พจนานกุ รมพุทธศาสตร
ฉบับประมวลธรรม
Dictionary of Buddhism
พระพรหมคุณาภรณ (ป. อ. ปยุตฺโต)
Phra Brahmagunabhorn (P. A. Payutto)
พจนานกุ รมพุทธศาสตร ฉบบั ประมวลธรรม
© พระพรหมคุณาภรณ (ป. อ. ปยตุ ฺโต)
Dictionary of Buddhism
Phra Brahmagunabhorn (P. A. Payutto)
ISBN 974-8357-89-9
พิมพรวมเลม ๓ ภาค
ครัง้ ท่ี ๑ พ.ศ. ๒๕๑๕ – ๒๕๑๘
ครัง้ ที่ ๔ พ.ศ. ๒๕๒๖ – ๒๕๒๘ (เรยี งพิมพใ หมดวยระบบคอมพวิ กราฟก )
คร้งั ที่ ๑๐ พ.ศ. ๒๕๔๕ (เรยี งพิมพใหมดว ยระบบคอมพิวเตอร; พมิ พข นาดอกั ษรธรรมดา และอกั ษรใหญ)
ครง้ั ท่ี ๑๓ พ.ศ. ๒๕๔๘ (เปล่ยี นมาใชฟ อนต คือแบบตวั อักษร ทดี่ ดั แปลงข้นึ ใหม)
ครงั้ ที่ ๓๔ เดือนมกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙ ๕,๐๐๐ เลม
มลู นธิ กิ ารศกึ ษาเพื่อสันติภาพ พระธรรมปฎก (ป. อ. ปยุตโฺ ต)
พมิ พที่
อนโุ มทนา
มูลนิธิการศึกษาเพอ่ื สันติภาพ พระธรรมปฎ ก (ป. อ. ปยุตฺโต) ในฐานะ
องคกรการกุศลบนฐานแหงพระพุทธศาสนา ซ่ึงดาํ เนินงานเพื่อการศึกษา
โดยมีสันติภาพเปนจุดหมาย ไดมีกัลยาณฉันทะในการแผข ยายประโยชน
ทางธรรมทางปญ ญาใหงอกงามไพศาล จงึ ดําเนนิ โครงการจัดพมิ พห นงั สอื
ธรรมเผยแพร เปน ประจําตลอดมา
บดั น้ี ทา นประธานมลู นธิ กิ ารศึกษาเพือ่ สนั ตภิ าพฯ คือ ดร. นิเชต
สุนทรพิทักษ ไดแจงบุญเจตนาวาจะจัดพิมพหนังสือธรรมเผยแพรอีกเปน
ครง้ั ใหม โดยในวาระนี้ ทางมูลนิธฯิ จะจดั พิมพห นงั สอื ธรรมเลมหลกั ๓ ช่ือ
เร่ือง เรือ่ งละ ๕,๐๐๐ เลม คือ
๑. พุทธธรรม (ฉบบั เดมิ )
๒. พจนานกุ รมพุทธศาสน ฉบับประมวลศัพท
๓. พจนานุกรมพทุ ธศาสตร ฉบบั ประมวลธรรม
ขออนุโมทนามูลนิธิการศกึ ษาเพอ่ื สนั ตภิ าพฯ ทีด่ าํ เนนิ การเผยแพร
ธรรมเพ่อื ความเจรญิ ธรรมเจรญิ ปญญา อันจะนํามาซึง่ ประโยชนสขุ ท่แี ท
จริงและย่งั ยนื แกประชาชน ขอกุศลจริยาเพอ่ื ประโยชนท างการศกึ ษาครั้งน้ี
จงเปนปจจัยแหง ความแผไ พศาลของพระสทั ธรรม เพอ่ื ความเกษมศานต
แหงมหาชน ตลอดกาลยาวนานสบื ไป
พระพรหมคณุ าภรณ (ป. อ. ปยตุ ฺโต)
๑๙ มกราคม ๒๕๕๙
คํานาํ
(ในการพมิ พครั้งท่ี ๑๐)
พจนานุกรมพทุ ธศาสตร ฉบับประมวลธรรม มีความเปนมาทย่ี าวนาน ผานการจดั ปรบั หลาย
ข้นั ตอน จนลงตวั มรี ปู เลมและชอื่ ปจ จบุ ัน เมอื่ พ.ศ. ๒๕๑๕ (พมิ พเ สรจ็ ครัง้ แรก พ.ศ. ๒๕๑๘) โดย
มเี นอ้ื หาแยกเปน ๓ ภาค คือ
ภาค ๑ พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร หมวดธรรม
ภาค ๒ พจนานกุ รมพุทธศาสตร ไทย–องั กฤษ
ภาค ๓ พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร องั กฤษ–ไทย
ก. ความเปนมาเดิม — ชวงที่ ๑
– การพิมพระบบโมโนไทป
ทง้ั ๓ ภาคของหนังสอื น้ี เปนงาน ๓ ชิ้น ซึ่งมคี วามเปนมาตา งหากจากกัน ดงั ทีไ่ ดเ ลาไวใ นคาํ
นาํ ของการพิมพคร้ังท่ี ๑
โดยเฉพาะภาค ๒ “พจนานุกรมพุทธศาสตร ไทย–อังกฤษ” เปนงานเกาสุด เดิมชื่อ
พจนานกุ รมศพั ทพ ระพทุ ธศาสนา ไทย–บาล–ี องั กฤษ ไดจ ดั ทาํ ขนึ้ เมอ่ื ผรู วบรวมและเรยี บเรยี งสอนวชิ า
ธรรมภาคภาษาองั กฤษ ในแผนกบาลเี ตรยี มอดุ มศกึ ษา มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั จดั ทาํ เสรจ็ ใน พ.ศ.
๒๕๐๖ และไดแ กไ ขเพมิ่ เตมิ เปน ครง้ั คราว จนไดม าจดั รวมเขา เปน ภาค๒ของหนงั สอื นใี้ น พ.ศ.๒๕๑๕
อนง่ึ “พจนานกุ รมพุทธศาสตร ไทย–องั กฤษ” นี้ ไดมีประวตั ิแยกตางหากออกไปอกี สวนหน่งึ
คอื ไดข ยายเพิ่มเติมเปนฉบับพิสดาร ซง่ึ พมิ พเมอ่ื พ.ศ. ๒๕๑๓ แตจ บเพียงอกั ษร ฐ แลวคา งอยูแค
น้นั จนบัดน้ี
ภาค ๑ คอื “พจนานกุ รมพุทธศาสตร หมวดธรรม” เปนงานใหมท ีจ่ ัดทําขน้ึ ใน พ.ศ. ๒๕๑๕
โดยตง้ั ใจใหเ ปน เพยี งคูมอื ศึกษาธรรมขนั้ ตน แตกลายเปนสวนที่มเี นอื้ หามาก เมอื่ เทียบกับภาค ๒
แลว ภาค ๑ น้ีไดก ลายเปน สว นหลักของหนงั สือไป
สวนภาค ๓ คือ “พจนานุกรมพทุ ธศาสตร อังกฤษ–ไทย” เปนงานแถมและเสริมเทานั้น
กลา วคือ เม่ือตกลงวา จะพมิ พภาค ๑ และภาค ๒ รวมเปนเลม เดยี วกนั แลว ก็เหน็ วาควรมี
พจนานุกรมพากยอ ังกฤษ–ไทย ไวค ูกับพากยไ ทย–อังกฤษดว ย แมว าจะเปนเพยี งสวนประกอบ ซ่ึง
ตามปกติรกู นั วาใชนอย
การพมิ พหนังสอื นีเ้ ปน งานที่นับวา ละเอยี ดและซบั ซอน อีกทงั้ ผรู วบรวม–เรยี บเรียงยงั ไดเ พ่มิ
เตมิ แทรกเสรมิ ระหวา งดําเนินการพิมพค อ นขางมาก จงึ ใชเวลายาวนาน เขาโรงพมิ พป ลาย พ.ศ.๒๕๑๕
กวา จะเสรจ็ ออกมาเปน เลมหนังสอื ก็ถึงกลางป ๒๕๑๘ รวมเวลาพิมพ ประมาณ ๒ ป ๖ เดอื น
การพิมพรวมเลมคร้ังแรกน้ี ถือวาไดรับการสนับสนุนจากคาํ อาราธนาของพระมหาสมบูรณ
๕
สมฺปุณโฺ ณ (ปจจุบัน พ.ศ. ๒๕๔๕ คือ พระราชกติ ตเิ วที เจา อาวาสวดั วชิรธรรมปทปี นครนิวยอรก )
ผูชวยเลขาธิการมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลยั และเผยแพรโดยมหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั สวน
กระบวนการพมิ พ ดาํ เนนิ การโดยโรงพมิ พคุรสุ ภา ซึ่งใชระบบเรยี งพิมพอกั ษรแบบ Monotype
ตอจากนนั้ ใน พ.ศ. ๒๕๒๑ กรมการศาสนาไดขออนญุ าตพมิ พครัง้ ที่ ๒ และครั้งที่ ๓ ซง่ึ
เปนการพมิ พซาํ้ ตามเดิม
ข. ความเปน มาชวงท่ี ๒
– การพมิ พค รงั้ ท่ี ๔ — ระบบคอมพวิ กราฟค
พจนานุกรมพุทธศาสตร ฉบบั ประมวลธรรม มกี ารเปลี่ยนแปลงคร้งั สําคญั ในการ
พมิ พค รั้งท่ี ๔ ทีพ่ มิ พเสร็จใน พ.ศ. ๒๕๒๘ (หลังพมิ พครงั้ แรก ๑๐ ป)
การพิมพค รั้งท่ี ๔ น้ี มจี ดุ เรม่ิ ในปลายป ๒๕๒๔ เมอื่ คณุ สาทร และคณุ พสิ มร ศรศรีวชิ ยั ได
ซ้อื พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร ฉบบั ประมวลธรรม นัน้ แจกเปน ธรรมทาน จนหนงั สอื แทบจะไมม ีเหลอื
แตย งั ประสงคจ ะแจกตอ ไปอีก จึงปรารภทจ่ี ะพมิ พเ พิ่มเปน ธรรมทาน เวลานัน้ มหาจฬุ าลงกรณราช-
วิทยาลยั ประสงคจ ะพมิ พอยแู ลว แตไ มมที นุ ทรัพยเ พยี งพอ จงึ ขอรวมพิมพดวย แตเกดิ เหตขุ ดั ของ
เน่ืองจากตนแบบหนงั สอื (อารต เวิรค ) และฟล ม ท่โี รงพิมพเกา สูญหายหมดแลว ตองจดั เตรียมตน
แบบทจ่ี ะพิมพข ้ึนใหม
ระหวางน้ันมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยไดขยายความคิดในการพิมพโดยประสงคจะเพ่ิม
จํานวนใหม ากถงึ ๑๐,๐๐๐ เลม แตย งั ไมม ีทนุ ทรพั ยทีจ่ ะจายคา พิมพ
ณ จดุ นก้ี ็ไดม ี “ทนุ พมิ พพ จนานกุ รมพุทธศาสตร” เกิดขน้ึ เนอื่ งจากคณุ หญงิ กระจา งศรี
รักตะกนษิ ฐ ทราบปญหาแลว ไดเ ชญิ ชวนญาติมิตรรว มกนั ต้งั ถวาย ซึง่ มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั
ไดใชพิมพท ัง้ พจนานุกรมพทุ ธศาสตร ฉบับประมวลธรรม และ พจนานุกรมพุทธศาสน ฉบับ
ประมวลศพั ท มาจนบัดนี้
ในการพมิ พค รงั้ ที่ ๔ น้ี ตอ งจดั ทาํ ตน แบบใหม จงึ ถอื โอกาสปรบั ปรงุ เพม่ิ เตมิ ตน ฉบบั เชน ใน
ภาค ๑ เพมิ่ หมวดธรรมอกี กวา ๓๐ หมวด สว นกระบวนการตพี มิ พใ ชร ะบบคอมพวิ กราฟค ซงึ่ ผเู รยี ง
อักษรตองเพียรพยายามในการยักเยื้องพลิกแพลงและตองตัดแตงตัวอักษรบาลีโรมันดวยมือเปลา
มากมาย เปนเหตใุ หก ารพิมพใ ชเ วลายาวนานถงึ ปค รงึ่ เศษ จงึ พิมพเ สร็จในคร่ึงหลงั ของ พ.ศ.๒๕๒๘
การพมิ พตนฉบับท้ังหมดของหนงั สือนี้สาํ เรจ็ ดว ยศรัทธาของคุณชลธีร ธรรมวรางกรู สวน
การพิมพต นแบบดว ยระบบคอมพิวกราฟค คุณบุญเลศิ วฒุ ิกรคณารักษ เปน ผจู ดั ทาํ ดวยความเพียร
เปนอนั มาก
ค. ชว งตอสกู ารพิมพคร้ังท่ี ๑๐
หลงั จากการพมิ พค รง้ั ท่ี ๔ ที่เสรจ็ ในป ๒๕๒๘ แลว มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั ไดพ มิ พ
พจนานุกรมพุทธศาสตร ฉบบั ประมวลธรรม นใี้ หมเรอื่ ยมา จนถึงครง้ั ลา สดุ ในป ๒๕๔๓ เปน การ
๖
พมิ พค รัง้ ที่ ๙
ในการพิมพต ้งั แตค รง้ั ที่ ๔ เปนตนมา ซึง่ มีผูรจู กั พจนานุกรมฯ น้ีกวางออกไปแลว ไดม ที า นที่
ศรัทธารวมพิมพแจกเปนธรรมทานจํานวนมาก แตในดานเนื้อหาของหนังสือแทบไมมีการเปลี่ยน
แปลง เรียกไดว า เปน การพิมพซ ํา้ ไปตามเดมิ คอื คงอยเู ทากับการพิมพค ร้ังที่ ๔
แทจ รงิ นน้ั ระหวา งเวลาทผี่ า นมา ผรู วบรวมและเรยี บเรยี งปรารถนาจะปรบั ปรงุ เพม่ิ เตมิ เนอื้ หา
ของหนงั สอื เชน เพิ่มหมวดธรรมบางเร่อื ง แตต ิดขดั เพราะการพมิ พร ะบบเกา แมแ ตระบบคอมพวิ -
กราฟค นั้น ตองอาศัยตนแบบทจ่ี ัดลงตวั เมือ่ ยตุ อิ ยา งไรแลว กต็ อ งพิมพตามเดิมอยา งน้นั เร่ือยไป
แกไขเปลี่ยนแปลงไดยาก และเมอื่ กาลเวลาลว งไปนาน ตน แบบนนั้ กเ็ ปอ ยผุสลายเสยี ไป พจนานุกรม
พทุ ธศาสตร ฉบับประมวลธรรม น้ี จึงตองพิมพซาํ้ อยา งเดมิ เร่ือยมาต้งั แตค รง้ั ท่ี ๔ พ.ศ.๒๕๒๘ นั้น
ยิง่ ครัง้ หลังๆ เม่อื ตน แบบเปอยผเุ สียไปแลว ก็ตอ งนาํ เอาเลม หนังสือฉบบั ท่พี มิ พครง้ั กอนๆ
มาถายแบบ ทําใหคุณภาพการพิมพลดลง เชนตวั อักษรเลือนลางลงไป
การปรับปรงุ เพ่มิ เตมิ เนอ้ื หากด็ ี การแกไ ขปญ หาการพิมพท่ีจะใหกลับเรยี บรอ ยชดั เจนข้ึนใหม
กด็ ี หมายถงึ การที่จะตอ งเรียงพมิ พขอมลู และจัดทําตนแบบขน้ึ ใหม ซงึ่ เปน งานทย่ี าก ซบั ซอน ดวย
มตี วั อักษรหลายแบบ หลายขนาด โดยเฉพาะตวั บาลี ทงั้ อักษรไทย และอักษรโรมัน จะตองใชความ
ละเอยี ด แมน ยาํ รวมท้งั เวลามากในการตัง้ ใจทาํ อยางจริงจงั
ระหวา งนี้ มคี วามกา วหนา ทางเทคโนโลยที ่เี กื้อหนนุ คือในดานอตุ สาหกรรมการพิมพหนังสือ
เมือ่ เขา สยู คุ คอมพิวเตอรแ ลว ไดเ ร่ิมมกี ารใชคอมพิวเตอรใ นงานพิมพห นังสือ ต้ังแตประมาณ พ.ศ.
๒๕๓๐ เปนตน มา ทําใหก ารพมิ พข อ มลู สะดวกข้นึ แกไขปรับปรงุ เปลีย่ นแปลงเพ่มิ เตมิ ขอ มลู ไดง าย
และเก็บขอมูลไวใ ชไ ดในระยะยาว แตสําหรับงานพิมพ พจนานุกรมพุทธศาสตร ฉบบั ประมวลธรรม
การพมิ พก ย็ งั ตองอาศัยความชาํ นาญ ความละเอยี ดลออและวิริยะอุตสาหะมากทเี ดยี ว
ง. ความเปน มาชว งที่ ๓
– การพิมพค รง้ั ที่ ๑๐ คือ ปจ จุบัน — ระบบโปรแกรมคอมพิวเตอร
ความกา วหนาชว งที่ ๓ เกดิ ข้นึ เมื่อ ดร.สมศีล ฌานวงั ศะ รองศาสตราจารยป ระจาํ สถาบัน
ภาษาจฬุ าลงกรณม หาวทิ ยาลัย และราชบัณฑติ สํานักศลิ ปกรรม ประเภทวรรณศิลป สาขาวิชาภาษา
ศาสตร ไดปลกี เวลาบางสว นจากงานประจํามาจบั งานนด้ี วยศรัทธาและฉันทะ ทผี่ ูกพนั กับหนงั สอื นี้
มายาวนาน
ยอ นหลงั ไป เม่ือ ๓๐ กวา ปล วงแลว คือ พ.ศ. ๒๕๑๑ ดร.สมศีล ฌานวงั ศะ สมยั ท่ยี ังเปน
นักเรียนมัธยมในโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ซึ่งตอมาเปนผูชนะเลิศพิมพดดี แหง ประเทศไทยทั้ง
ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ของสมาคมชวเลขและพมิ พดดี แหงประเทศไทย ไดม ศี รัทธาและฉันทะ
ชวยพิมพดีดตน ฉบบั ฉบบั ขยายความแหง ภาค ๒ ของพจนานุกรมฯ ฉบับนี้ ซึ่งไดพ ิมพแ ยกตา งหาก
อักษร ก–ฐ และตอมาใน พ.ศ. ๒๕๒๘ ระหวางท่ีศกึ ษาอยูใ นสหรัฐอเมริกา และมาเย่ยี มบานชวั่ คราว
เพื่อรว มงานบรรจุศพมารดา ก็มารับปรูฟสว นหน่งึ ของหนังสอื พจนานกุ รมฯ นี้ ท่ีอยูในระหวางจดั
๗
พิมพคร้งั ท่ี ๔ ไปชว ยตรวจ คร้นั กลบั จากอเมรกิ ามาทาํ งานในเมอื งไทยแลว ในคราวจดั งานฌาปน-
กจิ ศพ นางกงุ แซฉ ว่ั (ฌานวงั ศะ) ผูเปน มารดา ณ ฌาปนสถาน วดั เทพศิรนิ ทราวาส ในวันท่ี ๑๒
พฤศจกิ ายน ๒๕๓๐ กไ็ ดพิมพหนังสือ พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร ฉบบั ประมวลธรรม นีเ้ ปน อนุสรณ
และเปน ธรรมทาน
ดร.สมศลี ฌานวงั ศะ มศี รทั ธาและฉนั ทะทจ่ี ะชวยงานพิมพพ จนานุกรมฯ น้ี อยูตลอดมา แต
ในระยะแรกมภี าระรอบดาน ตองระดมแรงทั้งในและนอกเวลาราชการใหแกงานประจํา จนกระท่งั ป
พ.ศ.๒๕๔๑ จึงไดพ ยายามปลกี เวลานอกราชการมาเร่ิมดาํ เนนิ งานพมิ พข อ มลู พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร
ฉบบั ประมวลธรรม ลงในคอมพิวเตอร และไดต้ังใจวา จะจดั พมิ พค รัง้ ใหมใ หท ันโอกาสที่ผูรวบรวม–
เรยี บเรยี งมีอายุครบ ๖๐ ป ในเดอื นมกราคม ๒๕๔๒
การเรยี งพมิ พดวยระบบคอมพิวเตอรน ้ี แมจ ะกาวหนามาก มีประสทิ ธภิ าพสงู และมขี อ ดี
พเิ ศษอนื่ อกี หลายอยา ง แตเ มอื่ มาเรยี งพมิ พภ าษาบาลอี กั ษรโรมนั (Romanized Pali) กป็ ระสบปญ หา
คลา ยกันกบั การพิมพด ว ยระบบคอมพวิ กราฟค ในครงั้ กอ น เปนเหตใุ ห ดร.สมศลี ตอ งใชเ วลาและ
ความเพียรพยายามอีกสว นหน่งึ ในการพฒั นาแบบตัวอักษร (fonts) พิเศษตา งๆ ข้ึนมา เพื่อใชพ มิ พ
ภาษาบาลีทงั้ อักษรโรมนั และอกั ษรไทยในแบบตวั อักษรชดุ เดียวกัน ซึ่งก็ประสบความสาํ เรจ็ ดว ยดี
ในการทาํ งานดวยศรทั ธาและฉนั ทะน้ี ด.ญ.ภาวนา ฌานวงั ศะ และ ด.ช.ปญญา ฌานวงั ศะ
ซ่ึงเปนผูมคี วามใฝรใู ฝศึกษา ไดช วยแบงเบาภาระของคุณพอ โดยชวยกันพิมพขอมลู ทัง้ หมดตามตน
