ลงสะพานคลอง ๑๐ ไปยูเทิร์นแรกมา แผนท่ีวัดนาป่าพง
แล้วเล้ียวซ้ายก่อนข้ึนสะพาน
แนวทิวสน
วัดนาป่าพง
โทรศัพท์ ๐๘ ๑๕๑๓ ๑๖๑๑,
๐๘ ๔๐๙๖ ๘๔๓๐,
๐๘ ๒๒๒๒ ๕๗๙๐-๔,
๐๘ ๖๕๕๒ ๒๔๕๙
ลงสะพานคลอง ๑๐
เล้ียวซ้ายคอสะพาน
๑๐ พระสตู รของความสา� คญั
ทชี่ าวพทุ ธตอ้ งศกึ ษา
แตค่ า� สอนจากพระพทุ ธเจา้
เทา่ นน้ั
ผา่ นมา ๒,๕๐๐ กวา่ ปี
คา� สอนทางพระพทุ ธศาสนาเกดิ ความหลากหลายมากขน้ึ
มสี า� นกั ตา่ งๆ มากมาย ซง่ึ แตล่ ะหมคู่ ณะกม็ คี วามเหน็ ของตน
หามาตรฐานไมไ่ ด้ แมจ้ ะกลา่ วในเรอ่ื งเดยี วกนั
ทง้ั นไ้ี มใ่ ชเ่ พราะคา� สอนของพระพทุ ธเจา้ ไมส่ มบรู ณ์
แลว้ เราควรเชอ่ื และปฏบิ ตั ติ ามใคร ?
ลองพจิ ารณาหาคา� ตอบงา่ ยๆ ไดจ้ าก ๑๐ พระสตู ร
ซง่ึ พระตถาคตทรงเตอื นเอาไว้
แลว้ ตรสั บอกวธิ ปี อ้ งกนั และแกไ้ ขเหตเุ สอ่ื มแหง่ ธรรมเหลา่ น.ี้
ขอเชญิ มาตอบตวั เองกนั เถอะวา่ ถงึ เวลาแลว้ หรอื ยงั ?
ทพ่ี ทุ ธบรษิ ทั จะมมี าตรฐานเพยี งหนงึ่ เดยี ว คอื “พทุ ธวจน” ธรรมวนิ ยั
จากองคพ์ ระสงั ฆบดิ าอนั วญิ ญชู นพงึ ปฏบิ ตั แิ ละรตู้ ามไดเ้ ฉพาะตน ดงั น.ี้
๑. พระองคท์ รงสามารถกา� หนดสมาธ ิ เมอ่ื จะพดู ทกุ ถอ้ ยคา� จงึ ไมผ่ ดิ พลาด
-บาลี มู. ม. ๑๒/๔๕๘/๔๓๐.
อคั คเิ วสนะ ! เรานน้ั หรอื จา� เดมิ แตเ่ รมิ่ แสดง กระทง่ั คา� สดุ ทา้ ยแหง่
การกลา่ วเรอ่ื งนนั้ ๆ ยอ่ มตงั้ ไวซ้ งึ่ จติ ในสมาธนิ มิ ติ อนั เปน็ ภายในโดยแท ้
ใหจ้ ติ ดา� รงอย ู่ ใหจ้ ติ ตง้ั มน่ั อย ู่ กระทา� ใหม้ จี ติ เปน็ เอก ดงั เชน่ ทค่ี นทง้ั หลาย
เคยไดย้ นิ วา่ เรากระทา� อยเู่ ปน็ ประจา� ดงั น.้ี
๒. แตล่ ะคา� พดู เปน็ อกาลโิ ก คอื ถกู ตอ้ งตรงจรงิ ไมจ่ า� กดั กาลเวลา
-บาลี ม.ู ม. ๑๒/๔๘๕/๔๕๑.
ภิกษุท้ังหลาย ! พวกเธอทงั้ หลายเปน็ ผทู้ เี่ รานา� ไปแลว้ ดว้ ยธรรมน้ี
อนั เปน็ ธรรมทบ่ี คุ คลจะพงึ เหน็ ไดด้ ว้ ยตนเอง (สนทฺ ฏิ โิ ก) เปน็ ธรรมให้
ผลไมจ่ า� กดั กาล (อกาลโิ ก) เปน็ ธรรมทคี่ วรเรยี กกนั มาด ู (เอหปิ สสฺ โิ ก)
ควรน้อมเข้ามาใส่ตัว (โอปนยิโก) อันวิญญูชนจะพึงรู้ได้เฉพาะตน
(ปจจฺ ตตฺ � เวทติ พโฺ พ วญิ ญฺ หู )ิ .
๓. คา� พดู ทพ่ี ดู มาทง้ั หมดนบั แตว่ นั ตรสั รนู้ น้ั สอดรบั ไมข่ ดั แยง้ กนั
-บาลี อิติว.ุ ขุ. ๒๕/๓๒๑/๒๙๓.
ภิกษุท้ังหลาย ! นับต้ังแต่ราตรี ที่ตถาคตได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมา-
สัมโพธิญาณ จนกระทั่งถึงราตรีที่ตถาคตปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสส
นิพพานธาตุ ตลอดเวลาระหว่างนั้น ตถาคตได้กล่าวสอน พร่�าสอน
แสดงออก ซง่ึ ถอ้ ยคา� ใด ถอ้ ยคา� เหลา่ นนั้ ทงั้ หมด ยอ่ มเขา้ กนั ไดโ้ ดย
ประการเดยี วทงั้ สนิ้ ไมแ่ ยง้ กนั เปน็ ประการอน่ื เลย.
อ๔. ทรงบอกเหตแุ หง่ ความอนั ตรธานของคา� สอนเปรยี บดว้ ยกลองศกึ
-บาลี นทิ าน. สํ. ๑๖/๓๑๑/๖๗๒-๓.
ภกิ ษทุ ง้ั หลาย! เรอ่ื งนเี้ คยมมี าแลว้ กลองศกึ ของกษตั รยิ พ์ วกทสารหะ
เรยี กวา่ อานกะ มอี ยู่ เมอื่ กลองอานกะน้ี มแี ผลแตกหรอื ลิ พวกกษตั รยิ ์
ทสารหะไดห้ าเนอื้ ไมอ้ น่ื ทา� เปน็ ลมิ่ เสรมิ ลงในรอยแตกของกลองนนั้ (ทกุ
คราวไป). ภิกษุทั้งหลาย ! เม่ือเชื่อมปะเข้าหลายคร้ังหลายคราวเช่นนั้น
นานเขา้ กถ็ งึ สมยั หนง่ึ ซง่ึ เนอื้ ไมเ้ ดมิ ของตวั กลองหมดสนิ้ ไป เหลอื อยแู่ ต่
เนอื้ ไมท้ ที่ า� เสรมิ เขา้ ใหมเ่ ทา่ นน้ั .
ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ! ฉนั ใดกฉ็ นั นนั้ ในกาลยดื ยาวฝา่ ยอนาคต จกั มภี กิ ษุ
ทงั้ หลาย สตุ ตนั ตะเหลา่ ใด ทเ่ี ปน็ คา� ของตถาคต เปน็ ขอ้ ความลกึ มคี วามหมายซง้ึ
เปน็ ชนั้ โลกตุ ตระ วา่ เฉพาะดว้ ยเรอ่ื งสญุ ญตา เมอ่ื มผี นู้ า� สตุ ตนั ตะเหลา่ นน้ั
มากลา่ วอยู่ เธอจกั ไมฟ่ งั ด้วยดี จกั ไมเ่ งี่ยหฟู งั จกั ไมต่ ั้งจิตเพอ่ื จะรู้ท่ัวถงึ
และจกั ไมส่ า� คญั วา่ เปน็ สง่ิ ทต่ี นควรศกึ ษาเลา่ เรยี น สว่ นสตุ ตนั ตะเหลา่ ใดที่
นกั กวแี ตง่ ขน้ึ ใหม่ เปน็ คา� รอ้ ยกรองประเภทกาพยก์ ลอน มอี กั ษรสละสลวย
มพี ยญั ชนะอนั วจิ ติ ร เปน็ เรอื่ งนอกแนว เปน็ คา� กลา่ วของสาวก เมอ่ื มผี นู้ า�
สุตตันตะท่ีนักกวีแต่งข้ึนใหม่เหล่านั้นมากล่าวอยู่ เธอจักฟังด้วยดี จัก
เงย่ี หฟู งั จกั ตงั้ จติ เพอ่ื จะรทู้ วั่ ถงึ และจกั สา� คญั วา่ เปน็ สงิ่ ทตี่ นควรศกึ ษา
เลา่ เรยี นไป.
ภกิ ษทุ ง้ั หลาย! ความอนั ตรธานของสตุ ตนั ตะเหลา่ นนั้ ทเี่ ปน็ คา� ของ
ตถาคต เปน็ ขอ้ ความลกึ มคี วามหมายซงึ้ เปน็ ชน้ั โลกตุ ตระ วา่ เฉพาะดว้ ย
เรอื่ งสญุ ญตา จกั มไี ดด้ ว้ ยอาการอยา่ งนี้ แล.
๕.ทรงกา� ชับให้ศกึ ษาปฏิบัติเฉพาะจากคา� ของพระองคเ์ ท่านน้ั
อย่าฟังคนอื่น
-บาลี ทกุ . อํ. ๒๐/๙๑-๙๒/๒๙๒.
ภกิ ษทุ งั้ หลาย ! พวกภกิ ษบุ รษิ ทั ในกรณนี ้ี สตุ ตนั ตะเหลา่ ใด ทก่ี วี
แตง่ ขน้ึ ใหม่ เปน็ คา� รอ้ ยกรองประเภทกาพยก์ ลอน มอี กั ษรสละสลวย มี
พยญั ชนะอนั วจิ ติ ร เปน็ เรอื่ งนอกแนว เปน็ คา� กลา่ วของสาวก เมอื่ มผี นู้ า�
สตุ ตนั ตะเหลา่ นน้ั มากลา่ วอยู่ เธอจกั ไมฟ่ งั ดว้ ยดี ไมเ่ งย่ี หฟู งั ไมต่ งั้ จติ เพอ่ื
จะรทู้ วั่ ถงึ และจกั ไมส่ า� คญั วา่ เปน็ สงิ่ ทต่ี นควรศกึ ษาเลา่ เรยี น.
ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ! สว่ นสตุ ตนั ตะเหลา่ ใด ทเ่ี ปน็ คา� ของตถาคต เปน็
ขอ้ ความลกึ มคี วามหมายซงึ้ เปน็ ชนั้ โลกตุ ตระ วา่ เฉพาะดว้ ยเรอ่ื งสญุ ญตา
เมอ่ื มผี นู้ า� สตุ ตนั ตะเหลา่ นน้ั มากลา่ วอยู่ เธอยอ่ มฟงั ดว้ ยดี ยอ่ มเงยี่ หฟู งั
ยอ่ มตง้ั จติ เพอ่ื จะรทู้ ว่ั ถงึ และยอ่ มสา� คญั วา่ เปน็ สง่ิ ทตี่ นควรศกึ ษาเลา่ เรยี น
จงึ พากนั เลา่ เรยี น ไตถ่ าม ทวนถามแกก่ นั และกนั อยวู่ า่ “ขอ้ นเี้ ปน็ อยา่ งไร
มคี วามหมายกน่ี ยั ” ดงั น้ี ดว้ ยการทา� ดงั นี้ เธอยอ่ มเปดิ ธรรมทถี่ กู ปดิ ไวไ้ ด้
ธรรมทยี่ งั ไมป่ รากฏ เธอกท็ า� ใหป้ รากฏได้ ความสงสยั ในธรรมหลายประการ
ทนี่ า่ สงสยั เธอกบ็ รรเทาลงได.้
ภกิ ษทุ ง้ั หลาย! บรษิ ทั ชอ่ื อกุ กาจติ วนิ ตี า ปรสิ า โน ปฏปิ จุ ฉาวนิ ตี า
เปน็ อยา่ งไรเลา่ ?
ภกิ ษทุ ง้ั หลาย! ในกรณนี คี้ อื ภกิ ษทุ ง้ั หลายในบรษิ ทั ใด เมอื่ สตุ ตนั ตะ
ทงั้ หลาย อนั เปน็ ตถาคตภาษติ (ตถาคตภาสติ า) อนั ลกึ ซง้ึ (คมภฺ รี า) มี
อรรถอันลึกซึ้ง (คมฺภีรตฺถา) เป็นโลกุตตระ (โลกุตฺตรา) ประกอบด้วย
เรอ่ื งสญุ ญตา (สญุ ญฺ ตปฏสิ ย� ตุ ตฺ า) อนั บคุ คลนา� มากลา่ วอยู่ กไ็ มฟ่ งั ดว้ ยดี
ไมเ่ งย่ี หฟู งั ไมเ่ ขา้ ไปตงั้ จติ เพอื่ จะรทู้ ว่ั ถงึ และไมส่ า� คญั วา่ เปน็ สง่ิ ทต่ี นควร
ศกึ ษาเลา่ เรยี น.
