รวมแนวคำพิพำกษำศำลปกครองสงู สดุ
พ.ศ.๒๕๔๒ - ๒๕๖๓
เรื่อง
สญั ญำทำงปกครอง
- สญั ญำพสั ดุ
- สญั ญำเกี่ยวกบั อนุญำโตตลุ ำกำร
- สญั ญำทนุ กำรศึกษำ
- สญั ญำสมั ปทำน
รวบรวม โดย เชดิ ศกั ดิ ์ หิรญั สิริสมบตั ิ
คํานํา
ด้วย เห็นว่า สัญญาทางปกครองที่หนว่ ยงานทางปกครองทากบั ค่สู ัญญาทเ่ี ป็นเอกชนนัน้
ปัจจุบันมีแนวคาวินิจฉัยศาลปกครองสูงสุดเกี่ยวกับสัญญาทางปกครอง อันประกอบด้วย สัญญาทาง
ปกครองเกี่ยวกับพัสดุ สัญญาทุนการศึกษา สัญญาสัมปทาน สัญญาเก่ียวกับการอนุญาโตตุลาการ
อยู่เป็นจานวนมาก จึงได้รวบรวมคาพิพากษาศาลปกครองสูงสุดเก่ียวกับสัญญาทางปกครอง ต้ังแต่ปี
พ.ศ. 2542 - 2562 ข้ึน เพื่อใช้เป็นแนวทางในการดาเนินการด้านการบริหารสัญญาทางปกครอง
ของพนักงานอัยการและเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานรัฐ ตลอดจนเพื่อการศึกษาวิวัฒนาการของหลัก
ปกครองของไทยเก่ียวกบั สญั ญาทางปกครอง ท้ังน้ี การรวบรวมดงั กล่าวใชโ้ ปรแกรมในการแปลงไฟล์จึง
ทาให้อาจเกิดการสะกดผดิ ของคาอยบู่ ้าง จึงขออภัยมา ณ ทนี่ ี้
หนังสือฉบับนี้ สาเร็จขึ้นได้โดยได้รับความอนุเคราะห์จากท่านนายณัฏฐชัย ศรีรุ่งสุขพินิจ
ท่ีปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในการสนับสนุนการจัดพิมพ์ เพ่ือจะแจกจ่ายให้แก่
หน่วยงานและเจ้าหน้าที่ ตลอดจนนักวิชาการและประชาชน เพื่อการใช้งานโดยไม่ประสงค์ให้นาไป
ดาเนินการเพื่อการคา้ หรอื จาหนา่ ยแต่อย่างใด
ทั้งน้ี หวังว่า หนังสือเล่มนี้จะเป็นประโยชน์ต่อหน่วยงานของรัฐและประชาชน
ในการปฏบิ ตั งิ านและศกึ ษาคน้ คว้า สบื ไป
เชิดศักด์ิ หิรญั สิรสิ มบตั ิ
256๔
ข
สารบัญ
บทที่ 1 หลักกฎหมายปกครองเก่ียวกับสัญญาทางปกครอง 1
1
1. แนวคดิ และหลักการของสญั ญาทางปกครอง 1
๑.1 สญั ญาทางปกครองของประเทศฝรง่ั เศส 2
๑.2 สญั ญาทางปกครองของประเทศเยอรมนี 3
1.3. สญั ญาทางปกครองตามกฎหมายไทย 4
๑.3.1 สัญญาทางปกครองทกี่ ฎหมายกาหนด 5
1.3.๒ สัญญาทางปกครองโดยสภาพ 5
6
2. ลักษณะของสัญญาทางปกครอง 6
ก. ลกั ษณะของสัญญาทางปกครองท่ีเกีย่ วกบั การพัสดุ (Marche’ public) 7
1. ลกั ษณะของสัญญาทางปกครองทเี่ กย่ี วกบั พสั ดุ 10
2. ลักษณะทวั่ ไปของสญั ญาทางปกครองทเี่ กย่ี วกบั พสั ดุ 10
3. ประเภทของสญั ญาทางปกครองท่เี ก่ียวกบั พสั ดุ 11
(3.1) สญั ญาทางปกครองเกี่ยวกับการประกวดราคาและการคัดเลอื กผูร้ บั จา้ ง 14
(3.2) สญั ญาทางปกครองทเี่ กี่ยวกบั พสั ดุ 17
(3.3) สญั ญาทางปกครองเกย่ี วกับพสั ดุทม่ี สี ญั ญาอนุญาโตตุลาการ 17
ข. สัญญารบั ทุนการศกึ ษาและลาศกึ ษาตอ่ 17
ค. สัญญาสัมปทาน/สญั ญารว่ มลงทนุ หรือสญั ญาเก่ียวกบั โครงการขนาดใหญ่ 19
1. รูปแบบของสญั ญาทางปกครองเกย่ี วกับสมั ปทานและการรว่ มลงทนุ 20
2. ลกั ษณะของสัญญาสัมปทาน 25
25
บทท่ี ๒ แนวคําวินจิ ฉยั เก่ยี วกับสัญญาทางปกครอง
1. แนวคาวินิจฉัยของศาลปกครองสงู สดุ วา่ เปน็ สัญญาทางปกครอง 25
25
1.1) สัญญาทม่ี ีลักษณะตามบทบญั ญตั ใิ นมาตรา ๓ แห่งพระราชบญั ญตั จิ ัดตั้งศาล 26
ปกครองฯ 27
1.1.1) เปน็ สัญญาที่ให้จดั ทาบรกิ ารสาธารณะ 29
1) สญั ญาจา้ งลูกจ้างพนักงานของสว่ นราชการ 29
2) บนั ทึกขอ้ ตกลงจา้ งลกู จา้ งของสว่ นราชการ 29
3) สญั ญาจา้ งพนักงานใหเ้ ขา้ มาชว่ ยเหลือเจ้าหนา้ ท่ขี องรฐั (พนักงานราชการ) 30
4) สัญญาจา้ งผู้อานวยการสานกั ขา่ ว 30
๕) สญั ญาจ้างทางานโครงการพฒั นาสถานทที่ ่องเทย่ี วของประชาชน
1.1.2) สญั ญาทีใ่ หจ้ ดั ให้มีสง่ิ สาธารณูปโภค
1.1.2.1) สัญญาจา้ งสร้างส่งิ ก่อสร้างเพื่อสาธารณปู โภคโดยตรง
1) สัญญาจา้ งกอ่ สรา้ งถนนและระบบระบายนา้
ค
2) สญั ญาจา้ งก่อสรา้ งอาคารสานกั งาน/ทที่ าการของทางราชการ 32
1.1.2.2.) สญั ญาจา้ งกอ่ สรา้ งสิง่ สาธารณปู โภคทเ่ี ปน็ เครื่องมอื สาคญั ใน 36
การจดั ทาการบรกิ ารสาธารณะ 36
1) สญั ญาซ้ือขายทด่ี นิ ทจ่ี ะถกู เวนคนื 37
๒) การตกลงยนิ ยอมใหใ้ ชท้ ดี่ ินเพ่ือจดั ให้มีสง่ิ สาธารณปู โภค 38
๓) สัญญากอ่ สร้างอาคารและอุปกรณ์ 39
๔) สัญญาจดั ซ้ือรถยนตบ์ รรทกุ น้าและอปุ กรณด์ บั เพลิง 40
40
๕) สญั ญาซือ้ ขายและตดิ ตง้ั เครอื่ งคอมพวิ เตอร์
6) สัญญาประกนั การนารถยนตท์ ่ใี ชแ้ ลว้ เขา้ มาใน 41
41
ราชอาณาจกั รเพอ่ื ปรบั สภาพแลว้ สง่ ออก 41
๗) สัญญาซ้ือขายเครอ่ื งกงั หนั นา้ 42
๘) สัญญาจา้ งออกแบบและเขยี นแบบอาคารเรียน 42
๙) สญั ญาจ้างจัดพิมพว์ ารสารและหนังสอื ของโรงเรียนของรฐั
10) สญั ญาจา้ งถา่ ยภาพและบนั ทกึ ข้อมลู แบบแสดงรายการภาษี 43
๑๑) บันทกึ ข้อตกลงการปฏิบตั ิงานของผ้ใู หบ้ รกิ ารตลาดกลาง 43
43
อเิ ล็กทรอนกิ ส์
1.1.3) สัญญาใหแ้ สวงประโยชน์จากทรพั ยากรธรรมชาติ 43
1.2) เปน็ สญั ญาพัสดุที่มลี กั ษณะตามมตขิ องทีป่ ระชุมใหญฯ่ 44
๑.2.1) เปน็ สญั ญาท่ใี หเ้ อกชนเขา้ ดาเนนิ การหรอื เขา้ รว่ มดาเนินการบรกิ าร 44
44
สาธารณะกบั สว่ นราชการโดยตรง 45
1) สญั ญาเขา้ รว่ มงานและดาเนินกจิ การสถานีวทิ ยุโทรทศั น์ 46
2) สัญญาจา้ งใหเ้ ปน็ ผดู้ าเนนิ การจดั เกบ็ ขยะมูลฝอย 46
3) สญั ญาจา้ งรว่ มบรกิ ารสาธารณะ 51
4) สัญญาใหบ้ รกิ ารทางการแพทย์ 52
๕) สญั ญาใหเ้ อกชนเช่าอาคารหรอื ส่ิงกอ่ สร้าง 52
6) สญั ญาฝากเกบ็ รักษาสภาพผลิตภณั ฑก์ ารเกษตร 52
๗) สัญญาจ้างบคุ ลากรของสว่ นราชการ 53
๘) สญั ญาก้ยู มื เงนิ กองทนุ สง่ เสรมิ อาชีพ 54
๙) สญั ญาจ้างปลูกตน้ ทานตะวันเพอ่ื สง่ เสริมการท่องเทยี่ ว
10) สญั ญาซ้อื ขายข้าวเปลอื กตามโครงการรบั จานาข้าวของรฐั บาล 54
๑๑) สญั ญาผถู้ ือหุ้นของบรษิ ทั รว่ มทนุ 56
12) สญั ญากู้ยืมเงินกองทนุ ส่งเสรมิ อาชพี
1.2.2) กรณเี ปน็ สญั ญาทางปกครองเน่อื งจากเปน็ สัญญาซึ่งมีลกั ษณะพิเศษที่
แสดงถงึ เอกสิทธิข์ องรฐั
๑) สัญญากอ่ สร้างอาคาร
๒) สัญญาใหบ้ ริการวทิ ยตุ ามตดิ ตวั
ง
๓) สัญญา ฝากเก็บ แปรสภาพและจาหน่ายข้าว 57
4) สญั ญากอ่ สร้างพัฒนาระบบแปลงเกษตรกรรม 57
๕) สัญญาจ้างก่อสรา้ งปรับปรงุ กิจการประปา 58
๖) สัญญาให้สิทธิเอกชนใชพ้ ้นื ทเ่ี พ่อื จัดทาศนู ยอ์ าหารและรา้ นคา้ และ 60
บริหารจัดการเปน็ พนื้ ทจ่ี อดรถยนต์ 60
1.3) กรณอี ่ืน ๆ ทศี่ าลปกครองสงู สุดวินจิ ฉัยว่าเปน็ สญั ญาทางปกครอง 60
62
1.3.1) กรณที ่ีเปน็ ขอ้ พิพาททเ่ี กิดจากข้อตกลงตามประกาศประกวดราคาจ้าง
63
1.3.2) กรณที ่ีเปน็ สญั ญาจะเข้ารว่ มประมลู งานจา้ งดว้ ยวธิ กี ารทาง
อิเลก็ ทรอนกิ ส์ 63
1.3.3) กรณีที่วนิ จิ ฉยั ว่าสญั ญาที่พพิ าทเปน็ สญั ญาทางปกครอง แตไ่ ม่ได้ระบวุ า่ 64
เป็นสญั ญาทางปกครองประเภทใด 64
(๑) สัญญาพนกั งานมหาวทิ ยาลยั ไปปฏิบตั ิงานตามโครงการแลกเปลยี่ น 64
อาจารย์ ณ ตา่ งประเทศ 64
(๒) สัญญาจา้ งก่อสรา้ งอาคารผลติ ยาตา้ นไวรัสเอดส์
(๓) ข้อตกลงการใชค้ ลน่ื ความถแี่ ละประกอบกจิ การโทรทศั น์ 64
(๔) สัญญาจา้ งใหด้ ารงตาแหน่งผอู้ านวยการองคก์ ารบริหาร 64
(๕) สญั ญาจา้ งพนกั งานองคก์ ารกระจายเสียงและแพรภ่ าพสาธารณะ 65
แห่งประเทศไทย
(๖) สญั ญาลงทุนกอ่ สร้าง บรหิ าร และประกอบการท่าเรอื 65
66
(๗) สญั ญาซอื้ ขายขา้ วสารในสตอ็ กของรัฐ 67
(๘) สญั ญาให้สทิ ธเิ กบ็ ขยะมลู ฝอยในเขตพนื้ ที่เทศบาลตาบลและสญั ญา 67
ใหเ้ ช่ารถยนตบ์ รรทกุ ขยะมลู ฝอย 67
(๙) สัญญาซอื้ ขาย 67
(10) สญั ญาคา้ ประกันหนตี้ ามกฎหมายวา่ ดว้ ยการจดั สรรที่ดนิ 71
(11) สญั ญาการคนื เงนิ บานาญทรี่ บั ไปโดยไม่มสี ิทธิ 75
(๑๒) บนั ทกึ ข้อตกลงว่าจา้ งกอ่ สร้างและตดิ ตงั้ ระบบผลติ กระแสไฟฟา้ 76
พลังงานลมและแสงอาทติ ย์
1.3.4) สญั ญาอปุ กรณ์ของสญั ญาทางปกครอง
๑) สัญญาคา้ ประกนั สัญญาทางปกครอง
๒) การรบั สภาพความรบั ผดิ ในหนี้
๓) สญั ญารบั ดแู ลรกั ษาทรัพยจ์ านา
4) สญั ญาคา้ ประกนั การปฏบิ ตั ติ ามพระราชบัญญตั ิจดั หางานและ
คุ้มครองคนหางาน พ.ศ. ๒๕๒๘
จ
5) กรณีท่ศี าลปกครองวนิ ิจฉยั วา่ เป็นสญั ญาทางปกครอง แต่ไม่ไดร้ ะบุวา่ 77
เป็นสญั ญาทางปกครองประเภทใด
78
2. แนวคาพพิ ากษาศาลปกครองสงู สดุ กรณที ่ศี าลวินจิ ฉัยวา่ ไมใ่ ช่สญั ญาทางปกครอง 78
2.๑) สญั ญาจ้างแรงงานพนกั งานรัฐวิสาหกิจหรอื จ้างเหมา 79
2.๒) สญั ญาก้ยู มื 83
2.๓) สญั ญาซอ้ื ขาย 83
1) สญั ญาซอื้ ขายอุปกรณ์และพัสดุ 85
86
2) สญั ญาซื้อขายน้าประปา และไฟฟา้ 88
3) สญั ญาซื้อขายผลิตผลทางการเกษตร 89
4) สญั ญาซอ้ื ขายจากการบงั คบั คดแี ละการซ้อื ขายอสงั หาริมทรัพย์ 90
5) สัญญาซอื้ ขายอปุ กรณ์ออกกาลังกาย 90
6) สัญญาซอ้ื ขายอปุ กรณไ์ ฟฟา้ 92
7) สัญญาซ้อื ขายทรัพย์จากการขายทอดตลาด 100
2.4) สญั ญาเช่า/ใหเ้ ช่า 100
2.5) สญั ญาเชา่ ซือ้ 101
2.6) สญั ญาจ้างทาของ 101
2.7) สญั ญารบั ขนคนโดยสาร 102
2.8) สญั ญารับจ้างเหมาใหบ้ ริการงานรกั ษาความปลอดภยั 108
2.9) กรณีอนื่ ๆ ทศ่ี าลปกครองวนิ ิจฉยั ว่าไมใ่ ชส่ ัญญาทางปกครอง
109
ขอ้ เสนอแนะเพอ่ื ระงบั ขอ้ พพิ าทอันเกดิ จากหนว่ ยงานทางปกครองก่อให้เกิด 109
ความเสยี หายและผลกระทบต่อสง่ิ แวดล้อมและสุขภาพของประชาชน 109
บทท่ี ๓ แนวคาํ วินิจฉัยเกย่ี วกับการทําสัญญาและการบรหิ ารสัญญาทางปกครอง 109
(ก) หลักการรปู แบบสัญญาและการบริหารสัญญาพัสดใุ นปจั จุบนั 109
1. กลไกการบรหิ ารพสั ดุภาครฐั ฯ 110
2. การทาสญั ญา 111
2.1 รปู แบบของสญั ญาทางปกครองเกี่ยวกบั พัสดุ 111
2.2 การจดั ทาเปน็ ข้อตกลงเป็นหนังสอื 112
2.3 การแก้ไขสญั ญา 112
2.4 ผลของสญั ญาท่ไี มเ่ ปน็ ตามกฎหมาย 112
3. การบรหิ ารสญั ญา 113
3.1 การงด ลดคา่ ปรบั หรือขยายระยะเวลา 114
115
3.2 การบอกเลกิ สัญญา 116
4. การพจิ ารณาเปน็ ผทู้ ิ้งงาน
5. การอุทธรณ์
6. ขอ้ สงั เกต
(ข) แนวคาวนิ จิ ฉัยของศาลปกครองเกีย่ วกบั รปู แบบสญั ญาและการบรหิ ารสญั ญาพสั ดุ
ฉ
1. การทาสญั ญาและการแกไ้ ขสญั ญา 116
๑.1 การมผี ลผกู พันของสัญญาทางปกครองท่ีทาดว้ ยวาจา 116
1.๒ การมผี ลผกู พันของสัญญาทางปกครองทแ่ี กไ้ ขเพิ่มเตมิ ดว้ ยวาจา 119
1.3 การแก้ไขเพิ่มเตมิ สญั ญาโดยมผี ลทีไ่ ม่สอดคลอ้ งกบั เงอื่ นไขตามมตคิ ณะรฐั มนตรี 122
1.4 การแกไ้ ขเพิ่มเตมิ สญั ญาโดยการขยายระยะเวลาตามสัญญา 123
1.5 การทาสญั ญาโดยไมม่ ีอานาจ 124
125
๒. การตรวจรบั มอบงานและการจา่ ยเงนิ คา่ จ้าง 125
125
2.๑ ผวู้ า่ จ้างยนิ ยอมรับมอบงานจากผรู้ บั จา้ งไวแ้ ลว้ โดยปริยาย 126
2.๒ การเรียกดอกเบยี้ สัญญาซ้ือขายทดี่ นิ ท่ีจะถกู เวนคืน 126
2.๓ การทางานภายหลังสญั ญาสน้ิ สดุ ตอ่ เนอ่ื งมาถอื เป็นการทาสญั ญาจา้ งใหม่ 127
2.๔ การตรวจรบั มอบงานและการจา่ ยเงนิ คา่ จ้างกรณสี ง่ ของไมต่ รงตามสัญญา 127
3. การชาระคา่ ปรบั ตามสัญญาจา้ งก่อสร้าง 127
3.๑ การกาหนดอตั ราคา่ ปรบั 130
130
๑) ค่าปรบั สูงสดุ เพียงร้อยละ ๑๐ ของวงเงนิ คา่ จา้ งตามสญั ญา
๒) กรณคี ่าปรับเกนิ รอ้ ยละ 10 ของวงเงนิ ตามสญั ญา 131
3) การคดิ คา่ ปรบั ทง้ั โครงการตามสญั ญาซอื้ ขายเครื่องคอมพิวเตอรพ์ ร้อมตดิ ตงั้ 131
133
ตามโครงการปรบั ปรงุ โครงขา่ ย 133
3.๒ การงดหรือลดค่าปรับ
134
1) กรณที ศี่ าลลดคา่ ปรบั เนอื่ งจากสูงเกนิ กวา่ รอ้ ยละสบิ ของวงเงนิ ค่าจา้ ง
135
๒) กรณีทศ่ี าลลดคา่ ปรบั เนอ่ื งจากเกิดเหตสุ ดุ วิสัยจนเปน็ อปุ สรรคตอ่ การทางาน
๓) กรณที ่ีศาลลดคา่ ปรบั เนอ่ื งจากความผิดพลาดหรือความบกพรอ่ งทเี่ กดิ ขนึ้ 136
137
เพราะสภาพแหง่ งานที่จา้ ง
๔) กรณที ศี่ าลปรับเนอ่ื งจากผ้วู ่าจา้ งใชด้ ลุ พินจิ ผอ่ นปรนการเลกิ จ้างเป็น 138
139
ระยะเวลานาน 139
๕) กรณีที่ศาลลดคา่ ปรบั เนอ่ื งจากความผิดพลาดหรอื ความบกพร่องของ 140
141
ส่วนราชการ 144
๖) กรณีอน่ื ๆ (เหตุการณ์ความไมส่ งบในสามจงั หวัดชายแดนภาคใต้) 144
๗) กรณที ี่ศาลลดค่าปรบั เนอื่ งจากได้รบั ผลกระทบจากภาวะวกิ ฤตเศรษฐกจิ ของ
ประเทศ
8) กรณเี ปน็ พฤตกิ ารณอ์ นั หนง่ึ อันใดทค่ี ู่สัญญาไม่ต้องรบั ผดิ ตามกฎหมาย
3.๓ การไมง่ ดหรอื ไม่ลดค่าปรบั และการขยายระยะเวลา
๑) กรณีการส่งมอบงานล่าชา้ เกิดจากการจงใจประพฤตผิ ิดสัญญาของผรู้ บั จ้าง
๒) กรณีการสง่ มอบงานล่าชา้ เกิดจากการก่อสรา้ งลา่ ช้ากวา่ กาหนดตามสญั ญา
3.๔ การหักเงินหลักประกนั สญั ญา
4. การเลกิ สญั ญาและการเรยี กค่าเสียหายจากการบอกเลิกสัญญา
4.1 การบอกเลกิ สัญญาโดยชอบดว้ ยกฎหมาย
ช
๑. ผู้วา่ จา้ งไม่สามารถสง่ มอบพ้นื ทีก่ อ่ สรา้ งใหแ้ ก่เอกชนผูร้ บั จา้ งได้ 144
๒. ไมไ่ ด้ตง้ั งบประมาณรายจ่ายประจาปี 145
๓. บอกเลิกสญั ญา ภายหลงั จากล่วงเลยวนั ทม่ี ีการผดิ สญั ญาจนคา่ ปรบั เกนิ 146
รอ้ ยละสบิ ของวงเงนิ คา่ จา้ งตามสญั ญาแลว้ นนั้ 146
๔. กรณกี ารบอกเลิกสญั ญาจา้ งพนกั งาน 152
๕. การถอนใบลาออกก่อนถงึ กาหนดให้การลาออกมผี ลบงั คับ 153
6. การชาระคา่ เสยี หายจากการเลกิ สัญญา 155
4.2 การบอกเลกิ สัญญาโดยไม่ชอบดว้ ยกฎหมาย 155
๑. การบอกเลกิ สญั ญาจากเหตขุ ้นั ตอนไมถ่ กู ตอ้ งของผวู้ า่ จ้าง 156
๒. กรณีเกี่ยวกบั สญั ญารับทนุ การศกึ ษาและบรหิ ารงานบุคคล 159
4.๓ การเลกิ สญั ญาโดยปริยาย 160
4.4 คา่ เสียหายการบอกเลกิ สญั ญา 163
4.5 คา่ เสยี หายการบอกเลกิ สญั ญาโดยใชเ้ อกสิทธขิ องหนว่ ยงานทางปกครอง 164
4.6 การสง่ มอบงานภายหลงั จากการบอกเลกิ สญั ญา 165
บทท่ี ๔ เง่ือนไขการฟ้องคดีเก่ยี วกับสญั ญาทางปกครอง 165
(1) กรณีไดร้ บั ความเดอื ดรอ้ นหรอื เสียหาย หรอื อาจจะเดอื ดรอ้ น หรอื เสยี หายโดยมิอาจ
หลีกเลี่ยงได้ 165
1.1) กรณเี กยี่ วกบั สญั ญาทนุ การศกึ ษา 166
1.2) กรณพี ิพาทท่ผี ู้รบั ทนุ เหน็ วา่ อตั ราเบี้ยปรับตามสัญญาไม่เป็นธรรม 167
1.3) กรณีพพิ าทเกยี่ วกับการบรหิ ารงานบคุ คล 169
1.4) กรณีพิพาทท่ีสทิ ธใิ นการฟอ้ งคดีตกทอดแก่ทายาทโดยธรรมของผรู้ ับสัมปทาน 170
1.5) กรณีพิพาทท่ีมีการเรียกให้คู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งชาระหนี้ โดยระบุว่า จะบังคับจาก
หลกั ประกันและบอกเลกิ สัญญาหากไม่มีการชาระหนี้ 170
1.6) กรณีพิพาทเกี่ยวกับสญั ญาต่าง ๆ 174
(2) กรณที ี่ศาลปกครองวนิ ิจฉัยว่าไมเ่ ปน็ ผไู้ ดร้ บั ความเดือดรอ้ นหรือเสยี หายฯ 174
174
2.๑) กรณีพพิ าทท่ีเป็นการฟ้องขอต่อสัญญาโดยที่ยงั ไมไ่ ดย้ ่ืนคาขอตอ่ สัญญา 177
2.๒) กรณพี พิ าททผ่ี ้ฟู ้องคดไี ม่ได้เป็นคสู่ ัญญาในสัญญาพพิ าท 177
2.๓) กรณพี ิพาทที่ยงั ไม่อาจถอื วา่ มขี ้อโต้แย้งเก่ยี วกบั สญั ญาเกิดขึ้นแลว้ 178
2.๔) กรณีพพิ าททม่ี ีการทาหนงั สือรับสภาพหน้ี
2.๕) กรณีพิพาทท่ีผู้ฟ้องคดีซ่ึงเป็นคู่สัญญาได้โอนสิทธิเรียกร้องในการรับเงินค่าจ้าง 178
ก่อสร้างตามสัญญาไปใหแ้ กบ่ คุ คลภายนอกแลว้
2.๖) กรณีพพิ าทที่ไม่มีขอ้ กาหนดในสญั ญาใหค้ ูก่ รณมี สี ทิ ธิขอเพิกถอนขอ้ กาหนดในสญั ญา
ซ
2.๗) กรณพี พิ าทที่หนต้ี ามสญั ญาจ้างอยใู่ นระหวา่ งการวนิ จิ ฉยั ช้ขี าดของอนุญาโตตลุ าการ 179
ตามขอ้ กาหนดในสัญญาจา้ ง
181
2.๘) กรณีท่ลี ูกหนี้อาจปฏิเสธการชาระหนตี้ อ่ เจ้าหนี้ได้หากเหน็ วา่ ไม่ชอบ 192
บทที่ ๕ แนวคาํ วินจิ ฉยั ศาลปกครองสูงสุดเกี่ยวกบั อนุญาโตตุลาการ 192
(ก) หลักการและแนวทางปฏบิ ัตเิ กย่ี วกบั การอนญุ าโตตุลาการ ตาม พ.ร.บ. อนญุ าโตตุลาการ
192
พ.ศ. ๒๕๔๕ 194
๑. ศาลทม่ี เี ขตอานาจตาม พ.ร.บ. อนญุ าโตตลุ าการ พ.ศ. ๒๕๔๕ 195
196
๒. การสง่ั จาหนา่ ยคดจี ากศาลเมอ่ื มขี ้อสญั ญาอนุญาโตตลุ าการ 197
๓. การขอให้ศาลมคี าส่งั คุม้ ครองช่ัวคราวกอ่ นหรอื ขณะดาเนนิ การทางอนุญาโตตลุ าการ 197
๔. การขอใหศ้ าลตง้ั อนุญาโตตลุ าการ และการคดั ค้านอนญุ าโตตลุ าการตอ่ ศาล 197
๕. การขอใหศ้ าลวินจิ ฉยั ช้ีขาดเก่ยี วกบั ขอบเขตอานาจของอนญุ าโตตลุ าการ 199
๖. การขอใหศ้ าลออกหมายเรยี กพยาน หรอื มีคาสง่ั ให้สง่ เอกสารหรอื วตั ถุใด 201
๗. การคดั คา้ นคาชข้ี าดโดยการย่ืนคาร้องขอให้ศาลเพิกถอนคาช้ขี าด 202
๘. การยอมรับและบังคับตามคาช้ขี าดโดยการยืน่ คารอ้ งขอใหศ้ าลบงั คับให้ 204
๙. การหา้ มอุทธรณ์คาพพิ ากษาหรอื คาสง่ั ของศาล
๑๐. ค่าธรรมเนียม ค่าใชจ้ ่าย และคา่ ปว่ ยการอนญุ าโตตุลาการ 206
๑๑. บทเฉพาะกาล ปญั หาคาบเกีย่ วระหวา่ ง พ.ร.บ. อนุญาโตตลุ าการ พ.ศ. ๒๕๓๐ และ
211
พ.ร.บ. อนญุ าโตตลุ าการ พ.ศ. ๒๕๔๕ 210
214
ภาคผนวก Convention on the Recognition and Enforcement of Foreign Arbitral 217
Awards (New York, 1958*) 218
222
(ข) แนวคาวนิ จิ ฉยั ของศาลปกครองสงู สดุ เก่ียวกบั การอนุญาโตตุลาการ 223
๑. กรณเี กยี่ วกบั การแตง่ ตงั้ อนุญาโตตุลาการ
๒. การรอ้ งคดั ค้านเก่ียวกับความเปน็ กลางของอนญุ าโตตุลาการ 230
๓. การเพิกถอนคาชีข้ าดของอนุญาโตตุลาการ
แนวคาพพิ ากษาศาลปกครองสงู สดุ การเพิกถอนคาช้ขี าดอนญุ าตโตตุลาการ 230
๔. การบังคับตามคาชีข้ าดของอนญุ าโตตุลาการ 2๓๐
แนวคาพิพากษาศาลปกครองสงู สดุ เกยี่ วกบั การบงั คบั ตามคาชี้ขาดของ 23๓
อนญุ าโตตลุ าการ 23๔
234
บทที่ 6 แนวคําวินิจฉัยศาลปกครองสูงสุดเกี่ยวกบั สญั ญารับทนุ การศึกษาและสัญญาการ 235
ลาศึกษาต่อ
๑. ขอ้ กาหนดเก่ยี วกับสญั ญารับทนุ การศกึ ษาและการลาศึกษาตอ่
๑.1 ความผูกพันตามสญั ญารับทุนการศึกษา
๑.2 ความรบั ผดิ ของผคู้ า้ ประกันเกยี่ วกับสัญญาทนุ การศึกษา
๑.3 การบริหารสญั ญาทนุ การศึกษา
๑.๓.๑ การกลับมาปฏบิ ตั งิ านเพื่อชาระหนี้ตามสญั ญา
๑.๓.๒ การชาระคนื เงนิ ทไี่ ดร้ ับไปตามสัญญา
ฌ
๑.๓.๓ การนบั ระยะเวลาทีผ่ รู้ บั ทนุ ไปปฏบิ ัตริ าชการในหนว่ ยงานทาง 238
ปกครองอนื่ เปน็ ระยะเวลาในการปฏบิ ตั ิราชการชดใช้ทนุ
23๙
๑.๓.๔ การขอแกไ้ ขเปลี่ยนแปลงสญั ญา ๒๓๙
๑.๔ การงดหรอื ลดเบ้ียปรบั ตามสญั ญารบั ทนุ การศกึ ษา 239
239
๑.๔.๑ กรณที ศ่ี าลเห็นว่า มเี หตุงดหรอื ลดเบี้ยปรับ 240
๑) กรณีสัญญากาหนดเบย้ี ปรับไว้สูงเกินส่วน 241
2) กรณที ีส่ ญั ญากาหนดเบ้ียปรับไวส้ งู กว่าระเบียบ ก.พ.
