The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ธรรมะชุดเตรียมพร้อม โดย หลวงตามหาบัว

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ืทีมงานกรุธรรม, 2022-02-06 11:58:32

ธรรมะชุดเตรียมพร้อม โดย หลวงตามหาบัว

ธรรมะชุดเตรียมพร้อม โดย หลวงตามหาบัว

Keywords: หลวงตามหาบัว,ธรรมะชุดเตรียมพร้อม

๒๘๙

ละเอยี ด” ดว ยแลว กย็ ิง่ ไปไดอ ยา งรวดเร็ว อนั นห้ี มายถงึ ผปู ฏบิ ตั ิ เฉพาะอยางยิ่งภกิ ษุ
บรษิ ทั เปน สาํ คญั มาก เกย่ี วกบั การสมาธภิ าวนา เพราะทา นปฏบิ ตั ขิ องทา นอยเู ปน
ประจํา ภมู จิ ติ มคี วามเหลอ่ื มลาํ้ ตาํ่ สงู ตา งกนั เปน ลาํ ดบั ลาํ ดาของการปฏบิ ตั ิ เพราะฉะนน้ั
การฟง เทศนจ งึ เปน การบกุ เบกิ ทางใหท า นไดก า วไปวนั ละเลก็ ละนอ ยโดยลาํ ดบั ผูพอจะ
ผานไปไดในขั้นใด ก็ผานไปเรื่อยๆ ทว่ี า “สําเร็จมรรคผลนิพพาน” ก็เพราะเลอ่ื นภมู ิ
ของจิตไปเรื่อย ๆ จากการปฏิบัติและการฟงธรรมจากทาน เมอ่ื ทา นเทศนแ กค วาม
สงสัยไดแลว ผานไปไดและผานไปเลย ยกตวั อยา ง

พระอญั ญตั รภกิ ขุ ทา นกาํ ลงั สงสยั ธรรมขน้ั ละเลยี ด จะไปทูลถามพระพุทธเจา
พอไปถงึ ใตถ นุ พระคนั ธกฎุ ี พอดีฝนตก ก็เลยยืนอยทู ใ่ี ตถ นุ นัน้ สังเกตดูน้ําฝนที่ตกมา
จากชายคา มากระทบน้ําที่พื้น แลว เกดิ ตง้ั เปน ตอ มเปน ฟองขน้ึ มา ฟองน้าํ ต้ังข้ึนมาเทา
ไร มันกด็ ับไปแตกไป ทา นกพ็ จิ ารณาเทียบเคียงกับสง่ิ ภายใน คือ “สงั ขาร” ความคดิ
ปรุง เพราะขน้ั นจ้ี ติ จะพจิ ารณาเรอ่ื ง “สังขาร”และ “สัญญา” ความปรุงและความ
สาํ คัญตา งๆ ของใจมากกวา อยา งอน่ื

ในเวลานาํ้ ตกลงมากระทบกนั นอกจากมคี วามกระเพอื่ มแลว ก็ตั้งเปนตอมขึ้น
มาเปนฟองขึ้นมา แลว ดบั ไป ๆ ทา นกพ็ จิ ารณาเทยี บเคยี งเขาไปภายใน คือความคิด
ปรงุ ของจติ คิดดีคิดชั่ว มคี วามเกิดความดบั เปน คเู คยี งกนั ไปเปน ลาํ ดบั ๆ เสร็จแลวก็
กลายลงมาเปน นาํ้ ตามเดมิ สงั ขารนเ้ี มอ่ื คดิ ปรงุ เสรจ็ แลว กล็ งไปทจ่ี ติ ตามเดมิ ทาน
เลยบรรลธุ รรมขน้ั สงู สดุ ในสถานทน่ี น้ั เอง พอบรรลุธรรมแลวฝนก็หยุด ทานก็กลับไป
กฎุ ี! ไมไปทูลถามพระพุทธเจาอีกเลย เพราะหมดขอสงสัยแลว นน่ั !

ธรรมของจรงิ เมอ่ื เขา ถงึ จติ ดวงใดแลว จติ ดวงนน้ั ยอ มหายสงสยั ทนั ที แมแตจะ
ไปทลู ถามพระพทุ ธเจา อยแู ลว กไ็ มท ลู ถาม เพราะหายสงสยั แลว หากจะไปทูลถาม
ทา นๆ กจ็ ะรบั สง่ั อยา งทเ่ี ขา ใจแลว นน่ั แหละ กเ็ ลยหมดปญหา กลับไปกุฎีตามเดิม น้ี
เปน ตวั อยา งอนั หนง่ึ

ผปู ฏบิ ตั ธิ รรมเมอ่ื กา วถงึ ข้นั “ปญ ญา”แลว อยทู ไ่ี หนก็ฟงธรรมอยูตลอดเวลา
มีอะไรมาสัมผัสก็พจิ ารณาเปน “ธรรม” ทง้ั สน้ิ เพราะสง่ิ ทม่ี าสมั ผสั เปน เครอ่ื งเตอื น
สติ ใหระลึกรู ปญ ญาก็วิ่งตามทันที ๆ โดยอตั โนมตั ิ พิจารณาอยางรวดเรว็ ไมต อ งถกู
บังคับเหมือนขั้นเริ่มแรก ซง่ึ เปน ขน้ั “หมูขึ้นบนเขียง แลว ไมย อมลง ถา ไมถ กู สบั ให
แหลกเสยี กอ น” จติ ขั้นนี้ อะไรมากระทบยอมรูเทาทัน พิจารณาเปนอรรถเปนธรรมทั้ง
สน้ิ ดงั ทีท่ านอาจารยม ่ันทา นกราบเรยี นพระมหาเถระ ซึ่งไดเ ขียนไวใ นประวัติของทา น
วา

ธรรมชดุ เตรยี มพรอ ม ๒๘๙

๒๙๐

“(พระมหาเถระถาม)...ทา นอยคู นเดยี ว เวลาเกิดขอขอ งใจข้นึ มา ทานปรึกษา
ปรารภกบั ใคร?” ทา นอาจารยม น่ั ตอบวา “ฟง เทศนอ ยู ทั้งกลางวันกลางคืนไมไดหยดุ
หยอ นเลย” พระมหาเถระก็ไมกลาคานทานวายังไง เพราะอาจไมเขาใจก็ได ประการ
หนง่ึ ประการทสี่ อง ทานพูดออกมาจากความจริง กไ็ มก ลา จะคา นทา น”

ทว่ี า “ฟงเทศนอยูท ้งั กลางวันกลางคนื ” กค็ อื การที่พิจารณาสิ่งที่มาสัมผัสปลุก
สติปญญาอยูตลอดเวลานั่นเอง จนเปนทเี่ ขาใจไปโดยลาํ ดับ นั้นแลคือการฟงธรรมทั้ง
กลางวันกลางคืนทางดานปฏิบัติ เพราะสติปญญาขั้นนี้เปนขั้น “อตั โนมตั ”ิ ทํางานเพื่อ
“ธรรมลว น ๆ” ไมม โี ลกเขา แอบแฝงเลย

ดวยเหตนุ ้ี ทา นจึงสอนใหท าํ จติ ใหม คี วามสงบ เมื่ออบรมสมาธใิ หไดร ับความ

สงบแลว กพ็ จิ ารณาทางดา นปญ ญา ปญญาจะต้ังหนาทําหนาท่กี ารงานนั้น ๆ ไปดว ย
ความไมหิวโหยกระวนกระวายสายแสของจิต จิตที่มีความสงบ มฐี านแหง ความสงบอยู
ภายในใจแลว ยอมคิดอานไตรตรองเรื่องอะไรไดด ี เพราะไมม ีความหิวโหย วุนไปกับ
อารมณตางๆ ที่เปนขาศึกตอใจ ปญ ญาตง้ั หนา ตง้ั ตาทาํ งาน พิจารณาอะไรก็เปนการ
เปนงาน ดังใจหมายจริง ๆ ไมเถลไถล ไพลน น่ั เสอื กน่ี ไมเปนอันทํางาน ทานจึงวา

“สมาธิปรภิ าวติ า ปฺญา มหปผฺ ลา โหติ มหานสิ สํ า” “ปญญาที่สมาธิอบ
รมดว ยดแี ลว ยอ มมีผลมากมีอานิสงสม าก” ยอมคลองแคลวแกลวกลา พจิ ารณาไป
ไดอยางรวดเร็วทันใจ ยง่ิ กวา จติ ทไ่ี มม ฐี านแหง ความสงบเปน ไหนๆ เรอ่ื งสมาธกิ บั
ปญ ญาจงึ แยกกนั ไมอ อก ผปู ฏบิ ตั จิ าํ ตอ งนาํ มาใชต ามกาลอนั ควรของแตล ะประเภทอยู
เสมอ แมแตทานที่เปน “พระขณี าสพ” แลว ทา นกย็ งั ตอ งใช “สมาธิ” เปน เรอื น
พักผอ นหยอ นใจ ในเวลายงั ครองขนั ธอ ยู เพราะสมาธเิ ปน เครอ่ื งประสบั ประสาน

หรือเปนเครอ่ื งสมคั รสมาน ระหวา งขนั ธก บั จติ ไดด ี
เวลาจติ คิดอา นไตรต รองอะไรเก่ียวกบั การกับงานมาก จิตยอมมีความเหน็ด

เหนื่อยเปนธรรมดา ตอ งพกั จติ ในสมาธิ ปลอ ยความคดิ ความปรงุ ทเี่ รียกวา“งานภาย
ใน” เสยี ทง้ั หมด จติ สงบตวั อยโู ดยลาํ พงั ไมเ ก่ยี วขอ งกบั “ขันธใด ๆ” พอถอยออกมา
แลว กม็ กี าํ ลงั “ระหวา งขนั ธก บั จติ ” พอเหมาะพอสมกันแลวทํางานไดตอไป ทานจะ
ตองปฏิบัติตอ “จิต”ตอ “ขนั ธ” ทํานองนี้ตลอดจนวันปรินิพพาน เรื่อง “สมาธิ”
จะตองใชไ ปอยา งนั้นตลอดไป จึงเรยี กวา “ทานทําความเพียร” เพยี รระหวา งขนั ธ
กบั จติ ใหอ ยเู ปน สขุ เทา นน้ั ไมไ ดเ พยี รเพอ่ื จะถอดถอนกเิ ลสตวั ใด

หากไมไ ดป ฏบิ ตั ใิ หเ หมาะสม ระหวา งขนั ธก บั จติ แลว สวนเสียก็คือ ขนั ธไ ม
สามารถจะตง้ั อยจู รี งั ถาวรไดเ ทา ทค่ี วร สว นจติ ซง่ึ เปน ของบรสิ ทุ ธแ์ิ ลว นน้ั ไมม อี ะไร

ธรรมชดุ เตรยี มพรอ ม ๒๙๐

๒๙๑

เปน ปญ หาวา จติ จะเสยี ไป นอกจากธาตขุ นั ธจ ะครองตวั ไปไมถ งึ กาลอนั ควรเทา นน้ั
ทา นจงึ ปฏบิ ตั ใิ หเ หมาะสมระหวา งขนั ธก บั จติ ทเ่ี รยี กวา “ทิฏฐธรรม”“วหิ ารธรรม”
คือ ธรรมเครอ่ื งอยสู บาย ระหวา งขนั ธก บั จติ ทก่ี าํ ลงั ครองตวั อยู

อะไรเปน เครอ่ื งเสรมิ กาํ ลงั ของขนั ธ กค็ อื ความเพยี ร ความสงบ เสรมิ กาํ ลงั
ของขันธ เพื่อเปนปกติสุขตลอดอายุขัย อะไรสง เสรมิ จิตทย่ี งั มกี เิ ลสครองตวั อยู ใหผาน
พน ไปไดโ ดยลาํ ดบั นั่นคือ สติปญญาเปนเครื่องสงเสรมิ หรอื เปน เครอ่ื งขดั เกลา เปน
เครื่องแกสิ่งขัดของตาง ๆ เชน เวลาเราเดนิ ทางไปสทู ต่ี า ง ๆ มขี วากมหี นามกดี ขวางทาง
อยู ก็เอามีดพราฟน ออก เบกิ ทาง และกาวเดินไปเร่อื ย ๆ อะไรมากดี ขวางกฟ็ น เรอ่ื ยไป
เดินเรื่อยไป จติ ท่ีดาํ เนินไปไดส ะดวกปลอดภัย ก็เพราะมีสตปิ ญ ญาเปนเครื่องรักษา ขดั
ขอ งท่ตี รงไหนก็แกไขกันไปเร่อื ย ๆ กาวไปเรื่อย ๆ กา วไป หรอื พน ไปภายในใจ

การปฏิบัติตอจิตใจ คือ การสอดรูอาการของจิตทส่ี ง ออกไปสอู ารมณต า ง ๆ
ดว ยสตปิ ญ ญาเปน สง่ิ สาํ คญั มากสาํ หรบั ผปู ฏบิ ตั ิ น่คี อื การเรยี นเพือ่ รตู ัวเองโดย
เฉพาะ

การเรียนเรื่องของจิต ตอ งทราบทกุ สง่ิ ทกุ อยา งทเ่ี กดิ ขน้ึ กบั จติ และสิ่งที่เขามา
สัมผัสจิต ไมว า จิตจะสง กระแสความรไู ปในทางใด หรือกับอารมณใด สตปิ ญ ญาตอ ง
ตามรูตามรักษา และตามแกไขอยูเสมอ ไมปลอยใหจิตคิดปรุงไปตามลําพัง ถา ไดฝ ก
ฝนอบรมสติปญญาจนมีกําลังแลว เพยี งจติ กระเพอ่ื มเทา นน้ั ก็เปนการปลุก “สติ
ปญญา” ในขณะนน้ั พรอ มๆกนั เพื่อรูสึกในความคิดปรุงนั้น ๆ ปญญาก็ตามพิจารณา
กนั ทนั ทไี มอ ดื อาดเนอื ยนาย เมอ่ื เขา ใจแลว กป็ ลอ ยวาง

แตเ รอ่ื งจติ ไมม เี พยี งเรอ่ื งเดยี ว มนั หลายเรอ่ื งดว ยกนั จิตคิดแงนี้แลวก็ปรุงแง
นน้ั รอยสันพันคม ซึ่งลวนเปนกลมายาของกิเลสสมุทยั พาใหจ ติ คดิ ปรงุ สตปิ ญ ญาก็
ตามพจิ ารณากนั เรอ่ื ย ๆ สดุ ทา ยจติ กเ็ ขา ใจ เพราะการตามตอ น และพจิ ารณาดว ยเหตุ
ผล พอใจไดรับเหตผุ ลที่ถูกตองแลว จิตกป็ ลอยสงิ่ น้นั ไมไปกังวลยึดถืออีกตอไป และ
ปลอ ยวางกนั ไปเรอ่ื ย ๆ

การปลอยวาง “อุปาทาน” ในขนั ธ ในจิต ดว ยสตปิ ญ ญา ปลอยอยางนี้!
เพยี งขน้ั ของสมาธิ นน้ั เปน ความสงบของใจ ยังไมไดป ลอยวางอะไร สงบลงชว่ั
ระยะๆ พอเปน บาทเปน ฐานแหง ความสงบสขุ ไมว า วนุ ขนุ มวั ดงั จิตทว่ั ๆ ไปที่ไมเคยอบ
รม
สว น สตปิ ญ ญา นน้ั เปนเครื่องขุดเครื่องคน เครื่องตัดฟน สง่ิ ทเ่ี กาะเกย่ี วอยู
ภายในจิตมีมากนอ ยเปนเรอ่ื งของปญญาท้งั นนั้ ไมม สี ง่ิ ใดทาํ งานแทนในการแกก เิ ลสได

ธรรมชดุ เตรยี มพรอ ม ๒๙๑

๒๙๒

การปฏิบัติธรรม คอื จิตตภาวนาในข้นั เร่ิมแรก ยอ มมคี วามลาํ บากลาํ บน นง่ั ก็
เหนอ่ื ยงาย เพราะผลยังไมคอยปรากฏ การฝกจติ จติ กด็ ้อื ดงึ ฝาฝน มาก บางทีสูมันไม
ได สวนมากสูมันไมไดขั้นเริ่มแรก แตอ าศยั ความพยายามฝก ฝนอบรมอยโู ดยสมาํ่ เสมอ
ก็มีวันหนึ่งจนได ทจ่ี ะกา วเขา สคู วามสงบใหเ ปน ผลขน้ึ มา พอเปน เครอ่ื งพยงุ จติ ใจ หรอื
พอเปน หลกั ฐานพยาน ใหเ กดิ ความอตุ สา หพ ยายามในการดาํ เนนิ ใหย ง่ิ กวา นน้ั ขน้ึ ไป

ตอ จากนน้ั กม็ คี วามสงบเรอ่ื ย ๆ จิตใจถามีความสงบแลวก็เย็นใจสบายใจ
เหมือนกบั เรามีหลกั มีแหลง มีท่ียดึ ที่หมาย ถา ไมม คี วามสงบเลย กไ็ มท ราบวา ทย่ี ดึ ท่ี
หมายอยทู ไ่ี หน เหมือนอยูกลางทะเล เรอื กค็ อยแตจ ะลม จมอยแู ลว ดว ยพายตุ า ง ๆ ไม
ทราบจะเกาะอะไร นแ่ี หละทาํ ใหจ ติ เกดิ ความวา เหวแ ละวา วนุ ขนุ มวั มาก เพราะจติ หา
หลักยึดไมได ฉะนน้ั ความสงบจงึ เปน หลกั ฐานอนั ดขี องจติ ในขน้ั เรม่ิ แรกภาวนาทา นจงึ
สอนใหอ บรมใจใหม คี วามสงบ

ผบู าํ เพญ็ ไมต อ งถอื วา “ธรรม” บทใด “ตาํ่ ” “ธรรม” บทใด “สงู ” ทค่ี วรจะ
นาํ มากาํ กบั จติ ขอใหเ หมาะสมกบั จรติ ของตนเปน ทถ่ี กู ตอ ง ถา จติ ชอบคดิ ออกไปภาย
นอกบอ ยๆ ก็ใหเรงคําบริกรรมใหถี่ยิบเขาไป สตติ ามใหท นั จติ กจ็ ะไมม โี อกาสเลด็ ลอด
ออกไปภายนอกได แลวจะหยั่งเขาสูความสงบ พอใจสงบแลว จะเยน็ สบาย มหี ลกั เกณฑ
มองไปทางไหนก็ไมเปนฟน เปน ไฟเผาตวั เหมอื นแตก อ น

พอออกมาจากความสงบ กพ็ จิ ารณาทางดา นปญ ญา ไตรต รองดกู ายทเ่ี ปน ตวั
“อนิจฺจํ ทุกขฺ ํ อนตฺตา” ใจจะมคี วามสงบแนบแนน เขา ไปโดยลาํ ดบั ปญ ญากจ็ ะแยบ
คายไปตาม ๆ กนั

การพจิ ารณา “ขันธ” ดว ยปญ ญา ไมวา “ขนั ธน อก ขันธใน” ทไ่ี หนๆ
พจิ ารณาไดท ง้ั นน้ั เพราะเต็มไปดวย “อนิจฺจํ ทกุ ขฺ ํ อนตฺตา” เราพจิ ารณาเพื่อแยกแยะ
ใหเ หน็ ไปตามความจริงของสง่ิ น้นั ๆ ใจจะไดป ลอ ยกงั วล ผลสุดทายก็ยอนเขามา
พจิ ารณาเรอ่ื งขันธข องตัวเอง

ขันธท ัง้ หา ไดเ คยพดู แทบทกุ วนั ขันธท ้ังหลายจะปลอ ยไปโดยไมพิจารณาไม
ได เพราะเปนหลักสําคัญของ “สัจธรรม” เปนหลักสาํ คัญของการกา วไปแหงจิต
หรอื เปน หลกั สาํ คญั แหง ความรทู างปญ ญา เพราะเปน “หนิ ลบั ปญ ญา” อยางยิ่ง
ถา สตปิ ญ ญาไมท นั จะเปน ขา ศกึ ตอ ตนเองอยา งยง่ิ

ฉะนนั้ จึงตอ งพิจารณา “ขนั ธ” ใหร อบ ขนั ธม ตี ิดแนบอยกู บั เราตลอดเวลา สอ
ความพิรุธ สอความทุกข ความลาํ บากลาํ บน ความทรมานตางๆ อยกู บั ขนั ธก บั จติ
ตลอดเวลา อะไรเสยี ดแทงขน้ึ ในขนั ธม ากนอ ย ตองเขาไปเสยี ดแทงจิตใจ ใหเ กดิ ความ

ธรรมชดุ เตรยี มพรอ ม ๒๙๒

๒๙๓

ทุกขวุนวายอยูโดยไมขาดระยะเลย เพราะฉะนน้ั จงึ ตอ งใชส ตปิ ญ ญาใหท นั กบั อาการ
เหลา น้แี สดงตัว

ความจริง เขาไมไ ดต ง้ั ใจยแุ หยก อ กวนเราเลย หากเปนอาการของจติ ไปสําคัญ
เอาเอง ทุกขก็เกิดขึ้น ธรรมดา... ธรรมดา เชนเดียวกับแดดที่ฉายลงมาจากพระอาทิตย
พอกายเราไปสมั ผสั เขา กร็ อ น แดดเองเขาไมไ ดท ราบความหมายของเขาเลย นาํ้ เขาก็
ไมท ราบความหมายวา “เย็น” แดด หรอื ไฟ เขาไมท ราบความหมายของตนวา
“รอ น” แตผ ทู ราบความหมายนั้น จะตกอยกู บั เราผสู มั ผสั กบั นาํ้ , กบั ไฟ, หรือกบั แดด
นน้ั ทกุ ขเวทนาทเ่ี กดิ ขน้ึ มา เขาก็ไมทราบวาเขาเปนเวทนา เขาไมทราบวาเขาเปน
“ทุกข” เขาไมท ราบวา เขาเปน “สขุ ” เขาเปนเพียงธรรมชาติอันหนึ่งๆ เทา นนั้

แต จติ ผไู ปสมั ผัสกบั สิ่งตา ง ๆ นน้ั เกิดความสุขความทุกขขึ้นมา และเกิด
ความหมายขน้ึ มาอกี แงห นง่ึ จงึ ทาํ ใหท กุ ขท างใจขน้ึ อกี ความหมายในแงห ลงั นเ้ี ปน
สาํ คญั ทจ่ี ะกลายเปน กเิ ลส เพิ่มทุกขขึ้นมาอีก เพราะแงห ลงั นเ้ี ปน เรอ่ื งของกเิ ลสโดย
ตรงตามความจรงิ ของสภาวธรรม คอื ทกุ ขเวทนา เพยี งความทกุ ขใ นสกลกายตาม
ธรรมดานี้ ใคร ๆ ก็เกดิ ขึน้ ไดทั้งนั้น แมแ ตพ ระพทุ ธเจา กย็ งั ไมพ น ทจ่ี ะรบั ทราบ
ทกุ ขเวทนาทีเ่ กดิ ขน้ึ ภายในพระกาย พระอรหันตก็รับทราบ “กายเวทนา”เหมอื นกนั
แตเ ปน เรอ่ื งธรรมดาๆ เพราะทา นทราบเรื่องคติธรรมดาโดยสมบูรณแ ลววา เรื่อง
ทุกขเวทนาที่เกิดขึ้นในกาย ก็เปนสภาวธรรมอันหนึ่ง เชน เดยี วกบั สภาวธรรมทว่ั ๆ ไป
แตธ รรมชาติน้เี ขา ไปเกย่ี วขอ งกับจติ จิตจึงเปนผูรับทราบตามความจริงของตน และ
ตามความจริงของสภาวธรรม คอื ทกุ ขเวทนานน้ั เทา นน้ั จงึ ไมม อี นั ใดทจ่ี ะกอ เปน ตวั
ทุกขข ้นึ มาอีกขน้ั หน่งึ ภายในจิตทาน เพราะวา ทา นไมห ลง เมอ่ื เกดิ ขน้ึ ทา นกท็ ราบวา
“นี้เปนสภาพอันหนึ่งที่ปรากฏขึ้นมา” ตง้ั อยทู า นกท็ ราบ ดบั ไปทา นกท็ ราบ ทา นทราบ
ทั้ง ๓ ระยะ คอื ระยะทเี่ กิด ตั้งอยู และดับไป, เกิดขึ้น ตง้ั อยู ดบั ไป อยอู ยางนเี้ ปน
ประจําขันธ ขนั ธม อี ยอู ยา งน้ี มปี รากฏขึ้น ตั้งอยู แลวดับไป มีทุกขเวทนา เปนตน

“วญิ ญาณ” รับทราบกท็ าํ นองเดยี วกนั แตส ว นทม่ี คี วามกระเทอื นตอ จติ ใจมากก็
คือ ทุกขเวทนา ทา นจึงสอนใหพจิ ารณาใหเ หน็ ตามความจริงของมัน เพราะนเ่ี ปน ความ
จรงิ ลว นๆ ถา จติ ไดพ จิ ารณาเหน็ ตามความจรงิ ของเขาแลว จติ กจ็ ะเปน ความจรงิ อนั
หนง่ึ ไมไ ปยดื ถอื เขาใหเ ปน ความหนกั ใจ ใหเ ปน ความเบาใจกบั เขา ตา งอนั ตา งจรงิ
ตางอันตางอยู

แมว าระสดุ ทา ยทเ่ี ราจะแตกกท็ าํ นองเดยี วกนั ทุกขเวทนาดับไป ขนั ธก ส็ ลายตวั ไป
อาการทั้งหาไปพรอมๆ กนั สิ่งที่ไมไป คือสิ่งที่รูอันเดียวเทานั้น อนั นไ้ี มเ ปน อน่ื เปน

ธรรมชดุ เตรยี มพรอ ม ๒๙๓

๒๙๔

“จิต” หรือ เปน“ผูร”ู อยเู ทา นน้ั อนั นไ้ี มแ ปร นอกจากแปรเฉพาะอาการของจิตเทา
นน้ั สวนจิตจริงๆ จะใหแปรเปนอยางอื่นนั้น เปนไปไมได

การพจิ ารณาเทยี บ กเ็ ทยี บเพอ่ื จะใหเ ขา ใจในขนั ธอ ยา งแทจ รงิ ขนั ธเ ปน อนั ใด
ทา นสอนไวอ ยา งตายตวั ถา ไมฝ น ความจรงิ ทท่ี า นสอนเรากไ็ มเ ปน ทกุ ข ทา นกบ็ อกแลว
วา “รูป อนิจฺจ”ํ สรุปแลววา “รปู  อนตฺตา, เวทนา อนตฺตา, สญฺ า อนตฺตา, สงขฺ า
รา อนตฺตา, วิ ญฺ าณํ อนตตฺ า” นั่น! เปนตนที่ไหน ! “อนตตฺ า ๆ” บอกชัดเจน อยู
แลว ทานปดประตูไว ไมใหเอื้อมออกไปยึดไปถือ ถายดึ ถือแลว แมจะเปน“อนตตฺ า”
หรือ “อตฺตา” ไมเ ปน ภยั อะไรสาํ หรบั เขาเองกต็ าม แตกเ็ ปน ภยั ตอเราผูหลงอยูนน่ั เอง
สดุ ทายความหลงนี้แลมาเปน ภัยตอเราเอง

ทา นจงึ สอนใหแ ยกแยะดสู ง่ิ นน้ั แลว ใหยอ นจิตเขา มาดูจิต เพอ่ื ทราบความสาํ คญั
ผดิ ของตนทไ่ี ปหลงยดึ สง่ิ นน้ั ๆ แลว ยอ นจิตเขา มาแกภ ายในอกี เพ่ือหายสงสัยกับสง่ิ
ภายนอก ทง้ั หายสงสยั ในตวั เอง และมาเห็นโทษของตัวผูไปหลงเขา แกส องชน้ั คือ ชั้น
นอกและชน้ั ใน

ในขันธหา ทานบอกไวอยางนี้วา “อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา”ก็ อันเดียวกันนั่นแหละ
ไมใ ชแ ยกกนั ออกได ทกุ ขฺ ํ อนิจฺจํ อนตตฺ า มันอยูดวยกัน เหมือนขางหนาขางหลัง ขาง
ซา ยขา งขวา ของคนๆ หนง่ึ นน่ั แหละ อนั นเ้ี ปน ขา งซา ย อันนเี้ ปน ขา งขวา อนั นน้ั เปน ขา ง
หนา อันนี้เปนขางหลัง กค็ นๆ เดยี วกนั นน่ั เอง “อนิจฺจํ ทกุ ขฺ ํ อนตตฺ า” กค็ อื อาการ
แหงสภาพอันหน่งึ ๆ ของขนั ธอ นั เดยี วกนั ถา จะแยก แยกออกไปมากมายก็ทําใหฟน
เฝอไปเปลา ๆ ไมเกิดประโยชน

