348
เกณฑก์ ารประเมนิ สมรรถนะทักษะในการคดิ
ประเดน็ การ น้ำหนัก ระดบั คณุ ภาพ
ประเมนิ
ด(ี 3) พอใช้ (2) ปรับปรุง (1)
1. มีความสามารถ
ในการคิดวเิ คราะห์ 1 เขา้ ใจและแสดงความ เขา้ ใจและแสดงความ เข้าใจและแสดงความ
คดิ เหน็ เกี่ยวกับทเ่ี รียน
และสะทอ้ นความรู้ คิดเห็นเก่ียวกับท่ีเรียน คิดเหน็ เกยี่ วกับท่ี
ความคิด ความรสู้ ึกได้ ดี
และสะท้อนความรู้ เรียน และสะท้อน
มาก
ความคิด ความรูส้ กึ ได้ ความร้คู วามคิด
ปานกลาง ความรสู้ กึ ไดน้ ้อย
2. ตัดสนิ ใจ 1 สามารถตง้ั คำถามและ สามารถต้งั คำถามและ ไม่สามารถต้ังคำถาม
แก้ปัญหาเกีย่ วกบั ตอบคำถามเก่ียวกบั เร่ือง ตอบคำถามเกี่ยวกบั และตอบคำถาม
ตนเองได้ ทีเ่ รยี นได้อย่างถูกต้อง เรือ่ งท่เี รยี นไดอ้ ยา่ ง เกี่ยวกับเร่ืองทีเ่ รียน
คล่องแคล้ว แม่นยำ ถกู ตอ้ ง ได้เลย
3. ความสามารถ 1 มกี ารคน้ ควา้ ข้อมลู และ มีการค้นควา้ ขอ้ มลู ไมม่ ีการค้นควา้ ขอ้ มลู
ในการสร้างองค์
ความรู้ ศึกษาหาความรู้จากแหล่ง และศกึ ษาหาความรู้ และศกึ ษาหาความรู้
เรียนร้อู ื่นเพ่มิ เติมทกุ ครง้ั จากแหล่งเรยี นรู้อน่ื จากแหล่งเรยี นร้อู ื่น
เพิม่ เตมิ บางครง้ั เพม่ิ เตมิ เลย
เกณฑ์การประเมนิ ดี
ชว่ งคะแนน 8-9 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ 3 หมายถึง พอใช้
ปรับปรุง
ชว่ งคะแนน 5-7 คะแนน ระดับคณุ ภาพ 2 หมายถงึ
ชว่ งคะแนน 3-4 คะแนน ระดบั คุณภาพ 1 หมายถงึ
เกณฑก์ ารผา่ น นกั เรยี นได้ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ขน้ึ ไปถอื ว่าผ่านเกณฑ์
349
แผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ 2.9
เร่อื ง การเกดิ พายุ รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหสั วชิ า ว21102 เวลา 2 คาบ
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 ชื่อหน่วยการเรียนรู้ กระบวนการเปลีย่ นแปลงลมฟ้าอากาศ รวม 27 คาบ
กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 1 ภาคเรียนท่ี 2
สาระท่ี 2 ชื่อสาระ วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ มาตรฐาน ว 3.2
ช่ือผู้สอน นางสาวสุชาดา วงษแ์ ดง โรงเรียนวดั ตะวนั เรอื ง
1. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด
ลมฟ้าอากาศมกี ารเปล่ียนแปลงไดต้ ลอดเวลาเมอ่ื องค์ประกอบของลมฟ้าอากาศมกี ารเปล่ียนแปลงไป
บางครั้งการเปลี่ยนแปลงลมฟ้าอากาศจะเกิดอยา่ งรนุ แรงซึ่งส่งผลกระทบต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อมอย่างมาก
สาํ หรับประเทศไทยพบการเปลย่ี นแปลงลมฟ้าอากาศไดแ้ ก่ พายุฝนฟ้าคะนองและพายหุ มนุ เขตร้อน ซงึ่ พายุท้ัง
สองมีกระบวนการเกิดและผลกระทบทั้งเหมอื นและแตกต่างกัน ลมฟ้าอากาศเปน็ สภาวะของอากาศท่ีเกดิ ข้นึ
ในพื้นที่หนึง่ ๆในช่วงเวลาหนึง่ เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ดังที่กล่าวมา ภูมิอากาศเป็นลักษณะลมฟ้าอากาศโดย
เฉลี่ยของพื้นที่หนึ่ง ๆ ในแต่ละช่วงเวลา มีการเปลี่ยนแปลงได้เช่นกัน ปัจจัยที่ทําให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
ภูมิอากาศมีทั้งปัจจัยทางธรรมชาติและกิจกรรมของมนุษย์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศแม้ไม่ได้เกิดขึ้นอย่าง
รวดเร็วเหมือนดังการเปลย่ี นแปลงลมฟา้ อากาศแตก่ ็สง่ ผลกระทบต่อสง่ิ มีชีวติ และส่งิ แวดล้อมอย่างมาก มนุษย์
จําเป็นต้องเรียนรู้สถานการณ์ผลกระทบ และแนวทางในการปฏิบัติตนภายใต้การเปลี่ยนแปลงลมฟ้าอากาศ
และการเปลย่ี นแปลงภูมอิ ากาศ เพือ่ ให้มนุษยแ์ ละส่ิงแวดลอ้ มดํารงอยู่ได้อย่างปลอดภัยและยั่งยนื
2. ตวั ชวี้ ัด/จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
2.1 ตัวชวี้ ดั
- ม.1/3 เปรียบเทียบกระบวนการเกิดพายุ ฝนฟ้าคะนอง และพายุหมุนเขตร้อน และผลที่มี
ตอ่ สงิ่ มชี วี ติ และส่งิ แวดล้อม รวมท้ังนำเสนอแนวทางการ ปฏบิ ัตติ นใหเ้ หมาะสมและปลอดภัย
2.2 จุดประสงค์การเรียนรู้
- นกั เรยี นสามารถอธิบายการเกดิ พายไุ ด้ (K)
- นักเรียนสามารถปฏบิ ัตกิ ิจกรรมที่ 6.9 พายุฝนฟ้าคะนองและพายุหมนุ เขตร้อนเกิดขึ้นได้
อยา่ งไรได้ (P)
- นกั เรยี นต้งั ใจเรียนและมุ่งมั่นในการทำงานได้ (A)
3. สาระการเรยี นรู้
พายุ (Storms)เกิดจากแรงดนั ในอากาศตำ่ ลงมากกวา่ ในบรเิ วณรอบๆ พนื้ ที่หนึ่ง พร้อมกับมีแรงดันอากาศ
สูงเกดิ ขึน้ รอบ ๆ พื้นท่นี ั้น การรวมของแรงปะทะตา่ ง ๆ กอ่ ใหเ้ กิดลม อนั สง่ ผลให้เกิด การเคลือ่ นตวั เปล่ียนรูปของ
พายุเมฆ เช่น สภาพที่เรียกว่า cumulonimbus ซึ่งเป็นในรูปแบบก้อนเมฆดำทะมึนหนาทึบอันเตม็ ไปดว้ ยประจุ
ไฟฟ้าทีก่ อ่ ใหเ้ กิดฝนฟ้าคะนอง ซึ่งแรงดันอากาศตำ่ อาจเกดิ จากจุดเล็กๆ ที่พื้นที่ใด ๆ อันเกิดจากอากาศร้อนลอย
ลอ่ งข้ึนจากพ้นื ดนิ ส่งผลใหเ้ กดิ การปั่นป่วนนอ้ ย ๆ เช่น การเกิดพายุฝุน่ (dust devils) หรอื ลมหมุน (whirlwinds)
4. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น
4.1 ความสามารถในการคดิ
350
5. คณุ ลกั ษณะทีพ่ ึงประสงค์
5.1 มงุ่ มัน่ ในการทำงาน
5.2 มวี นิ ัย
5.3 ใฝ่เรียนรู้
6. การจัดกจิ กรรมการเรียนรแู้ บบสืบเสาะหาความรู้ (5E)
ขั้นท่ี 1 กระต้นุ ความสนใจ (Engagement)
1) ครใู ห้นกั เรียนดูภาพที่เกิดจากภยั ทางธรรมชาติที่นับวนั ย่ิงทวคี วามรนุ แรงเพมิ่ ขนึ้ เร่ือย ๆ และ
บ่อยขึ้น จากสื่อการเรียนรู้ PowerPoint เรื่อง การเกิดพายุ ซึ่งพายุถือได้ว่าเป็นภัยที่สร้างความรุนแรงและสรา้ ง
ความเสียหายใหก้ ับชีวิตและทรัพยส์ ินเปน็ อยา่ งมาก
ทมี่ า : https://www.thailandworldnews.com
2) ครถู ามนักเรยี นวา่ นกั เรียนทรา:บไหมว่า พายเุ กดิ จากสาเหตุใดและพายมุ ีผลอย่างไรบา้ ง ซึง่ ครู
ให้นักเรยี นเขhียtนtpลsง:ใ/น/wสมwดุ wข.อthงนaiักlaเรnยี dนwแoตrล่ ldะnคeนwคsร.cไู มoเ่mฉล/%ยคEำ0ต%อBบ9%80%E0%B8%81%
คาํ ถามนำบทEEโ00ด%%ย3BBใ)ห88ใน้%%หักB้นBเ8ร4ักยี%%เรนEียEแ00นส%%อด่าBBงนค88เว%%นาอื้99มห64ค%%าิดแเEEหล00ะน็ %%ภตาBB่อพ88ค%%นำถำA9บาE5มท%%ดเกEงัEยี่ก00ว%ล%ก่าBBบัว89เผพ%%ลือ่ กB8สร28ระ%%า้ ทงEEบค00ขว%%าอมBงBเส88ฮน%%อใรAAจิเ21แค%%ลนะแมซีสนว่ ดนี้แรล่วะมพในายบุไทตเ้ฝร่นุ ียเนกทย์่ี
นักเรียนกำลEัง0จ%ะเBร8ีย%น9ร5ู้ค%รูไEม0่เ%ฉลBย8ค%ําBต1อ%บEท0ั้ง%นBี้เพ8%ื่อใAห7้น%ักEเ0ร%ียนBค9้น%ห8า0ค%ําEต0อ%บBจ8า%กบAท1%เรียนเรื่องมนุษย์และการ
เปล่ยี นแปลงhลEtม0tฟ%pา้4sB:อ)/8า/ค%wกราBwูใศห7w้น%.ักtEhเ0รa%ียilaนBnอ8d่%าwนAจoDุดrl%ปdnรEะ0eส%wงsBค.8c์ขo%อmง8บ7/%ท%เEEร00ีย%%นแBBล98ะ%%อ8Aภ0Dิป%%รEาE0ย0%ร%่วBมB88ก%%ัน8เBพ18%ื่อ/ให้ทราบขอบเขตเนื้อหา
เเปกา้ิดหพมาายยุฝกนารฟEEเ00ร้ายี%%คนะBBรน88้แู %%อลงะBBแ84พน%%าวยEEท00ุหา%%งมกBBุนา88เร%%ขปตร99ระ64้อเ%%มนินEE00ทส%%น่ีถกัาBBเน88ร%%กยี านA9รจE5ณะ%%ไ์กดEE0า้เ0ร%ร%ยี เนBปB8ร9ลู้ใ%%ี่ยนB8นบ28ทแ%%ปเรEEลีย00งน%%ภนูมBBี้ (88ิอน%%ากั กAเAรา21ียศ%%นเจพะื่ไอดใศ้หึก้นษักาเกรรียะนบเวรนียกนารรู้
กระบวนการEท0ี่เ%กBี่ย8ว%ข้อ9ง5ก%ับEส0ถ%าBน8ก%ารBณ1%์ดัEงก0%ล่าBว8แ%ลAะ7น%ําคEว0า%มBร9ู้ไ%ปใ8ช0้ป%รEะ0โ%ยชBน8%์ในAก1า%รปฏิบัติตนให้เหมาะสม
ปลอดภัยขรน้ั วทhมE่ีtท02t%้ังpขกsBาน้ั:/8รส/%ปwำฏรBwบิว7wจัต%.แิตtEhลน0aะเ%พiคlaือ่น้Bnล8หdด%าwกA(าoEDรrxเl%กdpดิnElo0eหr%waรstBอื .i8cลoo%ดnmค)8ว7/า%%มEรEนุ00%%แรBBง98ข%%อง8Aส0Dถ%%านEE0ก0%า%รBณB88์ด%%ัง8กB1ล8%า่ /ว)
E0%1B)8ค%รBูให4น้%กั Eเ0ร%ียนBน8ั่ง%เป9็น4ก%ลEุ่ม0ต%ามBท8%ไ่ี ด9จ้ Eัด%ไวE้ 0โด%ยBจ8ะ%มีสBม2า%ชEิก0ก%ลุ่มBอ8ย%ปู่ Aร2ะ%มาณ 4- 5 คนต่อกลุ่ม
เพื่อจะไดด้ ำเEน0ิน%กิจBก8ร%รBม8ท%ี่ 6E.90%พาBย8ฝุ%น9ฟ6า้ %คะEน0%องBแ8ล%ะพAา5ย%หุ Eม0นุ %เขBต9ร%้อ8น8เก%ดิ Eข0นึ้ %ไดBอ้ 8ย%า่ Aงไ1ร%
E0%2B)8จ%า9ก5น%ั้นEค0ร%ูใหB้8น%ักเBร1ีย%นEด0ำ%เนBิน8ก%ิจAก7ร%รมEท0%ี่ 6B.9%พ8า0ย%ุฝนEฟ0%้าคBะ8น%อAง1แ%ละพายุหมุนเขตร้อน
เกดิ ขน้ึ ได้อยา่ Eง0ไร%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B8/
3) ในขณะท่ีทำกิจกรรมครูพยายามเดินตรวจดูการทำงานนักเรยี นทุกๆกล่มุ ขณะทำกิจกรรม
เพ่อื ให้กจิ กรรมน้นั ดำเนินไปดว้ ยความเรียบรอ้ ยและเพื่อใหง้ านนนั้ เสร็จทนั เวลา
351
4) เมอื่ แตล่ ะกลมุ่ ดำเนินกิจกรรมเรียบร้อยแล้ว ครใู ห้นกั เรยี นส่งตัวแทนออกมานำเสนอหน้า
ชั้นเรียน และในขณะที่กลุ่มต่างๆออกมานำเสนอนั้น หากกรณีที่กลุ่มของตัวเองยังไม่มีในประเด็นนั้นๆให้
นักเรียนเขียนเพือ่ เตมิ ลงในสมดุ ของนักเรียนเอง
ขนั้ ท่ี 3 ขั้นอธิบายและลงขอ้ สรปุ (Explanation)
1) ครูถามนักเรยี นเพ่ือกระตุ้นนักเรียน โดยใช้คำถามดงั น้ี
1.1 กิจกรรมนี้เกี่ยวกบั เร่ืองอะไร (แนวการตอบ กระบวนการเกดิ และผลกระทบของ
พายุฝนฟ้าคะนอง และพายุหมนุ เขตร้อน)
1.2 กิจกรรมนี้มีจุดประสงค์อย่างไร (แนวการตอบ นักเรียนตอบตามความคิดของ
ตนเอง)
1.3 การทำกิจกรรมมีขั้นตอนโดยสรุปอย่างไร (แนวการตอบ อ่านข้อความการเกิด
พายฝุ นฟา้ คะนอง วิเคราะหแ์ ละวาดภาพอธิบายกระบวนการเกิด สังเกตภาพพายุหมนุ เขตร้อน วิเคราะห์และ
เขียนอธิบายกระบวนการเกิด รวบรวมข้อมลู กระบวนการเกิดพายุฝนฟา้ คะนองและพายหุ มนุ เขตรอ้ น จากนั้น
นาํ เสนอและเปลีย่ นเรียนรู้)
2) ครูและนักเรียนรว่ มกันอภิปรายเกย่ี วกับการเกิดพายุเพอื่ ให้ได้ข้อสรุปว่า กระบวนการเกิด
พายฝุ นฟา้ คะนองเกดิ จากอากาศมอี ุณหภมู ิสงู ข้ึนทาํ ให้น้ำระเหยเพม่ิ ขึน้ และลอยสูงขนึ้ ไอนำ้ ในอากาศเกิดการ
ควบแนน่ เปน็ ละอองน้ำเกดิ เปน็ เมฆขนาดใหญจ่ ากนัน้ จะเกิดฝนตกหนกั ฟา้ แลบ ฟา้ ผา่ หรืออาจเกิดลูกเห็บตก
กระบวนการเกิดพายุหมุนเขตร้อนเกิดจากอุณหภูมิเหนอื น้ำทะเลเพิ่มสงู ข้นึ ทำให้เกิดไอนำ้ ในปริมาณมากและ
