ท่านพระอาจารย์มน่ั ภูรทิ ัตตมหาเถระ
แสดงธรรม ณ วัดป่าบา้ นหนองผือ อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร
บนั ทกึ ธรรมโดย หลวงปหู่ ลยุ จนั ทสาโร
• ธรรมะ ธมั โม เรยี นมาจากธรรมชาติ เหน็ ความเกดิ ความแปรปรวนของสงั ขาร ประกอบดว้ ย
ไตรลกั ••ษ ณออ์ยรหา่ เันชตอ่ื ์หก็เมปอ็นมคาุณกนอักนันใหต้เ์ชนือ่ ับธรหรามปมราะกมจาึงณดี มเชิไ่อืดก้ พรรรมะเอชรื่อหผันลขตอ์ตงรกัสรรรู้ใมนตัว เห็นในตัวมีญาณ
แจ่มแจ••ง้ ดภธี รลเู ขร้วามนสะแูงชตทีเ้ ขเ่ ่กีลา้ ล่ากง้ิเรามยียากนบบัธดรจสริตตัมเวปช์ใา็นหตคเ้ ิทปัมัง้็นภนจีร้นัณุ์เดฯไิมปนัน้ อายุ ๗๐ ปีแล้ว ไมเ่ คยเหน็ ภเู ขา เห็นแต่ชาตทิ กุ ข์
ชราทกุ •ข ์ พยาธทิ ุกข์ มรณทกุ ข์ เท่านน้ั แล ทิฐมิ านะเป็นภูเขาสูงหาทีป่ ระมาณมไิ ด้
ธรรมะเปน็ ต้น เอโกมีอันเดยี ว แต่แสดงอาการโดยนัย ๘๔,๐๐๐ ธาตุ ๔ ธาตุ ๖ ธาตุ ๑๘
ใหเ้ หน็ •ด ้ว๘ย๔จัก,๐ษ๐ดุ ๐ว้ ยเปให็นเ้ อหุบน็ าดยว้ ทย่ีใญหาพ้ ณระคออื งปคัญท์ รญมาาดน้วสยตั วน์ โสมตั ดวินย์ ่อนม�้ำร แู้บตดิ ่ า๘ม๔า,ร๐ด๐า๐ป้นัเทข่าึ้นนมัน้ า จะรยู้ งิ่ ไป
กว่าน้ันเป็นไม่มี เว้นแต่นิสัยพุทธภูมิฯ รู้อนันตนัยหาประมาณมิได้ พันจากนิสัยของสาวก สาวกรู้
แต่ ๘๔•, ๐ใ๐ห๐ร้ ู้ เท่าน้นั จะรูย้ ่ิงไปกวา่ นั้นมิได้
นโม นะ นำ้� โม ดนิ (อิ อะ) อติ ิปิโสฯ อรหํ เม่ือรแู้ ลว้ ความรู้หาประมาณมิได้ อะ อิ
สาํ คญั ••น ักญธเาปาตน็ณุดคินขณุ อธสางมตพบนุรตัะ�ำ้ ขิพธอุทางตธพเุลจรม้าะอธทราา่ หตนุไันหฟตมฯ์นายีเ้ อเองทาําสใกหนบ้ ธุค์กคาลยเปเช็นน่ พรนะิมอิตรธหาันตตไุ ฟ์ ธาตุลม ธาตุน้�ำ ธาตุดนิ
และอา••ก าโสรลตั ก๓วสเ์๒กันดิ เนปใิวน็นาทนส้อมิ งติมมีคาทวรา่ าดนมาบทแอปกุ กขรวปแ์ า่ สรรนวเู้ หนกน็ตาเ้ังชมเน่ทเปน่ียน็ ้ีงบขอรอยรงู่เดชตา่่�ำนทชนา้่า้ันนเปเจแน็ ้าตขค่จอณุ ิตงขททอั้ง่ีนหงําเลทราาุกยรขไัก์เมดษค่ อืาดั ดไควร้า้ใ้อหนน้ดเฯลีอยยฯ่าให้ติด
ถา้ ไมต่ ••••ิด กอพคตไ็ รด้อน้จิ ยิงช้ดาทสร่อืกู ณัจาํวาจ่ายาทิตเถคปกุใึง้นหน็ ขหกเ้ส์ลปาสุขักย็นมใเแุทตนอลรัยตกะวอจเตนนหกอ้โิ น็นรางธที้อยสถร่างมเิยนูกครสแดรรจัสีแคาขดละองว้คหทงอืธ์ ไจบรมรกรไเ่ิงปปมาแยใท็นลหปบว้ ว้เญัมปาเาดจ็นหเานิเพาอตขื่อใกาจน้ึ ใเมหสมเมมศ้าปรไอษิ ็นดรฯยมค้ ถ์รรเู้หา้รไคน็ มต่ถเวัขูกส้ายมไอ่ปทุ มดยั เบัปเท็นหุกป็นขญัท์ ุกหดขาับสขสจัึ้นมมทุ าัย
ดับนิโรธ นิโรธดับไม่เอา เอาที่ไม่ดับ คือดับน้ันยังเป็นตัวมรรค เอาสิ่งที่ไม่ดับ ส่ิงที่ต้ังอยู่น้ันแหละ
เป็นตัวให้สิน้ ทกุ ข์
ทา่ นพระอาจารยม์ ัน่ ภูริทตั ตเถระ 449
• ปฏภิ าค นนั้ อาศยั ผทู้ ม่ี วี าสนา จงึ จะบงั เกดิ ขน้ึ ได้ อคุ หนมิ ติ นน้ั เปน็ ของทไี่ มถ่ าวร พจิ ารณา
ใหช้ าํ นาญแลว้ เป็น ปฏิภาคนิมติ ชํานาญทาง ปฏิภาค แลว้ ทวนเข้ามาเปน็ ตน ปฏิภาคน้ันเปน็ ส่วน
วปิ ัสสนาฯ
• ทา่ นพจิ ารณารา่ งกระดกู ได้ ๕๐๐ ชาตมิ าแลว้ ตง้ั แตเ่ กดิ เปน็ เสนาบดเี มอื งกรุ รุ าช เปน็ อบุ าสก
ถึงพระรตั นตรยั
• เจริญทางจิตอย่างเดยี ว ตงั้ แต่ อปุ จารสมาธิ รวู้ าระจติ ของผูอ้ นื่ ได้ แก้นวิ รณไ์ ด้ แต่โมหะ
คุมจิต ถ้าเจริญวิปัสสนา ถึง อัปปนาสมาธิ ท่านอาจารย์บอกเช่นน้ัน และบอกว่าทําความรู้ให้พอ
เสียกอ่ นจงึ ไม่หว่นั ไหว
• ให้รู้ท่ีจะแก้จิตของตน ให้รู้จักภพของตนที่จะไปเกิดฯ ท่านอาจารย์ได้พิจารณาวัฏฏะ
๕๐๐ ชาติ
• ตอ้ งผา่ นความผดิ มาเสียก่อนจึงปฏิบตั ถิ ูก ความผดิ เป็นเหตคุ วามถกู เป็นผลของความดี
ทง้ั หลาย ตอ้ งเดนิ มรรค ๘ ใหถ้ กู จงึ จะแกไ้ ด้ เดนิ ตามสายหนทางของพระอรยิ เจา้ ใชต้ บะอยา่ งยงิ่
คอื คว•า มปเพญั ียญรามจสีงึ จมั ะปสยอตุ นทตกุ นๆไดภ้ มูโลิ กกาียม์ าโลวกจตุรรระปู า๒วอจยรา่ องรปปู ราะวจจํารอยโลู่ในกตุโลรกะ ๓ ภพ
เหลา่ นี้ ลว้ นแตม่ ปี ญั ญา
ประกอบ ควรทเ่ี ป็นเสยี มก็เป็น ควรทเ่ี ป็นขวานก็เป็น ส่วนทีเ่ ฉย ๆ เรอ่ื ย ๆ นน้ั เชน่ เหล็กเป็นแท่ง
