The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by coach.pranalee36, 2022-10-08 09:31:19

แผนการสอน อ 22101

รวมแผนหน่วย1-4

2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด
การเรยี นรูแ้ ละเขา้ ใจเก่ียวกบั คำศัพท์ การลำดับเหตุการณ์ และโครงรา่ งในการเขียน ช่วยให้ฟังและอ่าน

ได้เข้าใจ รวมทั้งการเรียนรู้เทคนิคในการตรวจงานเขียน จะช่วยให้สามารถเขียนสื่อสารได้ถูกต้องและมี
ประสิทธภิ าพ

จดุ ประสงค์การเรียนรู้ (จุดประสงค์เชงิ พฤตกิ รรมเพอื่ ให้บรรลุตามตัวช้ีวดั )
1. สามารถใชเ้ ครื่องหมายต่าง ๆ ในการเขียนประโยค สะกดคำศัพท์ ได้อยา่ งถูกต้อง

2. สามารถเขียนสอื่ สารรปู แบบการเขยี นทงั้ ท่ีเป็นทางการและไม่เป็นทางการได้อย่างถูกต้อง

3. สาระการเรียนรู้
3.1 ด้านความรู้ (Knowledge)
1) Language Features and Functions

Vocabulary: Verbs (travel, move from side to side, wonder, step back)
Nouns (legend, journey, edge, log)

Adjectives (excited, misty)
Phrase (in horror)
Functions: Narrating a story

First, they started their journey to Loch Ness. Then they reached
the lake and John walked to the lake to take pictures.

2) ทกั ษะ /กระบวนการ (Process)

Listening: ฟังเพือ่ หาขอ้ มูลเฉพาะ

Reading: อา่ นเพ่อื หาขอ้ มูลเฉพาะ

Writing: เขียนสรุปเรอ่ื งท่อี ่าน, เขียนเรือ่ งเลา่

3.2 คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
1) ใฝ่เรียนรู้

2) มุ่งมั่นในการทำงาน

3.3 สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน

1) ความสามารถในการสอื่ สาร
2) ความสามารถในการคิด

3.4 ด้านคณุ ลักษณะของผู้เรยี นตามหลักสูตรมาตรฐานสากล

1) เป็นเลิศวิชาการ
2) ส่อื สารสองภาษา
3) ล้ำหน้าทางความคิด
4) ผลิตงานอย่างสร้างสรรค์
5) ร่วมกันรบั ผิดอบต่อสังคมโลก

4. ช้ินงาน/ภาระงาน (หลกั ฐานรอ่ งรอยแสดงความรู)้
ชนิ้ งาน
1) โปสเตอร์เก่ียวกับ Loch Ness
ภาระงาน (รวบยอด)
1) เขียนเรือ่ งเล่า

5. การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้

ส่ิงทว่ี ดั ผล วธิ กี ารวัด เคร่อื งมอื วัดผล เกณฑ์การ

ประเมนิ ผล

ดา้ นความรู้ (K ) ตรวจการตอบคำถามจาก แบบฝกึ หดั (Workbook) ร้อยละ 60

การอา่ นหรือการฟงั

ด้านทักษะและ ประเมินการเขียนเรอ่ื งเลา่ แบบประเมินการเขยี น ระดับคณุ ภาพ พอใช้

กระบวนการ ( P )

ดา้ นคณุ ลักษณะอนั พงึ สงั เกตความใฝ่เรียนรแู้ ละ แบบประเมินคุณลกั ษณะ ระดบั คุณภาพ ผ่าน
อนั พงึ ประสงค์
ประสงค์ ( A ) ความมงุ่ มน่ั ในการทำงาน
แบบประเมินชนิ้ งาน ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
ด้านสมรรถนะสำคัญของ ประเมินชิน้ งานโปสเตอร์

ผเู้ รยี น ( C ) เกยี่ วกับ Loch Ness

6. กจิ กรรมการเรียนรู้
ข้นั Warm up
ครใู ห้นกั เรยี นจบั คู่กัน แลว้ ครแู จกกระดาษทม่ี ีประโยคเก่ียวกบั เน้ือเร่ือง The Monster ให้คู่ละ 1 แผ่น
ให้แต่ละคู่เรียงประโยคให้ถกู ต้องตามลำดบั เหตกุ ารณ์ จากนน้ั เฉลยคำตอบรว่ มกัน

A John walked to the lake to take photos.
B John realised it wasn’t Nessie.
C John’s family started journey to Loch Ness.
D John shouted for help.
E They arrived at the lake.
F They had a great picnic.
G John saw a log appeared from out of eater.
H His dad started laughing.

A3 B7 C1 D5
E 2 F 8 G4 H6

ขนั้ Pre-writing
1. หนงั สอื เรยี นหนา้ 41 Ex. 3 ครูบอกนักเรยี นว่าจะได้ฟัง Jim เลา่ เหตุการณท์ ่ีเกดิ ข้นึ กับเขาในชว่ ง

วันหยุด แล้วครเู ขยี นคำศัพท์ journey, creature, appear, wonder, calm down, enjoy จากเน้อื
เรอ่ื งบนกระดาน ให้นักเรยี นอ่านออกเสยี งพรอ้ มกนั แล้วช่วยกนั อธิบายความหมาย ครูช่วยอธิบายคำว่า
creature และ calm down

creature (n) = an imaginary animal or person, or one that is very strange
and frightening (สตั ว์ประหลาด)

calm down (phrv) = to make someone become quiet and relaxed (ทำให้สงบ)
2. นักเรียนอา่ นคำถามที่กำหนดให้ในกรอบ แลว้ ครูอธบิ ายวา่ นกั เรยี นกำลังจะฟังเพื่อหาข้อมูลมาตอบ

คำถามเหล่าน้ี จากนัน้ ครใู ห้นกั เรยี นฟังเรอ่ื งราวของ Jim แลว้ จดบันทกึ ขอ้ มูลระหว่างฟงั เมอ่ื ฟังจบครู
ถามนกั เรียนว่าตอบคำถามได้หรือไม่ ถา้ นักเรียนยงั ตอบคำถามไมไ่ ด้ ครเู ปิด CD ใหฟ้ งั อกี ครัง้
3. ครูใหน้ กั เรยี นช่วยกนั บอกคำตอบ และครูเขียนคำตอบบนกระดานตามโครงร่างในหนงั สือเรียน

Para 1: Last winter; in Banff National Park in the Rocky Mountains; Yes,
he was with his family.

Para 2: He went to the national park, he decided to go in the forest,
there was a creature that looked like a monkey.

Para 3: He was surprised and shouted for help. His dad started laughing,
he realised it was a man.

Para 4: They had a nice time in the forest; he felt happy but a little
disappointed not to see Bigfoot.

ขัน้ Writing
หนงั สอื เรียน หน้า 41 Ex. 4 นกั เรยี นแบ่งกลุม่ กลุ่มละ 3-4 คน ให้แต่ละกลุ่มนำคำตอบจาก Ex. 3 มา
เขยี นเลา่ เรื่องของ Jim สำหรับลงในนิตยสารของโรงเรียน ความยาว 60-80 คำ ครูยำ้ วา่ ให้นกั เรยี นเขียน
เลา่ เรอื่ งตามลำดับเหตุการณ์ และใชส้ รรพนามบรุ ษุ ที่ 3 ในการเขยี น เมื่อเขียนเสรจ็ แล้วให้สมาชกิ ใน
กลุ่มชว่ ยกนั ต้ังชือ่ เร่อื ง

The Creature
Last winter Jim and his family travelled to the Rocky Mountains for a

skiing holiday. He was really excited as he wanted to visit the Banff
National Park and see Bigfoot. They started their journey in the morning.
They soon arrived at the national park. He wanted to take some

photographs so he walked into the forest. Suddenly, a creature that
looked like a monkey appeared from behind a tree. “Was it Bigfoot?” he

wondered.
He stepped back in surprise and shouted for help. His family tried to calm
him down. A few seconds later his dad started laughing. “It’s not Bigfoot,

Jim. It’s a man. Look!” He was right. The man appeared from behind the
trees. He was very tall and he had a big thick coat. Jim started laughing at

his mistake too.
They had a great time in the national park and they all enjoyed the
scenery. It’s a pity Bigfoot wasn’t there though.

ข้ัน Post-writing
1. นักเรียนแตล่ ะกลุ่มตรวจทานงานเขียนของตนเอง ในเรื่องการสะกดคำ การเขยี นตามโครงรา่ ง การลำดบั

เหตกุ ารณ์ แลว้ ปรบั แก้ จากน้นั ครใู ห้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมาอา่ นเรอ่ื งใหเ้ พอื่ นฟัง
2. นกั เรยี นทำ Self-Check 3 ในหนังสือเรยี น หน้า 115
3. แบบฝึกหดั (Workbook) หน้า 27 Exs. 5-7 ให้นกั เรียนทำเปน็ การบา้ น

7. ส่ือ/อปุ กรณ์/แหล่งเรียนรู้

ส่ือ 1) หนงั สือเรยี น SPARK 2 ม. 2
วัสดอุ ุปกรณ์
แหลง่ เรียนรู้ 2) Class Audio CDs ประกอบส่ือฯ ชุด SPARK 2 ม. 2
3) แบบฝึกหดั SPARK 2 ม. 2
1) พจนานกุ รมอังกฤษ-องั กฤษ

2) พจนานุกรมออนไลน์
3) ภาพสัตวป์ ระหลาดต่าง ๆ

1) ห้องสมดุ
2) อนิ เทอรเ์ น็ต

ลงช่ือ............................................................
(นางสาวประณาลี เมฆาระ)
ครผู ู้สอน

ความคดิ เห็น (รองผอู้ ำนวยการกล่มุ บรหิ ารวชิ าการ / ผู้บรหิ าร / ผู้ทไี่ ดร้ ับหมอบหมาย)
………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………….……
………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…….……
………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……………

ลงชือ่ ............................................................
(นางชไมพร อร่ามวิทย์)
ตำแหนง่ ครู
วนั ท่ี 12 พฤษภาคม 2565

บนั ทกึ ผลหลังแผนการจดั การเรียนรู้
รหัสวิชา อ22101 รายวชิ าภาษาอังกฤษพน้ื ฐาน แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 13

เร่ือง Writing 3f
**********************************************************************************

บันทึกวัน เดือน ปีที่ใช้สอน

ช้ัน/กล่มุ
วนั /เดอื น/ปี

1. ผลการเรียนรู้ (นักเรียน…………………….คน)
1.1 ดา้ นความรู้ (K) – เกง่ ……………………………………………………………………………….……………………

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

1.2 ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P) – ด…ี …………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………….………………………….………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

1.3 ด้านคณุ ลกั ษณะทอ่ี นั พึงประสงค์ (A)– มสี ขุ ……………………………………………...…………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

1.4 ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผูเ้ รียน (C) ………….……………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

2. ปญั หา/ส่ิงทพ่ี ัฒนา วิธีแกไ้ ข/พฒั นา และผลการแกไ้ ข/พัฒนา
ปัญหา/สง่ิ ท่พี ัฒนา

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……

วธิ ีแกไ้ ข/พัฒนา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ผลการแก้ไข/พัฒนา
…………………………………………………………………………………………………………………….………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ลงชอื่ .............................................ครผู ู้สอน ลงชื่อ...........................................หัวหนา้ กลุ่มสาระ
(นางสาวประณาลี เมฆาระ) (นางสมใจ ศรีเทพ)

ลงชือ่ .............................................รองผู้อำนวยการ ลงชอ่ื ...........................................ผู้อำนวยการโรงเรยี น

(นายมนูญ กลับกลอ่ ม) (นายนราวธุ สุจติ ะพันธ์)

แผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่ 14 เร่อื ง ASEAN corner 3
รหัสวชิ า อ22101 รายวชิ า ภาษาอังกฤษพ้ืนฐาน
ระดบั ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 2 ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2565
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3 เร่ือง Let’s Party! เวลา 1 ช่ัวโมง

1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวชวี้ ัดชั้นปี/ผลการเรียนรู้
สาระท่ี 1 ภาษาเพื่อการสื่อสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเรือ่ งทีฟ่ ังและอ่านจากส่ือประเภทตา่ ง ๆ และแสดงความคิดเหน็
อยา่ งมีเหตผุ ล
ตวั ชี้วัด
ต 1.1 ม. 2/4 เลอื กหวั ข้อเรอ่ื ง ใจความสำคญั บอกรายละเอียดสนบั สนนุ (supporting detail) และ
แสดงความคิดเห็นเก่ยี วกบั เรือ่ งทีฟ่ ังและอา่ น พร้อมทง้ั ใหเ้ หตุผลและยกตัวอย่าง ง่าย ๆ
ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการสอื่ สารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นข้อมลู ข่าวสาร แสดงความร้สู กึ และ
ความคดิ เห็นอย่างมีประสทิ ธภิ าพ
ตัวชวี้ ดั
ต 1.2 ม. 2/5 พูดและเขียนแสดงความรู้สกึ และความคดิ เหน็ ของตนเองเก่ียวกับเรอ่ื งต่าง ๆ กจิ กรรม
และประสบการณ์ พรอ้ มท้งั ใหเ้ หตุผลประกอบอยา่ งเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอข้อมลู ขา่ วสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเหน็ ในเรอื่ งตา่ ง ๆ โดยการพูด
และการเขยี น
ตวั ช้วี ดั
ต 1.3 ม. 2/2 พดู และเขียนสรุปใจความสำคญั แกน่ สาระ หัวข้อเรื่อง (topic) ที่ไดจ้ ากการวเิ คราะห์
เร่ือง/ขา่ ว/เหตุการณ/์ สถานการณ์ที่อยใู่ นความสนใจของสังคม
ต 1.3 ม. 2/3 พูดและเขียนแสดงความคิดเห็นเกย่ี วกับกิจกรรม เรอ่ื งตา่ ง ๆ ใกลต้ ัว และประสบการณ์
พร้อมท้ังใหเ้ หตุผลสัน้ ๆ ประกอบ
สาระที่ 4 ภาษากบั ความสัมพนั ธก์ ับชมุ ชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.2 ใช้ภาษาตา่ งประเทศเปน็ เครือ่ งมอื พน้ื ฐานในการศกึ ษาตอ่ การประกอบอาชีพ และ
การแลกเปล่ียนเรียนรู้กบั สังคมโลก
ตัวช้วี ัด

ต 4.2 ม. 2/2 เผยแพร่/ประชาสมั พนั ธ์ข้อมลู ขา่ วสารของโรงเรียนเป็นภาษาต่างประเทศ

2. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด
การเรียนรู้เก่ยี วกบั วัฒนธรรมและประเพณีในประเทศกลมุ่ ประชาคมอาเซยี น ช่วยให้เขา้ ใจวิถีชีวิตความ

