แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด เกีย่ วกบั สญั ญำทำงปกครอง |๑๓๓
เสียหายแกํผ๎ูรับจ๎างมากไปกวําน้ี การที่หนํวยงานทางปกครองผ๎ูวําจ๎างไมํได๎บอกเลิกสัญญา จึงเป็น
การละเลยไมํปฏิบัติตามข๎อ ๑๓๑ ของระเบียบกระทรวงมหาดไทยวําด๎วยการพัสดุของหนํวยการ
บริหารราชการสํวนท๎องถ่ิน พ.ศ. ๒๕๓๕ ที่มีเจตนารมณ์ในการกําหนดคําปรับฐานผิดสัญญาจาก
เอกชนทเี่ ขา๎ ทําสัญญากบั ทางราชการไว๎เพยี งไมเํ กินร๎อยละสิบของวงเงนิ ตามสญั ญาจากเอกชนท่ีเข๎า
ทําสัญญากับทางราชการไว๎เพียงไมํเกินร๎อยละสิบของวงเงินตามสัญญาเทําน้ัน ดังน้ัน เมื่อผ๎ูรับจ๎าง
กระทําผิดสัญญาจนจํานวนเงินคําปรับตามสัญญาเกินกวําร๎อยละสิบของวงเงินตามสัญญาแล๎ว แตํ
ผู๎วําจ๎างไมํบอกเลิกสัญญาหรือดําเนินการ อยํางหน่ึงอยํางใดเพ่ือให๎ผู๎รับจ๎างแสดงเจตนายืนยันวํา
ยินยอมชําระคําปรับตํอไป โดยไมํมีเง่ือนไขไว๎เป็นหลักฐาน จึงเป็นความบกพรํองของผู๎วําจ๎างเอง
เมื่อคําปรับ ที่ผ๎ูวําจ๎างเรียกนั้นเป็นเบี้ยปรับที่สูงเกินสํวน ศาลจึงกําหนดคําปรับให๎เป็นเงินเทํากับ
ร๎อยละสิบของวงเงนิ ตามสัญญา (คาํ พพิ ากษาศาลปกครองสูงสดุ ท่ี อ.334-335/๒๕๕๒)
๒) กรณีทศ่ี าลลดค่าปรับเนื่องจากเกิดเหตสุ ดุ วสิ ัยจนเป็นอปุ สรรคตอ่ การทางาน
การท่ีจํานวนเงินคําปรับท่ีผู๎วําจ๎างปรับผ๎ูรับจ๎างเป็นเงินคําปรับท่ีสูงถึงร๎อยละ
๒๐.๕๖ ของวงเงินคําจ๎าง คําปรับดังกลําวจึงสูงเกินสํวนศาลมีอํานาจท่ีจะลดลงเป็นจํานวน
พอสมควรไดต๎ ามมาตรา ๓๘๓ วรรคหนึง่ แหงํ ประมวลกฎหมายแพํงและพาณิชย์ (คําพิพากษาศาล
ปกครองสงู สดุ ท่ี อ.๔๔/๒๕๕๘)
๓) กรณีที่ศาลลดคา่ ปรบั เนอื่ งจากความผดิ พลาดหรอื ความบกพร่องท่เี กดิ ข้ึน
เพราะสภาพแหง่ งานทจ่ี ้าง
กรณีทผ่ี ๎ูวําจ๎างมีคําส่ังให๎ผ๎ูรับจ๎างหยุดการดําเนินงานตามสัญญาจ๎างไว๎ช่ัวคราวเพ่ือ
รอการอนญุ าตจากหนํวยงานอน่ื ซึ่งมีหน๎าท่ดี ูแลพ้นื ทีท่ ผี่ ู๎รับจา๎ งตอ๎ งเข๎าดําเนินการตามสัญญาจ๎างถือ
เปน็ ความผิดพลาดหรือความบกพรํองท่ีเกิดข้ึนเพราะสภาพแหํงงานที่จ๎างซ่ึงผ๎ูวําจ๎างทราบดีอยูํแล๎ว
ต้งั แตตํ ๎น การทผี่ ๎ูรับจา๎ งขอขยายเวลาทํางาน ตามสญั ญาจ๎างอันเน่ืองมาจากเหตุขัดข๎องดังกลําว แตํ
ผู๎วําจ๎างมีคําส่ังไมํอนุญาต จึงเป็นคําสั่งที่ไมํชอบด๎วยกฎหมาย ผ๎ูวําจ๎างจึงต๎องลดคําปรับให๎แกํผ๎ูรับ
จ๎างตามจาํ นวนวันท่ีผ๎ูรับจ๎างต๎องหยุดดําเนินงานข๎างต๎นเม่ือผ๎ูฟูองคดีประสบเหตุขัดข๎องเน่ืองจากมี
เอกชนรายอื่นกํอสร๎างงานในพืน้ ท่ีทใ่ี ช๎เปน็ เสน๎ ทางขนสํงเครื่องจักรและอุปกรณ์กํอสร๎าง จึงมีหน๎าที่
ที่จะต๎องแจ๎งเหตุขัดข๎องดังกลําวตํอผู๎ถูกฟูองคดีเพื่อใช๎สิทธิขอขยายเวลาทํางานตามสัญญาจ๎าง
ภายในสิบห๎าวันนับถัดจากวันท่ีเหตุขัดข๎องนั้นส้ินสุดลงตามท่ีกําหนดไว๎ในข๎อ ๒๐ ของสัญญาจ๎าง
ประกอบกับข๎อ ๖๑ ของระเบียบกระทรวงมหาดไทยวําด๎วยการพัสดุขององค์การบริหารสํวนตําบล
พ.ศ. ๒๕๓๘ เม่ือข๎อเท็จจริงปรากฏวําเอกชนท่ีกํอสร๎างงานทับเส๎นทางการขนสํงเครื่องจักรและ
อุปกรณ์ของ ผ๎ูฟูองคดีได๎ทําการกํอสร๎างถนนแล๎วเสร็จในวันท่ี ๒๕ มกราคม ๒๕๔๓ ผ๎ูฟูองคดีจึงมี
สิทธิขอขยายเวลาทํางานตามสัญญาจ๎างตํอผ๎ูถูกฟูองคดีอยํางช๎าท่ีสุดในวันท่ี 5 กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสงู สุด เกี่ยวกบั สญั ญำทำงปกครอง |๑๓๔
แตํผู๎ฟูองคดี ได๎ยื่นขอขยายระยะเวลาตามสัญญาจ๎างโดยอ๎างเหตุขัดข๎องในกรณีนี้เม่ือวันที่ ๑๖
มถิ นุ ายน ๒๕๔๓ กรณีจึงเป็นการย่ืนคําขอขยายเวลาทํางานตามสัญญาจ๎างเมื่อพ๎นกําหนด ๑๕ วัน
นบั ถดั จากวนั ทเ่ี หตขุ ดั ขอ๎ งสน้ิ สุดลง ประกอบกบั หนังสือขอขยายเวลาทํางานตามสัญญาจา๎ งดงั กลําว
ไมํได๎ระบุ หรืออา๎ งถึงเหตขุ ัดขอ๎ งของผ๎ูฟอู งคดีในกรณีข๎างต๎นไว๎ จึงถือวําผู๎ฟูองคดีสละสิทธิเรียกร๎อง
ในการขอขยายระยะเวลาทาํ งานตามสญั ญา นอกจากนี้ ขอ๎ เทจ็ จริงยงั ปรากฏวาํ มเี สน๎ ทางอื่นท่ีผ๎ฟู ูอง
คดี สามารถใช๎เป็นเส๎นทางขนสํงเครอ่ื งจกั รและอุปกรณ์กอํ สร๎างได๎นอกจากเส๎นทางที่ผฟู๎ ูองคดกี ลําว
อ๎าง กรณีจึงไมํใชํเหตุสุดวิสัยอันเนื่องมาจากความผิดหรือความบกพรํองของผู๎ถูกฟูองคดีที่จะต๎อง
ขยายเวลาทํางานตามสัญญาจ๎างออกไป ดังน้ัน เม่ือผู๎ฟูองคดีสํงมอบงานที่จ๎างตํอผู๎ถูกฟูองคดีลําช๎า
กวําท่ีกําหนดไว๎ในสัญญาเป็นเวลา ๑๗๗ วัน และผ๎ูถูกฟูองคดีได๎ปรับผ๎ูฟูองคดีตามจํานวนวัน
ดังกลําว ผ๎ฟู ูองคดีจงึ ไมอํ าจยกเหตขุ ัดขอ๎ งข๎างต๎นมาขอลดคําปรับตอํ ศาลได๎ สํวนกรณที ผี่ ู๎ควบคุมงาน
ของผ๎ูถูกฟูองคดีมีคําสั่งให๎ผ๎ูฟูองคดีหยุดดําเนินงานช่ัวคราวเนื่องจากยังไมํได๎รับอนุญาตจากแขวง
การทางให๎ดําเนินการวางทํอประปา เป็นเหตุให๎ผู๎ฟูองคดีต๎องหยุดงานวางทํอประปาต้ังแตํวันที่
๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๓ จนถึงวันท่ี ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ เป็นเวลา ๒๐ วัน นั้น เม่ือผ๎ูถูกฟูองคดี
มีหนา๎ ที่ต๎องสงํ มอบพน้ื ทใี่ ห๎ผ๎ูฟอู งคดีดาํ เนนิ งานกํอสร๎างไดต๎ ามสัญญาโดยปราศจากการรบกวนสิทธิ
การมคี ําส่ังให๎ผฟู๎ อู งคดีหยดุ ดาํ เนินงานจนกวําจะได๎รับอนุญาตจากแขวงการทาง จึงเป็นการสํงมอบ
พื้นที่โดยมอี ุปสรรคและรบกวนสิทธิมิให๎ผู๎ฟูองคดีทํางานที่จ๎างได๎ตามสัญญา อันเป็นความผิดพลาด
หรือความบกพรํองที่เกิดขึ้นเพราะสภาพแหํงงานท่ีจ๎างซ่ึงผู๎ถูกฟูองคดีทราบดีแล๎วต้ังแตํต๎น ตามข๎อ
๒๐ ของสัญญาจ๎าง ประกอบกับข๎อ ๖๑ ของระเบียบกระทรวงมหาดไทยวําด๎วยการพัสดุของ
องค์การบริหารสํวนตําบลฯ เม่ือผู๎ฟูองคดียื่นหนังสือลงวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๓ หนังสือ
ลงวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ และหนังสือลงวันท่ี ๑๖ มิถุนายน ๒๕๔๓ ตํอผ๎ูถูกฟูองคดี เพ่ือขอ
ขยายเวลาทํางานตามสัญญาอนั เนอ่ื งมาจากเหตขุ ัดขอ๎ งดงั กลําว แตํผู๎ถูกฟอู งคดมี ีคาํ ส่ังไมํอนญุ าตให๎
ขยายเวลาตามคําขอ คําส่ังไมํอนุญาตให๎ขยายเวลาของผู๎ถูกฟูองคดีจึงเป็นคําส่ังท่ีไมํชอบด๎วย
กฎหมาย พิพากษาให๎ผู๎ถูกฟูองคดีต๎องลดคําปรับตามสัญญาเป็นจํานวน ๒๐ วัน ให๎แกํผู๎ฟูองคดี
(คาํ พิพากษาศาลปกครองสงู สุดที่ อ.๑๑๑/๒๕๔๙ ที่ อ.๒๖๖/๒๕๕๐ และ ที่ อ.๑3/๒๕๕๑)
๔) กรณีท่ีศาลปรับเน่ืองจากผู้ว่าจ้างใช้ดุลพินิจผ่อนปรนการเลิกจ้างเป็นระยะ
เวลานาน
กรณีท่ีผ๎ูวําจ๎างผํอนปรนการปฏิบัติตามสัญญาจ๎างเป็นเวลานาน จึงได๎บอกเลิก
สญั ญาจ๎าง อันมผี ลทําให๎คาํ ปรบั ท่ผี ๎ูรบั จา๎ งตอ๎ งชําระใหแ๎ กผํ วู๎ าํ จ๎างตามสญั ญาจ๎างมจี าํ นวนสูงเกนิ กวาํ
ร๎อยละสิบของวงเงินคําจ๎างซึ่งไมํเป็นไปตามข๎อ ๑๓๒ ของระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีวําด๎วยการ
พัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ เม่ือการที่ผู๎รับจ๎างต๎องเสียคําปรับในวงเงินท่ีสูงดังกลําวเกิดจากการที่ผู๎วําจ๎างใช๎
ดุลพินจิ ผํอนปรนการเลิกจ๎าง นานเกินกวําระยะเวลาที่ผู๎รับจ๎างต๎องใช๎ในการดําเนินการตามสัญญา
จ๎างให๎แล๎วเสร็จ ประกอบกับผ๎ูวําจ๎างได๎ใช๎ประโยชน์จากงานที่ผู๎รับจ๎างดําเนินการแล๎วเสร็จ
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสงู สุด เกี่ยวกบั สญั ญำทำงปกครอง |๑๓๕
โดยท่ีไมํได๎รับความเดือดร๎อนเสียหาย กรณีจึงมีเหตุสมควรลดคําปรับให๎แกํผ๎ูรับจ๎างลงตามสํวน
(คําพิพากษาศาลปกครองสงู สดุ ที่ อ.๒๓๒/๒๕๔๔ และที่ อ.๔๕๗/๒๕๕๐)
๕) กรณีที่ศาลลดค่าปรับเนื่องจากความผิดพลาดหรือความบกพร่องของส่วน
ราชการ
การที่ผ๎ูรับจ๎างได๎มีหนังสือแจ๎งประธานกรรมการตรวจการจ๎างของหนํวยงานทาง
ปกครองผ๎ูวาํ จ๎างวาํ พร๎อมท่ีจะเข๎าทํางานในพ้ืนท่ีแล๎ว แตํผู๎วําจ๎างดังกลําวไมํสามารถสํงมอบพ้ืนที่ให๎ได๎
เนื่องจากยังต๎องรอการขนย๎ายต๎นพญาสัตบรรณ เพ่ือนําไปปลูกในบริเวณอ่ืน โดยผ๎ูวําจ๎างได๎ร๎อง
ขอให๎ผู๎รับจ๎างเป็นผ๎ูขนย๎ายต๎นไม๎ดังกลําว จึงต๎องถือวําการท่ีผู๎รับจ๎างต๎องย๎ายต๎นไม๎ออกจากพ้ืนท่ี
กํอสร๎างเป็นเหตุให๎ผ๎ูรับจ๎างเข๎าทํางานในพื้นท่ีบริเวณกํอสร๎างลําช๎าไมํตรงตามสัญญาจ๎าง แม๎กรณี
ดังกลําว ผู๎รับจ๎างจะไมํเคยมีหนังสือขอเล่ือนเวลาดําเนินการหรือชี้แจงให๎ผู๎วําจ๎างทราบก็ตาม
แตํกรณีต๎องถอื วาํ เปน็ เหตุทเ่ี กดิ จากความผิดพลาดหรือความบกพรอํ งของสํวนราชการตามขอ๎ ๑๓๙
ของระเบียบสาํ นกั นายกรัฐมนตรีวําดว๎ ยการพสั ดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ อันเปน็ เหตุให๎ผู๎วําจ๎างต๎องงดหรือลด
คําปรับให๎แกํผู๎รับจ๎าง หาใชํเป็น ความบกพรํองหรือความผิดพลาดในการปฏิบัติตามสัญญาจ๎างใน
สํวนท่ีเก่ียวกับความไมํสมบูรณ์ของอุปกรณ์การบริหารจัดการของผ๎ูรับจ๎างไมํ (คําพิพากษาศาล
ปกครองสงู สดุ ท่ี อ.๒๐๑/๒๕๕๒)
เมื่อเหตุแหํงการสํงมอบงานลําช๎านั้น หนํวยงานทางปกครอง ผู๎วําจ๎างมีสํวน
กํอใหเ๎ กิดรํวมกับผู๎รับจ๎างด๎วย และการท่ีงานลาํ ชา๎ ไมกํ อํ ใหเ๎ กิด ความเสียหายแกํผวู๎ ําจา๎ ง ถือเป็นเหตุ
อันสมควรลดคําปรับท่ีหักไว๎เกินร๎อยละสิบให๎ลดเหลือร๎อยละสิบ (คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่
อ.๒๓๗/๒๕๕๒)
เมื่อปรากฏวําปัญหาและอุปสรรคที่ทําให๎ผู๎รับจ๎างไมํอาจกํอสร๎างงานให๎แล๎วเสร็จ
ภายในระยะเวลาตามสัญญาได๎ เกิดจากผ๎ูวําจ๎างเปล่ียนแปลงจุดกํอสร๎างเป็นเหตุให๎ไมํสามารถ
สํงมอบพื้นท่ีกํอสร๎างบางสํวนได๎ แม๎จะปรากฏวํา ฝุายผู๎รับจ๎างได๎เข๎าดําเนินงานลําช๎ากวํา
กําหนดเวลาเริ่มปฏิบัติงานตามสัญญาก็ตาม แตํเม่ือผู๎รับจ๎างได๎พยายามดําเนินงานในสํวนที่ไมํมี
ปัญหาให๎แล๎วเสร็จมาโดยตลอด เพ่ือมิให๎งานหยุดชะงัก จนได๎ปริมาณเสร็จร๎อยละ ๑๐๐ ของ
ปริมาณงานที่สามารถดําเนินการได๎ ประกอบกับข๎อเท็จจริงปรากฏวํา ไมํวําผู๎รับจ๎างจะเข๎า
ปฏิบัติงานในชวํ งเวลาใด หากผ๎วู ําจ๎างไมสํ ามารถแก๎ไขปัญหาและอุปสรรคเกี่ยวกับการสํงมอบพื้นท่ี
กอํ สรา๎ งให๎แกํผ๎รู ับจา๎ งได๎ ผ๎ูรบั จ๎างกย็ อํ มไมํอาจทาํ งานกอํ สร๎างจนแล๎วเสร็จภายใน กําหนดเวลาตาม
สัญญาอยํางแนนํ อน กรณดี งั กลําวผว๎ู ําจ๎างไมมํ สี ทิ ธเิ รียกให๎ผรู๎ บั จ๎าง ชําระคําปรับฐานผิดสัญญาหรือ
หักคําปรับออกจากจํานวนเงินคําจ๎างที่ต๎องจําย หรือจากเงินประกันผลงานของผู๎รับจ๎างได๎
(คําพิพากษาศาลปกครองสูงสดุ ท่ี อ.๒๘๐/๒๕๕4)
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสงู สุด เกีย่ วกบั สญั ญำทำงปกครอง |๑๓๖
การที่ระเบียบวําด๎วยการพัสดุกําหนดหลักเกณฑ์ในการใช๎สิทธิบอกเลิกสัญญาโดย
นําเอาจํานวนคําปรับร๎อยละสิบของวงเงินคําพัสดุหรือคําจ๎างมากําหนดเป็นหลักเกณฑ์หน่ึงในการ
พิจารณา ก็เพื่อให๎การใช๎สิทธิบอกเลิกสัญญาไมํกระทําตามอําเภอใจหรือปราศจากหลักเกณฑ์ใด ๆ
แตํท้งั นี้ มิได๎หมายความวํา คําปรบั ตามสญั ญาจะตอ๎ งจํากัดไวไ๎ มเํ กินร๎อยละสิบของวงเงนิ คาํ จา๎ งหรอื
คําพัสดุเทําน้ัน เนื่องจากคําปรับที่เหมาะสมยํอมขึ้นอยูํกับเจตนาของคูํสัญญา ข๎อเท็จจริง และ
พฤติการณ์ของคูํสัญญาในการเคารพและปฏิบัติตามข๎อสัญญา พฤติการณ์แวดล๎อมอื่น รวมท้ัง
ประโยชน์ของทางราชการและประโยชน์สาธารณะเป็นกรณี ๆ ไป อีกท้ัง การที่หนํวยงานทาง
ปกครองได๎รับมอบงานหรือพัสดุตามสัญญาไว๎ในท๎ายที่สุด ก็ไมํได๎หมายความวํา ไมํมีความเสียหาย
เกดิ ขนึ้ อนั สมควรนาํ ไปเปน็ เหตุอา๎ งวาํ คาํ ปรับที่เกินกวําร๎อยละสิบเป็นคําปรับท่ีสูงเกินสํวนในกรณีท่ี
ปรากฏขอ๎ เท็จจริงวําสาเหตุทท่ี ําใหผ๎ รู๎ ับจา๎ งทาํ งานลําช๎าเกดิ จากข๎อกําหนดเกยี่ วกับระดบั ฐานตํอเม่ือ
ตามแบบกอํ สรา๎ งของหนวํ ยงานทางปกครองผว๎ู ําจา๎ ง ซ่ึงกําหนดไวใ๎ นระดบั ที่ต่าํ กวาํ ระดับนํ้าทาํ ใหไ๎ มํ
สามารถดําเนนิ การกอํ สร๎างได๎ อันไมํอาจกลําวได๎วําระยะเวลากํอสร๎างที่เสียไปนั้นเกิดจากความผิด
ของผ๎ูรับจ๎าง อยํางไรก็ตาม เมื่อปรากฏวําหนํวยงานทางปกครองผ๎ูวําจ๎าง ได๎พิจารณาขยาย
ระยะเวลากํอสร๎างโดยงดเว๎นคําปรับให๎แกํผู๎รับจ๎างเป็นระยะเวลาหนึ่งแล๎ว และตํอมาก็ได๎มีการ
จดั ทําบันทึกข๎อตกลงแกไ๎ ขขอ๎ กําหนดของสญั ญาในเรอื่ งวนั แลว๎ เสร็จของงานจ๎างใหมํ ซง่ึ ผู๎รับจ๎างกไ็ ด๎
ลงนามในบนั ทึกขอ๎ ตกลงดงั กลาํ ว จึงถอื ไดว๎ ําผร๎ู บั จา๎ งไดย๎ อมรบั ในประเดน็ ระยะเวลาการกอํ สร๎างที่มี
การขยายออกไปแล๎ว ดังน้ัน ยํอมถือได๎วําผ๎ูฟูองคดีได๎ยอมรับในประเด็นระยะเวลาการกํอสร๎างท่ีผู๎
ถูกฟูองคดีได๎ขยายให๎แล๎ว ผู๎ถูกฟูองคดีจึงชอบท่ีจะคิดคําปรับจากความลําช๎าเป็นจํานวน ๕๘ วัน
โดยไมํมเี หตุทจ่ี ะลดคําปรับลง ทั้งน้ี ตามข๎อ ๑๓๑ ของระเบียบกระทรวงมหาดไทยวําด๎วยการพัสดุ
ของหนํวยการบริหารราชการสํวนท๎องถ่ิน พ.ศ. ๒๕๓๕ และข๎อสัญญา (คําพิพากษาศาลปกครอง
สูงสดุ ท่ี อ.๓๕๕/๒๕๖๐)
๖) กรณีอนื่ ๆ (เหตกุ ารณ์ความไมส่ งบในสามจังหวดั ชายแดนภาคใต้)
เมือ่ ขอ๎ เทจ็ จรงิ นําเชอ่ื วํามเี หตุการณ์ความไมํสงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต๎เป็น
อุปสรรคแกํการดําเนินงานตามสัญญาของผ๎ูรับจ๎างจริงแม๎ผู๎รับจ๎างจะไมํได๎รายงานปัญหาและ
อุปสรรคดงั กลาํ วให๎ผ๎ูควบคุมงานของหนวํ ยงานทางปกครองผ๎ูวาํ จา๎ งทราบตามที่ระเบียบวําด๎วยการ
พัสดุของหนํวยการบริหารราชการสํวนท๎องถิ่นกําหนด แตํเมื่อเหตุการณ์ความไมํสงบดังกลําวได๎
ดําเนินมาอยํางตํอเน่ืองและมไิ ด๎มลี กั ษณะเชนํ เดยี วกับภัยธรรมชาติที่จะสามารถระบุวันที่เหตุน้ันจะ
สิ้นสุดลงไดด๎ งั นนั้ เมื่อผร๎ู ับจ๎างรอ๎ งขอขยายระยะเวลาดาํ เนนิ งานตามสัญญาโดยอา๎ งเหตคุ วามไมํสงบ
ดังกลําว หนํวยงานทางปกครองผู๎วําจ๎างจึงชอบท่ีจะขยายระยะเวลาตามสัญญาให๎แกํผู๎รับจ๎าง เมื่อ
ไมํปรากฏวําได๎มีการขยายระยะเวลาตามสัญญาให๎แกํผู๎รับจ๎าง กรณีถือวํามีเหตุอันสมควรท่ีศาลจะ
พจิ ารณาลดคาํ ปรบั ตามสญั ญาให๎แกํผร๎ู ับจ๎าง (คาํ พพิ ากษาศาลปกครองสงู สดุ ที่ อ.๑๕๕๘/๒๕๕๙)
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสงู สุด เกี่ยวกบั สญั ญำทำงปกครอง |๑๓๗
๗) กรณีทศ่ี าลลดค่าปรับเนอ่ื งจากไดร้ บั ผลกระทบจากภาวะวิกฤตเศรษฐกิจของ
ประเทศ
การใช๎สิทธิเรียกร๎องของผ๎ูวําจ๎างเพ่ือให๎ผ๎ูรับจ๎างชําระคําปรับกรณีกํอสร๎างงานไมํ
แล๎วเสร็จตามสัญญาผู๎วําจ๎างจะต๎องรีบแจ๎งสงวนสิทธิ์ในการเรียกคําปรับไปยังผู๎รับจ๎างโดยเร็ว
ภายหลังจากครบกําหนดแล๎วเสร็จของงาน กรณีที่ผู๎วําจ๎างมีหนังสือแจ๎งบอกเลิกสัญญาและสงวน
สทิ ธ์ิในการเรียกคาํ ปรับภายหลังจากครบกําหนดแล๎วเสรจ็ ของงานเป็นเวลาถึงหนึ่งปีเศษ แม๎จะเป็น
การใช๎สิทธิเลิกจ๎างตามสัญญา แตํกรณีมิใชํการแจ๎งข๎อเรียกร๎องไปยังผ๎ูรับจ๎างเม่ือครบกําหนดแล๎ว
เสรจ็ ของงานตามกรณีข๎างต๎น ผ๎ูวําจ๎างจงึ ไมํมสี ิทธิเรียกรอ๎ งให๎ผู๎รับจา๎ งชําระคําปรับจนถึงวันบอกเลิก
สญั ญาได๎
นอกจากนี้ หากข๎อเท็จจริงรับฟังได๎วําความลําช๎าของงานกํอสร๎าง มิได๎เกิดจาก
ความจงใจของผู๎รับจ๎าง แตํเกิดจากวิกฤตเศรษฐกิจของชาติเป็นสําคัญ กรณีถือวํามีเหตุสมควรลด
จํานวนเบี้ยปรับลงให๎เทํากับความเสียหายท่ีผ๎ูวําจ๎างได๎รับ ซึ่งเม่ือผ๎ูวําจ๎างไมํได๎รับความเสียหายจาก
การกอํ สร๎างงานลําชา๎ ดงั กลําว ศาลจงึ ไมจํ ําต๎องกําหนดเบ้ียปรบั ให๎ผู๎รบั จา๎ งชาํ ระแกผํ วู๎ าํ จา๎ ง
คําวินิจฉยั ของศาลปกครองสงู สุด
โดยท่ีข๎อ ๑๓๔ วรรคหก ของระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีวําด๎วยการพัสดุ พ.ศ.
๒๕๓๔ กําหนดวํา เมอื่ ครบกาํ หนดสงํ มอบพัสดุตามสัญญาหรือข๎อตกลง ให๎สํวนราชการรีบแจ๎งการ
เรียกคําปรับเม่ือครบกําหนดแล๎วเสร็จของงานตามสัญญา แตํข๎อเท็จจริงปรากฏวํา ผ๎ูฟูองคดีเพ่ิงมี
หนังสอื แจง๎ บอกเลิกสญั ญาและสงวนสทิ ธ์ิในการเรียกคาํ ปรับ คําเสียหาย และสิทธิอ่ืนๆ ตามสัญญา
ภายหลังจากครบกําหนดแล๎วเสร็จของงานเป็นเวลาถึงหนึ่งปีเศษ ซ่ึงแม๎จะฟังได๎วําเป็นการใช๎สิทธิ
เลกิ จา๎ งตามสัญญากต็ าม แตฟํ ังไมไํ ด๎วําผ๎ูฟูองคดี ได๎แจ๎งข๎อเรียกร๎องไปยังผู๎ถูกฟูองคดีท่ี ๑ เมื่อครบ
กาํ หนดแลว๎ เสร็จของงานเพ่อื ขอใหช๎ ําระ คําปรบั แล๎ว ผฟู๎ อู งคดจี งึ ไมํมีสิทธเิ รียกร๎องให๎ผู๎ถูกฟูองคดีที่
๑ ชําระคําปรับจนถึงวันบอกเลิก สัญญาได๎ ประกอบกับข๎อ ๑๓๔ วรรคสาม ของระเบียบข๎างต๎น
กําหนดวํา การกําหนดคําปรับในอัตราจํานวนเทําใด เป็นดุลพินิจของหัวหน๎าสํวนราชการ โดย
คํานึงถึงราคางานกํอสร๎าง ซ่ึงอาจมีผลกระทบตํอการท่ีคํูสัญญาจะหลีกเล่ียงไมํปฏิบัติตามสัญญา
ดงั นน้ั เม่ือการดําเนนิ งานกํอสรา๎ งพิพาทอยูํในชวํ งวกิ ฤตเศรษฐกจิ ของประเทศ สถาบนั การเงนิ หลาย
แหํงถูกสั่งเลิกและยึดกิจการ เป็นเหตุให๎ผ๎ูประกอบการขาดสภาพคลํองจํานวนมาก อีกทั้ง
ขอ๎ เท็จจริงปรากฏวํา ผ๎ูถูกฟูองคดีท่ี ๑ ดําเนินการกํอสร๎างงานไปแล๎วร๎อยละ ๒๕ ของงานงวดท่ี ๒
โดยมิไดร๎ ับชาํ ระคาํ กอํ สรา๎ งในสํวนของงานงวดที่ ๒ ทท่ี ําไปแลว๎ ผ๎ูถูกฟอู งคดีท่ี ๑ คงไดร๎ ับชําระเพียง
เงนิ คาํ กํอสรา๎ ง งานงวดท่ี ๑ คงเหลอื วงเงนิ คํากํอสรา๎ งทีย่ ังไมํเบกิ จาํ ยอีก ๔๙๒,๐๑๕ บาท และเม่อื ผ๎ู
ฟูองคดี รับวํามิได๎เสียหายจากการจ๎างผ๎ูรับจ๎างรายใหมํ จึงฟังได๎วําผ๎ูฟูองคดีมิได๎เสียหายจากการ
กอํ สร๎างลาํ ชา๎ ของผ๎ูถูกฟูองคดีที่ ๑ อีกทั้ง ความลําช๎าไมํได๎เกิดจากความจงใจของผ๎ูถูกฟูองคดี ที่ ๑
แตนํ ําจะเกดิ จากวกิ ฤตเศรษฐกจิ ของชาตเิ ป็นสําคัญ ประกอบกับผู๎ถูกฟูองคดีที่ ๑ ได๎ทํางาน ไปแล๎ว
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสงู สุด เกีย่ วกบั สญั ญำทำงปกครอง |๑๓๘
บางสํวนของงานในงวดที่ ๒ โดยไมํได๎เงินคําจ๎าง ทําให๎ผ๎ูฟูองคดีสามารถวําจ๎างผ๎ูรับจ๎างรายอ่ืนทํา
การกํอสร๎างจนงานแล๎วเสร็จภายในวงเงินท่ีเหลือ อันถือวําผ๎ูฟูองคดีได๎รับประโยชน์ไปแล๎วบางสํวน
กรณีจึงมีเหตุสมควรลดเบี้ยปรับให๎เทํากับคําเสียหายของผู๎ฟูองคดีตามมาตรา ๓๘๓ แหํงประมวล
กฎหมายแพํงและพาณิชย์ และเมื่อผู๎ฟูองคดีรับวําไมํได๎เกิดความเสียหาย จึงไมํจําเป็นต๎องกําหนด
เบย้ี ปรับให๎ผ๎ูถูกฟูองคดีที่ ๑ ต๎องชําระพิพากษายกฟูอง (คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๑๐๔/
๒๕๕๓)
8) กรณีเป็นพฤติการณ์อันหน่งึ อนั ใดทค่ี ูส่ ญั ญาไม่ตอ้ งรบั ผิดตามกฎหมาย
ตามบทบญั ญตั มิ าตรา ๓๘๓ วรรคหน่ึง แหงํ ประมวลกฎหมายแพงํ และพาณิชย์ เมือ่
ลกู หนี้ไดย๎ นิ ยอมให๎เจา๎ หนรี้ บิ เบยี้ ปรับโดยไมไํ ดโ๎ ต๎แย๎งไวห๎ รือเมอื่ ลูกหน้ีได๎ชําระเบ้ียปรับให๎แกํเจ๎าหนี้
ไปแล๎ว สิทธิเรียกร๎องขอลดเบี้ยปรับของลูกหนี้ยํอมเป็นอันหมดส้ินไปแม๎เบ้ียปรับดังกลําวจะเป็น
จํานวนสงู เกินสํวน ศาลกไ็ มํอาจปรับลดลงได๎ และลกู หนี้กไ็ มํสามารถเรียกร๎องขอคนื เบี้ยปรับท่ีชําระ
ไปแล๎วได๎ อยํางไรก็ตาม กรณีดังกลําวต๎องเป็นกรณีท่ีลูกหนี้มีความรับผิดต๎องถูกปรับตามสัญญา
เทํานั้น ไมํใชํกรณีที่เจ๎าหนี้เรียกเอาเบ้ียปรับไว๎โดยไมํมีสิทธิหาไมํแล๎ว แม๎จะมีการริบหรือชําระเบ้ีย
ปรับไปแลว๎ เบี้ยปรับดังกลําวยํอมถือเป็นทรัพย์สินท่ีเจ๎าหนี้รับไว๎โดยไมํชอบด๎วยกฎหมาย ซึ่งศาลมี
อํานาจสั่งคืนเบี้ยปรับนั้นได๎ ด๎วยเหตุนี้ ในกรณีท่ีผ๎ูรับจ๎างกํอสร๎างงานในพ้ืนที่แนวเขตชายแดนไทย
กัมพชู าดําเนินการกํอสร๎างแล๎วเสร็จเม่ือพ๎นกําหนดเวลาตามสัญญา แม๎หนํวยงานทางปกครองผู๎วํา
จ๎างจะมีสิทธิปรับผ๎ูรับจ๎างดังกลําวได๎ แตํเมื่อเหตุแหํงความลําช๎าเกิดจากการที่ผ๎ูรับจ๎างต๎องประสบ
กับปัญหาอุปสรรคเร่ืองทุํนระเบิดและกับระเบิดในพ้ืนท่ีกํอสร๎าง อันถือเป็นข๎อบกพรํองของ
หนํวยงานทางปกครองผู๎วําจ๎างในการสํงมอบพ้ืนท่ีที่ยังไมํมีความพร๎อมจะกํอสร๎างตามสัญญา ซ่ึง
กรณีดงั กลาํ ว หนวํ ยงานทางปกครองผว๎ู าํ จา๎ งไมอํ าจยกอ๎างไดว๎ าํ ผู๎รับจ๎างมีภูมิลําเนาอยูํในพ้ืนท่ีและ
มีข๎อกําหนดให๎ดูสถานที่กํอสร๎างกํอนเสนอราคาได๎ เน่ืองจากการเป็นคนพื้นท่ีและการดูสถานท่ี
กํอสร๎างกํอนสัญญายํอมไมํอาจทราบถึงปัญหาอุปสรรคดังกลําว นอกจากนี้ การท่ีผู๎รับจ๎างประสบ
ปญั หามีเหตุปะทะกันระหวํางทหารไทยกับทหารกัมพูชา แม๎เหตุดังกลําวจะอยํูหํางจากจุดกํอสร๎าง
ประมาณ ๔๐ กิโลเมตร แตํเมื่อเส๎นทางตามสัญญาจ๎างเป็นทางเลียบชายแดนซึ่งสามารถเกิดเหตุ
ปะทะกันได๎ตลอดเวลา กรณียํอมสํงผลให๎ผ๎ูรับจ๎างไมํอาจทําการกํอสร๎างได๎อยํางเต็มกําลัง ดังน้ัน
ชํวงเวลาที่มีเหตุดังกลําวจึงถือเป็นเหตุอันเกิดจากพฤติการณ์ท่ีผ๎ูรับจ๎างไมํต๎องรับผิดตามกฎหมาย
และเม่ือข๎อเท็จจริงปรากฏวํา ผู๎รับจ๎างได๎มีหนังสือแจ๎งหนํวยงานทางปกครองผู๎วําจ๎างเพื่อขอขยาย
เวลาทํางานอันเนื่องจากเหตุทั้งสองแล๎ว หนํวยงานทางปกครองจึงไมํอาจนําระยะเวลาดังกลําวมา
คิดเป็นคําปรับจากผ๎ูรับจ๎างได๎ จําต๎องคืนเงินคําปรับท่ีริบไว๎เกินดังกลําวให๎แกํผ๎ูรับจ๎าง(คําพิพากษา
ศาลปกครองสงู สดุ ท่ี อ.๑๑๗๑/๒๕๖๐)
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสงู สุด เกีย่ วกบั สญั ญำทำงปกครอง |๑๓๙
3.๓) การไมง่ ดหรือไมล่ ดคา่ ปรับและการขยายระยะเวลา
๑) กรณกี ารส่งมอบงานล่าช้าเกดิ จากการจงใจประพฤตผิ ิดสัญญาของผรู้ ับจ้าง
การที่ผู๎รับจ๎างเจตนาไมํปฏิบัติให๎เป็นไปตามแบบในสัญญาจ๎าง ผู๎รับจ๎างจะอ๎างเหตุ
ของการตรวจรับมอบงานและส่ังให๎แก๎ไขงานลําช๎าของคณะกรรมการ ตรวจการจ๎างเพ่ือไมํต๎องเสีย
คําปรับกรณีสํงมอบงานลําช๎าไมํได๎ เน่ืองจากผู๎รับจ๎างยํอมร๎ูวําตนปฏิบัติไมํถูกต๎องและมีหน๎าท่ีต๎อง
แกไ๎ ขงานใหถ๎ กู ตอ๎ งตามสญั ญากอํ นสงํ มอบ เหตแุ หํงการสํงมอบงานลาํ ช๎าจากกรณขี ๎างตน๎ จงึ เกดิ จาก
การจงใจประพฤติผิดสัญญา ของผู๎รับจ๎าง ซึ่งผู๎รับจ๎างต๎องเสียคําปรับให๎แกํผู๎วําจ๎างตามสัญญ า
(คาํ พพิ ากษาศาลปกครองสูงสดุ ท่ี อ.๓๒/๒๕๕๖)
เมื่อขอ๎ กําหนดตามระเบียบกระทรวงพาณิชยว์ าํ ด๎วยการนํารถยนต์ทใ่ี ชแ๎ ลว๎ เขา๎ มาใน
ราชอาณาจักรเพื่อปรับสภาพแล๎วสํงออกที่กําหนดให๎ผู๎ได๎รับอนุญาตให๎นําเข๎าจะต๎องปรับสภาพ
รถยนต์ท่ีอนุญาตให๎นําเข๎าให๎ใช๎งานได๎แล๎วสํงออกไปนอกราชอาณาจักรภายในกําหนด ๑ ปี
นับตั้งแตํวันที่นําเข๎า และจะต๎องทําสัญญาประกันไว๎ตํอกรมการค๎าตํางประเทศวําจะดําเนินการ
สงํ ออกรถยนตท์ ี่ปรบั สภาพแล๎วดังกลาํ วภายในกาํ หนดเวลาขา๎ งต๎นหรอื ภายในระยะเวลาที่ได๎รับการ
ผํอนผัน มิฉะน้ันจะต๎องชําระคําปรับในอัตราคันละส่ีเทําของมูลคํานําเข๎า ซี.ไอ.เอฟ. ตามสัญญา
ประกันมิได๎เป็นข๎อกําหนดท่ีขัดหรือแย๎งตํอบทบัญญัติแหํงพระราชบัญญัติการสํงออกไปนอกและ
การนําเข๎ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค๎า พ.ศ. ๒๕๒๒ และกฎกระทรวง ฉบับท่ี ๒ (พ.ศ. ๒๕๒๓)
ออกตามความในพระราชบญั ญตั กิ ารสํงออกไปนอกและการนาํ เขา๎ มาในราชอาณาจกั รซง่ึ สนิ คา๎ พ.ศ.