สว่ นสตุ ตนั ตะเหลา่ ใด ทก่ี วแี ตง่ ขน้ึ ใหม่ เปน็ คา� รอ้ ยกรองประเภท
กาพยก์ ลอน มอี กั ษรสละสลวย มพี ยญั ชนะอนั วจิ ติ ร เปน็ เรอื่ งนอกแนว
เปน็ คา� กลา่ วของสาวก เมอื่ มผี นู้ า� สตุ ตนั ตะเหลา่ นมี้ ากลา่ วอยู่
พวกเธอยอ่ มฟงั ดว้ ยดี เงย่ี หฟู งั ตงั้ จติ เพอื่ จะรทู้ ว่ั ถงึ และสา� คญั ไป
วา่ เปน็ สง่ิ ทตี่ นควรศกึ ษาเลา่ เรยี น พวกเธอเลา่ เรยี นธรรมอนั กวแี ตง่ ใหม่
นัน้ แล้ว ก็ไม่สอบถามซงึ่ กันและกัน ไมท่ า� ใหเ้ ปิดเผยแจม่ แจ้งออกมาวา่
ขอ้ นพ้ี ยญั ชนะเปน็ อยา่ งไร อรรถเปน็ อยา่ งไร ดงั น้ี เธอเหลา่ นน้ั เปดิ เผย
สง่ิ ทย่ี งั ไมเ่ ปดิ เผยไมไ่ ด้ ไมห่ งายของทค่ี วา�่ อยใู่ หห้ งายขนึ้ ได้ ไมบ่ รรเทา
ความสงสยั ในธรรมทงั้ หลายอนั เปน็ ทต่ี งั้ แหง่ ความสงสยั มอี ยา่ งตา่ งๆ ได.้
ภกิ ษทุ งั้ หลาย ! นเี้ ราเรยี กวา่ อกุ กาจติ วนิ ตี า ปรสิ า โน ปฏปิ จุ ฉาวนิ ตี า.
ภกิ ษทุ งั้ หลาย! บรษิ ทั ชอื่ ปฏปิ จุ ฉาวนิ ตี า ปรสิ า โน อกุ กาจติ วนิ ตี า
เปน็ อยา่ งไรเลา่ ?
ภกิ ษทุ ง้ั หลาย! ในกรณนี คี้ อื ภกิ ษทุ งั้ หลายในบรษิ ทั ใด เมอื่ สตุ ตนั ตะ
ทง้ั หลาย ทก่ี วแี ตง่ ขน้ึ ใหม่ เปน็ คา� รอ้ ยกรองประเภทกาพยก์ ลอน มอี กั ษร
สละสลวย มพี ยญั ชนะอนั วจิ ติ ร เปน็ เรอื่ งนอกแนว เปน็ คา� กลา่ วของสาวก
อนั บคุ คลนา� มากลา่ วอยู่ กไ็ มฟ่ งั ดว้ ยดี ไมเ่ งย่ี หฟู งั ไมเ่ ขา้ ไปตงั้ จติ เพอ่ื จะ
รทู้ วั่ ถงึ และไมส่ า� คญั วา่ เปน็ สง่ิ ทต่ี นควรศกึ ษาเลา่ เรยี น สว่ น สตุ ตนั ตะ
เหลา่ ใด อนั เปน็ ตถาคตภาษติ อนั ลกึ ซง้ึ มอี รรถอนั ลกึ ซง้ึ เปน็ โลกตุ ตระ
ประกอบดว้ ยเรอ่ื งสญุ ญตา เมอ่ื มผี นู้ า� สตุ ตนั ตะเหลา่ น ี้ มากลา่ วอย ู่ พวก
เธอยอ่ มฟงั ดว้ ยด ี ยอ่ มเงย่ี หฟู งั ยอ่ มเขา้ ไปตง้ั จติ เพอ่ื จะรทู้ วั่ ถงึ และ
ยอ่ มสา� คญั วา่ เปน็ สงิ่ ทคี่ วรศกึ ษาเลา่ เรยี น พวกเธอเลา่ เรยี นธรรมทเ่ี ปน็
ตถาคตภาษติ นน้ั แลว้ กส็ อบถามซง่ึ กนั และกนั ทา� ใหเ้ ปดิ เผยแจม่ แจง้ ออก
มาวา่ ขอ้ นพ้ี ยญั ชนะเปน็ อยา่ งไร อรรถะเปน็ อยา่ งไร ดงั น้ี เธอเหลา่ นนั้
เปดิ เผยสง่ิ ทยี่ งั ไมเ่ ปดิ เผยได้ หงายของทคี่ วา่� อยใู่ หห้ งายขนึ้ ได้ บรรเทา
ความสงสยั ในธรรมทง้ั หลายอนั เปน็ ทต่ี ง้ั แหง่ ความสงสยั มอี ยา่ งตา่ งๆ ได.้
ภกิ ษทุ งั้ หลาย ! นเี้ ราเรยี กวา่ ปฏปิ จุ ฉาวนิ ตี า ปรสิ า โน อกุ กาจติ วนิ ตี า.
ภกิ ษทุ งั้ หลาย ! เหลา่ นแี้ ลบรษิ ทั ๒ จา� พวกนน้ั . ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !
บรษิ ทั ทเี่ ลศิ ในบรรดาบรษิ ทั ทง้ั สองพวกนนั้ คอื บรษิ ทั ปฏปิ จุ ฉาวนิ ตี า
ปรสิ า โน อกุ กาจติ วนิ ตี า (บรษิ ทั ทอ่ี าศยั การสอบสวนทบทวนกนั เอาเอง
เปน็ เครอื่ งนา� ไป ไมอ่ าศยั ความเชอ่ื จากบคุ คลภายนอกเปน็ เครอ่ื งนา� ไป) แล.
๖. ทรงหา้ มบัญญัติเพ่ิมหรือตดั ทอนสงิ่ ท่บี ัญญัตไิ ว้
-บาลี มหา. ท.ี ๑๐/๙๐/๗๐.
ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ! ภกิ ษทุ งั้ หลาย จกั ไมบ่ ญั ญตั สิ งิ่ ทไี่ มเ่ คยบญั ญตั ิ จกั
ไมเ่ พกิ ถอนสงิ่ ทบ่ี ญั ญตั ไิ วแ้ ลว้ จกั สมาทานศกึ ษาในสกิ ขาบททบี่ ญั ญตั ไิ ว้
แลว้ อยา่ งเครง่ ครดั อยเู่ พยี งใด ความเจรญิ กเ็ ปน็ สง่ิ ทภ่ี กิ ษทุ ง้ั หลายหวงั ได้
ไมม่ คี วามเสอ่ื มเลย อยเู่ พยี งนนั้ .
๗. ส�านึกเสมอว่าตนเองเปน็ เพียงผู้เดินตามพระองคเ์ ท่านนั้
ถงึ แม้จะเปน็ อรหันตผ์ ู้เลศิ ทางปัญญากต็ าม
-บาลี ขนธฺ . ส.ํ ๑๗/๘๒/๑๒๖.
ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ! ตถาคตผอู้ รหนั ตสมั มาสมั พทุ ธะ ไดท้ า� มรรคทยี่ งั
ไมเ่ กดิ ใหเ้ กดิ ขน้ึ ไดท้ า� มรรคทย่ี งั ไมม่ ใี ครรใู้ หม้ คี นรู้ ไดท้ า� มรรคทย่ี งั ไมม่ ี
ใครกลา่ วใหเ้ ปน็ มรรคทก่ี ลา่ วกนั แลว้ ตถาคตเปน็ ผรู้ มู้ รรค (มคคฺ ญญฺ )ู เปน็
ผรู้ แู้ จง้ มรรค (มคคฺ วทิ )ู เปน็ ผฉู้ ลาดในมรรค (มคคฺ โกวโิ ท). ภิกษุทั้งหลาย !
สว่ นสาวกทงั้ หลายในกาลน ้ี เปน็ ผเู้ ดนิ ตามมรรค (มคคฺ านคุ า) เปน็ ผตู้ ามมา
ในภายหลงั .
ภกิ ษทุ ง้ั หลาย! นแ้ี ล เปน็ ความผดิ แผกแตกตา่ งกนั เปน็ ความมงุ่ หมาย
ทแ่ี ตกตา่ งกนั เปน็ เครอื่ งกระทา� ใหแ้ ตกตา่ งกนั ระหวา่ งตถาคตผอู้ รหนั ต-
สัมมาสมั พุทธะ กบั ภิกษผุ ้ปู ัญญาวมิ ตุ ต.ิ
๘. ตรัสไวว้ า่ ให้ทรงจ�าบทพยัญชนะและค�าอธิบายอยา่ งถูกตอ้ ง
พร้อมขยนั ถา่ ยทอดบอกสอนกันตอ่ ไป
-บาลี จตุกกฺ . อ.ํ ๒๑/๑๙๗/๑๖๐.
ภิกษทุ งั้ หลาย ! พวกภกิ ษใุ นธรรมวนิ ยั น ้ี เลา่ เรยี นสตู รอนั ถอื กนั
มาถกู ดว้ ยบทพยญั ชนะทใี่ ชก้ นั ถกู ความหมายแหง่ บทพยญั ชนะทใ่ี ชก้ นั
กถ็ กู ยอ่ มมนี ยั อนั ถกู ตอ้ งเชน่ นน้ั . ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ! นเี่ ปน็ มลู กรณที หี่ นงึ่
ซงึ่ ทา� ใหพ้ ระสทั ธรรมตงั้ อยไู่ ดไ้ มเ่ ลอะเลอื นจนเสอ่ื มสญู ไป...
ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ! พวกภกิ ษเุ หลา่ ใด เปน็ พหสุ ตู คลอ่ งแคลว่ ในหลกั
พระพทุ ธวจน ทรงธรรม ทรงวนิ ยั ทรงมาตกิ า (แมบ่ ท) พวกภกิ ษเุ หลา่ นนั้
เอาใจใส ่ บอกสอน เนอ้ื ความแหง่ สตู รทงั้ หลายแกค่ นอน่ื ๆ เมอื่ ทา่ นเหลา่ นน้ั
ลว่ งลบั ไป สตู รทง้ั หลาย กไ็ มข่ าดผเู้ ปน็ มลู ราก (อาจารย)์ มที อ่ี าศยั สบื กนั ไป.
ภิกษุท้ังหลาย ! น่ีเป็น มูลกรณีท่ีสาม ซ่ึงท�าให้พระสัทธรรมต้ังอยู่ได้
ไมเ่ ลอะเลอื นจนเสอ่ื มสญู ไป...
*** ในที่นี้ยกมา ๒ นัย จาก ๔ นัย ของมูลเหตุส่ีประการ ที่ท�าให้พระสัทธรรมตั้งอยู่ได้
ไม่เลอะเลือนจนเส่ือมสูญไป
๙. ทรงบอกวิธีแกไ้ ขความผิดเพ้ยี นในคา� สอน
-บาลี มหา. ท.ี ๑๐/๑๔๔/๑๑๓-๖.
๑. (หากม)ี ภกิ ษใุ นธรรมวนิ ยั นก้ี ลา่ วอยา่ งนวี้ า่ ผมู้ อี ายุ ! ขา้ พเจา้
ไดส้ ดบั รบั มาเฉพาะพระพกั ตรพ์ ระผมู้ พี ระภาควา่ “นเ้ี ปน็ ธรรม นเ้ี ปน็ วนิ ยั
นเี้ ปน็ คา� สอนของพระศาสดา”...
๒. (หากม)ี ภกิ ษใุ นธรรมวนิ ยั นก้ี ลา่ วอยา่ งนวี้ า่ ในอาวาสชอ่ื โนน้ มี
สงฆอ์ ยพู่ รอ้ มดว้ ยพระเถระ พรอ้ มดว้ ยปาโมกข์ ขา้ พเจา้ ไดส้ ดบั มาเฉพาะ
หนา้ สงฆน์ นั้ วา่ “นเี้ ปน็ ธรรม นเ้ี ปน็ วนิ ยั นเี้ ปน็ คา� สอนของพระศาสดา”...
๓. (หากม)ี ภกิ ษใุ นธรรมวนิ ยั นกี้ ลา่ วอยา่ งนวี้ า่ ในอาวาสชอื่ โนน้ มี
ภกิ ษผุ เู้ ปน็ เถระอยจู่ า� นวนมาก เปน็ พหสุ ตู เรยี นคมั ภรี ์ ทรงธรรม ทรงวนิ ยั
ทรงมาตกิ า ขา้ พเจา้ ไดส้ ดบั มาเฉพาะหนา้ พระเถระเหลา่ นน้ั วา่ “นเี้ ปน็ ธรรม
นเี้ ปน็ วนิ ยั นเี้ ปน็ คา� สอนของพระศาสดา”...
