48
บนั ทึกผลการจัดการการเรียนรทู้ ี่ 1.3
ผลการจดั การเรยี นรู้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ปญั หาและอุปสรรค
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
แนวทางแก้ไข / แนวทางการพฒั นา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ลงช่ือ....................................................ครูผู้สอน
(นางสาวสุชาดา วงษแ์ ดง)
ความเห็นของผู้นเิ ทศ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ลงชอ่ื ...............................................ผู้นเิ ทศ
(........................................................)
49
กจิ กรรมท่ี 5.2 ปัจจัยใดบ้างทีม่ ผี ลต่อการ
เปลี่ยนแปลงอณุ หภูมิของสสาร (ต่อ)
จดุ ประสงค์ 1. ทดลองและระบุปจั จยั ท่ีมีผลตอ่ การเปล่ียนแปลงอณุ หภมู ิของน้ำและสารอนื่
วสั ดอุ ุปกรณ์ วสั ดุท่ีใช้ตอ่ ห้อง
เคร่อื งชง่ั สาร
รายการ ปริมาณ/ห้อง
1 เครอ่ื ง
วสั ดทุ ่ใี ช้ตอ่ กลุ่ม
รายการ ปรมิ าณ/กลุ่ม
น้ำ -
บกี เกอร์ขนาด 100 cm3
บกี เกอรข์ นาด 250 cm3 2 ใบ
เทอร์มอมเิ ตอร์ 2 ใบ
แท่งแก้วคน 2 อัน
กระบอกตวง 2 ด้าม
ขาตั้งพร้อมทจ่ี บั 1 อัน
ชุดตะเกยี งแอลกอฮอล์ 2 ชดุ
เทียนไข 1 ชดุ
สารอ่นื ๆ เช่น นำ้ มนั พชื กลีเซอรอล 3 เล่ม
กระดาษกราฟ
นาฬกิ าจบั เวลา -
3 แผน่
1 เรอื น
วธิ ีการ
1. ตอนที่ 1 ครูสาธติ การทำการทดลองหนา้ ช้นั เรยี น
2. ตอนที่ 2 นกั เรียนทำการทดลองเปน็ กลุ่มย่อยตามวธิ ีการทดลองในหนังสอื เรยี นวิทยาศาสตร์
3. ตอนที่ 3 นักเรยี นแต่ละกลุม่ ออกแบบและทำการทดลองดว้ ยตัวเองเพ่อื ตอบคําถามท่ีครูกาํ หนดให้
4.นักเรียนแตล่ ะกลุม่ แลกเปล่ียนเรียนรซู้ ึ่งกันและกนั
50
ตอนที่ 3
ตัวอยา่ งการออกแบบการทดลอง
1. ใสน่ ้ำและกลเี ซอรอลอย่างละ 75 กรัม ลงในบกี เกอร์แต่ละใบ แล้วจดั อปุ กรณ์ดังภาพ
2. ทำการทดลองโดยอา่ นคา่ และบันทกึ อณุ หภูมิของนำ้ ในบกี เกอรท์ ี่เวลาเรมิ่ ตน้ ให้ความร้อนแก่นนำ้ มวล 75
กรมั ในบีกเกอร์ ขณะใหค้ วามร้อนแก่นำ้ ใชแ้ ทง่ แก้วคนนำ้ ใหท้ ่ัวบีกเกอรต์ ลอดเวลา อ่านและบันทกึ อุณหภมู ิ
ทุกๆ 30 วินาที เป็นเวลา 3 นาที
3. ทำการทดลองแบบเดยี วกับข้อ 2 โดยเปลย่ี นน้ำเป็นกลเี ซอรอลและใชต้ ะเกยี งแอลกอฮอลช์ ุดเดียวกัน
4. นาํ ขอ้ มลู ท่ไี ดไ้ ปเขยี นกราฟแสดงความสมั พันธร์ ะหว่างอุณหภูมกิ บั เวลา
หมายเหตุ : นักเรียนอาจเปลยี่ นกลีเซอรอลเป็นสารอืน่ ๆ ทีม่ ีสถานะเปน็ ของเหลวได้เชน่ นำ้ มันพืช น้ำเกลอื
ตัวอยา่ งตารางบนั ทกึ ผล อุณหภมู ิ ( องศาเซลเซยี ส )
เวลา/วนิ าที นำ้ กลเี ซอรอล
0
30
60
90
120
150
180
51
ตวั อยา่ งการบนั ทกึ กราฟแสดงความสัมพนั ธระหวางอณุ หภูมิกบั เวลา
52
แบบประเมินความรู้ (K)
ใบกจิ กรรมท่ี 5.2 ปจั จยั ใดบา้ งที่มีผลต่อการเปลย่ี นแปลงอุณหภูมิของสสาร
รายการประเมนิ 1. การตอบ
คำถาม
เลขที่ 2. เนื้อหา
ชือ่ - สกุล
รวมคะแนนที่ไ ้ด
ผ่าน
ไ ่มผ่าน
ระดับ ผลการ
คณุ ภาพ ประเมนิ
448
การผา่ นเกณฑ์ ระดับคุณภาพ พอใช้ ขนึ้ ไปผ่านเกณฑ์
สรปุ ผลการประเมนิ ผ่าน...........................คน ไม่ผ่าน...........................คน
ลงชอื่ ...................................................ผ้ปู ระเมิน
(นางสาวสชุ าดา วงษ์แดง)
53
เกณฑก์ ารประเมินความรู้ (K)
รายการประเมนิ น้ำหนัก ดีมาก (4) ระดบั คุณภาพ ปรับปรงุ (1)
ดี (3) พอใช้ (2)
1. การตอบคำถาม 1 นักเรยี นตอบ นักเรียนตอบ นักเรียนตอบ นักเรียนตอบ
คำถามไดอ้ ยา่ ง คำถามได้อยา่ ง คำถามไดก้ ระชบั คำถามไม่ได้
กระชบั และจบั กระชับ และจบั จบั ใจความสำคญั กระชบั ไม่สามารถ
ใจความสำคญั ได้ ใจความสำคัญ ได้ ได้ ตอบคำถาม จบั ใจความสำคญั
เป็นอยา่ งดี ไม่สัน้ พอสมควร แต่ยงั ส้ันหรอื ยาวมาก ได้ ตอบคำถามสน้ั
หรือยาวมาก ไม่สมบรู ณ์ จนเกนิ ไป หรือยาวมาก
จนเกินไป จนเกนิ ไป
2. เนอ้ื หา 1 เนื้อหาของ เน้ือหาของ เนื้อหาของ เนอ้ื หาของคำตอบ
คำตอบมีความ คำตอบมีความ คำตอบถูกตอ้ ง ไมถ่ กู ตอ้ ง ไม่
ถูกตอ้ งมากที่สุด ถูกต้อง ครบถว้ น ไม่ครบถว้ น ครบถว้ น สมบูรณ์
ครบถว้ น สมบรู ณ์ สมบรู ณ์ บางส่วน สมบรู ณ์
เกณฑ์การตัดสนิ
ช่วงคะแนน 7 – 8 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ 4 หมายถงึ ดีมาก
ช่วงคะแนน 5 – 6 คะแนน ระดบั คุณภาพ 3 หมายถึง ดี
ช่วงคะแนน 3 – 4 คะแนน ระดบั คุณภาพ 2 หมายถงึ พอใช้
ชว่ งคะแนน 1 - 2 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ 1 หมายถึง ปรับปรงุ
การผ่านเกณฑ์ ระดบั คุณภาพ พอใช้ ขึน้ ไปผา่ นเกณฑ์
54
แบบประเมินทกั ษะกระบวนการ (P)
ใบกิจกรรมท่ี 5.2 ปัจจัยใดบ้างทม่ี ีผลต่อการเปลย่ี นแปลงอุณหภมู ขิ องสสาร
รายการประเมิน 1. ความสามารถใน ระดับ ผลการ
เลขที่ การออกแบบทดลองคณุ ภาพ ประเมนิ
2. การป ิฏบั ิตการ
ชือ่ - สกุล
ทดลอง
3. การบันทึกผล
รวมคะแนนท่ีไ ้ด
่ผาน
ไ ่ม ่ผาน
4 4 4 12
การผ่านเกณฑ์ ระดับคณุ ภาพ พอใช้ ขึ้นไปผ่านเกณฑ์
สรุปผลการประเมิน ผา่ น...........................คน ไมผ่ ่าน...........................คน
ลงชือ่ ...................................................ผู้ประเมิน
(นางสาวสุชาดา วงษแ์ ดง)
55
เกณฑก์ ารประเมนิ ทักษะกระบวนการ (P)
ทักษะการทดลอง
รายการประเมิน น้ำหนัก ดีมาก (4) ระดบั คณุ ภาพ ปรบั ปรงุ (1)
ดี (3) พอใช้ (2)
1. ความสามารถ 1 กำหนดวธิ ีการอุปกรณ์ กำหนดวธิ ีการอุปกรณ์ กำหนดวิธกี ารอุปกรณ์ กำหนดวิธีการ
ในการออกแบบ สารเคมี อย่างถูกต้อง สารเคมี อย่างถูกตอ้ ง สารเคมี อย่างถูกตอ้ ง อปุ กรณ์ สารเคมี
การทดลอง เหมาะสม และใช้อยา่ ง เหมาะสม และใชอ้ ย่าง เหมาะสม และใชอ้ ยา่ ง ไมถ่ ูกตอ้ ง
ถกู วิธที กุ ครงั้ ถูกวธิ ีบอ่ ยคร้ัง ถกู วธิ บี างครั้ง ไม่เหมาะสม และ
ใช้อยา่ งไมถ่ ูกวธิ ี
2. การปฏบิ ัติการ 1 ทดลองตามขน้ั ตอนที่ ทดลองตามข้ันตอนท่ี ทดลองตามข้นั ตอนท่ี การทดลองไม่
ทดลอง กำหนดไว้ทันเวลา ใช้ กำหนดไว้ทันเวลา ใช้ กำหนดไวท้ ันเวลา ใช้ เป็นไปตามข้ันตอน
อุปกรณแ์ ละสารเคมี อุปกรณแ์ ละสารเคมี อปุ กรณ์และสารเคมี ไม่ทนั เวลา ใช้
อย่างถูกต้อง อยา่ งถกู ตอ้ ง อย่างถกู ต้อง อปุ กรณ์และ
คลอ่ งแคล่ว และ คล่องแคลว่ และ คลอ่ งแคล่ว และ สารเคมีไม่ถกู ตอ้ ง
เหมาะสมทกุ ครง้ั เหมาะสมบอ่ ยครั้ง เหมาะสมบางครง้ั ไม่คลอ่ ง และไม่
เหมาะสม
3. การบันทกึ ผล 1 บันทึกผลคล่องแคล่ว บนั ทกึ ผลคล่องแคล่ว บันทึกผลคลอ่ งแคลว่ บนั ทึกผลไม่
ถกู ตอ้ งและออกแบบ ถกู ต้อง และออกแบบ ถูกต้อง และออกแบบ คลอ่ งแคล่ว ไม่ค่อย
ตารางบนั ทึกผลท่ี ตารางบันทกึ ผลที่ ตารางบันทึกผลที่ ถูกต้อง และ
เหมาะสมกับขอ้ มูลทุก เหมาะสมกับขอ้ มูล เหมาะสมกับข้อมูลเป็น ออกแบบตาราง
ครัง้ บ่อยคร้ัง บางครงั้ บนั ทกึ ผลไม่
เหมาะสมกับขอ้ มูล
เกณฑ์การตัดสิน
ชว่ งคะแนน 11-12 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ 4 หมายถงึ ดีมาก
ช่วงคะแนน 8-10 คะแนน ระดับคณุ ภาพ 3 หมายถึง ดี
ชว่ งคะแนน 5-7 คะแนนระดบั คณุ ภาพ 2 หมายถึง พอใช้
ช่วงคะแนน 3-4 คะแนน ระดบั คุณภาพ 1 หมายถงึ ปรับปรุง
การผ่านเกณฑ์ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ข้นึ ไปผา่ นเกณฑ์
56
แบบประเมินคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)
เลขท่ี รายการประเมนิ
1.มีวินัย และส่งงาน รวม ระดบั ผลการ
ท่ไี ดร้ ับมอบหมาย คะแนน คุณภาพ ประเมิน
ทไ่ี ด้
ช่อื - สกลุ 4321 ผ่าน
ไ ่มผ่าน
การผ่านเกณฑ์ ระดับคุณภาพ พอใช้ ขน้ึ ไปผา่ นเกณฑ์
สรปุ ผลการประเมิน ผา่ น...........................คน ไมผ่ า่ น...........................คน