๒๕๒๒ อีกทั้งยังเป็นมาตรการท่ีสามารถทําให๎นโยบายของกระทรวงพาณิชย์บรรลุผล โดยไมํสร๎าง
ภาระให๎เกิดแกํผู๎ท่ีประสงค์จะประกอบกิจการนํารถยนต์ที่ใช๎แล๎วเข๎ามาในราชอาณาจักรเพ่ือปรับ
สภาพแล๎วสํงออกเกินสมควร ข๎อสัญญาตามสัญญาประกันดังกลําวจึงมีผลผูกพันบังคับโดยสมบูรณ์
ให๎ผ๎ูรับอนุญาตต๎องปฏิบัติตาม ดังน้ัน เม่ือผ๎ูถูกฟูองคดีไมํได๎สํงรถยนต์ที่นําเข๎าออกไปนอก
ราชอาณาจักรภายในกาํ หนดเวลา ๑ ปี นบั แตวํ นั นําเข๎าหรือภายในระยะเวลาท่ีได๎รับการผํอนผันจึง
ถือได๎วํา ผ๎ูถูกฟูองคดีประพฤติผิดระเบียบกระทรวงพาณิชย์วําด๎วยการนํารถยนต์ที่ใช๎แล๎วเข๎ามาใน
ราชอาณาจักรเพื่อปรับสภาพแล๎วสํงออกฯ และผิดสัญญาประกัน ผู๎ถูกฟูองคดีจึงต๎องชําระคําปรับ
ให๎แกํกรมการค๎าตํางประเทศในอัตราสี่เทําของมูลคํานําเข๎า ซี.ไอ.เอฟ. ของรถยนต์แตํละคัน ท้ังนี้
แม๎จะไมํปรากฏวาํ การทผ่ี ถ๎ู ูกฟอู งคดไี มํไดป๎ รับปรุงสภาพรถยนตท์ ่ีนําเข๎ามาในราชอาณาจักรให๎เสร็จ
เรียบร๎อยแล๎วสํงออกไปนอกราชอาณาจักรภายในกําหนดเวลาตามกฎหมายดังกลําว ได๎กํอให๎เกิด
ความเสียหายแกํกรมการค๎าตํางประเทศคิดเป็นเงินจํานวนเทําใด แตํก็เห็นได๎วํา การงดเว๎นการ
กระทําดังกลําวของผ๎ถู ูกฟูองคดีกํอใหเ๎ กดิ ความเสยี หายแกกํ ารดําเนินการตามนโยบายของกระทรวง
พาณิชย์ อันเป็นความเสียหายทไี่ มํอาจคํานวณเปน็ เงินได๎ไมํใชํนอ๎ ย ดังน้ัน เมื่อคํานึงถึงวัตถุประสงค์
ของการกาํ หนดเบี้ยปรับที่มุํงหมายจะให๎เป็นทั้งบทกําหนดโทษที่จะลงแกํผ๎ูถูกฟูองคดีจากกรณีท่ีไมํ
ดาํ เนนิ การขา๎ งต๎น และการกาํ หนดคําเสียหายทจี่ ะเกดิ แกํกรมการค๎าตํางประเทศอันเน่ืองจากการที่
ผู๎ถูกฟูองคดีงดเว๎นการกระทําดังกลําว รวมทั้งคํานึงถึงทางได๎เสียของกรมการค๎าตํางประเทศทุก
อยํางอนั ชอบดว๎ ยกฎหมายไมใํ ชแํ ตเํ พียงทางไดเ๎ สยี ในเชงิ ทรัพย์สินเทํานนั้ แล๎ว ยงั ไมํเหน็ วําเบยี้ ปรบั ที่
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสงู สุด เกีย่ วกบั สญั ญำทำงปกครอง |๑๔๐
กรมการค๎าตํางประเทศได๎เรียกเอาจากผู๎ถูกฟูองคดีนั้นสูงเกินสํวน กรณีจึงไมํมีเหตุสมควรลดเบี้ย
ปรับใหแ๎ กํผถ๎ู ูกฟูองคดี (คําพิพากษาศาลปกครองสงู สดุ ที่ อ.๑๑๑๒/๒๕๖๐)
๒) กรณีการสง่ มอบงานลา่ ชา้ เกิดจากการก่อสรา้ งล่าช้ากว่ากาหนดตามสัญญา
การที่ผู๎รับจ๎างเข๎าดําเนินการกํอสร๎างลําช๎ากวํากําหนดตามสัญญา โดยอ๎างเหตุ
สดุ วสิ ยั เนอ่ื งจากฝนตกหนักและนํ้าทํวม เหตุดังกลําวจะต๎องเป็นกรณีที่มี ฝนตกหนักมากผิดไปจาก
ปกติที่เคยเกิดข้ึนตามฤดูกาล โดยไมํสามารถคาดหมาย ลํวงหน๎าได๎ และไมํมีทางปูองกันได๎ เม่ือผู๎
รับจ๎างเป็นบุคคลในท๎องที่ยํอมทราบดีวํา ชํวงเวลาดังกลําวเป็นฤดูฝน การมีฝนตกและน้ําทํวมตาม
ฤดูกาลจึงไมํถือเป็นเหตุสุดวิสัย ท่ีจะกลําวอ๎างได๎การสํงมอบงานลําช๎าจึงเป็นความบกพรํองของผู๎
รบั จ๎างเอง รวมทัง้ การทผ่ี ู๎รบั จา๎ งไมํไปดสู ถานที่กอํ สร๎างเพอื่ ทราบปญั หาอปุ สรรคกํอนการทํางานตาม
ประกาศ สอบราคา และไมดํ าํ เนนิ การกํอสร๎างตามแบบในสัญญาจ๎าง ไมํเป็นเหตุท่ีผู๎รับจ๎างจะกลําว
อ๎างเพ่ือของดหรือลดคําปรับหรือขยายเวลาการทํางานตามสัญญาจ๎าง (คําพิพากษาศาลปกครอง
สูงสุดที่ อ.๔๔/๒๕๕๔ และท่ี อ.๑4๘/๒๕๕๐)
เม่อื ผร๎ู ับจา๎ งเปน็ ผู๎ประกอบกิจการดา๎ นการกอํ สร๎างและชนะการประกวดราคา ยํอม
ตอ๎ งมีความพรอ๎ มทจี่ ะดาํ เนนิ การกํอสรา๎ งในทนั ทีไดต๎ ามกาํ หนดเวลา ในสญั ญา และหากผร๎ู บั จ๎างเขา๎
ไปดาํ เนนิ การตามสัญญาเสียต้ังแตํวันแรกท่ีได๎กําหนดในสัญญา ถ๎าเกิดกรณีที่ผู๎วําจ๎างไมํสามารถให๎
ผ๎รู ับจา๎ งเข๎าดาํ เนนิ การได๎ไมํวําจะดว๎ ยเหตุใด ๆ กเ็ ป็นกรณที ี่ผ๎รู บั จา๎ งจะต๎องจัดทําบันทึกเป็นหนังสือ
ให๎ไว๎แกํผวู๎ ําจา๎ งเพื่อเป็นหลักฐานสําคัญในการยกข้ึนตํอสู๎กรณีผู๎รับจ๎างไมํสามารถสํงมอบงานตามท่ี
กําหนดในสัญญาและจะต๎องชําระคําปรับแกํผู๎วําจ๎างได๎ การที่ผู๎รับจ๎างกลําวอ๎างเก่ียวกับปัญหา
ไมํสามารถเข๎าทํางานในพ้ืนที่กํอสร๎างได๎โดยไมํมีพยานหลักฐานยืนยันวําได๎แจ๎งให๎เจ๎าหน๎าท่ีของผ๎ู
วาํ จ๎างทราบแล๎ว อีกทั้ง ไมํปรากฏวําผ๎ูรับจ๎างได๎เสนอแผนปฏิบัติงาน แผนเครื่องจักรเคร่ืองมือท่ีได๎
ปรับปรุงให๎ถูกต๎องตามสภาพฤดูกาลเสนอให๎คณะกรรมการตรวจการจ๎างของผู๎วําจ๎างเห็นชอบ
ดําเนินการ เพ่ือเป็นการยืนยันความพร๎อมในการเข๎าทํางานของผ๎ูรับจ๎างตามที่กําหนดไว๎ในสัญญา
ประกอบกบั ไมเํ รมิ่ เข๎าทาํ งานทัง้ ที่ ผ๎วู ําจา๎ งไดม๎ ีหนงั สอื แจ๎งใหผ๎ ๎รู บั จา๎ งเรม่ิ เขา๎ ทาํ งานจาํ นวนหลายครัง้
จงึ เห็นไดอ๎ ยาํ งชัดแจ๎งวาํ ผร๎ู บั จา๎ งไมไํ ด๎เรม่ิ เข๎าทํางานตามท่สี ัญญากําหนดไว๎มาต้ังแตํต๎นโดยมิใชํเหตุ
อนั เกิดจากผวู๎ าํ จ๎าง อีกทั้ง การที่ผ๎ูรับจ๎างไมํได๎แจ๎งรายช่ือผู๎ควบคุมงานตามท่ีผ๎ูวําจ๎าง มีหนังสือแจ๎ง
ใหด๎ ําเนินการ แตํมาดําเนินการภายหลังจากนั้นก็แสดงถึงความไมํพร๎อมท่ีจะเริ่มทํางานตามสัญญา
ประการหนึง่ อนั เป็นเหตุมาจากผู๎รับจ๎างเอง ผ๎ูรับจ๎างจึงไมํอาจอ๎างความไมํพร๎อมเก่ียวกับผู๎ควบคุม
งานของผู๎วําจา๎ งที่จะกาํ หนดจุดกํอสร๎างมาเป็นเหตุให๎ไมํต๎องรับผิดตามสัญญาของตนได๎ นอกจากนี้
การท่ีภายหลังจากผู๎วําจ๎างได๎แตํงตั้งผู๎ควบคุมงาน ผู๎รับจ๎างเพ่ิงเร่ิมเข๎าทํางานซึ่งมีลักษณะงานท่ีไมํ
ยงํุ ยากและไมจํ าํ ต๎องมีการควบคุมงานของนายชาํ งของผวู๎ ําจ๎างกไ็ ดน๎ น้ั ประกอบกบั ผร๎ู ับจา๎ งสามารถ
มีหนังสือเพื่อปรึกษาหารือเก่ียวกับการกําหนดจุดหรือบริเวณท่ีจะทําการกํอสร๎างกับผู๎วําจ๎างได๎
โดยตรง โดยไมํจําเป็นต๎องรอการเข๎าปฏิบัติงานของผู๎ควบคุมงาน ความลําช๎าในการเริ่มเข๎าทํางาน
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสงู สุด เกีย่ วกบั สญั ญำทำงปกครอง |๑๔๑
ของผู๎รับจ๎างที่เป็นผลให๎การสํงมอบงานลําช๎า จึงไมํใชํผลโดยตรงจาก กรณีท่ีผู๎ควบคุมงานของผ๎ู
วําจ๎างยังไมํสามารถปฏิบัติงานได๎นับแตํวันที่มีหนังสือแจ๎งให๎เข๎าทํางาน อันไมํใชํเหตุอันเกิดจาก
ความผิดหรือความบกพรํองของผู๎วําจ๎าง และมิใชํกรณีเหตุสุดวิสัย หรือเหตุท่ีคูํสัญญาไมํต๎องรับผิด
ตามข๎อ ๑๓๙ ของระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีวําด๎วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ (คําพิพากษาศาล
ปกครองสูงสดุ ที่ อ.๑๓๖/๒๕๕๔)
การท่ีผูร๎ บั จ๎างขอขยายระยะเวลาตามสญั ญาจา๎ งเนื่องจากผ๎ูวําจ๎าง ไดว๎ าํ จ๎างผร๎ู ับจ๎าง
รายอื่นใหก๎ อํ สรา๎ งถนนอนั เปน็ เสน๎ ทางทผ่ี ๎รู บั จ๎างจะใชใ๎ นการขนสงํ อปุ กรณ์ไปดาํ เนนิ งานกอํ สร๎างตาม
สัญญาจ๎าง เปน็ เหตใุ หผ๎ ๎รู ับจา๎ งไมสํ ามารถใช๎เสน๎ ทางดังกลําวได๎ เม่ือปรากฏข๎อเท็จจริงวําผ๎ูรับจ๎างได๎
ยนื่ ขอขยายเวลาทํางานเมือ่ พน๎ กาํ หนดเวลาตามที่ระบุไว๎ในสัญญาจ๎าง ประกอบกับมีเส๎นทางอื่นท่ีผู๎
รับจ๎างสามารถใช๎ขนสํงอุปกรณ์ได๎ กรณีจึงไมํใชํเหตุสุดวิสัยอันเนื่องมาจากความผิดหรือความ
บกพรํองของผู๎วําจ๎าง ท่ีจะต๎องขยายเวลาทํางานให๎แกํผู๎รับจ๎าง ผ๎ูรับจ๎างจึงไมํอาจกลําวอ๎างเหตุ
ดังกลําว เพ่อื ขอลดคาํ ปรับกรณสี ํงมอบงานลําชา๎ ได๎ (คําพพิ ากษาศาลปกครองสงู สุดท่ี อ.๑๑๑/๒๕4
๙ ที่ อ.๒๒๘/๒๕๕๐ และท่ี อ.๒๖๖/๒๕๕๑)
เหตุสุดวิสัยท่ีจะเป็นเหตุให๎หนํวยงานทางปกครองผ๎ูวําจ๎างพิจารณา งดหรือลด
คาํ ปรับ หรอื ขยายระยะเวลาการทาํ งานตามสญั ญาให๎แกเํ อกชนผรู๎ ับจา๎ งน้ัน จะต๎องเป็นเหตุการณ์ที่
เกดิ ข้นึ โดยทเี่ อกชนผ๎รู ับจา๎ งไมํอาจคาดหมายได๎ลวํ งหนา๎ และไมํสามารถทจี่ ะปอู งกนั ได๎แมไ๎ ดใ๎ ช๎ความ
ระมัดระวงั ตามควรแลว๎ ดังนนั้ เมือ่ ปรากฏวํา เอกชนผร๎ู ับจ๎างได๎ทราบข๎อเท็จจริงต้ังแตํในช้ันการลง
นามในสัญญาแล๎ววาํ ระยะเวลาการกอํ สร๎างตามสัญญาเปน็ ชํวงฤดูฝน และในเดือนตุลาคมของทุกปี
เป็นชํวงท่ีอาจมีฝนตกหนักอันอาจเป็นอุปสรรคในการกํอสร๎าง ซ่ึงเอกชนผู๎รับจ๎างสามารถวาง
แผนการทํางานเพ่ือหาทางปูองกันปัญหาอุปสรรคในการกํอสร๎างได๎ การที่ฝนตกหนักในชํวงเดือน
ดังกลําวจึงเป็นเหตุการณ์ปกติที่เกิดขึ้นตามฤดูกาล ประกอบกับไมํปรากฏวํา มีรายงานการเกิด
อุทกภัยหรือพายุฝนจนทําให๎เกิดนํ้าทํวมบริเวณท่ีกํอสร๎าง การหยุดงาน ของเอกชนผ๎ูรับจ๎างจึงมิได๎
เปน็ เพราะเหตทุ ีม่ ีฝนตกหนกั กรณีจึงไมํอาจถือวาํ มเี หตุสดุ วิสัย ท่ีทําให๎เอกชนผู๎รบั จา๎ งกลําวอ๎างเพื่อ
ของดหรือลดคําปรับหรือขยายเวลาการทํางานตามสัญญาได๎ (คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่
อ.๓๒๙/๒๕๕๓)
3.4 การหกั เงนิ หลกั ประกนั สัญญา
เม่ือปรากฏวําเงินคําหลักประกันการปฏิบัติตามสัญญาเป็นมูลหนี้ท่ีผู๎วําจ๎างได๎ทวง
ถามธนาคารชําระหน้กี อํ นท่จี ะจา๎ งผ๎รู ับจา๎ งรายใหมํ ดังนัน้ การหักเงนิ หลกั ประกนั สัญญาตามสัญญา
จ๎างเดิมจึงต๎องนําไปใชห๎ กั ในสํวนขอเงนิ คาํ ปรับตามสัญญาจา๎ งดงั กลาํ ว โดยไมํอาจนํามาหักออกจาก
คาํ เสยี หายทีเ่ กิดจากการท่ีผ๎วุ าํ จ๎างตอ๎ งวําจา๎ งผรู๎ ับจ๎างรายใหมํแทนผร๎ู ับจา๎ งเดมิ เนือ่ งจากคําเสียหาย
ดังกลําวเป็นมูลหน้ีท่ีเกิดขึ้นในภายหลัง ผ๎ูรับจ๎างตามสัญญาจ๎างเดิมจึงต๎องรับผิดในคําเสียหาย
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสงู สุด เกีย่ วกบั สญั ญำทำงปกครอง |๑๔๒
ข๎างต๎นเต็มจํานวน (คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ท่ี อ.๓๒๓/๒๕๔๙ ท่ี อ.๑๕๘/๒๕๕๐ และที่
อ.๓๔๔/๒๕๕๐)
การทผ่ี ๎ูวาํ จา๎ งนาํ เงินคําปรับตามสัญญาฉบับหนึ่งไปหักกลบลบหน้ีกับเงินคําปรับใน
สัญญาอีกฉบับหนึ่ง ในขณะที่ผ๎ูรับจ๎างยังคงมีข๎อโต๎แย๎งเก่ียวกับการหักคําปรับและการบอกเลิก
สญั ญาตามสัญญาฉบบั แรกอยูเํ ชนํ น้ี อีกทง้ั การปรบั ตามสญั ญาและการหกั กลบลบหน้ตี ามสัญญาท้ัง
สองฉบับกม็ หี ลกั ประกนั การปฏบิ ตั ติ ามสญั ญา ซึ่งผวู๎ ําจา๎ งอาจเรยี กเอากบั หลักประกันทว่ี ํานี้ หรือจะ
ใชส๎ ทิ ธเิ รยี กร๎องคําปรับตํอศาลกย็ อํ มกระทาํ ได๎ กรณีจึงเป็นการกระทําท่ีขัดตํอเจตนาของผู๎รับจ๎างท่ี
ได๎ทําสัญญาให๎ผ๎ูวําจ๎างสามารถหักเงินคําจ๎างเป็นคําปรับจากหลักประกันการปฏิบัติตามสัญญา
อีกทั้งเป็นการไมํชอบด๎วยมาตรา ๓๔๑ และมาตรา ๓ ๔๔ แหํงประมวลกฎหมายแพํงและพาณิชย์
ผู๎วําจา๎ งจึงไมํมสี ทิ ธจิ ะนําเงนิ คําปรบั ตามสัญญาฉบับหน่ึง ไปหักกลบลบหนี้กับคําปรับตามสัญญาอีก
ฉบับหน่ึงได๎ (คําพพิ ากษาศาลปกครองสงู สดุ ที่ อ.๓๐๔/๒๕๕๒)
เมือ่ การกอํ สรา๎ งอาคารจะต๎องทําตามแบบแปลนท่ีหนํวยงานทางปกครอง ผ๎ูวําจ๎าง
เป็นผ๎ูกําหนด โดยพฤติการณ์แล๎วผ๎ูฟูองคดีในฐานะผ๎ูรับจ๎างจึงไมํอาจกํอสร๎างอาคารให๎ผิดไปจาก
แบบแปลนท่ีกําหนดไว๎ได๎ แบบแปลนของผ๎ูวําจ๎างจึงเป็นสาระสําคัญของสัญญาจ๎างดังกลําว ดังนั้น
การท่ีผู๎ฟูองคดีไมํสามารถดําเนินการกํอสร๎างให๎แล๎วเสร็จสมบูรณ์ภายในระยะเวลาท่ีกําหนดได๎
เนื่องจากผ๎ูวาํ จา๎ งไมสํ ามารถสํงมอบแบบแปลนกํอสรา๎ งใหแ๎ กผํ ู๎ฟูองคดไี ดใ๎ นขณะลงนามในสญั ญาจ๎าง
กํอสร๎างเพราะอยํูในระหวํางการตรวจสอบของโยธาธิการจังหวัด จึงเป็นเพราะความบกพรํองของ
ผ๎ูวําจ๎าง เมื่อกรณีถือได๎วําผ๎ูวําจ๎างได๎ยอมรับให๎มีการขยายระยะเวลากํอสร๎างออกไปตามสัญญา
ฉบับท่ี ๒ การท่ีผว๎ู าํ จา๎ งยงั คงคิดคํานวณคําปรบั ตามระยะเวลาในสัญญาเดมิ จงึ ไมํถูกต๎อง ดังนั้น เม่ือ
ได๎เรียกเก็บคําปรับไว๎เกิน ผู๎วําจ๎างจึงต๎องคืนเงินคําปรับตามสัญญาที่หักไว๎เกินน้ันแกํผู๎ฟูองคดี
(คาํ พิพากษาศาลปกครองสงู สดุ ท่ี อ.1๖๙/๒๕๕๒)
เม่อื มีความชาํ รดุ บกพรอํ งเกดิ ขน้ึ ภายในระยะเวลาทก่ี าํ หนดให๎ต๎องรบั ผิดตามสัญญา
ผร๎ู ับจ๎างตอ๎ งรบั ผดิ ในความชาํ รุดบกพรอํ งดงั กลาํ ว การทีผ่ ๎ูรบั จ๎างได๎ดําเนินการซํอมแซมถนนท่ีชํารุด
บกพรอํ งแลว๎ แตํมิได๎ดําเนนิ การใหแ๎ ลว๎ เสร็จเปน็ ทเี่ รยี บรอ๎ ยภายในกาํ หนดเวลาจึงตกเปน็ ผ๎ูผดิ สัญญา
และเม่ือปรากฏวําผ๎ูรับจ๎างนําหลักประกันเป็นหนังสือคํ้าประกันสัญญาของธนาคารมามอบให๎
หนํวยงานทางปกครองผู๎วําจ๎าง เพื่อเป็นหลักประกันการปฏิบัติตามสัญญาน้ี ธนาคารดังกลําวใน
ฐานะผู๎ค้ําประกัน ยํอมต๎องรับผิดรํวมกับผู๎รับจ๎างด๎วยเชํนกัน ผ๎ูวําจ๎างจึงสามารถใช๎สิทธิบังคับจาก
หลกั ประกนั การปฏบิ ัติตามสัญญาดงั กลําวได๎ (คําพิพากษาศาลปกครองสูงสดุ ท่ี อ.๑๘๕/๒๕๕๒)
เม่ือหนํวยงานทางปกครองผ๎ูวําจ๎างได๎มีการบอกเลิกสัญญากํอสร๎างที่พิพาทแล๎ว
ถึงแม๎วําจะมีสิทธินําคําเสียหายที่เกิดขึ้นจากการบอกเลิกสัญญาไปหักออกจากหลักประกันสัญ ญา
แตํการที่จะนําหลักประกันสัญญาไปหักกลบลบหนี้กับคําความเสียหายท่ีเกิดขึ้นจากการบอกเลิก
สญั ญากบั ผู๎รับจา๎ งในสญั ญาโครงการอืน่ จะกระทําได๎ตํอเมื่อสิทธิเรียกร๎องนั้นไมํมีข๎อตํอส๎ู ประกอบ
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด เกีย่ วกบั สญั ญำทำงปกครอง |๑๔๓
กับคําเสยี หายท่เี กดิ ขน้ึ จากการทผี่ ๎ูวําจ๎างบอกเลิกสญั ญาฉบับแรกก็ไมํปรากฏวําผู๎รับจ๎างได๎มีหนังสือ
ยอมรบั ผดิ ในความเสยี หายดงั กลําว จึงถือวํามลู หนที้ ่ผี ๎วู ําจ๎างเรียกรอ๎ งเอาจากผ๎ูรบั จ๎างยังไมํใชํมูลหนี้
ท่ีกําหนดไว๎แนํนอนตามมาตรา ๓๔๑ แหํงประมวลกฎหมายแพํงและพาณิชย์ ดังน้ัน เมื่อผู๎รับจ๎าง
โตแ๎ ย๎งวาํ ไมสํ ามารถนาํ หลักประกันสญั ญาไปหักกลบลบหน้ีได๎ จึงถือวํา สิทธิเรียกร๎องของผ๎ูวําจ๎างมี
ขอ๎ ตอํ สู๎ตามมาตรา ๓๔๔ แหํงประมวลกฎหมายดังกลําว ผ๎ูวําจ๎างจึงไมํมีสิทธินําหลักประกันสัญญา
ของสัญญาฉบับแรกไปหักกลบลบหน้ีกับคําเสียหายของสัญญาอีกฉบับหนึ่งได๎ (คําพิพากษาศาล
ปกครองสงู สุดท่ี อ.๔๒๔/๒๕๕๒)
การงดหรือลดคําปรับให๎แกํผ๎ูรับจ๎างในกรณีที่เกิดเหตุสุดวิสัยข้ึน จะต๎องเป็นเหตุ
สดุ วิสยั ทีเ่ กดิ ขึ้นกํอนวันครบกาํ หนดทํางานแล๎วเสร็จตามสญั ญา หากเปน็ กรณีที่เกิดขึ้นภายหลังจาก
ทผี่ ู๎รับจา๎ งผดิ นัดตามสัญญา ผู๎รับจ๎างจะยกขึ้นเป็นเหตุ เพื่อขอลดหรืองดคําปรับไมํได๎ ผ๎ูวําจ๎างเองก็
ไมํอาจนําเหตุดังกลําวมาประกอบการพิจารณางดหรือลดคําปรับให๎แกํผู๎รับจ๎างได๎ไมํเชํนน้ันจะเป็น
การขยายระยะเวลาทํางานตามสัญญาโดยมิชอบ นอกจากนี้ หากปรากฏวําผู๎รับจ๎างทํางานไมํแล๎ว
เสรจ็ ตามสัญญา จนคาํ ปรบั จะเกินร๎อยละสิบของวงเงินคาํ จา๎ ง แตผํ ๎วู าํ จา๎ งมไิ ด๎ใช๎สทิ ธิบอกเลกิ สญั ญา
ท้ังที่ไมํปรากฏวําผ๎ูรับจ๎างยินยอมชําระคําปรับโดยไมํมีเง่ือนไข กรณีเป็นการไมํชอบตามระเบียบ
กระทรวงมหาดไทยวําด๎วยการพัสดุขององค์การบริหารสํวนตําบล พ.ศ. ๒๕๓๘ ผู๎วําจ๎างจึงมีสิทธิ
ปรับผ๎ูรับจ๎างได๎เพียงจํานวนเงินไมํเกินร๎อยละสิบของวงเงินคําจ๎างดังกลําว และหากปรากฏวําผู๎
รับจ๎างได๎ชําระคําปรับเต็มจํานวนตามท่ีผ๎ูวําจ๎างเรียกให๎ชําระโดยไมํชอบข๎างต๎นแล๎ว ผู๎วําจ๎างก็มี
หน๎าท่ีต๎องคืนเงินคําปรับท่ีเกินกวําร๎อยละสิบของวงเงินคําจ๎างน้ันให๎แกํผู๎รับจ๎าง (คําพิพากษาศาล
ปกครองสูงสดุ ที่ อ.๑๙๑/๒๕๕๔)
เมื่อสัญญาจ๎างกํอสร๎างพิพาทเป็นสัญญาจ๎างทําของ จึงเป็นสัญญาที่หวังผลสําเร็จ
ของงานท้ังหมดท่ีจ๎าง ซ่ึงตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยวําด๎วยการพัสดุของหนํวยการบริหาร
ราชการสวํ นท๎องถนิ่ พ.ศ. ๒๕๓๕ ซึง่ แก๎ไขเพิ่มเตมิ โดยระเบยี บฯ (ฉบับท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๕๑ กาํ หนดให๎
การจา๎ งงานท่ีตอ๎ งการผลสําเร็จของงานทงั้ หมดพร๎อมกัน ใหป๎ รบั ได๎ในอตั ราร๎อยละ ๐.๐๑ ถึง ๐.๑๐
ของราคางานจ๎าง เมื่อปรากฏวํา ผู๎วําจ๎างหักคําจ๎างของผ๎ูรับจ๎างไว๎เป็นคําปรับคิดเป็นอัตราร๎อยละ
๐.๒๕ ของวงเงินคําจ๎าง กรณีจึงเป็นเบ้ียปรับที่สูงเกินสํวน จึงสมควรให๎หักเงินคําจ๎างจากผู๎รับจ๎าง
เป็นคําปรับ ในอัตราร๎อยละ 0.๑๐ ตํอวัน โดยผ๎ูวําจ๎างต๎องคืนเงินคําปรับท่ีหักไว๎เกินให๎แกํผู๎รับจ๎าง
(คําพพิ ากษาศาลปกครองสงู สุดที่ อ.๒๐๔/๒๕๕๔)
แมค๎ วามลําช๎าของงานกํอสรา๎ งเกิดจากปัญหาการสํงมอบพ้ืนท่ีกํอสร๎างของผ๎ูวําจ๎าง
โดยไมไํ ด๎มีเหตุอันเนื่องมาจากความผดิ หรือความบกพรอํ งของผ๎ูรับจา๎ ง แตหํ ากข๎อเท็จจริงปรากฏวํา
ถ๎าผ๎ูรับจ๎างได๎เตรียมการกํอสร๎างไว๎เป็นอยํางดี จะสามารถสํงมอบงานจ๎างได๎ในวันเดียวกันกับวันที่
ปัญหาเกี่ยวกับการสํงมอบพื้นท่ี หมดไป ผู๎วําจ๎างจึงมีหน๎าท่ีต๎องขยายระยะเวลาทํางานตามสัญญา
ออกไปจนถึงวันที่ปัญหาเก่ียวกับการสํงมอบพ้ืนที่หมดไปดังกลําว โดยผ๎ูรับจ๎างต๎องรับผิดชําระ
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสงู สุด เกีย่ วกบั สญั ญำทำงปกครอง |๑๔๔
คาํ ปรับ ตัง้ แตํวนั ถดั จากวนั ทค่ี รบกาํ หนดขยายระยะเวลาตามสัญญาจนถึงวนั ที่ทาํ งานแล๎วเสร็จตาม
สัญญา และหากผ๎ูวําจ๎างได๎หักเงินคําจ๎างไว๎เป็นคําปรับเป็นจํานวนวันเกินกวําจํานวนวันดังกลําว
ก็ยํอมมีหน๎าที่ต๎องคืนเงินคําปรับท่ีหักไว๎เกินนั้นให๎แกํผ๎ูรับจ๎าง (คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดท่ี
อ.๒๔๖/๒๕๕๔)
4.การเลิกสญั ญาและการเรียกคา่ เสียหายจากการบอกเลกิ สัญญา
4.1. การบอกเลิกสญั ญา
4.1.1. การบอกเลิกสัญญาโดยชอบด้วยกฎหมาย
๑) ผู้ว่าจ้างไมส่ ามารถส่งมอบพ้ืนที่กอ่ สรา้ งใหแ้ ก่เอกชนผูร้ ับจ้างได้
กรณที ี่หนํวยงานทางปกครองผ๎ูวําจ๎างไมํสามารถสํงมอบพื้นท่ีกํอสร๎างให๎แกํเอกชน
ผร๎ู ับจ๎างได๎ จึงตอํ อายุสญั ญาออกไปและแกไ๎ ขปญั หาอุปสรรคที่เกิดขึ้นจนสามารถให๎เอกชนผ๎ูรับจ๎าง
เข๎าดําเนินงานกอํ สรา๎ งตามสัญญาได๎แล๎ว แตํเอกชนผ๎ูรับจ๎างรวมทั้งผู๎รับจ๎างชํวงไมํได๎เข๎าปฏิบัติงาน
ตามกําหนดเวลาในสัญญา จนกระท่ังเหลือระยะเวลากํอสร๎างอีกเพียง ๔ เดือน แตํยังคงมีงาน
กํอสรา๎ งทต่ี ๎องดาํ เนินการ อีกประมาณรอ๎ ยละ ๗๐ ของปริมาณงานทง้ั หมด ถอื เป็นกรณมี ีเหตุอันเชื่อ
ได๎วําเอกชนผู๎รับจ๎างไมํสามารถดําเนินการกํอสร๎างให๎แล๎วเสร็จตามสัญญา เข๎าลักษณะเป็นการไมํ
ปฏิบัติตามสัญญาโดยไมํมีเหตุผลอันสมควร หัวหน๎าหนํวยงานทางปกครองผู๎วําจ๎าง จึงมีสิทธิบอก
เลิกสัญญาและมีอํานาจออกคําสั่งลงโทษให๎เอกชนผู๎รับจ๎างเป็นผ๎ูทิ้งงาน รวมท้ังมีสิทธิรับ
หลักประกันการปฏิบัติตามสัญญาของเอกชนผ๎ูรับจ๎างได๎ (คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่
อ.683/2554)
เมอื่ รูปตัดถนนตามเอกสารแนบท๎ายสัญญาแสดงช้ันและความหนาช้ันผิวทางเพียง
ช้นั เดียว แตํปรากฏวําถนนที่ทําการกํอสร๎างมีความหนาแบํงเป็น ๒ ช้ัน ไมํตรงตามรูปตัดถนนแนบ
ท๎ายสัญญา วัสดุช้ันลํางและชั้นบนแตกตํางกันทางกายภาพอยํางชัดเจน แสดงให๎เห็นถึงสํวนผสมท่ี
ไมเํ ปน็ สํวนผสมเดียวกนั การเทคอนกรตี ไมเํ ป็นไปในคราวเดียวกัน ซงึ่ อาจสํงผลให๎พฤติกรรมในการ
รับแรงผิดไปจากสมมุตฐิ านในการออกแบบ กํอให๎ถนนเกิดความเสียหายและแตกร๎าวได๎ โดยพยาน
ผเ๎ู ชี่ยวชาญที่ศาลปกครองช้ันต๎นมีคําส่ังแตํงต้ังก็ได๎สรุปผลการพิจารณาวํา ถนนที่พิพาทกํอสร๎างไมํ
ตรงตามข๎อกาํ หนดในสญั ญา และไมํตรงตามมาตรฐานหลักวชิ าวศิ วกรรมโยธา ซ่ึงเป็นการกอํ สร๎างที่
ไมํถูกต๎องตามแบบรูปรายการละเอียดแนบท๎ายในสัญญาจนเป็นเหตุให๎หนํวยงานทางปกครองผ๎ูวํา
จ๎างไมํรับมอบงานจ๎างและไมํจํายเงินคําจ๎างตามสัญญา จึงถือวําผู๎รับจ๎างเป็นฝุายผิดสัญญา ซึ่ง
หนํวยงานทางปกครองมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได๎ อยํางไรก็ตาม เน่ืองจากการกํอสร๎างถนนท่ีพิพาท
เปน็ สิง่ กอํ สร๎างซง่ึ ไมสํ ามารถทีจ่ ะทําให๎กลับคืนสูํฐานะดังทเี่ ป็นอยูํเดิมได๎ตามมาตรา ๓๙๑ วรรคหน่ึง
แหํงประมวลกฎหมายแพํงและพาณิชย์ หนํวยงานทางปกครองผู๎วําจ๎างจึงต๎องชดใช๎คืนด๎วยการใช๎
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด เกีย่ วกบั สญั ญำทำงปกครอง |๑๔๕
เงินตามควรคําแหํงงานท่ีผ๎ูรับจ๎างได๎ทําแล๎วเสร็จให๎แกํผู๎ฟูองคดีตามมาตรา ๓๙๑ วรรคสาม แหํง
ประมวลกฎหมายเดียวกัน แตํในสํวนของดอกเบี้ยในคําแหํงงานนั้น เม่ือปรากฏวําหนํวยงานทาง
ปกครองไดม๎ หี นังสอื แจง๎ บอกเลิกสัญญาไปยงั ผรู๎ ับจ๎างภายหลังจากยน่ื ฟอู งคดนี ี้แลว๎ การฟูองคดีของ
ผู๎รับจ๎างจึงยังไมํมีสถานะสมบูรณ์เป็นการเตือนให๎ชําระหนี้ในทันที ณ ขณะนั้น แตํยังคงใช๎ได๎เมื่อมี
การบอกเลิกสัญญาเกิดข้ึน หนํวยงานทางปกครองผ๎ูวําจ๎างจึงต๎องชําระคําแหํงงานที่ผู๎รับจ๎างได๎
กระทําให๎ไปแลว๎ พร๎อมดอกเบ้ียในอตั รารอ๎ ยละ ๗.๕ ตอํ ปี ของตน๎ เงนิ ดงั กลาํ วนับแตวํ ันทมี่ กี ารบอก
เลิกสญั ญาเป็นต๎นไปจนกวําจะชําระเสร็จให๎แกํผู๎รับจ๎าง (คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๖๒๕/
๒๕๖๐)
๒) ไมไ่ ด้ตง้ั งบประมาณรายจ่ายประจาปี
ก า ร ต ร า เ ท ศ บั ญ ญั ติ ง บ ป ร ะ ม า ณ ร า ย จํ า ย ป ร ะ จํ า ปี แ ล ะ ก า ร ต ร า เ ท ศ บั ญ ญั ติ
งบประมาณรายจํายเพ่ิมเติมเป็นข้ันตอนการตระเตรียมเงินงบประมาณ เพื่อจัดสรรใช๎จํายสําหรับ
ดําเนินการกอํ สร๎างตามทส่ี ภาเทศบาลไดอ๎ นมุ ตั โิ ครงการไว๎อันมลี กั ษณะเป็นการกระทําทางปกครอง
ฝาุ ยเดียวทแ่ี ยกออกจากตวั สญั ญา ดังนน้ั การที่เทศบาลทาํ สัญญาจ๎างใหเ๎ อกชนกํอสรา๎ งงานโครงการ
ของเทศบาลโดยไมไํ ด๎ตง้ั งบประมาณรายจํายประจําปีและไมํได๎ตราเทศบัญญัติงบประมาณรายจําย
เพ่ิมเติม แม๎จะเป็นการไมํปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยวําด๎วยการพัสดุของหนํวยการ
บรหิ ารราชการสวํ นทอ๎ งถ่นิ แตกํ ็ไมมํ ีผลทาํ ให๎สญั ญาจา๎ งกํอสรา๎ งดงั กลาํ วตกเปน็ โมฆะ สัญญายงั คงมี
ผลผูกพนั คํสู ญั ญาตอํ ไป
อยํางไรก็ตาม การท่ีเทศบาลไมํมีงบประมาณเพียงพอท่ีจะดําเนินการกํอสร๎างตาม