อันใดเปนที่ถนัดใจของเรา เชนพจิ ารณาเรื่อง “ทกุ ขฺ ํ” เปน ทถ่ี นดั ใจ กใ็ หก าํ หนด
ลงไปเลย จะกระจายไปถงึ “อนิจฺจ,ํ อนตตฺ า” ดวยไมวาอาการใด เชน พิจารณา อนตฺ
ตา ก็กลมกลืนกันไปหมด พิจารณา อนิจฺจํ ก็ กลมกลืนกันไปหมด ขอใหเปน ความถนดั
ใจของเราผูพิจารณาเถิด

ความถนัดใจเปน ส่งิ สําคญั จะทาํ ใหเ หน็ ตามความจรงิ ของมนั อยาปนเกลยี วกบั
ความจรงิ ทพ่ี ระองคท รงสอนไวอ ยา งถกู ตอ ง “นเ่ี ปน กอง “ไตรลักษณ” บอกไวแ ลว
อยา เออ้ื ม อยาไปยึด อยา ไปแบกไปหาม มนั หนกั จงปลอยตามความจริงของมัน ใจ
จะไดเ บาภาระ และหายทุกขไปโดยลําดับ

ทุกฺขํ อนิจฺจํ อนตฺตา มอี ยทู กุ อาการของขนั ธ รปู กเ็ ปน กอง “ไตรลักษณ” เวทนา
ก็ไตรลักษณ สัญญาก็ไตรลักษณ สงั ขารกไ็ ตรลกั ษณ วญิ ญาณกไ็ ตรลกั ษณ เขาเปน

ธรรมชดุ เตรยี มพรอ ม ๒๙๔

๒๙๕

ความจริงโดยสมบูรณอยูแลวตามความจริงของตน เราอยาไปยึด อยา ไปสาํ คญั อยา ไป
ปกปนเขตแดนเอา วา นน้ั เปน เรา นี้เปนของเรา เรากส็ บาย

นแ่ี หละการพจิ ารณาทางดา นปญ ญา ใหพิจารณาอยางนี้ จติ ใหร อบคอบตอ ตน
ใหฉ ลาดตอ ตนเอง ถา ไมฉ ลาดกไ็ ปหลงเขา ความหลงเขา จะตําหนิเขาก็ไมถ ูก เพราะ
เราหลงเอง ตอ งตาํ หนเิ ราผหู ลง เมอ่ื รแู ลว กห็ มดทางตาํ หนิ อาการเหลา นม้ี อี ยดู ง้ั เดมิ
ตั้งแตวันเกิดมาจนกระทั่งวันสลายตัวลงไป ใครเอาไปไดเ มอ่ื ไรเพราะเปน ของกลางๆ

กองรปู กองเวทนา กองสญั ญา สังขาร วิญญาณ น้ี ปลอยตามสภาพของมัน
พิจารณาใหเ ขาใจเสียแตใ นบัดนี้ จะเปน ผสู ะดวกสบายใจ นเ่ี ปน ขน้ั หนง่ึ ของการ
พิจารณา

ขน้ั สดุ ยอดแหง ทกุ ข แหงสมุทัย แหง ธรรม กค็ อื ขน้ั จิต ขั้นจติ คอื อะไร? จิตนั้น
หมายถงึ จิตกับอวิชชา ทก่ี ลมกลนื กนั เปน ความผอ งใส ความสงา ผา เผยอยา งยง่ิ ไม
เกย่ี วของกับสิ่งเหลา นเี้ ลย ! คอื ความรปู ระเภททป่ี ลอ ยวางจาก “รูป” จาก
“นาม” หมดแลว นแ้ี ลเปน ความรทู เ่ี ดน ทส่ี ดุ เปน ความรทู อ่ี ศั จรรยอ ยา งมากมาย จน
เจา ตวั กต็ อ งหลงเพลนิ ตอ ความรปู ระเภทน้ี ถอื วา “เปนของดีอยางยิ่ง” มีความรัก
ความสงวนมากไมมีสิ่งใดจะเทียบเทาไดเลย ถอื วา อนั นเ้ี ลศิ ประเสรฐิ กวา สง่ิ ใดๆ ทง้ั สน้ิ
บรรดาทพ่ี จิ ารณาผานๆ มา บรรดาทเี่ คยเจอ หรอื เคยพบเหน็ มา ไมมีอันใดมีความสงา
ผาเผยกวา ไมมีอันใดที่มีความสวางกระจางแจงกวา เปนสิ่งที่นาอัศจรรยยิ่งกวาจิตดวง
น้ี ทานวา “จติ อวชิ ชา” แท เปน อยา งน้ี ตอ งทาํ ใหห ลงไดแ นน อน ถา ไมม ผี เู ตอื นใหร ู
ไวก อ น อยางไรกต็ องหลงในจุดนแี้ น ๆ ในบรรดาผูปฏิบัติ

เพราะฉะนน้ั เมอ่ื ทราบแลว วา จดุ นเ้ี ปน อยา งน้ี อวิชชาเปนเชนนี้ การพจิ ารณาจงึ
ตอ งหยงั่ ลงในจิตนเ้ี พียงอันเดยี วเทาน้ัน เพราะสง่ิ อน่ื ๆ เขาใจหมด สงั ขารปรงุ ขน้ึ มา
ปบ มนั กด็ บั ลงไปอยทู อ่ี วชิ ชานน้ั เสยี เพราะอวชิ ชาเปนผบู งการ

ในเมอ่ื อวชิ ชายงั มอี ยู สงั ขารปรุงขน้ึ กต็ อ งเปน เรอ่ื งอวชิ ชาใหป รงุ รับทราบ
อะไรก็ตาม เปน เรอ่ื งอวชิ ชาทพ่ี าสาํ คญั มน่ั หมายไปตา ง ๆ นานา อะไร ๆ ก็เปนกเิ ลสไป
หมด เพราะอวิชชาพาใหเปน เพราะฉะนั้นจึงตองคนลงไปที่ “จติ อวชิ ชา”

เอา จติ อวชิ ชา เปนสถานที่ หรอื เปน เปา หมายแหง การพจิ ารณา หยง่ั สตปิ ญ ญาลง
ไปที่ตรงนั้น โดยไมถ อื ความรนู น้ั วา เปน ตน ถายังถือความรูนั้นวาเปน “ตน” อยู การ
พจิ ารณากไ็ มถ นดั กลวั ความรนู จ้ี ะเสอ่ื มบา ง จะสลายไปบา ง จะสญู หายไปไหนบาง กลวั
จะลมจมไปตางๆ นานาบา ง ไมอ ยากแตะตอ ง นน้ั แลคือกิเลสประเภทหนึ่ง หลอกเรา
อยางสนิททีเดียว

ธรรมชดุ เตรยี มพรอ ม ๒๙๕

๒๙๖

เพราะฉะนั้นเพอ่ื ความถกู ตอ งตามหลกั การพจิ ารณาจรงิ ๆ จงึ เอาจุดแหงความ
รทู เ่ี ดน ชดั ทว่ี าอศั จรรยม ากๆ นั้นแหละ เปน จดุ ทีพ่ จิ ารณาคลี่คลายท่ีจดุ นัน้
พิจารณาลงจุดนั้น เชนเดียวกับเราพิจารณาสภาวธรรมทั้งหลาย โดยไมถ อื วา อนั นน้ั สงู
อนั นต้ี าํ่ ไมถืออันนั้นเปนเรา อันนี้เปนของเรา แมแตจิตคือความรู ความรูอนั นก้ี ไ็ มถ ือ
เปนเรา เปนของเรา พิจารณาใหเขา ใจส่ิงน้ี จงึ ตอ งพจิ ารณาลงไปทต่ี รงนม้ี นั จะไมเ ขา ใจ
ไดอยางไร จะทนตอ การพสิ จู นไดอยา งไร ตองเขาใจ คือ สตปิ ญญาเขา ถือตัวจิต
อวิชชา และคลค่ี ลายตามหลกั การพิจารณาอยแู ลว ทว่ี า อศั จรรย ๆ กส็ ลายไป จงึ เห็น
ไดชัดเจนวา นค้ี อื จอมหลอกลวงอนั สดุ ทา ย ไดแ กธ รรมชาตนิ แ้ี ล

ทีนี้ขันธก็หมดปญญา คําวา “จติ ” ก็หมดปญหา ทกุ สง่ิ ทกุ อยา งบรรดาสภาว
ธรรมทั่วไป หมดปญหา! เม่อื จิตหมดปญหาในตัวเองเพยี งดวงเดยี วนเี้ ทานั้น ไมม ี
อะไรเปน ปญ หาในโลก นน่ั ! นี่คือจุดสุดทายแหงการพิจารณาธรรม

การปฏบิ ตั ธิ รรม การรูธรรม การรทู กุ ขก ด็ ี สมุทัยก็ดี กร็ นู เ้ี ปน จดุ สดุ ทา ย จากนน้ั
ไมม อี ะไรทจ่ี ะรตู อ ไปอกี แลว แลวจะทําใหหลงอะไร กไ็ มม ที างทจ่ี ะหลงตอไปอกี มนั
เปน “อฐานะ” มนั เปน อะไรตามสมมตุ ดิ ชี ว่ั ทน่ี ยิ มกนั ไปไมไ ด ตอ จากนไ้ี ปแลว ดงั
ที่ทานกลาววา “วสุ ติ ํ พรฺ หมฺ จรยิ ,ํ กตํ กรณยี ํ, นาปรํ อติ ถฺ ตตฺ ายาติ ปชานาต.ิ ”
พรหมจรรยไดอยูจบแลว งานท่คี วรทาํ ไดท าํ เสร็จแลว งานอน่ื ท่ยี ่งิ กวา นไี้ มม!ี เพราะได
รูชอบทุกสิ่งทุกอยางแลว นถ่ี า เราพดู ในธรรมจดุ น้ี กเ็ หมอื นกบั วา ไมก วา งขวางอะไร
เลยในการปฏบิ ตั ศิ าสนา นะ แตก อ นทจ่ี ะเปน เชน นน้ี ะ ซี มันแทบเปนแทบตายสําหรับ
ผปู ฏบิ ตั ทิ ง้ั หลาย

ถา พดู ตอนสุดทา ยน้ี กเ็ หมอื นกบั “ขา วอยูในจานนน้ั แล มองดขู า วในจาน ก็
เหมือนกับแคบนิดเดียว เหมาะกับการรับประทานเทานั้น แตเ มอ่ื มองยอ นหลงั ไปวา
“ขา วนม้ี าจากไหนละ ? ลองไลดูซิ โอย! แคน ในหวั ใจแทบไมอยากรับประทาน ขาวมา
จากไรจ ากนา จากอะไรบา ง กวา จะมาเปน เมลด็ ขา วเปลอื กขา วสาร จนสาํ เรจ็ ขน้ึ มาถงึ
ขน้ั รบั ประทานน้ี มันทุกขล าํ บากมาก หลังสูฟา สูแดด สูฝน และอดทนทกุ อยา ง ตอ ง
พรรณนากนั ยดื ยาวกวา จะเสรจ็ และทาํ เปน ปโ นน นะ กวาจะไดร บั ผล และรับประทาน

นก่ี ารพจิ ารณาธรรม ก็เรมิ่ มาแตลม ลกุ คลุกคลาน ฝก หดั ดดั จติ ใจดว ยธรรมตา งๆ
แทบเปนแทบตาย บรกิ รรมบงั คบั จติ ดว ย “พทุ โธ ธมั โม สังโฆ” ลม แลว ลม อกี กร่ี อ ยก่ี
พนั หนอยนู น่ั แหละ ไมรกู ล่ี ม กล่ี กุ ละ พยายามเสอื กคลานมาโดยลาํ ดับ ดว ยความ
อตุ สา หพ ยายามเร่อื ยมา จนกระทง่ั ถงึ จดุ ทว่ี า นน้ั ซึ่งควรแกการปลงใจ ปลงภาระทง้ั
ปวงใหห ายหว ง

ธรรมชดุ เตรยี มพรอ ม ๒๙๖

๒๙๗

ตอนตน มนั กวา งขนาดไหน หนักขนาดไหน หนักจนยกแทบไมไหว หรอื ยกไมไ หว
ในสว นมาก ยกไหวในสวนนอ ย เมื่อตกมาสมัยปจจุบัน ถา วา กวา งกก็ วา งจนมองหาทาง
ไมเจอ พอถึงข้นั แคบก็แคบอยา งน้ันละ พอขน้ั แคบ ๆ นี้หมดไปแลว ทีนี้กวางก็ไมวา
แคบกไ็ มว า อะไร ไมวาทั้งนั้น เพราะหมดสงิ่ ทีจ่ ะวา จิตหมดโทษ ไมมอี ะไรท่จี ะวาตอ
ไป นน่ั คอื แดนแหง ความพน ทกุ ขโ ดยสน้ิ เชงิ

พระพุทธเจาก็ดี พระสาวกกด็ ี ทานถึงแดนนี้ดวยกัน ไมม ที านผูหนง่ึ ผใู ดนบั แต
พระพทุ ธเจา ลงมาถงึ สาวกองคส ดุ ทา ยวา จะยง่ิ หยอ นกวา กนั ในความบรสิ ทุ ธ์ิ เสมอ
กนั เปนแตเพียงวาพุทธวิสัย คอื ความสามารถฉลาดรูในแงต า งๆ แหง ธรรมนน้ั มี
ความลกึ ตน้ื หยาบละเอยี ดกวา กนั เทา นน้ั แตข น้ั บรสิ ทุ ธน์ิ เ้ี หมอื นกนั หมด

ทา นกลา วไวใ นธรรมวา “นตถฺ ิ เสยฺโยว ปาปโ ย” ทา นผบู รสิ ทุ ธท์ิ ง้ั หลาย ไมม ี
ยิ่งหยอนกวากันเลยแมแตนิด บรรดาพระอรหนั ตข ณี าสพทง้ั หลาย นับตั้งแตพ ระพุทธ
เจา ลงมา เสมอกัน คอื ความบรสิ ุทธิน์ ี้ ดังที่ทานอาจารยม น่ั ทา นแสดงเร่อื งนิมิตวา พระ
พทุ ธเจา ในครง้ั พทุ ธกาลทา นเคารพกนั อยา งไร ปรากฏในนมิ ิตวา บรรดาพระสงฆสาวก
ทั้งหลายหลั่งไหลมา พระพทุ ธเจา กเ็ สดจ็ มา ใครมาถงึ กอ นนง่ั กอ นเปน ลาํ ดบั ๆ ตามท่ี
มาถึงกอนถึงทีหลัง ไมไ ดค าํ นงึ ถงึ อาวโุ สกนั พระพทุ ธเจา เสดจ็ มาทหี ลงั ก็ประทับอยู
ทางทา ยสงฆโ นน แลว (ทา นอาจารยม น่ั ) ทา นเกดิ วติ กขน้ึ มาวา เพราะเหตไุ รจงึ เปน
อยา งนน้ั ความเคารพกันครั้งพุทธกาลเปนอยางนี้หรือ ก็รูข ึ้นมาทันทีวา นี้คือ วสิ ทุ ธิ
ธรรมเสมอกนั อยา งน้ี ไมว า ใครมากอ นมาหลงั นั่งตามลําดบั ทม่ี า คือเปนความเสมอ
ภาค ไมว า ผนู อ ยผใู หญ “อาวุโส ภนั เต” เพราะความบริสุทธิ์เสมอกัน

(ทา นอาจารยม น่ั ) ทา นวติ กวา ถาเคารพตามสมมุติแลว ความเคารพกนั ของทา น
เปน อยา งไรหนอ “ตามทางสมมุต”ิ ทา นพลกิ พรบึ เดยี วนน้ั พระพุทธเจาประทับอยู
ตรงหนา แลวบรรดาสาวกเรียงตามลาํ ดับลําดา นค่ี อื การเคารพกนั โดยทางสมมตุ ิ ความ
เคารพในทาง “สมมุติ” เปน อยา งน้ี นต่ี าม “อาวโุ ส ภนั เต” อยา งน้ี นน่ั !

ทา นแยก ทั้ง “วมิ ตุ ติ” ทั้ง “สมมตุ ”ิ ใหเ หน็ อยา งชดั เจน
การเคารพกัน ก็ไมมีอะไรจะนิ่มนวลยิ่งกวาทานผูสิ้นกิเลสเคารพกัน ไมเ ปน พธิ รี ี
ตอง ไมเปนอะไรๆ เลหๆ เหลี่ยมๆ เหมอื นกบั คนทม่ี กี เิ ลสทาํ ตอ กนั ทานเคารพกัน
อยา งถงึ ใจ เคารพคุณธรรม เคารพความจริง การเคารพความจริงดวยความจรงิ ภายใน
ใจน้ี ทานจึงทําไดสนิท
สว นปถุ ชุ นจาํ พวก “ชนดะ” เรา เวลาแสดงออกทางมรรยาทนั้นดูสวยงาม แตง าม
ในลกั ษณะตกแตง ไมใ ชตวั จริงออกมาจากของจริงคือธรรมแท แตภ ายในมนั แข็งทอ่ื

ธรรมชดุ เตรยี มพรอ ม ๒๙๗

๒๙๘

ไมเ หมาะสมกนั กบั อาการภายนอกทอ่ี อ นโยนในการแสดงออก ฉะน้นั โลกจงึ ลุม ๆ ดอน
ๆ สงู ๆ ตาํ่ ๆ ไมสม่ําเสมอเหมือนกบั ความจริงทเี่ ปนออกมาจากความจรงิ แท วนั น้ี
แสดงเพียงเทานี้ ขอยุติ

ธรรมชดุ เตรยี มพรอ ม ๒๙๘

๒๙๙

เทศนโปรดคุณเพาพงา วรรธนะกลุ ณ วดั ปา บา นตาด
เมอื่ วนั ท่ี ๓๐ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๑๙

ทุกขเวทนา

ในมงคลสูตร ทา นสอนใหค บบณั ฑติ อยา คบคนพาล คนพาลก็คอื หวั ใจเจา ของพาล
นน่ั เองเปน อนั ดบั แรก คือมคี นพาลภายนอก คนพาลภายใน สว นมากกเ็ ปน คนพาลอยู
ภายในใจตวั เองคอยพาลอยเู รอ่ื ยๆ เวลาไปอยกู บั ครกู บั อาจารย ทเ่ี รยี กวา “คบบณั ฑติ ”
ไดร บั การอบรมอยเู สมอจากบณั ฑติ เพราะครอู าจารยท า นเปน บณั ฑติ ทา นมคี วามเฉลยี ว
ฉลาดในอบุ ายตา งๆ ทน่ี าํ มาสง่ั สอนเรา ทา นเคยปฏบิ ตั แิ ละรมู าแลว ทกุ อยา ง การสอนจงึ
ถูกตองแมนยําเปนที่แนใจไดสําหรับผูฟงไมมีที่สงสัย เฉพาะอยา งย่งิ ทานอาจารยม ่ัน ไม
เคยปรากฏเลยทท่ี า นจะสอนวา “เหน็ จะเปน อยา งนน้ั เหน็ จะเปน อยา งน้”ี

มีแต “แนนอน ๆ” และเปน ทแ่ี นใ จ เพราะทา นเอาความจรงิ ลว นๆ ซึ่งถอดออก
จากจิตใจที่เคยไดร ูไดเหน็ มาแลวออกมาพูด และจากการปฏบิ ตั มิ าแลว ดว ยดี ยง่ิ เวลาเจบ็
ไขไดปวยดวยแลว รายไหนออ นแอละ ทา นขไู วแ ลว วา “ใครออ นแอใครรอ งคราง “ฮือๆ”
ละก็ ใหเอา “นน้ั แหละ” เปนโอสถรักษาเองไมตองไปหาหยูกยาที่ไหน ไมตองมีใครดูแล
รกั ษาละ คราง “ฮือ ๆ ฮาๆ” มนั เปน โอสถแลว สาํ หรบั คนนน้ั ถา หากการรอ งครางมนั เปน
ประโยชนจ รงิ ๆ แลว เราจะหาหยกู ยามารกั ษาทาํ ไม !

นแ่ี หละเวลาทท่ี า นยอ นกลบั เอา “รอ งครางเขา ซี ใครรองครางก็ไดน่ี เดก็ รอ งคราง
ก็ยังไดถามันประโยชน น่มี ันไมเปน ประโยชนอ ะไรเลย นอกจากคนดีที่ปฏิบัติเด็ดเดี่ยวจะ
ราํ คาญเทา นน้ั จงึ ไมค วรจะรอ งครางเพราะความออ นแอ เปนพระกรรมฐานทั้งองคแสดง
ตัวอยางนั้นมันดูไดเมื่อไร ถา เปน เดก็ หรอื เปน คนธรรมดาทว่ั ๆ ไปก็ไมคอยเปนไร เพราะ
เขาไมไ ดร บั การศกึ ษาอบรม มีความรูอ ะไรพอจะเขา ใจในแนวทางตอ สูดว ยวิธีการตางๆ มี
การพจิ ารณา เปน ตน

สว นเรารแู ลว รูทุกสิ่งทุกอยาง เวลาเกดิ เรอ่ื ง เชน เจ็บไขไ ดปว ย เปน ตน ขน้ึ มาภาย
ในตวั หาทางหรอื อบุ ายตา งๆ รักษาตัวไมได มแี ตล มระเนระนาดไปอยา งนน้ั ใชไ มไดเ ลย
ขายตวั เองและวงกรรมฐาน!

ทา นอาจารยม น่ั ทา นเทศนส อนจติ ใจนเ้ี กง มากทเี ดยี ว บรรดาลกู ศษิ ยล กู หาทต่ี ง้ั ใจ
ไปศึกษาอบรมกับทาน ฟงอะไรก็ถึงใจ สงิ่ ทีค่ วรปฏบิ ัตกิ ป็ ฏบิ ตั ิไปเลย สง่ิ ทค่ี วรเขา ใจใน

ธรรมชุดเตรียมพรอม ๒๙๙

๓๐๐

ขณะนน้ั กเ็ ขา ใจ แตล ะเรอ่ื งทเ่ี ปน เรอ่ื งภายใน เขา ใจไปโดยลาํ ดบั เวลามคี วามเจบ็ ไขไ ด
ปว ยทา นสอนวธิ พี จิ ารณาให “เอา เวลามนั เปน ไข มนั เอาไขม าจากไหน?” นท่ี า นสอนให
เปน ประโยชนแ ละไดค ตสิ าํ หรบั ผปู ฏบิ ตั ิ “มันหอบไข หอบหนาวมาจากไหน? มันก็เกิดขึ้น
มาในกายนไ้ี มใ ชห รอื ? เวลาหายมนั จะไปหายทไ่ี หน? ถาไมหายในทมี่ นั เกดิ ข้นึ นี่ แมไม
หายมนั กต็ ายไดด ว ยกนั ทกุ คนไมม ยี กเวน ภายในรา งกายน้ี จงพจิ ารณาใหร มู นั

ความทุกขทั้งมวลนั้นก็เปน “สจั ธรรม” ถา ไมพ จิ ารณาสง่ิ เหลา นจ้ี ะพจิ ารณาอะไร?
พระพทุ ธเจา ตรสั รดู ว ย “สจั ธรรม” สาวกกต็ รสั รดู ว ย “สจั ธรรม” เราจะตรสั รดู ว ยความ
ออนแอนั้นไดหรือ! มันเขากันไดหรือกับธรรมของพระพุทธเจา ถา อยา งนน้ั เรากม็ าขวาง
ธรรมซี ทา นวา

มนั เกิดทตี่ รงไหนอาการใด เราถามดู มนั เจบ็ ทต่ี รงนน้ั ปวดทต่ี รงนน้ี ะ อะไรเปน ผู
เจบ็ อะไรเปน ผปู วด ? คน เขา ไปใหเ หน็ ตน เหตมุ นั ซิ มันเกิดที่ตรงไหน เจบ็ ทต่ี รงไหน
อะไรเปน เหตใุ หม นั เจบ็ มนั ปวด อะไรเปน ผไู ปสาํ คญั มน่ั หมาย เวลาตายแลว เขาเอาไป
เผาไฟ มนั เจบ็ มนั ปวดไหม ? ใครเปน ผหู ลอกลวงตวั เองวา เจบ็ นน้ั ปวดน้ี พจิ ารณาให
เหน็ ตน เหตขุ องมนั ซี

ถาเปนนักปฏิบัติ ไมรูตนเหตุไมรูทั้งผล คือกองทุกข มันจะแกทุกขไดยังไง ปญญา
มีไวทําไม? ทําไมไมคิดไมคนขึ้นมาใช แนะ ทา นวา

“มีสตปิ ญ ญากเ็ พอ่ื ระลกึ รู แลว พจิ ารณาสง่ิ ตา งๆ มีทุกขเวทนา เปน ตน ซึ่งมีอยู
ในรา งกายและจติ ใจของเราเอง”

ทา นสอนยาํ้ ลงไปโดยลาํ ดบั ๆ หากผูฟง ฟงดวยความตั้งใจ เฉพาะอยางยิ่งผูมีนิสัย
อาจหาญ จะยง่ิ จบั ใจความไดง า ย ถูกจริตทันที ๆ จบั ปบุ ๆ ในเวลาจากทา นไปอยใู นสถานท่ี
บาํ เพญ็ ใด กเ็ หมอื นกบั ทา นไปแสดงกงั วานอยใู นหวั ใจ โอวาทของทานจําไดทุกแงทุก
กระทง ทส่ี าํ คญั ๆ สาํ หรบั ทจ่ี ะเอามาเปน เครอ่ื งมอื ในการปฏบิ ตั ิ เชน อยูใ นที่สําคญั ๆ
ประหนง่ึ วา ทา นมาอยทู ห่ี วั ใจเราเลย ใจอาจหาญรา เรงิ จรงิ ๆ แมก ารฝก การรธู รรมเหน็
ธรรม การเขา ใจในอรรถในธรรม กเ็ ขา ใจดว ยความอาจหาญ เขา ใจดว ยความเปน นกั ตอ สู
จรงิ ไมไดเขาใจดว ยความออนแอ ความทอแท ความเหลวไหล ความถอยทัพกลับแพโดย
ลาํ ดบั นน้ั ไมใชทางทีก่ ิเลสจะกลัวและสิ้นไปจากใจ ไมใชทางที่จะแกกิเลส หรือรูเรื่องของ
กิเลสทั้งหลายและถอดถอนไดเลย

ธรรมชุดเตรียมพรอม ๓๐๐

๓๐๑

นศ่ี าสนา!ไมมีอะไรที่จริงที่แทแมนยําตอความถูกตองจะเทียบเทาได หาที่แยงไมมี
ถา ดาํ เนนิ ตามหลกั ศาสนาแลว เรอื นจําตะรางตะเรงิ อะไรเหลา นี้ไมต องมี มีทําไมก็ไมมีใคร
จะทําผดิ น่ี มองเห็นตามเหตุตามผล ยอมรับความผิดความถูก ชั่ว ดี ของกันและกัน ดว ย
หลกั เหตผุ ลเปน เครอ่ื งรบั รองแลว กอ็ ยดู ว ยกนั ไดเ ทา นน้ั คนเรา

เทาที่ตองมีกฎบังคับ มีตะรางหรอื คกุ ก็เพราะไมยอมรับผิด ผิดก็ไมยอมรับวาผิด
เหน็ ตวั ทาํ อยหู ยกๆ ก็ไมยอมรับ จนติดคุกติดตะรางแลว เวลาถกู ถามยังวา “เขาหาวา
ขโมยนนั้ ขโมยน”ี้ ไปเสียอีก ทั้งๆ ที่ตัวขโมยเอง นค่ี อื ความไมย อมรบั ตามเหตตุ ามผลตาม
ความจรงิ นน้ั เอง แมภ ายในจติ ใจเกยี่ วกบั เรอ่ื งของตวั โดยเฉพาะก็เหมือนกนั ไมยอมรับ
เพราะฉะนน้ั มนั ถงึ ไดร บั ความทกุ ขค วามลาํ บาก ถา ยอมรบั ตามหลกั ความจรงิ เสยี สิ่งที่
แสดงข้นึ เปนหลักความจริงทง้ั นั้น ยอ มมีการยุติกันไดด ว ยความจรงิ แมเกิดทุกขทางราง
กายกไ็ มท าํ ใจใหก าํ เรบิ เพราะความรเู ทา ทนั

ตามหลกั ธรรม ทกุ ขเ คยปรากฏภายในรา งกายและจติ ใจเรา ตง้ั แตว นั รเู ดยี งสาภาวะ
มา ไมน าตนื่ เตนตกใจ เสยี ใจ จนกลายเปน โรคภายในจติ ขน้ึ มา จติ ตภาวนาจงึ เปน หลกั
วชิ าความรูร อบตัวไดดีเย่ียม

ผปู ฏบิ ตั อิ ยูสม่ําเสมอ จึงไมตื่นเตนตกใจเวลาเกิดทกุ ขภ ายในรางกาย และยงั จบั จดุ
ของทุกขที่เกิดขึ้นมาพิจารณาแยกแยะตามความจริงของมัน จนเกดิ อบุ ายแยบคายและอาจ
หาญชาญชยั ข้ึนมาอยา งนา ชม

สาํ คญั ทม่ี กี ารคบคา สมาคมกบั บณั ฑติ นกั ปราชญผ ฉู ลาดแหลมคม ถา เรายงั ไม
สามารถชว ยตัวเองได กต็ อ งอาศยั ครอู าจารยท า นแนะนาํ สง่ั สอน การไดยินไดฟงอยูบอยๆ
ก็คอยซึมซาบเขาไปดวยการไดยินไดฟงนั้นๆ แลว คอยกลมกลนื กนั เขา ไปกับจรติ นสิ ัย จน
กลายเปน “จิตมีธรรม” จิตเปน บัณฑิตนกั ปราชญข ึน้ มา ตอไปก็สามารถรักษาตัวได เปน
“อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ” ขึ้นมา

ฉะนั้นการใดก็ตามเม่อื ตนยงั ไมสามารถ จึงตองอาศัยผูอื่นไปกอน การอยูดวยกัน
กบั ทา นผูดี ยอ มมคี วามสงบสขุ กลมกลืนกนั ไปโดยทางจรติ นสิ ยั เปน สําคัญ จนกลายเปน
นิสัยอันดีงามไปได เชน เดยี วกบั การคบคา สมาคมกบั คนชว่ั ทแี รกเราไมไ ดเ ปน คน “ชั่ว”
แตเ วลาคบกนั ไปนาน ๆ ก็กลมกลืนกันไปเอง จนกลายเปน คนชว่ั โดยไมร สู กึ ตวั เมื่อชั่ว
เต็มท่ีแลว ยิ่งทําใหมืดมิดปดทวารหนักเขาไป และถือวาตนดียิ่งขึ้น ใครมาพาลไมได ความ

ธรรมชุดเตรียมพรอม ๓๐๑

๓๐๒

ดีประเภทนั้นจะโดดออกโรงทันที นค่ี ือความดีของคนชั่ว ซง่ึ เปน สงิ่ ชั่วท่บี ณั ฑิตกลวั กนั ทวั่
ดินแดน

คนชว่ั กบั คนดี ความชว่ั กบั ความดี มันกลบั กันอยา งน้ีแล คนชั่วไมอาจมองเห็น
ความจรงิ วา ชว่ั เลยเสกสรรปน ยอขน้ึ มาวา “เราดเี ราเกง เราสามารถ เราเปน เสอื อนั ลอื ชอ่ื
กบั เขาคนหนง่ึ ” เปน ยงั งั้นไปเสีย !

