The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ม.1

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by w.suchada07, 2021-05-26 14:31:54

แผนการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ม.1

แผนการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ม.1

คำนำ

แผนการจดั การเรียนรู้ กล่มุ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าวิทยาศาสตร์พ้ืนฐาน
ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ปีการศึกษา 2563 จัดทำขึ้นเพื่อเป็นแนวทางในการจัดการเรียนการสอนที่เน้น
ผู้เรียนเป็นสำคัญ ให้สอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัดของกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. 2560)

แผนการจัดการเรียนรู้ ประกอบด้วย เนื้อหาสาระดังต่อไปนี้ แผนการจัดการเรียนรู้รายปี ซ่ึง
ประกอบด้วยมาตรฐานและตัวชี้วัดกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แผนการจัดการเรียนรู้
รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ (ว 21102) ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศกึ ษา 2563 ทั้งหมด 2 หน่วยการ
เรียนรู้ ประกอบดว้ ย หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 เรอื่ ง พลงั งานความร้อนกับการเปล่ียนแปลงของสสาร จำนวน 14
แผนการเรยี นรู้ และหน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 เรื่อง กระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟา้ อากาศ จำนวน 13 แผนการ
เรียนรู้ ซึ่งแต่ละแผนการจัดการเรียนรู้ได้ระบุมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด จุดประสงค์การเรียนรู้ สาระการ
เรียนรู้ กิจกรรมการเรียนรู้ตามรปู แบบการจัดการเรียนรู้ที่หลากหลาย ซึ่งแต่ละรปู แบบมีวิธีการจัดการเรียน
การสอนทีแ่ ตกต่างกนั แตท่ ้ังหมดนำมาซง่ึ การบรรลุจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ นอกจากนยี้ ังมีใบงานและเกณฑ์การ
ประเมินผล เพื่อใช้ในการประเมินผลการเรยี นรูข้ องนักเรียนแต่ละคนว่าหลังจากเสร็จส้ินการเรียน นักเรียนมี
ความรู้ ความเขา้ ใจเนื้อหาสาระมากนอ้ ยเพยี งใด ผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ หรือไม่

ทงั้ น้ี ผูจ้ ดั ทำขอขอบคุณผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.พัชรภี รณ์ บางเขียว เปน็ อย่างยง่ิ ทีใ่ หค้ ำปรึกษาและ
คำแนะนำตลอดระยะเวลาการจดั ทำแผนการจดั การเรียนรู้ และหวังเปน็ อย่างยิ่งว่าแผนการจดั การเรยี นร้เู ล่มน้ี
จะเกิดประโยชน์กับการจัดการเรียนรู้ในห้องเรียน ทำให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาการเรียนรู้ได้อย่างมี
ประสิทธิภาพตอ่ ไป

นางสาวสชุ าดา วงษ์แดง
ผจู้ ดั ทำ

สารบญั หนา้

เรอื่ ง 1
7
แผนการจัดการเรียนรู้รายปี 8
ตารางโครงสรา้ งรายวิชา ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563 10
ตารางโครงสร้างรายวิชา ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศึกษา 2563 11
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 1 เรอ่ื ง พลงั งานความร้อนกับการเปลี่ยนแปลงของสสาร 26
44
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 1.1 เรอ่ื ง แบบจำลองอนภุ าคของสาร 60
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 1.2 เรอ่ื ง ความรอ้ นกบั การเปลย่ี นอุณหภูมิของสสาร 1 78
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 1.3 เรื่อง ความรอ้ นกับการเปลย่ี นอณุ หภมู ขิ องสสาร 2 93
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 1.4 เรื่อง ความรอ้ นกบั การขยายตวั และหดตวั ของสสาร 110
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 1.5 เรอ่ื ง หน่วยวัดอณุ ภมู ิ 126
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 1.6 เร่ือง ความร้อนกับการเปลยี่ นสถานะของสสาร 139
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1.7 เรอ่ื ง การคำนวณปริมาณความร้อน 152
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 1.8 เร่อื ง ประโยชนข์ องการหด-ขยายตัวของสสาร 168
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 1.9 เรื่อง คา่ ความรอ้ นจำเพาะของสารทเี่ กย่ี วข้องกับส่งิ มีชีวิต 186
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 1.10 เรอื่ ง การถ่ายโอนความร้อนในชีวิตประจำวนั 199
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 1.11 เรอ่ื ง การถา่ ยโอนความรอ้ นของของเหลวและแกส๊ 212
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 1.12 เรอ่ื ง การถา่ ยโอนความร้อนโดยไมอ่ าศัยตวั กลาง 230
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 1.13 เรือ่ ง ประโยชน์ของการถา่ ยโอนความรอ้ น 231
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 1.14 เร่ือง สมดุลความรอ้ น 245
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 2 เรอื่ ง กระบวนการเปล่ียนแปลงลมฟ้าอากาศ 261
แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 2.1 เรื่อง บรรยากาศของเรา 275
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 2.2 เรื่อง อณุ หภมู ิอากาศ 290
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 2.3 เรอ่ื ง ความกดอากาศ 306
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 2.4 เรอ่ื ง ลม 320
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 2.5 เรอ่ื ง ความชน้ื 333
แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 2.6 เรอ่ื ง เมฆและชนดิ ของเมฆ 349
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 2.7 เรื่อง การเกดิ ฝน 363
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 2.8 เรอ่ื ง การพยากรณ์อากาศ 378
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 2.9 เรอ่ื ง การเกิดพายุ 392
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 2.10 เรอ่ื ง รูปแบบของพายุ 405
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 2.11 เร่อื ง การปฏิบัติตนใหป้ ลอดภัยจากพายุ
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 2.12 เรื่อง การเปล่ียนแปลงอุณหภูมิอากาศ
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 2.13 เรื่อง การตระหนกั ถงึ ผลของการเปลย่ี นแปลงอุณหภมู ิ

1

แผนการจัดการเรียนรู้

รายวิชาพนื้ ฐาน รายวชิ าวิทยาศาสตร์ กลุม่ สาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2563 เวลา 120 ชวั่ โมง จำนวน 3 หนว่ ยกิต

ผสู้ อน นางสาวสชุ าดา วงษ์แดง

1. มาตรฐานการเรียนรู/้ ตวั ชวี้ ดั

มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ว1.2 เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิตหน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตการลำเลียงสารผ่านเซลล์

ความสัมพนั ธ์ของโครงสร้างและหน้าท่ีของระบบตา่ งๆของสตั ว์และมนุษย์ท่ที ำงานสมั พันธก์ ันความสมั พนั ธ์ของ
โครงสรา้ งและหน้าทข่ี องอวยั วะต่างๆของพชื ทท่ี ำงานสัมพันธก์ นั รวมท้งั นำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์

มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัตขิ องสสารองค์ประกอบของสสารความสมั พนั ธร์ ะหว่างสมบัติของสสาร
กับโครงสร้างและแรงยึดเหน่ียวระหว่างอนุภาคหลักและธรรมชาตขิ องการเปลีย่ นแปลงสถานะของสสารการ
เกดิ สารละลายและการเกดิ ปฏกิ ิรยิ าเคมี

มาตรฐาน ว 2.2 เขา้ ใจธรรมชาติของแรงในชวี ิตประจำวัน ผลของแรงทกี่ ระทำตอ่ วัตถุ ลักษณะการ
เคลื่อนทีแ่ บบตา่ ง ๆ ของวตั ถุ รวมทงั้ นำความรู้ไปใช้ประโยชน์

มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงานการเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน
ปฏสิ มั พันธ์ระหวา่ งสสารและพลงั งานพลังงานในชีวิตประจำวันธรรมชาติของคล่นื ปรากฏการณ์ท่ีเก่ียวข้องกับ
เสยี งแสง และคลืน่ แม่เหลก็ ไฟฟ้ารวมทั้งนำความร้ไู ปใช้ประโยชน์

มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจองค์ประกอบและความสัมพันธ์ของระบบโลกกระบวนการเปลี่ยนแปลง
ภายในโลกและบนผิวโลกธรณีพิบัตภิ ัยกระบวนการเปล่ียนแปลงลมฟา้ อากาศและภูมอิ ากาศโลกรวมทั้งผลต่อ
สง่ิ มีชีวิตและสิง่ แวดล้อม

ตัวชี้วดั
มาตรฐาน ว1.2 เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิตหน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตการลำเลียงสารผ่านเซลล์

ความสัมพนั ธ์ของโครงสร้างและหน้าทข่ี องระบบต่างๆของสัตว์และมนษุ ยท์ ที่ ำงานสมั พันธก์ นั ความสัมพนั ธ์ของ
โครงสร้างและหน้าทีข่ องอวยั วะต่างๆของพืชทที่ ำงานสมั พันธ์กันรวมทัง้ นำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์

ว 1.2 ม.1/1 เปรยี บเทียบรปู ร่างและโครงสร้างของเซลลพ์ ชื และเซลล์สตั วร์ วมทงั้ บรรยายหน้าท่ขี อง
ผนังเซลล์เยื่อหุ้มเซลล์ไซโทรพลาซึมนิวเคลียสแวคคิวโอล ไมโทคอนเดรียและ
คลอโรพลาสต์

ว 1.2 ม.1/2 ใชก้ ลอ้ งจุลทรรศน์ใช้แสงศกึ ษาเซลล์และโครงสร้างต่าง ๆ ภายในเซลล์
ว 1.2 ม.1/3 อธิบายความสมั พันธ์ระหวา่ งรปู รา่ งกบั การทำหน้าทีข่ องเซลล์
ว 1.2 ม.1/4 อธิบายการจดั ระบบของสิง่ มชี วี ติ โดยเรม่ิ จากเซลลเ์ น้ือเยอ่ื อวัยวะระบบอวัยวะจนเป็น

สงิ่ มชี วี ติ
ว 1.2 ม.1/5 อธิบายกระบวนการแพรแ่ ละออสโมซีสจากหลกั ฐานเชงิ ประจักษ์และยกตวั อย่างการ

แพร่และออสโมซสิ ในชีวติ ประจำวนั

2

ว 1.2 ม.1/6 ระบปุ ัจจัยทจี่ ำเปน็ ในการสงั เคราะห์ด้วยแสงและผลผลิตท่เี กิดขึ้นจากการสังเคราะหด์ ว้ ย
แสงโดยใชห้ ลักฐานเชิงประจักษ์

ว 1.2 ม.1/7 อธบิ ายความสำคัญของการสงั เคราะหด์ ้วยแสงของพืชต่อส่ิงมีชวี ิตและส่ิงแวดล้อม
ว 1.2 ม.1/8 ตระหนกั ในคณุ คา่ ของพชื ทมี่ ีต่อส่งิ มีชวี ิตและสงิ่ แวดลอ้ มโดยการร่วมกันปลกู และดแู ล

รักษาต้นไมใ้ นโรงเรยี นและชมุ ชน
ว 1.2 ม.1/9 บรรยายลักษณะและหน้าท่ีของไซเลม็ และโฟลเอ็ม
ว 1.2 ม.1/10 เขยี นแผนภาพที่บรรยายทิศทางการลำเลียงสารในไซเลม็ และโฟลเอ็มของพชื
ว 1.2 ม.1/11 อธบิ ายการสืบพันธุแ์ บบอาศัยเพศและไม่อาศัยเพศของพชื ดอก
ว 1.2 ม.1/12 อธบิ ายลักษณะโครงสร้างของดอกทม่ี สี ่วนทำให้เกิดการถา่ ยเรณูรวมทั้งบรรยายการ

ปฏสิ นธขิ องพืชดอกการเกิดผลและเมลด็ การกระจายเมล็ดและการงอกของเมลด็
ว 1.2 ม.1/13 ตระหนกั ถงึ ความสำคัญของสตั วท์ ี่ชว่ ยในการถา่ ยเรณขู องพชื ดอกโดยการไมท่ ำลายชีวิต

ของสัตว์ที่ช่วยในการถา่ ยเรณู
ว 1.2 ม.1/14 อธบิ ายความสำคญั ของธาตุอาหารบางชนดิ ทีม่ ีผลต่อการเจรญิ เตบิ โตและการดำรงชีวิตของพชื
ว 1.2 ม.1/15 เลือกใชป้ ๋ยุ ท่ีมธี าตุอาหารเหมาะสมกบั พืชในสถานการณท์ ก่ี ำหนด
ว 1.2 ม.1/16 เลอื กวิธีการขยายพนั ธพุ์ ชื ให้เหมาะสมกบั ความตอ้ งการของมนษุ ย์โดยใช้ความรู้เกย่ี วกบั

การสบื พนั ธขุ์ องพชื
ว 1.2 ม.1/17 อธิบายความสำคญั ของเทคโนโลยกี ารเพาะเล้ยี งเน้อื เยื่อพชื ในการใช้ประโยชน์ด้านต่าง ๆ
ว 1.2 ม.1/18 ตระหนักถึงประโยชนข์ องการขยายพันธพุ์ ชื โดยการนำความรไู้ ปใชใ้ นชีวิตประจำวนั

มาตรฐาน ว 2.1 เขา้ ใจสมบัติของสสารองค์ประกอบของสสารความสัมพนั ธ์ระหว่างสมบัตขิ องสสาร
กับโครงสร้างและแรงยึดเหน่ียวระหว่างอนุภาคหลักและธรรมชาตขิ องการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสารการ
เกดิ สารละลายและการเกดิ ปฏิกริ ิยาเคมี

ว 2.1 ม.1/1 อธิบายสมบตั ิทางกายภาพบางประการของธาตุโลหะอโลหะและก่ึงโลหะโดยใช้หลักฐาน
เชงิ ประจักษท์ ่ไี ด้จากการสงั เกตและการทดสอบและใชส้ ารสนเทศท่ีได้จากแหล่งขอ้ มูล
ตา่ ง ๆ รวมทงั้ จดั กลมุ่ ธาตเุ ปน็ โลหะอโลหะและกึ่งโลหะ

ว 2.1 ม.1/2 วเิ คราะห์ผลจากการใชธ้ าตุโลหะอโลหะก่งึ โลหะและธาตุกัมมนั ตรงั สีท่มี ีต่อสง่ิ มีชีวติ
สิง่ แวดล้อมเศรษฐกิจและสังคมจากข้อมูลที่รวบรวมได้

ว 2.1 ม.1/3 ตระหนักถงึ คุณคา่ ของการใชธ้ าตุโลหะอโลหะก่งึ โลหะธาตุกมั มนั ตรงั สโี ดยเสนอแนว
ทางการใชธ้ าตุอย่างปลอดภยั คมุ้ คา่

ว 2.1 ม.1/4 เปรียบเทียบจุดเดือดจดุ หลอมเหลวของสารบริสุทธแิ์ ละสารผสมโดยการวัดอณุ หภมู ิ
เขียนกราฟแปลความหมายขอ้ มูลจากกราฟหรอื สารสนเทศ

ว 2.1 ม.1/5 อธบิ ายและเปรียบเทยี บความหนาแนน่ ของสารบรสิ ทุ ธิแ์ ละสารผสม
ว 2.1 ม.1/6 ใชเ้ ครอ่ื งมือเพ่ือวดั มวลและปริมาตรของสารบรสิ ทุ ธิ์และสารผสม
ว 2.1 ม.1/7 อธิบายเกีย่ วกบั ความสมั พันธร์ ะหวา่ งอะตอมธาตุและสารประกอบโดยใชแ้ บบจำลอง

และสารสนเทศ
ว 2.1 ม.1/8 อธบิ ายโครงสรา้ งอะตอมทปี่ ระกอบด้วยโปรตอนนิวตรอนและอเิ ล็กตรอนโดยใช้

แบบจำลอง

3

ว 2.1 ม.1/9 อธิบายและเปรียบเทียบการจัดเรยี งอนุภาคแรงยดึ เหนีย่ วระหว่างอนภุ าคและการ
เคล่ือนท่ีของอนภุ าคของสสารชนดิ เดียวกันในสถานะของแขง็ ของเหลวและแก๊สโดยใช้
แบบจำลอง

ว 2.1 ม.1/10 อธิบายความสัมพันธร์ ะหวา่ งพลงั งานความร้อนกบั การเปลีย่ นสถานะของสสารโดยใช้
หลักฐานเชงิ ประจกั ษแ์ ละแบบจำลอง

มาตรฐาน ว 2.2 เขา้ ใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจำวัน ผลของแรงทก่ี ระทำต่อวัตถุ ลักษณะการ
เคลอ่ื นทแี่ บบตา่ ง ๆ ของวัตถุ รวมทง้ั นำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์

