร่วมสร้างบุญบารมีกับ

ลูกหลานหลวงปู่ ครั้งนี้เป็นครั้งที่ ๒ นับว่าเป็นบุญเป็นวาสนา

อย่างยิ่ง ที่ได้มีโอกาสร่วมสร้างบารมีในวันนี้




พระผู้ปรำบมำร



สัมโมทนียกถาท่จะกล่าวในนามของพระเดชพระคุณท่าน
เจ้าคุณ พระเทพมหาเจติยาจารย์ ก็จะพูดเร่องอะไรดี..หึ..หึ..ไม่ร ู้

จะลงว่าอะไรดี เลยถามไปเลยว่าจะพูดเร่องอะไรดี ก็เรายกย่อง

พระเดชพระคุณหลวงปู่ของเรา ว่าเป็นพระผู้ปราบมาร ก็น่าจะ








ตองเอาเร่องทหลวงปใชเปนเครองมือในการปราบมารมาพดกน







พระพุทธเจ้าสาเร็จเป็นพระพุทธเจ้าได้ ก็เพราะมีเคร่องมือ

ปราบมารให้พ่ายแพ้ได้ ก็สาเร็จเป็นพระพุทธเจ้าได้ พูดตรงน ้ ี

237
พระธรรมพุทธิมงคล (สอิ้ง สิรินนฺโท ป.ธ.๘)




บางทีมันจะยาวไปสักหน่อย เราเรียนรู้จากพุทธประวัติ คืนวันท ่ ี


พระพุทธเจ้าจะได้ตรัสรู้น้น ตามคัมภีร์ตามตานานก็กล่าวกันว่า

พญามารนากองทัพมาล้อมพระพุทธเจ้า แล้วก็มาไล่พระ




พุทธเจ้าให้ลุกข้น เพราะอาสนะท่พระพุทธเจ้าประทับน่งในคืน
วันตรัสรู้น้น ด้วยบุญบารมีของพระพุทธองค์ มันกลายเป็นบัลลังก์

แก้วอลังการ สวยงามมากกว่าอาสนะของพญามารท่น่งอย พญามาร
ู่


เห็นก็อิจฉา เออ! ดีมากๆ คนเขาก็อิจฉา เราก็จาไว้ อย่าไปเดือดร้อน




เจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช องค์ท่ ๑๗ ท่ท่วไปเรียก

กันว่าสมเด็จฯ ป๋า โดยศักด์ก็เป็นหลานหลวงปู่เรา อยู่หมู่บ้าน








เดยวกบหลวงป่นนแหละ ท่านให้คตเรองนไว้ว่า “เขาอิจฉา


ดีกว่าเขาสงสาร”


เออ! น่เจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช องค์ท่ ๑๗ วัด
พระเชตุพนฯ ท่านให้คติอย่างน้ แล้วพวกเราเข้าใจไหม? ก็เข้าใจ

ง่ายๆ ท่านขยายความว่า เขาอิจฉาเพราะเราดีกว่าเขา (สาธุ)

เออ! ใครมาอิจฉาเรา เราก็แผ่เมตตา เราก็ควรจะช่นใจ
เพราะเขาเห็นว่าเราดีเกินไปแล้ว เขาจึงอิจฉาเรา แต่ถ้าเขาสงสาร

น่ซิ มันเป็นเรองน่าสลดใจ คนทน่าสงสารก็คือคนท่แย่มากๆ





เราจะเป็นคนท่แย่มากๆ ให้เขาสงสาร หรือจะเป็นคนท่ดีมากๆ


(เป็นคนดี)

238
สาราสารกถา




เออ! เราเป็นคนดีกันดีกว่า ลูกหลานหลวงปู่ ลูกหลาน

หลวงพ่อ ครูไม่ใหญ่ของเรา จึงไม่อนาทรร้อนใจ เคยบอกเคย

พูด ให้เป็นคติเตือนใจ จะเรียกว่าเป็นคาโศลกก็ว่าได้ จะขอ
ทบทวนให้ฟังอีกครั้งหนึ่ง

คนท�าเรื่องดี

กลับถูกโจมตี ว่าเป็นผู้ร้าย

คนเที่ยวก่อเรื่อง บ้านเมืองวุ่นวาย
อยู่สุขสบาย กลายเป็นคนดี (เสียงตบมือ!!!!)


บางยุคบางสมัย มันเป็นอย่างนั้น โลกมันเป็นอย่างนี้

บ้านใดเมืองใด
สังคมมีใจ เป็นไปเช่นนี้

โบราณท่านว่า เป็นกาลกิณี

ทั่วทั้งปฐพี จะมีเภทภัยฯ

ฟังทวนติดต่อกัน

คนท�าเรื่องดี

กลับถูกโจมตี ว่าเป็นผู้ร้าย

คนเที่ยวก่อเรื่อง บ้านเมืองเสียหาย
อยู่สุขสบาย กลายเป็นคนดี

บ้านใดเมืองใด

สังคมมีใจ เป็นไปเช่นนี้
โบราณท่านว่า เป็นกาลกิณี

239
พระธรรมพุทธิมงคล (สอิ้ง สิรินนฺโท ป.ธ.๘)




ทั่วทั้งปฐพี จะมีเภทภัย

ข้าวยากหมากแพง

ฝนฟ้าแห้งแล้ง ชาวนาชาวไร่

จะตกระก�า ท�ากินไม่ได้

วอนขอเทพไท้ ช่วยทีช่วยที (สาธุ)


เออ! ต้องขอวอนเทพไท้ ช่วยกัน ไม่ใช่ยุคเราน่ะ ท่พูดน ่ ี
หมายความว่า บางยุคบางสมัย เพราะว่ามันเกิดมาแล้ว โลกเรา