24๑
3) กรณีที่ผู้รับทุนการศึกษาลาออกจากราชการเพื่อไปปฏิบัติราชการใน
หนว่ ยงานอื่น ซึง่ มวี ัตถุประสงค์และภาระหน้าทใี่ นการสนับสนนุ งานของ 24๒
หน่วยงานตน้ สังกดั เดมิ
24๔
4) กรณที ่หี นว่ ยงานทางปกครองของผู้ให้ทุนมีส่วนต้องร่วมรับผิดในการผิด ๒๔8
สัญญาของผู้รบั ทุน 248
24๘
5) กรณที ผ่ี รู้ ับทุนการศกึ ษาไดก้ ระทาผดิ วนิ ยั อย่างรา้ ยแรงและถกู ปลดออก
จากราชการ 25๑
6) การลาออกจากราชการระหวา่ งชดใช้ทุน 25๒
๑.๔.2 กรณที ี่ศาลเหน็ ว่า ไม่มีเหตงุ ดหรือลดเบย้ี ปรับ 253
๒๕๔
๑) กรณที ผี่ รู้ บั ทนุ ลาออกจากราชการโดยไมค่ รบกาหนดเวลา ๒๕๔
๒) กรณีผรู้ บั ทนุ การศกึ ษามพี ฤติการณ์อันเป็นการจงใจทจุ ริตเพ่ือให้พ้นจาก 25๔
สภาพการเป็นนักศึกษา 255
25๕
๓) กรณีท่ีผู้รับทุนอ้างสาเหตุที่ทาให้ไม่สามารถสาเร็จการศึกษาตาม 256
หลกั สตู รท่ีรบั ทนุ ได้ว่าเป็นเพราะมีอาการเจ็บปว่ ย
256
๔) การโอนย้ายไปรับราชการทหี่ น่วยงานอ่ืน
๑.๕ การเลิกสัญญา 258
๑.๖ ระยะเวลาการฟ้องคดเี กย่ี วกบั สญั ญารบั ทุนการศกึ ษา 259
๑.๖.๑ การนบั ระยะเวลาการฟ้องคดีกรณีการรับทุนการศกึ ษาไมส่ าเรจ็ การศกึ ษา
1) กรณีทีผ่ ู้รบั ทุนไม่สามารถที่จะพัฒนาภาษาองั กฤษตามเกณฑ์ท่สี านักงาน
ก.พ. กาหนด
๒) กรณีผู้รบั ทุนไม่สามารถเดินทางไปศกึ ษาวชิ าในตา่ งประเทศได้ตามสัญญา
๓) กรณีผ้รู ับทนุ ไมอ่ าจศึกษาได้ครบตามหลักสูตรท่กี าหนด
4) กรณีผู้ลาศกึ ษาไม่จบการศกึ ษาและมารายงานตวั เพือ่ ปฏิบตั ริ าชการตาม
สัญญาลา่ ชา้
5) กรณีผู้ลาศึกษาไม่จบการศึกษาและไม่มารายงานตัวเพื่อปฏิบัติราชการ
ภายในเวลาทกี่ าหนด
๑.๖.2 กรณีผ้สู าเรจ็ การศึกษาไม่ไปรายงานตวั เพื่อปฏิบัติราชการตามสัญญา
๑.๖.3 กรณีท่ีผู้รับทุนการศึกษาปฏิบัติราชการไม่ครบกาหนดระยะเวลาชดใช้ตาม
สัญญา
ญ
(1) กรณีผ้รู บั ทนุ ลาออกจากราชการ 259
๑.๑) กรณที ่ีผ้รู บั ทุนการศกึ ษาปฏบิ ัติราชการไมค่ รบกาหนดระยะเวลา 259
260
ชดใชท้ นุ ตามสญั ญา เนอ่ื งจากลาออกจากราชการ
๑.๒) กรณที ถ่ี ือว่าหนว่ ยงานคู่สญั ญาซงึ่ เปน็ ผู้ใหท้ นุ รูห้ รือควรร้ถู ึงเหตุ 261
แห่งการฟ้องคดอี ยา่ งชา้ ในวนั ทีไ่ ด้รบั หนงั สือแจง้ จากหนว่ ยงาน 262
ในสังกดั ซึง่ ผรู้ ับทนุ ปฏิบตั ิงานอยวู่ ่าผรู้ บั ทนุ ผิดสญั ญา
๑.๓) กรณีทีถ่ ือว่าผู้ฟอ้ งคดซี ่ึงเป็นผ้ใู ห้ทุนรหู้ รือควรร้ถู งึ เหตแุ ห่งการ 263
26๓
ฟ้องคดอี ยา่ งชา้ ทส่ี ดุ ภายในเดือนทห่ี นว่ ยงานซงึ่ ผรู้ บั ทุน
ปฏบิ ตั ิงานอย่มู ีหนังสือแจง้ ถงึ การลาออกจากราชการของผู้รบั ทุน 264
๑.๔) กรณีทถ่ี อื ว่าวันทท่ี หี่ นว่ ยงานคูส่ ัญญาระบุให้ผรู้ บั ทนุ พ้นจากการ
รบั ราชการตามคาสงั่ อนญุ าตใหล้ าออกจากราชการเป็นวันทรี่ ู้ 26๕
หรือควรรูถ้ งึ เหตุแห่งการฟ้องคดี 266
(2) กรณผี ู้รบั ทนุ ถกู ไล่ออกหรอื ปลดออกจากราชการ 26๘
๒.1) ในกรณีท่ีผู้รับทุนการศึกษาปฏิบัติราชการไม่ครบกาหนด 26๙
ระยะเวลาชดใช้ทุนตามสัญญา เน่ืองจากหน่วยงานต้นสังกัดซึ่ง 273
เปน็ คสู่ ัญญามีคาส่ังไล่ผู้รับทุนออกจากราชการ 273
๒.2) ในกรณีท่ีผู้สมัครเข้าเป็นนักเรียนจ่าทหารเรือปฏิบัติราชการไม่
ครบกาหนดระยะเวลาชดใช้ทุนตามสัญญา เน่ืองจากถูก 274
หน่วยงานตน้ สังกดั ซ่งึ เปน็ คสู่ ัญญา มีคาสั่งปลดออกจากราชการ
๒.๓) กรณีที่ผู้รับทุนพ้นสภาพจากการเป็นนักศึกษาก่อนสาเร็จ
การศกึ ษาตามหลกั สตู ร
๒.4) กรณที ่ีถือว่าผรู้ บั ทนุ ลาออกจากการเปน็ นักศึกษา
๒.5) กรณผี ู้รบั ทนุ ฟอ้ งเรยี กให้ผูใ้ หท้ ุนคนื เงนิ เบี้ยปรบั พร้อมดอกเบ้ียท่ี
ชาระไว้เกินใหแ้ กผ่ รู้ ับทนุ
๒.6) กรณีฟอ้ งเรียกใหผ้ ูร้ บั ทนุ ชดใช้ทุนคนื อนั เนอ่ื งมาจากผู้รบั ทนุ
ปฏิบตั ริ าชการชดใช้ทนุ ไมค่ รบกาหนดระยะเวลาตามสญั ญา
2.7) การนบั ระยะเวลาการฟอ้ งคดกี รณผี ู้ให้ทุนฟอ้ งเรียกให้ผคู้ า้
ประกนั
๑) กรณีผู้ให้ทุนฟอ้ งเรียกให้ผู้ค้าประกัน ให้ชดใช้เงินตามสัญญา
อันเนื่องมาจากผู้รับทุนลาออกจากราชการก่อนครบกาหนด
ระยะเวลาตามสญั ญา
๒) กรณีฟอ้ งบงั คับผคู้ ้าประกนั ซ่ึงถงึ แกค่ วามตาย
ฎ
บทท่ี 7 แนวคาํ วินิจฉยั ศาลปกครองสงู สุดเกีย่ วกับสญั ญาสัมปทาน 276
1. รปู แบบของสัญญาทางปกครองเกย่ี วกับสมั ปทานและการร่วมลงทนุ 27๖
2. ลักษณะของสญั ญาสัมปทาน 27๗
27๘
2.1 สทิ ธแิ ละหน้าทข่ี องผู้ใหส้ ัมปทาน 27๙
2.2 สทิ ธิและหน้าทขี่ องผรู้ บั สัมปทาน 27๙
2.3 การสน้ิ สุดของสญั ญาสมั ปทาน ๒๘๒
3. แนวคาวินิจฉัยศาลปกครองเก่ียวกับสญั ญาสมั ปทาน 28๒
3.1 กรณที ่ีศาลปกครองวนิ ฉิ ยั วา่ เปน็ สญั ญาสัมปทานตามมาตรา ๓ แห่งพระราชบญั ญตั ิ 28๓
จัดตงั้ ศาลปกครองฯ 28๓
28๓
3.2 กรณที ีศ่ าลปกครองวนิ จิ ฉัยวา่ เป็นสญั ญาสัมปทานตามระเบียบทปี่ ระชมุ ใหญๆ่ 28๓
3.3 กรณีที่ศาลปกครองวนิ จิ ฉยั วา่ เปน็ สญั ญาทางปกครองมากกว่าหนง่ึ ลกั ษณะ 28๔
4. สญั ญาสัมปทานเก่ียวกับกจิ การโทรคมนาคม
4.1 กรณีเกยี่ วกบั การสรรหากรรมการกจิ การโทรคมนาคมแหง่ ชาติ (กทช) 28๔
4.๒ กรณีเกยี่ วกบั การเปลยี่ นสถานะขององคก์ ารโทรศพั ทแ์ ห่งประเทศไทย (ทศท.) ตาม 28๖
28๖
พระราชบญั ญตั ทิ นุ รฐั วสิ าหกจิ พ.ศ. ๒๕๔๒ 28๖
4.๓ การบรหิ ารสญั ญาสมั ปทานเกีย่ วกบั กิจการโทรคมนาคม
5. สัญญาสมั ปทานเกย่ี วกบั กิจการกระจายเสยี งและกจิ การโทรทศั น์ 28๗
5.1 การดาเนินการสรรหา กสช. 2๙๐
5.2 ความสัมพนั ธ์ระหว่างกรรมการสรรหา กสช. และผู้เข้ารับการสรรหา และคุณสมบัติ 29๐
29๑
ของบคุ คลท่ีสมควรได้รับการเสนอรายช่ือเปน็ กสช. ๒๙๑
5.3 อานาจหนา้ ท่ี กสช. ในการกากบั กิจการกระจายเสยี งและกิจการโทรทัศน์ 29๑
6. สญั ญาสัมปทานเกีย่ วกบั การทาไม้ 29๔
๖.๑ สัญญาสัมปทานทาไม้ ป่าชายเลน 29๔
๖.๒ ผรู้ ับสมั ปทานชาระหนี้เน่ืองจากไม่ดาเนนิ การปลูกปา่ ทดแทนตามสญั ญา 29๔
7. ระยะเวลาการฟ้องคดเี กยี่ วกับสัญญาสัมปทาน 29๕
7.1 การนบั ระยะเวลาการฟ้องคดีพพิ าทเกี่ยวกับสญั ญาสมั ปทาน 29๕
7.๒การนับระยะเวลาการฟอ้ งคดีเกย่ี วกับสญั ญาสมั ปทานไมป้ ่าชายเลน 29๖
7.๒.๑ การฟอ้ งขอให้ชาระค่าเปดิ ป่ารายปี 29๖
7.๒.๒ การฟอ้ งขอให้ชาระเบ้ียปรับและค่าเสียหาย
29๗
๑) กรณฟี อ้ งขอให้ชาระเบย้ี ปรบั
๒) กรณีฟ้องขอให้ชาระเงินค่าเสยี หาย
๓) กรณีฟ้องขอให้ชาระเบี้ยปรับและค่าเสียหายตามสัญญากรณีผู้รับสัมปทาน
ถึงแกค่ วามตาย
7.2.3 การฟ้องขอให้ชาระค่าเสียหายอันเนื่องมาจากผู้ให้สัมปทาน ส่ังระงับการ
ดาเนนิ การตามสญั ญาสมั ปทาน
7.2.4 การฟอ้ งขอขยายระยะเวลาตามสัญญาสมั ปทาน
ฏ
7.๒.๕ การฟ้องเรียกคนื เงินประกนั การปฏบิ ัติตามสัญญาสัมปทาน 29๘
7.๓ การนับระยะเวลาการฟอ้ งคดเี กย่ี วกับสัญญาสัมปทานโทรคมนาคม 29๘
29๘
7.3.1 การฟ้องเรียกให้ผู้รับสัมปทานชาระเงนิ เพิ่มอนั เนือ่ งมาจากการชาระคา่ ตอบแทน 29๙
การใช้ความถีว่ ทิ ยรุ ายปเี กนิ เวลาท่ีกาหนด 29๙
๓๐๐
8. การแกไ้ ขเพ่มิ เตมิ สัญญา 302
8.1 การแก้ไขเปล่ียนแปลงสัญญาสัมปทานทางหลวงในกรณีที่คู่สัญญาไม่สามารถปฏิบัติตาม 30๓
สัญญาได้ ๓๐๓
30๓
8.๒ การกาหนดอัตราค่าผ่านทางพเิ ศษ 30๓
บทที่ 8 ระยะเวลาการฟอ้ งคดีเกี่ยวกับสัญญาพสั ดุ 30๗
8.1 การนับระยะเวลาการฟ้องคดพี ิพาทเก่ยี วกบั สญั ญาพัสดุ
30๘
8.๑.1 กรณีหน่วยงานรัฐ ผวู้ ่าจ้างฟ้องเอกชนผ้รู บั จ้าง
(๑) การฟอ้ งเรยี กค่าปรบั ตามสญั ญา 30๘
(๑.๑) กรณนี บั แตว่ นั บอกเลกิ สญั ญา และไดส้ งวนสทิ ธใิ นการเรียกคา่ ปรับ 30๙
กรณีท่ีศาลวินิจฉัยว่า ระยะเวลาการฟ้องคดีเร่ิมนับตั้งแต่วันที่ผู้ 30๙
รับจ้างได้รับหนังสือแจ้งการบอกเลิกสัญญา แต่เมื่อไม่ปรากฏวันท่ี
ไดร้ บั หนังสอื ฯ 309
กรณีท่ีถือว่าผู้ฟ้องคดีรู้หรือควรรู้ถึงเหตุแห่งการฟ้องคดีต้ังแต่ 309
วั น ท่ี เ จ้ า ห น้ า ท่ี ผู้ ป ฏิ บั ติ ร า ช ก า ร แ ท น ผู้ มี อ า น า จ ก ร ะ ท า ก า ร แ ท น
หน่วยงานทางปกครอง (ผู้ฟ้องคดี) ซ่ึงเป็นผู้ว่าจ้างได้รับทราบบันทึก 3๑๐
การตรวจรับงานของคณะกรรมการตรวจการจ้างซ่ึงเสนอให้เรียก
คา่ ปรับจากผู้รับจา้ ง
กรณีที่ถือว่าผู้ฟ้องคดีรู้หรือควรรู้ถึงเหตุแห่งการฟ้องคดีต้ังแต่
วนั ทีไ่ ด้มหี นงั สอื เรยี กให้ผู้ถกู ฟอ้ งคดีชาระเงินคา่ ปรับ
(1.2) กรณีทหี่ นว่ ยงานของรฐั ผวู้ ่าจา้ ง บอกเลกิ สญั ญา โดยไม่ไดแ้ จง้ สงวนสทิ ธิ
เรียกค่าปรบั
กรณีท่ีศาลวินิจฉัยว่าการนับระยะเวลาการฟ้องคดี เร่ิมตั้งแต่
วันท่ีผู้รับจ้างได้รับหนังสือบอกเลิกสัญญาอันเป็นวันท่ีการบอกเลิก
สัญญามีผลโดยถือว่าผู้ฟ้องคดีประสงค์เรียกร้องเอาเบี้ยปรับในฐานะ
ท่เี ป็นสว่ นหนง่ึ ของคา่ เสียหาย
(๑.๓) กรณีอน่ื ๆ
1) กรณที ี่ศาลวินิจฉัยว่าการแจ้งให้ชาระค่าปรับโดยไม่มผี ้รู ับ ถอื ไม่ได้
ว่าเป็นการแจ้งกาหนดเวลาชาระหนี้ค่าปรับให้ผู้รับจ้างทราบโดย
ชอบแล้ว ผู้ว่าจ้างจึงต้องใช้สิทธิเรียกร้องให้ชาระค่าปรับในฐานะ
เปน็ ส่วนหนึ่งของค่าเสียหาย ตั้งแต่วันท่ีผู้รับจ้างได้รับหนังสือแจ้ง
บอกเลกิ สัญญาจา้ ง อันเป็นวนั ทเ่ี กดิ สิทธิดงั กลา่ ว
2) กรณที ถ่ี ือวา่ ผวู้ า่ จ้างรู้หรือควรรู้ถึงเหตุแห่งการฟ้องคดีต้ังแต่วันถัด
ฐ
จากวันที่ผู้ว่าจ้างกาหนดให้ผู้รับจ้างต้องชาระเงินค่าปรับตาม 31๑
สัญญา
3) กรณที ถี่ อื ว่าผ้วู า่ จ้างร้หู รือควรรู้ถึงเหตุแห่งการฟ้องคดีตั้งแต่วันถัด 31๑
จากวนั ทคี่ รบกาหนดระยะเวลาตามสัญญาจ้างทีข่ ยายออกไป
4) กรณีท่ีถือว่าผู้ว่าจ้างรู้หรือควรรู้ถึงเหตุแห่งการฟ้องคดี นับแต่วัน 31๒
ถัดจากวันที่ครบกาหนดตามหนังสอื แจง้ ใหผ้ รู้ บั จ้างดาเนนิ งานตาม
สญั ญาใหแ้ ล้วเสร็จ 31๔
31๔
(๑.๔) การฟ้องขอใหช้ าระคา่ ปรับอันเน่อื งมาจากการผดิ สัญญาจา้ ง และ
ค่าเสียหายอนั เกดิ จากความชารดุ บกพรอ่ ง 31๕
(1.5) กรณหี นว่ ยงานของรฐั ผู้วา่ จา้ ง ฟ้อง เอกชนผรู้ ับจา้ งให้คนื เงนิ ค่าจา้ ง 31๕
๑) กรณีท่ผี ้ฟู อ้ งคดีซ่งึ เปน็ ผ้วู า่ จา้ งทราบภายหลังจากท่ีจ่ายค่าจ้างไปแล้วว่า 315
ได้หักเงินเพื่อชาระหนี้จากจานวนเงินค่าจ้างต่ากว่าจานวนท่ีมีสิทธิหัก 31๖
ตามสัญญา จึงมีหนังสือแจ้งให้ผู้รับจ้างคืนเงินค่าจ้างดังกล่าวภายใน 31๗
เวลาที่กาหนดนั้น ถือว่าผู้ฟ้องคดี รู้หรือควรรู้ถึงเหตุแห่งการฟ้องคดีนับ 31๗
แต่วนั ท่ีพน้ ระยะเวลาตามทกี่ าหนดไวใ้ นหนงั สือ ขา้ งตน้ 31๘
2) การฟ้องเรียกค่าเสียหายจากการท่ีหน่วยงานของรัฐ ผู้ว่าจ้างต้องเสีย 31๙
คา่ ใช้จา่ ยเพ่มิ ขึน้ ในการจา้ งผ้รู ับจา้ งรายใหม่ 3๒๐
ก) การเรียกคา่ เสียหายตั้งแต่วนั ที่บอกเลิกสญั ญา 3๒๐
ข) การเรียกค่าเสยี หายตั้งแต่วนั ทีก่ าหนดในหนังสือทวงถามฯ 320
ค) การเรียกค่าเสียหายต้งั แตว่ ันทท่ี าสัญญาจา้ งผรู้ บั จ้างรายใหม่ 320
(3) การฟ้องขอใหป้ ฏบิ ตั ิตามข้อกาหนดในสัญญา
(4) การฟอ้ งขอให้ชาระเงินค่าจ้างและคนื หลกั ประกนั สญั ญา
(5) การเรยี กคา่ เสยี หายนบั แต่ใหร้ ะงับการปฏิบตั ิงานตามสญั ญาจา้ ง
(6) การเรียกค่าเสียหายจากความชารดุ บกพรอ่ งของผู้รบั จา้ ง
8.1.2 กรณี เอกชน ผรู้ ับจา้ ง ฟอ้ ง หนว่ ยงานของรฐั ผวู้ า่ จา้ ง
(1) กรณเี อกชนฟอ้ งเรียกคา่ จา้ งตามสัญญา
(1.1) กรณที ผ่ี รู้ ับจ้างตามสญั ญาจ้างฟ้องคดีต่อศาลเพื่อขอให้ผู้ว่าจ้าง ชดใช้
เงนิ คา่ จา้ งทีค่ ้างชาระในงวดงานบางงวด และให้คืนเงินค่าปรับท่ีปรับ
ไว้เกิน พรอ้ มทงั้ ใหค้ นื หนงั สือค้าประกันสัญญาและหนังสือค้าประกัน
การจ่ายเงนิ ลว่ งหน้าน้นั
(1.2) สาหรับกรณีการขอให้ชดใช้เงินค่าจ้าง ถือว่าสิทธิเรียกร้องเงินค่าจ้าง
ในงานงวดหนง่ึ งวดใด ยอ่ มเกดิ ข้ึนนับแต่วันท่ีผู้ว่าจ้างรับมอบงานงวด
น้นั ซง่ึ ถือเปน็ วนั ที่ผู้รบั จา้ งรู้หรือควรรู้ ถงึ เหตุแหง่ การฟ้องคดี
ฑ
(1.3) สาหรับกรณีการยนื่ ฟ้องคดเี พื่อขอใหผ้ ูว้ ่าจ้างชาระเงินค่าจ้างในส่วนท่ี 32๑
สง่ั ให้ทางานเพ่ิมเติมถือว่าวันท่ีผู้ว่าจ้างจ่ายเงินค่าจ้างงวดสุดท้ายโดย
ไม่ยอมจ่ายค่าจ้างในส่วน ของงานที่ผู้รับจ้างทาเพ่ิมเติม เป็นวันท่ีผู้ 32๒
รับจ้างร้หู รอื ควรรู้ถึงเหตุแหง่ การฟอ้ งคดี
32๒
(1.4) กรณีท่ีผู้รับจ้างมีหนังสือถึงผู้ว่าจ้างเพ่ือขอให้ผู้ว่าจ้าง เบิกจ่ายเงิน 32๓
ค่าจ้างให้แก่ผู้รับจ้าง หากไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าผู้ว่าจ้างได้รับ
หนงั สอื ขอให้ จ่ายเงินค่าจ้างจากผ้รู ับจ้างในวนั ใด ถือว่าผู้รบั จ้างรู้หรือ ๓๒๕
32๕
ควรรู้ว่าผู้ว่าจ้างผิดสัญญา อย่างช้าภายในวันสุดท้ายของเดือนที่มี
หนังสอื ขอใหผ้ ู้ว่าจา้ งจา่ ยเงินคา่ จ้างดงั กลา่ ว 325
(1.5) กรณีท่ีถือว่าผู้ฟ้องคดีซ่ึงเป็นผู้รับจ้างรู้หรือควรรู้ถึงเหตุ แห่งการฟ้อง 32๖
คดตี ัง้ แต่วนั ทีไ่ ด้รับหนงั สอื แจง้ ปฏิเสธการจา่ ยเงินค่าจ้างจากผู้ถูกฟ้อง
คดี ซง่ึ เปน็ ผวู้ ่าจ้าง 32๗
(1.6) กรณที ผ่ี ู้รบั จา้ งมีหนงั สอื ทวงถามให้ผู้ว่าจ้างชาระค่าจ้าง ส่วนท่ียังค้าง
ชาระ และผู้ว่าจ้างมีหนังสือแจ้งว่ายังไม่ได้รับเงินค่างานส่วนเหลือ 32๗
ดังกล่าวจากสานักงานคลังจังหวัด โดยมิได้โต้แย้งหรือปฏิเสธการ
ชาระหนนี้ ัน้
(2) การฟ้องขอใหผ้ ้วู ่าจา้ งคนื เงนิ ค่าปรับ
(2.1) กรณีที่ผู้รับจ้างเห็นว่าหน่วยงานทางปกครองผู้ว่าจ้างหักเงิน ค่าปรับ
กรณีส่งมอบงานล่าช้าจากค่าจ้างไม่ถูกต้อง จึงยื่นฟ้องคดีเพื่อขอคืน
เงินค่าปรับ ดังกล่าว ถือว่าวันที่ผู้ว่าจ้างหักเงินค่าปรับเป็นวันท่ีผู้
รบั จา้ งรหู้ รอื ควรร้ถู ึงเหตุแห่งการฟ้องคดี
(2.2) กรณีที่ผู้รับจ้างเห็นว่าหน่วยงานทางปกครองผู้ว่าจ้าง หักเงินค่าปรับ
กรณสี ง่ มอบงานล่าช้าจากคา่ จา้ งไม่ถกู ต้อง
(2.๓) กรณีท่ีผู้ฟ้องคดีซ่ึงเป็นผู้รับจ้างส่งมอบงานล่าช้ากว่าท่ีกาหนดไว้ใน
สัญญาและผู้ถูกฟ้องคดีซึ่งเป็นผู้ว่าจ้างมีหนังสือเรียกให้ชาระค่าปรับ
ถือว่าวันที่ผู้ฟ้องคดีมีหนังสือถึงผู้ถูกฟ้องคดียินยอมชาระค่าปรับโดย
ให้หกั จากเงิน คา่ จ้างเป็นวนั ที่รูห้ รอื ควรรู้ถึงเหตุแหง่ การฟ้องคดี
(2.๔) กรณีที่ผู้ฟ้องคดีซึ่งเป็นผู้รับจ้างส่งมอบงานล่าช้ากว่าที่กาหนดไว้ใน
สัญญาและผู้ถูกฟ้องคดีซึ่งเป็นผู้ว่าจ้างได้หักเงินค่าจ้างไว้เป็นค่าปรับ
ถือว่าในเดือนที่มีการหักเงินค่าจ้างไว้เป็นค่าปรับเป็นวันที่ผู้ฟ้องคดีรู้
หรอื ควรรถู้ ึงเหตุ แห่งการฟ้องคดีเพื่อขอคนื เงนิ ค่าปรบั ดงั กลา่ ว
(2.๕) กรณีที่ผู้ฟ้องคดีซึ่งเป็นผู้รับจ้างส่งมอบงานล่าช้ากว่าท่ีกาหนดไว้ใน
สัญญาและผู้ถูกฟ้องคดีซึ่งเป็นผู้ว่าจ้างได้หักเงินค่าจ้างไว้เป็นค่าปรับ
แต่ต่อมาพบว่าการคานวณเงินค่าปรับไม่ถูกต้องจึงคืนเงินค่าปรับ
บางส่วนให้แก่ผู้ฟ้องคดี แต่ผู้ฟ้องคดีเห็นว่าตนยังมีสิทธิได้รับเงิน
ค่าปรับมากกว่าจานวนเงินค่าปรับที่ได้รับ มาแล้วนั้น ถือว่าวันที่ผู้ถูก
ฒ
ฟ้องคดีคืนเงินค่าปรับบางส่วนดังกล่าว เป็นวันท่ีผู้ฟ้องคดี ทราบ 32๘
จานวนคา่ ปรับทีแ่ ทจ้ รงิ อันเป็นวนั ที่ร้หู รือควรร้ถู งึ เหตุแห่งการฟอ้ งคดี 32๘
(3) การฟอ้ งขอใหผ้ วู้ ่าจา้ ง คนื หลักประกันสัญญา
(3.1) สิทธิของผู้รับจ้างท่ีจะได้รับหนังสือค้าประกันสัญญาคืนจากผู้ว่าจ้าง 329
เกิดข้ึนนับแต่วันท่ีผู้ว่าจ้างได้ออกหนังสือรับรองผลงานที่ส่งมอบแล้ว
ใหแ้ ก่ ผ้รู บั จ้าง ซงึ่ ถอื วา่ วนั ดงั กลา่ วเป็นวันท่ผี รู้ บั จา้ งรหู้ รอื ควรรถู้ ึงเหตุ ๓๓๐
แหง่ การฟ้องคดี เพ่อื ขอใหผ้ วู้ า่ จา้ งคืนหนังสอื ค้าประกันสัญญา 3๓๐
3๓๐
(3.2) การฟ้องขอให้ผู้ว่าจ้างคืนเงินหลักประกันสัญญา ผู้รับจ้าง จะต้องยื่น 33๒
ฟ้องภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่ผู้รับจ้างได้รับแจ้งการริบหลักประกัน 33๒
ดังกลา่ ว อนั เปน็ วนั ทรี่ ู้หรอื ควรรถู้ งึ เหตแุ ห่งการฟ้องคดี 33๒
(4) การฟ้องขอให้ชาระเงินชดเชยค่างานก่อสร้าง (คา่ K) 33๓
(4.๑) กรณีท่ีศาลวินิจฉัยว่าผู้ฟ้องคดีรู้หรือควรรู้ถึงเหตุแห่งการฟ้องคดีเม่ือ 33๔
ไดร้ บั แจ้งผลการพิจารณาทบทวนการไม่จ่ายเงนิ ชดเชยฯ 33๔
(4.๒) กรณีท่ีศาลวินิจฉัยว่าผู้ฟ้องคดีรู้หรือควรรู้ถึงเหตุแห่งการฟ้องคดี ใน
วนั ท่ไี ดร้ ับหนงั สือแจ้งผลการพจิ ารณาเงินชดเชยฯ 33๕
(5) การฟ้องขอใหช้ ดใช้ค่าเสียหาย 335
(5.1) กรณีฟอ้ งขอใหช้ าระค่าเสียหายอันเนอ่ื งมาจากการจ่ายคา่ จ้างล่าช้า
33๖
5.1.1) กรณีที่ถือว่าผู้ฟ้องคดีรู้หรือควรรู้ถึงเหตุแห่งการฟ้องคดี
ตั้งแตว่ ันทไี่ ด้มีหนงั สอื ทวงถามให้ผู้ถูกฟ้องคดีซงึ่ เป็นผวู้ า่ จ้าง
ชาระคา่ จา้ ง
5.1.2) กรณีที่ถือว่า ผู้ฟ้องคดีรู้หรือควรรรู้ถึงเหตุแห่งการฟ้องคดี
ต้งั แต่วนั ที่ไดร้ บั ทราบการปฏเิ สธการชาระเงนิ คา่ เสียหาย
(5.๒) การขอให้ชดใชค้ ่าเสยี หายจากการบอกเลกิ สัญญา
5.2.1) กรณีทีถ่ อื ว่า วนั ท่ีผรู้ ับจา้ งได้มหี นงั สอื แจ้งตอ่ ผ้วู า่ จ้างวา่ ผู้ว่า
จา้ งไม่มีเหตุผลทจ่ี ะบอกเลกิ สัญญากบั ผู้รับจา้ งได้ เป็นวนั ทีผ่ ู้
รับจา้ งรู้หรือควรรถู้ ึงเหตแุ หง่ การฟ้องคดี
5.2.2) กรณีที่ถือว่า วันที่ผู้รับจ้างได้รับหนังสือแจ้งการบอกเลิก
สัญญาจากผูว้ า่ จา้ ง เป็นวันที่ผู้รับจ้างรู้หรือควรรู้ถึงเหตุแห่ง
การฟ้องคดี
5.2.3) ในกรณีที่ไม่ปรากฏว่า ผู้รับจ้างได้รับหนังสือแจ้งการบอก
เลิกสัญญาในวันใด ถือว่า ผู้รับจ้างได้รับทราบถึงหนังสือ
ดังกล่าวอยา่ งช้าท่ีสุด ในวันที่ผู้รับจ้างมีหนังสืออุทธรณ์หรือ
คัดค้านการบอกเลิกสัญญา