เพราะฉะนน้ั การคบคา สมาคมกบั ครอู าจารยก บั บณั ฑติ จงึ เปน ความสาํ คญั สาํ หรบั ผู
บําเพญ็ เพอื่ เปนคนดี และหวงั ความสขุ ความเจรญิ ใหก บั ตวั เพราะทา นสอนทา นอบรมให
บอ ยๆ กริ ยิ ามารยาทของทา นทเ่ี ราไดเ หน็ อยทู กุ วนั ๆ นน้ั จะซมึ ซาบเขา ไปและบาํ รงุ จติ ใจ
เราไปโดยลาํ ดบั ใหยึดเปนคติตัวอยางอันดีไปเรื่อยๆ ทานแสดงออกมาในแงใดก็เปน
อรรถเปนธรรมท้งั นน้ั

ยง่ิ ทา นผสู น้ิ กเิ ลสแลว กย็ ง่ิ หาสง่ิ เปรยี บเทยี บไมไ ด อยา งทา นอาจารยม น่ั เปน ความ
แนใ จวา ทา นสน้ิ กเิ ลสแลว ฟงอรรถฟงธรรมของทานมันหายสงสัย โดยที่ทานไมไดบอกวา
ทา นสน้ิ นะ ทา นไมไ ดบอกวา ทา นเปนพระอรหัตอรหันตอะไรเลย แตทานบอกโดยการ
แสดงธรรมของจริงทุกขั้น ใหบรรดาผูไปศึกษาอบรมฟงอยางถึงใจไมสงสัย จึงกลาพูด
อยางเต็มปากไมกระดากอายวา ทา นพระอาจารยม น่ั ภูริทัตตเถระ คือพระอรหันตองค
สาํ คญั องคห นง่ึ ในสมยั ปจ จบุ นั ทแ่ี สนหายาก เพราะเปน สมัยท่ีอดอยากขาดแคลนผู
ปฏิบัตธิ รรมเพอื่ ความเปนพระอรหนั ต นอกจากจะปฏบิ ตั เิ พอ่ื กาํ จดั ความเปน พระ
อรหันต ดว ยการสง่ั สมกเิ ลสจปิ าถะเทา นน้ั ทง้ั ทา นและเรา ไมอาจตําหนใิ ครได

ขอยอนกลับมา “เวทนา” อีก การพจิ ารณาทกุ ขเวทนานส้ี าํ คญั มาก ทั้งนี้เพราะได
ยินไดฟงจากทานพระอาจารยมั่น ทา นเอาจรงิ เอาจงั มาก เวลาเจบ็ ไขส าํ หรบั พระผปู ฏบิ ตั ิ
อยใู นวดั ทา น บางทีทา นเดินไปเองถามวา “ทา นพจิ ารณาอยา งไร?” แลว ทา นกย็ าํ้ ธรรมลง
ไปเลยวา “ใหค นลงไปตรงน้ี มันทุกขที่ตรงไหน จงพิจารณาใหเ ห็นความจรงิ ของทกุ ข”
แลว กส็ อนวธิ พี จิ ารณา “อยาไปถอย ความถอยนั่นแหละคือการเพิ่มทุกข” ทา นวา อยา งนน้ั

“ความเปน นกั สู ตอสูดวยปญญานั้นแลเปนสิ่งที่จะไดชัยชนะ คือ รเู ทา ทนั กบั
ทุกขเวทนา ซง่ึ เราถอื วา เปน ขา ศกึ อนั สาํ คญั ตอ เรา ความจรงิ เวทนานน้ั ไมไดเปน ขาศึกตอ
ผใู ด ความรูสึกของเขาไมมี เพยี งเปน ความจรงิ อนั หนง่ึ เทา นน้ั ” ทา นสอน

“ใหพ จิ ารณาลงไป ทุกขมากทุกขนอย เราไมตองไปคิดไปคาดหมายมัน ขอให
ทราบความจรงิ ของมันดวยปญญาของเรา ใจเราจะไมโกหกเจาของ” ทา นวา

ธรรมชุดเตรียมพรอม ๓๐๒

๓๐๓

กใ็ จเรานแ่ี หละตวั โกหก เพราะผูที่โกหกมันมีอยูกับใจ มันโกหกใจใหห ลงสําคญั มั่น
หมายไปตางๆ ความโกหกกับความโงมันเชื่อกันงาย ๆ คนฉลาดกับคนโง ความโกหกกับ
ความโงมันก็หลอกกันไดงายๆ ความฉลาดของกเิ ลสกบั ความโงของเรามนั เขา กันไดงาย
ธรรมทา นจงึ แยกแยะออกใหพ จิ ารณาจนถงึ ความจรงิ แลว เชอ่ื ดว ยความจรงิ นน้ั แลเปน
การไดชัยชนะไปโดยลําดับๆ แยกแยะใหเ หน็ ทกุ ขซ ง่ึ มเี ปน ประจาํ อยาปลีกหนีไปไหน
ทุกขมากทุกขนอยใหพิจารณาอยูที่ตรงนั้น พจิ ารณาอยทู ต่ี รงนน้ั ถาจะจองก็จองอยูที่ตรง
นน้ั เม่ือพิจารณาสาเหตุของมนั ทุกขเปนมากแคไหนก็ใหคนลงไป

คาํ วา “ทุกข” นอี้ าศัยอะไรเปน ทีต่ ัง้ ทุกขอาศัยกายเปนที่ตั้ง อาศยั ความรสู กึ เปน
เหตทุ จี่ ะใหท กุ ขกาํ เรบิ ความรสู กึ หมายไปตา ง ๆ นานา นน่ั แหละทาํ ใหท กุ ขก าํ เรบิ ขน้ึ
ความรสู กึ นต้ี อ งแกด ว ยการพจิ ารณาใหท ราบทง้ั เรอ่ื งของทกุ ข วา เปน เชน นน้ั ทราบทง้ั
“ฐานเปนที่เกิดแหงทุกข” เชน รา งกายนส้ี ว นใดกต็ าม จงใหท ราบชดั เจนวา ฐานนน้ั มัน
เปนทุกขจริงไหม เชน

เปนทุกขในกระดูก ในเนอ้ื ในหนงั สว นใด เนอ้ื หนงั นน้ั เปน เนอ้ื หนงั อยเู ชน นน้ั ทุกข
ก็เปนทุกขอยูเชนนั้น แมจ ะอาศยั กนั อยกู เ็ ปน คนละชน้ิ คนละอนั ไมใชอ นั เดียวกนั จติ ผรู ู
รบั ทราบสง่ิ นน้ั กเ็ ปน จติ อนั หนง่ึ แตจ ติ นเ้ี ปน ผหู ลง แลว กไ็ ปสาํ คญั วา นน้ั เปน ทกุ ข นเ้ี ปน
ทุกข รวมทง้ั หมดนน้ั เขา มาเปน “ตัว” วา “เรา” ทุกขที่นั่น เราทกุ ขท นี่ ี่ ไมอยากจะให
“เรา” เกิดทุกข อยากจะใหทุกขหายไปเสีย ความอยากนก้ี เ็ ปน กเิ ลสอนั หนง่ึ ขน้ึ มาสง
เสรมิ จึงเกิดความทุกขความลําบากมากขึ้น ใจกเ็ ปน ทกุ ข ที่เปนทุกขเวทนาทางกายก็เปน
ทุกข ทางใจก็กําเริบขึ้นอีกดวยความทุกข เพราะอยากใหเ ปน อยา งใจหวงั กเ็ ลยเสรมิ กนั ขน้ึ
ไป นี่เปนความโงของตัวขนทุกขมาทับถมตัวเอง

ความฉลาด ตองพิจารณา มองทุกขเวทนาที่มีอยูในใจวา เกิดจากอะไร อาศัยอะไร
อยู อาศยั รา งกาย รา งกายสว นใด หรือทุกขมันเกิดอยูที่จุดใด แลวดู “กาย” กับ
“เวทนา” มนั เปน อนั เดยี วกนั ไหม ? รปู ลกั ษณะเปน อยา งไรบา ง เวทนาไมม รี ปู ไมม ี
ลกั ษณะทา ทางตา ง ๆ ปรากฏแตค วามทกุ ขเ ทา นน้ั

สว นรา งกายมรี ปู รา ง มสี สี นั วรรณะ และก็มีอยูของมันอยางนั้นตั้งแตทุกขยังไมเกิด
เวลาทุกขเกิดขึ้นมันก็มีอยูเชนนั้น ทกุ ขเ ปน อนั หนง่ึ ตา งหากจากสง่ิ นโ้ี ดยความจรงิ แต
อาศยั ความ “วกิ ารของรางกาย” ใหเกิดขึ้นมา จติ กเ็ ปน ผไู ปรบั รู ถา จิตมีปญญาก็ควรรบั
ทราบไปตามความจริงของมัน จิตก็ไมกระทบกระเทือน ถาจิตลุมหลงก็ไปยึดสิ่งนั้นเขามา

ธรรมชุดเตรียมพรอม ๓๐๓

๓๐๔

คอื เอาความทกุ ขน น้ั เขา มาเปน “ตน” เปนของตน แลว กอ็ ยากใหทุกขท ่วี า เปน ตนเปน
ของตนนั้นหายไป

นี่แหละที่แยกไมได เมื่อทุกขเขามาเปนตนแลวมันจะแยกออกไดอยางไร ถา เปน แต
ทกุ ขเ ปน ความจริงอันหนง่ึ ตา งหาก รา งกายกเ็ ปน ความจรงิ อนั หนง่ึ ตา งหาก ไมใ ชอ นั เดยี ว
กัน ตางอันตางมี ตางอันตางจริง อยูตามสภาพของตน เมอ่ื ความรเู ปน อยา งนจ้ี งึ จะแยก

ได
ถา เหน็ ทกุ ขว า เปน “ตน” แลว แยกวันยังค่ําก็ไมออก เพราะยึดถือวา “อนั นเ้ี ปน

ตน” แลวจะแยกไดอยางไร เพราะตนไมท าํ การแยกแยะดวยปญญาน่ี ก็ตองถือวาเปน
“ตน” อยูอยางนี้ เมอ่ื “ขันธ” กับ “จติ ” กลมกลืนเขา เปนอนั เดยี วกันแลว แยกไมได
เมอ่ื พยายามใหส ตปิ ญ ญาพจิ ารณาเขา ไปเหน็ ความจรงิ ของมนั แลว วา ตางอันตางอยู ตา ง
อนั ตางจริง ของใครของเราอยเู ชน นน้ั อยา งซาบซง้ึ เขา ในจติ ใจ ทุกขคอยๆ ระงับลงไป ๆ
ทั้งรูเครื่องสืบตอของทุกขที่เขามาเกี่ยวเนื่องกับใจ เพราะมันก็ออกไปจากใจ เมอ่ื พจิ ารณา
ทุกขแลว มันก็หดตัวเขามา หดตวั เขา มาจนถงึ “ใจ” เรื่องทุกขเวทนาทั้งมวล มันก็ออกไป
จากใจที่ไปหมาย หรอื ที่เปน ทุกขเวทนา เพราะมนั มสี ายสมั พนั ธเ กย่ี วเนอ่ื งอยโู ดยทาง
“อุปาทาน” อยางลึกลับ แตเ ราไมท ราบ

เวลาพจิ ารณาเหน็ อยา งชดั เจนแลว เราจงึ ไดตามทกุ ขเวทนาเขามา รเู ขา มา ๆ
ทกุ ขเวทนาหดเขา มา ยน เขา มาจนกระทัง่ ถึงใจ พอทราบวา ใจนเ้ี องเปน ตวั ไปกอ
“อุปาทาน” ขึ้นมา แลว ใหจ ติ ถอื วา เปน “ตน” จึงเกิดความทุกขขึ้นมากมาย พอทราบ
อยา งนแ้ี ลว ทุกขก็ระงับดับลงไป

อีกประการหน่ึง พอทราบเชน น้ี ทกุ ขก็จริง แตใจไมไปยึด ถึงทุกขจะไมดับก็ตาม
เรื่องจิตก็เปน จติ ไมสืบตอกับดวยอุปาทาน ตางอนั ตา งจรงิ นเ่ี รยี กวา “จติ เปน ตวั ของ
ตัว” มคี วามรม เยน็ เปน สขุ และรอบคอบอยภู ายในตวั ในทา มกลางแหง ความทกุ ขข อง
ขนั ธ น่ชี ่อื วา “รจู ติ วา เปน ของจรงิ อนั หนง่ึ เชน เดยี วกบั ขนั ธท ั้งหลายเปนของจรงิ แตล ะ
อยาง

นส่ี าํ หรบั ผกู าํ ลงั ดาํ เนนิ ปฏปิ ทา กาํ ลงั ดาํ เนนิ เพอ่ื รเู ทา ทนั “ขนั ธห า ” มีทุกขเวทนา
เปน สาํ คญั

แตส าํ หรบั ทา นผเู ขา ใจโดยตลอดจนถงึ กบั เปน “อกุปปจิต อกุปปธรรม” ไมม กี าร
กาํ เรบิ เปน อ่ืนตอไปแลวน้นั ” ทา นไมม ีปญหาอะไรเลย จะเปนทุกขมากทุกขนอยไมเปน

ธรรมชุดเตรียมพรอม ๓๐๔

๓๐๕

ปญหาทั้งสิ้น เพราะจติ ทา นจรงิ อยตู ลอดเวลา ไมม เี วลาไหนทจ่ี ติ ของทา นซง่ึ บรสิ ทุ ธแ์ิ ล
วจะกลายเปน เศรา หมอง จะกลายเปน โลกขน้ึ มา ไมมีทางเปนไปได เพราะฉะนน้ั อาการ
แหงขันธจะแสดงขึ้นมาอยางไร ทา นจงึ ทราบตามหลกั ธรรมชาติ ขันธนน้ั ก็ปรากฏขึ้นตาม
หลกั ธรรมชาติ ดับไปตามธรรมชาติ หรือตั้งอยูตามธรรมชาติ แลวดับไปตามธรรมชาติ จติ
ก็รูตามธรรมชาติของตนโดยไมตองบังคับบัญชากันแตอยางใด จติ ของทา นผรู รู อบขอบ
ชิดโดยตลอดทั่วถึงแลวเปนอยางนี้

สว นเรากาํ ลงั พจิ ารณาขนั ธ ก็เพ่อื จะทราบและถอยเขามาเปนลําดบั แมว าจะไมเ ปน
อยา งนน้ั ในระยะทก่ี าํ ลงั ดาํ เนนิ จะยังไมสมหวังก็ตาม แตก ารพจิ ารณา “ทุกข” ทง้ั หลาย
กเ็ พอ่ื แยกจติ ออกจากทกุ ข ไมไปพัวพันในทุกข และไมถือมั่นทุกขวาเปนตน ขณะที่ทุกข
เกิดขึ้นมากหรือนอย ไมใหไปกวานเอาทุกขนี้มาเปนตน ซ่งึ เทากบั เอาไฟมาเผาตน ก็
สบาย!

เพราะฉะนน้ั ทกุ ขจ งึ เปน หนิ ลบั ปญ ญาไดด ี ทุกขจะเกิดขึ้นมากนอย จงกาํ หนดสติ
ปญญาจองอยตู รงนนั้ แลว ยอ นคนื มาสจู ติ และ ขยายความรอู อกไปหาเวทนาออกไป
หากาย ซง่ึ เปน คนละสดั ละสว นอยแู ลว กายกเ็ ปน สว นหนง่ึ เวทนาเปน สว นหนง่ึ จิตเปน
สว นหนง่ึ ถอยไปถอยมา

ดว ยการพจิ ารณาทางปญ ญา จนเปน ทเ่ี ขา ใจและทราบซง้ึ ใจจรงิ ๆ วา “ขนั ธแ ตล ะ
อยา ง สกั แตว า .........เทา นน้ั ” ไมปรากฏวาเปนอะไร เชน เปน เรา เปน ของเรา เปน ตน
เปน เพียงความจรงิ แตล ะอยางทป่ี รากฏอยเู ทา นนั้ เมื่อเขา ใจประจกั ษเชน นี้ ใจยอ มเปน
ตัวของตัวโดยอิสระในขณะนน้ั และรูประจักษวาทั้งขันธทั้งจิตตางอันตางจริง ไมกระทบ
กระเทอื นกนั

แมข ณะจะตาย ใจกจ็ ะรทู นั เหตกุ ารณจ าํ เพาะหนา ไมสะทกสะทานตอทุกขเวทนา
และความตาย เพราะจติ แนใ จวา “จติ เปน จติ ” คอื เปน คลงั แหง ความรู ขันธแตละขันธ
เปน เพยี งอาการหนง่ึ ๆ เทา นน้ั จิตจึงไมกลัวตาย เพราะความแนใ จตวั เองวา จะไมไ ปลม จม
ที่ไหน

แมย งั ไมถ งึ ขน้ั สน้ิ กเิ ลสโดยสน้ิ เชงิ กต็ าม แตจิตไดฝกหัดตนดวยสติปญญากับ
ขันธท ง้ั หลายจนเกรียงไกรอยแู ลว คอื จติ อยูกบั สัจธรรม อยูกับ “หินลับปญ ญา” ปญญาจะ
กระจายกําลังแผกวางออกไป ใจจะผองใสและองอาจกลา หาญเปน ลําดับ เพราะปญ ญาเปน
เครื่องซักฟอก แมค วามดบั จะมขี น้ึ ในขณะนน้ั ก็ไมมีปญหาอะไร!

ธรรมชุดเตรียมพรอม ๓๐๕

๓๐๖

ประการหนง่ึ ถาเรามสี ตปิ ญญา พิจารณาทุกขเวทนาอยา งไมถ อยหลัง จนเปน ทเ่ี ขา
ใจแลว แมขณะจะตายจริงๆ กจ็ ะทราบวา ทกุ ขเวทนานจ้ี ะระงบั ดบั ไปกอ น แตจ ติ จะไม
ดับ จะถอยตวั เขา มา รตู วั อยภู ายในตนโดยเฉพาะ แลว ผา นไปในขณะนน้ั คาํ วา “เผลอ
สต”ิ ไมม สี าํ หรบั ผปู ฏบิ ตั ถิ งึ ธรรมขน้ั น้ี จงึ เปน ทแ่ี นใ จวา ผมู สี ติ แมจ ะยงั ไมส น้ิ กเิ ลส
ยอมจะทราบชัดในขณะที่ทุกขเวทนาเกิดขึ้นเต็มที่ จนขนั ธจ ะทนอยไู มไ ดแ ลว จะสลายตวั
ไปจะตาย จติ ถอนตวั ออกจากนน้ั มาสคู วามเปน จติ คือเปนตัวของตัวแลวผานไป นเ่ี ปน
ธรรมขน้ั สงู ละเอยี ดมาก !

ฉะน้ันนกั ปฏบิ ัติทีเ่ ด็ดเดีย่ วอาจหาญเพอื่ รธู รรมทุกขั้น จึงมักพิจารณาทกุ ขเวทนา
อยา งเอาจรงิ เอาจงั บทเวลารกู ร็ อู ยา งถงึ ใจ และถือทุกขเวทนาเปนตน เปน สจั ธรรม เชน
เดยี วกบั ทท่ี า นสอนวา “สัตวทั้งหลายเปนเพื่อนทุกข เกิด แก เจบ็ ตาย ดวยกัน” ฉะนั้น

ดว ยเหตนุ ก้ี ารพจิ ารณาขนั ธเ พอ่ื รตู ามความเปน จรงิ จงึ ไมค วรหกั หา มตา นทาน
ความจรงิ เชน รางกายทนไมไหวก็ปลอยไป ไมควรหวงไว เวทนามันก็ไปของมันเอง น่ี
เรยี กวา “สุคโต”

นแ่ี หละการพจิ ารณาจติ การปฏิบัติตอใจที่ไดผลประจักษ สาํ หรบั ผปู ฏบิ ตั ทิ า น
ปฏิบัติดังกลาวมา เมื่อถึงคราวจวนตวั จรงิ ๆ แลวไมหวังพึ่งใครทั้งนั้น ไมวาพอแม พี่
นอง ญาติมิตร เพื่อนฝูง ใครตอใคร ไมพึ่งทั้งนั้น ตอ งถอยจติ ออกมาจากสง่ิ ทเ่ี กย่ี วขอ ง
พวั พนั ทง้ั หลาย เขา มาสจู ดุ สาํ คญั ทก่ี าํ ลงั ตะลมุ บอนกนั อยู

เวลานใ้ี หถ อื “เวทนา” นแ่ี หละสาํ คญั ในการพจิ ารณาในขณะที่จะแตกจะดบั ไม
ยอมถอย เปนอยา งไรเปนกนั ! ขอใหรู ใหเ ขา ใจเรอ่ื งนเ้ี ทา นน้ั ไมตองไปคิดวา การ
พจิ ารณา “ทุกขเวทนา” อยา งชลุ มนุ วนุ วายน้ี แลวเวลาตายทง้ั ทจี่ ติ กําลังยุง อยูอยา งน้ี จะไม
ไปสู “ทุคติ”หรอื ?

จะไปทุคติที่ไหน ! วนุ กว็ นุ กบั งานอนั ดอี นั ชอบธรรมน่ี วนุ โดยทร่ี ู หรอื วนุ เพอ่ื รู
ดว ยความรนู ่ี ไมใ ชว นุ เพราะหลงน้ี ใจจดจอ งพจิ ารณาคน ควา อยทู ท่ี กุ ขเวทนานน่ั เวลาจะ
ไปจรงิ ๆ ใจรนู ่ี ผมู สี ตทิ า นรู ใจถอยปบ เขา มาทันที คือปลอยงานที่กําลังทํานั้นทันที แลว
ถอยพบั เขา มาสตู วั ของตวั เปนตัวของตัว คอื จติ ลว นๆ แลว ผา นไปเลยแบบ “สคุ โต”
เต็มภูมิของผูปฏิบัติ แมจ ะยังไมส ิน้ กิเลสกต็ าม กเ็ รียกวา “มกี าํ ลงั เตม็ ตวั เตม็ ภมู ขิ องตวั
ตามขน้ั ของจติ ของธรรม” การพจิ ารณา จติ ตภาวนาจงึ เปน เรอ่ื งสาํ คญั มาก และพึ่งเปน

ธรรมชุดเตรียมพรอม ๓๐๖

๓๐๗

พึ่งตายตัวเองไดจริงๆ ไมตองหวังพึ่งใครทั้งนั้น เปน ทแ่ี นใ จภายในตวั เอง สติปญญามี
กําลังเพียงใด ใจรภู ายในตวั เอง ไมตองไปถามใคร

ถา ใจสามารถพจิ ารณาจนกระทง่ั ผา นไดใ นขณะนน้ั ทุกสิ่งทุกอยางหายสงสัยไมมี
ปญ หาอะไรเลย เราจะมวั คดิ วา เราเปน ผหู ญงิ เราเปน ฆราวาส เราไมส ามารถจะทาํ พระ
นิพพานใหแจงได นน้ั เปน ความสาํ คญั ผดิ ของเรา ซงึ่ เปนเร่ืองของกิเลสประเภทหนึ่ง
หลอกเราเหมอื นกนั

ธรรมเปนของจริง และเปนสมบตั ิกลางเสมอกนั ไมว า ผหู ญงิ ผชู าย ไมว า นกั บวช
ฆราวาส สติปญญามีไดดวยกัน แกกิเลสไดดวยกัน เมื่อพอใจจะแกกิเลสไดดวยวิธีใด ของ
หญิงใด ชายใด ฆราวาสใด พระองคใดก็ตาม สามารถแกไดดวยกัน และพนไปไดดวยกัน
ไมต อ งไปสรา งปญ หากวนใจใหเ สยี เวลาํ่ เวลา เรามอี าํ นาจวาสนามาจากไหน นนั่ อยาไปคิด
เรากาํ ลงั สรา งบญุ วาสนาอยนู ่ี มากหรือนอย กเ็ หน็ อยกู บั จติ นแ่ี หละ

จงพจิ ารณาดตู วั เรา มันโงที่ตรงไหน พยายามสง่ั สมความฉลาด คือสติปญญาขึ้นมา
จึงเปนความถูกตองตามหลักธรรมของพระพุทธเจาแท

ทน่ี าํ มาตาํ หนติ นวา เขาอยใู นชน้ั นน้ั ชน้ั น้ี สว นเราไมม ชี น้ั มภี มู กิ บั เขา ไปที่ไหนคน
นน้ั แซงขน้ึ หนา เรา คนนแ้ี ซงขน้ึ หนา เรา ใครจะมาแซงหนา เรา นอกจากกิเลสมันแซงหนา
หลอกเรา ใหน อ ยเนอ้ื ตาํ่ ใจวาสนานอ ยตา งหาก นน่ั เปน ความสาํ คญั ผดิ ไปตา งหากใหเ รา
เกิดทอถอยนอยใจตัวเอง เพราะกเิ ลสหาอบุ ายฆา โดยไมร สู กึ ตวั

เราอยา ไปคดิ อยา งนน้ั เรามวี าสนาเตม็ ตวั ทกุ คน ทําไมจะไมเต็มตัว เราเปน นกั
ปฏิบัติ เราเปน นกั บาํ เพญ็ บญุ สนุ ทานอยดู ว ยกนั วาสนาไมไดเปนสิ่งของออกมาวางตลาด
รานคาพอจะประกาศแขงขันกัน วาสนามอี ยกู บั ตัวดวยกันทกุ คน ทานไมใหประมาทกัน
ดว ยเรอ่ื งอาํ นาจวาสนา แมแตสัตวทานก็ยังไมใหประมาทเขา คิดดูซี เพราะวาสนามอี ยภู าย
ในจิตใจของสัตวของคนดวยกัน

