The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รวบรวมโดย
นายเชิดศักดิ์ หิรัญสิริสมบัติ
อัยการอาวุโส
สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายบริหารจัดการความรู้

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by kmcenter.ago1, 2021-08-02 21:21:21

รวมแนวคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด พ.ศ. 2542-2563 เรื่อง สัญญาทางปกครอง

รวบรวมโดย
นายเชิดศักดิ์ หิรัญสิริสมบัติ
อัยการอาวุโส
สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายบริหารจัดการความรู้

แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสงู สุด เกีย่ วกบั สญั ญำทำงปกครอง |๒๘๓

รายไดจ๎ ากการใหบ๎ รกิ ารวทิ ยุคมนาคมระบบเซลลูลาํ จากผ๎ูใชบ๎ รกิ าร และจํายผลประโยชน์ตอบแทน
ให๎แกํบริษัท กสท โทรคมนาคม จํากัด (มหาชน) ตลอดอายุสัญญาเป็นรายปี มีลักษณะเป็นสัญญา
สมั ปทานซงึ่ เป็นสญั ญาทางปกครอง ตามมาตรา ๓ แหํงพระราชบัญญัติจัดต้ังศาลปกครองฯ (คําสั่ง
ศาลปกครองสูงสดุ ท่ี ๑๐๒/๒๕๕๖)

สัญญาสัมปทานทางหลวงแผํนดินหมายเลข ๓๑ ถนนวิภาวดีรังสิต ตอนดินแดง-
ดอนเมอื ง เป็นสญั ญาทางปกครอง (คาํ พพิ ากษาศาลปกครองสงู สดุ ที่ อ.๑๕๖๓/๒๕๕๙)

3.2. กรณีทศ่ี าลปกครองวนิ จิ ฉยั ว่า เปน็ สญั ญาสมั ปทานตามระเบยี บท่ปี ระชุมใหญ่ๆ

สญั ญาจดั การบรหิ ารทําเทยี บเรอื
สัญญาที่องคก์ ารบริหารสํวนจังหวัดให๎เอกชนเข๎าจัดการบริหารและ ดําเนินกิจการ
ทําเทียบเรือเป็นการช่ัวคราว เป็นสัญญาท่ีให๎เอกชนจัดทําบริการสาธารณะรํวมกับหนํวยงานทาง
ปกครองสวํ นท๎องถน่ิ สญั ญาดังกลาํ วจึงเป็นสัญญาทางปกครอง (คําส่ังศาลปกครอง สูงสุดที่ ๕๕๙/
๒๕๕๕)

3.3. กรณที ศ่ี าลปกครองวนิ จิ ฉยั ว่าเปน็ สัญญาทางปกครองมากกวา่ หนงึ่ ลกั ษณะ
สญั ญาทางปกครองท่ีเปน็ ทงั้ สัญญาสมั ปทานและสญั ญาให๎จดั ทาํ บริการสาธารณะ

สัญญารํวมการงานและรํวมลงทุนขยายบริการโทรศัพท์ในเขตโทรศัพท์ ภูมิภาค
ระหวํางองค์การโทรศัพท์แหํงประเทศไทยกับบริษัทเอกชน เป็นสัญญาท่ีมีคูํสัญญาฝุายหนึ่ง เป็น
รัฐวสิ าหกิจทีจ่ ัดตง้ั โดยพระราชบญั ญตั อิ งคก์ ารโทรศัพท์แหํงประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๗ สญั ญานี้ จงึ มี
คูํสญั ญาอยํางน๎อยฝุายหนงึ่ เปน็ หนวํ ยงานทางปกครองตามมาตรา ๓ แหงํ พระราชบญั ญัตจิ ดั ตัง้ ศาล
ปกครองฯ และยังมีลักษณะเป็นสัญญาสัมปทานและสัญญาที่ให๎จัดทําบริการสาธารณะ จึงเป็น
สญั ญาทางปกครอง (คําส่งั ศาลปกครองสงู สุดท่ี ๒๒๒/๒๕๕๕)

4. สญั ญาสมั ปทานเกีย่ วกับกิจการโทรคมนาคม
4.1. กรณีเกีย่ วกบั การสรรหา กรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช)

การที่คณะกรรมการสรรหา กทช. ไมํได๎กําหนดหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือก
บุคคลที่สมควรได๎รับการเสนอช่ือเป็น กทช. ท่ีแนํนอนชัดเจน แตํใช๎วิธีการกําหนด หลักเกณฑ์ข้ึน
เป็นครั้งคราวแล๎วเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์ใหมํตามความต๎องการของตน แสดงให๎เห็นถึงการไมํ
เคารพหลักเกณฑ์ท่ีตนเองต้ังข้ึน ความบกพรํองดังกลําวทําให๎ กระบวนการคัดเลือกขาดความ

แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด เกี่ยวกบั สญั ญำทำงปกครอง |๒๘๔

นาํ เชือ่ ถอื และอาจนาํ ไปสํูการดาํ เนนิ การทีม่ ีลักษณะของ การเลือกปฏิบัติโดยไมํเป็นธรรม หรือการ
ใช๎ดุลพนิ ิจโดยไมชํ อบ หรอื โดยไมํสจุ รติ

การท่ีกฎหมายกําหนดให๎คําวินิจฉัยของคณะกรรมการใดถือเป็นที่สุดน้ัน ยํอม
หมายถึงความเป็นท่ีสุดหรือเสร็จเด็ดขาดเฉพาะแตํในฝุายบริหาร ดังนั้น คําวินิจฉัย ที่ไมํชอบด๎วย
กฎหมายจึงถกู ตรวจสอบโดยศาลปกครองได๎ (คาํ พพิ ากษาศาลปกครองสูงสดุ ท่ี อ.๑๔/๒๕๕๕)

4.๒. กรณีเก่ียวกับการเปลี่ยนสถานะขององค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย (ทศท.)
ตามพระราชบัญญตั ิทุนรฐั วิสาหกิจ พ.ศ. ๒๕๔๒

การทีอ่ งคก์ ารโทรศัพทแ์ หํงประเทศไทย (ทศท.) ได๎ทําสัญญารํวมการงานและ รํวม
ลงทุนเพื่อขยายบริการโทรศัพท์พื้นฐานในเขตโทรศัพท์ภูมิภาคกับบริษัท ทีทีแอนด์ที จํากัด
(มหาชน) แตํตํอมา ทศท. ได๎เปลี่ยนสถานะ เป็นบริษัท ทศท คอร์ปอเรช่ัน จํากัด (มหาชน) ตาม
หลักการและแนวทางของพระราชบัญญัติทุนรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. ๒๕๔๒ ถือได๎วํา ทศท. เป็นผู๎
ประกอบกจิ การโทรคมนาคมตามกฎหมายเชํนเดยี วกับผู๎ประกอบ กิจการโทรคมนาคมรายอ่ืน และ
มี กทช. เป็นผู๎มีอํานาจหน๎าท่ีตามกฎหมายในการควบคุมและกํากับดูแล ดังน้ัน อํานาจของ ทศท.
ในการกํากับดูแลบริษัท ทีทีแอนด์ที จํากัด (มหาชน) ให๎ปฏิบัติตามสัญญาฯ ในสํวนที่เป็นอํานาจ
หนา๎ ทีข่ อง กทช. จงึ หมดส้นิ ไป โดยผลของกฎหมาย บริษัท ทศท คอร์ปอเรชั่น จํากัด (มหาชน) จึง
ต๎องระงับการใช๎อาํ นาจ กํากบั ดูแลการประกอบกจิ การโทรคมนาคมทีม่ ตี ํอบริษัท ทีทีแอนด์ที จํากัด
(มหาชน) (คําพิพากษาศาลปกครองสูงสดุ ท่ี อ.535/2551)

4.๓. การบรหิ ารสญั ญาสัมปทานเกี่ยวกบั กจิ การโทรคมนาคม

โดยทสี่ ัญญาเข๎ารวํ มและดาํ เนนิ โครงการใหบ๎ รกิ ารสํงวทิ ยโุ ทรทัศนป์ ระเภท บอกรับ
เป็นสมาชิกระบบ IMDS ระหวํางกรมประชาสัมพันธ์กับผ๎ูฟูองคดี มีข๎อกําหนดให๎ ผ๎ูฟูองคดีเป็น
ผู๎รับผิดชอบในการดําเนินการจัดตั้งสถานีวิทยุโทรทัศน์พร๎อมให๎บริการ ด๎วยตนเองและรับผิดชอบ
ตํอผู๎บริโภคในนามของผู๎ฟูองคดีเอง โดยผ๎ูฟูองคดีต๎องจัดหา ทรัพย์สินเพื่อดําเนินการตามสัญญา
และโอนกรรมสิทธ์ิในทรัพย์สินนั้นทั้งหมดให๎แกํ กรมประชาสัมพันธ์ รวมทั้งต๎องแบํงผลประโยชน์
ให๎แกํกรมประชาสัมพันธ์เป็นรายปี จึงเป็นกรณีที่กรมประชาสัมพันธ์ตกลงให๎ผ๎ูฟูองคดีจัดต้ังสถานี
วิทยุโทรทัศน์และใช๎ คลื่นความถี่ท่ีกรมประชาสัมพันธ์ได๎รับจัดสรรจากสํานักงานคณะกรรมการ
กิจการโทรคมนาคมแหํงชาติเพ่ือประกอบกิจการให๎บริการสํงวิทยุโทรทัศน์ประเภทบอกรับ
เป็นสมาชิก โดยกรมประชาสัมพันธ์ไมํได๎ดําเนินการจัดต้ังสถานีวิทยุโทรทัศน์ และใช๎คล่ืนความถี่
นัน้ เอง จึงตอ๎ งถอื วาํ ผ๎ูฟูองคดอี ยูํในฐานะเป็นผู๎ใช๎ความถี่วิทยุ ซึ่งมีหน๎าท่ีต๎องเสียคําตอบแทนในการ
ใช๎ความถี่วิทยุตามท่ีพระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ. ๒๔๙๘ ประกอบกับประกาศกระทรวง
คมนาคม เร่ือง กําหนดให๎ผู๎ใช๎ความถี่วิทยุ ต๎องเสียคําตอบแทนในการใช๎ความถี่วิทยุ ลงวันที่ ๒๙
มกราคม ๒๕๓๙ กาํ หนด

แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสงู สุด เกีย่ วกบั สญั ญำทำงปกครอง |๒๘๕

ส่วนกรณีทเ่ี ลขาธกิ ารคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติมีคาสั่งเรียกให้
ผู้ฟ้องคดีชาระค่าตอบแทนการใช้ความถ่ีวิทยุเพ่ิม ในอัตราร้อยละ ๑ ของค่าตอบแทนการใช้
ความถี่วิทยุท่ีต้องชาระต่อวันน้ัน เป็นการใช้อานาจออกคาส่ังทางปกครอง มิใช่กรณีการเรียก
เบย้ี ปรับหรือค่าปรบั ตามสัญญา ผ้ฟู อ้ งคดใี นฐานะเป็นผู้ใช้ความถ่ีวิทยุจึงต้องผูกพันและมีหน้าที่
ต้องชาระค่าตอบแทนการใช้ความถ่ีวิทยุเพิ่มดังกล่าว ศาลไม่อาจใช้ดุลพินิจพิจารณากาหนด
ใหม่ได้ตามมาตรา ๒๘๓ แหง่ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุด
ท่ี อ. 138/2555)

รฐั ธรรมนูญแหงํ ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ มีเจตนารมณ์ท่ีจะให๎ คล่ืน
ความถ่ที ่ใี ชใ๎ นการสงํ วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และวิทยุโทรคมนาคม เป็นทรัพยากรของชาติ
และการใช๎ทรัพยากรน้ีก็ต๎องเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะ โดยจะกําหนดให๎มีองค์กรท่ีเป็นอิสระ
ทําหน๎าที่ในการจัดสรรตลอดจนถึงการกํากับดูแล การประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุ
โทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม ซึ่งการดําเนินการข๎างต๎นต๎องคํานึงถึงประโยชน์สูงสุดของ
ประชาชนในระดับชาติและระดับ ท๎องถิ่น ท้ังในด๎านการศึกษาวัฒนธรรม ความมั่นคงของรัฐ และ
ประโยชน์สาธารณะอื่น รวมทั้งการแขํงขันโดยเสรีอยํางเป็นธรรม อยํางไรก็ตาม ในการดําเนินการ
ดังกลําวนั้น จะต๎องให๎ความคุ๎มครองถึงการอนุญาตสัมปทาน หรือสัญญาท่ีเก่ียวกับการประกอบ
กิจการ โทรคมนาคมท่ีมีอยํูเดิม โดยกําหนดวํากฎหมายที่จะตราขึ้นมาใหมํจะต๎องไมํ
กระทบกระเทือน ถึงการอนญุ าต สมั ปทาน หรือสัญญาที่มีผลสมบูรณ์อยํูเดิม กํอนท่ีกฎหมายท่ีตรา
ขึ้นใหมํ มีผลใช๎บังคับ ซ่ึงมาตรา ๘๐ และมาตรา ๘๐/๑ แหํงพระราชบัญญัติการประกอบกิจการ
โทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ ก็ได๎บญั ญัติเกี่ยวกบั การค๎ุมครองผูท๎ ี่ได๎รบั อนุญาตสัมปทานหรือสัญญาซ่ึง
สอดคลอ๎ งกับรัฐธรรมนญู ดังกลําว

เม่ือสัญญาระหวํางการสื่อสารแหํงประเทศไทย (กสท.) กับผ๎ูประกอบการที่จัดทํา
ขึ้นกํอนมีการตราพระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคมฯ เป็นสัญญาท่ี กสท. ให๎
ผป๎ู ระกอบการดงั กลาํ วดาํ เนนิ การให๎บรกิ ารวิทยุคมนาคมระบบเซลลลู ํา อันเปน็ การ ดําเนินธรุ กิจอัน
เก่ียวกับกิจการไปรษณีย์และโทรคมนาคมและธุรกิจอื่นที่ตํอเนื่อง ใกล๎เคียงกัน โดยมีลักษณะเป็น
การรํวมการงานหรือสมทบกับบุคคลอื่นเพ่ือประโยชน์ แหํงกิจการของ กสท. อันเป็นอํานาจของ
กสท. ตามมาตรา ๗ ประกอบมาตรา ๑๐ (๑) แหํงพระราชบัญญัติการส่ือสารแหํงประเทศไทย
พ.ศ. ๒๕๑๙ ซึ่งการดําเนินการ ของผู๎ประกอบการเป็นการประกอบกิจการท่ีมีลักษณะท่ีเป็นผ๎ู
ให๎บริการด๎านกิจการ โทรคมนาคมแกํบุคคลอ่ืนท่ัวไป จึงถือเป็นการประกอบกิจการโทรคมนาคม
ตามมาตรา ๔ แหํงพระราชบัญญัตกิ ารประกอบกิจการโทรคมนาคมฯ ดังนน้ั ผป๎ู ระกอบการดงั กลําว
จึงเป็นผูป๎ ระกอบกจิ การโทรคมนาคมที่ไดร๎ ับอนุญาตอยํูแล๎วกํอนวันท่ีพระราชบัญญัติ การประกอบ
กจิ การโทรคมนาคมฯ ใชบ๎ งั คับ สิทธขิ องผปู๎ ระกอบการดังกลําวจึงยังคงมอี ยํู และได๎รับการคุ๎มครอง
ให๎สามารถประกอบกิจการตามท่ีได๎รับจากสัญญาเดิมน้ัน ตํอไปจนกวําสัญญาจะสิ้นสุดลง

แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด เกีย่ วกบั สญั ญำทำงปกครอง |๒๘๖

และถือได๎วําผู๎ประกอบการดังกลําวเป็นผู๎ท่ีมีสิทธิ หน๎าท่ีและความรับผิดชอบเชํนเดียวกับผู๎รับ
ใบอนุญาตตามมาตรา ๔๐ วรรคสอง แหํงพระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคมฯ
ประกอบข๎อ ๔ ของประกาศ กทช. เร่ือง หลักเกณฑ์เพิ่มเติมในการจัดสรรเลขหมายโทรศัพท์
ช่วั คราว (ฉบับที่ ๒) สาํ หรับบรกิ ารโทรศัพทเ์ คลื่อนที่จาก ๙ หลกั เปน็ ๑๐ หลกั ดงั นนั้ บรษิ ทั ทโี อที
จํากัด (มหาชน) ผู๎รับใบอนุญาตที่มีเครือขํายโทรคมนาคม ซ่ึงรับอํานาจหน๎าที่มาจาก ทศท. จึงมี
หน๎าทตี่ อ๎ งยนิ ยอมใหผ๎ ู๎ประกอบการดงั กลําวเชือ่ มตอํ โครงขํายโทรคมนาคมของตน ทั้งนี้ ตามมาตรา
๒๕ วรรคหน่ึงแหํงพระราชบัญญัติประกอบกิจการโทรคมนาคมฯ(คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดท่ี
อ. 864/2559)

5. สญั ญาสัมปทานเกี่ยวกบั กจิ การกระจายเสยี งและกิจการโทรทัศน์

5.1. การดาเนินการสรรหา กสช.

กระบวนการสรรหากรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์แหํงชาติ
(กสช.) เป็นการกระทําทางปกครอง ถ๎ามีกรรมการสรรหา กสช. คนใดมีเหตุแหํงความไมํเป็นกลาง
เชนํ เปน็ ผ๎ูมีสํวนได๎เสียกบั ผส๎ู มัครเปน็ กสช. เป็นตน๎ กรรมการสรรหาที่ ถูกกลําวหาจะต๎องหยุดการ
พิจารณาและให๎คณะกรรมการท่ีเหลือมีมติวํา กรรมการคนนั้นจะมีอํานาจพิจารณาคัดเลือก กสช.
ตํอไปได๎หรือไมํ หากไมํดําเนินการเชํนนั้นแตํกลับพิจารณาคัดเลือก กสช. ตํอไป ยํอมเป็นการไมํ
ปฏบิ ัตติ ามขน้ั ตอนและวิธีการท่ีกฎหมายกําหนดอันมีผลทําให๎การสรรหาที่ได๎กระทําไปไมํชอบด๎วย
กฎหมาย (คาํ พพิ ากษาศาลปกครองสูงสุดท่ี อ. 4/2546)

5.2. ความสัมพันธ์ระหว่างกรรมการสรรหา กสช. และผู้เข้ารับการสรรหา และ
คุณสมบตั ิของบุคคลทสี่ มควรไดร้ ับการเสนอรายชื่อเปน็ กสช.

การทีก่ รรมการสรรหากรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ แหํงชาติ
(กสช.) และผทู๎ ีไ่ ดร๎ บั การเสนอชอื่ เป็น กสช. บางคน พ๎นจากการเป็นกรรมการและ ผู๎ถือหนุ๎ ในบริษัท
ที่ประกอบธุรกิจด๎านกิจการกระจายเสียงและกิจการวิทยุโทรทัศน์เป็นเวลานานพอสมควร
ความสมั พนั ธ์ทางธรุ กจิ ดงั กลําวจงึ ไดห๎ มดส้ินไปแล๎ว กํอนท่ีจะรํวมเป็นคณะกรรมการหรือได๎รับการ
เสนอชือ่ เป็น กสช.

การท่ีสํานักงานปลัดสํานักนายกรัฐมนตรีทราบวําผู๎แทนองค์กรเอกชน ท่ีได๎รับการ
คัดเลือกเป็นกรรมการสรรหา กสช. พ๎นสภาพความเป็นผ๎ูแทนขององค์กรนั้นแล๎ว แตํไมํได๎จัดให๎มี
การคัดเลือกกรรมการสรรหา กสช. ในกลุํมผู๎แทนองค์กรเอกชน แทนบุคคลดังกลําว ยํอมทําให๎
คณะกรรมการสรรหา กสช. ไมคํ รบองค์ประกอบตามกฎหมาย

แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสงู สุด เกีย่ วกบั สญั ญำทำงปกครอง |๒๘๗

บุคคลท่ีสมควรได๎รับการเสนอรายช่ือเป็น กสช. จะต๎องพิจารณาจากบุคคล ที่มี
ความรค๎ู วามเขา๎ ใจ ความเชี่ยวชาญ หรอื ประสบการณท์ างดา๎ นตาํ ง ๆ เป็นทต่ี ้งั และเสรมิ ดว๎ ยการที่มี
ความร๎ูความเข๎าใจ ความเช่ียวชาญ หรือประสบการณ์ด๎านตําง ๆ อันเป็นประโยชน์ตํอกิจการ
กระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ การที่คณะกรรมการสรรหา กสช. คัดเลือกบุคคลที่สมควรได๎รับ
การเสนอรายชอื่ เปน็ กสช. จากผูท๎ ี่มีคณุ สมบตั ิไมตํ รง กบั ทกี่ ฎหมายบัญญัติไว๎จึงเปน็ การกระทําท่ีไมํ
ถกู ตอ๎ ง

กรณีเกย่ี วกบั การสรรหากรรมการกจิ การกระจายเสยี ง กจิ การโทรทศั น์ และกจิ การ
โทรคมนาคมแหํงชาติ

ระยะเวลาการดําเนินการคัดเลือกกรรมการกิจการโทรคมนาคมตามท่ีมาตรา ๑๖
แหํงพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถ่ีและกํากับกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์
และกจิ การโทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๔๓ กาํ หนดใหด๎ าํ เนินการภายในสามสิบวัน นับแตํวันท่ีกรรมการ
กจิ การโทรคมนาคมแหํงชาตพิ ๎นจากตําแหนงํ เป็นเพียงระยะเวลา ท่ีกฎหมายกําหนดเพื่อเรํงรัดการ
ปฏิบัติงานให๎หนํวยงานทางปกครองหรือเจ๎าหน๎าที่ของรัฐ ต๎องเร่ิมดําเนินการตามกฎหมายภายใน
สามสิบวันนับแตํวันที่กรรมการกิจการโทรคมนาคม แหํงชาติพ๎นจากตําแหนํง มิใชํระยะเวลาท่ี
กฎหมายกําหนดใหต๎ ๎องกระทําการใหเ๎ สร็จสิ้น ภายในระยะเวลาดงั กลําว ดังน้ัน เมื่อหนํวยธุรการใน
การดําเนินการสรรหาและคัดเลือก กรรมการกิจการโทรคมนาคมแหํงชาติได๎ดําเนินการจัดให๎มี
คณะกรรมการสรรหา คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแหํงชาติภายในสามสิบวันนับแตํวันท่ี
กรรมการกิจการ โทรคมนาคมแหํงชาติพ๎นจากตําแหนํงโดยการลาออก และกรรมการสรรหาฯ ได๎
ดําเนิน กระบวนการคัดเลือกผ๎ูที่สมควรได๎รับการเสนอรายชื่อเป็นกรรมการกิจการโทรคมนาคม
แหํงชาติตามขั้นตอนที่กฎหมายกําหนดมาอยํางตํอเน่ือง จนกระท่ังได๎รายชื่อบุคคล ที่สมควรได๎รับ
การเสนอรายชอื่ เป็นกรรมการกจิ การโทรคมนาคมแหงํ ชาตเิ ป็นจํานวน สองเทาํ ของจาํ นวนกรรมการ
ท่ีจะได๎รับแตํงต้งั และไดน๎ ํารายชอื่ ดงั กลาํ วเสนอตํอ ประธานวฒุ ิสภาเพ่ือมีมติเลือกผู๎ได๎รับการเสนอ
รายชื่อเป็นกรรมการกิจการโทรคมนาคม แหํงชาติ แม๎คณะกรรมการสรรหาฯ จะใช๎เวลาในการ
คัดเลือกเกินกวําสามสิบวันก็หามีผล ทําให๎การสรรหาและคัดเลือกกรรมการกิจการโทรคมนาคม
แหํงชาติตามคดีน้ีเป็นการดําเนินการที่ไมํชอบด๎วยกฎหมายแตํอยํางใด (คําพิพากษาศาลปกครอง
สูงสดุ ท่ี อ.417/2559)

5.3. อานาจหนา้ ที่ กสช.ในการกากับกิจการกระจายเสียงและกจิ การโทรทัศน์

1. กรณีเกี่ยวกบั การแก้ไขเปล่ียนแปลงสัญญาเข้าร่วมงานและดาเนินการสถานี
วิทยุ โทรทศั นร์ ะบบยเู อช เอฟโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

การจดั ทาํ สญั ญาใหเ๎ อกชนเขา๎ มามีสํวนรํวมในการจดั ทาํ บรกิ ารสาธารณะ ในกิจการ
ท่ีมีวงเงนิ หรือทรพั ยส์ ินตง้ั แตหํ นึ่งพันล๎านบาทข้ึนไป รวมทัง้ การแก๎ไขเพ่ิมเติมสํวนท่ีเป็นสาระสําคัญ
ของสญั ญาดงั กลาํ ว หนวํ ยงานทางปกครองเจา๎ ของโครงการ ต๎องดําเนินการตามข้ันตอนที่กฎหมาย

แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด เกีย่ วกบั สญั ญำทำงปกครอง |๒๘๘

กําหนดไวเ๎ พ่ือใหค๎ ณะรฐั มนตรีซงึ่ เป็นองค์กรสูงสุดของฝาุ ยบริหารให๎ความเห็นชอบกํอนมีการลงนาม
ในสญั ญาตามมาตรา ๒๑๑๙ แหงํ พระราชบัญญตั ิวําด๎วยการใหเ๎ อกชนเข๎ารวํ มงานหรือดาํ เนนิ การใน
กิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๓๕ ไมํเชํนนั้นข๎อสัญญาดังกลําวยํอมไมํมีผลผูกพันรัฐตามกฎหมาย
(คําพิพากษาศาลปกครอง สงู สดุ ที่ อ.๓๔๔/๒๕๕๙)

คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม
แหํงชาติ หรือ กสทช. มีอํานาจท่ีจะออกประกาศกําหนดมาตรการเพื่อกํากับดูแลการประกอบ
กจิ การ โทรทศั น์เพื่อให๎ผูใ๎ ชบ๎ รกิ ารได๎รับความเป็นธรรม และสํงเสริมค๎ุมครองสิทธิของคนพิการและ
คนด๎อยโอกาสให๎เข๎าถึงหรือรับรู๎และใช๎ประโยชน์จากรายการของกิจการกระจายเสียงและ กิจการ
โทรทัศนไ์ ด๎ ทงั้ นี้ ตามมาตรา ๒๗ วรรคหนง่ึ (๖) และ (๒๔) แหํงพระราชบัญญัติ องค์กรจดั สรรคล่ืน
ความถ่ีและกํากบั การประกอบกิจการวทิ ยกุ ระจายเสยี ง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.
๒๕๕๓ ประกอบกับมาตรา ๓๖ แหํงพระราชบัญญัติ การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการ
โทรทัศน์ พ.ศ. ๒๕๕๑ ประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการ
โทรคมนาคมแหํงชาติ เร่ือง หลักเกณฑ์รายการโทรทัศน์สําคัญท่ีให๎เผยแพรํได๎เฉพาะ ในบริการ
โทรทศั นท์ ่เี ป็นการท่วั ไป พ.ศ. ๒๕๕๕ แมจ๎ ะมกี รณีทเ่ี ป็นการจํากัดสิทธิของ ผ๎ูฟูองคดีซ่ึงเป็นผ๎ูได๎รับ
ใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ที่ไมํใช๎คลื่นความถี่ โดยมีผลทําให๎ผู๎ฟูองคดีไมํอาจเผยแพรํ
รายการแขํงขันฟุตบอลโลกรอบสุดท๎าย ทางโทรทัศน์ท่ีไมํใช๎คล่ืนความถ่ีได๎ก็ตาม แตํก็เป็นการ
กระทําโดยอาศัยอํานาจ ตามบทบัญญัติของกฎหมาย ประกอบกับการออกประกาศดังกลําวมี
เจตนารมณ์ เพื่อค๎ุมครองประโยชน์สาธารณะ และมิได๎มีลักษณะเป็นการดําเนินการเกินไปกวํา
ความจําเป็นและไมํกระทบกระเทือนสาระสําคัญแหํงสิทธิของผ๎ูฟูองคดี กรณีจึงไมํอาจ รับฟังได๎วํา
ประกาศทพ่ี ิพาทขัดตํอบทบญั ญตั ิของรัฐธรรมนูญ

อยํางไรก็ตาม การออกกฎหรือคําสั่งทางปกครองนั้น เหตุแหํงความไมํชอบ ด๎วย
กฎหมายยอํ มหมายความรวมถงึ การใช๎ดลุ พินจิ โดยมชิ อบดว๎ ย เมอ่ื ข๎อเทจ็ จริงฟังได๎วํา ขณะพิจารณา
ออกประกาศคณะกรรมการกจิ การกระจายเสยี ง กิจการโทรทัศน์ และ กิจการโทรคมนาคมแหํงชาติ
เร่ือง หลักเกณฑ์รายการโทรทัศน์สําคัญที่ให๎เผยแพรํได๎ เฉพาะในบริการโทรทัศน์ท่ีเป็นการทั่วไป
พ.ศ. ๒๕๕๕ ความปรากฏตํอ กสทช. แล๎ววํา ผู๎ฟูองคดีได๎ลิขสิทธิ์การถํายทอดรายการแขํงขัน
ฟุตบอลโลกรอบสุดท๎ายในปี ค.ศ. ๒๐๑๔ กสทช. จึงสมควรต๎องใช๎ดุลพินิจในการออกประกาศ
ดังกลาํ วให๎สอดคล๎องกับ ความเป็นจริงและผลกระทบตํอผ๎ูฟูองคดีผู๎ทรงสิทธิในรายการดังกลําวอยูํ
ในเวลานนั้ กอํ นทีจ่ ะออกประกาศที่พพิ าท การท่ีไมํมีการพิจารณากรณีดังกลําวกํอนออกประกาศฯ
และไดม๎ ีการนาํ ข๎อกําหนดตามข๎อ ๓ ประกอบกับรายการลําดับที่ ๒ ของภาคผนวก ตามประกาศฯ
ที่กําหนดให๎การแขํงขันฟุตบอลโลกรอบสุดท๎าย (FIFA World Cup Final) เป็นรายการโทรทัศน์ท่ี
สามารถให๎บริการแกํประชาชนได๎ภายใต๎การให๎บริการโทรทัศน์ท่ีเป็นการทั่วไปเทํานั้น มาใช๎บังคับ
กับผู๎ฟูองคดีซ่ึงได๎รับสิทธิในการแพรํภาพและเสียง การแขํงขันฟุตบอลโลกรอบสุดท๎ายปี ค.ศ.
๒๐๑๔ อยูํแล๎วในขณะที่ออกประกาศดังกลําว จึงไมํเป็นธรรมกับผู๎ฟูองคดีและเป็นการกระทําที่ไมํ
ชอบดว๎ ยกฎหมาย กรณียํอมไมํควร นําประกาศฯ มาใช๎กับผู๎ฟูองคดีในคดีน้ีได๎ แตํประกาศดังกลําว

แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด เกีย่ วกบั สญั ญำทำงปกครอง |๒๘๙

ยังคงมีผลใช๎บังคับ เป็นการท่ัวไปกับกรณีอื่นอันเป็นการคุ๎มครองประโยชน์สาธารณะอยํูเชํนเดิม
(คําพิพากษาศาลปกครองสงู สดุ ที่ อ.๒๑๕/๒๕๕๗)

ตามมาตรา ๔๕ วรรคหนึ่ง ของรัฐธรรมนูญแหํงราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช
๒๕๕๐ ซึ่งบัญญัติวํา “บุคคล” ยํอมมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น... คําวํา “บุคคล” นั้น
หมายความถึงบคุ คลโดยท่ัวไป ไมํเฉพาะแตํสอ่ื มวลชน ดงั นัน้ นิติบุคคล ประเภทบริษัทจํากัดซ่ึงเป็น
คูํสัญญาเชําเวลาจัดรายการโฆษณาสินค๎าและบริการธุรกิจ ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ กับกรม
ประชาสัมพันธ์ ซึ่งเป็นบุคคลโดยทั่วไป จึงมีเสรีภาพ ในการแสดงความคิดเห็นผํานทางรายการท่ี
ออกอากาศทางสถานีของกรมประชาสัมพันธ์ โดยได๎รับความค๎ุมครองตามบทบัญญัติแหํง
รัฐธรรมนูญ ท้ังน้ี การจํากัดเสรีภาพ ในการแสดงความคิดเห็นผํานรายการดังกลําวจะกระทํามิได๎
เวน๎ แตมํ กี ฎหมายใหอ๎ าํ นาจไวเ๎ ป็นการเฉพาะ เพ่ือรกั ษาความมน่ั คงของรฐั หรือกรณีอื่นตามที่บัญญัติ
ไว๎ ในมาตรา ๔๕ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแหํงราชอาณาจกั รไทยฯ

ดังนั้น เมื่อพระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์
พ.ศ. ๒๕๕๑ กําหนดห๎ามมิให๎ผู๎ประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ออกอากาศ
รายการท่ีมีเนื้อหาสาระที่กํอให๎เกิดการล๎มล๎างการปกครองในระบอบ ประชาธิปไตยอันมี
พระมหากษัตรยิ ท์ รงเปน็ ประมุข หรือท่ีมีผลกระทบตํอความม่ันคง ของรัฐ ความสงบเรียบร๎อยหรือ
ศลี ธรรมอนั ดีของประชาชน หรอื มกี ารกระทาํ ซึ่งเข๎าลกั ษณะลามกอนาจาร หรือมผี ลกระทบตํอการ
กํอใหเ๎ กิดความเสื่อมทราม ทางจิตใจหรือสุขภาพของประชาชนอยํางร๎ายแรง หากฝุาฝืนมีโทษปรับ
ทางปกครอง ซึ่งบทบัญญตั แิ หงํ กฎหมายดงั กลําวออกโดยชอบดว๎ ยรฐั ธรรมนญู และยงั ไมมํ คี าํ วินิจฉยั
ของศาลรัฐธรรมนูญท่ีวินิจฉัยวําบทบัญญัติดังกลําวขัดหรือแย๎งตํอรัฐธรรมนูญ แหํงราชอาณาจักร
ไทย การจํากัดสิทธิเสรีภาพตามพระราชบัญญัติดังกลําวจึงมีผลบังคับได๎ ตามกฎหมาย กรม
ประชาสัมพันธ์ซึ่งเป็นผู๎รับใบอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์จึงต๎องถูก
จํากัดสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นตามที่มาตรา ๔๕ ของรัฐธรรมนูญแหํงราชอาณาจักร
ไทยฯ กาํ หนดไวด๎ ๎วย รวมถงึ ผูจ๎ ดั รายการท่ีออกอากาศ ในนามของกรมประชาสัมพนั ธ์ก็ต๎องถูกจํากดั
สิทธเิ สรภี าพในการแสดงความคิดเห็น ด๎วยเชํนเดียวกนั

เมื่อกรมประชาสัมพันธ์ต๎องถูกจํากัดสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ตาม
รฐั ธรรมนญู แหงํ ราชอาณาจักรไทยฯ ด๎วย กรมประชาสัมพันธ์จึงยํอมมีสิทธิ ตรวจสอบรายการที่จะ
ออกอากาศทางสถานีวทิ ยโุ ทรทัศน์ของกรมประชาสัมพันธ์ เพื่อมิให๎มีการฝุาฝืนพระราชบัญญัติการ
ประกอบกจิ การกระจายเสยี งและกจิ การ โทรทศั นฯ์ ได๎ ดงั นน้ั การท่กี รมประชาสมั พันธ์มคี าํ ส่ังใหผ๎ ๎ู
เชําเวลาจัดรายการทางสถานีวิทยุโทรทัศน์กรมประชาสัมพันธ์ระงับการออกอากาศรายการของผ๎ู
เชํา เน่ืองจากเห็นวําเนื้อหารายการมีผลกระทบตํอความมั่นคงของรัฐ ขัดตํอความสงบ เรียบร๎อย
หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน จึงสามารถกระทําได๎โดยชอบด๎วยกฎหมาย และโดยชอ บตาม
สญั ญา กรมประชาสัมพันธ์ไมํจําต๎องชําระคําเสียหายจากการใช๎สิทธิ ระงับการออกอากาศรายการ
ของผ๎เู ชําแตอํ ยํางใด (คําพพิ ากษาศาลปกครองสงู สดุ ท่ี อ.538/2558)

คลื่นความถเ่ี ปน็ ทรัพยากรส่ือสารของชาติ การกําหนดคล่ืนความถี่และ หลักเกณฑ์
การใช๎คล่ืนความถี่สําหรับกิจการวิทยุสมัครเลํนจึงต๎องเกิดประโยชน์สูงสุด สําหรับพนักงานวิทยุ

แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสงู สุด เกี่ยวกบั สญั ญำทำงปกครอง |๒๙๐

สมัครเลํนทุกคน และเพื่อให๎เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกิจการ วิทยุสมัครเลํนในการเสริมสร๎าง
ประโยชน์ตํอสังคมและความปลอดภัยของประเทศชาติ ใช๎เป็นขํายสื่อสารสาธารณะสํารองในยาม
ฉุกเฉินหรือเกิดภัยพิบัติ การใช๎คลื่นความถ่ี ของพนักงานวิทยุสมัครเลํนทุกคนจึงมีสิทธิใช๎คล่ืน
ความถีต่ ามท่ีกฎหมายกาํ หนด อยาํ งเทําเทยี มกัน ไมอํ าจกีดกนั พนักงานวิทยุสมัครเลํนให๎เข๎าใช๎คล่ืน
ความถี่ในชอํ งใด ชอํ งหนึง่ ท่สี งวนไวส๎ ําหรับพนักงานวทิ ยุสมคั รเลํนเฉพาะกลมํุ บุคคลได๎

เม่ือข๎อเท็จจริงปรากฏวํา ภายหลังจากท่ีเจ๎าหน๎าท่ีผู๎มีอํานาจหน๎าท่ีในการควบคุม
กํากับดูแลการใช๎ชํองสัญญาณและความถ่ีของพนักงานวิทยุสมัครเลํนได๎รับ เร่ืองร๎องเรียนวํา มี
พนักงานวิทยุสมัครเลํนแยํงใช๎ชํองสัญญาณในการติดตํอสื่อสาร หรือใช๎ชํองสัญญาณในลักษณะ
ยึดถอื ครอบครองเฉพาะกลมํุ เจา๎ หนา๎ ท่จี งึ ได๎ดาํ เนนิ การ ตรวจสอบ แมจ๎ ะไมไํ ดค๎ วามวํามีการกระทํา
ผดิ ในข๎อหาที่มีการร๎องเรียน แตํก็ได๎มี การตักเตือนพนักงานวิทยุสมัครเลํนรายที่ถูกร๎องเรียน กรณี
ถือได๎วํา เจ๎าหน๎าท่ี ใช๎อํานาจและปฏิบัติหน๎าที่ในการควบคุมกํากับดูแลการใช๎ชํองสัญญาณและ
ความถ่ี ของพนักงานวทิ ยุสมคั รเลํนแล๎ว(คําพพิ ากษาศาลปกครองสงู สดุ ที่ อ.246/2557)