5.2.4) ในกรณีที่ไม่ปรากฏกว่าผู้รับจ้างได้รับหนังสือแจ้ง การบอก
เลิกสัญญาในวันใด ถือว่าผู้รับจ้างได้รับการแจ้งบอกเลิก
สัญญาตั้งแต่วันท่ี ผูว้ า่ จ้างบอกเลิกสญั ญาจ้าง
ณ
5.2.5) กรณีท่ีเอกชนผู้รับจ้างเห็นว่าการบอกเลิกสัญญาจ้างของ 336
หนว่ ยงานทางปกครองผูว้ ่าจ้างไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงมีหนงั สือ
บอกเลกิ สัญญากลบั ไปยังหนว่ ยงานทางปกครองผ้วู า่ จ้าง 337
5.2.6) กรณที ห่ี นว่ ยงานทางปกครองผูว้ า่ จา้ งมคี าสง่ั ใหผ้ ู้รับจ้างหยุด 33๘
ดาเนนิ งาน ถอื เปน็ การแสดงเจตนาบอกเลิกสัญญา
339
5.2.7) กรณีฟ้องขอให้ชาระค่าเสียหายอันเนื่องมาจากการท่ี
หนว่ ยงานทางปกครองผวู้ ่าจ้างแกไ้ ขเปลยี่ นแปลงขอ้ สญั ญา 3๔๐
34๑
๕.๒.๘) การฟ้องขอให้แก้ไขเปล่ียนแปลงคู่สัญญาและขอให้ชดใช้ 343
ค่าเสยี หายอันเกดิ จากการปฏบิ ัตหิ นา้ ทลี่ ่าชา้ ในการอนุมัตใิ ห้ 343
เปลีย่ นแปลงค่สู ัญญา 343
343
(6) การฟอ้ งขอให้เพกิ ถอนสญั ญาทกี่ าหนดการรับข้อพพิ าทดว้ ยอนญุ าโตตลุ าการ
(7) การฟอ้ งแย้งเรียกคา่ เสยี หายเนอื่ งจากการถูกบอกเลิกสญั ญาจ้าง 345
บทที่ 9 สญั ญาพสั ดุ
(ก) แนวคาพิพากษาศาลปกครองสูงสดุ เกี่ยวกับเขตอานาจศาล 354
1. คดีพิพาทตามมาตรา ๙ วรรคหนงึ่ (๑) 355
1.1 ขอ้ พิพาทในขั้นตอนการจัดทาเอกสารหรือประกาศจัดซอ้ื จดั จา้ ง 357
โดยวธิ ีสอบราคา
357
1.2 ข้อพิพาทเกี่ยวกบั การจดั ทาเอกสารหรอื ประกาศจดั ซอื้ จดั จ้าง
โดยวธิ ปี ระกวดราคา 362
362
1.3 ขอ้ พิพาทในข้ันตอนการดาเนนิ การของคณะกรรมการจดั ซือ้ จดั จ้าง 364
(1) กรณีทีศ่ าลวินจิ ฉยั วา่ เปน็ ขอ้ พพิ าททีอ่ ยูใ่ นอานาจพิจารณาพิพากษาของศาล 370
ปกครอง 370
(2) กรณีทศี่ าลวินิจฉัยวา่ ยังไมเ่ ปน็ ข้อพพิ าทท่อี ยู่ในอานาจพจิ ารณาพิพากษา 372
ของศาลปกครอง 372
373
1.4 ข้อพิพาทเกย่ี วกับการดาเนนิ การของคณะกรรมการจดั ซือ้ จดั จา้ งโดยวธิ ปี ระกวด 374
ราคา
1.5 ขอ้ พพิ าทในขนั้ ตอนการพจิ ารณาอนมุ ัติสง่ั ซื้อสง่ั จา้ ง
(1) ขอ้ พพิ าทเก่ียวกบั การพจิ ารณาอนมุ ตั จิ ดั ซื้อจดั จ้างโดยวธิ ีสอบราคา
(2) ขอ้ พพิ าทเกี่ยวกับการพิจารณาอนุมตั จิ ดั ซ้ือจดั จ้างโดยวธิ ีประกวดราคา
1.6 ขอ้ พพิ าทในขั้นตอนการยกเลิกการจดั ซอื้ หรอื จัดจา้ ง
2. คดีพิพาทตามมาตรา ๙ วรรคหนง่ึ (2)
3. คดพี พิ าทตามมาตรา ๙ วรรคหนง่ึ (3)
3.1 ขอ้ พิพาทในขน้ั ตอนการจัดทาเอกสารหรอื ประกาศจัดซอื้ จดั จ้าง
3.2 ขอ้ พิพาทในข้ันตอนการดาเนนิ การของคณะกรรมการจดั ซ้อื จดั จ้าง
4. คดพี ิพาทตามมาตรา ๙ วรรคหนงึ่ (4)
(ข) แนวคาพิพากษาศาลปกครองสงู สดุ เก่ียวกับการจดั ซ้ือจัดจา้ ง ด
1. ขอ้ พพิ าทในขน้ั ตอนการจัดทาเอกสารหรอื ประกาศจัดซอ้ื หรือจดั จ้าง
2. ข้อพพิ าทในข้นั ตอนการเผยแพรป่ ระกาศจดั ซอ้ื หรอื จดั จา้ ง 378
3. ข้อพพิ าทในขน้ั ตอนการดาเนินการของคณะกรรมการจดั ซือ้ หรอื จดั จ้าง 378
4. ข้อพิพาทในขั้นตอนการดาเนินการของผมู้ ีอานาจอนมุ ตั สิ ั่งซ้อื หรือสง่ั จ้าง 387
5. ข้อพิพาทในขนั้ ตอนการยกเลิกการจดั ซอ้ื หรือจัดจา้ ง 388
390
399
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสงู สุด เกีย่ วกบั สญั ญำทำงปกครอง |๑
บทที่ 1
หลกั กฎหมายปกครองเกยี่ วกับ
สญั ญาทางปกครอง
-------------------------
1. แนวคดิ และหลักการของสญั ญาทางปกครอง
นบั แตํศาลปกครองเปิดทําการเมอ่ื วันท่ี ๙ มีนาคม ๒๕๔๔ เปน็ ต๎นมา ศาลปกครองสูงสุดได๎
พิจารณาพิพากษาคดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญาทางปกครองไปแล๎วเป็นจํานวนมาก อันนําไปสํูการวาง
หลักกฎหมายท่ีสําคัญของสัญญาท่ีจัดทําขึ้นระหวํางหนํวยงานของรัฐด๎วยกันเอง หรือระหวําง
หนํวยงานของรัฐกับเอกชนภายใต๎ระบบกฎหมายมหาชน ซึ่งถือได๎วําเป็นแนวทางในการปฏิบัติ
ราชการท่สี าํ คัญเก่ียวกับการจัดทาํ สัญญาของฝุายปกครอง โดยมที ัง้ กรณีทศี่ าลปกครองได๎อนโุ ลมนํา
ประมวลกฎหมายแพงํ และพาณิชยม์ าบงั คบั ใช๎ และอีกสํวนหนึง่ ที่สําคัญเป็นหลักกฎหมายที่เกิดจาก
คําวินิจฉัยของศาลปกครอง
สําหรับ ในประเทศท่ีใช๎ระบบศาลคูํซึ่งยอมรับในความเป็นเอกเทศของกฎหมายปกครอง
และมํุงที่จะพัฒนาหลักกฎหมายปกครองให๎เป็นพิเศษจากหลักกฎหมายเอกชนดังเชํนใน ประเทศ
ฝรงั่ เศสและประเทศเยอรมนีน้ัน ได๎มีการพัฒนาหลักกฎหมายเกี่ยวกับสัญญาทางปกครองขึ้นอยําง
เป็นระบบ โดยเริ่มจากแนวคิดพื้นฐานท่ีวํา บางครั้งสัญญาที่กระทําโดยฝุายปกครองอาจมีลักษณะ
ในความสัมพนั ธร์ ะหวํางเอกชนดว๎ ยกนั บางกรณีอาจมีลักษณะพิเศษท่แี ตกตาํ งไปจากข๎อสัญญาทาง
กฎหมายเอกชน ระบบกฎหมายปกครองของประเทศเหลํานี้ จึงมีหลักเกณฑ์ท่ีใช๎จําแนกวํากรณีใด
เป็นสญั ญาทางปกครอง และกรณีใดทไ่ี มเํ ปน็ สัญญาทางปกครอง
๑.1 สญั ญาทางปกครองของประเทศฝรัง่ เศส
ในระบบกฎหมายฝรงั่ เศส สัญญาทางปกครอง (Contrats administratifs) เป็นสัญญาที่จัด
อยูํในระบบกฎหมายมหาชน ซ่ึงลักษณะของสัญญาจะต๎องมีคํูสัญญาอยํางน๎อยฝุายหนึ่งเป็นฝุาย
ปกครอง การทําสัญญามวี ตั ถปุ ระสงคเ์ ป็นไปเพ่ือประโยชน์สาธารณะ โดยนําระบบกฎหมายมหาชน
มาปรับใช๎ และคดีพิพาทจะอยูํในระบบวิธีพิจารณาของศาลปกครอง อยํางไรก็ดีสัญญาที่ฝุาย
ปกครองทําขึ้นไมํจําเป็นต๎องเป็นสัญญาทางปกครองเสมอไป มีสัญญาของฝุายปกครองหลาย
ประเภทท่อี ยํภู ายใตบ๎ ังคับของกฎหมายแพงํ ซึง่ สญั ญาเหลาํ นน้ั เปน็ สัญญาของฝาุ ยปกครองทีเ่ รยี กวาํ
สญั ญาของฝุายปกครองที่เป็นไปตามกฎหมายเอกชน ซ่ึงเกิดจากการที่ฝุายปกครองแสดงเจตนาใน
การทําสัญญาวําประสงค์จะทําสัญญาภายใต๎ระบบกฎหมายแพํง สัญญาดังกลําวจึงนําระบบ
กฎหมายเอกชนมาใช๎ และขอ๎ พพิ าทอนั เกิดจากสญั ญาลักษณะนยี้ อํ มอยใํู นอํานาจ
พจิ ารณาของศาลยุตธิ รรม
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด เกีย่ วกบั สญั ญำทำงปกครอง |๒
แนวความคิดเกย่ี วกบั สญั ญาทางปกครองของประเทศฝรง่ั เศสน้ัน เป็นผลมาจากคาํ พพิ ากษา
ของสภาแหงํ รัฐที่วางหลกั วาํ สัญญาทางปกครองแบงํ ออกเป็น ๒ ประเภท คอื
ประเภทแรก สัญญาทางปกครองโดยการกําหนดของกฎหมายไว๎โดยชัดแจ๎งวํา สัญญาใด
เป็นสัญญาทางปกครอง หรือบางกรณีกฎหมายกก็ าํ หนดโดยทางออ๎ มวํา ให๎คดพี พิ าทเก่ียวกับสญั ญา
ประเภทนัน้ อยใูํ นอํานาจพจิ ารณาของศาลปกครอง เชํน สัญญาวาํ จ๎างเอกชนกํอสร๎างหรือทํานุบํารุง
อสังหาริมทรพั ยเ์ พ่อื สาธารณประโยชน์
ประเภทท่ีสอง สัญญาทางปกครองโดยสภาพ ซ่ึงเกิดจากการวางหลักของศาลปกครอง ซ่ึง
ศาลปกครองฝรงั่ เศสเห็นวาํ สภาพและเนอื้ หาของสัญญาต๎องมีลกั ษณะที่คสํู ญั ญาอยาํ งน๎อยฝุายหน่ึง
จะต๎องเป็นฝุายปกครองเสมอ และวัตถปุ ระสงค์ของสญั ญาจะตอ๎ งเปน็ การให๎คสูํ ัญญาอกี ฝุายหน่ึงเข๎า
ดาํ เนินการหรือเข๎ารํวมดาํ เนินการบริการสาธารณะโดยตรง
อยํางไรกด็ ี ประเทศฝรง่ั เศสไดอ๎ อกประมวลกฎหมายพัสดุฉบบั ใหมํ โดยกาํ หนดให๎สญั ญาทกุ
สัญญาที่ทําข้ึนตามประมวลกฎหมายพัสดุน้ี เป็นสัญญาทางปกครองท้ังหมดจึงอาจกลําวได๎วํา
การจําแนกชนิดของสัญญาของฝุายปกครองในระบบกฎหมายฝรั่งเศสสามารถกระทําได๎โดยอาศัย
เหตุปัจจัย ๒ ประการ คือ ประการที่หนึ่ง บทบัญญัติกฎหมายลายลักษณ์อักษร ซ่ึงจะบัญญัติใน
กฎหมายโดยระบุให๎คดีพิพาทเก่ียวกับสัญญาประเภทใดอยูํในอํานาจพิจารณาพิพากษาของศาลใด
กลาํ วคือ เป็นสัญญาของฝาุ ยปกครองประเภทสญั ญาตามที่กฎหมายเอกชนกําหนด ซึ่งอยูํในอํานาจ
พิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม เชํน สัญญาเชําเกี่ยวกับทรัพย์และท่ีดินในเขตชนบทของ
หนํวยงานทางปกครองตามประมวลกฎหมายชนบท (code rural) หรอื เปน็ สญั ญาของฝาุ ยปกครอง
ประเภทสัญญาทางปกครองตามที่กฎหมายกําหนดเชํน สัญญาจัดซื้อจัดจ๎างเก่ียวกับการโยธา
สาธารณะและสญั ญาขายอาคารของรฐั
ประการที่สอง แนวคําพิพากษา ซึ่งพิจารณาความเป็นสัญญาทางปกครองในแงํขององค์กร
คํสู ญั ญา โดยคูสํ ญั ญาฝาุ ยหนงึ่ อยาํ งนอ๎ ยตอ๎ งเปน็ นติ ิบคุ คลมหาชน และสัญญานั้นจะตอ๎ งถูกจัดทํามา
เพ่ือบริหารจัดการภารกิจเก่ียวกับประโยชน์สาธารณะหรือประโยชน์มหาชนซ่ึงต๎องพิจารณาจาก
ภารกิจหรือวตั ถปุ ระสงคท์ ี่สญั ญามํงุ กํอให๎เกิดขนึ้ เปน็ รูปธรรมเปน็ สาํ คญั
๑.2 สญั ญาทางปกครองของประเทศเยอรมนี
ในทางปฏิบัติของประเทศเยอรมนี รัฐหรือฝุายปกครองสามารถที่จะทําสัญญาได๎ทั้งสัญญา
ตามกฎหมายเอกชนและสัญญาตามกฎหมายมหาชน สัญญาที่หนํวยงานของรัฐทํากับเอกชนน้ันจึง
เป็นไดท๎ ้งั สัญญาทางแพงํ และสัญญาทางปกครอง ซง่ึ เมอื่ พิจารณานยิ ามคาํ วํา “สัญญาทางปกครอง”
ตามกฎหมายวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง ค.ศ. ๑๙๗๖ ท่ีบัญญัติวํา สัญญาทางปกครอง ได๎แกํ
สัญญาที่มีผลเป็นการกํอ เปลี่ยน หรือระงับไปซ่ึงนิติสัมพันธ์ตามกฎหมายมหาชนแล๎วจะเห็นได๎วํา
สัญญาทางปกครองมีความหมายกว๎างและครอบคลุมไปถึงสัญญาทุกประเภทท่ีมีสํวนเกี่ยวข๎องกับ
กฎหมายมหาชน ดังน้ัน ขอ๎ พิจารณาวําสัญญานั้นเปน็ สัญญาทางแพงํ หรอื สญั ญาทางปกครอง อตั ตะ
วิสัยของคูํสัญญาไมํใชํเคร่ืองชี้ลักษณะทางกฎหมายของสัญญาที่สําคัญ แตํควรใช๎เกณฑ์วัตถุแหํง
สัญญาเป็นเคร่ืองบํงชี้ โดยพิจารณาจากเน้ือหาของสัญญาเป็นสําคัญ กลําวคือ ต๎องพิจารณาวํา
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสงู สุด เกีย่ วกบั สญั ญำทำงปกครอง |๓
เนื้อหาสาระหรือวัตถุแหํงสัญญาดังกลําวมีข๎อเท็จจริงที่จะต๎องพิจารณาตามกฎหมายปกครองหรือ
มลู เหตแุ หงํ หนีท้ ต่ี ๎องปฏบิ ัติการชําระหน้ีตามสัญญาหรือหน๎าที่ในการชําระหนี้ตามสัญญามีลักษณะ
เป็นไปตามกฎหมายปกครองหรือไมํ กรณีจึงอาจกลําวได๎สัญญาทางปกครอง มีลักษณะอยํางหน่ึง
อยาํ งใด ดังนี้
(๑) มีลักษณะเป็นการบังคับการให๎เป็นไปตามบทบัญญัติกฎหมายมหาชนเชํน ความตกลง
ของคสูํ ญั ญาระหวาํ งกระบวนการเวนคืนตามกฎหมายวําด๎วยการควบคมุ อาคาร
(๒) เป็นสัญญาที่ทําข้ึนโดยมีการกําหนดหน๎าท่ีให๎หนํวยงานของรัฐออกคําสั่งทางปกครอง
หรือกระทําการอ่ืนใดในทางปกครองเป็นการตอบแทน เชํน สัญญาท่ีมีข๎อกําหนดให๎เจ๎าหน๎าที่ฝุาย
ปกครองออกใบอนญุ าตกอํ สร๎างอาคาร
(๓) เป็นสญั ญาทมี่ ลี ักษณะในการกาํ หนดสทิ ธหิ รือหน๎าท่ีตามกฎหมายมหาชนให๎แกํคํูสัญญา
ฝุายเอกชน เชนํ สญั ญาทม่ี ีการกําหนดหน๎าท่ีให๎เอกชนผู๎ได๎รับอนุญาตให๎กํอสร๎างอาคารต๎องจัดให๎มี
สถานที่จอดรถ
แตอํ ยํางไรกด็ ี ขอบเขตการใช๎บงั คับเกี่ยวกบั หลกั เกณฑ์เรือ่ งสัญญาทางปกครองของประเทศ
เยอรมนีนั้น กฎหมายวําด๎วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง ค.ศ. ๑๙๗๖ กําหนดให๎นําบทบัญญัติ
มาตราอ่ืนๆ ตามกฎหมายวําด๎วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองมาใช๎กับสัญญาทางปกครองตราบ
เทําทม่ี าตรา ๕๔ ถึงมาตรา ๖๑ ซึ่งเป็นบทบัญญัติท่ีกําหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับสัญญาทางปกครอง
มิได๎กําหนดหลักเกณฑ์ใดไว๎โดยเฉพาะ นอกจากนั้น ยังกําหนดให๎นําบทบัญญัติตามประมวล
กฎหมายแพํงของเยอรมนีมาใช๎บังคับกับสัญญาทางปกครองได๎ด๎วยและท้ังน้ี สัญญาทางปกครอง
ดังกลําว คํูสัญญาฝุายปกครองในฐานะผู๎ใช๎อํานาจทางปกครองยํอมสามารถกระทําได๎เพียงใน
ขอบเขตภายใต๎หลกั ความชอบดว๎ ยกฎหมายของการกระทาํ ทางปกครองเทํานัน้
1.3. สญั ญาทางปกครองตามกฎหมายไทย
สําหรับประเทศไทย นับตั้งแตํมีการตราประมวลกฎหมายแพํงและพาณิชย์แนวความคิด
เรื่องสัญญาในประมวลกฎหมายแพํงและพาณิชย์ซึ่งเป็นกฎหมายเอกชน ก็ใช๎เป็นหลักในการทํา
สัญญาทุกประเภท ไมํวําจะเป็นสัญญาของสํวนราชการหรือของเอกชน จนกระท่ังได๎มีการตรา
พระราชบัญญัติจัดต้ังศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ขึ้นบังคับใช๎โดย
กําหนดให๎ศาลปกครองแยกออกจากศาลยุติธรรม และกําหนดประเภทของคดีพิพาทที่อยํูในเขต
อํานาจศาลปกครอง ซ่ึงคดีพิพาทลักษณะหน่ึงท่ีอยูํในอํานาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครองก็
คือ คดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญาทางปกครองการพิจารณานิยามความหมายของคําวํา “สัญญาทาง
ปกครอง” นั้น ต๎องพิจารณาตามนัยมาตรา ๓ แหํงพระราชบัญญัติจัดต้ังศาลปกครองและวิธี
พิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ซ่ึงบัญญัติวํา “สัญญาทางปกครอง หมายความรวมถึง สัญญาท่ี
คูํสัญญาอยํางน๎อยฝุายใดฝุายหนึ่งเป็นหนํวยงานทางปกครองหรือเป็นบุคคลซึ่งกระทําการแทนรัฐ
และมลี กั ษณะเปน็ สัญญาสัมปทาน สัญญาทใ่ี ห๎จดั ทําบริการสาธารณะ หรือจัดให๎มีสิ่งสาธารณูปโภค
หรอื แสวงประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ”
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด เกี่ยวกบั สญั ญำทำงปกครอง |๔
ซึ่งจากบทนิยามดังกลําวจะเห็นได๎วํา สัญญาทางปกครองแบํงออกเป็น ๒ ประเภท ได๎แกํ
สัญญาทางปกครองท่ีกฎหมายกําหนด และสัญญาทางปกครองโดยสภาพ
๑.3.1 สัญญาทางปกครองทก่ี ฎหมายกาหนด
มีหลักเกณฑ์การพิจารณาทั้งทางด๎านคํูสัญญาและหลักเกณฑ์ทางด๎านเนื้อหา
ประกอบกัน กลําวคือ สัญญาทางปกครองต๎องเป็นสัญญาท่ีคํูสัญญาอยํางน๎อยฝุายใดฝุายหนึ่งเป็น
หนวํ ยงานทางปกครองหรอื เปน็ บุคคลซ่งึ กระทาํ การแทนรฐั ซงึ่ เป็นการพจิ ารณาองคป์ ระกอบในเร่อื ง
ฝุายของการเปน็ คสูํ ญั ญาและคณุ สมบตั หิ รือฐานะของคสํู ญั ญา สาํ หรบั หลักเกณฑ์ทางด๎านเน้ือหานัน้
กฎหมายมํุงหมายให๎ครอบคลุมท้ังในสํวนท่ีเป็นเนื้อหาสาระของสัญญาและในสํวนที่เป็นวัตถุแหํง
สัญญาด๎วย ซึ่งจากบทนิยามของสัญญาทางปกครองตามมาตรา ๓ แหํงพระราชบัญญัติจัดต้ังศาล
ปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ดังกลําว ข๎างต๎น กรณีจึงเห็นได๎วํา สัญญาทาง
ปกครองทกี่ ฎหมายกาํ หนดจะตอ๎ งมีเนอื้ หาสาระและวัตถแุ หงํ สญั ญา ๔ ประเภท ดงั นี้
(๑) สัญญาสมั ปทาน คือ สัญญาที่มลี ักษณะเป็นการท่ีรัฐมอบหมายสิทธิในการจัดทําบริการ
สาธารณะหรือกิจการใดๆ ทกี่ ารดาํ เนนิ การตอ๎ งไดร๎ ับอนญุ าตจากรฐั หรือฝาุ ยปกครองใหก๎ บั บุคคลใด
บคุ คลหนึง่ โดยทนุ ที่ใชด๎ ําเนินการจะต๎องเปน็ ของบุคลนัน้ ท้ังหมดหรือเปน็ สวํ นใหญโํ ดยรฐั ไมํตอ๎ งจาํ ย
คําตอบแทนหรือคําจ๎างให๎แกํบุคคลท่ีได๎รับสัมปทาน และบุคคลนั้นมีสิทธิได๎รับประโยชน์โดยการ
เรียกคําตอบแทนหรือคําบริการจากผ๎ูใช๎บริการหรือนําเอาผลผลิตที่ได๎ไปทําประโยชน์หรือจําหนําย
โดยจะมีการจํายคําตอบแทนให๎แกํรัฐด๎วยหรือไมํก็ได๎ ซ่ึงจะเห็นได๎วํามีท้ังในรูปแบบของสัญญา
สัมปทานบริการสาธารณะ เชํน สัญญารํวมการงานและรํวมทุนในเขตโทรศัพท์ภูมิภาค หรือใน
รูปแบบของสญั ญาสัมปทานแสวงหาประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติเชํน สัมปทานปุาไม๎ชายเลน
สัมปทานรังนกนางแอํน สัมปทานเหมอื งแรํ เป็นต๎น
(๒) สัญญาท่ีให๎จัดทําบริการสาธารณะ คือ สัญญาที่มีวัตถุแหํงสัญญาหรือวัตถุแหํงหนี้เป็น
การจัดทําบริการสาธารณะซึ่งมีลักษณะเป็นสัญญาที่ให๎เอกชนเข๎ามาดําเนินการจัดทําบริการ
สาธารณะแทนรัฐหรือเขา๎ รํวมดําเนินการจดั ทําบรกิ ารสาธารณะกบั รัฐ เชํน สญั ญาจ๎างให๎เอกชนเก็บ
กวาดขยะของกรุงเทพมหานคร สญั ญาจา๎ งลกู จา๎ งชว่ั คราวของสวํ นราชการ เปน็ ต๎น
(๓) สัญญาจัดให๎มีสิ่งสาธารณูปโภค คําวําสิ่งสาธารณูปโภคนั้น ศาลปกครองได๎เคยให๎
ความหมายไวว๎ ํา หมายความถึง ส่ิงซึ่งมีลกั ษณะเปน็ ถาวรวัตถุที่ประชาชนโดยท่ัวไปเข๎าใช๎ประโยชน์
รํวมกันได๎โดยตรง และยังหมายรวมถึงสิ่งที่หนํวยงานทางปกครองหรือเจ๎าหน๎าท่ีของรัฐใช๎เป็น
เครอ่ื งมอื โดยตรงในการจัดทําบรกิ ารสาธารณะ เพอ่ื ประโยชน์แกปํ ระชาชนในสิ่งอุปโภคท่ีจําเป็นตํอ
การดําเนินชีวิต ดังน้ัน สัญญาจัดให๎มีสิ่งสาธารณูปโภคจึงเป็นสัญญาที่รัฐให๎เอกชนเข๎ามาจัดทํา
บริการสาธารณะท่ีมีลักษณะเป็นถาวรวัตถุท่ีประชาชนสามารถเข๎าใช๎ประโยชน์รํวมกันได๎ เชํน
สัญญาจ๎างกํอสร๎างอาคารท่ีทําการของสํวนราชการ สัญญาจ๎างกํอสร๎างถนน สัญญาจ๎างขุดคูคลอง
เป็นตน๎
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสงู สุด เกี่ยวกบั สญั ญำทำงปกครอง |๕
(๔) สัญญาแสวงประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ คือ สัญญาฝุายปกครองอนุญาตให๎
เอกชนเขา๎ มาดําเนนิ กิจการเพอ่ื แสวงหาประโยชน์เอาจากทรพั ยากรของรัฐที่มีอยํูโดยธรรมชาติ เชํน
การเกบ็ รงั นกนางแอนํ การทาํ เหมืองแรํ เป็นตน๎ ท้ังน้ี มีข๎อสังเกตวํา สัญญาการเก็บรังนกนางแอํน
สญั ญาการทาํ เหมอื งแรศํ าลปกครองมแี นวทางการวนิ จิ ฉัยวําเป็นสัญญาสัมปทานทง้ั สิน้ จงึ อาจกลําว
ได๎วํา สัญญาใดจะมีลักษณะเปน็ สญั ญาทางปกครองประเภทสญั ญาสัมปทานนั้น ศาลจะไมํพิจารณา
เนอื้ หาของสัญญาวําเป็นสัญญาสัมปทานบริการสาธารณะหรือสัญญาสัมปทานแสวงประโยชน์จาก
ทรพั ยากรธรรมชาตหิ รือไมํ แตศํ าลจะพิจารณาจากช่ือของสัญญาเป็นสําคัญ โดยหากเห็นวําสัญญา
ใดมชี ือ่ เปน็ สัญญาสัมปทานแล๎วกจ็ ะจดั อยูํในสัญญาทางปกครองประเภทสัญญาสัมปทานทงั้ ส้ิน
1.3.๒ สัญญาทางปกครองโดยสภาพ
เนื่องจากบทนิยามของคําวํา “สัญญาทางปกครอง” ตามมาตรา ๓ แหํงพระราชบัญญัติ
จัดต้ังศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ใช๎คําวํา“หมายความรวมถึง...”