ฉบับเดมิ ลงในคอมพวิ เตอรเ สรจ็ สิน้ ตัง้ แตกลางป พ.ศ. ๒๕๔๒
อยางไรก็ตาม งานนี้มิใชหนักแรงและตองใชเวลามากเฉพาะในการพิมพขอมูลและพิสูจน
อกั ษรเทานั้น แตมีการตรวจสอบและทวนทานท่ตี องการความละเอียดแมน ยาํ อกี หลายขั้นตอน ยก
ตวั อยา งงายๆ เพียงตรวจสอบตัวเลขหมวดธรรมหมวดหนงึ่ ๆ กต็ อ งตรวจสอบท้งั ลําดับของหมวด
ธรรมน้นั เอง และการอา งอิงถงึ หมวดธรรมน้นั ณ ทอี่ ืน่ ๆ ในเลมหนงั สือ กบั ท้งั ตวั เลขหมวดธรรมนนั้
และขอ ธรรมยอ ยของหมวด ในสารบญั หมวดธรรม สารบัญประเภทธรรม และดชั นีคนคาํ ทั้งหมด
นอกจากนนั้ เมือ่ มีการเปลีย่ นแปลง เชน สลับลําดับหมวดธรรม หรอื เพม่ิ หมวดธรรมใหม ก็ตองตาม
เล่ือนหรือเติมเลขตลอดทุกแหง (โดยเฉพาะในระยะหลังนีผ้ ูเรยี บเรยี งไดเ พิ่มหมวดธรรมหลายคร้ัง)
จงึ เปน ธรรมดาวา งานจดั ทาํ หนังสือจะตอ งยืดเยอ้ื ยาวนาน
แมว าการพิมพจ ะไมทนั เดอื นมกราคม ๒๕๔๒ ตามทีไ่ ดตงั้ ใจไวเ ดิม เพราะเปนงานทม่ี ขี อมลู
มาก และละเอยี ดซับซอนอยางทีก่ ลา วแลว อกี ท้ังผูทํางานกป็ ลีกตวั จากงานประจําไมไ ดมากเทา ทีห่ วงั
ไว แตการท่ีเวลาเนิ่นนานมา ก็ทาํ ใหม ีโอกาสมองเห็นขอควรแกไขปรับปรงุ และวธิ ีการใหมๆ ในการ
ทาํ งานใหไดผลดียง่ิ ขึ้น พรอมทง้ั เปด โอกาสใหผูรวบรวม–เรียบเรยี งเอง มีเวลาท่ีจะหนั มาปรับปรงุ
เพิม่ เตมิ เนอ้ื หาของหนงั สอื ตามทีเ่ คยคดิ ไวไ ดบ างสว น
ในการทํางานท่ตี อ งอยูกบั ขอ มลู ของหนังสอื ตอเนอ่ื งยาวนาน และไดอ า นทวนตลอด ประกอบ
กบั ความละเอยี ดลออ และความแมน ยําทางวชิ าการ ดร.สมศลี ฌานวงั ศะ ไดพบขอบกพรอ งผดิ
พลาดตกหลน รวมท้ังปญหาเกี่ยวกับความสอดคลองกลมกลืนกันของขอมูลหลายแหงในตนฉบับ
๘
เดิม และบอกแจง–เสนอแนะ ทําใหผ รู วบรวม–เรียบเรียง แกไขปรบั ปรงุ ใหเ รียบรอ ยสมบูรณย่งิ ขึ้น
นอกจากการแกไขปรับปรุง และการจัดปรบั ใหส อดคลองกลมกลืนกันแลว ในการพมิ พคราว
น้ี ไดเ พมิ่ เตมิ หมวดธรรมทค่ี วรรูอีกหลายเร่อื ง คือ อตั ถะ ๒; ธรรม ๔; วธิ ปี ฏบิ ตั ติ อ ทกุ ข– สุข ๔;
วปิ ล ลาส, วิปลาส ๔; โสตาปตติยงั คะ ๔ สามหมวด; ธรรมสมาธิ ๕; ภพั พตาธรรม ๖; วัฒนมุข ๖;
เวปลุ ลธรรม ๖; บพุ นมิ ติ แหง มรรค ๗; อานาปานสติ ๑๖; และ ปจ จัย ๒๔ สวนหมวดธรรมทจี่ ดั ปรบั
คําอธบิ ายไดแกไตรลกั ษณ; ธรรมนิยาม ๓; ปรญิ ญา ๓; อตั ถะ ๓ ทั้ง ๒ หมวด; พรหมวหิ าร ๔;
พละ ๕; อินทรีย ๕; โพธิปกขยิ ธรรม ๓๗ และ กิเลส ๑๕๐๐ ซึง่ หวังวาจะอาํ นวยประโยชนใ นการ
ศกึ ษาธรรมเพมิ่ ข้นึ
แมว าในการพิมพครง้ั ที่ ๑๐ น้ี หนังสือจะมีเนอ้ื ความเพมิ่ ขึน้ เปน อนั มาก ถา เทียบตามอตั รา
สว นของฉบบั พิมพค รั้งกอนทมี่ ี ๔๗๕ หนา พจนานกุ รมฯ ทีพ่ ิมพคร้ังนี้ คงจะหนาขนึ้ อกี ประมาณ
๒๐ หนา แตอาศยั ระบบการพมิ พแบบคอมพิวเตอร ทชี่ วยใหม ีความยดื หยุนในการจัดปรับตน ฉบับ
ไดส ะดวก จงึ พิมพไดจุขน้ึ ทาํ ใหจ ํานวนหนาหนังสือกลบั ลดลงมากมาย เหลอื เพียง ๔๐๘ หนา
ขอ สาํ คัญอกี อยางหนงึ่ คอื การพิมพครงั้ น้ีชว ยใหมีฐานขอมูลที่จดั ปรับเรยี บรอ ยแลว ซงึ่
สามารถเก็บรักษาไวไดโดยสะดวกและครบถวน เกื้อกูลอยางยิ่งตองานปรับแกและเพิ่มเติม
พจนานุกรมพุทธศาสตร ฉบบั ประมวลธรรม น้ใี นกาลขา งหนาสบื ไป
เนอ่ื งจาก ดร.สมศลี ฌานวงั ศะ มคี วามต้งั ใจสอดคลองกับญาตโิ ยมผูศ รัทธา วาจะพิมพ
พจนานุกรมพุทธศาสตร ฉบับประมวลธรรม ใหท ันปใหม ๒๕๔๕ แตผรู วบรวม–เรยี บเรียงเขยี นสว น
เพมิ่ เตมิ น้ีในเวลาท่จี วนเจียนจะถึงปใ หม ดงั นน้ั เมอื่ เขียนเสร็จจงึ ตองเรงขอใหพระครูปลดั ปฎ กวฒั น
(อนิ ศร จนิ ฺตาปฺโ) ชว ยพมิ พตน ฉบับสว นเพมิ่ เตมิ นี้ เปนขอมูลดบิ เพ่อื สงใหแก ดร.สมศลี ฌาน-
วังศะ อกี ข้ันหน่งึ ขออนุโมทนาผชู วยงานในยามกระช้นั ไว ณ ทีน่ ด้ี ว ย
ในการพมิ พเ ผยแพร นอกจาก ดร.สมศลี ฌานวงั ศะ เองจะบาํ เพญ็ ธรรมทาน โดยชวนญาตมิ ติ ร
รวมดวยแลว กม็ ีญาติโยมผศู รทั ธาหลายทา นตั้งใจบําเพ็ญธรรมทานสาํ หรบั หนังสือนม้ี านานแลว ซง่ึ
ไดแ จง บญุ เจตนาไวต งั้ แตก ลางปน ี้ วา จะพมิ พข นาดขยายใหญ เพอ่ื แจกใหเ ปน ประโยชนก วา งออกไป
ขออนุโมทนา รศ.ดร.สมศลี ฌานวังศะ ราชบัณฑิต พรอมทง้ั น.ส.ภาวนา ฌานวังศะ และ
ด.ช.ปญญา ฌานวังศะ ท่ไี ดบําเพญ็ กุศลกิจสาํ คัญครง้ั นี้ ดวยศรัทธาและอิทธบิ าทธรรมอยางสงู และ
ขออนุโมทนาทานท่ีศรัทธา ผูรวมบําเพ็ญธรรมทานเพื่อประโยชนทางธรรมทางปญญาแกประชาชน
และเพ่อื ความเจริญแพรห ลายแหงพระสัทธรรม ทจ่ี ะทาํ ใหพ ระพทุ ธศาสนาสถติ มน่ั เพอ่ื ประโยชนส ขุ
แกมหาชน ตลอดกาลนาน
พระธรรมปฎก (ป. อ. ปยุตโฺ ต)
๒๕ เมษายน ๒๕๔๕
บนั ทกึ ในการพมิ พค รั้งที่ ๔
ความเปนมา – เบ็ดเตลด็ – อนุโมทนา
วนั หนง่ึ เมอ่ื ตน เดอื นตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๒๔ คณุ สาทร และคณุ พสิ มร ศรศรวี ชิ ยั ไดซ อื้
พจนานุกรมพุทธศาสตร น้ี ฉบับพิมพคร้ังที่ ๓ จากรานจาํ หนายหนังสือของมหาจุฬาลงกรณราช-
วทิ ยาลยั จาํ นวน ๑๐๐ เลม นาํ ไปแจกเปน ธรรมทานเอง ๒๐ เลม และนาํ มาถวายใหผ เู รยี บเรยี งแจก ๘๐
เลม เพราะหนงั สอื ทผ่ี เู รยี บเรยี งจดั เตรยี มไวเ ปน ธรรมทาน ไดแ จกไปหมดสนิ้ แลว ตอ มาถงึ ตน เดอื น
พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๒๕ คณุ สาทร และคณุ พสิ มร ไดไ ปทร่ี า นจาํ หนา ยหนงั สอื ของมหาจฬุ าลงกรณ-
ราชวทิ ยาลยั เพอ่ื ซอ้ื พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร มาถวายใหผ เู รยี บเรยี งแจกอกี และไดท ราบวา หนงั สอื
จวนจะหมด จงึ ปรกึ ษากนั และไดแ จง แกผ เู รยี บเรยี งวา จะขอพมิ พ พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร แจกเปน
ธรรมทาน ทางฝา ยมหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั ซงึ่ ขาดแคลนในดา นทนุ ทรพั ย เมอ่ื ไดท ราบวา มโี ยม
ศรทั ธาจะพมิ พ พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร แจก เหน็ เปน โอกาสวา ถา สมทบพมิ พด ว ย จะไดห นงั สอื ราคา
ถูกลงพอสูราคาได จึงขอพิมพรวมดวย เพือ่ จาํ หนา ยหาทนุ บาํ รงุ การศึกษาของพระภิกษสุ ามเณร
จาํ นวน ๑,๐๐๐ เลม การพมิ พค รง้ั ที่ ๔ ของ พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร นบั วา ไดเ รมิ่ ตน แตน นั้ มา
เมอ่ื ตกลงวา จะพมิ พใ หมแ ลว ผเู รยี บเรยี งกไ็ ดเ ตรยี มการเบอื้ งตน เรม่ิ ดว ยการตดิ ตอ กบั โรง
พมิ พเ ดมิ เพอ่ื สบื หาอารต เวริ ค และฟล ม เกา แตป รากฏวา สญู หายหมดแลว ตอ แตน นั้ จงึ เสาะหาโรงพมิ พท ี่
เหมาะใหม และตรวจชําระเพิ่มเตมิ ตน ฉบบั แทรกซอ นไปถึงงานอน่ื เชนการพมิ พ พุทธธรรม เปน ตน
เวลาลวงไปชา นาน จนถึงเดือนมกราคม พ.ศ.๒๕๒๗ ตนฉบับจงึ นับวา พรอ ม และไดโรงพิมพเ ปน
ยุติ ถึงตอนนมี้ หาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลยั เหน็ วา การพิมพครัง้ ละจํานวนนอ ยเปนเหตใุ หเ กิดความ
ยากลําบากบอยๆ จงึ ขอเพม่ิ จาํ นวนพิมพเ ปน ๑๐,๐๐๐ เลม ท้ังที่ยังไมมที ุนทรัพยส าํ หรับจา ยคา
พิมพ ครัง้ นัน้ คุณหญิงกระจา งศรี รกั ตะกนษิ ฐ ไดมาอุปถมั ภผ เู รยี บเรยี งในดา นพาหนะทีจ่ ะติดตอ
โรงพิมพตา งๆ เปนตน ครนั้ ไดทราบปญ หาการเงนิ ของมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั จงึ ไดเ ชิญชวน
ญาตมิ ิตรรว มกนั ต้งั “ทนุ พิมพพ จนานุกรมพุทธศาสน” ขนึ้ ชว ยใหม หาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั
พมิ พพ จนานุกรมพุทธศาสตร ฉบบั นไ้ี ดสําเร็จตามวตั ถปุ ระสงค และยงั มีทุนเหลอื พอสาํ หรบั พมิ พ
พจนานกุ รมพทุ ธศาสน อีกเลมหน่งึ ดังท่ไี ดพ มิ พเผยแพรเสร็จออกไปกอนแลว ดว ย
คณุ ยงยทุ ธ และคณุ ชุตมิ า ธนะปรุ ะ มีศรทั ธาแรงกลา ท่จี ะสงเสรมิ การเผยแพรธรรม ไดขอ
พิมพหนังสือน้ีแจกเปนธรรมทาน ๓,๐๐๐ เลม และตอมาไดมีเพ่ือนขอรวมพิมพแจกดวยอีก
๑,๐๐๐ เลม รวมเปน ๔,๐๐๐ เลม ผเู รียบเรียงยังไมเ ห็นดวยทีจ่ ะพมิ พ พจนานุกรมพุทธศาสตร น้ี
ใหมีจํานวนมากนัก จงึ ไดพ ดู ชกั ชวนใหลดจาํ นวนลงใหเหลือนอยท่ีสดุ คุณยงยุทธ และคุณชุติมา
รบั ไปพจิ ารณาระยะเวลาหนึง่ ในทสี่ ดุ จงึ ตกลงยอมลดลงโดยขอพมิ พแจก ๒,๕๐๐ เลม ซงึ่ ก็ยงั
เปนจาํ นวนมากอยู
ทางดานคณุ สาทร และคณุ พสิ มร ศรศรีวชิ ยั เมอื่ ไดท ราบวา มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั
เพมิ่ จาํ นวนพมิ พ พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร ขน้ึ จาก ๑,๐๐๐ เลม เปน ๑๐,๐๐๐ เลม กเ็ หน็ วา หนงั สอื จะ
แพรห ลายเพยี งพอแลว ไมจ าํ เปน ตอ งชว ยสนบั สนนุ มากนกั ควรเปลยี่ นไปชว ยเผยแพรห นงั สอื พทุ ธ-
ธรรม ทค่ี ณุ สาทร และคณุ พสิ มร เหน็ วา สาํ คญั กวา จงึ ขอลดจาํ นวนพจนานกุ รมพทุ ธศาสตร ทต่ี นจะ
๑๐
พมิ พแ จกลงเหลอื เพยี ง ๔๐๐ เลม แลว นาํ เงนิ ไปใชส นบั สนนุ พทุ ธธรรม แทน ดงั ไดไ ปรว มพมิ พพ ทุ ธ-
ธรรม มาถวายใหผ เู รยี บเรยี งแจกไปรนุ หนง่ึ แลว จาํ นวน ๒๐๐ เลม อยา งไรกต็ าม งานพมิ พพจนานุกรม
พทุ ธศาสตร ยดื เยอ้ื เรอ้ื รงั มาก เวลาลว งไปชา นาน นบั แตค ณุ สาทร และคณุ พสิ มร แจง ขอพมิ พผ า นไป
๓ ปเ ศษแลว การพมิ พก ย็ งั ไมเ สรจ็ คณุ สาทรและคณุ พสิ มรนนั้ มศี รทั ธาในการเผยแพรธ รรมมาก เมอื่
พอรวบรวมทนุ ทรพั ยไ ด กจ็ ะใชส นบั สนนุ การพมิ พด ว ยความเสยี สละ ประจวบกบั ระยะหลังน้ี คุณ
พสิ มรปว ยดว ยโรครา ย ถงึ ขน้ั ไมอ าจไวว างใจในชวี ติ ประสงคจ ะเสยี สละเพอื่ สง เสรมิ ธรรมใหเ ตม็ ความ
ตงั้ ใจ จงึ มาสอบถามเกยี่ วกบั การพมิ พ พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร และ พทุ ธธรรม เหน็ เคา วา การพิมพ
หนงั สอื สองเลม นจ้ี ะเสร็จหางเวลากนั พอควร คํานวณคาใชจ ายกบั กาํ ลังทรพั ยพอจะรับกนั ได จงึ
ตกลงกนั วา จะพมิ พแ จกทงั้ สองเลม ตามลาํ ดบั เรม่ิ ดว ยยกจาํ นวนพมิ พธ รรมทาน พจนานกุ รมพทุ ธ-
ศาสตร กลบั ขน้ึ จาก ๔๐๐ เลม เปน ๔,๐๐๐ เลม ผเู รยี บเรยี งจงึ แยง และชกั จงู ใหพ มิ พเ พยี ง ๔๐๐ เลม
เทา ทเี่ คยลดลงไวค ราวกอ น แตท ง้ั สองทา นยนื ยนั จะพมิ พแ จก ๔,๐๐๐ เลม ผเู รยี บเรยี งจาํ ยอม แตไ ด
ขออนญุ าตพเิ ศษไวอ ยา งหนงึ่ กลา วคอื ปกตคิ ณุ สาทร และคณุ พสิ มร พมิ พห นงั สอื ธรรมแจกโดยไม
ยอมใหม ชี อื่ ตนปรากฏ คราวนผี้ เู รยี บเรยี งขอรอ งใหย อมแกผ เู รยี บเรยี งในอนั ทจี่ ะตอ งเอย ชอื่ เมอ่ื เลา ถงึ
ความเปน มาของการจดั พมิ พ เพอื่ ประโยชนใ นดา นขอ มลู ประวตั ิ ตวั เลขสถติ ิ และความรเู กยี่ วกบั ขอ
เทจ็ จรงิ ทเี่ ปน กลางๆ นอกจากนน้ั การทาํ สงิ่ ทด่ี งี ามของบคุ คลหนง่ึ เมอ่ื ผอู นื่ มโี อกาสรู กอ็ าจเปน แรง
กระตนุ ใหเ กดิ การกระทาํ ทดี่ งี ามเพมิ่ ขนึ้ ใหม กวา งขวางออกไปในสงั คม
ทางดานมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลยั เม่อื หนังสอื ใกลจะขึ้นแทนพมิ พ ไดบ อกกลา วขอเพ่มิ
จํานวนพิมพจาก ๑๐,๐๐๐ เลม ขนึ้ เปน ๑๕,๐๐๐ เลม ผเู รียบเรียงก็ไดข ดั ไว โดยชักจงู ใหระงับ
การเพิม่ จาํ นวนเสยี คงพมิ พเพียง ๑๐,๐๐๐ เลม ตามจาํ นวนเดมิ การทผี่ ูเ รยี บเรยี งคอยยงั้ ไมให
พิมพมากน้ัน ก็ดวยเห็นวา หนังสือเพียงเทาทพี่ ิมพน ้กี วา มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั จะระบาย
ออกไปหมดก็อาจตองใชเ วลานานแสนนาน อกี ประการหนง่ึ กน็ า จะไดม โี อกาสตรวจสอบวา ผลงาน
พมิ พส มบรู ณแ คไ หนเพยี งไร นอกจากนน้ั ผูเรียบเรียงยงั มองไมเห็นชดั วาความตอ งการในวงการ
ศึกษาธรรมจะมีมากมายนัก หากมีผตู อ งการจํานวนมากจริง กอ็ าจพิมพเพมิ่ ใหมไ ดไ มเหลือกาํ ลัง
ในเรื่องนี้ผเู รยี บเรียงยังระลกึ ไดอ กี วา เคยมที า นผูแสดงความจาํ นงพิมพ พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร
น้ีรายอื่นอีก เทาทนี่ ึกออกเฉพาะหนา ๒ ราย แตข ณะนี้ เวลากระชั้นเกินไปเสียแลว และจาํ นวน
พิมพก ม็ ากอยูแ ลว จงึ จาํ ปลอยเลยตามเลยไปกอน หากทานท่ีประสงคจะพิมพน ัน้ ยงั ผูกใจอยู ก็
อาจยกไปรวมในการพมิ พเพมิ่ ใหมน ้นั โดยยอมรบั คาํ ขออภัยไวก อน ณ ที่นี้
การพมิ พค รงั้ นี้ แมว า โดยลาํ ดบั จะเปน การพมิ พค รง้ั ที่ ๔ แตว า โดยงาน ควรจดั เปน ครงั้ ท่ี ๒
เพราะในการพมิ พค รงั้ ใหมน เี้ ทา นนั้ ไดม กี ารทาํ งานใหมอ ยา งแทจ รงิ กลา วคอื มหาจฬุ าลงกรณราช-
วทิ ยาลยั เปน สถาบนั ทีจ่ ัดพิมพห นังสอื น้ีครั้งแรก ระหวา งพ.ศ. ๒๕๑๕ ถึง ๒๕๑๘ โดยจดั จาํ หนา ย
เกบ็ ผลประโยชนบาํ รงุ การศกึ ษาของพระภกิ ษสุ ามเณร ในมหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั ตอ มา พ.ศ.