6. สัญญาสัมปทานเกยี่ วกับการทาไม้

6.๑) สัญญาสมั ปทานทาไม้ ปา่ ชายเลน

การที่หนํวยงานทางปกครองผ๎ูให๎สัมปทานตามสัญญาสัมปทานทําไม๎ปุาชายเลน
มีคําส่ังให๎ผู๎รับสัมปทานระงับการทําไม๎ รวมทั้งไมํสํงมอบพื้นท่ีปุาให๎ผ๎ูรับสัมปทานเข๎าทําไม๎ตาม
สัญญาสัมปทานดังกลําว โดยไมํมีเหตุผลท่ีจะอ๎างได๎ตามข๎อสัญญาหรือตามกฎหมาย หนํวยงาน
ทางปกครองซ่งึ เป็นคสูํ ัญญาสมั ปทานจงึ ต๎องชดใช๎คาํ เสยี หายตาํ ง ๆ ท่เี กย่ี วข๎องกับการดําเนินการทํา
ไมต๎ ามสญั ญาสมั ปทานใหแ๎ กผํ ร๎ู ับสัมปทาน

สํวนเงินชดเชยความเสียหายจากการท่ี ผ๎ูฟูองคดีต๎องขาดผลประโยชน์อันพ่ึงได๎
ทเ่ี ป็นผลกําไรในปีสมั ปทานทเ่ี หลอื อยูตํ ามสญั ญานนั้ มาตรา ๖๔ สัตต (๓) แหงํ พระราชบญั ญตั ปิ ุาไม๎
พุทธศักราช ๒๔๕๔ ซึ่งแก๎ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชกําหนดแก๎ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติปุาไม๎
พุทธศักราช ๒๔๘๔ พ.ศ. ๒๕๓๒ กําหนด ห๎ามมิให๎มีการจํายเงินชดเชยเพื่อผลกําไรหรือ
ผลประโยชนใ์ ดๆ ท่ผี ูร๎ บั สมั ปทานคาดวําจะได๎รับ จากการทาํ กิจการท่ีได๎รับสัมปทาน ผ๎ูฟูองคดีจึงไมํ
มีสิทธิได๎รับเงินชดเชยในสํวนนี้ สําหรับคําขอ ให๎เพิกถอนคําส่ังของผ๎ูถูกฟูองคดีท่ีให๎ผ๎ูฟูองคดีชําระ
คําธรรมเนียมตํางๆ ท่ีเกิดข้ึนภายหลังการ ผิดสัญญาสัมปทานนั้น คําส่ังดังกลําวเป็นเพียงหนังสือ
บอกกลําวทวงถามใหช๎ าํ ระหน้ี หากผฟ๎ู อู งคดี ไมชํ ําระหน้ีคงมีผลทําให๎ผ๎ูฟูองคดีตกเป็นผ๎ูผิดนัดชําระ
หน้ีเทาํ นัน้ ไมใํ ชคํ ําส่งั ท่ีมผี ลบังคบั ตอํ ผ๎ฟู ูองคดี จึงยังไมํถอื วําคําสัง่ ดงั กลาํ วทาํ ให๎ผฟ๎ู อู งคดีได๎รับความ
เดือดร๎อนหรือเสียหาย พิพากษาให๎ ผ๎ูถูกฟูองคดีชดใช๎คําเสียหายตํางๆ จากการมีคําสั่งให๎ผู๎ฟูองคดี
ระงับการทําไม๎ตามสัญญา สัมปทานทําไม๎ปุาชายเลน (คําพิพากษาศาลปกครอ งสูงสุด
ที่ อ.๓๗๔/๒๕๕๙ ท่ี อ.๔๕/๒๕๔๙ และที่ อ.๓๒๔/๒๕๕๕)

แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสงู สุด เกีย่ วกบั สญั ญำทำงปกครอง |๒๙๑

6.๒) ผรู้ บั สมั ปทานชาระหน้เี น่อื งจากไมด่ าเนนิ การปลูกป่าทดแทนตามสญั ญา

การท่ีหนํวยงานทางปกครองผ๎ูให๎สัมปทานตามสัญญาสัมปทานทําไม๎ ปุาชายเลน
เรยี กให๎ผ๎ูรบั สมั ปทานชาํ ระหน้เี นอ่ื งจากไมํดําเนนิ การปลูกปุาทดแทน ตามสัญญา นั้นเม่ือปรากฏวํา
ผูร๎ ับสมั ปทานได๎มอบอาํ นาจใหเ๎ อกชนเข๎าไปดาํ เนนิ การปลูก และบํารุงปุาตามสัญญาแทนแล๎ว ยํอม
ถือวําเป็นการปฏิบัติตามข๎อกําหนดในสัญญา สัมปทาน อีกท้ัง เม่ือข๎อเท็จจริงจากคําช้ีแจงของ
เจ๎าหน๎าที่บริหารงานปุาไม๎ในสังกัดของกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล๎อม (ผ๎ูฟูองคดีท่ี
๒) ซึ่งเคยปฏิบัติหน๎าที่หัวหน๎าหนํวยจัดการ ปุาชายเลน อันเป็นผู๎แทนของผ๎ูฟูองคดีที่ ๑ ในการ
ควบคุมดูแลการทําไมป๎ าุ ชายเลนตามเงื่อนไข ของสัญญาสัมปทานปรากฏวาํ ผถ๎ู กู ฟูองคดดี าํ เนนิ การ
ปลูกและบํารุงปุาตามข๎อ ๑๑ (๑) และ (๒) ของสัญญาสัมปทาน ตั้งแตํแปลงท่ี ๑ ถึงแปลงที่ ๑๑
เรียบร๎อยแล๎ว โดยในแปลงท่ี ๑๑ นั้น ผ๎ูถูกฟูองคดีได๎มอบอํานาจให๎เจ๎าหน๎าที่บริหารงานปุาไม๎ใน
สังกัดของผ๎ูฟูองคดีท่ี ๒ ดําเนินการ ปลูกและบํารุงปุาตามธรรมชาติแทนผ๎ูถูกฟูองคดีปรากฏ
หลกั ฐานตามหนงั สือมอบอํานาจ ดังนั้น เม่อื ไมปํ รากฏพยานหลักฐานอ่ืนใดแสดงให๎เห็นวําผู๎ถูกฟูอง
คดีไมํได๎ดําเนินการปลูกและบํารุงปุา ภายในเขตปุาสัมปทาน แปลงท่ี ๑๑ ตามเง่ือนไขของสัญญา
สัมปทาน กรณีจึงรับฟังไมํได๎วํา ผ๎ูถูกฟูองคดีกระทําผิดข๎อกําหนดของสัญญาสัมปทานทําไม๎ปุาชายเลน
พิพากษายกฟูอง (คาํ พพิ ากษาศาลปกครองสูงสดุ ที่ อ.๓๑๒/๒๕๕๐)

7. ระยะเวลาการฟ้องคดเี ก่ยี วกับสญั ญาสัมปทาน

7.1. การนบั ระยะเวลาการฟ้องคดพี ิพาทเกี่ยวกบั สญั ญาสัมปทาน

เมอื่ ตามข๎อ ๑๐ วรรคสอง ของสมั ปทานทําไมป๎ าุ ชายเลนกําหนดให๎ ผ๎ูถูกฟูองคดีซ่ึง
เปน็ ผร๎ู บั สมั ปทานตอ๎ งชาํ ระเงินคาํ เปิดปาุ ตาํ งหากจากเงนิ คาํ ภาคหลวง โดยใหช๎ าํ ระร๎อยละยี่สบิ หา๎ ใน
วันท่ีรับสัมปทาน จํานวนเงินที่เหลือให๎เฉลี่ยชําระเป็นรายปีตามระยะเวลา ของสัมปทาน และในปีแรก
ให๎ชําระภายในสามสิบวันนับแตํวันที่ได๎รับสัมปทาน สํวนในปีตํอไป ให๎ชําระเป็นรายปีภายในเดือน
แรกของรอบปีสมั ปทานทุกปี ณ สํานกั งานปาุ ไม๎จังหวัดทีส่ ัมปทาน ต้ังอยํู

ดงั นัน้ เม่ือวนั ที่ ๑๐ มนี าคม ๒๕๓๑ เปน็ วันสัมปทาน เดือนแรกของรอบปีสัมปทาน
จึงเป็นวันที่ ๑๐ มีนาคม ถึง ๙ เมษายน ของปีถัดไปทุกปี การท่ีสัมปทานได๎กําหนดให๎ชําระ คําเปิด
ปาุ โดยใหช๎ ําระสวํ นทเี่ หลอื เปน็ รายปี จึงถือวําไดก๎ าํ หนดเวลาชําระหน้ีไว๎แนํนอน เมื่อสัญญาสัมปทาน
พิพาทมีกําหนด ๑๕ ปี โดยมีระยะเวลาตั้งแตํวันท่ี ๑๐ มีนาคม ๒๕๓๑ ถึงวันที่ ๙ มีนาคม ๒๕๕๖
โดยผู๎ถูกฟูองคดีค๎างชําระคําเปิดปุาในรอบปีท่ี ๑๓ ถึงปีท่ี ๑๔ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ
สิง่ แวดลอ๎ ม (กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เดิม) ซ่ึงเป็น ผู๎ให๎สัมปทานยํอมมีสิทธิเรียกร๎องและบังคับ
ให๎ผถู๎ ูกฟอู งคดีชําระหนี้ได๎นับถัดจากวันครบกําหนด เวลาดังกลําวในแตํละรอบปีสัมปทานโดยมิต๎อง
ทวงถาม เม่ือหน้ีคําเปิดปุาในรอบปีสัมปทาน ท่ี ๑๓ ถึงกําหนดชําระในวันท่ี ๙ เมษายน ๒๕๔๓ ซึ่ง
เกิดข้ึนกํอนศาลปกครองเปิดทําการ ผู๎ฟูองคดีจึงชอบที่จะใช๎สิทธิย่ืนฟูองคดีตํอศาลยุติธรรม ซ่ึงเป็น
ศาลที่มีอํานาจพิจารณาพิพากษา อยูํในขณะน้ันภายในอายุความตามประมวลกฎหมายแพํงและ

แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสงู สุด เกีย่ วกบั สญั ญำทำงปกครอง |๒๙๒

พาณิชย์ แตํเม่ือศาลปกครอง เปิดทําการและอายุความฟูองคดีตํอศาลยุติธรรมยังไมํครบกําหนด
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาตฯิ จึงต๎องย่นื ฟูองคดีตอํ ศาลปกครองภายในหนงึ่ ปตี ง้ั แตวํ นั ทศ่ี าลเปดิ ทาํ
การ คือ ภายในวันท่ี 4 มนี าคม ๒๕๕๔ เม่ือกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล๎อมนําคดีมา
ฟูองตํอศาลปกครอง ในวันท่ี ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ จึงเป็นการยื่นฟูองเม่ือพ๎นกําหนดระยะเวลาการ
ฟอู งคดแี ล๎ว สาํ หรับเหตผุ ดิ นดั ชําระหนีค้ าํ เปิดปาุ ในรอบปีสัมปทานท่ี ๑๔ และปีที่ ๑๕ ซ่ึงหน้ีสํวนนี้
จะต๎อง ชําระในเดือนแรกของรอบปีสัมปทานท่ี ๑๔ และปีที่ ๑๕ คือ ภายในวันท่ี 6 เมษายน
๒๕๕๔ และวันที่ 6 เมษายน ๒๕๕๕ ตามลําดบั การทกี่ ระทรวงทรพั ยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล๎อม
ย่นื ฟอู งคดนี เี้ มื่อวนั ที่ ๓๑ ตลุ าคม ๒๕๕๖ จึงเป็นการย่ืนฟอู งเมือ่ พน๎ กําหนดระยะเวลาหน่ึงปี นับแตํ
วันท่ีรู๎หรือควรรู๎ถึงเหตุแหํงการฟูองคดีตามมาตรา ๕๑ แหํงพระราชบัญญัติจัดต้ังศาลปกครองฯ
อยาํ งไรก็ตาม ในระหวาํ งการพจิ ารณาคดนี ี้ ได๎มีการตราพระราชบญั ญัตจิ ดั ตั้ง ศาลปกครองฯ (ฉบับ
ท่ี ๕) พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่งมีผลใช๎บังคับตั้งแตํวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑ การฟูองคดีพิพาทเก่ียวกับ
สญั ญาทางปกครองตามมาตรา ๙ วรรคหน่ึง (๔) แหํงพระราชบัญญัติ จัดตั้งศาลปกครองฯ จึงต๎อง
ยนื่ ฟอู งภายในหา๎ ปนี ับแตวํ ันที่ร๎หู รือควรรถู๎ งึ เหตุแหงํ การฟอู งคดี แตไํ มเํ กินสิบปนี บั แตํวันทม่ี ีเหตแุ หงํ
การฟอู งคดี ดงั นั้น เมอ่ื นับแตํวนั ท่กี ระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล๎อมรู๎หรือควรร๎ูถึงเหตุ
แหํงการฟูองคดีนจ้ี นถงึ วนั ย่ืนฟูองคดีตํอศาลปกครองชั้นต๎น จึงยังไมํพ๎นระยะเวลาการฟูองคดีตาม
มาตรา ๕๑ แหงํ พระราชบญั ญตั จิ ดั ต้ังศาลปกครองฯ ซ่ึงแก๎ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติฯ (ฉบับท่ี
๔) พ.ศ. ๒๕๕๑ (คาํ พิพากษาศาลปกครอง สูงสดุ ที่ อ.๙๕/๒๕๕๔)

กรณีบริษัท ศ. ได๎รับสัมปทานทําไม๎หวงห๎ามธรรมดานอกจากไม๎สัก กับกระทรวง
เกษตรและสหกรณ์ จํานวน ๔ สัมปทาน มีกําหนดระยะเวลา ๓๐ ปี นับต้ังแตํวันที่ ๑๓ ธันวาคม
๒๕๑๖ ถงึ วนั ที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๔๖ ตอํ มา คณะรฐั มนตรไี ดม๎ ีมตเิ มอื่ วนั ที่ ๓๑ พฤศจกิ ายน ๒๕๓๑
วํา รัฐบาลมีนโยบายที่จะระงับการทําไม๎ในเขตปุาสัมปทานทั้งสิ้น ที่มีอยูํขณะน้ัน และมีพระราช
กําหนดแก๎ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติปุาไม๎ พุทธศักราช ๒๕๕๔ พ.ศ. ๒๕๓๒ รัฐมนตรีวําการ
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงมีคําส่ังลงวันท่ี ๑๗ มกราคม ๒๕๓๒ โดยความเห็นชอบของ
คณะรัฐมนตรีให๎สัมปทานทําไม๎หวงห๎ามทุกชนิด (เว๎นสัมปทาน ทําไม๎ปุาชายเลน) ตาม
พระราชบัญญัตปิ ุาไม๎ พุทธศักราช ๒๔๘๔ ทกุ สมั ปทานสิ้นสุดลงทั้งแปลง และมีหนังสือลงวันท่ี ๑๙
มกราคม ๒๕๓๒ แจ๎งใหบ๎ รษิ ทั ศ. ทราบวาํ สมั ปทานปุาไม๎หวงห๎าม ธรรมดานอกจากไม๎สักที่บริษัท
ศ. เป็นผู๎รับสัมปทานทุกสัมปทานส้ินสุดตามคําส่ังดังกลําว และให๎บริษัท ศ. หยุดการทําไม๎โดย
ส้ินเชิง และทันทีท่ีได๎รับหนังสือฉบับนี้ พร๎อมท้ัง ให๎เคล่ือนย๎ายอุปกรณ์การทําไม๎และคนงานออก
จากปุา ตํอมา บริษัท ศ. ได๎มีคําขอให๎อธิบดี กรมปุาไม๎ถอนเงินคําประกันความผิดตามเง่ือนไข
สัมปทานและเงินคําธรรมเนียมรายต๎นคืน และบริษัท ศ. ได๎เป็นโจทก์ยื่นฟูองเรียกเงินดังกลําวตํอ
ศาลแพํง โดยศาลอุทธรณ์มีคําพิพากษายืน ตามคําพิพากษาของศาลแพํงท่ีพิพากษายกฟูองบริษัท
ศ. ตํอมา บริษัท ศ. มีหนังสือ ลงวันท่ี ๒๔ กันยายน ๒๕๕๔ ถึงอธิบดีกรมปุาไม๎ขอถอนเงินคํา
ประกันความผิดตามเง่ือนไขสัมปทาน และเงินคําตอบแทนไม๎รายต๎นดังกลําวอีกคร้ัง อธิบดีกรมปุา
ไม๎มีหนังสือลงวันท่ี 4 ธันวาคม ๒๕๕๔ แจ๎งกับบริษัท ศ. วําไมํอาจชําระเงินตามท่ีเรียกร๎องได๎
บรษิ ทั ศ. จึงมีหนงั สอื ลงวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ถึงอธิบดีกรมปุาไม๎ให๎คืนเงินประกันความผิด

แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด เกีย่ วกบั สญั ญำทำงปกครอง |๒๙๓

ตามเงื่อนไขสัมปทานทําไม๎ และเงินคําตอบแทนไม๎รายต๎นดังกลําวอีก และบริษัท ศ. ได๎อุทธรณ์
คาํ สง่ั ของอธบิ ดีกรมปาุ ไม๎ และอธบิ ดีกรมปาุ ไม๎ เม่ือวนั ท่ี ๑๔ กันยายน ๒๕๕๔ วันท่ี ๑๓ กรกฎาคม
๒๕๕๔ และเมือ่ วันท่ี 5 พฤศจิกายน ๒๕๕๕ แตํได๎รับการปฏิเสธ บริษัท ศ. จึงนําคดีมาฟูองตํอศาล
ปกครอง เพอ่ื ขอเงนิ คําชดเชยดังกลาํ วเมอ่ื วนั ท่ี 5 กมุ ภาพันธ์ ๒๕๕๖ กรณีจึงถือวําบริษัท ศ. นําคดี
มาฟูองเมื่อเกินระยะเวลาสิบปีนับแตํวันท่ีมีเหตุแหํงการฟูองคดี พันระยะเวลาการฟูองคดี ตาม
มาตรา ๕๑ แหํงพระราชบัญญตั จิ ัดตั้งศาลปกครองฯ (คําสง่ั ศาลปกครองสูงสดุ ที่ ๘๔๖/๒๕๕๗)

กรณีฟูองวํา รัฐมนตรีวําการกระทรวงอุตสาหกรรมออกประทานบัตร ให๎กับผ๎ูถูก
ฟอู งคดที ่ี ๑ เมื่อวนั ที่ ๒๔ ธนั วาคม ๒๕๔๗ ซ่ึงผ๎ูถกู ฟอู งคดที ่ี ๑ จะตอ๎ งชําระ เงินผลประโยชน์พิเศษ
เพื่อประโยชน์แกํรัฐใหแ๎ กกํ รมอตุ สาหกรรมพ้นื ฐานและการเหมืองแรํ (กรมทรพั ยากรธรณี เดมิ ) แตํผู๎
ถูกฟูองคดีท่ี ๑ ได๎จดทะเบียนเลิกห๎าง เมื่อวันท่ี ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๔๔ และได๎จดทะเบียนเสร็จ
การชําระบัญชีเม่ือวันท่ี ๒๖ มกราคม ๒๕๕๙ ผู๎ถูกฟูองคดีท่ี ๑ จึงต๎องชําระเงินผลประโยชน์พิเศษ
เพ่ือประโยชน์แกํรัฐให๎แกํผู๎ฟูองคดี เป็นจํานวน ๑๕๒,๓๕๐ บาท ให๎เสร็จสิ้นภายในวันที่ ๒๖
มกราคม ๒๕๕๙ เป็นอยํางช๎า แตํกลับเพิกเฉย ผ๎ูฟูองคดีจึงนําคดี มาฟูองขอให๎ศาลมีคําพิพากษา
หรอื คาํ ส่ังให๎มีการชําระเงนิ ดงั กลาํ วพรอ๎ มทั้งดอกเบ้ียใหแ๎ กํ ผฟ๎ู อู งคดี น้นั การทผี่ ๎ูถูกฟูองคดีท่ี ๑ จด
ทะเบยี นเลิกห๎าง และจดทะเบียนเสร็จการชําระบัญชี ยํอมไมํอาจถือเอาประโยชน์จากเงื่อนไขท่ีจะ
ขอผํอนชําระเป็นงวด ๆ ตามท่ีกําหนดในข๎อตกลง การจํายผลประโยชน์พิเศษเพื่อประโยชน์แกํรัฐ
เพ่อื ตอบแทนการออกประทานบตั รได๎ แม๎ผ๎ูฟอู งคดี จะไมไํ ดท๎ วงถามให๎ใชห๎ นจ้ี าํ นวนดังกลําว ผู๎ชําระ
บัญชีก็ต๎องวางเงินเทําจํานวนหน้ีน้ัน ตามบทบัญญัติแหํงประมวลกฎหมายแพํงและพาณิชย์วําด๎วย
การวางทรัพย์สินแทนชําระหน้ี และผู๎ฟูองคดีมีสิทธิฟูองเรียกหน้ีจํานวนดังกลําวเอาจากลูกหนี้ ผ๎ู
ชาํ ระบญั ชี และผ๎ูค้ําประกนั ได๎ ภายในสองปนี บั แตวํ นั ท่ี ๒๖ มกราคม ๒๕๕๙ ซึ่งเป็นวันถึงท่ีสุดแหํง
การชําระบญั ชี กรณจี งึ ต๎องถือวาํ วนั ที่มีเหตแุ หํงการทผี่ ฟ๎ู ูองคดีจะต๎องเรียกให๎ชําระเงินผลประโยชน์
พิเศษ เพ่ือประโยชน์แกํรัฐ คือ วันท่ี ๒๖ มกราคม ๒๕๔๙ แตํข๎อเท็จจริงปรากฏวํา มีการลงพิมพ์
โฆษณาการจดทะเบยี นเสร็จการชําระบัญชีของผ๎ูถูกฟูองคดีที่ ๑ ในหนังสือราชกิจจานุเบกษา วันท่ี
๓๐ เมษายน ๒๕๕๐ อันเป็นเวลาภายหลังวันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๕๐ ซึ่งเป็นวันที่หนี้เงิน
ผลประโยชนพ์ เิ ศษเพ่อื ประโยชนแ์ กรํ ัฐเพื่อตอบแทนการออกประทานบัตร งวดที่ ๑ ถงึ กําหนดชําระ
แตผํ ู๎ฟอู งคดียังไมํได๎รบั ชาํ ระ กรณจี ึงตอ๎ งถือวาํ ผู๎ฟอู งคดไี ด๎ร๎ูถึงเหตุแหํงการฟูองคดีนี้ ตั้งแตํวันท่ี ๑๕
มกราคม ๒๕๕๐ การทผ่ี ๎ฟู อู งคดีนาํ คดีมาฟูองตอํ ศาลเม่อื วันที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๕๑ จึงเป็น การยื่น
ฟูองคดีตํอศาลภายในระยะเวลาห๎าปีนับแตํวันที่ได๎ร๎ูถึงเหตุแหํงการฟูองคดีตามมาตรา ๕๑ แหํง
พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองฯ ทั้งยังเป็นการย่ืนฟูองเรียกเอาหน้ีสินซ่ึงลูกหนี้ของตน ภายใน
สองปีนับแตํวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๕๙ ซ่ึงเป็นวันถึงที่สุดแหํงการชําระบัญชี ของผู๎ถูกฟูองคดีที่ ๑
ตามที่กําหนดในมาตรา ๑๒๗๒ แหํงประมวลกฎหมายแพํงและพาณิชย์ อีกด๎วย (คําพิพากษาศาล
ปกครองสูงสดุ ท่ี อ.8๘๕/๒๕๕๙)

แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด เกี่ยวกบั สญั ญำทำงปกครอง |๒๙๔

7.๒ การนบั ระยะเวลาการฟอ้ งคดเี กยี่ วกบั สัญญาสัมปทานไมป้ ่าชายเลน

7.๒.๑ การฟอ้ งขอให้ผรู้ บั สัมปทานทาไม้ปา่ ชายเลนชาระคา่ เปดิ ปา่ รายปี

ถือวาํ ผฟู๎ อู งคดีรู๎หรือควรรู๎ถึงเหตุแหงํ การฟูองคดใี นวันถัดจากวนั ครบกําหนด ชําระ
หนีใ้ นแตํละรอบปสี มั ปทาน

การที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ผู๎ฟูองคดี) ซ่ึงเป็นผู๎ให๎สัมปทาน ทําสัญญา
สัมปทานทําไม๎ปุาชายเลนกับผ๎ูถูกฟูองคดี มีกําหนดระยะเวลาการทําไม๎ ๑๕ ปี ต้ังแตํ วันท่ี ๑๔
พฤษภาคม ๒๕๒๙ ถงึ วนั ท่ี ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๔ โดยกําหนดให๎ผู๎ถูกฟูองคดี จะต๎องชําระคําเปิด
ปาุ ร๎อยละยี่สบิ หา๎ ของจาํ นวนเงินทีก่ าํ หนดไวใ๎ นสญั ญาในวนั ที่รับสมั ปทาน สํวนท่ีเหลือให๎เฉลี่ยชําระ
เป็นรายปีตามระยะเวลาของสัมปทาน โดยในปีแรกผ๎ูถูกฟูองคดีจะต๎อง ชําระภายในสามสิบวันนับ
แตํวนั ทีไ่ ดร๎ บั สมั ปทาน สํวนในปีตอํ ไปให๎ชําระภายในเดือนแรกของ รอบปีสัมปทานทุกปี คือภายใน
วันท่ี ๑๔ มถิ ุนายน ของแตํละปสี มั ปทาน ผ๎ูถกู ฟอู งคดไี ดช๎ ําระ เงินดงั กลาํ วมาโดยตลอด แตํไดง๎ ดเวน๎
ไมชํ าํ ระตัง้ แตํปีสัมปทานปีที่ ๑๓ ถึงปีท่ี ๑๕ ซ่ึงผ๎ูฟูองคดี ได๎มีหนังสือลงวันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๕
ทวงถามใหผ๎ ๎ถู ูกฟูองคดนี าํ เงนิ มาชําระภายในวันท่ี ๔ กรกฎาคม ๒๕๕๕ แลว๎ แตํผู๎ถูกฟูองคดีเพิกเฉย
ผฟู๎ อู งคดจี ึงยื่นฟูองคดีตํอศาลปกครองเพ่ือขอให๎ ผู๎ถูกฟูองคดีชําระเงินข๎างต๎น นั้น เน่ืองจากสัญญา
สมั ปทานเปน็ สัญญาท่กี าํ หนดระยะเวลา การชาํ ระหนี้คาํ เปดิ ปุาไวแ๎ ล๎ว โดยหน้ีคาํ เปดิ ปาุ รายปีในปีที่
๑๓ ถึงปีท่ี ๑๕ ถึงกําหนดต๎องชําระ ภายในวันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๔๒ วันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๔๓
และวันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๔ ตามลําดับ หากพ๎นกําหนดวันดังกลําวแล๎วและไมํมีการชําระหนี้
ยํอมถือวําผ๎ูถูกฟูองคดีผิดนัด ไมํชําระคําเปิดปุา และถือวําผ๎ูฟูองคดีร๎ูหรือควรรู๎ถึงเหตุแหํงการฟูอง
คดีต้ังแตํวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๔๒ วันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๔๓ และวันท่ี ๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๔
ตามลําดบั ซงึ่ เปน็ วันท่พี ๎น กําหนดระยะเวลาชําระเงินคําเปิดปุาในแตํละปีโดยไมํต๎องแจ๎งเตือนให๎ผู๎
ถูกฟูองคดีชําระหนี้อีก ตามมาตรา ๒๐๔ วรรคสอง แหํงประมวลกฎหมายแพํงและพาณิชย์ ดังนั้น
เมื่อผ๎ูฟูองคดี มาย่ืนฟูองคดีตํอศาลปกครองในวันที่ 4 มิถุนายน ๒๕๔๖ จึงเป็นการยื่นฟูองคดีเมื่อ
พน๎ กําหนด หน่งึ ปีนับแตํวนั ท่รี หู๎ รอื ควรร๎ถู งึ เหตแุ หํงการฟูองคดตี ามมาตรา ๕๑ แหํงพระราชบัญญัติ
จัดตั้งศาลปกครองฯ (คําสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ ๑๓๗/๒๕๔7 ที่ ๒๒๐/๒๕๔7 ที่ ๒๕๒-๒๖๓/๒๕๔๗
ท่ี ๓๑๙/๒๕4๗ ที่ ๓๒๘/๒๕4๗ ท่ี ๓๖๘-๓๗๐/๒๕4๗ ที่ ๓๘๐-๓๙๓/๒๕๔๗ ที่ ๓๙๔/๒๕๔๗
ท่ี ๔๖๖/๒๕๔7 ที่ ๒๙๓/๒๕๔7 ที่ ๗๙๘/๒๕4๗ ท่ี๕๗/๒๕48 ท่ี ๑๒8/๒๕48 ที่ ๑๔๐/๒๕4๘
ท่ี ๑๖๑/๒๕๔8 ท่ี ๓๕๔/๒๕48 และท่ี ๓๗๒/๒๕48 วินจิ ฉัยแนวทางเดียวกัน)

7.๒.๒ การฟอ้ งขอใหช้ าระเบ้ยี ปรบั และค่าเสียหาย

การฟูองขอให๎ผ๎ูรับสัมปทานชําระเบ้ียปรับและคําเสียหายตามสัญญา สัมปทานทํา
ไม๎ปาุ ชายเลนนัน้ มีสาเหตมุ าจากกรณีตาํ งๆ เชํน กรณดี ําเนินการทําไมไ๎ มแํ ลว๎ เสรจ็ ภายในระยะเวลา
ตามสญั ญาสมั ปทาน กรณผี รู๎ ับสมั ปทานไมดํ าํ เนนิ การปลกู ปาุ ทดแทนตามสญั ญาสัมปทาน และกรณี
ผ๎รู บั สัมปทานถงึ แกํความตาย ซ่งึ อาจสรปุ คาํ วนิ ิจฉยั ของศาลปกครอง สูงสดุ ในกรณตี ํางๆ ดงั กลาํ วได๎
ดงั น้ี

แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสงู สุด เกีย่ วกบั สญั ญำทำงปกครอง |๒๙๕

๑) กรณีฟ้องขอให้ชาระเบี้ยปรับอันเน่ืองมาจากผู้รับสัมปทาน ดาเนินการไม่
แล้วเสร็จภายในระยะเวลาสัญญาสัมปทาน ถือว่าผู้ฟ้องคดีรู้หรือควรรู้ถึง เหตุแห่งการฟ้องคดี
นับแตว่ นั พน้ กาหนดระยะเวลาตามหนงั สอื ทวงถามให้ชาระเบย้ี ปรับ

การที่สัญญาสัมปทานทําไม๎ปุาชายเลนกําหนดให๎การเรียกเงิน คําเบ้ียปรับกรณีที่
ผู๎รับสัมปทานดําเนินการไมํแล๎วเสร็จภายในระยะเวลาของการทําไม๎ตามที่ระบุ ในสัญญา โดย
กําหนดใหเ๎ จา๎ หนา๎ ท่ีผูไ๎ ด๎รับมอบอํานาจจากกรมปุาไม๎แจ๎งเป็นหนังสือให๎ผู๎รับ สัมปทานชําระภายใน
สามสิบวันนับแตํวันที่ได๎รับหนังสือแจ๎ง หากผ๎ูรับสัมปทานไมํชําระ ผ๎ูให๎ สัมปทานสามารถหักเบ้ีย
ปรบั จากเงินประกันท่ีผู๎รับสัมปทานนํามาวางตํอผู๎ให๎สัมปทานได๎ทันที และหากเบ้ียปรับสูงเกินกวํา
เงินประกนั ผร๎ู ับสัมปทานตอ๎ งนาํ เงินทข่ี าดมาชาํ ระเพมิ่ ให๎ครบถ๎วน นั้น เมือ่ ปรากฏวาํ ผ๎ถู ูกฟอู งคดีซึง่
เป็นผรู๎ บั สัมปทานจํานวน ๓ ราย ทําไม๎ไมํแล๎วเสร็จภายในกาํ หนดตามสัญญา ผวู๎ ําราชการจังหวัดจึง
มีหนังสือทวงถามให๎ผ๎ูถูกฟูองคดีชําระเบี้ยปรับ แตํเมื่อครบกําหนดสามสิบวันนับแตํวันท่ีได๎รับ
หนงั สือทวงถาม ผถ๎ู ูกฟอู งคดดี งั กลาํ วไมยํ อม ชําระ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ผ๎ูฟูองคดี) ซึ่งเป็น
ผใู๎ ห๎สมั ปทานจงึ สามารถหกั เอาเบย้ี ปรับ จากเงินประกันที่ผู๎ถูกฟูองคดีวางไว๎ได๎ทันที และทําให๎สิทธิ
เรียกร๎องให๎ชําระเบี้ยปรับในสํวนซึ่งมี จํานวนเบี้ยปรับตํ่ากวําหรือเทํากับจํานวนเงินประกันเป็นอัน
ระงับไป ดังน้ัน เมื่อผ๎ูฟูองคดีได๎หัก หลักประกันดังกลําวแล๎ว ผ๎ูฟูองคดียํอมไมํมีสิทธิฟูองคดีเพื่อ
เรยี กรอ๎ งเงนิ ในสวํ นนขี้ องผู๎ถูกฟูองคดี รายท่ีมีจํานวนเบี้ยปรับตํ่ากวําหรือเทํากับจํานวนเงินประกัน
อีกตามมาตรา ๔๒ วรรคหนึ่ง แหํง พระราชบัญญัติจัดต้ังศาลปกครองฯ สํวนกรณีของผู๎ถูกฟูองคดี
รายที่เบ้ียปรับสูงกวําจํานวนเงิน ประกันนั้น ถือวําผู๎ฟูองคดีร๎ูหรือควรรู๎ถึงเหตุแหํงการฟูองคดีเพื่อ
เรียกเบี้ยปรับในสํวนท่ียังขาด อยูํจากผ๎ูถูกฟูองคดีรายดังกลําวนับแตํวันท่ีพันกําหนดสามสิบวันนับ
แตํวันท่ีผ๎ูถูกฟูองคดีได๎รับ หนังสือทวงถาม เม่ือปรากฏวําผู๎ถูกฟูองคดีได๎รับหนังสือทวงถามในวันที่
๒๖ เมษายน ๒๕๔๔ จึงพ๎นกําหนดสามสิบวันตามหนังสือทวงถามนับแตํวันที่ ๒๗ พฤษภาคม
๒๕๕๔ แตผํ ฟู๎ อู งคดยี ื่นฟูอง ผถ๎ู กู ฟูองคดใี นวันท่ี ๒๓ มิถุนายน ๒๕๔๖ จึงพันกําหนดระยะเวลาการ
ฟอู งคดตี ามมาตรา ๕๑ แหํงพระราชบญั ญตั จิ ดั ตั้งศาลปกครองฯ (คําสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ ๒๕๒-
๒๖๓/๒๕๔๗ และที่ ๓๖๘-๓๗๐/๒๕4๗)

๒) กรณีฟ้องขอให้ชาระเงินค่าเสียหายอันเน่ืองมาจากผู้รับสัมปทาน ไม่
ดาเนินการปลูกป่าทดแทนตามสัญญาสัมปทาน ถือว่าผู้ฟ้องคดีรู้หรือควรรู้ถึงเหตุ แห่งการฟ้อง
คดใี นวนั ถดั จากวนั ท่ผี ู้ถูกฟอ้ งคดีไดร้ ับหนังสอื ทวงถามใหช้ าระหน้ี

การเรยี กคําเสยี หายจากกรณีท่ีผู๎ถกู ฟูองคดีซ่ึงเป็นผู๎รับสัมปทาน ไมํดําเนินการปลูก
ปุาทดแทนให๎เตม็ เนอ้ื ที่ในแนวตัดไม๎ทีท่ าํ ไม๎ออก และจากกรณีท่ีผ๎ถู กู ฟูองคดี ไมดํ ําเนินการปลกู สร๎าง
สวนปุาหรือปลูกบํารุงปุาธรรมชาติในเขตปุาสัมปทานตามสัญญาทําไม๎ ปุาชายเลน น้ัน เม่ือผ๎ูวํา
ราชการจังหวัดได๎มหี นงั สือทวงถามให๎ผ๎ูถูกฟูองคดีชําระเงินดังกลําว โดยไมํได๎กําหนดเวลาชําระหนี้
ไว๎ ผู๎ถูกฟูองคดีจึงยํอมมีหน๎าที่ต๎องชําระหนี้ของตนโดยพลัน ตามมาตรา ๒๐๓ วรรคหนึ่ง แหํง
ประมวลกฎหมายแพํงและพาณิชย์ ดังนั้น การที่ผ๎ูถูกฟูองคดี ได๎รับหนังสือทวงถามเม่ือวันที่ ๒๓
ตุลาคม ๒๕๕๔ แตํไมํชําระเงินตามท่ีถูกทวงถาม จึงถือ ได๎วํากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ผ๎ูฟูอง

แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด เกี่ยวกบั สญั ญำทำงปกครอง |๒๙๖

คด)ี ได๎รถ๎ู ึงเหตแุ หํงการฟูองคดีนับแตํวนั ถัดจากวนั ท่ี ผถ๎ู กู ฟูองคดีได๎รับหนงั สอื ทวงถามดังกลําว เมื่อ
ผ๎ูฟูองคดีนําคดีมาย่ืนฟูองตํอศาลเม่ือวันท่ี ๑๑ มิถุนายน ๒๕๕๖ จึงเป็นการยื่นฟูองคดีเม่ือพ๎น
กําหนดระยะเวลาการฟูองคดีตามมาตรา ๕ แหํงพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองฯ (คําสั่งศาล
ปกครองสงู สดุ ท่ี ๓๙๔/๒๕4๗)

๓) กรณีฟ้องขอให้ชาระเบ้ียปรับและค่าเสียหายตามสัญญากรณี ผู้รับสัมปทาน
ถึงแก่ความตาย ถือว่าผู้ฟ้องคดีรู้หรือควรรู้ถึงการตายของผู้รับสัมปทาน อันเป็นวันเริ่มนับอายุ
ความฟ้องคดีเพ่ือเรียกให้ผู้ถูกฟ้องคดีซึ่งเป็นทายาทของ ผู้รับสัมปทานชาระหน้ีท่ีผู้รับสัมปทาน
คา้ งชาระตามสัญญาสมั ปทานนับแต่วันที่ ผถู้ ูกฟ้องคดีได้ย่ืนคาร้องขอรับโอนสมั ปทาน