๔. (หากม)ี ภกิ ษใุ นธรรมวนิ ยั นก้ี ลา่ วอยา่ งนวี้ า่ ในอาวาสชอ่ื โนน้ มี
ภกิ ษผุ เู้ ปน็ เถระอยรู่ ปู หนง่ึ เปน็ พหสุ ตู เรยี นคมั ภรี ์ ทรงธรรม ทรงวนิ ยั
ทรงมาตกิ า ขา้ พเจา้ ไดส้ ดบั มาเฉพาะหนา้ พระเถระรปู นน้ั วา่ “นเ้ี ปน็ ธรรม
นเ้ี ปน็ วนิ ยั นเ้ี ปน็ คา� สอนของพระศาสดา”...
เธอทง้ั หลายยงั ไมพ่ งึ ชนื่ ชม ยงั ไมพ่ งึ คดั คา้ นคา� กลา่ วของผนู้ น้ั พงึ เรยี น
บทและพยญั ชนะเหลา่ นน้ั ใหด้ ี แลว้ พงึ สอบสวนลงในพระสตู ร เทยี บเคยี ง
ดใู นวนิ ยั
ถ้าบทและพยัญชนะเหล่านั้น สอบลงในสูตรก็ไม่ได้ เทียบเข้าใน
วินัยก็ไม่ได้ พึงลงสันนิษฐานว่า “น้ีมิใช่พระด�ารัสของพระผู้มีพระภาค
พระองคน์ นั้ แนน่ อน และภกิ ษนุ รี้ บั มาผดิ ” เธอทงั้ หลาย พงึ ทง้ิ คา� นนั้ เสยี
ถา้ บทและพยญั ชนะเหลา่ นนั้ สอบลงในสตู รกไ็ ด ้ เทยี บเขา้ ในวนิ ยั
กไ็ ด ้ พงึ ลงสนั นษิ ฐานวา่ “นเ้ี ปน็ พระดา� รสั ของพระผมู้ พี ระภาคพระองคน์ นั้
แนน่ อน และภกิ ษนุ นั้ รบั มาดว้ ยด”ี เธอทงั้ หลาย พงึ จา� มหาปเทส... นไี้ ว.้
๑๐. ทรงตรสั แกพ่ ระอานนท ์
ให้ใชธ้ รรมวนิ ยั ท่ีตรสั ไวเ้ ป็นศาสดาแทนตอ่ ไป
-บาลี มหา. ท.ี ๑๐/๑๗๘/๑๔๑.
-บาลี ม. ม. ๑๓/๔๒๗/๔๖๓.
-บาลี มหาวาร. ส.ํ ๑๙/๒๑๗/๗๔๐.
อานนท์ ! ความคิดอาจมีแก่พวกเธออย่างน้ีว่า ‘ธรรมวินัยของ
พวกเรามีพระศาสดาล่วงลับไปเสียแล้ว พวกเราไม่มีพระศาสดา’ ดังนี้.
อานนท์ ! พวกเธออยา่ คิดอย่างนนั้ . อานนท์ ! ธรรมก็ดี วนิ ัยก็ดี ทเ่ี รา
แสดงแล้ว บญั ญัติแลว้ แก่พวกเธอท้ังหลาย ธรรมวนิ ัยน้ัน จกั เป็น
ศาสดาของพวกเธอทง้ั หลาย โดยกาลลว่ งไปแหง่ เรา.
อานนท์ ! ในกาลบดั นกี้ ด็ ี ในกาลลว่ งไปแหง่ เรากด็ ี ใครกต็ าม จกั
ตอ้ งมตี นเปน็ ประทปี มตี นเปน็ สรณะ ไมเ่ อาสงิ่ อน่ื เปน็ สรณะ มธี รรมเปน็
ประทปี มธี รรมเปน็ สรณะ ไมเ่ อาส่งิ อืน่ เป็นสรณะ เปน็ อย.ู่ อานนท ์ !
ภิกษพุ วกใด เปน็ ผ้ใู ครใ่ นสกิ ขา ภิกษพุ วกน้ัน จกั เปน็ ผอู้ ยู่ในสถานะ
อนั เลิศทส่ี ดุ แล.
อานนท์ ! ความขาดสูญแห่งกัลยาณวัตรน้ี มีในยุคแห่งบุรุษใด
บุรุษน้ันชื่อว่า เป็นบรุ ุษคนสดุ ทา้ ยแห่งบรุ ษุ ท้ังหลาย... เราขอกลา่ วยา้� กะ
เธอว่า... เธอท้งั หลายอยา่ เปน็ บรุ ุษคนสุดท้ายของเราเลย.
เธอทั้งหลายอยา่ เปน็
บุรษุ คนสดุ ท้าย
ของเราเลย
-บาลี ม. ม. ๑๓/๔๒๗/๔๖๓.
พทุ ธวจน-หมวดธรรม
1199
พุทธวจน-ปฎก
วทิ ยวุ ดั นาปา พง
• ล�ำ ดบั ก�รสบื ทอดพทุ ธวจน รชั กาลท ่ี ๗ รชั กาลท ่ี ๙
พทุ ธกาล รชั กาลท ่ี ๑ รชั กาลท ่ี ๔ รชั กาลท ่ี ๕
๑) หลกั ฐานสมยั พทุ ธกาล
การใช้ พุทธวจน ที่มีความหมายถึงคำาสอนของ
พระพทุ ธเจา้ มมี าตงั้ แตใ่ นสมยั พทุ ธกาล ดงั ปรากฏหลกั ฐาน
ในพระวินัยปิฎก ว่าพระศาสดาให้เรียนพุทธวจน
(ภาพท่ี ๑.๑ และภาพท่ี ๑.๒)
ภาพท ่ี ๑.๑ ค�ำ อธบิ �ยภ�พ : ขอ้ ความสว่ นหนง่ึ จากพระไตรปฎิ ก ฉบบั ร.ศ. ๑๑๒
(จปร.อกั ษรสยาม) หนา้ ๖๔ ซง่ึ พระไตรปฎิ กภาษาไทย ฉบบั หลวง พ.ศ. ๒๕๒๕
เลม่ ท่ี ๗ พระวนิ ยั ปฎิ ก จลุ วรรค ภาค ๒ หนา้ ๔๕ ไดแ้ ปลเปน็ ภาษาไทยไวด้ งั น้ี
[๑๘๐] ... ดูกรภกิ ษทุ ้ังหลาย ภกิ ษุไมพ่ งึ ยกพทุ ธวจนะข้ึนโดยภาษา
สันสกฤต รูปใดยกข้ึน ต้องอาบัติทุกกฏ. ดูกรภิกษุท้ังหลาย เร�อนุญ�ตให้
เล�่ เรยี นพุทธวจนะตามภาษาเดิม.
