The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ม.1

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by w.suchada07, 2021-05-26 14:31:54

แผนการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ม.1

แผนการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ม.1

198

เกณฑก์ ารประเมนิ สมรรถนะทักษะในการคดิ

ประเดน็ การ น้ำหนัก ระดบั คณุ ภาพ
ประเมนิ
ด(ี 3) พอใช้ (2) ปรับปรุง (1)

1. มีความสามารถ 1 เขา้ ใจและแสดงความ เขา้ ใจและแสดงความ เข้าใจและแสดงความ
ในการคิดวเิ คราะห์
คดิ เหน็ เกี่ยวกับทเ่ี รียน คิดเห็นเก่ียวกับท่ีเรียน คิดเหน็ เกยี่ วกับท่ี
และสะทอ้ นความรู้
ความคิด ความรสู้ ึกได้ ดี และสะท้อนความรู้ เรียน และสะท้อน

มาก ความคิด ความรูส้ กึ ได้ ความร้คู วามคิด

ปานกลาง ความรสู้ กึ ไดน้ ้อย

2. ตัดสนิ ใจ 1 สามารถตง้ั คำถามและ สามารถต้งั คำถามและ ไม่สามารถต้ังคำถาม

แก้ปัญหาเกีย่ วกบั ตอบคำถามเก่ียวกบั เร่ือง ตอบคำถามเกี่ยวกบั และตอบคำถาม

ตนเองได้ ทีเ่ รยี นได้อย่างถูกต้อง เรือ่ งท่เี รยี นไดอ้ ยา่ ง เกี่ยวกับเร่ืองทีเ่ รียน

คล่องแคล้ว แม่นยำ ถกู ตอ้ ง ได้เลย

3. ความสามารถ 1 มกี ารคน้ ควา้ ข้อมลู และ มีการค้นควา้ ขอ้ มลู ไมม่ ีการค้นควา้ ขอ้ มลู
ในการสร้างองค์
ศึกษาหาความรู้จากแหล่ง และศกึ ษาหาความรู้ และศกึ ษาหาความรู้
ความรู้
เรียนร้อู ื่นเพ่มิ เติมทกุ ครง้ั จากแหล่งเรยี นรู้อน่ื จากแหล่งเรยี นร้อู ื่น

เพิม่ เตมิ บางครง้ั เพม่ิ เตมิ เลย

เกณฑ์การประเมนิ ดี
ชว่ งคะแนน 8-9 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ 3 หมายถึง พอใช้
ชว่ งคะแนน 5-7 คะแนน ระดับคณุ ภาพ 2 หมายถงึ ปรับปรุง
ชว่ งคะแนน 3-4 คะแนน ระดบั คุณภาพ 1 หมายถงึ

เกณฑก์ ารผา่ น นกั เรยี นได้ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ขน้ึ ไปถอื ว่าผ่านเกณฑ์

199

แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 1.13

เร่อื ง ประโยชน์ของการถ่ายโอนความร้อน รายวิชา วทิ ยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว21102 เวลา 1 คาบ

หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 ช่ือหน่วยการเรยี นรู้ พลงั งานความรอ้ นกับการเปลยี่ นแปลงของสสาร รวม 27 คาบ

กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรยี นที่ 2

สาระที่ 2 ชื่อสาระ วิทยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว 2.3

ชอ่ื ผู้สอน นางสาวสุชาดา วงษแ์ ดง โรงเรียนวัดตะวนั เรอื ง

1. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด
การถา่ ยโอนความรอ้ นมี 3 วิธคี อื การนําความรอ้ น การพาความร้อนและการแผ่รังสีความรอ้ น การนาํ

ความรอ้ นเป็นการถา่ ยโอนความรอ้ นที่อาศยั ตวั กลาง โดยทีอ่ นภุ าคของตัวกลางไม่เคลื่อนที่ แต่สั่นต่อเนื่องกัน
ไป การพาความร้อนเป็นการถ่ายโอนความร้อนซึ่งอาศัยตัวกลางที่เป็นของเหลวหรือแก๊สโดยที่อนุภาคของ
ตัวกลางเคลื่อนที่ไปพร้อมกับพาความร้อนไปด้วย การแผ่รังสีความร้อนเป็นการถ่ายโอนความร้อนที่ไม่ต้อง
อาศัยตัวกลาง แตค่ วามร้อนสง่ ผ่านโดยคลืน่ แมเ่ หล็กไฟฟา้

2. ตัวชี้วัด/จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้

2.1 ตวั ช้ีวดั
ม.1/7 ความร้เู กี่ยวกบั การถ่ายโอนความรอ้ นสามารถนำไปใช้ประโยชนใ์ นชีวิตประจำวนั ได้

เชน่ การเลือกใช้วัสดุเพือ่ นำมาทำภาชนะบรรจอุ าหาร เพอื่ เกบ็ ความร้อน หรอื การออกแบบระบบระบายความ
รอ้ นในอาคาร

2.2 จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
- นกั เรยี นสามารถอธบิ ายประโยชน์ของการถา่ ยโอนความรอ้ นได้ (K)
- นกั เรียนสามารถเขียนบทความประโยชนข์ องการถา่ ยโอนความร้อนได้ P)
- นักเรยี นมีวินยั และใฝ่เรียนรู้ได้ (A)

3. สาระการเรยี นรู้
การถ่ายโอนความร้อนโดยการนำความร้อน เป็นการถ่ายโอนความร้อนโดยความร้อนจะเคลื่อนที่ไป

ตามเนื้อของวัตถจุ ากตำแหน่งที่มีอุณหภูมิสงู ไปสู่ตำแหน่งที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า โดยที่วัตถุที่เป็นตัวกลางในการ
ถ่ายโอนความรอ้ นไม่ได้เคลือ่ นที่ เช่น การนำแผ่นอะลูมิเนียมมาเผาไฟ โมเลกุลของแผ่นอะลูมิเนียมท่ีอยู่ใกล้
เปลวไฟจะรอ้ นกอ่ นโมเลกุลท่อี ย่ไู กลออกไป เมือ่ ได้รับความร้อนจะสั่นมากขนึ้ จึงชนกบั โมเลกุลทอ่ี ยตู่ ิดกัน และ
ทำให้โมเลกุลที่อยู่ติดกันสั่นต่อเนื่องกันไป ความร้อนจึงถูกถ่ายโอนไปโดยการสั่นของโมเลกุลของแผ่น
อะลมู เิ นียมโลหะต่างๆ เช่น เงนิ ทอง อะลมู ิเนยี ม เหลก็ เปน็ วัตถุท่ีนำความร้อนได้ดี จงึ ถกู นำมาทำภาชนะใน
การหุงต้มอาหาร วัตถุที่นำความร้อนไม่ดีจะถกู นำมาทำฉนวนกันความร้อน เช่น ไม้ พลาสติก แก้ว กระเบือ้ ง
เปน็ ต้น

การถ่ายโอนความร้อนโดยการพาความร้อน เป็นการถ่ายโอนความรอ้ นโดยวัตถุที่เป็นตัวกลางในการ
พาความร้อนจะเคลื่อนที่ไปพร้อมกับความร้อนที่พาไป ตัวกลางในการพาความร้อนจึงเป็นสารที่โมเลกุล
เคลอ่ื นทไ่ี ด้งา่ ย ได้แก่ ของเหลวและแก๊ส ลมบกลมทะเลเป็นการเคลอ่ื นที่ของอากาศท่พี าความร้อนจากบริเวณ
หน่งึ ไปยงั อีกบริเวณหนึ่ง การต้ม การนึง่ และการทอดอาหารเปน็ การทำใหอ้ าหารสกุ โดยการพาความรอ้ น

200
การถ่ายโอนความร้อนโดยการแผ่รังสีความรอ้ น เป็นการถ่ายโอนความร้อนโดยไม่ต้องอาศัยตัวกลาง
เช่น การแผ่รังสีความร้อนจากดวงอาทิตย์มายังโลก การแผ่รังสีความร้อนจากเตาไฟไปยังอาหารที่ปิ้งย่างบน
เตาไฟ เปน็ ต้น
4. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน
4.1 ความสามารถในการคิด
5. คุณลักษณะท่พี ึงประสงค์
5.1 มุ่งมั่นในการทำงาน
5.2 มวี ินัย
5.3 ใฝ่เรียนรู้
6. การจัดกจิ กรรมการเรยี นร้แู บบสืบเสาะหาความรู้ (5E)
ขนั้ ที่ 1 กระตนุ้ ความสนใจ (Engagement)

1) ครูทบทวนความรเู้ ดิมจากกจิ กรรมเร่ือง การถา่ ยโอนความรอ้ นโดยไมอ่ าศัยตวั กลาง ใน
คาบผ่านมา โดยใช้วิธีการสุ่มถาม ซึ่งครูใช้คำถามดังต่อไปนี้ การถ่ายโอนความร้อนโดยไม่อาศัยตัวกลางเปน็
อย่างไร ตัวอย่างการถ่ายโอนความร้อนโดยไม่อาศัยตัวกลางมีอะไรบ้าง (แนวคําตอบ การถ่ายโอนความร้อน
โดยไมอ่ าศยั ตวั กลางเกิดจากแหล่งพลงั งานความรอ้ นแผ่คลนื่ แม่เหล็กไฟฟ้าโดยไม่ตอ้ งอาศัยอนุภาคของสสาร
ตัวอย่างเชน่ การส่งผ่านความร้อนของดวงอาทิตยม์ ายังโลกรวมทั้งยงั มีประโยชนใื นเร่ืองการเลือกใช้วัสดุเพื่อ
นำมาทำภาชนะบรรจอุ าหาร เพื่อเกบ็ ความรอ้ น หรอื การออกแบบระบบระบายความรอ้ นในอาคาร)

2) เชอ่ื มโยงการถ่ายโอนความรอ้ นให้นักเรียนได้ทราบและเขา้ ใจมากยิ่งขึ้น
3) ครูให้นักเรยี นสังเกตภาพที่ครูนำมาให้ดู โดยใช้สื่อการเรยี นรู้ PowerPoint เพื่อให้เห็นถึง
ความสัมพนั ธ์และสิ่งทเี่ กดิ ข้ึนกับการถา่ ยโอนความร้อนในแตล่ ะรูปแบบ

ทีม่ า : https://th.wikipedia.org/wiki/.
ข้ันท่ี 2 ขนั้ สำรวจและคน้ หา (Exploration)

1) ครูใหน้ กั เรียนแต่ละคนดำเนินกจิ กรรมการเขยี นบทความเรอื่ งประโยชน์ของการถา่ ยโอน
ความร้อน กำหนด 1 หนา้ กระดาษ A4

201

2) ทั้งนี้ในการเขียนบทความเรื่องประโยชน์ของการถ่ายโอนความร้อนนักเรียนสามารถหา
ความรู้เพมิ่ เติมไดจ้ ากสอ่ื ต่างๆ

ข้นั ท่ี 3 ข้นั อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ (Explanation)
1) ครสู มุ่ นักเรยี นในชนั้ เรยี นจำนวน 2 คน ออกมาอ่านบทความท่ตี นเองไดเ้ ขียนขึน้ เพื่อ

แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเพอื่ นๆในช้ันเรียน
2) ครูให้นักเรียนอภิปรายเพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า การถ่ายโอนความร้อนมีทั้งหมด 3 รูปแบบ

ดังนี้ การถ่ายโอนความรอ้ นโดยการนำความรอ้ น เป็นการถ่ายโอนความร้อนโดยความร้อนจะเคล่ือนทีไ่ ปตาม
เนื้อของวัตถุจากตำแหนง่ ท่ีมีอุณหภูมิสูงไปสู่ตำแหน่งท่ีมีอุณหภูมิตำ่ กว่า โดยที่วัตถุที่เป็นตัวกลางในการถ่าย
โอนความร้อนไมไ่ ด้เคลื่อนที่ เชน่ การนำแผน่ อะลูมิเนียมมาเผาไฟ โมเลกลุ ของแผน่ อะลูมิเนียมที่อยู่ใกล้เปลว
ไฟจะร้อนก่อนโมเลกลุ ที่อย่ไู กลออกไป เม่อื ไดร้ ับความรอ้ นจะสนั่ มากขนึ้ จงึ ชนกบั โมเลกุลท่ีอยตู่ ดิ กัน และทำให้
โมเลกุลที่อยู่ติดกันสั่นต่อเนื่องกนั ไป ความร้อนจึงถูกถ่ายโอนไปโดยการสั่นของโมเลกุลของแผ่นอะลูมิเนียม
โลหะต่างๆ เช่น เงิน ทอง อะลูมิเนียม เหล็ก เป็นวัตถุที่นำความร้อนได้ดี จึงถูกนำมาทำภาชนะในการหุงตม้
อาหาร วัตถทุ ีน่ ำความร้อนไม่ดจี ะถูกนำมาทำฉนวนกันความร้อน เช่น ไม้ พลาสตกิ แก้ว กระเบ้ือง เปน็ ตน้

การถ่ายโอนความร้อนโดยการพาความร้อน เป็นการถ่ายโอนความร้อนโดยวัตถุที่เป็น
ตัวกลางในการพาความรอ้ นจะเคลือ่ นท่ีไปพร้อมกบั ความร้อนท่พี าไป ตวั กลางในการพาความร้อนจงึ เป็นสารท่ี
โมเลกุลเคลื่อนที่ได้ง่าย ได้แก่ ของเหลวและแก๊ส ลมบกลมทะเลเป็นการเคลื่อนที่ของอากาศที่พาความร้อน
จากบริเวณหนึ่งไปยังอีกบรเิ วณหนึ่ง การต้ม การนึ่ง และการทอดอาหารเป็นการทำให้อาหารสุกโดยการพา
ความรอ้ น

การถา่ ยโอนความร้อนโดยการแผร่ งั สีความร้อน เป็นการถา่ ยโอนความรอ้ นโดยไมต่ อ้ งอาศยั ตวั กลาง
เชน่ การแผร่ งั สคี วามรอ้ นจากดวงอาทิตยม์ ายังโลก การแผร่ งั สีความรอ้ นจากเตาไฟไปยังอาหารท่ีปง้ิ ย่างบนเตา
ไฟ เปน็ ตน้

ข้ันที่ 4 ขัน้ ขยายความรู้ (Elaboration)
1) ครูอธบิ ายเพ่ิมเติมถงึ การแผร่ งั สีความร้อน กล่าวคอื การแผ่รังสี คอื การถา่ ยโอนความ