เคลอื่ นท่สี งู ขน้ึ อยา่ งรวดเรว็ ทําให้อากาศบริเวณรอบๆเคลื่อนเข้ามาแทนท่ีจงึ เหน็ เป็นเกลียวขนาดใหญ่ พายุฝน
ฟา้ คะนองและพายหุ มุนเขตร้อนมีผลกระทบต่อมนษุ ย์และสิ่งแวดลอ้ มทั้งดา้ นบวกและลบ เชน่ เกิดฝนตกช่วย
ในการทําการเกษตร หรือเกิดนำ้ ทว่ มสรา้ งความเสียหายแกช่ วี ติ และทรัพยส์ ินเปน็ จำนวนมาก
3) ครูสุ่มถามนักเรียนว่า พายุเกิดจากอะไร เพื่อเป็นการสรุป (แนวการตอบ พายุ
(Storms)เกดิ จากแรงดันในอากาศตำ่ ลงมากกว่าในบริเวณรอบๆ พื้นทห่ี นงึ่ พรอ้ มกับมีแรงดนั อากาศสูงเกิดขึ้น
รอบ ๆ พนื้ ทน่ี ้นั การรวมของแรงปะทะต่าง ๆ กอ่ ให้เกิดลม อันสง่ ผลให้เกิด การเคล่ือนตวั เปลี่ยนรูปของพายุ
เมฆ เช่น สภาพที่เรียกว่า cumulonimbus ซึ่งเป็นในรูปแบบก้อนเมฆดำทะมึนหนาทึบอันเต็มไปด้วยประจุ
ไฟฟ้าที่กอ่ ให้เกิดฝนฟา้ คะนอง ซึ่งแรงดันอากาศต่ำอาจเกิดจากจุดเล็กๆ ที่พื้นที่ใด ๆ อันเกิดจากอากาศรอ้ น
ลอยล่องขึ้นจากพื้นดิน ส่งผลให้เกิดการปั่นป่วนน้อย ๆ เช่น การเกิดพายุฝุ่น (dust devils) หรือลมหมุน
(whirlwinds))
ข้ันที่ 4 ขัน้ ขยายความรู้ (Elaboration)
1) ครูให้นกั เรียนดูส่อื ออนไลนเ์ พ่มิ เติมเกีย่ วกับข่าวพายุท่ีเขา้ ฝั่งในประเทศไทย เพอ่ื เปน็ การทบทวนและสรา้ งความ
เข้าใจมากยง่ิ ขึน้
ทม่ี า : https://www.youtube.com/watch?v=nIoNxQqlh0I
352
2) ครเู ปิดโอกาสให้นักเรียนนัน้ ได้ถามคำถาม โดยแตล่ ะกลุ่มให้ต้งั คำถามเกี่ยวกับเรื่องที่เรียนไป
อย่างนอ้ ย 1 คำถามตอ่ 1 กลุ่ม
3) ครูแนะนำแหลง่ เรยี นรู้เพ่ิมเติมทางอินเทอรเ์ น็ต
ขนั้ ที่ 5 ขั้นประเมนิ (Evaluation)
1) ครูประเมนิ จากการปฏิบัติกิจกรรมท่ี 6.9 พายฝุ นฟ้าคะนองและพายุหมนุ เขตร้อนเกิดขึ้น
ไดอ้ ยา่ งไร
2) การตอบคำถามในชนั้ เรยี น
7. การวัดและประเมินผล
การวดั และประเมินผลดา้ น วิธกี ารวดั เครือ่ งมอื วดั เกณฑ์การผ่าน
ระดับคณุ ภาพ
1 ดา้ นความรู้ พอใช้ ข้ึนไป
1. นกั เรยี นสามารถอธิบาย - การตอบคำถามนักเรยี นในชั้นเรยี น - แบบประเมินการตอบคำถาม ระดบั คณุ ภาพ
พอใช้ ขน้ึ ไป
การเกดิ พายุได้
ระดับคุณภาพ
2. ด้านกระบวนการ พอใช้ ขึ้นไป
1. นักเรียนสามารถปฏิบัติ - ตรวจการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมที่ 6.9
กิจกรรมที่ 6.9 พายฝุ นฟ้า พายุฝนฟ้าคะนองและพายหุ มุนเขต - แบบประเมินการทำงานกล่มุ
คะนองและพายุหมุนเขต รอ้ นเกดิ ขึ้นไดอ้ ย่างไร
ร้อนเกดิ ขึน้ ไดอ้ ย่างไรได้
3. ด้านคุณลกั ษณะทพ่ี ึง
ประสงค์ - การสังเกตพฤติกรรมนกั เรยี น - แบบประเมนิ การสงั เกต
1. นกั เรียนต้งั ใจเรยี นและ
มุ่งมัน่ ในการทำงานได้
8. สื่อและแหล่งเรียนรู้
8.1 สือ่ การสอน
- สอ่ื การเรยี นรู้ PowerPoint เร่อื ง การเกดิ พายุ
8.2 แหลง่ เรยี นรู้
- กิจกรรมท่ี 6.9 พายุฝนฟ้าคะนองและพายุหมุนเขตรอ้ นเกดิ ขึ้นได้อยา่ งไร
- สือ่ ออนไลน์
- หนังสอื เรยี นวิทยาศาสตรพ์ ื้นฐาน ม.1
353
บนั ทกึ ผลการจดั การการเรียนรู้ท่ี 2.9
ผลการจดั การเรยี นรู้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ปญั หาและอปุ สรรค
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
แนวทางแกไ้ ข / แนวทางการพฒั นา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ลงชื่อ....................................................ครูผู้สอน
(นางสาวสุชาดา วงษ์แดง)
ความเหน็ ของผู้นเิ ทศ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ลงช่ือ...............................................ผู้นเิ ทศ
(........................................................)
354
กิจกรรมท่ี 6.9 พายฝุ นฟ้าคะนองและ
พายุหมุนเขตรอ้ นเกิดขึ้นไดอ้ ย่างไร
จุดประสงค์ 1. รวบรวมขอ้ มูล เพ่ืออธิบายและเปรยี บเทียบกระบวนการเกิดพายุฝนฟา้ คะนอง และพายุ
หมนุ เขตรอ้ น
วสั ดอุ ปุ กรณ์ -
วิธกี าร ให้ดำเนนิ กิจกรรมตามหนงั สอื เรียน
การเตรยี มตัวของครูเตรยี ม - ครูเตรยี มขอ้ มูล หรือแหล่งขอ้ มูลเพือ่ แนะนาํ นักเรยี นในการรวบรวมขอ้ มลู
ขอ้ เสนอแนะในการทำกิจกรรม - ครูอาจแบ่งกลมุ่ นักเรยี น และใหน้ ักเรียนเลอื กวิเคราะหก์ ารเกดิ พายหุ มนุ
เขตรอ้ นหรือพายุฝนฟา้ คะนอง จากน้ัน จึงอภิปรายผลการทำกิจกรรม
รว่ มกันทงั้ ชนั้ เรยี น
ตวั อย่างผลการทํากิจกรรม
แบบประเมินความรู้ (K) 355
เรื่อง การเกิดพายุ
ระดบั ผลการ
รายการประเมนิ คุณภาพ ประเมิน
8
เลขท่ี 44 1. การตอบ
ชอ่ื - สกุล คำถาม
2. เนื้อหา
รวมคะแนนที่ไ ้ด
ผ่าน
ไ ่มผ่าน
การผา่ นเกณฑ์ ระดับคณุ ภาพ พอใช้ ข้ึนไปผ่านเกณฑ์
สรุปผลการประเมนิ ผ่าน...........................คน ไมผ่ ่าน...........................คน
ลงชื่อ...................................................ผูป้ ระเมนิ
(นางสาวสุชาดา วงษแ์ ดง)
356
เกณฑก์ ารประเมินความรู้ (K)
รายการประเมนิ น้ำหนัก ดีมาก (4) ระดับคณุ ภาพ ปรับปรงุ (1)
ดี (3) พอใช้ (2)
1. การตอบคำถาม 1 นกั เรียนตอบ นกั เรียนตอบ นกั เรยี นตอบ นกั เรียนตอบ
คำถามได้อย่าง คำถามได้อย่าง คำถามไดก้ ระชบั คำถามไม่ได้
กระชบั และจบั กระชบั และจับ จับใจความสำคัญ กระชบั ไม่สามารถ
ใจความสำคญั ได้ ใจความสำคญั ได้ ได้ ตอบคำถาม จับใจความสำคญั
เปน็ อย่างดี ไมส่ ัน้ พอสมควร แตย่ งั สัน้ หรอื ยาวมาก ได้ ตอบคำถามสน้ั
หรือยาวมาก ไม่สมบรู ณ์ จนเกินไป หรือยาวมาก
จนเกนิ ไป จนเกินไป
2. เน้ือหา 1 เนื้อหาของ เน้ือหาของ เนื้อหาของ เน้ือหาของคำตอบ
คำตอบมีความ คำตอบมีความ คำตอบถกู ต้อง ไมถ่ ูกต้อง ไม่
ถูกต้องมากท่ีสดุ ถกู ต้อง ครบถ้วน ไมค่ รบถ้วน ครบถว้ น สมบูรณ์
ครบถว้ น สมบูรณ์ สมบรู ณ์ บางส่วน สมบูรณ์
เกณฑก์ ารตัดสิน
ช่วงคะแนน 7 – 8 คะแนน ระดับคณุ ภาพ 4 หมายถึง ดมี าก
ชว่ งคะแนน 5 – 6 คะแนน ระดบั คุณภาพ 3 หมายถงึ ดี
ชว่ งคะแนน 3 – 4 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ 2 หมายถึง พอใช้
ชว่ งคะแนน 1 - 2 คะแนน ระดับคณุ ภาพ 1 หมายถงึ ปรบั ปรงุ
การผ่านเกณฑ์ ระดับคุณภาพ พอใช้ ขึ้นไปผ่านเกณฑ์
357
แบบประเมนิ ทักษะกระบวนการ (P)
กิจกรรมที่ 6.9 พายฝุ นฟา้ คะนองและพายหุ มนุ เขตรอ้ นเกดิ ข้ึนได้อย่างไร
รายการประเมนิ 1. ความสามารถใน ระดบั ผลการ
เลขที่ การออกแบบทดลอง คณุ ภาพ ประเมิน
2. การป ิฏบั ิตการ
ชือ่ - สกุล
ทดลอง
3. การบันทึกผล
รวมคะแนนท่ีไ ้ด
่ผาน
ไ ่ม ่ผาน
4448
การผา่ นเกณฑ์ ระดับคณุ ภาพ พอใช้ ขึ้นไปผา่ นเกณฑ์
สรปุ ผลการประเมิน ผา่ น...........................คน ไมผ่ ่าน...........................คน
ลงชื่อ...................................................ผูป้ ระเมิน
(นางสาวสุชาดา วงษแ์ ดง)
358
เกณฑ์การประเมนิ ทักษะกระบวนการ (P)
ทกั ษะการทดลอง
รายการประเมนิ น้ำหนัก ดมี าก (4) ระดับคณุ ภาพ ปรับปรุง (1)
ดี (3) พอใช้ (2)
1. ความสามารถ 1 กำหนดวธิ กี ารอุปกรณ์ กำหนดวิธกี ารอุปกรณ์ กำหนดวธิ กี ารอปุ กรณ์ กำหนดวิธีการ
ในการออกแบบ สารเคมี อย่างถูกต้อง สารเคมี อย่างถกู ต้อง สารเคมี อย่างถกู ตอ้ ง อุปกรณ์ สารเคมี
การทดลอง เหมาะสม และใช้อย่าง เหมาะสม และใช้อย่าง เหมาะสม และใช้อยา่ ง ไมถ่ กู ตอ้ ง
ถูกวิธีทกุ ครง้ั ถกู วธิ ีบ่อยคร้งั ถกู วิธบี างคร้ัง ไม่เหมาะสม และ
ใช้อยา่ งไม่ถูกวิธี
2. การปฏิบตั ิการ 1 ทดลองตามขั้นตอนท่ี ทดลองตามข้ันตอนท่ี ทดลองตามขั้นตอนที่ การทดลองไม่
ทดลอง กำหนดไว้ทันเวลา ใช้ กำหนดไวท้ ันเวลา ใช้ กำหนดไวท้ นั เวลา ใช้ เปน็ ไปตามขั้นตอน
อุปกรณแ์ ละสารเคมี อุปกรณแ์ ละสารเคมี อุปกรณ์และสารเคมี ไม่ทนั เวลา ใช้
อย่างถกู ตอ้ ง อยา่ งถูกต้อง อย่างถูกต้อง อปุ กรณแ์ ละ
คลอ่ งแคล่ว และ คลอ่ งแคล่ว และ คล่องแคลว่ และ สารเคมไี มถ่ ูกตอ้ ง
เหมาะสมทุกครง้ั เหมาะสมบอ่ ยครั้ง เหมาะสมบางคร้งั ไม่คล่อง และไม่
เหมาะสม
3. การบันทึกผล 1 บันทึกผลคล่องแคล่ว บันทกึ ผลคลอ่ งแคล่ว บันทกึ ผลคลอ่ งแคล่ว บันทกึ ผลไม่
ถกู ตอ้ งและออกแบบ ถกู ตอ้ ง และออกแบบ ถกู ตอ้ ง และออกแบบ คลอ่ งแคล่ว ไม่ค่อย
ตารางบันทกึ ผลที่ ตารางบันทกึ ผลที่ ตารางบนั ทกึ ผลท่ี ถกู ตอ้ ง และ
เหมาะสมกับขอ้ มูลทกุ เหมาะสมกับขอ้ มูล เหมาะสมกับข้อมูลเป็น ออกแบบตาราง
ครั้ง บอ่ ยครั้ง บางครงั้ บนั ทกึ ผลไม่
เหมาะสมกบั ขอ้ มูล
เกณฑก์ ารตัดสนิ
ช่วงคะแนน 11-12 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ 4 หมายถึง ดมี าก
ช่วงคะแนน 8-10 คะแนน ระดับคณุ ภาพ 3 หมายถึง ดี
ชว่ งคะแนน 5-7 คะแนนระดบั คุณภาพ 2 หมายถึง พอใช้
ช่วงคะแนน 3-4 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ 1 หมายถึง ปรบั ปรุง
การผ่านเกณฑ์ ระดบั คุณภาพ พอใช้ ข้นึ ไปผา่ นเกณฑ์
359
แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)
เลขท่ี รายการประเมนิ
1.มวี ินยั และส่งงาน รวม ระดับ ผลการ
ท่ีได้รับมอบหมาย คะแนน คุณภาพ ประเมนิ
ที่ได้
ช่ือ - สกุล 4321 ผ่าน
ไ ่มผ่าน
การผา่ นเกณฑ์ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ข้นึ ไปผา่ นเกณฑ์
สรุปผลการประเมิน ผา่ น...........................คน ไมผ่ า่ น...........................คน
ลงช่ือ...................................................ผ้ปู ระเมิน
(นางสาวสุชาดา วงษแ์ ดง)
360
เกณฑป์ ระเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A)
นกั เรียนมวี นิ ัยและสง่ งานตามที่ได้รับหมอบหมายได้ตามกำหนด
รายการ นำ้ หนัก ดมี าก (4) ระดับคุณภาพ ปรบั ปรงุ (1)
ประเมิน ดี (3) พอใช(้ 2)
ไมป่ ฏบิ ตั งิ านที่
1. นักเรยี น 1 ปฏบิ ัตงิ านท่ี ปฏิบตั งิ านที่ ปฏิบัตงิ านท่ี ได้รบั มอบ
หมายใหเ้ สรจ็
