The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by coach.pranalee36, 2022-10-08 09:31:19

แผนการสอน อ 22101

รวมแผนหน่วย1-4

education system (n) = the system of
the process of teaching and learning, usually at

school, college, or university (ระบบการศึกษา)
4. ครูแบ่งนักเรยี นเป็นกลมุ่ กลุ่มละ 4 คน แลว้ ใหน้ กั เรียนอา่ นบทอ่านยอ่ หน้าที่ 1 และย่อหน้าสดุ ทา้ ยแล้ว

บอกใจความสำคญั ของท้ัง 2 ย่อหนา้ จากนั้นครอู ธิบายว่าการอา่ นเรียงความท่ีมีหลายยอ่ หน้า ย่อ
หน้าที่ 1 มักจะเป็นใจความสำคัญของเร่ือง และย่อหนา้ สุดทา้ ยจะเป็นการสรปุ เร่ือง ซึง่ ส่วนมากแล้ว
ประโยคที่ 1 ของยอ่ หนา้ จะเป็นประโยคใจความสำคญั ของย่อหนา้ นนั้ ๆ

5. ครใู หแ้ ต่ละกลุม่ อา่ นบทอ่านเรอ่ื ง Why do we learn languages? และตอบคำถามใน Ex. 1 จากนน้ั
ครสู มุ่ เรียกนักเรยี นบอกคำตอบกลุ่มละ 2 ข้อ

1 Because it’s a great tool to help us to learn new things.

2 Malaysia and Singapore.
3 It makes Singapore a business hub of Asia. It draws a lot of investors to

the country.
4 There is cooperation between schools and universities in Singapore

and many world-class institutes around the world.

5 It is good for jobs and business investment.

ข้ัน Practice
1. หนงั สือเรียน หน้า 18 Ex. 2 ครูใหน้ กั เรียนจับคู่อภิปรายวา่ ภาษาใดในประเทศกลมุ่ ประชาคมอาเซียนท่ี

นกั เรยี นไทยควรเรียนรู้ พร้อมบอกเหตุผล
2. ครขู ออาสาสมคั ร 5-6 คู่ นำเสนอผลการอภิปราย นกั เรียนคอู่ ่ืน ๆ สามารถร่วมเสนอขอ้ มลู เพิม่ เติมได้

ข้นั Production
1. หนงั สือเรยี น หน้า 18 Ex. 3 ครแู บง่ นักเรียนเปน็ กลุ่ม กล่มุ ละ 4 คน ให้แตล่ ะกลุม่ อภิปรายรว่ มกัน ใน

ประเด็น ข้อดีของการท่ีคนในประเทศไทยสามารถพูดภาษาได้มากกวา่ 1 ภาษา แลว้ แตล่ ะกลมุ่ เขียน

สรุปผลจากการอภปิ ราย

7. สอื่ /อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้

สื่อ 1) หนังสือเรยี น SPARK 2 ม. 2
2) Class Audio CDs ประกอบสอ่ื ฯ ชดุ SPARK 2 ม. 2
วัสดอุ ุปกรณ์
แหล่งเรียนรู้ 3) แบบฝกึ หัด SPARK 2 ม. 2
1) พจนานกุ รมอังกฤษ-องั กฤษ

2) พจนานุกรมออนไลน์
1) ห้องสมุด

ลงช่อื ............................................................
(นางสาวประณาลี เมฆาระ)
ครูผู้สอน

ความคิดเห็น (รองผูอ้ ำนวยการกลุ่มบรหิ ารวชิ าการ / ผบู้ รหิ าร / ผู้ท่ีไดร้ ับหมอบหมาย)
………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………….……
………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…….……
………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……………

ลงชอื่ ............................................................
(นางชไมพร อรา่ มวทิ ย์)
ตำแหน่ง ครู
วันที่ 12 พฤษภาคม 2565

บนั ทกึ ผลหลงั แผนการจัดการเรยี นรู้
รหสั วชิ า อ22101 รายวชิ าภาษาอังกฤษพ้ืนฐาน แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี 14

เรอ่ื ง ASEAN corner 1
**********************************************************************************
บันทกึ วนั เดือน ปที ี่ใชส้ อน

ช้นั /กลุ่ม
วนั /เดือน/ปี

1. ผลการเรยี นรู้ (นกั เรยี น…………………….คน)
1.1 ด้านความรู้ (K) – เก่ง……………………………………………………………………………….……………………

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

1.2 ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P) – ด…ี …………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………….………………………….………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

1.3 ดา้ นคุณลักษณะท่ีอนั พึงประสงค์ (A)– มีสุข ……………………………………………...…………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

1.4 ด้านสมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น (C) ………….……………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

2. ปญั หา/สง่ิ ทพ่ี ัฒนา วธิ ีแก้ไข/พัฒนา และผลการแก้ไข/พฒั นา
ปัญหา/สิ่งที่พฒั นา

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……

วิธีแก้ไข/พัฒนา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ผลการแก้ไข/พฒั นา
…………………………………………………………………………………………………………………….………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ลงชอื่ .............................................ครผู สู้ อน ลงชอื่ ...........................................หวั หน้ากลุม่ สาระ
(นางสาวประณาลี เมฆาระ) (นางสมใจ ศรีเทพ)

ลงชือ่ .............................................รองผู้อำนวยการ ลงชื่อ...........................................ผอู้ ำนวยการโรงเรยี น

(นายมนญู กลับกลอ่ ม) (นายนราวธุ สุจติ ะพันธ)์

แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 15 เร่อื ง O-NET practice & Fun time 1

รหัสวิชา อ22101 รายวชิ า ภาษาอังกฤษพ้ืนฐาน
ระดบั ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2565

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 เรือ่ ง At Work, at Play เวลา 1 ช่ัวโมง

1. มาตรฐานการเรียนรู/้ ตัวช้วี ัดชนั้ ป/ี ผลการเรียนรู้
สาระท่ี 1 ภาษาเพือ่ การสอ่ื สาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเร่อื งทีฟ่ งั และอ่านจากส่อื ประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเห็น
อยา่ งมีเหตุผล
ตัวชี้วดั
ต 1.1 ม. 2/4 เลือกหัวขอ้ เร่อื ง ใจความสำคัญ บอกรายละเอียดสนับสนนุ (supporting detail) และ
แสดงความคิดเหน็ เก่ียวกบั เรอื่ งที่ฟงั และอา่ น พรอ้ มทั้งให้เหตุผลและยกตัวอย่าง งา่ ย
ๆ ประกอบ
สาระที่ 2 ภาษาและวัฒนธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เขา้ ใจความสมั พนั ธร์ ะหว่างภาษากบั วัฒนธรรมของเจา้ ของภาษา และนำไปใช้ได้
อย่างเหมาะสมกบั กาลเทศะ
ตวั ช้ีวดั

ต 2.1 ม. 2/3 เข้าร่วม/จดั กจิ กรรมทางภาษาและวัฒนธรรมตามความสนใจ

2. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด
การรู้และเข้าใจคำศัพท์ โครงสร้างภาษา ช่วยให้พูด/เขียนสอื่ สาร และเข้ารว่ มกิจกรรมทางภาษาไดอ้ ย่าง

เหมาะสม

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ (จุดประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรมเพอื่ ให้บรรลตุ ามตัวช้ีวัด)

1. สามารถบอกความหมายคำศพั ท์ ตอบคำถามจากการอา่ นไดถ้ ูกต้อง

2.

3. สาระการเรียนรู้

3.1 ด้านความรู้ (Knowledge)

1) Language Features and Functions

Vocabulary: คำศัพท์ในหนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1

Grammar: ไวยากรณ์ในหน่วยการเรียนรทู้ ่ี 1

2) ทักษะ /กระบวนการ (Process)

Listening: ฟงั เพือ่ หาขอ้ มลู เฉพาะ

Writing: เขยี น quiz เก่ยี วกบั เนื้อหาทเ่ี รยี นมาแล้ว

3.2 คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์
1) ใฝ่เรยี นรู้

2) มุง่ มั่นในการทำงาน

3.3 สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน
1) ความสามารถในการสอ่ื สาร
2) ความสามารถในการคิด

3.4 ดา้ นคณุ ลกั ษณะของผ้เู รียนตามหลักสูตรมาตรฐานสากล

1) เป็นเลศิ วชิ าการ
2) สื่อสารสองภาษา
3) ล้ำหนา้ ทางความคดิ
4) ผลิตงานอย่างสรา้ งสรรค์
5) ร่วมกันรับผดิ อบตอ่ สังคมโลก

4. ชิ้นงาน/ภาระงาน (หลกั ฐานร่องรอยแสดงความรู)้
ชิ้นงาน
1) เขียน quiz เกย่ี วกับเน้อื หาในหน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1

ภาระงาน (รวบยอด)
1) เขยี น quiz เกย่ี วกับเนอื้ หาในหน่วยการเรียนรู้ที่ 1

5. การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้

สงิ่ ท่วี ดั ผล วิธกี ารวดั เครอื่ งมอื วดั ผล เกณฑก์ าร

ประเมนิ ผล

ดา้ นความรู้ (K ) ตรวจการเขยี น quiz แบบฝึกหัด (Workbook) รอ้ ยละ 60

เก่ยี วกบั เนื้อหาในหนว่ ยการ

เรียนรทู้ ่ี 1

ดา้ นทักษะและ ประเมนิ การเขียนสรปุ ผลการ แบบประเมนิ การเขียน ระดับคุณภาพ พอใช้

กระบวนการ ( P ) อภิปรายในประเดน็ ทกี่ ำหนด

ดา้ นคุณลักษณะอนั พงึ สังเกตความใฝเ่ รียนรแู้ ละ แบบประเมินคุณลักษณะ ระดับคณุ ภาพ ผ่าน

ประสงค์ ( A ) ความม่งุ มนั่ ในการทำงาน อันพงึ ประสงค์

ด้านสมรรถนะสำคญั ของ สงั เกตการแสดงความคิดเหน็ แบบสังเกตพฤติกรรมการ ระดับคณุ ภาพ พอใช้

ผู้เรียน ( C ) เกย่ี วกับภาษาท่ีนักเรียนไทย เรียนรู้

ควรเรยี นรู้

6. กิจกรรมการเรียนรู้
ขนั้ Warm up
ครูเขยี นวลี When I grow up, I want to b a … บนกระดาน แล้วสนทนากับนักเรียนเกยี่ วกบั อาชพี ท่ี
นกั เรียนอยากทำ

ขั้น Presentation
1. ครใู ห้นกั เรียนช่วยกนั บอกคำศัพทท์ ี่เรียนในหน่วยการเรยี นร้นู ้ี โดยครกู ำหนดหัวขอ้ ใหน้ ักเรยี นบอก

คำศพั ท์ท่เี ก่ียวขอ้ งกับหวั ขอ้ ดงั กลา่ ว
2. นกั เรยี นปิดหนังสอื เรยี น ครูทบทวนไวยากรณ์ทีเ่ รยี นในหนว่ ยการเรยี นรูน้ ี้ โดยใหน้ ักเรียนบอกโครงสร้าง

และวธิ กี ารใช้ ครูเขียนในรปู mind map

Present
simple

-ing form ไวยากรณ์ Present
& to- หน่วยการ continuous
เรียนรู้ท่ี 1
infinitive

Adverbs of
frequency

ขน้ั Practice
1. หนงั สือเรยี น หน้า 20 Ex. 1 ครใู หเ้ ล่นเกม What am I? โดยครจู ะเป็นผู้อา่ นคำใบ้ หรือใหน้ กั เรยี น

1 คน อา่ นคำใบ้ แลว้ ให้นักเรียนชว่ ยกนั ทายวา่ คืออาชพี อะไร

1 shop assistant 2 pilot
3 magician’s assistant 4 nurse
5 fashion designer 6 secretary
7 police officer 8 hairdresser

3. หนังสอื เรยี น หนา้ 20 Ex. 2 ครใู ห้นักเรยี นทำ quiz โดยหา้ มเปิดดูเนือ้ หา เสรจ็ แลว้ ใหน้ ักเรียน
เปรียบเทียบคำตอบกับเพื่อน จากนน้ั ครจู ึงเฉลยคำตอบ

1 Cricket.
2 Drive through the Safari Park and see animals and visit amusement park.
3 You can put on weight.
4 Baseball. Each team needs to have nine players.
5 Up to five days.

3. หนังสือเรียน หน้า 20 GAME ครเู ลือกนกั เรียน 2 คนทเี่ รยี นเก่งเปน็ คนพูดประโยค โดยผลัดกนั พดู
แล้วแบง่ นักเรียนเป็น 3 กลมุ่ ใหแ้ ตล่ ะกลุ่มฟังประโยคที่เพอ่ื นพูด แล้วทายว่าคืออาชีพอะไร ถา้ ทายถกู
จะได้ 1 คะแนน กลมุ่ ทีม่ คี ะแนนมากที่สดุ จะเป็นผู้ชนะ
Leader: I cut people’s hair.
Team B S1: Hairdresser
T: Team B gets 1 point.
Leader: I look after people’s teeth.
Team A S2: Dentist
T: Team A gets 1 point.

