บนั ทึกผลหลังแผนการจัดการเรียนรู้
รหัสวชิ า อ22101 รายวิชาภาษาอังกฤษพืน้ ฐาน แผนการจัดการเรียนรูท้ ี่ 3
เรือ่ ง Grammar 4b
**********************************************************************************
บันทึกวนั เดือน ปีทีใ่ ช้สอน
ชน้ั /กล่มุ
วนั /เดือน/ปี
1. ผลการเรยี นรู้ (นักเรยี น…………………….คน)
1.1 ดา้ นความรู้ (K) – เกง่ ……………………………………………………………………………….……………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
1.2 ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) – ด…ี …………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………….………………………….………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
1.3 ดา้ นคุณลักษณะท่อี นั พงึ ประสงค์ (A)– มสี ขุ ……………………………………………...…………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
1.4 ด้านสมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน (C) ………….……………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
2. ปญั หา/สงิ่ ทพ่ี ฒั นา วิธแี กไ้ ข/พฒั นา และผลการแก้ไข/พัฒนา
ปญั หา/สิ่งทพ่ี ัฒนา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……
วธิ แี ก้ไข/พฒั นา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ผลการแกไ้ ข/พัฒนา
…………………………………………………………………………………………………………………….………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ลงชอื่ .............................................ครผู ้สู อน ลงชอ่ื ...........................................หวั หน้ากลุ่มสาระ
(นางสาวประณาลี เมฆาระ) (นางสมใจ ศรเี ทพ)
ลงชือ่ .............................................รองผอู้ ำนวยการ ลงชอ่ื ...........................................ผู้อำนวยการโรงเรยี น
(นายมนูญ กลับกล่อม) (นายนราวุธ สุจติ ะพันธ)์
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 4 เรือ่ ง Grammar 4b
รหัสวชิ า อ22101 รายวิชา ภาษาองั กฤษพื้นฐาน
ระดับช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2565
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 4 เร่อื ง Sports & Chores เวลา 1 ชัว่ โมง
1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้ีวัดชนั้ ปี/ผลการเรียนรู้
สาระท่ี 1 ภาษาเพอ่ื การสอ่ื สาร
มาตรฐาน ต 1.2 มที ักษะการสอื่ สารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลขา่ วสาร แสดงความรู้สกึ และ
ความคดิ เหน็ อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ
ตัวชีว้ ัด
ต 1.2 ม. 2/1 สนทนาแลกเปล่ยี นข้อมูลเกยี่ วกับตนเอง เรื่องต่าง ๆ ใกล้ตวั และสถานการณ์ต่าง ๆ ใน
ชวี ติ ประจำวันอย่างเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอขอ้ มูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคดิ เหน็ ในเร่ืองตา่ ง ๆ โดยการ
พูดและการเขียน
ตัวช้ีวดั
ต 1.3 ม. 2/1 พดู และเขยี นบรรยายเก่ียวกบั ตนเอง กจิ วตั รประจำวัน ประสบการณ์ และข่าว/
เหตุการณ์ท่อี ยู่ในความสนใจของสังคม
สาระที่ 2 ภาษาและวัฒนธรรม
มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหวา่ งภาษาและวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา
กับภาษาและวัฒนธรรมไทย และนำมาใชอ้ ยา่ งถกู ต้องและเหมาะสม
ตวั ชี้วดั
ต 2.2 ม. 2/1 เปรยี บเทยี บและอธิบายความเหมือนและความแตกต่างระหวา่ งการออกเสยี ง ประโยค
ชนดิ ต่าง ๆ และการลำดบั คำตามโครงสร้างประโยคของภาษาต่างประเทศและภาษาไทย
2. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด
การเรียนรู้และเข้าใจโครงสร้างภาษา (must/mustn’t, have to/don’t have to, can/could,
may/might, should, ought to, relative pronouns) ช่วยให้สามารถพูดและเขียนเกี่ยวกับตนเองและเรื่อง
ใกลต้ ัว ตลอดจนเข้าใจความเหมอื นและความแตกตา่ งของภาษาไทยกับภาษาองั กฤษ
จุดประสงค์การเรียนรู้ (จุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรมเพ่ือใหบ้ รรลุตามตวั ชี้วัด)
1. เขียนประโยคโดยใช้โครงสร้าง must/mustn’t - have to/don’t have to can/could, may/might,
should, ought to, relative pronouns ได้
2. พูดถาม-ตอบเกยี่ วกับความหมายของป้ายตา่ ง ๆ ได้
3. สาระการเรียนรู้
3.1 ด้านความรู้ (Knowledge)
1) Language Features and Functions
Grammar: must/mustn’t - have to/don’t have to
can/could, may/might, should, ought to
relative pronouns (who, which, whose, that)
Functions: Talking about prohibition
What does this sign mean?
You mustn’t smoke here.
2) ทกั ษะ /กระบวนการ (Process)
Speaking: พดู ถาม-ตอบเกีย่ วกบั ความหมายของปา้ ยตา่ ง ๆ
Writing: เขียนประโยคเกย่ี วกับตนเองตามโครงสร้างที่เรยี น
แนน่ อน
3.2 คุณลักษณะอนั พึงประสงค์
1) ใฝ่เรียนรู้
2) มุ่งมั่นในการทำงาน
3.3 สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น
1) ความสามารถในการสอ่ื สาร
2) ความสามารถในการคิด
3.4 ดา้ นคุณลักษณะของผเู้ รยี นตามหลักสตู รมาตรฐานสากล
1) เปน็ เลศิ วชิ าการ
2) ส่ือสารสองภาษา
3) ล้ำหน้าทางความคิด
4) ผลติ งานอยา่ งสรา้ งสรรค์
5) รว่ มกนั รับผดิ อบตอ่ สังคมโลก
4. ชิ้นงาน/ภาระงาน (หลกั ฐานร่องรอยแสดงความรู)้
ช้ินงาน
1) ป้ายสญั ลักษณ์
2) เขยี นเกยี่ วกบั ความหมายของป้ายต่าง ๆ
ภาระงาน (รวบยอด)
1) พูดถาม-ตอบเกีย่ วกับความหมายของป้ายตา่ ง ๆ
2) เขยี นประโยคตามโครงสรา้ งทีเ่ รียน
5. การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้
สง่ิ ท่วี ดั ผล วิธีการวดั เคร่อื งมือวดั ผล เกณฑก์ าร
สมดุ นักเรียน ประเมนิ ผล
ดา้ นความรู้ (K ) ตรวจการเขยี นประโยคตาม ร้อยละ 60
โครงสร้างทเี่ รียน
ดา้ นทักษะและ สังเกตการพูดเกย่ี วกบั งาน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
กระบวนการ ( P ) บา้ นที่ตนเองต้องทำหรอื ไม่ เรยี นรู้
ตอ้ งทำ
ดา้ นคุณลักษณะอนั พงึ สังเกตความใฝ่เรยี นรแู้ ละ แบบประเมินคุณลักษณะ ระดบั คณุ ภาพ ผา่ น
ประสงค์ ( A ) ความมุ่งมัน่ ในการทำงาน อนั พงึ ประสงค์
ด้านสมรรถนะสำคญั ของ สงั เกตการพดู ถาม-ตอบ
ผูเ้ รยี น ( C ) เกี่ยวกบั ความหมายของป้าย แบบสงั เกตพฤติกรรมการ -
ต่าง ๆ เรียนรู้
6. กจิ กรรมการเรยี นรู้
ขน้ั Warm up
1. ครใู หน้ กั เรียนดตู ัวอักษรปริศนาต่อไปน้ี
ANC OULCD YAM IMTGH HOSLUD OTHTOUG
ให้นกั เรยี นช่วยกนั เรยี งตวั อักษรเป็นคำ โดยครใู ห้คำใบ้ว่าคำเหล่านค้ี อื modal verbs ซึ่งเป็นกริยาช่วย
ชนดิ หนึง่ จากน้ันครูเฉลยวา่ คำเหล่านไี้ ดแ้ ก่ can, could, may, might, should, ought to
2. เพอื่ เป็นการตรวจสอบความรเู้ ดิมของนักเรียน ครใู ห้นกั เรียนอธบิ ายว่าแต่ละคำมีความหมายว่าอะไรและ
มกี ฎการใช้อย่างไร แต่ยงั ไมเ่ ฉลยคำตอบ
ขน้ั Presentation
1. ครเู ขียนประโยคตอ่ ไปนี้บนกระดาน แล้วใหน้ กั เรยี นอา่ นพร้อมกนั และอธิบายความหมายของประโยค
เปน็ ภาษาไทย
• You can go now.
• You can’t leave the room.
• Can/May I use your computer?
• Could I have some milk?
• He may/might come.
• You should/ought to be careful with electricity.
2. ครแู บ่งนกั เรยี นออกเปน็ กลมุ่ ย่อย และใหน้ ักเรียนศึกษาและสรปุ การใช้ modal verbs บนกระดานจาก
ใบงานท่ีครูพิมพ์จากเวบ็ ไซต์ http://www.grammar.cl/Notes.htm พรอ้ มทง้ั ยกตัวอย่างการใช้ คำละ
1 ประโยค
3. ครใู ห้แต่ละกลมุ่ พดู สรุปการใช้ can, could, may, might, should, ought to ให้เพอื่ นร่วมชั้นฟงั
จากนั้นครูจึงสรปุ ใหฟ้ งั อกี ครัง้
• can ใช้ในการอนุญาต (permission) เช่น You can go now. (you are allowed to) รปู
ปฏิเสธของ can คอื can’t เช่น You can’t leave the room now. (you aren’t
allowed to)
• can/could/may ใชใ้ นประโยคคำถามเพื่อเปน็ การขออนุญาต (asking for permission)
เชน่ Can/May I use your computer? (Is it OK for me to …?) หรอื Could I have
some milk? (Is it possible to…?) ซ่งึ คำว่า could และ may มคี วามสุภาพมากกวา่
can จงึ เหมาะสำหรบั การใช้ในกรณีทีพ่ ูดกับผู้ทม่ี ีอายมุ ากกวา่
• can ยงั ใชเ้ พ่อื เสนอความช่วยเหลอื (offer) เช่น Can I help you with the dishes?
(Would you like me to …?)
• may/might ใช้ในการพดู ถึงความเปน็ ไปได้ (possibility) เช่น He may/might come.
(it’s possible …)
• should/ought to มคี วามหมายเหมือนกัน และใช้แทนกันได้ โดยใช้ในการใหค้ ำแนะนำ
(advice) เช่น You should/ought to be careful with electricity. (It’s my advice.)
4. ครูใหน้ ักเรยี นอา่ นตัวอยา่ งประโยคในกรอบสฟี ้า หนงั สอื เรียน หนา้ 49 Ex. 6 เพอื่ ทบทวนความเข้าใจ
การใช้ can, could, may, might, should, ought to และอธิบายความหมายของประโยคเปน็
ภาษาไทย
5. ครสู อนการใช้ relative pronouns ซ่ึงประกอบไปดว้ ย who, whose, which, that โดยยกตัวอย่างบน
กระดาน
Anna is the girl who/that lives next door.
Animals which/that I hate are snakes.
This is a present which/that we bought for you.
Ben is the boy whose father is a policeman.
ครูอธิบายวา่ relative pronouns คอื คำสรรพนามทีใ่ ช้แทนคำนามทอี่ ยู่ขา้ งหน้า และในขณะเดียวกัน
กท็ ำหนา้ ทเ่ี ชือ่ มประโยคข้างหนา้ กับข้างหลงั ให้เป็นประโยคเดียวกัน
ครถู ามนักเรียนวา่ who, that ใช้แทนคำนามคำใด (the girl) which, that ใชแ้ ทนคำนามคำใด
(animals, a present) และ whose ใช้แสดงถึงอะไร (แสดงความเปน็ เจ้าของ) จากนนั้ ครสู รุปให้ฟังวา่
• who, that ใช้แทนคำนามท่เี ปน็ คน
• which, that ใชแ้ ทนคำนามท่ีเป็นสตั ว์ สิง่ ของ
• whose ใช้แสดงความเปน็ เจ้าของ
6. ครใู ห้นักเรยี นอา่ นตวั อย่างประโยคในกรอบสีฟา้ หนงั สอื เรยี น หน้า 49 Ex. 9 เพื่อทบทวนความเข้าใจ
การใช้ relative pronouns
7. ครูให้นักเรียนเปรยี บเทยี บว่า ในภาษาไทยมกี ารใชค้ ำสรรพนามในลักษณะเช่นเดยี วกนั relative
pronouns หรือไม่ (ประพันธสรรพนาม เปน็ สรรพนามที่ใช้แทนคำนามทอ่ี ยูข่ ้างหน้า และทำหน้าที่เปน็
บทเช่ือม ได้แกค่ ำว่า ผู้ ท่ี ซึ่ง อัน)
ขน้ั Practice
1. หนงั สอื เรยี น หน้า 49 Ex. 6 นักเรียนฝกึ การใช้ can, could, may, might, should, ought to โดย
เตมิ คำลงในประโยคให้ถกู ต้อง เสร็จแล้วครูเฉลยคำตอบ
1 can 2 Could/Can 3 might 4 Can
5 can’t 6 Can/May 7 should/ought to 8 shouldn’t
2. หนังสือเรียน หนา้ 49 Ex. 7 นักเรียนอ่านประโยคท่กี ำหนด ครูให้สังเกตส่วนท่ีขีดเสน้ ใต้ จากนน้ั ให้
นักเรยี นเขยี นประโยคใหมใ่ หไ้ ดใ้ จความตรงกบั สว่ นท่ขี ีดเสน้ ใตโ้ ดยใช้ modal verbs ครูทำขอ้ 1 รว่ มกบั
นกั เรยี นเพอ่ื เป็นตัวอย่าง เสรจ็ แล้วครูส่มุ เรียกนักเรยี นอ่านประโยคของตนเอง และครูตรวจคำตอบ
1 You can’t use this office.
2 You shouldn’t eat too much junk food.
3 Can I carry your suitcase?
4 Can/May I go out now?
5 It might snow later.
6 You can take Dad’s car for tonight.
3. หนังสอื เรยี น หน้า 49 Ex. 9 นักเรียนฝกึ การใช้ relative pronouns โดยเลือกคำใหถ้ กู ต้อง เสร็จแลว้
ครเู ฉลยคำตอบ
1 which 2 who 3 whose 4 who 5 who
4. หนงั สือเรยี น หน้า 49 Ex. 10 นักเรยี นฝึกใช้ who, which, whose เชือ่ มประโยค เสรจ็ แลว้ ครูสุม่
เรียกนักเรยี นอา่ นประโยค และครตู รวจคำตอบ
2. Ann is the girl who speaks six languages.
3. Giant pandas are animals which live in China.
4. This is the boy whose father is our doctor.
5. That’s the helmet which strap is broken.
ข้ัน Presentation
1. หนังสอื เรยี น หน้า 49 Ex. 8 ครูให้นักเรยี นเขยี นประโยคเกีย่ วกบั 2 ส่ิงท่ีต้องทำและไม่ตอ้ งทำที่
โรงเรยี น, 2 สิง่ ที่ตอ้ งทำและไมต่ ้องทำทบี่ ้าน, 2 สิ่งทคี่ วรทำและไมค่ วรทำ และ 2 สงิ่ ท่ีเป็นไปได้ท่ีจะทำ
สุดสัปดาห์น้ี
I must respect my teacher. I must be quiet in class.