มีวินยั และ ได้รบั มอบหมาย ไดร้ ับมอบ ไดร้ ับมอบ
สมบรู ณ์ได้ตาม
สง่ งาน ใหเ้ สรจ็ สมบูรณ์ หมายให้เสร็จ หมายให้เสรจ็ กำหนดได้ และ
สง่ งานไมไ่ ดต้ าม
ตามท่ีได้รบั และมคี วาม สมบูรณ์ได้ตาม สมบูรณไ์ ด้ตาม เวลา ท่กี ำหนด
อย่เู ปน็ ประจำ
หมอบ เรยี บรอ้ ยได้ กำหนด และส่ง กำหนด และสง่
หมายได้ ตามทก่ี ำหนด งานไดต้ ามเวลา งานได้ตามเวลา
ตาม และสง่ งานได้ ทกี่ ำหนดอยู่ ทก่ี ำหนดอยู่
กำหนด ตามเวลา ท่ี เป็นประจำ บ่อยคร้ัง
กำหนดอยูเ่ ปน็
ประจำ
เกณฑก์ ารตัดสิน
คะแนน 4 ระดับคณุ ภาพ 4 หมายถึง ดมี าก
คะแนน 3 ระดับคุณภาพ 3 หมายถงึ ดี
คะแนน 2 ระดบั คุณภาพ 2 หมายถงึ พอใช้
คะแนน 1 ระดบั คณุ ภาพ 1 หมายถึง ปรับปรุง
การผ่านเกณฑ์ ระดบั คุณภาพ พอใช้ ขนึ้ ไปผา่ นเกณฑ์
361
แบบประเมินสมรรถนะทักษะการคิด
รายการประเมนิ 1. ีมความสามารถใน ระดบั ผลการ
เลขที่ การ ิคด ิวเคราะห์คณุ ภาพ ประเมนิ
ช่อื - สกุล 2. ัตด ิสนใจแ ้กปัญหา
เ ี่กยว ักบตนเองไ ้ด
3. ความสามารถในการ
สร้างอง ์คความ ู้ร
รวมคะแนนที่ไ ้ด
ผ่าน
ไ ่มผ่าน
3 3 39
การผ่านเกณฑ์ ระดับคุณภาพ พอใช้ ข้นึ ไปผ่านเกณฑ์
สรปุ ผลการประเมิน ผา่ น...........................คน ไม่ผ่าน...........................คน
ลงช่อื ...................................................ผูป้ ระเมนิ
(นางสาวสุชาดา วงษ์แดง)
362
เกณฑก์ ารประเมนิ สมรรถนะทักษะในการคดิ
ประเดน็ การ น้ำหนัก ระดบั คณุ ภาพ
ประเมนิ
ด(ี 3) พอใช้ (2) ปรับปรุง (1)
1. มีความสามารถ
ในการคิดวเิ คราะห์ 1 เขา้ ใจและแสดงความ เขา้ ใจและแสดงความ เข้าใจและแสดงความ
คดิ เหน็ เกี่ยวกับทเ่ี รียน
และสะทอ้ นความรู้ คิดเห็นเก่ียวกับท่ีเรียน คิดเหน็ เกยี่ วกับท่ี
ความคิด ความรสู้ ึกได้ ดี
และสะท้อนความรู้ เรียน และสะท้อน
มาก
ความคิด ความรูส้ กึ ได้ ความร้คู วามคิด
ปานกลาง ความรสู้ กึ ไดน้ ้อย
2. ตัดสนิ ใจ 1 สามารถตง้ั คำถามและ สามารถต้งั คำถามและ ไม่สามารถต้ังคำถาม
แก้ปัญหาเกีย่ วกบั ตอบคำถามเก่ียวกบั เร่ือง ตอบคำถามเกี่ยวกบั และตอบคำถาม
ตนเองได้ ทีเ่ รยี นได้อย่างถูกต้อง เรือ่ งท่เี รยี นไดอ้ ยา่ ง เกี่ยวกับเร่ืองทีเ่ รียน
คล่องแคล้ว แม่นยำ ถกู ตอ้ ง ได้เลย
3. ความสามารถ 1 มกี ารคน้ ควา้ ข้อมลู และ มีการค้นควา้ ขอ้ มลู ไมม่ ีการค้นควา้ ขอ้ มลู
ในการสร้างองค์
ความรู้ ศึกษาหาความรู้จากแหล่ง และศกึ ษาหาความรู้ และศกึ ษาหาความรู้
เรียนร้อู ื่นเพ่มิ เติมทกุ ครง้ั จากแหล่งเรยี นรู้อน่ื จากแหล่งเรยี นร้อู ื่น
เพิม่ เตมิ บางครง้ั เพม่ิ เตมิ เลย
เกณฑ์การประเมนิ ดี
ชว่ งคะแนน 8-9 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ 3 หมายถึง พอใช้
ปรับปรุง
ชว่ งคะแนน 5-7 คะแนน ระดับคณุ ภาพ 2 หมายถงึ
ชว่ งคะแนน 3-4 คะแนน ระดบั คุณภาพ 1 หมายถงึ
เกณฑก์ ารผา่ น นกั เรยี นได้ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ขน้ึ ไปถอื ว่าผ่านเกณฑ์
363
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 2.10
เรือ่ ง รูปแบบพายุ รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ รหสั วิชา ว21102 เวลา 2 คาบ
รวม 27 คาบ
หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 2 ช่อื หน่วยการเรียนรู้ กระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟ้าอากาศ ภาคเรียนท่ี 2
กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 1 มาตรฐาน ว 3.2
โรงเรียนวัดตะวนั เรือง
สาระท่ี 2 ชอื่ สาระ วิทยาศาสตรก์ ายภาพ
ช่อื ผ้สู อน นางสาวสชุ าดา วงษ์แดง
1. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด
ลมฟา้ อากาศมกี ารเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาเมอื่ องค์ประกอบของลมฟ้าอากาศมกี ารเปล่ียนแปลงไป
บางครั้งการเปลี่ยนแปลงลมฟ้าอากาศจะเกิดอย่างรุนแรงซึง่ สง่ ผลกระทบต่อมนุษย์และสิง่ แวดล้อมอย่างมาก
สําหรบั ประเทศไทยพบการเปลยี่ นแปลงลมฟ้าอากาศไดแ้ ก่ พายฝุ นฟา้ คะนองและพายหุ มนุ เขตรอ้ น ซ่ึงพายทุ ้ัง
สองมีกระบวนการเกิดและผลกระทบทั้งเหมอื นและแตกต่างกัน ลมฟ้าอากาศเปน็ สภาวะของอากาศที่เกิดขน้ึ
ในพื้นที่หนึ่งๆในช่วงเวลาหนึง่ เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ดังที่กล่าวมา ภูมิอากาศเป็นลักษณะลมฟ้าอากาศโดย
เฉลี่ยของพื้นที่หนึ่ง ๆ ในแต่ละช่วงเวลา มีการเปลี่ยนแปลงได้เช่นกัน ปัจจัยที่ทําให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
ภูมิอากาศมีทั้งปัจจัยทางธรรมชาติและกิจกรรมของมนุษย์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศแม้ไม่ได้เกิดขึ้นอย่าง
รวดเรว็ เหมือนดังการเปลยี่ นแปลงลมฟ้าอากาศแต่ก็ส่งผลกระทบต่อสง่ิ มีชวี ติ และส่งิ แวดลอ้ มอย่างมาก มนุษย์
จําเป็นต้องเรียนรู้สถานการณ์ผลกระทบ และแนวทางในการปฏิบัติตนภายใต้การเปลี่ยนแปลงลมฟ้าอากาศ
และการเปลย่ี นแปลงภมู ิอากาศ เพื่อให้มนุษย์และสง่ิ แวดล้อมดํารงอยู่ไดอ้ ยา่ งปลอดภยั และยั่งยืน
2. ตัวช้ีวดั /จุดประสงค์การเรียนรู้
2.1 ตัวชี้วัด
- ม.1/3 เปรยี บเทียบกระบวนการเกิดพายุ ฝนฟ้าคะนอง และพายุหมนุ เขตรอ้ น และผลที่มี
ตอ่ ส่งิ มชี ีวิต และสิง่ แวดลอ้ ม รวมท้ังนำเสนอแนวทางการ ปฏบิ ตั ิตนให้เหมาะสมและปลอดภยั
2.2 จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
- นักเรียนสามารถอธบิ ายรปู แบบของพายุได้ (K)
- นักเรียนสามารถเขียนแผนผงั ความคดิ รูปแบบของพายไุ ด้ (P)
- นักเรียนตัง้ ใจเรียนและมุง่ ม่ันในการทำงานได้ (A)
3. สาระการเรียนรู้
พายสุ ามารถแบง่ ออกเป็น 3 กลุม่ หลกั ได้แก่
1.พายุฝนฟ้าคะนอง (Thunderstorm) เป็นพายุที่มักเกิดขึ้นเป็นประจำในพื้นที่เขตร้อนช้ืน
(Tropical zone) โดยเฉพาะบรเิ วณใกล้เส้นศูนยส์ ูตรของโลก
2. พายหุ มุนเขตรอ้ น (Tropical Cyclone) เปน็ พายขุ นาดใหญท่ กี่ อ่ ตวั ขนึ้ ในทะเลและมหาสมุทร
แถบเส้นศูนย์สูตร
3.พายทุ อรน์ าโด (Tornado) เป็นพายุท่มี ขี นาดเส้นผ่านศูนยก์ ลางค่อนข้างเล็ก โดยมีรศั มรี าว 50
ถงึ 500 เมตร เท่านน้ั แต่มคี วามเร็วลมต้ังแต่ 300 ไปจนถึง 500 กิโลเมตรต่อช่ัวโมง
4. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน
4.1 ความสามารถในการคิด
364
5. คณุ ลกั ษณะท่พี งึ ประสงค์
5.1 มุง่ มั่นในการทำงาน
5.2 มีวินยั
5.3 ใฝ่เรยี นรู้
6. การจดั กิจกรรมการเรียนรู้แบบสบื เสาะหาความรู้ (5E)
ข้นั ที่ 1 กระตุน้ ความสนใจ (Engagement)
1) ครทู บทวนความรู้เดมิ เรือ่ งการเกิดพายุเพ่ือนำไปสู่การเรียนรู้เรื่องรปู แบบของพายุ โดยการใช้
ส่อื การเรยี นรู้ PowerPoint เร่อื ง รปู แบบของพายุ และใช้คำถามคำถาม ดังต่อไปนี้
1.1 กระบวนการเกิดพายุฝนฟ้าคะนองและพายุหมุนเขตร้อนที่สร้างขึ้นเหมือนและ
แตกตา่ งจากทไ่ี ด้รวบรวมมาอย่างไร (แนวคาํ ตอบ กระบวนการเกิดพายุฝนฟ้าคะนองที่สร้างขนึ้ เหมือนกับข้อมูลที่
ได้รวบรวมมาคือ มีการรวมตัวกันของละอองน้ำและผลึกน้ำแข็งในแนวต้ังจนทำให้เมฆมขี นาดใหญ่ขึ้น จากนั้นจึง
เกิดพายุฝนฟ้าคะนองและแตกต่างกนั คือจากข้อมลู ทีร่ วบรวมมาพบว่าพายุฝนฟ้าคะนองมีขั้นการเกิด 3 ระยะคือ
ระยะเจริญเติบโต ระยะเจริญเติบโตเต็มที่ และระยะสลายตัว เกิดการพัดขึ้นและลงของกระแสอากาศเนื่องจาก
ความแตกต่างของอุณหภมู ิทําให้เกิดสภาพอากาศรุนแรง เช่น ลมกระโชก ฟ้าแลบ ฟ้าผ่า ฝนตกหนัก และลูกเห็บ
ตกกระบวนการเกิดพายุหมุนเขตร้อนที่สร้างขึ้นเหมือนกับข้อมูลที่ได้รวบรวมมาคือเกิดจากการระเหยของ น้ำใน
มหาสมุทรและมีการเคล่ือนที่ของอากาศเข้าสู่ศนู ย์กลาง และแตกต่างกันคือการเกดิ พายุหมุนเขตร้อนจากข้อมูลท่ี
รวบรวมมาพบว่า ส่วนใหญ่ก่อตัวในมหาสมทุ ร และจะเคลอ่ื นทไี่ ปตามแนวความกดอากาศต่ำ เนอื่ งจากอากาศร้อน
ชืน้ มีไอน้ำอย่เู ป็นจำนวนมากจงึ ชว่ ยหลอ่ เล้ยี งใหพ้ ายุมีความรนุ แรง แต่เมอื่ พายุเคล่ือนตัวเข้าสู่แผ่นดนิ ก็จะเร่ิมอ่อน
กำลังลง เน่อื งจากไม่มไี อน้ำในอากาศมาหล่อเลยี้ งพายุไดเ้ พยี งพอ)
1.2 พายุฝนฟ้าคะนองและพายุหมุนเขตร้อนมีกระบวนการเกิดและผลกระทบเหมือน
และแตกต่างกันอย่างไร (แนวคําตอบ เหมือนกนั คอื เกิดจากการระเหยของนำ้ บรเิ วณที่มีอณุ หภมู ิสูงและลอยไปสู่
บรรยากาศแล้วควบแน่นเปน็ ละอองน้ำก่อตัวเปน็ เมฆขนาดใหญ่ข้นึ เร่ือย ๆ จนกระท่งั กลายเปน็ พายุฝนฟ้าคะนอง
และพายหุ มนุ เขตร้อนแตกต่างกนั คือ พายฝุ นฟ้าคะนองกอ่ ตวั บริเวณพน้ื ดนิ มขี นาดไม่ใหญแ่ ละมีกําลังที่ไม่รุนแรง
มากจงึ กอ่ ให้เกดิ ความเสยี หายที่ไมร่ นุ แรงส่วนพายหุ มนุ เขตร้อนก่อตวั ในมหาสมทุ รซ่ึงมปี ริมาณไอน้ำมหาศาลทําให้
พายมุ ีขนาดใหญแ่ ละกำลงั รนุ แรงมาก จึงก่อให้เกิดความเสยี หายทร่ี ุนแรงทัง้ ตอ่ ส่ิงมีชีวิตและสง่ิ แวดล้อม)
1.3. จากกิจกรรมที่ผ่านมาในคาบที่แล้วสรุปได้ว่าอย่างไร (แนวคําตอบ พายุฝนฟ้า
คะนองเกิดจากอากาศมีอุณหภูมิสงู ขึน้ ทําให้น้ำระเหยเพมิ่ ข้นึ และลอยสูงขึน้ ไอน้ำในอากาศควบแน่นเปน็ ละอองน้ำ
เกิดเมฆขนาดใหญ่จากนั้นจะเกิดฝนตกหนัก ฟ้าแลบ ฟ้าผ่า หรืออาจเกิดลูกเห็บตก พายุหมุนเขตร้อนเกิดจาก
อุณหภูมิเหนือนำ้ ทะเลเพิ่มสูงขนึ้ จึงเกิดไอน้ำในปริมาณมากเคลื่อนท่ีสงู ขึน้ อย่างรวดเร็วทําใหอ้ ากาศบริเวณรอบ ๆ
เคลื่อนเข้ามาแทนที่เกิดเป็นเกลยี วขนาดใหญ่พายฝุ นฟ้าคะนองเกิดในระยะเวลาส้ันๆในพื้นทีเ่ ฉพาะถิ่น พายุหมุน
เขตรอ้ นเกิดในระยะเวลานานหลายวนั และสง่ ผลกระทบครอบคลุมพน้ื ทต่ี ่างๆเป็นบริเวณกวา้ ง พายทุ ้ังสอง ส่งผล
ในด้านดีเช่นช่วยเพิ่มปริมาณน้ำในพื้นที่ช่วยลดอุณหภูมิอากาศลงส่วนในด้านเสียเช่น หากพายุมีความรุนแรงจะ
ส่งผลใหเ้ กดิ ท่วม พายพุ ดั บ้านเรือนเสียหาย)
2) ครูถามนักเรียนต่อไปว่า นักเรียนทราบไหมวา่ พายมุ ีกี่รูปแบบ แต่ละรูปแบบมีความแตกตา่ ง