กลม จะเอามาใช้อะไรกไ็ มไ่ ด้ น้ีฉันใด
• จะบอกการดาํ เนิน วปิ ัสสนา และ สมถะ โดยเฉพาะน้นั มิได้ เพราะมันไปหนา้ เดยี ว จริต
ของคนตา่ ง ๆ กนั แลว้ แตค่ วามฉลาดไหวพรบิ ของใคร เพราะดาํ เนนิ จติ หลายแงแ่ ลว้ แตค่ วามสะดวก
•• อย่าให้จติ เพ่งนอก ใหร้ ใู้ นตวั เห็นในตวั เมือ่ รู้ในตัวแล้วรู้ทั่วไป เพราะตัวเป็นต้นเหตุ
เทศนเ์ รอื่ งมงคลวเิ สส ทม่ี นษุ ย์ เทวดามคี วามสงสยั มไิ ดแ้ กอ้ ตั ถะแปลไดเ้ หมอื นพระพทุ ธองค์
มนุษย์เป็นสถานกลาง อะไรดีหรือช่ัวก็ต้องกล่ันออกไปจากมนุษย์น้ีทั้งนั้น ทําให้เป็นดีก็มนุษย์
ทาํ ใหช้ ั่วกม็ นุษย์ จะเปน็ ปุถชุ นกม็ นุษย์ จะเป็นพระพุทธเจา้ กม็ นุษย์
• ทา่ นเทศน์ให้สงเคราะห์เข้าตนทั้งนั้น สุภะ เปน็ ธาตบุ ูดเน่าเปน็ ธรรมชาติของเขา รา้ ยแต่
มนุษย์ จิตติดสภุ ะ ด่ืมสุรา ท่านยกพระโพธิสัตว์ยกเป็นกษตั ริย์ มีเมีย ๖ หม่ืน บตุ รราหุลทา่ นกไ็ มเ่ มา
ไหนเรามเี มียตาเปยี กคนเดียวตดิ กันจนตาย ธาตเุ มาอนั น้ีเปน็ ธรรมชาติไมใ่ ห้คนสิ้นทุกขไ์ ปได้
• บุคคลรักษาจติ ไดแ้ ล้วทงั้ ศลี แมร้ ักษาทางปญั ญา ไดแ้ ลว้ ทง้ั ศีล สมาธิ ปญั ญา ดุจข้าวสกุ ที่
สาํ เรจ็ แลว้ เราจะตวงกนิ ไม่ต้องไปกงั วลทาํ นาเกบ็ เกีย่ ว และขา้ วเปลอื กขา้ วสารเลย กินข้าวสกุ แลว้
ก็เปน็ พอนี้ กฉ็ ันนั้น เปน็ สถานท่ีสํารวม
•• ภายนอกให้ละเอียดเสียก่อน แลว้ ภายในจงึ ละเอยี ด
ครงั้ พทุ ธกาล บางองคต์ ดิ ทางสมาธิ ๕๐ ปี จงึ ได้สาํ เรจ็ ก็มี
450 ชวี ประวตั ิ มตุ โตทยั ธรรมเทศนา บทประพนั ธ์ และธรรมบรรยาย
• พระอานนท์ เป็นคลังแห่งพระธรรม อะไรท่านรู้หมด ทําเนิ่นช้า เพราะท่านติดพระสูตร
อภธิ รรม ไม่น้อมลงมาปฏิบตั ิ จงึ สําเร็จชา้ อายุ ๘๐ ปี หลงั พุทธปรนิ ิพพาน ๓ เดอื น
• พระอานนท์ทําความเพียรในกายวิปัสสนา กําหนดจิตโดยมิได้ละ จนขาตรงทีเดียว จึงได้
ทอดกายดว้ ยสติ หวั ยงั ไม่ถงึ หมอนจติ ก็เข้าสภู่ วงั ค์ ภวงั ค์หายไป เกดิ ความรู้ เญยธรรม ทัง้ หลายฯ
• พระโมคคัลลาน์ สารีบุตร ล้วนแต่เกิดในตระกูลมิจฉาทิฐิ โมคคัลลาน์ส่ังสอนแม่ไม่ได้
เลยทีเดียวฯ
••• เหตุปจฺจโย โหติ ธรรมทงั้ หลายเกดิ เพราะเหตุ ดับเพราะเหตฯุ
อยา่ เช่ืออภญิ ญาฯ ปฏบิ ตั เิ พื่อลาภ ยศ สรรเสรญิ เป็นอาบตั ทิ ุกกฏ
ธรรมเปน็ ของเยน็ พระกรรมฐานอยทู่ ไ่ี หน สตั วป์ า่ ตอ้ งอาศยั อยู่ หมปู า่ เหน็ คฤหสั ถเ์ ปน็ ยกั ษ์
เปน็ มาร เบยี ดเบยี นสตั ว์ ยงิ จนไมม่ เี หลอื เสอื ภวู วั ทา่ นอาจารยท์ าํ อโุ บสถ มนั มารอ้ ง เมอื่ ฟงั ปาฏโิ มกข์
จบแล้วมันก็หายไป ท่านอาจารย์ม่ันคุ้นเคยสัตว์เหล่าน้ี ท่านรู้วาระจิตสัตว์เหล่าน้ีเป็นมิตรสหายกัน
ดว้ ยธรรมเครื่องเยน็ ใจ
•• สัตวเ์ ดรจั ฉาน เขาก็มสี ญั ญา ปัญญา นามธรรม รู้เหมอื นกบั มนุษย์ แตเ่ ขาพูดไม่ได้
ธรรมท้ังหลายเกิดขึ้นนั้นอย่าย้าย มันเต็มแล้วมันย้ายเอง ท่านเตือนท่านมหาบัว ฉะนั้น
พระโยคาวจรเจา้ ละกเิ ลสสว่ นใดไดแ้ ลว้ ทา่ นไมก่ ลบั มาละอกี เพราะมรรคประหารสน้ิ ไปแลว้ เดนิ หนา้
แกก้ ิเล••ส ใสใหหถมม้า่เน้ารือ่งทกยเี่ ขาได็ปยขเปจวน็นางลนะทิจกา่นิเน้นัลบสดอรี กออวยบา่่าเใไปหมน็เ่ม้ กพนั ิดวหอกุ้มีกเปนรกี้ตเ็ ปตอ้็นงอทัศาํ จบรญุรยให์ ท้ านอทุ ศิ ถงึ เขา กไ็ ดร้ บั อนโุ มทนา
หายไปเกิด ณ ท่ีอน่ื ฯ
• ท่านไม่ชอบฤทธ์ิ ชอบภาวนาให้ส้ินกิเลส ฤทธ์ิทั้งหลายเกิดด้วยกําลังสมถะ ฌานสมาบัติ
ทั้งนั้น ใชว้ ปิ ัสสนาอยา่ งเดียวไม่มฤี ทธ์สิ ําเร็จอรหนั ต์
• ฝึกหัดจิตดแี ลว้ จติ เขม้ แข็งมีอํานาจมาก ย่อมกระทาํ จติ สารพัดได้ทุกอย่าง เมอ่ื เห็นอํานาจ
ของจติ แลว้ แลเห็นกายเปน็ ของออ่ น จติ บงั คับกายไดฯ้
• เขาโกรธเรา แตเ่ ราอย่าตอบ ใหพ้ ิจารณาความบริสทุ ธล์ิ ะลาย แล้วยกธงชยั ขึ้น และมอี ะไร
กส็ งเค•ร าใะคหร์เจขะาไผปู้ปบรังะคมับาจทิตไมนน่้ันาไมน่ไเขดา้เลกยลับตค้อืนงดสีอไนมจ่กิตลับใหค้อนื ยดู่ดีก้วว็ ยิบอัตุบิถาึงตยายแทมีเ้คดํายี สว่ังสอนของพระองค์
