The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

พุทธวจน ภพภูมิ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ืทีมงานกรุธรรม, 2022-02-20 16:50:05

พุทธวจน ภพภูมิ

พุทธวจน ภพภูมิ

Keywords: พุทธวจน ภพภูมิ

พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมที่ถูกปดิ : ภพภูมิ

ความแตกต่างระหว่างปถุ ุชน 87
กับอรยิ สาวก ผไู้ ด้รูปสัญญา

-บาลี จตุกฺก. อ.ํ ๒๑/๑๖๘-๑๗๑/๑๒๓.

ภกิ ษุทั้งหลาย !  
บุคคล ๔ จ�ำ พวกน้ี มีอยใู่ นโลก หาไดใ้ นโลก.
๔ จำ�พวก อย่างไรเล่า ? คอื   
(๑)  บุคคลบางคนในโลกน้ี เพราะสงัดจากกาม
และอกศุ ลธรรมทงั้ หลาย บรรลปุ ฐมฌาน อนั มวี ติ ก มวี จิ าร
มีปตี แิ ละสขุ เกดิ แต่วิเวกแลว้ แลอยู่
เขาย่อมชอบใจธรรมนัน้ ปรารถนาธรรมนน้ั และ
ถงึ ความยนิ ดดี ว้ ยธรรมนน้ั เขาด�ำ รงอยใู่ นธรรมนน้ั นอ้ มใจ
ไปในธรรมนนั้ อยมู่ ากดว้ ยธรรมนนั้ ไมเ่ สอ่ื มจากธรรมนนั้
เมอ่ื ท�ำ กาละ ยอ่ มเขา้ ถงึ ความเปน็ สหายของเทวดาเหลา่
พรหมกายิกา.
ภิกษุท้ังหลาย !   กัปหน่ึงเป็นประมาณอายุของ
เทวดาเหลา่ พรหมกายกิ า ปถุ ชุ นด�ำ รงอยใู่ นชน้ั พรหมกายกิ านน้ั
ตราบเท่าตลอดอายุ ยังประมาณอายุของเทวดาเหล่าน้ัน
ให้ส้ินไปแล้ว ย่อมเข้าถึงนรกบ้าง กำ�เนิดเดรัจฉานบ้าง

325

พุทธวจน - หมวดธรรม

เปรตวสิ ยั บา้ ง สว่ นสาวกของพระผมู้ พี ระภาคด�ำ รงอยใู่ น
ช้ันพรหมกายกิ านั้นตราบเทา่ สนิ้ อายุ ยังประมาณอายขุ อง
เทวดาเหลา่ นน้ั ใหส้ น้ิ ไปแลว้ ยอ่ มปรนิ พิ พานในภพนน้ั เอง.

ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !   นเ้ี ปน็ ความผดิ แผกแตกตา่ งกนั
เปน็ ความมงุ่ หมายทแ่ี ตกตา่ งกนั เปน็ เครอ่ื งกระท�ำ ใหแ้ ตกตา่ ง
กัน  ระหว่างอริยสาวกผู้ได้สดับกับปุถุชนผู้มิได้สดับ
ในเมอ่ื คตอิ ุบตั ิยังมอี ย.ู่

(๒)  อีกประการหน่ึง  บุคคลบางคนในโลกนี้
เพราะสงบวิตกวิจารเสียได้ จึงบรรลุทุติยฌาน อันเป็น
เครอ่ื งผอ่ งใสแหง่ จติ ในภายใน สมาธเิ ปน็ ธรรมอนั เอกผดุ ขน้ึ
ไมม่ วี ติ กวจิ าร มแี ตป่ ตี แิ ละสขุ อนั เกดิ แตส่ มาธิ แลว้ แลอยู่

เขายอ่ มชอบใจธรรมนั้น ปรารถนาธรรมน้นั และ
ถงึ ความยนิ ดดี ว้ ยธรรมนน้ั เขาด�ำ รงอยใู่ นธรรมนน้ั นอ้ มใจ
ไปในธรรมนนั้ อยมู่ ากดว้ ยธรรมนน้ั ไมเ่ สอื่ มจากธรรมนนั้
เมอ่ื ท�ำ กาละ ยอ่ มเขา้ ถงึ ความเปน็ สหายของเทวดาเหลา่
อาภสั สระ.

ภิกษุท้ังหลาย !   ๒  กัปเป็นประมาณอายุของ
เทวดาเหล่าอาภัสสระ  ปุถุชนดำ�รงอยู่ในชั้นอาภัสสระ
ตราบเท่าตลอดอายุ  ยังประมาณอายุของเทวดาเหล่าน้ัน

326

เปิดธรรมที่ถูกปดิ : ภพภมู ิ

ให้ส้ินไปแล้ว ย่อมเข้าถึงนรกบ้าง กำ�เนิดเดรัจฉานบ้าง
เปรตวสิ ยั บา้ ง สว่ นสาวกของพระผมู้ พี ระภาคด�ำ รงอยใู่ น
ชน้ั อาภสั สระนน้ั ตราบเทา่ ตลอดอายุ ยงั ประมาณอายขุ อง
เทวดาเหลา่ นน้ั ใหส้ น้ิ ไปแลว้ ยอ่ มปรนิ พิ พานในภพนน้ั เอง.

ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !   นเ้ี ปน็ ความผดิ แผกแตกตา่ งกนั
เปน็ ความมงุ่ หมายทแ่ี ตกตา่ งกนั เปน็ เครอ่ื งกระท�ำ ใหแ้ ตกตา่ ง
กัน  ระหว่างอริยสาวกผู้ได้สดับกับปุถุชนผู้มิได้สดับ
ในเมอ่ื คติอุบตั ิยงั มีอยู่.

(๓)  อีกประการหนึ่ง  บุคคลบางคนในโลกน้ี
เพราะความจางไปแหง่ ปตี ิ จงึ อยอู่ เุ บกขา มสี ตสิ มั ปชญั ญะ
และยอ่ มเสวยสขุ ดว้ ยกาย จงึ บรรลตุ ตยิ ฌาน อนั เปน็ ฌาน
ท่ีพระอริยเจ้ากล่าวว่า ผู้ได้ฌานน้ีเป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติ
อยเู่ ป็นสุข

เขาย่อมชอบใจธรรมนน้ั ปรารถนาธรรมนน้ั และ
ถงึ ความยนิ ดดี ว้ ยธรรมนน้ั เขาด�ำ รงอยใู่ นธรรมนน้ั นอ้ มใจ
ไปในธรรมนนั้ อยมู่ ากดว้ ยธรรมนนั้ ไมเ่ สอื่ มจากธรรมนนั้
เมอ่ื ท�ำ กาละ ยอ่ มเขา้ ถงึ ความเปน็ สหายของเทวดาเหลา่
สุภกณิ หะ.

327

พุทธวจน - หมวดธรรม

ภิกษุทั้งหลาย !   ๔  กัปเป็นประมาณอายุของ
เทวดาเหล่าสุภกิณหะ ปุถุชนดำ�รงอยู่ในช้ันสุภกิณหะนั้น
ตราบเท่าตลอดอายุ ยังประมาณอายุของเทวดาเหล่าน้ัน
ให้ส้ินไปแล้ว ย่อมเข้าถึงนรกบ้าง กำ�เนิดเดรัจฉานบ้าง
เปรตวสิ ยั บา้ ง สว่ นสาวกของพระผมู้ พี ระภาคด�ำ รงอยใู่ น
ชน้ั สภุ กณิ หะนนั้ ตราบเทา่ ตลอดอายุ ยงั ประมาณอายขุ อง
เทวดาเหลา่ นน้ั ใหส้ น้ิ ไปแลว้ ยอ่ มปรนิ พิ พานในภพนน้ั เอง.

ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !   นเ้ี ปน็ ความผดิ แผกแตกตา่ งกนั
เปน็ ความมงุ่ หมายทแ่ี ตกตา่ งกนั เปน็ เครอ่ื งกระท�ำ ใหแ้ ตกตา่ ง
กัน  ระหว่างอริยสาวกผู้ได้สดับกับปุถุชนผู้มิได้สดับ
ในเมือ่ คตอิ บุ ัตยิ ังมีอยู่.

(๔)  อีกประการหนึ่ง  บุคคลบางคนในโลกนี้
เพราะละสุขและทุกข์เสียได้  เพราะความดับหายไปแห่ง
โสมนสั และโทมนสั ทง้ั หลายในกาลกอ่ น จงึ บรรลจุ ตตุ ถฌาน
อนั ไมม่ ที กุ ขไ์ มม่ สี ขุ มแี ตค่ วามทม่ี สี ตเิ ปน็ ธรรมชาตบิ รสิ ทุ ธ์ิ
เพราะอเุ บกขาแลว้ แลอยู่

เขายอ่ มชอบใจธรรมนั้น ปรารถนาธรรมนัน้ และ
ถงึ ความยนิ ดดี ว้ ยธรรมนน้ั เขาด�ำ รงอยใู่ นธรรมนน้ั นอ้ มใจ

328

เปดิ ธรรมท่ถี กู ปดิ : ภพภมู ิ

ไปในธรรมนนั้ อยมู่ ากดว้ ยธรรมนน้ั ไมเ่ สอื่ มจากธรรมนนั้
เมอ่ื ท�ำ กาละ ยอ่ มเขา้ ถงึ ความเปน็ สหายของเทวดาเหลา่
เวหัปผละ.

ภิกษุท้ังหลาย !   ๕๐๐ กัปเป็นประมาณอายุของ
เทวดาเหล่าเวหัปผละ ปุถุชนดำ�รงอยู่ในช้ันเวหัปผละน้ัน
ตราบเท่าตลอดอายุ ยังประมาณอายุของเทวดาเหล่าน้ัน
ให้ส้ินไปแล้ว ย่อมเข้าถึงนรกบ้าง กำ�เนิดเดรัจฉานบ้าง
เปรตวสิ ยั บา้ ง สว่ นสาวกของพระผมู้ พี ระภาคด�ำ รงอยใู่ น
ช้ันเวหัปผละนั้นตราบเท่าตลอดอายุ ยังประมาณอายขุ อง
เทวดาเหลา่ นน้ั ใหส้ น้ิ ไปแลว้ ยอ่ มปรนิ พิ พานในภพนน้ั เอง.

ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !   นเ้ี ปน็ ความผดิ แผกแตกตา่ งกนั
เปน็ ความมงุ่ หมายทแ่ี ตกตา่ งกนั เปน็ เครอ่ื งกระท�ำ ใหแ้ ตกตา่ ง
กัน  ระหว่างอริยสาวกผู้ได้สดับกับปุถุชนผู้มิได้สดับ
ในเมื่อคตอิ ุบัตยิ งั มีอย่.ู

ภิกษุทง้ั หลาย !  
บคุ คล ๔ จ�ำ พวกนแ้ี ล มอี ยใู่ นโลก หาไดใ้ นโลก.

329



พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมทถ่ี ูกปดิ : ภพภมู ิ

ผลของการเจริญรปู สญั ญา 88
แล้วเหน็ ความไมเ่ ท่ยี ง

-บาลี จตุกกฺ . อ.ํ ๒๑/๑๗๑/๑๒๔.

ภิกษุทัง้ หลาย !  
บุคคล ๔ จ�ำ พวกนี้ มอี ย่ใู นโลก หาได้ในโลก.
๔ จำ�พวก อย่างไรเลา่  ? คอื   
(๑)  บุคคลบางคนในโลกน้ี เพราะสงัดจากกาม
และอกศุ ลธรรมทง้ั หลาย บรรลปุ ฐมฌาน อนั มวี ติ ก มวี จิ าร
มปี ีติและสุข เกิดแต่วิเวกแลว้ แลอยู่
รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณอันใด มี
อยู่ในธรรมนั้น บุคคลน้ันพิจารณาเห็นธรรมเหล่านั้น
โดยความเปน็ ของไม่เทย่ี ง เป็นทกุ ข์ เปน็ ดังโรค เปน็ ดงั
หวั ฝี เปน็ ดงั ลกู ศร เปน็ ของทนไดย้ าก เปน็ ของเบยี ดเบยี น
เปน็ ของไมเ่ ชอ่ื ฟงั เปน็ ของตอ้ งท�ำ ลายไป เปน็ ของวา่ งเปลา่
เปน็ ของไมใ่ ชต่ น บคุ คลนน้ั เมอ่ื ตายไป ยอ่ มเขา้ ถงึ ความ
เป็นสหายของเทวดาเหล่าสทุ ธาวาส.
ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !  ความอบุ ตั นิ แ้ี ล ไมท่ ว่ั ไปดว้ ยปถุ ชุ น.
(๒)  อีกประการหนึ่ง  บุคคลบางคนในโลกนี้
เพราะสงบวิตกวจิ ารเสียได้ จึงบรรลทุ ุตยิ ฌาน … .