I mustn’t throw rubbish on the floor. I mustn’t be late for lessons.
I have to do my chores. I have to do my homework.
I don’t have to wash the car. I don’t have to cook the dinner.
I should brush my teeth twice a day. I should help to protect the environment.
I shouldn’t go to bed late. I shouldn’t rush my homework.
I may go to the beach this weekend.
I may help my mum in the garden this weekend.
2. หนงั สอื เรยี น หน้า 49 Ex. 11 นักเรยี นแตง่ ประโยคโดยใช้คำศัพท์ท่กี ำหนดให้ร่วมกับ relative
pronouns
These are the goggles which I bought last week.
This is Mr Brown who is my Maths teacher.
This is the actor who I like best.
A lion is an animal which lives in Africa.
That’s the tennis ball that broke the window.
This is the school bus which takes my brother to school.
This is the mobile phone which my dad bought me.
3. นักเรยี นทำ Grammar Bank 4 ในแบบฝกึ หดั (Workbook) หน้า 78-79 Exs. 1-6 รว่ มกันในชั้น
แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 31 Exs. 4-8 ให้นักเรียนทำเปน็ การบา้ น
7. สอื่ /อปุ กรณ/์ แหล่งเรียนรู้
ส่ือ 1) หนังสือเรียน SPARK 2 ม. 2
2) Class Audio CDs ประกอบส่ือฯ ชุด SPARK 2 ม. 2
วัสดอุ ปุ กรณ์
แหล่งเรยี นรู้ 3) แบบฝกึ หัด SPARK 2 ม. 2
4) Power Point
5) ใบงานจากอนิ เทอรเ์ น็ต
1) พจนานกุ รมอังกฤษ-อังกฤษ
2) พจนานุกรมออนไลน์
1) หอ้ งสมุด
2) อินเทอรเ์ น็ต
ลงช่อื ............................................................
(นางสาวประณาลี เมฆาระ)
ครูผู้สอน
ความคิดเห็น (รองผูอ้ ำนวยการกลุ่มบรหิ ารวชิ าการ / ผบู้ รหิ าร / ผู้ท่ีไดร้ ับหมอบหมาย)
………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………….……
………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…….……
………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……………
ลงชอื่ ............................................................
(นางชไมพร อรา่ มวทิ ย์)
ตำแหน่ง ครู
วันที่ 12 พฤษภาคม 2565
บนั ทึกผลหลังแผนการจัดการเรียนรู้
รหัสวชิ า อ22101 รายวิชาภาษาอังกฤษพืน้ ฐาน แผนการจัดการเรียนรูท้ ี่ 4
เรือ่ ง Grammar 4b
**********************************************************************************
บันทึกวนั เดือน ปีทีใ่ ช้สอน
ชน้ั /กล่มุ
วนั /เดือน/ปี
1. ผลการเรยี นรู้ (นักเรยี น…………………….คน)
1.1 ดา้ นความรู้ (K) – เกง่ ……………………………………………………………………………….……………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
1.2 ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) – ด…ี …………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………….………………………….………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
1.3 ดา้ นคุณลักษณะท่อี นั พงึ ประสงค์ (A)– มสี ขุ ……………………………………………...…………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
1.4 ด้านสมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน (C) ………….……………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
2. ปญั หา/สงิ่ ทพ่ี ฒั นา วิธแี กไ้ ข/พฒั นา และผลการแก้ไข/พัฒนา
ปญั หา/สิ่งทพ่ี ัฒนา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……
วธิ แี ก้ไข/พฒั นา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ผลการแกไ้ ข/พัฒนา
…………………………………………………………………………………………………………………….………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ลงชอื่ .............................................ครผู ้สู อน ลงชอ่ื ...........................................หวั หน้ากลุ่มสาระ
(นางสาวประณาลี เมฆาระ) (นางสมใจ ศรเี ทพ)
ลงชือ่ .............................................รองผอู้ ำนวยการ ลงชอ่ื ...........................................ผู้อำนวยการโรงเรยี น
(นายมนูญ กลับกล่อม) (นายนราวุธ สุจติ ะพันธ)์
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 5 เรือ่ ง Grammar 4b
รหัสวชิ า อ22101 รายวิชา ภาษาองั กฤษพื้นฐาน
ระดับช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2565
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 4 เร่อื ง Sports & Chores เวลา 1 ชัว่ โมง
1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้ีวัดชนั้ ปี/ผลการเรียนรู้
สาระท่ี 1 ภาษาเพอ่ื การสอ่ื สาร
มาตรฐาน ต 1.2 มที ักษะการสอื่ สารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลขา่ วสาร แสดงความรู้สกึ และ
ความคดิ เหน็ อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ
ตัวชีว้ ัด
ต 1.2 ม. 2/1 สนทนาแลกเปล่ยี นข้อมูลเกยี่ วกับตนเอง เรื่องต่าง ๆ ใกล้ตวั และสถานการณ์ต่าง ๆ ใน
ชวี ติ ประจำวันอย่างเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอขอ้ มูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคดิ เหน็ ในเร่ืองตา่ ง ๆ โดยการ
พูดและการเขียน
ตัวช้ีวดั
ต 1.3 ม. 2/1 พดู และเขยี นบรรยายเก่ียวกบั ตนเอง กจิ วตั รประจำวัน ประสบการณ์ และข่าว/
เหตุการณ์ท่อี ยู่ในความสนใจของสังคม
สาระที่ 2 ภาษาและวัฒนธรรม
มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหวา่ งภาษาและวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา
กับภาษาและวัฒนธรรมไทย และนำมาใชอ้ ยา่ งถกู ต้องและเหมาะสม
ตวั ชี้วดั
ต 2.2 ม. 2/1 เปรยี บเทยี บและอธิบายความเหมือนและความแตกต่างระหวา่ งการออกเสยี ง ประโยค
ชนดิ ต่าง ๆ และการลำดบั คำตามโครงสร้างประโยคของภาษาต่างประเทศและภาษาไทย
2. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด
การเรียนรู้และเข้าใจโครงสร้างภาษา (must/mustn’t, have to/don’t have to, can/could,
may/might, should, ought to, relative pronouns) ช่วยให้สามารถพูดและเขียนเกี่ยวกับตนเองและเรื่อง
ใกลต้ ัว ตลอดจนเข้าใจความเหมอื นและความแตกตา่ งของภาษาไทยกับภาษาองั กฤษ
จุดประสงค์การเรียนรู้ (จุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรมเพ่ือใหบ้ รรลุตามตวั ชี้วัด)
1. เขียนประโยคโดยใช้โครงสร้าง must/mustn’t - have to/don’t have to can/could, may/might,
should, ought to, relative pronouns ได้
2. พูดถาม-ตอบเกยี่ วกับความหมายของป้ายตา่ ง ๆ ได้
3. สาระการเรียนรู้
3.1 ด้านความรู้ (Knowledge)
1) Language Features and Functions
Grammar: must/mustn’t - have to/don’t have to
can/could, may/might, should, ought to
relative pronouns (who, which, whose, that)
Functions: Talking about prohibition
What does this sign mean?
You mustn’t smoke here.
2) ทกั ษะ /กระบวนการ (Process)
Speaking: พดู ถาม-ตอบเกีย่ วกบั ความหมายของปา้ ยตา่ ง ๆ
Writing: เขียนประโยคเกย่ี วกับตนเองตามโครงสร้างที่เรยี น
แนน่ อน
3.2 คุณลักษณะอนั พึงประสงค์
1) ใฝ่เรียนรู้
2) มุ่งมั่นในการทำงาน
3.3 สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น
1) ความสามารถในการสอ่ื สาร
2) ความสามารถในการคิด
3.4 ดา้ นคุณลักษณะของผเู้ รยี นตามหลักสตู รมาตรฐานสากล
1) เปน็ เลศิ วชิ าการ
2) ส่ือสารสองภาษา
3) ล้ำหน้าทางความคิด
4) ผลติ งานอยา่ งสรา้ งสรรค์
5) รว่ มกนั รับผดิ อบตอ่ สังคมโลก
4. ชิ้นงาน/ภาระงาน (หลกั ฐานร่องรอยแสดงความรู)้
ช้ินงาน
1) ป้ายสญั ลักษณ์
2) เขยี นเกยี่ วกบั ความหมายของป้ายต่าง ๆ
ภาระงาน (รวบยอด)
1) พูดถาม-ตอบเกีย่ วกับความหมายของป้ายตา่ ง ๆ
2) เขยี นประโยคตามโครงสรา้ งทีเ่ รียน
5. การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้
สง่ิ ท่วี ดั ผล วิธีการวดั เคร่อื งมือวดั ผล เกณฑก์ าร
สมดุ นักเรียน ประเมนิ ผล
ดา้ นความรู้ (K ) ตรวจการเขยี นประโยคตาม ร้อยละ 60
โครงสร้างทเี่ รียน
ดา้ นทักษะและ สังเกตการพูดเกย่ี วกบั งาน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
กระบวนการ ( P ) บา้ นที่ตนเองต้องทำหรอื ไม่ เรยี นรู้
ตอ้ งทำ
ดา้ นคุณลักษณะอนั พงึ สังเกตความใฝ่เรยี นรแู้ ละ แบบประเมินคุณลักษณะ ระดบั คณุ ภาพ ผา่ น
ประสงค์ ( A ) ความมุ่งมัน่ ในการทำงาน อนั พงึ ประสงค์
ด้านสมรรถนะสำคญั ของ สงั เกตการพดู ถาม-ตอบ
ผูเ้ รยี น ( C ) เกี่ยวกบั ความหมายของป้าย แบบสงั เกตพฤติกรรมการ -
ต่าง ๆ เรียนรู้
6. กจิ กรรมการเรยี นรู้
ขน้ั Warm up
1. ครใู หน้ กั เรียนดตู ัวอักษรปริศนาต่อไปน้ี
ANC OULCD YAM IMTGH HOSLUD OTHTOUG
ให้นกั เรยี นช่วยกนั เรยี งตวั อักษรเป็นคำ โดยครใู ห้คำใบ้ว่าคำเหล่านค้ี อื modal verbs ซึ่งเป็นกริยาช่วย
ชนดิ หนึง่ จากน้ันครูเฉลยวา่ คำเหล่านไี้ ดแ้ ก่ can, could, may, might, should, ought to
2. เพอื่ เป็นการตรวจสอบความรเู้ ดิมของนักเรียน ครใู ห้นกั เรียนอธบิ ายว่าแต่ละคำมีความหมายว่าอะไรและ
มกี ฎการใช้อย่างไร แต่ยงั ไมเ่ ฉลยคำตอบ
ขน้ั Presentation
1. ครเู ขียนประโยคตอ่ ไปนี้บนกระดาน แล้วใหน้ กั เรยี นอา่ นพร้อมกนั และอธิบายความหมายของประโยค
เปน็ ภาษาไทย
• You can go now.
• You can’t leave the room.
• Can/May I use your computer?
• Could I have some milk?
• He may/might come.
• You should/ought to be careful with electricity.