4. หนังสอื เรยี น หน้า 20 Ex. 4 ครบู อกนกั เรียนวา่ จะได้ฟงั เพลง แลว้ ให้นกั เรียนจดบันทกึ คำศพั ทเ์ ก่ียวกบั
อาชพี ท่ไี ด้ยนิ ในเพลง จากนั้นครเู ปดิ CD ใหน้ กั เรียนฟงั เพลง เม่อื ฟงั จบครูถามนกั เรยี นว่าอาชีพใดบา้ งท่ี
มใี นเพลง ถา้ นกั เรียนบอกคำตอบไมถ่ กู หรือบอกไมค่ รบ ครูใหน้ กั เรยี นฟังอกี ครัง้

architect, actress, musician, comedian

5. หนังสอื เรยี น หนา้ 19 O-NET practice ครูให้เวลานกั เรียนทำข้อสอบ เสรจ็ แล้วตรวจคำตอบรว่ มกัน
ถ้านกั เรยี นไมเ่ ขา้ ใจ ให้ครอู ธิบายเพ่ิมเตมิ

Ex. 1 1 A a, B c 2 A b, B c 3 A d, B b 5c
Ex. 2 1 b 2 d 3 a 4 c

ขัน้ Production
หนังสือเรียน หนา้ 20 Ex. 3 นกั เรยี นจบั คู่กัน แล้วครูแจกกระดาษให้คู่ละ 1 แผน่ ให้แต่ละคูค่ ิดคำถาม

quiz 5-6 ข้อ เกีย่ วกบั เนอ้ื หาในหนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 1 ครูให้นกั เรยี นเปิดดูเนอื้ หาได้ และใหน้ ักเรยี นเขยี น
คำตอบไว้ด้านหลังกระดาษ เมอื่ ทกุ คู่คิดคำถามเสร็จแลว้ ให้แลกกันทำ quiz กับคอู่ ่ืน

1 What is one advantage of being a magician’s assistant? (travel a lot)

2 Haw many rides at West Midland Safari & Leisure Park. (30)
3 How many players are there in a cricket team? (11)
4 How many teams are there in a match? (2)
5 What is Mary’s favourite day? (Sunday)

7. สื่อ/อปุ กรณ/์ แหล่งเรยี นรู้

สอื่ 1) หนังสือเรยี น SPARK 2 ม. 2
2) Class Audio CDs ประกอบสอื่ ฯ ชดุ SPARK 2 ม. 2
วสั ดุอุปกรณ์
แหล่งเรียนรู้ 3) แบบฝกึ หัด SPARK 2 ม. 2
1) พจนานุกรมอังกฤษ-องั กฤษ
2) พจนานกุ รมออนไลน์

1) หอ้ งสมุด

ลงชือ่ ............................................................
(นางสาวประณาลี เมฆาระ)
ครผู ู้สอน

ความคดิ เห็น (รองผู้อำนวยการกล่มุ บรหิ ารวิชาการ / ผบู้ รหิ าร / ผู้ที่ได้รับหมอบหมาย)

………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………….……
………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…….……
………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……………

ลงช่อื ............................................................
(นางชไมพร อรา่ มวิทย)์
ตำแหน่ง ครู
วนั ท่ี 12 พฤษภาคม 2565

บนั ทึกผลหลังแผนการจัดการเรียนรู้
รหสั วชิ า อ22101 รายวิชาภาษาอังกฤษพน้ื ฐาน แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 15

เรอ่ื ง O-NET practice & Fun time 1
**********************************************************************************
บนั ทึกวนั เดอื น ปีทใี่ ช้สอน

ช้นั /กลุ่ม
วนั /เดือน/ปี

1. ผลการเรียนรู้ (นกั เรียน…………………….คน)
1.1 ด้านความรู้ (K) – เกง่ ……………………………………………………………………………….……………………

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

1.2 ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P) – ด…ี …………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………….………………………….………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

1.3 ดา้ นคุณลักษณะท่ีอันพึงประสงค์ (A)– มสี ุข ……………………………………………...…………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

1.4 ด้านสมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น (C) ………….……………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

2. ปัญหา/ส่ิงทพ่ี ัฒนา วธิ แี ก้ไข/พฒั นา และผลการแก้ไข/พฒั นา
ปญั หา/สงิ่ ทพ่ี ัฒนา

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……

วิธแี กไ้ ข/พฒั นา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ผลการแก้ไข/พฒั นา
…………………………………………………………………………………………………………………….………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ลงช่ือ.............................................ครูผู้สอน ลงชื่อ...........................................หวั หนา้ กลมุ่ สาระ
(นางสาวประณาลี เมฆาระ) (นางสมใจ ศรีเทพ)

ลงชือ่ .............................................รองผอู้ ำนวยการ ลงช่อื ...........................................ผอู้ ำนวยการโรงเรยี น

(นายมนูญ กลับกล่อม) (นายนราวธุ สุจติ ะพันธ์)

หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 2 เรื่อง Myths & Legends

รหสั วิชา อ22101 รายวชิ าภาษาอังกฤษพนื้ ฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ

ระดบั ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 2 เวลา 15 ช่ัวโมง

1 สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชวี้ ัด

สาระที่ 1 ภาษาเพ่ือการส่ือสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเร่ืองที่ฟงั และอ่านจากสอื่ ประเภทต่าง ๆ และแสดงความคดิ เหน็

อย่างมีเหตุผล
ตวั ชว้ี ดั
ต 1.1 ม. 2/2 อ่านออกเสียงขอ้ ความ ข่าว ประกาศ และบทรอ้ ยกรองสน้ั ๆ ถูกตอ้ งตามหลักการอ่าน
ต 1.1 ม. 2/4 เลือกหัวข้อเรอื่ ง ใจความสำคญั บอกรายละเอียดสนับสนุน (supporting detail) และ

แสดงความคิดเหน็ เกี่ยวกบั เรือ่ งทฟี่ งั และอา่ นพรอ้ มทัง้ ใหเ้ หตุผลและยกตวั อยา่ ง ง่าย
ๆ ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนขอ้ มลู ขา่ วสาร แสดงความรสู้ ึกและ
ความคดิ เหน็ อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ
ตัวช้ีวดั
ต 1.2 ม. 2/1 สนทนาแลกเปลยี่ นขอ้ มูลเก่ียวกบั ตนเอง เรอื่ งต่าง ๆ ใกลต้ ัว และสถานการณ์ต่าง ๆ ใน
ชวี ิตประจำวันอยา่ งเหมาะสม
ต 1.2 ม. 2/2 ใช้คำขอร้อง ให้คำแนะนำ คำชแ้ี จง และคำอธิบายตามสถานการณ์
ต 1.2 ม. 2/4 พดู และเขียนเพ่ือขอและให้ข้อมูล บรรยาย และแสดงความคิดเห็นเกยี่ วกบั เรอื่ งท่ีฟังหรือ
อา่ นอย่างเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอขอ้ มลู ข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคดิ เหน็ ในเรอ่ื งตา่ ง ๆ โดยการ
พดู และการเขียน
ตวั ชวี้ ดั
ต 1.3 ม. 2/1 พูดและเขยี นบรรยายเก่ยี วกบั ตนเอง กิจวตั รประจำวัน ประสบการณ์ และข่าว/
เหตกุ ารณ์ที่อยู่ในความสนใจของสังคม
ต 1.3 ม. 2/2 พดู และเขยี นสรปุ ใจความสำคญั /แก่นสาระ หวั ข้อเรือ่ ง (topic) ท่ไี ด้จากการวิเคราะห์
เรอื่ ง/ขา่ ว/เหตกุ ารณท์ ่อี ยู่ในความสนใจของสงั คม
สาระที่ 2 ภาษาและวัฒนธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสมั พนั ธ์ระหวา่ งภาษากับวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา และนำไปใช้
ได้อยา่ งเหมาะสมกับกาลเทศะ
ตัวช้ีวดั
ต 2.1 ม. 2/1 ใชภ้ าษา นำ้ เสียง และกิรยิ าท่าทางเหมาะกับบุคคลและโอกาส ตามมารยาทสังคมและ
วัฒนธรรมของเจ้าของภาษา
ต 2.1 ม. 2/3 เขา้ ร่วม/จัดกิจกรรมทางภาษาและวฒั นธรรมตามความสนใจ

มาตรฐาน ต 2.2 เขา้ ใจความเหมอื นและความแตกต่างระหว่างภาษาและวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา
กับภาษาและวฒั นธรรมไทย และนำมาใชอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งและเหมาะสม

ตวั ช้วี ัด
ต 2.2 ม. 2/1 เปรียบเทยี บและอธิบายความเหมอื นและความแตกต่างระหวา่ งการออกเสียงประโยค

ชนิดต่าง ๆ และการลำดับคำตามโครงสร้างประโยคของภาษาตา่ งประเทศและภาษาไทย
สาระที่ 4 ภาษากบั ความสัมพันธก์ บั ชุมชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาตา่ งประเทศในสถานการณต์ ่าง ๆ ท้งั ในสถานศกึ ษา ชุมชน และสังคม

ตวั ช้วี ดั
ต 4.1 ม. 2/1 ใชภ้ าษาสื่อสารในสถานการณ์จริง/สถานการณ์จำลองท่เี กิดข้นึ ในห้องเรียน สถานศึกษา

และชุมชน

2 สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด

การเรยี นรูค้ ำศัพท์ ประโยค สำนวน และโครงสร้างทางภาษา ช่วยให้สามารถจบั ใจความสำคญั
รายละเอียดของข้อมูลท่ีอ่านและฟงั และลำดับเหตกุ ารณไ์ ด้ รวมทั้งช่วยให้สามารถพูดและเขยี นส่อื สารได้
อย่างถกู ต้องและเหมาะสมตามสถานการณ์ ตลอดจนเกิดความเข้าใจในวฒั นธรรมของเจ้าของภาษาและ
ของประเทศกล่มุ ประชาคมอาเซยี น เข้าใจความเหมือนและความตา่ งของภาษาอังกฤษและภาษาไทย

3 สาระการเรยี นรู้

3.1 ดา้ นความรู้ (Knowledge)
1) Language Features and Functions
Vocabulary: Appearance (hair: curly, wavy, straight, spiky, thick, long, short,
brown, fair, grey; eyes: big, small, blue, green; mouth: small,
wide; nose: big, long, small; face: round, long; lips: thin, full;
height: tall, short, of medium height; age: old, young, middle-
aged; weight: overweight, plump, thin, slim, well built, fat; looks:
handsome, beautiful, ugly, attractive)
Character (funny, brave, hardworking, stupid, patient, honest,
lazy, clever, impatient, dishonest, boring, cowardly)
Verbs (cool, fit together, cross, fight, elect, guide, shoot, admire,
launch, adapt, pray, transform)
Nouns (bridge of rocks, giant, enemy, eruption, surface, Irish
legend, result, size, boiling lava, place of myth and legend,
civilisation, astronomy, temple, pyramid, stone building, statue,
ruler, dynasty, tragedy, war, drought, president, farmhouse,
lawyer, honesty, courage, civil war, festival, gratitude, famine,
celebrate, tradition)
Adjectives (powerful, mysterious, terrified, huge, ancient, diverse,
embarrassed)

Phrases (wonder of nature, get on well, pay respect)

Sentences (How was your weekend?, I’m sorry about that., What

did you watch?, It was brilliant., What’s it about?, Sounds

exciting., Who stars in it?, It’s a pity., You can rent it on DVD.)

Grammar: Past simple (regular and irregular verbs)

Used to

Prepositions of movement

Functions: Recommending a film

What were the special effects like?

The special effects were amazing.

Describing people’s appearance and character

Helen is young, tall and thin. She’s got long curly, fair hair and

full lips.

Narrating a story

Once there was a giant called Finn MacCool who built a rock

bridge from Ireland to Scotland.

Pronunciation: /t/, /d/, /Id/

watch, liked, walked, played, wanted, stopped

3.2) ทักษะ /กระบวนการ (Process)

Listening: ฟังเพ่อื หาข้อมลู เฉพาะ

Speaking: พดู บรรยายลักษณะและนสิ ยั ของบคุ คล, สนทนาเกย่ี วกับเหตกุ ารณ์ในอดีต,

เลา่ เรือ่ ง Finn MacCool and the Giant’s Causeway, สนทนาเกีย่ วกับ

ภาพยนตร์

Reading: อ่านเพ่ือหาข้อมลู เฉพาะ, อ่านและลำดบั เหตกุ ารณ์สำคญั

Writing: เขยี นสรุปเรื่องที่อา่ น, เขยี นใหข้ อ้ มูลเกี่ยวกับตนเอง, เขยี นอเี มล,

แต่งบทสนทนาตามสถานณ์ท่กี ำหนด, เขียนบทความเก่ยี วกับอารยธรรม

โบราณ, เขยี นชีวประวตั ิของ Abraham Lincoln และ Queen Victoria,

เขยี นการต์ นู ชอ่ งเกยี่ วกบั ตำนานของไทยหรอื ประเทศกลมุ่ ประชาคมอาเซยี น,

เขยี น quiz เกยี่ วกับเนอ้ื หาที่เรยี นมาแล้ว

Cultures ประเพณที เี่ ก่ียวข้องกบั ตำนาน

4 ด้านคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์

1) ใฝเ่ รยี นรู้
2) มุง่ มั่นในการทำงาน
3) อยู่อย่างพอเพียง
4) มจี ิตสาธารณะ
5) ซือ่ สตั ยส์ ุจรติ
6) มวี นิ ัย

7) รกั ความเปน็ ไทย
8) รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์
5 สมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น

1) ความสามารถในการส่อื สาร
2) ความสามารถในการคิด
3) ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
4) ความสามารถในการแก้ปญั หา
5) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
6 ดา้ นคุณลกั ษณะของผู้เรยี นตามหลกั สูตรมาตรฐานสากล

1) เป็นเลศิ วิชาการ

2) ส่อื สารสองภาษา

3) ลำ้ หนา้ ทางความคดิ

4) ผลิตงานอย่างสรา้ งสรรค์

5) รว่ มกนั รับผดิ ชอบตอ่ สังคมโลก

7 บรู ณาการตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง

1. หลกั ความพอประมาณ
2. หลกั ความมเี หตุผล
3. หลักภูมิคมุ้ กัน
4. เง่อื นไขความรู้
5. เงอ่ื นไขคณุ ธรรม

8 ชน้ิ งาน/ภาระงาน (หลักฐานรอ่ งรอยแสดงความรู้)

ช้นิ งาน

1) paragraph เก่ยี วกับกจิ กรรมทต่ี นเองทำในวันสดุ สปั ดาห์ท่ีผ่านมา
2) ชิ้นงานโฆษณา
3) เขียนอเี มล
4) บทสนทนาเกย่ี วกบั ภาพยนตร์ทีด่ ูทางโทรทัศน์
5) บทความเก่ยี วกบั ชุมชนอารยธรรมโบราณ
6) ชวี ประวัตขิ อง Abraham Lincoln จากขอ้ ความท่อี า่ น
7) ชวี ประวตั โิ ดยยอ่ ของ Queen Victoria
8) ช้ินงานการต์ นู ช่องเก่ยี วกบั ตำนานของไทยหรือประเทศกลมุ่ ประชาคมอาเซยี น
ภาระงาน (รวบยอด)
1) พูดบรรยายลกั ษณะและนสิ ัยของบคุ คลอนื่
2) เขียนสรปุ เรอ่ื ง
3) เขยี น paragraph เกีย่ วกบั กจิ กรรมท่ตี นเองทำในวนั สดุ สปั ดาห์ทผี่ ่านมา
4) เขียนอีเมล

5) แต่งบทสนทนาเก่ยี วกบั ภาพยนตรท์ ีด่ ูทางโทรทัศน์
6) แสดงบทบาทสมมติ

7) เขยี นบทความเกีย่ วกบั ชุมชนอารยธรรมโบราณ
8) เขียนสรปุ ชวี ประวัติของ Abraham Lincoln จากข้อความทอ่ี ่าน

9) เขยี นชวี ประวตั โิ ดยยอ่ ของ Queen Victoria
10)ชิ้นงานการต์ นู ช่องเกี่ยวกับตำนานของไทยหรอื ประเทศกลุ่มประชาคมอาเซียน

9 การวดั และการประเมินผล

สิง่ ที่วดั ผล วธิ กี ารวัด เคร่อื งมอื วัดผล เกณฑก์ าร

ประเมนิ ผล

ดา้ นความรู้ (K ) ตรวจการตอบคำถามจาก แบบฝกึ หดั (Workbook) ร้อยละ 60

การอา่ นหรือการฟงั

ตรวจการบรรยายลกั ษณะ

ของบุคคลตามภาพทกี่ ำหนด

ด้านทักษะและ ประเมนิ การเขยี นสรุปเรื่อง แบบประเมนิ การเขยี น ระดับคุณภาพ พอใช้

กระบวนการ ( P )

ด้านคณุ ลกั ษณะอนั พงึ สงั เกตความใฝ่เรยี นรู้และ แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะ ระดับคุณภาพ ผา่ น