331

พุทธวจน - หมวดธรรม

(๓)  อีกประการหนึ่ง บุคคลบางคนในโลกนี้
เพราะความจางไปแหง่ ปตี ิ จงึ อยอู่ เุ บกขา มสี ตสิ มั ปชญั ญะ
และย่อมเสวยสขุ ด้วยกาย จงึ บรรลตุ ติยฌาน … .

(๔)  อีกประการหนึ่ง  บุคคลบางคนในโลกนี้
เพราะละสุขและทุกข์เสียได้ เพราะความดับหายไปแห่ง
โสมนสั และโทมนสั ทง้ั หลายในกาลกอ่ น จงึ บรรลจุ ตตุ ถฌาน
อนั ไมม่ ที กุ ขไ์ มม่ สี ขุ มแี ตค่ วามทม่ี สี ตเิ ปน็ ธรรมชาตบิ รสิ ทุ ธ์ิ
เพราะอเุ บกขาแลว้ แลอยู่

รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณอันใด มี
อยู่ในธรรมน้ัน  บุคคลนั้นพิจารณาเห็นธรรมเหล่านั้น
โดยความเปน็ ของไม่เทยี่ ง เปน็ ทุกข์ เปน็ ดงั โรค เป็นดงั
หวั ฝี เปน็ ดงั ลกู ศร เปน็ ของทนไดย้ าก เปน็ ของเบยี ดเบยี น
เปน็ ของไมเ่ ชอ่ื ฟงั เปน็ ของตอ้ งท�ำ ลายไป เปน็ ของวา่ งเปลา่
เปน็ ของไมใ่ ชต่ น บคุ คลนน้ั เมอ่ื ตายไป ยอ่ มเขา้ ถงึ ความ
เป็นสหายของเทวดาเหลา่ สุทธาวาส.

ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !  ความอบุ ตั นิ แ้ี ล ไมท่ ว่ั ไปดว้ ยปถุ ชุ น.
ภิกษทุ ั้งหลาย !  
บคุ คล ๔ จ�ำ พวกนแ้ี ล มอี ยใู่ นโลก หาไดใ้ นโลก.

332

พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมทถี่ กู ปิด : ภพภมู ิ

ความแตกตา่ งระหวา่ งปถุ ชุ น 89
กบั อริยสาวก ผ้เู จริญพรหมวหิ าร

-บาลี จตกุ กฺ . อ.ํ ๒๑/๑๗๒-๑๗๕/๑๒๕-๑๒๖.

ภิกษุทัง้ หลาย !  
บุคคล ๔ จำ�พวกน้ี มอี ยใู่ นโลก หาได้ในโลก.

๔ จำ�พวกอยา่ งไรเล่า ? คือ 

(๑)  บุคคลบางคนในโลกน้ี มีจิตประกอบด้วย
เมตตา แผ่ไปสู่ทิศท่ีหนึ่ง ทิศท่ีสอง ที่สาม ที่ส่ี ก็เหมือน
อย่างนั้น ทั้งเบ้ืองบน เบ้ืองล่างและเบื้องขวาง เธอแผ่ไป
ตลอดโลกทง้ั สน้ิ ในทท่ี ง้ั ปวง แกส่ ตั วท์ ง้ั หลายทว่ั หนา้ เสมอกนั
ดว้ ยจติ อนั ประกอบดว้ ยเมตตา เปน็ จติ ไพบลู ย์ ใหญห่ ลวง
ไมม่ ีประมาณ ไม่มเี วร ไมม่ พี ยาบาทแล้วแลอยู่

เขาย่อมชอบใจธรรมน้ัน ปรารถนาธรรมนนั้ และ
ถงึ ความยนิ ดดี ว้ ยธรรมนน้ั เขาด�ำ รงอยใู่ นธรรมนน้ั นอ้ มใจ
ไปในธรรมนนั้ อยมู่ ากดว้ ยธรรมนน้ั ไมเ่ สอ่ื มจากธรรมนนั้
เมอ่ื ท�ำ กาละ ยอ่ มเขา้ ถงึ ความเปน็ สหายของเทวดาเหลา่
พรหมกายิกา.

333

พุทธวจน - หมวดธรรม

ภิกษุทั้งหลาย !   กัปหน่ึงเป็นประมาณอายุของ
เทวดาเหลา่ พรหมกายกิ า  ปถุ ชุ นด�ำ รงอยใู่ นชน้ั พรหมกายกิ า
นน้ั ตราบเทา่ ตลอดอายุ ยงั ประมาณอายขุ องเทวดาเหลา่ นน้ั
ให้ส้ินไปแล้ว ย่อมเข้าถึงนรกบ้าง กำ�เนิดเดรัจฉานบ้าง
เปรตวสิ ยั บา้ ง สว่ นสาวกของพระผมู้ พี ระภาคด�ำ รงอยใู่ น
ชนั้ พรหมกายกิ านั้นตราบเทา่ สิ้นอายุ ยังประมาณอายุของ
เทวดาเหลา่ นน้ั ใหส้ น้ิ ไปแลว้ ยอ่ มปรนิ พิ พานในภพนน้ั เอง.

ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !   นเ้ี ปน็ ความผดิ แผกแตกตา่ งกนั
เปน็ ความมงุ่ หมายทแ่ี ตกตา่ งกนั เปน็ เครอ่ื งกระท�ำ ใหแ้ ตกตา่ ง
กัน  ระหว่างอริยสาวกผู้ได้สดับกับปุถุชนผู้มิได้สดับ
ในเม่ือคติอุบตั ยิ งั มีอยู่.

(๒)  อีกประการหนึ่ง  บุคคลบางคนในโลก
น้ี มีจิตประกอบด้วยกรุณา แผ่ไปสู่ทิศที่หนึ่ง ทิศท่ีสอง
ท่ีสาม ที่สี่ ก็เหมือนอย่างนั้น ทั้งเบื้องบน เบ้ืองล่างและ
เบือ้ งขวาง เธอแผไ่ ปตลอดโลกทง้ั สนิ้ ในทท่ี ้ังปวง แกส่ ตั ว์
ทั้งหลายทั่วหน้าเสมอกัน ด้วยจิตอันประกอบด้วยกรุณา
เป็นจิตไพบูลย์ ใหญ่หลวง ไม่มีประมาณ ไม่มีเวร ไม่มี
พยาบาทแลว้ แลอยู่

334

เปิดธรรมทถี่ ูกปดิ : ภพภมู ิ

เขายอ่ มชอบใจธรรมนน้ั ปรารถนาธรรมน้ัน และ
ถงึ ความยนิ ดดี ว้ ยธรรมนน้ั เขาด�ำ รงอยใู่ นธรรมนน้ั นอ้ มใจ
ไปในธรรมนนั้ อยมู่ ากดว้ ยธรรมนน้ั ไมเ่ สอื่ มจากธรรมนนั้
เมอ่ื ท�ำ กาละ ยอ่ มเขา้ ถงึ ความเปน็ สหายของเทวดาเหลา่
อาภสั สระ.

ภิกษุท้ังหลาย !   ๒  กัปเป็นประมาณอายุของ
เทวดาเหล่าอาภัสสระ ปุถุชนดำ�รงอยู่ในชั้นอาภัสสระน้ัน
ตราบเท่าตลอดอายุ ยังประมาณอายุของเทวดาเหล่านั้น
ให้ส้ินไปแล้ว ย่อมเข้าถึงนรกบ้าง กำ�เนิดเดรัจฉานบ้าง
เปรตวสิ ยั บา้ ง สว่ นสาวกของพระผมู้ พี ระภาคด�ำ รงอยใู่ น
ชนั้ อาภสั สระนน้ั ตราบเทา่ ตลอดอายุ ยงั ประมาณอายขุ อง
เทวดาเหลา่ นน้ั ใหส้ น้ิ ไปแลว้ ยอ่ มปรนิ พิ พานในภพนน้ั เอง.

ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !   นเ้ี ปน็ ความผดิ แผกแตกตา่ งกนั
เปน็ ความมงุ่ หมายทแ่ี ตกตา่ งกนั   เปน็ เครอ่ื งกระท�ำ ใหแ้ ตกตา่ ง
กัน  ระหว่างอริยสาวกผู้ได้สดับกับปุถุชนผู้มิได้สดับ
ในเม่ือคติอุบัติยังมอี ย่.ู

(๓)  อีกประการหน่ึง  บุคคลบางคนในโลก
น้ี มีจิตประกอบด้วยมุทิตา แผ่ไปสู่ทิศท่ีหนึ่ง ทิศที่สอง
ที่สาม ที่สี่ ก็เหมือนอย่างน้ัน ท้ังเบื้องบน เบื้องล่างและ

335

พุทธวจน - หมวดธรรม

เบ้ืองขวาง เธอแผ่ไปตลอดโลกทง้ั สน้ิ ในท่ีทัง้ ปวง แก่สตั ว์
ท้ังหลายท่ัวหน้าเสมอกัน ด้วยจิตอันประกอบด้วยมุทิตา
เป็นจิตไพบูลย์ ใหญ่หลวง ไม่มีประมาณ ไม่มีเวร ไม่มี
พยาบาทแลว้ แลอยู่

เขายอ่ มชอบใจธรรมนั้น ปรารถนาธรรมนัน้ และ
ถงึ ความยนิ ดดี ว้ ยธรรมนน้ั เขาด�ำ รงอยใู่ นธรรมนน้ั นอ้ มใจ
ไปในธรรมนนั้ อยมู่ ากดว้ ยธรรมนน้ั ไมเ่ สอื่ มจากธรรมนนั้
เมอ่ื ท�ำ กาละ ยอ่ มเขา้ ถงึ ความเปน็ สหายของเทวดาเหลา่
สุภกิณหะ.

ภิกษุทั้งหลาย !   ๔  กัปเป็นประมาณอายุของ
เทวดาเหล่าสุภกิณหะ ปุถุชนดำ�รงอยู่ในชั้นสุภกิณหะน้ัน
ตราบเท่าตลอดอายุ ยังประมาณอายุของเทวดาเหล่าน้ัน
ให้สิ้นไปแล้ว ย่อมเข้าถึงนรกบ้าง กำ�เนิดเดรัจฉานบ้าง
เปรตวสิ ยั บา้ ง สว่ นสาวกของพระผมู้ พี ระภาคด�ำ รงอยใู่ น
ชั้นสุภกิณหะนั้นตราบเท่าตลอดอายุ ยังประมาณอายุของ
เทวดาเหลา่ นน้ั ใหส้ น้ิ ไปแลว้ ยอ่ มปรนิ พิ พานในภพนน้ั เอง.

ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !   นเ้ี ปน็ ความผดิ แผกแตกตา่ งกนั
เปน็ ความมงุ่ หมายทแ่ี ตกตา่ งกนั เปน็ เครอ่ื งกระท�ำ ใหแ้ ตกตา่ ง
กัน  ระหว่างอริยสาวกผู้ได้สดับกับปุถุชนผู้มิได้สดับ
ในเม่ือคติอบุ ตั ยิ งั มอี ยู่.

