The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

พุทธวจน ภพภูมิ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ืทีมงานกรุธรรม, 2022-02-20 16:50:05

พุทธวจน ภพภูมิ

พุทธวจน ภพภูมิ

Keywords: พุทธวจน ภพภูมิ

เปิดธรรมท่ถี กู ปดิ : ภพภูมิ

สตั วน์ น้ั ทลู อยา่ งนว้ี า่   “ขา้ พเจา้ ไมเ่ หน็ เลย เจา้ ขา้  !”
พระยายมถามอย่างน้ีว่า “พ่อมหาจำ�เริญ !  ท่าน
ไม่ได้เห็นเด็กแดงๆ ยังอ่อน นอนหงาย เปื้อนมูตรคูถ
ของตน อยใู่ นหม่มู นุษยห์ รือ ?”
สตั วน์ ้นั ทูลอย่างนีว้ า่ “เห็น เจา้ ขา้  !”
พระยายมถามอยา่ งนว้ี า่   “พอ่ มหาจ�ำ เรญิ  ! ทา่ นนน้ั
เมอ่ื รคู้ วาม มสี ติ เปน็ ผใู้ หญแ่ ลว้ ไดม้ คี วามคดิ ดงั นบ้ี า้ งไหมวา่
แมต้ วั เราแล กม็ คี วามเกดิ เปน็ ธรรมดา ไมล่ ว่ งพน้ ความเกดิ
ไปได้ ควรทเ่ี ราจะท�ำ ความดที างกาย ทางวาจา และทางใจ”
สัตว์นั้นทูลอย่างนี้ว่า “ข้าพเจ้าไม่อาจ เจ้าข้า !
มัวประมาทเสียเจ้าข้า !”
พระยายมกลา่ วอยา่ งนว้ี า่ “พอ่ มหาจ�ำ เรญิ  !  ทา่ น
ไม่ได้ทำ�ความดีทางกาย ทางวาจาและทางใจไว้ เพราะมัว
ประมาทเสยี ดงั นน้ั เหลา่ นายนริ ยบาลจกั ลงโทษโดยอาการ
ทท่ี า่ นประมาทแลว้ กบ็ าปกรรมนนี้ น่ั แล ไมใ่ ชม่ ารดาท�ำ ให้
ท่าน ไมใ่ ชบ่ ิดาท�ำ ให้ท่าน ไมใ่ ชพ่ น่ี ้องชายท�ำ ให้ท่าน ไมใ่ ช่
พี่น้องหญิงทำ�ให้ท่าน ไม่ใช่มิตรอำ�มาตย์ทำ�ให้ท่าน ไม่ใช่
ญาตสิ าโลหติ ท�ำ ใหท้ า่ น ไมใ่ ชส่ มณะและพราหมณท์ �ำ ใหท้ า่ น
ไม่ใช่เทวดาทำ�ให้ท่าน ตัวท่านเองทำ�เข้าไว้ ท่านเท่าน้ัน
จกั เสวยวิบากของบาปกรรมน”ี้

75

พทุ ธวจน - หมวดธรรม

ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !   พระยายมครน้ั ปลอบโยน  เอาอก-
เอาใจไต่ถามถึงเทวทูตท่ี ๑ กะสตั วน์ น้ั แลว้ จึงปลอบโยน
เอาอกเอาใจ ไต่ถามเทวทูตท่ี ๒ ว่า “พ่อมหาจำ�เริญ ! 
ทา่ นไมไ่ ด้เหน็ เทวทตู ท่ี ๒ ปรากฏในหม่มู นษุ ย์หรือ ?”

สตั วน์ น้ั ทลู อยา่ งนว้ี า่ “ขา้ พเจา้ ไมเ่ หน็ เลย เจา้ ขา้  !”
พระยายมถามอย่างน้ีว่า “พ่อมหาจำ�เริญ !  ท่าน
ไมไ่ ดเ้ หน็ หญงิ หรอื ชาย มอี ายุ ๘๐ ปี ๙๐ ปี หรอื ๑๐๐ ปี
นบั แตเ่ กดิ มา เปน็ ผชู้ รา ซโ่ี ครงคด หลงั งอ ถอื ไมเ้ ทา้ งกเงน่ิ
เดนิ ไป กระสบั กระสา่ ย ลว่ งวยั หนมุ่ สาว ฟนั หกั ผมหงอก
หนงั เหยี่ วยน่ ศรี ษะลา้ น ผวิ ตกกระในหมมู่ นษุ ย์หรอื  ?”
สตั ว์น้นั ทูลอย่างนว้ี ่า “เห็น เจ้าข้า !”
พระยายมถามอยา่ งนว้ี า่ “พอ่ มหาจ�ำ เรญิ  ! ทา่ นนน้ั
รคู้ วามมสี ติ เปน็ ผใู้ หญแ่ ลว้ ไดม้ คี วามด�ำ รดิ งั นบ้ี า้ งไหมวา่
แมต้ วั เราแล กม็ คี วามแกเ่ ปน็ ธรรมดาไมล่ ว่ งพน้ ความแก่
ไปได้ ควรทเ่ี ราจะท�ำ ความดที างกาย ทางวาจา และทางใจ”
สัตว์นั้นทูลอย่างนี้ว่า “ข้าพเจ้าไม่อาจ เจ้าข้า !
มวั ประมาทเสีย เจ้าขา้  !”
พระยายมกล่าวอย่างนี้ว่า  “พ่อมหาจำ�เริญ ! 
ท่านไม่ได้ทำ�ดีทางกาย ทางวาจา และทางใจไว้ เพราะมัว

76

เปิดธรรมที่ถูกปิด : ภพภูมิ

ประมาทเสยี ดงั นน้ั เหลา่ นายนริ ยบาลจกั ลงโทษโดยอาการท่ี
ทา่ นประมาทแลว้ กบ็ าปกรรมนน้ี น่ั แล ไมใ่ ชม่ ารดาท�ำ ใหท้ า่ น
ไมใ่ ชบ่ ดิ าท�ำ ใหท้ า่ น ไมใ่ ชพ่ น่ี อ้ งชายท�ำ ใหท้ า่ น ไมใ่ ชพ่ น่ี อ้ งหญงิ
ท�ำ ใหท้ า่ น ไมใ่ ชม่ ติ รอ�ำ มาตยท์ �ำ ใหท้ า่ น ไมใ่ ชญ่ าตสิ าโลหติ
ท�ำ ใหท้ า่ น ไมใ่ ชส่ มณะและพราหมณท์ �ำ ใหท้ า่ น ไมใ่ ชเ่ ทวดา
ทำ�ให้ท่าน ตัวท่านเองทำ�เข้าไว้ ท่านเท่าน้ันจักเสวยวิบาก
ของบาปกรรมน”้ี

ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !  พระยายมครน้ั ปลอบโยน เอาอก-
เอาใจไต่ถามถึงเทวทูตท่ี ๒ กะสตั วน์ นั้ แลว้ จึงปลอบโยน
เอาอกเอาใจ ไต่ถามถึงเทวทูตที่ ๓ ว่า “พ่อมหาจำ�เริญ ! 
ทา่ นไม่ไดเ้ หน็ เทวทูตที่ ๓ ปรากฏในหมมู่ นษุ ยห์ รือ ?”

สตั วน์ น้ั ทลู อยา่ งนว้ี า่ “ขา้ พเจา้ ไมเ่ หน็ เลย เจา้ ขา้  !”
พระยายมถามอย่างน้ีว่า “พ่อมหาจำ�เริญ !  ท่าน
ไม่ได้เห็นหญิงหรือชาย ผู้ป่วย ทนทุกข์ เป็นไข้หนัก
นอนเปอ้ื นมตู รคถู ของตน มคี นอน่ื คอยพยงุ ลกุ พยงุ เดนิ
ในหมมู่ นุษย์หรอื  ?”
สัตวน์ นั้ ทูลอยา่ งน้ีว่า “เหน็ เจ้าขา้  !”
พระยายมถามอยา่ งนว้ี า่ “พอ่ มหาจ�ำ เรญิ  ! ทา่ นนน้ั
เมอ่ื รคู้ วาม มสี ติ เปน็ ผใู้ หญแ่ ลว้ ไดม้ คี วามคดิ ดงั นบ้ี า้ งไหมวา่

77

พุทธวจน - หมวดธรรม

แมต้ ัวเราแล กม็ ีความเจบ็ ปว่ ยเปน็ ธรรมดา ไมล่ ว่ งพ้น
ความเจ็บป่วยไปได้ ควรที่เราจะทำ�ความดี ทางกาย
ทางวาจา และทางใจ”

สัตว์นั้นทูลอย่างนี้ว่า “ข้าพเจ้าไม่อาจ เจ้าข้า !
มัวประมาทเสยี เจ้าข้า !”

พระยายมกล่าวอย่างนี้ว่า “พ่อมหาจำ�เริญ ! 
ท่านไม่ได้ทำ�ความดีทางกาย ทางวาจา และทางใจไว้
เพราะมวั ประมาทเสยี ดงั นน้ั เหลา่ นายนริ ยบาลจกั ลงโทษ
โดยอาการท่ีท่านประมาทแล้ว ก็บาปกรรมน้ีนั่นแล ไม่ใช่
มารดาทำ�ให้ท่าน ไม่ใช่บิดาทำ�ให้ท่าน ไม่ใช่พี่น้องชาย
ทำ�ให้ท่าน ไม่ใช่พ่ีน้องหญิงทำ�ให้ท่าน ไม่ใช่มิตรอำ�มาตย์
ทำ�ให้ท่าน ไม่ใช่ญาติสาโลหิตทำ�ให้ท่าน ไม่ใช่สมณะและ
พราหมณ์ทำ�ให้ท่าน ไม่ใช่เทวดาทำ�ให้ท่าน ตัวท่านเอง
ท�ำ เข้าไว้ ทา่ นเท่านนั้ จักเสวยวบิ ากของบาปกรรมน้”ี

ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !  พระยายมครน้ั ปลอบโยน เอาอก-
เอาใจไตถ่ ามถึงเทวทตู ท่ี ๓ กะสัตวน์ นั้ แล้ว จึงปลอบโยน
เอาอกเอาใจ ไต่ถามถึงเทวทูตท่ี ๔ ว่า “พ่อมหาจำ�เริญ ! 
ทา่ นไม่ไดเ้ ห็นเทวทูตท่ี ๔ ปรากฏในหม่มู นุษยห์ รือ ?”

สตั วน์ น้ั ทลู อยา่ งนว้ี า่ “ขา้ พเจา้ ไมเ่ หน็ เลย เจา้ ขา้  !”

