หลักสูตรระดบั ชนั้ เรียน
โรงเรยี นองค์การบรหิ ารสว่ นจังหวัดเชียงราย
พุทธศักราช ๒๕๖๕
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน
พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
รายวิชา ฟสิ ิกส์ ๕ ว๓๐๒๐๕
กล่มุ สาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ระดบั ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๖
ชื่อครูผู้สอน
นางสาววนี สั พิทาคำ
นายพงศกร บญุ วงค์
สำนักการศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม
องคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวัดเชยี งราย
กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิน่
กระทรวงมหาดไทย
โครงการสอน (Course Outline)
สาระการเรียนรู้รายวชิ า ฟสิ ิกส์ 5 รหสั ว30205
ครผู สู้ อน นางสาววนี สั พทิ าคำ นายพงศกร บุญวงค์
ระดบั ชนั้
ประถมศึกษาปีที่ ……. มัธยมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรยี นท่ี 2 / 2565
ลกั ษณะวชิ า
สาระพื้นฐาน สาระเพิ่มเตมิ กิจกรรมพฒั นาผูเ้ รยี น อ่นื ๆ
1) คำอธบิ ายรายวชิ า ( ภาคเรียนที่ 2 )
สังเกต ทดลอง ศึกษาวิเคราะห์ อธิบายและสืบค้นข้อมูล คำนวณปริมาณต่าง ๆ ทฤษฏีคลื่น
แม่เหล็กไฟฟ้าของแมกซ์เวลล์ สเปกตรัมคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า โพลาไรเซชันของคล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้า การนำ
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในช่วงความถ่ีต่าง ๆ ไปประยุกต์ใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน อะตอม การค้นพบ
อิเล็กตรอน แบบจำลองอะตอมของทอมสัน การทดลองของรัทเทอร์ฟอร์ด ปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริก
พลังงานจลน์ของโฟโตอิเล็กตรอน ฟังก์ชันงานของโลหะ ทฤษฎีอะตอมของโบร์ การเกิดเส้นสเปกตรัม
ของอะตอมไฮโดรเจน การทดลองของฟรังก์และเฮิรตซ์ รังสีเอ็กซ์ ทวิภาวะของคล่ืนและอนุภาค ความยาว
คลื่นเดอบรอยล์ กลศาสตร์ควอนตัม เลเซอร์ ตัวนำ ก่ึงตัวนำ และฉนวน การค้นพบกัมมันตภาพรังสี
การเปลี่ยนสภาพนิวเคลียส การสลายตัวของนิวเคลียสกัมมันตรังสี ไอโซโทป แรงนิวเคลียร์ พลังงาน
ยึดเหน่ียว ปฏิกิริยานิวเคลียร์ ประโยชน์ของกัมมันตภาพรังสีรวมท้ังพลังงานนิวเคลียร์ กัมมันตภาพรังสี
ในธรรมชาติ อันตรายจากกัมมันตภาพรังสีและการป้องกัน โดยใช้กระบวนการคิดทางวิทยาศาสตร์ การ
สืบเสาะหาความรู้ การสำรวจตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูล บันทึก จัดกลุ่มข้อมูล และการอภิปรายเพ่ือให้
เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ และสามารถนำเสนอส่ือสารสิ่งท่ีเรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจ
เห็นคุณค่าของการนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจ าวัน มีจิตวทิ ยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม และ
คา่ นิยมท่เี หมาะสม ตลอดจนมเี จตคตทิ ่ีดีต่อวิชาวิทยาศาสตร์
2) ผลการเรียนรู้ ( ภาคเรยี นท่ี 2 ) ขอ้ ที่
1
ผลการเรยี นรู้
2
อธิบายการเกิดและลักษณะเฉพาะของ คล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้า แสงไม่โพลาไรส์ แสงโพลาไรส์ 3
เชิงเส้น และแผ่นโพลารอยด์ รวมท้ังอธิบายการนำคล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้าในช่วงความถ่ีต่าง ๆ
ไปประยุกต์ใชแ้ ละหลกั การทำงานของอุปกรณท์ ี่เก่ียวขอ้ ง 4
สืบค้น และอธิบายการส่ือสารโดยอาศัยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในการส่งผ่านสารสนเทศ และ
เปรยี บเทียบการสอื่ สารดว้ ยสัญญาณแอนะล็อกกับสัญญาณดิจทิ ัล
อธิบายเก่ียวกับแบบจำลองอะตอม โครงสร้างอะตอม และหาค่าประจุไฟฟ้า และมวล
อิเล็กตรอนจาการทดลองของทอมสันและการทดลองของมิลลิแกน คำนวณหาประจุต่อ
มวล (q/m) จากการทดลองของเจเจ ทอมสัน การหาค่าประจุไฟฟ้าของอิเล็กตรอนจาก
การทดลองของมิลลิแกน
อธบิ ายการเกิดรงั สีเอกซ์ ซ่ึงสนับสนุนวา่ แสงมีพลงั งานเป็นควอนตมั คำนวณหาปริมาณต่าง
ๆ ท่เี ก่ยี วข้อง
อธิบายสมมติฐานของพลังค์ ทฤษฎีอะตอม ของโบร์ และการเกิดเสน้ สเปกตรัมของ อะตอม 5
ไฮโดรเจน รวมทัง้ คำนวณปรมิ าณ ตา่ ง ๆ ที่เกยี่ วข้อง
6
อธิบายปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริกและคำนวณพลังงานโฟตอน พลังงานจลน์ของโฟโต
อเิ ลก็ ตรอนและฟงั ก์ชนั งานของโลหะ 7
8
อธิบายทวภิ าวะของคลนื่ และอนภุ าค รวมทัง้ อธบิ าย และคำนวณความยาวคล่นื เดอบรอยล์ 9
10
อธบิ ายโครงสรา้ งอะตอม ตามทฤษฎกี ลศาสตร์ควอนตัม 11
12
อธิบายการสร้างแสงเลเซอรแ์ ละการนำไปใช้ประโยชน์
13
ศึกษาและอธบิ ายตัวนำ ก่ึงตัวนำ และฉนวน
14
อธิบายกัมมันตภาพรังสีและความแตกตา่ งของรังสีแอลฟา บีตา และแกมมา 15
อธิบาย และคำนวณกัมมันตภาพของ นิวเคลียสกัมมันตรังสี รวมท้ังทดลอง อธิบาย และ 16
คำนวณจำนวนนวิ เคลียสกัมมนั ตภาพรังสี ทเ่ี หลอื จากการสลาย และครง่ึ ชีวติ
17
อธิบายแรงนิวเคลียร์ เสถียรภาพของนิวเคลียส และพลังงานยึดเหน่ียว รวมท้ังคำนวณ
ปริมาณ ต่าง ๆ ที่เกย่ี วขอ้ ง
อธบิ ายปฏิกิรยิ านวิ เคลยี ร์ ฟชิ ชนั และฟวิ ชัน รวมทั้งคำนวณพลังงานนวิ เคลียร์
อธิบายประโยชน์ของพลังงานนิวเคลียร์ และ รังสี รวมท้ังอันตรายและการป้องกันรังสีใน
ดา้ นตา่ ง ๆ
อธิบายการค้นคว้าวิจัยด้านฟิสิกส์อนุภาค แบบจำลองมาตรฐาน และการใช้ประโยชน์ จาก
การคน้ คว้าวิจยั ดา้ นฟิสกิ ส์อนภุ าคในด้านต่าง ๆ
นำความรู้ และกระบวนการไปใช้ในชีวิตประจ าวันได้อย่างมี ความสุข มีจิตวิทยาศาสตร์
คุณธรรม จริยธรรม
3) เน้อื หาวชิ า เนอ้ื หาการสอน
ภาคเรียนที่ 2 - ทฤษฎีแมเ่ หลก็ ของแมกเวลล์
ระยะเวลา
เนอ้ื หาการเรยี นกอ่ นสอบกลางภาค– สอบกลางภาค
- แสงไมโ่ พลาไรซ์
- แสงโพลาไรซ์
- คลน่ื วทิ ยุ
- คลื่นไมโครเวฟ
- รังสอี ินฟาเรด
- รงั สอี ัลตาไวโอเลท
- รังสีเอกซ์
- รงั สแี กมมา
- การส่อื สารโดยอยั คลนื่ แมเ่ หลก็ ไฟฟา้
- สญั ญาณอนาล๊อค
- สญั ญาณดิจติ อล
- ทฤษฎกี ารค้นพบอเิ ล็กรอน
- แบบจำลองอะตอม
- สเปกตมั จากอะตอมของแกส๊
- การแผร่ งั สีของวัตถุดำ
- ปรากฎการณ์ของโฟโตอิเลก็ ทรคิ
- ทฤษฎอี ะตอมของโบว์
- การทดลองของฟรงั ค์
- การทดลองของเฮริ ์ต
- ความไม่สมบรู ณ์ของทฤษฎีอะตอมของโบว์
เนื้อหาการเรียนหลังสอบกลางภาค – สอบปลายภาค - ทวิภาวะของคล่ืนและอนภุ าค
- ปรากฏการณ์คอมปต์ นั
- สมมตฐิ านของเดอบรอยล์
- หลกั ความไมแ่ น่นอนและโครงสร้างอะตอม
ตามแนวคดิ ของกลศาสตร์ควอนตัม
- เลเซอร์
- การคน้ พบกัมมนั ตภาพรงั สี
- การเปลยี่ นสภาพนิวเคลยี ส
- การสลายตวั ของนิวเคลยี ส
- ไอโซโทป
- เสถียรภาพของนวิ เคลยี ส
- ปฏกิ ิริยานวิ เคลยี ร์
- ประโยชน์ของกัมมันตภาพรังสี
- พลงั งานนวิ เคลยี ร์
- การใชพ้ ลงั งานนิวเคลียร์
- กมั มนั ตภาพรังสีในธรรมชาติ
- อนั ตรายจากกมั มันตภาพรังสี
- แบบจำลองมาตรฐาน และการใชป้ ระโยชน์
4) วธิ กี ารวัดผลประเมินผล
สัดส่วนคะแนนการวดั ผลประเมินผล = คะแนนประเมนิ ตามสภาพจรงิ
( 80 คะแนน ) : คะแนนสอบ ( 20 คะแนน )
การวัดตวั ช้ีวัดรายภาค
ภาคเรียนที่ ผลการเรียนรู้
