158
สาราสารกถา
�
เราทาแต่ตอนถืออุปััชฌาย์ว่า อชฺชตคฺเคทานิ เถโร มยฺห ภาโร
�
ั
ี
: ต้งแต่วันน้เป็นต้นไป ท่านเป็นภาระของเรา ก็หมายความว่า
ฺ
เราจะดูแลท่าน จะปรนนิบัติท่าน เราจะเช่อฟังท่าน อะหมปิ
ื
เถรสฺส ภาโร : ข้าพเจ้าก็ขอกราบเป็นภาระของท่าน ขอ
ให้ท่านช่วยเป็นภาระปกครองดูแลแนะนาส่งสอน ก็ปวารณา
�
ั
กันแล้ว วิธีถืออุปัชฌาย์ อุปชฺฌาโย เม ภนฺเต โหหิ วิธีถือ
ู
ี
�
อาจารย์ฺก็เช่นเดียวกัน โบราณเขามีเสร็จแล้ว ก็ไปทาหน้าท่ครบา-
อาจารย์ อาจาริโย เม ภนฺเต โหหิ : ขอท่านจงเป็นอาจารย์
ข้าพเจ้า นิสฺสาย น วจฺฉาม : ข้าพเจ้าขออาศัยอยู่ในปกครอง
ิ
�
ี
�
ของท่าน เราเป็นอาจารย์ ถ้าเราไม่ได้ทารูปแบบประเพณอย่างน ี ้
�
แต่ว่าความสานึกความรู้สึกต้องมีว่า เราเป็นครูบาอาจารย์ แล้วก ็
�
ต้องปลุกความสานึกให้แก่ลูกศิษย์หรืออันเตวาสิกด้วยว่า แต่ละรูป
เม่อมาเป็นลูกศิษย์เป็นอาจารย์ของกันและกัน ต้องเป็นภาระ
ื
ี
ของกัน น่นก็หมายความว่าจะต้องทาหน้าท่ในกันและกันให้มัน
ั
�
ี
�
ถูกต้อง ครูบาอาจารย์ต้องทาหน้าท่อย่างไรกับลูกศิษย์ หรือลูกศิษย์
ี
�
ต้องทาหน้าท่อย่างไรกับอาจารย์ เราต้องไปศึกษาอาจริยวัตร
ี
ี
อันเตวาสิกวัตร ซ่งก็มีในวินัยท่พระพุทธเจ้าบัญญัติไว้ น่มันม ี
ึ
ี
ี
ภาระหน้าท่กันแล้ว ภาระหน้าท่ของลูกศิษย์คือปฏิบัติอาจริยวัตร
ี
หน้าท่ของอาจารย์ก็อันเตวาสิกวัตร ปฏิบัติหน้าท่กับลูกศิษย์
ี
ทาไม? เราไปคิดว่าไม่ใช่เร่องของเรา ทาไมไปคิดว่าไม่ใช่งานของ
ื
�
�
เรา นี่แหละคืองานปกครอง
159
พระธรรมพุทธิมงคล (สอิ้ง สิรินนฺโท ป.ธ.๘)
ี
่
สาขาท ๒ งานศึกษาด้วยตัวของเราเอง เราศึกษาพอยัง?
�
ึ
เราไปคิดว่าไม่มีงานทา วันๆ เคยได้อ่านหนังสือกันสักแถวหน่งไหม?
ื
ด้านการศึกษาเน่ยด้วยตัวเอง ไม่ต้องพูดถึงสอนคนอ่น วันๆ ได้
ี
อ่านหนังสือบ้างหรือเปล่า? ตู้พระไตรปิฎกก็มีญาติโยมเขาศรัทธา
�
สร้างไว้มีกุศลมหาศาล บ้างก็เอามาถวายวัด มาทาพิธีฉลองสมโภช
ั
ั
กันเสร็จ แต่ตู้น้นไม่เคยเปิดเลยจนกระท่งตายจากกัน ตู้พระ
ไตรปิฎกกับเราไม่เคยกระทบกันเลยต้งแต่เข้ามาอยู่ในวัด ไม่
ั
เคยเปิดอ่านพระไตรปิฎกกันสักบรรทัดเดียว พูดให้เห็นว่า ความ
ี
ิ
้
ี
ิ
�
ิ
็
ู
ึ
ึ
ร้สกว่าไม่มงานทาเป็นมจฉาทฏฐ เป็นตรงน กพระไตรปิฎกซง
่
�
ั
เป็นคาส่งสอนของพระพุทธเจ้า ๓ ปิฎก ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์
บวชกันมา ๕-๑๐ ปี ไม่เคยอ่านกันเลยสักบรรทัดเดียว แล้วทาไม
�
้
่
้
เรามารูสึกวาไม่มีอะไรจะท�ากันในดานการศึกษา การคิดวาไม่มี
่
ิ
อะไรจะทาเป็นมิจฉาทิฏฐ จะไปสวรรค์ได้อย่างไร? ไปนรกอย่างเดียว
�
่
ี
อย่างดก็ไปเกดเป็นหนอนอย่างทว่าแหละ และงานให้การศกษา
ี
ิ
ึ
กับคนอ่นคืองานสอน เราได้สอนอะไรกับใครบ้าง ลูกศิษย์เรา
ื
สอนอะไรไปบ้าง เคยสอนอะไรเขาไปบ้าง น่คืองานสอน เคย
ี
เตือนอะไรบ้าง น่คืองานสอน งานศึกษาต้องพยายามขวนขวาย
ี
ี
ื
เรียนรู้ไปเร่อยๆ ความรู้เทคโนโลยีอะไรท่แผ่ขยายมา เรามีสต ิ
ึ
่
ั
่
ี
ี
ปญญาไมพอทจะไปเรยนรไดหมด แตเรายนหยดวาเราจะศกษา
ั
่
่
ื
้
้
ู
พระพุทธพจน์ให้แตกฉานอย่างเดียวเท่าน้นแหละสู้โลกได้ อ่าน
ั
พระไตรปิฎกให้มันแตก อย่างน้อยๆ สักเล่มหนึ่ง พระไตรปิฎก
160
สาราสารกถา
ั
มี ๔๕ เล่ม เท่ากับอายุพระพุทธเจ้าส่งสอนพุทธบริษัทหลังจาก
ตรัสรู้แล้ว ก็ใช้เวลาว่างอ่านวันละช่วโมงหรือจะอ่านหนังสืออะไร
ั
�
�
ื
อย่างอ่นท่เก่ยวกับธรรมะ ตารับตาราเรียนอะไรก็ได้ อ่านหลาย
ี
ี
ิ
เท่ยว มันก็เป็นการเพ่มความรู้ เพ่มความเฉลียวฉลาดให้กับ
ี
ิ
ี
�
ั
ตนเอง มันมีทางท่จะทาให้เราดีได้ท้งน้น ถ้าเราไม่อยู่อย่างหนอน
ั
ิ
แต่อยู่อย่างเทวดา แสวงหาความรู้ความฉลาดเพ่มความรู้ความ
ฉลาดให้แก่ตัวเอง ถ้าเราได้อ่านหนังสือจะรู้สึกว่ายังโง่อีกเยอะ
ิ
ี
ื
ื
มันมีเร่องราวท่เราไม่รู้อีกมากมาย ย่งอ่านไปก็จะพบว่าเร่องน ี ้
ิ
ี
เรายังไม่เคยพบมาก่อนเลย อย่างท่โบราณเขาบอกว่า “ย่งเรียน
ิ
ย่งโง่” รู้สึกว่าตัวเองยังไม่รู้อะไรอีกเยอะ เอาแค่ธรรมะของ
ี
ี
พระพุทธเจ้าท่เราบวชเรียนกันมา ๕ ปี ๑๐ ปี ธรรมะท่เรารู้น่ะ
ี
มีอะไรบ้าง? กับธรรมะท่เรายังไม่รู้มันมีเท่าไร? เทียบกันไปแล้ว
ก็หน่งในร้อยท่รู้กันอยู่ ท่ไม่รู้มีถึงเก้าสิบเก้า แล้วเราจะไปคิด
ี
ึ
ี
ว่าไม่มีงานทา มันไม่เป็นมิจฉาทิฏฐิ แล้วจะว่าเป็นอะร? ก็ต้อง
�
ื
เป็นมิจฉาทิฏฐิ เม่อเป็นมิจฉาทิฏฐิแล้วอนาคตจะเป็นอะไรได้
ี
อนาคตก็ต้องไปอบายภูมิ อบายภูมิคืออนาคตทมีความเส่อม
ื
่
ไม่มีดีขึ้น
�
ี
สาขาท่ ๓ งานเผยแผ่ งานเผยแผ่เป็นงานสาคัญท่สุด
ี
ท่เราจะต้องแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษ ต่อบุรพาจารย์
ี
พระพุทธศาสนาเข้ามาถึงประเทศไทยและได้รับการสืบทอดมา
ี
ี
จนถึงพวกเรา พวกเราได้มีวันนี้ ท่เราได้มาเป็นพระ ความท่เรา
161
พระธรรมพุทธิมงคล (สอิ้ง สิรินนฺโท ป.ธ.๘)
ี
ี
�
ไม่คิดทามาหากินก็ยังมีกินอย่างวันน้ พวกเรามีวันน้เป็นผลพวง
ของการเผยแผ่ของบุรพาจารย์รุ่นก่อน ถ้าบุรพาจารย์รุ่นก่อนไม่
เรียนรู้ธรรม ไม่ศึกษาธรรมแล้ว ไม่คิดเผยแผ่ คิดไหมว่าพระพุทธ-
�
้
พุทธศาสนาจะมาเมืองไทยได้ การท่พระพุทธศาสนาข้ามนาข้าม
ี
่
ั
ู
่
ี
ิ
ิ
้
ั
ทะเลจากประเทศอนเดย มาประดษฐานตงมนอยในประเทศไทย
น้เป็นผลพวงของการเผยแผ่เอาศาสนาในอินเดียมาเผยแผ่ใน
ี
ประเทศไทย จนคนยอมรับนับถือและก็มีประเพณีบวชสืบทอด
กันมาจนถึงปัจจุบันน้ ถ้าเราไม่คิดจะเผยแผ่ เราต้องเป็นคน
ี
อกตัญญู ต้องคิดว่าเราจะเอาธรรมอะไรเผยแผ่ จะเอาธรรม
ี
�
อะไรเปิดเผยกับญาติโยม จะทาอย่างไรให้คนท่เขามีศรัทธาอยู่
ั
ั
ั
ี
ี
แล้วก็ให้เขามีศรัทธาต้งม่นอยู่อย่างน้น ไม่เปล่ยนไปเปล่ยนมา
ี
ุ
ิ
้
ั
่
ุ
�
ี
ั
่
่
้
ทเขาไม่ศรทธา ทาอยางไรจะใหเขาศรัทธา ตองคดทกวทกวนเลย
ี
น่คือเผยแผ่ จะไปคิดว่า เขาไม่มีศรัทธานิมนต์ เราก็มีกิน เขาไม่
เล่อมใสคนอ่นก็มีเล่อมใส เป็นคนท่จะอยู่ในระดับครูบาอาจารย์
ื
ื
ื
ี
ี
ต้องคิด! เราต้องไม่มีใครเป็นศัตรู คนท่ไม่ศรัทธาเราก็ต้องคิดว่า
ื
จะทาอย่างไรให้เขามีศรัทธา เม่อมีศรัทธาแล้วเขาก็เลิกเป็นศัตร ู
�
ถึงแม้ว่าเป็นงานหนัก แต่เราก็ต้องสู้อย่าไปถอย พวกเราเข้ามา
ี
อยู่ตรงน้แล้ว หากใจคิดสู้อย่างเดียวไม่มีอะไรลาบาก น่คืองาน
�
ี
เผยแผ่
ี
สาขาท่ ๔ งานสาธารณูปการ ก็คืองานก่อสร้าง ซ่อมแซม
ื
ดูแลรักษาความสะอาด ความร่มร่น สร้างความสะอาด สร้างความ
162
สาราสารกถา
ร่มร่นให้แก่วัด ถ้าเราคิดว่าไม่มีงานทาเราลองไปดูซิว่าวัดเรา
�
ื
�
สกปรกรกรุงรังหรือว่าสะอาดเรียบร้อยดี ถ้าเห็นว่าสกปรกจะทา
ื
ี
อย่างไรให้มันสะะอาด เม่อมาคิดถึงสาขาตรงน้ จะเห็นได้ว่ามีงาน
�
ให้ทาทุกวันเลย หากเราคิดว่าไม่มีงานทา บิณฑบาตเสร็จกลับมา
�
ิ
กินแล้วก็นอน วัดก็รกรุงรังเต็มไปด้วยส่งสกปรกโสโครก แค่ดูแล
ี
รักษาความสะอาดเสนาสนะ อะไรท่มันผุมันพังพอจะซ่อมแซมได้
ั
ี
ั
เราก็ซ่อมแซมกัน สถานท่ดูแลให้มันสะอาดสะอ้าน น่คืองานท้งน้น
ี
แล้วเราจะไปคิดว่าไม่มีงานท�าได้อย่างไร
่
ี
ี
สาขาท ๕ ศึกษาสงเคราะห์ ในวัดเราไม่มีพระไม่มีเณรท่จะ
ี
ั
ส่งสอน เพราะรู้ดกันหมดเสียแล้ว เราก็ไปช่วยเหลือสอนโรงเรียน
ก็ได้ ช่วยอบรมหรือมามีโครงการอาหารเล้ยงเด็กกัน เรามีอะไรจะ
ี
ไปบริจาคให้กับโรงเรียนช่วยเป็นค่าอาหารกลางวัน จาพวกอาหาร
�
กระป๋อง ข้าวสารท่เขาตักบาตรตอนออกพรรษา ก็ดูว่าโรงเรียน
ี
ขาดอะไร ข้าวสาร เคร่องกระป๋อง ฯลฯ น่งานศึกษาสงเคราะห์
ี
ื
�
ก็ทาได้ ส่งเสริมด้านการศึกษา คือพยายามช่วยดึงคนเข้ามาใน
พระพุทธศาสนา เพ่อมาศึกษาเล่าเรียนวิชาทางพระพุทธศาสนา
ื
ึ
อยากจะให้ปีหน่งๆ แต่ละวัดๆ หาคนมาบวชเณรวัดละองค์
ส่งไปเรียนส�านักเรียนต่างๆ เพราะปัจจุบันนี้จะไม่มีคนบวชเณร
แล้ว เรียกว่า ศาสนทายาทเร่มจะขาดตอนกันไปแล้ว ดูว่าฐานะ
ิ
ั
ี
ี
พ่อ-แม่ของเด็กๆ ท่อยู่ในโรงเรียนน้นพอท่จะส่งลูกไปเรียนได้
็
ิ
ตลอดไหม หากส่งไม่ได้เราก็เอามาบวชเณร แล้วกส่งเสรมเอาไปฝาก
163
พระธรรมพุทธิมงคล (สอิ้ง สิรินนฺโท ป.ธ.๘)
ี
�
ั
�
้
ตามสานักเรียนต่างๆ หากแต่ละรูปทาได้อย่างน เราก็ม่นใจได้ว่า
ุ
อายของพระพุทธศาสนาได้รับการสืบทอดต่อไป เพราะในปัจจุบัน
คนท่เข้ามาบวช ๗ วัน ๑๕ วันก็สึกหมด ต่อไปๆ ก็เหลือแต่หลวงตา
ี
เฝ้าวัดองค์เดียว หากเราไม่ท�างานด้านศึกษาสงเคราะห์โดยการ
่
หาเอาเด็กเขามาบวชเณร เราจะสบทอดตอศาสนาตอไปอยางไร
้
ื
่
่
ั
ี
ช่วอายุเราไม่เป็นไร เพราะเราก็อายุมากกันแล้ว เด๋ยวก็ตายกันไป
และต่อไปลูกหลานเหลนข้างหน้าเรา ก็ต้องพยายามรักษามรดกน ี ้
็
้
็
็
ื
ื
สบไป รบมรดกกคอหาคนเขามาเปนทายาท กคอหาเขามาบวช
ื
ั
้
เณรสร้างคนให้เป็นศาสนทายาท อย่างท่านเจ้าคุณประยุทธ์ (พระ
�
ธรรมปิฎก) ท่านก็เรียนทางน้ ท่านก็สามารถทางานเป็นท่ยอมรับ
ี
ี
ของโลกได้ ทางก้าวหน้ามันมี แต่ว่าเราไม่ได้คิดจะส่งเสริม ไม่ได้
คิดจะสร้าง นี่เป็นงานสงเคราะห์อย่างหนึ่ง
สาธารณสงเคราะห์ สาธารณประโยชน์เราต้องคิดท�าใน
ชุมชนของเรามีตรงไหนบ้างท่คนยังลาบากอย เราพอจะช่วยได้ไหม?