การแกก เิ ลส กไ็ มต อ งไปคดิ ใหเ สยี เวลาํ่ เวลา เปน การทาํ ลายกาํ ลังใจของตัว ความ
มุงมั่นของตัวใหดอยลงไป ดว ยความคดิ วา “เราเปน ผหู ญงิ ” เปลา ๆ เราเปน ผชู ายเปลา ๆ
เราเปน นกั บวชเปลา ๆ หรอื เปน ฆราวาสเปลา ๆ ไมม ีมรรคผลตดิ ตัวบา งเลย คนอน่ื เขามี
กัน แตเ ราไมม ี อายเขา ดังนี้ นน่ั เปน ความคดิ ผดิ ซง่ึ จะทาํ ใหเ ราเองเสยี กาํ ลงั ใจในการ
บาํ เพญ็ กศุ ลตา ง ๆ

สวนความคิดที่ถูกตองคือ เวลานเ้ี รากาํ ลงั ทาํ ความเพยี รดว ยสติ ดวยปญญา เพื่อแก
กเิ ลส และเพื่อพอกพูนกุศลผลบุญใหมากมูนขึ้นไปโดยลําดับ ซง่ึ เปน การสรา งบารมโี ดย

ธรรมชุดเตรียมพรอม ๓๐๗

๓๐๘

ตรงอยูแลว เรามวี าสนาเกดิ มาในทา มกลางแหง พระพทุ ธศาสนา ไดบ าํ เพญ็ วาสนาบารมี
เตม็ ความสามารถเรอ่ื ยมาจนบดั น้ี ดังนี้

ผูหญิงก็มีสติปญญาไดเชนเดียวกับผูชาย เพราะผหู ญิงผชู ายมีกเิ ลสดว ยกนั การแก
กิเลสก็แกดวยสติดวยปญญา มคี วามเพยี รเปน เครอ่ื งหนนุ ดว ยกนั กิเลสมีอยูที่ไหน ก็มีอยู
ที่ใจดวยกัน

เมื่อสติปญญาสมบูรณพรอมเมื่อใด เปนผานไปไดดวยกัน ไมมีปญหาวาจะตองเปน
นกั บวช นค่ี อื ความจรงิ แหง “สจั ธรรม” ที่ ไมเ ลอื กชาตชิ น้ั วรรณะ บรรดาทเ่ี ปน มนษุ ยแ ลว
ไมเลือกเพศหญิงเพศชาย ขอใหบําเพ็ญไปเถิด เพราะธรรมเปน กลาง ๆ ฟงไดเขาใจได
ดว ยกนั ทง้ั ผหู ญงิ ผชู ายทง้ั นกั บวชและฆราวาส ปฏิบัติได แกกิเลสได กเิ ลสจะไมน ยิ มวา เปน
หญงิ เปน ชาย คนเรามกี เิ ลสดว ยกนั แมแ ตพระท่ีเปน นกั บวชก็มกี เิ ลสจะวายังไง! ทา นจงึ
ตองแกของทาน ถาไมแกก็นอนจมอยูกับกิเลส เชน เดยี วกบั คนทว่ั ๆ ไปที่ไมสนใจ
“ ธรรม” นน้ั แล หรือยิ่งกวาคนทั่วไปก็ได

ธรรมจงึ ไมสําคัญวาตอ งเปน นกั บวชถา ยเดียว มนั สาํ คญั ทจ่ี ะแกก เิ ลสดว ยความ
พากเพยี รซง่ึ เปนสง่ิ สําคัญมาก เราจะตอ งสนใจในจดุ นใ้ี หม าก

สวนความพนทุกข พนที่ไหน พนในที่ที่มีทุกขนั้นแล แกกิเลสไดก็พนทุกข ถาแกไม
ได จะเปนเพศไหนก็ตองเปนทุกขอยูดวยกัน

นแ่ี หละพระศาสนาอยทู จ่ี ติ ใจ ไมไดอยูที่อื่น ๆ ถาทําใหอาภัพก็อาภัพได ทจ่ี ติ เรา
นน้ั แหละ จะเปน นกั บวชหรอื ฆราวาส ก็อาภัพไดทั้งนั้นถาทําตัวเปนผูอาภัพ จะทาํ ให
ศาสนารงุ เรอื งภายในใจกท็ าํ ได ศาสนาเจรญิ เจรญิ ทไ่ี หน ก็เจริญที่ใจไมไดเจริญที่อื่น
สาํ คญั ทใ่ี จ สาํ คัญทีก่ ารปฏบิ ตั ิของคนเรา กิริยามารยาทที่แสดงออก เมอ่ื ใจเจรญิ แลว
อาการนน้ั ๆ กเ็ จรญิ ไปดว ยความสวยงามนา ดนู า ชม เฉพาะอยางยิ่งจิตใจ มคี วามเจรญิ รงุ
เรอื งภายในตวั มีสติ มีปญ ญาเปนเครอ่ื งรักษาตัวอยเู สมอแลว เรยี กวา “ใจมคี วามเจรญิ ”
กิเลสไมคอยจะมาทําลายได นแ่ี หละ “ศาสนาเจรญิ ”

เราพยายามพจิ ารณาแกไ ปโดยลาํ ดบั คาํ วา “กเิ ลส ๆ” นะ ไมมีกวางไมมีแคบ ไม
มีมากมีนอยเกินขอบเขตแหงการแกการถอดถอนของเรา มอี ยใู นดวงใจนเ้ี ทา นน้ั จง
พจิ ารณาลงไปทน่ี ่ี ไมว า ผหู ญงิ ผชู าย นกั บวชหรอื ฆราวาส กเิ ลสตวั เศรา หมองมอี ยใู นใจ
ดวยกัน หนาแนน ขนาดไหน คิดดูก็รูได เชน ความมดื มันเคยมืดมาตั้งกัปตั้งกัลปก็ตาม
พอเปดไฟขึ้นเทานั้นความมืดก็หายไปหมด ความมดื ไมเห็นเอาอะไรมาอวดวา “ขา เคยมดื

ธรรมชุดเตรียมพรอม ๓๐๘

๓๐๙

มาตั้งกัปตั้งกัลปแลวนี่ เพียงไฟนี้จะมาเปดไลความมืดของขาออกไปนั้น มันเปนไปไมได”
ไมมีทาง ดังนี้ แตเมื่อเหตุผลพรอมแลวความมืดตองหายไปหมด ความสวา งเกดิ ขน้ึ แทนท่ี
แมค วามมืดจะเคยมืดมาต้ังกัปต้งั กัลป กห็ ายไปหมดในขณะนน้ั

กเิ ลสมนั จะหนาแนน เพยี รไร และเคยเปน เจา ครองใจมานานกต็ าม ขอใหพ จิ ารณา
ทางดานสติปญญาดวยดี เมอ่ื สตปิ ญ ญาสามารถแลว กร็ อบตวั ทนั ที กเิ ลสแมจ ะเคยอยใู น
จิตใจเรามาตั้งกัปตั้งกัลป ก็สลายตัวลงไปทันที เชน เดยี วกบั ความมดื ทเ่ี คยมอี ยนู น้ั แล พอ
ตามไฟขน้ึ ความมดื กห็ ายไป ความสวา งกเ็ กิดขนึ้ แทนทดี่ ว ยอํานาจของสติปญญาภายใน
จติ กส็ วา งจา ดว ย “ ธมโฺ ม ปทีโป” เปน ธรรมประทีปในขณะนั้น

มีเทานีเ้ ปนจดุ สําคญั ทีจ่ ะตอ งพจิ ารณา เอาใหเ หน็ ศาสนาอศั จรรย อศั จรรยท ไ่ี หน?
ศาสนาเจรญิ เจรญิ ทไ่ี หน ? ทท่ี า นวา “พนทุกข” พนที่ไหน? กม็ อี ยทู ใ่ี จนเ้ี ทา นน้ั !ขยาย
ออกมากเ็ ปน สจั ธรรม ทุกข สมทุ ยั นิโรธ มรรค

(๑) ทุกข เรากท็ ราบวา ทกุ ข เพราะเราไมใ ชค นตาย
(๒) สมทุ ยั เปน สง่ิ ทจ่ี ะสง เสรมิ หรือผลิตทุกขใหเกิดขึ้น มอี ะไรบา ง ? ทานก็สอน
วา “นนทฺ ริ าคสหคตา ตตฺร ตตรฺ าภนิ นทฺ นิ ี,เสยยฺ ถที ํ กามตณหฺ า ภวตณหฺ า วภิ วตณหฺ า.”
เปน ตน เรากท็ ราบ อะไรท่ีมันรกั มนั ใคร รกั ใครใ นสง่ิ ใดบา ง เราพยายามแกไ ขมนั รกั ใคร
ในขนั ธห า เฉพาะอยา งยง่ิ ในขนั ธห า วา เปน “ตวั เรา” นแ้ี ล จงพยายามรเู ทา ทนั มนั โดย
ลาํ ดบั แลวยังมีรกั ใครอะไรอกี รกั ใครใ นจติ ติดในจิต สงวนในจติ ก็แกในจิต มันรักที่ตรง
ไหน นน่ั แหละคอื ตวั กเิ ลสมนั อยตู รงนน้ั แกเ ขาไป ๆ จนกระทั่งถึงความจริงแลว ใจกไ็ ม
รักไมชัง เพราะหมดแลว ! กเิ ลสหมดไปแลว ความรกั ความชงั ความเกลยี ด ความโกรธ
มันไมมี ใจเปน หลกั ธรรมชาตภิ ายในตวั ลว นๆ นั่นแหละเปนธรรมชาติที่ตองการแท !
(๓) การพจิ ารณาเพอ่ื ธรรมน้ี ก็คือ มรรค มี สติ ปญ ญา เปน สาํ คญั
(๔) นิโรธ ก็คือ ความดบั ทกุ ขน่ันเอง ดบั ไปเปน ลาํ ดบั ๆ จนกระทั่ง “มรรค” มี
ความสามารถเตม็ ทแ่ี ลว นโิ รธ ก็ดับทุกขทั้งมวลภายในใจไมมีเหลือ ขณะที่นิโรธทาํ การดับ
ทุกขสิ้นสุดลง อะไรที่รูวาทุกขดับไป กเิ ลสดบั ไป อะไรที่รูรูนั้นแล คอื ผบู รสิ ทุ ธ์ิ ผบู รสิ ทุ ธน์ิ ้ี
แลทน่ี อกจาก “สจั ธรรม” ไป เปนธรรมวเิ ศษอศั จรรย ! “สจั ธรรม” นน้ั เปน กริ ยิ า
เปน อาการ เปนสมมุติ “นิโรธ” ก็เปนสมมุติ และเปน กิริยาที่ดับทกุ ข เปนสมมุติ ทุกขดับ
ไปหมดแลวไมมีอะไรเหลือ เหลอื แตค วามรทู บ่ี รสิ ทุ ธล์ิ ว น ๆ นั่นไมใช “สจั ธรรม” นน่ั

ธรรมชุดเตรียมพรอม ๓๐๙

๓๑๐

คอื ความบรสิ ทุ ธข์ิ องจติ ถา จะเรยี ก “นพิ พาน” ก็เรียกได เรียกอะไรก็ไมขัดทั้งนั้น เมื่อถึง
ขั้นไมขัดแลว ไมขัดไมแยงใครทั้งหมด ตัวเองก็ไมแยง อะไรก็ไมแยง รูเทา ทันทกุ ส่ิงทกุ
อยาง พูดไปไดทั้งนั้นไมมีปญหาอะไรเลย ขอใหร ธู รรมวเิ ศษอศั จรรยน เ้ี ถดิ ความเลศิ
หากเปนเองไมตองเสกสรร

นแ่ี หละศาสนาแท จงคนที่ตรงนี้ คนลงไป การปฏบิ ตั ศิ าสนา เวลารกู ม็ ารอู ยทู ต่ี รง
น้ี ศาสนาเจรญิ เจรญิ ทน่ี ่ี พระพุทธเจาทรงสอนใหสัตวโลกพนจากทุกข ทานก็สอนลงที่นี่
และพนที่นี่ไมไดพนที่ไหน เรากเ็ ปน สตั วโ ลกชนดิ หนง่ึ และอยใู นขายแหงโอวาทคําส่ังสอน
ของพระพุทธเจา อยูในหมูแหงพุทธบริษัท เปนผูมีสิทธิ์ดวยกันในการปฏิบัติการถอดถอน
กิเลสใหพนจากทุกข ในบรษิ ทั ๔ นี้มีสิทธิ์ดวยกันทั้งนั้น ทจ่ี ะทาํ ตนใหแ จง ถงึ พระนพิ พาน
ได

ขอใหพินิจพจิ ารณาทาํ ความกลาหาญตอ สกู ับส่งิ ท่ีควรตอสูภายในจิตใจของตน สง่ั
สมความกลา หาญ สั่งสมสติปญญาขึ้นใหเพียงพอ และหาอบุ ายคดิ คน ตา ง ๆ ใหเกิดขึ้น
จากตวั เอง การคดิ คน เองนแ้ี ลเปน ทช่ี อบธรรม เปนสมบัติของตนแท ครบู าอาจารยท า น
หยบิ ยน่ื ใหเ ปน ชน้ิ เปน อนั นเ้ี ปน สว นหนง่ึ ตา งหาก พอเปนเงื่อนหรือพอเปน แนวทาง นาํ ไป
พินิจพิจารณาใหแตกแขนงกวางขวางออกไป กลายเปนสมบตั ขิ องเราขน้ึ มา

อนั ธรรมใดท่เี ปนสมบัติซ่ึงเกดิ ขนึ้ มาดวยอุบายของเราน้นั เปนสมบตั ขิ องตนแท
กินไมหมด หากคิดหากคนไปไดรอยสันพันคม ในการถอนถอดกิเลสชนิดตางๆ กระทั่ง
กเิ ลสหลดุ ลอยไปเพราะอบุ ายของเราเอง โดยอาศยั อบุ ายแงต า ง ๆ ทค่ี รบู าอาจารยห ยบิ ยน่ื
ใหน น้ั เปน ตน ทนุ นแ้ี ลเปน ธรรมของเราแท เกิดขึน้ มามากนอยเปนธรรมของเราทง้ั สิน้
เรยี นจากตาํ รบั ตาํ รากเ็ ปน ของพระพทุ ธเจา เราหยบิ ยมื ทา นมาจากครบู าอาจารย ก็หยิบ
ยืมทานมา เวน แตใ นขณะทท่ี า นแสดงธรรม เราเขา ใจในธรรมนน้ั แกกิเลสไปในขณะน้ัน ก็
เปนสมบัตขิ องเราในขณะท่ีฟง ตอ จากนน้ั เรากน็ าํ อบุ ายของทา นไปพจิ ารณาใครค รวญ
แตกแขนงออกดวยปญญาของเราเอง เปน สมบตั ขิ องเรา ทั้งฝายเหตุ คือ การพนิ จิ
พจิ ารณา ทั้งฝายผล คือท่ีเราไดร ับเปนท่ีพงึ พอใจโดยลําดบั ๆ จนกระทั่งถึงความพนทุกข
นน่ั เปน ผลของเราลว น ๆ มอี ยูก บั เรา ไมม ผี ใู ดมาแบง สนั ปน สว นเราไดเ ลย

นแ่ี หละความเลศิ เลศิ ขน้ึ ทน่ี ่ี ไมไดเลิศที่ไหน เพราะฉะนน้ั จงพยายามหาความ
เลศิ ความประเสรฐิ ซึ่งมีอยูในตัวของเรา ดว ยการขวนขวายบาํ เพญ็ ความรนู แ้ี ล ไมใชสิ่ง
อน่ื ใดทจ่ี ะเปน ความเลศิ ประเสรฐิ

ธรรมชุดเตรียมพรอม ๓๑๐

๓๑๑

แตเวลานี้ใจถูกสิ่งสกปรกโสมมหาคุณคาไมไดปกคลุมอยู จึงกลายเปนของไมมีคุณ
คา เทา ทค่ี วรจะเปน เวลานเ้ี รากาํ ลงั สาํ รอกปอกกเิ ลสประเภทตา งๆ ออกโดยลําดับๆ เมอ่ื
ปอกเต็มกําลังจนหมดไมมีในดวงใจแลว ใจกบ็ รสิ ุทธเิ์ ต็มภูมิ ความเลศิ ปรากฏขน้ึ มาในใจ
ดวงนแ้ี ล ความเลศิ จงึ เลศิ ทต่ี รงนแ้ี หละ ไมตองไปหาอะไรที่ไหนอีก เพราะถงึ “เมืองพอ”
อยา งเต็มภมู แิ ลว

เอาละ ขอยุติ

ธรรมชุดเตรียมพรอม ๓๑๑

๓๑๑

เทศนโปรดคุณเพาพงา วรรธนะกลุ ณ วดั ปา บา นตาด
เมอ่ื วนั ท่ี ๖ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๑๙

พิจารณาทุกขเวทนา

คนเราเหมือนกบั ตนไม ถา รดนา้ํ ใหป ยุ อยเู ร่ือย ๆ บํารุงอยูโดยสม่ําเสมอ กม็ ี
ความสดชื่นดี และเตบิ โตข้นึ เรว็ กวา ปกติธรรมดา ที่ทิ้งไวตามบุญตามกรรมไมบํารุง
รักษา จติ ใจเมอ่ื บาํ รงุ รกั ษาโดยสมาํ่ เสมอกม็ คี วามผอ งใส มคี วามสงบเยอื กเยน็ เปน
ลาํ ดบั ๆไป ถาขาดการอบรมก็เหมือนตนไมที่ขาดการบํารุง ขาดการอบรมในระยะใด ก็
แสดงความอับเฉาเศราหมองขึ้นมา เพราะสง่ิ ทจ่ี ะทาํ ใหอ บั เฉาเศรา หมองมนั มแี ทรกอยู
ภายในจติ ใจของคนเราอยแู ลว

การบํารุงรักษาดวยจิตตภาวนาโดยสม่ําเสมอ จติ จะมคี วามสงบเยน็ ขน้ึ เรอ่ื ย ๆ
เมื่อจติ มีความสงบ ความสงบกบั ความผอ งใส กเ็ รม่ิ เปน ไปในระยะเดยี วกนั เมื่อจติ มี
ความสงบ เราจะพจิ ารณาไตรตรองอะไรก็ไดเหตุไดผล พอเขา อกเขา ใจตามความจรงิ
ทั้งหลายทป่ี รากฏขนึ้ ทง้ั ภายนอกและภายในตวั เอง หากจติ กาํ ลงั วา วนุ ขนุ มวั อยู จะคดิ
อะไรก็ไมไดเรื่องทั้งนั้นแหละ ถกู ก็เปนผดิ ไป ผิดก็ยิ่งเปนผิดไปเรื่อย ๆ

ฉะนั้นทานจึงสอนใหอบรม เพอ่ื จติ จะไดม คี วามสงบรม เยน็ และผอ งใส มองเห็น
เงาของตัว ราวกบั นาํ้ ทใ่ี สสะอาด มองลงไปในน้ํา มขี วากมหี นาม มสี ตั วอ ะไรอยใู นนาํ้ ก็
เห็นไดชัด แตถ า นาํ้ ขนุ มองลงไปกไ็ มเ หน็ ไมว า จะเปน ขวากเปน หนาม เปนสัตวหรือ
อะไรอยใู นนาํ้ นน้ั เราไมส ามารถท่จี ะเห็นไดเลย

จิตใจก็เชนเดียวกัน เมอ่ื กาํ ลงั ขนุ มวั อะไรทแ่ี ฝงอยภู ายในจติ ใจมากนอ ย ไม
สามารถทจ่ี ะมองเหน็ โทษของมนั ได ทั้งๆ ที่มนั เปนโทษอยูภายในจิตใจของเราตลอด
มา เพราะจติ ใจไมผ อ งใส จติ ใจขนุ มวั ไปดว ยอารมณอ นั เปน ตมเปน โคลน จึงพิจารณา
ไมเ หน็ จงึ ตอ งอบรมจิตใหม คี วามผองใส แลว กเ็ หน็ “เงา” ของตัว

“เงา” นน้ั มนั แฝงอยภู ายในจติ คอื อาการตางๆ ที่แสดงออกจากจิตนั่นแหละ
ทานเรียกวา “เงา” แลว ทาํ ใหเ ราหลงตดิ อยเู สมอในเงาของเราเอง ซึ่งไปจากความคิด
ความปรงุ ตา งๆ ที่เปนไปโดยสม่ําเสมอ และออกจากจิตอยทู กุ เวลาํ่ เวลา ทําใหเรา
เผลอตัวไปเรื่อย ๆ เขา ใจวาสง่ิ น้กี ็เปนเรา ส่ิงน้นั กเ็ ปนเรา อะไร ๆ กเ็ ปนเราไปหมด
ทั้ง ๆ ทเ่ี ปน “เงา”ไมใชตัวจริง ! แตค วามเชอ่ื ถอื หรอื ความหลงตามไปนน้ั มันกลาย
เปน “ตวั จรงิ ” ไปเสีย จึงเปนผลขึ้นมาใหเราไดรับความเดือดรอน

ธรรมชดุ เตรยี มพรอ ม ๓๑๑

๓๑๒

เวลานค้ี รบู าอาจารยท ง้ั หลายผเู ปน ทเ่ี คารพบชู า และเปน หลักทางดานปฏิบตั ิ
และทางดา นจติ ใจ กน็ บั วา รอ ยหรอลงไปโดยลาํ ดบั ทยี่ ังมีชีวิตอยู แมแ ตตัวทานเองกไ็ ม
สามารถจะชวยตัวทานได เกีย่ วกับเร่ืองธาตเุ ร่อื งขันธชํารุดทรดุ โทรมลงไปเปนลาํ ดบั ลาํ
ดา อยา งทา นอาจารยข าว เปนตน เหน็ แลว กร็ สู กึ สลดสงั เวชเหมอื นกนั

เรอื่ งธาตุเรอ่ื งขนั ธเมื่อถึงเวลามัน “เพียบ” แลว ก็เหมือนกับไมเคยแข็งแรง
เปลงปลั่งอะไรมากอนเลย นอนอยกู ็เปนทกุ ข นง่ั อยกู เ็ ปน ทกุ ข อยใู นอริ ิยาบถใดๆ ก็
เปนทุกข เมอ่ื ถงึ คราวทกุ ขร วมตวั กนั เขา มาแลว ในขนั ธ เปน ทกุ ขก นั ทง้ั นน้ั แตพ ูดถึง
ทา นผเู ชน นน้ั กส็ ักแตวาเปนไปตามธาตุตามขันธ ทางดา นจติ ใจทา นไมม ปี ญ หาอะไร
กบั เรอ่ื งธาตเุ รอ่ื งขนั ธท แ่ี สดงตวั ตา ง ๆ เลย

แตส าํ หรบั พวกเรานน้ั นะ มันคอยตอนรับกันอยูเสมอ ไมว า ทางดา นจติ ใจแสดง
ออก ไมวาทางธาตุขันธแสดงออก วิปริตผดิ ไปตา ง ๆ นานา จิตกผ็ ดิ ไปดว ย เชน ธาตุ
ขันธวิกลวิการ จติ กว็ กิ ลวกิ ารไปดว ย ทั้ง ๆ ทจ่ี ติ กด็ อี ยนู น่ั แหละ ทง้ั นก้ี เ็ พราะความหวน่ั
ไหวของจิตนี่เอง เน่ืองจากสตปิ ญญาไมท นั กับอาการตางๆท่ีมอี ยรู อบตวั รอบจิต

ทา นจงึ สอนใหอ บรม “สติปญญา” ใหม คี วามสามารถแกลว กลา ทนั กับเหตุ
การณต า ง ๆ ทเ่ี กดิ ขน้ึ ภายในจติ และอาการตาง ๆ ที่มีอยูรอบตัว ไดแกขันธแสดงตัว
ออกเปน อาการวปิ รติ ในสว นตา ง ๆ ใหร เู ทา ทนั กบั สง่ิ เหลา นน้ั ถา จติ ไมร เู ทา ทนั เสยี
อยางเดียว หรือจิตหลงไปตามสิ่งเหลานน้ั เสยี อยา งเดียวเทาน้ัน กช็ อ่ื วา “เปน การกอ
ทกุ ขใ หต วั เองอยไู มห ยดุ ไมถ อย” ความทุกขก็ตองทบั ถมเขามาทางจติ ใจ แมร า งกายจะ
เปน ทกุ ขต ามเรอ่ื งของมนั ในหลกั ธรรมชาตกิ ต็ าม แตใ จกต็ อ งไป “ควา เอาสง่ิ นน้ั ” มา
เปนทุกขเผาลนตนเอง ถาไมไดพิจารณาใหรูทันกัน

จติ ถา มสี ตเิ ปน เครอ่ื งกาํ กบั รกั ษาอยูโดยสม่ําเสมอ ภัยทจี่ ะเกิดขึ้นกม็ นี อ ย
เพราะเกิดในที่แหงเดียวกัน คือ “ จิต” “สต”ิ กม็ อี ยใู นทแ่ี หง เดยี วกนั ความรับ
ทราบวาสิ่งนั้นเกิดขึ้น สิ่งนี้เกิดขึ้น ดีหรือชั่ว เกิดขึ้นภายในตัว “ปญญา” เปน ผคู ล่ี
คลาย เปนผูพินิจพิจารณาและแกไขอารมณนั้นๆ ทเ่ี กดิ ขน้ึ ภายในจติ เรอ่ื งกเ็ รม่ิ สงบลง
ไป แตถ า ขาดสติ เรอ่ื งจะสบื ตอ กนั ไปเรอ่ื ย ๆ แมความคดิ ความปรงุ เกิดข้ึนดับไป
เกิดขึ้นดับไป กค่ี รง้ั กห่ี นกต็ าม แต “สญั ญา ความสาํ คญั มน่ั หมาย” นั้นจะไมดับ จะ
ตอกันเปนสายยาวเหยียด “ทุกข” กต็ อ งสบื ตอ กนั เปนสายยาวเหยยี ด มารวมอยทู ่ี
จติ จติ เปนผูรับทุกขทั้งมวลแตผูเดียวอยูตลอดไป

เพราะ “กรรม” ทั้งหลายที่ “สัญญา” ที่ “สังขาร” คิดปรุงขึ้นมา ใจจะเปน
ภาชนะอนั สาํ คัญสําหรบั รบั ไวทงั้ “สขุ ” และ “ทุกข” สวนมากก็รับทุกข ถา สตปิ ญ ญา

ธรรมชดุ เตรยี มพรอ ม ๓๑๒

๓๑๓

ไมม ีกร็ บั แตของเก ๆ ของทง้ิ ของใชไมได ของเปนพิษเปนภัยนั้นแล ไวใ นจติ ใจ ถา มี
สตปิ ญ ญาก็เลือกเฟนออกได อันใดไมดี กเ็ ลอื กเฟน ตดั ทง้ิ ออกไป สลดั ตดั ทง้ิ ออกไป
เรื่อย ๆ เหลอื แตส ง่ิ ทเ่ี ปน สาระอยภู ายในใจ ใจก็เย็น ใจไมเย็นดวยน้ํา ไมไดสุขดวย
สง่ิ ภายนอก แตเย็นดวยอรรถดวยธรรม มีความสุขดว ยอรรถดว ยธรรม ตน เหตกุ ค็ อื มี
สตปิ ญ ญาเปน เครอ่ื งรกั ษาใจ

การปฏบิ ตั ติ อ สง่ิ อน่ื กไ็ มย ากยง่ิ กวา การปฏบิ ตั ติ อ จติ ใจ ภาระทง้ั โลกกม็ ารวมอยู
ทจ่ี ติ ใจ ขณะทเ่ี ราจะแกไ ขสง่ิ ทม่ี นั ฝง จมอยภู ายในมาเปน เวลานานนน้ั จึงเปน “งาน” ที่
ยากอยมู าก ดไี มด อี าจทอ ถอยได เพราะทําลงไปไมคอยเหน็ ผลในระยะเริ่มแรก เนอ่ื ง
จาก “จิต” ก็เลื่อนลอยในขณะที่ทํา ไมค อ ยจดจอ เอาจรงิ เอาจงั ในงานของตนทท่ี าํ ลงไป
ผลจงึ ไมค อ ยปรากฏเทาที่ควร และทาํ ใหเกิดความทอ ถอยออ นแอ หรือเกิดความทอแท
ภายในใจแลว กท็ ง้ิ ไปเสยี โดยทเ่ี หน็ วา “หยดุ เสยี ดกี วา ” เพราะทาํ ไปกไ็ มเ กดิ ประโยชน
ทั้ง ๆ ทเ่ี วลาหยดุ ไปแลว กไ็ มด ี นอกจากจติ จะหาทางสง่ั สมความชว่ั ใสต นหลงั จากหยดุ
การบาํ เพญ็ ทางดีแลว เทา นั้น

แต “ความสําคัญ ที่วา ดีกวา”นั่นแหละ มนั เปน เรอ่ื งของกเิ ลสตวั หลอกลวง
ทั้งมวล ที่มาหลอกเราใหทอ ถอยออนแอตางหาก ความจรงิ ตง้ั แตใ นขณะทาํ อยมู นั ยงั ไม
เห็นไดดี ทั้งที่อยากใหดีแทบใจจะขาด หัวอกจะแตก เพราะความเพยี รพยายาม ยง่ิ
หยดุ ไปเสยี มนั จะดไี ดอ ยา งไร ถาหยุดไปแลวดีดังที่คิด คนทง้ั หลายกไ็ มต อ งดาํ เนนิ งาน
อะไรตอไป หยดุ ไปแลว ทกุ สง่ิ ทกุ อยา งมนั ดไี ปเอง ! ภายนอกก็ตองดี ภายในกต็ อ งดี
เชน ทาํ การทาํ งาน ทําไมไดมาก หยดุ เสยี ดกี วา

“ธรรม” ไมเหมือน “กเิ ลส” กิเลสมนั วา “หยดุ เสยี ดกี วา ” มันดีจริง แตด เี พอ่ื
กิเลสไมใชดีเพื่อธรรม สว น “ธรรม” ตอ งอตุ สาหพ ยายามทาํ ไปเร่ือย ๆ จนมันดี และดี
ขึ้น ๆ เรอ่ื ยๆ เพราะทาํ ไมห ยดุ งานก็เปน งานของตนทที่ ําขน้ึ เพอ่ื ธรรม ไมใ ชเ ปน งานข้ี
เกยี จอนั เปน งานของกเิ ลส ผลงานจะพงึ ปรากฏขนึ้ โดยลําดบั จากการทาํ ไมห ยดุ

งานทาง “จติ ตภาวนา” ก็เชนเดยี วกัน ยากก็ทํา งา ยกท็ าํ เพราะเปน งานทค่ี วร
ทํา เราไมทําใครจะทําใหเรา เวลาความทกุ ขค วามลาํ บากมนั เผาผลาญภายในใจ เพราะ
ความคิดปรงุ ส่งั สม ทาํ ไมไมบ น วา มนั ยาก เวลาสง่ั สมกเิ ลสใหเ กดิ ความทกุ ขค วามเดอื ด
รอนขึ้นมา ทาํ ไมไมถ อื วา มนั ยาก มาบน ใหความทุกขอยเู ฉย ๆ ทําไม นน่ั คอื ความพอใจ
ยากหรอื งา ยไมส นใจคดิ มันไหลไปเลยราวกับน้ําไหลลงสทู ตี่ าํ่ ยากหรอื ไมย ากมนั กไ็ หล
ของมันไปอยางนั้น เลยไมท ราบวา มนั ยากหรอื ไมย าก

ธรรมชดุ เตรยี มพรอ ม ๓๑๓

๓๑๔

แตเ วลาฝน ใจทาํ ความดี มนั เหมอื นกบั ไสไมข น้ึ ทส่ี งู นน่ั แล มันลําบากเพราะทวน
กระแส !