สัญญาจ๎าง ถือเป็นปญั หาทางการเงนิ ท่ีเทศบาลต๎องบริหารจัดการ เพ่ือให๎มีเงินงบประมาณเพียงพอ
สําหรับการดําเนินกิจการทางปกครอง ประกอบกับสัญญาจ๎างกํอสร๎างโครงการของเทศบาลเป็น
สัญญาทางปกครองที่เทศบาลซึ่งเป็นคํูสัญญาฝุายปกครองมีเอกสิทธ์ิในการบอกเลิกสัญญาได๎ฝุาย
เดยี ว เทศบาลจึงมีสทิ ธิบอกเลกิ สัญญาจ๎างด๎วยเหตุไมํมงี บประมาณเพียงพอที่จะดําเนินการกํอสร๎าง
ดงั กลาํ วได๎ การทเ่ี ทศบาลใช๎สิทธิบอกเลิกสญั ญากับเอกชนผรู๎ บั จ๎าง จึงมีผลทําให๎สัญญาจ๎างกํอสร๎าง
ดังกลําวสิ้นสุดลง แม๎ตํอมาเทศบาลกับเอกชนผู๎รับจ๎างจะได๎ทําบันทึกตํอท๎ายสัญญา เพ่ือแก๎ไข
เพิม่ เตมิ สญั ญาจา๎ งฉบบั เดิมเพือ่ ใหเ๎ อกชนผู๎รบั จ๎างดาํ เนนิ การกํอสร๎างตามสัญญาตํอไป ก็ไมํมีผลเป็น
การแก๎ไขเพ่ิมเติมสัญญาจ๎างฉบับเดิมแตํอยํางใด เนื่องจากเป็นการทําสัญญาท่ีมีวัตถุประสงค์แหํง
สัญญาตอ๎ งห๎ามชัดแจ๎งโดยกฎหมาย อันมีผลทําให๎บันทึกตํอท๎ายสัญญาตกเป็นโมฆะ โดยไมํอาจถือ
เป็นการทําสัญญาจ๎างฉบับใหมํแทนสัญญาจ๎างฉบับเดิม และไมํอาจให๎สัตยาบันได๎ ทั้งนี้
หากเทศบาลมีความประสงค์จะดําเนินการกํอสร๎างตามโครงการดังกลําวตํอไป ก็ชอบที่จ ะ
ดําเนนิ การสรรหาผูร๎ บั จา๎ งรายใหมํตามขัน้ ตอนที่กาํ หนดไวใ๎ นระเบยี บกระทรวงมหาดไทยวําดว๎ ยการ
พัสดุของ หนํวยการบริหารราชการสํวนท๎องถ่ิน มิใชํการจัดทําบันทึกตํอท๎ายสัญญาจ๎างฉบับเดิม
ดังกลาํ ว (คําพิพากษาศาลปกครองสงู สดุ ที่ อ.707-708/2554)
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด เกีย่ วกบั สญั ญำทำงปกครอง |๑๔๖
๓) บอกเลิกสัญญา ภายหลังจากล่วงเลยวันที่มีการผิดสัญญาจนค่าปรับเกิน
รอ้ ยละสบิ ของวงเงินคา่ จ้างตามสญั ญาแล้วนนั้
การท่ีหนํวยงานทางปกครองผ๎ูวําจ๎างใช๎สิทธิบอกเลิกสัญญาภายหลังจากลํวงเลย
วันท่ีมีการผิดสัญญาจนคําปรับเกินร๎อยละสิบของวงเงินคําจ๎างตามสัญญาแล๎วนั้น ไมํเป็นเหตุให๎
หนวํ ยงานทางปกครองผูว๎ าํ จา๎ งเสยี สิทธิในการเรียกคาํ ปรบั จากเอกชนผู๎รับจา๎ งซงึ่ ประพฤติผิดสัญญา
แตํอยาํ งใด เน่อื งจากระเบยี บวําดว๎ ยการพัสดุกําหนดให๎เป็นดุลพินิจของหนํวยงานทางปกครองผู๎วํา
จา๎ งในการบอกเลิกสัญญา เมือ่ คําปรบั จะเกินกวาํ รอ๎ ยละสิบของวงเงินคําจา๎ งเพือ่ มใิ หเ๎ อกชนผู๎รับจา๎ ง
ต๎องเสียหายมากเกินควร แตํมิได๎บังคับให๎หนํวยงานทางปกครองผ๎ูวําจ๎างต๎องบอกเลิกสัญญาเม่ือมี
กรณีเขา๎ เง่ือนไขดงั กลําวโดยทันที เพียงแตํหากหนวํ ยงานทางปกครองผ๎วู าํ จา๎ งไมดํ ําเนินการบอกเลกิ
สัญญา จะใช๎สิทธิเรียกคําปรับได๎ในจํานวนไมํเกินร๎อยละสิบของวงเงินคําจ๎างตามสัญญาเทํานั้น
การทีห่ นํวยงานทางปกครองผวู๎ าํ จ๎างใช๎สทิ ธเิ ลิกสัญญาภายหลังจากคําปรับเกินร๎อยละสิบของวงเงิน
คําจ๎างจึงเป็นการเลิกสัญญาโดยชอบด๎วยกฎหมาย (คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดท่ี
อ.527/2556)
กรณีท่ีครบกําหนดเวลาแล๎วเสร็จตามสัญญาจ๎างกํอสร๎างอาคารแล๎ว แตํผู๎รับจ๎าง
ยงั คงทํางานไมแํ ลว๎ เสรจ็ โดยหนํวยงานทางปกครองผู๎วําจ๎าง ได๎มีหนังสือแจ๎งให๎ผู๎รับจ๎างสํงมอบงาน
พร๎อมกับแจ๎งสงวนสิทธ์ิการปรบั ตามสัญญาแลว๎ แตผํ ๎ูรบั จ๎างยงั คงเพกิ เฉย หนํวยงานทางปกครองผู๎วํา
จา๎ งยํอมมสี ทิ ธิบอกเลิกสญั ญาได๎โดยชอบด๎วยกฎหมาย อยํางไรก็ตาม หากปรากฏวําหนํวยงานทาง
ปกครองผู๎วําจ๎าง ได๎รับเอางานสวํ นท่ีผู๎รับจ๎างได๎กํอสร๎างไว๎แล๎วบางสํวนไปให๎ผ๎ูรับจ๎างรายอื่นทําการ
กํอสร๎าง ตํอไป หนํวยงานทางปกครองผู๎วําจ๎างมีหน๎าที่ต๎องจํายคํางานท่ีได๎ทําไปแล๎วแตํยังไมํได๎
สงํ มอบดงั กลาํ วให๎แกํผร๎ู บั จา๎ งด๎วย ทัง้ น้ี ตามมาตรา ๓๙๑ แหํงประมวลกฎหมายแพํงและพาณิชย์
ในสํวนของงานการติดตั้งลิฟต์น้ัน แม๎ตามสัญญาจะไมํระบุงานดังกลําวเอาไว๎
แตํเมอ่ื ข๎อเท็จจรงิ ปรากฏตามหนงั สือท่หี นวํ ยงานทางปกครองผ๎ูวําจา๎ ง มีถึงผู๎รบั จ๎างรับฟังไดว๎ ํา มกี าร
ดําเนินงานในสํวนของการติดตั้งลิฟต์จริง งานติดต้ังลิฟต์ จึงถือเป็นงานนอกเหนือจากที่ระบุไว๎ใน
สญั ญา ซ่งึ หนํวยงานทางปกครองผว๎ู ําจ๎าง มอี ํานาจสั่งใหผ๎ ๎รู ับจา๎ งทาํ งานอ่นื ทีเ่ ก่ยี วขอ๎ งนอกเหนือจาก
สัญญาได๎ แตํต๎องชดใช๎คํางานน้ันให๎แกํผู๎รับจ๎าง ดังนั้น หนํวยงานทางปกครองผู๎วําจ๎างจึงต๎องจําย
คาํ ลิฟต์ พร๎อมคําตดิ ตั้งให๎แกํผ๎รู ับจ๎างดว๎ ย(คาํ พพิ ากษาศาลปกครองสูงสดุ ที่ อ.348/2558)
๔) กรณกี ารบอกเลิกสัญญาจา้ งพนักงาน
เมื่อสัญญาจ๎างเป็นพนักงานขององค์การบริหารสํวนตําบล กําหนดให๎สัญญาจ๎าง
ส้ินสุดลงหากพนักงานจ๎างไมํผํานการประเมินผลการปฏิบัติงาน ติดตํอกัน ๒ คร้ัง ทั้งนี้
ตามหลักเกณฑ์เกี่ยวกบั พนักงานจา๎ งของประกาศคณะกรรมการ พนักงานสํวนตําบล ดังน้ัน กรณีท่ี
องค์การบริหารสํวนตําบลได๎ใช๎แบบประเมิน และกําหนดหลักเกณฑ์การประเมินเป็นไปตามที่
ประกาศคณะกรรมการพนักงาน สํวนตําบลดังกลําวกําหนด โดยไมํปรากฎพยานหลักฐานอ่ืนใดท่ี
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด เกี่ยวกบั สญั ญำทำงปกครอง |๑๔๗
แสดงให๎เหน็ ถงึ การดาํ เนินการทีไ่ มชํ อบ และพจิ ารณาให๎คะแนนการประเมินแกํพนักงานจ๎าง อยํูใน
เกณฑ์ควรปรับปรุงติดตํอกันสองครั้ง อันเป็นกรณีไมํผํานการประเมิน จึงเป็น การประเมินท่ีชอบ
ด๎วยกฎหมาย และเม่ือการไมํผํานการประเมินติดตํอกันดังกลําว มีผลให๎สัญญาจ๎างส้ินสุดลงตาม
เงื่อนไขในสัญญา การที่ตํอมาองค์การบริหารสํวนตําบล โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ
พนักงานสํวนตําบลมีคําสั่งเลิกจ๎างพนักงานจ๎างดังกลําว จึงเป็นการเลิกจ๎างโดยชอบด๎วยกฎหมาย
แล๎ว (คาํ พิพากษาศาลปกครองสงู สุดที่ อ.324/2557)
เมือ่ สัญญาจา๎ งพนกั งานเป็นสญั ญาทม่ี ีกาํ หนดระยะเวลาจ๎างแนํนอน สภาพการจ๎าง
จึงยอํ มส้ินสุดลงเม่อื ครบกําหนดระยะเวลาตามสัญญา การที่หนวํ ยงานทางปกครองผู๎วาํ จา๎ งมีหนงั สอื
แจ๎งสิ้นสุดการจ๎างและบอกเลิกสัญญาจ๎างกํอนครบกําหนดระยะเวลาตามสัญญาดังกลําว จึงต๎อง
จํายเงินคาํ ชดเชยใหแ๎ กํลกู จ๎าง ทีถ่ ูกบอกเลิกสญั ญาดว๎ ยเว๎นแตตํ ามสญั ญาจา๎ งจะกําหนดไว๎เป็นอยําง
อื่น
สําหรับกรณีของคดีนี้ สัญญาจ๎างมีข๎อกําหนดยกเว๎นวําหนํวยงานทางปกครองผู๎วํา
จา๎ งไมจํ ําต๎องจํายคําชดเชยให๎แกํลูกจ๎างที่ถูกบอกเลิกสัญญากํอนครบกําหนดระยะเวลาตามสัญญา
หากมีเหตุจําเป็น และได๎มีการบอกกลําวลํวงหน๎าถึงการเลิกจ๎างเป็นเวลาไมํน๎อยกวํา ๓๐ วันแล๎ว
ดงั น้นั เมื่อขอ๎ เท็จจรงิ ปรากฏวาํ หนํวยงานทางปกครองผู๎วําจา๎ งไมํมีโครงการและงบประมาณท่ีจะใช๎
ในการจัดจ๎างลูกจ๎างได๎อีกตํอไป กรณียํอมถือเป็นเหตุจําเป็นท่ีหนํวยงานทางปกครองผู๎วําจ๎าง
สามารถบอกเลิกจ๎างลูกจา๎ งได๎ และเม่ือการบอกเลิกจ๎างดังกลําวได๎กระทําลํวงหน๎าเป็นเวลาไมํน๎อย
กวํา ๓๐ วัน โดยการแจ๎งบอกเลิกสัญญาได๎กระทําโดยชอบด๎วยกฎหมาย จึงเข๎ากรณียกเว๎นตาม
สญั ญาทีห่ นํวยงานทางปกครองผูว๎ ําจา๎ งไมํจาํ ต๎องจํายคาํ ชดเชยใด ๆ ให๎แกลํ กู จ๎าง ดงั นั้น พฤติการณ์
ของผ๎ูถูกฟูองคดีท้ังสองจึงไมํได๎มีเจตนาหลีกเล่ียงการจํายคําชดเชย และคําเสียหายให๎แกํผ๎ูฟูองคดี
หรอื กระทําการอันเปน็ การลดิ รอนสิทธิของผฟู๎ อู งคดีจากการบอกเลกิ จ๎างโดยไมํเปน็ ธรรมแตํอยาํ งใด
พพิ ากษายกฟอู ง (คาํ พิพากษาศาลปกครองสงู สุด ที่ อ.๕๘๕/๒๕๕๔ และท่ี อ.๕๓๒/๒๕๕๕ วินิจฉัย
แนวทางเดียวกนั )
เมื่อสัญญาจ๎างอาจารย์มหาวิทยาลัยมีข๎อกําหนดให๎สัญญาจ๎างส้ินสุดลง หากผู๎
รับจ๎างไมํผํานการประเมนิ ผลการปฏบิ ตั ิงานประจําปกี ารศกึ ษา และหนํวยงานทางปกครองผู๎วาํ จ๎างมี
สิทธิบอกเลกิ สัญญาจ๎างไดโ๎ ดยไมํจําเปน็ ต๎องบอกกลําวลวํ งหน๎า หากผู๎รับจ๎างไมํปฏิบัติตามเง่ือนไขที่
กาํ หนดในสญั ญาหรือขดั คําสั่งผ๎ูบังคับบญั ชาจนเป็นเหตใุ หท๎ างราชการไดร๎ บั ความเสียหาย จึงเห็นได๎
วําการประเมินผลการปฏิบัติงานถือเป็นสาระสําคัญตามสัญญาจ๎างที่จะสํงผลให๎หนํวยงานทาง
ปกครอง ผ๎วู าํ จ๎างใช๎ดุลพินจิ พจิ ารณาผลการปฏิบตั ิงานของผ๎รู บั จ๎างไดว๎ ํา มเี หตผุ ลอันสมควรทจ่ี ะจา๎ ง
ผ๎ูรับจา๎ งเพอ่ื ใหร๎ ํวมดําเนนิ การจัดทาํ บรกิ ารสาธารณะใหบ๎ รรลผุ ลตอํ ไปหรอื จะเลกิ จา๎ ง ดังนั้น เมอื่ ข๎อ
สัญญากําหนดให๎หน่ึงปีการศึกษาจะต๎องมีการประเมินผลการปฏิบัติงาน จํานวน ๒ คร้ัง และผู๎รับ
การประเมินจะต๎องได๎คะแนนร๎อยละ 50 ของการประเมินแตํละครั้ง จึงจะถือวําผํานการประเมิน
แตํผ๎ูฟูองคดีผํานการประเมินเพียงคร้ังแรกคร้ังเดียว สํวนครั้งที่สองไมํผํานเน่ืองจากไมํสํงแบบ
ประเมิน ทั้งท่ีผ๎ูบังคับบัญชาได๎แจ๎งให๎ผู๎ฟูองคดี ทราบแล๎ววํา หากไมํสํงแบบประเมินจะถือวําผู๎ฟูอง
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสงู สุด เกี่ยวกบั สญั ญำทำงปกครอง |๑๔๘
คดสี ละสิทธิ์ท่ีจะให๎มีการประเมิน ผลการปฏิบตั งิ านของตนเอง กรณีดังกลําวนอกจากจะเป็นการไมํ
ปฏิบัติตามเง่ือนไขในสัญญาแล๎ว ยังเป็นการขัดคําสั่งหรือหลีกเล่ียงไมํปฏิบัติตามคําสั่งของ
ผบ๎ู ังคบั บัญชา อกี ด๎วย หนํวยงานทางปกครองผวู๎ าํ จ๎างจึงมีสทิ ธบิ อกเลิกสัญญากบั ผู๎ฟอู งคดีได๎ โดยไมํ
จําต๎องชดใช๎คาํ เสียหายจากการเลิกจ๎าง (คําพิพากษาศาลปกครองสงู สุดที่ อ.868/2558)
เม่ือกรณีท่คี ณะกรรมการบริหารกิจการขององค์การอุตสาหกรรมปุาไม๎ (อ.อ.ป.) มี
มตใิ หเ๎ ลิกจ๎างผู๎ฟอู งคดีซึง่ ดํารงตําแหนงํ ผอู๎ ํานวยการ อ.อ.ป. เกิดจาก การที่ อ.อ.ป. โดยผ๎ูฟูองคดีทํา
สัญญาซ้ือขายไม๎สักสวนปุาโดยมิได๎ขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการบริหารของ อ.อ.ป. ท้ังท่ี
สัญญาซ้ือขายไม๎สักสวนปุาดังกลําวมีลักษณะ พิเศษที่เป็นเร่ืองนโยบายในการดําเนินกิจการของ
อ.อ.ป. ซึ่งสํานักงานอัยการสูงสุด ได๎เคยให๎ข๎อแนะนําวํา ต๎องได๎รับความเห็นชอบจากคณะ
กรรมการบริหารกิจการ ของ อ.อ.ป. กํอนทําสัญญา ทั้งน้ี ตามท่ีพระราชกฤษฎีกาจัดต้ังองค์การ
อุตสาหกรรมปุาไม๎ พ.ศ. ๒๕๕๔ กําหนด การกระทําของผ๎ูฟูองคดีจึงเป็นการกระทํานอกเหนือ
อํานาจหนา๎ ท่แี ละเป็นการกระทาํ โดยไมํชอบดว๎ ยข๎อสัญญาจ๎างบรหิ าร
เม่ือสัญญาจ๎างบริหารดังกลําวกําหนดให๎คณะกรรมการบริหารกิจการของ อ.อ.ป.
มีมติเลิกจ๎างผ๎ูฟูองคดีได๎ในกรณีท่ีมีการกระทําการอันถือได๎วํา เป็นการปฏิบัติหน๎าท่ีจนเป็นเหตุให๎
อ.อ.ป. ได๎รบั ความเสยี หายอยาํ งรา๎ ยแรง แมข๎ อ๎ เท็จจริงจะปรากฏวาํ มตทิ ่ใี หเ๎ ลิกจ๎างผ๎ูฟูองคดี เดิมจะ
ไมํได๎มาจากคณะกรรมการสอบสวนข๎อเท็จจริงที่แตํงต้ังโดยคณะกรรมการบริหารกิจการของ
อ.อ.ป. ซ่งึ เป็นผม๎ู อี ํานาจพิจารณาเลิกจ๎างผู๎ฟอู งคดีตามกฎหมาย แตํเมื่อตอํ มาคณะกรรมการบริหาร
กิจการของ อ.อ.ป. ได๎มีคําสั่งแตํงตั้งคณะกรรมการสอบสวนข๎อเท็จจริงขึ้นใหมํ และได๎นําผลการ
สอบสวนขอ๎ เท็จจรงิ ของคณะกรรมการฯ ท้ังสองชดุ มาเปรยี บเทียบ แลว๎ จึงมีมติให๎ยึดถือตามผลการ
สอบสวนของคณะกรรมการฯ ชุดแรก กรณถี ือไดว๎ าํ เปน็ การยนื ยันมติเดิมทีใ่ หเ๎ ลิกจ๎างผฟ๎ู ูองคดี มิใชํ
การยกเลิกเพิกถอนผลการสอบสวน ข๎อเท็จจริงของคณะกรรมการฯ ชุดแรก การท่ีคณะกรรมการ
บริหารกิจการของ อ.อ.ป. มีมติ ให๎เลิกจ๎างผู๎ฟูองคดีตามผลการสอบสวนของคณะกรรมการฯ
ชุดแรก จึงเป็นการกระทาํ โดยชอบตามข๎อสญั ญา ผู๎ฟอู งคดจี งึ ไมํมีสิทธิเรียกร๎องคําเสียหายจากการ
เลิกจา๎ งดังกลาํ วแตํอยาํ งใด (คาํ พพิ ากษาศาลปกครองสงู สุดที่ อ 961-962/2558)
เมอ่ื สัญญาจา๎ งผว๎ู าํ การสถาบันการบินพลเรอื นกาํ หนดให๎ คณะกรรมการสถาบนั การ
บินพลเรอื นตอ๎ งทาํ การประเมนิ ผลการปฏิบตั ิงานของผ๎วู าํ การฯ ทุก ๑๒ เดือน ตลอดวาระการดํารง
ตําแหนํง ตามหลกั เกณฑแ์ ละวิธีการประเมินท่ีคณะกรรมการฯ กาํ หนด โดยให๎ถือวําหลักเกณฑ์และ
วิธกี ารประเมนิ ดงั กลําว เป็นสํวนหนง่ึ ของสญั ญาจา๎ ง และกระทรวงการคลงั ได๎วางหลกั ปฏบิ ัตสิ ําหรบั
การกําหนดเกณฑ์ในการประเมินผลการปฏิบัติงานของผู๎บริหารสูงสุดตามสัญญา โดยกําหนดให๎
การกําหนดเกณฑ์การประเมินผลต๎องอยํูบนพื้นฐานของการยอมรับทั้งสองฝุาย ระหวําง
คณะกรรมการรัฐวิสาหกจิ กับผ๎ูบริหารสงู สุด เมอื่ ปรากฏวําการกําหนดตัวช้วี ัดในการประเมินผลการ
ปฏิบัติงานของผู๎วําการฯ ได๎ผํานความเห็นชอบของคณะกรรมการฯ และผ๎ูวําการฯ แล๎ว ผ๎ูวําการฯ
จึงต๎องผกู พนั ในหลักเกณฑแ์ ละวธิ กี ารประเมนิ ผลการปฏิบัติงาน รวมถงึ ตัวชว้ี ัดทก่ี าํ หนดขึ้นดังกลําว
ด๎วย ดังนั้น เมื่อไมํปรากฏข๎อเท็จจริงใด ท่ีแสดงให๎เห็นวําการให๎คะแนนการประเมินของ
คณะกรรมการฯ เป็นการใช๎ดุลพินิจโดยไมํชอบ การประเมินผลการปฏิบัติงานของผ๎ูวําการฯ จึง
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด เกี่ยวกบั สญั ญำทำงปกครอง |๑๔๙
เป็นไปโดยชอบด๎วยข๎อสัญญา ตลอดจนหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินแล๎ว และเมื่อสัญญาจ๎าง
ผู๎วําการฯ ดังกลําว กําหนดให๎สัญญาจ๎างส้ินสุดลงและผู๎วําการฯ ต๎องพ๎นจากตําแหนํงเม่ือ
คณะกรรมการฯ มีมติด๎วยเสียงไมํน๎อยกวําสองในสามของกรรมการท่ีอยูํในตําแหนํงมีมติให๎เลิกจ๎าง
ด๎วยเหตผุ ลการปฏบิ ัตงิ านของผู๎วําการฯ ไมผํ าํ นการประเมนิ ตามท่ีกาํ หนดไวใ๎ นสัญญา ดังนนั้ เมอ่ื ผล
การปฏิบัติงานของผ๎ูวําการฯ อยํูในเกณฑ์ไมํผํานการประเมิน การที่คณะกรรมการฯ มีมติด๎วย
จาํ นวนเสียงสองในสามให๎เลิกจ๎าง จึงเป็นการบอกเลิกสัญญาจ๎างโดยชอบ อันมีผลทําให๎สัญญาจ๎าง
สิ้นสุดลงและผู๎วําการฯ ต๎องพ๎นจากตําแหนํง โดยไมํจําต๎องได๎รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรีกํอน
เน่ืองจากมิใชํกรณีการพ๎นจากตําแหนํง เม่ือคณะกรรมการฯ ให๎ออกเพราะบกพรํองตํอหน๎าท่ีหรือ
มีความประพฤติเสื่อมเสีย หรือหยํอนความสามารถตามมาตรา ๑๙ วรรคหนึ่ง (๓) แหํงพระราช
กฤษฎกี าจดั ตงั้ สถาบันการบินพลเรือน พ.ศ. ๒๕๓๕ แตํอยํางใด (คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดท่ี
อ.180/2559)
การท่หี นวํ ยงานทางปกครองผูว๎ ําจา๎ งมคี าํ ส่งั ใหล๎ กู จ๎างไปปฏบิ ัตหิ น๎าที่ ณ สถานท่อี นื่
ในสังกัดของผ๎ูวําจ๎างตามความสมัครใจของลูกจ๎าง โดยคงตําแหนํงเดิม ถือเป็นการส่ังการของผู๎วํา
จ๎างตามท่ีเห็นเป็นการเหมาะสมแกํประโยชน์ของผ๎ูวําจ๎าง ซ่ึงเม่ือครบกําหนดระยะเวลาตามที่
กาํ หนดในคําส่งั แล๎ว การทหี่ นํวยงานทางปกครองผูว๎ ําจา๎ งไมํไดม๎ คี าํ สั่งให๎ลกู จ๎างกลับมาปฏิบัติหน๎าท่ี
ในหนํวยงานเดิม ก็ถือเป็นการใช๎อํานาจทางบริหารในการจัดสรรหรือคัดคนไปปฏิบัติหน๎าที่เพ่ือ
ประโยชน์ของทางราชการตามท่ีเห็นสมควรเชํนเดียวกัน ดังน้ัน เม่ือคําส่ังให๎ลูกจ๎างไปปฏิบัติหน๎าที่
ณ สถานท่อี นื่ ดงั กลาํ ว ไมํไดส๎ ํงผลกระทบตํออตั ราเงนิ เดือนของลูกจ๎างตามสญั ญา และไมมํ ีกฎหมาย
หรือข๎อสัญญาใดกําหนดห๎ามเอาไว๎ คําสั่งของหนํวยงานทางปกครองผ๎ูวําจ๎างดังกลําวจึงชอบด๎วย
กฎหมาย (คําพิพากษาศาลปกครองสูงสดุ ท่ี อ.607/2555)
เมอ่ื สัญญาจา๎ งเหมาเจา๎ หน๎าท่พี ลศกึ ษาซึ่งเป็นสัญญาจ๎างปีตํอปี ไมํปรากฏข๎อตกลง
เกย่ี วกบั การตํอสัญญาในปีงบประมาณถดั ไปเอาไว๎ ดังนน้ั เมอ่ื ครบกําหนดระยะเวลาตามสัญญาแลว๎
การทีห่ นํวยงานทางปกครองผ๎ูวาํ จา๎ งจะตํอสัญญาจ๎างบคุ คลใดตํอไปหรือไมํ จึงเป็นเรื่องที่หนํวยงาน
ทางปกครองจะใช๎ดุลพินิจในการพิจารณาโดยคํานึงถึงความจําเป็นและประโยชน์ของทางราชการ
เป็นสาํ คญั ดงั นัน้ ในกรณที ่ีความสัมพนั ธต์ ามสัญญาจ๎างระหวํางผูฟ๎ ูองคดีกับหนํวยงานทางปกครอง
ผู๎วําจ๎างส้ินสุดลงในวันครบกําหนดตามสัญญาจ๎างแล๎ว การท่ีหนํวยงานทางปกครองผู๎วําจ๎างใช๎
ดุลพินิจไมํตํอสัญญาจ๎างให๎แกํผู๎ฟูองคดี จึงชอบด๎วยกฎหมาย (คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่
อ.๒๙๓/๒๕๖๐)
โดยท่ีโครงการเปลี่ยนเส๎นทางชีวิต : เกษียณกํอนกําหนด มีวัตถุประสงค์เพ่ือลดจํานวน
บคุ ลากรภาครฐั ใหม๎ ขี นาดเล็กลง แตํมีประสิทธิภาพเพิ่มข้ึน จึงมีข๎อกําหนดให๎ข๎าราชการท่ีออกจากราชการ
ตามโครงการนี้ ไมสํ ามารถกลับเขา๎ มาเปน็ ขา๎ ราชการหรือพนักงานประจําในหนวํ ยงานของรัฐได๎อีก อยํางไรก็
ตาม เม่ือขอ๎ บังคบั มหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม วําดว๎ ยการบริหารงานบุคคล พ.ศ. ๒๕๔๓ และท่ีแก๎ไขเพิ่มเติม
ไมมํ ีความชดั เจนเพยี งพอทจี่ ะนําาพิจารณาเก่ียวกับลกั ษณะการจ๎างวํา การจา๎ งงานในลกั ษณะใดเป็นการจ๎าง
งานในลกั ษณะพนักงานประจาํ ซ่ึงขัดตํอโครงการเปลี่ยนเส๎นทางชีวิต : เกษียณกํอนกําหนดข๎างต๎น กรณีจึง
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด เกีย่ วกบั สญั ญำทำงปกครอง |๑๕๐
ต๎องนําข๎อเท็จจริงเกี่ยวกับลักษณะการจ๎างและภาระงานท่ีได๎รับมอบหมายตามสัญญามาพิจารณา
ประกอบกับวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของโครงการ โดยการจ๎างพนักงานในลักษณะท่ีมิใชํ
พนักงานประจําน้ัน จะต๎องพิจารณาจากลักษณะของการจ๎างงาน มิใชํพิจารณาจากสถานะของ
พนักงาน และจะต๎องเป็นการจ๎างงานเป็นการช่ัวคราว เป็นครั้งคราว ตามภาระงานหรือตามความ
จําเป็นที่เกิดข้ึนในชํวงเวลาหน่ึง มุํงยึดถือความสําเร็จของงานที่จ๎างเป็นสําคัญ และมิได๎มีลักษณะ
เป็นการจ๎างแรงงาน โดยเมื่อความจําเป็นหรือภารกิจที่เกิดขึ้นหมดลงแล๎ว การจ๎างยํอมสิ้นสุดลง
ระยะเวลาในการจ๎างงานลักษณะนี้จึงต๎องสอดคล๎องกับภาระงานท่ีเกิดข้ึนน้ัน ๆ ด๎วย ดังนั้น แม๎
สัญญาจ๎างผู๎ฟูองคดีจะใช๎ช่ือวํา สัญญาการจ๎างพนักงานมหาวิทยาลัยมหาสารคาม (พนักงานท่ีจ๎าง
ตามภารกิจ) ซึ่งมีกําหนดระยะเวลาสิ้นสุดของสัญญาไว๎อยํางชัดเจนก็ตาม แตํเม่ือภาระงานของผ๎ู
ฟอู งคดีเปน็ การดําเนินงานตามหน๎าท่ขี องมหาวิทยาลยั มหาสารคามซ่ึงต๎องดําเนินการอยํางตํอเน่ือง
รวมถึงมิได๎กําหนดเง่ือนไขหรือระยะเวลาของความสําเร็จของภาระงานไว๎ การจ๎างงานผู๎ฟูองคดีจึง
มิได๎มีวัตถุประสงค์ท่ีมุํงความสําเร็จของงานในระยะเวลาที่กําหนดเป็นสาคัญ แตํเป็นการจ๎างใน
ลักษณะพนักงานประจํา ซ่ึงขัดตํอเจตนารมณ์ของโครงการเปลี่ยนเส๎นทางชีวิต : เกษียณกํอน
กําหนด มหาวิทยาลัยมหาสารคามจึงมีอํานาจที่จะบอกเลิกสัญญาจ๎างผู๎ฟูองคดีได๎ การที่
มหาวิทยาลัยมีคําสั่งให๎ผู๎ฟูองคดีพ๎นสภาพจากการเป็นพนักงานตามมติของคณะกรรมการ
บรหิ ารงานบุคคลมหาวิทยาลัยมหาสารคามทใ่ี ห๎ยกเลิกสญั ญาจา๎ งผู๎ฟูองคดี จงึ เป็นการพิจารณาตาม
ข๎อเท็จจริงและเป็นการใช๎ดุลพินิจเลิกสัญญาโดยชอบด๎วยกฎหมายแล๎ว (คําพิพากษาศาลปกครอง
สูงสดุ ที่ อ.๔๙๒/๒๕๖๐)
เม่ือสัญญาจ๎างพนักงานจ๎างทั่วไปในตําแหนํงยามรักษาความปลอดภัยในสังกัด
องคก์ ารบริหารสวํ นตาํ บล เปน็ สัญญาทม่ี กี าํ หนดระยะเวลาจ๎างที่แนํนอน เมื่อสัญญาจ๎างดังกลําวได๎
สิ้นสุดลงตามกําหนดระยะเวลาในสัญญา การเลิกจ๎างตามสัญญาจ๎างนั้นจึงไมํจําต๎องบอกกลําว
ลวํ งหนา๎ สํวนการจะตอํ สัญญาจ๎างขา๎ งต๎นตอํ ไปอกี หรอื ไมํ เปน็ ดุลพนิ ิจขององค์การบรหิ ารสวํ นตําบล
ที่จะดําเนินการตามความเหมาะสมแกํการบริหารงานภายใน ไมํใชํอํานาจผูกพันท่ีองค์การบริหาร
สํวนตําบลจะต๎องตํอสัญญาจ๎างให๎แกํพนักงานจ๎างดังกลําวแตํอยํางใด นอกจากนี้ แม๎จะมีหนังสือ
สํานักงาน ก.อบต. ท่ี มท.๐๘๐๙.๕/๖๓๕๓ ลงวันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๒ กําหนดวํา หากลักษณะ
งานท่ีพนักงานจ๎างผ๎ูนั้นปฏิบัติอยํูยังมีความจําเป็นและเป็นภารกิจท่ีองค์กรปกครองสํวนท๎องถิ่น
จะต๎องปฏิบัติอยํู การสรรหาบุคคลมาปฏิบัติหน๎าที่ให๎พิจารณาจ๎างคนเดิมซึ่งมีผลการประเมินการ
ปฏิบัติงานเฉล่ียย๎อนหลัง ๒ ปี ไมํตํ่ากวําระดับดีก็ตาม แตํเมื่อปรากฏวําตําแหนํงที่จ๎างตามสัญญา
เปน็ การจ๎างพนกั งานจ๎างทวั่ ไปซึง่ ไมํต๎องใชค๎ วามรูห๎ รือทักษะเฉพาะด๎านในการปฏิบัติงาน การไมํตํอ
สัญญาจ๎างแกํพนักงานจ๎างดังกลําวไมํทําให๎การปฏิบัติงานที่พนักงานจ๎างผู๎นั้นทําอยํูต๎องสะดุดหยุด
ลงเพราะเจ๎าหน๎าที่หรือพนักงานผู๎อ่ืนสามารถเข๎าทําหน๎าที่แทนได๎ กรณีจึงไมํถือวําเข๎าลักษณะการ
จ๎างทม่ี ีความจาํ เป็นและเปน็ ภารกิจทีอ่ งค์การบริหารสํวนตําบลต๎องปฏิบัติอยูํ การท่ีองค์การบริหาร
สํวนตําบลไมํตํอสัญญาจ๎างดังกลําว จึงมิใชํการผิดสัญญาและไมํจําต๎องรับผิดให๎แกํพนักงานจ๎างที่
ไมํไดร๎ ับการตํอสัญญาจ๎างนัน้ แตํอยํางใด (คาํ พพิ ากษาศาลปกครองสูงสดุ ที่ อ.๔๙๓/๒๕๖๐)
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสงู สุด เกีย่ วกบั สญั ญำทำงปกครอง |๑๕๑
การที่ผู๎ฟูองคดีซึ่งเป็นผู๎ทําสัญญาการปฏิบัติงานกับสถาบันวิจัยและพัฒนาพ้ืนท่ีสูง
(องคก์ ารมหาชน) พ๎นจากตาํ แหนงํ เจ๎าหนา๎ ท่ขี องสถาบันฯ เนอ่ื งจากมอี ายคุ รบ ๖๐ ปีบริบรู ณ์ สํงผล
ใหผ๎ ฟ๎ู อู งคดีตกเปน็ ผข๎ู าดคณุ สมบัติในการเปน็ เจ๎าหนา๎ ทข่ี องสถาบันฯ และต๎องพ๎นจากตําแหนํงไปใน
วันทีม่ อี ายเุ กิน ๖๐ ปีดงั กลําว ซึ่งการพ๎นจากตาํ แหนํงและสภาพของการเป็นเจ๎าหน๎าท่ีในกรณีเชํนน้ี
ถือได๎วําเป็นการพ๎นจากหน๎าที่ไปโดยผลของกฎหมายตามมาตรา ๓๖ (๒) ประกอบกับมาตรา ๓๗
(๓)แหงํ พระราชกฤษฎีกาจดั ตั้งสถาบันวิจยั และพฒั นาพืน้ ที่สูง (องค์การมหาชน) พ.ศ. ๒๕๔๘ กรณี
จึงมิใชํการเลิกจ๎างโดยไมํมีความผิดตามสัญญาจ๎างท่ีผ๎ูฟูองคดีจะมีสิทธิได๎รับคําชดเชยแตํอยํางใด
(คําพิพากษาศาลปกครองสูงสดุ ท่ี อ.๕๑๒/๒๕๖๐ ที่ อ.๕๔๘/๒๕๖๐ และท่ี อ.๕๔๙/๒๕๖๐ วินิจฉยั
แนวทางเดียวกนั )
ในกรณีที่เทศบาลมีแนวโน๎มท่ีจะมีคําใช๎จํายด๎านบุคลากรเกินกวําร๎อยละ ๔๐ แม๎