ว 2.2 ม.1/1 สร้างแบบจำลองทีอ่ ธิบายความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งความดันอากาศกบั ความสงู จากพ้ืนโลก

มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลงั งานการเปลย่ี นแปลงและการถา่ ยโอนพลงั งาน
ปฏสิ ัมพนั ธ์ระหวา่ งสสารและพลังงานพลังงานในชีวติ ประจำวันธรรมชาติของคล่ืนปรากฏการณ์ท่ีเก่ียวข้องกับ
เสียงแสง และคลน่ื แม่เหลก็ ไฟฟ้ารวมทั้งนำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์

ว 2.3 ม.1/1 วิเคราะหแ์ ปลความหมายขอ้ มลู และคำนวณปริมาณความร้อนทท่ี ำให้สสารเปลย่ี น
อณุ หภูมแิ ละเปลย่ี นสถานะโดยใช้สมการและ Q = mc∆t และ Q= mL

ว 2.3 ม.1/2 ใช้เทอร์มอมเิ ตอรใ์ นการวดั อุณหภมู ขิ องสสาร
ว 2.3 ม.1/3 สร้างแบบจำลองทอี่ ธบิ ายการขยายตวั หรือหดตวั ของสสารเนอ่ื งจากได้รบั หรอื สญู เสีย

ความรอ้ น
ว 2.3 ม.1/4 ตระหนกั ถึงประโยชน์ของความรูข้ องการหดและขยายตวั ของสสารเนื่องจากความร้อน

โดยวิเคราะห์สถานการณ์ปญั หาและเสนอแนะวิธีการนำความร้มู าแก้ปัญหาใน
ชีวติ ประจำวนั
ว 2.3 ม.1/5 วิเคราะห์สถานการณ์การถา่ ยโอนความร้อนและคำนวณปรมิ าณความร้อนท่ีถ่ายโอน
ระหว่างสสารจนเกิดสมดลุ ความร้อนโดยใชส้ มการ Q สูญเสีย = Q ไดร้ บั
ว 2.3 ม.1/6 สรา้ งแบบจำลองท่ีอธิบายการถา่ ยโอนความรอ้ นโดยการนำความร้อนการพาความร้อน
การแผ่รงั สคี วามร้อน
ว 2.3 ม.1/7 ออกแบบเลอื กใช้และสรา้ งอปุ กรณเ์ พ่ือแกป้ ัญหาในชีวิตประจำวันโดยใช้ความรเู้ กยี่ วกับ
การถา่ ยโอนความร้อน

มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจองคป์ ระกอบและความสัมพนั ธ์ของระบบโลกกระบวนการเปลี่ยนแปลง
ภายในโลกและบนผิวโลกธรณพี ิบัตภิ ัยกระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟ้าอากาศและภมู อิ ากาศโลกรวมท้ังผลต่อ
ส่งิ มีชวี ิตและสิ่งแวดล้อม

ว 3.2 ม.1/1 สร้างแบบจำลองทอ่ี ธิบายการแบง่ ชัน้ บรรยากาศและเปรยี บเทยี บประโยชนข์ อง
บรรยากาศแตล่ ะช้นั

ว 3.2 ม.1/2 อธบิ ายปัจจัยที่มผี ลต่อการเปลีย่ นแปลงองคป์ ระกอบของลมฟา้ อากาศจากขอ้ มูลท่ีรวบรวมได้
ว 3.2 ม.1/3 เปรียบเทยี บกระบวนการเกดิ พายฝุ นฟ้าคะนองและพายหุ มุนเขตร้อนและผลที่มตี อ่

สิง่ มชี ีวิตและส่ิงแวดลอ้ มรวมท้ังนำเสนอแนวทางการปฏิบตั ิตนให้เหมาะสมและ
ปลอดภัย
ว 3.2 ม.1/4 อธิบายการพยากรณอ์ ากาศและพยากรณอ์ ากาศอย่างงา่ ยจากขอ้ มลู ท่รี วบรวมได้

4

ว 3.2 ม.1/5 ตระหนักถึงคุณค่าของการพยากรณ์อากาศโดยนำเสนอแนวทางการปฏบิ ตั ติ นและการ
ใช้ประโยชน์จากคำพยากรณอ์ ากาศ

ว 3.2 ม.1/6 อธบิ ายสถานการณ์และผลกระทบการเปล่ยี นแปลงภูมอิ ากาศโลกจากข้อมูลทีร่ วบรวมได้
ว 3.2 ม.1/7 ตระหนักถึงผลกระทบของการเปล่ยี นแปลงภมู อิ ากาศโลกโดยนำเสนอแนวทางการ

ปฏบิ ัตติ นภายใตก้ ารเปลย่ี นแปลงภูมอิ ากาศโลก

2. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
2.1 ความรู้ (K)
1. นักเรียนสามารถอธิบายการจดั เรยี งอนุภาคแรงยึดเหน่ยี วระหว่างอนภุ าคของสารต่างๆได้ (K)
2. นักเรียนสามารถอธิบายความรอ้ นกับการเปลย่ี นอุณหภมู ิของสสารได้ (K)
3. นกั เรยี นสามารถอธบิ ายผลท่เี กิดจากความรอ้ นทีส่ ่งผลใหส้ สารเกิดการขยายตัวและหดตัวได้ (K)
4. นักเรยี นสามารถบอกความหมายและการนำหนว่ ยการวดั อุณหภูมไิ ปใช้งานได้ (K)
5. นกั เรยี นสามารถอธบิ ายความร้อนกบั การเปลยี่ นสถานะของสสารได้ (K)
6. นกั เรยี นสามารถอธิบายประโยชนข์ องการหด-ขยายตัวของสสารได้ (K)
7. นักเรียนสามารถอธิบายคา่ ความรอ้ นจำเพาะของสารทเ่ี ก่ียวขอ้ งกับสง่ิ มีชวี ติ ได้ (K)
8. นกั เรียนสามารถอธิบายการถ่ายโอนความรอ้ นในชีวิตประจำวนั ได้ (K)
9. นกั เรียนสามารถอธบิ ายการพาความรอ้ นได้ (K)
10. นกั เรยี นสามารถอธิบายการแผร่ งั สคี วามรอ้ นได้ (K)
11. นกั เรียนสามารถอธบิ ายประโยชนข์ องการถ่ายโอนความรอ้ นได้ (K)
12. นกั เรียนสามารถอธบิ ายความหมายสมดุลความรอ้ นได้ (K)
13. นกั เรยี นสามารถอธบิ ายชนั้ บรรยากาศของโลกได้ (K)
14. นักเรยี นสามารถอธิบายความสำคญั อณุ หภูมิอากาศได้ (K)
15. นกั เรยี นสามารถอธิบายความหมายของความกดอากาศได้ (K)
16. นกั เรยี นสามารถอธิบายการเคล่ือนทข่ี องลมได้ (K)
17. นักเรียนสามารถอธิบายการเกดิ ความชืน้ ได้ (K)
18. นักเรียนสามารถอธิบายการเกิดเมฆและชนดิ ของเมฆได้ (K)
19. นกั เรียนสามารถอธบิ ายการเกดิ ฝนได้ (K)
20. นักเรียนสามารถบอกประโยชน์ของการพยากรณอ์ ากาศได้ (K)
21. นักเรยี นสามารถอธบิ ายการเกิดพายุได้ (K)
22. นกั เรียนสามารถอธบิ ายรปู แบบของพายุได้ (K)
23. นักเรยี นสามารถอธบิ ายการปฏิบตั ิตนใหป้ ลอดภยั จากพายุได้ (K)
24. นักเรยี นสามารถอธิบายการเปลย่ี นแปลงอณุ หภมู ิอากาศได้ (K)
25. นกั เรยี นสามารถอธบิ ายการตระหนกั ถงึ ผลของการเปลี่ยนแปลงอุณหภมู อิ ากาศ (K)

2.2 ทักษะ (P)
1. นกั เรยี นสามารถปฏบิ ตั ิกิจกรรมสรา้ งแบบจําลองอนภุ าคของสสารในแต่ละสถานะได้ (P)
2. นกั เรียนสามารถปฏิบตั กิ ิจกรรมท่ี 5.2 ปจั จัยใดบา้ งทม่ี ีผลต่อการเปลย่ี นแปลงอณุ หภูมขิ องสสารได้ (P)
3. นกั เรียนสามารถปฏิบัติกิจกรรมที่ 5.3 ความรอ้ นส่งผลตอ่ สสารแต่ละสถานะอยา่ งไรได้ (P)

5

4. นักเรยี นสามารถคำนวณการเปลีย่ นหนว่ ยการวดั อุณหภมู ไิ ด้ (P)
5. นกั เรยี นสามารถปฏบิ ตั ิกิจกรรมท่ี 5.4 ความร้อนทำให้สสารเปล่ียนสถานะได้อยา่ งไร (P)
6. นกั เรยี นสามารถเขยี นแผนผงั ความคดิ ประโยชนข์ องการหด-ขยายตวั ของสสารได้ (P)
7. นกั เรียนทำกจิ กรรม เร่อื ง คา่ ความร้อนจาํ เพาะของสารเกย่ี วข้องกับสงิ่ มีชวี ติ และสง่ิ แวดล้อมอย่างไรได้ (P)
8. นกั เรยี นสามารถปฏิบัตกิ จิ กรรมที่ 5.5 ความร้อนถา่ ยโอนผ่านของแขง็ ได้อยา่ งไร (P)
9. นกั เรียนสามารถปฏิบตั กิ จิ กรรมที่ 5.6 การถ่ายโอนความร้อนของของเหลวและแก๊สเป็นอยา่ งไรได้ (P)
10. นกั เรยี นสามารถสร้างแผนผังความคดิ เรอ่ื งการถา่ ยโอนความร้อนโดยไมอ่ าศัยตวั กลางได้ (P)
11. นักเรียนสามารถปฏิบตั กิ ิจกรรมที่ 5.8 เรื่องน้ำอุณหภมู ิต่างกนั ผสมกนั จะเปน็ อยา่ งไรได้ (P)
12. นกั เรยี นสามารถเขียนบทความประโยชน์ของการถา่ ยโอนความรอ้ นได้ (P)
13. นกั เรียนสามารถวาดภาพ เรอ่ื ง ช้ันบรรยากาศได้ (P)
14. นกั เรยี นสามารปฏบิ ตั กิ ิจกรรมท่ี 6.2 อุณหภมู ิอากาศเปลีย่ นแปลงอยา่ งไรได้ (P)
15. นักเรียนสามารถปฏิบัตกิ ิจกรรมท่6ี .3อากาศมีแรงกระทำตอ่ วัตถหุ รือไม่อยา่ งไรได้ (P)
16. นักเรียนสามารถปฏบิ ัตกิ จิ กรรมที่ 6.4 เหตุใดลมจึงเคล่ือนทีเ่ ร็วตา่ งกนั ได้ (P)
17. นักเรยี นสามารถปฏิบัติกิจกรรมที่6.5ปัจจยั ท่ีมีผลต่อความชื้นสัมพัทธม์ อี ะไรบ้าง (P)
18. นักเรียนสามารถวาดและเขยี นอธิบายชัน้ ของเมฆได้ (P)
19. นกั เรียนสามารถเขยี นวฏั จักรการเกิดฝนได้ (P)
20. นกั เรียนสามารถปฏิบัติกจิ กรรมที่ 6.7 การพยากรณ์อากาศทำไดอ้ ย่างไรได้ (P)
21. นักเรียนสามารถปฏิบัตกิ จิ กรรมท่ี 6.9 พายฝุ นฟ้าคะนองและพายุหมนุ เขตร้อนเกิดขน้ึ ได้อยา่ งไรได้ (P)
22. นกั เรียนสามารถแสดงบทบาทสมมตเิ ก่ียวกบั การปฏบิ ัติตนให้ปลอดภยั จากพายไุ ด้ (P)
23. นักเรยี นสามารถเขียนแผนผังความคิดรปู แบบของพายไุ ด้ (P)
24. นกั เรียนสามารถเขียนวเิ คราะหส์ าเหตกุ ารเปล่ียนแปลงอณุ หภูมิอากาศได้ (P)
25. นักเรยี นสามารถเขยี นกลอนแปดเรอื่ งการตระหนกั ถึงผลของการเปล่ยี นแปลงได้ (P)

2.3 ทัศนคติ (A)
1. นกั เรียนเรยี นเสร็จแลว้ เก็บอุปกรณเ์ ข้าที่เป็นระเบยี บ (A)
2. นักเรยี นเรียนมวี นิ ยั และใฝ่เรียนรู้ (A)
3. นักเรยี นต้ังใจเรียนและมุง่ ม่นั ในการทำงาน (A)

3. คำอธบิ ายรายวชิ า
ศึกษาเกยี่ วกบั สารรอบตัว สมบตั ิของสาร การจำแนกสารด้วยสถานะ เนอ้ื สาร และขนาดอนุภาคของ

สาร การเปล่ยี นแปลงของสาร สารบรสิ ุทธ์ิและสารผสม สมบตั ขิ องสารบริสุทธแิ ละสารผสม การใช้ความรู้ทาง
เคมีให้เป็นประโยชน์ต่อการเลือกใช้สารเคมีในชีวิตประจำวันได้อย่างเหมาะสมและปลอดภัย การศึกษา
ชวี วิทยาโดยอาศัยวธิ ีการทางวิทยาศาสตร์ ศึกษาประเภท โครงสร้างและหน้าที่ของส่วนประกอบภายในเซลล์
สิ่งมีชีวิตด้วยกล้องจุลทรรศน์ศึกษากระบวนการลำเลียงสารเขาและออกจากเซลล์ด้วยวิธีการแพร่ และการ
ออสโมซีส ศึกษาการดำรงชวี ิตของพืชกระบวนการสงเคราะห์ด้วยแสง การลำเลียงสารในพืช การเจริญเติบโต
ของพืช การสืบพนั ธขุ์ องพชื และเทคโนโลยชี วี ภาพของพืช

6

ศึกษา วเิ คราะห์ ความรอ้ นกับการเปลีย่ นแปลงของสสาร การถ่ายโอนความร้อน ลมฟ้าอากาศรอบตัว
มนุษย์และการเปลี่ยนแปลงลมฟ้าอากาศ โดยใช้การสืบเสาะหาความรู้ การสำรวจตรวจสอบ ทักษะ
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทักษะในศตวรรษที่ 21 การสบื ค้นข้อมลู และการอภิปราย เพอ่ื ให้เกิดความรู้
ความคิด ความเขา้ ใจ สามารถสอ่ื สารสง่ิ ทีเ่ รียนรู้ มคี วามสามารถในการตัดสินใจ การแกป้ ญั หา กานำความรู้ไป
ใช้ในชีวิตประจำวัน มจี ิตวิทยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คุณธรรม และคา่ นิยมท่เี หมาะสม

รหสั ตัวช้วี ัด
ว 1.2 ม.1/1 ม.1/2 ม.1/3 ม.1/4 ม.1/5 ม.1/6 ม.1/7 ม.1/8 ม.1/9 ม.1/10 ม.1/11 ม.1/12

ม.1/13 ม.1/14 ม.1/15 ม.1/16 ม.1/17 ม.1/18
ว 2.1 ม.1/1 ม.1/2 ม.1/3 ม.1/4 ม.1/5 ม.1/6 ม.1/7 ม.1/8 ม.1/9 ม.1/10
ว 2.2 ม.1/1
ว 2.3 ม.1/1 ม.1/2 ม.1/3 ม.1/4 ม.1/5 ม.1/6 ม.1/7
ว 3.2 ม.1/1 ม.1/2 ม.1/3 ม.1/4 ม.1/5 ม.1/6 ม.1/7

รวม 43 ตัวช้ีวดั

7

โครงสรา้ งรายวิชา

รายวชิ าพื้นฐาน รหัสวชิ า ว 21101 กลุ่มสาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 1
ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2563 จำนวน 60 ช่วั โมง/ 1.5 หนว่ ยกิต

หนว่ ยที่ ชื่อหน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐาน เวลา (ชว่ั โมง)
การเรยี นร/ู้ ตวั ชี้วดั