78

เปิดธรรมที่ถูกปิด : ภพภูมิ

พระยายมถามอย่างน้ีว่า “พ่อมหาจำ�เริญ !  ท่าน
ไม่ได้เห็นพระราชาท้ังหลาย  ในหมู่มนุษย์จับโจร
ผู้ประพฤติผิดมาแล้ว ส่ังลงกรรมกรณ์ต่างชนิดบ้างหรือ
คือ 

(๑) โบยดว้ ยแสบ้ า้ ง …

(เนื้อความเต็มสามารถศึกษาได้จากหน้า ๖๔-๖๕)

สัตวน์ ้นั ทูลอยา่ งนีว้ า่ “เห็น เจา้ ขา้  !”
พระยายมถามอยา่ งนว้ี า่ “พอ่ มหาจ�ำ เรญิ  ! ทา่ นนน้ั
เมอ่ื รคู้ วาม มสี ติ เปน็ ผใู้ หญแ่ ลว้ ไดม้ คี วามคดิ ดงั นบ้ี า้ งไหมวา่
จำ�เริญละ  เป็นอันว่าสัตว์ท่ีทำ�กรรมอันเป็นบาปไว้นั้น
ย่อมถูกลงกรรมกรณ์ต่างชนิดเห็นปานน้ีในปัจจุบัน
จะป่วยกล่าวไปไยถึงชาติหน้า  ควรที่เราจะทำ�ความดี
ทางกาย ทางวาจา และทางใจ”
สัตว์นั้นทูลอย่างนี้ว่า “ข้าพเจ้าไม่อาจ เจ้าข้า !
มัวประมาทเสีย เจ้าขา้  !”
พระยายมกล่าวอย่างนี้ว่า  “พ่อมหาจำ�เริญ ! 
ท่านไม่ได้ทำ�ความดีทางกาย  ทางวาจา  และทางใจไว้
เพราะมวั ประมาทเสยี ดงั นน้ั เหลา่ นายนริ ยบาลจกั ลงโทษ

79

พทุ ธวจน - หมวดธรรม

โดยอาการที่ท่านประมาทแล้ว ก็บาปกรรมนี้นั่นแล ไม่ใช่
มารดาทำ�ให้ท่าน ไม่ใช่บิดาทำ�ให้ท่าน ไม่ใช่พ่ีน้องชาย
ทำ�ให้ท่าน ไม่ใช่พ่ีน้องหญิงทำ�ให้ท่าน ไม่ใช่มิตรอำ�มาตย์
ทำ�ให้ท่าน ไม่ใช่ญาติสาโลหิตทำ�ให้ท่าน ไม่ใช่สมณะและ
พราหมณ์ทำ�ให้ท่าน ไม่ใช่เทวดาทำ�ให้ท่าน ตัวท่านเอง
ทำ�เขา้ ไว้ ทา่ นเท่าน้นั จักเสวยวิบากของบาปกรรมน”ี้

ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !  พระยายมครน้ั ปลอบโยน เอาอก-
เอาใจไต่ถามถึงเทวทูตท่ี ๔ กะสัตว์นั้นแล้ว จงึ ปลอบโยน
เอาอกเอาใจ ไต่ถามถึงเทวทูตที่ ๕ ว่า “พ่อมหาจำ�เริญ ! 
ทา่ นไม่ไดเ้ หน็ เทวทตู ที่ ๕ ปรากฏในหมู่มนุษยห์ รอื  ?”

สตั วน์ น้ั ทลู อยา่ งนว้ี า่ “ขา้ พเจา้ ไมเ่ หน็ เลย เจา้ ขา้  !”
พระยายมถามอย่างน้ีว่า “พ่อมหาจำ�เริญ !  ท่าน
ไมไ่ ดเ้ หน็ หญงิ หรอื ชายทต่ี ายแลว้ วนั หนง่ึ หรอื สองวนั หรอื
สามวนั ขน้ึ พอง เขยี วช�ำ้ มนี �ำ้ เหลอื งเยม้ิ ในหมมู่ นษุ ยห์ รอื  ?”
สตั วน์ น้ั ทลู อย่างนว้ี า่ “เห็น เจ้าข้า !”
พระยายมถามอยา่ งนว้ี า่ “พอ่ มหาจ�ำ เรญิ  ! ทา่ นนน้ั
เมอ่ื รคู้ วาม มสี ติ เปน็ ผใู้ หญแ่ ลว้ ไดม้ คี วามคดิ ดงั นบ้ี า้ งไหมวา่
แมต้ วั เราแล กม็ คี วามตายเปน็ ธรรมดาไมล่ ว่ งพน้ ความตาย
ไปได้ ควรทเ่ี ราจะท�ำ ความดที างกาย ทางวาจา และทางใจ”

80

เปดิ ธรรมทถ่ี กู ปิด : ภพภมู ิ

สัตว์นั้นทูลอย่างนี้ว่า “ข้าพเจ้าไม่อาจ เจ้าข้า !
มวั ประมาทเสยี เจ้าข้า !”

พระยายมกล่าวอย่างนี้ว่า  “พ่อมหาจำ�เริญ ! 
ท่านไม่ได้ทำ�ความดีทางกาย  ทางวาจา  และทางใจไว้
เพราะมวั ประมาทเสยี ดงั นน้ั เหลา่ นายนริ ยบาลจกั ลงโทษ
โดยอาการที่ท่านประมาทแล้ว ก็บาปกรรมน้ีนั่นแล ไม่ใช่
มารดาทำ�ให้ท่าน ไม่ใช่บิดาทำ�ให้ท่าน ไม่ใช่พ่ีน้องชาย
ทำ�ให้ท่าน ไม่ใช่พี่น้องหญิงทำ�ให้ท่าน ไม่ใช่มิตรอำ�มาตย์
ทำ�ให้ท่าน ไม่ใช่ญาติสาโลหิตทำ�ให้ท่าน ไม่ใช่สมณะและ
พราหมณ์ทำ�ให้ท่าน ไม่ใช่เทวดาทำ�ให้ท่าน ตัวท่านเอง
ท�ำ เขา้ ไว้ ทา่ นเทา่ นั้น จกั เสวยวบิ ากของบาปกรรมน”ี้

ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !  พระยายมครน้ั ปลอบโยน เอาอก-
เอาใจ ไตถ่ ามถงึ เทวทตู ท่ี ๕ กะสตั วน์ น้ั แลว้ กท็ รงนง่ิ อย.ู่

ภิกษุทั้งหลาย !   เหล่านิรยบาลจะให้สัตว์นั้น
กระท�ำ เหตชุ อ่ื การจ�ำ ๕ ประการ คอื ตรงึ ตะปเู หลก็ แดงทม่ี อื
ขา้ งท่ี ๑ ขา้ งท่ี ๒ ทเ่ี ทา้ ขา้ งท่ี ๑ ขา้ งท่ี ๒ และทท่ี รวงอกตรงกลาง
สตั วน์ น้ั จะเสวยเวทนาอนั เปน็ ทกุ ขก์ ลา้ เจบ็ แสบอยใู่ นนรกนน้ั
และยงั ไมต่ ายตราบเท่าบาปกรรมยงั ไมส่ ้ินสดุ .

ภิกษุทั้งหลาย !   เหล่านิรยบาล  จะจับสัตว์นั้น
ขงึ พดื แลว้ เอาผึ่งถาก สตั วน์ น้ั จะเสวยเวทนาอนั เปน็ ทกุ ขก์ ลา้
เจบ็ แสบอยใู่ นนรกนน้ั และยงั ไมต่ ายตราบเทา่ บาปกรรมนน้ั
ยงั ไมส่ น้ิ สุด.

81

พทุ ธวจน - หมวดธรรม

ภิกษุท้ังหลาย !   เหล่านิรยบาล  จะจับสัตว์น้ัน
เอาเทา้ ข้ึนขา้ งบน เอาหัวลงขา้ งลา่ งแล้วถากดว้ ยพรา้ … .

ภิกษุท้ังหลาย !   เหล่านิรยบาล  จะเอาสัตว์น้ัน
เทียมรถแล้วให้ว่ิงกลับไปกลับมาบนแผ่นดินที่มีไฟติดท่ัว
ลกุ โพลง โชตชิ ่วง … .

ภิกษุทั้งหลาย !   เหล่านิรยบาล  จะให้สัตว์น้ัน
ปนี ขน้ึ ปนี ลงซง่ึ ภเู ขาถา่ นเพลงิ ลกู ใหญท่ ม่ี ไี ฟตดิ ทว่ั ลกุ โพลง
โชตชิ ว่ ง … .

ภิกษทุ ้ังหลาย !   เหลา่ นิรยบาล จะจบั สตั วน์ น้ั เอา
เทา้ ขน้ึ ขา้ งบนเอาหวั ลงขา้ งลา่ ง แลว้ พงุ่ ลงไปในหมอ้ ทองแดง
ทม่ี ไี ฟตดิ ทว่ั ลกุ โพลง โชตชิ ว่ ง สัตว์นนั้ จะเดอื ดพลา่ นเปน็
ฟองอยู่ในหม้อทองแดงน้ัน เขาเมื่อเดือดเป็นฟองอยู่ จะ
พลา่ นขน้ึ ขา้ งบนครงั้ หนง่ึ บา้ ง พลา่ นลงขา้ งลา่ งครง้ั หนง่ึ บา้ ง
พลา่ นไปดา้ นขวางครง้ั หนง่ึ บา้ ง สตั วน์ น้ั จะเสวยเวทนาอัน
เป็นทุกข์กล้า เจ็บแสบ อยู่ในหม้อทองแดงน้ัน และยังไม่
ตายตราบเทา่ บาปกรรมนนั้ ยงั ไมส่ ิน้ สดุ .

ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !   เหลา่ นายนริ ยบาลจะโยนสตั วน์ น้ั
เขา้ ไปในมหานรก กม็ หานรกนน้ั แล มสี ม่ี มุ สป่ี ระตู แบง่ ไว้
โดยสว่ นเทา่ กนั มกี �ำ แพงเหลก็ ลอ้ มรอบ ครอบไวด้ ้วย
แผ่นเหล็ก พ้ืนของมหานรกนั้นล้วนเต็มไปด้วยเหล็ก
ลกุ โพลง แผไ่ ปตลอดรอ้ ยโยชนร์ อบดา้ น ตง้ั อยทู่ กุ เมอ่ื .

82

เปดิ ธรรมทีถ่ กู ปดิ : ภพภูมิ

ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !   และมหานรกนน้ั มเี ปลวไฟพลงุ่
จากฝาดา้ นหนา้ จดฝาดา้ นหลงั พลงุ่ จากฝาดา้ นหลงั จดฝา
ด้านหน้า พลุ่งจากฝาดา้ นเหนือจดฝาดา้ นใต้ พลุ่งจาก
ฝาดา้ นใตจ้ ดฝาดา้ นเหนอื พลงุ่ ขน้ึ จากขา้ งลา่ งจดขา้ งบน
พลุ่งจากข้างบนจดข้างล่าง สัตว์นั้นจะเสวยเวทนาอัน
เปน็ ทกุ ขก์ ลา้ เจบ็ แสบ อยใู่ นมหานรกนนั้ และยงั ไมต่ าย
ตราบเท่าบาปกรรมนนั้ ยงั ไมส่ นิ้ สุด.

ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !   ยอ่ มมสี มยั ทใ่ี นบางครง้ั บางคราว
โดยล่วงระยะกาลนาน ประตูด้านหน้าของมหานรกเปิด
สัตว์นั้นจะรีบว่งิ ไปยังประตูน้นั โดยเร็ว ย่อมถูกไฟไหม้ผิว
ไหม้หนัง ไหม้เนื้อ ไหม้เอ็น แม้กระดูกท้ังหลายก็เป็น
ควนั ตลบ แตอ่ วยั วะทส่ี ตั วน์ น้ั ยกขน้ึ แลว้ จะกลบั คนื รปู เดมิ
ทนั ที และในขณะทส่ี ตั วน์ น้ั ใกลจ้ ะถงึ ประตู ประตนู นั้ จะปดิ
สัตว์นั้นย่อมเสวยเวทนาอันเป็นทุกข์กล้า เจ็บแสบอย่ใู น
มหานรกนน้ั และยงั ไมต่ ายตราบเทา่ บาปกรรมนน้ั ยงั ไมส่ น้ิ สดุ .

ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !   ยอ่ มมสี มยั ทใ่ี นบางครง้ั บางคราว
โดยลว่ งระยะกาลนาน ประตดู า้ นหลงั ของมหานรกเปดิ …
ประตดู า้ นเหนือเปิด … ประตดู า้ นใตเ้ ปิด สตั ว์น้นั จะรบี วง่ิ
ไปยงั ประตนู น้ั โดยเรว็ ยอ่ มถกู ไฟไหมผ้ วิ ไหมห้ นงั ไหมเ้ นอ้ื
ไหม้เอ็น แม้กระดูกท้ังหลายก็เป็นควันตลบ แต่อวัยวะ
ท่ีสัตว์น้ันยกข้ึนแล้วจะกลับคืนรูปเดิมทันที และในขณะ

83

พทุ ธวจน - หมวดธรรม

ทส่ี ตั วน์ น้ั ใกลจ้ ะถงึ ประตู ประตนู นั้ จะปดิ สตั วน์ น่ั ยอ่ มเสวย
เวทนาอันเป็นทุกข์กล้า เจบ็ แสบอยใู่ นมหานรกนน้ั และยงั
ไมต่ ายตราบเทา่ บาปกรรมนั้นยังไมส่ ้ินสุด.

ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !   ยอ่ มมสี มยั ทใ่ี นบางครง้ั บางคราว
โดยลว่ งระยะกาลนาน ประตดู า้ นหนา้ ของมหานรกนน้ั เปดิ
สัตว์น้ันจะรีบว่ิงไปยังประตูน้ันโดยเร็ว ย่อมถูกไฟไหม้ผิว
ไหมห้ นงั ไหมเ้ นอ้ื ไหมเ้ อน็ แมก้ ระดกู ทง้ั หลายกเ็ ปน็ ควนั ตลบ
แต่อวัยวะที่สัตว์นั้นยกขึ้นแล้ว จะกลับคืนรูปเดิมทันที
สัตว์นั้นจะออกทางประตูนั้นได้ แต่ว่ามหานรกนั้นแล
มีนรกเต็มด้วยคูถใหญ่ ประกอบอยู่รอบด้าน สัตว์นั้น
จะตกลงในนรกคถู นนั้ และในนรกคถู นนั้ แล มหี มสู่ ตั วป์ าก
ดงั เขม็ คอยเฉอื ดเฉือนผิว แลว้ เฉอื ดเฉือนหนงั แลว้ เฉือด
เฉอื นเนอื้ แลว้ เฉอื ดเฉอื นเอน็ แลว้ เฉอื ดเฉอื นกระดกู แลว้
กนิ เยอ่ื ในกระดกู สตั วน์ น้ั ยอ่ มเสวยเวทนาอนั เปน็ ทกุ ขก์ ลา้
เจบ็ แสบอยใู่ นนรกคถู นน้ั และยงั ไมต่ ายตราบเทา่ บาปกรรมนน้ั
ยงั ไม่สน้ิ สุด.

ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !   และนรกคถู นน้ั มนี รกเตม็ ดว้ ย
เถ้ารงึ ใหญ่ (ขี้เถา้ รอ้ น) ประกอบอย่รู อบดา้ น สัตว์น้ันจะ
ตกลงไปในนรกเถา้ รงึ นน้ั สตั วน์ นั้ ยอ่ มเสวยเวทนาอนั เปน็
ทกุ ขก์ ลา้ เจบ็ แสบอยใู่ นนรกเถา้ รงึ นน้ั และยงั ไมต่ ายตราบเทา่
บาปกรรมนน้ั ยงั ไมส่ น้ิ สดุ .

84

เปิดธรรมทถี่ ูกปิด : ภพภูมิ

ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !   และนรกเถา้ รงึ นน้ั มปี า่ งว้ิ ใหญ่
ประกอบอยรู่ อบดา้ น ตน้ สงู ชลดู ขน้ึ ไปโยชนห์ นง่ึ มหี นามยาว
๑๖ องคลุ ี มไี ฟตดิ ทวั่ ลกุ โพลง โชตชิ ว่ ง เหลา่ นายนริ ยบาล
จะบังคับให้สัตว์น้ันขึ้นๆ ลงๆ ที่ต้นง้ิวนั้น สัตว์นั้นย่อม
เสวยเวทนาอนั เป็นทุกขก์ ลา้ เจ็บแสบ อยู่ทตี่ น้ ง้วิ น้ัน และ
ยังไม่ตายตราบเท่าบาปกรรมนัน้ ยังไม่สน้ิ สุด.

ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !   และปา่ งว้ิ นน้ั มปี า่ ตน้ ไมใ้ บเปน็
ดาบใหญป่ ระกอบอยรู่ อบดา้ น สตั วน์ นั้ จะเขา้ ไปในปา่ นนั้
จะถกู ใบไม้ท่ลี มพัด ตัดมือบา้ ง ตดั เท้าบ้าง ตัดทั้งมือและ
เทา้ บา้ ง และตดั ใบหบู า้ ง ตดั จมกู บา้ ง ตดั ทง้ั ใบหแู ละจมกู บา้ ง
สตั วน์ น้ั ยอ่ มเสวยเวทนาอนั เปน็ ทกุ ขก์ ลา้ เจบ็ แสบ อยทู่ ปี่ า่
ตน้ ไมม้ ใี บเปน็ ดาบนน้ั และยงั ไมต่ ายตราบเทา่ บาปกรรมนน้ั
ยังไมส่ ้นิ สุด.

ภิกษุทั้งหลาย !   และป่าต้นไม้มีใบเป็นดาบน้ัน
มแี ม่นำ้�ใหญ่ นำ�้ เป็นด่าง ประกอบอยู่รอบดา้ น สตั วน์ ้ัน
จะตกลงไปในแมน่ �ำ้ นน้ั จะลอยอยใู่ นแมน่ �ำ้ นน้ั ตามกระแสบา้ ง
ทวนกระแสบ้าง ท้งั ตามและทวนกระแสบ้าง สัตวน์ น้ั ยอ่ ม
เสวยเวทนาอนั เปน็ ทกุ ขก์ ลา้ เจบ็ แสบ อยใู่ นแมน่ �้ำ นนั้ และ
ยงั ไมต่ ายตราบเทา่ บาปกรรมน้ันยังไม่สนิ้ สดุ .

ภิกษุท้ังหลาย !   เหล่านายนิรยบาลพากันเอา
เบ็ดเก่ียวสัตว์นั้นขึ้นวางบนบก  แล้วกล่าวอย่างนี้ว่า

85

พทุ ธวจน - หมวดธรรม

“พ่อมหาจำ�เรญิ  !  เจ้าต้องการอะไร” สัตว์นน้ั บอกอยา่ งนี้
ว่า “ข้าพเจ้าหิว เจ้าข้า !” เหล่านายนิรยบาลจึงเอาขอ
เหล็กร้อนมีไฟติดท่ัว ลุกโพลง โชติช่วง เปิดปากออก
แลว้ ใสก่ อ้ นโลหะร้อนมีไฟติดทัว่ ลุกโพลง โชตชิ ว่ ง เข้า
ในปาก ก้อนโลหะน้นั จะไหม้ริมฝีปากบ้าง ไหม้ปากบ้าง
ไหมค้ อบา้ ง ไหมท้ อ้ งบา้ ง ของสัตว์นั้น พาเอาไส้ใหญ่บ้าง
ไส้น้อยบ้าง ออกมาทางส่วน เบ้อื งล่าง สัตว์น้นั ย่อมเสวย
เวทนาอนั เปน็ ทกุ ขก์ ลา้ เจบ็ แสบอยู่ ณ ทน่ี น้ั และยงั ไมต่ าย
ตราบเทา่ บาปกรรมนน้ั ยงั ไม่ส้นิ สุด.

ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !  เหลา่ นายนริ ยบาลกลา่ วกะสตั วน์ น้ั
อย่างนว้ี า่ “พอ่ มหาจ�ำ เรญิ  !   เจ้าต้องการอะไร” สตั วน์ ้นั
บอกอยา่ งนว้ี า่ “ขา้ พเจา้ ระหาย เจา้ ขา้  !” เหลา่ นายนริ ยบาล
จงึ เอาขอเหลก็ รอ้ นมไี ฟตดิ ทว่ั ลกุ โพลง โชตชิ ว่ ง เปดิ ปาก
ออกแลว้ เอาน�ำ้ ทองแดงรอ้ นมไี ฟตดิ ทว่ั ลกุ โพลง โชตชิ ว่ ง
กรอกเข้าไปในปาก น้ำ�ทองแดงนั้นจะไหม้ริมฝีปากบ้าง
ไหมป้ ากบา้ ง ไหมค้ อบา้ ง ไหมท้ อ้ งบา้ ง ของสตั วน์ นั้ พาเอา
ไสใ้ หญบ่ า้ ง ไสน้ อ้ ยบา้ ง ออกมาทางสว่ นเบอื้ งลา่ ง สตั วน์ นั้
ยอ่ มเสวยเวทนาอนั เปน็ ทกุ ขก์ ลา้ เจบ็ แสบอยู่ ณ ทน่ี น้ั และ
ยงั ไมต่ ายตราบเทา่ บาปกรรมนน้ั ยงั ไมส่ น้ิ สดุ .

86

เปิดธรรมทีถ่ กู ปดิ : ภพภมู ิ

ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !  เหลา่ นายนริ ยบาลจะโยนสตั วน์ น้ั
เขา้ ไปในมหานรกอีก.

ภิกษุท้ังหลาย !   เรื่องเคยมีมาแล้ว  พระยายม
ไดม้ คี วามด�ำ ริอยา่ งนว้ี ่า  

“พ่อเจ้าประคุณเอ๋ย !  เป็นอันว่าเหล่าสัตว์ท่ี
ทำ�กรรมอันเป็นบาปไว้ในโลกย่อมถูกนายนิรยบาลลง
กรรมกรณ์ตา่ งชนดิ เหน็ ปานนี้.

โอหนอ !  ขอเราพงึ ได้ความเป็นมนุษย์
ขอตถาคตอรหนั ตสมั มาสัมพทุ ธะ
พึงเสด็จอบุ ตั ิข้ึนในโลก
ขอเราพงึ ไดน้ ง่ั ใกลพ้ ระผมู้ พี ระภาคพระองคน์ น้ั
ขอพระผูม้ พี ระภาคพระองคน์ น้ั
พึงทรงแสดงธรรมแกเ่ รา
และขอเราพงึ รทู้ ัว่ ถึงธรรม
ของพระผู้มีพระภาคพระองค์นัน้ เถิด”.
ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !   กเ็ รอ่ื งนน้ั เรามไิ ดฟ้ งั ตอ่ สมณะ
หรอื พราหมณอ์ น่ื ๆ แลว้ จงึ บอก กแ็ ลเราบอกเรอ่ื งทร่ี เู้ อง
เห็นเอง ปรากฏเองท้ังนั้น.

87

พทุ ธวจน - หมวดธรรม

(คาถาผนวกท้ายพระสูตร)

นรชนเหลา่ ใดยงั เป็นมาณพ
อันเทวทตู ตกั เตอื นแล้วประมาทอยู่
นรชนเหล่าน้นั จะเขา้ ถงึ หมสู่ ัตวอ์ ันเลว
ถึงความเศร้าโศกสิ้นกาลนาน

ส่วนนรชนเหลา่ ใด
เป็นสัตบุรุษผสู้ งบระงบั ในโลกน้ี
อันเทวทูตตกั เตือนแล้ว
ย่อมไมป่ ระมาทในธรรมของพระอริยะ
ในกาลไหนๆ เห็นภยั ในความถือม่ัน
อันเป็นเหตุแห่งชาติและมรณะ แล้วไม่ถอื มั่น
หลดุ พน้ ในธรรมเปน็ ทส่ี ้นิ ชาตแิ ละมรณะได้
นรชนเหลา่ นั้นเปน็ ผู้ถงึ ความเกษม
มสี ขุ ดับสนทิ ในปัจจุบัน
ล่วงเวรและภยั ทั้งปวง
และเข้าไปลว่ งทุกข์ท้งั ปวงได้.

88

พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมทถี่ กู ปิด : ภพภมู ิ

อายุนรก 24

-บาลี ทสก.อํ. ๒๔/๑๘๑/๘๙.

ขา้ แตพ่ ระองคผ์ เู้ จรญิ  !  พระสารบี ตุ รและพระโมคคลั ลานะ
เป็นผู้มีความปรารถนาอันเลวทราม ตกอยู่ในอำ�นาจแห่งความ
ปรารถนาอันเลวทราม พระเจา้ ขา้  !

โกกาลิกะ !   เธออย่าได้กล่าวอย่างน้ี. 

โกกาลกิ ะ !   เธออยา่ ไดก้ ลา่ วอยา่ งน้ี เธอจงยงั จติ
ให้เลอื่ มใสในสารีบตุ รและโมคคัลลานะเถิด สารีบตุ รและ
โมคคัลลานะมศี ีลเปน็ ทร่ี ัก.