ล้วนแต่เป็นนโยบายทั้งนน้ั เหตนุ ้นั ท่านจึงไม่ชี้อบุ ายตรง ๆ ลงไปทีเดียว จงึ ชกั อน่ื มาเปรยี บเทียบฯ
• นิมิตทั้งหลายเกิดด้วยปีติสมาธิอย่างเดียว ที่แสดงเป็นนิมิตออกมา อย่าหลงตามนิมิต
ใหท้ วน• กรปะฏแิภสาเขค้านจิมิติตเเดกมิ ิดเเฉพพราาะะนผูิม้ทิต่ีมเีวปาน็ สขนอางอไยม่า่เทงเย่ี ดงียหวลกงเาชรอ่ื ภนาิมวตินาปอรยะ่าเดให๋ียว้ทเ้ิงปกน็ าบย้ากับจิต น้ีเป็น
กรรมฐานเดิม แต่ใหจ้ ิตเดด็ เดี่ยวอย่างทีส่ ุด จงึ เปน็ ผทู้ ี่รธู้ รรมในธรรมฯ
ทา่ นพระอาจารยม์ ่ัน ภรู ิทัตตเถระ 451
• ใหเ้ ปน็ มหาสติ มหาปญั ญา รอบกาย รอบจติ มรณะรา้ ยมาถงึ แลว้ ตอ้ งเขา้ แยง่ กนั ในชอ่ งแคบ
แมโ้ พธิสัตว์ชนะมาร ชนะในชอ่ งแคบ
•• สนมิ มันเกดิ ในเน้อื เหลก็ กเิ ลสมนั เกดิ ในดวงจิต ตอ้ งประหารจิตให้เปน็ ธรรม
ในโลกนี้เป็นอัตตาหมด ไม่มีต้นไม้และภูเขา วิปัสสนาลบล้างหมด ไม่มีเชื้อโรคอยู่ในโลก
ชอ่ื ว่า •โล กเรุตอ่ื รงะ กรรมฐาน ๕ ภาวนาใหม้ าก ในรา่ งกาย เหน็ อสภุ ะเปน็ ยาปรมัตถ์แก้จติ พระเณรท่ี
บรรพชาอุปสมบท ล้วนแต่พระอุปัชฌายะให้กรรมฐาน ๕ มาทั้งน้ัน เป็นหลักสําคัญที่กุลบุตรจะ
ภาวนา รแู้ จ้งในรปู ธรรมเปน็ สนฺทิฏฺิโก เห็นเอง เบอ่ื หน่ายรปู ธรรม อรูปธรรม และเห็นนามธรรมไป
พรอ้ มกัน
• การนอน การสงบเขา้ ฌาน เปน็ อาหารของจติ และรา่ งกายอยา่ งหนงึ่ สมถะ ตอ้ งพกั จติ สอบ
อารมณ์ ส่วน วปิ สั สนา จิตเดนิ ไตรลกั ษณ์ใหร้ ู้อรยิ สัจ เหน่อื ยแลว้ เข้าพักจิต พกั จติ หายเหน่ือยแล้ว
จติ ตรวจอรยิ สจั อกี ดงั น้ี ฉะนน้ั ใหฉ้ ลาดการพกั จติ การเดนิ จติ ทงั้ วปิ สั สนาและสมถะ พระโยคาวจรเจา้
ท้ิงไมไ่ ด้ ชํานชิ าํ นาญทัง้ สองวิธี จงึ เอาตวั พน้ จากกิเลสท้ังหลายไปได้ เป็นมหาศีล เปน็ มหาสมาธิ
เปน็ มหาปญั ญา มศี ลี ทงั้ อยา่ งหยาบ อยา่ งกลาง อยา่ งละเอยี ด พรอ้ มทงั้ จติ เจตสกิ พรอ้ มทง้ั กรรมบถ
๑๐ ไม่กระทําผิดในที่ลับและท่ีแจ้ง สว่างทั้งภายในและภายนอก มีมหาสติ รอบคอบหมด วิโมกข์
วิมตุ ิ อกปุ ธรรม จิตบรสิ ุทธ์ิ จติ ปกตเิ ปน็ จิตพระอรหันต์ สว่างแจ้งทั้งภายนอกภายในสว่างโร่ ปถุ ชุ น
ตเิ ตยี นเกดิ บาป เพราะพระอรหันตบ์ ริสทุ ธ์ิ กายเปน็ ชาตนิ พิ พาน วาจา ใจ เปน็ ชาตนิ พิ พาน นพิ พาน
มี ๒ อยา่ ง นพิ พานยงั มชี ีวิตอยู่ ๑ นพิ พานตายแล้ว ๑ พระอรหนั ตร์ อข้นึ รถขึ้นเรอื ไปนพิ พานฉะนั้น
• สุทโธทนะห้ามพระองคไ์ มใ่ ห้ไปบิณฑบาต กรุงกบลิ พสั ด์ุ เราไม่อด พระองค์ตอบวา่ ไปตาม
ประเพณพี ระพุทธเจา้ สุทโธทนะฟงั โอวาทแล้วได้โสดาบนั
•• ให้เหน็ ปจั จบุ ันธรรม อย่าส่งจติ อนาคตและอดีตฯ
ปัญญากับสติใหร้ ู้เทา่ ทนั กนั พจิ ารณากาย จิต ความไม่เทีย่ งของสังขารเปน็ ธรรมะ ส่อให้
เห็นเร่ือย ๆ ทาํ ความรูใ้ นนั้น เห็นในน้ันฯ
•• ในโลกนี้เป็นธาตุท้ังนนั้ ใหร้ ู้เทา่ ทันกับธาตุ อยา่ หลงตามธาตุฯ
มหาสตเิ รยี นกายจิตใหม้ าก ๆ ให้เหน็ จรงิ ธรรมะจริง สมมตุ ิ อย่าหลงรูป เสียง กลิน่ รส
ของอนั นีเ้ ตม็ โลกอยูเ่ ชน่ นั้นฯ
••••• ธาตุ ๘๔,๐๐๐ ธาตอุ อกมาจากจิตหมดฯ
นโิ รธเป็นของดับเพราะรูเ้ ทา่ แล้ว จติ ไม่เกดิ ยนิ ดียินร้าย ดบั ไปเชน่ นช้ี อ่ื ว่านโิ รธฯ
ฌานเปน็ ท่ีพักชัว่ คราว แลว้ เจริญจิตตอ่ ๆ ไปฯ
ใหเ้ อากาย วาจา ใจนีย้ กขน้ึ พจิ ารณา อย่าเพิม่ อยา่ เอาออกให้เป็นปกติฯ
มรรค ๘ นั้น สมาธมิ รรคเป็นองค์ ๑ นอกนัน้ เปน็ ปรยิ ายฯ
452 ชีวประวัติ มุตโตทยั ธรรมเทศนา บทประพันธ์ และธรรมบรรยาย
••• ใหร้ ู้ธรรม และอาการของธรรมถึงข้ันละเอยี ด แล้วกจ็ ะรเู้ องเห็นเองฯ
พระอานนทท์ รงไวซ้ ง่ึ พระสทั ธรรม วา่ เปน็ ของภายนอก ตอ่ หนั เขา้ มาปฏบิ ตั ภิ ายในจงึ สาํ เรจ็ ฯ
หนัง คนในโลกยนิ ดใี นหนังและเครื่องอปุ โภคบริโภค หนังอันนีท้ าํ ให้มนุษยห์ ลงยนิ ดี พากนั