1 สารบริสทุ ธิ์ 8 26

1.1 จุดเดอื ดและจุดหลอมเหลว ว2.1 ม.1/4 2

1.2 จุดหลอมเหลมของสารบรสิ ทุ ธ์ิและสารผสม ว2.1 ม.1/4 2

1.3 ความหนาแน่น ว2.1 ม.1/5,ม.1/6 6

1.4 อนุภาคของสาร ว2.1 ม.1/7 3

1.5 สารบริสุทธิ์ ว2.1 ม.1/7 6

1.6 โครงสร้างอะตอม ว2.1 ม.1/8,ม.1/1 4

1.7 การจำแนกธาตุและการใช้ประโยชน์ ว2.1 ม.1/2,ม.1/3 3

สอบกลางภาคภาคเรียนที่ 1

2 หนว่ ยพืน้ ฐานของสิ่งมชี ีวิต 5 10

2.1 การศึกษาเซลล์ดว้ ยกล้องจุลทรรศน์ ว1.2 ม.1/1,ม.1/2 3

2.2 โครงสรา้ งและหน้าทขี่ องเซลล์ ว1.2 ม.1/3,ม.1/4 3

2.3 การแพร่ ว1.2 ม.1/5 2

2.4 ออสโมซิส ว1.2 ม.1/5 2

3 การดำรงชวี ิตของพืช 13 18

3.1 การสบื พนั ธุ์แบบอาศยั เพศและไมอ่ าศยั เพศของพชื ดอก ว1.2 ม.1/11,ม.1/12,ม.1/13 2

3.2 การขยายพันธพุ์ ืชดอก ว1.2 ม.1/16,ม.1/17,ม.1/18 2

3.3 ปจั จัยท่ีมีผลตอ่ การสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง ว1.2 ม.1/6 2
3.4 การสงั เคราะห์ด้วยแสงของพชื ว1.2 ม.1/7 2
3.5 ผลที่ได้จากกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงของพชื ว1.2 ม.1/7 2
3.6 ความสำคัญของการสงั เคราะห์ด้วยแสง ว1.2 ม.1/8 2

3.7 ธาตุอาหารของพืช ว1.2 ม.1/14,ม.1/15 2

3.8 การลำเลยี งในพืช ว1.2 ม.1/9,ม.1/10 4

สอบปลายภาคภาคเรียนท่ี 1

รวม 26 60

8

โครงสร้างรายวิชา

รายวชิ าพ้นื ฐาน รหสั วิชา ว 21102 กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 1 ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2563 จำนวน 60 ชั่วโมง/ 1.5 หน่วยกิต

หนว่ ยท่ี ชอ่ื หนว่ ยการเรียนรู้ มาตรฐาน เวลา (ช่ัวโมง)
การเรยี นร/ู้ ตวั ช้ีวดั

1 พลงั งานความร้อนกับการเปลี่ยนแปลงของสสาร 27

1.1 แบบจำลองอนุภาคของสาร ว 2.1 ม.1/9 2

1.2 ความรอ้ นกบั การเปลี่ยนอณุ หภูมขิ องสสาร1 ว2.1 ม.1/10 2

1.3 ความร้อนกับการเปลย่ี นอณุ หภมู ิของสสาร2 ว2.1 ม.1/10 2

1.4 ความรอ้ นกบั การขยายตวั และหดตวั ของสสาร ว2.1 ม.1/10 2

1.5 หน่วยวัดอุณหภูมิ ว2.1 ม.1/10 2

1.6 ความร้อนกบั การเปลี่ยนสถานะของสสาร ว2.1 ม.1/10 2

1.7 การคำนวณปรมิ าณความรอ้ น ว2.3 ม.1/1 2

1.8 ประโยชน์ของการหด-ขยายตวั ของสสาร ว2.3 ม.1/4 2

1.9 คา่ ความร้อนจำเพาะของสารที่เกยี่ วข้องกบั สง่ิ มีชีวติ ว2.3 ม.1/2,ม.1/3 2

1.10 การถา่ ยโอนความร้อนในชีวิตประจำวนั ว2.3 ม.1/5,ม.1/6 2

1.11 การถ่ายโอนความร้อนของของเหลวและแกส๊ ว2.3 ม.1/5,ม.1/6 2

1.12 การถา่ ยโอนความรอ้ นโดยไมอ่ าศยั ตัวกลาง ว2.3 ม.1/5,ม.1/6 2

1.13 ประโยชนข์ องการถ่ายโอนความรอ้ น ว2.3 ม.1/7 1

1.14 สมดุลความรอ้ น ว2.3 ม.1/5 2

สอบกลางภาคภาคเรียนท่ี 2

2 กระบวนการเปล่ยี นแปลงลมฟา้ อากาศ 27

2.1 บรรยากาศของเรา ว3.2 ม.1/1 3

2.2 อณุ หภูมิอากาศ ว3.2 ม.1/2 2

2.3 ความกดอากาศ ว2.2 ม.1/1 2

2.4 ลม ว3.2 ม.1/2 2

2.5 ความชน้ื ว3.2 ม.1/2 2

2.6 เมฆและชนดิ ของเมฆ ว3.2 ม.1/2 2

2.7 การเกดิ ฝน ว3.2 ม.1/2 2

2.8 การพยากรณอ์ ากาศ ว3.2 ม.1/4,ม.1/5 2

2.9 การเกิดพายุ ว3.2 ม.1/3 2

2.10 รปู แบบของพายุ ว3.2 ม.1/3 2

2.11 การปฏบิ ตั ติ นใหป้ ลอดภยั จากพายุ ว3.2 ม.1/3 2

2.12 การเปลย่ี นแปลงอุณหภูมอิ ากาศ ว3.2 ม.1/6 2

2.13 การตระหนกั ถึงผลของการเปลี่ยนแปลงอณุ หภูมิอากาศ ว3.2 ม.1/7 2
สอบปลายภาคภาคเรยี นที่ 2

รวม 17 60

แผนการจัดการเรียนรู้รายหน่วย



11

แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 1.1

เร่ือง แบบจำลองอนุภาคของสาร รายวชิ า วิทยาศาสตร์ รหสั วชิ า ว21102 เวลา 2 คาบ

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ช่อื หน่วยการเรยี นรู้ พลงั งานความรอ้ นกบั การเปลย่ี นแปลงของสสาร รวม 27 คาบ

กลมุ่ สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1 ภาคเรียนที่ 2

สาระท่ี 2 ชอ่ื สาระ วิทยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว 2.1

ชื่อผสู้ อน นางสาวสุชาดา วงษแ์ ดง โรงเรยี นวัดตะวนั เรอื ง

1. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด
สสารทุกชนดิ ประกอบด้วยอนภุ าค ซงึ่ อาจเป็นอะตอม โมเลกลุ หรือไอออน โดยสสารชนดิ เดยี วกันท่ีมี

สถานะของแข็งของเหลวแก๊สจะมีการจัดเรียงอนุภาคแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาคการเคลื่อนที่ของอนุภาค
แตกต่างกัน ซึ่งมีผลต่อรูปร่างและปริมาตรของสสาร เมื่อสสารได้รับหรอื สูญเสยี ความร้อน สสารอาจเกิดการ
เปลย่ี นแปลงอุณหภมู ิขนาด หรอื สถานะของสสาร

2. ตัวช้ีวัด/จดุ ประสงค์การเรียนรู้
2.1 ตัวชวี้ ดั
ม.1/9 อธิบายและเปรียบเทียบการจัดเรียงอนุภาคแรงยดึ เหนี่ยวระหว่างอนุภาค และการ

เคล่อื นที่ ของอนภุ าคของสสารชนดิ เดียวกนั ในสถานะ ของแขง็ ของเหลว และแก๊ส โดยใช้แบบจำลอง

2.2 จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
- นักเรียนสามารถอธบิ ายการจัดเรียงอนภุ าคแรงยดึ เหนย่ี วระหว่างอนุภาคของสารตา่ งๆได้ (K)
- นักเรียนสามารถปฏิบตั กิ ิจกรรมสร้างแบบจําลองอนภุ าคของสสารในแตล่ ะสถานะได้ (P)
- นกั เรียนเรยี นเสร็จแล้วเก็บอุปกรณ์เข้าที่เป็นระเบียบได้ (A)

3. สาระการเรยี นรู้
การจดั เรียงอนุภาคของสาร สารหรือสิง่ ตา่ ง ๆ ท่ีพบในชีวิตประจำวนั ปรากฏอยใู่ นสถานะตา่ งๆ ขึ้นอยู่

กบั ชนิดของสารน้ัน สารบางชนดิ มสี ถานะเปน็ ของแขง็ บางชนดิ มสี ถานะเป็นของเหลว บางชนิดมสี ถานะเปน็ แกส๊
โดยการจดั เรียงอนภุ าคของสารในสถานะของแขง็ ของเหลว และแกส๊ สรปุ ได้ดงั น้ี

1. ของแขง็ สารทม่ี ีสถานะเปน็ ของแข็ง อนุภาคท่ีประกอบเปน็ ของแข็งจะเปน็ ระเบียบอยู่ใน
ตำแหน่งแน่นอนคงที่ ไมเ่ คลื่อนที่และมีชอ่ งว่างระหว่างอนุภาคน้อยมาก จนถอื ว่าไม่มชี ่องว่างระหวา่ งอนภุ าคสาร
อนื่ จึงแทรกเข้าไประหว่างอนภุ าคไมไ่ ด้

2. ของเหลว สารที่มสี ถานะเปน็ ของเหลว อนภุ าคจะเรียงตัวอย่างมีเป็นระเบยี บ โดยท่อี นุภาค
ไมไ่ ดอ้ ยูใ่ กล้ชดิ กนั ดงั เช่น ของแขง็ ของเหลว สามารถไหลและเปลย่ี นแปลงรปู รา่ งไดต้ ามภาชนะทีบ่ รรจุอย่างไรก็
ตามอนภุ าคของของเหลวจะเกาะตดิ กันด้วยแรงดึงดูดทีแ่ ขง็ มาก ท้ังน้ีของเหลวจงึ มีลักษณะคลา้ ยกับของแข็ง
ประการหนึง่ คอื มปี ริมาตรท่ีแน่นอน

3. แกส๊ สารที่มีสถานะเป็นแกส๊ อนภุ าคตา่ ง ๆ จะอยหู่ ่างกัน โดยมีช่องว่างระหวา่ งอนุภาคมาก
อนุภาคท้ังหลายจึงเคลื่อนท่ไี ดอ้ ย่างอสิ ระ และเคลอ่ื นท่ีไปทุกทิศทุกทาง มกี ารปะทะกบั อนุภาคอ่นื แพร่กระจายไป
ไดไ้ กลๆ โดยรูปร่างและปริมาตรจะไม่แนน่ อน

4. สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รยี น
4.1 ความสามารถในการคิด

12

5. คณุ ลกั ษณะท่ีพงึ ประสงค์
5.1 มุ่งมนั่ ในการทำงาน
5.2 มวี นิ ัย
5.3 ใฝ่เรยี นรู้

6. การจดั กจิ กรรมการเรียนรแู้ บบสบื เสาะหาความรู้ (5E)
ข้นั ที่ 1 กระตุ้นความสนใจ (Engagement)
1) ครูนํานักเรียนเข้าสู่หน่วยที่ 5 พลังงานความร้อนโดยอภิปรายเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ใน

ชีวิตประจำวันเช่นการเปลี่ยนสถานะ โดยอาจใช้คําถามว่าการเปลี่ยนสถานะมีอะไรบ้าง และเกี่ยวข้องกับ
พลังงานความร้อนอย่างไร (แนวการตอบ ในระดับประถมศึกษานักเรียนได้เรียนรู้มาแล้วว่าสสารสามารถ
เปลี่ยนจากสถานะหนึ่งเป็นอีกสถานะหนึ่งได้เม่ือได้รับหรือสูญเสียความร้อน) และเชื่อมโยงเข้าสู่บทเรียนโดย
อาจใช้คําถามว่า พลังงานความร้อนเกีย่ วข้องกับการเปลี่ยนแปลงอ่ืนๆของสสารอีกหรือไม่อย่างไร (แนวการ
ตอบ ครูไม่บอกคำตอบให้นักเรียนเรียนรู้เองจากการเรียนในหนว่ ยนี้ และจะทบทวนนักเรียนอีกครั้งหลงั จาก
เรียนจบหน่วยน)ี้

2) ครใู หน้ กั เรยี นสงั เกตภาพดังนี้

ทมี่ า https://palungjit.org/threads
- ครูถามนกั เรยี นว่าภาพน้เี ก่ยี วขอ้ งกับเรอ่ื งอะไร (แนวการตอบ ภาพดงั กล่าวนีเ้ ปน็ การหลอม
แกว้ เพ่อื สร้างผลติ ภัณฑท์ เี่ กย่ี วกับแก้ว โดยผ่านกระบวนการหลอมเหลวและขน้ึ รปู แท่งแก้วใหม)่
3) ครูถามต่อการทำผลิตภัณฑ์จากแก้วให้มีรูปทรงต่าง ๆ เกี่ยวข้องกับพลังงานความร้อน
หรือไม่ อย่างไร (แนวการตอบ นักเรียนตอบได้โดยใช้สํานวนภาษาของตนเองเช่น การทำผลิตภัณฑ์จากแก้ว
เก่ียวขอ้ งกบั พลังงานความรอ้ น โดยใหค้ วามรอ้ นกับแกว้ ในเตาหลอม ความร้อนจะทำให้แกว้ หลอมเหลวจากน้ัน
จึงข้นึ รูป แลว้ นาํ แก้วที่ผา่ นการขน้ึ รูปไปอบเพ่อื ปรับลดอุณหภมู ลิ งอยา่ งชา้ ๆ จนกระทั่งถงึ อุณหภมู ปิ กติ)
4) ถา้ นักเรียนต้องการทราบว่าสิ่งทีเ่ ห็นในภาพเปน็ สารผสมหรือสารบริสุทธ์จิ ะตอ้ งทำอย่างไร
(แนวการตอบ นกั เรยี นตอบตามความเขา้ ใจของตนเอง เช่น นำไปทดลอง นาํ ไปแยกสาร หรืออื่นๆ)
5) ครใู ห้นักเรยี นสังเกตภาพนําบทในหนังสือเรียนหรือภาพ เพ่ิมเติมเกยี่ วกับการผลิตเหรียญ
กษาปณ์พร้อมทง้ั ใหน้ ักเรียนอ่านเนื้อหานําบท และร่วมกนั อภิปรายเก่ยี วกับขัน้ ตอนการผลิตเหรยี ญกษาปณ์ว่า
เกีย่ วขอ้ งกับพลงั งานความรอ้ นอยา่ งไร โดยอาจใชค้ าํ ถามดังตอ่ ไปนี้
- ขั้นตอนการผลิตเหรียญกษาปณ์มีการเปลี่ยนสถานะของโลหะอย่างไรบ้าง (แนวการตอบ
โลหะเกิดการหลอมเหลว โดยโลหะได้รับความร้อน ทำให้เปลี่ยนสถานะจากของแข็งเป็นของเหลวและโลหะ
เกิดการแขง็ ตัว โดยโลหะท่อี ยใู่ นแมพ่ ิมพ์สูญเสียความรอ้ น ทำให้เปลยี่ นสถานะจากของเหลวเป็นของแข็ง)

13

6) ครูนำนกั เรยี นเขา้ ส่เู น้ือหาการจัดเรียงอนุภาคแรงยึดเหนี่ยวระหวา่ งอนุภาคของสารต่างๆ
โดย ครูถามนกั เรยี นว่า แลว้ หากอนภุ าคของสารชนิดต่างๆเม่อื โดยความร้อนแล้วจะมกี ารเปลี่ยนแปลงอย่างไร
(แนวการตอบ คำตอบข้ึนอย่กู บั ความร้เู ดิมของนกั เรียน)

ขั้นท่ี 2 ขัน้ สำรวจและคน้ หา (Exploration)
1) ครใู หน้ กั เรยี นนงั่ เป็นกลมุ่ ตามทไี่ ดจ้ ดั ไว้ โดยจะมีสมาชกิ กลุ่มอยู่ประมาณ 4- 5 คนต่อกลุ่ม

ทำกิจกรรมที่ 5.1 แบบจาํ ลองอนภุ าคของสสารในแต่ละสถานะ
2) ครูแจ้งวัตถปุ ระสงค์ของบทเรียนและอภิปรายร่วมกัน เพ่อื ใหน้ ักเรียนทราบขอบเขตเนื้อหา