2 1,2,3,4,5,6,7,8,9,10,11,12,13,14,15,16,17
5) รายละเอียดการเก็บคะแนน
ภาคเรียนที่ 2
การเกบ็ คะแนนก่อนสอบกลางภาค (ประเมินตามสภาพจริง) : 20 คะแนน
ผลการเรยี นรู้ วธิ ีการวัด คะแนน
(ข้อที่) 3
3
1 ใบงาน mind mapping เรอ่ื ง ทฤษฎีแมเ่ หล็กไฟฟ้าของแมกซเ์ วลล์ 3
1 ใบงาน mind mapping เรอ่ื ง แสงไม่โพลาไรซ์ 3
3
1 ใบงาน compare and contrast เรอ่ื ง การเปรียบเทยี บความ 5
เหมอื นความแตกตา่ งของแสงโพลาไรซ์และแสงไมโ่ พลาไรซ์ คะแนน
1 ใบงาน Cause & effect เร่อื งคล่นื วิทยุ 1
1
1 ใบงาน KWL เร่ืองคลน่ื ไมโครเวฟ 1
1
1 ใบงาน PMI เรือ่ ง ขอ้ ดีข้อเสยี ของรงั สีอินฟาเรด 1
การเกบ็ คะแนนหลงั สอบกลางภาค (ประเมินตามสภาพจรงิ ) : 50 คะแนน 1
ผลการเรยี นรู้ วิธกี ารวัด 1
(ข้อท)ี่ 1
1 ใบงาน Cause & effect เรอื่ ง รังสเี อกซ์
1 ใบงาน mind mapping เร่ือง ทฤษฎีแม่เหลก็ ไฟฟ้าของแมกซเ์ วลล์ 2
1 2
1 ใบงาน KWL เรือ่ ง รงั สแี กมมา 2
2 ใบงาน Cause & effect เร่ืองคล่นื แมเ่ หล็กไฟฟ้า 2
2 2
ใบงาน PMI เรื่อง สัญญาณอนาล๊อค 2
3 ใบงาน compare and contrast เรือ่ ง การเปรยี บเทียบความเหมือน
3
3 ความแตกตา่ งของสัญญาณอนาล๊อคและสัญญาณดิจติ อล
3 ใบงาน mind mapping เรือ่ ง ทฤษฎีการค้นพบอนุภาค
4
4 ใบงาน mind mapping เร่อื ง แบบจำลองอะตอม
5 ใบงาน Diagram เรื่อง สปกตรัมของอะตอม
6 ใบงาน เร่อื ง การแผ่รงั สดี ำของวตั ถุดำ
ใบงาน KWL เร่ือง ปรากฎการณโ์ ฟโตอเิ ล็กทริก
ใบงาน KWL เรอ่ื ง ทฤษฎีอะตอมของโบว์
ใบงาน Diagram เร่อื ง การทดลองพลังค์
ใบงาน Diagram เรอื่ ง การทดลองของเฮริ ต์
7 ใบงาน เรือ่ ง คลื่นและอนุภาค 2
7 ใบงาน compare and contrast เรื่อง การเปรียบเทียบความเหมอื น 2
ความแตกตา่ งของคลน่ื และอนภุ าค
8 ใบงาน Mind Mapping เรื่อง ปรากฎการณ์คอมปต์ ัน 2
9 ใบงาน Mind Mapping เรอ่ื ง สมมตุ ิฐานของเดอบรอยล์ 2
10 ใบงาน KWL เรอื่ ง หลักความไม่แนน่ อนและโครงสรา้ งอะตอม 2
11 ใบงาน Diagram เรื่อง กลศาสตร์ควอนตัม 2
12 ใบงาน Diagram เรื่อง กมั มันตรังสี 2
13 ใบงาน KWL เรื่อง นิวเคลยี สกัมมนั ตรังสี 2
13 ใบงาน Mind Mapping เรื่อง การสลายกมั มันตภาพรงั สี 2
13 ใบงาน Diagram เรอื่ ง คร่งึ ชีวิต 2
14 ใบงาน KWL เรื่อง แรงนิวเคลยี ส 2
14 ใบงาน Mind Mapping เร่อื ง ปฏิกริ ยิ านวิ เคลียร์ 2
15 ใบงาน KWL เรือ่ ง ปฏกิ ริ ยิ าฟิชชันและฟิวชนั 2
16 ใบงาน PMI เรอ่ื ง กมั มนั ตภาพรงั สี 2
17 ใบงาน Diagram เรื่อง การใช้พลงั งานนิวเคลยี ร์ 2
การเกบ็ คะแนนจิตพสิ ยั : 10 คะแนน
ผลการเรียนรู้ วธิ ีการวดั คะแนน
1-16 10
- การสง่ งาน
- วนิ ยั ในการเข้าเรียน คะแนน
- การตรงต่อเวลา 20
- การต้ังใจเรยี น
การเก็บคะแนนสอบปลายภาค (ประเมนิ ตามสภาพจรงิ ) : 20 คะแนน
ผลการเรยี นรู้ วธิ กี ารวดั
(ขอ้ ที)่ สอบวดั ผลการเรียนรู้
7-16
คำอธิบายรายวิชาเพิม่ เติม
ว30205 ฟสิ ิกส์ 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี เวลา 80 ชว่ั โมง จำนวน 2.0 หน่วยกิต
ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 6 ภาคเรียนที่ 2
สังเกต ทดลอง ศึกษาวิเคราะห์ อธิบายและสืบค้นข้อมูล คำนวณปริมาณต่าง ๆ ทฤษฏีคลื่น
แม่เหล็กไฟฟ้าของแมกซ์เวลล์ สเปกตรัมคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า โพลาไรเซชันของคล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้า การนำ
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในช่วงความถ่ีต่าง ๆ ไปประยุกต์ใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน อะตอม การค้นพบ
อิเล็กตรอน แบบจำลองอะตอมของทอมสัน การทดลองของรัทเทอร์ฟอร์ด ปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริก
พลังงานจลน์ของโฟโตอิเล็กตรอน ฟังก์ชันงานของโลหะ ทฤษฎีอะตอมของโบร์ การเกิดเส้นสเปกตรัม
ของอะตอมไฮโดรเจน การทดลองของฟรังก์และเฮิรตซ์ รังสีเอ็กซ์ ทวิภาวะของคล่ืนและอนุภาค ความยาว
คล่ืนเดอบรอยล์ กลศาสตร์ควอนตัม เลเซอร์ ตัวนำ ก่ึงตัวนำ และฉนวน การค้นพบกัมมันตภาพรังสี
การเปล่ียนสภาพนิวเคลียส การสลายตัวของนิวเคลียสกัมมันตรังสี ไอโซโทป แรงนิวเคลียร์ พลังงาน
ยึดเหนี่ยว ปฏิกิริยานิวเคลียร์ ประโยชน์ของกัมมันตภาพรังสีรวมทั้งพลังงานนิวเคลียร์ กัมมันตภาพรังสี
ในธรรมชาติ อันตรายจากกัมมันตภาพรังสีและการป้องกัน โดยใช้กระบวนการคิดทางวิทยาศาสตร์ การ
สืบเสาะหาความรู้ การสำรวจตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูล บันทึก จัดกลุ่มข้อมูล และการอภิปรายเพ่ือให้
เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ และสามารถนำเสนอสื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจ
เห็นคุณค่าของการนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจ าวัน มีจิตวทิ ยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม และ
ค่านยิ มทีเ่ หมาะสม ตลอดจนมเี จตคตทิ ่ดี ีตอ่ วิชาวทิ ยาศาสตร์
ผลการเรียนรู้
1. อธิบายการเกิดและลักษณะเฉพาะของ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า แสงไม่โพลาไรส์ แสงโพลาไรส์ เชิง
เส้น และแผ่นโพลารอยด์ รวมทั้งอธิบายการนำคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในช่วงความถี่ต่าง ๆ ไป
ประยกุ ตใ์ ชแ้ ละหลักการทำงานของอุปกรณ์ท่เี กี่ยวข้อง
2. สืบค้น และอธิบายการสื่อสารโดยอาศัยคล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้าในการส่งผ่านสารสนเทศ และ
เปรยี บเทยี บการสอ่ื สารด้วยสญั ญาณแอนะล็อกกับสญั ญาณดิจิทัล
3. อธิบายเก่ียวกับแบบจ าลองอะตอม โครงสร้างอะตอม และหาค่าประจุไฟฟ้ า และมวล
อิเล็กตรอนจาการทดลองของทอมสันและการทดลองของมิลลิแกน คำนวณหาประจุต่อมวล
(q/m) จากการทดลองของเจเจ ทอมสัน การหาค่าประจุไฟฟ้าของอิเล็กตรอนจาก การทดลอง
ของมิลลแิ กน
4. อธิบายการเกิดรังสีเอกซ์ ซ่ึงสนับสนุนว่าแสงมีพลังงานเป็นควอนตัม คำนวณหาปริมาณต่าง ๆ
ทีเ่ กี่ยวข้อง
5. อธิบายสมมติฐานของพลังค์ ทฤษฎีอะตอม ของโบร์ และการเกิดเส้นสเปกตรัมของ อะตอม
ไฮโดรเจน รวมทง้ั คำนวณปรมิ าณ ตา่ ง ๆ ท่ีเกี่ยวข้อง
6. อธิบายปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริกและคำนวณพลังงานโฟตอน พลังงานจลน์ของโฟโต
อเิ ลก็ ตรอนและฟังก์ชนั งานของโลหะ
7. อธิบายทวิภาวะของคล่ืนและอนุภาค รวมท้งั อธิบาย และคำนวณความยาวคลน่ื เดอบรอยล์
8. อธบิ ายโครงสรา้ งอะตอม ตามทฤษฎกี ลศาสตร์ควอนตัม
9. อธบิ ายการสร้างแสงเลเซอร์และการนำไปใช้ประโยชน์
10. ศึกษาและอธบิ ายตัวนำ ก่งึ ตวั นำ และฉนวน
11. อธิบายกมั มนั ตภาพรงั สีและความแตกตา่ งของรังสีแอลฟา บตี า และแกมมา
12. อธิบาย และคำนวณกัมมันตภาพของ นิวเคลียสกัมมันตรังสี รวมท้ังทดลอง อธิบาย และ
คำนวณจำนวนนวิ เคลียสกัมมันตภาพรังสี ทีเ่ หลอื จากการสลาย และครึ่งชวี ิต
13. อธิบายแรงนิวเคลียร์ เสถียรภาพของนิวเคลียส และพลังงานยึดเหนี่ยว รวมท้ังคำนวณปริมาณ
ตา่ ง ๆ ทีเ่ ก่ียวข้อง
14. อธบิ ายปฏิกริ ิยานวิ เคลยี ร์ ฟิชชนั และฟวิ ชัน รวมท้ังคำนวณพลังงานนวิ เคลียร์