การทจ่ี ะละความทกุ ขน อ ยใหญ ทใ่ี จยอมเปน ไปตาม “วฏั วน” มันก็ตองยาก
บา งเปน ธรรมดา ใคร ๆ แมแ ตท า นผสู าํ เรจ็ มรรคผลนพิ พานไดอ ยา งงา ยดาย แตกอน
ทา นกย็ าก ถงึ ขน้ั ทค่ี วรจะงา ยกต็ อ งงา ย เราเองถงึ ขน้ั ทว่ี า ยากกต็ อ งยาก แตมันไมไดยาก
อยูเชนนี้เรื่อยไป ถงึ เวลาเบาบางหรอื งา ยกง็ า ย ยิ่งไดเห็นผลเขาไปโดยลําดับดวยแลว
ความยากมนั หายไปเอง เพราะมีแต “ทาจะเอา” ทาเดียว สขุ ทกุ ขไ มค าํ นงึ มีแตจ ะใหร ู
ใหเห็น ใหเ ขาใจ ในสง่ิ ทต่ี นตอ งการ

การเรยี น ใหเ รยี นเรอ่ื งธาตเุ รอ่ื งขนั ธ ใหด เู รอ่ื งธาตเุ รอ่ื งขนั ธ ทเ่ี ก่ยี วขอ งกับตน
นเ้ี ปน หลกั สาํ คญั สาํ หรบั นกั ปฏบิ ตั ทิ ง้ั หลายใหด อู ยทู กุ เวลา เพราะมนั แปรอยทู กุ เวลา
คําวา “อนิจฺจ”ํ เปน อนจิ จฺ ํ อยูตลอดกาล คาํ วา “ทกุ ขฺ ํ” ก็เปนอยูตลอดกาล คาํ วา
“อนตฺตา” กเ็ ปน อยตู ลอดกาล ไมม กี ารหยดุ ยง้ั ผอ นคลายเลย

การพจิ ารณา ก็ควรพยายามใหเห็นเรื่องของมันทเ่ี ปน อยใู นตวั เรา จนมีความ
ชาํ นชิ าํ นาญ พจิ ารณาหลายครง้ั หลายหน จติ กค็ อ ยเขา อกเขา ใจและซ้งึ ถึงใจ ใจกค็ อย ๆ
ปลอ ยวางไปเอง ไมใ ชจ ะพิจารณาครั้งหนึ่งครงั้ เดยี วแลวกห็ ยุด แลว ก็คอยแตจะกอบ
โกยเอาผล ทั้ง ๆ ทเ่ี หตไุ มท าํ ใหพ อประมาณ มันก็ไมได

การบําเพญ็ ความดี มจี ติ ตภาวนา เปนตน ตอ งฝน กเิ ลสทง้ั นน้ั ครูบาอาจารย
แตล ะองค ๆ ทท่ี า นปรากฏชอ่ื ลอื นามใหโ ลกทง้ั หลายไดก ราบไหวบ ชู าเรอ่ื ยมา ลวนแต
ทา นรอดตายมาเพราะความเพยี รกลา ดวยกันทั้งนั้น ถาเปนงานเบาๆ ทา นจะรอดตาย
ไดอยางไร กต็ อ งเปน งานหนกั ซง่ึ ตอ งทมุ เทกาํ ลงั กนั อยา งเตม็ ท่ี ครบู าอาจารยผ เู ชนนัน้
เวลานีก้ ร็ อ ยหรอไปมากแลว มีนอยเต็มที ! เราหวงั พ่งึ ทาน เรอ่ื งธาตุเร่ืองขนั ธข องทา น
กเ็ ปน อนจิ จงั พง่ึ กนั ไดช ว่ั กาลชว่ั เวลา แลว กพ็ ลดั พรากจากกนั ดงั ทเ่ี หน็ อยแู ลว

ฉะนน้ั จงพยายามนอ มโอวาทคาํ สง่ั สอนของทา นเขา มาเปน ครเู ปน อาจารยส อน
ตนอยูเสมอ ทา นสอนวา อยา งไร ใหน าํ โอวาททา นทส่ี อนไวแ ลว นน้ั เขามาปฏิบัติตอตัว
เอง จะชอ่ื วา “เราอยกู บั ครกู บั อาจารยต ลอดเวลา” เหมือนไดเขาเฝาพระพุทธเจา พระ
ธรรม พระสงฆ อยตู ลอดกาลสถานท่ี

การปฏบิ ตั ติ นเปน หลกั สําคญั ที่เปนความแนใจสําหรับเรา การอาศัยครูอาศัย
อาจารยน น้ั เปน ของไมแ นน อน ยอมมีความพลัดพรากจากไป ทานไมพ ลดั พรากเราก็
พลัดพราก ทา นไมจ ากเรากจ็ าก เพราะโลกอนจิ จงั มีอยดู วยกันทงั้ ทา นและเราไมผ ิดกัน
เลย ส่ิงทีพ่ อจะยดึ เอาได ก็คอื หลกั ธรรมของทาน จงยดึ มาประพฤตปิ ฏบิ ตั สิ าํ หรบั ตวั

ธรรมชดุ เตรยี มพรอ ม ๓๑๔

๓๑๕

ดว ยความเอาจรงิ เอาจงั เพือ่ เห็นเหตุเห็นผล เพอ่ื กาํ ชยั ชนะภายในใจ ชัยชนะนี้เปนชัย
ชนะอันเลิศประเสริฐสุดในโลก ไมมีชยั ชนะใดจะเสมอเหมือนเลย เรายอ้ื แยง เอาชนะ
ตน ! คอื กเิ ลสทถ่ี อื วา เปน “ ตน” เปน “ตวั ” เปน เราเปน ของเรามาตง้ั กปั ตง้ั กลั ป น้ี
เปน เรอ่ื งใหญโ ตมาก จะทาํ เลน เหมอื นเดก็ เลน ตกุ ตา เดย๋ี วกเิ ลสจะขยข้ี ยาํ เอา เพราะถือ
มาเปน เวลานานแลว จงรบี พจิ ารณาใหร แู จงและปลอ ยวาง จิตใจจะไดว า งเปลา จากทกุ ข
ไมฉ กุ ละหกุ กนั ตลอดไป

การสง่ั สมคาํ วา “เปน เรา เปน ของเรา” มาน้ี นับกปั นบั กลั ปไ มไ ดแ ลว ถา กเิ ลส
เปนวัตถุ ความส่งั สมมานานถงึ ขนาดน้ันจะเอาอะไรมาเทียบเลาในโลกน?้ี ถึงจะใหญโต
ยง่ิ กวา กอ นกเิ ลสตณั หาอาสวะ กอ นเรากอ นของเราเหลา น้ี เพราะมีมากตอมาก จะขน
ออกมาเทียบไมหวาดไมไหว ถา ขนเลน ๆ แบบกนิ ๆ นอน ๆ จะถากจะเถอื จะเจาะจะ
ฟน เพยี งหนสองหนใหม นั ขาดไปนน้ั ยอมเปนไปไมได นอกจากจะพากนั ควา นาํ้ เหลว
ไปตาม ๆ กนั เทา นน้ั จําตอ งทมุ เทกาํ ลงั ลงอยา งหนกั หนาทเี ดยี ว ตอนนต้ี อนจะชงิ ชยั
ชนะกนั เราก็เปนนักปฏิบัติ ไมต อ งทอ ถอยกบั การรบกบั กเิ ลสซง่ึ มอี ยใู นตวั เราเอง

คาํ วา “กเิ ลส”กค็ อื “กอนเรา”นน้ั เอง กเิ ลสเปน “เรา”เปน “ของเรา”อะไร ๆ
เปน“เรา”ทง้ั นน้ั เหลา นค้ี อื “กองกเิ ลสแท ๆ” ไมน า สงสยั เลย

ถา จะแยกใหเ หน็ เปน ชน้ิ เปน อนั ตามความสตั ยค วามจรงิ ในหลกั ธรรมชาตนิ น้ั
จริง ตอ งแยกดว ยความพากเพียร โดยทางสติปญญาเปนเครื่องพิสูจน พิจารณากนั

การแยกธาตุ ธาตกุ ็ธาตสุ ่ี ธาตุ ๔ กร็ กู นั เตม็ โลกเตม็ สงสารอยแู ลว แตถาจะให
รถู งึ ใจ ซาบซึ้งถึงใจจริง ๆ นน้ั ตองภาคปฏิบัติ พจิ ารณาดว ยปญ ญาจนเหน็ ชดั เจนแลว
ก็ซึ้งไปเอง ถาลงไดซึ้งถึงใจแลว ไมต อ งบอกมนั ปลอ ยเอง เมอ่ื รอู ยา งถงึ ใจแลว กป็ ลอ ย
วางอยา งถงึ ใจเชน กนั การทจี่ ะรูอ ยา งถงึ ใจ ปลอ ยวางอยา งถงึ ใจ ตองพิจารณาแลว
พิจารณาเลา ซ้ํา ๆ ซาก ๆ จนเปน ทเ่ี ขา ใจ อยา ไปสาํ คญั วา นี่เราพิจารณาแลว นน้ั เรา
พิจารณาแลวในคราวนั้น ดว ยความคาดหมาย นับอานครั้งนั้นครั้งนี้ โดยทย่ี งั ไมซ ง้ึ ถงึ
ขน้ั ปลอ ยวางมนั กย็ งั ไมแ ลว ตองพิจารณาใหถึงขั้นแลวจริง ๆ ดว ยความซาบซง้ึ และ
ปลอ ยวาง ถา “แลว จรงิ ” กไ็ มจ าํ เปน ตอ งพจิ ารณาอกี มันเขา ใจแลว ปลอ ยวางไดห มด

คาํ วา “ธาตุ” กก็ อ นธาตอุ ยแู ลว วญิ ญาณกธ็ าตุ สิ่งที่มาสัมผัสก็ธาตุ รปู กธ็ าตุ
เสยี งกธ็ าตุ อะไรๆ กธ็ าตุ อะไร ๆ มนั กเ็ ปน ธาตไุ ปหมดอยแู ลว

เรอ่ื งขนั ธภ ายในตัวเรา เชน รูป กเ็ ปน ขนั ธ เวทนา กเ็ ปน ขนั ธ สญั ญา กเ็ ปน ขนั ธ
สังขาร กเ็ ปน ขนั ธ วญิ ญาณ กเ็ ปน ขนั ธ เปน ขนั ธ เปน หมวดเปน หมู เปน ชน้ิ เปน อนั อยู
ตามธรรมชาติของเขา

ธรรมชดุ เตรยี มพรอ ม ๓๑๕

๓๑๖

เรอ่ื งใจกใ็ หร วู า “นี้คือ ผูร”ู ทจ่ี ะตอ งพสิ จู นใ หร แู จง เชน เดยี วกบั ธาตขุ นั ธท ง้ั
หลาย จะไมย ดึ วา เปน ตนเปน ของตน ซึ่งจะเปนภาระหนักมากขึ้น จําตองพิจารณาดวย
ปญ ญาใหเ หน็ ตามความเปน จรงิ เสมอกนั แตการพิจารณา “จิต” น้ี ไดเคยอธิบายมา
หลายกณั ฑแ ลว นาจะพอเขาใจ

เฉพาะอยา งยง่ิ ทกุ ขเวทนาทเ่ี กดิ ขน้ึ ภายในกาย ใหทราบชัดวา“นี้คือ เวทนา”
เพียงเทานั้น อยา ไปตคี วามหมายวา เวทนาเปน เรา เปนของเรา หรืออะไรๆ เปนของ
เรา เพราะนั้นจะเปนเครอื่ งสงเสริมกเิ ลสใหมากขึ้นโดยลําดับ แลวก็นําความทุกขเขา ทับ
ถมใจมากขน้ึ เมื่อเวทนาไมดับยิ่งมีทุกขทางใจมากขึ้น แลวจะเอาอะไรมาทนกัน

“เวทนา” มันเกดิ ข้ึนในธาตุในขนั ธม นั ก็เคยเกดิ ขน้ึ อยูแลว ตั้งแตวันเกิดมาขณะ
ทตี่ กคลอดออกมา ก็มเี วทนาแสนสาหสั รอดตายจึงไดเปนมนุษยมา จะไมเรียกวา
“เวทนา” จะเรียกวาอะไร เวทนาน้เี คยเปน มาตงั้ แตโ นน จะใหม นั ละทางเดนิ ของมนั ละ
ไมได ทางของความทกุ ขใ นธาตใุ นขนั ธ มนั ตอ งแสดงตวั มนั โดยสมาํ่ เสมอเรอ่ื ยมา มัน
เกิดขึ้นแลวก็ตั้งอยู และกด็ บั ไป มเี ทา นน้ั มีเกิดขึ้น มตี ง้ั อยู แลว ดบั ไป ไมว า จะเปน
เวทนานอก เวทนาใน คอื จิตเวทนา

เฉพาะอยางยง่ิ เวทนาทางรางกาย พจิ ารณาใหเห็นชัด รูป กเ็ ปน รปู รชู ดั เหน็ ชดั
อยูแลวตั้งแตวันเกิดมา จะเสกสรรปนยอวาเปนเรา เปนของเรา หรือเปนเจาฟา พระ
ยามหากษัตริย เปน เจา ขนุ มลู นายหรอื เปน อะไรกแ็ ลว แตค วามเสกสรร แตค วามจรงิ ก็
เปน ความจรงิ อยตู ายตวั ไมไ ดเปนไปตามความเสกสรรปน ยอใด ๆ ทง้ั สน้ิ ความจรงิ รปู
ก็คือรปู ขนั ธน่นั แล มธี าตสุ ่ี ดิน นาํ้ ลม ไฟ รวมกนั เขา เรียกวา “คน” วา “สัตว” วา
หญงิ วา ชาย แยกประเภทออกไป เปน ชื่อเปน นามไมม สี นิ้ สุด แตสิ่งทค่ี งที่น้ันคือรปู ก็
คือ “กองรปู ” นน้ั เอง รวมทง้ั หมดทเ่ี ปน สว นผสมน้ี เรยี กวา กองรปู คอื รปู กาย ซง่ึ เปน
ความจริงอันหนึ่ง แยกดสู ว นไหนกเ็ ปน ความจรงิ ของมนั แตล ะอนั

ในขณะทป่ี ระชมุ กนั อยู หนงั กเ็ ปน หนงั เนอ้ื กเ็ ปน เนอ้ื เอ็น กระดูก ฯลฯ ที่ใหชื่อ
ใหนามเขา อยา ไปหลงชอ่ื หลงนามของมนั ใหเ หน็ วา เปน ความจรงิ ดว ยกนั คือเปนกอง
รูป กองเวทนา มันไมใชรูป รปู ไมใชเ วทนา มีทุกขเวทนาเปนตน เวทนาเปน เวทนา จะ
เปนสขุ ขน้ึ มาก็ตาม เปน ทุกขข้นึ มาก็ตาม เฉย ๆ กต็ าม มนั เปน เวทนาอันหนง่ึ ๆ ตา ง
หากของมันซึ่งเห็นไดอยางชัดเจน สองอยา งนส้ี าํ คญั มากยงิ่ กวา สญั ญา สงั ขาร
วญิ ญาณ ซึ่งเกิดดับพรอมกันไปเปนระยะ ๆ

แตเ วทนานถ้ี งึ จะดบั กม็ เี วลาตง้ั อยู เหน็ ไดช ดั ทางภาคปฏบิ ตั ิ ในขณะท่ี
ทุกขเวทนาเกิดขึ้น ใหจ บั ทกุ ขเวทนานน้ั เปน เปา หมาย คอื เปน จดุ ทพ่ี จิ ารณา อยาเห็น

ธรรมชดุ เตรยี มพรอ ม ๓๑๖

๓๑๗

วา เวทนานเ้ี ปน เรา จะผิดจากหลักความจริงของเวทนาและวิธีการพิจารณา จะไม
ทราบความจรงิ ของเวทนาดว ยปญ ญาทค่ี วรทราบ เมื่อไมท ราบความจริงแลว ยงั จะถอื
เอาทุกขเวทนาน้ันวา เปนเราเขา อีก กจ็ ะเพ่ิมความทุกขขนึ้ อีกมากมายแกจ ติ ใจ เพราะ
เปนการผิดตอหลักธรรมชาติ ซ่งึ เปน หลกั ความจริงทีพ่ ระพุทธเจาทรงสง่ั สอนไว

ทา นจงึ สอนใหพ จิ ารณาใหเ หน็ ทกุ ขเวทนา จะเปน ขน้ึ ในสว นใดกต็ ามของรา ง
กาย ใหท ราบวา มันเปน อาการอันหนง่ึ เปน ธรรมชาตอิ นั หนึ่งของมนั ทเ่ี กดิ ขน้ึ ตง้ั อยู
ดับไป ของมันเทานั้น อยา ไปยงุ อยาไปปรงุ ไปแตง ไปเสกสรรปนยอ ใหม นั เปน อยา ง
น้นั อยางนี้ ถา ไมอ ยากแบกหามทกุ ขไ มม เี วลาปลงวาง ใหเ หน็ ตามความจรงิ ของมนั ใน
ขณะทปี่ รากฏตัวขึ้นมากด็ ี ตั้งอยกู ็ดี และดบั ไปกด็ ี เรอ่ื งเวทนามันมเี ทา นั้น จงแยกให
เห็นชัดดวยสติปญญา

เมอ่ื กาํ หนดดเู วทนาแลว ยอ นเขา มาดจู ติ วา จติ กบั เวทนานเ้ี ปน อนั เดยี วกนั ไหม
แลว ดกู าย กายกับจิตน้ีเปน อันเดียวกนั ไหม ดูใหชัด ในขณะที่พิจารณานี้ ไมใ หจ ติ สง
ออกไปทางไหน ใหจิตอยูในจุดนั้นแหงเดียว เชน พิจารณาทุกขเวทนา ก็กาํ หนด
ทุกขเวทนาใหเ ห็นชัด เม่อื ยอนเขา มาดจู ิต กก็ าํ หนดดคู วามรนู ใ้ี หช ดั วา มนั เปน อนั
เดยี วกนั ไหม เอาไปเทียบเคียงกันดู ความรอู ันน้ีกับเวทนาอันน้นั นะ มันเหมือนกันไหม
จะรวมเปน อนั เดยี วกนั ไดไ หม และรูปกายอนั นี้มันเหมอื นกบั จติ ไหม? มันเหมือนกับ
เวทนาไหม? จะพอเปน อนั เดียวกันไดไ หม? นน่ั ! ทานจึงวา “แยกดใู หดี!” เพราะรปู
มนั เปน รปู มนั จะไปเหมอื นจติ ไดอ ยา งไร จติ เปน นามธรรม เปน ธรรมชาตทิ ร่ี ู แตธ าตนุ ้ี
เปนธาตุไมรู คือธาตุดินนี้ไมรู ธาตุน้ํานี้ไมรู ธาตุลมนี้ไมรู ธาตุไฟนี้ไมรู แต “มโน
ธาต”ุ นี้รู เมื่อเปนเชนนั้น มันจะเปนอันเดียวกันไดอยางไร

ทกุ ขเวทนากเ็ หมอื นกนั มันกเ็ ปนธาตไุ มร ู เปนธรรมชาติอันหนึ่ง ธาตุไมร ูกบั
ธาตไุ มร กู ต็ า งกนั อกี เวทนากับกายกเ็ ปน คนละอยาง มนั ไมใ ชอ นั เดยี วกนั จะใหเ ปน อนั
เดียวกันไดอยางไร การแยกการแยะในขณะที่พิจารณาเวทนา ดใู หเ หน็ ชดั ตามความจรงิ
นน้ั ไมต อ งกลวั ตาย ความตายไมม ีในจิต อยา ไปสงสยั อยาไปสรางขวากสรางหนามปก
เสยี บตนเองใหเ จบ็ แสบเดอื ดรอ น ความตายไมมี คือในจิตนไ้ี มมีความตาย มแี ตค วาม
รลู ว นๆ ความตายไมมีในจิต ซึ่งเปนสิ่งแนนอนตายตัวรอยเปอรเซ็นต

ความสาํ คญั วา ตายน้ี เปน เรอ่ื งเสกสรรปน ยอขน้ึ มาใหแ กจ ติ ดว ยอาํ นาจแหง
ความหลงของจติ เสยี เอง เปน ผเู สกสรรปน ยอขน้ึ มาหลอกตวั เอง ฉะนน้ั เมอื่ พิจารณาไป
ตามความจรงิ แลว จิตไมใชของตาย เราจะไปกลวั ตายทาํ ไม คําวา “ตาย” นั้นคือ
อะไร? เรากท็ ราบวา ธาตุขันธมันสลายลงไป คนเราพอหมดลมหายใจเขาเรียกวา “คน

ธรรมชดุ เตรยี มพรอ ม ๓๑๗

๓๑๘

ตาย”ขณะนั้น “ผูร”ู แยกตวั ออกจากธาตนุ น้ั แลว ธาตนุ น้ั เลยมแี ต “รูปธาต”ุ เฉย ๆ
เวทนาก็ไมมี นั่นเขาเรยี กวา “คนตาย”

แตค วามจรงิ มนั ไมไ ดต าย เพราะฉะนั้น จึงตองพิจารณาใหชัดเจนดวยปญญา
เราไมต อ งสรางเรือ่ งความตายขึ้นมาปก เสยี บหัวใจ หรือมากีดขวางทางเดนิ ของเรา เพื่อ
ความรูจริงเห็นจริงดวยการพิจารณา แมจ ะทุกขม ากทกุ ขน อ ยขนาดไหน กจ็ งกาํ หนดดู
ใหดีในเรื่องความทุกขนั้น เอาความทุกขนนั้ แลเปน หินลบั ปญ ญา แยกทกุ ขข ยายทุกข
ออกจากจิต แยกจติ ออกจากทกุ ข เทยี บเคยี งกนั ใหไ ดท กุ สดั ทกุ สว น ในขณะท่ีพจิ ารณา
อยาใหจิตเผลอไปไหน เพื่อความรูจริงเห็นจริงแบบ “ตะลมุ บอน” กบั ขนั ธน น้ั ๆ

จิตหรือจะตายตามสมมุติของโลก จะตายในขณะทพ่ี จิ ารณานก้ี ใ็ หร วู า อะไรตาย
กอ น อะไรตายหลัง เวทนาดับไปเมื่อไร จติ นี้จะดับไปเม่ือไร และจติ นจ้ี ะดบั ไปทไ่ี หน
กนั แน เพราะธรรมชาติของจิตไมใชเปนของดับ ใครจะมาบังคับใหจิตดับไดอยางไร ?