ตกทกุ ••ข ก์ นัธเรรมียรานมกแธฯบาตบุ ตสําตั รวาห์ เปลง็นธขาอตงุ ทชมี่ไมธ่แาตนุ่นยอนิ นดีธสาู้เตรุียยนนิ ทรา้ายงกธาาตยแุ จลงึ ะไดจิตท้ ใาํ หก้เรปร็นมธไปรรตม่างชาๆติไฯม่ได้ ฉะน้ัน
ผู้เรยี น••••ก าปปใปยหฏฏจั ว้เจรภิิภาุบียจาานนัคคาทนเใจปหามิ ิตน็ร้งติ ไู้ทจเมรติาเ่อืใ่ปงทคงจ็นวรขติป่สนอฯึกากงฏปรปะหิญั ฏแาญบิสริยาัตตฯข์ิแดั อตรง่ธาจรกิตรเมหมทงีอา้รี่ ําเยู้ คนิ่งราเห่ือจงน็ทผจํากู ใรหดงิ ฯุจ้เปซ็น้ืออเคารกอ่ืางศฟวักา่ งเปลา่ ได้ อันเป็นอศั จรรย์
ใหญห่ ••••••••••ล วงถนอทใเเผฐธกกหฯราู้มา้ตกัําิิดดรน้รสจีรฺตปมคตู้ธขาิตง่าฏาาวทคจอใหติบยาหล่ีะิตงิมุตัธ้เกึฯรเเสยรหริใกูเ้ลลจู้อม่อหรดิน็บัฯตมยมอ็นแธ้อา่เอไเเาลนปศปมงงยต้วอวเร็นค่น็ูุ่ดตเิ้ากอจบวขศด็าโกยรติอ่อศษยเพาา่จดเงกแกยขชดูงึล่ยีเลดิไึน้สมใึกวเมว้หอยีอปกแลต่ ค้รใยยตลับ็นจิดิยนา่่อ้าห่เมเทสหลหอพมนิจจัางลนื่าหรงัฉงขญอืาขรอาราอะทู้ออยาททเงรพคา่สีงา่ส่ีจิฐาเนไะดุรุดกรคิปาิสฯฯใงิา่ะอะหจงฯฯคสยไงึร้ มจน่า์ปูเ้ หห่มะอรน็รันาะนื่ ู้ธมอไไใรปมหยารหณเ่ใู่ร้มหนา้เู ไฉน็ทกมเหพตาา่ไ็นดางายะทมฯ้ธกปรธ่จีับรรกะจมรพตติมฯขิ้นจอนทะง้ันุกเจสขเิตปยี ์ฯฯน็ ตสอ้ มังพมดูาทตฐิอ่ ิผปู้ ฏบิ ตั ิ
เหมอื น••ก นั ใคหนถ้ เรอื าตจาะมดมจี ตี ะาชมวั่ ไดต้้อหงนั เกหดิ าวธิบรรตั มิเสชียากต่อิ อนยฯา่ กอ่ ความกงั วลนน้ั ดมี าก เมอ่ื ปฏบิ ตั ไิ ดแ้ ลว้ กไ็ มด่ ใี จ
เสียใจ• มรรค โลกย์ เทวทูต ชาติ ชรา มรณะ พยาธิ ให้โพธิสัตว์ออกบวช พระองค์บวชแล้ว
ทาํ ทกุ รกริ ยิ า ในวนั ทต่ี รสั รู้ ปฐมยามทางราคะเกดิ ในดวงจติ ของพระองคป์ ว่ นปน่ั พระองคท์ วนกระแส
วา่ เราเหน็ แลว้ ไมใ่ ชห่ รือ ทีเ่ ราออกบวชเราจะไม่กลบั แน่ ตอ่ น้นั ทําจติ เขา้ สูภ่ วังค์ สงบอยู่ในอปั ปนา
สมาธิ ตอ่ น้ันถึงเกดิ ปัญญาความร้ขู ึ้นมา ระลึกถึงชาตกิ ่อน ๆ ได้ ในมชั ฌมิ สมัย ต่อน้นั พระองค์ตรวจ
ปฏจิ จสมปุ บาททวนไปทวนมาดว้ ยปญั ญาอนั ยงิ่ จติ ลงสภู่ วงั ค์ เกดิ ความรขู้ นึ้ มาตรสั รู้ ดบั อวชิ ชาตณั หา
เป็นสยมภู พุทธปัจฉมิ สมัย กาลคร้งั นั้น
ท่านพระอาจารย์มนั่ ภูรทิ ัตตเถระ 453
••• เพง่ นอกนัน้ ไมส่ ้ินสงสัย เพราะยงั หมายนอกหมายในอยู่ ตกอยู่ในกระแสของสมทุ ัย
ให้ระงับสังโยชน์ ทลี่ ะเอียดสงิ อยู่ในดวงจิตนัน้ ฯ
บริจาคทาน โลภนั้นคือปรารถนา เมื่อได้แล้วปรารถนาอยากได้มาก พระเวสสันดรท่าน
ไมเ่ ปน็ เช่นน้ัน พระองค์ทา่ นปรารถนาโพธิญาณ เปน็ ปรมตั ถบารมี
• มรรค ๘ ใครภาวนาเจรญิ ดแี ล้ว แกโ้ ลกธรรม ๘ ประการ ฉะนัน้ จติ ทา่ นอรหนั ตไ์ มห่ วน่ั ไหว
ดว้ ยโลกธรรม ๘ ประการ มไี ตรลกั ษณบ์ งั คบั แมโ้ ลกยี ท์ งั้ หลาย มไี ตรลกั ษณบ์ งั คบั อยเู่ สมอ ไตรลกั ษณ์
บงั คบั ไมไ่ ดน้ น้ั มโี ลกตุ ระเทา่ นน้ั โลกตุ ระอนั นอ้ี ยเู่ หนอื ไตรลกั ษณ์ สถานทเ่ี กษมบคุ คลทจ่ี ะพน้ โลกโลกยี ์
ไปถึงโลกุตระ ต้องสรา้ งพระบารมีเปน็ การใหญ่ บุคคล ๓ จาํ พวกคอื พระพทุ ธเจา้ ๑ พระปัจเจก ๑
พระอรหันต์ ๑ พระพทุ ธเจ้าสร้างบารมี ๓ ชนิด ปญั ญาบารมี ๔ อสงไขย แสนกําไรมหากปั ศรทั ธา
บารมี ๘ อสงไขย แสนกําไรมหากัป วิริยบารมี ๑๖ อสงไขย แสนกําไรมหากัป พระปัจเจกสร้าง
บารมี ๒ อสงไขย แสนกําไรมหากปั พระอรหันต์สร้างบารมี ๑ อสงไขย แสนกาํ ไรมหากปั ดังน้ี สร้าง
พระบารมีมใิ ช่นอ้ ย กวา่ จะสาํ เร็จพระนพิ พานไดด้ งั นี้ ชํานาญมากท่สี ดุ ๑ อสงไขย เหลอื ทจ่ี ะนับน้นั
ประการหนงึ่ เอาสวรรค์ เอานรกเปน็ เรอื นอยสู่ รา้ งพระบารมี พระนพิ พานเปน็ ของแพงทสี่ ดุ ตอ้ งสรา้ ง
บารมแี ลกเปลย่ี นเอาจึงจะได้พระนิพพาน
• ชีวิตและนิพพาน ธาตุขันธ์มีจิตสงิ อยู่เรยี กว่า ชวี ติ เมื่อพิจารณาวางตามสภาพได้แล้ว จิต
หดหาจติ เดิมเขา้ รู้เหน็ ในปัจจบุ ัน เจรญิ มหาสตริ อบในสติ มหาปญั ญารอบในปญั ญา แลว้ เห็นปกตฯิ
• อคฺคํ มนุสเฺ สสุ (มาจากประโยคเต็ม ซงึ่ ปรากฏในหนังสอื มุตโตทยั วา่ อคฺคํ านํ มนสุ เฺ สสุ
