The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ม.1

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by w.suchada07, 2021-05-26 14:31:54

แผนการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ม.1

แผนการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ม.1

248
โลกมีสมบัติและองค์ประกอบแตกต่างกันไปตามความสูงจากพืน้ โลก นักวิทยาศาสตร์ใช้เกณฑ์ต่าง ๆ ในการ
แบ่งชั้นบรรยากาศของโลก โดยทั่วไปนักวทิ ยาศาสตรใ์ ช้การเปล่ียนแปลงอุณหภูมิตามความสูงในการแบ่งชนั้
บรรยากาศ ไดแ้ ก่ ชั้นโทรโพสเฟยี ร์สตราโตสเฟียร์มโี ซสเฟยี ร์เทอร์โมสเฟยี ร์และเอกโซสเฟียร์บรรยากาศแต่ละ
ชัน้ มปี ระโยชน์ตอ่ มนษุ ย์และสิง่ แวดลอ้ มในดา้ นตา่ งๆเชน่ เกดิ ฝน ปอ้ งกนั รงั สีอัลตราไวโอเลตเผาไหม้อุกกาบาต
สะท้อนคลนื่ วิทยุ บรรยากาศของโลกจงึ มีความเหมาะสมและเอือ้ ต่อการดำรงชวี ิตของสิ่งมีชวี ติ )

3) ครูและนักเรียนร่วมกันลงข้อสรุปว่า อุณหภูมิอากาศมีการเปลี่ยนแปลงไปในรอบวัน
เนอื่ งจากพ้ืนโลกได้รับพลังงานจากดวงอาทิตยแ์ ละถา่ ยโอนใหแ้ ก่อากาศเหนอื บรเิ วณนัน้ เมือ่ โลกได้รับพลงั งาน
จากดวงอาทิตย์ในช่วงเช้าทำใหอ้ ุณหภูมอิ ากาศค่อย ๆ เพิ่มสูงขึ้นและสะสมพลังงานไปเรื่อย ๆ จนมีอุณหภูมิ
อากาศสูงสดุ ในช่วงบ่าย เมอ่ื ดวงอาทิตย์ค่อย ๆ ลับขอบฟา้ การส่งพลังงานมายังโลกนอ้ ยลง และพ้ืนโลกมีการ
ถา่ ยโอนความรอ้ นแกอ่ ากาศในปริมาณทีน่ อ้ ยลง จงึ ทำให้อุณหภูมอิ ากาศค่อย ๆลดต่ำลง ส่วนในเวลากลางคืน
พื้นโลกไม่ได้รับพลังงานจากดวงอาทิตย์แต่พื้นดินก็ยังถ่ายโอนความร้อนแก่อากาศเหนือ บริเวณนั้น ทำให้
อุณหภูมิอากาศในช่วงกลางคืนต่ำกว่ากลางวัน และมีค่าต่ำสุดในช่วงเช้ามืด นอกจากนั้นยังมีปัจจัยอื่น ๆ ท่ี
ส่งผลตอ่ การเปลี่ยนแปลงอณุ หภมู ิอากาศเชน่ ลกั ษณะทางกายภาพของพน้ื ทรี่ ะดับความสูงของพื้นท่ี เปน็ ตน้

ขัน้ ที่ 4 ข้ันขยายความรู้ (Elaboration)
1) ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับอุปกรณ์ที่ใช้ในการเก็บข้อมูลในการวัดค่าของอุณหภูมิระหว่างวัน ซึ่ง
อธบิ ายดงั น้ี เทอรม์ อมิเตอร์ (Thermometer) คืออุปกรณ์ทใ่ี ช้ในการวดั อณุ หภมู ิ จากภาพเปน็ เทอร์มอมิเตอร์
ที่ใช้ในการศึกษาสภาพอากาศเรียกว่า “เทอร์มอมิเตอร์ชนิดสูงสุด-ต่ำสุด” (Max-min thermometer) ซ่ึง
สามารถวัดค่าอุณหภมู ิสูงสุดและต่ำสดุ ในรอบวนั แสดงออกเป็นกราฟอุณหภูมิอากาศในรอบวัน แสดงให้เห็น
ว่า อณุ หภมู สิ งู สุดมกั เกดิ ขึ้นตอนบ่าย มใิ ชต่ อนเที่ยง ทัง้ น้ีเนอ่ื งจากพืน้ ดินและบรรยากาศต้องการอาศัยเวลาใน
ดดู กลืนและคายความรอ้ น

เทอร์มอมิเตอร์ชนิดสูงสุด-ตำ่ สดุ (Max –min thermometer)

กราฟแสดงการเปลยี่ นแปลงอณุ หภูมขิ องอากาศในรอบ 3 วนั
ทม่ี า : http://www.lesa.biz/earth/atmosphere/air-temperature

249

2) ครูเปิดโอกาสใหน้ ักเรยี นนั้นไดถ้ ามคำถาม โดยแตล่ ะกลุ่มใหต้ ัง้ คำถามเกี่ยวกับเร่ืองท่ีเรียน
ไปอยา่ งนอ้ ย 1 คำถามตอ่ 1 กลุม่

3) ครแู นะนำแหล่งเรยี นรู้เพม่ิ เตมิ ทางอนิ เทอรเ์ นต็

ขั้นที่ 5 ข้ันประเมนิ (Evaluation)
1) ครูประเมินจากการปฏบิ ตั ิกิจกรรมท่ี 6.2 อุณหภูมอิ ากาศเปลยี่ นแปลงอย่างไร
2) การตอบคำถามในชัน้ เรยี น

7. การวดั และประเมินผล

การวัดและประเมินผลดา้ น วธิ กี ารวัด เครื่องมือวดั เกณฑ์การผ่าน
ระดับคณุ ภาพ
1 ด้านความรู้ พอใช้ ข้นึ ไป

1. นกั เรยี นสามารถอธิบาย - การตอบคำถามนักเรยี นในช้นั เรียน - แบบประเมนิ การตอบคำถาม ระดบั คุณภาพ
ความสำคญั อุณหภูมอิ ากาศ พอใช้ ข้นึ ไป

ได้ ระดับคุณภาพ
พอใช้ ขน้ึ ไป
2. ด้านกระบวนการ

1. นกั เรียนสามารถปฏิบตั ิ - ตรวจการปฏบิ ตั กิ ิจกรรมที่ 6.2 - แบบประเมินการทำงานกลุ่ม
กิจกรรมท่ี 6.2 อุณหภูมิ อณุ หภูมิอากาศเปลีย่ นแปลงอยา่ งไร
อากาศเปล่ียนแปลงอย่างไร

ได้

3. ดา้ นคุณลักษณะท่ีพงึ

ประสงค์ - การสังเกตพฤตกิ รรมนกั เรยี น - แบบประเมินการสงั เกต
1. นกั เรยี นตงั้ ใจเรียนและ

มุง่ มนั่ ในการทำงานได้

8. สอื่ และแหลง่ เรียนรู้
8.1 สือ่ การสอน

- สอ่ื การเรยี นรู้ PowerPoint เร่ือง อุณหภมู อิ ากาศ
8.2 แหล่งเรียนรู้

- กจิ กรรมท่ี 6.2 อุณหภมู อิ ากาศเปลย่ี นแปลงอย่างไร

- สื่อออนไลน์
- หนงั สอื เรียนวทิ ยาศาสตรพ์ นื้ ฐาน ม.1

250

บนั ทกึ ผลการจดั การการเรียนรู้ท่ี 2.2

ผลการจดั การเรยี นรู้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ปญั หาและอปุ สรรค
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
แนวทางแกไ้ ข / แนวทางการพฒั นา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ลงชื่อ....................................................ครูผู้สอน
(นางสาวสุชาดา วงษ์แดง)

ความเหน็ ของผู้นเิ ทศ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ลงช่ือ...............................................ผู้นเิ ทศ
(........................................................)

251

กจิ กรรมที่ 6.2 อุณหภูมิอากาศ
เปลีย่ นแปลงอยา่ งไร

จุดประสงค์ 1. ตรวจวัดอุณหภูมอิ ากาศและวิเคราะหก์ ารเปลยี่ นแปลงอุณหภูมิอากาศในรอบวนั

วัสดุอปุ กรณ์ วัสดุทใ่ี ช้ตอ่ กลมุ่

รายการ ปริมาณ/กลุ่ม
เทอร์มอมเิ ตอร์ 1 อัน
เทอร์มอมเิ ตอร์รูปตวั ยู 1 อัน

วิธีการ ให้ดำเนินกจิ กรรมตามหนงั สอื เรยี น

การเตรียมตัวของครูเตรยี ม - เตรยี มเทอร์มอมเิ ตอรใ์ ห้เพียงพอต่อการใช้งานของนกั เรียน

ข้อควรระวัง - ไม่ควรสมั ผัสกระเปาะเทอรม์ อมิเตอร์ เนือ่ งจากอณุ หภมู จิ ากร่างกายผู้
ตรวจวัดมผี ลทำให้คา่ อุณหภมู ิอากาศบนเทอรม์ อมิเตอรค์ ลาดเคล่อื นได้

ขอ้ เสนอแนะในการทำกจิ กรรม - หากโรงเรียนไม่มเี ทอรม์ อมิเตอร์รูปตัวยสู ามารถใช้เทอรม์ อมเิ ตอร์ตรวจวดั
อุณหภมู อิ ากาศเพยี งอยา่ งเดียวได้สำหรบั คา่ อุณหภมู อิ ากาศสงู สุดหรือ
ตำ่ สดุ ในรอบวนั ให้นกั เรียนคาดเดาตามประสบการณเ์ ดิมของนักเรยี น
- ครทู ี่สอนหลายห้องอาจให้นักเรยี นทำกิจกรรมไปพรอ้ มกัน ในวัน
เดยี วกันแต่คนละชว่ งเวลา
- นกั เรยี นสามารถวดั อณุ หภมู อิ ากาศโดยใช้เทอรม์ อมิเตอร์กระเปาะแหง้ ใน
ไซครอมเิ ตอร์ได้
- ผลการทำกจิ กรรมนอ้ี าจคลาดเคล่อื นไม่เป็นไปตามทฤษฎเี ช่น อณุ หภูมิ
อากาศในช่วงเช้าสงู กวา่ ชว่ งบา่ ย อาจเนื่องจาก สภาพอากาศในวนั ที่
ตรวจวดั มีความแปรปรวน หรอื นักเรียนใช้เทอรม์ อมเิ ตอรต์ รวจวัดผดิ วธิ ีโดย
ครูสามารถใหน้ กั เรยี นรว่ มอภปิ รายสาเหตุ

252
ตัวอย่างผลการทำกิจกรรม
สภาพแวดล้อมบริเวณทตี่ รวจวดั

พ้นื ที่ทตี่ รวจวัดอยใู่ นเรือนเพาะชํา มตี นั ไม้มาก แสงแดดรำไร และมกี ารรดนำ้ ตน้ ไม้เกือบตลอดเวลา
ตารางอณุ หภูมิอากาศในเรือนเพาะชําในเวลาตา่ งๆ

สภาพแวดล้อมบริเวณทตี่ รวจวดั
พืน้ ทท่ี ต่ี รวจวัดเปน็ บริเวณกลางแจง้ พื้นปูนซเี มนต์ได้รบั แสงตลอดเวลา
ตารางอณุ หภมู ิอากาศบริเวณกลางแจ้งในเวลาต่างๆ

กราฟแสดงการเปรยี บเทยี บอณุ หภูมิท่ีวดั จาก 2 สถานท่ี

แบบประเมินความรู้ (K) 253
เรอ่ื ง อณุ หภูมอิ ากาศ
รายการประเมนิ ระดบั ผลการ
คณุ ภาพ ประเมนิ
44 8
เลขท่ี 1. การตอบ
ชอ่ื - สกุล คำถาม
2. เนื้อหา

รวมคะแนนที่ไ ้ด
ผ่าน
ไ ่มผ่าน

การผา่ นเกณฑ์ ระดบั คุณภาพ พอใช้ ขน้ึ ไปผา่ นเกณฑ์

สรปุ ผลการประเมนิ ผา่ น...........................คน ไม่ผ่าน...........................คน

ลงชือ่ ...................................................ผูป้ ระเมิน
(นางสาวสชุ าดา วงษ์แดง)

254

เกณฑก์ ารประเมินความรู้ (K)

รายการประเมนิ น้ำหนัก ดีมาก (4) ระดับคณุ ภาพ ปรับปรงุ (1)
ดี (3) พอใช้ (2)

1. การตอบคำถาม 1 นกั เรียนตอบ นกั เรียนตอบ นกั เรยี นตอบ นกั เรียนตอบ

คำถามได้อย่าง คำถามได้อย่าง คำถามไดก้ ระชบั คำถามไม่ได้

กระชบั และจบั กระชบั และจับ จับใจความสำคัญ กระชบั ไม่สามารถ

ใจความสำคญั ได้ ใจความสำคญั ได้ ได้ ตอบคำถาม จับใจความสำคญั

เปน็ อย่างดี ไมส่ ัน้ พอสมควร แตย่ งั สัน้ หรอื ยาวมาก ได้ ตอบคำถามสน้ั

หรือยาวมาก ไม่สมบรู ณ์ จนเกินไป หรือยาวมาก

จนเกนิ ไป จนเกินไป

2. เน้ือหา 1 เนื้อหาของ เน้ือหาของ เนื้อหาของ เน้ือหาของคำตอบ

คำตอบมีความ คำตอบมีความ คำตอบถกู ต้อง ไมถ่ ูกต้อง ไม่

ถูกต้องมากท่ีสดุ ถกู ต้อง ครบถ้วน ไมค่ รบถ้วน ครบถว้ น สมบูรณ์

ครบถว้ น สมบูรณ์ สมบรู ณ์ บางส่วน สมบูรณ์

เกณฑก์ ารตัดสิน

ช่วงคะแนน 7 – 8 คะแนน ระดับคณุ ภาพ 4 หมายถึง ดมี าก

ชว่ งคะแนน 5 – 6 คะแนน ระดบั คุณภาพ 3 หมายถงึ ดี

ชว่ งคะแนน 3 – 4 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ 2 หมายถึง พอใช้