เทศบาลมอี าํ นาจทจี่ ะปรับลดอตั ราบุคลากรลงด๎วยการเลิกจ๎างพนักงานจ๎างหรือลูกจ๎างได๎ก็ตาม แตํ
เมื่อตามระเบยี บของทางราชการกําหนดให๎การเลกิ จา๎ งดังกลาํ ว จะกระทําได๎ตํอเมอื่ หมดสัญญาหรือ
อาจใช๎วิธีเยียวยาโดยการจ๎างเหมาแทนการจ๎างเป็นพนักงานจ๎าง โดยแนวทางการชํวยเหลือเยียวยา
ดังกลําวขึ้นอยํูกับความสมัครใจของพนักงานจ๎างวําจะยอมรับแนวทางการเยียวยาน้ันหรือไมํ
เน่ืองจากสภาพการจ๎างมีความแตกตํางกันท้ังในเรื่องเงินเดือน สิทธิประโยชน์ และความมั่นคงใน
การตํอสัญญาประกอบกับเทศบาลมีหน๎าที่ต๎องเสนอให๎คณะกรรมการพนักงานเทศบาลให๎ ความ
เห็นชอบในการบอกเลิกสัญญาดังกลําวกํอน ดังนั้น เมื่อปรากฏวําเทศบาลมิได๎ดําเนินการเสนอให๎
คณะกรรมการพนักงานเทศบาลให๎ความเห็นชอบกํอนบอกเลิกสัญญา อีกท้ัง ผ๎ูฟูองคดี ไมํยอมรับ
การจา๎ งตามแนวทางที่เทศบาลเสนอเยียวยาให๎ เมื่อแนวทางการเยียวยาดังกลําวเป็นเพียงข๎อเสนอ
ทางเลือกของฝุายปกครอง ไมํใชํการบังคับวําต๎องเลือกตามแนวทางเยียวยาดังกลําว การบอกเลิก
สัญญาจา๎ งของเทศบาลจงึ ไมํชอบด๎วยกฎหมายจําตอ๎ งชดใช๎คําตอบแทนการออกจากงานใหแ๎ กํผูฟ๎ ูอง
คดี (คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดท่ี อ.๒๐/๒๕๖๑ ที่ อ.๒๑/๒๕๖๑ ที่ อ.๒๔/๒๕๖๑ ท่ี อ.๒๕/
๒๕๖๑ ที่ อ.๒๖/๒๕๖๑ และที่ อ.๓๖/๒๕๖๑ วนิ จิ ฉยั แนวทางเดียวกัน)
โดยวสิ ยั และพฤตกิ ารณ์ของพนักงานจ๎างหากไมทํ ราบขอ๎ เทจ็ จรงิ หรอื มเี หตไุ มนํ าํ เชอ่ื
วําจะมีการเลิกจ๎างตนตามท่ีมีการบอกกลําวด๎วยวาจาจากผู๎บังคับบัญชาชั้นต๎นหรือไมํ ยํอมต๎อง
สอบถามไปยังผู๎บังคับบัญชาสูงสุดหรือผู๎มีอํานาจเลิกจ๎างโดยตรง มิใชํเชื่อตามคําบอกกลําวของ
บุคคลอ่ืน ดังนั้น เม่ือยังมิได๎มีหนังสือแจ๎งบอกเลิกสัญญาจ๎างผ๎ูฟูองคดีเป็นลายลักษณ์อักษร ผ๎ูฟูอง
คดีจึงยํอมมีหน๎าที่มาปฏิบัติงานตามที่ได๎รับมอบหมายให๎ครบระยะเวลาตามท่ีกําหนดไว๎ในสัญญา
จา๎ งและเมือ่ ขอ๎ เทจ็ จรงิ รบั ฟงั เปน็ ทีย่ ุตวิ ํา ผมู๎ ีอํานาจเลิกจ๎างไมํเคยบอกเลิกจ๎างผ๎ูฟูองคดีและยินยอม
รับผู๎ฟูองคดีกลับเข๎าปฏิบัติงานในตําแหนํงและอัตราเงินเดือนเดิม แตํผู๎ฟูองคดีปฏิเสธท่ีจะกลับเข๎า
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด เกี่ยวกบั สญั ญำทำงปกครอง |๑๕๒
ปฏบิ ตั งิ าน กรณจี งึ เปน็ การท่ีผ๎ูฟูองคดีไมํมาปฏิบัติงานโดยไมํมีเหตุอันสมควร อันเป็นการละท้ิงงาน
กอํ นครบกาํ หนดในสญั ญา โดยหนํวยงานทางปกครองผ๎ูวําจา๎ งมิไดป๎ ระพฤติผิดสัญญา จึงยํอมมีสิทธิ
เลิกจ๎างผู๎ฟูองคดีได๎ อยํางไรก็ตามแม๎หนํวยงานทางปกครองผู๎วําจ๎างจะมิได๎ประพฤติผิดสัญญาจ๎าง
อันไมํเป็นเหตุที่ผ๎ูฟูองคดีจะเรียกร๎องคําตอบแทนการเลิกสัญญาจ๎างที่เหลือได๎ตามหลัก กฎหมาย
ทั่วไปเก่ียวกับสัญญาตํางตอบแทน แตํเมื่อข๎อเท็จจริงปรากฏวํา ผ๎ูฟูองคดียังไมํได๎คําตอบแทนการ
ปฏบิ ัติงานกํอนหยุดการปฏิบตั ิงานตามสัญญาอีกจาํ นวนสองวนั หนํวยงานทางปกครองผ๎ูวําจ๎างจึงมี
หน๎าท่ีต๎องจํายคําตอบแทนดังกลําวพร๎อมดอกเบี้ยผิดนัดให๎แกํผู๎ฟูองคดี (คําพิพากษาศาลปกครอง
สูงสดุ ที่ อ.๔๒๑/๒๕๖๑)
๕) การถอนใบลาออกก่อนถึงกาหนดใหก้ ารลาออกมีผลบังคับ
เม่ือตามสัญญาจ๎างพนักงานประจําตําแหนํงผู๎อํานวยการสํานักขําว องค์การ
กระจายเสียงและแพรํภาพสาธารณะแหํงประเทศไทย มีข๎อกําหนดให๎พนักงานประจําดังกลําวต๎อง
ปฏิบัติตามกฎ ระเบียบ ข๎อบังคับ ประกาศ แนวทางการปฏิบัติงาน และจริยธรรมขององค์การฯ
ทุกประการ หลักเกณฑแ์ ละวิธปี ฏิบัติตามระเบียบองคก์ ารกระจายเสียงและแพรํภาพสาธารณะแหํง
ประเทศไทย วาํ ดว๎ ยการบริหารงานบคุ คล พ.ศ. ๒๕๕๓ จงึ ถอื เป็นข๎อกาํ หนดสํวนหน่ึงของสัญญาท่ีมี
ผลผูกพนั คํูสญั ญาดว๎ ยเมอื่ ระเบียบฉบับดังกลําวกําหนดให๎พนักงานประจําท่ีประสงค์จะลาออกจาก
งานต๎องยื่นหนังสือขอลาออกจากงานเป็นการลํวงหน๎ากํอนวันขอลาออกไมํน๎อยกวําสามสิบวัน
การทผี่ ฟู๎ ูองคดซี ึง่ ดาํ รงตําแหนํงผอู๎ าํ นวยการสํานักขําวตามสัญญาดังกลาํ ว ได๎แสดงเจตนาขอลาออก
จากงานดว๎ ยการยื่นหนังสือลาออกตํอผู๎อํานวยการองค์การฯ ซ่ึงเป็นผ๎ูมีอํานาจพิจารณาอนุมัติ เป็น
การลํวงหน๎ากํอนขอลาออกไมํน๎อยกวําสามสิบวันและได๎รับอนุญาตจากผ๎ูอํานวยการองค์การฯ ให๎
ลาออกแล๎ว การลาออกของผฟ๎ู ูองคดีจึงเป็นไปโดยชอบด๎วยขอ๎ สัญญาและระเบียบข๎างต๎น และกรณี
ถือเป็นการแสดงเจตนาบอกเลิกสัญญาของผ๎ูฟูองคดีตามมาตรา ๓๘๖ วรรคหนึ่ง แหํงประมวล
กฎหมายแพํงและพาณิชย์ด๎วย เมื่อผู๎อํานวยการองค์การฯ ลงนามอนุมัติตามการแสดงเจตนา
ดังกลําว การลาออกของผู๎ฟูองคดีจึงมีผลสมบูรณ์ตั้งแตํวันที่มีการอนุมัติแล๎ว แม๎ตํอมา ผ๎ูฟูองคดีจะ
ได๎มีหนังสือขอถอนการลาออกโดยยื่นตํอผ๎ูอํานวยการองค์การฯ กํอนวันที่ผ๎ูฟูองคดีประสงค์จะให๎
การลาออกจากงานมีผลก็ตาม แตํเมื่อการแสดงเจตนาขอถอนการลาออกนั้นมิได๎ไปถึงกํอนหรือ
พร๎อมกันกับที่การแสดงเจตนาลาออกไปถึงผ๎ูอํานวยการองค์การฯ ท่ีจะทําให๎การแสดงเจตนา
ลาออกตกเป็นอนั ไรผ๎ ลตามมาตรา ๑๖๙ วรรคหนงึ่ แหํงประมวลกฎหมายเดียวกัน ประกอบกับการ
ลาออกจากงานของผู๎ฟูองคดียังเป็นการใช๎สิทธิเลิกสัญญาที่ไมํอาจถอนได๎ตามมาตรา ๓๘๖ วรรค
สอง แหํงประมวลกฎหมายดังกลําว การมีหนังสือขอถอนการลาออกของผ๎ูฟูองคดีจึงไมํมีผลตาม
กฎหมายทีจ่ ะเปลี่ยนแปลงการแสดงเจตนาลาออกเดมิ ได๎ การท่ีผูอ๎ าํ นวยการองค์การฯ มคี าํ สั่งอนุมัติ
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด เกี่ยวกบั สญั ญำทำงปกครอง |๑๕๓
ใหผ๎ ๎ฟู ูองคดลี าออกจากการเปน็ พนกั งาน จึงมผี ลสมบรู ณ์ และไมํมีเหตใุ ห๎ผอู๎ ํานวยการองค์การฯ ต๎อง
พจิ ารณาหนงั สอื ขอถอนการลาออกของผฟู๎ อู งคดีอกี การมีหนังสือขอถอนการลาออกของผู๎ฟูองคดี
จึงไมํมีผลใด ๆ ตามกฎหมายที่จะเปลี่ยนแปลงการแสดงเจตนาลาออกของผู๎ฟูองคดีได๎ การท่ีผู๎ถูก
ฟูองคดีที่ ๑ มีคําสั่งอนุมัติให๎ผ๎ูฟูองคดีลาออกจากการเป็นพนักงานของผ๎ูถูกฟูองคดีที่ ๒ จึงมีผล
สมบรู ณเ์ ปน็ ไปตามขอ๎ กาํ หนดและเงื่อนไขของสัญญาจ๎าง อันเป็นผลให๎สัญญาจ๎างระหวํางผู๎ฟูองคดี
กบั ผ๎ูถกู ฟูองคดที ี่ ๒ สนิ้ สดุ ลงในวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๔ จงึ ไมํมีกรณีท่ีจะต๎องพจิ ารณาถึงการใช๎
ดุลพินิจของผ๎ูถูกฟูองคดีที่ ๑ ที่ไมํรับพิจารณาการขอถอนการลาออกของผ๎ูฟูองคดีอีก พิพากษายก
ฟูอง (คําพิพากษาศาลปกครองสงู สุดท่ี อ.๒๕๒/๒๕๖๐)
6) การชาระค่าเสียหายจากการเลกิ สัญญา
เมื่อตามสัญญาเชํารถยนต์บรรทุกขยะมูลฝอยมีข๎อกําหนดวํา ภายหลังสัญญาเชํา
ส้นิ สดุ ลง ผเู๎ ชําจะตอ๎ งสงํ มอบทรพั ยส์ ินทีเ่ ชาํ คืนให๎แกํผใ๎ู ห๎เชําในสภาพทีเ่ รียบร๎อย และหากเกิดความ
ชํารดุ บกพรอํ งหรือความเสียหายขน้ึ ผเ๎ู ชําจะตอ๎ งซอํ มแซมแก๎ไขใหอ๎ ยํใู นสภาพเรียบร๎อยกํอนสํงมอบ
ดว๎ ยคาํ ใช๎จํายของผ๎ูเชําเอง หรอื หากผใ๎ู ห๎เชาํ เปน็ ผูจ๎ ดั การเองหรือจ๎างให๎ผู๎อื่นจัดการแทน ผู๎เชําก็ต๎อง
เป็นผู๎ออกคําใชจ๎ าํ ยเองท้งั สน้ิ จงึ เหน็ ไดว๎ าํ คําเสียหายดังกลําวต๎องเป็นคําใช๎จํายที่เกิดขึ้นโดยตรงจาก
การซํอมแซมรถยนต์บรรทุกขยะเพ่ือให๎อยูํในสภาพพร๎อมใช๎งานเทํานั้น โดยต๎องเป็นคําใช๎จํายที่
เกิดขึ้นจริงจากการซํอมแซมรถยนต์และมีพยานหลักฐานอยํางชัดแจ๎ง การท่ีผู๎ให๎เชําเรียกร๎อง
คําเสียหายในสํวนของคาํ ขาดประโยชนจ์ ากการใหผ๎ ๎ูเชาํ รายอ่นื เชํารถยนตบ์ รรทุกไปในอัตราเชําท่ีตํ่า
กวําที่ควรจะได๎รับ ไมํถือเป็นคําซํอมแซมรถยนต์ที่เรียกช่ือเป็นอยํางอื่นกรณีจึงเป็นการเรียกร๎อง
คําเสียหายทน่ี อกเหนอื ไปกวาํ ทีก่ ําหนดในสญั ญา ผใ๎ู หเ๎ ชําจงึ ไมอํ าจเรยี กร๎องคําเสียหายในสํวนน้ีจาก
ผเู๎ ชําเดมิ ได๎ (คาํ พพิ ากษาศาลปกครองสงู สดุ ที่ อ.๒๒๗/๒๕๖๐)
เมื่อสัญญาจ๎างกํอสร๎างมีข๎อกําหนดวํา หากผ๎ูรับจ๎างมิได๎ลงมือทํางานภายใน
กําหนดเวลา หรือไมํสามารถทํางานให๎แล๎วเสร็จภายในกําหนดเวลาหรือจะแล๎วเสร็จลําช๎าเกินกวํา
กําหนดเวลา หรือผู๎รับจ๎างทําผิดสัญญาข๎อใดข๎อหน่ึงหรือตกเป็นผู๎ล๎มละลาย หรือเพิกเฉยไมํปฏิบัติ
ตามคาํ สงั่ ของคณะกรรมการตรวจการจา๎ งหรือผ๎ูควบคุมงานหรอื บริษทั ทปี่ รกึ ษาซงึ่ ได๎รบั มอบอํานาจ
จากผ๎ูวาํ จา๎ ง ผวู๎ ําจ๎างมีสิทธิท่ีจะบอกเลิกสัญญานี้ได๎ ดังนั้น เมื่อข๎อเท็จจริงปรากฏวํา เมื่อถึงวันครบ
กําหนดระยะเวลาตามสญั ญา ผู๎รบั จ๎างยงั ทํางานไมํแลว๎ เสรจ็ จึงเปน็ กรณที ี่ผร๎ู ับจา๎ งไมสํ ามารถทํางาน
ให๎แล๎วเสร็จภายในกําหนดเวลา ที่หนํวยงานทางปกครองผ๎ูวําจ๎างมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได๎ตามข๎อ
สัญญาดังกลําว โดยคําเสียหายที่หนํวยงานทางปกครองผู๎วําจ๎างพึงเรียกได๎ตามสัญญาจะต๎องเป็น
คําเสียหายท่ีเป็นผลโดยตรงหรือผลตามปกติจากการบอกเลิกสัญญา ไมํใชํผลตํอเนื่องจากการบอก
เลิกสัญญา และหากเป็นความเสียหายอันเกิดแตํพฤติการณ์พิเศษ ผู๎รับจ๎างก็ต๎องได๎คาดเห็นความ
เสยี หายน้นั อยูํกอํ นแลว๎ ดว๎ ย ดงั นัน้ คาํ เสยี โอกาสในการไดใ๎ ช๎อาคารที่ทําการกํอสร๎างตามสัญญา เมื่อ
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด เกีย่ วกบั สญั ญำทำงปกครอง |๑๕๔
ไมใํ ชํความเสียหายท่เี ปน็ ผลโดยตรงจากการบอกเลิกสญั ญา และไมํใชคํ วามเสียหายท่ีผู๎รบั จา๎ งได๎คาด
เห็นอยูกํ อํ นแลว๎ วาํ หนํวยงานทางปกครองผ๎ูวําจา๎ งจะได๎รบั ความเสยี หายนหี้ ากตนกํอสร๎างอาคารไมํ
แล๎วเสร็จตามเวลาท่ีกําหนด อีกทั้งการจะให๎ชดใช๎คําเสียหายในสํวนท่ีเป็นคําขาดรายได๎ ก็จะต๎อง
เป็นรายไดท๎ เ่ี คยไดร๎ ับแนนํ อนอยํกู ํอนแล๎ว ไมํใชํรายได๎ที่คาดวําจะได๎ ดังนั้น หนํวยงานทางปกครอง
ผู๎วําจ๎างจึงไมํอาจเรียกร๎องคําเสียโอกาสในการใช๎อาคารดังกลําวจากผู๎รับจ๎างได๎ (คําพิพากษาศาล
ปกครองสงู สุดท่ี อ.๓๔๙/๒๕๖๐)
การท่ีผู๎รับจ๎างงานกํอสร๎างอาคารโครงการอาคารหอนิทรรศการ (ปรับปรุงอาคาร
เคมี ๓) ดําเนินงานไมํแล๎วเสร็จตามสัญญา จนกระท่ัง มีการบอกเลิกสัญญา เป็นเหตุให๎หนํวยงาน
ทางปกครองผ๎วู ําจา๎ งฟอู งเรยี กคําเสยี หายเป็นคาํ เสยี ประโยชน์จากการนาํ เอาอาคารออกใหบ๎ ุคคลอนื่
เชํา น้ัน แม๎หนํวยงานทางปกครองผ๎ูวําจ๎างจะมีประกาศเก่ียวกับหลักเกณฑ์การใช๎และอัตราคําใช๎
สถานท่ีดังกลําว รวมท้ังได๎อ๎างอิงรายได๎จากการจัดการพ้ืนที่ให๎เชําของอาคารใกล๎เคียงซึ่งมีพ้ืนท่ีใช๎
สอยใกล๎เคียงกันในการคํานวณคําเสียหายก็ตาม แตํเม่ือสัญญาวําจ๎างให๎กํอสร๎างอาคารมิได๎ระบุ
วตั ถุประสงคข์ องสญั ญาวําเพอ่ื หารายไดโ๎ ดยนาํ อาคารให๎บคุ คลอื่นเชํา อีกทั้งตามประกาศประมลู จ๎าง
กํอสร๎างก็ไมํปรากฏวํามีการประกาศวัตถุประสงค์ในการจ๎างกํอสร๎างวําเป็นไปเพื่อนํา ออกให๎บุคคล
อน่ื เชาํ ดังน้นั เมือ่ ประกาศเกี่ยวกบั หลกั เกณฑก์ ารใช๎และอัตราคําใช๎สถานที่ข๎างต๎นไมํได๎เป็นเอกสาร
ท่ีเป็นสํวนหน่งึ ของสญั ญา และเป็นประกาศท่ีออกมาภายหลังจากมีการทําสัญญาแล๎ว จึงไมํอาจถือ
วําผู๎รับจ๎างได๎ทราบถึงวัตถุประสงค์ของการกํอสร๎างอาคารและความเสียหายท่ีจะเกิดข้ึนหากการ
กํอสร๎างอาคารไมํแล๎วเสร็จตามสัญญา ท้ังนี้ การเสียโอกาสนําทรัพย์สินออกให๎เชําดังกลําวถือเป็น
ความเสียหายที่เกิดจากพฤติการณ์พิเศษซึ่งผู๎รับจ๎างจะต๎องรับผิดตํอเม่ือควรคาดเห็นลํวงหน๎ากํอน
แล๎วเทํานั้นตามนัยมาตรา ๒๒๒ วรรคสอง แหํงประมวลกฎหมายแพํงและพาณิชย์ ประกอบกับ
รายได๎จากการเชําอาคารดังกลําวเป็นเหตุการณ์ในอนาคตซึ่งไมํแนํนอนชัดเจน และเป็นเพียงการ
คาดหมายของหนวํ ยงานทางปกครองเองเทาํ นั้น ดงั นนั้ หนํวยงานทางปกครองจึงไมํมีสิทธิเรียกร๎อง
คาํ เสยี หายข๎างตน๎ จากผ๎รู ับจ๎าง (คําาพิพากษาศาลปกครองสูงสดุ ที่ อ.๒๙๕-๒๙๖/๒๕๖๐)
เม่ือตามสัญญารํวมดําเนินกิจการโครงการบ๎านเอื้ออาทรมีข๎อกําหนดให๎การจําย
คําตอบแทนเป็นราคาเหมารวมตํอหนํวย โดยไมํมีกรณีที่อาจมีการปรับเพ่ิมหรือลดคําตอบแทนตาม
งานทไี่ ด๎ทาํ จริงไว๎ ดังน้ัน แม๎ในระหวํางสัญญาจะมีการปรับเปล่ียนขนาดวัสดุเพื่อความแข็งแรงของ
อาคาร อันสํงผลให๎มูลคํางานตํอหนํวยและคําใช๎จํายท่ีหนํวยงานทางปกครองต๎องชําระคํางานเพ่ิม
มากข้ึนก็ตาม แตเํ มอ่ื ผูร๎ บั จา๎ งได๎ดําเนนิ การกอํ สร๎างตามแบบทผ่ี รู๎ ับจ๎างเองเป็นผู๎เสนอขออนุมัติงาน
ทง้ั ท่ยี อํ มเขา๎ ใจในสัญญาอยํแู ลว๎ วํา คาํ ตอบแทนทหี่ นวํ ยงานทางปกครองมีหน๎าที่ต๎องจํายให๎แกํผ๎ูรับ
จ๎างเป็นราคาเหมารวมตํอหนํวย หนํวยงานทางปกครองจึงไมํต๎องรับผิดชําระคํางานท่ีเพิ่มขึ้นจาก
แบบกํอสร๎างเดิมใหแ๎ กํผรู๎ บั จ๎าง
สวํ นกรณขี อใหห๎ นวํ ยงานทางปกครองชําระดอกเบ้ียจากการจํายเงินคํากํอสร๎างแตํ
ละงวดลําช๎าน้ัน เมื่อปรากฏวําความลําช๎าในการจํายเงินคํากํอสร๎างดังกลําวเกิดจากผ๎ูรับจ๎างมิได๎
ดําเนินการแบํงแยกโฉนดแปลงยํอยให๎แล๎วเสร็จในขณะที่ขอสํงมอบงานในสํวนงานกํอสร๎าง และ
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด เกีย่ วกบั สญั ญำทำงปกครอง |๑๕๕
ผ๎รู ับจา๎ งเองเปน็ ฝาุ ยขอใหช๎ ะลอการจาํ ยเงนิ ในบางงวด การทีห่ นวํ ยงานทางปกครองไมํได๎จํายเงินคํา
กํอสร๎างให๎แกํผู๎รับจ๎างภายในระยะเวลาตามท่ีกําหนดในสัญญา จึงมิใชํเหตุที่เกิดจากความผิดของ
หนํวยงานทางปกครอง หนํวยงานทางปกครองจึงไมํต๎องรับผิดชดใช๎ดอกเบี้ยในคํางานกํอสร๎าง
ดังกลาํ วแกผํ ู๎รับจา๎ ง
สําหรับคําเสียหายจากการบริหารโครงการและคําวัสดุที่ปรับเพิ่มขึ้นในชํวงการ
ขยายระยะเวลากอํ สรา๎ งออกไป รวมทัง้ การอนุมตั ิแบบกอํ สรา๎ งลาํ ชา๎ นัน้ เม่ือปรากฏวาํ ความลําชา๎ ใน
การปฏิบัติตามสัญญาดังกลําวไมํได๎มีสาเหตุมาจากความผิดหรือข๎อบกพรํองของหนํวยงานทาง
ปกครอง แตํเกิดจากการท่ีผ๎ูรับจ๎างไมํได๎ตระเตรียมแผนการดําเนินงานกํอสร๎างให๎เหมาะสมและ
พร๎อมท่ีจะปฏิบัติงานให๎แล๎วเสร็จภายในระยะเวลาตามสัญญา ผ๎ูรับจ๎างจึงไมํอาจอ๎างได๎วํามี
คําเสียหายเพิ่มข้ึนในสํวนของการบริหารโครงการหรือมีคําวัสดุที่ปรับเพ่ิมขึ้นซึ่งหนํวยงานทาง
ปกครองต๎องรบั ผิดแตํอยํางใด (คาํ พพิ ากษาศาลปกครองสูงสุดท่ี อ.๓๘๘/๒๕๖๐)
4.2 การบอกเลิกสญั ญาโดยไมช่ อบด้วยกฎหมาย
๑) การบอกเลกิ สัญญาจากเหตุขนั้ ตอนไมถ่ กู ตอ้ งของผู้วา่ จ้าง
กํอนท่ีหนํวยงานทางปกครองจะดําเนินการประกาศจ๎างเหมากํอสร๎าง จะต๎อง
ดําเนินการสํารวจและทดสอบสภาพพื้นท่ีที่จะกํอสร๎างให๎แนํชัดเสียกํอนวําพัสดุที่เหมาะสมสําหรับ
การกํอสรา๎ งในพืน้ ทีด่ ังกลําวควรมีลักษณะเชํนไร เพื่อให๎การดําเนินงานจ๎างเหมากํอสร๎างวางอยูํบน
พื้นฐานของขอ๎ มูลทางวศิ วกรรมทถ่ี ูกตอ๎ งและรอบด๎านมาต้ังแตํตน๎
ในกรณีที่มีเหตุอันควรสงสัยในความเหมาะสมของพัสดุที่จะนํามาใช๎ในงานท่ีจ๎าง
หนํวยงานทางปกครองผู๎วําจ๎างชอบที่จะมอบหมายให๎ผ๎ูควบคุมงาน คณะกรรมการตรวจการจ๎าง
บริษัทท่ีปรึกษา หรือผ๎ูเช่ียวชาญอ่ืนใดท่ีตนเช่ือถือและไว๎วางใจ ตรวจสอบความเหมาะสมของพัสดุ
ดงั กลําวเสียกอํ นวําสามารถนํามาใช๎ในงานที่จ๎างได๎จริงหรือไมํ และหากผลการตรวจสอบปรากฏวํา
พัสดุซึ่งได๎กําหนดไว๎ตามสัญญาดังกลําวไมํสามารถนํามาใช๎ในงานท่ีจ๎างได๎จริง หนํวยงานทาง
ปกครองผู๎วําจ๎างสามารถแก๎ไขเปลี่ยนแปลงสัญญาท่ีเก่ียวข๎องกับการนําพัสดุดังกลําวมาใช๎ได๎
เน่ืองจากเป็นความจําเป็นเพื่อประโยชน์แกํหนํวยงานทางปกครองผ๎ูวําจ๎างเอง ท้ังนี้ หากการแก๎ไข
เปล่ียนแปลงน้ันทําให๎จําเป็นต๎องเพิ่มหรือลดวงเงินหรือเพ่ิมหรือลดระยะเวลาในการทํางาน
หนํวยงานทางปกครองผ๎ูวําจ๎างสามารถตกลงกับเอกชนผ๎ูรับจ๎างได๎โดยไมํต๎องรอให๎เอกชนผ๎ูรับจ๎าง
เป็นผเ๎ู สนอขอเพิ่มหรือลดวงเงินหรอื ขอเพิ่มหรอื ลดระยะเวลาในการทาํ งานแตอํ ยํางใด
ดังนั้น กรณีท่ีหนํวยงานทางปกครองผู๎วําจ๎างมิได๎ดําเนินการให๎มีการสํารวจสภาพ
ดนิ และทดสอบกาํ ลงั รบั นา้ํ หนกั บรรทกุ ของดนิ บริเวณท่ที ่ีจะกํอสรา๎ งวําเหมาะสมทีจ่ ะใชฐ๎ านรากของ
ส่ิงกํอสรา๎ งเปน็ แบบใด และเมื่อได๎รับคาํ ขอของเอกชนผร๎ู บั จา๎ งทีข่ ออนุมัตเิ ปล่ียนแปลงแบบฐานราก
ดังกลําว พร๎อมท้ังได๎รับทราบผลการทดสอบของสํานักโยธาธิการซ่ึงมีความเห็นเชํนเดียวกับ
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสงู สุด เกี่ยวกบั สญั ญำทำงปกครอง |๑๕๖
เอกชนผ๎รู บั จ๎าง ก็มิไดด๎ ําเนินการทดสอบใหแ๎ นใํ จวาํ ความจรงิ เป็นเชํนน้ันหรือไมํ แตํกลบั ใช๎สิทธิบอก
เลิกสัญญาจ๎าง ยํอมถือได๎วําหนํวยงานทางปกครองผู๎วําจ๎างใช๎สิทธิบอกเลิกสัญญาโดยไมํสุจริต
อนั เป็นการบอกเลิกสญั ญาโดยไมํชอบ (คําพิพากษาศาลปกครองสงู สุดท่ี อ.733/2554)
เมื่อสัญญาจ๎างเก็บขนขยะมูลฝอยในเขตเทศบาลได๎จัดทําข้ึนเป็นหนังสือโดยตกลง
จํายคําจ๎างเป็นรายงวด กํอนที่จะมีการบอกเลิกสัญญาจ๎างดังกลําว เทศบาลก็ควรแจ๎งให๎เอกชน
ผ๎ูรับจ๎างทราบถึงข๎อบกพรํองในการปฏิบัติงานแตํละงวดงาน เป็นหนังสือด๎วยเชํนเดียวกัน เพ่ือให๎
โอกาสแกํเอกชนผร๎ู บั จ๎างไดป๎ รบั ปรงุ แกไ๎ ขขอ๎ บกพรอํ งและโตแ๎ ยง๎ คัดคา๎ น ในกรณีทเ่ี ทศบาลได๎ใชส๎ ทิ ธิ
เลิกสัญญาโดยอา๎ งหลักฐานเปน็ หนงั สอื ของคณะกรรมการตรวจการจ๎างท่ีรบั รองวําเอกชนผ๎ูรับจ๎างมี
ความบกพรอํ งในการปฏิบตั ิงานจริง แตํหนังสือดังกลําวลงลายมอื ช่ือภายหลังจากที่ไดม๎ ีการบอกเลิก
สญั ญาแล๎ว ถอื เป็นการบอกเลิกสัญญาโดยไมํมีเหตุผลอันรับฟังได๎ จึงเป็นการใช๎สิทธิเลิกสัญญาโดย
ไมชํ อบ (คําพิพากษาศาลปกครองสูงสดุ ท่ี อ.534/2556)
๒) กรณเี กี่ยวกบั สญั ญารับทนุ การศกึ ษาและบรหิ ารงานบุคคล
กรณีที่ข๎อสัญญารับทุนการศึกษาด๎วยเงินงบประมาณขององค์กรปกครองสํวน
ท๎องถน่ิ กําหนดเงื่อนไขในการใช๎สิทธบิ อกเลกิ สญั ญาขององค์กรปกครองสวํ นท๎องถ่ินวํา หากองค์กร
ปกครองสวํ นท๎องถิ่นพจิ ารณาแล๎วเห็นวาํ ผูร๎ บั ทนุ ไมํมีทางท่จี ะสําเรจ็ การศึกษาภายในเวลาท่กี ําหนด
หรือมีเหตุอันไมํสมควรให๎ผ๎ูรับทุนศึกษาตํอไป ไมํวําด๎วยเหตุใด ๆ องค์กรปกครองสํวนท๎องถ่ินมี
อํานาจส่ังให๎ผ๎รู ับทุนยุติหรือเลิกการศึกษาได๎น้ัน เหตุอันไมํสมควรดังกลําว ต๎องเป็นเหตุอันเกี่ยวกับ
การทผี่ ๎ูรับทุนไมปํ ฏิบตั ติ ามระเบยี บ ข๎อบังคบั หรือคําส่งั ขององค์กรปกครองสํวนท๎องถน่ิ ท่ไี ดก๎ ําหนด
ข้ึน หรือได๎สั่งการในเรื่องที่เก่ียวกับการควบคุมการศึกษา ความประพฤติในการศึกษา หรือ การใช๎
จํายเงินทุนการศึกษาของผ๎ูรับทุนเทํานั้น โดยองค์กรปกครองสํวนท๎องถิ่นไมํอาจนําเหตุอ่ืน
นอกเหนือจากทีก่ ําหนดไว๎ยกข้นึ เปน็ เหตใุ นการบอกเลกิ สัญญาได๎ การทอ่ี งค์กรปกครองสํวนท๎องถ่ิน
อ๎างเหตุผลเกย่ี วกับความประพฤติสํวนตัวของผู๎รับทุน อันเก่ียวกับการปฏิบัติหน๎าท่ีในฐานะสมาชิก
สภาท๎องถ่ินมาเป็นเหตุในการยกเลิกสัญญารับทุนการศึกษา โดยมิใชํความประพฤติอันเก่ียวกับ
การศึกษา ทง้ั ท่ีมหาวทิ ยาลัยท่ีผ๎รู ับทุนศึกษาอยไํู ดร๎ ับรองความประพฤติและผลการเรียนของผรู๎ บั ทุน
จงึ เปน็ การยกเลิกสัญญารับทุนการศึกษาโดยไมํมีเหตุผลและไมํมีนํ้าหนักเพียงพอ คําส่ังขององค์กร
ปกครองสํวนท๎องถิ่นท่ียกเลิกสัญญาให๎ทุนการศึกษาของผ๎ูรับทุนจึงไมํชอบด๎วยกฎหมาย
(คําพพิ ากษาศาลปกครองสงู สุดที่ อ.641/2554)
เม่ือประกาศคณะกรรมการบริหารงานบุคคลเกี่ยวกับ หลักเกณฑ์และวิธีการ
ประเมินผลการทดลองปฏิบัติงานของพนักงานมหาวิทยาลัย กําหนดให๎คณะกรรมการประเมิ น
จะต๎องประเมินผ๎ูทดลองปฏิบัติงานเมื่อทดลอง การปฏิบัติงานครบกําหนดระยะเวลา 5 เดือนแล๎ว
และหากผู๎ทดลองปฏิบัติงาน มีผลการประเมินต่ํากวําเกณฑ์ที่กําหนด ประธานกรรมการประเมิน
จะต๎องแจง๎ ให๎ผทู๎ ดลองปฏบิ ตั งิ านทราบเพื่อปรับปรุงตนเอง และมีสิทธิรับการประเมินในครั้งตํอไป
เมื่อทดลองปฏิบัติงานครบ ๑ ปี จึงเป็นกรณีท่ีประกาศดังกลําวได๎กําหนดขั้นตอนวิธีการ และ
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสงู สุด เกีย่ วกบั สญั ญำทำงปกครอง |๑๕๗
ระยะเวลาในการประเมินผลการทดลองการปฏิบตั ิงาน ตลอดจนรับรองสิทธขิ องผู๎ทดลองปฏบิ ัตงิ าน
อนั เป็นสาระสําคัญของการประเมนิ ผลการปฏิบัตงิ านไว๎แล๎ว
ในการนี้ แม๎มหาวิทยาลัยจะมีอํานาจเลิกจ๎างพนักงานที่ไมํผํานการประเมินของ
มหาวิทยาลัย แตกํ ารประเมนิ ดังกลาํ วจะต๎องเป็นการประเมินโดยชอบดว๎ ยกฎหมายดว๎ ย ดงั นั้น การ
ที่มหาวิทยาลัยมีคําสั่งเลิกจ๎างพนักงานผู๎ทดลองปฏิบัติงาน เนื่องจากเห็นวําไมํผํานเกณฑ์การ
ประเมิน โดยมีการประเมินกํอนครบกําหนด ระยะเวลา 5 เดือนของการทดลองปฏิบัติงาน และ
คณะกรรมการประเมินทําการประเมิน โดยใช๎แบบประเมินเพียงชุดเดียว อีกท้ัง ยังมีกรรมการ
ประเมินหน่ึงคนลงลายมือชือ่ ในแบบประเมินโดยไมํมอี ํานาจ กรณจี งึ เปน็ การประเมินผลการทดลอง
ปฏิบตั งิ านท่ีไมเํ ปน็ ไปตามรูปแบบ ขนั้ ตอน และวิธีการอนั เป็นสาระสาํ คญั ของการประเมินผล คําสั่ง
เลิกจ๎างพนักงานมหาวิทยาลัยดังกลําวจึงไมํชอบด๎วยกฎหมาย (คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่
อ. 517/2555)
กรณีทก่ี องทัพเรอื อนญุ าตใหก๎ รมประมงใชท๎ ่ีดินบนเกาะ ซ่ึงเป็นสาธารณสมบัติของ
แผนํ ดนิ ข้นึ ทะเบียนเป็นของกระทรวงกลาโหมเปน็ สถานที่ วจิ ยั และเพาะเลยี้ งสตั วน์ ้าํ ชายฝั่ง ถือเป็น
การอนุญาตในเร่ืองท่ัว ๆ ไป เทําน้ัน มิใชํเป็นกรณีการอนุญาตให๎กํอสร๎างส่ิงปลูกสร๎างบนเกาะ
ดังกลําวด๎วย ดังนั้น การที่จังหวัดผ๎ูรับมอบอํานาจจากกรมประมงในฐานะผ๎ูวําจ๎างกับสถาบันวิจัย
และเพาะเลี้ยง สัตว์นํ้าชายฝ่ังในฐานะผ๎ูใช๎พ้ืนที่บริเวณท่ีจะมีการกํอสร๎าง ยังไมํดําเนินการขอ
อนุญาต จากกองทพั เรอื เพื่อทาํ การกํอสรา๎ งสิ่งปลูกสร๎างบนเกาะข๎างตน๎ อีกทั้งยังไมํสามารถกําหนด