เป็นอยู่ สภาพสังคม ทัศนคติ ความเชื่อ รวมทั้งก่อให้เกิดผลประโยชน์และโอกาสทางด้านเศรษฐกิจและการ
ท่องเทีย่ ว

จุดประสงค์การเรยี นรู้ (จุดประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรมเพ่ือใหบ้ รรลตุ ามตัวชว้ี ดั )
1. สามารถบอกความหมายคำศพั ท์ ประโยคตา่ ง ๆ สำนวนจากการอา่ นบทความไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง

3. สาระการเรียนรู้

3.1 ดา้ นความรู้ (Knowledge)

1) Language Features and Functions

Vocabulary: Verbs (rely on, gather, apologise)

Nouns (gratitude, famine, cerebration, harvest, respect, crop, harmony, purpose,

pollution, campaign

2) ทักษะ /กระบวนการ (Process)

Speaking: แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการรักษาสิ่งแวดลอ้ มในโรงเรียน

Reading: อ่านเพ่ือหาข้อมูลเฉพาะ

Writing: เขยี นสรปุ ผลการอภิปราย

3.2 คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์

1) มีจติ สาธารณะ
2) มุ่งมั่นในการทำงาน

3.3 สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รียน
1) ความสามารถในการสอ่ื สาร
2) ความสามารถในการคิด

3.4 ด้านคณุ ลักษณะของผ้เู รียนตามหลักสูตรมาตรฐานสากล

1) เปน็ เลิศวชิ าการ
2) ส่ือสารสองภาษา
3) ลำ้ หนา้ ทางความคดิ
4) ผลติ งานอยา่ งสรา้ งสรรค์
5) รว่ มกันรับผิดอบต่อสงั คมโลก

4. ชน้ิ งาน/ภาระงาน (หลกั ฐานรอ่ งรอยแสดงความรู)้
ช้ินงาน
1) ชิ้นงานโปสเตอรร์ ณรงค์รักษาสภาพแวดล้อมในโรงเรยี น

ภาระงาน (รวบยอด)
1) เขยี นเกย่ี วกับรณรงค์รักษาสภาพแวดล้อมในโรงเรยี น
2) อ่านบทความ

5. การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้

สง่ิ ทว่ี ดั ผล วธิ ีการวัด เคร่อื งมอื วัดผล เกณฑ์การ

ประเมินผล

ด้านความรู้ (K ) ตรวจการตอบคำถามจาก สมดุ นักเรียน รอ้ ยละ 60

การอา่ น

ดา้ นทกั ษะและ ประเมินชิน้ งานโปสเตอร์ แบบประเมินช้ินงาน ระดบั คุณภาพ พอใช้

กระบวนการ ( P ) รณรงค์รักษาสภาพแวดล้อม

ในโรงเรยี น

ด้านคณุ ลกั ษณะอนั พงึ สงั เกตความใฝเ่ รยี นรูแ้ ละ แบบประเมินคุณลกั ษณะ ระดับคุณภาพ ผา่ น

ประสงค์ ( A ) ความมุ่งม่นั ในการทำงาน อนั พงึ ประสงค์

ดา้ นสมรรถนะสำคญั ของ สงั เกตการแสดงความคดิ เห็น แบบสังเกตพฤติกรรมการ ระดบั คุณภาพ พอใช้

ผเู้ รยี น ( C ) เกย่ี วกบั การรณรงคร์ กั ษา เรยี นรู้

สภาพแวดล้อมในโรงเรียน

6. กจิ กรรมการเรยี นรู้
ขั้น Warm up
1. ครูนำภาพแม่น้ำโขงมาใหน้ กั เรียนดู แลว้ ถามนักเรียนว่าแม่น้ำโขงไหลผ่านประเทศใดบ้างในเขตเอเชีย

ตะวนั ออกเฉยี งใต้ (ประเทศพม่า ประเทศลาว ประเทศไทย ประเทศกัมพูชา และประเทศเวียดนาม)
2. ครถู ามนกั เรยี นว่า เคยได้ยินประเพณีที่เก่ยี วข้องกับแม่นำ้ โขงหรอื ไม่ (เช่น ประเพณไี หลเรอื ไฟ ประเพณี

แข่งเรอื )

ขั้น Pre-reading

1. นักเรยี นดูภาพประกอบในหนงั สือเรยี น หน้า 42 แลว้ ครถู ามวา่ What can you see in the pictures?
(e.g. people are racing long-boats, people are floating Kratongs)

2. นักเรียนอา่ นชื่อเร่ืองและดูภาพประกอบ แลว้ แสดงความคิดเห็นว่าบทอ่านนี้น่าจะเกี่ยวกับเรื่องอะไร
(e.g. water festivals)

3. ครูเขยี นคำศัพทย์ ากในบทอ่านบนกระดาน ให้นักเรยี นอา่ นออกเสียงตามครูพรอ้ มกนั จากน้ันหา

ความหมายในพจนานุกรม โดยเลอื กความหมายท่ีเก่ยี วขอ้ งกับบรบิ ทของเรอื่ งท่ีจะอ่าน
rely on (phrv) = to need or depend on somebody/something (ขึ้นอย่กู ับ)

gratitude (n) = the feeling of being grateful and wanting to express thanks
(การขอบคณุ )

gather (v) = to come together and form a group (รวมตัวกนั )

apologise (v) = to tell someone that you are sorry that you have done
something wrong (ขอโทษ)

respect (n) = a feeling of admiring someone or what they do (ความเคารพ)
crop (n) = a plant such as wheat, rice or fruit that is grown by farmers

and used as food (พืชผล, ธญั พืช)

harmony (n) = a state without fighting or disagreeing when people live or
work together (ความสามัคคี, ความปรองดอง)

purpose (n) = the intention, aim or function of something; the thing that
something is supposed to achieve (จุดประสงค)์

ขน้ั Reading
1. หนังสือเรยี น หนา้ 42 Ex. 1 นักเรยี นอา่ นประโยค 1-4 และขีดเส้นใต้คำสำคญั ในแตล่ ะประโยค

จากน้นั อา่ นบทอ่านโดยหาคำพอ้ งความหมาย (synonym) คำที่มคี วามหมายตรงกนั ข้าม (opposite)
หรอื กลมุ่ คำ/วลี ท่มี ีความหมายเหมอื นกันหรือตา่ งกนั กบั คำสำคัญท่ขี ีดเสน้ ใต้ไว้ เมือ่ อา่ นจบแล้วให้ตอบ
ว่าประโยค 1-4 ถูกหรอื ผิด
2. ครูสุ่มเรียกนกั เรียนบอกคำตอบ แล้วครูเฉลยคำตอบอีกคร้งั

1T 2F 3F 4T

ขั้น Post-reading
1. ครแู บ่งนกั เรียนเป็น 4 กลุ่ม ให้ 2 กลมุ่ สรุปข้อมลู Loy Kratong Festival และอีก 2 กล่มุ สรุปขอ้ มูล

Bon Om Touk โดยครูเขยี นตารางบนกระดาน ให้แตล่ ะกลุม่ ลอกตารางลงในสมดุ และสรุปขอ้ มูลลงใน
ตาราง จากนัน้ ครูให้กลุม่ ทไ่ี ด้ประเพณเี หมอื นกันผลดั กันบอกขอ้ มลู และครเู ขียนลงในตารางบนกระดาน

Name
Place
Date
Purpose
Activities

2. ครใู ห้นักเรียนดภู าพต่าง ๆ ที่เกีย่ วขอ้ งกบั มลภาวะ เชน่ ภาพขยะในแม่น้ำ ภาพขยะบริเวณสนามหรือบน
ถนน ภาพควนั รถ/ควันจากการเผาไหม้ แล้วสนทนากับนกั เรียนเกยี่ วกบั ส่งิ แวดล้อมต่าง ๆ ในโรงเรียนที่
อาจจะทำใหเ้ กิดปญั หาในอนาคต

3. หนังสอื เรียน หนา้ 42 Ex. 2 นักเรียนอ่านคำถามทกี่ ำหนดให้พรอ้ มกนั แล้วทำความเข้าใจคำถาม
จากนนั้ ครูแบ่งนกั เรียนเป็นกล่มุ กลุ่มละ 5-6 คน ให้แต่ละกลมุ่ รว่ มกนั อภปิ รายคำถาม โดยใหส้ มาชิก 1
คน ทำหนา้ ท่ีจดบนั ทึกความคิดหน็ ของกลมุ่

4. ครใู หท้ ุกกลมุ่ ร่วมกนั อภิปรายคำถามอกี คร้ัง โดยครเู ขยี นความคดิ เหน็ ของนกั เรียนบนกระดาน
5. หนังสอื เรียน หนา้ 42 Ex. 3 ครใู ห้นักเรยี นแต่ละกล่มุ นำความคิดเห็นทอี่ ภิปรายร่วมกันในกลุ่มและใน

ชัน้ เรยี นมาจัดทำโปสเตอรเ์ พ่อื ประชาสมั พันธก์ ารรณรงค์รกั ษาสภาพแวดล้อมในโรงเรยี น โดยใช้วัสดุ
เหลอื ใช้ทีน่ ักเรยี นสามารถหาได้ เพื่อใหน้ กั เรยี นรู้จกั ประหยัด และดำเนนิ ชีวิตตามหลกั เศรษฐกิจ
พอเพียง แลว้ ใหแ้ ต่ละกลมุ่ นำเสนอผลงานในช่วั โมงหนา้ จากน้นั นำผลงานไปตดิ ทีบ่ อรด์ ของห้องหรอื
ของโรงเรียน

7. สื่อ/อปุ กรณ/์ แหล่งเรยี นรู้

สื่อ 1) หนังสือเรยี น SPARK 2 ม. 2
วัสดอุ ุปกรณ์ 2) Class Audio CDs ประกอบสื่อฯ ชดุ SPARK 2 ม. 2
แหลง่ เรียนรู้ 3) แบบฝึกหัด SPARK 2 ม. 2

1) พจนานุกรมองั กฤษ-อังกฤษ
2) พจนานุกรมออนไลน์

3) ภาพแม่นำ้ โขง
4) ภาพมลภาวะต่าง ๆ
1) หอ้ งสมุด

2) อินเตอร์เนต็

ลงชื่อ............................................................
(นางสาวประณาลี เมฆาระ)
ครูผู้สอน

ความคดิ เห็น (รองผู้อำนวยการกลุ่มบริหารวิชาการ / ผ้บู ริหาร / ผู้ท่ไี ดร้ บั หมอบหมาย)
………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………….……
………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…….……
………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……………

ลงช่ือ............................................................
(นางชไมพร อรา่ มวิทย)์
ตำแหนง่ ครู
วันที่ 12 พฤษภาคม 2565

บนั ทึกผลหลงั แผนการจดั การเรยี นรู้
รหสั วิชา อ22101 รายวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน แผนการจดั การเรียนรูท้ ี่ 14

เรอื่ ง ASEAN corner 3
**********************************************************************************

บันทกึ วนั เดือน ปีทีใ่ ช้สอน

ช้นั /กลุ่ม
วัน/เดอื น/ปี

1. ผลการเรยี นรู้ (นกั เรยี น…………………….คน)
1.1 ดา้ นความรู้ (K) – เก่ง……………………………………………………………………………….……………………

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

1.2 ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) – ด…ี …………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………….………………………….………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

1.3 ดา้ นคณุ ลกั ษณะท่ีอนั พงึ ประสงค์ (A)– มสี ุข ……………………………………………...…………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

1.4 ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (C) ………….……………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

2. ปญั หา/ส่งิ ท่พี ฒั นา วธิ ีแก้ไข/พัฒนา และผลการแก้ไข/พฒั นา
ปัญหา/สิ่งท่พี ัฒนา

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……

วิธีแกไ้ ข/พัฒนา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ผลการแก้ไข/พฒั นา
…………………………………………………………………………………………………………………….………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ลงชอื่ .............................................ครูผสู้ อน ลงช่ือ...........................................หัวหนา้ กลุ่มสาระ
(นางสาวประณาลี เมฆาระ) (นางสมใจ ศรีเทพ)

ลงชือ่ .............................................รองผ้อู ำนวยการ ลงชอื่ ...........................................ผูอ้ ำนวยการโรงเรยี น

(นายมนญู กลับกลอ่ ม) (นายนราวธุ สุจิตะพนั ธ์)

แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 15 เรอ่ื ง O-NET practice & Fun time 3
รหสั วิชา อ22101 รายวิชา ภาษาองั กฤษพืน้ ฐาน

ระดบั ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 2 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2565
หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 3 เร่อื ง Let’s Party! เวลา 1 ชว่ั โมง

1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวชีว้ ดั ชัน้ ปี/ผลการเรยี นรู้
สาระท่ี 1 ภาษาเพื่อการสอ่ื สาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเร่อื งท่ฟี งั และอ่านจากส่อื ประเภทตา่ ง ๆ และแสดงความคดิ เห็น
อย่างมเี หตผุ ล
ตวั ช้วี ดั
ต 1.1 ม. 2/4 เลอื กหัวข้อเรอื่ ง ใจความสำคัญ บอกรายละเอยี ดสนบั สนนุ (supporting detail) และ
แสดงความคิดเห็นเกีย่ วกับเรื่องท่ฟี งั และอา่ น พรอ้ มทั้งให้เหตุผลและยกตวั อย่าง งา่ ย
ๆ ประกอบ
สาระที่ 2 ภาษาและวฒั นธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เขา้ ใจความสมั พนั ธ์ระหว่างภาษากับวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา และนำไปใชไ้ ด้
อย่างเหมาะสมกับกาลเทศะ
ตวั ชว้ี ัด

ต 2.1 ม. 2/3 เข้าร่วม/จดั กจิ กรรมทางภาษาและวัฒนธรรมตามความสนใจ

2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด
การร้แู ละเขา้ ใจคำศัพท์ โครงสร้างภาษา ชว่ ยใหพ้ ูด/เขียนสอื่ สาร และเข้ารว่ มกิจกรรมทางภาษาได้อย่าง

เหมาะสม

จุดประสงค์การเรียนรู้ (จุดประสงค์เชิงพฤติกรรมเพือ่ ให้บรรลุตามตวั ชี้วดั )
1. สามารถบอกความหมายคำศพั ท์ ตอบคำถามจากการอ่านไดถ้ ูกต้อง

2. สามารถพูดและเขียนสื่อสารตามโครงสรา้ งของภาษาได้ถกู ต้อง

3. สาระการเรียนรู้

3.1 ด้านความรู้ (Knowledge)