ชว่ งคะแนน 1 - 2 คะแนน ระดับคณุ ภาพ 1 หมายถงึ ปรบั ปรงุ

การผ่านเกณฑ์ ระดับคุณภาพ พอใช้ ขึ้นไปผ่านเกณฑ์

255

แบบประเมินทักษะกระบวนการ (P)
กจิ กรรมที่ 6.2 อุณหภมู อิ ากาศเปลย่ี นแปลงอย่างไร

รายการประเมิน 1. ความสามารถใน ระดับ ผลการ
การออกแบบทดลอง คุณภาพ ประเมนิ
เลขที่ 2. การป ิฏบั ิตการ
ชอ่ื - สกุล
ทดลอง
3. การบันทึกผล
รวมคะแนนท่ีไ ้ด
่ผาน
ไ ่ม ่ผาน
4 4 4 12

การผา่ นเกณฑ์ ระดับคุณภาพ พอใช้ ขึ้นไปผ่านเกณฑ์

สรปุ ผลการประเมิน ผา่ น...........................คน ไมผ่ ่าน...........................คน

ลงชอื่ ...................................................ผู้ประเมิน
(นางสาวสุชาดา วงษแ์ ดง)

256

เกณฑ์การประเมนิ ทักษะกระบวนการ (P)
ทกั ษะการทดลอง

รายการประเมนิ น้ำหนัก ดมี าก (4) ระดับคณุ ภาพ ปรับปรุง (1)
ดี (3) พอใช้ (2)

1. ความสามารถ 1 กำหนดวธิ กี ารอุปกรณ์ กำหนดวิธกี ารอุปกรณ์ กำหนดวธิ กี ารอปุ กรณ์ กำหนดวิธีการ

ในการออกแบบ สารเคมี อย่างถูกต้อง สารเคมี อย่างถกู ต้อง สารเคมี อย่างถกู ตอ้ ง อุปกรณ์ สารเคมี

การทดลอง เหมาะสม และใช้อย่าง เหมาะสม และใช้อย่าง เหมาะสม และใช้อยา่ ง ไมถ่ กู ตอ้ ง

ถูกวิธีทกุ ครง้ั ถกู วธิ ีบ่อยคร้งั ถกู วิธบี างคร้ัง ไม่เหมาะสม และ

ใช้อยา่ งไม่ถูกวิธี

2. การปฏิบตั ิการ 1 ทดลองตามขั้นตอนท่ี ทดลองตามข้ันตอนท่ี ทดลองตามขั้นตอนที่ การทดลองไม่

ทดลอง กำหนดไว้ทันเวลา ใช้ กำหนดไวท้ ันเวลา ใช้ กำหนดไวท้ นั เวลา ใช้ เปน็ ไปตามขั้นตอน

อุปกรณแ์ ละสารเคมี อุปกรณแ์ ละสารเคมี อุปกรณ์และสารเคมี ไม่ทนั เวลา ใช้

อย่างถกู ตอ้ ง อยา่ งถูกต้อง อย่างถูกต้อง อปุ กรณแ์ ละ

คลอ่ งแคล่ว และ คลอ่ งแคล่ว และ คล่องแคลว่ และ สารเคมไี มถ่ ูกตอ้ ง

เหมาะสมทุกครง้ั เหมาะสมบอ่ ยครั้ง เหมาะสมบางคร้งั ไม่คล่อง และไม่

เหมาะสม

3. การบันทึกผล 1 บันทึกผลคล่องแคล่ว บันทกึ ผลคลอ่ งแคล่ว บันทกึ ผลคลอ่ งแคล่ว บันทกึ ผลไม่

ถกู ตอ้ งและออกแบบ ถกู ตอ้ ง และออกแบบ ถกู ตอ้ ง และออกแบบ คลอ่ งแคล่ว ไม่ค่อย

ตารางบันทกึ ผลที่ ตารางบันทกึ ผลที่ ตารางบนั ทกึ ผลท่ี ถกู ตอ้ ง และ

เหมาะสมกับขอ้ มูลทกุ เหมาะสมกับขอ้ มูล เหมาะสมกับข้อมูลเป็น ออกแบบตาราง

ครั้ง บอ่ ยครั้ง บางครงั้ บนั ทกึ ผลไม่

เหมาะสมกบั ขอ้ มูล

เกณฑก์ ารตัดสนิ

ช่วงคะแนน 11-12 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ 4 หมายถึง ดมี าก

ช่วงคะแนน 8-10 คะแนน ระดับคณุ ภาพ 3 หมายถึง ดี

ชว่ งคะแนน 5-7 คะแนนระดบั คุณภาพ 2 หมายถึง พอใช้

ช่วงคะแนน 3-4 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ 1 หมายถึง ปรบั ปรุง

การผ่านเกณฑ์ ระดบั คุณภาพ พอใช้ ข้นึ ไปผา่ นเกณฑ์

257

แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)

เลขท่ี รายการประเมนิ

1.มวี ินยั และส่งงาน รวม ระดับ ผลการ
ท่ีได้รับมอบหมาย คะแนน คุณภาพ ประเมนิ
ที่ได้

ช่ือ - สกุล 4321 ผ่าน
ไ ่มผ่าน

การผา่ นเกณฑ์ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ข้นึ ไปผา่ นเกณฑ์

สรุปผลการประเมิน ผา่ น...........................คน ไมผ่ า่ น...........................คน

ลงช่ือ...................................................ผ้ปู ระเมิน
(นางสาวสุชาดา วงษแ์ ดง)

258

เกณฑป์ ระเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A)
นกั เรียนมวี นิ ัยและสง่ งานตามที่ได้รับหมอบหมายได้ตามกำหนด

รายการ นำ้ หนัก ดมี าก (4) ระดับคุณภาพ ปรบั ปรงุ (1)
ประเมิน ดี (3) พอใช(้ 2)
ไมป่ ฏบิ ตั งิ านที่
1. นักเรยี น 1 ปฏบิ ัตงิ านท่ี ปฏิบตั งิ านที่ ปฏิบัตงิ านท่ี ได้รบั มอบ
หมายใหเ้ สรจ็
มีวินยั และ ได้รบั มอบหมาย ไดร้ ับมอบ ไดร้ ับมอบ
สมบรู ณ์ได้ตาม
สง่ งาน ใหเ้ สรจ็ สมบูรณ์ หมายให้เสร็จ หมายให้เสรจ็ กำหนดได้ และ
สง่ งานไมไ่ ดต้ าม
ตามท่ีได้รบั และมคี วาม สมบูรณ์ได้ตาม สมบูรณไ์ ด้ตาม เวลา ท่กี ำหนด
อย่เู ปน็ ประจำ
หมอบ เรยี บรอ้ ยได้ กำหนด และส่ง กำหนด และสง่

หมายได้ ตามทก่ี ำหนด งานไดต้ ามเวลา งานได้ตามเวลา

ตาม และสง่ งานได้ ทกี่ ำหนดอยู่ ทก่ี ำหนดอยู่

กำหนด ตามเวลา ท่ี เป็นประจำ บ่อยคร้ัง

กำหนดอยูเ่ ปน็

ประจำ

เกณฑก์ ารตัดสิน

คะแนน 4 ระดับคณุ ภาพ 4 หมายถึง ดมี าก

คะแนน 3 ระดับคุณภาพ 3 หมายถงึ ดี

คะแนน 2 ระดบั คุณภาพ 2 หมายถงึ พอใช้

คะแนน 1 ระดบั คณุ ภาพ 1 หมายถึง ปรับปรุง

การผ่านเกณฑ์ ระดบั คุณภาพ พอใช้ ขนึ้ ไปผา่ นเกณฑ์

259

แบบประเมินสมรรถนะทักษะการคิด

รายการประเมนิ 1. ีมความสามารถใน ระดบั ผลการ
เลขที่ การ ิคด ิวเคราะห์คณุ ภาพ ประเมนิ

ช่อื - สกุล 2. ัตด ิสนใจแ ้กปัญหา
เ ี่กยว ักบตนเองไ ้ด

3. ความสามารถในการ
สร้างอง ์คความ ู้ร
รวมคะแนนที่ไ ้ด

ผ่าน
ไ ่มผ่าน
3 3 39

การผ่านเกณฑ์ ระดับคุณภาพ พอใช้ ข้นึ ไปผ่านเกณฑ์

สรปุ ผลการประเมิน ผา่ น...........................คน ไม่ผ่าน...........................คน

ลงช่อื ...................................................ผูป้ ระเมนิ
(นางสาวสุชาดา วงษ์แดง)

260

เกณฑก์ ารประเมนิ สมรรถนะทักษะในการคดิ

ประเดน็ การ น้ำหนัก ระดบั คณุ ภาพ
ประเมนิ
ด(ี 3) พอใช้ (2) ปรับปรุง (1)
1. มีความสามารถ
ในการคิดวเิ คราะห์ 1 เขา้ ใจและแสดงความ เขา้ ใจและแสดงความ เข้าใจและแสดงความ
คดิ เหน็ เกี่ยวกับทเ่ี รียน
และสะทอ้ นความรู้ คิดเห็นเก่ียวกับท่ีเรียน คิดเหน็ เกยี่ วกับท่ี
ความคิด ความรสู้ ึกได้ ดี
และสะท้อนความรู้ เรียน และสะท้อน
มาก
ความคิด ความรูส้ กึ ได้ ความร้คู วามคิด

ปานกลาง ความรสู้ กึ ไดน้ ้อย

2. ตัดสนิ ใจ 1 สามารถตง้ั คำถามและ สามารถต้งั คำถามและ ไม่สามารถต้ังคำถาม

แก้ปัญหาเกีย่ วกบั ตอบคำถามเก่ียวกบั เร่ือง ตอบคำถามเกี่ยวกบั และตอบคำถาม

ตนเองได้ ทีเ่ รยี นได้อย่างถูกต้อง เรือ่ งท่เี รยี นไดอ้ ยา่ ง เกี่ยวกับเร่ืองทีเ่ รียน

คล่องแคล้ว แม่นยำ ถกู ตอ้ ง ได้เลย

3. ความสามารถ 1 มกี ารคน้ ควา้ ข้อมลู และ มีการค้นควา้ ขอ้ มลู ไมม่ ีการค้นควา้ ขอ้ มลู
ในการสร้างองค์
ความรู้ ศึกษาหาความรู้จากแหล่ง และศกึ ษาหาความรู้ และศกึ ษาหาความรู้

เรียนร้อู ื่นเพ่มิ เติมทกุ ครง้ั จากแหล่งเรยี นรู้อน่ื จากแหล่งเรยี นร้อู ื่น

เพิม่ เตมิ บางครง้ั เพม่ิ เตมิ เลย

เกณฑ์การประเมนิ ดี
ชว่ งคะแนน 8-9 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ 3 หมายถึง พอใช้
ปรับปรุง
ชว่ งคะแนน 5-7 คะแนน ระดับคณุ ภาพ 2 หมายถงึ
ชว่ งคะแนน 3-4 คะแนน ระดบั คุณภาพ 1 หมายถงึ
เกณฑก์ ารผา่ น นกั เรยี นได้ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ขน้ึ ไปถอื ว่าผ่านเกณฑ์

261

แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 2.3

เรอ่ื ง ความกดอากาศ รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหสั วิชา ว21102 เวลา 2 คาบ

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2 ช่ือหนว่ ยการเรยี นรู้ กระบวนการเปล่ยี นแปลงลมฟ้าอากาศ รวม 27 คาบ

กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรยี นท่ี 2

สาระที่ 2 ชือ่ สาระ วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ มาตรฐาน ว 2.2

ช่ือผูส้ อน นางสาวสชุ าดา วงษแ์ ดง โรงเรยี นวัดตะวนั เรอื ง

1. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด
ความดันอากาศมีความสัมพันธ์กับความสูงจากพื้นโลก โดยบริเวณที่สูงจากพื้นโลกขึ้นไปอากาศเบา

บางลง มวลอากาศนอ้ ยลง ความดนั อากาศกจ็ ะลดลง

2. ตัวช้วี ัด/จุดประสงคก์ ารเรียนรู้

2.1 ตวั ชี้วัด
- ม.1/1 สร้างแบบจำลองทีอ่ ธบิ ายความสมั พนั ธร์ ะหว่างความดันอากาศกับความสูงจาก

พน้ื โลก

2.2 จดุ ประสงค์การเรียนรู้
- นักเรียนสามารถอธิบายความหมายของความกดอากาศได้ (K)
- นกั เรยี นสามารถปฏบิ ตั กิ ิจกรรมท่ี 6.3 อากาศมีแรงกระทำตอ่ วตั ถหุ รือไม่อย่างไรได้ (P)
- นักเรยี นตัง้ ใจเรยี นและมงุ่ ม่ันในการทำงานได้ (A)

3. สาระการเรียนรู้
ความกดอากาศ (Pressure) คือ น้ำหนักของอากาศที่กดทับเหนือบริเวณน้ันๆ สามารถตรวจวดั ความกด

อากาศ ไดโ้ ดยเครือ่ งมอื ท่เี รียกว่า " บาโรมเิ ตอร์ " (Barometer) มหี น่วยของการตรวจวัดเปน็ มลิ ลิบาร์ หรอื ปอนด์
ตอ่ ตารางนวิ้ โดยปกติคนเราสามารถอยไู่ ดโ้ ดยไมไ่ ดร้ ับแรงกดจากความกดอากาศ เนอื่ งจากร่างกายมนุษย์มอี ากาศ
เป็นส่วนประกอบอยู่ ซึ่งความกดอากาศภายในตัวคนเรามีแรงดนั ออกเท่ากับแรงดันภายนอก เราจึงไม่รูส้ ึกอดึ อัด
ในขณะเดียวกันถ้าเราออกไปสู่ภายนอกโลกโดยไม่ได้สวมชุดอวกาศรา่ งกายของเราจะพองออกและระเบิดออกได้
ในที่สุดเนื่องจากในอวกาศไม่มีบรรยากาศอยู่ นอกจากนั้นความกดอากาศยังมีความสัมพันธ์กันกับอุณหภูมิและ
ระบบการเกดิ ลมบนพ้นื โลกของเรา ความกดอากาศแบง่ เป็น 2 ชนดิ คือ บริเวณความกดอากาศต่ำ หรอื ความกด
อากาศต่ำ (Low Pressure) และความกดอากาศสูง หรอื ความกดอากาศสูง (High Pressure)

4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน
4.1 ความสามารถในการคดิ

5. คุณลกั ษณะท่พี ึงประสงค์
5.1 มงุ่ มนั่ ในการทำงาน
5.2 มีวินัย
5.3 ใฝ่เรยี นรู้

262

6. การจัดกิจกรรมการเรยี นรแู้ บบสืบเสาะหาความรู้ (5E)
ขนั้ ที่ 1 กระต้นุ ความสนใจ (Engagement)
1) ครูนำนักเรียนเขา้ สเู่ น้ือหาใหม่ โดยครเู กริ่นถามนกั เรียนวา่ เวลาทีน่ กั เรียนเดินทางไปยังท่ี