บางยุคบางสมัย คนทาช่วได้ดี คนทาดีได้ช่ว มันก็จะเกิดเหต ุ


เภทภัย ทาให้เกิดความลาบากเดือดร้อนกันไป จาได้ไหมเล่าท ี ่


พูดให้ฟังนี่? ไม่ใช่ยุคเราน่ะ อย่าไปเข้าใจผิด ย�้าว่าไม่ใช่ยุคเรา
ยุคเราไม่มีเรื่องราวอย่างนั้นเกิดขึ้น (สาธุ)
เออ! ในยุคก่อนๆ มันเคยมีอย่างน้ ก็มาพูดให้ฟัง เพ่อให้




พวกเราสารวม ต้งอกต้งใจ สร้างบุญสร้างบารมีกันไป อย่าไป

สร้างบาป


พระมำรวิชัย






พระพทธเจ้าได้บลลงก์แก้วอลงการ พญามารอจฉา


อิจฉาพระพุทธเจ้า ยกกองทัพมาเลย ตอนท่พระพุทธเจ้าจะ

ตรัสร เทวดากคอยมาเฝ้า เฝ้าดูว่าพระพุทธเจ้าจะตรสรู้ตอนไหน

ู้



จะได้ช่นชมอนุโมทนา กาลังเทวดาช่วงท่พระพุทธเจ้าจะตรัสรู้

240
สาราสารกถา






วันน้น กาลังมันน้อยกว่าพระยามาร เห็นพระยามารมากันมาก
ก็พากันหนีกลับวิมานหมด ไปแง้มหน้าต่างวิมานดูกัน ว่าเออ!
พระพุทธเจ้าจะสู้พญามารไหวไหมนี่? ไปแง้มหน้าต่างดูกัน



พญามารกมาเลย “ใครน่?” ข่เลย “มานงบลลังกข้าพเจ้า








ทาไม? ลุกไปเด๋ยวน้! เจ้าของบัลลังก์มาแล้ว” พญามารมันขู่

พระพุทธเจ้า


พระพุทธเจ้าก็กาลังภาวนาใกล้จะสาเร็จแล้ว ได้ยินเสียง
ตวาดของพญามาร ก็เลยยกมือข้นมา เหลียวดูไปซ้ายขวา

ไม่เห็นใครเลย เทวดาหนีหมดแล้ว แต่ก็กล่าวกับพญามารว่า
“บัลลังก์น้ เกิดด้วยบารมีของเรา” พระพุทธเจ้าบอกพญามาร

“ท่านมีพยานไหม?”
ตายแล้ว! หึ...หึ...เออ! เล่นเอากฎหมายมาพูดกันน ี ่

พระยามารอ้างมาตราเลย ใช่ไหม?


กฎหมายมาตราไหน เขาต้องมาอ้าง เพราะเร่องของกฎ-



หมายน้ ผิดถูกจะตัดสินอย่างไงน่ พยานมันสาคัญ พยานเอกสาร
พยานบุคคล ว่ากันตามภาษากฎหมาย
พญามารมันก็บอกว่า “ท่านว่าของท่าน ท่านมีพยานไหม?”

ไม่มี!





พญามาร “ว่าไง บลลงก์น้ของใคร?” ถามลกน้องตนเอง
โอ้โฮ.. ก็มากันเป็นหมื่นเป็นแสน ใช่เปล่า? (ใช่)

241
พระธรรมพุทธิมงคล (สอิ้ง สิรินนฺโท ป.ธ.๘)





เออ ! เราเรียนพุทธประวัติ เรารู้เลย มากันเป็นหม่นเป็น
แสน แล้วเสนามารจะบอกว่าอย่างไงละ “ของพระองค์ พะย่ะค่ะ”


เรียกว่าหม่นปากแสนปากล้านปากเป็นพยานให้พญามารท้งน้น

แล้วอย่างนี้ถ้าพวกเราเป็นผู้พิพากษาจะตัดสินอย่างไร?

เออ! ถามดูซิ ข้อเท็จจริงมันเป็นอย่างง้ แต่ว่าพยานมัน
เป็นอีกอย่างหนึ่ง



นกระบวนการยตธรรมมนจะไม่เป็นธรรมเสยแล้ว เออ!




บางเมือง บางยุคบางสมัย เล่นกฎหมายกัน มันก็แย่เหมือนกัน
เพราะกฎหมายกับข้อเท็จจริง บางทีมันสวนทางกัน ใช่เปล่า?

น่ไม่ใช่ยุคเรา ยุคของพระพุทธเจ้าโน้น ยุคพระพุทธเจ้านะ -


เออ! กทาไม่ผิด พวกกูทาไม่มีอะไรผิด! พวกพญามารว่าอย่างง้น


ใช่ไหมเล่า? เออ! แล้วจะว่าตู่ได้อย่างไร? พยานเต็มบ้านเต็ม
เมือง เออ! แล้วจะไม่ใช่ของข้าพเจ้าได้อย่างไง


แล้วจะท�าอย่างไง พระพทธเจ้า หันหาใครเป็นพยานไม่ได ้
สักคนเดียว เลยนึกว่า อ้อ! เราได้เกิดมาบนโลกใบน้ สร้างบารม ี

มานับชาติไม่ถ้วน บารมีแต่ละคร้งๆ ท่สร้างมาน้ ก็ได้กรวดนา






ฝากแม่พระธรณีไว้ ให้แม่พระธรณีรับรู้รับทราบ ว่าน่ข้าพเจ้า
สร้างบารมีอย่างนี้ สร้างบุญอย่างนี้
ฉะนั้น เวลาเราท�าบุญ เขาจึงมีพิธีกรวดน�้ากันไง อย่าไป



กรวดแห้งน่ะ ต้องกรวดนากันจรงๆ แม่พระธรณีจะได้ซับนา


เอาไว้

242
สาราสารกถา




พระพุทธเจ้าก็ยกมือกัน อย่างท่เราเรียกกันว่าปางมารวิชัย


เดิมท่านน่งขัดสมาธิ เท้าขวาทับเท้าซ้าย มือขวาทับมือซ้าย หัว
แม่มือขวาจรดกับหัวแม่มือซ้าย อย่างที่สูตรเราว่ากันนั่นแหละ