15. อธิบายประโยชน์ของพลังงานนิวเคลียร์ และ รังสี รวมท้ังอันตรายและการป้องกันรังสีในด้าน
ต่าง ๆ
16. อธบิ ายการค้นคว้าวิจัยด้านฟิสิกส์อนุภาค แบบจำลองมาตรฐาน และการใช้ประโยชน์ จากการ
ค้นควา้ วจิ ยั ด้านฟสิ กิ สอ์ นุภาคในด้านตา่ ง ๆ
17. นำความรู้ และกระบวนการไปใช้ในชีวิตประจ าวันได้อย่างมี ความสุข มีจิตวิทยาศาสตร์
คุณธรรม จริยธรรม
รวมท้ังหมด 17 ผลการเรียนรู้
โครงสร้างรายวชิ าเพ่ิมเติม
รายวิชา ว30205 ฟสิ กิ ส์ 5
ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 6 เวลา 80 ชั่วโมง จำนวน 2.0 หนว่ ยกิต
อัตราสว่ นคะแนน 80 : 20
ลำดับ ชอื่ หน่วย ผลการ เนื้อหาสาระ เวลา นำ้ หนกั ภาระงาน/
ท่ี การเรียนรู้ เรยี นรู้ (ชวั่ โมง) คะแนน ชน้ิ งาน
1 คลน่ื ขอ้ ท่ี 1 - ทฤษฎีคลื่นแมเ่ หลก็ ไฟฟ้า 14 14 -
แม่เหล็ก ขอ้ ที่ 2 ของแมกซ์เวลล์ เครอ่ื งมอื
ไฟฟ้า - การทดลองของเฮริ ตซ์ การสอน
- สเปกตรมั คลื่น คิด
แม่เหลก็ ไฟฟ้า
- โพลาไรเซชนั ของคล่ืน
แม่เหล็กไฟฟ้า
- คล่ืนแมเ่ หลก็ ไฟฟ้าในช่วง
ความถตี่ า่ ง ๆ ไป
ประยุกต์ ใชป้ ระโยชน์ใน
ชวี ติ ประจำวัน
2 ฟิสิกส์ ข้อท่ี 3 - ทฤษฎกี ารคน้ พบ 36 37 -
อะตอม ขอ้ ท่ี 4 อิเล็กตรอน โปรตรอน เครื่องมอื
ข้อที่ 5 นิวตรอน การสอน
ขอ้ ที่ 6 - แบบจำลองอะตอม คิด
ข้อท่ี 7 - สเปกตรมั จากอะตอมของ
ข้อที่ 8 แก๊สและการแผร่ งั สีของ
ขอ้ ท่ี 9 วตั ถดุ ำ
ขอ้ ท่ี - ปรากฏการณโ์ ฟโต
10 อเิ ลก็ ทรกิ
- ทฤษฎอี ะตอมของโบร์
- การทดลองของฟรงั กแ์ ละ
เฮิรตซ์
- รงั สเี อกซ์
- ความไมส่ มบรู ณข์ อง
ทฤษฎอี ะตอมของโบร์
- ทวิภาพของคล่นื และ
อนุภาค
- ปรากฏการณ์คอมปต์ ัน
- สมมตฐิ านของ
เดอบรอยล์
- หลกั ความไมแ่ นน่ อนและ
โครงสรา้ งอะตอมตาม
แนวคิดของกลศาสตร์
ควอนตัม
- เลเซอร์
- ตวั นำ กง่ึ ตวั นำ และ
ฉนวน
3 ฟสิ ิกส์ ขอ้ ท่ี - การพบกมั มันตภาพรงั สี 28 29 -
นิวเคลยี ร์ 11 - การเปลี่ยนสภาพ เคร่อื งมอื
ข้อท่ี นิวเคลียส การสอน
12 - การสลายของนวิ เคลยี ส คิด
ขอ้ ที่ กัมมนั ตรงั สี
13 - ไอโซโทป
ข้อที่ - เสถยี รภาพของนวิ เคลยี ส
14 - การสลายตัวของ
ข้อที่ นิวเคลยี ส
15 - ปฏกิ ิริยานิวเคลยี ร์
ขอ้ ท่ี - ประโยชน์ของ
17 กมั มนั ตภาพรังสี
- พลงั งานนิวเคลียรแ์ ละ
การใชพ้ ลังงานนวิ เคลยี ร์
- กัมมนั ตภาพรังสีใน
ธรรมชาติ อนั ตรายจาก
กมั มันตภาพรงั สีใน
ธรรมชาตแิ ละการป้องกนั
รวม 78 80
ปลายภาค 2 20
รวมทั้งหมด 80 100
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 1 หน่วยย่อยที่ 1 พทิ าคำ
ชื่อหนว่ ยการเรยี นรู้ คลื่นแม่เหลก็ ไฟฟ้า เวลา 2 ชว่ั โมง บุญวงค์
ผู้สอน นางสาววนี สั
เร่ือง ทฤษฎแี มเ่ หล็กไฟฟา้ ของแมกซเ์ วลล์
วันท่ีทำการสอน นายพงศกร
1. สาระสำคญั 2. ผลการเรียนรู้
1. อธิบายการเกิดและลักษณะเฉพาะของคลื่นแม่เหล็กไฟฟา้
คลน่ื แม่เหลก็ ไฟฟ้าเปน็ คลื่นตามขวางทีไ่ ม่อาศยั ตัวกลาง สามารถ แสงไม่โพลาไรส์ แสงโพลาไรส์ เชิงเส้น และแผ่นโพลารอยด์
แผ่ออกไปได้ใน สุญญากาศด้วยอัตราเร็วเท่ากับอัตราเร็วแสง รวมทั้งอธิบายการนำคลื่นแม่เหล็กไฟฟา้ ในช่วงความถี่ต่าง ๆ
หรือประมาณ 3 × 108 เมตรต่อวินาทีและมีอัตราเรว็ นอ้ ยลง เมอื่
ไปประยุกต์ใชแ้ ละหลกั การทำงานของอปุ กรณท์ ี่เก่ียวขอ้ ง
เคล่ือนท่ีผ่านตวั กลาง โดยจะมอี ัตราเร็วไม่เท่ากันในตัวกลางต่าง
ๆ ขึ้นกบั ตัวกลางและชนิดของ คลื่นแมเ่ หลก็ ไฟฟ้า
3. สาระการเรยี นรู้ 4. ชิน้ งาน/ภาระงาน
ทฤษฎีแม่เหลก็ ไฟฟ้าของแมกซ์เวลล์ - ใบงาน Mind Mapping เรือ่ ง ทฤษฎแี มเ่ หลก็ ไฟฟา้ ของ
แมกซเ์ วลล์
5. สมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน 6. เครอ่ื งมือการสอนคดิ
- ความสามารถในการคิด - Six Thinking hats (White hat)
- ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี - Mind Mapping
กจิ กรรมการเรียนรู้
7. ขั้นของกิจกรรม 8. ส่อื 9. วิธีวัดผล
Do Now (3 นาที) - ใบงาน Mind - ประเมินใบงาน
- บอกเทศกาลทนี่ กั เรยี นชนื่ ชอบ 1 เทศกาล Mapping เร่ือง Mind Mapping
เร่ือง ทฤษฎี
Purpose (2 นาที) ทฤษฎีแมเ่ หล็กไฟฟ้า แมเ่ หล็กไฟฟ้าของ
แมกซเ์ วลล์
- เราจะเรียน เรื่อง ทฤษฎีแม่เหล็กไฟฟ้าของแมกซ์เวลล์ เพื่อให้นักเรียน ของแมกซ์เวลล์
สามารถอธิบายการเกิดและลักษณะเฉพาะของคลื่นแม่เหลก็ ไฟฟ้าได้
- ใบความรู้ ทฤษฎี
Work mode (110 นาที)
1. นักเรียนฟังครูอธิบาย เรื่อง ทฤษฎีแม่เหล็กไฟฟ้าของแมกซ์เวลล์โดย แม่เหลก็ ไฟฟ้าของ
ศึกษาใบความรู้ เรื่อง ทฤษฎีแม่เหล็กไฟฟ้าของแมกซ์เวลล์ประกอบการ แมกซ์เวลล์
สอน (พอเพยี ง3 :การมีภูมคิ ้มุ กันท่ดี ใี นตัว) (15 นาที)
2. นักเรียนแบ่งกลุ่ม 5-9 คน ทำกิจกรรมกลุ่ม Brainstorming โดยสืบค้น
ข้อมูลจากส่ือ internet แล้วเขียนสรุปความรู้รูปแบบแผนผังความคิดลงใน
ใบงาน Mind mapping เรื่อง ทฤษฎีแม่เหล็กไฟฟ้าของแมกซ์เวลล์
(คิด9 :คดิ เชิงมโนทัศน)์ (สมรรถนะ 4) (25 นาท)ี
3. นกั เรียนออกมานำเสนอผลงานหน้าชั้นเรยี นและอภิปรายผลงาน/โต้แย้ง
ร่วมกนั (คิด3 : คิดวิพากษ)์ (สมรรถนะ 3) (25 นาที)
4. นักเรยี นทำใบงาน เรอ่ื ง ทฤษฎแี ม่เหล็กไฟฟา้ ของแมกซเ์ วลล์ (30 นาท)ี
5. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปเชื่อมโยงความคิด เกี่ยวกับเรื่อง คล่ืน
แม่เหล็กไฟฟ้าพร้อมทั้งร่วมกันตอบคำถามดังนี้ “ถ้าประจุไฟฟ้าเคลื่อนที่
ดว้ ยความเร่งจะเกดิ อะไรขึน้ ” (White hat) (15 นาท)ี
Reflective thinking (5 นาท)ี
1. บอกในสง่ิ ทน่ี ักเรียนได้รบั (2 นาท)ี
2. ขอ้ สอบ o-net ปี 53 1 ข้อ (3 นาท)ี
ใบงาน Min
เร่อื ง ทฤษฎแี มเ่ หล
ช่อื
nd mapping
ลก็ ไฟฟ้าของแมกซเ์ วลล์
ชนั้ เลขท่ี
แบบประเมินใบงาน Mind Mapping
แบบประเมินใบงาน Mind Mapping
คำชีแ้ จง : ให้ผสู้ อนประเมินผลงานใบงานนักเรียน โดยการประเมนิ คะแนนลงในช่องรายการประเมนิ กำหนดตาม
ตาราง แนบท้ายแบบระเมินใบงาน Mind Mapping
ลำดับ ช่ือ-สกลุ รูปแบบ เนือ้ หา นำเสนอ ความ ตรงตอ่ รวม สรุปผล
ท่ี ของผู้รบั (4 คะแนน) (4 คะแนน) (4 สวยงาม เวลา 20 การประเมิน
(4 คะแนน) (4 คะแนน ผ่าน/ไม่ผ่าน
การ คะแนน) คะแนน)
ประเมิน
ลงชือ่ …………………………………………..ผ้ปู ระเมิน
…….……/……………/…………
เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ
ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ
18 – 20 ดมี าก
14 – 17 ดี
10 – 13 พอใช้
ต่ำกว่า 10 ปรับปรุง
นักเรียนระดับคณุ ภาพท่ี พอใช้ ขน้ึ ไปถือว่า ผา่ น
ตารางแนบทา้ ยแบบประเมินใบงาน Mind Mapping
เกณฑก์ าร ระดบั การประเมนิ
ประเมิน
รปู แบบ 4 (ดีมาก) 3 (ด)ี 2 (พอใช้) 1 (ปรับปรงุ )
- มีหวั ข้อท่ีชัดเจน
เน้ือหา - มีหวั ขอ้ ที่ชดั เจน - มหี ัวขอ้ ที่ชดั เจน - มหี ัวขอ้ ทีช่ ัดเจน - เขียนอย่ใู นกรอบ
- เขยี นอยูใ่ นกรอบ
การนำเสนอ - ใช้คำสำคัญตรงประเดน็ - เขียนอยูใ่ นกรอบ - เขยี นอยู่ในกรอบ
-ใช้สญั ลักษณห์ รือภาพสอื่
ความ ความหมาย - ใช้คำสำคญั ตรงประเด็น - ใชค้ ำสำคัญตรงประเดน็
สวยงาม - ใช้สสี นั ท่วั แผ่น
การตรง -ใช้สญั ลักษณห์ รือภาพสือ่
ตอ่ เวลา - เนือ้ หาครบถ้วนตามสาระที่