ต่างระดับกัน หรือกรณีที่นักเรียนขึน้ ไปยังบริเวณพืน้ ที่ทีเ่ ป็นภูเขา นักเรียนมคี วามรูส้ ึกอย่างไรบ้าง (แนวการ
ตอบ นักเรียนจะมีอาการหูอื้อ) ครูถามนักเรียนต่อว่า แล้วอาการหูอื้อดังกล่าวนี้เกิดขึ้นได้เพราะสาเหตุใด
(แนวการตอบ ให้นกั เรียนตอบตามความคดิ ของนกั เรยี นโดยครไู มอ่ ธบิ ายคำตอบ)

2) ครูให้นักเรียนดูภาพนําเร่ืองจากหนังสอื เรียนสสวท. หน้าที่ 117 อ่านเนื้อหานําเรื่องและ
รจู้ กั คาํ สำคัญ โดยครอู าจจะใชค้ าํ ถามดังนี้

2.1 ว่าวที่มีน้ำหนักมากสามารถลอยขึ้นไปในอากาศได้อย่างไร (แนวการตอบ
นักเรียนตอบตามความเขา้ ใจ)

2.2 ใหน้ ักเรียนทำกิจกรรมทบทวนความร้กู ่อนเรียนแลว้ นำเสนอผลการทำกิจกรรม
หากพบว่านักเรียนยังทำกิจกรรมทบทวนความรู้ก่อนเรียนไม่ถูกต้องครูควรทบทวนหรือแก้ไขความเข้าใจผิด
ของนกั เรียนเพอื่ ใหน้ ักเรียนมีความรพู้ นื้ ฐานทถ่ี กู ตอ้ งและเพียงพอทจ่ี ะเรียนเรอ่ื งความกดอากาศและลมตอ่ ไป

3) ครใู ห้นกั เรียนดูสอ่ื วิดทิ ศั น์เกยี่ วกบั ความกดอากาศ

ที่มา : https://www.youtube.com/watch?v=S4Ex82cnWh4

ขั้นที่ 2 ข้นั สำรวจและคน้ หา (Exploration)
1) ครใู หน้ ักเรียนนง่ั เปน็ กลุม่ ตามท่ีได้จัดไว้ โดยจะมีสมาชกิ กลมุ่ อยูป่ ระมาณ 4- 5 คนต่อกลุ่ม

เพ่ือจะไดด้ ำเนนิ กิจกรรมท่ี 6.3 อากาศมีแรงกระทำตอ่ วตั ถหุ รือไมอ่ ยา่ งไร
2) จากนั้นครูให้นักเรียนทำกิจกรรมตามแผนที่วางไว้ โดยให้นักเรียนปฏิบตั ิตามกจิ กรรมใน

หนังสอื เรยี น โดยครสู งั เกตและใหค้ ำแนะนำเกยี่ วกบั การปฏิบัติกจิ กรรม
3) ครูพยายามเดินตรวจดูนกั เรียนทกุ ๆกลมุ่ ขณะทำกิจกรรมเพอื่ ใหก้ จิ กรรมนน้ั ดำเนินไปด้วย

ความเรียบร้อยและเพ่ือให้งานนัน้ เสร็จทนั เวลา เพื่อให้ข้อแนะนาํ หากเกิดข้อผิดพลาดหรือไมค่ รบถว้ นในการ
บันทกึ ผลรวมทงั้ นาํ ขอ้ มูลทีค่ วรจะปรบั ปรงุ และแก้ไขมาใชป้ ระกอบการอภิปรายหลังทำกจิ กรรม

ขน้ั ที่ 3 ข้นั อธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation)
1) ครูใช้คำถามถามนักเรียน ดว้ ยคำถาม และใช้สอ่ื การเรียนรู้ Power Point เร่อื ง ความกด

อากาศ ดงั ต่อไปน้ี
1.1 ความดันอากาศ ณ ระดับความสูงต่าง ๆ จากผิวโลกมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่

อย่างไร (แนวคําตอบ เปลี่ยนแปลงโดยเมื่อระดับความสูงเปล่ียนแปลงความดันอากาศกม็ ีค่าเปลี่ยนแปลงดว้ ย
เมื่อระดับความสูงจากระดบั ทะเลต่ำ ความดนั อากาศจะสงู แตถ่ ้าสงู จากระดบั ทะเลมาก ความดนั อากาศจะต่ำ)

263

1.2 ความสัมพันธ์ระหว่างความดันอากาศกับความสูงจากพื้นโลกควรเป็นอย่างไร
ให้สร้างแบบจําลองหรือเขียนแผนภาพอธิบายความสัมพันธ์ดังกล่าว (แนวคําตอบ เมื่อความสูงมากความดนั
อากาศจะต่ำ เมอ่ื ความสูงน้อยความดันอากาศจะสงู เน่ืองจากความหนาแน่นของอากาศจะลดลงตามความสูง)

1.3 นักเรียนคดิ ว่าความดนั อากาศเกี่ยวขอ้ งอย่างไรกับ อาการหูอื้อเม่อื ขึ้น
ลิฟท์ไปยังชั้นสูง ๆ ของตึก (แนวคําตอบ เมื่อระดับความสูงเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วความดันอากาศ
ภายนอกก็มีการเปล่ียนแปลงอยา่ งรวดเร็วเชน่ กนั แตค่ วามดันอากาศภายในรา่ งกายเปลย่ี นแปลงได้ชา้ ความดัน
อากาศภายในร่างกายมีค่าสูงกว่าความดันอากาศภายนอก จึงทำให้เกิดอาการหอู ้ือ)

2) ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั ลงข้อสรปุ ว่า ความดนั อากาศเปลี่ยนแปลงได้โดยมีปัจจัยสำคัญคือ
ระดบั ความสงู ของพืน้ ทแี่ ละอุณหภมู ิของอากาศ พ้ืนทท่ี ม่ี รี ะดบั ความสงู มาก ความดันอากาศมคี า่ ต่ำ ส่วนพื้นท่ี
ทม่ี ีความสงู นอ้ ย ความดนั อากาศจะมคี ่าสงู เน่อื งจากแรงโนม้ ถว่ งของโลกทำให้บริเวณใกล้พนื้ ผิวโลกมีโมเลกุล
อากาศอยหู่ นาแนน่ กว่าบริเวณที่อยู่สูงข้นึ ไปอากาศบริเวณใกล้ผิวโลกจึงมีความดนั มากกว่าอากาศบริเวณท่ีอยู่
สูงข้นึ ไปนอกจากนัน้ อุณหภูมอิ ากาศยังส่งผลตอ่ ความดันอากาศ เนอ่ื งจากอากาศทมี่ ีอณุ หภูมิสูงกวา่ จะเคล่อื นท่ี
ไดอ้ ยา่ งอิสระกว่า จึงมีความหนาแนน่ นอ้ ยกวา่ อากาศท่ีมอี ุณหภูมิสงู กวา่ จึงมคี วามดนั อากาศต่ำกวา่

ขัน้ ที่ 4 ขัน้ ขยายความรู้ (Elaboration)
1) ครูแนะนำให้นักเรียนศึกษาเว็บไซต์ที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องผลของแรงที่ส่งผลต่อความกดอากาศ

เช่น - https://sites.google.com/site/sciencesittisak/content01/contant002

- http://www.lesa.biz/earth/atmosphere/air-pressure.
2) ครูแนะนำให้นักเรียนเข้าดูวีดิทัศน์แนะนำการใช้สื่อและอุปกรณ์วิชาวิทยาศาสตร์ ระดับชั้น
มัธยมศึกษาตอนต้น เรื่อง ความกดอากาศ
3) ครอู ธบิ ายเพมิ่ เตมิ เรอื่ งการเคลอื่ นท่ขี องอากาศ กล่าวคือ การพาความรอ้ น (Convection)
ในบรรยากาศ ทำใหเ้ กิดการเคลือ่ นตวั ของอากาศทั้งแนวตงั้ และแนวราบ

กระแสอากาศแนวตั้ง:
- บริเวณความกดอากาศต่ำ (L) อากาศร้อนเหนือพื้นผิว ยกตัวขึ้นแล้วอุณหภูมิลด
ตำ่ ลง ทำให้เกดิ การควบแนน่ เปน็ เมฆและฝน
- บริเวณความกดอากาศสูง (H) อากาศเย็นด้านบนมีอุณหภูมิต่ำ เคลื่อนเข้ามา
แทนทีอ่ ากาศร้อนทีอ่ ยเู่ หนอื พื้นผิว ทำให้เกดิ แห้งแลง้ เน่ืองจากอากาศเยน็ มีไอน้ำนอ้ ย
กระแสอากาศแนวดิ่ง: อากาศเย็นมีมวลและความหนาแน่นมากกว่าอากาศร้อน
กระแสอากาศจึงเคล่ือนตวั จากหย่อมความกดอากาศสูง (H) ไปยังหยอ่ มความกดอากาศต่ำ (L) ทำให้เกิดการ
กระจายและหมุนเวยี นอากาศไปยงั ตำแหน่งต่างๆ บนผวิ โลก เราเรยี กกระแสอากาศซึง่ เคล่ือนตวั ในแนวราบว่า
“ลม” (Wind)

264

แผนที่อากาศในภาพที่ 2 แสดงให้เห็นความแตกต่างของความกดอากาศบนพื้นผิวโลก เส้นวงรอบ
ความกดอากาศ เรียกว่า “ไอโซบาร์” (Isobars) พื้นที่ใต้เส้นไอโซบาร์เดียวกันมคี วามกดอากาศเท่ากัน และ
ความกดอากาศระหวา่ งเส้นไอโซบารแ์ ต่ละเส้นจะมีค่าเท่ากัน ดังเช่น เส้นไอโซบาร์แต่ละเส้นจะมีค่าความกด

อากาศต่างกนั 6 มลิ ลบิ าร์ หรอื 6 hPa เป็นต้น เราเรยี กแรงซึ่งเกิดจากความกดอากาศที่แตกต่างกันระหว่าง
เส้นไอโซบาร์ว่า "แรงเกรเดยี นของความกดอากาศ" (Pressure-gradiant force) ซึ่งเกิดข้ึนเนื่องจากเกดิ จาก

พื้นผิวโลกแตล่ ะบริเวณได้รับพลงั งานจากดวงอาทิตย์ไมเ่ ท่ากนั อุณหภูมิและความดันขอบอากาศจึงแตกต่าง
กันไปด้วย

4) ครูเปดิ โอกาสให้นักเรียนน้ันได้ถามคำถาม โดยแตล่ ะกลมุ่ ให้ตั้งคำถามเกีย่ วกับเรื่องท่ีเรียน

ไปอย่างนอ้ ย 1 คำถามต่อ 1 กลุ่ม
ขน้ั ท่ี 5 ข้ันประเมนิ (Evaluation)

1) ครปู ระเมนิ จากการปฏิบตั กิ ิจกรรมท่ี 6.3 อากาศมแี รงกระทำต่อวัตถหุ รือไมอ่ ย่างไร
2) การตอบคำถามในชน้ั เรยี น

7. การวัดและประเมินผล

การวดั และประเมินผลด้าน วิธีการวดั เครือ่ งมอื วดั เกณฑ์การผ่าน
ระดับคณุ ภาพ
1 ด้านความรู้ พอใช้ ขน้ึ ไป

1. นกั เรยี นสามารถอธบิ าย - การตอบคำถามนักเรยี นในชัน้ เรยี น - แบบประเมินการตอบคำถาม ระดับคณุ ภาพ
ความหมายของความกด พอใช้ ขึ้นไป

อากาศได้ ระดับคุณภาพ
พอใช้ ขน้ึ ไป
2. ดา้ นกระบวนการ

1. นักเรยี นสามารปฏบิ ัติ - ตรวจการปฏบิ ตั ิกิจกรรมที่ 6.3

กจิ กรรมท่ี 6.3 อากาศมีแรง อากาศมแี รงกระทำต่อวัตถุหรือไม่ - แบบประเมนิ การทำงานกลุ่ม

กระทำตอ่ วตั ถหุ รอื ไม่ อย่างไร

อย่างไรได้

3. ดา้ นคุณลักษณะทพ่ี งึ

ประสงค์ - การสงั เกตพฤตกิ รรมนกั เรยี น - แบบประเมนิ การสงั เกต
1. นักเรียนตั้งใจเรยี นและ

มุ่งมน่ั ในการทำงานได้

8. สอ่ื และแหลง่ เรียนรู้

8.1 ส่อื การสอน
- สอ่ื การเรยี นรู้ PowerPoint เร่ือง ความกดอากาศ

8.2 แหลง่ เรยี นรู้
- กิจกรรมที่ 6.3 อากาศมีแรงกระทำต่อวัตถุหรือไม่อย่างไร
- สื่อออนไลน์
- หนงั สอื เรียนวทิ ยาศาสตรพ์ ้นื ฐาน ม.1

265

บนั ทกึ ผลการจดั การการเรียนรู้ท่ี 2.3

ผลการจดั การเรยี นรู้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ปญั หาและอปุ สรรค
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
แนวทางแกไ้ ข / แนวทางการพฒั นา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ลงชื่อ....................................................ครูผู้สอน
(นางสาวสุชาดา วงษ์แดง)

ความเหน็ ของผู้นเิ ทศ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ลงช่ือ...............................................ผู้นเิ ทศ
(........................................................)