ท่านนั่งอย่างนั้น

เมอพญามารอ้างอย่างน้น มันกเป็นเร่องยาก น่ากลัวจะแพ ้





มารเสียแล้วงานนี้
เอาล่ะ! ไม่เป็นไร ท่ข้าพเจ้าว่าบัลลังก์น้เป็นของข้าพเจ้า




เพราะมันเกิดด้วยบารมีท่ข้าพเจ้าส่งสมอบรมมา ก็ไม่มีใครจะ
เป็นพยานให้ข้าพเจ้าได้ นอกจากแม่พระธรณีเท่าน้น ช้ไปท ี ่


แผ่นดิน ใช่ไหม? ช้ไปท่แผ่นดินแล้วก็มาเอามือพาดไปบนตัก




อย่างท่เราเรียกกันว่า ปางมารวชัย ท่านวางยกมือจากท่าสมาธ ิ
ไปชี้แม่พระธรณี แล้วกลับมาพาดที่หน้าตัก

เท่าน้นล่ะ แม่พระธรณีโผล่ออกมาจากดิน โผล่ออกมา



จากแม่พระธรณ “จริงเจ้าค่ะ! บัลลังก์แก้วน้เกิดข้นด้วยบุญบารม ี
ของพระองค์ (สาธุ) เพราะพระองค์ได้สร้างบารมีมามากมาย

ข้าพเจ้าได้ซับบุญบารมีท่ท่านหล่งนาแต่ละคร้งๆ ไว้ในมวยผมนี ่




เป็นพยานให้ได้” แล้วก็บีบมวยผม




นาท่พระพุทธเจ้ากรวดไว้ ฝากแม่พระธรณีไว้ ก็หล่งออก
จากผมแม่พระธรณี ท่วมเป็นทะเล กองทัพพญามาร โอ้ย!
น�้าท่วม ตกอกตกใจกันหมดเลย โอ้โฮ.. ไม่ได้การแล้ว ขอร้อง
ให้พระพุทธเจ้าช่วย ใช่ไหม? พระพุทธเจ้าก็ช่วยแผ่เมตตา

243
พระธรรมพุทธิมงคล (สอิ้ง สิรินนฺโท ป.ธ.๘)




และในท่สุดต่างคนต่างก็พ้นภัย พญามารขอขมา แล้วก็กลับ

วิมานไป

มันก็เป็นอย่างนี้ ใช่ไหมเล่า? เออ! เรียนพุทธประวัติมา

คนมันมีวิชา แล้วมันก็เป็นอย่างน้นแหละ เราเห็นก็น่า


กลัว แต่ถ้าไม่น่งจริงๆ ใช่ไหม? ใครเขาอิจฉาเรา อะไรๆ เราก ็
ตาม เราก็รู้ว่า อ้อ! นี่เราดีแล้ว ใช่ไหม? แล้วแผ่เมตตาให้เขาไป
แต่ก็ต้องใช้สติปัญญาด้วย เมตตาก็ต้องใช้ให้เป็น มีอุเบกขา


กากับด้วย ความเมตตาของเราก็จะไม่ทาให้เราชาใจทีหลังได้



เรื่องมันเป็นอย่างนั้น








เท่าท่กล่าวเร่องน้มา กเพ่อจะช้ให้เห็นว่า เคร่องมือท่พระ
พุทธเจ้าเอาชนะพญามารได้ ก็คือบารมีน่นเอง สร้างบารมีก ็

เป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องสร้างบารมีกันไป จนกว่าจะถึงที่สุด
แห่งธรรม (สาธุ)
ทศบำรมี






อย่างพวกเราทมากน พดได้เตมปาก วาเป็นนักสร้างบารม ี


(สาธุ) ถ้าไม่ใช่นักสร้างบารมี มากันไม่ได้ขนาดนี้หรอก (สาธุ)
แล้วลาบากหรือสบายท่เรามากันน่ พูดถึงความลาบาก







ความสบาย ถ้าจะเทยบกันแล้ว เรามาสร้างบารมกนตรงน ถามว่า


ล�าบากหรือสบาย?

244
สาราสารกถา




ถ้าเทียบกันกับท่เรานอนอยู่ท่บ้านเรา (ลาบากกว่า) เรามา





น่งตากแดดตากลม ร้อนก็ร้อน มันลาบาก แล้วดูหน้าพวกเรา

ท่มากัน ส่วนใหญ่ๆ อยู่บ้านอยู่ในห้องแอร์กันท้งน้น ใช่ไหม?


(ใช่) ทาไมอยู่ในห้องแอร์ล่ะ? ก็มันร้อน แล้วน่แอร์อะไรละท ่ ี












อย่กนน? ใชไหม? มนไม่ใชแอร์ มนกลายเปนฮทเตอร (Heater)







ใช่ไหม? แต่เรากรู้อย่ว่า นเป็นการบ่มเพาะสงสมบารมีของ


เราทุกเร่อง เราต้องนึกว่า บารมีแต่ละอย่างๆ มันให้ผลท่พึง
ปรารถนาแตกต่างกันไป
บารมีมีก่อย่าง พวกเรารู้ไหม? (๑๐ อย่าง) เออ! บารม ี

มี ๑๐ อย่าง
๑. ทานบารมี
๒. ศีลบารมี
๓. เนกขัมมบารมี
๔. ปัญญาบารมี
๕. วิริยบารมี
๖. ขันติบารมี
๗. สัจจบารมี

๘. อธิษฐานบารมี

๙. เมตตาบารมี

๑๐. อุเบกขาบารมี

245
พระธรรมพุทธิมงคล (สอิ้ง สิรินนฺโท ป.ธ.๘)




รวมเป็น ๑๐ ทัศ บารมีมันมี ๑๐ ทัศ ใช่ไหมเล่า?









มทาน ศล เนกขัมมะ ปัญญา วรยะ ขนต สจจะ อธษฐาน
เมตตา อุเบกขา
ตรงไหนท่มันลาบาก? น่งกับดินลาบากไหม? น่งตาก








แดดลาบากไหม? (ลาบาก) เออ! ตรงนนเราตองใชบารมอะไร?







