The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

01 51-01-0182 แผนฯ วิทยาศาสตร์ ป.1

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by phimpinit, 2022-10-19 10:15:26

01 51-01-0182 แผนฯ วิทยาศาสตร์ ป.1

01 51-01-0182 แผนฯ วิทยาศาสตร์ ป.1

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 85

แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 8
ประโยชน์ของพชื

สาระที่ 1 สิ่งมีชีวติ กบั กระบวนการดารงชีวติ เวลา 1 ช่ัวโมง
ช้ันประถมศึกษาปี ท่ี 1
หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 พชื ในสวน

1. สาระสาคัญ

แต่ละส่วนของพืชสามารถนามาใชป้ ระโยชนไ์ ดห้ ลากหลาย

2. ตวั ชี้วดั ช้ันปี

สงั เกตและอธิบายลกั ษณะและหนา้ ที่ของโครงสร้างภายนอกของพืชและสตั ว์ (ว 1.1 ป. 1/2)

3. จุดประสงค์การเรียนรู้

1. บอกประโยชนท์ ี่ไดจ้ ากพืช (K)

2. มีความสนใจใฝ่ รู้หรืออยากรู้อยากเห็น (A)

3. พอใจในประสบการณ์การเรียนรู้ที่เก่ียวกบั วิทยาศาสตร์ (A)

4. ทางานร่วมกบั ผอู้ ื่นอยา่ งสร้างสรรค์ (A)

5. ส่ือสารและนาความรู้เร่ืองประโยชนข์ องพืชไปใชใ้ นชีวิตประจาวนั ได้ (P)

4. การวดั และการประเมินผลการเรียนรู้

ด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรม ด้านทักษะ/กระบวนการ (P)
และจติ วทิ ยาศาสตร์ (A)

1. ซกั ถามความรู้เร่ือง 1. ประเมินเจตคติทาง 1. ประเมินทกั ษะกระบวนการ

ประโยชนข์ องพืช วทิ ยาศาสตร์เป็นรายบุคคล ทางวิทยาศาสตร์

2. ประเมินกิจกรรมฝึ ก 2. ประเมินเจตคติต่อ 2. ประเมินทกั ษะการคิด

ทกั ษะระหวา่ งเรียน วทิ ยาศาสตร์เป็นรายบุคคล 3. ประเมินทกั ษะการแกป้ ัญหา

4. ประเมินพฤติกรรมใน

การปฏิบตั ิกิจกรรมเป็น

รายบุคคลหรือรายกล่มุ

5. สาระการเรียนรู้
ประโยชนท์ ี่ไดจ้ ากแต่ละส่วนของพืช

คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 86

6. แนวทางการบูรณาการ

ภาษาไทย เลา่ ถึงของใชแ้ ละของประดบั ที่บา้ นของนกั เรียนที่ทาจาก

พืชหรือมีส่วนประกอบของพืช เล่าถึงอาหารท่ีมี

ส่วนประกอบของพืช

ศิลปะ วาดภาพและระบายสีรูปภาพ และประดิษฐก์ รอบรูป

จากส่วนต่าง ๆของพืช

คณิตศาสตร์ นบั จานวนของใชห้ รือของประดบั ที่ทาจากพืชหรือมี

ส่วนประกอบของพืช

สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม ประดษิ ฐ์ของเล่นจากส่วนประกอบของพชื เพอ่ื เชื่อมโยง