ลงช่อื ...................................................ผู้ประเมิน
(นางสาวสุชาดา วงษแ์ ดง)
57
เกณฑป์ ระเมินคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)
นกั เรียนมวี นิ ยั และสง่ งานตามทไ่ี ด้รับหมอบหมายได้ตามกำหนด
รายการ นำ้ หนกั ดมี าก (4) ระดบั คณุ ภาพ ปรบั ปรงุ (1)
ประเมิน ดี (3) พอใช(้ 2)
ไม่ปฏบิ ตั งิ านท่ี
1. นกั เรยี น 1 ปฏบิ ตั งิ านท่ี ปฏบิ ตั งิ านท่ี ปฏบิ ตั งิ านท่ี ได้รับมอบ
หมายให้เสรจ็
มีวินัยและ ไดร้ ับมอบหมาย ได้รบั มอบ ไดร้ ับมอบ
สมบูรณไ์ ดต้ าม
สง่ งาน ให้เสร็จสมบูรณ์ หมายใหเ้ สรจ็ หมายใหเ้ สรจ็ กำหนดได้ และ
ส่งงานไมไ่ ด้ตาม
ตามท่ไี ด้รับ และมีความ สมบรู ณไ์ ดต้ าม สมบรู ณ์ไดต้ าม เวลา ท่ีกำหนด
อยู่เปน็ ประจำ
หมอบ เรยี บร้อยได้ กำหนด และส่ง กำหนด และสง่
หมายได้ ตามทก่ี ำหนด งานได้ตามเวลา งานไดต้ ามเวลา
ตาม และส่งงานได้ ท่กี ำหนดอยู่ ทกี่ ำหนดอยู่
กำหนด ตามเวลา ท่ี เปน็ ประจำ บ่อยครงั้
กำหนดอยู่เป็น
ประจำ
เกณฑ์การตัดสิน
คะแนน 4 ระดบั คณุ ภาพ 4 หมายถึง ดีมาก
คะแนน 3 ระดับคุณภาพ 3 หมายถงึ ดี
คะแนน 2 ระดับคุณภาพ 2 หมายถงึ พอใช้
คะแนน 1 ระดับคุณภาพ 1 หมายถงึ ปรับปรงุ
การผา่ นเกณฑ์ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ข้นึ ไปผา่ นเกณฑ์
58
แบบประเมินสมรรถนะทักษะการคิด
รายการประเมนิ 1. ีมความสามารถใน ระดับ ผลการ
เลขที่ การ ิคด ิวเคราะห์คณุ ภาพ ประเมิน
ช่อื - สกุล 2. ัตด ิสนใจแ ้กปัญหา
เ ี่กยว ักบตนเองไ ้ด
3. ความสามารถในการ
สร้างอง ์คความ ู้ร
รวมคะแนนที่ไ ้ด
ผ่าน
ไ ่มผ่าน
3 3 39
การผ่านเกณฑ์ ระดับคุณภาพ พอใช้ ข้นึ ไปผ่านเกณฑ์
สรปุ ผลการประเมนิ ผา่ น...........................คน ไมผ่ า่ น...........................คน
ลงช่อื ...................................................ผ้ปู ระเมนิ
(นางสาวสุชาดา วงษแ์ ดง)
59
เกณฑ์การประเมนิ สมรรถนะทักษะในการคิด
ประเดน็ การ น้ำหนัก ระดบั คณุ ภาพ
ประเมิน
ดี(3) พอใช้ (2) ปรบั ปรงุ (1)
1. มคี วามสามารถ 1 เขา้ ใจและแสดงความ เขา้ ใจและแสดงความ เข้าใจและแสดงความ
ในการคดิ วิเคราะห์
คดิ เหน็ เกี่ยวกบั ที่เรียน คดิ เหน็ เก่ียวกับท่เี รยี น คิดเหน็ เกีย่ วกับที่
และสะท้อนความรู้
ความคดิ ความร้สู ึกได้ ดี และสะทอ้ นความรู้ เรยี น และสะทอ้ น
มาก ความคิด ความร้สู กึ ได้ ความรูค้ วามคิด
ปานกลาง ความรู้สกึ ได้น้อย
2. ตดั สนิ ใจ 1 สามารถตง้ั คำถามและ สามารถต้ังคำถามและ ไม่สามารถตั้งคำถาม
แกป้ ญั หาเกี่ยวกบั ตอบคำถามเกีย่ วกบั เรือ่ ง ตอบคำถามเก่ียวกับ และตอบคำถาม
ตนเองได้ ท่ีเรียนไดอ้ ย่างถูกต้อง เร่ืองทเ่ี รียนได้อย่าง เกยี่ วกบั เรื่องทเ่ี รียน
คลอ่ งแคลว้ แมน่ ยำ ถกู ต้อง ไดเ้ ลย
3. ความสามารถ 1 มกี ารค้นควา้ ข้อมลู และ มีการคน้ ควา้ ข้อมูล ไมม่ กี ารค้นควา้ ข้อมลู
ในการสร้างองค์
ศึกษาหาความรู้จากแหล่ง และศกึ ษาหาความรู้ และศกึ ษาหาความรู้
ความรู้
เรียนรู้อน่ื เพ่ิมเติมทุกครั้ง จากแหล่งเรียนรอู้ ่นื จากแหลง่ เรียนรู้อ่ืน
เพิม่ เติมบางครัง้ เพิ่มเตมิ เลย
เกณฑ์การประเมิน ดี
ช่วงคะแนน 8-9 คะแนน ระดับคุณภาพ 3 หมายถึง พอใช้
ชว่ งคะแนน 5-7 คะแนน ระดับคุณภาพ 2 หมายถึง ปรับปรงุ
ช่วงคะแนน 3-4 คะแนน ระดับคุณภาพ 1 หมายถึง
เกณฑก์ ารผ่าน นักเรยี นได้ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ขึ้นไปถือวา่ ผ่านเกณฑ์
60
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 1.4
เรื่อง ความร้อนกบั การขยายตวั และหดตัวของสสาร รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ รหสั วิชา ว21102 เวลา 2 คาบ
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1 ชื่อหนว่ ยการเรียนรู้ พลังงานความร้อนกบั การเปลยี่ นแปลงของสสาร รวม 27 คาบ
กลุม่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 ภาคเรยี นที่ 2
สาระที่ 2 ชอ่ื สาระ วิทยาศาสตรก์ ายภาพ มาตรฐาน ว 2.1
ช่อื ผูส้ อน นางสาวสชุ าดา วงษแ์ ดง โรงเรียนวดั ตะวนั เรือง
1. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด
ความรอ้ นทำใหอ้ นภุ าคเคลือ่ นท่ีเรว็ ขึ้นและระยะหา่ งระหวา่ งอนภุ าคมากข้นึ สสารจงึ ขยายตวั และเม่ือ
สสารสญู เสียความร้อนจะหดตวั โดยความรอ้ นทส่ี ญู เสียไปทำใหอ้ นภุ าคเคลอ่ื นท่ีช้าลงและมีระยะห่างระหว่าง
อนภุ าคลดลง
2. ตัวชี้วัด/จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
2.1 ตัวชีว้ ัด
ม.1/10 อธบิ ายความสัมพนั ธร์ ะหว่างพลังงานความรอ้ นกบั การเปลีย่ นสถานะของสสาร โดย
ใช้หลักฐานเชงิ ประจกั ษ์และแบบจำลอง
2.2 จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
- นักเรียนสามารถอธบิ ายผลที่เกิดจากความร้อนทสี่ ง่ ผลให้สสารเกิดการขยายตัวและหดตัวได้ (K)
- นักเรยี นสามารถปฏบิ ตั กิ ิจกรรมท่ี 5.3 ความรอ้ นส่งผลตอ่ สสารแต่ละสถานะอยา่ งไรได้ (P)
- นกั เรยี นเรยี นเสรจ็ แลว้ เกบ็ อปุ กรณ์เขา้ ที่เปน็ ระเบยี บได้ (A)
3. สาระการเรียนรู้
เม่ือสสารไดร้ ับความร้อนจะขยายตัว โดยความร้อนทำให้อนุภาคเคล่อื นทเ่ี ร็วขน้ึ และระยะหา่ งระหว่าง
อนุภาคมากขึ้น สสารจงึ ขยายตัว เชน่ การขยายตวั ของแอลกอฮอล์ในหลอดเทอร์มอมิเตอรเ์ มอื่ ไดร้ บั ความร้อน
หรืออากาศในบอลลูนหรือโคมลอยได้รบั ความร้อน อนุภาคของอากาศเกิดการขยายตัว จึงทำให้บอลลูนหรือ
โคมลอยมีขยายใหญ่ขนึ้
เมื่อสสารสูญเสียความร้อนจะหดตัว โดยความร้อนที่สูญเสียไปทำให้อนุภาคเคลื่อนที่ช้าลงและมี
ระยะหา่ งระหวา่ งอนุภาคลดลง เช่น การเดินสายไฟจะตอ้ งไม่ขึงสายให้ตงึ หรอื หย่อนจนเกนิ ไป เน่ืองจากในฤดู
หนาวสายไฟจะสูญเสียความร้อนอนุภาคของสสารในสายไฟจะเกิดหดตวั หากขึงสายไฟตึงเกินไปในตอนแรก
สายไฟอาจจะขาดได้
4. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน
4.1 ความสามารถในการคดิ
5. คุณลกั ษณะที่พงึ ประสงค์
5.1 มงุ่ มนั่ ในการทำงาน
5.2 มีวินัย
5.3 ใฝ่เรียนรู้
61
6. การจดั กิจกรรมการเรยี นรูแ้ บบสืบเสาะหาความรู้ (5E)
ขน้ั ที่ 1 กระตุ้นความสนใจ (Engagement)
1) ครเู ร่มิ เนือ้ หาใหมโ่ ดยครูใหน้ ักเรียนดูภาพ 5.12 (อ้างองิ จากหนังสือสสวท.หนา้ 28) โดย
ใช้ส่อื PowerPoint เรื่อง ความร้อนกบั การขยายตวั และหดตัวของสสาร รปู การยกตัวของถนน อ่านเน้ือหานํา
เรื่องและรู้จักคําสำคัญ ทำกิจกรรมทบทวนความรู้ก่อนเรยี น เพื่อประเมินความรู้พื้นฐานของนักเรียนเกีย่ วกับ
การเปล่ียนแปลงของสสารเม่อื ได้รับหรือสูญเสียความร้อน หากพบวา่ นักเรยี นยังมีความรูพ้ น้ื ฐานไม่ถูกต้อง ครู
ควรทบทวนหรือแก้ไขความเข้าใจผิดของนักเรียน เพื่อให้นักเรียนมีความรู้พืน้ ฐานที่ถูกตอ้ งและเพยี งพอที่จะ
เรียนเรอื่ งความรอ้ นกับการขยายตัวหรือหดตัวของสสารตอ่ ไป
2) ครูให้นักเรียนสังเกตภาพเพิ่มเติมซึ่งเป็นภาพของรางรถไฟที่โค้งงอที่เกิดการขยายตัว
เน่ืองจากผลทม่ี าจากความรอ้ น
ที่มา : หนงั สือวทิ ยาศาสตรพ์ ้ืนฐาน เลม่ 2 สสวท.
3) ครูถามเพ่อื กระตุ้นความคิดของนักเรียน โดยถามนกั เรยี นวา่ จากเหตกุ ารณ์ดงั กลา่ วทง้ั 2
เหตกุ ารณ์น้ีเกดิ ขน้ึ เนอื่ งจากอะไร (แนวการตอบ ภาพดังกล่าว ซึ่งสามารถอธิบายได้โดยหลักการทางวิทยา
ศาตร์เกี่ยวกับการขยายตวั ของสสารเมื่อได้รับความร้อน โดยในกรณขี องถนนที่สร้างขึ้นได้ออกแบบชอ่ งว่างที่
รองรบั การขยายตวั นอ้ ยเกินไป ส่วนกรณีของรางรถไฟกเ็ ปน็ เช่นเดยี วกนั คอื การขยายตวั ของโลหะ)
4) ยกตัวอย่างเหตกุ ารณท์ ีแ่ สดงวา่ สสารได้รบั ความรอ้ น
ทีม่ า : https://pixabay.com/th/photos.
62
ทมี่ า : https://www.homedepot.com/p/AcuRite-Thermometer.