ทม่ี า :
พระไตรปฎิ ก ฉบบั ร.ศ. ๑๑๒ (พ.ศ.๒๔๓๖) พระวนิ ยปฏิ ก
จลุ ล์ วคั ค์ เลม่ ๒ หนา้ ๖๔
ภาพท ่ี ๑.๒
คำ�อธบิ �ยภ�พ :
คาำ แปลเปน็ ภาษาไทย
ของภาพท่ี ๑.๑ จาก
หนังสือ สารานุกรม
พ ร ะ พุ ท ธ ศ า ส น า
ประมวลจาก
พระนิพนธ์ สมเด็จ
พ ร ะ ม ห า ส ม ณ เ จ้ า
กรมพระยาวชริ ญาณ-
วโรรส
ทม่ี า :
หนังสือ สารานกุ รมพระพุทธศาสนา ประมวลจากพระนพิ นธ์
สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส หนา้ ๖๙๖
• ล�ำ ดบั ก�รสบื ทอดพทุ ธวจน รชั กาลท ่ี ๙
พทุ ธกาล รชั กาลท ่ี ๑ รชั กาลท ่ี ๔ รชั กาลท ่ี ๕ รชั กาลท ่ี ๗
๒) หลกั ฐานสมยั รชั กาลท ่ี ๑
พุทธวจนะ มีปรากฏในหนังสือพงษาวดาร
กรงุ ศรอี ยธุ ยา ภาษามคธ แล คาำ แปล ซง่ึ แตง่ เปน็ ภาษามคธ
เพอ่ื เฉลมิ พระเกยี รตเิ มอ่ื สงั คายนาในรชั กาลท ่ี ๑ เปน็ หนงั สอื
๗ ผูก ต้นฉบบั มีอย่ใู นวัดพระแก้ว กรงุ พนมเปญ ประเทศ
กมั พชู า แปลเปน็ ภาษาไทยโดยพระยาพจนสนุ ทร คาำ นาำ ของ
หนงั สอื เลม่ นี้ เปน็ พระนพิ นธใ์ นสมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ
กรมพระยาดาำ รงราชานภุ าพ (ภาพที่ ๒.๑ และภาพที่ ๒.๒)
ภาพท ่ี ๒.๑
ค�ำ อธิบ�ยภ�พ : ขอ้ ความส่วนหน่ึงจากหนังสือ พงษาวดาร
กรงุ ศรอี ยุธยา ภาษามคธ แล คำาแปล หนา้ ๑
ภาพท ่ี ๒.๒
คำ�อธิบ�ยภ�พ : ข้อความส่วนหนึ่ง
จากหนงั สอื พงษาวดารกรงุ ศรอี ยธุ ยา ภาษามคธ
แล คาำ แปล หนา้ ๒
ทม่ี า :
หนังสือ พงษาวดารกรงุ ศรีอยุธยา ภาษามคธ แล คาำ แปล
• ล�ำ ดบั ก�รสบื ทอดพทุ ธวจน รชั กาลท ่ี ๙
พทุ ธกาล รชั กาลท ่ี ๑ รชั กาลท ่ี ๔ รชั กาลท ่ี ๕ รชั กาลท ่ี ๗
๓) หลกั ฐานสมยั รชั กาลท ่ี ๔
พทุ ธวจน มปี รากฏในหนงั สอื พระคาถาสรรเสรญิ
พระธรรมวนิ ยั พระราชนพิ นธใ์ นรชั กาลท ่ี ๔ (ภาพท่ี ๓.๑)
และปรากฏในหนังสือ ประชุมพระราชนิพนธ์ภาษาบาลี
ในรชั กาลท ่ี ๔ ภาค ๒ (ภาพท่ี ๓.๒ และภาพท่ี ๓.๓)
ภาพท ่ี ๓.๑
ทม่ี า :
หนงั สอื พระคาถาสรรเสรญิ พระธรรมวนิ ยั พระราชนพิ นธ์ ในรชั กาลท่ี ๔
ทรงแปลเปน็ ภาษาไทยโดย สมเดจ็ พระสงั ฆราช วดั ราชประดษิ ฐ หนา้ ๒๕
พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั
รชั กาลท่ี ๔
ภาพท ่ี ๓.๒ ภาพท ่ี ๓.๓
ทม่ี า :
หนงั สอื ประชมุ พระราชนพิ นธภ์ าษาบาลี ในรชั กาลท่ี ๔ ภาค ๒
หนา้ ๑๘๐ และหนา้ ๑๘๓
• ล�ำ ดบั ก�รสบื ทอดพทุ ธวจน รชั กาลท ่ี ๙
พทุ ธกาล รชั กาลท ่ี ๑ รชั กาลท ่ี ๔ รชั กาลท ่ี ๕ รชั กาลท ่ี ๗
๔) หลกั ฐานสมยั รชั กาลท ่ี ๕
พทุ ธวจน มปี รากฏในหนงั สอื พระราชวจิ ารณ ์ เทยี บ
ลทั ธพิ ระพทุ ธศาสนาหนิ ยานกบั มหายาน พระบาทสมเดจ็
พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงพระราชนพิ นธ์ (ภาพท่ี ๔.๑),
ปรากฏในหนังสือ พระราชหัตถเลขา พระบาทสมเด็จ
พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีไปมากับ สมเด็จ
พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส (ภาพท่ี ๔.๒
และภาพท่ี ๔.๓) และปรากฏในหนังสือ พระราชดำารัส
ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ต้ังแต่
พ.ศ. ๒๔๑๗ ถึง พ.ศ. ๒๔๕๓) จัดทำาโดย มูลนิธิสมเด็จ
พระเทพรตั นราชสุดา (ภาพที่ ๔.๔)
พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้
รชั กาลท่ี ๕ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส
ภาพท ่ี ๔.๑
ทม่ี า :
หนงั สอื พระราชวจิ ารณ์ เทยี บลทั ธพิ ระพทุ ธศาสนาหนิ ยานกบั มหายาน
พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงพระราชนพิ นธ์ หนา้ ๑๘
ภาพท ่ี ๔.๒ ภาพท ่ี ๔.๓
ทม่ี า :
หนงั สอื พระราชหตั ถเลขา พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงมไี ปมากบั
สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส หนา้ ๑๐๒ และ ๑๐๙
ภาพท ่ี ๔.๔
ทม่ี า :
หนงั สอื พระราชดาำ รสั ในพระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั (ตง้ั แต่ พ.ศ. ๒๔๑๗ ถงึ พ.ศ. ๒๔๕๓)
จดั ทาำ โดย มลู นธิ สิ มเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า พมิ พค์ รง้ั ท่ี ๔ พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๐ หนา้ ๑๐๐
• ล�ำ ดบั ก�รสบื ทอดพทุ ธวจน รชั กาลท ่ี ๙
พทุ ธกาล รชั กาลท ่ี ๑ รชั กาลท ่ี ๔ รชั กาลท ่ี ๕ รชั กาลท ่ี ๗
๕) หลกั ฐานสมยั รชั กาลท ่ี ๗
พทุ ธวจนะ มปี รากฏในราชกจิ จานเุ บกษา เลม่ ท่ี ๔๔
วนั ที่ ๔ มนี าคม ๒๔๗๐ เรอ่ื ง รายงานการสรา้ งพระไตรปฎิ ก
โดย พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ากิติยากรวรลักษณ์
กรมพระจนั ทบรุ นี ฤนาถ (ภาพท่ี ๕)
ภาพท ่ี ๕
ทม่ี า :
ราชกจิ จานุเบกษา เลม่ ท่ี ๔๔ หนา้ ๓๙๓๙ วันท่ี ๔ มนี าคม ๒๔๗๐
เร่อื ง รายงานการสรา้ งพระไตรปิฎก
• ล�ำ ดบั ก�รสบื ทอดพทุ ธวจน รชั กาลท ่ี ๙
พทุ ธกาล รชั กาลท ่ี ๑ รชั กาลท ่ี ๔ รชั กาลท ่ี ๕ รชั กาลท ่ี ๗
๖) หลกั ฐานสมยั รชั กาลท ่ี ๙
พทุ ธวจน มปี รากฏในราชกจิ จานเุ บกษา ฉบบั พเิ ศษ
วันท่ี ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๒๘ เร่ือง ประกาศสังคายนา
พระธรรมวนิ ยั ตรวจชาำ ระพระไตรปฎิ ก (ภาพท่ี ๗)
ภาพท ่ี ๖
ทม่ี า :
ราชกจิ จานเุ บกษา ฉบบั พเิ ศษ หนา้ ๑๖ เลม่ ท่ี ๑๐๒ ตอนท่ี ๑๖๗ วนั ท่ี ๑๓ พฤศจกิ ายน ๒๕๒๘
เรอ่ื ง ประกาศสงั คายนาพระธรรมวนิ ยั ตรวจชาำ ระพระไตรปฎิ ก
ราธะ ! ความพอใจอนั ใด ราคะอันใด นนั ทอิ นั ใด ตัณหาอันใด มีอยูใ่ นรูป
ในเวทนา ในสญั ญา ในสงั ขารทง้ั หลาย และในวญิ ญาณ
เเพพรราาะะกฉาะรนตัน้ ดิ จแึงลเรว้ ยี ขก้อวงา่ แ“ลส้วใตั นวสง่ิ์”นดน้ั งั ๆน.้ี
วจั ฉะ ! เรายอ่ มบญั ญัตคิ วามบังเกิดข้นึ สำ�หรบั สตั วผ์ ู้ทย่ี ังมอี ปุ าทานอยู่
ไมใ่ ช่ส�ำ หรบั สัตวผ์ ทู้ ี่ไม่มอี ปุ าทาน.
วจั ฉะ ! เปรียบเหมือนไฟทม่ี เี ชอ้ื ย่อมโพลงข้นึ ได้ ทไ่ี มม่ ีเชือ้ กโ็ พลงขน้ึ ไมไ่ ด้
อปุ มานีฉ้ นั ใด อุปไมยก็ฉันน้ัน.
วัจฉะ ! สมยั ใด เปลวไฟ ถกู ลมพดั หลดุ ปลวิ ไปไกล เรายอ่ มบญั ญตั เิ ปลวไฟนน้ั วา่
มลี มนน่ั แหละเปน็ เชอ้ื เพราะวา่ สมยั นน้ั ลมยอ่ มเปน็ เชอ้ื ของเปลวไฟนน้ั .
วัจฉะ ! สมยั ใด สตั วท์ อดทง้ิ กายน้ี และยงั ไมบ่ งั เกดิ ขน้ึ ดว้ ยกายอน่ื
เรากลา่ วสตั วน์ ว้ี า่ มตี ณั หานน่ั แหละเปน็ เชอ้ื
เพราะวา่ สมยั นน้ั ตณั หายอ่ มเปน็ เชอ้ื ของสตั วน์ น้ั .
ภกิ ษุทั้งหลาย ! เปรยี บเหมอื นท่อนไมอ้ นั บคุ คลซัดขน้ึ ไปสู่อากาศ
บางคราวตกเอาโคนลง บางคราวตกเอาตอนกลางลง
บางคราวตกเอาปลายลง ขอ้ นีฉ้ นั ใด.
ภิกษุท้ังหลาย ! สตั ว์ทัง้ หลาย ผู้มีอวชิ ชาเปน็ เครือ่ งกน้ั มีตัณหาเป็นเครอ่ื งผกู
ท่องเทย่ี วไปมาอยู่ กฉ็ นั นน้ั เหมอื นกัน
บางคราวแลน่ จากโลกนส้ี โู่ ลกอื่น บางคราวแลน่ จากโลกอื่นสโู่ ลกน้…ี .
-บาลี ขนฺธ. ส.ํ ๑๗/๒๓๒/๓๖๗.
-บาลี สฬา. สํ. ๑๘/๔๘๕/๘๐๐.
-บาลี นิทาน. สํ. ๑๖/๒๑๙/๔๓๘-๔๓๙.
ภิกษทุ ั้งหลาย ! ภพท้ังหลาย ๓ อยา่ งเหลา่ นีม้ ีอย ู่ คือ
กามภพ รปู ภพ อรปู ภพ.
ภิกษุทง้ั หลาย ! นี้เรียกว่า ภพ.