336

เปดิ ธรรมทถ่ี ูกปิด : ภพภมู ิ

(๔)  อีกประการหนึ่ง  บุคคลบางคนในโลกน้ี
มีจิตประกอบด้วยอุเบกขา แผ่ไปสู่ทิศท่ีหนึ่ง ทิศท่ีสอง
ที่สาม ที่สี่ ก็เหมือนอย่างน้ัน ท้ังเบื้องบน เบื้องล่างและ
เบ้ืองขวาง เธอแผไ่ ปตลอดโลกท้งั ส้นิ ในท่ีทงั้ ปวง แก่สตั ว์
ทงั้ หลายทว่ั หนา้ เสมอกนั ดว้ ยจติ อนั ประกอบดว้ ยอเุ บกขา
เป็นจิตไพบูลย์ ใหญ่หลวง ไม่มีประมาณ ไม่มีเวร ไม่มี
พยาบาทแลว้ แลอยู่

เขายอ่ มชอบใจธรรมน้ัน ปรารถนาธรรมนั้น และ
ถงึ ความยนิ ดดี ว้ ยธรรมนน้ั เขาด�ำ รงอยใู่ นธรรมนน้ั นอ้ มใจ
ไปในธรรมนนั้ อยมู่ ากดว้ ยธรรมนน้ั ไมเ่ สอื่ มจากธรรมนนั้
เมอ่ื ท�ำ กาละ ยอ่ มเขา้ ถงึ ความเปน็ สหายของเทวดาเหลา่
เวหัปผละ.

ภิกษุท้ังหลาย !   ๕๐๐ กัปเป็นประมาณอายุของ
เทวดาเหล่าเวหัปผละ ปุถุชนดำ�รงอยู่ในช้ันเวหัปผละนั้น
ตราบเท่าตลอดอายุ ยังประมาณอายุของเทวดาเหล่านั้น
ให้สิ้นไปแล้ว ย่อมเข้าถึงนรกบ้าง กำ�เนิดเดรัจฉานบ้าง
เปรตวสิ ยั บา้ ง สว่ นสาวกของพระผมู้ พี ระภาคด�ำ รงอยใู่ น
ชั้นเวหัปผละนั้นตราบเท่าส้ินอายุ  ยังประมาณอายุของ
เทวดาเหลา่ นน้ั ใหส้ น้ิ ไปแลว้ ยอ่ มปรนิ พิ พานในภพนน้ั เอง.

337

พทุ ธวจน - หมวดธรรม

ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !   นเ้ี ปน็ ความผดิ แผกแตกตา่ งกนั
เปน็ ความมงุ่ หมายทแ่ี ตกตา่ งกนั เปน็ เครอ่ื งกระท�ำ ใหแ้ ตกตา่ ง
กัน  ระหว่างอริยสาวกผู้ได้สดับกับปุถุชนผู้มิได้สดับ
ในเม่ือคตอิ ุบตั ยิ ังมีอยู่.

ภิกษทุ ั้งหลาย !  
บคุ คล ๔ จ�ำ พวกนแ้ี ล มอี ยใู่ นโลก หาไดใ้ นโลก.

338

พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมท่ีถกู ปิด : ภพภมู ิ

ผลของการเจรญิ พรหมวิหาร 90
แลว้ เหน็ ความไม่เที่ยง

-บาลี จตุกฺก. อ.ํ ๒๑/๑๗๕/๑๒๖.

ภิกษทุ ้งั หลาย !  
บคุ คล ๔ จำ�พวกนี้ มอี ยใู่ นโลก หาไดใ้ นโลก.
๔ จำ�พวกอย่างไรเลา่  ? คอื  
(๑)  บุคคลบางคนในโลกน้ี มีจิตประกอบด้วย
เมตตา แผ่ไปสู่ทิศท่ีหนึ่ง ทิศที่สอง ที่สาม ท่ีส่ี ก็เหมือน
อย่างนั้น ท้ังเบื้องบน เบ้ืองล่างและเบ้ืองขวาง เธอแผ่ไป
ตลอดโลกทง้ั สน้ิ ในทท่ี ง้ั ปวง แกส่ ตั วท์ ง้ั หลายทว่ั หนา้ เสมอกนั
ดว้ ยจติ อนั ประกอบดว้ ยเมตตา เปน็ จติ ไพบลู ย์ ใหญห่ ลวง
ไม่มปี ระมาณ ไมม่ เี วร ไมม่ ีพยาบาทแลว้ แลอยู่
รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณอันใด มี
อยู่ในธรรมนั้น  บุคคลนั้นพิจารณาเห็นธรรมเหล่านั้น
โดยความเป็นของไมเ่ ที่ยง เป็นทุกข์ เป็นดงั โรค เปน็ ดัง
หวั ฝี เปน็ ดงั ลกู ศร เปน็ ของทนไดย้ าก เปน็ ของเบยี ดเบยี น
เปน็ ของไมเ่ ชอื่ ฟงั เปน็ ของตอ้ งท�ำ ลายไป เปน็ ของวา่ งเปลา่
เป็นของไม่ใช่ตน  บุคคลนั้นเม่ือตายไปย่อมเข้าถึง
ความเปน็ สหายของเทวดาเหล่าสทุ ธาวาส.
ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !  ความอบุ ตั นิ แ้ี ล ไมท่ ว่ั ไปดว้ ยปถุ ชุ น.

339

พทุ ธวจน - หมวดธรรม

(๒)  อีกประการหนึ่ง  บุคคลบางคนในโลกน้ี
มีจิตประกอบด้วยกรุณา … .

(๓)  อีกประการหน่ึง  บุคคลบางคนในโลกน้ี
มจี ติ ประกอบด้วยมุทิตา … .

(๔)  อีกประการหน่ึง  บุคคลบางคนในโลกน้ี
มีจิตประกอบด้วยอุเบกขาแผ่ไปสู่ทิศท่ีหน่ึง  ทิศที่สอง
ที่สาม ที่ส่ี ก็เหมือนอย่างน้ัน ทั้งเบื้องบน เบื้องล่างและ
เบ้ืองขวาง เธอแผ่ไปตลอดโลกทงั้ สิน้ ในที่ท้งั ปวง แก่สัตว์
ทั้งหลายท่ัวหน้าเสมอกัน ด้วยจิตอันประกอบด้วยเมตตา
เป็นจิตไพบูลย์ ใหญ่หลวง ไม่มีประมาณ ไม่มีเวร ไม่มี
พยาบาทแล้วแลอยู่

รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณอันใด มี
อยู่ในธรรมนั้น  บุคคลน้ันพิจารณาเห็นธรรมเหล่านั้น
โดยความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เปน็ ดังโรค เปน็ ดัง
หัวฝเี ป็นดงั ลูกศร เปน็ ของทนได้ยาก เปน็ ของเบียดเบยี น
เปน็ ของไมเ่ ชอ่ื ฟงั เปน็ ของตอ้ งท�ำ ลายไป เปน็ ของวา่ งเปลา่
เป็นของไม่ใช่ตน  บุคคลน้ันเมื่อตายไปย่อมเข้าถึง
ความเป็นสหายของเทวดาเหล่าสุทธาวาส.

ภกิ ษทุ ั้งหลาย !  
ความอุบัตินีแ้ ล ไม่ท่วั ไปด้วยปุถชุ น.

340

เปิดธรรมที่ถกู ปดิ : ภพภมู ิ

ภิกษุทง้ั หลาย !  
บคุ คล ๔ จ�ำ พวกนแ้ี ล มอี ยใู่ นโลก หาไดใ้ นโลก.

341

พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมท่ถี ูกปดิ : ภพภมู ิ

ความแตกต่างระหวา่ งปุถุชน 91
กับอริยสาวก ผไู้ ดอ้ รูปสัญญา

-บาลี ติก. อ.ํ ๒๐/๓๔๓/๕๕๖.

ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !  
บคุ คล ๓ จำ�พวกน้ี มีอย่ใู นโลก หาได้ในโลก.
๓ จำ�พวก อยา่ งไรเลา่  ? คอื  
(๑)  บคุ คลบางคนในโลกน้ี เพราะกา้ วลว่ งรปู สญั ญา
เสยี ไดโ้ ดยประการทง้ั ปวง เพราะความดบั ไปแหง่ ปฏฆิ สญั ญา
เพราะการไม่ใส่ใจซ่ึงนานัตตสัญญา  จึงเข้าถึงอากาสา-
นัญจายตนะ อันมีการทำ�ในใจว่า อากาศไม่มีท่ีสุด ดังน้ี
แลว้ แลอยู่
เขาย่อมชอบใจธรรมน้นั ปรารถนาธรรมน้ัน และ
ถงึ ความยนิ ดดี ว้ ยธรรมนน้ั เขาด�ำ รงอยใู่ นธรรมนน้ั นอ้ มใจ
ไปในธรรมนนั้ อยมู่ ากดว้ ยธรรมนน้ั ไมเ่ สอื่ มจากธรรมนนั้
เมอ่ื ท�ำ กาละ ยอ่ มเขา้ ถงึ ความเปน็ สหายของเหลา่ เทวดา
ทเี่ ข้าถงึ ชนั้ อากาสานญั จายตนะ.
ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !   เหลา่ เทวดาทเ่ี ขา้ ถงึ ชน้ั อากาสา-
นัญจายตนะ มีอายุประมาณสองหมื่นกัป ปุถุชนดำ�รงอยู่
ในชน้ั อากาสานญั จายตนะนน้ั ตราบเทา่ สน้ิ อายุ ยงั ประมาณ

342

เปดิ ธรรมท่ถี ูกปดิ : ภพภูมิ

อายขุ องเทวดาเหลา่ นน้ั ใหส้ น้ิ ไปแลว้ ยอ่ มเขา้ ถงึ นรกบา้ ง
ก�ำ เนดิ เดรจั ฉานบา้ ง เปรตวสิ ยั บา้ ง สว่ นสาวกของพระผมู้ -ี
พระภาคดำ�รงอยู่ในช้ันอากาสานัญจายตนะนั้นตราบเท่า
ส้ินอายุ ยังประมาณอายุของเทวดาเหล่านั้นให้ส้ินไปแล้ว
ย่อมปรนิ พิ พานในภพนัน้ เอง.

ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !   นเ้ี ปน็ ความผดิ แผกแตกตา่ งกนั
เปน็ ความมงุ่ หมายทแ่ี ตกตา่ งกนั เปน็ เครอ่ื งกระท�ำ ใหแ้ ตกตา่ ง
กัน  ระหว่างอริยสาวกผู้ได้สดับกับปุถุชนผู้มิได้สดับ
ในเมอื่ คตอิ ุบัติยงั มีอยู่.

(๒)  อีกประการหนึ่ง  บุคคลบางคนในโลกนี้
เพราะผา่ นพน้ อากาสานญั จายตนะเสยี ได้ โดยประการทง้ั ปวง
จงึ เขา้ ถงึ วญิ ญาณญั จายตนะ อนั มกี ารท�ำ ในใจวา่ “วญิ ญาณ
ไมม่ ที ส่ี น้ิ สดุ ”

เขาย่อมชอบใจธรรมนัน้ ปรารถนาธรรมนนั้ และ
ถงึ ความยนิ ดดี ว้ ยธรรมนน้ั เขาด�ำ รงอยใู่ นธรรมนน้ั นอ้ มใจ
ไปในธรรมนนั้ อยมู่ ากดว้ ยธรรมนนั้ ไมเ่ สอ่ื มจากธรรมนนั้
เมอ่ื ท�ำ กาละ ยอ่ มเขา้ ถงึ ความเปน็ สหายของเหลา่ เทวดา
ท่เี ข้าถงึ ชน้ั วิญญาณญั จายตนะ.

343

พุทธวจน - หมวดธรรม

ภิกษุท้งั หลาย !   เหล่าเทวดาท่เี ข้าถึงช้นั วิญญา-
ณัญจายตนะมีอายุประมาณสี่หม่ืนกัป  ปุถุชนดำ�รงอยู่ใน
ชน้ั วญิ ญาณญั จายตนะนน้ั ตราบเทา่ สน้ิ อายุ ยงั ประมาณอายุ
ของเทวดาเหล่านั้นให้สิ้นไปแล้ว  ย่อมเข้าถึงนรกบ้าง
ก�ำ เนดิ เดรจั ฉานบา้ ง เปรตวสิ ยั บา้ ง สว่ นสาวกของพระผมู้ -ี
พระภาคดำ�รงอยู่ในช้ันวิญญานัญจายตนะน้ันตราบเท่า
ส้ินอายุ ยังประมาณอายุของเทวดาเหล่านั้นให้ส้ินไปแล้ว
ยอ่ มปรนิ พิ พานในภพนั้นเอง.

ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !   นเ้ี ปน็ ความผดิ แผกแตกตา่ งกนั
เปน็ ความมงุ่ หมายทแ่ี ตกตา่ งกนั เปน็ เครอ่ื งกระท�ำ ใหแ้ ตกตา่ ง
กัน  ระหว่างอริยสาวกผู้ได้สดับกับปุถุชนผู้มิได้สดับ
ในเมือ่ คตอิ ุบตั ยิ งั มอี ย.ู่

(๓)  อีกประการหนึ่ง  บุคคลบางคนในโลกนี้
เพราะผา่ นพน้ วญิ ญาณญั จายตนะเสยี ได้ โดยประการทง้ั ปวง
จงึ เขา้ ถงึ อากญิ จญั ญายตนะ อนั มกี ารท�ำ ในใจวา่ “อะไรๆไมม่ ”ี

เขายอ่ มชอบใจธรรมน้ัน ปรารถนาธรรมนนั้ และ
ถงึ ความยนิ ดดี ว้ ยธรรมนน้ั เขาด�ำ รงอยใู่ นธรรมนน้ั นอ้ มใจ
ไปในธรรมนนั้ อยมู่ ากดว้ ยธรรมนน้ั ไมเ่ สอื่ มจากธรรมนนั้
เมอ่ื ท�ำ กาละ ยอ่ มเขา้ ถงึ ความเปน็ สหายของเหลา่ เทวดา
ท่ีเข้าถงึ ช้ันอากญิ จญั ญายตนะ.

344

เปิดธรรมทีถ่ กู ปิด : ภพภมู ิ

ภิกษุทั้งหลาย !   เหล่าเทวดาท่ีเข้าถึงชั้นอากิญ-
จญั ญายตนะมอี ายปุ ระมาณหกหมน่ื กปั ปถุ ชุ นด�ำ รงอยใู่ น
ชน้ั อากญิ จญั ญายตนะนน้ั ตราบเทา่ สน้ิ อายุ ยงั ประมาณอายุ
ของเทวดาเหล่าน้ันให้ส้ินไปแล้ว  ย่อมเข้าถึงนรกบ้าง
ก�ำ เนดิ เดรจั ฉานบา้ ง เปรตวสิ ยั บา้ ง สว่ นสาวกของพระผมู้ -ี
พระภาคดำ�รงอยู่ในช้ันอากิญจัญญายตนะนั้นตราบเท่า
ส้ินอายุ ยังประมาณอายุของเทวดาเหล่าน้ันให้ส้ินไปแล้ว
ย่อมปรินพิ พานในภพนั้นเอง.

ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !   นเ้ี ปน็ ความผดิ แผกแตกตา่ งกนั
เปน็ ความมงุ่ หมายทแ่ี ตกตา่ งกนั เปน็ เครอ่ื งกระท�ำ ใหแ้ ตกตา่ ง
กัน  ระหว่างอริยสาวกผู้ได้สดับกับปุถุชนผู้มิได้สดับ
ในเมื่อคตอิ บุ ตั ยิ ังมอี ยู่.

ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !  
บคุ คล ๓ จ�ำ พวกนแ้ี ล มอี ยใู่ นโลก หาไดใ้ นโลก.

345



พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมทถ่ี ูกปดิ : ภพภูมิ

ผลของการเจรญิ อรปู สญั ญา 92
แล้วเหน็ ความไม่เทีย่ ง

-บาลี นวก. อ.ํ ๒๓/๒๔๑/๒๔๐.

ภิกษุท้ังหลาย !   ในกรณีน้ี  ภิกษุเพราะก้าวล่วง
รปู สญั ญาเสยี ไดโ้ ดยประการทง้ั ปวง เพราะความดบั ไปแหง่
ปฏฆิ สัญญา เพราะการไมใ่ สใ่ จซง่ึ นานัตตสญั ญา จงึ เขา้ ถึง
อากาสานญั จายตนะ อนั มกี ารท�ำ ในใจวา่ “อากาศไมม่ ที ส่ี น้ิ สดุ ”
ดังน้ี แล้วแลอย.ู่

ในอากาสานัญจายตนะน้ัน มีธรรมคือ เวทนา
สัญญา สังขาร วิญญาณ เธอนั้น ตามเห็นซึ่งธรรมเหล่า
นน้ั โดยความเปน็ ของไมเ่ ทย่ี ง เปน็ ทกุ ข์ เปน็ ดงั โรค เปน็ ดงั หวั
ฝี เปน็ ดังลูกศร  เป็นของทนได้ยาก  เป็นของเบียดเบยี น
เปน็ ของไมเ่ ชอ่ื ฟงั เปน็ ของตอ้ งท�ำ ลายไป เปน็ ของวา่ งเปลา่
เปน็ ของไม่ใชต่ น

เธอดำ�รงจิตด้วยธรรมเหลา่ นนั้ แลว้ จึงนอ้ มจิตไป
สู่อมตธาตุ ดว้ ยการกำ�หนดว่า “น่นั สงบระงบั น่นั ประณีต
น่ันคือธรรมชาติเป็นท่ีสงบระงับแห่งสังขารทั้งปวง  เป็น
ท่ีสลัดคืนซ่ึงอุปธิทั้งปวง  เป็นท่ีสิ้นไปแห่งตัณหา  เป็น
ความจางคลาย เปน็ ความดับ เป็นนพิ พาน” ดงั น้ี

347

พุทธวจน - หมวดธรรม

เธอด�ำ รงอยใู่ นวปิ สั สนาญาณมอี ากาสานญั จายตนะ
เปน็ บาทนน้ั ยอ่ มถงึ ความสน้ิ ไปแหง่ อาสวะ ถา้ ไมถ่ งึ ความสน้ิ ไป
แหง่ อาสวะ กเ็ ปน็ โอปปาตกิ ะอนาคามี ผปู้ รนิ พิ พานในภพนน้ั
มกี ารไมเ่ วยี นกลบั จากโลกนน้ั เปน็ ธรรมดา เพราะความสน้ิ ไป
แหง่ สงั โยชนม์ ใี นเบอ้ื งต�ำ่ หา้ ประการ และเพราะอ�ำ นาจแหง่
ธัมมราคะ ธมั มนนั ทินัน้ ๆ นนั่ เอง.

ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !   เปรยี บเหมอื นนายขมงั ธนหู รอื
ลูกมือของเขา ประกอบการฝึกอยู่กะรูปหุ่นคนท่ีทำ�ด้วย
หญา้ บา้ ง กะรปู หนุ่ ดนิ บา้ ง สมยั ตอ่ มา เขากเ็ ปน็ นายขมงั ธนู
ผยู้ ิงไกล ยิงเรว็ ทำ�ลายหมูพ่ ลอันใหญไ่ ด้.

(ในกรณแี หง่ วญิ ญาณญั จายตนะ และอากญิ จญั ญายตนะ
กไ็ ดต้ รสั ไวโ้ ดยท�ำ นองเดยี วกนั กบั ในกรณแี หง่ อากาสานญั จายตนะน้ี
ผดิ กนั แต่ช่ือแห่งสมาธเิ ทา่ นั้น

ในกรณขี องปฐมฌาน ทตุ ยิ ฌาน ตตยิ ฌาน และจตตุ ถฌาน
กไ็ ดต้ รสั ไวโ้ ดยท�ำ นองเดยี วกนั น้ี แตม่ ตี า่ งกนั ตรงทใ่ี หเ้ หน็ ความไมเ่ ทย่ี ง
ในขนั ธท์ ง้ั ๕ คอื รปู เวทนา สญั ญา สงั ขารและวญิ ญาณ -ผรู้ วบรวม)

348

พุทธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมที่ถูกปิด : ภพภมู ิ

เทวดาชัน้ สทุ ธาวาส 93

-บาลี มหา. ท.ี ๑๐/๕๗-๖๓/๕๕-๕๖.

ภิกษุทั้งหลาย !   สมัยหน่ึง เม่ือเราน้ันไปเร้นอยู่
ในท่ลี ับ เกิดความรำ�พงึ ในใจว่า ชนั้ สุทธาวาส ซึง่ เรามิได้
เคยอยู่เลย  โดยเวลาอันยืดยาวนานน้ี  นอกจากเทวดา
เหล่าสุทธาวาสแล้ว  ไม่ใช่โอกาสที่ใครๆ  จะได้โดยง่าย
ถา้ กระไรเราพึงเข้าไปหาเทวดาเหล่าสุทธาวาสจนถงึ ทอ่ี ยู่.

ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !   ทนั ใดนน้ั เราไดห้ ายไปทค่ี วงไม้
พญาสาลพฤกษ์ ในป่าสุภวันใกล้อุกกัฏฐนคร ไปปรากฏ
ในพวกเทวดาเหล่าอวิหา  ชั่วเวลาสักว่า  บุรุษแข็งแรง
เหยียดแขนหรอื ค้แู ขนเท่าน้นั .

ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !  ในหมเู่ ทวดานน้ั แล เทวดานบั รอ้ ย
นบั พนั เปน็ อนั มากไดเ้ ขา้ มาหาเราแลว้ ไดก้ ลา่ วกะเราวา่  

“ขา้ แตพ่ ระองคผ์ นู้ ริ ทกุ ข ์ !   นบั แตน่ ี้ ไป ๙๑ กปั
พระผมู้ พี ระภาคอรหนั ตสมั มาสมั พทุ ธะ พระนามวา่ วปิ สั สี
ได้เสด็จอุบัติข้ึนในโลก  พวกข้าพระองค์น้ัน  ประพฤติ
พรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาค พระนามว่าวิปัสสี คลาย
ความพอใจในกามทง้ั หลายแลว้ จงึ ไดบ้ งั เกดิ ในทน่ี ”้ี .

349

พุทธวจน - หมวดธรรม

ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !  ในหมเู่ ทวดานน้ั แล เทวดานบั รอ้ ย
นบั พนั เปน็ อนั มากไดเ้ ขา้ มาหาเราแลว้ ไดก้ ลา่ วกะเราวา่  

“ขา้ แตพ่ ระองคผ์ นู้ ริ ทกุ ข ์ !  นบั แตน่ ไ้ี ป ๓๑ กปั
พระผมู้ พี ระภาคอรหนั ตสมั มาสมั พทุ ธะ พระนามวา่ สขิ ี
ได้เสด็จอุบัติข้ึนในโลก  พวกข้าพระองค์น้นั   ประพฤติ
พรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาค  พระนามว่าสิขี  คลาย
ความพอใจในกามทง้ั หลายแลว้ จงึ ไดบ้ งั เกดิ ในทน่ี ”้ี .

ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !  ในหมเู่ ทวดานน้ั แล เทวดานบั รอ้ ย
นบั พนั เปน็ อนั มากไดเ้ ขา้ มาหาเรา ไดก้ ลา่ วกะเราวา่  

“ขา้ แตพ่ ระองคผ์ นู้ ริ ทกุ ข ์ !   ในกปั ที่ ๓๑ นนั้ เอง
พระผมู้ พี ระภาคอรหนั ตสมั มาสมั พทุ ธะ พระนามวา่ เวสสภู
ได้เสด็จอุบัติข้ึนในโลก  พวกข้าพระองค์น้นั   ประพฤติ
พรหมจรรย์ในพระผ้มู ีพระภาค พระนามว่าเวสสภู คลาย
ความพอใจในกามทง้ั หลายแลว้ จงึ ไดบ้ งั เกดิ ในทน่ี ”้ี .

ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !  ในหมเู่ ทวดานน้ั แล เทวดานบั รอ้ ย
นับพนั เปน็ อันมากได้เขา้ มาหาเรา ไดก้ ลา่ วกะเราว่า 

“ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ !   ในภัททกัปนี้เอง
พระผมู้ พี ระภาคอรหนั ตสมั มาสมั พทุ ธะ พระนามวา่ กกสุ นั ธะ

350

เปดิ ธรรมท่ถี กู ปดิ : ภพภมู ิ

ได้เสด็จอุบัติข้ึนในโลก  พวกข้าพระองค์น้ัน  ประพฤติ
พรหมจรรยใ์ นพระผมู้ พี ระภาค พระนามวา่ กกสุ นั ธะ คลาย
ความพอใจในกามทง้ั หลายแลว้ จงึ ไดบ้ งั เกดิ ในทน่ี ”้ี .

ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !  ในหมเู่ ทวดานน้ั แล เทวดานบั รอ้ ย
นบั พนั เปน็ อนั มากไดเ้ ขา้ มาหาเรา ไดก้ ลา่ วกะเราวา่  

“ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ !   ในภัททกัปนี้เอง
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธะ  พระนามว่า
โกนาคมนะ  ได้เสด็จอุบัติขึ้นในโลก  พวกข้าพระองค์
นั้น ประพฤติพรหมจรรย์ในพระผ้มู ีพระภาค พระนามว่า
โกนาคมนะ  คลายความพอใจในกามทง้ั หลายแลว้   จงึ ได้
บงั เกดิ ในทน่ี ”้ี .

ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !  ในหมเู่ ทวดานน้ั แล เทวดานบั รอ้ ย
นบั พนั เปน็ อนั มากไดเ้ ขา้ มาหาเรา ไดก้ ลา่ วกะเราวา่  

“ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ !   ในภัททกัปน้ีเอง
พระผมู้ พี ระภาคอรหนั ตสมั มาสมั พทุ ธะ พระนามวา่ กสั สปะ
ได้เสด็จอุบัติข้ึนในโลก  พวกข้าพระองค์น้นั   ประพฤติ
พรหมจรรยใ์ นพระผมู้ พี ระภาค พระนามวา่ กสั สปะ คลาย
ความพอใจในกามทง้ั หลายแลว้ จงึ ไดบ้ งั เกดิ ในทน่ี ”้ี .

351

พุทธวจน - หมวดธรรม

ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !  ในหมเู่ ทวดานน้ั แล เทวดานบั รอ้ ย
นบั พนั เปน็ อนั มากไดเ้ ขา้ มาหาเรา ไดก้ ลา่ วกะเราวา่  

“ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ !   ในภัททกัปนี้เอง
บดั น้ี พระผูม้ พี ระภาคอรหนั ตสัมมาสัมพุทธะ ไดเ้ สดจ็
อบุ ตั ขิ น้ึ ในโลก พระองคเ์ ปน็ กษตั รยิ โ์ ดยพระชาติ เสดจ็
อุบัติขึ้นในขตั ตยิ สกลุ   เปน็ โคตมะโดยพระโคตร  พวก
ขา้ พระองคน์ น้ั ประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาค
คลายความพอใจในกามทง้ั หลายแลว้ จงึ ไดบ้ งั เกดิ ในทน่ี ”้ี .

ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !   ครงั้ นน้ั แล เราพรอ้ มดว้ ยเทวดา
เหลา่ อวหิ าไดเ้ ขา้ ไปหาเทวดาเหลา่ อตปั ปา  เราพรอ้ มดว้ ย
เทาวดาทง้ั สองพวกนน้ั ไดพ้ ากนั เขา้ ไปหาเทวดาเหลา่ สทุ สั สา 
เราพร้อมด้วยเทวดาทั้งสามพวกน้ัน  ได้เข้าไปหาเทวดา
เหลา่ สทุ สั ส ี เราพรอ้ มดว้ ยเทวดาทง้ั หมดนน้ั   ไดเ้ ขา้ ไปหา
เทวดาเหลา่ อกนิฏฐาแล้ว.

(เทวดาเหล่าน้ัน ได้กล่าวเล่าข้อความกราบทูลพระองค์
ถึงเร่อื งพระพุทธเจ้าบรรดาท่ลี ่วงไปแล้ว และเล่าถึงการประพฤติ
พรหมจรรยข์ องตนในชาตทิ พี่ บพระพทุ ธเจา้ โดยท�ำ นองเดยี วกนั )

352

เปิดธรรมท่ถี กู ปดิ : ภพภมู ิ

ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !   เพราะเหตทุ ธ่ี รรมธาตนุ ้ี ตถาคต
แทงตลอดแลว้ อยา่ งดดี ว้ ยประการดงั น ้ี พระพทุ ธเจา้ ทล่ี ว่ ง
ไปแลว้ ปรนิ พิ พานไปแลว้ ตดั ธรรมเปน็ เหตใุ หเ้ นน่ิ ชา้ ไดแ้ ลว้
ตดั วฏั ฏะไดแ้ ลว้ ครอบง�ำ วฏั ฏะไดแ้ ลว้ ลว่ งสรรพทกุ ขแ์ ลว้
ตถาคตย่อมระลึกถึงได้แม้โดยพระชาติ แม้โดยพระนาม
แมโ้ ดยพระโคตร แมโ้ ดยประมาณแหง่ พระชนมายุ แมโ้ ดย
คู่แห่งพระสาวก แม้โดยการประชุมกันแห่งพระสาวกว่า
แมด้ ว้ ยเหตนุ ้ี พระผมู้ พี ระภาคเหลา่ นน้ั จงึ มพี ระชาตอิ ยา่ งน้ี
จึงมีพระนามอย่างนี้ จึงมีพระโคตรอยา่ งน้ี จงึ มศี ลี อยา่ งน้ี
จงึ มธี รรมอยา่ งน้ี จงึ มปี ญั ญาอยา่ งน้ี จึงมีวิหารธรรมอย่าง
น้ี จึงมีวิมุตติอย่างนี้ แม้พวกเทวดาก็ได้บอกเน้ือความน้ี
แกต่ ถาคต ซง่ึ เปน็ เหตใุ หต้ ถาคตระลกึ ถงึ ไดซ้ ง่ึ พระพทุ ธเจา้
ทง้ั หลายท่ลี ว่ งไปแล้ว.

353

พุทธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมท่ถี กู ปิด : ภพภมู ิ

ชมุ นมุ เทวดา 94

-บาลี มหา. ท.ี ๑๐/๒๘๗-๒๙๖/๒๓๕-๒๔๖.

ภกิ ษุท้ังหลาย !   พวกเทวดาในโลกธาตุทั้ง ๑๐
ประชุมกันมาก เพ่ือทัศนาตถาคตและภิกษุสงฆ์

พวกเทวดาประมาณเทา่ นแ้ี หละ ไดป้ ระชมุ กนั เพอ่ื
ทศั นาพระผมู้ พี ระภาคอรหนั ตสมั มาสมั พทุ ธเจา้ ซง่ึ ไดม้ ี
แลว้ ในอดตี กาล เหมอื นทป่ี ระชมุ กนั เพอ่ื ทศั นาเราในบดั น้ี

พวกเทวดาประมาณเทา่ นแ้ี หละ จกั ประชมุ กนั เพอ่ื
ทศั นาพระผมู้ พี ระภาคอรหนั ตสมั มาสมั พทุ ธเจา้ ซง่ึ จกั มี
ในอนาคตกาล เหมอื นทป่ี ระชมุ กนั เพอ่ื ทศั นาเราในบดั น้ี

เราจักบอกนามพวกเทวดา เราจักระบุนามพวก
เทวดา เราจกั แสดงนามพวกเทวดา พวกเธอจงฟงั เรอื่ งนน้ั
จงท�ำ ในใจใหด้ ี เราจักกลา่ ว.

ยักษ์เจ็ดพันเป็นภุมมเทวดาอาศัยอยู่ในพระนคร
กบิลพัสดุ์ ยักษ์หกพันอยู่ท่ีเขาเหมวตา ยักษ์สามพันอยู่ที่
เขาสาตาครี ี ยกั ษเ์ หลา่ นน้ั รวมเปน็ หนงึ่ หมน่ื หกพนั มรี ศั มี
ตา่ งๆ กนั มฤี ทธ์ิ มอี านภุ าพ มรี ศั มี มยี ศ ยนิ ดี มงุ่ มายงั ปา่
อันเปน็ ทป่ี ระชุมของภิกษุ

354

เปดิ ธรรมทีถ่ กู ปดิ : ภพภูมิ

ยกั ษห์ า้ รอ้ ยอยทู่ เี่ ขาเวสสามติ ตะ มรี ศั มตี า่ งๆ กนั
มีฤทธิ์ มอี านภุ าพ มีรัศมี มยี ศ ยนิ ดี มุ่งมายงั ปา่ อันเป็นท่ี
ประชมุ ของภิกษุ

ยกั ษช์ อ่ื กมุ ภรี ะอยใู่ นพระนครราชคฤห์ เขาเวปลุ ละ
เปน็ ทอ่ี ยขู่ องยกั ษน์ น้ั ยกั ษแ์ สนเศษแวดลอ้ มยกั ษช์ อ่ื กมุ ภรี ะนน้ั
ยกั ษช์ อ่ื กมุ ภรี ะอยใู่ นพระนครราชคฤหแ์ มน้ น้ั กไ็ ดม้ ายงั ปา่
อันเป็นท่ีประชมุ ของภิกษุ

ท้าวธตรัฏฐ อยู่ด้านทิศบูรพา ปกครองทิศนั้น
เป็นอธิบดีของพวกคนธรรพ์  เธอเป็นมหาราช  มียศ
แม้บุตรของเธอก็มาก มีนามว่าอินทะ มีกำ�ลังมาก มีฤทธิ์
มีอานภุ าพ มีรศั มี มยี ศ ยินดี มุ่งมายังป่าอันเป็นที่ประชมุ
ของภิกษุ

ทา้ ววิรฬุ หก อยดู่ ้านทิศทักษิณ ปกครองทิศนัน้
เป็นอธิบดีของพวกกุมภัณฑ์  เธอเป็นมหาราช  มียศ
แมบ้ ตุ รของเธอกม็ าก มนี ามวา่ อนิ ท มกี �ำ ลงั มาก มฤี ทธ์ิ มี
อานภุ าพ มรี ศั มี มยี ศ ยนิ ดี มงุ่ มายงั ปา่ อนั เปน็ ทป่ี ระชมุ ของภกิ ษุ

ท้าววิรูปักษ์ อยู่ด้านทิศปัจจิม ปกครองทิศนั้น
เปน็ อธบิ ดขี องพวกนาค เธอเปน็ มหาราช มยี ศ แมบ้ ตุ รของ
เธอก็มาก มีนามว่าอินท มีกำ�ลังมาก มีฤทธ์ิ มีอานุภาพ
มรี ัศมี มียศ ยนิ ดี มุง่ มายงั ป่าอนั เปน็ ทป่ี ระชุมของภกิ ษุ

355

พทุ ธวจน - หมวดธรรม

ท้าวกุเวร อยู่ด้านทิศอุดร ปกครองทิศน้ัน
เป็นอธิบดีของพวกยักษ์ เธอเป็นมหาราช มียศ แม้บุตร
ของเธอกม็ าก มนี ามวา่ อนิ ท มกี �ำ ลงั มาก มฤี ทธ์ิ มอี านภุ าพ
มรี ศั มี มยี ศ ยนิ ดี มงุ่ มายังปา่ อนั เปน็ ทปี่ ระชุมของภกิ ษุ

ท้าวมหาราชทั้ง ๔ น้ัน ยังทิศท้ัง ๔ โดยรอบ
ให้รงุ่ เรอื ง ไดย้ นื อย่แู ล้วในป่าเขตพระนครกบลิ พัสดุ์

พวกบา่ วของทา้ วมหาราชทง้ั ๔ นนั้ มมี ายา ลอ่ ลวง
โออ้ วด เจา้ เลห่ ์ มาดว้ ยกนั มชี อ่ื คอื กเุ ฏณฑุ ๑  เวเฏณฑุ ๑
วิฏ ๑  วฏิ ฏะ ๑  จันทนะ ๑  กามเสฏฐะ ๑  กนิ นฆุ ณั ฑุ ๑ 
นิฆัณฑุ ๑  และท้าวเทวราชท้ังหลายผู้มีนามว่าปนาทะ ๑ 
โอปมัญญะ ๑  เทพสารถีมีนามว่า มาตลิ ๑  จิตตเสนะ
ผคู้ นธรรพ์๑  นโฬราชะ๑  ชโนสภะ๑  ปญั จสขิ ะ๑  ตมิ พรู๑ 
สรุ ยิ วจั ฉสาเทพธดิ า ๑  มาทง้ั นน้ั ราชาและคนธรรพพ์ วกนน้ั
และพวกอ่นื กบั เทวราชทั้งหลาย ยินดี มุ่งมายังป่าอนั เปน็
ทปี่ ระชุมของภิกษุ

อนง่ึ เหลา่ นาคทอ่ี ยใู่ นสระชอ่ื นภสะบา้ ง อยใู่ นเมอื ง
เวสาลีบ้าง พร้อมด้วยนาคบริษัทเหล่าตัจฉกะ กัมพลนาค
และอัสสตรนาค ก็มา นาคผู้อยู่ในท่าช่ือปายาคะกับญาติ
ก็มา นาคผู้อยู่ในแม่น้ำ�ยมุนา เกิดในสกุลธตรัฏฐ ผู้มียศ