�
ู่
ี
ื
ี
เราก็ต้องศึกษาปัญหาชุมชนน้ เขามความเดือดร้อนร่วมกันเร่อง
ี
่
ื
้
ิ
ุ
�
ิ
้
อะไร? ไมมน้ากนนาใช เราจะชวยอยางไร? หาทางขดสระหรอวงเตน
่
ี
�
้
่
่
ขอหน่วยราชการ กานัน ผู้ใหญ่บ้านให้ไปเจาะบ่อบาดาล ช่วยเหลือกัน
�
ต้องคิดเป็นสาธารณสงเคราะห์
มีอีกอย่างหน่งอยากจะฝากเอาไว้ในด้านสาธารณสงเคราะห์
ึ
เราจะต้องดูแลบ้างว่า คนแก่คนเฒ่าคนยากอนาถา อย่างที่ข่าว
ี
ี
หนังสือพิมพ์ท่ลงบางท้องท่ ผัวเมียเป็นอัมพาตขังตัวเองอยู่ใน
164
สาราสารกถา
ิ
ี
บ้าน ๓-๔ ปี ไม่มีใครดูแล ลูกหลานก็ท้งไป ประเภทน้ต้องดู ม ี
ั
ั
ี
ปรากฏในหนังสือพิมพ์ คนบ้านน้นบ้านน้ ถ้าจะเลวจะช่วอย่างไร
เอาตัวไม่รอดลูกหลานท้งไป มีอะไรไปหยิบย่นให้ อย่าให้เขาอยู่อย่าง
ื
ิ
อดอยาก หรือบอกพวกกัน บอกชาวบ้านท่ฐานะดีช่วยสงเคราะห์
ี
่
้
ั
ั
้
ื
้
ั
์
ิ
ี
่
ถาไมงนแลวอบอายขายหนา ไปลงหนงสอพมพ ไปออกทว ถามวา
้
ี
ตรงน้นมีวัดไหม? และพระในวัดน้นอดอยากหรือเปล่า? ไม่ได้
ั
ั
้
�
อดอยากเหลือกินเหลือใช้ ทาไมไม่มีนาใจสงเคราะห์สาธารณชน
�
ทอดอยากบาง อย่างนอยๆ งานท่เปนหลักซ่งองคกรของเรากาหนด
ี
็
้
ึ
์
่
ี
�
้
�
ึ
ข้นมา และยังมีนอกจากน้นอีกเยอะ ถ้าเราคิดทาแล้วงานทาไม่หมด
ั
�
�
ี
หรอก ไม่มีใครท่จะทางานได้เสร็จ แม้แต่องค์สมเด็จพระสัมมา-
�
ี
สัมพุทธเจ้า พระองค์ทาเสร็จแต่งานส่วนตัว งานท่จะสงเคราะห์
�
�
โลก ทาเสร็จเม่อไรเล่า ทาได้ ๔๕ ปีแล้วก็ปรินิพพาน ก็ต้องมา
ื
สืบสานกันต่ออีก แล้วเราไปคิดว่าไม่มีงานทา หากไม่เรียกว่าเลว
�
จะเรียกว่าอะไร? อันนี้เป็นมิจฉาทิฏฐิแล้ว
ื
ั
ี
ี
เท่าท่ผมว่ามาน้ก็เป็นข้อความท่วๆ ไป เพ่อให้ข้อคิดปลุก
สานึกให้พวกเราๆ ว่าเราในฐานะท่เป็นครูบาอาจารย์ และต่อๆ ไป
�
ี
จะปกครองวัดวาอาราม อย่าคิดว่าไม่มีอะไรทา ขอให้คิดว่าวันน ้ ี
�
ื
�
เราได้บกพร่องในเร่องอะไรบ้าง เพราะมันต้องทาทุกวัน งาน
ปกครอง ต้องทาทุกวัน งานศึกษางานเผยแผ่-งานสาธารณูปการ
�
�
ต้องทาทุกวัน งานสงเคราะห์ งานสาธารณสงเคราะห์ ต้องทาทุกวัน
�
ี
ทุกลมหายใจ น่ก็ฝากให้เอาไปคิด ก็คิดว่าข้อคิดอะไรต่างๆ มากมาย
165
พระธรรมพุทธิมงคล (สอิ้ง สิรินนฺโท ป.ธ.๘)
น้นพยายามเอาไปคิดไปไตร่ตรอง เห็นดีเห็นงาม เห็นว่าท่ผ่านมา
ั
ี
ผิดพลาด เราก็ปรับความคิดเสียใหม่ ท�าตัวเสียใหม่
ให้อยู่อย่ำงเทวดำ คือต้องเนรมิต (ท�ำงำน)
ก็ขอให้คิดว่าต้องอยู่อย่างเทวดา อย่าอยู่อย่างหนอน อย ู่
อย่างหนอนก็คือ อยู่อย่างไม่ต้องคิดทาอะไรเลย อยู่อย่างเทวดา
�
ึ
ี
ิ
ต้องคิด ต้องเนรมิตส่งท่ดีงามให้มันเกิดข้นทุกวัน ปกครองให้ด ี
ี
ี
ศึกษาให้ด เผยแผ่ให้ด สร้างสรรค์ให้ด ช่วยเหลือสงเคราะห์ ด้าน
ี
ั
การศึกษา ช่วยเหลือสงเคราะห์สาธารณภัย น่งานท้งน้น และจาไว้
�
ั
ี
ว่า ความคิดว่าไม่มีงานทา เป็นความคิดท่เลวท่สุดในจิตของ
ี
�
ี
ุ
มนษย์ มนุษย์คนใดมีความคิดอย่างน้อยู่ในจิต มนุษย์คนนั้นก ็
ี
ได้ช่อว่าเป็นมนุษย์ท่เลวท่สุด ในโอกาสน้ขอฝากไว้เท่าน้ จะได้
ื
ี
ี
ี
ี
ท�าวัตรสวดมนต์กันต่อไป.
รักเรียนรักค้นคิด รักลิขิตรักไต่ถาม
แน่แท้จักเรืองนาม ปรากฏว่า “ปัญญาชน”
โอวำท
พระสิรินันทเมธี
รองเจ้ำคณะจังหวัดสุพรรณบุรี
ขอเจริญพร ท่านผู้ช่วยศึกษาธิการจังหวัด เจ้าหน้าท ี ่
ครูบาอาจารย์ ทุกท่าน
ขอความดีงามท้งหลายท้งปวง จงบังเกิดมีแก่นักเรียนทุกคน
ั
ั
ู
ั
ก่อนอนต้องขอแสดงความยินดีกบครบาอาจารย์ ทได้ช่วยกน
ั
ี
่
่
ื
�
ฝึกสอนซ้อมสวดมนต์ทานองสรภัญญะ จนนักเรียนมีความ
กล้าความสามารถมาแสดงตัวกันในท่น้ และก็ขอช่นชมยินด ี
ี
ี
ื
ี
ั
เป็นพิเศษแก่นักเรียนทุกคน ท้งท่ได้รับการตัดสินเป็นผชนะเลิศ
ู้
รองลงไป และผู้ท่ไม่ได้รับการตัดสินในระดับใดระดับหน่ง ทุกคน
ี
ึ
ก็ถือว่ามาร่วมกันประกอบคุณงามความดีตามหลักพระพุทธ-
ี
ศาสนาของเรา แล้วความดีท่เราได้ประกอบในวันน้เป็นบุญกุศล
ี
�
* พิธีมอบรางวัลผู้ชนะการประกวดสวดมนต์หมู่ทานองสรภัญญะ ระดับ
จังหวัด ณ บ้านขุนช้าง วัดป่าเลไลยก์ วรวิหาร ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๖ เวลา
๑๕.๔๕ น.
168
สาราสารกถา
ั
ทนักเรยนได้รบแล้วทุกคน เป็นโล่รางวัล ทได้ไปเฉพาะสามอันดับ
ี
่
ี
่
ี
เท่านั้น ที่ไม่ได้ก็ขอให้ติดไว้ก่อนก็แล้วกัน
เป็นอันว่าท่ได้แล้วก็หมดเง่อนไขไป ท่ยังไม่ได้ ก็อยู่ในฐานะ
ี
ื
ี
ึ
ิ
ี
ี
้
เป็นเจ้าหน ดีไหม? เราไม่ได้โล่แต่เราได้ฐานะท่ดีเพ่มข้นเป็น
ี
เจ้าหน้ ผู้ช่วยศึกษาฯ ปีหน้า ผู้ช่วยฯ ก็เตรียมไว้จะมาทวง ดีไหม?
เป็นเจ้าหนี้ เรื่องการแข่งขันก็ต้องมีแพ้มีชนะ
ชัยชนะของผู้แพ้
ี
�
เราคิดไม่เป็น ท่ว่าสาหรับผู้แพ้น่าจะมีความเสียอกเสียใจ
ถ้าเราคิดเป็น เราก็สามารถจะมความดใจกบเขาได้ อย่างน้อย
ั
ี
ี
ี
ิ
ั
ก็คิดว่าเรายังไม่หมดสิทธ์ท่จะเป็นเจ้าของโล่ ท้งอันดับเลิศ
อันดับสอง และอันดับสาม อีกอย่างหน่ง เรายังมีสิทธ์ด้วยกัน
ิ
ึ
ทั้งนั้น ถ้าเราจะคิดให้ภูมิใจในฐานะผู้แพ้ เราอย่าไปนึกว่า เราแพ้
ตอนท่เราแพ้ ถ้าไม่นึกว่าเราแพ้ เราจะนึกอย่างไร เราจึงจะใหญ่
ี
�
ึ
ื
ข้นมาได้ เราจึงจะสาคัญข้นมาได้ ผู้แพ้นึกเป็นไหม? เร่องแพ้
ึ
ื
เร่องชนะ ถ้านึกไม่เป็น ผู้แพ้จะเสียใจ แต่ถ้านึกเป็นแล้วกลับจะ
ภูมิใจมาก เราอย่านึกว่าเราเป็นผู้แพ้ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เราก ็
ี
ี
นึกว่าชัยชนะคร้งน้เราให้เขา ดีไหม? เราให้แล้ว ใช่ไหม? ท่เขา
ั
ี
ได้ไปน่ ใช่เปล่า? ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เราก็นึกว่าชัยชนะ ท่เขา
ี
ี
ั
ได้คร้งน้เพราะเราให้เขา ถ้าไม่มีเรา เข้าเป็นคู่แข่ง เขาไม่ได้แน่
169
พระธรรมพุทธิมงคล (สอิ้ง สิรินนฺโท ป.ธ.๘)
ั
จริงไหม? ผู้แพ้ท้งหลาย ถ้าเราภูมิใจว่ามีชัยชนะให้เขานะ ยังม ี
อีกไหมชัยชนะ อันนี้เรียกว่าเป็นชัยชนะของผู้แพ้
ฝึกตนได้แหละดี
เรามีชัยชนะให้เขา เราอาจจะท้าเขาอีกก็ได้ ปีหน้ามาเอา
อีกนะ ปีหน้าฉันจะเอามาให้อีก ถ้าใครต้องการจะเอาชนะ มัน
�
ก็อยู่ตรงน้แหละ คิดกันให้ดี คิดกันให้เป็น ทาให้เราสบายใจได้
ี
ั
ั
ท้งน้น หนูเข้าใจไหม? แพ้แล้วสบายใจ ไม่ต้องให้ครูมาปลอบ
ั
ั
ี
ั
ครูก็ต้งอกต้งใจอยากให้เราได้ชัยชนะคร้งน้ จึงพยายามฝึกสอน
กันมาอย่างดีท่สุด ถือว่าบังเอิญของท่เราจะได้น้ มันก็ต้องม ี
ี
ี
ี
ฝ่ายเสีย ฝ่ายเสียอย่านึกว่าเสียอะไร ต้องนึกว่าเป็นความเสียสละ
ของเรา แล้วเราก็มีความภูมิใจ ปีหน้าแล้วค่อยมาดวลกันใหม่
ไม่แน่หรอก ใช่ไหม? โคลงโลกนิติ เขาบอกว่า
เจ็ดวันเว้นดีดซ้อม ดนตรี
อักขระห้าวันหนี เนิ่นช้า
สามวันจากนารี เป็นอื่น
วันหนึ่งเว้นล้างหน้า อับเศร้าหมองศรี
แล้วเรองท่เราจะเอาชนะในปีต่อไป ก็อยู่ท่การฝึกซ้อม
ี
ี
่
ื
ี
ี
ต้องอดทน ฝึกฝนบทตามสรภัญญะ ท่เรามาสอบคัดเลือกกันเน่ย
้
่
�
้
่
ไมใชงายๆ ยากมากๆ เราไดผานการชนะเลศระดับอาเภอมาแลว
่
่
ิ
ั
ี
โดยเฉพาะโรงเรียนระดับประถม ท้งจังหวัดมีไม่รู้ก่ร้อยโรงเรียน
170
สาราสารกถา
ี
ส่งเข้ามาประกวดเพียงไม่ก่โรงเรียน ก็แสดงว่า มีแน่ๆ ท่สวดมนต์
ี
เป็นเพียงไม่ก่โรงเรียน ระดับมัธยมก็เช่นกัน จุดประสงค์สาคัญ
ี
�
ี
�
ท่ให้เรามาสวดมนต์ประกวดประชันสวดมนต์ทานองสรภัญญะ
้
็
ั
กนน กเพอใหเราในฐานะทเปนประเทศนบถอพระพทธศาสนา
็
ื
ี
่
่
ุ
ี
ื
้
ั
ได้เข้าใจถึงข้อวัตรปฏิบัติส�าหรับผู้นับถือศาสนาพุทธ
อำนิสงส์ของกำรสวดมนต์
�
่
ั
่
ื
่
ั
่
ี
ึ
ทสาคญอยางหนง นนก็คอการสวดมนต์ไหว้พระ เรียกได้ว่า
เป็นกิจวัตรประจาตัวผู้นับถือศาสนาพุทธ จะต้องถือส่งน้เป็น
�
ี
ิ
หลักปฏิบัติประจาวัน เพราะทุกศาสนาเขามีหลักปฏิบัติกิจวัตร
�
ั
�
ประจาวันด้วยกันทุกศาสนา ท้งสวดมนต์ไหว้พระโดยเฉพาะคน
ท่นามาสวดเป็นทานองสรภัญญะ ถือว่าเป็นยอด เป็นยอดของ
�
�
ี
ั
คนท้งหลายท้งปวง บทสวดมนต์ในพระพุทธศาสนา เราเคยฟัง
ั
�
�
พระท่านสวดมากมาย ทาบุญบ้าน ทาอะไรต่อมิอะไร แล้วท ี ่
เป็นยอดของมนต์จริงก็มีอยู่สามบทท่เราเอามาสวดกันอยู่นี้
ี
เราได้มนต์สามบทน้สวดกันได้แล้ว เราก็ถือว่ามียอดมนต์อยู่ใน
ี
ตัวของเรา ฉะน้น หลังจากประกวดไปแล้วได้รางวัลชนะเลิศ
ั
หรือไม่ได้ก็ตาม เราก็ต้องเอาบทสวดมนต์น้ไปสวดกันทุกวันๆ
ี
�
�
ก่อนจะนอนทาการบ้านเสร็จแล้ว ทาอะไร เสร็จเรยบร้อย ก่อน
ี
ี
นอนต้องสวด สวดอย่างท่เรามาแข่งขันกันว่า นะโมฯ เสร็จ
แล้วก็ว่า อิติปิ โสๆ เสร็จแล้วก็ว่า
171
พระธรรมพุทธิมงคล (สอิ้ง สิรินนฺโท ป.ธ.๘)
"องค์ใดพระสัมพุทธ์ สุวิสุทธสันดาน
............................ ........................"
