ก�ำหนดการเผยแพร่ DhวamารmสaาtรhวaิชsาAกcาaรdธeรmรiมc ทJoรuรrศnaนl์
ฉบบั ท่ี 1 มกราคม-มีนาคม
ฉบบั ที่ 2 เมษายน-มถิ นุ ายน ปีที่ 19 ฉบับที่ 1 ประจำ� เดือน มกราคม - มนี าคม 2562
ฉบับที่ 3 กรกฎาคม-กันยายน Vol. 19 No. 1 (January-March 2019)
ฉบบั ท่ี 4 ตุลาคม-ธันวาคม
Publishing Schedule การพิจารณาคัดเลือกบทความ
Number 1 (January-March) บทความแต่ละบทความท่ีตีพิมพ์จะได้รับพิจารณาจากคณะกรรมการ
กล่ันกรองบทความวารสาร (Peer Review) 2 ท่านที่มีความเชี่ยวชาญ
Number 2 (April - June) ในสาขาวิชาท่ีเกี่ยวข้อง และได้รับความเห็นชอบจากกองบรรณาธิการ
Number 3 (July - September) ก่อนตีพิมพ์ โดยการพิจารณาบทความจะมีรูปแบบที่ผู้พิจารณาบทความ
Number 4 (October - December) ไมท่ ราบชอื่ หรอื ขอ้ มลู ของผเู้ ขยี นบทความและผเู้ ขยี นบทความไมท่ ราบชอื่
ผู้พจิ ารณาบทความ (Doubleblind Peer Review)
วัตถุประสงค์
1. เพ่ือส่งเสริมและเผยแพร่ผลงานวิชาการและผลงานวิจัยทาง Article Consideration
ครศุ าสตร์ ศกึ ษาศาสตร์ จติ วิทยา รัฐศาสตร์ รฐั ประศาสนศาสตร์ Each article will be published by a panel of two journalists with
และสหวิทยาการดา้ นมนษุ ยศาสตรแ์ ละสังคมศาสตร์
2. เพอื่ ใหบ้ รกิ ารวชิ าการเกย่ี วกบั การเสนอทางออกในการแกป้ ญั หา expertise in relevant fields. And get the editorial approval before
สงั คม publishing. The review is in the form of: The article’s Dabble Blind.
To comply with copyright law The author must sign the copy
Objective of the article submission form to the journal. In addition, the author
1. To promote and disseminate academic works and research must confirm that the original article submitted to it. Only one
publication in the Dhammathas academic journal. If the images
results in educational science, psychology, political science, or tables of other rs appearing in other publications are used. The
Public Administration and interdisci plinary studiesin the author must ask permission of the copyright owner. Include a book
humanities and social sciences. that has been approved by the editor before the article is published.
2. To provide academic services in solving social problems.
ที่ปรึกษา
พระราชปรยิ ัติกว,ี ศาสตราจารย์ ดร. มหาวทิ ยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลัย
พระโสภณพัฒนบณั ฑติ , รองศาสตราจารย์ ดร. มหาวิทยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั
ศาสตราจารย์ ดร.ประยงค์ แสนบรุ าณ มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น
ศาสตราจารย์ ดร.วัชระ งามจติ เจรญิ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์
ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.พชิ ญ์ พงษส์ วสั ดิ์ จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลยั
Advisors
Prof. Dr. Phrarajapariyatikawee Mahachulalongkornrajavidyalaya University
Assoc. Prof. Dr. Phra Sophonphathanapundit Mahachulalongkornrajavidyalaya University
Prof. Dr. Prayong Seanburan KhonKaen University
Prof. Dr. Watchara Ngamchitcharoen Thammasat University
Asst. Prof. Dr. Pitch Pongsawat Chulalongkorn University
บรรณาธิการ / Editor
ผูช้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.สรุ พล พรมกลุ / Asst. Prof. Dr. Suraphon Promgun
ผู้ชว่ ยบรรณาธิการ / Editorial assistant
สารกิ า ไสวงาม / Sariga Sa-waingam
กองบรรณาธิการ มหาวิทยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลัย
พระครูสุธคี ัมภรี ญาณ ว.ิ , ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. มหาวทิ ยาลัยมหามกุฏราชวทิ ยาลัย
รองศาสตราจารย์ ดร.ภาสกร ดอกจันทร์ มหาวิทยาลัยขอนแกน่
รองศาสตราจารย์ ดร.กนกอร สมปราชญ์ มหาวทิ ยาลัยราชภฎั มหาสารคาม
รองศาสตราจารย์ ดร.สญั ญา เคณาภูมิ มหาวทิ ยาลัยกาฬสินธ์ุ
รองศาสตราจารย์ ดร.กตญั ญู แกว้ หานาม มหาวทิ ยาลัยราชภฏั พระนคร
รองศาสตราจารย์ ดร.อำ� พล บดุ ดาสาร มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั
ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.จกั รพรรณ วงศพ์ รพวัณ มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ชาญชัย ฮวดศร ี มหาวทิ ยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลัย
ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.วทิ ยา ทองด ี มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั
ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ประยรู แสงใส มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
ผ้ชู ่วยศาสตราจารย์ ดร.ธรี ะพงษ์ มีไธสง มหาวิทยาลัยหวั เฉยี วเฉลิมพระเกยี รติ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธรี โชติ เกดิ แก้ว มหาวิทยาลยั ราชภัฏเลย
ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.สาคร พรหมโคตร มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั เชียงใหม่
ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.สญั ญา สะสอง
Editorial Board
Asst. Prof. Dr. Phrakhru Sudhikhambhirayan Mahachulalongkornrajavidyalaya University
Assoc. Prof. Dr. Pasakorn Dokchan Mahamakut Buddhist University
Assoc. Prof. Dr. Kanokorn Somprach KhonKaen University
Assoc. Prof. Dr. Sanya Kenaphoom Rajabhat Mahasarakham University
Assoc. Prof. Dr. Kathanyoo Kaewhanam Kalasin University
Assoc. Prof. Dr. Aompol Buddasarn Phranakhon Rajabhat University
Asst. Prof. Dr. Chakkapan Wongpornpavan Mahachulalongkornrajavidyalaya University
Asst. Prof. Dr. Chanchai Hudsri Mahachulalongkornrajavidyalaya University
Asst. Prof. Dr. Vitthaya Thongdee Mahachulalongkornrajavidyalaya University
Asst. Prof. Dr. Prayoon Saengsai Mahachulalongkornrajavidyalaya University
Asst. Prof. Dr. Theerapong Meethaisong Mahasarakham University
Asst. Prof. Dr. Teerachoot Kerdkaew Huachiew Chalermprakiet University
Asst. Prof. Dr. Sakorn Promkhot Loei Rajabhat University
Asst. Prof. Dr. Sanya Sasong Chiang Mai Rajabhat University
ผ้จู ดั การวารสาร / Journal Manager
มาริสา ไสวงาม / Marisa Sa-waingam
ออกแบบปก : สาริกา ไสวงาม
จ�ำนวนพิมพ์ : 500 เลม่
เจ้าของ : สำ� นักวิชาการ มหาวิทยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลยั วิทยาเขตขอนแกน่
อาคาร 100 ปี สมเดจ็ พระพฒุ าจารย์ (อาจ อาสภมหาเถร)
เลขท่ี 30 หมู่ 1 บา้ นโคกสี ตำ� บลโคกสี อ�ำเภอเมือง จงั หวัดขอนแก่น 40000
โทรศพั ท์ 0-4328-3546-7 (ต่อ 114) โทรสาร 0-4328-3399
http://www.tci-thaijo.org/index.php/dhammathas E-mail: [email protected]
พิมพท์ ่ี : หา้ งหุน้ ส่วนจ�ำกดั ขอนแก่นการพิมพ์ 64-66 ถนนร่ืนรมย์ ตำ� บลในเมือง อำ� เภอเมอื ง จงั หวัดขอนแก่น 40000
โทรศพั ท์ 0-4322-1938 E-mail: [email protected]
คณะกรรมการกลั่นกรองบทความวารสาร วารสารวิชาการธรรมทรรศน์ (Peer Review)
ปที ่ี 19 ฉบบั ท่ี 1 ประจำ� เดอื น มกราคม - มีนาคม 2562
ผทู้ รงคณุ วุฒจิ ากภายใน
1. พระปลดั สมชาย ปโยโค, ดร. มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั
2. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.บุรนิ ทร์ ภูส่ กุล มหาวทิ ยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั
3. ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.ชาญชัย ฮวดศร ี มหาวิทยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย
4. ผูช้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ปัญญา คล้ายเดช มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย
5. ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.วิทยา ทองดี มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย
6. ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ประยูร แสงใส มหาวิทยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั
7. อาจารย์ ดร.นเิ ทศ สน่นั นาร ี มหาวิทยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย
8. อาจารย์ สุชญา ศริ ธิ ญั ภร มหาวทิ ยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั
ผู้ทรงคุณวุฒิจากภายนอก
1. พระเมธาวินัยรส, รองศาสตราจารย์ ดร. มหาวทิ ยาลยั มหามกฏุ ราชวทิ ยาลยั
2. รองศาสตราจารย์ ดร.ภาสกร ดอกจันทร์ มหาวิทยาลยั มหามกฏุ ราชวิทยาลยั
3. รองศาสตราจารย์ ดร.สุวญิ รักสัตย์ มหาวิทยาลัยมหามกฏุ ราชวิทยาลยั
4. รองศาสตราจารย์ ดร.พรอัมรินทร์ พรหมเกดิ มหาวิทยาลยั ขอนแก่น
5. รองศาสตราจารย์ ดร.กนกอร สมปราชญ์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
6. รองศาสตราจารย์ ดร.จกั รกฤษณ์ ดวงพสั ตรา มหาวทิ ยาลัยขอนแกน่
7. รองศาสตราจารย์ ดร.วชั รินทร์ ชาญศลิ ป์ มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์
8. รองศาสตราจารย์ ดร.พชรวิทย์ จนั ทรศ์ ิรสิ ริ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
9. รองศาสตราจารย์ ดร.ภทั รธริ า ผลงาม มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั เลย
10. รองศาสตราจารย์ ดร.สุทธิชัย ยังสขุ มหาวทิ ยาลยั นเรศวร
11. รองศาสตราจารย์ ดร.กตญั ญู แกว้ หานาม มหาวิทยาลยั กาฬสินธ์ุ
12. รองศาสตราจารย์ ดร.อ�ำพล บุดดาสาร มหาวิทยาลยั ราชภฏั พระนคร
13. รองศาสตราจารย์ ดร.ศิวัช ศรโี ภคางกุล วทิ ยาลัยการปกครองท้องถนิ่ มหาวิทยาลยั ขอนแแก่น
14. ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.สมปอง สุวรรณภมู า มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภมู ิ
15. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.รตั นะ ปญั ญาภา มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั อบุ ลราชธานี
16. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พุฑฒจกั ร สทิ ธิ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏสกลนคร
17. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.กมลทพิ ย์ ตรีเดช มหาวทิ ยาลัยราชภัฏมหาสารคาม
18. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ภาณพุ งศ์ อุดมศิลป์ มหาวทิ ยาลัยศรีนครินทรวโิ รฒ
19. ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.วุฒนิ นั ท์ กนั ทะเตียน มหาวิทยาลัยมหิดล
20. ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ฉลอง พันธจ์ ันทร์ มหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม
21. ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.อภิญวัฒน์ โพธ์ิสาน มหาวิทยาลยั มหาสารคาม
22. ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ธรี ะพงษ์ มีไธสง มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม
23. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.หอมหวล บัวระภา มหาวทิ ยาลัยขอนแกน่
24. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.วเิ ชยี ร แสนม ี มหาวิทยาลัยขอนแก่น
25. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ธีรโชติ เกดิ แกว้ มหาวิทยาลยั หวั เฉยี วเฉลิมพระเกียรติ
คณะกรรมการกลั่นกรองบทความวารสาร วารสารวิชาการธรรมทรรศน์ (Peer Review)
ปที ี่ 19 ฉบบั ท่ี 1 ประจ�ำเดือน มกราคม - มนี าคม 2562
ผทู้ รงคณุ วฒุ ิจากภายนอก
26. ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.มาลินี คุ้มสุภา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
27. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สมหวัง แก้วสฟุ อง มหาวิทยาลยั เชียงใหม่
28. ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.แสวง แสนบุตร มหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม่
29. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธีรตั ม์ แสงแก้ว มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
30. อาจารย์ ดร.ทศั ไนยวรรณ ดวงมาลา มหาวทิ ยาลัยราชภฏั ชยั ภมู ิ
31. อาจารย์ ดร.พิษณุ บญุ นิยม มหาวทิ ยาลัยราชภัฏก�ำแพงเพชร
32. อาจารย์ ดร.สทิ ธิพร เกษจ้อย มหาวิทยาลยั มหามกฏุ ราชวทิ ยาลัย
บรรณาธิการแถลง
วารสารวชิ าการธรรมทรรศนฉ์ บับน้ี เปน็ ปที ่ี 19 ฉบับที่ 1 ประกอบด้วย บทความวิจยั และบทความวิชาการ กล่าวคอื
บทความวจิ ยั 24 บทความ ได้แก่ 1) การพัฒนาคุณภาพมนษุ ย์ตามหลกั ศีล 5 2) แนวทางการพัฒนาบุคลกิ ภาพตามหลักพระพุทธ
ศาสนาของบุคลากรธนาคารเพ่อื การเกษตรและสหกรณก์ ารเกษตร 3) ความส�ำเรจ็ ในการบริหารจัดการขยะต้นทาง: กรณีศึกษา
เทศบาลตำ� บลศรวี ไิ ล อำ� เภอศรวี ไิ ล จงั หวดั บงึ กาฬ 4) วสิ าหกจิ ชมุ ชนจงั หวดั แพร:่ องคค์ วามรแู้ ละการจดั การเชงิ เครอื ขา่ ยเพอื่ การ
พฒั นาทย่ี งั่ ยืน 5) แนวทางการพัฒนาการทอ่ งเท่ยี วเชงิ สรา้ งสรรค์บนตน้ ทุนทางวฒั นธรรม กรณีศึกษา: โฮงมนู มงั เมืองขอนแก่น
ตำ� บลในเมอื ง อำ� เภอเมอื ง จงั หวดั ขอนแกน่ 6) การฟน้ื ฟแู ละรกั ษาความสมดลุ สขุ ภาพกายและจติ ตามหลกั พระพทุ ธศาสนา นกิ าย
วัชรยาน 7) การพฒั นาหลักสตู รการจดั การเงนิ ส่วนบคุ คลเพ่ือวยั สงู อายุ ส�ำหรับผู้ใหญว่ ยั ทำ� งานในพ้นื ท่ีเทศบาลต�ำบลลวงเหนอื
อำ� เภอดอยสะเกด็ จงั หวัดเชยี งใหม่ 8) การศึกษาภาษาผ้ไู ทยถิ่นนางัวและแนวทางสู่การจัดการเรยี นการสอนเพื่อการสืบสานและ
การอนุรักษ์ ส�ำหรบั นกั เรยี นมัธยมศกึ ษาตอนปลาย 9) ความต้องการจ�ำเป็นเพ่อื พัฒนาการบรหิ ารจัดการความเส่ยี งทางวชิ าการ
ในโรงเรยี นมธั ยมศกึ ษา สงั กดั องคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวดั โดยประยกุ ตใ์ ชแ้ นวคดิ SIPOC MODEL 10) การประยกุ ตห์ ลกั พทุ ธธรรม
ในการแก้ปญั หาพฤติกรรมการเลน่ การพนันในชมุ ชนบา้ นโนนเขวา ต�ำบลบ้านเหล่าอำ� เภอบา้ นฝาง จังหวัดขอนแกน่ 11) การก่อ
ตวั และการเคลอื่ นไหวทางการเมอื งของประชาชน กลมุ่ เครอื ขา่ ยชมุ ชนอนรุ กั ษแ์ ละฟน้ื ฟปู า่ ภถู ำ้� ภกู ระแต อำ� เภอแวงนอ้ ย จงั หวดั
ขอนแก่น 12) กลยทุ ธก์ ารตลาดของธรุ กจิ ทอ่ งเทีย่ วเชิงสง่ เสรมิ สขุ ภาพในภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ของประเทศไทย 13) สทิ ธิการ
พฒั นาของประชาชนภายใตน้ โยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษ: กรณีศกึ ษาเขตเศรษฐกิจพิเศษจงั หวดั มกุ ดาหาร 14) รูปแบบการเสริม
สร้างทัศนคติการบริหารจัดการขยะมูลฝอยตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารเทศบาลเมืองภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง
15) การพัฒนาหลกั สตู รรายวิชาภาษาองั กฤษเพ่อื การท่องเทยี่ วเชงิ วัฒนธรรม ตามแนวคดิ การศึกษาแบบใชพ้ นื้ ท่ีเปน็ ฐานรว่ มกับ
การเรยี นรแู้ บบเนน้ งานปฏบิ ัติ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั วิทยาลัยสงฆ์นครพนม 16) แนวทางพัฒนาการปฏิบัติ
ธรรมน�ำการมีส่วนรว่ มสร้างสงั คมฐานความรู้ 17) การเตรียมความพรอ้ มตามแนวประชารัฐในการต่อต้านยาเสพติด: ศกึ ษากรณี
ชุมชนวัดปรุ ณาวาส เขตทวีวัฒนา กรงุ เทพมหานคร 18) พุทธศลิ ป์ลา้ นชา้ ง: แนวคิด พัฒนาการ คณุ ค่าทางศิลปะและวัฒนธรรม
19) นเิ วศวิทยาเชงิ พุทธกบั แนวคิด คณุ คา่ และการเสริมสร้าง การอนรุ กั ษ์ป่าชุมชนในจงั หวัดขอนแก่น 20) การศกึ ษาคุณภาพ
วารสารวชิ าการ ตามหลักเกณฑ์ระดบั ชาตขิ องฐานข้อมูล TCI กรณศี กึ ษา วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยวลยั ลกั ษณ์ 21) ความคิด
เหน็ ของนกั เรยี นตอ่ สภาพแวดลอ้ มทางการศกึ ษา: กรณศี กึ ษาโรงเรยี นวดั ศรจี นั ทรต์ ำ� บลในเมอื ง อำ� เภอเมอื ง จงั หวดั ขอนแกน่ 22)
การศึกษาแนวคิดและวิธีปฏิบัติของเครือข่ายพระบัณฑิตอาสาในภาคเหนือ 23) แรงจูงใจในการปฏิบัติธรรมของนักศึกษา
มหาวิทยาลยั มหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตอสี าน จังหวดั ขอนแกน่ และ 24) การเสริมสร้างสัมมาชพี ของชุมชนผู้ประกอบการ
ค้าขายประค�ำในจังหวดั สรุ นิ ทร์
และบทความวชิ าการมี 6 บทความคอื 1) การสร้างจติ ส�ำนึกรว่ มในพระพุทธศาสนา 2) สมาธกิ ับการพัฒนาคณุ ภาพ
ชวี ิตมนษุ ย์ 3) บทบาทของผูน้ �ำในกระบวนทศั น์ใหม่ 4) The Nature of Abbhantarañāṇa 5) แรงจงู ใจในพระพทุ ธศาสนากบั
การทำ� งานจติ อาสา และ 6) พทุ ธปรัชญาในการด�ำเนนิ ธุรกจิ แบบยงั่ ยนื
กองบรรณาธิการหวังเป็นอย่างย่ิงว่า ผู้อ่านจะได้ความรู้จากบทความวิชาการ บทความวิจัยตามที่ปรากฏ และน�ำไป
ประยกุ ต์ใชใ้ ห้เกิดประโยชนท์ างด้านการศกึ ษา ตลอดถึงการดำ� เนนิ ชีวติ ต่อไป
(ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สรุ พล พรมกุล)
ทศั นะและข้อคิดเหน็ ของบทความในวารสารฉบบั น้ี
เปน็ ของผู้เขียนแต่ละท่าน ไม่ถือเปน็ ทัศนะและความรับผดิ ชอบของกองบรรณาธกิ าร
สารบญั
บรรณาธกิ ารแถลง 1
บทความวจิ ัย : Research Article 11
23
การพัฒนาคุณภาพมนุษย์ตามหลกั ศีล 5 33
Human Quality Development According to the Five Precepts
พระมหาโยธนิ โยธโิ ก, พระวฒั นา ญาณวโร และกาญจนพงษ์ สวุ รรณ
Phramaha Yothin Yodhiko, Phra Watthana ñāvaro and Kancanapong Suwan
แนวทางการพัฒนาบุคลิกภาพตามหลักพระพุทธศาสนาของบุคลากรธนาคารเพ่ือการเกษตร
และสหกรณ์การเกษตร
The Approach of Personality Development Based on Principle of Buddhist
of the Personnel of Bank for Agriculture and Agricultural Co-operatives
ปาลญา นามเขม็ , พระมหามติ ร ฐติ ปญโฺ ญ และวิเชียร แสนมี
Palaya Namkhem, Phramaha Mitr Thitapanyo and Wichien Sanmee
ความสำ� เรจ็ ในการบรหิ ารจดั การขยะตน้ ทาง: กรณศี กึ ษาเทศบาลตำ� บลศรวี ไิ ล อำ� เภอศรวี ไิ ล
จงั หวดั บึงกาฬ
The Success in Solid Waste Management: A Case Study of Sriwilai Sub-
District Municipality, Sriwilai District, Bung Kan Province
ชวลติ บุญศรีรัตน์ และสถาพร มงคลศรีสวสั ดิ์
Chawalit Boonsrirat and Sathapond Mongkonsrisawat
วสิ าหกจิ ชมุ ชนจงั หวดั แพร:่ องคค์ วามรแู้ ละการจดั การเชงิ เครอื ขา่ ยเพอื่ การพฒั นาทยี่ ง่ั ยนื
Phrae Provincial’s Community Enterprises: Knowledge and Network’s
Management for Sustainable Development