แมค้ รง้ั ท่ี ๒ โกกาลกิ ภกิ ษไุ ดก้ ราบทลู อกี พระผมู้ พี ระภาคตรสั หา้ ม

แมค้ รง้ั ท่ี ๓ โกกาลกิ ภกิ ษไุ ดก้ ราบทลู อกี พระผมู้ พี ระภาคตรสั หา้ ม

ลำ�ดับน้นั แล โกกาลิกภิกษุลุกจากอาสนะ ถวายบังคมพระผ้มู ี
พระภาคกระท�ำ ประทกั ษณิ แลว้ หลกี ไป …

ครน้ั พอลว่ งราตรนี น้ั ไป  พระผมู้ พี ระภาคตรสั กะภกิ ษทุ ง้ั หลายวา่  

89

พทุ ธวจน - หมวดธรรม

ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !  เมอ่ื คนื น้ี เมอ่ื ปฐมยามลว่ งไปแลว้
ทา้ วสหมั บดพี รหม มรี ศั มอี นั งามยงิ่ ท�ำ วหิ ารเชตวนั ทง้ั สนิ้
ให้สว่างไสว เข้ามาหาเราถึงท่ีอยู่ อภิวาทแล้วยืนอยู่ท่ีควร
ส่วนข้างหนึ่ง คร้ันแล้วได้กล่าวกะเราว่า “ข้าแต่พระองค์
ผู้เจริญ !  โกกาลิกภิกษุมรณภาพแล้ว  อุบัติในปทุมนรก
เพราะจติ คดิ อาฆาตในพระสารบี ตุ ร และพระโมคคลั ลานะ”
ทา้ วสหมั บดพี รหม ครน้ั กลา่ วดงั นแ้ี ลว้ กระท�ำ ประทกั ษณิ แลว้
ได้อันตรธานหายไปในทนี่ ัน้ เอง.

ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ !   ประมาณอายุในปทุมนรก
นานเพียงใด พระเจ้าข้า !

ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !  ประมาณอายใุ นปทมุ นรกนานนกั
การนบั ประมาณอายใุ นปทมุ นรกนน้ั วา่ เทา่ นป้ี ี เทา่ นร้ี อ้ ยปี
เทา่ น้พี ันปี หรอื วา่ เท่าน้ีแสนปี ไม่ใช่ท�ำ ไดง้ ่าย.

ขา้ แตพ่ ระองคผ์ เู้ จรญิ  !   กพ็ ระองคส์ ามารถจะทรงกระท�ำ
การเปรยี บเทียบได้หรอื ไม่ พระเจ้าข้า !

ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !   อาจเปรยี บได.้

90

เปดิ ธรรมทถ่ี ูกปิด : ภพภูมิ

ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !   เปรยี บเหมอื นเกวยี นทบ่ี รรทกุ งา
ของชาวโกศลมอี ตั รา ๒๐ ขารี เมอ่ื ลว่ งไปทกุ แสนปี บุรษุ พึง
หยิบเมลด็ งาขนึ้ จากเกวียนนั้นออกหนึง่ เมล็ด.

ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !   เกวยี นทบ่ี รรทกุ งาของชาวโกศล
มอี ตั รา ๒๐ ขารนี น้ั จะพงึ ถงึ ความสน้ิ ไป หมดไปโดยล�ำ ดบั
นย้ี งั เรว็ เสยี กวา่ สว่ น ๑ อพั พุทนรกยังไม่พึงถงึ ความสนิ้ ไป
หมดไปไดเ้ ลย.

ภกิ ษทุ ั้งหลาย !
๒๐ อพั พทุ นรก เป็น ๑ นริ พั พุทนรก
๒๐ นิรพั พทุ นรก เปน็ ๑ อัพพนรก
๒๐ อัพพนรก เป็น ๑ อหหนรก
๒๐ อหหนรก เป็น ๑ อฏฏนรก
๒๐ อฏฏนรก เปน็ ๑ กมุ ุทนรก
๒๐ กุมทุ นรก เป็น ๑ โสคนั ธกิ นรก
๒๐ โสคันธิกนรก เปน็ ๑ อุปลกนรก
๒๐ อปุ ลกนรก เป็น ๑ ปุณฑรกี นรก
๒๐ ปุณฑรกี นรก เป็น ๑ ปทมุ นรก
อย่างนี้ ก็โกกาลิกภิกษุอุบัติในปทุมนรก เพราะ
จิตคิดอาฆาตในสารบี ุตรและโมคคัลลานะ.

91

พทุ ธวจน - หมวดธรรม

(คาถาผนวกท้ายพระสูตร)

กว็ าจาหยาบเชน่ กบั ขวาน เกดิ ในปากของบรุ ษุ แลว้
เปน็ เหตตุ ัดรอนตนเองของบุรษุ ผเู้ ปน็ พาล
ผู้กล่าวคำ�ทุภาษิต
ผู้ใดสรรเสรญิ คนทีค่ วรนินทา
หรอื นนิ ทาคนทีค่ วรสรรเสรญิ
ผนู้ น้ั ยอ่ มกอ่ โทษเพราะปาก
ย่อมไมไ่ ด้ความสขุ เพราะโทษนั้น
การแพ้ดว้ ยทรพั ยเ์ พราะเลน่ การพนนั
เปน็ โทษเพียงเล็กนอ้ ย
โทษของผู้ท่ยี งั ใจใหป้ ระทุษรา้ ยในท่านผ้ปู ฏิบตั ดิ ี
นี้แลเป็นโทษมากกวา่
บคุ คลตั้งวาจาและใจอนั เปน็ บาปไว้แลว้
เป็นผู้ติเตยี นพระอรยิ เจา้
ยอ่ มเขา้ ถงึ นรกตลอดกาล
ประมาณด้วยการนบั ปี
๑๓๖,๐๐๐ นริ พั พุทะ และ ๕ อพั พทุ ะ.

92

พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมท่ีถูกปดิ : ภพภมู ิ

การเขา้ ถงึ นรกในภพปจั จบุ นั (นยั ท่ี ๑) 25

-บาลี มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๖๒/๑๗๓๑.

ภิกษุทัง้ หลาย !   นรกชอ่ื ว่ามหาปริฬาหะ มอี ยู่.
ในนรกน้ัน บุคคลยงั เห็นรูปอย่างใดอยา่ งหนึ่งได้
ด้วยจักษุ (ตา) แต่ได้เห็นรูปที่ไม่น่าปรารถนาอย่างเดียว
ไมเ่ หน็ รปู ทน่ี า่ ปรารถนาเลย  เหน็ รปู ทไ่ี มน่ า่ ใครอ่ ยา่ งเดยี ว

ไม่เห็นรูปที่น่าใคร่เลย  เห็นรูปที่ไม่น่าพอใจอย่างเดียว

ไม่เห็นรปู ท่ีนา่ พอใจเลย.
ในนรกน้ัน  บุคคลยังฟังเสียงอย่างใดอย่างหน่ึง

ไดด้ ว้ ยโสตะ (หู)… .
ในนรกน้ัน  บุคคลยังดมกลิ่นอย่างใดอย่างหนึ่ง

ได้ดว้ ยฆานะ (จมูก)… .
ในนรกนั้น  บุคคลยังลิ้มรสอย่างใดอย่างหนึ่ง

ได้ดว้ ยชวิ หา (ลิ้น)… .
ในนรกนั้น  บุคคลยังถูกต้องโผฏฐัพพะอย่างใด

อย่างหนงึ่ ไดด้ ้วยกาย… .
ในนรกน้ัน  บุคคลยังรู้แจ้งธรรมารมณ์อย่างใด

อยา่ งหนง่ึ ไดด้ ว้ ยมโน (ใจ) แตไ่ ดร้ แู้ จง้ ธรรมารมณท์ ไี่ มน่ า่

93

พทุ ธวจน - หมวดธรรม

ปรารถนาอยา่ งเดยี ว ไมไ่ ดร้ แู้ จง้ ธรรมารมณท์ น่ี า่ ปรารถนา
เลย  ไดร้ แู้ จง้ ธรรมารมณท์ ไ่ี มน่ า่ ใครอ่ ยา่ งเดยี ว ไมไ่ ดร้ แู้ จง้
ธรรมารมณท์ น่ี า่ ใครเ่ ลย  ไดร้ แู้ จง้ ธรรมารมณท์ ไ่ี มน่ า่ พอใจ
อย่างเดียว ไมไ่ ดร้ ู้แจง้ ธรรมารมณท์ ีน่ ่าพอใจเลย.

เม่ือพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอย่างน้ีแล้ว ภิกษุรูปหน่ึง
ไดท้ ูลถาม พระผ้มู ีพระภาคเจ้าวา่  

ขา้ แตพ่ ระองคผ์ เู้ จรญิ  !  ความเรา่ รอ้ นนน้ั ใหญห่ ลวงหนอ.
ขา้ แตพ่ ระองคผ์ เู้ จรญิ  !  ความเรา่ รอ้ นนน้ั ใหญห่ ลวงนกั หนอ.
ขา้ แตพ่ ระองคผ์ เู้ จรญิ  !   มไี หม พระเจา้ ขา้  ! ความรอ้ นอน่ื
ทใ่ี หญห่ ลวงกวา่ นา่ กลวั กวา่ กวา่ ความรอ้ นน ้ี?

ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !  มอี ยู่ ความเรา่ รอ้ นอน่ื ทใ่ี หญห่ ลวง
กว่า นา่ กลวั กว่า กวา่ ความร้อนน้ี.

ขา้ แตพ่ ระองคผ์ เู้ จรญิ  !   กค็ วามรอ้ นอน่ื ทใ่ี หญห่ ลวงกวา่
นา่ กลวั กวา่ กว่าความร้อนน้ีเป็นอยา่ งไรเลา่  ?

ภิกษุท้ังหลาย !   ก็สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใด
เหล่าหนง่ึ ย่อมไมร่ ู้ชัดตามความเปน็ จรงิ ว่า

ทกุ ข์ เป็นอย่างน้ๆี
เหตุใหเ้ กดิ ขึ้นแห่งทุกข์ เปน็ อย่างนๆี้
ความดบั ไม่เหลือแห่งทุกข์ เปน็ อยา่ งน้ีๆ

94

เปิดธรรมที่ถกู ปิด : ภพภูมิ

ขอ้ ปฏบิ ตั เิ ครือ่ งท�ำ สัตวใ์ หล้ ถุ ึงความดับ
ไมเ่ หลอื แหง่ ทุกข์ เป็นอยา่ งน้ี
สมณพราหมณ์เหล่าน้ัน  ย่อมยินดีย่ิงในสังขาร
ทง้ั หลาย อนั เปน็ ไปพรอ้ มเพอ่ื ชาตชิ รามรณะโสกะปรเิ ทวะ
ทุกขะโทมนสั อปุ ายาส.
สมณพราหมณ์เหล่าน้ัน  คร้ันยินดีย่ิงในสังขาร
ท้ังหลายเช่นน้ันแล้ว  ย่อมปรุงแต่งซ่ึงสังขารทั้งหลาย
อันเป็นไปพร้อมเพ่ือชาติชรามรณะโสกะปริเทวะทุกขะ
โทมนสั อปุ ายาส.
สมณพราหมณ์เหล่านั้น  ครั้นปรุงแต่งซ่ึงสังขาร
ทั้งหลายเช่นนั้นแล้ว  ย่อมเร่าร้อนเพราะความเร่าร้อน
แหง่ ชาติ (ความเกดิ ) บา้ ง  ยอ่ มเรา่ รอ้ นเพราะความเรา่ รอ้ น
แหง่ ชราบา้ ง  ยอ่ มเรา่ รอ้ นเพราะความเรา่ รอ้ นแหง่ มรณะ
บ้าง  ย่อมเร่าร้อนเพราะความเร่าร้อนแห่งโสกะปริเทวะ
ทกุ ขะโทมนัสอุปายาสบ้าง.
เรากลา่ ววา่ “สมณพราหมณเ์ หลา่ นน้ั ยอ่ มไมพ่ น้ จาก
ชาตชิ รามรณะโสกะปรเิ ทวะทกุ ขะโทมนสั อปุ ายาสทง้ั หลาย
คือ ไมพ่ ้นจากทุกข์ ดังนี้.

95

พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมท่ถี ูกปิด : ภพภูมิ

การเขา้ ถงึ นรกในภพปจั จบุ นั (นยั ท่ี ๒) 26

-บาลี สฬา. สํ. ๑๘/๑๕๘/๒๑๔.

ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !  เป็นลาภของเธอทง้ั หลาย.
ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !  เปน็ การไดท้ ด่ี ขี องเธอทง้ั หลายแลว้ .
ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !  ขณะส�ำ หรบั การประพฤตพิ รหมจรรย์
พวกเธอกไ็ ดโ้ ดยเฉพาะแลว้ .
ภิกษุทัง้ หลาย !  
นรก ชอื่ วา่ ผสั สายตนกิ ะ ๖ ขมุ เราไดเ้ หน็ แลว้ .
ในบรรดานรกเหลา่ นน้ั บคุ คลเหน็ รปู ใดๆ ดว้ ย ตา
ย่อมเห็นแต่รูปที่ไม่น่าปรารถนาเท่านั้น  ไม่เห็นรูปท่ีน่า
ปรารถนาเลย เห็นแต่รูปท่ีไม่น่ารักใคร่เท่านั้น ไม่เห็นรูป
ทนี่ ่ารักใครเ่ ลย เห็นแตร่ ปู ทไี่ ม่นา่ พอใจเทา่ นนั้ ไม่เหน็ รูป
ทน่ี ่าพอใจเลย.

ในบรรดานรกเหลา่ นน้ั บคุ คลฟงั เสยี งใดๆ ดว้ ยหู …
ในบรรดานรกเหลา่ นน้ั บคุ คลดมกลน่ิ ใดๆ ดว้ ยจมกู …
ในบรรดานรกเหลา่ นน้ั บคุ คลลม้ิ รสใดๆ ดว้ ยลน้ิ …
ในบรรดานรกเหลา่ นน้ั บคุ คลถกู ตอ้ งโผฏฐพั พะใดๆ
ดว้ ยผวิ กาย …

96

เปดิ ธรรมท่ีถูกปิด : ภพภมู ิ

ในบรรดานรกเหลา่ นน้ั บคุ คลรแู้ จง้ ธรรมารมณใ์ ดๆ
ด้วยใจ ย่อมรู้แจ้งแต่ธรรมารมณ์ที่ไม่น่าปรารถนาเท่านั้น
ไม่รู้แจ้งธรรมารมณ์ที่น่าปรารถนาเลย รู้แจ้งธรรมารมณ์
ท่ีไม่น่ารักใคร่เท่าน้ัน ไม่รู้แจ้งธรรมารมณ์ที่น่ารักใครเ่ ลย
รแู้ จง้ แตธ่ รรมารมณท์ ไ่ี มน่ า่ พอใจเทา่ นน้ั ไมร่ แู้ จง้ ธรรมารมณ์
ที่น่าพอใจเลย.

ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !  เป็นลาภของเธอท้งั หลาย.
ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !  เปน็ การไดท้ ด่ี ขี องเธอทง้ั หลายแลว้ .
ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !  ขณะส�ำ หรบั การประพฤตพิ รหมจรรย์
พวกเธอกไ็ ดโ้ ดยเฉพาะแลว้ ดงั นแ้ี ล.

97

พุทธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมทีถ่ กู ปดิ : ภพภูมิ

การจองจ�ำท่ีทารุณเจ็บปวด 27

-บาลี ฉกกฺ . อํ. ๒๒/๓๙๓/๓๑๖.

ภกิ ษทุ งั้ หลาย !   ความไมม่ ศี รทั ธา ไมม่ หี ริ ิ ไมม่ ี
โอตตปั ปะ ไมม่ วี ริ ยิ ะ ไมม่ ปี ญั ญาในกศุ ลธรรม มอี ยแู่ กผ่ ใู้ ด
เรากล่าวบุคคลผู้นัน้ วา่ เป็นคนจนเข็ญใจไร้ทรัพยส์ มบตั ิ
ในอริยวินยั .

ภิกษุท้ังหลาย !   คนจนชนดิ น้ัน เมอ่ื ไม่มีศรทั ธา
ไมม่ หี ริ ิ ไมม่ โี อตตปั ปะ ไมม่ วี ริ ยิ ะ ไมม่ ปี ญั ญาในกศุ ลธรรม
เขาย่อมประพฤติกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต  เรา
กล่าวการประพฤตทิ จุ ริตของเขานี้ วา่ เปน็ การก้หู น.ี้

เพ่ือจะปกปิดกายทุจริต  วจีทุจริต  มโนทุจริต
ของเขา  เขาต้ังความปรารถนาอันเลวทราม  ปรารถนา
ไม่ให้ใครรู้จักเขา ดำ�ริไม่ให้ใครรู้จักเขา พูดจาเพ่ือไม่ให้
ใครรู้จักเขา  ขวนขวายทุกอย่างเพ่ือไม่ให้ใครรู้จักเขา
เรากล่าวการปกปิดความทุจริตอย่างนี้ของเขาน้ี ว่าเป็น
ดอกเบ้ยี ที่เขาต้องใช.้

98

เปดิ ธรรมท่ถี ูกปิด : ภพภมู ิ

เพื่อนสพรหมจารีผู้มีศีลเป็นท่ีรัก  พากันกล่าว
ปรารภเขาอย่างนี้ว่า “ท่านผู้มีอายุนี้ ทำ�อะไรๆ (ทุจริต)
อย่างนี้ มีปกติประพฤติกระทำ�อะไรๆ (ทุจริต) อย่างน้ี”
เรากลา่ วการถกู กลา่ วอยา่ งน้ี ว่าเป็นการถกู ทวงหน้ี.

เขาจะไปอยปู่ า่ กต็ าม อยโู่ คนไมก้ ต็ าม อยเู่ รอื นวา่ ง
กต็ าม อกศุ ลวติ กอนั เปน็ บาปประกอบอยดู่ ว้ ยความรอ้ นใจ
ย่อมเกิดข้ึนกลุ้มรุมจิตใจเขา  เรากล่าวอาการอย่างน้ี
วา่ เปน็ การถกู ตดิ ตามเพ่ือทวงหนี.้

ภิกษุทั้งหลาย !   คนจนชนิดนี้ ครั้นประพฤติ
กายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริตแล้ว ภายหลังแต่การตาย
เพราะการแตกท�ำ ลายแหง่ กาย ยอ่ มถกู จองจ�ำ อยใู่ นนรกบา้ ง
ในกำ�เนิดเดรจั ฉานบ้าง.

ภิกษุทั้งหลาย !   เราไม่มองเห็นการจองจำ�อื่น
แม้อย่างเดียว ท่ีทารุณอย่างนี้เจ็บปวดอย่างน้ี เป็น
อันตรายอย่างน้ี ต่อการบรรลุโยคักเขมธรรมอันไม่มี
ธรรมอ่ืนยิ่งกว่า เหมือนการถูกจองจำ�ในนรก หรือใน
ก�ำ เนดิ เดรจั ฉาน อยา่ งน้.ี

99

พุทธวจน - หมวดธรรม

(คาถาผนวกทา้ ยพระสูตร)

ความยากจน และการกหู้ น้ี ท่านกล่าวว่า
เป็นความทุกขใ์ นโลก

คนจนก้หู นมี้ าเล้ียงชีวติ ย่อมเดอื ดร้อน
เพราะเจา้ หนี้ติดตามบา้ ง เพราะถกู จบั กุมบ้าง.

การถูกจับกุมนั้น เป็นความทุกข์ของคนบูชา
การได้กาม

ถงึ แมใ้ นอรยิ วนิ ยั นก้ี เ็ หมอื นกนั
ผ้ใู ดไมม่ ศี รทั ธา ไมม่ ีหริ ิ ไม่มีโอตตัปปะ สงั่ สม
แต่บาปกรรม กระทำ�กายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต
ปกปิดอยู่ด้วยการกระทำ�ทางกาย ทางวาจา ทางจิต
เพอ่ื ไมใ่ หผ้ ใู้ ดรจู้ กั เขา ผนู้ น้ั พอกพนู บาปกรรมอยเู่ นอื งนติ ย์
ในท่นี น้ั ๆ
คนชั่วทำ�บาปกรรม  รู้สึกแต่กรรมช่ัวของตน
เสมือนคนยากจนกหู้ นม้ี าบรโิ ภคอยู่ ยอ่ มเดอื ดรอ้ น
ความตรติ รกึ ทเี่ กดิ จากวปิ ฏสิ าร1 อนั เปน็ เครอ่ื ง
ทรมานใจ ย่อมติดตามเขาท้งั ในบา้ นและในปา่
คนชั่วทำ�บาปกรรม รู้สึกแต่กรรมชั่วของตน
ไปสกู่ �ำ เนดิ เดรจั ฉานบางอยา่ ง หรอื วา่ ถกู จองจ�ำ อยใู่ นนรก
การถกู จองจ�ำ นน้ั เปน็ ทกุ ขช์ นดิ ทธ่ี รี ชนไมเ่ คยประสบเลย.

1. ความเดอื ดรอ้ นใจ.
100

พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมทถ่ี กู ปดิ : ภพภูมิ

ความเปน็ ไปไดย้ าก 28

-บาลี มหาวาร. ส.ํ ๑๙/๕๘๗/๑๗๙๖-๙๗.

ภิกษุท้งั หลาย !   เธอท้งั หลายจะสำ�คัญความข้อน้ี
ว่าอย่างไร ฝุ่นนิดหน่ึงท่ีเราช้อนข้ึนด้วยปลายเล็บน้ี กับ
มหาปฐพนี น้ั ขา้ งไหนจะมากกวา่ กนั  ?

ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ !   มหาปฐพีนั่นแหละเป็นดิน
ท่ีมากกว่า ฝุ่นนิดหนึ่งเท่าท่ีทรงช้อนขึ้นด้วยปลายพระนขาน้ี
เป็นของมีประมาณน้อย ฝุ่นน้ัน เมื่อน�ำเข้าไปเทียบกับมหาปฐพี
ยอ่ มไมถ่ งึ ซงึ่ การค�ำนวณได้ เปรยี บเทยี บได้ ไมเ่ ขา้ ถงึ แมซ้ งึ่ สว่ นเสย้ี ว.

ภิกษุทั้งหลาย !   อุปมานี้ฉันใด อุปไมยก็ฉันน้ัน
สตั วท์ จ่ี ตุ จิ ากนรกไปแลว้ จะกลบั ไปเกดิ ในหมมู่ นษุ ย์ มนี อ้ ย
โดยท่แี ท้ สัตวท์ ีจ่ ุตจิ ากนรกไปแล้ว กลบั ไปเกิดในนรก
ก�ำ เนดิ เดรจั ฉาน เปรตวิสัย มีมากกว่าโดยแท้.

ขอ้ นั้นเพราะเหตุไรเล่า ?

ภิกษุท้ังหลาย !  
ข้อนั้นเพราะความที่สัตว์เหล่านั้นไม่เห็นอริยสัจทั้งสี่.

101

พุทธวจน - หมวดธรรม

อริยสจั ส่ี อย่างไรเล่า ? สี่อยา่ งคือ  
อรยิ สจั คอื ทกุ ข์
อรยิ สจั คือเหตใุ หเ้ กิดขน้ึ แห่งทุกข์
อริยสัจคอื ความดบั ไมเ่ หลอื แหง่ ทุกข์
อริยสัจคอื ทางด�ำ เนนิ ให้ถึงความดับไมเ่ หลือแหง่ ทกุ ข์.

ภิกษทุ ง้ั หลาย !   เพราะเหตุนนั้ ในเรอื่ งน้ี
เธอพงึ ประกอบโยคกรรมอนั เปน็ เครอ่ื งกระท�ำ ใหร้ วู้ า่   
ทุกข์ เป็นอยา่ งนี้
เหตเุ กิดขึ้นแห่งทุกข์ เปน็ อย่างน้ี
ความดับไมเ่ หลอื แห่งทุกข์ เป็นอยา่ งน้ี
ทางด�ำ เนนิ ใหถ้ งึ ความดบั ไมเ่ หลอื แหง่ ทกุ ข์ เปน็ อยา่ งน้ี ดงั น.้ี

ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !   เธอทง้ั หลายจะส�ำ คญั ความขอ้ น้ี
ว่าอย่างไร ฝุ่นนิดหน่ึงท่ีเราช้อนข้ึนด้วยปลายเล็บน้ี กับ
มหาปฐพนี ้นั ข้างไหนจะมากกว่ากนั  ?

ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ !   มหาปฐพีน่ันแหละเป็นดิน
ที่มากกว่า  ฝุ่นนิดหน่ึงเท่าที่ทรงช้อนขึ้นด้วยปลายพระนขาน้ี
เป็นของมีประมาณน้อย ฝุ่นน้ัน เม่ือนำ�เข้าไปเทียบกับมหาปฐพี
ยอ่ มไมถ่ งึ ซง่ึ การค�ำ นวณได้ เปรยี บเทยี บได้ ไมเ่ ขา้ ถงึ แมซ้ ง่ึ สว่ นเสย้ี ว.