ประสงค์ ( A ) ความมงุ่ ม่ันในการทำงาน อนั พงึ ประสงค์

ด้านสมรรถนะสำคัญของ ประเมินการพดู บรรยาย แบบประเมนิ การพดู ระดับคณุ ภาพ ผา่ น

ผู้เรียน ( C ) ลักษณะและนสิ ยั ของบุคคล

อื่น

สงั เกตการอภปิ รายแสดง สมุดนกั เรยี น ร้อยละ 60

ความคดิ เหน็ เกี่ยวกับเรื่องที่

อ่าน

10
10 การจัดกิจกรรมการเรียนรู้

กิจกรรมการเรียนรู้ หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 2 เรอื่ ง Myths & Legends (เวลา 15 ชวั่ โมง)

แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี 1 เรอ่ื ง Reading 1a & Vocabulary 2a

รหสั วิชา อ22101 รายวชิ า ภาษาองั กฤษพ้นื ฐาน
ระดบั ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2565

หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 2 เร่ือง Myths & Legends เวลา 1 ช่ัวโมง

1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวชว้ี ัดชนั้ ป/ี ผลการเรียนรู้
สาระที่ 1 ภาษาเพื่อการสอ่ื สาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเร่ืองท่ีฟงั และอ่านจากสือ่ ประเภทต่าง ๆ และแสดงความคดิ เห็น
อยา่ งมเี หตุผล
ตวั ช้วี ดั
ต 1.1 ม. 2/4 เลือกหวั ขอ้ เรอ่ื ง ใจความสำคัญ บอกรายละเอียดสนับสนนุ (supporting detail) และ
แสดงความคิดเห็นเก่ยี วกบั เรอื่ งทฟี่ ังและอ่านพรอ้ มท้ังใหเ้ หตุผลและยกตวั อยา่ ง งา่ ย
ๆ ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.2 มที กั ษะการสอ่ื สารทางภาษาในการแลกเปลีย่ นข้อมลู ขา่ วสาร แสดงความรู้สึกและ
ความคดิ เห็นอย่างมีประสิทธิภาพ
ตวั ชว้ี ัด
ต 1.2 ม. 2/1 สนทนาแลกเปล่ียนข้อมลู เกีย่ วกับตนเอง เร่ืองตา่ ง ๆ ใกลต้ ัว และสถานการณ์ตา่ ง ๆ ใน
ชีวิตประจำวนั อย่างเหมาะสม
ต 1.2 ม. 2/4 พดู และเขียนเพ่ือขอและใหข้ ้อมูล บรรยาย และแสดงความคิดเหน็ เก่ียวกับเรอื่ งท่ฟี ังหรือ
อา่ นอยา่ งเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอขอ้ มูลข่าวสาร ความคดิ รวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ โดยการ
พดู และการเขียน
ตัวชีว้ ัด
ต 1.3 ม. 2/1 พดู และเขียนบรรยายเกย่ี วกบั ตนเอง กจิ วัตรประจำวัน ประสบการณ์ และข่าว/
เหตกุ ารณ์ทอี่ ยู่ในความสนใจของสังคม
สาระท่ี 2 ภาษาและวัฒนธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เขา้ ใจความสัมพันธร์ ะหวา่ งภาษากบั วัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนำไปใชไ้ ด้
อย่างเหมาะสมกับกาลเทศะ
ตัวชีว้ ัด
ต 2.1 ม. 2/1 ใชภ้ าษา น้ำเสยี ง และกิรยิ าทา่ ทางเหมาะกับบคุ คลและโอกาส ตามมารยาทสังคมและ
วฒั นธรรมของเจ้าของภาษา

สาระท่ี 4 ภาษากับความสมั พนั ธ์กบั ชุมชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.1 ใชภ้ าษาตา่ งประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ทง้ั ในสถานศกึ ษา ชมุ ชน และสงั คม

ตัวชี้วัด

ต 4.1 ม. 2/1 ใช้ภาษาสื่อสารในสถานการณ์จรงิ /สถานการณ์จำลองท่เี กิดขึน้ ในหอ้ งเรยี น สถานศึกษา
และชมุ ชน

2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด
การจับใจความสำคัญและรายละเอียดของข้อมลู ที่อ่านและฟงั เป็นความสามารถที่สำคัญประการหน่งึ

ของทักษะการรบั สาร ซง่ึ จะนำไปสกู่ ารสรปุ สารท่รี ับได้ นอกจากนี้การมีความรู้เกี่ยวกับคำศัพท์และประโยคต่าง
ๆ ตามเนื้อหาจะชว่ ยใหส้ ามารถนำสง่ิ ท่เี รยี นรูไ้ ปใช้ในการพดู /เขยี นส่อื สารไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง ตลอดจนมีความเข้าใจ

ในวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา

จุดประสงค์การเรียนรู้ (จุดประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรมเพอื่ ให้บรรลุตามตวั ชวี้ ัด)

1. อา่ นเรอ่ื ง จบั ใจความสำคญั บอกรายละเอียดเก่ียวกบั เรอ่ื งท่ีอา่ น และยกตัวอย่างประกอบได้
2. พดู และเขยี น ขอ้ มลู บรรยาย และแสดงความคิดเห็นเกีย่ วกบั เรอื่ งทฟี่ ังและอา่ นไดอ้ ยา่ งเหมาะสม

3. สาระการเรยี นรู้

3.1 ดา้ นความรู้ (Knowledge)

1) Language Features and Functions

Vocabulary: Appearance (hair: curly, wavy, straight, spiky, thick, long, short,

brown, fair, grey; eyes: big, small, blue, green; mouth: small,

wide; nose: big, long, small; face: round, long; lips: thin, full;

height: tall, short, of medium height; age: old, young, middle-

aged; weight: overweight, plump, thin, slim, well built, fat; looks:

handsome, beautiful, ugly, attractive)

Character (funny, brave, hardworking, stupid, patient, honest,

lazy, clever, impatient, dishonest, boring, cowardly)

Functions: Describing people’s appearance and character

Helen is young, tall and thin. She’s got long curly, fair hair and

full lips.

3.2) ทกั ษะ /กระบวนการ (Process)

Listening: ฟังเพื่อหาขอ้ มูลเฉพาะ

Speaking: พดู บรรยายลักษณะและนสิ ยั ของบคุ คล

Reading: อา่ นเพื่อหาขอ้ มูลเฉพาะและแสดงความคดิ เหน็

Writing: เขียนสรปุ เร่อื งท่อี ่าน

3.2 คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์

1) ใฝ่เรียนรู้
2) มุ่งมนั่ ในการทำงาน
3.3 สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน

1) ความสามารถในการสอ่ื สาร
2) ความสามารถในการคิด

3.4 ดา้ นคุณลักษณะของผ้เู รยี นตามหลักสตู รมาตรฐานสากล

1) เป็นเลศิ วิชาการ
2) ส่อื สารสองภาษา
3) ล้ำหน้าทางความคดิ
4) ผลิตงานอยา่ งสร้างสรรค์
5) รว่ มกนั รบั ผดิ อบตอ่ สงั คมโลก

4. ชิน้ งาน/ภาระงาน (หลักฐานรอ่ งรอยแสดงความร้)ู
ช้นิ งาน
1) บทสนทนาเกยี่ วกบั ภาพยนตรท์ ี่ดูทางโทรทัศน์
2) แสดงบทบาทสมมติ
3) บทความเกย่ี วกับชุมชนอารยธรรมโบราณ
4) สรปุ ชวี ประวตั ิของ Abraham Lincoln จากขอ้ ความทอ่ี า่ น
5) ชวี ประวัติโดยย่อของ Queen Victoria

ภาระงาน (รวบยอด)
1) พดู บรรยายลกั ษณะและนสิ ยั ของบคุ คลอ่นื
2) เขยี นสรปุ เร่ือง
3) เขียน paragraph เกยี่ วกับกจิ กรรมทตี่ นเองทำในวนั สดุ สปั ดาห์ท่ผี ่านมา
4) เขยี นอีเมล

5. การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้

สงิ่ ทวี่ ัดผล วิธกี ารวัด เครอื่ งมอื วัดผล เกณฑก์ าร

ประเมนิ ผล

ด้านความรู้ (K ) ตรวจการตอบคำถามจาก แบบฝกึ หดั (Workbook) ร้อยละ 60

การอา่ นหรอื การฟัง

ตรวจการบรรยายลกั ษณะ

ของบุคคลตามภาพท่ีกำหนด

ดา้ นทักษะและ ประเมนิ การเขียนสรุปเรื่อง แบบประเมนิ การเขียน ระดับคณุ ภาพ พอใช้

กระบวนการ ( P )

ด้านคุณลักษณะอันพงึ สงั เกตความใฝ่เรียนรแู้ ละ แบบประเมนิ คุณลักษณะ ระดับคุณภาพ ผา่ น

ประสงค์ ( A ) ความมุ่งมั่นในการทำงาน อนั พึงประสงค์

ดา้ นสมรรถนะสำคัญของ ประเมนิ การพูดบรรยาย แบบประเมนิ การพดู ระดับคณุ ภาพ ผ่าน

ผ้เู รียน ( C ) ลกั ษณะและนิสยั ของบคุ คล

อื่น

สงั เกตการอภิปรายแสดง สมุดนกั เรียน รอ้ ยละ 60

ความคดิ เห็นเก่ียวกบั เร่ืองท่ี

อ่าน

6. กิจกรรมการเรียนรู้

ขน้ั Warm up
1. ครูพดู ทกั ทายนกั เรียน โดยใช้คำทักทาย เชน่ How are you doing? How’s going? จากนน้ั ครสู ุ่ม

ทักทายนักเรยี นเปน็ รายบคุ คล 2-3 คน โดยใหน้ กั เรยี นพูดตอบครดู ้วยคำที่ไมซ่ ้ำกัน เช่น Pretty
good./Not bad./Very well.
2. นักเรียนอา่ นชอื่ หน่วยการเรียนรู้ (Myths & Legends) ในหนังสือเรยี น หน้า 21 แลว้ รว่ มกันแสดงความ
คดิ เห็นว่าหมายความว่าอยา่ งไร
3. Find the page numbers for หนา้ 21 ครูอธิบายคำว่า quotation และ biography

quotation (n) = sentence or phrase from a book, speech etc. which
you repeat in a speech or piece of writing because it
is interesting (ประโยคหรอื วลีจากหนงั สอื หรอื สนุ ทรพจน์ที่ถูกนำมา
กลา่ วซำ้ เพราะน่าสนใจ)

biography (n = the story of a person’s life written by somebody else
(ชีวประวตั )ิ

จากนั้นใหน้ ักเรยี นหาว่าภาพทเ่ี ก่ียวข้องกับท้ัง 3 คำน้อี ยใู่ นหนงั สอื เรียนหนา้ ใด เม่อื หาพบแลว้ ครูถาม
คำถามเพอ่ื ตรวจสอบความเขา้ ใจของนักเรียน

a quotation (p. 22)
Do you think it is important to know what famous people said? Why
(not)? Do you know any famous quotations?
a biography (p. 29)
Can you name any other famous presidents?
What were they famous for?
a film poster (p. 27)
Where can you see a poster like this? What sort of films do you like?
How often do you go to the cinema? Who with?

ข้ัน Pre-reading
1. หนงั สือเรียน หนา้ 21 Ex. 1 ครใู หน้ กั เรียนดูภาพ แล้วบอกวา่ รจู้ กั ใครบ้าง ครูใหน้ ักเรียนชว่ ยกันบอก

ข้อมลู ท่รี ู้ ตอ่ มาครูสมุ่ เรยี กนักเรียนอ่านช่อื บคุ คล ช่อื ประเทศ และปีท่อี ยใู่ ต้ภาพ

BC ย่อมาจาก Before Christ คือ ชว่ งเวลาที่เกิดขน้ึ กอ่ นพระเยซปู ระสูติ หรือทเ่ี รยี กกัน
ว่า ก่อนครสิ ตกาล เชน่ Rome was founded in 753 BC. แปลวา่ กรุงโรมสรา้ งเม่อื
753 ปีกอ่ นครสิ ต์ศักราช คำวา่ BC จึงถูกใชเ้ พือ่ บ่งบอกถงึ ช่วงเวลาและเหตกุ ารณ์ท่ี
เกิดขน้ึ ก่อนพระเยซูประสตู ิ

ทม่ี า: http://arjarnbomb.blogspot.com/2009/04/jesus.html

เสรจ็ แล้วครูใหน้ ักเรียนอ่านคำศพั ท์ท่กี ำหนดให้ และช่วยกนั บอกความหมาย โดยครูช่วยอธบิ ายคำท่ี
นักเรยี นไมร่ ู้ เชน่ emperor, warrior

emperor (n) = the man who is the ruler of an empire (จักรพรรด)ิ
warrior (n) = a soldier or fighter who is brave and experienced – used about

people in the past (นกั รบ)
จากน้ันครูถามคำถาม Who was a/an…? ใหน้ กั เรยี นช่วยกนั พดู ตอบ

2 Marie Curie was a Polish scientist.
3 Genghis Khan was a Mongolian emperor.
4 Amelia Earhart was an American pilot.
5 Cleopatra was an Egyptian queen.
6 Queen Victoria was a British queen.
7 Abraham Lincoln was an American president.
8 William Wallace was a Scottish warrior.

2. หนังสือเรยี น หนา้ 21 Ex. 2 ครูใหน้ กั เรยี นจบั คกู่ บั เพ่ือน พูดถาม-ตอบเกยี่ วกับปีเกดิ และเสียชวี ิตของบุ
คลในภาพ

A: When was Marie Curie born? B: In 1867. When did she die?

A: In 1934. When was Genghis Khan born? B: In 1162. When did he die?

A: In 1227. When was Amelia Earhart born? B: In 1897. When did she die?

A: In 1937. When was Cleopatra born? B: In 69 BC. When did she die?

A: In 30 BC. When was Queen Victoria born? B: In 1819. When did she die?

A: In 1901. When was Abraham Lincoln born? B: In 1809. When did he die?

A: In 1865. When was William Wallace born? B: In 1270. When did he die?

A: In 1305.