356

เปิดธรรมทถ่ี ูกปิด : ภพภูมิ

ก็มา  เอราวัณเทพบุตรผู้เป็นช้างใหญ่  แม้น้ันก็มายังป่า
อนั เป็นทีป่ ระชมุ ของภิกษุ

ปักษีทวิชาติผู้เป็นทิพย์  มีนัยน์ตาบริสุทธ์ิ  นำ�
นาคราชไปไดโ้ ดยพลนั นน้ั มาโดยทางอากาศถงึ ทา่ มกลางปา่
ชอ่ื ของปกั ษนี น้ั วา่ จติ รสบุ รรณ ในเวลานน้ั นาคราชทง้ั หลาย
ไม่ได้มีความกลัว พระพุทธเจ้าได้ทรงกระทำ�ให้ปลอดภัย
จากครฑุ นาคกบั ครฑุ เจรจากนั ดว้ ยวาจาอนั ไพเราะ กระท�ำ
พระพุทธเจ้าให้เป็นสรณะ  พวกอสูรอาศัยสมุทรอยู่  อัน
ทา้ ววชิรหนั ถร์ บชนะแล้ว เปน็ พีน่ ้องของทา้ ววาสพ มฤี ทธ์ิ
มียศ เหล่าน้ีคือพวกกาลกญั ชอสูรมีกายใหญ่นา่ กลวั ก็มา
พวกทานเวฆสอสรู กม็ า เวปจติ ตอิ สรู สจุ ติ ตอิ สรู ปหาราทอสรู
และนมุจีพระยามาร ก็มาด้วยกัน บุตรของพลิอสูรหนึ่ง
รอ้ ย มชี อ่ื วา่ ไพโรจนท์ งั้ หมดผกู สอดเครอื่ งเสนาอนั มกี �ำ ลงั
เข้าไปใกล้อสุรินทราหู แล้วกล่าวว่า “ท่านผู้เจริญ !  บัดนี้
เป็นสมัยท่ีจะประชุมกัน”  ดังน้ีแล้ว  เข้าไปยังป่าอันเป็น
ท่ีประชมุ ของภิกษุ

ในเวลานั้น เทวดาทั้งหลาย ชื่ออาโป ช่ือปฐวี ช่ือ
เตโช ชอื่ วาโย ไดพ้ ากนั มาแลว้ เทวดา ชอื่ วรณุ ะ ชอ่ื วารณุ ะ
ชอ่ื โสมะ ชอ่ื ยสสะ กม็ าดว้ ยกนั เทวดาผบู้ งั เกดิ ในหมเู่ ทวดา
ดว้ ยเมตตาและกรณุ าฌาน เปน็ ผมู้ ยี ศ กม็ า หมเู่ ทวดา ๑๐

357

พุทธวจน - หมวดธรรม

เหล่านเ้ี ปน็ ๑๐ พวก ท้ังหมดล้วนมรี ศั มีต่างๆ กนั มีฤทธ์ิ
มอี านุภาพ มรี ศั มี มียศ ยินดี มุง่ มายงั ปา่ อนั เป็นที่ประชมุ
ของภิกษุ

เทวดาชอ่ื เวณฑู ชอ่ื สหลี ชอ่ื อสมา ชอ่ื ยมะ ทง้ั สองพวก
กม็ า เทวดาผอู้ าศยั พระจนั ทร์ กระท�ำ พระจนั ทรไ์ วใ้ นเบอ้ื งหนา้
ก็มา เทวดาผู้อาศัยพระอาทิตย์ กระทำ�พระอาทิตย์ไว้ใน
เบื้องหนา้ ก็มา เทวดากระท�ำ นกั ษตั รไวใ้ นเบือ้ งหนา้ กม็ า
มนั ทพลาหกเทวดา กม็ า แมท้ า้ วสกั กปรุ นิ ททวาสวะซง่ึ ประเสรฐิ
กวา่ สเุ ทวดาทง้ั หลายกเ็ สดจ็ มา หมเู่ ทวดา ๑๐ เหลา่ นี้ เปน็
๑๐ พวก ทง้ั หมดล้วนมีรศั มตี า่ งๆ กัน มฤี ทธิ์ มอี านภุ าพ
มรี ัศมี ยินดี มุง่ มายงั ป่าอันเปน็ ที่ประชมุ ของภกิ ษุ

อนึ่งเทวดาชื่อสหภู ผู้รุ่งเรืองดุจเปลวไฟ ก็มา
เทวดาชื่ออริฏฐกะ ชื่อโรชะ มีรัศมีดังสีดอกผักตบ ก็มา
เทวดาชอ่ื วรณุ ะ ชอ่ื สหธรรม ชอ่ื อจั จตุ ะ ชอ่ื อเนชกะ ชอ่ื สเุ ลยยะ
ชอ่ื รจุ ริ ะ กม็ า เทวดาชอ่ื วาสวเนสี กม็ า หมเู่ ทวดา ๑๐ เหลา่ น้ี
เปน็ ๑๐ พวก ทง้ั หมด ลว้ นมรี ศั มตี า่ งๆ กนั มฤี ทธ์ิ มอี านภุ าพ
มีรัศมี มียศ ยนิ ดี มุง่ มายังปา่ อนั เปน็ ทป่ี ระชมุ ของภิกษุ

เทวดาช่ือสมานะ ช่ือมหาสมานะ ชื่อมานุสะ ชื่อ
มานุสตุ ตมะ ชอ่ื ขิฑฑาปทสู ิกะ ก็มา เทวดาชอื่ มโนปทูสกิ ะ
ก็มา อน่ึง เทวดาช่ือหริ เทวดาชื่อโลหิตวาสี ชื่อปารคะ

358

เปิดธรรมทีถ่ กู ปิด : ภพภูมิ

ช่ือมหาปารคะ ผู้มียศ ก็มา หมู่เทวดา ๑๐ เหล่าน้ี เป็น
๑๐ พวก ท้ังหมดลว้ นมรี ศั มีต่างๆ กนั มฤี ทธิ์ มอี านภุ าพ
มีรัศมี มยี ศ ยนิ ดี มงุ่ มายงั ปา่ อนั เปน็ ที่ประชุมของภกิ ษุ

เทวดาชอื่ สุกกะ ชือ่ กรุมหะ ช่ืออรุณะ ชอื่ เวฆนสะ
ก็มาด้วยกัน เทวดาชื่อโอทาตคัยหะ ผู้เป็นหัวหน้าเทวดา
ชอื่ วจิ กั ขณะ กม็ า เทวดาชอื่ สทามตั ตะ ชอื่ หารคชะ และชอ่ื
มสิ สกะผมู้ ยี ศ กม็ า ปชนุ นเทวบตุ ร ซง่ึ ค�ำ รามใหฝ้ นตกทว่ั ทศิ
ก็มา หมู่เทวดา ๑๐ เหล่านี้ เป็น ๑๐ พวก ทั้งหมดล้วน
มีรัศมีต่างๆ กัน มีฤทธ์ิ มีอานุภาพ มีรัศมี มียศ ยินดี
มุ่งมายังป่าอนั เปน็ ที่ประชุมของภิกษุ

เทวดาชื่อเขมิยะ เทวดาช้ันดุสิต เทวดาชั้นยามะ
และเทวดาชอ่ื กฏั ฐกะ มยี ศ เทวดาชอ่ื ลมั พติ กะ ชอ่ื ลามเสฏฐะ
ชอ่ื โชตินามะ ชอื่ อาสา และเทวดาชน้ั นิมมานรดี กม็ า อน่ึง
เทวดาชน้ั ปรนมิ มติ ะ กม็ า หมเู่ ทวดา ๑๐ เหลา่ น้ี เปน็ ๑๐ พวก
ทง้ั หมดลว้ นมรี ศั มตี า่ งๆ กนั มฤี ทธ์ิ มอี านภุ าพ มรี ศั มี มยี ศ
ยนิ ดี มุง่ มายงั ปา่ อนั เปน็ ท่ปี ระชุมของภกิ ษุ

หมเู่ ทวดา ๖๐ เหลา่ น้ี ทง้ั หมดลว้ นมรี ศั มตี า่ งๆ กนั
มาแลว้ โดยก�ำ หนดชอ่ื และเทวดาเหลา่ อน่ื ผเู้ ชน่ กนั มาพรอ้ มกนั
ด้วยคิดว่า “เราท้ังหลายจักเห็นพระนาค ผู้ปราศจากชาติ

359

พทุ ธวจน - หมวดธรรม

ไมม่ กี เิ ลสดจุ ตะปู มโี อฆะอนั ขา้ มแลว้ ไมม่ อี าสวะขา้ มพน้ โอฆะ
ผลู้ ว่ งความยดึ ถอื ไดแ้ ลว้ ดจุ พระจนั ทรพ์ น้ จากเมฆฉะนน้ั ”
สุพรหมและปรมัตตพรหม ซ่ึงเป็นบุตรของพระพทุ ธเจา้
ผู้มีฤทธิ์ ก็มาด้วยสนังกุมารพรหมและติสสพรหม แม้น้ัน
ก็มายงั ปา่ อนั เป็นทป่ี ระชุมของภกิ ษุ

ทา้ วมหาพรหมยอ่ มปกครองพรหมโลกพนั หนง่ึ
ท้าวมหาพรหมน้ันบังเกิดแล้วในพรหมโลก มีอานุภาพ
มีกายใหญ่โต มียศ กม็ า พรหม ๑๐ พวก ผู้เป็นอสิ ระใน
พวกพรหมพนั หนง่ึ มอี �ำ นาจเปน็ ไปเฉพาะองคล์ ะอยา่ ง กม็ า
มหาพรหมชื่อหาริตะ  อันบริวารแวดล้อมแล้ว  มาใน
ทา่ มกลางพรหมเหล่านน้ั

เมื่อมารและเสนามาถึง พระศาสดาได้ตรัสกับพวกเทพ
พรอ้ มท้งั พวกพรหมทั้งหมดผู้มุง่ มานน้ั ว่า

ท่านจงดคู วามเขลาของมาร

พญามารไดก้ ล่าววา่
“พวกทา่ นจงมาจบั เทวดาเหลา่ นผ้ี กู ไว้ ความผกู ดว้ ยราคะ
จงมแี กท่ า่ นทง้ั หลาย พวกทา่ นจงลอ้ มไวโ้ ดยรอบ อยา่ ปลอ่ ยใครๆ ไป”
พญามารบังคับเสนามาร ในที่ประชุมนั้นดังนี้แล้ว เอาฝ่ามือตบ
แผ่นดิน กระทำ�เสียงน่ากลัว เหมือนเมฆยังฝนให้ตก คำ�รามอยู่

360

เปดิ ธรรมที่ถกู ปิด : ภพภูมิ

พรอ้ มท้ังฟ้าแลบ เวลานน้ั พญามารน้ันไม่อาจยงั ใครให้เป็นไปใน
อำ�นาจได้ โกรธจดั กลบั ไปแล้ว

พระศาสดาผู้มีพระจักษุทรงพิจารณาทราบเหตุนั้น
ทั้งหมด แตน่ ัน้ จงึ ตรสั แก่สาวกผู้ยนิ ดีในพระศาสนาว่า  

ภิกษุท้ังหลาย !  
มารและเสนามาแล้ว พวกเธอจงรจู้ ักเขาไว้

ภิกษุเหล่านั้นสดับพระดำ�รัสสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว
ได้กระทำ�ความเพียร  พญามารและเสนามารหลีกไป  จากภิกษุ
ผปู้ ราศจากราคะ ไม่ยังแมข้ นของทา่ นเหลา่ นนั้ ใหไ้ หว

พญามารกลา่ วสรรเสรญิ วา่
“พวกสาวกของพระองค์ท้ังหมดชนะสงครามแลว้   ลว่ ง
ความกลวั ไดแ้ ลว้ มยี ศปรากฏในหมชู่ นบนั เทงิ อยกู่ บั ดว้ ยพระอรยิ เจา้
ผูเ้ กิดแล้วในพระศาสนา” ดังนแี้ ล.