ร้อนโดยไม่ต้องผ่านตัวกลางใดๆ เช่น ความร้อนที่เกิดจากดวงอาทติ ยถ์ ือเป็นความร้อนทีเ่ กิดจากการถา่ ยโอน
ความร้อนโดยการแผ่รังสี โดยที่วัตถุแต่ละชนิดสามารถดูดกลืนความร้อนจากการแผ่รังสีได้ไม่เท่ากัน ทั้งน้ี
ขึ้นอยู่กบั

1. สีของวตั ถุ วัตถุสีดำหรอื สีเข้มดูดกลนื ความร้อนได้ดกี ว่าวตั ถสุ ขี าวหรอื สอี ่อน
2. ผวิ วตั ถุ วตั ถผุ ิวขรขุ ระดูดกลืนความรอ้ นไดด้ ีกวา่ วัตถุผวิ เรียบและขัดมนั

2) ครูเปดิ โอกาสให้นักเรียนน้นั ได้ถามคำถาม โดยแตล่ ะกลุม่ ใหต้ ้ังคำถามเก่ียวกบั เร่ืองท่ีเรียน
ไปอยา่ งนอ้ ย 1 คำถามต่อ 1 กล่มุ

3) ครแู นะนำแหล่งเรยี นรู้เพิม่ เติมทางอินเทอร์เน็ต

202

ข้นั ที่ 5 ข้ันประเมิน (Evaluation)
1) ครปู ระเมินจากกจิ กรรมการเขยี นบทความประโยชนข์ องการถ่ายโอนความร้อน
2) การตอบคำถามในชั้นเรียน

7. การวัดและประเมินผล

การวัดและประเมนิ ผลดา้ น วธิ กี ารวดั เครอ่ื งมอื วดั เกณฑ์การผา่ น

1 ด้านความรู้ ระดบั คุณภาพ
พอใช้ ขนึ้ ไป
1. นกั เรียนสามารถอธบิ าย - การตอบคำถามนกั เรียนในชั้นเรียน - แบบประเมนิ การตอบคำถาม
ประโยชน์ของการถ่ายโอน ระดับคณุ ภาพ
พอใช้ ขึ้นไป
ความรอ้ นได้
ระดบั คุณภาพ
2. ด้านกระบวนการ พอใช้ ขึ้นไป

1. นักเรยี นสามารถเขียน - ตรวจการเขียนบทความประโยชน์ - แบบประเมินการทำงานกลุ่ม
บทความประโยชน์ของการ ของการถ่ายโอนความรอ้ นได้

ถา่ ยโอนความรอ้ นได้

3. ด้านคุณลกั ษณะทีพ่ ึง

ประสงค์ - การสังเกตพฤติกรรมนักเรียน - แบบประเมนิ การสงั เกต
1. นกั เรยี นมวี ินัยและใฝ่

เรยี นรู้ได้

8. สือ่ และแหลง่ เรยี นรู้
8.1 สื่อการสอน
- ส่อื การเรียนรู้ PowerPoint เรื่อง ประโยชน์ของการถา่ ยโอนความรอ้ น
8.2 แหล่งเรียนรู้
- กจิ กรรมการเขียนบทความประโยชน์ของการถ่ายโอนความร้อน

- สื่อออนไลน์

- หนงั สือเรยี นวิทยาศาสตรพ์ ้นื ฐาน ม.1

203

บนั ทกึ ผลการจัดการการเรยี นร้ทู ่ี 1.13

ผลการจดั การเรียนรู้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ปัญหาและอปุ สรรค
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
แนวทางแกไ้ ข / แนวทางการพฒั นา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ลงชอื่ ....................................................ครูผู้สอน
(นางสาวสชุ าดา วงษแ์ ดง)

ความเห็นของผู้นเิ ทศ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ลงชื่อ...............................................ผู้นิเทศ
(........................................................)

แบบประเมนิ ความรู้ (K) 204
เรอื่ ง ประโยชนข์ องการถา่ ยโอนความร้อน
ระดับ ผลการ
รายการประเมนิ คณุ ภาพ ประเมนิ
1. การตอบ
เลขท่ี คำถาม
ช่อื - สกุล 2. เนื้อหา

รวมคะแนนที่ไ ้ด
ผ่าน
ไ ่มผ่าน
448

การผ่านเกณฑ์ ระดับคุณภาพ พอใช้ ข้นึ ไปผ่านเกณฑ์

สรุปผลการประเมนิ ผา่ น...........................คน ไมผ่ า่ น...........................คน

ลงช่ือ...................................................ผู้ประเมนิ
(นางสาวสุชาดา วงษ์แดง)

205

เกณฑก์ ารประเมินความรู้ (K)

รายการประเมนิ น้ำหนัก ดีมาก (4) ระดับคณุ ภาพ ปรับปรงุ (1)
ดี (3) พอใช้ (2)

1. การตอบคำถาม 1 นกั เรียนตอบ นกั เรียนตอบ นกั เรยี นตอบ นกั เรียนตอบ

คำถามได้อย่าง คำถามได้อย่าง คำถามไดก้ ระชบั คำถามไม่ได้

กระชบั และจบั กระชบั และจับ จับใจความสำคัญ กระชบั ไม่สามารถ

ใจความสำคญั ได้ ใจความสำคญั ได้ ได้ ตอบคำถาม จับใจความสำคญั

เปน็ อย่างดี ไมส่ ัน้ พอสมควร แตย่ งั สัน้ หรอื ยาวมาก ได้ ตอบคำถามสน้ั

หรือยาวมาก ไม่สมบรู ณ์ จนเกินไป หรือยาวมาก

จนเกนิ ไป จนเกินไป

2. เน้ือหา 1 เนื้อหาของ เน้ือหาของ เนื้อหาของ เน้ือหาของคำตอบ

คำตอบมีความ คำตอบมีความ คำตอบถกู ต้อง ไมถ่ ูกต้อง ไม่

ถูกต้องมากท่ีสดุ ถกู ต้อง ครบถ้วน ไมค่ รบถ้วน ครบถว้ น สมบูรณ์

ครบถว้ น สมบูรณ์ สมบรู ณ์ บางส่วน สมบูรณ์

เกณฑก์ ารตัดสิน

ช่วงคะแนน 7 – 8 คะแนน ระดับคณุ ภาพ 4 หมายถึง ดมี าก

ชว่ งคะแนน 5 – 6 คะแนน ระดบั คุณภาพ 3 หมายถงึ ดี

ชว่ งคะแนน 3 – 4 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ 2 หมายถึง พอใช้

ชว่ งคะแนน 1 - 2 คะแนน ระดับคณุ ภาพ 1 หมายถงึ ปรบั ปรงุ

การผ่านเกณฑ์ ระดับคุณภาพ พอใช้ ขึ้นไปผ่านเกณฑ์

206

แบบประเมินทักษะกระบวนการ (P)
กจิ กรรมการเขียนบทความประโยชน์ของการถ่ายโอนความรอ้ น

รายการประเมิน 1. แหล่งข้อ ูมลที่ ระดับ ผลการ
เลขที่ นำมา คณุ ภาพ ประเมิน

ชื่อ - สกุล 2. การ ัจดกระทำ
้ขอ ูมล

3. การนำเสนอข้อ ูมล
รวมคะแนนที่ไ ้ด

่ผาน
ไ ่ม ่ผาน
4 4 4 12

การผา่ นเกณฑ์ ระดับคุณภาพ พอใช้ ข้ึนไปผ่านเกณฑ์

สรุปผลการประเมนิ ผา่ น...........................คน ไมผ่ ่าน...........................คน

ลงช่อื ...................................................ผปู้ ระเมนิ
(นางสาวสุชาดา วงษแ์ ดง)

207

เกณฑ์การประเมนิ ทักษะกระบวนการ (P)
ทักษะสอื่ ความหมายข้อมูล

รายการประเมิน น้ำหนัก ดีมาก (4) ระดบั คณุ ภาพ ปรับปรงุ (1)
ดี (3) พอใช้ (2)
นำข้อมูลมาจาก
1. แหล่งข้อมูลที่ 1 นำขอ้ มูลมาจากหลาย นำขอ้ มลู มาจากหลาย นำขอ้ มูลมาจากนอ้ ย นอ้ ยแหลง่ และ
นำมา นำมาน้อยรายการ
แหล่ง เช่น จากการ แหลง่ เชน่ จากการ แหลง่ และนำมาแหล่ง
2. การจดั กระทำ จัดกระทำข้อมลู
ข้อมูล สงั เกต การวดั การ สังเกต การวดั การ ละหลายรายการ ใหม่ โดยการ
เรยี งลำดับ แยก
ทดลอง และอ่นื ๆ ทดลอง และอ่นื ๆ แต่ ประเภท หรอื
คำนวณหาค่าใหม่
และนำมาแหลง่ ละ นำมาแหล่งละน้อย เพ่ือใหเ้ ข้าใจงา่ ยขน้ึ
ไม่ชดั เจน และไม่
หลายรายการ รายการ ตรงประเด็น
อธบิ ายเหตุผลใน
1 จัดกระทำข้อมลู ใหม่ จัดกระทำข้อมลู ใหม่ จดั กระทำข้อมูลใหม่ การเลอื กการ
นำเสนอไม่อยา่ ง
โดยการเรียงลำดบั โดยการเรยี งลำดบั โดยการเรียงลำดบั ชัดเจน และไมต่ รง
ประเด็น
แยกประเภท หรอื แยกประเภท หรอื แยกประเภท หรอื

คำนวณหาค่าใหม่ คำนวณหาค่าใหม่ คำนวณหาค่าใหม่

เพ่อื ให้เขา้ ใจง่ายขึน้ เพือ่ ใหเ้ ข้าใจง่ายขึน้ เพ่อื ให้เข้าใจงา่ ยขึน้

ชัดเจน และตรง ชดั เจน และตรง ชัดเจน และตรง

ประเด็นทุกครั้ง ประเดน็ บ่อยครง้ั ประเดน็ บางครงั้

3. การนำเสนอ 1 อธิบายเหตผุ ลในการ อธิบายเหตผุ ลในการ อธิบายเหตุผลในการ
ข้อมลู
เลอื กการนำเสนอได้ เลือกการนำเสนอได้ เลือกการนำเสนอได้

อยา่ งชดั เจน และตรง อย่างชัดเจน และตรง ชัดเจน และตรง

ประเด็นทกุ ครง้ั ประเดน็ บอ่ ยครงั้ ประเดน็ บางครง้ั

เกณฑ์การตัดสิน 11-12 คะแนน ระดับคณุ ภาพ 4 หมายถงึ ดีมาก
ช่วงคะแนน หมายถงึ ดี
8-10 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ 3 หมายถึง พอใช้
ชว่ งคะแนน 5-7 คะแนนระดับคุณภาพ 2 หมายถึง ปรับปรงุ
ช่วงคะแนน 3-4 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ 1
ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ขน้ึ ไปผ่านเกณฑ์
ชว่ งคะแนน
การผา่ นเกณฑ์

208

แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)

เลขท่ี รายการประเมนิ

1.มวี ินยั และส่งงาน รวม ระดับ ผลการ
ท่ีได้รับมอบหมาย คะแนน คุณภาพ ประเมนิ

ที่ได้

ช่ือ - สกุล 4321 ผ่าน
ไ ่มผ่าน

การผา่ นเกณฑ์ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ข้นึ ไปผา่ นเกณฑ์

สรุปผลการประเมิน ผา่ น...........................คน ไมผ่ า่ น...........................คน

ลงช่ือ...................................................ผ้ปู ระเมิน
(นางสาวสุชาดา วงษแ์ ดง)

209

เกณฑป์ ระเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A)
นกั เรียนมวี นิ ัยและสง่ งานตามที่ได้รับหมอบหมายได้ตามกำหนด

รายการ นำ้ หนัก ดมี าก (4) ระดับคุณภาพ ปรบั ปรงุ (1)
ประเมิน ดี (3) พอใช(้ 2)
ไมป่ ฏบิ ตั งิ านที่
1. นักเรยี น 1 ปฏบิ ัตงิ านท่ี ปฏิบตั งิ านที่ ปฏิบัตงิ านท่ี ได้รบั มอบ
หมายใหเ้ สรจ็
มีวินยั และ ได้รบั มอบหมาย ไดร้ ับมอบ ไดร้ ับมอบ
สมบรู ณ์ได้ตาม
สง่ งาน ใหเ้ สรจ็ สมบูรณ์ หมายให้เสร็จ หมายให้เสรจ็ กำหนดได้ และ
สง่ งานไมไ่ ดต้ าม
ตามท่ีได้รบั และมคี วาม สมบูรณ์ได้ตาม สมบูรณไ์ ด้ตาม เวลา ท่กี ำหนด
อย่เู ปน็ ประจำ
หมอบ เรยี บรอ้ ยได้ กำหนด และส่ง กำหนด และสง่

หมายได้ ตามทก่ี ำหนด งานไดต้ ามเวลา งานได้ตามเวลา

ตาม และสง่ งานได้ ทกี่ ำหนดอยู่ ทก่ี ำหนดอยู่

กำหนด ตามเวลา ท่ี เป็นประจำ บ่อยคร้ัง

กำหนดอยูเ่ ปน็

ประจำ

เกณฑก์ ารตัดสิน

คะแนน 4 ระดับคณุ ภาพ 4 หมายถึง ดมี าก

คะแนน 3 ระดับคุณภาพ 3 หมายถงึ ดี

คะแนน 2 ระดบั คุณภาพ 2 หมายถงึ พอใช้

คะแนน 1 ระดบั คณุ ภาพ 1 หมายถึง ปรับปรุง

การผ่านเกณฑ์ ระดบั คุณภาพ พอใช้ ขนึ้ ไปผา่ นเกณฑ์

210

แบบประเมินสมรรถนะทักษะการคิด

รายการประเมนิ 1. ีมความสามารถใน ระดบั ผลการ
เลขที่ การ ิคด ิวเคราะห์คณุ ภาพ ประเมนิ

ช่อื - สกุล 2. ัตด ิสนใจแ ้กปัญหา
เ ี่กยว ักบตนเองไ ้ด

3. ความสามารถในการ
สร้างอง ์คความ ู้ร
รวมคะแนนที่ไ ้ด

ผ่าน
ไ ่มผ่าน
3 3 39

การผ่านเกณฑ์ ระดับคุณภาพ พอใช้ ข้นึ ไปผ่านเกณฑ์

สรปุ ผลการประเมิน ผา่ น...........................คน ไม่ผ่าน...........................คน

ลงช่อื ...................................................ผูป้ ระเมนิ
(นางสาวสุชาดา วงษ์แดง)

211

เกณฑก์ ารประเมนิ สมรรถนะทักษะในการคดิ

ประเดน็ การ น้ำหนัก ระดบั คณุ ภาพ
ประเมนิ
ด(ี 3) พอใช้ (2) ปรับปรุง (1)