การทผ่ี ๎ูรับสมั ปทานตามสัญญาสัมปทานทําไม๎ปุาชายเลนถึงแกํความตาย ผ๎ูถูกฟูอง
คดซี ่ึงเปน็ ทายาทจึงยนื่ ขอรับโอนสัมปทานดังกลําวตํอกระทรวงเกษตร และสหกรณ์ (ผ๎ูฟูองคดี) ซึ่ง
เป็นผ๎ูให๎สัมปทานตามหนังสอื ลงวันท่ี ๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๑ แตํคณะรัฐมนตรีได๎มีมติไมํให๎มีการโอน
สมั ปทานทาํ ไมป๎ ุาชายเลนในทุกกรณี จึงไมํมีการโอน สัมปทานตามสัญญาข๎างต๎นมายังผู๎ถูกฟูองคดี
แตํในระหวํางการพิจารณาเรื่องการโอนสัมปทานได๎มี การตรวจพบวําผู๎รับสัมปทานซ่ึงถึงแกํความ
ตายมหี นค้ี า๎ งชําระ ซึ่งไดแ๎ กหํ น้คี ําปรับเนอื่ งจากการ ผิดเงื่อนไขของสญั ญา หนคี้ ําใช๎จาํ ยในการรงั วดั
เขตปาุ สัมปทาน และหนค้ี ําเปิดปุารายปี ทางจังหวัดจงึ แจ๎งใหผ๎ ูถ๎ กู ฟูองคดนี ําเงนิ มาชําระหน้ดี ังกลําว
ตามหนงั สือลงวนั ที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๔๔ แตผํ ูถ๎ กู ฟอู งคดไี มํนาํ เงนิ มาชําระ ผูฟ๎ อู งคดจี งึ ยืน่ ฟูองคดตี อํ
ศาลปกครอง น้ัน เมื่อปรากฏวาํ ผู๎ถูกฟูองคดีซง่ึ เปน็ ทายาทของผู๎รับสัมปทานท่ีถึงแกํความตายได๎ย่ืน
คําขอรับโอน สัมปทานต้ังแตํวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๑ และได๎มีการเสนอตํอรัฐมนตรีวําการ
กระทรวงเกษตร และสหกรณ์เพ่ือพจิ ารณารายละเอียดแล๎ว ผ๎ูฟูองคดีจึงนําจะร๎ูถึงการตายของผู๎รับ
สัมปทาน และ ความตายของเจ๎ามรดก ดังนั้น เมื่อผู๎ถูกฟูองคดีได๎ย่ืนคําขอรับโอนสัมปทานตั้งแตํ
วันท่ี ๒๐ สิงหาคม ๒๕๔๑ โดยผู๎ฟูองคดีนําจะรู๎หรือควรได๎รูถ๎ ึงการตายของผ๎ูรับสัมปทานซึ่งเป็นเจ๎า
มรดก ตั้งแตํบัดน้ันแล๎ว การที่ผ๎ูฟูองคดีนําคดีมาย่ืนฟูองตํอศาลปกครองเมื่อวันท่ี ๒๓ พฤษภาคม
๒๕๕๕ จึงเป็นการย่ืนฟูองคดีเม่ือพ๎นกําหนดระยะเวลาการฟูองคดี (คําส่ังศาลปกครองสูงสุดที่
๔๖๑/๒๕๔๗ คาํ พพิ ากษาศาลปกครองสงู สดุ ที่ อ.๒๗๔/๒๕4๙)

7.2.3 การฟ้องขอให้ชาระค่าเสียหายอันเน่ืองมาจากผู้ให้สัมปทาน สั่งระงับการ
ดาเนินการตามสัญญาสัมปทาน

๑) กรณีที่ผู๎รับสัมปทานตามสัญญาสัมปทานไม๎ปุาชายเลน ฟูองขอให๎หนํวยงานผ๎ูให๎
สัมปทานชาํ ระคาํ เสยี หายอันเนือ่ งมาจากผ๎ใู หส๎ มั ปทานสงั่ ระงับ การดําเนินการตามสัญญาสัมปทาน
ถือวาํ ผ๎ูรบั สัมปทานถกู โตแ๎ ย๎งสิทธิตามสญั ญา สัมปทานตัง้ แตํวนั ท่ไี ดร๎ บั แจ๎งคาํ ส่ังใหร๎ ะงับการทําไม๎

ในคดีที่ผู๎ฟูองคดีซึ่งเป็นผู๎รับสัมปทานตามสัญญาสัมปทานทําไม๎ ปุาชายเลน
เรยี กรอ๎ งขอเงนิ คําชดเชยความเสยี หายและขอคืนเงินประกันและสมุดฝากเงินคําปลูก และบํารุงปุา
สัมปทานจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดล๎อม (ผ๎ูถูกฟูองคดี) ตามสัญญาสัมปทานทําไม๎
ปุาชายเลน แตํได๎รับการปฏิเสธ นั้น เป็นข๎อพิพาทเก่ียวกับสัญญา สัมปทานทําไม๎ปุาชายเลนเป็นคดี

แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด เกี่ยวกบั สญั ญำทำงปกครอง |๒๙๗

พพิ าทตามมาตรา ๙ วรรคหน่ึง (๔) แหงํ พระราชบัญญัติ จัดต้ังศาลปกครองฯ ซ่ึงการฟูองคดีพิพาท
เก่ยี วกับสัญญาทางปกครองตอ๎ งย่ืนฟูองภายในหน่ึงปี นับแตํวันที่รู๎หรือควรร๎ูถึงเหตุแหํงการฟูองคดี
แตํไมํเกินสิบปีนับแตํวันท่ีมีเหตุแหํงการฟูองคดี ตามมาตรา ๕๑ แหํงพระราชบัญญัติดังกลําว เม่ือ
ปรากฏวําสญั ญาสัมปทานฉบบั ที่ ๓๕/๒๕๒๙ และฉบบั ที่ ๔๐/๒๕๒๙ ครบกําหนดระยะเวลาในวนั ท่ี
๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๔ และสัญญา สัมปทานฉบับที่ ๔/๒๕๓๐ และฉบับที่ ๕/๒๕๓๐ ครบกําหนด
ระยะเวลาในวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๔๕ ตํอมาผู๎ฟูองคดีได๎รับแจ๎งจากเจ๎าหน๎าที่ปุาไม๎จังหวัดพังงาวํา
ให๎ยึดเวลาการชําระเงินในการรังวัดแนวเขตปุาและคําเปิดปุาในปีการทําไม๎ ๒๕๔๐ ออกไป และ
ตอํ มาไดร๎ บั แจง๎ วํา กรมปาุ ไมโ๎ ดยอธบิ ดีกรมปาุ ไม๎ไดม๎ ีคําสั่งทางวิทยุในราชการกรมปุาไม๎ลงวันท่ี ๑๐
มกราคม ๒๕๕๐ ให๎ระงับการทําปุาไม๎ชายเลนเป็นเหตุให๎ผ๎ูฟูองคดีได๎รับความเสียหาย กรณีจึงเป็น
การโตแ๎ ย๎งสิทธิ ตามสัญญา ซ่งึ ผู๎ฟอู งคดีถกู โต๎แยง๎ สทิ ธิตง้ั แตไํ ด๎รับแจ๎งคําส่ังให๎ระงับการทําไม๎ ผู๎ฟูอง
คดไี มไํ ด๎ ย่นื ฟอู งคดตี ํอศาลยตุ ธิ รรม แตํได๎ยื่นฟอู งคดตี อํ ศาลปกครองเมื่อวันท่ี ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๔
จึงเป็นการยื่นฟูองคดีเมื่อพ๎นกําหนดระยะเวลาการฟูองคดีตามมาตรา ๕๑ แหํงพระราชบัญญัติ
จัดตั้งศาลปกครองฯ และแม๎วําศาลปกครองสูงสุดโดยที่ประชุมใหญํเคยมีคําวินิจฉัยตามคําส่ัง ที่
๖๕๔/๒๕๔๕ วาํ กรณมี เี หตแุ หงํ การฟอู งคดเี กดิ ข้นึ กํอนศาลปกครองเปิดทําการแตผํ ฟู๎ อู งคดี

แตํหากไมํปรากฏวําผู๎รับสัมปทานได๎รับแจ๎งคําสั่งระงับการทําไม๎ ตามสัญญา
สัมปทานในวันใด ถอื วําวนั ที่ทผ่ี ู๎ใหส๎ มั ปทานมคี าํ สง่ั ระงบั การทาํ ไมเ๎ ปน็ วนั ท่ี ผร๎ู ับสมั ปทานรห๎ู รือควรรู๎
ถึงเหตุแหํงการฟูองคดี

สัญญาสัมปทานทาํ ไม๎ปุาชายเลนเป็นสญั ญาท่รี ัฐบาลได๎ให๎สัมปทาน แกํผ๎ูฟูองคดีทํา
ไม๎ปาุ ชายเลน สิทธใิ นการทําไมป๎ ุาชายเลนของผ๎ฟู ูองคดจี งึ เกดิ จากสัญญา สัมปทานดงั กลาํ ว มใิ ชเํ กิด
จากสิทธิที่ผ๎ูฟูองคดีมีอยํูตามกฎหมาย เมื่อคณะรัฐมนตรีได๎มีมติให๎ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ
และสิ่งแวดล๎อม (ผู๎ถูกฟูองคดีที่ ๔) ยกเลิกการให๎สัมปทานทําไม๎ ในเขตปุาชายเลนทั้งหมด และ
ตํอมาอธิบดีกรมปุาไม๎ (ผู๎ถูกฟูองคดีที่ ๑) ซึ่งอยูํในสังกัดผ๎ูถูกฟูองคดี ผ๎ูถูกฟูองคดีที่ ๔ อันเป็นเหตุ
ฟูองคดีจึงเกิดจากข๎อสัญญาสัมปทานทําไม๎ปุาชายเลนดังกลําว มิใชํเกิดจากการกระทําละเมิดดังผ๎ู
ฟูองคดีกลําวอ๎าง และเมื่อไมํปรากฏวําผ๎ูฟูองคดีทราบการสั่ง ระงับการทําไม๎อันเป็นเหตุฟูองคดี
เมอ่ื ใดแตํจากการทผี่ ฟู๎ ูองคดีฟอู งเรียกคําเสยี หายในการไมํได๎ ทําไม๎ปุาชายเลนต้ังแตํปี พ.ศ. ๒๕๔๐
ถึงปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ผ๎ูฟูองคดีจึงร๎ูหรือควรรู๎ถึงเหตุในวันท่ี ๑๐ มกราคม ๒๕๔๐ ซ่ึงเป็นวันท่ีถูกระงับ
การทําไมป๎ ุาชายเลนเป็นต๎นมา (คําส่งั ศาลปกครองสูงสุดที่ ๒๗๔/๒๕๕๐)

7.2.4 การฟอ้ งขอขยายระยะเวลาตามสญั ญาสมั ปทาน

เม่ือเหตุแหํงการฟูองคดีเพ่ือขอขยายเวลาการทําไม๎ตามสัญญาสัมปทานทําไม๎ปุา
ชายเลนเกิดจากการท่ีผู๎ฟูองคดีซ่ึงเป็นผ๎ูรับสัมปทานไมํได๎รับอนุญาตให๎ขยาย ระยะเวลาการทําไม๎
ตามสัญญาดังกลําว อันเป็นกรณีท่ีสืบเนื่องมาจากการท่ีผ๎ูฟูองคดีถูกสั่งให๎ ระงับการทําไม๎ช่ัวคราว
ตั้งแตํปี ๒๕๔๐ ถึงปี ๒๕๔๓ และตํอมาจึงได๎รับอนุญาตให๎ทําไม๎ตํอไป จนสิ้นสุดสัมปทาน เม่ือ
ระยะเวลาตามสัญญาสัมปทานสิ้นสุดลง ผ๎ูฟูองคดีได๎ขอขยายเวลาการ ทําไม๎ตามสัญญาสัมปทาน

แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสงู สุด เกีย่ วกบั สญั ญำทำงปกครอง |๒๙๘

ออกไปอีกเพื่อชดเชยระยะเวลาท่ีถูกส่ังให๎ระงับการทําไม๎ชั่วคราว ข๎างต๎น โดยผ๎ูถูกฟูองคดีซ่ึงเป็น
ผู๎ให๎สัมปทานไดแ๎ จง๎ มตขิ องคณะกรรมการนโยบายปุาไม๎แหํงชาติ ท่ีพิจารณาไมํให๎ขยายเวลาการทํา
ไม๎สัมปทานให๎ผู๎ฟูองคดีทราบตามหนังสือลงวันท่ี 9 ธันวาคม ๒๕๕๔ นั้น ถือวําผ๎ูฟูองคดีได๎ร๎ูหรือ
ควรรถ๎ู งึ เหตแุ หงํ การฟูองคดีตัง้ แตวํ นั ดงั กลาํ ว เม่ือผ๎ฟู อู งคดนี าํ คดีมาฟอู งตอํ ศาลปกครองในวันท่ี ๑๓
พฤษภาคม ๒๕๔๕ กรณีจึงยังไมํพ๎นกําหนดระยะเวลา การฟูองคดีตามมาตรา ๕๑ แหํง
พระราชบัญญัตจิ ัดตั้งศาลปกครองฯ (คาํ สั่งศาลปกครองสงู สดุ ที่ ๔๙๑/๒๕๕๕)

7.๒.๕ การฟ้องเรยี กคนื เงินประกันการปฏิบัตติ ามสัญญาสมั ปทาน

กรณีการฟูองเรียกให๎ผู๎รับสัมปทานตามสัญญาสัมปทานทําไม๎ ปุาชายเลนชําระคํา
เปิดปุาตามสัญญาสัมปทาน แตํผู๎รับสัมปทานซึ่งเป็นผ๎ูถูกฟูองคดีเห็นวํา ตนไมํได๎ทําผิดข๎อสัญญา
ประกอบกบั ไดม๎ ีการวางเงินประกันการชาํ ระเบ้ยี ปรับตามสัญญา ดังกลําวไว๎ โดยผู๎ถูกฟูองคดีมีสิทธิ
เรียกคืนเม่อื ส้ินสดุ สัญญาสัมปทาน ดงั นัน้ ผูถ๎ กู ฟอู งคดี จงึ ได๎ฟูองแยง๎ ขอให๎ผ๎ูฟูองคดีคืนเงินประกันฯ
แกํผู๎ถูกฟูองคดี น้ัน การฟูองแย๎งดังกลําว เป็นข๎อพิพาทเกี่ยวกับสัญญาสัมปทานอันเป็นคดีพิพาท
ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๔) แหํง พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองฯ เม่ือปรากฏวําผ๎ูถูกฟูองคดี
ฟูองแย๎งเพ่ือขอเงนิ ประกันฯ คนื เมือ่ พ๎นกาํ หนดหนง่ึ ปนี ับแตวํ ันส้ินสุดสัญญาสัมปทานซ่ึงเป็นวันท่ีผ๎ู
ถกู ฟูองคดีมสี ทิ ธเิ รียก เงินประกนั ฯ คืน และเป็นวันที่รู๎หรือควรรู๎ถึงเหตุแหํงการฟูองคดี จึงเป็นการ
ฟูองแย๎งเม่ือพัน กําหนดระยะเวลาการฟูองคดีตามมาตรา ๕๑ แหํงพระราชบัญญัติจัดต้ังศาล
ปกครองฯ (คาํ สั่ง ศาลปกครองสงู สุดที่ ๕๗๙-๕๕๐/๒๕๔๖)

7.๓ การนับระยะเวลาการฟอ้ งคดเี ก่ียวกบั สัญญาสัมปทาน โทรคมนาคม

7.3.1. การฟ้องเรยี กใหผ้ รู้ ับสัมปทานชาระเงนิ เพมิ่ อนั เนื่องมาจากการชาระคา่ ตอบแทน
การใช้ความถี่วทิ ยรุ ายปเี กนิ เวลาท่ีกาหนด

กรณที ส่ี าํ นกั งานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแหํงชาติ (ผ๎ูฟูองคดี) ทําสัญญา
เม่ือเดอื นตลุ าคม ๒๕๓๓ ใหผ๎ ูถ๎ ูกฟูองคดเี ชาํ ใช๎เครอ่ื งวทิ ยุคมนาคมและอุปกรณว์ ิทยุ คมนาคม พร๎อม
ทั้งได๎รับการจัดสรรความถ่ีวิทยุจํานวน ๑ ความถี่ ตํอมาเมื่อวันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๓๙ กระทรวง
คมนาคมไดม๎ ปี ระกาศกําหนดให๎ผู๎ใช๎ความถี่วิทยุต๎องเสียคําตอบแทนการใช๎ ความถี่วิทยุในขํายวิทยุ
คมนาคมเฉพาะกิจเป็นรายปี หากไมํชําระคําตอบแทนดังกลําวในเวลาที่กําหนด จะต๎องชําระเงิน
เพม่ิ ในอตั รารอ๎ ยละ ๑ ของคาํ ตอบแทนฯ ท่ีต๎องชําระตอํ วนั นับแตวํ ัน ถดั จากวนั ครบกําหนดเปน็ ต๎น
ไปจนกวําจะชําระครบถ๎วน โดยผู๎ถูกฟูองคดีต๎องชําระคําตอบแทนฯ รายปีงวดแรกภายใน ๖๐ วัน
นับแตํวันที่ได๎รับหนังสือแจ๎งจากผู๎ฟูองคดี ซึ่งผู๎ถูกฟูองคดีได๎รับ หนังสือแจ๎งดังกลําวเมื่อวันที่ ๒๒
พฤษภาคม ๒๕๓๙ ผ๎ูถูกฟูองคดีจึงต๎องชําระคําตอบแทนฯ รายปีงวดแรกในวันที่ ๒๑ กรกฎาคม
๒๕๓๙ แตํปรากฏวําผถ๎ู ูกฟอู งคดีชาํ ระคาํ ตอบแทน ดังกลําวในวันท่ี ๒๗ กันยายน ๒๕๔๒ โดยไมํได๎
ชําระเงินเพ่มิ ในอตั รารอ๎ ยละ ๑ ของคาํ ตอบแทนฯ ตามประกาศกระทรวงคมนาคมข๎างต๎น ซึ่งผู๎ฟูอง

แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด เกีย่ วกบั สญั ญำทำงปกครอง |๒๙๙

คดีได๎มีหนังสือแจ๎งเตือนให๎ ผ๎ูถูกฟูองคดีชําระเงินดังกลําวแล๎ว แตํผ๎ูถูกฟูองคดีเพิกเฉยไมํยอมชําระ
นั้น กรณีเป็นคดีพิพาท เกี่ยวกับการเรียกคําตอบแทนตามสัญญาอนุญาตให๎ใช๎ความถ่ีวิทยุอันมี
ลกั ษณะเป็นสัญญา สัมปทาน จึงเป็นคดีพิพาทเก่ียวกับสัญญาทางปกครอง เม่ือปรากฏวําผ๎ูฟูองคดี
ต๎องชําระ คําตอบแทนฯ รายปีงวดแรกในวันท่ี ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๓๙ แตํได๎ชําระเงินดังกลําวใน
วันที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๔๒ โดยไมํได๎ชําระเงินเพิ่มฯ ถือวําผ๎ูฟูองคดีรู๎หรือควรร๎ูถึงเหตุแหํงการฟูอง
คดี เพ่ือเรียกเงินเพิ่มฯ ตั้งแตํวันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๓๙ อันเป็นวันท่ีผ๎ูฟูองคดีอาจบังคับสิทธิ
เรียกร๎องให๎ผู๎ถูกฟูองคดีชําระเงินเพิ่มฯ ได๎เป็นต๎นมา จนถึงวันท่ี ๒๗ กันยายน ๒๕๔๒ อันเป็น
วนั สุดท๎ายท่ีผู๎ถกู ฟอู งคดีจะตอ๎ งชําระเงินเพิ่มฯ เมื่อผ๎ฟู ูองคดนี ําคดีมาฟูองตอํ ศาลปกครอง ในวันท่ี ๕
ธันวาคม ๒๕๕๔ จึงเป็นการฟูองเม่ือพ๎นกําหนดระยะเวลาการฟูองคดีตามมาตรา ๕๑ แหํง
พระราชบัญญัตจิ ัดต้งั ศาลปกครองฯ (คําสง่ั ศาลปกครองสูงสดุ ที่ ๑๙๐/๒๕4๙)

8. การแก้ไขเพมิ่ เติมสญั ญา

8.1) การแก้ไขเปลี่ยนแปลงสัญญาสัมปทานทางหลวงในกรณีท่ีคู่สัญญาไม่
สามารถปฏิบัตติ ามสัญญาได้

การแกไ๎ ขเปล่ยี นแปลงสญั ญาสมั ปทานทางหลวงในกรณีท่ีคํูสญั ญาไมํสามารถปฏิบัติ
ตามสญั ญาได๎ อันเป็นการเปลี่ยนแปลงสาระสําคัญของสญั ญาท่ีอยภูํ ายในขอบเขตงานตามโครงการ
ที่คํสู ญั ญาสมั ปทานทางหลวงมีอยตูํ อํ กนั ท่มี ิใชกํ ารดาํ เนินโครงการใหมํที่แยกออกจากโครงการตาม
สัญญาสัมปทานทางหลวงเดิม เป็นกรณีที่ไมํจําต๎องตั้งคณะกรรมการขึ้นพิจารณาตามมาตรา ๑๓
แหํงพระราชบัญญัติวําด๎วยการให๎เอกชนเข๎ารํวมงานหรือดําเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๓๕
ดังน้ัน ในกรณีท่ีข๎อเท็จจริงรับฟังได๎วํา ภายหลังจากท่ีรัฐมนตรีวําการกระทรวงคมนาคมและอธิบดี
กรมทางหลวงได๎ดําเนินการตามมาตรา ๒๒ และมาตรา ๒๓ แหํงพระราชบัญญัติดังกลําวแล๎ว
คณะรัฐมนตรีจึงได๎มีมติให๎แก๎ไขเปลี่ยนแปลงสัญญาสัมปทานทางหลวงท่ีคูํสัญญาไมํสามารถปฏิบัติ
ตามสัญญาได๎ภายใต๎ขอบเขตของงานตามโครงการท่ีคํูสัญญามีอยูํตํอกันเดิม โดยมิได๎มีการตั้ง
คณะกรรมการขึ้นพิจารณาตามมาตรา ๑๓ แหํงพระราชบัญญัติเดียวกันกํอน จึงเป็นการกระทําท่ี
ชอบดว๎ ยกฎหมาย

คาํ วินจิ ฉยั ของศาลปกครองสูงสุด

จากข๎อเท็จจริงขา๎ งตน๎ เห็นไดว๎ ํา การแกไ๎ ขเปลีย่ นแปลงสัญญาสมั ปทานดังกลาํ วเป็น
กรณที ค่ี ํสู ัญญาไมํสามารถปฏิบัติตามสัญญาได๎ จึงเป็นการเปล่ียนแปลงสาระสาคัญของสัญญาท่ีอยูํ
ภายในขอบเขตงานตามโครงการท่ีผ๎ถู กู ฟูองคดีท่ี ๒ และผู๎ถกู ฟอู งคดที ่ี ๓ ในฐานะคูํสัญญาสัมปทาน
ทางหลวงมีอยูํตอํ กัน กรณมี ิใชกํ ารดาํ เนินโครงการใหมํท่ีแยกออกจากโครงการตามสัญญาสัมปทาน
ทางหลวงฯ เดมิ และบันทึกข๎อตกลงแก๎ไขเปลี่ยนแปลงสัญญาสัมปทานทางหลวงฯฉบับที่ ๒/๒๕๓๙
จึงไมํต๎องตั้งคณะกรรมการตามมาตรา ๑๓๑ แหํงพระราชบัญญัติวําด๎วยการให๎เอกชนเข๎ารํวมงาน

แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด เกี่ยวกบั สญั ญำทำงปกครอง |๓๐๐

หรือดาํ เนนิ การในกิจการของรฐั ฯ แตํอยํใู นขั้นตอนการกํากับ ดูแลซ่ึงเมื่อผู๎ถูกฟูองคดีท่ี ๑ และผู๎ถูก
ฟอู งคดที ่ี ๒ ดาํ เนนิ การตามมาตรา ๒๒๒ และมาตรา ๒๓๓ แหํงพระราชบัญญัติดังกลําวแล๎ว กรณี
จงึ เป็นการดาํ เนนิ การโดยชอบดว๎ ยกฎหมาย มตขิ องผ๎ูถกู ฟอู งคดที ี่ ๔ เม่ือวันท่ี ๑๐ เมษายน ๒๕๕๐
ทเี่ ห็นชอบบันทึกข๎อตกลงแก๎ไขเปล่ียนแปลงสัญญาสัมปทานทางหลวงฯ ฉบับที่ ๓/๒๕๕๐ ลงวันท่ี
๑๒ กันยายน ๒๕๕๐ จึงชอบด๎วยกฎหมายและเม่ือข๎อ ๕ ของบันทึกข๎อตกลงฉบับดังกลําวระบุวํา
อัตราคําผํานทางท่ีเรียกเก็บจากยานพาหนะทุกประเภทให๎เป็นไปตามตารางท๎ายข๎อนี้ และมีผลใช๎
บังคับได๎ทันที โดยการปรับใช๎อัตราคําผํานทางตามตารางน้ี ผู๎รับสัมปทานไมํต๎องขออนุญาต
จากกรมทางหลวงอีก แตํผู๎รับสัมปทานต๎องแจ๎งให๎กรมทางหลวงทราบลํวงหน๎าไมํน๎อยกวํา ๓๐ วัน
และให๎ผ๎ูรับสัมปทานประกาศและประชาสัมพันธ์ให๎ประชาชนทราบลํวงหน๎าเป็นเวลา พอสมควร
ดงั นนั้ เมอื่ ขอ๎ เทจ็ จริงปรากฏวําผู๎ถกู ฟูองคดที ่ี ๓ ได๎ดําเนินการโดยมีหนังสือแจ๎งการปรับใช๎อัตราคํา
ผํานทางไปยังผู๎ถูกฟูองคดีที่ ๒ ทราบลํวงหน๎าไมํน๎อยกวํา ๓๐ วัน และได๎ประกาศลงโฆษณาใน
หนังสือพิมพ์หลายฉบับ รวมทั้งปิดปูายประชาสัมพันธ์ท่ีบริเวณดํานเก็บคําผํานทางทุกดํานให๎
ประชาชนทราบลํวงหน๎าแล๎ว การดําเนินการประกาศปรับใช๎อัตราคําผํานทางของผ๎ูถูกฟูองคดีท่ี ๓
จึงชอบด๎วยกฎหมายเชนํ กนั พิพากษายกฟูอง (คําพพิ ากษาศาลปกครองสงู สุดที่ อ.๑๕๖๓/๒๕๕๙)

8.๒) การกาหนดอตั ราคา่ ผ่านทางพิเศษ

การที่การทางพิเศษแหํงประเทศไทยได๎ให๎เอกชนเข๎ามามีสํวนรํวมและลงทุนเพื่อ
พัฒนาระบบการคมนาคมของประเทศ รวมท้ังขยายโครงขํายของระบบทางพิเศษซึ่งเป็นบริการ
สาธารณะทางอุตสาหกรรมและพาณิชยกรรม และเป็นระบบการคมนาคมทางเลือกของประชาชน
ภายใต๎หลักการเพ่ือความเป็นธรรมของสังคม โดยสํวนรวม ซึ่งผู๎ใช๎บริการจะเป็นผ๎ูรับผิดชอบ
คําใชจ๎ าํ ยท่ีเพ่ิมข้ึนตามระยะทางของการใช๎บริการและในอัตราตามท่ผี ๎มู ีอํานาจตามกฎหมายกําหนด
ขน้ึ ภายใตก๎ ารกํากบั ดูแลของรฐั บาล การดาํ เนนิ โครงการดงั กลําวของการทางพิเศษแหงํ ประเทศไทย
จึงมิใชกํ ารแสวงหาผลประโยชนใ์ นทางธุรกิจ หากแตํเป็นการดําเนินการเพื่อประโยชน์สาธารณะอัน
เปน็ การแกไ๎ ขปัญหาการจราจรของประเทศ ซ่งึ รายได๎ทไ่ี ดร๎ บั นอกจากจะนําสํงคืนรัฐและนําไปชําระ
หนเ้ี งนิ กข๎ู องการทางพเิ ศษแหงํ ประเทศไทยเองแล๎ว สํวนหน่ึงยงั นาํ ไปใช๎ในการบํารุงรักษาทางพิเศษ
ใหม๎ สี ภาพการใช๎งานได๎อยํางปลอดภัยตลอดเวลา รวมถึงนําไปใช๎ในการลงทุนกํอสร๎างโครงการใหมํ ๆ
การจดั เกบ็ คําผํานทางพเิ ศษจงึ เปน็ การลดภาระหนสี้ าธารณะของประเทศ อันเป็นไปตามหลักความ
ยุติธรรมในสังคมท่ีให๎ผ๎ูใช๎ทางเป็นผู๎จําย ไมํใชํนําเงินภาษีของประชาชนทั้งประเทศมาใช๎จํายเพื่อ
ประโยชน์ของคนกลํุมหนึ่งท่ีใช๎ทางพิเศษ โดยได๎คํานึงถึงการคุ๎มครองผ๎ูบริโภคด๎วยแล๎ว เมื่อในการ
พิจารณาปรับอัตราคําผํานทางพิเศษจะต๎องผํานข้ันตอนการพิจารณาและเห็นชอบจาก
คณะอนุกรรมการพิจารณาคําผํานทางพิเศษและคณะกรรมการการ ทางพิเศษแหํงประเทศไทย
กํอนที่การทางพเิ ศษแหงํ ประเทศไทย จะดําเนินการจัดทํารํางประกาศเพื่อกําหนดอัตราคําผํานทาง
พิเศษเสนอรัฐมนตรีวําการกระทรวงคมนาคมพิจารณาออกประกาศเพื่อใช๎บังคับตํอไป อีกทั้งข๎อ
สัญญาที่เก่ียวข๎องไมํเปิดโอกาสให๎คูํสัญญาฝุายหนึ่งฝุายใดปรับอัตราคําผํ านทางพิเศษได๎เองตาม
อําเภอใจประกอบกับหากไมํมีการปรับอัตราคําผํานทางพิเศษตามสัญญาแล๎ว บริษัทรํวมลงทุนอาจ
ใช๎สิทธิเรียกร๎องให๎การทางพิเศษแหํงประเทศไทยชดเชยรายได๎สํวนท่ีขาดหายไปจากจํา นวนเงินท่ี

แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสงู สุด เกี่ยวกบั สญั ญำทำงปกครอง |๓๐๑

ควรได๎รับ ซ่ึงจะเป็นภาระตํอภาครัฐ และยังอาจทําให๎เกิดภาวะขาดความเช่ือมั่นท่ีเอกชนมีตํอ
รฐั บาลในการเข๎ารวํ มลงทนุ ในโครงการอื่น ๆ ได๎ ดงั นนั้ การท่รี ัฐมนตรีวําการกระทรวงคมนาคมและ
คณะกรรมการการทางพิเศษแหํงประเทศไทย ปรับข้ึนอัตราคําผํานทางพิเศษโดยคําทําให๎นึงถึง
เง่ือนไขท่ีกําหนดในสัญญาและแนวปฏิบัติซึ่งสอดคล๎องกับแนวนโยบายแหํงรัฐ ประกาศกระทรวง
คมนาคมเกย่ี วกบั การปรับขึน้ อัตราคาํ ผาํ นทางพเิ ศษดงั กลําว จึงชอบด๎วยกฎหมาย (คาํ พพิ ากษาศาล
ปกครองสงู สุดท่ี อ.๓๔๘/๒๕๖๐)

แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด เกี่ยวกบั สญั ญำทำงปกครอง |๓๐๒

บทที่ ๘

ระยะเวลาการฟอ้ งคดเี กีย่ วกับสญั ญาพสั ดุ

------------------

โดยที่ในปี พ.ศ. ๒๕๕๑ ได๎มีการแก๎ไขระยะเวลาการฟูองคดีเก่ียวกับสัญญาทาง
ปกครองตามมาตรา ๕๑ แหํงพระราชบัญญัติจัดต้ังศาลปกครองฯ จากเดิม ท่ีบัญญัติวํา “การฟูอง
คดีตามมาตรา ๙ วรรคหนงึ่ (๓) หรอื (๔) ให๎ยื่นฟูองภายในหนึ่งปนี บั แตวํ นั ทรี่ ู๎หรือ ควรรถู๎ งึ เหตุแหํง
การฟูองคดี แตํไมํเกินสิบปีนับแตํวันที่มีเหตุแหํงการฟูองคดี” เป็น “การฟูองคดี ตามมาตรา ๙
วรรคหน่ึง (๓) ให๎ย่ืนฟูองภายในหน่ึงปี และการฟูองคดีตามมาตรา ๙ วรรคหน่ึง (๔) ให๎ยื่นฟูอง
ภายในห๎าปีนับแตํวันท่ีร๎ูหรือควรร๎ูถึงเหตุแหํงการฟูองคดี แตํไมํเกินสิบปีนับแตํ วันที่มีเหตุแหํงการ
ฟูองคดี” โดยให๎มีผลตั้งแตํวันท่ี ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑ ดังน้ัน แนวคําวินิจฉัย ของศาลปกครองใน
สํวนของระยะเวลาการฟูองคดีเก่ียวกับสัญญาทางปกครองจึงมีท้ังแนวคําวินิจฉัย เกี่ยวกับการนับ
ระยะเวลาการฟูองคดีตามมาตรา ๕๑ เดิม และตามมาตรา ๕๑ แหํงพระราชบัญญัติ ดังกลําวท่ี
แก๎ไขแล๎ว โดยมตี วั อยํางคําวินจิ ฉยั ท่ีนาํ สนใจ ดังน้ี

ก) คดที คี่ รบกาํ หนด ๑ ปี ตามมาตรา ๕๑ แหํงพระราชบัญญตั จิ ดั ตง้ั ศาล ปกครองฯ
กอํ นมกี ารแกไ๎ ขตามมาตรา ๕๑ แหงํ พระราชบญั ญตั ิจดั ตงั้ ศาลปกครองฯ

กรณที ศี่ าลปกครองชนั้ ตน๎ มีคาํ ส่งั ไมรํ ับคาํ ฟอู งคดีพิพาทเกี่ยวกบั สญั ญาทางปกครอง
ไว๎พิจารณา เนื่องจากย่ืนฟูองคดีเม่ือพ๎นระยะเวลาหนึ่งปีนับแตํวันท่ีรู๎หรือควรรู๎ถึงเหตุแหํงการฟูอง
คดี ตามมาตรา ๕๑ แหํงพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองฯ และคดีอยูํระหวําง การพิจารณา
อุทธรณ์ของศาลปกครองสงู สดุ

เม่ือตํอมามีการแก๎ไขมาตรา ๕๑ โดยกําหนดให๎ย่ืนฟูอง คดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญา
ทางปกครองภายในห๎าปีนับแตํวันที่ร๎ูหรือควรร๎ูถึงเหตุแหํงการฟูองคดี ซ่ึงเป็นกรณีเงื่อนไขการฟูอง
คดีเปลีย่ นแปลงไปจากเดมิ ตามบทบัญญัตขิ องกฎหมายดังกลาํ ว จึงถือได๎วําผู๎ฟูองคดีนําคดมี าฟอู ง
ภายในระยะเวลาการฟูองคดี ศาลจึงรับคําฟูองน้ีไว๎พิจารณาพิพากษาหรือมีคําส่ังได๎ (คําส่ังศาล
ปกครองสงู สุดท่ี ๒๑๗/๒๕๕๑ และที่ ๒๔๐/๒๕๕๑)

ข) บทบญั ญัตมิ าตรา ๕๑ แหํงพระราชบญั ญตั ิจดั ตง้ั ศาลปกครองฯ ซงึ่ แกไ๎ ข ใหมมํ ี
ผลใชบ๎ งั คับทนั ที รวมถึงคดที อ่ี ยํใู นระหวํางการพิจารณาของศาลปกครองสูงสดุ ดว๎ ย

บทบัญญัติมาตรา ๕๑ แหํงพระราชบัญญัติจัดต้ังศาลปกครองฯ ซึ่งแก๎ไขเพ่ิมเติม
โดยพระราชบญั ญตั จิ ัดตัง้ ศาลปกครองฯ (ฉบับท่ี ๔) พ.ศ. ๒๕๕๑ เปน็ กฎหมายวิธีสบัญญัติ จึงมี ผล
ใช๎บังคับกับการฟูองคดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญาทางปกครองทุกคดีในทันที ซึ่งรวมถึงคดีท่ีอยํู ใน
ระหวาํ งการพจิ ารณาของศาลปกครองสูงสดุ ด๎วย (คําสง่ั ศาลปกครองสูงสดุ ท่ี ๒๔8/๒๕๕๑ ท่ี ๒๔๑/
๒๕๕๑ และท่ี ๓๙/๒๕๕๑)

แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสงู สุด เกีย่ วกบั สญั ญำทำงปกครอง |๓๐๓

นอกจากคําวินิจฉัยดังกลําวแล๎ว ศาลปกครองได๎วินิจฉัยวางแนวทางในการนับ
ระยะเวลาการฟอู งคดีพพิ าทเกย่ี วกบั สัญญาทางปกครองเอาไว๎หลายกรณีดว๎ ยกัน ดังนี้

๘.๑. การนบั ระยะเวลาการฟอ้ งคดพี ิพาทเกยี่ วกับสัญญาพัสดุ

๘.1.1.) กรณีหน่วยงานรฐั ผวู้ ่าจา้ งฟอ้ งเอกชนผรู้ บั จา้ ง

(๑) การฟ้องเรียกคา่ ปรบั ตามสัญญา

ศาลปกครองสงู สุดวนิ ิจฉยั ไว๎ ๒-๓ แนวทาง ดงั นี้

(๑.๑) กรณีนบั แต่วนั บอกเลิกสญั ญา และไดส้ งวนสิทธใิ นการเรยี กค่าปรับ

กรณีท่ีการประปาสํวนภูมิภาค (ผ๎ูฟูองคดี) ทําสัญญาจ๎างผู๎ถูกฟูองคดี ให๎ทําการ
กํอสรา๎ งปรบั ปรงุ กจิ การประปา แตผํ ู๎ถกู ฟอู งคดไี มสํ ามารถทํางานให๎แล๎วเสร็จตาม กําหนดเวลาเป็น
เหตใุ ห๎ต๎องมกี ารจ๎างผ๎รู ับจ๎างรายใหมํเขา๎ ดําเนินการแทนผ๎ถู กู ฟอู งคดี โดยมคี าํ จ๎างเพ่ิมข้ึนจากสัญญา
เดิม จึงฟูองขอให๎ผู๎ถูกฟูองคดีชําระคําปรับให๎แกํผู๎ฟูองคดี น้ัน เป็นคดีพิพาทเก่ียวกับสัญญาทาง
ปกครองตามมาตรา ๙ วรรคหน่ึง (๔) แหํงพระราชบญั ญตั ิ จดั ตง้ั ศาลปกครองฯ เม่อื ปรากฏวาํ ผูฟ๎ อู ง
คดีได๎มีหนงั สือบอกเลิกสัญญากบั ผ๎ูถูกฟูองคดี ลงวันท่ี ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ โดยหากผู๎ถูกฟูองคดี
ไมํสามารถทํางานให๎แล๎วเสร็จภายในสิบห๎าวัน นับแตํวันที่ผู๎ถูกฟูองคดีได๎รับหนังสือดังกลําว ผู๎ฟูอง
คดีขอถือเอาหนังสือดังกลําวเป็นการ บอกเลิกสัญญา ซ่ึงผ๎ูถูกฟูองคดีได๎รับหนังสือเมื่อวันที่ ๒๑
กุมภาพันธ์ ๒๕๔๖ เมื่อผ๎ูถูกฟูองคดี ไมํได๎ทํางานให๎แล๎วเสร็จ การบอกเลิกสัญญาจึงมีผลนับถัดจาก
วนั ท่คี รบกําหนดสบิ หา๎ วนั คือ วนั ที่ ๔ มีนาคม ๒๕๕๖ จึงถือวําผ๎ูฟูองคดีรู๎หรือควรร๎ูถึงเหตุแหํงการ
ฟูองคดีตั้งแตํวันดังกลําว ดังน้ัน การท่ีผ๎ูฟูองคดียื่นคําฟูองตํอศาลเพื่อเรียกเงินคําปรับในวันที่ ๒๖
พฤษภาคม ๒๕๕๑ จึงเป็นการยืน่ ฟอู งคดเี ม่ือพ๎นกําหนดระยะเวลาการฟูองคดีตามมาตรา ๕๑ แหํง
พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองฯ (คําสั่งศาลปกครองสูงสุดท่ี ๕๓/๒๕๕๒ ที่ ๕๗/๒๕๕๒ และที่
58/2552 วนิ จิ ฉัยแนวทางเดียวกนั )