2. ครแู บ่งนกั เรยี นออกเปน็ กลมุ่ ย่อย และใหน้ ักเรียนศึกษาและสรปุ การใช้ modal verbs บนกระดานจาก
ใบงานท่ีครูพิมพ์จากเวบ็ ไซต์ http://www.grammar.cl/Notes.htm พรอ้ มทง้ั ยกตัวอย่างการใช้ คำละ
1 ประโยค
3. ครใู ห้แต่ละกลมุ่ พดู สรุปการใช้ can, could, may, might, should, ought to ให้เพอื่ นร่วมชั้นฟงั
จากนั้นครูจึงสรปุ ใหฟ้ งั อกี ครัง้
• can ใช้ในการอนุญาต (permission) เช่น You can go now. (you are allowed to) รปู
ปฏิเสธของ can คอื can’t เช่น You can’t leave the room now. (you aren’t
allowed to)
• can/could/may ใชใ้ นประโยคคำถามเพื่อเปน็ การขออนุญาต (asking for permission)
เชน่ Can/May I use your computer? (Is it OK for me to …?) หรอื Could I have
some milk? (Is it possible to…?) ซ่งึ คำว่า could และ may มคี วามสุภาพมากกวา่
can จงึ เหมาะสำหรบั การใช้ในกรณีทีพ่ ูดกับผู้ทม่ี ีอายมุ ากกวา่
• can ยงั ใชเ้ พ่อื เสนอความช่วยเหลอื (offer) เช่น Can I help you with the dishes?
(Would you like me to …?)
• may/might ใช้ในการพดู ถึงความเปน็ ไปได้ (possibility) เช่น He may/might come.
(it’s possible …)
• should/ought to มคี วามหมายเหมือนกัน และใช้แทนกันได้ โดยใช้ในการใหค้ ำแนะนำ
(advice) เช่น You should/ought to be careful with electricity. (It’s my advice.)
4. ครูใหน้ ักเรยี นอา่ นตัวอยา่ งประโยคในกรอบสฟี ้า หนงั สอื เรียน หนา้ 49 Ex. 6 เพอื่ ทบทวนความเข้าใจ
การใช้ can, could, may, might, should, ought to และอธิบายความหมายของประโยคเปน็
ภาษาไทย
5. ครสู อนการใช้ relative pronouns ซ่ึงประกอบไปดว้ ย who, whose, which, that โดยยกตัวอย่างบน
กระดาน
Anna is the girl who/that lives next door.
Animals which/that I hate are snakes.
This is a present which/that we bought for you.
Ben is the boy whose father is a policeman.
ครูอธิบายวา่ relative pronouns คอื คำสรรพนามทีใ่ ช้แทนคำนามทอี่ ยู่ขา้ งหน้า และในขณะเดียวกัน
กท็ ำหนา้ ทเ่ี ชือ่ มประโยคข้างหนา้ กับข้างหลงั ให้เป็นประโยคเดียวกัน
ครถู ามนักเรียนวา่ who, that ใช้แทนคำนามคำใด (the girl) which, that ใชแ้ ทนคำนามคำใด
(animals, a present) และ whose ใช้แสดงถึงอะไร (แสดงความเปน็ เจ้าของ) จากนนั้ ครสู รุปให้ฟังวา่
• who, that ใช้แทนคำนามท่เี ปน็ คน
• which, that ใชแ้ ทนคำนามท่ีเป็นสตั ว์ สิง่ ของ
• whose ใช้แสดงความเปน็ เจ้าของ
6. ครใู ห้นักเรยี นอา่ นตวั อย่างประโยคในกรอบสีฟา้ หนงั สอื เรยี น หน้า 49 Ex. 9 เพื่อทบทวนความเข้าใจ
การใช้ relative pronouns
7. ครูให้นักเรียนเปรยี บเทยี บว่า ในภาษาไทยมกี ารใชค้ ำสรรพนามในลักษณะเช่นเดยี วกนั relative
pronouns หรือไม่ (ประพันธสรรพนาม เปน็ สรรพนามที่ใช้แทนคำนามทอ่ี ยูข่ ้างหน้า และทำหน้าที่เปน็
บทเช่ือม ได้แกค่ ำว่า ผู้ ท่ี ซึ่ง อัน)
ขน้ั Practice
1. หนงั สอื เรยี น หน้า 49 Ex. 6 นักเรียนฝกึ การใช้ can, could, may, might, should, ought to โดย
เตมิ คำลงในประโยคให้ถกู ต้อง เสร็จแล้วครูเฉลยคำตอบ
1 can 2 Could/Can 3 might 4 Can
5 can’t 6 Can/May 7 should/ought to 8 shouldn’t
2. หนังสือเรียน หนา้ 49 Ex. 7 นักเรียนอ่านประโยคท่กี ำหนด ครูให้สังเกตส่วนท่ีขีดเสน้ ใต้ จากนน้ั ให้
นักเรยี นเขยี นประโยคใหมใ่ หไ้ ดใ้ จความตรงกบั สว่ นท่ขี ีดเสน้ ใตโ้ ดยใช้ modal verbs ครูทำขอ้ 1 รว่ มกบั
นกั เรยี นเพอ่ื เป็นตัวอย่าง เสรจ็ แล้วครูส่มุ เรียกนักเรยี นอ่านประโยคของตนเอง และครูตรวจคำตอบ
1 You can’t use this office.
2 You shouldn’t eat too much junk food.
3 Can I carry your suitcase?
4 Can/May I go out now?
5 It might snow later.
6 You can take Dad’s car for tonight.
3. หนังสอื เรยี น หน้า 49 Ex. 9 นักเรียนฝกึ การใช้ relative pronouns โดยเลือกคำใหถ้ กู ต้อง เสร็จแลว้
ครเู ฉลยคำตอบ
1 which 2 who 3 whose 4 who 5 who
4. หนงั สือเรยี น หน้า 49 Ex. 10 นักเรยี นฝึกใช้ who, which, whose เชือ่ มประโยค เสรจ็ แลว้ ครูสุม่
เรียกนักเรยี นอา่ นประโยค และครตู รวจคำตอบ
2. Ann is the girl who speaks six languages.
3. Giant pandas are animals which live in China.
4. This is the boy whose father is our doctor.
5. That’s the helmet which strap is broken.
ข้ัน Presentation
1. หนังสอื เรยี น หน้า 49 Ex. 8 ครูให้นักเรยี นเขยี นประโยคเกีย่ วกบั 2 ส่ิงท่ีต้องทำและไม่ตอ้ งทำที่
โรงเรยี น, 2 สิง่ ที่ตอ้ งทำและไมต่ ้องทำทบี่ ้าน, 2 สิ่งทคี่ วรทำและไมค่ วรทำ และ 2 สงิ่ ท่ีเป็นไปได้ท่ีจะทำ
สุดสัปดาห์น้ี
I must respect my teacher. I must be quiet in class.
I mustn’t throw rubbish on the floor. I mustn’t be late for lessons.
I have to do my chores. I have to do my homework.
I don’t have to wash the car. I don’t have to cook the dinner.
I should brush my teeth twice a day. I should help to protect the environment.
I shouldn’t go to bed late. I shouldn’t rush my homework.
I may go to the beach this weekend.
I may help my mum in the garden this weekend.
2. หนงั สอื เรยี น หน้า 49 Ex. 11 นักเรยี นแตง่ ประโยคโดยใช้คำศัพท์ท่กี ำหนดให้ร่วมกับ relative
pronouns
These are the goggles which I bought last week.
This is Mr Brown who is my Maths teacher.
This is the actor who I like best.
A lion is an animal which lives in Africa.
That’s the tennis ball that broke the window.
This is the school bus which takes my brother to school.
This is the mobile phone which my dad bought me.
3. นักเรยี นทำ Grammar Bank 4 ในแบบฝกึ หดั (Workbook) หน้า 78-79 Exs. 1-6 รว่ มกันในชั้น
แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 31 Exs. 4-8 ให้นักเรียนทำเปน็ การบา้ น
7. สอื่ /อปุ กรณ/์ แหล่งเรียนรู้
ส่ือ 1) หนังสือเรียน SPARK 2 ม. 2
2) Class Audio CDs ประกอบส่ือฯ ชุด SPARK 2 ม. 2
วัสดอุ ปุ กรณ์
แหล่งเรยี นรู้ 3) แบบฝกึ หัด SPARK 2 ม. 2
4) Power Point
5) ใบงานจากอนิ เทอรเ์ น็ต
1) พจนานกุ รมอังกฤษ-อังกฤษ
2) พจนานุกรมออนไลน์
1) หอ้ งสมุด
2) อินเทอรเ์ น็ต
ลงช่อื ............................................................
(นางสาวประณาลี เมฆาระ)
ครูผู้สอน
ความคิดเห็น (รองผูอ้ ำนวยการกลุ่มบรหิ ารวชิ าการ / ผบู้ รหิ าร / ผู้ท่ีไดร้ ับหมอบหมาย)
………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………….……
………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…….……
………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……………
ลงชอื่ ............................................................
(นางชไมพร อรา่ มวทิ ย์)
ตำแหน่ง ครู
วันที่ 12 พฤษภาคม 2565
บนั ทกึ ผลหลงั แผนการจัดการเรยี นรู้
รหัสวชิ า อ22101 รายวชิ าภาษาองั กฤษพน้ื ฐาน แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 5
เรอื่ ง Grammar 4b
**********************************************************************************
บันทึกวนั เดือน ปีทีใ่ ช้สอน
ชน้ั /กล่มุ
วนั /เดือน/ปี
1. ผลการเรยี นรู้ (นักเรยี น…………………….คน)
1.1 ดา้ นความรู้ (K) – เก่ง……………………………………………………………………………….……………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
1.2 ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) – ด…ี …………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………….………………………….………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
1.3 ดา้ นคุณลักษณะท่อี นั พงึ ประสงค์ (A)– มสี ุข ……………………………………………...…………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
1.4 ด้านสมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี น (C) ………….……………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
2. ปญั หา/สงิ่ ทพ่ี ฒั นา วิธแี กไ้ ข/พฒั นา และผลการแกไ้ ข/พฒั นา
ปญั หา/สิ่งทพ่ี ัฒนา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……
วธิ แี ก้ไข/พฒั นา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ผลการแกไ้ ข/พัฒนา
…………………………………………………………………………………………………………………….………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ลงชอื่ .............................................ครผู ้สู อน ลงช่ือ...........................................หวั หน้ากลุ่มสาระ
(นางสาวประณาลี เมฆาระ) (นางสมใจ ศรเี ทพ)
ลงชือ่ .............................................รองผูอ้ ำนวยการ ลงชื่อ...........................................ผอู้ ำนวยการโรงเรยี น
(นายมนูญ กลับกล่อม) (นายนราวธุ สุจติ ะพันธ)์
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 6 เรอื่ ง Skills 4c
รหัสวิชา อ22101 รายวิชา ภาษาอังกฤษพ้นื ฐาน
ระดับชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2565
หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 4 เร่อื ง Sports & Chores เวลา 1 ชว่ั โมง
1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชวี้ ัดชั้นป/ี ผลการเรยี นรู้
สาระที่ 1 ภาษาเพอ่ื การส่อื สาร
มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตีความเร่ืองทฟ่ี ังและอา่ นจากสอื่ ประเภทตา่ ง ๆ และแสดงความคดิ เห็น
อยา่ งมเี หตผุ ล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 2/3 ระบ/ุ เขยี นประโยคและขอ้ ความใหส้ มั พนั ธ์กับส่ือทีไ่ มใ่ ช่ความเรยี งรูปแบบตา่ ง ๆ ที่อ่าน
ต 1.1 ม. 2/4 เลือกหัวข้อเรอื่ ง ใจความสำคัญ บอกรายละเอยี ดสนบั สนนุ (supporting detail) และ
แสดงความคิดเหน็ เกย่ี วกับเรอื่ งทีฟ่ งั และอ่านพรอ้ มท้ังให้เหตุผลและยกตัวอย่างง่าย ๆ
ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.2 มที กั ษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นขอ้ มลู ข่าวสาร แสดงความรสู้ ึกและ
ความคดิ เหน็ อยา่ งมีประสิทธภิ าพ
ตวั ช้ีวัด
ต 1.2 ม. 2/4 พูดและเขียนเพอื่ ขอและใหข้ ้อมูล บรรยาย และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องท่ีฟังหรอื
อา่ นอยา่ งเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอข้อมูลขา่ วสาร ความคิดรวบยอด และความคดิ เหน็ ในเรื่องต่าง ๆ โดยการ
พดู และการเขยี น
ตวั ชว้ี ดั
ต 1.3 ม. 2/1 พูดและเขียนบรรยายเกี่ยวกบั ตนเอง กิจวตั รประจำวัน ประสบการณ์ และข่าว/
เหตกุ ารณท์ ี่อยู่ในความสนใจของสงั คม
สาระท่ี 2 ภาษาและวัฒนธรรม
มาตรฐาน ต 2.2 เขา้ ใจความเหมอื นและความแตกต่างระหว่างภาษาและวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา
กบั ภาษาและวัฒนธรรมไทย และนำมาใช้อยา่ งถกู ต้องและเหมาะสม
ตัวชีว้ ดั
ต 2.2 ม. 2/2 เปรียบเทยี บและอธบิ ายความเหมือนและความแตกต่างระหว่างชวี ติ ความเป็นอยู่และ
วฒั นธรรมของเจา้ ของภาษากบั ของไทย
สาระท่ี 3 ภาษากบั ความสมั พันธ์กับกลมุ่ สาระการเรยี นรอู้ ื่น
มาตรฐาน ต 3.1 ใชภ้ าษาตา่ งประเทศในการเช่ือมโยงความรู้กับกลุม่ สาระการเรยี นรู้อืน่ และเปน็
พ้นื ฐานในการพฒั นา แสวงหาความรู้ และเปิดโลกทศั น์ของตน
ตัวช้วี ัด
ต 3.1 ม. 2/1 ค้นคว้า รวบรวม และสรปุ ข้อมูล/ขอ้ เท็จจรงิ ทเ่ี กี่ยวข้องกบั กลมุ่ สาระการเรยี นรูอ้ ืน่ จาก
แหลง่ การเรยี นรู้ และนำเสนอดว้ ยการพดู /การเขยี น
2. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด
การเรียนรู้คำศัพท์เกี่ยวกับกีฬาและกิจกรรม การอ่านเกีย่ วกบั กฎการข่ีจักรยานอย่างปลอดภัย ซึ่งเป็น
เร่ืองใกลต้ วั ชว่ ยให้สามารถนำความรู้ไปใชใ้ นการดำเนินชวี ติ ไดอ้ ย่างปลอดภัย
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ (จุดประสงค์เชงิ พฤตกิ รรมเพ่ือให้บรรลุตามตัวชว้ี ัด)
1. อ่านบทความ บอกความหมายคำศัพท์ในเรอ่ื งทอ่ี ่าน ได้
2. อา่ นเรือ่ งแลว้ จับใจความสำคัญและตอบคำถามจากการอา่ นได้
3. สาระการเรยี นรู้
3.1 ด้านความรู้ (Knowledge)
Vocabulary: Sports and activities (rollerblading, kickboxing, darts, ice-skating,
skateboarding, ice hockey, football, baseball, martial arts,
biking, golf, athletics, horse riding, aerobics, tennis, sailing,
badminton, chess)
Verbs (protect, respect)
Nouns (accident, helmet, reflector, reflective belt, loose clothes,
headphones, knee pad, hand signal, brakes, tyre, chain)
Adverb (regularly)
Functions: Talking about safe cycling
You must wear a helmet. You must also put reflectors on your
bike and wear something bright.