ซ่งึ แสดงให๎เหน็ อยใูํ นตวั วาํ นอกเหนือจากสัญญาทางปกครองท่ีมีการบัญญัติไว๎แล๎ว ยังมีสัญญาทาง
ปกครองอีกประเภทหนึ่งอีก หรือท่ีเรียกวํา สัญญาทางปกครองโดยสภาพซึ่งตามมติท่ีประชุมใหญํ
ตุลาการศาลปกครองสูงสุด คร้ังท่ี ๖/๒๕๔๔ เม่ือวันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๔๔ ได๎ใช๎หลักเกณฑ์ตํางๆ
ในการอธิบายเกย่ี วกบั การเปน็ สญั ญาทางปกครองโดยสภาพ ดงั น้ี
๑. หลักเกณฑ์ทางด๎านคํูสัญญา สัญญาทางปกครองจะต๎องมีคูํสัญญาอยํางน๎อยหน่ึงฝุาย
เป็นหนํวยงานทางปกครองหรือบุคคลซึ่งได๎รับมอบหมายให๎กระทํา การแทนรัฐซึ่งหลักเกณฑ์น้ี
เป็นหลักเกณฑ์ทํานองเดียวกับท่ีมาตรา ๓ แหํงพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณา
คดปี กครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ได๎ให๎นิยามไว๎
๒. หลักเกณฑ์ทางด๎านวัตถุแหํงสัญญา สัญญาทางปกครองจะต๎องเป็นสัญญาที่ให๎คูํสัญญา
อกี ฝุายหนง่ึ เข๎าดาํ เนินการหรอื เขา๎ รวํ มดําเนนิ การบริการสาธารณะโดยตรง
๓. หลักเกณฑ์ทางด๎านข๎อกําหนดของสัญญา สัญญาทางปกครองต๎องเป็นสัญญาท่ีมี
ข๎อกาํ หนดในสญั ญาซงึ่ มีลักษณะพิเศษท่ีแสดงเอกสิทธข์ิ องรัฐ เพอ่ื ให๎การใช๎อํานาจทางปกครองหรือ
การดําเนินกจิ การทางปกครอง ซงึ่ ก็คือการบริการสาธารณะ บรรลุผล
จึงอาจสรุปได๎วํา สัญญาท่ีจะเป็นสัญญาทางปกครองโดยสภาพน้ัน จะต๎องประกอบท้ัง
หลกั เกณฑ์ทางด๎านคสํู ญั ญาประการหนงึ่ และหลักเกณฑ์ทางด๎านวัตถุแหงํ สัญญาหรือขอ๎ กาํ หนดของ
สัญญาอกี ประการหน่ึง
2. ลกั ษณะของสัญญาทางปกครอง
สัญญาทางปกครองที่มีการดําเนินการเป็นคดีในศาลปกครอง อาจแบํงประเภท
สัญญาทางปกครองออกได๎เป็น 3 ประเภท คอื
ก. สญั ญาทางปกครองเก่ียวกบั การพัสดุ (Marche’ public)
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด เกี่ยวกบั สญั ญำทำงปกครอง |๖
ข. สญั ญารับทุนการศกึ ษาและลาศกึ ษาตอ่
ค. สัญญาสัมปทาน /สญั ญาร่วมลงทุนหรอื สญั ญาเกีย่ วกับโครงการขนาดใหญ่
ก. สัญญาทางปกครองเกี่ยวกบั การพัสดุ (Marche’ public)
1. ลักษณะของสัญญาทางปกครองท่ีเก่ียวกับการพัสดุ มีลักษณะสําคัญของสัญญา
ทางปกครอง 2 ประการ คือ
1). เป็นสญั ญาทม่ี ลี กั ษณะตามทมี่ าตรา 3 แห่งพระราชบญั ญตั ิจดั ตั้งศาล
ปกครองและวธิ พี ิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 กาหนด ไดแ๎ กํ
1.1.) คสูํ ญั ญาฝุายหน่ึงเป็นหนํวยงานทางปกครองหรือบุคคลที่ได๎รับมอบหมายให๎
กระทําแทน
1.2.) เป็นสัญญาท่ีให๎จัดทําบริการสาธารณะ คือ มีวัตถุประสงค์แหํงสัญญาหรือ
วัตถุประสงค์แหํงหน้ีเป็นการจัดทําบริการสาธารณะ ซึ่งอาจมีลักษณะให๎เอกชนเข๎ามาดําเนินการ
จดั ทาํ บรกิ ารสาธารณะแทนรฐั หรือเขา๎ รํวมดําเนินการ เชํน สัญญาจ๎างให๎เอกชนเก็บกวาดขยะ เป็น
ต๎น หรอื
1.3.) เป็นสัญญาจัดให๎มสี ง่ิ สาธารณูปโภค หมายถึง การใหเ๎ อกชนจัดทําถาวรวัตถุที่
ระชาชนโดยทัว่ ไปใชป๎ ระโยชน์รวํ มกนั ได๎โดยตรงรวมถงึ การจัดหาส่ิงท่ใี ช๎เปน็ เคร่ืองมอื โดยตรงในการ
จัดทําบริการาธารณะ สัญญาจ๎างกํอสร๎างอาคารท่ีทําการสํวนราชการ สัญญากํอสร๎างถนน สัญญา
จ๎างขดุ คลอง เชํน
1. สัญญาจ๎างกํอสรา๎ งหรือซํอมแซมอาคารของหนํวยงานของรฐั
2. สญั ญาจ๎างท่ีปรึกษาเพอื่ ออกแบบและควบคุมงานกอํ สรา๎ งอาคารของรัฐ
3. สญั ญาให๎สร๎างหรอื จดั หาเคร่ืองมอื สําคญั ในการจดั ทําบรกิ ารสาธารณะ
4. สญั ญาจ๎างให๎เอกชนจดั ทาํ บริการสาธารณะ
5. สญั ญากยู๎ มื เงนิ เพ่อื ใหบ๎ รกิ ารสาธารณะบรรลผุ ล
6. สัญญาฝากเกบ็ แปรสภาพและจดั จาํ หนํายสินคา๎ เกษตร
7. สญั ญารบั ทุนการศึกษาและสญั ญาลาศกึ ษาตอํ
8. สัญญาจ๎างบคุ ลากรในหนวํ ยงานทางปกครอง
2). เป็นสัญญาทางปกครองโดยสภาพ ตามมติที่ประชุมใหญ่ตุลาการศาล
ปกครองสูงสุด ครั้งที่ 6/2544 ลงวันท่ี 6 ตุลาคม 2544 ได๎ให๎แนวทางของสัญญาทาง
ปกครองโดยสภาพไว๎ 3 ประการคือ
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสงู สุด เกี่ยวกบั สญั ญำทำงปกครอง |๗
2.1). หลักเกณฑ์ด๎านคํูสัญญา สัญญาต๎องมีคํูสัญญาฝุายหนึ่งเป็นหนํวยงานทาง
ปกครองหรือผ๎ไู ด๎รบั มอบหมายให๎กระทําการแทนรัฐ
2.2). หลักเกณฑ์ด๎านวัตถุประสงค์แหํงสัญญาต๎องเป็นสัญญาท่ีให๎คูํสัญญาอีกฝุาย
หนึ่งเข๎าดําเนนิ การหรือเข๎ารวํ มดําเนินการให๎บริการสาธารณะโดยตรง
2.3). หลักเกณฑ์ด๎านข๎อกําหนดของสัญญาต๎องเป็นสัญญาซึ่งมีข๎อกําหนดพิเศษท่ี
แสดงถงึ เอกสิทธ์ิของรฐั เพ่ือให๎การใชอ๎ าํ นาจทางปกครองหรือการดําเนินการทางปกครอง ซ่ึงได๎แกํ
การให๎บริการสาธารณะบรรลผุ ล
๒. ลกั ษณะทั่วไปของสญั ญาสญั ญาทางปกครองท่เี กย่ี วกับการพัสดุ
ปัจจุบันการประกวดราคาและการคัดเลือกผู๎รับจ๎าง เป็นไปตามพระราชบัญญัติ
จดั ซอ้ื จดั จ๎างภาครฐั พ.ศ. 2560 ซึ่งมีฐานะเป็นกฎหมายแตกตํางจากเดิมที่เป็นระเบียบฯ ทําให๎มี
ผลในการบังคับใชม๎ ากกวาํ เดมิ โดยมสี าระสําคญั ดงั น้ี
ก.วัตถุประสงค์และความคุ้มค่า มาตรา 8 การจัดซ้ือจัดจ๎างและการบริหารพัสดุ
ของหนํวยงานของรัฐต๎องกํอให๎เกิดประโยชน์สูงสุดแกํหนํวยงานของรัฐ และต๎องสอดคล๎องกับ
หลักการ ดงั ตอํ ไปนี้
(๑) คุ๎มคํา โดยพัสดุท่ีจัดซ้ือจัดจ๎างต๎องมีคุณภาพหรือคุณลักษณะที่ตอบสนอง
วัตถุประสงค์ในการใช๎งานของหนํวยงานของรัฐ มีราคาท่ีเหมาะสม และมีแผนการบริหารพัสดุที่
เหมาะสมและชัดเจน
(๒) โปรํงใส โดยการจัดซื้อจัดจ๎างและการบริหารพัสดุต๎องกระทําโดยเปิดเผย เปิด
โอกาสให๎การแขํงขันอยํางเป็นธรรม มีการปฏิบัติตํอผ๎ูประกอบการทุกรายโดยเทําเทียมกัน มี
ระยะเวลาที่เหมาะสมและเพียงพอตํอการยื่นข๎อเสนอ มีหลักฐานการดําเนินงานชัดเจน และมีการ
เปดิ เผยขอ๎ มลู การจัดซื้อจัดจ๎างและการบริหารพัสดุในทกุ ขั้นตอน
(๓) มปี ระสทิ ธิภาพและประสิทธผิ ล โดยต๎องมกี ารวางแผนการจัดซอื้ จัดจ๎างและการ
บริหารพัสดุลํวงหน๎าเพื่อให๎การจัดซื้อจัดจ๎างและการบริหารพัสดุเป็นไปอยํางตํอเนื่องและมี
กําหนดเวลาท่ีเหมาะสมโดยมีการประเมินและเปิดเผยผลสัมฤทธ์ิของการจัดซื้อจัดจ๎างและการ
บริหารพัสดุ
(๔) ตรวจสอบได๎ โดยมีการเก็บข๎อมูลการจัดซ้ือจัดจ๎างและการบริหารพัสดุอยําง
เปน็ ระบบเพอื่ ประโยชน์ในการตรวจสอบ
ใหห๎ นวํ ยงานของรัฐใช๎หลกั การตามวรรคหนึ่งเพือ่ เป็นแนวทางในการปฏบิ ัตเิ กี่ยวกับ
การจดั ซือ้ จดั จา๎ งและการบริหารพัสดุ หากการจัดซ้ือจัดจ๎างไมํเป็นไปตามหลักการดังกลําว แตํไมํมี
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด เกีย่ วกบั สญั ญำทำงปกครอง |๘
ผลตอํ การจัดซอ้ื จดั จา๎ งอยาํ งมนี ัยสาํ คัญ หรอื เกิดจากกรณีเรํงดวํ น หรอื มีเหตุผลหรอื ความจําเป็นอ่ืน
การจดั ซ้อื จดั จา๎ งนน้ั ยอํ มไมํเสียไป
ข. คู่สัญญา มาตรา ๑๓ ในการจัดซ้ือจัดจ๎าง ผ๎ูท่ีมีหน๎าท่ีดําเนินการต๎องไมํเป็นผู๎มี
สํวนได๎เสียกับผู๎ยื่นข๎อเสนอหรือคูํสัญญาในงานน้ัน ในกรณีท่ีปรากฏในภายหลังวําผู๎ท่ีมีหน๎าท่ี
ดําเนินการตามวรรคหนึ่งเป็นผู๎มีสํวนได๎เสียกับผู๎ย่ืนข๎อเสนอหรือคํูสัญญาในข้ันตอนหน่ึงขั้นตอนใด
ของการจัดซอ้ื จัดจ๎าง หรือเปน็ กรรมการในคณะกรรมการการจัดซื้อจัดจ๎าง แตํไมํมีผลตํอการจัดซื้อ
จดั จ๎างอยาํ งมีนยั สําคัญ การจดั ซอ้ื จัดจา๎ งนน้ั ยอํ มไมํเสยี ไป
มาตรา ๑๔ เพื่อให๎การจัดซ้ือจัดจ๎างเป็นไปโดยเรียบร๎อยและไมํกํอให๎เกิดความ
เสียหายตํอหนํวยงานของรฐั ในกรณีทีห่ นํวยงานของรัฐไดท๎ ําการจัดซอ้ื จัดจ๎างขน้ั ตอนหนง่ึ ขนั้ ตอนใด
ผิดพลาดหรอื ผิดหลงเล็กน๎อยและไมํมีผลตํอการจัดซื้อจัดจ๎างอยํางมีนัยสําคัญ การจัดซื้อจัดจ๎างน้ัน
ยอํ มไมํเสียไป
ค. แบบของสัญญา ตามมาตรา ๙๓ หนํวยงานของรัฐต๎องทําสัญญาตามแบบที่
คณะกรรมการนโยบายกาํ หนดโดยความเหน็ ชอบของสาํ นกั งานอัยการสูงสุด ท้งั นี้ แบบสญั ญานน้ั ให๎
ประกาศในราชกิจจานุเบกษาดว๎ ย (มาตรา 93 วรรคหนง่ึ )
การทําสัญญารายใดถา๎ จาํ เปน็ ตอ๎ งมขี ๎อความหรอื รายการแตกตาํ งไปจากแบบสญั ญา
ตามวรรคหนึ่งโดยมีสาระสําคัญตามท่ีกําหนดไว๎ในแบบสัญญาและไมํทําให๎หนํวยงานของรัฐ
เสียเปรียบ ก็ให๎กระทําได๎เว๎นแตํหนํวยงานของรัฐเห็นวําจะมีปัญหาในทางเสียเปรียบหรือไมํรัดกุม
พอ ก็ให๎สํงรํางสัญญานั้นไปให๎สํานักงานอัยการสูงสุดพิจารณาให๎ความเห็นชอบกํอน (มาตรา 93
วรรคสอง)
ในกรณีท่ีไมํอาจทําสัญญาตามแบบสัญญาตามมาตรา 93 วรรคหนึ่งได๎ และ
จําเป็นต๎องรํางสัญญาข้ึนใหมํให๎สํงรํางสัญญาน้ันไปให๎สํานักงานอัยการสูงสุดพิจารณาให๎ความ
เห็นชอบกอํ น เว๎นแตกํ ารทําสัญญาตามแบบที่สาํ นักงานอัยการสูงสดุ ไดเ๎ คยให๎ความเห็นชอบมาแล๎ว
ก็ใหก๎ ระทําได๎ (มาตรา 93 วรรคสาม)
ในกรณจี ําเป็นตอ๎ งทําสัญญาเปน็ ภาษาตาํ งประเทศ ให๎ทําเป็นภาษาอังกฤษและต๎อง
จัดทําข๎อสรปุ สาระสาํ คญั แหงํ สญั ญาเป็นภาษาไทยตามหลักเกณฑ์ทีค่ ณะกรรมการนโยบายประกาศ
กําหนดในราชกิจจานุเบกษา เว๎นแตํการทําสัญญาเป็นภาษาตํางประเทศตามแบบสัญญาท่ี
คณะกรรมการนโยบายกาํ หนด
ผลของการไมจ่ ัดทาสัญญาตามแบบ
ในกรณีท่ีหนํวยงานของรัฐไมํได๎ทําสัญญาตามแบบสัญญาตามมาตรา 93 วรรค
หนง่ึ หรอื หนํวยงานของรัฐไมํแก๎ไขสญั ญาตามความเห็นของสํานักงานอัยการสูงสุด หรือคํูสัญญาไมํ
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด เกีย่ วกบั สญั ญำทำงปกครอง |๙
ตกลงหรือยินยอมให๎แก๎ไขสญั ญาตามความเหน็ ของสาํ นักงานอยั การสูงสุด หากข๎อสัญญาที่แตกตําง
จากแบบสัญญาหรือข๎อสัญญาท่ีไมํแก๎ไขตามความเห็นของสํานักงานอัยการสูงสุดเป็นสํวนที่เป็น
สาระสําคัญหรอื เปน็ กรณผี ิดพลาดอยํางร๎ายแรงตามมาตรา ๑๐๔ ให๎ถอื วําสญั ญาน้ันเป็นโมฆะ
อยํางไรก็ดี ในกรณีท่ีหนํวยงานของรัฐไมํได๎ทําสัญญาตามแบบสัญญาตามมาตรา
93 วรรคหนึ่งหรือไมํได๎สํงรํางสัญญาให๎สํานักงานอัยการสูงสุดพิจารณาให๎ความเห็นชอบกํอนตาม
มาตรา 93 วรรคสองหรอื วรรคสาม หรอื ตามมาตรา ๙๗ วรรคหน่ึง แล๎วแตํกรณี ให๎หนํวยงานของ
รัฐสํงสัญญานั้นให๎สํานักงานอัยการสูงสุดพิจารณาให๎ความเห็นชอบในภายหลังได๎ เมื่อสํานักงาน
อัยการสูงสุดพิจารณาใหค๎ วามเห็นชอบแล๎ว หรือเมื่อสํานักงานอัยการสูงสุดพิจารณาเห็นชอบแตํให๎
แกไ๎ ขสญั ญา ถา๎ หนวํ ยงานของรฐั แกไ๎ ขสัญญาน้นั ใหเ๎ ปน็ ไปตามความเห็นของสํานักงานอัยการสูงสุด
แล๎ว ใหถ๎ อื วําสัญญานัน้ มผี ลสมบรู ณ์
อยาํ งไรกด็ ี มขี อ๎ ยกเวน๎ ทีไ่ มตํ ๎องทาํ ตามแบบสญั ญาตามมาตรา 93 กไ็ ด๎ เฉพาะกรณี
ตามมาตรา 96 ได๎แกํ
(1) การจัดซื้อจัดจ๎างโดยวิธคี ดั เลือกตามมาตรา ๕๖ (๑) (ค) 1หรือการจดั ซ้ือจดั จา๎ ง
โดยวิธีเฉพาะเจาะจงตามมาตรา ๕๖ (๒) (ข) (ง) หรือ (ฉ) 2 หรือการจ๎างท่ีปรึกษาโดยวิธี
เฉพาะเจาะจงตามมาตรา ๗๐ (๓) (ข) 3
(๒) การจัดซ้อื จัดจา๎ งจากหนํวยงานของรัฐ
(๓) กรณีท่คี สํู ญั ญาสามารถสํงมอบพสั ดุไดค๎ รบถว๎ นภายในห๎าวันทําการนับต้ังแตํวัน
ถัดจากวันทาํ ข๎อตกลงเปน็ หนงั สอื
(๔) การเชําซ่ึงผเ๎ู ชําไมํต๎องเสยี เงนิ อ่ืนใดนอกจากคําเชํา
(๕) กรณีอ่ืนตามที่คณะกรรมการนโยบายประกาศกาํ หนดในราชกิจจานเุ บกษา
1 มาตรา 56(1)(ค) ได๎แกํ การจดั ซ้อื โดยวิธีการคัดเลือก กรณี มีความจําเป็นเรํงดํวนท่ีต๎องใช๎พัสดุนั้นอันเน่ืองมาจากเกิด
เหตกุ ารณท์ ีไ่ มํอาจคาดหมายได๎ ซง่ึ หากใชว๎ ธิ ปี ระกาศเชิญชวนทวั่ ไปจะทําให๎ไมํทนั ตอํ ความต๎องการใช๎พัสดุ
2 มาตรา 56(2)(ข) ไดแ๎ กํ การจดั ซ้ือโดยวธิ เี ฉพาะเจาะจง กรณีการจดั ซอ้ื จัดจ๎างพสั ดทุ ่มี กี ารผลิต จาํ หนาํ ย กอํ สร๎าง หรือ
ให๎บรกิ ารทั่วไป และมวี งเงินในการจดั ซ้อื จัดจา๎ งคร้ังหนึ่งไมเํ กินวงเงินตามท่ีกําหนดในกฎกระทรวง
(ง) ได๎แกํ การจัดซ้ือโดยวิธีเฉพาะเจาะจง กรณีมีความจําเป็นต๎องใช๎พัสดุนั้นโดยฉุกเฉิน เนื่องจากเกิด
อบุ ตั ิภยั หรอื ภยั ธรรมชาติหรอื เกิดโรคตดิ ตอํ อนั ตรายตามกฎหมายวําด๎วยโรคติดตํอ และการจัดซื้อจัดจ๎างโดยวิธีประกาศ
เชิญชวนทวั่ ไปหรือวิธคี ดั เลอื กอาจกอํ ใหเ๎ กิดความลาํ ช๎าและอาจทาํ ใหเ๎ กิดความเสยี หายอยํางร๎ายแรง
(ฉ) ไดแ๎ กํ การจัดซอื้ โดยวธิ เี ฉพาะเจาะจง กรณีเปน็ พสั ดทุ ี่จะขายทอดตลาดโดยหนวํ ยงานของรัฐ องคก์ าร
ระหวํางประเทศ หรือหนํวยงานของตํางประเทศ
3 มาตรา 70(3)(ข) ได๎แกํ การจา๎ งท่ปี รกึ ษาโดยวิธีเฉพาะเจาะจง กรณงี านจา๎ งท่ีมวี งเงนิ คําจ๎างคร้งั หนงึ่ ไมํเกนิ วงเงนิ ตามท่ี
กาํ หนดในกฎกระทรวง
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด เกีย่ วกบั สญั ญำทำงปกครอง |๑๐
ในกรณีที่การจัดซื้อจัดจ๎างมีวงเงินเล็กน๎อยตามท่ีกําหนดในกฎกระทรวง จะไมํทํา
ขอ๎ ตกลงเป็นหนงั สอื ไวต๎ อํ กนั ก็ได๎ แตตํ ๎องมีหลักฐานในการจดั ซอ้ื จัดจ๎างน้ัน
ดังน้ันในปัจจุบัน หากการทําสัญญาทางปกครองเกี่ยวกับพัสดุท่ีไมํเป็นไปตามแบบ
ดังกลาํ วยอํ มมผี ลให๎สญั ญาตกเป็นโมฆะตาม มาตรา 93 วรรคหก
ง. ข้อกาหนดที่เป็นแบบของสัญญา การกําหนดข๎อตกลงในสัญญาพัสดุน้ัน
กฎหมายกาํ หนดข๎อตกลงท่ีเปน็ แบบไวด๎ ๎วย เชนํ
- มาตรา ๙๕ สญั ญาที่ทําในราชอาณาจกั รต๎องมีข๎อตกลงในการห๎ามคูํสัญญาไปจ๎าง
ชํวงให๎ผู๎อ่ืนทําอีกทอดหน่ึง ไมํวําทั้งหมดหรือแตํบางสํวน เว๎นแตํการจ๎างชํวงแตํบางสํวนท่ีได๎รับ
อนุญาตจากหนํวยงานของรัฐท่ีเป็นคํูสัญญาแล๎ว ถ๎าคูํสัญญาไปจ๎างชํวงโดยฝุาฝืนข๎อตกลงดังกลําว
ตอ๎ งกําหนดให๎มคี ําปรับสาํ หรับการฝุาฝืนข๎อตกลงน้ันไมํน๎อยกวําร๎อยละสิบของวงเงินของงานท่ีจ๎าง
ชํวงตามสัญญา
- มาตรา ๙ การกําหนดคุณลักษณะเฉพาะของพัสดุท่ีจะทําการจัดซื้อจัดจ๎าง ให๎
หนํวยงานของรฐั คาํ นึงถงึ คณุ ภาพ เทคนคิ และวัตถุประสงคข์ องการจดั ซอ้ื จดั จา๎ งพสั ดุนน้ั และหา๎ มมิ
ใหก๎ ําหนดคณุ ลกั ษณะเฉพาะของพัสดใุ ห๎ใกล๎เคียงกับยห่ี อ๎ ใดยห่ี อ๎ หน่ึง หรือของผ๎ูขายรายใดรายหน่ึง
โดยเฉพาะ เว๎นแตํพัสดุท่ีจะทําการจัดซ้ือจัดจ๎างตามวัตถุประสงค์น้ันมีย่ีห๎อเดียวหรือจะต๎องใช๎
อะไหลขํ องย่ีหอ๎ ใด ก็ใหร๎ ะบุย่หี อ๎ น้นั ได๎
๓. ประเภทของสัญญาทางปกครองท่เี กีย่ วกับการพัสดุ
สัญญาทางปกครองเก่ยี วกับการพสั ดุอาจแบํงประเภทตามขั้นตอนการทําสัญญาได๎
3 ประเภท ดงั นี้
(3.1) สญั ญาทางปกครองเกยี่ วกับการประกวดราคาและการคดั เลือกผูร้ ับจ้าง
การประกวดราคาและการคัดเลือกคูํสัญญาเพื่อให๎ผู๎ประสงค์จะเข๎าทํา
สัญญาได๎ยื่นข๎อเสนอเข๎ามาให๎คัดเลือกเป็นสัญญาประกวดราคาหรือสอบราคาแล๎วแตํกรณี การที่
เอกชนเข๎าเสนอราคาถือเป็นคําสนองท่ีกํอให๎เกิดสัญญาประกวดราคาหรือสอบราคา ซ่ึงมีผลบังคับ
คูํสัญญาระหวําง หนํวยงานของรัฐและเอกชนผู๎ทําข๎อเสนอ เชํน การริบหลักประกันซอง การเรียก
คําเสยี หายจากการไมเํ ขา๎ ทาํ สัญญาเปน็ ตน๎
สําหรับข้นั ตอนการจดั ซอื้ จัดจ๎างเปน็ ไปตามบทบญั ญตั ิของพระราชบัญญัติจัดซื้อจัด
จ๎าง พ.ศ. 2560 ซงึ่ กาํ หนดขั้นตอนการจดั ซ้อื จดั จ๎างไวแ๎ ละเป็นบทบญั ญตั ิท่ตี อ๎ งปฏบิ ัติ แตํอยํางไร
ก็ดี การไมํดําเนนิ การตามข้นั ตอนทกี่ ฎหมายกาํ หนด หากเปน็ การผดิ พลาดหรือหลงผิดเล็กน๎อยและ
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสงู สุด เกีย่ วกบั สญั ญำทำงปกครอง |๑๑
ไมํมีผลตํอการจัดซื้อจัดจ๎างอยํางมีนัยสําคัญ การจัดซ้ือจัดจ๎างนั้นยํอมไมํเสียไป ตามนัยมาตรา 14
แหํงพระราชบัญญัตจิ ัดซื้อจดั จ๎างภาครัฐ พ.ศ. 2560
(3.2) สญั ญาทางปกครองเก่ียวกบั พัสดุ
เปน็ สัญญาท่ีหนํวยงานของรัฐจัดซ้อื พสั ดุทีใ่ ชโ๎ ดยตรงในการให๎บริการสาธารณะหรือ
การจัดจ๎างให๎มีสิ่งสาธารณูปโภคตามอํานาจหน๎าที่ของหนํวยงานน้ัน สัญญาทางปกครองเก่ียวกับ