มคคฺ ํ สตฺตวิสุทธฺ ยิ า) มนษุ ยเ์ ลิศมนุษย์นำ้� ใจสูง มที กุ ข์ มีสมทุ ัย มมี รรค มีนิโรธ ครบทุกอย่าง จงึ สําเร็จ
นพิ พานได้ พระอนิ ทร์ พระพรหม เปน็ ต้น บวชเป็นพระเป็นเณรไมไ่ ด้ เหมือนมนษุ ย์ มนุษย์เปน็ ธาตุ
พอ ดจุ แมค่ รวั แกงชา่ งเอรด็ อรอ่ ย มนั พอพรกิ พอเกลอื จงึ ใหส้ าํ เรจ็ มรรคผลได้ ไมข่ ดั ขอ้ งดว้ ยประการ
ใด ๆ ฉ••ะ นวนัน้ ิชิพมชพนาาษุ น๓ยนไ์ ม้นัขค่ อควงือรพจนรติ อ้ ะหยพดเุทนโดธ้ือยเตจเ�ำ่ห้าใ็นจลธปึกาลฏตับุบิ รสัตแู้ ุขใิจหุมง้ ไ้มธดาาส้ตกวุ จรใริตนคฺตย์ านมตี ิพทิภพ่ีตู า๑ํ นร้อู พไยดรูน่้ธะั้นาอตเงปุพค็น์ทอตําเปัวคนน็วิพาชมพนราิดู้เนททฯ่า่ีสองู ยส่าุดงน้ัน
ยามท่ี ๒ พระองคท์ าํ ความรเู้ ทา่ นน้ั นนั้ ยามที่ ๓ พระองคท์ าํ ความรเู้ ทา่ คอื แกอ้ วชิ ชาและปฏจิ จสมปุ บาท
ในของจิตในช่องแคบมารแย่งไม่ได้ มคี วามรอู้ ันพเิ ศษขึ้นมาวา่ พระองค์เป็น สยมฺภู ความท่ีท่านแก้
อวิชชาเป็นของข้ันละเอียดย่ิงนัก บุคคลจะรู้เห็นตามน้ันน้อยท่ีสุด สุดอํานาจของจิต เมื่อกําหนดรู้
ลงไปเป็นของว่างหมด ไม่ใช่ตัวตนสัตว์บุคคลเราเขา ไม่ใช่ผู้หญิงผู้ชาย ธาตุสุญฺโ เป็นธาตุสูญ
แล้วกาํ หนดจติ ร้จู ิต ตง้ั อยใู่ น ฐตี ธิ รรม
• ธาตุกับจิตติดกัน จึงวนเวียนแก่ เจ็บ ตาย อยู่ทุกชาติหาท่ีสิ้นสุดมิได้ ธาตุเป็นของท่ีมีอยู่
เชน่ น้ันตง้ั แต่ดั้งเดมิ มา และแปรปรวนอยูเ่ ชน่ นน้ั จติ ของคนไมไ่ ปยดึ ไปถือ ก็เป็นจติ สนิ้ ทกุ ข์ได้ฯ
454 ชีวประวัติ มตุ โตทัย ธรรมเทศนา บทประพันธ์ และธรรมบรรยาย
• อายตนะภายในภายนอกแปรปรวนอย่เู ปน็ นจิ สวา่ งโร่ ท้ังภายนอกและภายในไม่ขาดระยะ
ของ ทกุ ขฺ ํ อนิจฺจํ อนตฺตา ฟังเทศน์ธรรมชาติแสดงเรื่อย ๆ พระโยคาวจรฟงั เทศนใ์ นตอนน้ี ฉลาด
ในตอนนี้ สิ้นกิเลสในตอนนี้ เปน็ ปจจฺ ตฺตํ ความเพยี ร มรรคผล ถอื สมถะพอ วปิ สั สนาพอมนั ผลกั
กิเลสมันเอง
•• บรรพชติ จะต้องปฏบิ ตั ิตรงตอ่ พระนพิ พาน
พุทธองคเ์ กิดในป่าลมุ พินีวัน ปลงสงั ขารในปา่ ให้โอวาทปาตโิ มกข์ในป่า ตรัสรู้ในป่าเปลี่ยว
นพิ พานในป่าเปลีย่ ว วิจัยธรรมในปา่ ชนะมารในป่า ธรรมท้งั หลายล้วนแต่เกิดในปา่ เปน็ ธรรมราคา
สงู ธรรมโลกุตระเหนือโลกยี ์
•• จิตตั้งจติ มิได้ ตง้ั จิต ตัง้ ธาตุ จึงแสดงรเู้ หน็ ดว้ ยกันได้ เพราะจติ มนั เปน็ นามธรรม
อย่าถอนทําความเพียร มันจะเคยตัว ให้ทําจนชิน ให้ได้เน้ือหรือคุ้นเคย จึงจะเห็นมรรค
เห็นผล
• ปัญจวัคคีย์น้ันทางปรมัตถ์ว่า หัว ๑ แขน ๒ ขา ๒ เป็นห้า ภิกษุ แปลว่าคนต่อยกิเลส
ปญั จวัคคยี ก์ เ็ ปน็ ภกิ ษเุ หมอื นกะเราฯ
• วาจาของทา่ นเปน็ ธรรมชาตทิ ่บี รสิ ุทธิด์ ้วยศลี สมาธิ ปญั ญา ไม่มีลาภ ยศ อามิสเจอื วาจา
ของท่าน เทศน์จึงขลงั ดี พูดถกู ธรรม ตรงไป ตรงมา ไมเ่ หน็ แกห่ นา้ บุคคลและอามิส
• ท่านไม่ให้ศีลแก่โยมที่รู้ศีล อ้างว่าแม้พระภิกษุท่ีบวชน้ันก็ไม่ให้ศีล ๒๒๗ เลย ให้แต่เพียง
ศลี ๑๐ ช้ันสามเณรเท่านนั้ ต่อนั้นประกาศสงฆต์ ั้งสมมติให้กนั เอง แลว้ กพ็ ากันรักษาพระปาฏิโมกข์
นี้ฉันใด เพียงศีล ๕ ใหเ้ จตนารกั ษาแตเ่ ฉพาะตนเอง เท่าน้ันกเ็ ปน็ พอ
• จิตนั้นเมา สรุ าไม่ได้เมา สุราไมต่ ิดคน คนติดสรุ าต่างหาก เม่ือคนดม่ื ไปแล้ว ทาํ ให้เปน็ บ้า
ไปตา่ ง ๆ ฯ
•• เรือ่ งของโลกย่อมมีการยงุ่ อยู่เรือ่ ย ๆ มาต้ังแต่ไหน ๆ
วธิ ลี ะกิเลสฝงั แน่นอยใู่ นสันดานนั้น ตีล่มิ ใหมใ่ ส่ลงไปลม่ิ เก่ากระดอนออก นฉี้ นั ใด มรรค
เข้าไป•ฟ อจกิตกเิเสลวสยเเกว่าทอนอากอมยา่าแงลลว้ะจเอึงียเหด็นนค้ันวาใมหบ้ละริสลุทายธเิ์ วทนาเข้าไปอีกเอามรรคเข้าไปฟอก แล้วทํา
ความรู้ตั้งอย่แู ทนเวทนา จงึ จะเห็นตน เห็นธรรม เหน็ ความบรสิ ุทธฯ์ิ
• สมณะ พราหมณ์ มกี ารเพ่งอยู่เปน็ นจิ มนั ไมร่ ู้ไม่ฉลาดแล้ว จะไปอยู่ ณ ทไ่ี หน อาพาธก็หาย
บุญก็ได้ด้วย พระองค์ตรัสให้พระสารีบุตรทําเช่นน้ัน แท้ท่ีจริงพระสารีบุตรก็ทําชํานาญมาแล้ว
แล้วทําอีก อาพาธกห็ ายฯ