ความรู้เกยี่ วกบั หลกั เศรษฐกจิ พอเพยี ง

ภาษาต่างประเทศ ฟัง พดู อา่ น เขียนคาศพั ทภ์ าษาองั กฤษเกี่ยวกบั ประโยชน์

ของพืชท่ีเรียนรู้หรือที่นกั เรียนสนใจ

7. กระบวนการจัดการเรียนรู้

ชั่วโมงท่ี 15

ข้นั นาเข้าสู่บทเรียน
1) ครูถามคาถามนกั เรียน เพ่ือกระตุน้ ความสนใจ เช่น

– นกั เรียนเคยนาส่วนประกอบใดของพืชมาใชป้ ระโยชนบ์ า้ ง และใชท้ าอะไร
– นกั เรียนนาของใชใ้ ดท่ีทาจากไมม้ าโรงเรียนบา้ ง
– ของใชห้ รือของประดบั ท่ีบา้ นนกั เรียนมีส่ิงใดทาจากส่วนประกอบของพืชบา้ ง
2) นกั เรียนช่วยกนั อภิปรายและแสดงความคิดเห็นของคาตอบจากคาถามขา้ งตน้ เพื่อ
เช่ือมโยงไปสู่การเรียนรู้เร่ืองประโยชนข์ องพืช
ข้นั จัดกจิ กรรมการเรียนรู้
จดั กิจกรรมการเรียนรู้โดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ร่วมกบั แบบกลบั ดา้ นช้นั เรียน ซ่ึง
มีข้นั ตอนดงั น้ี
1) ข้นั สร้างความสนใจ

(1) ครูแบ่งกลุ่มนกั เรียนแล้วเปิ ดโอกาสให้นักเรียนในกลุ่มนาเสนอข้อมูลเกี่ยวกับประโยชน์
ของพืช ท่ีครูมอบหมายให้ไปเรียนรู้ล่วงหน้าให้เพอ่ื น ๆ ในกลุ่มฟัง จากน้ันให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนมา
นาเสนอข้อมลู หน้าห้องเรียน

(2) ครูตรวจสอบว่านักเรียนทาภาระงานท่ีได้รับมอบหมายไปหรือไม่ โดยตรวจสอบจาก
การจดบนั ทกึ ของนกั เรียน และถามคาถามเกย่ี วกบั ภาระงาน ดงั นี้

– เรานาส่วนของพชื มาใช้ประโยชน์อะไรบ้าง (แนวคาตอบ ใบใช้ห่ออาหาร ดอกใช้จดั
แจกนั )

คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 87

– ยกตวั อย่างพชื ท่นี ักเรียนนามาใช้ประโยชน์ และบอกประโยชน์ทีไ่ ด้ (แนวคาตอบ
กล้วย ประโยชน์ทีไ่ ด้คือ ใช้รับประทาน)

(3) ครูเปิ ดโอกาสให้นักเรียนต้ังประเด็นคาถามที่นักเรียนสงสัยจากการทาภาระงานอย่าง
น้อยคนละ 1 คาถาม ซ่ึงครูให้นักเรียนเตรียมมาล่วงหน้า และให้นักเรียนช่วยกันตอบและแสดง
ความคดิ เห็น

(4) ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปเกย่ี วกบั ภาระงาน โดยครูช่วยอธิบายให้นกั เรียนเข้าใจว่า
เรานาพชื มาใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย โดยแต่ละส่วนของพชื สามารถนามาใช้ประโยชน์ได้แตกต่างกนั

2) ข้นั สารวจและค้นหา
(1) แบ่งนกั เรียนกลุม่ ละ 3–4 คน สารวจภายในและบริเวณรอบ ๆ โรงเรียนวา่ มีของใชห้ รือ

ของประดบั ใดบา้ งท่ีทาจากส่วนประกอบของพืช บนั ทึกรายการลงในใบบนั ทึกวา่ ส่ิงท่ีสารวจไดใ้ ชท้ า
อะไรและมีจานวนเท่าใด

(2) ครูคอยแนะนาช่วยเหลือนกั เรียนขณะปฏิบตั ิกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบ ๆ หอ้ งเรียน
และเปิ ดโอกาสใหน้ กั เรียนทุกคนซกั ถามเมื่อมีปัญหา

3) ข้นั อธิบายและลงข้อสรุป
(1) นกั เรียนแต่ละกลุ่มนาเสนอผลจากการสารวจ
(2) ครูและนกั เรียนร่วมกนั อภิปรายผลจากการสารวจ โดยใชแ้ นวคาถามต่อไปน้ี
– ส่วนประกอบใดของพืชท่ีถูกนามาใชม้ ากท่ีสุด (แนวคาตอบ ลาต้น)
– ของท่ีนกั เรียนสารวจทาจากส่วนประกอบใดของพืช (แนวคาตอบ ลาต้น ดอก และ