1) Language Features and Functions

Vocabulary: คำศพั ท์ในหนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 3

Grammar: ไวยากรณใ์ นหนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 3

2) ทักษะ /กระบวนการ (Process)

Writing: เขียน quiz เก่ยี วกบั เน้อื หาทเ่ี รียนมาแล้ว

3.2 คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์

1) ใฝ่เรียนรู้

2) มุ่งม่ันในการทำงาน

3.3 สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน
1) ความสามารถในการสอ่ื สาร
2) ความสามารถในการคิด

3.4 ด้านคณุ ลักษณะของผู้เรยี นตามหลักสูตรมาตรฐานสากล

1) เปน็ เลศิ วชิ าการ
2) สือ่ สารสองภาษา
3) ลำ้ หนา้ ทางความคดิ
4) ผลิตงานอย่างสร้างสรรค์
5) รว่ มกันรบั ผดิ อบตอ่ สงั คมโลก

4. ช้ินงาน/ภาระงาน (หลักฐานร่องรอยแสดงความรู้)
ชิน้ งาน
1) เขยี นสรุป quiz เก่ยี วกบั เนอื้ หาในหนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 3 เปน็ mind mapping

ภาระงาน (รวบยอด)
1) เขียน quiz เก่ยี วกับเน้อื หาในหน่วยการเรยี นรู้ท่ี 3

5. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้

สิ่งท่วี ัดผล วธิ กี ารวดั เคร่อื งมือวดั ผล เกณฑก์ าร

ประเมินผล

ด้านความรู้ (K ) ตรวจการเขยี น quiz แบบฝกึ หดั (Workbook) ร้อยละ 60

เกยี่ วกบั เนื้อหาในหนว่ ยการ

เรียนร้ทู ่ี 3

ดา้ นทักษะและ ประเมินการเขยี นสรุปผลการ แบบประเมินการเขียน ระดับคณุ ภาพ พอใช้

กระบวนการ ( P ) อภปิ รายในประเดน็ ทก่ี ำหนด

ด้านคณุ ลกั ษณะอันพึง สังเกตความใฝ่เรียนร้แู ละ แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะ ระดับคณุ ภาพ ผ่าน

ประสงค์ ( A ) ความมงุ่ มนั่ ในการทำงาน อนั พึงประสงค์

ด้านสมรรถนะสำคญั ของ นำเสนอ quiz เกย่ี วกับ แบบประเมนิ การพูด ระดับคณุ ภาพ พอใช้

ผเู้ รยี น ( C ) เน้อื หาในหนว่ ยการเรยี นรู้

ที่ 3 เปน็ mind mapping

6. กิจกรรมการเรียนรู้
ขน้ั Warm up

ครแู บ่งนกั เรียนเป็น 2 ทีม ให้ผลดั กันแต่งประโยค Past simple หรือ Past continuous จากคำกรยิ าที่
อีกทีมหนง่ึ พดู เชน่

Team A S1: watch

Team B S1: I was watching TV at 10 o’clock last night.

go
Team A S1: Jack went to the music shop.

ข้ัน Presentation
1. ครูใหน้ ักเรียนช่วยกนั บอกคำศพั ทท์ ่ีเรียนในหน่วยการเรียนรู้น้ี
2. นักเรียนปิดหนังสอื เรียน ครูทบทวนไวยากรณท์ เ่ี รียนในหน่วยการเรยี นรนู้ ี้ โดยให้นกั เรียนบอกโครงสรา้ ง

และการใช้ ครเู ขียนในรปู mind map

Past simple ไวยากรณ์ Past
& Past หน่วยการ continuous
เรียนรู้ที่ 3
continuous

ขั้น Practice
1. หนังสือเรียน หน้า 44 Ex. 1 นกั เรยี นแบ่งกลมุ่ กลมุ่ ละ 3 คน ให้แต่ละกล่มุ แข่งกันทำปริศนาอกั ษร-ไขว้

จากนนั้ ครใู ห้กลุ่มท่ีทำเสรจ็ ก่อนบอกคำศัพท์ท่นี ำมาเตมิ ในแต่ละประโยค ครูเฉลยคำตอบบนกระดาน

จากนน้ั ใหน้ ักเรียนดวู ่าคำศพั ท์ที่เรียงในชอ่ งสีส้มคือช่อื เทศกาลใด

1 monkey 2 party 3 fireworks
6 Hogmanay
4 wedding 5 alive 9 rides

7 carnival 8 parade

Hidden Word: Mardi Gras

2. หนังสือเรียน หนา้ 44 Ex. 2 นกั เรยี นกลุ่มเดมิ ช่วยกนั ทำ quiz โดยห้ามเปิดดเู น้ือหา เสร็จแล้วครเู ฉลย
คำตอบ ใหน้ ักเรียนแลกกันตรวจกับกล่มุ อ่ืน จากน้ันครูหากลุ่มทตี่ อบคำถามได้ถกู ตอ้ งมากทีส่ ุด ครูให้

นักเรยี นปรบมือใหเ้ พอื่ น

1 In February 2 Every/In August 3 Nessie
4 Winsor, Canada
5 Loch Ness, Scotland 6 Monkeys

3. หนงั สอื เรียน หน้า 44 GAME ครูเขยี นชอ่ื A holiday to remember บนกระดาน และแบ่งนกั เรยี น
ออกเป็น 2 กลุ่ม ครูอธิบายกตกิ าว่าให้แตล่ ะกลุ่มช่วยกันแตง่ เรอ่ื งให้สอดคลอ้ งกับชอื่ บนกระดาน โดย
สมาชิกของแต่ละกลุม่ จะต้องพูดประโยคต่อกนั ไปเร่ือย ๆ จนถึงคนสดุ ท้ายซึง่ จะต้องพดู ปดิ เรอื่ งโดยให้
บอกความรสู้ กึ เช่น We had a great time. We were so excited. ครยู ้ำวา่ นกั เรียนต้องเล่าเรือ่ งโดย
ใช้ Past simple ในระหวา่ งทกี่ ลุ่มหนึ่งเลา่ เรอ่ื ง ใหอ้ กี กลมุ่ หนงึ่ ฟังและสรปุ เนอื้ เรอื่ งครา่ ว ๆ

4. หนังสือเรยี น หน้า 44 Ex .4 นกั เรยี นอา่ นออกเสยี งคำว่า tradition ตามครู แล้วครสู ุ่มเรียกนักเรียน
2-3 คน ใหอ้ ่านออกเสยี ง จากน้นั ครใู หน้ ักเรยี นอา่ นและช่วยกันอธิบายความหมาย

5. นักเรียนอา่ นคำถาม How does the singer feel about traditions? ในคำสงั่ เพอ่ื ใหร้ ้จู ุดมงุ่ หมายใน
การฟงั เพลง จากน้นั ให้นักเรยี นปดิ หนงั สือเรียน แล้วครเู ปิด CD ใหฟ้ งั เพลง

6. นักเรียนฟงั เพลงอีกครั้ง พร้อมทั้งดเู นอ้ื เพลงในหนงั สอื เรยี นตามไปด้วย จากนั้นครขู ออาสาสมัครบอก
คำตอบ แลว้ ครูเฉลยคำตอบ

The singer thinks traditions are very important because they keep the
past alive and they are a part of our everyday lives.

7. หนังสือเรียน หน้า 44 Ex. 5 ครูใหเ้ วลานกั เรยี น 3 นาที เขยี นให้เหตุผลเก่ยี วกับความสำคญั ในการ
รักษาวัฒนธรรม จากนน้ั อ่านใหเ้ พ่อื นข้าง ๆ ฟัง แล้วครขู ออาสาสมัคร 2-3 คน อ่านให้เพือ่ นในชนั้ ฟงั

Traditions are important because they join us. They help us to keep our
culture alive and be proud of our past.

8. หนงั สอื เรียน หนา้ 43 O-NET Practice ครูใหเ้ วลานักเรยี นทำขอ้ สอบ เสรจ็ แลว้ ตรวจคำตอบรว่ มกัน
ถ้านักเรยี นไมเ่ ข้าใจ ให้ครูอธิบายเพ่ิมเตมิ

Ex. 1 1 c 2 d 3 c
Ex. 2 1 a 2 b 3 b 4 c 5 a

ข้ัน Production
หนงั สือเรียน หน้า 44 Ex. 3 นักเรียนจบั คู่กนั แล้วครูแจกกระดาษให้คู่ละ 1 แผ่น ใหแ้ ต่ละคู่คดิ คำถาม
quiz 5-6 ขอ้ เกีย่ วกับเน้อื หาในหน่วยการเรยี นรู้ที่ 3 ครูให้นกั เรียนเปิดดูเนอื้ หาได้ และให้นักเรียนเขียน
คำตอบไวด้ า้ นหลังกระดาษ เมือ่ ทุกค่คู ู่คดิ คำถามเสร็จแลว้ ให้แลกกันทำ quiz กับคูอ่ ื่น

1 Where is the feast for the monkeys during the Monkey Festival?
(At an ancient temple)

2 What is the name of the New Year’s Eve party in Edinburgh? (Hogmanay)
3 What European city is Disneyland in? (Paris)
4 What type of boat do they use in the regatta in Windsor?

(A giant pumpkin with the inside cut out)
5 Where does the International Bathtub Regatta take place? (In Dinant,

Belgium)

6 When does the Monkey Festival take place? (In November)

7. สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรยี นรู้

ส่อื 1) หนังสือเรยี น SPARK 2 ม. 2
2) Class Audio CDs ประกอบสื่อฯ ชุด SPARK 2 ม. 2
วสั ดอุ ปุ กรณ์
แหลง่ เรียนรู้ 3) แบบฝกึ หัด SPARK 2 ม. 2
1) พจนานุกรมองั กฤษ-อังกฤษ

2) พจนานกุ รมออนไลน์
1) ห้องสมดุ

ลงช่อื ............................................................
(นางสาวประณาลี เมฆาระ)

ครูผู้สอน

ความคดิ เห็น (รองผอู้ ำนวยการกลมุ่ บริหารวชิ าการ / ผบู้ รหิ าร / ผู้ท่ีไดร้ ับหมอบหมาย)
………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………….……
………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…….……
………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……………

ลงชอ่ื ............................................................
(นางชไมพร อร่ามวิทย)์
ตำแหนง่ ครู

วันที่ 12 พฤษภาคม 2565

บนั ทกึ ผลหลังแผนการจัดการเรียนรู้
รหสั วชิ า อ22101 รายวิชาภาษาอังกฤษพน้ื ฐาน แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 15

เรอ่ื ง O-NET practice & Fun time 3
**********************************************************************************

บนั ทึกวัน เดือน ปีที่ใช้สอน

ช้ัน/กลมุ่
วนั /เดือน/ปี

1. ผลการเรียนรู้ (นักเรียน…………………….คน)
1.1 ดา้ นความรู้ (K) – เกง่ ……………………………………………………………………………….……………………

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

1.2 ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P) – ด…ี …………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………….………………………….………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

1.3 ด้านคุณลักษณะท่ีอันพึงประสงค์ (A)– มสี ุข ……………………………………………...…………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

1.4 ด้านสมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น (C) ………….……………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

2. ปัญหา/ส่ิงทพี่ ัฒนา วธิ แี ก้ไข/พฒั นา และผลการแก้ไข/พฒั นา
ปญั หา/ส่งิ ที่พฒั นา

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……

วิธีแกไ้ ข/พฒั นา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ผลการแก้ไข/พฒั นา
…………………………………………………………………………………………………………………….………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ลงชอ่ื .............................................ครูผู้สอน ลงชื่อ...........................................หวั หนา้ กลมุ่ สาระ
(นางสาวประณาลี เมฆาระ) (นางสมใจ ศรีเทพ)

ลงชือ่ .............................................รองผู้อำนวยการ ลงช่อื ...........................................ผอู้ ำนวยการโรงเรียน

(นายมนูญ กลับกล่อม) (นายนราวธุ สุจติ ะพันธ์)

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 4 เรือ่ ง Sports & Chores

รหสั วิชา อ22101 รายวชิ าภาษาองั กฤษพนื้ ฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ

ระดบั ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 2 เวลา 15 ชั่วโมง

1 สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชีว้ ัด

สาระท่ี 1 ภาษาเพือ่ การสือ่ สาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเรอื่ งท่ีฟงั และอ่านจากส่ือประเภทตา่ ง ๆ และแสดงความคิดเหน็

อย่างมเี หตผุ ล
ตวั ช้วี ัด
ต 1.1 ม. 2/2 อ่านออกเสยี งขอ้ ความ ขา่ ว ประกาศ และบทร้อยกรองส้ัน ๆ ถกู ตอ้ งตามหลักการอา่ น
ต 1.1 ม. 2/3 ระบ/ุ เขียนประโยคและข้อความใหส้ ัมพันธก์ บั สื่อทีไ่ มใ่ ชค่ วามเรียงรูปแบบตา่ ง ๆ ที่อ่าน
ต 1.1 ม. 2/4 เลือกหวั ข้อเร่ือง ใจความสำคญั บอกรายละเอียดสนับสนนุ (supporting detail) และ

แสดงความคิดเห็นเกย่ี วกับเร่ืองที่ฟงั และอ่าน พร้อมทั้งใหเ้ หตุผลและยกตวั อย่าง ง่าย ๆ
ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.2 มที ักษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลีย่ นข้อมลู ข่าวสาร แสดงความร้สู ึกและ
ความคิดเหน็ อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ
ตวั ชว้ี ดั
ต 1.2 ม. 2/1 สนทนาแลกเปล่ยี นข้อมูลเก่ียวกบั ตนเอง เรอื่ งตา่ ง ๆ ใกลต้ วั และสถานการณ์ตา่ ง ๆ ใน
ชวี ิตประจำวันอยา่ งเหมาะสม
ต 1.2 ม. 2/2 ใชค้ ำขอร้อง ใหค้ ำแนะนำ คำชแ้ี จง และคำอธบิ ายตามสถานการณ์
ต 1.2 ม. 2/4 พดู และเขียนเพ่ือขอและให้ขอ้ มูล บรรยาย และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องท่ฟี งั หรอื
อา่ นอยา่ งเหมาะสม
ต 1.2 ม. 2/5 พูดและเขียนแสดงความรู้สกึ และความคดิ เห็นของตนเองเกย่ี วกบั เรอื่ งต่าง ๆ กิจกรรม
และประสบการณ์ พร้อมทง้ั ให้เหตุผลประกอบอย่างเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอข้อมูลขา่ วสาร ความคดิ รวบยอด และความคดิ เห็นในเรื่องต่าง ๆ โดยการ
พดู และการเขยี น
ตัวช้วี ดั
ต 1.3 ม. 2/1 พดู และเขยี นบรรยายเกี่ยวกบั ตนเอง กจิ วัตรประจำวนั ประสบการณ์ และขา่ ว/
เหตุการณท์ อ่ี ยู่ในความสนใจของสงั คม
ต 1.3 ม. 2/2 พูดและเขยี นสรปุ ใจความสำคัญ/แกน่ สาระ หัวขอ้ เรอ่ื ง (topic) ทไ่ี ด้จากการวิเคราะห์
เร่ือง/ข่าว/เหตุการณ์ทอี่ ยใู่ นความสนใจของสงั คม
ต 1.3 ม. 2/3 พดู และเขียนแสดงความคิดเหน็ เก่ียวกบั กิจกรรม เร่อื งต่าง ๆ ใกล้ตวั และประสบการณ์
พรอ้ มทัง้ ให้เหตผุ ลสน้ั ๆ ประกอบ