361

พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมท่ถี ูกปดิ : ภพภมู ิ

เทวดาเคยรบกบั อสูร 95

-บาลี มหาวาร. ส.ํ ๑๙/๕๕๘-๕๕๙/๑๗๒๕-๑๗๒๗.

ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !   มเี รอ่ื งราวในกาลกอ่ น บรุ ษุ ผหู้ นง่ึ
ตง้ั ใจวา่ จะคดิ ซง่ึ ความคดิ เรอ่ื งโลก จงึ ออกจากนครราชคฤห์
ไปสูส่ ระบัวชื่อสมุ าคธา แลว้ นง่ั คดิ อยูท่ รี่ ิมฝ่งั สระ บุรุษน้ัน
ได้เห็นแลว้ ซึ่งหมเู่ สนาประกอบดว้ ยองคส์ ่ี (คอื ชา้ ง ม้า รถ
พลเดนิ เทา้ ) ทฝ่ี ง่ั สระสมุ าคธานนั้ เขา้ ไปอยๆู่ สเู่ หงา้ รากบวั
คร้ันเขาเห็นแล้วเกิดความไม่เช่ือตัวเองว่า  “เราน้ีบ้าแล้ว
เรานว้ี กิ ลจรติ แลว้ สงิ่ ใดไมม่ ใี นโลก เราไดเ้ หน็ สงิ่ นน้ั แลว้ ”
ดงั น้ี.

ภิกษุท้ังหลาย !   บุรุษน้ันกลับเข้าไปสู่นครแล้ว
ปา่ วรอ้ งแกม่ หาชน วา่ “ทา่ นผเู้ จรญิ  !   ขา้ พเจา้ เปน็ บา้ แลว้
ขา้ พเจา้ วกิ ลจรติ แลว้ เพราะวา่ สง่ิ ใดไมม่ อี ยใู่ นโลก ขา้ พเจา้
มาเหน็ แลว้ ซง่ึ สง่ิ นนั้ ” ดงั น้ี มเี สยี งถามวา่ “เหน็ อะไรมา ?”
เขาบอกแลว้ ตามทเ่ี หน็ ทกุ ประการ มเี สยี งรบั รองวา่ “ถกู แลว้
ท่านผ้เู จริญเอ๋ย !  ทา่ นเป็นบา้ แลว้ ทา่ นวิกลจรติ แล้ว”.

ภิกษทุ ้งั หลาย !   แตว่ า่ บุรษุ น้ัน ไดเ้ ห็นสง่ิ ทีม่ ีจริง
เปน็ จริง หาใชเ่ หน็ ส่งิ ไม่มีจรงิ ไมเ่ ปน็ จริงไม.่

362

เปดิ ธรรมทถ่ี ูกปิด : ภพภมู ิ

ภิกษุท้ังหลาย !   ในกาลก่อนดึกดำ�บรรพ์
สงครามระหว่างพวกเทพกับอสูรได้ต้ังประชิดกันแล้ว
ในสงครามครง้ั นน้ั พวกเทพเปน็ ฝา่ ยชนะ อสรู เปน็ ฝา่ ยแพ้
พวกอสูรกลัว แล้วแอบหนีไปสู่ภพแห่งอสูรโดยผ่านทาง
เหงา้ รากบวั หลอกพวกเทพใหห้ ลงคน้ อยู่ (เรอ่ื งของโลกยอ่ ม
พิสดารไมส่ ิ้นสุดถงึ เพยี งนี)้ .

ภิกษทุ งั้ หลาย !   เพราะเหตนุ ้ัน ในกรณีนี้
พวกเธอทง้ั หลาย จงอยา่ คดิ เรอ่ื งโลก โดยนยั วา่  
โลกเท่ยี งหรือ ? โลกไมเ่ ท่ียงหรอื  ?
โลกมีทีส่ ดุ หรือ ? โลกไมม่ ที ่ีสดุ หรอื  ?
ชพี ก็ดวงน้นั ร่างกายก็รา่ งนัน้ หรอื  ?
ชีพกด็ วงอนื่ รา่ งกายกร็ ่างอน่ื หรอื  ?
ตถาค ตตายแล้ว ย่อมเป็นอยา่ งท่ีเป็นมาแล้วนั้น

อีกหรือ ?
ตถาค ตตายแล้ว ไม่เป็นอยา่ งท่ีเป็นมาแล้วนนั้

อีกหรือ ?
ตถาค ตตายแล้ว เปน็ อยา่ งทีเ่ ปน็ มาแล้วอกี กม็ ี

ไม่เป็นกม็ หี รอื  ?
ตถา คตตายแลว้ เปน็ อยา่ งทเ่ี ปน็ มาแลว้ อกี กไ็ มเ่ ชงิ

ไมเ่ ปน็ ก็ไม่เชิงหรือ ?

363

พุทธวจน - หมวดธรรม

เพราะเหตุไรจงึ ไมค่ วรคดิ เลา่  ?
เพราะความคิดน้นั ไมป่ ระกอบด้วยประโยชน์
ไม่เป็นเงื่อนต้นแหง่ พรหมจรรย์
ไม่เป็นไปพรอ้ มเพอื่ ความหน่ายทกุ ข์
ความคลายก�ำ หนดั ความดบั ความรำ�งบั
ความรู้ยิง่ ความรู้พรอ้ ม และนิพพานเลย.
ภกิ ษุท้ังหลาย !  
เม่อื พวกเธอจะคดิ จงคิดวา่  
เช่นนๆ้ี เปน็ ทุกข์
เชน่ นๆ้ี เปน็ เหตุให้เกดิ ทกุ ข์
เช่นนี้ๆ เปน็ ความดับไม่เหลอื ของทกุ ข์
เช่นน้ีๆ เป็นทางดำ�เนินให้ถงึ ความดบั ไมเ่ หลือ
ของทุกข์ ดงั น.้ี
เพราะเหตุไรจึงควรคดิ เลา่  ?
เพราะความคดิ นี้ ย่อมประกอบดว้ ยประโยชน์
เป็นเงอ่ื นต้นของพรหมจรรย์
เป็นไปพร้อมเพ่ือความหน่ายทุกข์
ความคลายกำ�หนัด ความดับ ความร�ำ งบั
ความรยู้ ่งิ ความรูพ้ รอ้ ม และนิพพาน.

364

เปิดธรรมท่ีถูกปิด : ภพภมู ิ

ภิกษทุ ง้ั หลาย !  
เพราะเหตนุ นั้ ในกรณนี ้ี
พวกเธอพงึ ท�ำ ความเพยี รเพอ่ื ใหร้ ตู้ ามเปน็ จรงิ วา่  
น้ีเป็นทุกข์
นเี้ ป็นเหตใุ ห้เกดิ ขึน้ แห่งทุกข์
นี้เปน็ ความดับไมเ่ หลือแห่งทุกข์
นเ้ี ป็นทางด�ำ เนนิ ให้ถงึ ความดบั ไมเ่ หลือแห่งทุกข์
ดังนเี้ ถดิ .

365

พุทธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมทถี่ กู ปิด : ภพภูมิ

ต�ำแหนง่ ที่สตรีเป็นไม่ได้ 96

-บาลี อปุ ริ. ม. ๑๔/๑๗๒/๒๔๕.

อานนท์ !   ภกิ ษใุ นธรรมวนิ ัยน้ี
ยอ่ มรชู้ ัดว่า ข้อท่มี ิใช่ฐานะ มิใช่โอกาส คือ
สตรพี งึ เป็นพระอรหันตสัมมาสมั พุทธะ
น่ันไมใ่ ช่ฐานะทมี่ ไี ด้
และรู้ชดั วา่ ขอ้ ที่เป็นฐานะมไี ดแ้ ล คอื
บุรุษพึงเป็นพระอรหนั ตสัมมาสัมพทุ ธะ
นั่นเป็นฐานะท่ีมไี ด้

ยอ่ มรู้ชดั วา่ ขอ้ ที่มิใช่ฐานะ มใิ ชโ่ อกาส คอื
สตรพี ึงเปน็ พระเจ้าจกั รพรรดิ
น่ันไม่ใช่ฐานะทมี่ ไี ด้
และรู้ชัดวา่ ข้อท่เี ปน็ ฐานะมไี ดแ้ ล คือ
บรุ ษุ พึงเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ
นัน่ เป็นฐานะท่มี ีได้

366

เปิดธรรมทถี่ ูกปดิ : ภพภมู ิ

ย่อมรชู้ ดั วา่ ข้อทม่ี ใิ ชฐ่ านะ มิใชโ่ อกาส คือ
สตรพี งึ สำ�เร็จเปน็ ทา้ วสักกะ
นั่นไมใ่ ช่ฐานะทม่ี ีได้
และรู้ชัดวา่ ข้อท่ีเป็นฐานะมีไดแ้ ล คอื
บรุ ษุ พึงสำ�เร็จเปน็ ทา้ วสักกะ
นั่นเปน็ ฐานะท่ีมไี ด้
ย่อมรู้ชัดว่า ข้อทีม่ ใิ ช่ฐานะ มิใช่โอกาส คอื
สตรีพงึ ส�ำ เร็จเปน็ มาร
นนั่ ไมใ่ ชฐ่ านะทม่ี ไี ด้
และรู้ชัดวา่ ข้อที่เป็นฐานะมไี ดแ้ ล คือ
บรุ ษุ พงึ สำ�เร็จเป็นมาร
น่นั เปน็ ฐานะทม่ี ีได้
ย่อมร้ชู ดั ว่า ขอ้ ทีม่ ใิ ช่ฐานะ มใิ ช่โอกาส คอื
สตรีพงึ ส�ำ เร็จเปน็ พรหม
นน่ั ไมใ่ ช่ฐานะทม่ี ไี ด้
และรชู้ ัดวา่ ข้อทเ่ี ป็นฐานะมไี ดแ้ ล คือ
บุรษุ พงึ สำ�เรจ็ เปน็ พรหม
นนั่ เป็นฐานะทม่ี ไี ด.้

367

พุทธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมทถี่ ูกปิด : ภพภูมิ

อานสิ งสแ์ ห่งการฟงั ธรรมเนอื งๆ 97

-บาลี อปุ ร.ิ ม. ๑๔/๑๗๒/๒๔๕.

ภิกษุท้ังหลาย !   อานิสงส์ ๔ ประการแห่งธรรม
ท้ังหลายที่บุคคลฟังเนืองๆ คล่องปาก ข้ึนใจ แทงตลอด
ดว้ ยดดี ว้ ยความเหน็ อนั บคุ คลพงึ หวงั ได้

อานิสงส์ ๔ ประการ อย่างไรเล่า ?
(๑) ภิกษุทั้งหลาย !   ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อม
เลา่ เรยี นธรรม คอื สตุ ตะ เคยยะ เวยยากรณะ คาถา อทุ าน
อิติวุตตกะ ชาดก อัพภูตธรรม เวทัลละ ธรรมเหล่านั้น
เปน็ ธรรมอนั ภกิ ษนุ น้ั ฟงั เนอื งๆ คลอ่ งปาก ขน้ึ ใจ แทงตลอด
ด้วยดีด้วยความเห็น เธอมีสติหลงลืม เมื่อกระทำ�กาละ
ยอ่ มเขา้ ถงึ เทพนกิ ายหมใู่ ดหมหู่ นง่ึ บทแหง่ ธรรมทง้ั หลาย
ยอ่ มปรากฏแกเ่ ธอผมู้ คี วามสขุ ในภพนน้ั สตบิ งั เกดิ ขน้ึ ชา้
แตส่ ตั ว์น้นั ยอ่ มเป็นผบู้ รรลคุ ุณวิเศษเร็วพลนั .
ภิกษุทั้งหลาย !   นี้เป็นอานิสงส์ประการท่ี  ๑
แห่งธรรมทั้งหลายท่ีบุคคลฟังเนืองๆ คล่องปาก ขึ้นใจ
แทงตลอดด้วยดีด้วยความเห็น อันบุคคลพึงหวังได้.