1. มีความสามารถ 1 เขา้ ใจและแสดงความ เขา้ ใจและแสดงความ เข้าใจและแสดงความ
ในการคิดวเิ คราะห์
คดิ เหน็ เกี่ยวกับทเ่ี รียน คิดเห็นเก่ียวกับท่ีเรียน คิดเหน็ เกยี่ วกับท่ี
และสะทอ้ นความรู้
ความคิด ความรสู้ ึกได้ ดี และสะท้อนความรู้ เรียน และสะท้อน

มาก ความคิด ความรูส้ กึ ได้ ความร้คู วามคิด

ปานกลาง ความรสู้ กึ ไดน้ ้อย

2. ตัดสนิ ใจ 1 สามารถตง้ั คำถามและ สามารถต้งั คำถามและ ไม่สามารถต้ังคำถาม

แก้ปัญหาเกีย่ วกบั ตอบคำถามเก่ียวกบั เร่ือง ตอบคำถามเกี่ยวกบั และตอบคำถาม

ตนเองได้ ทีเ่ รยี นได้อย่างถูกต้อง เรือ่ งท่เี รยี นไดอ้ ยา่ ง เกี่ยวกับเร่ืองทีเ่ รียน

คล่องแคล้ว แม่นยำ ถกู ตอ้ ง ได้เลย

3. ความสามารถ 1 มกี ารคน้ ควา้ ข้อมลู และ มีการค้นควา้ ขอ้ มลู ไมม่ ีการค้นควา้ ขอ้ มลู
ในการสร้างองค์
ศึกษาหาความรู้จากแหล่ง และศกึ ษาหาความรู้ และศกึ ษาหาความรู้
ความรู้
เรียนร้อู ื่นเพ่มิ เติมทกุ ครง้ั จากแหล่งเรยี นรู้อน่ื จากแหล่งเรยี นร้อู ื่น

เพิม่ เตมิ บางครง้ั เพม่ิ เตมิ เลย

เกณฑ์การประเมนิ ดี
ชว่ งคะแนน 8-9 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ 3 หมายถึง พอใช้
ชว่ งคะแนน 5-7 คะแนน ระดับคณุ ภาพ 2 หมายถงึ ปรับปรุง
ชว่ งคะแนน 3-4 คะแนน ระดบั คุณภาพ 1 หมายถงึ

เกณฑก์ ารผา่ น นกั เรยี นได้ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ขน้ึ ไปถอื ว่าผ่านเกณฑ์

212

แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ 1.14

เร่อื ง สมดุลความร้อน รายวชิ า วิทยาศาสตร์ รหสั วชิ า ว21102 เวลา 2 คาบ

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 ช่อื หน่วยการเรยี นรู้ พลงั งานความรอ้ นกบั การเปล่ียนแปลงของสสาร รวม 27 คาบ

กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 1 ภาคเรียนที่ 2

สาระท่ี 2 ชอื่ สาระ วิทยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว 2.3

ชอ่ื ผู้สอน นางสาวสชุ าดา วงษแ์ ดง โรงเรยี นวัดตะวนั เรือง

1. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด
ความรอ้ นถ่ายโอนจากสสารที่มีอุณหภูมิสงู กว่า ไปยงั สสารที่มีอุณหภูมิต่ำกว่าจนกระทั่งอุณหภูมิของ

สสารทั้งสองเทา่ กนั สภาพท่ีสสารทั้งสองมอี ุณหภูมิเท่ากนั เรียกว่า สมดุลความร้อน
เมื่อมีการถ่ายโอนความร้อนจากสสารที่มีอุณหภูมิต่างกันจนเกิดสมดุลความร้อนความร้อนที่เพ่ิมขึน้

ของสสารหน่ึงจะเทา่ กบั ความร้อนทีล่ ดลงของอกี สสารหน่ึง ซงึ่ เปน็ ไปตามกฎการอนรุ ักษพ์ ลังงาน

2. ตัวชว้ี ดั /จดุ ประสงค์การเรยี นรู้

2.1 ตวั ชีว้ ัด
ม.1/5 วเิ คราะหส์ ถานการณก์ ารถา่ ยโอนความร้อนและคำนวณปรมิ าณความร้อนที่ถา่ ยโอน

ระหว่างสสารจนเกิดสมดลุ ความร้อนโดยใช้ สมการ Q สูญเสีย = Q ไดร้ บั

2.2 จุดประสงค์การเรยี นรู้
- นกั เรียนสามารถอธิบายความหมายสมดุลความร้อนได้ (K)
- นกั เรียนสามารถปฏิบตั กิ ิจกรรมที่ 5.8 เร่อื งนำ้ อณุ หภมู ติ า่ งกนั ผสมกนั จะเปน็ อย่างไรได้ (P)
- นกั เรียนมีวนิ ัยและใฝ่เรยี นรู้ได้ (A)

3. สาระการเรยี นรู้
ในขณะสมดุลความร้อน ปริมาณความร้อนที่สสารหนึ่งสูญเสียไปจะเท่ากับปริมาณความร้อนที่อีก

สสารหน่ึงไดร้ ับหรอื เขยี นอธบิ ายโดยใช้ความสัมพนั ธ์ Q สูญเสยี = Q ได้รับ
ความรอ้ นถา่ ยโอนจากสสารทม่ี ีอุณหภูมิสูงกว่า ไปยังสสารท่ีมีอุณหภูมิต่ำกว่าจนกระท่ังอุณหภูมิของ

สสารทงั้ สองเทา่ กนั สภาพทสี่ สารท้งั สองมีอณุ หภูมิเทา่ กนั เรยี กวา่ สมดุลความรอ้ น

4. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น
4.1 ความสามารถในการคดิ

5. คณุ ลักษณะทพี่ งึ ประสงค์
5.1 ม่งุ มนั่ ในการทำงาน
5.2 มีวินัย
5.3 ใฝ่เรียนรู้

6. การจดั กจิ กรรมการเรยี นรแู้ บบสืบเสาะหาความรู้ (5E)
ขั้นท่ี 1 กระตุ้นความสนใจ (Engagement)
1) ครูเกรนิ่ นำเพื่อให้นักเรียนทราบ กลา่ วคอื ในเร่ืองนนี้ ักเรยี นจะไดเ้ รียนรเู้ กี่ยวกับการถ่าย

โอนความร้อนของสสารที่มอี ุณหภูมิสูงกว่าไปยังสสารที่มีอุณหภูมิต่ำกว่าจนกระทั่งอุณหภูมิของสสารทั้งสอง
เท่ากนั หรือสมดลุ ความร้อน เมื่อมีการถ่ายโอนความรอ้ นจากสสารท่ีมีอุณหภมู ิต่างกันจนเกิดสมดุลความร้อน

213

ปริมาณความร้อนที่สสารหนงึ่ ได้รับจะเท่ากับปริมาณความร้อนทีอ่ กี สสารหน่ึงสูญเสียและการคํานวณปริมาณ
ต่างๆ ทเ่ี ก่ียวข้องเมอ่ื สมดลุ ความรอ้ นเคลื่อนท่ขี องพกู่ ระดาษท่ีเคลือ่ นไหวและบานขึ้น แสดงว่าอากาศด้านล่าง
ทีม่ ีอุณหภมู สิ งู กวา่ จะเคล่ือนทข่ี นึ้ ไปด้านบน

2) ครูใชส้ อ่ื การเรียนรู้ PowerPoint เร่อื ง สมดุลความร้อน และถามคาํ ถามสรา้ งความสนใจ
เพื่ออภิปรายวา่ ใช้อุปกรณ์ใดในการวัดอุณหภูมิของร่างกายและมีวิธีการวัดอย่างไร จึงจะทราบผลว่าอุณหภูมิ
ของร่างกายเป็นเท่าใด (แนวการตอบ นักเรียนตอบตามความคิดของตนเอง ครูยังไม่เฉลยคําตอบแต่แนว
คำตอบท่คี รคู วรทราบคอื การวัดอณุ หภมู ริ ่างกายโดยใช้เทอรม์ อมิเตอร์วดั ไขอ้ าจใช้การอมในปาก หรือสอดใต้
รักแร้เป็นระยะเวลาหนึ่ง เพื่อให้เทอร์มอมิเตอร์และร่างกายเกิดสมดุลความร้อนซึ่งอุณหภูมิที่อ่านได้จะมี
ค่าคงทีค่ า่ หน่ึง)

ที่มา : ภาพจากหนังสือเรียนสสวท.หน้าท่ี 78
3) ครูอธิบายจากภาพกลา่ วคอื ภาพนําเรือ่ ง คือ ภาพเทอรม์ อมเิ ตอร์วดั ไข้ทีใ่ ช้วัดอณุ หภมู ขิ อง
ร่างกาย วิธีการใช้ทำโดยสอดเทอรม์ อมิเตอรเ์ ข้าไปในปาก หรือสอดไว้ใต้รกั แร้ในกรณีทีเ่ ป็นเด็กเล็ก แล้วอ่าน
ค่าอุณหภูมขิ องรา่ งกายเพ่ือนําผลท่ีไดไ้ ปใชว้ ินิจฉยั ว่าผู้ป่วยมีไข้หรือไม่ หากวดั แล้วอุณหภูมิสงู เกิน 37.5 องศา
เซลเซียส ซึ่งเป็นอุณหภูมิร่างกายปกติแสดงว่าเป็นไข้เทอร์มอมิเตอร์วัดไข้มีหลายแบบ แต่ที่นิยมใช้ตาม
โรงพยาบาลจะเป็นแบบปรอท ก่อนการใช้เทอร์มอมิเตอร์วัดไขแ้ บบปรอททุกครั้งจะต้องทำความสะอาดแล้ว
จับเทอรม์ อมิเตอร์ให้แนน่ สลัดใหป้ รอททค่ี ้างอยใู่ นหลอดแกว้ กลับไปยังกระเปาะหรอื กลบั ไปท่ีอุณหภูมิต่ำกว่า
35 องศาเซลเซยี ส จงึ ใชง้ านได้
4) ครูให้นักเรียนทำกิจกรรมทบทวนความรู้ก่อนเรียน เพื่อประเมินความรูพ้ ืน้ ฐาน เกี่ยวกับ
ปัจจัยที่มีผลต่อปริมาณความร้อนที่ทำให้สสารเปลี่ยนสถานะและเปลี่ยนอุณหภูมิหากครูพบว่านักเรียนยังมี
ความรู้พน้ื ฐานไม่ถกู ตอ้ งครคู วรทบทวนหรือแก้ไขความเข้าใจผิดเพอ่ื ใหน้ ักเรยี นมีความรพู้ นื้ ฐานเพยี งพอในการ
เรยี นตอ่ ไป จากหนังสอื เรียนสสวท. ดงั น้ี

214

ขั้นที่ 2 ขน้ั สำรวจและคน้ หา (Exploration)
1) ครูให้นักเรยี นนัง่ เปน็ กลุ่มตามท่ไี ด้จดั ไว้ โดยจะมีสมาชกิ กลุ่มอยู่ประมาณ 4- 5 คนตอ่

กลุ่ม เพอ่ื จะได้ดำเนนิ กจิ กรรมท่ี 5.8 เรอ่ื งนำ้ อณุ หภมู ิต่างกนั ผสมกันจะเปน็ อย่างไร

2) จากนั้นครูให้นักเรียนอ่านวิธีดำเนินกิจกรรม จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันอภิปราย
จดุ ประสงค์และวิธดี ำเนินกิจกรรมโดยอาจใช้คําถามดงั นี้

2.1 กิจกรรมน้ีเกี่ยวกับเรื่องอะไร (แนวการตอบ เรื่องการถ่ายโอนความร้อนระหว่าง
น้ำท่ีมอี ณุ หภมู ติ า่ งกนั )

2.2 การทำกิจกรรมมีข้ันตอนโดยสรุปอย่างไร (แนวการตอบ เทน้ำเย็น 25ลูกบาศก์

เซนติเมตรลงในแคลอรีมิเตอร์แล้ววัดและบันทึกอุณหภูมิเริ่มต้น วัดและบันทึกอุณหภูมิน้ำร้อน 25ลูกบาศก์
เซนตเิ มตร ทบ่ี รรจุในแก้วแล้วเทน้ำร้อนลงในแคลอรีมิเตอร์ปิดฝาให้แน่น จากน้นั วดั อณุ หภูมิของน้ำทุก ๆ 10

วินาทีเป็นเวลา 2 นาทีเขยี นกราฟแสดงความสัมพันธ์ระหว่างอุณหภูมขิ องน้ำกับเวลา หลงั จากน้ันทำกิจกรรม
ท้ังหมดซ้ำอกี คร้ัง โดยเปลีย่ นอุณหภูมิของน้ำใหต้ ่างจากเดมิ )

3) ให้นักเรียนซักถามเกี่ยวกับขั้นตอนการทำกิจกรรมในเรื่องที่ยังไม่เข้าใจจากนั้นครู

ตรวจสอบความเขา้ ใจของนกั เรียนอีกคร้งั และยำ้ เกย่ี วกับวธิ ีการบันทกึ ผล
4) เมื่อแตล่ ะกลมุ่ ดำเนินกิจกรรมเรียบร้อยแล้ว ครใู หน้ ักเรยี นส่งตัวแทนออกมานำเสนอหน้า

ชั้นเรียน และในขณะที่กลุ่มต่างๆออกมานำเสนอนั้น หากกรณีที่กลุ่มของตัวเองยังไม่มีในประเด็นนั้นๆให้
นกั เรยี นเขยี นเพื่อเตมิ ลงในสมุดของนกั เรียนเอง

ข้นั ท่ี 3 ข้นั อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ (Explanation)

1) ครูใหน้ กั เรยี นอา่ นเนื้อหาในหนงั สือเรียนหลังการทำกิจกรรม จากนน้ั ครูและนกั เรียน
อภิปรายร่วมกันเพื่อให้ได้ข้อสรุปว่าเมื่อผสมสสารที่มีอุณหภูมิต่างกัน สสารจะมีการถ่ายโอนความร้อน

จนกระท่งั สมดลุ ความร้อน ซ่ึงอณุ หภูมิของสสารท้ังจะเท่ากัน
2) นักเรียนอ่านและอภิปรายวิธีการคํานวณปริมาณความร้อนของสสารที่ถ่ายโอนในขณะ

สมดุลความรอ้ น เพ่อื ใหไ้ ดข้ ้อสรุปว่าในขณะสมดุลความรอ้ น ปรมิ าณความรอ้ นท่สี สารหน่ึงสญู เสยี ไปจะเท่ากับ