102

เปิดธรรมทถ่ี ูกปดิ : ภพภมู ิ

ภิกษุทั้งหลาย !   อุปมาน้ีฉันใด อุปไมยก็ฉันน้ัน
สตั วท์ จ่ี ตุ จิ ากนรกไปแลว้ จะกลบั ไปเกดิ ในหมเู่ ทวดา มนี อ้ ย
โดยท่แี ท้ สตั ว์ท่ีจุตจิ ากนรกไปแล้ว กลับไปเกดิ ในนรก
ก�ำ เนิดเดรัจฉาน เปรตวิสยั มีมากกว่าโดยแท.้

ขอ้ นน้ั เพราะเหตไุ รเลา่  ?
ภกิ ษุทง้ั หลาย !  
ข้อนั้นเพราะความท่ีสัตว์เหล่าน้ันไม่เห็นอริยสัจท้ังสี่.
อรยิ สจั ส่ี อยา่ งไรเล่า ? สอี่ ยา่ งคอื   
อริยสัจคือทกุ ข์
อริยสจั คอื เหตใุ ห้เกิดข้นึ แหง่ ทกุ ข์
อริยสัจคือความดับไม่เหลอื แห่งทุกข์
อรยิ สจั คอื ทางดำ�เนินให้ถงึ ความดบั ไมเ่ หลือแห่งทกุ ข.์
ภิกษุทั้งหลาย !   เพราะเหตนุ น้ั ในเรอื่ งน้ี
เธอพงึ ประกอบโยคกรรมอนั เปน็ เครอ่ื งกระท�ำ ใหร้ วู้ า่   
ทกุ ข์ เปน็ อยา่ งน้ี
เหตเุ กดิ ขน้ึ แหง่ ทกุ ข์ เปน็ อยา่ งน้ี
ความดบั ไมเ่ หลอื แหง่ ทกุ ข์ เปน็ อยา่ งน้ี
ทางด�ำ เนนิ ใหถ้ งึ ความดบั ไมเ่ หลอื แหง่ ทกุ ข์ เปน็ อยา่ งน้ี ดงั น.้ี

103

พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมที่ถูกปดิ : ภพภมู ิ

การไมร่ ้อู รยิ สจั มดื ย่งิ กวา่ โลกนั ตรกิ 29

-บาลี มหาวาร. ส.ํ ๑๙/๕๖๖-๕๖๗/๑๗๓๙-๑๗๔๒.

ภิกษุท้ังหลาย !   โลกันตริก (โลกันตนรก) มีแต่
ความทุกข์  มืดคลุ้มมัวเป็นหมอก  สัตว์ในโลกันตริกนั้น
ไม่ได้รับรัศมีพระจันทร์  และพระอาทิตย์ซ่ึงมีฤทธ์ิ
มีอานุภาพมากอย่างน.้ี

ขา้ แต่พระองค์ผเู้ จรญิ  !   ความมดื นนั้ มาก ความมืดนนั้
มากแท้ๆ ความมืดอย่างอ่ืนที่มากกว่า และน่ากลัวกว่าความมืด
น้ี มอี ยหู่ รือ ?

ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !   ความมดื อยา่ งอนื่ ทมี่ ากกวา่ และ
นา่ กลัวกว่าความมืดนี้ มีอยู.่

ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ !   ความมืดอย่างอ่ืนที่มากกว่า
และนา่ กลัวกวา่ ความมดื นี้ เปน็ อย่างไรเลา่  ?

ภิกษุทั้งหลาย !   ก็สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใด
เหล่าหน่ึง  ย่อมไม่รู้ชัดตามความเป็นจริงว่า  น้ีทุกข์ 
นี้ทุกขสมุทัย  น้ีทุกขนิโรธ  น้ีทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา
สมณะหรอื พราหมณเ์ หลา่ นนั้ ยอ่ มยนิ ดใี นสงั ขารทง้ั หลาย
ซึ่งเป็นไปเพ่ือความเกิด ความแก่ ความตาย ความโศก

104

เปิดธรรมที่ถกู ปิด : ภพภมู ิ

ความรำ่�ไร ความทุกข์ ความโทมนัสและความคับแค้นใจ
ครน้ั ยนิ ดแี ลว้ ยอ่ มปรงุ แตง่ ครนั้ ปรงุ แตง่ แลว้ ยอ่ มตกไป
สูค่ วามมืด คอื ความเกดิ บา้ ง … เรากลา่ ววา่ สมณะหรือ
พราหมณเ์ หลา่ นน้ั ยอ่ มไมพ่ น้ ไปจากความเกดิ … ยอ่ มไม่
พน้ ไปจากทกุ ข.์

ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !   สว่ นสมณะหรอื พราหมณเ์ หลา่ ใด
เหล่าหนึ่ง ย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริงว่า  น้ีทุกข์ 
น้ีทุกขสมุทัย  น้ีทุกขนิโรธ  น้ีทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา
สมณะหรอื พราหมณเ์ หลา่ นน้ั ยอ่ มไมย่ นิ ดใี นสงั ขารทง้ั หลาย
ซง่ึ เปน็ ไปเพอ่ื ความเกดิ … ครน้ั ไมย่ นิ ดแี ลว้ ยอ่ มไมป่ รงุ แตง่
ครนั้ ไม่ปรงุ แต่งแลว้ ยอ่ มไม่ตกไปสูค่ วามมืด คอื ความ
เกิดบ้าง … เรากล่าวว่า สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้น
ยอ่ มพ้นไปจากความเกิด … ย่อมพน้ ไปจากความทกุ ข์.

ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !   เพราะฉะนน้ั แหละ เธอพงึ กระท�ำ
ความเพียร เพื่อรู้ตามความจริงว่า  นี้ทุกข์  น้ีทุกขสมุทัย
น้ที ุกขนิโรธ  นี้ทุกขนิโรธคามนิ ีปฏปิ ทา.

105



กำ� เนดิ เดรจั ฉาน

พุทธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมทถ่ี ูกปดิ : ภพภมู ิ

เหตทุ ท่ี �ำใหเ้ กิดเป็นสตั วเ์ ดรัจฉาน 30

-บาลี อปุ ร.ิ ม. ๑๔/๓๑๗-๓๑๙/๔๗๖-๔๘๐.

ภิกษุทั้งหลาย !   มีเหล่าสัตว์เดรัจฉานจำ�พวก
มีหญ้าเป็นภักษา สัตว์เดรัจฉานเหล่าน้ันย่อมใช้ฟันแทะ
เลม็ กนิ หญา้ สด กเ็ หลา่ สตั วเ์ ดรจั ฉานจ�ำ พวกมหี ญา้ เปน็ ภกั ษา
คอื อะไร ? คอื มา้ โค ลา แพะ เนอื้ หรอื แมจ้ �ำ พวกอนื่ ๆ
ไมว่ ่าชนิดไรๆ ท่มี ีหญ้าเป็นภกั ษา.

ภิกษุทั้งหลาย !   ในเบ้อื งต้นคนพาลนั้นน่ันแล
เป็นผู้กินอาหารด้วยความตดิ ใจในรส และท�ำ กรรมอัน
เปน็ บาปไว้ในโลกนี้ เมื่อตายไปแล้ว ย่อมเข้าถึงความ
เปน็ สหายของสัตวจ์ ำ�พวกทมี่ ีหญา้ เป็นภักษาเหลา่ น้ัน.

ภิกษุทั้งหลาย !   มีเหล่าสัตว์เดรัจฉานจำ�พวก
มคี ถู เปน็ ภกั ษา สตั วเ์ ดรจั ฉานเหลา่ นน้ั ไดก้ ลน่ิ คถู แตไ่ กลๆ
แล้วย่อมวิ่งไปด้วยหวังว่า  จักกินตรงนี้  จักกินตรงนี้
เปรียบเหมือนพวกพราหมณ์เดินไปตามกล่ินเครื่องบูชา
ด้วยตั้งใจว่า จักกนิ ตรงน้ี จกั กินตรงนี้ ฉนั ใด.

ภิกษทุ ้งั หลาย !   ฉนั นน้ั เหมอื นกนั แล มเี หลา่ สตั ว์
เดรัจฉานจำ�พวกมีคูถเป็นภักษา  สัตว์เดรัจฉานเหล่าน้ัน
ไดก้ ลน่ิ คถู แตไ่ กลๆ แลว้ ยอ่ มวง่ิ ไปดว้ ยหวงั วา่ จกั กนิ ตรงน้ี

108

เปดิ ธรรมทีถ่ กู ปิด : ภพภูมิ

จักกินตรงน้ี ก็เหล่าสัตว์เดรัจฉานจำ�พวกมีคูถเป็นภักษา
คอื อะไร ? คอื ไก่ สกุ ร สนุ ขั บา้ น สนุ ขั ปา่ หรอื แมจ้ �ำ พวกอน่ื ๆ
ไม่วา่ ชนิดไรๆ ทม่ี คี ูถเป็นภกั ษา.

ภิกษุทั้งหลาย !   ในเบ้อื งต้นคนพาลน้ันน่ันแล
เป็นผู้กินอาหารด้วยความติดใจในรส และท�ำ กรรมอนั
เปน็ บาปไว้ในโลกนี้ เม่ือตายไปแล้ว ย่อมเข้าถึงความ
เป็นสหายของสัตวจ์ ำ�พวกมคี ูถเปน็ ภักษาเหลา่ น้นั .

ภิกษุท้ังหลาย !   มีเหล่าสัตว์เดรัจฉานจำ�พวก
เกดิ แกต่ ายในทม่ี ดื กเ็ หลา่ สตั วเ์ ดรจั ฉานจ�ำ พวกเกดิ แกต่ าย
ในที่มืด คืออะไร ? คือ ตั๊กแตน มอด ไส้เดือน หรือแม้
จ�ำ พวกอ่นื ๆ ไมว่ ่าชนดิ ไรๆ ทีเ่ กิดแกต่ ายในท่มี ืด.

ภิกษุท้ังหลาย !   ในเบ้อื งต้นคนพาลนั้นน่ันแล
เป็นผู้กินอาหารดว้ ยความตดิ ใจในรส และท�ำ กรรมอัน
เปน็ บาปไว้ในโลกนี้ เมื่อตายไปแล้ว ย่อมเข้าถึงความ
เปน็ สหายของสตั วจ์ �ำ พวกเกดิ แกต่ ายในทม่ี ดื .

ภิกษุท้ังหลาย !   มีเหล่าสัตว์เดรัจฉานจำ�พวก
เกดิ แกต่ ายในน�้ำ กเ็ หลา่ สตั วเ์ ดรจั ฉานจ�ำ พวกเกดิ แกต่ าย
ในน�้ำ คอื อะไร ? คอื ปลา เตา่ จระเข้ หรอื แมจ้ �ำ พวกอนื่ ๆ
ไมว่ ่าชนดิ ไรๆ ทเ่ี กดิ แก่ตายในน�้ำ .

109

พุทธวจน - หมวดธรรม

ภิกษุทั้งหลาย !   ในเบ้อื งต้นคนพาลนั้นน่ันแล
เป็นผู้กินอาหารดว้ ยความติดใจในรส และทำ�กรรมอนั
เปน็ บาปไว้ในโลกนี้ เมื่อตายไปแล้ว ย่อมเข้าถึงความ
เปน็ สหายของสัตว์จ�ำ พวกเกิดแก่ตายในน้�ำ .

ภิกษุทั้งหลาย !   มีเหล่าสัตว์เดรัจฉานจำ�พวก
เกิดแก่ตายในของโสโครก ก็เหล่าสัตว์เดรัจฉานจำ�พวก
เกดิ แกต่ ายในของโสโครกคอื อะไร ? คอื เหลา่ สตั วจ์ �ำ พวก
ทเ่ี กดิ แกต่ ายในปลาเนา่ กม็ ี ในศพเนา่ กม็ ี ในขนมกมุ มาสเกา่
กม็ ี ในน้ำ�คร�ำ กม็ ี ในหลมุ โสโครกกม็ ี หรือแม้จำ�พวกอืน่ ๆ
ไม่ว่าชนิดไรๆ ทเ่ี กิดแกต่ ายในของโสโครก.