368

เปดิ ธรรมทถ่ี กู ปดิ : ภพภมู ิ

(๒) ภกิ ษยุ อ่ มเลา่ เรยี นธรรม คอื สตุ ตะ … เวทลั ละ
ธรรมเหล่าน้ันเป็นธรรมอันภิกษุน้ันฟังเนืองๆ คล่องปาก
ขึ้นใจ แทงตลอดด้วยดีด้วยความเห็น เธอมีสติหลงลืม
เมื่อกระทำ�กาละ ย่อมเข้าถึงเทพนิกายหมู่ใดหมู่หนึ่ง
บทแหง่ ธรรมทง้ั หลาย ยอ่ มไมป่ รากฏแกเ่ ธอผมู้ คี วามสขุ
อยใู่ นภพนน้ั เลย แตภ่ กิ ษผุ มู้ ฤี ทธ์ิ ถงึ ความช�ำ นาญแหง่ จติ
แสดงธรรมแกเ่ ทพบรษิ ทั เธอมคี วามปริวิตกอย่างนีว้ ่า
ในกาลกอ่ น เราไดป้ ระพฤตพิ รหมจรรยใ์ นธรรมวนิ ยั ใด
นี้คือธรรมวินัยนั้น สติบังเกิดข้ึนช้า แต่ว่าสัตว์น้ันย่อม
เป็นผบู้ รรลคุ ณุ วิเศษเรว็ พลนั .

ภิกษุท้ังหลาย !   บุรุษผู้ฉลาดต่อเสียงกลอง
เขาเดนิ ทางไกล พงึ ไดย้ นิ เสยี งกลอง เขาไมพ่ งึ มคี วามสงสยั
หรอื เคลอื บแคลงวา่ เสยี งกลองหรอื ไมใ่ ชห่ นอ ทแ่ี ทเ้ ขาพงึ ถงึ
ความตกลงใจว่า เสียงกลองทีเดียว ฉันใด ภิกษุก็ฉันนั้น
เหมือนกัน ย่อมเล่าเรียนธรรม คือ สุตตะ … เวทัลละ
ธรรมเหล่านน้ั เป็นธรรมอันภิกษุนั้นฟังเนืองๆ คล่องปาก
ขน้ึ ใจ แทงตลอดด้วยดีดว้ ยความเห็น … สตบิ ังเกิดข้ึนชา้
แต่วา่ สตั ว์น้ันย่อมเป็นผบู้ รรลคุ ณุ วิเศษ เรว็ พลนั .

ภิกษุทั้งหลาย !   น้ีเป็นอานิสงส์ประการท่ี  ๒
แห่งธรรมท้ังหลายที่ภิกษุฟังเนืองๆ  คล่องปาก  ข้ึนใจ
แทงตลอดดว้ ยดีด้วยความเห็น อนั บุคคลพึงหวังได.้

369

พทุ ธวจน - หมวดธรรม

(๓) ภกิ ษยุ อ่ มเลา่ เรยี นธรรม คอื สตุ ตะ … เวทลั ละ
ธรรมเหล่าน้ันเป็นธรรมอันภิกษุนั้นฟังเนืองๆ คล่องปาก
ข้ึนใจ แทงตลอดด้วยดีด้วยความเห็น เธอมีสติหลงลืม
เมื่อกระทำ�กาละ ย่อมเข้าถึงเทพนิกายหมู่ใดหมู่หนึ่ง
บทแหง่ ธรรมทง้ั หลาย ยอ่ มไมป่ รากฏแกเ่ ธอผมู้ คี วามสขุ
อยใู่ นภพนน้ั เลย ทง้ั ภกิ ษผุ มู้ ฤี ทธถ์ิ งึ ความช�ำ นาญแหง่ จติ
กไ็ มไ่ ดแ้ สดงธรรมในเทพบรษิ ทั แตเ่ ทพบตุ รยอ่ มแสดง
ธรรมในเทพบริษทั เธอมีความคดิ อย่างนี้วา่ ในกาลก่อน
เราไดป้ ระพฤตพิ รหมจรรยใ์ นธรรมวนิ ยั ใด นค้ี อื ธรรมวนิ ยั
น้ันเอง สติบังเกิดขึ้นช้า แต่ว่าสัตว์น้ันย่อมเป็นผู้บรรลุ
คณุ วิเศษเร็วพลัน.

ภิกษุทั้งหลาย !   บุรุษผู้ฉลาดต่อเสียงสังข์ เขา
เดินทางไกลพึงได้ฟังเสียงสังข์เข้า เขาไม่พึงมีความสงสัย
หรอื เคลอื บแคลงวา่ เสยี งสงั ขห์ รอื มใิ ชห่ นอ ทแ่ี ทเ้ ขาพงึ ถงึ
ความตกลงใจว่า เสยี งสงั ข์ฉนั ใด ภกิ ษุก็ฉันนน้ั เหมือนกัน
ย่อมเล่าเรียนธรรม คือ สตุ ตะ … เวทัลละ ธรรมเหล่านน้ั
เปน็ ธรรมอนั ภกิ ษนุ น้ั ฟงั เนอื งๆ คลอ่ งปาก ขน้ึ ใจ แทงตลอด
ด้วยดีด้วยความเห็น … สติบังเกิดขึ้นช้า แต่ว่าสัตว์น้ัน
ย่อมเป็นผู้บรรลคุ ณุ วิเศษเร็วพลนั .

370

เปิดธรรมท่ถี ูกปิด : ภพภูมิ

ภิกษุท้ังหลาย !   นี้เป็นอานิสงส์ประการที่  ๓
แห่งธรรมทั้งหลายท่ีภิกษุฟังเนืองๆ  คล่องปาก  ขึ้นใจ
แทงตลอดด้วยดีดว้ ยความเหน็ อนั บคุ คลพงึ หวังได.้

(๔) ภกิ ษยุ อ่ มเลา่ เรยี นธรรม คอื สตุ ตะ … เวทลั ละ
ธรรมเหล่าน้ันเป็นธรรมอันภิกษุน้ันฟังเนืองๆ คล่องปาก
ข้ึนใจ แทงตลอดด้วยดีด้วยความเห็น เธอมีสติหลงลืม
เมื่อกระทำ�กาละ ย่อมเข้าถึงเทพนิกายหมู่ใดหมู่หนึ่ง
บทแหง่ ธรรมทง้ั หลาย ยอ่ มไมป่ รากฏแกเ่ ธอผมู้ คี วามสขุ
อยใู่ นภพนน้ั เลย แมภ้ กิ ษผุ มู้ ฤี ทธถ์ิ งึ ความช�ำ นาญแหง่ จติ
ก็มิได้แสดงธรรมในเทพบริษัท  แม้เทพบุตรก็ไม่ได้
แสดงธรรมในเทพบริษัท แต่เทพบุตรผู้เกิดก่อนเตือน
เทพบตุ รผเู้ กดิ ทหี ลงั วา่ “ทา่ นผนู้ ริ ทกุ ขย์ อ่ มระลกึ ไดห้ รอื วา่
เราไดป้ ระพฤตพิ รหมจรรยใ์ นกาลกอ่ น” เธอกลา่ วอยา่ งนว้ี า่
“เราระลึกได้ท่านผู้นิรทุกข์  เราระลึกได้ท่านผู้นิรทุกข์”
สตบิ งั เกดิ ขน้ึ ชา้ แตว่ า่ สตั วน์ นั้ ยอ่ มเปน็ ผบู้ รรลคุ ณุ วเิ ศษ
เรว็ พลัน.

ภิกษุทั้งหลาย !   สหายสองคนเล่นฝุ่นด้วยกัน
เขามาพบกนั บางครง้ั บางคราว ในทบ่ี างแหง่ สหายคนหนง่ึ
พงึ กลา่ วกะสหายคนนน้ั อยา่ งนว้ี า่ “สหาย ทา่ นระลกึ กรรม

371

พุทธวจน - หมวดธรรม

แมน้ ไ้ี ดห้ รอื ” เขาพงึ กลา่ วอยา่ งนว้ี า่ “เราระลกึ ได้ เราระลกึ ได”้
ฉันใด ภิกษุก็ฉันนั้นเหมือนกัน ย่อมเล่าเรียนธรรม คือ
สตุ ตะ … เวทลั ละ ธรรมเหลา่ นนั้ เปน็ ธรรมอนั ภกิ ษนุ น้ั ฟงั
เนืองๆ คล่องปาก ขึ้นใจ แทงตลอดด้วยดีด้วยความเห็น
… สตบิ งั เกดิ ขนึ้ ชา้ แตว่ า่ สตั วน์ น้ั ยอ่ มเปน็ ผบู้ รรลคุ ณุ วเิ ศษ
เร็วพลัน.

ภิกษุท้ังหลาย !   น้ีเป็นอานิสงส์ประการท่ี  ๔
แห่งธรรมท้ังหลายที่ภิกษุฟังเนืองๆ  คล่องปาก  ขึ้นใจ
แทงตลอดดว้ ยดีด้วยความเห็น อันบุคคลพงึ หวงั ได้.

ภิกษุทั้งหลาย !   นี้แลอานิสงส์  ๔  ประการ
แหง่ ธรรมทง้ั หลายทีภ่ ิกษฟุ งั แลว้ เนืองๆ คล่องปาก ข้ึนใจ
แทงตลอดด้วยดีดว้ ยความเห็น อันบคุ คลพึงหวังได้.

372

พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมทีถ่ ูกปิด : ภพภมู ิ

การเขา้ ถึงสวรรคใ์ นภพปจั จุบัน 98

-บาลี สฬา. สํ. ๑๘/๑๕๙/๒๑๕.

ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !  ลาภของเธอทง้ั หลาย.
ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !  เปน็ การไดท้ ด่ี ขี องเธอทง้ั หลายแลว้ .
ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !  ขณะส�ำ หรบั การประพฤตพิ รหมจรรย์
พวกเธอกไ็ ด้โดยเฉพาะแลว้ .
ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !  
สวรรค์ ชอื่ ผสั สายตนกิ ะ ๖ ช้ัน เราไดเ้ หน็ แลว้  
ในบรรดาสวรรคเ์ หลา่ นน้ั บคุ คลเหน็ รปู ใดๆ ด้วย
ตา  ย่อมเห็นแต่รูปที่น่าปรารถนาเท่านั้น  ไม่เห็นรูป
ทไ่ี มน่ า่ ปรารถนาเลย เหน็ แตร่ ปู ทน่ี า่ รกั ใครเ่ ทา่ นน้ั ไมเ่ หน็
รปู ทไ่ี มน่ ่ารักใครเ่ ลย เห็นแต่รูปท่นี า่ พอใจเทา่ น้ัน ไมเ่ ห็น
รปู ทีไ่ มน่ ่าพอใจเลย.
ในบรรดาสวรรคเ์ หลา่ นน้ั บคุ คลฟงั เสยี งใดๆ ดว้ ย
หู … .
ในบรรดาสวรรคเ์ หลา่ นน้ั บคุ คลดมกลน่ิ ใดๆ ดว้ ย
จมูก … .

373

พทุ ธวจน - หมวดธรรม

ในบรรดาสวรรคเ์ หลา่ นน้ั บคุ คลลม้ิ รสใดๆ ดว้ ย
ลิ้น … .

ในบรรดาสวรรคเ์ หลา่ นน้ั บคุ คลถกู ตอ้ งโผฏฐพั พะ
ใดๆ ดว้ ยผิวกาย … .

ในบรรดาสวรรคเ์ หลา่ นน้ั บคุ คลรแู้ จง้ ธรรมารมณ์
ใดๆ ดว้ ยใจ  ยอ่ มรแู้ จง้ แตธ่ รรมารมณท์ น่ี า่ ปรารถนาเทา่ นน้ั
ไมร่ แู้ จง้ ธรรมารมณท์ ไ่ี มน่ า่ ปรารถนาเลย  รแู้ จง้ ธรรมารมณ์
ท่นี ่ารักใคร่เท่าน้นั   ไม่ร้แู จ้งธรรมารมณ์ท่ไี ม่น่ารักใคร่เลย 
รแู้ จง้ แตธ่ รรมารมณท์ น่ี า่ พอใจเทา่ นน้ั ไมร่ แู้ จง้ ธรรมารมณ์
ทไ่ี มน่ า่ พอใจเลย.

ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !  ลาภของเธอทง้ั หลาย.
ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !  เปน็ การไดท้ ด่ี ขี องเธอทง้ั หลายแลว้ .
ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !  ขณะส�ำ หรบั การประพฤตพิ รหมจรรย์
พวกเธอก็ได้โดยเฉพาะแล้ว ดังน้แี ล.

374


Click to View FlipBook Version