๒๕๒๑ กรมการศาสนา กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ไดข อพมิ พซ ้ําเพอ่ื แจกเปน ธรรมทาน โดยใชวิธีถา ย
แบบจากฉบับพิมพครงั้ แรกของมหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั นับเปนการพิมพค รัง้ ท่ี ๒ สวนฉบบั
พมิ พค ร้ังท่ี ๓ กค็ อื ฉบับพมิ พครง้ั ที่ ๒ นั้นเอง แตเ ปน สว นท่โี รงพิมพก ารศาสนาสงวนไวเตรียมจะ
จัดจาํ หนาย ๑,๐๐๐ เลม มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั ไดข อซอื้ ไป ๙๐๐ เลม และนาํ ไปจดั จาํ หนา ย
หาทนุ บาํ รงุ การศกึ ษาในสถาบนั สว นอกี ๑๐๐ เลม ผูเรยี บเรียงไดม าดว ยอาศยั ปจจัยท่ีมีผูท าํ บญุ
๑๑
เกาๆ ในพิธีตา งๆ เมื่อครง้ั ปฏบิ ัติศาสนกจิ ในสหรฐั อเมรกิ า ซ่ึงต้ังไวเ ปน ทุนช่ือ “ทุนพมิ พพ ทุ ธศาสน-
ปกรณ” และไดแจกจา ยเปนธรรมทานไปจนหมด สวนในการพิมพครั้งใหมที่นบั เปนครง้ั ที่ ๔ น้ี
นอกจากดาํ เนินการใหมต ลอดกระบวนการพิมพ เริม่ แตเ รียงตวั อกั ษรใหมทัง้ หมดแลว ยังไดแกไ ข
ปรบั ปรงุ และเพิ่มเตมิ เน้ือหาอกี เปนอันมาก เชน ภาค ๑ เพิ่มหมวดธรรมอกี เกินกวา ๓๐ หมวด
เขียนคาํ บาลีอักษรโรมันของขอธรรมทั้งหมดทั้งหัวขอใหญแ ละขอ ยอยแทรกเขา ทุกแหง พรอมทั้ง
ทํา Index of Pàli Terms เพิ่มเขาอกี ภาค ๒ เพมิ่ ศัพทใ หมอ ีกมากกวา ๕๐ ศพั ท ดงั น้เี ปนตน
การพิมพคร้งั ใหมน ้ี เดมิ คาดวา จะเสร็จสิน้ ในเวลาอันรวดเร็ว แตค รั้นทําเขา จรงิ กลบั กิน
เวลานานถึงปค ร่ึงเศษ เทากับประมาณครงึ่ หนึ่งของเวลาทใ่ี ชในการพิมพค รง้ั แรก สาเหตสุ าํ คญั ของ
ความลาชา นอกจากลักษณะของงานที่ตองการความละเอยี ดประณตี แมน ยาํ อยา งพิเศษ กค็ ือระบบ
การเรยี งพิมพทีไ่ มส มบูรณ ใชงานไดไมพ อกับประเภทของงาน การพิมพค รง้ั กอนใชระบบโมโนไทป
ซึ่งมรี ะบบตวั อักษรและเครือ่ งหมายคอนขางครบถว น ความลา ชาเกดิ จากการตอ งแตง เสรมิ ใหเ รยี บ
รอยประณีตงดงาม การแกไ ขแทรกเพิม่ ระหวางเรยี งพิมพ และความไมคลอ งตวั ในการดําเนนิ งาน
สว นในการพมิ พค ร้ังน้ีใชร ะบบคอมพวิ กราฟค ซึ่งแมจะมตี วั อักษรท่งี ดงามชัดเจน แตมีอกั ษรและ
เคร่ืองหมายไมครบถวน เฉพาะอยา งยงิ่ สาํ หรับการพมิ พค าํ บาลดี ว ยอกั ษรโรมัน แมจ ะไดสัง่ ซื้อ
อุปกรณคือจานบันทึกและแถบฟลมตนแบบมาใหมเปนการเฉพาะ ส้นิ เปลอื งทัง้ เงนิ และเวลาที่รอ
คอย แตก็ใชงานไดไมสมบูรณ ทั้งน้ีเพราะบริษัทตัวแทนจําหนายท่ีส่ังซ้ืออุปกรณใหน้ันยังไมมี
ประสบการณเกี่ยวกับการพิมพอักษรสาํ หรับพจนานุกรมน้ี จึงไมสามารถกําหนดเลือกและจัดหา
อุปกรณท ่ีตรงกบั งานแทจรงิ ใหได การเรียงพิมพจึงตอ งอาศยั ความสามารถและความอดทนของนกั
เรียงพิมพผูฉลาดหาวิธียักเย้ืองพลิกแพลงใหใชไดสําเร็จผลสวนหนึ่ง ประกอบกับการใชผีมือตัด
ตอ ตดิ เติมแตงในอารต เวริ คอกี สว นหนงึ่ ซงึ่ อยา งหลงั น้ีไดท าํ ใหผูเรียบเรยี งส้ินเปลอื งเวลา และแรง
งาน ตลอดจนสุขภาพไปกับหนังสือเลมนม้ี าก ตัวอยางเชนเคร่ืองหมาย tilde (~) อยางเดียว ก็
ตอ งนาํ จากท่อี น่ื มาติดแทรกลงในทตี่ า งๆ เกินกวา ๑๐๐ แหง ไมต อ งพูดถึงการติด การเปล่ียน การ
เลอ่ื นจดุ ใต/ เหนือพยญั ชนะและขดี เหนือสระของอักษรโรมนั ตลอดจนเรอื่ งปลกี ยอ ยอืน่ ๆ อีกเปน
อันมาก ซ่ึงประมวลเขาแลวก็เปนเครื่องช้ีแจงใหเขาใจวา เหตุใดงานนี้จึงใชเวลาพิมพนานกวา
หนังสืออนื่ สวนมากอยา งมากมายหลายเทา ตัว ดงั มตี วั อยางหนังสือบางเลมที่ผเู รียบเรียงไดช ว ยจัด
ทาํ ในระหวา งชว งเวลาของการพมิ พพ จนานกุ รมนี้ มคี วามหนาประมาณกง่ึ หนงึ่ ของ พจนานกุ รมพทุ ธ-
ศาสตร ใชเวลาเรยี งพมิ พและจดั ทาํ อารตเวิรค ประมาณ ๑ เดอื นก็เสรจ็ เรียบรอย ผลเสียท่ีสําคญั
อยา งหนงึ่ ของความยากลําบากชานานน้ีกค็ อื งานเขียนและงานพมิ พห นงั สอื อน่ื ๆ โดยเฉพาะการ
พมิ พพ ุทธธรรม ครงั้ ใหม ตองพลอยถูกผัดผอนเนน่ิ นานตอๆ กนั ออกไป
แมว าการจัดพมิ พจ ะยากลาํ บากมาก จนทําใหเ วลาเกอื บ ๒ ปทที่ ํางานน้ี กลายเปนชวงกาล
แหง ความกรอนโทรมของชีวิตในอัตราเรงสูงอีกตอนหนงึ่ แตเ วลา ๒ ปเ ดยี วกันนัน้ เอง กเ็ ปนระยะ
ท่ีไดมีแรงสนับสนุนค้ําจุนเกิดข้ึนมาก ดวยไดมีทานผูศรัทธาที่จะสงเสริมงานพระศาสนาเขามา
อุปถัมภใ นดา นตางๆ โดยการเสริมกาํ ลงั บา ง ผอนแรงบาง อาํ นวยความสะดวกบา ง เปนสวนรวม
แรงรว มใจและเปน กาํ ลังหนนุ อยูขางหลังใหงานบรรลคุ วามสําเรจ็ ทานผูอ ปุ ถมั ภเหลานี้ บางทานก็
เปน เชน เดียวกบั คุณสาทร และคณุ พิสมร ศรศรีวชิ ยั คือ ตามปกติ จะไมเปด เผยชอ่ื ของตนในการ
ชว ยงานบญุ แมจ ะพมิ พหนงั สอื เลม ใหญๆ แจกเปนธรรมทาน ก็ไมยอมใหมีช่อื ของตนปรากฏใน
๑๒
หนังสือน้ัน แตคราวนี้ผูเรียบเรียงขออภัยที่จะเอยอางช่ือของทานเหลาน้ันไว ไมวาจะไดบ อกขอ
อนญุ าตไวก อ นแลว หรอื ไมก ต็ าม โดยขอใหเ หน็ ประโยชนว า ผใู ชห นงั สือนี้รนุ หลงั ๆ ตอ ไปจะไดร ู
จักพจนานุกรมพทุ ธศาสตร อยา งรอบดา น อยา งนอยกเ็ ปน ขอมลู เชงิ ประวัติ และเปนการบนั ทกึ
เหตกุ ารณอยา งหนึ่ง ตามขอเทจ็ จริงที่ไดเกดิ ขึน้ แลว อนั จะกอ ประโยชนท างวิชาการไมม ากก็นอ ย
ทัง้ น้ี ขออนุโมทนาความอดุ หนนุ สงเสริมของทานทีจ่ ะกลาวถึงตอไปนี้
ผศู รัทธาเสยี สละชว ยพมิ พด ีดตน ฉบบั สว นท่เี พิม่ เตมิ ในการพิมพคร้ังใหมนี้ ก็คือ คุณชลธรี
ธรรมวรางกูร บุคคลเดียวกันกบั ทีไ่ ดพ มิ พด ดี ตนฉบับภาค ๑ ท้งั หมดของพจนานุกรมน้เี มอ่ื พมิ พ
ครัง้ แรก สวนในขน้ั เรียงพิมพ คุณบุญเลศิ แซตั้ง แหง บรษิ ัทยนู ติ ี้โพรเกรส ไดรว มมอื ดว ยความมี
นํ้าใจและดว ยความใฝเรียนรู พยายามเรียงพิมพง านทยี่ ากมากนี้ใหอ อกมาเปน ผลงานท่ดี ี
ในการพิสจู นอ ักษร ทานผศู รัทธามีนา้ํ ใจเก้อื กูลหลายทานไดสละเวลาชวยเหลอื สายหนึ่ง
คือ คณุ อัมพร สุขนนิ ทร ซ่งึ เม่อื รบั ไปตรวจ กไ็ ดรบั ความอนเุ คราะหจ ากโยม “มสิ โจ” (คณุ เจอื
จนั ทน อัชพรรณ) ชว ยอานซาํ้ ใหด วย อกี สายหนึ่ง คณุ ชุติมา ธนะปุระ รบั ไป แตเม่อื คณุ เฉียดฉตั ร
โฉม ปรพิ นธพ จนพสิ ทุ ธิ์ ผเู ปน เพอื่ นไดทราบ กร็ วมศรัทธาชวยตรวจ นอกจากน้นั คณุ สมศีล
ฌานวังศะ ผูเคยพมิ พตนฉบบั ฉบับขยายความแหงภาคท่ี ๒ ของพจนานกุ รมน้ี ไดเดนิ ทางจาก
สหรัฐอเมริกามาเย่ียมบานช่ัวคราว พอไดทราบก็มารับเอาปรูฟสวนหนึ่งเทาที่มีในระยะเวลาสั้นๆ
นนั้ ไปชวยตรวจ และบอกแจง ขอเสนอแนะบางอยางที่มปี ระโยชน
คณุ วรเดช อมรวรพพิ ฒั น และคณุ พนติ า องั จนั ทรเ พญ็ อาสาเกบ็ ศพั ทส าํ หรบั Index of Pàli
Terms โดยมคี ณุ องั คาร ดวงตาเวยี ง เปน ผชู ว ย และไดต รวจสอบความสมบรู ณข องสารบญั คน คาํ
ใหด ว ย โดยเฉพาะคณุ พนติ า องั จนั ทรเ พญ็ ไดส ละเวลาเปน อนั มาก พยายามตดิ ตอ และตดิ ตามทาง
โรงพมิ พเ ปน ตน เพอื่ ใหห นงั สอื นไ้ี ดร บั การตพี มิ พอ ยา งดที สี่ ดุ และไดร บั ความรว มมอื ดว ยดจี ากคณุ
ปฐม สทุ ธาธกิ ลุ ชยั กรรมการผจู ดั การดา นสทุ ธาการพมิ พ พรอ มทง้ั คณุ สพุ จน มติ รสมหวงั ซง่ึ เปน ผู
ชว ยเอาใจใสต ง้ั ใจทจ่ี ะพมิ พใ หป ระณตี งดงาม
ในดา นอปุ สรรคตอ งาน และการคา้ํ จนุ ชวี ติ ทเี่ ปน พน้ื ฐานของงาน ผเู รยี บเรยี งถกู รบั เขา พกั รกั ษา
ตวั ในโรงพยาบาลพหลโยธนิ นบั แต พ.ศ. ๒๕๒๖ รวม ๓ คราว โดยมนี ายแพทยเ กษม อารยางกรู
พ่ีชายของตนเอง เปน ผอู าํ นวยการดแู ลรักษา พรอ มทงั้ ไดร บั ความเอ้ือเฟอ เอาใจใสจ ากพยาบาล
และพนักงานเจาหนาท่ดี ว ยดี คุณประพัฒน และคุณหมอกาญจนา เกษสอาด และคณุ หมอสมุ าลี
ตนั ติวรี สุต พรอมดว ยเพอื่ นและผใู กลช ดิ นอกจากอปุ ถมั ภด ว ยนติ ยภตั แลว กไ็ ดข วนขวายตดิ ตาม
ชว ยแกป ญ หาสขุ ภาพ พรอ มทง้ั สนบั สนนุ ใหม อี ปุ กรณแ ละสถานทอ่ี าศยั ทเี่ ออ้ื ตอ สขุ ภาพและการงาน
คณุ หญงิ กระจา งศรี รกั ตะกนษิ ฐ รว มดวยคุณหมอจรญู ผลนิวาส กบั ทั้งศิษยแ ละญาตมิ ิตรได
บําเพ็ญความอปุ ถมั ภข ยายออกไปรอบดาน ทง้ั ในทางสนับสนนุ ผลงาน ดวยการจัดตง้ั “ทุนพมิ พ
พจนานุกรมพุทธศาสน ” เปนตน และในดา นคํ้าจุนชีวิตของผูทาํ งาน ดว ยการอุปถมั ภความเปนอยู
ประจาํ วัน ขวนขวายใหไ ดฟน ฟูสขุ ภาพ และเสริมสรางสปั ปายะตางๆ ตลอดจนจดั หาอปุ กรณท ี่
สําคัญมาไวเพอื่ ใหทาํ งานไดส ะดวกรวดเรว็ ทวปี รมิ าณ
นอกจากต้งั ทนุ พิมพใ หแ ลว เมอ่ื หนงั สือเสร็จออกมา โยมผศู รทั ธายงั บําเพญ็ กจิ อาสาสมคั ร
ชวยจําหนายหนังสือนั้นอีก เพื่อใหมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยไดผลประโยชนโดยเร็วและเต็ม
จํานวนไมตองหักคาคนกลาง บรรดาผูศรัทธาที่ชวยสนับสนุนมหาวิทยาลัยสงฆดวยวิธีเปนสื่อนาํ
๑๓
ผลประโยชนมาใหแ ละเผยแพรผลงานอยเู งยี บๆ เชน นี้ นอกจากโยมผรู เิ รม่ิ ตง้ั ทุนแลว ควรจะเอย
นาม ดร.ทวีรสั มิ์ ธนาคม เปนตวั อยางอกี ทา นหน่ึง
ยงั มีทานผศู รทั ธาหรือมีจิตเกือ้ กลู อกี หลายทาน ท้ังบรรพชติ และคฤหัสถ ไดป วารณาท่จี ะ
ชวยเหลือกิจตางๆ เก่ียวกับหนังสอื น้ี แมจ ะยงั ไมไดขอความรวมมือในคราวน้ี กข็ ออนโุ มทนาความ
มีนํ้าใจดีนน้ั ไว และหวังวาคงจะไดข อความอนุเคราะหในงานสําคัญๆ ลาํ ดับตอๆ ไป
ทางดา นมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั เม่อื ไดแจงขอพิมพห นังสือแลว ถึงคราวมีเร่ืองเกยี่ ว
ขอ งพระมหาอารีย เขมจาโร รองเลขาธิการฝา ยธุรการ กแ็ สดงความพรอมอยูเสมอท่ีจะรว มมือ
ดาํ เนินกิจนนั้ ใหล ลุ วงไป ใกลเ ขา มาอกี ภายในวัดพระพเิ รนทร พระถวัลย สมจิตฺโต และพระฉาย
ปฺ าปทโี ป ยงั คงเปน องคยนื หลกั ทชี่ วยใหค วามเปน อยขู องผูเ รยี บเรียงภายในวดั คลอ งเบา พอ
วางภาระกับสภาพแวดลอมรอบตวั ได สามารถทํางานหนงั สือมงุ ไปแตดานเดียว
ผเู รยี บเรยี งถอื วา การทท่ี า นผศู รทั ธาและมนี า้ํ ใจ มาใหค วามอปุ ถมั ภต า งๆ ดว ยกศุ ลเจตนาเรม่ิ
การเอง อนั ลว นเปน อสงั ขารกิ กศุ ลทงั้ สน้ิ นน้ั กด็ ว ยเหน็ แกพ ระธรรม หวงั จะสนบั สนนุ งานพระศาสนา
ใหเ จรญิ แพรห ลายยง่ิ ขน้ึ โดยมองเหน็ วา ผเู รยี บเรยี งนจ้ี ะเปน กาํ ลงั หรอื องคป ระกอบสว นหนงึ่ ของงาน
นนั้ ได ในทาํ นองเดยี วกนั กข็ อไดร บั ความมนั่ ใจทสี่ อดคลอ งตอ ไปอกี ดว ยวา การตอบสนองตอ ความ
อุปถัมภเ กือ้ กูล ในลกั ษณะที่เปน การปฏิเสธหรือหลกี เลย่ี ง ซ่งึ มขี ึ้นเปนคร้งั คราวตามโอกาส หรือแม
ในกรณสี าํ คญั นน้ั ผเู รยี บเรยี งไดก ระทาํ ไปโดยบรสิ ทุ ธใ์ิ จ ดว ยเหน็ แกก จิ การพระศาสนาหรอื ประโยชน
ของสวนรวมตามเหตผุ ลอยางใดอยางหนึ่งอยา งแนน อน โดยทใ่ี นใจจรงิ กอ็ นโุ มทนาเปน อยางย่ิงตอ
กศุ ลเจตนาท่หี วงั จะอนุเคราะหเกื้อกูลน้ัน แตย ังยากหรือยงั ไมเหมาะที่จะอธบิ ายเหตผุ ลใหทราบ
ในเม่ืองานนี้ก็กําลังจะเสร็จลงอยูตอหนาแลว และท้ังผูเรียงเรียงทั้งผูรวมแรงรวมศรัทธา
ตางก็มคี วามปรารถนาตรงเปน อนั เดียวกนั ทีจ่ ะประกาศพุทธวจนะเผยแพรพระสัทธรรม จงึ ขออาง
อิงพลังแหงบญุ กศุ ล มศี รทั ธา ฉนั ทะ และวริ ยิ ะ เปน ตน จงเปน ปจ จยั อาํ นวยใหผ ลงานอนั อทุ ศิ ตอ
พระศาสนาบชู าธรรมนี้ เปน เครอ่ื งเผยแผค วามรใู นพระพทุ ธศาสนา สงเสริมความเขาใจถกู ตองใน
หลกั คาํ สอน ค้ําชูพทุ ธธรรมใหเ จรญิ งอกงามแพรหลาย เพ่อื ประโยชนส ุขแกช าวโลกอยา งกวา งขวาง
ตลอดกาลนาน
อนงึ่ ผูใ ชห นงั สือน้พี ึงตระหนักวา หลักธรรมตา งๆ ที่ประมวลไวในพจนานกุ รมนี้ เปนเพียง
สวนหน่ึงท่ไี ดคัดเลือกมา มิใชท ง้ั หมดในพระไตรปฎ ก พึงถือพจนานุกรมนี้เปน เพยี งฐานสาํ คัญใน
การศึกษาคน ควาธรรมใหล ะเอยี ดลึกซ้งึ ยง่ิ ขนึ้ ไป อกี ประการหนึ่ง คาํ อธบิ ายขอธรรมตางๆ ใน
พจนานุกรมนี้ จัดทําในลักษณะเปน ตําราหรอื เปนแบบแผน จงึ ยึดเอาหลกั ฐานในคมั ภรี เปนบรรทัด
ฐานกอน และใหค วามสําคญั แกค ัมภีรทั้งหลายตามลําดับชั้น เชน พระไตรปฎ กเหนอื อรรถกถา
อรรถกถาเหนือมตอิ าจารยรุนหลัง และเหนืออตั โนมตั ิ เปนตน พงึ ใชพจนานกุ รมน้ีเปนที่ปรึกษา
โดยมคี วามเขาใจดงั กลา วนัน้ เปน พนื้ อยใู นใจ จะไดค ิดขยายความตอ ออกไปอกี ไดอยา งมีหลักและ
มีขั้นมตี อน ตลอดจนวจิ ารณไ ดอยา งมีหลกั เกณฑ
พระราชวรมุนี (ประยทุ ธ ปยตุ โฺ ต)
๑๒ สงิ หาคม ๒๕๒๘
คาํ นาํ
(ในการพมิ พค ร้งั ที่ ๑)
พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร เลม น้ี เปน ทร่ี วมของงาน ๓ ชน้ิ คอื พจนานกุ รมหมวดธรรม พจนานกุ รมพทุ ธ-
ศาสตร ไทย–องั กฤษ และ พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร องั กฤษ–ไทย งาน ๓ ชนิ้ นเี้ ดมิ เปน งานตา งหากกนั และเกดิ
ขน้ึ ตา งคราวกนั กลา วคอื พจนานกุ รมพทุ ธศาสตรไ ทย–องั กฤษ เดมิ ชอ่ื พจนานกุ รมศพั ทพ ระพทุ ธศาสนา ไทย–
บาล–ี องั กฤษ ไดจ ดั ทาํ เผยแพรต ง้ั แต พ.ศ. ๒๕๐๖ และไดแ กไ ขเพมิ่ เตมิ เปน ครง้ั คราว ครง้ั สดุ ทา ยกอ นหนา นี้ ได
ขยายเพม่ิ เตมิ เปน ฉบบั พสิ ดาร เมอ่ื พ.ศ. ๒๕๑๓ แตจ ดั ทาํ เชน นน้ั ไดเ พยี งจบอกั ษร ฐ กช็ ะงกั ไมม เี วลาทาํ ตอ มา
อกี เลย ในระหวา งนน้ั เจา หนา ทมี่ หาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั ไดข อใหน าํ เอาฉบบั เลก็ เดมิ มาพมิ พไ ปพลางกอ น ใน
พ.ศ. ๒๕๑๕ ไดต กลงจะตพี มิ พ โดยขอแกไ ขเพมิ่ เตมิ เลก็ นอ ย แตไ มม เี วลา จงึ ชกั ชา อยู
ในระยะเวลาเดยี วกนั นน้ั ผรู วบรวมกาํ ลงั จดั ทาํ หนงั สอื ประเภทอา งองิ ทางพระพทุ ธศาสนาคา งอยหู ลาย
เลม จงึ คดิ วา ควรรวบรวมหลกั ธรรมเปน หมวดๆ ทใี่ ชเ ลา เรยี น ใชอ า งองิ และทน่ี า สนใจสาํ หรบั คนทวั่ ไป จาํ นวนไม
มากนกั มาพมิ พป ระมวลไวเ พอื่ เปน คมู อื ใชป ระกอบการศกึ ษาเบอ้ื งตน เพยี งใหพ อเหมาะสาํ หรบั นกั เรยี นนกั ศกึ ษา
และผสู นใจทว่ั ไป ซงึ่ ไมต อ งการรายละเอยี ดพสิ ดารอยา งนกั คน ควา ในขณะเดยี วกนั กจ็ ะใหค วามหมายภาคภาษา
องั กฤษทน่ี ยิ มใชท วั่ ๆ ไป กาํ กบั ไวก บั ขอ ธรรมตา งๆ ดว ย พอเปน ประโยชนใ นขน้ั ตน ๆ เมอ่ื นาํ งานชนิ้ นมี้ ารวมเขา
ดว ยกนั กบั พจนานกุ รมพทุ ธศาสตรไ ทย–องั กฤษ กจ็ ะเปน เครอ่ื งเสรมิ กนั และกนั ชว ยใหเ กดิ ประโยชนแ กผ ใู ช
มากยง่ิ ขน้ึ งานชน้ิ ทเี่ พม่ิ นไี้ ดต งั้ ชอื่ วา พจนานกุ รมหมวดธรรม ดว ยเหตผุ ล ๒ ประการคอื ประการแรก แม
หนงั สอื นจ้ี ะถอื จาํ นวนหวั ขอ ธรรมเปน เกณฑแ ละจดั ลาํ ดบั ตามจาํ นวนเลขกต็ าม แตใ นจาํ นวนทเี่ ทา กนั ไดจ ดั เรยี ง