พระครูสงั ฆ์รักษบ์ ุญเสรมิ กติ ตฺ ิวณโฺ ณ, อรอนงค์ ววู งศ,์ ธาดา เจรญิ กศุ ล
และกาญจนา ด�ำจตุ ิ
Phrakru Sangharak Boonserm Kittivanno, Onanong Woowong,
Thada Charoenkusol and Kanjana Damjutti
แนวทางการพัฒนาการท่องเท่ียวเชิงสร้างสรรค์บนต้นทุนทางวัฒนธรรม กรณีศึกษา: 45
โฮงมูนมงั เมืองขอนแก่น ตำ� บลในเมอื ง อ�ำเภอเมือง จังหวดั ขอนแกน่ 55
The Community Based Creative Tourism and Culture: A Case Study of Hong
Moon Mung KhonKean City Museum, KhonKaen Province 67
79
สพุ ตั รา จึงตระกูล และสถาพร มงคลศรสี วัสด์ิ 89
Supattra Guengtragoon and Sathaphon Mongkhonsrisawat
การฟ้ืนฟแู ละรักษาความสมดลุ สุขภาพกายและจิต ตามหลกั พระพทุ ธศาสนา นกิ ายวชั รยาน
Rehabilitation and Curing for the Physical and Mental Balance According
to Vajrayana Buddhism
สทุ ธพิ นั ธ์ ถนอมพนั ธ,์ พระครสู นุ ทรสงั ฆพนิ ติ , เทพประวณิ จนั ทรแ์ รง และสมหวงั แกว้ สฟุ อง
Sutthipun Thanompun, Phrakru Sunthornsanghapinit, Thepprawin Chanreang
and Somwang Kaewsufong
การพฒั นาหลกั สตู รการจดั การเงนิ สว่ นบคุ คลเพอื่ วยั สงู อายุ สำ� หรบั ผใู้ หญว่ ยั ทำ� งานในพน้ื ที่
เทศบาลตำ� บลลวงเหนือ อำ� เภอดอยสะเกด็ จงั หวัดเชยี งใหม่
The Development of an Elderly Personal Financial Management Curriculum
for Working Age Adults in Laung-Neau Sub-district Municipality, Doi Saket
District, Chiang Mai Province
เอกพิชญ์ ชินะข่าย
Ekapit Chinakai
การศกึ ษาภาษาผไู้ ทยถน่ิ นางวั และแนวทางสกู่ ารจดั การเรยี นการสอนเพอ่ื การสบื สานและ
การอนรุ ักษ์ ส�ำหรบั นักเรยี นมธั ยมศึกษาตอนปลาย
The Study of Phu Thai Dialect in Nangua and Guidelines for Teaching and Learning
Management for Inheritance and Conservation for upper Secondary School
ยศกร สทิ ธิศักด์ิไพบลู ย์
Yotsakorn Sittisakpaiboon
ความต้องการจ�ำเป็นเพ่ือพัฒนาการบริหารจัดการความเส่ียงทางวิชาการในโรงเรียน
มัธยมศกึ ษา สงั กัดองค์การบรหิ ารส่วนจังหวัดโดยประยกุ ต์ใช้แนวคิด SIPOC MODEL
A Study of Needs to Develop Academic Risk Management in Secondary Schools,
under the Provincial Administrative Organization by Applying SIPOC MODEL Concept
ราตรี เลศิ หวา้ ทอง และพชรวิทย์ จันทรศ์ ิรสิ ริ
Ratree Loetwathong and Pacharawit Chansirisira
การประยุกต์หลักพุทธธรรมในการแก้ปัญหาพฤติกรรมการเล่นการพนันในชุมชน 101
บา้ นโนนเขวา ตำ� บลบา้ นเหล่าอ�ำเภอบ้านฝาง จังหวัดขอนแกน่ 111
An Application of Buddhadhamma to Solve Gambling Behavior in Ban Non 123
Khwao Community, Ban Lao Sub-District, Ban Fang District, KhonKaen 133
Province
พระพุฒศิษฐ์ สริ ิปญโฺ ญฺ (จ�ำพรชยั นันต)์ , พระครูสุธีคัมภีรญาณ, พระมหามิตร ฐติ ญฺโญ
และแมช่ ดี วงพร คำ� หอมกลุ
Phra Puthasit Siripãñño (Jampornchainan), Phrakhru Sudhikhambhirayan,
Phramaha Mit Thitapãñño and Maechee Duangporn Khamhomkul
การกอ่ ตวั และการเคลอ่ื นไหวทางการเมอื งของประชาชน กลมุ่ เครอื ขา่ ยชมุ ชนอนรุ กั ษแ์ ละ
ฟน้ื ฟูป่าภถู ้ำ� ภูกระแต อำ� เภอแวงนอ้ ย จงั หวดั ขอนแก่น
Formation and Political Movement of People Forest Conservation and
Restoration Community Networks, in Phu Thum and Phu Kra Tae, Wang
Noi District, Khon Kaen Province
อ�ำนวย สังข์ชว่ ย
Amnuay Sangchuay
กลยุทธ์การตลาดของธุรกิจท่องเที่ยวเชิงส่งเสริมสุขภาพในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของ
ประเทศไทย
Marketing Strategy of Health-Promotional Tourism Business in the Northeast
of Thailand
ปิยธดิ า ศรีพล, รัชดา ภกั ดียิ่ง และวรวิช โกวทิ ยากร
Piyathida Sripol, Ratchada Phakdeeying and Vorawit Kowithayakorn
สทิ ธกิ ารพฒั นาของประชาชนภายใตน้ โยบายเขตเศรษฐกจิ พเิ ศษ: กรณศี กึ ษาเขตเศรษฐกจิ
พิเศษจังหวัดมกุ ดาหาร
People’s Development Rights under the Special Economic Zone: Case Study
of Special Economic Zone Mukdahan
พระมหาไทยน้อย สลางสิงห,์ ปิยลกั ษณ์ โพธวิ รรณ์ และพทั ฐกร ศาสนะสุพินธ์
Phramaha Thainoi Salangsing, Piyaluk Potiwan and Pattakorn Sasanasupin
รูปแบบการเสริมสร้างทัศนคติการบริหารจัดการขยะมูลฝอยตามหลักธรรมาภิบาลของ 151
ผูบ้ ริหารเทศบาลเมอื งภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื ตอนกลาง
Modeling Modeling of Attitudes Towards Waste Management According to 161
the Good Governance of the Municipal Administration Northeastern Region 175
187
พระมหาประภาส แก้วเกตพุ งษ์, พระมหาสากล เดินชาบัน, พระธรรมรตั น์ หาญณรงค,์
จรุ ี สายจันเจยี ม และสมศรี แกว้ กติ ติ
Phramaha Prapas Kaewketpong, Phramaha Sakol Doenchaban,
Phra Thammarat Hannarong, Juree Saijunjiam and Somsri Kaewkitti
การพฒั นาหลกั สตู รรายวชิ าภาษาองั กฤษเพอื่ การทอ่ งเทย่ี วเชงิ วฒั นธรรม ตามแนวคดิ การ
ศกึ ษาแบบใชพ้ น้ื ทเี่ ปน็ ฐานรว่ มกบั การเรยี นรแู้ บบเนน้ งานปฏบิ ตั ิ มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลง
กรณราชวทิ ยาลัย วิทยาลยั สงฆน์ ครพนม
A Development of Subject Curriculum on English for Cultural Tourism
Based on Place-Based Education with Task-Based Learning for the Students
of Mahachulalongkornrajavidyalaya University Nakhon Phanom Buddhist
College
ศตพล ใจสบาย, ส�ำราญ ก�ำจดั ภยั และพระครูสิริเจติยานกุ จิ
Sataphol Jaisabai, Sumran Gumjudpai and Phrakru Sirijetiyanukit
แนวทางพัฒนาการปฏิบัติธรรมน�ำการมีส่วนร่วมสรา้ งสังคมฐานความรู้
Approach of Dhamma Practicing on Knowledge-based Society Participation
ภานมุ าศ จนิ ารัตน,์ ไพชยนต์ จนั ทเขต, ณรงค์ศกั ด์ิ คุรพุ นั ธ,์ สิริพร แสนทวีสุข,
พนมพร ช่วงชงิ และพิศฐิ ขาวจนั ทร์
Panumat Jinarat, Paichayon Chanthakaat, Narongsuk Kurupan,
Siriporn Saentaweesuk, Phanomporn Choungching and Pisit Kaaochant
การเตรยี มความพรอ้ มตามแนวประชารัฐในการต่อต้านยาเสพตดิ : ศึกษากรณชี ุมชน
วัดปุรณาวาส เขตทววี ฒั นา กรงุ เทพมหานคร
Preparedness for the Civil States in Anti-drug Preparations: Case study of
Puranawat Community at Taweewattana District in Bangkok
ปราการ เกิดมสี ุข
Prakan Gerdmeesuk
พุทธศลิ ป์ล้านช้าง: แนวคดิ พัฒนาการ คุณค่าทางศลิ ปะและวัฒนธรรม 203
The Buddhist Arts in Lanchang: Concept, Development and Art Cultural Values 215
227
สวุ ิน ทองป้ัน
239
Wisanupong Burimash and Alongkorn Akkasaeng 247
นเิ วศวิทยาเชิงพุทธกับแนวคดิ คณุ ค่า และการเสริมสรา้ ง การอนุรักษ์ป่าชมุ ชนในจงั หวดั
ขอนแก่น
Buddhist Ecology and Concepts Value and Strengthening the Community Forest
Conservation KhonKaen Province
จกั รพรรณ วงศ์พรพวณั
Chakkapan Wongpornpavan
การศกึ ษาคณุ ภาพวารสารวชิ าการ ตามหลกั เกณฑร์ ะดบั ชาตขิ องฐานขอ้ มลู TCI กรณศี กึ ษา
วารสารวชิ าการมหาวทิ ยาลัยวลัยลักษณ์
A Study of Quality of Journals with TCI Database Criteria Case Study of
Walailak University Academic Journals
โกสนิ ธ์ุ ศิรริ ักษ์ และยุวธดิ า คงศรี
Kosin Sirirak and Yuwatida Kongsri
ความคดิ เหน็ ของนกั เรยี นตอ่ สภาพแวดลอ้ มทางการศกึ ษา: กรณศี กึ ษาโรงเรยี นวดั ศรจี นั ทร์
ต�ำบลในเมอื ง อ�ำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น
The Opinion of the Students to Educational Environment: A Case Study
of Wat Srijan School, Nai-muang Sub-district, Muang District, KhonKaen
Province
พระวรชัด ทะสา, พระมหาสัจจารกั ษ์ ไร่สงวน และสิทธิพร เกษจ้อย
Phra Worachat Thasa, Phramaha Saccarak Raisa-nguan
and Sitthiporn Khetjoi
การศกึ ษาแนวคิดและวิธีปฏบิ ัติของเครอื ข่ายพระบัณฑิตอาสาในภาคเหนอื
The Concept and Practical Study of Buddhist Monks Volunteer in Northern
Thailand
สนุ ทรี สุรยิ ะรังษี
Soontree Suriyarangsee
แรงจูงใจในการปฏิบัติธรรมของนักศึกษามหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตอีสาน 257
267
จงั หวดั ขอนแกน่
Motivation in Buddhist Meditation of Students in Mahamakut Buddhist 277
University Isan Campus Khon Kaen Province 287
297
พระครูปลัดสุรวฒุ ิ แสงมะโน, พระปลดั วสนั ต์ ธรี วโร, อคั รเดช นีละโยธนิ ,
ประชนั ชะชิกุล และภทั รชัย อทุ าพนั ธ์
Phrakhrupalad Surawut Saengmano, Phrapalad Wasan Teerawaro,
Akkharadet Neelayothin, Prachan Chachikul and Phattharachai Uthaphun
การเสริมสร้างสมั มาชีพของชุมชนผปู้ ระกอบการคา้ ขายประคำ� ในจงั หวัดสรุ ินทร์
Enhancing the Bead Trading Community’s Right Livelihood in Surin Province
พระมหาสมพาน ชาคโร, พระศรีวสิ ุทธคิ ณุ และพระอธิการเวยี ง กติ ฺติวณฺโณ
Phramaha Somparn Chakaro, Phrasri Visudhikun and Phra Athikan Vieng
Kittivanno
บทความวิชาการ : Academic Article
การสรา้ งจิตสำ� นึกรว่ มในพระพทุ ธศาสนา
Consciousness in Buddhism
พระครูอนิ ทรสารวิจกั ร และพระมหามติ ร ฐิตปญโฺ ญ
Phrakhru Intasanvijak and Phramaha Mit Thitapanyo
สมาธิกับการพัฒนาคณุ ภาพชีวิตมนษุ ย์
The Meditation on Improving the Quality of Human Life
กาญจนา หาญศรวี รพงศ์ และพระมหามิตร ฐิตปญฺโญ
Kanjana Hansriworapong and Phramaha Mit Thitapanyo
บทบาทของผนู้ �ำในกระบวนทัศนใ์ หม่
Role of Leader in the New Paradigm
เจา้ อธกิ ารบญุ ชว่ ย โชติวํโส (อ้ยุ วงค)์
Chao Athikan Bunchuai Chotivungso (Auiwong)
The Nature of Abbhantarañāṇa 309
Ven. Ratanak Keo, Phrakhru Bhavanabodhikun and Suwin Thongpan
321
แรงจงู ใจในพระพุทธศาสนากบั การทำ� งานจิตอาสา
Motivation in Buddhism and Volunteer Spirit Working 333
347
พระแสงจันทร์ ฐติ สาโร และพระมหามติ ร ฐติ ปญฺโญ 348
Phra Saengjun Thitasarro and Phramaha Mitra Thitapanyo 359
พุทธปรชั ญาในการด�ำเนินธุรกิจแบบยั่งยืน 360
Buddhist Philosophy in Sustainable Business Practices
ธญั ญพทั ธ์ สวนดง และจรัส ลีกา
Thanyaphat Suandong and Jaras Leeka
ภาคผนวก
กระบวนการพิจารณาบทความของวารสารวิชาการธรรมทรรศน์
ค�ำแนะนำ� สำ� หรับผู้นพิ นธ์บทความ
หนงั สอื ขอเสนอบทความเพือ่ ลงตพี ิมพใ์ นวารสารวชิ าการธรรมทรรศน์
ใบสมคั รเปน็ สมาชิกวารสารวิชาการธรรมทรรศน์
การพัฒนาคุณภาพมนุษยต์ ามหลักศลี 5*
Human Quality Development According to the Five Precepts
พระมหาโยธิน โยธโิ ก, พระวฒั นา ญาณวโร และกาญจนพงษ์ สุวรรณ
Phramaha Yothin Yodhiko, Phra Watthana ñāvaro and Kancanapong Suwan
มหาวิทยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลยั วทิ ยาเขตขอนแกน่
Mahachulalongkornrajavidyalaya University, KhonKaen Campus, Thailand
Corresponding Author, E-mail: [email protected]
บทคดั ยอ่
บทความวิจัยนี้ มวี ตั ถปุ ระสงค์ 1) เพือ่ ศกึ ษาแนวคดิ ทฤษฎี และการพฒั นาคณุ ภาพมนษุ ย์ตาม
หลกั ศลี 5 2) เพอ่ื ศกึ ษากระบวนการพฒั นาคณุ ภาพมนษุ ยข์ องชมุ ชนตน้ แบบตามหลกั ศลี 5 จงั หวดั ชยั ภมู ิ
3) เพอื่ ศกึ ษาการสรา้ งเครอื ขา่ ยการพฒั นาชมุ ชนตน้ แบบในการพฒั นาคณุ ภาพมนษุ ยต์ ามหลกั ศลี 5 จงั หวดั
ชัยภมู ิ เป็นการวจิ ัยเชงิ เอกสาร (Documentary Research) และเชงิ คณุ ภาพ (Qualitative Research)
ในภาคสนาม มผี ใู้ ห้ข้อมลู ส�ำคัญที่ใชใ้ นการวิจัย คอื หนว่ ยงานราชการ พระสงฆ์ ผนู้ ำ� ชมุ ชน และผู้มีสว่ น
เกย่ี วข้อง จำ� นวน 50 คน
ผลการวจิ ยั พบวา่ แนวคดิ ทฤษฎี และการพฒั นาคณุ ภาพมนษุ ยต์ ามหลกั ศลี 5 กค็ อื กระบวนการ
พัฒนามนุษย์อย่างเป็นระบบท้ังในด้านร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ ตามหลักเบญจศีล (ไม่โหดร้าย
ไมใ่ จอยาก ไม่มากรัก ไม่ปากชวั่ ไมม่ ัวเมา) และเบญจธรรม (เมตตากรุณา สัมมาอาชีวะ กามสัญญมะ
สจั จวาจา สมั มาสต)ิ ซง่ึ เปน็ หลกั พน้ื ฐานในการพฒั นาภาวนา 4 ดา้ น คอื กายภาวนา ศลี ภาวนา จติ ภาวนา
และปญั ญาภาวนา เพือ่ ให้บรรลุถงึ จุดหมายของชีวิต คือ ความสขุ อิสรภาพ ความดี ความงามของชวี ติ
กระบวนการพฒั นาคณุ ภาพมนษุ ยข์ องชุมชนตน้ แบบตามหลกั ศลี 5 จงั หวดั ชัยภูมิ ได้ด�ำเนินการ
ผา่ นกระบวนการทัง้ 3 ด้าน คอื 1) ด้านการพฒั นาชีวิตตามหลักศลี 5 2) รปู แบบกจิ กรรมการพัฒนาชวี ติ
ตามหลกั ศลี 5 และ 3) รปู แบบกจิ กรรมสง่ เสรมิ งานของหนว่ ยอบรมประชาชนประจำ� ตำ� บล โดยใชเ้ ครอื ขา่ ย
หมู่บ้านรักษาศีล 5 งานบุญงานเหล้า งานเศร้า ปลอดหล้า ปลอดอบายมุข หมู่บ้านปรัชญาเศรษฐกิจ
พอเพียง หมู่บ้านชุมชนคุณธรรม ลานบุญลานธรรมวิถีไทย มีผลลัพธ์ท่ีเป็นรูปธรรมในระดับองค์กร คือ
องคก์ รของรฐั ไดร้ ว่ มกันจดั ทำ� แผนงาน โครงการ และกิจกรรมทางศาสนาทย่ี กระดบั สง่ เสริมคุณภาพชีวติ
ของมนษุ ย์ผา่ นชมุ ชนดว้ ยกระบวนการดังกลา่ วทัง้ หมดนั้น
* ไดร้ ับบทความ: 9 มกราคม 2562; แกไ้ ขบทความ: 7 มนี าคม 2562; ตอบรับตีพิมพ์: 14 มีนาคม 2562
Received: January 9, 2019; Revised: March 7, 2019; Accepted: March 14, 2019
2 Dhammathas Academic Journal Vol. 19 No. 1 (January - March 2019)
การสร้างเครือข่ายการพัฒนาชุมชนต้นแบบในการพัฒนาคุณภาพมนุษย์ตามหลักศีล 5 จังหวัด
ชัยภูมิ มีรูปแบบกิจกรรมและโครงการต่างๆ ทั้งภาครัฐและคณะสงฆ์ ได้มีส่วนส�ำคัญในการสร้างความ
รว่ มมอื ความเขา้ ใจ และพฒั นาแนวคิดของชุมชน เพอ่ื ส่งเสริมความเขา้ ใจให้ชุมชนตระหนักถงึ อัตลักษณ์
และสร้างความภูมิใจในชุมชนและคุณค่าของชีวิตมนุษย์ โดยการจัดกิจกรรมทางศาสนา เป็นการเรียนรู้
กระบวนการสร้างเครือข่ายการท�ำงานเพื่อน�ำไปสู่การขับเคล่ือนอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งในมิติของการอยู่
รว่ มกนั มกี ารประสานงานหลกั เพอ่ื แกป้ ญั หาและนำ� มา ซงึ่ ความตอ่ เนอื่ งและยง่ั ยนื ของกจิ กรรมมผี ลลพั ธ์
ทเ่ี กดิ ขนึ้ ในระดบั ประชาชน คอื ประชาชนมคี วามรว่ มมอื ในการจดั กจิ กรรมทางศาสนาและกจิ กรรมชมุ ชน
ท่ีสัมพันธ์กับวิถีชีวิตในครอบครัว ได้มีส่วนส�ำคัญในการน�ำเด็กและเยาวชนได้สร้างแรงจูงใจในการสร้าง
เครอื ขา่ ยได้งา่ ยและรวดเร็วยงิ่ ขึน้
คำ� สำ� คญั : การพฒั นา; ศลี 5
Abstract
The objectives of this research were: 1) to study the concepts, theories and
development of human quality according to the five precepts (pañca sīla); 2) to study the
process of the human quality development in the prototype community according to the
five precepts in Chaiyaphum province; 3) to study the network creation of the prototype
community development to improve the human quality according to the five precepts in
Chaiyaphum province. This study employed the documentary and qualitative research
methodologies together with the fieldwork study. The key informants of this research
included 50 of governmental officers, monks, community leaders and relevant persons.
The research results revealed that: the concepts, theories and development
of human quality according to the five precepts are the systematic process of human
development in physical, mental and intellectual aspects according the principles of the
five precepts (not cruel, not desire, not too much love, not to have bad mouth, not
intoxicated) and the five dhammas (pañca-dhammas) (loving kindness, right livelihood,
sexual tranquilization, vocal truth, right consciousness). This is the basic principles to
create the four development (bhāvanā): physical development (kāya-bhāvanā), moral
development (sīla-bhāvanā), emotional development (citta-bhāvanā) and intellectual
development (paññā-bhāvanā) to achieve the ultimate goals of life: happiness, freedom,
ปที ี่ 19 ฉบับที่ 1 (มกราคม - มีนาคม 2562) วารสารวชิ าการธรรมทรรศน์ 3
goodness and beauty of life.
The process of the development of human quality of the prototype community
according to the five precepts in Chaiyaphum province was carried out in three
dimensions: 1) living in accordance with the five precepts; 2) the model for organizing
the activities of life development according to the five precepts; 3) the model of the
activities to promote works of the sub-district public training unit by the projects such as
the five precepts observation villages, no alcohol in meritorious events, grief events
without alcohol and vices, sufficiency economic villages, moral community villages and
Thai meritorious and dhamma fields. The outcomes of these activities become tangible
in the organizational level when the governmental agencies joined to plan the projects
and organize the religious activities to upgrade the quality of life of human in the
community through the aforesaid process.
The network creation of the prototype community development to improve the
human quality according to the five precepts in Chaiyaphum province is the model of
activity and project management of the government and Sangha sectors to create the
collaboration, understanding and development of community perception, supporting
them to realize their identity and be proud of their community and value of human life
by organizing the religious activities as the learning process to create the working network
leading to the tangible driven force in the dimensions of coexistence and cooperation
to solve the problems with continuity and stainability. The outcome in the public level
is that the public gave their collaboration to organize the religious activities and
community activities related to their family living with essential motivation to children
and youth to join the network.
