The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

อัตโนประวัติ ๑ โดย หลวงพ่อทูล

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ืทีมงานกรุธรรม, 2022-03-05 21:44:03

อัตโนประวัติ ๑ โดย หลวงพ่อทูล

อัตโนประวัติ ๑ โดย หลวงพ่อทูล

Keywords: อัตโนประวัติ ๑,หลวงพ่อทูล

มองเห็นฝง่ั มหาสมทุ รไดอ้ ยา่ งชัดเจน ๒๙๑

ภพชาติน้ันๆ แก้ได้ยาก น้ีหมายถึงแม่น�้ำท้ัง ๔ ที่ผู้ปฏิบัติต้อง
ศกึ ษาใหเ้ ขา้ ใจวา่ ตวั เราตกอยใู่ นแมน่ ำ�้ อะไรบา้ ง หรอื ตกอยทู่ งั้ หมด
จะมีวิธีแก้ไขตัวเองได้อย่างไร ถ้าผู้มีสติปัญญาท่ีดี ไม่มีปัญหา
อะไร ถ้าสตปิ ัญญาไมด่ ี มปี ัญหาแน่นอน โอฆะทั้ง ๔ น้ที บี่ ุคคล
ข้ามได้ยาก เป็นปัญหาเร้ือรังกันมายาวนาน ยากท่ีจะผ่านพ้น
ข้ามไปได้ เพราะไม่เข้าใจในคำ� ว่า ตัณหา หมายถงึ ความอยาก
ไม่มีความอม่ิ พอ มี ๓ ประเภท ๑) กามตัณหา ๒) ภวตณั หา
๓) วภิ วตัณหา เรยี กวา่ สมทุ ยั ที่ทำ� ให้ปญั หาท้งั หลายได้เกดิ ขึ้น
ไมม่ ีท่ีส้ินสดุ ลงได้ จึงท�ำให้จติ หลงตดิ อยอู่ ย่างมืดมดิ ทเี ดยี ว

พรรษาที่ ๕ พ.ศ. ๒๕๐๘

พรรษาท่ี ๕ น้ี ไดไ้ ปจำ� พรรษาอยทู่ วี่ ดั ปา่ ศรวี ชิ ยั บา้ นศรวี ชิ ยั
อำ� เภอวานรนวิ าส จงั หวดั สกลนคร มหี ลวงพอ่ บญุ มาทเ่ี ปน็ อาจารย์
เก่าเป็นเจ้าอาวาส หลวงพ่อบุญมาองค์นี้เองเป็นผู้ให้ธรรมะใน
เรอ่ื งการเกดิ ดบั ในครงั้ ทข่ี า้ พเจา้ ยงั ไมไ่ ดบ้ วช และเปน็ ครง้ั แรกที่
ไดฟ้ งั ธรรมจากพระกรรมฐาน เรอื่ งการเกดิ ดบั จงึ ไดฝ้ งั ใจในสมยั
ครงั้ นน้ั ตลอดมา กอ่ นเขา้ พรรษาในปนี ้ี มคี ณะศรทั ธาทง้ั พระเณร
ภายในวดั ทกุ องคพ์ ากนั ตงั้ ความหวงั ไวว้ า่ พรรษานม้ี คี วามโชคดี
เป็นอยา่ งยง่ิ ทมี่ พี ระอาจารย์ทูลไดม้ าจ�ำพรรษาอยู่ดว้ ย พวกเรา
จะไดฟ้ ังธรรมกนั อย่างเตม็ ที่ตลอดทง้ั พรรษา เมอื่ ข้าพเจ้าไดย้ ิน
คณะศรทั ธาและพระเณรกระซบิ กนั อยา่ งนี้ ขา้ พเจา้ กเ็ ตรยี มแผน
เอาไวว้ า่ ทำ� อยา่ งไรจงึ จะไมไ่ ดแ้ สดงธรรมในพรรษานี้ จงึ คดิ อบุ าย

พรรษาท่ี ๕ พ.ศ. ๒๕๐๘ ๒๙๓

หนึ่งว่า มีวิธีเดียว ต้องธุดงค์ข้อมุขวัตร คือไม่ต้องพูดกับใครๆ
ในพรรษาน้ี แต่มีการยกเวน้ เอาไว้ ๔ ขอ้ ดังนี้

๑) หลวงพอ่ บญุ มาถาม เรากต็ อ้ งพดู แตถ่ า้ องคอ์ น่ื ไมพ่ ดู ดว้ ย
๒) เมอ่ื มกี ารเจบ็ ปว่ ย เมอ่ื พระเณรถามหรอื หมอถามอาการ
ก็พดู ได้
๓) แสดงอาบตั ิ ไหว้พระสวดมนต์ สวดปาฏโิ มกข์ได้
๔) เม่ือมีอธิกรณ์เกิดข้ึนในหมู่พระเณร พูดระงับเหตุได้
ตามพระธรรมวินัย
นอกจาก ๔ ขอ้ นจ้ี ะไมพ่ ดู กบั ใครๆ ทง้ั สนิ้ เมอ่ื ไดอ้ บุ ายดแี ลว้
ก็เก็บเป็นความลับส่วนตัว เมื่อถึงวันเข้าพรรษาจึงจะบอกให้
พระเณรไดร้ บั รู้ จากนน้ั กท็ ำ� พธิ เี ขา้ พรรษา มกี ารไหวพ้ ระสวดมนต์
เสรจ็ แล้ว ก็กลา่ วค�ำเข้าพรรษาว่า อิมสั มงิ อาวาเส อมิ ัง เตมาสงั
วสั สงั อเุ ปมิ ๓ จบ แปลวา่ ขา้ พเจา้ จะอยจู่ ำ� พรรษาในทแี่ หง่ นจ้ี น
ครบ ๓ เดือน เม่ือกล่าวค�ำเข้าพรรษาเสรจ็ กไ็ ด้ประกาศตอ่ หน้า
พระเณรทงั้ หลายใหร้ บั ทราบดงั นี้ นบั แตว่ นิ าทนี เ้ี ปน็ ตน้ ไป ผมจะ
ถอื ธุดงค์ขอ้ มุขวตั ร ไม่พูดกบั ใครๆ ต่อไปจนครบ ๓ เดือน แลว้
ปิดปากในทันที พระเณรได้ยินพากันมาร้องขอให้ถอนสัจจะน้ี
แตก่ ไ็ มไ่ ดผ้ ล เมอ่ื ตง้ั สจั จะอยา่ งไร ตอ้ งปฏบิ ตั ติ ามสจั จะของตวั เอง

๒๙๔ อัตโนประวัติ ภาค ๑

ทต่ี งั้ ไวแ้ ลว้ จงึ ทำ� ใหพ้ ระเณร ญาตโิ ยม มคี วามผดิ หวงั ไปตามๆ กนั
มีแตพ่ ากันบน่ วา่ อาจารยท์ ลู ไม่ควรท�ำอยา่ งนีเ้ ลย เมือ่ ใครๆ มา
พูดดว้ ย ก็เพยี งย้มิ ๆ ให้เทา่ นั้น

ในพรรษานี้ การภาวนาปฏบิ ตั ไิ ดผ้ ลดเี ปน็ อยา่ งมากทเี ดยี ว
เพราะไมพ่ ดู กบั ใคร ในเมอ่ื ตวั เองไมไ่ ดพ้ ดู กไ็ มต่ อ้ งไปคดิ หาคำ� ที่
จะมาพูด อารมณ์ในการคดิ หาคำ� พดู กไ็ มม่ ใี นใจ เพราะการพดู
ตอ้ งใชก้ ารคดิ หาเรือ่ งต่างๆ มาพดู เม่อื ไมพ่ ดู จะไปคิดหาเรือ่ ง
ทำ� ไม เมอ่ื ไมพ่ ดู ผ่านไป ๒ เดอื น ผลของการงดพดู นน้ั เห็นไดช้ ัด
ทีเดียว การท�ำสมาธใิ หจ้ ติ มีความสงบนนั้ สงบไดเ้ รว็ มาก เพราะ
ตามปกติข้าพเจ้าท�ำสมาธิสงบเร็วอยู่แล้ว เมื่อไม่มีอารมณ์ใน
การพูดก็ย่ิงสงบเร็วข้ึนอีก นึกค�ำบริกรรมหรือใช้วิธีก�ำหนดดู
ลมหายใจเข้าออก ไม่ก่ีวินาทีจิตก็มีความสงบลงเป็นสมาธิ
อยา่ งแนว่ แน่ เมอื่ จติ ไดถ้ อนออกจากสมาธมิ า กน็ อ้ มใจไปในทาง
ปญั ญาพจิ ารณาในสจั ธรรมตามความเปน็ จรงิ ตอ่ เนอ่ื งกนั ไป จะมี
ความเขา้ ใจร้เู ห็นตามความเปน็ จรงิ ชดั เจนมากขึน้ การทำ� สมาธิ
พรอ้ มดว้ ยปญั ญามคี วามเชอื่ มโยงตอ่ กนั อยตู่ ลอดเวลา แตล่ ะคนื
แตล่ ะวนั แต่ละชว่ั โมง ไม่ปลอ่ ยให้เวลาท้ิงไปเสียเปล่า ถงึ จะมี
พระเณรอยกู่ นั เปน็ จำ� นวนมาก กเ็ หมอื นเราไดอ้ ยอู่ งคเ์ ดยี ว เพราะ

พรรษาท่ี ๕ พ.ศ. ๒๕๐๘ ๒๙๕

๒๙๖ อตั โนประวตั ิ ภาค ๑

ไม่มีความคิดที่จะไปยุ่งเก่ียวกับใครๆ ใจจึงมีความเป็นหน่ึงอยู่
ตลอดเวลา

อยู่มาในคืนหนึ่ง เม่ือท�ำสมาธิจิตมีความสงบได้ที่แล้ว
ปรากฏมีนิมิตเห็นชายคนหนึ่งแต่งตัวเต็มยศเหมือนชาววัง จูง
ม้าขาว ใสอ่ านอย่างดี จูงเข้ามาหา เปน็ ม้าตวั ใหญส่ วยงามมาก
พร้อมท้ังบอกว่า ม้าตัวน้ีเป็นม้าของท่าน อีกไม่นานท่านจะได้
ขี่ม้าตัวนี้อย่างแน่นอน จากน้ันจิตก็ได้ถอนออกจากสมาธิ เม่ือ
พจิ ารณาดวู า่ มา้ ตวั นจ้ี ะตอ้ งวง่ิ ดเี ปน็ พเิ ศษ และมคี วามแตกตา่ ง
กนั กบั มา้ ขาวตวั ทเ่ี คยไดข้ มี่ าแลว้ ในพรรษาแรก มา้ ตวั นม้ี ขี นขาว
แพรวพราว เปน็ ประกายเลอ่ื มเหมอื นเพชร มา้ ตวั ทเี่ คยขมี่ ากอ่ น
มีขนขาวเหมือนส�ำลี ม้าตัวน้ีมีขนเป็นมันเล่ือมระยิบระยับไป
ท้ังตัว จึงเกิดมีความมั่นใจในตัวเองว่า อีกในวันหน่ึงข้างหน้า
เราจะได้ขมี่ า้ ตวั นอ้ี ยา่ งแนน่ อน

เม่ือออกพรรษา รับกฐินแล้ว คิดอยากจะไปธุดงค์ทาง
ภาคใต้ ในทสี่ ดุ กไ็ ดไ้ ปสมความตง้ั ใจเอาไว้ การเดนิ ทางไปภาคใต้
ในครงั้ นม้ี คี วามสะดวกดที กุ ประการ และขอสรรเสรญิ นำ�้ ใจของ
คนภาคใต้อย่างไม่รู้ลืม น้ันคือเมื่อรถได้ไปจอดในท่ีไหนตาม
สายทาง คนขบั รถและผโู้ ดยสารหลายทา่ นทง้ั ทไ่ี มเ่ คยรจู้ กั กนั มา

พรรษาท่ี ๕ พ.ศ. ๒๕๐๘ ๒๙๗

กอ่ นเลย เม่ือรถจอดในทไ่ี หน ทา่ นเหลา่ นัน้ ทำ� ธุระสว่ นตัวเสรจ็
แลว้ ทุกครั้งเขาตอ้ งซื้อน้�ำอัดลม กาแฟ และนำ้� อ่นื ๆ มาถวาย
พรอ้ มทง้ั แสดงความเคารพ แสดงความเปน็ กนั เอง มคี วามเออื้ เฟอ้ื
เอาใจใสใ่ นตวั ขา้ พเจา้ มาก เหมอื นกบั เคยไดเ้ ปน็ ญาตกิ นั มากอ่ น
หรอื เหมอื นกบั ครอู าจารยท์ เ่ี ขาใหค้ วามเคารพมาแลว้ และยงั ถาม
อีกว่า ท่านมีความต้องการอะไรอีกไหม ข้าพเจ้าได้เห็นอย่างนี้
จงึ มีความภาคภมู ใิ จเป็นอย่างมากทเี ดยี ว