กนั อย่างไร และมผี ลกระทบแตกตา่ งกนั หรอื ไม่ โดยครูให้นักเรียนดำเนนิ กจิ กรรมเก่ยี วกับรปู แบบพายุต่อไป
365
ขน้ั ที่ 2 ข้ันสำรวจและคน้ หา (Exploration)
1) ครใู หน้ กั เรียนน่ังเปน็ กลมุ่ ตามทไ่ี ดจ้ ัดไว้ โดยจะมสี มาชกิ กลมุ่ อย่ปู ระมาณ 4- 5 คนต่อกลุ่ม
เพอื่ จะได้ดำเนนิ กจิ กรรมการดำเนนิ กิจกรรมกลุ่ม โดยครใู หน้ กั เรียนทำกจิ กรรมการสรา้ งแผนผังความคิด เร่ือง
รูปแบบของพายุ
2) ครูแจกกระดาษบรู๊ฟและสีให้นักเรียน จากนั้นให้นักเรียนดำเนินกิจกรรมของแต่ละกลุ่ม
ท้ังน้ีเนอื้ หาท่นี กั เรยี นจะไดน้ ำมาเขียนนน้ั สามารถหาได้จากส่ือออนไลนห์ รอื อ่ืนๆ
3) เมอ่ื แตล่ ะกลมุ่ ดำเนินกิจกรรมเรียบรอ้ ยแลว้ ครใู หน้ ักเรยี นสง่ ตวั แทนออกมานำเสนอหน้า
ชั้นเรียน และในขณะที่กลุ่มต่างๆออกมานำเสนอนั้น หากกรณีที่กลุ่มของตัวเองยังไม่มีในประเด็นนั้นๆให้
นักเรียนเขียนเพือ่ เติมลงในสมดุ ของนกั เรยี นเอง
4) เม่อื แตล่ ะกลมุ่ ดำเนนิ กิจกรรมเรยี บรอ้ ยแลว้ ครใู หน้ ักเรียนส่งตัวแทนออกมานำเสนอหน้า
ชั้นเรียน และในขณะที่กลุ่มต่างๆออกมานำเสนอนั้น หากกรณีที่กลุ่มของตัวเองยังไม่มีในประเด็นนั้นๆให้
นกั เรยี นเขยี นเพื่อเตมิ ลงในสมดุ ของนักเรยี นเอง
ข้ันท่ี 3 ขน้ั อธิบายและลงขอ้ สรปุ (Explanation)
จากกิจกรรมครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับการเกิดพายุเพือ่ ให้ได้ข้อสรุปว่า พายุสามารถ
แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ พายุฝนฟ้าคะนอง (Thunderstorm) เป็นพายุที่มักเกิดขึ้นเป็นประจำใน
พ้ืนทีเ่ ขตรอ้ นช้ืน (Tropical zone) โดยเฉพาะบริเวณใกล้เสน้ ศูนย์สูตรของโลก พายฝุ นฟ้าคะนอง เกดิ จากเมฆ
ขนาดใหญ่ที่ก่อตัวขึ้นในแนวดิ่ง หรือ “เมฆคิวมูโลนิมบัส” (Cumulonimbus) ซึ่งเกิดจากมวลอากาศร้อน
ลอยตัวขึ้นสูง ก่อนเย็นตัวลงจนทำให้เกิดการควบแน่นและกลั่นตัวเป็นไอน้ำ เกิดเป็นเมฆขนาดใหญ่ ใน
ขณะเดียวกัน ความร้อนแฝงจากการกลัน่ ตวั ของไอน้ำช่วยเร่งอตั ราการลอยตัวของกระแสอากาศภายในกอ้ น
เมฆ ทำให้เมฆมีขนาดใหญ่ขึ้นและสูงข้ึน จนเคลอ่ื นทข่ี นึ้ ถึงจดุ อ่มิ ตวั กลายเป็นเมฆคิวมโู ลนมิ บัส
เมื่อเวลาผ่านไปการลดลงของอุณหภูมิภายในกอ้ นเมฆส่งผลให้เกิดการเคลื่อนที่ลงของมวล
อากาศอย่างรวดเร็ว กอ่ ให้เกิดเป็นพายุฝนฟา้ คะนองท่มี ีทั้งกระแสลมกระโชกแรง ฟา้ แลบ ฟา้ รอ้ ง และมีฝนตก
หนัก หรืออาจมีลูกเห็บตกได้ในบางพื้นที่ ซึ่งในประเทศไทยมักเกิดพายุฝนฟ้าคะนองเป็นประจำ โดยอยู่ใน
รปู แบบของลมแรงและฝนตกหนักติดตอ่ กนั หลายวัน โดยเฉพาะในเดือนมนี าคมถึงเดือนพฤษภาคม พายุฝนฟ้า
คะนองสามารถพัฒนาจนมีความรุนแรงเกินกว่าระดับปกติในลักษณะที่เรียกว่า “พายุฤดูร้อน” รวมไปถึง
“พายุทอร์นาโด” ไดอ้ กี ดว้ ย
พายฝุ นฟา้ คะนอง (Thunderstorm)
366
พายุหมุนเขตร้อน (Tropical Cyclone) เป็นพายุขนาดใหญ่ที่ก่อตัวขึ้นในทะเลและ
มหาสมุทรแถบเส้นศูนย์สูตร โดยก่อตัวขึ้นบริเวณผิวน้ำทะเลหรือมหาสมุทรที่มีอุณหภูมิสูงกว่า 27 องศา
เซลเซียส พายุในกลุ่มนี้ จะมีขนาดเส้นผ่านศูนยก์ ลางเกินกว่า 100 กิโลเมตร และมีความเร็วลมสูงสดุ ใกล้จุด
ศูนย์กลางตั้งแต่ 50 ไปจนถึง 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยมีทิศทางการหมุนของพายุตามแรงคอริออลิส
(Coriolis Force) หรือแรงทเี่ กิดจากการหมุนรอบตัวเองของโลก โดยพายุหมุนเขตร้อนจะหมุนทวนเข็มนาฬิกา
ในซีกโลกเหนอื และหมุนตามเขม็ นาฬกิ าในซีกโลกใต้ พายหุ มุนเขตร้อนท่ีมอี ิทธพิ ลต่อสภาพอากาศในประเทศ
ไทย มกี ารแบง่ เกณฑค์ วามรนุ แรงของพายตุ ามความเร็วลมใกลศ้ ูนยก์ ลางพายุเป็นเกณฑ์ ดงั น้ี
• ดีเปรสชั่น (Tropical Depression) เปน็ พายุที่มคี วามเร็วลมตำ่ ที่สดุ โดยมีความเร็วลมสงู สุดใกล้จุด
ศูนย์กลางไม่เกนิ 63 กิโลเมตรต่อชัว่ โมง (34 นอต) เป็นเพียงกลุ่มเมฆหมุนวนที่ไม่มีตาพายุท่ีชดั เจน
ก่อใหเ้ กดิ กระแสลมไม่แรงนัก แต่อาจทำใหเ้ กิดฝนตกหนกั ติดต่อกันหลายวนั
• พายุโซนร้อน (Tropical Storm) เปน็ พายทุ กี่ อ่ ตวั ข้นึ ในทะเลก่อนเคลื่อนท่ีเข้าหาฝั่ง โดยมีความเร็ว
ลมไมเ่ กิน 118 กโิ ลเมตรตอ่ ชวั่ โมง (64 นอต) กอ่ ให้เกดิ ลมกระโชกแรงและฝนตกหนัก
• ไตฝ้ ุ่น (Typhoon) หรือ เฮอร์ริเคน (Hurricane) เป็นพายุทม่ี ีความเรว็ ลมสงู กวา่ 118 กโิ ลเมตรต่อ
ชัว่ โมง (64 นอต) มตี าพายุชดั เจน ซึง่ บรเิ วณจุดศนู ยก์ ลางของพายุ หรือ “ตาพายุ” จะมีสภาพอากาศ
โปร่งใส อาจมีฝนตกเพียงเล็กน้อยและกระแสลมสงบ ต่างกับสภาพรอบนอกของตาพายุ ซึ่งมีความ
รนุ แรงมากถึงขัน้ สรา้ งความเสียหายตอ่ ส่งิ ปลกู สร้าง และเป็นอนั ตรายตอ่ สงิ่ มชี ีวิตไดเ้ ลยทีเดยี ว
ภาพถ่ายดาวเทยี มแสดงใหเ้ หน็ พายไุ ตฝ้ นุ่ กำลังเคลอื่ นตวั จากมหาสมุทรเข้าหาชายฝ่งั
โดยปกติแล้ว ในประเทศไทยมักพบเพียงแค่พายุดีเปรสชัน เนื่องจากพายุมักก่อตัวในมหาสมุทร
แปซิฟิก ซ่งึ กว่าจะเคลือ่ นทีม่ าถงึ เขตพ้นื ท่ีของประเทศไทย พายุดงั กล่าวได้ออ่ นกำลงั ลงจนก่อให้เกิดเพียงพายุ
ดีเปรสชันเท่านั้น นอกจากนี้ พายุหมุนเขตร้อนมกั จะถูกเรียกขานตามภาษาถิ่นของพืน้ ที่ที่พายุเหล่านั้นกอ่ ตวั
ขึน้ เช่น พายุหมนุ เขตรอ้ นท่ีก่อตวั ในมหาสมุทรแอตแลนตกิ จะถกู เรยี กว่า “เฮอรร์ เิ คน” ขณะท่ีพายุหมุนเขต
ร้อนทกี่ ่อตัวในมหาสมุทรแปซิฟิกจะถกู เรียกว่า “ไตฝ้ นุ่ ”
พายุทอร์นาโด (Tornado) เป็นพายุที่มีขนาดเส้นผ่านศูนยก์ ลางค่อนขา้ งเล็ก โดยมีรัศมีราว 50 ถึง
500 เมตร เท่านั้น แต่มีความเร็วลมตั้งแต่ 300 ไปจนถึง 500 กิโลเมตรต่อชัว่ โมง พายุทอรน์ าโดเกิดจากการ
ปะทะกันของมวลอากาศร้อนและมวลอากาศเยน็ ซึง่ โดยปกติแล้วมกั พบในทวปี อเมริกาเหนือ และมหาสมุทร
แอตแลนติก เนื่องจากมีความแตกต่างของสภาพอากาศสูง โดยพายุทอร์นาโดร้อยละ 90 เกิดขึ้นบนบก มี
367
ความเร็วลมสูงจนเกิดลมหมนุ บิดเป็นเกลียวจากฐานเมฆลงสู่พื้นดนิ หรอื ท่เี รียกกันว่า “ลมงวง” สามารถพัดพา
เอาส่ิงปลูกสร้างลอยขนึ้ ไปในอากาศได้ เป็นพายุท่กี ่อตวั รวดเร็วและคาดเดาได้ยาก
ถงึ แมพ้ ายุทอรน์ าโดเป็นพายุทคี่ งตัวอย่ไู ดไ้ ม่นาน (ราว 1 ถงึ 2 ชั่วโมงเทา่ น้นั ) แตค่ วามรุนแรงของพายุ
และความไมแ่ น่นอนของการก่อตัว สง่ ผลใหพ้ ายุทอร์นาโดเป็นพายทุ อ่ี นั ตรายที่สดุ
ความรนุ แรง และความคาดเดาไม่ได้ของพายทุ อรน์ าโด ทำให้นกั พยากรณ์อากาศเรยี กช่ือเล่นของพายุชนิดน้วี า่
“เจา้ แห่งพายุ”
พายุ ไมไ่ ดเ้ ป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติท่ีเกิดขน้ึ เพียงบนโลกของเราเท่าน้ัน บนดาวเคราะห์ดวงอื่น
ในระบบสุริยะ เช่น ดาวเสาร์ ดาวอังคาร และดาวพฤหัสต่างมีพายุก่อตัวขึ้น โดยเฉพาะจุดสีแดงขนาดใหญ่
(Great Red Spot) บนดาวพฤหัสที่ยังสามารถมองเห็นได้จนถึงทุกวันนี้ จุดสีแดงดังกล่าว คือพายุหมุนที่มี
อาณาเขตกวา้ งกว่า 25,000 กิโลเมตร และคงอย่บู นดาวพฤหสั มากกวา่ 340 ปีแล้ว
ข้ันที่ 4 ขัน้ ขยายความรู้ (Elaboration)
1) ครูให้นักเรียนดูสื่อออนไลน์เพิ่มเติมเกี่ยวกับรูปแบบของพายุ เพื่อเป็นการทบทวนและสร้างความเข้าใจมาก
ยิง่ ขนึ้
ทมี่ า : https://www.youtube.com/watch?v=1JUmanG0Dkk
2) ครเู ปดิ โอกาสให้นักเรียนน้ันได้ถามคำถาม โดยแตล่ ะกลุ่มให้ตง้ั คำถามเก่ียวกับเรื่องท่ีเรียนไป
อย่างน้อย 1 คำถามตอ่ 1 กลุ่ม
368
3) ครแู นะนำแหล่งเรยี นรูเ้ พิม่ เติมทางอินเทอร์เนต็
4) ครูอธิบายการเรยี กชือ่ ของพายุ
ตารางชอ่ื เรยี กพายุตามสถานที่เกิด
พืน้ ท่เี กิดพายุ ชื่อ
มหาสมทุ รแปซิฟกิ ไตฝ้ นุ่ (Typhoon)
มหาสมทุ รอนิ เดยี อ่าวเบงกอล และทะเลอาหรับ ไซโคลน (Cyclone)
มหาสมทุ รรอบออสเตรเลยี และบรเิ วณหมู่เกาะตา่ งๆ วลิ ลี-วิลลี (Willy-Willy)
หม่เู กาะฟลิ ิปปินส์ บาเกยี ว (Baguio)
มหาสมุทรแอตแลนติก ทวีปอเมรกิ า เฮอรร์ เิ คน (Hurricane)
ข้ันที่ 5 ข้ันประเมิน (Evaluation)
1) ครปู ระเมนิ จากการปฏิบัตกิ ิจกรรมการเขียนแผนผงั ความคิดรปู แบบของพายุ
2) การตอบคำถามในชัน้ เรียน
7. การวดั และประเมินผล
การวัดและประเมินผลด้าน วิธีการวดั เคร่อื งมอื วัด เกณฑ์การผ่าน
ระดับคณุ ภาพ
1 ดา้ นความรู้ พอใช้ ขนึ้ ไป
1. นักเรียนสามารถอธิบาย - การตอบคำถามนกั เรียนในชน้ั เรียน - แบบประเมินการตอบคำถาม ระดับคณุ ภาพ
พอใช้ ขนึ้ ไป
รูปแบบของพายุได้
ระดับคุณภาพ
2. ดา้ นกระบวนการ พอใช้ ขึ้นไป
1. นกั เรียนสามารถเขียน - ตรวจการเขยี นแผนผังความคดิ - แบบประเมินการทำงานกลมุ่
แผนผงั ความคดิ รูปแบบของ รูปแบบของพายุ
พายไุ ด้
3. ดา้ นคณุ ลักษณะทพี่ งึ
ประสงค์ - การสงั เกตพฤตกิ รรมนกั เรียน - แบบประเมนิ การสังเกต
1. นกั เรยี นตั้งใจเรียนและ
มงุ่ มนั่ ในการทำงานได้
8. ส่ือและแหล่งเรียนรู้
8.1 สือ่ การสอน
- ส่ือการเรียนรู้ PowerPoint เร่ือง รปู แบบของพายุ
8.2 แหลง่ เรยี นรู้
- กิจกรรมการเขียนแผนผังความคิดรูปแบบของพายุ
- สอื่ ออนไลน์
- หนังสอื เรยี นวทิ ยาศาสตร์พน้ื ฐาน ม.1
369
บันทึกผลการจัดการการเรียนรทู้ ี่ 2.10
ผลการจดั การเรยี นรู้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ปัญหาและอุปสรรค
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
แนวทางแก้ไข / แนวทางการพฒั นา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ลงชื่อ....................................................ครผู ูส้ อน
(นางสาวสชุ าดา วงษแ์ ดง)
ความเห็นของผู้นิเทศ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ลงชือ่ ...............................................ผู้นิเทศ
(........................................................)