•• ใหพ้ จิ ารณาธาตุ เม่อื เห็นธาตุแปรปรวนอยเู่ ปน็ นจิ เรยี กว่า สัมมาทิฐิ เห็นชอบ
ภมุ เทวดา อยากดอื้ ทดลองเสมอทเี ดยี ว ไปอยทู่ เ่ี ข็ดขวางตอ้ งระวงั ต้องตรวจจิตเสมอฯ
ทา่ นพระอาจารย์ม่นั ภูริทตั ตเถระ 455
• มนุษย์เป็นสัตว์เลิศ เป็นที่ต้ังพระพุทธศาสนา ทวีปท้ัง ๓ ก็เป็นมนุษย์ เช่น อุดร กุรุทวีป
แต่ไมส่ มบรู ณ์ พระองคไ์ ม่โปรดตงั้ ศาสนา เทวดากเ็ หมือนกัน มนุษย์ทมี่ าเกดิ ในชมพทู วีป เปน็ มนษุ ย์
วเิ ศษ รบั รชั ทายาทฯ
• อารมณ์ภายนอกและภายใน เป็นของที่ตั้งอยู่เป็นธรรมดา แต่จิตเป็นของท่ีรับรู้ ฉะนั้น
ต้องทรมานทางจิตให้มาก ๆ แก้อวิชชา แก้อาสวะ แก้ทุกข์ แก้สมุทัย นิโรธ เกิดญาณต้ังอยู่เป็น
อมตธรรมท่ีไม่ตายฯ
• แก้โทษคือแก้อาบัติ ให้แก้ปัจจุบันจิต อย่าส่งจิตอดีต อนาคต แล้วบอกจิตว่าไม่มีโทษ
เมือ่ ทา่ นไปจําพรรษาอยเู่ ทอื กเขาใหญ่ ท่านเกิดอาบตั ิจนฉันอาหารเขา้ ไปกเ็ ปน็ อนั นัน้ ออกมา เพราะ
จติ วบิ ัตแิ ล้ว ธาตกุ ็วบิ ตั ิด้วย ตอ่ นั้นแกจ้ ติ ได้แล้ว อาพาธ ๓ วนั หายเป็นปกตดิ ี การอาบตั ิ เชน่ อาบัติ
อกุ ฤษฎ์ อย่าพึงลว่ งงา่ ย ๆ เพราะมันเคยตวั ฯ
•• อจนิ ไตย เกดิ ความรู้ ความฉลาด นน้ั หาประมาณมไิ ด้ฯ
ปฏบิ ตั ผิ ิดน้ัน ลบสงั ขารดว้ ยไตรลักษณไ์ มไ่ ด้ ประพฤตไิ ปตามสงั ขาร ปฏิบตั ถิ กู นัน้ คอื
ลบสงั ข•••••••• ารบสลผจพธคดริตูท้กณะรวร้วกเลกรรี่ าปมยดเิู้ธกสจลเน็ไราาทุปาตสรธยนรธ็นรมดรอยักาฐลรแ้วันวบ์ปตีมกัลยาเาฏิธทษดว้สสงริบีบ่ยีทอณตเรวัปตรง้ังิม์ไสนคสิหิใ็นดหตแ์ทุแ้ีตลผ้ สหฟิ้ง้ัเธาวู้ ฉเดย์ิลิเอทหลศงะก่ียคมียษอเองอืปดวรอาอิยฉน็จเยสาสจลดตูเ่วนรจัชทาัวกิสิญด่นธุกมเิงรรนฌลอีลสรู้เ้ันยสาาห์ทม่าเนภา่าอแงแปทปงยมลรันรศะะนปโวมุษจเรจิปารยวือณัส์นอเสเมทอมรนไิยวิย่ือดาดู่เสรชต้ าจัู้เ่นอ่ ทไไนเ่ามปปน้ัท่ม็นจันทีใสงึหโีค่ว่สจร้นราํรใู้หมเหแราาเ้็จลเหกลไ้ว็นดยใ้เโฉนจพทรายี่นะ่อัน้ ทม่ีเไกมิด่มกีโับอจกิตาส
ลักสิง่ ข•อ งทไปี่แผได่น้ ดแนิมย้ฉอ่นั มใดเปป็นฏฝบินุ่ ตัผใิที ห้ัง้มสิ้นสี ตใแิ หลจ้ ะิตปพัญจิ ญาราณราักตษกาลตงนถงึ กฐเิ าลนสฯมอิ จาติ จจเขึงา้ไมถ่กึงไงั ดวฯ้ลฟงุ้ ซ่าน กระสบั
กระสา่ ยฯ
•• มนุษย์ตาย จะเอาไปกนิ และเอาไปใช้ไม่ได้ ไม่เหมือนววั ควาย วัวควายเอาเนือ้ กนิ ได้
ในขณะทม่ี ชี วี ติ นน้ั ทาํ บญุ ดมี าก การทาํ ศพถงึ ผตู้ ายนนั้ ไมไ่ ดเ้ ปน็ สว่ นมาก แตท่ าํ ตามประเพณี
เท่าน้ัน พระอรหนั ต์นพิ พาน ภูเขาถ�้ำต่าง ๆ ใครทําศพใหท้ ่านเลา่ ทา่ นทาํ ไมถงึ นพิ พาน
•• ใช้ไหวพริบเป็นอาชาไนยอยูเ่ นอื งนจิ ฯ
ธรรมทั้งหลาย จิตประกอบกายยกขึ้นแสดง ปราศจากกายแล้วจะยกนามธรรมขึ้นแสดง
ไมไ่ ด้เลย
• เหตุเกิดก่อน ปัจจยั เกิดทีหลังฯ
456 ชวี ประวตั ิ มุตโตทยั ธรรมเทศนา บทประพันธ์ และธรรมบรรยาย
• จิตเป็นคนเรียกสมมุติเอง จิตเป็นเหตุที่กระสับกระส่าย จิตปกติดีแล้วก็เป็นอันได้รับ
ความสุขฯ
•••• ทาํ จติ ใหส้ วา่ งโพลง กาํ หนดรฐู้ ตี ธิ รรม นนั้ เรยี กวา่ ปัญญาโดยแท้
ใหแ้ กอ้ วชิ ชา แกอ้ นสุ ยั ความไม่รู้ไม่ฉลาดน้ันใหก้ ลับเป็นคนฉลาดฯ
พระโมคคัลลาน์ สารบี ตุ ร พระองค์เกดิ ในตระกลู มจิ ฉาทฐิ ิ ดุจดอกบัวย่อมเกดิ ในตมฉนั ใด
ตอ้ งเจรญิ ทุกขใ์ หพ้ อเสียก่อน ดับตอ้ งอย่ใู นทนี่ ้ัน ดุจตลี ่มิ ลงไป ลมิ่ เก่าถอน ล่ิมใหมเ่ ขา้ แทน
คือกิเลสออก ความบรสิ ุทธิเ์ ขา้ แทน ดุจของดีอยู่ในของชัว่ คอื อวชิ ชาออกวชิ ชาเขา้ แทนฯ
••• เดนิ มรรคใหเ้ หน็ ทกุ ข์ ใหเ้ ดนิ มรรคเหน็ สมทุ ยั ใหย้ งิ่ ในมรรค ใหย้ ง่ิ มรรคนโิ รธ จงึ จะพน้ ทกุ ขฯ์
โลกียสัจจะคือโพธิสัตว์เห็นเทวทตู โลกุตรสจั จะคือโพธสิ ตั ว์ตรสั รู้ฯ
ข้อเปรยี บชั้นนพิ พาน คอื นบั ๑ ไปถงึ ๐ ๐ (สูญ) โลกเขาแปลว่าไม่มี แตส่ ูญมอี ยู่นฉ้ี ันใด
นิพพานเปน็ ของท่มี อี ย่ฯู
•• ความรู้ความฉลาด มีอยใู่ นสถานทีไ่ มร่ ู้ฯ