2) ทกั ษะ /กระบวนการ (Process)
Speaking: พูดแสดงความคิดเหน็ เกย่ี วกับการป่ันจักรยานอย่างปลอดภัย
Reading: อา่ นเพื่อจับใจความสำคัญและหาข้อมูลเฉพาะ
Writing: เขยี นเก่ียวกับการป่ันจกั รยานและการขา้ มถนนอย่างปลอดภยั
3.2 คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์
1) ใฝ่เรยี นรู้
2) มุ่งมนั่ ในการทำงาน
3.3 สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น
1) ความสามารถในการสือ่ สาร
2) ความสามารถในการคิด
3.4 ด้านคุณลกั ษณะของผเู้ รียนตามหลักสูตรมาตรฐานสากล
1) เปน็ เลิศวิชาการ
2) สอ่ื สารสองภาษา
3) ลำ้ หน้าทางความคิด
4) ผลิตงานอยา่ งสร้างสรรค์
5) รว่ มกนั รับผดิ อบตอ่ สังคมโลก
4. ช้นิ งาน/ภาระงาน (หลักฐานร่องรอยแสดงความรู้)
ชนิ้ งาน
1) โปสเตอร์ how to cross a road safely
ภาระงาน (รวบยอด)
1) อา่ นออกเสยี งบทสนทนา
2) เขียนโปสเตอร์ how to cross a road safely
3) นำเสนอโปสเตอร์ how to cross a road safely
5. การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้
สิง่ ทว่ี ัดผล วิธีการวดั เครอ่ื งมอื วดั ผล เกณฑ์การ
ประเมนิ ผล
ด้านความรู้ (K ) ตรวจการตอบคำถามจาก แบบฝึกหัด (Workbook) รอ้ ยละ 60
การอา่ น
ดา้ นทักษะและ สงั เกตการแสดงความคดิ เห็น แบบสังเกตพฤติกรรมการ ระดบั คุณภาพ พอใช้
กระบวนการ ( P ) เกยี่ วกบั เรือ่ งที่อ่าน เรยี นรู้
ด้านคุณลักษณะอนั พึง สังเกตความใฝเ่ รยี นรแู้ ละ แบบประเมนิ คุณลักษณะ ระดับคณุ ภาพ ผา่ น
ประสงค์ ( A ) ความมุง่ มัน่ ในการทำงาน อันพึงประสงค์
ดา้ นสมรรถนะสำคญั ของ ประเมนิ การทำโปสเตอร์ แบบประเมนิ ชิน้ งาน ระดับคุณภาพ พอใช้
ผู้เรยี น ( C ) how to cross a road
safely
6. กิจกรรมการเรียนรู้
ขนั้ Warm up
ครูถามนักเรยี นวา่ ชอบเลน่ กฬี าชนิดใดบ้าง กีฬาท่ีนกั เรียนเล่นมีความปลอดภัยมากน้อยเพยี งใด และ
นกั เรยี นมวี ธิ รี ะวงั อันตรายที่จะเกิดขน้ึ ขณะเล่นอย่างไรบา้ ง
ขน้ั Pre-reading
1. ครใู หน้ ักเรยี นดภู าพคนปน่ั จักรยาน และถามนักเรยี นว่าคือกฬี าชนิดใด (cycling/biking)
2. หนังสือเรยี น หนา้ 50 Ex. 1 ครูถามคำถามนักเรียนหลาย ๆ คน โดยใช้คำถามที่กำหนดให้ เพอื่ กระตุ้น
ความสนใจเก่ียวกบั การป่นั จกั รยาน
Yes, I have got a bike. I like cycling because it’s good exercise./
No, I don’t have a bike. My parents say it’s dangerous to ride a bike on
busy streets.
3. ครูอาจใหน้ กั เรยี นท่ีชอบการปน่ั จกั รยานเลา่ ประสบการณ์ในการปัน่ จกั รยาน และแบ่งปนั วิธกี ารปั่น
จักรยานอย่างปลอดภัยให้เพ่อื นฟงั
4. ครใู หน้ กั เรยี นดภู าพในหนงั สือเรยี น หน้า 50 แลว้ ครูถามว่ากจิ กรรมในภาพใดท่ีอาจก่อให้เกดิ อนั ตรายใน
การปัน่ จักรยาน (C - wearing headphones)
5. ครแู บ่งนักเรยี นออกเปน็ กล่มุ ย่อย แล้วแจกภาพและบัตรคำเกีย่ วกบั การป่นั จกั รยานใหก้ ล่มุ ละ 1 ชุด ให้
แตล่ ะกลุ่มจบั คูภ่ าพและบัตรคำให้ถกู ตอ้ ง โดยนกั เรียนสามารถค้นหาความหมายของคำศัพทไ์ ดจ้ าก
พจนานุกรมหรอื พจนานุกรมออนไลน์
ภาพจาก: http://www.picquery.com/clear-bicycle- reflector
reflectors_ (แผ่นสะท้อนแสง)
ytMZ%7CdjzGBa98JOD8UlCtV95dwgaDDU5MMFsJPD*i8E
/ reflective belt
(เข็มขัดสะทอ้ นแสง)
ภาพจาก: https://www.athleteshop.nl/wowow-reflective-
wear-cross-belt
ภาพจาก: http://kneesafe.com/knee-pad-types/ knee pads
(สนบั เขา่ )
ภาพจาก:
https://www.officeworks.com.au/shop/officeworks/p/ headphones
skullcandy-hesh-2-bluetooth-over-ear-headphones- (หูฟัง)
black-sk6hbgy374
hand signal
ภาพจาก: (สญั ญาณมือ)
https://www1.toronto.ca/wps/portal/contentonly?
vgnextoid=af6e0995bbbc1410VgnVCM10000071d60f89R brakes
CRD (เบรก, ทีห่ ้ามล้อ)
ภาพจาก: http://www.active.com/cycling/articles/8-tips- tyre
for-better-braking?page=1 (ยางรถ)
ภาพจาก: https://www.ebay.com.au/b/Bicycle-
Tyres/177828/
bn_1656665
chain
(โซ่)
ภาพจาก: http://www.wilko.com/all-bike-
parts+accessories/
wilko-cycle-chain-1-3-speed/invt/0343822
6. ครูเฉลยคำตอบและให้นกั เรยี นอ่านออกเสียงคำศัพท์ จากน้นั ช่วยกนั อธบิ ายความหมายของคำศพั ท์ แลว้
ครูอธบิ ายวา่ คำวา่ tyre เป็นการสะกดแบบ British สว่ นการสะกดแบบ American จะสะกดวา่ tire
แตอ่ อกเสยี งเหมือนกนั
การสะกดแบบ British และ American ท่ีแตกต่างกนั ยงั มอี ีกหลายคำ เชน่
British American
favourite favorite
colour color
theatre theater
pyjamas pajamas
aeroplane airplane
programme program
jewellery jewelry
mum mom
ข้ัน Reading
1. ครูให้นกั เรียนอา่ นบทอ่านในหนงั สอื เรยี น หนา้ 50 เพ่ือจับใจความสำคญั เม่อื นักเรยี นอ่านจบให้ช่วยกนั
บอกใจความสำคัญของเร่อื ง โดยครถู ามวา่ What is it about? (How to cycle safely, what you
should and should not do when cycling)
2. หนังสือเรียน หน้า 50 Ex. 2 ครใู ห้นกั เรยี นอา่ นประโยคทก่ี ำหนดให้ และขดี เสน้ ใตค้ ำสำคัญ แลว้ อ่าน
บทอา่ นเพ่ือมองหาคำพ้องความหมาย (synonym) คำท่ีมคี วามหมายตรงกันข้าม (opposite) หรอื
กลมุ่ คำ/วลที ม่ี ีความหมายเหมอื นกันหรือตา่ งกันกบั คำสำคญั ท่ขี ีดเสน้ ใตไ้ ว้ เพื่อหาคำตอบ จากนั้นครู
และนักเรียนร่วมกนั เฉลยคำตอบ
1 F 2 F 3 T 4 F 5 DS
ข้ัน Post-reading
1. ครูถามความคิดเห็นของนักเรยี นเกี่ยวกบั เรื่องทไี่ ดอ้ ่านวา่ น่าสนใจและเป็นประโยชน์ตอ่ ตัวเองหรือไม่
อย่างไร
2. ครใู หน้ กั เรียนร่วมกันอภิปรายเพื่อเสนอคำแนะนำเพ่ิมเติมสำหรบั การปน่ั จกั รยานให้ปลอดภยั
3. นกั เรยี นทำ Language Review 4c Exs. 3-4 ในหนงั สอื เรียน หนา้ 108 รว่ มกนั ในช้ัน
4. แบบฝึกหัด (Workbook) หน้า 32-33 Exs. 1-2, 4-5 ให้นักเรียนทำเป็นการบ้าน
7. สอ่ื /อุปกรณ์/แหลง่ เรยี นรู้
สือ่ 1) หนังสือเรียน SPARK 2 ม. 2
วัสดอุ ุปกรณ์
2) Class Audio CDs ประกอบส่ือฯ ชุด SPARK 2 ม. 2
แหล่งเรยี นรู้ 3) แบบฝึกหดั SPARK 2 ม. 2
1) พจนานกุ รมองั กฤษ-องั กฤษ
2) พจนานกุ รมออนไลน์
3) ตวั อยา่ งโฆษณาสถานท่ที อ่ งเท่ยี ว
4) ภาพและบตั รคำเก่ียวกับการปนั่ จกั รยาน
5) ภาพกฬี าชนดิ ต่าง ๆ
1) หอ้ งสมุด
2) อนิ เตอรเ์ น็ต
ลงชื่อ............................................................
(นางสาวประณาลี เมฆาระ)
ครูผู้สอน
ความคิดเหน็ (รองผอู้ ำนวยการกลุม่ บริหารวิชาการ / ผู้บริหาร / ผู้ทไ่ี ดร้ ับหมอบหมาย)
………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………….……
………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…….……
………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……………
ลงช่ือ............................................................