สาระท่ี 2 ภาษาและวัฒนธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งภาษากับวัฒนธรรมของเจา้ ของภาษา และนำไปใช้ ได้

อยา่ งเหมาะสมกับกาลเทศะ
ตัวช้ีวดั
ต 2.1 ม. 2/1 ใช้ภาษา นำ้ เสยี ง และกิรยิ าท่าทางเหมาะกับบุคคลและโอกาส ตามมารยาทสังคมและ

วฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา
ต 2.1 ม. 2/3 เขา้ รว่ ม/จัดกจิ กรรมทางภาษาและวฒั นธรรมตามความสนใจ
มาตรฐาน ต 2.2 เขา้ ใจความเหมอื นและความแตกตา่ งระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของเจา้ ของภาษา

กบั ภาษาและวัฒนธรรมไทย และนำมาใช้อยา่ งถกู ต้องและเหมาะสม
ตวั ชว้ี ัด
ต 2.2 ม. 2/1 เปรียบเทียบและอธบิ ายความเหมือนและความแตกต่างระหวา่ งการออกเสยี ง ประโยค

ชนดิ ต่าง ๆ และการลำดับคำตามโครงสร้างประโยคของภาษาต่างประเทศและ
ภาษาไทย
ต 2.2 ม. 2/2 เปรยี บเทยี บและอธบิ ายความเหมือนและความแตกต่างระหว่างชวี ิตความเปน็ อยู่และ
วฒั นธรรมของเจา้ ของภาษากบั ของไทย
สาระที่ 3 ภาษากบั ความสมั พนั ธก์ ับกลมุ่ สาระการเรยี นรูอ้ นื่
มาตรฐาน ต 3.1 ใชภ้ าษาตา่ งประเทศในการเชอ่ื มโยงความรูก้ บั กลุ่มสาระการเรียนรูอ้ ื่น และเป็น
พื้นฐานในการพฒั นา แสวงหาความรู้ และเปดิ โลกทัศนข์ องตน
ตัวชว้ี ัด
ต 3.1 ม. 2/1 คน้ คว้า รวบรวม และสรุปข้อมูล/ข้อเท็จจรงิ ทีเ่ ก่ียวขอ้ งกับกลมุ่ สาระการเรียนรอู้ ่ืนจาก
แหล่งการเรียนรู้ และนำเสนอดว้ ยการพูด/การเขยี น
สาระท่ี 4 ภาษากบั ความสัมพนั ธ์กบั ชมุ ชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.1 ใชภ้ าษาต่างประเทศในสถานการณ์ตา่ ง ๆ ท้งั ในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม

ตัวช้ีวดั
ต 4.1 ม. 2/1 ใชภ้ าษาส่ือสารในสถานการณ์จริง/สถานการณ์จำลองท่ีเกดิ ขนึ้ ในห้องเรียน สถานศึกษา

และชมุ ชน
มาตรฐาน ต 4.2 ใช้ภาษาต่างประเทศเป็นเครอื่ งมือพน้ื ฐานในการศกึ ษาต่อ การประกอบอาชีพ และ

การแลกเปลีย่ นเรียนรกู้ บั สังคมโลก
ตวั ชี้วัด
ต 4.2 ม. 2/2 เผยแพร่/ประชาสัมพนั ธข์ อ้ มลู ข่าวสารของโรงเรยี นเป็นภาษาต่างประเทศ

2 สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด

การเรียนรู้คำศพั ท์ สำนวน และโครงสรา้ งภาษา จะชว่ ยใหเ้ ขา้ ใจใจความสำคญั สามารถบอก
รายละเอียด และแสดงความคิดเห็นเกีย่ วกบั เร่ืองทีอ่ ่านและฟงั รวมถงึ สามารถนำส่งิ ทเี่ รียนร้ไู ปใช้ในการพูด
และเขยี นแสดงความคิดเหน็ เกย่ี วกับความชอบ/ไม่ชอบ เรอ่ื งต่าง ๆ ใกลต้ วั การอนรุ กั ษส์ ่ิงแวดล้อม การพูด
ชกั ชวน การตอบรับและปฏเิ สธคำชวนได้ นอกจากนี้ยังสามารถใช้ส่อื เทคโนโลยีค้นควา้ ขอ้ มูล ตลอดจนเขา้
ใจความเหมือนและความแตกต่างของภาษาไทยกบั ภาษาองั กฤษ

3 สาระการเรยี นรู้

3.1 ทักษะเฉพาะวชิ า
1) Language Features and Functions
Vocabulary: Chores (clean the windows, cook dinner, walk the dog, take out
the rubbish, dust the furniture, lay the table, do the washing-up,
tidy my room, make my bed, wash the car, iron my clothes, do
the laundry, do the shopping, hoover the carpet, mop the floor)
Free-time activities (go to the cinema/theatre, go shopping,
phone a friend, read books/magazines, play a sport, surf the
Internet, send text messages, watch TV, meet friends, go to
parties, listen to music, eat out, go swimming, play
video/computer games, attend a concert, watch a match)
Sports and activities (rollerblading, kickboxing, darts, ice-skating,
skateboarding, ice hockey, football, baseball, martial arts,
biking, golf, athletics, horse riding, aerobics, tennis, sailing,
badminton, chess)
Environmental problems (acid rain, air pollution, animal
extinction, deforestation, global warming, natural resource
depletion, overpopulation, soil pollution, waste disposal, water
pollution)
Verbs (train for, protect, respect, pollute, protect, turn off, turn
down, put on, throw away, recycle, donate, grow, arrive, choose,
hang out)
Nouns (household chores, bore, ironing board, stamina, grace,
protective clothing, helmet, goggles, accident, helmet, reflector,
reflective belt, loose clothes, headphones, knee pad, hand
signal, brakes, tyre, chain, factory, environment, solar panel, tap,
charity, group leader, midnight, court, rattan ball, opponent,
aim, evidence, existence, relationship, formation)
Adjectives (annual, eco-friendly, friendly, cool, unreturnable,
creative)
Adverb (regularly)
Phrases (out of the ordinary, take it seriously, on standby, so far
so good)
Asking for advice
What should I …?
Giving advice
Why don’t you …?

Grammar: must/mustn’t - have to/don’t have to

can/could, may/might, should, ought to

relative pronouns (who, which, whose, that)

Functions: Talking about free-time activities

I like going to the cinema.

I hate going shopping.

Making, accepting and refusing invitations

Would you like to go dancing?

I’ love to./I’d rather not.

Talking about prohibition

What does this sign mean?

You mustn’t smoke here.

Talking about safe cycling

You must wear a helmet. You must also put reflectors on your

bike and wear something bright.

Asking for and giving advice

What should I do?

Why don’t you report it to the school secretary?

Talking about protection of the environment

You should turn off the lights when you aren’t in room.

Pronunciation: Linking sounds

Can I have an apple?

2) Language Skills

Listening: ฟงั เพื่อหาข้อมูลเฉพาะ, ฟงั เพอ่ื จับใจความสำคัญ

Speaking: พูดเกีย่ วกับกิจกรรมในเวลาว่าง, พดู ชกั ชวนเพื่อทำกจิ กรรม ตอบรับและ

ปฏิเสธคำชวน, พูดถาม-ตอบเก่ยี วกบั ความหมายของปา้ ยตา่ ง ๆ, พดู แสดง

ความคิดเห็นเก่ียวกบั การป่นั จกั รยานอย่างปลอดภยั , พดู ขอและให้คำแนะนำ

ตามสถานการณท์ ี่กำหนด, พดู แสดงความคดิ เหน็ และเสนอแนะวธิ ีแก้ปัญหา

สิง่ แวดลอ้ ม, พูดสุนทรพจน์เก่ียวกบั การอนรุ กั ษส์ ง่ิ แวดล้อมในบา้ นของตนเอง,

พดู แสดงความคิดเห็นเกย่ี วกับกีฬาท่เี ป็นท่นี ิยมในประเทศไทยและภมู ิภาค

อาเซยี น

Reading: อา่ นเพอื่ หาข้อมลู เฉพาะ, อา่ นเพอ่ื จับใจความสำคัญ, อ่านและเตมิ คำ

Writing: เขียนสรุปเร่ืองทอี่ า่ น, เขียนอีเมลเกย่ี วกับกิจกรรมท่ที ำและไมไ่ ด้ทำในเวลา

วา่ ง และงานทีช่ ่วยทำท่บี ้าน, เขยี นประโยคเกย่ี วกบั ตนเองตามโครงสร้างที่

เรยี น, เขียนเกี่ยวกับการปนั่ จักรยานและการขา้ มถนนอย่างปลอดภยั , แตง่ บท

สนทนาตามสถานการณ์ทีก่ ำหนด, เขียนเกี่ยวกบั วิธีการอนรุ กั ษ์ส่งิ แวดล้อม,

เขียนอีเมลเล่าเกีย่ วกับกฎระเบียบของโรงเรยี น, เขียนเกย่ี วกับส่ิงที่ประเทศใน

กลมุ่ ประชาคมอาเซียนมีคลา้ ยกัน

4 ด้านคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
1) ใฝ่เรยี นรู้
2) มุ่งมัน่ ในการทำงาน
3) อยู่อย่างพอเพียง
4) มจี ิตสาธารณะ
5) ซื่อสตั ยส์ จุ ริต
6) มวี นิ ยั
7) รักความเปน็ ไทย
8) รักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์
9)

5 สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน
1) ความสามารถในการส่ือสาร
2) ความสามารถในการคดิ
3) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

6 ด้านคุณลกั ษณะของผูเ้ รียนตามหลกั สูตรมาตรฐานสากล
1) เปน็ เลิศวิชาการ
2) สื่อสารสองภาษา
3) ล้ำหนา้ ทางความคดิ
4) ผลติ งานอย่างสร้างสรรค์
5) รว่ มกนั รับผิดชอบตอ่ สังคมโลก

7 บรู ณาการตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง
1. หลกั ความพอประมาณ
2. หลักความมเี หตุผล
3. หลกั ภมู ิคุม้ กัน
4. เง่ือนไขความรู้
5. เงือ่ นไขคุณธรรม

8 ชน้ิ งาน/ภาระงาน (หลักฐานรอ่ งรอยแสดงความรู้)
1) ผลงานออกแบบ extreme sport ทเ่ี ก่ียวข้องกบั งานบา้ น
2) เขยี นอเี มลเล่าเกย่ี วกบั กจิ กรรมทท่ี ำและไมไ่ ดท้ ำในเวลาว่าง และงานบ้านท่ชี ่วยผ้ปู กครองทำ
3) เขียนประโยคตามโครงสร้างทเี่ รียน
4) โปสเตอร์ how to cross a road safely
5) อ่านออกเสยี งบทสนทนา
6) แตง่ บทสนทนาตามสถานการณท์ ี่กำหนด
7) พูดสนทนาเพื่อขอและให้คำแนะนำตามสถานการณ์ท่กี ำหนด

8) พูดสนุ ทรพจน์เก่ียวกับการอนรุ ักษ์สงิ่ แวดล้อมในบ้านของตนเอง
9) ค้นคว้าข้อมลู เกี่ยวกบั วิธีการอนุรักษ์สิง่ แวดลอ้ มและเขยี นนำเสนอ

10) เขียนอีเมลเกยี่ วกบั กฎระเบยี บของโรงเรยี น
11) ค้นควา้ เก่ียวกบั สิ่งท่ีประเทศในกลุ่มประชาคมอาเซียนมีคลา้ ยกัน และเขียนนำเสนอ

9 การวัดและการประเมนิ ผล

สิง่ ที่วัด วิธีการวดั เครอ่ื งมอื วดั ผล เกณฑ์การ
ประเมินผล
ด้านความรู้ (K) ตรวจการตอบคำถามจากการ แบบฝึกหดั ร้อยละ 60
อา่ นหรือการฟัง (Workbook)
ด้านทักษะและ สังเกตการพดู สนทนาเพอ่ื ขอ แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ระดบั คณุ ภาพ
กระบวนการ (P) และใหค้ ำแนะนำตาม การเรียนรู้ พอใช้
สถานการณท์ ก่ี ำหนด
ด้านคณุ ลกั ษณะอนั พึง สังเกตการณ์พูดอธิบาย แบบสังเกตพฤตกิ รรม ระดบั คณุ ภาพ
ประสงค์ (A) กจิ กรรมท่ีชอบ การเรยี แบบประเมิน พอใช้
สังเกตความใฝเ่ รียนรู้และความ คุณลกั ษณะ ระดบั คุณภาพ ผา่ น
ดา้ นสมรรถนะสำคัญ มุ่งม่นั ในการทำงาน อันพงึ ประสงคน์ รู้
ของผู้เรียน (C) ประเมนิ การเขยี นกจิ กรรมท่ีทำ แบบประเมนิ การเขยี น ระดบั คณุ ภาพ
และไมไ่ ด้ทำในเวลาวา่ ง และ พอใช้
10 งานบา้ นที่ช่วยผปู้ กครองทำ

10 การจัดกิจกรรมการเรียนรู้

กิจกรรมการเรยี นรู้ หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี4 เรอื่ ง Sports & Chores (เวลา 15 ช่วั โมง)

บนั ทึกผลหลงั หนว่ ยการเรียนรู้

รหัสวิชา อ22101 รายวิชา ภาษาอังกฤษพน้ื ฐาน หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 4 เรือ่ ง Sports & Chores

1. สรปุ ผลการเรียนรู้ (นักเรยี น……41…….คน)

1.1 ด้านความรู้ (K) – เกง่ นกั เรียนมคี วามรู้ ความเขา้ ใจ ในบทเรียนท่เี รยี น สามารถทำแบบฝึกหัด

ได้ผา่ นเกณฑท์ ก่ี ำหนด .

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…..