ที่นักเรียนจะได้เรียนรู้ในบทเรียน รวมทั้งเป้าหมายการเรียนรู้และแนวทางการประเมิน ทั้งนี้ครูได้เตรียม
อุปกรณใ์ ห้นักเรียนเพ่อื ได้ดำเนินกิจกรรม (นกั เรยี นจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับแบบจําลองอนุภาคของสสารในแต่ละ
สถานะความร้อนกับการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของสสาร ความร้อนกับการขยายตัวหรือหดตัวของสสารและ
ความร้อนกับการเปลย่ี นสถานะของสสาร) ให้นักเรียนอา่ นวธิ กี ารดำเนินกิจกรรมในหนงั สือเรียนและปฏิบัติ ให้
นักเรียนสังเกตภาพ 5.1 (อิงจากหนังสือวิทยาศาสตร์พื้นฐาน เล่ม 2สสวท.หน้าที่ 4) การระเหิดของไอโอดนี
อ่านเนื้อหานําเรื่อง และรู้จักคําสำคัญ ทำกิจกรรมทบทวนความรู้ก่อนเรียนเพื่อประเมินความรู้พื้นฐานของ
นักเรียนเกี่ยวกับสสารและสถานะของสสาร หากพบว่านักเรียนยังมีความรู้พื้นฐานไม่ถูกตอ้ ง ครูควรทบทวน
หรือแก้ไขความเข้าใจผิดของนักเรียน เพื่อให้นักเรียนมีความรู้พื้นฐานที่ถูกต้องและเพียงพอที่จะเรียนเรื่อง
แบบจำลองอนภุ าคของสสารในแต่ละสถานะต่อไป

3) ครูให้นักเรียนปฏิบตั ิกจิ กรรมท่ี 5.1 แบบจําลองอนภุ าคของสสารในแตล่ ะสถานะ ขณะที่
ปฏบิ ัตกิ ิจกรรมครเู น้นย้ำเรื่องการไมเ่ ล่นกนั ขณะทำกจิ กรรม

ขนั้ ที่ 3 ขนั้ อธบิ ายและลงข้อสรุป (Explanation)
1) ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายจากกิจกรรมที่ได้ดำเนินไปโดยใช้คำถามเพื่อกระตุ้น

ความคดิ ของนักเรยี นดังต่อไปนี้
1.1 กิจกรรมนี้เกี่ยวกับเรื่องอะไร (แนวการตอบ แบบจําลองอนุภาคของสสารใน

สถานะของแขง็ ของเหลว และแกส๊ )
1.2 กิจกรรมนี้มีจุดประสงค์อย่างไร (แนวการตอบ นักเรียนตอบตามความคิดของ

ตนเอง)
1.3 วิธดี ำเนนิ กิจกรรมมีข้ันตอนโดยสรุปอย่างไร (แนวการตอบ คาดคะเนและสร้าง

แบบจําลองอนุภาคตามที่คาดคะเน รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับแบบจําลองอนุภาค วิเคราะห์ข้อมูลที่รวบรวมได้
และปรับแกแ้ บบจาํ ลองอนภุ าคทีส่ ร้างไว้และนําเสนอแบบจำลองอนุภาคท่ีปรับแกแ้ ลว้ )

1.4 ข้อควรระวังในการรวบรวมข้อมลู มีอะไรบ้าง อะไรบ้าง (แนวการตอบ นักเรียน
ควรรวบรวมขอ้ มูลจากส่อื บนอนิ เทอร์เน็ตหรอื แหลง่ เรยี นรอู้ น่ื ๆทนี่ า่ เชอื่ ถือ)

1.5 นักเรยี นตอ้ งรวบรวมขอ้ มลู อะไรบ้าง (แนวการตอบ นกั เรียนต้องรวบรวมข้อมูล
ทั้งการจัดเรียงอนุภาค แรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาคและการเคลื่อนที่ของอนุภาคของสสารในแต่ละสถานะ
เพอ่ื นํามาปรับแกแ้ บบจําลองอนภุ าคทคี่ าดคะเนไว้ใหถ้ กู ต้อง)

1.6 จากนั้นครูให้ความรู้เบื้องต้น โดยใช้สื่อการเรียนรู้ PowerPoint เรื่อง
แบบจำลองอนุภาคของสาร ว่าอนุภาคของสาร คือ สารหรือสิ่งต่าง ๆ ที่พบในชีวิตประจำวัน ปรากฏอยู่ใน
สถานะต่าง ๆ ขึ้นอยู่กับชนดิ ของสารนั้น สารบางชนิดมสี ถานะเป็นของแขง็ บางชนดิ มสี ถานะเป็นของเหลว บาง
ชนิดมสี ถานะเป็นแก๊ส โดยการจัดเรยี งอนุภาคของสารในสถานะของแข็ง ของเหลว และแก๊ส สรุปไดด้ งั น้ี

1. ของแข็ง สารที่มีสถานะเป็นของแขง็ อนุภาคที่ประกอบเป็นของแข็งจะ
เป็นระเบียบอยู่ในตำแหน่งแน่นอนคงที่ ไม่เคลื่อนที่และมีช่องว่างระหว่างอนุภาคน้อยมาก จนถือว่าไม่มี
ช่องว่างระหวา่ งอนุภาคสารอ่นื จึงแทรกเขา้ ไประหว่างอนภุ าคไม่ได้

14

2. ของเหลว สารที่มีสถานะเป็นของเหลว อนุภาคจะเรียงตัวอย่างมีเป็น
ระเบยี บ โดยทอ่ี นุภาคไม่ได้อย่ใู กลช้ ดิ กนั ดงั เช่น ของแข็ง ของเหลว สามารถไหลและเปลยี่ นแปลงรูปรา่ งได้ตาม
ภาชนะที่บรรจุอย่างไรก็ตามอนภุ าคของของเหลวจะเกาะติดกันด้วยแรงดึงดูดที่แข็งมาก ทั้งนี้ของเหลวจึงมี
ลักษณะคล้ายกบั ของแขง็ ประการหน่งึ คือมีปริมาตรท่แี นน่ อน

3. แกส๊ สารทีม่ ีสถานะเปน็ แก๊ส อนุภาคตา่ ง ๆ จะอยหู่ า่ งกนั โดยมีช่องว่าง
ระหว่างอนุภาคมาก อนุภาคทั้งหลายจึงเคลื่อนทีไ่ ด้อยา่ งอสิ ระ และเคลื่อนทีไ่ ปทุกทิศทุกทาง มีการปะทะกบั
อนุภาคอนื่ แพร่กระจายไปไดไ้ กล ๆ โดยรูปรา่ งและปรมิ าตรจะไมแ่ น่นอน

1.7 นกั เรยี นและครรู ่วมกันอภิปรายและสรุปดงั น้ี อนภุ าคของของแข็งจะสัน่ อยู่กับท่ี
และเรียงชิดกนั โดยมแี รงยึดเหน่ยี วระหว่างอนุภาคมากกวา่ ของเหลวและแก๊ส อนภุ าคของของเหลวอยู่ใกล้กัน
โดยมีแรงยดึ เหนี่ยวระหว่างอนภุ าคนอ้ ยกวา่ ของแข็งแต่มากกว่าแก๊ส อนุภาคของของเหลวจึงเคล่ือนท่ีได้แต่ไม่
เป็นอิสระโดยจะเคลื่อนที่รอบ ๆอนุภาคใกล้เคียงอนุภาคของแก๊สอยู่ห่างกันมากโดยมีแรงยึดเหนี่ยวระหว่าง
อนุภาคนอ้ ยมาก อนุภาคจึงเคลอ่ื นทไ่ี ดอ้ ย่างอิสระทกุ ทศิ ทาง

2) ครเู ชอื่ มโยงความรูจ้ ากการทำกิจกรรมและการอ่านเพ่ิมเติมเพือ่ ให้ได้ข้อสรปุ วา่ เนื่องจาก
เราไม่สามารถมองเห็นอนุภาคของสสารได้เราจึงเรียนรู้เกี่ยวกับการจัดเรียงอนุภาค แรงยึดเหนี่ยวระหว่าง
อนุภาคและการเคลื่อนที่ของอนุภาคของสสารโดยใชแ้ บบจาํ ลอง อนุภาคของของแข็งจะส่ันอยู่กับที่และเรยี ง
ชดิ กนั โดยมีแรงยดึ เหน่ียวระหว่างอนภุ าคมากกวา่ ของเหลวและแกส๊ จึงทำใหข้ องแขง็ มรี ูปร่างและปรมิ าตรคงท่ี
อนภุ าคของของเหลวอยู่ใกลก้ นั โดยแรงยดึ เหนี่ยวระหว่างอนุภาคนอ้ ยกว่าของแขง็ แต่มากกวา่ แก๊สอนุภาคของ
ของเหลวจงึ เคล่อื นทีไ่ ด้แต่ไม่เป็นอสิ ระ โดยจะเคลือ่ นท่ีรอบ ๆ อนภุ าคใกลเ้ คยี ง ทำให้ของเหลวมรี ูปร่างไม่คงท่ี
โดยจะเปลี่ยนแปลงตามรูปร่างของภาชนะท่ีบรรจุแตม่ ีปริมาตรคงท่ีอนุภาคของแก๊สอยหู่ ่างกันมากโดยแรงยึด
เหนยี่ วระหวา่ งอนภุ าคนอ้ ยมากอนภุ าคจงึ เคลื่อนท่ีไดอ้ ย่างอิสระทุกทศิ ทาง ทำใหแ้ กส๊ มรี ปู รา่ งและปริมาตรไม่
คงที่ เปลยี่ นแปลงตามรูปร่างและขนาดของภาชนะ

3) ครใู หต้ ัวแทนกลุ่มของนักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ออกมาแสดงความรู้สกึ ในการปฏบิ ตั ิกจิ กรรม
ข้ันที่ 4 ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration)

1) ครูให้นักเรียนดูสื่อออนไลน์เพิ่มเติมเกี่ยวกับแบบจำลองอนุภาคของสาร เพื่อเป็นการ
ทบทวนและสรา้ งความเข้าใจมากยง่ิ ขึ้น

ที่มา : https://www.youtube.com/watch?v=lkZ2zxzTEt0
2) ครูเปิดโอกาสใหน้ กั เรยี นนั้นได้ถามคำถาม โดยแตล่ ะกลุม่ ให้ตัง้ คำถามเกีย่ วกบั เร่ืองท่ีเรียน
ไปอยา่ งนอ้ ย 1 คำถามตอ่ 1 กลมุ่
3) ครแู นะนำแหลง่ เรียนรเู้ พม่ิ เติม

15

ขั้นที่ 5 ข้นั ประเมนิ (Evaluation)
1) ครูประเมินจากกิจกรรมที่ 5.1 แบบจําลองอนุภาคของสสารในแต่ละสถานะ การปฏิบัติ

กจิ กรรมกล่มุ

2) การตอบคำถามในชน้ั เรียน

7. การวัดและประเมนิ ผล

การวดั และประเมนิ ผลด้าน วิธกี ารวดั เครอื่ งมือวัด เกณฑ์การผา่ น

1 ดา้ นความรู้ ระดบั คณุ ภาพ
พอใช้ ขึ้นไป
1. นักเรยี นสามารถอธิบาย
ระดับคณุ ภาพ
การจัดเรียงอนภุ าคแรงยดึ - การตอบคำถามนักเรียนในชั้นเรยี น - แบบประเมนิ การตอบคำถาม พอใช้ ขึน้ ไป

เหน่ยี วระหว่างอนุภาคของ ระดับคุณภาพ
พอใช้ ข้นึ ไป
สารตา่ งๆได้

2. ด้านกระบวนการ - ตรวจสอบการปฏิบตั ิกจิ กรรมที่ 5.1
1. นักเรียนสามารถปฏบิ ัติ
กิจกรรมสร้างแบบจําลอง นกั เรียนสามารถปฏิบตั ิกิจกรรมสรา้ ง - แบบประเมนิ การทำงานกลุม่
แบบจําลองอนุภาคของสสารใน
อนุภาคของสสารในแต่ละ
สถานะได้ แต่ละสถานะ

3. ด้านคณุ ลักษณะที่พงึ

ประสงค์

1. นกั เรยี นเรียนเสรจ็ แล้ว - การสังเกตพฤติกรรมนกั เรียน - แบบประเมนิ การสงั เกต

เก็บอปุ กรณเ์ ขา้ ท่ีเปน็

ระเบยี บได้

8. ส่อื และแหลง่ เรยี นรู้
8.1 สือ่ การสอน

- สือ่ การเรยี นรู้ PowerPoint เร่อื ง แบบจำลองอนภุ าคของสาร
8.2 แหล่งเรียนรู้

- ใบกิจกรรมท่ี 5.1 แบบจาํ ลองอนภุ าคของสสารในแตล่ ะสถานะ

- สอื่ ออนไลน์
- หนังสือเรียนวิทยาศาสตรพ์ ื้นฐาน ม.1

- เอกสารประกอบการสอนรายวชิ าวิทยาศาสตร์ 2

16

บันทกึ ผลการจัดการการเรียนรูท้ ่ี 1.1

ผลการจดั การเรยี นรู้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ปญั หาและอปุ สรรค
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
แนวทางแก้ไข / แนวทางการพัฒนา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ลงชือ่ ....................................................ครูผู้สอน
(นางสาวสชุ าดา วงษแ์ ดง)

ความเห็นของผู้นิเทศ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ลงชือ่ ...............................................ผู้นเิ ทศ
(........................................................)

17

กจิ กรรมท่ี 5.1 แบบจําลองอนภุ าคของ
สสารในแต่ละสถานะ

จุดประสงค์ 1. รวบรวมขอ้ มูลและสรา้ งแบบจําลองเพอื่ อธบิ ายการจัดเรียงอนุภาคแรงยึดเหน่ยี วระหว่าง

อนุภาคและการเคลอ่ื นทขี่ องอนุภาคของสสารในสถานะของแขง็ ของเหลว และแก๊ส
2. เปรยี บเทยี บการจัดเรียงอนุภาค แรงยดึ เหนย่ี วระหวา่ งอนภุ าค และการเคลอ่ื นที่ของ
อนุภาคของสสารในสถานะของแขง็ ของเหลว และแกส๊

วัสดุอปุ กรณ์

1. กระดาษ
2. ดนิ สอสี
3. กรรไกร

4. วสั ดุและอุปกรณอ์ น่ื ๆ เช่น ดินนำ้ มัน โฟม ลกู ปิงปอง

วิธีการ
1. ใหน้ กั เรยี นศกึ ษารูปแบบโครงสรา้ งแบบจำลองจากสอื่ ต่างๆทน่ี กั เรยี นสามารถเรียนรไู้ ด้
2. ใหน้ กั เรียนปฏิบัตกิ จิ กรรมโดยการออกแบบสอ่ื และสรา้ งส่ือตามอุปกรณ์ทมี่ ี

3. ให้นกั เรียนตกแต่งผลงานใหส้ วยงาม
4.นักเรียนแต่ละกลุ่มแลกเปลีย่ นเรียนร้ซู ึง่ กันและกัน

18

แบบประเมนิ ความรู้ (K)
ใบกิจกรรมที่ 5.1 เรอ่ื ง แบบจาํ ลองอนุภาคของสสารในแต่ละสถานะ

รายการประเมิน 1. การตอบ
คำถาม
เลขท่ี 2. เนื้อหา
ชื่อ - สกุล
รวมคะแนนที่ไ ้ด
ผ่าน
ไ ่มผ่าน
ระดับ ผลการ
คณุ ภาพ ประเมนิ

448

การผา่ นเกณฑ์ ระดบั คุณภาพ พอใช้ ขนึ้ ไปผ่านเกณฑ์

สรปุ ผลการประเมนิ ผา่ น...........................คน ไม่ผา่ น...........................คน

ลงช่ือ...................................................ผปู้ ระเมนิ
(นางสาวสชุ าดา วงษ์แดง)

19

เกณฑก์ ารประเมินความรู้ (K)

รายการประเมนิ น้ำหนัก ดีมาก (4) ระดบั คุณภาพ ปรับปรงุ (1)
ดี (3) พอใช้ (2)

1. การตอบคำถาม 1 นักเรยี นตอบ นักเรียนตอบ นักเรียนตอบ นักเรียนตอบ

คำถามไดอ้ ยา่ ง คำถามได้อยา่ ง คำถามไดก้ ระชบั คำถามไม่ได้

กระชบั และจบั กระชับ และจบั จบั ใจความสำคญั กระชบั ไม่สามารถ

ใจความสำคญั ได้ ใจความสำคัญ ได้ ได้ ตอบคำถาม จบั ใจความสำคญั

เป็นอยา่ งดี ไม่สัน้ พอสมควร แต่ยงั ส้ันหรอื ยาวมาก ได้ ตอบคำถามสน้ั

หรือยาวมาก ไม่สมบรู ณ์ จนเกนิ ไป หรือยาวมาก

จนเกินไป จนเกนิ ไป

2. เนอ้ื หา 1 เนื้อหาของ เน้ือหาของ เนื้อหาของ เนอ้ื หาของคำตอบ

คำตอบมีความ คำตอบมีความ คำตอบถูกตอ้ ง ไมถ่ กู ตอ้ ง ไม่

ถูกตอ้ งมากที่สุด ถูกต้อง ครบถว้ น ไม่ครบถว้ น ครบถว้ น สมบูรณ์

ครบถว้ น สมบรู ณ์ สมบรู ณ์ บางส่วน สมบรู ณ์

เกณฑ์การตัดสนิ

ช่วงคะแนน 7 – 8 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ 4 หมายถงึ ดีมาก