หมวดธรรมตามลาํ ดบั อกั ษร นอกจากนนั้ ยงั ไดจ ดั องคป ระกอบอยา งอน่ื ในระบบการคน ตามลาํ ดบั อกั ษร เชน
สารบญั คน คาํ เปน ตน เขา เสรมิ อกี ดว ย ชว ยใหส าํ เรจ็ กจิ ของพจนานกุ รมโดยสมบรู ณ ประการทส่ี อง เพอ่ื ใหเ ปน
งานทเี่ ขา ชดุ กนั ไดเ หมาะสมใชป ระโยชนใ นประเภทเดยี วกนั กบั พจนานกุ รมพทุ ธศาสตรไ ทย–องั กฤษ ทที่ าํ ไวแ ลว
ระหวา งทท่ี าํ พจนานกุ รมหมวดธรรม อยนู นั้ ไดต ง้ั ใจวา เมอ่ื มโี อกาสขา งหนา จะไดจ ดั ทาํ พจนานกุ รม
หมวดธรรม ฉบบั พสิ ดารใหมอ กี เพอ่ื ใหเ ปน ไปตามโครงการทวี่ างไวเ ดมิ ซง่ึ ไดร วบรวมขอ มลู เตรยี มไวก อ นแลว
เปน อนั มาก อยา งไรกด็ ี ระหวา งจดั ทาํ พจนานกุ รมหมวดธรรม ฉบบั ปจ จบุ นั อยนู ี้ พจิ ารณาเหน็ วา หมวดธรรม
หลายหมวดแมย งั ไมจ าํ เปน สาํ หรบั คนทว่ั ไปทจี่ ะตอ งรกู จ็ รงิ แตม คี วามสาํ คญั เกอื้ กลู แกก ารศกึ ษาธรรมวนิ ยั มาก
ไมอ าจตดั หมวดธรรมเหลา นนั้ ทง้ิ ไปได อกี อยา งหนงึ่ ทค่ี ดิ ไวเ ดมิ วา จะแสดงความหมายของหวั ขอ ธรรมแตเ พยี ง
สนั้ ๆ พออา งองิ ไดเ ทา นน้ั ครนั้ ลงมอื ทาํ กเ็ หน็ ไปวา ไหนๆ มหี นงั สอื นแ้ี ลว กค็ วรใหส าํ เรจ็ ประโยชนพ อแกจ ะใชก าร
ทเี ดยี ว ขอ ธรรมใดใหเ พยี งความหมาย ยงั ไมอ าจเขา ใจชดั ได กไ็ ดท าํ ไขความโดยสรปุ สาระทคี่ วรรเู กยี่ วกบั ขอ
ธรรมนน้ั ไวจ นคลมุ ความ การทเ่ี ปน เชน นี้ ไดท าํ ใหพ จนานกุ รมหมวดธรรม มขี นาดหนามาก เมอ่ื รวมเขา กบั
พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร ไทย–องั กฤษ เดมิ แทนทจ่ี ะเปน สว นประกอบชว ยเสรมิ หรอื เปน สว นรว ม กลบั กลายเปน
สว นหลกั ไป แมถ งึ พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร ไทย–องั กฤษ นนั้ เอง กไ็ ดข ยายตวั ออกไปมากอยแู ลว เมอื่ ทง้ั สอง
สว นทข่ี ยายตวั มารวมกนั เขา จงึ ทาํ ใหห นงั สอื มขี นาดใหญเ กนิ ความตง้ั ใจเดมิ
ภาคที่ ๓ ของหนงั สอื น้ี คอื พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร องั กฤษ–ไทย เปน สว นทจี่ ดั ทาํ ขนึ้ ใหมใ นการพมิ พ
ครงั้ นี้ โดยพจิ ารณาเหน็ วา เมอ่ื มภี าคไทย–องั กฤษแลว กค็ วรมภี าคองั กฤษ–ไทยขนึ้ ดว ยเปน คกู นั เพอ่ื ใหใ ช
ประโยชนไ ดค รบถว น แตภ าคองั กฤษ–ไทยทที่ าํ นี้ ถอื เปน เพยี งสว นประกอบเทา นนั้ เพราะปญ หาสาํ คญั ของ
นกั ศกึ ษาและนกั เผยแพรพ ระพทุ ธศาสนา อยทู ตี่ อ งการทราบวา ศพั ทธ รรมหรอื ศพั ทพ ระพทุ ธศาสนาคาํ นๆี้ จะใช
๑๕
ภาษาองั กฤษวา อยา งไร ซงึ่ พจนานกุ รมภาคที่ ๒ จะเปน ทปี่ รกึ ษาชว ยบอกหรอื หาคาํ ใชท เี่ หมาะสมเสนอให สว น
พจนานกุ รมภาคที่ ๓ ทาํ หนา ทเี่ พยี งรวบรวมศพั ทภ าษาองั กฤษ ทใ่ี ชก บั ศพั ทธ รรมลงตวั อยแู ลว บา ง ทม่ี ผี คู ดิ ขน้ึ
ลองใชแ ลว และดเู หมาะสมดบี า ง นาํ มาแสดงใหท ราบวา ผทู ใ่ี ชค าํ ภาษาองั กฤษคาํ นนั้ มงุ หมายถงึ ขอ ธรรมอะไร สว น
มากจงึ เปน คาํ ตอ คาํ ไมก นิ เนอื้ ทมี่ าก พจนานกุ รมภาคท่ี ๓ นี้ สามารถจาํ กดั ขนาดใหอ ยใู นกาํ หนดทตี่ ง้ั ใจไวเ ดมิ ได
ไมข ยายตวั เกนิ ไป
เพราะเหตทุ มี่ คี วามเปน มาตา งหากกนั เชน นี้ สว นทงั้ ๓ ของพจนานกุ รมจงึ มลี กั ษณะเปน อสิ ระจากกนั ไม
จาํ กดั อยใู นขอบเขตเดยี วกนั หรอื ในขอบเขตของกนั และกนั เชน ความหมายภาษาองั กฤษของขอ ธรรมเดยี วกนั ท่ี
แสดงใน พจนานกุ รมหมวดธรรม กบั ใน พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร ไทย–องั กฤษ อาจตรงกนั เฉพาะนยั ทน่ี ยิ มใช
ยตุ แิ ลว แตน ยั อน่ื ๆ ทเ่ี สนอแนะไวอ าจมแี ปลกจากกนั ได ขอ ธรรมบางอยา งไมไ ดเ กบ็ ไวใ น พจนานกุ รมพทุ ธ
ศาสตร ไทย–องั กฤษ ไมเ ปน ขอ ธรรมทอ่ี ยใู นระดบั อนั ควรทราบ แตป รากฏใน พจนานกุ รมหมวดธรรม เพราะเปน
ขอ ยอ ยของหมวดธรรมบางหมวด จาํ เปน ตอ งตดิ เขา ไปอยเู อง ดงั นเี้ ปน ตน ลกั ษณะทเ่ี ปน อสิ ระจากกนั เชน น้ี นบั
ไดว า มผี ลดมี ากกวา ผลเสยี เพราะกลบั เปน สว นทมี่ าเสรมิ กนั ชว ยใหส มบรู ณแ ละอาํ นวยประโยชนม ากยง่ิ ขนึ้ เชน
เมอื่ คน หาความหมายของขอ ธรรมขอ ใดขอ หนง่ึ ในพจนานกุ รมภาคท่ี ๒ (ไทย–องั กฤษ) ไดแ ลว อาจเปด ดขู อ
ธรรมนนั้ ในสารบญั คน คาํ ของพจนานกุ รมภาคท่ี ๑ (หมวดธรรม) แลว หาความหมายไดเ พมิ่ ขน้ึ อกี ขอ ธรรมใดไมม ี
ในพจนานกุ รมภาคท่ี ๒ เมอื่ เปด ดสู ารบญั คน คาํ ในภาคท่ี ๑ อาจหาพบกไ็ ด นอกจากนน้ั ยงั ชว ยใหไ มต อ งลงพมิ พ
ความหมายซาํ้ กนั ทง้ั หมด ซงึ่ ทาํ ใหเ ปลอื งเนอื้ ทมี่ ากขนึ้ อกี ดว ย อยา งไรกด็ ี ความเปน อสิ ระจากกนั เชน นี้ แมจ ะมผี ล
ดบี างประการ แตก ย็ งั ถอื วา เปน ขอ บกพรอ งอยา งหนง่ึ ซงึ่ ในการพมิ พค ราวตอ ๆ ไปถา มเี วลา จะไดใ ชร ะบบอา งองิ
ภายในเขาชวยเพิม่ ขนึ้ อกี เพอ่ื ใหง านทง้ั สามภาคประสานเปน ชดุ เดยี วกนั โดยสมบรู ณ และสามารถรักษา
ลกั ษณะท่ใี หผ ลดีไวได พรอมทัง้ แกไขมิใหม ขี อบกพรอ งทเ่ี กิดจากความซํ้าซาก เปน ตน
ดงั ไดกลาวแลว หนงั สอื นี้เดมิ ต้ังใจทาํ เปนฉบบั เล็ก เพราะหากมเี วลาเพียงพอ จะไดจดั ทาํ ฉบบั พิสดารท่ี
คางอยูใหเสร็จสิ้นตอไป แตบัดนี้หนังสือฉบับเล็กนี้ไดขยายตัวออกมากจนมีขนาดใหญยากท่ีจะนําติดตัวไปใช
เปนประจาํ ตามความต้ังใจเดิม ในการแกปญหานี้ไดใชร ะบบการพมิ พเขาชว ย โดยถายยอ ลงจากตน ฉบบั เรยี ง
พิมพเหลอื เพยี ง ๒ ใน ๓ สวน จะยอเลก็ กวานต้ี วั อักษรก็จะเล็กเกินไป จนทําใหเ กดิ ความยากลาํ บากแกผูใช
จาํ นวนมาก ทําอยางนถี้ ึงแมจ ะไมไ ดห นังสือขนาดเลก็ เทาที่ตัง้ ใจเดมิ ก็พอชวยใหใ ชไดส ะดวกขน้ึ มาก และในเวลา
เดียวกนั กท็ าํ ใหไดห นังสอื ขนาดกะทัดรดั ท่ีจุเน้อื ความยิ่งกวาปกตเิ ปนอนั มาก
การจดั พมิ พห นงั สอื นี้ นบั แตจ ดั เตรยี มตน ฉบบั เพอื่ สง โรงพมิ พใ นปลายป พ.ศ. ๒๕๑๕ จนถงึ ตพี มิ พ
เสรจ็ ในบดั นี้ สนิ้ เวลาประมาณ ๒ ป ๖ เดอื น ในการจดั พมิ พไ ดร บั ความรว มมอื รว มใจอยา งดจี ากหลายทา น เจา
หนา ทม่ี หาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั โดยเฉพาะทา นพระมหาสมบรู ณ สมปฺ ณุ โฺ ณ* ผชู ว ยเลขาธกิ าร ไดช ว ยคอย
เรง เรา เทา กบั เปน แรงสนบั สนนุ ใหก ารจดั ทาํ หนงั สอื นค้ี บื หนา มาสคู วามสาํ เรจ็ คณุ ชลธรี ธรรมวรางกรู ไดช ว ยพมิ พ
ดดี ตน ฉบบั ใหโ ดยตลอดดว ยความเออื้ เฟอ และทางโรงพมิ พค รุ สุ ภาไดช ว ยอาํ นวยความสะดวกในการตพี มิ พ นบั
วา ทกุ ทา นไดม สี ว นบาํ เพญ็ กศุ ลรว มกนั ในการทาํ วทิ ยาทานนใ้ี หส าํ เรจ็ จงึ ขออนโุ มทนาในความรว มแรงรว มใจและ
ความสนบั สนนุ ของทกุ ทา นไว ณ โอกาสนเ้ี ปน อยา งยงิ่
พระราชวรมนุ ี
๒๔ เมษายน ๒๕๑๘
____________________
*ปจจุบนั (พ.ศ. ๒๕๔๕) เปนที่ พระราชกติ ติเวที
สารบญั ทวั่ ไป ๓
๔
คําปรารภ ๙
คาํ นํา (ในการพิมพค รง้ั ท่ี ๑๐) ๑๔
บันทกึ ในการพมิ พค ร้ังที่ ๔
คาํ นํา (ในการพิมพค รัง้ ท่ี ๑) 1
3
ภาค 1 พจนานุกรมพทุ ธศาสตร หมวดธรรม 8
คําช้ีแจงการใชพ จนานุกรมหมวดธรรม 9
อักษรยอชื่อคมั ภรี 10
Abbreviations of Scriptures 17
สารบัญหมวดธรรม 22
สารบญั ประเภทธรรม 57
ดัชนคี น คาํ 60
เอกกะ หมวด 1 84
ทุกะ หมวด 2 113
ตกิ ะ หมวด 3 162
จตุกกะ หมวด 4 189
ปญจกะ หมวด 5 204
ฉักกะ หมวด 6 215
สัตตกะ หมวด 7 221
อฏั ฐกะ หมวด 8 229
นวกะ หมวด 9 249
ทสกะ หมวด 10 292
อติเรกทสกะ หมวดเกิน 10
Index of Pàli Terms 311
313
ภาค 2 พจนานุกรมพุทธศาสตร ไทย–อังกฤษ 314
คํานาํ (ในการพมิ พค รง้ั ท่ี 1) 316
คาํ ชี้แจง 316
อักษรยอและเครือ่ งหมาย 317
เทียบอกั ษรโรมันที่ใชเขยี นบาลี
พจนานกุ รม ก–โอ 363
365
ภาค 3 พจนานกุ รมพุทธศาสตร อังกฤษ–ไทย
พจนานุกรม A–Z 382
Appendix
ภาค 1
พจนานกุ รมพุทธศาสตร
หมวดธรรม
Part I
Dictionary of
Numerical Dhammas
คาํ ชีแ้ จงการใชพ จนานกุ รมหมวดธรรม
ก. หลกั การในการรวบรวมธรรม
1. หมวดธรรม คอื หลกั ธรรมทแ่ี สดงไวโดยมจี ํานวนหวั ขอเปนชดุ ๆ ชดุ หนง่ึ ๆ เรยี กวาหมวดธรรมหนึง่ ๆ
หมวดธรรมเหลานี้เปนคาํ สอนในพระพุทธศาสนาเพียงสว นหน่ึงเทาน้ัน นอกจากคําสอนประเภทหมวด
ธรรมแลว ยงั มคี าํ สอนประเภทคาถาภาษิต ธรรมกถา และโอวาทานศุ าสนีตางๆ อีกเปนอนั มาก ผูท่ี
ตองการรูจักพระพุทธศาสนาอยางกวา งขวางท่ัวถงึ จึงควรศึกษาคําสอนประเภทอ่นื ๆ นอกจากหมวด
ธรรมดวย อยางไรกด็ ี การศกึ ษาหมวดธรรมเหลา น้นี บั วา สําคญั และมีประโยชนอยา งมาก เพราะเปน คํา
สอนประเภทประมวลขอ สรุป มอี รรถกวา งขวาง และถกู ยกขึ้นอาง หรือเปนขอ ปรารภในการแสดงคํา
สอนประเภทอน่ื ๆ อยูเนอื งๆ
2. หมวดธรรมมอี ยมู ากมาย แตเ ฉพาะทแ่ี สดงในหนงั สอื นี้ ไดค ดั เลอื กและรวบรวมไวเ พยี งสว นหนง่ึ โดยถอื
หลักเกณฑท่ีสาํ คญั คือ
1) มุงเอาหมวดธรรมท่ีมาในพระไตรปฎกโดยตรงเปนพ้ืน สวนท่ีมาในคัมภีรอ่ืนพยายามจาํ กัดเฉพาะ
คัมภีรส าํ คญั ในระดับรองลงมา ทีน่ ยิ มนับถอื ใชศ ึกษาและอางอิงกันอยทู ว่ั ไปในวงการศึกษาพระ
พุทธศาสนา
2) มุงเอาหมวดทแ่ี สดงหลกั ธรรมโดยตรง ใหส มกบั ชื่อทเ่ี รยี กวา “หมวดธรรม” หลีกเลี่ยงหมวดที่เปน
เพยี งเกรด็ ความรู หรอื คาํ แถลงเรอ่ื งราวอนื่ ๆ เวน แตจ ะเปน เรอื่ งทสี่ มั พนั ธก บั หลกั ธรรมอยา งใกลช ดิ
3) คดั เอาเฉพาะหมวดธรรมทค่ี วรรูหรือที่ตองรู โดยฐานเปนหลักสําคญั ของพระพุทธศาสนาบา ง เปน
หลักทเ่ี หน็ วานา รูและมปี ระโยชนมากบาง เปน หลักที่ใชหรืออา งอิงอยเู สมอ หรือรูจกั กันอยูท ั่วไปบาง
เปนหลกั ทท่ี า นกาํ หนดใหเรียนในหลักสตู รการศึกษาพระพทุ ธศาสนาระบบตา งๆ ในประเทศไทยบาง
ข. การจดั ลาํ ดบั
3. การจดั ลําดบั หมวดธรรม
– จัดตามลําดับเลขจํานวนกอน รวมหมวดธรรมที่มีจํานวนหัวขอเทากันเขาไวเปนกลุมเดียวกันเรียง
จากกลุมที่มีจํานวนนอยไปหากลุมท่มี จี ํานวนมากตามลําดบั เปน หมวด 1 หมวด 2 หมวด 3 ฯลฯ
จนถงึ หมวดเกนิ สิบ
– ในหมวดเลขเดยี วกัน เรียงตามลาํ ดับอักษร ตามอกั ขรวธิ ีในภาษาไทย
1) หมวดธรรมท่ีมีลาํ ดับอักษรหางกัน แตเปนเร่ืองที่เกี่ยวพันหรือควบคูกัน เมื่อถึงลาํ ดับอักษรของ
หมวดหนง่ึ แลว นาํ อีกหมวดหนง่ึ มาตอ ในลาํ ดับถดั ไปทนั ทโี ดยไมคาํ นงึ ถึงลําดบั อกั ษร เชน [67]
กศุ ลมลู 3, [68] อกศุ ลมลู 3; [80] ทจุ รติ 3, [81] สจุ รติ 3 เปน ตน
2) หมวดธรรมทีม่ เี ลขจาํ นวนตางกัน แตเ ปน เร่อื งอยางเดยี วกนั อาจจัดเรียงรวมไวใ นหมวดเลขเดียว
กัน ตอกันไป โดยไมค าํ นงึ ถึงลําดับเลขหมวด ในกรณีเชนน้ี จะถอื หมวดธรรมท่ีสาํ คญั หรอื รูจ ักกนั
มากเปนหลัก เชน [303] พทุ ธคณุ 9, [304] พทุ ธคณุ 2, [305] พทุ ธคณุ 3, [306] ธรรมคณุ 6,
[307] สงั ฆคณุ 9 เปน ตน
ในกรณีของขอยกเวน 2 ขอน้ี หมวดธรรมทผ่ี ิดลําดบั ใหถอื เปน หมวดธรรมพว ง ไมกระทบกระเทอื นตอ
4
ลําดับอักษรตามปกติ ซ่ึงจะจัดตอไปจากหมวดธรรมที่อยูขางหนา นอกจากน้ัน หมวดธรรมท่ี
ผิดลําดับเหลาน้ี จะมีชื่อเรียงอยูในตําแหนงที่เปนลําดับตามปกติของมันเองอีกสวนหน่ึงดวย แตใน
ตําแหนงปกตนิ นั้ จะไมน ับเลขลาํ ดับ (ในวงเลบ็ สาํ หรับใสเลขลาํ ดบั จะใสร ูป , ไวแทนชอ งวา ง) และไมม ี
รายละเอยี ด มเี พียงคาํ อา งบอกตําแหนงที่จะพึงคน ตอ ไป ซึง่ ชว ยโยงถงึ กันใหผ ูใชห นังสือคนหาไดโดย
สะดวกจากทกุ ดา น
ตวั อยา ง: [,,] สจุ รติ 3 ดู [81] สจุ รติ 3
[,,] พทุ ธคณุ 2 ดู [304] พทุ ธคณุ 2
สจุ รติ 3 เปน ชอ่ื ของธรรมหมวดท่ีเปน คปู ฏปิ ก ษกบั ทจุ รติ 3 จึงนาํ ไปเรยี งไวตอ จากหมวด ทจุ รติ 3
เน่ืองจากอกั ษร ท อยกู อนอักษร ส
สว น พทุ ธคณุ 2 อยใู นกลุมเดยี วกบั พทุ ธคณุ 9 แตมจี ํานวนตางกนั จงึ นาํ ไปเรียงไวตอจากหมวด
พทุ ธคณุ 9 อันเปน หมวดธรรมทีถ่ ือเปน หลกั
4. หมวดธรรมทม่ี หี ลายชอื่ ถอื เอาชอื่ ทมี่ าในบาลเี ปน หลกั ใหร ายละเอยี ดไวท เ่ี ดยี ว แตช อ่ื อนื่ ๆ กเ็ รยี งไวใ น
ตาํ แหนงท่ีถูกตองตามลาํ ดบั อกั ษรและลาํ ดบั เลขหมวดดว ย โดยไมน บั เลขลาํ ดบั และไมม รี ายละเอยี ด
เพยี งใสเ ครอื่ งหมาย , ไวใ นวงเลบ็ ขา งหนา และมคี าํ อา งบอกตาํ แหนง ชอื่ ทม่ี รี ายละเอยี ดอนั พงึ จะคน ตอ ไป
เปน การเชอื่ มโยงถงึ กนั ใหค น ไดจ ากทกุ ดา น
ตวั อยา ง: [,,,] สมบตั ขิ องอบุ าสก 7 ดู [260] อบุ าสกธรรม 7
สมบตั ิของอบุ าสก 7 กับ อบุ าสกธรรม 7 เปนชื่อของธรรมหมวดเดยี วกนั แสดงรายละเอียดเฉพาะ
ที่ อบุ าสกธรรม 7 แหงเดยี ว สวนช่อื สมบตั ขิ องอบุ าสก 7 ไดเ รียงไวด ว ย แตใหดูรายละเอียดท่ี
อบุ าสกธรรม 7
5. ตัวเลขท่ีอา งองิ ในหนังสอื นีท้ ั้งหมด หมายถงึ เลขลาํ ดับ (คือเลขขอ) ของหมวดธรรม ไมใชเลขหนา เวน
แตจะมคี าํ บอกกาํ กับไวเปนอยา งอื่น
อนึ่ง ในเน้อื หนงั สือ ใชตวั เลขอารบิกทัง้ หมด เพื่อใหผ ใู ชภ าคภาษาอังกฤษสามารถใชประโยชน
รวมดวยโดยสะดวก
ค. ความหมายและคาํ อธบิ าย
6. หนังสือน้ีไมใชหนังสืออธิบายธรรมจําเพาะอยา ง แตเปนหนงั สืออางองิ วา ดวยหลกั ธรรมทั่วไป จําตอง
สงวนเนอ้ื ท่ี และแสดงอรรถาธบิ ายท่ีกระชับรัดกุม จึงพยายามหลีกเล่ยี งการอธิบาย แสดงไวแ ตเพยี ง
คาํ จาํ กัดความและความหมายเปน สําคญั
1) ภาคภาษาไทย: ความหมายมกั แสดงไวหลายๆ นยั เพ่อื เสริมความเขาใจใหชดั ข้นึ และเพือ่ เลือกใช
ไดอ ยางเหมาะสมแกก รณี
ขอ ธรรมบางขอมีคาํ แปลโดยพยญั ชนะ ในกรณเี ชนนี้ ความหมายที่เปนคําแปลโดยพยญั ชนะน้ัน
จะถูกเรียงไวก อนความหมายอ่ืน
ความหมายทีแ่ สดงไวหลายนยั มกั มีทง้ั ความหมายอยางส้นั และความหมายอยา งยาว ท้ังน้ีมงุ
เพอ่ื ประโยชนทง้ั ในทางความเขา ใจและในการใชงาน
ขอธรรมบางอยา งจาํ เปน ตองอธิบาย เพอ่ื ใหเ ขาใจชดั เจน ในกรณเี ชน นีไ้ ดพยายามอธบิ ายใหส้ัน
5
ท่สี ดุ โดยทําเปนไขความออกจากความหมายของขอ ธรรมน้นั ๆ และใหครอบคลมุ เนอื้ หาสมบรู ณในตวั
เสรจ็ ส้นิ ไปในแตล ะขอ ไมใ ชวิธีอธิบายรวมทัง้ หมด แตถ ามขี อ สังเกตหรอื คาํ ช้แี จงกวา งๆ สําหรบั ทัง้
หมวดก็ไดนําไปเขียนไวในตอนทายของหมวดธรรมน้ัน หมวดธรรมท่ีตองอธิบายพึงเห็นตัวอยางเชน
[85] ธรรม 3, [107] วโิ มกข 3, [285] วสิ ทุ ธิ 7, [311] วปิ ส สนาญาณ 9 เปน ตน
2) ภาคภาษาอังกฤษ: ความหมายในภาษาอังกฤษมุงเพียงใหเปนสวนประกอบสําหรับชวยเหลือ
นกั ศกึ ษาในการศกึ ษาคน ควา ใหก วา งขวางออกไป หรอื เปนสอ่ื ถา ยทอดความรูเ ทานั้น ไมไ ดม งุ ใหเ ปน