ความกอ่ ข้ึนพร้อมแห่งภพ ย่อมม ี
เพราะความกอ่ ข้ึนพรอ้ มแหง่ อปุ าทาน
ความดบั ไมเ่ หลือแห่งภพ ย่อมม ี
เพราะความดบั ไม่เหลอื แห่งอปุ าทาน
มรรคอันประกอบด้วยองคแ์ ปดอนั ประเสรฐิ นน่ั เอง
เปน็ ปฏิปทาใหถ้ งึ ความดบั ไม่เหลอื แหง่ ภพ ไดแ้ ก่สง่ิ เหล่านค้ี อื
ความเห็นชอบ ความดำารชิ อบ
การพดู จาชอบ การทำาการงานชอบ การเล้ยี งชีวติ ชอบ
ความพากเพยี รชอบ ความระลึกชอบ ความตั้งใจมั่นชอบ.
ภกิ ษุทงั้ หลาย ! เพราะไมร่ ูถ้ งึ ไมแ่ ทงตลอดซึง่ อรยิ สัจส่ีอย่าง
เราและพวกเธอทั้งหลาย
จงึ ได้ท่องเที่ยวไปแล้วในสังสารวัฏ
ตลอดกาลยดื ยาวนานถึงเพียงนี.้
ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ! อรยิ สัจสอี่ ย่าง เหล่าไหนเล่า ?
ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ! เพราะไมร่ ถู้ งึ ไม่แทงตลอด
ซึง่ อรยิ สจั คอื ทกุ ข ์
อริยสัจคอื เหตใุ ห้เกิดทกุ ข ์
อรยิ สัจคอื ความดบั ไม่เหลอื ของทุกข ์
และอริยสจั คือทางดำาเนินใหถ้ ึงความดับไมเ่ หลอื ของทุกข.์
-บาลี นทิ าน. สํ. ๑๖/๕๑/๙๑.
-บาลี มหาวาร. ส.ํ ๑๙/๕๔๑/๑๖๙๘.
สารีบตุ ร ! เเปตรม็ ยี ไบปเหดม้วอื ยนถหา่ ลนุมเพถลา่ นิงเพปรลาิงศลจากึ กยเิง่ ปกลววา่ ชปว่ั รบาุรศุษจากควัน
สารีบตุ ร ! เปรียบเหมอื นหลุมคูถ ลึกย่ิงกวา่ ชว่ั บรุ ษุ เตม็ ไปดว้ ยคูถ
สารบี ุตร ! เมปีใรบียบอเ่อหนมอืแนลตะ้นใบไมแ้เกกอ่ ิดันในเบพานื้บทาอ่ีงนั มไีเมงเ่าสอมนั อโปรง่
สารบี ตุ ร ! เมปีใรบยี บอเ่อหนมือแนลตะน้ ใบไมแเ้ กก่อิดนัในหพนนาื้ ทมอ่ี ีเงนั าเหสนมาอทึบ
สารบี ตุ ร ! ทเปงั้ รภยี บาเยหใมนอื แนปละรภาสาายทนอในกปหราาชสา่อทงนลนั้มมมเีิไรดอื ้ นมยีวงอกดรซอบง่ึ ฉอาันบสทนาทิ แลว้
มบี านประตู และหนา้ ต่างอันปิดสนิทดี ในเรอื นยอดน้ัน
มีบัลลงั ก์อนั ลาดดว้ ยผ้าโกเชาวข์ นยาว
ลาดดว้ ยเครื่องลาดทาำ ด้วยขนแกะสขี าว
ลาดดว้ ยขนเจยี มเปน็ แผน่ ทบึ มเี ครอ่ื งลาดอยา่ งดที าำ ดว้ ยหนงั ชะมด
มีเพดานก้ันในเบอื้ งบน มีหมอนแดงวาง ณ ขา้ งทง้ั สอง
สารบี ตุ ร ! เแปรลยี ะบใเนหมทอื ี่ไนมส่ไรกะโลบสกรขะรโณบกี มขนี รา้ำ ณอนันี เนั้ยน็ มใีแสนสวะปอาา่ ดอันมทที าึบ่ อนั ดี นา่ รน่ื รมย์
ลำาดับนนั้ บุรุษผมู้ ีตวั อนั ความร้อนแผดเผา เหนด็ เหนอื่ ย หวิ ระหาย มุ่งมาสทู่ นี่ ัน้ ๆ
โดยมรรคาสายเดียว บุรษุ ผูม้ ีจักษุเหน็ เขาแล้ว พึงกลา่ วอย่างนี้ว่า
“บรุ ษุ ผเู้ จรญิ น ้ี ปฏบิ ตั อิ ยา่ งนน้ั ดาำ เนนิ อยา่ งนน้ั และขน้ึ สหู่ นทางนน้ั จกั มาถงึ ทน่ี น้ั ๆ ทเี ดยี ว”.
-บาลี มู. ม. ๑๒/๑๔๗-๑๕๓/๑๗๐-๑๗๖.
ข้อมูลธรรมะน้ี จัดท�ำ เพอ่ื ประโยชน์ท�งก�รศกึ ษ�สู่ส�ธ�รณชนเปน็ ธรรมท�น ลขิ สทิ ธใิ์ นตน้ ฉบับนีไ้ ด้รบั ก�รสงวนไว้ ในก�รจะจดั ทำ�
หรอื เผยแผ่ โปรดใชค้ ว�มละเอยี ดรอบคอบ เพอ่ื รกั ษ�คว�มถกู ตอ้ งของขอ้ มลู ใหข้ ออนญุ �ตเปน็ ล�ยลกั ษณอ์ กั ษรและปรกึ ษ�ด�้ นขอ้ มลู
ในการจดั ทาำ เพอ่ื ความสะดวกและประหยดั ตดิ ตอ่ ไดท้ ่ี มลู นธิ พิ ทุ ธโฆษณ์ โทร. ๐๘ ๒๒๒๒ ๕๗๙๐ - ๙๔
คุณศรช� โทร. ๐๘ ๑๕๑๓ ๑๖๑๑ คุณอ�รีวรรณ โทร. ๐๘ ๕๐๕๘ ๖๘๘๘
ตดิ ต�มก�รเผยแผพ่ ระธรรมค�ำ สอนต�มหลกั พทุ ธวจน โดยพระอ�จ�รยค์ กึ ฤทธ์ิ โสตถฺ ผิ โล ไดท้ ่ี
www.watnapp.com | media.watnapahpong.org | www.buddhakos.org
Facebook : Buddhawajana Real | YouTube : Buddhawajana Real
Instagram : Buddhawajana Real | Facebook : coursesappaya
คลน่ื ส.ว.พ. FM 91.0 MHz ทุกวนั พระ ช่วงบ่�ย