1.2 ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) – ดี นักเรียนมีทักษะ กระบวนการ ทั้งด้านการฟัง การพูด การ

อ่าน การเขียน สามารถทำชิ้นงานท่ีครูมอบหมาย ได้ผา่ นเกณฑท์ ี่กำหนด .

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…..

1.3 ด้านคณุ ลักษณะที่อันพึงประสงค์ (A)– มสี ขุ นักเรยี นมคี ุณลักษณะอันพึงประสงค์ มคี วามใฝ่

เรยี นรู้ และมีความมุง่ ม่ันในการทำงาน อยู่ในระดบั คณุ ภาพผา่ น .

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…..

1.4 ด้านสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (C) นักเรียนมีสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน มีความสามารถใน

การคดิ และการสื่อสารได้อยา่ งถูกตอ้ ง ผ่านเกณฑท์ ่ีกำหนด .

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…..

2. ปัญหา/ส่งิ ทพ่ี ฒั นา/แนวทางแกป้ ัญหา/แนวทางการพฒั นา

ปัญหา/สงิ่ ทพี่ ฒั นา สาเหตุของปัญหา/ แนวทางแกไ้ ข/ วธิ ีแกไ้ ข/พัฒนา ผลการแก้ไข/
พฒั นา
สง่ิ ท่ีพฒั นา พัฒนา
นักเรยี นสามารถ
นกั เรียนบางคน นักเรียนมคี วามรู้ ใช้วธิ ีครยู กตวั อย่าง ครูชว่ ยแนะนำ/ เขียนใชค้ ำได้
ถกู ตอ้ ง
เขยี นประโยคใน พ้ืนฐานน้อย และทบทวนเน้อื หา ฝกึ ฝน จนสามารถ

การนำเสนองานไม่ ทำได้ จนผา่ น

ถูกต้อง เกณฑ์

ลงชอ่ื .............................................ครผู สู้ อน ลงชอ่ื ...........................................หวั หน้ากลุ่มสาระ
(นางสาวประณาลี เมฆาระ) (นางสมใจ ศรีเทพ)

ลงชอื่ .............................................รองผอู้ ำนวยการ ลงช่อื ...........................................ผูอ้ ำนวยการโรงเรยี น

(นายมนูญ กลบั กลอ่ ม) (นายนราวุธ สุจิตะพนั ธ์)

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 1 เรอ่ื ง Reading 4a & Vocabulary 4a
รหสั วิชา อ22101 รายวชิ า ภาษาอังกฤษพ้ืนฐาน

ระดบั ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 2 ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2565
หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 4 เรื่อง Sports & Chores เวลา 1 ช่ัวโมง

1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ชีว้ ดั ช้นั ป/ี ผลการเรยี นรู้
สาระที่ 1 ภาษาเพ่ือการสอื่ สาร
มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตีความเรอ่ื งที่ฟังและอา่ นจากส่ือประเภทตา่ ง ๆ และแสดงความคิดเห็น
อย่างมเี หตุผล
ตัวช้ีวัด
ต 1.1 ม. 2/4 เลอื กหัวข้อเรอื่ ง ใจความสำคญั บอกรายละเอียดสนบั สนุน (supporting detail) และ
แสดงความคิดเหน็ เกย่ี วกับเร่ืองท่ฟี ังและอา่ น พร้อมทงั้ ให้เหตุผลและยกตัวอยา่ งง่าย ๆ
ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.2 มที ักษะการสอื่ สารทางภาษาในการแลกเปลยี่ นขอ้ มลู ขา่ วสาร แสดงความรสู้ ึกและ
ความคดิ เหน็ อย่างมีประสทิ ธภิ าพ
ตัวชีว้ ัด
ต 1.2 ม. 2/4 พูดและเขียนเพอื่ ขอและให้ข้อมูล บรรยาย และแสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั เรอ่ื งที่ฟงั หรือ
อ่านอยา่ งเหมาะสม
ต 1.2 ม. 2/5 พูดและเขียนแสดงความรู้สกึ และความคดิ เหน็ ของตนเองเกย่ี วกับเร่อื งต่าง ๆ กิจกรรม
และประสบการณ์ พรอ้ มทั้งใหเ้ หตุผลประกอบอยา่ งเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอขอ้ มลู ข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเหน็ ในเรื่องต่าง ๆ โดยการ
พูดและการเขยี น
ตวั ชีว้ ดั
ต 1.3 ม. 2/1 พูดและเขียนบรรยายเกยี่ วกบั ตนเอง กจิ วตั รประจำวัน ประสบการณ์ และข่าว/
เหตกุ ารณท์ อี่ ยู่ในความสนใจของสังคม
ต 1.3 ม. 2/3 พดู และเขยี นแสดงความคิดเหน็ เกี่ยวกบั กจิ กรรม เรื่องต่างๆ ใกล้ตัว และประสบการณ์
พร้อมทงั้ ให้เหตุผลสั้น ๆ ประกอบ

สาระที่ 4 ภาษากบั ความสมั พันธ์กับชมุ ชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณต์ ่าง ๆ ทงั้ ในสถานศกึ ษา ชมุ ชน และสังคม

ตัวชวี้ ัด

ต 4.1 ม. 2/1 ใชภ้ าษาสื่อสารในสถานการณ์จรงิ /สถานการณจ์ ำลองท่ีเกิดขึ้นในหอ้ งเรยี น สถานศกึ ษา
และชมุ ชน

2. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด
การเรยี นรคู้ ำศัพท์เกีย่ วกับงานบ้าน กิจกรรมในเวลาว่าง จะช่วยใหเ้ ข้าใจและสามารถบอกรายละเอียด

และแสดงความคดิ เหน็ เกีย่ วกับเรื่องทีอ่ ่านและฟังได้ นอกจากนี้การเรียนรู้คำ/วลีแสดงความชอบ/ไม่ชอบ และ
สำนวนภาษาในการชกั ชวน การตอบรบั และปฏิเสธคำชวน ยงั ช่วยให้นักเรียนสามารถพดู แสดงความรู้สึก ชกั ชวน

เพอ่ื กิจกรรม ตอบรบั และปฏิเสธคำชวนไดอ้ ย่างเหมาะสม

จดุ ประสงค์การเรียนรู้ (จุดประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรมเพือ่ ให้บรรลตุ ามตวั ชี้วดั )

1. อ่านเรือ่ ง จับใจความสำคัญบอกรายละเอยี ดเกยี่ วกบั เร่ืองทอ่ี ่าน และยกตวั อยา่ งประกอบได้
2. พดู และเขียน ขอ้ มูล บรรยาย และแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับเรอ่ื งทีฟ่ งั และอา่ นไดอ้ ย่างเหมาะสม

3. สาระการเรียนรู้

3.1 ดา้ นความรู้ (Knowledge)

1) Language Features and Functions

Vocabulary: Chores (clean the windows, cook dinner, walk the dog, take out

the rubbish, dust the furniture, lay the table, do the washing-up,

tidy my room, make my bed, wash the car, iron my clothes, do

the laundry, do the shopping, hoover the carpet, mop the floor)

Free-time activities (go to the cinema/theatre, go shopping,

phone a friend, read books/magazines, play a sport, surf the

Internet, send text messages, watch TV, meet friends, go to

parties, listen to music, eat out, go swimming, play

video/computer games, attend a concert, watch a match)

Verb (train for)

Nouns (household chores, bore, ironing board, stamina, grace,

protective clothing, helmet, goggles)

Adjective (annual)

Phrases (out of the ordinary, take it seriously)

Functions: Talking about free-time activities

I like going to the cinema.

I hate going shopping.

Making, accepting and refusing invitations

Would you like to go dancing?

I’ love to./I’d rather not

2) ทกั ษะ /กระบวนการ (Process)

Listening: ฟังเพื่อหาข้อมูลเฉพาะ

Speaking: พูดเก่ยี วกับกจิ กรรมในเวลาว่าง

พดู ชกั ชวนเพ่ือทำกจิ กรรม ตอบรับและปฏิเสธคำชวน

Reading: อ่านเพือ่ หาข้อมูลเฉพาะ

Writing: เขยี นสรุปเร่อื งทีอ่ ่าน, เขียนอีเมลเกีย่ วกบั กิจกรรมทที่ ำและไม่ได้ทำในเวลา
3) Cultures วา่ ง และงานบ้านทชี่ ่วยทำ
การปฏิเสธคำชวน

3.2 คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

1) ใฝ่เรียนรู้
2) มุ่งมัน่ ในการทำงาน
3.3 สมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น
1) ความสามารถในการสอื่ สาร

2) ความสามารถในการคิด
3.4 ดา้ นคุณลกั ษณะของผเู้ รียนตามหลักสูตรมาตรฐานสากล

1) เป็นเลศิ วิชาการ
2) สื่อสารสองภาษา

3) ลำ้ หน้าทางความคดิ
4) ผลติ งานอย่างสรา้ งสรรค์
5) ร่วมกันรบั ผิดอบต่อสังคมโลก

4. ช้นิ งาน/ภาระงาน (หลักฐานร่องรอยแสดงความรู)้
ชนิ้ งาน
1) ผลงานออกแบบ extreme sport ท่ีเกี่ยวข้องกับงานบ้าน

ภาระงาน (รวบยอด)
1) เขยี นอเี มลเล่าเกย่ี วกับกจิ กรรมท่ีทำและไมไ่ ดท้ ำในเวลาวา่ ง และงานบ้านท่ีชว่ ยผปู้ กครองทำ

5. การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้

ส่ิงท่ีวดั ผล วิธีการวดั เคร่ืองมือวัดผล เกณฑก์ าร

ประเมนิ ผล

ด้านความรู้ (K ) ตรวจการตอบคำถามจาก แบบฝกึ หดั (Workbook) รอ้ ยละ 60

การอา่ นหรอื การฟงั

ด้านทักษะและ สงั เกตการพูดแลกเปลยี่ น แบบสังเกตพฤติกรรมการ ระดบั คุณภาพ พอใช้
เรียนรู้
กระบวนการ ( P ) ความคิดเหน็ เก่ยี วกบั

Extreme Ironing จากเรอ่ื ง

ทอี่ า่ น

ดา้ นคุณลักษณะอันพงึ สงั เกตความใฝเ่ รียนรูแ้ ละ แบบประเมนิ คุณลกั ษณะ ระดบั คุณภาพ ผ่าน
อันพงึ ประสงค์
ประสงค์ ( A ) ความมุง่ ม่ันในการทำงาน
แบบประเมินช้นิ งาน ระดบั คุณภาพ พอใช้
ด้านสมรรถนะสำคญั ของ ประเมินผลงานออกแบบ

ผู้เรยี น ( C ) extreme sport ทีเ่ กี่ยวข้อง

กบั งานบ้าน

6. กจิ กรรมการเรยี นรู้
ขนั้ Warm up
1. นกั เรียนอา่ นชือ่ หนว่ ยการเรยี นรู้ (Sports & Chores) ในหนงั สือเรยี น หน้า 45 แลว้ ครถู ามความหมาย
คำวา่ chore
chore (n) = a small job that you have to do regularly, especially work that you
do to keep a house clean (งานบ้าน)
2. ครถู ามคำถามเพ่ือนำเข้าสบู่ ทเรยี น และกระตุ้นให้นักเรยี นอภปิ รายแสดงความคดิ เห็น
a. Do you play sports?
b. What sports do you play?
c. What chores do you do?
d. Do you like to do chores?
e. Who thinks chores are boring? Why?
3. Find the page numbers for หนา้ 45 ครใู ห้นกั เรยี นหาวา่ ภาพทีเ่ กี่ยวข้องกับทง้ั 3 คำนี้อยใู่ น
หนงั สอื เรยี นหน้าใด เมือ่ หาพบแล้วครถู ามคำถามเพอ่ื สนทนากับนกั เรยี น

road signs (p. 48)
Do you think it is important to know what road signs mean?
Do you have road signs like these in your country?
How many road signs do you know?
an email (p. 53)
How often do you send emails? Who to?
Why do/don’t you like sending them?
a strange sport (p. 46)
Are there any strange sports like this in your country?
Would you like to take part in a strange sport? Why (not)?

ขน้ั Pre-reading
1. หนังสอื เรียน หน้า 45 Ex. 1 นักเรยี นปดิ หนังสอื เรียน แล้วฟงั วลเี กีย่ วกับงานบ้านและออกเสียงตาม

โดยครเู ปิด CD ใหฟ้ ัง 2 คร้งั จากน้นั ให้นักเรยี นเปดิ หนงั สอื เรยี น อา่ นออกเสียงวลีพรอ้ มกนั และอธบิ าย
ความหมายโดยเดาจากภาพ
2. หนังสือเรยี น หน้า 45 Ex. 2 ครทู บทวน adverbs of frequency โดยใหน้ ักเรียนอ่าน adverbs of
frequency แตล่ ะคำ จากนั้นครูสุ่มถามนกั เรียนว่าทำงานบ้านแต่ละอย่างบ่อยแค่ไหน เชน่

T: How often do you make your bed?
S1: I always make my bed.

3. ครนู ำภาพ 2 ภาพดา้ นล่างนีม้ าใหน้ ักเรยี นดู และถามนกั เรียนว่าแต่ละภาพให้ความรสู้ กึ อยา่ งไร
“How do you feel about each picture?”