แบบประเมนิ ความรู้ (K) 370
เร่อื ง รูปแบบของพายุ
รายการประเมนิ ระดบั ผลการ
คณุ ภาพ ประเมนิ
44 8
เลขท่ี 1. การตอบ
ชอ่ื - สกุล คำถาม
2. เนื้อหา
รวมคะแนนที่ไ ้ด
ผ่าน
ไ ่มผ่าน
การผา่ นเกณฑ์ ระดบั คุณภาพ พอใช้ ข้นึ ไปผา่ นเกณฑ์
สรปุ ผลการประเมนิ ผา่ น...........................คน ไม่ผ่าน...........................คน
ลงชือ่ ...................................................ผูป้ ระเมิน
(นางสาวสชุ าดา วงษ์แดง)
371
เกณฑก์ ารประเมินความรู้ (K)
รายการประเมนิ น้ำหนัก ดีมาก (4) ระดับคณุ ภาพ ปรับปรงุ (1)
ดี (3) พอใช้ (2)
1. การตอบคำถาม 1 นกั เรียนตอบ นกั เรียนตอบ นกั เรยี นตอบ นกั เรียนตอบ
คำถามได้อย่าง คำถามได้อย่าง คำถามไดก้ ระชบั คำถามไม่ได้
กระชบั และจบั กระชบั และจับ จับใจความสำคัญ กระชบั ไม่สามารถ
ใจความสำคญั ได้ ใจความสำคญั ได้ ได้ ตอบคำถาม จับใจความสำคญั
เปน็ อย่างดี ไมส่ ัน้ พอสมควร แตย่ งั สัน้ หรอื ยาวมาก ได้ ตอบคำถามสน้ั
หรือยาวมาก ไม่สมบรู ณ์ จนเกินไป หรือยาวมาก
จนเกนิ ไป จนเกินไป
2. เน้ือหา 1 เนื้อหาของ เน้ือหาของ เนื้อหาของ เน้ือหาของคำตอบ
คำตอบมีความ คำตอบมีความ คำตอบถกู ต้อง ไมถ่ ูกต้อง ไม่
ถูกต้องมากท่ีสดุ ถกู ต้อง ครบถ้วน ไมค่ รบถ้วน ครบถว้ น สมบูรณ์
ครบถว้ น สมบูรณ์ สมบรู ณ์ บางส่วน สมบูรณ์
เกณฑก์ ารตัดสิน
ช่วงคะแนน 7 – 8 คะแนน ระดับคณุ ภาพ 4 หมายถึง ดมี าก
ชว่ งคะแนน 5 – 6 คะแนน ระดบั คุณภาพ 3 หมายถงึ ดี
ชว่ งคะแนน 3 – 4 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ 2 หมายถึง พอใช้
ชว่ งคะแนน 1 - 2 คะแนน ระดับคณุ ภาพ 1 หมายถงึ ปรบั ปรงุ
การผ่านเกณฑ์ ระดับคุณภาพ พอใช้ ขึ้นไปผ่านเกณฑ์
372
แบบประเมนิ ทกั ษะกระบวนการ (P)
กิจกรรมการเขยี นแผนผังความคดิ รูปแบบของพายุ
รายการประเมนิ 1. แหล่งข้อ ูมลที่ ระดบั ผลการ
นำมา คณุ ภาพ ประเมนิ
เลขที่
ชอ่ื - สกุล 2. การ ัจดกระทำ
้ขอ ูมล
3. การนำเสนอข้อ ูมล
รวมคะแนนที่ไ ้ด
่ผาน
ไ ่ม ่ผาน
4 4 4 12
การผ่านเกณฑ์ ระดับคุณภาพ พอใช้ ข้ึนไปผา่ นเกณฑ์
สรุปผลการประเมิน ผา่ น...........................คน ไม่ผ่าน...........................คน
ลงชอื่ ...................................................ผ้ปู ระเมนิ
(นางสาวสุชาดา วงษ์แดง)
373
เกณฑ์การประเมนิ ทักษะกระบวนการ (P)
ทักษะสอื่ ความหมายข้อมูล
รายการประเมิน น้ำหนัก ดีมาก (4) ระดบั คณุ ภาพ ปรับปรงุ (1)
ดี (3) พอใช้ (2)
นำข้อมูลมาจาก
1. แหล่งข้อมูลที่ 1 นำขอ้ มูลมาจากหลาย นำขอ้ มลู มาจากหลาย นำขอ้ มูลมาจากนอ้ ย นอ้ ยแหลง่ และ
นำมา นำมาน้อยรายการ
แหล่ง เช่น จากการ แหลง่ เชน่ จากการ แหลง่ และนำมาแหล่ง
2. การจดั กระทำ จัดกระทำข้อมลู
ข้อมูล สงั เกต การวดั การ สังเกต การวดั การ ละหลายรายการ ใหม่ โดยการ
เรยี งลำดับ แยก
ทดลอง และอ่นื ๆ ทดลอง และอ่นื ๆ แต่ ประเภท หรอื
คำนวณหาค่าใหม่
และนำมาแหลง่ ละ นำมาแหล่งละน้อย เพ่ือใหเ้ ข้าใจงา่ ยขน้ึ
ไม่ชดั เจน และไม่
หลายรายการ รายการ ตรงประเด็น
อธบิ ายเหตุผลใน
1 จัดกระทำข้อมลู ใหม่ จัดกระทำข้อมลู ใหม่ จดั กระทำข้อมูลใหม่ การเลอื กการ
นำเสนอไม่อยา่ ง
โดยการเรียงลำดบั โดยการเรยี งลำดบั โดยการเรียงลำดบั ชัดเจน และไมต่ รง
ประเด็น
แยกประเภท หรอื แยกประเภท หรอื แยกประเภท หรอื
คำนวณหาค่าใหม่ คำนวณหาค่าใหม่ คำนวณหาค่าใหม่
เพ่อื ให้เขา้ ใจง่ายขึน้ เพือ่ ใหเ้ ข้าใจง่ายขึน้ เพ่อื ให้เข้าใจงา่ ยขึน้
ชัดเจน และตรง ชดั เจน และตรง ชัดเจน และตรง
ประเด็นทุกครั้ง ประเดน็ บ่อยครง้ั ประเดน็ บางครงั้
3. การนำเสนอ 1 อธิบายเหตผุ ลในการ อธิบายเหตผุ ลในการ อธิบายเหตุผลในการ
ข้อมลู
เลอื กการนำเสนอได้ เลือกการนำเสนอได้ เลือกการนำเสนอได้
อยา่ งชดั เจน และตรง อย่างชัดเจน และตรง ชัดเจน และตรง
ประเด็นทกุ ครง้ั ประเดน็ บอ่ ยครงั้ ประเดน็ บางครง้ั
เกณฑ์การตัดสิน 11-12 คะแนน ระดับคณุ ภาพ 4 หมายถงึ ดีมาก
ช่วงคะแนน หมายถงึ ดี
8-10 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ 3 หมายถึง พอใช้
ชว่ งคะแนน 5-7 คะแนนระดับคุณภาพ 2 หมายถึง ปรับปรงุ
ช่วงคะแนน 3-4 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ 1
ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ขน้ึ ไปผ่านเกณฑ์
ชว่ งคะแนน
การผา่ นเกณฑ์
374
แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)
เลขท่ี รายการประเมนิ
1.มวี ินยั และส่งงาน รวม ระดับ ผลการ
ท่ีได้รับมอบหมาย คะแนน คุณภาพ ประเมนิ
ที่ได้
ช่ือ - สกุล 4321 ผ่าน
ไ ่มผ่าน
การผา่ นเกณฑ์ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ข้นึ ไปผา่ นเกณฑ์
สรุปผลการประเมิน ผา่ น...........................คน ไมผ่ า่ น...........................คน
ลงช่ือ...................................................ผ้ปู ระเมิน
(นางสาวสุชาดา วงษแ์ ดง)
375
เกณฑป์ ระเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A)
นกั เรียนมวี นิ ัยและสง่ งานตามที่ได้รับหมอบหมายได้ตามกำหนด
รายการ นำ้ หนัก ดมี าก (4) ระดับคุณภาพ ปรบั ปรงุ (1)
ประเมิน ดี (3) พอใช(้ 2)
ไมป่ ฏบิ ตั งิ านที่
1. นักเรยี น 1 ปฏบิ ัตงิ านท่ี ปฏิบตั งิ านที่ ปฏิบัตงิ านท่ี ได้รบั มอบ
หมายใหเ้ สรจ็
มีวินยั และ ได้รบั มอบหมาย ไดร้ ับมอบ ไดร้ ับมอบ
สมบรู ณ์ได้ตาม
สง่ งาน ใหเ้ สรจ็ สมบูรณ์ หมายให้เสร็จ หมายให้เสรจ็ กำหนดได้ และ
สง่ งานไมไ่ ดต้ าม
ตามท่ีได้รบั และมคี วาม สมบูรณ์ได้ตาม สมบูรณไ์ ด้ตาม เวลา ท่กี ำหนด
อย่เู ปน็ ประจำ
หมอบ เรยี บรอ้ ยได้ กำหนด และส่ง กำหนด และสง่
หมายได้ ตามทก่ี ำหนด งานไดต้ ามเวลา งานได้ตามเวลา
ตาม และสง่ งานได้ ทกี่ ำหนดอยู่ ทก่ี ำหนดอยู่
กำหนด ตามเวลา ท่ี เป็นประจำ บ่อยคร้ัง
กำหนดอยูเ่ ปน็
ประจำ
เกณฑก์ ารตัดสิน
คะแนน 4 ระดับคณุ ภาพ 4 หมายถึง ดมี าก
คะแนน 3 ระดับคุณภาพ 3 หมายถงึ ดี
คะแนน 2 ระดบั คุณภาพ 2 หมายถงึ พอใช้
คะแนน 1 ระดบั คณุ ภาพ 1 หมายถึง ปรับปรุง
การผ่านเกณฑ์ ระดบั คุณภาพ พอใช้ ขนึ้ ไปผา่ นเกณฑ์
376
แบบประเมินสมรรถนะทักษะการคิด
รายการประเมนิ 1. ีมความสามารถใน ระดบั ผลการ
เลขที่ การ ิคด ิวเคราะห์คณุ ภาพ ประเมนิ
ช่อื - สกุล 2. ัตด ิสนใจแ ้กปัญหา
เ ี่กยว ักบตนเองไ ้ด
3. ความสามารถในการ
สร้างอง ์คความ ู้ร
รวมคะแนนที่ไ ้ด
ผ่าน
ไ ่มผ่าน
3 3 39
การผ่านเกณฑ์ ระดับคุณภาพ พอใช้ ข้นึ ไปผ่านเกณฑ์
สรปุ ผลการประเมิน ผา่ น...........................คน ไม่ผ่าน...........................คน
ลงช่อื ...................................................ผูป้ ระเมนิ
(นางสาวสุชาดา วงษ์แดง)
377
เกณฑก์ ารประเมนิ สมรรถนะทักษะในการคดิ
ประเดน็ การ น้ำหนัก ระดบั คณุ ภาพ
ประเมนิ
ด(ี 3) พอใช้ (2) ปรับปรุง (1)
1. มีความสามารถ
ในการคิดวเิ คราะห์ 1 เขา้ ใจและแสดงความ เขา้ ใจและแสดงความ เข้าใจและแสดงความ
คดิ เหน็ เกี่ยวกับทเ่ี รียน
และสะทอ้ นความรู้ คิดเห็นเก่ียวกับท่ีเรียน คิดเหน็ เกยี่ วกับท่ี
ความคิด ความรสู้ ึกได้ ดี
และสะท้อนความรู้ เรียน และสะท้อน
มาก
ความคิด ความรูส้ กึ ได้ ความร้คู วามคิด
ปานกลาง ความรสู้ กึ ไดน้ ้อย
2. ตัดสนิ ใจ 1 สามารถตง้ั คำถามและ สามารถต้งั คำถามและ ไม่สามารถต้ังคำถาม
แก้ปัญหาเกีย่ วกบั ตอบคำถามเก่ียวกบั เร่ือง ตอบคำถามเกี่ยวกบั และตอบคำถาม
ตนเองได้ ทีเ่ รยี นได้อย่างถูกต้อง เรือ่ งท่เี รยี นไดอ้ ยา่ ง เกี่ยวกับเร่ืองทีเ่ รียน
คล่องแคล้ว แม่นยำ ถกู ตอ้ ง ได้เลย
3. ความสามารถ 1 มกี ารคน้ ควา้ ข้อมลู และ มีการค้นควา้ ขอ้ มลู ไมม่ ีการค้นควา้ ขอ้ มลู
ในการสร้างองค์
ความรู้ ศึกษาหาความรู้จากแหล่ง และศกึ ษาหาความรู้ และศกึ ษาหาความรู้
เรียนร้อู ื่นเพ่มิ เติมทกุ ครง้ั จากแหล่งเรยี นรู้อน่ื จากแหล่งเรยี นร้อู ื่น
เพิม่ เตมิ บางครง้ั เพม่ิ เตมิ เลย
เกณฑ์การประเมนิ ดี
ชว่ งคะแนน 8-9 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ 3 หมายถึง พอใช้
ปรับปรุง
ชว่ งคะแนน 5-7 คะแนน ระดับคณุ ภาพ 2 หมายถงึ
ชว่ งคะแนน 3-4 คะแนน ระดบั คุณภาพ 1 หมายถงึ
เกณฑก์ ารผา่ น นกั เรยี นได้ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ขน้ึ ไปถอื ว่าผ่านเกณฑ์
378
แผนการจัดการเรียนรูท้ ่ี 2.11
เร่ือง การปฏิบัติตนให้ปลอดภยั จากพายุ รายวิชา วทิ ยาศาสตร์ รหสั วิชา ว21102 เวลา 2 คาบ
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 2 ช่อื หนว่ ยการเรียนรู้ กระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟา้ อากาศ รวม 27 คาบ
กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 ภาคเรยี นท่ี 2
สาระที่ 2 ช่อื สาระ วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ มาตรฐาน ว 3.2
ช่อื ผสู้ อน นางสาวสุชาดา วงษ์แดง โรงเรยี นวัดตะวนั เรือง
1. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด
ลมฟา้ อากาศมีการเปล่ียนแปลงไดต้ ลอดเวลาเม่อื องค์ประกอบของลมฟา้ อากาศมีการเปล่ียนแปลงไป
บางครั้งการเปลีย่ นแปลงลมฟ้าอากาศจะเกิดอยา่ งรุนแรงซึง่ สง่ ผลกระทบต่อมนุษย์และสิง่ แวดล้อมอย่างมาก
สําหรับประเทศไทยพบการเปลี่ยนแปลงลมฟ้าอากาศไดแ้ ก่ พายฝุ นฟ้าคะนองและพายุหมุนเขตรอ้ น ซึง่ พายทุ ั้ง