ว่าเรื่อยไปจนจบ สวดมนต์ทุกวันๆ
ี
่
สวดมนต์ชวยอะไรเราได ช่วยได้แน่นอนเลย ถ้าหากนักเรยน
้
ั
ต้งใจเอาไว้ เพราะมันเป็นยอดของมนต์ ถ้าเราเอาไปสวดทุกวัน
ี
่
่
ี
ั
้
ั
กเทากบวา เราไปเสกตวเอง เสกตวของเราเองน กนคอยอดมนต ์
็
ั
็
ื
่
ั
เสกให้เป็นอะไร? จะเสกให้ตัวเราเองเป็นอะไร? เราก็ต้งใจไว้ว่า
ี
เราจะเป็นอะไรต่อไปในวันข้างหน้า แต่เด๋ยวนี้เราต้องการอะไร
เราพยายามเอามนต์น้ไปเสกทุกวันๆ แล้วจะได้ตามท่เราต้องการ
ี
ี
ปรารถนาจะเป็นคนมีสติปัญญาดี เป็นคนเรียนเก่ง ต้องเอามนต์
ึ
ไปเสกทุกวัน และต่อไปก็ทาให้เราเรียนเก่งข้น ลองเอาไปใช้กัน
�
ดูนะ สวดกันทุกวันแหละ ปีหน้ามีประกวดมาประกวดอีก จะ
ซ้อมให้ทุกวันเลย สวดมนต์ภาวนาช่วยได้จริงๆ ช่วยให้เรามีสต ิ
ปัญญาเจริญได้ เวลาเราสวด เราก็ปรารถนา ขอให้มีสติปัญญา
เป็นเลิศ ต่อไปเราก็เรียนเก่ง ใครสู้เราไม่ได้หรอก
เงื่อนไขทำงธรรมชำติ-สังคม
เราต้องนึกว่าชีวิตท่เกิดมาในโลก อยู่ในเง่อนไขทางธรรม-
ื
ี
ชาติ อยู่ในเง่อนไขทางสังคม เราต้องแข่งขัน ต้องแข่งขันให้สู้
ื
กับคนอื่นได้ เราก็ต้องเป็นคนเก่ง เราจึงจะแข่งขันได้ สู้คนอื่น
ี
ื
เขาได้โดยเง่อนไขทางธรรมชาติ บางทีนักเรียนอาจไม่รู้ ท่เรา
172
สาราสารกถา
ั
ี
ี
เกิดมาจนกระท่งโตเด๋ยวน้ เราผ่านการแข่งขันมาแล้วทุกคน
ี
เพราะตามท่เราเรียนมาทางชีววิทยา พ่น้องเราท่เกิดมาพร้อมๆ
ี
ี
ั
กับเรา เกิดมาคร้งแรก ไม่ใช่มีเราตัวเดียวนะในช่วงแรกเขาเรียก
ี
ั
เป็นตัวๆ นะ พวกเราเน่ย-สเปิร์ม (Sperm) ออกมาคร้งละ
ี
ึ
๓๐๐-๕๐๐ ล้านตัว พ่น้องท่เกิดมาพร้อมกับเรา เราเป็นหน่ง
ี
ิ
ในสามถึงห้าร้อยล้าน ท่สามารถว่งเข้าหลักชัยได้ ชนะมาแล้ว
ี
ื
ใช่ไหมเล่า อีก ๒๐๐-๓๐๐ ล้านสู้เราไม่ได้ นี่เง่อนไขทาง
ั
ธรรมชาติ ชนะมาแล้ว ถ้าไม่อย่างน้นเราเกิดมาไม่ได้ ต้องชนะ
ไม่ใช่ชนะคนสองคน ชนะมาเป็นร้อยล้านแล้ว
ื
เง่อนไขทางสังคมก็เช่นเดียวกัน ล้วนแต่เป็นเง่อนไขท ี ่
ื
ทาให้เราต้องต่อสู้ท้งน้น การประกวดสวดมนต์น้นก็เป็นเง่อนไข
ั
ั
ื
ั
�
ึ
ี
อันหน่ง ท่เราจะต้องมาต่อสู้กัน และต่อไปเราเรียนต่อและ
ั
้
ั
ิ
ั
้
ี
สมมตว่า ชนประถมเรยนจบชน ป. ๖ แล้วจะไปเข้าเรียนช้น
ม. ๑ มีเราคนเดียวใช่ไหม? ไปเรียน ม. ๑ เราก็ต้องไปแข่งขัน
กับเขาอีก ก็ต้องไปสอบใช่ไหม? เรียน ม. ๑ จบ ม. ๓ ก็ต้อง
ไปแข่งขันกับเขาอีก เข้า ม. ๔-๕-๖ ก็ต้องไปแข่งขันกับเขาอีก
ู
เอ็นทรานซ์เข้ามหาวิทยาลย เราต้องมองให้เห็นว่าค่แข่งของเรา
ั
ในวันข้างหน้าน้นมิใช่มีเพียงเท่าน้ สมมติว่าเราจบ ม. ๖ จะไป
ั
ี
เอ็นทรานซ์ เราจะต้องไปแข่งกับคนอ่นๆ อีกเป็นแสนคน แล้ว
ื
จะสู้เขาไหวไหม? จะเอาอะไรเป็นกาลังภายในไปสู้กับเขา นอกจาก
�
วิชาความรู้ แล้ววิชาความรู้เราจะได้อย่างไร มันต้องมีฐานในใจ
�
ั
ั
ี
ั
ี
ี
ของเราท่ม่น เรียกว่าท่ต้งกาลังรบ-ต้งกองทัพท่เราจะไปสู้เขา
173
พระธรรมพุทธิมงคล (สอิ้ง สิรินนฺโท ป.ธ.๘)
ู
�
ั
ี
เอาอะไรไปส้?เอาสวดมนต์นแหละเป็นฐานกาลงภายใน แล้ว
่
ิ
ื
ี
ิ
ก็หาส่งอ่นภายนอกก็หาไป แต่ว่าสวดมนต์น่ไม่ท้ง พยายามสวด
ื
ไปเร่อยๆ ทุกวัน สติปัญญาอะไรต่างๆ ของเราก็จะเพิ่มขึ้น-ดี
ึ
ึ
ข้นเอง ทุกอย่างมันจะเร่มดีข้นไป สภาพแวดล้อม-พ่อแม่เคย
ิ
ดุเคยด่าอะไรต่างๆ ก็จะลดและหมดไป
ู้
ชีวิตคือการต่อส ก็จะต้องต่อสู้กันในหลายรูปแบบ เราเป็น
นักเรียนก็ต่อสู้กัน เผชิญการเรียนการสอน เราก็จะต้องพยายาม
�
ี
ื
ิ
เพราะส่งน้แหละ เป็นเคร่องเพ่มกาลังใจให้เรา เพ่มความเช่อม่น
ิ
ื
ั
ิ
ึ
ี
ในตัวเราให้มากข้น จึงหวังว่า พวกเรานักเรียนทุกคนท่ได้มาต่อส ู้
ี
ิ
ี
แข่งขันกันในคราวน้ จงนึกว่าส่งท่เราได้เหมือนๆ กัน ก็คือ ความด ี
�
ี
ความงาม เพราะเรามาทาความดีเหมือนกัน อันน้เราได้เหมือนกัน
แล้ว ได้หลักท่เราจะนาออกไปปฏิบัติ ก็คือเอาบทสวดมนต์ตาม
ี
�
�
ี
ั
ี
ี
ท่เราสวดกันได้น้ เราสวดเป็นประจาทุกวัน ก็จะเป็นฐานท่ม่น
�
ี
ให้เรามีกาลังสามารถท่จะต่อสู้บทเรียนต่างๆ ในวันข้างหน้าเป็น
อย่างดี
เพราะฉะนั้น ก็ขออนุโมทนาถึงนักเรียนทุกคน ให้ได้บุญ
ั
ี
ได้กุศล ความด ความงามตามหลักพระพุทธศาสนาท่วทุกคน
�
และก็ขออานวยพรแก่นักเรียนทุกคน ให้มีกาลังกาย กาลังใจ
�
�
ั
�
กาลังสติปัญญา กาลังทรัพย์เจริญม่นคง ทาให้เรามีความแข็งแรง
�
�
�
ทุกด้าน สามารถนาพาชีวิตไปสู่เกมการต่อส เพ่อชัยชนะในโอกาส
ื
ู้
ต่อไป จงทุกคน ทุกประการเทอญ.