จงพิจารณาดูใหดี ระหวางขันธกับจิต จนรคู วามจรงิ ขน้ึ มาประจกั ษใ จ หายสงสยั
นแ่ี หละทา นเรยี กวา “สรางปญ ญา ฝกซอมปญญา ใหเ หน็ ความจรงิ ”

ทุกขเวทนาจะเกดิ ขน้ึ มากนอ ยเพียงไรในขณะนน้ั จะไมมีอาํ นาจเขามาบงั คับ
บัญชาจิตใจใหก ระทบกระเทอื นไดเลย เม่อื ทราบแลววา จติ เปน จติ เวทนาเปน เวทนา
เมอ่ื ปญ ญาพจิ ารณาเหน็ ชดั เจนตามนแ้ี ลว วา มนั เปน ความจรงิ แตล ะอยา ง ๆ ระหวา ง
ขนั ธก ับจติ จะไมกระทบกระเทือนกันเลย กายกส็ กั วา กาย ตั้งอยูเฉย ๆ ทุกขเวทนาเกิด
ขึน้ กายกม็ อี ยู ทุกขเวทนาดับไป กายทุกสวนก็มีอยูตามธรรมชาติของตน เวทนาเกดิ ขน้ึ
ก็เปนเรื่องของเวทนา ตั้งอยูก็เปนเรื่องของเวทนา ดับไปก็เปนเรื่องของเวทนา จิตเปนผู
รูเรื่องทุกขเวทนา เกิดขึ้น ตง้ั อยู แลว ดบั ไป จิตไมใชเปนผูเกิดขึ้น ตง้ั อยู ดบั ไป เหมอื น
กายเหมือนเวทนา

เมอ่ื หดั พจิ ารณาอยา งนจ้ี นชาํ นาญแลว ถงึ คราวเขา ทค่ี บั ขนั กใ็ หพ จิ ารณาอยา งน้ี
เราไมต อ งกลวั ตาย เพราะเราเปนนกั รบ เรอ่ื งกลวั ตายไมใ ชธ รรมของพระพทุ ธเจา เรอื่ ง
ความกลาหาญตอความจริงนี้เปนธรรม และเปน หลกั “สวากขาตธรรม” ทต่ี รสั ไวช อบ
แลว จงดาํ เนนิ ไปตามความจรงิ น้ี ตายกต็ ายไมต อ งกลวั เพราะจติ ไมไ ดต าย แตขอใหรู
อยกู บั ตวั วา อะไรที่แสดงข้นึ เวลานี้ มที กุ ขเวทนา เปนตน มันเปนอยางไร ทกุ ขเวทนา
ดใู หท ราบตามความจรงิ ของมนั เมอื่ ทราบความจริงแลว ทุกขเวทนากส็ กั แตว า ธรรม
ชาตอิ นั หนง่ึ เทา นน้ั ไมป รากฏวา มคี วามหมายรา ยดแี ตอ ยา งใด และไมปรากฏวา
เปน “ขา ศึก” ตอ ผใู ด เปนความจริงของมนั อยา งเตม็ ตวั ท่ีแสดงขน้ึ มาตามหลักธรรม
ชาติเทานั้น

ธรรมชดุ เตรยี มพรอ ม ๓๑๘

๓๑๙

กาย ก็เปนความจริงของกายที่ปรากฏตัวอยูตามหลักธรรมชาติของตน จติ ก็เปน
ธรรมชาติอันหนึ่ง ที่เปนความรูประจําตน ไมไดไปคละเคลากับสิ่งใด

เมอ่ื พจิ ารณารรู อบแลว จติ กถ็ อนตวั ออกมาเปน ความจรงิ ของตวั อยา งสมบรู ณ
ทุกขเวทนาเขาก็มีความสมบูรณตามธรรมชาติของเขา กายกม็ คี วามสมบรู ณต ามธรรม
ชาติของตน โดยทจ่ี ติ ไมไ ปแยกสว นแบง สว นวนุ วายกบั เขา เมอ่ื เปน เชน นก้ี ไ็ มม อี ะไร
กระทบกระเทอื นกนั ทุกข จะทุกขข นาดไหนก็ไมก ระเทอื นถงึ จิต ยม้ิ ไดใ นขณะทท่ี กุ ข
กาํ ลงั เกดิ อยมู ากมายนน้ั เอง ยิ้มได! เพราะจติ เปน อนั หนง่ึ ไมเขาไปยุงเกี่ยวกับเวทนา
คือ ไมเ ขา ไปคละเคลา กบั เวทนานน้ั ใหเ ผาลนตนเอง ใจกส็ บาย

นแ้ี ลการพจิ ารณาทกุ ขเวทนาใหร รู อบ โดยเอาเวทนานั้นเปนสนามรบ เปนหิน
ลับปญญา เปน สถานทล่ี บั ปญ ญาใหค มกลา ขน้ึ ดว ยการพจิ ารณาแยกแยะทกุ ขเวทนาท่ี
เกิดขึ้น แยกแยะดกู าย แยกแยะดูเวทนา อันใดจะดับกอนดับหลังก็ใหทราบ ตาม
ความจรงิ ของมนั มนั มคี วามเกดิ ความดับ ประจาํ ตวั อยอู ยา งนน้ั แตไ หนแตไ รมา เราจะ
รูก ต็ ามไมร ูก็ตาม สิ่งเหลานี้มีเปนหลักธรรมชาติของตัวอยูอยางนั้น เปนแตเพียง
พิจารณาใหเห็นตามความจริงของมัน จงึ ไมป นเกลียวกับธรรม เรากอ็ ยสู บาย

เอา ! จะตายก็ตายซิ ตามโลกเขาสมมตุ นิ ยิ มวา “ตาย” ตายมันเปนอยางไร จึง
เรียกวา “ตาย” กายมันแตก เอา แตกไป อะไรสลายกส็ ลายลงไป ผูไมสลายก็อยู อะไร
ไมส ลาย ก็คือจติ นเี่ อง

ใจนเ้ี มอ่ื สรา งปญ ญาเปน หลกั เปน เกณฑข น้ึ ภายในตนแลว เปน อยา งนน้ั ไมมี
ความหวน่ั ไหวตอ ความลม ความตาย จิตมคี วามแกลว กลา สามารถ

นี่แหละการพิจารณาเรื่องของตัว คือเรื่องของจิต พิจารณาเชนนี้ เราไมต อ ง
กลวั ตาย กลัวไปทําไม พระพทุ ธเจา ทรงสอนไมใ หก ลวั ธรรมไมสอนใหกลัว ความจรงิ
ไมเปนสิ่งที่นากลัว เพราะเปนความจริง จะนากลา นา กลัวทต่ี รงไหน กลาก็ไมนากลา
กลัวก็ไมน า กลวั น่ีหมายถึงการถึงความจริงลว น ๆ แลว ไมม คี าํ วา “กลา ” วา
“กลวั ” เหลอื อยภู ายในใจเลย มีเฉพาะ “ความบริสทุ ธ”ิ์ อยา งเดยี ว

แตการพิจารณาเพื่อถึงความจริง ตอ งมคี วามกลา หาญ เมอ่ื จะเอาชัยชนะเขา สู
ตน ไมม คี วามกลา หาญไมไ ด เดี๋ยวแพ เพราะเรากําลังดําเนินมรรคอยู ตอ งมคี วาม
กลา หาญหรอื อาจหาญ ไมพ รน่ั พรงึ หวน่ั ไหวกบั สง่ิ ใด ๆ ทง้ั สน้ิ สง่ิ ใดทผ่ี า นเขา มาตอ ง
พจิ ารณาใหร ใู หเ ขา ใจทง้ั นน้ั ไมม คี วามทอ ถอยออ นกาํ ลงั เพอ่ื ตง้ั หนา รเู หน็ ตามความ
จรงิ ของมัน ทกุ สิง่ ทกุ อยางที่ผานเขา มาในกระแสความรู ชอ่ื วา “นกั รบ” ในสงคราม
ระหวา งจติ กบั ขนั ธ หรอื ระหวา งธรรมกบั กเิ ลสทง้ั หลาย

ธรรมชดุ เตรยี มพรอ ม ๓๑๙

๓๒๐

ความกลา หาญอยา งนเ้ี ปน ความถกู ตอ ง เมอ่ื ถงึ จุดหมายปลายทางแลว ความ
กลวั กห็ ายไป ความกลา กห็ ายไป เพราะเขา ถงึ ชยั ชนะอนั สมบรู ณแลว ความกลวั ความ
กลา กห็ มดปญ หาไป

เวลานค้ี วามกลวั ความกลา เปน ปญ หาอยา งยง่ิ สาํ หรบั ผกู าํ ลงั ดาํ เนนิ จงสราง
ความกลา ขน้ึ ดว ยเหตดุ ว ยผลทค่ี วรกลา และเปนนักตอสูในสิ่งที่ควรตอสู มีทุกขเวทนา
เปนตน ใหเ ปน ตามความจรงิ ของมนั อยา ไปกลวั พระพุทธเจาไมสอนใหกลัว กลวั กม็ ี
คา เทา กบั ความตาย ถงึ วนั แลว ตอ งแตกตอ งสลาย ทา นเรยี กวา “ความตาย”

แตอยางไรก็ตามนักปฏิบัติตองใหรูกอนที่สิ่งเหลานี้จะแปรสภาพลงไป ดว ย
ปญญา เอา “ตาขาย” คอื ปญ ญากางไวร อบดา น อะไรแสดงออกมากไ็ ปตดิ ขา ย คือ
ปญญานั้น แลวจะหว่ันไหวไปไหน จะสะทกสะทา นไปไหน จะเอนเอยี งไปไหน เพราะสงิ่
นน้ั ๆ เปนไปตามความจริงที่ไดพิจารณาไวแลว

น่ี “นกั รบ” ทา นพจิ ารณากันอยา งนน้ั แมอ ยใู นทา มกลางแหงขนั ธท เ่ี ปนกองไฟ
ทั้งกอง ทานกม็ ีความรม เยน็ เปน สุข โดยปกติของจิตที่รูรอบขอบชิดแลว ไมหลงตาม
อาการอะไรทง้ั หมด ชอ่ื วา “ผูรรู อบ”

อาการตา ง ๆ ทข่ี ันธแ สดงออก เมื่อทนไดก็ทนไป ปฏิบัติรักษาบํารุงกันไป พา
กนิ พานอน พาดืม่ รักษากนั ไป ตามธรรมชาติของมัน เมอื่ ทนไมไหว อยางไรก็มีแตจะ
ไปทาเดียว ก็ปลอ ยไปตามคติธรรมดาเสยี เทานัน้ เพราะเปน ความจริงจะฝนมันไดอยาง
ไร ปลอ ยตามความจรงิ นแ่ี ลชอ่ื วา “ปลอ ยดว ยความรู ที่เปนไปตามความจริง” จติ ก็
ไมหวั่นไหว ไมอ าลยั ไมเ สยี ดาย นค่ี อื หลกั ของการปฏบิ ตั ขิ องผไู ด หรอื กาํ ลงั จะได
“ชยั ชนะ” ภายในจิตใจ เพราะจติ เคยแพก เิ ลสตณั หามาตลอดจนกระทง่ั ปจ จบุ นั น้ี ไม
เคยชนะมาเลย ตั้งแตกัปไหนกลั ปไ หน มแี ตอ ยใู ตอ าํ นาจกเิ ลสทา เดยี ว จนลมื เฉลยี วใจ
วา “กเิ ลสเปน นาย เราเปนบอยของมัน”

คราวนแ้ี หละจะพลกิ ตวั เรา โดยอาศัยหลักธรรมเปนเครื่องปราบปรามกิเลสอา
สวะ ซึ่งเคยชนะเรามาเปน เวลานาน หรอื เปน เจา ใหญน ายโตแหง “วฏั จกั ร” บังคับจิต
ใจเราใหไ ปสทู น่ี น่ั ทน่ี ม่ี านาน คราวนเ้ี ราจะตง้ั หนา สกู เิ ลสเพอ่ื ชยั ชนะ และใหเ หน็ ความ
จรงิ ทกุ สง่ิ ทกุ อยา ง ไมม อี ะไรปด บงั ปญญาไดเลย พรอ มกบั เอาชนะจากความทเ่ี คยแพ
นน้ั มาครองเปน ของตวั ดว ยอาํ นาจของ สติ ปญญา ศรทั ธา ความเพียร อยา งไมล ดละ

ผูถึงแดนแหง ความประเสรฐิ เพราะความเพียรแลว ยอมเปน ผสู งา งามใน
ทามกลางแหงหมูชน พรอมกบั ความภมู ิใจในความเพียรของตน ผูใดถึงแดนแหงความ
เลิศประเสริฐดวยการชนะตนผูเ ดียวเทานั้น เปนผูประเสริฐภายในตน ไมมีการกอเวร
เหมือนการชนะสงครามที่โลกชนะ และกอเวรกอกรรมแกกันไมมีทางสิ้นสุด เหมือนลูก

ธรรมชดุ เตรยี มพรอ ม ๓๒๐

๓๒๑

โซ แตก ารชนะตนนเ้ี ปน เอกในสงคราม ดงั ธรรมทา นวา “อตฺตา หเว ชิตํ เสยฺโย” การ
ชนะตนแล ประเสริฐสุด”

สง่ิ ทเ่ี คยกอ กวนจติ ใจใหไ ดร บั ความทกุ ขค วามเดอื ดรอ นดงั ทเ่ี คยเปน มานน้ั เปน
อันวา “ยตุ กิ นั โดยสน้ิ เชงิ ” ทก่ี ลา วมาทง้ั น้ี อยา ลืมวาความเพียรเปนสําคัญ เปน
เครอ่ื งสนบั สนนุ สตปิ ญ ญา เปน ผบู กุ เบกิ เพอ่ื ความกา วหนา ในงาน ปญญาเปน สาํ คญั
มากทจ่ี ะตอ งพจิ ารณาคน ควา ใหเ หน็ เหตเุ หน็ ผล สตเิ ปน ผบู งั คบั งานไมใ หเ ผลอตวั เมื่อ
ปญญาพิจารณาเห็นความจริงของสว นตา ง ๆ มขี นั ธห า เปน ตน แลว กเิ ลสไมม ที ห่ี ลบ
ซอ น จะไหลเขาไปสูภายในจิตแหงเดียว ไมมีทางยึด ไมม ที างเกาะ เพราะที่เหลานั้นถูก
ทาํ ลายฉบิ หายไปดว ยปญ ญาเสยี แลว

จากนน้ั กเ็ ขา ตตี อ นในจติ ทข่ี า ศกึ ไปรวมตวั อยู ใหแ ตกกระจายออกจากใจไมม ี
อะไรเหลือ นั่น ! ทานวา “กเิ ลสตาย” ตายทต่ี รงนน้ั แหละ! ตายที่ตรงมันเคยอยูกับ
ใจนั่นแหละ มนั อาศยั ทน่ี น่ั เวลาตายไปก็ตายที่นั่น ดวยอํานาจของ “มหาสติ มหา
ปญญา” ที่ทันสมัย นน่ั ทา นเรยี กวา “ชัยชนะอยางเต็มภูมิ”

ความชนะอนั เลศิ ชนะทต่ี รงน้ี ศาสนารวมลงทจ่ี ดุ น้ี วาระสดุ ทายแหงการปฏิบตั ิ
ศาสนา ก็มายุติกันที่ตรงนี้ มาหยุดงานกนั ท่ีตรงนี้ ถึงแดนแหงความพนทุกข กถ็ งึ ทต่ี รง
น้ี นอกนน้ั ไมม ี

กาลก็ไมมี สถานที่ก็ไมมี อดตี อนาคตไมม ี ปจ จบุ นั กร็ เู ทา ทนั ทกุ สง่ิ ทกุ อยา ง
อยางพรอมมูล เปนผูหมดเรื่องหมดราว หมดคดีเกี่ยวของในโรงในศาล ระหวางกิเลส
กบั ใจ มหาสติ มหาปญญา ออกนง่ั บลั ลงั ก ตดั สนิ ประหารชวี ติ กเิ ลสทง้ั โคตรแซข องมนั
ไมมีเชื้อสายสืบหนอตอแขนงแหงภพชาติอีกตอไป กิเลสพรอมโคตรแซจมหายไปใน
ขณะนั้น นท่ี า นเรยี กวา “ถึงนิพพาน” เปนจิตที่เที่ยงแท แนล ะ

อาการทุกส่ิงทุกอยา งทีเ่ คยหลอกลวงจิตนนั้ ไมม ี เหลอื แตค วามรลู ว น ๆ ขันธแม
จะปรุงแตง ขึ้นมาตามธรรมชาตขิ องมนั ท่ีมีอยู เชน รูปขันธ เวทนาขันธ สญั ญาขนั ธ
สังขารขันธ วญิ ญาณขนั ธ ก็แสดงตามเรื่องของตน ซึ่งไมม ีความหมายในทางกิเลสแต
อยางใดเลย รูป กม็ กี ารแสดงไปตามเรอ่ื งของรปู เวทนา สขุ ทกุ ข ไมสุขไมทุกข ที่
ปรากฏในขนั ธ ก็แสดงไปตามเรื่องของเวทนา สญั ญา ความจําไดหมายรู กเ็ ปน ไปตาม
เรื่องของตน สงั ขาร ความคดิ ปรงุ ตา ง ๆ ก็เปน ไปตามสภาพของตน วญิ ญาณ ความ
รับทราบ เมือ่ สงิ่ ภายนอกเขามากระทบ ตา หู จมกู ลน้ิ กาย จติ กร็ บั ทราบ แลว กด็ บั ไป
ๆ ตามธรรมชาติของมัน โดยไมสามารถทําใหจิตใจกําเริบเหมือนแตกอน เพราะสิ่งที่ทํา
ใหก าํ เรบิ นน้ั ไดถ ูกทําลายไปหมดแลวไมมีอะไรเหลือ จึงเรียกวา “เปนขันธลวน ๆ”

ธรรมชดุ เตรยี มพรอ ม ๓๒๑

๓๒๒

เปน ผถู งึ พระนพิ พานอยใู นระหวา งขนั ธล ว น ๆ คอื นพิ พานทง้ั เปน ไดแ กจ ติ ท่ี
บรสิ ทุ ธจ์ิ ากกเิ ลสนน้ั แล

ทา นไมถ ามละทนี ว้ี า “นพิ พานอยูทไ่ี หน ?” จะถามทําไม นพิ พานจรงิ ๆ คือ
อะไร? คําวา “นพิ พาน” กค็ อื ชอ่ื อนั หนง่ึ ธรรมชาตทิ ถ่ี กู เรยี กชอ่ื วา “นิพพาน” นน้ั
แลคือตัวจริงแท

เมอื่ ถงึ “ตัวจรงิ แท” แลว จะไปถามหาชอ่ื หาเสยี งหารอ งหารอยทไ่ี หนอกี ไปงม
งายที่ไหนอีก ผูรูรูจริง ๆ แลว ไมง มงาย ไมอยากไมหิว เพราะถงึ “ความพอ” ทุกสิ่งทุก
อยา งแลว โดยสมบรู ณ

เอาละ การแสดงธรรมก็เห็นวาสมควร ขอใหทานผปู ฏิบัติทงั้ หลายนาํ ไปพินจิ
พจิ ารณาใหเ หน็ ความจรงิ ดงั ทก่ี ลา วมาน้ี เราจะเปนผูสมบูรณภายในใจดังคําที่พูดนี้ไม
สงสัย จึงขอยุติ

ธรรมชดุ เตรยี มพรอ ม ๓๒๒

๓๒๓

เทศนโปรดคุณเพาพงา วรรธนะกลุ ณ วดั ปา บา นตาด
เมอ่ื วนั ท่ี ๑ กมุ ภาพนั ธ พุทธศักราช ๒๕๑๙

พิจารณาทุกขเวทนาในวาระสุดทาย

เมือ่ จติ ยังอยูในท่มี ดื มนดว ยกเิ ลสชนิดตา งๆ ปกปด กําบัง ก็เชนเดียวกับเราเขา
ไปในปารกชัฏและกวา งขวาง ขณะอยใู นปา นน้ั ความรสู กึ เหมอื นไมเ คยผา นทงุ ผา นนาท่ี
เวิ้งวางมากอ นบา งเลย ทั้ง ๆ ทเ่ี รากเ็ คยผา นเคยอยมู าแลว แตเวลาเขาไปในดงอันรก
ชัฏแลว ความรสู กึ มนั เปลี่ยนไปกับส่ิงท่ีเกี่ยวขอ ง จงึ เปน เหมอื นวา เราไมเ คยผา นทงุ โลง
โถงเวิ้งวางอะไรมาเลย เหมือนกับโลกนี้เปนโลกมืดไปหมด เชน เดยี วกับปา อันรกชัฏนั้น

แตจ ติ นย้ี งั ไมเ คยเหน็ แสงสวา ง ความเวง้ิ วา งภายในตวั เองมากอ นกย็ งั พอทาํ เนา
แตผ ทู เ่ี ขา ปา ดงอนั รกชฏั นน้ั ทั้ง ๆ ทเ่ี คยเหน็ ทงุ เหน็ นาอะไรทเ่ี วง้ิ วา งมาอยแู ลว มันก็ยัง
เกิดความสําคัญขึ้นมาวา โลกนจ้ี ะไมม ที ว่ี า งจากปา บา งเลย มีแตความรกชัฏดวยปา
อยางนี้ไปหมด จิตในขณะท่อี ยใู นความมดื มนอนธการ กเ็ ปน ลกั ษณะนเ้ี หมอื นกนั
แตเมื่อกาวไปถึงที่เวิ้งวางโดยไมมีอะไรมาเกี่ยวของเลย เพราะความผา นพน ไป
หมดแลวนั้น กเ็ หมอื นกบั โลกนไ้ี มม อี ะไรเปน “นิมติ เครอ่ื งหมาย” แหง วตั ถตุ า ง
ๆ เหลอื อยบู า งเหมอื นกนั

ถา เราไมค ดิ แยกไปวา ที่นั่นเปนนั่น ทน่ี เ่ี ปน น่ี ใหแ ก “สมมตุ ิ” ตา งๆ ซง่ึ เกย่ี ว
กบั สตั ว บคุ คล ตนไม ภเู ขา ดิน ฟา อากาศ ตามธรรมชาตทิ มี่ ีอยขู องเขา ก็เหมอื นกับ
ไมม อี ะไรเลยในบรรดาทก่ี ลา วมาเหลา น้ี เพราะจิตไมออกไปเก่ยี วขอ ง จิตมีแตความ
วา งประจาํ ตน หาเหตปุ จ จยั อะไรเขา ไปหมนุ ไปเกย่ี วขอ งไมไ ดเ ลย อยโู ดยปกตขิ องตน
โลกแมจ ะมกี เ็ หมอื นไมมี ถา จะพดู วา “โลกไมมี สตั ว สงั ขาร ไมม ”ี กไ็ ด เพราะไมม ี
อะไรเขา ไปเกีย่ วขอ งในจติ จิตอยูโดยหลกั ธรรมชาตแิ หง ความบริสุทธแิ์ ท เลยกลาย
เปน ธรรมดา ......ธรรมดาไป

แต คําวา “ธรรมดา” น้ี ผสู มมตุ กิ จ็ ะคดิ และตคี วามหมายไปอกี แงห นง่ึ คาํ
“ธรรมดา” ในธรรมชาตินี้ ไมเ หมอื นกบั ธรรมดาทเ่ี ราพดู กนั ทว่ั ๆ ไป เปน แตเ พยี ง
ขอ เทยี บเคยี งเลก็ นอ ยเทา นน้ั เรื่องอะไร ๆ ก็ “ธรรมดา ธรรมดา ไปหมด” นน่ั ฟง ซี !
เรื่องเกิดเรื่องตาย เร่ืองทกุ ขลําบาก เรอ่ื งไดเ รอ่ื งเสยี เรื่องประสบอารมณตาง ๆ ชอบ
ใจ ไมชอบใจ ในโลกธรรมมาสมั ผสั กเ็ ปน เรอ่ื งธรรมดา ธรรมดา ไปหมด เพราะจติ
อิ่มตัว และคลายอารมณต า ง ๆ ออกหมดแลว ไมม อี ะไรเหลอื ส่ิงเหลาน้ันแมม อี ะไรอยู
ก็ “สกั แตว า ” รบั รเู พยี งขณะๆ แลว กด็ ับไปในขณะๆ โดยหลักธรรมชาติของจิตที่

ธรรมชดุ เตรยี มพรอ ม ๓๒๓

๓๒๔

มคี วามพอตวั แลว รับอะไรเขาไปอีกไมได ความสรรเสริญซึ่งเคยชอบมาแตไหนแตไรก็
กลายเปนเรอื่ งธรรมดา เชน เดยี วกบั ความนนิ ทา เพยี งแตจ ติ รบั ทราบเทา นน้ั เพราะจติ
พอตัวแลวไมสามารถจะรับอะไรได ทั้งฝายต่ํา ฝา ยสงู ฝา ยนินทา สรรเสริญ ฝา ยทกุ ข
ฝายสุข ที่เปนเรื่องของ “สมมตุ ิ” ท้งั ปวง ใจไมเ กย่ี วขอ งจงึ เปน ธรรมดาไปเสยี หมด ทั้ง
นอ้ี อกจากจิตทถี่ งึ ความอา งวา งโดยหลกั ธรรมชาตขิ องตัวแลวเปนอยา งน้ัน อะไรจะมา
ผา นกเ็ หมอื นไมผ า น

แตก ารทจ่ี ติ สามญั ชนเราจะพยายามดาํ เนนิ หรอื กา วไปดว ยความเพยี ร เพื่อให
ถึงสถานที่นั้น ๆ ตามขั้นของจติ ของธรรมไปโดยลําดับ ๆ ตามสายทาง จนถงึ ทจ่ี ดุ
หมายปลายทางอันเปนที่เวิ้งวางโดยหลักธรรมชาตินั้น ยอ มเปน สง่ิ ทย่ี ากลาํ บากเปน
ธรรมดา ราวกับการเชือดเฉือนตัวเรา ตัวเราคือกิเลส ดวยมีดอันคมกลา คือสติปญญา
นน้ั แล จะวายากมากก็ได แลว แตใ จของผดู ําเนินนั้นมีความรักชอบมากนอยตางกัน
เพียงใด แตผทู ีม่ ีความรกั ชอบ มคี วามสนใจมากอยูแลว การงานทเ่ี ปน ไปเพอ่ื ความ
หลุดพน หรือเพอ่ื ความเหน็ แจงโดยลาํ ดบั นี้ กไ็ มเ ปน ของยากนกั เพราะทําดวยความ
พอใจทกุ อาการแหง การกระทาํ เรอ่ื งทว่ี า ยาก ๆ ซง่ึ เคยมอี ยใู นหวั ใจนน้ั กไ็ มย าก ความ
พอใจมาทาํ ใหง า ย

คาํ วา “การเจรญิ ของจติ ” ก็อยาไดคิดคาดไปในแงตาง ๆ ใหผ ดิ จากหลกั ความ
จรงิ ของความเจรญิ อนั แทจ รงิ ภายในจติ และความเสอ่ื มภายในใจอนั แทจ รงิ ของจติ คอื
จติ มคี วามเปลย่ี นแปลงอาการของตวั อยโู ดยเฉพาะเทา นน้ั ไมไ ดก า วไปไหน ไมไดลงที่
ไหน เปน แตค วามเปลย่ี นแปลงแหง อาการของจิตทแ่ี สดงใหต นทราบเทา นน้ั

ใจเปลย่ี นแปลงไปอยา งหนง่ึ เปนความทุกขขึ้น เปลย่ี นแปลงไปอยา งหนง่ึ เปน
สุขขึ้นมา อยภู ายในจิตนเ้ี ทา นน้ั การเจรญิ จติ ตภาวนา แมจ ะไดรบั คาํ ของครอู าจารยที่
ทานแสดงไปในแงใดก็ตาม ทา นพดู เรอ่ื งสมาธกิ ต็ าม เรอ่ื งปญ ญากต็ าม เรายดึ ไวพ อ
เปนคติเทานั้น

สว นหลกั ธรรมชาตทิ จ่ี ะเปน ขน้ึ ภายในใจเรานน้ั เริ่มจากการนําธรรมคติจากทาน
มาปฏิบัติ ใหเ ปน ไปตามหลกั ธรรมชาตจิ รติ นสิ ยั ของเรา อยาเอาธรรมชาติที่เปนจรติ
นสิ ยั ของเราไปเทยี บกบั ที่ทานแสดง เพราะทานแสดงธรรมอยางกวางขวางสําหรับ
“นานาจิตตงั ” ซึ่งมจี ํานวนมาก พูดงาย ๆ กว็ า จรติ นสิ ยั ของคนไมเ หมอื นกนั ความรู
ความเขาใจ ตลอดถงึ การประพฤตปิ ฏบิ ตั ใิ นแงค วามรู ความเห็น การพจิ ารณาน้ี จะให
เหมือนกันไมได แมจ ะอยใู นวงแหง สจั ธรรมดว ยกนั กต็ าม แตอาการแหงการพิจารณา
และการดาํ เนนิ นน้ั ผดิ แปลกกนั อยเู ปน ลาํ ดบั ลาํ ดาตามจรติ นสิ ยั

ธรรมชดุ เตรยี มพรอ ม ๓๒๔

๓๒๕

เมื่อเปนเชนนั้น อาการแหง ความสงบ หรือความรูตาง ๆ ซึ่งเกิดขึ้นภายในจิต
จงึ มตี า งกนั สวนความสงบน้นั เปนทยี่ อมรับดวยกันทกุ คน ไมวาจริตนิสัย เพราะความ
สงบสุขของจิตนั้น เปนผลเกิดขึ้นจากการปฏิบัติของตน จึงเปน ทย่ี อมรบั ดว ยกนั เราจงึ
คอยดผู ลท่ีปรากฏข้ึนจากการปฏิบตั ิของเราอยางน้ี

คาํ วา “สงบ” นน้ั มหี ลายประเภทตามจรติ นสิ ยั คอื สงบลงในขณะเดียว
เหมอื นกบั ตกเหวตกบอ อยา งนน้ั กม็ ี คอื อยู ๆ ที่เรากําหนดภาวนา “พทุ โธ ๆ” แลวก็
พลิกขณะเดียวแพล็บ หายเงยี บไปเลย คอื จิตพลิกขณะเดยี วเทาน้ันเหมอื นกับเราตก
เหวตกบอ แลวปรากฏเปน ความรูข ้นึ มาทันที นี่เปน แงหนงึ่

อกี แงห นง่ึ จติ สงบแลว หายเงยี บจากอารมณต า งๆ แม “พุทโธ” ไปเลยก็มี น่ี
เปนจิตนิสัยประเภทหนึ่ง ทก่ี ลา วมานเ้ี รยี กวา “รอ ยละ ๕ ราย” จะมีเพียง ๕ ราย หรอื
จะมากไปดวยซ้ําในรอยคนของผูมีความสงบเยือกเย็น หรอื เหน็ ผลในการทาํ สมาธิ
ภาวนาแบบน้ี เพราะมีนอ ยมากในการปฏบิ ัติสมัยปจจุบนั น้ี

อกี ๙๕ รายนั้น จะเปน ในลกั ษณะทค่ี อ ยสงบ คอ ย ๆ เยอื กเยน็ เขา ไปเปน ลาํ ดบั
ๆ นม้ี เี ปน จาํ นวนมาก

ใหเ ราสงั เกตดูจรติ นสิ ยั ของเราวา เปน ไปในจรติ ใด หรอื เปนไปในลักษณะใดใน
แงใ ดในสองแงน ี้ สวนมากจะเปนไปในแงที่สองนี้

คาํ วา “สงบ” คอื ความสงบเยน็ อยภู ายในใจ ใจมที อ่ี ยู ใจมคี วามรม เยน็ เปน สขุ
มีฐานแหงความสงบอยูภายในจิตของตน ทั้ง ๆ ทค่ี ดิ อา นไตรต รองอะไรกไ็ ดต าม
ธรรมดาของโลกทั่ว ๆ ไป แตภ ายในจติ ของตวั มีความโลง มคี วามสบาย มีความเบา
หรอื มคี วามสวา งไสว ตามกาํ ลงั จติ ทม่ี มี ากนอ ย แลว แตก าํ ลงั แหง สมาธิ หรอื ความสงบ
นท่ี า นเรียกวา “จิตสงบ” มคี วามคดิ ไดป รงุ ไดอ ยอู ยา งนน้ั แตจิตที่เปนเจา ของความคิด
นน้ั มีความสงบสบายอยภู ายในตน กําหนดเขาเมื่อไร ก็ปรากฏความรูที่เปนความสบาย
นั้นอยูเรอ่ื ย ๆ ไมหายไป นช่ี อ่ื วา “จิตไดฐานแหงความสงบ หรือมฐี านแหง ความ
สงบ” ขน้ึ มาแลว