สองมีกระบวนการเกิดและผลกระทบท้ังเหมอื นและแตกต่างกัน ลมฟ้าอากาศเป็นสภาวะของอากาศท่ีเกดิ ขึน้
ในพื้นที่หนึง่ ๆในช่วงเวลาหนึ่ง เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ดังที่กล่าวมา ภูมิอากาศเป็นลักษณะลมฟ้าอากาศโดย
เฉลี่ยของพื้นที่หนึ่ง ๆ ในแต่ละช่วงเวลา มีการเปลี่ยนแปลงได้เช่นกัน ปัจจัยที่ทําให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
ภูมิอากาศมีทั้งปัจจัยทางธรรมชาติและกิจกรรมของมนุษย์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศแม้ไม่ได้เกิดขึ้นอย่าง
รวดเร็วเหมอื นดังการเปลีย่ นแปลงลมฟา้ อากาศแต่ก็สง่ ผลกระทบต่อสิ่งมีชีวติ และสิง่ แวดล้อมอย่างมาก มนุษย์
จําเป็นต้องเรียนรู้สถานการณ์ผลกระทบ และแนวทางในการปฏิบัติตนภายใต้การเปลี่ยนแปลงลมฟ้าอากาศ
และการเปลีย่ นแปลงภมู ิอากาศ เพื่อให้มนษุ ยแ์ ละส่ิงแวดล้อมดํารงอยไู่ ด้อย่างปลอดภยั และยั่งยนื
2. ตัวชีว้ ดั /จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
2.1 ตัวชว้ี ดั
- ม.1/3 เปรยี บเทยี บกระบวนการเกิดพายุ ฝนฟ้าคะนอง และพายุหมุนเขตรอ้ น และผลที่มี
ต่อสง่ิ มชี วี ติ และสงิ่ แวดล้อม รวมท้ังนำเสนอแนวทางการ ปฏิบัติตนให้เหมาะสมและปลอดภัย
2.2 จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
- นักเรียนสามารถอธบิ ายการปฏิบัตติ นให้ปลอดภัยจากพายไุ ด้ (K)
- นักเรยี นสามารถแสดงบทบาทสมมติเกย่ี วกบั การปฏบิ ตั ติ นใหป้ ลอดภัยจากพายุได้ (P)
- นกั เรียนตั้งใจเรยี นและมุง่ มนั่ ในการทำงานได้ (A)
3. สาระการเรยี นรู้
การเตรียมการป้องกันอนั ตรายจากพายุ
1. ตดิ ตามสภาวะอากาศ ฟงั คำเตอื นจากกรมอตุ นุ ิยมวทิ ยาสมำ่ เสมอ
2. สอบถาม แจง้ สภาวะอากาศรา้ ยแกก่ รมอุตุนิยมวิทยา
3. ซอ่ มแซม อาคารใหแ้ ขง็ แรง เตรียมป้องกนั ภยั ใหส้ ัตว์เลย้ี งและพชื ผลการเกษตร
4. ฝกึ ซ้อมการป้องกันภยั พบิ ัติ เตรียมพรอ้ มรับมอื และวางแผนอพยพหากจำเปน็
5. เตรียมเครอ่ื งอปุ โภค บริโภค ไฟฉาย แบตเตอร่ี วทิ ยุกระเป๋าหวิ้ ติดตามข่าวสาร
6. เตรยี มพรอ้ มอพยพเมื่อได้รบั แจ้งให้อพยพ
4. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน
4.1 ความสามารถในการคิด
379
5. คณุ ลักษณะที่พงึ ประสงค์
5.1 มุ่งม่นั ในการทำงาน
5.2 มีวินัย
5.3 ใฝ่เรยี นรู้
6. การจดั กิจกรรมการเรียนรู้แบบสบื เสาะหาความรู้ (5E)
ขน้ั ที่ 1 กระตุ้นความสนใจ (Engagement)
1) ครทู บทวนความรู้เดมิ เร่ืองกลมุ่ ของพายุ เพ่อื เปน็ การกระตนุ้ ในการเรยี นของนักเรยี น โดยการ
ใชค้ ำถาม ดงั ตอ่ ไปน้ี
1.1 รูปแบบของพายุได้แก่อะไรบ้าง (แนวการตอบ พายุสามารถแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม
หลัก ไดแ้ ก่ 1.พายฝุ นฟ้าคะนอง (Thunderstorm) เป็นพายทุ ่ีมกั เกิดขนึ้ เป็นประจำในพน้ื ทเ่ี ขตร้อนช้ืน (Tropical
zone) โดยเฉพาะบรเิ วณใกล้เส้นศนู ย์สูตรของโลก 2. พายุหมนุ เขตร้อน (Tropical Cyclone) เปน็ พายุขนาดใหญ่
ที่ก่อตัวขึ้นในทะเลและมหาสมุทรแถบเส้นศูนย์สตู ร และ3.พายุทอร์นาโด (Tornado) เป็นพายุที่มีขนาดเส้นผา่ น
ศูนย์กลางค่อนข้างเล็ก โดยมีรัศมีราว 50 ถึง 500 เมตร เท่านั้น แต่มีความเร็วลมตั้งแต่ 300 ไปจนถึง 500
กิโลเมตรตอ่ ชว่ั โมง)
1.2 “พายุฤดูร้อน” อยู่ในกลุ่มใดของพายุ (แนวการตอบ พายุฝนฟ้าคะนอง
(Thunderstorm))
1.3 พายุหมุนเขตร้อน (Tropical Cyclone) มีการแบ่งเกณฑ์ความรุนแรงของพายตุ าม
ความเร็วลมใกล้ศนู ย์กลางพายุเป็นเกณฑ์ ไดแ้ ก่พายอุ ะไรบ้าง (แนวการตอบ ดเี ปรสชนั่ (Tropical Depression)
เป็นพายุทม่ี ีความเรว็ ลมต่ำที่สุด โดยมคี วามเร็วลมสงู สุดใกล้จดุ ศนู ยก์ ลางไมเ่ กิน 63 กิโลเมตรต่อช่วั โมง (34 นอต),
พายุโซนร้อน (Tropical Storm) เป็นพายุที่ก่อตัวขึ้นในทะเลก่อนเคลื่อนที่เข้าหาฝั่ง โดยมีความเร็วลมไม่เกิน
118 กิโลเมตรต่อชัว่ โมง (64 นอต) และไต้ฝุน่ (Typhoon) หรอื เฮอร์รเิ คน (Hurricane) เป็นพายุทมี่ ีความเร็วลม
สูงกวา่ 118 กโิ ลเมตรต่อชั่วโมง (64 นอต))
2) ครูให้นักเรียนดูวิดิทัศน์เกี่ยวข้องกับพายุ ซึ่งเป็นรายงานข่าวเกี่ยวกบั พายุทั้งในประเทศไทย
และตา่ งประเทศ
ทมี่ า : https://www.youtube.com/watch?v=h1VCr3Guqpg
380
ที่มา : https://www.youtube.com/watch?v=BsqP37wbm8s
ขนั้ ที่ 2 ขัน้ สำรวจและค้นหา (Exploration)
1) ครใู หน้ ักเรียนนง่ั เป็นกลมุ่ ตามท่ีไดจ้ ดั ไว้ โดยจะมีสมาชกิ กล่มุ อยูป่ ระมาณ 4- 5 คนต่อกลุ่ม
เพื่อจะได้ดำเนินกิจกรรมการดำเนินกิจกรรมกลุ่ม โดยครูให้นักเรียนทำกิจกรรมการแสดงบทบาทสมมติ
เกี่ยวกบั การปฏิบัตติ นใหป้ ลอดภัยจากพายุ ทั้งนี้ครูได้สั่งใหน้ กั เรียนได้รับทราบก่อนหน้าท่ีแล้วว่าให้นักเรยี น
แตล่ ะกลุ่มเตรียมความพรอ้ มในเร่ืองการแสดงบทบาทสมมติ
2) ครใู ห้นักเรียนแตล่ ะกลุ่มสง่ ตวั แทนกลมุ่ ออกมาเพื่อดำเนินการจับฉลากเพ่อื เรียงลำดับการ
แสดง จากนน้ั ให้ทำการแสดงจบครบทกุ กลมุ่ โดยกำชับนักเรียนว่าใหน้ กั เรยี นแต่ละกลุม่ ทย่ี ังไมแ่ สดงหรือแสดง
ไปเป็นที่เรยี บรอ้ ยแลว้ ใหร้ บั ชมกลุม่ อืน่ ๆด้วยความตง้ั ใจ
ขัน้ ท่ี 3 ขัน้ อธิบายและลงขอ้ สรปุ (Explanation)
1) หลังจากที่นักเรียนทุกกลุ่มได้ดำเนินกิจกรรมเรียบร้อยแล้ว ครูและนักเรียนร่วมกัน
อภิปรายและสรุปเก่ยี วขอ้ งกบั เรอื่ งการปฏิบตั ติ นให้ปลอดภัยจากพายุได้ดังน้ี
การปฏบิ ตั ิตนให้ปลอดภยั จากพายุและการเตรยี มการปอ้ งกนั อันตรายจากพายุ ดังนี้
1. ติดตามสภาวะอากาศ ฟังคำเตือนจากกรมอุตนุ ิยมวิทยาสม่ำเสมอ
2. สอบถาม แจ้งสภาวะอากาศร้ายแก่กรมอตุ ุนยิ มวทิ ยา
3. ซ่อมแซม อาคารใหแ้ ข็งแรง เตรียมป้องกนั ภยั ใหส้ ัตวเ์ ล้ียงและพชื ผลการเกษตร
4. ฝึกซ้อมการป้องกนั ภยั พิบัติ เตรยี มพรอ้ มรบั มือ และวางแผนอพยพหากจำเป็น
5. เตรยี มเคร่อื งอุปโภค บริโภค ไฟฉาย แบตเตอร่ี วิทยกุ ระเป๋าหิ้วตดิ ตามข่าวสาร
6. เตรยี มพรอ้ มอพยพเมือ่ ไดร้ ับแจง้ ใหอ้ พยพ
2) ครใู ห้นกั เรยี นแตล่ ะคนเขยี นความร้สู กึ เกีย่ วขอ้ งกับเร่อื งของการปฏิบัตติ นใหป้ ลอดภัยจากพายุ
และการเตรียมการป้องกนั อันตรายจากพายุ
ขน้ั ที่ 4 ขั้นขยายความรู้ (Elaboration)
1) ครใู หน้ กั เรียนดูส่ือออนไลนเ์ พ่มิ เตมิ เกีย่ วกบั ตัวอย่างผลกระทบจากพายุ เพ่ือเปน็ การทบทวน
และสร้างความเขา้ ใจมากยง่ิ ขน้ึ
381
ทีม่ า : https://www.youtube.com/watch?v=kqD9xaJD7eU
2) ครเู ปิดโอกาสใหน้ กั เรียนนั้นได้ถามคำถาม โดยแตล่ ะกลุ่มให้ต้งั คำถามเกี่ยวกับเร่ืองที่เรียนไป
อยา่ งนอ้ ย 1 คำถามต่อ 1 กลุ่ม
3) ครแู นะนำแหล่งเรียนรูเ้ พิ่มเติมทางอนิ เทอรเ์ น็ต
4) ครูอธิบายเพิม่ เติมเรื่อง มรสุม เพื่อให้นักเรียนเข้าใจ กล่าวคือ มรสุม (Monsoon) คำว่า
มรสุม หรือ Monsoon มาจากคำ Mausim ในภาษาอาหรับ แปลว่า ฤดูกาล ในครั้งแรกได้นำคำนี้มาใช้เรียก
ลมที่เกิดในทะเลอาหรับก่อน ลมนี้เปน็ ลมท่พี ดั มาจากภาคพ้นื ทวปี แถบประเทศอาฟกานิสถาน ปากีสถานและ
ตอนเหนือของประเทศอินเดีย ในทิศตะวันออกเฉียงเหนือเข้าสู่ทะเลอาหรับ เป็นระยะเวลา 6 เดือน แล้ว
เปล่ียนกลับไปในทิศทางตรงขา้ ม คือ จากทะเลอาหรับเข้าส่ภู าคพื้นทวปี ทางทิศตะวันตกเฉยี งใตเ้ ปน็ ระยะเวลา
6 เดอื น เชน่ กัน ต่อมาไดน้ ำคำน้ไี ปใช้เรยี กลมทม่ี ลี ักษณะอย่างเดียวกนั แต่เกิดขนึ้ ในส่วนอน่ื ของโลกด้วย
ข้ันที่ 5 ขน้ั ประเมนิ (Evaluation)
1) ครูประเมินจากการแสดงบทบาทสมมตเิ ก่ยี วกับการปฏบิ ัตติ นใหป้ ลอดภยั จากพายุ
2) การตอบคำถามในชน้ั เรยี น
7. การวัดและประเมินผล
การวดั และประเมนิ ผลด้าน วิธกี ารวดั เครอื่ งมือวดั เกณฑ์การผา่ น
ระดบั คณุ ภาพ
1 ด้านความรู้ พอใช้ ขนึ้ ไป
1. นกั เรยี นสามารถอธิบาย - การตอบคำถามนักเรียนในชน้ั เรยี น - แบบประเมินการตอบคำถาม ระดบั คณุ ภาพ
การปฏิบตั ิตนให้ปลอดภัย พอใช้ ขึน้ ไป
จากพายไุ ด้
2. ด้านกระบวนการ
1. นักเรยี นสามารถแสดง - บนั ทึกคะแนนการแสดงบทบาท
บทบาทสมมติเกย่ี วกับการ สมมตเิ กีย่ วกบั การปฏบิ ตั ิตนให้ - แบบประเมนิ การทำงานกลุม่
ปฏิบัติตนใหป้ ลอดภัยจาก ปลอดภัยจากพายุ
พายไุ ด้
การวดั และประเมนิ ผลด้าน วธิ ีการวดั เครอ่ื งมือวัด 382
- แบบประเมินการสังเกต
3. ด้านคณุ ลักษณะทพี่ ึง เกณฑ์การผา่ น
ประสงค์ - การสังเกตพฤตกิ รรมนกั เรียน ระดับคณุ ภาพ
1. นกั เรยี นตง้ั ใจเรยี นและ พอใช้ ข้นึ ไป
มงุ่ มั่นในการทำงานได้
8. ส่อื และแหล่งเรียนรู้
8.1 สอ่ื การสอน
-
8.2 แหลง่ เรยี นรู้
- กจิ กรรมการแสดงบทบาทสมมตเิ กย่ี วกับการปฏิบัติตนให้ปลอดภัยจากพายุ
- สื่อออนไลน์
- หนงั สือเรยี นวทิ ยาศาสตรพ์ น้ื ฐาน ม.1
383
บนั ทึกผลการจัดการการเรียนรูท้ ่ี 2.11
ผลการจัดการเรียนรู้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ปัญหาและอุปสรรค
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
แนวทางแกไ้ ข / แนวทางการพฒั นา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ลงชือ่ ....................................................ครผู สู้ อน
(นางสาวสุชาดา วงษ์แดง)
ความเห็นของผู้นิเทศ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ลงชือ่ ...............................................ผู้นิเทศ
(........................................................)