3. ครใู ห้นักเรียนดูภาพวาดในหนังสอื เรยี น หน้า 22 แล้วสงั เกตการแตง่ กายและแสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั
อายแุ ละเช้อื ชาติของผูห้ ญงิ ในภาพ

4. หนังสือเรยี น หนา้ 22 Ex. 1 ครถู ามนกั เรียนว่าเคยไดย้ ินชอื่ Pocahontas หรอื ไม่ แลว้ ครูให้นกั เรยี น

ชว่ ยกนั บอกข้อมลู ของ Pocahontas ที่นกั เรยี นรู้ จากนนั้ ใหน้ ักเรยี นอภิปรายรว่ มกันวา่ ทำไม
Pocahontas จงึ ถูกเรียกว่า ‘Child of Peace’

5. ครูแบ่งกลุม่ นักเรยี นออกเป็นกลุ่ม กลมุ่ ละ 3-5 คน ให้แต่ละกล่มุ อา่ นคำถามและตัวเลอื กท่ใี หม้ าใน
หนงั สือเรยี น หน้า 22 Ex. 2 และชว่ ยกันระดมสมองเพ่อื เลือกคำตอบในแตล่ ะข้อท่ีคาดวา่ จะเปน็ คำตอบ
ท่ถี ูกที่สุด โดยไมอ่ า่ นบทอ่าน

6. นักเรยี นเปดิ หนงั สอื เรียนและฟงั เรือ่ ง Pocahontas จาก CD ครูใหน้ กั เรียนขีดเสน้ ใต้คำศัพทย์ าก แลว้
อ่านออกเสียงคำศพั ท์ตามครู 1 ครงั้ หลังจากนั้นนกั เรยี นอา่ นคำศพั ทพ์ รอ้ มกนั แล้วครูช่วยอธบิ าย
ความหมายของคำศพั ท์ หรอื ใหน้ ักเรียนเปดิ หาความหมายในพจนานกุ รม
chief (n) = the most important person, or one of the most important people,
in a company or organisation (ผนู้ ำ, หัวหนา้ )
peace (n) = a situation in which there is no war or fighting (ความสงบ, สนั ติภาพ)
colonist (n) = someone who settles in a new colony (ชาวอาณานิคม)
settle (v) = to go to a place where no people have lived permanently before
and start to live there (ต้งั ถ่ินฐาน)
arrest (v) = to take someone to a police station by the police because the
police think they have done something illegal (จับกุม)

ขั้น Reading
หนงั สือเรียน หน้า 22 Ex. 2 ครใู หน้ ักเรยี นอ่านบทอา่ นเรื่อง Pocahontas แล้วใหแ้ ต่ละกลุ่มร่วมกัน
พจิ ารณาคำตอบที่เลอื กอีกครัง้ เสร็จแล้วครสู ุม่ เรยี กนักเรียนใหต้ อบคำถามกลุ่มละ 1 ข้อ โดยใหก้ ลมุ่ อืน่
ๆ ตรวจคำตอบรว่ มกัน

1B 2B 3B 4C

ข้นั Post-reading
1. หนงั สือเรียน หน้า 22 Ex. 3 นกั เรียนอา่ นคำศพั ทท์ ่ีพมิ พ์ตวั หนาในแต่ละประโยคพรอ้ มกนั หากคำใด

นักเรยี นอ่านไม่ได้ ให้อา่ นตามครู จากน้ันให้นกั เรียนเลือกคำตอบท่ีถูกต้อง เสร็จแล้วครสู ุม่ เรยี กนกั เรยี น
อ่านประโยคพรอ้ มคำตอบทเ่ี ลอื กคนละ 1 ประโยค ครูอธิบายเพม่ิ เตมิ สำหรบั ข้อทีน่ กั เรยี นยงั ไมเ่ ข้าใจ

1 chief 2 peace 3 arrested 4 colonists 5 manners

2. ครูถามคำถามใน THINK! และให้นกั เรียนแตล่ ะกล่มุ อภปิ ราย และเขยี นประโยค 3-4 ประโยค เพ่ือ
อธิบายและแสดงเหตุผล จากนัน้ ให้ตัวแทนแตล่ ะกล่มุ อา่ นประโยคของกลุ่มตนเองใหเ้ พื่อนฟัง

3. หนังสือเรียน หนา้ 22 Ex. 4 ครใู ห้นกั เรียนแตล่ ะกล่มุ เขียนสรปุ เรื่อง Pocahontas โดยใช้คำที่
กำหนดให้ และใหน้ กั เรยี นใชป้ ระโยคตัวอยา่ งท่ใี ห้มาเปน็ ประโยคขนึ้ ตน้ เมอื่ เขียนเสรจ็ แลว้ ครใู ห้
นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ อา่ นสรุปเรอื่ งของกลมุ่ ตนเองให้เพือ่ นกลุม่ อืน่ ฟัง

4. ครใู หน้ ักเรยี นแต่ละกลุม่ นำเร่อื งท่ีเขียนสรปุ ไปเขียนลงในกระดาษและตกแตง่ ให้สวยงาม

Pocahontas was the daughter of Powhatan, an important Indian chief.
Pocahontas was from Virginia. Her real name was Matoaka. Pocahontas’
people were the Powhatans, Pocahontas tried to promote peace
between her people and the English who came to live in Virginia as
colonists. Pocahontas saved the life of an English captain called John
Smith. She married an English colonist called John Rolfe. They had a son
called Thomas. She died in England while she was visiting King James I.

5. แบบฝกึ หดั (Workbook) หนา้ 12 Exs. 1-4 ให้นักเรยี นทำเป็นการบา้ น

7. ส่ือ/อปุ กรณ์/แหลง่ เรยี นรู้
1) หนังสือเรียน SPARK 2 ม. 2
2) Class Audio CDs ประกอบส่อื ฯ ชุด SPARK 2 ม. 2
3) แบบฝึกหดั SPARK 2 ม. 2
4) พจนานุกรมองั กฤษ-องั กฤษ
5) พจนานกุ รมออนไลน์
6) บตั รคำศพั ท์อาชพี
7) สมาชิกในครอบครัวของนักเรียน

ลงชื่อ............................................................
(นางสาวประณาลี เมฆาระ)
ครูผู้สอน

ความคิดเหน็ (รองผอู้ ำนวยการกลมุ่ บริหารวชิ าการ / ผู้บรหิ าร / ผู้ที่ได้รบั หมอบหมาย)
………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………….……
………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…….……
………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……………

ลงชอื่ ............................................................
(นางชไมพร อรา่ มวิทย์)
ตำแหน่ง ครู

วนั ท่ี 12 พฤษภาคม 2565

บันทึกผลหลังแผนการจัดการเรียนรู้

รหัสวิชา อ22101 รายวชิ าภาษาองั กฤษพน้ื ฐาน แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 1

เรื่อง Reading 1a & Vocabulary 2a
**********************************************************************************
บันทกึ วัน เดือน ปที ีใ่ ชส้ อน

ชัน้ /กลมุ่
วัน/เดือน/ปี

1. ผลการเรยี นรู้ (นกั เรียน…………………….คน)
1.1 ดา้ นความรู้ (K) – เกง่ ……………………………………………………………………………….……………………

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

1.2 ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P) – ด…ี …………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………….………………………….………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

1.3 ดา้ นคุณลักษณะท่ีอันพงึ ประสงค์ (A)– มสี ุข ……………………………………………...…………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

1.4 ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น (C) ………….……………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
2. ปญั หา/สิ่งท่ีพัฒนา วิธีแกไ้ ข/พัฒนา และผลการแกไ้ ข/พัฒนา

ปัญหา/สงิ่ ทพ่ี ัฒนา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……

วิธีแกไ้ ข/พัฒนา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ผลการแกไ้ ข/พฒั นา
…………………………………………………………………………………………………………………….………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ลงช่ือ.............................................ครูผสู้ อน ลงชอ่ื ...........................................หวั หน้ากลุ่มสาระ
(นางสาวประณาลี เมฆาระ) (นางสมใจ ศรเี ทพ)

ลงช่ือ.............................................รองผูอ้ ำนวยการ ลงชอ่ื ...........................................ผู้อำนวยการโรงเรยี น

(นายมนูญ กลับกล่อม) (นายนราวธุ สุจิตะพนั ธ)์

แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี 2 เรอ่ื ง Reading 1a & Vocabulary 2a

รหสั วิชา อ22101 รายวชิ า ภาษาองั กฤษพ้นื ฐาน
ระดบั ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2565

หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 2 เร่ือง Myths & Legends เวลา 1 ช่ัวโมง

1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวชว้ี ัดชนั้ ป/ี ผลการเรียนรู้
สาระที่ 1 ภาษาเพื่อการสอ่ื สาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเร่ืองท่ีฟงั และอ่านจากสือ่ ประเภทต่าง ๆ และแสดงความคดิ เห็น
อยา่ งมเี หตุผล
ตวั ช้วี ดั
ต 1.1 ม. 2/4 เลือกหวั ขอ้ เรอ่ื ง ใจความสำคัญ บอกรายละเอียดสนับสนนุ (supporting detail) และ
แสดงความคิดเห็นเก่ยี วกบั เรอื่ งทฟี่ ังและอ่านพรอ้ มท้ังใหเ้ หตุผลและยกตวั อยา่ ง งา่ ย
ๆ ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.2 มที กั ษะการสอ่ื สารทางภาษาในการแลกเปลีย่ นข้อมลู ขา่ วสาร แสดงความรู้สึกและ
ความคดิ เห็นอย่างมีประสิทธิภาพ
ตวั ชว้ี ัด
ต 1.2 ม. 2/1 สนทนาแลกเปล่ียนข้อมลู เกีย่ วกับตนเอง เร่ืองตา่ ง ๆ ใกลต้ ัว และสถานการณ์ตา่ ง ๆ ใน
ชีวิตประจำวนั อย่างเหมาะสม
ต 1.2 ม. 2/4 พดู และเขียนเพ่ือขอและใหข้ ้อมูล บรรยาย และแสดงความคิดเหน็ เก่ียวกับเรอื่ งท่ฟี ังหรือ
อา่ นอยา่ งเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอขอ้ มูลข่าวสาร ความคดิ รวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ โดยการ
พดู และการเขียน
ตัวชีว้ ัด
ต 1.3 ม. 2/1 พดู และเขียนบรรยายเกย่ี วกบั ตนเอง กจิ วัตรประจำวัน ประสบการณ์ และข่าว/
เหตกุ ารณ์ทอี่ ยู่ในความสนใจของสังคม
สาระท่ี 2 ภาษาและวัฒนธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เขา้ ใจความสัมพันธร์ ะหวา่ งภาษากบั วัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนำไปใชไ้ ด้
อย่างเหมาะสมกับกาลเทศะ
ตัวชีว้ ัด
ต 2.1 ม. 2/1 ใชภ้ าษา น้ำเสยี ง และกิรยิ าทา่ ทางเหมาะกับบคุ คลและโอกาส ตามมารยาทสังคมและ
วฒั นธรรมของเจ้าของภาษา

สาระท่ี 4 ภาษากับความสมั พนั ธ์กบั ชุมชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.1 ใชภ้ าษาตา่ งประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ทง้ั ในสถานศกึ ษา ชมุ ชน และสงั คม

ตัวชี้วัด

ต 4.1 ม. 2/1 ใช้ภาษาสื่อสารในสถานการณ์จรงิ /สถานการณ์จำลองท่เี กิดขึน้ ในหอ้ งเรยี น สถานศึกษา
และชมุ ชน

2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด
การจับใจความสำคัญและรายละเอียดของข้อมลู ที่อ่านและฟงั เป็นความสามารถที่สำคัญประการหน่งึ

ของทักษะการรบั สาร ซง่ึ จะนำไปสกู่ ารสรปุ สารท่รี ับได้ นอกจากนี้การมีความรู้เกี่ยวกับคำศัพท์และประโยคต่าง
ๆ ตามเนื้อหาจะชว่ ยใหส้ ามารถนำสง่ิ ท่เี รยี นรูไ้ ปใช้ในการพดู /เขยี นส่อื สารไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง ตลอดจนมีความเข้าใจ

ในวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา

จุดประสงค์การเรียนรู้ (จุดประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรมเพอื่ ให้บรรลุตามตวั ชวี้ ัด)

1. อา่ นเรอ่ื ง จบั ใจความสำคญั บอกรายละเอียดเก่ียวกบั เรอ่ื งท่ีอา่ น และยกตัวอย่างประกอบได้
2. พดู และเขยี น ขอ้ มลู บรรยาย และแสดงความคิดเห็นเกีย่ วกบั เรอื่ งทฟี่ ังและอา่ นไดอ้ ยา่ งเหมาะสม

3. สาระการเรยี นรู้

3.1 ดา้ นความรู้ (Knowledge)

1) Language Features and Functions

Vocabulary: Appearance (hair: curly, wavy, straight, spiky, thick, long, short,

brown, fair, grey; eyes: big, small, blue, green; mouth: small,

wide; nose: big, long, small; face: round, long; lips: thin, full;

height: tall, short, of medium height; age: old, young, middle-

aged; weight: overweight, plump, thin, slim, well built, fat; looks:

handsome, beautiful, ugly, attractive)

Character (funny, brave, hardworking, stupid, patient, honest,

lazy, clever, impatient, dishonest, boring, cowardly)

Functions: Describing people’s appearance and character

Helen is young, tall and thin. She’s got long curly, fair hair and

full lips.

3.2) ทกั ษะ /กระบวนการ (Process)

Listening: ฟังเพื่อหาขอ้ มูลเฉพาะ

Speaking: พดู บรรยายลักษณะและนสิ ยั ของบคุ คล

Reading: อา่ นเพื่อหาขอ้ มูลเฉพาะและแสดงความคดิ เหน็

Writing: เขียนสรปุ เร่อื งท่อี ่าน

3.2 คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์

1) ใฝ่เรียนรู้
2) มุ่งมนั่ ในการทำงาน
3.3 สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน

1) ความสามารถในการสอ่ื สาร
2) ความสามารถในการคิด

3.4 ดา้ นคุณลักษณะของผ้เู รยี นตามหลักสตู รมาตรฐานสากล

1) เป็นเลศิ วิชาการ
2) ส่อื สารสองภาษา
3) ล้ำหน้าทางความคดิ
4) ผลิตงานอยา่ งสร้างสรรค์
5) รว่ มกนั รบั ผดิ อบตอ่ สงั คมโลก

4. ชิน้ งาน/ภาระงาน (หลักฐานรอ่ งรอยแสดงความร้)ู
ช้นิ งาน
1) บทสนทนาเกยี่ วกบั ภาพยนตรท์ ี่ดูทางโทรทัศน์
2) แสดงบทบาทสมมติ
3) บทความเกย่ี วกับชุมชนอารยธรรมโบราณ
4) สรปุ ชวี ประวตั ิของ Abraham Lincoln จากขอ้ ความทอ่ี า่ น
5) ชวี ประวัติโดยย่อของ Queen Victoria

ภาระงาน (รวบยอด)
1) พดู บรรยายลกั ษณะและนสิ ยั ของบคุ คลอ่นื
2) เขยี นสรปุ เร่ือง
3) เขียน paragraph เกยี่ วกับกจิ กรรมทตี่ นเองทำในวนั สดุ สปั ดาห์ท่ผี ่านมา
4) เขยี นอีเมล

5. การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้

สงิ่ ทวี่ ัดผล วิธกี ารวัด เครอื่ งมอื วัดผล เกณฑก์ าร

ประเมนิ ผล

ด้านความรู้ (K ) ตรวจการตอบคำถามจาก แบบฝกึ หดั (Workbook) ร้อยละ 60

การอา่ นหรอื การฟัง

ตรวจการบรรยายลกั ษณะ

ของบุคคลตามภาพท่ีกำหนด

ดา้ นทักษะและ ประเมนิ การเขียนสรุปเรื่อง แบบประเมนิ การเขียน ระดับคณุ ภาพ พอใช้

กระบวนการ ( P )

ด้านคุณลักษณะอันพงึ สงั เกตความใฝ่เรียนรแู้ ละ แบบประเมนิ คุณลักษณะ ระดับคุณภาพ ผา่ น