ปรมิ าณความร้อนทอ่ี ีกสสารหนึง่ ได้รับหรอื เขยี นอธบิ ายโดยใช้ความสัมพันธ์ Q สญู เสยี = Q ไดร้ บั
3) ครสู รุปแนวความคดิ ท่มี ักคลาดเคลอื่ นดังน้ี

แนวคิดคลาดเคล่อื น แนวคิดที่ถูกตอ้ ง

เ ม ื ่ อ ผ ส ม ส ส า ร ท ี ่ ม ี อ ุ ณ ห ภ ู ม ิ ต ่ า ง ก ั น เ ข้ า เมื่อผสมสสารท่ีมีอุณหภมู ิต่างกันเข้าดว้ ยกัน

ด้วยกันจะเกิดการถ่ายโอนความร้อนจนกระท่ัง สสารที่มีอุณหภูมิสูงกว่าจะถ่ายโอนความร้อนให้กบั

ปรมิ าณความร้อนของสสารทงั้ สองเท่ากนั สสารที่มีอุณหภูมิต่ำกว่าจนกระทั่งสสารทั้งสองมี

อุณหภูมิเท่ากัน ซึ่งเมื่อสสารอุณหภูมิเท่ากันไม่

จำเป็นที่ปริมาณความร้อนของสสารทั้งสองต้อง

เท่ากัน เพราะปริมาณความร้อนขึ้นอยู่กับ มวล

ความรอ้ นจําเพาะ และอณุ หภูมิทเ่ี ปล่ยี นแปลงไป

เมื่อผสมสสาร2ชนิดที่มีอณุ หภูมิตา่ งกันเขา้ เมื่อผสมสสาร 2 ชนิดที่มีอุณหภูมิต่างกัน

ด้วยกันจนสสารสมดุลความร้อน อุณหภูมิของสสาร เข้าด้วยกันจนสสารสมดุลความร้อน ปริมาณความ

หนึ่งที่ลดลงจะเท่ากับอุณหภูมิของอีกสสารหนึ่งที่ ร้อนที่สสารหนึ่งสูญเสีย (สสารมีอุณหภูมิลดลง) จะ

เพม่ิ ข้ึน เทา่ กับปริมาณความรอ้ นทอ่ี กี สสารหนงึ่ ไดร้ บั (สสาร

215

มีอุณหภูมิเพิ่มขึ้น)โดยที่อุณหภูมิที่สสารหนึ่งลดลง
ไมจ่ าํ เปน็ ต้องเท่ากบั อุณหภมู ทิ ี่อกี สสารหน่งึ เพมิ่ ขน้ึ

ขั้นที่ 4 ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration)
1) ครูใหน้ ักเรียนเรียนรู้การคำนวณจากแบบฝกึ หดั ในหนังสือเรยี นสสวท. ดังนี้

จากกิจกรรม 5.8 คํานวณอุณหภูมขิ องนำ้ ขณะสมดุลความร้อนได้เปน็ เทา่ ใด (ความร้อนจำเพาะของน้ำเท่ากับ
1 cal/g C̊ (ยกตวั อย่างเฉพาะครั้งที่ 1 )
แนวคาํ ตอบ ในกจิ กรรม 5.8 ครงั้ ท่ี 1 อุณหภมู ิจากการคํานวณเมอื่ สมดุลความรอ้ น คํานวณไดจ้ าก

มวลของนำ้ ร้อน m1 = 25 g อณุ หภูมขิ องนำ้ ร้อน = 58.5 oC
มวลของน้ำเย็น m2 = 25 g อุณหภมู ขิ องน้ำเยน็ = 28.5 oC
ความรอ้ นจําเพาะของนำ้ เท่ากับ 1 cal/g oC อุณหภูมิเม่ือสมดุลความรอ้ น = X oC
ปริมาณความร้อนท่ีน้ำร้อนสญู เสีย
เม่ือพจิ ารณาปริมาณความรอ้ นที่น้ำมวล 25 กรมั อุณหภมู ิ 58.5 องศาเซลเซียส สูญเสยี ไป

Q = m1c (Δt)
Q = 25 x 1 x (58.5 - X)
Q = 1,462.5 - 25X cal
ปริมาณความรอ้ นที่น้ำเยน็ ได้รับ
เมอื่ พิจารณาปรมิ าณความรอ้ นท่ีนำ้ มวล 25 กรัม อณุ หภมู ิ28.5 องศาเซลเซยี สไดร้ ับ
Q = m2c (Δt)
Q = 25 x 1 x (X- 28.5)
Q = 25X - 712.5 cal
จากความสัมพนั ธ์ Q สูญเสีย = Q ไดร้ บั
1,462.5 - 25X = 25X - 712.5
1,462.5 + 712.5 = 25X + 25X
2,175 = 50X
X = 43.5 oC
จากการคํานวณอุณหภมู ิของน้ำเมือ่ สมดลุ ความรอ้ นเท่ากับ 43.5 องศาเซลเซยี ส
2) ครูเปดิ โอกาสใหน้ กั เรยี นนนั้ ไดถ้ ามคำถาม โดยแต่ละกล่มุ ใหต้ ้ังคำถามเกี่ยวกับเรื่องที่เรียน
ไปอย่างน้อย 1 คำถามต่อ 1 กลมุ่
3) ครูให้นกั เรยี นกลบั ไปทำแบบฝกึ หดั เพ่ิมเติมในหนังสือ
4) ครถู ามนักเรียนเพ่ิมเตมิ ในเรื่องความหมายของสมดลุ ความร้อน
5) ครูสรุปเปน็ แผนผังความคิดใหน้ กั เรยี นเขา้ ใจในเรือ่ งทเ่ี รยี นมาในบทนี้ ดงั แผนผงั ดงั ต่อไปน้ี

216

ขน้ั ท่ี 5 ข้ันประเมนิ (Evaluation)
1) ครปู ระเมินจากปฏบิ ัตกิ จิ กรรมท่ี 5.8 เรอื่ งน้ำอุณหภูมิตา่ งกันผสมกันจะเป็นอย่างไรได้

การปฏบิ ตั ิกจิ กรรมกลมุ่

2) การตอบคำถามในชั้นเรยี น
3) การทำแบบฝึกหัด

7. การวัดและประเมินผล

การวดั และประเมินผลด้าน วิธกี ารวดั เครือ่ งมอื วัด เกณฑ์การผา่ น
ระดบั คุณภาพ
1 ดา้ นความรู้ พอใช้ ขน้ึ ไป

1. นักเรียนสามารถอธบิ าย - การตอบคำถามนกั เรยี นในชนั้ เรยี น - แบบประเมนิ การตอบคำถาม ระดบั คณุ ภาพ
ความหมายสมดลุ ความรอ้ น พอใช้ ข้นึ ไป

ได้ ระดบั คณุ ภาพ
พอใช้ ขึน้ ไป
2. ด้านกระบวนการ

1. นักเรียนสามารถปฏบิ ัติ - ตรวจการปฏิบตั กิ ิจกรรมท่ี 5.8

กจิ กรรมที่ 5.8 เร่อื งนำ้ เรื่องนำ้ อุณหภมู ิต่างกันผสมกันจะ - แบบประเมินการทำงานกลุม่

อณุ หภูมติ ่างกันผสมกนั จะ เปน็ อย่างไร

เปน็ อย่างไรได้

3. ดา้ นคุณลกั ษณะทีพ่ งึ

ประสงค์ - การสงั เกตพฤติกรรมนักเรยี น - แบบประเมินการสงั เกต
1. นกั เรียนมวี นิ ัยและใฝ่

เรยี นรู้ได้

217

8. ส่ือและแหล่งเรยี นรู้
8.1 สื่อการสอน
- สื่อการเรยี นรู้ PowerPoint เรอ่ื ง สมดุลความร้อน
8.2 แหลง่ เรียนรู้
- ใบกิจกรรมท่ี 5.8 เร่อื งนำ้ อณุ หภูมติ า่ งกันผสมกันจะเป็นอยา่ งไร

- กิจกรรมสร้างแผนผังความคิดเร่ืองการถา่ ยโอนความรอ้ นโดยไมอ่ าศยั ตวั กลาง

- สอื่ ออนไลน์

- หนงั สือเรยี นวทิ ยาศาสตรพ์ น้ื ฐาน ม.1

218

บนั ทกึ ผลการจัดการการเรยี นร้ทู ่ี 1.14

ผลการจดั การเรียนรู้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ปัญหาและอปุ สรรค
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
แนวทางแกไ้ ข / แนวทางการพฒั นา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ลงชอื่ ....................................................ครูผู้สอน
(นางสาวสชุ าดา วงษแ์ ดง)

ความเห็นของผู้นเิ ทศ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ลงชื่อ...............................................ผู้นิเทศ
(........................................................)

219

กจิ กรรมท่ี 5.8 เรื่องน้ำอุณหภูมติ ่างกัน
ผสมกนั จะเปน็ อยา่ งไร

จดุ ประสงค์ 1. วดั อณุ หภมู ขิ องนำ้ และอธบิ ายการถ่ายโอนความร้อนระหว่างนำ้ ท่มี อี ุณหภมู ิต่างกนั

วสั ดุอปุ กรณ์ วัสดตุ อ่ ห้อง

น้ำร้อน รายการ ปรมิ าณ/หอ้ ง
น้ำเย็น 1,000 cm3
1,000 cm3

วัสดุที่ใช้ตอ่ กลมุ่

รายการ ปริมาณ/กล่มุ
แคลอรีมิเตอรข์ นาด 50 cm3 1 ชุด
เทอรม์ อมิเตอร์ 2 อนั
ถ้วยตวง 1 ใบ
แกว้ นำ้ 1 ใบ
นาฬกิ าจับเวลา 1 เรอื น
กระดาษกราฟ 1 แผน่

วิธกี าร ใหด้ ำเนนิ กจิ กรรมตามหนังสอื เรียน

การเตรียมตัวของครูเตรยี ม - ครเู ตรยี มผา้ ขนหนสู ำหรับจับภาชนะทีบ่ รรจุนำ้ รอ้ น
- ครูควรตรวจสอบเทอร์มอมเิ ตอร์ใหอ้ ยูใ่ นสภาพพรอ้ มใช้งาน เชน่
แอลกอฮอล์ในกระเปาะเทอร์มอมิเตอร์จะตอ้ งไมข่ าดเปน็ ช่วงอุณหภูมขิ อง

เทอร์มอมิเตอรแ์ ตล่ ะอันอ่านค่าได้ใกล้เคียงกนั

ข้อควรระวัง - ระวังอันตรายจากการสัมผสั ภาชนะทีบ่ รรจุน้ำร้อน

220

ตัวอย่างการดำเนินกจิ กรรม
ครงั้ ที่ 1

221

ตัวอย่างการดำเนินกจิ กรรม
ครงั้ ที่ 2

แบบประเมนิ ความรู้ (K) 222
เรื่อง สมดุลความร้อน
รายการประเมนิ ระดบั ผลการ
คณุ ภาพ ประเมนิ
44 8
เลขท่ี 1. การตอบ
ชอ่ื - สกุล คำถาม
2. เนื้อหา

รวมคะแนนที่ไ ้ด
ผ่าน
ไ ่มผ่าน

การผ่านเกณฑ์ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ขนึ้ ไปผ่านเกณฑ์

สรปุ ผลการประเมนิ ผ่าน...........................คน ไม่ผ่าน...........................คน

ลงชอ่ื ...................................................ผูป้ ระเมิน
(นางสาวสชุ าดา วงษ์แดง)

223

เกณฑก์ ารประเมินความรู้ (K)

รายการประเมนิ น้ำหนัก ดีมาก (4) ระดับคณุ ภาพ ปรับปรงุ (1)
ดี (3) พอใช้ (2)

1. การตอบคำถาม 1 นกั เรียนตอบ นกั เรียนตอบ นกั เรยี นตอบ นกั เรียนตอบ

คำถามได้อย่าง คำถามได้อย่าง คำถามไดก้ ระชบั คำถามไม่ได้

กระชบั และจบั กระชบั และจับ จับใจความสำคัญ กระชบั ไม่สามารถ

ใจความสำคญั ได้ ใจความสำคญั ได้ ได้ ตอบคำถาม จับใจความสำคญั

เปน็ อย่างดี ไมส่ ัน้ พอสมควร แตย่ งั สัน้ หรอื ยาวมาก ได้ ตอบคำถามสน้ั

หรือยาวมาก ไม่สมบรู ณ์ จนเกินไป หรือยาวมาก

จนเกนิ ไป จนเกินไป

2. เน้ือหา 1 เนื้อหาของ เน้ือหาของ เนื้อหาของ เน้ือหาของคำตอบ

คำตอบมีความ คำตอบมีความ คำตอบถกู ต้อง ไมถ่ ูกต้อง ไม่

ถูกต้องมากท่ีสดุ ถกู ต้อง ครบถ้วน ไมค่ รบถ้วน ครบถว้ น สมบูรณ์

ครบถว้ น สมบูรณ์ สมบรู ณ์ บางส่วน สมบูรณ์

เกณฑก์ ารตัดสิน

ช่วงคะแนน 7 – 8 คะแนน ระดับคณุ ภาพ 4 หมายถึง ดมี าก

ชว่ งคะแนน 5 – 6 คะแนน ระดบั คุณภาพ 3 หมายถงึ ดี

ชว่ งคะแนน 3 – 4 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ 2 หมายถึง พอใช้

ชว่ งคะแนน 1 - 2 คะแนน ระดับคณุ ภาพ 1 หมายถงึ ปรบั ปรงุ

การผ่านเกณฑ์ ระดับคุณภาพ พอใช้ ขึ้นไปผ่านเกณฑ์

224

แบบประเมินทักษะกระบวนการ (P)
ใบกจิ กรรมท่ี 5.3 ความรอ้ นสง่ ผลต่อสสารแต่ละสถานะอย่างไร

รายการประเมนิ 1. ความสามารถใน ระดบั ผลการ
เลขที่ การออกแบบทดลอง คณุ ภาพ ประเมนิ
2. การป ิฏบั ิตการ
ชื่อ - สกุล
ทดลอง
3. การบันทึกผล
รวมคะแนนท่ีไ ้ด
่ผาน
ไ ่ม ่ผาน
4 4 4 12

การผา่ นเกณฑ์ ระดับคณุ ภาพ พอใช้ ขึ้นไปผ่านเกณฑ์

สรุปผลการประเมนิ ผ่าน...........................คน ไมผ่ า่ น...........................คน

ลงชือ่ ...................................................ผปู้ ระเมนิ
(นางสาวสุชาดา วงษแ์ ดง)