ตําแหนํงสถานที่กํอสร๎างที่แนํนอนให๎แกํผ๎ูรับจ๎างได๎ ยํอมถือเป็นกรณีที่หนํวยงานทางปกครอง
ดังกลําวยังไมํดําเนินการให๎พ้ืนที่กํอสร๎างมีความพร๎อมท่ีจะให๎ผู๎รับจ๎างเข๎าดําเนินการตามสัญญาได๎
การท่ีผ๎ูรับจ๎างยังไมํได๎ลงมือทํางานตามสัญญา จึงมีเหตุมาจากฝุายผู๎วําจ๎างเอง ผู๎รับจ๎างมิได๎เป็น
ผู๎ประพฤติผดิ สัญญา การบอกเลกิ สัญญา และริบหลักประกันสญั ญาจากผู๎รบั จ๎าง จึงเป็นการกระทํา
ที่ไมํชอบด๎วยข๎อสญั ญา (คําพิพากษาศาลปกครองสงู สดุ ที่ อ.๑๐๗๗/๒๕๕8)
กรณที ่สี ญั ญาจ๎างพนกั งานขององคก์ ารบริหารสวํ นตาํ บล กาํ หนดให๎องค์การบริหาร
สวํ นตําบลทําการประเมนิ ผลการปฏบิ ัตงิ านของพนักงานจ๎าง ตามหลักเกณฑแ์ ละวิธีการท่ีกําหนดไว๎
ตามประกาศคณะกรรมการพนักงานสํวนตําบล เรื่อง มาตรฐานทั่วไปเกี่ยวกับพนักงานจ๎าง ดังน้ัน
เมอ่ื ประกาศคณะกรรมการพนักงาน สํวนตําบลดังกลําวกําหนดให๎องค์การบริหารสํวนตําบลใช๎การ
ประเมนิ ผลการปฏิบตั ิงาน เป็นเครื่องมือในการบรหิ ารพนักงานจ๎างและนําผลการประเมินไปใช๎เป็น
ข๎อมูล ในการพิจารณาเรื่องตําง ๆ โดยเฉพาะการตํอสัญญาจ๎าง องค์การบริหารสํวนตําบลจึงต๎อง
ปฏบิ ตั ติ ามสัญญาและประกาศคณะกรรมการพนักงานสวํ นตาํ บลดงั กลาํ ว การทีอ่ งคก์ ารบริหารสํวน
ตําบลไมไํ ด๎ทาํ การประเมนิ ผลการปฏิบัตงิ านของลูกจ๎าง เพ่อื ประกอบการพจิ ารณาตํอสญั ญาจา๎ ง แตํ
กลบั ประกาศรับสมัครบคุ คลเพอื่ สรรหา และเลอื กสรรเป็นพนกั งานจ๎างในตาํ แหนํงท่ีลูกจ๎างดังกลําว
ปฏิบตั หิ นา๎ ท่ีอยํู จนกระทั่ง สัญญาจา๎ งลกู จา๎ งรายน้ันครบกําหนด โดยไมํได๎รับการตํอสัญญาจ๎าง จึง
เป็นพฤติการณ์ ที่แสดงให๎เห็นถึงเจตนาขององค์การบริหารสํวนตําบลท่ีจะไมํตํอสัญญาจ๎างให๎แกํ
ลูกจ๎างโดยต๎องการสรรหาพนักงานจ๎างรายใหมํแทน ประกอบกับการท่ีองค์การบริหารสํวนตําบล
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสงู สุด เกีย่ วกบั สญั ญำทำงปกครอง |๑๕๘
ได๎แตงํ ตง้ั คณะกรรมการกลั่นกรองการประเมนิ ผลการปฏบิ ัติงานภายหลงั จากท่ีสัญญาจ๎าง สิ้นสุดลง
แลว๎ แสดงใหเ๎ ห็นวําองค์การบรหิ ารสํวนตาํ บลไมํได๎นําผลการประเมินผล การปฏิบัติงานของลูกจ๎าง
มาใช๎เปน็ เคร่ืองมือในการบริหารพนกั งานจ๎าง และไมํได๎นํามาใช๎เป็นข๎อมูลประกอบการพิจารณาวํา
จะตํอสัญญาจ๎างให๎แกํลูกจ๎างรายดังกลําว หรือไมํ กรณีจึงเป็นการกระทําผิดสัญญา ต๎องชดใช๎
คําเสียหายให๎แกํลูกจ๎างที่ไมํได๎รับการตํอสัญญาจ๎าง (คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดท่ี
อ. 310/2558)
แมข๎ อ๎ สัญญาจ๎างปฏบิ ัติงานจะมขี ๎อกําหนดยกเวน๎ วําหนํวยงานทางปกครองผ๎ูวําจ๎าง
ไมํจาํ ต๎องจํายคําชดเชยใหแ๎ กํลูกจ๎างทถ่ี กู บอกเลกิ สัญญากอํ นครบกาํ หนดระยะเวลาตามสญั ญาหากมี
เหตุจําเป็น แตํการบอกเลิกจ๎างดังกลําวต๎องกระทําโดยชอบด๎วยข๎อสัญญาด๎วย ดังนั้ น กรณีที่
หนวํ ยงานทางปกครองผ๎วู าํ จา๎ งไมมํ ีโครงการและงบประมาณทจ่ี ะใช๎ในการจัดจ๎างลูกจ๎างได๎อีกตํอไป
อันถือเป็นเหตจุ าํ เปน็ ทส่ี ามารถบอกเลกิ จา๎ งลกู จา๎ งได๎ แตํการแจ๎งส้ินสุดการจ๎างและบอกเลิกสัญญา
มิได๎เป็นการบอกกลําวลํวงหน๎าอยํางน๎อย ๓๐ วัน ตามที่กําหนดในสัญญา กรณีเป็นการบอกเลิก
สัญญาโดยไมํชอบหนํวยงานทางปกครองผู๎วําจ๎างจึงต๎องจํายคําชดเชยกรณีบอกเลิกสัญญาจ๎างด๎วย
เหตจุ ําเปน็ ดงั กลาํ วใหแ๎ กลํ ูกจา๎ งดว๎ ย (คาํ พพิ ากษาศาลปกครองสูงสดุ ที่ อ.๔๔๔/๒๕๕๙)
ในการบอกเลิกสญั ญาจา๎ งพนกั งานจา๎ งตามภารกิจของเทศบาล แมเ๎ ทศบาลจะไมํได๎
บอกเลิกสัญญาจา๎ งดังกลําวเป็นหนังสอื หรือด๎วยวาจาโดยชัดแจ๎ง แตํเมื่อพิจารณาจากพฤติการณ์ที่
นายกเทศมนตรีได๎เรียกประชุมพนักงานเทศบาล ลูกจ๎างประจํา และพนักงานจ๎างเทศบาลทั้งหมด
รวมท้ังผู๎ฟูองคดี โดยแจ๎งการตํอสัญญากับผู๎ฟูองคดีเป็นแบบจ๎างเหมาบริการบุคคลธรรมดาราย
เดือนในปีงบประมาณที่กาํ ลังจะถงึ จึงอนุมานไดว๎ าํ เปน็ การแจ๎งบอกเลิกสญั ญาจ๎างเดิมซ่งึ ยังไมคํ รบ
กําหนดระยะเวลา ๓ ปี แล๎วเมื่อข๎อเท็จจริงรับฟังได๎วํา การบอกเลิกสัญญาจ๎างดังกลําวเป็นผลมา
จากการมมี ติไปโดยผดิ พลาดคลาดเคล่ือนตอํ ขอ๎ เทจ็ จริงและข๎อกฎหมายของคณะกรรมการพนกั งาน
เทศบาลจังหวัดลําพูน (ก.ท.จ. ลําพูน) ที่มีมติให๎ยุบตําแหนํงพนักงานจ๎างตามภารกิจรวม ๗ อัตรา
ซ่ึงตํอมา ก.ท.จ. ลําพูน ได๎แก๎ไขมติดังกลําวโดยมีมติไมํยุบตําแหนํงดังกลําวและให๎เทศบาลจัดทํา
แผนอัตรากําลังใหมํ รวมทั้งให๎เรียกผู๎ฟูองคดีกลับเข๎ามาทํางานโดยเร็วแล๎ว จึงต๎องฟังวํา การที่
เทศบาลบอกเลิกจ๎างผ๎ูฟูองคดีโดยอ๎างข๎อเท็จจริงท่ีคลาดเคล่ือนดังกลําว เป็นกรณีท่ีไมํต๎องด๎วย
ประกาศคณะกรรมการพนักงานเทศบาลจังหวัดลําพูนเรื่อง มาตรฐานทั่วไปเกี่ยวกับพนักงานจ๎าง
ลงวันท่ี ๙ สิงหาคม ๒๕๔๗ การบอกเลิกจ๎างผ๎ูฟูองคดีจึงเป็นการเลิกจ๎างโดยไมํชอบ เทศบาลต๎อง
ชดใช๎คาํ เสียหายจากการเลิกจา๎ งดังกลาํ วตามระยะเวลาที่เหลืออยูขํ องสัญญาจ๎าง โดยกาํ หนดใหต๎ าม
ฐานเงินเดือนในเดือนสุดท๎ายที่ผู๎ฟูองคดีได๎รับกํอนถูกบอกเลิกสัญญา แตํไมํรวมถึงเงินคําครองชีพ
ชว่ั คราวเพราะเหตมุ ไิ ด๎ปฏบิ ตั งิ านจรงิ (คาํ พพิ ากษาศาลปกครองสูงสดุ ท่ี อ.๕๙๙/๒๕๖๑)
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด เกีย่ วกบั สญั ญำทำงปกครอง |๑๕๙
ในการพิจารณาวําการที่มหาวิทยาลัยทําสัญญาจ๎างผู๎ฟูองคดี ให๎ปฏิบัติงานใน
ตาํ แหนงํ พนกั งานวิชาการ ประเภทพนกั งานทจี่ ๎างตามภารกจิ ถอื เป็นการรบั ผฟ๎ู อู งคดเี ข๎ารับราชการ
ประจําในสังกัดฝุายบริหาร ซ่ึงเป็นการทําสัญญาจ๎างโดยฝุาฝืนตํอมติคณะรัฐมนตรีเม่ือวันท่ี ๒๙
พฤศจิกายน ๒๕๔๖ ที่เห็นชอบมาตรการพัฒนาและบริหารกําลังคนเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง
มาตรการท่ี ๑ สนับสนนุ ผูป๎ ระสงค์จะเริม่ อาชีพใหมนํ อกระบบราชการ ซง่ึ มีเงอ่ื นไขหา๎ มสํวนราชการ
บรรจุข๎าราชการที่ออกจากราชการตามมาตรการน้ีกลับเข๎ารับราชการประจําในสังกัดบริหารอีก
หรือไมํนนั้ ไมํอาจพจิ ารณาเพียงจากลกั ษณะของงานทีจ่ า๎ งหรอื การตอ๎ งเข๎าปฏบิ ัตงิ านเตม็ เวลาตลอด
ทั้งวัน แล๎วจะถือวาํ เป็นการจ๎างให๎เข๎ารบั ราชการประจาํ ไดเ๎ นอื่ งจากมหาวิทยาลัยตอ๎ งจา๎ งผู๎รับจา๎ งให๎
ทํางานตามอํานาจหน๎าท่ีของมหาวิทยาลัยเพื่อให๎บรรลุวัตถุประสงค์ตามกฎหมายและเป็นไปอยําง
ตอํ เนื่องอยํูแลว๎ แตํต๎องพิจารณาจากสัญญาจ๎างเป็นสําคัญวํา ได๎มีการกําหนดระยะเวลาจ๎างไว๎และ
ให๎สิทธิที่จะไมํตํอสัญญาจ๎างเม่ือสัญญาสิ้นสุดลงได๎หรือไมํ ดังน้ัน การท่ีมหาวิทยาลัยทําสัญญาจ๎าง
ผู๎ฟูองคดีให๎ปฏิบัติงานโดยมีภาระงานตามภารกิจของมหาวิทยาลัยเป็นประจําและตํอเน่ืองตาม
ระยะเวลาในสัญญาจ๎าง จึงไมํมีผลทําให๎การจ๎างผ๎ูฟูองคดีมีลักษณะเป็นการบรรจุและแตํงต้ังผู๎ฟูอง
คดีกลับเข๎ารับราชการประจําในสังกัดฝุายบริหาร อันเป็นการฝุาฝืนมติคณะรัฐมนตรีข๎างต๎น แตํ
อยํางใด (คาํ พิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๓๔๑/๒๕๖๒)
4.๓. การเลิกสัญญาโดยปริยาย
กรณีที่หนํวยงานทางปกครองวําจ๎างเอกชนให๎ทําการกํอสร๎างสวนสุขภาพ โดย
ขอ๎ ตกลงตามสญั ญาจ๎างไมํได๎ระบงุ านรอ้ื ถอนตน๎ ไม๎ใหญํทป่ี ลกู ในบรเิ วณที่กํอสรา๎ งซ่ึงเป็นอุปสรรคใน
การกํอสร๎างไว๎ จึงเป็นความรับผิดชอบของหนํวยงานทางปกครองผู๎วําจ๎างที่จะต๎องแก๎ไขปัญหา
อุปสรรคในการกํอสร๎างดังกลําวให๎แกํผู๎รับจ๎าง ประกอบกับกรณีไมํใชํปัญหาเก่ียวกับแบบรูปและ
รายการละเอยี ดคลาดเคลือ่ นไปจากหลกั การทางวิศวกรรมหรอื ทางเทคนิคท่ีหนํวยงานทางปกครอง
ผู๎วําจ๎างจะใช๎อาํ นาจตามสญั ญาสั่งใหเ๎ อกชนผร๎ู ับจา๎ งแกไ๎ ขปัญหาการกอํ สร๎างตามวิธีการท่ีกําหนดได๎
จึงเป็นกรณีที่หนํวยงานทางปกครองผู๎วําจ๎างยังปฏิบัติการชําระหน้ีไมํถูกต๎อง เอกชนผู๎รับจ๎างจะไมํ
ยอมชําระหน้ีโดยการเข๎าทํางานตามสัญญาจนกวําหนํวยงานทางปกครองผ๎ูวําจ๎างจะชําระหน้ี
ให๎ถูกต๎องเสียได๎ตามมาตรา ๓๖๙ แหํงประมวลกฎหมายแพํงและพาณิชย์ ดังน้ัน หนํวยงานทาง
ปกครองผวู๎ าํ จา๎ งจงึ ไมอํ าจอ๎างเหตทุ ่ีเอกชนผู๎รับจ๎างไมํสามารถกํอสร๎างงานให๎แล๎วเสร็จ ภายในเวลา
ทกี่ าํ หนดในสญั ญาและไมํปฏิบตั ติ ามคําสัง่ ของผ๎วู าํ จ๎างในการเรํงรัดใหด๎ ําเนินการกอํ สร๎างตามสญั ญา
มาเป็นเหตบุ อกเลกิ สัญญาจา๎ งได๎ การบอกเลิกสัญญาจ๎างของหนํวยงานทางปกครองผ๎ูวําจ๎างจึงเป็น
การบอกเลกิ สญั ญาจ๎างทไ่ี มชํ อบด๎วยขอ๎ สัญญาและกฎหมาย
อยํางไรก็ตาม วัตถุประสงค์ในการทําสัญญาจ๎าง คือ สวนสุขภาพ เพื่อเป็นสถานท่ี
สําหรับประชาชนใชป๎ ระโยชน์รวํ มกนั โดยขอ๎ ตกลงในสัญญาน้นั มไิ ด๎มกี รณีใดท่กี ําหนดให๎ฝุายเอกชน
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด เกีย่ วกบั สญั ญำทำงปกครอง |๑๖๐
ผ๎ูรับจ๎างสามารถบอกเลิกสัญญาแตํฝุายเดียวได๎ ท้ังนี้ เนื่องจากสัญญาดังกลําวเป็นสัญญาทาง
ปกครองท่ีเป็นการจัดทําบริการสาธารณะ เอกสิทธิ์ในการแก๎ไขเปล่ียนแปลงสัญญาจึงเป็นของ
คูสํ ญั ญาฝาุ ยรัฐ ดงั น้นั แมห๎ นํวยงานทางปกครองผว๎ู าํ จ๎างจะมสี วํ นผิดกต็ าม แตํเอกชนผู๎รับจ๎างก็ชอบ
ที่จะปฏิบัติงานตามสัญญาให๎แล๎วเสร็จ โดยสามารถขอขยายระยะเวลาการทํางานและจํานวนเงิน
คาํ จา๎ งเพิ่มข้ึนได๎การทเ่ี อกชนผู๎รับจ๎างไมํทํางานตามสัญญาให๎แล๎วเสร็จแม๎จะอยํูในวิสัยท่ีจะทําได๎จึง
ถือวํา เอกชนผ๎ูรับจ๎างมีสํวนต๎องรับผิดอยูํด๎วย จึงเห็นได๎วําข๎อบกพรํองของหนํวยงานทางปกครอง
ผ๎ูวาํ จา๎ งยังไมถํ งึ ขนาดหรือมีเหตอุ นั จะทําให๎เอกชนผ๎ูรบั จ๎างมสี ทิ ธบิ อกเลกิ สญั ญาจ๎างได๎
ดังน้ัน เมื่อตํางฝุายตํางยังไมํมีสิทธิโดยชอบท่ีจะบอกเลิกสัญญาจ๎าง การที่ท้ังสอง
ฝาุ ยตาํ งใช๎สิทธิบอกเลิกสัญญาซ่ึงกันและกันแสดงวําท้ังสองฝุายตํางสมัครใจ ที่จะให๎สัญญาจ๎างเลิก
แล๎วตํอกัน สัญญาจึงเลิกกันโดยปริยาย คํูสัญญาตํางฝุายต๎องให๎อีกฝุายกลับคืนสํูฐานะดังที่เป็นอยูํ
เดมิ โดยทตี่ าํ งฝุายตาํ งเรียกร๎องความเสียหายจาก อีกฝุายหนึ่งไมํได๎ตามมาตรา ๓๙๑ แหํงประมวล
กฎหมายแพํงและพาณชิ ย์ (คําพิพากษาศาลปกครองสงู สุดท่ี อ.469/2554)
4.4. คา่ เสียหายจากการบอกเลกิ สญั ญา
การที่ผู๎เสนอราคายื่นซองประกวดราคาตํอหนํวยงานทางปกครองผู๎จัดให๎มีการ
ประกวดราคา เป็นการทําคําเสนอขอเข๎าทําสัญญากับหนํวยงานทางปกครองดังกลําว เมื่อตํอมา
หนํวยงานทางปกครองมีมติอนุมัติให๎ผู๎เสนอราคารายนั้น เป็นผ๎ูชนะการประกวดราคา ถือเป็นการ
สนองรับคําเสนอเกิดเปน็ สัญญาประกวดราคาขนึ้ และเม่อื สัญญาประกวดราคาดงั กลาํ วมีข๎อกําหนด
ทแี่ สดงถงึ เอกสิทธของรฐั จงึ มลี กั ษณะเป็นสัญญาทางปกครองที่หนํวยงานทางปกครองมีเอกสิทธิใน
การยกเลิกสัญญาฝุายเดียวได๎ โดยไมํต๎องได๎รับความยินยอมจากคํูกรณีอีกฝุายหนึ่ง แตํหากการ
ยกเลิกสัญญาดังกลําว ไมํได๎เกิดจากความผิดของคูํสัญญาฝุายเอกชนและทําให๎คูํสัญญาฝุายเอกชน
เสียหาย หนํวยงานทางปกครองยํอมต๎องชดใช๎คําทดแทนความเสียหายดังกลําวให๎แกํคํูสัญญาฝุาย
เอกชนด๎วย ประกอบกับมาตรา ๓๙๑ วรรคหนึ่ง ๔ แหํงประมวลกฎหมายแฟงและพาณิชย์
กาํ หนดให๎เม่อื คูํสญั ญาฝาุ ยหน่ึงได๎ใชส๎ ิทธเิ ลกิ สญั ญาแลว๎ คํูสญั ญาแตลํ ะฝาุ ยจาํ ตอ๎ งให๎อีกฝาุ ยหนึง่ ได๎
กลบั คืนสฐูํ านะดังท่ีเปน็ อยํูเดิมด๎วย ดังนั้น เมือ่ กรณีน้ีการยกเลิกสัญญาประกวดราคาไมํได๎ เกิดจาก
ความผิดของผู๎ฟูองคดี และทําให๎ผ๎ูฟูองคดีเสียหาย ผ๎ูฟูองคดีจีงมีสิทธิเรียกให๎ผู๎ถูกฟูองคดี ชดใช๎คํา
ทดแทนความเสียหายอันเกิดจากการยกเลิกสัญญาประกวดราคาดังกลําวได๎ (คําพิพากษาศาล
ปกครองสงู สดุ ที่ อ.203/2557)
การที่หนํวยงานทางปกครองผู๎ให๎เชํามคี ําสัง่ ไมตํ อํ อายสุ ญั ญาเชําตลาดสดออกไปอีก
๓ ปี เน่ืองจากตรวจสอบพบวําการบริหารจัดการตลาดของเอกชน ผู๎เชํามีปัญหา ประกอบกับ
หนังสือขอตํออายุสัญญาเชําของเอกชนผ๎ูเชําไมํได๎เสนอผลประโยชน์ตอบแทนตํอหนํวยงานทาง
ปกครองผู๎ให๎เชําตามที่ระเบียบกระทรวงมหาดไทยวําด๎วยการจัดหาประโยชน์ในทรัพย์สินของ
องค์กรปกครองสํวนท๎องถ่ิน พ.ศ. 2๕๔๓ กําหนด แตํตํอมาเอกชนผู๎เชําได๎ย่ืนคําร๎องขอตํออายุ
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด เกี่ยวกบั สญั ญำทำงปกครอง |๑๖๑
สัญญาเชําออกไปอีกครั๋งเป็นเวลา ๑ ปี โดยได๎เสนอผลประโยชน์ตอบแทนและแผนปรับปรุงตลาด
ตามนโยบายกระทรวงสาธารณสุขมาด๎วย หนํวยงานทางปกครองผู๎ให๎เชําจึงทําสัญญาเชํากับเอกชน
ผ๎ูเชํา ดังกลําวมีกําหนดระยะเวลา ๑ ปี กรณีถือเป็นการทําสัญญาข้ึนใหมํตามคําเสนอของเอกชน
ผ๎เู ชํา เมอื่ ไมํปรากฏวํามีขอ๎ ตกลงในเรื่องของการตํอสัญญาดงั กลําวออกไปอกี แตอํ ยํางใด หนํวยงาน
ทางปกครองผู๎ให๎เชําจึงไมํมีหน๎าท่ีต๎องตํออายุสัญญาเชําออกไปอีก 3 ปี ตามคําขอเดิมของเอกชน
ผู๎เชํา และเมอ่ื ครบอายุสัญญาทีต่ อํ ออกไปเป็นเวลา ๑ ปี ดังกลําว การที่หนํวยงานทางปกครองผู๎ให๎
เชําแจง๎ ให๎เอกชนผูเ๎ ชาํ ทราบวําไมมํ ีสิทธเิ ขา๎ ไปจัดหาประโยชนจ์ ากพื้นท่ใี ห๎เชาํ อีก จึงไมํใชํการกระทํา
ผดิ สัญญา
นอกจากนี้ หากปรากฏตามสัญญาเชําวํา หนํวยงานทางปกครองผ๎ูให๎เชําสงวนสิทธิ
ไมํให๎เอกชนผู๎เชาํ เขา๎ ใช๎พนื้ ทบ่ี รเิ วณลานดา๎ นหนา๎ ตลาด เอกชนผ๎ูเชํายํอมไมํมีสิทธิแสวงหาประโยชน์
จากพน้ื ท่ีดังกลาํ วที่เปน็ พ้ืนท่อี น่ื ใด นอกเหนือจากทไ่ี ดก๎ ําหนดไวใ๎ นสญั ญาเชาํ ดงั น้ัน การที่หนวํ ยงาน
ทางปกครองผ๎ูให๎เชํา ไมํอนุญาตให๎เอกชนผู๎เชําใช๎พื้นที่ท่ีสงวนสิทธิไว๎ข๎างต๎น จึงไมํใชํการกระทําผิด
ข๎อตกลง และเง่อื นไขของสัญญาเชาํ แตํอยํางใด (คาํ พพิ ากษาศาลปกครองสูงสดุ ท่ี อ.529/2557)
กรณีท่ีผร๎ู ับจ๎างดาํ เนนิ การไมํแลว๎ เสรจ็ ตามสัญญา หนวํ ยงานทางปกครองผ๎วู ําจา๎ งจึง
บอกเลิกสัญญาและดําเนินการจ๎างผ๎ูรับจ๎างรายใหมํ ให๎ทํางานที่ค๎างอยูํให๎แล๎วเสร็จ คําเสียหายจาก
การจ๎างผร๎ู ับจ๎างรายใหมํดงั กลาํ วยอํ มสูงกวํา ราคาคาํ จา๎ งท่ีได๎มีการประเมินไว๎ในขณะประกวดราคา
เพื่อคัดเลือกผ๎ูรับจ๎างเดิม เน่ืองจากราคาคําวัสดุกํอสร๎างมีการปรับตัวสูงขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ
ดังนั้น เม่ือตํอมา หนํวยงานทางปกครองผ๎ูวําจ๎างได๎คํานวณเงินคําจ๎างผู๎รับจ๎างรายใหมํจาก
รายละเอียดขอบเขตงาน และงวดงานที่ชัดเจนโดยนําเงินคํางานตามสัญญาที่เหลืออยูํ เงิน
หลักประกันผลงาน และหลักประกันสัญญาท่ีหักเป็นคําปรับ หักออกจากคําจ๎างบุคคลอี่นทํางานท่ี
ค๎างอยูํจนแล๎วเสร็จดังกลําว และเรียกใหัผู๎รับจ๎างรายเดิมชําระเป็นคําเสียหายจากการจ๎างผ๎ูรับจ๎าง
รายใหมํ การกระทําของหนํวยงานทางปกครองผู๎วําจ๎างจึงชอบด๎วยกฎหมายแล๎ว (คําพิพากษาศาล
ปกครองสูงสดุ ที่ อ.783/2558)
กรณีทผ่ี ูร๎ บั จ๎างดาํ เนนิ การกอํ สร๎างตามสัญญาแลว๎ บางสวํ น แตตํ อํ มาได๎รับคําสั่งจาก
ผู๎ควบคุมงานให๎พักงานชั่วคราว เนื่องจากหนํวยงานทางปกครอง ผู๎วําจ๎างยังไมํดําเนินการขอ
อนุญาตกํอสรา๎ งตามกฎหมายทาํ ใหผ๎ ๎ูรบั จ๎างไมํสามารถดําเนินการกอํ สรา๎ งตามสญั ญาได๎ และตํอมาผู๎
รับจ๎างได๎ขอบอกเลกิ สัญญาพร๎อมทั้งขอเบิกเงินคําจ๎างในงานสํวนท่ีได๎ทําไปแล๎ว รวมท้ังคําวัสดุที่ได๎
สั่งเข๎ามาหน๎างานแล๎วนั้น คํางานที่ผ๎ูรับจ๎างจะเรียกร๎องจากผู๎วําจ๎างได๎ ต๎องคํานวณจากงานที่ได๎
ปฏิบัติกันจริง รวมเข๎ากับคําวัสดุท่ีผ๎ูรับจ๎างได๎ส่ังเข๎าหน๎างานกํอนท่ีจะได๎รับคําส่ังให๎หยุดงาน โดย
หลกั ฐานการซอ้ี ขายวสั ดกุ อํ สรา๎ งดังกลําวตอ๎ งมีนาํ้ หนกั นําเชือ่ ถือวําได๎มีการทําสัญญาซื้อขายกันจริง
ด๎วย การท่ีผู๎รับจ๎างอ๎างหลักฐานสัญญาซ้ือขายท่ีไมํระบุท่ีอยูํของคํูสัญญา ไมํมีสําเนาบัตรประจําต๎ว
ประชาชนของคูํสัญญา ประกอบกับไมํปรากฏข๎อมูลทะเบียนราษฎรของคํูสัญญา ยํอมเป็นการผิด
วสิ ยั ของผ๎ูประกอบธรุ กจิ ดาํ เนินการกอํ สรา๎ งท่ีจะต๎องมีความรดั กมุ ในการทําสญั ญา อนั เป็นการรักษา
ผลประโยชน์หากมีปญั หาฟูองร๎องดําเนินคดีกรณีผิดสัญญากันในภายหลัง ดังนั้น ผู๎รับจ๎างจึงไมํอาจ
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด เกี่ยวกบั สญั ญำทำงปกครอง |๑๖๒
อ๎างบัญชีแสดงรายการวัสดุกํอสร๎างท่ีไมํมีน้ําหนักนําเชื่อถือดังกลําวมาเป็นหลักฐานในการกําหนด
จํานวนเงินที่จะขอให๎หนํวยงานทางปกครองผู๎วําจ๎างชดใช๎ให๎แกํผู๎รับจ๎างได๎ (คําพิพากษาศาล
ปกครองสงู สดุ ที่ อ.๑๑๒๘/๒๕๕๘)
กรณีท่ีผู๎รับจ๎างดําเนินการกํอสร๎างรางระบายน้ําจนแล๎วเสร็จ โดยได๎สํงมอบงาน
ใหแ๎ กํหนํวยงานทางปกครองผูว๎ าํ จ๎างและรับเงินคาํ จา๎ งไปทง้ั หมดแลว๎ แตํตํอมามีผู๎รอ๎ งเรียนเรื่องการ
ทุจรติ โครงการกํอสร๎างดงั กลําว หนวํ ยงานทางปกครองผู๎วําจ๎างจึงตรวจสอบพบวําฝาปิดรางระบาย
นํ้าเกิดความชํารุดบกพรํองเป็นจํานวนมากและเหล็กเสริมคอนกรีตที่ผ๎ูรับจ๎างใช๎ ไมํตรงตามแบบที่
กําหนดในสัญญา ซ่ึงในขณะตรวจรับมอบงานกํอสร๎างคณะกรรมการตรวจการจ๎างไมํพบเหตุความ
ชํารุดบกพรํองนั้น จึงเป็นข๎อเท็จจริงท่ียืนยันได๎วํา ผู๎รับจ๎างมีพฤติการณ์จงใจกระทําผิดสัญญาแล๎ว
ปดิ บงั ไว๎มิใหห๎ นํวยงานทางปกครองผวู๎ ําจ๎างร๎ู กรณีจึงต๎องด๎วย มาตรา ๕๙๘ แหํงประมวลกฎหมาย
แพํงและพาณิชย์ และไมํอาจถือวําผ๎ูรับจ๎าง ได๎สํงมอบงานครบถ๎วนตามข๎อ ๖๕ (๔) ของระเบียบ
กระทรวงมหาดไทย วําด๎วยการพัสดุ ของหนํวยการบริหารราชการสํวนท๎องถิ่น พ.ศ. ๒๕๓๕
หนํวยงานทางปกครองผ๎ูวําจ๎าง จึงมีสิทธิเรียกคําเสียหายจากการที่ผ๎ูรับจ๎างประพฤติผิดสัญญา
ดงั กลําวได๎ (คําพพิ ากษาศาลปกครองสงู สุดที่ อ.435/2558)
ตามสัญญาจ๎างทํางานวางทํอระบายนํ้า เมื่อคูํสัญญาทั้งสองฝุายได๎ลงลายมือชื่อ
รับทราบแบบแปลนการกอํ สร๎างแนบทา๎ ยสัญญาซงึ่ กําหนดให๎ ผ๎ูรับจา๎ งจะต๎องปรบั ปรงุ ถนนตามแบบ
แปลนทก่ี าํ หนดภายหลังจากกอํ สร๎างถนน พรอ๎ มวางทอํ ระบายน้ําเสร็จเรียบรอ๎ ยแล๎ว จึงถือได๎วํางาน
ปรบั ปรุงซํอมแซมผิวจราจรบริเวณท่ีมีการกํอสร๎างถนนเพี่อวางทํอระบายน้ําดังกลําว เป็นสํวนหนึ่ง
ของสัญญาจ๎าง ทํางานวางทํอระบายน้ําด๎วย ดังน้ัน เมื่อภายหลังจากการสํงมอบงานแตํยังอยํูใน
ระหวํางการประกันผลงาน หนํวยงานทางปกครองผู๎วําจ๎างตรวจพบความชํารุดเสียหายของ
ถนนลาดยางที่ผ๎ูรับจ๎างทาํ การกํอสร๎างบริเวณบํอพักนํ้าเสีย จึงเรียกให๎ผู๎รับจ๎างทําการซํอมแซมถนน
ดังกลาํ วแตผํ ๎รู บั จา๎ งเพิกเฉย จงึ ถือได๎วาํ ผู๎รบั จา๎ งเปน็ ฝาุ ยผดิ สัญญา หนวํ ยงานทางปกครองยํอมมสี ทิ ธิ
ทจ่ี ะทาํ การซอํ มแซมถนนลาดยางดังกลําวนั้นเอง หรือจะจ๎างผู๎รับจ๎างรายใหมํเข๎าทํางานน้ันแทนได๎
โดยผู๎รับจ๎างรายเดิมต๎องเป็นผู๎ออกคําใช๎จํายเอง การที่ตํอมาหนํวยงานทางปกครองใช๎สิทธิเรียกให๎
ธนาคารผู๎ค้ําประกันสํงมอบเงินตามสัญญาคํ้าประกันเพ่ีอชําระคําเสียหายจากการที่หนํวยงานทาง
ปกครอง ผู๎วําจ๎างต๎องวําจ๎างผู๎รับจ๎างรายใหมํเข๎าทําการซํอมแซมถนนดังกลําวแทน ดังนั้น เมื่อไมํ
ปรากฏวําการจา๎ งผ๎รู ับจ๎าง รายใหมํเปน็ การจ๎างทีผ่ ิดระเบียบ เม่ือผูถ๎ ูกฟอู งคดไี ด๎จาํ ยคําจ๎างซํอมแซม
ถนนลาดยางทช่ี าํ รุด ใหแ๎ กํผร๎ู บั จ๎างรายใหมไํ ป ผ๎ูถกู ฟูองคดีจึงยอํ มมสี ทิ ธเิ รียกใหธ๎ นาคารผู๎ค้าํ ประกัน
จํายเงนิ ตามหนงั สอื คํ้าประกันใหแ๎ กผํ ู๎ถูกฟอู งคดี การท่ผี ูถ๎ ูกฟอู งคดีใช๎สิทธิรบิ หลักประกันตามสัญญา
คา้ํ ประกน๎ ของผฟ๎ู ูองคดี จงึ เปน็ การกระทาํ ที่ชอบดว๎ ยกฎหมายแลว๎ (คําพิพากษา ศาลปกครองสูงสุด
ที่ อ.๖๓๐/๒๕๔๘)
เมื่อขอ๎ เทจ็ จรงิ ปรากฏวํา แม๎ผร๎ู ับจ๎างจะไดร๎ บั สทิ ธใิ นการขยายระยะเวลาดําเนนิ งาน
ตามสญั ญาแล๎วกต็ าม แตํความกา๎ วหน๎าของงานยังคงเป็นไปอยาํ งลําช๎ามาก เนือ่ งจากผ๎ูรบั จา๎ งไมํ
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด เกีย่ วกบั สญั ญำทำงปกครอง |๑๖๓
สามารถจดั หาวสั ดุอุปกรณ์ เครือ่ งจกั ร และแรงงานเข๎าดําเนินงานตามสัญญาได๎ เป็นเหตุให๎เม่ือใกล๎
ครบกําหนดระยะเวลาทีไ่ ด๎รับการขยายออกไปแล๎ว ผ๎ูรับจ๎างยังคงดําเนินงานได๎เพียงประมาณร๎อยละ
๕๑ ของผลงานท้ังหมด กรณีจึงมีเหตุทําให๎เชื่อได๎วํา ผู๎รับจ๎างไมํสามารถทํางานให๎แล๎วเสร็จตาม
กาํ หนดเวลาได๎ การที่หนํวยงานทางปกครองผู๎วําจา๎ งใช๎สิทธบิ อกเลิกสัญญา กํอนครบกําหนดเวลาท่ี
ได๎ขยายออกไป จึงชอบแล๎ว
สําหรับคําเสียหายที่ผ๎ูรับจ๎างจะต๎องชดใช๎ให๎แกํหนํวยงานทางปกครองผู๎วําจ๎าง
จากการทํางานไมแํ ล๎วเสร็จตามสญั ญาน้ัน หากปรากฏวําภายหลังจากบอกเลกิ สัญญาหนํวยงานทาง
ปกครองผวู๎ าํ จ๎างได๎วําจ๎างผ๎ูรบั จ๎างรายใหมํให๎ดาํ เนนิ งานตามสัญญาตํอจากผู๎รับจ๎างรายเดิมในวงเงิน
ท่ีสูงข้ึน แม๎ผู๎รับจ๎างจะโต๎แย๎งวําคํางานท่ีสูงขึ้นด๎งกลําวเป็นคํางานกํอสร๎างสํวนที่เพ่ิมเติม
นอกเหนือจากรายการงานตามสัญญาจ๎างเดิมก็ตาม แตํเม่ือผ๎ูรับจ๎างมิได๎แสดงพยานหลักฐาน
ประกอบข๎อโต๎แย๎งดงั กลาํ ว ผูร๎ ับจ๎างจึงต๎องชดใช๎คําเสียหายเป็นคํางานท่ีเพิ่มขึ้นนั้นให๎แกํหนํวยงาน
ทางปกครองผ๎วู ําจ๎าง
ในสวํ นของคาํ จา๎ งผค๎ู วบคมุ งานนน้ั เมือ่ ตามสัญญากาํ หนดให๎หนํวยงานทางปกครอง
ผู๎วําจ๎างมีสิทธิเรียกให๎ผู๎รับจ๎างรับผิดได๎เฉพาะคําควบคุมงานท่ีเกิดขึ้นภายหลังการบอกเลิกสัญญา
และหนํวยงานทางปกครองผู๎วําจ๎าง ได๎ดําเนินการสําหรับงานนั้นตํอโดยมีคําใช๎จํายในการควบคุม
งานเกิดขึ้น ดังนั้น ผู๎รับจ๎างจึงไมํต๎องชดใช๎คําควบคุมงานท่ีเกิดขึ้นกํอนวันบอกเลิกสัญญาให๎แกํ
หนวํ ยงานทางปกครองผ๎ูวาํ จา๎ ง คงตอ๎ งรับผดิ เพียงคาํ ควบคมุ งานอนั เปน็ คาํ ใช๎จํายท่ีเพิม่ ข้ึนจากการที่