กำหนด 100% ความหมาย
- เขยี นถูกต้องตามหลัก
ภาษา 100% -เนื้อหาถูกต้องตามสาระท่ี - เน้อื หาถกู ต้องตามสาระท่ี - เนื้อหาถกู ตอ้ งตามสาระท่ี
- ลำดับหัวข้อเน้อื หาชดั เจน
- มกี ารสรปุ ได้อย่างสมเหตุ กำหนด 80-99% กำหนด 60-79% กำหนดต่ำกวา่ 59%
สมผล 100%
- เขยี นถูกตอ้ งตามหลกั - เขียนถกู ตอ้ งตามหลกั - เขียนถูกต้องตามหลัก
- พูดชัดเจนเสยี งดังฟงั ชดั
- ใชภ้ าษาทางการถกู ต้อง ภาษา 80-99% ภาษา 60-79% ภาษาต่ำกวา่ 59%
ตามอกั ขระ100%
-บคุ ลกิ ภาพดีและมีความ - ลำดับหวั ขอ้ เนอ้ื หาชดั เจน - มีการสรปุ ไดอ้ ยา่ งสมเหตุ - มีการสรุปไม่สมเหตุสมผล
มนั่ ใจ
- มีการใชส้ อ่ื ประกอบการ - มีการสรปุ ไดอ้ ยา่ ง สมผล 60-79% ตำ่ กว่า59%
นำเสนอ
- ความพรอ้ มในการนำเสนอ สมเหตสุ มผล 80-99%
- ใชส้ ีสันสวยงาม - พูดชัดเจนเสยี งดงั ฟงั ชดั - การพูดเหมาะสม - สามารถพดู นำเสนอได้
- มคี วามสะอาด
- มคี วามคิดสร้างสรรค์ - ใชภ้ าษาทางการถูกตอ้ ง -ใช้ภาษาทางการถกู ตอ้ ง ตาม -ใชภ้ าษาทางการถกู ต้อง
-ความเปน็ ระเบยี บอ่านงา่ ย
ตามอกั ขระ อกั ขระ60-79% ตามอกั ขระตำ่ กวา่ 59%
- ส่งผลงานครบถ้วน
ตรงตามเวลาทีก่ ำหนด 80 -99% - บคุ ลกิ ภาพเหมาะสม - บคุ ลกิ ภาพเหมาะสม
- บคุ ลิกภาพดี
- ความพร้อมในการนำเสนอ
ได้บางส่วน
- ใชส้ ีสนั สวยงาม -ใช้สสี นั สวยงามและมี - ใช้สสี ันสวยงามหรือเปน็ ไป
- มีความสะอาด ความสะอาด ตามเกณฑ์อยา่ งใดอยา่ งหนงึ่
- มคี วามคิดสร้างสรรค์
- ส่งผลงานครบถว้ น - ส่งผลงานครบถ้วน - ส่งผลงานครบถว้ น
แต่ชา้ กวา่ เวลาท่ีกำหนด แตช่ ้ากว่าเวลาที่กำหนด แต่ช้ากว่าเวลาทกี่ ำหนด
5 นาที 10 นาที 15 นาที
แบบประเมินแบบฝึกหัด
คำชี้แจง :ให้ผูส้ อนประเมนิ ผลงานใบงานนักเรยี นโดยการประเมนิ คะแนนลงในชอ่ งรายการประเมนิ กำหนดตามตารางแนบท้าย
แบบประเมินใบงานแบบฝึกหัด
ลำดับ ชื่อ – สกุล ของ ขอ้ ที่ 1 ขอ้ ท่ี 2 ขอ้ ที่ 3 รวม 15 สรุปผลการประเมิน
ท่ี ผูร้ ับบริการประเมนิ คะแนน ผา่ น / ไม่ผา่ น
ลงชอ่ื ……………………………………………….ผ้ปู ระเมนิ
……………./………………../……
เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ
10 - 15 ดมี าก
7 – 11 ดี
3 - 6 พอใช้
ตำ่ กวา่ 2 ปรับปรงุ
นักเรียนไดร้ ะดับคณุ ภาพที่ ดี ขึ้นไปถือว่า ผ่าน
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนแบบฝึกหดั /คำนวณ
เกณฑก์ ารให้ 0 คะแนน 1 คะแนน 2 คะแนน 3 คะแนน 4 คะแนน 5 คะแนน
คะแนน
- ไม่ตอบ/ - ใชภ้ าษา - ใช้ภาษา - มีคำตอบได้ - วเิ คราะหแ์ ละ - วเิ คราะหแ์ ละ
คำตอบ - ไมแ่ สดงวิธี เหมาะสม เหมาะสม ถูกตอ้ ง กำหนดตัวแปรได้ กำหนดตัวแปรได้
ทำ/แส
ดงวิธที ำเป็น - ตอบไม่ถกู ต้อง - เขียนสตู ร - ใชภ้ าษา - เขยี นสตู รแสดงวธิ ี - เขียนสูตรแสดงวธิ ี
อื่น แสดงวิธีทำเป็น เหมาะสม ทำเป็นข้ันตอน ทำเปน็ ขั้นตอน
ขั้นตอน
- เขยี นสูตรแสดง - มคี ำตอบ - มคี ำตอบ
- ตอบไมถ่ กู ตอ้ ง วธิ ที ำเป็นข้ันตอน
- ใชภ้ าษาเหมาะสม - ใชภ้ าษาเหมาะสม
- คำตอบถกู ต้อง
ตามหลกั ทฤษฎี
ขอ้ สอบ O-NET 2553 1 ขอ้
ในกรณีใดบ้างทเี่ กิดการเหนย่ี วนำแมเ่ หล็กไฟฟา้ เกดิ ขนึ้
ก. ปลอ่ ยไฟฟา้ กระแสตรงใหไ้ หลผ่านหมอ้ แปลงท่ตี ่อครบวงจร
ข. เมื่อขดลวดเคลอื่ นท่ีตัดสนามแมเ่ หล็ก
ค. เม่ือขดลวดอยู่นง่ิ ในสนามแม่เหลก็ ท่ีมีค่าไม่คงที่
ง. เมือ่ เคลือ่ นท่แี ท่งแมเ่ หลก็ เข้าหาขดลวด
จ. ในขณะต่อหรอื ถอดขัว้ แบตเตอรี่เข้ากับขดลวดทีว่ างใกลข้ ดลวดอกี ขดท่ีตอ่ ครบวงจร
คำตอบที่ถกู ตอ้ งคอื ขอ้ ใด
1. ขอ้ ก ข และ ค 2. ข้อ ข ค และ ง 3. ข้อ ข ค ง และ จ 4. ข้อ ก ข ค ง และ จ
เฉลยขอ้ ทถ่ี ูกต้อง คือ ขอ้ 3 ขอ้ ข ค ง และ จ
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 2
ชื่อหน่วยการเรียนรู้ คลนื่ แมเ่ หล็กไฟฟ้า หน่วยย่อยที่ 1
เวลา 2 ชัว่ โมง
เรือ่ ง แสงไม่โพลาไรซ์ ผู้สอน นางสาววนี สั พิทาคำ
วันทีท่ ำการสอน
นายพงศกร บญุ วงค์
1. สาระสำคญั 2. ผลการเรียนรู้
เมื่อแสงไม่โพลาไรส์ตกกระทบผิวตัวกลาง แสงท่ี 1. อธบิ ายการเกิดและลักษณะเฉพาะของ คล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้า
แสงไม่โพลาไรส์ แสงโพลาไรส์ เชิงเส้น และแผ่นโพลารอยด์
สะท้อนอาจจะเป็นแสงไม่โพลาไรส์ หรือ แสงโพลาไรส์ก็
ได้ ขึ้นกับมุมตกกระทบ สำหรับมุมตกกระทบ 0 องศา รวมทัง้ อธิบายการนำคลื่นแม่เหลก็ ไฟฟ้าในชว่ งความถีต่ ่าง ๆ
หรือ 90 องศา แสงสะทอ้ นจะเป็นแสงไมโ่ พลาไรส์ แตจ่ าก ไปประยกุ ต์ใชแ้ ละหลักการทำงานของอุปกรณท์ ่ีเกยี่ วขอ้ ง
การทดลองพบว่าที่มุมตกกระทบค่าหนึ่ง แสงสะท้อนจะ
เปน็ แสงโพลาไรส์สมบรู ณ์
3. สาระการเรยี นรู้ 4. ชิ้นงาน/ภาระงาน
แสงไมโ่ พลาไรซ์ - ใบงาน Mind Mapping เรอื่ ง แสงไมโ่ พลาไรซ์
5. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น 6. เคร่อื งมอื การสอนคิด
- ความสามารถในการคิด - Six Thinking hats (yellow hat)
- ความสามารถในการแกป้ ัญหา - Mind Mapping
- ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
กจิ กรรมการเรยี นรู้
7. ขน้ั ของกิจกรรม 8. สอ่ื 9. วธิ วี ัดผล
Do Now (3 นาที) - ใบงาน Mind - ประเมนิ ใบงาน Mind
- บอกยีห่ อ้ แวน่ ตาที่นกั เรียนรจู้ ักมาคนละ 1 ชนดิ Mapping เร่อื ง Mapping เร่ือง แสงไม่
Purpose (2 นาที) แสงไม่โพลาไรซ์ โพลาไรซ์
เราจะเรียน เรื่อง แสงไม่โพลาไรซ์ อธิบายการเกิดและ - คลิปวีดโี อ
ลักษณะเฉพาะของ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า แสงไม่โพลาไรส์ แสงโพลาไรส์ เชิง ประกอบการสอน
เส้น และแผ่นโพลารอยด์ รวมทั้งอธิบายการนำคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในช่วง
เร่อื ง แสงไม่
ความถตี่ า่ ง ๆ ไปประยุกต์ใช้และหลักการทำงานของอปุ กรณท์ เี่ กี่ยวขอ้ ง โพลาไรซ์
Work mode (110 นาที) https://www.yo
utube.com/wat
1. นักเรียนฟังครูอธิบาย เรื่อง แสงไม่โพลาไรซ์ โดยใช้สื่อ power
point เรื่อง แสงไม่โพลาไรซ์ (พอเพียง 3 การมีภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว) ch?v=9fpKm-
(15 นาท)ี YFh-w
2.นักเรียนดูคลิปวีดีโอเรื่อง แสงไม่โพลาไรซ์ พร้อมทั้งอภิปรายคลิป
วีดีโอรว่ มกัน (คดิ 3 : คิดวิพากษ์) (15 นาที)
3.นักเรียนแบ่งกลุ่มทำกิจกรรมกลุ่ม 5-6 คน Brainstorming โดย
สืบค้นข้อมูลแสงไม่โพลาไรซ์ สื่อ internet แล้วเขียนสรุปความรู้รูปแบบ
แผนผงั ความคิดลงในใบงาน Mind mapping เรอื่ ง แสงไม่โพลาไรซ์
(คดิ 9 : คิดเชงิ มโนทศั น)์ (สมรรถนะ 4) (30 นาที)
4.นักเรียนออกมานำเสนอผลงานหน้าชั้นเรียนและอภิปรายผลงาน/
โตแ้ ย้งรว่ มกนั (คดิ 3 : คดิ วพิ ากษ)์ (สมรรถนะ 3) (30 นาที)
5. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปเชื่อมโยงความคิด เกี่ยวกับเรื่องทฤษฎี
การค้นพบอนุภาค พร้อมทั้งร่วมกันตอบคำถามดังนี้ “การโพลาไรซ์ของ
แสงนำมาประยุกต์ใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้อย่างไรบ้าง ” (Green
hat) (พอเพยี ง 7: สังคม) (20 นาท)ี
Reflective thinking (5 นาท)ี
- บอกในส่งิ ทน่ี ักเรียนได้เรยี นรใู้ นวนั นม้ี าคนละ 1 ขอ้ (2 นาที)