เมอื่ ไปถงึ อำ� เภอตะกว่ั ปา่ เปน็ เวลาฉนั อาหารพอดี ทกุ คน
พากนั ลงไปรบั ประทานอาหารกนั ขา้ พเจา้ กบั เณรกน็ งั่ อยโู่ ตะ๊ หนง่ึ
ผู้โดยสารท้ังหลายพากันซ้ืออาหารเป็นจ�ำนวนมากมาถวาย
ทำ� เหมอื นกบั ขา้ พเจา้ เปน็ พระเครอื ญาตขิ องเขา หรอื เหมอื นเปน็
ครูอาจารย์ที่เขาให้ความเคารพมาก่อน การแสดงออกมาทาง
กายวาจา จะมคี วามสัมมาคารวะ จะมีความอ่อนนอ้ มถ่อมตวั ดี
มากทีเดียว นี่พูดกันในสมัยนั้น ในสมัยนี้คิดว่าเป็นเหมือนเดิม
เพราะคนภาคใตม้ อี ธั ยาศยั มนี ำ้� ใจดมี าก ขา้ พเจา้ มคี วามประทบั ใจ
ในไมตรขี องคนภาคใต้มาในทนี่ ี้ดว้ ย

เมอ่ื รถไปจอดท่ีตำ� บลโคกกลอย ก็ไดถ้ ามชายในวยั กลาง
คนไปวา่ วดั ราษฎร์โยธอี ยู่ทไ่ี หน ไปทางไหนโยม เขาก็พดู เป็น

๒๙๘ อัตโนประวัติ ภาค ๑

ภาษาใต้ ฟงั กนั ไมร่ เู้ รอ่ื งเลย ขอใหเ้ ขาพดู ภาษากลางเขากพ็ ดู ไมไ่ ด้
ไมร่ ู้จะทำ� อย่างไรดีหนอ มชี ายคนหนง่ึ ยนื ดอู ยู่ เขากร็ ู้ว่าพระกบั
โยมพูดกันไมร่ ู้เรอ่ื ง เขาก็เดินเขา้ มาแล้วถามวา่ ท่านอาจารย์จะ
ไปไหนครบั เปน็ ภาษากลาง หวั ใจโลง่ ขึ้นมา แลว้ บอกเขาไปวา่
อาตมาจะไปวดั ราษฎรโ์ ยธี วดั นอ้ี ยทู่ ไี่ หน เขากบ็ อกวา่ อยทู่ างโนน้
แตอ่ ยไู่ กลหลายกโิ ลเมตร เขาพดู วา่ ผมจะจดั รถไปสง่ ให้ เขากไ็ ป
วา่ จา้ งรถสองแถวใหไ้ ปสง่ ทว่ี ดั ผชู้ ายทพ่ี ดู กนั ไมร่ เู้ รอ่ื งกเ็ กบ็ สงิ่ ของ
ขนึ้ รถ แลว้ เขาก็ตามไปสง่ ทวี่ ดั ด้วย เมื่อไปถึงวัด เขาก็ช่วยเก็บ
ส่ิงของลงจากรถให้ แหม! น้�ำใจคนภาคใต้ท�ำไมรู้จักช่วยเหลือ
ผู้อ่ืนถึงเพียงน้ี หน�ำซ�้ำยังให้ค่ารถอีกด้วย คนภาคใต้จะมีน�้ำใจ
อยา่ งนีท้ ัง้ หมดหรอื เปล่าหนอ

จากนั้นมาไม่นานนัก หลวงพ่อค�ำพอง ติสฺโส ก็ได้พา
ข้าพเจ้าไปธุดงค์ในที่ต่างๆ หลายแห่งของภาคใต้ ยังไม่ได้ไป
๓ จงั หวดั คอื จงั หวดั สรุ าษฎรธ์ านี จงั หวดั ยะลา จงั หวดั นราธวิ าส
นอกน้นั ได้ไปเท่ยี วหมด ขา้ พเจ้ามีนสิ ัยปรับตัวเองเขา้ กับคนง่าย
อยแู่ ล้ว รนู้ สิ ัยคนง่าย อา่ นนิสยั คนออก ภาษาภาคใต้เปน็ ภาษา
งา่ ยๆ พูดเข้าใจง่าย ไปอยภู่ าคใต้ ๑ เดือน ขา้ พเจา้ พดู ภาษาใต้
ได้เลย คนภาคใต้หลายคนพากนั พูดว่า องค์อ่ืนๆ มาอยภู่ าคใต้

พรรษาท่ี ๕ พ.ศ. ๒๕๐๘ ๒๙๙

เป็นสิบปี ยังพูดภาคใต้ไม่ได้เลย การพูดภาษาภาคใต้ได้และ
การปรับตัวเขา้ หาคนไดง้ า่ ย จงึ กลายเปน็ ดาบสองคมขึ้นมา ถ้า
ปญั ญาไมด่ พี อ จะมปี ญั หากบั ชวี ติ นกั บวชมากทเี ดยี ว การไปธดุ งค์
ทางภาคใต้ในครั้งน้ีเป็นเร่ืองยาว ไม่ควรจะน�ำมาเขียนไว้ในที่นี้
จะเป็นหนังสือเล่มหนาเกินไป ถึงเวลาเข้าพรรษาก็กลับมา
วดั ราษฎรโ์ ยธี

พรรษาที่ ๖ พ.ศ. ๒๕๐๙

ในปนี จี้ ำ� พรรษาอยกู่ บั หลวงพอ่ คำ� พอง ตสิ โฺ ส วดั ราษฎรโ์ ยธี
ต�ำบลโคกกลอย อ�ำเภอตะก่ัวทุ่ง จังหวัดพังงา ในพรรษานี้
การภาวนาปฏิบัติก็เป็นไปด้วยดี ไมม่ ีอุปสรรคใดๆ ในพรรษาน้ี
ได้ความรู้จากหลวงพ่อค�ำพองมากทีเดียว ท่านแสดงธรรมได้ดี
และมีเหตผุ ล ทา่ นมีนสิ ยั เดด็ ขาดตรงไปตรงมา การแสดงธรรม
ทา่ นมมี ขุ ตลกไปในตวั ทำ� ใหค้ นหายงว่ งได้ หวั เราะในใจเปน็ บาง
จังหวะ ท่านพูดได้อย่างไรก็ไม่รู้ จึงยอมรับว่าหลวงพ่อค�ำพอง
เปน็ พระธรรมกถกึ องคห์ นง่ึ ในยคุ นี้ ในชว่ งเขา้ พรรษา ไดท้ ราบขา่ ว
ว่าโยมพ่อไดม้ รณะแลว้ เมื่อออกพรรษารบั กฐินแล้ว กไ็ ดน้ ิมนต์
หลวงพอ่ คำ� พองไดข้ น้ึ มาทำ� บญุ โปรดโยมพอ่ ดว้ ย ทา่ นกไ็ ดเ้ มตตา
ได้มาในงานนีด้ ว้ ย การทำ� บุญในคร้งั นี้ ไมใ่ หม้ มี โหรสพใดๆ หา้ ม

พรรษาที่ ๖ พ.ศ. ๒๕๐๙ ๓๐๑

ไม่ให้ฆ่าสัตว์ทุกชนิด ไม่ให้มีเหล้ายาต่างๆ ภายในงานนี้ ญาติ
ลกู หลานทกุ คนตอ้ งรบั ศลี ๕ ตลอดงาน ใหท้ กุ คนมคี วามบรสิ ทุ ธ์ิ
ในการทำ� บญุ เพอ่ื เปน็ การอทุ ศิ ไปใหโ้ ยมพอ่ ดว้ ยนำ�้ ใจอนั บรสิ ทุ ธ์ิ
ให้โยมพ่อไดร้ ับส่วนบุญน้อี ย่างสมบูรณเ์ ต็มท่ี

การท�ำบุญอุทิศให้โยมพ่อในคร้ังน้ีมีความเรียบร้อยดี
ไมใ่ หม้ บี าปอกศุ ลมาปะปนในงานนอี้ ยา่ งเดด็ ขาด อยากรจู้ รงิ ๆ วา่
การท�ำบญุ อทุ ิศดว้ ยความบรสิ ทุ ธิ์อยา่ งน้ี ท�ำไมไม่มีใครท�ำกัน มี
แตพ่ ากนั ฆา่ สตั ว์ กนิ เหลา้ เมามายทกุ งานไป ในงานนมี้ คี วามบรสิ ทุ ธิ์
จริงๆ พระผู้รับศีลก็เป็นผู้มีความบริสุทธิ์ในศีล มีความบริสุทธ์ิ
ในธรรม เครอ่ื งไทยทานกล็ ว้ นแลว้ เปน็ ของบรสิ ทุ ธิ์ ศรทั ธาผอู้ ทุ ศิ
บุญกุศลในครั้งนี้ก็มีจิตใจอันบริสุทธ์ิผุดผ่อง จึงมีความสมบูรณ์
ทง้ั สองฝ่าย เรยี กว่า บรสิ ุทธ์ิฝ่ายทายก คอื ผถู้ วาย บรสิ ุทธฝ์ิ ่าย
ปฏคิ าหก คอื พระผรู้ บั เมอื่ ความบรสิ ทุ ธท์ิ งั้ สองฝา่ ยเปน็ ไปอยา่ งน้ี
อยากรู้จริงๆ วา่ โยมพ่อได้รับส่วนบุญนห้ี รือไม่

เมื่อเสร็จจากงานแล้ว ก็ได้ไปพักที่วัดป่าสันติกาวาส
บ้านหนองตูม ต�ำบลไชยวาน อ�ำเภอไชยวาน จังหวัดอุดรธานี
มีพระอาจารย์บุญจนั ทร์ กมโล เปน็ เจา้ อาวาส ขา้ พเจ้าไดต้ ั้งใจ
อธิษฐานว่า การท�ำบุญอุทิศใหโ้ ยมพอ่ ในครง้ั นี้ โยมพ่อจะไดร้ ับ

๓๐๒ อัตโนประวตั ิ ภาค ๑

ผลบญุ จากลกู หลานญาตๆิ นห้ี รอื ไม่ เมอื่ อธษิ ฐานจติ แลว้ กก็ ำ� หนด
จติ ลงสสู่ มาธติ อ่ ไป ๒ วนั ทผี่ า่ นไป ยงั ไมร่ เู้ รอื่ งนแ้ี ตอ่ ยา่ งใด จงึ ได้
พจิ ารณาวา่ เปน็ เพราะเหตใุ ด จงึ ไดร้ วู้ า่ ออ้ เปน็ เพราะความอยาก
นี้เอง จึงเป็นไปไม่ได้

ไปโปรดโยมพอ่

ผ่านมาในคืนที่ ๓ ได้ตัดความอยากหมดจากใจได้แล้ว
ในคนื นนั้ ไดเ้ กดิ นมิ ติ เหน็ เสน้ ทางอนั ราบรน่ื ขน้ึ ตอ่ หนา้ ขา้ พเจา้ ได้
เดนิ ตามทางนน้ั ไป ในเสน้ ทางนน้ั มรี อยคนเดนิ ไปเปน็ จำ� นวนมาก
ทเี ดยี ว แตไ่ ม่มรี อยเดนิ กลับมาแม้แต่รอยเดยี ว ในเมอ่ื เดินตาม
เสน้ ทางนนั้ ไปเรอ่ื ยๆ อีกพักหน่ึงกเ็ ห็นประตเู หล็กขนาดใหญอ่ ยู่
ตรงหนา้ มชี ายฉกรรจร์ กั ษาประตอู ยู่ ๔ คน แตล่ ะคนมอื ถอื หอก
ดาบครบมอื มีหนา้ ตาอนั เครง่ ขรมึ ยนื นง่ิ อยู่ ขา้ พเจา้ กเ็ ดนิ เขา้ ไป
หาเพอ่ื จะถาม และกถ็ ามเขาไปวา่ ในทนี่ เ่ี ปน็ สถานทอ่ี ะไร ทางน้ี
จะไปไหน ชายท้ัง ๔ คนนน้ั ไดแ้ สดงความเคารพตอ่ ขา้ พเจ้าดว้ ย
การยกมอื ไหว้ แสดงความนอบน้อมเป็นอยา่ งดี แล้วก็พดู ขน้ึ วา่
ทน่ี เี่ ป็นประตไู ปสูย่ มโลก ทุกคนทีต่ ายจากเมืองมนษุ ยแ์ ล้ว ผู้มี

๓๐๔ อัตโนประวัติ ภาค ๑

บาปตดิ ตวั มากต็ อ้ งไดเ้ ขา้ มาในทแ่ี หง่ นเ้ี พอ่ื การสบื สวนสอบสวน
ด้วยกนั ทุกคน