การจดั ซ้ือจดั จา๎ งพสั ดุจะมีสัญญาคาํ้ ประกนั การปฏิบตั ิตามสัญญาเป็นสํวนใหญํ ซึ่งสัญญาค้ําประกัน
เป็นสญั ญาอุปกรณ์ของสัญญาหลกั จึงถอื เปน็ สญั ญาทางปกครองเชํนกัน
นอกจากนี้ การใช๎สิทธิบังคับตามสัญญาทางปกครองของหนํวยงานของรัฐ มี
ลักษณะแตกตาํ งจากสญั ญาทางแพงํ ท่ัวไปในบางประเดน็ เชนํ
ก). การใช๎เอกสิทธิ์ในการบอกเลิกสัญญาของฝุายปกครอง ต๎องใช๎เพ่ือ
ประโยชน์สวํ นรวํ มและมีเหตจุ าํ เปน็ เทาํ นน้ั
คําพิพากษาศาลปกครองสูงสดุ ท่ี อ. ๓๑๔/๒๕๕๔ สญั ญาจ๎างขดุ เจาะบอํ นาํ้
บาดาลและตั้งเคร่ืองสูบนํ้าซัมเมอร์ซิเบ้ิล เป็นสัญญาท่ีมีคูํสัญญาฝุายหนึ่งเป็นหนํวยงานทาง
ปกครองโดยมีวตั ถปุ ระสงคใ์ หผ๎ ู๎ฟอู งคดที าํ การขุดเจาะบอํ นา้ํ บาดาลและติดต้งั เครื่องสูบน้ําซัมเมอร์ซิ
เบ้ิล อันเป็นทรัพย์สินท่ีผู๎ถูกฟูองคดีในฐานะหนํวยงานทางปกครองใช๎เป็นเคร่ืองมือโดยตรงในการ
จัดทาํ บริการสาธารณะเพ่ือประโยชน์แกํประชาชนได๎ใช๎ในสิ่งอุปโภคท่ีจําเป็นตํอการดําเนินชีวิต จึง
เป็นสัญญาจัดให๎มีส่ิงสาธารณูปโภค อันมีลักษณะเป็นสัญญาทางปกครองตามมาตรา ๓ แหํง
พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งการปฏิบัติตาม
สัญญาทางปกครองเพอื่ ใหก๎ ารบรกิ ารสาธารณะบรรลุผล คสูํ ญั ญาฝาุ ยปกครองจะมีอํานาจพิเศษหรือ
เอกสิทธิ์เหนือคูํสัญญาฝุายเอกชนหลายประการ โดยเอกชนคํูสัญญาต๎องยอมรับอํานาจพิเศษหรือ
เอกสทิ ธ์ขิ องฝาุ ยปกครอง สําหรบั การบอกเลกิ สัญญาทางปกครองนั้น แม๎คํูสัญญาฝุายปกครองจะมี
เอกสิทธ์ิเหนือคํูสัญญาอีกฝุายหนึ่งที่จะบอกเลิกสัญญาได๎ฝุายเดียว ก็เน่ืองมาจากฝุายปกครองมี
ภาระหน๎าที่ในการจัดทําบริการสาธารณะเพื่อตอบสนองตํอความต๎องการของประชาชนเป็นหลัก
และการคุม๎ ครองประโยชนข์ องมหาชนหรอื ประโยชน์สํวนรวมในการปฏิบัติตามสัญญาทางปกครอง
จะอยํเู หนือประโยชน์ของปัจเจกบุคคลเสมอ แตํหากการบอกเลิกสัญญากํอให๎เกิดความเสียหายแกํ
คสํู ัญญาฝาุ ยเอกชน คํสู ญั ญาฝุายเอกชนก็มสี ทิ ธเิ รียกร๎องให๎ฝุายปกครองชดใช๎เยียวยาความเสียหาย
ท่ีเกิดขึ้นได๎ เพราะฉะนั้น การบอกเลิกสัญญาทางปกครองของคํูสัญญาฝุายเอกชนซึ่งจะทําให๎การ
บริการสาธารณะต๎องหยุดชะงักไมํบรรลุวัตถุประสงค์จึงไมํอาจกระทําได๎ และตามหลักกฎหมาย
ท่ัวไปเกี่ยวกับการส้ินสุดของสัญญาทางปกครอง สัญญาทางปกครองอาจสิ้นสุดลงได๎ด๎วยเงื่อนไข
อยํางใด อยํางหนึ่งใน ๒ ประการ ประการแรก ส้ินสุดลงตามปกติเมื่อคํูสัญญาบรรลุวัตถุประสงค์
ของสญั ญาและประการทีส่ อง สิ้นสุดลงดว๎ ยการเลกิ สญั ญา ซ่งึ เกดิ ข้ึนไดใ๎ น ๔ กรณคี ือ (๑) โดยความ
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสงู สุด เกีย่ วกบั สญั ญำทำงปกครอง |๑๒
ยินยอมของคูํสัญญาทั้งสองฝุาย (๒) เมื่อสัญญาเลิกกันโดยปริยาย เชํน มีเหตุสุดวิสัยทําให๎
วัตถุประสงค์ของสัญญาหมดไป (๓) เมื่อศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังให๎เลิกสัญญาและ (๔) โดย
คูํสัญญาฝุายปกครองเลิกสัญญาฝุายเดียว ดังน้ัน การเลิกสัญญาทางปกครองจึงไมํตกอยูํภายใต๎
บังคับมาตรา ๓๘๙ แหงํ ประมวลกฎหมายแพํงและพาณิชย์ เมื่อสัญญาจา๎ งขุดเจาะบํอนํา้ บาดาลมิได๎
มีขอ๎ กําหนดให๎ผฟู๎ ูองคดีมีสิทธิบอกเลิกสัญญาและผ๎ูฟูองคดีไมํอาจอ๎างบทบัญญัติมาตรา ๓๘๙ แหํง
ประมวลกฎหมายแพํงและพาณิชย์ได๎ เนื่องจากหลักกฎหมายท่ัวไปเก่ียวกับสัญญาทางปกครอง
กาํ หนดให๎ฝาุ ยปกครองมสี ทิ ธบิ อกเลิกสัญญาไดฝ๎ าุ ยเดยี ว ดังนนั้ การกลําวอ๎างเหตทุ ีจ่ ะไมํดําเนนิ การ
ขุดเจาะบํอบาดาลตํอไปเนื่องจากผู๎ถูกฟูองคดีไมํสามารถแสดงใบอนุญาตให๎ขุดเจาะบํอน้ําบาดาล
โดยถือสิทธิตามบทบัญญัติแหํงประมวลกฎหมายแพํงและพาณิชย์ จึงไมํชอบด๎วยข๎อกําหนดใน
สัญญาและหลักกฎหมายท่ัวไปเก่ียวกับสัญญาทางปกครองและผู๎ฟูองคดีประกอบกิจการเก่ียวกับ
การขุดเจาะบํอน้ําบาดาลมานานยํอมมีความเข๎าใจเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ในการขุดเจาะบํอนํ้าบาดาล
ตามพระราชบัญญัติน้ําบาดาล พ.ศ. ๒๕๒๐ เป็นอยํางดี หากจะกลําวอ๎างเหตุดังกลําวเพื่อไมํต๎อง
ปฏบิ ัตติ ามสัญญา ยํอมท่ีจะต๎องกลําวอ๎างเสียต้ังแตํกํอนเข๎าทําสัญญาหรือปฏิเสธที่จะเข๎าทําสัญญา
เสยี ต้งั แตตํ น๎ และกรณีดงั กลําวเป็นกรณีท่ีสามารถแกไ๎ ขให๎ถูกตอ๎ งโดยการยน่ื ขอรับใบอนญุ าตจากผ๎ูมี
อํานาจได๎ ผ๎ฟู อู งคดจี งึ ไมํอาจถอื เป็นเหตทุ จี่ ะไมปํ ฏิบตั ติ ามสัญญาและบอกเลกิ สญั ญาได๎
คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดท่ี อ. ๒๙๒/๒๕๕๒ กรณีที่คูํสัญญาได๎รับ
รองถึงการให๎เอกสิทธ์ิแกํผ๎ูถูกฟูองคดีท่ี ๑ ในฐานะคูํสัญญาฝุายปกครองท่ีจะยกเลิกสัญญาได๎ฝุาย
เดียว โดยทผ่ี ฟ๎ู ูองคดใี นฐานะคสํู ญั ญาฝาุ ยเอกชนมไิ ด๎ประพฤติผิดสัญญา อยํางไรก็ตาม คูํสัญญาฝุาย
ปกครองมิอาจใช๎เอกสทิ ธ์ิบอกเลกิ สัญญาได๎ตามอําเภอใจ แตํจะต๎องเป็นไปเพ่ือประโยชน์สาธารณะ
หรอื ด๎วยเหตผุ ลในการปรบั ปรงุ บรกิ ารสาธารณะใหม๎ ีประสิทธภิ าพสนองความตอ๎ งการของประชาชน
สํวนรวมและหากคูํสัญญาฝุายเอกชนได๎รับความเสียหาย คํูสัญญาฝุายปกครองจะต๎องชดใช๎ความ
เสยี หายให๎แกคํ สูํ ญั ญาฝุายเอกชนดว๎ ย การทค่ี ูํสญั ญาฝาุ ยปกครองจะใชเ๎ อกสิทธิใ์ นการยกเลิกสัญญา
ฝุายเดียวน้ันแม๎จะทําให๎เอกชนได๎รับความเดือดร๎อนเสียหาย คํูสัญญาฝุายปกครองก็ยังสามารถใช๎
อาํ นาจพเิ ศษดงั กลาํ วไดเ๎ สมอตราบเทําที่เปน็ ไปโดยเหตุผลเพ่ือประโยชน์สาธารณะ หรือด๎วยเหตุผล
ในการปรับปรุงบริการสาธารณะให๎มีประสิทธิภาพสนองความต๎องการของประชาชนสํวนรวม โดย
คํูสัญญาฝุายเอกชนมีสิทธิได๎รับการชดเชยถ๎าหากได๎รับความเสียหาย การใช๎เอกสิทธ์ิยกเลิกสัญญา
ฝุายเดยี วของคูสํ ัญญาฝาุ ยปกครอง โดยทค่ี ูํสญั ญาฝาุ ยเอกชนมไิ ดป๎ ระพฤติผดิ สัญญาน้ัน เป็นอํานาจ
ท่ีสืบเน่ืองมาจากหลักการปรับเปล่ียนได๎ของบริการสาธารณะ ซึ่งหมายถึง บริการสาธารณะท่ีได๎
จัดทําข้ึนสามารถปรับเปล่ียนได๎ตามความต๎องการของประชาชนหรือเพ่ือประโยชน์สาธารณะ โดย
หลกั การนถี้ อื เปน็ หลกั กฎหมายปกครองทั่วไปเกย่ี วกับการจดั ทําบริการสาธารณะ ทงั้ น้เี พอ่ื ใหเ๎ ปน็ ไป
ตามหลกั การดังกลําว คูสํ ญั ญาฝาุ ยปกครองอาจใชเ๎ อกสิทธิใ์ นการแก๎ไขสัญญาไดฝ๎ าุ ยเดยี ว รวมไปถึง
การใช๎เอกสิทธ์ิยกเลิกสัญญาฝุายเดียวโดยที่คูํสัญญาฝุายเอกชนมิได๎ผิดสัญญา ดังนั้น ในการใช๎เอก
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด เกี่ยวกบั สญั ญำทำงปกครอง |๑๓
สิทธิ์ยกเลิกสัญญาฝุายเดียว ฝุายปกครองไมํอาจใช๎อํานาจน้ีได๎ตามอําเภอใจ แตํจะกระทําได๎ก็ด๎วย
เหตผุ ลในการปรับปรงุ บริการสาธารณะให๎มปี ระสิทธิภาพย่งิ ข้ึนหรอื เพอื่ ประโยชน์สาธารณะเทํานนั้
ข). การใช๎สิทธิเรียกคําปรับตามสัญญาไมํควรเกินร๎อยละ 10 ของวงเงิน
คําจ๎างศาลปกครองไดว๎ ินจิ ฉัยเปน็ บรรทัดฐานวํา การทหี่ นํวยงานของรัฐจะใชส๎ ิทธิบังคบั เรยี กคําปรับ
จะต๎องคํานึงถึงหลักความเป็นธรรมตํอเอกชนคํูสัญญาด๎วย ซึ่งตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีวํา
ด๎วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 ข๎อ 138 กําหนดวํา “ในกรณีที่คํูสัญญาไมํสามารถปฏิบัติตามสัญญา
หรอื ขอ๎ ตกลงไดแ๎ ละจะตอ๎ งมกี ารปรบั ตามสัญญาหรือข๎อตกลงนนั้ หากจํานวนเงินคําปรบั จะเกนิ ร๎อย
ละสิบของวงเงนิ คาํ พสั ดุหรอื คําจา๎ ง ใหส๎ วํ นราชการพจิ ารณาดาํ เนนิ การบอกเลกิ สัญญาหรือข๎อตกลง
เว๎นแตํคํสู ัญญาจะไดย๎ นิ ยอมเสียคาํ ปรับให๎แกทํ างราชการโดยไมํมเี งือ่ นไขใดๆ ท้ังสิ้น ให๎หัวหน๎าสํวน
ราชการพิจารณาผํอนปรนการบอกเลกิ สัญญาได๎เทําที่จาํ เปน็ ”
คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.147/2553 การท่ีผ๎ูถูกฟูองคดีท่ี 2
(กรมทางหลวงชนบท) หักเงินคําจ๎างของผ๎ูฟูองคดี เป็นการใช๎สิทธิปรับผ๎ูรับจ๎างท่ีสํงมอบงานลําช๎า
โดยผวู๎ ําจา๎ งไมํใชส๎ ิทธบิ อกเลกิ สญั ญาจา๎ งตามขอ๎ 138 ของระเบยี บสํานักนายกรฐั มนตรี วําดว๎ ยการ
พัสดุ พ.ศ. 2535 ซึ่งให๎สิทธิ แกํผู๎ถูกฟูองคดีที่ 1 ในการบอกเลิกสัญญาเม่ือเงินคําปรับจะเกินร๎อย
ละสบิ ของวงเงินคําจ๎าง แตํการจะใช๎สิทธิบอกเลิกสัญญาหรือไมํขึ้นอยํูกับดุลพินิจของผ๎ูถูกฟูองคดีท่ี
1 ที่จะพจิ ารณาดาํ เนินการเพื่อรกั ษาประโยชนข์ องทางราชการและประโยชนส์ วํ นรวม เมอ่ื ผถู๎ กู ฟูอง
คดีที่ 1 มิได๎ใช๎สิทธิบอกเลิกสัญญากับผู๎ฟูองคดี สัญญาจ๎างจึงมีผลบังคับตํอไปจนกวําจะมีการบอก
เลิกสญั ญาหรือสัญญาน้นั สน้ิ สุดลง สทิ ธิเรียกคาํ ปรบั ตามข๎อสัญญาเนื่องจากการทํางานลําช๎าไมํแล๎ว
เสร็จตามกาํ หนดเวลาในสัญญาจึงยงั คงมีอยํูจนกวําจะมีการบอกเลิกสัญญา ผ๎ูถูกฟูองคดีท้ังสองจึงมี
สทิ ธหิ ักคําปรับจากผูฟ๎ ูองคดี เนื่องจากการสํงมอบงานลําช๎าได๎
เม่ือข๎อเท็จจริงรับฟังได๎วํา การทํางานลําช๎าเป็นพฤติการณ์ท่ีเกิดจาก
ความผดิ ของผูร๎ บั จา๎ ง ผ๎ูฟอู งคดีจงึ ไมอํ าจอ๎างเหตสุ ดุ วสิ ยั มาเพอ่ื เป็นเหตขุ องดหรอื ลดคาํ ปรับจากผ๎ถู กู
ฟูองคดีท่ี ๑ ดังน้ัน การที่ผ๎ูถูกฟูองคดีที่ 1 ไมํขยายเวลาการดําเนินงานตามสัญญาให๎ผู๎ฟูองคดีจึง
ชอบตามขอ๎ ๑๓๙ ของระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีวําด๎วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ ผู๎ฟูองคดีสํงมอบ
งานลําช๎ากวํากําหนดถึง ๑ ปี ๔ วันและข๎อสัญญากําหนดให๎ผู๎ถูกฟูองคดีท่ี ๑ ใช๎สิทธิหักคําปรับวัน
ละ ๔,๓๕0 บาท เป็นเงินคําปรับจํานวน ๑,๖๙๖,๕00 บาท ซ่ึงเกินร๎อยละสิบของคําจ๎างที่กําหนด
ไว๎ในสัญญาจ๎างกํอสร๎างท่ีมีวงเงิน ๔,๓๕0,000 บาท ขัดตํอข๎อ ๑๓๘ ของระเบียบสํานัก
นายกรัฐมนตรีวําด๎วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ จึงเป็นคําปรับที่ไมํชอบ แม๎ผ๎ูฟูองคดีมิได๎อุทธรณ์คํา
พิพากษาของศาลปกครองชนั้ ต๎นขอเพมิ่ เงนิ ท่จี ะต๎องได๎รับคืนศาลปกครองสูงสุด ก็มีอํานาจแก๎ไขให๎
ถูกต๎องได๎
คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดท่ี อ.220/2557 โดยท่ีข๎อสัญญาเกี่ยวกับ
คําปรับกรณีปฏิบัติผิดสัญญาถือเป็นการกําหนดคําเสียหายไว๎ลํวงหน๎า จึงเข๎าลักษณะเป็นเบ้ียปรับ
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด เกีย่ วกบั สญั ญำทำงปกครอง |๑๔
ตามมาตรา 379 แหํงประมวลกฎหมายแพํงและพาณิชย์ ซ่ึงมาตรา 383 วรรคหนึ่งแหํงประมวล
กฎหมายดงั กลาํ ว บญั ญัติวํา ถา๎ เบ้ียปรบั ที่ริบน้ันสงู เกินสํวน ศาลจะลดลงเป็นจํานวนพอสมควรก็ได๎
ประกอบกับตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีวําด๎วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 ข๎อ 138 ซ่ึงมี
เจตนารมณ์ใหค๎ ํสู ญั ญาฝุายผ๎ูรับจ๎างต๎องทาํ งานใหแ๎ ลว๎ เสรจ็ ภายในเวลาที่กาํ หนดในสัญญา โดยมิได๎มี
ความประสงคท์ จี่ ะใหค๎ ูสํ ัญญาฝุายผ๎ูวําจ๎างเรียกคําปรบั สงู เกนิ สมควร เม่ือจํานวนเงินคําปรับจะเกิน
ร๎อยละสิบของวงเงินคําพัสดุหรือคําจ๎าง สํวนราชการจึงต๎องพิจารณาวําสมควรจะบอกเลิกสัญญา
กับผ๎ูรับจ๎างหรือไมํ เพื่อมิให๎งานราชการต๎องลําช๎าจนอาจเกิดความเสียหาย อีกท้ังยังมุํงคุ๎มครอง
คูํสัญญาฝุายเอกชนท่ีไมํสามารถปฏิบัติตามสัญญา มิให๎ต๎องรับภาระจากเงินคําปรับในจํานวนท่ีสูง
เกินรอ๎ ยละสิบของวงเงนิ คาํ จ๎างแตํหากคสํู ัญญายินยอมเสยี คาํ ปรับให๎แกํทางราชการโดยไมํมีเง่ือนไข
ใด ให๎สํวนราชการใช๎ดุลพินิจผํอนปรนการบอกเลิกสัญญาได๎ แตํต๎องเพียงเทําที่จําเป็น จึงเห็นวํา
คําปรับจํานวน 690,546 บาท สูงเกินสํวน สมควรให๎ลดคําปรับลงเหลือร๎อยละสิบของวงเงิน
คําจ๎างเป็นเงนิ จาํ นวน 194,500 บาท .....
(3.3) สัญญาทางปกครองเก่ียวกับพัสดุทม่ี ีสัญญาอนญุ าโตตลุ าการ
สัญญาทางปกครองเก่ียวกับพัสดุท่ีมีข๎อตกลงในสัญญาที่กําหนดให๎การ
ระงับข๎อพิพาทตามสัญญาด๎วยวิธีการอนุญาโตตุลาการถือวํา ข๎อกําหนดดังกลําวเป็นสัญญา
อนุญาโตตุลาการ การระงับข๎อพิพาทในการปฏิบัติตามสัญญาทางปกครองจึงต๎องอยูํภายใต๎
ข๎อกาํ หนดของสัญญาอนญุ าโตตลุ าการ ดงั นี้
(3.3.1) สญั ญาอนญุ าโตตุลาการนี้ ถอื เปน็ ขอ้ กาหนดทแ่ี ยกจากขอ้ กาหนดอ่ืนๆ
ในสัญญา
ดังน้ันแม๎จะมีเหตุที่ทําให๎ข๎อกําหนดในสัญญาตกเป็นโมฆะ เชํน เหตุฉ๎อฉลหรือ
สําคัญผิดในสาระสําคัญแหํงวัตถุประสงค์หรือคุณสมบัติของคํูสัญญา เป็นต๎น ก็ไมํมีผลทําให๎ข๎อ
สัญญาอนุญาโตตุลาการ เป็นโมฆะไปด๎วยตามนัยแหํง พระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ.
2545 มาตรา 24 ซึ่งบัญญัติวํา “คณะอนุญาโตตุลาการมีอํานาจวินิจฉัยขอบเขตอํานาจของตน
รวมถึงความมีอยูํหรือความสมบูรณ์ของสัญญาอนุญาโตตุลาการ ความสมบูรณ์ของการตั้ง
คณะอนุญาโตตลุ าการและประเด็นขอ๎ พพิ าทอันอยํภู ายในขอบเขตอํานาจของคณะอนุญาโตตุลาการ
ได๎และเพื่อวัตถุประสงค์น้ีให๎ถือวําข๎อสัญญาอนุญาโตตุลาการซึ่งเป็นสํวนหนึ่งของสัญญาหลักเป็น
ข๎อสัญญาแยกตํางหากจากสัญญาหลัก คําวินิจฉัยของคณะอนุญาโตตุลาการที่วําสัญญาหลักเป็น
โมฆะหรือไมํสมบูรณ์จะไมกํ ระทบกระเทอื นถงึ ข๎อสัญญาอนุญาโตตุลาการ”
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด เกี่ยวกบั สญั ญำทำงปกครอง |๑๕
(3.3.2) การระงับข้อพิพาทในการปฏิบัติตามสัญญาต้องเสนอต่อคณะ
อนุญาโตตุลาการเพื่อให้มีคาวินิจฉัยก่อนมิฉะนั้นไม่อาจนาคดีมาฟ้องต่อศาลได้และศาลจะส่ัง
จาหนา่ ยคดีเพอ่ื ใหไ้ ปดาเนินการตามสัญญาอนุญาโตตุลาการ
คําสั่งศาลปกครองสูงสุดท่ี 774/2550 กรณีมีข๎อโต๎แย๎งเกิดข้ึนระหวําง
คูํสญั ญาเกย่ี วกับการปฏบิ ตั ติ ามสญั ญา ซึง่ ผฟ๎ู อู งคดแี ละผูถ๎ กู ฟูองคดไี ดแ๎ สดงเจตนาโดยสมคั รใจตกลง
ทําสัญญาดังกลําวและกําหนดข๎อสัญญาไว๎ในสัญญาตามข๎อ ๑๕ วํา ในกรณีที่มีข๎อโต๎แย๎งเกิดข้ึน
ระหวาํ งคสูํ ญั ญา คูสํ ญั ญาตกลงแตํงต้ังอนุญาโตตุลาการฝุายละหน่ึงคน และให๎อนุญาโตตุลาการท้ัง
สองฝุายรํวมกันแตงํ ตั้งบคุ คลภายนอกอกี หนึ่งคนเป็นคณะอนุญาโตตุลาการ ทําการวินิจฉัยช้ีขาดข๎อ
พพิ าทหรอื ข๎อขดั แย๎งดงั กลาํ ว ให๎คาํ ตัดสนิ ของคณะอนญุ าโตตลุ าการเปน็ ทสี่ ุด และผูกพนั คูํสญั ญาทั้ง
สองฝุาย ข๎อสัญญาดังกลําวจึงเป็นสัญญาอนุญาโตตุลาการซ่ึงเป็นข๎อสัญญาหน่ึงในสัญญาหลักตาม
มาตรา ๑๑ วรรคหน่ึง แหํงพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ. ๒๕๔๕ ที่กําหนดให๎สัญญา
อนุญาโตตุลาการ หมายถึง สัญญาท่ีคํูสัญญาตกลงให๎ระงับข๎อพิพาททั้งหมดหรือบางสํวนท่ีเกิดข้ึน
แล๎ว หรือที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตไมํวําจะเกิดจากนิติสัมพันธ์ทางสัญญาหรือไมํโดยวิธี
อนุญาโตตุลาการ ทั้งนี้ สัญญาอนุญาโตตุลาการอาจเป็นข๎อสัญญาหนึ่งในสัญญาหลัก หรือเป็น
สญั ญาอนญุ าโตตลุ าการแยกตํางหากก็ได๎เม่ือผ๎ูฟูองคดีซึ่งเป็นคํูสัญญาฝุายหนึ่งฟูองคดีนี้เก่ียวกับข๎อ
พิพาทตามสัญญาอนุญาโตตุลาการ โดยมิได๎เสนอข๎อพิพาทนั้นตํอคณะอนุญาโตตุลาการ และผ๎ูถูก
ฟอู งคดซี ึ่งเปน็ คสํู ญั ญาฝุายท่ถี กู ฟูองไดย๎ ืน่ คําร๎องตํอศาลปกครองช้ันต๎นซ่ึงเป็นศาลที่มีเขตอํานาจใน
วนั ทยี่ น่ื คาํ ให๎การหรือภายในระยะเวลาที่มสี ิทธิยื่นคาํ ใหก๎ าร ใหม๎ ีคาํ สงั่ จําหนาํ ยคดีเพื่อให๎คํูสัญญาไป
ดําเนินการทางอนุญาโตตุลาการ ศาลปกครองช้ันต๎นต๎องพิจารณาคําร๎องของผู๎ถูกฟูองคดีดังกลําว
เม่ือกรณีเป็นไปตามบทบัญญัติมาตรา ๑๔ วรรคหนึ่ง แหํงพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ.