5) ครูตรวจสอบความรู้เดิมเกี่ยวกับความร้อนกับการขยายตัวหรือหดตัวของสสารของ
นักเรียนโดยให้ทำกิจกรรมรู้อะไรบ้างก่อนเรียน นักเรียนสามารถเขียนได้ตามความเข้าใจของตนเองโดยครูไม่
เฉลยคาํ ตอบ และครูนําขอ้ มลู จากการตรวจสอบความรเู้ ดมิ ของนกั เรียนนไ้ี ปใช้ในการวางแผนการจดั การเรยี นรู้
ว่าควรเน้นยำ้ หรืออธิบายเรื่องใดเป็นพิเศษ เมื่อนักเรียนเรียนจบเรือ่ งนี้แลว้ นักเรียนจะมีความรู้ความเขา้ ใจ
ครบถว้ น ตามจดุ ประสงคข์ องบทเรียน
6) ชี้แจงนักเรยี นว่า นักเรยี นจะสามารถอธิบายได้วา่ ความร้อนสามารถทำให้ถนนยกตัวข้ึนได้
อยา่ งไร หลังจากทีน่ ักเรยี นไดท้ ำกิจกรรมที่ 5.3 ความร้อนส่งผลต่อสสารแตล่ ะสถานะอย่างไร
ข้นั ท่ี 2 ข้ันสำรวจและคน้ หา (Exploration)
1) ครูแบ่งกล่มุ ใหม่ใหก้ ับนกั เรยี นโดยแบง่ นกั เรียนออกเป็น 3 หรอื 6 กลมุ่ จากนน้ั ครคู วร
นำอภปิ รายในหวั ขอ้ ตอ่ ไปนี้เพื่อจะไดด้ ำเนินกิจกรรมท่ี 5.3 ความรอ้ นส่งผลตอ่ สสารแต่ละสถานะอยา่ งไร
2) ก่อนการดำเนินกิจกรรม ครูให้นักเรียนอ่านวิธีการดำเนินกิจกรรมและให้นักเรียนอ่าน
จดุ ประสงค์ของกจิ กรรม จากนั้นครูใช้คำถามเพ่ืออภปิ รายดังนี้
2.1 กิจกรรมนี้เกี่ยวกับเรื่องอะไร (แนวการตอบ ผลของความร้อนต่อการ
เปล่ียนแปลงขนาดของอากาศ น้ำ และเหลก็ )
2.2 หลังการทำกิจกรรมแลว้ นักเรียนจะรู้อะไร (แนวการตอบ อธิบายผลของความ
รอ้ นตอ่ การเปลย่ี นแปลงขนาดของอากาศ น้ำ และเหลก็ )
3) ในกรณีทแ่ี บง่ นกั เรียนออกเปน็ 6 กลุม่ ครคู วรมอบหมายใหแ้ ตล่ ะกล่มุ ศึกษาผลของความ
รอ้ นตอ่ การเปล่ยี นแปลงขนาดของสสารทแ่ี ตกตา่ งกัน ดงั น้ี
3.1 กลุม่ ที่1 และ2 ทำกิจกรรมตอนที่ 1 ศกึ ษาผลของความร้อนต่อการเปลี่ยนแปลง
ขนาดของอากาศ
3.2 กลุ่มท่ี3 และ4 ทำกจิ กรรมตอนท่ี 2 ศกึ ษาผลของความร้อนตอ่ การเปลี่ยนแปลง
ขนาดของน้ำ
3.3 กล่มุ ท5ี่ และ6 ทำกจิ กรรมตอนท่ี 3 ศกึ ษาผลของความร้อนต่อการเปล่ียนแปลง
ขนาดของเหล็ก
63
4) ครูให้นักเรยี นอา่ นวัสดุ อุปกรณ์วิธีดำเนินกจิ กรรม จากนั้นครูอภปิ รายวิธีการทำกจิ กรรม
พร้อมอาจแสดงหรือแนะนําอุปกรณ์ให้นักเรียนทราบ จากนั้นครูใช้คำถามถามนักเรียนเพื่อตรวจสอบความ
เขา้ ใจจากการอ่าน ดังนี้
4.1 การทำกิจกรรมต้องใช้วัสดุและอุปกรณ์อะไรบ้าง (แนวการตอบ นักเรียนตอบ
ตามรายการวัสดแุ ละอปุ กรณ์ครูควรแนะนำวิธีและข้อควรระวงั ในการใชช้ ุดตะเกยี งแอลกอฮอล)์
4.2 นักเรยี นตอ้ งสังเกตหรือรวบรวมขอ้ มลู อะไรบา้ ง และมีวิธีบันทึกผลอยา่ งไร
(ตอนที่ 1 ให้นักเรียนสงั เกตการเปลี่ยนแปลงของลูกโป่ง พร้อมทั้งบันทึกผลซึง่ อาจ
อยูใ่ นรูปแบบการเขยี นบรรยายวาดภาพหรือบนั ทกึ คลิปวดิ ที ศั น์ส้ันๆ)
(ตอนที่ 2 ให้นักเรียนสังเกตและวดั ระดับของน้ำสีในหลอดนำแก๊ส พร้อมทั้งบันทึก
ผลเป็นตวั เลขและอาจให้นักเรียนเขยี นบรรยาย วาดภาพหรอื บนั ทกึ คลิปวีดิทัศน์สั้นๆ)
(ตอนที่ 3 ให้นักเรยี นสงั เกตการเคลือ่ นทขี่ องลกู กลมเหลก็ ผ่านวงแหวนเหลก็ พร้อม
ทัง้ บันทกึ ผลซ่งึ อาจอยใู่ นรูปแบบการเขียนบรรยาย วาดภาพหรอื บนั ทกึ คลปิ วีดทิ ัศน์ส้นั ๆ)
5) ครใู ห้ดำเนนิ กจิ กรรมในห้องเรียนตามกิจกรรที่ 5.3 ความร้อนส่งผลต่อสสารแต่ละสถานะ
อยา่ งไร โดยครูแจกอปุ กรณ์ใหน้ ักเรยี นทำกิจกรรมร่วมกัน นักเรยี นทำกิจกรรมตามขนั้ ตอนพร้อมกับบันทึกผล
การสงั เกตการเปล่ยี นแปลงท่ีเกดิ ขึ้นกับสารที่แต่ละกลุ่มไดร้ บั
6) ครูเดนิ สังเกตนักเรยี นทุกกลมุ่ เพ่อื แนะนําการทำกิจกรรมแก่นักเรียนอย่างใกล้ชิดโดยเน้น
ใหน้ ักเรียนทุกคนได้มสี ่วนร่วมในการทำกิจกรรม นอกจากนคี้ รูควรสังเกตการบันทึกผลการสังเกตของนักเรียน
เพ่อื ให้ขอ้ แนะนาํ หากเกดิ ข้อผดิ พลาดหรอื ข้อมลู ไม่ครบถ้วนในการบนั ทกึ ผล รวมทัง้ นาํ ขอ้ มลู ที่ควรจะปรับปรุง
และแกไ้ ขมาใชป้ ระกอบการอภปิ รายหลงั ทำกิจกรรม
ขน้ั ที่ 3 ข้นั อธบิ ายและลงข้อสรปุ (Explanation)
1) ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายจากกิจกรรมที่ได้ดำเนินไปโดยใช้คำถามเพื่อกระตุ้นความคิดของ
นกั เรียนดังต่อไปนี้
1.1 ให้นกั เรียนอภปิ รายเพื่อใหไ้ ด้ข้อสรุปว่า เมื่ออากาศ น้ำ และลูกกลมเหล็กได้รับ
ความร้อนจะมีปริมาตรเพิม่ ข้ึนและขยายตัว ในทางตรงกันขา้ มเมือ่ อากาศ น้ำ และลูกกลมเหล็กสูญเสียความ
รอ้ นจะมีปรมิ าตรลดลงและหดตัว ซึง่ การเปลีย่ นแปลงที่เกดิ ข้ึนเป็นการเปลี่ยนแปลงในระดับอนภุ าคของสสาร
1.2 ให้นักเรียนอ่านเนื้อหาในหนังสือเรียน เพื่อให้นักเรียนเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกบั
การขยายตัวหรอื หดตวั ของสสารเม่อื ได้รับหรอื สญู เสยี ความร้อน
1.3 ใหน้ กั เรยี นตอบคาํ ถาม เพื่อประเมนิ ความเข้าใจเกี่ยวกับการขยายตัวหรือหดตัว
ของสสารเมอ่ื ไดร้ บั หรือสญู เสยี ความร้อน โดยใชค้ ำถามดังน้ี
1.3.1 ขณะทอ่ี ากาศในขวดแกว้ และลูกโป่งขยายตัวหรือหดตัวเม่อื ไดร้ ับหรือ
สูญเสียความร้อน จำนวนและขนาดของอนุภาคอากาศในขวดแก้วและลูกโป่งมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่
อย่างไร (แนวคำตอบ ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวนและขนาดของอนุภาคของอากาศในขวดแก้วและลูกโป่งยังคง
เหมือนเดิมแต่การที่ลูกโป่งขยายตัวหรือหดตัวเมื่อได้รับหรือสูญเสียความร้อนเนื่องจากระยะห่างระหว่าง
อนุภาคมีการเปล่ยี นแปลง ไมเ่ กี่ยวกบั จำนวนหรอื ขนาดของอนภุ าค)
1.3.2 ขณะท่ีน้ำสีขยายตัวหรือหดตัวเมื่อได้รับหรือสูญเสียความร้อน
จำนวนและขนาดของอนุภาคน้ำสีมกี ารเปลยี่ นแปลงหรอื ไม่ อยา่ งไร (แนวคําตอบ ไมเ่ ปลีย่ นแปลงจำนวนและ
ขนาดของอนุภาคของน้ำสีในขวดรูปกรวยยังคงเหมือนเดิม แต่การที่น้ำสีขยายตัวหรือหดตัวเมื่อได้รับหรือ
สูญเสียความร้อนเนื่องจากระยะห่างระหว่างอนุภาคมีการเปลี่ยนแปลง ไม่เกี่ยวกับจำนวนหรือขนาดของ
อนุภาค)
64
1.3.3 ขณะที่ลูกกลมเหล็กขยายตัวหรือหดตัวเมื่อได้รับหรือสูญเสียความ
ร้อน จำนวนและขนาดของอนุภาคลูกกลมเหล็กมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ อย่างไร (แนวคําตอบ ไม่
เปลี่ยนแปลงจำนวนและขนาดของอนุภาคของลูกกลมเหล็กยังคงเหมือนเดิม แต่การที่ลูกกลมเหล็กขยายตัว
หรือหดตัวเมื่อได้รับหรือสูญเสียความร้อนเนื่องจากระยะห่างระหว่างอนุภาคมีการเปลี่ยนแปลง ไม่เกี่ยวกับ
จำนวนหรอื ขนาดของอนภุ าค)
1.3.4 ภาพแบบจําลองอนภุ าคท่ีสรา้ งขึ้น มสี ่วนใดบา้ งท่ีไม่สามารถแสดงให้
เห็นตามความเป็นจริงและถ้าจะปรับปรุงแบบจําลองที่สร้างขึ้น จะทำได้อย่างไร (แนวคำตอบ ขนาดของ
อนุภาคในแบบจําลองมีขนาดใหญ่กว่าความเป็นจริง อีกทั้งจำนวนของอนุภาคในแบบจําลองมีน้อยมากเมื่อ
เทียบกับความเป็นจริง แบบจำลองไม่สามารถทำให้เห็นการเคลื่อนที่ของอนุภาคตามความเป็นจริงได้อาจ
ปรับปรุงโดยใชโ้ ปรแกรมคอมพิวเตอรส์ รา้ งแบบจาํ ลองทีแ่ สดงการเคลื่อนทีข่ องอนุภาคได้)
2) ครูใหต้ ัวแทนกลุ่มของนักเรยี นแต่ละกล่มุ ออกมาแสดงความรูส้ ึกในการปฏบิ ตั ิกิจกรรม
ขนั้ ที่ 4 ขนั้ ขยายความรู้ (Elaboration)
1) ครใู หน้ ักเรยี นดสู ือ่ ออนไลน์เพิม่ เติมเกี่ยวกับความร้อนกบั การขยายตวั และหดตวั ของ
สสาร เพื่อเป็นการทบทวนและสรา้ งความเข้าใจมากย่ิงข้นึ
ทม่ี า : https://www.youtube.com/watch?v=EQmIh8L4WcI
2) ครูเปดิ โอกาสให้นกั เรยี นนนั้ ไดถ้ ามคำถาม โดยแตล่ ะกล่มุ ใหต้ งั้ คำถามเก่ียวกับเร่อื งทเ่ี รยี น
ไปอย่างน้อย 1 คำถามต่อ 1 กลมุ่
3) ใหน้ กั เรยี นอ่านเนอ้ื หาในหนังสอื เรียน เพอื่ ใหน้ กั เรยี นเรียนรเู้ พ่มิ เติมเกยี่ วกับการขยายตัว
หรือหดตัวของสสารในชีวิตประจำวัน ครูอาจให้นักเรียนสืบค้นจากแหล่งเรียนรู้อื่น ๆ เพิ่มเติมได้อีกด้วย
จากนัน้ ครูและนักเรียนร่วมกนั อภิปรายโดยอาจใชค้ ำถามดังน้ี
• มเี หตกุ ารณ์ใดบา้ งที่เกดิ จากการขยายตวั หรือหดตวั ของสสารอันเน่อื งมาจากความรอ้ น
• เราสามารถใช้ประโยชน์จากการขยายตัวหรือหดตัวของสสารอันเน่ืองมาจากความร้อนได้
อยา่ งไรบา้ ง
• การขยายตัวหรอื หดตัวของสสารอันเนื่องมาจากความร้อนมโี ทษหรือสร้างความเสียหายต่อ
ชีวติ และทรัพย์สนิ ได้อย่างไร และจะมที างปอ้ งกนั หรือแก้ปัญหาเหลา่ นี้ได้อยา่ งไร
65
4) ครูแนะนำแหล่งเรยี นรู้เพิ่มเตมิ ทางอินเทอร์เน็ต
ขัน้ ท่ี 5 ข้ันประเมนิ (Evaluation)
1) ครูประเมินจากกิจกรรมท่ี 5.3 ความรอ้ นสง่ ผลตอ่ สสารแต่ละสถานะอย่างไร การปฏบิ ตั ิ
กิจกรรมกลมุ่
2) การตอบคำถามในชัน้ เรยี น
3) จากสถานการณ์ถนนยกตัวข้นึ เน่อื งจากความรอ้ น ครใู ห้นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ทําแผ่นพับเพื่อ
อธิบายสาเหตุของการยกตัวของถนน พร้อมทั้งเสนอแนะแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นเพ่ือ
สอ่ื สารใหค้ นในชุมชนเข้าใจเหตุการณ์ดังกล่าว โดยนักเรยี นต้องใชภ้ าษาที่เขา้ ใจง่ายและใช้แบบจําลองอนุภาค
ของสสารประกอบการอธบิ าย
7. การวดั และประเมนิ ผล
การวดั และประเมนิ ผลดา้ น วธิ กี ารวัด เคร่อื งมือวดั เกณฑ์การผา่ น
1 ดา้ นความรู้ ระดบั คณุ ภาพ
พอใช้ ข้นึ ไป
1. นกั เรียนสามารถอธบิ าย
ระดับคณุ ภาพ
ผลท่ีเกดิ จากความร้อนท่ี - การตอบคำถามนกั เรยี นในชนั้ เรยี น - แบบประเมินการตอบคำถาม พอใช้ ขึ้นไป
สง่ ผลให้สสารเกดิ การ ระดับคณุ ภาพ
พอใช้ ขนึ้ ไป
ขยายตวั และหดตัวได้
2. ด้านกระบวนการ
1. นกั เรยี นสามารถปฏิบตั ิ - ตรวจสอบการปฏิบตั ิกจิ กรรมท่ี 5.3
กจิ กรรมท่ี 5.3 ความรอ้ น ความรอ้ นส่งผลตอ่ สสารแต่ละ - แบบประเมนิ การทำงานกลุ่ม
ส่งผลตอ่ สสารแต่ละสถานะ สถานะอย่างไร
อย่างไรได้
3. ด้านคณุ ลักษณะทีพ่ งึ
ประสงค์
1. นกั เรียนเรยี นเสร็จแลว้ - การสังเกตพฤติกรรมนกั เรยี น - แบบประเมินการสังเกต
เกบ็ อปุ กรณเ์ ข้าที่เป็น
ระเบียบได้
8. ส่ือและแหลง่ เรยี นรู้
8.1 ส่ือการสอน
- สื่อการเรียนรู้ PowerPoint เรอ่ื ง ความร้อนกบั การขยายตวั และหดตัวของสสาร
8.2 แหล่งเรียนรู้
- ใบกิจกรรมที่ 5.3 ความร้อนส่งผลตอ่ สสารแต่ละสถานะอยา่ งไร
- ส่อื ออนไลน์
- หนังสอื เรยี นวิทยาศาสตรพ์ ื้นฐาน ม.1
66
บนั ทึกผลการจัดการการเรียนรทู้ ี่ 1.4
ผลการจดั การเรยี นรู้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ปญั หาและอุปสรรค
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
แนวทางแก้ไข / แนวทางการพฒั นา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ลงช่ือ....................................................ครูผู้สอน
(นางสาวสุชาดา วงษแ์ ดง)
ความเห็นของผู้นเิ ทศ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ลงชอ่ื ...............................................ผู้นเิ ทศ
(........................................................)