ภาพจาก: https://www.morphyrichards.co.uk/ ภาพจาก: http://list25.com/25-insane-examples-of-
extreme-ironing/
::blog/?categorytagid=10

4. หนงั สอื เรียน หน้า 46 Ex. 1a ครูถามคำถาม What’s an extreme sport? ให้นกั เรยี นช่วยกนั อธิบาย

และยกตัวอย่างกีฬา (e.g. skydiving, snowboarding, white-water rafting, kite surfing) จากนั้น

ครูถามนักเรียนว่าอยากลองเล่น extreme sport หรอื ไม่ กีฬาอะไรที่อยากลองเล่น พร้อมใหเ้ หตุผล

ประกอบ

extreme sport (n) = a sport that is extremely exciting to do and often

dangerous, for example skydiving and bungee jumping (กฬี า

ผาดโผน)

5. หนงั สอื เรียน หนา้ 46 Ex. 1b ครูให้นักเรยี นดูภาพ และรว่ มกนั แสดงความคิดเหน็ โดยถามวา่ What

are the people doing? (ironing) Why do you think they are doing it? (e.g. They are doing

this for a competition, as a stunt etc.) จากนนั้ ครูเปิด CD ให้นกั เรยี นฟงั และอ่านบทอ่านตามเพ่ือ

หาคำตอบ

6. ครนู ำเสนอคำศพั ทท์ น่ี ักเรยี นจะพบในบทอา่ น โดยครูอา่ นออกเสยี งคำศัพท์ในหนังสือเรยี น หน้า 46

กรอบ Check these words และให้นักเรยี นอา่ นตาม จากนัน้ ครูแบ่งนกั เรียนออกเปน็ กลุ่ม กล่มุ ละ 4-6

คน และใหแ้ ต่ละกล่มุ ชว่ ยกันหาความหมายของคำศัพท์จากพจนานกุ รมหรอื พจนานกุ รมออนไลน์ เสร็จ

แลว้ ครูใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ ชว่ ยกนั บอกความหมาย จากน้นั ครูจึงบอกความหมายท่ีถูกตอ้ ง

household chores (n) = works that you do to keep a house clean (งานบา้ น)

bore (v) = to make someone feel bored (ทำให้เบ่ือ)

ironing board (n) = a small narrow table used for ironing clothes (โตะ๊

รดี ผ้า)

out of the ordinary (phrase) = unusual or different (ไมป่ กต,ิ ไม่ธรรมดา)

take it seriously (phrase) = to consider a situation to be important and worth

your attention or respect (ให้ความสำคัญ)

train for (v) = to prepare for a particular activity, especially a

sport, by doing a lot of exercise (ฝกึ ซอ้ ม)

stamina (n) = physical or mental strength that lets you continue

doing something for a long time without getting

tired (ความแข็งแรง)

grace (n) = a smooth way of moving that looks natural,

relaxed, and attractive (ความนุม่ นวล)

protective clothing (n) = clothing designed to protect either the wearer’s

body or other items of clothing from hazards such

as heat, chemicals and infection (เครอ่ื งแตง่ กายที่

สวมใสเ่ พื่อปกปอ้ งร่างกาย)

helmet (n) = a strong, hard hat that covers and protects the

head(หมวกนริ ภยั )

goggles (n) = special glasses that fit close to the face to protect

the eyes from chemicals, wind, water etc. (แว่นตา

กันลม/นำ้ /สารเคมี)

annual (adj) = happening once every year (ประจำป)ี

7. ครใู หน้ ักเรียนอา่ นคำถามทก่ี ำหนดใหใ้ นหนังสอื เรียน หนา้ 46 Ex. 2 และขดี เสน้ ใตค้ ำสำคญั ในคำถาม

แต่ละข้อ

ขัน้ Reading

หนังสอื เรยี น หน้า 46 Ex. 2 ครใู ห้นกั เรยี นอา่ นบทอ่านเพื่อหาเนอ้ื เรื่องสว่ นทเี่ กยี่ วข้องกบั คำสำคัญทีข่ ีด

เส้นใต้ไว้ แล้วจงึ ตอบคำถามท่กี ำหนดให้ ครแู นะนำนักเรียนวา่ หากพบคำท่ไี ม่รู้ความหมายในระหว่างท่ี

อา่ น ให้ใชก้ ารเดาความหมายจากบริบท เม่อื ตอบคำถามเสร็จแลว้ ครใู หน้ ักเรียนชว่ ยกันเฉลยคำตอบ

1 You need an ironing board, an iron and a piece of clothing to do
extreme ironing.

2 The person who has the best photograph of extreme ironing.
3 You need stamina and grace to do this sport.
4 Some people do extreme ironing underwater, on the tops of mountains

or riding on bikes.
5 No, it isn’t.
6 At least 1 m long.
7 No, I don’t.
8 At least one piece of clothing.

ข้นั Post-reading
1. หนังสอื เรยี น หนา้ 46 Ex. 3a ครใู หน้ กั เรยี นสรุปเนอ้ื หาของบทอา่ นตามหัวข้อ Name of sport,

Equipment, Place, Rules แลว้ ครูเขียนหัวขอ้ บนกระดาน ให้นักเรยี นช่วยกนั บอกข้อมลู ของแตล่ ะ
หัวขอ้ จากนนั้ ใหน้ ักเรียนเขียนสรปุ โดยใช้ข้อมลู บนกระดาน เม่อื ทำเสร็จแล้วครูขออาสาสมัคร 2 คน
อา่ นใหฟ้ งั

Name of sport: extreme ironing
Equipment: ironing board, iron, piece of clothing, (camera)
Place: underwater, tops of mountains, on a bike
Rules: 1 m ironing board, a real iron, protective clothing, photograph,
piece of clothing

To do extreme ironing you need an ironing board, an iron and a piece of
clothing. You can do it anywhere such as underwater, on tops of
mountains or on a bike. There is a prize for the best photograph of
extreme ironing. The rules are simple. Your ironing board must be 1m
long and you must use a real iron. Protective clothing is a good idea. A
photograph is enough. Finally, you must iron at least one piece of
clothing.
2. หนงั สือเรยี น หน้า 46 Ex. 3b ครูให้นักเรียนระดมความคิดว่าถา้ ไม่ใช้ชอ่ื เรอ่ื ง Extreme Ironing จะ
ตงั้ ชื่อใหม่ว่าอยา่ งไร

People do the strangest things!

3. หนังสอื เรียน หน้า 47 ข้อ 3c ครใู หน้ ักเรียนแสดงความคิดเห็นว่า หากมโี อกาสนกั เรยี นจะเขา้ รว่ มการ
แขง่ ขัน Extreme Ironing หรอื ไม่ ครใู ห้นักเรียนเวลานกั เรียนเขยี นคำตอบ และเหตุผลวา่ ทำไมจึงอยาก
เข้ารว่ มหรือไม่อยากเขา้ ร่วมกจิ กรรมดังกลา่ ว จากนั้นครสู ุ่มเรียกนักเรยี น 2-3 คน ใหบ้ อกคำตอบและ
เหตผุ ลของตนเอง

I would like to try extreme ironing because it looks very exciting. It is a
sport that not many people know about./
I wouldn’t like to try extreme ironing. I think it is dangerous. The rules
are simple, though.

4. หนงั สอื เรยี น หนา้ 47 Ex. 3d ครใู หน้ กั เรียนแบง่ กลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน ให้แต่ละกลุ่มช่วยกันออกแบบ
extreme sport ทเี่ ก่ยี วขอ้ งกบั งานบ้าน เสรจ็ แล้วให้แต่ละกลมุ่ นำเสนอผลงานหน้าช้นั เรยี น เม่ือทุก
กล่มุ นำเสนอเสรจ็ แลว้ ให้นกั เรยี นร่วมกันตดั สนิ วา่ ผลงานของกลมุ่ ใดนา่ สนใจที่สุด

Extreme hoovering. It would have similar rules to extreme ironing, but
you would hoover a small rug somewhere extremely high, hot, cold or
unusual.

5. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 28 Exs. 1-2 ใหน้ ักเรยี นทำเปน็ การบ้าน

7. ส่ือ/อปุ กรณ์/แหลง่ เรียนรู้
1) หนงั สอื เรยี น SPARK 2 ม. 2
2) Class Audio CDs ประกอบสอ่ื ฯ ชดุ SPARK 2 ม. 2
3) แบบฝึกหัด SPARK 2 ม. 2
4) พจนานกุ รมอังกฤษ-องั กฤษ
5) พจนานุกรมออนไลน์
6) Power Point
7) ภาพกจิ กรรมยามว่าง
8) คลิปวิดีโอจากอินเทอร์เน็ต

ลงชือ่ ............................................................
(นางสาวประณาลี เมฆาระ)
ครูผู้สอน

ความคดิ เห็น (รองผูอ้ ำนวยการกลมุ่ บริหารวิชาการ / ผู้บรหิ าร / ผู้ที่ได้รบั หมอบหมาย)
………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………….……
………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…….……
………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……………

ลงชือ่ ............................................................
(นางชไมพร อรา่ มวทิ ย์)
ตำแหน่ง ครู
วนั ท่ี 12 พฤษภาคม 2565

บันทึกผลหลังแผนการจัดการเรยี นรู้

รหสั วิชา อ22101 รายวิชาภาษาอังกฤษพน้ื ฐาน แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1

เร่ือง Reading 4a & Vocabulary 4a
**********************************************************************************
บันทึกวนั เดือน ปที ่ใี ชส้ อน

ชน้ั /กลุ่ม
วัน/เดอื น/ปี

1. ผลการเรยี นรู้ (นกั เรียน…………………….คน)
1.1 ด้านความรู้ (K) – เกง่ ……………………………………………………………………………….……………………

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

1.2 ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) – ด…ี …………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………….………………………….………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

1.3 ดา้ นคุณลกั ษณะท่อี ันพงึ ประสงค์ (A)– มสี ขุ ……………………………………………...…………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

1.4 ด้านสมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน (C) ………….……………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

2. ปญั หา/สง่ิ ที่พัฒนา วิธีแก้ไข/พัฒนา และผลการแกไ้ ข/พัฒนา
ปัญหา/สิง่ ที่พฒั นา

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……

วิธีแกไ้ ข/พฒั นา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ผลการแก้ไข/พฒั นา
…………………………………………………………………………………………………………………….………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ลงชอ่ื .............................................ครูผ้สู อน ลงชื่อ...........................................หัวหนา้ กลุ่มสาระ
(นางสาวประณาลี เมฆาระ) (นางสมใจ ศรีเทพ)

ลงชื่อ.............................................รองผู้อำนวยการ ลงชือ่ ...........................................ผู้อำนวยการโรงเรียน

(นายมนญู กลับกล่อม) (นายนราวุธ สุจติ ะพนั ธ์)

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 2 เรอ่ื ง Reading 4a & Vocabulary 4a
รหสั วิชา อ22101 รายวชิ า ภาษาอังกฤษพ้ืนฐาน

ระดบั ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 2 ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2565
หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 4 เรื่อง Sports & Chores เวลา 1 ช่ัวโมง

1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ชีว้ ดั ช้นั ป/ี ผลการเรยี นรู้
สาระที่ 1 ภาษาเพ่ือการสอื่ สาร
มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตีความเรอ่ื งที่ฟังและอา่ นจากส่ือประเภทตา่ ง ๆ และแสดงความคิดเห็น
อย่างมเี หตุผล
ตัวช้ีวัด
ต 1.1 ม. 2/4 เลอื กหัวข้อเรอื่ ง ใจความสำคญั บอกรายละเอียดสนบั สนุน (supporting detail) และ
แสดงความคิดเหน็ เกย่ี วกับเร่ืองท่ฟี ังและอา่ น พร้อมทงั้ ให้เหตุผลและยกตัวอยา่ งง่าย ๆ
ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.2 มที ักษะการสอื่ สารทางภาษาในการแลกเปลยี่ นขอ้ มลู ขา่ วสาร แสดงความรสู้ ึกและ
ความคดิ เหน็ อย่างมีประสทิ ธภิ าพ
ตัวชีว้ ัด
ต 1.2 ม. 2/4 พูดและเขียนเพอื่ ขอและให้ข้อมูล บรรยาย และแสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั เรอ่ื งที่ฟงั หรือ
อ่านอยา่ งเหมาะสม
ต 1.2 ม. 2/5 พูดและเขียนแสดงความรู้สกึ และความคดิ เหน็ ของตนเองเกย่ี วกับเร่อื งต่าง ๆ กิจกรรม
และประสบการณ์ พรอ้ มทั้งใหเ้ หตุผลประกอบอยา่ งเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอขอ้ มลู ข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเหน็ ในเรื่องต่าง ๆ โดยการ
พูดและการเขยี น
ตวั ชีว้ ดั
ต 1.3 ม. 2/1 พูดและเขียนบรรยายเกยี่ วกบั ตนเอง กจิ วตั รประจำวัน ประสบการณ์ และข่าว/
เหตกุ ารณท์ อี่ ยู่ในความสนใจของสังคม
ต 1.3 ม. 2/3 พดู และเขยี นแสดงความคิดเหน็ เกี่ยวกบั กจิ กรรม เรื่องต่างๆ ใกล้ตัว และประสบการณ์
พร้อมทงั้ ให้เหตุผลสั้น ๆ ประกอบ

สาระที่ 4 ภาษากบั ความสมั พันธ์กับชมุ ชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณต์ ่าง ๆ ทงั้ ในสถานศกึ ษา ชมุ ชน และสังคม

ตัวชวี้ ัด

ต 4.1 ม. 2/1 ใชภ้ าษาสื่อสารในสถานการณ์จรงิ /สถานการณจ์ ำลองท่ีเกิดขึ้นในหอ้ งเรยี น สถานศกึ ษา
และชมุ ชน

2. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด
การเรยี นรคู้ ำศัพท์เกีย่ วกับงานบ้าน กิจกรรมในเวลาว่าง จะช่วยใหเ้ ข้าใจและสามารถบอกรายละเอียด

และแสดงความคดิ เหน็ เกีย่ วกับเรื่องทีอ่ ่านและฟังได้ นอกจากนี้การเรียนรู้คำ/วลีแสดงความชอบ/ไม่ชอบ และ
สำนวนภาษาในการชกั ชวน การตอบรบั และปฏิเสธคำชวน ยงั ช่วยให้นักเรียนสามารถพดู แสดงความรู้สึก ชกั ชวน

เพอ่ื กิจกรรม ตอบรบั และปฏิเสธคำชวนไดอ้ ย่างเหมาะสม

จดุ ประสงค์การเรียนรู้ (จุดประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรมเพือ่ ให้บรรลตุ ามตวั ชี้วดั )

1. อ่านเรือ่ ง จับใจความสำคัญบอกรายละเอยี ดเกยี่ วกบั เร่ืองทอ่ี ่าน และยกตวั อยา่ งประกอบได้
2. พดู และเขียน ขอ้ มูล บรรยาย และแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับเรอ่ื งทีฟ่ งั และอา่ นไดอ้ ย่างเหมาะสม

3. สาระการเรียนรู้

3.1 ดา้ นความรู้ (Knowledge)

1) Language Features and Functions

Vocabulary: Chores (clean the windows, cook dinner, walk the dog, take out

the rubbish, dust the furniture, lay the table, do the washing-up,

tidy my room, make my bed, wash the car, iron my clothes, do

the laundry, do the shopping, hoover the carpet, mop the floor)

Free-time activities (go to the cinema/theatre, go shopping,

phone a friend, read books/magazines, play a sport, surf the

Internet, send text messages, watch TV, meet friends, go to

parties, listen to music, eat out, go swimming, play

video/computer games, attend a concert, watch a match)

Verb (train for)

Nouns (household chores, bore, ironing board, stamina, grace,

protective clothing, helmet, goggles)

Adjective (annual)

Phrases (out of the ordinary, take it seriously)

Functions: Talking about free-time activities

I like going to the cinema.

I hate going shopping.

Making, accepting and refusing invitations

Would you like to go dancing?