- ข้อสอบ O-net ปี 2554 1 ข้อ (3 นาท)ี )
แบบประเมินใบงาน Mind Mapping
แบบประเมินใบงาน Mind Mapping
คำช้แี จง : ให้ผสู้ อนประเมนิ ผลงานใบงานนกั เรยี น โดยการประเมินคะแนนลงในชอ่ งรายการประเมนิ กำหนดตาม
ตาราง
แนบท้ายแบบระเมนิ ใบงาน Mind Mapping
ลำดบั ช่ือ-สกลุ รูปแบบ เน้ือหา นำเสนอ ความ ตรงตอ่ รวม สรุปผล
ท่ี ของผ้รู บั (4 คะแนน) (4 คะแนน) (4 สวยงาม เวลา 20 การประเมิน
(4 คะแนน) คะแนน ผ่าน/ไมผ่ า่ น
การ คะแนน) (4
ประเมนิ คะแนน)
ลงชอ่ื …………………………………………..ผู้ประเมนิ
…….……/……………/…………
เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ
ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
18 – 20 ดีมาก
14 – 17 ดี
10 – 13 พอใช้
ตำ่ กวา่ 10 ปรบั ปรงุ
นักเรียนระดับคุณภาพท่ี พอใช้ ขึ้นไปถอื วา่ ผา่ น
ตารางแนบทา้ ยแบบประเมนิ ใบงาน Mind Mapping
เกณฑก์ าร ระดับการประเมนิ
ประเมนิ
รปู แบบ 4 (ดีมาก) 3 (ดี) 2 (พอใช)้ 1 (ปรับปรงุ )
- มีหัวขอ้ ที่ชดั เจน
เนื้อหา - มหี ัวขอ้ ท่ีชดั เจน - มหี วั ขอ้ ที่ชัดเจน - มหี ัวขอ้ ที่ชดั เจน - เขยี นอยู่ในกรอบ
- เขียนอยใู่ นกรอบ
การนำเสนอ - ใช้คำสำคญั ตรงประเด็น - เขียนอยู่ในกรอบ - เขียนอยใู่ นกรอบ - เน้ือหาถูกต้องตาม
-ใช้สัญลักษณห์ รอื ภาพสอ่ื สาระทีก่ ำหนดตำ่ กวา่
ความ ความหมาย - ใช้คำสำคัญตรง - ใช้คำสำคัญตรงประเดน็ 59%
สวยงาม - ใช้สสี ันทวั่ แผน่ - เขียนถูกต้องตามหลัก
การตรง ประเด็น ภาษาต่ำกวา่ 59%
ตอ่ เวลา - เนอื้ หาครบถว้ นตาม - มีการสรุปไม่
สาระที่กำหนด 100% -ใช้สัญลักษณ์หรอื ภาพ สมเหตุสมผลต่ำกว่า59%
- เขยี นถกู ตอ้ งตามหลัก
ภาษา 100% ส่อื ความหมาย - สามารถพูดนำเสนอได้
- ลำดับหัวขอ้ เน้ือหา - ใชภ้ าษาทางการ
ชัดเจน -เนอ้ื หาถูกตอ้ งตามสาระ - เนอื้ หาถกู ตอ้ งตามสาระ ถกู ต้องตามอกั ขระต่ำ
- มีการสรปุ ไดอ้ ย่างสมเหตุ กว่า 59%
สมผล 100% ทีก่ ำหนด 80-99% ท่กี ำหนด 60-79% - บคุ ลกิ ภาพเหมาะสม
- พูดชัดเจนเสียงดงั ฟงั ชดั - เขียนถกู ตอ้ งตามหลัก - เขียนถกู ต้องตามหลกั - ใช้สีสนั สวยงามหรอื
- ใชภ้ าษาทางการถูกตอ้ ง เปน็ ไปตามเกณฑ์อยา่ ง
ตามอักขระ100% ภาษา 80-99% ภาษา 60-79% ใดอยา่ งหนงึ่
- บุคลิกภาพดีและมีความ
มัน่ ใจ - ลำดับหวั ข้อเนอ้ื หา - มีการสรุปไดอ้ ย่างสมเหตุ - สง่ ผลงานครบถ้วน
- มกี ารใช้สื่อประกอบการ แต่ชา้ กวา่ เวลาท่กี ำหนด
นำเสนอ ชัดเจน สมผล 60-79% 15 นาที
- ความพรอ้ มในการ
นำเสนอ - มีการสรปุ ได้อยา่ ง
- ใช้สีสนั สวยงาม สมเหตุสมผล 80-99%
- มีความสะอาด
- มคี วามคิดสร้างสรรค์ - พูดชัดเจนเสียงดังฟัง - การพูดเหมาะสม
-ความเป็นระเบยี บอา่ น
ง่าย ชัด - ใชภ้ าษาทางการถูกต้อง
- ส่งผลงานครบถว้ น - ใชภ้ าษาทางการ ตามอกั ขระ60-79%
ตรงตามเวลาท่กี ำหนด
ถูกตอ้ งตามอักขระ - บุคลิกภาพเหมาะสม
80 -99%
- บุคลิกภาพดี
- ความพรอ้ มในการ
นำเสนอไดบ้ างส่วน
- ใช้สสี นั สวยงาม -ใช้สสี นั สวยงามและมี
- มีความสะอาด ความสะอาด
- มีความคิดสร้างสรรค์
- สง่ ผลงานครบถ้วน - ส่งผลงานครบถว้ น
แตช่ ้ากวา่ เวลาทกี่ ำหนด แต่ชา้ กวา่ เวลาท่กี ำหนด
5 นาที 10 นาที
ขอ้ สอบ O-net 54
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 3
ชื่อหนว่ ยการเรยี นรู้ คลื่นแม่เหลก็ ไฟฟา้ หน่วยย่อยที่ 1
เรอ่ื ง แสงโพลาไรซ์ เวลา 2 ช่วั โมง
วนั ท่ีทำการสอน ผู้สอน นางสาววีนัส พทิ าคำ
นายพงศกร บญุ วงค์
1. สาระสำคัญ 2. ผลการเรียนรู้
โพลาไรเซชัน (Polarization) ปรากฏการณ์การ 1. อธิบายการเกิดและลักษณะเฉพาะของ คลื่น
แทรกสอดและการเลี้ยวเบนของแสง แสดงสมบัติความ แม่เหล็กไฟฟ้า แสงไมโ่ พลาไรส์ แสงโพลาไรส์ เชงิ เส้น และ
เป็นคลื่นของแสง แต่ไม่สามารถสรุปได้ว่าแสงเป็นคล่ืน แผ่นโพลารอยด์ รวมทั้งอธิบายการนำคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
ตามยาว หรือ คลื่นตามขวาง สำหรับปรากฏการณ์ที่ ในช่วงความถี่ต่าง ๆ ไปประยุกต์ใช้และหลักการทำงาน
ของอปุ กรณท์ ีเ่ กย่ี วข้อง
แสดงให้เห็นว่า แสงเปน็ คล่ืนตามขวาง คอื ปรากฏการณ์
โพลาไรเซชัน ทั้งนี้เนื่องจากคลื่นตามยาวจะไม่แสดง
ปรากฏการณน์ ้ี
3. สาระการเรยี นรู้ 4. ชน้ิ งาน/ภาระงาน
แสงโพลาไรซ์ - ใบงาน เรื่อง แสงโพลาไรซ์
- ใบงาน Compare and contrast เรื่อง การ
เปรียบเทียบความเหมือนความแตกต่างของแสง
โพลาไรซ์และแสงไม่โพลาไรซ์
5. สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รยี น 6. เครอื่ งมอื การสอนคิด
- ความสามารถในการคิด - Compare and contrast
- ความสามารถในการแก้ปญั หา
- ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
กจิ กรรมการเรียนรู้
7. ข้นั ของกจิ กรรม 8. สือ่ 9. วธิ ีวัดผล
Do Now (3 นาที) - ใบงาน เรื่อง - ประเมินใบงาน
“บอกประโยชน์ของแสง มาคนละ 1 อย่าง ” แสงโพลาไรซ์ เรื่อง แสง
Purpose (2 นาที) - ใบงาน โพลาไรซ์
เราจะเรยี นเร่อื ง แสงโพลาไรซ์ เพอ่ื อธบิ ายการเกิดและลกั ษณะเฉพาะ compare and
contrast เรือ่ ง - ประเมิน ใบงาน
ของ คล่นื แม่เหล็กไฟฟา้ แสงไมโ่ พลาไรส์ แสงโพลาไรส์ เชงิ เสน้ และแผน่ โพ การเปรยี บเทยี บ compare and
ลารอยด์ รวมทั้งอธิบายการนำคลืน่ แม่เหล็กไฟฟ้าในช่วงความถี่ต่าง ๆ ไป ความเหมอื นความ contrast เรอ่ื ง
ประยกุ ต์ใช้และหลกั การทำงานของอปุ กรณท์ ี่เกีย่ วข้อง การเปรยี บเทียบ
แตกตา่ งของแสง ความเหมือนความ
Work mode (110 นาที) โพลาไรซแ์ ละแสง แตกต่างของแสง
1. นักเรียนและครู ร่วมกันทบทวนความรู้เกี่ยวกับ เรื่อง แสงไม่ ไมโ่ พลาไรซ์ โพลาไรซ์และแสง
โพลาไรซ์ ที่เรียนผา่ นมาผา่ นมาแล้วเพือ่ เชื่อมโยงเข้าสเู่ น้อื หาใหม่ (10 นาท)ี - อนิ เทอรเ์ นต็ ไม่โพลาไรซ์
2. นักเรียนศึกษาความรู้เพิ่มเติมจากอินเทอร์เน็ตเรื่อง แสงโพลาไรซ์ - สือ่ power
เพื่อให้นักเรียนเข้าใจและอธิบายการแสงโพลาไรซ์ได้ถูกต้อง (พอเพียง 3 : point เรอ่ื ง แสง
การมีภูมิค้มุ กนั ทดี่ )ี (20 นาที) โพลาไรซ์
3. นักเรียนฟงั ครอู ธิบายเรื่อง แสงโพลาไรซ์ โดยใช้สื่อ power point
(15 นาที)
4. นักเรียนร่วมกนั ทำกิจกรรมกลุ่มวิเคราะห์ ความเหมือนและความ
แตกต่างของแสงโพลาไรซ์และแสงไม่โพลาไรซ์ โดยทำลงในใบงาน
Compare & contrast เรื่อง การเปรยี บเทยี บความเหมอื นความแตกต่าง
ของแสงโพลาไรซ์และแสงไม่โพลาไรซ์ ( (คดิ 2 : คดิ เปรียบเทียบ)( 30 นาที)
5. นกั เรียนนำเสนอผลงานหน้าช้นั เรยี น และอภปิ ราย/โต้แยง้ ลงงาน
รว่ มกัน (คิด 3 : คิดพิพากษ์) (สมรรถนะ 3) (10 นาที)
6. ใหน้ กั เรยี นทำใบงาน เรื่อง แสงโพลาไรซ์(15 นาที)
7. นักเรียนและครู ร่วมกันสรุปเชื่อมโยงความรู้ เรื่อง แสงโพลาไรซ์
(10 นาท)ี
Reflective thinking (5 นาท)ี
- จากการเรยี นในคาบน้ีนกั เรยี นไดร้ ับความรู้อะไรบ้าง (3 นาท)ี
- ทำแนวขอ้ สอบ O-NET ปี 56 1 ข้อ (2นาที)
แบบประเมนิ ใบงาน Compare & Contrast
คำช้ีแจง : ให้ผู้สอนประเมินผลงานใบงานนกั เรยี น โดยการประเมินคะแนนลงในชอ่ งรายการประเมนิ กำหนดตาม
ตาราง แนบท้ายแบบประเมินใบงาน Compare & Contrast
ลำดับ ชอื่ -สกลุ รูปแบบ เนอ้ื หา นำเสนอ ความ ตรงตอ่ รวม สรุปผล