(อธิษฐานบารมี) เห็นไหมเล่า? มันได้บารมีท้งน้นล่ะ สาหรับ



คนทมบญ คนทมใจเป็นบญเป็นกศล (สาธ) มนไม่มอะไรเสย










เลยสักอย่างเดียว! (สาธุ)

ลาบากเราก็สร้างขันติบารมีมาเป็นเคร่องป้องกัน ทนได้

ใช่ไหม?
ร้อนก็ขันติบารมี ท้อแท้ก็วิริยบารมี มันไม่มีอะไรเลย


ท่จะไม่ทาให้เราได้สร้างบารมีไม่สาเร็จ ใช่ไหม? ต้องนึกว่า เรา



จะราจะรวย ก็ต้องสร้างทานบารมี เราจะสวย เราจะหล่อ เรา
จะสุขภาพดี ก็ต้องสร้างศีลบารมี เราจะมีโอกาสดีๆ ในเร่อง


ต่างๆ เร่องโอกาสก็สาคัญ ก็ต้องสร้างเนกขัมมบารมี เราจะม ี


ความคิดความอ่านท่กระจ่างแจ่มใส ก็ต้องปัญญาบารมี เราจะ
ไปไหนมาไหนสะดวกสบาย ก็ต้องวิริยบารมี
อย่างในหลวงท่านเวลาจะเสด็จไปไหน สบายไหม? สบาย

มีรถนา เวลาเราไป รถติดหนึบๆ กว่าจะไปได้ ทีละตอนๆ น ่ ี

แล้วอย่าไปหงุดหงิด รถติดก็อย่าไปหงุดหงิดว่า เอ๊ะ! ทาไมเรา

มา รถมันติดแท้ว่ะ! ก็เพราะว่าเรายังขาดวิริยบารมี คนท่ม ี

246
สาราสารกถา





วิริยบารมีอ่อนๆ น่ ไปไหนมันไม่สะดวกหรอก มีรถ รถติดอีก

ถ้ามีวิริยบารมีแล้ว โอ้.. ท่รถมันติดๆ ไม่รู้มันหายไปไหนหมด
วิริยบารมีมันกันไป เห็นไหม? วิริยบารมี


สัจจบารมี ก็ท�าให้มีอ�านาจวาสนา


อธิษฐานบารมี ก็ทาให้เป็นคนท่มีอาชีพ มีหลักฐานม่นคง


ไม่ต้องเปลี่ยนบ่อยๆ ท�าอะไรก็ปั๊บๆ ไปเลย เรียกว่าม้วนเดียว
จบไปเลย อธิษฐานบารมี



เมตตาบารมี ก็จะได้พบแต่ส่งท่เจริญหูเจริญตา มีครอบครัว



อยู่กันในครอบครัว ก็จะมีแต่คนท่ดีๆ อยู่ร่วมกัน มีเพ่อนดี ม ี


ครอบครัวดี มีพ่อแม่ดี มีลูกหลานดี น่เป็นเร่องของเมตตา
บารมี


อุเบกขาบารมี ก็ทาให้เราตัดสินใจเลือกได้ โดยไม่ทาให้


เราผดหวงเมอเลอกไปแล้ว เขาเรยกว่าตดสนใจได้ถกต้อง เรา









จะตัดสินใจเร่องอะไรได้ผิดหรือถูกน่ มันก็ข้นอยู่กับอุเบกขาบารม ี

นี้เป็นหลักส�าคัญ
จ�าได้ไหม? บารมี ๑๐ ทัศน่ะ จ�าไว้
ศีลบารมี ทานบารมี ให้ผลรารวย ต้องมีทานบารมีเป็น


พื้นฐานไว้ เพราะทรัพย์สินเงินทอง ดั่งที่เคยบอกไว้ให้ฟัง
ทรัพย์สินเงินทอง เป็นที่ปองหมาย
ทั้งหญิงทั้งชาย ทุกคนต้องการ

247
พระธรรมพุทธิมงคล (สอิ้ง สิรินนฺโท ป.ธ.๘)




จะสมประสงค์ จงคิดท�างาน

อย่าเกียจอย่าคร้าน สู้อดสู้ทน

ท�างานเท่าไร แต่ไม่เป็นผล

ยังยากยังจน ต้องโทษบาปกรรม

ไม่เคยให้ทาน ถึงมีงานท�า
ขาดบุญหนุนน�า จึงยังยากจน

เคยให้ทานไว้ ทานตามให้ผล

เกิดมาเป็นคน มั่งมีเงินทอง

มนุษย์สมบัติ ไม่ขัดไม่ข้อง

มากมายก่ายกอง ผลทานบารมี ฯ (สาธุ)

เช่อไว้ ท่เราปรารถนากันไว้ก็ตรงน้ล่ะ สมบัติจักรพรรด ิ



ถ้าไม่มีทานบารมี มันไม่ได้สมบัติอะไรหรอก จะได้สมบัติอะไร
ขึ้นมา มันก็ต้องที่เขาเรียกว่าต้องมีทานบารมี



เพราะฉะน้น ในตรงน้ เราจะเห็นความแตกต่างกัน สมบัต ิ



จักรพรรดิ มันมีท่ไหนล่ะ? ในโลกนี้มันมีตรงไหนบ้างท่ไม่ม ี

สมบัติ? เอา! พูดกันอย่างง่ายๆ ตรงไหนท่ไม่มีเงิน? มีไหมใน




โลกน้? มันมีเงินทุกตารางน้ว ในห้องนามีเงินไหม? ในกองขยะ




มีเงินไหม? มี! ท่เราน่งน้มันมีเงินไหม? (มี) ในแม่นามีเงินไหม?

ในทะเลมีเงินไหม? (มี) ในป่ามีเงินไหม? (มี) บนอากาศมีเงิน



ไหม? (มี) แล้วทาไมไม่รวยกันล่ะ พวกเราน่! หึ...หึ... น่น่งทับ


248
สาราสารกถา







เงินกันอยู่ท้งน้น ใช่เปล่า? ใต้ดินมีเงินไหม? (มี) แล้วน่งทับเงิน
กันอยู่ได้อย่างไง?