Keywords: Development; The Five Precepts
1. บทนำ� สว่ นใหญย่ อมรบั หลกั ธรรมในพระพทุ ธศาสนาเปน็
แนวทางด�ำเนินชีวิต พิธีกรรม ค�ำสอน และการ
พระพทุ ธศาสนาเปน็ สถาบนั ทางสงั คมทมี่ ี ปฏิบัติตามแนวค�ำสอนในพระพุทธศาสนาบาง
อทิ ธพิ ลอยา่ งมากตอ่ ชวี ติ จติ ใจของคนไทยและเปน็ อย่างได้กลายเปน็ ขนบธรรมเนียม วฒั นธรรม และ
พื้นฐานท่ีส�ำคัญอย่างยิ่งท่ีจะก�ำหนดวิถีชีวิตของ ประเพณีของคนไทยสืบต่อกันมาเป็นระยะเวลา
คนในสังคมไทยให้มีความสะอาดบริสุทธ์ิ ชาวไทย
4 Dhammathas Academic Journal Vol. 19 No. 1 (January - March 2019)
ยาวนาน แตใ่ นชว่ งสองทศวรรษทผ่ี า่ นมาสงั คมไทย เร่ืองโจรทง้ั หลายไว้ (Department of Fine Arts,
ถูกกระแสโลกาภิวัตน์แผ่เข้าปกคลุมอย่างรวดเร็ว 1978 : 433)
ซ่ึงกระแสโลกาภิวัตน์ได้พัดพาเอาท้ังสิ่งที่เป็น โครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 ได้เป็นส่วน
คุณค่าและปฏิกูลมาสู่สังคมไทย ในปัจจุบันสังคม หนึ่งของการปฏิรูปและเสริมสร้างความสุขของ
ไทยก็มีปัญหาต่างๆ เกิดข้ึนมาตลอดเช่น ปัญหา บุคคลและสงั คมไทยอยา่ งย่ังยืน โดยกระบวนการ
อาชญากรรม ปัญหาการก่อความไม่สงบ เป็นต้น ดำ� เนนิ โครงการจะเนน้ การบรู ณาการความรว่ มมอื
มกี ารเบยี ดเบียนแบบใหม่เกดิ ข้นึ มากมาย ซึ่งนอก ท้ังองค์กรทางพระพุทธศาสนา หน่วยงานภาครัฐ
เหนือจากการเบียดเบียนระหว่างบุคคลต่อบุคคล ส่วนท้องถ่ินและภาคประชาชน ซ่ึงรับผิดชอบ
อยา่ งซึ่งๆ หนา้ หรือชดั เจน แตเ่ ป็นการเบียดเบยี น โดย 3 หน่วยงานหลัก ได้แก่ มหาเถรสมาคม
ท่ีเกิดข้ึนโดยผ่านตัวกลาง เช่น สื่ออิเล็กทรอนิกส์ กระทรวงมหาดไทย และสำ� นกั งานพระพทุ ธศาสนา
กลไกทางเศรษฐกิจ ระบบการตลาดและสถาบัน แห่งชาติ โดยมจี �ำนวนสมาชกิ ทั่วประเทศไทยแบ่ง
ในสงั คม (Phra Paisan Visalo, 1993 : 632) เป็น 1) สมาชกิ ศีล 5 ระดบั 1 จำ� นวน 1,076,365
ยุทธศาสตร์ที่ส�ำคัญของการพัฒนา คน 2) สมาชกิ ศลี 5 ระดบั 2 จ�ำนวน 29,010 คน
จึงมุ่งไปที่การปรับโครงสร้างรากฐานของสังคมให้ หมู่บ้านท่ีเข้าร่วมโครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5
แข็งแรงเข้มแข็งข้ึน และประการท่ีส�ำคัญประการ ตอ้ งปฏบิ ตั ติ ามหลกั ศลี 5 อยา่ งเครง่ ครดั ตามนยิ าม
หน่ึงในวัตถุประสงค์นั้น ก็คือการพัฒนาศักยภาพ ท่ีระบุไว้ค�ำว่า “รักษาศีล” หมายถึง การควบคุม
ข อ ง ค น ใ น สั ง ค ม ท า ง ด ้ า น จิ ต ใ จ ใ ห ้ เ ป ็ น ค น ดี รกั ษากาย วาจาของตนไวใ้ หบ้ รสิ ทุ ธห์ิ รอื สงบ ควบคมุ
มคี ณุ ธรรม รวมไปถงึ การกำ� หนดกฎเกณฑ์ ระเบยี บ โทสะ ความโหดร้าย หยาบคายทางกาย วาจา
ข้อบังคับ เพื่อควบคุมประชากรในสังคม ไม่ให้ รักษาตนไว้ไมใ่ ห้เสยี หาย โดยมีศีล 5 เป็นหลกั ใน
เบียดเบียนกันและกัน เพื่อความสงบสุขในสังคม การปฏิบัติ ดังข้อความรณรงค์จากส�ำนักงาน
ไทยโดยรวม ศลี 5 เปน็ หลกั ปฏบิ ตั ทิ มี่ มี าแตโ่ บราณ พระพุทธศาสนาแห่งชาติว่า “ให้วัด สถานศึกษา
เป็นหลักปฏิบัติสากลของผู้ปรารถนาความสงบ หน่วยงานอ่ืนๆ รณรงค์ให้ประชาชนรักษาศีล 5
และถูกเชื่อมโยงต่อเข้ากับวิถีชีวิตของคนไทยมา โดยมีข้อความ ดังนี้ 1) ไม่มุ่งร้ายท�ำลายผู้อื่น
เปน็ เวลาชา้ นานแลว้ และมอี ทิ ธพิ ลตอ่ กระบวนการ 2) ไม่ทุจริตคิดโกง 3) ไม่ประพฤติผิดในกาม
ควบคุมทางสังคมมาตั้งแต่อดีต เช่น ในกฎหมาย 4) ไม่หลอกลวงกล่าวเท็จ และ 5) ไม่เก่ียวข้อง
ของอยุธยาบางฉบับ คือ พระไอยการลักขณโจร สง่ิ เสพตดิ ใหโ้ ทษ” (National Office of Buddhism,
ซ่ึงตราขึ้นแต่รัชกาลแรกของอาณาจักรอยุธยา 2014 : 55) ท้งั น้ี เพื่อความรูค้ วามเขา้ ใจทเ่ี ป็นไป
ความในบทแรกของพระไอยการลักขณโจร ในทิศทางเดียวกันทั้งหมด ขณะที่เครือข่ายการ
มีลักษณะคล้ายบทเทศนาธรรมแก่ขุนนางผู้ใหญ่ ทำ� งานของพระสงฆ์นักพฒั นาสังคมไทย จะพบว่า
ท่ีมีอ�ำนาจหน้าท่ีเกี่ยวกับการพิจารณาคดีความ เครือข่ายการท�ำงานของพระสงฆ์ท่ีมีความตื่นตัว
ปีท่ี 19 ฉบับท่ี 1 (มกราคม - มนี าคม 2562) วารสารวชิ าการธรรมทรรศน์ 5
และมุ่งเน้นการเป็นกลไกสร้างการพัฒนาอย่าง จริยธรรมใหบ้ ุคคลได้เปน็ ตวั อยา่ งและแบบอยา่ งท่ี
ย่ังยืนในสังคมไทยน้ัน จะประกอบด้วยกลุ่ม ดีในชุมชน และผลจากการสร้างเครือข่ายชุมชน
พระสังฆาธิการที่เน้นงานเผยแผ่ และการพัฒนา ตน้ แบบจะทำ� ใหก้ จิ กรรมทส่ี รา้ งสรรคแ์ ละตวั อยา่ ง
ท้องถ่ิน กลุ่มพระสงฆ์ นักพัฒนาที่มุ่งเน้นงาน ทด่ี จี ะสอื่ ไปในทางทดี่ ี อนั จะเปน็ เหตใุ หค้ นในสงั คม
สขุ ภาพ การลดปัจจัยเสี่ยงในสังคม กลุ่มพระสงฆ์ ไดต้ ระหนักในคุณคา่ ของศีล 5 และนำ� ไปประพฤติ
นักพัฒนาที่มุ่งเน้นงานด้านอนุรักษ์ภูมิปัญญา ปฏิบัติต่อตนและบุคคลอื่น พัฒนาคนในสังคมให้
ท้องถิ่น ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม สร้างจิตส�ำนึกในด้านความรับผิดชอบ สังคมอยู่
กลุ่มพระสงฆ์นักพัฒนาที่มุ่งเน้นด้านเศรษฐกิจ ร่วมกันอยา่ งมีความสขุ ตอ่ ไป
พอเพียงและสัจจะออมทรัพย์ กลุ่มพระสงฆ์
นกั พฒั นาทม่ี งุ่ เนน้ ดา้ นการศกึ ษาและกลมุ่ พระสงฆ์ 2. วัตถปุ ระสงคข์ องการวจิ ัย
นกั พฒั นาทมี่ งุ่ เนน้ ดา้ นสวสั ดกิ ารสงั คม (Panyachit,
2014 : 40) 1. เพื่อศึกษาแนวคิด ทฤษฎี และการ
จากประเด็นดังกล่าว พระสงฆ์สามารถ พฒั นาคุณภาพมนุษยต์ ามหลกั ศลี 5
ด�ำเนินการพัฒนาบุคคลและสังคมให้เกิดการเรียน 2. เพอื่ ศกึ ษากระบวนการพฒั นาคณุ ภาพ
รู้ตามหลักพุทธธรรม เป็นส่วนหน่ึงในการพัฒนา มนษุ ยข์ องชมุ ชนตน้ แบบตามหลกั ศลี 5 จงั หวดั ชยั ภมู ิ
คุณภาพชีวิตประชาชนเพ่ือให้เกิดสุขภาวะท่ีดีคือ 3. เพื่อศึกษาการสร้างเครือข่ายการ
การพัฒนาด้านกาย จิตใจ ปัญญา สังคมและ พัฒนาชุมชนต้นแบบในการพัฒนาคุณภาพมนุษย์
สามารถน�ำไปสู่การเปล่ียนแปลงทางสังคมและ ตามหลกั ศีล 5 จังหวัดชยั ภูมิ
วัฒนธรรมได้การพัฒนาที่ยั่งยืนต้องมีระบบการ
พัฒนาคนเต็มทั้งระบบ ทั้งพฤติกรรม จิตใจและ 3. วธิ ีด�ำเนินการวิจยั
ปญั ญา ตอ้ งพฒั นาพรอ้ มกนั ทง้ั 3 ด้าน ให้มคี วาม
สมั พันธอ์ งิ อาศยั เปน็ ปัจจยั ส่งผลตอ่ กัน ไปดว้ ยกัน การศึกษาวิจัยเร่ืองการพัฒนาคุณภาพ
ด้วยการศกึ ษาแบบไตรสิกขาคือ ศีล สมาธิ ปัญญา มนุษย์ตามหลักศีล 5 ใช้การวิจัยที่ประกอบด้วย
ซงึ่ การศกึ ษาทถี่ กู ตอ้ งจะทำ� ใหค้ นพฒั นาขน้ึ จนไมม่ ี การวจิ ยั เชิงเอกสาร (Documentary Research)
ความประมาท เปน็ อยู่ไดด้ ้วยสติปญั ญา และการวจิ ยั เชงิ คณุ ภาพ (Qualitative Research)
การวจิ ยั เรอื่ ง พฒั นาคณุ ภาพชวี ติ ตามหลกั โดยวธิ ีการศกึ ษา ดงั น้ี
ศีล 5 เป็นการวิจัยหลักจริยธรรมขั้นพื้นฐานท่ี 1. การศกึ ษาเชงิ เอกสาร (Documentary
ส�ำคัญทสี่ ดุ ของมนุษย์ ซึง่ จะใช้เป็นแนวทางในการ Research) ทำ� การศกึ ษาและรวบรวมขอ้ มลู เพอื่ ให้
พัฒนาเครือข่ายการขยายผลการพัฒนาคุณภาพ ทราบถึงประเด็นของการศึกษาในรายละเอียดที่
ชวี ติ ตามหลกั ศลี 5 นำ� ไปสกู่ ารปลกู ฝงั คณุ ธรรมและ สำ� คญั และมคี วามครอบคลมุ ในเนอ้ื หาสาระสำ� คญั
ท่ีศึกษาอย่างครบถ้วน โดยศึกษาแนวคิด ทฤษฏี
เอกสาร ต�ำรา งานวิจัยท่ีเก่ียวข้องตามช่ือเรื่อง
6 Dhammathas Academic Journal Vol. 19 No. 1 (January - March 2019)
วตั ถปุ ระสงค์ และกรอบแนวคดิ ในการวจิ ยั เรอ่ื งการ การพัฒนา การประยุกต์องค์ความรู้ ออกมา
พฒั นาคณุ ภาพมนษุ ยต์ ามหลกั ศลี 5 จากพระไตรปฎิ ก เป็นการสร้างเครือข่ายการพัฒนาชุมชนต้นแบบ
อรรถกถา และคัมภีร์พระพุทธศาสนาที่เก่ียวข้อง ในการพัฒนาคณุ ภาพมนษุ ยต์ ามหลกั ศีล 5 ในมติ ิ
และส�ำรวจสถานการณ์ปัจจุบัน แล้วสรุปผลการ ตา่ งๆ ทงั้ นี้ เนน้ การนำ� ผลการศกึ ษาวจิ ยั มาเผยแพร่
ศกึ ษาทแ่ี สดงใหเ้ หน็ ถงึ แนวคดิ หลกั การ ความเปน็ มา ให้สาธารณชนไดร้ ับทราบ
รูปแบบการพัฒนาคณุ ภาพมนุษยต์ ามหลกั ศีล 5 3. วิเคราะห์รูปแบบารสร้างเครือข่าย
2. การศกึ ษาในภาคสนาม (Field Study) การพัฒนาชุมชนต้นแบบในการพัฒนาคุณภาพ
เพอ่ื ใหท้ ราบกระบวนการพฒั นาคณุ ภาพมนษุ ยข์ อง มนุษย์ตามหลักศีล 5 โดยเน้นให้สามารถใช้เป็น
ชมุ ชนตน้ แบบตามหลกั ศลี 5 จงั หวดั ชยั ภมู ิ แลว้ นำ� เกณฑ์ท่ีสามารถน�ำไปสู่การศึกษาเพ่ือแก้ไขปัญหา
มาวเิ คราะหจ์ ากพนื้ ทที่ เี่ ปน็ กรณศี กึ ษา โดยมขี นั้ ตอน ด้านตา่ งๆ ได้
การศึกษาคน้ ควา้ ดงั นี้ 1) ศกึ ษาและคดั เลือกกลุ่ม 4. สรุปผลการศกึ ษาและข้อเสนอแนะ
ประชากร (Population) ท่ีใช้ในการวิจัย ได้แก่ ขอบเขตการวิจยั ผ้วู จิ ัยได้ศึกษาดงั น้ี
คัดเลอื กพืน้ ทก่ี ารวิจัยจังหวดั ชยั ภมู ิ จากเครือข่าย 1. ดา้ นเอกสาร ผวู้ จิ ยั มงุ่ เนน้ ศกึ ษาคมั ภรี ์
ชมุ ชนต้นแบบหมู่บ้านศลี 5 จำ� นวน 4 แห่งเลือก และตำ� ราทางพระพทุ ธศาสนาทเี่ กยี่ วกบั การพฒั นา
แบบเฉพาะเจาะจง (Purposive Selection) ตาม คณุ ภาพมนษุ ยต์ ามหลกั ศลี 5 จากคมั ภรี พ์ ระไตรปฎิ ก
คุณสมบัติประชากร ซ่ึงจะท�ำให้ได้ข้อมูลเชิงลึก อรรถกถา ตลอดถึงเอกสารทางวิชาการ หนังสือ
(In-Depth) มีรายละเอียดพอท่ีจะน�ำมาวิเคราะห์ ตำ� รา และเอกสารงานวิจัยทเี่ ก่ียวขอ้ ง
แบบอปุ นยั (Induction) เพอ่ื นำ� มาใชเ้ ปน็ แนวทาง 2. ด้านเนื้อหา ผู้วิจัยแบ่งขอบเขตด้าน
ในการสร้างแบบสัมภาษณ์ และแบบสนทนากลุ่ม เน้อื หา ออกเป็น 2 ประเด็น คือ แนวคดิ ทฤษฎี
2) ศึกษาและรวบรวมข้อมูลจากการสัมภาษณ์ และการพัฒนาคุณภาพมนุษย์ตามหลักศีล 5
การประชมุ กลมุ่ ยอ่ ย ผทู้ เี่ กย่ี วขอ้ งกบั เครอื ขา่ ย คอื กระบวนการพัฒนาคุณภาพมนุษย์ของชุมชน
พระสงฆ์ หน่วยงานราชการ และชมุ ชนทเ่ี กี่ยวขอ้ ง ตน้ แบบตามหลกั ศลี 5 และการสรา้ งเครอื ขา่ ยการ
3) วิเคราะห์การสร้างเครือข่ายการพัฒนาชุมชน พัฒนาชุมชนต้นแบบในการพัฒนาคุณภาพมนุษย์
ตน้ แบบในการพฒั นาคณุ ภาพมนษุ ยต์ ามหลกั ศลี 5 ตามหลกั ศีล 5 จงั หวัดชัยภูมิ
จงั หวดั ชยั ภมู ิ ออกมาเปน็ รปู แบบารสรา้ งเครอื ขา่ ย 3. ด้านพ้ืนที่ ผู้วิจัยได้เลือกพื้นท่ีศึกษา
การพัฒนาชุมชนต้นแบบในการพัฒนาคุณภาพ วิจัย คือ จงั หวดั ชยั ภมู ิ โดยมีเกณฑ์ในการคดั เลือก
มนุษย์ตามหลักศีล 5 และ 4) สรุปและน�ำเสนอ ดังนี้ 1) เป็นชุมชนท่ีได้รับการคัดเลือกให้เป็น
ผลการศึกษาที่ได้ทั้งจากการศึกษาในเชิงเอกสาร หมู่บ้านรักษาศีล 5 ซ่ึงได้รับการยอมรับให้เป็น
และภาคสนาม โดยน�ำมาวิเคราะห์ตามประเด็นท่ี ชมุ ชนตน้ แบบใน 3 ดา้ น คือ ด้านการพฒั นาชวี ิต
ส�ำคัญ คอื แนวคิด รปู แบบ การจดั การ แนวทาง ตามหลกั ศลี 5 รปู แบบกจิ กรรมการพฒั นาชวี ติ ตาม
ปที ี่ 19 ฉบบั ท่ี 1 (มกราคม - มีนาคม 2562) วารสารวชิ าการธรรมทรรศน์ 7
หลักศีล 5 และรูปแบบกิจกรรมส่งเสริมงานของ ใช้การพรรณนาวิเคราะห์เนื้อหาจากการตีความ
หนว่ ยอบรมประชาชนประจำ� ตำ� บลดา้ นใดดา้ นหนงึ่ สังเคราะห์ เชื่อมโยงหาข้อสรุปเพื่ออธิบาย
2) เปน็ ชมุ ชนทมี่ กี จิ กรรมในการสง่ เสรมิ และพฒั นา ปรากฏการณอ์ ยา่ งลกึ ซงึ้ และเสนอแนะทงั้ วชิ าการ
คุณภาพมนุษย์ท่ีเป็นรูปธรรมและมีความร่วมมือ และการวิจัยในอนาคตได้เป็นอย่างดี
ระหว่างชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน
และ 3) เป็นชุมชนที่หน่วยงานราชการ พระสงฆ์ 4. สรปุ ผลการวจิ ัย
ผู้น�ำชุมชน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องให้ความร่วมมือ
ในการลงพน้ื ทท่ี �ำการวิจยั การวิจัยเรื่องการพัฒนาคุณภาพมนุษย์
4. ด้านประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ตามหลกั ศลี 5 มขี อ้ สรปุ ผลการวจิ ยั เรยี งตามลำ� ดบั
มีหลักเกณฑ์ในการเลือกพื้นที่ศึกษาเก่ียวข้องกับ วัตถุประสงค์ดังกล่าว ดังน้ี
เครอื ขา่ ย ซงึ่ เปน็ หนว่ ยงานของรฐั พระสงฆ์ ชมุ ชน แนวคิด ทฤษฎี และการพัฒนาคุณภาพ
และเครือข่ายแบบผสมผสาน ใช้วิธีการเลือกกลุ่ม มนุษย์ตามหลักศีล 5 ก็คือกระบวนการพัฒนา
ตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive Sampling) บคุ คลอยา่ งเปน็ ระบบและเตม็ ไปดว้ ยวตั ถปุ ระสงค์
น�ำไปสู่การได้มาซ่ึงองค์ความรู้เก่ียวกับองค์กร ในดา้ นรา่ งกาย จติ ใจ จติ วญิ ญาณตามหลกั เบญจศลี
เครอื ข่ายภาคประชาชน ท่ีสามารถใช้เปน็ แนวทาง (ไม่โหดร้าย ไม่ใจอยาก ไม่มากรัก ไม่ปากช่ัว
ในการบริหารจัดการองค์กรเครือข่ายได้อย่างเป็น ไม่มัวเมา) และเบญจธรรม (เมตตากรุณา สัมมา
ข้ันตอน โดยมผี ูใ้ หข้ อ้ มูลส�ำคัญ (Key Informant) อาชวี ะ กามสญั ญมะ สจั จวาจา สัมมาสต)ิ มิตขิ อง
ในการวิจัยแบบเชิงลึก มุ่งเน้นการสัมภาษณ์และ ศีล 5 เป็นกรอบมาตรฐานและตัวช้ีวัดความเป็น
ประชุมกลมุ่ ย่อย (Discussion) ร่วมกบั หนว่ ยงาน มนุษย์ท่ีสมบูรณ์ มิติของการพิจารณาคุณค่าหลัก
ของรัฐ เครือข่ายพระสงฆ์ เพื่อให้เห็นแนวคิด ประกันความมั่นคงของชีวิตหลักประกันความ
รปู แบบ การจดั การ แนวทางการพฒั นา การประยกุ ต์ มน่ั คงและความปลอดภยั ในทรพั ยส์ นิ หลกั ประกนั
องค์ความรู้ในมิตติ า่ งๆ ใหช้ ัดเจน ความมั่นคงทางเพศ และสถาบันครอบครัว
การวิจัยเรื่อง การพัฒนาคุณภาพมนุษย์ หลักประกันความมั่นคงในการอยู่ร่วมกันและสิทธิ
ตามหลักศีล 5 มีระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ ในการรบั รขู้ อ้ มลู ขา่ วสาร และมติ ขิ องการพจิ ารณา
เก็บรวบรวมข้อมูลโดยวิธีการสัมภาษณ์แบบเจาะ คณุ คา่ ความมน่ั คงดา้ นสขุ ภาพ ซง่ึ เปน็ หลกั พน้ื ฐาน
ลึก (In-depth Interview) ผู้ให้ข้อมูลที่ส�ำคัญ ในการพัฒนาภาวนา 4 คือ กายภาวนา ศีลภาวนา
(Key informant Interview) โดยใชแ้ บบสมั ภาษณ์ จิตภาวนา และปัญญาภาวนา เพื่อให้บรรลุถึง
เป็นเครือ่ งมอื ในการเก็บรวบรวมขอ้ มลู และอาศัย จุดหมายของชีวิตคือ ความสุข อิสรภาพ ความดี
การสงั เกตการณ์ (Observation) ทง้ั แบบมสี ว่ นรว่ ม ความงามของชวี ิต
และแบบไม่มีส่วนร่วมควบคู่ การวิเคราะห์ข้อมูล กระบวนการพัฒนาคุณภาพมนุษย์ของ
ชุมชนต้นแบบตามหลักศีล 5 จังหวัดชัยภูมิได้
8 Dhammathas Academic Journal Vol. 19 No. 1 (January - March 2019)
ดำ� เนนิ การผา่ นกระบวนการทง้ั 3 ดา้ น คอื 1) ดา้ น จึงจ�ำเป็นต้องพิจารณาอย่างแยบยล ละเอียดและ
การพัฒนาชีวิตตามหลักศีล 5 2) รปู แบบกจิ กรรม แยบคายตามหลกั โยนโิ สมนสกิ ารและอาศยั วธิ กี าร
การพัฒนาชีวิตตามหลักศีล 5 และ 3) รูปแบบ คดิ แบบไตรภาคี ไดแ้ ก่ วธิ กี ารและกระบวนการทมี่ ี
กิจกรรมส่งเสริมงานของหน่วยอบรมประชาชน พระธรรมวนิ ยั เปน็ แมแ่ บบในการจดั ระเบยี บใหเ้ ปน็
ประจ�ำต�ำบล โดยใช้เครือข่ายหมู่บ้านรักษาศีล 5 ระบบเพื่อเป็นการยงั ประโยชนต์ ่อการด�ำรงชีวติ
งานบญุ งานเหลา้ งานเศรา้ ปลอดหลา้ ปลอดอบายมขุ การสร้างเครือข่ายการพัฒนาชุมชน
หมู่บ้านปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง หมู่บ้านชุมชน ตน้ แบบในการพฒั นาคณุ ภาพมนษุ ยต์ ามหลกั ศลี 5
คุณธรรม ลานบุญลานธรรมวิถีไทย เป็นต้น จังหวัดชัยภูมิ 1) มีการจัดอบรมให้ความรู้เร่ือง
มผี ลลพั ธท์ เี่ ปน็ รปู ธรรมในระดบั องคก์ ร คอื องคก์ ร การเสริมสร้างสุขภาวะและการเรียนรู้ของสังคม
ของรัฐได้ร่วมกันจัดท�ำแผนงานและโครงการ ตามแนวพระพุทธศาสนาแก่พระภิกษุแกนน�ำและ
กจิ กรรมทางศาสนาทย่ี กระดบั งานสง่ เสรมิ คณุ ภาพ เครือข่ายเยาวชนแกนน�ำที่ท�ำหน้าที่ร่วมกับ
ชีวิตของมนุษย์ผ่านชุมชนด้วยกระบวนการทั้ง 3 พระธรรมทูตอาสาทุกคน เพ่ือพัฒนาความรู้และ
ให้เกิดการร่วมมือร่วมใจในการด�ำเนินงานท้ังฝ่าย เขา้ ใจทถ่ี กู ตอ้ งอนั จะนำ� ไปสกู่ ารเขา้ รว่ มพฒั นาและ
บรรพชติ และฆราวาส เช่น พระสงฆ์ และสามเณร ปฏิบัติตนในการสร้างเสริมสุขภาวะที่ดีของตนเอง
อุบาสก อบุ าสกิ า อาสาสมัครในชุมชน เจา้ หนา้ ที่ ครอบครัว ชุมชน และสังคม 2) มีการจัดให้มี
ผู้เก่ียวข้องท้ังภาครัฐและเอกชน องค์การบริหาร กิจกรรมเย่ียมพระพบปะที่มีความหลากหลาย
ส่วนท้องถ่ิน ศรัทธาประชาชนที่เสื่อมใสพระพุทธ เพอ่ื การพัฒนาและเสริมสร้างสุขภาวะท่ดี แี ละการ
ศาสนา โดยการจัดการแบบมสี ่วนรว่ ม คอื ร่วมคดิ เรียนรู้ของสังคมตามแนวพระพุทธศาสนา เช่น
ร่วมวางแผน ร่วมปฏิบัติการ ร่วมประเมินผล การแนะน�ำเรื่องราวเกี่ยวกับสุขภาวะท้ังทางด้าน
เพื่อความย่ังยืนของการขับเคลื่อนหมู่บ้านรักษา ร่างกาย อารมณ์สังคม จิตใจ และสติปัญญา
ศีล 5 นนั้ ปจั จัยทีส่ ำ� คญั คือ การม่งุ เนน้ การสรา้ ง 3) สนับสนุนงบประมาณหรืออุปกรณ์ท่ีเกี่ยวข้อง
จติ ใต้สำ� นึกทถี่ ูกตอ้ งในการกิน การฉนั การบรโิ ภค และจ�ำเป็นในการเสริมสร้างสุขภาวะการเรียนรู้
ก า ร เ ส พ ท่ี ถู ก ต ้ อ ง ยั ง ป ร ะ โ ย ช น ์ แ ก ่ ต น เ อ ง ของสังคมตามแนวพระพุทธศาสนา ผ่านกิจกรรม
ไม่เบียดเบียน ผู้อ่ืน และสิ่งแวดล้อม โดยการ หลักเยี่ยมพระพบปะโยมตามโครงการท่ีมีความ
สอดแทรกหลกั พทุ ธธรรมทแี่ นวทางการปฏบิ ตั ติ าม หลากหลายตามบริบทพื้นท่ี ด้วยรูปแบบกิจกรรม
หลักพระธรรมวินัยของพระสงฆ์และแนวทางการ และโครงการต่างๆ ของภาครัฐและคณะสงฆ์ได้มี
ประพฤติให้เข้าถึงสัจธรรมของฆราวาส จะอยู่ใน ส่วนส�ำคัญในการสร้างความร่วมมือ ความเข้าใจ
สถานะบรรพชติ หรอื คฤหสั ถส์ งิ่ ทสี่ ำ� คญั คอื การเปน็ และพัฒนาแนวคิดของชุมชน เพื่อส่งเสริมความ
กลั ยาณมติ รทเี่ กอื้ กลู ตอ่ กนั กระบวนการเสรมิ สรา้ ง เข้าใจให้ชุมชนตระหนักถึงอัตลักษณ์ และสร้าง
สุขภาวะและการเรียนรู้ตามแนวพระพุทธศาสนา ความภูมิใจในชุมชนและคุณค่าของชีวิตมนุษย์
ปีที่ 19 ฉบับที่ 1 (มกราคม - มนี าคม 2562) วารสารวชิ าการธรรมทรรศน์ 9