ประสงค์ ( A ) ความมุ่งมั่นในการทำงาน อนั พึงประสงค์

ดา้ นสมรรถนะสำคัญของ ประเมนิ การพูดบรรยาย แบบประเมนิ การพดู ระดับคณุ ภาพ ผ่าน

ผ้เู รียน ( C ) ลกั ษณะและนิสยั ของบคุ คล

อื่น

สงั เกตการอภิปรายแสดง สมุดนกั เรียน รอ้ ยละ 60

ความคดิ เห็นเก่ียวกบั เร่ืองท่ี

อ่าน

6. กิจกรรมการเรียนรู้

ขั้น Warm up
1. ครูใหน้ ักเรียนวาดภาพเดก็ ผูห้ ญงิ ตามที่ครูบรรยาย โดยครูพดู บรรยาย 2 ครั้ง

(Nina is a little girl. She is short and slim. She has got long, wavy hair. Her face is round.
She has got big blue eyes, small nose, small mouth and full lips.)
2. ครใู ห้นกั เรยี นชว่ ยกนั บรรยายลกั ษณะของ Nina โดยครขู ออาสาสมัคร 2 คน ออกมาช่วยกนั วาดภาพ
Nina ตามที่เพือ่ นบรรยายบนกระดาน จากน้ันใหน้ ักเรยี นเปรียบเทียบภาพทตี่ นเองวาดกบั ภาพท่ีเพอ่ื น
วาดบนกระดาน
3. ครใู หน้ กั เรยี นชว่ ยกันคาดเดาเกย่ี วกบั เร่อื งท่จี ะเรยี นในวันนี้

ขน้ั Presentation
1. หนังสอื เรยี น หน้า 23 Ex. 5 ครูให้นักเรยี นอ่านออกเสียงคำศัพท์พรอ้ มกัน แลว้ ครชู ่วยอธบิ ายคำว่า

spiky และ fair
spiky (adj) = (hair) sticking straight up from the head ((ผม) ตง้ั )
fair (adj) = very light in colour (สอี ่อน)

ต่อมาครอู ่านคำสัง่ และอธบิ ายว่า คำคุณศพั ท์ท่อี ยู่ในแต่ละข้อใช้สำหรับบรรยายลกั ษณะของอวยั วะใด
อวัยวะหนง่ึ แล้วให้นกั เรยี นพจิ ารณาวา่ คำคุณศัพท์ในแต่ละข้อใช้บรรยายอวัยวะส่วนใด เสร็จแลว้ ตรวจ
คำตอบพร้อมกัน

1 hair 2 nose 3 face
4 eyes 5 mouth 6 lips

2. ครูพดู ประโยค แลว้ ให้นักเรยี นสงั เกตการใช้คำคณุ ศัพทบ์ รรยายอวยั วะ เช่น Suda has got straight
hair. You have got blue eyes. จากนน้ั ครูสมุ่ เรียกนักเรยี นให้ใช้คำคุณศัพท์ในแต่ละข้อบรรยาย
อวัยวะส่วนตา่ ง ๆ ของเพ่อื นในหอ้ ง

3. หนงั สือเรยี น หน้า 23 Ex. 6 ใหน้ กั เรียนจับคกู่ ับเพื่อน ดหู ัวข้อในตารางและตัวอยา่ งคำคุณศัพท์ทอ่ี ยใู่ น
ตารางในแตล่ ะหวั ขอ้ ครถู ามนกั เรียนว่า การบรรยายลกั ษณะของคนนอกจากการใช้คำคุณศพั ท์บรรยาย

อวัยวะใน Ex. 5 แล้ว นกั เรียนคดิ วา่ การบรรยายลักษณะของคนสามารถบรรยายเกีย่ วกบั อะไรไดอ้ กี
(ความสงู อายุ นำ้ หนัก รปู รา่ งหนา้ ตา) จากนั้นใหน้ ักเรยี นอ่านคำคณุ ศพั ท์ท่ใี หม้ าพร้อมกัน แลว้ ชว่ ยกัน
บอกความหมาย

4. ครูให้นกั เรียนแตล่ ะคชู่ ่วยกันจดั กลมุ่ คำคณุ ศพั ท์ตามหัวข้อในตาราง เสร็จแลว้ ครวู าดตารางบนกระดาน
และขออาสาสมคั ร 4 คน ออกมาเขยี นคำตอบคนละ 1 หัวข้อ ครตู รวจคำตอบบนกระดาน

HEIGHT AGE WEIGHT LOOKS

tall, short, of old, young, fat, overweight, handsome,
plump, thin, beautiful, ugly,
medium height middle-aged slim, well built attractive

หลังจากนนั้ ครูยกตัวอย่างประโยคการใชค้ ำคุณศัพท์เหล่านี้ เชน่ Malee is tall and slim. Ben is

young and handsome. แลว้ ครสู ุ่มเรียกนักเรียนให้พดู ประโยคบรรยายเพ่ือนในห้องโดยใชค้ ำคุณศพั ท์
ใน Ex. 6
5. หนังสือเรียน หน้า 23 Ex. 7 ครูให้นักเรียนดูภาพ Dave, Helen, Bill, Jim และ Ann และอา่ นชอื่ ของ

บุคคลทัง้ 5 แลว้ ครอู ธบิ ายว่า จะใหน้ กั เรยี นพดู บรรยายบคุ คลทัง้ 5 โดยใช้คำคุณศพั ท์จาก Ex. 5 และ
Ex. 6 ครถู ามคำถาม What does Dave look like? และให้นกั เรยี นอ่านประโยคตัวอยา่ งพร้อมกนั

จากนัน้ ครูขออาสาสมคั รแถวละ 1 คน เพอื่ ถามคำถาม What does … look like? แลว้ ให้นกั เรียนท่ี
เปน็ ผู้ถามเลือกผู้ตอบเอง ครูกระต้นุ ให้นกั เรยี นพดู บรรยายบคุ คลทั้ง 5 ใหไ้ ดม้ ากท่สี ุด โดยครูเขียน
คำถามและคำตอบของนกั เรยี นบนกระดาน จากนัน้ ใหน้ ักเรียนอ่านพรอ้ มกนั

Helen is young, tall and thin. She’s got long curly, fair hair and full lips.
Bill is young, short and fat. He’s got short, straight, fair hair, a round face and
big eyes.
Jim is tall and well built. He’s got short, dark hair, a long face, a big nose and
thin lips.
Ann is old and slim and of medium height. She’s got short, curly, grey hair
and thin lips.

6. หนังสือเรยี น หนา้ 23 Ex. 8 (ส่วนจับคคู่ ำ) ครูให้นักเรียนฝั่งซา้ ยอา่ นคำคุณศัพท์ 1-6 และนักเรียนฝัง่
ขวาอา่ นคำคุณศพั ท์ a-f คำใดทีน่ กั เรยี นอ่านไมไ่ ดใ้ ห้อ่านตามครู แล้วให้นักเรยี นชว่ ยกันพจิ ารณาวา่
คำคุณศพั ทเ์ หลา่ น้ีใชบ้ รรยายเกีย่ วกับอะไร (ลกั ษณะนิสัย) และครสู รุปใหอ้ ีกคร้ัง จากน้ันใหน้ กั เรียนจบั คู่
คำคุณศพั ท์ท่ีมคี วามหมายตรงขา้ มกนั แล้วตรวจคำตอบร่วมกนั และครูชว่ ยอธบิ ายความหมายของ
คำศพั ท์ทนี่ กั เรยี นไมร่ ู้ เชน่
hardworking (adj) = working with a lot of effort (ขยัน)
cowardly (adj) = not brave (ขข้ี ลาด, ไม่กลา้ )

1e 2f 3a 4b 5c 6d

7. หนงั สือเรยี น หนา้ 23 Ex. 8 (สว่ นเติมคำ) ครูเขยี นคำถาม What is … like? บนกระดาน และให้
นักเรียนดปู ระโยคข้อ 1 และเดาคำตอบ ต่อมาครูถามคำถาม What is his dad like? และขอ

อาสาสมัคร 1 คน บอกคำตอบ โดยพูดตอบท้งั ประโยค ครเู ขียนคำตอบบนกระดาน และให้นกั เรยี น
พิจารณาร่วมกันว่าถูกต้องหรอื ไม่ ครใู ห้นกั เรียนช่วยกนั อธบิ ายว่า สงั เกตจากคำใดในประโยคจงึ ตอบ

เชน่ นนั้ เม่อื นักเรียนตอบแลว้ ครูจึงอธบิ ายเพมิ่ เตมิ วา่ การจะเลอื กใช้คำใดเพือ่ บรรยายลักษณะนิสยั นั้น
ในแต่ละขอ้ จะมคี ำหรือกลุ่มคำท่ีเป็น clue word(s) เชน่ ข้อ 1 คือ can wait จากนัน้ ใหน้ ักเรยี น
ชว่ ยกนั บอก clue word(s) ของแต่ละข้อ แลว้ ครสู ุ่มเรียกนักเรียน 5 คน ถามคำถามสำหรบั ขอ้ 2-6

และใหผ้ ้ถู ามเลอื กผู้ตอบเอง

1 patient 2 hardworking 3 stupid
4 funny 5 brave 6 honest

8. ครูถามคำถามนกั เรยี น What does (ช่อื นกั เรยี น) look like? และขออาสาสมัครตอบ แล้วครถู าม
คำถาม What is she/he like? และขออาสาสมคั รตอบ จากน้ันใหน้ ักเรยี นสรุปการใชค้ ำถาม What
does ... look like ? และWhat is ... like?

What does ... look like? ใช้ถามลักษณะรูปรา่ งหนา้ ตา
What is ... like? ใชถ้ ามลักษณะนิสยั

ขั้น Practice
1. หนงั สือเรียน หน้า 23 Ex. 9 ครแู บ่งนักเรยี นเปน็ 2 กลมุ่ กลมุ่ แรกอ่านคำถาม อีกกล่มุ หนึ่งอา่ นคำตอบ

จากนั้นสลับบทบาทกนั
2. ให้นกั เรยี นจับคู่กนั สนทนา โดยสามารถเปลีย่ น your best friend เป็นบคุ คลอ่นื ได้ เช่น เพ่ือนในชั้น,

your dad, your mum, your sister
3. ครสู ุ่มเรียกนกั เรียน 3-4 คู่ ออกมาพดู สนทนาหนา้ ชน้ั เรยี น

A: What does your mum look like?
B: She’s short and slim with long, curly, brown hair, green eyes and full lips.
A: What’s she like?
B: She’s hard working and clever.

ข้ัน Production
1. หนังสอื เรยี น หนา้ 23 Ex. 10 ครูบอกนักเรียนวา่ จะไดฟ้ ังเรือ่ งราวของนกั รบหญิงคนหนงึ่ แลว้

พจิ ารณาวา่ ประโยค 1-5 ถูกหรือผิด หากประโยคใดผดิ ให้แก้ไขให้ถกู ต้อง จากนัน้ ครูใหน้ ักเรยี นอ่าน
ประโยค 1-5 พรอ้ มกนั แลว้ เปิด CD ให้นักเรยี นฟงั เรื่อง Boudicca: Britain’s First Warrior ในขณะท่ี

ฟังใหน้ ักเรยี นขดี เสน้ ใต้ข้อมลู ที่ผิด และเขยี นขอ้ มูลทถี่ ูกตอ้ งไวด้ ว้ ย จากนัน้ ครูใหน้ กั เรยี นฟงั เรื่องอีกครง้ั
และตรวจคำตอบร่วมกัน

1 F She was born in Britain. 4T

2 F She was tall with long red hair. 5 F She died in about 60 AD.

3T

2. หนงั สอื เรียน หนา้ 23 Ex. 11 นักเรียนนำข้อมลู จาก Ex. 10 มาเติมลงในชอ่ งว่างในขอ้ ความให้ถกู ตอ้ ง
เสร็จแล้วครูให้นักเรียนอา่ น paragraph พรอ้ มกัน

Boudicca was born in Britain in the first century. She was very tall with
long red hair and very clever and brave. She went to war with the
Romans. She died in about 60 AD.

3. นกั เรยี นทำ Language Review 2a Exs. 1-2 ในหนังสือเรยี น หน้า 106 ร่วมกันในชั้น
4. แบบฝกึ หัด (Workbook) หน้า 13 Exs. 5-8 ใหน้ กั เรียนทำเปน็ การบ้าน

7. สื่อ/อุปกรณ/์ แหลง่ เรยี นรู้
1) หนงั สือเรียน SPARK 2 ม. 2
2) Class Audio CDs ประกอบสอื่ ฯ ชุด SPARK 2 ม. 2
3) แบบฝกึ หัด SPARK 2 ม. 2
4) พจนานุกรมองั กฤษ-องั กฤษ
5) พจนานกุ รมออนไลน์
6) บัตรคำศพั ท์อาชพี
7) สมาชกิ ในครอบครัวของนกั เรียน

ลงชื่อ............................................................
(นางสาวประณาลี เมฆาระ)
ครูผู้สอน

ความคดิ เห็น (รองผู้อำนวยการกลุ่มบรหิ ารวิชาการ / ผ้บู ริหาร / ผู้ที่ได้รบั หมอบหมาย)
………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………….……
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..……………

ลงชื่อ............................................................
(นางชไมพร อร่ามวิทย์)
ตำแหนง่ ครู

วันที่ 12 พฤษภาคม 2565

บนั ทกึ ผลหลงั แผนการจัดการเรียนรู้

รหัสวชิ า อ22101 รายวิชาภาษาอังกฤษพน้ื ฐาน แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 1

เรอื่ ง Reading 1a & Vocabulary 2a
**********************************************************************************
บันทกึ วนั เดือน ปีที่ใช้ส

ช้นั /กลุ่ม
วนั /เดอื น/ปี

1. ผลการเรียนรู้ (นักเรยี น…………………….คน)
1.1 ด้านความรู้ (K) – เก่ง……………………………………………………………………………….……………………

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

1.2 ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P) – ด…ี …………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………….………………………….………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

1.3 ด้านคณุ ลกั ษณะทอี่ ันพึงประสงค์ (A)– มีสขุ ……………………………………………...…………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

1.4 ด้านสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (C) ………….……………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
2. ปญั หา/สง่ิ ท่พี ฒั นา วธิ แี กไ้ ข/พัฒนา และผลการแกไ้ ข/พัฒนา

ปัญหา/ส่ิงทพี่ ัฒนา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……

วธิ แี กไ้ ข/พัฒนา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ผลการแกไ้ ข/พัฒนา
…………………………………………………………………………………………………………………….………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ลงชอ่ื .............................................ครูผู้สอน ลงช่อื ...........................................หัวหน้ากลุม่ สาระ
(นางสาวประณาลี เมฆาระ) (นางสมใจ ศรเี ทพ)

ลงชื่อ.............................................รองผอู้ ำนวยการ ลงชื่อ...........................................ผูอ้ ำนวยการโรงเรยี น

(นายมนญู กลับกล่อม) (นายนราวุธ สุจติ ะพันธ)์

แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 3 เรือ่ ง Grammar 2b

รหสั วชิ า อ22101 รายวิชา ภาษาอังกฤษพ้นื ฐาน
ระดับช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2565

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 2 เรื่อง Myths & Legends เวลา 1 ชั่วโมง