เขาถามขา้ พเจา้ วา่ พระคณุ เจา้ มคี วามประสงคส์ ง่ิ ใดจงึ ได้
มาในทแ่ี ห่งน้ี ได้ตอบเขาไปว่า อาตมามีความประสงค์อยากจะ
ทราบวา่ โยมพอ่ ของอาตมาทต่ี ายแลว้ ไดม้ าอยใู่ นทแี่ หง่ นหี้ รอื ไม่
เขาถามวา่ ขณะนพ้ี ระคณุ เจา้ กำ� ลงั ตดิ ตามหาโยมพอ่ ใชไ่ หม ตอบ
เขาไปวา่ ใชแ่ ลว้ อาตมากำ� ลงั ตดิ ตามหาโยมพอ่ เขาพดู วา่ ถา้ เชน่
น้ันขอนิมนต์พระคุณเจา้ เขา้ ไปสอบถามหวั หน้าทอี่ ยู่ภายในเถดิ
จากนน้ั ทงั้ ๔ คนกพ็ ากนั เปดิ ประตเู หลก็ ขนาดใหญอ่ อก ขา้ พเจา้ ก็
เดนิ เขา้ ไป พอดไี ด้ไปพบหัวหน้าใหญน่ ั่งอยเู่ ก้าอ้ี มหี นา้ ทต่ี รวจดู
บญั ชขี องคนทต่ี ายทง้ั หมดวา่ คนทต่ี ายนนั้ มชี อื่ วา่ อยา่ งไร นามสกลุ
ของผตู้ าย อายเุ ทา่ ไร บา้ นเลขทเี่ ทา่ ไร หมบู่ า้ นอะไร ตำ� บล อำ� เภอ
จังหวัด เหมือนกับท�ำใบส�ำมะโนครัว ส�ำเนาทะเบียนบ้าน ใน
บตั รประชาชน ในเมืองมนษุ ยน์ นั่ เอง

เมอื่ ขา้ พเจา้ เขา้ ไปถงึ หวั หนา้ ผทู้ ำ� บญั ชมี ลี กั ษณะตกตะลงึ
ไปบ้าง เพราะไม่รู้ตัวมาก่อนว่าจะมีพระผู้มีชีวิตอยู่เข้ามาในที่
แห่งน้ี แต่ก็มีความอ่อนน้อมถ่อมตัวดี พร้อมทั้งยกมือไหว้แล้ว
พดู ว่า พระคุณเจ้ามคี วามประสงค์อะไรหรือครบั ข้าพเจ้าก็เล่า

ไปโปรดโยมพอ่ ๓๐๕

ให้หัวหน้าฟังว่า อาตมามีธุระอยากจะถามหัวหน้าว่า โยมพ่อ
ของอาตมาไดต้ ายไปหลายเดอื น อยากทราบวา่ โยมพอ่ ของอาตมา
ไดเ้ ขา้ มาอยใู่ นทแี่ หง่ นห้ี รอื ไม่ เขาถามวา่ โยมพอ่ ของพระคณุ เจา้
ชอ่ื วา่ อยา่ งไร กไ็ ดบ้ อกเขาไปวา่ ชอื่ วา่ นายอทุ ธา นนฤๅชา จากนนั้
เขากไ็ ปหยบิ เอาหนงั สอื บญั ชรี ายชอ่ื ของผตู้ ายมาดู หนงั สอื นนั้ มี
ความยาวประมาณ ๑ ศอก เขาใชน้ ว้ิ มอื กรีดเปดิ พรืดเดยี วแล้ว
อ่านดู แล้วพดู ขน้ึ มาวา่ นายอทุ ธา นนฤๅชา อยู่บ้านหนองแวง
(แกม้ หอม) ตำ� บลไชยวาน อำ� เภอไชยวาน จงั หวดั อดุ รธานี ใชไ่ หม
ครบั กไ็ ดบ้ อกเขาไปว่า ใชแ่ ลว้ เขาพูดว่า ยงั อยู่ในทีแ่ ห่งนคี้ รบั
ได้บอกกบั หัวหน้าวา่ อาตมาอยากไปพบกับโยมพอ่ หนอ่ ยจะได้
ไหม หัวหน้าเขากไ็ ดพ้ ูดวา่ ไมต่ อ้ งหรอกครบั ผมมลี กู นอ้ งใหไ้ ป
เรียกโยมพอ่ ของพระคุณเจา้ มาพบในทน่ี ้กี ไ็ ด้ เขาก็ไดบ้ อกคนใช้
ไปตามเอาโยมพ่อของข้าพเจ้าให้มาพบกันในท่ีนี่ เขาบอกกัน
ว่าใหไ้ ปตามนายอทุ ธา นนฤๅชา ให้มาพบกับพระลกู ชาย ช่ือว่า
พระอาจารย์ทูล ขปิ ฺปปญโฺ ญ ในท่ีนด้ี ว่ น คนใช้ก็รบี ไป

อีกพกั หน่งึ เขาก็ตามโยมพอ่ เข้ามาหา เมอื่ โยมพอ่ เดินมา
เปน็ ในลกั ษณะมคี วามละอาย เพราะแกม้ ดา้ นขวาคลำ้� ไปนดิ หนงึ่
ส่วนแกม้ ซา้ ยเปน็ ปกติ เวลาเดินเขา้ มา จะเอยี งแกม้ ดา้ นซา้ ยเขา้

๓๐๖ อัตโนประวัติ ภาค ๑

ไปโปรดโยมพอ่ ๓๐๗

มาหา กางเกงและเสื้อที่สวมใสใ่ นขณะทต่ี ายใส่อยา่ งไร เมอื่ ตาย
ไปก็ต้องใส่ชดุ นน้ั ไปกอ่ น เมื่อได้รับส่วนบญุ จากลกู หลานท่ีอุทศิ
ไปให้ ผ้านุ่งห่มจึงจะมีการเปลี่ยนไป เมื่อโยมพ่อเข้ามาหาแล้ว
กน็ งั่ กราบเปน็ ปกติ จงึ ไดถ้ ามโยมพอ่ วา่ จำ� อาตมาไดไ้ หม โยมพอ่
บอกว่า จำ� ได้

ถาม โยมพอ่ เขา้ มาอยู่ในทแ่ี ห่งนี้ ถกู เขาตไี หม
ตอบ แตก่ อ่ นเขาตอี ยบู่ า้ ง แตท่ กุ วันน้ีเขาไมต่ เี ลย
ถาม มาอยใู่ นทีน่ ี่ มีการไหวพ้ ระภาวนาอยไู่ หม
ตอบ ไหวพ้ ระสวดมนต์ ภาวนาทกุ คนื ไมไ่ ด้ขาด
ถาม ลูกหลานพากันท�ำบุญอุทิศมาให้ภายใน ๓ วันนี้
ได้รบั ไหม
ตอบ ไดร้ บั ๓ สว่ น อกี สว่ นหนึ่งไมไ่ ดร้ ับ
ถาม ท�ำไมจงึ ไม่ได้รับทงั้ หมด เพราะเหตุใด
ตอบ เพราะพระสงฆ์ผ้รู ับเคร่ืองไทยทาน ศลี ไมบ่ รสิ ุทธิ์
ถาม กรรมท่โี ยมพอ่ ที่จะไดร้ บั ในขณะนีม้ มี ากไหม
ตอบ มไี มม่ าก เพราะกรรมเลก็ ๆ น้อยๆ ได้หมดไปแลว้
เหลอื อยูแ่ ตก่ รรมท่ีรว่ มกันฆา่ วัวตัวเดียวเท่านั้น จากนนั้ ข้าพเจ้า
ไดม้ าปรึกษากับหัวหน้าจา่ ยมบาลดูวา่ กรรมของโยมพอ่ อาตมา

๓๐๘ อตั โนประวตั ิ ภาค ๑

ส่วนใหญ่ได้หมดไปแล้ว เหลือเพียงกรรมเน่ืองจากวัวตัวเดียว
เท่าน้ัน เมื่อกรรมยังเหลือน้อยนิดเดียวนี้ อาตมาขอบิณฑบาต
ให้โยมพ่อพ้นไปจากกรรมนี้ได้ไหม จากน้ันหัวหน้ายมบาลก็ได้
ไปหยิบเอาหนังสือเล่มหน่ึงมาดูว่ากรรมของโยมพ่อมีมากน้อย
แคไ่ หน หวั หนา้ ยมบาลไดพ้ ดู มาวา่ กรรมของโยมพอ่ พระคณุ เจา้
หมดในวนั นพ้ี อดี อนญุ าตใหโ้ ยมพอ่ ของพระคณุ เจา้ ไดห้ มดกรรม
แตว่ นั น้ี แลว้ เขยี นหนงั สอื อกี เลม่ หนงึ่ เปน็ หนงั สอื ทผ่ี ไู้ ดพ้ น้ กรรม
ไปแลว้ มวี นั เดอื นปแี ละเวลาทพ่ี น้ จากกรรมชวั่ นไ้ี ปเปน็ หลกั ฐาน

หวั หนา้ ยมบาลไดพ้ ดู วา่ กระผมขอแสดงความเคารพนบั ถอื
ตอ่ พระคณุ เจา้ เปน็ อยา่ งมากทไี่ ดต้ ดิ ตามมาโปรดพอ่ ถงึ ทน่ี ่ี จงึ ได้
ถามโยมพอ่ ตอ่ ไปวา่ โยมพอ่ อยากบวชไหม โยมพอ่ พดู วา่ อยากบวช
จากนนั้ ขา้ พเจา้ กเ็ อาผา้ ขาวออกมาจากยา่ มยน่ื ให้ โยมพอ่ กน็ งุ่ หม่
ให้เรยี บรอ้ ย พอนงุ่ ห่มผา้ ขาวเสร็จเทา่ นนั้ ผิวพรรณของโยมพอ่
ก็เปลี่ยนไปในขณะน้ันทันที หน้าตามีความอ่ิมเอิบ มีผิวพรรณ
ผ่องใสเป็นอยา่ งมาก แล้วกราบอาตมา ๓ ครั้ง แล้วพูดว่ากรรม
ของโยมพอ่ ไดห้ มดไปแลว้ ในวนั นี้ ขอใหล้ กู ไดไ้ ปประกาศใหญ้ าตๆิ
ทั้งหลายใหร้ ้วู า่ กรรมช่ัวของโยมพอ่ ได้หมดไปแล้ว และบอกกับ
ผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ให้พากันสร้างบุญกุศลคุณงามความดีไว้ให้มาก

ไปโปรดโยมพ่อ ๓๐๙

เมอ่ื ตายไปจะไมไ่ ดเ้ ปน็ ทกุ ข์ โยมพอ่ พดู ตอ่ ทา้ ยวา่ จากนไ้ี ป โยมพอ่
จะไดข้ ึน้ ไปสูท่ ีส่ ูงแลว้ นะ กราบอาตมาลง ๓ ครง้ั

เสร็จแลว้ โยมพอ่ กล็ อยข้ึนสู่อากาศ มองดโู ยมพอ่ ลอยข้นึ
ไปจนสดุ ตา กร็ อู้ ยวู่ า่ โยมพอ่ ขนึ้ ไปสชู่ นั้ รปู พรหม เพราะกอ่ นตาย
โยมพ่อเคยท�ำสมาธิจิตเข้าสู่รูปฌานหลายครั้ง ในช่วงก่อนตาย
กรรมชว่ั ไดเ้ ขา้ มาปดิ บงั จงึ ไดไ้ ปรบั ผลกรรมนน้ั กอ่ น พอกรรมชวั่
หมดไป กรรมดคี อื บญุ กศุ ลไดป้ รากฏขนึ้ ทใ่ี จ สมาธทิ เี่ ปน็ รปู ฌาน
กป็ รากฏ จึงอยูช่ น้ั รปู พรหม

ยมทูตนำ� ผ้ทู ำ� ผิดเขา้ มา

กลบั มาอธบิ ายเรอื่ งของคนตายตอ่ ไป คดิ วา่ ทา่ นผอู้ า่ นจะ
ได้ข้อคิดอยู่บ้างไม่มากก็น้อย ในขณะที่ข้าพเจ้าได้พูดคุยกับ
หวั หน้ายมบาลและพดู กับโยมพอ่ อยนู่ ้ัน มียมทตู ได้นำ� ผู้กระทำ�
ความชั่วเข้ามาในท่ีแห่งน้ีเป็นจ�ำนวนมาก มีทั้งเชือกผูกคอลาก
เข้ามา ใส่โซ่ผูกแขนขาดึงกันเข้ามา ทั้งเอาไม้เรียวตีกันเข้ามา
แต่ละคนมีเลือดเต็มตัวไปหมด พากันเจ็บปวด ร้องโหยหวน
ระงมไปหมด บางคนนงุ่ ผ้าทีฉ่ กี ขาด บางคนไม่มผี า้ ติดตัวมาเลย
ยมทูตได้บังคับขู่เข็ญด้วยวิธีต่างๆ พวกฆ่าสัตว์ พวกลักทรัพย์
พวกประพฤตผิ ดิ ในกาม พวกพดู โกหก พวกดมื่ เหลา้ ยา แตล่ ะกลมุ่
ทำ� โทษไม่เหมือนกนั