ช่วงคะแนน 5 – 6 คะแนน ระดบั คุณภาพ 3 หมายถึง ดี

ช่วงคะแนน 3 – 4 คะแนน ระดบั คุณภาพ 2 หมายถงึ พอใช้

ชว่ งคะแนน 1 - 2 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ 1 หมายถึง ปรับปรงุ

การผ่านเกณฑ์ ระดบั คุณภาพ พอใช้ ขึน้ ไปผา่ นเกณฑ์

20

แบบประเมนิ ทักษะกระบวนการ (P)
ใบกิจกรรมที่ 5.1 เร่ือง แบบจาํ ลองอนุภาคของสสารในแตล่ ะสถานะ

รายการประเมิน 1. ความสามารถใน ระดับ ผลการ
เลขที่ การออกแบบทดลองคณุ ภาพ ประเมนิ
2. การป ิฏบั ิตการ
ชื่อ - สกุล
ทดลอง
3. การบันทึกผล
รวมคะแนนท่ีไ ้ด
่ผาน
ไ ่ม ่ผาน
4 4 4 12

การผา่ นเกณฑ์ ระดับคณุ ภาพ พอใช้ ขึ้นไปผ่านเกณฑ์

สรุปผลการประเมนิ ผ่าน...........................คน ไม่ผ่าน...........................คน

ลงชื่อ...................................................ผูป้ ระเมิน
(นางสาวสุชาดา วงษแ์ ดง)

21

เกณฑก์ ารประเมนิ ทักษะกระบวนการ (P)
ทักษะการทดลอง

รายการประเมิน น้ำหนัก ดีมาก (4) ระดบั คณุ ภาพ ปรบั ปรงุ (1)
ดี (3) พอใช้ (2)

1. ความสามารถ 1 กำหนดวธิ ีการอปุ กรณ์ กำหนดวธิ ีการอุปกรณ์ กำหนดวิธกี ารอุปกรณ์ กำหนดวิธีการ

ในการออกแบบ สารเคมี อย่างถกู ต้อง สารเคมี อย่างถูกตอ้ ง สารเคมี อย่างถูกตอ้ ง อปุ กรณ์ สารเคมี

การทดลอง เหมาะสม และใชอ้ ย่าง เหมาะสม และใช้อย่าง เหมาะสม และใชอ้ ยา่ ง ไมถ่ ูกตอ้ ง

ถกู วิธีทุกครั้ง ถูกวธิ ีบอ่ ยคร้งั ถกู วธิ บี างครั้ง ไม่เหมาะสม และ

ใช้อยา่ งไมถ่ ูกวธิ ี

2. การปฏบิ ัติการ 1 ทดลองตามขัน้ ตอนท่ี ทดลองตามข้ันตอนท่ี ทดลองตามข้นั ตอนท่ี การทดลองไม่

ทดลอง กำหนดไว้ทันเวลา ใช้ กำหนดไว้ทันเวลา ใช้ กำหนดไวท้ ันเวลา ใช้ เป็นไปตามข้ันตอน

อุปกรณแ์ ละสารเคมี อุปกรณแ์ ละสารเคมี อปุ กรณ์และสารเคมี ไม่ทนั เวลา ใช้

อย่างถูกต้อง อยา่ งถกู ตอ้ ง อย่างถกู ต้อง อปุ กรณ์และ

คลอ่ งแคล่ว และ คล่องแคลว่ และ คลอ่ งแคล่ว และ สารเคมีไม่ถกู ตอ้ ง

เหมาะสมทกุ ครง้ั เหมาะสมบอ่ ยครั้ง เหมาะสมบางครง้ั ไม่คลอ่ ง และไม่

เหมาะสม

3. การบันทกึ ผล 1 บันทึกผลคลอ่ งแคลว่ บนั ทกึ ผลคล่องแคล่ว บันทึกผลคลอ่ งแคลว่ บนั ทึกผลไม่

ถกู ตอ้ งและออกแบบ ถกู ต้อง และออกแบบ ถูกต้อง และออกแบบ คลอ่ งแคล่ว ไม่ค่อย

ตารางบันทึกผลท่ี ตารางบันทกึ ผลที่ ตารางบันทึกผลที่ ถูกต้อง และ

เหมาะสมกบั ขอ้ มูลทกุ เหมาะสมกับขอ้ มูล เหมาะสมกับข้อมูลเป็น ออกแบบตาราง

ครั้ง บ่อยคร้ัง บางครงั้ บนั ทกึ ผลไม่

เหมาะสมกับขอ้ มูล

เกณฑ์การตัดสิน

ชว่ งคะแนน 11-12 คะแนน ระดับคุณภาพ 4 หมายถงึ ดีมาก

ช่วงคะแนน 8-10 คะแนน ระดับคณุ ภาพ 3 หมายถึง ดี

ชว่ งคะแนน 5-7 คะแนนระดับคณุ ภาพ 2 หมายถึง พอใช้

ช่วงคะแนน 3-4 คะแนน ระดับคุณภาพ 1 หมายถงึ ปรับปรุง

การผ่านเกณฑ์ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ข้นึ ไปผา่ นเกณฑ์

22

แบบประเมินคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)

เลขท่ี รายการประเมนิ

1.มีวินัย และส่งงาน รวม ระดบั ผลการ
ท่ไี ดร้ ับมอบหมาย คะแนน คุณภาพ ประเมิน
ทไ่ี ด้

ช่อื - สกลุ 4321 ผ่าน
ไ ่มผ่าน

การผ่านเกณฑ์ ระดับคุณภาพ พอใช้ ขน้ึ ไปผา่ นเกณฑ์

สรปุ ผลการประเมิน ผา่ น...........................คน ไมผ่ า่ น...........................คน

ลงช่อื ...................................................ผู้ประเมิน
(นางสาวสุชาดา วงษแ์ ดง)

23

เกณฑป์ ระเมินคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)
นกั เรียนมวี นิ ยั และสง่ งานตามทไ่ี ด้รับหมอบหมายได้ตามกำหนด

รายการ นำ้ หนกั ดมี าก (4) ระดบั คณุ ภาพ ปรบั ปรงุ (1)
ประเมิน ดี (3) พอใช(้ 2)
ไม่ปฏบิ ตั งิ านท่ี
1. นกั เรยี น 1 ปฏบิ ตั งิ านท่ี ปฏบิ ตั งิ านท่ี ปฏบิ ตั งิ านท่ี ได้รับมอบ
หมายให้เสรจ็
มีวินัยและ ไดร้ ับมอบหมาย ได้รบั มอบ ไดร้ ับมอบ
สมบูรณไ์ ดต้ าม
สง่ งาน ให้เสร็จสมบูรณ์ หมายใหเ้ สรจ็ หมายใหเ้ สรจ็ กำหนดได้ และ
ส่งงานไมไ่ ด้ตาม
ตามท่ไี ด้รับ และมีความ สมบรู ณไ์ ดต้ าม สมบรู ณ์ไดต้ าม เวลา ท่ีกำหนด
อยู่เปน็ ประจำ
หมอบ เรยี บร้อยได้ กำหนด และส่ง กำหนด และสง่

หมายได้ ตามทก่ี ำหนด งานได้ตามเวลา งานไดต้ ามเวลา

ตาม และส่งงานได้ ท่กี ำหนดอยู่ ทกี่ ำหนดอยู่

กำหนด ตามเวลา ท่ี เปน็ ประจำ บ่อยครงั้

กำหนดอยู่เป็น

ประจำ

เกณฑ์การตัดสิน

คะแนน 4 ระดบั คณุ ภาพ 4 หมายถึง ดีมาก

คะแนน 3 ระดับคุณภาพ 3 หมายถงึ ดี

คะแนน 2 ระดับคุณภาพ 2 หมายถงึ พอใช้

คะแนน 1 ระดับคุณภาพ 1 หมายถงึ ปรับปรงุ

การผา่ นเกณฑ์ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ข้นึ ไปผา่ นเกณฑ์

24

แบบประเมินสมรรถนะทักษะการคิด

รายการประเมนิ 1. ีมความสามารถใน ระดับ ผลการ
เลขที่ การ ิคด ิวเคราะห์คณุ ภาพ ประเมิน

ช่อื - สกุล 2. ัตด ิสนใจแ ้กปัญหา
เ ี่กยว ักบตนเองไ ้ด

3. ความสามารถในการ
สร้างอง ์คความ ู้ร
รวมคะแนนที่ไ ้ด

ผ่าน
ไ ่มผ่าน
3 3 39

การผ่านเกณฑ์ ระดับคุณภาพ พอใช้ ข้นึ ไปผ่านเกณฑ์

สรปุ ผลการประเมนิ ผา่ น...........................คน ไมผ่ า่ น...........................คน

ลงช่อื ...................................................ผ้ปู ระเมนิ
(นางสาวสุชาดา วงษแ์ ดง)

25

เกณฑ์การประเมนิ สมรรถนะทักษะในการคิด

ประเดน็ การ น้ำหนัก ระดบั คณุ ภาพ
ประเมิน
ดี(3) พอใช้ (2) ปรบั ปรงุ (1)
1. มคี วามสามารถ
ในการคดิ วิเคราะห์ 1 เขา้ ใจและแสดงความ เขา้ ใจและแสดงความ เข้าใจและแสดงความ
คดิ เหน็ เกี่ยวกบั ที่เรียน
และสะท้อนความรู้ คดิ เหน็ เก่ียวกับท่เี รยี น คิดเหน็ เกีย่ วกับที่
ความคดิ ความร้สู ึกได้ ดี
และสะทอ้ นความรู้ เรยี น และสะทอ้ น
มาก
ความคิด ความร้สู กึ ได้ ความรูค้ วามคิด

ปานกลาง ความรู้สกึ ได้น้อย

2. ตดั สนิ ใจ 1 สามารถตง้ั คำถามและ สามารถต้ังคำถามและ ไม่สามารถตั้งคำถาม

แกป้ ญั หาเกี่ยวกบั ตอบคำถามเกีย่ วกบั เรือ่ ง ตอบคำถามเก่ียวกับ และตอบคำถาม

ตนเองได้ ท่ีเรียนไดอ้ ย่างถูกต้อง เร่ืองทเ่ี รียนได้อย่าง เกยี่ วกบั เรื่องทเ่ี รียน

คลอ่ งแคลว้ แมน่ ยำ ถกู ต้อง ไดเ้ ลย

3. ความสามารถ 1 มกี ารค้นควา้ ข้อมลู และ มีการคน้ ควา้ ข้อมูล ไมม่ กี ารค้นควา้ ข้อมลู
ในการสร้างองค์
ความรู้ ศึกษาหาความรู้จากแหล่ง และศกึ ษาหาความรู้ และศกึ ษาหาความรู้

เรียนรู้อน่ื เพ่ิมเติมทุกครั้ง จากแหล่งเรียนรอู้ ่นื จากแหลง่ เรียนรู้อ่ืน

เพิม่ เติมบางครัง้ เพิ่มเตมิ เลย

เกณฑ์การประเมิน ดี
ช่วงคะแนน 8-9 คะแนน ระดับคุณภาพ 3 หมายถึง พอใช้
ปรับปรงุ
ชว่ งคะแนน 5-7 คะแนน ระดับคุณภาพ 2 หมายถึง
ช่วงคะแนน 3-4 คะแนน ระดับคุณภาพ 1 หมายถึง
เกณฑก์ ารผ่าน นักเรยี นได้ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ขึ้นไปถือวา่ ผ่านเกณฑ์

26

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1.2

เรอ่ื ง ความรอ้ นกับการเปล่ยี นอณุ หภมู ิของสสาร 1 รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ รหัสวิชา ว21102 เวลา 2 คาบ

หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 1 ชอ่ื หนว่ ยการเรยี นรู้ พลงั งานความร้อนกับการเปลีย่ นแปลงของสสาร รวม 27 คาบ

กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 1 ภาคเรยี นที่ 2

สาระท่ี 2 ชอื่ สาระ วิทยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว 2.1

ชื่อผู้สอน นางสาวสชุ าดา วงษ์แดง โรงเรียนวัดตะวนั เรอื ง

1. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด
ความรอ้ นมีผลตอ่ การเปล่ียนสถานะของสสาร เมอื่ ใหค้ วามรอ้ นแก่ของแข็ง อนุภาคของของแขง็ จะมี

พลังงานและอุณหภูมิเพิ่มขึ้นจนถึงระดับหนึ่ง ซึ่งของแข็งจะใช้ความร้อนในการเปลี่ยนสถานะเป็นของเหลว
เรยี กความรอ้ นท่ีใช้ในการเปลี่ยนสถานะจากของแขง็ เปน็ ของเหลวว่า ความร้อนแฝงของการหลอมเหลว และ
อุณหภูมขิ ณะเปลีย่ นสถานะจะคงท่ี เรยี กอณุ หภมู นิ ีว้ ่า จุดหลอมเหลว

2. ตัวช้ีวดั /จดุ ประสงค์การเรยี นรู้

2.1 ตัวช้วี ัด
ม.1/10 อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างพลงั งานความร้อนกับการเปล่ียนสถานะของสสาร โดย

ใชห้ ลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์และแบบจำลอง

2.2 จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
- นักเรยี นสามารถอธิบายความร้อนกบั การเปลยี่ นอุณหภมู ิของสสารได้ (K)
- นักเรยี นสามารถปฏิบัตกิ ิจกรรมที่ 5.2 ปัจจยั ใดบา้ งท่ีมีผลตอ่ การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของ

สสารได้ (P)
- นกั เรียนเรียนเสรจ็ แลว้ เก็บอปุ กรณเ์ ข้าที่เป็นระเบียบได้ (A)

3. สาระการเรียนรู้
พลังงานกับการเปล่ยี นสถานะ สารมี 3 ลกั ษณะ คือ ของแขง็ , ของเหลว และกา๊ ซเมือ่ สารเปล่ยี นสถานะ

จากของแขง็ เปน็ ของเหลว หรือของเหลวเป็นกา๊ ซ หรือของแขง็ เป็นก๊าซจะตอ้ งดดู ความรอ้ นจากสง่ิ แวดลอ้ ม ถ้าสาร
เปล่ียนสถานะจากก๊าซเปน็ ของเหลว หรอื ของเหลวเป็นของแข็ง หรือก๊าซเปน็ ของแขง็ จะต้องคายความร้อนใหก้ บั
สง่ิ แวดลอ้ มขณะท่ีสาร เปล่ียนสถานะ อุณหภูมขิ องสารจะไม่เปลย่ี นแปลงแมว้ า่ จะดูดความร้อนตลอดเวลา เพราะ
ความรอ้ นถูกใช้ในการเปล่ยี นสถานะ ปริมาณความ รอ้ นทใ่ี ชใ้ นการเปล่ยี นสถานะเรยี กว่า " ความร้อนแฝง " ความ
รอ้ นแฝงจะมหี ลายชนดิ ข้ึนอยู่กบั สถานะของสาร

4. สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียน
4.1 ความสามารถในการคิด

5. คณุ ลกั ษณะทพ่ี ึงประสงค์
5.1 มงุ่ ม่นั ในการทำงาน
5.2 มีวนิ ยั
5.3 ใฝ่เรยี นรู้

27
6. การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E)

ขนั้ ท่ี 1 กระตุ้นความสนใจ (Engagement)
1) ครูทบทวนความรเู้ ดิมในเร่อื งของแบบจำลองของสารแต่ละชนิด ซง่ึ ครูสุ่มถามนักเรยี นโดย

ใชโ้ ปรแกรมส่มุ ตัวเลข และใชค้ ำถามทบทวนนกั เรียน ดงั น้ี
1.1 สารที่มสี ถานะเป็นของแขง็ มีอนภุ าคเปน็ อย่างไร (แนวการตอบ ของแข็ง สาร