หลกั ของหนงั สือน้ี โดยปกตใิ นภาคภาษาอังกฤษจะไมมคี าํ อธิบายเลย มีเพยี งความหมายส้ันๆ ซึ่งโดย
มากเปนความหมายในรูปคําแปล
ขอธรรมใดมีคําแปลหรือความหมายในภาษาอังกฤษท่ีใชกันลงยุติแลวหรือนิยมใชกันแพรหลาย
ในหมนู กั ศกึ ษาพระพทุ ธศาสนาแลว ก็ไดนําเอาคาํ แปลหรือความหมายนั้นมาลงไว โดยถือเปน อิสระจาก
ความหมายในภาคภาษาไทย สว นขอ ธรรมใดความหมายในภาษาองั กฤษยังมปี ญ หา ไมเปน ท่ยี ตุ ิหรือยงั
ไมสูเปน ทร่ี ูจักท่ัวไป กไ็ ดพยายามตรวจสอบ เลอื กสรร หรือคน หาคํามาใชใ หต รงกบั ความเขา ใจในภาค
ภาษาไทยใหมากทส่ี ุด
คําแปลและความหมายขอ ธรรมตางๆ ในภาคภาษาอังกฤษสว นมาก ไมต รงกับคําแปลหรอื ความ
หมายทีใ่ ชในพระไตรปฎ กแปลฉบับภาษาอังกฤษของสมาคมบาลปี กรณ (The Pali Text Society) ท้ัง
น้ีเพราะไดมีการคิดคนสรรหาคําแปลศัพทธรรมตางๆ ในหมูนักปราชญนักศึกษาพระพุทธศาสนา
กาวหนาตอ มาอกี มากภายหลังเวลาที่พิมพพระไตรปฎกแปลฉบับภาษาองั กฤษนนั้ แลว
อน่งึ คาํ บาลอี ักษรโรมันในวงเล็บตอ ทา ยช่อื หมวดธรรม หรือขอธรรมนนั้ ๆ ไดแสดงไว โดยมงุ ให
ผใู ชรูจกั รปู เดิมของศพั ทน ้ันๆ ในภาษาบาลี ถา เปนคาํ สมาสคอื มหี ลายคาํ ประกอบกนั ก็มงุ ใหก ําหนด
แยกไดง ายวา มีคาํ อะไรประกอบอยูบางเทานั้น มไิ ดมงุ แสดงรปู ที่ใชจรงิ ในประโยคภาษาบาลี ดงั นน้ั
ก) ทีใ่ ดตองการใหเ หน็ รูปศพั ทของคําท่มี าประกอบกนั กจ็ ะใสย ตั ภิ ังค หรือ hyphen (-) แทรกไว
ใหดูงา ย ท่ใี ดเห็นวาเปน คาํ ทใ่ี ชร วมกันเปนปกติ กไ็ มแยก
ข) เม่ือแยกคาํ โดยใชยัตภิ ังคแ ลว กไ็ มเ ติมพยัญชนะซอน (สงั โยค) ตามหลกั สนธิ
ตวั อยา ง: ขันธ 5 หรือ เบญจขันธ บาลเี ปน ปฺจกขฺ นธฺ ประกอบดวย ปจฺ + ขนฺธ ถา เขยี นเปนคํา
บาลอี ักษรโรมัน ตามทใี่ ชจ ริงในประโยค ก็เปน Pa¤cakkhandha คอื เขียนตดิ ตอกนั และมีพยญั ชนะ
ซอน ไดแ ก k แทรกเขา มา แตในพจนานกุ รมฯ นเ้ี ขียนใหผูศ ึกษากําหนดแยกไดงา ย เปน Pa¤ca-
khandha
สงั วรปธาน บาลนี ิยมเขยี นเปน สวํ รปฺปธาน ประกอบดว ย สวํ ร + ปธาน ถา เขียนเปน คาํ บาลี
อักษรโรมัน ตามทีใ่ ชในประโยค กเ็ ปน Sa§varappadhàna แตในพจนานุกรมฯ นีเ้ ขยี นเปน Sa
§vara-padhàna
นอกจากน้ี ขอ ความหรอื ถอยคํา ที่อยูใ นชุดเดยี วกัน หรือเปน เรือ่ งทาํ นองเดียวกัน และเรียงอยู
ตอเนอ่ื งกัน ถามีสวนทีซ่ า้ํ ตรงกัน อาจใชเครือ่ งหมาย tilde (~) แทนความหรอื คาํ สว นหรือทอ นท่ซี ้าํ ตรง
กันน้นั เพอื่ ประหยดั เน้อื ท่ี และชว ยไมใหด ลู านตา เชน A¤¤asamàna-cetasika; Pakiõõaka-~;
Akusala-~ พึงทราบและนําไปใชในรูปท่ีเปนคําเต็มวา A¤¤asamàna-cetasika; Pakiõõaka-
cetasika; Akusala-cetasika ดงั นเี้ ปน ตน (หลกั ขอนีน้ ํามาใชก ับพากยภาษาไทยดว ยบาง เชน ความ
หวัง, ~ใฝหา หมายถงึ คาํ เต็มวา ความหวงั , ความใฝหา)
6
ง. ทมี่ าของหมวดธรรม
7. หมวดธรรมสวนมากมีท่ีมาหลายแหง ถาเปนหมวดธรรมพนื้ ๆ ไมจาํ เปน ตอ งคน หาคําอธิบายแปลกๆ
ออกไป ไดแ สดงทมี่ าไวแ ตพอเปนตวั อยาง ถา เปน หมวดธรรมที่ชวนใหค นหาคาํ อธิบายเทยี บเคยี งอยา ง
กวางขวาง ไดแ สดงที่มาไวหลายแหง หมวดธรรมบางหมวดหาที่มายาก ไดพ ยายามนํามาแสดงไวเทา ที่
จะหาได อยางไรกต็ าม ในการพิมพค รัง้ แรก คงจะบกพรองในเรอ่ื งน้ีบาง เพราะบางหมวดทที่ ําในระยะ
แรก ยงั ไมไดคํานงึ ถึงความมุงหมายขอ น้ี คดิ แตเ พยี งจะแสดงท่ีมาพอเปน ตัวอยา งเทา น้นั
ในกรณมี ที ี่มามากมายหลายแหง ทง้ั ในพระไตรปฎ กและคัมภีรรุนหลงั ถอื เอาพระไตรปฎ กเปน
หลัก สวนทม่ี าในคมั ภรี รนุ หลังมอี รรถกถาเปน ตน ถาไมม เี หตุผลสมควร อาจไมแ สดงไวเลย เพราะถอื
เปน การเกนิ จาํ เปน
8. ท่ีมาท้ังหลายไดแสดงไวท้ังฝายภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เพื่อสะดวกแกนกั ศึกษาและนกั คนควาโดย
ท่วั ไป ผูใ ชควรสงั เกตดวยวา ทีม่ าใดเปนคมั ภรี ในพระไตรปฎ กหรือคัมภีรส มัยหลัง เพ่ือจะไดรจู กั หวั ขอ
ธรรมตา งๆ อยางถูกตอ งชัดเจนยง่ิ ข้นึ เฉพาะทม่ี าในพระไตรปฎ ก ฝายภาษาไทยหมายเอาพระไตรปฎก
บาลีอักษรไทย ฉบับสยามรัฐ ชุด 45 เลมจบ การอางใชร ะบบ เลม/ขอ/หนา
ตวั อยา ง: ข.ุ อติ .ิ 25/195/237 = ขุททฺ กนิกาย อิตวิ ุตตฺ ก พระไตรปฎกเลม 25 ขอ 195 หนา 237
การอางท่ีมาโดยระบบนี้ชวยอํานวยความสะดวกแกผูมีพระไตรปฎกฉบับแปลภาษาไทย 25
พทุ ธศตวรรษ สามารถใชร วมไดด วย โดยเฉพาะฉบบั ทก่ี รมการศาสนาจัดพมิ พใ หม มี 45 เลมจบ เลข
เลม และเลขขอตรงกนั ใชรว มกันได แปลกเฉพาะเลขหนาซึ่งใชกนั ไมไ ด (ความจริง การอางแตเลม กบั ขอ
เทานน้ั กเ็ พยี งพออยแู ลว)
พระไตรปฎ กฝายภาษาองั กฤษ หมายเอาฉบบั บาลอี ักษรโรมนั ของสมาคมบาลีปกรณ (The Pali
Text Society) ในประเทศองั กฤษ ระบบการอางใชอยา งท่นี ยิ มกนั ท่วั ไป
อกั ษรยอบอกชื่อคัมภีรทม่ี าตางๆ และคมั ภรี ใดอยูในพระไตรปฎ กหรอื เปนคัมภรี ส มยั หลงั ไดท าํ
บัญชีไวเ ปน สวนหนงึ่ ตางหากแลว ท้ังฝายภาษาไทยและภาษาอังกฤษ [ดหู นา 7–10]
จ. สารบญั และดชั นี
9. นอกจากสารบัญทั่วไป แลว ในหนงั สือนี้ยังมีสารบัญละเอียดและดัชนีตา งๆ อีก เพอ่ื ชว ยใหการศึกษา
คนควาหลักธรรมสะดวกและไดผลดีย่ิงข้ึน สารบัญและดัชนที ้งั หลายจัดทาํ ไวเพ่อื สนองความมงุ หมาย
ตา งๆ ดังนี้
1) สารบญั หมวดธรรม แสดงหมวดธรรมทั้งหมดครบจาํ นวนและตรงตามลาํ ดบั ในหนงั สอื สารบญั นี้
จะชวยใหคนหาหมวดธรรมที่ประสงคไดสะดวกรวดเร็วยิ่งขึน้ และทาํ ใหส ามารถสาํ รวจเทียบเคียง
และเชอื่ มโยงหมวดธรรมตางๆ ไดง ายข้ึน
2) สารบญั ประเภทธรรม นาํ เอาหมวดธรรมท้ังหมดมาจดั รวมพวกใหม แยกเปนประเภทๆ ตามเน้ือ
หาและคณุ คาในการปฏิบตั ิ สารบัญนจี้ ัดทําไวอยา งเสนอแนะพอเปน แนว แตม ัน่ ใจวาจะเปนเครอื่ ง
ชวยในการศึกษาคนควา และเลอื กสรรหลกั ธรรมไปใชประโยชนไ ดเปน อยา งมาก
3) ดชั นคี น คาํ คือดัชนีทีจ่ ัดทาํ ไวทายพจนานกุ รมภาคท่ี 1 ทั้งหมด นาํ เอาขอธรรมทัง้ หมด ท้งั ทเ่ี ปน
หมวดธรรมซ่ึงมีเลขจํานวนตางๆ กันก็ดี หัวขอยอยทั้งหลายท่ีเปนสวนประกอบของหมวดธรรม
7
ตางๆ กด็ ี นาํ มาจัดเรยี งใหมต ามลาํ ดบั อกั ษรเปน ชุดเดยี วกนั ท้ังหมด พรอ มดว ยลําดับเลขหมวดทง้ั
ปวงทีจ่ ะพงึ คน หาขอ ธรรมน้นั ๆ ได ผทู ี่ทราบเพยี งชอื่ หมวดธรรมแตไ มท ราบจาํ นวนหัวขอ กด็ ี ผูที่
ทราบแตเพยี งขอ ยอยขอ ใดขอหนึง่ แตจ าํ ชอ่ื หมวดธรรมไมไ ดก ็ดี ผูท ่ตี อ งการศกึ ษาขอ ธรรมขอ ใดขอ
หน่ึงใหกวางขวางออกไปก็ดี ผูท่ีตองการทราบความหมายของศัพทธรรมคําใดคําหนึ่งโดยเฉพาะ
หรือตองการใชหนังสือน้ีอยางพจนานุกรมสามัญก็ดี ยอมใชดัชนีคนคําน้ีสนองความตองการได
สําเรจ็ ความประสงคอ ยางรวดเรว็
อนึ่ง คาํ บางคาํ เขยี นไดหลายอยาง แตใ นดชั นีคนคํา เรียงไวอ ยา งเดียว เชน จาตุมหาราชกิ า
(เขียน จาตมุ มหาราชกิ า กไ็ ด) ปุพเพนิวาสานสุ สตญิ าณ (เขยี น ปุพเพนิวาสานุสตญิ าณ หรอื
บุพเพนวิ าสานุสติญาณ ก็ได) พึงถือวา เปน รปู ท่ีถกู ตอ งดว ยกัน ตามหลักการเขยี นคําทเ่ี ปน ธรรม-
บญั ญตั ใิ นพจนานกุ รมฉบับราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. 2493 และ พ.ศ. 2525 เมือ่ พบคําทเ่ี ขียนในรูป
อนื่ ซ่งึ หาไมพ บในดชั นีคน คํา พึงเทียบเคยี งตามหลกั ภาษา ใหไ ดร ปู ทีค่ น ไดในดัชนคี น คํานี้
ในการพมิ พค รง้ั ที่ 4 (พ.ศ. 2527–2528) ไดย ายดัชนีคนคํามาไวต นเลม เพอ่ื ใหใ ชงายย่ิงขน้ึ และได
เพมิ่ ดัชนีคาํ บาลีอักษรโรมัน (Index of Pàli Terms) เขามา เพ่อื ประโยชนแกผ ูใ ชภาคภาษาองั กฤษ
เมือ่ ใชหนงั สือน้ี พึงใชส ารบญั และดัชนีตา งๆ ใหเ ปนประโยชนเ สมอ โดยเฉพาะควรใชเ ปนท่ปี รกึ ษา
อนั ดบั แรกกอ นส่งิ อื่น
อกั ษรยอ ชอ่ื คมั ภรี *
เรียงตามอักขรวธิ แี หง มคธภาษา
(ทพี่ ิมพต วั เอน คอื คัมภีรใ นพระไตรปฎก)
อง.ฺ อ. องคฺ ุตฺตรนิกาย อฏกถา (มโนรถปรู ณ)ี ขทุ ทฺ ก.อ. ขุททฺ กปา อฏ กถา (ปรมตฺถโชตกิ า)
อง.ฺ อฏก. องคฺ ุตตฺ รนกิ าย อฏกนปิ าต จริยา.อ. จรยิ าปฏ ก อฏ กถา (ปรมตถฺ ทปี น)ี
อง.ฺ เอก. องฺคุตฺตรนกิ าย เอกนิปาต ชา.อ. ชาตกฏกถา
อง.ฺ เอกาทสก. องฺคุตตฺ รนกิ าย เอกาทสกนิปาต เถร.อ. เถรคาถา อฏ กถา (ปรมตฺถทีปน)ี
องฺ.จตุกฺก. องฺคตุ ฺตรนิกาย จตกุ กฺ นปิ าต เถรี.อ. เถรคี าถา อฏ กถา (ปรมตถฺ ทีปน)ี
องฺ.ฉกฺก. องฺคตุ ฺตรนกิ าย ฉกกฺ นปิ าต ที.อ. ทีฆนิกาย อฏ กถา (สมุ งฺคลวลิ าสิน)ี
อง.ฺ ตกิ . องฺคุตฺตรนิกาย ตกิ นปิ าต ที.ปา. ทีฆนิกาย ปาฏิกวคฺค
องฺ.ทสก. องฺคตุ ตฺ รนกิ าย ทสกนปิ าต ท.ี ม. ทีฆนกิ าย มหาวคฺค
อง.ฺ ทุก. องฺคตุ ตฺ รนกิ าย ทุกนิปาต ที.สี. ทีฆนิกาย สีลกฺขนฺธวคคฺ
อง.ฺ นวก. องคฺ ตุ ฺตรนิกาย นวกนปิ าต ธ.อ. ธมมฺ ปทฏ กถา
อง.ฺ ปจฺ ก. องคฺ ตุ ฺตรนิกาย ปจฺ กนปิ าต นิท.ฺ อ. นิทฺเทส อฏกถา (สทฺธมฺมปชโฺ ชติกา)
อง.ฺ สตฺตก. องคฺ ุตตฺ รนกิ าย สตฺตกนิปาต ปจฺ .อ. ปฺจปกรณ อฏกถา (ปรมตถฺ ทีปนี)
อป.อ. อปทาน อฏ กถา (วสิ ทุ ฺธชนวลิ าสินี) ปฏสิ .ํ อ. ปฏสิ มภฺ ทิ ามคคฺ อฏ กถา (สทธฺ มมฺ ปกาสนิ )ี
อภ.ิ ก. อภธิ มฺมปฏก กถาวตถฺ ุ เปต.อ. เปตวตฺถุ อฏ กถา (ปรมตถฺ ทีปน)ี
อภ.ิ ธา. อภธิ มฺมปฏก ธาตกุ ถา พุทธฺ .อ. พทุ ธฺ วํส อฏ กถา (มธุรตถฺ วลิ าสินี)
อภ.ิ ป. อภิธมฺมปฏก ปฏาน ม.อ. มชฌฺ มิ นกิ าย อฏกถา (ปปจฺ สูทน)ี
อภิ.ป.ุ อภิธมมฺ ปฏก ปคุ คฺ ลปฺ ตฺติ ม.อุ. มชฺฌมิ นกิ าย อุปรปิ ณฺณาสก
อภิ.ยมก. อภิธมฺมปฏ ก ยมก ม.ม. มชฌฺ มิ นิกาย มชฌฺ ิมปณฺณาสก
อภิ.วิ. อภธิ มมฺ ปฏ ก วภิ งคฺ ม.ม.ู มชฺฌมิ นกิ าย มูลปณณฺ าสก
อภ.ิ ส.ํ อภิธมฺมปฏ ก ธมมฺ สงคฺ ณี มงฺคล. มงคฺ ลตฺถทีปนี
อิติ.อ. อิตวิ ุตตฺ ก อฏ กถา (ปรมตถฺ ทปี นี) มลิ ินฺท. มลิ นิ ทฺ ปฺหา
อุ.อ.,อทุ าน.อ. อุทาน อฏกถา (ปรมตถฺ ทปี น)ี วนิ ย. วินยปฏ ก
ขุ.อป. ขุททฺ กนกิ าย อปทาน วินย.อ. วนิ ย อฏกถา (สมนตฺ ปาสาทิกา)
ข.ุ อิต.ิ ขทุ ทฺ กนิกาย อิติวตุ ฺตก วินย.ฏกี า วนิ ยฏกถา ฏกี า (สารตถฺ ทปี นี)
ขุ.อุ. ขุทฺทกนกิ าย อทุ าน วิภงฺค.อ. วิภงฺค อฏ กถา (สมฺโมหวโิ นทนี)
ข.ุ ข.ุ ขทุ ฺทกนิกาย ขทุ ทฺ กปา วมิ าน.อ. วิมานวตถฺ ุ อฏกถา (ปรมตฺถทปี น)ี
ขุ.จรยิ า. ขุททฺ กนกิ าย จริยาปฏก วสิ ุทธฺ .ิ วสิ ุทฺธมิ คฺค
ข.ุ จ.ู ขุทฺทกนิกาย จฬู นิทฺเทส วสิ ทุ ฺธิ.ฏกี า วิสทุ ฺธมิ คคฺ มหาฏีกา (ปรมตฺถมชฺ ุสา)
ข.ุ ชา. ขทุ ฺทกนกิ าย ชาตก สงคฺ ณี อ. สงคฺ ณี อฏกถา (อฏสาลนิ )ี
ขุ.เถร. ขุททฺ กนิกาย เถรคาถา สงคฺ ห. อภิธมฺมตถฺ สงคฺ ห
ขุ.เถร.ี ขุทฺทกนกิ าย เถรคี าถา สงคฺ ห.ฏีกา อภธิ มมฺ ตถฺ สงคฺ ห ฏกี า (อภธิ มมฺ ตถฺ วภิ าวนิ )ี
ข.ุ ธ. ขทุ ทฺ กนิกาย ธมมฺ ปท ส.ํ อ. สยํ ตุ ตฺ นิกาย อฏ กถา (สารตถฺ ปกาสินี)
ขุ.ปฏิ. ขทุ ทฺ กนกิ าย ปฏิสมภฺ ทิ ามคฺค ส.ํ ข. สยํ ุตฺตนกิ าย ขนฺธวารวคฺค
ข.ุ เปต. ขุททฺ กนกิ าย เปตวตถฺ ุ ส.นิ. สํยุตฺตนิกาย นทิ านวคคฺ
ข.ุ พทุ ฺธ. ขทุ ฺทกนกิ าย พุทฺธวํส ส.ม. สยํ ุตตฺ นกิ าย มหาวารวคฺค
ข.ุ ม.,ข.ุ มหา. ขุทฺทกนิกาย มหานิทฺเทส ส.ส. สํยุตตฺ นกิ าย สคาถวคฺค
ข.ุ วมิ าน. ขุทฺทกนกิ าย วมิ านวตถฺ ุ ส.ํ สฬ. สํยุตตฺ นกิ าย สฬายตนวคฺค
ข.ุ ส.ุ ขุทฺทกนกิ าย สตุ ตฺ นปิ าต สตุ ฺต.อ. สุตตฺ นิปาต อฏกถา (ปรมตฺถโชตกิ า)
___________________
*คัมภีรช ้ันฎกี าแสดงไวขา งตน เฉพาะทีใ่ ชก นั อยูในวงการศึกษาภาษาบาลีในประเทศไทย สว นทนี่ อกจากนี้ไมแสดงไว พึงเขา ใจ
เอง ตามแนววิธใี นการใชอักษรยอ สําหรบั อรรถกถา ท่ีนาํ อ. ไปตอ ทา ยอักษรยอ ของคมั ภรี ใ นพระไตรปฎ ก เชน ที.อ., ม.อ., ส.ํ อ.
เปน ตน (ในกรณีของฎกี า กน็ ํา ฏ.ี หรือ ฏีกา ไปตอ เปน ท.ี ฏ.ี หรอื ท.ี ฏกี า เปน ตน )
Abbreviations of Scriptures
(in italics are canonical works)
A. Aïguttaranikàya (5 vols.) Pañ. Paññhàna (Abhidhamma)
AA. Aïguttaranikàya Aññhakathà PañA. Paññhàna Aññhakathà
(Paramatthadãpanã)
(Manorathapåraõã) Ps. Pañisambhidàmagga
Ap. Apadàna (Khuddakanikàya) (Khuddakanikàya)
ApA. Apadàna Aññhakathà PsA. Pañisambhidàmagga Aññhakathà
(Saddhammapakàsinã)
(Visuddhajanavilàsinã) Ptk. Peñakopadesa
Bv. Buddhava§sa (Khuddakanikàya) Pug. Puggalapa¤¤atti (Abhidhamma)
BvA. Buddhava§sa Aññhakathà PugA. Puggalapa¤¤atti Aññhakathà
(Paramatthadãpanã)
(Madhuratthavilàsinã) Pv. Petavatthu (Khuddakanikàya)
Comp. Compendium of Philosophy PvA. Petavatthu Aññhakathà
(Paramatthadãpanã)
(Abhidhammatthasaïgaha) S. Sa§yuttanikàya (5 vols.)
Cp. Cariyàpiñaka (Khuddakanikàya) SA. Sa§yuttanikàya Aññhakathà
CpA. Cariyàpiñaka Aññhakathà (Sàratthapakàsinã)
Sn. Suttanipàta (Khuddakanikàya)
(Paramatthadãpanã) SnA. Suttanipàta Aññhakathà
D. Dãghanikàya (3 vols.) (Paramatthajotikà)
DA. Dãghanikàya Aññhakathà Thag. Theragàthà (Khuddakanikàya)
ThagA. Theragàthà Aññhakathà
(Sumaïgalavilàsinã) (Paramatthadãpanã)
DAò. Dãghanikàya Aññhakathà òãkà Thãg. Therãgàthà (Khuddakanikàya)
ThãgA. Therãgàthà Aññhakathà
(Lãnatthapakàsinã) (Paramatthadãpanã)
Dh. Dhammapada (Khuddakanikàya) Ud. Udàna (Khuddakanikàya)
DhA. Dhammapada Aññhakathà UdA. Udàna Aññhakathà
Dhtk. Dhàtukathà (Abhidhamma) (Paramatthadãpanã)
DhtkA. Dhàtukathà Aññhakathà Vbh. Vibhaïga (Abhidhamma)
VbhA. Vibhaïga Aññhakathà
(Paramatthadãpanã) (Sammohavinodanã)
Dhs. Dhammasaïgaõã (Abhidhamma) Vin. Vinaya Piñaka (5 vols.)
DhsA. Dhammasaïgaõã Aññhakathà VinA. Vinaya Aññhakathà
(Samantapàsàdikà)
(Aññhasàlinã) Vinò. Vinaya Aññhakathà òãkà
It. Itivuttaka (Khuddakanikàya) (Sàratthadãpanã)
ItA. Itivuttaka Aññhakathà Vism. Visuddhimagga
Vismò. Visuddhimagga Mahàñãkà
(Paramatthadãpanã) (Paramatthama¤jusà)
J. Jàtaka (including its Aññhakathà) Vv. Vimànavatthu (Khuddakanikàya)
Kh. Khuddakapàñha (Khuddakanikàya) VvA. Vimànavatthu Aññhakathà
KhA. Khuddakapàñha Aññhakathà (Paramatthadãpanã)
Yam. Yamaka (Abhidhamma)
(Paramatthajotikà) YamA. Yamaka Aññhakathà
Kvu. Kathàvatthu (Abhidhamma) (Paramatthadãpanã)
KvuA. Kathàvatthu Aññhakathà
(Paramatthadãpanã)