(นางชไมพร อร่ามวทิ ย์)
ตำแหน่ง ครู
วันที่ 12 พฤษภาคม 2565
บันทกึ ผลหลังแผนการจดั การเรยี นรู้
รหัสวิชา อ22101 รายวิชาภาษาอังกฤษพ้นื ฐาน แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี 6
เรือ่ ง Skills 4c
**********************************************************************************
บันทึกวัน เดือน ปีที่ใชส้ อน
ช้นั /กลมุ่
วัน/เดอื น/ปี
1. ผลการเรียนรู้ (นักเรียน…………………….คน)
1.1 ดา้ นความรู้ (K) – เกง่ ……………………………………………………………………………….……………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
1.2 ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P) – ด…ี …………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………….………………………….………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
1.3 ดา้ นคุณลักษณะทอ่ี ันพึงประสงค์ (A)– มสี ุข ……………………………………………...…………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
1.4 ดา้ นสมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รยี น (C) ………….……………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
2. ปญั หา/ส่ิงที่พัฒนา วธิ แี ก้ไข/พัฒนา และผลการแก้ไข/พัฒนา
ปญั หา/ส่ิงท่พี ฒั นา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……
วธิ ีแก้ไข/พฒั นา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ผลการแก้ไข/พัฒนา
…………………………………………………………………………………………………………………….………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ลงชอ่ื .............................................ครูผสู้ อน ลงช่ือ...........................................หวั หน้ากลมุ่ สาระ
(นางสาวประณาลี เมฆาระ) (นางสมใจ ศรีเทพ)
ลงชอื่ .............................................รองผูอ้ ำนวยการ ลงชอ่ื ...........................................ผู้อำนวยการโรงเรยี น
(นายมนญู กลับกลอ่ ม) (นายนราวธุ สุจิตะพนั ธ์)
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 7 เรอื่ ง Skills 4c
รหัสวิชา อ22101 รายวิชา ภาษาอังกฤษพ้นื ฐาน
ระดับชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2565
หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 4 เร่อื ง Sports & Chores เวลา 1 ชว่ั โมง
1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชวี้ ัดชั้นป/ี ผลการเรยี นรู้
สาระที่ 1 ภาษาเพอ่ื การส่อื สาร
มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตีความเร่ืองทฟ่ี ังและอา่ นจากสอื่ ประเภทตา่ ง ๆ และแสดงความคดิ เห็น
อยา่ งมเี หตผุ ล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 2/3 ระบ/ุ เขยี นประโยคและขอ้ ความใหส้ มั พนั ธ์กับส่ือทีไ่ มใ่ ช่ความเรยี งรูปแบบตา่ ง ๆ ที่อ่าน
ต 1.1 ม. 2/4 เลือกหัวข้อเรอื่ ง ใจความสำคัญ บอกรายละเอยี ดสนบั สนนุ (supporting detail) และ
แสดงความคิดเหน็ เกย่ี วกับเรอื่ งทีฟ่ งั และอ่านพรอ้ มท้ังให้เหตุผลและยกตัวอย่างง่าย ๆ
ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.2 มที กั ษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นขอ้ มลู ข่าวสาร แสดงความรสู้ ึกและ
ความคดิ เหน็ อยา่ งมีประสิทธภิ าพ
ตวั ช้ีวัด
ต 1.2 ม. 2/4 พูดและเขียนเพอื่ ขอและใหข้ ้อมูล บรรยาย และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องท่ีฟังหรอื
อา่ นอยา่ งเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอข้อมูลขา่ วสาร ความคิดรวบยอด และความคดิ เหน็ ในเรื่องต่าง ๆ โดยการ
พดู และการเขยี น
ตวั ชว้ี ดั
ต 1.3 ม. 2/1 พูดและเขียนบรรยายเกี่ยวกบั ตนเอง กิจวตั รประจำวัน ประสบการณ์ และข่าว/
เหตกุ ารณท์ ี่อยู่ในความสนใจของสงั คม
สาระท่ี 2 ภาษาและวัฒนธรรม
มาตรฐาน ต 2.2 เขา้ ใจความเหมอื นและความแตกต่างระหว่างภาษาและวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา
กบั ภาษาและวัฒนธรรมไทย และนำมาใช้อยา่ งถกู ต้องและเหมาะสม
ตัวชีว้ ดั
ต 2.2 ม. 2/2 เปรียบเทยี บและอธบิ ายความเหมือนและความแตกต่างระหว่างชวี ติ ความเป็นอยู่และ
วฒั นธรรมของเจา้ ของภาษากบั ของไทย
สาระท่ี 3 ภาษากบั ความสมั พันธ์กับกลมุ่ สาระการเรยี นรอู้ ื่น
มาตรฐาน ต 3.1 ใชภ้ าษาตา่ งประเทศในการเช่ือมโยงความรู้กับกลุม่ สาระการเรยี นรู้อืน่ และเปน็
พ้นื ฐานในการพฒั นา แสวงหาความรู้ และเปิดโลกทศั น์ของตน
ตัวช้วี ัด
ต 3.1 ม. 2/1 ค้นคว้า รวบรวม และสรปุ ข้อมูล/ขอ้ เท็จจรงิ ทเ่ี กี่ยวข้องกบั กลมุ่ สาระการเรยี นรูอ้ ืน่ จาก
แหลง่ การเรยี นรู้ และนำเสนอดว้ ยการพดู /การเขยี น
2. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด
การเรียนรู้คำศัพท์เกี่ยวกับกีฬาและกิจกรรม การอ่านเกีย่ วกบั กฎการข่ีจักรยานอย่างปลอดภัย ซึ่งเป็น
เร่ืองใกลต้ วั ชว่ ยให้สามารถนำความรู้ไปใชใ้ นการดำเนินชวี ติ ไดอ้ ย่างปลอดภัย
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ (จุดประสงค์เชงิ พฤตกิ รรมเพ่ือให้บรรลุตามตัวชว้ี ัด)
1. อ่านบทความ บอกความหมายคำศัพท์ในเรอ่ื งทอ่ี ่าน ได้
2. อา่ นเรือ่ งแลว้ จับใจความสำคัญและตอบคำถามจากการอา่ นได้
3. สาระการเรยี นรู้
3.1 ด้านความรู้ (Knowledge)
Vocabulary: Sports and activities (rollerblading, kickboxing, darts, ice-skating,
skateboarding, ice hockey, football, baseball, martial arts,
biking, golf, athletics, horse riding, aerobics, tennis, sailing,
badminton, chess)
Verbs (protect, respect)
Nouns (accident, helmet, reflector, reflective belt, loose clothes,
headphones, knee pad, hand signal, brakes, tyre, chain)
Adverb (regularly)
Functions: Talking about safe cycling
You must wear a helmet. You must also put reflectors on your
bike and wear something bright.
2) ทกั ษะ /กระบวนการ (Process)
Speaking: พูดแสดงความคิดเหน็ เกย่ี วกับการป่ันจักรยานอย่างปลอดภัย
Reading: อา่ นเพื่อจับใจความสำคัญและหาข้อมูลเฉพาะ
Writing: เขยี นเก่ียวกับการป่ันจกั รยานและการขา้ มถนนอย่างปลอดภยั
3.2 คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์
1) ใฝ่เรยี นรู้
2) มุ่งมนั่ ในการทำงาน
3.3 สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น
1) ความสามารถในการสือ่ สาร
2) ความสามารถในการคิด
3.4 ดา้ นคุณลักษณะของผเู้ รยี นตามหลักสตู รมาตรฐานสากล
1) เป็นเลศิ วิชาการ
2) สื่อสารสองภาษา
3) ลำ้ หนา้ ทางความคิด
4) ผลิตงานอยา่ งสรา้ งสรรค์
5) ร่วมกนั รับผดิ อบต่อสังคมโลก
4. ชิ้นงาน/ภาระงาน (หลกั ฐานร่องรอยแสดงความร้)ู
ชิน้ งาน
1) โปสเตอร์ how to cross a road safely
ภาระงาน (รวบยอด)
1) อ่านออกเสยี งบทสนทนา
2) เขียนโปสเตอร์ how to cross a road safely
3) นำเสนอโปสเตอร์ how to cross a road safely
5. การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้
สิง่ ที่วัดผล วธิ กี ารวดั เครอ่ื งมือวดั ผล เกณฑ์การ
ประเมนิ ผล
ดา้ นความรู้ (K ) ตรวจการตอบคำถามจาก แบบฝึกหัด (Workbook) รอ้ ยละ 60
การอา่ น
ด้านทักษะและ สงั เกตการแสดงความคดิ เห็น แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
กระบวนการ ( P ) เกี่ยวกบั เรอ่ื งท่ีอ่าน เรียนรู้
ด้านคณุ ลักษณะอนั พงึ สงั เกตความใฝ่เรียนรแู้ ละ แบบประเมนิ คุณลักษณะ ระดบั คณุ ภาพ ผา่ น
ประสงค์ ( A ) ความมุ่งมน่ั ในการทำงาน อันพึงประสงค์
ดา้ นสมรรถนะสำคญั ของ ประเมินการทำโปสเตอร์ แบบประเมินช้ินงาน ระดบั คุณภาพ พอใช้
ผเู้ รียน ( C ) how to cross a road
safely
6. กิจกรรมการเรียนรู้
ขั้นWarm up
ครูทบทวนคำศัพท์เกี่ยวกบั กฬี า โดยนำภาพมาให้นักเรียนดแู ละบอกวา่ คอื กีฬาชนดิ ใด
ภาพจาก: https://pixabay.com/
ขัน้ Presentation
1. ครนู ำเสนอคำศพั ทเ์ กย่ี วกับกฬี า ไดแ้ ก่ rollerblading (โรลเลอรเ์ บลด หรืออินไลน์สเกต), kickboxing
(คิกบ็อกซิ่ง), darts (ปาลูกดอก), chess (หมากรุก) โดยแสดงภาพให้ดูและบอกคำศัพท์ ให้นกั เรียนพดู
คำศพั ท์ตามครู 2 คร้งั จากนนั้ ให้นกั เรยี นชว่ ยกันบอกชื่อกีฬาเปน็ ภาษาไทย
อินไลน์สเกต (in-line skating) มกั เรยี กตดิ ปากตามชื่อแบรนด์ โรลเลอร์เบลด
(Rollerblade) สนั นษิ ฐานวา่ เกิดข้นึ มาราว 300 ปี โดยชาวดัตซ์ท่ีพยายามประดิษฐ์สเกต
นำ้ แขง็ ในชว่ งฤดูร้อน โดยเขาได้หลอ่ ยดึ ทอ่ นไม้กบั แผ่นไมแ้ ละตดิ เข้ากับรองเท้าสเกต และ
ในปี 1819 ไดร้ บั การจดสิทธิบัตรโดย M. Petibled ในกรุงปารีส
ตอ่ มาในปี 1979 Scott Olsen นกั ฮอ็ กกนี้ ำ้ แขง็ ไดเ้ ห็นอนิ ไลน์สเกตในร้านขายเครอ่ื งกฬี า
และเห็นศักยภาพในด้านการออกแบบ จึงเดินทางไปชิคาโกเพอ่ื ซ้ือบรษิ ัท Chicago
Roller Skate ทีย่ งั ไม่มีชอ่ื เสียง และตัง้ ช่ือใหม่วา่ Rollerblade
ทีม่ า: https://th.wikipedia.org/wiki/อินไลนส์ เกต
คกิ บอ็ กซง่ิ (kickboxing) รเิ ริม่ ในประเทศญ่ปี ่นุ โดย โอะซะมุ โนะงชุ ิ (Osamu Noguchi)
หรือที่ชาวไทยรจู้ กั กันในช่ือ โอซามู โนกูจิ ซึง่ ดดั แปลงมวยไทยผสมกบั คาราเต้ในยคุ
1950
ทมี่ า: https://th.wikipedia.org/wiki/โอะซะมุ_โนะงชุ ิ
2. ครอู ธบิ ายการใช้คำกรยิ า do play และ go รว่ มกบั คำศัพทเ์ กย่ี วกับกฬี า พรอ้ มท้ังยกตวั อย่างบน
กระดาน จากนัน้ ครแู สดงภาพกฬี า 4-5 ภาพ ให้นักเรยี นใช้ร่วมกับคำกริยาใหถ้ ูกต้อง
play ใชก้ ับกฬี าท่ีเลน่ เป็นทีม มีกฎกตกิ า เกมและกฬี าทใี่ ชล้ ูกบอล เชน่
He plays tennis on Saturdays.
I play football with my friends.
go ใช้กับกีฬาหรอื กจิ กรรมท่ีลงทา้ ยดว้ ย -ing เชน่
He likes to go skiing.
I go swimming every Friday.
do ใช้กับกีฬาหรือกจิ กรรมสันทนาการทเี่ ลน่ เพอ่ื พักผ่อน กฬี าท่เี ล่นได้เพียงลำพัง กีฬาท่ี
ไมใ่ ชล้ กู บอล กจิ กรรมหรอื กีฬาทีเ่ ป็นศิลปะการต่อสู้ เชน่
I do yoga.
We do karate.
ข้อยกเวน้ เราใช้ do กับ 3 กิจกรรมทล่ี งทา้ ยด้วย -ing คือ do boxing (ชกมวย), do
bodybuilding (เพาะกาย) และ do weightlifting (ยกน้ำหนกั ) เพราะคำเหล่านีไ้ มไ่ ด้
ส่อื วา่ ไปท่ไี หนสกั แหง่ เพือ่ เลน่ กฬี าหรอื ทำกิจกรรมเหมอื นกับกีฬาหรือกิจกรรมอนื่ ๆ ท่ี
ลงท้ายด้วย -ing
อ้างอิงจาก: http://www.ubonac.com/2014/07/go-do-or-play-sports/
3. ครใู ห้นกั เรียนอ่านออกเสยี งคำศัพทเ์ กี่ยวกับกฬี าในหนังสอื เรยี น หนา้ 50 Ex. 3 แล้วบอกช่อื กีฬาเป็น
ภาษาไทย
• football ในภาษาองั กฤษแบบ British หมายถึง a game played between two
teams of eleven people, where each team tries to win by kicking a ball
into the other team's goal ซงึ่ ในภาษาองั กฤษแบบ American เรยี กวา่ soccer
• สว่ น football ในภาษาอังกฤษแบบ American หมายถึง a game for two teams of
eleven players in which an oval ball is moved along the field by running
with it or throwing it ซง่ึ ในภาษาอังกฤษแบบ British เรยี กวา่ American football
ซึง่ เป็นกีฬาที่พฒั นามาจากรกั บ้ีและเป็นท่ีนิยมอยา่ งมากในอเมริกา
ขน้ั Practice
1. หนงั สอื เรยี น หน้า 50 Ex. 3 นกั เรยี นฝกึ ใช้ do, play และ go ร่วมกบั คำศพั ท์เก่ียวกบั กฬี า เสร็จแล้ว
ครูเปดิ CD ใหน้ กั เรยี นฟงั เพ่อื ตรวจคำตอบ จากน้นั ครูส่มุ ถามนกั เรยี นหลาย ๆ คนว่า Which of these
do you enjoy the most?