ท่ีมสี ถานะเป็นของแข็ง อนุภาคทป่ี ระกอบเป็นของแข็งจะเปน็ ระเบียบอยู่ในตำแหนง่ แน่นอนคงท่ี ไม่เคล่ือนที่
และมีช่องว่างระหว่างอนุภาคน้อยมาก จนถือว่าไม่มีช่องว่างระหว่างอนุภาคสารอื่นจึงแทรกเข้าไประหว่าง
อนภุ าคไมไ่ ด้)

1.2 สารท่ีมีสถานะเปน็ ของเหลว มอี นภุ าคเป็นอย่างไร (แนวการตอบ ของเหลว สาร
ทม่ี สี ถานะเปน็ ของเหลว อนุภาคจะเรยี งตัวอย่างมเี ปน็ ระเบยี บ โดยทอี่ นุภาคไมไ่ ด้อยู่ใกล้ชดิ กันดงั เช่น ของแข็ง
ของเหลว สามารถไหลและเปล่ียนแปลงรูปร่างไดต้ ามภาชนะทบ่ี รรจุอย่างไรก็ตามอนภุ าคของของเหลวจะเกาะ
ติดกันด้วยแรงดงึ ดดู ทแี่ ขง็ มาก ท้งั น้ีของเหลวจงึ มลี ักษณะคลา้ ยกับของแข็งประการหนึง่ คือมีปริมาตรทแี่ น่นอน)

1.3 สารที่มีสถานะเป็นแก๊ส มีอนุภาคเป็นอย่างไร (แนวการตอบ แก๊ส สารที่มี
สถานะเปน็ แกส๊ อนุภาคตา่ ง ๆ จะอยหู่ ่างกัน โดยมชี อ่ งว่างระหวา่ งอนภุ าคมาก อนภุ าคท้งั หลายจงึ เคล่ือนที่ได้
อย่างอิสระ และเคลื่อนท่ีไปทุกทิศทกุ ทาง มีการปะทะกบั อนุภาคอ่ืนแพร่กระจายไปได้ไกล ๆ โดยรูปรา่ งและ
ปรมิ าตรจะไม่แน่นอน)

2) ครูให้นักเรียนสังเกตภาพ 5.9 (อิงจากหนังสือวิทยาศาสตร์พื้นฐาน เล่ม 2 สสวท.หน้าท่ี
11) จากส่ือการเรยี นรู้ PowerPoint เรือ่ งความรอ้ นกับการเปล่ยี นอุณหภูมขิ องสสาร 1 การใช้เทอร์มอคัปเปิล
วัดอุณหภมู ิของอาหาร อ่านเนอ้ื หานาํ เรื่อง และรูจ้ ักคาํ สำคัญ ทำกจิ กรรมทบทวนความรกู้ ่อนเรียนเพอ่ื ประเมิน
ความรู้พ้ืนฐานของนักเรียนเก่ียวกับการใช้เทอร์มอมิเตอร์หากพบว่านักเรียนยังมีความรูพ้ ้ืนฐานไม่ถูกต้อง ครู
ควรทบทวนหรือแก้ไขความเข้าใจผิดของนักเรียน เพื่อให้นักเรยี นมีความรู้พื้นฐานที่ถูกต้องและเพยี งพอที่จะ
เรียนเร่ืองความร้อนกับการเปลย่ี นอณุ หภมู ิของสสารต่อไป

3) ครูทบทวนความรู้เดิมตามหนังสือเรียน โดยให้นักเรียนสังเกตภาพการจับเทอร์โมมเิ ตอร์
แล้วถามนกั เรยี นวา่ รปู แบบใดเป็นการใชเ้ ทอรโ์ มมเิ ตอร์ทถี่ กู ต้อง

ท่ีมา : หนงั สือวทิ ยาศาสตรพ์ นื้ ฐาน เล่ม 2 สสวท.

28

ข้ันที่ 2 ขัน้ สำรวจและค้นหา (Exploration)
1) ครูให้นักเรยี นนัง่ เปน็ กล่มุ ตามทไี่ ด้จดั ไว้ โดยจะมสี มาชิกกลมุ่ อยปู่ ระมาณ 4- 5 คนตอ่ กลมุ่ เพอื่ จะได้
ดำเนนิ กจิ กรรมที่ 5.2 ปจั จัยใดบ้างทีม่ ผี ลตอ่ การเปลยี่ นแปลงอุณหภูมิของสสาร

2) ก่อนการดำเนินกจิ กรรม ครูใหน้ กั เรยี นอา่ นวิธีการดำเนนิ กิจกรรมตอนที่ 1 ในหนงั สอื เรียน
และรว่ มกนั อภปิ รายในประเด็นดงั ต่อไปนี้

2.1 กิจกรรมนี้เกี่ยวกับเรื่องอะไร (แนวการตอบ ปัจจัยที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลง
อุณหภูมิของนำ้ และสารอ่ืนๆ)

2.2 กิจกรรมนี้มีจุดประสงค์อย่างไร (แนวการตอบ นักเรียนตอบตามความคิดของ
ตนเอง)

2.3 การทำกิจกรรม ตอนท่1ี ต้องใช้วัสดุและอุปกรณใ์ ดบ้าง (แนวการตอบ นักเรียน
ตอบตามรายการวัสดอุ ุปกรณ์ครูควรแนะนําวัสดุอุปกรณ์วิธีการใช้และข้อควรระวังในการใช้เทียนไขและเทอร์
มอมิเตอร์การควบคุมตัวแปรเพือ่ ให้ผลการทดลองน่าเช่ือถอื เชน่ เทยี นไขท่ีใชเ้ ปน็ แหลง่ พลงั งานความร้อนต้อง
เปน็ เทยี นไขชนดิ เดียวกนั มีขนาดและความสูงเท่ากนั )

2.4 นักเรียนต้องสังเกตหรือรวบรวมข้อมูลอะไรบ้าง และมีวิธีบันทึกผลอย่างไร
(แนวการตอบ นักเรียนตอ้ งสังเกตและบันทกึ อุณหภมู ิของน้ำในบกี เกอรท์ ุกๆ 30 วนิ าทีเปน็ เวลา 3 นาที)

2.5 นักเรียนจะทราบได้อย่างไรว่าน้ำที่ใส่ในบีกเกอร์มีมวล 60 กรัม (แนวการตอบ
เนื่องจากนำ้ ปริมาตร 1 ลกู บาศก์เซนติเมตร มมี วล1 กรัม ดังนน้ั ต้องใส่นำ้ ให้มปี รมิ าตร 60 ลูกบาศก์เซนติเมตร)

3) ครูและนักเรียนร่วมกันระบุปัญหา สมมติฐาน และตัวแปรที่เกี่ยวข้องของการทดลองน้ี
ตัวอยา่ งเชน่

ปญั หา จำนวนเทยี นไขมผี ลตอ่ การเปลีย่ นแปลงอุณหภมู ิของนำ้ หรอื ไม่

สมมตฐิ าน เชน่ นำ้ ที่ไดร้ ับความร้อนจากเทียนไขจำนวนมากกว่า จะมีอณุ หภูมสิ ูงขึ้นมากกว่า

ตวั แปรตน้ จำนวนเทยี นไข

ตัวแปรตาม อณุ หภมู ิของน้ำ

ตวั แปรควบคุม ชนิด ขนาด และความสูงของเทียนไข ปริมาณนำ้ ขนาดและชนดิ ของบกี เกอร์

ระยะเวลาที่ใหค้ วามร้อน ชนดิ ของเทอร์มอมเิ ตอร์ลักษณะการติดตงั้ หรือตำแหน่ง

ของเทอรม์ อมิเตอร์

4) ครูได้ให้นักเรียนดำเนินกิจกรรมโดยครูเตรียมชุดอุปกรณ์จำนวน 1 ชุดไว้หน้าชั้นเรียน

จากน้นั ครใู หต้ ัวแทนนกั เรยี น 2 – 3คน ออกมาสาธติ การทดลอง โดยครูใหค้ วามช่วยเหลอื อยา่ งใกลช้ ดิ

5) ใหต้ วั แทนนักเรียนบนั ทึกผลการทดลองในตารางท่ีออกแบบไวบ้ นกระดานเพอ่ื ให้นักเรียน

รว่ มกันสังเกตผลการทดลอง

6) แสดงวิธีการเขียนกราฟแสดงความสัมพันธ์ระหว่างอุณหภูมิกับเวลาเป็นตัวอย่างหน้าช้นั

เรียน

7) จากนั้นเม่อื ดำเนินกิจกรรมที่ 1 เรียบร้อยแล้ว ครูใหน้ กั เรยี นดำเนนิ กิจกรรมที่ 2 ต่อ โดย

ใช้กลุ่มเดิมที่มีการจัดไว้เรียบร้อยแล้ว ให้นักเรียนอ่านวิธีการดำเนินกิจกรรมตอนที่ 2 ในหนังสือเรียน และ

รว่ มกันอภปิ รายในประเดน็ ดังตอ่ ไปนี้

7.1 การทำกิจกรรม ตอนที่ 2 ตอ้ งใช้วัสดแุ ละอปุ กรณใ์ ดบ้าง (แนวการตอบ นกั เรียน

ตอบตามรายการวัสดุอุปกรณ์ครูควรแนะนําวิธีและข้อควรระวังในการใช้ชุดตะเกียงแอลกอฮอล์และเทอร์มอ

29

มิเตอร์การควบคุมตัวแปรเพื่อให้ผลการทดลองน่าเชื่อถือ เช่น ควรใช้ชุดตะเกียงแอลกอฮอล์ชุดเดียวกนั เปน็
แหลง่ ความรอ้ นใหก้ บั น้ำทั้ง 2 บกี เกอร)์

7.2 นักเรียนต้องสังเกตหรือรวบรวมข้อมูลอะไรบ้างและมีวิธีบันทึกผลอย่างไร
(แนวการตอบ นักเรียนต้องสงั เกตและบันทึกอณุ หภูมขิ องน้ำในบกี เกอรท์ กุ ๆ 1 นาทีเปน็ เวลา 5 นาที)

8) ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั ระบปุ ญั หา สมมตฐิ าน และตวั แปรท่ีเก่ยี วขอ้ งของการทดลองน้ี

ปัญหา มวลของน้ำมีผลตอ่ การเปล่ยี นแปลงอุณหภูมขิ องนำ้ หรอื ไม่

สมมติฐาน น้ำทมี่ มี วลนอ้ ยกว่าจะมอี ุณหภูมสิ ูงขึน้ มากกวา่

ตวั แปรตน้ มวลของนำ้

ตัวแปรตาม อุณหภมู ขิ องน้ำ

ตวั แปรควบคุม ปริมาณความรอ้ นที่นำ้ ได้รบั ขนาดและความสงู ของเปลวไฟจากตะเกียง

แอลกอฮอล์(แหลง่ ความรอ้ นจากตะเกยี งแอลกอฮอลช์ ุดเดียวกนั )ขนาดและชนดิ

ของบกี เกอรร์ ะยะเวลาทใ่ี ห้ความร้อน ชนดิ ของเทอรม์ อมิเตอรล์ ักษณะการติดตง้ั

หรือตำแหนง่ ของเทอรม์ อมิเตอร์

9) ครูทำการแจกอุปกรณ์ให้นักเรียนทำกิจกรรมร่วมกัน นักเรียนทำกิจกรรมตามขั้นตอน

พร้อมกับบนั ทกึ ผลการสังเกตการเปล่ยี นแปลงทเ่ี กิดข้ึน

10) เดินสงั เกตนักเรียนทกุ กลุ่ม เพือ่ แนะนําการทำกจิ กรรมแกน่ ักเรียนอย่างใกล้ชิด โดยเน้น

ใหน้ กั เรยี นทุกคนได้มสี ่วนรว่ มในการทำกิจกรรม นอกจากนค้ี รูควรสงั เกตการบันทึกผลการสงั เกตของนักเรียน

เพื่อให้ข้อแนะนําหากเกิดข้อผิดพลาดหรือไม่ครบถ้วนในการบันทึกผลรวมทั้งนําข้อมูลที่ควรจะปรับปรงุ และ

แกไ้ ขมาใชป้ ระกอบการอภิปรายหลงั ทำกิจกรรม

ขน้ั ท่ี 3 ขนั้ อธิบายและลงขอ้ สรุป (Explanation)

1) ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายจากกิจกรรมที่ได้ดำเนินไปโดยใช้คำถามเพื่อกระตุ้น

ความคดิ ของนกั เรยี นดังตอ่ ไปนี้

1.1 จากกิจกรรมในตอนที่ 1 ครูร่วมกับนักเรียนลงความเห็นได้ข้อสรุปวา่ ปริมาณ

ความรอ้ นท่ีน้ำได้รับสง่ ผลตอ่ การเปล่ียนแปลงอุณหภูมิของน้ำโดยน้ำในบกี เกอร์ท่ไี ด้รับความร้อนจากเทียนไข

2 เลม่ มีอุณหภมู ิสูงขึ้นมากกว่า ในบกี เกอรท์ ี่ไดร้ บั ความรอ้ นจากเทยี นไข 1 เลม่

1.2 จากกิจกรรมในตอนที่ 2 ครูร่วมกับนักเรยี นลงความเหน็ ได้ข้อสรุปว่า มวลของ

นำ้ มีผลต่อการเปล่ยี นแปลงอุณหภูมิของน้ำโดยน้ำมวล 75 กรมั มอี ณุ หภูมสิ ูงข้ึนมากกวา่ น้ำมวล 150 กรัม เมื่อ

ได้รบั ความร้อนปรมิ าณเทา่ กนั

1.3 นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายและสรุปดังนี้ พลังงานกับการเปลี่ยนสถานะ

สารมี 3 ลักษณะ คือ ของแข็ง , ของเหลว และก๊าซ เมื่อ สารเปลี่ยนสถานะจากของแข็งเป็นของเหลว หรือ

ของเหลวเป็นก๊าซ หรือของแข็งเป็นก๊าซจะต้องดูดความร้อนจากสิง่ แวดลอ้ ม ถ้าสารเปลยี่ นสถานะจากก๊าซเป็น

ของเหลว หรือของเหลวเปน็ ของแข็ง หรือก๊าซเป็นของแข็งจะต้องคายความร้อนให้กับสิ่งแวดล้อมขณะท่สี าร

เปลี่ยนสถานะ อุณหภูมิของสารจะไม่เปลีย่ นแปลงแม้ว่าจะดูดความรอ้ นตลอดเวลา เพราะความร้อนถกู ใช้ใน

การเปล่ยี นสถานะ ปริมาณความ ร้อนทใี่ ชใ้ นการเปล่ียนสถานะเรียกว่า " ความรอ้ นแฝง " ความร้อนแฝงจะมี

หลายชนดิ ข้ึนอยู่กบั สถานะของสาร

2) ครใู ห้ตัวแทนกลุม่ ของนกั เรียนแตล่ ะกลุ่มออกมาแสดงความรสู้ ึกในการปฏบิ ัตกิ ิจกรรม

ขั้นท่ี 4 ขนั้ ขยายความรู้ (Elaboration)

1) ครูให้นักเรียนดูส่ือออนไลน์เพิ่มเตมิ เกี่ยวกับความร้อนกับการเปลี่ยนอณุ หภูมิของสสาร

เพอ่ื เปน็ การทบทวนและสรา้ งความเข้าใจมากย่ิงข้ึน

30

ทมี่ า : https://www.youtube.com/watch?v=Ho9Dapjk9k0
2) ครูเปดิ โอกาสให้นกั เรียนนั้นไดถ้ ามคำถาม โดยแตล่ ะกลมุ่ ใหต้ ้งั คำถามเกยี่ วกับเร่ืองท่ีเรียน
ไปอยา่ งนอ้ ย 1 คำถามตอ่ 1 กลมุ่
3) ครูแนะนำแหลง่ เรยี นรู้เพิ่มเติมทางอินเทอร์เน็ต

ข้นั ท่ี 5 ขั้นประเมนิ (Evaluation)
1) ครูประเมินจากกิจกรรมที่ 5.2 ปัจจัยใดบ้างที่มผี ลต่อการเปล่ียนแปลงอณุ หภมู ิของสสาร

การปฏิบตั ิกิจกรรมกลมุ่
2) การตอบคำถามในชัน้ เรียน

7. การวัดและประเมินผล

การวดั และประเมนิ ผลดา้ น วธิ ีการวดั เครอื่ งมอื วัด เกณฑ์การผา่ น

1 ดา้ นความรู้ ระดับคุณภาพ
พอใช้ ขน้ึ ไป
1. นกั เรียนสามารถอธิบาย
ระดบั คุณภาพ
ความรอ้ นกบั การ - การตอบคำถามนักเรยี นในช้ันเรยี น - แบบประเมินการตอบคำถาม พอใช้ ขน้ึ ไป

เปล่ยี นแปลงอณุ หภมู ขิ อง

สสารได้

2. ด้านกระบวนการ

1. นักเรยี นสามารถปฏบิ ตั ิ - ตรวจสอบการปฏบิ ัติกจิ กรรมที่ 5.2

กิจกรรมท่ี 5.2 ปจั จัยใดบ้าง ปัจจัยใดบา้ งทีม่ ีผลตอ่ การเปลย่ี น - แบบประเมนิ การทำงานกลมุ่

ทมี่ ีผลต่อการเปลี่ยนแปลง แปลงอุณหภมู ขิ องสสาร

อุณหภูมิของสสารได้

การวดั และประเมนิ ผลดา้ น วธิ กี ารวัด เคร่ืองมือวัด 31
- แบบประเมินการสงั เกต เกณฑ์การผ่าน
3. ด้านคณุ ลักษณะที่พงึ
ระดับคุณภาพ
ประสงค์ พอใช้ ขนึ้ ไป

1. นักเรียนเรียนเสรจ็ แลว้ - การสงั เกตพฤตกิ รรมนกั เรียน

เกบ็ อปุ กรณเ์ ขา้ ที่เป็น

ระเบียบได้

8. สือ่ และแหลง่ เรียนรู้

8.1 ส่ือการสอน
- สื่อการเรยี นรู้ PowerPoint เร่อื ง ความร้อนกับการเปล่ยี นอณุ หภูมิของสสาร 1

8.2 แหล่งเรียนรู้

- ใบกิจกรรมที่ 5.2 ปจั จยั ใดบ้างท่ีมีผลตอ่ การเปล่ียนแปลงอณุ หภูมขิ องสสาร
- สอื่ ออนไลน์

- หนงั สอื เรยี นวิทยาศาสตรพ์ ื้นฐาน ม.1
- เอกสารประกอบการสอนรายวชิ าวิทยาศาสตร์ 2

32

บนั ทึกผลการจัดการการเรียนรทู้ ี่ 1.2

ผลการจดั การเรยี นรู้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ปญั หาและอุปสรรค
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
แนวทางแก้ไข / แนวทางการพฒั นา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ลงช่ือ....................................................ครูผู้สอน
(นางสาวสุชาดา วงษแ์ ดง)

ความเห็นของผู้นเิ ทศ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ลงชอ่ื ...............................................ผู้นเิ ทศ
(........................................................)