กรณีท่ีการประปานครหลวงฟูองขอให๎ผู๎ถูกฟูองคดีซึ่งเป็นผู๎รับจ๎าง ตามสัญญาจ๎าง
วางทํอประปาชําระเงินคําปรับพร๎อมดอกเบ้ียอันเน่ืองจากกํอสร๎างงานไมํแล๎วเสร็จ ตามสัญญานั้น
จะต๎องยื่นฟูองคดีตํอศาลปกครองภายในห๎าปีนับแตํวันที่รู๎หรือควรรู๎ถึงเหตุ แหํงการฟูองคดีตาม
มาตรา ๕๑ แหํงพระราชบญั ญัตจิ ดั ตัง้ ศาลปกครองฯ ซึง่ แกไ๎ ขเพมิ่ เตมิ โดย พระราชบัญญตั ิฯ (ฉบบั ที่
๕) พ.ศ. ๒๕๕๑ ดังน้ัน เม่ือปรากฏวําในวันท่ี ๑๑ เมษายน ๒๕๕๘ ผู๎ฟูองคดีได๎มีหนังสือแจ๎งบอก
เลิกสัญญาพรอ๎ มท้ังสงวนสทิ ธิ์ในการเรียกร๎องคําเสียหาย คําปรับ และอื่นๆ ไปยังผ๎ูฟูองคดี จึงถือได๎
วําวันดังกลําวเป็นวันท่ีผ๎ูฟูองคดีรู๎หรือควรร๎ูถึงเหตุแหํงการ ฟูองคดีเพ่ือเรียกให๎ผู๎ถูกฟูองคดีชําระ
คาํ ปรบั ตามสญั ญาพิพาท การทผ่ี ู๎ฟอู งคดยี นื่ ฟอู งคดนี ้ี ตํอศาลเม่ือวนั ที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๕๒ จึงเป็น
การยื่นฟูองคดีภายในกําหนดระยะเวลาตาม มาตรา ๕๑ ดังกลําวแล๎ว (คําสั่งศาลปกครองสูงสุดท่ี
๓๖๑/๒๕๕๒)

แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด เกี่ยวกบั สญั ญำทำงปกครอง |๓๐๔

กรณีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ (ผ๎ูฟูองคดี) ฟูองขอให๎ ศาลมีคํา
พพิ ากษาหรอื คาํ ส่งั ให๎ผร๎ู ับจา๎ งชําระคําปรบั อันเนอ่ื งมาจากไมสํ ามารถสํงมอบครุภัณฑ์ ไดค๎ รบภายใน
กาํ หนดระยะเวลาตามสญั ญาจา๎ งกอํ สร๎างอาคารปฏิบตั กิ ารเครื่องกลเกษตร พร๎อมครุภัณฑ์ นั้น เมื่อ
ปรากฏวําผู๎ฟูองคดีมีหนังสือลงวันท่ี ๑๔ กันยายน ๒๕๕๗ บอกเลิก สัญญาจ๎างและริบหลักประกัน
สญั ญาจ๎างไปยังผูร๎ ับจ๎าง จงึ ถอื วาํ วนั ทม่ี หี นงั สือบอกเลิกสัญญา ดังกลาํ วเป็นวันที่ผู๎ฟูองคดีรู๎หรือควร
ร๎ูถงึ เหตแุ หํงการฟอู งคดี การที่ผ๎ูฟูองคดียื่นฟูองคดีน้ีตํอศาล เม่ือวันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๕๔ จึงเป็น
การยื่นฟูองคดีภายในห๎าปีนับแตํวันที่รู๎หรือควรร๎ูถึงเหตุ แหํงการฟูองคดีตามมาตรา ๕๑ แหํง
พระราชบัญญัตจิ ดั ตัง้ ศาลปกครองฯ (คาํ พิพากษาศาลปกครองสงู สุดท่ีอ.๔๗๘/๒๕๕๔)

กรณีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (ผู๎ฟูองคดี) ซ่ึงเป็น หนํวยงานทาง
ปกครองผูว๎ ําจา๎ ง ฟอู งขอให๎ศาลมคี าํ พพิ ากษาหรือคาํ สง่ั ใหผ๎ ร๎ู บั จา๎ งและผค๎ู าํ้ ประกัน รํวมกนั หรือแทน
กันชําระหน้ีคําปรับอันเนื่องมาจากกํอสร๎างงานตามสัญญาจ๎างเหมากํอสร๎าง อาคารเรียนชําง
อตุ สาหกรรม พร๎อมครภุ ัณฑ์ จาํ นวน ๑ หลงั ลาํ ช๎า น้ัน เม่ือปรากฏวําคณะกรรมการ ตรวจการจ๎าง
ได๎ตรวจรับการสํงมอบงานงวดสุดท๎ายของผ๎ูรับจ๎างแล๎วเห็นวําถูกต๎องครบถ๎วนเป็นไปตาม แบบรูป
รายการละเอียดของสัญญา แตํได๎บันทึกหมายเหตุในใบตรวจการจ๎างวําผ๎ูรับจ๎างต๎อง เสียคําปรับ
ตามสญั ญาเน่อื งจากสํงมอบงานลําชา๎ กวาํ ระยะเวลาที่กําหนด อีกทั้งยังมีคําปรับ ค๎างชําระภายหลัง
จากการหักกลบลบหน้ีกับหน้ีคําจ๎างกํอสร๎างในงวดงานกํอนๆ ตลอดจนปรากฏจากข๎อเท็จจริงและ
คําชี้แจงของผู๎ฟูองคดีตามคําส่ังศาลปกครองช้ันต๎นวําได๎ออกใบรับรองผล การปฏิบัติงานของผู๎
รบั จา๎ ง ลงวนั ท่ี 5 ตุลาคม ๒๕๔๗ ซึง่ ตามข๎อ ๗๒ (๔) ของระเบยี บสาํ นัก นายกรฐั มนตรี วาํ ด๎วยการ
พสั ดุ พ.ศ. ๒๕๓๔ กาํ หนดให๎มอบใบรับรองผลการปฏิบัติงานของ ผ๎ูรับจ๎างให๎แกํผู๎รับจ๎างจํานวน ๑
ฉบับ เพ่ือทําการเบิกจํายเงินตามระเบียบการเบิกจํายเงินจากคลัง พ.ศ. ๒๕๒๐ และรายงาน
อธิการบดีมหาวิทยาลัยฯ เพ่ือทราบหรือสั่งการ กรณีจึงเช่ือได๎วําผู๎ฟูองคดี ได๎รู๎ถึงการที่ผ๎ูฟูองค ดีมี
สิทธเิ รยี กร๎องคําปรับกรณสี ํงมอบงานลาํ ชา๎ ในงวดงานดังกลําวจาก ผู๎รับจ๎างและผู๎ค้ําประกันในวันท่ี
5 ตลุ าคม ๒๕๔๗ หรือหลงั จากนนั้ เพยี งไมํเกนิ ๗ วนั เป็นอยํางช๎า ผ๎ูฟูองคดีจึงอาจใช๎สิทธิเรียกร๎อง
คําปรับโดยการฟูองคดีตํอศาลปกครองได๎ต้ังแตํวันดังกลําว โดยมิพักต๎องรอให๎ผ๎ูรับจ๎างและผู๎คํ้า
ประกันปฏิเสธไมํชําระหนี้คําปรับตามที่ผ๎ูฟูองคดีได๎ทวงถาม ให๎ชําระแตํอยํางใด กรณีต๎องถือวําวัน
ดังกลําวเป็นวันที่ผู๎ฟูองคดีได๎ร๎ูหรือควรรู๎ถึงเหตุแหํง การฟูองคดี การท่ีผู๎ฟูองคดียื่นฟูองคดีตํอศาล
เม่ือวันท่ี ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ จึงเป็นการฟูอง เมื่อพ๎นระยะเวลาการฟูองคดีแล๎ว (คําส่ังศาล
ปกครองสงู สุดท่ี 6๕๑/๒๕๕๔)

เดิมองค์การบริหารสํวนจังหวัดชัยนาทได๎นําคดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญาจ๎างกํอสร๎าง
ถนนลาดยางสายกลางหมํูบ๎าน (จาก กม. ot๐๐๐ ถึง กม. ๑+๒๗๕) หมูํท่ี ๕-๑๓ ตําบลดงคอน
อาํ เภอสรรคบุรี จงั หวดั ชยั นาท ตามสัญญาลงวนั ที่ ๗ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๘ ในคดีน้ยี ืน่ ฟูอง บรษิ ทั พ.
ตํอศาลปกครองกลาง โดยศาลมีคําพิพากษาวํา การที่นาย ธ. ได๎ทําหนังสือมอบอํานาจให๎นาย พ.
ดําเนินการยื่นแบบข๎อเสนอการประมูลจ๎าง และมอบอํานาจ ให๎นางสาว ม. เป็นผ๎ูลงนามในสัญญา
จ๎างดังกลําวน้ัน มิใชํเป็นการกระทําในนามของกรรมการ ซ่ึงเป็นตัวแทนของบริษัท พ. แตํเป็นการ
กระทําในฐานะสํวนตัวของนาย ธ. ซ่ึงหากมี การผิดสัญญากันหรือกํอให๎เกิดความเสียหายขึ้น

แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด เกี่ยวกบั สญั ญำทำงปกครอง |๓๐๕

องค์การบริหารสํวนจังหวัดชัยนาทก็ชอบ ท่ีจะฟูองนาย ธ. ให๎รับผิดชอบเป็นการสํวนตัวได๎ และ
พพิ ากษายกฟอู ง ซงึ่ เป็นกรณกี ารฟูอง ผิดตัว ดังน้ัน องค์การบริหารสํวนจังหวัดชัยนาทจึงชอบที่จะ
ฟูองนาย ธ. เป็นคดีใหมํภายใต๎ บทบัญญัติวําด๎วยระยะเวลาการฟูองคดี เมื่อข๎อเท็จจริงปรากฏวํา
ภายหลังจากการทําสัญญา พิพาทดังกลําว จนกระทั่งถึงกําหนดระยะเวลาสิ้นสุดตามสัญญา
องค์การบริหารสํวนจังหวัดชัยนาท จึงต๎องฟูองภายในกําหนดระยะเวลาห๎าปีนับต้ังแตํวันดังกลําว
แม๎องค์การบริหารสํวนจังหวัดชัยนาท ได๎นําข๎อพิพาทในคดีนี้ยื่นฟูองตํอศาลปกครองชั้นต๎นดังท่ี
กลาํ วไว๎แลว๎ ขา๎ งตน๎ กม็ ิได๎เปน็ เหตุ ให๎อายุความสะดุดหยุดลง หรอื มีผลใหร๎ ะยะเวลาในการรู๎หรอื ควร
รู๎ถึงเหตุแหํงการฟูองคดีต๎องเปล่ียนแปลงไป เม่ือองค์การบริหารสํวนจังหวัดชัยนาทนําคดีนี้มายื่น
ฟูองเมื่อวันที่๑๑ เมษายน ๒๕๕๕ จึงเป็นการย่ืนฟูองเม่ือพ๎นกําหนดระยะเวลาการฟูองคดี ตาม
มาตรา ๕๑ แหํงพระราชบัญญัตจิ ดั ตงั้ ศาลปกครองฯ (คาํ ส่ังศาลปกครองสูงสดุ ท่ี ๕๓๖/๒๕๕๕)

กรณีทีก่ รมสงํ เสริมสหกรณท์ ําสัญญาวาํ จ๎างบริษทั ด. ใหเ๎ ปน็ ผพู๎ ัฒนาโปรแกรมและ
ติดตั้งระบบคอมพิวเตอร์ โดยมีธนาคารกรุงไทย จํากัด (มหาชน) เป็นผ๎ูค้ําประกันการปฏิบัติตาม
สัญญา เมอื่ ครบกําหนดตามสัญญาจ๎างเมือ่ วนั ที่ 4 มกราคม ๒๕๔๓ บริษัท ด. ไมํปฏิบัติตามสัญญา
โดยสํงมอบงานไมํถูกต๎องครบถ๎วนตามที่ระบุไว๎ ในสัญญาทําให๎กรมสํงเสริมสหกรณ์ได๎รับความ
เสียหาย กรมสํงเสริมสหกรณ์จึงมีหนังสือ ลงวันท่ี ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๓ และวันที่ ๑๑ พฤษภาคม
๒๕๕๓ แจ๎งให๎บริษัท ด. ดําเนินการสํงมอบงาน ตามสัญญาและได๎มีหนังสือลงวันที่ ๓๐ มิถุนายน
๒๕๔๓ ถึงบริษัท ด. เพื่อบอกเลิกสัญญา พร๎อมแจ๎งให๎ชําระคําปรับภายในวันท่ี ๑๕ กรกฎาคม
๒๕๔๓ และได๎มหี นังสือลงวันท่ี ๓๐ มถิ ุนายน ๒๕๔๓ ถึงธนาคารกรุงไทย จํากัด (มหาชน) ให๎ชดใช๎
เงินตามสัญญาค้ําประกัน ภายใน ๑๕ วันนับแตํวันท่ีได๎รับหนังสือแจ๎ง นั้น สัญญาพิพาทเป็นสัญญา
ทางปกครอง ตามบทนิยามของมาตรา ๓ แหํงพระราชบัญญัติจัดต้ังศาลปกครองฯ คดีนี้จึงเป็นคดี
พิพาท เก่ียวกับสัญญาทางปกครอง อันอยูํในเขตอํานาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครองตาม
มาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๔) แหํงพระราชบัญญัติดังกลําว ทั้งคดีน้ีคณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาด อํานาจ
หน๎าท่ีระหวํางศาลได๎วินิจฉัยแล๎ววําเป็นคดีอยูํในอํานาจพิจารณาพิพากษาของ ศาลปกครอง ศาล
แพํงจึงมีคําส่ังให๎โอนคดีนี้ไปยังศาลปกครองตามมาตรา ๑๐ วรรคหน่ึง (๓) แหํงพระราชบัญญัติวํา
ด๎วยการวินิจฉัยช้ีขาดอํานาจหน๎าท่ีระหวํางศาล พ.ศ. ๒๕๔๒ เม่ือความปรากฏวํากรมสํงเสริม
สหกรณ์มีหนังสือลงวันท่ี ๓๐ มิถุนายน ๒๕๔๓ ถึงบริษัท ด. บอกเลิกสัญญาพร๎อมแจ๎งให๎ชําระ
คําปรับ วันท่ีกรมสํงเสริมสหกรณ์ร๎ูหรือควรร๎ูถึงเหตุ แหํงการฟูองคดีอันเป็นวันเร่ิมต๎นของการยื่น
ฟูองคดีจึงเป็นวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๔๓ ซึ่งเป็นวันที่กรมสํงเสริมสหกรณ์ลงนามในหนังสือฉบับ
ดังกลําวเพื่อบอกเลิกสัญญากับบริษัท ด. สิทธิเรียกร๎องของกรมสํงเสริมสหกรณ์ในคดีนี้ จึงยํอมใช๎
บงั คบั ไดน๎ บั แตํวนั ดังกลําว กรมสํงเสริม สหกรณ์ชอบที่จะบังคับให๎เป็นไปตามสิทธิเรียกร๎องของตน
โดยการฟอู งคดตี ํอศาล อันเป็นการ เริม่ ตน๎ นับระยะเวลาในการฟูองคดีตามบทบัญญัติแหํงกฎหมาย
เม่ือกรมสํงเสริมสหกรณ์ ยื่นคําฟูองตํอศาลแพํงเม่ือวันท่ี ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๒ จึงเป็นการฟูองคดี
เม่ือพ๎นกําหนด ระยะเวลาห๎าปีนับแตํวันท่ีร๎ูหรือควรร๎ูถึงเหตุแหํงการฟูองคดีตามมาตรา ๕๑ แหํง
พระราชบัญญัติ จัดต้ังศาลปกครองฯ อีกท้ัง หากนับแตํวันท่ีเปิดทําการศาลปกครองกลางเมื่อวันท่ี

แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด เกีย่ วกบั สญั ญำทำงปกครอง |๓๐๖

6 มนี าคม ๒๕๔๔ กต็ าม คดยี ํอมพน๎ กําหนดระยะเวลาแหงํ การฟูองคดเี ชํนกนั (คาํ สั่งศาลปกครอง
สูงสดุ ท่ี ๓๖/๒๕๕๗)

การที่องค์การบริหารสํวนตําบลเนินหอม (ผู๎ฟูองคดี) ทําสัญญาจ๎าง ผู๎ถูกฟูองคดี
กอํ สร๎างหอกระจายขําวประจําหมูบํ ๎าน ตํอมาผูฟ๎ อู งคดีเห็นวาํ การกํอสรา๎ ง ไมํคบื หนา๎ จึงไดม๎ หี นังสือ
แจ๎งให๎ผ๎ูถูกฟูองคดีเข๎าดําเนินการกํอสร๎าง แตํผ๎ูถูกฟูองคดีเพิกเฉย ไมํดําเนินการกํอสร๎าง เม่ือครบ
กําหนดเวลากอํ สรา๎ งตามสัญญา ผูฟ๎ อู งคดีจงึ มหี นงั สอื ลงวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๕๕ แจ๎งให๎ผ๎ูถูกฟูอง
คดีชําระคาํ ปรับให๎แกผํ ๎ูฟูองคดีเป็นเงินจํานวนวันละ ๑๑๔ บาท แตํผ๎ูถูกฟูองคดีก็ยังกํอสร๎างไมํแล๎ว
เสรจ็ จนกระทั่งจํานวนเงินคาํ ปรับเกนิ รอ๎ ยละสิบของวงเงนิ คําจา๎ ง ผ๎ฟู อู งคดีจงึ มีหนังสอื ลงวนั ท่ี ๒๙
พฤศจกิ ายน ๒๕๔๔ แจง๎ บอกเลกิ สญั ญาจ๎างพรอ๎ มทัง้ ริบเงินประกนั สัญญา แตํเน่ืองจากเงินคําปรับ
เกนิ วงเงินคํ้าประกันสญั ญา ผู๎ฟอู งคดีจึงมีหนังสือ เรียกให๎ผู๎ถูกฟูองคดีนําเงินคําปรับมาชําระภายใน
๓๐ วนั นบั แตวํ นั ทไ่ี ดร๎ ับแจ๎ง แตํผ๎ูถูกฟูองคดี เพิกเฉย ผ๎ูฟูองคดีจึงนําคดีมาย่ืนฟูองตํอศาลปกครอง
เพือ่ ขอใหศ๎ าลสั่งใหผ๎ ๎ถู กู ฟอู งคดีชาํ ระเงนิ คําปรบั ดงั กลาํ ว น้นั เมื่อข๎อเทจ็ จรงิ ปรากฏวาํ ผ๎ูฟูองคดีได๎มี
หนังสอื ลงวันท่ี ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๔๕ แจ๎งบอกเลิกสญั ญาจ๎างทพ่ี ิพาทจึงถือวําผูฟ๎ ูองคดีร๎ูหรือควร
รูถ๎ ึงเหตแุ หงํ การฟูองคดตี งั้ แตวํ นั ดงั กลาํ ว การทผ่ี ู๎ฟอู งคดีนําคดมี าย่นื ฟูองตอํ ศาลปกครองเมอ่ื วนั ที่ ๔
พฤศจิกายน ๒๕๔๘ จึงเป็นการ ยื่นฟูองคดีเมื่อพ๎นกําหนดหนึ่งปีนับแตํวันที่ร๎ูหรือควรรู๎ถึงเหตุแหํง
การฟอู งคดีแลว๎ (คําส่งั ศาลปกครองสูงสดุ ท่ี ๖๐๖/๒๕๔๙ ท่ี ๕๘/๒๕๔๘ ท่ี ๕๕๒/๒๕๔๙ ท่ี ๖๓๑/
๒๕๔๙ ท่ี ๖๙๗/๒๕๕๔ และท่ี ๒๐๓/๒๕๕๐ วินจิ ฉยั แนวทางเดยี วกัน)

อนึง่ มีขอ๎ สังเกตวาํ ในบางคําวินิจฉยั ศาลปกครองสูงสุดได๎พิจารณาเกี่ยวกับการนับ
ระยะเวลาในการฟูองคดี โดยมิไดว๎ ินจิ ฉัยตรงๆ วํา วนั ใดเป็นวันทผี่ ู๎ฟอู งคดรี ู๎ หรือควรร๎ถู ึงเหตุแหํง
การฟูองคดีดังเชํนคําส่งั ศาลปกครองสูงสดุ ที่กลําวมาขา๎ งตน๎ แตํไดว๎ ินจิ ฉัยโดยใหเ๎ รม่ิ นบั ระยะเวลา
การฟูองคดีต้ังแตํวันบอกเลิกสัญญา อันเป็นวันที่ผ๎ูฟูองคดีเกิดสิทธิเรียกร๎องให๎ผู๎ถูกฟูองคดีชําระ
คาํ ปรบั โดยปรากฏตามคําวนิ ิจฉยั ของศาลปกครองสูงสดุ ตอํ ไปนี้

กรณีทกี่ รมสงํ เสริมการเกษตร (ผู๎ฟูองคดี) มอบอํานาจให๎ ผู๎วําราชการจังหวัดยะลา
ทําสัญญาจ๎างผู๎ถูกฟูองคดีให๎กํอสร๎างอาคารฝึกอบรมและหอพักพร๎อม ครุภัณฑ์ แตํปรากฏวําผ๎ูถูก
ฟูองคดีดําเนินการกํอสร๎างลําช๎ากวํากําหนดตามสัญญา ผ๎ูฟูองคดี จึงได๎มีหนังสือแจ๎งเตือนให๎ผ๎ูถูก
ฟูองคดีเรงํ ดาํ เนนิ งานใหแ๎ ลว๎ เสรจ็ และแจ๎งเรียกคาํ ปรบั ตาม สญั ญา แตํผู๎ถูกฟูองคดียังคงเพิกเฉยไมํ
รีบเรํงทํางานให๎แล๎วเสร็จตามสัญญา ผ๎ูฟูองคดีจึงได๎มี หนังสือลงวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ บอก
เลกิ สัญญาและรบิ หลกั ประกันสญั ญา พร๎อมท้ังแจง๎ ให๎ผ๎ูถูกฟูองคดีชําระเงินคําปรับ แตํผ๎ูถูกฟูองคดี
เพกิ เฉยไมยํ อมชําระ ผู๎ฟอู งคดจี ึงไดม๎ ีหนงั สอื ทวงถามใหผ๎ ู๎ถูกฟอู งคดชี ําระหน้ีอกี ครงั้ แตผํ ู๎ถูกฟูองคดี
ยังคงเพิกเฉยเชํนเดิม ผ๎ูฟูองคดีจึงย่ืน ฟูองคดีตํอศาลขอให๎ผ๎ูถูกฟูองคดีชําระคําปรับพร๎อมดอกเบี้ย
ให๎แกํผ๎ูฟอู งคดี นัน้ ถือวาํ สิทธิเรยี กร๎องของผูฟ๎ ูองคดเี พ่อื ให๎ผถู๎ ูกฟอู งคดีชําระเงินคําปรับตามสัญญา
เกดิ ขึ้นตง้ั แตํวนั ท่ี ๗ พฤศจิกายน ๒๕๔๔ อนั เปน็ วันบอกเลิกสัญญาจ๎าง มิใชํนับแตํวันท่ีอธิบดีของผ๎ู
ฟูองคดีได๎ทราบ เหตุแหํงการไมํปฏิบัติตามสัญญา เน่ืองจากในการปฏิบัติราชการเมื่ออธิบดีของผ๎ู
ฟอู งคดตี กลง ทําสญั ญาจ๎างกับผ๎รู ับจ๎าง มิได๎หมายความวาํ อธบิ ดจี ะตอ๎ งเปน็ ผูด๎ าํ เนนิ การควบคุมดแู ล

แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสงู สุด เกีย่ วกบั สญั ญำทำงปกครอง |๓๐๗

ผ๎ูรับจ๎าง ด๎วยตนเอง แตํหน๎าที่ติดตามดูแลข๎างต๎นเป็นของข๎าราชการที่รับผิดชอบเรื่องดังกลําว
โดยตรง วนั ทอี่ ธิบดขี องผู๎ฟูองคดีทราบเหตุแหํงการไมํปฏิบัติตามสัญญาจึงมิใชํวันเร่ิมนับระยะเวลา
การฟอู งคดี ดังน้ัน เม่ือปรากฏวําผ๎ฟู ูองคดียน่ื ฟูองคดีน้ใี นวันท่ี ๑๘ กนั ยายน ๒๕๕๖ อันเป็น วันพ๎น
กาํ หนดหนง่ึ ปีนบั แตวํ ันบอกเลิกสัญญา จงึ เปน็ การฟอู งคดเี มือ่ พน๎ กําหนดระยะเวลา การฟูองคดตี าม
มาตรา ๕๑ แหํงพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองฯ แล๎ว (คําส่ังศาลปกครองสูงสุดที่ ๕๖/๒๕48
และท่ี ๓๓๕/๒๕๔๗)

กรณีที่ศาลวินิจฉัยว่า ระยะเวลาการฟ้องคดีเริ่มนับต้ังแต่วันท่ีผู้รับจ้างได้รับ
หนงั สอื แจ้งการบอกเลิกสัญญา แตเ่ มอื่ ไมป่ รากฏวันท่ีได้รับหนังสือฯ ถือว่าผู้รับจ้างทราบถึงการ
บอกเลกิ สัญญาอย่างช้าทสี่ ุดในวนั ที่มีหนงั สอื ขอทบทวนการบอกเลิกสัญญาต่อผู้วา่ จ้าง

การท่ีการไฟฟูาสํวนภูมิภาค (ผ๎ูฟูองคดี) ทําสัญญาวําจ๎าง ให๎ผู๎ถูกฟูองคดีกํอสร๎าง
พร๎อมติดตัง้ อปุ กรณ์ระบบจาํ หนาํ ยไฟฟาู แตํปรากฏวาํ ผู๎ถูกฟอู งคดี ทาํ งานไมํแล๎วเสร็จตามสัญญา ผู๎
ฟูองคดีจึงมีหนังสือลงวันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๕๑ แจ๎งบอกเลิก สัญญาและสงวนสิทธิ์ในการเรียก
คําปรับ ตํอมาผ๎ูถูกฟูองคดีได๎มีหนังสือลงวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๑ ขอให๎ผู๎ฟูองคดีทบทวนการ
บอกเลิกสัญญาดังกลําว แตํผ๎ูฟูองคดียังคงยืนยันการบอกเลิกสัญญาและเรียกให๎ผ๎ูถูกฟูองคดีชําระ
คาํ ปรบั ข๎างต๎น กรณีดังกลําวถือวําระยะเวลาการฟูองคดี เริม่ นบั ตัง้ แตวํ ันทผี่ ถ๎ู กู ฟูองคดีได๎รับหนังสือ
แจง๎ การบอกเลิกสญั ญา ซึ่งแมไ๎ มํปรากฏวําผถ๎ู กู ฟอู งคดี ได๎รบั หนังสอื แจ๎งดังกลาํ วในวันใด แตํการท่ีผู๎
ถกู ฟูองคดมี ีหนังสอื ขอให๎ผู๎ฟูองคดีทบทวน การบอกเลิกสัญญา ถือวําผู๎ถูกฟูองคดีทราบถึงการบอก
เลิกสัญญาอยํางช๎าท่ีสุดในวันที่มีหนังสือ ขอทบทวนการบอกเลิกสัญญาถึงผ๎ูฟูองคดี ดังน้ัน การที่ผู๎
ฟูองคดีนําคดีมาฟูองตํอศาลปกครอง ในวันท่ี ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ จึงเป็นการฟูองคดีเม่ือพ๎น
ระยะเวลาการฟูองคดีตามมาตรา ๕๑ แหํงพระราชบัญญัติจัดต้ังศาลปกครองฯ แล๎ว (คําส่ังศาล
ปกครองสงู สุดที่ ๔๘8/๒๕4๘)

ขอ้ สังเกตุ บางกรณศี าลปกครองสงู สดุ นับระยะเวลาตัง้ แตํวันทค่ี ณะกรรมการตรวจ การจ๎าง
รายงานการตรวจรบั งาน ไดแ๎ กํ

๑) กรณีที่ถอื วาํ ผฟู๎ ูองคดรี หู๎ รอื ควรร๎ูถงึ เหตแุ หงํ การฟูองคดตี ้ังแตวํ นั ทคี่ ณะกรรมการ
ตรวจการจ๎างตรวจรับงาน

การท่ีผ๎ูถูกฟูองคดีซ่ึงเป็นผู๎รับจ๎างตามสัญญาจ๎างกํอสร๎างถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก
พร๎อมวางทํอระบายน้ํา โดยมกี ําหนดแล๎วเสรจ็ ในวันท่ี ๑๕ มกราคม ๒๕๔๔ ได๎สํงมอบงานตามเวลา
ที่กําหนด แตํเทศบาลตําบล (ผ๎ูฟูองคดี) ซึ่งเป็นผ๎ูวําจ๎างเห็นวําการ กํอสร๎างไมํตรงตามรูปแบบ
รายการหลายประการ จึงมหี นงั สือแจง๎ ให๎ผ๎ถู กู ฟอู งคดแี กไ๎ ข ตํอมา ผู๎ถูกฟูองคดีได๎แก๎ไขงานดังกลําว
และสํงมอบงานตามหนังสือลงวันที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๕๖ โดย คณะกรรมการตรวจการจ๎างของผ๎ู
ฟอู งคดีได๎ตรวจรับงานในวันท่ี ๓๐ เมษายน ๒๕๔๖ จากนัน้ ผฟู๎ อู งคดีไดม๎ หี นังสือแจง๎ ใหผ๎ ูถ๎ ูกฟูองคดี
นําเงินคําปรับกรณีงานกํอสร๎างแล๎วเสร็จลําช๎า มาชําระภายใน ๓๐ วัน นับแตํวันท่ีได๎รับหนังสือ

แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด เกี่ยวกบั สญั ญำทำงปกครอง |๓๐๘

ดังกลําว แตํผ๎ูถูกฟูองคดีเพิกเฉย ผ๎ูฟูองคดีถือวํา ผู๎ถูกฟูองคดีผิดนัดนับแตํวันพ๎นกําหนด ๓๐ วัน
ตามหนังสือทวงถาม จึงนําคดีมายื่นฟูองตํอ ศาลปกครองขอให๎ผ๎ูถูกฟูองคดีชําระคําปรับ น้ัน เมื่อ
ปรากฏวาํ ผถู๎ ูกฟอู งคดไี ดม๎ ีหนังสือลงวนั ที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๔๖ แจ๎งการสงํ มอบงานตามทมี่ กี ารแกไ๎ ข
แล๎ว และคณะกรรมการตรวจรับงาน ได๎ตรวจรบั ในวนั ท่ี ๓๐ เมษายน ๒๕๕๖ อันเป็นวันท่ีงานแล๎ว
เสรจ็ จริง ผ๎ูถูกฟูองคดจี งึ ตอ๎ งเสยี คําปรบั กรณสี งํ มอบงานลําช๎าใหก๎ ับผูฟ๎ อู งคดตี ้งั แตํวันที่ครบกําหนด
ในสัญญา คือ วนั ท่ี ๑๔ มกราคม ๒๕๕๔ จนถึงวันทง่ี านแลว๎ เสร็จจรงิ คือ วันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๔๖
จงึ ถอื วาํ ผ๎ูฟูองคดรี ๎ู หรอื ควรรถู๎ งึ เหตุแหงํ การฟอู งคดตี งั้ แตํวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๖ การที่ผ๎ูฟูองคดี
มีหนังสือแจ๎งให๎ผ๎ูถูกฟูองคดีนําเงินไปชําระคําปรับภายใน ๓๐ วัน นับแตํวันได๎รับหนังสือน้ัน เป็น
เพียงการ ทวงถามใหผ๎ ูถ๎ กู ฟูองคดีชําระคาํ ปรบั ตามทต่ี ๎องชําระเทํานั้น เม่ือผู๎ฟูองคดีนําคดีมาย่ืนฟูอง
ตํอศาล ในวนั ที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๗ จงึ เป็นการยื่นฟูองคดีเมื่อพ๎นกําหนดระยะเวลาการฟูองคดี
ตาม มาตรา ๕๑ แหํงพระราชบัญญัตจิ ัดตง้ั ศาลปกครองฯ (คาํ สง่ั ศาลปกครองสงู สุดท่ี 8๗๐/๒๕๔๗)

กรณีท่ีถือว่าผู้ฟ้องคดีรู้หรือควรรู้ถึงเหตุแห่งการฟ้องคดีตั้งแต่วันท่ีเจ้าหน้าท่ีผู้
ปฏบิ ตั ิราชการแทนผูม้ ีอานาจกระทาการแทนหน่วยงานทางปกครอง (ผูฟ้ ้องคด)ี ซึง่ เป็นผวู้ ่าจ้าง
ไดร้ บั ทราบบันทกึ การตรวจรับงานของคณะกรรมการ ตรวจการจ้างซ่ึงเสนอให้เรียกค่าปรับจาก
ผ้รู ับจ้าง

การทีผ่ ู๎ถูกฟูองคดีซง่ึ เปน็ ผู๎รับจา๎ งตามสญั ญาจ๎างกอํ สรา๎ งคันดนิ และอาคารประกอบ
ในโครงการพัฒนาบึง ดําเนนิ การไมแํ ลว๎ เสร็จตามสญั ญา กรมชลประทาน (ผ๎ฟู ูองคดี) ซงึ่ เป็นผู๎วําจ๎าง
จึงมหี นังสือแจ๎งให๎ผูถ๎ กู ฟูองคดีเรํงรัดการทํางานพร๎อมทั้งสงวนสิทธิ ในการรับเงินประกันสัญญาเงิน
คําปรับและคําเสียหายตามเง่ือนไขของสัญญา ตํอมาเม่ือผ๎ูถูกฟูองคดี สํงมอบงาน คณะกรรมการ
ตรวจการจ๎างไดม๎ ีบันทึกเสนอเจ๎าหน๎าท่ีของผู๎ฟูองคดีซึ่งปฏิบัติราชการ แทนอธิบดีของผ๎ูฟูองคดี ให๎
ปรับผู๎ถูกฟูองคดีเน่ืองจากสํงมอบงานลําช๎า โดยเจ๎าหน๎าท่ีดังกลําว ได๎ลงนามรับทราบบันทึกของ
คณะกรรมการฯ ในวันท่ี ๒๙ สิงหาคม ๒๕๕๕ และผ๎ูฟูองคดีได๎มี หนังสือแจ๎งให๎ผู๎ถูกฟูองคดีชําระ
คําปรับในเวลาตํอมา เมื่อผ๎ูถูกฟูองคดีไมํชําระผ๎ูฟูองคดีจึงนําคดี มาฟูองตํอศาลปกครอง นั้นถือวํา
วนั ท่ผี ๎ูฟูองคดรี ูห๎ รือควรรถู๎ งึ เหตุแหํงการฟอู งคดคี อื วนั ที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๕๕ ซ่ึงเป็นวันท่ีเจ๎าหน๎าท่ี
ผูป๎ ฏิบัติราชการแทนอธบิ ดขี องผฟู๎ อู งคดไี ดร๎ ับทราบและ ลงนามอนุมตั ิตามบันทกึ ของคณะกรรมการ
ตรวจการจ๎าง เมื่อผ๎ูฟูองคดีนําคดีมายื่นฟูองตํอศาล ในวันที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๕๖ จึงเป็นการฟูอง
คดีเม่ือพ๎นกําหนดระยะเวลาหน่ึงปีนับแตํวันท่ีรู๎หรือ ควรรู๎ถึงเหตุแหํงการฟูองคดีตามมาตรา ๕๑
แหํงพระราชบัญญตั ิจัดต้งั ศาลปกครองฯ (คาํ ส่งั ศาลปกครองสูงสดุ ที่ ๖๑/๒๕๕๘)

กรณีทถ่ี ือวาํ ผูฟ๎ ูองคดรี ู๎หรือควรร๎ูถึงเหตุแหํงการฟูองคดีตั้งแตํวันที่ได๎มีหนังสือเรียก
ใหผ๎ ูถ๎ ูกฟูองคดีชําระเงินคาํ ปรับ

ผู๎ถูกฟูองคดีซึ่งเป็นผ๎ูรับจ๎างตามสัญญาจ๎างขุดลอกหนองน้ํา ซ่ึงมีกําหนดแล๎วเสร็จ
ภายในวันท่ี ๑๗ มิถุนายน ๒๕๓๙ ทํางานไมํแล๎วเสร็จตามสัญญา จังหวัด นราธิวาส (ผู๎ฟูองคดี) ซึ่ง
เป็นผ๎ูวําจ๎างจึงมีหนังสือลงวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๕๑ แจ๎งให๎ผ๎ูถูกฟูองคดี นําเงินคําปรับมาชําระ

แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด เกีย่ วกบั สญั ญำทำงปกครอง |๓๐๙

ภายใน ๓๐ วัน นบั แตวํ นั ไดร๎ บั หนังสอื โดยผูถ๎ กู ฟูองคดีได๎รับหนังสือดังกลําว เม่ือวันท่ี ๒๔ มีนาคม
๒๕๕๑ แตผํ ๎ูถูกฟูองคดเี พิกเฉย ผ๎ฟู อู งคดีจงึ นาํ คดมี ายืน่ ฟอู งตํอ

(1.2) กรณที ่ีหน่วยงานของรฐั ผ้วู ่าจ้าง บอกเลิกสญั ญา โดยไมไ่ ดแ้ จง้ สงวนสิทธิ
เรยี กค่าปรบั

กรณที ่ศี าลวินิจฉยั ว่าการนับระยะเวลาการฟ้องคดี เริ่มต้ังแต่วันที่ผู้รับจ้างได้รับ
หนงั สือบอกเลิกสัญญาอันเป็นวนั ท่ีการบอกเลิกสัญญามีผลโดยถือว่าผู้ฟ้องคดีประสงค์เรียกร้อง
เอาเบย้ี ปรบั ในฐานะท่เี ปน็ ส่วนหนงึ่ ของค่าเสียหาย