225

เกณฑก์ ารประเมินทกั ษะกระบวนการ (P)
ทักษะการทดลอง

รายการประเมนิ น้ำหนัก ดมี าก (4) ระดับคณุ ภาพ ปรับปรุง (1)
ดี (3) พอใช้ (2)

1. ความสามารถ 1 กำหนดวธิ กี ารอุปกรณ์ กำหนดวิธกี ารอุปกรณ์ กำหนดวธิ กี ารอปุ กรณ์ กำหนดวิธีการ

ในการออกแบบ สารเคมี อย่างถูกตอ้ ง สารเคมี อย่างถกู ต้อง สารเคมี อย่างถกู ตอ้ ง อุปกรณ์ สารเคมี

การทดลอง เหมาะสม และใชอ้ ย่าง เหมาะสม และใช้อย่าง เหมาะสม และใช้อยา่ ง ไมถ่ กู ตอ้ ง

ถูกวิธีทกุ ครง้ั ถูกวธิ ีบ่อยครัง้ ถกู วิธบี างคร้ัง ไม่เหมาะสม และ

ใช้อยา่ งไม่ถูกวิธี

2. การปฏิบตั ิการ 1 ทดลองตามขน้ั ตอนท่ี ทดลองตามขนั้ ตอนท่ี ทดลองตามขั้นตอนที่ การทดลองไม่

ทดลอง กำหนดไว้ทันเวลา ใช้ กำหนดไว้ทันเวลา ใช้ กำหนดไวท้ นั เวลา ใช้ เปน็ ไปตามขั้นตอน

อุปกรณแ์ ละสารเคมี อปุ กรณแ์ ละสารเคมี อุปกรณ์และสารเคมี ไม่ทนั เวลา ใช้

อย่างถกู ต้อง อย่างถูกตอ้ ง อย่างถูกต้อง อปุ กรณแ์ ละ

คลอ่ งแคล่ว และ คล่องแคล่ว และ คล่องแคลว่ และ สารเคมไี มถ่ ูกตอ้ ง

เหมาะสมทกุ ครัง้ เหมาะสมบ่อยครั้ง เหมาะสมบางคร้งั ไม่คล่อง และไม่

เหมาะสม

3. การบันทึกผล 1 บันทึกผลคล่องแคล่ว บันทึกผลคลอ่ งแคล่ว บันทกึ ผลคลอ่ งแคล่ว บันทกึ ผลไม่

ถกู ตอ้ งและออกแบบ ถูกต้อง และออกแบบ ถกู ตอ้ ง และออกแบบ คลอ่ งแคล่ว ไม่ค่อย

ตารางบันทึกผลท่ี ตารางบันทกึ ผลที่ ตารางบนั ทกึ ผลท่ี ถกู ตอ้ ง และ

เหมาะสมกับข้อมูลทุก เหมาะสมกับขอ้ มูล เหมาะสมกับข้อมูลเป็น ออกแบบตาราง

ครั้ง บอ่ ยครงั้ บางครงั้ บนั ทกึ ผลไม่

เหมาะสมกบั ขอ้ มูล

เกณฑก์ ารตัดสนิ

ช่วงคะแนน 11-12 คะแนน ระดบั คุณภาพ 4 หมายถึง ดมี าก

ช่วงคะแนน 8-10 คะแนน ระดบั คุณภาพ 3 หมายถึง ดี

ชว่ งคะแนน 5-7 คะแนนระดบั คณุ ภาพ 2 หมายถึง พอใช้

ช่วงคะแนน 3-4 คะแนน ระดับคณุ ภาพ 1 หมายถึง ปรบั ปรุง

การผ่านเกณฑ์ ระดบั คุณภาพ พอใช้ ขนึ้ ไปผ่านเกณฑ์

226

แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)

เลขท่ี รายการประเมนิ

1.มวี ินยั และส่งงาน รวม ระดับ ผลการ
ท่ีได้รับมอบหมาย คะแนน คุณภาพ ประเมนิ

ที่ได้

ช่ือ - สกุล 4321 ผ่าน
ไ ่มผ่าน

การผา่ นเกณฑ์ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ข้นึ ไปผา่ นเกณฑ์

สรุปผลการประเมิน ผา่ น...........................คน ไมผ่ า่ น...........................คน

ลงช่ือ...................................................ผ้ปู ระเมิน
(นางสาวสุชาดา วงษแ์ ดง)

227

เกณฑป์ ระเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A)
นกั เรียนมวี นิ ัยและสง่ งานตามที่ได้รับหมอบหมายได้ตามกำหนด

รายการ นำ้ หนัก ดมี าก (4) ระดับคุณภาพ ปรบั ปรงุ (1)
ประเมิน ดี (3) พอใช(้ 2)
ไมป่ ฏบิ ตั งิ านที่
1. นักเรยี น 1 ปฏบิ ัตงิ านท่ี ปฏิบตั งิ านที่ ปฏิบัตงิ านท่ี ได้รบั มอบ
หมายใหเ้ สรจ็
มีวินยั และ ได้รบั มอบหมาย ไดร้ ับมอบ ไดร้ ับมอบ
สมบรู ณ์ได้ตาม
สง่ งาน ใหเ้ สรจ็ สมบูรณ์ หมายให้เสร็จ หมายให้เสรจ็ กำหนดได้ และ
สง่ งานไมไ่ ดต้ าม
ตามท่ีได้รบั และมคี วาม สมบูรณ์ได้ตาม สมบูรณไ์ ด้ตาม เวลา ท่กี ำหนด
อย่เู ปน็ ประจำ
หมอบ เรยี บรอ้ ยได้ กำหนด และส่ง กำหนด และสง่

หมายได้ ตามทก่ี ำหนด งานไดต้ ามเวลา งานได้ตามเวลา

ตาม และสง่ งานได้ ทกี่ ำหนดอยู่ ทก่ี ำหนดอยู่

กำหนด ตามเวลา ท่ี เป็นประจำ บ่อยคร้ัง

กำหนดอยูเ่ ปน็

ประจำ

เกณฑก์ ารตัดสิน

คะแนน 4 ระดับคณุ ภาพ 4 หมายถึง ดมี าก

คะแนน 3 ระดับคุณภาพ 3 หมายถงึ ดี

คะแนน 2 ระดบั คุณภาพ 2 หมายถงึ พอใช้

คะแนน 1 ระดบั คณุ ภาพ 1 หมายถึง ปรับปรุง

การผ่านเกณฑ์ ระดบั คุณภาพ พอใช้ ขนึ้ ไปผา่ นเกณฑ์

228

แบบประเมินสมรรถนะทักษะการคิด

รายการประเมนิ 1. ีมความสามารถใน ระดบั ผลการ
เลขที่ การ ิคด ิวเคราะห์คณุ ภาพ ประเมนิ

ช่อื - สกุล 2. ัตด ิสนใจแ ้กปัญหา
เ ี่กยว ักบตนเองไ ้ด

3. ความสามารถในการ
สร้างอง ์คความ ู้ร
รวมคะแนนที่ไ ้ด

ผ่าน
ไ ่มผ่าน
3 3 39

การผ่านเกณฑ์ ระดับคุณภาพ พอใช้ ข้นึ ไปผ่านเกณฑ์

สรปุ ผลการประเมิน ผา่ น...........................คน ไม่ผ่าน...........................คน

ลงช่อื ...................................................ผูป้ ระเมนิ
(นางสาวสุชาดา วงษ์แดง)

229

เกณฑก์ ารประเมนิ สมรรถนะทักษะในการคดิ

ประเดน็ การ น้ำหนัก ระดบั คณุ ภาพ
ประเมนิ
ด(ี 3) พอใช้ (2) ปรับปรุง (1)

1. มีความสามารถ 1 เขา้ ใจและแสดงความ เขา้ ใจและแสดงความ เข้าใจและแสดงความ
ในการคิดวเิ คราะห์
คดิ เหน็ เกี่ยวกับทเ่ี รียน คิดเห็นเก่ียวกับท่ีเรียน คิดเหน็ เกยี่ วกับท่ี
และสะทอ้ นความรู้
ความคิด ความรสู้ ึกได้ ดี และสะท้อนความรู้ เรียน และสะท้อน

มาก ความคิด ความรูส้ กึ ได้ ความร้คู วามคิด

ปานกลาง ความรสู้ กึ ไดน้ ้อย

2. ตัดสนิ ใจ 1 สามารถตง้ั คำถามและ สามารถต้งั คำถามและ ไม่สามารถต้ังคำถาม

แก้ปัญหาเกีย่ วกบั ตอบคำถามเก่ียวกบั เร่ือง ตอบคำถามเกี่ยวกบั และตอบคำถาม

ตนเองได้ ทีเ่ รยี นได้อย่างถูกต้อง เรือ่ งท่เี รยี นไดอ้ ยา่ ง เกี่ยวกับเร่ืองทีเ่ รียน

คล่องแคล้ว แม่นยำ ถกู ตอ้ ง ได้เลย

3. ความสามารถ 1 มกี ารคน้ ควา้ ข้อมลู และ มีการค้นควา้ ขอ้ มลู ไมม่ ีการค้นควา้ ขอ้ มลู
ในการสร้างองค์
ศึกษาหาความรู้จากแหล่ง และศกึ ษาหาความรู้ และศกึ ษาหาความรู้
ความรู้
เรียนร้อู ื่นเพ่มิ เติมทกุ ครง้ั จากแหล่งเรยี นรู้อน่ื จากแหล่งเรยี นร้อู ื่น

เพิม่ เตมิ บางครง้ั เพม่ิ เตมิ เลย

เกณฑ์การประเมนิ ดี
ชว่ งคะแนน 8-9 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ 3 หมายถึง พอใช้
ชว่ งคะแนน 5-7 คะแนน ระดับคณุ ภาพ 2 หมายถงึ ปรับปรุง
ชว่ งคะแนน 3-4 คะแนน ระดบั คุณภาพ 1 หมายถงึ

เกณฑก์ ารผา่ น นกั เรยี นได้ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ขน้ึ ไปถอื ว่าผ่านเกณฑ์



231

แผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ 2.1

เร่ือง บรรยากาศของเรา รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว21102 เวลา 3 คาบ

หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2 ชอ่ื หน่วยการเรยี นรู้ กระบวนการเปลยี่ นแปลงลมฟา้ อากาศ รวม 27 คาบ

กล่มุ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 ภาคเรียนท่ี 2

สาระที่ 2 ชื่อสาระ วิทยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว 3.2

ชอื่ ผู้สอน นางสาวสชุ าดา วงษ์แดง โรงเรียนวัดตะวนั เรือง

1. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด
บรรยากาศที่ห่อหุ้มโลกเรานั้นมีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาตั้งแต่เริ่มกำเนิดโลกจนกระท่ังปัจจุบัน

บรรยากาศสง่ ผลต่อการดำรงชวี ิตของมนษุ ย์และสง่ิ แวดลอ้ ม บรรยากาศมสี มบัติและองค์ประกอบแตกต่างกัน
ไปตามระดับความสูงจากผิวโลก นักวิทยาศาสตร์ใช้เกณฑ์การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิตามความสูง แบ่ง
บรรยากาศเปน็ 5 ช้นั ได้แก่ ชัน้ โทรโพสเฟยี รช์ ้นั สตราโตสเฟยี ร์ชน้ั มีโซสเฟียรช์ ้ันเทอร์โมสเฟยี ร์และช้ันเอกโซส
เฟียร์ด้วยสมบัติและองค์ประกอบ ทำให้บรรยากาศแต่ละชั้นเกิดปรากฏการณ์และส่งผลต่อมนุษย์และ
สิ่งแวดล้อมแตกต่างกันมนุษย์ดำรงชีวิตอยู่ภายใตบ้ รรยากาศชั้นโทรโพสเฟยี ร์ซึง่ เกิดสภาพลมฟ้าอากาศต่างๆ
เช่น ลม เมฆ ฝน ฟ้าแลบ ฟา้ ร้ององคป์ ระกอบของลมฟ้าอากาศ

2. ตัวช้ีวดั /จุดประสงค์การเรียนรู้

2.1 ตวั ช้วี ดั
- ม.1/1 สร้างแบบจำลองท่ีอธิบายการแบง่ ชั้นบรรยากาศและเปรียบเทยี บประโยชนข์ อง

บรรยากาศแต่ละชั้น

2.2 จุดประสงค์การเรยี นรู้
- นกั เรยี นสามารถอธิบายช้ันบรรยากาศของโลกได้ (K)
- นกั เรียนสามารถวาดภาพ เร่อื ง ช้นั บรรยากาศได้ (P)
- นกั เรียนตัง้ ใจเรยี นและมุ่งมั่นในการทำงานได้ (A)

3. สาระการเรยี นรู้
ช้นั บรรยากาศคือสว่ นท่ีปกคลุมผวิ โลก โดยมีหนา้ ท่ีเปรียบเสมือนเกราะปอ้ งกันรงั สที ่ีเปน็ อันตรายจาก

ดวงอาทิตยแ์ ละวัตถุต่างๆ ในอวกาศ ซง่ึ ภายในชนั้ บรรยากาศจะประกอบไปดว้ ย ไอน้ำ ความร้อน อากาศ ซ่ึง
สว่ นใหญ่เป็นแก๊สไนโตรเจน 78% แกส๊ ออกซิเจน 21% แกส๊ อาร์กอน 0.93% แกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์ 0.03%
และแกส๊ อนื่ ๆ 0.04 ชน้ั บรรยากาศโลกถูแบ่งออกเป็น 5 ช้นั ดงั นี้

1. โทรโพสเฟียร์ (Troposphere) เป็นชั้นบรรยากาศชั้นล่างสุด ห่างจากพื้นดินขึ้นไปประมาณ
10 กิโลเมตร หรือ 33,000 ฟุต เป็นชั้นที่มีมนษุ ยอ์ าศัยอยู่ มีลักษณะเด่นคือ อุณหภูมิมีการเปลีย่ นแปลงตาม
ความสงู โดยอุณหภูมิจะลดลงตามระดบั ความสูงทเี่ พม่ิ ข้นึ ดังน้นั ยิ่งสงู ขึ้น อุณหภมู จิ ะยิ่งลดต่ำลงในอัตรา 6.5 ํ
C ต่อ 1 กิโลเมตร จนกระทั่งความสูงประมาณ 12 กิโลเมตร อุณหภูมิจะคงที่ประมาณ -60 ํC นอกจากนี้ชั้น
โทรโพสเฟียร์ยงั มีไอน้ำมาก ทำใหม้ ีสภาพอากาศรนุ แรงและแปรปรวน มีเมฆมาก เกิดพายุ และฝนบ่อยคร้งั