โดยการจัดกิจกรรมทางศาสนา เป็นการเรียนรู้ 5. ข้อเสนอแนะ
กระบวนการสรา้ งเครอื ขา่ ยการทำ� งาน เพอ่ื นำ� ไปสู่
การขับเคล่อื นอย่างเป็นรปู ธรรม ท้งั ในมิตขิ องการ 1. ข้อเสนอแนะดา้ นนโยบาย
อยู่ร่วมกัน ซ่ึงจะต้องมีการประสานงานหลักเพื่อ 1.1 สำ� นกั งานพระพทุ ธศาสนาแหง่ ชาติ
แกป้ ญั หาและนำ� มาซง่ึ ความตอ่ เนอ่ื งและยง่ั ยนื ของ กรมการศาสนา และคณะสงฆ์ ควรจัดท�ำรายงาน
กิจกรรม มีผลลพั ธ์ท่เี กดิ ขน้ึ ในระดับประชาชน คือ ความกา้ วหนา้ ความสำ� เรจ็ ของโครงการ เพ่อื ก�ำกับ
ประชาชนมีความร่วมมือในการจัดกิจกรรมทาง ตดิ ตามผลการดำ� เนนิ งานอย่างตอ่ เนื่อง
ศาสนาและกิจกรรมชุมชนท่ีสัมพันธ์กับวิถีชีวิต 1.2 การขับเคลื่อนเครือข่ายชุมชน
ในครอบครัว ได้มีส่วนส�ำคัญในการน�ำเด็กและ ตน้ แบบของจงั หวดั ชยั ภมู ิ จำ� เปน็ ทจ่ี ะตอ้ งใหพ้ ระสงฆ์
เยาวชนได้สร้างแรงจูงใจในการสร้างเครือข่าย ได้น�ำหลักพุทธธรรมมาประยุกต์ใช้อย่างเต็ม
ไดง้ า่ ยและรวดเร็วยงิ่ ขนึ้ รปู แบบในการขบั เคล่อื นงาน
กระบวนการด�ำเนินงานในการศึกษาวิจัย 2. ข้อเสนอแนะด้านบทบาทพระสงฆ์
การพฒั นาคณุ ภาพมนษุ ยต์ ามหลกั ศลี 5 ไดน้ ำ� หลกั และเครอื ขา่ ย
พทุ ธธรรมบรู ณาการกบั การขบั เคลอื่ นโครงการและ 2.1 หน่วยงานที่เก่ียวข้อง ได้แก่
กิจกรรมต่างๆ ซึ่งเกิดผลลัพธ์ต่อการยกระดับการ คณะสงฆ์จังหวัด หน่วยงานราชการ ส�ำนักงาน
ขับเคล่ือนคณะสงฆ์และภาคีเครือข่ายท้ัง 5 พระพทุ ธศาสนาจงั หวดั สำ� นกั งานวฒั นธรรมจงั หวดั
ยุทธศาสตรก์ ารพัฒนา ได้แก่ ยุทธศาสตรท์ ี่ 1 การ ชมุ ชน สถานศกึ ษา ควรรว่ มมือกนั ดำ� เนนิ โครงการ
พัฒนาเครือข่ายพระสงฆ์และนักพัฒนาชุมชน อย่างต่อเนื่อง ประสานงานและร่วมมือกันด�ำเนิน
ต้นแบบ ยุทธศาสตร์ท่ี 2 การสร้างศาสนทายาท โครงการอย่างต่อเน่ือง และเปิดโอกาสให้ทุกส่วน
และแกนน�ำเครอื ขา่ ยนกั พฒั นาชุมชน ยุทธศาสตร์ ทเี่ กย่ี วขอ้ งสามารถความคดิ เหน็ เพอื่ นำ� มาปรบั ปรงุ
ท่ี 3 การสรา้ งเครือข่ายเสริมสรา้ งการพัฒนาชมุ น พัฒนาต่อไป
และยุทธศาสตร์ท่ี 4 การวิจัยพัฒนาและติดตาม 2.2 ควรมีกิจกรรมสร้างองค์ความรู้
ประเมนิ ผล เพอื่ การเสรมิ สรา้ งและพฒั นาคณุ ภาพ และพฒั นาศกั ยภาพพระสงฆแ์ ละเครอื ขา่ ยรว่ มกนั
มนษุ ยใ์ นจงั หวดั ชยั ภมู ใิ หเ้ ขม้ แขง็ การพฒั นาชมุ ชน ในประเด็นต่างๆ ท่สี อดคลอ้ งกับการพัฒนาชมุ ชน
ต้องขจัดจุดท่ีเป็นอุปสรรคขัดต่อการปฏิบัติงาน ตน้ แบบ จะท�ำให้กระบวนการทำ� งานขับเคลื่อนไป
และเรง่ สง่ เสรมิ สว่ นทด่ี ใี หม้ ศี กั ยภาพเพมิ่ มากยงิ่ ขน้ึ อยา่ งมคี ุณภาพ
พัฒนาให้เป็นรูปแบบท่ีสมบูรณ์แก่สังคมและ 2.3 นโยบายคณะสงฆ์และภาครัฐ
ประเทศชาติ เพอ่ื ใหเ้ ปน็ พฒั นาทถี่ าวรมงั่ คงตอ่ ชวี ติ จ�ำเป็นที่จะต้องอาศัยข้อมูลเชิงลึกจากพระสงฆ์
และจติ ใจอย่างแท้จรงิ แกนน�ำและเครือข่าย เพื่อก�ำหนดทิศทางการ
ทำ� งาน และการเสรมิ สรา้ งเครอื ขา่ ยทมี่ ปี ระสทิ ธภิ าพ
10 Dhammathas Academic Journal Vol. 19 No. 1 (January - March 2019)
2.4 บทบาทพระสงฆ์และเครือข่าย 3. ข้อเสนอแนะบทบาทมหาวิทยาลัย
ไม่จ�ำเป็นต้องขับเคล่ือนชุมชนต้นแบบในประเด็น สงฆช์ ยั ภมู ิ
ใดประเด็นหน่ึง ซ่ึงสามารถที่จะมีส่วนร่วมใน 3.1 วิทยาลัยสงฆ์ชัยภูมิควรมีการ
เครอื ขา่ ยต่างๆ ถงึ การขบั เคล่ือนการพฒั นาชมุ ชน บูรณาการการเสริมสร้างเครือข่ายชุมชนต้นแบบ
เพ่ือส่งผลทางตรงและทางอ้อมต่อการเสริมสร้าง เพ่ือสนับสนุนการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
สุขภาวะจังหวดั ชัยภูมิ แต่ละสาขาวิชา ให้นิสิตได้ด�ำเนินการจัดกิจกรรม
2.5 การน�ำยุทธศาสตร์การท�ำงาน ตา่ งๆ ทเี่ ออ้ื ตอ่ การจดั ระบบการเรยี นในภาคสนาม
จากการศึกษาวิจัย สู่การต่อยอดและพัฒนา 3.2 วิทยาลัยสงฆ์ชัยภูมิควรจัดตั้ง
ตามแผนงานเพื่อขบั เคลอื่ นงานและกิจกรรมอย่าง ศูนย์การเรียนรู้ที่เป็นรูปธรรม เป็นอีกหน่วยงาน
ต่อเนื่อง หน่งึ ในการประสานงานของภาคเี ครือขา่ ยต่างๆ
References
Department of Fine Arts. (1978). Three Enacted Laws. Bangkok : Department of Fine Arts.
National Office of Buddhism. (2014). The Operation Manual Reconciliation Reconciliation
Projects using Buddhist Principle “Precepts Village 5”. Bangkok : National Office
of Buddhism.
Panyachit, S. (2014). Sangha Development: Concept Ideology Create Social Networks.
Bangkok : Mahachulalongkornrajavidyalaya University Press.
Phra Paisan Visalo. (1993). Buddhism in Future Trends and Way out of Crisis. Bangkok :
Sri Sarit Wong Foundation.
แนวทางการพฒั นาบคุ ลกิ ภาพตามหลักพระพทุ ธศาสนา
ของบคุ ลากรธนาคารเพ่ือการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร*
The Approach of Personality Development Based on
Buddhist Principles of the Personnel of Bank for Agriculture
and Agricultural Co-operatives
ปาลญา นามเข็ม, พระมหามิตร ฐติ ปญโฺ ญ1 และวิเชียร แสนม2ี
Palaya Namkhem, Phramaha Mitr Thitapanyo and Wichien Sanmee
มหาวทิ ยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น1
มหาวิทยาลยั ขอนแกน่ 2
Mahachulalongkornrajavidya University, KhonKaen Campus, Thailand
Khon Kaen University, Thailand
Corresponding Author, E-mail: [email protected]
บทคดั ย่อ
การวิจัยคร้ังนี้ มีวัตถุประสงค์ 1) เพ่ือศึกษาแนวคิด ทฤษฎี และหลักพระพุทธศาสนาเก่ียวกับ
การพฒั นาบคุ ลกิ ภาพ 2) เพ่อื ศึกษาสภาพปญั หาเกี่ยวกบั บคุ ลิกภาพของบุคลากรธนาคารเพอื่ การเกษตร
และสหกรณ์การเกษตร และ 3) เพื่อเสนอแนวทางการพัฒนาบุคลิกภาพของบุคลากรธนาคารเพื่อ
การเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ด�ำเนินการวจิ ยั เชงิ คุณภาพโดยวิธกี ารวเิ คราะห์เนอื้ หา
ผลการวจิ ัยพบวา่
1. แนวคิด ทฤษฎีและหลักพระพุทธศาสนาเกี่ยวกับการพัฒนาบุคลิกภาพมีความมุ่งหมายไป
ในทศิ ทางเดยี วกนั คอื มงุ่ เนน้ พฒั นาอปุ นสิ ยั อนั เปน็ พน้ื ฐานทสี่ ง่ ผลใหพ้ ฤตกิ รรมแสดงบคุ ลกิ ลกั ษณะภายใน
จิตใจออกมาให้ปรากฏ และมุ่งเน้นให้ด�ำเนินชีวิตโดยมีศีลและกติกาของสังคมเป็นรากฐาน เพ่ือส่งผลให้
กายและใจแสดงบคุ ลกิ ลกั ษณะท่เี ปน็ ไปในทางที่เป็นคุณ เป็นประโยชน์ตอ่ ตนเอง และตอ่ ผู้อนื่
2. สภาพปญั หาเกย่ี วกบั บคุ ลกิ ภาพของบคุ ลากรธนาคารเพอื่ การเกษตรและสหกรณก์ ารเกษตร
จ�ำแนกเป็น 2 ประเภทคอื 1) ปญั หาจากบุคลิกภาพภายนอก ได้แก่ ปญั หาด้านการแตง่ กาย ปัญหาดา้ น
การแสดงกริ ยิ าทา่ ทาง ปัญหาดา้ นการตดิ ต่อสอื่ สาร 2) ปญั หาจากบคุ ลกิ ภาพภายใน ไดแ้ ก่ ปญั หาจาก
* ได้รบั บทความ: 8 พฤษภาคม 2561; แกไ้ ขบทความ: 25 มกราคม 2562; ตอบรบั ตีพิมพ์: 14 กุมภาพนั ธ์ 2562
Received: May 8, 2018; Revised: January 25, 2019; Accepted: February 14, 2019
12 Dhammathas Academic Journal Vol. 19 No. 1 (January - March 2019)
การขาดความเอาใจใส่ ปญั หาจากความไมซ่ อ่ื สตั ย์ ปญั หาจากการไมเ่ สยี สละ ปญั หาจากความไมร่ กู้ าลเทศะ
ปญั หาจากการขาดการควบคมุ อารมณ์ ซงึ่ หากไมน่ ำ� มาพจิ ารณาแกไ้ ขปรบั ปรงุ อาจจะสง่ ผลเสยี ตอ่ ธนาคาร
ในวงกวา้ งขน้ึ จงึ จำ� เปน็ อยา่ งยง่ิ ทตี่ อ้ งไดร้ บั การพฒั นาปรบั ปรงุ เพอ่ื เปลยี่ นแปลงใหเ้ ปน็ ไปในทศิ ทางทดี่ ขี น้ึ
อยา่ งย่งั ยนื
3. แนวทางในการพฒั นาบคุ ลกิ ภาพของบคุ ลากรธนาคารเพอื่ การเกษตรและสหกรณก์ ารเกษตร
ทำ� ไดโ้ ดย 1) พฒั นาบคุ ลากรทมี่ ปี ญั หาจากบคุ ลกิ ภาพภายนอกดว้ ยหลกั กายภาวนา เพอ่ื ฝกึ ฝน ตา หู จมกู
ลิ้น และกายให้มีการสัมพันธ์กับโลกภายนอกอย่างมีคุณค่าและได้ผลดี เป็นไปในทางที่เกิดประโยชน์
ด้วยหลักศีลภาวนาเพ่ือให้บุคลากรประพฤติตนอยู่ในระเบียบขององค์กรสามารถควบคุมพฤติกรรมทาง
กายเพ่อื การอยรู่ ่วมกนั กบั ผ้อู นื่ ไดด้ โี ดยไม่เบียดเบียนกนั ใหค้ วามชว่ ยเหลอื เกอื้ กลู กนั 2) พฒั นาบุคลากร
ท่ีมีปัญหาจากบุคลิกภาพภายในด้วยหลักจิตภาวนา เพื่อฝึกฝนอบรมจิตให้เจริญงอกงาม เป็นจิตที่อุดม
ดว้ ยคณุ ธรรม มคี วามเข้มแขง็ มคี วามเบิกบาน ถงึ พรอ้ มดว้ ยความสุข เป็นจติ ทพ่ี รอ้ มต่อการงานทุกดา้ น
ดว้ ยหลกั ปญั ญาภาวนาเพอื่ ฝกึ ฝนอบรมปญั ญาใหเ้ จรญิ งอกงาม รแู้ ละเขา้ ใจโลกตามทเี่ ปน็ จรงิ สามารถนำ�
ปัญญามาใชจ้ ัดการดำ� เนินการและแกป้ ญั หาต่างๆ ใหส้ ำ� เรจ็ ผลบรรลุถึงประโยชน์สูงสดุ
คำ� สำ� คญั : แนวทางการพัฒนา; บคุ ลกิ ภาพ; หลักพระพุทธศาสนา
Abstract
The aims of this research were: 1) to study concepts, theories and principles of
Buddhist in relation to the personality development; 2) to study the problematic conditions
related to the personality development of the personnel of Bank for Agriculture and
Agricultural Co-operatives; 3) to present the approach of personality development of the
personnel of Bank for Agriculture and Agricultural Co-operatives. The content analysis
was then used to describe the data.
The research results revealed that:
1. The research results revealed that the concepts, theories and Buddhist
doctrines related to personality development have the same emphasis on behavior
development, which is the basis affecting the behaviors expressed as the personality
within the mind; lifestyle based on the precepts and social regulation. This leads to
positive physical and mental expressions, beneficial to oneself and others.
ปที ่ี 19 ฉบบั ท่ี 1 (มกราคม - มนี าคม 2562) วารสารวิชาการธรรมทรรศน์ 13
2. In regards to the problematic conditions related to the personality development
of the personnel of Bank for Agriculture and Agricultural Co-operatives, it is found that
some personnel did not take care of their health, did not dress the bank uniform and
some were unfriendly, uncommunicative, inattentive, dishonest, impolite, not deductive,
unmitigated and lacked of emotional control. It is highly necessary to improve these
personalities.
3. The approach of personality development of the personnel of Bank for
Agriculture and Agricultural Co-operatives can be done according to four aspects based
on Buddhism: physical, social, emotional and intellectual aspects. These should be done
systematically to change the personality of the bank personnel to be ready for best works
based on their roles in the bank.
Keywords: the Approach of Development; Personality; Principle of Buddhist
1. บทน�ำ ความสุข โดยมสี ขุ ภาวะและสขุ ภาพที่ดี ครอบครัว
อบอนุ่ ตลอดจน เปน็ คนเกง่ ทม่ี ที กั ษะความรคู้ วาม
แนวทางการพัฒนาประเทศไทยตามหลัก สามารถและพัฒนาตนเองได้ต่อเนื่องตลอดชีวิต
การพัฒนาประเทศที่ส�ำคัญ ในระยะแผนพัฒนา (Office of The National Economic and
เศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาตฉิ บบั ที่ 12 (พ.ศ. 2560 Social Development Board, 2017)
- 2564) หนงึ่ ในหลกั การสำ� คญั ของแผนคอื ยดึ หลกั การดำ� เนนิ งานของธนาคารเพอ่ื การเกษตร
“คนเป็นศูนย์กลางการพัฒนา” มุ่งสร้างคุณภาพ และสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. สถาบันการ
ชวี ติ และสขุ ภาวะทด่ี สี ำ� หรบั คนไทย พฒั นาคนใหม้ ี เงินเฉพาะกิจของรัฐบาลภายใต้การก�ำกับของ
ความเปน็ คนทสี่ มบรู ณ์ มวี นิ ยั ใฝร่ ู้ มคี วามรู้ มที กั ษะ กระทรวงการคลังก็เช่นกันมีเป้าหมายการด�ำเนิน
มีความคิดสร้างสรรค์ มีทัศนคติที่ดี รับผิดชอบ งานที่มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาคุณภาพชีวิตของคน
ต่อสังคม มีจริยธรรมและคุณธรรม พัฒนาคนทุก ท่ีประกอบอาชีพเกษตรกรรมหรือที่เรียกว่า
ช่วงวัยและเตรียมความพร้อมเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ “เกษตรกร” ธ.ก.ส. มวี ตั ถปุ ระสงคอ์ นั เปน็ แนวทาง
อยา่ งมคี ณุ ภาพ รวมถงึ การสรา้ งคนใหใ้ ชป้ ระโยชน์ ในการทำ� งานคือ เพือ่ ช่วยเหลือเกษตรไทยให้หลุด
และอยกู่ ับส่งิ แวดลอ้ มอยา่ งเก้อื กูล อนุรักษ์ ฟืน้ ฟู พ้นจากความยากจนและการถูกเอารัดเอาเปรียบ
ใช้ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จากพอ่ คา้ นายทนุ ชว่ ยใหเ้ กษตรกรเขา้ ถงึ แหลง่ เงนิ
อยา่ งเหมาะสม โดยมวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอ่ื วางรากฐาน ทุนในระบบ พร้อมท้ังสนุนสินเช่ือเพ่ือสร้างรายได้
ให้คนไทยเป็นคนท่ีสมบูรณ์ มีคุณธรรมจริยธรรม เพม่ิ เพอ่ื ใหเ้ กษตรกรลกู คา้ มฐี านะและความเปน็ อยู่
มีระเบยี บ วินัย ค่านยิ มท่ดี ี มจี ิตสาธารณะ และมี
14 Dhammathas Academic Journal Vol. 19 No. 1 (January - March 2019)
ทด่ี ขี น้ึ ซง่ึ การทจี่ ะบรรลวุ ตั ถปุ ระสงคด์ งั กลา่ วไดน้ นั้ พฤติกรรมบุคลากรให้สอดคล้องกับวัฒนธรรม
บุคลากรผู้ปฏิบัติงานอันเป็นกลไกส�ำคัญที่จะน�ำ องค์กรที่เป็นเลิศและเพ่ือเสริมสร้างให้บุคลากร
แนวทางสู่การปฏิบัติต้องเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติ มีพฤติกรรมสอดคล้องกับวัฒนธรรมองค์กร
อันเหมาะสมต่อการงาน ด้วยว่างาน ธ.ก.ส. ตอบสนองวิสัยทัศน์และพันธกิจของธนาคาร
เปน็ งานทห่ี นกั เปน็ งานทต่ี อ้ งใชค้ วามอตุ สาหะมาก ไดจ้ ดั กจิ กรรม ลด ละ เลกิ อบายมขุ จดั ใหพ้ นกั งาน
อาจารยจ์ ำ� เนยี ร สาระนาค ซงึ่ เปน็ ผจู้ ดั การคนแรก ปฏิญาณตนเปน็ คนดี จัดใหม้ วี ันวฒั นธรรมองคก์ ร
ของธนาคารเพอ่ื การเกษตรและสหกรณก์ ารเกษตร มีการส่งพนักงานไปอบรมกับสถาบันภายนอก
ตระหนักในภารกิจส�ำคัญอันหนักหน่วงนี้ จึงได้ เก่ียวกับหลกั สูตรจริยธรรม และจดั สมั มนาเพื่อให้
ปลูกฝังอุดมการณ์และวัฒนธรรมขององค์กรให้ พนกั งานมสี ว่ นรว่ มในการขบั เคลอ่ื นวฒั นธรรมการ
พ นั ก ง า น ยึ ด ถื อ ป ฏิ บั ติ ห น ้ า ท่ี ด ้ ว ย คุ ณ ธ ร ร ม ท�ำงานอันเป็นรากฐานเป็นกรอบที่ก�ำกับความคิด
จริยธรรม มีส�ำนึกรับผิดชอบต่อหน้าท่ี เสียสละ และพฤติกรรมของพนักงานให้เป็นแบบแผน
อทุ ศิ ตนดว้ ยความพากเพยี รเพอื่ ประโยชนส์ ว่ นรวม เดยี วกนั ท่ีจะท�ำใหเ้ กิดพลงั ส�ำคัญนำ� พาให้ ธ.ก.ส.
และซ่ือสัตย์สุจริตไมแ่ สวงหาผลประโยชน์จากการ มีผลการด�ำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมาย ธ.ก.ส.
ปฏิบัติหน้าที่ ข้อคิดในการปฏิบัติงานนี้ ต่อมาได้ ตระหนักถึงความส�ำคัญของการพัฒนาคุณภาพ
เป็นหลักปรัชญาในการปฏิบัติงานของพนักงาน ทรัพยากรบุคคลอันเป็นหัวใจส�ำคัญของความ
ธ.ก.ส. ทยี่ ดึ ถอื กนั มาจนถงึ ปจั จบุ นั วา่ ...” งานสนิ เชอ่ื ส�ำเร็จหรือล้มเหลวขององค์กร ซ่ึงบุคลากรท่ี
เพ่ือการเกษตร เป็นงานท่ีกว้างขวางและซับซ้อน จะถือได้ว่ามีคุณภาพนอกจากจะต้องมีทักษะ
ต้องศึกษาและค้นคว้าเพิ่มเติมอยู่เสมอ เพ่ือให้มี ประสบการณ์และขีดความรู้ความสามารถในการ
ความรคู้ วามชาํ นาญยงิ่ ขน้ึ ขอใหท้ า่ นละเวน้ การอนั ท�ำงานตามภาระหน้าท่ีแล้ว การมีบุคลิกภาพท่ี
ควรละเวน้ ไมเ่ บยี ดเบยี นเกษตรกรลกู คา้ จงทาํ งาน เหมาะสมสอดคล้องกับงาน บุคลิกภาพซ่ึงเน้น
หนัก เร่งรัดฉับไว ถูกต้อง และแม่นยํากอร์ปด้วย คุ ณ ลั ก ษ ณ ะ เ ฉ พ า ะ ข อ ง บุ ค ค ล อั น มี ผ ล ต ่ อ
ความซื่อสัตย์สุจริต” ดังน้ันในด้านผู้ปฏิบัติงาน ประสิทธิภาพการท�ำงานและการปฏิสัมพันธ์กับ
ธ.ก.ส. จึงได้ด�ำเนินการให้พนักงานเป็นคนเก่ง ผู้อ่ืนทั้งในองค์กรและนอกองค์กร อันมีผลต่อการ
คนดี และมีความสุขในการท�ำงานมาโดยตลอด สร้างภาพลกั ษณ์ที่ดีใหอ้ งค์กร
ธนาคารก�ำหนดนโยบายการบริหารและพัฒนา แม้ว่าธนาคารมีข้อก�ำหนดท่ีรัดกุมในการ
พนักงานโดยมีเป้าประสงค์ในการสรรหา พัฒนา สรรหาคัดเลือกพนักงาน มีแบบแผนเป็นกรอบให้
บรรจุ แต่งตั้ง และดูแลรักษาบุคลากรให้ผูกพัน พนักงานปฏิบัติตาม มีกิจกรรมสนับสนุน
กบั ธนาคาร มกี ารจดั ทาํ และบรหิ ารแผนเสรมิ สรา้ ง มวี ัฒนธรรมองคก์ ร แต่ธนาคารก็ยังประสบปญั หา
วัฒนธรรมองค์กรให้มุ่งสู่การทํางานที่เป็นเลิศเพื่อ ที่เป็นผลกระทบจากบุคลิกภาพของบุคลากรจาก
เสริมสร้างให้พนักงานเป็นคนดี มีแผนเสริมสร้าง ข้อร้องเรียนของลูกค้าและส่วนงานต่างๆ จาก
ปีท่ี 19 ฉบบั ที่ 1 (มกราคม - มนี าคม 2562) วารสารวิชาการธรรมทรรศน์ 15
ข้อคิดเห็นของลูกค้าท่ีแสดงไว้ในแบบแสดงความ อมิ่ เอิบใจ มจิ ิตใจท่ีอยใู่ นภาวะท่ตี ระหนกั มีความ
คิดเห็นที่ธนาคารเปิดช่องทางไว้ให้ลูกค้าสามารถ พร้อมในการปฏิบัติภารกิจให้บรรลุความส�ำเร็จได้
แนะน�ำหรือร้องเรียนงานธนาคารในส่วนที่ยัง นอกจากนย้ี งั สง่ ผลใหเ้ กดิ การพฒั นาปญั ญาใหเ้ ปน็
บกพร่อง นอกจากน้ันยังพบว่ามีพนักงานที่มี ผู้ที่มีปัญญาเจริญงอกงาม รู้และเข้าใจโลกอย่าง
พฤติกรรม เบียดเบียนลูกค้าหรือบุคคลทั่วไป ถกู ตอ้ งตามความเปน็ จรงิ มเี หตผุ ลบนรากฐานแหง่
พฤตกิ รรมทขี่ ดั ตอ่ ระเบยี บธนาคาร มกี ารแสดงออก ปญั ญาอนั จะนำ� ไปสกู่ ารพนิ จิ พเิ คราะหป์ ญั หาตา่ งๆ
ท่ีไม่อยู่ในทิศทางท่ีธนาคารก�ำหนด มีบุคลิกภาพ ไดอ้ ยา่ งละเอยี ด (Phra Brahmagunabhorn (P.A.