266

กจิ กรรมที่ 6.3 อากาศมีแรงกระทําต่อ
วตั ถหุ รือไม่อยา่ งไร

จุดประสงค์ 1. สังเกตและอธิบายแรงและทิศทางของแรงที่อากาศกระทำตอ่ วตั ถุ

วสั ดุอุปกรณ์ วัสดุที่ใช้ต่อกลุ่ม

ถุงพลาสติกใส รายการ ปรมิ าณ/กลุม่
ขวดโหลก้นลึก 1 ถงุ
ยางรดั 1 ขวด
1 วง

วิธกี าร ใหด้ ำเนนิ กจิ กรรมตามหนังสอื เรยี น
การเตรยี มตัวของครูเตรยี ม - เตรยี มอปุ กรณ์ให้พร้อม

ขอ้ เสนอแนะในการทำกจิ กรรม - ดึงถุงพลาสตกิ ทส่ี วมแนบในขวดโหลให้ดงึ จากก้นขวดเพยี งเล็กนอ้ ย
- ครูอาจใหน้ ักเรยี นทำกิจกรรมทางเลือกโดยตดิ เครอ่ื งชง่ั นิวตนั ไวท้ ก่ี น้
ถุงพลาสติกเพือ่ เปรียบเทียบคา่ ของแรงในการดึงแต่ละครง้ั

ตัวอยา่ งผลการทำกจิ กรรม

แบบประเมนิ ความรู้ (K) 267
เร่ือง ความกดอากาศ
รายการประเมิน ระดบั ผลการ
คุณภาพ ประเมิน
44 8
เลขท่ี 1. การตอบ
ชอ่ื - สกุล คำถาม
2. เนื้อหา

รวมคะแนนที่ไ ้ด
ผ่าน
ไ ่มผ่าน

การผา่ นเกณฑ์ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ข้ึนไปผา่ นเกณฑ์

สรุปผลการประเมิน ผ่าน...........................คน ไมผ่ ่าน...........................คน

ลงชอื่ ...................................................ผูป้ ระเมนิ
(นางสาวสุชาดา วงษแ์ ดง)

268

เกณฑก์ ารประเมินความรู้ (K)

รายการประเมนิ น้ำหนัก ดีมาก (4) ระดับคณุ ภาพ ปรับปรงุ (1)
ดี (3) พอใช้ (2)

1. การตอบคำถาม 1 นกั เรียนตอบ นกั เรียนตอบ นกั เรยี นตอบ นกั เรียนตอบ

คำถามได้อย่าง คำถามได้อย่าง คำถามไดก้ ระชบั คำถามไม่ได้

กระชบั และจบั กระชบั และจับ จับใจความสำคัญ กระชบั ไม่สามารถ

ใจความสำคญั ได้ ใจความสำคญั ได้ ได้ ตอบคำถาม จับใจความสำคญั

เปน็ อย่างดี ไมส่ ัน้ พอสมควร แตย่ งั สัน้ หรอื ยาวมาก ได้ ตอบคำถามสน้ั

หรือยาวมาก ไม่สมบรู ณ์ จนเกินไป หรือยาวมาก

จนเกนิ ไป จนเกินไป

2. เน้ือหา 1 เนื้อหาของ เน้ือหาของ เนื้อหาของ เน้ือหาของคำตอบ

คำตอบมีความ คำตอบมีความ คำตอบถกู ต้อง ไมถ่ ูกต้อง ไม่

ถูกต้องมากท่ีสดุ ถกู ต้อง ครบถ้วน ไมค่ รบถ้วน ครบถว้ น สมบูรณ์

ครบถว้ น สมบูรณ์ สมบรู ณ์ บางส่วน สมบูรณ์

เกณฑก์ ารตัดสิน

ช่วงคะแนน 7 – 8 คะแนน ระดับคณุ ภาพ 4 หมายถึง ดมี าก

ชว่ งคะแนน 5 – 6 คะแนน ระดบั คุณภาพ 3 หมายถงึ ดี

ชว่ งคะแนน 3 – 4 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ 2 หมายถึง พอใช้

ชว่ งคะแนน 1 - 2 คะแนน ระดับคณุ ภาพ 1 หมายถงึ ปรบั ปรงุ

การผ่านเกณฑ์ ระดับคุณภาพ พอใช้ ขึ้นไปผ่านเกณฑ์

269

แบบประเมนิ ทกั ษะกระบวนการ (P)
กจิ กรรมที่ 6.3 อากาศมีแรงกระทำตอ่ วตั ถหุ รอื ไมอ่ ยา่ งไร

รายการประเมิน 1. ความสามารถใน ระดับ ผลการ
เลขที่ การออกแบบทดลอง คุณภาพ ประเมนิ
2. การป ิฏบั ิตการ
ชื่อ - สกุล
ทดลอง
3. การบันทึกผล
รวมคะแนนท่ีไ ้ด
่ผาน
ไ ่ม ่ผาน
4 4 4 12

การผา่ นเกณฑ์ ระดับคณุ ภาพ พอใช้ ขึ้นไปผา่ นเกณฑ์

สรุปผลการประเมิน ผา่ น...........................คน ไม่ผา่ น...........................คน

ลงชอื่ ...................................................ผ้ปู ระเมิน
(นางสาวสุชาดา วงษ์แดง)

270

เกณฑ์การประเมนิ ทักษะกระบวนการ (P)
ทกั ษะการทดลอง

รายการประเมนิ น้ำหนัก ดมี าก (4) ระดับคณุ ภาพ ปรบั ปรงุ (1)
ดี (3) พอใช้ (2)

1. ความสามารถ 1 กำหนดวธิ กี ารอุปกรณ์ กำหนดวิธกี ารอุปกรณ์ กำหนดวธิ กี ารอปุ กรณ์ กำหนดวธิ กี าร

ในการออกแบบ สารเคมี อย่างถูกต้อง สารเคมี อย่างถกู ต้อง สารเคมี อย่างถกู ตอ้ ง อุปกรณ์ สารเคมี

การทดลอง เหมาะสม และใช้อย่าง เหมาะสม และใช้อย่าง เหมาะสม และใชอ้ ยา่ ง ไม่ถูกตอ้ ง

ถูกวิธีทกุ ครง้ั ถกู วธิ ีบ่อยครัง้ ถกู วิธบี างคร้ัง ไม่เหมาะสม และ

ใช้อยา่ งไม่ถูกวิธี

2. การปฏิบตั ิการ 1 ทดลองตามขั้นตอนท่ี ทดลองตามข้ันตอนท่ี ทดลองตามขั้นตอนที่ การทดลองไม่

ทดลอง กำหนดไว้ทันเวลา ใช้ กำหนดไวท้ ันเวลา ใช้ กำหนดไวท้ นั เวลา ใช้ เปน็ ไปตามขัน้ ตอน

อุปกรณแ์ ละสารเคมี อุปกรณแ์ ละสารเคมี อุปกรณ์และสารเคมี ไม่ทนั เวลา ใช้

อย่างถกู ตอ้ ง อยา่ งถูกต้อง อย่างถูกต้อง อุปกรณแ์ ละ

คลอ่ งแคล่ว และ คลอ่ งแคล่ว และ คล่องแคลว่ และ สารเคมไี มถ่ ูกต้อง

เหมาะสมทุกครง้ั เหมาะสมบอ่ ยครั้ง เหมาะสมบางคร้งั ไม่คลอ่ ง และไม่

เหมาะสม

3. การบันทึกผล 1 บันทึกผลคล่องแคล่ว บันทกึ ผลคลอ่ งแคล่ว บันทกึ ผลคลอ่ งแคล่ว บนั ทึกผลไม่

ถกู ตอ้ งและออกแบบ ถกู ตอ้ ง และออกแบบ ถกู ตอ้ ง และออกแบบ คลอ่ งแคล่ว ไม่คอ่ ย

ตารางบันทกึ ผลที่ ตารางบันทกึ ผลที่ ตารางบนั ทกึ ผลท่ี ถูกตอ้ ง และ

เหมาะสมกับขอ้ มูลทกุ เหมาะสมกับขอ้ มูล เหมาะสมกับข้อมูลเป็น ออกแบบตาราง

ครั้ง บอ่ ยครั้ง บางครงั้ บันทึกผลไม่

เหมาะสมกบั ขอ้ มูล

เกณฑก์ ารตัดสนิ

ช่วงคะแนน 11-12 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ 4 หมายถึง ดมี าก

ช่วงคะแนน 8-10 คะแนน ระดับคณุ ภาพ 3 หมายถึง ดี

ชว่ งคะแนน 5-7 คะแนนระดบั คุณภาพ 2 หมายถึง พอใช้

ช่วงคะแนน 3-4 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ 1 หมายถึง ปรบั ปรุง

การผ่านเกณฑ์ ระดบั คุณภาพ พอใช้ ข้นึ ไปผา่ นเกณฑ์

271

แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)

เลขท่ี รายการประเมนิ

1.มวี ินยั และส่งงาน รวม ระดับ ผลการ
ท่ีได้รับมอบหมาย คะแนน คุณภาพ ประเมนิ
ที่ได้

ช่ือ - สกุล 4321 ผ่าน
ไ ่มผ่าน

การผา่ นเกณฑ์ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ข้นึ ไปผา่ นเกณฑ์

สรุปผลการประเมิน ผา่ น...........................คน ไมผ่ า่ น...........................คน

ลงช่ือ...................................................ผ้ปู ระเมิน
(นางสาวสุชาดา วงษแ์ ดง)

272

เกณฑป์ ระเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A)
นกั เรียนมวี นิ ัยและสง่ งานตามที่ได้รับหมอบหมายได้ตามกำหนด

รายการ นำ้ หนัก ดมี าก (4) ระดับคุณภาพ ปรบั ปรงุ (1)
ประเมิน ดี (3) พอใช(้ 2)
ไมป่ ฏบิ ตั งิ านที่
1. นักเรยี น 1 ปฏบิ ัตงิ านท่ี ปฏิบตั งิ านที่ ปฏิบัตงิ านท่ี ได้รบั มอบ
หมายใหเ้ สรจ็
มีวินยั และ ได้รบั มอบหมาย ไดร้ ับมอบ ไดร้ ับมอบ
สมบรู ณ์ได้ตาม
สง่ งาน ใหเ้ สรจ็ สมบูรณ์ หมายให้เสร็จ หมายให้เสรจ็ กำหนดได้ และ
สง่ งานไมไ่ ดต้ าม
ตามท่ีได้รบั และมคี วาม สมบูรณ์ได้ตาม สมบูรณไ์ ด้ตาม เวลา ท่กี ำหนด
อย่เู ปน็ ประจำ
หมอบ เรยี บรอ้ ยได้ กำหนด และส่ง กำหนด และสง่

หมายได้ ตามทก่ี ำหนด งานไดต้ ามเวลา งานได้ตามเวลา

ตาม และสง่ งานได้ ทกี่ ำหนดอยู่ ทก่ี ำหนดอยู่

กำหนด ตามเวลา ท่ี เป็นประจำ บ่อยคร้ัง

กำหนดอยูเ่ ปน็

ประจำ

เกณฑก์ ารตัดสิน

คะแนน 4 ระดับคณุ ภาพ 4 หมายถึง ดมี าก

คะแนน 3 ระดับคุณภาพ 3 หมายถงึ ดี

คะแนน 2 ระดบั คุณภาพ 2 หมายถงึ พอใช้

คะแนน 1 ระดบั คณุ ภาพ 1 หมายถึง ปรับปรุง

การผ่านเกณฑ์ ระดบั คุณภาพ พอใช้ ขนึ้ ไปผา่ นเกณฑ์

273

แบบประเมินสมรรถนะทักษะการคิด

รายการประเมนิ 1. ีมความสามารถใน ระดบั ผลการ
เลขที่ การ ิคด ิวเคราะห์คณุ ภาพ ประเมนิ

ช่อื - สกุล 2. ัตด ิสนใจแ ้กปัญหา
เ ี่กยว ักบตนเองไ ้ด

3. ความสามารถในการ
สร้างอง ์คความ ู้ร
รวมคะแนนที่ไ ้ด

ผ่าน
ไ ่มผ่าน
3 3 39

การผ่านเกณฑ์ ระดับคุณภาพ พอใช้ ข้นึ ไปผ่านเกณฑ์

สรปุ ผลการประเมิน ผา่ น...........................คน ไม่ผ่าน...........................คน

ลงช่อื ...................................................ผูป้ ระเมนิ
(นางสาวสุชาดา วงษ์แดง)

274

เกณฑก์ ารประเมนิ สมรรถนะทักษะในการคดิ

ประเดน็ การ น้ำหนัก ระดบั คณุ ภาพ
ประเมนิ
ด(ี 3) พอใช้ (2) ปรับปรุง (1)
1. มีความสามารถ
ในการคิดวเิ คราะห์ 1 เขา้ ใจและแสดงความ เขา้ ใจและแสดงความ เข้าใจและแสดงความ
คดิ เหน็ เกี่ยวกับทเ่ี รียน
และสะทอ้ นความรู้ คิดเห็นเก่ียวกับท่ีเรียน คิดเหน็ เกยี่ วกับท่ี
ความคิด ความรสู้ ึกได้ ดี
และสะท้อนความรู้ เรียน และสะท้อน
มาก
ความคิด ความรูส้ กึ ได้ ความร้คู วามคิด

ปานกลาง ความรสู้ กึ ไดน้ ้อย

2. ตัดสนิ ใจ 1 สามารถตง้ั คำถามและ สามารถต้งั คำถามและ ไม่สามารถต้ังคำถาม

แก้ปัญหาเกีย่ วกบั ตอบคำถามเก่ียวกบั เร่ือง ตอบคำถามเกี่ยวกบั และตอบคำถาม

ตนเองได้ ทีเ่ รยี นได้อย่างถูกต้อง เรือ่ งท่เี รยี นไดอ้ ยา่ ง เกี่ยวกับเร่ืองทีเ่ รียน

คล่องแคล้ว แม่นยำ ถกู ตอ้ ง ได้เลย

3. ความสามารถ 1 มกี ารคน้ ควา้ ข้อมลู และ มีการค้นควา้ ขอ้ มลู ไมม่ ีการค้นควา้ ขอ้ มลู
ในการสร้างองค์
ความรู้ ศึกษาหาความรู้จากแหล่ง และศกึ ษาหาความรู้ และศกึ ษาหาความรู้

เรียนร้อู ื่นเพ่มิ เติมทกุ ครง้ั จากแหล่งเรยี นรู้อน่ื จากแหล่งเรยี นร้อู ื่น

เพิม่ เตมิ บางครง้ั เพม่ิ เตมิ เลย

เกณฑ์การประเมนิ ดี
ชว่ งคะแนน 8-9 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ 3 หมายถึง พอใช้
ปรับปรุง
ชว่ งคะแนน 5-7 คะแนน ระดับคณุ ภาพ 2 หมายถงึ
ชว่ งคะแนน 3-4 คะแนน ระดบั คุณภาพ 1 หมายถงึ
เกณฑก์ ารผา่ น นกั เรยี นได้ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ขน้ึ ไปถอื ว่าผ่านเกณฑ์

275

แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี 2.4

เรือ่ ง ลม รายวชิ า วิทยาศาสตร์ รหสั วิชา ว21102 เวลา 2 คาบ
รวม 27 คาบ
หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 2 ชื่อหน่วยการเรียนรู้ กระบวนการเปลยี่ นแปลงลมฟา้ อากาศ ภาคเรียนท่ี 2

กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 1 มาตรฐาน ว 3.2
โรงเรยี นวดั ตะวนั เรอื ง
สาระท่ี 2 ชอื่ สาระ วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ

ช่อื ผสู้ อน นางสาวสุชาดา วงษ์แดง

1. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด
ลมฟา้ อากาศ เป็นสภาวะของอากาศในเวลาหนึ่งของพื้นที่หน่งึ ทมี่ ีการเปล่ียนแปลงตลอดเวลา ขึ้นอยู่

กบั องค์ประกอบลมฟ้าอากาศ ได้แก่ อณุ หภูมิอากาศ ความกดอากาศ ลม ความชื้น เมฆ และหยาดนำ้ ฟ้า โดย
หยาดน้ำฟ้าที่พบบ่อยในประเทศไทยได้แก่ ฝน องค์ประกอบ ลมฟ้าอากาศเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาขึ้นอยู่กับ
ปจั จยั ตา่ ง ๆ เชน่ ปริมาณรงั สจี ากดวงอาทิตย์และลักษณะพื้นผิวโลกส่งผลต่ออุณหภมู ิอากาศ อุณหภูมิอากาศ
และปรมิ าณไอนำ้ สง่ ผลตอ่ ความชน้ื ความกดอากาศส่งผลต่อลม ความชื้นและลมส่งผลตอ่ เมฆ

2. ตวั ช้วี ดั /จุดประสงค์การเรยี นรู้

2.1 ตวั ชวี้ ดั
- ม.1/2 อธิบายปัจจัยทมี่ ีผลต่อการเปล่ียนแปลง องค์ประกอบของลมฟ้าอากาศ จากข้อมูลท่ี

รวบรวมได้

2.2 จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
- นักเรยี นสามารถอธบิ ายการเคลอื่ นท่ีของลมได้ (K)
- นักเรยี นสามารถปฏบิ ัตกิ ิจกรรมที่ 6.4 เหตุใดลมจงึ เคลื่อนที่เรว็ ตา่ งกันได้ (P)
- นักเรยี นตง้ั ใจเรียนและมงุ่ ม่ันในการทำงานได้ (A)

3. สาระการเรยี นรู้
ลม คือ มวลอากาศที่เคลื่อนที่ไปในทิศทางหนึ่งทางใดในแนวระดับ ซึ่งการเคลื่อนที่ของมวลอากาศมี

สาเหตมุ าจาก
1. อณุ หภมู ิ อากาศรอ้ นจะมอี ณุ หภมู ิสงู ความหนาแนน่ ของอากาศจะนอ้ ยและลอยตัวสูงขึ้นและ

อากาศเยน็ ท่มี อี ณุ หภมู ิตำ่ กวา่ มคี วามหนาแนน่ ของอากาศมากกวา่ จะเคล่อื นท่มี าแทนท่ที ำใหเ้ กิดลม
2. ความกดอากาศ อากาศร้อนมีความกดอากาศต่ำ และมีความหนาแน่นต่ำ อากาศร้อยจึง

ลอยตัวสูงขึ้นส่วนอากาศเย็นมีความ กดอากาศสูง และมีความหนาแน่นมากกว่าจะเคลื่อนที่เข้าหาบริเวณที่มี
อากาศรอ้ น ดงั นนั้ ลมจึงพัดจากบริเวณท่ีมีความกดอากาศสูง เข้าสู่บรเิ วณทมี่ คี วามกดอากาศตำ่

4. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น
4.1 ความสามารถในการคดิ

5. คุณลักษณะท่พี งึ ประสงค์
5.1 มุง่ ม่ันในการทำงาน
5.2 มีวินัย
5.3 ใฝ่เรยี นรู้

276

6. การจดั กจิ กรรมการเรยี นรแู้ บบสบื เสาะหาความรู้ (5E)
ขั้นที่ 1 กระตนุ้ ความสนใจ (Engagement)
1) ครทู บทวนความรู้เดิมของนกั เรียนจากเรื่องที่เรยี นผ่านมาในคาบท่ีแลว้ โดยใช้คำถามเพ่ือ

กระตุน้ ความคดิ ดงั ต่อไปนี้
1.1 ในระบบปิดและระบบเปิดอุณหภูมิมีผลต่อความดันเหมือนหรือแตกต่างกัน

อย่างไร (แนวคําตอบ ในระบบปิดบริเวณที่มีอุณหภูมิอากาศสูงกว่าความดันอากาศจะสูงกว่า ในระบบเปิด
บรเิ วณท่ีมีอุณหภูมิอากาศสูงกวา่ ความดันอากาศจะตำ่ กวา่ )

1.2 บอลลูนลอยอย่ใู นอากาศไดอ้ ย่างไร (แนวคาํ ตอบ อากาศร้อนในบอลลูนมีความ
หนาแนน่ น้อยกว่าอากาศที่อยู่ขา้ งนอกโดยรอบ บอลลูนจงึ ลอยสงู ขึ้นไปในอากาศ)

1.3 ปัจจัยใดบ้างที่ส่งผลต่อความดันอากาศ (แนวคําตอบ อุณหภูมิอากาศ ความ
หนาแนน่ ของอากาศ ระดบั ความสงู )

1.4 มีข้อแนะนำสำหรับนักปีนเขาว่าไม่ควรเปลี่ยนแปลงระดับความสูงเกิน 500
เมตร ต่อวนั เหตุใดจงึ เปน็ เช่นนน้ั (แนวคาํ ตอบ เพราะป้องกนั อนั ตรายจากการท่ีร่างกายไม่สามารถปรับตัวได้
ทนั ตอ่ การเปล่ยี นแปลงความดันอากาศ)

1.5 บุคคลกลุ่มใดบ้างได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงความดันอากาศ (แนว
คาํ ตอบ นกั บิน ผู้โดยสารเคร่ืองบนิ นักดำน้ำ นกั ปีนเขา)

2) ครูใหน้ กั เรยี นดภู าพจากสื่อการเรียนรู้ PowerPoint เรื่อง ลม แล้วให้นักเรียนคิดตาม โดยครู
ถามเพือ่ กระตุน้ ความคิดว่า กงั หันลมนถี้ า้ หากมีลมพัดมาน้อยใบกงั หันลมจะมีการพัดอย่างไร แลว้ ถา้ หากลมพัดมา
มากใบกังหนั จะพัดอยา่ งไร (แนวการตอบ ขนึ้ อยู่กับคำตอบของนกั เรียน)

ท่ีมา : https://sites.google.com/site/skytooday/lm-wind

ขน้ั ที่ 2 ข้ันสำรวจและค้นหา (Exploration)
1) ครูให้นักเรียนนั่งเป็นกลุ่มตามที่ได้จัดไว้ โดยจะมีสมาชิกกลุ่มอยู่ประมาณ 4- 5

คนต่อกลุ่มเพื่อจะได้ดำเนินกจิ กรรมที่ 6.4 เหตใุ ดลมจงึ เคลอ่ื นท่ีเร็วตา่ งกนั
2) จากนั้นครูให้นักเรียนทำกิจกรรมตามแผนที่วางไว้ โดยให้นักเรียนปฏิบตั ิตามกจิ กรรมใน

หนังสือเรียน โดยครูสังเกตและให้คำแนะนำเกี่ยวกับการปฏิบัติกิจกรรม ครูสังเกตการทำกิจกรรมเพื่อให้
คำแนะนำแก่นักเรียน ครูนําข้อมูลที่ได้จากการสังเกตมาใช้ประกอบการอภิปรายหลังกิจกรรม เช่น วิธีการ
สงั เกตการเคลอื่ นทขี่ องควนั ธปู เปน็ ต้น

277

3) ครูพยายามเดินตรวจดนู ักเรยี นทุกๆกลมุ่ ขณะทำกิจกรรมเพื่อใหก้ จิ กรรมนนั้ ดำเนินไปด้วย
ความเรียบร้อยและเพ่ือให้งานนั้นเสร็จทนั เวลา เพื่อให้ข้อแนะนําหากเกิดข้อผิดพลาดหรือไม่ครบถ้วนในการ
บันทึกผลรวมทงั้ นําขอ้ มูลท่ีควรจะปรบั ปรงุ และแกไ้ ขมาใชป้ ระกอบการอภปิ รายหลงั ทำกิจกรรม

ข้ันที่ 3 ขน้ั อธบิ ายและลงข้อสรุป (Explanation)
1) ครูและนกั เรียนรว่ มกนั อภปิ รายในประเด็นดังตอ่ ไปน้ี
1.1 กจิ กรรมนเี้ กย่ี วกบั เรื่องอะไร (แนวการตอบ ปจั จัยทีม่ ีผลต่ออัตราเร็วลม)
1.2 กิจกรรมนี้มีจุดประสงค์อย่างไร (แนวการตอบ นักเรียนตอบตามความคิดของ

ตนเอง)
1.3 วิธีดำเนินกิจกรรมมีขั้นตอนโดยสรุปอย่างไร (แนวการตอบ เจาะรูบนขวด

พลาสตกิ ท่ีไมม่ ฝี าปิด 2 ใบ แล้วเชอ่ื มตอ่ ขวดพลาสติกทั้ง 2 ใบ ดว้ ยแผน่ ใสม้วนเป็นทอ่ นําชุดขวดพลาสติกท้ัง
สองไปวางไว้ในขนั พลาสติก 2 ใบ แล้วรินนำ้ ทม่ี ีอณุ หภมุ ิต่างกนั จากนั้นแหยก่ า้ นธูปท่ีติดไฟลงไปในรูที่เจาะไว้
ตรงกงึ่ กลางท่อใสและสังเกตผลท่ีเกิดขนึ้ ทาํ ซ้ำอกี ครง้ั โดยจดั ใหค้ วามแตกตา่ งของอุณหภมู ขิ องนำ้ ในชุดทดลอง
ท้งั สองชดุ ต่างกัน จากนนั้ ทําซำ้ อีกคร้ังโดยจดั ใหค้ วามยาวของทอ่ ใสในชุดทดลองทงั้ สองชุดต่างกนั )

1.4 ข้อควรระวงั ในการทำกจิ กรรมมีหรือไมอ่ ย่างไร (แนวการตอบ การใช้อุปกรณ์ใน
การเจาะรบู นขวดพลาสตกิ ควรทอย่างระมดั ระวัง)

2) ครูให้นักเรยี นตอบคําถามท้ายกิจกรรม จากนน้ั นาํ เสนอและอภปิ รายคําตอบรว่ มกนั เพ่อื ให้
ไดข้ อ้ สรปุ วา่ ถ้าความแตกต่างของความดนั อากาศระหว่างบริเวณ 2 บรเิ วณ มคี ่ามากกว่า อากาศจะเคล่ือนที่
จากบรเิ วณหนึ่งไปยังอกี บริเวณหน่งึ ไดเ้ ร็วกวา่ และระยะทางระหว่างบริเวณทีม่ ีความดนั อากาศแตกต่างกันน้ัน
มีค่ามากกว่า อากาศจะเคลอ่ื นท่จี ากบรเิ วณหน่ึงไปยังอีกบรเิ วณหนึ่งได้ช้ากวา่

3) ครูสรุปเน้นย้ำอกี ครัง้ ว่า ลมเคลื่อนที่ไดเ้ น่ืองจากความแตกต่างของความดันอากาศ หรือ
ในทางอุตุนิยมวิทยาเรียกว่าความกดอากาศ โดยปัจจัยที่มีผลต่อการเคลื่อนที่ของลม ได้แก่ความกดอากาศ
ระหวา่ ง 2 บริเวณ ระยะหา่ งระหว่างสองบรเิ วณและสภาพแวดลอ้ ม หรอื สิ่งกีดขวางทางเดินของลม

ขน้ั ท่ี 4 ข้ันขยายความรู้ (Elaboration)
1) ครแู นะนำให้นักเรียนศกึ ษาเว็บไซตท์ นี่ ่าสนใจเกย่ี วกบั เรอ่ื งลม

2) ครูให้นักเรียนอ่านข้อมูลเพิ่มเติมจากหนังสือเรียน เกี่ยวกับอัตราเร็วลม ปัจจัยที่มีผลต่อ
อัตราเรว็ และทศิ ทาง ลม อปุ กรณ์ท่ีใช้ในการตรวจวดั ลม และแนะนำเวบ็ ไซตท์ เ่ี กีย่ วขอ้ ง

3) ครูเปิดโอกาสใหน้ ักเรียนน้นั ได้ถามคำถาม โดยแต่ละกลุ่มใหต้ ง้ั คำถามเกยี่ วกับเรื่องที่เรียน
ไปอยา่ งนอ้ ย 1 คำถามต่อ 1 กล่มุ

ขัน้ ท่ี 5 ขั้นประเมิน (Evaluation)
1) ครปู ระเมินจากการปฏิบัติกิจกรรมท่ี 6.4 เหตุใดลมจงึ เคลอ่ื นท่เี รว็ ต่างกนั
2) การตอบคำถามในชนั้ เรียน

278

7. การวดั และประเมินผล

การวดั และประเมนิ ผลดา้ น วธิ ีการวดั เคร่ืองมือวัด เกณฑ์การผ่าน
ระดบั คณุ ภาพ
1 ดา้ นความรู้ พอใช้ ขน้ึ ไป

1. นักเรยี นสามารถอธิบาย - การตอบคำถามนกั เรียนในชั้นเรียน - แบบประเมินการตอบคำถาม ระดับคณุ ภาพ
พอใช้ ขึ้นไป
การเคลื่อนทข่ี องลมได้
ระดบั คณุ ภาพ
2. ดา้ นกระบวนการ พอใช้ ขึ้นไป

1. นกั เรยี นสามารปฏิบตั ิ - ตรวจการปฏิบตั กิ ิจกรรมท่ี 6.4 เหตุ - แบบประเมินการทำงานกลุ่ม
กิจกรรมท่ี 6.4 เหตุใดลมจึง ใดลมจึงเคลอื่ นท่ีเรว็ ตา่ งกัน

เคล่อื นทเ่ี รว็ ตา่ งกนั ได้

3. ด้านคณุ ลักษณะทพี่ ึง

ประสงค์ - การสังเกตพฤตกิ รรมนกั เรยี น - แบบประเมินการสงั เกต
1. นกั เรยี นตัง้ ใจเรียนและ

มุ่งมัน่ ในการทำงานได้

8. ส่อื และแหลง่ เรยี นรู้
8.1 ส่ือการสอน
- สือ่ การเรยี นรู้ PowerPoint เร่อื ง ลม

8.2 แหลง่ เรียนรู้
- กิจกรรมท่ี 6.4 เหตุใดลมจึงเคลือ่ นท่เี รว็ ตา่ งกนั

- สือ่ ออนไลน์
- หนังสอื เรียนวิทยาศาสตรพ์ นื้ ฐาน ม.1

279

บนั ทกึ ผลการจดั การการเรียนรู้ท่ี 2.4

ผลการจัดการเรียนรู้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ปญั หาและอุปสรรค
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
แนวทางแก้ไข / แนวทางการพฒั นา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ลงชื่อ....................................................ครูผู้สอน
(นางสาวสุชาดา วงษแ์ ดง)

ความเหน็ ของผู้นเิ ทศ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ลงชอื่ ...............................................ผู้นเิ ทศ
(........................................................)