1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชี้วดั ชนั้ ป/ี ผลการเรยี นรู้
สาระที่ 1 ภาษาเพ่อื การสอ่ื สาร
มาตรฐาน ต 1.2 มที กั ษะการส่อื สารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนขอ้ มูลข่าวสาร แสดงความร้สู ึกและ
ความคดิ เห็นอยา่ งมีประสทิ ธิภาพ
ตวั ชีว้ ดั
ต 1.2 ม. 2/1 สนทนาแลกเปลย่ี นขอ้ มลู เก่ยี วกบั ตนเอง เรอ่ื งต่าง ๆ ใกลต้ วั และสถานการณ์ต่าง ๆ ใน
ชีวิตประจำวันอย่างเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอขอ้ มูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคดิ เห็นในเรือ่ งตา่ ง ๆ โดยการ
พูดและการเขยี น
ตวั ชวี้ ดั
ต 1.3 ม. 2/1 พูดและเขยี นบรรยายเกย่ี วกบั ตนเอง กจิ วตั รประจำวนั ประสบการณ์ และขา่ ว/
เหตกุ ารณ์ทอ่ี ยู่ในความสนใจของสงั คม
สาระที่ 2 ภาษาและวัฒนธรรม
มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมอื นและความแตกตา่ งระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา
กับภาษาและวฒั นธรรมไทย และนำมาใช้อย่างถกู ตอ้ งและเหมาะสม
ตวั ชว้ี ัด
ต 2.2 ม. 2/1 เปรยี บเทียบและอธบิ ายความเหมือนและความแตกต่างระหว่างการออกเสียง ประโยค
ชนดิ ต่าง ๆ และการลำดับคำตามโครงสร้างประโยคของภาษาตา่ งประเทศและ
ภาษาไทย

สาระที่ 4 ภาษากบั ความสัมพันธ์กับชมุ ชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาตา่ งประเทศในสถานการณต์ า่ ง ๆ ท้งั ในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม

ตัวช้ีวดั

ต 4.1 ม. 2/1 ใช้ภาษาสอื่ สารในสถานการณ์จริง/สถานการณ์จำลองท่ีเกดิ ข้ึนในห้องเรียน สถานศึกษา
และชุมชน

2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด
การเรียนรู้และเข้าใจโครงสร้างทางภาษา ช่วยให้สามารถพูดและเขียนประโยคต่าง ๆ ได้ถูกต้องและ

เหมาะสมตามสถานการณ์ ตลอดจนเกิดความเข้าใจในความเหมือนและความต่างของภาษาอังกฤษและ
ภาษาไทย

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ (จุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรมเพ่อื ให้บรรลตุ ามตวั ชี้วดั )

1. เขยี นประโยคโดยใชโ้ ตรงสรา้ ง Present Simple Tense ได้

2. บรรยายแสดงความคิดเหน็ เกี่ยวกับชีวิตประจำวันของตนเองในอดีตได้อย่างเหมาะสม

3. สาระการเรียนรู้

3.1 ด้านความรู้ (Knowledge)
1) Language Features and Functions

Grammar: Past simple (regular and irregular verbs)
Used to
Prepositions of movement

Pronunciation: /t/, /d/, /Id/

watch, liked, walked, played, wanted, stopped

3.2) ทักษะ /กระบวนการ (Process)

Speaking: สนทนาเกยี่ วกบั เหตกุ ารณ์ในอดีต

Writing: เขียนใหข้ ้อมลู เกีย่ วกบั ตนเอง

3.2 คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
1) ใฝ่เรียนรู้
2) มุง่ มน่ั ในการทำงาน
3) อยู่อย่างพอเพียง

3.3 สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รยี น

1) ความสามารถในการส่ือสาร
2) ความสามารถในการคิด

3.4 ด้านคณุ ลกั ษณะของผเู้ รยี นตามหลักสูตรมาตรฐานสากล

1) เปน็ เลศิ วิชาการ
2) สอ่ื สารสองภาษา
3) ล้ำหนา้ ทางความคิด
4) ผลิตงานอยา่ งสร้างสรรค์
5) รว่ มกนั รับผดิ อบต่อสงั คมโลก

4. ชิ้นงาน/ภาระงาน (หลกั ฐานรอ่ งรอยแสดงความรู้)
ชิ้นงาน
1) บทความเก่ยี วกับชมุ ชนอารยธรรมโบราณ

2) สรปุ ชีวประวัตขิ อง Abraham Lincoln จากข้อความที่อา่ น
3) ชวี ประวตั ิโดยย่อของ Queen Victoria

ภาระงาน (รวบยอด)
1) พูดบรรยายลักษณะและนสิ ยั ของบุคคลอน่ื

2) เขยี นสรุปเร่ือง
3) แตง่ บทสนทนาเกี่ยวกบั ภาพยนตร์ท่ดี ูทางโทรทัศน์

5. การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้

ส่งิ ทีว่ ัดผล วธิ ีการวดั เครือ่ งมือวัดผล เกณฑก์ าร

ประเมินผล

ดา้ นความรู้ (K ) ตรวจการเขียนประโยค Past แบบฝกึ หดั (Workbook) รอ้ ยละ 60

simple

ดา้ นทกั ษะและ สังเกตการอธบิ าย แบบสังเกตพฤติกรรมการ ระดับคุณภาพ พอใช้

กระบวนการ ( P ) เปรียบเทยี บความเหมอื น เรยี นรู้

และความต่างของประโยค

ภาษาองั กฤษและภาษาไทย

ด้านคณุ ลกั ษณะอันพึง สังเกตความใฝ่เรียนรู้และ แบบประเมินคุณลักษณะ ระดับคุณภาพ ผา่ น

ประสงค์ ( A ) ความมุ่งมนั่ ในการทำงาน อนั พงึ ประสงค์

ด้านสมรรถนะสำคญั ของ ประเมินการเขยี น แบบสังเกตพฤติกรรมการ -

ผเู้ รยี น ( C ) paragraph เก่ยี วกบั เรียนรู้

กิจกรรมที่ตนเองทำในวันสุด

สัปดาห์ทีผ่ ่านมา

6. กจิ กรรมการเรียนรู้
ขนั้ Warm up

1. ครใู ห้นกั เรยี นขดี เส้นใต้คำกรยิ าในเร่อื ง Pocahontas หนงั สือเรียน หน้า 22 จากน้ันให้นักเรียนช่วยกนั
บอกคำท่ขี ีดเสน้ ใต้ และครูเขยี นบนกระดาน

2. นกั เรียนช่วยกนั ตรวจว่ามีคำใดบ้างทไ่ี มใ่ ช่คำกรยิ าและเพิม่ คำกริยาท่ีหายไป จากนน้ั ใหน้ ักเรียนอา่ น

คำกริยาทงั้ หมดบนกระดาน
ขน้ั Presentation

1. ครูบอกนักเรียนวา่ คำกรยิ าบนกระดานน้นั อยูใ่ นรปู Past simple แล้วให้นักเรยี นจบั กลุม่ ย่อย ช่วยกัน
จัดกลมุ่ คำกริยาบนกระดาน โดยให้กำหนดเกณฑท์ ใี่ ช้ในการจดั กล่มุ เอง

2. ครถู ามนกั เรียนแต่ละกลุ่มวา่ ใช้เกณฑใ์ ดในการจดั กลุม่ แล้วครสู รปุ ใหฟ้ ังว่าคำกริยาบนกระดานจะแบ่งได้

2 กลมุ่ คอื คำกริยาทีเ่ ปลี่ยนรูป เรยี กว่า irregular และคำกริยาทเี่ ตมิ -ed เรยี กว่า regular ครูขอ
อาสาสมัครออกมาเขียนผลการจัดกล่มุ คำกริยาบนกระดาน

คำกรยิ าท่ีเปล่ยี นรูป ไดแ้ ก่ was, could, did, had, got
คำกรยิ าทีเ่ ติม -ed ได้แก่ tried, arrived, settled, managed, believed, asked,
started, arrested, saved, stayed, liked, married, helped, died

จากนั้นครใู ห้นกั เรียนสังเกตคำกริยาทเ่ี ตมิ -ed แล้วชว่ ยกันบอกว่าจะแยกคำกรยิ าที่เตมิ -ed เป็นกลุ่ม
ยอ่ ยโดยใชเ้ กณฑ์ในการแยกอย่างไร แลว้ ครูจงึ สรุปใหฟ้ งั อีกคร้งั

คำกริยาที่เตมิ -ed ไดเ้ ลย ได้แก่ asked, started, arrested, helped
คำกรยิ าที่ลงท้ายดว้ ย e ให้เติม d ไดแ้ ก่ arrived, settled, managed, believed, saved,
liked, died
คำกริยาท่ีลงทา้ ยด้วย y และข้างหนา้ y เปน็ พยัญชนะ ใหเ้ ปลีย่ น y เปน็ i แล้วจึงเตมิ -ed
ไดแ้ ก่ tried, married
แตถ่ า้ ขา้ งหนา้ y เป็นสระ ใหเ้ ตมิ -ed ได้เลย ได้แก่ stayed

3. ครอู ธบิ ายการออกเสยี งคำกรยิ าท่ีเตมิ -ed โดยออกเสียงคำกริยาบนกระดานให้นักเรยี นฟงั ทลี ะคำ แล้ว
ครถู ามนักเรียนวา่ ได้ยินครอู อกเสยี งทา้ ยคำกรยิ าเปน็ เสียงอะไรบ้าง ให้นักเรียนชว่ ยกนั ตอบ แลว้ ครูจึง
สรปุ ใหฟ้ ัง

คำกริยาทเ่ี ติม -ed จะออกเสยี งได้ 3 เสยี ง คือ
1) ออกเสยี ง /t/ เม่ือคำกรยิ าลงทา้ ยดว้ ยเสยี งไมก่ อ้ ง (voiceless sound) ไดแ้ ก่ /k/, /p/,

/s/ เช่น talk, tap, kiss
2) ออกเสยี ง /d/ เม่อื คำกริยาลงท้ายดว้ ยเสยี งกอ้ ง (voice sound) ได้แก่ /b/, /d/, /n/,

/v/ เชน่ rob, open, live

3) ออกเสียง /Id/ เมอ่ื คำกรยิ าลงทา้ ยดว้ ยเสียง /t/, /d/ เช่น want, need

จากน้ันครูใหน้ กั เรียนช่วยกนั จดั กลุ่มคำกรยิ าท่ีเตมิ -ed บนกระดานตามหลกั การออกเสยี ง -ed เสรจ็
แล้วให้นักเรียนออกเสยี งคำกริยาท่ีจัดกล่มุ แลว้ คำละ 2 ครัง้

/t/ /d/ /Id/
asked, helped, liked started, arrested
tried, arrived, settled,
managed, believed,
save, stayed, married,
died

4. ครูเขียนประโยคบนกระดาน
She /They went to the museum last month?
Did she/they go to the museum last week?
No, she/they didn’t.

ครใู หน้ ักเรียนสงั เกตการใชค้ ำกริยากบั ประธาน และรูปของคำกริยาเมอื่ อยู่ในประโยคคำถาม และ
ประโยคคำตอบ จากนั้นใหน้ ักเรยี นอภิปรายรว่ มกนั
5. หนงั สอื เรียน หนา้ 24 Ex. 1 ครใู หน้ กั เรยี นศึกษาตาราง และช่วยกันสรุปรูปของคำกริยา Past simple
ในประโยคบอกเลา่ ปฏเิ สธ และคำถามอกี ครง้ั (คำกรยิ า Past simple ใชไ้ ด้กบั ประธานเอกพจนแ์ ละ
พหูพจน์ การทำเป็นประโยคปฏเิ สธให้ใช้ didn’t/did not มาวางข้างหนา้ คำกริยาหลัก และเปลีย่ น
คำกริยาหลักใหอ้ ยู่ในรูป base form ส่วนการทำเปน็ ประโยคคำถาม ให้ใช้ did ขึน้ ต้นประโยค และ
เปล่ยี นคำกรยิ าหลักให้อยู่ในรปู base form)

ขั้น Practice
1. หนังสอื เรยี น หน้า 24 Ex. 2 นกั เรียนเขียนรปู Past simple ของคำกรยิ าที่กำหนดให้ เสร็จแล้วครู

เปิด CD ใหน้ กั เรียนฟังเพ่อื ตรวจคำตอบ โดยครูเขียนคำตอบบนกระดาน จากนน้ั ใหน้ กั เรียนชว่ ยกันระบุ
วา่ คำกริยาคำใดเปน็ irregular แลว้ ครขู ออาสาสมัครอา่ นคำกรยิ าท่เี ป็น irregular

1 came (I) 2 found (I) 3 changed 4 saw (I)
8 bought (I)
5 ate (I) 6 tried 7 had (I) 12 gave (I)
9 looked 10 went (I) 11 took (I)
13 listened 14 wanted 15 made (I)

2. หนงั สอื เรียน หน้า 24 Ex. 3 ครเู ปิด CD ให้นกั เรยี นฟงั การออกเสียงคำกรยิ าท่ีเตมิ -ed และออกเสียง
ตาม จากนั้นใหน้ กั เรียนฟัง CD อีกครงั้ และทำเครื่องหมาย  ลงในตาราง เสร็จแลว้ ครูเฉลยคำตอบ
และให้นักเรยี นชว่ ยกนั คดิ คำกรยิ าเติม -ed ที่ออกเสยี งทัง้ 3 เสยี ง เพม่ิ เติม

/t/ /d/ / Id/ /t/ /d/ /Id/

watched   played 

wanted  stopped 
liked
walked 

3. หนงั สอื เรียน หนา้ 24 Ex. 4 นกั เรยี นเปล่ยี นคำกริยาในวงเลบ็ ใหอ้ ยู่ในรปู Past simple เสรจ็ แลว้ ครู
สุม่ เรียกนักเรียนอา่ นประโยคคนละ 1 ประโยค พรอ้ มสะกดคำกริยา จากน้นั ใหน้ กั เรยี นชว่ ยกันระบวุ ่า
คำกรยิ าคำใดเปน็ irregular และคำใดเปน็ regular

1 took (I) 2 was (I) 3 visited (R) 4 went (I)
5 ate (I) 6 saw (I) 7 walked (R) 8 had (I)

ข้ัน Production

1. หนงั สือเรียน หน้า 24 Ex. 5 นกั เรียนดูภาพ และเขียนประโยคใหมใ่ หถ้ กู ตอ้ ง เสร็จแลว้ ครขู อ
อาสาสมัครอ่านประโยคข้อละ 1 คน

2 They didn’t go with their parents. They went with their grandparent.
3 They didn’t wear their school uniform. They wore casual clothes.
4 They didn’t see an exhibition about the ancient Greeks. They saw an

exhibition about the ancient Egyptians.
5 Tom didn’t take his MP3 player. He took his digital camera.
6 Lucy didn’t buy a book from the gift shop. She bought some pencils.
7 They didn’t feel bored. They felt happy.

2. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 14 Exc. 1-4 ให้นักเรียนทำเป็นการบ้าน

7. สือ่ /อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้

สอ่ื 1) หนังสือเรยี น SPARK 2 ม. 2
2) Class Audio CDs ประกอบสือ่ ฯ ชุด SPARK 2 ม. 2
3) แบบฝกึ หัด SPARK 2 ม. 2

วสั ดุอุปกรณ์ 1) พจนานุกรมอังกฤษ-อังกฤษ
2) พจนานุกรมออนไลน์

แหลง่ เรยี นรู้ 1) หอ้ งสมุด
ลงชอ่ื ............................................................
(นางสาวประณาลี เมฆาระ)
ครูผู้สอน

ความคดิ เห็น (รองผอู้ ำนวยการกลมุ่ บรหิ ารวชิ าการ / ผู้บริหาร / ผู้ทไ่ี ด้รับหมอบหมาย)
………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………….……
………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…….……

ลงช่ือ............................................................
(นางชไมพร อรา่ มวิทย)์
ตำแหน่ง ครู
วนั ที่ 12 พฤษภาคม 2565

บนั ทกึ ผลหลังแผนการจัดการเรยี นรู้

รหัสวชิ า อ22101 รายวิชาภาษาองั กฤษพืน้ ฐาน แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 3

เรอื่ ง Grammar 2b
**********************************************************************************
บันทึกวนั เดือน ปีท่ีใช้สอน

ชน้ั /กลุ่ม
วนั /เดือน/ปี

1. ผลการเรยี นรู้ (นกั เรยี น…………………….คน)
1.1 ด้านความรู้ (K) – เก่ง……………………………………………………………………………….……………………

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

1.2 ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P) – ด…ี …………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………….………………………….………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

1.3 ดา้ นคุณลกั ษณะทอี่ ันพงึ ประสงค์ (A)– มสี ขุ ……………………………………………...…………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

1.4 ด้านสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (C) ………….……………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

2. ปญั หา/สงิ่ ที่พัฒนา วิธแี ก้ไข/พฒั นา และผลการแก้ไข/พฒั นา
ปญั หา/ส่งิ ทพี่ ฒั นา

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……

วธิ แี กไ้ ข/พฒั นา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ผลการแกไ้ ข/พฒั นา
…………………………………………………………………………………………………………………….………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ลงชอื่ .............................................ครูผสู้ อน ลงช่ือ...........................................หวั หนา้ กลุ่มสาระ
(นางสาวประณาลี เมฆาระ) (นางสมใจ ศรเี ทพ)

ลงชือ่ .............................................รองผู้อำนวยการ ลงช่ือ...........................................ผู้อำนวยการโรงเรยี น

(นายมนญู กลับกลอ่ ม) (นายนราวุธ สุจติ ะพันธ)์

แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 4 เรือ่ ง Grammar 2b

รหสั วชิ า อ22101 รายวิชา ภาษาอังกฤษพ้นื ฐาน
ระดับช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2565

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 2 เรื่อง Myths & Legends เวลา 1 ชั่วโมง

1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชี้วดั ชนั้ ป/ี ผลการเรยี นรู้
สาระที่ 1 ภาษาเพ่อื การสอ่ื สาร
มาตรฐาน ต 1.2 มที กั ษะการส่อื สารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนขอ้ มูลข่าวสาร แสดงความร้สู ึกและ
ความคดิ เห็นอยา่ งมีประสทิ ธิภาพ
ตวั ชีว้ ดั
ต 1.2 ม. 2/1 สนทนาแลกเปลย่ี นขอ้ มลู เก่ยี วกบั ตนเอง เรอ่ื งต่าง ๆ ใกลต้ วั และสถานการณ์ต่าง ๆ ใน
ชีวิตประจำวันอย่างเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอขอ้ มูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคดิ เห็นในเรือ่ งตา่ ง ๆ โดยการ
พูดและการเขยี น
ตวั ชวี้ ดั
ต 1.3 ม. 2/1 พูดและเขยี นบรรยายเกย่ี วกบั ตนเอง กจิ วตั รประจำวนั ประสบการณ์ และขา่ ว/
เหตกุ ารณ์ทอ่ี ยู่ในความสนใจของสงั คม
สาระที่ 2 ภาษาและวัฒนธรรม
มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมอื นและความแตกตา่ งระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา
กับภาษาและวฒั นธรรมไทย และนำมาใช้อย่างถกู ตอ้ งและเหมาะสม
ตวั ชว้ี ัด
ต 2.2 ม. 2/1 เปรยี บเทียบและอธบิ ายความเหมือนและความแตกต่างระหว่างการออกเสียง ประโยค
ชนดิ ต่าง ๆ และการลำดับคำตามโครงสร้างประโยคของภาษาตา่ งประเทศและ
ภาษาไทย

สาระที่ 4 ภาษากบั ความสัมพันธ์กับชมุ ชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาตา่ งประเทศในสถานการณต์ า่ ง ๆ ท้งั ในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม

ตัวช้ีวดั

ต 4.1 ม. 2/1 ใช้ภาษาสอื่ สารในสถานการณ์จริง/สถานการณ์จำลองท่ีเกดิ ข้ึนในห้องเรียน สถานศึกษา
และชุมชน

2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด
การเรียนรู้และเข้าใจโครงสร้างทางภาษา ช่วยให้สามารถพูดและเขียนประโยคต่าง ๆ ได้ถูกต้องและ

เหมาะสมตามสถานการณ์ ตลอดจนเกิดความเข้าใจในความเหมือนและความต่างของภาษาอังกฤษและ
ภาษาไทย

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ (จุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรมเพ่อื ให้บรรลตุ ามตวั ชี้วดั )

1. เขยี นประโยคโดยใชโ้ ตรงสรา้ ง Present Simple Tense ได้

2. บรรยายแสดงความคิดเหน็ เกี่ยวกับชีวิตประจำวันของตนเองในอดีตได้อย่างเหมาะสม

3. สาระการเรียนรู้

3.1 ด้านความรู้ (Knowledge)
1) Language Features and Functions

Grammar: Past simple (regular and irregular verbs)
Used to
Prepositions of movement

Pronunciation: /t/, /d/, /Id/

watch, liked, walked, played, wanted, stopped

3.2) ทักษะ /กระบวนการ (Process)

Speaking: สนทนาเกยี่ วกบั เหตกุ ารณ์ในอดีต

Writing: เขียนใหข้ ้อมลู เกีย่ วกบั ตนเอง

3.2 คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
1) ใฝ่เรียนรู้
2) มุง่ มน่ั ในการทำงาน
3) อยู่อย่างพอเพียง

3.3 สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รยี น

1) ความสามารถในการส่ือสาร
2) ความสามารถในการคิด

3.4 ด้านคณุ ลกั ษณะของผเู้ รยี นตามหลักสูตรมาตรฐานสากล

1) เปน็ เลศิ วิชาการ
2) สอ่ื สารสองภาษา
3) ล้ำหนา้ ทางความคิด
4) ผลิตงานอยา่ งสร้างสรรค์
5) รว่ มกนั รับผดิ อบต่อสงั คมโลก

4. ชิ้นงาน/ภาระงาน (หลกั ฐานรอ่ งรอยแสดงความรู้)
ชิ้นงาน
1) บทความเก่ยี วกับชมุ ชนอารยธรรมโบราณ

2) สรปุ ชีวประวัตขิ อง Abraham Lincoln จากข้อความที่อา่ น
3) ชวี ประวตั ิโดยย่อของ Queen Victoria

ภาระงาน (รวบยอด)
1) พูดบรรยายลกั ษณะและนสิ ยั ของบคุ คลอ่ืน

2) เขยี นสรุปเรื่อง
3) แตง่ บทสนทนาเกี่ยวกบั ภาพยนตรท์ ด่ี ูทางโทรทัศน์

5. การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้

สิ่งทีว่ ัดผล วิธีการวัด เครอื่ งมอื วดั ผล เกณฑก์ าร

ประเมินผล

ด้านความรู้ (K ) ตรวจการเขียนประโยค Past แบบฝึกหดั (Workbook) รอ้ ยละ 60

simple

ด้านทกั ษะและ สังเกตการอธิบาย แบบสงั เกตพฤติกรรมการ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้

กระบวนการ ( P ) เปรียบเทยี บความเหมอื น เรยี นรู้

และความตา่ งของประโยค

ภาษาอังกฤษและภาษาไทย

ด้านคุณลักษณะอันพึง สงั เกตความใฝ่เรยี นรแู้ ละ แบบประเมินคุณลกั ษณะ ระดบั คณุ ภาพ ผา่ น

ประสงค์ ( A ) ความมุ่งมั่นในการทำงาน อนั พงึ ประสงค์

ดา้ นสมรรถนะสำคญั ของ ประเมนิ การเขยี น แบบสงั เกตพฤติกรรมการ -

ผู้เรยี น ( C ) paragraph เกยี่ วกบั เรียนรู้

กิจกรรมท่ตี นเองทำในวันสดุ

สัปดาห์ท่ีผ่านมา

6. กิจกรรมการเรยี นรู้
ขน้ั Warm up

1. ครูบอกคำกรยิ า Present simple ใหน้ ักเรยี นบอก Past simple ของคำกริยาน้นั
2. ครูให้นกั เรียนแตล่ ะแถวแข่งกันเปล่ียนประโยคบอกเล่าเปน็ ประโยคคำถาม Yes/No question โดยครู

จะพดู ประโยคบอกเลา่ แถวใดยกมือข้ึนก่อนจะได้พูดประโยคก่อน ถา้ พดู ประโยคถูกต้องจะได้ 1คะแนน

เชน่
T: Linda played basketball yesterday.

แถวที่ 1: Did Linda play basketball yesterday?
T: Correct. Get 1 point.

ขัน้ Presentation
1. ครนู ำเสนอ prepositions of movement: across, along, into, over, past, through, up, down,

towards โดยการวาดภาพง่าย ๆ บนกระดาน และออกเสยี ง ใหน้ กั เรยี นออกเสียงตาม และชว่ ยกันบอก
ความหมาย

ขน้ั Practice
1. หนงั สือเรียน หนา้ 25 Ex. 8 ครูใหน้ ักเรียนเขียนประโยค Past simple เก่ยี วกับตนเองโดยใชค้ ำบอก

เวลาทีก่ ำหนดให้ เสรจ็ แล้วครสู ุ่มเรยี กนักเรยี น 1 คน อา่ นประโยคของตนเอง เม่อื นักเรยี นอา่ นประโยค
แล้วครูถามคำถามโดยใช้ when เป็นตวั อย่าง ให้นกั เรียนท้ังช้ันตอบพร้อมกนั เชน่

S1: I went to the cinema last night.
T: When did he go to the cinema?
Class: He went to the cinema last night.
จากนัน้ ครูส่มุ เรยี กนักเรียน 5-6 คน อา่ นประโยคของตนเอง แล้วครูขออาสาสมคั รเป็นผถู้ ามคำถามโดย
ใช้ when และใหน้ กั เรียนทัง้ ช้ันตอบพรอ้ มกนั

I had cereal for breakfast yesterday morning.
I watched a DVD last night.
I bought a new CD yesterday.
I went to the cinema last Sunday.

2. หนังสือเรยี น หนา้ 25 Ex. 6 ครูใหน้ ักเรยี นใช้คำทใี่ ห้มาเขยี นประโยคคำถามให้ถกู ต้อง พร้อมทั้งตอบ
คำถามโดยเลอื กจากคำตอบท่ีกำหนดให้ เสรจ็ แลว้ ครูขออาสาสมัครอ่านคำถามและคำตอบ ใหน้ ักเรียน
ตรวจคำตอบรว่ มกนั

1. หนงั สือเรยี น หน้า 25 Ex. 9b ครใู หน้ กั เรียนเขยี นประโยคบอกสงิ่ ท่ี Peter เคยทำ/ไม่เคยทำเม่ือตอน
10 ขวบ โดยใช้ used to รว่ มกับคำทกี่ ำหนดให้ เสร็จแลว้ ครูให้นักเรยี นอา่ นประโยคพรอ้ มกนั เพอื่
ตรวจคำตอบ

2 He used to play in the street.
3 He didn’t use to surf the Net.

4 He used to wear glasses.
5 He didn’t use to play video games.
6 He didn’t use to go to bed late.

7 He used to ride a bike.
8 He didn’t use to drive a car.

2. ครใู หน้ ักเรียนจับคกู่ ับเพอ่ื น ผลดั กันพดู บอกประสบการณ์ของตนเองตามข้อ 1-8 ใน Ex. 9b เชน่ I
didn’t use to play in the street. สมุ่ เรียกนักเรยี น 2 คน พูดบอกประสบการณข์ องตนเองใหเ้ พ่ือน
ฟัง

3. หนังสือเรยี น หน้า 25 Ex. 10 นักเรยี นอ่านเนื้อเรือ่ ง แล้วนำ preposition ไปเติมลงในชอ่ งวา่ ง
เสร็จแล้วครตู รวจคำตอบ

1 along 2 past 3 through 4 towards 5 up
6 down 7 over 8 across 9 into

ข้นั Production
1. หนงั สอื เรยี น หน้า 25 Ex. 11 นกั เรยี นเขียน paragraph เกย่ี วกับกิจกรรมทีต่ นเองทำในวันสดุ สัปดาห์

ทีผ่ า่ นมา โดยใหม้ ีความยาวอย่างนอ้ ย 5 ประโยค

Last weekend, I went shopping with my friend on Saturday. We tried
on some clothes and I bought a pair of jeans and then we had lunch.
After, we went to the cinema. I had a great time! On Sunday, I stayed

at home and relaxed. I read a book and watched some TV.