๒๕๔๕ และไมํปรากฏเหตุที่ทาํ ใหส๎ ญั ญาอนญุ าโตตุลาการนั้นเป็นโมฆะหรือใช๎บังคับไมํได๎หรือมีเหตุ
ท่ีทําให๎ไมํสามารถปฏิบัติตามสัญญาน้ันได๎ ศาลปกครองชั้นต๎นจึงต๎องมีคําสั่งจําหนํายคดีเพื่อให๎
คสํู ัญญาไปดําเนนิ การทางอนญุ าโตตลุ าการตามมาตรา ๑๔ วรรคหน่งึ แหํงพระราชบญั ญัติดังกลําว
ที่ผู๎ฟูองคดีอุทธรณ์วําได๎บอกเลิกสัญญากับผ๎ูถูกฟูองคดีแล๎ว จึงไมํสามารถ
จะดําเนินการตามอนุญาโตตุลาการได๎นั้น เห็นวํา เมื่อข๎อเท็จจริงฟังได๎วํา คําฟูองของผู๎ฟูองคดีเป็น
การฟูองเก่ียวกับข๎อพิพาทตามสัญญาอนุญาโตตุลาการ และผ๎ูถูกฟูองคดีได๎ย่ืนคําร๎องภายใน
ระยะเวลาทีก่ ฎหมายกําหนดขอใหศ๎ าลมคี ําสั่งจําหนํายคดี ศาลจงึ มีคําสง่ั จําหนํายคดีเพ่ือให๎คํูสัญญา
ไปดําเนินการทางอนุญาโตตุลาการ ท้ังน้ี เป็นไปตามมาตรา ๑๔ วรรคหนึ่ง แหํงพระราชบัญญัติ
อนุญาโตตลุ าการ พ.ศ. ๒๕๔๕ โดยชอบแล๎ว อุทธรณ์ของผ๎ูฟูองคดีจึงฟงั ไมขํ นึ้ ทศ่ี าลปกครองช้ันต๎น
มีคําส่ังให๎จําหนํายคดีออกจากสารบบความเพื่อให๎คํูสัญญาไปดําเนินการทางอนุญาโตตุลาการน้ัน
ศาลปกครองสงู สุดเห็นพ๎องด๎วยจึงมคี าํ ส่ังยนื ตามคาํ สงั่ ของศาลปกครองชัน้ ต๎น”
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด เกี่ยวกบั สญั ญำทำงปกครอง |๑๖
(3.3.3) การฟ้องคดีเกี่ยวกับคาวินิจฉัยของอนุญาโตตุลาการจะกระทา
ได้แต่เฉพาะการฟ้องเพ่ือขอให้ศาลปกครองบังคับตามคาวินิจฉัยของอนุญาโตตุลาการตาม
สัญญาปกครองน้ัน หรือการขอให้ศาลมีคาส่ังเพิกถอนคาวินิจฉัยของอนุญาโตตุลาการที่ไม่ชอบ
ด้วยกฎหมาย ดังน้ี
1) การคัดค๎านขอให๎ศาลสั่งเพิกถอนคําวินิจฉัยของอนุญาโตตุลาการ ตาม
พระราชบญั ญตั ิอนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2545 มาตรา 40 เชํน คําช้ขี าดนนั้ เกย่ี วกบั ข๎อพิพาททไ่ี มํ
สามารถจะระงับโดยการอนุญาโตตุลาการได๎ตามกฎหมายหรือการยอมรับหรือการบังคับตามคําชี้
ขาดนนั้ จะเปน็ การขัดตอํ ความสงบเรียบรอ๎ ยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน เป็นต๎น
2) การคัดค๎านขอให๎ศาลมีคําส่ังปฏิเสธไมํรับบังคับตามคําวินิจฉัยของ
อนุญาโตตลุ าการ ตาม พระราชบัญญตั ิอนญุ าโตตุลาการ พ.ศ. 2545 มาตรา 44 เชํน ถา๎ ปรากฏ
ตํอศาลวําคําช้ีขาดนั้นเกี่ยวกับข๎อพิพาทท่ีไมํสามารถจะระงับโดยก ารอนุญาโตตุลาการได๎ตาม
กฎหมายหรือถ๎าการบังคับตามคําชี้ขาดนั้นจะเป็นการขัดตํอความสงบเรียบร๎อยหรือศีลธรรมอันดี
ของประชาชน เปน็ ตน๎
นอกจากน้ี ในการอุทธรณ์คําพิพากษาเกี่ยวกับคําวินิจฉัยของ
อนุญาโตตุลาการ ตามข๎อ ก.และข๎อ ข. ยังมีเงื่อนไขในการอุทธรณ์คําส่ังของศาล ต าม
พระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2545 มาตรา 45 ซึ่งบัญญัติวํา “ห๎ามมิให๎อุทธรณ์คําสั่ง
หรือคาํ พิพากษาของศาลตามพระราชบัญญตั ิน้ี เว๎นแตํ
(๑) การยอมรับหรือการบังคับตามคําชี้ขาดนั้นจะเป็นการขัดตํอความสงบ
เรยี บรอ๎ ยหรือศีลธรรมอันดขี องประชาชน
(๒) คําส่ังหรือคําพิพากษานั้นฝุาฝืนตํอบทกฎหมายอันเกี่ยวด๎วยความสงบ
เรยี บร๎อยของประชาชน
(๓) คําสัง่ หรือคําพพิ ากษานั้นไมํตรงกบั คาํ ชข้ี าดของคณะอนุญาโตตุลาการ
(๔) ผพ๎ู พิ ากษา หรือตุลาการซึ่งพิจารณาคดีน้ันได๎ทําความเห็นแย๎งไว๎ในคํา
พพิ ากษา หรอื
(๕) เป็นคําส่ังเก่ียวด๎วยการใช๎วิธีการชั่วคราวเพื่อคุ๎มครองประโยชน์ของ
คพูํ พิ าทตามมาตรา ๑๖
การอุทธรณ์คําส่ังหรือคําพิพากษาของศาลตามพระราชบัญญัตินี้ ให๎
อุทธรณต์ ํอศาลฎกี าหรือศาลปกครองสงู สดุ แล๎วแตกํ รณี”
เขตอานาจศาล มีข๎อสงั เกตวํา ตามพระราชบัญญัติอนญุ าโตตลุ าการ พ.ศ.
2545 บัญญัติถึงศาลท่ีมีเขตอํานาจ โดยมิได๎ระบุวําหมายถึงศาลใด ดังนั้นกรณีที่เป็นข๎อพิพาท
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสงู สุด เกีย่ วกบั สญั ญำทำงปกครอง |๑๗
ตามสัญญาทางปกครองกน็ ําจะหมายถงึ ศาลปกครองทม่ี ีเขตอาํ นาจ สวํ นกรณีทีเ่ ปน็ ข๎อพิพาทตาม
สญั ญาทางแพํง ยํอมหมายถงึ ศาลยุติธรรมที่มเี ขตอาํ นาจ
ข. สญั ญารบั ทุนการศกึ ษาและลาศึกษาต่อ
ลักษณะของสัญญารับทุนการศึกษาและลาศึกษาตํอสัญญารับทุนและลาศึกษาตํอ
ถือเป็นสัญญาทางปกครองประเภทหน่ึงแม๎วําโดยวัตถุประสงค์จะเป็นการให๎ทุนการศึกษาแกํ
ข๎าราชการหรือเจ๎าหน๎าท่ีของหนํวยงานทางปกครองแตํก็ถือเป็นสัญญาท่ีมีวัตถุประสงค์ให๎ผ๎ูรับทุน
กลับมาปฏิบัติราชการสังกัดของผู๎ให๎ทุนเพ่ือดําเนินการหรือมีสํวนรํวมในการดําเนินการบริการ
สาธารณะ (คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.302/2549 คําส่ังศาลปกครองสูงสุดที่
202/2550) โดยมีสาระสําคัญเกยี่ วกบั การปฏบิ ัตติ ามสัญญา โดยสังเขป คอื
1. กรณีผู๎รับทุนสําเร็จการศึกษาแตํไมํกลับมารับราชการหรือ รับราชการไมํครบ
ตามกําหนดในสัญญาถือวําผู๎รับทุนประพฤติผิดสัญญาต๎องชําระทุนการศึกษาและเบี้ยปรับตามที่
สญั ญากําหนด
2. เบี้ยปรับหากสูงเกินสมควรหรือมีเหตุอันควรที่มิได๎เกิดจากฝุายผู๎รับทุนแตํฝุาย
เดียวศาลอาจลดเบี้ยปรับได๎ เชํนกรณีผู๎รับทุนสําเร็จการศึกษากลับมาปฏิบัติราชการแตํหนํวยงาน
ทางปกครองไมํมีตาํ แหนงํ รองรบั จึงไปปฏบิ ตั ิหน๎าที่ยังหนํวยงานอ่ืนหรือลาออกจากราชการถือเป็น
เหตุท่ศี าลอาจลดเบี้ยปรบั ได๎ ( คําพพิ ากษาศาลปกครองสูงสดุ ที่ อ.377/2550 อ.73/2552)
ค. สญั ญาสัมปทาน/สัญญารว่ มลงทนุ หรือสัญญาเกีย่ วกบั โครงการขนาดใหญ่
1. รปู แบบของสญั ญาทางปกครองเกยี่ วกับสมั ปทานและการรว่ มลงทนุ
สัญญาทางปกครองเก่ียวกับสัญญาสัมปทาน/ สัญญารํวมทุนและสัญญาโครงการ
ขนาดใหญํเป็นสัญญาทางปกครองเกี่ยวกับการพัสดุประเภทหน่ึงโดยเป็นสัญญาตํางตอบแทนท่ี
หนํวยงานทางปกครองและเอกชนมีสวํ นในการรวํ มให๎บริการสาธารณะในลกั ษณะตาํ งๆ เชํน
1.1. การทาสัญญาจ้างเอกชนให้บริหารงาน (Contracting-Out) คือการที่
หนํวยงานของรัฐทําสัญญาให๎เอกชนเป็นผู๎บริหารงานแทนและจํายคําจ๎างให๎แกํเอกชนตามผลงาน
หรือเหมาจําย แตรํ ัฐยงั คงเป็นเจ๎าของทรพั ย์สินนน้ั ซง่ึ อาจทําได๎ 2 วธิ ีคือ
ก). การจ๎างให๎บริหารงานเฉพาะงาน (Contract -Out) เป็นการจ๎างให๎บริหารงาน
เฉพาะดา๎ นของงานหลักบางสวํ น เชนํ จ๎างซํอมและบํารุงรักษาลิฟต์เป็นรายปี จ๎างเหมาที่ปรึกษาให๎
ฝกึ อบรมพนักงาน เป็นต๎น
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสงู สุด เกี่ยวกบั สญั ญำทำงปกครอง |๑๘
ข). การจ๎างให๎บริหารกิจการ (Management Contract) เป็นการท่ีหนํวยงานของ
รัฐทําสัญญาจ๎างเอกชนที่มีทักษะและความรู๎ความสามารถในเชิงธุรกิจ มาเป็นผ๎ูบริหารงาน โดย
หนํวยงานของรฐั จะทาํ หน๎าทเ่ี ป็นผู๎ควบคุมดูแลการบรหิ ารและรบั ผดิ ชอบเงนิ ทนุ ในการดําเนนิ งาน
รวมถงึ ภาระหน้สี นิ
1.2. การทาสัญญาให้เอกชนดาเนินการแทนรัฐ (Turn Key) เป็นการท่ี
หนํวยงานของรัฐให๎เอกชนดําเนินการแทนรัฐ โดยเอกชนเป็นผู๎รับภาระคําใช๎จํายในการพัฒนาและ
กํอสร๎างจนทรัพย์สินออกมาในรูปแบบท่ีตกลงกัน เม่ือเอกชนดําเนินการทําให๎เกิดรายได๎เป็น
ระยะเวลาหนงึ่ รัฐในฐานะเป็นเจา๎ ของทรัพย์สนิ จะได๎คําตอบแทนจํานวนหน่ึงโดยอาจเป็นเงินก๎อน
หรือเงินรายปีตามท่ีตกลงกัน เม่ือสิ้นสุดเวลาตามท่ีตกลงกันทรัพย์สินก็จะตกเป็นของรัฐ เชํน
โครงการให๎เอกชนเชาํ ลงทุนพัฒนาและประกอบการทาํ เทียบเรือต๎สู ินคา๎ ทําเทียบเรอื B5 ทําเรือ
แหลมฉบงั ของการทําเรอื แหงํ ประเทศไทย เปน็ ตน๎
1.3. การใหเ้ อกชนรว่ มลงทุน (Joint-Venture) เป็นกรณีท่รี ัฐให๎สิทธิเอกชนเป็น
ผ๎ูรับผิดชอบด๎านการลงทนุ การจัดการและการปฏบิ ัตงิ านในกิจการของรัฐ ตามพระราชบัญญัติการ
ให๎เอกชนรํวมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ.2556 โดยพระราชบัญญัติดังกลําวให๎คํานิยามคําวํา
“รํวมลงทุน” หมายความวํา รํวมลงทุนกับเอกชนไมํวําโดยวิธีใดหรือมอบให๎เอกชนลงทุนแตํฝุาย
เดียวโดยวิธกี ารอนญุ าตหรอื ให๎สมั ปทานหรือใหส๎ ทิ ธไิ มวํ ําในลกั ษณะใด
ทั้งนี้ ตามพระราชบัญญัติการให๎เอกชนรํวมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ.2556
มาตรา ๒๓ บัญญัติวํา “โครงการท่ีมีมูลคําตั้งแตํหนึ่งพันล๎านบาทข้ึนไปหรือมูลคําที่กําหนดเพ่ิมขึ้น
โดยกฎกระทรวงตอ๎ งดาํ เนินการตามหลักเกณฑแ์ ละขัน้ ตอนทกี่ าํ หนดไวใ๎ นพระราชบญั ญัตนิ ้ี” เชํน
- มาตรา ๒๔ ในการเสนอโครงการ หนํวยงานเจ๎าของโครงการต๎องเสนอผล
การศึกษาและวิเคราะหโ์ ครงการตามรายละเอียดที่คณะกรรมการประกาศกาํ หนด
- มาตรา ๒๕ หนํวยงานเจ๎าของโครงการต๎องวําจ๎างที่ปรึกษาเพื่อจัดทํารายงานผล
การศึกษาและวเิ คราะห์โครงการ
- มาตรา ๒๖ ให๎หนํวยงานเจ๎าของโครงการเสนอผลการศึกษาและวิเคราะห์
โครงการตอํ รฐั มนตรกี ระทรวงเจา๎ สงั กัดเพื่อพจิ ารณาใหค๎ วามเหน็ ชอบ
- มาตรา ๒๘ หากโครงการใดจะต๎องมีการใช๎จํายงบประมาณรายจํายของแผํนดิน
หรอื งบประมาณของหนวํ ยงานเจ๎าของโครงการหรอื จะต๎องมกี ารกอํ หน้โี ดยการกห๎ู รือการค้ําประกัน
โดยกระทรวงการคลงั เพื่อใช๎จาํ ยในการดาํ เนนิ โครงการเม่อื คณะกรรมการให๎ความเหน็ ชอบหลักการ
ของโครงการแล๎ว ให๎เสนอโครงการนั้นตํอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติโครงการและวง เงิน
งบประมาณรายจํายหรือวงเงินที่จะใช๎ในการกํอหน้ีของโครงการนั้น ท้ังนี้ ให๎ถือวําการอนุมัติของ
คณะรัฐมนตรเี ป็นการอนมุ ตั ิตามกฎหมายวาํ ด๎วยวิธกี ารงบประมาณ กฎหมายวําด๎วยการพัฒนาการ
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสงู สุด เกี่ยวกบั สญั ญำทำงปกครอง |๑๙
เศรษฐกิจและสังคมแหํงชาติ หรือกฎหมายวําด๎วยการบริหารหน้ีสาธารณะ ในสํวนท่ีเก่ียวข๎อ ง
แลว๎ แตํกรณี
1.4. การให้สัมปทาน (Concession or Franchising) เป็นกรณีท่ีรัฐ
ให๎สิทธิเอกชนเป็นผ๎ูรับผิดชอบด๎านการลงทุน การจัดการและการปฏิบัติงานในทรัพย์สินท่ีรัฐให๎
สัมปทาน โดยมีเอกสิทธิ์ผูกขาด ในการผลิตหรือการให๎บริการสาธารณะหรือสิ่งอันเป็น
สาธารณปู โภคแทนรฐั และจดั เก็บคาํ บรกิ ารได๎โดยตรงจากผู๎รับบริการและเม่ือทรัพย์สินที่จัดหาหรือ
กํอสร๎างตกเป็นของรัฐตามเง่ือนไขท่ีตกลง เชํน แบบ BOT (Build-Operate-Transfer) หรือ BTO
(Build-Transfer-Operate) เชนํ การลงทนุ โครงการทางดํวนขัน้ ที่ 2 ในรปู แบบ BTO ซึ่งหากมีการ
ลงทุนโครงการที่มีมูลคาํ ตั้งแตํหนึ่งพันลา๎ นบาทขน้ึ ไป ถอื เปน็ การรํวมลงทุน ตามพระราชบัญญตั กิ าร
ใหเ๎ อกชนรํวมลงทุนในกิจการของรฐั พ.ศ.2556
2. ลกั ษณะของสัญญาสัมปทาน ประกอบดว๎ ยลกั ษณะสําคญั 4 ประการคอื
ก. เป็นสัญญาทางปกครองที่หนํวยงานของรัฐอนุญาตให๎เอกชนจัดทําบริการ
สาธารณะอยํางใดอยํางหนึ่งโดยทุนของเอกชนเอง ภายใต๎ข๎อกําหนดและเงื่อนไขที่หนํวยงานทาง
ปกครองกาํ หนดให๎ปฏบิ ตั เิ พอื่ ประโยชนส์ าธารณะ
ข. ทรพั ยส์ ินทผี่ ๎ูรบั สัมปทานนํามาใช๎ในการจัดทําบริการสาธารณะถือเป็นทรัพย์สิน
ของเอกชน จงึ ไมํไดร๎ บั ความค๎มุ ครองเปน็ พิเศษ
ค. หนํวยงานทางปกครองมีอํานาจควบคุมกิจการที่ให๎สัมปทาน เนื่องจากกิจการ
ดงั กลําวยังเปน็ บรกิ ารสาธารณะท่อี ยใํู นความรับผดิ ชอบของหนวํ ยงานทางปกครอง
ง. บริการสาธารณะที่หนํวยงานทางปกครองให๎เอกชนไปทําน้ัน จะต๎องไมํเป็น
กิจการท่ีเกี่ยวกับความมั่นคงหรือความปลอดภัยแหํงชาติ โดยสํวนใหญํเป็นบริการอันเป็น
สาธารณูปโภค เชนํ การโทรศพั ท์เปน็ ตน๎
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด เกี่ยวกบั สญั ญำทำงปกครอง |๒๐
บทที่ ๒
แนวคาวินจิ ฉัยเกีย่ วกับสญั ญาทางปกครอง
-----------------------
มาตรา ๓ แหํงพระราชบญั ญัติจดั ตั้งศาลปกครองฯ กําหนดนิยามของ “สัญญาทาง
ปกครอง" ไว๎วํา ให๎หมายความรวมถึง สัญญา ๔ ประเภท ดังตํอไปน้ี (๑) สัญญาสัมปทาน (๒)
สัญญาท่ีให๎จัดทําบริการสาธารณะ (๓) สัญญาจัดใหมํส่ิงสาธารณูปโภค (๔) สัญญาแสวงประโยชน์
จากทรัพยากรธรรมชาติ
นอกจากน้ี ศาลปกครองสูงสุดได๎กําหนดกรอบอันเป็นแนวทางในการพิจารณา
ลักษณะของสัญญาทางปกครองเอาไว๎ ปรากฏตามมติของที่ประชุมใหญํตุลาการในศาลปกครอง
สูงสุดครั้งท่ี ๖/๒๕๔๔ เมื่อวันท่ี ๑๐ ตุลาคม ๒๕๔๔ โดยกําหนดวํา “สัญญาใดจะเป็นสัญญาทาง
ปกครองตามที่บัญญัติไว๎มาตรา ๓ แหํงพระราชบัญญัติจัดต้ังศาลปกครองฯ ได๎น้ัน ประการแรก
คํูสัญญาอยํางน๎อยฝุายหน่ึงต๎องเป็นหนํวยงานทางปกครองหรือเป็นบุคคลซ่ึงได๎รับมอบหมายให๎
กระทําการแทนรัฐ ประการทส่ี อง สัญญาน้ันมลี กั ษณะเป็นสัญญาสมั ปทาน สัญญาท่ใี หจ๎ ดั ทาํ บริการ
สาธารณะ หรือจัดให๎มีส่ิงสาธารณูปโภค หรือแสวงประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ หรือเป็น
สัญญาที่หนํวยงานทางปกครองหรือบุคคลซึ่งกระทําการแทนรัฐตกลงให๎คูํสัญญาอีกฝุายหน่ึงเข๎า
ดาํ เนินการหรือเข๎ารวํ มดําเนนิ การบรกิ ารสาธารณะโดยตรง หรือเป็นสัญญาท่ีมีข๎อกําหนดในสัญญา
ซ่งึ มีลักษณะพเิ ศษทแ่ี สดงถงึ เอกสิทธิของรฐั ทงั้ น้ี เพอี่ ใหก๎ ารใช๎อํานาจทางปกครองหรือการ ดําเนิน
กิจการทางปกครองซ่ึงก็คือการบริการสาธารณะบรรลุผล ดังน้ัน หากสัญญาใดเป็นสัญญา
ทหี่ นวํ ยงานทางปกครองหรอื บุคคลซงึ่ กระทําการแทนรฐั มงุํ ผูกพันตนกับคํูสัญญาอีกฝุายหนึ่งด๎วยใจ
สมัครบนพื้นฐานแหํงความเสมอภาคและมิได๎มีลักษณะเซํนท่ีกลําวมาข๎างต๎น สัญญาน้ัน ยํอมเป็น
สัญญาทางแพํง”
จากนิยาม “สัญญาทางปกครอง” ตามมาตรา ๓ แหํงพระราชบัญญัติจัดตั้งศาล
ปกครองฯ ประกอบกับมตขิ องท่ีประชมุ ใหญํฯ ครง้ั ที่ ๖/๒๕๔๔ ขา๎ งตน๎ จะเหน็ ได๎วํา การเปน็ สญั ญา
ทางปกครอง นัน้ มขี ๎อพจิ ารณา ๒ ประการ คือ
๑. คู่สัญญา อย่างน้อยฝ่ายหนึ่งเป็นหน่วยงานทางปกครองหรือบุคคล ซ่ึงได้รับ
มอบหมายใหก้ ระทาการแทนรัฐ
๒. เป็นสัญญาทม่ี ลี กั ษณะตามบทบัญญัติในมาตรา ๓ อันไดแ๎ กํ
2.๑) เป็นสัญญาสัมปทาน ๒) เป็นสัญญาที่ให้จัดทาบริการสาธารณะ ๓)
เป็นสญั ญาจดั ใหม้ ีส่ิงสาธารณูปโภค ๔) เป็นสัญญาแสวงประโยชนจ์ ากทรัพยากรธรรมชาติ
๒.๒ เป็นสญั ญาตามมติของทป่ี ระชมุ ใหญ่ฯ อันได๎แกํ
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด เกี่ยวกบั สญั ญำทำงปกครอง |๒๑
2.2.๑) เป็นสัญญาท่ีให้เอกซนเข้าดาเนินการหรือเข้าร่วมดาเนินการบริการ
สาธารณะโดยตรง
2.2.๒) เปน็ สญั ญาทีม่ ีข้อกาหนดในสญั ญาซง่ึ มลี ักษณะพิเศษที่แสดงถึงเอกสิทธิ
ของรฐั ทง้ั นี้ เพื่อใหก้ ารจัดทาบรกิ ารสาธารณะบรรลผุ ล
2.3. สัญญาอ่นื ๆ
นอกจากสัญญาทางปกครองตามกรณีท่ีกลาํ วขา๎ งตน๎ แล๎ว ยังมีสัญญาบางประเภทท่ี
แมว๎ าํ โดยเนื้อหาของตวั สัญญานัน้ เองจะไมํใชํสัญญาทางปกครอง แตํก็ถือวําเป็นสัญญาที่เกี่ยวเนื่อง
กับสัญญาทางปกครองและอยูใํ นอํานาจพิจารณาพพิ ากษาของศาลปกครองเชํนเดียวกัน ไดแ๎ กํ
(2.3.๑) สัญญาการรับทุน4
สัญญาการรับทุน ก.พ. เพ่ือศึกษาวิชาในตํางประเทศ มีวัตถุประสงค์ให๎ ผู๎รับทุน
กลับมารับราชการในหนํวยงานตามที่กําหนดเม่ือสําเร็จการศึกษา มีลักษณะเป็นสัญญาที่ให๎จัดทํา
บรกิ ารสาธารณะ จงึ เปน็ สัญญาทางปกครองตามมาตรา ๓ แหงํ พระราชบญั ญตั ิจดั ตั้ง ศาลปกครองฯ
(คําสัง่ ศาลปกครองสูงสุดที่ ๘๘/๒๕๔๙ และที่ ๒๖๒/๒๔๕๑)
สัญญาการรับทุนกรมท่ีดินเพ่ือศึกษาวิชาในประเทศ เป็นสัญญาที่มีคํูสัญญาฝุาย
หน่ึงเปน็ หนํวยงานทางปกครอง และมลี ักษณะเปน็ สัญญาท่ีใหจ๎ ดั ทาํ บริการสาธารณะ จึงเป็นสัญญา
ทางปกครองตามมาตรา ๓ แหํงพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองฯ (คําส่ังศาลปกครองสูงสุดที่
๙๓/๒๕๔๙ ท่ี ๒๙๙/๒๕๔๙ ท่ี ๓๓๗/๒๕๔๙ ท่ี ๓๓/๒๕๕๑ และท่ี ๓๙/๒๕๕๑)
สัญญารับทุนรัฐบาลญ่ีปุนเพื่อศึกษาวิชาในตํางประเทศมีวัตถุประสงค์ เพ่ือให๎ผู๎รับ
ทุนกลบั มาปฏบิ ตั ิราชการกับหนํวยงานทางปกครอง อันถอื เป็นการจัดทาํ บริการสาธารณะอยาํ งหนึ่ง
ของรฐั ให๎บรรลผุ ล จงึ เป็นสญั ญาทางปกครองตามมาตรา ๓ แหงํ พระราชบญั ญตั จิ ัดต้ัง ศาลปกครองฯ
(คําสงั่ ศาลปกครองสงู สุดท่ี ๓๒๗/๒๕๔๘ และท่ี ๙๐/๒๕๔๙)
สัญญารับเงินอุดหนุนการศึกษาของอาจารย์อัตราจ๎าง ลูกจ๎างประจํา และลูกจ๎าง
ช่ัวคราว สถาบัน-ราชภฏั สวนสุนินทา มีข๎อตกลงกําหนดให๎ผ๎รู ับเงินอุดหนุนเม่ือสําเร็จการศึกษาต๎อง
อยํูปฏิบัติงาน ณ สถาบันติดตํอกันเป็นเวลาไมํน๎อยกวําเวลาที่ศึกษาตํอ จึงมีลักษณะเป็นสัญญาให๎
ทุนของหนํวยงานของรัฐอันเป็นสัญญาทางปกครองตามมาตรา ๓ แหํงพระราชบัญญัติ จัดต้ังศาล
ปกครองฯ (คําสง่ั ศาลปกครองสงู สุดที่ ๓๒๐/๒๕๔๙)
4 ข๎อสังเกตสญั ญาเกยี่ วกับการรบั ทุนการสืกษาสัญญาการเปน็ นักสืกษาหรอิ สญั ญาลาสืกษานอกจากศาลจะวินิจฉัยวําเป็น
สัญญาท่ีได๎จัดทําบ-ริการสาธารณะแล๎ว ศาลยังวินิจฉัยวําเป็นสัญญาที่ให๎เอกชนเข๎ารํวมงานหริอเข๎ารํวมการดําเนินการ
จดั ทาํ บรหิ าร สาธารณะโดยตรง หริอเป็นสัญญาซึง่ ข๎อกาํ หนดในสญั ญาท่ีแสดงถึงเอกสิทธของรฐั ด๎วย