เข้าใจความทุกข์ สนุกกับการแก้ปัญหา
คือ ปฏิปทามหาบุรุษ
เจ้ำโลก
ผมอยากจะทบทวนคาปฏิญาณท่เราได้กล่าวไว้ เม่อเราบูชา
ี
ื
�
�
ั
�
พระกันเสร็จน้น ว่าเรากาหนดจดจากันได้หรือไม่ ก็อยากจะขอร้อง
ี
ี
ท่ประชุมน้ทุกองค์ให้สงบจิตสงบใจกันอีกวาระหน่ง ก่อนท่จะ
ี
ึ
ึ
่
ั
เข้าหวเรองดังกล่าว มากล่าวคาปฏญาณพร้อมกันอีกครงหน่ง
ื
ั
�
้
ิ
ี
�
�
คาปฏิญาณตนเม่อก้น้ต้องจาให้ได้ จาได้แล้วเอาไปปฏิญาณตน
�
ี
ื
ทุกวันทุกคืน ทุกวันทุกคืนท่เรายังไม่สึก เจอญาติเจอโยมก่อน
ี
ที่จะคุยเรื่องอะไรกัน ก็ชวนญาติโยมปฏิญาณตนก่อน
ี
ก่อนท่จะคุยกัน เวลาเราสึกหาพาทีออกไป ไปอยู่บ้าน
อยู่เรือน ไปมีครอบครัว ก็ต้องชวนคู่ครองของเราปฏิญาณตน
ุ
ื
ทุกวันเหมือนกัน เราจะต้องพยายามปลกระดมเร่องน้กนให้
ั
ี
จริงๆ จังๆ ให้ถือเป็นคุณธรรมประจาชาติไทยทีเดียว ก็ต้อง
�
ั
ั
ั
เอากันขนาดน้น เอา! คอยต้งใจ ไม่ต้องประนมมือล่ะ ต้งใจ
กาหนดแล้วคอยว่าตามด้วย ว่าให้ชัดถ้อยชัดคาเชียว ญาติโยม
�
�
* บรรยายพิเศษ เรื่องคุณธรรม ๔ ประการ เมื่อปี ๒๕๒๕
176
สาราสารกถา
�
ื
ด้วยก็ได้ เพราะคุณธรรมมันเป็นเร่องสาคัญ ขาดไม่ได้ ต้องให้
จ�าต้องให้ว่ากัน พร้อมกันแล้วนะ ว่าตาม
ข้าพเจ้าขอปฏิญาณตนว่า
ข้อ ๑ ข้าพเจ้าจะรักษาความสัจ ความจริงใจต่อตัวเอง
ที่จะประพฤติปฏิบัติแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์และเป็นธรรม
้
ขอ ๒ ขาพเจาจะฝกใจตนเอง ขมใจตนเอง ใหประพฤต ิ
้
้
่
้
ึ
ปฏิบัติในความสัจความดีนั้น
ี
ั
ข้อ ๓ ข้าพเจ้าจะอดทน อดกล้น และอดออม ท่จะไม่
ประพฤติล่วงความสัจสุจริต ไม่ว่าจะด้วยเหตุประการใด
ั
ข้อ ๔ ข้าพเจ้าจะละวางความช่ว ความทุจริต และสละ
ื
ประโยชน์ส่วนน้อยของตน เพ่อประโยชน์ส่วนใหญ่ของบ้านเมือง
จ�ำแล้วน�ำไปใช้
�
�
ื
จาไว้ ถ้าจาไม่ได้ เม่อกลับไปวัดแล้ว ไปทบทวนนะ วิธีการจา
�
เรามากนวดละไม่ตากว่า ๔ รูป จารปละข้อๆ แล้วไปต่อกนได้
ู
�
ั
�
ั
ั
่
�
ใครจะจาข้อ ๑ ข้อ ๒ ใครร้ตัวว่ามีอาวุโสสูงสุดในแต่ละวัดนนก ็
ั
้
ู
�
�
จาไป รูปท่มีอาวุโสมากจาข้อแรก รองลงไปก็จาข้อ ๒ รองลงไป
ี
�
ึ
�
จาข้อ ๓ รองลงไปจาข้อ ๔ ถ้ามีต้งแต่ ๑๐ รูปข้นไปก็เวียนกัน
�
ั
อย่างน้จารูปละข้อๆ พอไปถึงวัดก็เอาไปปะติดปะต่อกัน ว่าไป
�
ี
ทีเดียว ๔ ข้อได้เลย
177
พระธรรมพุทธิมงคล (สอิ้ง สิรินนฺโท ป.ธ.๘)
เวลาก่อนทาวัตร จุดธูปเทียนบูชาพระเสร็จแล้ว ก่อนท ่ ี
�
จะทาวัตรกันก็กล่าวคาปฏิญาณก่อน ก่อนท่จะเรียนนักธรรมกัน
ี
�
�
้
ุ
ี
็
็
ไหว้พระเสรจแล้วกกล่าวคาปฏญาณกน เราทาอย่างนทกๆ วัน
ิ
ั
�
�
ให้จ�ากันได้ คือให้เราตั้งเป้าหมายกันว่า เราจะปลูกฝังคุณธรรม
ี
๔ ประการน้ ให้ซึมซับอยู่ในจิตใจของเราทุกคน และก็ให้ซึมซับ
เข้าไปในจิตใจของประชาชนทุกคนบนผืนแผ่นดินไทยน้ โดย
ี
ี
ี
ั
เฉพาะใน ๔ ตาบลน้ท่เรามาประชุมกัน เราต้องต้งใจว่ากลับจาก
�
ี
�
ั
อบรมน้แล้ว เราจะต้องนาคุณธรรมท้ง ๔ ประการน้แหละไป
ี
ึ
ปลูกฝังแก่ญาติโยมและลูกเด็กเล็กแดงทุกคน ท่ข้นกับบริเวณ
ี
วัดเรา และกว่าจะออกพรรษา ให้ทุกคนจาคุณธรรม ๔ ประการน ้ ี
�
ี
ื
ให้ได้ ต้งใจกันไว้อย่างน้น เอาล่ะ ผมจะเข้าเร่องราวท่จะถวาย
ั
ั
เรื่องของความเป็นเจ้าโลก
ใครคือเจ้ำโลก
ื
ความจริงการต้งช่อเร่องน้ รู้สึกว่าออกจะใหญ่โตมโหฬาร
ื
ี
ั
เกินไป แต่ว่าก็ไม่เป็นเร่องที่สุดวิสัยนักท่เราจะช่วยกันสร้างคน
ื
ี
ึ
ให้เป็นเจ้าโลกข้นมาให้ได้ แต่ว่าเราจะสร้างคนให้เป็นเจ้าโลกขน
ึ
้
�
มาได้จริงๆ โดยพลกาลังของเรา มันอาจจะไม่ได้จริงๆ แต่เรา
ื
ก็ต้องเช่อกันอยู่อย่างหนึ่งว่า มีคนคิดแล้วท่จะเป็นเจ้าโลก เรา
ี
ี
ลองหลับตานึกดูซิว่า คนท่คิดจะเป็นเจ้าโลกท่ผ่านมาในความร ู้
ี
ของเรานั้นน่ะมีใครบ้าง ลองหลับตานึกซิ มีแน่นอน
178
สาราสารกถา
คนท่คิดเป็นเจ้าโลกน้ พวกเราอาจจะคิดไม่ออกว่ามีใคร
ี
ี
่
ี
ิ
ิ
บ้าง คดไม่ออกไม่เป็นไร เดยวผมจะบอกให้ ความจริงคนทคด
๋
ี
ั
ี
จะเป็นเจ้าโลกหรือคิดท่จะครองโลกกันจริงๆ น้น มีอยู่ ๔ คน
เท่านั้นเอง แล้ว ๔ คนนี้ตายหมดแล้ว!
เหลืออยู่ก็พวกเราเท่าน้นแหละท่จะครองโลกกันต่อไป
ี
ั
ื
อันน้เพ่อต้องการจะให้เรารู้ว่าเราจะสนับสนุนใครให้เป็นผู้ครอง
ี
�
�
โลกให้ได้ คอยกาหนดแล้วก็จาไว้ คนอื่นน่ะไม่ต้องมาคิดแล้ว
�
้
ั
ซารอยเขาหมดแล้ว คนท่คิดจะครองโลกกันจริงๆ น้นมีอยู่ ๔
ี
คนด้วยกัน คนแรกคือใคร? คนแรกก็คือพระพุทธเจ้าของเรา
น้เป็นคนแรกเลย ท่คิดจะครองโลก และคนท่สองคือใคร? คน
ี
ี
ี
ท่สองก็คือพระเยซูคริสต์ หรือศาสดาของศาสนาคริสต์ คนท ี ่
ี
สามก็คือพระนะบี มะหะหมัด ศาสดาของพวกศาสนาอิสลาม
และคนท่ส่ก็คือคาร์ล มาร์กซ์ ศาสดาหรือเจ้าลัทธิคอมมิวนิสม์
ี
ี
จ�าได้ไหม?
เจ้ำโลกคนแรก
ี
ั
เม่อคนท่คิดจะครองโลกจริงๆ มีอยู่ ๔ คนเท่าน้น แล้ว
ื
ี
ั
ี
ปัจจุบันน้คนท้งโลกยอมรับนับถือใคร พูดอย่างน้เราอาจจะ
ี
ซีเรียสกันนิดหน่อยนะ เพราะว่ามันเป็นข้อเท็จจริงท่เราเอง
ั
จะต้องทาความรู้สึกกนบ้างพอสมควร ว่าเราปัจจบันน้นอยู่ใต้
ุ
�
ั
ี
ั
อิทธิพลของศาสดาองค์ไหน? ท้ง ๔ องค์น้มีความคิดมีเจตนา
ี
ท่จะช่วยเหลือโลก เราพูดกันอย่างง่ายๆ ว่าง้นเถอะ เรามา
ั
179
พระธรรมพุทธิมงคล (สอิ้ง สิรินนฺโท ป.ธ.๘)
ี
พูดว่าคิดเป็นเจ้าโลก หรือคิดครองโลกเน่ย เพราะแต่ละองค์น ี ้
ื
�
คิดพยายามสร้างทฤษฎีหรือหลักคาสอนของตนๆ มา เพ่อท ่ ี
�
�
จะทาให้คนท้งโลก ยึดถือหลักคาสอนของตัวเองเข้ามาไว้ใน
ั
ั
ื
การดารงชีวิต เข้ามาไว้ใช้ในสังคม เพ่อช่วยเหลือให้สังคมน้น
�
มีความสงบมีความสุข เพราะศาสดาแต่ละองค์ๆ น้น ก็มอง
ั
ี
ปัญหาสังคมกันไปในคนละรูปคนละแบบ ท่ว่าพระพุทธองค์เรา
ั
ื
คิดจะครองโลก หรือเป็นเจ้าโลกน้น มิใช่เป็นเร่องของความมัก
ใหญ่ใฝ่สูงแต่ประการใดทั้งสิ้น
พระองค์ก็พยายามคิดค้นว่า โลกมนุษย์ของเราน้นทุกคน
ั
ท่เกิดแล้วปรารถนาอะไรกัน อย่างเราทุกคนน้ จะเป็นพระเป็น
ี
ี
เณรหรือเป็นฆราวาสก็ตาม เราก็ต้องนึกถึงตัวเราเองว่า เรา
ี
เกิดมาในโลกทุกวันน้ เราปรารถนาอะไรๆ กัน ถามตัวเอง ถาม
ญาติโยม หรือญาติโยมต่างถามตัวเองกัน ไม่มีใครปฏิเสธเลย
�
ว่า เราปรารถนาความสุขกัน ความยาก-ความลาบาก-ความ
เดือดร้อน ไม่มีใครปรารถนา ทุกคนท่เกิดมาในโลกน้ต่างก ็
ี
ี
ปรารถนาความสุข-ความสบายด้วยกันทั้งนั้น นี่แหละเป็นสาเหตุ
�
ี
ท่ทาให้เกิดศาสนาข้นมา ก็พยายามใช้หลักศาสนาของพระองค์
ึ
ื
เข้ามารองรับวิถีชีวิตของเรา เพ่อให้เราปฏิบัติชีวิตของเราไป
ื
ี
ในแนวทางท่พระองค์ตรัสไว้ และทรงยืนยันว่า เม่อปฏิบัติตาม
ิ
ี
แนวทางทพระองค์ตรสไว้แล้วนน จะเป็นการพาชวตของเราน ี ้
่
ั
้
ี
ั
ื
ไปสู่ความสุข-ความสบาย และทรงยืนยันว่าเม่อปฏิบัติตามแนว
180
สาราสารกถา
ี
ี
ั
ทางท่พระองค์ตรัสไว้แล้วน้น จะเป็นการพาชีวิตของเราน้ไปสู่
ความสุข-ความสบาย สมความปรารถนาของเราได้ ก็วางทฤษฎ ี
ต่างๆ มากมายทีเดียว ทฤษฎีท่จะพาชีวิตของเราไปสู่ความสุข
ี
ความสบาย คริสต์ก็วางทฤษฎีของพระองค์มา อย่างพระนะบ ี
มะหะหมัดก็วางทฤษฎีของพระองค์มา อย่างคาร์ล มาร์กซ์ ศาสดา
ื
ของลัทธิคอมมิวนิสม์ก็วางทฤษฎีของตนมา เม่อเราแต่ละรูป แต่
ละคน แต่ละท่าน ในสังคมโลกท้ง ๔,๐๐๐ ล้านกว่าในปัจจุบันน ้ ี
ั
ถ้าเราหลับตานึกถึงพลโลกท้งหมดท่วท้งโลกประมาณ ๔,๐๐๐
ั
ั
ั
ั
ี
กว่าล้านคน เรามองเห็นชัดทีเดียวว่า ท้ง ๔,๐๐๐ ล้านคนน้ ตก
อยู่ใต้อิทธิพลของศาสดา ๔ องค์นี้เท่านั้น
- บางคนก็ชอบใจทฤษฎีชอบใจคาสอนของพระพุทธ-
�
องค์ ก็มานับถือศาสนาพุทธ
- คนท่ชอบใจทฤษฎีของพระเยซูคริสต์ ก็สมัครใจเป็น
ี
ศาสนิกของศาสนาคริสต์
�
- คนท่ชอบใจทฤษฎีหรือคาสอนของพระนะบี มะหะหมัด
ี
ก็ยอมตนไปนับถือศาสนาอิสลาม
ี
- คนท่ชอบใจทฤษฎีคาสอนของคาร์ล มาร์กซ์ ก็ไปปฏิญาณ
�
ตัวเองเป็นคอมมิวนิสม์
ี
ี
ก็มีคน ๔ คนหรือศาสดา ๔ องค์น้แหละท่พยายามผลิต
หรือสร้างทฤษฎีข้นมา เพ่อท่จะให้โลกท้งโลกน้เอาทฤษฎีของ
ี
ื
ั
ึ
ี
ี
ตัวมาเป็นแนวทางแห่งการประพฤติปฏิบัติ น้เราก็จะต้องพิจารณา
181
พระธรรมพุทธิมงคล (สอิ้ง สิรินนฺโท ป.ธ.๘)
ทฤษฎีต่างๆ ของศาสดา ๔ องค์ เราอาจจะมีเวลาไม่พอ