33

กจิ กรรมที่ 5.2 ปัจจัยใดบา้ งท่ีมผี ลต่อ
การเปลยี่ นแปลงอณุ หภูมขิ องสสาร

จุดประสงค์ 1. ทดลองและระบุปจั จัยท่มี ีผลต่อการเปล่ยี นแปลงอณุ หภูมิของนำ้ และสารอ่ืน

วสั ดอุ ุปกรณ์ วสั ดทุ ่ใี ชต้ ่อหอ้ ง
เครื่องช่งั สาร
รายการ ปริมาณ/ห้อง
1 เคร่ือง

วัสดทุ ี่ใช้ตอ่ กลมุ่

รายการ ปรมิ าณ/กลมุ่
น้ำ -
บีกเกอร์ขนาด 100 cm3
บีกเกอรข์ นาด 250 cm3 2 ใบ
เทอรม์ อมิเตอร์ 2 ใบ
แทง่ แกว้ คน 2 อัน
กระบอกตวง 2 ด้าม
ขาตัง้ พร้อมที่จับ 1 อัน
ชดุ ตะเกยี งแอลกอฮอล์ 2 ชุด
เทียนไข 1 ชดุ
สารอนื่ ๆ เชน่ น้ำมนั พชื กลีเซอรอล 3 เลม่
กระดาษกราฟ
นาฬกิ าจับเวลา -
3 แผ่น
1 เรือน

วธิ ีการ
1. ตอนท่ี 1 ครูสาธิตการทำการทดลองหน้าช้ันเรยี น

2. ตอนที่ 2 นักเรียนทำการทดลองเป็นกลมุ่ ย่อยตามวิธีการทดลองในหนังสือเรียนวทิ ยาศาสตร์
3. ตอนท่ี 3 นกั เรยี นแตล่ ะกลุม่ ออกแบบและทำการทดลองดว้ ยตัวเองเพ่อื ตอบคําถามทค่ี รกู าํ หนดให้
4.นักเรยี นแต่ละกลุม่ แลกเปลี่ยนเรยี นรู้ซึ่งกนั และกัน

34

ตวั อย่างตารางบันทกึ ผล อุณหภูมิ ( องศาเซลเซียส )
ตอนท่ี 1
เทยี นไขเลม่ ท่ี 1 เทยี นไขเลม่ ที่ 2
เวลา/วินาที

0
30
60
90
120
150
180

ตัวอย่างการบันทกึ กราฟแสดงความสมั พนั ธระหว่างอณุ หภมู ิกับเวลา

ตัวอยา่ งตารางบนั ทกึ ผล อณุ หภูมิ ( องศาเซลเซียส )
ตอนท่ี 2
นำ้ 75 cm3 นำ้ 150 cm3
เวลา/นาที

0
1
2
3
4
5

35

ตวั อยา่ งการบนั ทกึ กราฟแสดงความสมั พนั ธระหวา่ งอณุ หภูมิกบั เวลา

36

แบบประเมินความรู้ (K)
ใบกจิ กรรมท่ี 5.2 ปจั จยั ใดบา้ งที่มีผลต่อการเปลย่ี นแปลงอุณหภูมิของสสาร

รายการประเมนิ 1. การตอบ
คำถาม
เลขที่ 2. เนื้อหา
ชือ่ - สกุล
รวมคะแนนที่ไ ้ด
ผ่าน
ไ ่มผ่าน
ระดับ ผลการ
คณุ ภาพ ประเมนิ

448

การผา่ นเกณฑ์ ระดับคุณภาพ พอใช้ ขนึ้ ไปผ่านเกณฑ์

สรปุ ผลการประเมนิ ผ่าน...........................คน ไม่ผ่าน...........................คน

ลงชอื่ ...................................................ผ้ปู ระเมิน
(นางสาวสชุ าดา วงษ์แดง)

37

เกณฑก์ ารประเมินความรู้ (K)

รายการประเมนิ น้ำหนัก ดีมาก (4) ระดบั คุณภาพ ปรับปรงุ (1)
ดี (3) พอใช้ (2)

1. การตอบคำถาม 1 นักเรยี นตอบ นักเรียนตอบ นักเรียนตอบ นักเรียนตอบ

คำถามไดอ้ ยา่ ง คำถามได้อยา่ ง คำถามไดก้ ระชบั คำถามไม่ได้

กระชบั และจบั กระชับ และจบั จบั ใจความสำคญั กระชบั ไม่สามารถ

ใจความสำคญั ได้ ใจความสำคัญ ได้ ได้ ตอบคำถาม จบั ใจความสำคญั

เป็นอยา่ งดี ไม่สัน้ พอสมควร แต่ยงั ส้ันหรอื ยาวมาก ได้ ตอบคำถามสน้ั

หรือยาวมาก ไม่สมบรู ณ์ จนเกนิ ไป หรือยาวมาก

จนเกินไป จนเกนิ ไป

2. เนอ้ื หา 1 เนื้อหาของ เน้ือหาของ เนื้อหาของ เนอ้ื หาของคำตอบ

คำตอบมีความ คำตอบมีความ คำตอบถูกตอ้ ง ไมถ่ กู ตอ้ ง ไม่

ถูกตอ้ งมากที่สุด ถูกต้อง ครบถว้ น ไม่ครบถว้ น ครบถว้ น สมบูรณ์

ครบถว้ น สมบรู ณ์ สมบรู ณ์ บางส่วน สมบรู ณ์

เกณฑ์การตัดสนิ

ช่วงคะแนน 7 – 8 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ 4 หมายถงึ ดีมาก

ช่วงคะแนน 5 – 6 คะแนน ระดบั คุณภาพ 3 หมายถึง ดี

ช่วงคะแนน 3 – 4 คะแนน ระดบั คุณภาพ 2 หมายถงึ พอใช้

ชว่ งคะแนน 1 - 2 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ 1 หมายถึง ปรับปรงุ

การผ่านเกณฑ์ ระดบั คุณภาพ พอใช้ ขึน้ ไปผา่ นเกณฑ์

38

แบบประเมินทกั ษะกระบวนการ (P)
ใบกิจกรรมท่ี 5.2 ปัจจัยใดบ้างทม่ี ีผลต่อการเปลย่ี นแปลงอุณหภมู ขิ องสสาร

รายการประเมิน 1. ความสามารถใน ระดับ ผลการ
เลขที่ การออกแบบทดลองคณุ ภาพ ประเมนิ
2. การป ิฏบั ิตการ
ชือ่ - สกุล
ทดลอง
3. การบันทึกผล
รวมคะแนนท่ีไ ้ด
่ผาน
ไ ่ม ่ผาน
4 4 4 12

การผ่านเกณฑ์ ระดับคณุ ภาพ พอใช้ ขึ้นไปผ่านเกณฑ์

สรุปผลการประเมิน ผา่ น...........................คน ไมผ่ ่าน...........................คน

ลงชือ่ ...................................................ผู้ประเมิน
(นางสาวสุชาดา วงษแ์ ดง)

39

เกณฑก์ ารประเมนิ ทักษะกระบวนการ (P)
ทักษะการทดลอง

รายการประเมิน น้ำหนัก ดีมาก (4) ระดบั คณุ ภาพ ปรบั ปรงุ (1)
ดี (3) พอใช้ (2)

1. ความสามารถ 1 กำหนดวธิ ีการอุปกรณ์ กำหนดวธิ ีการอุปกรณ์ กำหนดวิธกี ารอุปกรณ์ กำหนดวิธีการ

ในการออกแบบ สารเคมี อย่างถูกต้อง สารเคมี อย่างถูกตอ้ ง สารเคมี อย่างถูกตอ้ ง อปุ กรณ์ สารเคมี

การทดลอง เหมาะสม และใช้อยา่ ง เหมาะสม และใชอ้ ย่าง เหมาะสม และใชอ้ ยา่ ง ไมถ่ ูกตอ้ ง

ถกู วิธที กุ ครงั้ ถูกวธิ ีบอ่ ยคร้ัง ถกู วธิ บี างครั้ง ไม่เหมาะสม และ

ใช้อยา่ งไมถ่ ูกวธิ ี

2. การปฏบิ ัติการ 1 ทดลองตามขน้ั ตอนที่ ทดลองตามข้ันตอนท่ี ทดลองตามข้นั ตอนท่ี การทดลองไม่

ทดลอง กำหนดไว้ทันเวลา ใช้ กำหนดไว้ทันเวลา ใช้ กำหนดไวท้ ันเวลา ใช้ เป็นไปตามข้ันตอน

อุปกรณแ์ ละสารเคมี อุปกรณแ์ ละสารเคมี อปุ กรณ์และสารเคมี ไม่ทนั เวลา ใช้

อย่างถูกต้อง อยา่ งถกู ตอ้ ง อย่างถกู ต้อง อปุ กรณ์และ

คลอ่ งแคล่ว และ คล่องแคลว่ และ คลอ่ งแคล่ว และ สารเคมีไม่ถกู ตอ้ ง

เหมาะสมทกุ ครง้ั เหมาะสมบอ่ ยครั้ง เหมาะสมบางครง้ั ไม่คลอ่ ง และไม่

เหมาะสม

3. การบันทกึ ผล 1 บันทึกผลคล่องแคล่ว บนั ทกึ ผลคล่องแคล่ว บันทึกผลคลอ่ งแคลว่ บนั ทึกผลไม่

ถกู ตอ้ งและออกแบบ ถกู ต้อง และออกแบบ ถูกต้อง และออกแบบ คลอ่ งแคล่ว ไม่ค่อย

ตารางบนั ทึกผลท่ี ตารางบันทกึ ผลที่ ตารางบันทึกผลที่ ถูกต้อง และ

เหมาะสมกับขอ้ มูลทุก เหมาะสมกับขอ้ มูล เหมาะสมกับข้อมูลเป็น ออกแบบตาราง

ครัง้ บ่อยคร้ัง บางครงั้ บนั ทกึ ผลไม่

เหมาะสมกับขอ้ มูล

เกณฑ์การตัดสิน

ชว่ งคะแนน 11-12 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ 4 หมายถงึ ดีมาก

ช่วงคะแนน 8-10 คะแนน ระดับคณุ ภาพ 3 หมายถึง ดี

ชว่ งคะแนน 5-7 คะแนนระดบั คณุ ภาพ 2 หมายถึง พอใช้

ช่วงคะแนน 3-4 คะแนน ระดบั คุณภาพ 1 หมายถงึ ปรับปรุง

การผ่านเกณฑ์ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ข้นึ ไปผา่ นเกณฑ์

40

แบบประเมินคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)

เลขท่ี รายการประเมนิ

1.มีวินัย และส่งงาน รวม ระดบั ผลการ
ท่ไี ดร้ ับมอบหมาย คะแนน คุณภาพ ประเมิน

ทไ่ี ด้

ช่อื - สกลุ 4321 ผ่าน
ไ ่มผ่าน

การผ่านเกณฑ์ ระดับคุณภาพ พอใช้ ขน้ึ ไปผา่ นเกณฑ์

สรปุ ผลการประเมิน ผา่ น...........................คน ไมผ่ า่ น...........................คน

ลงช่อื ...................................................ผู้ประเมิน
(นางสาวสุชาดา วงษแ์ ดง)

41

เกณฑป์ ระเมินคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)
นกั เรียนมวี นิ ยั และสง่ งานตามทไ่ี ด้รับหมอบหมายได้ตามกำหนด

รายการ นำ้ หนกั ดมี าก (4) ระดบั คณุ ภาพ ปรบั ปรงุ (1)
ประเมิน ดี (3) พอใช(้ 2)
ไม่ปฏบิ ตั งิ านท่ี
1. นกั เรยี น 1 ปฏบิ ตั งิ านท่ี ปฏบิ ตั งิ านท่ี ปฏบิ ตั งิ านท่ี ได้รับมอบ
หมายให้เสรจ็
มีวินัยและ ไดร้ ับมอบหมาย ได้รบั มอบ ไดร้ ับมอบ
สมบูรณไ์ ดต้ าม
สง่ งาน ให้เสร็จสมบูรณ์ หมายใหเ้ สรจ็ หมายใหเ้ สรจ็ กำหนดได้ และ
ส่งงานไมไ่ ด้ตาม
ตามท่ไี ด้รับ และมีความ สมบรู ณไ์ ดต้ าม สมบรู ณ์ไดต้ าม เวลา ท่ีกำหนด
อยู่เปน็ ประจำ
หมอบ เรยี บร้อยได้ กำหนด และส่ง กำหนด และสง่

หมายได้ ตามทก่ี ำหนด งานได้ตามเวลา งานไดต้ ามเวลา

ตาม และส่งงานได้ ท่กี ำหนดอยู่ ทกี่ ำหนดอยู่

กำหนด ตามเวลา ท่ี เปน็ ประจำ บ่อยครงั้

กำหนดอยู่เป็น

ประจำ

เกณฑ์การตัดสิน

คะแนน 4 ระดบั คณุ ภาพ 4 หมายถึง ดีมาก

คะแนน 3 ระดับคุณภาพ 3 หมายถงึ ดี

คะแนน 2 ระดับคุณภาพ 2 หมายถงึ พอใช้

คะแนน 1 ระดับคุณภาพ 1 หมายถงึ ปรับปรงุ

การผา่ นเกณฑ์ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ข้นึ ไปผา่ นเกณฑ์

42

แบบประเมินสมรรถนะทักษะการคิด

รายการประเมนิ 1. ีมความสามารถใน ระดับ ผลการ
เลขที่ การ ิคด ิวเคราะห์คณุ ภาพ ประเมิน

ช่อื - สกุล 2. ัตด ิสนใจแ ้กปัญหา
เ ี่กยว ักบตนเองไ ้ด

3. ความสามารถในการ
สร้างอง ์คความ ู้ร
รวมคะแนนที่ไ ้ด

ผ่าน
ไ ่มผ่าน
3 3 39

การผ่านเกณฑ์ ระดับคุณภาพ พอใช้ ข้นึ ไปผ่านเกณฑ์

สรปุ ผลการประเมนิ ผา่ น...........................คน ไมผ่ า่ น...........................คน

ลงช่อื ...................................................ผ้ปู ระเมนิ
(นางสาวสุชาดา วงษแ์ ดง)