1 go rollerblading 2 do kickboxing
3 play darts 4 go ice skating
5 go skateboarding 6 play ice hockey
7 play football 8 play baseball
9 do martial arts 10 go biking
11 play golf 12 do athletics
13 go horse riding 14 do aerobics
15 play tennis 16 go sailing
17 play badminton 18 play chess
2. ครูถามนกั เรยี นว่า กฬี าชนดิ ใดบ้างท่เี ปน็ ท่ีนิยมในไทย (football, martial arts, golf, athletics,
aerobics, badminton) จากน้ันครูใหน้ ักเรียนแสดงความคิดเหน็ ว่าทำไม ice skating, ice hockey จึง
เป็นกีฬาทค่ี นไทยส่วนนอ้ ยเลน่ หรอื ให้ความสนใจ (เชน่ สภาพอากาศของไทยกบั ประเทศตะวันตก
แตกตา่ งกัน)
3. หนงั สือเรยี น หนา้ 50 Ex. 4 ครูให้นกั เรียนแบ่งกล่มุ กลุ่มละ 3-4 คน แล้วครูแจกกระดาษซ่งึ มีประโยค
ดา้ นลา่ งน้ใี หก้ ลุ่มละ 1 แผ่น เพื่อจับคปู่ ระโยคกบั ภาพ A-F เสรจ็ แลว้ ครูเฉลยคำตอบ
1) You must wear a helmet. (A)
2) You must put reflectors on your bike and wear something bright. (B)
3) You mustn’t wear loose clothes or headphones. (C)
4) It’s a good idea to wear gloves and knee pads. (D)
5) You must check the brakes, tyres and chain regularly. (E)
6) You must respect road signs and use hand signals to tell drivers that you
want to change direction. (F)
จากนนั้ ให้แตล่ ะกลุ่มเขียนเกย่ี วกบั how to cycle safely โดยใช้ประโยคทีจ่ บั คู่ จากนนั้ ครสู ุ่มเรยี ก 2-3
กลุม่ พูดเก่ียวกบั how to cycle safely ให้เพอ่ื นฟงั
You must wear a helmet. You must also put reflectors on your bike and
wear something bright. You mustn’t wear loose clothes or headphones.
It’s a good idea to wear gloves and knee pads. You must check the
brakes, tyres and chain regularly. You must respect road signs and use
hand signals to tell drivers that you want to change direction.
ข้ัน Presentation
1. ครูให้นกั เรียนแบง่ กลมุ่ กลมุ่ ละ 3-4 คน ให้แตล่ ะกลุ่มค้นคว้าข้อมูลเก่ียวกับ how to cross a road
safely จากอินเทอรเ์ นต็ แลว้ นำข้อมูลทไี่ ดม้ าทำโปสเตอร์ พรอ้ มตกแต่งด้วยภาพประกอบใหน้ า่ สนใจ
2. แบบฝกึ หัด (Workbook) หนา้ 32 Ex. 3 ใหน้ ักเรยี นฟงั CD แลว้ เลอื กคำตอบที่ถกู ต้อง
3. แบบฝกึ หดั (Workbook) หน้า 33 Ex. 7 ให้นักเรยี นฟัง CD แลว้ เตมิ คำลงในชอ่ งว่าง
4. แบบฝกึ หดั (Workbook) หนา้ 33 Ex. 6 ให้นักเรียนทำเปน็ การบา้ น
7. ส่ือ/อปุ กรณ/์ แหลง่ เรยี นรู้
สือ่ 1) หนังสือเรียน SPARK 2 ม. 2
วัสดอุ ุปกรณ์
2) Class Audio CDs ประกอบสอ่ื ฯ ชุด SPARK 2 ม. 2
แหลง่ เรียนรู้ 3) แบบฝกึ หดั SPARK 2 ม. 2
1) พจนานุกรมอังกฤษ-อังกฤษ
2) พจนานกุ รมออนไลน์
3) ตัวอยา่ งโฆษณาสถานทีท่ ่องเทย่ี ว
4) ภาพและบัตรคำเกี่ยวกบั การปั่นจักรยาน
5) ภาพกีฬาชนดิ ต่าง ๆ
1) ห้องสมุด
2) อินเตอรเ์ น็ต
ลงช่อื ............................................................
(นางสาวประณาลี เมฆาระ)
ครูผู้สอน
ความคิดเห็น (รองผอู้ ำนวยการกลุม่ บริหารวิชาการ / ผบู้ ริหาร / ผู้ที่ไดร้ บั หมอบหมาย)
………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………….……
………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…….……
………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……………
ลงช่ือ............................................................
(นางชไมพร อร่ามวทิ ย์)
ตำแหน่ง ครู
วันที่ 12 พฤษภาคม 2565
บันทึกผลหลงั แผนการจัดการเรียนรู้
รหัสวิชา อ22101 รายวชิ าภาษาอังกฤษพืน้ ฐาน แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 7
เรอื่ ง Skills 4c
**********************************************************************************
บันทึกวัน เดือน ปีที่ใชส้ อน
ช้นั /กลมุ่
วัน/เดอื น/ปี
1. ผลการเรียนรู้ (นักเรียน…………………….คน)
1.1 ดา้ นความรู้ (K) – เกง่ ……………………………………………………………………………….……………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
1.2 ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P) – ด…ี …………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………….………………………….………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
1.3 ดา้ นคุณลักษณะทอ่ี ันพงึ ประสงค์ (A)– มสี ขุ ……………………………………………...…………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
1.4 ดา้ นสมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น (C) ………….……………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
2. ปญั หา/ส่ิงที่พัฒนา วธิ แี ก้ไข/พัฒนา และผลการแกไ้ ข/พฒั นา
ปญั หา/ส่ิงท่พี ฒั นา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……
วธิ ีแก้ไข/พัฒนา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ผลการแก้ไข/พัฒนา
…………………………………………………………………………………………………………………….………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ลงชอ่ื .............................................ครูผสู้ อน ลงช่อื ...........................................หวั หน้ากล่มุ สาระ
(นางสาวประณาลี เมฆาระ) (นางสมใจ ศรีเทพ)
ลงชอื่ .............................................รองผู้อำนวยการ ลงชอ่ื ...........................................ผู้อำนวยการโรงเรียน
(นายมนญู กลับกลอ่ ม) (นายนราวุธ สุจิตะพันธ)์
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 8 เรื่อง Everyday English 4d
รหัสวิชา อ22101 รายวิชา ภาษาองั กฤษพ้นื ฐาน
ระดับช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2565
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 4 เรือ่ ง Sports & Chores เวลา 1 ชวั่ โมง
1. มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตวั ช้วี ดั ชน้ั ป/ี ผลการเรียนรู้
สาระท่ี 1 ภาษาเพอื่ การสื่อสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตคี วามเรื่องที่ฟงั และอา่ นจากสอ่ื ประเภทตา่ ง ๆ และแสดงความคดิ เห็น
อยา่ งมีเหตผุ ล
ตวั ชว้ี ัด
ต 1.1 ม. 2/2 อา่ นออกเสยี งขอ้ ความ ขา่ ว ประกาศ และบทร้อยกรองส้ัน ๆ ถูกตอ้ งตามหลักการอ่าน
ต 1.1 ม. 2/4 เลอื กหัวขอ้ เรื่อง ใจความสำคญั บอกรายละเอียดสนบั สนนุ (supporting detail) และ
แสดงความคิดเห็นเก่ยี วกับเร่ืองทฟี่ ังและอ่าน พร้อมท้ังให้เหตุผลและยกตวั อย่างง่าย ๆ
ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการสอื่ สารทางภาษาในการแลกเปล่ยี นข้อมลู ข่าวสาร แสดงความรูส้ กึ และ
ความคดิ เห็นอย่างมีประสทิ ธิภาพ
ตวั ช้วี ดั
ต 1.2 ม. 2/2 ใช้คำขอรอ้ ง ให้คำแนะนำ คำชแ้ี จง และคำอธบิ ายตามสถานการณ์
สาระที่ 2 ภาษาและวัฒนธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เขา้ ใจความสัมพันธ์ระหวา่ งภาษากบั วฒั นธรรมของเจ้าของภาษา และนำไปใช้ ได้
อย่างเหมาะสมกบั กาลเทศะ
ตวั ชี้วัด
ต 2.1 ม. 2/1 ใช้ภาษา น้ำเสยี ง และกิรยิ าท่าทางเหมาะกับบคุ คลและโอกาส ตามมารยาทสังคมและ
วัฒนธรรมของเจ้าของภาษา
สาระที่ 4 ภาษากบั ความสมั พนั ธก์ ับชุมชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.1 ใชภ้ าษาตา่ งประเทศในสถานการณต์ า่ ง ๆ ทงั้ ในสถานศึกษา ชมุ ชน และสงั คม
ตวั ช้วี ัด
ต 4.1 ม. 2/1 ใชภ้ าษาส่อื สารในสถานการณ์จรงิ /สถานการณจ์ ำลองท่ีเกิดข้นึ ในห้องเรยี น สถานศกึ ษา
และชุมชน
2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด
การเรียนรู้และเขา้ ใจเกี่ยวกบั สำนวนภาษาในการขอและให้คำแนะนำ การออกเสียงเชื่อมคำในประโยค
(linking sounds) ช่วยให้สามารถพดู /เขยี นส่อื สารในชวี ติ ประจำวันได้อยา่ งเหมาะสม
จุดประสงค์การเรียนรู้ (จุดประสงค์เชงิ พฤตกิ รรมเพื่อให้บรรลุตามตวั ชว้ี ัด)
1. สามารถนำคำศัพท์ ประโยคต่าง ๆ ไปใชใ้ นการพูดส่อื สารไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง
2. สามารถรับสารจากการฟังได้อย่างถูกตอ้ ง
3. สาระการเรียนรู้
3.1 ดา้ นความรู้ (Knowledge)
1) Language Features and Functions
Vocabulary: Asking for advice
What should I …?
Giving advice
Why don’t you …?
Functions: Asking for and giving advice
What should I do?
Why don’t you report it to the school secretary?
Pronunciation: Linking sounds
Can I have an apple?
2) ทกั ษะ /กระบวนการ (Process)
Listening: ฟงั เพอ่ื จับใจความสำคญั
Speaking: พูดขอและใหค้ ำแนะนำตามสถานการณ์ที่กำหนด
Reading: อา่ นเพอื่ หาข้อมูลเฉพาะ
Writing: แตง่ บทสนทนาตามสถานการณ์ท่ีกำหนด
3.2 คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
1) ใฝ่เรียนรู้
2) มุง่ ม่ันในการทำงาน
3.3 สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น
1) ความสามารถในการส่อื สาร
2) ความสามารถในการคิด
3.4 ด้านคณุ ลกั ษณะของผเู้ รยี นตามหลักสูตรมาตรฐานสากล
1) เปน็ เลศิ วิชาการ
2) ส่ือสารสองภาษา
3) ลำ้ หนา้ ทางความคิด
4) ผลิตงานอย่างสรา้ งสรรค์
5) รว่ มกันรับผดิ อบต่อสงั คมโลก
4. ชิน้ งาน/ภาระงาน (หลกั ฐานร่องรอยแสดงความร)ู้
ชน้ิ งาน
1) แต่งบทสนทนาตามสถานการณ์ท่กี ำหนด
ภาระงาน (รวบยอด)
1) พูดสนทนาให้คำแนะนำตามสถานการณ์ที่กำหนด
5. การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้
สิ่งที่วัดผล วธิ ีการวัด เครอื่ งมอื วดั ผล เกณฑ์การ
ประเมนิ ผล
ด้านความรู้ (K ) ประเมินการแสดงบทสนทนา แบบประเมินการแสดง ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
ตามสถานการณท์ ่ีกำหนด บทสนทนา/บทบาท
สมมติ
ด้านทกั ษะและ ตรวจการตอบคำถามจาก แบบฝกึ หดั (Workbook) ร้อยละ 60
กระบวนการ ( P ) การอา่ นบทสนทนา
ดา้ นคุณลักษณะอนั พึง สังเกตความใฝ่เรยี นรูแ้ ละ แบบประเมินคณุ ลักษณะ ระดับคุณภาพ ผา่ น
ประสงค์ ( A ) ความมุ่งม่ันในการทำงาน อันพงึ ประสงค์
ดา้ นสมรรถนะสำคัญของ ประเมนิ การพูดสนทนาเพ่ือ แบบประเมินการพูด ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
ผเู้ รียน ( C ) ขอและให้คำแนะนำตาม
สถานการณ์ทกี่ ำหนด
6. กิจกรรมการเรียนรู้
ขัน้ Warm up
ครใู ห้นกั เรยี นแลกเปล่ยี นประสบการณก์ ัน โดยถามนกั เรียนว่าเคยทำของหายหรือไม่ แลว้ นักเรยี นทำ
อย่างไร
ขัน้ Presentation
1. ครอู ธิบายเก่ยี วกบั การเช่อื มเสยี งในประโยคภาษาอังกฤษ (linking sounds) ว่า เม่ือคำที่อยู่ขา้ งหน้า
ลงทา้ ยด้วยเสยี งพยญั ชนะ และคำที่อยู่ขา้ งหลังขนึ้ ต้นด้วยเสยี งสระ เม่ือออกเสยี งคำข้างหน้าจะเช่อื มกับ
คำท่อี ย่ขู ้างหลงั แลว้ ครยู กตวั อยา่ งบนกระดาน จากนัน้ ครอู อกเสียงใหน้ ักเรยี นฟงั ใหน้ กั เรยี นออกเสยี ง
ตาม
Thank you.