กลุ่มผู้ผิดศลี ข้อ ๓ ตัวกาเมสมุ ิจฉาจาร กลุม่ นจี้ ะใชเ้ ชือก

ยมทตู น�ำผู้ท�ำผดิ เขา้ มา ๓๑๑

มัดคอผู้หญิงและผู้ชายติดกันมา ไม่มีผ้านุ่งห่มติดตัวมาเลย
ยมทตู เอาเครอื หวายตี ดเู ลอื ดไหลอาบตวั ผทู้ ตี่ ายไปยมทตู ลงโทษ
ในลักษณะน้ีมีจ�ำนวนมากมายทีเดียว ยมทูตมีอยู่หลายกลุ่ม
กลุ่มหน่ึงมีหน้าที่น�ำวิญญาณคนตายเข้ามาให้พ้นประตูเหล็ก
อีกกลุ่มหนึ่งรับช่วงต่อไป ยมทูตทุกคนใช้ความรุนแรงมาก
ท้งั ไม้เรียวตี ทัง้ เตะ ดงึ กระชากลากไป ใครได้ทำ� กรรมหนักใน
มนษุ ยม์ า กจ็ ะลงโทษหนกั ตามกรรมท่ีท�ำไว้

ขา้ พเจา้ ไดม้ องไปอกี ดา้ นหนง่ึ เปน็ ศาลาขนาดใหญ่ จงึ ไดถ้ าม
ยมบาลวา่ ศาลานนั้ เปน็ อะไร ยมบาลบอกวา่ นน้ั เปน็ ศาลาพนั หอ้ ง
สำ� หรบั เปน็ ทที่ ำ� การวนิ จิ ฉยั คดตี า่ งๆ และมที ง้ั การตดั สนิ คดี ศาลา
พนั หอ้ งน้ัน แต่ละห้องท�ำงานไมเ่ หมือนกัน อีกสว่ นหน่งึ ส�ำหรับ
ที่ท�ำงานของผู้หมดบุญจากสวรรค์แล้ว ต้องลงมารับกรรมชั่วท่ี
ทำ� มาแล้วในครง้ั เป็นมนษุ ย์ เม่ือพน้ กรรมนรกแลว้ เศษกรรมยัง
ไมห่ มดกจ็ ะไดไ้ ปเกดิ เปน็ เปรตและเปน็ สตั วด์ ริ จั ฉานตอ่ ไป พวกท่ี
เคยท�ำบาปทางวาจา เป็นคนดรุ ้ายในคร้งั เปน็ มนษุ ย์ เชน่ ใส่รา้ ย
ปา้ ยสี กลา่ วความเทจ็ พวกนจี้ ะตอ้ งไปตกในอบายภมู ิ มนี รก เปรต
อสูรกาย สตั ว์ดริ ัจฉาน เม่อื กรรมยังไมห่ มด ได้กลบั มาเกิดเป็น
มนษุ ยอ์ กี เศษของกรรมสว่ นเหลอื จะทำ� ใหเ้ ปน็ ผมู้ กี ลนิ่ ปากเหมน็

๓๑๒ อตั โนประวตั ิ ภาค ๑

พดู ออกไปไมม่ ใี ครเชอ่ื ถอื เปน็ ผนู้ ำ� คนไมไ่ ด้ ฉะนน้ั ศาลาพนั หอ้ ง
แต่ละห้องเป็นที่ท�ำงานตัดสินคดีท้ังหมด เช่น คดีผู้ท่ีไปสวรรค์
แลว้ หมดบญุ ไดก้ ลบั มารบั กรรมในนรก พวกหมดกรรมจากนรก
แล้ว ไดไ้ ปเกดิ ในสวรรค์บ้าง ไปสเู่ ปรต สัตวด์ ริ ัจฉานบ้าง

การท�ำงานของยมบาลน้ันมีความซ่ือสัตย์สุจริตดีมาก
ไม่เหมือนการตัดสินคดีในโลกมนุษย์ คดีในโลกมนุษย์ย่อมมี
การเปลี่ยนแปลงไปได้หลายรูปแบบ ไม่ควรอธิบายไว้ในที่น้ี
ส่วนคดีการตัดสินของยมบาลน้ัน ไม่มีทนาย ไม่มีศาลอุทธรณ์
ศาลฎกี า ไมม่ คี ำ� วา่ สำ� นวนออ่ นแขง็ อะไรเลย มเี ราคนเดยี วเปน็ โจทก์
และเปน็ ทงั้ จำ� เลย เชน่ กรรมดที เี่ ราทำ� ไปแลว้ ไดล้ มื ไป หรอื กรรมชว่ั
ทเ่ี ราทำ� ไปแลว้ ไดล้ มื ไป การลมื ในการทำ� กรรมดี กรรมชวั่ ไมเ่ ปน็
โมฆะหายไปแตอ่ ยา่ งใด เหมอื นกบั ใหข้ อ้ มลู เขา้ ไปในคอมพวิ เตอร์
แล้ว ถึงเราจะลืมไปก็ตาม แต่ข้อมูลในคอมพิวเตอร์ไม่ลบล้าง
หายไป นฉี้ นั ใด ใจทท่ี ำ� กรรมดกี รรมชวั่ กไ็ ดฝ้ งั อยใู่ นสว่ นลกึ ของใจ
ในเมื่อตายไป จะได้เข้าห้องวินิจฉัยกรรม เม่ือเข้าไปห้องแล้ว
จะไมม่ ยี มบาลมาสอบสวนเราแตอ่ ยา่ งไร หรอื เหมอื นกบั หอ้ งจบั
ความเท็จ เมื่อเข้าไปแลว้ กรรมดีกรรมช่วั ที่เราไดก้ ระทำ� มาแล้ว
จะปรากฏขึ้นที่จอเอง ใครท�ำกรรมดีมาก ใครท�ำกรรมชั่วน้อย

ยมทตู น�ำผทู้ �ำผิดเขา้ มา ๓๑๓

ใครทำ� กรรมช่ัวมาก ใครท�ำกรรมดีน้อย ผลของการกระทำ� ของ
เราจะปรากฏข้ึนมาเอง จึงเรียกว่า กมฺมุนา วตตฺ ตีโลโก สตั วโ์ ลก
ย่อมเป็นไปตามกรรม

ฉะนั้น ในเม่ือเราตายไปแลว้ กรรมจะเปน็ ผตู้ ดั สนิ ให้เอง
กรรมตัดสนิ ให้อยา่ งไร เราก็ตอ้ งไดร้ บั กรรมนั้นๆ ไป เมือ่ ตายไป
แลว้ ไมม่ ใี ครใหญก่ วา่ กรรม หรอื มอี ำ� นาจเหนอื กรรมไปไมไ่ ดเ้ ลย
จะไปโกหกหลอกลวงกรรม ใหค้ า่ สนิ บนกรรมไมม่ เี ลย ขา้ พเจา้ ได้
ไปศกึ ษาในการตดั สนิ คดใี นยมโลกทศ่ี าลาพนั หอ้ งนน้ั เหมอื นได้
จดจำ� ไวท้ ุกข้ันตอน จากนัน้ จติ ก็ได้ถอนออกจากสมาธิมา

ได้นั่งเรียบเรียงเหตุการณ์ที่เกิดข้ึนของนิมิตนี้ จึงเป็น
เรอื่ งยากท่ีจะอธบิ ายให้คนทัง้ หลายเขา้ ใจตามได้ หรอื เป็นเร่ือง
ที่เหลือวิสัยของคนในยุคนี้จะเข้าใจได้ ถ้าใครยังมีความเชื่อต่อ
ผลของกรรมอยู่ก็พอจะรู้เรื่องกันอยู่บ้าง ในช่วงมนุษย์เราสร้าง
กรรมช่ัวน้ี ไมเ่ ปน็ สิง่ ท่นี า่ กลัวอะไร ในเม่ือตายไป กรรมช่ัวตาม
สนองนเี้ ปน็ ทน่ี า่ กลวั มาก ตอนทไ่ี ดเ้ หน็ ยมบาลไลต่ อ้ นผทู้ ำ� กรรม
ไปด�ำเนนิ คดี ในชว่ งน้เี อง เจ้ากรรมนายเวรเขารอเวลานอ้ี ยู่ ใคร
ไดท้ ำ� บาปอยา่ งไรไว้ บาปนนั้ กจ็ ะแกม้ อื ในชว่ งน้ี ถา้ ผฆู้ า่ ววั ควาย
กจ็ ะเปน็ รปู ววั ควายไลข่ วดิ ไลช่ น พวกฆา่ เปด็ ฆา่ ไก่ กจ็ ะเปน็ รปู เปด็

๓๑๔ อตั โนประวัติ ภาค ๑

รปู ไกไ่ ล่จกิ ไลต่ ี ล้มตายไปแล้วฟ้ืนตวั มาใหม่
ในสถานคมุ ขงั คนทำ� บาปกบั ศาลาพนั หอ้ งนน้ั ไกลกนั มาก

จงึ มสี นามกวา้ งใหญท่ ผี่ ทู้ ำ� บาปตอ้ งเดนิ ผา่ นไป เจา้ กรรมนายเวร
ท่ีเขามาคอยรับคอยแก้แค้นแก้มือในสนามนั้นมีมาก ยมบาลก็
ไมส่ ามารถหา้ มกรรมเหลา่ นไ้ี ดเ้ ลย ความเจบ็ ปวดทนทกุ ขท์ รมาน
ในชว่ งกรรมขอแกม้ อื นเ้ี ปน็ ทน่ี า่ กลวั มาก เปด็ ไกท่ ไ่ี ลจ่ กิ ไลส่ บั นนั้
ไมใ่ ช่ไก่ธรรมดาเหมอื นบา้ นเรา มนั เป็นไก่สับเหลก็ สับทร่ี ่างกาย
ขาดกระจยุ ในทีน่ ้นั จนเลือดไหลนองพื้นสนามแดงไปหมด เมอื่
ขึ้นศาลคดี เมื่อศาลตัดสินให้ไปลงนรก ก็เป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก
การทจี่ ะอธบิ ายในเรอื่ งตา่ งๆ ดงั อธบิ ายมานใ้ี หผ้ ทู้ ช่ี อบทำ� บาปฟงั
เขากจ็ ะหวั เราะเทา่ นน้ั เอง เมอ่ื เขาเหลา่ นน้ั ไดไ้ ปรบั ผลดว้ ยตนเอง
เขาก็จะรูเ้ องว่าเปน็ อย่างไร

ในชว่ งนน้ั โยมแมย่ งั มชี วี ติ อยู่ จงึ ไดไ้ ปถามโยมแมด่ วู า่ ทวี่ า่
โยมพอ่ มสี ว่ นรว่ มในการฆา่ ววั ในสมยั นน้ั ฆา่ อยา่ งไร เพราะไมเ่ คย
เหน็ โยมพอ่ ฆา่ ววั เลย โยมแมเ่ ลา่ ใหฟ้ งั วา่ ในสมยั นนั้ โยมพอ่ เปน็
ผู้ใหญ่บ้าน มีลูกบ้านไปลักวัวบ้านอื่นเขามา น�ำวัวไปฆ่าท่ีนา
เมอ่ื ฆา่ เสรจ็ แลว้ สว่ นทก่ี นิ ไมไ่ ดก้ ข็ ดุ ฝงั แลว้ ปลกู พชื ทบั ถมกนั ไป
เจา้ ของววั ตามมากไ็ มเ่ หน็ ทฆี่ า่ ววั ทจี่ รงิ โยมพอ่ ไมไ่ ดฆ้ า่ แตก่ เ็ ปน็

ยมทตู นำ� ผทู้ �ำผดิ เขา้ มา ๓๑๕

ผสู้ นบั สนนุ ในการฆา่ ววั ปกปอ้ งคนทำ� ผดิ รว่ มมอื กนั กบั คนทำ� ผดิ
โยมพอ่ กต็ ้องไดร้ บั ผลของกรรมน้ี