ท่ี ของผรู้ บั (4 คะแนน) (4 คะแนน) (4 สวยงาม เวลา 20 การประเมิน
(4 คะแนน) (4 คะแนน ผา่ น/ไมผ่ ่าน
การ คะแนน) คะแนน)
ประเมิน
ลงช่อื …………………………………………..ผูป้ ระเมนิ
…….……/……………/…………
เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ
ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
18 – 20 ดมี าก
14 – 17 ดี
10 – 13 พอใช้
ตำ่ กวา่ 10 ปรบั ปรุง
นักเรียนระดบั คุณภาพที่ พอใช้ ข้ึนไปถอื ว่า ผ่าน
ตารางแนบทา้ ยแบบประเมนิ ใบงาน Compare & Contrast
เกณฑก์ าร ระดับการประเมนิ
ประเมิน
รปู แบบ 4 (ดีมาก) 3 (ดี) 2 (พอใช)้ 1 (ปรับปรุง)
- ครบองค์ประกอบ
การแสดง - ครบองคป์ ระกอบ - ครบองค์ประกอบ - ครบองคป์ ระกอบ -เปรียบเทยี บสิ่งท่เี หมอื น
ความคดิ เห็น และต่างไดต้ รงตาม
-เปรียบเทียบสิ่งทเ่ี หมอื น -เปรยี บเทยี บส่ิงทีเ่ หมือน -เปรียบเทียบสง่ิ ที่เหมอื น เนือ้ หาอยา่ งถูกต้อง
เนอ้ื หา ตำ่ วา่ 59%
และต่างได้ตรงตามเนอ้ื หา และต่างได้ตรงตาม และตา่ งไดต้ รงตามเนอ้ื หา -แสดงความคิดเหน็
การนำเสนอ ผลกระทบของปญั หา/
อยา่ งถกู ตอ้ งสมบรู ณ์ เนือ้ หาอยา่ งถูกตอ้ ง อยา่ งถูกตอ้ ง 60-79% เหตุการณไ์ ด้ นอ้ ยกว่า 6
ความ ข้อ
สวยงาม 80-99% - เน้ือหาถกู ต้องตาม
การตรง สาระทก่ี ำหนดต่ำกวา่
ตอ่ เวลา - แสดงความคิดเห็น - แสดงความคดิ เหน็ - แสดงความคิดเหน็ 59%
- เขยี นถกู ตอ้ งตามหลัก
ผลกระทบของปญั หา/เหตุ ผลกระทบของปัญหา/ ผลกระทบของปัญหา/ ภาษาตำ่ กว่า 59%
- มีการสรุปไม่
การฌไ์ ด้ 10 ข้อขน้ึ ไป เหตกุ ารณ์ได้ 8-9 ขอ้ เหตุการณไ์ ด้ 6-7 ข้อ สมเหตุสมผลต่ำกว่า59%
- เน้ือหาครบถ้วนตาม -เนอ้ื หาถูกต้องตามสาระ - เน้อื หาถูกต้องตามสาระ - สามารถพูดนำเสนอได้
-ใชภ้ าษาทางการถูกต้อง
สาระทีก่ ำหนด 100% ที่กำหนด 80-99% ทกี่ ำหนด 60-79% ตามอักขระต่ำกว่า 59%
- บคุ ลิกภาพเหมาะสม
- เขยี นถูกตอ้ งตามหลกั - เขียนถูกตอ้ งตามหลัก - เขียนถกู ตอ้ งตามหลัก
- ใช้สสี ันสวยงามหรอื เปน็ ไป
ภาษา 100% ภาษา 80-99% ภาษา 60-79% ตามเกณฑ์อยา่ งใดอย่างหนง่ึ
- ลำดบั หัวขอ้ เนอ้ื หา - ลำดบั หวั ข้อเนอื้ หา - มกี ารสรุปได้อย่างสมเหตุ - ส่งผลงานครบถว้ น
แตช่ ้ากวา่ เวลาทีก่ ำหนด
ชดั เจน ชดั เจน สมผล 60-79% 15 นาที
- มีการสรุปได้อย่างสมเหตุ - มกี ารสรุปได้อยา่ ง
สมผล 100% สมเหตุสมผล 80-99%
- พดู ชดั เจนเสยี งดงั ฟังชัด - พูดชัดเจนเสียงดังฟัง - การพูดเหมาะสม
- ใชภ้ าษาทางการถกู ตอ้ ง ชัด -ใช้ภาษาทางการถกู ตอ้ ง
ตามอักขระ100% - ใชภ้ าษาทางการ ตามอกั ขระ60-79%
-บุคลกิ ภาพดีและมีความ ถูกต้องตามอกั ขระ - บคุ ลกิ ภาพเหมาะสม
มั่นใจ 80 -99%
- มกี ารใช้สือ่ ประกอบการ - บคุ ลกิ ภาพดี
นำเสนอ - ความพรอ้ มในการ
- ความพรอ้ มในการ นำเสนอไดบ้ างสว่ น
นำเสนอ
- ใช้สสี นั สวยงาม - ใชส้ สี นั สวยงาม -ใช้สีสนั สวยงามและมี
- มคี วามสะอาด - มคี วามสะอาด ความสะอาด
- มคี วามคดิ สร้างสรรค์ - มีความคิดสรา้ งสรรค์
-ความเปน็ ระเบยี บอา่ นงา่ ย
- สง่ ผลงานครบถว้ น - ส่งผลงานครบถว้ น - ส่งผลงานครบถ้วน
ตรงตามเวลาทกี่ ำหนด แต่ช้ากวา่ เวลาที่กำหนด แตช่ า้ กวา่ เวลาท่ีกำหนด
5 นาที 10 นาที
ตารางแนบทา้ ยแบบประเมนิ ใบงาน Compare & Contrast
ใบงาน แสงโพลาไรซ์
1.ความสวา่ งของแสงซง่ึ ผ่านแผน่ โพลารอยด์ 1 แผ่น ต่างจากความสว่างของแสงขณะไม่มีแผ่นโพลารอยดก์ ั้นหรอื ไม่
………………………………………….………………………………………….………………………………………….……………………………………
…….………………………………………….………………………………………….…………………………………….……………………………………
…….…………………………………….………………………………………….…………………………………….…………………………………………
.…………………………………….………………………………………….…………………………………….………………………………………….…
2. เมอ่ื หมนุ แผ่นโพลารอยด1์ แผน่ ไปจนครบ 1 รอบ ความสว่างของแสงที่ผ่านออกมา แต่ละขณะเปลย่ี นแปลงหรือไม่
อยา่ งไร
………………………………………….………………………………………….………………………………………….……………………………………
…….………………………………………….………………………………………….…………………………………….……………………………………
…….…………………………………….………………………………………….…………………………………….…………………………………………
.…………………………………….………………………………………….…………………………………….………………………………………….…
3. เมอื่ หมุนโพลารอยด์แผ่นที่ 2 ไปจนครบ 1 รอบ ความสวา่ งของแสงท่ีผา่ นแผน่ โพลารอยด2์ แผน่ แต่ละขณะ
เปลีย่ นแปลงหรอื ไม่ อย่างไร
………………………………………….………………………………………….………………………………………….……………………………………
…….………………………………………….………………………………………….…………………………………….……………………………………
…….…………………………………….………………………………………….…………………………………….…………………………………………
.…………………………………….………………………………………….…………………………………….………………………………………….…
4. มุมระหวา่ งตํา แหนง่ ของแผ่นโพลารอยด์แผ่นท่ี 2 ที่แสงมคี วามสว่างมากท่ีสดุ กับแสงมีความสวา่ งนอ้ ยทส่ี ุด เป็นมุม
เท่าใด
………………………………………….………………………………………….………………………………………….……………………………………
…….………………………………………….………………………………………….…………………………………….……………………………………
…….…………………………………….………………………………………….…………………………………….…………………………………………
.…………………………………….………………………………………….…………………………………….………………………………………….…..
แบบประเมินแบบฝึกหดั
คำช้ีแจง :ให้ผู้สอนประเมินผลงานใบงานนักเรียนโดยการประเมนิ คะแนนลงในช่องรายการประเมนิ กำหนดตามตารางแนบท้าย
แบบประเมินใบงานแบบฝึกหดั
ลำดบั ช่ือ – สกุล ของ ขอ้ ที่ 1 ขอ้ ท่ี 2 ขอ้ ที่ 3 ขอ้ ที่ 4 รวม 20 สรปุ ผลการประเมนิ
ท่ี ผู้รบั บรกิ ารประเมนิ คะแนน ผ่าน / ไม่ผ่าน
ลงชอื่ ……………………………………………….ผปู้ ระเมิน
……………./………………../……………..
เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ
ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
15 - 20 ดมี าก
11 – 15 ดี
6 - 10 พอใช้
ต่ำกวา่ 5 ปรบั ปรงุ
นักเรียนไดร้ ะดับคณุ ภาพที่ ดี ขน้ึ ไปถือว่า ผ่าน
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนแบบฝกึ หดั /คำนวณ
เกณฑ์การให้ 0 คะแนน 1 คะแนน 2 คะแนน 3 คะแนน 4 คะแนน 5 คะแนน
คะแนน
- ไมต่ อบ/ - ใชภ้ าษา - ใชภ้ าษา - มคี ำตอบได้ - วิเคราะหแ์ ละ - วเิ คราะหแ์ ละ
คำตอบ - ไม่แสดงวิธี เหมาะสม เหมาะสม ถกู ต้อง กำหนดตัวแปรได้ กำหนดตัวแปรได้
ทำ/แส
ดงวิธที ำเป็น - ตอบไมถ่ ูกตอ้ ง - เขยี นสูตร - ใช้ภาษา - เขียนสูตรแสดงวิธี - เขยี นสูตรแสดงวิธี
อื่น แสดงวธิ ีทำเป็น เหมาะสม ทำเป็นข้ันตอน ทำเป็นข้ันตอน
ขน้ั ตอน
- เขยี นสูตรแสดง - มคี ำตอบ - มีคำตอบ
- ตอบไมถ่ ูกตอ้ ง วิธที ำเป็นข้ันตอน
- ใชภ้ าษาเหมาะสม - ใชภ้ าษาเหมาะสม
- คำตอบถูกต้อง
ตามหลกั ทฤษฎี
แนวข้อสอบ O-NET 56 1 ขอ้
แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ 4
ช่ือหน่วยการเรยี นรู้ คลนื่ แม่เหล็กไฟฟา้ หน่วยย่อยที่ 1
เรือ่ ง คลนื่ วิทยุ เวลา 2 ชว่ั โมง
วันทท่ี ำการสอน ผสู้ อน นางสาววีนัส พิทาคำ
นายพงศกร บุญวงค์
1. สาระสำคญั 2. ผลการเรยี นรู้
คลน่ื วทิ ยุ 1. อธบิ ายการเกิดและลักษณะเฉพาะของ คลนื่ แม่เหล็กไฟฟ้า
คลื่นวิทยุมีความถี่ช่วง 104 – 109 Hz( เฮิรตซ์ ) แสงไม่โพลาไรส์ แสงโพลาไรส์ เชิงเส้น และแผ่นโพลารอยด์