That’s all right.
2. หนังสือเรยี น หน้า 51 Ex. 7 ครูให้นกั เรยี นหา linking sounds ในประโยคท่ีกำหนดให้ เสรจ็ แล้วครู
เปดิ CD ให้นกั เรียนฟังเพ่ือตรวจคำตอบ แล้วครเู ปิด CD อกี 1-2 ครั้ง โดยหยดุ ทีละประโยคใหน้ กั เรียน
อ่านออกเสียงตาม จากนนั้ ครูสุม่ เรยี กนักเรียนอ่านประโยคเปน็ รายบคุ คล ครสู งั เกตการออกเสยี งของ
นักเรียนและใหอ้ อกเสียงอีกครงั้ หากยงั ออกเสียงไม่ถูกตอ้ ง
2 I am always late for school.
3 I hope it’s OK for Anna to come with us.
4 How about eight o’clock?
3. ครนู ำเสนอสำนวนในการขอและให้คำแนะนำ โดยยกตวั อยา่ งบนกระดาน
Asking for advice
• What should I do?
Giving advice
• If I were you, I’d go there by taxi.
• Why don’t you give him a watch?
ครอู ธิบายนกั เรยี นว่าเราสามารถขอคำแนะนำในสถานการณ์ต่าง ๆ โดยพดู วา่ What should I do?
และสามารถให้คำแนะนำโดยใช้โครงสร้าง If I were you, I’d … หรือ Why don’t you …
4. หนังสือเรียน หนา้ 51 Ex. 1 ครูเปดิ CD ใหน้ ักเรยี นฟงั ประโยคและออกเสียงตามพร้อมกัน โดยครูเปดิ
CD 2 ครั้ง ครอู าจส่มุ เรียกนกั เรียนอา่ นออกเสียงเป็นรายบุคคล
5. ครูใหน้ กั เรียนระบวุ า่ ประโยคใน Ex. 1 ประโยคใดเป็นการขอคำแนะนำ (What should I do?) และ
ประโยคใดเปน็ การให้คำแนะนำ (Why don’t you report it to the secretary?)
6. หนังสือเรยี น หน้า 51 Ex. 2 ครบู อกนกั เรียนวา่ ประโยคใน Ex. 1 มาจากบทสนทนาระหวา่ งเพอื่ น ให้
นกั เรียนเดาบทสนทนานน้ี ่าจะเก่ียวกบั เร่ืองอะไร จากนน้ั ครูเปิด CD ใหน้ กั เรยี นฟงั บทสนทนาเพ่ือตรวจ
คำตอบ
Someone lost something and he/she asks his/her friend for advice.
ข้นั Practice
1. หนงั สอื เรียน หนา้ 51 Ex. 3 ก่อนอ่านครอู า่ นคำถาม What is Tina’s problem? What is Sue’s
advice? เพ่อื ใหน้ ักเรยี นรู้วา่ จะอ่านเพ่อื หาอะไร จากน้นั ครใู ห้นกั เรยี นอา่ นบทสนทนา เม่ืออา่ นจบครู
ถามคำถาม ใหน้ ักเรยี นบอกคำตอบ
Tina has lost her purse.
Sue advises her to report it to the school secretary.
2. หนังสอื เรยี น หน้า 51 Ex. 4 นักเรียนอา่ นประโยค 1-6 พร้อมกนั แล้วหาประโยคในบทสนทนาท่ีมี
ความหมายเหมอื นกับประโยคเหลา่ นี้ เสรจ็ แล้วครูสมุ่ เรยี กนกั เรียนบอกคำตอบ แลว้ ให้นักเรียนในช้นั
ตรวจความถูกต้อง
1 What’s the matter? – What’s wrong?
2 I’m sorry. – Oh, no.
3 I don’t know what to do. – What should I do?
4 You could report it to the school secretary. – Why don’t you report it to
the school secretary?
5 Is that your advice? – Do you think so?
6 That’s correct. – You’re right.
3. หนงั สอื เรยี น หน้า 51 Ex. 5 ครใู ห้นักเรียนอ่านประโยคใน Ex. 1 พรอ้ มกนั อีกคร้งั แลว้ ช่วยกนั อธิบาย
ความหมาย
จากน้นั ครเู ปดิ CD ใหน้ ักเรียนฟงั บทสนทนาใน Ex. 3 และฝกึ พดู ตาม แลว้ ใหน้ ักเรียนจบั คู่กันพูด บท
สนทนา โดยให้สลับบทบาทกนั ด้วย ขณะที่นกั เรียนฝกึ พูดครูเดนิ สังเกตรอบ ๆ ช้นั เรียน และแนะนำ
นกั เรียนให้ใชน้ ำ้ เสียงและแสดงสหี นา้ ทา่ ทางให้เหมาะสมกับสถานการณ์
ขนั้ Production
หนังสือเรยี น หนา้ 51 Ex. 6 ครูให้นกั เรียนจับคูก่ ับเพื่อนช่วยกนั แตง่ บทสนทนา โดยสมมติสถานการณ์
วา่ นักเรียนอยู่ท่ีลานโบว์ล่งิ และวางโทรศพั ท์ไวบ้ นโตะ๊ แต่ตอนนีน้ กั เรยี นหาโทรศพั ทข์ องตนเองไม่เจอ
ซึง่ เพือ่ นแนะนำใหบ้ อกผ้จู ดั การ ครอู าจจะนำภาพลานโบว์ลิง่ มาใหน้ กั เรยี นดูเพ่ือใหเ้ ห็นภาพเหตุการณ์
ชัดเจนขน้ึ
ภาพจาก: https://www.bowlmor.com/location/bowlmor-pasadena
ครแู นะนำวา่ สามารถดบู ทสนทนาใน Ex. 3 เปน็ ตน้ แบบได้ เม่อื แตง่ บทสนทนาเสรจ็ แลว้ สง่ ให้ครูตรวจ
หลังจากได้รับบทสนทนาคืนแลว้ ใหน้ ักเรยี นไปฝกึ ซอ้ มนอกเวลาเรยี นเพอ่ื พดู สนทนาในช่วั โมงหนา้
A: What’s wrong Sam?
B: I can’t find my mobile phone.
A: Oh no! Where did you last have it?
B: It was on the table, but now it’s not there anymore.
A: Are you sure it’s not in your bag?
B: I checked there. I looked everywhere, but I can’t find it. What should I
do?
A: Why don’t you report it to the manager?
B: Do you think so?
A: Yes, I do.
B: You’re right. Let’s go.
7. ส่ือ/อปุ กรณ/์ แหล่งเรียนรู้
สอ่ื 1) หนงั สอื เรียน SPARK 2 ม. 2
วัสดอุ ปุ กรณ์ 2) Class Audio CDs ประกอบสื่อฯ ชดุ SPARK 2 ม. 2
แหลง่ เรยี นรู้ 3) แบบฝกึ หดั SPARK 2 ม. 2
1) พจนานกุ รมอังกฤษ-องั กฤษ
2) พจนานุกรมออนไลน์
3) ตวั อยา่ งโฆษณาสถานทีท่ อ่ งเทยี่ ว
4) ภาพลานโบวล์ ง่ิ
1) ห้องสมดุ
2) อินเทอร์เน็ต
ลงช่อื ............................................................
(นางสาวประณาลี เมฆาระ)
ครผู ู้สอน
ความคิดเห็น (รองผ้อู ำนวยการกล่มุ บรหิ ารวชิ าการ / ผบู้ รหิ าร / ผู้ท่ไี ดร้ ับหมอบหมาย)
………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………….……
………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…….……
………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……………
ลงชื่อ............................................................
(นางชไมพร อรา่ มวทิ ย์)
ตำแหนง่ ครู
วันที่ 12 พฤษภาคม 2565
บันทึกผลหลังแผนการจัดการเรียนรู้
รหสั วิชา อ22101 รายวชิ าภาษาอังกฤษพ้ืนฐาน แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 8
เร่ือง Everyday English 4d
**********************************************************************************
บนั ทึกวัน เดือน ปที ี่ใช้สอน
ชั้น/กลุ่ม
วนั /เดอื น/ปี
1. ผลการเรยี นรู้ (นกั เรียน…………………….คน)
1.1 ดา้ นความรู้ (K) – เกง่ ……………………………………………………………………………….……………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
1.2 ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) – ด…ี …………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………….………………………….………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
1.3 ดา้ นคณุ ลักษณะทอี่ นั พงึ ประสงค์ (A)– มีสุข ……………………………………………...…………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
1.4 ดา้ นสมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น (C) ………….……………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
2. ปัญหา/ส่ิงทพ่ี ฒั นา วิธแี กไ้ ข/พัฒนา และผลการแก้ไข/พฒั นา
ปญั หา/สงิ่ ทพี่ ัฒนา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……
วธิ แี กไ้ ข/พฒั นา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ผลการแกไ้ ข/พัฒนา
…………………………………………………………………………………………………………………….………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ลงชื่อ.............................................ครูผสู้ อน ลงช่อื ...........................................หัวหนา้ กลุ่มสาระ
(นางสาวประณาลี เมฆาระ) (นางสมใจ ศรเี ทพ)
ลงชื่อ.............................................รองผู้อำนวยการ ลงชอ่ื ...........................................ผอู้ ำนวยการโรงเรียน
(นายมนูญ กลับกลอ่ ม) (นายนราวธุ สุจิตะพันธ์)
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 9 เรื่อง Everyday English 4d
รหัสวิชา อ22101 รายวิชา ภาษาองั กฤษพ้นื ฐาน
ระดับช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2565
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 4 เรือ่ ง Sports & Chores เวลา 1 ชวั่ โมง
1. มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตวั ช้วี ดั ชน้ั ป/ี ผลการเรียนรู้
สาระท่ี 1 ภาษาเพอื่ การสื่อสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตคี วามเรื่องที่ฟงั และอา่ นจากสอ่ื ประเภทตา่ ง ๆ และแสดงความคดิ เห็น
อยา่ งมีเหตผุ ล
ตวั ชว้ี ัด
ต 1.1 ม. 2/2 อา่ นออกเสยี งขอ้ ความ ขา่ ว ประกาศ และบทร้อยกรองส้ัน ๆ ถูกตอ้ งตามหลักการอ่าน
ต 1.1 ม. 2/4 เลอื กหัวขอ้ เรื่อง ใจความสำคญั บอกรายละเอียดสนบั สนนุ (supporting detail) และ
แสดงความคิดเห็นเก่ยี วกับเร่ืองทฟี่ ังและอ่าน พร้อมท้ังให้เหตุผลและยกตวั อย่างง่าย ๆ
ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการสอื่ สารทางภาษาในการแลกเปล่ยี นข้อมลู ข่าวสาร แสดงความรูส้ กึ และ
ความคดิ เห็นอย่างมีประสทิ ธิภาพ
ตวั ช้วี ดั
ต 1.2 ม. 2/2 ใช้คำขอรอ้ ง ให้คำแนะนำ คำชแ้ี จง และคำอธบิ ายตามสถานการณ์
สาระที่ 2 ภาษาและวัฒนธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เขา้ ใจความสัมพันธ์ระหวา่ งภาษากบั วฒั นธรรมของเจ้าของภาษา และนำไปใช้ ได้
อย่างเหมาะสมกบั กาลเทศะ
ตวั ชี้วัด
ต 2.1 ม. 2/1 ใช้ภาษา น้ำเสยี ง และกิรยิ าท่าทางเหมาะกับบคุ คลและโอกาส ตามมารยาทสังคมและ
วัฒนธรรมของเจ้าของภาษา
สาระที่ 4 ภาษากบั ความสมั พนั ธก์ ับชุมชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.1 ใชภ้ าษาตา่ งประเทศในสถานการณต์ า่ ง ๆ ทงั้ ในสถานศึกษา ชมุ ชน และสงั คม
ตวั ช้วี ัด
ต 4.1 ม. 2/1 ใชภ้ าษาส่อื สารในสถานการณ์จรงิ /สถานการณจ์ ำลองท่ีเกิดข้นึ ในห้องเรยี น สถานศกึ ษา
และชุมชน
2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด
การเรียนรู้และเขา้ ใจเกี่ยวกบั สำนวนภาษาในการขอและให้คำแนะนำ การออกเสียงเชื่อมคำในประโยค
(linking sounds) ช่วยให้สามารถพดู /เขยี นส่อื สารในชวี ติ ประจำวันได้อยา่ งเหมาะสม
จุดประสงค์การเรียนรู้ (จุดประสงค์เชงิ พฤตกิ รรมเพื่อให้บรรลุตามตวั ชว้ี ัด)
1. สามารถนำคำศัพท์ ประโยคต่าง ๆ ไปใชใ้ นการพูดส่อื สารไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง
2. สามารถรับสารจากการฟังได้อย่างถูกตอ้ ง
3. สาระการเรียนรู้
3.1 ดา้ นความรู้ (Knowledge)
1) Language Features and Functions
Vocabulary: Asking for advice
What should I …?
Giving advice
Why don’t you …?
Functions: Asking for and giving advice
What should I do?
Why don’t you report it to the school secretary?
Pronunciation: Linking sounds
Can I have an apple?