การตดั สนิ ในศาลยมบาลนมี้ คี วามเทยี่ งธรรมมาก เพราะเอา
กรรมดกี รรมชว่ั ตดั สนิ กนั เองอยา่ งตรงไปตรงมา ไมม่ กี ารคอรปั ชน่ั
ไมม่ อี คตเิ อนเอยี งไปขา้ งใดขา้ งหนงึ่ ไมม่ เี งนิ เขา้ มาเปน็ ตวั แปรใน
คดคี วามเหมอื นเมอื งมนษุ ยแ์ ตอ่ ยา่ งใด คำ� วา่ กมมฺ นุ า วตตฺ ตโี ลโก
สตั ว์โลกยอ่ มเปน็ ไปตามกรรม มคี วามชัดเจนมาก เคยมคี นถาม
อยเู่ สมอวา่ กลมุ่ ทไ่ี ปทำ� งานเปน็ ยมทตู ยมบาลนี้ เปน็ คนกลมุ่ เกา่
ทที่ ำ� งานอยใู่ นแผนกนใี้ นเมอื งมนษุ ยห์ รอื ไม่ เพราะเขาเคยทำ� งาน
แผนกนม้ี คี วามชำ� นาญอยแู่ ลว้ นา่ จะเปน็ คนกลมุ่ เดยี วกนั ขา้ พเจา้
เองก็ลืมถามพวกยมทูตยมบาลเหล่านี้ว่าในครั้งเป็นมนุษย์เคย
ทำ� งานแผนกไหนมา เอาล่ะ ทหี ลังถา้ หากอาตมาไดไ้ ปในทนี่ อี้ ีก
ก็จะถามเขาดูว่าเม่ือเป็นมนุษย์เคยท�ำงานประเภทน้ีหรือไม่
ค�ำถามอย่างน้ีน่าคิดนะ ให้พวกเราช่วยกันคิดก็แล้วกันว่า
จะเขา้ ขา่ ยหรือไม่ ถา้ เป็นกลุ่มคอรปั ช่นั กินเงนิ บาทคาดสินบน
ก็คงจะไม่ใช่ พวกนี้เขาจะน�ำไปดัดสันดาน รับกรรมเหมือน
อื่นทว่ั ไป ถา้ เอาคนประเภทนไี้ ปท�ำงานในยมบาลอีก รับรองวา่
กฎแหง่ กรรมเกดิ วิบตั แิ นน่ อน

พรรษาท่ี ๗ พ.ศ. ๒๕๑๐

ในพรรษาที่ ๗ น้ี จำ� พรรษาอยทู่ ว่ี ดั สนั ตกิ าวาส ตำ� บลไชยวาน
อำ� เภอไชยวาน จังหวัดอุดรธานี มีหลวงปู่บญุ จนั ทร์ กมโล เป็น
เจ้าอาวาส ในพรรษาน้ี การภาวนาปฏิบัติก็มีความราบร่ืนไป
ด้วยดี ไม่มีอุปสรรคใดๆ หลวงปู่บุญจันทร์ท่านมีนิสัยพูดน้อย
การพดู ในธรรมกน็ อ้ ยแตเ่ ตม็ ไปดว้ ยเนอ้ื หาสาระ คำ� พดู ของทา่ น
แตล่ ะประโยคนน้ั มคี วามหมายอยา่ งลมุ่ ลกึ เตม็ ไปดว้ ยเหตแุ ละผล
ถ้ามีปัญญาพิจารณาให้ดีแล้ว มีความหมายอย่างพิสดารมาก
ทีเดียว เว้นเสียแต่คนหูหนาตาบอดเท่านั้นจะฟังธรรมท่านไม่รู้
เรือ่ ง

ในพรรษานี้ ในขณะท�ำสมาธิจิตมีความสงบได้ที่แล้ว
หลวงปมู่ นั่ ไดม้ าบอกวา่ ทลู ออกพรรษาแลว้ ใหไ้ ปอยกู่ บั อาจารยข์ าว

พรรษาท่ี ๗ พ.ศ. ๒๕๑๐ ๓๑๗

วัดถ�้ำกลองเพลนะ ความปรารถนาของท่านจะเป็นจริงในอีก
ไม่ช้าน้ีเอง จากนั้นจิตก็ได้ถอนออกจากสมาธิมา ข้าพเจ้าจึง
ได้ใช้ปัญญามาพิจารณาว่า ค�ำสั่งของหลวงปู่มั่น เหมือนกับ
หลวงปู่ม่ันได้รู้แล้วว่าอีกไม่นานก็จะสมความตั้งใจเอาไว้ ใน
คืนน้ันมีความเอิบอ่ิมใจตลอดท้ังคืน เกิดมีความต้ังใจในตัวเอง
ว่า ออกพรรษาแล้วจะต้องไปอยู่กับหลวงปู่ขาวอย่างแน่นอน
และมคี วามภาคภูมใิ จในตัวเองว่า ชีวติ เราไมเ่ คยเห็นหลวงป่มู ่นั
เลย แตท่ า่ นก็มคี วามเมตตามาเตือนสติให้ และมีความมน่ั ใจใน
ตัวเองว่า ถ้าได้เข้าไปอยู่กับหลวงปู่ขาวแล้ว จะท�ำให้ได้เกิด
ความรคู้ วามเหน็ ในสจั ธรรมอยา่ งแนน่ อน นเี่ ปน็ เพยี งตงั้ ความหวงั
เอาไวเ้ ทา่ นน้ั ผลจะออกมาเปน็ อยา่ งไรนนั้ จงตดิ ตามอา่ นกแ็ ลว้ กนั

ในปีพ.ศ. ๒๔๙๘ ขา้ พเจ้าได้บวชเป็นพระมหานิกาย อยู่
ที่วัดไชยนาถวราราม ในวันหน่ึงได้ไปบิณฑบาตสวนทางกันกับ
พระธรรมยุตอยู่ในบ้านไชยวาน หลวงปู่บุญจันทร์เป็นหัวหน้า
ข้าพเจ้าจ�ำท่านได้ทันทีว่า ในสมัยท่ีข้าพเจ้าเป็นสามเณร ในปี
พ.ศ. ๒๔๙๒ ไดไ้ ปกบั พระอาจารยส์ ม ไดไ้ ปกราบหลวงปบู่ ญุ จนั ทร์
ทีบ่ ้านจำ� ปาในครั้งนนั้ มาแลว้ ข้าพเจ้ามคี วามเล่อื มใสศรัทธาใน
ตัวท่านมาแล้ว บัดน้ี หลวงปู่บุญจันทร์ท่านได้มาต้ังวัดอยู่ท่ี

๓๑๘ อัตโนประวตั ิ ภาค ๑

บา้ นหนองตูม ตำ� บลไชยวาน อ�ำเภอไชยวานนีเ้ อง
แตก่ อ่ นนน้ั ขา้ พเจา้ อยากจะบวชเปน็ พระธรรมยตุ แตไ่ มร่ ู้

ว่าวัดพระธรรมยุตอยู่ท่ีไหน พ่อก็ให้ไปเข้านาคท่ีวัดมหานิกาย
ก็ได้บวชเป็นพระมหานิกายไป เมื่อบวชแล้วจึงรู้ในภายหลังว่า
มีพระธรรมยุตมาต้ังวัดอยู่ท่ีแห่งนี้ คิดอยากจะมาบวชเป็น
พระธรรมยตุ อกี แตก่ เ็ ปน็ ไปไมไ่ ดใ้ นขณะนนั้ เพราะพระมหานกิ าย
กับพระธรรมยุตในคร้ังน้ันไม่มีความสามัคคีกันเลย ข้าพเจ้ามี
ความอึดอดั ใจมากในคร้ังนั้น อยากจะออกมาเป็นพระธรรมยุต
ก็มาไม่ได้ ในวันหน่ึงได้โอกาสดี ได้มาตัดเอาไม้ไผ่เพื่อไปท�ำ
ไม้ปัดกวาดลานวัด จึงได้แวะเข้าไปดูวัดพระธรรมยุตดูบ้างว่า
อยู่กันอย่างไร เมื่อเข้าไปก็เห็นกระต๊อบโรงฉันอาหารหลังหน่ึง
ก็ได้สังเกตดคู วามเป็นอยู่ของพระธรรมยุตวา่ อยูก่ นั อยา่ งไรและ
ฉันอย่างไร เมื่อดูแล้วเห็นความสะอาดภายในวัดมีความร่มรื่น
ดมี าก กค็ ดิ อยากจะบวชเปน็ พระธรรมยตุ มากทเี ดยี ว แลว้ เดนิ ไป
ดูที่ล้างบาตรและหลมุ ขยะ ไปเห็นไม้สฟี นั อนั หนง่ึ เมือ่ จบั มาดกู ็
เหมอื นไมส้ ฟี นั พระอาจารยส์ ม ทข่ี า้ พเจา้ เคยไดเ้ หน็ เมอื่ บวชเปน็
สามเณร

จากนนั้ ก็ได้มาคิดพจิ ารณาอยูค่ นเดยี ววา่ เราจะมีวิธบี วช

พรรษาท่ี ๗ พ.ศ. ๒๕๑๐ ๓๑๙

เป็นพระธรรมยุตไดอ้ ยา่ งไร จะไปบวชในคร้งั นีไ้ มไ่ ด้แน่ คิดได้วา่
มวี ธิ เี ดยี ว ตอ้ งสกึ ออกจากเปน็ พระมหานกิ ายเสยี กอ่ น จงึ จะบวช
เปน็ พระธรรมยตุ ได้ จงึ ไดต้ ดั สนิ ใจสกึ ในวนั ตอ่ มา คดิ วา่ จะไปหา
บวชเป็นพระธรรมยุตเสียใหม่ แล้วก็ได้บวชเป็นพระธรรมยุต
สมความตงั้ ใจ

ในปจี ำ� พรรษาอยทู่ ว่ี ดั สนั ตกิ าวาสน้ี ขา้ พเจา้ ไดอ้ บุ ายธรรม
อย่างหน่ึงท่ีฝังใจอย่างไม่รู้ลืม น้ันคือต้นมะพร้าว ในวันหนึ่ง
ตอนเย็น เป็นเวลาท�ำกิจวัตรกวาดลานวัด ไปเห็นมะพร้าว
ต้นหนึ่งอยู่ในลานวัดนั้น เป็นต้นมะพร้าวแกร็น มีอายุหลายปี
ต้นสูงประมาณ ๑ ฟุตเท่าน้ันเอง แต่ก็มีใบสดเขียวเป็นปกติ
แล้วได้ถามหลวงพ่อค�ำสิงห์ว่า มะพร้าวต้นน้ีปลูกมาได้ก่ีปีแล้ว
หลวงพ่อค�ำสิงห์พูดว่า โธ่ มะพร้าวต้นน้ีปลูกพร้อมกันกับปีท่ี
สร้างวัด ผมนี้แหละเอามาปลูกไว้ในที่แห่งน้ี มันไม่ใหญ่และ
กไ็ ม่ตาย ลกู ไม่เป็น ปลกู เมือ่ ปี ๒๔๙๓ ปนี ้พี .ศ. ๒๕๑๐ มีอายุ
๑๗ ปแี ล้ว

พอได้ฟงั เทา่ นแ้ี หละ ก็โอปนยโิ ก นอ้ มเขา้ มาเป็นธรรมใน
ขณะนนั้ ทนั ที ไดเ้ อาตน้ มะพรา้ วนน้ั มาเปน็ อบุ ายสอนใจตวั เองวา่
มะพรา้ วตน้ นมี้ อี ายยุ งั่ ยนื มาถงึ ขนาดนี้ ถา้ ปลกู ในทไ่ี มม่ ตี น้ ไมอ้ น่ื

๓๒๐ อัตโนประวัติ ภาค ๑

พรรษาท่ี ๗ พ.ศ. ๒๕๑๐ ๓๒๑

มาปกคลุม มะพร้าวต้นน้ีจะต้องออกผลได้รับประทานกันแล้ว
นตี่ น้ ไมอ้ น่ื ปกคลมุ อยู่ จึงไมม่ คี วามเจรญิ เติบโตข้นึ ได้ ถงึ ตน้ ใบ
มีความสมบูรณ์อยู่ก็จะไม่ท�ำให้ผลเกิดขึ้นแต่อย่างใด จึงน้อม
เอามะพร้าวต้นนั้นมาเทียบกับตัวเองว่า ชีวิตความเป็นอยู่ของ
ตัวเราเอง ถ้าถูกกิเลสตัณหามาปกคลุมใจอยู่บ่อยๆ ใจก็จะ
ไม่เจริญในธรรมได้เลย ถึงแม้ชีวิตความเป็นพระยังมีอยู่ ก็จะ
ไม่เป็นไปในมรรคผลนิพพานขึ้นมาได้เลย ถึงจะอยู่เป็นพระไป
จนถึงวันตายก็จะตายฟรีๆ มรรคผลนิพพานก็จะไม่เกิดขึ้นกับ
ตัวเราเลย