นยกตวอย่างให้เหนง่ายๆ ว่าอ้อ! บารมนมนมจรงๆ ทา
แล้วมันก็ได้ผลจริงๆ แม้แต่ในห้องนา มันก็ทาให้คนเป็นมหา



เศรษฐได้ ในกองขยะ ขยะมนกเงนทองทงนน ครไม่ใหญ่จง










บอกว่า “เก็บเงินเก็บทอง เก็บเพชรเก็บพลอย” ใช่ไหมเล่า?
(สาธุ)
เออ! เราก็เก็บ นั่นแหละมันเพชรพลอยท้งน้น ใช่ไหม



เล่า? เออ! สาคัญมาก ไม่มีเลยท่ไหนท่ไม่มีเงิน มันเป็นอย่างน้น



แต่ถ้าเราไม่มีบุญ หาแทบตาย หาไม่ได้
คนท่มีบุญ มีสติปัญญาประกอบ บนอากาศน่ไม่นึกว่า


มันจะมเงิน เออ! เด๋ยวน้ เงินมาก บนอากาศ..ฮ่า..ฮ่า.. ใช่ไหม



เล่า? ประมูลอะไรกันเม่อเร็วๆ น้? คล่นใช่ไหม? ประมูลคล่น




สี่จี (๔G) ล่อเข้าไปแสนกว่าล้าน
น่นล่ะ จะไปขอขุดเงินในอากาศเขา แสนกว่าล้าน ลงทุน


โดยท่ไม่ได้อะไรเลย ได้เพียงแค่คล่นส่จีมา แล้วต้องไปลงทุนอีก


ไม่รู้เท่าไร กว่าจะไปดังในอากาศได้ นี่ยกตัวอย่างให้เห็นง่ายๆ

เพราะฉะน้น เราก็อย่าไปท้อไปแท้เร่องสร้างบารมี สร้าง

ได้ก็สร้างไปเร่อยๆๆๆ เราประสบปัญหาเร่องใด ก็ตรวจตราด ู


ว่า เพราะอะไร? และเราก็จะเห็นว่า เพราะขาดบารมีอะไร?


เช่น ทามาหากินต้องลาบากเดือดร้อน อ้าว! เพราะมันขาด

249
พระธรรมพุทธิมงคล (สอิ้ง สิรินนฺโท ป.ธ.๘)




ขันติบารมี ก็อย่าไปท้อมันซิ ขยันมันเข้าไปเถอะ ทนมันเข้าไป


เถอะ ก็เป็นการบาเพ็ญบารมีไปด้วย บารมีน้ถ้าบาเพ็ญมาด ี


มันจะช่วยให้การประกอบอาชีพการทามาหากินของเรา มัน


สะดวกสบาย ทามาหากินในห้องแอร์ เดือนละเป็นล้าน ใช่เปล่า?
อานิสงส์อะไร? นอกจากทานบารมีแล้ว เขามีขันติบารมีด้วย


คนมีขันติบารมี ทาอะไรมันก็ไม่ลาบาก ประกอบอาชีพมันก็ไม่



ลาบาก ถ้าเรามีอาชีพท่ลาบาก เราก็จะได้ไม่ท้อ ถ้าเราเข้าใจ

เรื่องบารมี


ช่วยกันสร้ำงบำรมี



ท่คุณครูไม่ใหญ่เปิดโอกาสให้เราได้สร้างบารมีกันในหลายๆ


เร่อง พร้อมๆ กันอย่างน้ ก็เพราะท่านเห็นแล้วว่า มันไม่มีอะไร

ท่จะดีท่สุด จะวิเศษ สาหรับมวลมนุษย์เรา เท่ากับการมาช่วย


กันสร้างบารมี คุณครูไม่ใหญ่ของเรา พวกเราก็รู้พวกเราก็เห็น
การท่เชิญชวนให้พวกเรามาเคารพมากราบมาไหว้ สถานท่ท ่ ี




หลวงปู่เราเคยใช้สอย เก่ยวข้อง เพ่ออะไร? ก็เพ่อแสดงถึง

ความกตัญญูกตเวที ตรงนี้ส�าคัญมาก พวกเราก็จ�าไว้
คนท่จะชักชวนให้เคารพบูชา ให้มีความกตัญญูกตเวทีน ่ ี

เป็นคนดีหรือเป็นคนเลว? (คนดี) เออ! คนท่ชวนให้ลูกรักพ่อ

รักแม่เป็นคนดีไหม? (คนดี) คนท่ชวนให้ศิษย์รักครูบาอาจารย์

ดีไหม? (ดีครับ)

250
สาราสารกถา





แล้วทาไม คุณครไม่ใหญ่เรา จึงเป็นคนไม่ดีล่ะ? เออ! มัน

ก็เป็นอย่างนี้ล่ะ ใช่ไหมเล่า?

ถ้าพูดกันอย่างง่ายๆ ว่าพระพุทธศาสนาของเราจะเจริญ

รุ่งเรืองม่นคงต่อไป เป็นหลักชัยให้ความสงบร่มเย็นกับโลกได้






น พวกเราต้องช่วยกน ช่วยกนรกพระพทธเจ้ามากๆ อยาก
จะให้วิชาธรรมกายท่เป็นวิชาของพระพุทธเจ้าเจริญมากๆ ให้



ประโยชน์สุขกับคนมากๆ ก็ช่วยกันรักหลวงพ่อ วัดปากนาให้
มากๆ (สาธุ)









ตองรกใหมากๆ เพราะในหลกความจรงน คณครไมใหญ ่



เราทาตามหลักความจริงท่จะสร้างความรักให้มันเกิดข้นในจิต


ในใจของคนเรา โลกท่มันเดือดร้อนท่มันวุ่นวายกัน ไม่ว่ายุค

ไหน ชาติไหน ภาษาไหน ศาสนาไหนก็ตาม เพราะใจคนมันไม่ม ี
ธรรมะ ใจคนมันไม่มีความรัก ใช่ไหมเล่า? ใจไม่มีความรัก ไม่ได้
เลย จะหาความสุขไม่ได้