67
กิจกรรมที่ 5.3 ความรอ้ นสง่ ผลต่อสสาร
แตล่ ะสถานะอย่างไร
จุดประสงค์ 1. สํารวจและอธบิ ายผลของความร้อนต่อการเปล่ียนแปลงขนาดของอากาศ นำ้ และเหล็ก
วสั ดอุ ุปกรณ์ วัสดุท่ใี ชต้ อ่ กลุ่ม
รายการ ปรมิ าณ/กลุ่ม
ขวดแกว้ หรอื ขวดพลาสตกิ 1 ขวด
บีกเกอรข์ นาด 250 cm3 1 อนั
ลกู โปง่ 1 ลูก
ขนั พลาสติก 1 อนั
ขวดรปู กรวย ขนาด 125 cm3 2 ขวด
น้ำสี 350 cm3 1 ขวด
หลอดแก้วนำแก๊ส 2 หลอด
จุกยางเจาะรู 2 จุก
นำ้ รอ้ น อณุ หภมู ิประมาณ 80 oC 500 cm3
น้ำแข็ง 500 cm3
ชุดตะเกียงแอลกอฮอล์ 1 ชดุ
ลกู กลมและวงแหวนโลหะ 1 ชดุ
วิธกี าร ใหด้ ำเนินกจิ กรรมตามหนังสือเรียน
การเตรียมตัวของครูเตรียม - น้ำสโี ดยผสมสีผสมอาหารกับน้ำเปลา่
- เตรยี มลกู โป่งโดยเป่าลูกโป่งใหย้ ืดตวั เล็กนอ้ ย
ขอ้ ควรระวัง - แอลกอฮอล์เปน็ วตั ถไุ วไฟจงึ ควรระมัดระวงั ในการใช้ตะเกยี งแอลกอฮอล์
- นำ้ ร้อนมีอุณหภูมิสงู ควรใชถ้ งุ มอื หรอื ผ้าขณะจับภาชนะบรรจุนำ้ ร้อน
- ระมัดระวังการจับลกู กลมโลหะและวงแหวนโลหะท่ีรอ้ น
68
ตัวอย่างการดำเนินกจิ กรรม
ตารางการดำเนินกิจกรรม แชใ่ นนำ้ ร้อน แช่ในนำ้ เยน็
วาดภาพพร้อมอธบิ าย วาดภาพพร้อมอธบิ าย
วางในน้ำอุณหภมู ปิ กติ
วาดภาพพรอ้ มอธิบาย
69
บันทึกการดำเนินกจิ กรรม
70
แบบประเมนิ ความรู้ (K)
ใบกจิ กรรมที่ 5.3 ความร้อนสง่ ผลตอ่ สสารแตล่ ะสถานะอยา่ งไร
รายการประเมนิ 1. การตอบ ระดบั ผลการ
เลขที่ คำถาม คณุ ภาพ ประเมิน
2. เนื้อหา
ชอ่ื - สกุล
รวมคะแนนที่ไ ้ด
ผ่าน
ไ ่มผ่าน
448
การผา่ นเกณฑ์ ระดับคณุ ภาพ พอใช้ ข้ึนไปผ่านเกณฑ์
สรุปผลการประเมิน ผา่ น...........................คน ไมผ่ ่าน...........................คน
ลงชอื่ ...................................................ผูป้ ระเมนิ
(นางสาวสชุ าดา วงษ์แดง)
71
เกณฑก์ ารประเมินความรู้ (K)
รายการประเมนิ น้ำหนัก ดีมาก (4) ระดบั คุณภาพ ปรับปรงุ (1)
ดี (3) พอใช้ (2)
1. การตอบคำถาม 1 นักเรยี นตอบ นักเรียนตอบ นักเรียนตอบ นักเรียนตอบ
คำถามไดอ้ ยา่ ง คำถามได้อยา่ ง คำถามไดก้ ระชบั คำถามไม่ได้
กระชบั และจบั กระชับ และจบั จบั ใจความสำคญั กระชบั ไม่สามารถ
ใจความสำคญั ได้ ใจความสำคัญ ได้ ได้ ตอบคำถาม จบั ใจความสำคญั
เป็นอยา่ งดี ไม่สัน้ พอสมควร แต่ยงั ส้ันหรอื ยาวมาก ได้ ตอบคำถามสน้ั
หรือยาวมาก ไม่สมบรู ณ์ จนเกนิ ไป หรือยาวมาก
จนเกินไป จนเกนิ ไป
2. เนอ้ื หา 1 เนื้อหาของ เน้ือหาของ เนื้อหาของ เนอ้ื หาของคำตอบ
คำตอบมีความ คำตอบมีความ คำตอบถูกตอ้ ง ไมถ่ กู ตอ้ ง ไม่
ถูกตอ้ งมากที่สุด ถูกต้อง ครบถว้ น ไม่ครบถว้ น ครบถว้ น สมบูรณ์
ครบถว้ น สมบรู ณ์ สมบรู ณ์ บางส่วน สมบรู ณ์
เกณฑ์การตัดสนิ
ช่วงคะแนน 7 – 8 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ 4 หมายถงึ ดีมาก
ช่วงคะแนน 5 – 6 คะแนน ระดบั คุณภาพ 3 หมายถึง ดี
ช่วงคะแนน 3 – 4 คะแนน ระดบั คุณภาพ 2 หมายถงึ พอใช้
ชว่ งคะแนน 1 - 2 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ 1 หมายถึง ปรับปรงุ
การผ่านเกณฑ์ ระดบั คุณภาพ พอใช้ ขึน้ ไปผา่ นเกณฑ์
72
แบบประเมนิ ทกั ษะกระบวนการ (P)
ใบกจิ กรรมท่ี 5.3 ความร้อนส่งผลตอ่ สสารแตล่ ะสถานะอยา่ งไร
รายการประเมนิ 1. ความสามารถใน ระดบั ผลการ
เลขที่ การออกแบบทดลอง คุณภาพ ประเมิน
2. การป ิฏบั ิตการ
ชื่อ - สกุล
ทดลอง
3. การบันทึกผล
รวมคะแนนท่ีไ ้ด
่ผาน
ไ ่ม ่ผาน
4 4 4 12
การผา่ นเกณฑ์ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ขน้ึ ไปผา่ นเกณฑ์
สรุปผลการประเมนิ ผ่าน...........................คน ไมผ่ ่าน...........................คน
ลงชอ่ื ...................................................ผปู้ ระเมิน
(นางสาวสุชาดา วงษแ์ ดง)
73
เกณฑก์ ารประเมนิ ทักษะกระบวนการ (P)
ทักษะการทดลอง
รายการประเมิน น้ำหนัก ดีมาก (4) ระดบั คณุ ภาพ ปรบั ปรงุ (1)
ดี (3) พอใช้ (2)
1. ความสามารถ 1 กำหนดวธิ ีการอุปกรณ์ กำหนดวธิ ีการอุปกรณ์ กำหนดวิธกี ารอุปกรณ์ กำหนดวิธีการ
ในการออกแบบ สารเคมี อย่างถูกต้อง สารเคมี อย่างถูกตอ้ ง สารเคมี อย่างถูกตอ้ ง อปุ กรณ์ สารเคมี
การทดลอง เหมาะสม และใช้อยา่ ง เหมาะสม และใชอ้ ย่าง เหมาะสม และใชอ้ ยา่ ง ไมถ่ ูกตอ้ ง
ถกู วิธที กุ ครงั้ ถูกวธิ ีบอ่ ยคร้ัง ถกู วธิ บี างครั้ง ไม่เหมาะสม และ
ใช้อยา่ งไมถ่ ูกวธิ ี
2. การปฏบิ ัติการ 1 ทดลองตามขน้ั ตอนที่ ทดลองตามข้ันตอนท่ี ทดลองตามข้นั ตอนท่ี การทดลองไม่
ทดลอง กำหนดไว้ทันเวลา ใช้ กำหนดไว้ทันเวลา ใช้ กำหนดไวท้ ันเวลา ใช้ เป็นไปตามข้ันตอน
อุปกรณแ์ ละสารเคมี อุปกรณแ์ ละสารเคมี อปุ กรณ์และสารเคมี ไม่ทนั เวลา ใช้
อย่างถูกต้อง อยา่ งถกู ตอ้ ง อย่างถกู ต้อง อปุ กรณ์และ
คลอ่ งแคล่ว และ คล่องแคลว่ และ คลอ่ งแคล่ว และ สารเคมีไม่ถกู ตอ้ ง
เหมาะสมทกุ ครง้ั เหมาะสมบอ่ ยครั้ง เหมาะสมบางครง้ั ไม่คลอ่ ง และไม่
เหมาะสม
3. การบันทกึ ผล 1 บันทึกผลคล่องแคล่ว บนั ทกึ ผลคล่องแคล่ว บันทึกผลคลอ่ งแคลว่ บนั ทึกผลไม่
ถกู ตอ้ งและออกแบบ ถกู ต้อง และออกแบบ ถูกต้อง และออกแบบ คลอ่ งแคล่ว ไม่ค่อย
ตารางบนั ทึกผลท่ี ตารางบันทกึ ผลที่ ตารางบันทึกผลที่ ถูกต้อง และ
เหมาะสมกับขอ้ มูลทุก เหมาะสมกับขอ้ มูล เหมาะสมกับข้อมูลเป็น ออกแบบตาราง
ครัง้ บ่อยคร้ัง บางครงั้ บนั ทกึ ผลไม่
เหมาะสมกับขอ้ มูล
เกณฑ์การตัดสิน
ชว่ งคะแนน 11-12 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ 4 หมายถงึ ดีมาก
ช่วงคะแนน 8-10 คะแนน ระดับคณุ ภาพ 3 หมายถึง ดี
ชว่ งคะแนน 5-7 คะแนนระดบั คณุ ภาพ 2 หมายถึง พอใช้
ช่วงคะแนน 3-4 คะแนน ระดบั คุณภาพ 1 หมายถงึ ปรับปรุง
การผ่านเกณฑ์ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ข้นึ ไปผา่ นเกณฑ์
74
แบบประเมินคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)
เลขท่ี รายการประเมนิ
1.มีวินัย และส่งงาน รวม ระดบั ผลการ
ท่ไี ดร้ ับมอบหมาย คะแนน คุณภาพ ประเมิน
ทไ่ี ด้
ช่อื - สกลุ 4321 ผ่าน
ไ ่มผ่าน
การผ่านเกณฑ์ ระดับคุณภาพ พอใช้ ขน้ึ ไปผา่ นเกณฑ์
สรปุ ผลการประเมิน ผา่ น...........................คน ไมผ่ า่ น...........................คน
ลงช่อื ...................................................ผู้ประเมิน
(นางสาวสุชาดา วงษแ์ ดง)
75
เกณฑป์ ระเมินคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)
นกั เรียนมวี นิ ยั และสง่ งานตามทไ่ี ด้รับหมอบหมายได้ตามกำหนด
รายการ นำ้ หนกั ดมี าก (4) ระดบั คณุ ภาพ ปรบั ปรงุ (1)
ประเมิน ดี (3) พอใช(้ 2)
ไม่ปฏบิ ตั งิ านท่ี
1. นกั เรยี น 1 ปฏบิ ตั งิ านท่ี ปฏบิ ตั งิ านท่ี ปฏบิ ตั งิ านท่ี ได้รับมอบ
หมายให้เสรจ็
มีวินัยและ ไดร้ ับมอบหมาย ได้รบั มอบ ไดร้ ับมอบ
สมบูรณไ์ ดต้ าม
สง่ งาน ให้เสร็จสมบูรณ์ หมายใหเ้ สรจ็ หมายใหเ้ สรจ็ กำหนดได้ และ
ส่งงานไมไ่ ด้ตาม
ตามท่ไี ด้รับ และมีความ สมบรู ณไ์ ดต้ าม สมบรู ณ์ไดต้ าม เวลา ท่ีกำหนด
อยู่เปน็ ประจำ
หมอบ เรยี บร้อยได้ กำหนด และส่ง กำหนด และสง่
หมายได้ ตามทก่ี ำหนด งานได้ตามเวลา งานไดต้ ามเวลา
ตาม และส่งงานได้ ท่กี ำหนดอยู่ ทกี่ ำหนดอยู่
กำหนด ตามเวลา ท่ี เปน็ ประจำ บ่อยครงั้
กำหนดอยู่เป็น
ประจำ
เกณฑ์การตัดสิน
คะแนน 4 ระดบั คณุ ภาพ 4 หมายถึง ดีมาก
คะแนน 3 ระดับคุณภาพ 3 หมายถงึ ดี
คะแนน 2 ระดับคุณภาพ 2 หมายถงึ พอใช้
คะแนน 1 ระดับคุณภาพ 1 หมายถงึ ปรับปรงุ
การผา่ นเกณฑ์ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ข้นึ ไปผา่ นเกณฑ์
76
แบบประเมินสมรรถนะทักษะการคิด
รายการประเมนิ 1. ีมความสามารถใน ระดับ ผลการ
เลขที่ การ ิคด ิวเคราะห์คณุ ภาพ ประเมิน
ช่อื - สกุล 2. ัตด ิสนใจแ ้กปัญหา
เ ี่กยว ักบตนเองไ ้ด
3. ความสามารถในการ
สร้างอง ์คความ ู้ร
รวมคะแนนที่ไ ้ด
ผ่าน
ไ ่มผ่าน
3 3 39
การผ่านเกณฑ์ ระดับคุณภาพ พอใช้ ข้นึ ไปผ่านเกณฑ์
สรปุ ผลการประเมนิ ผา่ น...........................คน ไมผ่ า่ น...........................คน
ลงช่อื ...................................................ผ้ปู ระเมนิ
(นางสาวสุชาดา วงษแ์ ดง)
77
เกณฑ์การประเมนิ สมรรถนะทักษะในการคิด
ประเดน็ การ น้ำหนัก ระดบั คณุ ภาพ
ประเมิน
ดี(3) พอใช้ (2) ปรบั ปรงุ (1)
1. มคี วามสามารถ 1 เขา้ ใจและแสดงความ เขา้ ใจและแสดงความ เข้าใจและแสดงความ
ในการคดิ วิเคราะห์
คดิ เหน็ เกี่ยวกบั ที่เรียน คดิ เหน็ เก่ียวกับท่เี รยี น คิดเหน็ เกีย่ วกับที่
และสะท้อนความรู้
ความคดิ ความร้สู ึกได้ ดี และสะทอ้ นความรู้ เรยี น และสะทอ้ น
มาก ความคิด ความร้สู กึ ได้ ความรูค้ วามคิด
ปานกลาง ความรู้สกึ ได้น้อย
2. ตดั สนิ ใจ 1 สามารถตง้ั คำถามและ สามารถต้ังคำถามและ ไม่สามารถตั้งคำถาม
แกป้ ญั หาเกี่ยวกบั ตอบคำถามเกีย่ วกบั เรือ่ ง ตอบคำถามเก่ียวกับ และตอบคำถาม