ประการหนึ่ง ท่ีเปน ธรรมชาตขิ องจติ เอง เราจะปรงุ แตงไมได กค็ อื ขณะทใ่ี จดบั
ความคิดปรุงตาง ๆ นน้ั ดบั จรงิ ๆ ความคดิ ความปรงุ ขาดจากกนั ไมม อี ะไรเหลือเลย
เหลือแตความรูลวน ๆ อยโู ดยลาํ พงั ตนเอง นก่ี ใ็ หเ ปน ตามหลกั ธรรมชาตขิ องจติ ทเ่ี ปน
ขน้ึ มาในตวั เอง

การคาดการหมายไมเ กดิ ประโยชนอ ะไร จึงไมควรคาดหมาย ใหปลอยไปตาม
จรติ นสิ ยั ของตนในสว นน้ี ไมผ ดิ ขอ สาํ คญั คอื การปฏบิ ตั ิ ทา นสอนอยางไร และเหมาะ

ธรรมชดุ เตรยี มพรอ ม ๓๒๕

๓๒๖

กบั จรติ นสิ ยั ของเราอยา งไรบา ง วธิ ปี ฏบิ ตั ิ วธิ พี จิ ารณา หรือวิธีบริกรรม ใหก าํ หนดตาม
นั้นเปน ของสาํ คัญ ใหความรูอยูกับการภาวนานั้น ๆ จะภาวนาแบบไหนกต็ าม สตเิ ปน
สิ่งสําคัญอยูมาก ซ่งึ จะใหพ รากจากกนั ไมไ ด จะขาดวรรคขาดตอนในทางความเพยี ร
เพือ่ จะยงั ผลใหสบื ตอ เนอ่ื งกนั โดยลาํ ดับ

ทพ่ี ดู ถงึ จรติ นสิ ยั ของแตล ะคนทไ่ี มเ หมอื นกนั ผนู น้ั เปน อยา งนน้ั หรือครูบา
อาจารยทานแสดงอยางนั้น ผนู น้ั จติ รวมอยา งนน้ั จติ รอู ยา งนน้ั ๆ ใหเราเพียงฟง ไวเฉย
ๆ หากจรติ นสิ ยั ของเราเปน ไปในทางใดแลว เรอ่ื งทท่ี า นกลา วนน้ั จะมาสมั ผสั เราเอง เรา
รูในแงใด แงที่ทา นแสดงแลวจะเขามาสมั ผัส จะโผลขึ้นมารับกันทันที ๆ ถานสิ ัยของเรา
ไมมี ก็เปนเพียงแตฟง ไป ๆ อยา ไปยึดเอาขอนน้ั มาเปนอารมณจ นกระท่งั เกดิ ความรอน
ใจ ในเมอ่ื จติ ของเราไมเ ปน ไปตามทเ่ี รามงุ หวงั อยา งทท่ี า นสอน อนั นก้ี เ็ ปน ความคดิ อนั
หนึ่งของเรา ตองระมัดระวัง

ความสงบของใจ ที่เปนความถูกตองดีงามหรือเปนที่ยอมรับกัน กค็ ือความสงบ
ไมฟุงซานวุนวายไปกับอะไร มแี ตค วามเยน็ ใจ ถึงจะคิดในหนา ทกี่ ารงานตาง ๆ ก็คิดไป
ไดอยางธรรมดา แตไ มก วนใจเจา ของเหมอื นอยา งแตก อ น ทย่ี งั ไมเ คยอบรมภาวนา น่ี
ทานเรียกวา “จิตสงบ” ถา มากกวา นน้ั กเ็ ปน ฐานมน่ั คงอยภู ายในใจ แมจะคิดเร่อื งอะไร
ก็คิดไป แตพ อยอ นเขา มาสจู ดุ แหง ความรู กเ็ ปน จดุ ความรู ที่เดนชัด ผองใส และเบา
ใหเ หน็ อยา งชดั เจนภายใน นเ่ี ปน ทย่ี อมรบั วา “จิตสงบ” และมฐี านสมาธปิ ระจาํ ใจ
และเปน ทย่ี อมรบั กนั ทว่ั ไปวา “จติ เปน สมาธ”ิ ถา จติ เปน อยา งน้ี !

เพราะฉะนน้ั การท่จี ะไปยึดเอาเรื่องของคนนน้ั คนนม้ี าเปนเรอื่ งของตัว หรือ
พยายามจะทาํ จติ ของตนใหเปนอยางนั้น เปน การขัดตอ จรติ นิสัยของเรา จะเกดิ ความ
ไมส บายใจขน้ึ มา เพราะการสรา งความกงั วลหมน หมองใหเกิดขึ้นแกตน ดว ยเหตนุ จ้ี ึง
ควรทาํ ความเขา ใจไวใ นขอ น้ี

ความเจรญิ ของจติ นน้ั กค็ อื ความสงบตวั นน้ั แลเปน สาํ คญั ใจมคี วามละเอยี ด
ลออเขาไปเปนลําดับ มคี วามแนน หนาม่นั คงเขา ไปเรอ่ื ย ๆ ความเจรญิ ในขน้ั เรม่ิ แรก
เปน อยา งน้ี

ตอ ไปจะตอ งมคี วามละเอยี ดขน้ึ โดยลาํ ดบั จากจติ ดวงนเ้ี อง จติ ดวงนจ้ี ะเปลย่ี น
สภาพไปเรอ่ื ย ๆ และเขา สคู วามละเอยี ดจรงิ ๆ แมจะพจิ ารณาทางดานปญ ญาการคน
ควาตาง ๆ ใจมีความเฉลยี วฉลาดมากนอ ยเพียงใดก็ตาม ฐานแหง ความสงบเยน็ ใจน้ี ก็
ปรากฏเปนความมัน่ คงไปโดยลาํ ดบั เชน กัน แตบ างครง้ั เวลาชลุ มนุ วนุ วายมากกบั การ
งานทางดานปญญา ความสงบอนั นจ้ี ะหายไปกม็ ี แตคาํ วา “หายไป” นไ้ี มไ ดห ายไป
แบบคนทไ่ี มเ คยภาวนา คนไมเ คยมสี มาธมิ ากอ น

ธรรมชดุ เตรยี มพรอ ม ๓๒๖

๓๒๗

คนไมเ คยภาวนานน้ั ไมมีความสุขความสงบภายในใจเลย จงึ ไมม คี าํ วา “จิต
เจริญ” หรือ “จิตเสอ่ื ม” เปนจิตสามัญธรรมดา ๆ

แตจิตที่ “หายจากความสงบน้ี” มแี ตค วามรสู กึ ทจ่ี ะพจิ ารณาอยา งเดยี ว มคี วาม
รื่นรมย มคี วามดดู ดม่ื ในการพนิ จิ พจิ ารณาเพอ่ื ถอนกเิ ลสตา ง ๆ ออกจากจติ ใจ ไมไ ดม ี
ความฟงุ เฟอ เหอ เหมิ ไปกบั โลกกบั สงสารใด ๆ เลย แมจ ะไมป รากฏเปน ความสงบแนว
แนเ หมอื นอยา งทเ่ี คยเปน มากต็ าม เพราะความรอู ันนเ้ี ปลย่ี นไปทางธรรมแลว ไมไ ด
เกย่ี วกบั โลกเลย ถงึ จะไมเ ปน ความสงบเหมอื นจติ เปน สมาธกิ ต็ าม แตก็เปนความวุน
กบั ตนเพอ่ื ถอดถอนกเิ ลสตา งหาก มนั ผดิ กนั ทต่ี รงน้ี

การพยายามตะเกยี กตะกายเพื่อฝกฝนอบรมจติ ใจใหม ีความสงบรมเยน็ เปนที่
แนใ จตนเอง มคี วามอบอนุ มหี ลกั ใจเปน เครอ่ื งยดึ เปน ทอ่ี าศยั น้ี เปน เรอ่ื งทย่ี ากลาํ บาก
อยบู า ง แตเ ราควรนกึ คดิ ถงึ เรอ่ื งงานตา ง ๆ ที่เราทํา บางทงี านบางชน้ิ มนั กห็ นกั อง้ึ จน
ขนาดหัวเสยี ไปกม็ ี เรายงั อตุ สา หพ ยายามทาํ และผานไปไดไ มรูก ่ีงานมาแลว เหตุใดงาน
ที่เปนไปเพ่อื ตัวเองโดยเฉพาะแท ๆ เราจะทําไมได จะผา นไปไมไ ด นเ่ี ปน งานเหมอื น
กนั เปนแตเพียงวางานนอกงานใน แปลกกนั เพยี งเทา น้ี ทําไมเราจะทําไมได ตอ งทาํ
ได ! เมอ่ื ความพอใจมอี ยแู ลว

เมอ่ื ปลงใจอยา งนแ้ี ลว ความทอ ถอยออ นแอกไ็ มม ี พยายามดาํ เนนิ ตอ ไปเรอ่ื ย
ๆ จติ เมอ่ื ไดร บั การอบรมอยโู ดยสมาํ่ เสมอแลว จะแสดงความแปลกประหลาดขน้ึ มาให
ชมเรื่อย ๆ ความเย็น ความอบอนุ ความแนใ จ จะมีกําลังมากขึ้น ๆ

การฟงเทศน โดยเฉพาะทเ่ี ทศนท างดา นกรรมฐานเกย่ี วกบั จิตตภาวนาลว น ๆ
ถา จติ ไมม ฐี านแหง ความสงบเปน ทร่ี องรบั กนั บา ง ฟงเทศนทางดานปฏิบัติจะไมเขาใจ

เราสังเกตจติ ของเราตอนนี้ ถา ฐานแหง ความสงบพอทจ่ี ะรบั ธรรมเทศนาของ
ทา น ทางดา นจิตตภาวนาทางดานปฏบิ ตั ิไมม ภี ายในใจ ฟงเทศนทานเทาไรกไ็ มเขาใจ
ยง่ิ ฟง เทศนเ รอ่ื งมรรคเรอ่ื งผลกย็ ง่ิ มดื แปดดา น นแ่ี สดงวา ฐานรบั ภายในของเรายงั ไม
มี

พอความสงบเริ่มมีขึ้น การฟงเทศนทางภาคปฏิบัติจะเรมิ่ มีรสมีชาตขิ ึ้นภายใน
จิตใจ เพราะมีฐานของจิตที่เปนความสงบเปนเครื่องรองรับ เม่ือจติ รบั กนั ไดดีเทา ไร
การฟง เทศนด า นปฏบิ ตั นิ จ้ี ะยง่ิ มคี วามซาบซง้ึ ไพเราะเพราะพริ้ง หวานอยภู ายในจติ ไม
จืดจาง แมใ จเรายงั ไมถ งึ ธรรมทท่ี า นแสดงนน้ั กต็ าม แตก เ็ หมอื นเราเขา ใจ เรารเู ราเหน็
ไปตามทานไมมีขอแยง เพราะทานเปดทางโลง ใหเห็นชัดเจน เหน็ ภาพนน้ั ภาพนโ้ี ดย
ลาํ ดบั ๆ ถา วาดภาพพจนข น้ึ มากเ็ ปน อยา งนน้ั ยิ่งมีความดูดดื่มในการฟง จนลมื เนอ้ื ลมื

ธรรมชดุ เตรยี มพรอ ม ๓๒๗

๓๒๘

ตัว ลมื เวลํา่ เวลาไปหมดในขณะทีฟ่ ง นค้ี อื จิตของเรามฐี านรบั แลว เทศนทางดานจติ ต
ภาวนาจึงเขากันไดอยางสนิทไมมีปญหา

ทนี เ้ี วลาเราชนิ ตอ การฟง เทศนป ระเภทน้ี เพราะจติ ยอมรบั แลว อยา งน้ี ฟง เทศน
อน่ื ๆ เลยขี้เกียจฟง ราวกบั ฟง ไมไ ดน าํ้ ไมไ ดเ นอ้ื อะไร พูดไปนอกโลกนอกสงสาร ไปที่
ไหน ๆ โนน ความจรงิ ทป่ี รากฏอยกู บั ตวั ทาํ ไมไมพ ดู ! เพราะเร่อื ง “สัจธรรม” หมนุ
อยภู ายในจิตใจ แลว ไปเทศน “ขางนอก” แมจ ะเปน “สัจธรรม” กจ็ รงิ แตม นั อยนู อก
หา งไกลจากปากจากทอ งเรา ทจี่ ะไดรบั ประทานอยา งงาย ๆ ทันใจ เพราะเปน ภายใน
จติ เอง เมอ่ื เทศนเ ขา มาสภู ายในน้ี ยอมเปนเครอื่ งกลอมจิตใจไดอยางสนิทมาก ลึกซึ้ง
มาก เพราะพริ้งมาก มีรสมชี าตขิ น้ึ โดยลาํ ดบั

ทานเทศนเรอื่ ง “วถิ จี ติ ” เทศนเ รอ่ื ง “สต”ิ เทศนเรอื่ ง “ปญญา” เทศนห มนุ
เขามาใน “สัจธรรม” ซง่ึ มอี ยกู บั ตวั ทกุ คน ทานยกสัจธรรมขึ้นเปนสนามรบ หรือเปน
ธรรมเทศนา ยอมเขากับจิตที่มีความสงบไดดี เพราะจติ เตม็ ไปดว ยสจั ธรรม ทกุ ขก ็
เสียดแทงเขามาที่จิต สมทุ ยั กเ็ กดิ ทจ่ี ติ เสยี ดแทงทจ่ี ติ มรรคกผ็ ลิตข้ึนมาทจี่ ติ คอื สติ
ปญญา จะผลิตข้ึนมาจากไหนถา ไมผ ลิตขึน้ จากจติ ผลติ ขน้ึ จากทน่ี ่ี เมอ่ื มอี าํ นาจมกี าํ ลงั
มากเพยี งไร กร็ ะงบั ดบั กิเลสตณั หา ดับทุกขกันลงไปเปนลําดับ ๆ กด็ ับในที่นี้ ที่เรียก
วา “นิโรธ ๆ” นน่ั นะ

สจั ธรรมมคี วามเกี่ยวเนือ่ งกนั อยา งนอ้ี ยูภายในจิต หมนุ อยตู ลอดเวลา เปน
“ธรรมจักร” ถา จะพจิ ารณาใหเ ปน ธรรม สจั ธรรมนก้ี เ็ หมอื นธรรมจกั ร ถา จติ เราคดิ ไป
แบบโลกแบบสงสารซง่ึ ไมเ คยภาวนาเลย มันก็เปน “กงจกั ร” ผนั ใหเ รารมุ รอ นอยู
ตลอดเวลาวุนไปหมด จนหาที่ปลดเปลื้องไมได นง่ั กไ็ มส บาย นอนกไ็ มสบาย อิริยาบถ
ทั้งสี่มีแตไฟเผาจิตเผาใจ ไฟกเิ ลสตณั หาอาสวะนน่ั แหละ ไมใชไฟอื่น ทจ่ี ะรอ นยง่ิ กวา
ไฟอันนี้

ถาจิตเปนอรรถเปนธรรม พนิ จิ พจิ ารณาเพอ่ื ถอดเพอ่ื ถอนดว ยมรรคผลปฏบิ ตั ิ
อยแู ลว เรอ่ื งสจั ธรรมทง้ั สน่ี ก่ี เ็ ปน “ธรรมจักร” เปนเครอื่ งซักฟอกสติปญญาไดเ ปน
อยางดี ทกุ ขเ กดิ ขน้ึ ทต่ี รงไหนจะกระเทอื นถงึ ปญ ญานาํ มาพจิ ารณา เราเคยทราบอยู
แลววาทุกขคืออะไร เปน สง่ิ ทเ่ี ราไมต อ งการ เปน ส่งิ ทีท่ รมานจติ ใจของสตั วโลกอยาง
มากมาย และทุกขนี้เกิดขึ้นมาจากอะไร

ยอ นไปเรอ่ื งสตปิ ญ ญา การคน ควา อยา งน้ี การคดิ อยา งน้ี เปนเรื่องของมรรค
พจิ ารณาเหตพุ จิ ารณาผลไปโดยลาํ ดบั เฉพาะอยางยิ่งควรเอา “ขนั ธหา ” เปน “สนาม
รบ” รบทไ่ี หนไมถ นดั เหมอื นรบในขนั ธห า เพราะขนั ธห านีเ้ ปนเจาตัวการสาํ คัญ ทก่ี อ

ธรรมชดุ เตรยี มพรอ ม ๓๒๘

๓๒๙

ทกุ ขภ ายในรา งกายและจติ ใจไมห ยดุ หยอ น การพจิ ารณาขนั ธห า จงึ เหมอื นวา การรบ
กบั กเิ ลสในขนั ธห า การรบดวยการพิจารณาขันธหา จึงเปนการปลดเปลื้องภาระจาก
ขาศึก และนาํ ชยั ชนะกลบั มาได จากการรเู ทา ทนั ขนั ธห า นโ้ี ดยไมต อ งสงสยั

พระพทุ ธเจาทา นรบขา ศกึ กอ็ ยภู ายในขนั ธห า สาวกทานก็ไดชัยชนะภายในขันธ
หา ไมไดชัยชนะจากที่อื่นใด เพราะแพก ็แพท นี่ เี่ อง หลงก็หลงเพราะสิ่งนี้ ไมหลงเพราะ
สิ่งอื่น หลงเพราะสิ่งนี้สิ่งเดียว การพจิ ารณาจึงตองพิจารณาจุดที่หลง เพอ่ื ใหเ กดิ ความ
รูขึ้นมาในจุดที่เคยหลง เมอ่ื รสู ง่ิ ใดยอ มแยกตวั ออกไดจ ากสง่ิ นน้ั เพราะฉะนั้นขันธทั้งหา
นจ้ี งึ เปน หนิ ลบั ปญ ญาไดอ ยา งดเี ยย่ี ม จงึ ไมค วรมองขา มขนั ธห า ถา ผพู จิ ารณาเพอ่ื อรรถ
เพอ่ื ธรรมไมใ ชเ พอ่ื เหน็ แกต วั คาํ วา “เพื่อเห็นแกตัว” นน้ั เปน เรอ่ื งของกเิ ลส กลวั ตาย
ก็กลัว อะไรกก็ ลวั ไปหมดทกุ สง่ิ ทกุ อยา ง ทุกขเกิดขึ้นมาก็กลัวจะสูไมไหว ความกลวั จะสู
ไมไ หวกค็ อื เรอ่ื งของกเิ ลส ฉะนน้ั จงอยา ไปกลวั สรางความกลัวขึ้นมาทําลายตัวทําไม!
ความกลวั นเ้ี ปน ตวั ภยั สรางขึ้นมามากนอยก็เสียดแทงจิตใจ ใหเ กดิ ความทกุ ขม ากนอ ย
ตามที่เราสรางขึ้นมา

ความจรงิ มอี ยา งไรใหน าํ มาใช ความจรงิ คอื อะไร ? ใหร คู วามจรงิ ของ “สจั
ธรรม” หรอื ของขนั ธห า ทม่ี อี ยใู นตวั ของเรา ผูไมรูความจริงในขันธหาที่อยูกับตัวนั้น ไม
จัดวา เปน ผฉู ลาด และหาทางพนภัยไปไมได จะตอ งถูกส่งิ ทีเ่ ราถอื วาเปน “ขา ศกึ ” สง่ิ ท่ี
เรากลวั นน้ั แลยาํ่ ยเี ราใหไ ดร บั ความทกุ ขท รมาน และแพอ ยตู ลอดไป

ยิ่งเปน วาระสดุ ทา ยดวยแลว กย็ ง่ิ จะกลวั ตายมาก กลวั เจบ็ กลัวปวดตรงนัน้ ตรง
นม้ี าก นั้นแลคือการสรา งเสย้ี นหนามขน้ึ มาเสยี ดแทงจติ ใจของตวั เอง ใหเกิดความทอ
แทอ อ นแอ ดีไมดีเกิดความเผลอตัวไปได เพราะผิดจากสัจธรรม ผดิ จากหลกั ความจรงิ

ปญ ญามอี ยู สตมิ อี ยู จงนํามาใช สติปญญาเทา นั้นทจ่ี ะทําใหร ูแจงเหน็ จริงกบั สง่ิ
ทเ่ี ปน ขา ศกึ น้ี จนกลายเปนมิตรกันได คือตางอันตางจริง

จติ ไมเคยตาย เราไมต อ งวติ กวจิ ารณ เราไมตอ งสะทกสะทานวา จติ จะตาย
อะไรจะเกดิ กเ็ กดิ เถอะ จติ เปน ผสู ามารถรบั ทราบไดท กุ สง่ิ ทกุ อยา งบรรดาทเ่ี กดิ ขน้ึ กบั
จิต ไมมีอะไรท่จี ะแหลมคมยง่ิ กวา จิตที่คอยรบั รอู ยูตลอดเวลา

เอา ทุกขเวทนาเกิดขึ้นมากนอยเพียงไร จิตก็รูวาทุกขเวทนาตอนนี้เกิดขึ้นมาก
เอา ดับไปกด็ บั ไปเรอ่ื งทกุ ข แตจ ติ ไมด บั อะไรจะเกดิ ขน้ึ มากนอ ย ใหเห็นความจริง
ของมัน อยา ลมื ตวั วา จติ เปน ผรู ู เปนนักรูแทๆ ไมใชน ักหลบ หลบความรจู นกลายเปน
ไมรูขึ้นมา นน่ั เปน เรอ่ื ง “อวชิ ชา” อยา นํามาใช ใหรเู กิดขน้ึ มากนอย ใหรูตามความ
จริงของมันเฉย ๆ

ธรรมชดุ เตรยี มพรอ ม ๓๒๙

๓๓๐

การพิจารณาทุกขเวทนาเราก็ทราบ ทกุ ขเ รากท็ ราบวา ทกุ ข ผูทราบวาทุกขนั้นคือ
จิต ความทกุ ขน ั้นเปนสภาพอันหนึ่ง ผูทราบวา ทกุ ขนั้นเปน สภาพอันหนึ่ง ไมใ ชอ นั
เดียวกัน โดยหลกั ความจรงิ แลว เปน อยา งน้ี จงพจิ ารณาใหเ หน็ ความจรงิ ของทกุ ขน ้ี จะ
ไดเห็นความจริงของ “จิต” ไดอ ยา งเตม็ เมด็ เตม็ หนว ย

นกั ปฏบิ ตั ิเราถา ใจยงั ถอื ทุกขเวทนาเปนขาศกึ ตอตน จนตอ งหาทางหลบหลกี
ไมอ ยากเขา หนา กบั ทกุ ขอ ยตู ราบใด ความจริงนั่นคือ “ทางแพ ทกุ ข สมุทัย” นน่ั
เอง จะหาทางออกจากทกุ ขแ ละพน ทกุ ข ดบั สมทุ ยั ไมไ ดอ ยตู ลอดเวลาถา ไมก ลา สทู กุ ข
ขุดคนสมุทัยดวยมรรคคือสติปญญา

เอา อะไรเกิดขึ้นก็ใหร ู จติ มหี นา ทท่ี จ่ี ะรู เอาปญญาเทียบเขาไป คน ดใู หเ หน็ ชดั
เจนวา ทกุ ขเ กดิ ขน้ึ ตง้ั อยทู จ่ี ดุ ใด ทกุ ขเ กดิ ขน้ึ ทางกาย หนง่ึ ทางกายเกดิ ขน้ึ มอี าการใด
เกดิ ขน้ึ ภายในจติ เพราะเหตใุ ดจงึ เกดิ ขน้ึ ภายในจติ ได ถา ไมใ ช “สมุทัย” คอื ความคิด
นอกลนู อกทางเปน เครอ่ื งเสรมิ หรือเปนเครื่องผลิตขึ้นมา

ความจรงิ กค็ อื ความลมุ หลงตนเอง เพราะความรกั สงวนตน ไมอ ยากใหท กุ ขเ กดิ
ขึ้น แมเ กดิ ขน้ึ แลว กอ็ ยากใหด บั ไปอยา งดอ้ื ๆ โง ๆ น้ันแล สรางขึ้นมา เชน อยากให
ทุกขด ับโดยไมพ จิ ารณาคน หาเหตุของทกุ ขคอื สมุทยั ตวั การสาํ คญั ความอยากให
ทุกขดับนี้แลคือสมุทัย มแี ตอ ยากใหทุกขดับไป นน่ั แหละคอื สรา ง “สมุทัย” โดย
ตรง

ทถ่ี กู เราไมต อ งอยาก พจิ ารณาสง่ิ ทม่ี อี ยู ทป่ี รากฏอยู สง่ิ ทไ่ี มม อี ยา ไปควา หา
มามนั เปน ทกุ ข มันเปนการสรางกิเลสขึ้นภายในอีก เวลานี้ทุกขยังไมดับ อยา นาํ ความ
อยากมาบังคับใหมันดับไป ทกุ ขป รากฏขน้ึ มาใหพ จิ ารณาตามสง่ิ ทป่ี รากฏ อะไรทย่ี งั
ไมเ กดิ ขน้ึ อยาตง้ั ความอยากใหมันเกดิ ขึ้น เพราะมนั เปน ความจรงิ อนั หนง่ึ ๆ ไมอ ยใู น
อาํ นาจของผใู ด ขณะทม่ี นั เกดิ ขน้ึ กด็ ี ไมเกิดขึ้นก็ดี มันตั้งอยูก็ดี มันดับไปก็ดี ผูรูเปน รู
อยาไปสรา งความอยากขน้ึ ใหรูชัดอยางนี้ ชอ่ื วา เปน ผรู อบคอบในการพจิ ารณา ตายก็
ตายเถอะ ความจริงไมมีอะไรตาย พิจารณาใหเห็นชัดเจนอยางนี้

รางกายจะสลายกใ็ หสลายไป เพราะเรอ่ื งสลายเปน ของคกู นั กบั สง่ิ ทผ่ี สม สง่ิ ท่ี
รวมตัวกัน เมอ่ื รวมตวั แลว กต็ อ งสลาย ถงึ เวลาแลวตอ งสลายไปดวยกนั ทั้งนนั้ ไมว า
อะไรในโลกน้ี ความไมส ลายไมม ี แมแ ตภ เู ขาทั้งลูกมนั ยังสลายได ทําไมรางกายอยาง
เรา ๆ ทา น ๆ จะสลายไปไมได ฝนธรรมดาไปทําไม เกิดประโยชนอะไร

การไมฝนธรรมดา ใหร คู วามจรงิ ของธรรมดานแ้ี ล คอื ทางธรรม ทางโลง ทาง
ปลดปลอย ไมม อี ะไรเขา มาเก่ียวขอ งไดเ ลย ปญ ญารอบตวั หากจะตายขณะที่เวทนา

ธรรมชดุ เตรยี มพรอ ม ๓๓๐

๓๓๑

กาํ ลงั กลา กใ็ หร กู นั อยกู บั เวทนา เปน การ “ลบั จติ ” ดว ยปญ ญา โดยถือเอาเวทนาเปน
“หินลับ” ไดอยางประจักษภายในจิต

ทกุ ขด บั ไปจติ จะไปเกาะอะไร เพราะจติ เปน “ผูรู” ผพู จิ ารณาทกุ ขเ พอ่ื รแู ละ
สลัดทุกขอยูแลว จติ จะไปตดิ ทกุ ขแ ละตกทกุ ขไ ดย ากทไ่ี หนกนั ทุกขเวทนาเราก็ทราบ
แลว วา เปน สภาพอนั หนง่ึ เมื่อพิจารณาทุกขเวทนานั้นดวยปญ ญาความฉลาด เพอ่ื ปลด
เปลอ้ื งทกุ ขเวทนานน้ั อยแู ลว เราจะไปตกนรกอเวจีที่ไหนกัน!