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสงู สุด เกี่ยวกบั สญั ญำทำงปกครอง |๒๒
นอกจากน้นั ยงั มีคําวนิ จิ ฉัยของศาลปกครองสูงสุดอีกหลายคําวินิจฉัย ท่ีวินิจฉัยวํา
สัญญารับทุนการศึกษาเป็นสัญญาทางปกครองตามมาตรา ๓ แหํงพระราชบัญญัติจัดตั้ง
ศาลปกครองฯ เชํน คําสั่งศาลปกครองสูงสุดท่ี ๗/๒๕๔๙ ที่ ๓๔๒/๒๕๔๗ ที่ ๕๔๔/๒๕๔๗
ท่ี ๕๕๕/๒๕๔๗ ท่ี ๖๔๗/๒๕๔๗ ท่ี ๖๙๘/๒๕๔๗ ท่ี ๗๑๔/๒๕๔๗ ท่ี ๗๔๖/๒๕๔๗ ท่ี ๘๗๕/๒๕๔๗
ท่ี ๑๐๐/๒๕๔๘ ท่ี ๔๕๙/๒๕๔๘ ท่ี ๖๐๖/๒๕๔๘ ท่ี ๘๔๖/๒๕๔๘ ท่ี ๔๔๐/๒๕๔๙ ท่ี ๕๐๐/๒๕๔๙
ท่ี ๖๙๘/๒๕๔๙ ท่ี ๑๒๘/๒๕๕๐ ท่ี ๒๘๕/๒๕๕๐ ท่ี ๓๒๑/๒๕๕๐ ท่ี ๕๓๓/๒๕๕๐ ท่ี ๒๔๐/๒๕๕๑
ท่ี ๒๔๘/๒๔๕๑ และที่ ๔๑๒/๒๕๕๒ และคําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๓๓๗/๒๕๔๙
ท่ี อ.๒๒๓/๒๕๕๐ และท่ี อ. ๑๕๗/๒๕๕๒
สัญญาการรับทุน ก.พ. เพื่อศึกษาวิชาในตํางประเทศ ระหวํางสํานักงาน
คณะกรรมการข๎าราชการพลเรือน (ผู๎ฟูองคดี) กับผ๎ูถูกฟูองคดีที่ ๑ เป็นสัญญาที่มีคํูสัญญาฝุายหนึ่ง
เป็นหนํวยงานทางปกครองซ่ึงมีอํานาจหน๎าท่ีในการจัดทําบริการสาธารณะโดยมีวั ตถุประสงค์ของ
สัญญาเพ่ือให๎ผู๎ถูกฟูองคดีท่ี ๑ ไปศึกษาวิชาในตํางประเทศเพื่อกลับมาปฏิบัติราชการในกระทรวง
ทบวง กรม ตามท่ีผู๎ฟูองคดีกําหนด อันเป็นการให๎ผ๎ูถูกฟูองคดีท่ี ๑ เข๎ารํวมในการจัดทําบริการ
สาธารณะของผ๎ฟู อู งคดี จึงเป็นสญั ญาทางปกครอง (คําสั่งศาลปกครองสงู สดุ ที่ ๘๑/๒๕๖๒)
(2.3.2) สัญญาอนญุ าตใหข้ ้าราชการลาศึกษา
สัญญาขา๎ ราชการไปศกึ ษาหรือฝึกอบรม ณ ตาํ งประเทศ ของสาํ นักงานสภาสถาบัน
ราชภฏั มวี ตั ถแุ หงํ สญั ญา คือ ขา๎ ราชการซ่ึงไดร๎ ับอนุญาตจากทางราชการให๎ลาศึกษาตํอตํางประเทศ
ต๎องกลับมารับราชการยังหนํวยงานต๎นสังกัดเดิมเม่ือสําเร็จการศึกษาแล๎วภายใน ระยะเวลาตามที่
กาํ หนดไว๎ในสัญญาดงั กลําว โดยการปฏบิ ตั ิหน๎าท่ีอาจารย์สอนหนังสือในสถาบัน ราชภัฏหมํูบ๎านจอมบึง
วัตถุแหํงสัญญาดังกลําวน้ีจึงถือวําเป็นการดําเนินการของรัฐตามหน๎าที่ ท่ีต๎องจัดให๎มีการศึกษาแกํ
ประชาชนท่ัวไป อันเป็นการกระทําบริการสาธารณะโดยตรง สัญญาดังกลําวจึงเป็นสัญญาทาง
ปกครองตามมาตรา ๓ แหํงพระราชบัญญัติจัดต้ังศาลปกครองฯ (คําส่ังศาลปกครองสูงสุด
ท่ี ๑๑๕/๒๕๔๖)
สัญญาของข๎าราชการที่ลาไปศึกษาตํอ ณ ตํางประเทศ มีวัตถุประสงค์ เพ่ือให๎
การศกึ ษาและให๎ขา๎ ราชการกลับมารับราชการตามที่ทางราชการกําหนด อันมีลักษณะเป็นสัญญาท่ี
หนวํ ยงานทางปกครองตกลงให๎ข๎าราชการเข๎ารํวมในการจัดทําบริการสาธารณะ จึงเป็นสัญญาทาง
ปกครองตามมาตรา ๓ แหํงพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองฯ (คําสั่งศาลปกครองสูงสุด
ท่ี ๔๑๘/๒๕๔๐)
สัญญารับทุนการศึกษาภายในประเทศภาคนอกเวลาระหวําง มหาวิทยาลัย
เทคโนโลยีราชมงคลพระนคร กับผู๎ถูกฟูองคดีที่ ๑ ในฐานะผ๎ูรับทุนมีวัตถุประสงค์แหํงสัญญา คือ
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสงู สุด เกี่ยวกบั สญั ญำทำงปกครอง |๒๓
เมื่อผ๎รู ับทุนสาํ เรจ็ การศึกษาแล๎ว ผ๎ูรับทนุ จะเขา๎ รับราชการตามคาํ สั่งของมหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราช
มงคลพระนครและตามระยะเวลาที่กําหนดไว๎ในสัญญา สัญญาดังกลําวเป็นสัญญาท่ีมหาวิทยาลัย
เทคโนโลยีราชมงคลพระนครตกลงให๎การสนับสนุนการศึกษาแกํผู๎ถูกฟูองคดีที่ ๑ โดยมีข๎อผูกพัน
ผู๎ถูกฟูองคดีท่ี ๑ ต๎องทําการสอนในสถานศึกษา อันเป็นการจัดทําบริการสาธารณะของรัฐ สัญญา
ดังกลําวจึงเป็นสัญญาทางปกครองตามมาตรา ๓ แหํงพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองฯ
(คําพพิ ากษาศาลปกครองสูงสุดท่ี อ.๖๔๓/๒๕๕๕)
(2.3.3) สญั ญาการเข้าศึกษาในสถาบนั การศึกษา
สัญญาของผ๎ูสมัครเข๎าเป็นนักเรียนดุริยางค์ทหารบกของกองทัพบก มีข๎อตกลงวํา
เม่อื สาํ เรจ็ การศกึ ษาตามหลักสูตรของโรงเรียนดุริยางค์ทหารบกหรือเมื่อทางราชการมีความจําเป็น
ที่ต๎องให๎ออกรับราชการแม๎วํายังไมํสําเร็จการศึกษาตามหลักสูตรก็ต๎องรับราชการตามตําแหนํง
หน๎าท่ีซึ่งทางราชการได๎ส่ังให๎ปฏิบัติอันเป็นบริการสาธารณะของรัฐ จึงเป็นสัญญาทางปกครอง
ตามมาตรา ๓ แหงํ พระราชบญั ญตั ิจัดต้งั ศาลปกครองฯ และหนงั สือสัญญาของผ๎ปู กครองซ่ึงทําให๎ไว๎
กบั กองทัพบก มีวัตถุประสงค์หลกั เพ่ือให๎นกั เรยี นเขา๎ รับราชการตํอไป เพื่อดําเนนิ การหรือมสี วํ นรวํ ม
ในการดําเนินการบริการสาธารณะ จึงถือได๎วํามีลักษณะเป็นสัญญาทางปกครองเชํนกัน (คําส่ัง
ศาลปกครองสงู สุดที่ 271/2548 ที่ 518/2548 ท่ี 611/2548 ที่ ๗๗๒/๒5๔๘ ท่ี ๑๐๓/๒5๔๙
ท่ี ๒๗๒/๒5๔๙ ท่ี ๔๔5/๒5๔๙ ท่ี ๕๔๑/๒5๔๙ และ ที่ ๘๒๒/๒5๔๙)
สัญญาเข๎าเป็นนักเรียนชํางฝีมือทหารของกองบัญชาการทหารสูงสุด มีข๎อตกลงวํา
เมอื่ เรียนจบหลกั สตู รของโรงเรียนแล๎วจะต๎องรับราชการหรือทํางานในสํวนราชการหรือองค์การใน
สงั กดั กระทรวงกลาโหมเป็นการชดใช๎ราชการเป็นเวลาไมํน๎อยกวําสองเทํา เป็นสัญญาทางปกครอง
ตามมาตรา ๓ แหงํ พระราชบญั ญัติจัดต้งั ศาลปกครองฯ (คาํ สั่งศาลปกครองสงู สุด ท่ี 55๔/25๔๙)
สัญญาการเป็นนิสิตเพื่อศึกษาวิชาเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เป็นสัญญาซึ่งมีคํูสัญญาฝุายหนึ่งเป็นหนํวยงานทางปกดรอง และมีผ๎ูถูกฟูองคดีที่ ๑ เป็นผู๎ประสงค์
จะเข๎าศกึ ษาวชิ าเภสชั ศาสตร์ได๎ใหส๎ ัญญาวาํ เม่อื ผ๎ูถูกฟอู งคดีที่ ๑ สําเร็จการศึกษา ผู๎ถูกฟูองคดีท่ี ๑
ตกลงยินยอมจะปฏิบัติการให๎เป็นไปตามคําส่ังของสํานักงานคณะกรรมการ ข๎าราชการพลเรือน
และหรือคณะกรรมการพิจารณาจัดสรรนิสิตนักศึกษาวิชาเภสัชศาสตร์ผู๎สําเร็จ การศึกษาไป
ปฏิบัติงานในสํวนราชการหรือองค์การของรัฐบาลตํางๆ ในการจัดสรรให๎ผ๎ูถูกฟูองคดี ที่ ๑ เข๎ารับ
การศึกษาอบรมเพิ่มเติม ณ แหํงใดๆ หรือเข๎ารับราชการหรือทํางานในสถานศึกษา สํวนราชการ
หรอื องคก์ ารของรฐั บาลแหํงใดทุกประการ และในกรณีท่ีสํานักงานคณะกรรมการ ข๎าราชการพลเรือน
และหรือคณะกรรมการพิจารณาจัดสรรนิสิตนักศึกษาวิชาเภสัชศาสตร์ผ๎ูสําเร็จ การศึกษาไป
ปฏิบัติงานในสํวนราชการหรือองค์การรัฐบาลตํางๆ สั่งให๎ผู๎ถูกฟูองคดีที่ ๑ เข๎ารับ ราชการ
หรือทํางาน ผู๎ถูกฟูองคดีท่ี ๑ จะรับราชการหรือทํางานนั้นอยูํตํอไปเป็นเวลา ๒ ปี ติดตํอกัน
นับตั้งแตํวันท่ีไต๎กําหนดในคําส่ัง วัตถุแหํงสัญญาคือการให๎ผ๎ูถูกฟูองคดีที่ ๑ กลับมารับราชการ
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด เกี่ยวกบั สญั ญำทำงปกครอง |๒๔
ตามระยะเวลาท่ีกําหนดในสัญญาอันเป็นบริการสาธารณะของรัฐ จึงเป็นสัญญาทางปกครอง
ตามมาตรา ๓ แหํงพระราชบัญญตั ิจดั ต้งั ศาลปกครองฯ (คําสั่งศาลปกครองสูงสดุ ท่ี ๘๗๗/๒5๔๙)
สัญญ าก าร รับ นั กเ รีย น ทุ น ข อง สถา น พ ยา บา ลเอ ก ช น เ ข๎า ศึก ษาใ น ส ถา น ศึ กษ า
ของกระทรวงสาธารณสุข ระหวํางสํานักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขกับ สถานพยาบาลเอกชน
เป็นสัญญาที่คํูสัญญาอยํางน๎อยฝุายหน่ึงเป็นหนํวยงานทางปกครอง และมีลักษณะเป็นสัญญาที่ให๎
จัดทําบริการสาธารณะ สัญญาดังกลําวจึงเป็นสัญญาทางปกครอง ตามมาตรา ๓ แหํง
พระราชบญั ญัตจิ ดั ต้ังศาลปกครองปกครองฯ (คําสั่งศาลปกครองสูงสดุ ท่ี ๓๕๗/2552)
สัญญาเข๎ารับการศึกษาระดับปริญญาตรี หลักสูตรรัฐประศาสนศาสตร์บัณฑิต
สาขาการปกครองทอ๎ งถิน่ ระหวํางองคก์ ารบรหิ ารสํวนตําบลบํอภาคกับผ๎ูรับทุน เป็นสัญญาที่ให๎ผู๎รับทุน
เข๎ารวํ มจดั ทาํ บรกิ ารสาธารณะ อนั เปน็ สัญญาทางปกครองตามมาตรา ๓ แหํง พระราชบัญญตั จิ ัดตัง้
ศาลปกครองฯ (คําส่ังศาลปกครองสูงสดุ ท่ี ๓๙๒/๒๕๕๒)
สัญญารับทุนอุดหนุนการศึกษาสํานักงานปลัดทบวงมหาวิทยาลัย (โครงการผลิต
และพฒั นาอาจารย)์ ระหวาํ งสํานักงานปลัดทบวงมหาวทิ ยาลัย กับผ๎ูถูกฟอู งคดี ท่ี ๑ โดยมีผู๎ถูกฟูอง
คดีที่ ๒ เป็นผ๎ูคํ้าประกนั มีวตั ถุประสงคเ์ พ่อื ใหผ๎ ๎ถู กู ฟอู งคดีท่ี ๑ กลบั มารับราชการตามเวลาทีก่ ําหนด
ในสัญญาอันเป็นบริการสาธารณะ จึงเป็นสัญญาทางปกครองตามมาตรา ๓ แหํงพระราชบัญญัติ
จดั ตงั้ ศาลปกครองฯ (คําสง่ั ศาลปกครองสูงสุดที่ ๕๑๑/๒๕๕๒)
สัญญาการเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดลเพ่ือศึกษาวิชาเภสัชศาสตร์ (คําส่ังศาล
ปกครองสงู สุดที่ ๖๗/๒๕๔๘ ท่ี ๗๑/๒๕๙๘ ท่ี ๗๗/๒๕๔๘ ท่ี ๗๙/๒๕๔๘ ท่ี ๘๐/๒๕๔๘ ที่ ๘๑/๒๕๔๘
ท่ี ๘๒/๒๕๔๘ ท่ี ๙๐/๒๕๔๘ ท่ี ๙๑/๒๕๔๘ ท่ี ๙๒/๒๕๔๘ ท่ี ๙๓/๒๕๔๘ ท่ี ๙๘/๒๕๔๘ ท่ี ๙๙/๒๕๔๘
ท่ี ๑๐๓/๒๕๔๘ ท่ี ๑๐๔/๒๕๔๘ ท่ี ๑๐๕/๒๕๔๘ ท่ี ๑๐๖/๒๕๔๘ ท่ี ๑๐๗/๒๕๔๘ ท่ี ๑๑๘/๒๕๔๘
ท่ี ๑๕๖/๒๕๔๘ และที่ ๑๕๗/๖๕๔๘)
สญั ญาการเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดลเพ่ือศึกษาวิชา พยาบาลศาสตร์บัณฑิต
(คาํ สั่งศาลปกครองสูงสุดที่ ๒๓๙/๒๕๕๑)
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสงู สุด เกี่ยวกบั สญั ญำทำงปกครอง |๒๕
11 แนวคาวินิจฉยั ของศาลปกครองสงู สุดว่า เปน็ สญั ญาทางปกครอง
1.1) สัญญาที่มีลักษณะตามบทบัญญัติในมาตรา ๓ แหํงพระราชบัญญัติจัดต้ังศาล
ปกครองฯ ไดแ๎ กํ
1.1.1) เปน็ สญั ญาที่ให้จดั ทาบริการสาธารณะ
๑) สญั ญาจา้ งลูกจา้ งพนักงานของสว่ นราชการ
การทสี่ ถาบนั ราชภัฏสวนดสุ ติ ได๎มคี าํ สัง่ จา๎ งผู๎ฟูองคดเี ปน็ ลกู จา๎ งช่วั คราว และแตํงต้ัง
ให๎ผ๎ูฟูองคดีปฏิบัติหน๎าท่ีในตําแหนํงหัวหน๎าศูนย์การศึกษานอกสถาบันฯ ซึ่งเกี่ยวข๎องกับภารกิจ
ให๎บริการทางการศกึ ษาของสถาบนั ราชภฏั สวนดสุ ิต จึงถือวาํ สัญญาจ๎างระหวํางสถาบันราชภัฏสวนดุสิต
กับผู๎ฟูองคดี เป็นสัญญาท่ีให๎เอกชนเข๎าดําเนินงานหรือเข๎ารํวมดําเนินงานบริการสาธารณะอันเป็น
สัญญาทางปกครองตามมาตรา ๓ แหงํ พระราชบัญญัตจิ ดั ตงั้ ศาลปกครองฯ (คาํ สั่งศาลปกครองสงู สดุ
ท่ี ๕๔๕/๒๕๔๖ (ประชุมใหญํ)
การท่ีโรงพยาบาลราชวิถีได๎มีคําส่ังจ๎างผู๎ฟูองคดีเป็นลูกจ๎างชั่วคราว และแตํงต้ังให๎
ผู๎ฟูองคดีปฏิบัติหน๎าท่ีในตําแหนํงเจ๎าหน๎าที่กู๎ชีพ ซ่ึงเกี่ยวฟูองกับภารกิจให๎บริการด๎านการ
รักษาพยาบาลของโรงพยาบาล จึงถือวําสัญญาจ๎างระหวํางโรงพยาบาลราชวิถีกับผู๎ ฟูองคดี
เป็นสัญญาที่ให๎เอกชนเข๎าดําเนินงานหรือเข๎ารํวมคําเนินงานบริการสาธารณะอันเป็นสัญญาทาง
ปกครองตามมาตรา ๓ แหงํ พระราชบญั ญตั ิจัดตงั้ ศาลปกครองฯ (คําส่ังศาลปกครองสงู สดุ ที่ ๒๙๔/๒5๔๘)
ผ๎ูฟูองคดีที่ ๑ เป็นลูกจ๎างชั่วคราว ตําแหนํงผู๎เช่ียวชาญด๎านการรักษาโรคหัวใจ
ตามสญั ญาจ๎างกับสํานักงานตาํ รวจแหํงชาติซ่งึ เป็นการบริการสาธารณะ จึงเป็นสัญญาทางปกครอง
ตามมาตรา ๓ แหํงพระราชบญั ญัตจิ ดั ตัง้ ศาลปกครองฯ (คําสั่งศาลปกครองสูงสุดท่ี ๗๓๑/๒๔๔0)
หมายเหตุ คําสั่งศาลปกครองสูงสุดท่ี ๕๐๒/๒๕๕๒ วินิจฉัยวํา การท่ีอุตสาหกรรมจังหวัดแพรํ
(ผู๎ถูกฟูองคดี) ทําสัญญาจ๎าง นาง ป. เป็นลูกจ๎างช่ัวคราวรายเดือนแทน ผ๎ูฟูองคดีในตําแหนํง
นักวิชาการมาตรฐานน้ัน เป็นการใช๎อํานาจในการบริหารงานบุคคลตามกฎหมายและระเบียบ
เกีย่ วกบั การเงินและการคลงั ที่กระทรวงการคลังกําหนด ซึ่งมีผลเป็นการปฏิเสธสิทธิของผู๎ฟูองคดีท่ี
จะได๎รับการวําจ๎างเป็นลูกจ๎างช่ัวคราวในตําแหนํงดังกลําว การกระทําของผู๎ถูกฟูองคดีซ่ึงแม๎จะเป็น
คําสั่งทางปกครองตามนัยมาตรา ๕ แหํงพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองฯ แตํเป็น
คาํ ส่ังทางปกครองท่ไี มํมีนิตสิ ัมพนั ธ์ตํอผู๎ฟูองคดีโดยตรง ซ่ึงไมํมีกฎหมายกําหนดขั้นตอนหรือวิธีการ
สําหรับการแก๎ไขความเดือดร๎อนหรือเสียหายใดไว๎โดยเฉพาะ ผ๎ูฟูองคดีจึงไมํต๎องอุทธรณ์คําส่ัง
ดงั กลาํ วกอํ นนําคดีมาฟูองตํอศาลปกครอง
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสงู สุด เกี่ยวกบั สญั ญำทำงปกครอง |๒๖
กรณีที่สํานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการได๎ตกลงจ๎างผ๎ูฟูองคดี ตามสัญญาจ๎าง
พนักงานราชการ ในตําแหนํงครูอาสาสมัครการศึกษานอกโรงเรียน เพ่ีอจัดกิจกรรมการเรียนการ
สอนหรอื กจิ กรรมการเรียนรู๎ และสํงเสรมิ และสนับสนุนการเรยี นการสอนแกปํ ระชาชนหรือชุมชนซึ่ง
เปน็ การจดั หาํ บรกิ ารสาธารณะ จึงเปน็ สญั ญาทางปกครองตามมาตรา ๓ แหํง พระราชบัญญัติจัดตัง้
ศาลปกครองฯ (คําสั่งศาลปกครองสงู สุดที่ ๓๙๓/๒๔๔๒)
2) บนั ทกึ ข้อตกลงจ้างลกู จา้ งของสว่ นราชการ
การที่ผูอ๎ าํ นวยการโรงเรียนเขาน๎อยได๎รับมอบอํานาจจากเลขาธิการคณะกรรมการ
การศึกษาข้ันพื้นฐาน ให๎มีอํานาจในการจ๎างลูกจ๎างช่ัวคราวในสถานศึกษา และโดยที่การจัด
การศึกษาถือเป็นบริการสาธารณะอยํางหน่ึง การท่ีผู๎ถูกฟูองคดีทําบันทึกตกลงจ๎างผู๎ฟูองคดี
เป็นลูกจ๎างชั่วคราว ตําแหนํงครูผ๎ูสอนโรงเรียนวัดเขาน๎อย ถือเป็นสัญญาท่ีมีลักษณะเป็นการจ๎าง
ให๎ผู๎ฟูองคดีรํวมจัดทําบริการสาธารณะ จึงเป็นสัญญาทางปกครอง (คําสั่งศาลปกครองสูงสุด
ท่ี ๒๘๑/๒๔๔๒)
สญั ญาจา๎ งใหผ๎ ู๎ฟอู งคดีเปน็ พนักงานในสถาบันอดุ มศึกษา ตําแหนํง อาจารย์ สายผู๎สอน
สังกัดวิทยาลัยแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี มีกําหนด
๖ เดือน (คําสั่งศาลปกครองสูงสุดท่ี ๓๔๒/๒๔๕๓)
มหาวิทยาลัยนอร์ท-เชียงใหมํ แม๎จะเป็นมหาวิทยาลัยเอกชน แตํเมื่อได๎รับ
มอบหมายให๎ดําเนนิ กิจการบริการสาธารณะด๎านการศึกษาอันเปน็ กจิ การทางปกครองและใช๎อาํ นาจ
ทางปกครองในการดําเนินกิจการดังกลําวตามมาตรา ๘ แหํง พระราชบัญญัติสถาบันอุดมศึกษา
เอกชน พ.ศ. ๒๕๔๖ จึงเป็นหนํวยงานทางปกครอง ดังนั้น สัญญาจ๎างผ๎ูฟูองคดีให๎ปฏิบัติหน๎าท่ี
อาจารย์ในมหาวิทยาลัยดังกลําว จึงเป็นสัญญาทางปกครอง (คําส่ังศาลปกครองสูงสุด
ท่ี ๓๗๓/๒๕๕๓)
สัญญาที่สถาบนั เทคโนโลยีปูองกันประเทศ (องค์การมหาชน) วาํ จ๎างให๎ผ๎ูฟอู งคดเี ข๎า
ป ฏิ บั ติ ง า น ใ น ตํ า แ ห นํ ง หั ว ห น๎ า ง า น จั ด ห า พั ส ดุ อั น เ ป็ น กิ จ ก า ร ใ น อํ า น า จ ห น๎ า ท่ี ข อ ง ส ถ า บั น ฯ
เพี่อดําเนินการจัดทําบริการสาธารณะให๎บรรลุผลตามวัตถุประสงค์ (คําสั่ง ศาลปกครองสูงสุด
ท่ี ๖๕๐/๒๕๕๓)
สัญญาจ๎างกรรมการผู๎อํานวยการใหญํ บริษัท อสมท จํากัด (มหาชน) เป็นสัญญา
ท่ีมีคูํสัญญาฝุายหน่ึง คือ บริษัท อสมท จํากัด (มหาชน) เป็นหนํวยงานทางปกครอง วําจ๎างบุคคล
ให๎มาทาํ งานในตาํ แหนํงกรรมการผู๎อํานวยการใหญํ อนั เป็นการจ๎างบุคคลมาจัดทําบริการสาธารณะ
จึงเป็นสัญญาทางปกครอง ตามมาตรา ๓ แหํงพระราชบัญญัติจัดตั้ง ศาลปกครองฯ (คําส่ัง
ศาลปกครองสูงสดุ ที่ ๔๕๖/๒๕๕๕)
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด เกีย่ วกบั สญั ญำทำงปกครอง |๒๗
เม่ือปลัดกรุงเทพมหานครได๎มอบอํานาจให๎ผ๎ูอํานวยการเขตหลักสี่ ปฏิบัติราชการ
แทน ตามคําสั่งกรุงเทพมหานคร ลงวันท่ี ๑๘ กันยายน ๒๕๓๕ ปลัดกรุงเทพมหานคร โดย
ผอ๎ู าํ นวยการเขตหลกั สีจ่ งึ ออกคําส่งั ลงวันที่ ๑๙ ตลุ าคม ๒๕๔๒ เร่อื ง จา๎ งและแตํงต้ังลกู จ๎างช่ัวคราว
ตามข๎อ ๑๐ ของข๎อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เร่ือง ลูกจ๎าง พ.ศ. ๒๕๓๕ แก๎ไขเพิ่มเติม โดยข๎อ ๓
ของข๎อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เร่ือง ลูกจ๎าง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕ ข๎อ ๑๓ ของข๎อบัญญัติ
กรุงเทพมหานคร เร่ือง ลูกจ๎าง พ.ศ. ๒๕๓๕ และข๎อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง ลูกจ๎าง (ฉบับที่ ๔)
พ.ศ. ๒๕๕๐ ประกอบกบั บันทกึ อนุมัติลงวันที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๕๒ จ๎างและแตํงต้ังลูกจ๎างช่ัวคราว
จาํ นวน ๑๑ ราย รวมท้ังรายผฟ๎ู ูองคดี ให๎ปฏบิ ตั งิ านเป็นลูกจ๎างชั่วคราวในโรงเรียนเคหะทุํงสองห๎อง
วิทยา ๒ ตั้งแตํวันท่ี ๑ ตุลาคม ๒๕๕๒ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๓ โดยที่โรงเรียนเคหะทุํงสอง
ห๎องวิทยา ๒ มีหน๎าที่ในการจัดการศึกษาอันเป็นการบริการสาธารณะ สัญญาจ๎างผ๎ูฟูองคดีเป็น
ลกู จา๎ งชั่วคราว ตําแหนงํ ภารโรง ปฏบิ ตั ิงานในโรงเรยี นเคหะทุงํ สองหอ๎ ง วทิ ยา ๒ จึงเป็นสัญญาทาง
ปกครอง (คาํ สัง่ ศาลปกครองสูงสุดท่ี ๓๖๕/๒๕๕๕)
3) สัญญาจ้างพนกั งานให้เข้ามาช่วยเหลอื เจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั (พนักงานราชการ)
กรณีฟูองวํา ผ๎ูฟูองคดีเป็นพนักงานราชการ ตําแหนํงพนักงาน คุ๎มครองสิทธิ
และเสรีภาพ สังกัดกรมคุ๎มครองสิทธิและเสรีภาพ (ผู๎ถูกฟูองคดีที่ ๒) ได๎รับ ความเดือดร๎อนหรือ
เสียหายจากการท่ีผ๎ูถูกฟูองคดีที่ ๒ มีคําส่ังลงโทษไลํผ๎ูฟูองคดีออกจากราชการ พร๎อมทั้งได๎ยกเลิก
สัญญาจา๎ งผฟ๎ู ูองคดี ขอใหศ๎ าลมีคําพพิ ากษาหรอื คําสง่ั ให๎ผถู๎ กู ฟอู งคดที ี่ ๒ ชดใชค๎ ําเสียหายจากการที่
ผ๎ูฟูองคดีต๎องออกจากงานนั้น เม่ือสัญญาจ๎างดังกลําวมีผ๎ูถูกฟูองคดีที่ ๒ ซึ่งเป็นคูํสัญญาฝุายหนึ่ง