I’ love to./I’d rather not

2) ทกั ษะ /กระบวนการ (Process)

Listening: ฟังเพื่อหาข้อมูลเฉพาะ

Speaking: พูดเก่ยี วกับกจิ กรรมในเวลาว่าง

พดู ชกั ชวนเพ่ือทำกจิ กรรม ตอบรับและปฏิเสธคำชวน

Reading: อ่านเพือ่ หาข้อมูลเฉพาะ

Writing: เขียนสรุปเรอื่ งทอ่ี ่าน, เขียนอีเมลเกย่ี วกับกจิ กรรมท่ีทำและไม่ไดท้ ำในเวลา
3) Cultures ว่าง และงานบ้านท่ีชว่ ยทำ
การปฏเิ สธคำชวน

3.2 คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์

1) ใฝ่เรยี นรู้
2) มุ่งม่ันในการทำงาน
3.3 สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น
1) ความสามารถในการสื่อสาร

2) ความสามารถในการคิด
3.4 ด้านคุณลักษณะของผ้เู รียนตามหลักสตู รมาตรฐานสากล

1) เป็นเลศิ วชิ าการ
2) ส่อื สารสองภาษา

3) ล้ำหน้าทางความคดิ
4) ผลติ งานอยา่ งสร้างสรรค์
5) รว่ มกันรับผดิ อบต่อสงั คมโลก

4. ชน้ิ งาน/ภาระงาน (หลักฐานร่องรอยแสดงความรู)้

ชิ้นงาน
1) ผลงานออกแบบ extreme sport ทีเ่ กี่ยวขอ้ งกับงานบา้ น

ภาระงาน (รวบยอด)
1) เขยี นอีเมลเล่าเกยี่ วกบั กิจกรรมทีท่ ำและไม่ได้ทำในเวลาวา่ ง และงานบ้านท่ชี ว่ ยผปู้ กครองทำ

5. การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้

สง่ิ ท่วี ดั ผล วธิ กี ารวดั เคร่อื งมือวดั ผล เกณฑ์การ
แบบฝกึ หัด (Workbook) ประเมนิ ผล
ด้านความรู้ (K ) ตรวจการตอบคำถามจาก แบบประเมนิ การเขียน รอ้ ยละ 60
ระดบั คุณภาพ พอใช้
การอ่านหรอื การฟงั แบบประเมินคุณลกั ษณะ
อนั พงึ ประสงค์ ระดบั คุณภาพ ผา่ น
ดา้ นทักษะและ ประเมินการเขียนอีเมลเล่า แบบประเมนิ ช้ินงาน ระดับคณุ ภาพ พอใช้

กระบวนการ ( P ) เกย่ี วกบั กิจกรรมท่ที ำและ

ไมไ่ ดท้ ำในเวลาวา่ ง และงาน

บา้ นทชี่ ่วยผู้ปกครองทำ

ดา้ นคณุ ลกั ษณะอนั พงึ สังเกตความใฝเ่ รียนรูแ้ ละ

ประสงค์ ( A ) ความมุ่งม่นั ในการทำงาน

ดา้ นสมรรถนะสำคัญของ ประเมนิ ผลงานออกแบบ

ผูเ้ รยี น ( C ) extreme sport ทีเ่ กย่ี วข้อง

กบั งานบ้าน

6. กิจกรรมการเรียนรู้

ขนั้ Warm up
1. ครูตง้ั คำถามเกย่ี วกับกิจกรรมยามว่างเพอ่ื เปน็ การนำเข้าสู่บทเรียน และกระตุน้ ให้นักเรยี นอภปิ รายแสดง

ความคิดเหน็
a. What are free-time activities? Can you name some?
b. What do you like to do in your free time?

2. ครูใหน้ กั เรียนดูคลิปวดิ ีโอเก่ียวกับกิจกรรมยามวา่ งจาก
https://www.youtube.com/watch?v=Gib09 slRwOM แล้วให้นักเรียนบอกกิจกรรมยามวา่ งที่อยู่
ในคลปิ ใหไ้ ดม้ ากที่สุด

ขั้น Presentation
1. หนงั สอื เรยี น หนา้ 47 Ex. 4a ครูนำเสนอวลเี กี่ยวกบั กิจกรรมยามว่าง โดยเปิด CD ให้นักเรยี นฟงั และ

อ่านออกเสยี งตาม แลว้ ครูใหน้ ักเรยี นช่วยกนั อธบิ ายความหมายของวลี
จากน้นั ครนู ำภาพเกี่ยวกบั กิจกรรมยามวา่ งมาแสดง แลว้ ให้นกั เรียนบอกวลีเก่ยี วกับกจิ กรรมยามว่างให้
ถูกตอ้ ง เชน่

T: แสดงภาพ watch TV
Ss: watch TV

2. ครใู หน้ ักเรียนอา่ นคำ/วลีแสดงความชอบและไมช่ อบท่กี ำหนดให้ในหนงั สอื เรยี น หนา้ 47 Ex. 4b และ
ช่วยกันบอกความหมาย ครอู าจช่วยอธิบายความหมายของ don’t mind และ can’t stand
don’t mind = to have no strong opinion (ก็โอเค, ก็ได)้
can’t stand = to say that you do not like someone or something at all
(ทนไมไ่ ด้, ไมช่ อบมาก ๆ)
จากน้ันครูยกตัวอย่างการใช้คำ/วลแี สดงความชอบและไม่ชอบเหล่านบี้ นกระดาน เช่น
I love going shopping.
I like cooking.
I don’t mind playing volleyball.
I don’t like cleaning my bedroom.
I hate drinking orange juice.
I can’t stand taking some medicine.
ครูใหน้ ักเรยี นสงั เกตว่าคำ/วลีแสดงความชอบและไม่ชอบบนกระดานจะตามด้วยคำชนดิ ใด (คำกริยาเติม
-ing)

3. หนังสอื เรยี น หน้า 47 Ex. 4b ครูใหน้ กั เรยี นจบั คู่และผลัดกนั พดู บอกกจิ กรรมยามว่างใน Ex. 4a ท่ี
ชอบทำและไมช่ อบทำ

I like going to the theatre. I go to the theatre once a week.
I hate going shopping. I think it’s boring.
I like phoning my friends. We sometimes talk for hours.
I like reading books. It’s a great way to pass the time.
I don’t mind reading magazines. They’re interesting.
I love playing sports. It’s my favourite thing to do.
I like to surf the Internet. I do it every day.
I don’t mind sending text messages. I keep in contact with my friends.
I like watching TV. I like sitcoms.
I love meeting my friends. Sometimes we go to the cinema.
I can’t stand going to parties. I’m shy.
I don’t like listening to music.
I hate eating out. I think it’s too expensive.
I love going swimming. I’m a good swimmer.
I love playing video computer games. I play them with my friends.
I love attending concerts. It’s great to hear live music.
I like watching football matches, especially my team.

4. หนังสอื เรยี น หน้า 47 Ex. 5a ครูให้นกั เรียนอ่านตัวอยา่ งบทสนทนาสัน้ ๆ ทใี่ ห้มา แลว้ ครสู ่มุ เรียก
นักเรยี น 2 คู่ ให้อ่านบทสนทนาแบบตอบโต้กนั เสร็จแล้วครูใหน้ ักเรียนชว่ ยกนั วเิ คราะหว์ ่า ประโยคใด
คือการตอบรบั คำชวน และประโยคใดคอื การปฏเิ สธคำชวน

Accepting an invitation – I’d love to./That would be great.
Refusing an invitation – I’d rather not./I’m sorry, but I can’t.

จากน้ันครใู หน้ ักเรยี นสังเกตว่าหลัง Would you like จะตามดว้ ยคำชนิดใด (to infinitive) แลว้ ครู
อธบิ ายว่าเราสามารถใช้ Would you like + to infinitive ในการชักชวนผู้อนื่ ให้ทำกจิ กรรมต่าง ๆ
ขั้น Practice
1. หนังสือเรียน หนา้ 47 Ex. 5b ครใู หน้ ักเรยี นจบั คู่กนั พดู สนทนาชักชวนเพ่อื นไปทำกิจกรรมยามว่างใน
วันศุกร์ตอนบา่ ย ซงึ่ คนท่ีถูกชวนจะตอบรับหรอื ปฏิเสธก็ได้ ซง่ึ ถ้าปฏิเสธจะตอ้ งบอกเหตุผลในการปฏิเสธ
ดว้ ย กอ่ นพูดสนทนาครูใหน้ ักเรียน 2 คน อา่ นตวั อย่างบทสนทนาให้เพอ่ื นฟังเพือ่ เป็นแนวทาง

A: Would you like to go to the cinema with me?
B: I’m sorry, but I can’t. I have a lot of homework to do.

A: Would you like to eat out tonight?
B: I’d love to.

2. หนังสอื เรยี น หน้า 47 Ex. 6 ครบู อกนักเรยี นว่าจะได้ฟัง Julie คุยกับเพือ่ นคนหนึง่ เก่ียวกบั กิจกรรมท่ี
คนอ่ืน ๆ ทำในชว่ งสุดสปั ดาห์ แล้วครใู หน้ ักเรียนอ่านชือ่ บคุ คล 1-6 และกิจกรรม a-h จากนนั้ ครเู ปิด
CD ให้นกั เรียนฟงั บทสนทนาว่าแต่ละคนทำกิจกรรมอะไร แลว้ จับคชู่ ่ือบคุ คลกับกิจกรรมทท่ี ำ ถา้
นกั เรยี นฟงั ไมท่ ันครูอาจเปิด CD ให้ฟงั อีกครั้ง เสร็จแลว้ ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั เฉลยคำตอบ

1c 2h 3b 4f 5d 6a

ขั้น Production
1. หนังสอื เรยี น หนา้ 47 Ex. 7 ครูใหน้ ักเรียนดูโครงสรา้ งอีเมล แล้วชว่ ยกนั บอกวา่ ประกอบด้วยอะไรบ้าง

เช่น ผ้รู ับ ผู้ส่ง เรอ่ื ง คำขึน้ ต้น เน้ือความ คำลงทา้ ย เปน็ ต้น จากน้ันครใู ห้นกั เรียนเขยี นอเี มลถงึ เพอ่ื นเลา่
เกย่ี วกบั กจิ กรรมท่ตี นเองทำและไม่ได้ทำในเวลาว่าง รวมถงึ เล่าเก่ยี วกบั งานท่ตี นเองช่วยผ้ปู กครองทำที่
บ้าน โดยใชโ้ ครงสรา้ งอีเมลที่กำหนดให้

Dear Matt,
I haven’t got much free time, but when I have I often play football. I also
read books. I don’t watch TV. I don’t really like it.
I don’t mind helping with household chores. I sometimes lay the table. I
don’t mind making my bed, but I never do the laundry. I can’t stand it.
What about you?
Mark

2. นักเรยี นทำ Language Review 4a Exs. 1-2 ในหนังสอื เรยี น หน้า 108 ร่วมกนั ในชั้น
3. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 28-29 Exs. 3-6 ให้นกั เรียนทำเปน็ การบ้าน

7. สอ่ื /อปุ กรณ์/แหล่งเรียนรู้
1) หนงั สอื เรียน SPARK 2 ม. 2
2) Class Audio CDs ประกอบสอื่ ฯ ชุด SPARK 2 ม. 2
3) แบบฝึกหัด SPARK 2 ม. 2
4) พจนานกุ รมอังกฤษ-องั กฤษ
5) พจนานุกรมออนไลน์
6) Power Point
7) ภาพกจิ กรรมยามวา่ ง
8) คลิปวิดีโอจากอินเทอรเ์ น็ต

ลงช่ือ............................................................
(นางสาวประณาลี เมฆาระ)
ครผู ู้สอน

ความคิดเห็น (รองผอู้ ำนวยการกลมุ่ บรหิ ารวชิ าการ / ผ้บู รหิ าร / ผู้ที่ไดร้ ับหมอบหมาย)
………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………….……
………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…….……
………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……………

ลงช่ือ............................................................
(นางชไมพร อรา่ มวิทย)์
ตำแหน่ง ครู
วนั ท่ี 12 พฤษภาคม 2565

บนั ทึกผลหลงั แผนการจัดการเรียนรู้

รหสั วิชา อ22101 รายวิชาภาษาองั กฤษพ้นื ฐาน แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 2

เรอื่ ง Reading 4a & Vocabulary 4a
**********************************************************************************
บันทึกวนั เดือน ปที ่ใี ชส้ อน

ชน้ั /กลุ่ม
วัน/เดอื น/ปี

1. ผลการเรยี นรู้ (นกั เรียน…………………….คน)
1.1 ด้านความรู้ (K) – เกง่ ……………………………………………………………………………….……………………

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

1.2 ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) – ด…ี …………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………….………………………….………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

1.3 ดา้ นคุณลกั ษณะท่อี ันพงึ ประสงค์ (A)– มีสุข ……………………………………………...…………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

1.4 ด้านสมรรถนะสำคัญของผูเ้ รียน (C) ………….……………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

2. ปญั หา/สง่ิ ที่พัฒนา วิธีแก้ไข/พัฒนา และผลการแกไ้ ข/พฒั นา
ปัญหา/สิง่ ที่พฒั นา

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……

วิธีแกไ้ ข/พฒั นา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ผลการแก้ไข/พฒั นา
…………………………………………………………………………………………………………………….………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ลงชอ่ื .............................................ครูผสู้ อน ลงชือ่ ...........................................หวั หน้ากลุ่มสาระ
(นางสาวประณาลี เมฆาระ) (นางสมใจ ศรเี ทพ)

ลงชื่อ.............................................รองผ้อู ำนวยการ ลงชือ่ ...........................................ผูอ้ ำนวยการโรงเรียน

(นายมนญู กลับกล่อม) (นายนราวธุ สุจติ ะพันธ์)

แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 3 เรือ่ ง Grammar 4b
รหัสวชิ า อ22101 รายวิชา ภาษาองั กฤษพื้นฐาน
ระดับช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2565
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 4 เร่อื ง Sports & Chores เวลา 1 ชัว่ โมง

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้ีวัดชนั้ ปี/ผลการเรียนรู้
สาระท่ี 1 ภาษาเพอ่ื การสอ่ื สาร
มาตรฐาน ต 1.2 มที ักษะการสอื่ สารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลขา่ วสาร แสดงความรู้สกึ และ
ความคดิ เหน็ อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ
ตัวชีว้ ัด
ต 1.2 ม. 2/1 สนทนาแลกเปล่ยี นข้อมูลเกยี่ วกับตนเอง เรื่องต่าง ๆ ใกล้ตวั และสถานการณ์ต่าง ๆ ใน
ชวี ติ ประจำวันอย่างเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอขอ้ มูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคดิ เหน็ ในเร่ืองตา่ ง ๆ โดยการ
พูดและการเขียน
ตัวช้ีวดั
ต 1.3 ม. 2/1 พดู และเขยี นบรรยายเก่ียวกบั ตนเอง กจิ วตั รประจำวัน ประสบการณ์ และข่าว/
เหตุการณ์ท่อี ยู่ในความสนใจของสังคม
สาระที่ 2 ภาษาและวัฒนธรรม
มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหวา่ งภาษาและวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา
กับภาษาและวัฒนธรรมไทย และนำมาใชอ้ ยา่ งถกู ต้องและเหมาะสม
ตวั ชี้วดั

ต 2.2 ม. 2/1 เปรยี บเทยี บและอธิบายความเหมือนและความแตกต่างระหวา่ งการออกเสยี ง ประโยค
ชนดิ ต่าง ๆ และการลำดบั คำตามโครงสร้างประโยคของภาษาต่างประเทศและภาษาไทย

2. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด
การเรียนรู้และเข้าใจโครงสร้างภาษา (must/mustn’t, have to/don’t have to, can/could,

may/might, should, ought to, relative pronouns) ช่วยให้สามารถพูดและเขียนเกี่ยวกับตนเองและเรื่อง
ใกลต้ ัว ตลอดจนเข้าใจความเหมอื นและความแตกตา่ งของภาษาไทยกับภาษาองั กฤษ

จุดประสงค์การเรียนรู้ (จุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรมเพ่ือใหบ้ รรลุตามตวั ชี้วัด)

1. เขียนประโยคโดยใช้โครงสร้าง must/mustn’t - have to/don’t have to can/could, may/might,
should, ought to, relative pronouns ได้

2. พูดถาม-ตอบเกยี่ วกับความหมายของป้ายตา่ ง ๆ ได้

3. สาระการเรียนรู้

3.1 ด้านความรู้ (Knowledge)

1) Language Features and Functions

Grammar: must/mustn’t - have to/don’t have to

can/could, may/might, should, ought to

relative pronouns (who, which, whose, that)

Functions: Talking about prohibition

What does this sign mean?