43

เกณฑ์การประเมนิ สมรรถนะทักษะในการคิด

ประเดน็ การ น้ำหนัก ระดบั คณุ ภาพ
ประเมิน
ดี(3) พอใช้ (2) ปรบั ปรงุ (1)

1. มคี วามสามารถ 1 เขา้ ใจและแสดงความ เขา้ ใจและแสดงความ เข้าใจและแสดงความ
ในการคดิ วิเคราะห์
คดิ เหน็ เกี่ยวกบั ที่เรียน คดิ เหน็ เก่ียวกับท่เี รยี น คิดเหน็ เกีย่ วกับที่
และสะท้อนความรู้
ความคดิ ความร้สู ึกได้ ดี และสะทอ้ นความรู้ เรยี น และสะทอ้ น

มาก ความคิด ความร้สู กึ ได้ ความรูค้ วามคิด

ปานกลาง ความรู้สกึ ได้น้อย

2. ตดั สนิ ใจ 1 สามารถตง้ั คำถามและ สามารถต้ังคำถามและ ไม่สามารถตั้งคำถาม

แกป้ ญั หาเกี่ยวกบั ตอบคำถามเกีย่ วกบั เรือ่ ง ตอบคำถามเก่ียวกับ และตอบคำถาม

ตนเองได้ ท่ีเรียนไดอ้ ย่างถูกต้อง เร่ืองทเ่ี รียนได้อย่าง เกยี่ วกบั เรื่องทเ่ี รียน

คลอ่ งแคลว้ แมน่ ยำ ถกู ต้อง ไดเ้ ลย

3. ความสามารถ 1 มกี ารค้นควา้ ข้อมลู และ มีการคน้ ควา้ ข้อมูล ไมม่ กี ารค้นควา้ ข้อมลู
ในการสร้างองค์
ศึกษาหาความรู้จากแหล่ง และศกึ ษาหาความรู้ และศกึ ษาหาความรู้
ความรู้
เรียนรู้อน่ื เพ่ิมเติมทุกครั้ง จากแหล่งเรียนรอู้ ่นื จากแหลง่ เรียนรู้อ่ืน

เพิม่ เติมบางครัง้ เพิ่มเตมิ เลย

เกณฑ์การประเมิน ดี
ช่วงคะแนน 8-9 คะแนน ระดับคุณภาพ 3 หมายถึง พอใช้
ชว่ งคะแนน 5-7 คะแนน ระดับคุณภาพ 2 หมายถึง ปรับปรงุ
ช่วงคะแนน 3-4 คะแนน ระดับคุณภาพ 1 หมายถึง

เกณฑก์ ารผ่าน นักเรยี นได้ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ขึ้นไปถือวา่ ผ่านเกณฑ์

44

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1.3

เร่อื ง ความรอ้ นกับการเปล่ยี นอณุ หภมู ิของสสาร 2 รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ รหัสวิชา ว21102 เวลา 2 คาบ

หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 1 ชอ่ื หนว่ ยการเรยี นรู้ พลงั งานความร้อนกับการเปลีย่ นแปลงของสสาร รวม 27 คาบ

กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 1 ภาคเรยี นที่ 2

สาระท่ี 2 ชอื่ สาระ วิทยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว 2.1

ช่ือผู้สอน นางสาวสชุ าดา วงษ์แดง โรงเรียนวัดตะวนั เรอื ง

1. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด
ความรอ้ นมีผลตอ่ การเปล่ียนสถานะของสสาร เมอื่ ใหค้ วามรอ้ นแก่ของแข็ง อนุภาคของของแขง็ จะมี

พลังงานและอุณหภูมิเพิ่มขึ้นจนถึงระดับหนึ่ง ซึ่งของแข็งจะใช้ความร้อนในการเปลี่ยนสถานะเป็นของเหลว
เรยี กความรอ้ นท่ีใช้ในการเปลี่ยนสถานะจากของแขง็ เปน็ ของเหลวว่า ความร้อนแฝงของการหลอมเหลว และ
อุณหภูมขิ ณะเปลีย่ นสถานะจะคงท่ี เรยี กอณุ หภมู นิ ีว้ ่า จุดหลอมเหลว

2. ตัวช้ีวดั /จดุ ประสงค์การเรยี นรู้

2.1 ตัวช้วี ัด
ม.1/10 อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างพลงั งานความร้อนกับการเปล่ียนสถานะของสสาร โดย

ใชห้ ลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์และแบบจำลอง

2.2 จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
- นักเรยี นสามารถอธิบายความร้อนกบั การเปลยี่ นอุณหภมู ิของสสารได้ (K)
- นักเรยี นสามารถปฏิบัตกิ ิจกรรมที่ 5.2 ปัจจยั ใดบา้ งท่ีมีผลตอ่ การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของ

สสารได้ (P)
- นกั เรียนเรียนเสรจ็ แลว้ เก็บอปุ กรณเ์ ข้าที่เป็นระเบียบได้ (A)

3. สาระการเรียนรู้
พลังงานกับการเปล่ยี นสถานะ สารมี 3 ลกั ษณะ คือ ของแขง็ , ของเหลว และกา๊ ซเมือ่ สารเปล่ยี นสถานะ

จากของแขง็ เปน็ ของเหลว หรือของเหลวเป็นกา๊ ซ หรือของแขง็ เป็นก๊าซจะตอ้ งดดู ความรอ้ นจากสง่ิ แวดลอ้ ม ถ้าสาร
เปล่ียนสถานะจากก๊าซเปน็ ของเหลว หรอื ของเหลวเป็นของแข็ง หรือก๊าซเปน็ ของแขง็ จะต้องคายความร้อนใหก้ บั
สง่ิ แวดลอ้ มขณะท่ีสาร เปล่ียนสถานะ อุณหภูมขิ องสารจะไม่เปลย่ี นแปลงแมว้ า่ จะดูดความร้อนตลอดเวลา เพราะ
ความรอ้ นถูกใช้ในการเปล่ยี นสถานะ ปริมาณความ รอ้ นทใ่ี ชใ้ นการเปล่ยี นสถานะเรยี กว่า " ความร้อนแฝง " ความ
รอ้ นแฝงจะมหี ลายชนดิ ข้ึนอยู่กบั สถานะของสาร

4. สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียน
4.1 ความสามารถในการคิด

5. คณุ ลกั ษณะทพ่ี ึงประสงค์
5.1 มงุ่ ม่นั ในการทำงาน
5.2 มีวนิ ยั
5.3 ใฝ่เรยี นรู้

45

6. การจดั กิจกรรมการเรียนรู้แบบสบื เสาะหาความรู้ (5E)
ขัน้ ที่ 1 กระตนุ้ ความสนใจ (Engagement)
1) ครูทบทวนความร้เู ดมิ จากการเรยี นในชั่วโมงที่ผ่านมา ดังนี้
1.1 จากกิจกรรมในตอนที่ 1 นักเรียนลงความเหน็ ได้ข้อสรุปว่าอย่างไร (แนวการ

ตอบ ปรมิ าณความร้อนท่นี ำ้ ไดร้ ับสง่ ผลต่อการเปล่ียนแปลงอุณหภมู ิของน้ำโดยน้ำในบกี เกอรท์ ไ่ี ด้รับความร้อน
จากเทยี นไข 2 เลม่ มอี ุณหภูมสิ ูงขึ้นมากกว่า ในบีกเกอร์ทไ่ี ดร้ บั ความรอ้ นจากเทยี นไข 1 เล่ม)

1.2 จากกิจกรรมในตอนที่ 2 ลงความเหน็ ได้ข้อสรุปว่าอย่างไร (แนวการตอบ มวล
ของน้ำมีผลตอ่ การเปลย่ี นแปลงอุณหภูมิของนำ้ โดยน้ำมวล 75 กรัมมีอุณหภมู สิ งู ขนึ้ มากกว่าน้ำมวล 150 กรัม
เมื่อได้รบั ความร้อนปริมาณเท่ากนั )

2) ครูให้นักเรียนศึกษาโดยการใช้วิดิทัศน์ในเรื่อง วิธีวิธีลดคอเลสเตอรอล ทำได้ด้วยตัวเอง
ง่ายๆ โดยไมต่ อ้ งพง่ึ ยา ซึ่งเก่ยี วข้องกบั การเปลี่ยนแปลงพลงั งานในรา่ งกาย เพ่อื กระตนุ้ ความคดิ นกั เรียน

ทม่ี า : https://www.youtube.com/watch?v=tPSDIW3lKyU

ขัน้ ที่ 2 ข้ันสำรวจและค้นหา (Exploration)
1) ครใู ห้นกั เรียนน่งั เปน็ กลุม่ ตามท่ไี ดจ้ ดั ไว้ โดยจะมีสมาชิกกลมุ่ อย่ปู ระมาณ 4- 5 คนตอ่ กลุ่ม

เพ่อื จะไดด้ ำเนนิ กจิ กรรมที่ 5.2 ปัจจยั ใดบ้างทม่ี ีผลต่อการเปล่ียนแปลงอณุ หภูมิของสสาร
2) ครูให้ดำเนินกิจกรรมต่อในตอนที่ 3 จากหนังสือเรียน และร่วมกันอภิปรายในประเด็น

ดงั ตอ่ ไปนี้
2.1 ครูนำอภปิ รายว่า จากการทดลองตอนท่ี 1 และ 2 นกั เรียนทราบแลว้ วา่ ปรมิ าณ

ความร้อนท่ีน้ำได้รับและมวลของน้ำมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงอณุ หภูมิของน้ำ จากนั้นครูตัง้ ประเด็นคำถามว่า
นักเรียนคิดว่าชนิดของสสารมีผลต่อการเปลีย่ นแปลงอุณหภูมิของสสารหรือไม่อย่างไร (แนวการตอบ มีสสาร
แต่ละชนิดมกี ารเปล่ียนแปลงอุณหภูมิแตกต่างกัน เมื่อไดร้ บั ความรอ้ นเทา่ กนั )

2.2 รว่ มกันระบุปญั หา สมมติฐาน และตัวแปรทเี่ กี่ยวขอ้ งของการทดลองน้ี

ปัญหา ชนิดของสสารมผี ลต่อการเปลีย่ นแปลงอณุ หภมู ขิ องสสารหรือไม่

สมมตฐิ าน เช่น สสารต่างชนิดกนั จะมกี ารเปลยี่ นแปลงอณุ หภูมิแตกตา่ งกนั
ตวั แปรตน้ ชนิดของสสาร
ตวั แปรตาม อุณหภูมขิ องสสาร
ตวั แปรควบคมุ ปรมิ าณความรอ้ นท่นี ำ้ ไดร้ ับ ขนาดและความสูงของเปลวไฟจากตะเกียง
แอลกอฮอล์(แหล่งความรอ้ นจากตะเกยี งแอลกอฮอล์ชดุ เดยี วกัน)ขนาดและชนิด

46

ของบกี เกอร์ระยะเวลาทใี่ ห้ความร้อน ชนิดของเทอร์มอมเิ ตอรล์ กั ษณะการติดต้ัง
หรอื ตำแหนง่ ของเทอร์มอมิเตอร์
3) ควรแนะนําให้นักเรียนวางแผนการทำงานร่วมกัน ระบุวัสดุอุปกรณ์ที่ต้องการ พร้อมท้ัง
ออกแบบตารางบนั ทกึ ผลใหเ้ รียบร้อยก่อนทำกจิ กรรม
4) ครใู ห้นกั เรียนดำเนนิ กิจกรรมในการทดลอง
ขน้ั ที่ 3 ข้ันอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation)
1) ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายจากกิจกรรมที่ได้ดำเนินไปโดยใช้คำถามเพื่อกระตุ้น
ความคดิ ของนักเรียนดงั ต่อไปน้ี
1.1 จากกิจกรรมในตอนที่ 3 ครูร่วมกับนักเรียนลงความเหน็ ได้ขอ้ สรุปวา่ ชนิดของ
สสารมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภมู ิโดยเมอื่ เวลาผ่านไป กลเี ซอรอลหรอื น้ำมนั พืชมีอณุ หภมู ิเพมิ่ ข้ึนมากกว่า
นำ้
1.2 นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายและสรุปดังนี้ พลังงานกับการเปลี่ยนสถานะ
สารมี 3 ลักษณะ คือ ของแข็ง , ของเหลว และก๊าซ เมื่อ สารเปลี่ยนสถานะจากของแข็งเป็นของเหลว หรือ
ของเหลวเป็นก๊าซ หรือของแข็งเปน็ ก๊าซจะตอ้ งดดู ความร้อนจากสิง่ แวดล้อม ถ้าสารเปล่ียนสถานะจากก๊าซเป็น
ของเหลว หรือของเหลวเปน็ ของแข็ง หรือก๊าซเป็นของแข็งจะต้องคายความร้อนให้กับสิ่งแวดล้อมขณะท่สี าร
เปลี่ยนสถานะ อุณหภูมิของสารจะไมเ่ ปลีย่ นแปลงแมว้ า่ จะดูดความรอ้ นตลอดเวลา เพราะความร้อนถกู ใช้ใน
การเปล่ียนสถานะ ปรมิ าณความ ร้อนท่ีใช้ในการเปลี่ยนสถานะเรียกว่า " ความร้อนแฝง " ความร้อนแฝงจะมี
หลายชนดิ ขน้ึ อยกู่ บั สถานะของสาร
2) ครใู หต้ วั แทนกลมุ่ ของนกั เรียนแต่ละกลุ่มออกมาแสดงความรสู้ ึกในการปฏบิ ัติกจิ กรรม
ขนั้ ท่ี 4 ข้ันขยายความรู้ (Elaboration)
1) ครูเปิดโอกาสใหน้ กั เรยี นนั้นไดถ้ ามคำถาม โดยแตล่ ะกลมุ่ ใหต้ ง้ั คำถามเก่ยี วกับเรื่องท่เี รยี น
ไปอยา่ งนอ้ ย 1 คำถามต่อ 1 กลมุ่
2) ครแู นะนำแหลง่ เรยี นรเู้ พมิ่ เตมิ ทางอินเทอร์เน็ต

ขั้นที่ 5 ขั้นประเมิน (Evaluation)
1) ครปู ระเมนิ จากกิจกรรมที่ 5.2 ปัจจยั ใดบา้ งทม่ี ผี ลต่อการเปล่ยี นแปลงอุณหภูมขิ องสสาร

การปฏิบัติกิจกรรมกลุม่ (ตอนที่ 3)
2) การตอบคำถามในช้นั เรยี น

47

7. การวัดและประเมินผล

การวัดและประเมนิ ผลดา้ น วธิ ีการวัด เคร่ืองมือวดั เกณฑ์การผา่ น

1 ดา้ นความรู้ ระดบั คุณภาพ
พอใช้ ข้นึ ไป
1. นักเรยี นสามารถอธิบาย
ระดับคณุ ภาพ
ความร้อนกับการ - การตอบคำถามนกั เรียนในช้นั เรียน - แบบประเมนิ การตอบคำถาม พอใช้ ขน้ึ ไป

เปลย่ี นแปลงอณุ หภมู ขิ อง ระดบั คณุ ภาพ
พอใช้ ข้นึ ไป
สสารได้

2. ด้านกระบวนการ

1. นกั เรยี นสามารถปฏิบตั ิ - ตรวจสอบการปฏบิ ตั ิกจิ กรรมท่ี 5.2

กิจกรรมที่ 5.2 ปจั จัยใดบ้าง ปจั จยั ใดบา้ งทีม่ ีผลตอ่ การเปล่ียน - แบบประเมนิ การทำงานกลุม่

ทม่ี ีผลตอ่ การเปลย่ี นแปลง แปลงอณุ หภูมขิ องสสาร

อณุ หภมู ขิ องสสารได้

3. ด้านคุณลกั ษณะที่พงึ

ประสงค์

1. นกั เรียนเรยี นเสรจ็ แล้ว - การสงั เกตพฤติกรรมนกั เรียน - แบบประเมนิ การสังเกต

เกบ็ อุปกรณเ์ ข้าท่เี ป็น

ระเบยี บได้

8. ส่อื และแหล่งเรยี นรู้
8.1 สอื่ การสอน
-
8.2 แหล่งเรียนรู้
- ใบกจิ กรรมท่ี 5.2 ปจั จัยใดบ้างท่ีมผี ลตอ่ การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมขิ องสสาร

- สอื่ ออนไลน์

- หนังสอื เรยี นวิทยาศาสตรพ์ น้ื ฐาน ม.1

- เอกสารประกอบการสอนรายวิชาวิทยาศาสตร์ 2


Click to View FlipBook Version