ใบ)
– พืชท่ีนกั เรียนชอบคืออะไร เพราะอะไร (แนวคาตอบ บัว เพราะดอกมีสีสวยงาม

และใบมีขนาดใหญ่)
(3) ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปผลการสารวจ โดยครูเนน้ ใหน้ กั เรียนเขา้ ใจวา่ เรานาพืช

มาใชป้ ระโยชนไ์ ดห้ ลากหลาย โดยแต่ละส่วนของพืชสามารถนามาใชป้ ระโยชนไ์ ดแ้ ตกต่างกนั
4) ข้นั ขยายความรู้
(1) แบ่งกลุ่มนกั เรียนใหช้ ่วยกนั หาภาพแสดงประโยชนข์ องพืช พร้อมท้งั เขียนคาอธิบาย

ประกอบภาพ โดยสืบคน้ จากแหลง่ การเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น หนงั สือพิมพ์ สารานุกรมวิทยาศาสตร์ หอ้ ง
กิจกรรมวิทยาศาสตร์ รายการวิทยาศาสตร์ท่ีผา่ นสื่อโทรทศั น์ หรืออินเทอร์เนต็

(2) ครูเชื่อมโยงความรู้เข้ากบั หลกั เศรษฐกจิ พอเพยี ง โดยให้นกั เรียนประดษิ ฐ์ของเล่นจาก
ส่วนประกอบของพชื และเสริมความรู้กบั นักเรียนว่าเราสามารถประดษิ ฐ์ของเล่นใช้เองได้ โดยไม่ต้อง
ซื้อของเล่นใหม่ เพอ่ื ให้นกั เรียนได้เข้าใจถึงการรู้จกั ใช้จ่ายอย่างประหยดั และเกบ็ ออม ตวั อย่างของของ
เล่นจากส่วนประกอบของพชื เช่น ม้าก้านกล้วยทที่ าจากก้านใบของต้นกล้วย หรือโมไบล์ปลาตะเพยี น
สานทที่ าจากใบของต้นจาก

คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 88

ม้าก้านกล้วย โมไบล์ปลาตะเพียนสาน

(3) นกั เรียนคน้ ควา้ คาศพั ทภ์ าษาองั กฤษเกี่ยวกบั ประโยชนข์ องพืชจากหนงั สือเรียน
ภาษาองั กฤษหรืออินเทอร์เนต็ และนาเสนอใหเ้ พื่อนในหอ้ งฟัง คดั คาศพั ทพ์ ร้อมคาแปลลงสมดุ ส่งครู

5) ข้นั ประเมนิ
(1) ครูใหน้ กั เรียนแต่ละคนพิจารณาวา่ จากหวั ขอ้ ที่เรียนมาและการปฏิบตั ิกิจกรรม

มีจุดใดบา้ งที่ยงั ไมเ่ ขา้ ใจหรือยงั มีขอ้ สงสยั ถา้ มี ครูช่วยอธิบายเพิ่มเติมใหน้ กั เรียนเขา้ ใจ
(2) นกั เรียนร่วมกนั ประเมินการปฏิบตั ิกิจกรรมกลุม่ วา่ มีปัญหาหรืออปุ สรรคใด และ

ไดม้ ีการแกไ้ ขอยา่ งไรบา้ ง
(3) ครูและนกั เรียนร่วมกนั แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั ประโยชนท์ ี่ไดร้ ับจากการปฏิบตั ิ

กิจกรรม และการนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์
(4) ครูทดสอบความเขา้ ใจของนกั เรียน โดยครูนาแผน่ ภาพที่แสดงใหเ้ ห็นถึงของใชห้ รือ