2) ทกั ษะ /กระบวนการ (Process)
Listening: ฟงั เพอ่ื จับใจความสำคญั
Speaking: พูดขอและใหค้ ำแนะนำตามสถานการณ์ที่กำหนด
Reading: อา่ นเพอื่ หาข้อมูลเฉพาะ
Writing: แตง่ บทสนทนาตามสถานการณ์ท่ีกำหนด
3.2 คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
1) ใฝ่เรียนรู้
2) มุง่ ม่ันในการทำงาน
3.3 สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น
1) ความสามารถในการส่อื สาร
2) ความสามารถในการคิด
3.4 ด้านคณุ ลกั ษณะของผเู้ รยี นตามหลักสูตรมาตรฐานสากล
1) เปน็ เลศิ วิชาการ
2) ส่ือสารสองภาษา
3) ลำ้ หนา้ ทางความคิด
4) ผลิตงานอย่างสรา้ งสรรค์
5) รว่ มกันรับผดิ อบต่อสงั คมโลก
4. ชิน้ งาน/ภาระงาน (หลกั ฐานร่องรอยแสดงความร)ู้
ชน้ิ งาน
1) แต่งบทสนทนาตามสถานการณ์ท่กี ำหนด
ภาระงาน (รวบยอด)
1) พูดสนทนาให้คำแนะนำตามสถานการณ์ที่กำหนด
5. การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้
สง่ิ ท่วี ัดผล วิธกี ารวดั เครื่องมือวัดผล เกณฑก์ าร
ประเมินผล
ดา้ นความรู้ (K ) ประเมนิ การแสดงบทสนทนา แบบประเมนิ การแสดง ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
ตามสถานการณ์ทก่ี ำหนด บทสนทนา/บทบาท
สมมติ
ด้านทักษะและ ตรวจการตอบคำถามจาก แบบฝกึ หัด (Workbook) ร้อยละ 60
กระบวนการ ( P ) การอ่านบทสนทนา
ด้านคุณลักษณะอนั พงึ สงั เกตความใฝเ่ รยี นรู้และ แบบประเมนิ คณุ ลักษณะ ระดบั คณุ ภาพ ผ่าน
ประสงค์ ( A ) ความมุง่ ม่ันในการทำงาน อนั พึงประสงค์
ด้านสมรรถนะสำคญั ของ ประเมินการพูดสนทนาเพือ่ แบบประเมนิ การพูด ระดับคุณภาพ พอใช้
ผู้เรียน ( C ) ขอและใหค้ ำแนะนำตาม
สถานการณท์ ีก่ ำหนด
6. กจิ กรรมการเรยี นรู้
ขั้น Warm up
ครถู ามนกั เรยี นว่า เคยให้คำแนะนำเพ่ือนหรือไม่ และใหค้ ำแนะนำเร่ืองอะไร
ขัน้ Pre-speaking
1. ครูทบทวนสำนวนภาษาที่ใช้ในการขอและให้คำแนะนำ โดยครูส่มุ เรยี กนักเรยี น 3-4 คู่ พูดขอและให้
คำแนะนำตามสถานการณ์ทค่ี รูกำหนด เชน่ ลมื หนงั สือไว้ท่หี อ้ งสมดุ
S1: I forgot my maths book at the library. What should I do?
S2: Why don’t you report to the librarian?
S1: You’re right.
2. ครใู ห้เวลานกั เรียนแต่ละคทู่ บทวนบทสนทนาของตนเองเพือ่ เตรียมความพร้อม
ขน้ั Speaking
1. ก่อนการพดู สนทนา ครใู หน้ ักเรียนทักทายเพื่อนและแนะนำตนเองด้วย
2. ครใู หน้ ักเรยี นแต่ละคหู่ มนุ เวียนกันออกมาพดู สนทนา โดยครอู าจเรยี กตามลำดบั เลขทห่ี รอื เรียกตามแถว
ท่ีนงั่ ขณะทนี่ ักเรยี นพดู สนทนาครคู อยสังเกตและจดบันทึก
ขน้ั Post-speaking
1. ครใู ห้นักเรียนชว่ ยกนั สรุปคำแนะนำของแตล่ ะคู่ แลว้ ครูเขียนบนกระดาน เมือ่ พูดสนทนาครบทกุ คแู่ ลว้
ครถู ามนกั เรยี นว่ามคี ำแนะนำอ่นื เพ่ิมเติมหรือไม่
2. ครใู ห้ขอ้ มูลยอ้ นกลับ (feedback) เรอื่ งการใชภ้ าษาของนกั เรียน เช่น ไวยากรณ์ การออกเสียง นำ้ เสยี ง
กิริยาท่าทาง เพื่อใหน้ กั เรยี นนำไปปรับปรงุ แกไ้ ขในคร้ังตอ่ ไป
3. แบบฝกึ หดั (Workbook) หน้า 34 Exs. 3-4 ใหน้ ักเรยี นทำเปน็ การบ้าน
7. ส่ือ/อปุ กรณ/์ แหล่งเรียนรู้
สอ่ื 1) หนงั สอื เรียน SPARK 2 ม. 2
วัสดอุ ปุ กรณ์ 2) Class Audio CDs ประกอบสื่อฯ ชดุ SPARK 2 ม. 2
แหลง่ เรยี นรู้ 3) แบบฝกึ หดั SPARK 2 ม. 2
1) พจนานกุ รมอังกฤษ-องั กฤษ
2) พจนานุกรมออนไลน์
3) ตวั อยา่ งโฆษณาสถานทีท่ อ่ งเทยี่ ว
4) ภาพลานโบวล์ ง่ิ
1) ห้องสมดุ
2) อินเทอร์เน็ต
ลงช่อื ............................................................
(นางสาวประณาลี เมฆาระ)
ครผู ู้สอน
ความคิดเห็น (รองผ้อู ำนวยการกล่มุ บรหิ ารวชิ าการ / ผบู้ รหิ าร / ผู้ท่ไี ดร้ ับหมอบหมาย)
………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………….……
………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…….……
………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……………
ลงชื่อ............................................................
(นางชไมพร อรา่ มวทิ ย์)
ตำแหนง่ ครู
วันที่ 12 พฤษภาคม 2565
บันทึกผลหลังแผนการจดั การเรยี นรู้
รหสั วิชา อ22101 รายวชิ าภาษาองั กฤษพ้นื ฐาน แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 9
เรอ่ื ง Everyday English 4d
**********************************************************************************
บนั ทึกวัน เดือน ปที ี่ใช้สอน
ชั้น/กลุ่ม
วนั /เดอื น/ปี
1. ผลการเรยี นรู้ (นกั เรียน…………………….คน)
1.1 ดา้ นความรู้ (K) – เกง่ ……………………………………………………………………………….……………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
1.2 ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) – ด…ี …………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………….………………………….………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
1.3 ดา้ นคณุ ลักษณะทอี่ นั พึงประสงค์ (A)– มีสุข ……………………………………………...…………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
1.4 ดา้ นสมรรถนะสำคญั ของผ้เู รยี น (C) ………….……………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
2. ปัญหา/สิ่งทพ่ี ฒั นา วิธแี กไ้ ข/พัฒนา และผลการแกไ้ ข/พฒั นา
ปญั หา/สงิ่ ทพี่ ัฒนา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……
วธิ แี กไ้ ข/พฒั นา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ผลการแกไ้ ข/พัฒนา
…………………………………………………………………………………………………………………….………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ลงชื่อ.............................................ครูผู้สอน ลงชอื่ ...........................................หวั หน้ากลุ่มสาระ
(นางสาวประณาลี เมฆาระ) (นางสมใจ ศรีเทพ)
ลงชื่อ.............................................รองผูอ้ ำนวยการ ลงชื่อ...........................................ผอู้ ำนวยการโรงเรียน
(นายมนูญ กลับกลอ่ ม) (นายนราวุธ สุจติ ะพนั ธ)์
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 10 เร่ือง Across the curriculum 4e
รหสั วิชา อ22101 รายวิชา ภาษาองั กฤษพน้ื ฐาน
ระดบั ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 2 ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2565
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 4 เรือ่ ง Sports & Chores เวลา 1 ชวั่ โมง
1. มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตวั ช้ีวัดช้นั ป/ี ผลการเรียนรู้
สาระที่ 1 ภาษาเพื่อการสื่อสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตคี วามเรอ่ื งทฟ่ี ังและอ่านจากส่อื ประเภทตา่ ง ๆ และแสดงความคดิ เหน็
อยา่ งมีเหตุผล
ตวั ชว้ี ดั
ต 1.1 ม. 2/4 เลอื กหัวข้อเรอื่ ง ใจความสำคัญ บอกรายละเอียดสนบั สนนุ (supporting detail) และ
แสดงความคิดเห็นเกยี่ วกับเร่ืองทีฟ่ ังและอ่าน พร้อมท้ังให้เหตุผลและยกตวั อยา่ งงา่ ย ๆ
ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปล่ยี นข้อมลู ข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ
ความคดิ เห็นอย่างมีประสทิ ธิภาพ
ตวั ช้วี ัด
ต 1.2 ม. 2/4 พูดและเขยี นเพ่ือขอและให้ข้อมูล บรรยาย และแสดงความคิดเหน็ เกย่ี วกับเร่ืองท่ฟี งั หรอื
อ่านอย่างเหมาะสม
ต 1.2 ม. 2/5 พดู และเขียนแสดงความรู้สกึ และความคดิ เห็นของตนเองเก่ยี วกับเรอ่ื งต่าง ๆ กจิ กรรม
และประสบการณ์ พรอ้ มท้ังใหเ้ หตุผลประกอบอย่าง เหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอขอ้ มูลข่าวสาร ความคดิ รวบยอด และความคิดเหน็ ในเรอ่ื งต่าง ๆ โดยการ
พดู และการเขยี น
ตัวช้วี ดั
ต 1.3 ม. 2/2 พูดและเขียนสรุปใจความสำคญั /แก่นสาระ หวั ขอ้ เรอ่ื ง (topic) ทีไ่ ด้จากการวิเคราะห์
เรื่อง/ข่าว/เหตุการณท์ อ่ี ยใู่ นความสนใจของสงั คม
ต 1.3 ม. 2/3 พดู และเขียนแสดงความคดิ เหน็ เก่ยี วกับกิจกรรม เรอ่ื งตา่ ง ๆ ใกลต้ วั และประสบการณ์
พรอ้ มท้งั ใหเ้ หตุผลสั้น ๆ ประกอบ
สาระท่ี 2 ภาษาและวฒั นธรรม
มาตรฐาน ต 2.2 เขา้ ใจความเหมือนและความแตกต่างระหวา่ งภาษาและวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา
กับภาษาและวฒั นธรรมไทย และนำมาใชอ้ ย่างถกู ต้องและเหมาะสม
ตัวชว้ี ดั
ต 2.2 ม. 2/2 เปรียบเทยี บและอธบิ ายความเหมอื นและความแตกตา่ งระหว่างชวี ติ ความเป็นอยแู่ ละ
วฒั นธรรมของเจา้ ของภาษากบั ของไทย
สาระที่ 3 ภาษากบั ความสัมพันธก์ บั กลุม่ สาระการเรยี นรูอ้ ่ืน
มาตรฐาน ต 3.1 ใชภ้ าษาต่างประเทศในการเชอ่ื มโยงความรกู้ ับกลมุ่ สาระการเรยี นรู้อืน่ และเปน็
พ้ืนฐานในการพฒั นา แสวงหาความรู้ และเปิดโลกทัศน์ของตน
ตวั ชวี้ ัด
ต 3.1 ม. 2/1 ค้นควา้ รวบรวม และสรปุ ขอ้ มูล/ขอ้ เท็จจริงท่เี กย่ี วข้องกับกล่มุ สาระการเรยี นรู้อนื่ จาก
แหลง่ การเรยี นรู้ และนำเสนอด้วยการพูด/การเขียน
สาระที่ 4 ภาษากบั ความสัมพันธ์กบั ชมุ ชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.2 ใช้ภาษาต่างประเทศเปน็ เครอื่ งมอื พน้ื ฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชพี และ
การแลกเปล่ยี นเรยี นรู้กับสงั คมโลก
ตวั ช้วี ดั
ต 4.2 ม. 2/2 เผยแพร่/ประชาสมั พนั ธ์ข้อมูลข่าวสารของโรงเรียนเปน็ ภาษาต่างประเทศ
2. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด
การเรียนรู้คำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ช่วยให้สามารถเข้าใจเรื่องที่อ่าน บอก
รายละเอยี ด และแสดงความคดิ เหน็ รวมทงั้ สามารถใช้สือ่ เทคโนโลยคี ้นคว้าข้อมูลเก่ยี วกบั สิ่งแวดล้อม และพูด/
เขยี นนำเสนอได้
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ (จุดประสงค์เชิงพฤติกรรมเพือ่ ให้บรรลตุ ามตัวชว้ี ัด)
1. สามารถบอกความหมายคำศพั ท์ ประโยคตา่ ง ๆ สำนวนจากการอ่านบทความได้อยา่ งถกู ตอ้ ง
2. สามารถนำคำศพั ท์ ประโยคตา่ ง ๆ ไปใช้ในการเขยี นข้อความไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง
3. สาระการเรยี นรู้
3.1 ด้านความรู้ (Knowledge)
1) Language Features and Functions
Vocabulary: Verbs (pollute, protect, turn off, turn down, put on, throw away,
recycle, donate, grow)
Nouns (factory, environment, solar panel, tap, charity)
Adjective (eco-friendly)
Phrase (on standby)
Environmental problems (acid rain, air pollution, animal
extinction, deforestation, global warming, natural resource
depletion, overpopulation, soil pollution, waste disposal, water
pollution)
Functions: Talking about protection of the environment
You should turn off the lights when you aren’t in room.