ธรรมท้งั หลายมาจากเหตุ คอื จิตออกจากจิตเรียกเจตสิก ต่อนอกน้ันเป็นอาการทั้งหมด
ดจุ สนั ••ห รมพอื แีคระตมอจ่ขรติ อหงรนั ดปู ตาไ์ทบมั้ง่มมหีาแลจสาาดยกงเไจหมิตล่ไไ็กดมฉ้ ่มตะี้อนมงัน้แีอฯตาศ่สยัตกิ เันพเรปา็นะไจปติ จสึงงัแขสาดรงมไันดเ้ฯป็นตัวสังขาร สังขารไมม่ ีในจติ
ของพระอรหันต์
• เอกมลู า เหตผุ ลมาจากความทเ่ี ปน็ หนงึ่ ของจติ เปน็ เหตเุ ปน็ ปจั จยั (เหตุ ปจจฺ โย) ประกอบกนั
จงึ ตัง้ เป็นบทบาทคาถาฯ
•• มีนัยหลายนัย ถงึ แปดหมืน่ ส่ีพนั อาการฯ
มนษุ ย์วนเวียนเกิดแล้วตาย ตายแลว้ เกดิ ตดิ ของเกา่ กามาวจรสวรรค์ ๑ สัตวเ์ ดรัจฉาน ๑
มนษุ ย์ ๑ ทา่ นพวกนต้ี ิดของเกา่ พระไตรปฎิ ก มีกนิ ๑ มนี อน ๑ สบื พันธุ์ ๑ แมป้ ู่ย่าตายายของเรา
ลว้ นแตต่ ดิ ของเกา่ พระพุทธเจ้ากด็ ี พระปัจเจกก็ดี พระอรหันตก์ ด็ ี เมอื่ ท่านยังไม่ตรสั ร้กู ็ตดิ ของเก่า
เพลดิ เพลนิ ของเกา่ ในรปู เสยี ง กลนิ่ รส ของเกา่ ทง้ั นไ้ี มม่ ฝี ง่ั ไมม่ แี ดน ไมม่ ตี น้ ไมม่ ปี ลาย ยอ่ มปรากฏ
อยู่เชน่ นนั้ ตื่นเตน้ กบั ของเก่า ตดิ รสชาติของเกา่ ใช้มรรค ๘ ใหถ้ อนของเก่า ให้อิทธิบาท ๔ ตลี ่มิ
สะเทือนใหญ่ปัง ๆ ล่ิมเก่าถอนคืออวิชชา ล่ิมใหม่คือวิชชาเข้าแทนดังน้ี ท่านอาจารย์ม่ันท่านพูด
ใชต้ บะความเพียรอยา่ งยงิ่ ท่ีจะถอนได้ตอ้ งสรา้ งพระบารมนี มนาน จึงจะถอนได้ เพราะของเกา่
มันบัด•ก รแกี กนั บ้ ไา้ ดน้เั้นนอ้ื ใเหช้ทือ้ วสนายกขระอแงกสิเเขลสา้ จมิตาเพดอมิ แลแว้กไ้ ยด่อ้ เมสเือปม็นาอเฝัศา้จเรรรายท์ข่เี ปอน็ งพโลรกะนโย้นั คทาเีวดจยี รวเจา้ เป็นเทพ
โดยมาก ถา้ เป็นเสือ มันเอาไปกนิ แล้ว
• ธรรมแสดงอยเู่ รื่อย ๆ เวน้ แต่นอนหลบั โดยมไิ ด้กาํ หนด จะไมร่ ไู้ มเ่ หน็ ขณะนนั้
ท่านพระอาจารย์ม่ัน ภรู ทิ ตั ตเถระ 457
••••• ส่งจติ ออกนอกกาย ทาํ ใหเ้ ผลอสตฯิ ปุพฺพํ
มัคโคหนทางดาํ เนนิ มีที่สุด ส่วนหนทางเดินเท้าไม่มีท่ีสิ้นสุดฯ
นำ�้ ใจของสัตว์ยุ่งด้วยธาตุ ระคนอยดู่ ว้ ยธาตุ ธาตไุ มม่ ที ่ีสิ้นสุด แมจ้ ิตก็ไมม่ ีส้ินสุดฯ
จติ รบั ธุระหมดทุกอยา่ ง จติ เปน็ แดนเกิด รูเ้ ท่าอาการของจิตไดแ้ ลว้ รู้ปกติของธาตุฯ
เอโก มคฺโค หนทางอันเอก วิสุทฺธิยา เป็นหนทางอันบริสุทธิ์มีทางเดียวเท่าน้ี มโน
จิตเป็นบุพภาคที่จะได้เป็นใหญ่ จิตถึงก่อนสําเร็จด้วยจิตฯ (มโน ปุพฺพงฺคมา ธมฺมา มโนเสฏฺา
มโนมย•••• า)จจพมิติตีแรเะปทปอน้ไี่ น็มงคเ(ต่ คไแ์มดิรสก้พือ่ ดรงวั งะบพอดงั นนัคานปุใับน)พุกอแพาาลยกิ รก้วถมกับาณม็วไปีบาท์ จโ้า้งัดานปยใหวลมงพ้าํบี ดดูา้เรบันแยี ลแกยะลวกใ้วา่หทกบท้า็มนรําีแสิกขปทุึ้นาน้ รธกงิ์่อพานนูดดอฯุจยบา่ งันนไีจ้ดึงขแนั้ จต่ม้นแจแ้งมด้ฉี นั ใด โลกุตระ
โลกีย์ก็ดี ก็ต้องเจริญต้นข้ึนไปก่อน ไม่เจริญขั้นต้นไปก่อนเป็นผิด จะกระโดดข้ึนสูงทีเดียวไม่ได้
ตายกนั
• ธรรมเปน็ ของธรรมดาตงั้ อยอู่ ยา่ งนนั้ คอื ตง้ั อยดู่ ว้ ยความแก่ ความเจบ็ ความตาย จงึ ไดช้ อ่ื วา่
ธรรมของจรงิ ไมม่ อี าการไป ไมม่ ีอาการมา ไม่มีขน้ึ ไมม่ ีลง เปน็ สภาพที่ต้งั ไวด้ ุจกล่าวไวข้ า้ งต้นฯ
• ไม่อ้างสวรรค์ นิพพาน ไม่อ้างทุคติ อ้างความเป็นไปทางปัจจุบันอย่างเดียว เพราะชั่วดี
ก็ปจั จบุ นั ท่ียังเป็นชาตมิ นุษย์
• เอาธรรมชน้ิ เดยี วนเี้ อง คอื กายนเี้ องไปเจบ็ กายชน้ิ เดยี วนเ้ี องไปแก่ กายชนิ้ เดยี วนเ้ี องไปตาย
เมื่อตายแล้วก็ไปเกดิ อีก ลว้ นแตต่ นื่ เตน้ อยูด่ ว้ ยธาตุอันนเี้ อง หาท่ีจะจบไม่ได้ และส้ินสดุ มิได้ฯ
• ความรขู้ องพระพทุ ธเจา้ เปน็ อนนั ตนยั มากมายยงิ่ กวา่ ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขนั ธ์ เปน็ อบุ าย
ทจ่ี ะทรมานสตั ว์ พน้ วสิ ยั ของสาวกทจ่ี ะรตู้ ามเหน็ ตามไดห้ มด สาวกกาํ หนดรแู้ ตเ่ พยี ง ๘๔,๐๐๐ เทา่ นน้ั
นกี้ เ็ ป็นอัศจรรย์ฯ
• ให้แก้ปัจจุบัน เม่ือแก้ปัจจุบันได้แล้ว ภพ ๓ น้ันหลุดหมด ไม่ต้องส่งอดีต อนาคต ให้ลบ