ของประดบั ที่ทาหรือมีส่วนประกอบของพืช เช่น บา้ นทรงไทย เรือประมง เครื่องดนตรีไทย กระดาษสา
หรือถุงดอกไมแ้ หง้ หรือครูนาส่ือมลั ติมีเดียที่แสดงใหเ้ ห็นถึงร้านคา้ ต่าง ๆ ที่มีผลิตภณั ฑจ์ ากพืช เช่น
ร้านขายเครื่องเรือน ร้านขายของประดบั ท่ีทาจากดอกไมแ้ หง้ หรือร้านขายผกั และผลไมใ้ หน้ กั เรียนดู
แลว้ ถามนกั เรียนวา่ ของที่เห็นแต่ละชิ้นทามาจากส่วนประกอบใดของพืช

ข้ันสรุป
1) ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปเกี่ยวกบั ประโยชนข์ องพืช โดยร่วมกนั เขียนเป็นแผนท่ีความคิด
หรือผงั มโนทศั น์

2) ครูมอบหมายให้นักเรียนไปศึกษาค้นคว้าเนือ้ หาของบทเรียนชั่วโมงหน้า เพอ่ื จดั การเรียนรู้

คร้ังต่อไป โดยให้นกั เรียนศึกษาค้นคว้าล่วงหน้าในหัวข้อพชื ในท้องถ่ิน

3) ครูให้นักเรียนเตรียมประเดน็ คาถามท่ีสงสัยมาอย่างน้อยคนละ 1 คาถาม เพอ่ื นามาอภปิ ราย

ร่วมกนั ในช้ันเรียนคร้ังต่อไป

คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 89

8. กจิ กรรมเสนอแนะ
ประดิษฐก์ รอบรูปจากส่วนต่าง ๆ ของพืช โดยนกั เรียนวาดรูปภาพท่ีนกั เรียนตอ้ งการและ
ระบายสีใหส้ วยงามโดยเหลือพ้ืนท่ีขอบไวด้ า้ นละ 1 นิ้ว นกั เรียนรวบรวมส่วนประกอบของพืชที่
นกั เรียนตอ้ งการ เช่น เมลด็ ดอก ใบ หรือกิ่งไมแ้ หง้ แลว้ นามาปะติดลงบนขอบกระดาษใหส้ วยงาม
9. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
1. คู่มือการสอน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นาพานิช จากดั
2. สื่อการเรียนรู้ PowerPoint วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั
3. แบบฝึ กทกั ษะ รายวิชาพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั
4. หนงั สือเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั

10. บนั ทกึ หลงั การจัดการเรียนรู้
1. ความสาเร็จในการจดั การเรียนรู้ ………………………………………………………….…

แนวทางการพฒั นา …………………………………………………………………………
2. ปัญหา/อุปสรรคในการจดั การเรียนรู้ …………………………………………………….…

แนวทางแกไ้ ข …………………………………………………………………………..….
3. สิ่งที่ไม่ไดป้ ฏิบตั ิตามแผน ………………………………………………………………..…

เหตุผล ………………………………………………………………………………...……
4. การปรับปรุงแผนการจดั การเรียนรู้ …………………………………………………………

ลงชื่อ .............................................. ผสู้ อน

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 90

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 9
พชื ในท้องถ่นิ

สาระที่ 1 ส่ิงมีชีวติ กบั กระบวนการดารงชีวติ เวลา 2 ช่ัวโมง
ช้ันประถมศึกษาปี ท่ี 1
หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 พชื ในสวน

1. สาระสาคญั

พืชในทอ้ งถ่ินมีความสาคญั ต่อสิ่งมีชีวติ ต่าง ๆ ในทอ้ งถิ่น และเจริญเติบโตไดง้ ่ายในทอ้ งถ่ิน

น้นั

2. ตวั ชี้วดั ช้ันปี

ระบุลกั ษณะของส่ิงมีชีวิตในทอ้ งถ่ินและนามาจาแนกโดยใชล้ กั ษณะภายนอกเป็นเกณฑ์

(ว 1.2 ป. 1/1)

3. จุดประสงค์การเรียนรู้

1. บอกลกั ษณะของพืชในทอ้ งถิ่น (K)

2. มีความสนใจใฝ่ รู้หรืออยากรู้อยากเห็น (A)