ท่ีไม่เป็นไปตามกรอบท่ีสังคมยอมรับถึงขั้นที่ Payutto), 2005) เพื่อเสนอแนวทางการพัฒนา
ธนาคารต้องออกค�ำสั่งลงโทษ ซึ่งบุคลิกภาพ บุคลิกภาพตามหลักพระพุทธศาสนาของบุคลากร
ดังกล่าวมานี้มีอิทธิพลสูงมากต่อประสิทธิภาพการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
ปฏบิ ตั งิ าน มผี ลตอ่ การกำ� หนดทศิ ทางการดำ� เนนิ งาน ในการนำ� ไปฝกึ ฝนอบรมพฒั นาบคุ ลากรใหธ้ นาคาร
มีผลต่อความน่าเช่ือถือ มีผลต่อการสร้างภาพ มีบุคลากรที่มีคุณภาพ มีบุคลากรที่มีสติปัญญา
ลักษณ์องค์กร ควบคู่กับการมีจิตใจท่ีมีคุณธรรม สามารถใช้กาย
ดว้ ยเหตนุ ้ี ผวู้ จิ ยั จงึ มคี วามสนใจทจ่ี ะศกึ ษา และจิตในทางท่ีเป็นประโยชน์ต่อตนเองและ
ถึงหลักภาวนา 4 อันเป็นหลักค�ำสอนในทาง ตอ่ องคก์ ร เปน็ ผทู้ มี่ เี หตผุ ล เปน็ ผทู้ มี่ อี ารมณม์ นั่ คง
พระพุทธศาสนาที่เป็นหลักปฏิบัติส�ำคัญในการ แสดงพฤติกรรมได้ถูกต้องตามกาลเทศะ มีความ
พัฒนาตนพัฒนาบุคลิกภาพได้อย่างครอบคลุม ซื่อสัตย์ มีความกระตือรือร้นในการท�ำงาน สนใจ
สมบรู ณค์ รบทง้ั 4 ดา้ น คอื พฒั นากาย พฒั นาสงั คม ใฝ่รู้ในการพัฒนางานธนาคารให้เจริญก้าวหน้า
พัฒนาอารมณ์ พัฒนาปัญญา เป็นหลักค�ำสอน มีความระมัดระวงั รอบคอบในการท�ำงาน
ที่ฝึกฝนให้ผู้ปฏิบัติเป็นผู้ท่ีมีสติในการใช้กาย
อันประกอบด้วย ตา หู จมกู ล้ิน และกายในทาง 2. วตั ถปุ ระสงค์ของการวจิ ยั
สัมพันธ์กับโลกภายนอกอย่างมีคุณค่าได้ผลดี
เป็นไปในทางที่เกิดประโยชน์ สามารถควบคุม 1. เพื่อศึกษาแนวคิดทฤษฎี และหลัก
พฤติกรรมที่แสดงออกมาให้เป็นไปในทางท่ีดี พทุ ธศาสนาเกีย่ วกับการพัฒนาบคุ ลิกภาพ
ไมเ่ บยี ดเบยี นผอู้ นื่ อยรู่ ว่ มกบั ผอู้ นื่ ไดด้ ี เปน็ ผทู้ ม่ี จี ติ 2. เพอื่ ศกึ ษาสภาพปญั หาเกย่ี วกบั บคุ ลกิ
ท่ีอุดมด้วยคุณธรรม เป็นจิตที่สามารถรู้เท่าทัน ภาพของบุคลากรธนาคารเพ่ือการเกษตรและ
อารมณ์ มีอารมณ์มั่นคง มีเหตุมีผล วางตนได้ สหกรณก์ ารเกษตร
ถูกต้องตามกาลเทศะ อยู่ร่วมกับบุคคลอ่ืนได้ 3. เพื่อเสนอแนวทางการพัฒนาบุคลิก
โดยไม่มีข้อขัดแย้ง มีสุขภาพจิตที่ดี สดชื่น ร่าเริง ภาพตามหลกั พระพทุ ธศาสนาของบคุ ลากรธนาคาร
เพอื่ การเกษตรและสหกรณก์ ารเกษตร
16 Dhammathas Academic Journal Vol. 19 No. 1 (January - March 2019)
3. วิธดี �ำเนินการวจิ ัย ให้รายละเอียดของค�ำตอบที่จะแสดงถึงความรู้สึก
อารมณ์ พฤติกรรมของตนเองไดอ้ ย่างกว้างขวาง
การวิจัยครั้งน้ี เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ 3. การสนทนากลุ่ม (Focus Group
(Qualitative Research) โดยมขี น้ั ตอนดำ� เนนิ การ Discussion) ผวู้ จิ ยั ดำ� เนนิ การจดั สนทนากลมุ่ อยา่ ง
ดังน้ี เป็นระบบ โดยนิมนต์หรือเชิญกลุ่มนักวิชาการ
1. ด้านเน้ือหา ผู้วิจัยได้ศึกษาข้อมูล ทัง้ บรรพชิตและคฤหสั ถ์ รว่ มสนทนาเพอื่ อภปิ ราย
ปฐมภูมิ (Primary Data) ศึกษาจากพระไตรปฎิ ก พูดคุย โดยมุ่งประเด็นการสนทนาไปยังเรื่องการ
ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยฉบับภาษาไทย พฒั นาบคุ ลกิ ภาพตามหลกั พระพทุ ธศาสนาทผ่ี วู้ จิ ยั
ทงั้ ในสว่ นพระสตู ร พระวนิ ยั พระอภธิ รรม อรรถกถา จะด�ำเนินการศึกษา นำ� ขอ้ มลู ทไี่ ดจ้ ากการสนทนา
และฏกี า และขอ้ มูลทตุ ยิ ภมู ิ (Secondary Data) ไปวิเคราะห์หาแนวทางการพัฒนาบุคลิกภาพตาม
ศกึ ษาจาก หนงั สอื ตำ� รา เอกสาร บทความและงาน หลกั พระพทุ ธศาสนาของบคุ ลากรของธนาคารเพอ่ื
วจิ ัยท่ีเกย่ี วข้อง การเกษตรและสหกรณก์ ารเกษตรต่อไป
2. ด้านพ้ืนท่ี เก็บรวบรวมข้อมูลภาค 4. การสรา้ งเครอ่ื งมอื ในการวจิ ยั มขี นั้ ตอน
สนามแบบคุณภาพในรูปของข้อความจากการ ดงั น้ี 1) ศกึ ษาคน้ ควา้ แนวคดิ ทฤษฎี เอกสาร ตำ� รา
สมั ภาษณเ์ ชงิ ลกึ (In-depth Interview) โดยการ งานวิจัยที่เก่ียวข้องตามกรอบแนวคิดในการวิจัย
เลือกประชากรกลุ่มเป้าหมาย (Target Group) และประชากรกลุ่มตัวอย่างที่ศึกษา แล้วยกร่าง
ในพ้ืนทด่ี ำ� เนินงานส�ำนกั งาน ธ.ก.ส. ระดับจังหวดั แบบสัมภาษณ์ 2) สร้างแบบสัมภาษณ์โดยตั้ง
ในสงั กดั ฝา่ ยกจิ การสาขาภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ประเด็นค�ำถามจากข้อมูลท่ีได้ในขั้นท่ี 1 ยึดตาม
ตอนบน จ�ำนวน 5 สำ� นกั งาน สำ� นักงานละ 4 คน วตั ถปุ ระสงคก์ ารวจิ ยั เปน็ หลกั 3) นำ� แบบสมั ภาษณ์
รวมผใู้ ห้สมั ภาษณท์ งั้ สิ้น 20 คน ดงั นี้ 1) ผู้บริหาร ทส่ี รา้ งขนึ้ ตามวตั ถปุ ระสงคเ์ สนออาจารยท์ ปี่ รกึ ษา
สาขา จาก 5 สำ� นกั งานๆ ละ 1 คน รวมเป็น 5 คน เพื่อให้พิจารณาความเหมาะสมของเนื้อหา ภาษา
2) พนักงานผูป้ ฏบิ ัติ จาก 5 ส�ำนักงานๆ ละ 1 คน และโครงสร้าง 4) น�ำแบบสัมภาษณ์มาแก้ไขตาม
รวมเป็น 5 คน 3) ลูกค้าผู้มาใช้บริการ จาก 5 ค�ำแนะน�ำของอาจารย์ท่ีปรึกษา 5) น�ำเสนอแบบ
สำ� นกั งานๆ ละ 1 คน รวมเปน็ 5 คน และ 4) บคุ คล สัมภาษณ์ไปยังผู้เชี่ยวชาญ 5 ท่าน เพื่อพิจารณา
ภายนอก จาก 5 พ้ืนทีๆ่ ละ 1 คน รวมเป็น 5 คน ความเหมาะสมและความถกู ตอ้ งของเนอ้ื หา ภาษา
ด�ำเนินการสัมภาษณ์ในรูปแบบท่ีไม่เป็นทางการ โครงสร้าง และความสอดคล้องเก่ียวข้องกับ
ใช้ประเด็น/แนวค�ำถามกว้างๆ เพ่ือกระตุ้นให้ ประเด็นค�ำถาม 6) ปรับปรุงแก้ไขแบบสัมภาษณ์
คสู่ นทนาเลา่ เรอ่ื งราว ใชท้ กั ษะการสอื่ สารเพอ่ื สรา้ ง ตามขอ้ เสนอแนะของผเู้ ช่ียวชาญ และ 7) จัดพมิ พ์
การสนทนาอยา่ งมเี ปา้ หมาย ผวู้ จิ ยั มโี อกาสซกั ถาม แบบสัมภาษณ์เพ่ือน�ำไปเก็บรวบรวมข้อมูลจาก
ในแต่ละประเด็นได้อย่างเสรี ขณะเดียวกันผู้ให้ กลมุ่ ตัวอยา่ ง
สมั ภาษณส์ ามารถใหข้ อ้ มลู ขยายความคดิ เหน็ หรอื
ปีท่ี 19 ฉบบั ท่ี 1 (มกราคม - มีนาคม 2562) วารสารวชิ าการธรรมทรรศน์ 17
5. การเก็บรวบรวมข้อมูล ผู้วิจัยได้เก็บ สมั พนั ธท์ ด่ี กี บั วตั ถสุ ง่ิ แวดลอ้ มนบั แตป่ จั จยั 4 จนถงึ
ข้อมูลข้ันปฐมภูมิ (Primary Data) เกี่ยวกับการ ความสัมพันธ์กับธรรมชาติแวดล้อมโดยท่ัวไป
พัฒนาบุคลกิ ภาพ ข้อมลู ข้ันทตุ ยิ ภมู ิ (Secondary มคี วามเกอ้ื กลู กนั ระหวา่ งชวี ติ กบั ธรรมชาติ ในการ
Data) เก่ียวกับการพัฒนาบุคลิกภาพ ข้อมูล พัฒนาทางสังคมสอนให้ยึดหลักในการด�ำเนินชีวิต
จากการสนทนากลมุ่ (Focus Group Discussion) อยภู่ ายใตก้ รอบแหง่ ศลี 5 คอื ไมฆ่ า่ สตั ว์ ไมล่ กั ทรพั ย์
และขอ้ มลู จากการสมั ภาษณ์กล่มุ ตวั อยา่ ง ไมป่ ระพฤตผิ ดิ ในกาม เวน้ จากการพดู เทจ็ และเวน้
6. การวเิ คราะหข์ อ้ มลู ผวู้ จิ ยั ไดร้ วบรวม จากสุรายาเมา สิ่งเสพติด อันเป็นที่ต้ังแห่งความ
เรยี บเรยี งขอ้ มลู จดั หมวดหมขู่ อ้ มลู ทำ� การวเิ คราะห์ ประมาท เป็นผู้ท่ีสามารถควบคุมพฤติกรรมที่
ข้อมูลโดยใช้เทคนิคการวิเคราะห์ข้อมูลเอกสาร แสดงออกมาให้เป็นไปในทางท่ีดี ไม่เบียดเบียน
(Content Analysis) สรุปผลการวิจัยแล้ว ผอู้ นื่ อยรู่ ว่ มกบั ผอู้ น่ื ไดด้ ี ในการพฒั นาทางอารมณ์
จึงน�ำเสนอผลการวจิ ัย สอนให้ใช้การปฏิบัติสมาธิในการฝึกฝนอบรมจิต
ให้สามารถรู้เท่าทันอารมณ์ เป็นจิตท่ีมีอาการรับรู้
4. สรุปผลการวจิ ัย อารมณ์ทั่วไปตามปกติแต่จิตใจไม่เกี่ยวข้องผูกพัน
ไม่มีกเิ ลสเกิดขน้ึ จิตใจไมเ่ ปน็ ทกุ ข์ มอี ารมณม์ ัน่ คง
การวจิ ยั แนวคดิ ทฤษฎแี ละหลกั พระพทุ ธ มีเหตุมีผล เป็นจิตที่อุดมด้วยคุณธรรม วางตนได้
ศาสนาเก่ียวกับการพัฒนาบุคลิกภาพ พบว่า ถูกต้องตามกาลเทศะ อยู่ร่วมกับบุคคลอ่ืนได้
หลกั ภาวนา 4 อนั เปน็ หลกั คำ� สอนในทางพระพทุ ธ โดยไม่มีข้อขัดแย้ง มีสุขภาพจิตที่ดี สดชื่น ร่าเริง
ศาสนาท่ีเป็นหลักปฏิบัติส�ำคัญในการพัฒนาตน อิ่มเอิบใจ มจิ ติ ใจทีอ่ ย่ใู นภาวะทต่ี ระหนกั มคี วาม
พัฒนาบุคลิกภาพได้อย่างครอบคลุมสมบูรณ์ครบ พร้อมในการปฏิบัติภารกิจให้บรรลุความส�ำเร็จได้
ท้ัง 4 ด้าน คือ พัฒนากาย พัฒนาสังคม พัฒนา การปฏบิ ตั ธิ รรมทถ่ี กู ตอ้ งจะเกดิ ความตง้ั มนั่ ของจติ
อารมณ์ พฒั นาปญั ญา ในการพฒั นาทางกายสอน อนั เป็นจติ ทมี่ ีคุณสมบตั ิ 5 ประการ คอื ปราโมทย์
ให้ฝึกฝนปฏิบัติตนอย่างมีสติในการใช้กาย (ความช่ืนบานใจ ร่าเริงสดใส) ปีติ (ความอิ่มใจ
อันประกอบด้วย ตา หู จมกู ลิน้ และกาย ในทาง ความปลื้มใจ) ปัสสัทธิ (ความสงบเย็นกายใจ
สัมพันธ์กับโลกภายนอกอย่างมีคุณค่าได้ผลดี ความผอ่ นคลายรน่ื สบาย) สุข (ความร่ืนใจไรค้ วาม
เป็นไปในทางที่เกิดประโยชน์ ท้ังในการประกอบ ขอ้ งขัด) สมาธิ (ความสงบอย่ตู ัวม่นั สนิทของจิตใจ
การงานต่างๆ ในทางประกอบอาชีพให้เป็นไปใน ไม่มีสิ่งรบกวนเร้าระคาย) ถึงขั้นเกิดความส�ำเร็จ
ทางทเี่ ปน็ คณุ เปน็ กศุ ล ความเฉยี บคม ละเอยี ดออ่ น ชดั เจน การปฏบิ ตั นิ จ้ี ะสง่ ผลตามหลกั ปจั จยั สมั พนั ธ์
คลอ่ งแคลว่ ชดั เจน ใชร้ า่ งกาย ใชม้ อื ใชอ้ วยั วะและ เก้ือกูลให้มีการพัฒนาทางปัญญาให้เจริญงอกงาม
ระบบของรา่ งกายทำ� งานไดเ้ รยี บรอ้ ย มสี ขุ ภาพกาย รับรู้และเข้าใจโลกอย่างถูกต้องตามความเป็นจริง
ทดี่ ี มคี วามสมั พนั ธก์ บั สภาพแวดลอ้ มทางกายภาพ ไม่ตกอยู่ในอ�ำนาจครอบง�ำของอคติ มีเหตุผล
เป็นไปในทางที่เกิดประโยชน์แก่ชีวิต มีความ
18 Dhammathas Academic Journal Vol. 19 No. 1 (January - March 2019)
สามารถท่ีจะสืบค้นเหตุปัจจัย และแยกแยะ กาลเทศะ ปัญหาจากการขาดการควบคุมอารมณ์
วิเคราะห์สิ่งต่างๆ ซึ่งจะเป็นตัวเอ้ืออ�ำนวยในการ ซง่ึ หากไมน่ ำ� มาพจิ ารณาแกไ้ ขปรบั ปรงุ อาจจะสง่ ผล
ที่จะแก้ปัญหา และท�ำกิจการให้ส�ำเร็จผลได้การ เสียต่อธนาคารในวงกว้างขึ้นจึงจ�ำเป็นอย่างย่ิงท่ี
พัฒนาปัญญาสามารถฝึกไปจนถึงข้ันสามารถ ต้องได้รับการพัฒนาปรับปรุงเพ่ือเปล่ียนแปลงให้
มีปัญญารู้เท่าทันโลกและชีวิตตามเป็นจริง ซึ่งจะ เปน็ ไปในทิศทางท่ีดขี ึน้ อยา่ งยัง่ ยืน
สง่ ผลยอ้ นกลบั มาช่วยจติ ใจ ทำ� ให้ จิตใจเป็นอิสระ จากการวิจัยพบว่าแนวทางการพัฒนา
ไมห่ ลงวง่ิ ไปตามอำ� นาจชกั จงู ของสงิ่ ตา่ งๆ ทป่ี รากฏ บุคลิกภาพของบุคลากรธนาคารเพ่ือการเกษตร
แกต่ นซงึ่ เขา้ มากระทบจากโลกภายนอกเปน็ ปญั ญา และสหกรณ์การเกษตร ท�ำได้โดย 1) พัฒนา
ท่ีท�ำให้จิตใจเป็นอิสระออกมาจากสิ่งต่างๆ คือ บุคลากรท่ีมีปัญหาจากบุคลิกภาพภายนอกด้วย
ไมย่ ดึ ตดิ ถอื มน่ั ในโลก สง่ิ ใดเขา้ มากระทบกส็ ามารถ หลกั กายภาวนา เพ่ือฝึกฝน ตา หู จมูก ลิน้ และ
รบั รตู้ ามความเปน็ จรงิ และปฏบิ ตั ติ อ่ มนั ตามเหตผุ ล กายใหม้ กี ารสมั พนั ธก์ บั โลกภายนอกอยา่ งมคี ณุ คา่
ดว้ ยความรเู้ ทา่ ทนั ตอ่ เหตปุ จั จยั แตไ่ มม่ คี วามยดึ ตดิ และได้ผลดี เป็นไปในทางที่เกิดประโยชน์ พัฒนา
ถือม่ันที่จะมาบีบคั้นตัวเองให้เกิดทุกข์ มองเห็น ดว้ ยหลกั ศลี ภาวนาเพอ่ื ใหบ้ คุ ลากรประพฤตติ นอยู่
สัจธรรม เกิดปัญญาเข้าใจในสัจธรรมของชีวิต ในระเบียบขององค์กรสามารถควบคุมพฤติกรรม
มองเหน็ ตอ่ ชวี ติ ถกู ตอ้ ง มคี วามเขา้ ใจถกู ตอ้ งในเรอื่ ง ทางกายเพื่อการอยู่ร่วมกันกับผู้อื่นได้ดีโดย
ของเหตปุ จั จยั ตอ่ การประกอบกศุ ลกรรมหรอื อกศุ ล ไม่เบียดเบียนกัน ให้ความช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
กรรม มีความเข้าใจถกู ตอ้ งตอ่ กฎไตรลกั ษณ์ เข้าใจ 2) พฒั นาบคุ ลากรทม่ี ปี ญั หาจากบคุ ลกิ ภาพภายใน
ด้วยสัมมาทิฏฐิว่า สรรพสิ่งทั้งหลายต้องอาศัย ด้วยหลักจิตภาวนา เพ่ือฝึกฝนอบรมจิตให้เจริญ
ซง่ึ กนั และกนั อยรู่ ว่ มในสงั คมอยา่ งสนั ติ ปราศจาก งอกงาม เป็นจิตที่อุดมด้วยคุณธรรม มีความ
การเบียดเบียนท้ังต่อธรรมชาติและต่อสิทธิ เข้มแข็ง มีความเบิกบาน ถึงพร้อมด้วยความสุข
ประโยชนส์ ว่ นบุคคล เปน็ จติ ทีพ่ รอ้ มตอ่ การงานทกุ ดา้ น และพัฒนาด้วย
ในด้านสภาพปัญหาเกี่ยวกับบุคลิกภาพ หลกั ปญั ญาภาวนาเพอื่ ฝกึ ฝนอบรมปญั ญาใหเ้ จรญิ
ของบุคลากรธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ งอกงาม รแู้ ละเขา้ ใจโลกตามทเ่ี ปน็ จรงิ สามารถนำ�
การเกษตร จากการวจิ ยั พบวา่ สภาพปญั หาจำ� แนก ปัญญามาใช้จัดการด�ำเนินการและแก้ปัญหาต่างๆ
เป็น 2 ประเภทคือ 1) ปัญหาจากบุคลิกภาพ ให้สำ� เรจ็ ผลบรรลถุ งึ ประโยชน์สูงสดุ
ภายนอก ไดแ้ ก่ ปญั หาดา้ นการแตง่ กาย ปญั หาดา้ น
การแสดงกริ ยิ าทา่ ทาง ปญั หาดา้ นการตดิ ตอ่ สอ่ื สาร 5. อภิปรายผลการวจิ ัย
2) ปัญหาจากบุคลิกภาพภายใน ได้แก่ ปญั หาจาก
การขาดความเอาใจใส่ ปัญหาจากความไม่ซ่อื สัตย์ การที่พระพุทธศาสนาสอนให้พัฒนา
ปัญหาจากการไม่เสียสละ ปัญหาจากความไม่รู้ บุคลิกภาพของบุคลากรต้องพัฒนากาย พัฒนา
สังคม พัฒนาอารมณ์ พัฒนาปัญญา ให้ครบท้งั 4
ปที ี่ 19 ฉบับที่ 1 (มกราคม - มนี าคม 2562) วารสารวชิ าการธรรมทรรศน์ 19
ด้านน้ันเพราะแต่ละด้านมีความสัมพันธ์เช่ือมโยง การลักทรัพย์ เว้นจากการประพฤติผิดในกาม
เปน็ ระบบเดยี วกนั เกอื้ กลู ซงึ่ กนั และกนั เชน่ บคุ คล เว้นจากการพูดเท็จ พูดค�ำหยาบ พูดส่อเสียด
ทไี่ มม่ คี วามโกรธ ไมม่ คี วามเครยี ด ยอ่ มมจี ติ ใจดงี าม เว้นจากการด่ืมน้�ำเมา การปฏิบัติตนตามแนวทาง
อนั เกอื้ กลู ตอ่ สขุ ภาพกายใหเ้ ปน็ ผทู้ มี่ สี ขุ ภาพกายดี แห่งศีลก�ำหนดขึ้นเพ่ือให้มนุษย์ได้ด�ำเนินชีวิตตาม