จึงใช้อุบายปัญญาสอนตัวเองอยู่เสมอว่า เราอย่าท�ำตัว
เหมอื นมะพรา้ วต้นนั้นนะ อย่าใหอ้ ารมณแ์ ห่งความรกั อารมณ์
แห่งกามคุณ เข้ามาปกคลุมใจตัวเอง อย่าเอาโลกธรรม ๘ มา
ปกคลมุ ใจตัวเอง อย่าให้ใจไดห้ ลงในลาภ ยศ สรรเสริญ สขุ ใดๆ
ในโลกน้ี ถา้ มีความยนิ ดีพอใจในลาภ ยศ สรรเสริญ สุข เม่อื ไร
กจ็ ะมคี วามเสยี ใจในภายหลงั เกดิ ขนึ้ ไดแ้ นน่ อน เพราะสง่ิ เหลา่ น้ี
เปน็ ส่ิงทไี่ มเ่ ทยี่ ง ยอ่ มมีการเส่ือมจากลาภ เสอ่ื มจากยศ นนิ ทา
และเกิดเป็นทุกข์ข้ึนมาได้ ต้องฝึกใจให้มีความสะอาดอยู่เสมอ
อยา่ ปลอ่ ยใหอ้ ารมณแ์ หง่ ความรกั อารมณแ์ หง่ ความชงั อารมณ์

๓๒๒ อตั โนประวัติ ภาค ๑

แหง่ ความดใี จและเสยี ใจไดเ้ กดิ ขน้ึ กบั ใจเรา เราตอ้ งฝกึ สตปิ ญั ญา
รกั ษาใจอยตู่ ลอดเวลา

ในชว่ งทอี่ ยวู่ ดั นี้ ขา้ พเจา้ ไดไ้ ปนงั่ พจิ ารณาดตู น้ มะพรา้ วน้ี
อยเู่ สมอ แตล่ ะวนั ไมต่ ำ�่ กวา่ ๓ ครงั้ แตล่ ะวนั ไดข้ อ้ คดิ ไดอ้ บุ ายธรรม
จากต้นมะพร้าวน้ีมากมาย เป็นอุบายเตือนใจได้เป็นอย่างดี
มะพรา้ วตน้ นย้ี งั มอี ยู่ ถงึ จะมลี ำ� ตน้ สงู ขนึ้ บา้ งกต็ าม แตร่ บั รองวา่
ไม่มผี ลเกดิ ข้ึนอย่างแนน่ อน ถงึ มะพร้าวตน้ น้นั จะตายไป ก็ตาย
อย่างไม่มีผลอะไร การภาวนาปฏิบัติก็เป็นในลักษณะฉันนั้น
ตน้ มะพรา้ วนน้ั เปน็ หมนั จากลกู ผลอยา่ งไร ใจทดี่ า้ นกห็ มดสทิ ธทิ์ ่ี
จะไดจ้ ะถงึ ในมรรคผลนพิ พานในชาตนิ อ้ี ยา่ งแนน่ อน คำ� วา่ จติ ดา้ น
ก็คือจิตเป็นหมันนั่นเอง ในค�ำท่ีคนโบราณพูดว่า เหล็กก้นเตา
ถงึ เหลก็ นน้ั จะมคี ณุ ภาพดมี ากอ่ นกต็ าม ถา้ ไดอ้ ยใู่ นกน้ เตานานๆ
กห็ มดคณุ ภาพไปเอง จะเอาไปทำ� มดี ทำ� ขวาน จอบเสยี ม จะใชง้ าน
อะไรไม่ได้เลย ใจน้ีก็เช่นกัน ถ้ามาฝึกให้จิตด้าน จิตเป็นหมัน
จติ เหมอื นเหล็กก้นเตา ถงึ จะมีนสิ ยั บารมพี อท่จี ะบรรลมุ รรคผล
นพิ พานไดใ้ นชาตนิ ี้ กจ็ ะหมดสทิ ธใ์ิ นทนั ที ไมม่ คี ำ� วา่ รู้ ตนื่ เบกิ บาน
ในธรรมแตอ่ ยา่ งใด

ฉะน้ัน การภาวนาปฏิบตั ิ ต้องฝึกใหจ้ ติ มคี วามตน่ื ตัวอยู่

พรรษาท่ี ๗ พ.ศ. ๒๕๑๐ ๓๒๓

เสมอ น่นั คือฝึกให้จิตมคี วามรู้จริง ฝึกให้จติ มีความเหน็ จริงตาม
ความเปน็ จริงอยตู่ ลอดเวลา ถา้ ฝึกให้จติ หลับอยู่ในความสงบใน
สมาธิอยบู่ อ่ ยๆ จะเปน็ อาการจิตดา้ น จิตเปน็ หมัน จติ หลับอยู่
เรื่อยไป จะท�ำให้จิตไม่มีความฉลาดรอบรู้ในสัจธรรม จะท�ำให้
จิตหลงติดสุขและหลงต่อความสุขในความสงบไปโดยไม่รู้ตัว
ตอ้ งฝกึ จติ ใหม้ คี วามตน่ื ตวั ในปญั ญาอยตู่ ลอดเวลา อยา่ ฝกึ จติ ให้
เกิดเปน็ โมหะอวิชชา เพราะตามปกตติ ัวโมหะอวชิ ชามใี นใจเรา
อยูแ่ ล้ว ตอ้ งใช้ปญั ญามาฝึกใจให้ตืน่ จากความลมุ่ หลงใหไ้ ด้ คดิ
หาอบุ ายธรรมใหมๆ่ มาอบรมสอนใจอยเู่ สมอ ใหจ้ ติ มคี วามฉลาด
รอบรู้ตามความเป็นจรงิ อยตู่ ลอดเวลา จึงจะแกป้ ญั หาได้

๓๒๔

พรรษาที่ ๘ พ.ศ. ๒๕๑๑

เมอื่ ออกพรรษา รบั กฐนิ ทว่ี ดั สนั ตกิ าวาสเสรจ็ แลว้ กไ็ ดล้ า
หลวงปูบ่ ญุ จนั ทร์ ออกธุดงคต์ ามปกติ แล้วกลับมาจำ� พรรษาที่
ถ้�ำกลองเพล ต�ำบลโนนทนั อ�ำเภอหนองวัวซอ จังหวดั อดุ รธานี
ในวัดน้ีมีพระเณรจำ� พรรษาอยู่มาก เมื่อเราจะเข้าไปอยู่ในวัดน้ี
เราตอ้ งวางตวั ใหเ้ ปน็ เตา่ ลา้ นปใี หไ้ ด้ จะไมใ่ หใ้ ครๆ จบั นสิ ยั เราได้
แตอ่ ยา่ งใด ความโงม่ เี ทา่ ไรกจ็ ะแสดงออกมาอยา่ งเตม็ ท่ี ในปนี น้ั
มีพระอาจารย์จวน กุลเชฏฺโฐ มาจ�ำพรรษาอยู่ด้วย เม่ือเข้าไป
แลว้ กเ็ ขา้ มอบกายถวายตวั เปน็ ศษิ ยข์ องหลวงปขู่ าว หลวงปขู่ าว
ท่านมีนิสัยย้ิมแย้มแจ่มใส ให้ความรักความเมตตาต่อข้าพเจ้า
เปน็ อยา่ งดี ทา่ นมคี ำ� ถามวา่ มาจากไหน กเ็ ลา่ ใหท้ า่ นฟงั วา่ มาจาก
วดั ปา่ สนั ตกิ าวาส หลวงปบู่ ญุ จนั ทร์ ตำ� บลไชยวาน หลวงปถู่ ามตอ่

๓๒๖ อตั โนประวตั ิ ภาค ๑

ไปวา่ บวชอยทู่ ไ่ี หน กราบถวายหลวงปไู่ ปวา่ บวชทวี่ ดั โพธสิ มภรณ์
อดุ รธานี มที า่ นหลวงปเู่ จา้ คณุ ธรรมเจดยี เ์ ปน็ พระอปุ ชั ฌายค์ รบั ผม
หลวงปยู่ ม้ิ ๆ แลว้ พดู วา่ ออื้ บวชอปุ ชั ฌายเ์ ดยี วกนั กบั เฮาน่ี ทา่ นก็
ถามบ้านอยู่ไหน ก็บอกหลวงปู่ไปหมด แล้วหลวงปู่ก็ได้ถามใน
อบุ ายการปฏบิ ตั ใิ นแงต่ า่ งๆ หลายขอ้ ขา้ พเจา้ กไ็ ดเ้ ลา่ ถวายหลวงปู่
ในจดุ สำ� คญั ๆ เมอื่ หลวงปไู่ ดร้ บั ฟงั แลว้ กต็ อบวา่ ดี ถกู แลว้ หลวงปู่
พูดตอ่ ไปวา่ ใหใ้ ช้ปัญญาพิจารณาใหม้ ากนะ เห็นส่ิงใดใหน้ ำ� มา
พิจารณาลงสู่ไตรลักษณ์ทั้งหมด ปัญญาเท่านั้นท่ีจะท�ำให้เกิด
ความรูแ้ จ้งเหน็ จริงในสัจธรรมได้ เพราะปัญญาเปน็ แสงสวา่ งให้
แก่ใจ ขณะใดใจมันมดื บอด จะไม่ร้เู หน็ ในหลักความเป็นจริงแต่
อย่างใด เมื่อใช้ปัญญาสอนใจอยู่บ่อยๆ ใจก็จะเกิดความฉลาด
รอบรู้ตามหลักความเป็นจริงได้ จะรู้เห็นว่าทุกส่ิงเพียงเกิดขึ้น
ตงั้ อยชู่ วั่ ขณะ แลว้ ดบั ไปเทา่ นน้ั ใหใ้ ชป้ ญั ญาพจิ ารณาใหม้ ากนะ

วันหน่ึงคนื หนง่ึ ผา่ นไป ชีวติ ของเราก็ผา่ นไปด้วย ผลทจ่ี ะ
ได้รบั จากชวี ติ น้ีเรารเู้ ห็นหรือยงั อย่าประมาทในชีวติ ของตัวเอง
เราอาจตายในวนั ไหนเดอื นไหนกไ็ ด้ เมอ่ื รวู้ า่ ตวั เองมอี ยใู่ นขณะนี้
กใ็ หถ้ อื วา่ เรามคี วามโชคดี ถา้ โชครา้ ย เราอาจจะตายไปนานแลว้
ก็เป็นได้ ในขณะน้ีชวี ติ เรามอี ยู่แค่ลมหายใจเขา้ ออกเท่าน้นั ถ้า

พรรษาที่ ๘ พ.ศ. ๒๕๑๑ ๓๒๗

ลมหายใจเขา้ แลว้ ไมอ่ อก ถา้ ลมหายใจออกแลว้ ไมเ่ ขา้ เรากห็ มดสทิ ธ์ิ
ในชวี ติ นใ้ี นทนั ที และหมดสทิ ธทิ์ จี่ ะสรา้ งความดตี อ่ ไปดว้ ย ฉะนนั้
อยา่ เป็นผู้ประมาทในชีวิตนะ จากนน้ั กไ็ ดก้ ราบลาหลวงปไู่ ปกุฏิ
แล้วน�ำเอาอุบายธรรมท่ีหลวงปู่สอนมาเป็นอุบายในการปฏิบัติ
ตอ่ ไป

ในปีน้ีมีพระเถระผู้ใหญ่จ�ำพรรษาอยู่ด้วยหลายองค์
แต่ละองค์มีบทบาทสูงมากทีเดียว มีบริษัทบริวารไปมาหาสู่
เป็นจ�ำนวนมาก เอกลาภ มีนำ้� ออ้ ย น้�ำตาล นมเนย เปป๊ ซี่ โคลา่
เตม็ กฏุ ไิ ปหมด ตวั ขา้ พเจา้ กไ็ ดอ้ าศยั ขบฉนั จากทา่ นไปดว้ ย ตลอด
การอบรมธรรมสงั่ สอนประชาชนใหร้ ใู้ นการภาวนาปฏบิ ตั ิ รสู้ กึ วา่
แตล่ ะองคม์ คี วามสามารถเฉพาะตวั แสดงธรรมมคี วามแพรวพราว
เป็นสัญลักษณ์ของตัวเอง ตัวข้าพเจ้าก็พลอยได้ความรู้จาก
ครูอาจารยน์ ไี้ ปดว้ ย มีอุบายธรรมบางหมวดหมู่ ถา้ ขาดเหตผุ ลก็
ปลอ่ ยทงิ้ ไป ธรรมใดมเี หตผุ ลพอเชอ่ื ถอื ไดก้ น็ ำ� มาเปน็ อบุ ายปฏบิ ตั ิ
ต่อไป ไม่ต่อต้านใคร ไม่ถกเถียงใครในทางธรรม หน้าที่เราคือ
การฟงั อยา่ งเดยี ว ใครจะวา่ พระทลู โงอ่ ยา่ งไร ไมส่ นใจ ขออยา่ ให้
เรามปี ัญหากับใครๆ ใชว้ ธิ ีการอ่อนน้อมถอ่ มตัวอย่เู สมอ