แบบประเมินความรู้ (K) 384
เรอื่ ง การปฏบิ ตั ิตนให้ปลอดภัยจากพายุ
ระดับ ผลการ
รายการประเมนิ คุณภาพ ประเมนิ
1. การตอบ
เลขที่ คำถาม
ชื่อ - สกุล 2. เนื้อหา
รวมคะแนนที่ไ ้ด
ผ่าน
ไ ่มผ่าน
448
การผา่ นเกณฑ์ ระดับคุณภาพ พอใช้ ขนึ้ ไปผา่ นเกณฑ์
สรุปผลการประเมิน ผา่ น...........................คน ไม่ผา่ น...........................คน
ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมนิ
(นางสาวสชุ าดา วงษ์แดง)
385
เกณฑก์ ารประเมินความรู้ (K)
รายการประเมนิ น้ำหนัก ดีมาก (4) ระดับคณุ ภาพ ปรับปรงุ (1)
ดี (3) พอใช้ (2)
1. การตอบคำถาม 1 นกั เรียนตอบ นกั เรียนตอบ นกั เรยี นตอบ นกั เรียนตอบ
คำถามได้อย่าง คำถามได้อย่าง คำถามไดก้ ระชบั คำถามไม่ได้
กระชบั และจบั กระชบั และจับ จับใจความสำคัญ กระชบั ไม่สามารถ
ใจความสำคญั ได้ ใจความสำคญั ได้ ได้ ตอบคำถาม จับใจความสำคญั
เปน็ อย่างดี ไมส่ ัน้ พอสมควร แตย่ งั สัน้ หรอื ยาวมาก ได้ ตอบคำถามสน้ั
หรือยาวมาก ไม่สมบรู ณ์ จนเกินไป หรือยาวมาก
จนเกนิ ไป จนเกินไป
2. เน้ือหา 1 เนื้อหาของ เน้ือหาของ เนื้อหาของ เน้ือหาของคำตอบ
คำตอบมีความ คำตอบมีความ คำตอบถกู ต้อง ไมถ่ ูกต้อง ไม่
ถูกต้องมากท่ีสดุ ถกู ต้อง ครบถ้วน ไมค่ รบถ้วน ครบถว้ น สมบูรณ์
ครบถว้ น สมบูรณ์ สมบรู ณ์ บางส่วน สมบูรณ์
เกณฑก์ ารตัดสิน
ช่วงคะแนน 7 – 8 คะแนน ระดับคณุ ภาพ 4 หมายถึง ดมี าก
ชว่ งคะแนน 5 – 6 คะแนน ระดบั คุณภาพ 3 หมายถงึ ดี
ชว่ งคะแนน 3 – 4 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ 2 หมายถึง พอใช้
ชว่ งคะแนน 1 - 2 คะแนน ระดับคณุ ภาพ 1 หมายถงึ ปรบั ปรงุ
การผ่านเกณฑ์ ระดับคุณภาพ พอใช้ ขึ้นไปผ่านเกณฑ์
386
แบบประเมนิ ทกั ษะกระบวนการ (P)
กจิ กรรมการแสดงบทบาทสมมตเิ กย่ี วกบั การปฏิบัตติ นให้ปลอดภัยจากพายุ
รายการประเมนิ 1. ความสามารถใน ระดบั ผลการ
เลขที่ การออกแบบทดลอง คุณภาพ ประเมิน
2. การป ิฏบั ิตการ
ชือ่ - สกุล
ทดลอง
3. การบันทึกผล
รวมคะแนนท่ีไ ้ด
่ผาน
ไ ่ม ่ผาน
4448
การผา่ นเกณฑ์ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ขึน้ ไปผา่ นเกณฑ์
สรุปผลการประเมิน ผ่าน...........................คน ไม่ผา่ น...........................คน
ลงชอื่ ...................................................ผปู้ ระเมิน
(นางสาวสุชาดา วงษแ์ ดง)
387
เกณฑ์การประเมินทักษะกระบวนการ (P)
ทกั ษะการทดลอง
รายการประเมนิ น้ำหนัก ดมี าก (4) ระดับคณุ ภาพ ปรับปรุง (1)
ดี (3) พอใช้ (2)
1. ความสามารถ 1 กำหนดวธิ กี ารอุปกรณ์ กำหนดวิธกี ารอุปกรณ์ กำหนดวธิ กี ารอปุ กรณ์ กำหนดวิธีการ
ในการออกแบบ สารเคมี อย่างถูกต้อง สารเคมี อย่างถกู ต้อง สารเคมี อย่างถกู ตอ้ ง อุปกรณ์ สารเคมี
การทดลอง เหมาะสม และใช้อย่าง เหมาะสม และใช้อย่าง เหมาะสม และใช้อยา่ ง ไมถ่ กู ตอ้ ง
ถูกวิธีทกุ ครง้ั ถกู วธิ ีบ่อยครัง้ ถกู วิธบี างคร้ัง ไม่เหมาะสม และ
ใช้อยา่ งไม่ถูกวิธี
2. การปฏิบตั ิการ 1 ทดลองตามขั้นตอนท่ี ทดลองตามข้ันตอนท่ี ทดลองตามขั้นตอนที่ การทดลองไม่
ทดลอง กำหนดไว้ทันเวลา ใช้ กำหนดไวท้ ันเวลา ใช้ กำหนดไวท้ นั เวลา ใช้ เปน็ ไปตามขั้นตอน
อุปกรณแ์ ละสารเคมี อุปกรณแ์ ละสารเคมี อุปกรณ์และสารเคมี ไม่ทนั เวลา ใช้
อย่างถกู ตอ้ ง อยา่ งถูกต้อง อย่างถูกต้อง อปุ กรณแ์ ละ
คลอ่ งแคล่ว และ คลอ่ งแคล่ว และ คล่องแคลว่ และ สารเคมไี มถ่ ูกตอ้ ง
เหมาะสมทุกครง้ั เหมาะสมบอ่ ยครั้ง เหมาะสมบางคร้งั ไม่คล่อง และไม่
เหมาะสม
3. การบันทึกผล 1 บันทึกผลคล่องแคล่ว บันทกึ ผลคลอ่ งแคล่ว บันทกึ ผลคลอ่ งแคล่ว บันทกึ ผลไม่
ถกู ตอ้ งและออกแบบ ถกู ตอ้ ง และออกแบบ ถกู ตอ้ ง และออกแบบ คลอ่ งแคล่ว ไม่ค่อย
ตารางบันทกึ ผลที่ ตารางบันทกึ ผลที่ ตารางบนั ทกึ ผลท่ี ถกู ตอ้ ง และ
เหมาะสมกับขอ้ มูลทกุ เหมาะสมกับขอ้ มูล เหมาะสมกับข้อมูลเป็น ออกแบบตาราง
ครั้ง บอ่ ยครั้ง บางครงั้ บนั ทกึ ผลไม่
เหมาะสมกบั ขอ้ มูล
เกณฑก์ ารตัดสนิ
ช่วงคะแนน 11-12 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ 4 หมายถึง ดมี าก
ช่วงคะแนน 8-10 คะแนน ระดับคณุ ภาพ 3 หมายถึง ดี
ชว่ งคะแนน 5-7 คะแนนระดบั คุณภาพ 2 หมายถึง พอใช้
ช่วงคะแนน 3-4 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ 1 หมายถึง ปรบั ปรุง
การผ่านเกณฑ์ ระดบั คุณภาพ พอใช้ ข้นึ ไปผา่ นเกณฑ์
388
แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)
เลขท่ี รายการประเมนิ
1.มวี ินยั และส่งงาน รวม ระดับ ผลการ
ท่ีได้รับมอบหมาย คะแนน คุณภาพ ประเมนิ
ที่ได้
ช่ือ - สกุล 4321 ผ่าน
ไ ่มผ่าน
การผา่ นเกณฑ์ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ข้นึ ไปผา่ นเกณฑ์
สรุปผลการประเมิน ผา่ น...........................คน ไมผ่ า่ น...........................คน
ลงช่ือ...................................................ผ้ปู ระเมิน
(นางสาวสุชาดา วงษแ์ ดง)
389
เกณฑป์ ระเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A)
นกั เรียนมวี นิ ัยและสง่ งานตามที่ได้รับหมอบหมายได้ตามกำหนด
รายการ นำ้ หนัก ดมี าก (4) ระดับคุณภาพ ปรบั ปรงุ (1)
ประเมิน ดี (3) พอใช(้ 2)
ไมป่ ฏบิ ตั งิ านที่
1. นักเรยี น 1 ปฏบิ ัตงิ านท่ี ปฏิบตั งิ านที่ ปฏิบัตงิ านท่ี ได้รบั มอบ
หมายใหเ้ สรจ็
มีวินยั และ ได้รบั มอบหมาย ไดร้ ับมอบ ไดร้ ับมอบ
สมบรู ณ์ได้ตาม
สง่ งาน ใหเ้ สรจ็ สมบูรณ์ หมายให้เสร็จ หมายให้เสรจ็ กำหนดได้ และ
สง่ งานไมไ่ ดต้ าม
ตามท่ีได้รบั และมคี วาม สมบูรณ์ได้ตาม สมบูรณไ์ ด้ตาม เวลา ท่กี ำหนด
อย่เู ปน็ ประจำ
หมอบ เรยี บรอ้ ยได้ กำหนด และส่ง กำหนด และสง่
หมายได้ ตามทก่ี ำหนด งานไดต้ ามเวลา งานได้ตามเวลา
ตาม และสง่ งานได้ ทกี่ ำหนดอยู่ ทก่ี ำหนดอยู่
กำหนด ตามเวลา ท่ี เป็นประจำ บ่อยคร้ัง
กำหนดอยูเ่ ปน็
ประจำ
เกณฑก์ ารตัดสิน
คะแนน 4 ระดับคณุ ภาพ 4 หมายถึง ดมี าก
คะแนน 3 ระดับคุณภาพ 3 หมายถงึ ดี
คะแนน 2 ระดบั คุณภาพ 2 หมายถงึ พอใช้
คะแนน 1 ระดบั คณุ ภาพ 1 หมายถึง ปรับปรุง
การผ่านเกณฑ์ ระดบั คุณภาพ พอใช้ ขนึ้ ไปผา่ นเกณฑ์
390
แบบประเมินสมรรถนะทักษะการคิด
รายการประเมนิ 1. ีมความสามารถใน ระดบั ผลการ
เลขที่ การ ิคด ิวเคราะห์คณุ ภาพ ประเมนิ
ช่อื - สกุล 2. ัตด ิสนใจแ ้กปัญหา
เ ี่กยว ักบตนเองไ ้ด
3. ความสามารถในการ
สร้างอง ์คความ ู้ร
รวมคะแนนที่ไ ้ด
ผ่าน
ไ ่มผ่าน
3 3 39
การผ่านเกณฑ์ ระดับคุณภาพ พอใช้ ข้นึ ไปผ่านเกณฑ์
สรปุ ผลการประเมิน ผา่ น...........................คน ไม่ผ่าน...........................คน
ลงช่อื ...................................................ผูป้ ระเมนิ
(นางสาวสุชาดา วงษ์แดง)
391
เกณฑก์ ารประเมนิ สมรรถนะทักษะในการคดิ
ประเดน็ การ น้ำหนัก ระดบั คณุ ภาพ
ประเมนิ
ด(ี 3) พอใช้ (2) ปรับปรุง (1)
1. มีความสามารถ
ในการคิดวเิ คราะห์ 1 เขา้ ใจและแสดงความ เขา้ ใจและแสดงความ เข้าใจและแสดงความ
คดิ เหน็ เกี่ยวกับทเ่ี รียน
และสะทอ้ นความรู้ คิดเห็นเก่ียวกับท่ีเรียน คิดเหน็ เกยี่ วกับท่ี
ความคิด ความรสู้ ึกได้ ดี
และสะท้อนความรู้ เรียน และสะท้อน
มาก
ความคิด ความรูส้ กึ ได้ ความร้คู วามคิด
ปานกลาง ความรสู้ กึ ไดน้ ้อย
2. ตัดสนิ ใจ 1 สามารถตง้ั คำถามและ สามารถต้งั คำถามและ ไม่สามารถต้ังคำถาม
แก้ปัญหาเกีย่ วกบั ตอบคำถามเก่ียวกบั เร่ือง ตอบคำถามเกี่ยวกบั และตอบคำถาม
ตนเองได้ ทีเ่ รยี นได้อย่างถูกต้อง เรือ่ งท่เี รยี นไดอ้ ยา่ ง เกี่ยวกับเร่ืองทีเ่ รียน
คล่องแคล้ว แม่นยำ ถกู ตอ้ ง ได้เลย
3. ความสามารถ 1 มกี ารคน้ ควา้ ข้อมลู และ มีการค้นควา้ ขอ้ มลู ไมม่ ีการค้นควา้ ขอ้ มลู
ในการสร้างองค์
ความรู้ ศึกษาหาความรู้จากแหล่ง และศกึ ษาหาความรู้ และศกึ ษาหาความรู้
เรียนร้อู ื่นเพ่มิ เติมทกุ ครง้ั จากแหล่งเรยี นรู้อน่ื จากแหล่งเรยี นร้อู ื่น
เพิม่ เตมิ บางครง้ั เพม่ิ เตมิ เลย
เกณฑ์การประเมนิ ดี
ชว่ งคะแนน 8-9 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ 3 หมายถึง พอใช้
ปรับปรุง
ชว่ งคะแนน 5-7 คะแนน ระดับคณุ ภาพ 2 หมายถงึ
ชว่ งคะแนน 3-4 คะแนน ระดบั คุณภาพ 1 หมายถงึ
เกณฑก์ ารผา่ น นกั เรยี นได้ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ขน้ึ ไปถอื ว่าผ่านเกณฑ์
392
แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 2.12
เรอื่ ง การเปล่ียนอุณหภูมิอากาศ รายวชิ า วิทยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว21102 เวลา 2 คาบ
หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 2 ช่ือหน่วยการเรียนรู้ กระบวนการเปลยี่ นแปลงลมฟ้าอากาศ รวม 27 คาบ
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 ภาคเรียนท่ี 2
สาระท่ี 2 ช่ือสาระ วทิ ยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว 3.2
ชอื่ ผ้สู อน นางสาวสุชาดา วงษแ์ ดง โรงเรียนวดั ตะวนั เรือง
1. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด
ลมฟ้าอากาศ เป็นสภาวะของอากาศในเวลาหนงึ่ ของพื้นที่หนงึ่ ทม่ี กี ารเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ขึ้นอยู่
กับองค์ประกอบลมฟา้ อากาศ ได้แก่ อณุ หภมู ิอากาศ ความกดอากาศ ลม ความชืน้ เมฆ และหยาดนำ้ ฟ้า โดย