ี
เพราะเวลาท่เราจะมาพูดกันในวันน้ มันมีเวลาจากัดเพียง ๒
�
ี
ั
ี
ั
-๓ ช่วโมงเท่าน้น อยากจะให้เราในฐานะท่เป็นคนไทยนับถือ
ศาสนาพุทธ เราก็ต้องพยายามคิดกันว่า ทฤษฎีหรือหลักคาสอน
�
ี
ั
ุ
ของพระพทธเจ้าน้น สามารถท่จะนาวถีชวิตของคนไทยหรือ
ี
ิ
�
ของคนท้งโลกน้ ไปสู่จุดหมายปลายทางคือความสุขสบายได้
ั
ี
่
จริงหรือไม เราจะต้องต้งเป้าหมายเข้าไปศึกษาอย่างน เราทกองค ์
ั
้
ี
ุ
ี
ท่ยอมตนเข้ามาบวช ก็แสดงว่าพ่อแม่ปู่ย่าตายายบรรพบุรุษของ
เรายอมรับทฤษฎีของพระพุทธองค์ ว่าทฤษฎีของพระพุทธองค์
ี
ั
�
ี
ั
น้นสามารถท่จะนาพาโลกท้งโลกน้ไปสู่ความสุขได้ แล้วเราก ็
ยอมรับทฤษฎีของพระพุทธองค์มาเป็นเวลาหลายร้อยปีท่เข้ามา
ี
อยู่ในประเทศไทยน้ ถ้าหากว่าเราไม่พยายามทาใจของเราให้ม ี
�
ี
ความรู้สึกอย่างน้แล้ว ไม่แน่นักว่าเราจะรักษาศาสนาของพุทธองค์
ี
ไว้ได้
เจ้ำโลกคนล่ำสุด
เพราะในขณะน้ปัจจุบันน้ลัทธิคอมมิวนิสม์ คาร์ล มาร์กซ์
ี
ี
ิ
่
�
ี
เขยนท้งไว้แล้วตัวเองตายไป เมอตายไปแล้ว เลนน ผู้นาของ
ิ
ื
ี
รัสเซียก็พยายามไปพลิกเอาทฤษฎของคอมมิวนิสม์หรือทฤษฎ ี
ของคาร์ล มาร์กซ์ เอามาศึกษาแนวทางแล้วเกิดความพอใจ เกิด
ื
ความเล่อมใส ก็เอาทฤษฎีของคาร์ล มาร์กซ์มาปฏิวัติรัสเซีย
182
สาราสารกถา
เป็นประเทศแรก และนาเอาระบอบการปกครองแบบลัทธิคอม-
�
มิวนิสม์เข้ามาใช้ในประเทศรัสเซีย แล้วก็พยายามปลุกระดม
ี
ั
ึ
ื
ให้โลกท้งโลกน้ไปเล่อมใสในลัทธิคอมมิวนิสม์ด้วย ซ่งเลนินเอา
ลัทธิคอมมิวนิสม์ข้นมาใช้เม่อประมาณ พ.ศ. ๒๔๖๐ เอามา
ื
ึ
ปฏิวัติรัสเซียเป็นประเทศแรก แล้วเราก็คิดดูว่าจาก พ.ศ. ๒๔๖๐
มาถึง พ.ศ. ๒๕๒๕ ปีน้ ก็อายท่ลัทธิคอมมิวนิสม์ได้เกิดเป็น
ี
ุ
ี
ึ
ั
รูปเป็นร่างข้นจริงๆ น้นเพียงแค่ ๖๕ ปี แต่เพียงแค่ ๖๕ ปี ลัทธิ
คอมมิวนิสม์ก็สามารถตีเข้ามาแทบจะคร่งโลกแล้ว จากประเทศ
ึ
รัสเซียก็เข้ามาในประเทศจีนใหญ่หรือจีนคอมมิวนิสม์ จาก
จีนใหญ่ก็มาประเทศเขมร ประเทศเวียตนาม ประเทศลาว ซึ่ง
จ่อประตูบ้านเราเข้ามาแล้ว แล้วยังแถมไปทางกลุ่มประเทศยุโรป
หรือพูดอย่างง่ายๆ ว่าปัจจุบันน้ลัทธิคอมมิวนิสม์ได้คืบคลาน
ี
เข้ามาในโลกปัจจุบัน เรียกว่าได้มากันอย่างแรง และลัทธ ิ
คอมนิวนิสต์นี้จะตีศาสนาทุกศาสนา ถือว่าศาสนาน้นไม่เป็น
ั
ิ
ประโยชน์ต่อสังคม ไม่ได้ช่วยสังคมอะไรได้เลย ย่งโจมตีร้อยแปด
พันประการ จนขนาดประเทศไทยเราน้กลัวลัทธิคอมมิวนิสม์
ี
รัฐบาลก็พยายามปราบปรามพวกมีความนิยมเล่อมใสทฤษฎ ี
ื
ั
คอมมิวนิสม์ ไม่ให้ผุด-ไม่ให้เกิดข้นในประเทศไทย แม้กระน้น
ึ
ก็ยังอดผุด-อดเกิดขึ้นไม่ได้ อันนี้เป็นเรื่องที่เราจะต้องพยายาม
อย่างน้อยๆ เราไม่มีโอกาสท่จะศึกษารู้ลัทธิหรือทฤษฎีคอม-
ี
มิวนิสม์ได้
183
พระธรรมพุทธิมงคล (สอิ้ง สิรินนฺโท ป.ธ.๘)
ศึกษำพำศำสนำพุทธอยู่รอด
ื
พวกเราในฐานะท่นับถือพุทธศาสนา ในปัจจุบันเม่อมีลัทธ ิ
ี
้
ี
คู่แข่งอย่างน ก่อนทเราจะยอมรับลัทธิใดๆ ก็ตาม จะเป็นลัทธ ิ
ี
่
ของพระเยซู ลัทธิของพระนะบี มะหะหมัด ลัทธิของคาร์ล มาร์กซ์
ี
ก็ตาม ผมก็อยากจะขอร้องพวกเราทุกรูปทุกองค์ ก่อนท่เราจะ
ยอมรับลัทธิอ่นใดก็ตามไม่ว่ากันล่ะ ท่านจะเล่อมใสคอมมิวนิสม์
ื
ื
ู
ื
ท่านจะเลอมใสพระเยซ ท่านจะเลอมใสพระนะบ มะหะหมด
่
่
ั
ี
ื
ก็ตามแต่เถอะ อยากจะให้พวกเรามาต้งอกต้งใจศึกษาลัทธิของ
ั
ั
พระพุทธเจ้าก่อน
ี
ท่เรานับถือพระพุทธเจ้าน่ เราชอบใจธรรมะคาสอนของ
�
ี
ั
ื
ิ
�
พระองค์ หรือคาสอนของพระองค์น้นจะช่วยโลกได้จรงหรอไม ่
เราพยายามต้งอกต้งใจศึกษาเล่าเรียนก่อน พยายามตีทฤษฎีของ
ั
ั
ั
่
่
ื
ั
้
ั
้
้
พระพทธเจาใหแตกใหเขาใจกนกอน เมอเราพยายามต้งอกต้งใจ
้
ุ
ศึกษากันแล้ว เห็นว่าทฤษฎีของพระพุทธเจ้าใช้ไม่ได้-ไม่เป็น
ประโยชน์ต่อโลก เราจะเลิกนับถือไปนับถือลัทธิศาสนาใด อันน ้ ี
ี
ั
ก็ตามใจ คือปัจจุบันน้โดยมากในบ้านในเมืองของเรา แม้กระท่ง
�
ี
ิ
ผู้บริหารบ้านเมืองประเทศชาต ก็รู้สึกว่าจะให้ความสาคัญเก่ยว
กับการศึกษาเร่องพระพุทธศาสนาน้อยมาก เม่อเราพยายาม
ื
ื
ให้การศึกษาเรื่องพระพุทธศาสนาน้อยมากเท่าไร โอกาสท่ลัทธ ิ
ี
ั
อ่นจะเข้ามาครอบครองประเทศไทย ก็เป็นไปได้มากเพียงน้น
ื
ี
โดยเฉพาะเก่ยวกับลัทธิคอมมิวนิสม์ ถ้ากลัวคอมมิวนิสม์แล้ว
184
สาราสารกถา
เราพยายามไม่ศึกษาลัทธิพระพุทธศาสนาน้แล้ว เราจะป้องกัน
ี
ี
ื
ิ
คอมมวนิสม์ไม่ได้เลย พูดเร่องน้แล้วก็บอกตรงๆ ว่ามันออกจะ
ื
เป็นเร่องเครียดไปสักหน่อย เพราะมันเป็นเร่องเก่ยวกับตวเป็น
ั
ื
ี
ตัวตายของสถาบัน ก็เพราะเรารู้แล้วว่าลัทธิคอมมิวนิสม์น้น
ั
ี
�
ี
จะเป็นตัวท่ลาลายล้างสถาบันหลักต่างๆ ของเราท่เรายกย่อง
ั
ั
ี
ั
เชดชกนเขามีเป้าหมายท่จะทาลายล้างท้งน้น สถาบันหลักของ
ิ
�
ู
เรามีอะไร?
สำมสดมภ์หลัก
ี
ก็มีชาติ ศาสนา มีพระมหากษัตริย์ อันน้ก็เป็นสถาบันหลัก
ี
ของเรา และก็เป็นสถาบันหลักท่เรายอมรับนับถือกันมาเป็นเวลา
ร้อยๆ ปีแล้ว ถ้าหากว่าเราไม่ต้งใจศึกษาให้รู้ว่า ศาสนาของเรา
ั
มีประโยชน์อย่างไร ธรรมะมีประโยชน์อย่างไร จะช่วยสังคมได้
จริงหรือไม่ ผมรับรองว่าป้องกันปัญหาคอมมิวนิสม์ไม่ได้ และ
ื
เม่อคอมมิวนิสม์เข้ามาได้ สภาวะของสังคมต่างๆ จะเปล่ยน
ี
ี
รูปเปล่ยนร่างไปอย่างไร ก็เหลือท่เราจะเดาได้ เพราะว่าลัทธ ิ
ี
ื
ั
คอมมิวนิสม์กับลัทธิพระพุทธศาสนาน้น มีแนวนโยบายเบ้องต้น
ื
ี
ที่แตกต่างตรงกันข้าม อันน้เป็นเร่องท่เราจะต้องศึกษาก่อน ความ
ี
ตรงกันข้ามระหว่างลัทธิคอมมิวนิสม์กับลัทธิพระพุทธศาสนา
ี
ี
น้อยู่ตรงไหน ถ้าหากว่าเราเคยได้ยินได้ฟังเก่ยวกับพวกท่นิยม
ี
ลัทธิคอมมิวนิสม์มาพูดบ้าง ในสมัยเมื่อ ๑๐ กว่าปีก่อน หรือ
185
พระธรรมพุทธิมงคล (สอิ้ง สิรินนฺโท ป.ธ.๘)
ี
ื
เม่อประมาณ ๑๐ ปีท่แล้วมา เขาปลุกระดมเร่องอะไรต่างๆ
ื
กันมากพอสมควร พวกสาวกของคอมมิวนิสม์น้นมีหลักการพูด
ั
ึ
อย่างหน่งว่า จะพยายามสร้างอะไรๆ สร้างความแตกแยกใน
สถาบันต่างๆ ให้เกิดข้น หรือพูดอย่างง่ายๆ ว่า เป้าหมายก็คือ
ึ
การสร้างความเกลียดกันของบุคคลในสังคม นี่คือเป้าหมาย
“เกลียด” ท�ำลำยโลก
ี
เป้าหมายสร้างให้เกิดการเกลียดกันน้ มันสามารถท่จะ
ี
ทาลายกันได้ สร้างความเกลียดกันได้ยังไง เช่นอย่างให้ประชาชน
�
ั
ชาวบ้านกับพระเกดความเกลียดชงกนข้น มนกเกดช่องว่าง นี่
ิ
็
ิ
ั
ึ
ั
อันหนึ่ง
ั
ั
สร้างให้ประชาชนกับข้าราชการเกิดความเกลียดชงกน
ึ
พอเกลียดชังกันข้นก็เกิดช่องว่าง เกิดช่องว่างเข้ามาแทรกระหว่าง
กลาง ขยายช่องว่างให้มากเข้า เรียกว่าระหว่างกลุ่มชนต่างๆ แม ้
ั
กระท่งในสถาบันครอบครัว ก็จะพยายามพูดสร้างความเกลียดชัง
ในระหว่างพ่อแม่กับลูก ระหว่างพ่อแม่กับลูกก็สามารถสร้างความ
ั
ึ
ี
เกลียดชังให้เกดข้นแก่กนได้ โดยลทธิโดยทฤษฎ โดยเหตุผล
ั
ิ
ี
ต่างๆ น่ลัทธิคอมมิวนิสม์จะตั้งเป้าหมายจะจับจุดอ่อนของแต่ละ
สถาบันมาพูดข้น แล้วก็พยายามแหวกช่องว่างให้คนแต่ละกลุ่ม
ึ
ั
เกิดความเกลียดชังกัน แล้วก็อาศัยความเกลียดชังกันน้นแหละ
186
สาราสารกถา
ั
ื
ให้บุคคลสองกลุ่มน้นเกิดการต่อสู้กัน เม่อเกิดการต่อสู้กันแล้ว
มันเกิดอะไรขึ้น!
ั
ก็เกิดความปั่นป่วนวุ่นวาย แล้วผลท่สุดโลกท้งโลก สังคม
ี
ี
ั
ท้งสังคมน้ มันจะเกิดความวุ่นวายตลอดไป พอวุ่นวายตลอด
ไปแล้ว เป็นอย่างไร? สมมติว่าระหว่างชาวบ้านกับพระ พูดให้
พระเกลียดชาวบ้าน พูดให้ชาวบ้านเกลียดพระ ก็เกิดทะเลาะ
ไม่ลงรอยกัน แล้วผลท่สุดเป็นยังไง มันก็เกิดการอ่อนกาลังกัน
ี
�
�
�
ื
ท้งสองฝ่าย พระก็อ่อนกาลัง ชาวบ้านก็อ่อนกาลัง เม่ออ่อน
ั
กาลังแล้วก็เป็นยังไง คอมมิวนิสม์ก็สามารถเข้ามายึดเอาไป
�
แบบสบายๆ มันเหมือนกับพูดอย่างง่ายๆ ว่า พยายามไปยุแหย่
ั
ั
ั
ื
ุ
ิ
เปรยบเทยบว่าอย่างนน พยายามไปยแหย่ให้เสอกบสงห์กดกน
ี
้
ี
ั
นะ พยายามยุแหย่ให้เสือกับสิงห์กัดกัน เสือกับสิงห์กัดกันตาย
ไปสองข้างทายังไง สุนัขจ้งจอกมันก็กินท้งเน้อสิงห์ท้งเน้อเสือ
ั
ื
ั
ิ
ื
�
สบายหมาจิ้งจอกไป
“รัก” สร้ำงโลก
เร่องของเร่องมันเป็นอย่างน้ เพราะฉะน้น เราก็มาสรุป
ั
ื
ื
ี
อย่างง่ายๆ ว่า สังคมเราจะอยู่กันได้อย่างมีความสุขอย่างไร?