280

กจิ กรรมท่ี 6.4
เหตใุ ดลมจงึ เคลื่อนที่เรว็ ต่างกัน

จุดประสงค์ 1. ทดลอง วเิ คราะห์และอธบิ ายปจั จยั ท่มี ีผลต่ออัตราเร็วลม

วสั ดอุ ปุ กรณ์ วสั ดทุ ีใ่ ช้ตอ่ หอ้ ง
เทอรม์ อมิเตอร์
รายการ ปรมิ าณ/กลุ่ม
1 อนั

วสั ดทุ ี่ใชต้ ่อกลมุ่ ปริมาณ/กลมุ่
4 ใบ
รายการ
ขวดพลาสติกขนาด 1,500 cm3 อยา่ งละ500 cm3
น้ำเย็นจดั อุณหภูมิประมาณ 10 ํC นำ้ อุณหภมู หิ อ้ ง
และนำ้ ร้อนจัดอณุ หภมู ปิ ระมาณ 70 ํC 6 แผ่น
แผ่นใส 1 อนั
ธูป 4 ใบ
ขันพลาสตกิ 1 กลอ่ ง
ไมข้ ีดไฟ 1 ม้วน
เทปใส 1 อนั
คตั เตอร์

วิธีการ ให้ดำเนนิ กิจกรรมตามหนังสือเรยี น
การเตรียมตัวของครูเตรยี ม - เตรยี มอปุ กรณ์ใหเ้ พยี งพอตอ่ การทำกิจกรรมของนกั เรยี น ครอู าจเตรียม

เจาะรบู นขวดพลาสตกิ ใหน้ กั เรยี นล่วงหน้า
- ครเู ตรียมนำ้ แข็งเพ่อื ทำใหน้ ำ้ เยน็ จัดอุณหภมู ปิ ระมาณ 10 องศาเซลเซยี ส

ขอ้ ควรระวัง - การใช้คัตเตอร์ในการเจาะรบู นขวดพลาสติกควรทำดว้ ยความระมัดระวงั

ขอ้ เสนอแนะในการทำกจิ กรรม - ก่อนปล่อยควนั ธปู ใหล้ อยผา่ นเข้าไปในทอ่ ใสควรเวน้ ระยะเวลาหลังจาก
รินน้ำลงในขนั พลาสติกทงั้ 2ใบประมาณ 20วนิ าทีเพื่อให้อณุ หภูมอิ ากาศ
ภายในขวดพลาสตกิ สอดคลอ้ งกบั อณุ หภมู ินำ้ ท่ีรินลงในขัน
- กิจกรรมมี2ตอน ครูอาจแบ่งให้นักเรียนทำกลุ่มละ1ตอน แล้วนําผลการ
ทดลองมาอภปิ รายรว่ มกัน
- ครอู าจให้นักเรียนแต่ละกลุ่มทำทงั้ 2 ตอน โดยกลมุ่ ใดทำการทดลองตอน
ที่ 1 เสรจ็ สามารถทำกิจกรรมตอนท่ี 2 ไดโ้ ดยไม่ต้องรอกลุ่มอืน่

281

ตัวอยา่ งผลการทำกจิ กรรม

แบบประเมินความรู้ (K) 282
เรอ่ื ง ลม
ระดับ ผลการ
รายการประเมิน คณุ ภาพ ประเมิน
8
เลขท่ี 44 1. การตอบ
ชื่อ - สกุล คำถาม
2. เนื้อหา

รวมคะแนนที่ไ ้ด
ผ่าน
ไ ่มผ่าน

การผ่านเกณฑ์ ระดับคณุ ภาพ พอใช้ ขึน้ ไปผา่ นเกณฑ์

สรุปผลการประเมิน ผ่าน...........................คน ไม่ผ่าน...........................คน

ลงช่อื ...................................................ผู้ประเมิน
(นางสาวสชุ าดา วงษ์แดง)

283

เกณฑก์ ารประเมินความรู้ (K)

รายการประเมนิ น้ำหนัก ดีมาก (4) ระดับคณุ ภาพ ปรับปรงุ (1)
ดี (3) พอใช้ (2)

1. การตอบคำถาม 1 นกั เรียนตอบ นกั เรียนตอบ นกั เรยี นตอบ นกั เรียนตอบ

คำถามได้อย่าง คำถามได้อย่าง คำถามไดก้ ระชบั คำถามไม่ได้

กระชบั และจบั กระชบั และจับ จับใจความสำคัญ กระชบั ไม่สามารถ

ใจความสำคญั ได้ ใจความสำคญั ได้ ได้ ตอบคำถาม จับใจความสำคญั

เปน็ อย่างดี ไมส่ ัน้ พอสมควร แตย่ งั สัน้ หรอื ยาวมาก ได้ ตอบคำถามสน้ั

หรือยาวมาก ไม่สมบรู ณ์ จนเกินไป หรือยาวมาก

จนเกนิ ไป จนเกินไป

2. เน้ือหา 1 เนื้อหาของ เน้ือหาของ เนื้อหาของ เน้ือหาของคำตอบ

คำตอบมีความ คำตอบมีความ คำตอบถกู ต้อง ไมถ่ ูกต้อง ไม่

ถูกต้องมากท่ีสดุ ถกู ต้อง ครบถ้วน ไมค่ รบถ้วน ครบถว้ น สมบูรณ์

ครบถว้ น สมบูรณ์ สมบรู ณ์ บางส่วน สมบูรณ์

เกณฑก์ ารตัดสิน

ช่วงคะแนน 7 – 8 คะแนน ระดับคณุ ภาพ 4 หมายถึง ดมี าก

ชว่ งคะแนน 5 – 6 คะแนน ระดบั คุณภาพ 3 หมายถงึ ดี

ชว่ งคะแนน 3 – 4 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ 2 หมายถึง พอใช้

ชว่ งคะแนน 1 - 2 คะแนน ระดับคณุ ภาพ 1 หมายถงึ ปรบั ปรงุ

การผ่านเกณฑ์ ระดับคุณภาพ พอใช้ ขึ้นไปผ่านเกณฑ์

แบบประเมินทกั ษะกระบวนการ (P) 284
กจิ กรรมที่ 6.4 เหตใุ ดลมจงึ เคลอ่ื นท่ีเรว็ ตา่ งกนั
ระดับ ผลการ
รายการประเมนิ คุณภาพ ประเมิน
1. ความสามารถใน
เลขที่ การออกแบบทดลอง
ชอ่ื - สกุล 2. การป ิฏบั ิตการ

ทดลอง
3. การบันทึกผล
รวมคะแนนท่ีไ ้ด
่ผาน
ไ ่ม ่ผาน
4 4 4 12

การผ่านเกณฑ์ ระดบั คุณภาพ พอใช้ ข้ึนไปผา่ นเกณฑ์

สรปุ ผลการประเมนิ ผา่ น...........................คน ไม่ผ่าน...........................คน

ลงช่ือ...................................................ผ้ปู ระเมิน
(นางสาวสุชาดา วงษ์แดง)

285

เกณฑ์การประเมนิ ทักษะกระบวนการ (P)
ทกั ษะการทดลอง

รายการประเมนิ น้ำหนัก ดมี าก (4) ระดับคณุ ภาพ ปรบั ปรงุ (1)
ดี (3) พอใช้ (2)

1. ความสามารถ 1 กำหนดวธิ กี ารอุปกรณ์ กำหนดวิธกี ารอุปกรณ์ กำหนดวธิ กี ารอปุ กรณ์ กำหนดวธิ กี าร

ในการออกแบบ สารเคมี อย่างถูกต้อง สารเคมี อย่างถกู ต้อง สารเคมี อย่างถกู ตอ้ ง อุปกรณ์ สารเคมี

การทดลอง เหมาะสม และใช้อย่าง เหมาะสม และใช้อย่าง เหมาะสม และใชอ้ ยา่ ง ไม่ถูกตอ้ ง

ถูกวิธีทกุ ครง้ั ถกู วธิ ีบ่อยครัง้ ถกู วิธบี างคร้ัง ไม่เหมาะสม และ

ใช้อยา่ งไม่ถูกวิธี

2. การปฏิบตั ิการ 1 ทดลองตามขั้นตอนท่ี ทดลองตามข้ันตอนท่ี ทดลองตามขั้นตอนที่ การทดลองไม่

ทดลอง กำหนดไว้ทันเวลา ใช้ กำหนดไวท้ ันเวลา ใช้ กำหนดไวท้ นั เวลา ใช้ เปน็ ไปตามขัน้ ตอน

อุปกรณแ์ ละสารเคมี อุปกรณแ์ ละสารเคมี อุปกรณ์และสารเคมี ไม่ทนั เวลา ใช้

อย่างถกู ตอ้ ง อยา่ งถูกต้อง อย่างถูกต้อง อุปกรณแ์ ละ

คลอ่ งแคล่ว และ คลอ่ งแคล่ว และ คล่องแคลว่ และ สารเคมไี มถ่ ูกต้อง

เหมาะสมทุกครง้ั เหมาะสมบอ่ ยครั้ง เหมาะสมบางคร้งั ไม่คลอ่ ง และไม่

เหมาะสม

3. การบันทึกผล 1 บันทึกผลคล่องแคล่ว บันทกึ ผลคลอ่ งแคล่ว บันทกึ ผลคลอ่ งแคล่ว บนั ทึกผลไม่

ถกู ตอ้ งและออกแบบ ถกู ตอ้ ง และออกแบบ ถกู ตอ้ ง และออกแบบ คลอ่ งแคล่ว ไม่คอ่ ย

ตารางบันทกึ ผลที่ ตารางบันทกึ ผลที่ ตารางบนั ทกึ ผลท่ี ถูกตอ้ ง และ

เหมาะสมกับขอ้ มูลทกุ เหมาะสมกับขอ้ มูล เหมาะสมกับข้อมูลเป็น ออกแบบตาราง

ครั้ง บอ่ ยครั้ง บางครงั้ บันทึกผลไม่

เหมาะสมกบั ขอ้ มูล

เกณฑก์ ารตัดสนิ

ช่วงคะแนน 11-12 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ 4 หมายถึง ดมี าก

ช่วงคะแนน 8-10 คะแนน ระดับคณุ ภาพ 3 หมายถึง ดี

ชว่ งคะแนน 5-7 คะแนนระดบั คุณภาพ 2 หมายถึง พอใช้

ช่วงคะแนน 3-4 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ 1 หมายถึง ปรบั ปรุง

การผ่านเกณฑ์ ระดบั คุณภาพ พอใช้ ข้นึ ไปผา่ นเกณฑ์

286

แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)

เลขท่ี รายการประเมนิ

1.มวี ินยั และส่งงาน รวม ระดับ ผลการ
ท่ีได้รับมอบหมาย คะแนน คุณภาพ ประเมนิ
ที่ได้

ช่ือ - สกุล 4321 ผ่าน
ไ ่มผ่าน

การผา่ นเกณฑ์ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ข้นึ ไปผา่ นเกณฑ์

สรุปผลการประเมิน ผา่ น...........................คน ไมผ่ า่ น...........................คน

ลงช่ือ...................................................ผ้ปู ระเมิน
(นางสาวสุชาดา วงษแ์ ดง)

287

เกณฑป์ ระเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A)
นกั เรียนมวี นิ ัยและสง่ งานตามที่ได้รับหมอบหมายได้ตามกำหนด

รายการ นำ้ หนัก ดมี าก (4) ระดับคุณภาพ ปรบั ปรงุ (1)
ประเมิน ดี (3) พอใช(้ 2)
ไมป่ ฏบิ ตั งิ านที่
1. นักเรยี น 1 ปฏบิ ัตงิ านท่ี ปฏิบตั งิ านที่ ปฏิบัตงิ านท่ี ได้รบั มอบ
หมายใหเ้ สรจ็
มีวินยั และ ได้รบั มอบหมาย ไดร้ ับมอบ ไดร้ ับมอบ
สมบรู ณ์ได้ตาม
สง่ งาน ใหเ้ สรจ็ สมบูรณ์ หมายให้เสร็จ หมายให้เสรจ็ กำหนดได้ และ
สง่ งานไมไ่ ดต้ าม
ตามท่ีได้รบั และมคี วาม สมบูรณ์ได้ตาม สมบูรณไ์ ด้ตาม เวลา ท่กี ำหนด
อย่เู ปน็ ประจำ
หมอบ เรยี บรอ้ ยได้ กำหนด และส่ง กำหนด และสง่

หมายได้ ตามทก่ี ำหนด งานไดต้ ามเวลา งานได้ตามเวลา

ตาม และสง่ งานได้ ทกี่ ำหนดอยู่ ทก่ี ำหนดอยู่

กำหนด ตามเวลา ท่ี เป็นประจำ บ่อยคร้ัง

กำหนดอยูเ่ ปน็

ประจำ

เกณฑก์ ารตัดสิน

คะแนน 4 ระดับคณุ ภาพ 4 หมายถึง ดมี าก

คะแนน 3 ระดับคุณภาพ 3 หมายถงึ ดี

คะแนน 2 ระดบั คุณภาพ 2 หมายถงึ พอใช้

คะแนน 1 ระดบั คณุ ภาพ 1 หมายถึง ปรับปรุง

การผ่านเกณฑ์ ระดบั คุณภาพ พอใช้ ขนึ้ ไปผา่ นเกณฑ์

288

แบบประเมินสมรรถนะทักษะการคิด

รายการประเมนิ 1. ีมความสามารถใน ระดบั ผลการ
เลขที่ การ ิคด ิวเคราะห์คณุ ภาพ ประเมนิ

ช่อื - สกุล 2. ัตด ิสนใจแ ้กปัญหา
เ ี่กยว ักบตนเองไ ้ด

3. ความสามารถในการ
สร้างอง ์คความ ู้ร
รวมคะแนนที่ไ ้ด

ผ่าน
ไ ่มผ่าน
3 3 39

การผ่านเกณฑ์ ระดับคุณภาพ พอใช้ ข้นึ ไปผ่านเกณฑ์

สรปุ ผลการประเมิน ผา่ น...........................คน ไม่ผ่าน...........................คน