ใชใ้ นการสื่อสาร คลนื่ วิทยุมกี ารสง่ สัญญาณ 2 ระบบคอื รวมทั้งอธิบายการนำคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในช่วงความถี่ต่าง ๆ
1.1 ระบบเอเอ็ม (A.M. = amplitude modulation) ไปประยกุ ตใ์ ชแ้ ละหลกั การทำงานของอุปกรณท์ ่ีเกี่ยวข้อง
ระบบเอเอม็ มีช่วงความถ่ี 530 – 1600 kHz( กโิ ลเฮิรตซ์
) สื่อสารโดยใช้คล่ืนเสียงผสมเข้าไปกับคล่ืนวิทยุเรียกว่า
“คล่นื พาหะ”
1.2 ระบบเอฟเอม็ (F.M. = frequency modulation)
ระบบเอฟเอ็ม มีช่วงความถี่ 88 – 108 MHz
(เมกะเฮิรตซ์) สื่อสารโดยใช้คลื่นเสียงผสมเข้ากับคล่ืน
พาหะ โดยความถี่ของคลื่นพาหะจะเปลี่ยนแปลงตาม
สัญญาณคล่นื เสียง ในการสง่ คล่นื ระบบ F.M. ส่งคลืน่ ได้
เฉพาะคลืน่ ดินอยา่ งเดยี ว ถา้ ตอ้ งการส่งให้คลุมพื้นท่ีต้อง
มีสถานีถา่ ยทอดและเคร่อื งรบั ตอ้ งตง้ั เสาอากาศสูง ๆ รบั
3. สาระการเรียนรู้ 4. ชน้ิ งาน/ภาระงาน
คลนื่ วทิ ยุ - ใบงาน Cause and Effect เรื่อง จะเปน็ อย่างไรหากโลก
น้ไี มม่ ีคลนื่ วิทยุ
- ใบงาน เรอื่ ง คลื่นวิทยุ
5. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน 6. เคร่ืองมอื การสอนคดิ
- ความสามารถในการคิด - Six thinking hats (white hat)
- ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี - Cause and Effect
กจิ กรรมการเรยี นรู้
7. ขั้นของกจิ กรรม 8. สื่อ 9. วธิ วี ัดผล
Do Now (3 นาที) - ใบงาน Cause - ประเมินใบงาน
“บอกชอ่ื นกั วิทยาศาสตร์ทนี่ ักเรียนรจู้ ักมาคนละ 1 ช่ือ” and Effect เรื่อง Cause and Effect
จะเป็นอย่างไร เร่อื ง จะเปน็ อย่างไร
Purpose (2 นาที) หากโลกน้ีไมม่ ี
เราจะเรียน เรอ่ื ง คลื่นวทิ ยุ เพอ่ื อธิบายการเกิดและลกั ษณะเฉพาะของ คลน่ื วทิ ยุ หากโลกนีไ้ มม่ ี
คลืน่ วทิ ยุ
คลื่นแม่เหล็กไฟฟา้ แสงไม่โพลาไรส์ แสงโพลาไรส์ เชงิ เส้น และแผน่ โพลา - ใบงานคล่นื วิทยุ
- ประเมนิ ใบงาน
รอยด์ รวมทั้งอธบิ ายการนำคล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้าในชว่ งความถีต่ า่ ง ๆ ไป คลน่ื วทิ ยุ
ประยกุ ตใ์ ช้และหลักการทำงานของอุปกรณ์ท่ีเกย่ี วข้อง
Work mode (110 นาที)
1. นักเรียนฟังครูอธิบาย เรื่อง คลื่นวิทยุ โดยใช้ Power point - Power point
ประกอบการเรยี น (15 นาท)ี เรื่อง คลื่นวิทยุ
2. นกั เรียนดูคลปิ วดี โี อ เรอ่ื ง คลืน่ วิทยุ (15 นาที) - คลิปวิดีโอ เรื่อง
3. นักเรยี นร่วมกันอภปิ ราย ลักษณะการเคลื่อนทขี่ องคลืน่ วิทยุ (คิด 3: คลน่ื วิทยุ
คิดพิพากษ์) (พอเพียง 7 สังคม) (20 นาที)
https://www.yo
4. นักเรียนทำใบงาน เรอ่ื ง คล่นื วิทยุ (20 นาที)
5. นกั เรียนอธบิ ายและวิเคราะห์ผลกระทบเกี่ยวกบั การที่ อนภุ าคคล่นื utube.com/wat
เคลอื่ นท่ี โดยทำใบงาน Cause and Effect เรอ่ื งจะเป็นอยา่ งไรหากโลก ch?v=Q6nmzy3
fkGw
นไ้ี มม่ คี ลื่นวทิ ยุ (คดิ 1 : คิดวิเคราะห)์ (20 นาที)
6. นักเรียน (ตัวแทนโดยการสุ่ม) นำเสนอผลการศึกษาหน้าชั้นเรียน
และร่วมกันโต้แย้งเพื่อหาข้อสรุปของหัวข้อที่ศึกษา (คิด 3 : คิดวิพากษ์)
(สมรรถนะ 3) (15 นาท)ี
7. นกั เรียนและครรู ่วมกันสรุปเชอื่ มโยงความคิดเห็นเก่ียวกับ เฟสของ
คล่นื (5 นาที)
Reflective thinking (5 นาท)ี
- หากต้องการเพิ่มขอ้ มูล นกั เรยี นอยากบอกเพม่ิ อะไร 1 ข้อ (2 นาที)
- ขอ้ สอบ O-NET ปี 51 (3 นาที)
แบบประเมนิ ใบงาน Cause and Effect
คำชี้แจง : ให้ผูส้ อนประเมินผลงานใบงานนักเรยี น โดยการประเมนิ คะแนนลงในชอ่ งรายการประเมินกำหนด
ตามตารางแนบทา้ ยแบบประเมนิ ใบงาน Cause and Effect
ลำดบั ชื่อ-สกลุ รปู แบบ เนอ้ื หา นำเสนอ ความ ตรงต่อ รวม สรุปผล
ท่ี ของผู้รบั (4 คะแนน) (4 คะแนน) (4 สวยงาม เวลา 20 การประเมนิ
(4 คะแนน) (4 คะแนน ผ่าน/ไม่ผา่ น
การ คะแนน) คะแนน)
ประเมิน
ลงชอ่ื …………………………………………..ผ้ปู ระเมนิ
…….……/……………/…………
เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
18 – 20 ดีมาก
14 – 17 ดี
10 – 13 พอใช้
ตำ่ กว่า 10 ปรับปรงุ
นกั เรยี นระดับคณุ ภาพที่ พอใช้ ขึ้นไปถือว่า ผา่ น
ตารางแนบทา้ ยแบบประเมินใบงาน Cause and Effect
เกณฑก์ าร ระดบั การประเมนิ
ประเมิน 4 (ดมี าก) 3 (ด)ี 2 (พอใช้) 1 (ปรบั ปรุง)
การแสดง - แสดงความคดิ เห็น - แสดงความคดิ เหน็ - แสดงความคดิ เหน็ -แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น ผลกระทบของปญั หา/เหตุ ผลกระทบของปัญหา/ ผลกระทบของปัญหา/ ผลกระทบของปัญหา/
การฌ์ได้ 10 ขอ้ ขึน้ ไป เหตกุ ารณ์ได้ 8-9 ข้อ เหตุการณไ์ ด้ 6-7 ข้อ เหตกุ ารณไ์ ด้ นอ้ ยกวา่ 6
ข้อ
เนอ้ื หา - เนอื้ หาครบถ้วนตาม -เนื้อหาถกู ต้องตามสาระ - เนอ้ื หาถกู ต้องตามสาระ - เนื้อหาถูกตอ้ งตาม
สาระท่ีกำหนด 100% ที่กำหนด 80-99% ทก่ี ำหนด 60-79% สาระที่กำหนดตำ่ กว่า
- เขยี นถกู ต้องตามหลัก - เขียนถกู ต้องตามหลัก - เขียนถูกตอ้ งตามหลัก 59%
ภาษา 100% ภาษา 80-99% ภาษา 60-79% - เขยี นถกู ตอ้ งตามหลัก
- ลำดับหวั ขอ้ เน้อื หา - ลำดบั หวั ขอ้ เนอ้ื หา - มีการสรุปไดอ้ ย่างสมเหตุ ภาษาตำ่ กว่า 59%
ชัดเจน ชดั เจน สมผล 60-79% - มกี ารสรุปไม่
- มีการสรปุ ไดอ้ ยา่ งสมเหตุ - มีการสรปุ ได้อยา่ ง สมเหตุสมผลต่ำกว่า59%
สมผล 100% สมเหตุสมผล 80-99%
การนำเสนอ - พดู ชัดเจนเสียงดังฟงั ชัด - พูดชัดเจนเสยี งดังฟัง - การพูดเหมาะสม - สามารถพดู นำเสนอได้
- ใชภ้ าษาทางการถกู ตอ้ ง ชัด -ใชภ้ าษาทางการถกู ต้อง -ใช้ภาษาทางการถูกตอ้ ง
ตามอักขระ100% - ใชภ้ าษาทางการ ตามอกั ขระ60-79% ตามอกั ขระต่ำกว่า 59%
-บคุ ลกิ ภาพดีและมคี วาม ถกู ตอ้ งตามอักขระ - บคุ ลกิ ภาพเหมาะสม - บคุ ลิกภาพเหมาะสม
มั่นใจ 80 -99%
- มกี ารใช้ส่อื ประกอบการ - บุคลกิ ภาพดี
นำเสนอ - ความพร้อมในการ
- ความพร้อมในการ นำเสนอไดบ้ างส่วน
นำเสนอ
ความ - ใช้สีสันสวยงาม - ใช้สีสันสวยงาม -ใช้สีสนั สวยงามและมี - ใช้สสี ันสวยงามหรอื
สวยงาม - มคี วามสะอาด - มีความสะอาด ความสะอาด เป็นไปตามเกณฑ์อยา่ ง
- มคี วามคดิ สรา้ งสรรค์ - มคี วามคิดสร้างสรรค์ ใดอย่างหนึ่ง
-ความเป็นระเบยี บอา่ น
งา่ ย
การตรง - ส่งผลงานครบถว้ น - สง่ ผลงานครบถว้ น - ส่งผลงานครบถ้วน - ส่งผลงานครบถ้วน
ต่อเวลา ตรงตามเวลาทกี่ ำหนด แต่ชา้ กวา่ เวลาท่กี ำหนด แตช่ ้ากว่าเวลาทกี่ ำหนด แตช่ ้ากว่าเวลาท่ีกำหนด
5 นาที 10 นาที 15 นาที
ใบงาน คล่นื วทิ ยุ
1. ให้เขยี นยา่ นความถ่ี และการใชง้ านความถ่ใี หถ้ กู ต้องลงในตาราง
ท่ี ชอื่ เรยี กยา่ นความถ่ี ยา่ นความถ่ี การนำไปใชง้ าน
2. ใหเ้ ขียนสเปคตรมั คล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้าให้ถกู ต้อง ความยาวคล่นื
ท่ี ชือ่ เรียกคล่ืน
แบบประเมนิ แบบฝึกหัด
คำช้ีแจง :ให้ผสู้ อนประเมินผลงานใบงานนกั เรียนโดยการประเมนิ คะแนนลงในชอ่ งรายการประเมินกำหนดตามตารางแนบท้าย
แบบประเมนิ ใบงานแบบฝึกหัด
ลำดับ ช่ือ – สกลุ ของ ข้อที่ 1 ขอ้ ท่ี 2 รวม 10 สรปุ ผลการประเมนิ
ท่ี ผู้รบั บรกิ ารประเมิน คะแนน ผ่าน / ไม่ผ่าน
ลงชอ่ื ……………………………………………….ผปู้ ระเมนิ
……………./………………../……………..