กรณีท่ีกรมชลประทาน (ผ๎ูฟูองคดี) ทําสัญญาวําจ๎างผ๎ูถูกฟูองคดี ให๎ทํางานขุดลอก
อํางเกบ็ นํา้ โดยครบกาํ หนดสญั ญาในวนั ที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๔ แตเํ ม่ือครบกําหนดสัญญาแล๎ว ผ๎ู
ถูกฟูองคดียังไมํสํงมอบงาน ซ่ึงคณะกรรมการตรวจการจ๎างได๎เรํงรัดให๎ ผ๎ูถูกฟูองคดีเข๎าดําเนินการ
ภายในเจ็ดวัน แตํผู๎ถูกฟูองคดีไมํเข๎าดําเนินการให๎แล๎วเสร็จ ผู๎ฟูองคดี จึงได๎มีหนังสือลงวันท่ี ๒๘
พฤษภาคม ๒๕๕๕ แจ๎งบอกเลิกสัญญาและกําหนดใหช๎ าํ ระคาํ ปรบั รายวันตามสัญญาจ๎างต้ังแตํวันที่
ครบกําหนดตามสญั ญาไปจนถึงวันที่ผ๎ูฟูองคดีบอกเลิกสัญญา โดยให๎ชําระภายในเจ็ดวันนับแตํวันท่ี
ได๎รบั หนังสอื ซึ่งผ๎ถู ูกฟอู งคดีได๎รับหนังสอื ดงั กลําวเม่ือวันท่ี ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๕ แตํไมํยอมชําระ
คาํ ปรับ ผ๎ูฟูองคดีจึงฟูองขอให๎ศาลพิพากษาให๎ผ๎ูถูกฟูองคดี ชําระคําปรับพร๎อมดอกเบ้ียให๎แกํผ๎ูฟูอง
คดี นั้น ศาลปกครองสูงสุดโดยที่ประชุมใหญํวินิจฉัยวํา ในกรณีท่ีผู๎ฟูองคดีใช๎สิทธิเลิกสัญญาพิพาท
แล๎ว ผ๎ูฟูองคดียํอมไมํมีสิทธิท่ีจะเรียกร๎องให๎ผ๎ูถูกฟูองคดี ชําระเบ้ียปรับตามสัญญาได๎อีก เน่ืองจาก
คํูสัญญาแตํละฝุายต๎องกลับไปสูํฐานะที่เป็นอยูํเดิม ตามมาตรา ๓๙๑ วรรคหน่ึง แหํงประมวล
กฎหมายแพํงและพาณิชย์ แตํการใช๎สิทธิบอกเลิก สัญญาดังกลําวไมํกระทบถึงสิทธิเรียกร๎อง
คําเสียหายของผ๎ูฟอู งคดี ซ่งึ กรณีถอื ไดว๎ าํ ผ๎ูฟอู งคดี ประสงค์เรียกร๎องเอาเบ้ียปรับในฐานะที่เป็นสํวน
หนงึ่ ของคาํ เสยี หายทผี่ ู๎ฟูองคดมี สี ิทธิตาม มาตรา ๓๙๑ วรรคส่ี ประกอบกับมาตรา ๓๘๐ วรรคสอง
แหํงประมวลกฎหมายแพํงและพาณชิ ย์ เมื่อผ๎ฟู อู งคดมี หี นังสือลงวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๔ บอก
เลิกสัญญาและเรียกร๎องให๎ผู๎ถูกฟูองคดี ชําระคําปรับอันเป็นสํวนหน่ึงของคําเสียหายภายในเจ็ดวัน
นับแตํวนั ทไี่ ดร๎ บั หนงั สอื ดงั กลาํ ว โดยผถ๎ู กู ฟอู งคดีไดร๎ ับหนงั สือในวันที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ถือได๎
วาํ การบอกเลกิ สญั ญามผี ลแล๎ว ตามมาตรา ๑๖๙ แหงํ ประมวลกฎหมายแพํงและพาณิชย์ ซึง่ เม่ือนบั
ถงึ วันท่ผี ๎ูฟูองคดยี ่นื คําฟูอง ตํอศาลปกครองในวันที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๕๖ จึงพ๎นกําหนดหน่ึงปีนับแตํ
วันที่รู๎หรือควรรู๎ถึงเหตุ แหํงการฟูองคดีตามมาตรา ๕๑ แหํงพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองฯ
(คําสง่ั ศาลปกครองสงู สุด ที่ ๖๐/๒๕48 ท่ี ๖๒/๒๕4๘ ท่ี 7๔/๒๕48 ท่ี 8๔/๒๕4๘ ท่ี 8๗/๒๕4๘
ท่ี 88/๒๕4๘ ท่ี ๙๔/๒๕48 ท่ี ๑๙9/๒๕48 และที่ ๔9/๒๕๔9วนิ จิ ฉยั แนวทางเดียวกัน)

(๑.๓.) กรณอี ่นื ๆ

1) กรณีที่ศาลวินิจฉัยว่าการแจ้งให้ชาระค่าปรับโดยไม่มี ผู้รับ ถือไม่ได้ว่าเป็น
การแจ้งกาหนดเวลาชาระหนี้ค่าปรับให้ผู้รับจ้างทราบโดยชอบแล้ว ผู้ว่าจ้างจึงต้องใช้สิทธิ

แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสงู สุด เกีย่ วกบั สญั ญำทำงปกครอง |๓๑๐

เรียกร้องให้ชาระค่าปรับในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของค่าเสียหาย ต้ังแต่วันที่ผู้รับจ้างได้รับหนังสือ
แจ้งบอกเลกิ สัญญาจ้าง อันเป็นวันที่เกดิ สทิ ธิดังกล่าว

การที่ผ๎ูถูกฟูองคดีซ่ึงเป็นผ๎ูรับจ๎างไมํสามารถดําเนินการ กํอสร๎างตามสัญญาจ๎าง
กอํ สรา๎ งปรับปรุงระบบทํอประปาและกอํ สรา๎ งถนนลาดยางจาํ นวน ๒ ฉบบั ให๎แล๎วเสร็จภายในเวลา
ที่กาํ หนด สถาบันเทคโนโลยรี าชมงคล (ผ๎ูฟูองคดี) ซึ่งเป็นผ๎ูวําจ๎าง จึงบอกเลิกสัญญาและฟูองคดีตํอ
ศาลปกครองขอให๎ผ๎ถู กู ฟอู งคดีชําระเงนิ คาํ ปรบั ตามสัญญา โดยผู๎ฟูองคดีได๎มีหนังสือบอกเลิกสัญญา
ทั้งสองฉบับตั้งแตํวันท่ี ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๐ ซ่ึงผู๎ถูกฟูองคดีได๎รับหนังสือดังกลําวในวันที่ ๓๑
กรกฎาคม ๒๕๔๐ และวนั ท่ี 9 สิงหาคม ๒๕๕๐ ตามลําดับ ตํอมาผู๎ฟูองคดีได๎มีหนังสือลงวันท่ี ๓๐
พฤศจิกายน ๒๕๔๒ แจ๎งให๎ผ๎ูถูกฟูองคดีชดใช๎ คําปรับภายในกําหนดสามสิบวันนับแตํวันที่ได๎รับ
หนังสือ แตํหนังสือแจ๎งไมํมีผู๎รับ กรณีจึงถือ ไมํได๎วําหนังสือแจ๎งดังกลําวเป็นการที่ผู๎ฟูองคดีได๎แจ๎ง
กําหนดเวลาชําระหนีใ้ หแ๎ กํผู๎ถูกฟูองคดี ทราบโดยชอบแล๎ว เหตุแหํงการฟูองคดีจึงเกิดขึ้นต้ังแตํเมื่อ
วันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๐ และวนั ท่ี 9 สงิ หาคม ๒๕๕๐ ซง่ึ เปน็ วนั ทผี่ ถ๎ู ูกฟูองคดไี ดร๎ บั หนงั สอื บอก
เลิกสัญญา อันมีผลให๎คํูสัญญา แตํละฝุายกลับคืนสูํฐานะเดิม แตํไมํกระทบถึงสิทธิเรี ยกร๎อง
คาํ เสยี หายของคสูํ ัญญาตามประมวล กฎหมายแพงํ และพาณิชย์ มาตรา ๓๙๑ ดังนั้น ผู๎ฟูองคดีจึงไมํ
มีสิทธิเรียกร๎องให๎ผ๎ูถูกฟูองคดี ชําระเบี้ยปรับตามสัญญา โดยจะเรียกร๎องได๎แตํคําเสียหายฐานผิด
สัญญา ซ่ึงผู๎ฟูองคดีอาจ เรียกเอาเบ้ียปรับในฐานเป็นสํวนหนึ่งแหํงคําเสียหายได๎ตามประมวล
กฎหมายแพํงและพาณิชย์ มาตรา ๓๘๐ วรรคสอง แตํเนื่องจากสิทธิเรียกร๎องคําเสียหายฐานผิด
สญั ญานั้นผ๎ฟู อู งคดไี มํได๎ ทวงถามโดยกําหนดเวลาใหผ๎ ๎ถู ูกฟูองคดีทราบโดยชอบ สทิ ธิดังกลําวจึงยํอม
เกดิ ข้นึ ตงั้ แตวํ นั ท่ี ผูถ๎ กู ฟูองคดีได๎รับแจ๎งหนงั สือบอกเลิกสญั ญาคือต้ังแตวํ นั ที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๔๐
และวันที่ ๑ สงิ หาคม ๒๕๕๐ ตามลาํ ดบั ซ่ึงผ๎ูฟูองคดีมิได๎ใช๎สิทธิฟูองคดีตํอศาลยุติธรรมซึ่งมีอํานาจ
พจิ ารณา พิพากษาคดีในขณะนั้น จนศาลปกครองเปิดทาํ การเม่อื วนั ท่ี ๔ มีนาคม ๒๕๕๔ และผู๎ฟูอง
คดี นําคดมี าฟูองตอํ ศาลปกครองเม่อื วันท่ี ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๔๖ จึงพ๎นกําหนดระยะเวลาการฟูอง
คดี ตํอศาลปกครองตามมาตรา ๕๑ แหํงพระราชบัญญัติจัดต้ังศาลปกครองฯ (คําสั่งศาลปกครอง
สงู สดุ ที่ ๒๓๖/๒๕๔๗)

2) กรณที ถ่ี ือวา่ ผวู้ ่าจ้างรหู้ รอื ควรรู้ถงึ เหตุแหง่ การฟอ้ งคดีต้ังแต่วนั ถัดจากวันที่ผู้
ว่าจา้ งกาหนดให้ผ้รู บั จา้ งต้องชาระเงินคา่ ปรับตามสญั ญา

กรณีที่สํานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กรมอาชีวศึกษา เดิม) (ผ๎ูฟูองคดี)
ทําสัญญาวําจ๎างให๎ผ๎ูถูกฟูองคดีท่ี ๑ กํอสร๎างอาคารเรียนและปฏิบัติการ แตํผู๎ถูกฟูองคดีที่ ๑
กํอสรา๎ งงานไมํแล๎วเสรจ็ ตามสญั ญา ผู๎ฟอู งคดจี งึ ขยายระยะเวลาการกอํ สร๎าง ตามสัญญาออกไป แตํ
ผ๎ูถูกฟูองคดีท่ี ๑ ดําเนินการกํอสร๎างแล๎วเสร็จเพียง ๗ งวดงานโดยไมํยอม ดําเนินการกํอสร๎างงาน
งวดที่ ๔ ซึ่งเป็นงานงวดสุดท๎าย ผ๎ูฟูองคดีจึงมีหนังสือแจ๎งให๎ปฏิบัติตาม สัญญาและแจ๎งเร่ืองการ
ชําระคําปรับตามสัญญา แตํผู๎ถูกฟูองคดีท่ี ๑ ก็ยังกํอสร๎างไมํแล๎วเสร็จ ตามสัญญา ผ๎ูฟูองคดีจึงมี
หนังสือลงวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๑ แจ๎งบอกเลิกสัญญาและเรียกให๎ ผู๎ถูกฟูองคดีที่ ๑ ชําระเงิน
คําปรับจากการกํอสร๎างงานลําช๎า แตผํ ูถ๎ ูกฟูองคดที ่ี ๑ เพกิ เฉย ไมํชาํ ระเงนิ คําปรบั ดงั กลาํ ว ผ๎ูฟูองคดี

แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสงู สุด เกี่ยวกบั สญั ญำทำงปกครอง |๓๑๑

จึงได๎มีหนังสือลงวันท่ี ๑๐ เมษายน ๒๕๔๕ แจ๎งให๎ ผู๎ถูกฟูองคดีท่ี ๑ ชําระคําปรับและคําเสียหาย
ตามสัญญาให๎แล๎วเสร็จภายในวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๔๕ แตํเม่ือพ๎นกําหนดระยะเวลาดังกลําว
แลว๎ ผถู๎ ูกฟูองคดีก็ยังคงเพิกเฉยไมํชําระเงินให๎แกํ ผ๎ูฟูองคดี กรณีดังกลําวถือวําวันท่ีผู๎ฟูองคดีรู๎หรือ
ควรร๎ูถึงเหตุแหํงการฟูองคดีเริ่มนับต้ังแตํวันที่ พันจากวันท่ีผ๎ูฟูองคดีกําหนดให๎ผู๎ถูกฟูองคดีท่ี ๑
ชําระเงนิ คําปรบั ตามสัญญาตามหนงั สอื ลงวนั ท่ี ๑๙ ตุลาคม ๒๕๔๑ เม่อื ปรากฏวาํ ผูฟ๎ อู งคดีนําคดีมา
ฟูองตํอศาลปกครองในวันท่ี ๑๐ มถิ ุนายน ๒๕๔๖ จึงเปน็ การฟูองเม่อื พน๎ กําหนดระยะเวลาการฟูอง
คดีตามมาตรา ๕๑ แหํงพระราชบัญญัติ จัดต้ังศาลปกครองฯ แล๎ว (คําส่ังศาลปกครองสูงสุดที่
๓๖๓/๒๕4๘)

3) กรณีทีถ่ อื วา่ ผวู้ ่าจา้ งรู้หรือควรรู้ถึงเหตุแห่งการฟ้องคดีต้ังแต่ วันถัดจากวันที่
ครบกาหนดระยะเวลาตามสญั ญาจา้ งทีข่ ยายออกไป

สญั ญาจ๎างกอํ สร๎างอาคารเรียนของสถาบนั เทคโนโลยีราชมงคล (ผู๎ฟอู งคด)ี ซึง่ เปน็ ผ๎ู
วําจ๎าง กําหนดส้ินสุดสัญญาในวันท่ี ๑๓ ธันวาคม ๒๕๔๐ โดยในสัญญา มีข๎อกําหนดวํา หากผู๎ถูก
ฟูองคดีซึ่งเป็นผ๎ูรับจ๎างไมํสามารถทําการกํอสร๎างให๎แล๎วเสร็จตามเวลา ท่ีกําหนดไว๎ในสัญญาและผู๎
ฟูองคดียังมิได๎บอกเลิกสัญญา ผู๎ถูกฟูองคดีจะต๎องชําระคําปรับให๎แกํ ผู๎ฟูองคดีนับถัดจากวันที่
กําหนดแล๎วเสร็จตามสัญญาหรือวันท่ีผู๎ฟูองคดีได๎ขยายให๎จนถึงวันที่ ทํางานแล๎วเสร็จจริง ตํอมาผ๎ู
ฟูองคดีไดข๎ ยายกาํ หนดวนั สิ้นสดุ ของสัญญาออกไปจนถึงวันท่ี ๓๐ เมษายน ๒๕๕๑ แตํผู๎ถูกฟูองคดี
ยงั ไมสํ ามารถกอํ สร๎างให๎แล๎วเสร็จตามสัญญา ผู๎ฟูองคดีจึงมี หนังสือบอกเลิกสัญญาและแจ๎งให๎ผ๎ูถูก
ฟูองคดีชําระคําปรับตามท่ีกําหนดในสัญญา ดังนี้ ผู๎ฟูองคดี ยํอมมีสิทธินําคดีมาฟูองตํอศาลขอให๎ผู๎
ถูกฟูองคดีชําระคําปรับได๎นับแตํวันท่ี ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๑ อันเป็นวันถัดจากวันท่ีครบกําหนด
สิ้นสดุ ของสญั ญาท่ีได๎ขยายออกไปครั้งสุดท๎าย โดยถือเป็น วันที่ผู๎ฟูองคดีรู๎หรือควรร๎ูถึงเหตุแหํงการ
ฟอู งคดตี ามมาตรา ๕๑ แหํงพระราชบญั ญัติจดั ตั้ง ศาลปกครองฯ เมอื่ ผูฟ๎ อู งคดีนําคดมี าฟูองตํอศาล
ปกครองในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๕ จึงพ๎นระยะเวลาการฟูองคดีตาม มาตรา 51 แหํง
พระราชบัญญัติดังกลําวแล๎ว ซ่ึงแม๎วําจะเป็นกรณีท่ีเข๎าลักษณะตามนัยคําสั่งศาลปกครอง สูงสุดที่
๖๕๔/๒๕๕๕ (ประชุมใหญํ) โดยให๎นับระยะเวลาการฟูองคดีตั้งแตํวันที่ 6 มีนาคม ๒๕๕๔ ซ่ึงเป็น
วันท่ีศาลปกครองเปิดทําการเป็นต๎นไปก็ตาม แตํเมื่อนับจากวันดังกลําวจนถึงวันที่ยื่นฟูองคดีเป็น
เวลาเกินกวําหน่ึงปี กรณีจึงพ๎นกําหนดระยะเวลาการฟูองคดีตามมาตรา ๕๑ แหํง พระราชบัญญัติ
ขา๎ งตน๎ แล๎ว (คาํ สั่งศาลปกครองสงู สุดท่ี ๒๖๔/๒๕๔๗ และท่ี ๒๖๕/๒๕4๗)

4) กรณีท่ถี อื ว่าผวู้ า่ จา้ งรู้หรอื ควรร้ถู ึงเหตแุ ห่งการฟอ้ งคดี นับแต่วันถัดจากวันท่ี
ครบกาหนดตามหนังสือแจง้ ให้ผูร้ ับจ้างดาเนนิ งานตามสัญญาให้แล้วเสรจ็

กรณีทีก่ ารประปาสํวนภูมภิ าค (ผ๎ูฟอู งคดี) ทาํ สญั ญาวาํ จา๎ งให๎ ผถู๎ ูกฟูองคดีติดต้ังทํอ
ผสมและทํอระบายพาสท่ีทอํ น้ําดิบ แตํผถู๎ ูกฟูองคดีทํางานไมแํ ลว๎ เสร็จ ตามสัญญา ผฟ๎ู ูองคดจี งึ ขยาย
ระยะเวลาการกํอสร๎างออกไป และตอํ มาไดม๎ หี นงั สือลงวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๔๓ แจ๎งใหผ๎ ู๎ถกู ฟูอง
คดีดําเนินงานให๎แล๎วเสร็จภายใน ๓๐ วัน นับแตํวันที่ได๎รับ หนังสือ หากพ๎นกําหนดระยะเวลา

แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด เกี่ยวกบั สญั ญำทำงปกครอง |๓๑๒

ดงั กลาํ วให๎ถอื หนังสอื ฉบบั นี้เป็นการบอกเลิกสัญญา ซ่ึงปรากฏวําเม่ือครบกําหนดระยะเวลาข๎างต๎น
ผ๎ูถูกฟูองคดียังคงดําเนินงานไมํแล๎วเสร็จ กรณี จึงถือวําการบอกเลิกสัญญามีผลเมื่อวันท่ี ๒๔
สิงหาคม ๒๕๕๓ อนั เป็นวันถัดจากวันท่ีครบ กําหนด ๓๐ วัน นับแตํวันท่ีผ๎ูรับจ๎างได๎รับหนังสือตาม
หลักฐานไปรษณยี ต์ อบรบั และถอื ได๎วาํ ผฟ๎ู อู งคดีรูเ๎ หตุแหงํ การฟอู งคดใี นวันดงั กลําว การทผ่ี ู๎ฟูองคดี
นําคดีมาฟูองตํอศาลปกครอง เพ่ือขอให๎ผ๎ูถูกฟูองคดีชําระคําปรับตามสัญญาเม่ือวันท่ี ๒๔ มีนาคม
๒๕๔๗ จงึ เป็นการฟอู งเมอ่ื พน๎ ระยะเวลาการฟูองคดตี ามมาตรา ๕๑ แหํงพระราชบัญญัติจัดตั้งศาล
ปกครองฯ แลว๎ (คาํ สง่ั ศาลปกครองสงู สุดที่ ๒๕๑/๒๕48)

(๑.๔) การฟ้องขอให้ชาระค่าปรับอันเนื่องมาจากการผิดสัญญาจ้าง และ
ค่าเสียหายอันเกิดจากความชารดุ บกพร่อง

กรณีบริษัท กสท โทรคมนาคม จํากัด (มหาชน) (ผ๎ูฟูองคดี) ฟูองขอให๎ ศาลมีคํา
พิพากษาหรือคําส่ังให๎ผ๎ูรับจ๎างชําระเงินคําปรับอันเนื่องมาจากเหตุแหํงการผิดสัญญา สํงมอบงาน
ลําช๎าและงานกํอสร๎างชํารุดบกพรํองน้ัน เม่ือข๎อเท็จจริงปรากฏวําผ๎ูรับจ๎างได๎สํงมอบ งานกํอสร๎าง
ทัง้ หมดวันที่ ๒๙ มิถนุ ายน ๒๕๕๔ ซงึ่ ลําชา๎ กวํากาํ หนดเวลาแลว๎ เสรจ็ ของงานตาม สัญญาต๎องชําระ
เงินคาํ ปรับกรณีสงํ มอบงานลาํ ช๎าและคาํ ใช๎จาํ ยอน่ื ๆ ถือได๎วําอยาํ งเร็วท่ีสุด ที่ผู๎ฟูองคดีได๎ร๎ูหรือควรร๎ู
ถึงเหตุแหํงการฟูองคดีนี้ คือ วันท่ี ๒๙ มิถุนายน ๒๕๕๔ เมื่อย่ืนฟูอง ผู๎รับจ๎างในวันที่ ๒๔ ตุลาคม
๒๕๔๖ ขอให๎ชาํ ระเงินคาํ ปรบั และย่ืนคาํ รอ๎ งลงวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๔๖ ขอเพ่ิมธนาคารกรุงเทพ
จํากดั (มหาชน) ซึ่งเป็นผ๎ูค้ําประกันตามสัญญาเป็นผู๎ถูกฟูองคดีท่ี ๔ กรณีจึงเป็นการฟูองคดีภายใน
ห๎าปีนับแตํวันท่ีรู๎หรือควรร๎ูถึงเหตุแหํงการฟูองคดี ตามมาตรา ๔๑ แหํงพระราชบัญญัติจัดตั้งศาล
ปกครองฯ แก๎ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองฯ (ฉบับท่ี ๕) พ.ศ. ๒๕๕๑ สํวนคํา
ฟูองที่มีคําขอให๎ผู๎รับจ๎างและธนาคารกรุงเทพจํากัด (มหาชน) ชดใช๎คําเสียหายอันเกิดจากความ
ชํารุดบกพรํองของงานตามสัญญากํอสร๎างน้ัน เมื่อผ๎ูฟูองคดี ตรวจพบความชํารุดบกพรํองจากการ
กอํ สร๎างในวนั ที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๖ และตํอมา พบความชํารุดบกพรํองจากการกํอสร๎างในสํวน
อ่ืนเพิ่มอีก รวมท้ังพบวําผู๎รับจ๎างไมํได๎ทําการ บํารุงรักษาระบบปรับอากาศ ระบบงานลิฟท์ และ
ระบบการแจง๎ เหตเุ พลงิ ไหม๎ ตามสัญญา กรณี จึงถอื ได๎วําผูฟ๎ ูองคดไี ด๎รู๎หรือควรรู๎ถึงเหตุแหํงการฟูอง
คดีเรียกคําเสียหายจากความชํารุดบกพรํอง ของงานตามสัญญาตั้งแตํวันท่ี ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๖
เมื่อย่ืนฟูองขอให๎ผ๎ูรับจ๎างชดใช๎คําเสียหาย อันเกิดจากความชํารุดบกพรํองของงานตามสัญญาใน
วันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๕๖ และยื่นคําฟูอง ลงวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๖ ขอเพิ่มธนาคารกรุงเทพ
จาํ กดั (มหาชน) ซ่ึงเป็นผค๎ู ้ําประกัน ตามสญั ญาเป็นผ๎ูถูกฟูองคดีที่ ๔ กรณีจึงเป็นการฟูองคดีภายใน
กาํ หนดเวลาการฟอู งคดี ตามมาตรา ๕๑ แหํงพระราชบัญญัติจัดต้ังศาลปกครองฯ ซ่ึงแก๎ไขเพ่ิมเติม
โดยพระราชบัญญตั ิฯ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๑ (คาํ พพิ ากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๒๐๑/๒๕๕๕)

กรณกี รมโยธาธิการและผังเมืองฟูองวํา ไดท๎ ําสัญญาวาํ จ๎างบริษทั ห. กํอสร๎างระบบ
ระบายน้ําและระบบบําบัดนํ้าเสีย เทศบาลนครพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก ตามสัญญาลงวันที่ ๑๕
กนั ยายน ๒๕๔๐ ในวงเงิน ๓๗๙,๕๐๐,๐๐๐ บาท โดยบรษิ ัทดงั กลําวไดน๎ ําหนงั สอื คํ้าประกันสัญญา
ของบรษิ ัท ธ. ลงวันที่ 9 กันยายน ๒๕๔๐ เป็นจํานวนเงิน ๑๘,๔๗๕,๐๐๐ บาท มามอบให๎แกํกรม

แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด เกี่ยวกบั สญั ญำทำงปกครอง |๓๑๓

โยธาธิการและผงั เมอื งเพือ่ เปน็ หลักประกันการปฏิบัติ ตามสัญญา บริษัท ห. ได๎ดําเนินการกํอสร๎าง
และสํงมอบงานงวดสุดทา๎ ยเมอื่ วันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๔๖ ซง่ึ คณะกรรมการตรวจการจ๎างได๎ตรวจ
รับงานงวดสุดท๎ายไว๎แล๎วเมื่อวันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๔๖ ตํอมา ผู๎ฟูองคดีได๎ตรวจสอบพบความ
ชํารุดบกพรํองหลายรายการ จึงมีหนังสือลงวันท่ี ๒๖ กันยายน ๒๕๔๖ แจ๎งให๎บริษัท ห. เรํง
ดําเนินการตรวจสอบและ ซอํ มแซมความชํารุดบกพรํองดังกลําว และได๎มีหนังสือแจ๎งให๎ดําเนินการ
อีกหลายครั้ง แตํบริษัทฯ ไมํได๎ดําเนินการใด ๆ ตํอมา ผ๎ูฟูองคดีได๎ดําเนินการหาผู๎รับจ๎างเพื่อ
ดําเนินการ ซํอมแซมงานท่ีชํารุดบกพรํอง ปรากฏวําบริษัท อ. เป็นผู๎เสนอราคาตํ่าสุดเป็นเงิน
๕๐,๑๐๐,๐๐๐ บาท จากนั้นผฟู๎ อู งคดมี หี นงั สือลงวันท่ี ๔ กนั ยายน ๒๕๕๒ แจง๎ ใหบ๎ ริษัท ห. นําเงิน
จํานวน ๓๒,๑๒๔,๐๐๐ บาท และมีหนังสือลงวันท่ี ๕ กันยายน ๒๕๕๒ แจ๎งให๎บริษัท ธ. นําเงิน
จํานวน ๑๘,๔๗๕,๐๐๐ บาท ไปชําระให๎แกํกรมโยธาธิการและผังเมือง ภายในวันที่ ๑๘ กันยายน
๒๕๕๒ บริษัท ธ. มีหนังสือลงวันที่ ๒ กันยายน ๒๕๕๓ แจ๎งปฏิเสธการชําระเงินตาม หนังสือค้ํา
ประกัน ผ๎ูฟูองคดีจึงฟูองคดีตํอศาลขอให๎ผู๎ถูกฟูองคดีท้ังสามซึ่งเป็นผ๎ูค้ําประกัน การปฏิบัติตาม
สัญญา รับผิดชดใช๎เงินจํานวน ๒๖,๗๑๕, ๒๔๘.๔๔ บาท พร๎อมดอกเบ้ีย นั้น การท่ีกรมโยธาธิการ
และผังเมืองซึ่งเป็นหนํวยงานทางปกครองทําสัญญาวําจ๎างบริษัท ห. กํอสร๎างระบบระบายน้ําและ
ระบบบําบดั น้ําเสีย เทศบาลนครพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก สัญญาดังกลําวมีลักษณะเป็นสัญญาท่ี
จัดให๎มีส่ิงสาธารณูปโภค อันเป็นสัญญาทางปกครอง กรณีพิพาทเก่ียวกับสัญญาดังกลําวจึงอยํูใน
อาํ นาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๔) แหํงพระราชบัญญัติจัดต้ัง
ศาลปกครองฯ เมื่อสัญญาหลัก เป็นสัญญาทางปกครองซึ่งอยูํในอํานาจพิจารณาพิพากษาของศาล
ปกครองแล๎ว กรณีพิพาท เกี่ยวกับสัญญาค้ําประกันดังกลําวจึงอยํูในอํานาจพิจารณาพิพากษาของ
ศาลปกครองด๎วย เม่ือข๎อเท็จจริงปรากฏวํา บริษัท ห. ได๎สํงมอบงานงวดสุดท๎ายเม่ือวันที่ ๑๐
กรกฎาคม ๒๕๕๖ และคณะกรรมการตรวจการจ๎างได๎ตรวจรับงานงวดสุดท๎ายไว๎แล๎วเมื่อวันท่ี ๒๑
กรกฎาคม ๒๕๔๖ ตอํ มา กรมโยธาธกิ ารและผังเมืองไดต๎ รวจสอบแลว๎ พบวํา งานกํอสร๎างเคร่ืองจักร
และองคป์ ระกอบตําง ๆ ของโครงการมีขอ๎ ชํารุดบกพรอํ งหลายรายการ กรมโยธาธกิ าร และผังเมือง
จึงมีหนังสือลงวันท่ี ๒๖ กันยายน ๒๕๔๖ แจ๎งให๎บริษัทฯ เรํงดําเนินการตรวจสอบและซํอมแซม
ความชํารุดบกพรํองให๎แล๎วเสร็จภายในวันท่ี ๑๕ ตุลาคม ๒๕๔๖ ตามสัญญา ข๎อ ๗ กรณีจึงถือวํา
กรมโยธาธิการและผังเมืองได๎ร๎ูหรือควรรู๎ถึงเหตุแหํงการฟูองคดีเพื่อให๎ บริษัท ห. รับผิดตามสัญญา
แล๎วต้ังแตํวันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๕๖ โดยชอบท่ีจะฟูองคดีตํอศาล ภายในห๎าปีนับแตํวันดังกลําว
กลําวคือ ตอ๎ งยืน่ ฟูองภายในวันท่ี ๒๖ กันยายน ๒๕๕๑ ตามมาตรา ๕๑ แหํงพระราชบัญญัติจัดตั้ง
ศาลปกครองฯ การท่กี รมโยธาธิการและผังเมือง ไมํได๎ย่ืนฟูองบริษัท ห. ให๎รับผิดตามสัญญาภายใน
วันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๕๑ จึงทาํ ใหค๎ ดพี พิ าท ตามสัญญาจ๎างกอํ สร๎างดังกลาํ วพันระยะเวลาการฟูอง
คดีตามมาตรา ๕๑ แหํงพระราชบัญญัติ ดังกลําวแล๎ว ดังน้ัน การที่กรมโยธาธิการและผังเมืองย่ืน
ฟูองบรษิ ัท ธ. ซ่งึ เป็นผูค๎ ้าํ ประกัน การปฏิบตั ติ ามสญั ญาจา๎ งกอํ สรา๎ งดงั กลําว อันเป็นสัญญาอุปกรณ์
ตอํ ศาลเม่ือวันท่ี ๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๕ ก็เป็นอันพ๎นระยะเวลาการฟูองคดีแล๎วด๎วยเชํนกัน ท้ังนี้ ตาม
นัยมาตรา ๑๙๓/๒๖ แหํงประมวลกฎหมายแพํงและพาณิชย์ (คําส่ังศาลปกครองสูงสุดท่ี ๑๘๗/
๒๕๕๗)

แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสงู สุด เกีย่ วกบั สญั ญำทำงปกครอง |๓๑๔

(๑.๕) กรณีหนว่ ยงานของรฐั ผวู้ า่ จา้ ง ฟอ้ ง เอกชนผ้รู ับจ้างให้คืนเงินคา่ จ้าง

การใชส๎ ทิ ธิเรยี กรอ๎ งของหนํวยงานทางปกครองเพื่อให๎เอกชนผ๎ูรับจ๎าง คนื คําจ๎างอัน
เป็นคํางานกํอสร๎างนั้น ศาลปกครองไดว๎ นิ ิจฉัยวางแนวทางในการนับระยะเวลา การฟูองคดไี ว๎ ดังน้ี

๑) กรณีท่ีผู้ฟ้องคดีซึ่งเป็นผู้ว่าจ้างทราบภายหลังจากท่ีจ่ายค่าจ้างไปแล้วว่า ได้
หักเงินเพ่อื ชาระหนจ้ี ากจานวนเงินค่าจ้างต่ากว่าจานวนท่ีมีสิทธิหักตามสัญญา จึงมีหนังสือแจ้ง
ให้ผู้รับจ้างคืนเงินคา่ จ้างดังกล่าวภายในเวลาทก่ี าหนดนนั้ ถอื วา่ ผฟู้ อ้ งคดี รหู้ รอื ควรรู้ถึงเหตแุ ห่ง
การฟอ้ งคดีนับแตว่ ันท่พี น้ ระยะเวลาตามท่ีกาหนดไวใ้ นหนังสอื ข้างตน้

กรณที จี่ ังหวัดชลบุรี (ผ๎ูฟูองคดี) วําจ๎างให๎ผ๎ูถูกฟูองคดีกํอสร๎างสถานี อนามัย โดยผ๎ู
ถกู ฟูองคดีได๎สงํ มอบงานแล๎วเสรจ็ ภายในระยะเวลาตามสญั ญา แตํตํอมาสํานกั งาน ตรวจเงินแผํนดนิ
ภมู ิภาคท่ี ๒ ได๎ตรวจสอบเงนิ คาํ ใชจ๎ ํายตามโครงการแล๎วแจ๎งผ๎ูฟูองคดี วําจํานวนเงินคําเสาเข็มท่ีหัก
คนื ต่าํ ไป ผฟู๎ ูองคดีจงึ มีหนงั สือลงวนั ท่ี ๒๖ ตลุ าคม ๒๕๕๔ แจง๎ ผถ๎ู ูกฟอู งคดใี ห๎ชําระเงินคาํ เสาเขม็ คนื
เป็นจํานวนเงิน ๗๔,๐๐๐ บาท ภายในสิบห๎าวัน นับแตํวันที่ได๎รับหนังสือ ซึ่งผ๎ูถูกฟูองคดีได๎รับ
หนงั สือดงั กลาํ วเมอ่ื วนั ท่ี ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ แตํไมชํ าํ ระเงนิ ภายในเวลาทกี่ ําหนด ผฟ๎ู ูองคดจี งึ นาํ คดี
มาฟูองตํอศาลปกครองขอใหผ๎ ู๎ถกู ฟูองคดี ชําระเงนิ คาํ เสาเข็มที่ตนรบั ไวเ๎ กนิ ไปดงั กลําว นัน้ กรณีเปน็
การฟูองคดีพิพาทเกี่ยวกับมูลเหตุ จากสัญญา ซึ่งถือวําผ๎ูฟูองคดีร๎ูหรือควรร๎ูถึงเหตุแหํงการฟูองคดี
นบั แตํวนั ทพี่ ๎นกําหนดสบิ หา๎ วนั ตามหนงั สือเรียกใหช๎ ําระเงนิ คอื วนั ที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ แล๎ว
เมอื่ ผฟ๎ู ูองคดมี ายืน่ ฟูองคดี ตํอศาลปกครองเมอ่ื วนั ท่ี ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ จึงพันกําหนดระยะเวลา
การฟอู งคดีหนงึ่ ปนี ับแตํ วนั ทรี่ ู๎หรอื ควรรูถ๎ ึงเหตแุ หงํ การฟอู งคดตี ามมาตรา ๕๑ แหงํ พระราชบัญญัติ
จัดตงั้ ศาลปกครองฯ (คําสงั่ ศาลปกครองสูงสุดท่ี ๑๘๖/๒๕48 และที่ ๙๕๒/๒๕4๘)

กรณีฟูองวํา องค์การบริหารสํวนจังหวัดสุโขทัย (ผู๎ฟูองคดี) ทําสัญญาจ๎างห๎าง
หนุ๎ สวํ นจาํ กัด ต. (ผู๎ถูกฟอู งคดที ่ี ๑) ให๎ปลูกตน๎ ทานตะวนั ในโครงการเกาะทานตะวนั เพอื่ สํงเสริมการ
ทํองเทย่ี วของจังหวดั อนั เปน็ การรํวมจัดทาํ บรกิ ารสาธารณะท่ีอยูํในอํานาจหน๎าท่ีของผู๎ฟูองคดี โดย
กําหนดการจํายคําจ๎างเป็นสองงวด แตํหลังจากที่ผ๎ูถูกฟูองคดีท่ี ๑ สํงมอบงานและได๎รับเงินคําจ๎าง
เตม็ จํานวนจากผฟู๎ อู งคดแี ล๎ว สาํ นกั งานการตรวจเงนิ แผํนดินมหี นังสอื แจ๎งผู๎ฟูองคดีวาํ ผู๎ถกู ฟอู งคดีท่ี
๑ ดาํ เนินการปลูกตน๎ ทานตะวนั ไมํครบถว๎ นและไมํเป็นไปตามทก่ี าํ หนดในสญั ญาจา๎ ง ทาํ ให๎ผ๎ูฟูองคดี
ทราบวาํ ตนได๎จาํ ยเงินคําจ๎างให๎แกํผ๎ูถูกฟูองคดีที่ ๑ เกินกวําคํางานท่ีทําตามสัญญาจ๎าง ซึ่งผู๎ถูกฟูอง
คดที ่ี ๑ ไมมํ ีสิทธิรับเงินคําจ๎างในสํวนของพ้ืนท่ีท่ีมิได๎ปลูกต๎นทานตะวันตามสัญญาจ๎าง ผู๎ฟูองคดีจึง
นาํ คดมี าฟอู งขอใหศ๎ าลมีคําพิพากษาหรอื คาํ สั่งให๎มีการชําระเงินในสํวนที่เกินคืนให๎แกํผ๎ูฟูองคดี น้ัน
เม่ือปรากฏวําผู๎ฟูองคดีได๎รับหนังสือดังกลําวของสํานักงานการตรวจเงินแผํนดินในวันที่ ๒๖
กันยายน ๒๕๕๖ จึงถือวําวันท่ี ๒๖ กันยายน ๒๕๕๖ เป็นวันท่ีผ๎ูฟูองคดีร๎ูหรือควรรู๎ถึงเหตุแหํงการ
ฟูองคดีนี้ แม๎ผู๎ฟูองคดีจะนําคดีนี้ไปย่ืนฟูองตํอศาลยุติธรรม (ศาลจังหวัดสุโขทัย) เมื่อวันท่ี ๒๖

แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด เกีย่ วกบั สญั ญำทำงปกครอง |๓๑๕

มีนาคม ๒๕๕๘ และได๎โอนมาเป็นคดีของศาลปกครองในภายหลัง อันเป็นการยื่นฟูองภายในห๎าปี
นับแตํวนั ทีร่ ูห๎ รือควรรู๎ถึงเหตุแหํงการฟูองคดีก็ตาม แตํการท่ีผู๎ฟูองคดีได๎จํายเงินคําจ๎างงวดที่ ๒ ซ่ึง
เปน็ งวดสุดท๎ายใหแ๎ กํผู๎ถูกฟูองคดีท่ี ๑ เม่ือวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๔๔ ยํอมต๎องถือวําวันดังกลําวเป็น
วันทม่ี เี หตแุ หํงการฟอู งคดีนี้ ดังน้ัน กรณีจึงเป็นการย่ืนฟูองคดีเมื่อพ๎นกําหนดสิบปีนับแตํวันที่มีเหตุ
แหํงการฟูองคดตี ามมาตรา ๕๑ แหงํ พระราชบญั ญัตจิ ดั ตงั้ ศาลปกครองฯ (คาํ สงั่ ศาลปกครองสูงสุดท่ี
๒๕/๒๕๖๒)

(๒) การฟ้องเรียกค่าเสียหายจากการท่ีหน่วยงานของรัฐ ผู้ว่าจ้างต้องเสีย
คา่ ใชจ้ า่ ยเพ่ิมขึน้ ในการจ้างผรู้ ับจา้ งรายใหม่

จากการศึกษาคําวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุดพบวํามีการนับระยะเวลา
การฟอู งคดอี ยูํ ๒ แนวทาง ไดแ๎ กํ

ก) การเรยี กค่าเสยี หาย ต้งั แตว่ นั ท่ีบอกเลกิ สญั ญา

การทผี่ ูถ๎ กู ฟูองคดีซึ่งเป็นผ๎ูรับจ๎างตามสัญญาจ๎างกํอสร๎างทํอระบายน้ํา ค.ส.ล. และ
ทํอลอดดูข๎างทางรถไฟสายชํองนนทรีกับกรุงเทพมหานคร (ผ๎ูฟูองคดี) สํงมอบงาน ให๎ผู๎ฟูองคดีไมํ
ครบถว๎ นตามสญั ญา และไดห๎ ยุดงานโดยไมํมีเหตุอันสมควร ผ๎ูฟูองคดีจึงใช๎สิทธิ บอกเลิกสัญญาจ๎าง
กับผู๎ถูกฟูองคดีที่ ๑ และได๎ทําสัญญาจ๎างผู๎รับจ๎างรายใหมํให๎ดําเนินการ กํอสร๎างในสํวนที่ผ๎ูถูกฟูอง
คดที ่ี ๑ ยังทํางานไมํแล๎วเสร็จน้ัน การที่ผู๎ฟูองคดีนําคดีมาฟูองเรียก คําเสียหายตามสัญญาจ๎างและ
คําเสียหายจากคําจ๎างท่ีเพ่ิมข้ึนจากการจ๎างผู๎รับจ๎างรายใหมํ สําหรับกรณีการเรียกคําเสียหายตาม
สัญญาอันได๎แกํคําปรับ คําเสียหายของราวเหล็กปูองกัน อันตรายซึ่งเกิดจากการกํอสร๎างของผ๎ูถูก
ฟูองคดที ี่ ๑ และคําจ๎างทผี่ ถ๎ู ูกฟูองคดีท่ี ๑ รบั ไป ลวํ งหน๎าเฉพาะในสวํ นท่ียังไมไํ ด๎สํงมอบงานให๎แกํผู๎
ฟูองคดี การฟูองเรียกคําเสียหายในสํวนน้ี ผ๎ูฟูองคดีอาจใช๎สิทธิเรียกร๎องได๎ทันท่ีที่มีการบอกเลิก
สัญญา จึงตอ๎ งถือวนั ท่ผี ูฟ๎ ูองคดีไดม๎ หี นงั สอื บอกเลกิ สัญญาคือในวันท่ี ๑๗ มนี าคม ๒๕๔๐ เป็นวนั ท่ี
ผู๎ฟูองคดีร๎ูหรือควรรู๎ถึงเหตุแหํงการฟูองคดี เรียกคําเสียหายตามสัญญาจ๎าง ตามมติที่ประชุมใหญํ
ตลุ าการในศาลปกครองสูงสุด ครงั้ ที่ ๒/๒๕๔๙ ลงวนั ที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๔๕ ผู๎ฟูองคดีต๎องยื่นฟูอง
เกี่ยวกับสํวนนี้อยํางช๎าภายในวันท่ี ๑๗ มีนาคม ๒๕๔๑ อยํางไรก็ตาม เหตุแหํงการฟูองคดีกรณี
ดงั กลาํ วเกดิ ขน้ึ กอํ นศาลปกครองเปิดทาํ การ ผฟ๎ู อู งคดีมิได๎นําคดีไปฟูองตอํ ศาลยตุ ิธรรมซึ่งเป็นศาลที่
มีอํานาจพิจารณาพิพากษาในขณะน้ัน ผ๎ูฟูองคดีอาจนําคดีมาฟูองภายในกําหนดหน่ึงปีนับแตํวันท่ี
ศาลปกครองเปิดทําการคือภายในวันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๕๕ การท่ีผ๎ูฟูองคดีมาฟูองตํอศาลปกครอง
เม่ือวันท่ี 4 เมษายน ๒๕๕๖ จึงเป็น การฟูองคดีเม่ือพ๎นกําหนดระยะเวลาการฟูองคดีตามมาตรา
๕๑ แหํงพระราชบัญญตั ิจัดตัง้ ศาลปกครองฯ (คาํ สงั่ ศาลปกครองสงู สดุ ท่ี ๕๔๗/๒๕๕๐)

ข) การเรยี กค่าเสียหายตัง้ แต่วันทก่ี าหนดในหนงั สือทวงถามฯ

๑) กรณีทีถ่ อื วาํ ผ๎ูฟอู งคดรี ห๎ู รือควรรูถ๎ งึ เหตุแหงํ การฟอู งคดเี มือ่ ผ๎ูถูกฟูองคดไี มํชําระ
คําเสียหายภายในเวลาที่กําหนดในหนังสอื ทวงถามให๎ชาํ ระหนี้

แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด เกี่ยวกบั สญั ญำทำงปกครอง |๓๑๖

การท่ผี ๎ูถกู ฟอู งคดซี งึ่ เปน็ ผ๎ูรับจา๎ งตามสัญญาจ๎างกํอสร๎างส่ิงสาธารณูปโภค คลองสํง
นํ้าดาดคอนกรีต พร๎อมอาคารชลประทานและทํอสํงน้ํา ทํางานไมํแล๎วเสร็จตามสัญญา ทําให๎กรม
ชลประทาน (ผ๎ฟู ูองคด)ี ซง่ึ เป็นผูว๎ าํ จ๎างต๎องจา๎ งผรู๎ ับจา๎ งรายอื่นทํางานในสวํ นทเ่ี หลือ แทน และได๎ใช๎
สิทธิบอกเลิกสญั ญาจ๎างพร๎อมท้งั แจ๎งสงวนสิทธิการเรียกคําปรับและคําเสียหาย โดยตํอมาผู๎ฟูองคดี
ไดม๎ หี นังสอื แจ๎งใหผ๎ ู๎ถูกฟอู งคดนี ําเงนิ คาํ ปรบั และคาํ เสียหายไปชําระภายใน ๑๕ วัน แตํผู๎ถูกฟูองคดี
ไมชํ าํ ระเงินดังกลําวภายในเวลาที่กําหนด นั้น ถือวําผ๎ูฟูองคดีรู๎หรือ ควรร๎ูถึงเหตุแหํงการฟูองคดีซ่ึง
เป็นขอ๎ พิพาทในคดแี ลว๎ ผ๎ฟู ูองคดจี ึงตอ๎ งนาํ คดีมาฟอู งตํอศาล เพอ่ื ขอให๎ผถ๎ู ูกฟูองคดีชาํ ระเงินข๎างต๎น
ภายในกําหนดระยะเวลาการฟูองคดีตามมาตรา ๕๑ แหํงพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองฯ
(คําสั่งศาลปกครองสงู สุดท่ี ๕๕๑/๒๕๕๖)

ค) การเรียกค่าเสยี หายตง้ั แต่วนั ท่ที าสัญญาจ้างผ้รู ับจา้ งรายใหม่

1) กรณีท่ีถือวําผู๎ฟูองคดีร๎ูหรือควรรู๎ถึงเหตุแหํงการฟูองคดีในวันที่ ผู๎ฟูองคดีทํา
สัญญาจ๎างกับผ๎รู บั จา๎ งรายใหมํ

การท่ีผ๎ูถูกฟูองคดีซ่ึงเป็นผ๎ูรับจ๎างตามสัญญาจ๎างกํอสร๎างอาคารหอพัก พยาบาล
โรงพยาบาลตาํ รวจ กับสํานักงานตํารวจแหํงชาติ (ผฟู๎ ูองคด)ี ทาํ งานไมํแลว๎ เสรจ็ ตาม กาํ หนดเวลาใน
สัญญา ผู๎ฟูองคดีจึงมีหนังสือบอกเลิกสัญญาและเรียกให๎ผู๎ถูกฟูองคดีชําระคําปรับ และคําเสียหาย
จากการที่มีคําใช๎จํายเพ่ิมข้ึน อันเน่ืองมาจากการจ๎างผู๎รับจ๎างรายใหมํมา ดําเนินการกํอสร๎างตํอให๎
แลว๎ เสรจ็ นั้น ถือวําวันที่ผู๎ฟูองคดีได๎ทําสัญญาจ๎างผ๎ูรับจ๎างรายใหมํ เป็นวันที่รู๎หรือควรรู๎ถึงเหตุแหํง
การฟูองคดี ดังน้ัน เมื่อปรากฏวําผู๎ฟูองคดีทําสัญญาจ๎างผู๎รับจ๎าง รายใหมํในวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน
๒๕๕๔ และได๎นําคดีมาฟูองตํอศาลปกครองเมื่อวันท่ี ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๔๕ จึงเป็นการฟูองคดี
ภายในกําหนดระยะเวลาหน่ึงปีนับแตํวันที่รู๎หรือควรร๎ู ถึงเหตุแหํงการฟูองคดีตามมาตรา ๕๑ แหํง
พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองฯ (คําส่ังศาลปกครองสูงสุดท่ี 7๔๕/๒๕4๙ ท่ี ๖๓๙/๒๕๔๗ ท่ี
๗๔๖/๒๕4๙ ที่ ๑๑๖/๒๕๕๐ ท่ี ๑๖๐/๒๕๕๐ ที่ ๓๕๕/๒๕๕๐ ท่ี 7๕๖/๒๕๕๐ และท่ี ๕๔๗/
๒๕๕๐ วนิ ิจฉยั แนวทางเดียวกัน)

กรณีท่ีการประปาสํวนภูมิภาค (ผู๎ฟูองคดี) ทําสัญญาจ๎างผ๎ูถูกฟูองคดี ให๎ทําการ
กํอสร๎างปรบั ปรุงกิจการประปา แตํผ๎ถู ูกฟูองคดไี มํสามารถทํางานให๎แล๎วเสร็จตาม กําหนดเวลาเป็น
เหตุให๎ตอ๎ งมกี ารจา๎ งผรู๎ บั จา๎ งรายใหมํเขา๎ ดาํ เนนิ การแทนผถู๎ กู ฟูองคดี โดยมีคาํ จา๎ ง เพม่ิ ขน้ึ จากสญั ญา
เดิม จึงฟูองขอให๎ผู๎ถูกฟูองคดีชําระเงินคําจ๎างที่เพิ่มขึ้น น้ัน เป็นคดีพิพาท เกี่ยวกับสัญญาทาง
ปกครองตามมาตรา ๙ วรรคหนง่ึ (๔) แหงํ พระราชบญั ญตั ิจัดตง้ั ศาล ปกครองฯ เมอ่ื ปรากฏวําผฟ๎ู อู ง
คดีได๎ทําสญั ญากับผ๎ูรบั จ๎างรายใหมเํ มอื่ วันท่ี ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๔๖ จึงถือวําผฟู๎ ูองคดรี ห๎ู รือควรรู๎ถึง
เหตุแหํงการฟูองคดีต้ังแตํวันดังกลําว การที่ผ๎ูฟูองคดี ย่ืนคําฟูองตํอศาลในวันที่ ๒๖ พฤษภาคม
๒๕๕๑ จึงเป็นการยื่นฟูองคดีภายในระยะเวลา การฟูองคดีตามมาตรา ๕๑ แหํงพระราชบัญญัติ
จัดตั้งศาลปกครองฯ (คําส่ังศาลปกครองสูงสุด ท่ี ๕๓/๒๕๕๒ ท่ี ๕๗/๒๕๕๒ และท่ี ๕๘/๒๕๕๒
วนิ จิ ฉยั แนวทางเดียวกัน)

แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด เกีย่ วกบั สญั ญำทำงปกครอง |๓๑๗

(๓.) การฟ้องขอใหป้ ฏิบัติตามข้อกาหนดในสญั ญา

กรณีทีผ่ ถู๎ ูกฟอู งคดที ี่ ๑ ซึ่งเป็นผู๎รบั มอบอํานาจจากผ๎ถู ูกฟูองคดีทั้งเก๎า ได๎ทําสัญญา
รับการสนับสนุนโครงการตรวจสอบการเลือกต้ังสมาชิกสภาองค์การบริหาร สํวนตําบลและนายก
องคก์ ารบริหารสวํ นตําบลกบั คณะกรรมการการเลือกต้ัง (ผ๎ฟู ูองคดี) ซ่ึงปรากฏวํา เมื่อมีการเลือกต้ัง
ดังกลําวแล๎ว ผ๎ูถูกฟูองคดีทั้งเก๎ามิได๎จัดสํงรายงานการปฏิบัติงานภายในหกสิบวัน และมิได๎จัดสํง
รายงานการเงนิ รายงานของผ๎ูสอบบัญชีพร๎อมคืนเงินที่เหลือภายใน หน่ึงร๎อยยี่สิบวันตามท่ีกําหนด
ในสญั ญา จนผ๎ฟู อู งคดไี ดม๎ ีหนงั สือแจง๎ เตือนไปยังผู๎ถูกฟอู งคดี สองฉบับ ผถ๎ู กู ฟูองคดที ่ี ๑ จึงได๎นําสํง
เงินซ่ึงอ๎างวําเป็นเงินเหลือจํายจากการดําเนินโครงการตํอ ผ๎ูฟูองคดี โดยจัดสํงรายงานการเงินตําง
สญั ญา ตํางโครงการ รวมทั้งรายงานของผ๎ูสอบบัญชี โครงการอ่ืนตํอผ๎ูฟูองคดี ผ๎ูฟูองคดีได๎มีหนังสือ
แจ๎งเตือนอีกครง้ั แตผํ ๎ูถูกฟอู งคดที ้งั เกา๎ เพิกเฉย ผฟ๎ู ูองคดจี ึงมีหนังสอื ลงวนั ที่ 6 มนี าคม ๒๕๕๙ บอก
เลิกสญั ญากับผู๎ถูกฟูองคดี นั้น กรณีนี้แม๎วํา ผ๎ูฟูองคดีจะได๎มีหนังสือแจ๎งเตือนให๎ผ๎ูถูกฟูองคดีท้ังเก๎า
ดําเนินการตามสัญญาแล๎ว แตํผ๎ูถูกฟูองคดี ท้ังเก๎ายังคงเพิกเฉยไมํดําเนินการหรือดําเนินการไมํ
ถูกต๎องตามสัญญา คูํกรณีก็ยังคงมีนิติสัมพันธ์ ระหวํางกันอยูํจนกวําจะได๎มีหนังสือบอกเลิกสัญญา
ซง่ึ เปน็ การยุติโครงการดังกลําว จึงถือวํา วันท่ีผ๎ูฟูองคดีมีหนังสือบอกเลิกสัญญาเป็นวันท่ีผ๎ูฟูองคดีร๎ู
หรอื ควรรูถ๎ ึงเหตแุ หงํ การฟูองคดี ดงั น้ัน การทีผ่ ๎ูฟูองคดนี าํ คดมี ายืน่ ฟอู งตอํ ศาลปกครองเม่ือวนั ท่ี ๒๐
กุมภาพันธ์ ๒๕๕๐ จึงเป็น การฟูองคดีภายในกําหนดระยะเวลาการฟูองคดีตามมาตรา ๕๑ แหํง
พระราชบญั ญตั จิ ดั ต้งั ศาลปกครองฯ (คาํ สัง่ ศาลปกครองสูงสดุ ที่ ๔๓๐/๒๕๕๐)

(๔) การฟ้องขอให้ชาระเงินค่าจ้างและคนื หลักประกนั สัญญา

กรณฟี ูองวํา ผู๎ฟูองคดีไดท๎ าํ สญั ญากํอสร๎างระบบประปาหมูํบ๎าน กับองค์การบริหาร
สํวนตําบลจะแหน จํานวน ๕ สัญญา ตามสัญญาจ๎างเลขที่ ๓/๒๕๕๐ เลขท่ี ๔/๒๕๕๐ เลขที่
๕/๒๕๕๐ เลขที่ ๖/๒๕๕๐ และเลขท่ี ๗/๒๕๕๐ ลงวันท่ี ๒๖ ธันวาคม ๒๕๔๙ วงเงินคําจ๎าง
๑,๙๙๐,๐๐๐ บาท และสนิ้ สดุ สัญญาวนั ที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๕๐ เชํนเดียวกันทุกฉบับ ในระหวําง
การปฏบิ ัตงิ านตามสญั ญาเกิดเหตกุ ารณ์ความไมสํ งบในพ้นื ที่ อําเภอสะบ๎าย๎อย จังหวัดสงขลา ทําให๎
เกิดปัญหาในการปฏิบัติงาน ผู๎ฟูองคดีจึงได๎มีหนังสือ ขอขยายเวลาการกํอสร๎างและยกเว๎นคําปรับ
คณะรัฐมนตรีได๎มีมติเมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๐ เห็นชอบมาตรการชํวยเหลือผู๎ประกอบการ
กํอสร๎างที่ได๎รับความเดือดร๎อนจากเหตุการณ์ ความไมํสงบในจังหวัดชายแดนภาคใต๎ องค์การ
บริหารสํวนตาํ บลจะแหนจึงได๎ขยายเวลา ให๎แกํผ๎ูฟูองคดีตามสัญญาจ๎างเลขท่ี ๔/๒๕๕๐ และเลขที่
๗/๒๕๕๐ ออกไปอีก ๑๘๐ วัน นับแตํวันท่ี ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๕๐ จนถึงวันท่ี ๒๐ พฤศจิกายน
๒๕๕๐ ซึ่งผูฟ๎ อู งคดีกไ็ มสํ ามารถทาํ งานจนแลว๎ เสรจ็ องคก์ ารบรหิ ารสํวนตาํ บลจะแหนจงึ ได๎มหี นังสอื
ลงวนั ท่ี ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑ แจ๎งให๎ผู๎ฟูองคดีรีบเข๎ามาดําเนินการภายใน ๓ วัน หากไมํดําเนินการ
องคก์ ารบรหิ ารสํวนตาํ บลจะแหนจะดําเนินการตามระเบียบตํอไป ตอํ มา องค์การบริหารสํวนตําบล
จะแหนได๎มีหนังสอื ลงวันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑ แจง๎ ผู๎ฟูองคดีขอยกเลิกสัญญาจ๎าง ท้ัง ๔ สัญญา
และริบหลักประกันสัญญา หลังจากน้ัน เมื่อวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๑ องค์การบริหารสํวนตําบล
จะแหนได๎ดาํ เนนิ การวาํ จา๎ งผ๎ูรับจ๎างรายใหมํเข๎าทํางานจนแล๎วเสร็จ ผู๎ฟูองคดีจึงได๎มีหนังสือลงวันที่

แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด เกีย่ วกบั สญั ญำทำงปกครอง |๓๑๘

๓ สิงหาคม ๒๕๕๑ เพ่ือขอให๎คืนหลักประกันการปฏิบัติตามสัญญา และคืนคําปรับพร๎อมเบิก
จาํ ยเงินในสํวนทไี่ ด๎ดาํ เนนิ การไปแลว๎ แตอํ งค์การบริหารสํวนตําบลจะแหน ขอให๎ศาลมีคําพิพากษา
หรือคําสั่งให๎องค์การบริหารสํวนตําบลจะแหนชําระเงินคําจ๎าง สํวนที่เหลือตามท่ีได๎ทํางานจริง
จํานวน ๒,๗๓๘,๔๓๐ บาท และคืนหนังสือคํ้าประกัน จํานวน ๔ ฉบับ วงเงิน ๕๒๘,๐๐๐ บาท
พรอ๎ มคาํ ธรรมเนียม จํานวน ๔๒,๒๕๐ บาท รวมเป็นเงินทั้งส้ิน ๓,๓๐๔,๐๗๐ บาท พร๎อมดอกเบ้ีย
ในอัตราร๎อยละ ๗.๕ ของต๎นเงินจํานวนดังกลําว นับแตํวันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๕๑ เป็นต๎นไปจนกวํา
ชําระเสร็จให๎แกํผ๎ูฟูองคดี น้ัน กรณีจึงเป็นคดีพิพาท เก่ียวกับสัญญาทางปกครอง เมื่อข๎อเท็จจริง
ปรากฏวาํ ผ๎ูถูกฟูองคดีได๎มหี นงั สือลงวนั ท่ี ๒๐ กุมภาพนั ธ์ ๒๕๕๑ แจ๎งผฟู๎ อู งคดีขอยกเลกิ สญั ญาจ๎าง
ทั้ง ๔ สัญญา และริบหลักประกันสัญญา โดยได๎แจ๎งหนังสือให๎ผ๎ูฟูองคดีทราบทางไปรษณีย์
ลงทะเบียนตอบรับไปยังบ๎านเลขที่ ๓๗/๑๒๖ หมูํที่ ๑ ซอยรามคําแหง ๙๔ แขวงสะพานสูง เขต
สะพานสูง กรุงเทพมหานคร อันเป็นท่ีต้ัง สํานักงานของผ๎ูฟูองคดีตามท่ีอยํูในหนังสือรับรองการจด
ทะเบยี นของบรษิ ทั ซงึ่ เป็นภมู ลิ าํ เนา ของผู๎ฟูองคดี และเป็นที่อยตํู ามทผี่ ฟู๎ ูองคดีระบุไว๎ในสัญญา จึง
ถือวําการแสดงเจตนาบอกเลิกสัญญา และริบหลักประกันตามหนังสือแจ๎งขององค์การบริหารสํวน
ตาํ บลจะแหนดงั กลาํ วนั้น มีผลเปน็ การบอกเลิกสญั ญาโดยชอบแลว๎ ต้ังแตวํ ันท่หี นงั สือดงั กลําวไปถึง
ท่ีอยูํของผ๎ูฟูองคดี คือ วันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑ ตามมาตรา ๑๖ ๙ แหํงประมวลกฎหมายแพํง
และพาณิชย์ กรณีจึงต๎องถือวําวันที่ผ๎ูฟูองคดีรู๎หรือควรรู๎ถึงเหตุแหํงการฟูองคดี คือ วันที่ ๒๓
กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑ เมื่อผู๎ฟูองคดียื่นฟูองคดีตํอศาลปกครองทางไปรษณีย์ เมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคม
๒๕๕๖ จึงเป็นการย่ืนฟูองคดีเมื่อพ๎นกําหนดระยะเวลาตามมาตรา ๕๑ แหํงพระราชบัญญัติจัดตั้ง
ศาลปกครองฯ (คําส่งั ศาลปกครองสูงสดุ ที่ ๙๓๒/๒๕๕๗)

(๕) การเรยี กค่าเสียหายนบั แตใ่ ห้ระงบั การปฏบิ ัติงานตามสัญญาจา้ ง

กรณีที่มหาวิทยาลัยบูรพาฟูองขอให๎ศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งให๎ผู๎ถูกฟูองคดีท้ัง
สามชดใช๎คําเสียหายอันเกิดข้ึนจากการออกแบบและเขียนแบบอาคารท่ีไ มํเป็นไปตามมาตรฐาน
ทางด๎านวิศวกรรม ซ่ึงกรณีเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญาทางปกครอง นั้น เมื่อข๎อเท็จจริงปรากฏวํา
ขณะท่บี ริษทั บ. ทาํ การกอํ สรา๎ งอาคารซึ่งเป็นงานงวดที่ ๓ ได๎เกิดเหตุการณ์พื้นอาคารยุบตัว ทําให๎
โครงสร๎างอาคารท่ีกํอสร๎างเสียหายกับมีผ๎ูเสียชีวิตและได๎รั บบาดเจ็บผ๎ูฟูองคดีจึงดําเนินการ
ตรวจสอบแบบวิศวกรรมโครงสร๎างอาคาร พบวํานํ้าหนักบรรทุกท่ีถํายลงเสาเข็มแตํละต๎นในแตํละ
ฐานมากเกนิ กวาํ กาํ ลังรบั นํ้าหนักบรรทกุ ปลอดภยั ของเสาเข็มท่รี ะบุในแบบแปลนกํอสร๎าง ผ๎ูฟูองคดี
โดยอธิการบดีมหาวิทยาลัยบูรพาจึงสั่งการให๎บริษัท บ. ระงับงานกํอสร๎างไว๎เป็นการช่ัวคราวตาม
หนังสอื ลงวันท่ี ๓๑ มกราคม ๒๕๕๔ กรณจี ึงถอื ได๎วาํ ผูฟ๎ อู งคดีได๎ร๎หู รอื ควรรแู๎ ล๎ววําผู๎ถูกฟูองคดีท้ัง
สามปฏิบตั ิผดิ สญั ญาจ๎างออกแบบและเขยี นแบบอาคารดงั กลําวอยํางช๎าท่สี ดุ ตง้ั แตํวันทีผ่ ฟู๎ ูองคดโี ดย
อธกิ ารบดมี หาวทิ ยาลัยบรู พาสั่งการใหบ๎ รษิ ทั บ. ระงบั งานกํอสร๎างไวเ๎ ป็นการช่วั คราว ดงั น้นั การที่ผ๎ู
ฟูองคดีนําคดีมาฟูองตํอศาลเมื่อวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙ จึงพ๎นกําหนดห๎าปีนับแตํวันท่ีร๎ูหรือ
ควรร๎ูถึงเหตุแหํงการฟูองคดีตามมาตรา ๕๑ แหํงพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองฯ (คําสั่งศาล
ปกครองสงู สุดที่ คผ.๘๕/๒๕๖๐)

แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด เกีย่ วกบั สญั ญำทำงปกครอง |๓๑๙

(๖) การเรียกค่าเสยี หายจากความชารุดบกพรอ่ งของผูร้ บั จา้ ง

กรณีฟูองวํา สํานักงานศาลยุติธรรม (ผ๎ูฟูองคดี) ทําสัญญาจ๎างบริษัท อ. (ผ๎ูถูกฟูอง
คดีท่ี ๑) กํอสร๎างอาคารชุดพักอาศัยข๎าราชการศาลยุติธรรม จํานวน ๒๔ หนํวยพร๎อมสิ่งกํอสร๎าง
ประกอบ ศาลจังหวดั กระบ่ี ผ๎ถู กู ฟอู งคดีที่ ๑ นําหนงั สอื คํ้าประกันสัญญาของธนาคาร ก. (ผ๎ูถูกฟูอง
คดที ่ี ๒) มามอบให๎แกํผ๎ูฟูองคดเี พอ่ื เปน็ หลักประกนั การปฏบิ ตั ิตามสัญญา ตํอมา หลังจากทผ่ี ๎ูถกู ฟูอง
คดีที่ ๑ ดําเนินการกํอสร๎างแล๎วเสร็จตามสัญญาและผ๎ูฟูองคดี ตรวจรับไว๎แล๎ว ได๎เกิดความชํารุด
บกพรํองของงานตามสัญญาจ๎างดังกลําว ผู๎ฟูองคดีจึงมีหนังสือแจ๎งให๎ผู๎ถูกฟูองคดีท่ี ๑ ดําเนินการ
แก๎ไขซํอมแซมส่งิ ทชี่ ํารดุ เสยี หายตามข๎อ ๖ ของสัญญาดังกลําว แตํผ๎ูถูกฟูองคดีท่ี ๑ เพิกเฉย ผู๎ฟูอง
คดีจึงนําคดีมาฟูองขอให๎ศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังให๎ผู๎ถูกฟูองคดีที่ ๑ รับผิดในความชํารุด
บกพรํองของอาคารตามสญั ญาพิพาท นัน้ เมอ่ื ขอ๎ เท็จจรงิ ปรากฏวาํ บริษทั ว. ผคู๎ วบคุมงานโครงการ
กํอสร๎างตามสัญญาดังกลําวได๎สํารวจความชํารุดบกพรํองของโครงการกํอสร๎างในวันท่ี ๒๒
พฤษภาคม ๒๕๕๖ ซึ่งศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดกระบ่ี มีหนังสือรายงานให๎ผู๎ฟูองคดีทราบ
พร๎อมสรุปรายละเอียดความชํารุดบกพรํองของงานตามสัญญาพิพาท โดยผู๎ฟูองคดีได๎รับหนังสือ
ดงั กลําวเมื่อวันท่ี ๓ มิถุนายน ๒๕๕๖ ผู๎ฟูองคดีมีหนังสือลงวันท่ี ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ แจ๎งให๎ผู๎
ถูกฟูองคดที ี่ ๑ ดาํ เนนิ การแกไ๎ ขความชาํ รดุ บกพรํองของงานจา๎ งกํอสรา๎ งภายใน ๑๕ วนั นับแตํวันที่
ได๎รับแจ๎ง กรณีถือวํา ผ๎ูฟูองคดีได๎ร๎ูหรือควรร๎ูถึงเหตุแหํงการฟูองคดี คือ ความชํารุดบกพรํองของ
อาคารตามสัญญาพพิ าทอยาํ งเรว็ ทีส่ ุดในวนั ท่ี ๓ มถิ ุนายน ๒๕๕๖ หรืออยํางช๎าท่ีสดุ ไมํกอํ นวนั ที่ ๒๘
พฤศจิกายน ๒๕๕๖ การท่ีผู๎ฟูองคดีย่ืนฟูองตํอศาลในวันท่ี ๘ มีนาคม ๒๕๖๐ จึงเป็นการย่ืนฟูอง
ภายในระยะเวลาห๎าปีนับแตํวันท่ีร๎ูหรือควรรู๎ถึงเหตุแหํงการฟูองค ดีตามมาตรา ๕๑ แหํง
พระราชบัญญตั ิจดั ต้ังศาลปกครองฯ (คําส่งั ศาลปกครองสงู สดุ ที่ ๓๓/๒๕๖๒)

กรณที กี่ ารทางพเิ ศษแหํงประเทศไทย (ผู๎ฟูองคดี) ฟูองวํา ผ๎ูฟูองคดีได๎ทําสัญญาจ๎าง
โครงการกํอสร๎างทางพิเศษ สายรามอินทรา-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครลงวันที่ ๖
กมุ ภาพันธ์ ๒๕๕๐ กบั บริษัท ก. (ผ๎ูถูกฟูองคดี) และเมื่อผ๎ูถูกฟูองคดีดําเนินการกํอสร๎างแล๎วเสร็จ ผ๎ู
ฟูองคดีได๎ออกหนังสือรับรองผลงานแล๎วเสร็จ ลงวันที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๕๒ ให๎แกํผ๎ูถูกฟูองคดี โดย
เง่อื นไขของสญั ญากําหนดระยะเวลาบํารุงรักษาหรือประกันความชํารุดบกพรํอง ๒๔ เดือน เริ่มนับ
จากวนั ท่ีผู๎ฟูองคดไี ดอ๎ อกหนงั สอื รบั รองผลงานแล๎วเสร็จ ซ่งึ จะสน้ิ สดุ ในวนั ที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๕๔ แตํ
ภายในระยะเวลาบาํ รุงรกั ษาหรอื ระยะเวลารับประกันความชาํ รดุ บกพรํอง ปรากฏวาํ เจา๎ หน๎าทข่ี องผู๎
ฟูองคดีได๎ตรวจพบทรัพย์สินในโครงการดังกลําวสูญหายและเสียหาย ผู๎ฟูองคดีเห็นวําผ๎ูถูกฟูองคดี
ต๎องรับผิดชอบตํอความสูญหายและเสียหายข๎างต๎น จึงนําคดีมาฟูองขอให๎ศาลมีคําพิพากษาหรือ
คาํ สั่งให๎ผู๎ถกู ฟอู งคดีชําระเงินให๎แกํผ๎ูฟูองคดี นั้น เมื่อข๎อเท็จจริงปรากฏวํา เจ๎าหน๎าท่ีของผู๎ฟูองคดี

แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด เกีย่ วกบั สญั ญำทำงปกครอง |๓๒๐

ได๎ตรวจพบทรัพย์สินในโครงการสูญหายและเสียหายจํานวน ๑๒ คร้ัง และได๎แจ๎งความไว๎ที่สถานี
ตํารวจนครบาลคันนายาว พรอ๎ มท้ังได๎มีหนังสือแจ๎งให๎ผู๎ฟูองคดีทราบ ซ่ึงผู๎วําการการทางพิเศษแหํง
ประเทศไทยได๎รับทราบการตรวจพบทรัพย์สินสูญหายและเสียหาย ครั้งที่ ๑ เมื่อวันท่ี ๒๙ ตุลาคม
๒๕๕๒ ครง้ั ที่ ๒ เมือ่ วันที่ ๗ มกราคม ๒๕๕๓ ครงั้ ท่ี ๓ เมือ่ วนั ท่ี ๒๒ มีนาคม ๒๕๕๓ ครั้งท่ี ๔ เม่ือ
วันท่ี ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๓ ครั้งที่ ๖ เม่ือวันที่ ๗ มกราคม ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๗ เมื่อวันที่ ๗ มกราคม
๒๕๕๔ ครั้งที่ ๘ เมื่อวันท่ี ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๓ คร้ังท่ี ๙ เม่ือวันท่ี ๗ มกราคม ๒๕๕๔ คร้ังที่ ๑๑
เมื่อวันท่ี ๑๓ มิถุนายน ๒๕๕๔ ครั้งท่ี ๑๒ เม่ือวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๕๔ จึงถือวํา ผ๎ูฟูองคดี ร๎ูหรือ
ควรรู๎ถึงเหตุแหํงการฟูองคดีในวันท่ีผ๎ูวําการการทางพิเศษแหํงประเทศไทยซึ่งเป็นเจ๎าหน๎าที่ผู๎มี
อํานาจของผู๎ฟอู งคดีไดท๎ ราบการตรวจพบทรัพย์สินในโครงการสูญหายและเสียหายดงั กลําว และแม๎
ไมปํ รากฏวาํ ผูว๎ าํ การการทางพิเศษแหํงประเทศไทยไดท๎ ราบการตรวจพบทรัพย์สินในโครงการฯ สูญ
หายและเสยี หาย ครั้งที่ ๕ และคร้งั ที่ ๑๐ เมอื่ ใด แตํเมือ่ ปรากฏวํา ผฟ๎ู อู งคดไี ด๎มหี นงั สือลงวันท่ี ๒๒
กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๕๖ ถึงผูจ๎ ดั การโครงการและท่ีปรึกษาควบคุมงานกํอสร๎างฯ สรุปรายงานการคงค๎าง
ของผู๎ถูกฟูองคดี ซ่ึงรวมถึงกรณีทรัพย์สินสูญหายหรือเสียหายด๎วย และขอให๎ท่ีปรึกษาควบคุมงาน
กํอสรา๎ งฯ เรงํ รดั และตดิ ตามการดาํ เนนิ การแกไ๎ ขงานของผู๎ถกู ฟอู งคดีให๎แล๎วเสร็จโดยเร็ว ยํอมถือวํา
ผ๎ูฟูองคดีร๎ูหรอื ควรรถ๎ู ึงเหตุแหํงการฟูองคดีอยาํ งช๎าท่สี ุดในวนั ท่ี ๒๒ กมุ ภาพันธ์ ๒๕๕๖ การที่ผ๎ูฟูอง
คดีนําคดมี าฟูองในวนั ท่ี ๑๑ กรกฎาคม๒๕๖๑ จึงเป็นการฟอู งคดเี มอื่ พ๎นกํา หนดระยะเวลาห๎าปีนับ
แตํวนั ทีร่ ู๎หรือควรร๎ูถึงเหตุแหํงการฟูองคดีตามมาตรา ๕๑ แหํงพระราชบัญญัติจัดต้ังศาลปกครองฯ
(คาํ ส่งั ศาลปกครองสูงสดุ ที่ ๑๕๗/๒๕๖๒)

(๘.1.๒) กรณี เอกชนผรู้ บั จา้ งฟอ้ งหน่วยงานของรฐั ผู้ว่าจา้ ง

(1) กรณีเอกชนฟ้องเรยี กคา่ จ้างตามสัญญา

ในการฟูองเรียกเงินคําจ๎างน้ัน ศาลปกครองสูงสุดมีแนวคําวินิจฉัยเกี่ยวกับวันที่ถือ
วําผ๎ูฟอู งคดไี ดร๎ ู๎หรือควรร๎ูถงึ เหตุแหงํ การฟอู งคดใี นกรณตี าํ งๆ ดังนี้

(1.1)กรณีท่ีผูร้ บั จา้ งตามสัญญาจ้างฟอ้ งคดีต่อศาลเพื่อขอให้ผู้ว่าจ้าง ชดใช้เงิน
คา่ จ้างทค่ี า้ งชาระในงวดงานบางงวด และให้คืนเงินค่าปรับที่ปรับไว้เกิน พร้อมทั้งให้คืนหนังสือ
ค้าประกนั สัญญาและหนังสือคา้ ประกันการจ่ายเงนิ ลว่ งหน้านั้น

(1.2)สาหรับกรณีการขอให้ชดใช้เงินค่าจ้าง ถือว่าสิทธิเรียกร้องเงินค่าจ้างใน
งานงวดหนึง่ งวดใด ย่อมเกดิ ข้ึนนับแต่วันทีผ่ ู้ว่าจ้างรบั มอบงานงวดน้ัน ซ่ึงถือเป็นวันที่ผู้รับจ้างรู้
หรอื ควรรู้ ถึงเหตุแหง่ การฟ้องคดี

แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสงู สุด เกีย่ วกบั สญั ญำทำงปกครอง |๓๒๑

(1.3)สาหรับกรณีการย่ืนฟ้องคดีเพื่อขอให้ผู้ว่าจ้างชาระเงินค่าจ้างในส่วนที่สั่ง
ให้ทางานเพิ่มเติมถือว่าวันที่ผู้ว่าจ้างจ่ายเงินค่าจ้างงวดสุดท้ายโดยไม่ยอมจ่ายค่าจ้างในส่วน
ของงานท่ีผ้รู บั จ้างทาเพม่ิ เตมิ เปน็ วันทีผ่ ู้รบั จา้ งรู้หรอื ควรร้ถู ึงเหตุแห่งการฟ้องคดี

สญั ญาท่ีมหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลรตั นโกสินทร์ (ผู๎ถูกฟอู งคดี) จ๎างผ๎ฟู ูองคดี
กํอสร๎างอาคารเรียนอันเป็นสัญญาจัดให๎มีสิ่งสาธารณูปโภคและเป็นสัญญา ทางปกครองตามนัย
มาตรา ๓ แหํงพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองฯ กรณีท่ีผ๎ูถูกฟูองคดีจํายเงิน คําจ๎างของงานงวด
สดุ ทา๎ ยแลว๎ แตไํ มํยอมจํายคําจ๎างในสวํ นท่สี ัง่ ให๎ผู๎ฟูองคดีทํางานเพ่ิมเติม โดยอ๎างวําไมํสามารถจัดหา