ั
ี
ี
ผมก็อยากจะต้งปัญหาถามทุกท่านและทุกคนในท่น้ว่า ระหว่าง
ความเกลียด-ความชังกับความรักนี่ อันไหนจะช่วยให้สังคม มี
187
พระธรรมพุทธิมงคล (สอิ้ง สิรินนฺโท ป.ธ.๘)
ั
ี
ความสงบสุขได้ เราลองต้งปัญหาถามตัวเองอย่างน้ว่า ระหว่าง
ความเกลียด-ความชังกับความรัก-ความชอบ อันไหนจะช่วยให้
เราสบาย อันไหนจะช่วยให้เรามีความสงบสุขหรืออันไหนจะเป็น
ื
�
็
เคร่องท�าลายล้างความสุขสบายของเรา เรากจะได้คาตอบเป็น
ั
ั
ี
ั
ี
่
ั
อนหนึงอนเดยวกนว่า ความเกลยดความชงนนไม่สามารถช่วย
ั
้
ี
โลกให้สุขสบายได้ สังคมใดก็ตามลัทธิใดก็ตามท่สอนให้คนใน
สังคมเกลียดชังกัน ลัทธิน้นไม่เป็นประโยชน์ต่อโลกแน่นอน
ั
ั
เพราะอะไร? เพราะเร่องของความเกลียด-ความชังน้นมันเป็น
ื
ื
ี
เร่องของทฤษฎีท่ตัน หรือพูดอย่างง่ายๆ ว่า มันเป็นทฤษฎีท ี ่
ี
ั
คับแคบและเป็นทฤษฎีท่ไปสู่ทางตัน เพราะอะไร? ผมจะต้ง
ปัญหาถามทุกท่านเลยว่า ในระหว่างความเกลียด-ความชังกับ
ความรัก อันไหนมันจะขยายจิตใจให้กว้าง อันไหนมันจะบีบ
จิตใจของเราให้แคบ เรานึกถึงจิตใจเราเอง เรานึกถึงจิตใจของ
ี
เราเองว่า จิตใจของเรามันจะแคบจะหร่ เพราะอะไร? และ
จิตใจของเรามันจะกว้าง มันจะเบิกบาน เพราะอะไร? เพราะ
ั
ั
เราแต่ละรูปแต่ละคนน้ ต่างก็มีจิตใจเหมือนกันท้งน้น ถ้าจะพูด
ี
ถึงกาเนิดของชีวิตเราแต่ละคนๆ แล้ว มันจะมีลักษณะเหมือน
�
กันทุกคน จะเป็นชีวิตท่เป็นส่วนประกอบทางร่างกายหรือเป็น
ี
ส่วนประกอบทางจิตใจ มันก็เหมือนกัน เพราะพระพุทธองค์ท่าน
ี
ี
ทรงเห็นว่า ชีวิตของแต่ละคนๆ ท่เกิดมาในโลกน้ มันเกิดมา
ู
่
ี
ี
ั
่
จากสงเดยวกนเหมอนกันทกรปทุกนาม ทงทเป็นส่วนของรป
ิ
้
ั
ู
ื
ุ
กายและนามกาย
188
สาราสารกถา
เรำเกิดมำจำกท้องพ่อ-ท้องแม่
เอาล่ะ เรามานึกถึงตัวเรากันก่อน มานึกถึงตัวเรา ก็ต้อง
ั
ิ
ิ
นกย้อนหลงไปว่า ตวเราจรงๆ เกดมาจากอะไร ทมนมาเป็น
ั
ั
ี
ึ
่
ี
สภาพร่างกายของเราทุกวันน้ เราเกิดมาจากอะไร หลับตานึกด ู
ั
ั
นึกย้อนหลังไปเร่อยๆ ต้งแต่ปีน้เม่อปีกลายปีก่อนโน้นและต้งแต่
ื
ี
ื
เราอายุหน่งขวบ หรือต้งแต่แรกเกิดทีเดียว ถ้าเรานึกย้อนหลังไป
ึ
ั
ุ
ิ
่
ิ
ั
่
้
็
็
เรากจะไปเหนจดเรมแรกตงแตเราเกดมา เราเกิดมาจากท้องใคร?
ั
ิ
เรานึกเห็นไหม? เราก็จะเห็นจุดเร่มแรกทีเดียวน้น เราเกิดมา
ี
จากท้องพ่อ เราลองหลับตา นึกท่เรารู้กันว่า-เราเห็นว่าเรามา
ั
ี
จากท้องแม่ แต่ท่เราไม่เห็นจริงๆ น้น เราเกิดมาจากท้องพ่อ
ั
ชีวิตของคนทุกคนเป็นอย่างน้นท้งน้น ทาไมผมจึงว่าเกิดจาก
�
ั
ั
ท้องพ่อ ก็เพราะเดิมชีวิตเราในแต่ละคนรวมกันอยู่ในตัวพ่อ
ั
ื
เม่อออกจากท้องพ่อแล้วจะรอดตายไปได้ ต้องผ่านข้นตอน
ั
ึ
ต่อสู้อีกมากมาย เราต้องรู้หลกความจริงอย่างหนงว่า ในช่วง
่
ี
จังหวะท่เราออกจากท้องพ่อเราเรียกตามภาษาชีววิทยา หรือ
ตามภาษาแพทย์ว่าตัวสเปิร์ม (Sperm) ซ่งการออกจากท้อง
ึ
ั
ึ
ั
ี
ึ
พ่อน้ คร้งหน่งไม่ใช่ออกมาเพียงตัวเดียว ออกมาคร้งหน่งไม่
น้อยกว่า ๓๐๐ ล้านตัว ถึง ๕๐๐ ล้านตัว เมื่อเข้าไปในท้องแม่
ก็ต้องไปแข่งกันในท้องแม่ ตัวไหนท่แข็งแรงท่สุดก็สามารถว่งไป
ี
ิ
ี
สู่รังไข่ของแม่ได้ ท่เราเกิดมาได้ก็แสดงว่าเราเก่งท่สุดแล้ว หรือ
ี
ี
พูดอย่างง่ายๆ ว่าเป็น ๑ ใน ๕๐๐ ล้านก็ได้ และต้องไปอยู่ใน
189
พระธรรมพุทธิมงคล (สอิ้ง สิรินนฺโท ป.ธ.๘)
ท้องแม่นานถึง ๒๓๘ วัน หรือประมาณ ๑๐ เดือนกว่าจะได้
ึ
�
เกิดมา ซ่งในบางคร้งแม่จะทาลายเสียด้วยการกินยาก็ได้ เรา
ั
ก็จะมองเห็นว่าชีวิตเราเกิดมาได้เพราะความรัก ที่เราอยู่กันได้
อย่างสุขสบายทุกวันนี้ก็เพราะความรัก
ควำมรักไม่มีขอบเขตจ�ำกัด
ถ้าเรามีแต่ความเกลียดชังกัน เราก็ไม่สามารถท่จะอยู่อย่าง
ี
่
ี
ุ
ี
ั
ึ
มความสขสบายได้ ธรรมชาติทสร้างมนุษย์และสตว์ข้นมา ได้
ให้ความรักมาด้วย ต้องการให้อยู่กันอย่างมีความสุข เพราะทุก
คนเกิดมาต้องการความสุข ต้องการความสบาย เม่อมีการโกรธ
ื
ึ
เกลียดกันข้น ก็ย่อมได้รับความไม่สบาย ไม่ได้รับความสุข ชีวิต
ั
ั
ุ
็
ั
ของเรา-สงคมเราจะมีความสขได้ กต้องอาศยความรก ไม่ใช่
อาศัยความเกลียด-ความชัง เพราะมันไม่สามารถทาให้เกิดความ
�
สงบ-ความร่มเย็น พระพุทธองค์จึงสร้างทฤษฎีต่างๆ เพ่อให้
ื
ั
คนอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข คือให้เกิดความรักกันน่นเอง
�
ความรักกันทาให้จิตใจของเรามีความเบิกบาน ให้มีความกว้าง
ึ
ขวาง ซ่งตรงกันข้ามกับความเกลียด-ความชัง ถ้าเรามีแต่ความ
เกลียดชัง เราจะอยู่ในสังคมไม่ได้ เพราะความเกลียด-ความชัง
�
มีขอบเขตจากัด เราต้งปัญหาถามตัวเองดูว่า เราเกลียดคนทุกคน
ั
ได้ไหม?
190
สาราสารกถา
�
เราก็ตอบได้ว่า "ไม่ได้" ก็เพราะความเกลียดมีขอบเขตจากัด
�
ั
ในทางตรงกันข้าม เราสามารถทาใจให้รักคนท้งโลกได้ไหม? "ได้"
�
เพราะความรักไม่มีขอบเขตจากัดเหมือนความเกลียดชัง ถ้า
ึ
เราขยายความรักได้มากข้นเท่าไร เราก็มีความสุข-ความสบายใน
ี
โลกน้มากเท่าน้น เราต้องช่วยกันน�าหลักทฤษฎีของพระพุทธองค์
ั
ไปใช้ เพื่อที่จะให้โลกมีความสุขโดยอาศัยหลักของความรัก
เราวกมาดูปัญหาบ้านเมืองของเรา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาสังคม
ปัญหาเศรษฐกิจ หรือปัญหาการเมือง ท่ทาให้เกิดความเดือดร้อน
�
ี
ปัญหาท่เกิดเพราะความเอารัดเอาเปรียบกัน ความเดือดร้อน
ี
ก็ค่อยๆ แผ่ขยายไป เช่นปัญหาเร่องราคาอ้อยและราคาน้าตาล
ื
�
ปีกลายราคาอ้อยตันละ ๖๐๐ บาท ราคาน้าตาลกิโลกรัมละ ๑๒
�
บาท ปีน้ราคาอ้อยตันละ ๓๐๐ บาท แต่ราคาน�้าตาลก็ยังคงเป็น
ี
ิ
กโลกรัมละ ๑๒ บาทเท่าเดม จะเห็นได้ว่า ราคาอ้อยหายไป
ิ
ึ
ี
ส่วนท่หายไปย่อมต้องเกิดจากการเอารัดเอาเปรียบ ซ่งก็มาจาก
ความชังน่นเอง หรืออาจจะบอกว่า เกิดจากความรักก็ได้ แต่
ั
เป็นความรักที่คับแคบ เช่นความรักของนักการเมือง ความรัก
ของรัฐบาล หรือความรักของพวกเจ้าของโรงงานต่างๆ ท่ชอบ
ี
ความร่าความรวย มันไปคับแคบอยู่เฉพาะในวงศ์ตระกูล ไม่
�
สามารถแผ่ขยายไปถึงชาวไร่ได้ ประโยชน์ท่เขาได้ เขาก็ให้แต่
ี
ี
เฉพาะคนท่เขารักเท่าน้น ชาวไร่ชาวนาก็ไม่ได้รับประโยชน์อะไร
ั
เลย น่ก็เป็นโทษของความเกลียด-ความชังท่ก่อให้เกิดปัญหา
ี
ี
191
พระธรรมพุทธิมงคล (สอิ้ง สิรินนฺโท ป.ธ.๘)
�
เศรษฐกิจ ก่อปัญหาการเมือง และก่อปัญหาสังคมด้วย ทาให้
ี
ระบบสังคมเกิดการเอารัดเอาเปรียบ อย่างเรากับคนท่เรารัก
เราก็ไม่คิดท่จะเอารัดเอาเปรียบ มีแต่จะคิดท่จะเสียสละ ใน
ี
ี
ึ
ตัวของเราถ้าปลูกฝังความรักให้เกิดข้น แม้แต่ชีวิตของเรา เรา
ก็สละให้แก่กันได้
พระพุทธศำสนำกับขั้วอ�ำนำจกำรเมืองไทย
ปัจจุบันน้เราจะเอาระบบต่างๆ เช่น ระบบเศรษฐกิจ ระบบ
ี
ี
การเมือง ระบบสังคมท่เอามาใช้ในบ้านเมืองของเรา เพราะ
พวกผู้มอานาจหน้าทในบ้านเมืองของเรามองไม่เห็นคุณค่า
ี
�
่
ี
ทางพระพุทธศาสนา เมื่อมองไม่เห็นคุณค่าก็พยายามไปศึกษา
ระบบต่างๆ เหล่าน้มาจากต่างประเทศแล้วก็พยายามนามาใช้ใน
ี
�
ี
บ้านเมืองของเราก็มาลบล้างคุณธรรมต่างๆ ท่มีอยู่ในจิตใจของ
ั
คนตามหลกพระพทธศาสนาให้หมดไป เลยกลายเป็นว่าสงคม
ุ
ั
ของเรากลายเป็นสังคมแห่งผลประโยชน์ ไม่ใช่สังคมแห่งการ
ี
ื
ื
เอ้อเฟื้อเผ่อแผ่สมัยโบราณ เม่อเป็นดังน้เราก็จึงต้องอยู่อย่าง
ื
ื
ตัวใครตัวมัน ความเอ้อเฟื้อเผ่อแผ่ท่เคยมีต่อกันก็จะหมดไป
ี
ื
เพราะเราไม่สนใจการศึกษาธรรมะในทางพระพุทธศาสนาท ี ่
จะเอาไปจดระบบเศรษฐกิจ ระบบการเมอง และระบบสงคมม ี
ื
ั
ั
ี
บ้างไหม ท่เราพูดถึงหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาในหมู่ผู้บริหาร
ี
บ้านเมือง หรือในหมู่นักการเมืองในปัจจุบันน้ บางทีเราจะไม่ได้ยิน
192
สาราสารกถา
เลย เราจะเห็นว่า นักการเมืองต่างๆ ที่มาเคารพกราบไหว้บูชา
พระอยู่ทุกวันน้ ถ้าเปิดเผยความรู้สึกจริงๆ เหมือนกับว่าไม่ได้
ี
เล่อมใสคุณธรรมทางพระพุทธศาสนาโดยตรง เป็นแต่เพียง
ื
ั
ื
ั
ทางผ่านไปสู่ญาติโยม เพ่อเป็นคะแนนเลือกต้งเท่าน้นเอง น ี ่
�
ี
�
เป็นหลักความจริง เพราะว่ามีหลักสาคัญอันหนึ่งท่ต้องจาไว้ว่า
ื
ื
ต้องเช่อบุญเช่อบาป จึงจะเอาสังคมไปรอด เราตองนาทฤษฎ ี
้
�
ั
ต่างๆ ของพระพุทธองค์ไปใช้ เพราะถ้าเราทุกองค์ต้งใจศึกษา
กันจริงๆ เราจะมองเห็นว่าทฤษฎีของพระพุทธองค์สามารถท ่ ี
จะครองโลกได้ และสามารถช่วยให้โลกมีความสงบมีความสุข
ได้อย่างแน่นอน ยกตัวอย่างง่ายๆ แม้แต่ในสถาบันการศึกษา
ของบ้านเมืองทุกสถาบัน พวกนักการศึกษาในบ้านเมืองของเรา