3. พอใจในประสบการณ์การเรียนรู้ท่ีเกี่ยวกบั วิทยาศาสตร์ (A)

4. ทางานร่วมกบั ผอู้ ่ืนอยา่ งสร้างสรรค์ (A)

5. สื่อสารและนาความรู้เร่ืองพืชในทอ้ งถ่ินไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ได้ (P)

4. การวดั และการประเมนิ ผลการเรียนรู้

ด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรม ด้านทักษะ/กระบวนการ (P)
และจติ วทิ ยาศาสตร์ (A)

1. ซกั ถามความรู้เรื่องพืช 1. ประเมินเจตคติทาง 1. ประเมินทกั ษะกระบวนการ

ในทอ้ งถ่ิน วทิ ยาศาสตร์เป็นรายบุคคล ทางวทิ ยาศาสตร์

2. ประเมินกิจกรรมฝึ ก 2. ประเมินเจตคติต่อ 2. ประเมินทกั ษะการคิด

ทกั ษะระหวา่ งเรียน วทิ ยาศาสตร์เป็นรายบุคคล 3. ประเมินทกั ษะการแกป้ ัญหา

4. ประเมินพฤติกรรมใน

การปฏิบตั ิกิจกรรมเป็น

รายบุคคลหรือรายกล่มุ

5. สาระการเรียนรู้
ลกั ษณะของพืชในทอ้ งถิ่น

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 91

6. แนวทางการบูรณาการ

ภาษาไทย เลา่ ถึงพืชที่มีปลกู อยมู่ ากในบา้ น ชุมชน หรือหมู่บา้ นของ

นกั เรียน

ศิลปะ วาดรูปและระบายสีพืชในทอ้ งถิ่น

ภาษาต่างประเทศ ฟัง พดู อ่าน เขียนคาศพั ทภ์ าษาองั กฤษเก่ียวกบั พืชใน

ทอ้ งถ่ินที่เรียนรู้หรือท่ีนกั เรียนสนใจ

7. กระบวนการจัดการเรียนรู้

ช่ัวโมงท่ี 16

ข้นั นาเข้าสู่บทเรียน

1) ครูถามคาถามนกั เรียนเพื่อกระตุน้ ความสนใจ เช่น

– นกั เรียนเห็นพืชใดมากท่ีสุดในชุมชนของนกั เรียน

– พืชชนิดใดในบา้ นของนกั เรียนท่ีดูแลรักษาง่ายและเจริญเติบโตดีที่สุด

– พืชใดที่คนในชุมชนของนกั เรียนนามาใชป้ ระโยชนก์ นั มาก

– พืชเหลา่ น้ีพบมากท่ีภาคใดของประเทศไทย

ตัวอย่างพืชในท้องถิ่น
2) นกั เรียนช่วยกนั อภิปรายและแสดงความคิดเห็นของคาตอบจากคาถามขา้ งตน้ เพื่อเช่ือมโยง
ไปสู่การเรียนรู้เรื่องพืชในทอ้ งถ่ิน
ข้นั จัดกจิ กรรมการเรียนรู้
จดั กิจกรรมการเรียนรู้โดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ร่วมกบั แบบกลบั ดา้ นช้นั เรียน ซ่ึง
มีข้นั ตอนดงั น้ี
1) ข้นั สร้างความสนใจ

(1) ครูแบ่งกลุ่มนักเรียนแล้วเปิ ดโอกาสให้นักเรียนในกลุ่มนาเสนอข้อมูลเก่ียวกับพืชใน
ท้องถิ่น ที่ครูมอบหมายให้ไปเรียนรู้ล่วงหน้าให้เพื่อน ๆ ในกลุ่มฟัง จากน้ันให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนมา
นาเสนอข้อมูลหน้าห้องเรียน

(2) ครูตรวจสอบว่านักเรียนทาภาระงานท่ีได้รับมอบหมายไปหรือไม่ โดยตรวจสอบจาก
การจดบนั ทกึ ของนักเรียน และถามคาถามเกย่ี วกบั ภาระงาน ดงั นี้