ใจคนท่ไม่มีความรัก มันเหมือนอยู่ในโลกของปีศาจ เห็น
คนอ่นเป็นปีศาจไปหมด ใช่ไหม? เออ! แล้วจะหาความสุขได้

อย่างไร? มันเป็นอย่างนี้ เราก็อย่าไปมองอย่างนั้น
เราจะมองให้คนทุกคนเป็นเทพบุตรเทพธิดา มันต้องเอา
หัวใจรักเข้าไปมอง ใช่เปล่า? เออ! ใจรัก มองเห็นคนสวยสด
งดงามไปหมดแหละ ใช่ไหมเล่า? ขนาดไอ้เงาะหัวหยิกๆ นาง

รจนามันยังมองว่าเป็นรูปทอง..ฮ่า..ฮ่า.. ใช่เปล่า? เออ! เพราะ

251
พระธรรมพุทธิมงคล (สอิ้ง สิรินนฺโท ป.ธ.๘)




มันเอาใจรักเข้าไปมอง ใจรักมองอะไรมันดีไปหมดแหละ ใช่

ไหมเล่า?


อย่างคุณครไม่ใหญ่ของเรา สอนเราอย่างน้ เราก็ปฏิบัต ิ

ตาม สอนให้รักกัน รักกันมันก็สามัคคีกันได้ จะรักกันได้ หลัก



สาคัญจาไว้ ตรรกะง่ายๆ อย่างคุณครไม่ใหญ่จะสอนให้คนรัก
หลวงปู่ แล้วรักหลวงปู่มันเสียหายไหม? (ไม่เสียหาย) มันมีแต่


ดีท้งน้น รักพ่อรักแม่ มันเสียหายไหม? (ไม่เสียหาย) รักครูบา
อาจารย์ มันเสียหายไหม? (ไม่เสียหาย) มันไม่มีอะไรเสียหาย
เลย สอนให้คนรักพ่อรักแม่ สอนให้คนรักครูบาอาจารย์ แต่

มีคนว่าไม่ดีไหม? (ไม่ดี) เออ! อย่าไปว่าเขา ฮ่า..ฮ่า...ใช่ไหม?

เออ! เราก็แปลกๆ เออ! คนมันก็มีแปลกๆ มันเป็นอย่างน



เข้าใจไหมเล่า? ก็อย่างท่เคยพูด เคยปรารภ ใช่ไหม? เคยพูด

เคยปรารภ จะฉายซา ท่เร่องชอบไม่ชอบน่ มันข้นอยู่กับสถานะ






ของคนๆ น้นว่า เป็นเทพหรอเป็นหนอน ห..หึ.. ใช่เปล่า? (ใช่)


จะให้หนอนมนชอบของทพย์ มนชอบไหม? (ไม่ชอบ)



แล้วจะให้เทพไปชอบอุจจาระ ชอบไหม? (ไม่ชอบ) เออ! แล้ว
เราเป็นอะไรล่ะ? (เป็นเทพ) สาธุ... ก็รักษาไว้ เออ! รักษาไว้




น่แหละมันเป็นเร่องพระพุทธเจ้าท่านสอนให้ทา ท่เรา




ทาๆ กันน่ ไม่ได้ผิดเพ้ยนจากท่พระพุทธเจ้าสอนเลย สอนให้

รกกน สอนให้เมตตากน มพ่อมแม่ สอนให้รกพ่อรกแม่ ม ี






ครูบาอาจารย์ สอนให้รักครูบาอาจารย์

252
สาราสารกถา




พระสำรีบุตรอัครสำวก


พระสารีบุตรได้เข้ามาสู่ธรรมะของพระพุทธเจ้า อาศัย

พระอสสชิ แม้กระท่งตอนหลังได้ฟังธรรมะจากพระพุทธเจ้า



สาเร็จเป็นพระอรหันต์แล้ว ก็ยังนับถือพระอัสสชิ ถ้าดูเผินๆ
เหมือนจะนับถือมากกว่าพระพุทธเจ้า ท่านจะไปอยู่ท่ไหนก็ตาม


ท่านจะฟังว่าพระอัสสชิอาจารย์องค์ท่เปิดประตูธรรมให้ท่าน
องค์แรกอยู่ทางไหน ท่านจะหันศีรษะไปทางนั้น ใช่ไหม?

เออ! ถ้าเรามาเทียบพฤติกรรมตรงน้ จากครไม่ใหญ่ของ



เรา ครไม่ใหญ่ของพวกเราได้วิชาธรรมกายจากหลวงปู่ จาก
มหาอุบาสกา ใช่ไหม? ก็พยายามเชิดชบูชาหลวงป่กน แล้วมน





ต่างอะไรกับพระสารีบุตร ใช่เปล่า? (ใช่) เออ! เพราะฉะน้น พวก

เราต้องช่วยกัน ช่วยกันรักหลวงปู่มากๆ มันไม่มีอะไรเสียเลย

น่หลักการตรงน้แหละ จะพูดให้พวกเราเสียวกันสักหน่อย...

คุณครูไม่ใหญ่ของพวกเรา ไม่ต่างอะไรกับไอซิส

รู้จักไอซิสไหม? ท่มันเป็นข่าวทุกวันๆ ไปฆ่าคนโน้น ฆ่า

คนน้ ไอซิสเขาเรียกว่า ขบวนการติดอาวุธแห่งรัฐอิสลาม ได้ยิน


ใช่ไหมพวกเราน่? ใช่ไหมเล่า? แล้วเป็นอย่างไงล่ะ อาตมา
เปรียบครูไม่ใหญ่เหมือนหัวหน้าไอซิส พูดไว้แค่นี้ หึ...หึ...