รู้จักเก่ียวข้องกับสภาพแวดล้อมในทางท่ีเป็น แนวทางภายใต้กรอบของกฎธรรมชาติ การท่ี
ประโยชน์เท่ากับเป็นการเก้ือกูลความสัมพันธ์ต่อ พระพุทธศาสนาสอนให้พัฒนาอารมณ์ด้วยการฝึก
สว่ นรวม เม่ือจะพฒั นาปัญญาก็จะมผี ลเก้อื กลู ให้มี อบรมจติ กเ็ พราะจติ เปน็ ตวั รบั รอู้ ารมณก์ ารพฒั นา
สมาธไิ ดเ้ รว็ ไมว่ า้ ว่นุ สับสน ผทู้ ม่ี ีสมาธิดีจติ ใจสงบ จึงต้องฝึกอบรมที่จิตให้รู้เท่าทันอารมณ์ มีความ
ก็จะส่งผลให้ไม่มีความเครียด มีจิตใจดีงาม ส่งผล ตั้งมั่นของจิตอันมีคุณสมบัติ 5 ประการ คือ
ต่อกันเช่นนี้เร่ือยไปตามหลักปัจจัยสัมพันธ์ การที่ ปราโมทย์ (ความช่ืนบานใจ ร่าเริงสดใส) ปีติ
พระพุทธศาสนาสอนให้มีการจัดการกระบวนการ (ความอิ่มใจ ความปล้มื ใจ) ปสั สัทธิ (ความสงบเย็น
ฝึกอบรมกายโดยเน้นไปท่ีการพัฒนาอินทรีย์ กายใจ ความผอ่ นคลายรืน่ สบาย) สุข (ความรืน่ ใจ
อันเป็นช่องทางท่ีกายรับรู้ข้อมูลจากภายนอก ไร้ความข้องขัด) สมาธิ (ความสงบอยู่ตั้งม่ันสนิท
ในการสัมพันธ์กับส่ิงแวดล้อมทางกายภาพ ก็เพื่อ ของจติ ใจ ไมม่ สี งิ่ รบกวนเรา้ ระคาย) เปน็ จติ ทพี่ รอ้ ม
ให้กายรู้จักติดต่อเก่ียวข้องกับส่ิงท้ังหลายในทาง แก่การงาน เป็นจิตท่ีอยู่ในภาวะรู้ตัว เป็นจิตที่อยู่
ที่เป็นคุณ สามารถตามรู้เท่าทันอารมณ์ที่เกิดข้ึน ในภาวะที่ตระหนัก มีความพร้อมในการปฏิบัติ
ด้วยปัญญา ฝึกให้ ตา หู จมูก ลิ้น กาย สามารถรับ ภารกิจ ให้บรรลุความส�ำเร็จได้ การท่ีพระพุทธ
รู้ข้อมูลตามความเป็นจริง ไม่ปรุงแต่งสิ่งที่รับรู้น้ัน ศาสนาสอนให้พัฒนาปัญญาก็เพ่ือให้รู้และเข้าใจ
ตามอ�ำนาจของกเิ ลส ใหใ้ ช้งานไดด้ ี เกิดประโยชน์ โลกตามท่ีเป็นจริง สามารถน�ำปัญญามาใช้จัดการ
สูงสุด มีผลในทางส่งเสริมคุณภาพชีวิต การท่ี ด�ำเนินการและแก้ปัญหาต่างๆ ให้ส�ำเร็จผลบรรลุ
พระพุทธศาสนามีค�ำสอนให้ผู้คนที่อยู่ร่วมกันใน ถึงประโยชน์สูงสุด ปัญญาในทางพุทธศาสนาเกิด
สังคมมีการดำ� เนนิ ชวี ิตภายใตก้ รอบของศลี 5 อัน ขึ้นได้โดยหลายทาง และหลายปัจจัย ไม่ว่าจะ
เป็นกติกาข้อปฏิบัติข้ันพื้นฐานก็เพ่ือให้การอยู่ เป็นการรับฟังค�ำสอน การสนทนา การซักถาม
รว่ มกนั ในสงั คมเปน็ ไปดว้ ยดี เปน็ การเพยี รพยายาม การรบั ฟังค�ำบอกเล่าจากกัลยาณมติ ร ครู อาจารย์
ระงับโทษทางกายและวาจาเพ่ือไม่ให้มีการ การอ่านต�ำรา อันเป็นปัจจัยภายนอกท่ีเรียกว่า
เบียดเบียนกัน นอกจากนั้น การรักษาศีล ปรโตโฆสะ ปญั ญาทเ่ี กดิ จากการพจิ ารณาใครค่ รวญ
ยังสามารถท�ำให้จิตสงบได้ง่ายในการท�ำสมาธิ เรียกว่า โยนิโสมนสิการ ปัญญาท่ีเกิดขึ้นทั้งสอง
ถึงแม้ว่าศีลในพระพุทธศาสนาจะถูกจ�ำแนกไว้ อย่างมักจะมีปัจจัยที่แตกต่างกัน ซึ่งจะเห็นได้
หลายระดับ แตท่ กุ ระดบั ตอ้ งตง้ั อยู่บนพน้ื ฐานของ จากปรโตโฆสะมักจะมีศรัทธาเป็นตัวน�ำเข้าสู่
ศลี 5 อนั ประกอบดว้ ย เวน้ จากการฆา่ สตั ว์ เวน้ จาก กระบวนการเรียนรู้เพื่อให้เกิดการพัฒนาปัญญา
20 Dhammathas Academic Journal Vol. 19 No. 1 (January - March 2019)
มีศรัทธาท่ีจะน�ำไปสู่ความเข้าใจที่ถูกต้องเก่ียวกับ ในด้านการแสดงกิริยาท่าทาง เป็นบุคลากรผู้รู้จัก
กฎธรรมชาติ ศรัทธาท่ีใช้เหตุและผลบนรากฐาน ส�ำรวมกาย รู้ว่าควรหรือไม่ควรแสดงออกกับใคร
แห่งปัญญา เพื่อน�ำไปสู่การพินิจพิเคราะห์ด้วย อย่างไร มีความกระตือรือร้นในการปฏิบัติงาน
โยนิโสมนสกิ าร (Phra Piroon Vutthidhammo มที า่ ทีเปน็ มติ รกบั ทุกคน ในดา้ นการตดิ ต่อสื่อสาร
(Tanao), 2002) เปน็ บคุ ลากรผรู้ จู้ กั สำ� รวมวาจา รวู้ า่ ควรหรอื ไมค่ วร
ผลการศกึ ษาพบวา่ มสี ภาพปญั หาเกยี่ วกบั พดู กบั ใครอยา่ งไร สามารถสอ่ื สารกบั เพอ่ื นรว่ มงาน
บุคลิกภาพของบุคลากรธนาคารเพื่อการเกษตร แ ล ะ บุ ค ค ล ทั่ ว ไ ป ไ ด ้ อ ย ่ า ง มี ป ร ะ สิ ท ธิ ภ า พ
และสหกรณ์การเกษตร ที่มีบุคลากรมีปัญหาจาก ในด้านความเอาใจใส่ เป็นบุคลากรท่ีเอาใจใส่
บคุ ลกิ ภาพภายนอกและบคุ ลกิ ภาพภายใน อนั เปน็ ในกิจการงานของธนาคาร มีความกระตือรือร้น
ภาพรวมพฤติกรรมท่ีบุคคลแสดงออกมา) ได้แก่ ในการท�ำงานและใฝ่หาความรู้เพื่อพัฒนาการ
ปญั หาดา้ นการแตง่ กาย ปญั หาดา้ นการแสดงกริ ยิ า ทำ� งานอยเู่ สมอ ในดา้ นความซอื่ สตั ย์ เปน็ บคุ ลากร
ท่าทาง ปัญหาด้านการติดต่อสื่อสาร ปัญหาจาก ที่มีความซื่อสัตย์เป็นคุณธรรมประจ�ำใจ ปฏิบัติ
การขาดความเอาใจใส่ ปัญหาจากความไมซ่ อื่ สตั ย์ หนา้ ทดี่ ้วยความซ่ือสตั ยส์ จุ รติ ไม่เบยี ดเบยี นเพอ่ื น
ปัญหาจากการไม่เสียสละ ปัญหาจากความไม่รู้ ร่วมงาน ไม่เบียดเบียนลูกค้า ในด้านการเสียสละ
กาลเทศะ ปัญหาจากการขาดการควบคุมอารมณ์ เป็นบุคลากรผู้มีจิตอาสารู้จักเสียสละ อุทิศเวลา
ชี้ให้เห็นว่านเป็นความจ�ำเป็นอย่างยิ่งท่ีต้องเร่ง ส่วนตนเพื่อปฏิบัติภารกิจเร่งด่วนของธนาคาร
ดำ� เนนิ การอยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ เพอ่ื ปอ้ งกนั การสง่ ผล ให้ลุล่วงไปด้วยดี ในด้านการรู้กาลเทศะ
เสียต่อองค์กรในวงกว้าง ต้องเร่งด�ำเนินการให้มี เปน็ บคุ ลากรผรู้ คู้ วามควรไมค่ วร รวู้ า่ เวลาใดควรทำ�
การพัฒนาปรับปรุงเพื่อเปล่ียนแปลงให้เป็นไปใน อะไร รู้ว่าสถานท่ีใดควรวางตัวอย่างไร ในดา้ นการ
ทิศทางทดี่ ขี น้ึ อย่างย่งั ยนื ควบคมุ อารมณ์ เปน็ บคุ ลากรผรู้ จู้ กั ควบคมุ อารมณ์
การท่ีผู้วิจัยเสนอแนวทางการพัฒนา เป็นผู้ท่ีมีจิตรู้เท่าทันอารมณ์ เม่ือมีภาวะท่ีเป็นไป
บุคลิกภาพของบุคลากรธนาคารเพื่อการเกษตร ในทางลบมากระทบจิตก็สามารถควบคุมอารมณ์
และสหกรณ์การเกษตร ด้วยหลักภาวนา 4 นั้น และจัดการให้พฤติกรรมมีการแสดงออกอย่าง
เพ่ือให้ธนาคารได้น�ำหลักปฏิบัติส�ำคัญในการ ถูกต้องเหมาะสม ไม่ตกเป็นทาสของสถานการณ์
พัฒนาตนพัฒนาบุคลิกภาพไปใช้ในการพัฒนา ทมี่ ากระตนุ้ นน้ั แนวทางนเี้ ปน็ การพฒั นาอยา่ งเปน็
บุคลากรให้มีคุณภาพ มีคุณลักษณะที่ธนาคารพึง ระบบ ซ่ึงจะท�ำให้บุคลากรของธนาคารเป็นผู้ท่ีมี
ประสงค์ กลา่ วคอื ในดา้ นการแตง่ กายเปน็ บคุ ลากร บุคลิกภาพที่พร้อมในการปฏิบัติงานตามบทบาท
ท่ีเคารพกฎระเบียบของธนาคาร มีการแต่งกาย หน้าท่ีที่ธนาคารก�ำหนดอย่างได้ผลดีและเป็น
สุภาพถูกต้องเหมาะสมตามท่ีธนาคารก�ำหนด บคุ ลากรคุณภาพอย่างยัง่ ยนื
ปที ี่ 19 ฉบับที่ 1 (มกราคม - มีนาคม 2562) วารสารวชิ าการธรรมทรรศน์ 21
6. ข้อเสนอแนะ การอบรม 2 ไตรมาส/คร้ัง ในแต่ละปีบัญชีผู้ท่ี
ไมเ่ ขา้ รบั การอบรมหรอื เขา้ รบั การอบรมไมค่ รบตาม
1. ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย แผนตอ้ งมีการก�ำหนดบทลงโทษชัดเจน เชน่ ไม่ได้
1.1 ปัญหาจากบุคลิกภาพภายนอก รบั การพิจารณาเล่อื นขนั้ เงนิ เดือน
แกไ้ ขโดยธนาคารตอ้ งมคี ำ� สง่ั เปน็ ลายลกั ษณอ์ กั ษร 2. ขอ้ เสนอแนะในการทำ� วจิ ัยครั้งตอ่ ไป
ก�ำหนดข้อปฏิบัติและก�ำหนดบทลงโทษท่ีชัดเจน 2.1 ศึกษาการพัฒนาจิตตามหลัก
และก�ำหนดให้มีผู้ท�ำหน้าที่ควบคุมการปฏิบัติตาม พระพทุ ธศาสนาของบคุ ลากรธนาคารเพอื่ การเกษตร
ค�ำส่งั โดยเครง่ ครัด และสหกรณก์ ารเกษตร
1.2 ปัญหาจากบุคลิกภาพภายใน 2.2 ศึกษาการพัฒนาภาวะความ
แก้ไขโดยธนาคารต้องก�ำหนดให้มีโครงการพัฒนา เป็นผู้น�ำตามหลักพระพุทธศาสนาของบุคลากร
บุคลิกภาพตามหลักภาวนา 4 โดยก�ำหนดในแผน ธนาคารเพอื่ การเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
ปฏิบัติงานประจ�ำปีให้พนักงานทุกคนต้องเข้ารับ
References
Office of the National Economic and Social Development Board. (2017). The twelfth
National Economic and Social Development Plan (2017-2021). Bangkok : Office
of the Prime Minister.
Phra Brahmagunabhorn (P.A. Payutto). (2005). New Concepts for the New Millennium. 3rd
Edition. Bangkok : Pimsuay Co. Ltd.
Phra Piroon Vutthidhammo (Tanao). (2002). Personality Development in Buddhism.
Graduate School : Mahachulalongkornrajavidyalaya University.
ความสำ� เร็จในการบริหารจัดการขยะตน้ ทาง:
กรณศี ึกษาเทศบาลตำ� บลศรีวไิ ล อ�ำเภอศรีวไิ ล จังหวดั บงึ กาฬ*
The Success in Solid Waste Management: A Case Study of
Sriwilai Sub-District Municipality, Sriwilai District,
Bung Kan Province
ชวลติ บญุ ศรรี ัตน์ และสถาพร มงคลศรีสวสั ดิ์
Chawalit Boonsrirat and Sathapond Mongkonsrisawat
วิทยาลยั การปกครองท้องถ่ิน มหาวิทยาลยั ขอนแกน่
College of Local Administration, KhonKaen University, Thailand
Corresponding Author, E-mail: [email protected]
บทคัดย่อ
การวิจัยคร้ังนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาการด�ำเนินงานในการบริหารจัดการขยะต้นทาง
2) ศึกษาสภาพการณ์การมีส่วนร่วมของประชาชนในการลดและคัดแยกขยะ และ 3) ศึกษาปัจจัยแห่ง
ความส�ำเร็จในการบริหารจัดการขยะต้นทางของประชาชนและเทศบาลต�ำบลศรีวิไล อ�ำเภอศรีวิไล
จงั หวดั บงึ กาฬ โดยศกึ ษาจากกลมุ่ ผใู้ หข้ อ้ มลู หลกั แบบเฉพาะเจาะจง จำ� นวน 4 กลมุ่ ประกอบดว้ ย 1) กลมุ่
ผู้บริหาร 2) กลุ่มผู้ปฏิบัติ 3) กลุ่มหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง และ 4) กลุ่มคณะกรรมการและผู้มี
ส่วนเกี่ยวขอ้ งทกุ ภาคสว่ น เปน็ การศึกษาเชงิ คณุ ภาพ โดยใช้วธิ ีการสัมภาษณ์เชงิ ลกึ และการสนทนากลุ่ม
การวเิ คราะหข์ ้อมูลใชว้ ธิ ีเชงิ พรรณนารว่ มกับการวเิ คราะห์เนอื้ หา เพื่อหาขอ้ สรปุ และข้อเสนอแนะ
ผลการวิจยั พบวา่
1. เทศบาลต�ำบลศรีวิไลให้ความส�ำคัญกับการจัดการขยะต้นทาง โดยใช้ขยะรีไซเคิลเป็นทุน
เป็นตัวตั้งต้น มีลักษณะการท�ำงานโดยชุมชนแต่ละชุมชนด�ำเนินการในรูปแบบของคณะกรรมการและ
สมาชิกธนาคารขยะ มีเจา้ หน้าท่ีจากเทศบาลตำ� บลศรวี ไิ ลเปน็ พีเ่ ลยี้ งและใหค้ ำ� ปรกึ ษา
2. ประชาชนในเขตพน้ื ทขี่ องเทศบาลตำ� บลศรวี ไิ ล มคี วามเหน็ รว่ มกนั วา่ การจดั การขยะตน้ ทาง
เปน็ ภาระหนา้ ที่ของทุกภาคส่วนที่ต้องร่วมกันในการบริหารจัดการขยะ
* ไดร้ ับบทความ: 3 กรกฎาคม 2561; แกไ้ ขบทความ: 4 กมุ ภาพนั ธ์ 2562; ตอบรับตพี ิมพ:์ 14 กมุ ภาพนั ธ์ 2562
Received: July 3, 2018; Revised: February 4, 2019; Accepted: February 14, 2019
24 Dhammathas Academic Journal Vol. 19 No. 1 (January - March 2019)
3. ปจั จยั แหง่ ความสำ� เรจ็ ในการจดั การขยะตน้ ทาง คอื 1) นโยบายของผบู้ รหิ ารทใี่ หค้ วามสำ� คญั
ต่อการจัดการขยะมลู ฝอยของชุมชนและใหค้ วามส�ำคัญต่อการจดั การขยะตน้ ทาง 2) การมสี ว่ นรว่ มของ
ทกุ ภาคสว่ นทีม่ คี วามเห็นรว่ มกนั ในการจดั การขยะตน้ ทาง และ 3) แรงจูงใจในการทำ� งาน ไม่ว่าจะเปน็
เร่ืองของรายไดจ้ ากการจ�ำหนา่ ยขยะในครัวเรอื นและสวัสดิการจากกองทุนฌาปนกจิ สงเคราะห์
ค�ำส�ำคญั : การบรหิ ารจัดการ; ความสำ� เร็จ; ขยะ
Abstract
The objectives of this study was to study 1) the operating conditions, 2) problems
and situation of people’s participation and, 3) the success factors in waste reduction and
separation of the Sriwilai sub-district municipality. The key-informants were purposively
categorized into 4 groups as fallows; 1) policy makers, 2) municipality officers, 3) related
government agency and, 4) community members and stakeholders. The data were
collected by using in-depth interviews and focus-group discussion. Then descriptive and
content analysis methods were utilized for data analysis.
The results of the study are as follows:
1. Sriwilai sub-district municipality focuses on the subject of recycled garbage.
Because of the recycling of waste. When the deal is sorted, it is sold to the community
before being sold. And a funeral fund. This is an important motivation for the community
to get involved. And use the process of participation extends to the management of organic
waste, general waste, hazardous waste to succeed. By using recycled garbage as capital.
As a substrate Is characterized by Each community operates in the form of committees and
junk bank members. There are officials from Sriwilai sub-district Municipality as mentors.
2. The main problems were the increasing volume of solid waste due to high
consumption of household. But all groups agreed that waste management was a matter
for all sectors to work together. It was not the duty of any one.
3. Success factors in solid waste management 1) Administrators policies that
focus on community solid waste management and focus on waste management.
2) Participation of all sectors that are see together in the source waste management.
ปีท่ี 19 ฉบับท่ี 1 (มกราคม - มนี าคม 2562) วารสารวชิ าการธรรมทรรศน์ 25
3) Motivation to work. Whether it is the income from the distribution of household waste
and welfare from the Welfare Fund.