ตนเองได้ ท่ีเรียนไดอ้ ย่างถูกต้อง เร่ืองทเ่ี รียนได้อย่าง เกยี่ วกบั เรื่องทเ่ี รียน
คลอ่ งแคลว้ แมน่ ยำ ถกู ต้อง ไดเ้ ลย
3. ความสามารถ 1 มกี ารค้นควา้ ข้อมลู และ มีการคน้ ควา้ ข้อมูล ไมม่ กี ารค้นควา้ ข้อมลู
ในการสร้างองค์
ศึกษาหาความรู้จากแหล่ง และศกึ ษาหาความรู้ และศกึ ษาหาความรู้
ความรู้
เรียนรู้อน่ื เพ่ิมเติมทุกครั้ง จากแหล่งเรียนรอู้ ่นื จากแหลง่ เรียนรู้อ่ืน
เพิม่ เติมบางครัง้ เพิ่มเตมิ เลย
เกณฑ์การประเมิน ดี
ช่วงคะแนน 8-9 คะแนน ระดับคุณภาพ 3 หมายถึง พอใช้
ชว่ งคะแนน 5-7 คะแนน ระดับคุณภาพ 2 หมายถึง ปรับปรงุ
ช่วงคะแนน 3-4 คะแนน ระดับคุณภาพ 1 หมายถึง
เกณฑก์ ารผ่าน นักเรยี นได้ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ขึ้นไปถือวา่ ผ่านเกณฑ์
78
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 1.5
เรอ่ื ง หน่วยวดั อุณหภูมิ รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหสั วิชา ว21102 เวลา 2 คาบ
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 1 ช่ือหนว่ ยการเรยี นรู้ พลังงานความร้อนกับการเปลย่ี นแปลงของสสาร รวม 27 คาบ
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 1 ภาคเรยี นที่ 2
สาระท่ี 2 ช่อื สาระ วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ มาตรฐาน ว 2.1
ชื่อผสู้ อน นางสาวสชุ าดา วงษแ์ ดง โรงเรียนวดั ตะวนั เรอื ง
1. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด
อณุ หภูมิ คือการวดั ค่าเฉลย่ี ของพลังงานจลน์ของอนุภาคในสสารใดๆ ซงึ่ สอดคลอ้ งกับความร้อนหรือ
เย็นของสสารนน้ั โดยใช้หน่วยและการแปลงหน่วยอุณหภูมเิ พือ่ ใชใ้ นการศกึ ษาอณุ หภมู ิ
2. ตัวชว้ี ัด/จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
2.1 ตัวชวี้ ดั
- ม.1/10 อธบิ ายความสัมพันธ์ระหว่างพลงั งานความรอ้ นกบั การเปลยี่ นสถานะของสสาร
โดยใชห้ ลักฐานเชิงประจักษแ์ ละแบบจำลอง
2.2 จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
- นักเรียนสามารถบอกความหมายและการนำหน่วยการวดั อุณหภมู ไิ ปใชง้ านได้ (K)
- นกั เรยี นสามารถคำนวณการเปลย่ี นหนว่ ยการวัดอณุ หภูมิได้ (P)
- นักเรยี นเรียนมวี นิ ัยและใฝเ่ รยี นรไู้ ด้ (A)
3. สาระการเรยี นรู้
องศาเซลเซียส ใช้สัญลักษณ์เป็น ํC ระบบนี้กำหนดใหจ้ ุดเดือดของนำ้ หรือจุดหลอมเหลวของนำ้ แข็ง
อยู่ท่ี 0 องศา ขณะทจ่ี ดุ เยือกแขง็ ของนำ้ อยูท่ ี่ 100 องศา
องศาฟาเรนไฮต์ ใชส้ ัญลักษณเ์ ป็น ํF โดยกำหนดให้จดุ เยอื กแข็งของนำ้ อย่ทู ่ี 32 องศา และจุดเดอื ดอยู่
ท่ี 212 องศา ระหวา่ งจุดเดือดกบั จดุ เยือกแข็งจึงสามารถแบง่ ไดเ้ ป็น 180 หน่วยหรอื 180 ช่อง
เคลวิน ใช้สัญลักษณ์เป็น K โดยเป็นหน่วยในระบบ SI ใช้ในการคำนวณ เนื่องจากเป็นหน่วยวัดท่ี
เริ่มตน้ จากจดุ ศนู ยส์ ัมบรู ณ์ (absolute zero temperature) และอณุ หภูมิท่ี 373 หรอื 373.16 เคลวนิ จะตรง
กบั 100 องศาเซลเซยี ส ส่วนจดุ เยือกแขง็ อยู่ทีค่ า่ 273 หรือ 273.16 เคลวนิ ซึง่ ตรงกบั 0 องศาเซลเซยี ส ดงั นนั้
จาก 273 จนถงึ 373 จงึ สามารถแบ่งสดั ส่วนเปน็ 100 หนว่ ยหรือ 100 ช่อง
4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน
4.1 ความสามารถในการคดิ
5. คุณลกั ษณะทีพ่ งึ ประสงค์
5.1 มุ่งม่ันในการทำงาน
5.2 มีวนิ ยั
5.3 ใฝเ่ รียนรู้
79
6. การจดั กิจกรรมการเรียนรู้แบบสบื เสาะหาความรู้ (5E)
ขัน้ ท่ี 1 กระตนุ้ ความสนใจ (Engagement)
1) ครทู บทวนความรู้เดมิ จากการดำเนินกิจกรรมในชั่วโมงท่ีผา่ นมา โดยใชค้ ำถามกระตุ้น
ความคิดดงั น้ี
1.1 ขณะที่อากาศในขวดแก้วและลูกโป่งขยายตัวหรือหดตัวเมื่อได้รับหรือสูญเสีย
ความร้อน จำนวนและขนาดของอนุภาคอากาศในขวดแก้วและลูกโป่งมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ อย่างไร
(แนวคำตอบ ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวนและขนาดของอนุภาคของอากาศในขวดแก้วและลูกโปง่ ยงั คงเหมอื นเดิม
แต่การที่ลูกโป่งขยายตัวหรือหดตัวเมื่อได้รับหรือสูญเสียความร้อนเนื่องจากระยะห่างระหว่างอ นุภาคมีการ
เปลยี่ นแปลง ไม่เกีย่ วกับจำนวนหรือขนาดของอนุภาค)
1.2 ขณะท่ีนำ้ สขี ยายตวั หรือหดตัวเมอ่ื ได้รบั หรอื สญู เสยี ความร้อน จำนวนและขนาด
ของอนุภาคนำ้ สมี กี ารเปลยี่ นแปลงหรือไม่ อยา่ งไร (แนวคาํ ตอบ ไม่เปลยี่ นแปลงจำนวนและขนาดของอนุภาค
ของน้ำสีในขวดรูปกรวยยังคงเหมือนเดิม แต่การท่ีน้ำสีขยายตัวหรือหดตัวเมื่อได้รับหรือสูญเสียความร้อน
เนื่องจากระยะหา่ งระหวา่ งอนภุ าคมีการเปลย่ี นแปลง ไม่เกี่ยวกบั จำนวนหรือขนาดของอนุภาค)
1.3. ขณะทล่ี ูกกลมเหลก็ ขยายตวั หรอื หดตัวเมอ่ื ไดร้ บั หรือสูญเสียความรอ้ น จำนวน
และขนาดของอนภุ าคลูกกลมเหล็กมีการเปล่ียนแปลงหรอื ไม่ อย่างไร (แนวคาํ ตอบ ไมเ่ ปล่ียนแปลงจำนวนและ
ขนาดของอนุภาคของลูกกลมเหล็กยังคงเหมือนเดิม แต่การที่ลูกกลมเหล็กขยายตัวหรือหดตัวเมื่อได้รับหรอื
สูญเสียความร้อนเนื่องจากระยะห่างระหว่างอนุภาคมีการเปลี่ยนแปลง ไม่เกี่ยวกับจำนวนหรือขนาดของ
อนภุ าค)
2) ครูนำนักเรยี นเขา้ สูเ่ นอ้ื หาใหม่ในเร่ืองหนว่ ยวัดอุณหภูมิ โดยครูให้นกั เรียนสังเกตภาพจาก
ส่ืออนิ เทอร์เนต็ ดงั น้ี
ทมี่ า : https://www.trueplookpanya.com/knowledge/content/66152/-blo-sciphy-sci-
80
3) ครูเปิดประเด็นคำถามต่อนักเรียนว่า นักเรียนสังเกตไหมวา่ ทั้งที่เป็นเทอรม์ อมิเตอรช์ นิด
เดียวกันแต่ทำไมมีการอ่านที่ใช้หน่วยแตกต่างกันและค่าที่ได้แตกต่างกันหรือไม่ (แนวการตอบ ครูให้นักเรยี น
คิดโดยไม่ต้องตอบคำถามครู และครูไม่เฉลยคำตอบแกน่ ักเรยี น)
4) ครใู หน้ กั เรยี นตรวจสอบความรู้จากกิจกรรมในชัน้ เรียนเร่อื งหน่วยวัดอุณหภมู ิ
ขั้นท่ี 2 ข้ันสำรวจและค้นหา (Exploration)
1) ครูใหน้ ักเรยี นน่ังเปน็ กลมุ่ ตามทไ่ี ดจ้ ดั ไว้ โดยจะมีสมาชิกกลมุ่ อยู่ประมาณ 4- 5 คนต่อกลุ่มเพื่อจะได้
ดำเนินกจิ กรรมเร่ืองหน่วยวัดอุณหภูมิ โดยให้นักเรยี นดำเนินกจิ กรรม กล่าวคือ ให้นักเรยี นแต่ละกลุ่มช่วยกัน
หาความรู้ในเรื่องดงั กล่าวนี้ โดยให้นักเรียนสรุปหน่วยวัดอุณหภูมิทีใ่ ช้กันบนโลกใบนี้ซึ่งให้เขียนเป็นลักษณะ
ของแผนผงั ความคดิ ลงในสมุดของนกั เรียนแตล่ ะคน
2) เมื่อนักเรยี นแต่ละกลุม่ ดำเนินกิจกรรมเรยี บร้อยแล้ว ครูให้นักเรยี นแต่ละกลุม่ ส่งตัวแทน
กลุ่มออกมาแลกเปลีย่ นเรยี นรู้ในห้องเรยี น ทง้ั นใี้ ห้ส่งตัวแทนห้องมาเขียนข้ึนกระดานเพ่อื สรุปว่าท้ังหมดแล้วมี
หน่วยที่ใช้ในการวัดอุณหภูมิอะไรบา้ ง ซึ่งถ้าหากกลุ่มไหนยังไม่มีหนว่ ยวัดอุณหภูมิหน่วยไหนให้นักเรียนเขยี น
เพม่ิ เตมิ ลงไปในสมดุ ของตัวเองดว้ ย
3) เม่ือดำเนนิ กจิ กรรมเรียบรอ้ ยแล้ว ครนู ำสูตรการคำนวณเปล่ยี นหนว่ ยการวัดอณุ หภูมิมาให้
นักเรียนได้ทราบ ซึ่งเป็นหนว่ ยการวัดอุณหภูมิที่นิยมใช้กันในปัจจุบัน ได้แก่ องศาเซลเซียส องศาฟาเรนไฮต์
และเคลวิน มสี ูตรการคำนวณดงั ตอ่ ไปนี้
− 32 − 273
9 =5= 5
4) ครยู กตวั อย่างการคำนวณการเปลย่ี นหน่วยอุณหภูมิ ดงั นี้
- อณุ หภูมิ 41 องศาฟาเรนไฮต์ เท่ากับกี่องศาเซลเซยี ส
วิธที ำ จากสตู ร
ส่ิงทที่ ราบ F = 41 F − 32 C
9 =5
ใหห้ า C
แทนค่าในสตู ร
41 − 32 C
9 =5
9
9=5
1x5 = C
ดงั นัน้ อุณหภมู ิ 41 องศาฟาเรนไฮต์ เท่ากบั 5 องศาเซลเซยี ส
5) ครูใหน้ ักเรยี นทำแบบฝึกหดั เรอ่ื งการเปลีย่ นหน่วยอุณหภูมิ
5.1 อุณหภูมิ 98.6 องศาฟาเรนไฮต์ เท่ากบั ก่ีองศาเซลเซียส
5.2 อณุ หภูมิ 37 องศาเซลเซยี ส เท่ากบั ก่เี คลวิน
5.3 อุณหภูมิ 298 เคลวิน เทา่ กับก่ีองศาเซลเซียส
5.4 อุณหภมู ิ 298 เคลวนิ เท่ากับก่อี งศาฟาเรนไฮต์
5.5 อุณหภมู ิ 37 องศาเซลเซียส เทา่ กับกอี่ งศาฟาเรนไฮต์
81
6) ในขณะที่นักเรียนกำลังทำแบบฝึกหัดครูพยายามเดินดูการคำนวณของนักเรียน และให้
นกั เรยี นที่มคี วามสามารถในการคำนวณในเร่อื งดงั กลา่ วชว่ ยเหลือเพอ่ื นๆในการคำนวณ
ขั้นที่ 3 ขั้นอธบิ ายและลงขอ้ สรปุ (Explanation)
1) ครูและนักเรยี นร่วมกนั อภิปรายจากกจิ กรรมที่ไดด้ ำเนินไปในกิจกรรมแรกดังน้ี
1.1 เคลวิน (อังกฤษ: kelvin, สัญลักษณ์: K) เป็นหน่วยวัดอุณหภูมิหนึ่ง และเป็น
หนว่ ยพ้นื ฐานหนึง่ ในเจ็ดของระบบเอสไอ นิยามใหเ้ ท่ากบั 1/273.16 เทา่ ของอณุ หภมู ิเทอรโ์ มไดนามิกของจุด
สามสถานะของน้ำ เคลวนิ ต้ังช่อื เพ่ือเป็นเกียรตแิ ต่นกั ฟิสิกสแ์ ละวิศวกรชาวอังกฤษ วิลเลียม ทอมสนั บารอนที่
หนึ่งแห่ง เคลวิน (William Thomson, 1st Baron Kelvin) ซึ่งชื่อบรรดาศักด์ิน้ีต้ังตามชื่อ แม่น้ำเคลวนิ อีกที
หนึง่ แม่น้ำสายนต้ี ัดผา่ นมหาวิทยาลยั กลาสโกว์ สกอตแลนด์
เคลวิน เป็นหน่วยของหน่วยวัดอุณหภูมิหนึ่ง ที่ลอร์เควิน ได้พัฒนาคิดสเกลขึ้นใหม่ โดยหา
ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งอุณหภมู ิและความเร็วของอิเลก็ ตรอนที่เคลื่อนทีร่ อบนิวเคลียส โดยสังเกตว่าถ้าให้ความ