M. Majjhimanikàya (3 vols.)
MA. Majjhimanikàya Aññhakathà
(Papa¤casådanã)
Miln. Milindapa¤hà
Nd 1 Mahàniddesa (Khuddakanikàya)
Nd 2 Cåëaniddesa (Khuddakanikàya)
NdA. Niddesa Aññhakathà
(Saddhammapajjotikà)
Nett. Nettipakaraõa
สารบญั หมวดธรรม
เอกกะ – หมวด 1 [30] บูชา 2
[1] กลั ยาณมิตตตา [31] ปฏสิ นั ถาร 2
[2] โยนโิ สมนสิการ [32] ปธาน 2
[3] อปั ปมาทะ [33] ปริเยสนา 2
[34] ปจ จยั ใหเ กดิ สัมมาทิฏฐิ 2
ทุกะ – หมวด 2 [35] ปาพจน 2
[4] กรรม 2 [,,] พุทธคณุ 2 [304]
[,] กรรมฐาน 2 [36] [,,] พทุ ธคณุ 3 [305]
[5] กาม 2 [,,] ไพบลู ย 2 [44]
[6] กามคณุ 5 [36] ภาวนา 2
[7] ฌาน 2 [37] ภาวนา 4
[8] ฌาน 2 ประเภท [38] รูป 21, 28
[9] ฌาน 4, 5 [39] มหาภตู หรอื ภูตรูป 4
[10] ฌาน 8 [40] อปุ าทารูป หรอื อปุ าทายรูป 24
[11] ทาน 21 [41] รูป 22
[12] ทาน 22 [42] ฤทธิ์ 2
[13] ทิฏฐิ 2 [,,] โลกบาลธรรม 2 [23]
[14] ทฏิ ฐิ 3 [43] วิมตุ ติ 2
[15] ทสี่ ุด (อนั ตา) 2 [,,] เวทนา 2 [110]
[16] ทกุ ข 2 [44] เวปุลละ 2
[17] เทศนา 21 [45] สมาธิ 2
[18] เทศนา 22 [46] สมาธิ 31
[19] ธรรม 21 [47] สมาธิ 32
[20] ธรรม 22 [48] สงั ขาร 2
[21] ธรรม 23 [49] สงั คหะ 2
[22] ธรรม 24 [50] สัจจะ 2
[23] ธรรมคุมครองโลก 2 [51] สาสน หรือ ศาสนา 2
[24] ธรรมทําใหงาม 2 [52] สขุ 21
[,,] ธรรมท่ที รงเหน็ คณุ ประจักษ 2 [65] [53] สขุ 22
[,,] ธรรมเปน โลกบาล 2 [23] [54] สทุ ธิ 2
[25] ธรรมมีอปุ การะมาก 2 [,,] อรหันต 2 [61]
[26] ธรุ ะ 2 [55] อริยบุคคล 2
[27] นิพพาน 2 [56] อรยิ บุคคล 4
[28] บัญญตั ิ 2, 6 [57] อรยิ บคุ คล 8
[29] บุคคลหาไดยาก 2 [58] โสดาบนั 3
[59] สกทาคามี 3, 5 11
[60] อนาคามี 5
[61] อรหันต 2 [91] ปปญ จะ 3
[62] อรหนั ต 4, 5, 60 [92] ปรญิ ญา 3
[63] อรยิ บคุ คล 7 [,,] ปหาน 3 [224]
[64] อัตถะ 2 [93] ปญ ญา 3
[65] อุปญ ญาตธรรม 2 [94] ปาฏิหารยิ 3
[95] ปาปณิกธรรม 3
ติกะ – หมวด 3 [,,] ปฎก 3 [75]
[66] กรรม 3 [,,] พุทธคุณ 3 [305]
[67] กศุ ลมลู 3 [96] พุทธจรยิ า 3
[68] อกุศลมูล 3 [97] พุทธโอวาท 3
[69] กุศลวติ ก 3 [98] ภพ 3
[70] อกุศลวติ ก 3 [99] ภาวนา 3
[71] โกศล 3 [100] รตั นตรัย
[72] ญาณ 31 [101] ลัทธินอกพระพทุ ธศาสนา 3
[73] ญาณ 32 [102] โลก 31
[74] ตัณหา 3 [103] โลก 32
[75] ไตรปฎก [104] โลก 33
[,,] ไตรรตั น [100] [105] วฏั ฏะ 3 หรือ ไตรวฏั ฏ
[76] ไตรลกั ษณ [106] วิชชา 3
[,,] ไตรสกิ ขา [124] [,,,] วปิ ล ลาส 3 ระดบั [178]
[77] ทวาร 3 [107] วิโมกข 3
[78] ทวาร 6 [108] วิรตั ิ 3
[,,] ทิฏฐิ 3 [14] [109] วิเวก 3
[79] ทกุ ขตา 3 [110] เวทนา 2
[80] ทจุ รติ 3 [111] เวทนา 3
[81] สจุ ริต 3 [112] เวทนา 5
[82] เทพ 3 [113] เวทนา 6
[83] เทวทตู 3 [114] สมบัติ 31
[,,] เทวทูต 4 [150] [115] สมบตั ิ 32 หรือ ทานสมบตั ิ 3
[84] เทวทูต 5 [,,,] สมาธิ 3 [46], [47]
[85] ธรรม 3 [116] สรณะ 3 หรือ ไตรสรณะ
[86] ธรรมนยิ าม 3 [117] สังขตลักษณะ 3
[87] นิมิต หรอื นมิ ิตต 3 [118] อสงั ขตลกั ษณะ 3
[88] บุญกริ ิยาวัตถุ 3 [119] สงั ขาร 31
[89] บุญกิริยาวัตถุ 10 [120] สงั ขาร 32
[90] บตุ ร 3 [121] สทั ธรรม 3
[122] สันโดษ 3, 12
[123] สัปปุริสบญั ญัติ 3
[,,,] สามัญลกั ษณะ 3 [76] 12
[124] สิกขา 3 หรอื ไตรสิกขา
[,,,] สุจริต 3 [81] [147] ธาตุกัมมฏั ฐาน 4
[,,,] โสดาบัน 3 [58] [148] ธาตุ 6
[,,,] อกุศลมูล 3 [68] [149] ธาตกุ มั มฏั ฐาน 6
[,,,] อกศุ ลวิตก 3 [70] [150] นมิ ติ 4
[125] อธปิ ไตย 3 [151] บรษิ ัท 41
[126] อนตุ ตรยิ ะ 3 [152] บริษทั 42
[127] อนตุ ตริยะ 6 [153] บคุ คล 4
[128] อปณณกปฏปิ ทา 3 [154] ปฏิปทา 4
[129] อภิสังขาร 3 [155] ปฏสิ มั ภทิ า 4
[130] อคั คิ 31 [156] ปธาน 4
[131] อคั คิ 32 หรอื อัคคิปารจิ ริยา [157] ปรมตั ถธรรม 4
[132] อัตถะ หรอื อรรถ 31 [158] ประมาณ หรอื ปมาณิก 4
[133] อตั ถะ หรอื อรรถ 32 [159] ปจจยั 4
[134] อาการท่ีพระพุทธเจาทรงส่งั สอน 3 [,,,] ปญญาวฒุ ธิ รรม 4 [179]
[135] อาสวะ 3 [160] ปาริสทุ ธิศีล 4
[136] อาสวะ 4 [,,,] ผล 4 [165]
[,,,] โอวาทของพระพทุ ธเจา 3 [97] [,,,] พร 4 [227]
[161] พรหมวหิ าร 4
จตุกกะ – หมวด 4 [,,,] พละ 4 [229]
[137] กรรมกิเลส 4 [,,,] พทุ ธลีลาในการสอน 4 [172]
[,,,] กลั ยาณมิตร 4 [169] [,,,] ภาวนา 4 [37]
[,,,] กิจในอรยิ สจั จ 4 [205] [,,,] ภาวติ 4 [37]
[138] กลุ จิรัฏฐติ ิธรรม 4 [162] ภมู ิ 4
[139] ฆราวาสธรรม 4 [163] โภควภิ าค 4
[140] จักร 4 [164] มรรค 4
[141] เจดีย 4 [165] ผล 4
[,,,] ฌาน 4 [9] [166] มหาปเทส 41
[142] ถูปารหบคุ คล 4 [167] มหาปเทส 42
[143] ทกั ขิณาวิสทุ ธิ 4 [168] มติ รปฏริ ปู ก หรือ มติ รเทียม 4
[,,,] ทรัพยจัดสรรเปน 4 สว น [163] [169] สุหทมิตร หรอื มิตรแท 4
[144] ทฏิ ฐธมั มิกัตถสงั วตั ตนกิ ธรรม 4 [170] โยคะ 4
[,,,] เทวทูต 4 [150] [171] โยนิ 4
[,,,] ธรรมมีอปุ การะมาก 4 [140] [,,,] ราชสังคหวัตถุ 4 [187]
[,,,] ธรรมเปนเหตใุ หสมหมาย 4 [191] [172] ลีลาการสอน 4
[145] ธรรมสมาทาน 4 [173] วรรณะ 4
[146] ธาตุ 4 [174] วธิ ีปฏบิ ัติตอทุกข–สุข 4
[175] วบิ ัติ 41
[176] วิบตั ิ 42
13
[177] สมบตั ิ 4 [209] อวชิ ชา 8
[178] วิปลลาส หรือ วิปลาส 4 [210] อันตรายของภิกษสุ ามเณรผบู วชใหม 4
[179] วฒุ ิ หรอื วฒุ ิธรรม 4 [,,,] อปั ปมญั ญา 4 [161]
[180] เวสารชั ชะ หรือ เวสารชั ชญาณ 4 [211] อาจารย 4
[181] ศรัทธา 4 [,,,] อาสวะ 4 [136]
[182] สตปิ ฏ ฐาน 4 [212] อาหาร 4
[183] สมชวี ธิ รรม 4 [213] อิทธิบาท 4
[184] สมาธภิ าวนา 4 [214] อปุ าทาน 4
[185] สงั ขาร 4 [215] โอฆะ 4
[186] สังคหวตั ถุ 4
[187] สงั คหวัตถุของผูครองแผนดิน 4 หรือ ราช- ปญจกะ – หมวด 5
[,,,] กัลยาณธรรม 5 [239]
สังคหวัตถุ 4 [,,,] กามคณุ 5 [6]
[188] สงั เวชนยี สถาน 4 [,,,] กําลงั 5 ของพระมหากษัตริย [230]
[189] สัมปชัญญะ 4 [216] ขันธ 5 หรือ เบญจขันธ
[190] สมั ปทา หรอื สมั ปทาคณุ 4 [,,,] คติ 5 [351]
[191] สัมปรายกิ ัตถสงั วตั ตนิกธรรม 4 [217] จกั ขุ 5
[,,,] สัมมัปปธาน 4 [156] [,,,] ฌาน 5 [9]
[192] สขุ ของคฤหัสถ 4 [218] ธรรมขันธ 5
[,,,] สุหทมติ ร 4 [169] [219] ธรรมเทสกธรรม 5
[193] โสดาปตติยังคะ 41 [220] ธรรมสมาธิ 5
[194] โสดาปตตยิ งั คะ 42 [221] ธรรมสวนานิสงส 5
[195] โสดาปต ตยิ ังคะ 43 [222] นวกภกิ ขุธรรม 5
[,,,] หลกั การแบง ทรพั ย 4 สว น [163] [223] นยิ าม 5
[196] อคติ 4 [224] นโิ รธ 5
[197] อธษิ ฐาน หรือ อธิษฐานธรรม 4 [225] นิวรณ 5
[198] อบาย 4, อบายภมู ิ 4; และ [351] [,,,] เบญจธรรม [239]
[199] อบายมุข 4 [,,,] เบญจศีล [238]
[200] อบายมุข 6 [,,,] ประโยชนท ี่ควรถอื เอาจากโภคทรัพย 5 [232]
[201] วัฒนมุข 6 [,,,] ปหาน 5 [224]
[202] อปส เสนะ หรือ อปส เสนธรรม 4 [,,,] ปญ จกชั ฌาน [9]
[,,,] อรหนั ต 4 [62] [226] ปต ิ 5
[,,,] อริยบุคคล 4 [56] [227] พร 5
[203] อรยิ วงศ 4 [228] พละ 5
[204] อริยสัจจ 4 [229] พละ 4
[205] กิจในอริยสจั จ 4 [230] พละ 5 ของพระมหากษัตรยิ
[206] ธรรม 4 [231] พหสู ูตมอี งค 5
[207] อรูป หรือ อารุปป 4 [232] โภคอาทิยะ หรอื โภคาทิยะ 5
[208] อวิชชา 4
[233] มัจฉรยิ ะ 5 14
[234] มาร 5
[,,,] มจิ ฉาวณชิ ชา 5 [235] [258] อินทรีย 5
[235] วณชิ ชา 5 [259] อบุ าสกธรรม 5
[,,,] วฑั ฒิ หรอื วฒั ิ หรอื วฒุ ิ 5 [249] [260] อุบาสกธรรม 7
[236] วมิ ุตติ 5
[,,,] วริ าคะ 5 [224] ฉกั กะ – หมวด 6
[,,,] วิเวก 5 [224] [261] คารวะ หรือ คารวตา 6
[,,,] เวทนา 5 [112] [262] จริต หรือ จริยา 6
[237] เวสารชั ชกรณธรรม 5 [263] เจตนา หรอื สัญเจตนา 6
[,,,] โวสสัคคะ 5 [224] [264] ตณั หา 6
[238] ศลี 5 หรอื เบญจศีล [,,,] ทวาร 6 [78]
[239] เบญจธรรม หรอื เบญจกัลยาณธรรม [265] ทศิ 6
[240] ศลี 8 หรอื อัฏฐศีล [,,,] ธรรมคณุ 6 [306]
[241] ศลี 8 ทั้งอาชีวะ หรือ อาชวี ฏั ฐมกศีล [,,,] ธาตุ 6 [148]
[242] ศีล 10 หรอื ทศศลี [,,,] บัญญัติ 2, 6 [28]
[,,,] สกทาคามี 5 [59] [266] ปย รปู สาตรูป 6 × 10
[,,,] สมบัติของอุบาสก 5 [259] [267] ภัพพตาธรรม 6
[243] สังวร 5 [,,,] วฒั นมุข 6 [201]
[244] สุทธาวาส 5 [268] วิญญาณ 6
[,,,] องคแ หง ธรรมกถกึ 5 [219] [,,,] เวทนา 6 [113]
[,,,] องคแ หงภกิ ษใุ หม 5 [222] [269] เวปลุ ลธรรม 6
[245] อนันตรยิ กรรม 5 [270] สวรรค 6
[,,,] อนาคามี 5 [60] [,,,] สญั เจตนา 6 [263]
[246] อนปุ พุ พิกถา 5 [271] สญั ญา 6
[247] อภณิ หปจ จเวกขณ 5 [272] สมั ผสั หรือ ผัสสะ 6
[248] ปพ พชิตอภิณหปจเวกขณ 10 [273] สารณยี ธรรม 6
[,,,] อรหันต 5 [62] [,,,] อนตุ ตรยิ ะ 6 [127]
[249] อรยิ วัฑฒิ หรือ อารยวฒั ิ 5 [,,,] อบายมขุ 6 [200]
[250] อายุสสธรรม หรอื อายวุ ฒั นธรรม 5 [274] อภญิ ญา 6
[,,,] อารยวฒั ิ 5 [249] [275] อภิฐาน 6
[251] อาวาสิกธรรม 51 [276] อายตนะภายใน 6
[252] อาวาสิกธรรม 52 [277] อายตนะภายนอก 6
[253] อาวาสกิ ธรรม 53
[254] อาวาสกิ ธรรม 54 สตั ตกะ – หมวด 7
[255] อาวาสกิ ธรรม 55 [278] กลั ยาณมิตรธรรม 7
[256] อาวาสิกธรรม 56 [279] ธรรมมีอปุ การะมาก 7 [292]
[257] อาวาสกิ ธรรม 57 [280] บุพนมิ ติ แหง มรรค 7
[281] โพชฌงค 7
[282] ภรรยา 7
[283] เมถุนสงั โยค 7 15
[284] วญิ ญาณฐิติ 7
[285] วสิ ทุ ธิ 7 [303] พุทธคุณ 9
[286] สปั ปายะ 7 [304] พทุ ธคณุ 2
[287] สปั ปรุ ิสธรรม 71 [305] พทุ ธคณุ 3
[,,,] สปั ปุรสิ ธรรม 72 [301] [306] ธรรมคุณ 6
[,,,] สมบตั ขิ องอบุ าสก 7 [260] [307] สังฆคุณ 9
[,,,] องคค ุณของกัลยาณมิตร 7 [278] [308] มละ 9
[288] อนสุ ัย 7 [309] มานะ 9
[289] อปรหิ านิยธรรม 71 [310] โลกตุ ตรธรรม 9
[290] อปรหิ านยิ ธรรม 72 [311] วปิ ส สนาญาณ 9
[291] อปริหานิยธรรม 73 [312] สตั ตาวาส 9
[292] อริยทรพั ย 7 [313] อนบุ ุพพวิหาร 9
[,,,] อรยิ บุคคล 7 [63]
[,,,] อุบาสกธรรม 7 [260] ทสกะ – หมวด 10
[314] กถาวตั ถุ 10
อัฏฐกะ – หมวด 8 [315] กสิณ 10
[,,,] ฌาน 8 [10] [316] กามโภคี 10
[293] มรรคมอี งค 8 หรือ อฏั ฐงั คิกมรรค [317] กาลามสตู รกังขานิยฐาน 10
[294] ลกั ษณะตัดสนิ ธรรมวินยั 8 [318] กิเลส 10
[295] ลักษณะตดั สินธรรมวนิ ัย 7 [319] กุศลกรรมบถ 101
[296] โลกธรรม 8 [320] กศุ ลกรรมบถ 102
[297] วชิ ชา 8 [321] อกศุ ลกรรมบถ 10
[298] วโิ มกข 8 [322] เถรธรรม 10
[,,,] ศลี 8 [240] [323] ทศพลญาณ
[,,,] ศลี 8 ทงั้ อาชีวะ [241] [,,,] ทศพิธราชธรรม [326]
[299] สมาบัติ 8 [,,,] ธรรมจรยิ า 10 [320]
[300] สปั ปุรสิ ทาน 8 [,,,] ธรรมมอี ปุ การะมาก 10 [324]
[301] สัปปรุ ิสธรรม 8 [324] นาถกรณธรรม 10
[,,,] หลกั ตดั สินธรรมวนิ ัย 8 [294] [325] บารมี 10 หรือ ทศบารมี
[,,,] อริยบุคคล 8 [57] [,,,] บญุ กริ ิยาวัตถุ 10 [89]
[,,,] อริยอฏั ฐงั คกิ มรรค [293] [,,,] ปพพชติ อภิณหปจ จเวกขณ 10 [248]
[,,,] อวิชชา 8 [209] [,,,] มจิ ฉตั ตะ 10 [334]
[,,,] อาชีวัฏฐมกศลี [241] [,,,] มูลเหตกุ ารบัญญัติพระวนิ ยั 10 [327]
[,,,] อุโบสถศลี [240] [326] ราชธรรม 10 หรอื ทศพิธราชธรรม
[327] วัตถปุ ระสงคใ นการบญั ญัตพิ ระวนิ ยั 10
นวกะ – หมวด 9 [,,,] วปิ สสนาญาณ 10 [311]
[302] นวังคสตั ถศุ าสน [328] วิปส สนูปกเิ ลส 10
[,,,] ศีล 10 [242]
[329] สงั โยชน 101
[330] สงั โยชน 102 16
[331] สญั ญา 10
[332] สทั ธรรม 10 [344] จรณะ 15
[333] สมั มตั ตะ 10 [345] ญาณ 16 หรือ โสฬสญาณ
[334] มจิ ฉัตตะ 10 [,,,] รูปพรหม หรือ พรหมโลก 16 [351]
[,,,] อกศุ ลกรรมบถ 10 [321] [,,,] โสฬสวตั ถุกอานาปานสติ [346]
[335] อนสุ ติ 10 [,,,] อานาปานสติ 16 ขนั้ [346]
[,,,] อภิณหปจ จเวกขณ 10 [248] [346] อานาปานสติ 16 ฐาน
[,,,] อเสขธรรม 10 [333] [347] อปุ กเิ ลส หรอื จติ ตอปุ กเิ ลส 16
[336] อสภุ ะ 10 [348] ธาตุ 18
[337] อันตคาหิกทิฏฐิ 10 [349] อนิ ทรยี 22
[350] ปจ จยั 24
อติเรกทสกะ – หมวดเกิน 10 [,,,] รูป 28 [38]
[338] กรรม 12 [351] ภมู ิ 4 หรือ 31
[339] จกั รวรรดวิ ัตร 5, 12 [352] โพธปิ ก ขิยธรรม 37
[340] ปฏิจจสมปุ บาท 12 [353] มงคล 38
[,,,] ปจจยาการ 12 [340] [354] กรรมฐาน 40
[,,,] สนั โดษ 12 [122] [355] เจตสกิ 52
[341] อายตนะ 12 [356] จติ 89 หรือ 121
[342] ธดุ งค 13 [357] ตณั หา 108
[343] กจิ หรือ วญิ ญาณกิจ 14 [358] เวทนา 108
[359] กเิ ลส 1500
สารบญั ประเภทธรรม
I. ธรรมทเี่ ปนหลักใหญใ จความ [68] อกุศลมลู 3 เสรมิ ความเปนมนษุ ย)
[135] อาสวะ 3 [81] สุจริต 3
1. ธรรมท่เี ปนหลกั ทั่วไป (หรือมี [136] อาสวะ 4 [125] อธปิ ไตย 3
ขอบเขตครอบคลมุ ) [340] ปฏจิ จสมุปบาท 12 [132] อตั ถะ หรือ อรรถ 31
[350] ปจ จัย 24 [133] อตั ถะ หรอื อรรถ 32
[19] ธรรม 21 ค. สจั ฉกิ าตพั พธรรม และธรรมที่ [161] พรหมวหิ าร 4
[20] ธรรม 22 [197] อธิษฐานธรรม 4
[21] ธรรม 23 เกย่ี วขอ ง [239] เบญจธรรม
[22] ธรรม 24 [27] นพิ พาน 2 [229] พละ 4
[35] ปาพจน 2 [43] วิมตุ ติ 2 [237] เวสารัชชกรณธรรม 5
[50] สจั จะ 2 [52] สุข 21 [238] ศลี 5 หรอื เบญจศลี
[51] ศาสนา 2 [53] สุข 22 [241] อาชีวฏั ฐมกศีล
[ ],,, ไตรรตั น [100] [132] อัตถะ 31 [287] สัปปรุ ิสธรรม 71
[85] ธรรม 3 [133] อตั ถะ 32 [301] สปั ปุรสิ ธรรม 8
[100] รัตนตรัย [164] มรรค 4 [319, 320] กศุ ลกรรมบถ 10
[116] ไตรสรณะ [165] ผล 4 [324] นาถกรณธรรม 10
[121] สัทธรรม 3 [310] โลกตุ ตรธรรม 9 2. ธรรมเพ่ือดําเนินชีวิตใหงอก
[157] ปรมตั ถธรรม 4 ง. ภาเวตัพพธรรม ธรรมที่พึง
[204] อริยสัจจ 4 งามบรรลุประโยชนสขุ
[206] ธรรม 4 ปฏบิ ตั ิ (ไมจ ดั ตามลาํ ดบั จาํ นวน) [1] กัลยาณมติ ตตา
2. ธรรมที่เปน หลักการสาํ คญั * [34] ปจจัยแหงสมั มาทิฏฐิ 2 [2] โยนิโสมนสิการ
[280] บพุ นมิ ติ แหง มรรค 7 [3] อัปปมาทะ
(จดั โดยสงเคราะหในอรยิ สัจจ 4) [97] พุทธโอวาท 3 [24] ธรรมทําใหง าม 2
ก. ปริญไญยธรรม และธรรมที่ [124] ไตรสิกขา, สกิ ขา 3 [25] ธรรมมอี ุปการะมาก 2
[88] บุญกิริยาวตั ถุ 3 [33] ปริเยสนา 2
เก่ยี วของ [89] บุญกริ ยิ าวัตถุ 10 [34] ปจ จยั ใหเกดิ สมั มาทฏิ ฐิ 2
[76] ไตรลกั ษณ [36] ภาวนา 2 [37] ภาวนา 4
[79] ทกุ ขตา 3 [37] ภาวนา 4 [65] อุปญญาตธรรม 2
[86] ธรรมนยิ าม 3 [293] มรรคมอี งค 8 [71] โกศล 3
[148] ธาตุ 6 [319, 320] กศุ ลกรรมบถ 10 [93] ปญ ญา 3
[216] ขนั ธ 5 [352] โพธิปกขิยธรรม 37 [128] อปณ ณกปฏิปทา 3
[223] นิยาม 5 [140] จักร 4
[341] อายตนะ 12 – [182] สตปิ ฏฐาน 4 [179] วุฒิ หรือ วฒุ ธิ รรม 4
ข. ปหาตพั พธรรม และธรรมทเ่ี กย่ี ว – [156] ปธาน 4 [191] สัมปรายิกตั ถฯ 4
– [213] อิทธบิ าท 4 [201] วัฒนมขุ 6
ขอ ง – [258] อนิ ทรยี 5 [213] อทิ ธบิ าท 4
[66] กรรม 3 – [228] พละ 5 [229] พละ 4
[74] ตณั หา 3 – [281] โพชฌงค 7 [231] พหูสตู มีองค 5
[91] ปปญ จธรรม 3 – [293] มรรคมอี งค 8 [237] เวสารัชชกรณธรรม 5