Keywords: Management; Success; Waste
1. บทน�ำ และแต่ละคนจะสร้างขยะประมาณวันละ 1.42
กิโลกรัม หรือรวมแล้วประมาณ 2,200 ล้านตัน
ขยะเป็นของเหลือที่ท้ิงไปในแต่ละวัน ต่อปี พร้อมคาดว่าต้นทุนการจัดการขยะเหล่าน้ี
ซงึ่ มจี ำ� นวนมาก เพราะทกุ คนตา่ งกเ็ ปน็ ตน้ ทางหรอื จะเพิ่มจากปีละ 205,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
แหล่งผลิตขยะกันแทบจะทุกคน แต่การบริหาร เป็น 375,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยประเทศ
จัดการขยะมีหน่วยงานที่รับผิดชอบอย่างจริงจัง ยากจนจะใช้เงินมากขึ้นเพื่อใช้ก�ำจัดขยะในชุมชน
เพียงไม่ก่ีแห่ง เช่น เทศบาล สุขาภิบาล องค์การ เมอื ง (What a Waste: a Global Review of
บริหารส่วนต�ำบล ท�ำให้ไม่สามารถก�ำจัดขยะได้ Solid Waste Management)
อย่างเป็นผลและมีประสิทธิภาพเท่าท่ีควรท�ำให้มี ปัจจุบัน ในประเทศไทยเองก็ก�ำลังเผชิญ
ขยะตกค้างจ�ำนวนมาก ขยะจึงเป็นปัญหาส�ำคัญ กบั ปญั หาการกำ� จดั ขยะทน่ี บั วนั จะทวคี วามรนุ แรง
ทง้ั ระดบั ทอ้ งถนิ่ และระดบั ประเทศมาเปน็ เวลานาน ขนึ้ ตลอดเวลา และยงั ไมส่ ามารถหาทางออกทด่ี ไี ด้
สง่ ผลกระทบและเกดิ ปญั หาทางสงั คมตา่ งๆ ตามมา แมห้ นว่ ยงานทเ่ี กยี่ วขอ้ งจะพยายามหาวธิ กี ารกำ� จดั
ใ น ข ณ ะ เ ดี ย ว กั น ก็ เ กิ ด ผ ล ก ร ะ ท บ ท า ง ด ้ า น ขยะและของเสยี อนั ตรายจากบา้ นเรอื น เปน็ ปญั หา
ส่ิงแวดล้อมตามมา โดยเฉพาะอย่างย่ิงปัญหาขยะ สำ� คญั ครัวเรือนเป็นแหล่งก�ำเนิดของเสียอันตราย
มลู ฝอย (Sonoal and Mongkonsrisawat, 2018 จากชุมชนประมาณ 1 ใน 4 ของทง้ั หมด และท่มี า
: 121-129) จนกลายเป็นปัญหาระดับโลกขึ้นมา ของเสียอันตรายจากชุมชนมากกว่าครึ่งท่ีก�ำจัดใน
เพราะประเทศต่างๆ ทั่วโลกก็ก�ำลังเผชิญปัญหา สถานท่ฝี ังกลบขยะมลู ฝอย การถกู ก�ำจัดพรอ้ มกับ
ขยะเช่นเดียวกัน กล่าวคือ หากย้อนมองไปเม่ือ ขยะมูลฝอยชุมชนหรือปล่อยท้ิงสู่ท่อน�้ำเสียหรือ
10 ปกี อ่ น มคี นอาศยั อยใู่ นเมอื งเพยี ง 2,900 ลา้ นคน ระบายสู่สิ่งแวดล้อมโดยตรง การกระท�ำเช่นนี้
และโดยเฉลยี่ แลว้ คนหนง่ึ คนจะสรา้ งขยะประมาณ ยง่ิ เพมิ่ ความเสย่ี งของสาธารณะและอาจสง่ ผลใหม้ ี
วนั ละ 0.64 กิโลกรัม ซงึ่ รวมแล้วคนเมอื งจะท�ำให้ การปนเปือ้ นของน้ำ� ใต้ดนิ อกี ดว้ ย
เกดิ ขยะปลี ะ 680 ลา้ นตัน แตใ่ นปจั จบุ นั มีคนอยู่ จงั หวดั บงึ กาฬ โดยนายพงษศ์ กั ด์ิ ปรชี าวทิ ย์
ประมาณ 3,000 ลา้ นคนทว่ั โลก แตล่ ะคนทำ� ใหเ้ กดิ ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ (ในขณะนั้น) และ
ขยะประมาณวันละ 1.2 กิโลกรัม ดังน้ันเมื่อรวม ส�ำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม
แล้วจะสรา้ งขยะปีละ 1,300 ล้านตนั ต่อปี และใน จังหวัดบึงกาฬ จึงไดจ้ ัดทำ� โครงการรว่ มกบั องค์กร
ปี ค.ศ. 2025 ธนาคารโลกประเมินว่า จ�ำนวน ปกครองส่วนท้องถนิ่ ท้งั 60 แหง่ ด�ำเนินโครงการ
ประชากรเมืองน่าจะเพ่ิมข้ึนเป็น 4,300 ล้านคน
26 Dhammathas Academic Journal Vol. 19 No. 1 (January - March 2019)
จัดการขยะท่ีต้นทางในปี พ.ศ. 2557 โดยให้วิสัย ถกู หลกั วชิ าการ จำ� นวน 73,000 ตนั ตอ่ ปี 8) มพี น้ื ท่ี
ทศั นข์ องจงั หวดั บงึ กาฬ จดั การขยะมลู ฝอยของเสยี ตน้ แบบจดั การขยะมลู ฝอยตน้ ทาง (3R) ระดบั ครวั
อันตรายและมูลฝอยติดเช้ือ เป็นไปตามหลัก เรือน/ชุมชนและขยายผลครบทุกพ้ืนที่ 59 แห่ง
วชิ าการ ลดปรมิ าณขยะตงั้ แตต่ น้ ทาง และสนบั สนนุ และ 9) มศี ูนยบ์ รหิ ารจดั การขยะมูลฝอยเพ่ือผลติ
การแปรรูปขยะมูลฝอยให้เกิดประโยชน์ และเป็น เปน็ พลงั งานไฟฟา้ 1 แหง่
พลังงานทดแทน โดยใช้ยุทธศาสตร์ 6 ข้อคือ 2. ของเสียอันตรายจากชุมชนมีศูนย์
1) ปิด/ฟื้นฟู ระบบก�ำจัดขยะมูลฝอยแบบไม่ถูก บรหิ ารจดั การของเสยี อนั ตรายชมุ ชนอยา่ งถกู หลกั
หลักวิชาการ 2) มีการจัดการขยะสะสมอย่างถูก วชิ าการจำ� นวน 1 แหง่
หลกั วชิ าการ 3) ของเสยี อนั ตรายชมุ ชนและมลู ฝอย 3. มลู ฝอยติดเชอ้ื มกี ารควบคมุ การเก็บ
ตดิ เชอื้ มกี ารจดั การอยา่ งถกู หลกั วชิ าการ 4) มพี นื้ ท่ี รวบรวม เก็บขนและขนส่งมูลฝอยติดเช้ือเพื่อน�ำ
ต้นแบบการจัดการขยะมูลฝอยเหลือศูนย์ (Zero ไปก�ำจัดอย่างถูกหลักวิชาการ อย่างน้อย 137
Waste) 5) สนบั สนนุ เอกชนนำ� ขยะมลู ฝอยแปรรปู กโิ ลกรัม/วัน
ให้เกิดประโยชน์และเป็นพลังงานในอนาคตและ จากแผนงานวิสัยทัศน์และยุทธศาสตร์
6) สร้างวินัยคนบึงกาฬให้เมืองสะอาดคนในชาติ ขา้ งตน้ องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ และประชาชน
มีสขุ ในพ้ืนที่จังหวัดบึงกาฬ ได้น�ำมาปฏิบัติจนผลผลิต
นอกจากน้ี จังหวัดบึงกาฬยังมีเป้าหมาย การจดั การขยะครบทกุ องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ
ในการบริหารจัดการขยะมูลฝอยและของเสีย และครบทกุ หมบู่ า้ น สนองต่อนโยบายของรัฐบาล
อนั ตรายอยา่ งถกู หลกั วชิ าการ และมปี ระสทิ ธภิ าพ ในการจดั การขยะตน้ ทาง จำ� นวน 44,542 ครวั เรอื น
ภายในปี พ.ศ. 2562 ดังนี้ (จากท้ังหมด 99,403 ครัวเรอื น) มกี ารซื้อขายขยะ
1. ขยะมูลฝอยชุมชน มีเป้าหมาย ดังน้ี สะสมเป็นเงิน 23,024,689 บาท ปริมาณขยะ
1) ปดิ สถานทกี่ ำ� จดั ขยะแบบเทกอง จำ� นวน 1 แหง่ ลดลงโดยไม่ไปก�ำจัดปลายทางสะสม จ�ำนวน
2) เพ่ิมประสิทธิภาพศูนย์ก�ำจัดขยะมูลฝอยท่ี 9,314 ตนั มกี องทนุ สวสั ดกิ ารฌาปนกจิ สงเคราะห์
ถกู หลกั วิชาการ รวม 1 แห่ง 3) ปรับปรงุ สถานที่ หมุนเวียน 18,274,282 บาท จ่ายเงินช่วยเหลือ
ก�ำจัดขยะมูลฝอยแบบไม่ถูกหลักวิชาการ จ�ำนวน ครอบครัวสมาชิกท่ีเสียชีวิตมาแล้ว 778 ราย
18 แห่ง 4) ฟื้นฟูสถานท่ีก�ำจัดขยะเตรียมการ เปน็ เงนิ 10,527,252 บาท และมผี ลผลติ เกดิ ชมุ ชน
เป็นศูนย์ก�ำจัดขยะรวมอย่างถูกหลักวิชาการ ต้นแบบเป็นสถานท่ีศึกษาดูงานของหน่วยงาน
รวม 3 แหง่ 5) ประกาศเขตหา้ มเทกองขยะมลู ฝอย และองคก์ รปกครองสว่ นท้องถ่ิน จำ� นวน 26 พนื้ ท่ี
(No More Open Dump) ครอบคลมุ 8 อ�ำเภอ รวม 59 หมบู่ า้ นมหี นว่ ยงานเขา้ มาศกึ ษาดงู านรวม
6) ขยะสะสมไดร้ บั การจดั การอยา่ งถกู หลกั วชิ าการ 386 หน่วยงานจากพนื้ ท่ี 31 จังหวดั รวมผ้เู ข้ารับ
จ�ำนวน 250,000 ตัน 7) ขยะมลู ฝอยมกี ารจัดการ การศึกษาดูงานท้ังสิ้น 11,215 คน ปริมาณขยะ
ปีที่ 19 ฉบบั ท่ี 1 (มกราคม - มีนาคม 2562) วารสารวชิ าการธรรมทรรศน์ 27
ท่ีลดลงในปีงบประมาณ 2559 รวม 7,347 ตัน ขยะมเี นอ้ื ทเี่ พยี ง 4 ไรเ่ ทา่ นน้ั การกำ� จดั ขยะมลู ฝอย
(ข้อมูล ณ 30 กันยายน 2559) ซ่ึงจุดเริ่มต้น ในเขตเทศบาลต�ำบลศรีวิไลเกิดข้ึนคร้ังแรก
ของโครงการเกดิ ขนึ้ ทเ่ี ทศบาลตำ� บลศรวี ไิ ล อำ� เภอ เม่ือปี พ.ศ. 2548 โดยพระมหาวีระ มหาวีโร
ศรวี ิไล จังหวัดบึงกาฬ เจา้ คณะอำ� เภอศรวี ไิ ล เปน็ ผรู้ เิ รมิ่ นำ� พาญาตโิ ยมทำ�
เทศบาลตำ� บลศรวี ไิ ลมปี รมิ าณขยะมลู ฝอย ผ้าป่าขยะข้ึน เป็นโครงการท่ีให้ชาวบ้านญาติโยม
ท่ีเกิดข้ึนวันละ 7.5 ตัน ทั้งนี้อัตราการเพ่ิมของ เกบ็ รวบรวมไวท้ บี่ า้ น แลว้ นำ� มาทอดผา้ ปา่ ขยะเปน็
ปริมาณขยะจากครัวเรือนและสถานประกอบการ โครงการขยะแลกบญุ โดยมแี นวคดิ ทวี่ า่ ขยะคอื ทนุ
ร้านค้าต่างๆเพ่ิมมากขึ้นทุกวัน โดยขยะที่เกิดขึ้น บุญคือ ก�ำไร ได้รับความร่วมมือจากชาวบ้าน
ในหนง่ึ วนั ประมาณ 7.5 ตนั ตอ่ วนั หรอื 1 คนทำ� ให้ ญาติโยม จ�ำนวนหน่ึง ต่อมาในปี พ.ศ. 2557
เกิดปริมาณขยะประมาณ 0.67 กิโลกรัมต่อวัน เทศบาลต�ำบลศรีวิไลได้ริเร่ิมท�ำโครงการส่งเสริม
สาเหตุหลักเกิดจากการเพ่ิมขึ้นของจ�ำนวน การก�ำจัดขยะอย่างถูกวิธีโดยชุมชน รวมถึง
ประชากรและการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ โครงการธนาคารขยะเพื่อชุมชนโดยได้รับความ
ซึ่งท�ำให้มีการบริโภคอุปโภคเพ่ิมมากขึ้นและเป็น ร่วมมือจากทุกชุมชนในเขตเทศบาลต�ำบลศรีวิไล
สาเหตุของการเกิดปริมาณขยะที่เพ่ิมมากขึ้นด้วย อย่างดียิ่ง จากทุกภาคส่วนร่วมกันรณรงค์ก�ำจัด
ถึงแม้ว่าจะมีการบริหารจัดการขยะดังกล่าวแล้ว ขยะที่ต้นทาง สรา้ งชุมชนปลอดขยะ โดยได้วาง 4
ข้างตน้ แตป่ รมิ าณขยะกย็ งั คงมอี ยูท่ ัว่ ไป สังเกตได้ ยุทธศาสตร์หลักคือ 1) จัดให้มีการคัดแยกตั้งแต่
จากบรเิ วณรมิ ถนน ทส่ี าธารณะ และอน่ื ๆ ยงั มขี ยะ ครัวเรือนหรือแหล่งก�ำเนิดเพื่อน�ำไปใช้ประโยชน์
ทง้ิ อยทู่ ว่ั ไป โดยเฉพาะ ถงุ พลาสตกิ กระปอ๋ งกาแฟ และจัดการตามประเภทของขยะนั้นๆ ปัจจุบัน
ขวดแก้ว เศษพลาสติก เศษกระดาษ และอื่นๆ มหี ลายๆ ชุมชนมีการคัดแยกในครัวเรือนโดยแยก
ประชาชนในพ้ืนท่ียังคงทิ้งขยะเหลือใช้เหล่าน้ัน ขยะนำ� กลบั มาใชใ้ หมห่ รอื ขยะรไี ซเคลิ และนำ� ไปใช้
อยา่ งไมถ่ กู วธิ ี ไมม่ วี นิ ยั ไรจ้ ติ สำ� นกึ ความรบั ผดิ ชอบ ประโยชน์ เช่น ขยะย่อยสลายได้ประเภทเศษ
ทงั้ ตอ่ ตนเองและชมุ ชน อตั รากำ� ลงั ดา้ นการจดั การ อาหาร เปลอื กผลไม้ นำ� ไปทำ� นำ้� หมกั ชวี ภาพ ปยุ๋ นำ้�
ขยะจ�ำนวน 6 คน รถขยะจำ� นวน 2 คัน จ�ำนวน หรอื นำ� ไปเปน็ อาหารสตั ว์ การแยกขยะในครวั เรอื น
เท่ียวว่ิงในการจัดเก็บขยะทั้งสิ้น 4 เท่ียวต่อวัน ท�ำได้ง่ายและช่วยลดภาระในการก�ำจัด โดยการ
การเก็บรวบรวมขยะมูลฝอยภายในเขตพ้ืนท่ีได้ คดั แยกทมี่ ปี ระสทิ ธภิ าพจะทำ� ใหไ้ ดข้ ยะทมี่ คี ณุ ภาพ
ประมาณ 5 ตันต่อวัน มีขยะมูลฝอยตกค้าง ต่อการน�ำไปใช้งานและก�ำจัด 2) การบังคับใช้
ประมาณ 2.5 ตันต่อวนั โดยมีการนำ� ขยะมูลฝอย กฎหมายเพอ่ื สนบั สนนุ การคดั แยก ณ แหลง่ กำ� เนดิ
ที่เก็บรวบรวมไปกำ� จัด ณ บ่อฝังกลบขยะ และเสีย ท�ำให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการลดปริมาณและ
ค่าใช้จ่ายในการเก็บขนเพื่อน�ำไปก�ำจัดถึงปีละ 3 การคัดแยกขยะ 3) การสนบั สนนุ ใหท้ อ้ งถน่ิ มกี าร
ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินจ�ำนวนมากอีกท้ังบ่อฝังกลบ แลกเปลี่ยนเรียนรู้วิธีการจัดการขยะให้ถูก
28 Dhammathas Academic Journal Vol. 19 No. 1 (January - March 2019)
สขุ ลกั ษณะเพ่อื ใหใ้ ช้งบประมาณนอ้ ยทส่ี ดุ และ 4) ขยะท่ีมีปริมาณเพ่ิมมากข้ึน ทุกคนทุกครัวเรือน
การควบคุมตรวจสอบอย่างจริงจัง โดยท้องถิ่นจะ ประเทศไทยจะสามารถลดขยะและลดปัญหา
ตอ้ งมกี ารควบคมุ อยา่ งจรงิ จงั ไมใ่ หม้ กี ารลกั ลอบทง้ิ ส่ิงแวดล้อมได้แน่นอน
ขยะอนั ตรายจากอตุ สาหกรรมรวมไปกบั ขยะทวั่ ไป นอกจากน้ี ทางเทศบาลต�ำบลศรีวิไล
ตลอดจนขอความร่วมมือจากประชาชนในการท้ิง อ�ำเภอศรีวิไล จังหวัดบึงกาฬ ยังได้มีการจัดท�ำ
ขยะใหเ้ ปน็ ทเี่ ปน็ ทางเพอื่ ใหท้ อ้ งถน่ิ สะอาด โดยเรม่ิ โครงการธนาคารขยะทส่ี ามารถสรา้ งประสทิ ธภิ าพ
จากระดบั ครวั เรอื น ชมุ ชน ตอ้ งเขา้ มามสี ว่ นรว่ มใน และสามารถทำ� รายไดใ้ หก้ บั จงั หวดั จากการบรหิ าร
การลด คัดแยก และใช้ประโยชน์จากขยะมลู ฝอย ขยะ เดอื นละ 2.2 ลา้ นบาท โครงการจดั ตงั้ ธนาคาร
ใหไ้ ดม้ ากทส่ี ดุ เพอ่ื ใหป้ รมิ าณขยะมลู ฝอยเหลอื นอ้ ย ขยะและเป็นแหล่งเรียนรู้ศึกษาดูงานธนาคารขยะ
ที่สุด ก่อนน�ำไปก�ำจัด ณ บ่อฝังกลบ และเก็บ ใหแ้ กอ่ งคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ ทกุ แหง่ ในจงั หวดั
รวบรวมขยะรีไซเคิล เพ่ือน�ำมาฝากกับเทศบาล บึงกาฬและหน่วยงานอื่นๆ ท่ีสนใจท่ัวประเทศ
ตำ� บลศรวี ิไล โดยมีการท�ำกิจกรรมร่วมกันภายในต�ำบลศรีวิไล
โครงการบริหารจัดการขยะต้นทางของ อำ� เภอศรวี ไิ ล จงั หวดั บงึ กาฬ ซงึ่ ชาวบา้ นมกี จิ กรรม
เทศบาลต�ำบลศรีวิไล โดยการคัดแยกขยะใช้ ร่วมกัน ขยายผลรวมกันท้ังจังหวัดท�ำให้สามารถ
ประโยชน์จากขยะข้ึนเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ลดปรมิ าณขยะไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพมบี รรยายให้
2557 เพ่ือเป็นการสร้างความตระหนักให้กับ ความรู้แก่คณะศึกษาดูงานในพ้ืนท่ีรับผิดชอบของ
ประชาชน นกั เรยี น ครู สถานประกอบการ รา้ นคา้ เทศบาลต�ำบลศรีวิไล ทั้งหมด 65 คร้ัง จาก 21
ในเขตพ้ืนท่ีรับผิดชอบของเทศบาลต�ำบลศรีวิไล จงั หวดั 38 อำ� เภอ 19 เทศบาล 38 องคก์ ารบรหิ าร
อำ� เภอศรวี ไิ ล จงั หวดั บงึ กาฬ โดยมกี ารทำ� กจิ กรรม ส่วนต�ำบล รวมจ�ำนวนผู้เช้าศึกษาดูงานท้ังหมด
ร่วมกนั ภายในต�ำบลศรวี ไิ ล อำ� เภอศรีวไิ ล จังหวัด 4,130 คน (Public Health Division, 2016)
บงึ กาฬ ซง่ึ ชาวบา้ นมกี จิ กรรมรว่ มกนั และขยายผล ดังนั้น ผู้ศึกษาจึงมีความสนใจที่จะศึกษา
รวมกันทั้งจังหวัดท�ำให้สามารถลดปริมาณขยะได้ ความสำ� เรจ็ ในการบรหิ ารจดั การขยะตน้ ทาง: กรณี
อย่างมีประสิทธิภาพและสามารถท�ำรายได้ให้กับ ศึกษาเทศบาลต�ำบลศรีวไิ ล อ�ำเภอศรีวิไล จังหวดั
จังหวัดจากการบริหารขยะ โดยเฉพาะประชาชน บึงกาฬ โดยเน้นการด�ำเนินงานในการบริหาร
ในพน้ื ทต่ี ำ� บลศรวี ไิ ลไดบ้ รหิ ารจดั การขยะทต่ี น้ ทาง จัดการขยะต้นทาง การมีส่วนร่วมของประชาชน
ท�ำให้มีรายได้ไม่ต่�ำกว่า 10,000 บาท/หมู่บ้าน ในการลดและคัดแยกขยะในเขตพื้นท่ีเทศบาล
ซึ่งในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2559 ทุกชุมชนในเขต ตำ� บลศรวี ไิ ล เพอื่ จะไดน้ ำ� ขอ้ มลู ทไ่ี ดจ้ ากการศกึ ษา
เทศบาลต�ำบลศรีวิไล มีรายได้จากการบริหาร ไปเป็นแนวทางในการจัดการขยะต้นทางของ
จัดการขยะถงึ 2 ลา้ นบาท ดังนัน้ หากประชาชน ประชาชน และเทศบาลต�ำบลศรีวิไลให้มี
ทง้ั ประเทศเหน็ ถงึ ความสำ� คญั ในการชว่ ยลดปญั หา ประสิทธิภาพต่อไป
ปีที่ 19 ฉบบั ท่ี 1 (มกราคม - มีนาคม 2562) วารสารวิชาการธรรมทรรศน์ 29
2. วัตถุประสงค์ของการวิจัย ศรีวิไล อ�ำเภอศรีวิไล จังหวัดบึงกาฬจาก ผู้วิจัย
สามารถสรุปได้ดังน้ี
1. เพื่อศึกษาการด�ำเนินงานในการ 1. การด�ำเนินงานบริหารจัดการขยะ
บริหารจัดการขยะต้นทาง ในเขตพ้ืนท่ีรับผิดชอบ ต้นทาง เทศบาลต�ำบลศรีวิไลเน้นในเร่ืองของขยะ
ของเทศบาลต�ำบลศรีวิไล อ�ำเภอศรีวิไล จังหวัด รีไซเคิลก่อน เพราะการจัดการขยะรีไซเคิล เมื่อมี
บึงกาฬ การจัดการมีการคัดแยกก่อนน�ำไปซื้อขายจะมี
2. เพอ่ื ศกึ ษาสภาพการณก์ ารมสี ว่ นรว่ ม มูลค่า มีรายได้ต่อชุมชน และมีการตั้งกองทุน
ของประชาชนในการลดและคัดแยกขยะในเขต ฌาปนกจิ สงเคราะห์ ซงึ่ เปน็ แรงจงู ใจทสี่ ำ� คญั ทำ� ให้
พ้ืนที่เทศบาลต�ำบลศรีวิไล อ�ำเภอศรีวิไล จังหวัด ชมุ ชนเขา้ มามสี ว่ นรว่ ม และใชข้ บวนการมสี ว่ นรว่ ม
บึงกาฬ ขยายไปจัดการขยะอินทรีย์ ขยะทั่วไป ขยะ
3. เพื่อศึกษาปัจจัยแห่งความส�ำเร็จใน อันตรายต่อไปให้ประสบผลส�ำเร็จ โดยใช้ขยะ
การบริหารจัดการขยะต้นทางของประชาชนและ รไี ซเคลิ เปน็ ทนุ เปน็ ตวั ตงั้ ตน้ มลี กั ษณะการทำ� งาน
เทศบาลตำ� บลศรวี ไิ ล อำ� เภอศรวี ไิ ล จงั หวดั บงึ กาฬ โดยชุมชนแต่ละชุมชนด�ำเนินการในรูปแบบของ
คณะกรรมการและสมาชกิ ธนาคารขยะ มเี จา้ หนา้ ที่
3. วิธีด�ำเนินการวจิ ัย จากเทศบาลต�ำบลศรีวิไลเป็นพี่เลี้ยงและให้
ค�ำปรึกษา
การวจิ ยั คร้ังนี้ เปน็ การศึกษาเชิงคณุ ภาพ 2. กลุ่มตัวอย่างทุกกลุ่มเห็นว่าการ
โดยผู้วิจัยได้ศึกษา ค้นคว้า และรวบรวมข้อมูล บริหารจัดการขยะต้นทางเป็นเรื่องที่ทุกภาคส่วน
เอกสารทางวชิ าการ ตำ� รา รายงาน และบทความ ต้องด�ำเนินการร่วมกัน ไม่ใช่หน้าที่ของผู้หนึ่งผู้ใด
ทางวิชาการจากวารสารต่างๆ ที่เป็นหลักการ เพราะการจัดการขยะต้นทางเป็นการกำ� จัดที่ตรง
แนวคดิ ปจั จยั ตอ่ ความสำ� เรจ็ และทฤษฎที เ่ี กย่ี วขอ้ ง เหตุและตรงจุดมากท่ีสุด การก�ำจัดขยะต้นทาง
รวมทั้งงานวิจัยที่เก่ียวข้อง และจากผู้ให้ข้อมูล เป็นการสร้างวินัยให้กับคนในชุมชนให้รู้รักสามัคคี
สำ� คญั ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การศกึ ษา โดยศกึ ษาจากกลมุ่ สร้างการมีส่วนร่วม และสร้างรายได้ตลอดจน
ผู้ให้ข้อมูลหลักแบบเจาะจง จ�ำนวน 4 กลุ่ม สวัสดกิ ารให้แก่ชมุ ชน
ประกอบด้วย 1) กลุ่มผู้บริหาร 2) กลุ่มผู้ปฏิบัติ 3. ปัจจัยแห่งความส�ำเร็จในการจัดการ
3) กลุ่มหนว่ ยงานราชการทีเ่ กย่ี วขอ้ ง 4) กลุ่มคณะ ขยะต้นทาง ดังนี้ 1) นโยบายของผู้บริหารที่ให้
กรรมการชุมชน สมาชิกในชุมชนและผู้มีส่วน ความส�ำคัญต่อการจัดการขยะมูลฝอยของชุมชน
เก่ยี วขอ้ งทุกภาคส่วน และให้ความส�ำคัญต่อการจัดการขยะต้นทาง
2) การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนท่ีมีความเห็น
4. สรุปผลการวิจยั รว่ มกนั ในการจดั การขยะตน้ ทาง และ 3) แรงจงู ใจ
จากผลการวจิ ยั ความสำ� เรจ็ ในการบรหิ าร
จัดการขยะต้นทาง: กรณีศึกษาเทศบาลต�ำบล
30 Dhammathas Academic Journal Vol. 19 No. 1 (January - March 2019)
ในการทำ� งาน ไมว่ า่ จะเปน็ เรอื่ งของรายไดจ้ ากการ 5. อภปิ รายผลการวจิ ยั
จำ� หนา่ ยขยะในครวั เรอื นและสวสั ดกิ ารจากกองทนุ
ฌาปนกิจสงเคราะห์ ความส�ำเร็จของการจัดการขยะต้นทาง
4. แนวทางการจัดการขยะต้นทางให้ เกิดจากการที่ทุกภาคส่วนให้ความสนใจในปัญหา
ประสบผลสำ� เรจ็ และยง่ั ยืน ท่ีเกิดขึ้น และใช้กระบวนการมสี ว่ นรว่ มเขา้ บรหิ าร
4.1 ควรให้ความส�ำคัญต่อการสร้าง จัดการ ไม่ว่าจะร่วมคิด ร่วมตัดสินใจ ร่วมกันท�ำ
ความเข้าใจแก่ประชาชนถึงหลักการผู้ก่อมลพิษ รว่ มรบั ผลประโยชน์ และร่วมตรวจสอบ ตลอดจน
เป็นผู้จา่ ย (Polluter Pay Principle/PPP) อยา่ ง มีการประมวลผลในกิจกรรมต่างๆ ที่ด�ำเนินการ
ต่อเน่ือง เพื่อให้เกิดความตระหนักในหน้าที่ ซง่ึ แรงจงู ใจกเ็ ปน็ สง่ิ สำ� คญั ทขี่ าดไมไ่ ดใ้ นการดำ� เนนิ
ทต่ี นเองไดก้ อ่ ใหเ้ กดิ ปรมิ าณขยะขน้ึ มาและดำ� เนนิ กจิ กรรม ซงึ่ ในการจดั การขยะต้นทางของเทศบาล
กจิ กรรมการก�ำจัดขยะต้นทางอย่างต่อเน่ือง ต�ำบลศรีวิไล อ�ำเภอศรีวิไล จังหวัดบึงกาฬ
4.2 ควรมุ่งสร้างแนวคิดในการ ในด้านแรงจูงใจนอกจากประชาชน จะได้สร้าง
จัดการขยะต้นทาง ประเภทขยะอินทรีย์เพ่ิมเติม รายได้และมีสวัสดิการให้แก่ตนเองและครอบครัว
นำ� ขยะอนิ ทรยี ม์ าสรา้ งประโยชน์ เอามาหมกั ทำ� ปยุ๋ แล้วยังเป็นการสร้างคุณภาพชีวิตท่ีดีให้แก่ตนเอง
ทำ� นำ�้ หมกั ชวี ภาพ เอามาทำ� แกส๊ ชวี ภาพ ทำ� ใหเ้ กดิ และสังคมอีกด้วย
รายได้ของครัวเรือน กิจกรรมดังกล่าวจะเป็นแรง
จูงใจท่ีต่อเนื่องจากขยะรีไซเคิล ขยะอินทรีย์จะมี 6. ข้อเสนอแนะ
มากทส่ี ะสมรอ้ ยละ 60 นอกจากสร้างแรงจงู ใจให้
ชุมชน ยังเป็นการลดขยะต้นทางอย่างได้ผลขยะ ท้องถ่ินควรให้ความส�ำคัญต่อการสร้าง
รีไซเคิล 30 เปอรเ์ ซน็ ต์ ขยะอนิ ทรีย์ 60 เปอรเ์ ซ็นต์ ความเข้าใจแก่ประชาชนถึงหลักการผู้ก่อมลพิษ
รวมเป็น90 เปอร์เซ็นต์ จะท�ำให้การด�ำเนินเข้าสู่ เป็นผู้จ่าย (Polluter Pay Principle / PPP)
เปา้ หมายได้เรว็ มากขน้ึ อย่างต่อเน่ือง เพ่ือให้เกิดความตระหนักในหน้าท่ี
4.3 ควรพิจารณาในเร่ืองกิจกรรม ทตี่ นเองไดก้ อ่ ใหเ้ กดิ ปรมิ าณขยะขนึ้ มา และดำ� เนนิ
ของชุมชนว่า ควรมีวิธีการอย่างไรในเร่ืองของให้ กิจกรรมการก�ำจัดขยะต้นทางอย่างต่อเน่ือง
ชุมชนมีส่วนร่วม ให้ชุมชนได้รับผลประโยชน์ ตลอดจนสร้างแนวคิดในการจัดการขยะต้นทาง
สังเกตได้ว่าโครงการท่ีเราท�ำเร่ืองเดียวกันไม่ ประเภทขยะอินทรีย์เพ่ิมเติม น�ำขยะอินทรีย์
ประสบความส�ำเร็จ เพราะชุมชนไม่ได้รับผล มาสร้างประโยชน์ เอามาหมักท�ำปุ๋ย ท�ำน้�ำหมัก
ประโยชน์ เมื่อชุมชนได้รับผลประโยชน์ มีการคิด ชีวภาพ เอามาท�ำแก๊สชีวภาพ ท�ำให้เกิดรายได้
ร่วมกัน การตัดสินใจร่วมกันได้รับผลประโยชน์ ของครัวเรือน กิจกรรมดังกล่าวจะเป็นแรงจูงใจ
เขาจะเกิดแรงจูงใจในการทำ� งาน ท่ีต่อเน่ืองจากขยะรีไซเคิล ซ่ึงขยะอินทรีย์
จะมมี ากทส่ี ะสมรอ้ ยละ 60 นอกจากสรา้ งแรงจงู ใจ
ให้ชุมชน ยังเป็นการลดขยะต้นทางอย่างได้ผล
ปที ี่ 19 ฉบับท่ี 1 (มกราคม - มนี าคม 2562) วารสารวิชาการธรรมทรรศน์ 31
ขยะรีไซเคิล 30 เปอร์เซ็นต์ ขยะอินทรีย์ 60 มสี ว่ นร่วมให้ชมุ ชนไดร้ บั ผลประโยชน์ เม่อื ชมุ ชน
เปอรเ์ ซน็ ตร์ วม 90 เปอรเ์ ซน็ ต์ จะทำ� ใหก้ ารดำ� เนนิ ได้รับผลประโยชน์ การมีการคิดร่วมกันการ
เข้าสู่เป้าหมายได้เร็วมากขึ้น นอกจากนั้น ตัดสินใจร่วมกันได้รับผลประโยชน์ เขาจะเกิด
ควรพิจารณาในเร่ืองกิจกรรมของชุมชนว่า แรงจูงใจในการท�ำงานอันจะก่อให้เกิดผลส�ำเร็จ
ควรมีวิธีการอย่างไรในเร่ืองของการให้ชุมชน ตอ่ ไป
References
Public Health Division, (2016). Public Health Planning, Sriwilai Sub-district Municipality,
Sriwilai District, Bung Kan Province.