2. สตราโทสเฟียร์ (Stratosphere) เป็นชั้นถัดจากโทรโพสเฟียร์ มีความสูงประมาณ 50 กิโลเมตร
จากพื้นดิน มอี ากาศเบาบาง ไม่มีเมฆและพายุ มเี พยี งความชน้ื และผงฝ่นุ มปี ริมาณความเขม้ ขน้ ของโอโซนมาก

232

โอโซนจะชว่ ยดดู กลนื รังสี UV จากดวงอาทิตย์ ไม่ใหส้ ่องมายงั พืน้ ผิวโลกมากเกนิ ไป นอกจากนเ้ี ครอื่ งบนิ เจ็ตยัง
นิยมบินชว่ งรอยตอ่ ระหว่างชน้ั โทรโพสเฟียร์และสตราโทสเฟียร์ เนื่องจากสภาพอากาศน่ิงสงบ

3. มีโซสเฟียร์ (Mesosphere) อยู่สูงจากพื้นดินประมาณ 85 กิโลเมตร อุกกาบาตที่พุ่งเข้าสู่ช้ัน
บรรยากาศของโลกส่วนใหญ่จะถูกเผาไหม้ในช้ันนี้ ขณะที่อุณหภูมิจะลดลงตามความสูง ยิ่งสูงขึ้นจะย่ิงหนาว
และหนาวที่สุดประมาณ -90 ํC โดยพบบริเวณช่วงบนของบรรยากาศชั้นนี้ นอกจากนั้นยังมีอากาศทีเ่ บาบาง
มากอกี ด้วย

4. เทอร์โมสเฟียร์ (Thermosphere) อยู่ถัดจากชั้นมีโซสเฟียร์ขึ้นไป มีความสูงจากพื้นดินประมาณ
85-500 กิโลเมตร อุณหภูมิในชั้นนี้จะสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จนถึงระดับ 100 กิโลเมตร เนื่องจากอยู่ใกล้ดวง
อาทิตยม์ ากกว่า 3 ชน้ั แรก และจากนัน้ อตั ราการเพมิ่ ขนึ้ ของอณุ หภูมจิ ะลดลง โดยอณุ หภมู ิในชั้นบนของเทอร์
โมสเฟยี ร์ (Upper Thermosphere) จะอยทู่ ี่ 500-2,000 Cํ อากาศในช้ันนีม้ แี ก๊สชนดิ ต่าง ๆ ทเี่ ป็นประจไุ ฟฟา้
เรยี กวา่ ไอออน ซง่ึ สามารถสะท้อนคลื่นวิทยบุ างชนิด มปี ระโยชน์ในการส่ือสาร และกรองรงั สีตา่ ง ๆ ท่ีมาจาก
นอกโลกได้ เชน่ รังสีเอกซ์ รงั สี UV นอกจากน้ดี าวเทียมจำนวนมากยังโคจรรอบโลกอยใู่ นช้ันน้ดี ้วย

5. เอกโซสเฟียร์ (Exosphere)เป็นชั้นบรรยากาศที่อยู่สูงจากผิวโลกตั้งแต่ 500 กิโลเมตรขึ้นไป ไม่มี
ขอบเขตชัดเจนระหวา่ งบรรยากาศและอวกาศ องคป์ ระกอบส่วนใหญ่เป็นแก๊สไฮโดรเจนและฮเี ลียม

4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน
4.1 ความสามารถในการคิด

5. คุณลักษณะที่พึงประสงค์
5.1 มุ่งมัน่ ในการทำงาน
5.2 มีวนิ ัย
5.3 ใฝเ่ รยี นรู้

6. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสบื เสาะหาความรู้ (5E)
ขนั้ ท่ี 1 กระตุน้ ความสนใจ (Engagement)
1) ครูนาํ นักเรยี นเขา้ ส่หู นว่ ยที่ 6 เกยี่ วกบั เร่ืองกระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟา้ อากาศโดยอาจ

ตัง้ ประเด็นใหน้ กั เรยี นรว่ มกันยกตัวอยา่ งและอภิปราย โดยใชส้ ื่อการเรยี นรู้ PowerPoint เรื่อง บรรยากาศของ
เรา ดังนี้

1.1 จากข้อมูลข่าวสาร หรือประสบการณ์ตรงของนักเรียนพบข้อมูลเกี่ยวกับ
สถานการณ์ทางธรรมชาติเก่ียวกับลมฟ้าอากาศท่ีผดิ ปกติอย่างไรบ้าง (แนวการตอบ นักเรียนตอบได้โดยอิสระ
เช่น อากาศรอ้ นจัดพายฤุ ดูรอ้ น ลกู เหบ็ ตก)

1.2 สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินอย่างไรบ้าง (แนวการ
ตอบนกั เรียนตอบไดโ้ ดยอิสระเชน่ หลงั คาบ้านปลวิ รถยนตเ์ สยี หาย ความเจบ็ ปว่ ยหรอื ไดร้ ับบาดเจบ็ )

2) ครูเชือ่ มโยงเข้าสูก่ ารเรียนในหน่วยการเรียนรู้ที่ 6 น้ีวา่ สถานการณท์ างธรรมชาติท่ีผิดปกติ
หลาย ๆสถานการณ์มีสาเหตุหลักมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพลมฟ้าอากาศ ซึ่งเป็นผลมาจากสาเหตุทาง
ธรรมชาติและมนุษย์ นักเรียนจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับกระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟ้าอากาศและผลกระทบต่อ
มนษุ ยแ์ ละสง่ิ แวดลอ้ มในหน่วยการเรยี นรนู้ ี้

3) ครใู ห้นกั เรียนสังเกตภาพเก่ียวกบั ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติทม่ี ีผลต่อมนษุ ย์และสิ่งมีชีวิต
โดยครูถามว่า จากภาพดังกล่าวนี้นักเรียนคิดว่าเกิดขึ้นจากอะไร โดยครูให้นักเรียนเขียนลงในสมุดแต่ครูไม่
เฉลยคำตอบ

233

ท่มี า : https://sites.google.com/site/social058/bth-thi-2/hawkhx-yxy-2-1

4) ให้นักเรยี นอา่ นเน้อื หาและภาพนําบทที่ 1 ลมฟ้าอากาศรอบตวั และอภปิ รายร่วมกัน โดย
ใช้คําถามต่อไปนี้

4.1 ปัจจัยใดบ้างส่งผลให้เกิดสภาพลมฟ้าอากาศในพื้นที่นั้น ๆ (แนวการตอบ
องคป์ ระกอบของลมฟ้าอากาศเปลย่ี นแปลง สภาพลมฟ้าอากาศเปลีย่ นแปลง)

4.2 องค์ประกอบของลมฟ้าอากาศมีอะไรบ้าง (แนวการตอบ อุณหภูมิความชื้น
ความกดอากาศลม เมฆ และหยาดน้ำฟา้ )

5) ครูใหน้ กั เรยี นทำแบบฝกึ ทบทวนความร้กู อ่ นเรียนจากหนังสอื เรียนสสวท.
ขัน้ ท่ี 2 ขน้ั สำรวจและคน้ หา (Exploration)

1) ครูให้นกั เรียนนัง่ เปน็ กลมุ่ ตามทีไ่ ดจ้ ัดไว้ โดยจะมสี มาชิกกลมุ่ อยู่ประมาณ 4- 5 คนต่อกลุ่ม
เพื่อจะได้ดำเนินกิจกรรมวาดภาพ เรื่อง ชั้นบรรยากาศ ซึ่งครูจะต้องสัง่ ให้นักเรียนเตรียมอุปกรณ์มาก่อนการ
เรยี นในคาบนี้ ไดแ้ ก่ สี ดินสอ กระดาษรอ้ ยปอนด์ ขนาด A4 เป็นตน้

2) ครูให้นักเรียนศึกษาชั้นบรรยากาศจากสื่อต่างๆ ทั้งในหนังสือเรียนหรือสื่ออินเทอร์เน็ต
จากนั้นให้นกั เรียนวาดภาพชัน้ บรรยากาศโลกของเรา พร้อมเขียนอธบิ าย ระบายสีใหส้ วยงาม

3) เมือ่ นักเรยี นดำเนินกิจกรรมเรียบร้อยแลว้ ครใู หน้ กั เรียนแลกเปลย่ี นเรยี นรกู้ นั ระหวา่ งกล่มุ
4) ครพู ยายามเดนิ ตรวจดนู ักเรยี นทกุ ๆกลุ่มขณะทำกิจกรรมเพือ่ ให้กิจกรรมนน้ั ดำเนินไปด้วย
ความเรียบร้อยและเพ่ือใหง้ านนัน้ เสร็จทนั เวลา เพื่อให้ข้อแนะนําหากเกิดข้อผิดพลาดหรือไมค่ รบถว้ นในการ
บันทกึ ผลรวมทั้งนาํ ขอ้ มูลท่คี วรจะปรบั ปรุงและแกไ้ ขมาใช้ประกอบการอภปิ รายหลงั ทำกิจกรรม
ข้นั ที่ 3 ข้นั อธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation)
1) ครูให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายและสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า โลกของเรามี
บรรยากาศห่อหุ้ม บรรยากาศที่ห่อหุ้มโลกมีสมบัติและองค์ประกอบแตกต่างกันไปตามความสูงจากพื้นโลก
นักวิทยาศาสตร์ใช้เกณฑ์ต่าง ๆ ในการแบ่งชั้นบรรยากาศของโลก โดยทั่วไปนักวิทยาศาสตร์ใช้การ
เปลย่ี นแปลงอุณหภูมิตามความสงู ในการแบ่งชนั้ บรรยากาศ ไดแ้ ก่ ชน้ั โทรโพสเฟียร์สตราโตสเฟียร์มีโซสเฟียร์
เทอร์โมสเฟียร์และเอกโซสเฟยี ร์บรรยากาศแต่ละช้ันมีประโยชน์ต่อมนษุ ย์และส่ิงแวดลอ้ มในดา้ นต่างๆเชน่ เกิด
ฝน ปอ้ งกันรงั สอี ลั ตราไวโอเลตเผาไหม้อุกกาบาตสะทอ้ นคลื่นวิทยุ บรรยากาศของโลกจงึ มีความเหมาะสมและ
เออื้ ตอ่ การดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวติ
2) ครูอธิบายต่อว่า ชั้นบรรยากาศคือส่วนที่ปกคลุมผิวโลก โดยมีหน้าที่เปรียบเสมือนเกราะ
ปอ้ งกนั รังสที ี่เป็นอนั ตรายจากดวงอาทิตย์และวตั ถุต่างๆ ในอวกาศ ซง่ึ ภายในชน้ั บรรยากาศจะประกอบไปด้วย
ไอน้ำ ความร้อน อากาศ ซึ่งสว่ นใหญ่เปน็ แกส๊ ไนโตรเจน 78% แก๊สออกซเิ จน 21% แก๊สอาร์กอน 0.93% แก๊ส
คารบ์ อนไดออกไซด์ 0.03% และแก๊สอืน่ ๆ 0.04

234
3) ครนู ำรูปช้ันบรรยากาศของโลกให้นกั เรียนสงั เกตและสรุปเพ่ือความเข้าใจตรงกัน

ที่มา : https://www.trueplookpanya.com/knowledge/content/66583/-blo-sciear-sci-
ขัน้ ท่ี 4 ข้นั ขยายความรู้ (Elaboration)

1) ครูให้นักเรียนดสู ื่อออนไลน์เพม่ิ เตมิ เก่ียวกบั บรรยากาศของเรา เพ่อื เปน็ การทบทวนและ
สร้างความเขา้ ใจมากย่งิ ขึน้

ที่มา : https://www.youtube.com/watch?v=JF0rAxMRVfM
2) ครูเปิดโอกาสใหน้ ักเรยี นนัน้ ได้ถามคำถาม โดยแตล่ ะกลมุ่ ใหต้ ัง้ คำถามเกย่ี วกับเร่ืองท่ีเรียน
ไปอยา่ งน้อย 1 คำถามต่อ 1 กล่มุ
3) ครแู นะนำแหล่งเรียนรเู้ พมิ่ เตมิ ทางอินเทอรเ์ น็ต

235

ขั้นที่ 5 ขน้ั ประเมนิ (Evaluation)
1) ครูประเมนิ จากภาพวาด เร่ือง ช้นั บรรยากาศ
2) การตอบคำถามในชั้นเรียน

7. การวัดและประเมนิ ผล

การวัดและประเมินผลดา้ น วิธกี ารวดั เคร่ืองมอื วดั เกณฑ์การผา่ น
ระดบั คุณภาพ
1 ดา้ นความรู้ พอใช้ ขน้ึ ไป

1. นกั เรียนสามารถอธบิ าย - การตอบคำถามนักเรียนในชั้นเรยี น - แบบประเมินการตอบคำถาม ระดบั คณุ ภาพ
พอใช้ ขน้ึ ไป
ชั้นบรรยากาศของโลกได้
ระดับคุณภาพ
2. ด้านกระบวนการ - ตรวจภาพวาด เรื่อง ชัน้ บรรยากาศ - แบบประเมินการทำงาน พอใช้ ข้ึนไป
รายบคุ คล
1. นักเรียนสามารถวาดภาพ
เรื่อง ช้ันบรรยากาศได้

3. ด้านคณุ ลกั ษณะท่ีพึง

ประสงค์ - การสงั เกตพฤตกิ รรมนักเรยี น - แบบประเมนิ การสงั เกต
1. นกั เรียนต้ังใจเรยี นและ

มงุ่ มั่นในการทำงานได้

8. สอ่ื และแหล่งเรยี นรู้

8.1 ส่อื การสอน
- ส่อื การเรยี นรู้ PowerPoint เรื่อง บรรยากาศของเรา

8.2 แหลง่ เรียนรู้
- กจิ กรรมภาพวาด เรอื่ ง ช้ันบรรยากาศ
- สื่อออนไลน์
- หนงั สือเรยี นวทิ ยาศาสตร์พนื้ ฐาน ม.1

236

บนั ทกึ ผลการจดั การการเรียนรู้ท่ี 2.1

ผลการจดั การเรยี นรู้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ปญั หาและอปุ สรรค
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
แนวทางแกไ้ ข / แนวทางการพฒั นา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ลงชื่อ....................................................ครูผู้สอน
(นางสาวสุชาดา วงษ์แดง)

ความเหน็ ของผู้นเิ ทศ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ลงช่ือ...............................................ผู้นเิ ทศ
(........................................................)