ร้อนกับสสารมากขึ้น อิเล็กตรอนจะมีพลังงานมากขึ้น ทำให้เคลื่อนที่มีความเรว็ มากข้ึน ในทางกลับกันถ้าลด
ความรอ้ นให้กบั สสาร อิเล็กตรอนก็จะมีพลังงานนอ้ ยลง ทำให้การเคลือ่ นท่ลี ดลง และถา้ สามารถลดอณุ หภูมิลง
จนถึงจดุ ท่อี เิ ล็กตรอนหยุดการเคล่อื นที่ ณ จดุ นน้ั จะไมม่ ีอุณหภูมิหรือพลงั งานในสสารเลย และจะไม่มีการแผ่
รังสคี วามรอ้ นจากวตั ถุ จงึ เรยี กอณุ หภูมิ ณ จดุ นว้ี ่า ศนู ยส์ มั บูรณ์ (0 K)
1.2 องศาเซลเซยี ส (อังกฤษ: degree Celsius, สัญลักษณ์ °C)หนว่ ยน้ีต้ังตามชื่อของ
นาย แอนเดอร์ เซลเซยี ส (Anders Celsius มชี วี ติ อยูร่ ะหว่าง ค.ศ. 1701 ถงึ 1744) นกั ดาราศาสตร์ชาวสวีเดน
เขาเป็นคนแรกท่ีเสนอระบบทีใ่ กลเ้ คยี งกับระบบน้ีในปี พ.ศ. 2285 (ค.ศ. 1742) แตแ่ รกกำหนดให้อุณหภูมิจุด
เยอื กแขง็ ของนำ้ คอื 0 องศา และจุดเดือดของน้ำคือ 100 องศาท่ีระดบั ความดนั บรรยากาศมาตรฐาน แต่ได้มี
การสลบั สเกลตอ่ มาหลงั จากท่ีเซลเซียสเสียชวี ติ ไประยะหน่ึงในปี พ.ศ. 2491 หน่วยนีม้ ีช่อื เรยี กต่างกนั สามแบบ
ได้แกเ่ ซนติเกรด (centigrade) ,องศาเซนเทสซมิ ลั (centesimal degree), องศาเซลเซียส
1.3 องศาฟาเรนไฮต์ ((Fahrenheit ,สญั ลกั ษณ์ °F)คอื ชนดิ สเกลค่าวัดอุณหภูมิชนิด
หน่ึง ท่ถี กู ตั้งชอ่ื ตามนกั ฟิสิกสช์ าวเยอรมัน เกเบรยี ล ฟาเรนไฮต์ (1686-1736) โดยท่คี า่ สเกลองศาฟาเรนไฮต์น้ี
มจี ดุ เยอื กแขง็ อยู่ท่ี 32 องศาฟาเรนไฮต์ โดยปกตจิ ะเขยี นวา่ 32 °F และมจี ุดเดอื ดท่ี 212 องศาฟาเรนไฮต์ โดย
ทม่ี ีระยะหา่ งระหว่างจุดเยอื กแขง็ กับจดุ เดอื ดของน้ำคอื 180 องศา
1.4 องศาแรงคิน (Rankine Scale(°Ra) คือหน่วยวัดอุณหภูมิที่คิดค้นขึ้นโดย
William Rankine เป็นมาตรวัดอุณหภมู ิทางเทอรโ์ มไดนามิกส์ในหน่วย องั กฤษ ในชว่ งปี ค.ศ. 1820 – 1872
มีจดุ เยอื กแขง็ ของน้ำที่ 491.67 R และจุดการกลายเปน็ ไอน้ำท่ี 671.67 R ส่วนอณุ หภมู ติ ำ่ ท่สี ุดของ Rankine
Scale คอื 0 R
1.5 องศาเดลิเซิล (Delisle ,° D) คือคือหน่วยวัดอุณหภูมิที่คิดค้นขึ้นในปี 1732
โดยนกั ดาราศาสตร์ชาวฝรัง่ เศสโจเซฟนิโคลัส
1.6 องศานวิ ตัน (Newton , °N)คือคือหน่วยวดั อณุ หภมู ิท่ีคดิ คน้ ข้ึนในปี 1700 โดย
ไอแซก นวิ ตนั
1.7 องศาเรอเมอร์ (อังกฤษ: Réaumur scale/degree; ย่อ:°Ré, °Re, °R) คือ
หน่วยวัดอุณหภูมิที่คิดค้นขึ้นโดย เรอเน่ อังตวน เฟโชต์ เดอ โรเมอร์ (René Antoine Ferchault de
Réaumur) นกั วทิ ยาศาสตร์และนกั ประดิษฐ์ชาวฝรัง่ เศส ในปี ค.ศ. 1731 โดยกำหนดใหจ้ ุดเยอื กแขง็ ของน้ำอยู่
ที่ 0 องศาโรเมอร์ และจุดเดือดของน้ำอยู่ที่ 80 องศาโรเมอร์ ดังนั้นช่วงอุณหภูมิ 1 องศาโรเมอร์จะเท่ากับ
1.25 องศาเซลเซยี สหรือเคลวนิ
1.8 องศาโรเมอร์ (Rømer ,°Rø )คือหน่วยวัดอุณหภูมิที่คิดค้นขึ้นโดย Ole
Christensen Rømer ชาวเดนมาร์ก ปี 1701
82
2) ในกิจกรรมที่ 2 การคำนวณการเปลี่ยนหน่วย สำหรับนักเรียนท่ียังคำนวณไม่ได้ครู
ดำเนนิ การสอนเพ่มิ เติม ซง่ึ หน่วยการวัดอุณหภูมิท่นี ิยมใช้กนั ในปัจจุบนั ได้แก่ องศาเซลเซียส องศาฟาเรนไฮต์
และเคลวิน มีสตู รการคำนวณดังตอ่ ไปน้ี
− 32 − 273
9 =5= 5
ข้ันที่ 4 ขัน้ ขยายความรู้ (Elaboration)
1) ครูแนะนำแหล่งเรียนรู้เพิ่มเติมทางอินเทอร์เน็ต เพื่อเป็นการทบทวนและสร้างความเข้าใจมาก
ยง่ิ ขึ้น
2) ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนนน้ั ได้ถามคำถาม โดยแต่ละกลมุ่ ให้ต้ังคำถามเกี่ยวกับเร่ืองที่เรียน
ไปอยา่ งน้อย 1 คำถามตอ่ 1 กล่มุ
ขั้นที่ 5 ขน้ั ประเมนิ (Evaluation)
1) ตรวจสมดุ นกั เรียนจากคำนวณการเปลีย่ นหน่วยการวัดอณุ หภมู ิ
2) การตอบคำถามในชั้นเรยี น
3) การปฏิบตั กิ จิ กรรมกลุ่ม
7. การวัดและประเมนิ ผล
การวดั และประเมนิ ผลดา้ น วิธีการวัด เครื่องมอื วัด เกณฑ์การผ่าน
1 ดา้ นความรู้ ระดับคุณภาพ
พอใช้ ข้ึนไป
1. นักเรยี นสามารถบอก
ระดบั คุณภาพ
ความหมายและการนำ - การตอบคำถามนักเรยี นในชั้นเรียน - แบบประเมินการตอบคำถาม พอใช้ ข้นึ ไป
หน่วยการวดั อณุ หภูมิไปใช้ ระดบั คณุ ภาพ
พอใช้ ขึ้นไป
งานได้
2. ดา้ นกระบวนการ
1. นกั เรียนสามารถคำนวณ - ตรวจแบบฝึกหัดคำนวณการเปลยี่ น - แบบประเมนิ การทำงาน
การเปลี่ยนหนว่ ยการวดั หน่วยการวัดอณุ หภูมิ รายบุคคล
อุณหภมู ิได้
3. ดา้ นคุณลกั ษณะทีพ่ ึง
ประสงค์ - การสงั เกตพฤติกรรมนักเรียน - แบบประเมินการสงั เกต
1. นกั เรยี นเรยี นมวี นิ ยั และ
ใฝเ่ รียนรู้ได้
83
8. ส่ือและแหล่งเรยี นรู้
8.1 ส่ือการสอน
- ส่อื การเรียนรู้ PowerPoint เรอื่ ง หนว่ ยการวัดอณุ หภมู ิ
8.2 แหล่งเรยี นรู้
- แบบฝกึ หดั คำนวณการเปลีย่ นหน่วยการวดั อณุ หภูมิ
- สอ่ื ออนไลน์
- หนังสือเรยี นวทิ ยาศาสตรพ์ ้ืนฐาน ม.1
84
บนั ทึกผลการจัดการการเรียนรทู้ ี่ 1.5
ผลการจดั การเรยี นรู้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ปญั หาและอุปสรรค
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
แนวทางแก้ไข / แนวทางการพฒั นา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ลงช่ือ....................................................ครูผู้สอน
(นางสาวสุชาดา วงษแ์ ดง)
ความเห็นของผู้นเิ ทศ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ลงชอ่ื ...............................................ผู้นเิ ทศ
(........................................................)
แบบประเมนิ ความรู้ (K) 85
เร่อื ง หนว่ ยการวดั อุณหภูมิ
รายการประเมิน ระดับ ผลการ
คณุ ภาพ ประเมิน
44 8
เลขที่ 1. การตอบ
ช่อื - สกุล คำถาม
2. เนื้อหา
รวมคะแนนที่ไ ้ด
ผ่าน
ไ ่มผ่าน
การผ่านเกณฑ์ ระดับคณุ ภาพ พอใช้ ขึ้นไปผ่านเกณฑ์
สรุปผลการประเมิน ผา่ น...........................คน ไมผ่ า่ น...........................คน
ลงช่อื ...................................................ผปู้ ระเมนิ
(นางสาวสชุ าดา วงษ์แดง)
86
เกณฑก์ ารประเมินความรู้ (K)
รายการประเมนิ น้ำหนัก ดีมาก (4) ระดบั คุณภาพ ปรับปรงุ (1)
ดี (3) พอใช้ (2)
1. การตอบคำถาม 1 นักเรยี นตอบ นักเรียนตอบ นักเรียนตอบ นักเรียนตอบ
คำถามไดอ้ ยา่ ง คำถามได้อยา่ ง คำถามไดก้ ระชบั คำถามไม่ได้
กระชบั และจบั กระชับ และจบั จบั ใจความสำคญั กระชบั ไม่สามารถ
ใจความสำคญั ได้ ใจความสำคัญ ได้ ได้ ตอบคำถาม จบั ใจความสำคญั
เป็นอยา่ งดี ไม่สัน้ พอสมควร แต่ยงั ส้ันหรอื ยาวมาก ได้ ตอบคำถามสน้ั
หรือยาวมาก ไม่สมบรู ณ์ จนเกนิ ไป หรือยาวมาก
จนเกินไป จนเกนิ ไป
2. เนอ้ื หา 1 เนื้อหาของ เน้ือหาของ เนื้อหาของ เนอ้ื หาของคำตอบ
คำตอบมีความ คำตอบมีความ คำตอบถูกตอ้ ง ไมถ่ กู ตอ้ ง ไม่
ถูกตอ้ งมากที่สุด ถูกต้อง ครบถว้ น ไม่ครบถว้ น ครบถว้ น สมบูรณ์
ครบถว้ น สมบรู ณ์ สมบรู ณ์ บางส่วน สมบรู ณ์
เกณฑ์การตัดสนิ
ช่วงคะแนน 7 – 8 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ 4 หมายถงึ ดีมาก
ช่วงคะแนน 5 – 6 คะแนน ระดบั คุณภาพ 3 หมายถึง ดี
ช่วงคะแนน 3 – 4 คะแนน ระดบั คุณภาพ 2 หมายถงึ พอใช้
ชว่ งคะแนน 1 - 2 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ 1 หมายถึง ปรับปรงุ
การผ่านเกณฑ์ ระดบั คุณภาพ พอใช้ ขึน้ ไปผา่ นเกณฑ์
87
แบบประเมนิ ทกั ษะกระบวนการ (P) ในการคำนวณ
แบบฝึกหัดคำนวณการเปล่ียนหนว่ ยการวัดอุณหภูมิ
รายการประเมิน 1. กำหนด ัตวแปร ระดบั ผลการ
2. แสดง ิวธีทำ คุณภาพ ประเมนิ
เลขที่ 3. ส ุรปคำตอบ
ชื่อ - สกุล รวมคะแนนท่ีไ ้ด
่ผาน
ไ ่ม ่ผาน
4 4 4 12
การผ่านเกณฑ์ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ขึ้นไปผ่านเกณฑ์
สรุปผลการประเมิน ผ่าน...........................คน ไมผ่ ่าน...........................คน
ลงชอ่ื ...................................................ผูป้ ระเมิน
(นางสาวสุชาดา วงษ์แดง)
88
เกณฑก์ ารประเมินทกั ษะกระบวนการ (P)
ทักษะการคำนวณ
รายการประเมนิ น้ำหนัก ดมี าก (4) ระดบั คณุ ภาพ ปรับปรงุ (1)
ดี (3) พอใช้ (2)
1. กำหนดตัวแปร 1 มีการกำหนดตวั แปร มีการกำหนดตวั แปรจาก มกี ารกำหนดตัวแปรจาก ไมม่ กี ารกำหนดตัว
จากโจทย์ทุกครงั้ โจทย์เป็นประจำ โจทย์บ่อยครง้ั แปรจากโจทย์
2. แสดงวธิ ที ำ 1 สามารถแทนตัวแปรใน สามารถแทนตวั แปรใน สามารถแทนตวั แปรใน ไม่สามารถแทนตวั
สมการได้อย่างถกู ต้อง สมการไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง สมการได้อยา่ งถูกต้อง แปรในสมการได้
แสดงวธิ ีทำอย่างระ แสดงวิธที ำอย่างระเอียด แสดงวธิ ีทำอยา่ งระเอียด อยา่ งถกู ตอ้ ง ไม่
เอียดจนไดค้ ำตอบท่ี จนไดค้ ำตอบที่ถกู ต้อง แต่คำตอบท่ีได้ไม่ แสดงวิธีทำอย่างระ
ถกู ตอ้ งทุกครงั้ เป็นประจำ ถกู ตอ้ ง เอยี ดจนได้คำตอบท่ี
ถกู ต้องได้