ขยาย เวลามันก็ยาวออกไป... เพราะมันเร่องใหญ่ เพราะ


ไอซิสท่เขาทา เขาต้องการอย่างง้น เขาต้องการอะไร? ก็ต้องการ



253
พระธรรมพุทธิมงคล (สอิ้ง สิรินนฺโท ป.ธ.๘)





ให้คนท้งโลกไปรักพระอัลเลาะห์ของเขาท้งหมด ใช่เปล่า? มึง

ไม่รักเหรอ? กูจะฆ่ามึงให้หมด


เออ! วิธีการมันต่างกัน ท่ครไม่ใหญ่ของเราเหมือนกับ








พวกไอซิสไหม? มันเหมอนตรงน ครแม่ใหญกต้องการให้คนรก
พระพุทธเจ้า ต้องการให้คนรักหลวงปู่ แต่ว่าวิธีการไม่ได้บังคับ
ไม่ได้ตัดหัว ใช่เปล่า? (ใช่ครับ)
คือหมายความว่าเจตนาน่ะ ต้องการอย่างน้น แล้วมันผิด

ตรงไหน? ไม่ผิด แล้วมันดีไหม? (ดีครับ) แล้วมันดีเลิศด้วย

ไม่ใช่ดีธรรมดา ตรรกะง่ายๆ พวกเราจาไว้ แล้วพวกเราก็ไป


ช่วยกัน ใช่ไหมเล่า? ช่วยเอาความดีของครไม่ใหญ่ ช่วยเอาความ
ดีของหลวงปู่ ช่วยเอาความดีของพระพุทธเจ้าไปเผยแพร่กัน

เอามาไว้ในใจกันมากๆ ชวนคนให้มารักหลวงปู่เรา ชวนคนให้

มารักพระพุทธเจ้าของเรามากๆ ศาสนาเราจึงจะอยู่ยืนและ
มั่นคงได้ (สาธุ)



ท่ศาสนาพุทธของเราอ่อนน่ จะพูดให้ฟังหน่อย เพราะ

พวกเราไม่ได้รักพระพุทธเจ้ากันเท่าท่ควร เราอย่าไปอิจฉาพวก


มสลมเขา อย่าไปอจฉา ดเขาแล้วมาตรวจตราตัวเอง เราจะรกใคร




จะชมใคร จะเคารพนับถือใคร เราต้องเอาความดีของเขามาไว้




ในใจ ใช่ไหม? (ใช่ครบ) เราต้องเหนความดของพ่อแม่ เราจง
จะรักพ่อแม่ ใช่ไหม? (ใช่ครับ) เราต้องเห็นความดีของหลวงป ู่

254
สาราสารกถา




ใช่ไหม? (ใช่ครับ) จึงจะรักหลวงปู่ เราต้องเห็นความดีของคร ู

ไม่ใหญ่ ใช่ไหม? (ใช่ครับ) เราจึงจะรักครูไม่ใหญ่



สรรเสริญพระพุทธเจ้ำ



พูดสรุปง่ายๆ เป็นตรรกะง่ายๆ หลักตรรกะง่ายๆ ว่า

ทาไมประเทศไทยของเรา จึงต้องมีข่าวในราชสานักทุกคืน ไม่ใช่






ม.๑๑๒ น่ะ ทาไมล่ะ? กข่าวในราชสานกนันแหละตามสร้าง
กระแสคนเกิดความรักในสถาบันพระมหากษัตริย์ของเรา เอา
ความดีของพระมหากษัตริย์มาพูดถึงทุกวันๆ แล้วเป็นอย่างไง
ล่ะ? คนไทยรักพระมหากษัตริย์ไหม? (รักครับ) ก็เพราะว่าเอา

ความดีของท่านมาถือกันไว้

เราจะให้คนท้งโลกมารักพระพุทธเจ้า ก็ต้องเอาความด ี


ของพระพุทธเจ้ามาสรรเสริญกันไว้ ทาไมพวกมุสลิมเขารักพระ
อัลเลาะห์เขาเหนือชีวิตล่ะ? เพราะเขาสรรเสริญพระอัลเลาะห์


เขาวันละ ๕ คร้ง ใช่เปล่า? (ใช่ครับ) แล้วเราสรรเสริญพระ





พุทธเจ้า วันละก่คร้ง? ท่รักพระพุทธเจ้ามาน่! ท่รักหลวงปู่กัน






น! สรรเสริญหลวงป่วนละก่ครง? ต้องไปตรวจดูตัวเองกนตรงน ี ้


อย่างน้อยต้อง ๒ ครั้ง ก่อนนอน ตื่นนอน


เอาบทสรรเสริญหลวงปู่น่นแหละไปท่องจาให้ได้ ใช่ไหม?
น่นแหละบทน้นล่ะ เป็นบทสรรเสริญคุณหลวงปู่ อิติปิ โส บท



พระพุทธคุณ บทพระธรรมคุณ บทพระสังฆคุณน่นแหละ บท

255
พระธรรมพุทธิมงคล (สอิ้ง สิรินนฺโท ป.ธ.๘)




สรรเสริญคุณพระรัตนตรัย เอาไปสรรเสริญกันทุกวัน แลวคุณ

ของหลวงปู่ คุณของพระพุทธเจ้า ก็จะเข้าไปอยู่ในใจเรา แล้ว

ใจเราก็จะใสสะอาดเหมือนอย่างท่เราเจริญกรรมฐาน เรียน
วิชาธรรมกาย ก็เพ่อให้คุณของพระพุทธเจ้าไปอยู่ในใจเรา เป็น

พระธรรมกายอยู่ในกายเรา แล้วมันก็สบาย ใช่ไหมเล่า?

พวกเราน่ะโดยมากมันดีแต่ปาก พวกชาวพุทธเราน่ โอ้ย..