– พชื ชนิดใดในบ้านของนักเรียนท่ีดูแลรักษาง่ายและเจริญเตบิ โตดที ี่สุด (แนวคาตอบ
มนั สาปะหลงั )

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 92

– พืชชนิดใดท่ีคนในชุมชนของนักเรียนนามาใช้ประโยชน์มากที่สุด (แนวคาตอบ
กล้วย)

(3) ครูเปิ ดโอกาสให้นักเรียนต้ังประเดน็ คาถามที่นักเรียนสงสัยจากการทาภาระงานอย่าง
น้อยคนละ 1 คาถาม ซึ่งครูให้นักเรียนเตรียมมาล่วงหน้า และให้นักเรียนช่วยกันตอบและแสดงความ
คดิ เห็น

(4) ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปเกยี่ วกบั ภาระงาน โดยครูช่วยอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า
พชื ในท้องถ่นิ ปลกู ได้ง่ายและเจริญเตบิ โตได้ดใี นท้องถ่ินน้ัน

(5) ครูอธิบายเรื่องน่ารู้ เร่ือง ป่ าโกงกาง โดยอธิบายวา่ ป่ าโกงกางสามารถเจริญเติบโตไดด้ ี
ในดินเลนบริเวณพ้ืนที่ท่ีมีน้าท่วมถึงชว่ั คราวหรือประจา บริเวณป่ าโกงกางจะมีสตั วน์ ้าและสตั วบ์ ก
อาศยั อยหู่ ลายชนิด

2) ข้นั สารวจและค้นหา
(1) แบ่งนกั เรียนกลุ่มละ 3–4 คน สารวจวา่ คนในชุมชนนาพืชชนิดใดที่มีอย่มู ากใน

ทอ้ งถ่ินมาทาผลิตภณั ฑห์ รือสินคา้ และผลิตภณั ฑห์ รือสินคา้ เหล่าน้นั มีอะไรบา้ ง แลว้ บนั ทึกลงในใบ
บนั ทึก วาดรูปและระบายสีพืชในทอ้ งถิ่นท่ีนกั เรียนสารวจไดป้ ระกอบการบนั ทึกดว้ ย

(2) ครูคอยแนะนาช่วยเหลือนกั เรียนขณะปฏิบตั ิกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบ ๆ หอ้ งเรียน
และเปิ ดโอกาสใหน้ กั เรียนทุกคนซกั ถามเมื่อมีปัญหา

ช่ัวโมงที่ 17
3) ข้นั อธิบายและลงข้อสรุป

(1) นกั เรียนแต่ละคนนาเสนอผลจากการสารวจ
(2) ครูและนกั เรียนร่วมกนั อภิปรายผลจากการสารวจ โดยใชแ้ นวคาถามต่อไปน้ี

– พืชที่มีอยมู่ ากในชุมชนของนกั เรียนคืออะไร (แนวคาตอบ ต้นไผ่)
– พืชท่ีมีอยมู่ ากในชุมชนของนกั เรียนถกู นามาใชป้ ระโยชนอ์ ะไรบา้ ง (แนวคาตอบ
ใช้ทาพัด ทาเป็นสุ่มไก่ และนามาทาเป็นอาหาร)
– พืชเหลา่ น้นั เจริญเติบโตไดด้ ีหรือไม่ เพราะอะไร (แนวคาตอบ เจริญเติบโตได้ดี
เพราะมีปริมาณนา้ เพียงพอตลอดท้ังปี )
(3) ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปผลการสารวจ โดยครูเนน้ ใหน้ กั เรียนเขา้ ใจวา่ พืชใน
ทอ้ งถ่ินน้นั สามารถเจริญเติบโตไดด้ ีและถกู นามาใชป้ ระโยชนภ์ ายในทอ้ งถิ่นอยา่ งมาก
4) ข้ันขยายความรู้
(1) แบ่งนกั เรียนกลมุ่ ละ 2–3 คน ปฏิบตั ิกิจกรรมเสริมการเรียนรู้เร่ือง ปริศนาสมนุ ไพร
โดยมีข้นั ตอน ดงั น้ี
– ใหน้ กั เรียนในกลุ่มช่วยกนั หาช่ือพืชในทอ้ งถิ่นท่ีใชเ้ ป็นสมุนไพรไดใ้ นตารางท่ีมีอยู่
10 ช่ือ
– เมื่อพบแลว้ ใหล้ ากเสน้ ทบั ช่ือน้นั ไว้ กล่มุ ใดหาครบก่อนเป็นผชู้ นะ