เป็นหนํวยงานทางปกครอง และวัตถุแหํงสัญญาคือการให๎ผู๎ฟูองคดีเข๎ารํวม ตําเนินการบริการ
สาธารณะหรอื มสี วํ นรํวมในการตาํ เนินการบรกิ ารสาธารณะกับผ๎ูถูกฟูองคดีท่ี ๒ สัญญาจ๎างด๎งกลําว
จึงมลี กั ษณะเปน็ สญั ญาทางปกครอง เม่ือผู๎ฟูองคดีฟูองวําคําส่ังลงโทษไลํผู๎ฟูองคดี ออกจากราชการ
ไมํชอบด๎วยกฎหมาย อันเป็นเหตุให๎ผู๎ถูกฟูองคดีที่ ๒ ยกเลิกสัญญาจ๎างผ๎ูฟูองคดี กรณีจึงเป็น
ข๎อโตแ๎ ยง๎ เกย่ี วกบั สญั ญาทางปกครอง อันเป็นคดีพิพาทเก่ียวกับสัญญาทางปกครองตามมาตรา ๙ วรรค
หน่ึง (๔) แหงํ พระราชบัญญัติจัดต้ังศาลปกครองฯ (คาํ ส่ังศาลปกครองสงู สุดท่ี ๖๓๙/2558)
สัญญาท่ีมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี (ผ๎ูถูกฟูองคดีที่ ๑) วําจ๎างผู๎ฟูองคดีเป็น
พนักงานมหาวิทยาลัย ตําแหนํงอาจารย์ มีวัตถุประสงค์เพ่ีอให๎ผ๎ูฟูองคดี ทําการสอนหนังสือ อันมี
ลักษณะเป็นสัญญาท่ีให๎ผู๎ฟูองคดีเข๎ารํวมดําเนินการบริการสาธารณะ โดยตรงกับผู๎ถูกฟูองคดีที่ ๑
ทั้งนี้ เพอ่ี ให๎การดาํ เนนิ กจิ การทางปกครอง ซ่ึงก็คือบรกิ ารสาธารณะ ดา๎ นการศึกษาบรรลผุ ล สญั ญา
ดังกลําวจึงเป็นสัญญาทางปกครองตามมาตรา ๓ แหํงพระราชบัญญัติ จัดตั้งศาลปกครองฯ (คําส่ัง
ศาลปกครองสงู สดุ ที่ คบ.๙๖/๒๔๔๘)
สัญญาจ๎างผ๎ูฟูองคดีเป็นลูกจ๎างชั่วคราวในตําแหนํงผู๎ชํวยดําเนินการ ด๎านการเมือง
การฑูต และเศรษฐกิจ ณ สถานกงสุลใหญํ ณ เมืองการาจี ประเทศปากีสถาน เป็นสัญญาให๎ผ๎ูฟูอง
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด เกี่ยวกบั สญั ญำทำงปกครอง |๒๘
คดีปฏิบัติหนา๎ ท่ตี ามนโยบายและแผนงานทส่ี ถานกงสลุ ใหญํกําหนด อันเป็นการมอบหมายให๎ผ๎ูฟูอง
คดีปฏิบัติหน๎าท่ีเก่ียวกับงานราชการของสถานกงสุลใหญํ ดังกลําว ซ่ึงเป็นการบริการสาธารณะ
สัญญาดังกลาํ วจงึ เป็นสัญญาทางปกครอง เมอื่ ผ๎ูฟูองคดี โต๎แย๎งวําไมํได๎รับคําจ๎างตามสัญญา จึงเป็น
คดพี พิ าทเกยี่ วกบั สญั ญาทางปกครองทอ่ี ยใํู นอาํ นาจ พิจารณาพิพากษาหรือมคี าํ สง่ั ของศาลปกครอง
ตามมาตรา ๙ วรรคหน่ึง (๔) แหํงพระราชบัญญัติ จัดต้ังศาลปกครองฯ (คําสั่งศาลปกครองสูงสุด
ท่ี คบ.1๖๙/๒๔๕๘)
กรณีฟูองวํา ผู๎ฟูองคดีเป็นพนักงานจ๎างตามภารกิจ ตําแหนํงพนักงานขับรถยนต์
สงั กดั องค์การบริหารสํวนตําบลบางตาเถร (ผู๎ถูกฟูองคดีที่ ๑) สัญญาจ๎างมีกําหนด ระยะเวลา ๔ ปี
แตํกํอนสัญญาจ๎างจะครบกําหนด นายกองค์การบริหารสํวนตําบลบางตาเถร (ผ๎ูถูกฟูองคดีที่ ๒)
ไมํได๎ประเมินผลการปฏิบัติงานเพี่อพิจารณาประกอบการตํอสัญญาจ๎าง ให๎แกํผ๎ูฟูองคดี แตํได๎มี
ประกาศรับสมัครบุคคลเพี่อสรรหาและเลือกสรรเป็นพนักงานจ๎าง ในตําแหนํงท่ีผู๎ฟูองคดีปฏิบัติ
หน๎าที่อยูํ ผู๎ฟูองคดีเห็นวํา การท่ีผู๎ถูกฟูองคดีท่ี ๒ มิได๎ประเมินผล การปฏิบัติงานเพ่ีอพิจารณา
ประกอบการตํอสัญญาจ๎างให๎แกํผ๎ูฟูองคดี เป็นการผิดสัญญาจ๎าง จึงนําคดีมาฟูองขอให๎ศาลมีคํา
พิพากษาหรือคําสั่งให๎ผู๎ถูกฟูองคดีทั้งสองประเมินผลการปฏิบัติงาน ของผ๎ูฟูองคดี และบรรจุผ๎ูฟูอง
คดีเป็นพนักงานจ๎างตามภารกิจในตําแหนํงพนักงานขับรถยนต์ รวมทั้งให๎ผู๎ถูกฟูองคดีทั้งสองชดใช๎
คําเสียหายให๎แกํผ๎ูฟูองคดี นั้น กรณีจึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับ สัญญาทางปกครองตามมาตรา ๙
วรรคหนึ่ง (๔) แหํงพระราชบญั ญัตจิ ดั ต้ังศาลปกครองฯ มิใชเํ ป็นคดีพิพาทเก่ียวกบั การกระทําละเมดิ
ของหนํวยงานทางปกครองหรือเจ๎าหน๎าท่ีของรัฐ อันเกิดจากการละเลยตํอหน๎าที่ตามท่ีกฎหมาย
กําหนดให๎ต๎องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน๎าที่ดังกลําวลําช๎าเกินสมควรตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓)
แหงํ พระราชบญั ญัตเิ ดยี วกัน (คาํ พิพากษาศาลปกครองสงู สดุ ที่ อ.๓๑0/๒๕๕๘)
กรณีฟูองวาํ ผ๎ฟู ูองคดที ้ังสองเป็นลูกจา๎ งชว่ั คราว ตาํ แหนํงพนักงานสูบนํ้า สังกดั กรม
ชลประทาน ตํอมา กรมชลประทานได๎ถํายโอนภารกิจสถานีสูบน้ําให๎แกํองค์การบริหาร สํวนตําบล
หนองแค พร๎อมกับโอนผ๎ูฟูองคดีท้ังสองมาเป็นลูกจ๎างช่ัวคราว สังกัดองค์การบริหาร สํวนตําบล
หนองแค โดยนายกองค์การบริหารสํวนตําบลหนองแค (ผ๎ูถูกฟูองคดี) ได๎ทําสัญญาจ๎างผู๎ฟูองคดีทั้ง
สองเป็นรายเดือน เมื่อครบสัญญาจ๎างในแตํละเดือน จะต๎องทําสัญญาจ๎างใหมํเดือนตํอไป และ
กาํ หนดคาํ จ๎างเดอื นละ ๙1,๔๕๐ บาท ตํอมา ผถู๎ กู ฟูองคดไี ด๎มหี นังสือแจ๎ง ให๎ผ๎ูฟูองคดีท้ังสองมาทํา
บันทึกตกลงจ๎างแตํได๎เสนอเง่ือนไขลดคําจ๎างลงเหลือเดือนละ ๕,๐0๐ บาท และให๎ทํางานเฉพาะ
ชํวงทํานาปรังเทําน้ัน ผู๎ฟูองคดีทั้งสองไมํตกลง ผ๎ูถูกฟูองคดีจึงไมํตํอสัญญาจ๎าง ให๎แกํผู๎ฟูองคดีท้ัง
สอง ผู๎ฟูองคดีทั้งสองจึงนําคดีมาฟูองขอให๎ศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ัง ให๎ผ๎ูถูกฟูองคดีชดเชย
คําตอบแทนใหแ๎ กผํ ฟ๎ู ูองคดที ้งั สอง กรณีจงึ เปน็ การกลําวอา๎ งวําผู๎ถกู ฟอู งคดี เลิกจ๎างผ๎ูฟูองคดีทั้งสอง
โดยไมํชอบ ทําให๎ผู๎ฟูองคดีทั้งสองได๎รับความเสียหาย คดีนี้จึงเป็น คดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญาทาง
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสงู สุด เกีย่ วกบั สญั ญำทำงปกครอง |๒๙
ปกครองตามมาตรา ๙ วรรคหน่งึ (๔) แหํงพระราชบัญญัติจดั ตง้ั ศาลปกครองฯ (คําส่ังศาลปกครอง
สูงสุดท่ี ๔๑๓/๒๕๕๘)
4) สญั ญาจา้ งผู้อานวยการสานักขา่ ว
เม่ือองค์การกระจายเสียงและแพรํภาพสาธารณะแหํงประเทศไทย(ผ๎ูถูกฟูองคดีท่ี
๒) เปน็ หนวํ ยงานทไ่ี ดร๎ ับมอบหมายใหด๎ าํ เนนิ กิจการบรกิ ารสาธารณะดา๎ นการกระจายเสยี งและแพรํ
ภาพสาธารณะ อันเป็นกิจการทางปกครองและใช๎อํานาจทางปกครองในการดําเนินกิจการตาม
พระราชบัญญัติองค์การกระจายเสียงและแพรํภาพสาธารณะแหํงประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๑ จึงมี
ฐานะเป็นหนํวยงานทางปกครอง สัญญาท่ีผ๎ูถูกฟูองคดีที่ ๒ โดยผู๎อํานวยการองค์การกระจายเสียง
และแพรํภาพสาธารณะแหํงประเทศไทย (ผู๎ถูกฟูองคดีท่ี ๑) วําจ๎างให๎ผู๎ฟูองคดีเข๎าปฏิบัติหน๎าที่ใน
ตําแหนํงผ๎ูอํานวยการสํานักขําวเพ่ือปฏิบัติภารกิจในการดําเนินกิจการบริการสาธารณะด๎านการ
กระจายเสียงและแพรํภาพสาธารณะข๎างต๎น นิติสัมพันธ์ดังกลําวจึงเป็นนิติสัมพันธ์ตามสัญญาอันมี
ลักษณะเป็นสัญญาทางปกครองตามมาตรา ๓ แหํงพระราชบัญญัติจัดต้ังศาลปกครองฯ
(คาํ พิพากษาศาลปกครองสูงสดุ ท่ี อ.๒๕๒/๒๕๖๐)
๕) สญั ญาจา้ งทางานโครงการพฒั นาสถานท่ีท่องเท่ียวของประชาชน
สัญญาทีจ่ ังหวัดกระบี่ (ผ๎ูถูกฟูองคดีที่ ๑) วําจ๎างผู๎ฟูองคดีให๎ทํางานโครงการพัฒนา
แหลงํ แชนํ า้ํ พุรอ๎ นเค็มเพ่ือสุขภาพ อาํ เภอคลองทอํ ม จงั หวัดกระบี่ เป็นสัญญาที่มีคูํสัญญาอยํางน๎อย
ฝุายหนึ่งเป็นหนํวยงานทางปกครองซ่ึงมีอํานาจหน๎าที่ในการจัดทําบริการสาธารณะ และมี
วัตถุประสงค์ของสัญญา คือ การพัฒนาแหลํงแชํนํ้าพุร๎อนเค็มเพ่ือสุขภาพให๎เป็นสถานท่ีทํองเท่ียว
ของประชาชน อนั มีลักษณะเปน็ สัญญาทใ่ี หจ๎ ัดทาํ บรกิ ารสาธารณะสัญญาดังกลําวจึงเป็นสัญญาทาง
ปกครอง (คาํ สั่งศาลปกครองสูงสุดท่ี ๕๙/๒๕๖๒)
1.1.2) สัญญาทใ่ี หจ๎ ดั ให๎มสี ิ่งสาธารณปู โภค แบํงออกเปน็ ๒ ประเภทใหญํๆ คือ
(ก) ทรัพย์สินท่ีประชาชนเข๎าใช๎ประโยชน์ได๎โดยตรง เชํน ถนน สะพาน
สะพานคนเดิน สวนสาธารณะ ทางเดินเท๎าสาธารณะ ทํอระบายฟูาสาธารณะ ทําเทียบเรือ
สาธารณะ ท่พี กั ผูโ๎ ดยสารรถประจาํ ทาง เป็นตน๎
(ข) ทรัพยส์ ินท่ีหนวํ ยงานทางปกครองหรือเจา๎ หนา๎ ที่ของรัฐใช๎เป็นเครอ่ื งมอื
โดยตรงในการจัดทําบริการสาธารณะ เพ่ีอเป็นประโยชน์แกํประชาชนในสิ่งอุปโภคท่ีจําเป็นตํอ
การดํารงชีวิต เชํน เสาไฟฟูา สายไฟฟูา ทํอประปา เขื่อนผลิตกระแสไฟฟูา เข่ือนชลประทาน โรง
กรองน้ํา โรงเรียน โรงพยาบาล โรงกําจัดขยะ สถานีดบั เพลงิ เป็นตน๎
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสงู สุด เกี่ยวกบั สญั ญำทำงปกครอง |๓๐
๑.1.๒.๑) สญั ญาจ้างสรา้ งส่ิงก่อสร้างเพื่อสาธารณูปโภคโดยตรง
1) สัญญาจ้างก่อสร้างถนนและระบบระบายนา้
สัญญากํอสร๎างถนนคอนกรตี เสริมเหลก็ ระหวํางเทศบาลตาํ บลหัวสะพานกับเอกชน
มีลักษณะเป็นสัญญาจัดให๎มีส่ิงสาธารณูปโภค จึงเป็นสัญญาทางปกครอง ตามมาตรา ๓ แหํง
พระราชบญั ญัตจิ ัดตั้งศาลปกครองฯ (คาํ สงั่ ศาลปกครองสงู สดุ ท่ี ๕๒/๒๕๔๙)
สัญญาจ๎างกอํ สรา๎ งถนนหนิ คลกุ สายหว๎ ยหนิ ดาด พร๎อมทอํ ระบายฟาู คอนกรีตเสริม
เหลก็ บรเิ วณเทศบาลหนิ ดาด และสัญญาจ๎างกํอสร๎างถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก ภายในโรงเรียนบ๎าน
หินดาด พร๎อมทํอระบายฟาู คอนกรีตเสรมิ เหล็กบรเิ วณโรงเรยี นบ๎านหินดาด ระหวํางเทศบาลตําบล
หินดาดกับเอกชน มีลักษณะเป็นสัญญาจัดให๎มีส่ิงสาธารณูปโภค จึงเป็นสัญญาทางปกครองตาม
มาตรา ๓ แหํงพระราชบัญญัติจดั ตั้งศาลปกครองฯ (คาํ ส่ังศาลปกครอง สงู สดุ ที่ ๖๕๗/๒๕๔๙)
สญั ญาจ๎างกํอสร๎างถนนลูกรังระหวาํ งจงั หวัดสมุทรปราการ กับเอกชน เปน็ สญั ญาที่
จัดให๎มีส่ิงสาธารณูปโภค จึงเป็นสัญญาทางปกครองตามมาตรา ๓ แหํงพระราชบัญญัติจัดต้ังศาล
ปกครองฯ (คําสง่ั ศาลปกครองสูงสดุ ท่ี ๘๑๒/๒๕๔๙)
สัญญาจ๎างกํอสร๎างโครงการปรับปรุงถนนระหวํางกรุงเทพมหานคร กับเอกชนผ๎ู
รบั จา๎ ง เป็นสัญญาท่มี ีคํูสญั ญาฝาุ ยหน่ึงเปน็ หนวํ ยงานทางปกครอง และมีลกั ษณะเป็นสัญญาจัดให๎มี
ส่งิ สาธารณูปโภค จึงเป็นสญั ญาทางปกครองตามมาตรา ๓ แหํงพระราชบัญญตั ิ จดั ตง้ั ศาลปกครองฯ
(คําส่ังศาลปกครองสงู สุดที่ ๒๘๖/๒๕๕๐)
สัญญาจ๎างกํอสร๎างปรับปรุงถนนและระบบระบายน้ําระหวําง เทศบาลเมือง
มกุ ดาหาร เป็นสัญญาซงึ่ หนํวยงานทางปกครองมอบหมายใหเ๎ อกชนจัดใหม๎ สี ง่ิ สาธารณูปโภค จึงเป็น
สัญญาทางปกครองตามมาตรา ๓ แหงํ พระราชบญั ญตั ิจัดตงั้ ศาลปกครองฯ
สัญญาวําจ๎างให๎ผ๎ูร๎องทั้งหกซึ่งเป็นเอกชนดําเนินการ กํอสร๎างโครงการจัดการนํ้า
เสียสมุทรปราการสัญญาฝ่ังตะวันออกและตะวันตก เป็นสัญญาที่คูํสัญญาฝุายหน่ึงเป็นหนํวยงาน
ทางปกครองและมีลักษณะเป็นสัญญาที่ให๎จัดทําบริการสาธารณะ จึงเป็นสัญญาทางปกครองตาม
มาตรา ๓ แหํงพระราชบัญญัตจิ ัดตงั้ ศาลปกครองฯ (คาํ ส่ังศาลปกครองสงู สุดท่ี 318/๒๕๕๕)
สญั ญาจ๎างกอํ สรา๎ งสถานสี บู นํ้าคลองยายเผ่อื น ตอนคลอง แสนแสบ ระหวํางผ๎ูฟูอง
คดีกับกรุงเทพมหานคร มีกรุงเทพมหานครเป็นนิติบุคคลและ เป็นราชการบริหารสํวนท๎องถิ่นตาม
มาตรา ๖ แหํงพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการ กรุงเทพมหานคร พ.ศ. ๒๕๒๘ ซึ่งมีอํานาจ
หน๎าท่ีในการจัดให๎มีและบํารุงรักษาทางบก ทางน้ํา และทางระบายน้ํา ตามมาตรา ๘๙ (๖) แหํง
พระราชบญั ญตั ิดังกลาํ ว ฝุายหนง่ึ ซ่ึงมฐี านะเป็นหนํวยงานทางปกครองเป็นคูํสัญญา สัญญาดังกลําว
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสงู สุด เกีย่ วกบั สญั ญำทำงปกครอง |๓๑
มีลักษณะเป็นสัญญาจัดให๎มีสิ่งสาธารณูปโภค จึงเป็นสัญญาทางปกครองตามมาตรา ๓ แหํง
พระราชบัญญตั จิ ัดตั้งศาลปกครองฯ (คําส่ัง ศาลปกครองสงู สุดท่ี ๓๗๑/๒๕๕๕)
สัญญาจ๎างบริษัทเอกชนกํอสร๎างระบบระบายน้ําและระบบบําบัดน้ําเสีย เทศบาล
นครพิษณุโลก จังหวดั พิษณุโลก มีลักษณะเป็นสัญญาที่จัดให๎มีส่ิงสาธารณูปโภค อันเป็นสัญญาทาง
ปกครอง ตามมาตรา ๓ แหงํ พระราชบญั ญตั จิ ัดตัง้ ศาลปกครองฯ (คําสัง่ ศาลปกครองสงู สดุ ที่ ๑๘๗/
๒๕๕๗)
สัญญารับจ๎างกํอสร๎างอาคารคณะวิทยาการจัดการ ๑ หลัง ระหวําง ผ๎ูฟูองคดี กับ
มหาวิทยาลยั ราชภฏั เพชรบุรี ซึง่ เปน็ หนํวยงานทางปกครองตามมาตรา ๓ แหงํ พระราชบญั ญตั จิ ัดต้ัง
ศาลปกครองฯ เป็นสัญญาท่ีคูํสัญญาฝุายหนึ่งเป็นหนํวยงาน ทางปกครองได๎วําจ๎างให๎ผ๎ูฟูองคดี
ดาํ เนินการกํอสร๎างอาคารคณะวิทยาการจัดการ ซึ่งเป็นสัญญาท่ีมีวัตถุประสงค์เพ่ีอจัดให๎มีอาคารที่
ทําการและอาคารเรียนของคณะวิทยาการจัดการซึ่งเป็น ทรัพย์สินท่ีหนํวยงานทางปกครองใช๎เป็น
เครอื่ งมือโดยตรงในการจดั ทาํ บริการสาธารณะของมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรีให๎บรรลุผล จึงเป็น
สัญญาที่จัดให๎มีสิ่งสาธารณูปโภคและ เป็นสัญญาทางปกครองตามมาตรา ๓ แหํงพระราชบัญญัติ
ดงั กลําว (คาํ สงั่ ศาลปกครองสูงสุด ที ๑๐๐๗/๒๕๕๗)
สัญญาจ๎างกํอสร๎างกําแพงคอนกรีตเสริมเหล็กปูองกัน การกัดเซาะตล่ิง ลํานํ้าแมํ
นางแล ถนนลาดยางระหวํางบ๎านรํองปลาค๎าว หมูํที่ ๑๔ ถึงบ๎านนางแล หมํูที่ ๗ ดําบลนางแล
อําเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย ระหวํางผู๎ฟูองคดี กับ เทศบาล ตําบลนางแล มีคูํสัญญาฝุาย
หนึ่งเป็นหนํวยงานทางปกครองตามมาตรา ๓ แหงํ พระราชบัญญัติตําบลนางแล มีคูํสัญญาฝุายหน่ึง
เป็นหนํวยงานทางปกครองตามมาตรา ๓ แหํงพระราชบญั ญตั จิ ัดตงั้ ศาลปกครองฯ อันมลี กั ษณะเป็น
สัญญาจัดให๎มีสิ่งสาธารณูปโภคและเป็นสัญญาทางปกครอง ตามมาตรา ๓ แหํงพระราชบัญญัติ
ดงั กลาํ ว (คาํ ส่งั ศาลปกครองสงู สุดที่ ๗๓/๒๕๕'๘)
สัญญาจ๎างกํอสร๎างปรับปรุงคลองนกยาง ณ เขตเมืองพิทยา อําเภอบางละมุง
จังหวัดชลบรุ ี โดยทาํ เขื่อนคอนกรตี สนั ดนิ ทาํ ทางเท๎าคอนกรีต ทําทํอระบายน้ํา และบํอพักพร๎อมฝาปิด
ระหวํางเมืองพัทยากับผ๎ูถูกฟูองคดีท่ี ๑ และผ๎ูถูกฟูองคดีท่ี ๓ เป็นสัญญาที่คํูสัญญาฝายปกครองได๎
วําจ๎างคูํสัญญาฝุายเอกชนให๎ทําการกํอสร๎างถาวรวัตถุเพ่ีอประชาชนท่ัวไปสามารถใช๎ประโยชน์ได๎
โดยตรง และคูํสัญญาฝุายเอกชนจะได๎รับคําตอบแทน เป็นเงินจากคูํสัญญาฝุายปกครอง อันมี
ลักษณะเป็นสัญญาสัดให๎มีสิ่งสาธารณูปโภคและเป็นสัญญา ทางปกครองตามมาตรา ๓ แหํง
พระราชบญั ญตั ิจัดตงั้ ศาลปกครองฯ (ดําสง่ั ศาลปกครองสูงสดุ ท่ี ๑๕๐/2๕๕๘)
สัญญาจ๎างเหมาสร๎างปั้นจ่ันยกต๎ูสินค๎าระหวํางการทําเรือแหํงประเทศไทย (ผ๎ูร๎อง)
กับบริษัทเอกซน (ผู๎คัดค๎าน) อันเป็นการดําเนินกิจการของผู๎ร๎อง จึงเป็นสัญญาท่ีให๎ผ๎ูคัดค๎านจัดหา
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสงู สุด เกี่ยวกบั สญั ญำทำงปกครอง |๓๒
บรกิ ารสาธารณะด๎านการขนสํงสนิ คา๎ อันเป็นสัญญาทางปกครองตามมาตรา ๓ แหงํ พระราชบัญญัติ
จดั ตัง้ ศาลปกครองฯ (คําพพิ ากษา ศาลปกครองสงู สุดท่ี อ.2๕-๒๖/๒๕๕๙)
2) สัญญาจา้ งก่อสรา้ งอาคารสานกั งาน/ทที่ าการของทางราชการ
สัญญาจ๎างกํอสร๎างอาคารสํานักงานสวัสดิการและคุ๎มครองแรงงาน จังหวัดสตูล
ระหวํางกรมสวัสดิการและคุ๎มครองแรงงานสับเอกชนผู๎รับจ๎าง เน่ืองจากอาคารตามสัญญาจ๎างเป็น
ถาวรวตั ถทุ ่ีเป็นองคป์ ระกอบและเคร่ืองมือสําคัญในการบริการสาธารณะ จึงเป็น ส่ิงสาธารณูปโภค
สัญญาจ๎างกํอสรา๎ งอาคารดงั กลําวซง่ึ เป็นสัญญาจดั ให๎มีสงิ่ สาธารณูปโภค จงึ เป็น สญั ญาทางปกครอง
(คาํ ส่งั ศาลปกครองสูงสุดท่ี ๔๔3/2545)
สัญญาจ๎างกํอสร๎างอาคารสํานักงานเขตระหวํางกรุงเทพมหานคร กับเอกชนผ๎ู
รับจา๎ งเพื่อใช๎อาคารตามสญั ญาจ๎างเป็นสถานท่ีสําหรับปฏิบัติการตามอํานาจหน๎าท่ี ด๎านตํางๆ ของ
สํานักงานเขตเพื่อบริการประชาชนซึ่งเป็นการบริการสาธารณะตามมาตรา ๘๙ แหํง
พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. ๒๕๒๘ อาคารด๎งกลําวจึงเป็น
ถาวรวตั ถุ ซ่งึ เป็นองคป์ ระกอบและเครอ่ื งมอื สําคญั ในการบริการสาธารณะ อันเปน็ สง่ิ สาธารณูปโภค
ท่ีประชาชน สามารถเข๎าใช๎ประโยชน์ไค๎โดยตรง และเนื่องจากวัตถุแหํงสัญญา คือ การรับจ๎าง
กํอสรา๎ งอาคารข๎างด๎น จึงถอื ได๎วําเป็นการที่หนํวยงานทางปกครองมอบให๎เอกชนเข๎าดําเนินการจัด
ใหมสํ งิ่ สาธารณปู โภค ขอ๎ พพิ าทเก่ยี วกบั สัญญาดงั กลาํ วจึงเปน็ คดพี พิ าทตามมาตรา ๙ วรรคหน่งึ (๔)
แหงํ พระราชบัญญตั ิ จัดตงั้ ศาลปกครองฯ (คาํ สง่ั ศาลปกครองสูงสุดที่ ๔๙๗/๒๕๔๕)
สัญญาจ๎างเหมากํอสร๎างอาคารท่ีทําการส่ือสารโทรคมนาคม ระหวํางบริษัท กสท
โทรคมนาคม จํากัด (มหาชน) กับเอกชน เป็นสัญญาที่มีหนํวยงานซึ่งได๎รับ มอบหมายให๎ดําเนิน
กิจการทางปกครองเป็นคูํสัญญา และมีลักษณะเป็นสัญญาจัดให๎มีส่ิงสาธารณูปโภค สัญญาจ๎าง
กอํ สรา๎ งอาคารดงั กลาํ วจงึ เปน็ สัญญาทางปกครอง (คําสงั่ ศาลปกครองสงู สุด ท่ี ๒๕/๒5๔๘ ท่ี ๑๙๙/
๒๕๔๘ และที่ ๗๓๘/2๕๔๙)
สัญญาจา๎ งกอํ สรา๎ งอาคารทที่ ําการสถานีตํารวจดับเพลิงและอาคาร ที่พักอาศัยของ
เจ๎าหนา๎ ทมี่ วี ัตถุแหงํ สญั ญาคอื การรบั จา๎ งกอํ สรา๎ งอาคารดังกลําวให๎แล๎วเสร็จตามสัญญา จึงเป็นการ
ทหี่ นํวยงานทางปกครองมอบหมายให๎เอกชนเขา๎ ดําเนินการจัดให๎มี ส่ิงสาธารณูปโภคอันเป็นบริการ
สาธารณะของรัฐ สัญญาดังกลําวจึงเป็นสัญญาทางปกครอง (คําสั่งศาลปกดรองสูงสุดที่ ๑๑๕/
๒๕๔๘)
บริษัท ไปรษณีย์ไทย จํากัด เป็นหนํวยงานท่ีได๎รับมอบหมายให๎ใช๎ อํานาจทาง
ปกครองด๎านกิจการโทรคมนาคมและกิจการไปรษณีย์จึงเป็นหนํวยงานทางปกครอง สัญญาจ๎าง