ด่ากัน! สนามบินสุวรณภูม ต้องสร้างห้องละหมาดให้พวกมุสลิม


เพราะเขาต้องละหมาดเม่อได้เวลา วันละ ๕ คร้ง อยู่ที่ไหน
เขาก็ต้องละหมาด

เพราะฉะน้น สถานท่สาธารณะบริการ จะต้องมีห้องเอา


ไว้ให้พวกมุสลิม เขาละหมาดกัน ก็สร้าง รัฐบาลก็สร้างให้ แล้ว

ชาวพุทธก็โจมตีรัฐบาลอีกแล้ว ทาไมไม่สร้างห้องพระพุทธเจ้า

บ้าง เอา! เขาก็สร้างให้ ท่สนามบินสุวรรณภูมิ เวลาไปต่างประเทศ
สาหรับพระ รัฐบาลก็ไปสร้างห้องพระพุทธเจ้าให้ แล้วพระไป

นั่งในห้องพระพุทธเจ้า ไปท�าอะไรกัน? ไปดื่มกาแฟกัน


แทนท่จะไปไหว้พระพุทธเจ้า ไปสรรเสริญพระพุทธเจ้า


แบบพวกมุสลิมเขาไปสรรเสริญพระอัลเลาะห์ เราไปน่งกินกาแฟ

กัน เออ! แล้วมันเป็นอย่างไง? อย่างน้จะทาให้ศาสนาของเรา










มนคงไดอย่างไง? เออ! ตรงน้ไปชวยกนเผยแพรหนอยน่ะ อยา
ไปตัดท้งน่ะ เออ! มีห้องสวดมนต์ในสนามบินสุวรรณภูมิ แล้วก ็



มีเจ้าหน้าท่สานักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสมุทรปราการ ไป

256
สาราสารกถา




คอยบริการ เวลาพระจะเดินทางไปต่างประเทศ เขาก็จะนิมนต์





เข้าห้องนันแหละ กมเก้าอนวมอย่างด มีเจ้าหน้าทชงกาแฟ




ให้ฉัน ไม่ได้สวดมนต์กันเลย ใช่ไหม?
เออ! ด่าเขาแทบตาย ว่าเขาไม่สร้างให้ พอสร้างให้ก็เป็น

ห้องทานกาแฟกันไป มันไม่ได้ ใช่ไหม? ตรงน้แหละท่พวกเรา

จะต้องเอามาฉุกคิดกัน ว่าศาสนาเราท่อ่อนแอลงๆ น่ เพราะ


เราไม่ได้สรรเสริญพระพุทธเจ้ากัน เพราะเราไม่ได้เอาคุณของ
พระพุทธเจ้ามาให้คนเห็น แล้วให้คนรักพระพุทธเจ้ากันมากๆ
เราไม่ได้เอาคุณของครูบาอาจารย์มาให้คนได้เห็น คนจะได้รัก


ครูบาอาจารย์เรามากๆ ถามว่ามีใครทาอย่างหลวงปู่ และอย่าง
คุณครูไม่ใหญ่เราบ้าง ไม่มีเลย! ใช่ไหม? ก็มีอยู่องค์เดียว เวลา

มีเร่องมีราวก็เอาแล้ว เทวดาก็หนีหมด สมมุติว่าไม่มีเร่อง เวลา


มีเร่องทีไร เทวดาหนีหมด ไม่มีใคร เลยต้องอ้างแม่พระธรณ ี
พยายามนึกถึงแม่พระธรณีไว้ก็แล้วกัน



เอาล่ะ ก็พูดแค่น้ล่ะ (สาธุ) ทุ่มกว่าแล้ว ถ้าพูดไป เร่องก็แยะ
ส่งละอันพันละน้อย พูดไปก็ผิดบ้าง ถูกบ้าง ก็ขอให้พวกเราไป

ใคร่ครวญ ไปพินิจพิจารณากัน อะไรที่ดีที่มีสาระ

สิ่งส�าคัญอย่างหนึ่ง อยากจะย�้าสุดท้าย



ยาสุดท้ายว่า สังคมเราท่ปั่นป่วนวุ่นวาย ท่โลกเราเดือดร้อน


กันอยู่ทุกวันน้ มันเกิดจากโลกของเรามันขาด ขาดอะไร? โลก

มันขาดอะไร? โลกมันขาดพระอรหันต์ ถ้าว่ากันตามหลัก

257
พระธรรมพุทธิมงคล (สอิ้ง สิรินนฺโท ป.ธ.๘)




อะระหังก็คือคุณข้อแรกของพระพุทธเจ้า อิติปิ โส ภะคะวา

อะระหัง



อะระหง กคอบทบรกรรมทเราเอาไปใช้สร้างพระธรรมกาย






ซ่งเป็นคุณส่วนหน่งของพระอรหันต์ให้เกิดข้นในตัวเรา ให้เกิด

ข้นในมวลมนุษย์ เพราะโลกมันขาด ถ้าจะพูดตามภาษาธรรมกาย



ต้องพูดภาษาธรรมกาย ธรรมกายก็คือวิชาท่หลวงพ่อวัดปากนา

ได้ฟื้นฟูขึ้นมา แล้วน�ามาเผยแพร่

โลกมันขาดวิชาธรรมกาย ก็คือขาดสัมมาอะระหังน่นเอง
ภาวนากันไว้ ในความหมาย มันหมายความว่าอย่างไง? แค่ อะระหัง
ตัวเดียว ในความหมายท่มันเป็นคุณของพระพุทธเจ้า หมายถึง


ความสะอาด หมายถึงความบริสุทธ์ หมายถึงความยุติธรรม
หมายถึงความสุจริต

โลกมันขาดความสะอาด ขาดความบริสุทธ์ ขาดความ

ยุติธรรม ขาดความสุจริต เพราะอะไร? เพราะไม่มีพระอรหันต์


ขาด อะระหัง ขาด สัมมาอะระหัง แล้วมันเดือดร้อนไหม ทุกวันน้?

ท่ไหนท่น่นเดือนร้อนกันหมด! ในทางกายภาพ ใช่ไหม? ความ



สะอาดมันดีไหมเล่า? อากาศสะอาด นาสะอาด เส้อผ้าสะอาด



สถานที่สะอาด ที่หลวงปู่ ที่คุณครูไมใหญ่สอนให้พวกเราท�า


ย้อนอีกนิดหน่งๆ ก็ต้องการให้เราน่เอาพระอรหันต์มาไว้




เอามาไวททเราอย เอามาไวทวดพระธรรมกาย สอนใหพวกเรา










เกบขยะว่ามนเป็นเพชรเป็นพลอยน วดมนมขยะ มนสะอาด






Click to View FlipBook Version