_______________ [249] อรยิ วัฑฒิ 5
*การจัดหมวดหมูในท่ีนี้มิใชเปนการจัด II. ธรรมสาํ หรบั ทุกคน [267] ภัพพตาธรรม 6
อยา งละเอียด และไมเครงครัด แตมุง
เพ่ือประโยชนในการศึกษาคนควาเปน 1. ธรรมเพ่ือเปนคุณสมบัติของ
สําคัญ (ธรรมใน I.1 นาํ มาจัดเขาเปน สัปปุริสชน (หรือธรรมเพื่อ
หมวดตางๆ ของ I.2 ไดดวย แตไ ม
ตองการใหซ ํา้ จึงจดั ไวท ่ีเดยี ว)
18
[269] เวปุลลธรรม 6 [289] อปรหิ านยิ ธรรม 71 V. ธรรมสําหรับอุบาสก คือ ผู
[280] บุพนมิ ติ แหง มรรค 7 [326] ราชธรรม 10 ใกลช ิดศาสนา
[292] อริยทรัพย 7 [327] วัตถุประสงคในการบัญญัติ
[325] บารมี 10 1. ธรรมท่พี งึ มี พึงปฏิบัติ
[353] มงคล 38 พระวนิ ยั 10 [88] บุญกริ ิยาวัตถุ 3
3. ธรรมเพ่ือพิจารณาเตือนสติมิ [339] จักรวรรดิวตั ร 12 [89] บุญกริ ยิ าวัตถุ 10
[123] สปั ปรุ สิ บัญญตั ิ 3
ใหป ระมาท IV. ธรรมสําหรับคฤหัสถหรือผู [181] ศรทั ธา 4
[83] เทวทูต 3 ครองเรอื น [ ],,, สมบตั ิของอบุ าสก 5 [259]
[,,] เทวทตู 4 [150] [240] ศีล 8
[84] เทวทตู 5 1. ธรรมเพือ่ ชวี ิตครอบครัว [241] อาชีวฏั ฐมกศลี
[150] นิมติ 4 [90] บตุ ร 3 [242] ศลี 10
[234] มาร 5 [131] อัคคิ 32 [249] อริยวฑั ฒิ 5
[247] อภณิ หปจจเวกขณ 5 [138] กุลจริ ฏั ฐิตธิ รรม 4 [259] อบุ าสกธรรม 5
[250] อายวุ ฒั นธรรม 5 [139] ฆราวาสธรรม 4 [260] อุบาสกธรรม 7
[296] โลกธรรม 8 [183] สมชีวิธรรม 4 [301] สัปปุริสธรรม 8
[282] ภรรยา 7 [ ],,, อโุ บสถศีล [240]
III. ธรรมเพื่อความดีงามแหง 2. ธรรมเพื่อความสัมพันธใน 2. ธรรมทีพ่ ึงหลกี เวน
สังคม [235] วณชิ ชา 5
สังคม [275] อภิฐาน 6
1. ธรรมเพื่อสงเสรมิ ชวี ิตท่ีดีรวม [131] อัคคิ 32 3. ธรรมท่ีพึงทราบเพ่ือเสรมิ การ
กัน [139] ฆราวาสธรรม 4
[158] ประมาณ 4 ปฏิบตั ิ
[11] ทาน 21 [168] มติ รเทยี ม 4 [32] ปธาน 2
[12] ทาน 22 [169] มติ รแท 4 [33] ปริเยสนา 2
[23] ธรรมคมุ ครองโลก 2 [265] ทศิ 6 [114] สมบัติ 31
[29] บคุ คลหาไดยาก 2 [278] กลั ยาณมติ รธรรม 7 [115] ทานสมบตั ิ 3
[30] บชู า 2 3. ธรรมเพ่ือความอยูดีทาง [126] อนตุ ตรยิ ะ 3
[31] ปฏสิ นั ถาร 2 [127] อนตุ ตริยะ 6
[42] ฤทธิ์ 2 เศรษฐกิจ [143] ทักขณิ าวิสทุ ธิ 4
[44] เวปุลละ 2 [95] ปาปณิกธรรม 3 [190] สมั ปทาคุณ 4
[49] สงั คหะ 2 [ ],,, การจดั สรรทรพั ยใ ช 4 [163] [221] ธรรมสวนานิสงส 5
[123] สัปปรุ ิสบัญญัติ 3 [144] ทฏิ ฐธมั มิกตั ถฯ 4 [300] สปั ปรุ สิ ทาน 8
[139] ฆราวาสธรรม 4 [159] ปจ จยั 4 [ ],,, อุโบสถศลี [240]
[186] สงั คหวัตถุ 4 [163] โภควิภาค 4
[261] คารวะ 6 [192] สขุ ของคฤหสั ถ 4 VI. ธรรมสาํ หรบั ภกิ ษสุ งฆ
[273] สารณยี ธรรม 6 [ ],,, ประโยชนจากทรัพย 5 [232]
[300] สัปปรุ ิสทาน 8 [232] โภคอาทยิ ะ 5 1. ธรรมเพื่อความดีงามในฐาน
2. ธรรมเพอ่ื ปกครอง คอื จดั และ [316] กามโภคี 10 เปน ภกิ ษุ
4. ธรรมทค่ี ฤหสั ถพึงหลีกเวน
คมุ ครองชีวติ ทด่ี ีรว มกนั [137] กรรมกิเลส 4 [26] ธรุ ะ 2
[125] อธิปไตย 3 [168] มติ รเทยี ม 4 [159] ปจ จยั 4
[161] พรหมวิหาร 4 [196] อคติ 4 [160] ปารสิ ทุ ธิศีล 4
[186] สงั คหวตั ถุ 4 [199] อบายมขุ 4 [175] วบิ ตั ิ 41
[187] ราชสงั คหวัตถุ 4 [200] อบายมขุ 6 [202] อปสเสนธรรม 4
[196] อคติ 4 [245] อนนั ตรยิ กรรม 5 [203] อรยิ วงศ 4
[230] พละ 5 ของพระมหากษัตรยิ [210] อันตรายของภิกษใุ หม 4
19
[222] นวกภกิ ขุธรรม 5 1. ธรรมดา หรอื กฎธรรมชาติ [129] อภสิ ังขาร 3
[227] พร 5 [4] กรรม 2 [146] ธาตุ 4
[242] ศีล 10 [66] กรรม 3 [148] ธาตุ 6
[243] สังวร 5 [76] ไตรลักษณ [157] ปรมตั ถธรรม 4
[ ],,, องคแ หง ภิกษุใหม 5 [222] [86] ธรรมนยิ าม 3 [185] สังขาร 4
[247] อภณิ หปจจเวกขณ 5 [105] วฏั ฏะ 3 [204] อริยสจั จ 4 (ขอท่ี 1)
[248] ปพพชิตอภิณหปจจเวกขณ 10 [117] สงั ขตลกั ษณะ 3 [206] ธรรม 4 (ขอที่ 1)
[283] เมถนุ สงั โยค 7 [118] อสังขตลักษณะ 3 [212] อาหาร 4
[291] อปริหานยิ ธรรม 73 [145] ธรรมสมาทาน 4 [216] ขันธ 5
[342] ธดุ งค 13 [176] วบิ ตั ิ 42 [263] เจตนา 6
2. ธรรมเพ่ือความดีงามในฐาน [177] สมบัติ 4 [266] ปยรูป สาตรปู 6 × 10
[223] นยิ าม 5 [268] วญิ ญาณ 6
เปน สมาชิกแหง สงฆ [338] กรรม 12 [271] สัญญา 6
[211] อาจารย 4 [340] ปฏจิ จสมุปบาท 12 [272] สัมผสั 6
[251] อาวาสกิ ธรรม 51 [343] กจิ หรอื วญิ ญาณกจิ 14 [276] อายตนะภายใน 6
[252] อาวาสิกธรรม 52 [350] ปจ จยั 24 [277] อายตนะภายนอก 6
[253] อาวาสิกธรรม 53 2. สภาวะอนั พงึ รตู ามที่เปน [341] อายตนะ 12
[254] อาวาสิกธรรม 54 [6] กามคุณ 5 [348] ธาตุ 18
[255] อาวาสกิ ธรรม 55 [16] ทุกข 2 [349] อนิ ทรีย 22
[256] อาวาสกิ ธรรม 56 [19] ธรรม 21 [355] เจตสกิ 52
[257] อาวาสิกธรรม 57 [20] ธรรม 22 [356] จิต 89 หรอื 121
[261] คารวะ หรอื คารวตา 6 [21] ธรรม 23 [358] เวทนา 108
[273] สารณยี ธรรม 6 [22] ธรรม 24 3. สภาวะเน่อื งดว ยระดับชีวิตจติ
[290] อปรหิ านิยธรรม 72 [28] บญั ญตั ิ 2
[314] กถาวัตถุ 10 [38] รปู 21, 28 ใจของสัตว
[322] เถรธรรม 10 [39] มหาภูต 4 [82] เทพ 3
[324] นาถกรณธรรม 10 [40] อปุ าทารูป 24 [98] ภพ 3
[327] วัตถุประสงคในการบัญญัติ [41] รูป 22 [103] โลก 32
[48] สงั ขาร 2 [104] โลก 33
พระวินยั 10 [50] สัจจะ 2 [162] ภูมิ 4
3. ธรรมเพ่ือความดีงาม ความ [52] สุข 21 [171] โยนิ 4
[53] สุข 22 [198] อบาย 4
สาํ เร็จในฐานเปน ผูส ัง่ สอน [77] ทวาร 3 [207] อรปู 4
[17] เทศนา 21 [78] ทวาร 6 [244] สุทธาวาส 5
[18] เทศนา 22 [79] ทุกขตา 3 [270] สวรรค 6
[155] ปฏสิ ัมภทิ า 4 [85] ธรรม 3 [284] วิญญาณฐติ ิ 7
[158] ประมาณ 4 [102] โลก 31 [312] สตั ตาวาส 9
[172] ลลี าการสอน 4 [110] เวทนา 2 [ ],,, พรหมโลก 16 [351]
[219] ธรรมเทสกธรรม 5 [111] เวทนา 3 [ ],,, รปู พรหม 16 [351]
[231] พหสู ูตมีองค 5 [112] เวทนา 5 [351] ภูมิ 4 หรือ 31
[ ],,, องคแ หง ธรรมกถกึ 5 [219] [113] เวทนา 6 4. สภาวะอันเปนโทษ อกุศล-
[246] อนปุ พุ พกิ ถา 5 [119] สังขาร 31
[278] กัลยาณมิตรธรรม 7 [120] สงั ขาร 32 ธรรมอนั พึงละ
[5] กาม 2 (ขอท่ี 1)
VII. สภาวธรรม: ธรรมดาและ [13] ทิฏฐิ 2
ธรรมชาติ
20
[14] ทฏิ ฐิ 3 [7] ฌาน 2 [ ],,, อปั ปมญั ญา 4 [161]
[68] อกุศลมลู 3 [34] ปจ จัยใหเ กิดสัมมาทิฏฐิ 2 [213] อิทธบิ าท 4
[70] อกศุ ลวติ ก 3 [36] ภาวนา 2 [220] ธรรมสมาธิ 5
[74] ตณั หา 3 [37] ภาวนา 4 [226] ปติ 5
[80] ทุจรติ 3 [45] สมาธิ 2 [228] พละ 5
[91] ปปญ จะ 3 [46] สมาธิ 31 [243] สังวร 5
[130] อัคคิ 31 [65] อุปญญาตธรรม 2 [249] อริยวฑั ฒิ 5
[135] อาสวะ 3 [67] กุศลมลู 3 [258] อนิ ทรีย 5
[136] อาสวะ 4 [69] กศุ ลวิตก 3 [262] จรติ หรือ จริยา 6
[137] กรรมกิเลส 4 [71] โกศล 3 [267] ภพั พตาธรรม 6
[170] โยคะ 4 [73] ญาณ 32 [269] เวปลุ ลธรรม 6
[178] วิปล ลาส 4 [81] สุจรติ 3 [280] บุพนิมติ แหง มรรค 7
[196] อคติ 4 [87] นมิ ติ 3 [281] โพชฌงค 7
[204] อริยสจั จ 4 (ขอ ที่ 2) [88] บญุ กริ ยิ าวตั ถุ 3 [285] วิสทุ ธิ 7
[206] ธรรม 4 (ขอที่ 2) [89] บุญกริ ยิ าวตั ถุ 10 [286] สปั ปายะ 7
[208] อวิชชา 4 [92] ปริญญา 3 [291] อปรหิ านยิ ธรรม 73
[209] อวชิ ชา 8 [93] ปญญา 3 [293] มรรคมีองค 8
[214] อุปาทาน 4 [99] ภาวนา 3 [303] พุทธคณุ 9
[215] โอฆะ 4 [108] วิรตั ิ 3 [304] พุทธคุณ 2
[225] นวิ รณ 5 [122] สนั โดษ 3 [305] พทุ ธคณุ 3
[233] มจั ฉรยิ ะ 5 [124] สิกขา 3 [306] ธรรมคุณ 6
[264] ตัณหา 6 [125] อธิปไตย 3 [307] สงั ฆคณุ 9
[288] อนสุ ัย 7 [128] อปณณกปฏิปทา 3 [311] วปิ ส สนาญาณ 9
[308] มละ 9 [,,] ไตรสกิ ขา [124] [315] กสณิ 10
[309] มานะ 9 [147] ธาตุกมั มัฏฐาน 4 [325] บารมี 10
[318] กิเลส 10 [149] ธาตุกัมมฏั ฐาน 6 [331] สญั ญา 10
[321] อกุศลกรรมบถ 10 [154] ปฏิปทา 4 [333] สัมมตั ตะ 10
[329] สงั โยชน 101 [156] ปธาน 4 [335] อนุสติ 10
[330] สงั โยชน 102 [160] ปารสิ ุทธิศีล 4 [336] อสุภะ 10
[334] มจิ ฉตั ตะ 10 [161] พรหมวิหาร 4 [342] ธุดงค 13
[337] อันตคาหิกทฏิ ฐิ 10 [174] วธิ ปี ฏบิ ตั ิตอ ทกุ ข– สุข 4 [344] จรณะ 15
[347] อปุ กเิ ลส 16 [182] สติปฏฐาน 4 [345] ญาณ 16
[357] ตัณหา 108 [184] สมาธิภาวนา 4 [346] อานาปานสติ 16 ฐาน
[359] กเิ ลส 1500 [189] สมั ปชัญญะ 4 [352] โพธิปก ขยิ ธรรม 37
[193] โสตาปต ตยิ งั คะ 41 [353] มงคล 38
VIII. ปฏปิ ต ติธรรม [194] โสตาปต ติยังคะ 42 [354] กรรมฐาน 40
[195] โสตาปต ตยิ ังคะ 43 2. ผลสาํ เร็จของการปฏิบตั ธิ รรม
1. หลกั วธิ กี าร ขอ ปฏบิ ตั ิ อปุ กรณ [197] อธิษฐานธรรม 4
และคณุ สมบตั ิ ทเ่ี กอื้ หนนุ การ [202] อปสเสนธรรม 4 และเครื่องกาํ หนดผลในการ
ปฏบิ ตั ิ [204] อริยสัจจ 4 (โดยเฉพาะขอ ท่ี 4) ปฏบิ ตั ิ
[205] กิจในอรยิ สัจจ 4 [8] ฌาน 2 ประเภท
[1] กลั ยาณมติ ตตา [206] ธรรม 4 (ขอที่ 4) [9] ฌาน 4, 5
[2] โยนิโสมนสิการ [207] อรูป 4 [10] ฌาน 8
[3] อัปปมาทะ [27] นพิ พาน 2
[,] กรรมฐาน 2 [36]
21
[43] วมิ ุตติ 2 [64] อตั ถะ 2 X. พิเศษ: ธรรมเก่ียวกับการ
[54] สทุ ธิ 2 [75] ไตรปฎ ก ศกึ ษา*
[72] ญาณ 31 [97] พุทธโอวาท 3
[,,] ปหาน 3 [224] [100] รตั นตรยั [26] ธรุ ะ 2
[94] ปาฏิหารยิ 3 [116] สรณะ 3 หรอื ไตรสรณะ [34] ปจจัยใหเ กิดสมั มาทิฏฐิ 2
[106] วชิ ชา 3 [121] สัทธรรม 3 [37] ภาวนา 4
[107] วโิ มกข 3 [134] อาการทพ่ี ระพทุ ธเจา ทรงสงั่ สอน 3 [43] วิมุตติ 2
[109] วิเวก 3 [ ],,, โอวาทของพระพทุ ธเจา 3 [97] [50] สจั จะ 2
[155] ปฏสิ มั ภิทา 4 [151] บรษิ ัท 41 [51] สาสน หรอื ศาสนา 2
[164] มรรค 4 [152] บรษิ ัท 42 [71] โกศล 3
[165] ผล 4 [166] มหาปเทส 41 (พระสตู ร) [73] ญาณ 32
[204] อริยสจั จ 4 (ขอที่ 3) [167] มหาปเทส 42 (พระวนิ ยั ) [74] ตัณหา 3
[206] ธรรม 4 (ขอที่ 3) [218] ธรรมขนั ธ 5 [76] ไตรลักษณ
[224] นิโรธ 5 [246] อนปุ พุ พกิ ถา 5 [93] ปญ ญา 3
[ ],,, ปหาน 5 [224] [294] หลกั กาํ หนดธรรมวนิ ยั 8 [121] สัทธรรม 3
[236] วมิ ุตติ 5 [295] หลักกําหนดธรรมวนิ ยั 7 [124] สกิ ขา 3
[274] อภิญญา 6 [302] นวงั คสตั ถุศาสน [132] อตั ถะ 31
[297] วชิ ชา 8 [317] กาลามสตู รกงั ขานยิ ฐาน 10 [133] อตั ถะ 32
[298] วโิ มกข 8 [332] สทั ธรรม 10 [134] อาการทพี่ ระพทุ ธเจา ทรงสงั่ สอน 3
[299] สมาบัติ 8 2. ศาสนคุณ [140] จักร 4
[310] โลกตุ ตรธรรม 9 [94] ปาฏิหารยิ 3 [155] ปฏิสมั ภิทา 4
[313] อนบุ พุ พวหิ าร 9 [96] พทุ ธจริยา 3 [172] ลลี าการสอน 4
[328] วปิ สสนูปกิเลส 10 [126] อนตุ ตริยะ 3 [179] วุฒิธรรม 4
3. บุคคลผูบรรลุผลแหงการ [127] อนตุ ตริยะ 6 [189] สมั ปชัญญะ 4
[134] อาการทพ่ี ระพทุ ธเจา ทรงสง่ั สอน 3 [204] อริยสจั จ 4
ปฏบิ ตั ิ [141] เจดยี 4 [213] อิทธิบาท 4
[55] อรยิ บคุ คล 2 [142] ถูปารหบคุ คล 4 [216] ขันธ 5
[56] อริยบคุ คล 4 [180] เวสารัชชญาณ 4 [228] พละ 5
[57] อรยิ บุคคล 8 [188] สังเวชนยี สถาน 4 [231] พหสู ูตมีองค 5
[58] โสดาบนั 3 [217] จักขุ 5 [278] กลั ยาณมิตรธรรม 7
[59] สกาทาคามี 3, 5 [303] พทุ ธคณุ 9 [280] บุพนมิ ิตแหงมรรค 7
[60] อนาคามี 5 [304] พุทธคณุ 2 [281] โพชฌงค 7
[61] อรหันต 2 [305] พทุ ธคุณ 3 [293] มรรคมอี งค 8
[62] อรหนั ต 4, 5, 60 [306] ธรรมคุณ 6 [304] พุทธคุณ 2
[63] อริยบุคคล 7 [307] สังฆคุณ 9 [317] กาลามสตู รกังขานยิ ฐาน 10
[323] ทศพลญาณ [324] นาถกรณธรรม 10
IX. พระพุทธศาสนา 3. ความเชื่อและการปฏิบัตินอก [340] ปฏจิ จสมุปบาท 12
[341] อายตนะ 12
1. หลักศาสนา หลักพทุ ธศาสนา [352] โพธิปก ขยิ ธรรม 37
[17] เทศนา 21 [13] ทฏิ ฐิ 2 ______________
[18] เทศนา 22 [14] ทฏิ ฐิ 3 *นอกจากน้ี พงึ ดู [1], [2], [17], [18],
[26] ธุระ 2 [15] ทสี่ ดุ (อันตา) 2 [35], [36], [45], [46], [55], [91],
[35] ปาพจน 2 [101] ลัทธนิ อกพระพุทธศาสนา 3 [125], [156], [184], [205], [208],
[50] สัจจะ 2 [173] วรรณะ 4 [218], [236], [287], [323]
[51] สาสน หรือ ศาสนา 2
ดชั นคี นคํา
ตวั เลขทอี่ า งหมายถงึ เลขลาํ ดับขอ หมวดธรรมใน [ ]
กตญาณ 73 กมั มัสสกตาญาณ, กมั มัสสกตาสัทธา 181
กตฺุตา 353
กตญั ูกตเวที 29 กมมฺ าน,ิ อนวชชฺ านิ 250
กตตั ตากรรม, ~วาปนกรรม 338
กถาวตั ถุ 75 กัลยาณธรรม 5 239
กถาวตั ถุ 10 314
กรรม 181, 212, 259 กลั ยาณพจน 251, 252, 253
กรรม 2
กรรม 3 4 กัลยาณมติ ร 3, 250
กรรม 12 66
กรรมการณัปปต ตะ 338 กัลยาณมิตตะ 250
กรรมกิเลส 4 84
กรรมฐาน 2 137 กลยฺ าณมติ ตฺ ตา 324
กรรมฐาน 40 36
กรรมฐานกบั จรติ 354 กลั ยาณมิตตตา 1, 34, 144
กรรมนิยาม (ดู สมบตั ิ 4 ดวย) 262
กรรมปจจัย 176, 223 กลั ยาณมติ ร 4 169
กรรมภพ 340
กรรมวฏั ฏ 340 กลั ยาณมิตรธรรม 7 278
กรรมวปิ ากญาณ 105, 340
กรณุ า 323 กัลยาณวาจา 251, 252, 253
กรุณาคุณ 161, 355
กลนิ่ ดู คันธะ 304, 305 กาม 2 5
กวฬิงการาหาร
กษตั ริย 40, 212 กามคุณ 5 6
กสณิ 10 173
กงฺขํ วิหนติ กามฉนั ทะ 225, 329
กงั ขาวิตรณวิสุทธิ 315, 354
กตั ตุกมั ยตาฉนั ทะ 221 กามตณั หา 74, 204, 357
กัปปยะ 285
กปปฺ ยํ เทติ 161 กามภพ 98
กมั มสทั ธา 167
กัมมญั ญตา 300 กามโภคี 10 316
กมฺมนฺตา, อนากลุ า จ 181
กัมมสั สกตา 40 กามโภคีสุข 4 192
353
247 กามโยคะ 170
กามราคะ 288, 329, 330
กามโลก 104
กามวติ ก 70
กามสังวร 239
กามสุขลั ลกิ านุโยค 15, 293
กามสุคตภิ มู ิ 7 351
กามาทนี วกถา 246
กามาวจรจติ 54 356
กามาวจรภูมิ 11 162, 351
กามาวจรสวรรค 6 270, 351
กามาวจรโสภณจติ 24 356
กามาสวะ 135, 136
กามุปาทาน 214
กาเมสุมิจฉาจาร 137, 321
กาเมสุมจิ ฺฉาจารํ ปหาย ฯเปฯ 320
กาเมสมุ ิจฺฉาจารา เวรมณี 238, 319
23
กาโมฆะ 215 กาลญั ตุ า 287
กาลามสูตรกังขานิยฐาน 10 317
กาย 37, 40, 276 กาเลน เทติ 300
กาเลน ธมฺมสากจฉฺ า 353
กายกรรม 66 กาเลน ธมฺมสฺสวนํ 353
กาํ ลงั 5 ของพระมหากษตั รยิ 230
กายกรรม 3 66, 241, 319, 320, 321 กงิ กฺ รณีเยสุ ทกขฺ ตา 324
กิจ 14 (ของวิญญาณ) 343
กายกัมมัญญตา 355 กจิ (ของกรรม) 338
กจิ ของสงฆ 290
กายคตาสติ 335 กจิ จญาณ
กิจในอริยสจั จ 4 73
กายทวาร 77, 78 กิรยิ าจติ 20 205
กริ ิยาจิตตฺ ํ 356
กายทจุ รติ 80 กเิ ลส 10 356
กิเลส 1500 318
กายธาตุ 348 กเิ ลสกาม 359
กเิ ลสปรินพิ พาน
กายปสสทั ธิ 355 กิเลสมาร 5
กเิ ลสวฏั ฏ 27
กายปาคญุ ญตา 355 กเิ ลสวตั ถุ 10 234
กกุ กุจจะ 105, 340
กายพละ 230 กุมภัณฑ 318
กมุ ภีลภัย 225, 355
กายภาวนา 37 กุลจิรัฏฐิตธิ รรม 4 270
กุลมัจฉรยิ ะ 210
กายมทุ ตุ า 355 กลุ สตรี 138
กเุ วร 233, 257
กายลหุตา 355 กุศล 289
กศุ ลกรรม 270
กายวญิ ญัติ 40 กศุ ลกรรมบถ 10 (ยอ ) 1, 2, 65, 317
กุศลกรรมบถ 10 (สมบูรณ) 4
กายวญิ ญาณ 266, 268, 356 กุศลจติ 21 (37) 319
กศุ ลธรรม 320
กายวิญญาณธาตุ 348 กุศลมลู 3 356
กศุ ลวิตก 3 85
กายวิเวก 109 กุศลวิบากอเหตุกจิต 8 4, 67
กสุ ลธัมมานโุ ยค 69