ภิกษุท้ังหลาย !   ในเบ้อื งต้นคนพาลน้ันนั่นแล
เป็นผู้กินอาหารด้วยความติดใจในรส และท�ำ กรรมอนั
เปน็ บาปไว้ในโลกนี้ เมื่อตายไปแล้ว ย่อมเข้าถึงความ
เปน็ สหายของสตั วจ์ �ำ พวกเกิดแก่ตายในของโสโครก.

ภิกษุทั้งหลาย !   เรากล่าวเรื่องกำ�เนิดเดรัจฉาน
แม้โดยอเนกปริยายแลเพียงเท่าน้ี จะกล่าวให้ถึงกระทั่ง
ความทกุ ข์ในก�ำ เนดิ เดรัจฉาน ไม่ใชท่ ำ�ได้งา่ ย.

110

พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมทถ่ี กู ปดิ : ภพภมู ิ

นาคเป็นสัตวเ์ ดรจั ฉาน 31

-บาลี มหา. วิ. ๔/๑๗๕/๑๒๗

กโ็ ดยสมยั นน้ั แล นาคตวั หนง่ึ อดึ อดั ระอา เกลยี ดก�ำ เนดิ นาค
นาคนน้ั ไดม้ คี วามด�ำ รวิ า่ ดว้ ยวธิ อี ะไรหนอ เราจงึ จะพน้ จากก�ำ เนดิ นาค
และกลบั ได้อัตภาพเปน็ มนษุ ย์เร็วพลัน.

ครน้ั แลว้ ไดด้ �ำ รติ อ่ ไปวา่ สมณะเชอ้ื สายศากยบตุ รเหลา่ นแ้ี ล
เปน็ ผปู้ ระพฤตธิ รรม ประพฤตสิ งบ ประพฤตพิ รหมจรรย์ กลา่ วแต่
คำ�สัตย์ มีศีล มีกัลยาณธรรม หากเราจะพึงบวชในสำ�นักสมณะ
เช้อื สายศากยบุตร  ด้วยวิธีเช่นน้ ี เราก็จะพ้นจากกำ�เนิดนาคและ
กลบั ไดอ้ ตั ภาพเปน็ มนษุ ยเ์ รว็ พลนั .

ครน้ั แลว้ นาคนน้ั จงึ แปลงกายเปน็ ชายหนมุ่   แล้วเข้าไปหา
ภกิ ษทุ ง้ั หลายขอบรรพชา  ภกิ ษทุ ง้ั หลายจงึ ใหเ้ ขาบรรพชาอปุ สมบท
สมยั ตอ่ มา พระนาคนน้ั อาศยั อยใู่ นวหิ ารสดุ เขตกบั ภกิ ษรุ ูปหนง่ึ .

ครน้ั ปจั จสุ สมยั แหง่ ราตรี ภกิ ษรุ ปู นน้ั ตน่ื นอนแลว้ ออกไป
เดนิ จงกรมอยใู่ นทแ่ี จง้   ครน้ั ภกิ ษรุ ปู นน้ั ออกไปแลว้   พระนาคนน้ั
กว็ างใจจ�ำ วดั วหิ ารทง้ั หลงั เตม็ ไปดว้ ยงู ขนดยน่ื ออกไปทางหนา้ ตา่ ง.

ครั้นภิกษุรูปน้ันผลักบานประตูด้วยตั้งใจจักเข้าวิหาร
ได้เห็นวิหารทั้งหลังเต็มไปด้วยงู เห็นขนดย่ืนออกไปทางหน้าต่าง
ก็ตกใจ จึงรอ้ งเอะอะขึน้ .

111

พุทธวจน - หมวดธรรม

ภิกษุท้ังหลายพากันว่ิงเข้าไปแล้วได้ถามภิกษุรูปน้ันว่า
“อาวุโส ทา่ นร้องเอะอะไปทำ�ไม ?”

ภกิ ษรุ ปู นน้ั บอกวา่ “อาวโุ สทง้ั หลาย วหิ ารนท้ี ง้ั หลงั เตม็ ไป
ด้วยงู ขนดย่นื ออกไปทางหนา้ ตา่ ง”

ขณะนน้ั พระนาคนั้นได้ตื่นขนึ้ เพราะเสยี งน้ัน แล้วนง่ั อยู่
บนอาสนะของตน.

ภิกษุทง้ั หลายถามวา่ “อาวโุ ส ท่านเปน็ ใคร ?”
น. “ผมเป็นนาค ขอรบั ”
ภิ. “อาวุโส ท่านได้ท�ำ เชน่ นเี้ พ่อื ประสงคอ์ ะไร ?”
พระนาคนน้ั จึงแจง้ เน้ือความนนั้ แกภ่ ิกษุทงั้ หลาย
ภิกษุทง้ั หลายกราบทลู เรื่องนัน้ แก่พระผู้มพี ระภาค
ลำ�ดับน้ัน พระผู้มีพระภาครับส่ังให้ประชุมภิกษุสงฆ์
ในเพราะเหตุเป็นเค้ามูลน้ัน ในเพราะเหตแุ รกเกดิ น้ัน แล้วได้ทรง
ประทานพระพทุ ธโอวาทนแ้ี กน่ าคนั้นว่า 

“พวกเจา้ เปน็ นาค มคี วามไมง่ อกงามในธรรมวนิ ยั น้ี
เปน็ ธรรมดา ไปเถดิ เจา้ นาค จงไปรกั ษาอโุ บสถในวนั ที่ ๑๔ 
ท่ี ๑๕  และที่ ๘ แหง่ ปกั ษน์ น้ั แหละ ดว้ ยวธิ นี ้ี เจา้ จกั พน้ จาก
กำ�เนิดนาค และจกั กลบั ไดอ้ ัตภาพเปน็ มนษุ ยเ์ รว็ พลัน”.

ครน้ั นาคนน้ั ไดท้ ราบวา่ ตนมคี วามไมง่ อกงามในธรรมวนิ ยั น้ี
เปน็ ธรรมดา ก็เสียใจหลง่ั นำ�้ ตา สง่ เสียงดังแลว้ หลีกไป.

112

เปิดธรรมที่ถูกปดิ : ภพภูมิ

ล�ำ ดบั นั้น พระผมู้ พี ระภาครบั สง่ั กะภกิ ษุท้งั หลายวา่  

ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !   เหตแุ หง่ ความปรากฏตามสภาพ
ของนาค มีสองประการนคี้ ือ 

เวลาเสพเมถนุ ธรรมกบั นางนาคผมู้ ชี าตเิ สมอกนั ๑
เวลาวางใจนอนหลับ ๑
ภิกษุทั้งหลาย !   น้ีแล  เหตุแห่งความปรากฏ
ตามสภาพของนาค ๒ ประการ.
ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !   อนปุ สมั บนั คอื สตั วเ์ ดรจั ฉาน
ภกิ ษไุ มพ่ งึ ใหอ้ ปุ สมบท ทอ่ี ปุ สมบทแลว้ ตอ้ งใหส้ กึ เสยี .

113

พุทธวจน - หมวดธรรม

114

พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมที่ถูกปิด : ภพภูมิ

ก�ำเนิดนาค ๔ จ�ำพวก 32

-บาลี ขนฺธ. ส.ํ ๑๗/๒๙๘/๕๑๙.

ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !   ก�ำ เนิดของนาค ๔ จ�ำ พวกน.ี้
๔ จำ�พวก เปน็ อยา่ งไรเล่า ? คอื
(๑) นาคท่ีเปน็ อัณฑชะ (เกดิ ในไข่)
(๒) นาคทเี่ ป็นชลาพชุ ะ (เกดิ ในครรภ)์
(๓) นาคที่เปน็ สังเสทชะ (เกิดในเถา้ ไคล)
(๔) นาคทเ่ี ป็นโอปปาตกิ ะ (เกดิ ผุดขึน้ )
ในนาค ๔ จ�ำ พวกนน้ั
นาคที่เป็นชลาพุชะ สังเสทชะ และโอปปาติกะ
ประณีตกวา่ นาคทเ่ี ปน็ อณั ฑชะ.
นาคท่ีเป็นสังเสทชะและโอปปาติกะ ประณีตกว่า
นาคทเ่ี ปน็ อัณฑชะและชลาพชุ ะ.
นาคทเ่ี ปน็ โอปปาตกิ ะ ประณตี กวา่ นาคทเ่ี ปน็ อณั ฑชะ
ชลาพุชะ และสงั เสทชะ.
ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !   นแ้ี ล ก�ำ เนดิ ของนาค ๔ จ�ำ พวก.

115

พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมท่ีถูกปดิ : ภพภมู ิ

เหตใุ หน้ าครกั ษาอุโบสถ 33

-บาลี ขนธฺ . สํ. ๑๗/๒๙๙-๓๐๐/๕๒๑-๕๒๔.

ภิกษุ !   นาคบางพวกที่เป็นอัณฑชะในโลกน้ี
มีความคิดอย่างนวี้ ่า 

เมื่อก่อน พวกเราเป็นผู้กระทำ�กรรมทั้งสอง1
ดว้ ยกาย ดว้ ยวาจา ดว้ ยใจ พวกเรานน้ั กระท�ำ กรรมทงั้ สอง
ดว้ ยกาย ดว้ ยวาจา ดว้ ยใจ เมอ่ื ตายไป จงึ เขา้ ถงึ ความเปน็ สหาย
ของพวกนาคที่เป็นอัณฑชะ ถ้าวันน้ีพวกเราพึงประพฤติ
สจุ รติ ดว้ ยกาย ดว้ ยวาจา ดว้ ยใจไซร้ เมอื่ เปน็ อยา่ งนี้ เมอื่
ตายไป พวกเราจะพงึ เขา้ ถงึ สคุ ตโิ ลกสวรรค์ เชญิ พวกเรา
มาประพฤตสิ จุ รติ ดว้ ยกาย ดว้ ยวาจา ดว้ ยใจเสยี ในบดั นเ้ี ถดิ .

ภกิ ษ ุ !   ขอ้ นแ้ี ล เปน็ เหตุ เปน็ ปจั จยั ใหน้ าคทเ่ี ปน็
อณั ฑชะบางพวกในโลกน้ี รกั ษาอโุ บสถและสละกายได.้

(ตรัสอย่างเดียวกันกับกรณีของนาคที่เป็นชลาพุชะ
สงั เสทชะ และโอปปาตกิ ะ รักษาอโุ บสถ)

1. กรรมทง้ั สอง = กศุ ลกรรมและอกศุ ลกรรม.
116

พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมที่ถูกปดิ : ภพภูมิ

เหตใุ ห้เขา้ ถึงความเป็นสหาย 34
ของนาค (นยั ที่ ๑)

-บาลี ขนธฺ . สํ. ๑๗/๓๐๑-๓๐๒/๕๒๕-๕๒๘.

ภิกษุ !   บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้กระทำ�
กรรมท้ังสองด้วยกาย ดว้ ยวาจา ด้วยใจ เขาได้ฟงั มาวา่
พวกนาคทเ่ี ปน็ อณั ฑชะ มอี ายยุ นื มวี รรณะ มากดว้ ยความสขุ
เขาจึงมีความปรารถนาอย่างนว้ี ่า 

“โอหนอ !   เม่ือตายไป ขอเราพึงเข้าถึงความ
เป็นสหายของพวกนาคท่ีเป็นอัณฑชะ” คร้ันตายไป เขา
ยอ่ มเข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาคท่เี ป็นอณั ฑชะ.

ภิกษุ !   ข้อน้ีแล เป็นเหตุ เป็นปัจจัยให้บุคคล
บางคนในโลกน้ี เมอ่ื ตายไป เขา้ ถงึ ความเปน็ สหายของ
พวกนาคท่เี ป็นอณั ฑชะ.