3. สรปุ คำตอบ 1 มกี ารสรุปคำตอบท่ี มีการสรุปคำตอบที่ มีการสรุปคำตอบท่ี ไมม่ กี ารสรปุ คำตอบ
โจทย์ต้องการหา และ โจทยต์ ้องการหา และ โจทย์ต้องการหา และไม่ ท่ีโจทยต์ อ้ งการหา
บอกหน่วยตวั แปรท่ี บอกหนว่ ยตวั แปรที่ บอกหนว่ ยตวั แปรที่ และไมบ่ อกหนว่ ยตวั
ต้องการหาได้เปน็ ทุก ต้องการหาได้เป็น ตอ้ งการหาได้ แปรท่ตี อ้ งการหาได้
ครั้ง ประจำ
เกณฑ์การตัดสิน 11-12 คะแนน ระดบั คุณภาพ 4 หมายถึง ดมี าก
ช่วงคะแนน 8-10 คะแนน ระดับคุณภาพ 3
5-7 คะแนนระดบั คุณภาพ 2 หมายถึง ดี
ช่วงคะแนน 3-4 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ 1 หมายถงึ พอใช้
ชว่ งคะแนน หมายถึง ปรบั ปรงุ
ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ พอใช้ ข้ึนไปผา่ นเกณฑ์
การผ่านเกณฑ์
89
แบบประเมนิ คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ (A)
เลขที่ รายการประเมนิ 1. ุ่มง ั่มนในการ รวม
ทำงาน คะแนน
ทไ่ี ด้ ระดับ ผลการ
2. ส่งงานตามที่ คณุ ภาพ ประเมิน
ไ ้ด ัรบมอบหมาย
ช่อื - สกุล ผ่าน
ไ ่มผ่าน
336
การผ่านเกณฑ์ ระดับคณุ ภาพ พอใช้ ข้ึนไปผ่านเกณฑ์
สรปุ ผลการประเมนิ ผา่ น...........................คน ไม่ผ่าน...........................คน
ลงช่ือ...................................................ผ้ปู ระเมนิ
(นางสาวสุชาดา วงษ์แดง)
90
เกณฑ์ประเมนิ คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ (A)
นักเรียนมีความม่งุ มั่นในการทำงานและสง่ งานตามที่ได้รบั มอบหมายไดต้ ามกำหนด
รายการ นำ้ หนกั ระดับคณุ ภาพ
ประเมนิ 1
1. นักเรยี น ดมี าก (3) ดี (2) พอใช(้ 1) ปรับปรุง (0)
มงุ่ มนั่ ใน 1
การทำงาน รว่ มกจิ กรรมอยา่ ง ร่วมกจิ กรรม รว่ มกจิ กรรม ร่วมกจิ กรรมอย่าง
เตม็ ใจและ อยา่ งเต็มใจและ อยา่ งเตม็ ใจและ ไม่เต็มใจและไม่
2. นกั เรียน สามารถทำงาน
มวี นิ ัยและ สามารถทำงาน ร่วมกบั ผอู้ นื่ ได้ สามารถทำงาน สามารถทำงาน
ส่งงาน รว่ มกบั ผ้อู ่ืนได้ ผลงานมีความ ร่วมกับผอู้ นื่ ได้ ร่วมกบั ผู้อื่นได้
ตามท่ไี ด้รบั ผลงานมคี วาม สมบูรณ์และ แต่ผลงานมี
หมอบ สมบรู ณแ์ ละ สวยงามตามท่ี
หมายได้ สวยงามตามท่ี กำหนดไว้อยู่ ความไม่สมบูรณ์
ตาม กำหนดไว้ทกุ ๆ ขาดบางประเดน็
กำหนด บอ่ ยครงั้
ครัง้ ปฏบิ ตั ิงานท่ี ไมป่ ฏบิ ตั ิงานท่ี
ปฏบิ ัติงานท่ี ไดร้ บั มอบ ไดร้ บั มอบ หมาย
ปฏบิ ัติงานทไี่ ดร้ บั ไดร้ ับมอบ หมาย ใหเ้ สร็จสมบรู ณ์
มอบหมายให้ ให้เสร็จสมบรู ณ์ หมายให้เสรจ็ ไดต้ ามกำหนดได้
เสรจ็ สมบรู ณ์ ได้ตามกำหนด สมบูรณ์ไดต้ าม และส่งงานไมไ่ ด้
และมีความ
และส่งงานได้ กำหนด และส่ง ตามเวลา ท่ี
เรยี บรอ้ ยได้ตามท่ี ตามเวลา ที่ งานไดต้ ามเวลา กำหนดอยู่เปน็
กำหนด และสง่ กำหนดอยเู่ ปน็ ทีก่ ำหนดอยู่
งานไดต้ ามเวลา ท่ี ประจำ
กำหนดอยู่เป็น ประจำ บอ่ ยครั้ง
ประจำ
เกณฑก์ ารตัดสิน 5-6 ระดับคณุ ภาพ ดมี าก
คะแนน 3-4 ระดับคณุ ภาพ ดี
คะแนน
1-2 ระดับคุณภาพ พอใช้
คะแนน 0 ระดบั คุณภาพ ปรบั ปรงุ
คะแนน
การผ่านเกณฑ์ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ข้ึนไปผ่านเกณฑ์
91
แบบประเมินสมรรถนะทักษะการคิด
รายการประเมนิ 1. ีมความสามารถใน ระดับ ผลการ
เลขที่ การ ิคด ิวเคราะห์คณุ ภาพ ประเมิน
ช่อื - สกุล 2. ัตด ิสนใจแ ้กปัญหา
เ ี่กยว ักบตนเองไ ้ด
3. ความสามารถในการ
สร้างอง ์คความ ู้ร
รวมคะแนนที่ไ ้ด
ผ่าน
ไ ่มผ่าน
3 3 39
การผ่านเกณฑ์ ระดับคุณภาพ พอใช้ ข้นึ ไปผ่านเกณฑ์
สรปุ ผลการประเมนิ ผา่ น...........................คน ไมผ่ า่ น...........................คน
ลงช่อื ...................................................ผ้ปู ระเมนิ
(นางสาวสุชาดา วงษแ์ ดง)
92
เกณฑ์การประเมนิ สมรรถนะทักษะในการคิด
ประเดน็ การ น้ำหนัก ระดบั คณุ ภาพ
ประเมิน
ดี(3) พอใช้ (2) ปรบั ปรงุ (1)
1. มคี วามสามารถ 1 เขา้ ใจและแสดงความ เขา้ ใจและแสดงความ เข้าใจและแสดงความ
ในการคดิ วิเคราะห์
คดิ เหน็ เกี่ยวกบั ที่เรียน คดิ เหน็ เก่ียวกับท่เี รยี น คิดเหน็ เกีย่ วกับที่
และสะท้อนความรู้
ความคดิ ความร้สู ึกได้ ดี และสะทอ้ นความรู้ เรยี น และสะทอ้ น
มาก ความคิด ความร้สู กึ ได้ ความรูค้ วามคิด
ปานกลาง ความรู้สกึ ได้น้อย
2. ตดั สนิ ใจ 1 สามารถตง้ั คำถามและ สามารถต้ังคำถามและ ไม่สามารถตั้งคำถาม
แกป้ ญั หาเกี่ยวกบั ตอบคำถามเกีย่ วกบั เรือ่ ง ตอบคำถามเก่ียวกับ และตอบคำถาม
ตนเองได้ ท่ีเรียนไดอ้ ย่างถูกต้อง เร่ืองทเ่ี รียนได้อย่าง เกยี่ วกบั เรื่องทเ่ี รียน
คลอ่ งแคลว้ แมน่ ยำ ถกู ต้อง ไดเ้ ลย
3. ความสามารถ 1 มกี ารค้นควา้ ข้อมลู และ มีการคน้ ควา้ ข้อมูล ไมม่ กี ารค้นควา้ ข้อมลู
ในการสร้างองค์
ศึกษาหาความรู้จากแหล่ง และศกึ ษาหาความรู้ และศกึ ษาหาความรู้
ความรู้
เรียนรู้อน่ื เพ่ิมเติมทุกครั้ง จากแหล่งเรียนรอู้ ่นื จากแหลง่ เรียนรู้อ่ืน
เพิม่ เติมบางครัง้ เพิ่มเตมิ เลย
เกณฑ์การประเมิน ดี
ช่วงคะแนน 8-9 คะแนน ระดับคุณภาพ 3 หมายถึง พอใช้
ชว่ งคะแนน 5-7 คะแนน ระดับคุณภาพ 2 หมายถึง ปรับปรงุ
ช่วงคะแนน 3-4 คะแนน ระดับคุณภาพ 1 หมายถึง
เกณฑก์ ารผ่าน นักเรยี นได้ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ขึ้นไปถือวา่ ผ่านเกณฑ์
93
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 1.6
เรือ่ ง ความร้อนกับการเปลย่ี นสถานะของสสาร รายวิชา วทิ ยาศาสตร์ รหัสวิชา ว21102 เวลา 2 คาบ
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 ชื่อหนว่ ยการเรียนรู้ พลงั งานความร้อนกับการเปลยี่ นแปลงของสสาร รวม 27 คาบ
กล่มุ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1 ภาคเรยี นท่ี 2
สาระที่ 2 ช่ือสาระ วิทยาศาสตรก์ ายภาพ มาตรฐาน ว 2.1
ชอ่ื ผสู้ อน นางสาวสุชาดา วงษ์แดง โรงเรียนวดั ตะวนั เรือง
1. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด
ความร้อนมีผลต่อการเปลี่ยนสถานะของสสาร เม่ือให้ความรอ้ นแก่ของแข็ง อนภุ าคของของแข็ง จะมี
พลังงานและอุณหภูมิเพิ่มขึ้นจนถึงระดับหนึ่ง ซึ่งของแข็งจะใช้ความร้อนในการเปลี่ยนสถานะเป็นของเหลว
เรยี กความร้อนที่ใช้ในการเปลี่ยนสถานะจากของแขง็ เป็นของเหลวว่า ความร้อนแฝงของการหลอมเหลว และ
อุณหภูมิขณะเปลย่ี นสถานะจะคงที่ เรียกอณุ หภมู ินวี้ ่า จุดหลอมเหลว
2. ตวั ช้ีวดั /จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
2.1 ตัวชีว้ ัด
ม.1/10 อธบิ ายความสัมพันธร์ ะหวา่ งพลงั งานความรอ้ นกับการเปลยี่ นสถานะของสสาร โดย
ใช้หลกั ฐานเชงิ ประจักษ์และแบบจำลอง
2.2 จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
- นักเรียนสามารถอธบิ ายความร้อนกบั การเปลี่ยนสถานะของสสารได้ (K)
- นกั เรียนสามารถปฏิบตั ิกิจกรรมท่ี 5.4 ความร้อนทำให้สสารเปลยี่ นสถานะได้อย่างไรได้ (P)
- นกั เรียนเรยี นเสรจ็ แล้วเก็บอปุ กรณเ์ ข้าที่เป็นระเบียบได้ (A)
3. สาระการเรียนรู้
ความรอ้ นมผี ลต่อการเปล่ียนสถานะของสสาร เม่อื ใหค้ วามรอ้ นแก่ของแข็ง อนุภาคของของแข็ง จะมี
พลังงานและอุณหภูมิเพิ่มขึ้นจนถึงระดับหนึ่ง ซึ่งของแข็งจะใช้ความร้อนในการเปลี่ยนสถานะเป็นของเหลว
เรยี กความร้อนที่ใช้ในการเปลยี่ นสถานะจากของแข็งเป็นของเหลวว่า ความรอ้ นแฝงของการหลอมเหลว และ
อุณหภมู ิขณะเปล่ียนสถานะจะคงท่ี เรียกอุณหภมู ินี้ว่า จดุ หลอมเหลว
4. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น
4.1 ความสามารถในการคิด
5. คุณลักษณะทีพ่ ึงประสงค์
5.1 มุ่งม่ันในการทำงาน
5.2 มวี นิ ัย
5.3 ใฝ่เรียนรู้
6. การจดั กจิ กรรมการเรียนรแู้ บบสบื เสาะหาความรู้ (5E)
ขน้ั ท่ี 1 กระตุ้นความสนใจ (Engagement)
1) ครเู ขา้ สเู่ นือ้ หาใหม่โดยครูให้นักเรยี นสังเกตภาพ 5.2 6 ( อ้างองิ จากหนงั สือ สสวท.หนา้ ท่ี 43 ) ธารน้ำแข็ง
โคลัมเบียในรฐั อะแลสกา ประเทศสหรัฐอเมริกา อา่ นเนอ้ื หานําเรื่อง และรจู้ กั คําสำคัญ จากนนั้ รว่ มกนั อภปิ ราย
โดยอาจใชค้ ำถาม ดงั นี้
94
1.1 จากภาพ พบการเปลี่ยนแปลงของสสารชนิดใดสสารชนิดดังกล่าวเกิดการ
เปลี่ยนแปลงอยา่ งไร ( แนวการตอบ จากภาพ พบการเปลีย่ นแปลงของน้ำแข็ง โดยน้ำแข็งเปลี่ยนสถานะเป็น
น้ำ หรือนำ้ แข็งหลอมเหลวเป็นนำ้ )
1.2 ปรากฏการณ์ดังกล่าวนี้เกี่ยวข้องกับความร้อนและการเปลี่ยนสถานะอย่างไร
( แนวการตอบ ครใู หน้ ักเรยี นตอบคําถามด้วยตนเองโดยครยู งั ไม่เฉลยคําตอบ )
2) ให้นักเรียนทํากิจกรรมทบทวนความรู้ก่อนเรียนเพ่ือประเมินความรู้พื้นฐานของนักเรียน
เกี่ยวกบั การเปล่ยี นสถานะของสสาร หากพบวา่ นักเรียนยังมคี วามรู้พ้ืนฐานไม่ถกู ต้อง ครูควรทบทวนหรอื แก้ไข
ความเข้าใจผิดของนักเรียน เพื่อให้นักเรียนมีความรูพ้ ื้นฐานที่ถูกต้องและเพียงพอท่ีจะเรียนเรื่องการเปลี่ยน
สถานะของสสารในระดับอนภุ าคต่อไป
3) ครใู หน้ ักเรียนทบทวนความรู้จากแบบฝึกหัดทบทวนในหนงั สอื เรียนสสวท.