กายวูปกาสะ 222 356
2
กายสกั ขี 63
กายสังขาร 119, 120
กายสมั ผัส 266, 272
กายสมั ผสั สชาเวทนา 113, 266
กายสุจริต 81
กายานปุ สสนา, กายานปุ สสนาสตปิ ฏ ฐาน 147,
182, 346
กายานุปส สนาจตกุ กะ 346
กายิกทกุ ข 16
กายกิ เวทนา 110
กายกิ สขุ 52
กายินทรยี 349
กายุชกุ ตา 355
กาล 3 340, 356, 357
กาลกตะ 150
กาลจารี 250
กาลวบิ ตั ิ 176
กาลสมบัติ 177
24
กสุ ลสสฺ ูปสมปฺ ทา 97 คนปอกลอก 168
เกสปุตตยิ สตู ร 317 คนรบั ใช 265
เกียจครานการงาน 200 คนหวั ประจบ 168
โกธะ 308, 347 คบคนช่ัว 200
โกลงั โกละ 58 ครุ 278
โกศล 3 71 ครุกกรรม 338
ครุกรณ 273
ขณกิ สมาธิ 46 ครูอาจารย 265
ขณกิ าปต ิ 226 คฤหัสถ 265
ขลุปจฉาภัตตกิ ังคะ 342 คหบดบี ริษทั 152
ขดั เกลา 251 คหปตัคคิ 131
ขัตติยะ 173, 339 คันถธรุ ะ 26
ขตั ติยบริษทั 152 คันธะ 6, 40, 266, 277
ขนั ติ 24, 139, 325, 326, 353 คนั ธตัณหา 264, 266
ขนั ตสิ ังวร 243 คนั ธธาตุ 348
ขนตฺ ี จ 353 คันธวจิ าร 266
ขันธ 5 216 คนั ธวติ ก 266
ขนั ธกะ 75 คนั ธสญั เจตนา 263, 266
ขันธปรนิ พิ พาน 27 คันธสญั ญา 266, 271
ขนั ธมาร 234 คมภฺ รี ฺจ กถํ กตฺตา 278
ขนั ธวินมิ ุต 216 คาถา 302
ขิปปฺ าภิ ฺา 154 คารวะ หรอื คารวตา 6 261
ขณี าสวปฏญิ ญา 180 คารโว จ 353
ขทุ ทกนกิ าย 75 คลิ านปจจัยเภสัชบริขาร 159, 203
ขุททกปาฐะ 75 คลิ านสตุปปาทกะ 255
ขุททกาปต ิ 226 คหิ ปิ ธาน 32
เขตสมบัติ 115 คหิ ิสขุ 4 192
เขมํ 353 คุณบทของนพิ พาน 306
คุณาตเิ รกสมั ปทา 190
คณาปเทส 166 เคยยฺ ํ 302
คติ 5 351 เคหสิต 358
คติวบิ ตั ิ 176 โคจรรูป 5 40
คติสมบัติ 177 โคจรสัปปายะ 286
คนเจบ็ ไข 255 โคจรสมั ปชญั ญะ 189
คนชวนฉิบหาย 168 โคตรภูญาณ 345
คนดแี ตพ ูด 168
คนธรรพ 270 ฆราวาสธรรม 4 139
คนงาน 265 ฆานะ 40, 266, 276
25
ฆานทวาร 78 จาคานุสติ 335
ฆานธาตุ 348
ฆานวญิ ญาณ 266, 268, 356 จาตุมหาราชิกา 270, 351
ฆานวิญญาณธาตุ 348
ฆานสัมผสั 266, 272 จติ 37, 124, 157, 216
ฆานสมั ผัสสชาเวทนา 113, 266
ฆานินทรยี 349 จติ 89, 121 356
ฆายนะ 343
โฆษประมาณ 158 จิตตะ 213
โฆสัปปมาณกิ า 158
จติ ตกมั มัญญตา 355
จติ ตนิยาม 223
จติ ตปสสทั ธิ 355
จิตตปาคญุ ญตา 355
จิตตภาวนา 37
จิตตฺ มสสฺ ปสีทติ 221
จตุตถฌาน 9 จิตตมุทตุ า 355
จตตุ ถฌานภูมิ 3, 7 351 จติ ตลหุตา 355
จตตุ ถชฌฺ านกสุ ลจิตฺตํ 356 จติ ตวเิ วก 109
จตุตถฺจ นิธาเปย 163 จติ ตวิปลาส 178
จตุธาตวุ วฏั ฐาน 147, 354 จิตตวสิ ุทธิ 285
จตุรพธิ พร 227 จติ ตสมบัติ 115
จตโุ ลกบาล 270 จิตตสังขาร 119, 120
จรณะ 15 344 จิตตอุปกเิ ลส 16 347
จรติ หรอื จรยิ า 6 262 จติ ตฺ ํ น กมปฺ ติ 353
จรยิ า 3 ดู พุทธจริยา 3 จติ ตานุปสสนา, จติ ตานุปส สาสติปฏฐาน 182, 346
จรยิ าปฎก 75 จติ ตานุปส สนาจตกุ กะ 346
จักกวตั ติสูตร 339 จติ ตชุ กุ ตา 355
จกั ขุ 40, 266, 276 จินตามยปญญา 93
จกั ขุ 5 217 จีวร 159
จักขทุ วาร 78 จีวรปฏสิ ังยุตต 342
จกั ขธุ าตุ 348 จวี รสันโดษ 203
จกั ขุนทรยี 349 จุติ 343
จกั ขุมา 95 จตุ ูปปาตญาณ 106, 323
จักขุวญิ ญาณ 267, 268, 356 จุลลวรรค 75
จกั ขุวิญญาณธาตุ 348 จูฬนิทเทส 75
จกั ขสุ มั ผสั 266, 272 เจดยี 289
จกั ขสุ ัมผสั สชาเวทนา 113, 266 เจดีย 4 141
จกั ร 4 140 เจตนา 355
จกั รพรรดิ 142, 287, 339 เจตนา 6 263
จักรวรรดวิ ตั ร 5, 12 339 เจตนากาย 263
จาคะ 67, 139, 183, 197, 249, 292 เจตนาสัมปทา 190
จาคสมั ปทา 191, 229 เจตสกิ 157, 216
26
เจตสกิ 52 355 ชีพ, ชีวะ 337
เจตสกิ ทกุ ข 16 ชีวิตรูป 1 40, 359
เจตสกิ เวทนา 110 ชวี ติ นิ ทรยี 40, 349, 355
เจตสิกสุข 52
เจโตปริยญาณ ฌาน 8
เจโตวมิ ตุ ติ 274, 297 ฌาน 2 7
โจรภี รยิ า 43, 252 ฌาน 2 ประเภท 8
ฌาน 4 9, 227, 344
ฉกามาพจรสวรรค 282 ฌาน 5 (ปญจกนยั ) 9, 356
ฉฬภญิ ญะ ฌาน 8 10, 299
ฉันทะ 270 ฌานจิต 67 356
ฉันทสมั ปทา 62 ฌานปจ จัย 350
ฉนั ทาคติ ฌานปญ จกนยั 9
ชนกกรรม 37, 213, 355 ฌานลาภี 252, 253, 254, 322
ชรตา 2, 280 ฌานาทิสังกเิ ลสาทิญาณ 323
ชราธัมมตา 196
ชรามรณะ 338 ญาณ 328
ชลาพชุ ะ 40 ญาณ 31 72
ชวนะ 247 ญาณ 32 73
ชาครยิ านโุ ยค 340 ญาณ 33 106
ชาดก 171 ญาณ 16 345
ชาตกํ 343 ญาณจรติ 262
ชาตรปู 128 ญาณทสั สนะ 73, 184
ชาตรูปรชตปฏคิ ฺคหณา เวรมณี 75, 302 ญาณทัสสนะมปี รวิ ัฏฏ 3 73
ชาตสถาน 302 ญาณทัสสนวสิ ุทธิ 285
ชาติ 359 าณวิปปฺ ยตุ ฺตํ 356
ชาติประเภท (จติ ) 242 ญาณสังวร 243
ชิณณะ 188 าณสมฺปยตุ ตฺ ํ 356
ชิณณปฏิสงั ขรณา 340 าตกานฺจ สงฺคโห 353
ชนิ สาสน 356 ญาตปริญญา 92
ชิวหา ญาตตั ถจรยิ า 96
ชวิ หาทวาร 83, 84, 150 ญาติพลี 232
ชิวหาธาตุ 138 ายปฏปิ นฺโน 307
ชวิ หาวญิ ญาณ 302
ชิวหาวิญญาณธาตุ ฐานาฐานญาณ 323
ชวิ หาสัมผัส 40, 266, 276 ฐานะ 227
ชวิ หาสมั ผัสสชาเวทนา 78 ิตสสฺ อฺถตตฺ ํ ปฺายติ 117
ชิวหินทรยี 348
266, 268, 356
348
266, 272
113, 266
349
27
ดาวดงึ ส 270, 351 เตวิชชะ 62
ดสุ ติ 270, 351
ดกู ารละเลน ไตรตรงึ ส 270
200
ไตรปฎก 75
ไตรลกั ษณ 47, 76, 86, 107, 311
ตตยิ ฌาน 9 ไตรวฏั ฏ 105
ตตยิ ฌานภมู ิ 3 351 ไตรสรณะ 116
ตตยิ ชฌฺ านกสุ ลจิตฺตํ 356 ไตรสรณคมน, ไตรสรณาคมน 116
ตถาคต 143, 337 ไตรสกิ ขา 124, 204, 293
ตถาคตพล 10 180
ตถาคตพลญาณ 10 323 ถัมภะ 347
ถนี ะ 318, 355
ตถาคตโพธิสัทธา 181 ถีนมิทธะ
ถูปารหบคุ คล 4 225
ตถาคตสาวก 142 เถรคาถา 142
เถรธรรม 10 75/2.5
ตถาคตอรหนั ตสมั มาสัมพทุ ธเจา 142 เถรีคาถา 322
เถโร รตตฺ ฺู 75/2.5
ตทงั คนโิ รธ 224 322
ตทังคปหาน 224
ตทาลมั พนะ 343
ตปะ 326
ตโป จ 353
ตรัสรู 188 ทตวฺ า อตตฺ มโน โหติ 300
ททํ จติ ฺตํ ปสาเทติ 300
ตรุณวปิ ส สนา 285, 328 ทมะ 123, 139
ทรัพยจ ัดสรรเปน 4 สวน 163
ตกกฺ เหตุ 317 ทวตั ตงิ สาการ 147
ทวาร 3 77
ตณั หา 91, 340 ทวาร 6 78
ทวปิ ญ จวญิ ญาณจติ 348
ตัณหา 3 74, 204, 357 ทวฺ หี ิ กมมฺ ํ ปโยชเย 163
ทศชาติ 325
ตัณหา 6 264, 266, 357 ทศบารมี 325
ทศพล 180
ตัณหา 108 357, 359 ทศพลญาณ 323
ทศพธิ ราชธรรม 326
ตณั หากาย 264 ทศศลี 242
ทหระ 84
ตณั หาปณธิ ิ 107 ทกั ขณิ าวิสทุ ธิ 4 143
ทกขฺ เิ ณยฺโย 307
ตณั หาวจิ รติ 357 ทกั ขิไณย 259
ทกั ขไิ ณยบคุ คล 2 55
ตตั รมชั ฌัตตตา 355
ตาํ หนิ 252
ติดการพนนั 200
ติดสรุ าและของมนึ เมา 200
ตติ ถายตนะ 101
ตริ จั ฉานโยนิ 198, 351
ตรี ณปริญญา 92
เตจีวริกังคะ 342
เตโชกสณิ 315
เตโชธาตุ 39, 146, 147, 148
28
ทักขิไณยบุคคล 7 63 ทฏิ ฐิสามัญญตา 273
ทักขไิ ณยบุคคล 8 57 ทิฏึ อชุ ุ กโรติ 221
ทกั ขไิ ณยัคคิ 131 ทิฏชุ ุกัมม 89
ทักษณิ ทิศ 265 ทฏิ ุปาทาน 214
ทนธฺ าภิฺ า 154 ทฏิ โฐฆะ 215
ทตฺวา อตตฺ มโน โหติ 300 ทพิ พจกั ขุ 217, 274, 297
ทสั สนะ 343 ทพิ พจกั ขญุ าณ 106
ทสั สนานุตตริยะ 126, 127 ทิพยสมบตั ิ 114
ทาน 123, 186, 229, 239, 325, 326 ทพิ พโสต 274, 297
ทาน 21 11
ทาน 22 12 ทศิ 6 200, 265
ทฆี นิกาย 75
ทานกถา 246 ที่สดุ 2 15
ทานมยั 88, 89 ทุกข 1, 174, 204, 205, 296, 340
ทานสมบัติ 3 115 ทกุ ข 2 16
ทานจฺ 353 ทกุ ขฺ ํ อรยิ สจจฺ ํ ปริ เฺ ยยฺ ํ 205
ทายก 143 ทกุ ขตา 76, 107
ทารสงฺคห 353 ทกุ ขตา 3 79
ทาสภี ริยา 282 ทกุ ขทกุ ขตา 79
ทฏิ ฐธรรมเวทนียกรรม 338 ทกุ ขนโิ รธ 204
ทฏิ ฐธรรมสุขวิหาร 184 ทกุ ขฺ นิโรเธ อฺ าณํ 208, 209
ทฏิ ฐธมั มกิ ตั ถะ 3, 132, 144 ทุกฺขนโิ รโธ อรยิ สจฺจํ สจฉฺ ิกาตพฺพํ 205
ทิฏฐธมั มิกตั ถประโยชน 144 ทุกขฺ นโิ รธคามนิ ยิ า ปฏปิ ทาย อฺาณํ 208, 209
ทฏิ ฐธัมมิกตั ถสงั วัตตนิกธรรม 4 144 ทุกขนิโรธคามินปี ฏปิ ทา 204
ทิฏ ธมมฺ กิ านํ อาสวานํ สํวราย 327 ทกุ ฺขนโิ รธคามินี ปฏปิ ทา อรยิ สจฺจํ ภาเวตพฺพํ 205
ทิฏฐาสวะ 136 ทกุ ขลักษณะ 47
ทิฏฐิ 91, 288, 318, 329, 355 ทกุ ขเวทนา (ดู เวทนา 5 ดว ย) 111
ทิฏฐิ 2 13 ทกุ ขสมุทยั 204
ทฏิ ฐิ 3 14 ทุกฺขสมทุ เย อฺ าณํ 208, 209
ทิฏิคตวิปปฺ ยตุ ฺตํ 356 ทุกฺขสมุทโย อริยสจฺจํ ปหาตพพฺ ํ 205
ทิฏ ิคตสมปฺ ยตุ ฺตํ 356 ทกุ ฺขสหคตํ 356
ทิฏ นิ ิชฌฺ านกขฺ นฺติยา 317 ทกุ ฺขา 86
ทิฏฐิปปตตะ 63 ทกุ ขานุปสสนา 107
ทิฏ ยิ า สุปฏิวทิ ธฺ า 231 ทุกขนิ ทรยี 349
ทฏิ ฐโิ ยคะ 170 ทกุ ฺเข อฺาณํ 208, 209
ทิฏฐวิ บิ ัติ 175 ทุกฺขา ปฏิปทา ขปิ ปฺ าภิฺา 154
ทฏิ ฐิวปิ ลาส 178 ทุกฺขา ปฏปิ ทา ทนฺธาภิฺ า 154
ทิฏฐวิ สิ ทุ ธิ 285 ทุคคติภยั 229
ทฏิ ฐสิ มั ปทา 2, 280 ทุคติ 351
29
ทจุ ริต 3 80 ธรรม 22 20
ธรรม 23 21
ทุตยิ ฌาน 9 ธรรม 24 22
ทตุ ิยฌานภูมิ 3 351
ทุตยิ ชฌฺ านกสุ ลจิตฺตํ 356 ธรรม 3 85
ทุมมฺ งฺกนู ํ ปุคฺคลานํ นิคคฺ หาย 327 ธรรม 4 206
เทพ 284, 312 ธรรม 5 238, 239
เทพ 3 82 ธรรมของอุบาสกปทมุ 259
เทวดา (ความหมาย) 232 ธรรมของอบุ าสกรตั น 259
เทวตานสุ ติ 335 ธรรมขันธ 5 218
เทวตาพลี 232 ธรรมคณุ 6 306
เทวทูต 3 83 ธรรมคุมครองโลก 2 23
เทวทูต 3, 4 150 ธรรมจริยา 10 320
เทวทูต 5 84 ธรรมจักร 188, 287
เทวปตุ ตมาร 234 ธรรมเจดีย 141
เทวโลก 103 ธรรมฐิติญาณ 285
เทวสมบัติ 114 ธรรมทศั นะ 255
เทศนา 21 17
เทศนา 22 18 ธรรมทาน 11, 229
ธรรมทําใหง าม 2 24
เทศนา 4 17 ธรรมทีพ่ ระพุทธเจาเหน็ คุณประจกั ษ 2 65
เทศนาวธิ ี 4 172 ธรรมเทสกธรรม 5 219
เท่ียวกลางคนื 200 ธรรมธาตุ 348
โทมนสั 1, 112, 340, 358 ธรรมนิยาม 76, 223, 340
โทมนสฺสสหคตํ 356 ธรรมนยิ าม 3 86
โทมนัสสินทรยี 349 ธรรมบท 75
โทสะ 4, 68, 318, 347, 355 ธรรมบชู า 30
โทสจรติ 262 ธรรมปฏสิ ันถาร 31
โทสมลู จติ 2 356 ธรรมประมาณ 158
โทสคั คิ 130 ธรรมปริเยสนา 33
โทสาคติ 196 ธรรมเปน โลกบาล 2 23
ไทยธรรมสมบตั ิ 115 ธรรมเปน เหตุใหสมหมาย 4 192
ธรรมไพบูลย 44
ธตรฐ 270 ธรรมมอี ุปการะมาก 2 25
ธตา 231
ธนานปุ ระทาน 339 ธรรมมอี ุปการะมาก 4 140
ธรรม* 35, 75, 166, 277, 294, 295, 302
ธรรม 21 19 ธรรมมีอุปการะมาก 7 279
ธรรมมอี ุปการะมาก 10 324
ธรรมฤทธิ์ 42
ธรรมสงเคราะห 49
*คํานําหนา ดวย ธรรม- ถาไมมี ใหดทู ี่ ธัมม- ธรรมสมาทาน 4 145
30
ธรรมสมาธิ 5 220 ธมั มานปุ ส สนาจตกุ กะ 346
ธัมมานสุ ติ 335
ธรรมสวนานิสงส 5 221 ธมั มานุสารี 63
ธาตุ 4 39, 146
ธรรมเสรี 352 ธาตุ 6 148
ธาตุ 18 348
ธรรมาจารย 211 ธาตกุ ถา 75
ธาตุกัมมฏั ฐาน 4 147
ธรรมาธปิ ไตย 125, 339 ธาตุกัมมฏั ฐาน 6 149
ธาตเุ จดีย 141
ธรรมาธิษฐาน 17 ธาตมุ นสิการ 4 147, 354
ธุดงค 13 342
ธรรมานุวตั ิ 201 ธรุ ะ 2 26
ธรรมารมณ 266, 277 น กมมฺ ารามตา 291
น ิตสฺส อฺถตฺตํ ปฺายติ 118
ธรรมิกพลี 289 น นิททฺ ารามตา 291
น ปาปมติ ตฺ ตา 291
ธรรมกิ ารกั ขา 339 น ปาปจฉฺ ตา 291
น ภสฺสารามตา 291
ธมฺมกามตา 324 นยเหตุ 317
นรก 198, 351
ธมฺมกาโม 322 นวกภิกขธุ รรม 5 222
น วโย ปฺ ายติ 118
ธมั มคารวตา 261 นวรหคุณ 303
นวสีวถิกา 182
ธมมฺ จริยา จ 353 นวังคสตั ถศุ าสน 51, 302
นวารหคุณ, นวารหาทิคณุ 303
ธัมมจักกัปปวตั ตนสถาน 188 น สงฺคณิการามตา 291
น อนตฺ ราโวสานํ 291
ธมั มตณั หา 264, 266 น อามิสนฺตโร 219
น อปุ ปฺ าโท ปฺายติ 118
ธมั มเทสนามยั 89 นจฺจคตี วาทิตวิสูกทสฺสนา เวรมณี 242
นจฺจคตี ฯเปฯ วภิ ูสนฏ านา เวรมณี 240
ธัมมปฏิสมั ภทิ า 155 นฏั ฐคเวสนา 138
นัตถกิ ทฏิ ฐิ 14
ธัมมมัจฉรยิ ะ 233 นัตถิปจ จยั 350
นาค 270
ธมั มวจิ ยะ 281
ธมั มวจิ าร 266
ธัมมวิตก 266
ธัมมเวปุลละ 44
ธมั มสังคณี 75/3
ธัมมสังคหะ 49
ธมั มสญั เจตนา 263, 266
ธมั มสญั ญา 266, 271
ธมมฺ สากจฉฺ า, กาเลน 353
ธัมมัญตุ า 287
ธมั มัปปมาณกิ า 158
ธมฺมสสฺ วน,ํ กาเลน 353
ธัมมสั สวนมัย 89
ธัมมสั สวนสปั ปายะ 286
ธมมฺ า 86
ธมั มาธิปไตย 125, 339
ธมั มานุธมั มปฏปิ ทา 51
ธัมมานธุ ัมมปฏปิ ตติ 179, 193
ธัมมานปุ สสนา, ธมั มานปุ สสนาสติปฏฐาน 182, 346
31
นาถกรณธรรม 10 324 นิวรณ 5 225
นานตั ตสญั ญา 298 นวิ าโต จ 353
นานาธาตุญาณ 323 นิสสยปจ จัย 350
นานาธิมุตตกิ ญาณ 323 นสิ สยสมั ปนโน 95
นาม 216 นิสสยาจารย 211
นามธรรม 345 นสิ สรณนิโรธ 224
นามบัญญตั ิ 28 นิสสัย 4 159
นามรูป 340 นสิ สยั สมั บนั 202
นามรูปปรจิ เฉทญาณ 92, 345 นีตัตถะ 64
นาย 265 นีลกสณิ 315
นกิ นั ติ 328 เนกขัมมะ 325
นิจศีล 238 เนกขมั มวิตก 69
นิทเทส 75/2 เนกขัมมสงั กปั ป 293
นินทา 296 เนกขมั มสติ 358
นิปปรยิ ายสุทธิ 54 เนกขัมมานสิ งั สกถา 246
นพิ พาน 109, 157, 204, 216, เนคมชานบท 339
295, 306, 310, 311, 332 เนยยะ 153
นิพพาน 2 27 เนยยตั ถะ 64
นิพพานบท 352 เนวสัญญานาสญั ญายตนะ 207, 284, 298, 312
นพิ พานสมบัติ 114 เนวสฺานาสฺ ายตนกุสลจิตฺตํ 356
นพิ ฺพานสจฉฺ กิ ริ ยิ า 353 เนวสญั ญานาสัญญายตนภมู ิ 351
นิพพิทาญาณ, นพิ พิทานุปส สนาญาณ, เนสชั ชกิ ังคะ 342
นพิ พทิ านุปส สนาญาณ 311 โน จฏาเน นโิ ยชเย 278
นิมมานรดี 270, 351
นมิ ิต, นมิ ติ ต 3 87 บณั ฑร 356
บรรพชา ดู บรรพชา
นิมิต 4 150 บรรพชาจารย 211
บรรพชิต 289
นยิ ยานกิ ธรรมเทศนา 180 บรกิ รรมนิมติ 87
บริกรรมภาวนา 99
นยิ าม 5 223 บริโภคเจดยี 141
บรษิ ัท 41 151
นริ ยะ 198, 351 บริษัท 42 152
บังสุกลุ จวี ร 159
นิรัคคฬะ 187 บัญญัติ 2, 6 28
บารมี 10 325
นิรามสิ สุข 53 บาว 265
บิณฑบาต 159
นริ ตุ ติปฏสิ ัมภทิ า 155
นโิ รธ 204, 205, 295
นิโรธ 5 224
นโิ รธสมาบัติ 119, 313
นโิ รธวาร 340
นโิ รธสจั จ 204, 340
นโิ รธสฺา 331
32
บุคคล 4 153 ปฏโิ ลมปฏจิ จสมปุ บาท 340
บุคคลหาไดย าก 2 29
บุคคลาธิษฐาน 17 ปฏเิ วธสัทธรรม 121
บญุ กิรยิ าวตั ถุ 3 88
บญุ กิรยิ าวัตถุ 10 89 ปฏิสนธิ 343
บุตร 3 90
บตุ รธดิ า 265 ปฏสิ งั ขรณ 254
บุตรภรรยา 265
บุพการี 29 ปฏสิ ังขาญาณ = ปฏิสงั ขานุปสสนาญาณ
บพุ นมิ ติ แหงมรรค 7 280
บุพภาคของการศึกษา 34 ปฏสิ งั ขานปุ สสนาญาณ 311
บชู า 2 30
เบญจกัลยาณธรรม 239 ปฏสิ ันถาร 2 31
เบญจขันธ 216, 357
เบญจธรรม 239 ปฏสิ นั ถารคารวตา 261
เบญจศีล 238
ปฏิสัมภทิ ัปปตตะ 62
ปฏิสัมภทิ า 4 155
ปฏิสัมภทิ ามคั ค 75
ปฐมฌาน 9, 284, 298
ปฐมฌานภมู ิ 3 351
ปฐมฌานกสุ ลจติ ตฺ ํ 356
ปฐมเทศนา 188
ปฐวีกสิณ 315
ปฐวีธาตุ 39, 146, 147, 148
ปกิณณกเจตสกิ 6 355 ปณตี ํ เทติ 300
ปกิณณกอกศุ ลเจตสิก 10 355 ปทปรมะ 153
ปฏกิ ูลมนสิการ 182 ปธาน 2 32
ปฏิคาหก 143 ปธาน 4 156
ปฏิฆะ 288, 329, 330 ปธานสมฺ ึ 355
ปฏฆิ สัญญา 298 ปปญ จะ, ปปญ จธรรม 3 91
ปฏฆิ สัมปยตุ ตจิต 2 356 ปมาณกิ 4 158
ปฏิฆสมฺปยตุ ฺตํ 356 ปมาทะ 347
ปฏจิ จสมปุ บาท 105, 120, 129, 185, 340 ปโยควิบตั ิ 176
ปฏบิ ตั ิบูชา 30 ปโยคสมบัติ 177
ปฏบิ ตั ศิ าสนา 51 ปโยคาภสิ ังขาร 185
ปฏปิ ทา 4 154 ปรโตโฆสะ 34
ปฏปิ ทาญาณทัสสนวสิ ทุ ธิ 285 ปรนิมมิตวสวตั ดี 270, 351
ปฏิปทานตุ ตริยะ 126 ปรมัตถะ 132
ปฏปิ ตตสิ ัทธรรม 121 ปรมตั ถกถา 18
ปฏปิ ส สัทธินิโรธ 224 ปรมัตถเทศนา 18
ปฏิภาคนมิ ติ 87 ปรมตั ถธรรม 4 157, 216, 356
ปฏิภาณปฏสิ ัมภทิ า 155 ปรมตั ถบารมี 325
ปฏริ ปู เทสวาสะ 140 ปรมตั ถสจั จะ 50
ปฏิรูปเทสวาโส จ 353 ปรหติ ปฏบิ ตั ิ 304
ปฏิโลมเทสนา 340 ประชุมเนืองนติ ย 289, 290