(ตรัสอย่างเดียวกันกับกรณีของนาคท่ีเป็นชลาพุชะ
สงั เสทชะ และโอปปาตกิ ะ)

117

พุทธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมทถี่ ูกปิด : ภพภูมิ

เหตใุ ห้เข้าถึงความเปน็ สหาย 35
ของนาค (นยั ที่ ๒)

-บาลี ขนธฺ . สํ. ๑๗/๓๐๓/๕๒๙.

ภิกษุ !   บุคคลบางคนในโลกนี้  เป็นผู้กระทำ�
กรรมทง้ั สองดว้ ยกาย ด้วยวาจา ดว้ ยใจ เขาได้ฟงั มาวา่
พวกนาคทเ่ี ปน็ อณั ฑชะ มอี ายยุ นื มวี รรณะ มากดว้ ยความสขุ
เขาจึงมีความปรารถนาอยา่ งนีว้ ่า 

“โอหนอ !   เมอ่ื ตายไป ขอเราพงึ เขา้ ถงึ ความเปน็
สหายของพวกนาคที่เป็นอัณฑชะ”

เขาจึงให้ข้าว น้ำ� ผ้า ยาน ดอกไม้ ของหอม
เครอื่ งลบู ไล้ ทน่ี อน ทอ่ี ยอู่ าศยั เครอื่ งตามประทปี ครน้ั
ตายไป เขาย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาคท่ีเป็น
อัณฑชะ.

ภิกษุ !   ข้อนี้แล เป็นเหตุ เป็นปัจจัยให้บุคคล
บางคนในโลกนี้ เมอ่ื ตายไป เขา้ ถงึ ความเปน็ สหายของ
พวกนาคท่ีเป็นอณั ฑชะ.

(ตรัสอย่างเดียวกันกับกรณีของนาคท่ีเป็นชลาพุชะ
สงั เสทชะ และโอปปาตกิ ะ)

118

พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมทีถ่ ูกปดิ : ภพภมู ิ

ก�ำเนดิ ครุฑ ๔ จ�ำพวก 36

-บาลี ขนฺธ. สํ. ๑๗/๓๐๕/๕๓๑.

ภิกษุทั้งหลาย !   กำ�เนิดของครุฑ (สุปณฺณ)
๔ จำ�พวกนี้.

๔ จำ�พวก เป็นอย่างไรเลา่  ? คือ
(๑) ครุฑทีเ่ ป็นอัณฑชะ (เกิดในไข่)
(๒) ครุฑทเ่ี ป็นชลาพชุ ะ (เกิดในครรภ์)
(๓) ครฑุ ที่เปน็ สงั เสทชะ (เกดิ ในเถ้าไคล)
(๔) ครฑุ ทเ่ี ป็นโอปปาติกะ (เกดิ ผดุ ข้นึ )
ในครุฑทั้ง ๔ จ�ำ พวกนน้ั
ครฑุ ทเ่ี ปน็ อณั ฑชะ ยอ่ มน�ำ นาคทเ่ี ปน็ อณั ฑชะไปได้
น�ำ นาคท่เี ป็นชลาพชุ ะ สงั เสทชะและโอปปาติกะไปไม่ได้.
ครฑุ ทเ่ี ปน็ ชลาพชุ ะ ยอ่ มน�ำ นาคทเ่ี ปน็ อณั ฑชะและ
ชลาพชุ ะไปได้ น�ำ นาคทเ่ี ปน็ สงั เสทชะ โอปปาตกิ ะไปไมไ่ ด.้
ครุฑที่เป็นสังเสทชะย่อมนำ�นาคท่ีเป็นอัณฑชะ
ชลาพชุ ะและสงั เสทชะไปได้ น�ำ นาคทเ่ี ปน็ โอปปาตกิ ะไปไมไ่ ด.้
ครุฑท่ีเป็นโอปปาตกิ ะ ยอ่ มนำ�นาคทีเ่ ป็นอัณฑชะ
ชลาพุชะ สังเสทชะและโอปปาติกะไปได้.
ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !  นแ้ี ล ก�ำ เนดิ ของครฑุ ๔ จ�ำ พวก.

119

พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมที่ถกู ปิด : ภพภูมิ

เหตใุ ห้เขา้ ถงึ ความเป็นสหาย 37
พวกครฑุ (นัยท่ี ๑)

-บาลี ขนฺธ. สํ. ๑๗/๓๐๖/๕๓๒-๕๓๓.

ภิกษุ !   บุคคลบางคนในโลกนี้  เป็นผู้กระทำ�
กรรมทงั้ สอง1 ดว้ ยกาย ดว้ ยวาจา ดว้ ยใจ เขาไดฟ้ งั มาวา่
พวกครฑุ ทเ่ี ปน็ อณั ฑชะ มอี ายยุ นื มวี รรณะ มากดว้ ยความสขุ
เขาจงึ มคี วามปรารถนาอย่างน้ีวา่   

โอหนอ !   เมือ่ ตายไป ขอเราพงึ เข้าถึงความเปน็
สหายของพวกครุฑที่เป็นอัณฑชะ คร้ันตายไป เขาย่อม
เขา้ ถึงความเป็นสหายของพวกครฑุ ทีเ่ ปน็ อณั ฑชะ.

ภิกษุ !   ข้อนี้แล เป็นเหตุ เป็นปัจจัยให้บุคคล
บางคนในโลกนี้ เมอ่ื ตายไป เขา้ ถงึ ความเปน็ สหายของ
พวกครุฑท่เี ป็นอัณฑชะ.

(ตรัสอย่างเดียวกันกับกรณีของครุฑที่เป็นชลาพุชะ
สงั เสทชะ และโอปปาติกะ)



1. กรรมทง้ั สอง = กศุ ลกรรมและอกศุ ลกรรม.
120

พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมท่ถี ูกปดิ : ภพภูมิ

เหตใุ หเ้ ข้าถึงความเป็นสหาย 38
พวกครฑุ (นยั ท่ี ๒)

-บาลี ขนธฺ . สํ. ๑๗/๓๐๗/๕๓๔-๕๓๕.

ภิกษุ !   บุคคลบางคนในโลกน้ี  เป็นผู้กระทำ�
กรรมทง้ั สองดว้ ยกาย ดว้ ยวาจา ด้วยใจ เขาไดฟ้ ังมาวา่
พวกครฑุ ทเ่ี ปน็ อณั ฑชะ มอี ายยุ นื มวี รรณะ มากดว้ ยความสขุ
เขาจงึ มคี วามปรารถนาอย่างน้ีวา่   

โอหนอ !   เมอ่ื ตายไป ขอเราพงึ เขา้ ถงึ ความเป็น
สหายของพวกครฑุ ทเ่ี ป็นอณั ฑชะ

เขาจึงให้ข้าว นำ้� ผ้า ยาน ดอกไม้ ของหอม
เครอ่ื งลบู ไล้ ทน่ี อน ทอี่ ยอู่ าศยั เครอื่ งตามประทปี ครน้ั
ตายไป เขายอ่ มเขา้ ถงึ ความเป็นสหายของพวกครุฑท่เี ป็น
อัณฑชะ.

ภิกษุ !   ข้อน้ีแล เป็นเหตุ เป็นปัจจัยให้บุคคล
บางคนในโลกน้ี เมอ่ื ตายไป เขา้ ถงึ ความเปน็ สหายของ
พวกครุฑทีเ่ ปน็ อัณฑชะ.

(ตรัสอย่างเดียวกันกับกรณีของครุฑท่ีเป็นชลาพุชะ
สังเสทชะ และโอปปาติกะ)

121

พุทธวจน - หมวดธรรม

122

พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมที่ถกู ปิด : ภพภูมิ

ปฏปิ ทาใหถ้ ึงความเป็นสุนขั และโค 39

-บาลี ม. ม. ๑๓/๗๙-๘๒/๘๔-๘๖.

ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ !   เสนิยะอเจละนี้ ประพฤติวัตร
ดงั สนุ ขั ท�ำ กรรมยากทผ่ี อู้ น่ื จะท�ำ ได้ บรโิ ภคโภชนะทว่ี างไว้ ณ พน้ื ดนิ
เขาสมาทานกุกกุรวัตรนั้นอย่างบริบูรณ์ สิ้นกาลนาน คติของเขา
จะเป็นอย่างไร ภพหนา้ ของเขาจะเปน็ อย่างไร ?

อยา่ เลย ปณุ ณะ !   จงงดขอ้ นเ้ี สยี เถดิ อยา่ ถามเรา
ถึงขอ้ น้ีเลย.

ปณุ ณโกลยิ บตุ รผปู้ ระพฤตวิ ตั รดงั โค ไดท้ ลู ถามพระผมู้ พี ระภาค
เปน็ คร้งั ที่ ๒ และพระผูม้ พี ระภาคตรสั หา้ ม

ปณุ ณโกลยิ บตุ รผปู้ ระพฤตวิ ตั รดงั โค ไดท้ ลู ถามพระผมู้ พี ระภาค
เปน็ ครง้ั ท่ี ๓ พระผมู้ พี ระภาคจงึ ตรสั ตอบวา่

ปณุ ณะ !  บคุ คลบางคนในโลกนบ้ี �ำ เพญ็ กกุ กรุ วตั ร
บ�ำ เพญ็ ปกตขิ องสนุ ขั บ�ำ เพญ็ กริ ยิ าการของสนุ ขั ใหบ้ รบิ รู ณ์
ไม่ขาดสาย ครั้นแล้วเมื่อตายไป เขาย่อมเข้าถึงความ
เป็นสหายของสนุ ขั อนึ่ง ถ้าเขามีความเหน็ อย่างน้วี า่ เรา
จกั เปน็ เทวดาหรอื เทพองคใ์ ดองคห์ นง่ึ ดว้ ยศลี วตั ร ตบะ
หรอื พรหมจรรยน์ ้ี ความเหน็ ของเขานน้ั เปน็ ความเหน็ ผดิ .

ปณุ ณะ !  เรากลา่ วคตขิ องผเู้ หน็ ผดิ วา่ มี ๒ อยา่ ง
อยา่ งใดอย่างหนึง่ คือ นรกหรือกำ�เนิดเดรจั ฉาน.

123

พุทธวจน - หมวดธรรม

ปุณณะ !   กกุ กรุ วตั รเมอ่ื ถงึ พรอ้ ม ยอ่ มน�ำ เขา้ ถงึ
ความเป็นสหายของสุนัข  เมื่อวิบัติย่อมนำ�เข้าถึงนรก
ด้วยประการฉะน.ี้

เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว  เสนิยะอเจละ
ผูป้ ระพฤติวตั รดงั สุนัข รอ้ งไห้นำ�้ ตาไหล.

… … … …
ขา้ แตพ่ ระองคผ์ เู้ จรญิ  !  ปณุ ณโกลยิ บตุ ร ประพฤตวิ ตั รดงั โค
เขาสมาทานโควัตรนั้นอย่างบริบูรณ์มาช้านาน คติของเขาจะเป็น
อย่างไร ภพหนา้ ของเขาจะเป็นอย่างไร ?

อยา่ เลย เสนยิ ะ !  จงงดขอ้ นน้ั เสยี เถดิ อยา่ ถามเรา
ถึงขอ้ นัน้ เลย.

เสนยิ ะอเจละผปู้ ระพฤตวิ ตั รดงั สนุ ขั ไดท้ ลู ถามพระผมู้ พี ระภาค
เป็นครัง้ ที่ ๒ และพระผู้มีพระภาคตรัสหา้ ม

เสนยิ ะอเจละผปู้ ระพฤตวิ ตั รดงั สนุ ขั ไดท้ ลู ถามพระผมู้ พี ระภาค
เปน็ ครง้ั ท่ี ๓ พระผมู้ พี ระภาคจงึ ตรสั ตอบวา่

เสนยิ ะ !   บคุ คลบางคนในโลกนบ้ี �ำ เพญ็ โควตั ร
บ�ำ เพญ็ ปกตขิ องโค บ�ำ เพญ็ กริ ยิ าการของโคอยา่ งบรบิ รู ณ์
ไมข่ าดสาย ครน้ั แลว้ เมอ่ื ตายไป ยอ่ มเขา้ ถงึ ความเปน็ สหาย
ของโค อนง่ึ ถา้ เขามคี วามเหน็ อยา่ งนว้ี า่ เราจกั เปน็ เทวดาหรอื

124


Click to View FlipBook Version