ลงช่อื ...................................................ผูป้ ระเมนิ
(นางสาวสุชาดา วงษ์แดง)

289

เกณฑก์ ารประเมนิ สมรรถนะทักษะในการคดิ

ประเดน็ การ น้ำหนัก ระดบั คณุ ภาพ
ประเมนิ
ด(ี 3) พอใช้ (2) ปรับปรุง (1)
1. มีความสามารถ
ในการคิดวเิ คราะห์ 1 เขา้ ใจและแสดงความ เขา้ ใจและแสดงความ เข้าใจและแสดงความ
คดิ เหน็ เกี่ยวกับทเ่ี รียน
และสะทอ้ นความรู้ คิดเห็นเก่ียวกับท่ีเรียน คิดเหน็ เกยี่ วกับท่ี
ความคิด ความรสู้ ึกได้ ดี
และสะท้อนความรู้ เรียน และสะท้อน
มาก
ความคิด ความรูส้ กึ ได้ ความร้คู วามคิด

ปานกลาง ความรสู้ กึ ไดน้ ้อย

2. ตัดสนิ ใจ 1 สามารถตง้ั คำถามและ สามารถต้งั คำถามและ ไม่สามารถต้ังคำถาม

แก้ปัญหาเกีย่ วกบั ตอบคำถามเก่ียวกบั เร่ือง ตอบคำถามเกี่ยวกบั และตอบคำถาม

ตนเองได้ ทีเ่ รยี นได้อย่างถูกต้อง เรือ่ งท่เี รยี นไดอ้ ยา่ ง เกี่ยวกับเร่ืองทีเ่ รียน

คล่องแคล้ว แม่นยำ ถกู ตอ้ ง ได้เลย

3. ความสามารถ 1 มกี ารคน้ ควา้ ข้อมลู และ มีการค้นควา้ ขอ้ มลู ไมม่ ีการค้นควา้ ขอ้ มลู
ในการสร้างองค์
ความรู้ ศึกษาหาความรู้จากแหล่ง และศกึ ษาหาความรู้ และศกึ ษาหาความรู้

เรียนร้อู ื่นเพ่มิ เติมทกุ ครง้ั จากแหล่งเรยี นรู้อน่ื จากแหล่งเรยี นร้อู ื่น

เพิม่ เตมิ บางครง้ั เพม่ิ เตมิ เลย

เกณฑ์การประเมนิ ดี
ชว่ งคะแนน 8-9 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ 3 หมายถึง พอใช้
ปรับปรุง
ชว่ งคะแนน 5-7 คะแนน ระดับคณุ ภาพ 2 หมายถงึ
ชว่ งคะแนน 3-4 คะแนน ระดบั คุณภาพ 1 หมายถงึ
เกณฑก์ ารผา่ น นกั เรยี นได้ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ขน้ึ ไปถอื ว่าผ่านเกณฑ์

290

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 2.5

เรอ่ื ง ความชน้ื รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว21102 เวลา 2 คาบ
รวม 27 คาบ
หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 2 ชอ่ื หนว่ ยการเรียนรู้ กระบวนการเปลย่ี นแปลงลมฟ้าอากาศ ภาคเรียนท่ี 2

กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1 มาตรฐาน ว 3.2
โรงเรียนวัดตะวนั เรือง
สาระท่ี 2 ชอื่ สาระ วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ

ชอื่ ผสู้ อน นางสาวสชุ าดา วงษแ์ ดง

1. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด
ความดันอากาศมีความสัมพันธ์กับความสูงจากพื้นโลก โดยบริเวณที่สูงจากพื้นโลกขึ้นไปอากาศเบา

บางลง มวลอากาศน้อยลง ความดันอากาศก็จะลดลง

2. ตวั ชวี้ ัด/จุดประสงค์การเรยี นรู้

2.1 ตวั ชวี้ ัด
- ม.1/2 อธบิ ายปัจจยั ท่มี ีผลต่อการเปลยี่ นแปลง องค์ประกอบของลมฟ้าอากาศ จากข้อมูลที่

รวบรวมได้

2.2 จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
- นักเรียนสามารถอธิบายการเกิดความชืน้ ได้ (K)
- นกั เรยี นสามารถปฏบิ ัตกิ ิจกรรมที่ 6.5 ปัจจัยท่ีมีผลตอ่ ความชนื้ สัมพทั ธ์มอี ะไรบ้างได้ (P)
- นกั เรยี นต้งั ใจเรยี นและมุง่ มนั่ ในการทำงานได้ (A)

3. สาระการเรยี นรู้
ความชื้น (humidity) เป็นคำใช้เรียกปริมาณไอน้ำในอากาศ อย่างเป็นทางการ อากาศชื้นเป็นสารผสม

ระหวา่ งไอน้ำกับองคป์ ระกอบอืน่ ของอากาศ โดยความชื้นนยิ ามในแงข่ องปริมาณน้ำในสารผสมน้ี เรียกว่า ความชน้ื
สัมบูรณ์ ในการใช้ประจำวนั คำว่า "ความชื้น" มักหมายถึง ความชื้นสมั พัทธ์มากกว่า โดยแสดงเป็นร้อยละในการ
พยากรณ์อากาศและในเคร่ืองวดั ความช้นื อากาศครวั เรอื น ท่ีเรยี กเชน่ นเี้ พราะเปน็ การวัดความชื้นสัมบูรณ์ปัจจุบัน
เทียบกับค่าสูงสุด ความชื้นจำเพาะ (specific humidity) เป็นอัตราส่วนของปริมาณไอน้ำในสารผสมกับปริมาณ
อากาศท้ังหมด (อิงมวล) ปรมิ าณไอน้ำในสารผสมสามารถวดั ได้โดยมวลตอ่ ปริมาตรหรอื เปน็ ความดนั ยอ่ ย (partial
pressure) ขึ้นอยู่กับการใช้ ในทางอุตุนิยมวิทยา ความชื้นบ่งชี้ความน่าจะเกิดหยาดน้ำฟ้า น้ำค้างหรือหมอก
ความชนื้ สมั พัทธ์ที่สงู ลดประสิทธภิ าพการหลงั่ เหงื่อเพ่ือลดอุณหภูมิรา่ งกาย เพราะไปลดอัตราการระเหยความช้ืน
จากผวิ หนัง ปรากฏการณ์น้ีคำนวณในรูปตารางดชั นคี วามรอ้ น ซึง่ ใช้ระหวา่ งสภาพอากาศฤดูรอ้ น

4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน
4.1 ความสามารถในการคิด

5. คุณลักษณะทีพ่ งึ ประสงค์
5.1 มงุ่ ม่นั ในการทำงาน
5.2 มีวินยั
5.3 ใฝเ่ รยี นรู้

291

6. การจดั กจิ กรรมการเรยี นรแู้ บบสบื เสาะหาความรู้ (5E)
ขัน้ ที่ 1 กระต้นุ ความสนใจ (Engagement)
1) ครูใหน้ ักเรียนดูภาพนำเร่ืองโดยใช้สอื่ การเรียนรู้ PowerPoint เร่อื ง ความชนื้ แล้วอ่านเนื้อหา

นาํ เรอื่ งและรจู้ ักคําสำคญั โดยครูอาจจะใชค้ ําถามดังนี้
1.1 นักเรียนเคยเห็นทะเลหมอกหรือไม่ ทะเลหมอกเกิดขึ้นช่วงไหน (แนวการตอบ

นกั เรยี นตอบตามความเขา้ ใจ)
1.2 ทะเลหมอกเกิดข้นึ ได้อยา่ งไร (แนวการตอบ นักเรียนตอบตามความเขา้ ใจ)
1.3 หยดน้ำท่ีเกาะขา้ งแกว้ น้ำเยน็ เกิดขนึ้ ไดอ้ ย่างไร (แนวการตอบ นักเรียนตอบตาม

ความเข้าใจ)
2) ให้นักเรียนทำกิจกรรมทบทวนความรู้ก่อนเรียนนําเสนอผลการทำกิจกรรม หากพบว่า

นกั เรียนยังทำกจิ กรรมทบทวนความรู้ก่อนเรียนไม่ถกู ต้อง ครูควรทบทวนหรอื แกไ้ ขความเขา้ ใจผิดของนักเรียน
เพ่ือใหน้ กั เรียนมีความรูพ้ นื้ ฐานที่ถูกต้องและเพยี งพอท่จี ะเรียนเรือ่ งความช้นื ตอ่ ไป

3) ครูทบทวนความรู้ก่อนเรียน โดยครูให้นักเรียนตอบในแบบฝึกหัดในหนังสือเรียน ครู
ตรวจสอบความรู้เดมิ ของนักเรียนเกี่ยวกบั ความช้ืน โดยให้ทำกิจกรรม รู้อะไรบ้างกอ่ นเรยี น นักเรียนสามารถ
เขยี นตามความเข้าใจของนักเรียน ครไู ม่เฉลยคาํ ตอบแตน่ ําข้อมูลจากการตรวจสอบความรู้เดิมของนักเรียนไป
ใช้ในการวางแผนจัดการเรียนรู้ว่าควรเน้นย้ำหรืออธิบายเรื่องใดเป็นพิเศษ เมื่อนักเรียนเรียนจบเรื่องนี้แล้ว
นักเรยี นจะมคี วามรูค้ วามเขา้ ใจครบถ้วนตามจดุ ประสงคข์ องบทเรียน

2) ให้นักเรียนอ่านและตอบคำถามเกีย่ วกับปริมาณไอน้ำในอากาศความชื้นสัมบูรณ์ปรมิ าณ
ไอนำ้ อิ่มตวั และความชนื้ สัมพัทธ์จากหนงั สือเรียน จากนน้ั ครแู ละนักเรียนอภิปรายร่วมกนั เกี่ยวกับความหมาย
และความสมั พนั ธ์ของปริมาณไอนำ้ ในอากาศความชน้ื สมั บูรณ์ปริมาณไอน้ำอ่ิมตัวและความช้ืนสัมพัทธ์เพื่อให้
ได้ขอ้ สรุปว่าไอนำ้ ในอากาศทำใหอ้ ากาศมคี วามช้นื ค่าความชืน้ สัมบูรณ์แสดงปริมาณไอน้ำที่มีอย่จู ริงในอากาศ
โดยมีหน่วยเปน็ กรัมตอ่ ลูกบาศก์เมตร ณ อณุ หภูมิใด อุณหภมู หิ น่ึง อากาศสามารถรับไอน้ำได้ในปริมาณจำกัด
โดยปริมาณไอน้ำอิ่มตัวหรือปริมาณไอน้ำสูงสุดที่อากาศรับได้ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิอากาศ ค่าความชื้นสัมพัทธ์
แสดงความสามารถของอากาศในการรับปริมาณไอน้ำ ณ ขณะนั้นว่าอากาศมีปริมาณไอน้ำในอากาศเท่าไร
เทยี บกบั ความสามารถที่จะรับไดท้ ้ังหมด และจะสามารถรบั ได้อีกเท่าไรโดยแสดงค่าเปน็ เปอร์เซ็นต์

ขั้นท่ี 2 ขน้ั สำรวจและคน้ หา (Exploration)
1) ครใู หน้ ักเรยี นนงั่ เป็นกล่มุ ตามท่ีได้จดั ไว้ โดยจะมีสมาชกิ กล่มุ อยปู่ ระมาณ 4- 5 คนต่อกลุ่ม

เพอ่ื จะได้ดำเนินกิจกรรมท่ี 6.5 ปัจจยั ท่ีมีผลตอ่ ความชนื้ สมั พทั ธ์มอี ะไรบ้าง
2) จากนั้นครูให้นักเรียนทำกิจกรรมตามแผนที่วางไว้ โดยให้นักเรียนปฏิบัติตามกิจกรรมใน

หนังสือเรียน โดยครูสังเกตและให้คำแนะนำเกี่ยวกับการปฏิบัติกิจกรรม ครูสังเกตการทำกิจกรรมเพื่อให้
คำแนะนำแกน่ กั เรียน และครูได้โดยอธบิ ายความสำคญั ของความชืน้ สมั พทั ธ์ซง่ึ แสดงถึงความสามารถในการรับ
ไอน้ำในอากาศจึงทำให้นักวิทยาศาสตร์นําค่าความชื้นสัมพัทธ์ไปใช้ประโยชน์ในการแปลความหมายและ
ทํานายลมฟ้าอากาศได้ซึ่งการศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อความชื้นสัมพัทธ์จะทำให้นักเรียนเข้าใจกระบวนการท่ี
เกยี่ วกับลมฟ้าอากาศมากขึน้

3) ครูพยายามเดนิ ตรวจดูนกั เรยี นทุกๆกลมุ่ ขณะทำกิจกรรมเพอ่ื ให้กิจกรรมนน้ั ดำเนินไปด้วย
ความเรียบร้อยและเพ่ือให้งานนั้นเสร็จทนั เวลา เพื่อให้ข้อแนะนําหากเกิดข้อผิดพลาดหรือไมค่ รบถว้ นในการ
บันทึกผลรวมทัง้ นําขอ้ มูลทค่ี วรจะปรบั ปรงุ และแก้ไขมาใช้ประกอบการอภปิ รายหลังทำกจิ กรรม

ขั้นท่ี 3 ข้ันอธบิ ายและลงขอ้ สรปุ (Explanation)
1) ครเู ปิดประเด็นคำถามเพอ่ื เปน็ การอภิปรายดว้ ยคำถามดังตอ่ ไปนี้
1.1 กิจกรรมนีเ้ กี่ยวกบั เร่อื งอะไร (แนวการตอบ ปจั จัยที่มีผลต่อความช้นื สมั พัทธ์)

292

1.2 กิจกรรมนี้มีจุดประสงค์อย่างไร (แนวการตอบ นักเรียนตอบตามความคิดของ
ตนเอง)

1.3 วธิ ดี ำเนินกิจกรรมมีขั้นตอนโดยสรปุ อย่างไร (แนวการตอบ ศกึ ษาการใช้ไซครอ
มิเตอร์วางแผนการทำงาน ตรวจวัดและบันทกึ ความช้ืนสัมพทั ธโ์ ดยใช้ไซครอมิเตอร์ตามสถานทีแ่ ละเวลาที่ได้
ออกแบบไวร้ วมท้งั บนั ทึกลักษณะทางกายภาพในพ้ืนท่ที เี่ ลอื ก จากนน้ั นาํ ข้อมูลมาสร้างกราฟ)