นมิ ติ เหน็ ชาย ๓ คนตามฆ่า

อยู่มาในคืนหนึ่ง ในขณะจิตมีความสงบได้ท่ีแล้ว เกิดมี
นิมิตขึน้ มา ในขณะนง่ั อยู่ในกฏุ ิ ไดย้ ินเสียงคนพูดกันมา ๓ คน
ไดย้ นิ เสียงชัดเจนว่า พระทูลได้มาอยู่กุฏแิ ถวน้นี ะ หรือว่าอยู่กฏุ ิ
หลังน้ีหรอื เปล่า มคี นหนง่ึ พดู มาว่า จะตอ้ งอยกู่ ฏุ ิหลงั นแ้ี นน่ อน
เพราะไมม่ กี ฏุ อิ นื่ ในบรเิ วณนี้ ในขณะเดยี วกนั ขา้ พเจา้ กไ็ ดจ้ อ้ งมอง
ออกจากกุฏิ เหน็ ชาย ๓ คน มรี ่างกายก�ำยำ� ล�ำ่ สัน ถือปืน หอก
ดาบ ครบมอื ไดย้ นิ เขาบอกกนั วา่ ใหค้ นหนง่ึ ขน้ึ ไปดบู นกฏุ บิ า้ งซิ
อกี สองคนใหค้ อยอยขู่ า้ งลา่ ง เมอื่ มนั กระโดดลงมา ตอ้ งฟนั ใหข้ าด
เปน็ ทอ่ นๆ กแ็ ลว้ กนั ขา้ พเจ้าก็คดิ ในใจวา่ ชาย ๓ คนนเี้ ป็นใคร
มาจากไหน จะมาฆ่าเราเพอื่ ประโยชนอ์ ะไร เรากไ็ มเ่ คยท�ำอะไร
กบั ใครๆ มากอ่ น ตอนน้ันมาคดิ ถงึ พระโมคคัลลาน์ เม่อื มหาโจร

นิมิตเหน็ ชาย ๓ คนตามฆา่ ๓๒๙

ตามฆ่าท่านในครั้งนั้น ท่านก็ได้เหาะหนีไป แต่ก็หนีไปไม่พ้น
กถ็ ูกมหาโจรฆ่า นั่นทา่ นไดเ้ ป็นพระอรหนั ต์แล้ว เรายงั ไม่ไดเ้ ป็น
พระอรหันต์ ถ้าเขาฆ่าเราตายในขณะน้ี ชีวิตเราก็จะหมดจาก
ความเปน็ พระอรหนั ตใ์ นชาตนิ ไี้ ปทนั ที เราควรจะเหาะหนไี ปกอ่ น
จะไม่ให้ ๓ คนนี้ฆา่ เราได้เลย

เมื่อเตรียมก�ำลังพร้อมแล้ว ถ้าเขาจะข้ึนมาจับเราฆ่าใน
ขณะนี้ ก็จะไม่ใหเ้ ขาจับได้ เราก็จะเหาะออกทางหนา้ ต่างหนไี ป
ในทนั ที ครนั้ แลว้ กม็ คี นหนง่ึ ถอื อาวธุ ขนึ้ ไปบนกฏุ ิ แลว้ เปดิ ประตู
เห็นข้าพเจ้านั่งอยู่ในกุฏิ เขาก็ตะโกนบอกกันว่า มันอยู่ในกุฏินี้
จริงๆ พากันเตรียมพร้อมให้ดีนะ ถ้ามันกระโดดออกไปทาง
หน้าต่าง รีบฟันให้มันตายในขณะน้ีทันที ว่าแล้วเขาก็กระโดด
เขา้ มาจบั กมุ ขา้ พเจา้ ในทนั ที เมอ่ื เหน็ ทา่ ไมด่ ี ขา้ พเจา้ กเ็ หาะออก
ทางหนา้ ตา่ งไป เขาบอกกนั วา่ มนั เหาะหนไี ปแลว้ พวกเราตามฆา่
ให้ได้ พากันวิ่งตามอย่าให้พลาดสายตา เด๋ียวมันหมดก�ำลังจะ
ตกลงมาเอง

ในขณะท่ีขา้ พเจ้าเหาะไปอยูน่ ัน้ ได้มองดชู าย ๓ คนทีว่ ่ิง
ตามในพื้นดิน วิ่งเร็วมาก ข้าพเจ้าเหาะเร็วเท่าไหร่ มันก็วิ่งเร็ว
เท่านนั้ เขาบอกกนั วา่ อย่าเผลอนะ ถ้ามนั หลบไปได้ จะตามฆ่า

๓๓๐ อัตโนประวัติ ภาค ๑

นิมิตเหน็ ชาย ๓ คนตามฆ่า ๓๓๑

มันได้ยากมาก ข้าพเจ้าก็เหาะหนีไปเร่ือยๆ จนไปถึงทุ่งเว้ิงว้าง
กว้างใหญ่ ไมม่ ตี ้นไม้แมแ้ ต่ตน้ เดียวพอจะอาศัยเลย ในขณะน้ัน
รตู้ วั เองวา่ เหนอ่ื ยมาก กำ� ลงั ทจ่ี ะเหาะตอ่ ไปอกี ไมไ่ ดเ้ ลย กระดกิ ตวั
เหาะขน้ึ ไปไมไ่ ด้ มแี ตอ่ อ่ นกำ� ลงั ลงๆ ทกุ ที ชาย ๓ คนกบ็ อกกนั วา่
มนั หมดกำ� ลงั ทจ่ี ะเหาะตอ่ ไปอกี แลว้ มนั กำ� ลงั จะตกดนิ ในขณะน้ี
เขาบอกกนั วา่ อยา่ ใหม้ นั ตกดนิ นะ ครนั้ แลว้ คนหนง่ึ กก็ อดรดั ทข่ี า
อกี คนหน่ึงกก็ อดรัดทีเ่ อว อกี คนหนงึ่ กอดรดั ท่ีคอ เขาพูดกนั ว่า
จะน�ำไปฆ่าในท่ีไหน คนหนึ่งบอกว่า น�ำไปฆ่าท่ีกลางทุ่งใหญ่
ในขณะท่ีเขาหามข้าพเจ้าไปอยู่นั้น เกิดมีก�ำลังใจคิดข้ึนได้ว่า
๓ คนน้ีจะฆ่าเรา ก็ฆ่าได้เพียงร่างกายเท่าน้ัน จะมาฆ่าใจเรา
ไมไ่ ด้เลย ในขณะนนั้ ท้งั ๓ คนยงั ไดพ้ ดู เยาะเย้ยไปวา่ ไอ้ตวั ดี คิด
อยากจะหนีจากพวกเราไป แตบ่ ดั นห้ี นีไมไ่ ด้แลว้ มึงจะตอ้ งตาย
ด้วยน้�ำมอื ของกทู ง้ั ๓ น้เี อง ในขณะน้ันข้าพเจา้ ไมค่ ดิ กลวั ตาย
แมแ้ ต่นอ้ ยเลย

ทงั้ ๓ คนกไ็ ดห้ ามขา้ พเจา้ ไปในสถานทก่ี ลางทงุ่ กวา้ ง ไดจ้ บั
ข้าพเจ้าลงนอนคว�่ำหน้า แล้วใช้ปืนยิงลงท่ีกลางหลัง ฟังเสียง
ลกู ปนื ทะลลุ งพน้ื ดนิ ดงั ปๆุ ไมร่ วู้ า่ ยงิ กน่ี ดั เสยี งปนื ดงั สนนั่ หวนั่ ไหว
อีกคนหนึ่งเอาหอกแทงเข้าท่ีต้นขา ทะลุเสียบปักดินไว้ให้แน่น

๓๓๒ อัตโนประวตั ิ ภาค ๑

อีกคนหนงึ่ พูดขน้ึ มาว่า กลวั มนั ตายไม่สนิท จึงไดถ้ อดดาบออก
จากฝัก ยาวขนาดแขน มือหนง่ึ จับคางข้าพเจา้ ยกขน้ึ อีกมอื หนง่ึ
จับดาบแทงเข้าทซี่ อกคอ จนปลายดาบทะลถุ งึ ก้น แลว้ จบั ดาบ
โยกไปโยกมาหลายคร้ัง มีเลือดไหลนองตามพน้ื ดินแดงไปหมด

ข้าพเจา้ ยังมกี �ำลังนกึ อยู่เสมอว่า เธอทง้ั สามฆา่ เรากฆ็ ่าได้
เพยี งรา่ งกายเทา่ นน้ั จะฆา่ ใจเราไมไ่ ดเ้ ลย ขา้ พเจา้ คดิ ไดว้ า่ ถา้ เรา
แสดงความเข้มแข็งอยู่ มันก็จะท�ำอย่างนี้ต่อไป ไฉนเลยเราจะ
ทำ� ทา่ ตายดกี วา่ เขาจะรวู้ า่ เราตายแลว้ กท็ ำ� ทา่ ตาย ใชว้ ธิ เี หลอื กตา
กลน้ั ลมหายใจเอาไว้ ใหล้ มหายใจมนี อ้ ยทส่ี ดุ เมอื่ เขาเหน็ ขา้ พเจา้
เปน็ อยา่ งนี้ มคี นหนง่ึ พดู วา่ มนั ตายเรยี บรอ้ ยแลว้ จะกลบั คนื อกี
ไมไ่ ดเ้ ลย ทิ้งศพมันไว้ที่น่แี หละ จากนั้นเขาก็ถอดดาบออกจาก
ซอกคอและหอกทปี่ ักอยู่ตน้ ขาออก แลว้ พากนั หนไี ป ข้าพเจา้ ก็
ชำ� เลอื งตาดูเขากำ� ลงั เดนิ ไป

เมื่อเขาได้เข้าป่าไปแล้ว ข้าพเจ้าตั้งใจอธิษฐานว่า หาก
ขา้ พเจา้ จะภาวนาปฏบิ ตั ใิ หถ้ งึ ซงึ่ ความสน้ิ ทกุ ขใ์ นชาตนิ แี้ ลว้ ขอให้
บาดแผลทั้งหมดในร่างกายได้หายเป็นปกติด้วยเถิด ทันใดน้ัน
แผลทง้ั หมดกไ็ ดห้ ายไปอยา่ งฉบั ไว รา่ งกายกม็ คี วามแขง็ แรงเปน็
ปกตติ ามเดมิ จากนน้ั ขา้ พเจา้ กล็ กุ ขน้ึ วง่ิ หนเี ขา้ ปา่ ไปอกี ทางหนงึ่

นิมิตเหน็ ชาย ๓ คนตามฆ่า ๓๓๓

คิดว่าจะไมใ่ ห้ชาย ๓ คนได้เห็นเราอีกตอ่ ไป
ในขณะเข้าไปในป่าน้ัน พอดีได้ไปพบกับโยมแม่ที่นั่ง

คอยอยกู่ อ่ นแลว้ โยมแมไ่ ดพ้ ดู วา่ รกั ษาตวั ใหด้ นี ะลกู อยา่ หลงกล
เขาอีก ใช้ความพยายามหลบหลีกชาย ๓ คนนั้นใหไ้ ด้ ในขณะท่ี
โยมแม่ส่งั อยู่นั่นเอง ชายทง้ั ๓ คนกว็ ่ิงตามมาอีก รอ้ งตะโกนวา่
กคู ดิ วา่ มงึ ตายไปแลว้ มงึ ยงั ฟน้ื ตวั กลบั คนื มาอกี หรอื เอาพวกเรา
จบั ตวั มนั ฆา่ อกี พากนั วงิ่ เขา้ มาจบั ตวั ขา้ พเจา้ ตวั ขา้ พเจา้ กก็ ระโดด
เหาะขน้ึ ไปอยู่บนตน้ ไม้สูงอีกต้นหน่ึง เขากบ็ อกให้ขา้ พเจา้ ลงมา
ตัวข้าพเจ้าก็ไม่ลงมา อีกคนหน่ึงไปปีนต้นไม้ข้ึนไป ข้าพเจ้าก็
เหาะหนีไปอกี ไปหลบตัวอยู่ท่ปี ลายยอดของตน้ ยางในกลางดง
มีต้นสงู ใหญ่ แต่เขาทงั้ ๓ คนก็วง่ิ ตามมาทนั อีก อกี คนหนง่ึ ก็ปีน
ตน้ ไมต้ ามข้นึ มา ขา้ พเจา้ ก็เหาะหนไี ปอีก การเหาะหนีในครง้ั นี้
ข้ึนสูงมาก เหาะไปมาอยเู่ หนือกอ้ นเมฆหลายรอบ คดิ วา่ ให้ชาย
๓ คนน้ันหลงทางตามไม่ทัน แล้วเหาะลงมาหลบอยู่ที่ปลาย
ตน้ พะยงู ขนาดใหญส่ งู อกี ตน้ หนง่ึ คดิ วา่ ชาย ๓ คนตามไมท่ นั แน่
แต่ชาย ๓ คนก็วงิ่ ตามมาทนั อกี อกี คนหนงึ่ กป็ ีนตน้ ไมข้ น้ึ มาอีก
ข้าพเจ้าก็เหาะหนีไปอีก การเหาะหนีไปในคร้ังน้ี ไปตกกลาง
ทุ่งใหญ่ มีความกวา้ งเวง้ิ ว้างมองสุดสายตาเลยทีเดียว การเหาะ