หนวํ ยงานทางปกครองผูว๎ ําจ๎างต๎องทํางานตอํ ใหแ๎ ลว๎ เสรจ็ เทาํ นัน้
อยํางไรก็ตาม แม๎การที่หนํวยงานทางปกครองผ๎ูวําจ๎าง ใช๎สิทธิบอกเลิกสัญญาโดย
ชอบด๎วยกฎหมายจะทาํ ให๎ไมํตอ๎ งรับผิดชดใช๎คําเสียหายใด ๆ ให๎แกํผ๎ูรับจ๎าง แตํหากปรากฏวํากํอน
การบอกเลิกสัญญา ผ๎ูรบั จา๎ งไดส๎ ํงมอบงานตามสญั ญาไปแล๎วบางสํวน และคณะกรรมการตรวจการ
จา๎ งไดต๎ รวจรบั งานท่ีสํงมอบบางสํวนดังกลําวแล๎วเห็นวําถูกต๎องตามสัญญา หนํวยงานทางปกครอง
ผ๎ูวําจ๎างยอํ มมีหนา๎ ทีต่ ๎องชําระคําการงานที่รับมอบแล๎วบางสํวนน้ันให๎แกํผ๎ูรับจ๎าง (คําพิพากษาศาล
ปกครองสูงสดุ ที่ อ.8/2559)
4.5. การบอกเลกิ สัญญาโดยใชเ้ อกสิทธขิ องหน่วยงานทางปกครอง
แม๎หนํวยงานทางปกครองจะมีเอกสิทธิในการยกเลิกสัญญาทางปกครองได๎ฝุาย
เดยี ว โดยคูํสญั ญาฝาุ ยเอกชนมิไดป๎ ระพฤตผิ ิดสญั ญา แตํการใชเ๎ อกสทิ ธดิ ังกลาํ วไมอํ าจกระทาํ ไดต๎ าม
อําเภอใจ แตํจะต๎องกระทําไปเพ่ีอประโยชน์สาธารณะ หรือเพี่อปรับปรุงบริการสาธารณะให๎มี
ประสิทธิภาพสนองความต๎องการของประชาชนสํวนรวม และหากการยกเลิกสัญญาทางปกครอง
ดังกลําวทําให๎คํูสัญญาฝุายเอกชน ได๎รับความเสียหาย หนํวยงานทางปกครองจะต๎องชดใช๎
คาํ เสียหายให๎แกํคสํู ัญญาฝาุ ยเอกชนด๎วย (คาํ พิพากษาศาลปกครองสงู สุด ท่ี อ.๒๙๒/๒๕๕๒)
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด เกีย่ วกบั สญั ญำทำงปกครอง |๑๖๔
4.6. การส่งมอบงานภายหลังจากการบอกเลิกสัญญา
การที่ผ๎ูรับจ๎างสํงมอบงานภายหลังจากผู๎วําจ๎างได๎บอกเลิกสัญญา ซึ่งโดยสภาพไมํ
สามารถทําใหก๎ ลบั คืนสํูฐานะเดมิ ไดน๎ ้นั ผู๎วาํ จา๎ งจะตอ๎ งใชเ๎ งินตามควรคําแหํงการงานท่ีผูร๎ ับจา๎ งไดท๎ ํา
ให๎แกํผู๎รบั จา๎ ง และหากการเสนอราคางานจ๎างเป็นแบบเหมาจําย ผ๎ูวําจ๎างอาจพิจารณาจํายคําแหํง
การงานดงั กลําวจากการประมาณราคาคํากํอสร๎างโดยคณะกรรมการกําหนดราคากลางท่ีประมาณ
ราคาคาํ วสั ดแุ ละคาํ แรงงานในขณะทีม่ กี ารจัดทําสญั ญาจา๎ งกไ็ ด๎ เน่อื งจากการประมาณราคาดังกลําว
มีหลักเกณฑ์นําเชื่อถึอและถูกต๎องใกล๎เคียงกับความเป็นจริง (คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่
อ.145/2551)
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสงู สุด เกีย่ วกบั สญั ญำทำงปกครอง |๑๖๕
บทท่ี ๔
เง่อื นไขการฟอ้ งคดีเกี่ยวกบั สญั ญาทางปกครอง
------------------------
เงอ่ื นไขการฟูองคดเี กี่ยวกบั สญั ญาทางปกครองแบงํ ออกไดเ๎ ป็น 2 ประการคือ
(ก).กรณีตามพระราชบัญญติจัดตั้งศาลปกครองฯ มาตรา ๔๒ ซึ่งบัญญัติวํา “ผู๎ใด
ได๎รับความเดือดร๎อนหรือเสียหาย หรืออาจจะเดือดร๎อนหรือเสียหายโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได๎อัน
เนอ่ื งจากกกรกระทาํ หรอื การงดเวน๎ การกระทําของหนํวยงานทางปกครองหรือเจ๎าหนา๎ ทข่ี องรัฐหรือ
มีข๎อโตแ๎ ย๎งเกย่ี วกับสญั ญาทางปกครอง หรอื กรณอี ืน่ ใดทีอ่ ยูํในเขตอาํ นาจศาลปกครองตามมาตรา ๙
และการแก๎ไขหรือบรรเทาความเดือดร๎อนหรือความเสียหายหรือยุติข๎อโต๎แย๎งนั้น ต๎องมีคําบังคับ
ตามท่ีกําหนดในมาตรา ๗๒ ผ๎นู ้ันมสี ทิ ธิฟอู งคดีตอํ ศาลปกครอง”
(ข). กรณีระยะเวลาการฟูองคดี ตามพระราชบัญญติจัดตั้งศาลปกครองฯ มาตรา
51 ซ่ึงบัญญัติวํา “มาตรา 51 7 การฟูองคดีตามมาตรา 9 วรรคหน่ึง (3) ให๎ย่ืนฟูองภายในหนึ่งปี
และการฟูองคดีตามมาตรา 9 วรรคหน่ึง (4) ให๎ยื่นฟูองภายในห๎าปี นับแตํวันท่ีรู๎หรือควรรู๎ถึงเหตุ
แหํงการฟูองคดี แตไํ มเํ กินสบิ ปนี บั แตวํ ันท่มี เี หตแุ หงํ การฟอู งคดี” (ดรู ายละเอียดระยะเวลาการฟอู ง
คดใี นบทที่ 7)
(1) กรณีไดร้ ับความเดอื ดร้อนหรือเสียหาย หรืออาจจะเดือดร้อนหรือเสียหายโดยมิอาจ
หลีกเลีย่ งได้
แนวทางการพิจารณาคดีเกี่ยวกับผู๎มีสิทธิฟูองคดีในคดีพิพาทเก่ียวกับสัญญาทาง
ปกครองนนั้ มปี ระเด็นท่ีจะต๎องพจิ ารณาวาํ ผ๎ูมสี ิทธฟิ ูองคดีเปน็ ผ๎ไู ดร๎ บ๎ ความเดือดรอ๎ น หรอื เสยี หาย
หรืออาจจะเดือดร๎อนหรือเสียหายจากข๎อโต๎แย๎งเก่ียวกับสัญญาทางปกครองหรือไมํ ซ่ึงจากแนวคํา
วินิจฉัยของศาลปกครองอาจแยกประเด็นพจิ ารณาออกได๎ ดงั นี้
(1) มีเหตุที่เป็นประเดน็ ขอ้ โตแ้ ย้งในคดจี ะต้องเปน็ ข้อพิพาทเก่ยี วกับ สัญญาทาง
ปกครอง หรือ มีเหตุท่เี ปน็ ประเด็นข้อโต้แย้งจะต้องกระทบสิทธิของผู้ฟ้องคดีหรือ เป็นกรณีที่ถือ
ไดว้ า่ มีข้อโต้แยง้ เก่ียวกับสญั ญาทางปกครองเกิดขึน้ แล้ว
1.1.) กรณีเกีย่ วกับสญั ญาทุนการศึกษา
การท่ีผู๎ถูกฟูองคดีทําสัญญารับทุนเพ่ือศึกษาในประเทศกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน
(ผ๎ฟู อู งคด)ี โดยมขี อ๎ กาํ หนดวํา เมือ่ ผฟ๎ู อู งคดีกําหนดให๎ผ๎ถู กู ฟูองคดีปฏบิ ัตริ าชการ กบั ผ๎ฟู ูองคดีเมื่อใด
7 ความในมาตรา 51 แก๎ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา 4 แหํงพระราชบัญญัติจัดต้ังศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง
(ฉบบั ที่ 5) พ.ศ. 2551
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด เกี่ยวกบั สญั ญำทำงปกครอง |๑๖๖
ผ๎ูถูกฟูองคดีต๎องเข๎าปฏิบัติราชการติดตํอกันไมํน๎อยกวําสองเทําของระยะเวลาท่ีได๎รับทุน ถ๎าผ๎ูถูก
ฟูองคดไี มํยอมปฏิบตั ริ าชการหรือไมํปฏิบตั ิตามสัญญา จะต๎องรับผิดชดใช๎ทุนพร๎อมเบ้ียปรับจํานวน
สองเทํา หรอื หากปฏิบตั ริ าชการไมํครบกาํ หนดเวลาตามทรี่ ะบุไวจ๎ ะตอ๎ งชดใช๎เบยี้ ปรับลดลงตามสํวน
ท่ีได๎ปฏิบัติราชการไปแล๎ว เม่ือผู๎ถูกฟูองคดีกลับเข๎ารับราชการแตํตํอมาถูกลงโทษทางวินัยไลํออก
จากราชการ ผ๎ูถูกฟูองคดจี ึงตกเปน็ ผผู๎ ิดสัญญา ตอํ มาเมื่อกรมบญั ชีกลางได๎มหี นงั สือแจง๎ จํานวนเงินท่ี
ผู๎ถูกฟูองคดีต๎องชดใช๎ตามที่ผู๎ฟูองคดีขอให๎ตรวจสอบแล๎ว ผ๎ูฟูองคดีจึงได๎มีหนังสือทวงถามให๎ผู๎ถูก
ฟูองคดชี ดใชเ๎ งินดังกลําว โดยสงํ ทางไปรษณีย์ตอบรบั ไปยงั ภมู ิลําเนาของผูถ๎ ูกฟูองคดี แตํไมํสามารถ
สํงได๎เนอื่ งจาก ผถ๎ู ูกฟูองคดีไมไํ ปรบั หนังสือภายในกําหนด น้ัน เม่ือปรากฏวําผ๎ูถูกฟูองคดีถูกลงโทษ
ทางวนิ ัย ไลํออกจากราชการ ถอื ไดว๎ าํ ผถ๎ู ูกฟูองคดปี ฏบิ ัติราชการไมคํ รบกําหนดเวลาตามท่กี ําหนดไว๎
ในสัญญา ผ๎ูถูกฟูองคดีจึงต๎องชดใช๎ทุนตามที่ผู๎ฟูองคดีได๎จํายไปพร๎อมท้ังเบี้ยปรับ ท้ังไมํปรากฏวํา
กระทรวงการคลังได๎พิจารณาเห็นวํามีเหตุผลอันสมควรให๎ผู๎ถูกฟูองคดีพ๎นความรับผิดตามสัญญา
ผู๎ฟูองคดีจึงมีสิทธิฟูองให๎ผ๎ูถูกฟูองคดีรับผิดตามสัญญาได๎ทันที คดีมีข๎อโต๎แย๎ง เก่ียวกับสัญญาทาง
ปกครองเกิดข้ึนแล๎วอันทําให๎ผู๎ฟูองคดีมีสิทธิฟูองคดีตํอศาลปกครอง (คําส่ังศาลปกครองสูงสุดท่ี
๖๓๖/๒๕๔๖)
1.2.) กรณีพพิ าทท่ผี ูร้ บั ทนุ เห็นวา่ อัตราเบยี้ ปรบั ตามสัญญาไมเ่ ป็นธรรม จึงขอ
ลดเบี้ยปรบั และขอคนื ค่าปรับบางส่วนภายหลังจากท่ีได้ขอใหค้ ู่สญั ญาทบทวนแลว้
กรณีที่ผู๎ฟูองคดีได๎ทําสัญญารับทุนอุดหนุนการศึกษาโครงการผลิต และพัฒนา
อาจารย์ และทาํ สญั ญาลาศกึ ษาตํอภายในประเทศกับมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (ผ๎ูถูกฟูองคดี)
แตํตํอมาได๎ลาออกจากการเป็นพนักงานมหาวิทยาลัย ผู๎ถูกฟูองคดีจึงได๎มีหนังสือแจ๎งให๎ผู๎ฟูองคดี
ชดใช๎ทุนพร๎อมเบี้ยปรับตามสัญญา แตํผู๎ฟูองคดีเห็นวําอัตราเบี้ยปรับที่ผู๎ถูกฟูองคดี กําหนดนั้นสูง
เกินไป จึงได๎สอบถามไปยังผ๎ูถูกฟูองคดีซ่ึงได๎รับคําแนะนําวําให๎ชดใช๎ทุนพร๎อมเบ้ียปรับตามท่ีผู๎ถูก
ฟอู งคดเี รียกเกบ็ เต็มจํานวนไปกอํ น แลว๎ คํอยดาํ เนนิ การรอ๎ งเรยี นตํอผ๎ูถูกฟูองคดี ในภายหลังอีกคร้ัง
ผฟ๎ู ูองคดจี งึ ไดช๎ ดใชเ๎ งนิ เตม็ จาํ นวนตามท่ีผ๎ถู กู ฟอู งคดีเรียกร๎อง และตํอมาได๎มีหนังสือขอให๎ผู๎ถูกฟูอง
คดที บทวนอัตราเบ้ียปรบั ตามสญั ญาดงั กลําว แตํผถู๎ กู ฟูองคดีแจ๎งให๎ผ๎ูฟอู งคดที ราบวําหน้ีตามสัญญา
ไดร๎ ะงบั ลงดว๎ ยการชาํ ระหนแี้ ลว๎ ผถ๎ู กู ฟูองคดีจึงไมํอาจพิจารณาเพ่ือเพิ่มหรือลดเบี้ยปรับตามสัญญา
ไดอ๎ กี ตํอไป ผ๎ูฟูองคดีเหน็ วําอตั ราคําปรับดังกลําวไมเํ ปน็ ธรรม จึงนําคดีมาฟูองเพ่ือขอให๎ศาลมีคําส่ัง
ให๎ผู๎ถูกฟูองคดีลดอัตราเบ้ียปรับและคืนเบ้ียปรับบางสํวนให๎แกํผู๎ฟูองคดี นั้น กรณีดังกลําวถือได๎วํา
ผู๎ฟูองคดีเป็นผู๎ได๎รับความเดือดร๎อนหรือเสียหายอันเนื่องมาจากมีข๎อโต๎แย๎งเก่ียวกับสัญญาทาง
ปกครองซึ่งมีสิทธิฟูองคดีตํอศาลได๎ ตามมาตรา ๔๒ วรรคหน่ึง แหํงพระราชบัญญัติจัดต้ัง
ศาลปกครองฯ (คาํ สัง่ ศาลปกครองสงู สดุ ท่ี ๒๓๖/๒๕๕๙)
กรณีฟูองขอให๎มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราชชํวยเหลือในการชดใช๎
ทุนการศึกษาให๎แกํมหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรีกํอนที่ผ๎ูฟูองคดีจะโอนมาเป็นอาจารย์ในสังกัด
ของมหาวทิ ยาลัยฯ เนอื่ งจากมหาวทิ ยาลัยฯ เคยตอบรับให๎ความชํวยเหลือในการชดใช๎ทุนแกํผ๎ูฟูอง
คดี แตํตํอมาคณะกรรมการกองทุนอุดหนุนการพัฒนาบุคลากรมีมติไมํอนุมัติเงินทุนดังกลําวให๎แกํ
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด เกี่ยวกบั สญั ญำทำงปกครอง |๑๖๗
ผู๎ฟูองคดี น้ัน กรณีจึงเป็นการปฏิเสธไมํให๎ทุนการศึกษาแกํผู๎ฟูองคดี ตามข๎อตกลงท่ีมหาวิทยาลัยฯ
ไดใ๎ ห๎ไว๎ ผูฟ๎ ูองคดีในฐานะคูํสัญญาจึงเป็นผู๎ได๎รับความเดือดร๎อน หรือเสียหายหรืออาจจะเดือดร๎อน
หรือเสียหายโดยมิอาจหลีกเล่ียงได๎จากการที่มหาวิทยาลัยฯ ไมํปฏิบัติตามข๎อตกลงที่ให๎ไว๎แกํผู๎ฟูอง
คดดี งั กลําว (คําสง่ั ศาลปกครองสูงสุดท่ี ๒๒๐/๒๕๕๕)
1.3.) กรณพี พิ าทเก่ยี วกบั การบริหารงานบุคคล
กรณีท่ผี ฟู๎ ูองคดีได๎ทําสัญญากับสํานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการตามสัญญาจ๎าง
พนกั งานราชการ สํานักงานปลัดกระทรวงศกึ ษาธกิ าร อันเป็นสัญญาท่ีมีคูํสัญญาอยํางน๎อยฝุายหน่ึง
เป็นหนํวยงานทางปกครอง ได๎ตกลงวําจ๎างผู๎ฟูองคดีให๎ปฏิบัติงานในตําแหนํงครูอาสาสมัคร
การศึกษานอกโรงเรียน เพ่ือให๎จัดกิจกรรมการเรียนการสอนหรือกิจกรรมการเรียนรู๎ และสํงเสริม
สนับสนุนการเรียนการสอนแกํประชาชนหรือชุมชน ซึ่งเป็นการจัดทําบริการสาธารณะ อันเป็น
สัญญาทางปกครองตามมาตรา ๓ แหํงพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองฯ ดังน้ัน การฟูองโต๎แย๎ง
การมีคําส่ังย๎ายผ๎ูฟูองคดีจากสถานที่ปฏิบัติงานท่ีศูนย์บริการการศึกษานอกโรงเรียนอําเภอบางไทร
ไปปฏิบัติหน๎าที่ท่ีศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เนื่องจากทําให๎ผ๎ูฟูองคดี
ได๎รับความเสียหายจากการมีภาระคําใช๎จําย มากกวํารายรับ กรณีดังกลําวพอจะเข๎าใจได๎วําผู๎ฟูอง
คดีมีความประสงค์ท่ีจะให๎ศาลพิพากษา หรือมีคําสั่งให๎ผ๎ูฟูองคดีได๎กลับไปปฏิบัติงานท่ีศูนย์
การศึกษานอกโรงเรียนอําเภอบางไทร ตามเดิม และให๎ผ๎ูอํานวยการศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน
อําเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา รับผิดชอบความเสียหายที่เกิดข้ึนอันเนื่องมาจากการมี
คาํ สั่งย๎ายดังกลาํ ว จึงเห็นได๎วํากรณมี ขี ๎อโต๎แยง๎ เกยี่ วกบั สญั ญาทางปกครอง และการยตุ ขิ ๎อโตแ๎ ย๎งน้นั
จาํ ตอ๎ งมคี ําบังคบั ของศาล ตามทกี่ ําหนดในมาตรา ๗๒ วรรคหนึง่ (๓) แหํงพระราชบญั ญตั ิจัดตงั้ ศาล
ปกครองฯ ผ๎ูฟูองคดี จึงเป็นผู๎มีสิทธิฟูองคดีนี้ตามมาตรา ๔๒ แหํงพระราชบัญญัติเดียวกัน (คําสั่ง
ศาลปกครองสูงสดุ ท่ี ๓๙๓/๒๕๕๒)
กรณีฟอู งวํา มหาวิทยาลยั นอรท์ เชียงใหมํ ได๎ทําสญั ญาจ๎าง ผฟู๎ อู งคดีใหป๎ ฏิบัติหนา๎ ท่ี
ในตําแหนํงอาจารย์ แตํตํอมาได๎บอกเลิกสัญญาจ๎างดังกลําวโดยให๎เหตุผลวํา ผ๎ูฟูองคดีไมํปฏิบัติ
หนา๎ ทขี่ องตนอยาํ งเหมาะสมใหล๎ ุลวํ งโดยถูกต๎องและสุจริต และมีพฤติการณ์อันฝุาฝืนข๎อบังคับหรือ
ข๎อกําหนดของมหาวิทยาลัย ซ่ึงผ๎ูฟูองคดีเห็นวํา การบอกเลิกสัญญาจ๎างดังกลําวไมํชอบด๎วย
กฎหมาย ขอให๎ศาลมีคาํ พิพากษาหรือคําส่ังให๎ มหาวิทยาลัยนอร์ทเชียงใหมํ จํายเงินคําจ๎างและเงิน
ชดเชยพร๎อมดอกเบ้ียให๎แกํผ๎ูฟูองคดี นั้น เม่ือมหาวิทยาลัยนอร์ทเชียงใหมํ ได๎บอกเลิกสัญญาจ๎าง
กํอนครบกําหนดเวลาการจ๎างตามสัญญา และผ๎ูฟูองคดีเห็นวําเป็นการเลิกจ๎างโดยไมํเป็นธรรม ผ๎ู
ฟอู งคดจี งึ มีข๎อโตแ๎ ยง๎ เก่ียวกับสัญญาทางปกครอง และการยุตขิ อ๎ โตแ๎ ย๎งจําต๎องมคี ําบงั คับตามมาตรา
๗๒ วรรคหน่งึ (๓) แหํงพระราชบัญญัติจัดต้ังศาลปกครองฯ ผ๎ูฟูองคดีจึงเป็นผู๎มีสิทธิฟูองคดี (คําสั่ง
ศาลปกครองสูงสุดท่ี ๓๗๓/๒๕๕๓)
หมายเหตุ คดนี แ้ี มม๎ หาวทิ ยาลยั นอรท์ เชียงใหมํ จะเปน็ มหาวิทยาลยั เอกชน แตํเม่ือ
ได๎รบั มอบหมายให๎ดาํ เนินกจิ การบรกิ ารสาธารณะด๎านการศกึ ษา อันเป็นกิจการทางปกครองและใช๎
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสงู สุด เกี่ยวกบั สญั ญำทำงปกครอง |๑๖๘
อํานาจทางปกครองในการดําเนินกิจการดังกลําวตามมาตรา ๘ แหํงพระราชบัญญัติ
สถาบันอุดมศึกษาเอกชน พ.ศ. ๒๕๔๖ จึงเป็นหนํวยงานทางปกครอง ตามมาตรา ๓ แหํง
พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองฯ การบอกเลิกจ๎างผู๎ฟูองคดีซึ่งปฏิบัติหน๎าท่ี อาจารย์ใน
มหาวทิ ยาลัยข๎างตน๎ จึงเปน็ คดีพิพาทเกยี่ วกบั สัญญาทางปกครองตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๔) แหํง
พระราชบัญญัตเิ ดยี วกัน
กรณีท่ีมหาวทิ ยาลยั มหาสารคามมคี ําสัง่ ยกเลิกสญั ญาจ๎าง ผูถ๎ ูกฟูองคดีเปน็ พนักงาน
ปฏิบตั ิการ สังกัดสํานักพิมพ์ของมหาวิทยาลัยฯ เนื่องจากคณะกรรมการมหาวิทยาลัยมหาสารคาม
(ก.บ.ม.) เห็นวําเป็นการจ๎างในลักษณะการจ๎างงานประจําและขัดตํอวัตถุประสงค์ของโครงการ
เปล่ียนเส๎นทางชีวิต : เกษียณกํอนกําหนด รวมท้ังได๎มีหนังสือถึงผู๎ถูกฟูองคดีเพ่ือเรียกให๎คืนเงิน
คําจา๎ งและคําตอบแทนที่ได๎รับให๎แกํมหาวิทยาลัยฯ แตํผ๎ูถูกฟูองคดีมีหนังสือแจ๎งปฏิเสธไมํชําระหนี้
ตามทม่ี หาวิทยาลัยฯ ทวงถามนนั้ เปน็ กรณีท่มี ขี ๎อโตแ๎ ยง๎ เกีย่ วกับสัญญาทางปกครองที่มหาวิทยาลัย
ฯ ถูกโต๎แย๎งสิทธิและได๎รับความเดือดร๎อน หรือเสียหาย มหาวิทยาลัยฯ จึงมีสิทธินําคดีมาฟูองตํอ
ศาลไดต๎ ามมาตรา ๔๒ วรรคหนึ่ง แหํงพระราชบญั ญตั ิจดั ต้งั ศาลปกครองฯ (คําสัง่ ศาลปกครองสงู สดุ
ท่ี ๒๕๓/๒๕๕๔)
กรณีฟอู งวํา เทศบาลตําบลบอํ ไทยไดท๎ ําสัญญาจ๎างผ๎ูฟูองคดี เปน็ พนักงานจ๎างทว่ั ไป
ตําแหนํงผ๎ูชํวยครูดูแลเด็กอนุบาลและปฐมวัย ที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ๎านโนนตูม แตํตํอมาเทศบาล
ตําบลบํอไทยได๎มีคําส่ังให๎ผู๎ฟูองคดีพ๎นจากตําแหนํง เน่ืองจากผู๎ฟูองคดีไมํผํานการประเมินผลการ
ปฏิบัติงานและไมํตํอสัญญาจ๎างผู๎ฟูองคดี ผ๎ูฟูองคดีเห็นวํา กระบวนการประเมินผลการปฏิบัติงาน
และการออกคาํ สัง่ ดงั กลําวไมํชอบด๎วยกฎหมาย จึงนําคดี มาฟูองขอให๎ศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ัง
ให๎เพิกถอนคําสั่งของเทศบาลตําบลบํอไทย และ ผลการประเมินผลการปฏิบัติงานของผ๎ูฟูองคดี
ดังกลาํ ว ให๎นายกเทศมนตรีตําบลบํอไทย และเทศบาลตาํ บลบํอไทยประเมินผลการปฏบิ ัตงิ านของผ๎ู
ฟูองคดีใหมํ รวมท้ังให๎เทศบาล ตําบลบํอไทยตํอสัญญาจ๎างและคืนสิทธิหน๎าที่อันพึงมีพึงได๎ทั้งปวง
ให๎แกํผู๎ฟูองคดี น้ัน เมื่อปรากฏวําการที่เทศบาลตําบลบํอไทยโดยนายกเทศมนตรีตําบลบํอไทยมี
คําสั่งไมํตํอสัญญาจ๎าง ให๎แกํผ๎ูฟูองคดีเน่ืองจากการประเมินผลการปฏิบัติงานไมํผําน มีผลทําให๎ผู๎
ฟอู งคดีต๎องพ๎นจากการเป็นพนักงานจ๎างท่ัวไปตําแหนํงผ๎ูชํวยครูดูแลเด็กอนุบาลและปฐมวัยฯ ตาม
คําส่ังดังกลําว ผู๎ฟูองคดีจึงเป็นผู๎ได๎รับความเดือดร๎อนหรือเสียหายโดยมิอาจหลีกเล่ียงได๎จากการ
กระทาํ ทพี่ พิ าท (คาํ สง่ั ศาลปกครองสงู สุดท่ี ๕๒/๒๕๕๕)
กรณีฟูองขอให๎องค์การบริหารสํวนตําบลเขื่องคําจํายเงินคําจ๎าง ประจําเดือน
ตุลาคม ๒๕๕๕ จํานวน 5,000 บาท ให๎แกํผ๎ูฟูองคดีที่ ๑ และที่ ๒ นั้น แม๎สัญญาจ๎างผ๎ูฟูองคดีท้ัง
สองสน้ิ สดุ ลงต้ังแตํวนั ที่ ๓๐ กนั ยายน ๒๕๕๕ แตํนายกองค์การบริหารสํวนตําบลเขื่องคํายังคงให๎ผู๎
ฟูองคดีทั้งสองปฏิบัติงานในหน๎าที่ตํอเน่ืองตลอดมาจนถึงวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ โดยนายก
องค์การบริหารสํวนตําบลเข่ืองคําไมํได๎แจ๎งให๎ผ๎ูฟูองคดีทั้งสองหยุดการปฏิบัติหน๎าท่ีแตํอยํางใด
ตํอมา ภายหลังนายกองค์การบริหารสํวนตําบลเข่ืองคํา จึงได๎มีหนังสือองค์การบริหารสํวนตําบล
เข่ืองคํา ที่ ยส ๗๑๓๐๑/๔๔๐ และ ท่ี ยส ๗๑๓๐๑/๔๙๑ ลงวันท่ี ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ ตามลําดับ
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด เกี่ยวกบั สญั ญำทำงปกครอง |๑๖๙
แจ๎งให๎ผ๎ูฟูองคดีทั้งสองทราบวําสัญญาจ๎างได๎สิ้นสุด ต้ังแตํวันท่ี ๓๐ กันยายน ๒๕๕๕ และองค์การ
บริหารสํวนตําบลเข่ืองคํามิได๎ตํอสัญญาจ๎างให๎ผ๎ูฟูองคดีท้ังสอง ผู๎ฟูองคดีท้ังสองจึงฟูองขอให๎นายก
องค์การบริหารสํวนตาํ บลเขอื่ งคาํ จํายเงนิ คําจ๎างของเดือนตุลาคม ๒๕๕๔ ให๎แกผํ ฟ๎ู ูองคดีทง้ั สอง จงึ
ถือได๎วําผ๎ูฟูองคดีท้ังสอง กับนายกองค์การบริหารสํวนตําบลเข่ืองคํามีข๎อโต๎แย๎งกันแล๎วในประเด็น
เกี่ยวกบั เงินคาํ จ๎าง ประจําเดือนตลุ าคม ๒๕๕๕ (คําส่งั ศาลปกครองสงู สดุ ท่ี ๑๔๔/๒๕๕๗)
กรณีท่ีผู๎ฟูองคดียื่นฟูองโดยมีคําขอให๎ศาลพิจารณาความเสียหายที่ผ๎ูฟูองคดีได๎รับ
จากการที่ต๎องพ๎นจากการเป็นพนักงานจ๎างของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ตามสัญญาทางปกครอง
ผู๎ฟูองคดีจงึ เป็นผ๎มู ีสิทธฟิ ูองคดีตอํ ศาลปกครอง (คําสั่งศาลปกครองสูงสดุ ท่ี ๕๕๐/๒๕๕๗)
กรณีที่กรมทางหลวงได๎บอกเลิกสัญญาที่ทํากับผู๎ฟูองคดีและได๎แจ๎งเวียนชื่อผู๎ฟูอง
คดีในบัญชีรายช่ือผ๎ูขาดคุณสมบัติเสนอราคาผ๎ูรับเหมากํอสร๎างช้ันพิเศษ งานกํอสร๎างทางช้ัน ๑
ถึงชั้น ๔ และงานกํอสร๎างสะพานชั้น ๑ ถึงชั้น ๔ ทําให๎ผู๎ฟูองคดี ไมํสามารถซ้ือแบบและเข๎ารํวม
ประกวดราคากับหนํวยงานท่สี ังกดั กรมทางหลวงและหนวํ ยงาน ของกรมทางหลวงได๎ ผู๎ฟูองคดียํอม
เป็นผไู๎ ดร๎ บั ความเดอื ดร๎อนหรอื เสียหายจากการกระทําของกรมทางหลวง (คําส่ังศาลปกครองสูงสุด
ท่ี ๖๔/๒๕๕๘)
กรณกี ารปฏิเสธไมใํ หท๎ นุ การศึกษาแกผํ ฟ๎ู ูองคดีซึ่งเป็นอาจารย์ในสังกดั ตามข๎อตกลง
ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราชได๎ให๎ไว๎ ผ๎ูฟูองคดีในฐานะคูํสัญญา จึงเป็นผ๎ูได๎รับความ
เดือดร๎อนหรือเสียหายหรืออาจจะเดือดร๎อนหรือเสียหายโดยมิอาจหลีกเล่ียงได๎ จากการท่ี
มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราชไมํปฏิบัติตามข๎อตกลงท่ีให๎ไว๎ (คําส่ังศาลปกครอง สูงสุดที่
๒๒๐/๒๕๕๕)
1.4) กรณีพิพาทที่สิทธิในการฟ้องคดีตกทอดแก่ทายาทโดยธรรมของผู้รับ
สมั ปทาน
กรณีท่ีผ๎ูฟูองคดีซึ่งเป็นทายาทโดยธรรมของผ๎ูรับสัมปทาน ตามสัญญาสัมปทานทํา
ไมป๎ าุ ชายเลนซึง่ ถงึ แกคํ วามตายไปแล๎ว ย่นื ฟูองคดตี ํอศาลเพอ่ื ขอให๎ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ซง่ึ
เป็นคูํสัญญาผูใ๎ ห๎สมั ปทานในสญั ญาสัมปทานดังกลาํ วจาํ ยเงนิ ชดเชยความเสียหายจากการที่มีคําสั่ง
ใหร๎ ะงบั การทําไมต๎ ามสัญญาสมั ปทานโดยไมํมีกําหนด ซึ่งถือเป็นการผิดสัญญาสัมปทาน นั้น การที่
คํูสัญญาในสัญญาสัมปทานถึงแกํความตาย สิทธิ หน๎าท่ีและความรับผิดตํางๆ ตามสัญญายํอมเป็น
มรดกตกทอดแกํทายาทโดยธรรมของคํูสัญญา ที่ถึงแกํความตายตามมาตรา ๑๕๔๙ และมาตรา
๑๖๐๐ แหํงประมวลกฎหมายแพํงและพาณิชย์ และแม๎วําการแตํงต้ังผ๎ูจัดการมรดกจะยังไมํเสร็จ
สมบรู ณต์ ามกฎหมาย ทายาทโดยธรรมในฐานะเจ๎าของรวมในทรัพย์มรดกตามมาตรา ๑๓๕๔ แหํง
ประมวลกฎหมายดังกลําว ยํอมเป็นผ๎ูเสียหาย หรืออาจจะเสียหายที่มีสิทธิฟูองคดีเก่ียวกับการ
กระทําผิดสัญญาข๎างต๎นตํอศาลปกครองได๎ ตามมาตรา ๔๒ วรรคหนึ่ง แหํงพระราชบัญญัติจัดตั้ง
ศาลปกครองฯ (คําสัง่ ศาลปกครองสงู สดุ ท่ี ๓๓๙/๒๕๔๖)
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด เกี่ยวกบั สญั ญำทำงปกครอง |๑๗๐
1.5.) กรณีพพิ าททมี่ ีการเรยี กใหค้ ู่สัญญาอีกฝ่ายหนึง่ ชาระหน้ี โดยระบวุ า่ จะ
บังคับจากหลักประกันและบอกเลกิ สญั ญาหากไมม่ ีการชาระหนี้
สัญญาท่กี ารสอ่ื สารแหงํ ประเทศไทย (ผถ๎ู กู ฟอู งคดี) ทํากับบริษัทเอกชน (ผู๎ฟูองคดี)
เพ่ือดําเนินการให๎บริการวิทยุติดตามตัว เป็นสัญญาที่มีวัตถุประสงค์หลักเกี่ยวกับการ ให๎บริการ
สาธารณะแกํประชาชนทั่วไป ประกอบกับในสัญญามีข๎อกําหนดที่มีลักษณะพิเศษซ่ึงแสดงถึงเอก
สิทธิ์ของรัฐท่ีไมํอาจพบได๎ในสัญญาแหํงทั่วไป สัญญาดังกลําวจึงเป็นสัญญาทางปกครอง การท่ีข๎อ
สญั ญากาํ หนดให๎การสอ่ื สารฯ มีหน๎าทีต่ อ๎ งใหบ๎ รษิ ทั เอกชน คสํู ัญญาใช๎สถานที่ของตนเพื่อประโยชน์
ในการดําเนินกิจการตามสัญญา เป็นเหตุให๎การส่ือสารฯ อาศัยข๎อสัญญาดังกลําวแจ๎งให๎บริษัท
คูํสัญญาไปทําสัญญาขอใช๎อาคารสถานท่ีและชําระเงิน คําบํารุงรักษาสถานท่ีที่บริษัทเข๎าใช๎
ประโยชน์ เมื่อบริษัทฯ คํูสัญญาปฏิเสธการทําสัญญา และการชําระเงินดังกลําวเนื่องจากเห็นวํา
บริษัทฯ มสี ิทธิใชส๎ ถานทีต่ ามสัญญาขา๎ งตน๎ ไดอ๎ ยแูํ ลว๎ โดยไมํตอ๎ งเสียคําตอบแทน การส่อื สารฯ จงึ ได๎
แจ๎งให๎บริษัทฯ ชําระหน้ีอีกคร้ังหน่ึงพร๎อมท้ังแจ๎งวําจะใช๎สิทธิบังคับกับหลักประกันการปฏิบัติตาม
สัญญาและบอกเลิกสัญญา หากไมํมีการชําระหน้ีนั้น ถือได๎วํามีข๎อพิพาทเก่ียวกับสัญญาทาง
ปกครองเกดิ ขน้ึ แล๎ว บริษัทฯ คสํู ัญญา จึงมีสทิ ธิฟอู งคดีตํอศาลปกครองขอให๎ยกเลิกการแจง๎ ใหช๎ ําระ