งบประมาณเพอื่ จํายคํากํอสร๎างในสํวนท่ีส่ังให๎ผู๎ฟูองคดีทํางานเพิ่ม ดังกลําวได๎ ผู๎ฟูองคดีจึงนําคดีมา
ยน่ื ฟอู งตอํ ศาลเพ่อื ขอให๎ศาลพิพากษาให๎ผู๎ถูกฟูองคดีชําระเงิน คําจ๎างในสํวนของงานท่ีผู๎ถูกฟูองคดี
ส่ังให๎ทําเพิ่มเติม จึงเป็นคดีพิพาทเก่ียวกับสัญญาทาง ปกครองตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๔) แหํง
พระราชบัญญัติดังกลําว เมื่อผ๎ูฟูองคดีสํงมอบงาน ตามสัญญาจ๎างงวดสุดท๎ายเมื่อวันท่ี ๒๔
กรกฎาคม ๒๕๕๗ และผ๎ูถูกฟูองคดีโดยคณะกรรมการ ตรวจการจ๎างรับมอบงานในวันที่ ๒๙
กรกฎาคม ๒๕๕๗ โดยในวนั ดังกลาํ วผถ๎ู กู ฟอู งคดี ไดช๎ ําระเงินคําจา๎ งของงานงวดสดุ ท๎ายแตํมไิ ด๎ชาํ ระ
หน้คี ําจ๎างกํอสร๎างงานเพิม่ เตมิ ให๎แกํผฟู๎ อู งคดี เหตุแหํงการฟูองคดีจึงเกิดขึ้นในวันดังกลําว และต๎อง
ถอื วาํ วันดงั กลาํ วเป็นวนั ท่ีผ๎ูฟูองคดรี ห๎ู รอื ควรรูถ๎ ึงเหตุแหํงการฟูองคดนี ี้ ผฟู๎ ูองคดีจึงชอบที่จะต๎องใช๎
สิทธิฟูองคดีน้ีภายในหน่ึงปีนับแตํ วันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๗ คือภายในวันท่ี ๒๙ กรกฎาคม
๒๕๕๘ เป็นอยํางช๎า การท่ีผู๎ฟูองคดีย่ืนคําฟูองน้ีตํอศาลปกครองเมื่อวันท่ี ๑๗ มีนาคม ๒๕๕๕ จึง
เป็นการย่ืนฟูองคดีเม่ือลํวงพ๎น ระยะเวลาตามที่กฎหมายกําหนดแล๎ว (คําส่ังศาลปกครองสูงสุดที่
๕๓๕/๒๕๕๐)

หมายเหตุ แตํหากไมํปรากฏวําผ๎ูวําจ๎างจํายเงินคําจ๎างงวดสุดท๎าย ในวันใดแล๎ว ถือวํา

วันที่ผ๎ูฟูองคดีมีหนังสือขอให๎จํายเงินชดเชยคําใช๎จํายที่เพิ่มข้ึน เป็นวันท่ีรู๎หรือควรรู๎ถึงเหตุแหํงการ

ฟอู งคดี

กรณีท่ีผ๎ูฟูองคดีซึ่งเป็นผู๎รับจ๎างทําการกํอสร๎างสะพานรถยนต์คอนกรีตเสริมเหล็ก

ขา๎ มคลอง ฟูองขอให๎กรมชลประทาน (ผู๎ถูกฟูองคด)ี ชําระเงินคําใช๎จําย ที่เพิ่มขึ้น และขอขยายอายุ
สัญญาพิพาท เนื่องจากเมื่อดําเนินการกํอสร๎างโดยทําการ เจาะตรวจสอบชั้นดินจึงทราบวําต๎องใช๎
เสาเขม็ ซ่งึ มคี วามยาวตาํ งจากแบบกอํ สรา๎ ง และผ๎ฟู อู งคดี ตอ๎ งทาํ เสาเข็มใหมทํ ําให๎เกิดความลาํ ช๎าใน
การสงํ มอบงานงวดสุดทา๎ ย นน้ั เมื่อข๎อเทจ็ จริงปรากฏวํา ภายหลงั จากผู๎ฟูองคดีสํงมอบงานกํอสร๎าง
ตามสัญญาจ๎างแล๎ว ผ๎ูถูกฟูองคดีได๎ชําระเงินคําจ๎าง งวดสุดท๎ายให๎แกํผ๎ูฟูองคดี แตํมิได๎ชําระเงิน
คาํ ใชจ๎ าํ ยของเสาเข็มที่มีความยาวเพิ่มข้นึ จงึ ถอื วํา ผ๎ูฟูองคดีรหู๎ รือควรรถ๎ู ึงเหตแุ หงํ การฟูองคดนี ับแตํ
วันที่ผู๎ถูกฟอู งคดไี ด๎ชําระเงินคาํ จ๎างงวดสุดท๎าย ใหแ๎ กผํ ๎ฟู อู งคดี เม่ือไมํปรากฏวําผ๎ูถูกฟูองคดีได๎ชําระ
เงินคําจ๎างงวดสุดท๎ายให๎แกํผ๎ูฟูองคดีเม่ือใด แตํปรากฏวําผ๎ูฟูองคดีมีหนังสือลงวันท่ี 9 สิงหาคม

๒๕๕๔ ขอใหผ๎ ู๎ถกู ฟูองคดีชดเชยคาํ ใช๎จําย ของเสาเขม็ ทม่ี คี วามยาวเพิ่มขึ้น จึงต๎องถือวําผู๎ฟูองคดีได๎
รูห๎ รอื ควรร๎ูถึงเหตุแหงํ การฟอู งคดี อยาํ งช๎าทส่ี ุดคอื วนั ท่ีผ๎ูฟอู งคดมี หี นงั สอื ขอให๎ชดเชยคําใช๎จํายของ
เสาเข็มท่ีมีความยาวเพมิ่ ข้นึ (คาํ สั่งศาลปกครองสงู สุดที่ ๖๖๑/๒๕๕๐)

แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสงู สุด เกีย่ วกบั สญั ญำทำงปกครอง |๓๒๒

(1.4) กรณีทผี่ ้รู ับจา้ งมีหนงั สอื ถึงผู้ว่าจ้างเพ่ือขอให้ผู้ว่าจ้าง เบิกจ่ายเงินค่าจ้าง
ให้แก่ผู้รับจ้าง หากไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าผู้ว่าจ้างได้รับหนังสือขอให้ จ่ายเงินค่าจ้างจากผู้
รับจ้างในวันใด ถือว่าผู้รับจ้างรู้หรือควรรู้ว่าผู้ว่าจ้างผิดสัญญา อย่างช้าภายในวันสุดท้ายของ
เดือนท่มี หี นังสอื ขอให้ผ้วู า่ จา้ งจ่ายเงินค่าจา้ งดงั กลา่ ว

กรณีที่ผ๎ูฟูองคดีซ่ึงเป็นผู๎รับจ๎างตามสัญญาจ๎างกํอสร๎างปรับปรุงเชิงลาดและคอ
สะพานข๎ามคลอง ฟูองขอให๎กรุงเทพมหานคร (ผ๎ูถูกฟอู งคดี) จํายเงินคําจ๎าง ตามสัญญาให๎แกํผ๎ูฟูอง
คดนี ้นั เม่อื ปรากฏวําภายหลังจากการสํงมอบงานตามสัญญาแล๎ว ผ๎ูฟูองคดีได๎มีหนังสือลงวันที่ ๑๕
มกราคม ๒๕๕๒ ถึงผ๎ูถกู ฟอู งคดเี พอื่ ขอใหผ๎ ูถ๎ ูกฟอู งคดี เรงํ ตรวจรับงานและเบิกจํายเงินคําจ๎างให๎แกํ
ผู๎ฟูองคดีแตํผู๎ถูกฟูองคดีเพิกเฉย แม๎จะไมํปรากฏข๎อเท็จจริงวํา ผ๎ูถูกฟูองคดีได๎รับหนังสือฉบับ
ดังกลาํ วต้งั แตํเมอื่ ใด แตํอยํางช๎าไมํควรจะเปน็ วันท่ี ๓๑ มกราคม ๒๕๕๗ ผฟู๎ อู งคดจี ึงรห๎ู รอื ควรรวู๎ าํ ผู๎
ถูกฟอู งคดีผิดสญั ญาอยํางชา๎ ในวันที่ ๓) มกราคม ๒๕๕๗ ข๎างต๎น เมื่อผู๎ฟูองคดีนําคดีมาฟูองตํอศาล
ในวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๕๕ จึงเป็น การย่ืนฟูองเม่ือพ๎นกําหนดระยะเวลาหน่ึงปีนับแตํวันที่ร๎ูหรือ
ควรร๎ูถึงเหตุแหํงการฟูองคดีตาม มาตรา ๕๐) แหํงพระราชบัญญัติจัดต้ังศาลปกครองฯ (คําสั่งศาล
ปกครองสูงสดุ ที่ ๑๒/๒๕๕๐)

(1.5) กรณีที่ถือว่าผู้ฟ้องคดีซ่ึงเป็นผู้รับจ้างรู้หรือควรรู้ถึงเหตุ แห่งการฟ้องคดี
ต้งั แตว่ นั ท่ีไดร้ ับหนังสือแจ้งปฏเิ สธการจา่ ยเงนิ ค่าจา้ งจากผู้ถูกฟอ้ งคดี ซึง่ เปน็ ผ้วู า่ จา้ ง

กรณีท่ีกองบังคับการฝึกพิเศษ (ผ๎ูถูกฟูองคดี) ได๎ทําสัญญา วําจ๎างท่ีปรึกษาควบคุม
การกํอสร๎างกับผ๎ูฟูองคดีเพื่อดําเนินการควบคุมงานกํอสร๎างอาคาร คํายฝึกอบรมและศูนย์พลังงาน
เพ่ือสิ่งแวดล๎อมและงานสาธารณูปโภค จึงเป็นสัญญาที่เป็น เคร่ืองมือในการดําเนินการจัดให๎มีสิ่ง
สาธารณูปโภคเป็นสัญญาทางปกครอง ตามมาตรา ๓ แหํงพระราชบัญญัติจัดต้ังศาลปกครองฯ "
ภายหลังจากครบกําหนดระยะเวลาตามสัญญาจ๎าง ผู๎ฟูองคดีได๎มีหนังสือถึงผ๎ูถูกฟูองคดีเพ่ือเรํงรัด
การเบิกจาํ ยคาํ ควบคุมงานกอํ สร๎างทคี่ า๎ งจําย ต้ังแตํงวดงานที่ ๑๓ ถึงงวดที่ ๑๘ แตํผ๎ูถูกฟูองคดีได๎มี
หนังสือลงวนั ท่ี ๒๓ สงิ หาคม ๒๕๕๔ ถงึ ผ๎ฟู อู งคดีแจ๎งวําไมํสามารถเบิกจํายเงินคําท่ีปรึกษาควบคุม
งานกํอสร๎างได๎เนื่องจากอายุระหวําง การเบิกจํายของทางราชการและไมํได๎ตั้งงบประมาณไว๎ และ
ตอํ มาไดม๎ ีหนงั สอื ลงวันท่ี ๓๐ มนี าคม ๒๕๕๙ แจง๎ ปฏิเสธการจาํ ยเงินคาํ จ๎างควบคมุ งานดังกลําว ซ่ึง
ผู๎ฟูองคดีได๎รับหนังสือ แจ๎งการปฏิเสธดังกลําวเม่ือวันท่ี ๗ เมษายน ๒๕๔๔ จึงถือได๎วําผู๎ฟูองคดีมี
สิทธเิ รยี กร๎องให๎ ผถ๎ู ูกฟูองคดีเบกิ จาํ ยเงนิ คาํ ควบคุมงานกํอสรา๎ งในวันดังกลําว ซึง่ เป็นวนั ทผ่ี ู๎ฟูองคดีรู๎
หรอื ควรร๎ู ถึงเหตุแหํงการที่ตนจะไมไํ ด๎รบั ชําระคําควบคมุ งานกอํ สร๎าง เม่ือผ๎ฟู อู งคดีนาํ คดมี าฟูองตํอ
ศาลปกครองเมอื่ วนั ที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๕๙ จึงเป็นการฟูองคดีภายในกําหนดระยะเวลาหนึ่งปี นับ
แตํวันที่ร๎ูหรือควรร๎ูถึงเหตุแหํงการฟูองคดีตามมาตรา ๕๑ แหํงพระราชบัญญัติดังกลําว (คําส่ังศาล
ปกครองสงู สุดท่ี ๒๒๖/๒๕๕๐)

แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสงู สุด เกีย่ วกบั สญั ญำทำงปกครอง |๓๒๓

(1.6) กรณีท่ีผู้รับจ้างมีหนังสือทวงถามให้ผู้ว่าจ้างชาระค่าจ้าง ส่วนที่ยังค้าง
ชาระ และผู้ว่าจ้างมีหนังสือแจ้งว่ายังไม่ได้รับเงินค่างานส่วนเหลือดังกล่าวจากสานักงานคลัง
จังหวัด โดยมิได้โต้แย้งหรือปฏิเสธการชาระหน้ีน้ัน ถือเป็นการยอมรับ สภาพหนี้ตามสิทธิ
เรียกร้องของผู้รับจ้างอันเป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลง และเริ่มนับ อายุความใหม่นับถัด
จากวันทม่ี ีการรับสภาพหน้ดี งั กล่าว

การท่ีองค์การบริหารสํวนตําบลสวนผึ้ง (ผ๎ูถูกฟูองคดี) ทําสัญญา จ๎างทํางาน
โครงการปรับปรุงพื้นที่ทํองเท่ียวเชิงอนุรักษ์และศูนย์ศึกษาธรรมชาติอําเภอสวนผ้ึง กับผู๎ฟูองคดี
ตํอมาเมอ่ื การกํอสร๎างแล๎วเสร็จตามสัญญาทุกประการ แตํผู๎ถูกฟูองคดีชําระเงิน คําจ๎างให๎แกํผ๎ูฟูอง
คดไี มคํ รบตามสัญญา เมื่อข๎อเท็จจริงปรากฏวําผ๎ูฟูองคดีได๎มีหนังสือเรํงรัดให๎ ผู๎ถูกฟูองคดีชําระเงิน
คําจ๎างตามสัญญา แตํผ๎ูถูกฟูองคดีจํายเงินคําจ๎างงวดสุดท๎ายให๎แกํ ผู๎ฟูองคดีในวันท่ี ๒ กันยายน
๒๕๔๗ จํานวน ๒๑๐,๓๖๔ บาท ซึ่งจาํ นวนเงนิ ดงั กลาํ วไมคํ รบ ตามสัญญายังขาดอยํูอีก ๑๙๓,๔๘๖
บาท จึงถือได๎วําวันดังกลําวเป็นวันที่ผ๎ูฟูองคดีร๎ูหรือควรรู๎ ถึงเหตุแหํงการฟูองคดี เมื่อผ๎ูฟูองคดีได๎มี
หนงั สอื ทวงถามใหผ๎ ๎ถู กู ฟูองคดชี ําระหนแี้ ละกํอนทจี่ ะ ครบกําหนดระยะเวลาการฟูองคดีผ๎ูถูกฟูองคดี
ได๎มีหนังสือลงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘ ยอมรับ สภาพหนี้ตามสิทธิเรียกร๎องของผ๎ูฟูองคดี อันเป็น
เหตุให๎อายุความสะดุดหยุดลงระยะเวลา ท่ีลํวงไปกํอนนั้นไมํนับเข๎าในอายุความและเร่ิมนับอายุ
ความใหมตํ ั้งแตเํ ม่ือเหตุที่ทาํ ให๎อายุความ สะดดุ หยุดลงสิน้ สุดคือวนั ท่ี 9 เมษายน ๒๕๕๘ ท้ังนี้ ตาม
มาตรา ๑๙๓/๑๔ (๑) และ ๑๙๓/๑๕ แหํงประมวลกฎหมายแพํงและพาณิชย์ ซ่ึงผู๎ฟูองคดีต๎องนํา
คดีมายื่นฟูองตํอศาลภายในกําหนด 9 ปี นับแตํวันที่ 9 เมษายน ๒๕๕๘ ตามมาตรา ๕๑ แหํง
พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองฯ คือภายในวันที่ 9 เมษายน ๒๕๕๙ แตํเมื่อผ๎ูฟูองคดีมีหนังสือ
ทวงถามอีกครั้งและกํอนที่จะครบ กําหนดระยะเวลาการฟูองคดีในครั้งหลังนี้ผ๎ูถูกฟูองคดีก็ได๎มี
หนังสอื ลงวันท่ี ๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๘ ยอมรับสภาพหน้ีอันเป็นเหตุให๎อายุความสะดุดหยุดลงอีกครั้ง
หนึ่ง ดังนั้น ผ๎ูฟูองคดีต๎องนําคดี มาย่ืนฟูองตํอศาลภายในกําหนด ๑ ปี นับแตํวันที่ ๑๖ ธันวาคม
๒๕๕๘ ตามมาตรา ๕๑ แหํงพระราชบัญญัติจัดต้ังศาลปกครองฯ เมื่อผ๎ูฟูองคดียื่นฟูองคดีน้ีตํอศาล
ปกครองชนั้ ต๎น เม่ือวันท่ี ๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๙ จึงเป็นการยื่นฟูองคดีภายในกําหนดระยะเวลาการ
ฟูองคดี ตามท่ีกฎหมายกําหนด (คําสง่ั ศาลปกครองสงู สดุ ท่ี ๒๐/๒๕๕๐)

กรณีท่ีผ๎ูฟอู งคดีเป็นผ๎ูรับจ๎างกํอสร๎างเทคอนกรีตเสริมเหล็ก บริเวณ โรงเรียนแกดํา
วิทยาคาร ฟูองขอให๎ศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังให๎โรงเรียนแกดําวิทยาคาร จํายเงินคําจ๎างท่ีค๎าง
ชําระตามสัญญา น้ัน เม่ือปรากฏวําผ๎ูฟูองคดีได๎มีหนังสือลงวันท่ี ๒๓ เมษายน ๒๕๕๒ ถึง
ผ๎อู ํานวยการโรงเรยี นแกดําวิทยาคารเพ่อื ขอรับเงินคําจ๎างสํวนท่ีเหลือ แตํผู๎อํานวยการฯ มีหนังสือ
ลงวนั ท่ี ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๕๒ ถึงผ๎ูฟอู งคดแี จ๎งปฏิเสธการจํายเงนิ คาํ จา๎ งดงั กลําวโดยอ๎างวําการจัด
จ๎างดาํ เนนิ การไมํถูกต๎องตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี วําด๎วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ ถือได๎วําผู๎
ฟูองคดีรู๎หรือควรรู๎ถึงเหตุแหํงการฟูองคดีอยํางเร็วท่ีสุด ในวันที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๕๒ ดังกลําว
เมอ่ื ผู๎ฟูองคดีย่นื ฟูองคดีน้ใี นวนั ที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๕๒ จึงเปน็ การยนื่ ฟูองคดภี ายในห๎าปีนบั แตํวันที่
รูห๎ รือควรร๎ถู งึ เหตแุ หํงการฟอู งคดีแลว๎ (คําส่งั ศาลปกครองสงู สดุ ที่ ๑๙๕/๒๕๕๓)

แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด เกี่ยวกบั สญั ญำทำงปกครอง |๓๒๔

กรณีฟูองวํา เทศบาลตําบลศรีสุนทรวําจ๎างให๎ผ๎ูฟูองคดีกํอสร๎างบ๎าน ในโครงการ
บ๎านท๎องถิ่นไทยเทิดไท๎องค์ราชัน ๘๔ พรรษา ซ่ึงผู๎ฟูองคดีได๎ทํางานกํอสร๎างบ๎าน ในโครงการ
ดงั กลาํ วใหแ๎ กํเทศบาลตําบลศรีสุนทรจนแล๎วเสร็จ แตํเทศบาลตําบลศรีสุนทร ไมํจํายคําจ๎างให๎แกํผู๎
ฟูองคดี ผ๎ูฟูองคดีจึงนําคดีมาฟูองขอให๎ศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งให๎ เทศบาลตําบลศรีสุนทร
จํายเงินตามสญั ญาจา๎ งใหแ๎ กํผฟู๎ ูองคดี นน้ั เมือ่ ข๎อเท็จจริงรับฟังได๎วํา ผู๎ฟูองคดีได๎ทํางานกํอสร๎างจน
แล๎วเสร็จสมบูรณ์ จึงได๎ขอเบิกเงินคําจ๎างจากเทศบาลตําบล ศรีสุนทรเม่ือประมาณเดือนกันยายน
๒๕๕๒ แตํได๎รับการปฏิเสธการจํายเงินคําจ๎าง กรณีจึงถือได๎วํา เหตุแหํงการฟูองคดีได๎เกิดข้ึนแล๎ว
ตงั้ แตํวนั ท่เี ทศบาลตําบลศรีสุนทรปฏิเสธการจํายเงินคําจ๎าง และผ๎ูฟูองคดีได๎ร๎ูหรือควรรู๎ถึงเหตุแหํง
การฟูองคดีต้ังแตํขณะน้ัน ผู๎ฟูองคดีจะต๎องนําคดีมาฟูอง ตํอศาลปกครองอยํางช๎าภายในเดือน
กันยายน ๒๕๕๗ การท่ีผ๎ฟู ูองคดีนําคดีนี้มายื่นฟูองตํอ ศาลปกครองเม่ือวันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๕๕ จึง
เปน็ การยนื่ ฟูองคดเี มอ่ื พน๎ กาํ หนดหา๎ ปนี บั แตวํ นั ทีร่ ู๎ หรือควรรู๎ถึงเหตุแหํงการฟูองคดี จึงเป็นการย่ืน
ฟูองเม่ือพ๎นระยะเวลาการฟูองคดีตามมาตรา ๕๑ แหํงพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองฯ (คําส่ัง
ศาลปกครองสงู สดุ ที่ ๖๔๐/๒๕๕๘)

กรณฟี อู งวาํ ผ๎วู าํ ราชการกรุงเทพมหานคร โดยผู๎อํานวยการสํานัก วัฒนธรรม กีฬา
และการทํองเท่ียว ได๎ทําสัญญาวําจ๎างให๎ผู๎ฟูองคดีกํอสร๎างอาคารศูนย์เยาวชน กํอสร๎างทางเท๎า
ด๎านหน๎าอาคาร งานทํอระบายนํ้า พร๎อมบํอพักภายนอกอาคาร โดยผู๎ฟูองคดี ได๎ยื่นหนังสือขอรับ
เงินชดเชยคาํ งานกอํ สร๎างตามสัญญาแบบปรับราคาได๎ (คํา K) แตํไมํได๎ มีการเบิกจํายเงินชดเชยคํา
งานกํอสรา๎ งและมไิ ด๎แจ๎งผลการพจิ ารณาให๎ผฟ๎ู ูองคดที ราบ ผู๎ฟูองคดี จงึ นําคดีมาฟูองขอให๎ศาลมีคํา
พิพากษาหรอื คําส่งั ให๎มกี ารจํายเงินชดเชยคาํ งานกอํ สรา๎ ง ตามสัญญาแบบปรบั ราคาได๎ (คํา K) ให๎แกํ
ผู๎ฟูองคดี น้ัน เมื่อข๎อเท็จจริงปรากฏวํา ผ๎ูฟูองคดี ได๎มีหนังสือเรํงรัดการเบิกจํายเงินดังกลําวไปยัง
ผ๎ูอํานวยการสํานักวัฒนธรรมฯ ซึ่งผ๎ูอํานวยการ สํานักวัฒนธรรมฯ ได๎รับหนังสือไว๎เมื่อวันท่ี ๙
มถิ ุนายน ๒๕๕๑ การเพิกเฉยไมํชําระเงินดังกลําว ให๎แกํผู๎ฟูองคดีเป็นการประพฤติผิดสัญญาตั้งแตํ
วันทไี่ ดร๎ บั หนงั สือเรํงรดั การเบิกจํายเงนิ จากผู๎ฟอู งคดี จึงถอื วําผ๎ฟู ูองคดรี ูห๎ รือควรรเ๎ู หตแุ หํงการฟูอง
คดีต้ังแตํวันท่ี ๙ มิถุนายน ๒๕๕๑ ผ๎ูฟูองคดีสามารถใช๎สิทธิเรียกร๎องเงินชดเชยคํางานกํอสร๎างโดย
การฟูองคดีตํอศาลได๎ตั้งแตํ วันดังกลําว โดยไมํต๎องรอให๎มีการปฏิเสธไมํชําระเงินชดเชยคํางาน
กํอสร๎างเสยี กํอน ดงั นั้น การทีผ่ ๎ฟู ูองคดีนําคดีมาฟูองตํอศาลเม่ือวันท่ี ๒๓ มีนาคม ๒๕๕๘ ยํอมเป็น
การย่ืนคําฟูอง เมื่อพ๎นระยะเวลาการฟูองคดีมาตรา ๕๑ แหํงพระราชบัญญัติจัดต้ังศาลปกครองฯ
แล๎ว (คาํ สัง่ ศาลปกครองสูงสุดที่ ๖๗๐/๒๕๕๔)

กรณีฟูองวํา ผู๎ฟูองคดีเป็นข๎าราชการ สังกัดกรมการประกันภัย กระทรวงพาณิชย์
ซึ่งสมัครใจโอนย๎ายมาเป็นพนักงานในสังกัดของสํานักงานคณะกรรมการกํากับ และสํงเสริมการ
ประกอบธุรกิจประกันภัย ได๎ย่ืนหนังสือขอรับเงินประโยชน์ตอบแทนกรณี ออกจากงานด๎วยเหตุ
เกษยี ณอายุ แตสํ าํ นักงานคณะกรรมการกาํ กบั และสํงเสริมการประกอบธรุ กจิ ประกันภยั เลขาธกิ าร
คณะกรรมการกํากับและสํงเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย และคณะกรรมการกํากับและ
สํงเสรมิ การประกอบธุรกจิ ประกนั ภัย ไมํจํายประโยชน์ตอบแทน เมื่อเกษียณอายุโดยเทียบเคียงกับ
คาํ ชดเชยตามพระราชบัญญตั คิ ม๎ุ ครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๕๑ ใหแ๎ กผํ ๎ูฟูองคดีตามสิทธิที่ผู๎ฟูองคดีพึงมี

แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสงู สุด เกี่ยวกบั สญั ญำทำงปกครอง |๓๒๕

ตามกฎหมาย ขอให๎ศาลมีคําพพิ ากษาหรือคําสั่ง ให๎มีการจํายเงินประโยชน์ตอบแทนดังกลําวพร๎อม
ดอกเบ้ียให๎แกํผ๎ูฟูองคดี น้ัน เมื่อข๎อเท็จจริง ปรากฏวํา ผ๎ูฟูองคดีได๎เกษียณอายุเม่ือวันที่ ๓๑
ธันวาคม ๒๕๕๒ ตามข๎อ ๑๓ (๕) ของข๎อบังคับ สํานักงานคณะกรรมการกํากับและสํงเสริมการ
ประกอบธุรกิจประกันภัยวําด๎วยการพนักงาน พ.ศ. ๒๕๕๐ กรณีจึงต๎องถือวําวันท่ี ๓๑ ธันวาคม
๒๕๕๒ เป็นวันที่ผ๎ฟู ูองคดีไดร๎ ห๎ู รอื ควรร๎ู ถึงการไมํจํายเงินประโยชน์ตอบแทนกรณีออกจากงานด๎วย
เหตเุ กษียณอายุให๎แกํผฟ๎ู ูองคดี ซึง่ เปน็ เหตุแหงํ การฟูองคดนี ้ี ผูฟ๎ อู งคดจี งึ ต๎องนําคดมี าย่นื ฟอู งตํอศาล
ปกครองภายในห๎าปี นับแตวํ นั ดงั กลาํ ว การท่ผี ๎ฟู ูองคดีนําคดมี ายนื่ ฟอู งตํอศาลในวันที่ 5 กรกฎาคม
๒๕๕๔ จงึ เป็นการยืน่ ฟอู งเมื่อพน๎ กําหนดระยะเวลาการฟอู งคดีตามมาตรา ๕๑ แหํงพระราชบญั ญัติ
จดั ต้ังศาลปกครองฯ (คาํ สัง่ ศาลปกครองสงู สดุ ท่ี ๒๐๖/๒๕๕๙)

๒) การฟ้องขอให้ผูว้ า่ จา้ งคืนเงินคา่ ปรับ

๒.1) กรณีท่ีผู้รับจ้างเห็นว่าหน่วยงานทางปกครองผู้ว่าจ้างหักเงิน ค่าปรับกรณี
สง่ มอบงานล่าช้าจากค่าจ้างไม่ถกู ตอ้ ง จึงย่นื ฟอ้ งคดีเพือ่ ขอคืนเงินค่าปรับ ดังกล่าว ถือว่าวันที่ผู้
ว่าจา้ งหกั เงินค่าปรบั เปน็ วนั ทผ่ี ้รู บั จา้ งรู้หรือควรรู้ถงึ เหตแุ หง่ การฟอ้ งคดี

กรณที ี่ผ๎ฟู อู งคดีซึ่งเป็นผรู๎ บั จ๎างตามสญั ญาจา๎ งกํอสร๎างโครงการ บ๎านพักข๎าราชการ
ดํานศุลกากรสงขลาฟูองขอให๎กรมศุลกากร (ผ๎ูถูกฟูองคดี) คืนเงินคําจ๎าง งวดสุดท๎ายท่ีผู๎ถูกฟูองคดี
หักไว๎เป็นคําปรับให๎แกํผ๎ูฟูองคดี เนื่องจากเห็นวําการสํงมอบงานลําช๎า ไมํใชํความผิดหรือความ
บกพรํองของผ๎ูฟูองคดี ผู๎ถูกฟูองคดีจึงไมํมีสิทธิที่จะปรับหรือยึดเงิน ดังกลําวได๎ตามกฎหมาย น้ัน
เมือ่ ปรากฏวาํ ภายหลังจากทผี่ ู๎ฟูองคดีไดส๎ งํ มอบงานตามสญั ญา งวดสุดทา๎ ย คณะกรรมการตรวจการ
จ๎างได๎ตรวจรับงานจ๎างในวันท่ี ๕ เมษายน ๒๕๓๘ และได๎ หักเงินคําจ๎างงวดสุดท๎ายไว๎เป็นคําปรับ
กรณีสงํ มอบงานลาํ ช๎าเป็นเวลา ๑๐๒ วนั ในวันเดยี วกนั ดงั นัน้ วนั ท่ี 4 เมษายน ๒๕๓๘ ซงึ่ เป็นวนั ที่
ผู๎ฟอู งคดีร๎วู ําถูกหกั เงินคาํ จ๎างงวดสุดทา๎ ยเปน็ เงนิ คาํ ปรับ จงึ เปน็ วันทผี่ ๎ูฟอู งคดรี ๎หู รอื ควรร๎ูถงึ เหตแุ หงํ
การฟูองคดี เมื่อปรากฏวําผู๎ฟูองคดีไมํได๎ใช๎ สิทธิฟูองคดีตํอศาลยุติธรรมซึ่งเป็นศาลท่ีมีอํานาจ
พจิ ารณาพพิ ากษาคดีอยํูในขณะนั้น แตํได๎ นาํ คดมี าฟูองตํอศาลปกครองในวนั ท่ี ๑๓ ตลุ าคม ๒๕๕๙
จึงเป็นยื่นฟูองเม่ือพ๎นกําหนดระยะเวลา หนึ่งปีนับแตํวันท่ีรู๎หรือควรร๎ูถึงเหตุแหํงการฟูองคดีตาม
มาตรา ๕๑ แหํงพระราชบัญญัติจัดต้ัง ศาลปกครองฯ (คําสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ ๑๕๗/๒๕๕๐
ท่ี 8๓๔/๒๕๕๗ ท่ี ๙๕๘/๒๕๔๗ ท่ี ๕๑/๒๕๔8 ท่ี ๖8๒/๒๕๔8ที่ 8๙๗/๒๕๔8 ท่ี ๑๙๘/๒๕4๙
ท่ี ๒๕3/๒๕๔๙ และท่ี ๓๕๗/๒๕๕๐)

๒.2) กรณีที่ผู้รับจ้างเห็นว่าหน่วยงานทางปกครองผู้ว่าจ้าง หักเงินค่าปรับกรณี
ส่งมอบงานลา่ ช้าจากคา่ จ้างไม่ถูกต้อง จงึ ย่นื ฟ้องคดีเพอ่ื ขอคืนเงิน ค่าปรับและหนังสอื ค้าประกัน
การจ่ายเงินล่วงหน้าคืนจากผู้ว่าจ้างน้ันเมื่อไม่ปรากฏว่า ผู้ว่าจ้างหักเงินค่าปรับและหักเงินท่ีได้
จ่ายไปเป็นค่าจ้างล่วงหน้าเมื่อใด ถือว่าวันท่ี ผู้รับจ้างมีหนังสือแจ้งต่อผู้ว่าจ้างว่าผู้รับจ้างถูกผู้

แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด เกี่ยวกบั สญั ญำทำงปกครอง |๓๒๖

ว่าจ้างปรับเนื่องจากงานไม่แล้วเสร็จ และถูกหักเงินเพ่ือจ่ายคืนเงินท่ีเบิกล่วงหน้าส่วนท่ีเหลือ
เป็นวันที่ผูร้ ับจา้ งรหู้ รือควรรู้ถึง เหตุแหง่ การฟอ้ งคดี

กรณีที่ผ๎ูฟูองคดีซ่ึงเป็นผ๎ูรับจ๎างตามสัญญาจ๎างกํอสร๎างวางทํอ จํายน้ําและงานท่ี
เกย่ี วขอ๎ งได๎ยน่ื ฟอู งคดตี ํอศาลโดยประสงค์จะให๎ศาลสั่งใหก๎ ารประปานครหลวง (ผู๎ถกู ฟูองคดี) ชดใช๎
เงินคําจา๎ งท่คี า๎ งชําระในงานงวดที่ ๔ และให๎คืนเงินคําปรับที่ผถ๎ู ูกฟอู งคดี ปรบั ไว๎เกนิ พรอ๎ มท้ังให๎คืน
หนงั สือคาํ้ ประกนั สญั ญาและหนังสือค้ําประกันการจาํ ยเงินลํวงหน๎านั้น ในสวํ นของการเรียกร๎องเงิน
คําปรับและหนงั สอื คา้ํ ประกันการจํายเงนิ ลํวงหนา๎ คนื จากผ๎ถู กู ฟอู งคดี ผูว๎ าํ จ๎างจะคนื หลักประกันเงิน
ลํวงหน๎าตามสัญญาจ๎างให๎แกํผ๎ูรับจ๎าง ตํอเมื่อผู๎วําจ๎างได๎หักเงิน คําจ๎างไว๎ครบจํานวนลํวงหน๎า เม่ือ
ข๎อเท็จจริงไมํปรากฏวําผู๎ถูกฟูองคดีใช๎สิทธิปรับผ๎ูฟูองคดีและ หักเงินที่ผู๎ถูกฟูองคดีจํายคําจ๎าง
ลวํ งหน๎าเมอ่ื ใด แตเํ มอื่ ผฟู๎ อู งคดีได๎มหี นงั สอื ลงวันท่ี ๒๔ เมษายน ๒๕๕๖ ถึงผ๎ูถูกฟูองคดีโดยระบุวํา
ผ๎ฟู อู งคดีถูกผู๎ถกู ฟูองคดีปรับเนื่องจากงานไมํแล๎วเสร็จ และถูกหักเงินเพ่ือจํายคืนเงินท่ีเบิกลํวงหน๎า
สวํ นที่เหลอื จงึ ถือได๎วาํ ผ๎ูฟอู งคดีไดร๎ ูถ๎ ึงการหกั เงิน คําปรับและหักเงินท่ีจํายลํวงหน๎าอยํางช๎าท่ีสุดใน
วนั ท่ี ๒๕ เมษายน ๒๕๔๖ และถอื วาํ ผ๎ูฟูองคดี รเู๎ หตแุ หงํ การฟอู งคดเี รยี กคนื เงนิ คําปรับและหนังสือ
ค้ําประกันการจํายเงนิ ลํวงหนา๎ ในวนั ดงั กลําว เมอ่ื ผ๎ฟู อู งคดีนําคดมี าฟูองเม่อื วนั ที่ 4 เมษายน ๒๕๔๘
จึงเป็นการฟูองคดีเม่ือพ๎นกําหนดเวลา หนึ่งปีนับแตํวันที่รู๎หรือควรรู๎ถึงเหตุแหํงการฟูองคดีตามที่
บญั ญตั ไิ วใ๎ นมาตรา ๕๑ แหงํ พระราชบญั ญตั ิ จดั ต้ังศาลปกครองฯ (คาํ สั่งศาลปกครองสูงสดุ ที่ ๑๖๐/
๒๕๕๐ และที่ ๕๙๑/๒๕4๘)

๒.๓) กรณีท่ีผู้ฟ้องคดีซึ่งเป็นผู้รับจ้างส่งมอบงานล่าช้ากว่า ที่กาหนดไว้ใน
สัญญาและผู้ถูกฟ้องคดีซ่ึงเป็นผู้ว่าจ้างมีหนังสือเรียกให้ชาระค่าปรับ ถือว่าวันท่ีผู้ฟ้องคดีมี
หนังสือถึงผู้ถูกฟ้องคดียินยอมชาระค่าปรับโดยให้หักจากเงิน ค่าจ้างเป็นวันที่รู้หรือควรรู้ถึงเหตุ
แหง่ การฟ้องคดี

กรณีสัญญาจ๎างกํอสร๎างโครงการปรับปรุงถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก ระหวํางผู๎ฟูอง
คดกี ับกรมทางหลวงชนบท (ผ๎ูถูกฟอู งคดี) ได๎กาํ หนดใหผ๎ ู๎ฟอู งคดตี ๎องทํางาน ให๎แล๎วเสรจ็ ภายในวันท่ี
4 ธันวาคม ๒๕๔๒ แตํผู๎ฟูองคดีได๎สํงมอบงานงวดสุดท๎ายเมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๓ ลําช๎า
กวําท่ีกําหนดไวใ๎ นสญั ญา ๗๕ วัน ผ๎ูถกู ฟูองคดีจึงมหี นังสอื ลงวนั ท่ี ๑๐ มีนาคม ๒๕๔๓ แจ๎งให๎ผ๎ูฟูอง
คดชี าํ ระคําปรับเปน็ เงนิ ๑๕๔,๕๓๐ บาท ผ๎ูฟอู งคดีได๎มีหนังสือลงวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๔๓ ถึงผ๎ูถูก
ฟูองคดีแจ๎งวํายินยอมชําระคําปรับดังกลําว เมื่อผ๎ูฟูองคดีเห็นวํา การที่ผู๎ถูกฟูองคดีแจ๎งให๎ตนชําระ
เงินคาํ ปรับดงั กลําวไมชํ อบ จงึ ถอื วาํ ผ๎ฟู อู งคดีร๎ูหรือควรรถู๎ งึ เหตุ แหํงการฟอู งคดอี ยาํ งชา๎ เมอ่ื วันที่ ๑๓
มนี าคม ๒๕๕๓ ซ่งึ เปน็ กรณที เี่ กดิ ขึน้ กํอนศาลปกครอง เปิดทาํ การ จงึ ต๎องเร่มิ นับระยะเวลาการฟอู ง
คดีต้ังแตํวันที่ 4 มนี าคม ๒๕๕๔ ซ่ึงเป็นวันที่ ศาลปกครองเปิดทําการ เมื่อผู๎ฟูองคดียื่นฟูองตํอศาล
ปกครองเมื่อวันท่ี ๒๘ มิถุนายน ๒๕๔๔ จึงเป็นการย่ืนฟูองภาระในหน่ึงปีนับแตํวันที่รู๎หรือควรร๎ูถึง
เหตุแหํงการฟูองคดี แตํไมํเกินสิบปี นับแตํวันที่มีเหตุแหํงการฟูองคดี ตามมา ตรา ๕๑ แหํง
พระราชบญั ญัตจิ ัดต้ังศาลปกครองฯ สํวนกรณีทผ่ี ๎ูฟูองคดไี มํลงมอื ดาํ เนนิ การกํอสร๎างตามสญั ญา โดย
อ๎างวําผ๎ูถูกฟูองคดีแตํงต้ัง ผ๎ูควบคุมงานและให๎ผ๎ูควบคุมงานเข๎ามาปฏิบัติหน๎าที่ลําช๎า นั้น เห็นวํา

แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด เกีย่ วกบั สญั ญำทำงปกครอง |๓๒๗