Sonoal, P. and Mongkonsrisawat, S. (2018). Communitiy Based Solid Waste Management:
A Case Study of Kudnamsai Municipality, Namphong District, KhonKaen Province.
Dhammathas Academic Journal, 18(2), 121-129.
วิสาหกิจชุมชนจังหวัดแพร:่ องคค์ วามรแู้ ละการจัดการเชงิ เครือข่าย
เพ่อื การพฒั นาท่ียั่งยืน*
Phrae Provincial’s Community Enterprises: Knowledge and
Network’s Management for Sustainable Development
พระครสู งั ฆ์รักษ์บุญเสรมิ กติ ฺติวณโฺ ณ, อรอนงค์ วูวงศ์, ธาดา เจริญกศุ ล1 และกาญจนา ดำ� จุต2ิ
Phrakru Sangharak Boonserm Kittivanno, Onanong Woowong,
Thada Charoenkusol and Kanjana Damjutti
มหาวิทยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลัย วิทยาเขตแพร1่
นกั วิชาการอสิ ระ2
Mahachularlongkorajavidlayala University, Phrae Campus, Thailand
Independent Scholars, Thailand
Corresponding Author, E-mail: [email protected]
บทคดั ย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาบริบท สภาพปัจจุบัน และปัญหาการด�ำเนินงาน
วสิ าหกจิ ชมุ ชนจงั หวดั แพร่ 2) เพอื่ ศกึ ษาหลกั การ ทฤษฎเี กย่ี วกบั องคค์ วามรู้ และการจดั การเชงิ เครอื ขา่ ย
วสิ าหกจิ ชุมชนอย่างมสี ่วนรว่ มเพื่อการพัฒนาท่ยี ่งั ยนื 3) เพ่อื ศกึ ษาและวิเคราะห์ระบบความสมั พนั ธแ์ ละ
ผลส�ำเร็จของการจัดการเชิงเครือข่ายที่มีต่อการพัฒนาท่ีย่ังยืนของวิสาหกิจชุมชน และ 4) เพ่ือเสนอ
องคค์ วามรู้ และระบบการจดั การเชงิ เครอื ขา่ ยทมี่ ผี ลตอ่ การพฒั นาทยี่ ง่ั ยนื ของวสิ าหกจิ ชมุ ชนจงั หวดั แพร่
เปน็ การวิจยั แบบผสานวิธี ทงั้ เชงิ คณุ ภาพ ดว้ ยแบบสมั ภาษณ์เชิงลกึ และการสนทนาเฉพาะกลุ่ม
ผลการวจิ ยั พบว่า
1. บริบท สภาพปัจจุบันของวิสาหกิจชุมชนจังหวัดแพร่ได้ด�ำเนินผลิตมาอย่างยาวนานมีการ
ปรับกลยุทธ์ตามล�ำดับ ปัจจุบันได้ขับเคล่ือนสู่ตลาดได้อย่างเป็นระบบสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการ
และผผู้ ลติ ในชมุ ชน ทง้ั ขนาดกลาง และขนาดเลก็ มปี ญั หาการผลติ การตลาด การออกแบบ การจำ� หนา่ ย
การไม่มีศนู ย์ข้อมลู แลกเปลี่ยนข่าวสาร มวี ัสดไุ ม่พอเพยี ง
* ไดร้ บั บทความ: 17 มีนาคม 2561; แก้ไขบทความ: 7 กรกฎาคม 2561; ตอบรบั ตพี ิมพ:์ 9 มกราคม 2562
Received: March 17, 2018; Revised: July 7, 2018; Accepted: January 9, 2019
34 Dhammathas Academic Journal Vol. 19 No. 1 (January - March 2019)
2. ความคิดเห็นของสมาชิกวิสาหกิจชุมชนจังหวัดแพร่เก่ียวกับองค์ความรู้และการจัดการ
เชิงเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนอย่างมีส่วนร่วมเพ่ือการพัฒนาท่ียั่งยืนพบว่า โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก
คา่ เฉลยี่ ( = 3.95)
3. ผลของการศึกษาระบบความสัมพันธ์และความส�ำเร็จของการจัดการเชิงเครือข่ายที่มีต่อ
วสิ าหกจิ ชุมชนจังหวดั แพร่เพ่ือการพัฒนาทยี่ ่งั ยืนพบว่า ยังไมม่ รี ะบบการจัดการเครอื ขา่ ยที่ชัดเจนยังเป็น
ลักษณะที่เป็นแบบต่างคนต่างด�ำเนินการผลิต ความสัมพันธ์ยังไม่เน้นแฟ้น แต่สามารถด�ำเนินวิสาหกิจ
ชมุ ชนได้คอ่ นข้างดี
4. ผลของการศึกษาองคค์ วามรู้ และระบบการจดั การเชิงเครอื ขา่ ยทีม่ ผี ลตอ่ การพัฒนาที่ย่ังยนื
ของวิสาหกิจชุมชนจังหวัดแพร่ พบว่า เป็นการจัดการเชิงเครือข่ายที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของเศรษฐกิจ
พอเพยี ง เนน้ วถิ วี ฒั นธรรมทอ้ งถน่ิ ใชว้ สั ดทุ มี่ อี ยู่ และบคุ ลากรในชมุ ชนเขา้ มามสี ว่ นรว่ มดำ� เนนิ การในการ
วางแผนธุรกิจ เน้นความเอือ้ อาทรในการจัดการให้มคี ณุ ภาพชีวติ ความเปน็ อยทู่ ่ดี ี
คำ� ส�ำคญั : วิสาหกิจชุมชนจังหวดั แพร;่ การจัดการเชงิ เครือขา่ ย; การพฒั นาที่ย่งั ยนื
Abstract
The objectives of this research were: 1) to study the present context and
operational problems of the Phrae Provincial’s Community Enterprises; 2) to study
the principles, theories about the body of knowledge and network’s management
for sustainable development; 3) to study and analysis the relative systems and success
of net work’s management towards the sustainable development of the community
enterprises; 4) to present the body of knowledge and systems of network’s management
towards sustainable development. It was mixed method research by using the qualitative
with in-depth interview and focus group discussion.
The findings of this research were as follows:
1. The present context of Phrae Provincial’s Community Enterprises had
implemented very long time. It had adjusted the strategy following the situation change
of the country to the present time. It had driven systematically. It had added the income
to the entrepreneur and producer in the community both medium and small size. It had
problems of production, market, design, distribution, had no information center and the
material problems.
ปที ี่ 19 ฉบบั ท่ี 1 (มกราคม - มนี าคม 2562) วารสารวชิ าการธรรมทรรศน์ 35
2. The overall opinions of member of community enterprise about body of
knowledge and network’s management for sustainable development of the Phrae
Provincial’s Community Enterprises were statistically rated at a high level ( = 3.95).
3. The results of the study of the relative systems and success of network’s
management towards Phrae Provincial’s Community Enterprises for sustainable development
were found that there were not network’s management systems clearly. It was separate
the manufactural implementation, relative systems of network’s management were not
tight relation but the community enterprises had good implemented.
4. The results of the study the body of knowledge and systems of network’s
management affected sustainable development of Phrae Provincial’s Community
Enterprises were found that it was the network’s management which was on the way of
self-sufficient economy, used local culture way and local material. Moreover, the people
in the community had participated in the business planning and it had also helped
each other in management for good quality of life.
Keywords: Phrae Provincial’s Community Enterprises; Network’s Management; Sustainable
Development
1. บทนำ� ท้องถนิ่ มาใช้ในการพัฒนาการ โดยเฉพาะอย่างยง่ิ
การพัฒนาขีดความสามารถวิสาหกิจชุมชนให้มี
ประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งที่มีความ ความเข้มแข็งและสามารถพัฒนาได้อย่างยั่งยืน
เจริญเติบโตทางเศรษฐกิจท่ีดี โดยได้มีการใช้ (Charoernrob, et al., 2012 : 1-5) แนวทางการ
เศรษฐกิจแบบเสรีเป็นกรอบในการขับเคล่ือน พัฒนาวิสาหกิจชุมชน เป็นแนวทางหนึ่งท่ีจะช่วย
เศรษฐกิจไทย ท�ำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตมาเป็น แก้ปัญหาความยากจนของประชาชนและเป็น
ล�ำดบั ถึงแม้ในบางชว่ งเศรษฐกิจของประเทศไทย แนวทางที่สร้างเศรษฐกิจ สังคม และชุมชนให้มี
ได้เกิดภาวะวิกฤตขึ้น แต่รัฐบาลไทยก็ได้แก้ไข ความยง่ั ยนื เพราะเปน็ การสง่ เสรมิ ใหช้ มุ ชนรจู้ กั ใช้
ปัญหาภาวะดังกล่าว จนเศรษฐกิจกระเตื้องข้ึน ทรัพยากรท้องถิ่น ท�ำให้พวกเขาสามารถพึ่งพา
หลุดจากภาวะเศรษฐกิจตกต�่ำและสามารถแก้ไข ตนเองในระยะยาวไดอ้ ยา่ งมน่ั คง (Promsakha N.
ปญั หาจนประสบผลสำ� เรจ็ ตอ่ มารฐั บาลไดเ้ ลง็ เหน็ Sakolnakorn and Sangkharat, 2013 : 10)
ความส�ำคัญในการเพิ่มศักยภาพในด้านเศรษฐกิจ การพัฒนาประเทศในปัจจุบัน องค์กร
ให้เข้มแข็งและพัฒนาเจริญเติมโตอย่างย่ังยืน ภาครฐั และภาคเอกชนไดใ้ หค้ วามสำ� คญั ในการน�ำ
โดยการน�ำเอาภูมิปัญญาท้องถ่ินและศักยภาพ
36 Dhammathas Academic Journal Vol. 19 No. 1 (January - March 2019)
ภมู ปิ ญั ญาและศกั ยภาพทอ้ งถน่ิ มาใชใ้ นการพฒั นา องค์ความรู้ รูปแบบการจัดการ เพ่ือสร้างความ
โดยเฉพาะกลุ่มวิสาหกิจชุมชน แต่อย่างไรก็ตาม เข้มแข็งและความยั่งยืนของวิสาหกิจในระยะยาว
ปัญหาและอุปสรรคของวิสาหกิจชุมชนมีหลายมิติ รวมท้ังเผยแพร่ความรู้ด้านการส่งเสริม เศรษฐกิจ
เพอื่ ลดปญั หาของวสิ าหกจิ ชมุ ชนและใหม้ แี นวทาง ชุมชนฐานราก พร้อมท้ังประสานงานกับจังหวัด
ในการท�ำงานทช่ี ัดเจนมากยง่ิ ขนึ้ กระทรวงเกษตร และท้องถิ่นเพ่ือขยายผลจากชุมชนต้นแบบให้มี
และสหกรณ์จึงได้ก�ำหนดให้มีพระราชบัญญัติ การน�ำไปใช้ในชุมชนอ่ืนๆ อย่างกว้างขวางเพ่ือ
สง่ เสรมิ วิสาหกิจชมุ ชน พ.ศ. 2548 ข้ึน เพอ่ื รองรับ สนับสนุนนโยบายของรัฐภายใต้ยุทธศาสตร์ด้าน
การให้การสนับสนุนการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน การแกไ้ ขปัญหา ความยากจน ลดความเหลอื่ มล้�ำ
และใช้เป็นกรอบทิศทางในการท�ำงานท่ีมีความ สรา้ งการเตบิ โตจากภายใน (National Economic
ชดั เจนมากขน้ึ และทส่ี ำ� คญั พระราชบญั ญตั สิ ง่ เสรมิ and Social Development Plan, No.12 (2017-
วิสาหกิจชุมชนมีเจตนารมณ์เพ่ือให้มีการส่งเสริม 2022), 2017 : 81)
ความรู้และภูมิปัญญาท้องถ่ิน การสร้างรายได้ จากการศึกษาเบื้องต้นของคณะผู้วิจัย
การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน การพัฒนาความ พบว่า ปัญหาของวิสาหกิจชุมชนยังขาดการรวม
สามารถในการจดั การ และการพฒั นารูปแบบของ กลมุ่ กนั เปน็ เครอื ขา่ ยทจี่ ะเออ้ื ตอ่ การดำ� เนนิ งานให้
วิสาหกิจชุมชนมีผลให้ชุมชนพึ่งพาตนเองได้และ ประสบผลส�ำเร็จ สอดคล้องกับงานวิจัยรูปแบบ
พัฒนาระบบเศรษฐกิจชุมชนให้มีความเข็มแข็ง การบริหารจัดการเครือข่ายการตลาดวิสาหกิจ
พร้อมส�ำหรับการแข่งขันทางการค้าในอนาคต ชมุ ชนเพอื่ ยกระดบั คณุ ภาพการแขง่ ขนั เชงิ พาณชิ ย์
ไม่ว่าในระดับใดรวมถึงการพัฒนาวิสาหกิจชุมชน ในเขตจงั หวดั อตุ รดติ ถ์ (Irawat Chomraka, et al.,
ไปสกู่ ารเปน็ ผปู้ ระกอบกจิ การในระดบั สงู ขน้ึ ตอ่ ไป 2011 : 39-55) พบวา่ กลุ่มวสิ าหกจิ ชมุ ชนในพืน้ ที่
(The Secretary of the Board of Community ภาคเหนือโดยเฉพาะในเขตจังหวัดอุตรดิตถ์
Enterprise, 2005 : 16) ซึ่งสอดคล้องกับ การด�ำเนินงานยังมีปัญหาด้านการบริหารจัดการ
ยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ ตามแผนพัฒนา เช่น การผลิต การแปรรูปผลิตภัณฑ์ การตลาด
เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับท่ี 12 การจดั จำ� หนา่ ย การเขา้ ถงึ ขอ้ มลู ขา่ วสาร และขาด
ในยุทธศาสตร์ที่ 2 การสร้างความเป็นธรรมและ การรวมกลมุ่ กนั แบบเครอื ขา่ ย จงึ ทำ� ใหก้ ารดำ� เนนิ
ลดความเหล่ือมล�้ำในสังคม มุ่งพัฒนาเศรษฐกิจ งานของกลุ่มยังไม่เข้มแข็ง การท�ำงานยังไม่เป็น
ชุมชนผ่านเครือข่ายวิสาหกิจเพ่ือสังคม วิสาหกิจ ระบบและไม่ยั่งยืน นอกจากนี้ส�ำนักงานเกษตร
ชุมชน โดยการสร้างความร่วมมือระหว่างภาค จงั หวดั พษิ ณโุ ลก ไดว้ เิ คราะหป์ ญั หาอปุ สรรคในการ
เอกชนและวิสาหกิจเพ่ือสังคม (วิสาหกิจชุมชน) ส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนของจังหวัดพิษณุโลก
และความร่วมมือระหว่างวิสาหกิจเพ่ือสังคม พบว่า 1) กรมสง่ เสรมิ การเกษตร และหนว่ ยงาน
(วิสาหกิจชุมชน) ในแต่ละพื้นท่ี เพ่ือการสร้าง ภาคีให้ความส�ำคัญต่อการส่งเสริม และสนับสนุน
ปที ี่ 19 ฉบับท่ี 1 (มกราคม - มนี าคม 2562) วารสารวิชาการธรรมทรรศน์ 37
วิสาหกิจชุมชนน้อย ไม่จริงจัง และแนวทางการ ประตูล้านนา เศรษฐกิจก้าวหน้า ประชาสุขใจ
ส่งเสริมไม่ชัดเจนและต่อเน่ือง 2) กลุ่มวิสาหกิจ และยทุ ธศาสตร์ที่ 4 ได้กลา่ วถงึ การสง่ เสรมิ อาชีพ
ชุมชนบางกลุ่มได้เข้าร่วมกิจกรรมกับหน่วยงาน ตามแนวเศรษฐกจิ พอเพยี ง และขยายผลโครงการ
ภาคีหลายหน่วยงาน และมีการใช้ชื่ออ่ืนในการ ตามแนวพระราชด�ำริ โดยได้มีกลยุทธ์ส่งเสริม
เข้าร่วมกิจกรรม ทั้งที่เป็นกลุ่มเดียวกันท�ำให้เกิด และพัฒนาสินค้าด้านเกษตรกรรม หัตถกรรม
การสบั สนและเขา้ ใจผดิ ระหวา่ งหนว่ ยงานทใี่ หก้ าร ผลิตภัณฑ์ OTOP สินค้าวิสาหกิจชุมชนให้มี
สนับสนุน 3) วิสาหกิจชุมชนยังไม่สามารถพึ่งพา คุณภาพและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว สร้างมูลค่า
ตนเองได้ และยงั ตอ้ งพง่ึ พาปจั จยั การผลติ และเงนิ ให้กับสินค้าพร้อมท้ังเพ่ิมช่องทางการจ�ำหน่าย
ทนุ จากภายนอก 4) หนว่ ยงานภาคใี นระดบั อำ� เภอ ส่งเสริมความรู้ด้านประชาสัมพันธ์การตลาด
จังหวัด ยังท�ำงานแบบไม่บูรณาการและยังไม่เห็น เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางด้านการแข่งขัน
ความส�ำคัญ เนื่องจากมีความเข้าใจว่าวิสาหกิจ และเพ่มิ รายได้ (Phrae Provincial Agricultural
ชุมชนเป็นงานของกรมส่งเสริมการเกษตร และ Extension Office, 2011 : 8) สอดคลอ้ งกบั นงนชุ
5) วิสาหกิจชุมชนบางแห่งที่มาจดทะเบียนเป็น องั ยรุ ีกุล และคณะ (Augyureekul, et al., 2007
วิสาหกิจชุมชน ไม่ได้เกิดจากปัญหาหรือความ : 84) ไดศ้ กึ ษาวจิ ยั การประเมนิ ศกั ยภาพการพฒั นา
ต้องการของชมุ ชนอยา่ งแท้จริง แตม่ าจดทะเบียน ของจังหวัดแพร่ กล่าวว่า จังหวัดแพร่มีศักยภาพ
เพอื่ รอรบั การสง่ เสรมิ สนบั สนนุ ของหนว่ ยงานตา่ งๆ ของทุน 5 ด้าน คือ ทุนทางธรรมชาติ เศรษฐกิจ
และเพ่ือหวังกู้เงินในอัตราดอกเบ้ียต�่ำ ซ่ึงมิได้ มนุษย์ สงั คม และการเงนิ ทั้งน้พี บว่า จังหวดั แพร่
ประกอบกิจกรรมอย่างแท้จริง และต่อเน่ือง มศี ักยภาพในทุกสาขา
(Phitsanulok Provincial Agricultural Extension แต่อย่างไรก็ตามวิสาหกิจชุมชนจังหวัด
Office, 2011 : 54) แพร่ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ไม้แปรรูป หม้อฮ้อม
จังหวัดแพร่ มีประชากรเป็นผู้มีอาชีพ ผ้าทอมือ และเครื่องจักสานก็ยังมีปัญหาและ
จากการเกษตร และการประมง ร้อยละ 40.3 อุปสรรค คอื 1. ปัญหาดา้ นการดำ� เนนิ งานสง่ เสริม
ของผู้มีงานท�ำ และรองลงมา มีอาชีพเก่ียวกับ วิสาหกจิ ชมุ ชน และ 2. ปญั หาดา้ นเจ้าหน้าทีแ่ ละ
ผู้ปฏิบัติงานด้านความสามารถทางฝีมือและธุรกิจ ระบบการท�ำงานส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน (Phrae
การคา้ รอ้ ยละ 18.2 ของผมู้ งี านทำ� (Phrae Provincial Provincial Agricultural Extension Office,
Agricultural Extension Office, 2011 : 7) 2011 : 58) หากวสิ าหกจิ ชุมชนจงั หวดั แพรไ่ ดร้ ับ
ถึงแม้จังหวัดแพร่จะเป็นจังหวัดที่เล็ก แต่ในด้าน การพัฒนาจากหน่วยงานท้ังภาครัฐและเอกชน
เศรษฐกิจของจังหวัด มีความเจริญเติบโตเป็น ชมุ ชน ใหม้ ากขนึ้ อกี ทง้ั จงั หวดั แพรก่ ม็ ศี กั ยภาพของ
อย่างดี สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์การพัฒนา ทุนท่ีดีอยู่แล้วปัญหาต่างๆ จากการบริหารจัดการ
จังหวัดแพร่ ได้มีวิสัยทัศน์ที่ว่า เมืองแพร่น่าอยู่ วิสากิจชุมชนจังหวัดแพร่ก็จะได้รับการพัฒนา