แบบประเมินความรู้ (K) 237
เร่อื ง บรรยากาศของเรา
รายการประเมนิ ระดบั ผลการ
คณุ ภาพ ประเมิน
44 8
เลขท่ี 1. การตอบ
ชอื่ - สกุล คำถาม
2. เนื้อหา

รวมคะแนนที่ไ ้ด
ผ่าน
ไ ่มผ่าน

การผา่ นเกณฑ์ ระดบั คุณภาพ พอใช้ ขึน้ ไปผา่ นเกณฑ์

สรุปผลการประเมิน ผา่ น...........................คน ไม่ผ่าน...........................คน

ลงช่ือ...................................................ผปู้ ระเมนิ
(นางสาวสุชาดา วงษ์แดง)

238

เกณฑก์ ารประเมินความรู้ (K)

รายการประเมนิ น้ำหนัก ดีมาก (4) ระดับคณุ ภาพ ปรับปรงุ (1)
ดี (3) พอใช้ (2)

1. การตอบคำถาม 1 นกั เรียนตอบ นกั เรียนตอบ นกั เรยี นตอบ นกั เรียนตอบ

คำถามได้อย่าง คำถามได้อย่าง คำถามไดก้ ระชบั คำถามไม่ได้

กระชบั และจบั กระชบั และจับ จับใจความสำคัญ กระชบั ไม่สามารถ

ใจความสำคญั ได้ ใจความสำคญั ได้ ได้ ตอบคำถาม จับใจความสำคญั

เปน็ อย่างดี ไมส่ ัน้ พอสมควร แตย่ งั สัน้ หรอื ยาวมาก ได้ ตอบคำถามสน้ั

หรือยาวมาก ไม่สมบรู ณ์ จนเกินไป หรือยาวมาก

จนเกนิ ไป จนเกินไป

2. เน้ือหา 1 เนื้อหาของ เน้ือหาของ เนื้อหาของ เน้ือหาของคำตอบ

คำตอบมีความ คำตอบมีความ คำตอบถกู ต้อง ไมถ่ ูกต้อง ไม่

ถูกต้องมากท่ีสดุ ถกู ต้อง ครบถ้วน ไมค่ รบถ้วน ครบถว้ น สมบูรณ์

ครบถว้ น สมบูรณ์ สมบรู ณ์ บางส่วน สมบูรณ์

เกณฑก์ ารตัดสิน

ช่วงคะแนน 7 – 8 คะแนน ระดับคณุ ภาพ 4 หมายถึง ดมี าก

ชว่ งคะแนน 5 – 6 คะแนน ระดบั คุณภาพ 3 หมายถงึ ดี

ชว่ งคะแนน 3 – 4 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ 2 หมายถึง พอใช้

ชว่ งคะแนน 1 - 2 คะแนน ระดับคณุ ภาพ 1 หมายถงึ ปรบั ปรงุ

การผ่านเกณฑ์ ระดับคุณภาพ พอใช้ ขึ้นไปผ่านเกณฑ์

แบบประเมินทักษะกระบวนการ (P) 239
กจิ กรรมภาพวาด เรื่อง ชนั้ บรรยากาศ
ระดับ ผลการ
รายการประเมิน คณุ ภาพ ประเมิน
1. แหล่งข้อ ูมลที่
เลขที่ นำมา
ช่ือ - สกุล
2. การ ัจดกระทำ
้ขอ ูมล

3. การนำเสนอข้อ ูมล
รวมคะแนนที่ไ ้ด

่ผาน
ไ ่ม ่ผาน
4 4 4 12

การผ่านเกณฑ์ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ขึน้ ไปผ่านเกณฑ์

สรปุ ผลการประเมนิ ผา่ น...........................คน ไมผ่ า่ น...........................คน

ลงชือ่ ...................................................ผูป้ ระเมนิ
(นางสาวสุชาดา วงษแ์ ดง)

240

เกณฑ์การประเมนิ ทักษะกระบวนการ (P)
ทักษะสอื่ ความหมายข้อมูล

รายการประเมิน น้ำหนัก ดีมาก (4) ระดบั คณุ ภาพ ปรับปรงุ (1)
ดี (3) พอใช้ (2)
นำขอ้ มูลมาจาก
1. แหล่งข้อมูลที่ 1 นำขอ้ มูลมาจากหลาย นำขอ้ มลู มาจากหลาย นำขอ้ มูลมาจากนอ้ ย นอ้ ยแหลง่ และ
นำมา นำมาน้อยรายการ
แหล่ง เช่น จากการ แหลง่ เชน่ จากการ แหลง่ และนำมาแหล่ง
2. การจดั กระทำ จดั กระทำข้อมลู
ข้อมูล สงั เกต การวดั การ สังเกต การวดั การ ละหลายรายการ ใหม่ โดยการ
เรยี งลำดับ แยก
ทดลอง และอ่นื ๆ ทดลอง และอ่นื ๆ แต่ ประเภท หรอื
คำนวณหาค่าใหม่
และนำมาแหลง่ ละ นำมาแหล่งละน้อย เพอ่ื ใหเ้ ข้าใจงา่ ยขน้ึ
ไมช่ ัดเจน และไม่
หลายรายการ รายการ ตรงประเด็น
อธบิ ายเหตุผลใน
1 จัดกระทำข้อมลู ใหม่ จัดกระทำข้อมลู ใหม่ จดั กระทำข้อมูลใหม่ การเลอื กการ
นำเสนอไม่อยา่ ง
โดยการเรียงลำดบั โดยการเรยี งลำดบั โดยการเรียงลำดบั ชัดเจน และไมต่ รง
ประเด็น
แยกประเภท หรอื แยกประเภท หรอื แยกประเภท หรอื

คำนวณหาค่าใหม่ คำนวณหาค่าใหม่ คำนวณหาค่าใหม่

เพ่อื ให้เขา้ ใจง่ายขึน้ เพือ่ ใหเ้ ข้าใจง่ายขึน้ เพ่อื ให้เข้าใจงา่ ยขึน้

ชัดเจน และตรง ชดั เจน และตรง ชัดเจน และตรง

ประเด็นทุกครั้ง ประเดน็ บ่อยครง้ั ประเดน็ บางครงั้

3. การนำเสนอ 1 อธิบายเหตผุ ลในการ อธิบายเหตผุ ลในการ อธิบายเหตุผลในการ
ข้อมลู
เลอื กการนำเสนอได้ เลือกการนำเสนอได้ เลือกการนำเสนอได้

อยา่ งชดั เจน และตรง อย่างชัดเจน และตรง ชัดเจน และตรง

ประเด็นทกุ ครง้ั ประเดน็ บอ่ ยครงั้ ประเดน็ บางครง้ั

เกณฑ์การตัดสิน 11-12 คะแนน ระดับคณุ ภาพ 4 หมายถงึ ดีมาก
ช่วงคะแนน หมายถงึ ดี
8-10 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ 3 หมายถึง พอใช้
ชว่ งคะแนน 5-7 คะแนนระดับคุณภาพ 2 หมายถึง ปรับปรงุ
ช่วงคะแนน 3-4 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ 1
ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ขน้ึ ไปผ่านเกณฑ์
ชว่ งคะแนน
การผา่ นเกณฑ์

241

แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)

เลขท่ี รายการประเมนิ

1.มวี ินยั และส่งงาน รวม ระดับ ผลการ
ท่ีได้รับมอบหมาย คะแนน คุณภาพ ประเมนิ
ที่ได้

ช่ือ - สกุล 4321 ผ่าน
ไ ่มผ่าน

การผา่ นเกณฑ์ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ข้นึ ไปผา่ นเกณฑ์

สรุปผลการประเมิน ผา่ น...........................คน ไมผ่ า่ น...........................คน

ลงช่ือ...................................................ผ้ปู ระเมิน
(นางสาวสุชาดา วงษแ์ ดง)

242

เกณฑป์ ระเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A)
นกั เรียนมวี นิ ัยและสง่ งานตามที่ได้รับหมอบหมายได้ตามกำหนด

รายการ นำ้ หนัก ดมี าก (4) ระดับคุณภาพ ปรบั ปรงุ (1)
ประเมิน ดี (3) พอใช(้ 2)
ไมป่ ฏบิ ตั งิ านที่
1. นักเรยี น 1 ปฏบิ ัตงิ านท่ี ปฏิบตั งิ านที่ ปฏิบัตงิ านท่ี ได้รบั มอบ
หมายใหเ้ สรจ็
มีวินยั และ ได้รบั มอบหมาย ไดร้ ับมอบ ไดร้ ับมอบ
สมบรู ณ์ได้ตาม
สง่ งาน ใหเ้ สรจ็ สมบูรณ์ หมายให้เสร็จ หมายให้เสรจ็ กำหนดได้ และ
สง่ งานไมไ่ ดต้ าม
ตามท่ีได้รบั และมคี วาม สมบูรณ์ได้ตาม สมบูรณไ์ ด้ตาม เวลา ท่กี ำหนด
อย่เู ปน็ ประจำ
หมอบ เรยี บรอ้ ยได้ กำหนด และส่ง กำหนด และสง่

หมายได้ ตามทก่ี ำหนด งานไดต้ ามเวลา งานได้ตามเวลา

ตาม และสง่ งานได้ ทกี่ ำหนดอยู่ ทก่ี ำหนดอยู่

กำหนด ตามเวลา ท่ี เป็นประจำ บ่อยคร้ัง

กำหนดอยูเ่ ปน็

ประจำ

เกณฑก์ ารตัดสิน

คะแนน 4 ระดับคณุ ภาพ 4 หมายถึง ดมี าก

คะแนน 3 ระดับคุณภาพ 3 หมายถงึ ดี

คะแนน 2 ระดบั คุณภาพ 2 หมายถงึ พอใช้

คะแนน 1 ระดบั คณุ ภาพ 1 หมายถึง ปรับปรุง

การผ่านเกณฑ์ ระดบั คุณภาพ พอใช้ ขนึ้ ไปผา่ นเกณฑ์

243

แบบประเมินสมรรถนะทักษะการคิด

รายการประเมนิ 1. ีมความสามารถใน ระดบั ผลการ
เลขที่ การ ิคด ิวเคราะห์คณุ ภาพ ประเมนิ

ช่อื - สกุล 2. ัตด ิสนใจแ ้กปัญหา
เ ี่กยว ักบตนเองไ ้ด

3. ความสามารถในการ
สร้างอง ์คความ ู้ร
รวมคะแนนที่ไ ้ด

ผ่าน
ไ ่มผ่าน
3 3 39

การผ่านเกณฑ์ ระดับคุณภาพ พอใช้ ข้นึ ไปผ่านเกณฑ์

สรปุ ผลการประเมิน ผา่ น...........................คน ไม่ผ่าน...........................คน

ลงช่อื ...................................................ผูป้ ระเมนิ
(นางสาวสุชาดา วงษ์แดง)

244

เกณฑก์ ารประเมนิ สมรรถนะทักษะในการคดิ

ประเดน็ การ น้ำหนัก ระดบั คณุ ภาพ
ประเมนิ
ด(ี 3) พอใช้ (2) ปรับปรุง (1)
1. มีความสามารถ
ในการคิดวเิ คราะห์ 1 เขา้ ใจและแสดงความ เขา้ ใจและแสดงความ เข้าใจและแสดงความ
คดิ เหน็ เกี่ยวกับทเ่ี รียน
และสะทอ้ นความรู้ คิดเห็นเก่ียวกับท่ีเรียน คิดเหน็ เกยี่ วกับท่ี
ความคิด ความรสู้ ึกได้ ดี
และสะท้อนความรู้ เรียน และสะท้อน
มาก
ความคิด ความรูส้ กึ ได้ ความร้คู วามคิด

ปานกลาง ความรสู้ กึ ไดน้ ้อย

2. ตัดสนิ ใจ 1 สามารถตง้ั คำถามและ สามารถต้งั คำถามและ ไม่สามารถต้ังคำถาม

แก้ปัญหาเกีย่ วกบั ตอบคำถามเก่ียวกบั เร่ือง ตอบคำถามเกี่ยวกบั และตอบคำถาม

ตนเองได้ ทีเ่ รยี นได้อย่างถูกต้อง เรือ่ งท่เี รยี นไดอ้ ยา่ ง เกี่ยวกับเร่ืองทีเ่ รียน

คล่องแคล้ว แม่นยำ ถกู ตอ้ ง ได้เลย

3. ความสามารถ 1 มกี ารคน้ ควา้ ข้อมลู และ มีการค้นควา้ ขอ้ มลู ไมม่ ีการค้นควา้ ขอ้ มลู
ในการสร้างองค์
ความรู้ ศึกษาหาความรู้จากแหล่ง และศกึ ษาหาความรู้ และศกึ ษาหาความรู้

เรียนร้อู ื่นเพ่มิ เติมทกุ ครง้ั จากแหล่งเรยี นรู้อน่ื จากแหล่งเรยี นร้อู ื่น

เพิม่ เตมิ บางครง้ั เพม่ิ เตมิ เลย

เกณฑ์การประเมนิ ดี
ชว่ งคะแนน 8-9 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ 3 หมายถึง พอใช้
ปรับปรุง
ชว่ งคะแนน 5-7 คะแนน ระดับคณุ ภาพ 2 หมายถงึ
ชว่ งคะแนน 3-4 คะแนน ระดบั คุณภาพ 1 หมายถงึ
เกณฑก์ ารผา่ น นกั เรยี นได้ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ขน้ึ ไปถอื ว่าผ่านเกณฑ์

245

แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี 2.2

เรอ่ื ง อุณหภมู อิ ากาศ รายวชิ า วิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว21102 เวลา 2 คาบ

หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2 ชอ่ื หนว่ ยการเรยี นรู้ กระบวนการเปลย่ี นแปลงลมฟา้ อากาศ รวม 27 คาบ

กลุ่มสาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 1 ภาคเรยี นท่ี 2

สาระที่ 2 ช่ือสาระ วิทยาศาสตรก์ ายภาพ มาตรฐาน ว 3.2

ชือ่ ผูส้ อน นางสาวสุชาดา วงษแ์ ดง โรงเรียนวัดตะวนั เรือง

1. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด
อุณหภูมิอากาศ (Air temperature) เป็นปัจจัยพื้นฐานในการศึกษาสภาพอากาศ (weather)

เนื่องจากอุณหภูมิอากาศมีเปลี่ยนแปลงในแต่ละชว่ งเวลา เช่น ปี ฤดูกาล เดือน วัน หรือแม้กระท่ังรายช่วั โมง
นักอตุ นุ ยิ มวิทยาจงึ ศึกษาค่าเฉลีย่ ของอณุ หภมู อิ ากาศ ดังน้ี

- อุณหภูมิเฉลี่ยในแต่ละวัน (Daily mean temperature) ใช้ค่าอุณหภูมิสูงสุดและอุณหภูมิต่ำสุด
รวมกันหารสอง