กรณีดังกลาํ วไมเํ ปน็ ปญั หาหรอื อุปสรรคตอํ การเรม่ิ งานกํอสร๎างของผฟ๎ู ูองคดแี ตอํ ยาํ งใด และกรณีผ๎ู
ฟูองคดี กลาํ วอ๎างวาํ ไมํสามารถเขา๎ พื้นที่กํอสร๎างได๎เนื่องจากอยูํในเขตหวงห๎ามของทางราชการ นั้น
เหน็ วํา ผูฟ๎ อู งคดีได๎ทราบถงึ ปญั หาและอปุ สรรคดงั กลําวตงั้ แตกํ อํ นวนั เรมิ่ ลงมอื ปฏิบัตงิ านตามสญั ญา
แตํผู๎ฟูองคดีไมํใช๎สิทธิขอขยายเวลาปฏิบัติงานหรือขอลดหรือของดคําปรับ ขอขยาย เวลาทําการ
ตามขอ๎ ๑๓๙ ของระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี วําด๎วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ เหตุแหํงการสํงมอบ
งานลําช๎า จึงไมํได๎เกิดจากความผิดหรือความบกพรํองของผู๎ถูกฟูองคดี ดังนั้น การท่ีผ๎ูถูกฟูองคดี
เรยี กและหักคาํ ปรับจากคาํ จ๎างกํอสร๎างของผู๎ฟอู งคดตี ามจํานวนวัน ที่สํงมอบงานลําช๎า จึงชอบด๎วย
กฎหมายแล๎ว (คําพพิ ากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๑4๘/๒๕๕๐)

๒.๔) กรณีท่ีผู้ฟ้องคดีซึ่งเป็นผู้รับจ้างส่งมอบงานล่าช้ากว่าท่ี กาหนดไว้ใน
สัญญาและผู้ถูกฟ้องคดีซึ่งเป็นผู้ว่าจ้างได้หักเงินค่าจ้างไว้เป็นค่าปรับ ถือว่าในเดือนที่มีการหัก
เงินค่าจ้างไว้เป็นค่าปรับเป็นวันท่ีผู้ฟ้องคดีรู้หรือควรรู้ถึงเหตุ แห่งการฟ้องคดีเพื่อขอคืนเงิน
คา่ ปรบั ดังกลา่ ว

กรณที ี่ผู๎ฟูองคดซี ่งึ เปน็ ผร๎ู บั จ๎างตามสัญญาจ๎างเหมากอํ สร๎าง สํานักงานขนสงํ จังหวัด
กบั กรมการขนสํงทางบก (ผูถ๎ ูกฟูองคดี) ไมสํ ามารถสงํ มอบงานภายใน ระยะเวลาตามสัญญาได๎ ผ๎ูถูก
ฟูองคดีจงึ มีหนงั สอื ลงวันที่ ๓ ธนั วาคม ๒๕๕๗ และหนังสอื ลงวันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๔๗ สงวนสิทธิ์
เรยี กคําปรับไปยังผฟ๎ู อู งคดี และตอํ มาไดห๎ กั คาํ ปรับ ดงั กลําวจากเงินคําจ๎างงวดสุดท๎ายที่จํายให๎แกํผู๎
ฟูองคดีภายในเดือนธันวาคม ๒๕๕๗ นัน้ เอง กรณีจงึ ถอื ได๎วาํ ผูฟ๎ อู งคดรี ห๎ู รอื ควรรถ๎ู งึ เหตแุ หงํ การฟอู ง
คดเี พ่อื ขอคนื เงินคําปรับต้ังแตํเดือน ธันวาคม ๒๕๔๗ แล๎ว การท่ีผู๎ฟูองคดีนําคดีมาฟูองตํอศาลเม่ือ
วันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๔ จึงเป็นการฟูองคดีเมื่อพ๎นระยะเวลาหนึ่งปีนับแตํวันที่รู๎หรือควรรู๎ถึงเหตุ
แหํงการฟอู งคดตี าม มาตรา ๕๑ แหํงพระราชบัญญตั จิ ัดต้ังศาลปกครองฯ (คําสั่งศาลปกครองสูงสุด
ท่ี ๗๐๘/๒๕๕๐)

๒.๕) กรณีที่ผู้ฟ้องคดีซ่ึงเป็นผู้รับจ้างส่งมอบงานล่าช้ากว่าที่ กาหนดไว้ใน
สัญญาและผู้ถูกฟ้องคดีซึ่งเป็นผู้ว่าจ้างได้หักเงินค่าจ้างไว้เป็นค่าปรับ แต่ต่อมาพบว่าการ
คานวณเงนิ ค่าปรบั ไม่ถกู ตอ้ งจงึ คืนเงนิ ค่าปรับบางสว่ นให้แก่ผู้ฟอ้ งคดี แต่ผ้ฟู ้องคดีเห็นว่าตนยงั มี
สิทธิได้รับเงินค่าปรับมากกว่าจานวนเงินค่าปรับที่ได้รับ มาแล้วนั้น ถือว่าวันท่ีผู้ถูกฟ้องคดีคืน
เงินค่าปรับบางส่วนดังกล่าว เป็นวันที่ผู้ฟ้องคดี ทราบจานวนค่าปรับท่ีแท้จริงอันเป็นวันท่ีรู้หรือ
ควรร้ถู ึงเหตุแห่งการฟอ้ งคดี

กรณีท่ีการไฟฟูาสวํ นภูมภิ าค (ผูถ๎ ูกฟอู งคดี) ไดท๎ าํ สัญญาจ๎าง ผู๎ฟูองคดปี รับปรุงพ้นื ท่ี
เพื่อทําการกํอสร๎างโรงจักรแทํนเคร่ืองยนต์ รางเคเบ้ิล ฐานตัวเครื่อง บํอดักตะกอน ฐานตั้งหม๎อ
แปลง รว้ั ประตูตาขาํ ยลอ๎ มหม๎อแปลง บ๎านพกั พนกั งาน จาํ นวน ๒ ครอบครัว และถนนเข๎าที่ทําการ
โดยมีวัตถุประสงคเ์ พอ่ื ให๎มโี รงจักรเดินเครอ่ื งยนตก์ าํ เนิด ไฟฟาู สําหรับทาํ การจาํ ยกระแสไฟฟาู ใหก๎ บั
ประชาชนอันมีลักษณะเป็นการบริการสาธารณะ สัญญาดังกลําวจึงเป็นสัญญาทางปกครองตาม
มาตรา ๓ แหงํ พระราชบญั ญัติจดั ตง้ั ศาลปกครองฯ เมื่อปรากฏขอ๎ เทจ็ จริงวําผ๎ูถกู ฟอู งคดีไดอ๎ นุมัติให๎
ขยายเวลาการกํอสร๎างให๎ผู๎ฟูองคดีเป็นเวลา ๓๐ วัน นับจากวันที่ครบกําหนดสัญญาและคืนเงิน

แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสงู สุด เกี่ยวกบั สญั ญำทำงปกครอง |๓๒๘

คาํ ปรบั ที่ผถ๎ู ูกฟูองคดหี ักไว๎ ๓๐ วนั เปน็ เงิน ๑๐๘,000 บาท และไดจ๎ าํ ยคืนเงนิ จาํ นวนดังกลําวแกผํ ู๎
ฟูองคดีเมื่อวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ แตํผ๎ูฟูองคดีเห็นวําการคืนเงินคําปรับดังกลําวไมํชอบ
เนอ่ื งจากผ๎ูฟอู งคดีมีสิทธิได๎รับอนุมตั ใิ หข๎ ยายระยะเวลากอํ สรา๎ งจํานวน ๑๑๕ วัน จึงมีสิทธิได๎รับเงิน
คําปรับคืนจากผ๎ูฟูองคดีอีก เป็นจํานวน ๓๐๖,๐๐๐ บาท นั้น ถือวําวันท่ีผู๎ฟูองคดีได๎รับคืนเงิน
คําปรับเป็นวันท่ผี ู๎ฟูองคดีทราบ จาํ นวนคําปรับท่ีแท๎จรงิ อันเป็นวนั ทผี่ ๎ฟู อู งคดรี ๎ูหรอื ควรรู๎ถึงเหตุแหํง
การฟูองคดี เมือ่ ผู๎ฟอู งคดี ย่ืนฟูองตํอศาลปกครองในวันท่ี ๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๕ จึงเป็นการฟูองคดี
ภายในกําหนดระยะเวลา หนึ่งปีนับแตํวันที่รู๎หรือควรรู๎ถึงเหตุแหํงการฟูองคดีตามมาตรา ๕๑ แหํง
พระราชบัญญตั จิ ัดตัง้ ศาลปกครองฯ (คําสัง่ ศาลปกครองสงู สุดที่ ๑๓๑/๒๕๕๐)

๓) การฟอ้ งขอให้ผู้ว่าจ้าง คืนหลกั ประกนั สัญญา

๓.1) สิทธิของผรู้ ับจา้ งทจ่ี ะไดร้ ับหนงั สอื ค้าประกนั สัญญาคืนจากผ้วู ่าจา้ งเกิดขึ้น
นับแต่วันที่ผู้ว่าจ้างได้ออกหนังสือรับรองผลงานที่ส่งมอบแล้วให้แก่ ผู้รับจ้าง ซึ่งถือว่าวัน
ดังกล่าวเป็นวันท่ีผู้รับจ้างรู้หรือควรรู้ถึงเหตุแห่งการฟ้องคดี เพ่ือขอให้ผู้ว่าจ้างคืนหนังสือค้า
ประกนั สญั ญา

กรณีที่ผ๎ูฟูองคดีซ่ึงเป็นผ๎ูรับจ๎างตามสัญญาจ๎างกํอสร๎างวางทํอ จํายน้ําและงานที่
เกี่ยวข๎องฟูองคดีตํอศาลโดยประสงค์จะให๎ศาลส่ังให๎การประปานครหลวง (ผู๎ถูกฟูองคดี) ชดใช๎เงิน
คาํ จา๎ งทคี่ า๎ งชําระในงวดท่ี ๔ และให๎คืนเงนิ คําปรับที่ผ๎ูถูกฟูองคดีปรับไว๎เป็น พร๎อมท้ังให๎คืนหนังสือ
ค้ําประกันสัญญาและหนังสือค้ําประกันการจํายเงินลํวงหน๎า ซ่ึงสิทธิการ เรียกหนังสือค้ําประกัน
สัญญาคืนนั้น ผู๎วําจ๎างจะคืนเงินประกันผลงานและหรือหนังสือคํ้าประกัน สัญญาให๎แกํผ๎ูรับจ๎าง
พร๎อมการจํายเงินงวดสุดทา๎ ยตามสัญญาจ๎าง ดังนั้น สิทธิของผู๎ฟูองคดี ท่ีจะได๎รับหนังสือคํ้าประกัน
สัญญาคืนจากผู๎ถูกฟูองคดี จึงเกิดขึ้นนับแตํวันที่ผ๎ูถูกฟูองคดีได๎ออก หนังสือรับรองผลงานงวดที่ ๔
ใหแ๎ กํผู๎ฟูองคดเี มื่อวนั ท่ี ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ อันถือวําเป็น วันท่ีผ๎ูถูกฟูองคดีรับมอบงานงวดที่ ๔
เม่ือผ๎ูฟูองคดีนําคดีมาฟอู งเมอื่ วนั ท่ี 4 เมษายน ๒๕๕๘ จึงเปน็ การฟูองคดเี มอ่ื พน๎ กาํ หนดเวลาหนึ่งปี
นับแตํวันที่ร๎ูหรือควรรู๎ถึงเหตุแหํงการฟูองคดีตาม มาตรา ๕๑ แหํงพระราชบัญญัติจัดต้ังศาล
ปกครองฯ (คาํ สง่ั ศาลปกครองสงู สุดที่ ๑๖/๒๕๕๐)

กรณีฟูองวํา สํานักงานศาลยุติธรรม (ผู๎ถูกฟูองคดี) ได๎ทําสัญญาจ๎างผู๎ฟูองคดี
กอํ สรา๎ งอาคารทีท่ ําการศาลจงั หวัดนาทวี พร๎อมบ๎านพักและส่ิงกํอสร๎างประกอบโดยผู๎ฟูองคดีได๎นา
หนังสอื ค้ําประกนั ของธนาคารมอบให๎แกํผ๎ถู กู ฟอู งคดเี พ่อื เป็นหลักประกันการปฏบิ ตั ติ ามสัญญา ซงึ่ ผู๎
ฟูองคดไี ด๎สงํ มอบงานงวดสุดทา๎ ย และไดร๎ บั ชําาระเงินคาํ กอํ สร๎างของงานงวดดังกลําวแลว๎ แตํตํอมา
ได๎เกิดเหตุฟูาผําลงบริเวณอาคารท่ีทําการศาลจังหวดั นาทวี ซ่งึ ผูถ๎ ูกฟูองคดีมีหนังสือแจ๎งผู๎ฟูองคดีวํา
เหตุฟูาผําดังกลําวเกิดจากผ๎ูฟูองคดีติดต้ังสายลํอฟูาไมํถูกต๎องตามระบบหรือไมํได๎ตํอสายลงดิน
ทาํ ใหต๎ ร๎ู วมระบบโทรศัพท์และเครื่องโทรสารเสียหาย โทรศัพท์ท้ังหมดไมํสามารถใช๎งานได๎ ขอให๎ผ๎ู
ฟูองคดีดาํ เนนิ การแก๎ไขตามรายการที่แนบภายใน ๑๕ วัน ผู๎ฟูองคดีจึงมีหนังสือแจ๎งผ๎ูถูกฟูองคดีวํา

แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด เกี่ยวกบั สญั ญำทำงปกครอง |๓๒๙

สาเหตุของต๎ูรวมระบบโทรศัพท์และเครื่องโทรสารเสียหายเกิดจากภัยธรรมชาติซ่ึงถือเป็นเหตุ
สุดวิสยั ไมํเข๎าเงือ่ นไขขอ๎ ๗ ของสญั ญาดงั กลาํ วที่ผู๎ฟอู งคดีต๎องรับผิดดําเนินการแก๎ไข และผ๎ูฟูองคดี
ได๎มีหนังสือทวงถามให๎ผู๎ถูกฟูองคดีคืนหนังสือค๎าประกันจํานวน ๒ ฉบับ แตํผ๎ูถูกฟูองคดีเพิกเฉยไมํ
คืนหนังสือค๎าประกันให๎แกํผู๎ฟูองคดี ท้ังยังขอให๎ผ๎ูฟูองคดีชดใช๎เงินตามหนังสือค้ําประกันจํานวน
๓,๗๒๔,๑๑๕ บาท ให๎แกํผู๎ถูกฟูองคดีภายใน ๗ วัน นับแตํวันท่ีได๎รับหนังสือ ผ๎ูฟูองคดีจึงนําคดีมา
ฟูองขอให๎ผูถ๎ ูกฟูองคดีคืนหนงั สือคา๎ ประกนั ใหแ๎ กผํ ๎ูฟอู งคดี น้ัน เม่ือข๎อเท็จจริงปรากฏวําผู๎ฟูองคดีได๎
สํงมอบงานงวดสุดท๎ายในวันที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๔๙ คณะกรรมการตรวจการจ๎างได๎ตรวจรับงาน
งวดดังกลาํ ว และผถ๎ู ูกฟอู งคดีชําระเงนิ คาํ จา๎ งกอํ สรา๎ งไปเรยี บรอ๎ ยแล๎ว จึงครบกําหนดระยะเวลาการ
ประกันความชํารุดบกพรํองของงานกํอสร๎าง ๒ ปี ในวันที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๕๑ ซ่ึงเม่ือถึงวัน
ดังกลําวแล๎ว ปรากฏวาํ ผฟ๎ู ูองคดียังไมคํ นื หลักประกนั สญั ญาให๎แกํผู๎ฟูองคดี จึงถือได๎วําวันดังกลําว
เปน็ วนั ที่ ผ๎ูฟอู งคดรี ูห๎ รือควรร๎ูถึงเหตุแหงํ การฟูองคดนี ้ีแลว๎ หากผฟ๎ู ูองคดเี ห็นวําการท่ผี ู๎ถูกฟอู งคดีไมํ
คืนหลักประกันสัญญาให๎แกํผ๎ูฟูองคดีเป็นการผิดสัญญา ผ๎ูฟูองคดีชอบที่จะใช๎สิทธิเรียกร๎องโดยการ
ยื่นฟูองคดีตํอศาลให๎ผู๎ถูกฟูองคดีคืนหลักประกันสัญญาได๎ตั้งแตํวันท่ี ๓๐ กันยายน ๒๕๕๑ จนถึง
วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๖ การที่ผ๎ูฟูองคดีนําคดีมายื่นฟูองตํอศาลปกครองชั้นต๎นเมื่อวันที่ ๔
สิงหาคม ๒๕๕๘ จึงเป็นการยื่นฟูองคดีเมื่อพ๎นกําหนดเวลาการฟูองคดีแล๎วตามมาตรา ๕๑ แหํง
พระราชบัญญัตจิ ัดตัง้ ศาลปกครองฯ (คาํ สั่งศาลปกครองสงู สุดที่ ๘๗๐/๒๕๕๙)

๓.2) การฟ้องขอให้ผู้ว่าจ้างคืนเงินหลักประกันสัญญา ผู้รับจ้าง จะต้องยื่นฟ้อง
ภายในหนึ่งปีนบั แตว่ ันท่ผี ู้รับจ้างไดร้ บั แจง้ การริบหลักประกนั ดงั กล่าว อนั เปน็ วันที่รู้หรือควรรู้ถึง
เหตแุ หง่ การฟอ้ งคดี

กรณีท่ีผู๎ถูกฟูองคดีซึ่งเป็นผ๎ูรับจ๎างตามสัญญาจ๎างทํางาน ซํอมทําบริภัณฑ์
อิเล็กทรอนิกส์อากาศยาน ย่ืนคําฟูองแย๎งเพ่ือขอให๎กองทัพเรือ (ผ๎ูฟูองคดี) คืนเงินหลักประกันการ
ปฏิบัติงานตามสัญญาจํานวน ๓ สัญญา ที่ผู๎ฟูองคดีริบไว๎โดยไมํชอบ เนื่องจากเห็นวําผ๎ูถูกฟูองคดี
ไมํได๎เปน็ ฝุายผิดสัญญา ความลําช๎าของงานจ๎างเกิดจากเหตุสุดวิสัย ท่ีผู๎ถูกฟูองคดีไมํต๎องรับผิด อีก
ทัง้ ผ๎ูฟอู งคดีมีสํวนท่ีตอ๎ งรบั ผดิ ในความลาํ ชา๎ ดงั กลาํ วด๎วย น้ัน เมื่อปรากฏข๎อเท็จจริงวําผู๎ฟูองคดีได๎มี
หนังสือลงวันท่ี 9 มิถุนายน ๒๕๕๘ หนังสือลงวันท่ี ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ และหนังสือลงวันท่ี
๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๔๔ แจ๎งบอกเลิกสัญญาบางสํวน และให๎ผู๎ถูกฟูองคดีชําระคําปรับตามสัญญา
จ๎างท้ัง ๓ สัญญา ซ่ึงผู๎ถูกฟูองคดีได๎รับหนังสือทั้ง ๓ ฉบับ ในวันท่ี ๑๓ มิถุนายน ๒๕๕๕ วันท่ี 5
ธันวาคม ๒๕๕๔ และวนั ท่ี 5 ธนั วาคม ๒๕๕๘ ตามลําดับ จงึ ถือวําผูถ๎ กู ฟูองคดีได๎รู๎หรือควรรู๎ถึงเหตุ
แหงํ การฟูองคดใี นวนั ดังกลาํ ว จึงชอบทจี่ ะใชส๎ ิทธิ ฟูองคดตี อํ ศาลปกครองภายในหนง่ึ ปีนับแตํวันท่ีผ๎ู
ถูกฟูองคดีได๎รับแจ๎งการริบหลักประกันสัญญา การที่ผู๎ถูกฟูองคดีย่ืนฟูองแย๎งคดีน้ีตํอศาลเม่ือวันท่ี
๒๑ มีนาคม ๒๕๕๐ จึงเป็นการยื่นฟูองเม่ือพ๎นกําหนดระยะเวลาการฟูองคดีตามมาตรา ๕๑ แหํง
พระราชบญั ญตั จิ ัดต้งั ศาลปกครองฯ (คาํ สั่งศาลปกครองสงู สดุ ที่ ๕๖๐/๒๕๕๐)

แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสงู สุด เกีย่ วกบั สญั ญำทำงปกครอง |๓๓๐

๔. การฟ้องขอใหช้ าระเงินชดเชยคา่ งานกอ่ สร้าง (คา่ K)

คําวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสดุ เกย่ี วกับการนับระยะเวลา การฟูองคดีในกรณีน้ี มี
อยูํ ๒ แนวทาง ไดแ๎ กํ

(๔.๑) กรณที ศ่ี าลวินจิ ฉยั วา่ ผ้ฟู อ้ งคดรี ู้หรือควรร้ถู งึ เหตแุ หง่ การฟ้องคดีเม่ือได้รับ
แจง้ ผลการพจิ ารณาทบทวนการไมจ่ า่ ยเงนิ ชดเชยฯ

การท่ีมหาวิทยาลัยเชียงใหมํ (ผู๎ถูกฟูองคดี) ซ่ึงเป็นผ๎ูวําจ๎างให๎ ผู๎ฟูองคดีกํอสร๎าง
หอพักข๎าราชการโรงพยาบาล ได๎มีหนงั สือลงวนั ที่ ๒๒ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๔๓ แจ๎งให๎ ผ๎ูฟูองคดีทราบวํา
ไมํอาจจํายเงินชดเชยคํางานกํอสร๎างตามสัญญาแบบปรับราคาได๎ให๎แกํผู๎ฟูองคดี ซ่ึงเป็นไปตาม
ความเห็นของสํานักงบประมาณที่เห็นวํางานกํอสร๎างของผู๎ฟูองคดีไมํอยูํใน เงื่อนไขที่จะได๎รับเงิน
ชดเชยคํางานกํอสร๎าง เนื่องจากในประกาศประกวดราคาไมไํ ด๎ระบวุ ําจะใช๎ สัญญาแบบปรบั ราคาได๎
แตผํ ๎ูฟูองคดแี ละผู๎ถกู ฟอู งคดไี ดต๎ กลงทาํ สญั ญาเพิม่ เติมให๎มกี ารใช๎ สญั ญาดังกลําวในภายหลัง ผ๎ูฟูอง
คดจี งึ ไดม๎ ีหนงั สือขอทบทวนการงดจาํ ยเงนิ ชดเชยดังกลําว และตํอมาผถ๎ู กู ฟูองคดีไดม๎ ีหนงั สือลงวันที่
9 กันยายน ๒๕๔๓ แจ๎งผลการพิจารณาทบทวนของ สํานักงบประมาณซ่ึงยืนยันการไมํจํายเงิน
ชดเชยขา๎ งต๎นใหผ๎ ฟ๎ู ูองคดที ราบ นน้ั กรณดี ังกลําว เม่ือรับฟังได๎วํากํอนวันที่ผ๎ูถูกฟูองคดีจะมีหนังสือ
แจง๎ ผลการพจิ ารณาทบทวนใหผ๎ ฟู๎ ูองคดที ราบ ผ๎ูฟอู งคดีและผถู๎ กู ฟอู งคดตี ํางยงั ไมทํ ราบไดแ๎ นํชดั วําผ๎ู
ถูกฟูองคดีจะต๎องจํายเงินชดเชยฯ หรือไมํ เพราะหากสํานักงบประมาณได๎พิจารณาข๎อเท็จจริงโดย
ครบถ๎วนอีกครัง้ หนง่ึ แล๎วอาจ เปลย่ี นแปลงความเหน็ ทเี่ คยใหไ๎ ว๎แตแํ รก ด๎วยเหตุน้ี จึงถือวําผ๎ูฟูองคดี
ทราบเหตุแหํงการฟูองคดี เพ่ือเรียกให๎ผ๎ูถูกฟูองคดีจํายเงินชดเชยฯ เม่ือได๎รับทราบหนังสือแจ๎งผล
การพจิ ารณาทบทวน ของผู๎ถูกฟูองคดีลงวันที่ 9 กนั ยายน ๒๕๕๓เม่อื ผู๎ฟูองคดีนําคดีมาฟูองในวันที่
๒๗ เมษายน ๒๕๔๔ จึงยังไมํพ๎นกําหนดระยะเวลาการฟูองคดีหน่ึงปีนับแตํวันท่ีร๎ูหรือควรร๎ูถึงเหตุ
แหงํ การ ฟูองคดีตามมาตรา ๕๑ แหํงพระราชบญั ญตั ิจัดต้ังศาลปกครองฯ (คําสั่งศาลปกครองสูงสุด
ท่ี ๑๐๔/๒๕๔๔)

(๔.๒) กรณที ่ีศาลวินจิ ฉัยวา่ ผ้ฟู อ้ งคดรี ู้หรือควรรู้ถงึ เหตุแห่งการฟ้องคดี ในวันท่ี
ไดร้ ับหนงั สือแจง้ ผลการพจิ ารณาเงินชดเชยฯ

การที่เทศบาลเมืองนําน (ผ๎ูถูกฟูองคดี) ซึ่งเป็นผ๎ูวําจ๎างตาม สัญญาจ๎างกํอสร๎าง
ระบบระบายน้าํ และระบบบาํ บดั น้ําเสียอันเป็นสญั ญาแบบปรับราคาได๎ มีหนังสือแจ๎งให๎ผู๎ฟูองคดีซึ่ง
เป็นผ๎ูรับจ๎างทราบผลการพิจารณาของสํานักงบประมาณ ที่ไมํอนุญาตการจํายเงินชดเชยคํางาน
กํอสร๎าง (คํา K) ให๎กับผู๎ฟูองคดีตามท่ีผู๎ฟูองคดีขอเบิก เนื่องจากผู๎ฟูองคดีย่ืนหนังสือขอเบิกเงิน
ดังกลําวเกินกวํา ๙๐ วันนับแตํวันถัดจากวันท่ีสํงมอบงาน งวดสุดท๎ายตามหลักเกณฑ์ของการทํา
สญั ญาแบบปรบั ราคาไดต๎ ามมติคณะรัฐมนตรี แจง๎ ตาม หนังสือสํานักนายกรัฐมนตรี ท่ี นร ๐๒๐๓/
ว๑๐๙ ลงวันท่ี ๒๔ สิงหาคม ๒๕๓๒ นั้น หนังสือแจ๎งของผู๎ถูกฟูองคดีดังกลําวไมํใชํคําสั่งทาง
ปกครองตามพระราชบัญญตั วิ ธิ ีปฏบิ ตั ิราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๔ แตเํ ปน็ การแจ๎งปฏิเสธการ

แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสงู สุด เกี่ยวกบั สญั ญำทำงปกครอง |๓๓๑

จํายเงินคํา K ให๎แกํผู๎ฟูองคดีทราบในฐานะคูํสัญญา จึงถือวําผ๎ูฟูองคดีทราบเหตุแหํงการฟูองคดี
ต้ังแตํวันที่ได๎รับหนังสือดังกลําวแล๎ว เม่ือไมํปรากฏวํา ผู๎ฟูองคดีได๎รับหนังสือเมื่อใด แตํปรากฏวําผู๎
ฟูองคดีได๎มีหนังสือลงวันที่ ๙ เมษายน ๒๕๕๕ โต๎แย๎งและชี้แจงข๎อเท็จจริงเก่ียวกับการย่ืนหนังสือ
ขอเบกิ เงินคาํ K ขา๎ งต๎นตํอผ๎ูถูกฟูองคดี กรณี จึงถือได๎วําผ๎ูฟูองคดีได๎รับหนังสือแจ๎งผลการพิจารณา
ของผู๎ถูกฟูองคดีกํอนหรืออยํางช๎าในวันท่ี ๙ เมษายน ๒๕๕๕ ดังน้ัน เม่ือผู๎ฟูองคดีนําคดีมาย่ืนฟูอง
ตํอศาลปกครองในวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๕๖ จึงเป็นการฟูองคดีเมื่อพ๎นกําหนดหน่ึงปีนับแตํวันที่ร๎ู
หรือควรรู๎ถึงเหตุแหํงการฟูองคดี ตามมาตรา ๕๑ แหํงพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองฯ (คําสั่ง
ศาลปกครองสูงสดุ ท่ี ๖๑9/๒๕๔๗ และท่ี ๒๔9/๒๕๔๙ วินิจฉัยแนวทางเดยี วกัน)

กรณีผู๎ฟูองคดีซ่ึงได๎ทําสัญญารับจ๎างกํอสร๎างอาคารเรียนกับ สํานักงาน
คณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน (กรมสามญั ศึกษา เดมิ ) ฟูองขอให๎ศาลมี คําพิพากษาหรือคําสั่ง
ใหส๎ าํ นักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พ้นื ฐานชําระเงินเพ่มิ คาํ กํอสรา๎ ง ตามสัญญาแบบปรับราคา
ได๎ (คํา K) ใหแ๎ กผํ ู๎ฟูองคดี นัน้ เมอ่ื ปรากฎวําผฟู๎ ูองคดสี ํงมอบงาน งวดสดุ ทา๎ ยเมอื่ วันท่ี ๒๖ กันยายน
๒๕๕๓ สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐานตรวจ รับมอบงานเม่ือวันที่ ๒๙ กันยายน
๒๕๔๓ ผ๎ูฟูองคดีได๎มีหนังสือขอเบิกเงินเพิ่มคํางานกํอสร๎าง (คํา K) เมื่อวันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๔๓
และผู๎ฟูองคดีย่ืนฟูองกรณีเงินเพ่ิมคํางานกํอสร๎างตามสัญญา แบบปรับราคาได๎ (คํา K) ตํอศาล
ปกครองเมื่อวันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๕๔ กรณีจึงเป็นการยื่น ฟูองคดีตํอศาลปกครองภายใน
ระยะเวลาการฟูองคดีตามมาตรา ๕๑ แหํงพระราชบัญญัติจัดตั้ง ศาลปกครองฯ ซ่ึงแก๎ไขเพ่ิมเติม
โดยพระราชบัญญตั ฯิ (ฉบบั ท่ี ๕) พ.ศ. ๒๕๕๑ (คําพพิ ากษา ศาลปกครองสงู สดุ ท่ี อ.๑๔๖/๒๕๕๕)

สัญญาจ๎างกํอสร๎างหอประชุมอําเภอชุมตาบง อําเภอชุมตาบง จังหวัดนครสวรรค์
พร๎อมครุภัณฑ์ประกอบอาคาร จํานวน ๑ หลงั ระหวาํ งบริษทั อ. กับจังหวัดนครสวรรค์ เป็นสัญญา
ทางปกครอง เมื่อคดีน้ีบริษัท อ. ฟูองวํา ได๎สํงมอบงานจ๎างงวดสุดท๎ายตามสัญญาจ๎าง และจังหวัด
นครสวรรค์ได๎จํายเงินคําจ๎างตามสัญญาครบถ๎วนแล๎ว ตํอมา คณะรัฐมนตรีได๎มีมติ เห็นชอบ
มาตรการการใหค๎ วามชวํ ยเหลอื ผูป๎ ระกอบการกอํ สรา๎ ง โดยใหช๎ วํ ยเหลือจํายเปน็ เงินชดเชยเพิ่มเติม
คาํ งานกํอสร๎างตามสัญญาแบบปรบั ราคาได๎ (คาํ K) สาํ หรบั งานท่ไี ด๎ ดาํ เนินการกอํ สรา๎ งระหวํางวนั ท่ี
9 ตุลาคม ๒๕๕๐ ถึงวนั ที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๑ และได๎มี การสงํ มอบงานงวดสุดทา๎ ยแลว๎ บรษิ ัท อ.
เห็นวําตนเป็นผู๎ท่ีอยํูในหลักเกณฑ์ท่ีจะได๎รับ ความชํวยเหลือดังกลําว จึงได๎ยื่นหนังสือลงวันท่ี ๓๐
กันยายน ๒๕๕๑ เพื่อขอรับเงินชดเชย กับจังหวัดนครสวรรค์ เป็นเงิน ๔,๖๘๐,๐๐๐ บาท ตํอมา
สํานักงบประมาณได๎พิจารณาอนุมัติให๎ กรมการปกครองเบิกจํายเงินชดเชยให๎แกํบริษัทอ. เป็นเงิน
๑๐๖,๖๖๐ บาท แตํบริษัท อ. เห็นวํา จังหวัดนครสวรรค์ยังคงค๎างจํายเงินชดเชยอีกเป็นเงิน
๔๖๔,๒๖๔.๐๕ บาท จึงนําคดีมาฟูอง ตํอศาลปกครองขอให๎ศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังให๎จังหวัด
นครสวรรค์จํายเงินชดเชยเพ่ิม พร๎อมดอกเบี้ยให๎แกํบริษัท อ. น้ัน กรณีถือวํามีข๎อโต๎แย๎งเกิดข้ึน
เก่ียวกับการจํายเงินชดเชย เพิ่มเติมคํางานกํอสร๎างตามสัญญาแบบปรับราคาได๎ (คํา K) และ
ดอกเบี้ย ตามสัญญาจ๎างกํอสร๎าง ดังกลําว คดีนี้จึงเป็นคดีพิพาทเก่ียวกับสัญญาทางปกครองตาม
มาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๔) แหํงพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองฯ เมื่อข๎อเท็จจริงปรากฏวํา ผ๎ูฟูอง
คดไี ด๎ยื่นหนงั สอื ลงวนั ท่ี ๓๐ กันยายน ๒๕๕๑ เพื่อขอรับเงินชดเชยกับจังหวัดนครสวรรค์ เป็นเงิน

แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสงู สุด เกีย่ วกบั สญั ญำทำงปกครอง |๓๓๒

๕,๖๘๐,๐๐๐ บาท ตํอมา จังหวัดนครสวรรค์ได๎มีหนังสือลงวันท่ี ๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๒ เร่ือง เงิน
คําชดเชย คํางานกํอสร๎าง (คํา K) แจ๎งให๎บริษัท อ. ทราบถึงกรณีท่ีกรมการปกครองได๎รับแจ๎งจาก
สํานักงบประมาณอนมุ ตั ิให๎เบกิ จํายเงินชดเชยใหแ๎ กํบริษัท อ. เปน็ เงิน ๑๐๖,๖๖๐ บาท และจังหวัด
นครสวรรค์จะดําเนนิ การเบิกจํายเงินให๎บริษัท อ. ตํอไป ซ่ึงบริษัท อ.ได๎รับเงิน จํานวนดังกลําวแล๎ว
กรณถี อื วําบริษัท อ. ได๎ร๎ูหรือควรร๎ูถึงเหตุแหํงการฟูองคดีนับแตํวันท่ี บริษัท อ. ได๎รับทราบหนังสือ
ของจังหวัดนครสวรรค์ ลงวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๒ ซ่ึงแม๎ ข๎อเท็จจริงจะไมํปรากฏวําบริษัท อ.
ได๎รบั ทราบหนงั สือของจังหวัดนครสวรรค์ดังกลําวเมอ่ื ใด แตํเมื่อนับจากวันท่ีจังหวัดนครสวรรค์ได๎มี
หนังสือลงวันที่ ๒๐ สงิ หาคม ๒๕๕๒ และบริษัท อ. ไดน๎ ําคดมี ายน่ื ฟอู งตํอศาลปกครองเมอ่ื วนั ท่ี ๒๐
กุมภาพนั ธ์ ๒๕๕๖ แล๎ว กรณีจึงเป็น การยื่นฟูองคดีภายในกําหนดระยะเวลาห๎าปีนับแตํวันที่รู๎หรือ
ควรรู๎ถึงเหตุแหํงการฟูองคดี แตํไมํเกินสิบปีนับแตํวันท่ีมีเหตุแหํงการฟูองคดี ตามมาตรา ๕๑ แหํง
พระราชบญั ญตั จิ ัดตั้งศาลปกครองฯ (คาํ ส่งั ศาลปกครองสงู สุดท่ี ๗๓๑/๒๕๕๗)

๕. การฟอ้ งขอใหช้ ดใช้คา่ เสียหาย

การใช๎สิทธิเรียกร๎องของเอกชนผู๎รับจ๎างโดยการฟูองขอให๎หนํวยงาน ทางปกครอง
ผ๎ูวําจ๎างชําระคําเสียหายที่เกี่ยวข๎องกับสัญญาทางปกครองน้ัน ตามท่ีปรากฏ ในคําวินิจฉัยของศาล
ปกครองสูงสดุ จะเป็นการฟูองขอให๎ชําระคําเสียหายอันเนื่องมาจากกรณี การจํายคําจ๎างลําช๎า การ
ยกเลิกสัญญาจ๎าง การแก๎ไขเปล่ียนแปลงข๎อสัญญา และการไมํแจ๎งข๎อมูล เกี่ยวกับการปฏิบัติงาน
ตามสัญญาจ๎างให๎ผูร๎ ับจ๎างทราบ ซึ่งศาลปกครองสูงสุดได๎วางแนวเกี่ยวกับ ระยะเวลาการฟูองคดีใน
การฟอู งเรียกให๎ชําระคําเสยี หายในกรณีดังกลําวไว๎ ดงั นี้

๕.๑) กรณฟี อ้ งขอให้ชาระคา่ เสยี หายอันเนอ่ื งมาจากการจา่ ยค่าจ้างลา่ ช้า

จากการศึกษาคําวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุดพบวํามีการ นับระยะเวลาการฟูอง
คดอี ยูํ ๒ แนวทาง ไดแ๎ กํ

๕.1.1) กรณีท่ีถือว่าผู้ฟ้องคดีรู้หรือควรรู้ถึงเหตุแห่งการฟ้องคดี ต้ังแต่วันท่ีได้มี
หนังสอื ทวงถามใหผ้ ้ถู กู ฟอ้ งคดีซ่ึงเปน็ ผู้วา่ จ้างชาระค่าจา้ ง

การทก่ี รมปุาไม๎ (ผู๎ถูกฟูองคดี) วําจ๎างให๎ผู๎ฟูองคดีกํอสร๎าง สะพานเข๎าชมธรรมชาติ
อทุ ยานแหงํ ชาติหาดทรายรี โดยผ๎ถู กู ฟูองคดไี ดต๎ รวจรบั งานจ๎างในวนั ท่ี ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๔๓ แตํ
ไมํได๎จํายเงินคําจ๎างให๎แกํผ๎ูฟูองคดีในวันดังกลําว ผู๎ฟูองคดีจึงมี หนังสือเรํงรัดให๎ผ๎ูถูกฟูองคดีชําระ
คําจ๎างให๎แกํผู๎ฟูองคดีเมื่อวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๔ และ ตํอมาผู๎ถูกฟูองคดีได๎นําเงินคําจ๎างมา
ชาํ ระให๎ผ๎ูฟูองคดใี นวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ซ่ึงลาํ ช๎าจากวนั ที่ตรวจรับงานเปน็ เวลา ๒๗๕ วัน ผ๎ู
ฟูองคดีจึงนําคดีมายื่นฟูองตํอศาลเพื่อขอให๎ ผ๎ูถูกฟูองคดีชดใช๎คําเสียหายเนื่องจากการจํายคําจ๎าง
ลาํ ชา๎ นั้น การนับระยะเวลาการฟูองคดี อันเน่ืองมาจากการจํายคําจ๎างลําช๎า ถือวําวันที่ผ๎ูฟูองคดีมี
หนงั สือทวงถามให๎ชําระคาํ จ๎างเป็นวันที่ รูห๎ รือควรร๎ูถึงเหตุแหํงการท่ีจะไมํได๎รับชําระเงิน เมื่อผู๎ฟูอง


Click to View FlipBook Version