อารมณภ์ ายนอกใหห้ มด จงึ จะเขา้ อารมณภ์ ายในได้ เพง่ นอกเปน็ ตวั สมทุ ยั เปน็ ตวั ทกุ ข์ และเปน็ ตวั
มิจฉาท•• ฐิ ิพเรเพรอื่ ะงง่ ธขใรนอรเงมปโลแน็ กสตธดวั างสตทัมุนั้งมกนั้ าลกทารงฐิ วะิ นัทแบลกะรกะลเทาอืงคนนืถงึ อกกันาหลมิโดก
และภายใน กําหนดรู้ เฉพาะจิต กร็ สู้ ิน้ ทางอนื่ หมด
กาํ หนดกาลเวลามไิ ด้ แสดงทงั้ ภายนอก
•• ใหก้ าํ หนดจิตให้กลา้ แขง็ เรยี นมรรคใหแ้ ข็งแรง จงึ จะเหน็ ทางสิน้ ทกุ ขไ์ ปได้ พิจารณา
ให้ปล่อยจิต อย่ากดจิต เหตุผลเคลื่อนคล่ืนอยู่ใน ให้พิจารณาความรักความชัง
นิสยั ของตน จิตดื้อ บรษิ ัทมากพึ่งนสิ ัยเดมิ มไิ ด้ ตะครุบจติ จงึ มีกําลงั ฯ
458 ชีวประวัติ มตุ โตทยั ธรรมเทศนา บทประพันธ์ และธรรมบรรยาย
• คนในโลก หลงของเกา่ คอื หลงธาตนุ นั้ เองแหละ ชงั แลว้ มารกั รกั แลว้ มาชงั หาทสี่ น้ิ สดุ มไิ ด้
พระองคไ์ มห่ ลง
• ธาตมุ นษุ ยเ์ ปน็ ธาตตุ ายตวั ไมเ่ ปน็ อนื่ เหมอื นนาค เทวดาทง้ั หลายทเ่ี ปลย่ี นเปน็ อน่ื ได้ มนษุ ย์
มีนสิ ัยภาวนาใหส้ ําเรจ็ ง่ายกวา่ ภพอืน่ อคฺคํ านํ มนสุ เฺ สสุ มคฺคํ สตฺต วสิ ุทธฺ ิยา มนษุ ย์มีปัญญา
เฉียบแหลมคมคอยประดษิ ฐ์ กุศล อกุศล สําเรจ็ อกศุ ล...มหาอเวจเี ป็นท่สี ดุ ฝ่ายกศุ ลมีพระนิพพาน
ให้สําเร็จได้ ภพอ่ืนไม่เลิศเหมือนมนุษย์ เพราะมีธาตุท่ีบกพร่องไม่เฉียบขาดเหมือนชาติมนุษย์ ไม่มี
ปญั ญากวา้ งขวางพสิ ดารเหมอื นมนษุ ย์ มนษุ ยธ์ าตพุ อหยดุ ทกุ อยา่ ง สวรรคไ์ มพ่ อ อบายภมู ธิ าตไุ มพ่ อ
มนษุ ย์มีทกุ ข์ สมุทยั --ฝา่ ยชั่ว ฝ่ายด-ี -กุศลมรรคแปด นิโรธ รวมเป็น ๔ อย่าง มนษุ ยจ์ ึงทําอะไรสําเร็จ
ดงั น้ี ไมอ่ าภพั เหมือนภพอน่ื
• สติปัฏฐานเป็นความรู้อนันตนัย หาประมาณมิได้ ไม่เหมือนความรู้ชนิดอื่น สนฺทิฏฺโิ ก
เห็นด้วยเฉพาะนกั ปฏบิ ัติ ปจจฺ ตฺตํ รูเ้ ฉพาะในดวงจติ รู้ธรรมลกึ ลับสขุ ุมคมั ภีรภาพ
เอกสาร
คณะศิษยานุศิษย์. บันทึกธรรม หลวงปู่หลุย จันทสาโร. บูรพาจารย์. ศิลป์สยามบรรจุภัณฑ์และ
การพมิ พ์. กรุงเทพฯ. พิมพ์คร้ังท่ี ๑. ๒๕๔๓: ๓๖๑-๓๗๕.
ทา่ นพระอาจารยม์ ั่น ภรู ทิ ัตตเถระ 459
ค�ำขอบคุณ
กองทนุ ลกั ษณา ลฬี หาชวี ะ ขอขอบคณุ ผทู้ ใ่ี หค้ วามรว่ มมอื ในการจดั ทำ� หนงั สอื เลม่ นี้ จนกระทง่ั
ทำ� ใหห้ นังสอื เสร็จสมบรู ณ์ ได้แก่ :-
๑. พระธรรมธัชมุนี (อมร าโณทโย) เจ้าอาวาสวดั ปทมุ วนาราม กรุงเทพฯ
๒. พระราชวิสุทธินายก (พรมมา จตฺตภโย) เจ้าอาวาสวัดป่าสทุ ธาวาส สกลนคร
๓. พระราชวสิ ุทธญิ าณ (ฤทธริ งค์ าณวโร) เจา้ อาวาสวดั ป่าดาราภิรมย์ เชียงใหม่
๔. พระครอู บุ ลคณาภรณ์ (วรี ะชัย อรญิ ชฺ โย) เจา้ อาวาสวดั เลียบ อบุ ลราชธาน ี
๕. พระครสู ทุ ธิธรรมาภรณ์ (พยุง ชวนปญฺโ) เจา้ อาวาสวัดภรู ิทตั ตถิราวาส สกลนคร
๖. พระมหาดวงรัตน์ ติ รตโน ป.ธ. ๙ เจา้ อาวาสวดั บพุ พาราม เชียงใหม่
๗. พระครูพัชรปญั ญาพสิ ทุ ธ์ิ (พัชรพล ปญฺ าปสโฺ ต) วัดปา่ สทุ ธาวาส สกลนคร
๘. พระอธกิ ารอว้าน เขมโก เจา้ อาวาสวัดป่านาคนิมิตต์ สกลนคร
๙. พระอธิการชัยวัฒน์ ติ าโณ เจา้ อาวาสวดั ป่ากลางโนนภู่ สกลนคร
๑๐. พระอธกิ ารนำ� ชยั ชยากโร (เตมิ ศริ เิ กียรต)ิ เจ้าอาวาสวดั ปา่ พทุ ธพจนาราม เชยี งใหม่
คณะทำ� งาน
ที่ปรึกษา อาจารยป์ ระคอง สุวรรณาภา
ประธาน ผศ.ชชั วดี คณุ ารกั ษ์
รองประธาน อาจารย์พรรณรัศม์ิ ปิยะพงศ์ววิ ฒั น์
คณะทำ� งาน รุง่ ทิวา บุญปน๋ั
บญั ฑิตา จรเวชวานิช
มัทนียา มหาวงค์
ชนณั ชดิ า บญุ ปนั๋
สิรวิ มิ ล โฮง้ จิก
460 ชีวประวัติ มตุ โตทัย ธรรมเทศนา บทประพันธ์ และธรรมบรรยาย
“เมอื เสียเดอ … หมดทอนี้ละเนอ …
เอานำ้ ไปรดไมแกนลอ น ใหมันปงเปน ใบ บม ีดอกเดอ …
ใหพากนั เฮด็ พากันทำตามที่อาตมาเคยพาเฮด็ พาทำน้ันเดอ
อยาลมเดอ … ใหพ ากันรักษาศีลหา ถาผูใดรกั ษาศีลหา
ไดต ลอดชวี ติ ผูน ้นั เลิศทสี่ ดุ หมดทอนี้ละ”
โอวาทธรรม ทานพระอาจารยมัน่ ภรู ทิ ัตตเถระ
ทใ่ี หค ร้ังสุดทา ยกับชาวหนองผือ
ในหนงั สือบูรพาจารย (๒๕๔๓) หนา ๑๖๔