ั
พยายามเอาทฤษฎีการศึกษาแบบฝร่งมาใช้ แล้วมาตระบบการ
ี
ี
ี
ศึกษา หรือหลักการศึกษาต่างๆ ท่มีคุณค่า ท่จะสร้างคุณธรรม
ึ
ให้เกิดข้นแก่จิตใจของคนไทย ตีออกจากสถาบันการศึกษาหมด
ค�ำสอนที่ท้ำทำยยุคโลกำภิวัตน์
ื
เราเคยมีการเรียนกันเร่องนิทานอีสป เร่องพระเวสสันดร
ื
เร่องศาสนาพระศรีอาริย์ เร่องบุญเร่องบาปต่างๆ เราเคยม ี
ื
ื
ื
เรียนกันทุกสถาบัน เด๋ยวน้มีอยู่เพียงนิดหน่อยเท่าน้น ผลท่สุด
ั
ี
ี
ี
เม่อนาหลักพระพทธศาสนาออกจากระบบการศึกษา ปัญหา
�
ุ
ื
บ้านเมืองจะแก้ไขไม่ได้เลย
193
พระธรรมพุทธิมงคล (สอิ้ง สิรินนฺโท ป.ธ.๘)
พระพุทธองค์ท่านร้ว่า ไม่ว่าจะเป็นสมัยไหน คนทุกคน
ู
�
่
ี
่
ยอมมความอยากรารวย และความรารวยนกต้องมาจากการเอา
่
�
ี
็
้
ื
รัดเอาเปรียบคนอ่น และต้องไปเบียดเบียนเอามาจากทรัพยากร
�
ธรรมชาติ ถ้าคิดร่ารวยกันมากๆ ทรัพยากรธรรมชาติก็ต้องถูก
�
ั
ทาลายมาก ต่อไปถ้าไม่มีการยับย้ง โลกต้องแหลกอย่างแน่นอน
ึ
�
ี
ปัจจุบันท่เกิดวิกฤตการณ์ทางธรรมชาติข้น เช่น ฝนแล้ง น้าท่วม
ที่ท�าให้เกิดความเดือดร้อนก็เป็นเพราะสิ่งเหล่านี้
ความสุขอยู่ในโลกน้เราก็ต้องคิดถึงข้อเท็จจริง เพราะใน
ี
ี
โลกมนุษย์ของเราน้จะอยู่ระดับไหนก็ตาม พระพุทธองค์ท่าน
ี
ตรัสรู้ไว้นานแล้วว่า ความสุขท่จะอิงอาศัยทรัพย์สินต่างๆ จะม ี
�
มากน้อยแค่ไหน ความสุขก็จะมีขอบเขตจากัด ความสุขในโลก
น้ถึงเราจะด้นรนแสวงหาอย่างไร ส่วนท่เราจะได้รับความสุข
ี
ิ
ี
ความสบาย จะมีอยู่เพียงนิดเดียว ถ้าหากว่าเรารวยเกินความ
�
จาเป็น ก็จะถูกธรรมชาติบีบบังคับให้วุ่นวายเดือดร้อนใจมาก
และความสุขท่จะได้รับก็มีขอบเขตจากัด พวกเราก็ท้งสามารถ
ี
�
ั
ิ
ี
ั
และไม่สามารถท่จะแสวงหาความสุขน้นได้จากส่งต่างๆ บน
่
�
่
ี
ี
ั
่
ี
ั
ี
โลกน้ในลกษณะทเท่าเทียมกนได้ ไม่ใช่ว่าคนทมความรารวย
มากจะมีความสุขเพ่มข้น เปล่าเลย! ความสุขทางด้านจิตใจ
ึ
ิ
�
ี
ท่เราจะมองเห็นชัดเลย ก็เพราะมันมีจากัด ความสุขในโลก
มนุษย์มีอะไรบ้าง ก็มีเหมือนกับความสุขท่เราเคยได้รับมา จะ
ี
ยากดีมีจนก็มีโอกาสเหมือนๆ กัน สุขเกิดจากกาม สุขเกิดจากกิน
ิ
ี
สุขเกิดจากเกียรติ วนเวียนอยู่อย่างน้เท่าน้นเอง ถ้าเราไปเพ่ม
ั
194
สาราสารกถา
ี
ึ
ี
อะไรท่มากข้น แทนท่เราจะได้รับความสุข เรากลับจะได้รับความ
ทุกข์แทน
เท่าท่ยกตัวอย่างมา ท่านคงจะเห็นแล้วว่า ระบบต่างๆ
ี
ท่เกิดข้น และเป็นอยู่เป็นปัญหาท่ทาให้เกิดความเดือดร้อนไป
�
ี
ึ
ี
ั
ท่วทุกหนทุกแห่ง จะแก้ไขไม่ได้ ถ้าไม่เอาหลักพระพุทธองค์
เข้ามาแก้ พระพุทธองค์ทรงเห็นว่า ปัญหาต่างๆ ความสุขต่างๆ
ั
ความสบายต่างๆ ในโลกของเรามีจากัดอย่างน้นจริงๆ พวกเรา
�
ี
ี
ก็อยู่ในฐานะทแตกต่างกัน ถ้าหากเราคอยสารวจเก่ยวกับการ
�
่
ี
ี
เสพสุขต่างๆ ท่เราเคยผ่านมา กับความสุขท่เราจะได้ต่อไป มัน
มีแปลกไปไหม? เราก็จะเห็นได้ว่า มันก็ไม่มีแปลกออกไปคือไม่ม ี
ื
ิ
ี
อะไรท่จะมาเติมจิตใจของเรา ให้รู้สึกอ่มรู้สึกช่นได้ตลอดกาล
ั
เพราะมันมีค่าหรือมีประสิทธิภาพเพียงเท่าน้นเอง เหมือนกับ
ื
ว่าโลกของเรา เม่อเราปลุกระดมความอยากได้ใคร่ดีกันมาก
ี
�
จนขนสมอง มนเหมือนกับการท่ทาให้เราเกิดความกระหาย
ั
้
ึ
เหมือนกับกระหายน้ามากๆ น้าเพียงอึกเดียวไม่สามารถท่จะ
�
�
ี
ี
ดับความกระหายได้ ฉันใดก็ดี ส่งต่างๆ ท่เป็นวัตถุในโลกน ้ ี
ิ
ก็เช่นเดียวกัน จะมากมายแค่ไหนก็ดับความอยากของคน
ื
ไม่ได้ มีมากก็ต้องการมาก มันเหมือนกับไฟเหมือนเช้อไฟ วัตถ ุ
เหมือนเช้อไฟ ความอยากความต้องการของคนเหมือนกับ
ื
�
ไฟ เราจะเอาฟืนมาใส่ให้ไฟดับไม่ได้ มีแต่จะทาให้ไฟลุกมาก
ี
ยิ่งขึ้น แต่ลักษณะเป็นอย่างน้ คนเราก็เช่นกัน ถ้าปลุกระดม
195
พระธรรมพุทธิมงคล (สอิ้ง สิรินนฺโท ป.ธ.๘)
ี
ึ
ให้มีแต่ความโลภให้มากข้น แทนท่จะหยุดจะท�าให้มีความ
ิ
ึ
โลภมากย่งข้นอีก สมมติว่า เราไม่มีเงินไม่มีทอง เราคิดว่าเราม ี
สักล้าน คงพอ! แต่พอมีจริงๆ ก็คงไม่พออยู่อีก เหมือนกับเช้อ
ื
เพิ่มขึ้นอีก ก็ยิ่งจะต้องการให้มากขึ้น ไม่มีที่สิ้นสุด
โลภท�ำลำยโลก [ระบบเศรษฐกิจ]
ฉะน้น หลักของพระพุทธองค์ ท่านจึงพยายามสอนว่า ถ้า
ั
�
เรายังมีความโลภมาก ความโลภของเราจะเป็นตัวการทาลาย
ื
โลกของเราให้ไม่มีท่อยู่อาศัย ซ่งเราก็เคยได้ยินนิทานเร่องไฟ
ึ
ี
ื
ไหม้โลกหรือเร่องอาทิตย์ ๗ ดวง ว่าต่อไปมนุษย์ยุคต่อไปใน
ช่วงข้างหน้าจะมีความโลภมากเข้า ธรรมชาติจะลงโทษโดยส่ง
่
ี
ี
ดวงอาทิตย์ดวงท ๒ มา พอมีดวงท ๒ ก็ยังคงโลภมากหนักเข้า
่
ั
ึ
เขากจะส่งดวงอาทตย์มายงโลกของเราถง ๗ ดวง พอครบ ๗
ิ
็
ดวงก็จะเกิดไฟไหม้โลก พอภาวะบ้านเมืองที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้
ี
ถ้าเปรียบกับนิยายโบราณก็เหมือนกับว่า ขณะน้ดวงอาทิตย์ดวง
ท่ ๒ กาลังจะเกิดข้น ถ้าเราไม่แก้ไขสถานะเศรษฐกิจการเมือง
�
ึ
ี
ของโลกให้อยู่ในระดับท่พอเหมาะ กจะเกิดความเดือดร้อนไป
ี
็
ึ
ี
ึ
ี
กันท้งโลก เหมือนกับท่โลกกาลังร้อนข้นด้วยอุณหภูมิท่สูงข้น
ั
�
ของอากาศ เน่องจากการทาลายล้างทรัพยากรธรรมชาติให้หมดไป
�
ื
ึ
พระพุทธองค์จึงทรงสร้างทฤษฎีของพระพุทธองค์ข้นมา เพื่อ
196
สาราสารกถา
ั
ิ
ี
ท่จะยับย้งความโลภของมนุษย์ ถ้าเราย่งปลุกระดมให้คนมีแต่
ความโลภ เชื่อได้เลยว่า โลกของเราจะอยู่ไม่ได้
ี
ปัญหาเศรษฐกิจต่างๆ ท่บ้านเมืองของเราประสบอยู่ หรือ
ี
ี
ท่โลกประสบอยู่ ไม่มีทางแก้ไขท้งน้น พรรคการเมืองท่อาสาจะ
ั
ั
เข้าไปแก้ไข ถ้าไม่ใช้วิธีของพระพุทธองค์ไปแก้ไข แก้ไขไม่ได้แน่
อย่างกับประเทศไทยของเรา ถ้าเราใช้ทรัพยากรท่มีอยู่ให้หมดไป
ี
เราก็จะอยู่กันไม่ได้
พระพุทธศำสนำแก้ไขปัญหำโลกได้อย่ำงไร
ื
เพราะฉะน้น เราต้องเช่อโลกน้โลกหน้า เช่อในเร่องบุญ
ั
ื
ี
ื
็
เร่องบาป หากว่าเราโลภมาก เรากสรางบาปมาก กต้องเอาเปรียบ
้
็
ื
ิ
ี
มาก เอาเปรียบคน เอาเปรียบธรรมชาต เอาเปรียบโลก ผลท่สุด
�
ี
ก็จะไปทาลายโลกทีหลัง ผลท่สุดก็สร้างความร�่ารวยให้แก่โลก
ไม่ได้ สร้างได้ก็เฉพาะบางคนบางกลุ่มท่มีเพียงจานวนน้อย
�
ี
ื
ั
ื
เท่าน้น พระพุทธองค์จึงให้เช่อในเร่องสวรรค์ ใครอยากจะรวย
ื
�
ก็ให้ทาทาน รักษาศีล ถ้าเมืองไทยเราเช่อในพระพุทธองค์แล้ว
ื
ื
อยู่กันด้วยความเอ้อเฟื้อเผ่อแผ่ แล้วเราก็สามารถหวังได้ใน
ี
ความร�่ารวยคือเราหวังในสวรรค์ ชาติน้อย่าไปหวังมาก พอมีกิน
ู
มีอย อยากร่ารวยก็พยายามให้ทานไว้ มีอะไรท่เป็นส่วนเกินมาก
่
ี
�
็
คนไหนขาดแคลน คนไหนอ่อนแอ ก็เอามาช่วยเหลือกัน เรากมา
197
พระธรรมพุทธิมงคล (สอิ้ง สิรินนฺโท ป.ธ.๘)
่
ให้ทานรักษาศีลกัน แล้วเรากจะรารวยในชาตหน้า เพราะระบบ
ิ
็
�
ั
อย่างน้เท่าน้น ท่จะทาให้เรามีความเอ้อเฟื้อเผ่อแผ่กัน มีความ
ื
ื
�
ี
ี
ื
ช่วยเหลือเกอกูลกัน เพราะร้จกให้กัน ถ้าเราเชอในพระพทธเจ้า
ุ
ู
่
ื
ั
้
สังคหวัตถุก็จะเกิดข้นเจริญงอกงาม ในสมัยปู่ย่าตายายเรามีเทศน์
ึ
เร่องหน่งท่ทุกวัดต้องจัดข้น เร่องน้นคือ เร่องพระเวสสนดรชาดก
ั
ี
ึ
ึ
ื
ื
ื
ั
ซ่งพรรณนาถึงมนุษย์ในศาสนาพระศรีอาริย์ ศาสนาพระศรีอาริย์
ึ
ึ
้
ุ
็
้
ั
ื
้
ี
นั้นมตนกลพฤกษขนทง ๔ มมเมอง คนอยากจะไดอะไรกนกเอา
ึ
้
์
ั
�
�
แต่ในชาติน้ต้องทาบุญ-ทาทาน-รักษาศีล จึงจะเกิดในศาสนา
ี
พระศรีอาริย์ได้ คนในโบราณของเรามีความเช่อ พอมีความเช่อ
ื
ื
�
ื
ื
ก็ทาตัวให้เป็นคนใจบุญ มีอะไรก็เอ้อเฟื้อเผ่อแผ่กัน มีมากก็มา
ี
เจือจานกับคนท่มีน้อย เม่อสมัยก่อนเราเดินผ่านทุกหมู่บ้าน ก ็
ื
จะเจอแต่โรงทาน ไปไหนก็มีแต่คนให้ทาน เพราะอยากไปเกิด
ี
่
ในศาสนาพระศรีอาริย์ อยากจะไปสวรรค์ ตรงน้เท่านนทจะ
ี
้
ั
แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ แก้ปัญหาโลกได้ แก้ปัญหาสังคมได้
หากว่ามาสอนให้ตัวใครตัวมัน เอารัดเอาเปรียบกัน ก็จะ
ได้ความเดือดร้อนเป็นมรดกของโลกไปจนกว่าโลกจะแตกสลาย
ุ
ี
ี
่
ั
ไปนนเอง แล้วผลทสดลกหลานทเรารก อยากให้มความสข
่
ุ
ี
่
ั
ู
ท่เราพยายามสะสมทรัพย์สินสมบัติต่างๆ ไว้ให้ เม่อธรรมชาต ิ
ื
ี
�
�
มันวิปริตทากินไม่ได้ แล้วเราจะกินอะไร เพราะความร่ารวยเรา
กินไม่ได้
198
สาราสารกถา
เจ้ำโลกที่แท้จริง
้
้
้
ที่ตองพูดถึงเรื่องนี้ ก็เพื่อจะปรารภใหเขากับเหตุเบื้องตน
้
ั
ี
ี
ึ
ท่ได้พูดไว้ว่า ทฤษฎีต่างๆ ท่ผู้ครองโลกอ้างข้นมาน้น ไม่สามารถ
ั
แก้ไขได้นอกจากพระพุทธเจ้าเท่าน้น ทสอนทฤษฎีให้เอ้อเฟื้อ
ี
่
ื
ั
ุ
ั
ี
ึ
ั
่
เผอแผ่กน ให้คนมความรกกน จงอยากให้ทกรปและโยมทกคน