You mustn’t smoke here.

2) ทกั ษะ /กระบวนการ (Process)

Speaking: พดู ถาม-ตอบเกีย่ วกบั ความหมายของปา้ ยตา่ ง ๆ

Writing: เขียนประโยคเกย่ี วกับตนเองตามโครงสร้างที่เรยี น

แนน่ อน

3.2 คุณลักษณะอนั พึงประสงค์
1) ใฝ่เรียนรู้
2) มุ่งมั่นในการทำงาน

3.3 สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น
1) ความสามารถในการสอ่ื สาร
2) ความสามารถในการคิด

3.4 ดา้ นคุณลักษณะของผเู้ รยี นตามหลักสตู รมาตรฐานสากล
1) เปน็ เลศิ วชิ าการ
2) ส่ือสารสองภาษา
3) ล้ำหน้าทางความคิด
4) ผลติ งานอยา่ งสรา้ งสรรค์
5) รว่ มกนั รับผดิ อบตอ่ สังคมโลก

4. ชิ้นงาน/ภาระงาน (หลกั ฐานร่องรอยแสดงความรู)้
ช้ินงาน
1) ป้ายสญั ลักษณ์
2) เขยี นเกยี่ วกบั ความหมายของป้ายต่าง ๆ

ภาระงาน (รวบยอด)
1) พูดถาม-ตอบเกีย่ วกับความหมายของป้ายตา่ ง ๆ
2) เขยี นประโยคตามโครงสรา้ งทีเ่ รียน

5. การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้

ส่ิงที่วดั ผล วธิ ีการวัด เครื่องมือวัดผล เกณฑ์การ
สมุดนักเรียน ประเมนิ ผล
ดา้ นความรู้ (K ) ตรวจการเขยี นประโยคตาม รอ้ ยละ 60
โครงสรา้ งที่เรยี น
ด้านทักษะและ สังเกตการพูดเกย่ี วกับงาน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
กระบวนการ ( P ) บ้านท่ีตนเองตอ้ งทำหรือไม่ เรียนรู้
ต้องทำ
ดา้ นคุณลกั ษณะอันพึง สงั เกตความใฝ่เรยี นรู้และ แบบประเมินคณุ ลักษณะ ระดบั คณุ ภาพ ผา่ น
ประสงค์ ( A ) ความมงุ่ ม่ันในการทำงาน อนั พึงประสงค์
ด้านสมรรถนะสำคัญของ สังเกตการพดู ถาม-ตอบ
ผู้เรียน ( C ) เก่ียวกับความหมายของป้าย แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการ -
ตา่ ง ๆ เรยี นรู้

6. กจิ กรรมการเรยี นรู้
ข้นั Warm up

1. ครนู ำเข้าสู่บทเรยี นโดยถามนกั เรยี นวา่ มีสิง่ ใดบา้ งทน่ี กั เรยี นต้องทำท่โี รงเรยี น ให้นกั เรียนชว่ ยกนั บอก
เชน่ เคารพธงชาติ ทำความสะอาดหอ้ งเรยี น

2. ครใู หน้ กั เรยี นดูภาพตอ่ ไปน้ี และบอกกิจกรรมที่ทำทีโ่ รงเรียน

(go to school on time)

ภาพจาก: http://wildmushroomland.com/2014/03/04/hi-friends-flashcards-and-clipart/

(study)
ภาพจาก: http://www.clipartpanda.com/categories/study-clip-art-free

(clean up the classroom)

ภาพจาก: https://www.gryphonhouse.com/news/spring-cleaning-for-the-classroom
3. ครูถามนกั เรียนวา่ ใครคดิ ว่ากิจกรรมเหลา่ นเี้ ป็นสิ่งทตี่ ้องทำ และใครคดิ ว่าเปน็ สงิ่ ที่ไม่จำเปน็ ต้องทำ โดย

ใหน้ กั เรียนยกมอื เพอื่ แสดงความคิดเหน็
4. ครบู อกนกั เรยี นว่า วนั นน้ี ักเรียนจะไดเ้ รยี นรเู้ ก่ยี วกบั การบอกสง่ิ ท่นี กั เรยี นตอ้ งทำหรือไม่ตอ้ งทำ
ขั้น Presentation
1. ครเู ขียนประโยคต่อไปนบ้ี นกระดาน และอธิบายว่าเปน็ ขอ้ มูลของนักเรียนคนหนงึ่ ในประเทศ

สหรัฐอเมรกิ า จากน้นั ใหน้ กั เรียนอ่านและช่วยกันแปลเป็นภาษาไทย
• I must help with chores. (ฉนั ตอ้ งชว่ ยทำงานบา้ น)
• I have to tidy my room. (ฉนั ต้องจดั ห้องให้เป็นระเบียบ)
• We mustn’t talk in class. (ฉนั ต้องไม่พูดในชนั้ เรียน)
• We don’t have to wear a uniform at school. (เราไม่ต้องใสเ่ ครื่องแบบนกั เรียน)

2. ครถู ามนกั เรียนวา่ สิง่ ทน่ี ักเรยี นคนดงั กล่าวต้องทำเหมือนหรอื แตกต่างจากส่ิงท่ีนกั เรยี นต้องทำอยา่ งไร
บา้ ง จากนน้ั ครชู ใ้ี หน้ กั เรยี นเห็นวา่ นักเรยี นในสหรัฐอเมรกิ าไม่จำเป็นต้องใส่เครอื่ งแบบเหมอื นนักเรยี น
ไทย ทกุ คนสามารถใส่ชุดลำลองไปโรงเรยี นไดใ้ นวนั ท่ีมีการเรียนการสอนตามปกติดังในภาพ

3. ครูอาจถามนกั เรยี นเพ่ิมเติมวา่ นกั เรียนในประเทศอังกฤษแตง่ กายอย่างไร จากนน้ั ครูใหน้ ักเรยี นดภู าพ
และครอู ธบิ ายว่าโดยทัว่ ไปแลว้ นกั เรียนในประเทศอังกฤษต้องใสเ่ คร่อื งแบบไปโรงเรียน แต่เครอื่ งแบบจะ
มีความแตกตา่ งกนั ไปตามแต่ละโรงเรียน

4. ครเู ขยี นคำว่า must, mustn’t, have to, don’t have to บนกระดาน และให้นกั เรยี นบอกว่าแต่ละ
คำมีความหมายวา่ อะไร

5. ครแู บง่ นักเรียนออกเปน็ กลุ่มยอ่ ย และใหน้ ักเรยี นศึกษาการใช้ must, mustn’t, have to, don’t
have to จากใบงาน ซึง่ ครูพมิ พจ์ ากเวบ็ ไซต์ http://www.grammar.cl/english/must.htm จากน้นั
ใหแ้ ต่ละกลุ่มสรุปการใช้ พร้อมทงั้ งยกตวั อยา่ งอยา่ งน้อยคำละ 1 ประโยค

6. ครูให้นักเรยี นแต่ละกลุ่มสง่ ตวั แทนมาสรปุ การใช้ must, mustn’t, have to, don’t have to พร้อมทัง้
ยกตวั อยา่ งประกอบ จากน้นั ครสู รุปใหน้ กั เรยี นฟังอีกคร้งั
• must/have to แปลวา่ ‘ต้อง’ ใช้ในการบอกเล่าสง่ิ ท่ีตอ้ งทำ (obligation) แต่ must ใช้
เม่อื สิ่งทต่ี ้องทำน้ันมาจากตัวผู้พดู เอง เช่น I must help with chores. (It’s my duty. –
I’m saying so.) ในขณะที่ have to ใช้เม่ือสง่ิ ทต่ี ้องทำเกิดจากการที่ผู้อืน่ กำหนดให้ทำ
เชน่ I have to tidy my room. (It’s my duty. – My parents told me.)
• mustn’t แปลวา่ ‘ต้องไม่’ ใช้ในการบอกเลา่ ขอ้ ห้าม (prohibition) เช่น We mustn’t
talk in class. (It’s against the rules.)
• don’t have to แปลว่า ‘ไมต่ ้อง’ ใชใ้ นการบอกเลา่ ส่งิ ท่ไี ม่จำเป็นต้องทำ (lack of
obligation) เชน่ We don’t have to wear a uniform at school. (It’s isn’t
necessary.)

7. หนงั สอื เรยี น หน้า 48 Ex. 1 ให้นกั เรยี นอ่านการใช้ must, mustn’t, have to, don’t have to เพ่ือ
ทบทวนความเข้าใจ จากน้นั ชว่ ยกนั อธบิ ายประโยคตัวอย่างเปน็ ภาษาไทย แลว้ หาตัวอย่างการใช้ must,
mustn’t, have to, don’t have to ในบทอา่ น หน้า 46

you also have to iron with grace you mustn’t use a toy iron
you don’t have to film yourself

ข้นั Practice
1. หนังสือเรียน หนา้ 48 Ex. 2 ครูใหน้ ักเรยี นฝึกการใช้ must/mustn’t, have to/don’t have to โดย

เลือกคำตอบทีถ่ ูกตอ้ ง จากนั้นใหน้ กั เรยี นช่วยกันเฉลยคำตอบ

1 have to 2 must 3 have to 4 don’t have to

5 has to 6 mustn’t 7 doesn’t have to 8 have to

2. หนังสือเรียน หน้า 48 Ex. 3 ครใู ห้นกั เรยี นดูขอ้ มลู ในตารางทีก่ ำหนดให้ และเตมิ คำลงในประโยคให้

ถกู ตอ้ ง เสร็จแล้วครสู มุ่ เรยี กนกั เรียนอา่ นประโยค และครเู ฉลยคำตอบที่ถูกต้อง จากน้ันครูสุ่มถาม
นักเรียนหลาย ๆ คนว่า What about you? เพอื่ ให้นักเรียนบอกข้อมลู ของตนเอง

2 has to 3 have to 4 don’t have to
5 doesn’t have to 6 has to 7 have to

3. หนงั สือเรียน หนา้ 48 Ex.4 นกั เรยี นฝกึ การใช้ must และ mustn’t โดยเติมกฎของหอ้ งเรยี นท่ี
กำหนดให้ถกู ตอ้ ง เสร็จแลว้ ครใู หน้ ักเรยี นอา่ นประโยค และครูเฉลยคำตอบทีถ่ กู ตอ้ ง

1 must 2 must 3 mustn’t

4 mustn’t 5 must

4. หนงั สอื เรียน หนา้ 48 Ex. 5 ครใู ห้นกั เรียนจบั คกู่ ันพูดถาม-ตอบเกย่ี วกับความหมายของปา้ ยต่าง ๆ ใน

ภาพ โดยครใู ห้นกั เรียนอา่ นตัวอยา่ งการถาม-ตอบก่อนเพ่อื เปน็ ต้นแบบ แล้วครูส่มุ เรยี กนกั เรียน 5 คู่ พูด

ถาม-ตอบปา้ ยละ 1 คู่

A: What does this sign mean?
B: You mustn’t park here.

A: What does this sign mean?
B: You must stop here.
A: What does this sign mean?

B: You mustn’t enter here.
A: What does this sign mean?

B: You mustn’t drive fast here.
A: What does this sign mean?
B: You must turn left here.

ขัน้ Production

1. ครูให้นกั เรียนจับคกู่ ับเพื่อนผลัดกันพูดเกย่ี วกับงานบ้านที่ตนเองตอ้ งทำหรือไม่ตอ้ งทำ โดยครูเดนิ สงั เกต
ขณะนกั เรียนทำกิจกรรม

2. แบบฝกึ หัด (Workbook) หน้า 30 Exs. 1-3 ให้นกั เรยี นทำเปน็ การบ้าน

7. สือ่ /อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้

สือ่ 1) หนงั สือเรียน SPARK 2 ม. 2
2) Class Audio CDs ประกอบสอ่ื ฯ ชดุ SPARK 2 ม. 2
วสั ดอุ ปุ กรณ์
แหลง่ เรยี นรู้ 3) แบบฝกึ หดั SPARK 2 ม. 2
4) Power Point
5) ใบงานจากอนิ เทอร์เน็ต

1) พจนานกุ รมองั กฤษ-อังกฤษ
2) พจนานกุ รมออนไลน์

1) ห้องสมุด
2) อินเทอร์เน็ต

ลงชื่อ............................................................
(นางสาวประณาลี เมฆาระ)

ครผู ู้สอน

ความคดิ เห็น (รองผอู้ ำนวยการกล่มุ บรหิ ารวชิ าการ / ผู้บรหิ าร / ผู้ทไี่ ดร้ ับหมอบหมาย)
………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………….……
………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…….……
………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……………

ลงชือ่ ............................................................
(นางชไมพร อร่ามวิทย)์
ตำแหนง่ ครู
วนั ท่ี 12 พฤษภาคม 2565


Click to View FlipBook Version