๓๓๔ อัตโนประวัติ ภาค ๑

นมิ ติ เหน็ ชาย ๓ คนตามฆ่า ๓๓๕

มาในครั้งนี้ก็ได้หมดก�ำลังลง จะเหาะต่อไปอีกไม่ได้แล้ว ในท่ี
กลางทุ่งกว้างนั้น มีต้นมะเกลือต้นหนึ่ง สูงประมาณ ๕ เมตร
เกดิ อยทู่ กี่ ลางจอมปลวกใหญใ่ นกลางทงุ่ นน้ั และมตี น้ เดยี วพอได้
อาศัยพักเอาแรง

ในขณะนนั้ มคี วามเหนด็ เหนอ่ื ยมาก ไมส่ ามารถทจี่ ะเหาะ
ตอ่ ไปอกี ไดแ้ ลว้ จงึ ไดเ้ หาะลงมาอาศยั อยทู่ ต่ี น้ มะเกลอื นนั้ คดิ ใน
ใจอยวู่ ่า ถา้ ชาย ๓ คนวิง่ ตามมาทนั เราจะมวี ธิ วี างแผนอย่างไร
ทจ่ี ะไม่ให้เขาฆ่าเราอกี เพราะทแี่ หง่ น้เี ป็นท่ีสุดท้ายแลว้ ในขณะ
เดยี วกนั ชาย ๓ คนกพ็ ากันว่งิ มาทันอีก แต่มาในครัง้ นีม้ เี พียง
๒ คนเทา่ นัน้ อกี คนหนึ่งไม่รวู้ า่ หายไปไหน เขาพากันขวู่ า่ ถ้าไม่
ลงมาจากต้นมะเกลือ จะพากันข้ึนไปเอาดาบฟนั ใหต้ ายเดย๋ี วน้ี
ดูทา่ ทางเขาแลว้ จะเอาจริงเสยี ดว้ ย

ข้าพเจ้าจึงคิดวางแผนเอาไว้ว่า เราต้องแกล้งท�ำตัวเป็น
ผู้อ่อนน้อมต่อเขา และให้เขาสัญญาว่าจะเป็นมิตรกับเราให้ได้
เพื่อเขาจะไม่ฆ่าเรา จึงพูดกับเขาไปว่า ถ้าจะให้เราลงจาก
ต้นมะเกลือไป ท่านท้ัง ๒ คนจะยอมเป็นมิตรกับเราไหม เม่ือ
เขาไดต้ กลงและสญั ญากนั วา่ จะไมฆ่ า่ ฟนั กนั อกี ขา้ พเจา้ กล็ งจาก
ต้นมะเกลือมา ก็ท�ำท่าเข้าไปกอดแสดงความเป็นมิตรต่อกัน

๓๓๖ อัตโนประวัติ ภาค ๑

แลว้ เดนิ ไปนดิ หน่งึ แผนซอ้ นแผนข้าพเจา้ ยงั มอี ยู่ มอี ุบายบอก
เพือ่ นไปว่า น่ีเพื่อนทั้ง ๒ เพอื่ นมี ๒ คน และมีดาบอยใู่ นมอื ดว้ ย
ถ้าเพื่อนฆ่าเราคนเดียว เราก็ต้องตายแน่ เพื่อความไว้ใจกัน
เราขอถอื ดาบจากเพอื่ นได้ไหม เขาพดู ว่า ได้ วา่ แล้วกย็ ื่นดาบให้
ขา้ พเจา้

เมอ่ื ขา้ พเจา้ กำ� ดา้ มดาบไดแ้ ลว้ กว็ างแผนไวว้ า่ จะประหาร
เพ่ือนให้ตายด้วยดาบอันน้ี จะได้หมดศัตรูกันเสียที จึงบอกให้
เพ่ือนทั้ง ๒ เดินออกก่อน ในขณะนั้นข้าพเจ้าได้วางแผนไว้ว่า
เมื่อเรามีดาบอย่ใู นมือแล้ว ก็จะฟันเพอื่ นทง้ั ๒ ให้ตายในขณะน้ี
ทันที วางแผนดีแล้วก็ให้เพ่ือนเดินไปก่อน เมื่อเพ่ือนเดินไป
ข้าพเจา้ ก็ก�ำดา้ มดาบทัง้ สองมือให้แน่น แล้วเงอ้ื ดาบข้นึ เตม็ แรง
กฟ็ นั ลงอยา่ งเตม็ ที่ ในขณะทขี่ า้ พเจา้ ฟนั เพอื่ นนน้ั จติ กไ็ ดถ้ อนออก
จากสมาธิมาพอดี ในขณะนั้นเหมือนอยใู่ นเหตกุ ารณจ์ รงิ

จากน้ันก็ได้ใช้ปัญญาคิดพิจารณาเรียบเรียงในนิมิตท่ี
เกิดข้นึ ว่ามคี วามเก่ยี วขอ้ งกับตวั เองอย่างไรบา้ ง ซง่ึ พจิ ารณาได้
ความว่า ชาย ๓ คน หมายถึง กเิ ลส ตัณหา อวชิ ชา ทม่ี คี วามรกั
กันมายาวนาน เมอื่ เขาตามฆา่ เรา กเ็ พราะเราจะหาวธิ ีตีตวั หา่ ง
จากเขา หอก ดาบ ปนื หมายถงึ ความโลภ ความโกรธ ความหลง

นิมติ เหน็ ชาย ๓ คนตามฆา่ ๓๓๗

ทใ่ี จยงั มคี วามประมาทลมื ตวั อยใู่ นกระแสโลก มกี ารเกดิ ตายไมม่ ี
ทสี่ น้ิ สดุ ดงั บาลวี า่ โลโภ ธมมฺ านํ ปรปิ นโฺ ถ ความโลภเปน็ อนั ตราย
แกธ่ รรม ลาโภ สกกฺ าโร ปฏิสหํ นฺติ ลาภสักการะจะฆา่ หมู่มนุษย์
โงใ่ หต้ ายโดยไมร่ ตู้ วั ฉะนน้ั ความโลภ ความโกรธ และความหลง
จึงเป็นปัญหาใหญ่ภายในใจ ต้องฝึกปัญญาเข้ามาแก้ไข จึงจะ
หมดจากใจไปได้ ไม่เช่นนั้นใจจะได้รับความทุกข์ต่อไปในโลก
ยาวนานทเี ดยี ว

แม่ หมายถงึ หริ ิ ความละอายในการท�ำความชว่ั ทางกาย
วาจาใจ โอตตปั ปะ ความเกรงกลวั ตอ่ ผลของบาปทจ่ี ะตามสนอง
เรยี กว่า ธมฺโม หเว รกขฺ ติ ธมมฺ จารึ ผู้ประพฤตธิ รรมปฏบิ ตั ิธรรม
ธรรมย่อมตามรักษาไม่ให้ตกไปในทางท่ีชั่ว ต้นไม้ใหญ่ที่อาศัย
หมายถงึ บญุ กศุ ลทไ่ี ดบ้ ำ� เพญ็ มาแลว้ เปน็ ทพี่ งึ่ ไดช้ ว่ั ขณะ เมอ่ื บญุ
กุศลได้หมดไป บาปก็ตามทันอยู่น่ันเอง เหาะอยู่บนก้อนเมฆ
หมายถงึ สวรรค์ทไ่ี ดไ้ ปพักแรมชว่ั คราว อยไู่ ด้ไมน่ านก็ลงมาเกดิ
ในโลกมนษุ ยอ์ กี ตน้ มะเกลอื หมายถงึ ขนั ธ์ ๕ ทใ่ี จไดม้ าอาศยั อยู่
ชายสองคน หมายถงึ ตณั หา ความอยากไมม่ ที ส่ี นิ้ สดุ ไมม่ ปี ระมาณ
ไมม่ ีขอบเขตจำ� กดั ไมม่ ีความอม่ิ พอ อวิชชา หมายถึงความมดื
บอดปดิ บงั ความจรงิ จงึ ไดเ้ กดิ ความเขา้ ใจผดิ ลมุ่ หลง ทงั้ ไมร่ ตู้ าม

๓๓๘ อตั โนประวตั ิ ภาค ๑

ความเปน็ จรงิ ทงั้ หลงจากความเปน็ จรงิ จงึ ไดเ้ กดิ ความเขา้ ใจผดิ
เปน็ มิจฉาทิฏฐิ มคี วามเหน็ ผิด ความเขา้ ใจผิด คดิ ว่าส่ิงไมด่ เี ปน็
ของดี สิง่ ทผี่ ิดคดิ วา่ เป็นสิ่งทีถ่ กู เหน็ ความทกุ ข์วา่ เป็นความสขุ
ทเ่ี รยี กวา่ เหน็ กงจกั รเป็นดอกบวั

ดาบ คือสงั ขาร
เปน็ อาวุธของศตั รู

จงแยกให้ออกว่าศัตรูกับดาบเป็นคนละอย่างกัน ศัตรู
หมายถงึ อาสวกเิ ลส ตณั หานอ้ ยใหญ่ ทท่ี ำ� ใหใ้ จเกดิ ความเปน็ ทกุ ข์
นานาประการ คำ� วา่ ดาบ หมายถงึ ความคิดของศตั รู ทีเ่ รยี กวา่
สงั ขาร หมายถงึ การปรงุ แตง่ สงั ขารการปรงุ แตง่ นเี้ ปน็ ตวั ทำ� งาน
สนองกเิ ลสตณั หาโดยตรง หรอื เรยี กวา่ เปน็ ตวั โฆษณา เปน็ สอ่ื ให้
แก่กิเลสตัณหาทั้งหมด หรือเรียกว่ากรมประชาสัมพันธ์อันดับ
โลกก็ไม่ผิด ใจเกิดความหันเหไปในทางทผ่ี ดิ เกดิ เปน็ มิจฉาทฏิ ฐิ
ความเหน็ ผดิ ความเขา้ ใจผดิ กเ็ พราะสงั ขารนี้ เมอื่ ใจไมม่ สี ตปิ ญั ญา
ใจไม่มีความฉลาดรอบรู้ จึงได้เกิดความหลงผิดไป ตัวสังขาร

๓๔๐ อัตโนประวัติ ภาค ๑

การปรุงแต่งเป็นตัวสร้างภาพโฆษณาชักชวนให้ใจได้คล้อยตาม
ตัวสังขารการปรุงแต่งมีอิทธิพลสูงมาก เป็นหน่วยงานหนึ่งที่
ท�ำงานตอบสนองให้แก่กิเลสตัณหาได้เป็นอย่างดี หรือเรียกว่า
เป็นผู้ส่ือข่าว เอาเรื่องต่างๆ ท่ีรับมาจากกิเลสตัณหา มาสร้าง
เป็นกระแสหลอกใจ กระแสท่ีสังขารน�ำมาสร้างเป็นภาพน้ันมี
๒ เร่ืองใหญๆ่ ดังน้ี

๑) อฏิ ฐารมณ์ คอื อารมณ์ท่ชี อบใจ
๒) อนิฏฐารมณ์ คอื อารมณท์ ี่ไมช่ อบใจ
ส่วนใหญแ่ ลว้ สงั ขารการปรงุ แต่งจะเอาอารมณ์ทชี่ อบใจ
มาเป็นตัวสร้างภาพโฆษณา สรรหาในส่ิงที่สวยงามมาจัดฉาก
พรรณนาในสรรพคุณอย่างหยดย้อยหอมหวานทีเดียว ท�ำให้ใจ
ได้เกิดความหลงเคล้ิมตามอย่างไม่รู้ตัว จะว่าหมอเล่นกลก็เป็น
มืออาชพี ระดบั โลกเลยทีเดยี ว ใจทีไ่ ม่มปี ัญญาความฉลาดรอบรู้
ในกลลวงของสงั ขาร จะเกดิ ความหลงตามอยา่ งมดื มดิ เลยทเี ดยี ว
เครอ่ื งมอื ของสงั ขารทจี่ ะเลน่ กลหลอกใจใหภ้ าพประกอบมสี ง่ิ หนงึ่
นั้นคอื สมมติ สงั ขารการปรงุ แต่ง ถ้าไม่มีสมมติ ก็ปรงุ แตง่ ไมไ่ ด้
หรอื มสี มมติ แตไ่ มม่ สี งั ขารการปรงุ แตง่ สมมตกิ ไ็ มม่ คี ณุ คา่ อะไร
เหมือนมีดาบ แต่ไม่รู้วิธีเอาไปใช้งานในการสับฟัน หรือรู้วิธีใน


Click to View FlipBook Version