หยาดน้ำฟ้าที่พบบ่อยในประเทศไทยได้แก่ ฝน องค์ประกอบ ลมฟ้าอากาศเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาขึ้นอยู่กับ
ปัจจัยตา่ ง ๆ เชน่ ปรมิ าณรังสีจากดวงอาทิตย์และลกั ษณะพนื้ ผิวโลกส่งผลต่ออุณหภูมอิ ากาศ อุณหภูมิอากาศ
และปริมาณไอนำ้ ส่งผลต่อความช้ืน ความกดอากาศส่งผลต่อลม ความชน้ื และลมส่งผลตอ่ เมฆ
2. ตวั ชว้ี ัด/จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
2.1 ตัวช้ีวดั
- ม.1/6 อธิบายสถานการณแ์ ละผลกระทบการเปลยี่ นแปลงภูมอิ ากาศโลกจากขอ้ มูลที่
รวบรวมได้
2.2 จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
- นักเรียนสามารถอธบิ ายการเปลยี่ นแปลงอุณหภูมอิ ากาศได้ (K)
- นักเรียนสามารถเขยี นวเิ คราะห์สาเหตุการเปล่ยี นแปลงอุณหภมู อิ ากาศได้ (P)
- นักเรยี นต้ังใจเรียนและมุ่งมนั่ ในการทำงานได้ (A)
3. สาระการเรยี นรู้
ภูมิอากาศโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องโดยปัจจัยทางธรรมชาติ แต่ปัจจุบันการเปลี่ยนแปลง
ภูมิอากาศเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเนื่องจากกิจกรรมของมนษุ ย์ในการปลดปล่อยแกส๊ เรือนกระจกสู่บรรยากาศ แก๊ส
เรอื นกระจกท่ถี กู ปลดปล่อยมากท่สี ดุ ได้แก่ แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์ ซงึ่ หมนุ เวียนอยใู่ นวัฏจกั รคาร์บอน
4. สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รียน
4.1 ความสามารถในการคิด
5. คณุ ลกั ษณะทพี่ ึงประสงค์
5.1 มุง่ มน่ั ในการทำงาน
5.2 มีวนิ ยั
5.3 ใฝ่เรยี นรู้
6. การจัดกิจกรรมการเรยี นรแู้ บบสบื เสาะหาความรู้ (5E)
ขัน้ ท่ี 1 กระตุน้ ความสนใจ (Engagement)
1) ครูใหน้ กั เรียนดูภาพจากสอื่ การเรียนรู้ PowerPoint เร่อื ง การเปลย่ี นอณุ หภมู ิอากาศ
ดังต่อไปนี้ แล้วให้นักเรียนเขียนลงในสมดุ ว่านักเรียนนั้นมีความคิดเห็นและมีความรู้สึกอย่างไร โดยครูให้เวลาใน
การเขยี น 5 นาที
393
ท่มี า : https://ngthai.com/science/20321/polar-bears/
2) ครูส่มุ ถามนักเรยี นจากภาพเหตุการณ์ดงั กล่าวความคดิ เหน็ และมีความรู้สึกอย่างไร นักเรียนมี
วธิ ีการอย่างไรบ้างทจ่ี ะทำให้เหตุการณ์แบบนี้เกดิ ขนึ้ น้อยลง ทัง้ นีค้ รใู ห้นักเรียนคิดโดยไมต่ ้องตอบคำถามครู
3) ครูให้นักเรยี นรับชมวิดิทัศน์เกี่ยวกบั ภาวะโลกร้อน ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงอุณหภมู ิ
อากาศ
ท่ีมา : https://www.youtube.com/watch?v=MPPY42-cQE0
ขนั้ ที่ 2 ขนั้ สำรวจและค้นหา (Exploration)
1) ครูให้นักเรียนน่ังเปน็ กล่มุ ตามที่ไดจ้ ดั ไว้ โดยจะมสี มาชกิ กลุ่มอยู่ประมาณ 4- 5 คนต่อกลุ่ม
เพื่อจะได้ดำเนินกิจกรรมโดยครูให้นักเรียนร่วมกันศึกษาบทเรียนจากสื่ออินเทอร์เน็ต เรื่องการเปลี่ยนแปลง
อุณหภูมอิ ากาศ โดยให้นักเรียนแต่ละกลมุ่ น้นั ศึกษาและเขยี นลงในสมุดของนักเรยี นแตล่ ะคน และให้นักเรียน
ร่วมกันอภิปรายกลุ่มแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน โดยครูมีแหล่งเรียนรู้ให้เป็น QR cord ให้นักเรียนได้
ศกึ ษา
2) เมื่อนักเรียนศึกษาเก่ียวกับการเปล่ียนแปลงอุณหภูมอิ ากาศเรียบร้อยแล้ว ครูให้นักเรยี น
เขยี นอธบิ ายการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอากาศท่ีสง่ ผลต่อการเกิดภาวะโลกรอ้ น โดยใหท้ ำเป็นกลุ่มแล้วเขียนลง
ในกระดาษบรฟู๊ เม่อื เสรจ็ แล้วให้แตล่ ะกลมุ่ สง่ ตวั แทนเพอ่ื นำเสนอผลงานและแลกเปลย่ี นเรียนรู้
394
ขัน้ ที่ 3 ขน้ั อธิบายและลงข้อสรุป (Explanation)
1) ครูให้นกั เรยี นตอบคำถามจากแบบฝกึ หัดในหนังสอื เรียนสสวท. เพื่อเปน็ การทบทวนและ
เป็นการสรปุ โดยใชค้ ำถามดังตอ่ ไปนี้
1.1 อุณหภูมิอากาศเฉลีย่ ของโลกมีการเปลี่ยนแปลงหรือไมอ่ ย่างไร (แนวคําตอบ มี
การเปลี่ยนแปลงช่วงปีพ.ศ.2443-2483อณุ หภูมิอากาศผิวพื้นต่ำกว่าค่าเฉลีย่ ช่วงพ.ศ.2483-ก่อนพ.ศ.2523 มี
การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิอากาศไม่แน่นอน บางช่วงอุณหภูมิสูงกว่าค่าเฉลี่ย บางช่วงอุณหภูมิต่ำกว่า
คา่ เฉลีย่ และหลงั พ.ศ.2523 อุณหภูมิสงู กวา่ คา่ เฉล่ยี มาตลอดและมแี นวโน้มเพิม่ ขึน้ )
1.2 ปริมาณหยาดนำ้ ฟา้ เฉลย่ี ของโลกมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่อยา่ งไร (แนวคาํ ตอบ
มกี ารเปล่ยี นแปลง ช่วงกอ่ น พ.ศ. 2493 มปี รมิ าณหยาดนำ้ ฟา้ น้อยกวา่ คา่ เฉล่ยี แตห่ ลงั จากนั้นปริมาณหยาดน้ำ
ฟ้ามแี นวโน้มสูงกว่าคา่ เฉล่ียจนถงึ ช่วง พ.ศ. 2523 - 2543 ปริมาณหยาดนำ้ ฟา้ นอ้ ยกว่าคา่ เฉลี่ยและหลังจากปี
พ.ศ. 2543 ปรมิ าณหยาดน้ำฟ้ามากกว่าคา่ เฉลีย่ )
1.3 อุณหภมู ิอากาศเฉลย่ี ของประเทศไทย มีการเปลี่ยนแปลงหรอื ไม่อย่างไร (แนว
คำตอบ อุณหภมู ิอากาศเฉลีย่ มีการเปล่ยี นแปลง โดยมีแนวโนม้ สูงข้นึ เร่ือย ๆ)
1.4 ลักษณะภูมิอากาศดังกล่าวส่งผลต่อสิ่งมีชีวิตใดบ้าง อย่างไร (แนวคำตอบ
ลกั ษณะภูมิอากาศดังกล่าวแสดงให้เหน็ ว่าอุณหภูมอิ ากาศมีแนวโนม้ สูงขนึ้ ฝนตกมากขนึ้ สิง่ มชี ีวิตต่าง ๆ ทั้งคน
สตั ว์พืชต้องปรับตวั ตอ่ การเปลย่ี นแปลงที่กำลังเกิดข้นึ น้ี)
1.5 พื้นที่ที่นักเรียนอาศัยอยู่พบการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศหรือไม่อย่างไร (แนว
คําตอบ พบว่าอณุ หภมู อิ ากาศมีแนวโนม้ สูงขึ้น ระยะเวลาในฤดูหนาวส้นั ลงและอุณหภูมิในฤดูหนาวที่สูงข้ึนฤดู
ร้อนยาวนานขนึ้ และมอี ณุ หภูมิสูงสดุ เพม่ิ ขนึ้ )
1.6 เหตใุ ดพชื บางชนิดออกดอกไดล้ ดลง (แนวคาํ ตอบ พชื บางชนดิ ออกดอกในช่วงท่ี
อากาศคอ่ นข้างเยน็ แต่ถา้ ภูมิอากาศเปลยี่ นแปลงไปทําให้ความหนาวเย็นมาชา้ ไป หรืออากาศไมเ่ ย็นกอ็ าจทําให้
พืชออกดอกไมไ่ ด้หรอื ออกดอกไดล้ ดลง)
2) ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั อภปิ รายเกย่ี วกับการเปล่ียนแปลงอุณหภมู ิอากาศเพือ่ ให้ได้ข้อสรุป
ว่าภูมิอากาศโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องโดยปัจจัยทางธรรมชาติ แต่ปัจจุบันการเปลี่ยนแปลง
ภูมิอากาศเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเนื่องจากกิจกรรมของมนุษย์ในการปลดปล่อยแก๊สเรือนกระจกสู่บรรยากาศ
แกส๊ เรือนกระจกท่ีถกู ปลดปลอ่ ยมากท่ีสุด ไดแ้ ก่ แกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์ ซ่งึ หมนุ เวยี นอยูใ่ นวฏั จักรคารบ์ อน
3) ครูอธิบายเพมิ่ เติมในสว่ นที่บกพร่องของประเดน็ คำตอบ และเปิดโอกาสให้นักเรียนแต่ละ
กลุม่ ต้งั ประเด็นคำถาม กลมุ่ ละ 1 ประเด็น เพอ่ื ใหค้ รชู ว่ ยอธิบายขอ้ สงสัย
ขน้ั ท่ี 4 ข้ันขยายความรู้ (Elaboration)
1) ครูอธิบายเพิม่ เตมิ แก่นักเรียนเรือ่ ง ดูเหตผุ ลอันนา่ ประหลาดใจ ว่าทำไมหมีขัว้ โลกตอ้ งพงึ่ พา
น้ำแขง็ ทะเลเพือ่ อยู่รอด
2) ครแู นะนำแหลง่ เรยี นรเู้ พมิ่ เติมทางอินเทอร์เน็ต
395
ข้นั ท่ี 5 ขนั้ ประเมนิ (Evaluation)
1) ครูประเมินจากการเขียนวิเคราะหส์ าเหตุการเปลีย่ นแปลงอุณหภูมอิ ากาศ
2) การตอบคำถามในช้ันเรียน
7. การวัดและประเมินผล
การวดั และประเมินผลดา้ น วิธีการวัด เครอ่ื งมือวัด เกณฑ์การผ่าน
ระดับคณุ ภาพ
1 ดา้ นความรู้ พอใช้ ขึ้นไป
1. นกั เรยี นสามารถอธบิ าย - การตอบคำถามนกั เรียนในชนั้ เรยี น - แบบประเมนิ การตอบคำถาม ระดับคุณภาพ
การเปลี่ยนแปลงอุณหภมู ิ พอใช้ ข้นึ ไป
อากาศได้ ระดับคุณภาพ
พอใช้ ขน้ึ ไป
2. ดา้ นกระบวนการ
1. นกั เรยี นสามารถเขียน - ตรวจการเขียนวิเคราะหส์ าเหตุการ - แบบประเมินการทำงานกลุ่ม
เปล่ียนแปลงอณุ หภมู ิอากาศ
วเิ คราะห์สาเหตุการ
เปลีย่ นแปลงอุณหภูมิอากาศ
ได้
3. ดา้ นคณุ ลกั ษณะที่พึง
ประสงค์ - การสงั เกตพฤตกิ รรมนกั เรียน - แบบประเมนิ การสังเกต
1. นักเรยี นตง้ั ใจเรยี นและ
มงุ่ ม่นั ในการทำงานได้
8. สอื่ และแหลง่ เรยี นรู้
8.1 สอ่ื การสอน
- ส่ือการเรียนรู้ PowerPoint เร่ือง การเปล่ียนอุณหภูมิอากาศ
8.2 แหล่งเรียนรู้
- กจิ กรรมการเขียนวิเคราะหส์ าเหตกุ ารเปล่ยี นแปลงอุณหภูมิอากาศ
- ส่ือออนไลน์
- หนงั สือเรยี นวทิ ยาศาสตรพ์ ืน้ ฐาน ม.1
396
บนั ทกึ ผลการจัดการการเรยี นร้ทู ่ี 2.12
ผลการจดั การเรยี นรู้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ปัญหาและอปุ สรรค
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
แนวทางแกไ้ ข / แนวทางการพฒั นา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ลงชอื่ ....................................................ครูผู้สอน
(นางสาวสชุ าดา วงษแ์ ดง)
ความเห็นของผู้นเิ ทศ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ลงชื่อ...............................................ผู้นิเทศ
(........................................................)
แบบประเมนิ ความรู้ (K) 397
เรือ่ ง การเปลยี่ นอณุ หภมู อิ ากาศ
รายการประเมนิ ระดับ ผลการ
คณุ ภาพ ประเมนิ
44 8
เลขที่ 1. การตอบ
ชอ่ื - สกุล คำถาม
2. เนื้อหา
รวมคะแนนที่ไ ้ด
ผ่าน
ไ ่มผ่าน
การผ่านเกณฑ์ ระดบั คุณภาพ พอใช้ ข้ึนไปผา่ นเกณฑ์
สรปุ ผลการประเมิน ผา่ น...........................คน ไม่ผ่าน...........................คน
ลงชอื่ ...................................................ผู้ประเมนิ
(นางสาวสชุ าดา วงษ์แดง)