ทุกขเวทนาดับไป กด็ บั ไปตามเรอ่ื งของเวทนา ผูรผู ูฉ ลาดพิจารณาแยกตัวออก
จากทกุ ขเวทนากค็ อื จติ กบั ปญ ญา ผไู มด บั กค็ อื จติ กอ็ ยูตามความไมดบั ของจติ ตาม
ความรคู วามฉลาดของจิต จติ ฉลาดเปลอ้ื งตนเพราะการพิจารณาเวทนาตา งหาก จิต
มไิ ดต ดิ จมอยกู บั ความทกุ ข เพราะการพิจารณาทุกขเพื่อความฉลาดปลดเปลื้องตน
เราเหยยี บ “บนั ได” ขน้ึ สบู นบา นตา งหาก มิไดเหยียบ “บนั ได” เพอ่ื ตดิ อยกู บั
บนั ไดนน้ั

น่ีเราก็พจิ ารณาทุกขเวทนาเพือ่ เปลื้องตนจากทกุ ขเวทนาตางหาก ไมพิจารณา
ทกุ ขเวทนาเพอ่ื ตดิ ทกุ ขเวทนา เมอื่ ตายไปจะเกิดความลมจมแกจติ ผูเ ดินทางชอบได
อยา งไร เมอ่ื ทกุ ขเวทนาคอื ทางเดนิ ของจติ ของปญ ญาแทแ ลว ชอ่ื วา จติ เดนิ ถกู ทางของ
อรยิ สจั และสตปิ ฏ ฐาน อันเปนทางเดินเพื่อความพนทุกขไมสงสัย

การพจิ ารณา “ขนั ธ” ทา นพจิ ารณาอยา งนี้ ไมต อ งกลวั พระพทุ ธเจา ไมไ ดส อน
ใหก ลวั แตสอนใหรคู วามจรงิ ใหพ จิ ารณาความจรงิ นเ่ี ปน จดุ หมายทพ่ี ระพทุ ธเจา ทรง
สอนแท เรอ่ื งความกลวั พระองคไ มไ ดส อน เปนเรื่องของกิเลสเสี้ยมสอนคนใหโงหนัก
เขาตางหาก ผลทีไ่ ดรับมแี ตความโง และกองทุกขเต็มหัวใจ ภพชาติเต็มตัว

คาํ วา “เรา ๆ หรอื ใคร ๆ” มาเปาหูปาว ๆ กอ็ ยา เชอ่ื งา ย ๆ ใหเ ช่ือพระพทุ ธ
เจา พระองคเ ดยี วทเ่ี ลศิ โลกมาแลว อยากลัวความจริงเราเปนนักปฏิบัติ ความกลวั ไม
เปนเรื่องใหสําเร็จประโยชน เปนเร่ืองสัง่ สมกเิ ลสขึ้นมา ใหเกิดความทุกขมาก เพราะ
ความกลัว กลวั มากเทา ไรกเ็ กดิ ความทกุ ขม ากเทา นน้ั พิจารณาใหเห็นประจักษภายใน
จิตอยตู ลอดเวลา ในขณะที่ทุกขเวทนาเกิดขึ้น โดยไมต อ งไปหวงั พง่ึ ใครในเวลานน้ั เรา
อยา หวงั พง่ึ ใคร ไมใ ชท พ่ี ง่ึ อนั แทจ รงิ ! นอกจาก “อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ” ดวยสติ
ปญญาเราเทานั้น จะเปน ทพ่ี ง่ึ ของเราไดอ ยา งเตม็ ใจ ตกึ รามบา นชอ ง ใครตอ ใครก็
ตาม ทุกสิ่งทุกอยางพึ่งไมไดทั้งนั้น เวลาจะตายจรงิ ๆ ขันธหาก็พึ่งไมได มันจะแตกอยู
เวลานี้จะพึ่งมันไดที่ไหน แลว เราจะพ่ึงใคร

ธรรมชดุ เตรยี มพรอ ม ๓๓๑

๓๓๒

สตปิ ญ ญาเทา นน้ั เปน อาวธุ ทท่ี นั สมยั ทจ่ี ะแกห รอื ชว ยเราไดใ นขณะนน้ั จงคนลง
ไปพิจารณาลงไป ทกุ ขเ ปน ของเกดิ ของดบั ใจเปนของไมเกิดไมดับ เปน ธรรมชาตขิ อง
ใจอยโู ดยธรรมชาตขิ องตน พิจารณาใหชัดเจนแลว จติ จะแยกตวั ออกมาเอง เมอ่ื เขา ใจ
ชดั เจนแลว ไมไ ปไหน ไมไ ปตดิ อยกู บั อะไร มที กุ ขเวทนาเปน ตน เพราะปญ ญาเปน
เครอ่ื งผลักดันส่งิ ทจี่ อมปลอมทั้งหลายนนั้ ออกไปโดยลาํ ดบั ๆ ใหเ ขา ใจอยา งน้ี เราก็
โลง ใจสบายใจ นแ่ี หละเรยี กวา “การพง่ึ ตนเอง”

จงคิดถึงวาระสุดทาย วาระสาํ คญั ทส่ี ดุ คอื วาระไหน? คอื ทกุ ขเวทนาอนั แสน
สาหสั นแ้ี ล จะสาหสั ขนาดไหนในวาระสดุ ทา ย ตอ งเตรียมสตปิ ญญาใหพรอ มมูล สู !
เพื่อแยง เอาของจรงิ จากส่งิ จอมปลอมทเ่ี คยหลอกเรามาเปน เวลานาน มาครองใหได !

รา งกายนแ้ี คต ายเทา นน้ั ! สตปิ ญ ญาเปน ผสู ามารถตลอดสาย เวทนาจะมาจาก
ทศิ ใดแดนใด มนั กอ็ ยใู นขนั ธน เ้ี ทา นน้ั เวทนาขนั ธกค็ อื ขนั ธน ้ีเทานนั้ ไมไ ดอ ยนู อกเหนอื
เมฆลอยมาทับเราได มันทบั อยภู ายในตัวเรานถี้ า เราไมมสี ติปญ ญาทันมนั ถาสติปญญา
ทัน ทุกขเวทนาก็ไมทับ ทกุ ขเวทนามมี ากมนี อ ยกท็ ราบกนั อยา งชดั เจนดว ยปญ ญาน้ี
เทานั้น ปญญานี้แหละเปนเครื่องชวยตัวเอง

ความพากเพยี ร อยา ถอย ถอยไมไดเมื่อเขาตาจนแลวตอ งสจู นสดุ เหวย่ี ง และ
เปลอ้ื งกเิ ลสตวั หลงงมงายลงให “วฏั จกั ร” โนนเปนไร! ก็เราจะสู จะเอาชยั ชนะ จะถอย
ไปไหน จะเอาชยั ชนะดว ยการสนู ่ี! ไมไ ดเ อาชยั ชนะดว ยการถอย เมื่อเอาชัยชนะดว ย
การสู ตองสูดวยสติ สูดวยปญญา ไมใชสูดวยความโง ๆ

จติ นพ้ี ระพทุ ธเจา ทรงรบั รองอยแู ลว วา ไมต าย เราจะกลัวตายหาอะไร เราคือ
จติ กไ็ มต ายน่ี เราจะกลัวตายไปทําอะไร ถา ตวั จติ ตายเรากต็ าย นต่ี วั จติ ไมต ายแลว เรา
จะตายไดท ไ่ี หน เงาแหง ความตายมนั มอี ยทู ไ่ี หน มันไมมีนี่ ไมม จี นกระทง่ั “เงา” แหง
ความตาย เราตน่ื เราตกใจ เรากลวั ตายไปเฉยๆ กลวั ลม ๆ แลง ๆ ความตายของใจไม
มี แมกระทั่ง “เงา” ใหก ลวั กย็ งั กลวั กนั ไปได เพราะความหลงของจติ น่ีเอง

ทานจึงสอนใหสรางปญญาใหทันกับเหตุการณ จติ นเ้ี ปน ทแ่ี นใ จวา ไมต าย
พิจารณาใหชัด เอา อะไรเกิดก็เกิดข้ึนเถอะ จิตมีหนาที่รูทั้งหมด จนกระทง่ั วาระสดุ
ทา ยเครอ่ื งมอื นแ้ี ตกไป ปญ ญากส็ ลายไปดว ยกนั จิตทไ่ี ดร บั การซกั ฟอกจากปญ ญา
แลว จะไมต ายไมส ลาย จะมีแตความผอ งใสเปน อยางนอ ย มคี วามผอ งใสประจาํ ตวั
มากกวา นน้ั กผ็ า นพน ไปไดเ ลย จงเอากนั ในวาระสดุ ทา ย เอาชัยชนะอยางสุดยอด !
ในวาระสดุ ทา ยนใ้ี หไ ด

ธรรมชดุ เตรยี มพรอ ม ๓๓๒

๓๓๓

ไมต อ งไปคาดโนน คาดนว้ี า เปนหญิงเปนชาย วา เราปฏบิ ตั มิ า เทา นน้ั ปเ ทา น้ี
เดือน ไดม ากไดน อ ย ไมใชเวลาจะมาแกกิเลสตัณหาใหเราได มคี วามเพยี รเทา นน้ั เปน
เครื่องแก สตปิ ญ ญาเทา นน้ั เปน เครอ่ื งแก เมื่อสติปญญามีกําลังพอก็หลุดพนไปไดเทา
นน้ั นเ่ี ปน จดุ สาํ คญั

ไมใ ชเ วลาํ่ เวลา ไมใ ชเ พศหญงิ เพศชาย ไมใชอะไรทั้งหมด ทจ่ี ะมาแกก เิ ลสได
นอกจากสตปิ ญ ญา ศรทั ธาความเพยี ร ของเราเทา นั้น เปนเครื่องแกกิเลส เราแกไ ดจ น
กเิ ลสหมดขณะใด ใจกส็ น้ิ ทกุ ขไ ดข ณะนน้ั

การสน้ิ สิ้นดวยสติปญญากับความเพียร ไมไ ดส น้ิ ดว ยเวลานานเวลาชา อะไรน่ี
จงพจิ ารณาตรงน้ี นี่แดนแหงชัยชนะอยูที่จุดนี้ ! เราแพก็แพที่นี่ คําวา “แพ” อยา ให
ม!ี

จิตมันแพอะไรเลา รอู ยตู ลอดเวลา สติปญญาไมใชเปนของแพ เปน “ธรรมเพื่อ
ชยั ชนะ” ทั้งนั้น เวลากเิ ลสเขามาแทรกใหเปน ความแพ ความแพเ ปนเรือ่ งของกิเลส
แทรก อยา เอาเขา มาแตะกบั ตวั มันจะทาํ ใหเราถอยหลัง เปนหรือตายสูก ันบนเวที ชื่อ
วา “นกั รบ” ขน้ึ เวทแี ลว ไมถ อย เอาจริง ๆ จนไมม สี ตริ บั รแู ลว ใหเขาหามลงเปลไป ถา
ยังมีสติ เอา ฟาดมนั ลงไปอกี ตีไมได ดามันเขา ไป คอื สดู ว ยปากกไ็ ด ไมถ อยกเิ ลส น่ี
ตอยสูเขาไมไ ดก็เอาปากตอยซิ นเ่ี ราเทยี บกบั นกั รบทไ่ี มถ อย สูกันวันยังค่ํา สจู นตาย สู
เพื่อเราไมไดสูเพื่อใคร ถาจิตเขาใจจริง ๆ แลว เปน ไมถ อย

ผเู ทศนเ คยเปน เคยผา นมาแลว ตามความจริงนี้ จงึ กลา พดู กลา เทศนไ ดอ ยา ง
เต็มปากไมกระดากอายใคร ๆ ทง้ั สน้ิ การพูดดวยความจรงิ กเ็ หมอื นนักรบ จะกลวั ใคร
มาคานความจรงิ ละ นย่ี อ ขอ ความทเ่ี ทศนเ บอ้ื งตน นน้ั วา “ความตายนะ มันธรรมดา
ธรรมดา!” แนะฟงดูซี เมอ่ื เขา ใจทกุ สง่ิ ทกุ อยา งแลว “มนั ธรรมดาไปหมด!” เปน อยกู ็
ธรรมดา เจบ็ ไขไดปวยกธ็ รรมดา คอื จติ ไมไ ดเ ปน “ภาระ ภารัง” ใหเ กดิ ความยงุ เหยงิ
วนุ วาย กลายเปน โรคภายในใจขน้ึ มา ถึงวาระจะไป จะไปแลว หรอื ? ไปก็ไป เรอ่ื ง
“สมมุต”ิ มนั ไปตางหาก มนั ไปทไ่ี หน ก็ไปตามหลักความจริงของมัน ลงไปสคู วามจรงิ
ของมัน แลว อะไรจะฉบิ หาย อะไรจะลม จม ผูรูกร็ ูอยูอยา งน้แี ลว จะไปลมจมท่ไี หน ผรู ู
นะ

เราสรา งมาเพอ่ื ความรคู วามฉลาด ความรคู วามฉลาดจะพาลม พาจมมีอยา ง
หรือ !มนั ประจักษอ ยภู ายในจติ จึงเรียกวา “สง่ิ ทง้ั ปวงไมม ปี ญ หา” ไมม ีอะไรเลย !
“ธรรมดา ธรรมดา ไปหมด”

ธรรมชดุ เตรยี มพรอ ม ๓๓๓

๓๓๔

เมอื่ ถงึ ข้นั ธรรมดาธรรมชาติแลว เปนอยางนนั้ การปฏบิ ตั ใิ หป ฏบิ ตั อิ ยา งนจ้ี ะถงึ
ความจรงิ แนน อนไมสงสัย

เอาละ การแสดงกเ็ หน็ วา สมควร

ธรรมชดุ เตรยี มพรอ ม ๓๓๔

๓๓๕

เทศนโปรดคุณเพาพงา วรรธนะกลุ ณ วดั ปา บา นตาด
เมอ่ื วนั ท่ี ๒๘ พฤศจกิ ายน พุทธศักราช ๒๕๑๘

สงครามจติ สงครามขันธ

แมจ ะอยใู นบา นในเรอื นในตกึ ในหา ง สง่ิ เหลา นน้ั ไมเ ปน ทกุ ข อยใู นสถานทใ่ี ด
สถานทน่ี น้ั ๆ ไมไดเปนทุกข สมบัติเงินทองไมไดเปนทุกข สง่ิ ของมากนอ ยทเ่ี ปน
กรรมสิทธิ์ของเราไมไดเปนทุกข ไมใชทุกข แตโ ลกไปหากลวั สง่ิ ทไ่ี มน า กลวั สง่ิ ทน่ี า
กลวั แตไ มก ลวั กนั ! ไมย อมสนใจคดิ กลวั กนั บา งเลย สง่ิ นน้ั โลกจงึ โดนกนั อยเู สมอ
และหาทางแกไ ขเอาตวั รอดไมไ ด น่ีโลกเรามาโงก ันตรงน้ี

มใี ครบา งมคี วามเฉลยี วฉลาดตามรอยพระบาทของพระพทุ ธเจา บา ง ยังมองไม
เห็น ท่ีช้ีถูกจุดแหง ทุกข ชจ้ี ดุ ทแ่ี กท กุ ข ชล้ี งทไ่ี หน ชล้ี งในเบญจขนั ธก บั ใจนเ้ี ปน หลกั
สาํ คญั นแ้ี ลสถานทท่ี กุ ขเ กดิ เกิดที่นี่ เพราะสาเหตทุ ท่ี าํ ใหท กุ ขเ กดิ กม็ อี ยทู น่ี ่ี วบิ ากท่ี
เกดิ ขน้ึ มาจากสาเหตแุ หง ความหลง คือ ธาตุขันธของเรา กม็ อี ยกู บั ตวั เรา ที่เรียกวา
“รา งกาย” นเ้ี ปน วบิ าก คือผลของสง่ิ ทผ่ี ลติ ขน้ึ มาจากกเิ ลส อวชิ ชา ตัณหา มันผลิตให
เกิดขึ้นมาเปนรูปเปนนาม จึงเรียกวา “วบิ าก”กอ็ ยทู ตี่ ัวเรา

ผทู จี่ ะผลติ ทุกขใ หเกิดขน้ึ โดยลําดบั ๆ ภายในจติ กค็ อื จติ ที่กําลังเปนเครื่องมือ
ของอวชิ ชานีเ่ อง พระพุทธเจาทานจึงทรงสอน “ใหร บกนั ทน่ี ่ี” “ใหร กู นั ทน่ี ”่ี หลบ
หลีกปลีกตัวดวยอุบายสติปญญาทุกแงทุกมุม ตอ งหลบหลกี กนั ทน่ี ่ี ตอ สกู นั ทน่ี ่ี ใหเขา
ใจกนั ทน่ี ่ี แกก นั ทน่ี ่ี พนทุกขกันที่นี่ ไมพ น ทอ่ี น่ื !

เฉพาะอยางยิ่งขณะที่ทุกขเวทนาเกิดขึ้น ไมค อ ยไดส ตสิ ตงั กนั เลย ถาไมใชนัก
ปฏบิ ตั แิ ละผทู เ่ี คยพจิ ารณาอยแู ลว จติ ใจจะวา วนุ ขนุ มวั กระวนกระวายไปกบั ทกุ ขเ สยี
สน้ิ ทกุ ขเ ลยฉดุ ลากเอาจติ ทง้ั ดวงไปอยใู นกองทกุ ขน น้ั ทกุ ขเ ผาจติ ใหเ ดอื ดรอ นวนุ วาย
ยงิ่ กวาทุกขใ นธาตุขันธเสยี อีก ท้งั น้ีเพราะความไมเขา ใจในวธิ ปี ฏบิ ตั ิ ทีนี้เราจะตําหนิ
ใครก็ตําหนิไมได ตาํ หนไิ มล ง เพราะมันเหมือน ๆ กนั นแ่ี ลทว่ี า โลกคอื พวกเราทโ่ี งก นั
มาโงใ นขนั ธใ นจติ ของตนนแ้ี ล ไมท ราบวธิ ปี ฏบิ ตั พิ อใหก เิ ลสเบาบางไป ทกุ ขไ ดเ บาบาง
ลง ไมรับเหมาเอาเสียสิ้น

ใคร ๆ กอ็ ยากจะพน อยากจะหลบหลกี ปลีกตัวออกจากทุกข แตม นั ไปไมไ ด
เพราะความรคู วามฉลาดไมม ี อบุ ายวธิ ไี มม ี เพราะไมไดศึกษา หนึ่ง เพราะการ
ศึกษาและการปฏิบตั ิยงั ไมม ีความสามารถ หนึ่ง จาํ เปน ตอ งยอมรบั ทกุ ขม ากนอ ย
เพยี งไรกจ็ าํ ตอ งยอมรบั จติ ใจแมจ ะเปน ของมคี ณุ คา มาก กต็ อ งทมุ ลงไปใหก เิ ลสเผาเอา

ธรรมชดุ เตรยี มพรอ ม ๓๓๕

๓๓๖

เหมือนหางรานทองที่ถูกไฟไหม เจา ของไมส ามารถนาํ ทองของมคี า ออกได กจ็ ําตอ ง
ยอมใหไฟไหมทิ้ง ทั้ง ๆ เสยี ดาย

ใจก็เชนนั้น ยอมใหความทุกขที่เกิดขึ้นในธาตุในขันธเผาเอา เพราะอํานาจแหง
กิเลสพาใหห ลงยึดถอื ไมยอมถอนตัว อนั เปน เหตใุ หม ันเผาเอา นีเ่ ปนเรือ่ งสาํ คญั มาก !

สงครามในโลก ไมม สี งครามใดยง่ิ ไปกวา สงครามระหวา งจติ กบั ขนั ธ ที่
แสดงตอ กนั หรอื ทก่ี ระทบกระเทอื นกนั ! ความกระทบกระเทือนนี้เคยมีมาแลวตั้งแต
วนั เกดิ การเกดิ มาเปน ของดมี คี วามสขุ ในขณะทเ่ี กดิ มาเมอ่ื ไร ! เพราะขณะทเ่ี กดิ ก็
ลอดออกมาจากชองแคบ จนสลบไสลไมรูสึกตวั และไมร วู าทกุ ขเปนอยา งไร เพราะ
ความจาํ ไมม ใี นขณะนน้ั นก่ี เ็ ปน ความทกุ ขแ สนสาหสั อนั หนง่ึ ในขณะทเ่ี กดิ แตโ ลกไมไ ด
สนใจในความทุกขป ระเภทน้ี จงึ พากนั ดใี จในเรอ่ื งความเกดิ ยม้ิ แยม แจม ใสตอ ความ
เกิด แตโ ศกเศราเหงาหงอยใหต อ ความตาย ความจรงิ มนั ก็เรื่องเทากัน !

ถา จะพจิ ารณาใหเ ปน ธรรมแลว มนั กเ็ ปน เรอ่ื งเทา กนั ไมม อี ะไรผดิ แปลกกนั เลย
การเกิดมาเปนมนุษย บํารงุ บาํ เรอรักษากันมาจนเปน ผเู ปนคนเปนสัตวเหมือนเรา ๆ
ทา น ๆ ทม่ี องเหน็ กนั อยนู ้ี มนั ผา นมาจากผทู ร่ี อดตายดว ยกนั ทง้ั นน้ั ถา พจิ ารณาตาม
หลักธรรมชาติตามหลักความจริงแลว จะไมมีใครที่ไมเปนทุกขในขณะที่ตกคลอดออก
มา นี่เราก็ไมทราบ ผูเกี่ยวของขณะเกิดนั้นก็ไมทราบ ความจําก็หายหมด ไมท ราบวา
เกิดมาแตเมื่อไร วนั ใด เดอื นใด ปใด ใครเปนพอ ใครเปนแม พอโตขึ้นมาถงึ ไดทราบ
วา นั่นเปนพอ นี่เปนแม เกดิ วนั น้ันเดอื นน้ี ก็พอแมบอก เวลาํ่ เวลาเทา นน้ั เทา น้ี ก็พอ
แมบ อก หรือคนอน่ื บอกถงึ ทราบ ตวั เองไมม ที างทราบ มันมืดมาโดยลําดบั ทั้งนัน้
เรื่องจิตนี้ มดื ดว ยการลบความจําของตนใหห ายหมดดวย มันมืดไปหมด ตลอดภพ
กอ นทเ่ี พง่ิ ผา นมาหยก ๆ กไ็ มท ราบได เพราะจําไมไดว า ตนเคยผา นภพชาติ และกอง
ทุกขอ ยางไรมาบาง มนั ถงึ ไดโ ดนทกุ ขเ รอ่ื ยมาไมเ ขด็ หลาบ นี้แลเรื่องกองทุกข และเรมิ่
กระทบกระเทอื นตง้ั แตบ ดั นน้ั มาจนกระทง่ั ปจ จบุ นั น้ี มอี ะไรบา ง นอกจากขนั ธก บั จติ ท่ี
บดขยก้ี นั อยตู ลอดเวลาหาความสขุ ความสบายใจไมไ ด

ภูเขาทั้งลูก ลูกไหนมากระทบกระเทอื นเราใหไดรับความลําบาก ตนไมใหญ ๆ
ทไ่ี หนมากระทบกระเทอื นเราใหล าํ บาก ไมมี ! นอ ยทส่ี ดุ รอ ยจะหาหนง่ึ กท็ ง้ั ยาก หรือ
ไมมี เชน ตน ไมล ม ทบั คนอยา งน้ี รอ ยหาหนง่ึ กไ็ มม ี

ที่ขันธล มทับเราน่ันซิ ทับอยูทุกผูทุกคน ทบั อยตู ลอดเวลา การพายนื เดนิ นง่ั
นอน พาขบั ถาย พารับประทานอาหาร พานงุ พาหม เพราะอะไร กเ็ พราะเรอ่ื งมนั ทบั
ทนไมไหว ตอ งหาทางออก หาทางบรรเทากันนั่นเอง เราอยดู ว ยกนั ดว ยการบรรเทา

ธรรมชดุ เตรยี มพรอ ม ๓๓๖

๓๓๗

แตจิตมันไมรูในจุดนี้ มันจึงไมเห็นโทษที่มีอยูภายในตัว จิตมนั ฟงุ เฟอ เหอ เหมิ
ไปโนน ไปน่ี ไปควา อนาคต ไปตามลมตามแลง วาดมโนภาพไปวา อันนั้นจะดี อนั นจ้ี ะดี
จะรื่นเริงบันเทิง ทน่ี น่ั จะสขุ ทน่ี จ้ี ะสบาย จติ มนั เพลดิ เพลนิ ไปโนน เสยี มนั ลมื กองทกุ ขท ่ี
มีอยูกับตัวทั้ง ๆ ทม่ี อี ยตู ลอดเวลานแ่ี หละ แตเราไมส นใจคิดมนั จงึ เหมอื นไมมี นจ่ี ะวา
เราเหลิงหรอื ไมเหลิง ของจรงิ มอี ยู แสดงอยู ความกระทบกระเทอื นในธาตใุ นขนั ธม ีอยู
ทาํ ไมไมเห็นโทษของมันซ่งึ กระทบกระเทือนกนั อยตู ลอดเวลา แลว เราจะหวงั เอาความ
เพลิดเพลินอะไรจากสิ่งเหลานี้เลา ยง่ิ เวลาเจบ็ ไขไ ดป ว ยแลว กย็ ง่ิ ไปใหญ ยง่ิ ทบั ยง่ิ ถม
เขา มาทกุ ดา นทุกทางทกุ แงทกุ มมุ ทีเดียว อวยั วะสว นไหนๆ กเ็ ปน ทกุ ขไ ปดว ยกนั เปน
ไฟไปดว ยกนั หมด เผาลงมาทจ่ี ติ ใจ ถา จติ ใจไมม ธี รรมเปน เกราะปอ งกนั อยดู ว ยแลว ก็
เปนไฟไปดวยกันกับธาตุขันธ จะยง่ิ มคี วามทกุ ขร อ น ยง่ิ เปน ไฟกองทร่ี อ นทส่ี ดุ ย่งิ กวา
ธาตขุ นั ธเ สยี อกี เพราะความหลง ความรเู ทา ไมถ งึ การณนีแ่ หละ จงึ เรยี กวา
“สงคราม” จงพิจารณาอยางนี้

ทนี ้เี ม่อื ถงึ คราวจะตายละ ทกุ ขจ ะแสดงขน้ึ มาในขนั ธใ นจติ ขนาดไหน มันไม
เหมือนขณะเกิด ขณะเกดิ ความจาํ ไมม ี สภาพของเดก็ กเ็ ปน อกี อยา งหนง่ึ ทั้ง ๆ ทท่ี กุ ข
ความจดจาํ สง่ิ เหลา นน้ั กไ็ มค อ ยมี ความรูเดียงสาภาวะเกี่ยวกับเรื่องทุกข เดก็ กไ็ มค อ ยมี
มาก ทั้ง ๆ ทท่ี กุ ขเ หมอื นกนั กต็ าม

แตตอนเปนผใู หญเ รานี่ซิ เวลาเจ็บไขไ ดปวยเขาหนัก ๆ นี่เปนอยางไร เราจะ
ปลงจติ ลงทไ่ี หน เพราะมันมีแตไฟทั้งนั้น ถงึ วาระสดุ ทา ยมนั เปน ไฟดว ยกนั หมด ราง
กายเปน ไฟทง้ั กองเลย ไมวาขางบนขางลางแตะตองไมได มนั เปน ไฟทง้ั นน้ั เราจะปลง
จติ ปลงใจลงไดอยางไร ถาไมฝกพิจารณาใหรูตามความจริงของมันเสียตั้งแตบัดนี้

การพิจารณาใหรูเรอื่ งตามความจริงของมนั ก็ทําความเขาใจกันถูกตองตามที่
เคยแสดงใหฟง รูปเปนรูป ไมใชเรา นเ่ี ปน ความจรงิ อนั หนง่ึ จรงิ อยา งหาอะไรเทยี บไม
ไดเลย จรงิ อยา งสดุ สว น เวทนาเปน เวทนา คอื ทกุ ขข นาดไหน ก็เปนเรื่องของทุกข แม
แตทุกขเองมันยังไมทราบความหมายของมัน เราไปใหค วามหมายมนั ทาํ ไม เราไปแบก
ความหมายไวใ นหัวอกของเราใหทกุ ขทําไม เวทนาเองมนั ยงั ไมท ราบความหมายของ
มัน แลวมันก็ไมทราบวามันเปนทุกขเวทนา มันไมทราบวามันใหร า ยแกผ ูใ ด มันเปน
ความจรงิ อนั หนง่ึ ลว น ๆ ตามหลกั ธรรมชาตขิ องมนั โดยตวั มนั เองกไ็ มใ หค วามหมาย
ตัวเอง และไมท ราบความหมายของตวั เอง เราทาํ ไมจึงตองไปใหความหมายมัน แลวไป
แบกความหมายนั้นมาเปนไฟเผาตวั นี่ก็แสดงวาเราโง แนะ ! ถา เราทราบเสยี อยางนี้
แลว เราก็เขา ใจวานน่ั เปน เวทนา นน่ั เปน ทกุ ขอ นั หนง่ึ เราผรู ผู ดู นู ่ี จะดูใหเห็นจนถึง

ธรรมชดุ เตรยี มพรอ ม ๓๓๗


Click to View FlipBook Version