- อณุ หภูมิเฉลยี่ ของเดือน (Monthly mean temperature) ใช้ค่าเฉลี่ยอุณหภมู ิของแต่ละวันรวมกัน
หารดว้ ยจำนวนวนั

- อุณหภูมิเฉลี่ยของปี (Yearly mean temperature) ใชค้ า่ เฉลย่ี อุณหภูมขิ องแต่ละเดือนรวมกันหาร
ด้วยสิบสอง

2. ตวั ชว้ี ดั /จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้

2.1 ตัวช้วี ัด
- ม.1/2 อธบิ ายปจั จัยทม่ี ีผลต่อการเปลีย่ นแปลง องค์ประกอบของลมฟา้ อากาศ จากข้อมูลท่ี

รวบรวมได้

2.2 จุดประสงค์การเรียนรู้
- นกั เรยี นสามารถอธิบายความสำคัญอุณหภูมอิ ากาศได้ (K)
- นักเรียนสามารปฏบิ ัตกิ จิ กรรมท่ี 6.2 อุณหภมู อิ ากาศเปลีย่ นแปลงอยา่ งไรได้ (P)
- นักเรยี นตงั้ ใจเรยี นและมุง่ ม่นั ในการทำงานได้ (A)

3. สาระการเรยี นรู้
อุณหภูมิอากาศมีการเปลี่ยนแปลงไปในรอบวัน เนื่องจากพื้นโลกได้รับพลังงานจากดวงอาทิตย์และ

ถ่ายโอนให้แก่อากาศเหนือบริเวณนั้น เมื่อโลกได้รับพลังงานจากดวงอาทิตย์ในช่วงเช้าทําให้อุณหภูมิอากาศ
ค่อย ๆ เพิ่มสูงขึน้ และสะสมพลังงานไปเรื่อย ๆ จนมีอุณหภูมิอากาศสูงสุดในช่วงบ่าย เมื่อดวงอาทิตย์คอ่ ย ๆ
ลับขอบฟ้า การส่งพลงั งานมายังโลกน้อยลง และพื้นโลกมกี ารถ่ายโอนความร้อนแกอ่ ากาศในปรมิ าณที่น้อยลง
จงึ ทําใหอ้ ุณหภูมอิ ากาศค่อย ๆลดตำ่ ลง สว่ นในเวลากลางคืนพืน้ โลกไมไ่ ด้รับพลังงานจากดวงอาทิตย์แต่พ้ืนดิน
ก็ยงั ถ่ายโอนความร้อนแก่อากาศเหนอื บริเวณนัน้ ทาํ ให้อณุ หภมู อิ ากาศในช่วงกลางคืนต่ำกว่ากลางวัน และมีค่า
ตำ่ สุดในช่วงเช้ามืด นอกจากนน้ั ยงั มปี จั จยั อนื่ ๆ ท่สี ่งผลตอ่ การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอากาศเช่น ลักษณะทาง
กายภาพของพืน้ ที่ระดับความสูงของพนื้ ที่ เปน็ ตน้

4. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น
4.1 ความสามารถในการคดิ

246

5. คุณลกั ษณะทพี่ ึงประสงค์
5.1 มุ่งม่ันในการทำงาน
5.2 มวี ินัย
5.3 ใฝเ่ รยี นรู้

6. การจดั กจิ กรรมการเรียนร้แู บบสบื เสาะหาความรู้ (5E)
ขั้นที่ 1 กระตนุ้ ความสนใจ (Engagement)
1) ครูทบทวนความรู้เดิมของนักเรียนเก่ียวกับองค์ประกอบของลมฟ้าอากาศท่ีทำให้สภาพลม

ฟ้าอากาศเปลี่ยนแปลงว่ามอี ะไรบ้าง (แนวการตอบ อณุ หภมู อิ ากาศ ความชืน้ อากาศความกดอากาศ ลม เมฆ
และฝน)

2) กระตุ้นความสนใจนักเรียนต่อการเรียนเกี่ยวกับองค์ประกอบของลมฟ้าอากาศ
องค์ประกอบแรก คอื อุณหภูมโิ ดยใชภ้ าพ วีดิทัศน์ หรอื เร่ืองราวที่นา่ สนใจเก่ียวกบั อณุ หภูมอิ ากาศจากสื่อการ
สอน Power Point เรอ่ื ง อุณหภมู ิอากาศ เช่น การถามคําถามวา่ ในรอบ 1 วนั อุณหภมู อิ ากาศมีคา่ แตกต่างกัน
ได้มากที่สุดเท่าใด

3) ให้นักเรียนดูภาพนําเร่ือง อ่านเนื้อหานำเรื่องและรู้จักคําสำคัญ โดยครูอาจจะใช้คําถาม
ดังนี้

3.1 จากสถิติโลกอุณหภูมิอากาศที่แตกต่างกันมากที่สุดในรอบวันมีค่าเท่าใด (แนว
การตอบ จากสถติ ิโลกพบว่าวันทอี่ ุณหภูมอิ ากาศ ในรอบวนั ทีม่ คี ่าแตกต่างกนั มากท่ีสดุ เกดิ ขน้ึ ในปี พ.ศ. 2459
ณ เมืองบราวนิ่งรัฐมอนทานา ประเทศสหรัฐอเมริกาโดยอุณหภูมิในรอบวันมีค่าแตกต่างกันถึง 56องศา
เซลเซียส ในวนั ดงั กล่าวอุณหภมู ิอากาศสงู สุด มคี า่ 7 องศาเซลเซยี สและอุณหภูมอิ ากาศต่ำสุดมีคา่ -49 องศา
เซลเซียส)

3.2 นักเรียนคิดว่าช่วงไหนของวันอุณหภูมิอากาศสูงสุดและต่ำสุด เพราะเหตุใด
(แนวการตอบ นักเรียนตอบไดโ้ ดยอิสระตามความคิดของตนเอง)

4) ครใู หน้ กั เรียนทำแบบฝึกทบทวนความรกู้ ่อนเรียนจากหนังสือเรยี นสสวท.
ขนั้ ที่ 2 ขนั้ สำรวจและคน้ หา (Exploration)

1) ครใู ห้นักเรียนน่ังเป็นกลมุ่ ตามท่ไี ดจ้ ดั ไว้ โดยจะมสี มาชิกกลมุ่ อย่ปู ระมาณ 4- 5 คนต่อกลุ่ม
เพอ่ื จะไดด้ ำเนินกิจกรรมที่ 6.2 อุณหภูมอิ ากาศเปลี่ยนแปลงอย่างไร โดยตงั้ คาํ ถามกระตุ้นความสนใจว่า จาก
สถิติโลกที่อุณหภูมิอากาศมีค่าแตกต่างกันมากที่สุดในรอบวนั ถึง 56 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นความผิดปกติของ
การเปล่ยี นแปลงอณุ หภูมิอากาศดงั น้ันในวนั ที่อณุ หภูมิอากาศมกี ารเปลี่ยนแปลงแบบปกติอณุ หภูมิอากาศจะมี
การเปลี่ยนแปลงอย่างไรและมีค่าแตกต่างกนั ประมาณเท่าใด โดยไม่ต้องอธิบายให้นักเรียนสืบค้นจากการทำ
กจิ กรรม

2) จากนั้นครูให้นักเรียนทำกิจกรรมตามแผนที่วางไว้ โดยให้นักเรียนปฏิบตั ิตามกิจกรรมใน
หนังสือเรียน โดยครูสังเกตและให้คำแนะนำเกี่ยวกับการตรวจวัดอุณหภูมิอากาศของนักเรียนรวมทั้งการนํา
ข้อมูลมาใช้ประกอบการอภปิ รายหลังกิจกรรม

3) เน้นให้นักเรียนเก็บข้อมูลลักษณะทางกายภาพของพ้ืนที่ที่นักเรียนเลือกศึกษา เช่น
ปริมาณแสงแดด ความชื้นแหล่งน้ำ ปริมาณต้นไม้การนาํ ข้อมูลที่ได้จากการตรวจวัดมาสร้างกราฟเส้นทีแ่ สดง
การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอากาศในช่วงเวลาต่าง ๆ ที่ตรวจวัดและเตรียมนําเสนอ โดยครูอาจแนะนําวิธีการ
สรา้ งกราฟให้แก่นกั เรียน

247

4) ครพู ยายามเดนิ ตรวจดนู กั เรยี นทุกๆกลุ่มขณะทำกิจกรรมเพอื่ ให้กจิ กรรมน้นั ดำเนินไปด้วย
ความเรียบร้อยและเพ่ือให้งานนัน้ เสร็จทนั เวลา เพื่อให้ข้อแนะนาํ หากเกิดขอ้ ผิดพลาดหรือไมค่ รบถ้วนในการ
บนั ทึกผลรวมท้ังนาํ ขอ้ มลู ทคี่ วรจะปรับปรงุ และแกไ้ ขมาใช้ประกอบการอภิปรายหลงั ทำกจิ กรรม

ขั้นท่ี 3 ข้ันอธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation)
1) ครูและนักเรยี นรว่ มกันอภิปรายประเดน็ ดงั ตอ่ ไปน้ี
1.1 กิจกรรมน้ีเก่ยี วกบั เรอ่ื งอะไร (แนวการตอบ การเปลีย่ นแปลงอณุ หภูมิอากาศใน

รอบวนั )
1.2 กิจกรรมนี้มีจุดประสงค์อะไร (แนวการตอบ ตรวจวัดอุณหภูมิอากาศและ

วิเคราะห์การเปลยี่ นแปลงอณุ หภมู ิอากาศในรอบวนั )
1.3 วิธีดำเนนิ กิจกรรมมีขั้นตอนโดยสรุปอย่างไร (แนวการตอบ อ่านวิธีการใช้เทอร์

มอมเิ ตอรแ์ ละเทอรม์ อมิเตอรร์ ปู ตัวยวู างแผนการตรวจวดั อณุ หภมู อิ ากาศ บันทึกลกั ษณะทางกายภาพของพ้ืนที่
ที่ตรวจวัดวัดและบันทึกอุณหภูมิอากาศตามแผนที่วางไว้นําข้อมูลมาเขียนกราฟเส้นแสดงการเปลี่ยนแปลง
อุณหภูมิอากาศในช่วงเวลาตา่ ง ๆ)

1.4 ข้อควรระวังในการทำกิจกรรมมีหรือไม่อย่างไร (แนวการตอบ การใช้เทอร์มอ
มเิ ตอรว์ ดั ค่าอุณหภูมอิ ากาศไม่ควรสัมผัสกระเปาะเทอร์มอมิเตอร์และไมค่ วรให้กระเปาะเทอร์มอมิเตอร์สัมผัส
แสงจากดวงอาทติ ยโ์ ดยตรง)

2) ครูใชค้ ำถามถามนกั เรยี น ดว้ ยคำถามดังต่อไปน้ี
2.1 อุณหภูมิอากาศสูงสุดและค่ำสุดของวัน เกิดขึ้นเมื่อเวลาใดตามลำดับ (แนว

คําตอบ อุณหภูมิอากาศสูงสุดเกิดขึ้นในช่วงเวลา 14.00-16:00 น. อุณหภูมิอากาศต่ำสุดเกิดขึ้นในช่วงเวลา
05:00-06:00 น.)

2.2 กราฟการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอากาศจากกิจกรรมที่ 6.2 เหมือนหรอื แตกตา่ ง
จากกราฟในภาพ 6.5 อย่างไร เพราะเหตุใด (แนวคำตอบ เหมือนกันคืออุณหภมู ิในช่วงเช้าจะต่ำและค่อย ๆ
สูงขึ้นในช่วงบ่าย แต่จากกิจกรรมไม่ได้วัดอุณหภูมิต่อไปจนถึงช่วงเย็นหรือช่วงค่ำถึงเช้ามืดจึงทําให้ไม่เห็น
แนวโนม้ อุณหภูมิท่ีตำ่ ลงในเวลากลางคนื )

2.3 ปัจจัยใดที่ส่งผลให้อุณหภูมิอากาศแต่ละพื้นที่มีการเปลี่ยนแปลงในรอบวัน
แตกต่างกัน (แนวคําตอบ พลังงานจากดวงอาทิตย์และลักษณะทางกายภาพของพื้นที่ เช่น ลักษณะอาคาร
สภาพกลางแจง้ หรือในรม่ ความใกลไ้ กลแหลง่ นำ้ )

2.4 เหตุใดอุณหภูมิอากาศในช่วงเวลากลางคืนจึงต่ำกว่าช่วงเวลากลางวัน (แนว
คำตอบ เพราะช่วงกลางคืนโลกไม่ได้รับรังสีจากดวงอาทิตย์และพื้นผิวโลกมีการถ่ายโอนความร้อนกลับสู่
บรรยากาศ)

2.5 ปริมาณเมฆ และลม ส่งผลอย่างไรต่ออุณหภูมิอากาศ (แนวคําตอบ ในพื้นที่
เดยี วกนั วันท่ีมปี รมิ าณเมฆมาก จะทาํ ให้แสงอาทิตย์สอ่ งลงมายงั พื้นโลกไดน้ ้อย ทำให้พนื้ โลกมีอุณหภูมิต่ำกว่า
วันที่ไม่มีเมฆ ส่วนลมจะพัดพาอากาศให้เคลื่อนที่ไป ถ้าลมพัดพาอากาศร้อนมาแทนที่จะทําให้พื้นที่นั้นมี
อณุ หภูมิอากาศสูงขนึ้ กว่าเดิม หากลมพัดพาอากาศท่ีมีอุณหภูมิต่ำมาแทนท่ีจะทำใหอ้ ุณหภูมอิ ากาศบริเวณนั้น
ลดตำ่ ลง)

2.6 มีปัจจัยใดอีกบ้างที่ส่งผลใหอ้ ณุ หภูมิอากาศแต่ละแหง่ มีค่าต่างกัน (แนวคำตอบ
ระดับความสูงจากระดบั ทะเล ลักษณะทางกายภาพของพ้ืนที่ ตำแหน่งท่ตี ้ังใกล้-ไกลจากแหล่งน้ำ)

2.7 จากแผนภาพอุณหภูมิอากาศสูงสุดในประเทศไทยส่วนใหญ่มีค่าเท่าใด (แนว
คําตอบ จากแผนภาพอณุ หภมู ิอากาศสูงสุดในประเทศไทยสว่ นใหญ่มคี ่า 28-30 องศาเซลเซียสครูให้นกั เรยี น
ร่วมกันอภิปรายและสรปุ สิ่งท่ไี ด้เรียนรู้เพ่ือใหไ้ ด้ขอ้ สรุปว่า โลกของเรามีบรรยากาศห่อหุ้ม บรรยากาศที่ห่อหุ้ม


Click to View FlipBook Version