4) ครใู หน้ ักเรียนดูสื่อวิดิทศั นเ์ พิ่มเตมิ เพ่อื สรา้ งความตระหนักในเรอ่ื งภาวะโลกรอ้ น
ท่มี า : https://www.youtube.com/watch?v=DTAweNeBI7I
95
ข้นั ท่ี 2 ขั้นสำรวจและค้นหา (Exploration)
1) ครใู ห้นกั เรยี นนง่ั เปน็ กลุม่ ตามทไ่ี ดจ้ ดั ไว้ โดยจะมสี มาชิกกลุ่มอยปู่ ระมาณ 4- 5 คนตอ่
กลุ่ม เพื่อจะได้ดำเนินกจิ กรรมกิจกรรมท่ี 5.4 ความร้อนทำให้สสารเปลี่ยนสถานะได้อย่างไร ก่อนทำกิจกรรม
ครูให้นักเรยี นอ่านวิธกี ารดำเนินกิจกรรมในหนังสอื เรียน และรว่ มกนั อภปิ รายในประเดน็ ดังต่อไปน้ี
1.1 กจิ กรรมน้ีเก่ยี วกับเรือ่ งอะไร (แนวการตอบ การเปลย่ี นสถานะของน้ำเนื่องจาก
ความร้อน)
1.2 กิจกรรมนี้มีจุดประสงค์อย่างไร (แนวการตอบ นักเรียนตอบตามความคิดของ
ตนเอง)
1.3 วิธีดำเนินกิจกรรมมีขั้นตอนโดยสรปุ อย่างไร (แนวการตอบ ใส่น้ำแข็งก้อนเล็ก
ปริมาณ 2 ใน 3 ของบกี เกอรใ์ หค้ วามร้อน แลว้ ใชแ้ ท่งแกว้ คนตลอดเวลา สังเกตและบันทกึ สงิ่ ท่ีพบในบีกเกอร์
และอณุ หภมู ขิ องนำ้ แขง็ ในบีกเกอร์ทุกๆ1 นาทจี นสิ่งที่อยใู่ นบีกเกอร์เดือด และไดร้ ับความรอ้ นตอ่ ไปอีก 3 นาที
เขยี นกราฟแสดงความสัมพันธร์ ะหว่างอุณหภูมิกับเวลาตั้งแต่เร่ิมต้นจนสนิ้ สุดการทำกิจกรรม)
1.4 ขอ้ ควรระวังในการทำกิจกรรมมอี ะไรบ้าง (แนวการตอบ นักเรยี นควรระวังการ
ใชช้ ุดตะเกียงแอลกอฮอล์และเทอรม์ อมิเตอร์)
1.5 นักเรียนต้องสังเกตหรือรวบรวมข้อมูลอะไรบ้าง (แนวการตอบ นักเรียนควร
สังเกตและบันทึกสิ่งที่พบในบีกเกอร์และอุณหภูมิของน้ำแข็งในบีกเกอร์ทุก ๆ 1 นาทีจนสิ่งที่อยู่ในบีกเกอร์
เดือด และได้รับความร้อนต่อไปอีก 3 นาท)ี
2) จากนนั้ ครูใหน้ ักเรียนดำเนินกจิ กรรมท่ี 5.4 ความร้อนทำใหส้ สารเปลี่ยนสถานะได้อย่างไร
โดยครูแจกอุปกรณใ์ ห้นกั เรยี นทำกจิ กรรมร่วมกนั นกั เรียนทำกิจกรรมพร้อมกับบนั ทกึ ผลการสังเกต
2.1 ครูเดินสังเกตนักเรียนทุกกลุ่ม เพื่อแนะนําการทำกิจกรรมแก่นักเรียนอย่าง
ใกล้ชิดโดยเน้นให้นักเรียนทุกคนได้มีสว่ นรว่ มในการทำกิจกรรม และครคู วรรวบรวมข้อมูลจากการทำกิจกรรม
ของนักเรียน เพอื่ ใช้เปน็ ขอ้ มลู ประกอบการอภปิ รายหลังจากทำกิจกรรม
2.2 ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มนําข้อมูลที่ได้ไปเขียนกราฟแสดงความสัมพันธ์ระหว่าง
อณุ หภูมิกบั เวลา ตงั้ แตเ่ ร่มิ วดั อุณหภมู ิของน้ำแข็งจนสน้ิ สุดการทำกิจกรรมโดยใช้กระดาษกราฟ หรอื ครูอาจให้
นักเรยี นเขียนกราฟโดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์สาํ เรจ็ รูป
ขั้นที่ 3 ข้นั อธิบายและลงขอ้ สรุป (Explanation)
1) ครูและนักเรียนร่วมกนั อภปิ รายจากดำเนินกิจกรรมกล่าวคอื เมื่อให้ความร้อนแก่น้ำจนน้ำเปลี่ยน
สถานะจากของแขง็ เป็นของเหลวและของเหลวเปน็ แก๊สอุณหภูมิของนำ้ ขณะเปลีย่ นสถานะจะคงท่ี โดยใช้ส่ือ
การเรียนรู้ Power Point เรอื่ ง ความร้อนกับการเปลี่ยนสถานะของสสาร
2) ครูถามนักเรยี นหลงั การปฏบิ ัตกิ ิจกรรม กลา่ วคอื
2.1 เมื่อนําผลจากการทำกิจกรรมมาเขียนกราฟความสัมพันธ์ระหว่างอุณหภูมิกับ
เวลา ผลที่ได้มีลักษณะเหมือนหรือแตกต่างจากกราฟความสัมพันธ์ระหว่างอุณหภูมิและปริมาณความร้อนที่
ให้แก่น้ำในภาพ 5.27 อย่างไรเพราะเหตุใด (แนวคําตอบ เมื่อนําผลจากการทํากิจกรรม ซึ่งเป็นกราฟ
ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งอณุ หภมู กิ ับเวลาของนักเรยี นมาเปรียบเทียบกบั ภาพ 5.27 พบว่าอาจเหมอื นหรอื แตกต่าง
จากภาพ 5.27 ขึ้นอยูก่ บั ผลการทาํ กจิ กรรมของนกั เรียน สว่ นทเี่ หมือน เช่น ช่วงท่ีน้ำแข็งเปลีย่ นสถานะเป็นน้ำ
และน้ำเปลี่ยนสถานะเป็นไอน้ำอุณหภูมิจะคงที่ส่วนที่แตกตา่ ง เช่น อุณหภูมิขณะที่น้ำแขง็ เปลีย่ นสถานะเปน็
น้ำและอุณหภมู ิขณะท่ีน้ำเปล่ียนสถานะเป็นไอน้ำ ผลการทำกจิ กรรมของนกั เรียน แกน X แทนเวลาส่วนภาพ
5.27 แกน X แทนปรมิ าณความรอ้ นที่ใหแ้ ก่นน้ำ)
2.2 เมื่ออนุภาคของของเหลว ในภาพ 5.28 ค และอนภุ าคของแก๊ส ในภาพ 5.29 ค
สูญเสียความร้อน การจัดเรียงอนุภาค แรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค และการเคลื่อนที่ของอนุภาค จะมีการ
96
เปลีย่ นแปลงอย่างไร (แนวคําตอบ เม่อื อนภุ าคของของเหลวและแก๊ส ในภาพ 5.28 ค และ 5.29 ค ตามลําดับ
สูญเสียความร้อนการจัดเรียงอนุภาคจะอยู่ชิดกันมากขึ้น แรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาคเพิ่มขึ้น อนุภาคจะ
เคลอื่ นที่ช้าลง)
ภาพจากหนงั สือเรียน สสวท.
3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรปุ ในเรื่องความร้อนกับการเปลี่ยนสถานะของสสาร กล่าวคือ การ
เปลย่ี นแปลงพลงั งานของระบบการเปลีย่ นแปลงพลงั งานของระบบมี 2 ประเภท คือการเปล่ยี นแปลงประเภท
คายความร้อนหรือประเภทคายพลังงานคอื การเปลีย่ นแปลงท่ีระบบคายพลงั งานให้แก่สง่ิ แวดล้อม เนื่องจาก
ระบบมีอณุ หภมู สิ ูงกวา่ สงิ่ แวดล้อม จึงถา่ ยเทพลงั งานจากระบบไปส่สู ่ิงแวดลอ้ ม เช่น การละลายของโซดาไฟใน
น้ำ อุณหภูมิของสารละลายสูงขึ้น จึงถ่ายเทพลังงานใหก้ ับสิ่งแวดล้อม เพื่อทำให้อุณหภูมิของระบบลดลงจน
อุณหภูมขิ องระบบเทา่ กับอณุ หภูมิของ สง่ิ แวดล้อม
การเปลี่ยนแปลงประเภทดูดความรอ้ นหรือประเภทดูดพลังงานคือ การเปลี่ยนแปลงท่ีระบบดูด
พลังงานจากสิ่งแวดล้อม เนื่องจากระบบมอี ุณหภูมิต่ำกว่าสิ่งแวดล้อม ระบบจะปรับตัวโดยดูดพลังงานความ
รอ้ นจากส่งิ แวดล้อมเขา้ สู่ระบบ เพื่อทำให้อุณหภูมิของระบบเท่ากับอุณหภูมิของสงิ่ แวดล้อม เช่น การละลาย
ของเกลอื แกงในนำ้ อุณหภูมิของสารละลายต่ำลง จึงดดู พลงั งานเข้าสู่ระบบ เพอ่ื ทำใหอ้ ณุ หภูมิของระบบสูงข้ึน
จนอณุ หภมู ขิ องระบบเท่ากับอุณหภูมขิ อง ส่งิ แวดล้อม
ขัน้ ท่ี 4 ขนั้ ขยายความรู้ (Elaboration)
1) ครูแนะนำแหล่งเรียนรู้เพมิ่ เติมทางอินเทอรเ์ น็ต เพอ่ื เป็นการทบทวนและสร้างความเข้าใจ
มากย่ิงขึน้
97
2) ครูเปิดโอกาสให้นกั เรียนน้ันได้ถามคำถาม โดยแต่ละกลมุ่ ใหต้ ั้งคำถามเกย่ี วกับเร่ืองท่ี
เรียนไปอย่างนอ้ ย 1 คำถามตอ่ 1 กลุ่ม
3) พลังงานกบั การเปลยี่ นแปลงสถานะ การเปลย่ี นสถานะของสารเป็นการเปลยี่ นแปลงทาง
กายภาพ การเปลยี่ นสถานะของสารอาจเป็นการเปลีย่ นแปลงประเภทดูดพลังงานหรอื คายพลังงาน ดังภาพ
ที่มา : https://sites.google.com/site/thermophysic/heateffect
เมื่อ สารได้รับความร้อนขณะท่มี กี ารเปล่ยี นสถานะ อณุ หภมู ิของสารจะไมม่ ีการเปล่ยี นแปลง โดยจะ
นำความรอ้ นท่ไี ดร้ ับไปใชเ้ ปลีย่ นสถานะ ซ่ึงเรียกคา่ พลังงานที่นำไปใชใ้ นการเปลี่ยนแปลงของสารวา่ ความร้อน
แฝงจำเพาะของสาร สารแต่ละชนิดจะมีค่าความร้อนแฝงจำเพาะ 2 คา่ ด้วยกนั คอื
• ค่าความรอ้ นแฝงจำเพาะของการหลอมเหลว เป็นคา่ พลงั งานความร้อนที่นำมาใชเ้ ปลย่ี น
สถานะจากของแข็งเปน็ ของเหลว
• คา่ ความร้อนแฝงจำเพาะของการกลายเปน็ ไอเปน็ ค่าพลังงานความร้อนที่นำไปใชใ้ นการ
เปลีย่ นสถานะจากของเหลวเปน็ ไอ
o นำ้ มีค่าความรอ้ นแฝงจำเพาะของการหลอมเหลว 80 แคลอรีต่อกรมั หมายความว่าในการ
ทำน้ำแข็ง 1 กรัม ให้หลอมเหลวเปน็ นำ้ ต้องใชพ้ ลังงานความร้อน 80 แคลอรี
o นำ้ มคี ่าความ รอ้ นแฝงจำเพาะของการกลายเป็นไอ 600 แคลอรตี ่อกรมั หมายความวา่ ในการ
ทำนำ้ 1 กรมั อุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส ให้เปล่ียนเป็นไอน้ำ 1 กรัม อุณหภมู ิ 100 องศา
เซลเซียส ต้องใหพ้ ลังงานความรอ้ น 600 แคลอร่ี
ขั้นที่ 5 ข้นั ประเมนิ (Evaluation)
1) ครูประเมนิ จากกจิ กรรมที่ 5.4 ความร้อนทำให้สสารเปลยี่ นสถานะได้อย่างไรจากการปฏิบตั กิ ิจกรรมกล่มุ
2) การตอบคำถามในชั้นเรยี น
3) การปฏบิ ตั กิ จิ กรรมกล่มุ
7. การวัดและประเมนิ ผล
การวดั และประเมนิ ผลดา้ น วิธีการวัด เคร่อื งมอื วัด เกณฑ์การผ่าน
1 ด้านความรู้ ระดับคณุ ภาพ
พอใช้ ขนึ้ ไป
1. นักเรยี นสามารถอธบิ าย - การตอบคำถามนกั เรียนในช้นั เรียน - แบบประเมินการตอบคำถาม
ความร้อนกับการเปลีย่ น
สถานะของสสารได้