เกณฑก์ ารตัดสนิ คุณภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ
8 - 10 ดมี าก
5 – 7 ดี
3 - 5 พอใช้
ตำ่ กว่า 2 ปรบั ปรุง
นักเรียนได้ระดบั คณุ ภาพท่ี ดี ข้ึนไปถอื ว่า ผา่ น
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนแบบฝกึ หดั /คำนวณ
เกณฑ์การให้ 0 คะแนน 1 คะแนน 2 คะแนน 3 คะแนน 4 คะแนน 5 คะแนน
คะแนน
- ไมต่ อบ/ - ใชภ้ าษา - ใช้ภาษา - มีคำตอบได้ - วเิ คราะห์และ - วเิ คราะห์และ
คำตอบ - ไมแ่ สดงวธิ ี เหมาะสม เหมาะสม ถกู ตอ้ ง กำหนดตัวแปรได้ กำหนดตัวแปรได้
ทำ/แส
ดงวิธีทำเป็น - ตอบไมถ่ ูกต้อง - เขยี นสูตร - ใช้ภาษา - เขียนสูตรแสดงวธิ ี - เขียนสูตรแสดงวิธี
อนื่ แสดงวิธที ำเป็น เหมาะสม ทำเป็นข้ันตอน ทำเป็นขั้นตอน
ขน้ั ตอน
- เขียนสตู รแสดง - มีคำตอบ - มคี ำตอบ
- ตอบไม่ถูกตอ้ ง วธิ ีทำเป็นขั้นตอน
- ใช้ภาษาเหมาะสม - ใชภ้ าษาเหมาะสม
- คำตอบถกู ต้อง
ตามหลกั ทฤษฎี
ขอ้ สอบ (O-NET’51)
1. คล่ืนวิทยFุ M ความถี่ 88 เมกะเฮิรตซม์ คี วามยาวคลนื่ เทา่ ใด กำหนดใหค้ วามเร็วของ คล่นื วิทยเุ ท่ากบั 3 x 108
ก. 3.0 เมตร ข. 3.4 เมตร ค. 6.0 เมตร ง. 6.8 เมตร
แผนการจัดการเรียนรูท้ ี่ 5
ชอ่ื หนว่ ยการเรียนรู้ คลน่ื แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า หน่วยย่อยท่ี 1
เวลา 2 ช่วั โมง
เรื่อง คลืน่ ไมโครเวฟ ผู้สอน นางสาววนี ัส พทิ าคำ
วนั ทีท่ ำการสอน
นายพงศกร บุญวงค์
1. สาระสำคัญ 2. ผลการเรยี นรู้
คลื่น ไ มโคร เว ฟ ( Microwave) เป็น คล่ืน 1. อธิบายการเกิดและลักษณะเฉพาะของ คล่ืน
แม่เหลก็ ไฟฟ้า แสงไมโ่ พลาไรส์ แสงโพลาไรส์ เชิงเสน้ และ
แม่เหล็กไฟฟ้า (Electromagnetic Wave) ความถี่สูง แผ่นโพลารอยด์ รวมทั้งอธิบายการนำคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
ชนิดหนึ่งที่สายตาไม่สามารถมองเห็นได้ แต่สามารถวัด ในช่วงความถี่ต่าง ๆ ไปประยุกต์ใช้และหลักการทำงาน
ได้โดยใช้เครื่องมือเฉพาะเท่านั้น และเป็นคล่ืน ของอุปกรณ์ที่เกย่ี วข้อง
แม่เหล็กไฟฟ้าเช่นเดียวกันคลื่นแสงอัลตราไวโอเลต
(Ultraviolet) คลื่นรังสีเอ๊กซ์ และคลื่นรังสีแกมมา เป็น
ตน้ แต่มีความถี่คลน่ื นอ้ ยกว่า
3. สาระการเรยี นรู้ 4. ชิน้ งาน/ภาระงาน
คล่นื ไมโครเวฟ - ใบงาน KWL เรอ่ื ง คลนื่ ไมโครเวฟ
- ใบงาน เรื่อง คลน่ื ไมโครเวฟ
5. สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รียน 6. เคร่ืองมือการสอนคิด
- ความสามารถในการคิด - Six Thinking hats (Yellow hat)
- ความสามารถในการแก้ปัญหา - KWL
- ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
กจิ กรรมการเรียนรู้
7. ขั้นของกิจกรรม 8. สื่อ 9. วิธวี ดั ผล
Do Now (3 นาที) - ใบงาน KWL - ประเมินใบงาน
“ บอกสง่ิ ท่ีเหน็ ในภาพ มาคนละ 1 อย่าง ” เร่อื ง คล่นื KWLเรื่อง คล่นื
Purpose (2 นาที) ไมโครเวฟ ไมโครเวฟ
เราจะเรียนเรื่อง คลื่นไมโครเวฟ เพื่ออธิบายการเกิดและ - ใบงาน เร่อื ง - ประเมินใบงาน
ลักษณะเฉพาะของ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า แสงไม่โพลาไรส์ แสงโพลาไรส์ เชิง คลน่ื ไมโครเวฟ เรือ่ ง คล่ืน
เส้น และแผ่นโพลารอยด์ รวมทั้งอธิบายการนำคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในช่วง - ส่ือ Power ไมโครเวฟ
ความถี่ต่าง ๆ ไปประยุกต์ใช้และหลักการทำงานของอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง Point เรือ่ ง คลนื่
Work mode (110 นาที) ไมโครเวฟ
1. นักเรียนรู้อะไรเกี่ยวกับ คลื่นไมโครเวฟ บันทึกลงในใบงาน KWL - คลิปวิดีโอ เร่ือง
เรือ่ ง คลน่ื ไมโครเวฟ (ชอ่ ง K-chart) (5 นาท)ี คลื่นไมโครเวฟ
2. นกั เรียนสงสยั อยากรู้อะไรเพิ่มเตมิ เกย่ี วกบั คลนื่ ไมโครเวฟ บันทึกลง https://www.yo
youtu.com/wat
ในใบงาน KWL (ช่อง W-chart) (10 นาท)ี
wa?v=3R6HKOt
3. นักเรียนดูคลิปวีดีโอ เรื่อง คลื่นไมโครเวฟ พร้อมตอบคำถามดังน้ี 7c4I
“จากการดูคลิปนักเรียนคิดว่าคลื่นไมโครเวฟมีประโยชน์อย่างไร ”
(15 นาท)ี (Yellow hat)
4. นกั เรยี นฟังครูอธบิ าย เร่อื ง คลนื่ ไมโครเวฟ โดยใชส้ ื่อ Power point
ประกอบการสอน (20 นาที)
5. นักเรียนศึกษาใบความรู้ เรื่อง คลื่นไมโครเวฟ และเขียนสิ่งท่ี
นักเรียนได้รับจากใบความรู้ บันทึกลงใบงาน KWL (ช่อง L- chart)
(พอเพียง3 การมภี ูมคิ ้มุ กันทด่ี ใี นตวั ) (15 นาท)ี
6. นักเรียน (ตัวแทนจากการสุ่ม) ออกมานำเสนอผลงานจากใบงาน
KWL เร่อื ง คล่ืนไมโครเวฟ หนา้ ชน้ั เรยี นและอภปิ รายผลงาน/โตแ้ ย้งร่วมกัน
(คิด3:คดิ วิพากษ)์ (สมรรถนะ 3) (15 นาที)
7. นกั เรียนทำใบงาน เร่อื ง คลื่นไมโครเวฟ (10 นาท)ี
8. นักเรียนและครรู ่วมกันเฉลยใบงาน คลืน่ ไมโครเวฟ (10 นาท)ี
9. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปเชื่อมโยงความคิด เกี่ยวกับคล่ืน
ไมโครเวฟ พร้อมทั้งร่วมกันตอบคำถามดังนี้“ในชีวิตประจำวันคลื่น
ไมโครเวฟ มีผลดีต่อการดำรงชีวติ อย่างไร ?” ( Yellow hat) (10 นาที)
Reflective thinking (5 นาท)ี
- บอกในสิง่ ที่นักเรยี นไดเ้ รยี นรู้ในวันน้ี (2 นาท)ี
- ขอ้ สอบ O-NET ปี 51 (3 นาที)
แบบประเมนิ ใบงาน KWL
คำช้ีแจง : ให้ผสู้ อนประเมินผลงานใบงานนักเรียน โดยการประเมินคะแนนลงในชอ่ งรายการประเมนิ กำหนดตาม
ตาราง แนบทา้ ยแบบประเมินใบงาน KWL
ลำดับ ชื่อ-สกลุ รูปแบบ เนื้อหา นำเสนอ ความ ตรงตอ่ รวม สรปุ ผล
ท่ี ของผรู้ บั (4 คะแนน) (4 คะแนน) (4 สวยงาม เวลา 20 การประเมิน
(4 คะแนน) คะแนน ผา่ น/ไมผ่ ่าน
การ คะแนน) (4
ประเมิน คะแนน)
ลงช่ือ…………………………………………..ผ้ปู ระเมนิ
…….……/……………/…………
เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ
ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
18 – 20 ดมี าก
14 – 17 ดี
10 – 13 พอใช้
ต่ำกวา่ 10 ปรับปรุง
นักเรียนระดบั คณุ ภาพท่ี พอใช้ ขน้ึ ไปถือว่า ผา่ น
ตารางแนบทา้ ยแบบประเมินใบงาน KWL
เกณฑ์การ ระดับการประเมิน
ประเมิน
การแสดง 4 (ดมี าก) 3 (ด)ี 2 (พอใช้) 1 (ปรับปรุง)
ความคดิ เห็น - แสดงความคิดเหน็ ในชอ่ ง K
- แสดงความคดิ เหน็ ในช่อง K - แสดงความคิดเห็นในชอ่ ง -แสดงความคิดเห็นในชอ่ ง ได้ นอ้ ยกวา่ 7 ข้อ
เน้ือหา ได้ 10 ขอ้ คำถามข้ึนไป - แสดงความคิดเหน็ ในช่อง W
- แสดงความคดิ เห็นในช่องW K ได้ 9-10 ข้อคำถาม K ได้ 7-8 ขอ้ คำถาม ได้ นอ้ ยกว่า 7 ขอ้
การนำเสนอ ได้ 10 ขอ้ คำถามข้ึนไป - แสดงความคิดเห็นในช่อง L
- แสดงความคดิ เหน็ ในช่อง L - แสดงความคิดเห็นในช่อง - แสดงความคิดเหน็ ในช่อง W ได้ นอ้ ยกว่า 7 ข้อ
ความ ได้ 10 ขอ้ คำถามขน้ึ ไป - เนอื้ หาถกู ต้องตามสาระที่
สวยงาม W ได้ 9-10 ขอ้ คำถาม ได้ 7-8 ข้อคำถาม กำหนดต่ำว่า 59%
การตรง - เน้ือหาครบถ้วนตามสาระท่ี - เขียนถูกต้องตามหลัก ภาษา
ตอ่ เวลา กำหนด 100% - แสดงความคดิ เหน็ ในชอ่ ง - แสดงความคดิ เหน็ ในช่อง L ต่ำว่า 59%
- เขยี นถกู ต้องตามหลกั ภาษา - มีการสรุปไม่สมเหตสุ ม ผล
100% L ได้ 9-10 ขอ้ คำถาม ได้ 7-8 ขอ้ คำถาม ตำ่ ว่า 59%
- ลำดบั หวั ข้อเน้อื หาชดั เจน
- มกี ารสรปุ ได้อย่างสมเหตุ - เนื้อหาถกู ต้องตามสาระที่ - เนอ้ื หาถกู ต้องตามสาระที่ - สามารถพูดนำเสนอได้
สมผล 100% -ใชภ้ าษาทางการถกู ต้องตาม
กำหนด 80-99% กำหนด 60-79% อักขระต่ำกว่า 59%
- พูดชดั เจนเสยี งดังฟงั ชัด - บุคลิกภาพเหมาะสม
- ใชภ้ าษาทางการถกู ตอ้ ง - เขียนถกู ต้องตามหลกั - เขยี นถกู ตอ้ งตามหลกั ภาษา
ตามอกั ขระ100% - ใชส้ ีสันสวยงามหรอื เป็นไป
-บุคลิกภาพดแี ละมคี วาม ภาษา 80-99% 60-79% ตามเกณฑอ์ ยา่ งใดอย่างหนึง่
มัน่ ใจ
- มีการใช้สอื่ ประกอบการ - ลำดับหวั ขอ้ เน้อื หาชดั เจน - มกี ารสรปุ ได้อยา่ งสมเหตุ - ส่งผลงานครบถว้ น
นำเสนอ แต่ช้ากวา่ เวลาทก่ี ำหนด
- ความพร้อมในการนำเสนอ - มีการสรุปได้อยา่ ง สมผล 60-79% 15 นาที
- ใชส้ ีสันสวยงาม สมเหตุสมผล 80-99%c
- มคี วามสะอาด
- มีความคดิ สรา้ งสรรค์ - พดู ชดั เจนเสียงดงั ฟงั ชดั - การพูดเหมาะสม
-ความเป็นระเบยี บอ่านง่าย
- ใช้ภาษาทางการถูกต้อง -ใช้ภาษาทางการถกู ตอ้ ง ตาม
- สง่ ผลงานครบถว้ น
ตรงตามเวลาท่ีกำหนด ตามอักขระ อกั ขระ60-79%
80 -99% - บคุ ลกิ ภาพเหมาะสม
- บคุ ลิกภาพดี
- ความพร้อมในการนำเสนอ
ไดบ้ างสว่ น
- ใชส้ สี นั สวยงาม -ใชส้ สี นั สวยงามและมี
- มีความสะอาด ความสะอาด
- มีความคิดสร้างสรรค์
- ส่งผลงานครบถว้ น - ส่งผลงานครบถ้วน
แตช่ ้ากว่าเวลาท่กี ำหนด แตช่ ้ากวา่ เวลาที่กำหนด
5 นาที 10 นาที