ื
ู
ุ
ี
�
ี
ึ
ั
ต้งสัจจะไว้ท่จะทาให้ความรักท่อยู่ในจิตใจเจริญงอกงามข้น
พระพุทธองค์สอนเพ่อให้ทุกคนรู้จักแผ่เมตตา ขยายความรัก
ื
ท่มีอยู่ในจิตใจให้กว้างออกไป ถ้าทุกคนรักกันสังคมก็จะมีแต่
ี
ความสงบสุข เพราะความรักเราย่งแผ่ออกไปมากเท่าไร เราก ็
ิ
ื
ั
จะมีความสุขมากเท่าน้น เน่องจากเราจะไปไหน ก็จะเจอแต่
ี
ี
ื
คนท่เรารัก ก็จะมีแต่ความสบายใจ น้เป็นเร่องจริงท่เราสามารถ
ี
พิสูจน์ได้ด้วยจิตใจของเราแต่ละคน หมายความว่า เราเอาเรื่อง
จริงท่มีอยู่ในจิตใจของเรามาพูดกัน ว่าเราจะสามารถรักษา
ี
�
ความจริงใจได้อย่างไร เราจะทานุบารุงความจริงใจน้ให้เจริญ
ี
�
ึ
ื
ให้แผ่ปกคลุมออกไปได้อย่างไร เราต้องเช่อกันอย่างหน่งว่า
ี
ในโลกของเราน้ ไม่มีพระเจ้าองค์ไหนจะสร้างโลกให้น่าอยู่
น่าอาศัยได้ดีเท่ากับความรัก
หลักมนุษยสัมพันธ์
ี
�
ี
ี
ั
�
ื
ขอให้ท่านนาเร่องน้ ท่ได้ฟังในวันน้ นาไปพิจารณา ต้งสัจจะ
ว่า เราแต่ละรูปต้องทาใจให้กว้าง โดยเฉพาะเราเป็นพระ จิตใจ
�
199
พระธรรมพุทธิมงคล (สอิ้ง สิรินนฺโท ป.ธ.๘)
ของเราจะกว้างได้ก็เพราะความรัก เราต้องแผ่ความรักของเรา
�
ออกไปจากตัวเราไปสู่หมู่บ้าน สู่ตาบล สู่อาเภอ และสู่จังหวัด
�
ี
ของเรา ในท่สุดเราก็แผ่ความรักแก่คนไทยทุกคน ตลอดจนกระท่ง
ั
คนทุกคนที่อยู่ในโลก และเมื่อนั้นเราก็จะเป็น “เจ้าโลก”ได้
หลักการท่ควรระลึกถึง คือการมีมนุษยสัมพันธ์กับคน
ี
ื
ี
ทุกคน พยายามทาความรู้จัก ด้วยความรักเพ่อท่จะเป็นเจ้าหัวใจ
�
�
ของคนทุกคน และต้องทาใจให้กว้างพอท่จะรับนาใจของคน
ี
�
้
ี
ทุกคนให้ได้ ในฐานะท่เราเป็นพุทธบุตร หน้าท่ของเราก็คือเผยแผ่
ี
�
ั
ธรรมะของพระพุทธองค์เพ่อจะยึดนาใจของคนท้งโลกให้ได้
ื
้
�
้
แต่ละวัดก็ยึดนาใจของประชาชนด้วยหลักธรรมอันเดียวกัน เรา
�
ก็สามารถนาคุณธรรมของพระพุทธองค์ไปครองโลกได้ แล้วโลก
ั
ื
ท้งโลกก็จะมีแต่ความสงบร่มเย็นเป็นสุข เพ่อเป็นการสืบทอด
ื
ั
ี
ปณิธานของพระพุทธองค์ท่ว่าธรรมะน้เก้อกูลแก่คนท้งโลก เรา
ี
ก็ต้องเอาธรรมะมาเก้อกูลแก่โลกให้ได้ เร่มต้นด้วยการแทรก
ิ
ื
ั
ความรักในแนวของสาราณียธรรม ๖ ประการ น่นคือหลักการ
อยู่ร่วมกันส�าหรับผู้ที่จะครองโลก เพราะว่าการอยู่ร่วมกันต้อง
�
มีการกระทา ต้องมีการพูดกัน ต้องมีการคิดถึงกันและกัน ให้
เราแทรกความรักเข้าไปด้วย เราจะพูดกับใคร ก็แทรกความ
รักเข้าไป ฟังแล้วก็มีแต่ความสบายใจ ตามหลักของสาราณีย-
ธรรมมีดังต่อไปนี้
200
สาราสารกถา
ี
ข้อท่ ๑ ให้ต้งกายกรรมประกอบด้วยเมตตา จะทาอะไร
�
ั
กับใคร ก็แทรกความรักเข้าไปด้วย
ข้อที่ ๒ ให้ตั้งวจีกรรมประกอบด้วยเมตตา
ข้อที่ ๓ ตั้งมโนกรรมประกอบด้วยเมตตา
ข้อที่ ๔ การแบ่งปันผลประโยชน์กัน
ข้อที่ ๕ เคารพระเบียบแบบแผนอันเดียวกัน
ข้อที่ ๖ ปรับความคิดเห็นให้ลงรูปแบบเดียวกัน
่
ื
ั
ี
้
่
ั
้
้
ั
้
เมอใชหลกนแลว ปญหาสงคมตางๆ เราสามารถแกไขได ้
ื
ื
ื
เพราะว่าเราอยู่กันด้วยความรัก เม่อรักกันก็เอ้อเฟื้อเผ่อแผ่กัน
ื
ช่วยเหลือเก้อกูลกัน ก็เหมือนกับเราได้ยกสวรรค์มาไว้ในเมือง
ี
มนุษย์ เช่น ในสมัยก่อน การเก่ยวข้าวก็มีการร้องเพลงกันและ
ี
ยังมีเล่นตรุษสงกรานต์กัน เป็นท่สนุกสนาน ความสนุกสนาน
ี
น่แหละ ท่เราเรียกว่าเป็นเมืองสวรรค์ท่มีบนโลกมนุษย์ มีเวลา
ี
ี
ื
ี
ี
ี
ร่นเริง มีเวลาท่เบิกบานใจ แต่เด๋ยวน้ไว้ใจกันไม่ได้เลย ระบบ
ี
เศรษฐกิจ-ระบบการเมืองท่เราไปเอาของเขามาใช้ ไว้ใจกันไม่ได้
ั
แม้กระท่งพ่น้องในบ้านเดียวกัน แล้วเราก็จะสุขสบายกันได้
ี
อย่างไร? ในเมื่อต้องอยู่กันด้วยความหวาดระแวง
คุณธรรมประจ�ำชำติไทย
ึ
ื
เพ่อความพร้อมเพรียงกัน ความเป็นอันหน่งอันเดียวใน
ด้านจิตใจในด้านความคิดเห็น เราต้องยึดถือคุณธรรมแม่บท
201
พระธรรมพุทธิมงคล (สอิ้ง สิรินนฺโท ป.ธ.๘)
เหมือนๆ กัน แล้วเราพยายามเอาคุณธรรมท่เป็นแม่บทไปแผ่
ี
ี
ี
ั
ขยาย กับคนท่เป็นคนไทยท้งหมด ให้มีคุณธรรมแม่บทน้เป็น
คุณธรรมประจาใจกัน แล้วไปแตกสาขาทีละน้อยๆ คุณธรรม
�
แม่บทท่จะถวายน้คือคุณธรรม ๔ ประการตามท่กล่าวไว้แล้ว
ี
ี
ี
ื
ุ
้
ี
เพราะคณธรรม ๔ ประการนแก้ปัญหาได้ ช่วยเหลอโลกได้
อย่างแน่นอน
ี
ื
ั
ฉะน้น ก่อนท่เราจะเข้าใจเน้อหากันจริงๆ ในคุณธรรม ๔
ั
�
ึ
ประการน้ อยากขอร้องให้ทุกองค์กล่าวคาปฏิญาณอีกคร้งหน่ง
ี
"ข้าพเจ้าขอปฏิญาณตนว่า
ข้อ ๑ ข้าพเจ้าจะรักษาความสัจ ความจริงใจต่อตัวเอง
ที่จะประพฤติปฏิบัติแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์และเป็นธรรม
่
้
้
้
้
ขอ ๒ ขาพเจาจะฝกใจตนเอง ขมใจตนเอง ใหประพฤต ิ
ึ
ปฏิบัติในความสัจความดีนั้น
ี
ั
ข้อ ๓ ข้าพเจ้าจะอดทน อดกล้น และอดออม ท่จะ
ไม่ประพฤติล่วงความสัจสุจริต ไม่ว่าจะด้วยเหตุประการใด
ั
ข้อ ๔ ข้าพเจ้าจะละวางความช่ว ความทุจริต และสละ
ื
ประโยชน์ส่วนน้อยของตน เพ่อประโยชน์ส่วนใหญ่ของบ้านเมือง"
202
สาราสารกถา
กำรน�ำไปประยุกต์ใช้
ื
ั
ให้ทุกคนต้งใจรักษาความสัตย์ อย่างน้อยก็ขอให้ซ่อสัตย์
ต่อตนเองและรักษาไว้ ความซื่อสัตย์นั้นคือให้ซื่อสัตย์ต่อสิ่งที่เรา
ชอบ เช่นคนทุกคนชอบความรัก ชอบความไม่เอารัดเอาเปรียบ
�
็
่
่
ื
่
ี
ิ
่
้
ชอบการ ไม่คดโกง เรากไมทาสงเหล่านต่อคนอน เพราะวาเราเอง
ก็ไม่ชอบที่จะให้คนอื่นท�าอย่างนี้กับเรา
ึ
�
หลักสาคัญอีกอันหน่ง คือประพฤติปฏิบัติแต่ส่งท่เป็น
ิ
ี
ประโยชน์และเป็นธรรม ส่งน้จะช่วยให้แก้ปัญหาบ้านเมืองได้
ิ
ี
ึ
�
ุ
ึ
ถ้าทุกคนม่งแต่ประโยชน์โดยมิได้คานงถงความเป็นธรรม ย่อม
�
ี
ทาให้เกิดความเดือดร้อน เพราะเป็นไปไม่ได้ท่เราจะได้ประโยชน์
ื
โดยท่คนอ่นไม่ได้เสียผลประโยชน์ให้เรา เม่อเป็นเช่นน้เราก็ไม่
ื
ี
ี
ื
�
ควรเอาเปรยบ ควรจะให้ความเป็นธรรมแก่เขาบ้าง คอทาให้
ี
ิ
เขาเกิดความพอใจ เกิดความสบายใจ ฉะน้นเราต้องฝึกส่งนี ้
ั
ให้เกิดแก่ใจของเราเอง เพราะถ้าเราได้ฝึกแล้วก็จะเกิดประโยชน์
ต่อสังคม ต่อประเทศ และต่อโลกแน่นอน เม่อเราทุกคนยึดถือ
ื
ื
ี
คุณธรรม ๔ ประการน้เป็นหลักปฏิบัติร่วมกันแล้ว ก็จะเป็นเคร่อง
�
ทาให้เกิดความรักความสามัคคี และความดีต่างๆ แก่กันและ
่
ี
ี
�
กันได้ จะทาให้เราทุกองค์ทอยู่ในน้ให้เป็นเหมอนคนๆ เดียวกัน
ื
ได้ วิธีการก็คือเอาธรรมะเป็นเคร่องรองรับใจของตนเอง คือ
ื
เราทุกคนมีสัจจะ มีความอดทน มีการฝึกตน มีการเสียสละ ม ี
อย่างเดียวกัน เราก็จะไม่แปลกกันเลย ย่งถ้าเราเอาคุณธรรมน ้ ี
ิ
203
พระธรรมพุทธิมงคล (สอิ้ง สิรินนฺโท ป.ธ.๘)
ึ
ั
ั
รองรับจิตใจของคนไทยท้งชาติ คนไทยท้งชาติก็จะเป็นน�้าหน่ง
ใจเดียวกันได้ โดยคุณธรรมทั้ง ๔ ประการนี้เอง
ั
ฉะน้น จึงอยากจะขอร้องว่า หลังจากการอบรมไปแล้ว
เก่ยวกับเร่องความสาคัญต่างๆ ของคุณธรรมน้ เราก็พยายาม
ี
�
ี
ื
ั
ไปต้งสัจจะ ปฏิญาณและพยายามฝึกหัดประพฤติปฏิบัติกัน
อย่างจริงจังและจริงใจ เพ่อให้สมเจตนารมณ์ของพระบาทสมเด็จ
ื
ี
ื
พระเจ้าอยู่หัวท่พระองค์นาพระราชดารัสน้มา ก็เพ่อให้คนไทย
�
�
ี
ึ
ทุกคนมีความประพฤติ มีความเป็นอันหน่งอันเดียวกัน เพ่อผล
ื
ึ
ั
คอความเจริญม่นคงของประเทศชาติ ซ่งก็หมายความถึงความ
ื
เจริญของพวกเราทุกรูปทุกคนนั่นเอง
ี
ผมขอจบเร่องราวท่จะถวายท่านในวันน้ ถ้าเร่องราวอันใด
ี
ื
ื
ิ
ขาดตกบกพร่องไม่สมบูรณ์ ขอให้ท่านไปนึกคิดเพ่มเติมเอาเอง
ื
ให้เกิดความสมบูรณ์ข้นมา ถ้าเร่องใดเกินเลยไป ท่านก็พยายาม
ึ
ั
ตัดทอนเสีย แล้วทาใจให้ปลอดโปร่งแจ่มใส ให้เป็นท่ต้งเป็นท ี ่
�
ี
ั
�
ี
ื
เจริญแห่งคุณธรรมท้ง ๔ ประการน้ เม่อทุกท่านทุกคนทาได้
็
่
ดังนี้ ก็จะเปนหลักประกันถึงความเจริญแหงชาติ-ศาสนา-พระ
มหากษัตริย์ อันเป็นสถาบันหลักของบ้านเมืองของเราได้อย่าง
แน่นอน
ี
ท้ายท่สุดน้ ผมขออ้างคุณพระศรีรัตนตรัย คือพระพุทธ-
ี
พระธรรม-และพระสงฆ์ และอานุภาพแห่งพระสยามเทวาธิราช
204
สาราสารกถา
อานุภาพแห่งบุรพาจารย์ท้งหลายท่นาพระพุทธศาสนาสืบต่อ
ั
�
ี
กันมาแต่อดีตจนถึงพวกเราในปัจจุบัน จงมาเป็นพลวปัจจัยให้
ี
ทุกรูป-ทุกท่านและทุกคนในสถานท่นี้ มีความเกษมสวัสด ประพฤต ิ
ี
ั
คุณธรรมท้ง ๔ ประการให้สาเร็จ สมความมุ่งมาดปรารถนาทุก
�
ประการ ทุกท่าน เทอญ.
ลูกแก้ว
และค�ำพระที่ควรจ�ำ
เป็นที่ระลึกในงานฌาปนกิจศพ
นำยเงี๊ยบ ทวิพัฒน์
(อดีตนำยกเทศมนตรี อ�ำเภอสองพี่น้อง)
ณ เมรุวัดสองพี่น้อง อ�าเภอสองพี่น้อง
จังหวัดสุพรรณบุรี
วันที่ ๒๐-๒๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๑๑