หน้ีข๎างต๎นได๎ (คาํ สั่งศาลปกครองสูงสุดที่ ๕๗๒/๒๕๕๖)
1.6) กรณีพพิ าทเก่ียวกบั สญั ญาต่าง ๆ
สญั ญาที่การสื่อสารแหํงประเทศไทย (ผูถ๎ ูกฟูองคดี) ทํากบั บรษิ ัทเอกชน (ผ๎ูฟูองคดี)
เพื่อดําเนินการให๎บริการวิทยุติดตามตัว เป็นสัญญาท่ีมีวัตถุประสงค์หลักเกี่ยวกับการให๎บริการ
สาธารณะแกํประชาชนทั่วไป ประกอบกับในสัญญามีข๎อกําหนดท่ีมีลักษณะพิเศษซึ่งแสดงถึง
เอกสทิ ธ์ิของรัฐทไี่ มํอาจพบได๎ในสัญญาแหงํ ท่ัวไป สัญญาดังกลําว จึงเป็นสัญญาทางปกครอง การที่
ข๎อสัญญากําหนดให๎การส่ือสารฯ มีหน๎าที่ต๎องให๎บริษัทเอกชน คํูสัญญาใช๎สถานที่ของตนเพ่ือ
ประโยชน์ในการดําเนินกิจการตามสัญญา เป็นเหตุให๎การส่ือสารฯ อาศัยข๎อสัญญาดังกลําวแจ๎งให๎
บริษัทคูํสัญญาไปทําสัญญาขอใช๎อาคารสถานที่และชําระเงิน คําบํารุงรักษาสถานที่ท่ีบริษัทเข๎าใช๎
ประโยชน์ เมื่อบริษัทฯ คูํสัญญาปฏิเสธการทําสัญญา และการชําระเงินดังกลําวเนื่องจากเห็นวํา
บริษทั ฯ มีสทิ ธใิ ชส๎ ถานทต่ี ามสญั ญาขา๎ งตน๎ ไดอ๎ ยแํู ล๎ว โดยไมตํ ๎องเสยี คําตอบแทน การสอ่ื สารฯ จึงได๎
แจ๎งให๎บริษัทฯ ชําระหนี้อีกคร้ังหนึ่งพร๎อมท้ังแจ๎งวําจะใช๎สิทธิบังคับกับหลักประกันการปฏิบัติตาม
สัญญาและบอกเลิกสญั ญาหากไมมํ ีการชําระหน้ี นน้ั ถอื ไดว๎ ํามขี อ๎ พพิ าทเก่ียวกบั สัญญาทางปกครอง
เกิดข้ึนแล๎ว บริษัทฯ คํูสัญญา จึงมีสิทธิฟูองคดีตํอศาลปกครองขอให๎ยกเลิกการแจ๎งให๎ชําร ะหน้ี
ข๎างต๎นได๎ (คาํ สั่งศาลปกครอง สงู สุดท่ี ๕๗๒/๒๕๕๖)
กรณีที่บริษัทเอกชน (ผูฟ๎ อู งคดี) ทําสญั ญารํวมลงทุนกบั การสอ่ื สารแหงํ ประเทศไทย
(ผถู๎ กู ฟอู งคด)ี จดั ตง้ั บริษทั เพอื่ ดําเนนิ กิจการโทรคมนาคมและบริการบัตรโทรศัพท์ระหวํางประเทศ
โดยผถู๎ ูกฟูองคดีเป็นคูสํ ัญญากับบริษัทท่ีจัดต้ังข้ึนดังกลําว ในสัญญาดําเนินกิจการโทรคมนาคมและ
บรกิ ารบัตรโทรศพั ท์ระหวาํ งประเทศ และมสี ญั ญาผถ๎ู อื ห๎ุนของบรษิ ทั ฯ ซงึ่ ทาํ ขนึ้ ระหวาํ งผฟู๎ อู งคดกี บั
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด เกีย่ วกบั สญั ญำทำงปกครอง |๑๗๑
ผ๎ูถูกฟูองคดีเป็นสํวนหน่ึงของสัญญา ดําเนินกิจการโทรคมนาคมฯ ข๎างต๎น ท้ังนี้ ผู๎ถูกฟูองคดีมีสิทธิ
ต้ังตัวแทนเพื่อเป็นประธานกรรมการและกรรมการในบริษัทท่ีจัดตั้งข้ึนด๎วย ตํอมา ปรากฏวําผ๎ูถูก
ฟูองคดีได๎จงใจกระทําการเพื่อให๎เกิดความเสียหายแกํผู๎ฟูองคดีและแกํบริษัทที่จัดต้ังข้ึนเป็นเหตุให๎
บรษิ ัทฯ มรี ายไดจ๎ ากการประกอบกิจการลดลง กรณีดังกลําวบริษัทฯ ไมํอาจดําเนินคดีกับผู๎ถูกฟูอง
คดีได๎ เน่ืองจากผ๎ูถูกฟูองคดีมีคําสั่งห๎ามกรรมการฝุายผู๎ถูกฟูองคดีลงนามในการแตํงตั้งทนายความ
ทําใหผ๎ ูฟ๎ อู งคดีในฐานะผถ๎ู อื หน๎ุ สวํ นใหญขํ องบรษิ ัทฯ ได๎รบั ความเสียหาย จึงฟอู งขอใหศ๎ าลปกครองมี
คําสงั่ ให๎ผถู๎ ูกฟูองคดกี ระทําการหรืองดเวน๎ กระทําการเพื่อเปน็ การแกไ๎ ขความเสยี หายให๎แกํผ๎ูฟูองคดี
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวํา การที่คูํสัญญาฝุายหน่ึงในสัญญารํวมลงทุนจัดตั้งบริษัท กระทําให๎เกิด
ความเสียหายแกกํ ารดาํ เนนิ กิจการของบรษิ ทั ที่รวํ มกันจดั ตง้ั ข้นึ คสูํ ญั ญาอีกฝุายหนึ่งในฐานะผู๎ถอื หน๎ุ
ยํอมเปน็ ผ๎เู สยี หายซึ่งมีสิทธฟิ ูองคํสู ญั ญาฝาุ ยท่ีกอํ ใหเ๎ กิดความเสยี หายแทนบริษัทดังกลําวได๎โดยตรง
ดังนั้น การที่ปรากฏวําบริษัทข๎างต๎น ไมํอาจใช๎สิทธิทางศาลได๎ด๎วยเหตุไมํได๎รับความเห็นชอบจาก
กรรมการทีม่ าจากฝุายผถู๎ กู ฟูองคดี ซึง่ เปน็ คํสู ญั ญารํวมลงทุนจัดต้ังบริษัท ผู๎ฟูองคดีในฐานะผ๎ูถือหุ๎น
ซึ่งมีอํานาจในการควบคุมและตรวจสอบการปฏิบัติหน๎าที่ของกรรมการบริษัท จึงเป็นผู๎ได๎รับความ
เดอื ดร๎อนหรือเสยี หายหรือ อาจจะเดือดร๎อนหรือเสียหายที่มีสิทธิฟูองคดีแทนบริษัทได๎โดยตรงตาม
มาตรา ๔๒ วรรคหน่ึง แหํงพระราชบัญญัติจัดต้ังศาลปกครองฯ เพ่ือให๎ผ๎ูถูกฟูองคดีกระทําการหรือ
งดเว๎นกระทําการ อันเป็นการแก๎ไขหรือบรรเทาความเดือดร๎อนหรือเสียหายให๎แกํผ๎ูฟูองคดี และ
เน่ืองจากสัญญาผู๎ถือหุ๎นระหวํางผ๎ูฟูองคดีกับผ๎ูถูกฟูองคดี และสัญญาดําเนินกิจการโทรคมนาคมฯ
เป็นสญั ญาทางปกครอง กรณีจึงเป็นข๎อพิพาทเกี่ยวกับสัญญาทางปกครองตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง
(๔) แหํงพระราชบญั ญัตจิ ดั ตั้งศาลปกครองฯ (คําส่ังศาลปกครองสงู สดุ ที่ 6๑๐/๒๕๔๖)
กรณีท่ีกรมวิทยาศาสตร์บริการ (ผู๎ถูกฟูองคดี) ซ่ึงเป็นผู๎วําจ๎างตามสัญญาจ๎าง
กํอสร๎างอาคารฝึกอบรมและพัฒนาเทคนคิ ทางวิทยาศาสตร์ ไดท๎ าํ บันทกึ ขอ๎ ตกลงกับผ๎ฟู ูองคดซี ง่ึ เปน็
ผู๎รับจ๎างท่ีจะแก๎ไขเปล่ียนแปลงสัญญาแนบท๎ายสัญญาดังกลําว โดยข๎อตกลงเกี่ยวกับการแก๎ไข
เปล่ียนแปลงอุปกรณ์ระบบโสตและทัศน์ระบุวํา วงเงินการปรับลดราคาของการเปลี่ยนแปลงให๎ใช๎
แนวทางตามคาํ วนิ ิจฉยั ตอบข๎อหารอื ของสํานักนายกรฐั มนตรี เมื่อปรากฏวําสํานักนายกรัฐมนตรีได๎
มีคําวินิจฉัยวํากรณีดังกลําวให๎เป็นดุลพินิจของผู๎ถูกฟูองคดีท่ีจะพิจารณา โดยไมํทําให๎ทางราชการ
เสียประโยชน์ ซึ่งผู๎ถูกฟูองคดีมีความเห็นวํา การเปล่ียนแปลงดังกลําว มีผลทําให๎ต๎องมีการปรับลด
ราคาตามสัญญาจ๎างโดยผู๎ฟูองคดีต๎องคืนเงินให๎แกํทางราชการ เนื่องจากอุปกรณ์ท่ีผู๎ฟูองคดีขอ
เปล่ียนแปลงมีราคาตํ่ากวําอุปกรณ์เดิม อันเป็นการปฏิบัติตามข๎อตกลงแนบท๎ายสัญญา โดยผ๎ูถูก
ฟูองคดีได๎หักเงินท่ีปรับลดดังกลําวจากคําจ๎างของงวดงานที่ ๑๙ ของผู๎ฟูองคดี แตํผ๎ูฟูองคดีเห็นวํา
การปรับลดจาํ นวนเงินข๎างต๎นไมํถูกต๎อง จึงนําคดีมาฟูองตํอศาล นั้น กรณีเป็นการโต๎แย๎งข๎อสัญญา
อันเป็นคดีพิพาทเก่ียวกับสัญญาทางปกครอง ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๔) แหํงพระราชบัญญัติ
จดั ตง้ั ศาลปกครองฯ แลว๎ (คําสงั่ ศาลปกครองสูงสุดท่ี ๖๗๘/๒๕๕๙)
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด เกีย่ วกบั สญั ญำทำงปกครอง |๑๗๒
กรณีกรมศุลกากร (ผู๎ฟูองคดี) ซ่ึงได๎มอบอํานาจให๎ผู๎วําราชการจังหวัดนราธิวาสทําสัญญา
จ๎างให๎บริษัท อ. (ผ๎ูถูกฟูองคดี) กํอสร๎างอาคารที่ทําการศูนย์ราชการชายแดนสุไหงโก-ลก พร๎อมส่ิง
ปลูกสร๎างประกอบ ณ ดํานพรมแดนสไุ หงโก-ลก ฟูองขอให๎ผู๎ถูกฟูองคดีชดใช๎คําเสียหายเป็นจํานวน
เงินคาํ จา๎ งท่ีสูงข้ึนพร๎อมดอกเบี้ยจากการจ๎างผู๎รับจ๎างรายใหมํให๎ทํางานกํอสร๎างตํอจากผู๎ถูกฟูองคดี
ซึง่ ไมสํ ามารถทํางานให๎แลว๎ เสรจ็ ภายในกาํ หนดเวลาตามสญั ญานั้น เป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญาจัด
ให๎มีส่ิงสาธารณูปโภคซึ่งเป็นสัญญาทางปกครองตามมาตรา ๓ แหํงพระราชบัญญัติจัดตั้งศาล
ปกครองฯ ท่ีศาลปกครอง มีอํานาจพิจารณาพิพากษาหรือมีคําสั่งได๎ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๔)
แหํงพระราชบัญญัติดังกลําว และการท่ีผู๎ถูกฟูองคดีไมํชําระคําจ๎างที่เพิ่มข้ึนพร๎อมดอกเบ้ียเป็นการ
โต๎แย๎งสิทธิของผ๎ูฟูองคดีตามสัญญา โดยการยุติข๎อโต๎แย๎งนั้นเป็นคําขอที่ศาลมีอํานาจกําหนดคํา
บังคับให๎ได๎ ตามมาตรา ๗๒ วรรคหน่ึง (๓) แหํงพระราชบัญญัติเดียวกัน ผ๎ูฟูองคดีจึงเป็นผ๎ูมีสิทธิ
ฟูองคดี ตามมาตรา ๔๒ วรรคหนึ่ง แหํงพระราชบัญญัติจัดต้ังศาลปกครองฯ (คําสั่งศาลปกครอง
สงู สุด ท่ี ๔๗๐/๒๕๕๙)
กรณีฟูองวํา องค์การเภสัชกรรม (ผู๎ถูกฟูองคดี) ได๎วําจ๎างให๎ผ๎ูฟูองคดีทํางาน
โครงการกํอสร๎าง Manufacturing Facility & Utility อาคารผลิตยาต๎านไวรัสเอดส์และอาคาร
สนับสนุน ณ องค์การเภสัชกรรม รังสิต ตามสัญญาเลขท่ี ๙๑๐/๕๒ ลงวันที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๕๒
แตํผถ๎ู ูกฟูองคดีบอกเลิกสัญญาจ๎างดงั กลําวโดยผ๎ฟู อู งคดไี มํไดเ๎ ป็นฝาุ ยผิดสญั ญา ผ๎ฟู ูองคดจี ึงนําคดมี า
ฟูองขอให๎ศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังให๎ผ๎ูถูกฟูองคดีคืนเงินหลักประกันสัญญาให๎แกํผ๎ูฟูองคดี น้ัน
เม่อื ข๎อเท็จจริงปรากฏวํา ในการปฏบิ ตั ติ ามสัญญาจา๎ งท่ีพพิ าทผฟู๎ อู งคดไี ดน๎ ําหลกั ประกนั เปน็ หนังสือ
ค้ําประกันของธนาคารมามอบให๎ไว๎แกํผู๎ถูกฟูองคดีซึ่งตํอมาผ๎ูถูกฟูองคดีเห็น วําผ๎ูฟูองคดีทํางานไมํ
แล๎วเสร็จภายในระยะเวลาตามสัญญา จึงมีหนังสือบอกเลิกสัญญากับผู๎ฟูองคดีและริบหลักประกัน
ตามหนงั สอื คาํ้ ประกันดงั กลาํ ว โดยแจ๎งธนาคารดังกลําวให๎นําเงินมาชําระตามสัญญาค้ําประกัน ซ่ึง
ธนาคารได๎ชําระเงินให๎แกํผู๎ถูกฟูองคดีแล๎วและเงินหลักประกันที่ธนาคารได๎นําชําระให๎แกํผู๎ถูกฟูอง
คดีเป็นเงินของผู๎ฟูองคดี ผู๎ฟูองคดียํอมเป็นผู๎ได๎รับความเดือดร๎อนหรือเสียหายหรือมีข๎อโต๎แย๎ง
เก่ียวกับสัญญาทางปกครองจากการที่ผ๎ูถูกฟูองคดีได๎ใช๎สิทธิริบหลักประกันดังกลําวและมีสิทธิฟูอง
ขอให๎ผู๎ถูกฟูองคดีคืนเงินหลักประกันดังกลําวได๎ ประกอบกับคําขอของผ๎ูฟูองคดีเป็นคําขอท่ีศาล
สามารถออกคําบังคับได๎ตามมาตรา ๗๒ วรรคหนึ่ง (๓) แหํงพระราชบัญญัติจัดต้ังศาลปกครองฯ
ผู๎ฟูองคดีจึงเป็นผู๎มีสิทธิฟูองคดีข๎อหานี้ ตํอศาลปกครองตามมาตรา ๔๒ วรรคหนึ่ง
แหํงพระราชบัญญัติเดยี วกนั (คสงั่ ศาฃปกครองสูงสดุ ที่ ๒๙๙/๒๕๖๐)
กรณีฟูองวํา องค์การเภสัชกรรม (ผู๎ถูกฟูองคดี) ได๎วําจ๎าง ให๎ผ๎ูฟูองคดีทํางาน
โครงการกํอสร๎าง Manufacturing Facility & Utility อาคารผลิตยาต๎านไวรัสเอดส์ และอาคาร
สนับสนุน ณ องค์การเภสัชกรรม รังสิต ตามสัญญาเลขท่ี ๙๑๐/๕๒ ลงวันท่ี ๑๘ กันยายน ๒๕๕๒
แตผํ ๎ูถกู ฟอู งคดบี อกเลกิ สญั ญาจา๎ งดงั กลําวโดยผู๎ฟอู งคดไี มํไดเ๎ ป็นฝุายผิดสัญญาผ๎ูฟูองคดีจึงนําคดีมา
ฟูองขอให๎ศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังให๎ผู๎ถูกฟูองคดีคืนเงินหลักประกันสัญญาให๎แกํผู๎ฟูองคดี นั้น
เมื่อข๎อเท็จจริงปรากฏวํา ในการปฏิบัติตามสัญญาจ๎างท่ีพิพาท ผู๎ฟูองคดีได๎นําหลักประกันเป็น
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด เกี่ยวกบั สญั ญำทำงปกครอง |๑๗๓
หนังสือค้ําประกันของธนาคารมามอบให๎ไว๎แกํผู๎ถูกฟูองคดี ซึ่งตํอมา ผ๎ูถูกฟูองคดีเห็นวํา ผู๎ฟูองคดี
ทํางานไมํแล๎วเสร็จภายในระยะเวลาตามสัญญา จึงมีหนังสือบอกเลิกสัญญากับผู๎ฟูองคดีและริบ
หลักประกันตามหนังสือคํ้าประกันดังกลําว โดยแจ๎งธนาคารดังกลําวให๎นําเงินมาชําระตามสัญญา
คาํ้ ประกัน ซง่ึ ธนาคารไดช๎ ําระเงินใหแ๎ กผํ ถ๎ู กู ฟูองคดแี ล๎ว และเงนิ หลักประกนั ที่ธนาคารไดน๎ าํ มาชาํ ระ
ใหแ๎ กํผถ๎ู ูกฟูองคดีเปน็ เงินของผู๎ฟูองคดี ผ๎ูฟูองคดียํอมเป็นผ๎ูได๎รับความเดือดร๎อนหรือเสียหายหรือมี
ข๎อโต๎แย๎งเกยี่ วกับสัญญาทางปกครองจากการท่ีผ๎ูถูกฟูองคดีได๎ใช๎สิทธิริบหลักประกันดังกลําวและมี
สิทธฟิ อู งขอให๎ผถ๎ู ูกฟูองคดคี ืนเงินหลกั ประกนั ดงั กลําวได๎ ประกอบกบั คาํ ขอของผ๎ูฟูองคดเี ปน็ คําขอท่ี
ศาลสามารถออกคาํ บงั คับไดต๎ ามมาตรา ๗๒ วรรคหนงึ่ (๓) แหงํ พระราชบญั ญตั จิ ัดตัง้ ศาลปกครองฯ
ผู๎ฟูองคดีจึงเป็นผ๎ูมีสิทธิฟูองคดีข๎อหาน้ี ตํอศาลปกครองตามมาตรา ๔๒ วรรคหนึ่ง แหํง
พระราชบญั ญัตเิ ดียวกนั (คําสัง่ ศาลปกครองสูงสุดท่ี ๒๙๙/๒๕๖๐)
กรณผี ฟ๎ู อู งคดซี ่ึงเป็นผใ๎ู ชบ๎ ริการสนามบนิ อุดรธานี ฟอู งวํา เดมิ ผูฟ๎ ูองคดีนํารถเข๎าไป
จอดบรเิ วณพื้นทหี่ น๎าอาคารท่พี กั ผ๎โู ดยสารของทาํ อากาศยานอุดรธานี (ผ๎ูถูกฟูองคดีที่ ๑) โดยมิต๎อง
เสียคําท่ีจอดรถ ได๎รับความเดือดร๎อนเสียหายจากการที่ในเวลาตํอมา ผู๎ถูกฟูองคดีท่ี ๑ ได๎นําพ้ืนที่
หน๎าอาคารท่ีพักผ๎ูโดยสารดังกลําว ซ่ึงเป็นพ้ืนท่ีสาธารณสมบัติของแผํนดินสําหรับประชาชนใช๎
รํวมกัน ไปทําสัญญากับบริษัท ปตท. จํากัด (มหาชน) เพ่ือให๎บริษัท ปตท. จํากัด (มหาชน) จัดเก็บ
คําบริการลานจอดรถ ขอให๎ศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งห๎ามไมํให๎ผู๎ถูกฟูองคดีที่ ๑ และกรมทํา
อากาศยาน (ผูถ๎ กู ฟูองคดที ่ี ๒) นาํ พื้นทหี่ นา๎ อาคารทพ่ี ักผ๎โู ดยสารซ่งึ เปน็ ทีส่ าธารณะไปหารายไดด๎ ว๎ ย
การใหบ๎ รษิ ทั ปตท. จาํ กดั (มหาชน) เป็นผู๎จัดเก็บรายไดจ๎ ากผท๎ู ม่ี าใชบ๎ รกิ ารสนามบนิ ซ่ึงนาํ รถเข๎ามา
จอดในพ้ืนที่ดังกลําว น้ัน เมื่อเดิม ผ๎ูฟูองคดีสามารถนํารถเข๎าไปจอดบริเวณดังกลําวได๎โดยมิได๎เสีย
คําที่จอดรถแตํอยํางใด ตํอมาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ ผ๎ูถูกฟูองคดีที่ ๒ ได๎ทําสัญญาให๎บริษัท
ปตท. จํากัด (มหาชน) เข๎ามาจัดเกบ็ คําทจ่ี อดรถกับผ๎ูฟูองคดีและประชาชนทั่วไป จึงถือวําผู๎ฟูองคดี
เป็นผ๎ูได๎รับความเดือดร๎อนและเสียหายตามมาตรา ๔๒ วรรคหน่ึง แหํงพระราชบัญญัติจัดต้ังศาล
ปกครองฯ (คาํ ส่งั ศาลปกครองสงู สุดที่ ๘๐๘/๒๕๖๐)
กรณีฟูองวํา ผ๎ูฟูองคดีในฐานะผ๎ูรับจ๎าง ทําบันทึกรํวมกับกรมทรัพยากรนํ้า (ผ๎ูถูก
ฟูองคดีที่ ๑) ในฐานะผ๎ูวําจ๎าง ตกลงยกเลิกสัญญาตามโครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหลํงน้ํา จํานวน ๑๖
ฉบบั และท้งั สองฝาุ ยตกลงจะไมเํ รยี กร๎องเงินหรือคําเสียหายใด ๆ หรือดําเนินการใด ๆ ท้ังทางแพํง
และทางอาญาตอํ ศาลอีกท้ังส้ิน โดยมีเหตุมาจากกรณีผู๎ฟูองคดี ได๎ทําสัญญารับจ๎างผ๎ูถูกฟูองคดีที่ ๑
ตามโครงการอนุรกั ษ์ฟนื้ ฟแู หลํงนา้ํ ของสํานกั งานทรพั ยากรนา้ํ ภาค ๙ จํานวน ๑๖ สญั ญา ผูฟ๎ ูองคดี
อ๎างวาํ ทํางานแลว๎ เสรจ็ ตามสญั ญา ๑๐ โครงการและมหี นงั สอื ลงวนั ท่ี ๑๘ สิงหาคม ๒๕๖๐ ทวงถาม
ให๎ผู๎ถูกฟูองคดีที่ ๑ ชําระเงินคําจ๎าง แตํผ๎ูถูกฟูองคดีที่ ๑ ไมํสามารถเบิกจํายคําจ๎างแกํผ๎ูฟูองคดีได๎
เพราะสํานักงานการตรวจเงินแผนํ ดนิ ไดม๎ ีข๎อทักท๎วง จึงมีการตกลงเลิกสัญญาทั้ง ๑๖ ฉบับดังกลําว
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด เกี่ยวกบั สญั ญำทำงปกครอง |๑๗๔
ผฟ๎ู ูองคดเี ห็นวาํ ผฟู๎ ูองคดมี ีสทิ ธไิ ดร๎ ับคาํ จา๎ งตามผลงานจาํ นวน ๑๐ โครงการทท่ี ําเสร็จแล๎ว จงึ นาํ คดี
มาฟูองขอให๎ศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังให๎มีการชดใช๎คําเสียหายดังกลําวให๎แกํผ๎ูฟูองคดี นั้น แม๎ผ๎ู
ฟูองคดีและผ๎ูถูกฟูองคดีที่ ๑ ได๎ทําบันทึกตกลงยกเลิกสัญญาท้ังหมด โดยตกลงไมํเรียกร๎อง
คําเสียหายท้ังทางแพํงหรือดําเนินคดีอาญาแล๎วก็ตาม แตํการท่ีผ๎ูฟูองคดียังคงติดใจเรียกร๎องคํา
กํอสร๎างตามสิทธิที่ได๎ทํางานแล๎วเสร็จกํอนการเลิกสัญญา โดยอ๎างวําการจัดทําบันทึกดังกลําว
หมายความเฉพาะการไมํเรียกคําเสียหายจากโครงการท่ีเหลืออีก ๖ โครงการ และผ๎ูถูกฟูองคดีที่ ๑
อ๎างวําจะหางานมาทดแทนให๎เพื่อชดเชยความเสียหายที่เกิดข้ึน ผู๎ฟูองคดีจึงยอมทําบันทึกตกลง
ยกเลิกสัญญาดังกลําว อันเป็นกลฉ๎อฉลของผู๎ถูกฟูองคดีท่ี ๑ ซ่ึงหากเป็นกรณีดังท่ีผ๎ูฟูองคดี กลําว
อ๎าง ผ๎ูฟูองคดีอาจจะได๎รับคําจ๎างตามสัญญาหรือคําการงานท่ีได๎ทําไปแล๎วตามแตํกรณี สํวนการ
ตีความขอ๎ สญั ญามผี ลอยาํ งไรนนั้ เปน็ ประเด็นเนื้อหาแหํงคดีท่ีต๎องวินิจฉัยตํอไป กรณีจึงต๎องถือวําผู๎
ฟูองคดแี ละผถ๎ู ูกฟูองคดีท่ี ๑ มีข๎อโตแ๎ ยง๎ เกย่ี วกับสญั ญาทางปกครองแล๎วผู๎ฟูองคดีจึงมีสิทธินําคดีมา
ฟอู งตามมาตรา ๔๒ วรรคหน่ึง แหงํ พระราชบญั ญตั ิจัดต้งั ศาลปกครองฯ (คาํ ส่งั ศาลปกครองสูงสุดที่
๘๐๙/๒๕๖๐)
(2) กรณที ศี่ าลปกครองวินจิ ฉยั ว่าไม่เปน็ ผู้ไดร้ บั ความเดอื ดรอ้ นหรือเสยี หายฯ
2.๑) กรณีพิพาททเ่ี ปน็ การฟอ้ งขอต่อสัญญาโดยทย่ี งั ไม่ไดย้ ่ืนคาขอต่อสัญญา
กรณีท่ีผู๎ฟอู งคดเี ป็นผู๎ได๎รับอนุญาตให๎จําหนํายนํ้าดื่มในโรงเรียนของรัฐมีกําหนด ๑
ปี กํอนครบกาํ หนดอนญุ าตเจา๎ หนา๎ ที่ของโรงเรียนได๎จัดให๎มีการยื่นซองเสนอราคาในปีตํอไป ผ๎ูฟูอง
คดีประสงคจ์ ะย่ืนซองเสนอราคา แตไํ ดร๎ ับแจ๎งจากเจ๎าหน๎าท่ดี งั กลาํ ววําไมํรบั พจิ ารณาซองของผู๎ฟอู ง
คดี ตํอมาได๎มีการเรียกให๎ผ๎ูฟูองคดีย่ืนซองเสนอราคาใหมํ แตํผู๎ฟูองคดีไมํยื่นเน่ืองจากได๎รับทราบ
จากรา๎ นค๎าด๎วยกนั วาํ จะไมไํ ด๎รบั การพจิ ารณา และตอํ มาผูฟ๎ อู งคดไี ดฟ๎ ูองขอใหศ๎ าลมคี าํ สงั่ อนญุ าตให๎
ผู๎ฟูองคดีจําหนํายนํ้าด่ืมเพียงผ๎ูเดียวตํอไป น้ัน เมื่อปรากฏข๎อเท็จจริงวํา ผ๎ูฟูองคดียังไมํได๎ยื่นซอง
เสนอราคาหรอื ยน่ื คาํ ขอตํอสญั ญาหรอื ขออนญุ าตใช๎สถานทีเ่ พ่อื ขายเครื่องดมื่ ตํอผ๎ูถูกฟอู งคดี จงึ เป็น
กรณีซงึ่ ยงั ไมมํ ีการกระทาํ หรือคําสงั่ ใดๆ ของผ๎ูถกู ฟูองคดีท่ีเป็นการไมรํ ับคาํ ขอหรอื ไมํอนญุ าตตามคาํ
ขอของผ๎ูฟูองคดี ผ๎ูฟูองคดีจึงยังไมํใชํผู๎ได๎รับความเดือดร๎อนหรือเสียหายท่ีจะมีสิทธิฟูองคดีตาม
มาตรา ๔๒ แหํงพระราชบัญญตั ิจดั ตั้งศาลปกครองฯ (คําสง่ั ศาลปกครองสูงสดุ ที่ ๔๐/๒๕๔๔)
2.๒) กรณพี ิพาททีผ่ ู้ฟ้องคดไี มไ่ ด้เป็นค่สู ัญญาในสัญญาพิพาท
กรณีท่ีผู๎ฟูองคดีซึ่งเป็นผ๎ูใช๎ไฟฟูาฟูองวําการทําสัญญาซ้ือขายไฟฟูา ระหวํางการ
ไฟฟาู ฝุายผลิตแหงํ ประเทศไทยกบั โรงไฟฟูาเอกชนมขี อ๎ กําหนดท่ที ําใหร๎ ัฐเสียเปรียบ ทาํ ใหม๎ ีตน๎ ทุน
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด เกีย่ วกบั สญั ญำทำงปกครอง |๑๗๕
การผลิตสูง ซึ่งอาจสํงผลกระทบให๎ผ๎ูฟูองคดีได๎รับความเดือดร๎อนหรือเสียหายเพราะต๎องใช๎ไฟฟูา
ราคาแพง จงึ ฟอู งขอใหเ๎ พิกถอนสัญญาดังกลาํ ว น้ัน เนือ่ งจากเง่ือนไขในสัญญา มีผลใช๎บังคับเฉพาะ
คํสู ญั ญา บุคคลทจี่ ะได๎รบั ผลกระทบจากข๎อสัญญาดังกลําวยํอมมีเพียงผ๎ูท่ีเป็นคูํสัญญาเทํานั้น เม่ือผ๎ู
ฟูองคดีเป็นเพียงผ๎ูใช๎ไฟฟูาแตํไมํได๎เข๎าเป็นคํูสัญญา จึงไมํอาจถือได๎วําเป็นผ๎ูเดือดร๎อนเสียหายอัน
เน่อื งมาจากสัญญาดงั กลําว (คาํ สง่ั ศาลปกครองสงู สุด ท่ี ๙๓/๒๕๔๔)
กรณีที่นติ ิบคุ คลเอกชน (ผ๎ูฟูองคดีที่ ๑) ทําสัญญารับจ๎างกํอสร๎าง สะพานคอนกรีต
เสรมิ เหลก็ กับองคก์ ารบรหิ ารสวํ นตาํ บล (ผ๎ถู ูกฟูองคดี) ตํอมาระหวํางการกอํ สร๎าง ในงานงวดท่ี ๓ ผู๎
ฟูองคดีที่ ๑ ได๎ประสบปัญหาทางการเงินอันเป็นผลจากวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ จึงขอ
เปลี่ยนแปลงคูํสัญญาจากผู๎ฟูองคดีที่ ๑ เป็นนิติบุคคลเอกชนรายอ่ืน (ผ๎ูฟูองคดีท่ี ๒) เพ่ือให๎เข๎ามา
ทํางานงวดท่ี ๓ ให๎แล๎วเสร็จตามสัญญาตามมติคณะรัฐมนตรีเร่ืองมาตรการและแนวทางปฏิบัติ
เก่ียวกับการให๎ความชํวยเหลือผ๎ูประกอบอาชีพงานกํอสร๎างและผู๎ประกอบอาชีพงานอ่ืนกับทาง
ราชการ แตํผถ๎ู กู ฟูองคดีไมอํ นุญาต ผ๎ูฟูองคดีทั้งสองจึงนําคดีมาย่ืนฟูองตํอศาลปกครอง เพื่อขอให๎ผ๎ู
ถูกฟูองคดีเปลี่ยนแปลงคสูํ ญั ญาดงั กลําวและขอใหช๎ ดใชค๎ ําเสียหายอนั เกิดจากการปฏิบตั หิ นา๎ ที่ลําชา๎
ในการอนุมัติเปลี่ยนแปลงคํูสัญญา นั้น ผู๎ฟูองคดีท่ี ๒ ไมํใชํคูํสัญญากับผ๎ูถูกฟูองคดีและยังไมํได๎เข๎า
ปฏิบัติงานตามสัญญาหรือมีข๎อโต๎แย๎งเก่ียวกับสัญญาดังกลําว จึงไมํใชํผู๎ได๎รับความเดือดร๎อนหรือ
เสียหาย หรืออาจจะเดือดร๎อนหรือเสียหายโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได๎ หรือมีข๎อโต๎แย๎งเก่ียวกับสัญญา
ทางปกครองท่ีจะมสี ทิ ธิฟูองคดีตํอศาลปกครองได๎ ตามมาตรา ๔๒ วรรคหนึ่ง แหํงพระราชบัญญัติ
จัดตงั้ ศาลปกครองฯ (คําสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ ๑๕๘/๒๕4๘)
กรณที ี่การเคหะแหํงชาติ (ผถู๎ ูกฟอู งคดี) ออกข๎อบงั คับการเคหะแหํงชาติ กําหนดให๎
บรษิ ัททผ่ี ูถ๎ ูกฟอู งคดเี ปน็ ห๎นุ สวํ นหรอื เป็นผู๎ถือหุน๎ อยํูไมํน๎อยกวาํ รอ๎ ยละ ๔๕ มสี ิทธไิ ด๎รบั การวาํ จ๎างให๎
จัดการดแู ลชมุ ชนโครงการเคหะของผถู๎ ูกฟูองคดีโดยวิธพี เิ ศษ ซ่ึงโดยผลของขอ๎ บงั คบั ดังกลาํ วทําใหผ๎ ๎ู
ถกู ฟอู งคดตี กลงทาํ สญั ญาวาํ จ๎างใหบ๎ ริษัท จ. ซึง่ ผู๎ถูกฟูองคดีถือหุ๎นอยํูร๎อยละ ๔๘ เป็นผ๎ูจัดการดูแล
ชุมชนโครงการเคหะของผถ๎ู กู ฟูองคดี ตามแนวทางของข๎อบงั คับข๎างต๎น ตํอมาผ๎ูถูกฟูองคดีได๎ยกเลิก
ข๎อบังคับดังกลําวเน่ืองจากเห็นวํา การจ๎างโดยวิธีพิเศษเป็นการขัดขวางการแขํงขันราคาอยํางเสรี
สํงผลใหม๎ กี ารยกเลกิ สัญญาจา๎ ง ระหวาํ งบรษิ ัท จ. กับผูถ๎ ูกฟอู งคดีและจัดให๎มกี ารประกวดราคาเพื่อ
หาผ๎รู ับจ๎างรายใหมํ ผฟู๎ ูองคดีซง่ึ เป็นพนักงานของบริษัท จ. ไดร๎ บั ความเดือดร๎อนเพราะตอ๎ งออกจาก
งาน จึงฟอู งขอให๎ศาลเพิกถอนข๎อบงั คับของผ๎ูถูกฟูองคดีฉบับใหมํท่ีออกมายกเลิกข๎อบังคับฉบับเดิม
และให๎ยกเลิกการประกวดราคาครั้งใหมํ รวมท้ังให๎ผ๎ูถูกฟูองคดีทําสัญญาจ๎างบริษัท จ. เพ่ือดูแล
โครงการดงั กลําวตอํ ไป น้นั การทผ่ี ูถ๎ กู ฟูองคดีเลกิ จ๎างบรษิ ทั จ. ไมํใหจ๎ ัดการดูแลโครงการเคหะของผู๎
ถูกฟอู งคดี เปน็ การเลกิ นติ สิ ัมพนั ธ์ระหวาํ งบุคคลที่เปน็ คูสํ ญั ญา ซง่ึ หากการเลิกจ๎างดังกลําวจะทําให๎
มขี อ๎ โตแ๎ ยง๎ เกิดข้ึนก็เปน็ ขอ๎ โตแ๎ ยง๎ ระหวาํ งคสํู ัญญาจา๎ งเทําน้นั ผฟู๎ อู งคดีซง่ึ มใิ ชํ คสูํ ัญญาจ๎างให๎จดั การ
ดูแลโครงการเคหะของผถู๎ กู ฟูองคดี จงึ มใิ ชผํ ู๎ได๎รับความเดอื ดรอ๎ น หรอื เสียหายหรืออาจจะเดือดรอ๎ น
หรือเสยี หายโดยมิอาจหลีกเล่ียงได๎จากการเลิกสัญญาจ๎าง ดังกลําวตามมาตรา ๔๒ วรรคหน่ึง แหํง
พระราชบญั ญตั ิจดั ต้ังศาลปกครองฯ (คําส่ังศาลปกครองสงู สดุ ท่ี ๒๐๒/๒๕4๘)
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด เกี่ยวกบั สญั ญำทำงปกครอง |๑๗๖
กรณีท่ีผ๎ูฟูองคดีซึ่งเป็นผ๎ูรับจ๎างชํวงจากบริษัท ค. ตามสัญญาดําเนินงานวางระบบ
สุขาภิบาลและดับเพลิงในโครงการจ๎างกํอสร๎างอาคารหอพักนิสิต โดยบริษัท ค. เป็นคํูสัญญากับ
จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั (ผู๎ถกู ฟอู งคด)ี ฟูองโต๎แย๎งกรณีท่ีผู๎ถูกฟูองคดีบอกเลิกสัญญาจ๎างบริษัท ค.