2. นกั เรยี นทำ Grammar Bank 2 ในแบบฝึกหัด (Workbook) หน้า 75 Exs. 1-7
3. แบบฝึกหัด (Workbook) หน้า 14-15 Exs. 5-8 ใหน้ ักเรียนทำเป็นการบา้ น

7. ส่ือ/อปุ กรณ/์ แหลง่ เรยี นรู้

สอ่ื 1) หนังสอื เรียน SPARK 2 ม. 2

วัสดุอุปกรณ์ 2) Class Audio CDs ประกอบส่ือฯ ชุด SPARK 2 ม. 2
แหล่งเรียนรู้ 3) แบบฝกึ หัด SPARK 2 ม. 2
1) พจนานกุ รมอังกฤษ-อังกฤษ

2) พจนานุกรมออนไลน์
1) ห้องสมุด

ลงชอ่ื ............................................................
(นางสาวประณาลี เมฆาระ)
ครผู ู้สอน

ความคดิ เห็น (รองผอู้ ำนวยการกลุ่มบริหารวชิ าการ / ผู้บริหาร / ผู้ที่ได้รบั หมอบหมาย)
………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………….……
………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…….……

ลงช่ือ............................................................
(นางชไมพร อร่ามวทิ ย)์
ตำแหนง่ ครู
วันท่ี 12 พฤษภาคม 2565

บันทึกผลหลงั แผนการจัดการเรียนรู้

รหัสวชิ า อ22101 รายวิชาภาษาองั กฤษพ้นื ฐาน แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี 4

เรื่อง Grammar 2b
**********************************************************************************
บันทึกวนั เดือน ปีท่ีใช้สอน

ชน้ั /กลุ่ม
วนั /เดือน/ปี

1. ผลการเรยี นรู้ (นกั เรยี น…………………….คน)
1.1 ด้านความรู้ (K) – เก่ง……………………………………………………………………………….……………………

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

1.2 ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P) – ด…ี …………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………….………………………….………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

1.3 ดา้ นคุณลกั ษณะทอี่ ันพงึ ประสงค์ (A)– มสี ขุ ……………………………………………...…………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

1.4 ด้านสมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น (C) ………….……………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

2. ปญั หา/สงิ่ ที่พัฒนา วิธแี ก้ไข/พฒั นา และผลการแกไ้ ข/พฒั นา
ปญั หา/ส่งิ ทพี่ ฒั นา

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……

วธิ แี กไ้ ข/พฒั นา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ผลการแกไ้ ข/พฒั นา
…………………………………………………………………………………………………………………….………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ลงชอื่ .............................................ครูผสู้ อน ลงชื่อ...........................................หัวหนา้ กลุ่มสาระ
(นางสาวประณาลี เมฆาระ) (นางสมใจ ศรเี ทพ)

ลงชือ่ .............................................รองผ้อู ำนวยการ ลงชอื่ ...........................................ผอู้ ำนวยการโรงเรยี น

(นายมนญู กลับกลอ่ ม) (นายนราวุธ สุจิตะพนั ธ)์

แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 5 เรือ่ ง Grammar 2b

รหสั วชิ า อ22101 รายวิชา ภาษาอังกฤษพ้นื ฐาน
ระดับช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2565

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 2 เรื่อง Myths & Legends เวลา 1 ชั่วโมง

1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชี้วดั ชนั้ ป/ี ผลการเรยี นรู้
สาระที่ 1 ภาษาเพ่อื การสอ่ื สาร
มาตรฐาน ต 1.2 มที กั ษะการส่อื สารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนขอ้ มูลข่าวสาร แสดงความร้สู ึกและ
ความคดิ เห็นอยา่ งมีประสทิ ธิภาพ
ตวั ชีว้ ดั
ต 1.2 ม. 2/1 สนทนาแลกเปลย่ี นขอ้ มลู เก่ยี วกบั ตนเอง เรอ่ื งต่าง ๆ ใกลต้ วั และสถานการณ์ต่าง ๆ ใน
ชีวิตประจำวันอย่างเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอขอ้ มูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคดิ เห็นในเรือ่ งตา่ ง ๆ โดยการ
พูดและการเขยี น
ตวั ชวี้ ดั
ต 1.3 ม. 2/1 พูดและเขยี นบรรยายเกย่ี วกบั ตนเอง กจิ วตั รประจำวนั ประสบการณ์ และขา่ ว/
เหตกุ ารณ์ทอ่ี ยู่ในความสนใจของสงั คม
สาระที่ 2 ภาษาและวัฒนธรรม
มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมอื นและความแตกตา่ งระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา
กับภาษาและวฒั นธรรมไทย และนำมาใช้อย่างถกู ตอ้ งและเหมาะสม
ตวั ชว้ี ัด
ต 2.2 ม. 2/1 เปรยี บเทียบและอธบิ ายความเหมือนและความแตกต่างระหว่างการออกเสียง ประโยค
ชนดิ ต่าง ๆ และการลำดับคำตามโครงสร้างประโยคของภาษาตา่ งประเทศและ
ภาษาไทย

สาระที่ 4 ภาษากบั ความสัมพันธ์กับชมุ ชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาตา่ งประเทศในสถานการณต์ า่ ง ๆ ท้งั ในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม

ตัวช้ีวดั

ต 4.1 ม. 2/1 ใช้ภาษาสอื่ สารในสถานการณ์จริง/สถานการณ์จำลองท่ีเกดิ ข้ึนในห้องเรียน สถานศึกษา
และชุมชน

2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด
การเรียนรู้และเข้าใจโครงสร้างทางภาษา ช่วยให้สามารถพูดและเขียนประโยคต่าง ๆ ได้ถูกต้องและ

เหมาะสมตามสถานการณ์ ตลอดจนเกิดความเข้าใจในความเหมือนและความต่างของภาษาอังกฤษและ
ภาษาไทย

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ (จุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรมเพ่อื ให้บรรลตุ ามตวั ชี้วดั )

1. เขยี นประโยคโดยใชโ้ ตรงสรา้ ง Present Simple Tense ได้

2. บรรยายแสดงความคิดเหน็ เกี่ยวกับชีวิตประจำวันของตนเองในอดีตได้อย่างเหมาะสม

3. สาระการเรียนรู้

3.1 ด้านความรู้ (Knowledge)

1) Language Features and Functions

Grammar: Past simple (regular and irregular verbs)

Used to

Prepositions of movement

Pronunciation: /t/, /d/, /Id/

watch, liked, walked, played, wanted, stopped

3.2) ทักษะ /กระบวนการ (Process)

Speaking: สนทนาเกยี่ วกบั เหตกุ ารณ์ในอดีต

Writing: เขียนใหข้ ้อมลู เกีย่ วกบั ตนเอง

3.2 คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
1) ใฝ่เรียนรู้

2) มุง่ มน่ั ในการทำงาน
3) อยู่อย่างพอเพียง

3.3 สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รยี น
1) ความสามารถในการส่ือสาร

2) ความสามารถในการคิด

3.4 ด้านคณุ ลกั ษณะของผเู้ รยี นตามหลักสูตรมาตรฐานสากล

1) เปน็ เลศิ วิชาการ
2) สอ่ื สารสองภาษา
3) ล้ำหนา้ ทางความคิด
4) ผลิตงานอยา่ งสร้างสรรค์
5) รว่ มกนั รับผดิ อบต่อสงั คมโลก

4. ชิ้นงาน/ภาระงาน (หลกั ฐานรอ่ งรอยแสดงความรู้)
ชิ้นงาน
1) บทความเก่ยี วกับชมุ ชนอารยธรรมโบราณ
2) สรปุ ชีวประวัตขิ อง Abraham Lincoln จากข้อความที่อา่ น

3) ชวี ประวตั ิโดยย่อของ Queen Victoria

ภาระงาน (รวบยอด)
1) พดู บรรยายลักษณะและนิสัยของบคุ คลอนื่

2) เขียนสรปุ เร่อื ง
3) แต่งบทสนทนาเกยี่ วกบั ภาพยนตร์ท่ีดูทางโทรทัศน์

5. การวดั และประเมินผลการเรียนรู้

สง่ิ ทีว่ ัดผล วธิ ีการวัด เคร่อื งมอื วดั ผล เกณฑก์ าร

ประเมินผล

ดา้ นความรู้ (K ) ตรวจการเขยี นประโยค Past แบบฝกึ หัด (Workbook) รอ้ ยละ 60

simple

ด้านทักษะและ สังเกตการอธบิ าย แบบสังเกตพฤตกิ รรมการ ระดบั คุณภาพ พอใช้

กระบวนการ ( P ) เปรียบเทียบความเหมือน เรยี นรู้

และความต่างของประโยค

ภาษาอังกฤษและภาษาไทย

ด้านคณุ ลกั ษณะอันพึง สังเกตความใฝ่เรยี นร้แู ละ แบบประเมินคุณลักษณะ ระดบั คุณภาพ ผ่าน

ประสงค์ ( A ) ความม่งุ มนั่ ในการทำงาน อันพึงประสงค์

ดา้ นสมรรถนะสำคัญของ ประเมนิ การเขยี น แบบสังเกตพฤติกรรมการ -

ผเู้ รียน ( C ) paragraph เก่ียวกับ เรียนรู้

กิจกรรมทีต่ นเองทำในวันสุด

สัปดาห์ทผี่ ่านมา

6. กิจกรรมการเรยี นรู้
ข้ัน Warm up
1. ครบู อกคำกรยิ า Present simple ให้นกั เรียนบอก Past simple ของคำกรยิ านั้น

2. ครูให้นกั เรยี นแต่ละแถวแข่งกนั เปลี่ยนประโยคบอกเล่าเป็นประโยคคำถาม Yes/No question โดยครู
จะพูดประโยคบอกเลา่ แถวใดยกมือขนึ้ กอ่ นจะไดพ้ ูดประโยคกอ่ น ถา้ พูดประโยคถกู ต้องจะได้ 1คะแนน

เชน่
T: Linda played basketball yesterday.
แถวท่ี 1: Did Linda play basketball yesterday?

T: Correct. Get 1 point.

ขั้น Presentation
1. หนังสือเรียน หนา้ 25 Ex. 7 ครูทบทวนประโยคคำถาม Yes/No question ในรปู Past simple โดย

นักเรียนอา่ นประโยคคำถามและคำตอบข้อ 1 พร้อมกัน แล้วครูสุ่มเรียกนกั เรยี นทีละแถวใหถ้ ามคำถาม

และสุ่มเรียกอีกแถวใหต้ อบคำถาม จนครบทัง้ 5 ข้อ

2 A: Did your dad drive you to school yesterday?
B: Yes, he did./No, he didn’t.

3 A: Did your family have a beach holiday last year?
B: Yes, they did./No, they didn’t.

4 A: Did you have a big breakfast yesterday morning?

B: Yes, I did./No, I didn’t.
5 A: Did your friend send you a text message last night?

B: Yes, he did./No, he didn’t.
2. ครูเขยี นประโยคคำถามขอ้ 2 Did your dad drive you to school yesterday? บนกระดาน โดยขีด

เสน้ ใต้คำว่า yesterday และเขยี นคำตอบ No, he didn’t. ครถู ามนักเรยี นวา่ ถา้ ตอ้ งการถามเวลาที่

ถูกตอ้ งทพี่ อ่ ขับรถพาไปโรงเรยี น นกั เรียนจะใช้ wh-word คำใด ครูกระตุน้ ให้นกั เรียนตอบ when เมอื่
นักเรยี นตอบแล้วครเู ขยี น When บนกระดาน ตามดว้ ยประโยคคำถามเดมิ และตดั คำว่า yesterday

ออก
Question: Did your dad drive you to school yesterday?
Answer: No, he didn’t.

Question: When did your dad drive you to school?
Answer: Last Monday./Last week. etc.

ตอ่ มาครูเขยี นคำถามข้อ 5 Did your friend send you a text message last night? โดยขดี เสน้ ใต้
text message แลว้ ถามนักเรียนว่า ถา้ ตอ้ งการคำตอบเป็นส่งิ อน่ื ท่ไี มใ่ ช่ text message ตอ้ งถามว่า
อย่างไร (What did your friend send you last night?) และถา้ ต้องการคำตอบเปน็ เวลาอ่ืนทไี่ ม่ใช่

last night ต้องถามว่าอย่างไร (When did your friend send you a text message?)
3. ครูเขียนประโยค Past simple ทใี่ ช้ used to และไม่ใช้ used to บนกระดาน และขดี เสน้ ใต้คำกริยา

แล้วให้นกั เรยี นแสดงความคิดเหน็ ว่าประโยคท้ังสองเหมือนหรอื ตา่ งกันอย่างไร
- My grandfather played tennis when he was young.
My grandfather used to play tennis when he was young.

- Did your grandfather play tennis when he was young?
Did your grandfather use to play tennis when he was young?

- Yes, he did.
จากนั้นใหน้ ักเรยี นศึกษาตารางในหนังสือเรียน หนา้ 25 Ex. 9a และอภปิ รายรว่ มกนั ว่าในภาษาไทยมี
รูปประโยคในลกั ษณะน้ีหรือไม่

4. ครูนำเสนอ prepositions of movement: across, along, into, over, past, through, up, down,
towards โดยการวาดภาพง่าย ๆ บนกระดาน และออกเสียง ให้นกั เรยี นออกเสยี งตาม และช่วยกนั บอก

ความหมาย

ขั้น Practice
1. หนงั สือเรยี น หนา้ 25 Ex. 8 ครูใหน้ กั เรยี นเขียนประโยค Past simple เกยี่ วกับตนเองโดยใช้คำบอก

เวลาทีก่ ำหนดให้ เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรยี กนกั เรียน 1 คน อา่ นประโยคของตนเอง เมอ่ื นักเรียนอา่ นประโยค
แล้วครถู ามคำถามโดยใช้ when เป็นตัวอยา่ ง ให้นักเรียนทั้งช้นั ตอบพร้อมกนั เชน่

S1: I went to the cinema last night.
T: When did he go to the cinema?
Class: He went to the cinema last night.
จากน้นั ครูสุ่มเรียกนกั เรยี น 5-6 คน อ่านประโยคของตนเอง แลว้ ครขู ออาสาสมัครเป็นผถู้ ามคำถามโดย
ใช้ when และให้นักเรียนทั้งช้นั ตอบพร้อมกนั

I had cereal for breakfast yesterday morning.
I watched a DVD last night.
I bought a new CD yesterday.
I went to the cinema last Sunday.

2. หนังสอื เรยี น หน้า 25 Ex. 6 ครใู หน้ กั เรียนใชค้ ำทีใ่ ห้มาเขียนประโยคคำถามให้ถกู ตอ้ ง พรอ้ มท้งั ตอบ
คำถามโดยเลือกจากคำตอบท่ีกำหนดให้ เสรจ็ แลว้ ครขู ออาสาสมคั รอ่านคำถามและคำตอบ ใหน้ ักเรียน
ตรวจคำตอบรว่ มกนั

ขนั้ Production
1. หนงั สือเรยี น หน้า 25 Ex. 11 นักเรยี นเขียน paragraph เกี่ยวกับกิจกรรมทีต่ นเองทำในวนั สดุ สัปดาห์

ทผี่ ่านมา โดยให้มีความยาวอย่างน้อย 5 ประโยค

Last weekend, I went shopping with my friend on Saturday. We tried
on some clothes and I bought a pair of jeans and then we had lunch.
After, we went to the cinema. I had a great time! On Sunday, I stayed
at home and relaxed. I read a book and watched some TV.
2. นกั เรียนทำ Grammar Bank 2 ในแบบฝกึ หดั (Workbook) หนา้ 75 Exs. 1-7
3. แบบฝกึ หดั (Workbook) หนา้ 14-15 Exs. 5-8 ใหน้ กั เรยี นทำเป็นการบ้าน

7. สอ่ื /อุปกรณ์/แหลง่ เรียนรู้

สอ่ื 1) หนังสือเรียน SPARK 2 ม. 2
2) Class Audio CDs ประกอบสือ่ ฯ ชดุ SPARK 2 ม. 2
วัสดุอปุ กรณ์ 3) แบบฝกึ หดั SPARK 2 ม. 2
แหลง่ เรยี นรู้
1) พจนานุกรมอังกฤษ-องั กฤษ
2) พจนานกุ รมออนไลน์

1) ห้องสมุด

ลงชื่อ............................................................
(นางสาวประณาลี เมฆาระ)
ครูผู้สอน

ความคดิ เหน็ (รองผอู้ ำนวยการกลุ่มบรหิ ารวชิ าการ / ผู้บริหาร / ผู้ท่ไี ด้รบั หมอบหมาย)
………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………….……
………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…….……
………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……………

ลงช่ือ............................................................
(นางชไมพร อรา่ มวิทย)์
ตำแหน่ง ครู
วันท่ี 12 พฤษภาคม 2565


Click to View FlipBook Version