1.4 ข้อควรระวังในการทำกิจกรรมมีหรือไม่อย่างไร (แนวการตอบ การใช้ไซครอ
มิเตอร์เพื่อวัดคา่ ความชนื้ สมั พัทธ์และอณุ หภูมิอากาศควรใช้อปุ กรณ์ตามข้อแนะนําในหนงั สือเรียน)

2) ครูให้นักเรียนศึกษาและอภิปรายวิธีการใช้ไซครอมิเตอร์จากหนังสือเรียน โดยนักเรียน
ตอบคำถามในเกรด็ น่ารูเ้ พื่อประเมนิ ความเขา้ ใจการใชไ้ ซครอมิเตอร์

3) ครูให้นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ นําเสนอผลการทำกิจกรรม และนำผลงานติดแสดงหน้าห้องเรียน
เพ่ือเปรียบเทียบข้อมูลของแตล่ ะกล่มุ

4) ครูให้นักเรียนตอบคําถามท้ายกิจกรรม จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายคําตอบ
เพอ่ื ใหไ้ ด้ขอ้ สรุปว่า ปจั จัยทม่ี ผี ลตอ่ ค่าความชน้ื สมั พัทธค์ ือ อณุ หภูมอิ ากาศ และลกั ษณะทางกายภาพของพ้ืนที่
ครูอธิบายความหมายเพิ่มเติมเรื่องความชื้นดังน้ี ความชื้น (humidity) เป็นคำใช้เรียกปริมาณไอน้ำในอากาศ
อยา่ งเปน็ ทางการ อากาศชน้ื เป็นสารผสมระหว่างไอนำ้ กบั องค์ประกอบอนื่ ของอากาศ โดยความชืน้ นิยามในแง่
ของปริมาณน้ำในสารผสมนี้ เรียกว่า ความชื้นสัมบูรณ์ ในการใช้ประจำวัน คำว่า "ความชื้น" มักหมายถึง
ความชื้นสัมพัทธ์มากกว่า โดยแสดงเป็นร้อยละในการพยากรณ์อากาศและในเครื่องวัดความชื้นอากาศ
ครวั เรอื น ทเี่ รียกเช่นน้ีเพราะเปน็ การวดั ความช้นื สมั บรู ณป์ ัจจุบนั เทียบกับค่าสูงสดุ ความช้ืนจำเพาะ (specific
humidity) เป็นอัตราสว่ นของปรมิ าณไอน้ำในสารผสมกบั ปริมาณอากาศทงั้ หมด (องิ มวล) ปริมาณไอน้ำในสาร
ผสมสามารถวัดได้โดยมวลต่อปริมาตรหรือเป็นความดันย่อย (partial pressure) ขึ้นอยู่กับการใช้ ในทาง
อุตุนิยมวิทยา ความชื้นบ่งชี้ความน่าจะเกิดหยาดน้ำฟ้า น้ำค้างหรือหมอก ความชื้นสัมพัทธ์ที่สูงลด
ประสิทธิภาพการหลั่งเหงื่อเพื่อลดอุณหภูมิร่างกาย เพราะไปลดอัตราการระเหยความชื้นจากผิวหนัง
ปรากฏการณ์นคี้ ำนวณในรูปตารางดชั นีความร้อน ซึง่ ใช้ระหวา่ งสภาพอากาศฤดรู อ้ น

ขน้ั ท่ี 4 ขั้นขยายความรู้ (Elaboration)
1) ครูแนะนำให้นกั เรียนศึกษาเว็บไซต์ท่ีน่าสนใจและให้นักเรียนชมวิดิทัศนเ์ พ่ิมเติมเกี่ยวกบั

เรอ่ื งความชน้ื

ทม่ี า : https://www.youtube.com/watch?v=xFlpVyJbsbE

293

2) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเก่ียวกับความชื้น กล่าวคือ อากาศมีความชืน้ ซึ่งสามารถแสดงค่า

ความชื้นในอากาศโดยใช้ค่าความช้ืนสมั บูรณ์และความชืน้ สมั พัทธ์ ปัจจัยทสี่ ่งผลต่อความช้นื สัมบูรณ์คือปริมาณไอ

น้ำในอากาศปัจจยั ท่ีส่งผลตอ่ ความช้ืนสัมพัทธ์คอื ปริมาณไอนำ้ ในอากาศและอุณหภูมิอากาศ ทั้งน้ีสภาพแวดล้อม

ของพื้นที่ที่ตรวจวัดมีผลต่อปริมาณไอน้ำในอากาศและอุณหภูมิอากาศด้วยเมื่ออากาศอิ่มตัว หรือมีความชื้น

สัมพัทธ์100% และอุณหภูมิอากาศลดลงอกี เล็กน้อยไอน้ำในอากาศจะเกิดการควบแน่นกลายเป็นละอองน้ำ เกิด

เปน็ เมฆ หมอกและนำ้ ค้างอุณหภมู ิขณะไอนำ้ ในอากาศเกดิ การควบแนน่ เรยี ก อุณหภูมิจดุ น้ำค้าง

3) ครอู ธิบายแนวความคดิ ที่อาจคลาดเคล่ือนได้ ดังนี้

แนวคิดคลาดเคลอ่ื น แนวคดิ ท่ถี ูกตอ้ ง

อากาศช้นื หนักกวา่ อากาศแห้ง อากาศชน้ื เบากว่าอากาศแห้ง น้ำในสถานะ

แกส๊ มีมวลน้อยกวา่ อากาศแห้ง

ความชน้ื จริง(ความชน้ื สัมบูรณ์) มีค่าสงู ความช้นื ค่าความช้ืนสมั พัทธ์แปรผนั ตามปรมิ าณไอนำ้ จรงิ

สัมพทั ธ์จะมคี ่าสูงด้วย ในอากาศ (ความช้ืนจริงหรอื ความช้ืนสัมบูรณ์) และ

แปรผกผนั กบั ปรมิ าณไอนำ้ อมิ่ ตัวในอากาศ ณ อุณหภมู ิ

และความดันนั้น หากความชนื้ จริงมีคา่ สูง แตค่ วาม

ปริมาณไอนำ้ อิม่ ตวั มีค่าสูงด้วยค่าความชื้นสัมพัทธ์อาจมี

ค่าต่ำไดด้ ังนั้นไมจ่ ำเปน็ ทเ่ี มอื่ ความชนื้ จริงมคี ่าสงู ค่า

ความช้ืนสัมพทั ธ์จะมีค่าสูงตาม

4) ครสู อนวิธีการคำนวณความช้ืนสมั พทั ธ์ โดยใชโ้ จทย์ตวั อยา่ งดงั น้ี
ตัวอย่าง ณ อุณหภูมิ40องศาเซลเซียสอากาศที่มคี ่าความช้ืนสัมพัทธ์ 70 เปอร์เซ็นต์ มีปริมาณไอน้ำจรงิ
เท่าใดและจะสามารถรบั ไปน้ำได้อกี เท่าใด

แนวคาํ ตอบ ความช้ืนสัมพทั ธ์ = ปริมาณไอน้ำทีม่ ีอยู่จรงิ ในอากาศ x 100
ปริมาณไอนำ้ อ่ิมตัว ณ อณุ หภูมิความดันและปรมิ าตรเดียวกนั

และจากกราฟ ปริมาณไอน้ำอิม่ ตวั ณ อุณหภมู 4ิ 0 ํC เท่ากบั 50 g/m3
ปรมิ าณไอน้ำจริง = (70% x 50 g/m3)/100
= 35 g/ m3

ปริมาณไอนำ้ จริง 35 กรัมต่อลูกบาศกเ์ มตร
ดังนัน้ จงึ สามารถรับไอน้ำไดอ้ กี 15 g/ m3

5) ครูเปดิ โอกาสให้นักเรยี นนนั้ ไดถ้ ามคำถาม โดยแตล่ ะกลุ่มใหต้ ง้ั คำถามเกีย่ วกับเร่ืองที่เรียน
ไปอยา่ งน้อย 1 คำถามตอ่ 1 กลมุ่

ขัน้ ที่ 5 ขัน้ ประเมิน (Evaluation)

1) ครูประเมินจากการปฏบิ ตั ิกจิ กรรมท่ี 6.5 ปัจจยั ท่มี ผี ลต่อความชื้นสมั พทั ธม์ อี ะไรบ้าง
2) การตอบคำถามในชั้นเรียน

7. การวัดและประเมนิ ผล

การวัดและประเมินผลดา้ น วิธีการวดั เคร่ืองมือวดั เกณฑ์การผ่าน

1 ดา้ นความรู้ ระดบั คณุ ภาพ
พอใช้ ข้ึนไป
1. นักเรียนสามารถอธบิ าย - การตอบคำถามนักเรยี นในชัน้ เรยี น - แบบประเมนิ การตอบคำถาม

การเกิดความชื้นได้

การวดั และประเมินผลด้าน วธิ ีการวดั เคร่ืองมือวัด 294
เกณฑ์การผ่าน

2. ดา้ นกระบวนการ

1. นักเรียนสามารปฏบิ ตั ิ - ตรวจการปฏิบตั ิกิจกรรมที่ 6.5 ระดบั คุณภาพ
พอใช้ ขึ้นไป
กิจกรรมที่ 6.5 ปจั จยั ทมี่ ผี ล ปจั จัยทมี่ ีผลต่อความชืน้ สมั พัทธม์ ี - แบบประเมินการทำงานกลุม่

ต่อความชื้นสมั พทั ธม์ ี อะไรบา้ ง

อะไรบา้ งได้

3. ดา้ นคณุ ลกั ษณะทีพ่ งึ

ประสงค์ - การสงั เกตพฤตกิ รรมนักเรยี น - แบบประเมินการสงั เกต ระดบั คณุ ภาพ
1. นักเรยี นต้งั ใจเรยี นและ พอใช้ ขึ้นไป

ม่งุ มน่ั ในการทำงานได้

8. ส่ือและแหล่งเรยี นรู้
8.1 สอ่ื การสอน

- สอ่ื การเรยี นรู้ PowerPoint เร่อื ง ความชนื้
8.2 แหลง่ เรยี นรู้

- กิจกรรมท่ี 6.5 ปัจจยั ที่มีผลตอ่ ความช้ืนสมั พทั ธ์มอี ะไรบ้าง
- สอ่ื ออนไลน์
- หนงั สอื เรียนวทิ ยาศาสตร์พ้นื ฐาน ม.1

295

บนั ทกึ ผลการจดั การการเรียนรู้ท่ี 2.5

ผลการจัดการเรียนรู้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ปญั หาและอุปสรรค
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
แนวทางแก้ไข / แนวทางการพฒั นา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ลงชื่อ....................................................ครูผู้สอน
(นางสาวสุชาดา วงษแ์ ดง)

ความเหน็ ของผู้นเิ ทศ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ลงชอื่ ...............................................ผู้นเิ ทศ
(........................................................)

296

กจิ กรรมท่ี 6.5 ปจั จยั ทมี่ ผี ลต่อความช้นื
สัมพทั ธม์ ีอะไรบา้ ง

จุดประสงค์ 1. วดั ความช้ืนสัมพทั ธ์และอธบิ ายปัจจยั ที่มีผลต่อความชืน้ สมั พทั ธ์

วัสดุอุปกรณ์ วัสดทุ ี่ใชต้ อ่ กลมุ่
ไซครอมเิ ตอร์
รายการ ปรมิ าณ/กล่มุ
1 อัน

วิธกี าร ใหด้ ำเนินกิจกรรมตามหนังสือเรียน

การเตรยี มตัวของครูเตรียม - เตรยี มอปุ กรณใ์ ห้เพียงพอต่อการทํากจิ กรรมของนกั เรียน

ขอ้ ควรระวัง - นักเรยี นศึกษาการใช้ไซครอมเิ ตอรโ์ ดยละเอียดก่อนการทํากจิ กรรมเพื่อให้
ผลการทดลองไม่คลาดเคลอ่ื น

ข้อเสนอแนะในการทำกจิ กรรม - นักเรียนสามารถวัดอุณหภมู ิอากาศโดยใชเ้ ทอรม์ อมเิ ตอร์กระเปาะแหง้ ใน
ไซครอมิเตอรไ์ ด้
- กิจกรรมนอี้ าจมีผลการทดลองคลาดเคล่ือน เพราะสภาพอากาศปกติ
ความชนื้ สัมพัทธ์ในชว่ งเช้าจะมคี า่ สูงเน่อื งจากอุณหภมู ิอากาศมคี ่าตำ่ และ
ในบริเวณที่อยู ใ่ กล้แหลง่ นำ้ จะมีความชื้นสมั พทั ธส์ ูงกว่าบริเวณทไ่ี มม่ แี หล่ง
นำ้ อยใู่ กลเ้ คยี ง หากผลการทำกิจกรรมของนกั เรียนบางกลุม่ ไมส่ อดคลอ้ ง
กับทฤษฎีอาจเนอ่ื งจาก นกั เรยี นอา่ นคา่ อุณหภมู ิในกระเปาะเทอร์มอมเิ ตอร์
ขณะท่ีอณุ หภมู ิยงั มคี า่ ไม่คงท่ี นอกจากน้ียงั มปี ัจจยั อ่ืนรบกวนพื้นท่ที ี่
ตรวจวดั เช่น สภาพอากาศแปรปรวนแตกต่างกันมากในช่วงเช้าและเยน็
เปน็ ตน้

297
ตวั อย่างผลการทำกจิ กรรม
พ้ืนที่ที่ 1 ในเรอื นเพาะชํา สภาพแวดล้อมบรเิ วณที่ตรวจวดั

พ้นื ท่ที ี่ตรวจวัดอยูใ่ นเรอื นเพาะชํา มตี ้นไมม้ าก มแี สงแดดรำไร และมกี ารรดน้ำต้นไมเ้ กอื บตลอดเวลา
ตารางอณุ หภูมิจากเทอร์มอมเิ ตอร์กระเปาะแหง้ กระเปาะเปียกและความช้ืนสมั พทั ธบ์ ริเวณในเรอื นเพาะชำ

พ้ืนท่ี 2 บริเวณกลางแจ้ง สภาพแวดลอ้ มบรเิ วณที่ตรวจวัด
พื้นทที่ ่ตี รวจวดั เปน็ บริเวณกลางแจ้ง พ้นื ปนู ซีเมนต์ได้รับแสงตลอดเวลา

ตารางอณุ หภูมจิ ากเทอร์มอมเิ ตอร์กระเปาะแห้งกระเปาะเปียกและความช้ืนสมั พัทธบ์ ริเวณกลางแจง้
ภายนอกอาคารเรียน


Click to View FlipBook Version