และมีคาํ สง่ั ห๎ามมใิ ห๎มีการเคลื่อนย๎ายเครื่องมอื วัสดุ อุปกรณ์ ออกจากบรเิ วณกอํ สร๎างหอพักดงั กลาํ ว
น้ัน เมื่อไมํปรากฏหลักฐานวําผู๎ฟูองคดีได๎รับความยินยอมเป็นหนังสือจากผ๎ูถูกฟูองคดีให๎ผู๎ฟูองคดี
รับจา๎ งชวํ งจากบรษิ ัท ค. ผู๎ฟอู งคดีจงึ ไมใํ ชคํ ูํสัญญาตามสญั ญาจ๎างกํอสร๎างข๎างต๎น ดังน้ัน การใช๎สิทธิ
ของผ๎ูถูกฟูองคดี ในฐานะผ๎ูวําจ๎างในการบอกเลิกสัญญากับบริษัท ค. จึงไมํมีผลผูกพันตํอผ๎ูฟูองคดี
ผู๎ฟูองคดจี ึงไมํใชผํ ูไ๎ ด๎รบั ความเดือดรอ๎ นหรือเสยี หายหรอื อาจจะเดือดร๎อนหรือเสียหายจากข๎อโต๎แย๎ง
เกี่ยวกับสัญญาทางปกครองที่จะมีสิทธิฟูองคดีนี้ตํอศาลได๎ตามมาตรา ๔๒ วรรคหน่ึง แหํง
พระราชบัญญตั จิ ัดต้งั ศาลปกครองฯ (คําสั่งศาลปกครองสูงสดุ ท่ี ๑๑/๒๕4๙)
การท่ีผ๎ูฟูองคดีลาออกจากราชการกํอนปฏิบัติราชการชดใช๎ทุนของโรงพยาบาลใน
สังกัดสํานักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขครบตามสัญญาลาศึกษาตํอโรงพยาบาลดังกลํา วจึงได๎มี
หนังสือแจ๎งให๎ผ๎ูฟูองคดีทราบวําผู๎ฟูองคดีผิดสัญญาต๎องชดใช๎เงินตามท่ีกําหนดในสัญญาพร๎อม
ดอกเบ้ียในระหวํางผิดนัด นั้น ถือวําเป็นกรณีที่สํานักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข (ผ๎ูถูกฟูองคดี)
มีสิทธิท่ีจะเรียกให๎ผ๎ูฟูองคดีชําระเงินตามสัญญาข๎างต๎นได๎ และผู๎ฟูองคดีมีหน๎าท่ีต๎องปฏิบัติตาม
สญั ญา หากผู๎ฟูองคดีเห็นวาํ การเรยี กให๎ชาํ ระเงนิ ไมชํ อบหรอื ไมํถกู ตอ๎ งอยํางไร ก็ชอบทจ่ี ะปฏิเสธการ
ชําระหนี้ตํอสํานักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขได๎ ผู๎ฟูองคดีไมํมีสิทธินําคดีมาฟูองเพื่อขอให๎เพิก
ถอนการเรียกให๎ชําระหนี้ดังกลําวตํอศาลปกครอง ตามมาตรา ๔๒ วรรคหนึ่ง แหํงพระราชบัญญัติ
จดั ต้ังศาลปกครองฯ (คําสงั่ ศาลปกครองสงู สุด ท่ี ๓๘๖/๒๕๔๖)
กรณที ่ีผู๎ฟอู งคดีไดร๎ ับทนุ เพือ่ ศึกษาระดบั ปรญิ ญาโท โดยทาํ สัญญาของขา๎ ราชการไป
ศึกษาหรือฝึกอบรม ณ ตาํ งประเทศกบั กรมโยธาธกิ ารและผงั เมือง (ผถ๎ู กู ฟูองคด)ี แตเํ มอ่ื ผฟู๎ ูองคดจี บ
การศกึ ษา ปรากฏวําสถาบันท่ีเข๎าศึกษาไมํได๎ให๎วุฒิบัตรปริญญาโท แตํให๎เป็นเพียงประกาศนียบัตร
ทั้งท่ีเมื่อสําเร็จการศึกษาแล๎วผ๎ูฟูองคดีต๎องกลับเข๎ารับราชการ เพื่อชดใช๎ทุนเป็นเวลาสองเทําของ
ระยะเวลาที่ไปศึกษา ผ๎ูฟูองคดีเห็นวํากรณีดังกลําวทําให๎ไมํเป็นไปตามความประสงค์ของผู๎ฟูองคดี
และไมํใชํความผิดพลาดของผ๎ูฟูองคดี จึงได๎มีหนังสือขอให๎ผ๎ูถูกฟูองคดีอนุมัติการงดใช๎ทุนให๎กับ
ผ๎ูฟูองคดี แตํผ๎ูถูกฟูองคดีไมํอนุมัติ ผ๎ูฟูองคดีจึงฟูองขอให๎ศาลเพิกถอนการชดใช๎ทุนตามสัญญา
ขา๎ งต๎น นั้น สัญญาลาศึกษาตํอมีวัตถุประสงค์หลัก ให๎ผ๎ูฟูองคดีกลับมารับราชการในหนํวยงานของ
ผถ๎ู ูกฟูองคดี จงึ เป็นสญั ญาทางปกครอง เม่ือสัญญาดงั กลําวมีขอ๎ กาํ หนดให๎ผถ๎ู ูกฟูองคดมี สี ิทธเิ รยี กให๎
ผู๎ฟูองคดีชดใช๎คําเสียหายและคําปรับกรณีทําผิดสัญญา การท่ีผ๎ูถูกฟูองคดีไมํอนุมัติให๎งดใช๎ทุนตาม
ความประสงค์ของ ผ๎ูฟูองคดีและมีหนังสือแจ๎งให๎ผ๎ูฟูองคดีชําระเงินพร๎อมเบี้ยปรับตามสัญญานั้น
หากผู๎ฟูองคดี เหน็ วาํ การเรียกใหช๎ าํ ระเงนิ ดงั กลาํ วไมชํ อบหรอื ไมํถกู ต๎อง ผู๎ฟูองคดีก็มสี ิทธ์ิปฏิเสธการ
ชาํ ระหน้อี าจจะระงับการเรยี กรอ๎ งให๎ผู๎ฟูองคดีชําระหนี้ตามที่แจ๎งมาก็ได๎ ดังนั้น ในชั้นน้ีผ๎ูฟูองคดีจึง
ไมํอยํูในฐานะผ๎ูได๎รับความเดือดร๎อนหรือเสียหายอันเกิดจากข๎อพิพาทเก่ียวกับสัญญาทางปกครอง
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด เกีย่ วกบั สญั ญำทำงปกครอง |๑๗๗
ตามมาตรา ๔๒ วรรคหน่ึงแหํงพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองฯ (คําสั่งศาลปกครองสูงสุดท่ี
๘๕๐/๒๕47)
2.๓) กรณีพิพาทที่ยังไม่มีการแจ้งเหตุขัดข้องท่ีผู้ฟ้องคดีไม่สามารถปฏิบัติตาม
สัญญาให้คสู่ ญั ญาอกี ฝ่ายหนงึ่ ทราบ ไมอ่ าจถือวา่ มขี ้อโต้แยง้ เก่ยี วกับสญั ญาเกดิ ข้นึ แลว้
การท่ีผ๎ูฟูองคดีฟูองวําผ๎ูฟูองคดีรับจ๎างกรุงเทพมหานครในสัญญากํอสร๎างปรับปรุง
ถนน และรับจ๎างการประปานครหลวงในสัญญากํอสร๎างวางทํอประปา ตามโครงการปรับปรุงถนน
ดังกลําว แตํนับจากวันทําสัญญาจนถึงวันฟูองคดี ผู๎ฟูองคดีอ๎างวํา ไมํอาจเริ่มทําการกํอสร๎างตาม
สญั ญากบั การประปาฯ ได๎ เนอ่ื งจากกรุงเทพมหานครไมสํ ามารถสงํ มอบพ้ืนที่ให๎ทําการกํอสร๎างด๎วย
เหตุมีปัญหาเก่ียวกับกรรมสิทธิ์ อันเป็นพฤติการณ์ที่อยูํนอกเหนือการคาดหมายของคํูสัญญาและ
วิญญูชนในการเข๎าทําสัญญา ทําให๎ผ๎ูฟูองคดีไมํอาจทําตามสัญญาจ๎างได๎ จึงฟูองขอให๎ศาลปกครอง
เลิกสัญญาจ๎างกํอสร๎างวางทอํ ประปาขา๎ งตน๎ น้นั เห็นวาํ ข๎ออา๎ งดงั กลําวไมํใชํข๎อโต๎แย๎งเก่ียวกับสิทธิ
ตามสญั ญา ทงั้ ไมํปรากฏวาํ ผูฟ๎ อู งคดไี ดแ๎ จง๎ เหตหุ รอื พฤติการณท์ ท่ี ําใหผ๎ ฟ๎ู ูองคดไี มสํ ามารถเริม่ ทํางาน
ตามเงื่อนไขและข๎อกาํ หนดในสัญญาใหก๎ ารประปาฯ ทราบ อนั จะทาํ ให๎มขี ๎อโตแ๎ ยง๎ เกยี่ วกับสิทธิตาม
สัญญาเกดิ ขึ้น สาํ หรบั ข๎อท่ีผฟ๎ู อู งคดกี ลําวอ๎างวาํ อาจจะได๎รับความเดือดร๎อนหรือเสียหายเพราะอาจ
ถูกริบหลักประกันและ ถูกขึ้นทะเบียนเป็นผ๎ูทิ้งงานของทางราชการ ผู๎ฟูองคดีจึงมีสิทธิใช๎เป็นเหตุ
บอกเลกิ สญั ญาและใช๎สิทธิทางศาลได๎เพราะถอื วาํ เปน็ ขอ๎ โต๎แย๎งเกีย่ วกบั สัญญาน้ัน เมือ่ ปรากฏวําคดี
ไมํมีข๎อโต๎แย๎งเก่ียวกับสัญญาดังกลําวแล๎ว ผ๎ูฟูองคดีจึงไมํมีสิทธิฟูองคดีตํอศาลปกครองตามมาตรา
๔๒ วรรคหนงึ่ แหงํ พระราชบญั ญตั ิจัดตง้ั ศาลปกครองฯ (คําสัง่ ศาลปกครองสงู สดุ ท่ี ๔๐๒/๒๕๕๖)
2.๔) กรณีพิพาทที่มีการทาหนังสือรับสภาพหนี้ย่อมเป็นการยอมรับจานวนหน้ี
ตามทไ่ี ด้รับสภาพหน้ีไว้ กรณจี งึ ไมม่ ขี ้อโตแ้ ยง้ เกย่ี วกับจานวนหนี้ตามสัญญาทพ่ี ิพาท
กรณีท่ีผ๎ูฟูองคดีได๎รับอนุมัติให๎ลาศึกษาตํอตามสัญญาลาศึกษาตํอกับสํานักงาน
ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (ผ๎ูถูกฟูองคดี) โดยสัญญากําหนดวํา เม่ือผ๎ูฟูองคดีสําเร็จการศึกษาแล๎ว
ต๎องกลับมารับราชการเป็นเวลาไมํน๎อยกวําสองเทําของเวลาที่ใช๎ในการศึกษา หากผิดสัญญาจะถูก
ปรับเป็นสองเทําของระยะเวลาดังกลําว ตํอมาปรากฏวําผู๎ฟูองคดีได๎ลาออกจากราชการกํอนครบ
กําหนดตามสญั ญาข๎างตน๎ ผ๎ูถกู ฟูองคดจี ึงเรียกให๎ผฟู๎ อู งคดีชดใช๎คําปรับและคําเสียหาย ซ่ึงผ๎ูฟูองคดี
ไดท๎ ําสญั ญารับสภาพหนีต้ ามหนเ้ี งินทผ่ี ถ๎ู กู ฟอู งคดเี รียกเกบ็ ตํอมา ผ๎ฟู อู งคดีเห็นวําสัญญาทีผ่ ฟ๎ู ูองคดี
ทํากับผ๎ูถูกฟูองคดีขัดกับระเบียบ ก.พ. วําด๎วยการพัฒนาข๎าราชการพลเรือนโดยการให๎ไปศึกษา
เพม่ิ เตมิ ในประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๐ เพราะตามระเบียบดังกลําว ผ๎ูถูกฟูองคดีสามารถเรียกคําปรับจาก
ผฟู๎ ูองคดไี ด๎เพยี งหนงึ่ เทําของระยะเวลาทใ่ี ชไ๎ ปในการศกึ ษา ผ๎ฟู อู งคดจี ึงฟอู งขอใหเ๎ พิกถอนสญั ญารบั
สภาพหนี้ข๎างตน๎ นั้น การทผ่ี ฟ๎ู อู งคดีทําสัญญารับสภาพหนี้กับผ๎ูถูกฟูองคดี ยอมผํอนชําระชดใช๎เบี้ย
ปรับและคาํ เสียหายเตม็ ตามจํานวนทก่ี าํ หนดไวใ๎ นสญั ญา การรับสภาพหน้ีดงั กลาํ วยํอมมีผลเป็นการ
ยอมรับวําผูฟ๎ อู งคดีมีหนี้ ท่ตี ๎องชาํ ระให๎แกํผ๎ถู ูกฟอู งคดีจริงตามจํานวนทรี่ บั สภาพหนี้ กรณจี งึ ไมํมีข๎อ
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสงู สุด เกีย่ วกบั สญั ญำทำงปกครอง |๑๗๘
โต๎แย๎งเกี่ยวกับสัญญาวําผ๎ูฟูองคดีจะต๎องชําระหนี้จํานวนเทําใด เม่ือสัญญาดังกลําวเป็นสัญญาทาง
ปกครอง เน่ืองจากเป็นสญั ญาท่ีผู๎ถูกฟูองคดีเป็นผ๎ูกําหนดข๎อกําหนดในสัญญาโดยผ๎ูฟูองคดีไมํมีสํวน
รํวม ในการกําหนด ผ๎ูฟูองคดีจึงไมํใชํผ๎ูได๎รับความเดือดร๎อนหรือเสียหายหรืออาจจะเดือดร๎อนหรือ
เสียหายโดยมิอาจหลีกเล่ียงได๎อันเนื่องมาจากการมีข๎อโต๎แย๎งเกี่ยวกับสัญญาทางปกครอง จึงไมํมี
สิทธิฟูองคดีตํอศาลปกครองตามมาตรา ๔๒ วรรคหน่ึงแหํงพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองฯ
(คําสั่งศาลปกครองสูงสุดท่ี ๕๔๔/๒๕๔๖ และท่ี ๕๗8/254๗)
2.๕) กรณีพิพาทที่ผู้ฟ้องคดีซ่ึงเป็นคู่สัญญาได้โอนสิทธิเรียกร้องในการรับเงิน
ค่าจ้างก่อสร้างตามสัญญาไปให้แก่บุคคลภายนอกแล้วย่อมไม่ใช่ผู้มีส่วนได้เสียที่จะฟ้องขอให้
คู่สญั ญาจ่ายเงนิ ชดเชยคา่ งานก่อสร้าง (ค่า K) ใหแ้ กต่ น
สาํ นักงานสาธารณสุขจังหวัด (ผ๎ูถกู ฟูองคดี) ได๎ทําสญั ญาวาํ จ๎างให๎ ผู๎ฟอู งคดกี อํ สร๎าง
อาคารพักพยาบาลและอาคารสํานักงานสาธารณสุขจังหวัด ตํอมาผู๎ฟูองคดี ได๎ทําสัญญาโอนสิทธิ
การรับเงินคําจ๎างกํอสร๎างตามสัญญาดังกลําวให๎กับนิติบุคคลอ่ืน โดยผ๎ูฟูองคดีได๎ทําหนังสือบ อก
กลาํ วการโอนสิทธิการรบั เงนิ คาํ จา๎ งใหผ๎ ถ๎ู ูกฟูองคดที ราบแลว๎ ดังนน้ั การโอนสิทธิเรียกร๎องในการรับ
เงนิ คาํ จา๎ งกอํ สร๎างระหวาํ งผฟู๎ ูองคดีกบั นติ ิบคุ คลอน่ื ยํอมมผี ลสมบูรณ์ตามกฎหมาย สทิ ธเิ รียกร๎องใน
การรบั เงินคําจ๎างรวมถึงคาํ จ๎างตามสัญญา ท่สี ามารถปรบั ราคาได๎ตลอดจนสิทธิในการรับเงินชดเชย
คํางานกอํ สร๎าง (คํา K) ยอํ มโอนไปยังผู๎รับโอนสทิ ธเิ รียกรอ๎ งด๎วย ผฟ๎ู ูองคดจี งึ ไมํมสี ทิ ธิเรยี กรอ๎ งในเงิน
ดังกลําว อนั ทําใหผ๎ ๎ฟู ูองคดี ไมใํ ชํเปน็ ผู๎มสี วํ นไดเ๎ สียหรอื มปี ระโยชนเ์ ก่ยี วขอ๎ งท่ีจะฟูองขอให๎ผ๎ูถูกฟูอง
คดจี าํ ยเงนิ ชดเชย คํางานกอํ สร๎าง (คาํ K) ให๎แกํผู๎ฟูองคดี (คาํ สั่งศาลปกครองสูงสุดที่ 850/๒๕4๗)
2.๖) กรณีพิพาทท่ีไม่มีข้อกาหนดในสัญญาให้คู่กรณีมีสิทธิขอเพิกถอน
ข้อกาหนดในสัญญา และผู้ฟ้องคดีได้ลงนามในสัญญาโดยไม่ได้ขอสงวนสิทธ์ิในการขอแก้ไข
สัญญา จงึ ถอื ไม่ได้ว่าผฟู้ อ้ งคดซี ่งึ เป็นคู่สัญญาได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหาย จากข้อกาหนด
ในสญั ญาทจี่ ะมสี ทิ ธิฟอ้ งคดีต่อศาลขอใหเ้ พกิ ถอนขอ้ กาหนดในสญั ญา ดงั กลา่ ว
กรณีที่ผ๎ูฟูองคดีซ่ึงเป็นผ๎ูรับจ๎างตามสัญญาจ๎างกํอสร๎างสะพานทางเดิน คสล. กับ
กรุงเทพมหานคร (ผ๎ถู ูกฟูองคด)ี ฟูองขอให๎ศาลเพกิ ถอนข๎อกําหนดรายการกํอสร๎างบางรายการ โดย
ใหม๎ ีผลยอ๎ นหลงั ไปถึงวันท่มี กี ารประกาศประกวดราคานน้ั เมอ่ื สญั ญาพิพาทเป็นสัญญาทผ่ี ูฟ๎ ูองคดไี ด๎
ลงนามเป็นคํูสัญญาแล๎ว สัญญาดังกลําวจึงมีผลผูกพันผู๎ฟูองคดีตามกฎหมาย หากผ๎ูฟูองคดีเห็นวํา
ข๎อกําหนดในสัญญาไมเํ ป็นธรรมก็ชอบท่ีจะขอแก๎ไขกอํ นการ ลงนาม หรอื ปฏเิ สธไมํลงนามในสัญญา
เสียตั้งแตํต๎น การท่ีผู๎ฟูองคดีได๎ลงนามในสัญญาโดยมิได๎ สงวนสิทธิในการขอแก๎ไขสัญญาไว๎
ประกอบกับในสัญญาจ๎างมิได๎มีข๎อกําหนดให๎ผู๎ฟูองคดี ซ่ึงเป็นคูํสัญญามีสิทธิขอเพิกถอนข๎อกําหนด
รายการกํอสร๎างดังกลําว จึงถือไมํได๎วําผู๎ฟูองคดีเป็นผ๎ูเดือดร๎อนหรือเสียหายหรืออาจจะเดือดร๎อน
หรอื เสียหายโดยมิอาจหลีกเลีย่ งไดจ๎ ากข๎อกําหนดในสัญญาทต่ี นได๎ยินยอมลงนามแลว๎ ผู๎ฟูองคดจี ึง
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสงู สุด เกีย่ วกบั สญั ญำทำงปกครอง |๑๗๙
มิใชํผ๎ูมีสิทธิฟูองคดีตามมาตรา ๔๒ วรรคหน่ึงแหํงพระราชบัญญัติจัดต้ังศาลปกครองฯ (คําสั่งศาล
ปกครองสงู สุดที่ ๕๑๓/๒๕4๘)
กรณีท่ีผ๎ูอํานวยการกองสาธารณสุขและส่ิงแวดล๎อม ในสังกัดองค์การบริหารสํวน
ตําบล (ผู๎ถูกฟูองคดี) ทําสัญญาจ๎างผ๎ูฟูองคดีเป็นลูกจ๎างชั่วคราว มีระยะเวลาการจ๎าง ต้ังแตํวันท่ี ๑
ตุลาคม ๒๕๕๕ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๖ โดยในสัญญาดังกลําว ไมํมีข๎อตกลงวํา เมื่อครบ
กาํ หนดระยะเวลาการจา๎ งแล๎วผถู๎ กู ฟูองคดจี ะตอ๎ งตํอสัญญาให๎ผ๎ฟู อู งคดี หรือออกหนังสือรับรองการ
ปฏิบัตงิ านให๎ผู๎ฟูองคดีและไมํมีระเบียบหรือคําสั่งกําหนดให๎ผ๎ูถูกฟูองคดีต๎องทําสัญญาจ๎างผ๎ูฟูองคดี
อกี ตํอไป ดังนั้น เมือ่ ครบกาํ หนดระยะเวลาการจ๎างตามสญั ญาความผูกพนั ของคสูํ ญั ญายํอมสิน้ สดุ ลง
ตามประมวลกฎหมายแพํงและพาณิชย์ การที่ผู๎ถูกฟูองคดีแจ๎งให๎ผ๎ูฟูองคดีพักงานตั้งแตํวันท่ี ๑
ตุลาคม ๒๕๕๖ จึงเป็นเพียงการแจ๎งให๎ทราบการปฏิบัติตามสัญญา ผู๎ถูกฟูองคดีไมํได๎ใช๎อํานาจตาม
กฎหมายที่กระทบสิทธิของผ๎ูฟูองคดีหรือละเลยตํอหน๎าที่ตามที่กฎหมายกําหนดให๎ต๎องปฏิบัติ
ผ๎ูฟูองคดีจึงไมํอยูํในฐานะผู๎เดือดร๎อนหรือเสียหายท่ีจะมีสิทธิฟูองเรียกคําเสียหายตามมาตรา ๔๒
วรรคหนง่ึ แหํงพระราชบัญญตั จิ ัดตงั้ ศาลปกครองฯ สวํ นกรณีผู๎ถูกฟูองคดีไมํออกหนังสอื รบั รองการ
ปฏิบัติงานใหแ๎ กํผฟู๎ ูองคดนี นั้ เมือ่ ไมมํ ขี อ๎ ตกลงในสญั ญาหรอื มกี ฎหมาย ระเบียบหรอื คาํ สั่งกาํ หนดให๎
ผ๎ูถูกฟูองคดีต๎องปฏิบัติดังกลําว ท้ังหนังสือรับรองการปฏิบัติงานก็ไมํใชํข๎อมูลขําวสารสํวนบุคคลที่
ผฟู๎ ูองคดีมสี ทิ ธิ ผฟู๎ อู งคดี ผ๎ฟู อู งคดจี งึ ไมใํ ชํผ๎เู ดือดร๎อนหรือเสียหายที่จะมสี ทิ ธฟิ อู งคดตี ามมาตรา ๔๒
วรรคหน่งึ แหํงพระราชบัญญัติจดั ตั้งศาลปกครองฯ (คําส่ังศาลปกครองสูงสุดท่ี 7๘๕/๒๕4๘)
2.๗) กรณพี พิ าททหี่ นตี้ ามสัญญาจ้างซึ่งเป็นสญั ญาหลกั ไมอ่ าจฟ้องบังคับได้โดย
สภาพ เนอื่ งจากอยู่ในระหว่างการวินิจฉัยชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ ตามข้อกาหนดในสัญญา
จ้าง หน้ีตามสัญญาค้าประกันการปฏิบัติตามสัญญาจ้าง ซ่ึงเป็นหน้ีอุปกรณ์ย่อมยังไม่อาจฟ้อง
บังคับได้เช่นเดียวกัน ผู้ว่าจ้างจึงไม่ใช่ผู้ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายท่ีจะมีสิทธิฟ้องผู้ค้า
ประกนั ใหร้ บั ผิดตามสัญญาคา้ ประกนั
กรณีท่ีการนิคมอุตสาหกรรมแหํงประเทศไทย (ผู๎ฟูองคดี) ทําสัญญาจ๎างบริษัท อ.
ใหท๎ าํ การขดุ ลอกเพือ่ ขยายรํองนํา้ ในบรเิ วณทําเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด โดยสัญญาจ๎างดังกลําวมี
ธนาคารกรงุ ไทย จํากัด (มหาชน) (ผู๎ถูกฟูองคดี) เป็นผู๎คํ้าประกัน ตํอมาปรากฏวําบริษัท อ. ทํางาน
ไมํแล๎วเสรจ็ ตามสัญญา ผ๎ูฟูองคดีจึงมีหนังสือแจ๎งบอกเลิกสัญญาพร๎อมกับขอสงวนสิทธ์ิในการเรียก
คําปรับและคําเสียหายที่เกิดข้ึนจากการบอกเลิกสัญญา รวมท้ังขอรับหลักประกันสัญญา และได๎มี
หนังสอื แจ๎งให๎ผถ๎ู กู ฟูองคดนี าํ เงินมาชาํ ระหน้ีตามสัญญาคํ้าประกัน แตํบริษัท อ. ได๎นํากรณีดังกลําว
เสนอตํออนุญาโตตลุ าการ เพ่ือวินิจฉัยชีข้ าดตามขอ๎ ตกลงในสัญญา จากน้ัน ในขณะทข่ี อ๎ พิพาทอยํูใน
ระหวํางการดําเนินการในช้ันอนุญาโตตุลาการ ผ๎ูฟูองคดีได๎นําคดีมาย่ืนฟูองตํอศาลปกครองเพื่อ
ขอใหผ๎ ูถ๎ ูกฟูองคดีรับผดิ ตามสญั ญาคา้ํ ประกัน นั้น เมอ่ื ข๎อพพิ าทเกยี่ วกบั หน้ตี ามสญั ญาจ๎างระหวํางผู๎
ฟูองคดีกับ บรษิ ทั อ. ซ่งึ เปน็ หน้ปี ระธานยังอยํูในช้ันอนุญาโตตุลาการ จงึ เป็นหนี้ทย่ี งั ไมํอาจบังคบั ได๎
โดยสภาพ ดงั น้นั หน้ีตามสัญญาคาํ้ ประกนั ระหวํางผูฟ๎ อู งคดกี ับผ๎ถู กู ฟอู งคดีซึ่งเป็นหนี้อุปกรณ์ จึงยัง
ไมํอาจบังคับได๎เชํนเดียวกัน ฉะน้ัน จึงไมํอาจถือได๎วําผ๎ูฟูองคดีได๎รับความเดือดร๎อน หรือเสียหาย
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสงู สุด เกีย่ วกบั สญั ญำทำงปกครอง |๑๘๐
หรอื อาจจะเดือดร๎อนหรือเสยี หายโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได๎อันเน่ืองมาจากมีข๎อโต๎แย๎ง เก่ียวกับสัญญา
ทางปกครอง ผฟู๎ ูองคดจี งึ ไมํมสี ิทธิฟอู งผ๎ูถกู ฟอู งคดีตอํ ศาลปกครองตาม มาตรา ๔๒ วรรคหนึ่ง แหํง
พระราชบัญญัติจดั ต้งั ศาลปกครองฯ (คําส่ังศาลปกครองสูงสุด ที่ 6๕๖/๒๕4๙)
กรณีท่ีผู๎ถือหุ๎นของบริษัท อสมท. จํากัด (มหาชน) ย่ืนฟูองบริษัท อสมท.ฯ เพ่ือ
ขอใหเ๎ พิกถอนสัญญารํวมดําเนินกิจการให๎บริการโทรทัศน์ระบบบอกรับ เป็นสมาชิกระหวํางบริษัท
อสมท.ฯ (ผู๎ถูกฟูองคดี) กับบริษัท ยูไนเต็ด บรอดคาสต้ิง คอร์ปอร์เรชั่น จํากัด (มหาชน) (ยู.บี.ซี.)
โดยอ๎างวําเป็นการกระทําท่ีไมํชอบด๎วยกฎหมาย ทําให๎เกิดความเสียหายแกํท้ังผ๎ูถูกฟูองคดีและ ผู๎
ฟูองคดีในฐานะของผ๎ูถือห๎ุน นั้น เม่ือผ๎ูฟูองคดีเป็นเพียงผู๎ถือห๎ุนของผู๎ถูกฟูองคดี ผู๎ฟูองคดีจึงไมํได๎
เป็นคูสํ ญั ญารํวมดาํ เนินกจิ การดังกลําวท่ีทาํ ขึน้ ระหวาํ ง ผ๎ถู กู ฟูองคดีกับบริษัทยูไนเต็ต บรอดคาสต้ิง
ฯ ประกอบกบั การดาํ เนนิ กจิ การตามสญั ญาขา๎ งตน๎ ของผ๎ถู ูกฟอู งคดี อันไดแ๎ กํ การปฏิบัติตามสัญญา
การเลิกสัญญา รวมท้ังการใช๎สิทธิตํอศาล อยํูในอํานาจของคณะกรรมการของผู๎ถูกฟูองคดีที่จะ
พิจารณาดําเนินการ ดังน้ัน แม๎ผ๎ูฟูองคดีจะเป็นผู๎ถือหุ๎นซึ่งมีฐานะเป็นเจ๎าของบริษัทตามอัตราสํวน
ของผ๎ถู อื หน๎ุ ผู๎ฟูองคดกี ไ็ มํมสี ทิ ธดิ าํ เนนิ การ ในเรือ่ งดังกลําวไดด๎ ว๎ ยตนเอง นอกจากน้ี การท่ผี ฟ๎ู อู งคดี
กลําวอา๎ งวาํ ผฟู๎ อู งคดีเป็นผู๎ได๎รับความเดือดร๎อนหรือเสียหายในฐานะที่เป็นประชาชนและในฐานะ
ผบ๎ู รโิ ภคนน้ั กย็ ังไมถํ อื วําผฟ๎ู ูองคดเี ปน็ ผไู๎ ดร๎ ับความเดอื ดร๎อนหรอื เสียหายหรืออาจจะเดือดร๎อนหรือ
เสยี หายโดยมอิ าจหลีกเลย่ี งได๎ อันเนื่องมาจากการกระทาํ หรอื การงดเว๎นการกระทําของผู๎ถกู ฟูองคดี
หรือมีข๎อโต๎แย๎งเก่ียวกับสัญญาทางปกครองท่ีจะมีสิทธิฟูองคดีตํอศาลปกคร องเพื่อขอให๎เพิกถอน
สญั ญารํวมดาํ เนินการ ดังกลาํ วตามมาตรา ๔๒ วรรคหน่ึง แหํงพระราชบัญญัติจัดต้ังศาลปกครองฯ
(คาํ สงั่ ศาลปกครองสูงสดุ ที่ ๖๖๖/๒๕4๙)
กรณีที่องค์การบริหารสํวนตําบลเรณู (ผู๎ถูกฟูองคดี) ทําสัญญาวําจ๎างบริษัท น. ให๎
กํอสร๎างรั้ว ปูายและประตูของผ๎ูถูกฟูองคดี โดยผ๎ูฟูองคดีใช๎หลักทรัพย์ในการค้ําประกันเพ่ือให๎
ธนาคารกรุงไทย จํากัด (มหาชน) ออกหนังสือคํ้าประกันสัญญาให๎กับ บริษัท น. แตํเมื่อสิ้นสุด
ระยะเวลาค้ําประกันผ๎ูถูกฟูองคดีไมํได๎แจ๎งคืนหลักประกันสัญญาให๎ ธนาคารกรุงไทย จํากัด
(มหาชน) ทําให๎ผูฟ๎ อู งคดไี ด๎รับความเดอื ดร๎อนเสียหาย เนื่องจากไมํสามารถนาํ หลักทรพั ย์ดังกลาํ วมา
ใช๎ประโยชน์ได๎ จึงนําคดีมาย่ืนฟูองตํอศาลขอให๎คืนหลักประกันสัญญาให๎แกํผ๎ูฟูองคดีนั้น การทํา
สญั ญาระหวาํ งผูถ๎ กู ฟูองคดกี บั บริษทั น. เปน็ สญั ญาทางปกครอง มผี ลผูกพันระหวํางผ๎ูถูกฟูองคดีกับ
บริษัท น. ซึ่งเป็นคํูสัญญา ดังน้ัน การขอคืนหลักประกันสัญญาตามหนังสือค้ําประกัน จึงเป็นเรื่อง
ระหวาํ งผู๎ถูกฟอู งคดีกบั บรษิ ัท น. ผ๎ูฟูองคดี ไมมํ สี ทิ ธฟิ ูองตอํ ศาลปกครองเพอ่ื ขอให๎ศาลมคี าํ พพิ ากษา
หรือคําส่ังให๎ผู๎ถูกฟูองคดีคืนหนังสือค้ําประกันสัญญาให๎แกํธนาคารกรุงไทย จํากัด (มหาชน) ผ๎ูฟูอง
คดจี ึงไมํใชํผมู๎ ีสทิ ธฟิ ูองคดี ตอํ ศาลปกครองตามมาตรา ๔๒ วรรคหน่ึง แหงํ พระราชบญั ญตั ิจัดตัง้ ศาล
ปกครองฯ (คาํ สง่ั ศาลปกครองสูงสุดที่ ๔๑๖/๒๕๕๒)
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสงู สุด เกี่ยวกบั สญั ญำทำงปกครอง |๑๘๑
2.๘) กรณีพิพาทท่ีเจ้าหน้ีใช้สิทธิเรียกร้องให้ลูกหน้ีชาระหนี้ตามสัญญา เป็น
กรณีที่ลูกหน้ีอาจปฏิเสธการชาระหน้ีต่อเจ้าหน้ีได้หากเห็นว่าไม่ชอบ จึงยังไม่อาจถือว่าลูกหน้ี
ไดร้ บั ความเดือดร้อนหรอื เสยี หายที่จะมสี ิทธิฟอ้ งโตแ้ ยง้ การเรยี กให้ชาระหนด้ี ังกลา่ ว
การที่สํานักงานประกันสังคมมีหนังสือแจ๎งผ๎ูฟูองคดีซึ่งเป็น ผู๎ประกอบการในนาม
โรงพยาบาลลานนา ให๎จํายเงินคํารักษาพยาบาลคืนแกํผู๎ประกันตน ตามพระราชบัญญัติ
ประกนั สังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ ตามสัญญาจ๎างให๎บริการทางการแพทย์ เน่ืองจากผู๎ประกันตนตามบัตร
รับรองสิทธิการรักษาพยาบาลกับโรงพยาบาลลานนาได๎ชําระเงินการเข๎ารักษาพยาบาลให๎แกํ
โรงพยาบาลเชียงใหมํแล๎ว น้ัน หนังสือดังกลําวเป็นเพียงการแจ๎งให๎ ผ๎ูฟูองคดีรับผิดชอบในความ
เสียหายที่เกิดข้ึนตามทีก่ าํ หนดในสญั ญาจา๎ ง ซง่ึ หากผ๎ูฟอู งคดี เห็นวําการดําเนินการดังกลําวไมํชอบ
ด๎วยกฎหมาย ก็สามารถปฏิเสธการจํายเงินได๎ และเป็นสิทธิของสํานักงานประกันสังคมที่จะฟูอง
บงั คบั ให๎ผ๎ฟู อู งคดจี ํายเงินดังกลําวตํอไป กรณีจึงไมํถือวํา มีการโต๎แย๎งสิทธิตามสัญญาจ๎างให๎บริการ
ทางการแพทย์แตอํ ยํางใด ผ๎ฟู ูองคดจี ึงไมํใชํผู๎ไดร๎ ับความเดอื ดรอ๎ นหรอื เสยี หายหรืออาจจะเดือดร๎อน
หรือเสียหายท่ีจะมีสิทธิฟูองคดีตํอศาล ตามมาตรา ๔๒ วรรคหน่ึง แหํงพระราชบัญญัติจัดต้ังศาล
ปกครองฯ (คําสง่ั ศาลปกครองสงู สดุ ท่ี ๑๑๗/๒๕๕๒)
กรณีท่อี งค์การบรหิ ารสวํ นตําบลบํอภาคไมํตํอสัญญาจ๎าง เป็นพนักงานให๎กับผ๎ูฟูอง
คดี เนื่องจากผู๎ฟูองคดีไมํผํานเกณฑ์ประเมินผลการปฏิบัติงาน และมีหนังสือแจ๎งให๎ผู๎ฟูองคดี
ดําเนินการนาํ สํงเงนิ เพอ่ื ชดใชท๎ นุ การศึกษาและคาํ ปรบั ตามสัญญา หนังสือดงั กลาํ วเปน็ เพยี งการแจ๎ง
สิทธิเรียกร๎องให๎ผ๎ฟู ูองคดปี ฏิบตั ิตามสัญญา หากผูฟ๎ อู งคดี เหน็ วําหนงั สอื ดงั กลาํ วไมํถกู ต๎องกม็ สี ิทธิที่
จะปฏิเสธได๎ และเป็นหน๎าท่ีขององค์การบริหารสํวนตําบลบํอภาคท่ีจะใช๎สิทธิฟูองคดีตํอศาลเพื่อ
บังคบั ให๎ผฟ๎ู ูองคดชี ดใชเ๎ งนิ ทนุ การศกึ ษาและคาํ ปรับตามสัญญารับทุนการศึกษาตํอไป กรณีจึงยังไมํ
มีข๎อโต๎แย๎งเก่ียวกับสัญญาทางปกครอง ผู๎ฟูองคดีจึงไมํเป็นผ๎ูได๎รับความเดือดร๎อนหรือเสียหายหรือ
อาจจะเดอื ดร๎อนหรอื เสยี หาย โดยมอิ าจหลกี เล่ยี งได๎ตามมาตรา ๔๒ แหํงพระราชบัญญัติจัดต้ังศาล
ปกครองฯ (คาํ ส่งั ศาลปกครองสงู สดุ ที่ ๓๙๒/๒๕๕๒)
กรณที ี่ผฟ๎ู ูองคดีทาํ สัญญารบั ทนุ อุดหนนุ การศกึ ษาโครงการ ผลิตและพฒั นาอาจารย์
กับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล๎าพระนครเหนือ แตํภายหลัง ได๎มีหนังสือขอลาออกจาก
ราชการ อธกิ ารบดมี หาวิทยาลัยเทคโนโลยพี ระจอมเกล๎าพระนครเหนอื จงึ มีหนังสือแจง๎ ให๎ผ๎ูฟูองคดี
ชดใช๎ทุนกรณผี ิดสัญญารบั ทุนอุดหนุนการศึกษาดงั กลาํ ว รวมทงั้ มีคาํ ส่งั ยับย้ังการลาออกของผู๎ฟูอง
คดี กรณดี งั กลาํ วหากผฟู๎ ูองคดเี หน็ วําหนังสอื แจง๎ ใหช๎ ดใช๎ทนุ ไมํชอบดว๎ ยกฎหมายหรอื ไมํถูกตอ๎ ง กม็ ี
สิทธิ์ปฏเิ สธหรอื เพิกเฉยไมํชดใช๎ทนุ น้ันได๎ และเปน็ หนา๎ ทีข่ องอธกิ ารบดฯี ที่จะตอ๎ งใชส๎ ทิ ธิฟูองคดีตํอ
ศาลเพอื่ บังคบั ให๎ผ๎ฟู อู งคดชี ดใชท๎ ุนดงั กลําว เม่ืออธิการบดฯี ยังไมไํ ดใ๎ ช๎สทิ ธิฟูองคดีตํอศาลเพ่อื บงั คับ
ให๎ผฟ๎ู อู งคดชี ดใชท๎ นุ ผฟ๎ู อู งคดจี งึ ไมํใชผํ ไ๎ู ด๎รบั ความเดอื ดร๎อนหรือเสียหายหรืออาจจะเดือดร๎อนหรือ
เสียหายโดยมอิ าจหลกี เลี่ยงได๎ ทีจ่ ะฟูองขอให๎ศาลเพิกถอนคําส่ังดังกลําวตามมาตรา ๔๒ วรรคหนึ่ง
แหงํ พระราชบญั ญัตจิ ดั ตั้งศาลปกครองฯ (คาํ สัง่ ศาลปกครองสงู สุดท่ี ๔๑๒/๒๕๕๒)
แนวคำพิพำกษำศำลปกครองสงู สุด เกี่ยวกบั สญั ญำทำงปกครอง |๑๘๒
เม่อื ผ๎ูฟอู งคดซี ง่ึ เปน็ เจา๎ ของท่ีดินท่ีอยํูในแนวเขตเวนคืน ได๎สมัครใจทําสัญญาจะซื้อ
จะขายทดี่ นิ ของผฟ๎ู อู งคดีให๎ไว๎แกํกรมชลประทาน โดยตกลงยินยอมรับเงินคําทดแทนตามจํานวนท่ี
ได๎ตกลงกันไว๎ จึงเป็นกรณีท่ีเห็นได๎วําผู๎ฟูองคดีสมัครใจท่ีจะเข๎าทําสัญญาจะซื้อจะขายและคูํสัญญา
ทัง้ สองฝาุ ยไดป๎ ฏิบตั ิตามสญั ญาโดยถกู ตอ๎ งสมบรู ณ์แลว๎ เมอ่ื ไมปํ รากฏวาํ มผี ๎ูใดผิดสญั ญา กรณจี งึ ไมํมี
ข๎อโตแ๎ ยง๎ เกี่ยวกบั สญั ญาทางปกครอง ผ๎ฟู อู งคดี จงึ ไมใํ ชํผไู๎ ดร๎ ับความเดือดรอ๎ นหรืออาจจะเดอื ดร๎อน
หรือเสียหายที่จะมีสิทธิฟูองขอให๎เพิ่มเงินคําทดแทนที่ดินดังกลําวได๎ (คําสั่งศาลปกครองสูงสุดท่ี
๒๐๙/๒๕๕๔)
กรณีฟูองวํา อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี ทําสัญญาจ๎างผ๎ูฟูองคดี
เปน็ พนกั งานในสถาบนั อุดมศึกษา ตาํ แหนํงอาจารย์ สายผู๎สอน สังกัด วิทยาลัยแพทย์แผนไทยและ
แพทย์ทางเลือก ปรากฏวําเม่ือครบกําหนดเวลาตามสัญญา อธิการบดี มหาวิทยาลัยราชภัฏ
อุบลราชธานีไมํตํอสัญญาจ๎างให๎กับผ๎ูฟูองคดีเนื่องจากผลการประเมิน การปฏิบัติงานของผ๎ูฟูองคดี
อยใูํ นระดับทค่ี วรแก๎ไขปรบั ปรุง ผู๎ฟูองคดเี หน็ วาํ การบอกเลกิ สัญญาจา๎ ง โดยไมบํ อกกลาํ วลํวงหน๎าไมํ
ชอบด๎วยกฎหมาย ขอให๎ศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งยกเลิก ผลการประเมินการปฏิบัติงานของ
ผู๎ฟอู งคดี และใหด๎ ําเนินการตํอสัญญาจ๎างให๎แกํผู๎ฟูองคดี นั้น เม่ือปรากฏวําสัญญาจ๎างพิพาทสิ้นสุด
แล๎ว การจะทําสัญญาจ๎างผู๎ฟูองคดีตํอไปอีกหรือไมํเป็นอํานาจ ของอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏ
อบุ ลราชธานแี ละคณบดีวทิ ยาลยั แพทยแ์ ผนไทยและแพทย์ ทางเลือกท่ีจะต๎องดําเนินการตามความ
เหมาะสมแกกํ ารบริหารงานภายในหนํวยงาน ศาลปกครอง ไมํอาจกา๎ วลํวงไปในการดําเนินงานของ
อธิการบดฯี โดยมีคําพพิ ากษาใหด๎ ําเนินการในเรอ่ื ง ดงั กลําวได๎ ผูฟ๎ อู งคดจี งึ ไมํมสี ทิ ธฟิ ูองคดนี ตี้ อํ ศาล
ปกครองตามมาตรา ๔๒ วรรคหนึ่ง แหํงพระราชบัญญัจัดต้ังศาลปกครองฯ (คําสั่งศาลปกครอง
สูงสุดที่ ๓๔๒/๒๕๕๓ และ ที่ ๓๖๐/๒๕๕๔ วินจิ ฉยั แนวทางเดียวกนั )
กรณีที่ผ๎ูฟูองคดีซึ่งได๎เข๎าทําสัญญาให๎บริการสาธารณสุขในเขตพ้ืน ท่ี
กรุงเทพมหานครตามกฎหมายวําดว๎ ยหลักประกันสขุ ภาพแหงํ ชาติกับสํานักงานหลักประกันสุขภาพ
แหํงชาติ ฟูองวํา สํานักงานหลักประกันสุขภาพแหํงชาติมีหนังสือเรียกให๎ผ๎ูฟูองคดีคืนเงินคําใช๎จําย
เพ่ือบริการสาธารณสขุ ท่ีสํานกั งานจํายเกินไปกวาํ สทิ ธิท่ีผฟู๎ อู งคดีพงึ ได๎รับตามสัญญาโดยไมํชอบด๎วย
กฎหมาย ขอให๎ศาลเพกิ ถอนหนงั สือของสาํ นกั งานหลักประกันสุขภาพแหงํ ชาตดิ งั กลาํ ว รวมท้ังคํูมือ
แนวทางปฏิบัติในการขอรับคําใช๎จํายเพ่ือบริการสาธารณสุข ปีงบประมาณ ๒๕๕๒ นั้น เมื่อตาม
สัญญาดังกลําวสํานักงานหลักประกันสุขภาพแหํงชาติมีสิทธิเรียกเงินคําใช๎จําย เพื่อบริการ
สาธารณสขุ คืนจากผูฟ๎ ูองคดไี ดห๎ ากตรวจสอบแล๎วพบวําได๎จํายคาํ ใช๎จํายดังกลําว เกินไปกวําสิทธิที่ผ๎ู
ฟูองคดีพึงได๎รับ ประกอบกับยังไมํปรากฏวําสํานักงานได๎หักเงินจํานวน ดังกลําวจากผู๎ฟูองคดี
แล๎วแตํอยํางใด กรณีจึงเป็นเพียงการใช๎สิทธิตามสัญญาและยังไมํถือวํา มีข๎อโต๎แย๎งเก่ียวกับสัญญา
ทางปกครอง สวํ นกรณีที่ผู๎ฟูองคดีมีคําขอให๎เพิกถอนคํูมือแนวทางปฏิบัติในการขอรับคําใช๎จํายเพ่ือ
บริการสาธารณสุข ปีงบประมาณ ๒๕๕๒ นั้น เมื่อคูํมือดังกลําว เป็นเพียงแนวทางปฏิบัติสําหรับ
ผป๎ู ฏิบัตงิ านใช๎ประกอบการสงํ ข๎อมูลการบริการในการเรียกเก็บคาํ ใชจ๎ าํ ยเพอ่ื บริการสาธารณสุขและ
ใชเ๎ ปน็ เอกสารอ๎างอิงในการเรยี กเก็บคาํ บริการระหวํางหนํวยบริการด๎วยกัน ซ่ึงหากผ๎ูฟูองคดีเห็นวํา