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 93

(2) นกั เรียนคน้ ควา้ คาศพั ทภ์ าษาองั กฤษเกี่ยวกบั พืชในทอ้ งถิ่นของนกั เรียนจากหนงั สือ
เรียนภาษาองั กฤษหรืออินเทอร์เนต็ และนาเสนอใหเ้ พื่อนในหอ้ งฟัง คดั คาศพั ทพ์ ร้อมคาแปลลงสมุด
ส่งครู

5) ข้นั ประเมิน
(1) ครูใหน้ กั เรียนแต่ละคนพิจารณาวา่ จากหวั ขอ้ ที่เรียนมาและการปฏิบตั ิกิจกรรม

มีจุดใดบา้ งท่ียงั ไมเ่ ขา้ ใจหรือยงั มีขอ้ สงสยั ถา้ มี ครูช่วยอธิบายเพ่ิมเติมใหน้ กั เรียนเขา้ ใจ
(2) นกั เรียนร่วมกนั ประเมินการปฏิบตั ิกิจกรรมกล่มุ วา่ มีปัญหาหรืออปุ สรรคใด และ

ไดม้ ีการแกไ้ ขอยา่ งไรบา้ ง
(3) ครูและนกั เรียนร่วมกนั แสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั ประโยชนท์ ่ีไดร้ ับจากการปฏิบตั ิ

กิจกรรม และการนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์
(4) ครูทดสอบความเขา้ ใจของนกั เรียนโดยการใหต้ อบคาถาม เช่น
– เราสามารถนาพืชในทอ้ งถิ่นมาใชป้ ระโยชนใ์ ดไดบ้ า้ ง
– นกั เรียนจะดูแลรักษาพืชในทอ้ งถิ่นดว้ ยวธิ ีใดบา้ ง
– นกั เรียนคิดวา่ พืชในทอ้ งถิ่นควรมีลกั ษณะเป็นอยา่ งไร
– พืชในทอ้ งถิ่นท่ีนกั เรียนรู้จกั มีอะไรบา้ ง

ข้ันสรุป
1) ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปเกี่ยวกบั พืชในทอ้ งถ่ิน โดยร่วมกนั เขียนเป็นแผนท่ีความคิดหรือ
ผงั มโนทศั น์
2) ครูมอบหมายให้นักเรียนไปศึกษาค้นคว้าเนือ้ หาของบทเรียนชั่วโมงหน้า เพ่ือจัดการเรียนรู้
คร้ังต่อไป โดยให้นักเรียนศึกษาค้นคว้าล่วงหน้าในหัวข้อการจาแนกพืชในท้องถ่ิน โดยใช้ใบงาน
สารวจก่อนเรียน 6 ที่ครูจัดเตรียมไว้ให้ประกอบการศึกษาค้นคว้า (ในส่ือการเรียนรู้ PowerPoint
วทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปี ท่ี 1 บริษทั สานกั พมิ พ์วฒั นาพานิช จากดั )
3) ครูอธิบายข้ันตอนการปฏิบัติกิจกรรมและมอบหมายให้นักเรียนไปปฏิบัติกิจกรรมท่ีบ้าน
พร้อมท้ังให้นักเรียนเตรียมประเด็นคาถามท่ีสงสัยมาอย่างน้อยคนละ 1 คาถาม เพื่อนามาอภิปราย
ร่วมกนั ในช้ันเรียนคร้ังต่อไป
8. กจิ กรรมเสนอแนะ
ครูแนะนานกั เรียนใหศ้ ึกษาวิธีในการอนุรักษพ์ ืชในทอ้ งถ่ินของนกั เรียน โดยสืบคน้ จากแหล่ง
การเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น หนงั สือพิมพ์ สารานุกรมวทิ ยาศาสตร์ หอ้ งกิจกรรมวิทยาศาสตร์ รายการ
วิทยาศาสตร์ท่ีผา่ นส่ือโทรทศั น์ หรืออินเทอร์เน็ต
9. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้
1. ใบกิจกรรมเสริมการเรียนรู้ท่ี 4 ปริศนาสมุนไพร
2. ใบงานสารวจก่อนเรียน 6
3. ค่มู ือการสอน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นาพานิช จากดั

คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 94

4. ส่ือการเรียนรู้ PowerPoint วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั

5. แบบฝึ กทกั ษะ รายวชิ าพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั

6. หนงั สือเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั

10. บนั ทกึ หลงั การจัดการเรียนรู้
1. ความสาเร็จในการจดั การเรียนรู้ ………………………………………………………….…

แนวทางการพฒั นา …………………………………………………………………………
2. ปัญหา/อปุ สรรคในการจดั การเรียนรู้ …………………………………………………….…

แนวทางแกไ้ ข …………………………………………………………………………..….
3. สิ่งท่ีไม่ไดป้ ฏิบตั ิตามแผน ………………………………………………………………..…

เหตุผล ………………………………………………………………………………...……
4. การปรับปรุงแผนการจดั การเรียนรู้ …………………………………………………………

ลงช่ือ .............................................. ผสู้ อน

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 95

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 10
การจาแนกพชื ในท้องถ่นิ

สาระท่ี 1 ส่ิงมชี ีวติ กบั กระบวนการดารงชีวติ เวลา 2 ช่ัวโมง
ช้ันประถมศึกษาปี ที่ 1
หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 พชื ในสวน

1. สาระสาคญั

เราสามารถจาแนกพืชในทอ้ งถิ่นโดยใชล้ กั ษณะภายนอกที่เหมือนหรือแตกต่างกนั เป็นเกณฑ์

2. ตัวชี้วดั ช้ันปี

ระบุลกั ษณะของสิ่งมีชีวิตในทอ้ งถ่ินและนามาจาแนกโดยใชล้ กั ษณะภายนอกเป็นเกณฑ์

(ว 1.2 ป. 1/1)

3. จุดประสงค์การเรียนรู้

1. จาแนกพืชในทอ้ งถ่ิน (K)

2. มีความสนใจใฝ่ รู้หรืออยากรู้อยากเห็น (A)

3. พอใจในประสบการณ์การเรียนรู้ท่ีเกี่ยวกบั วทิ ยาศาสตร์ (A)

4. ทางานร่วมกบั ผอู้ ื่นอยา่ งสร้างสรรค์ (A)

5. สื่อสารและนาความรู้เร่ืองการจาแนกพืชในทอ้ งถิ่นไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ได้ (P)

4. การวดั และการประเมินผลการเรียนรู้

ด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรม ด้านทักษะ/กระบวนการ (P)
และจติ วทิ ยาศาสตร์ (A)

1. ซกั ถามความรู้เรื่อง 1. ประเมินเจตคติทาง 1. ประเมินทกั ษะกระบวนการ

การจาแนกพืช วทิ ยาศาสตร์เป็นรายบุคคล ทางวทิ ยาศาสตร์

ในทอ้ งถิ่น 2. ประเมินเจตคติต่อ 2. ประเมินทกั ษะการคิด

2. ประเมินกิจกรรมฝึ ก วทิ ยาศาสตร์เป็นรายบุคคล 3. ประเมินทกั ษะการแกป้ ัญหา

ทกั ษะระหวา่ งเรียน 4. ประเมินพฤติกรรมใน

3. ทดสอบหลงั เรียน การปฏิบตั ิกิจกรรมเป็น

รายบุคคลหรือรายกลุ่ม

5. สาระการเรียนรู้
จาแนกพืชในทอ้ งถิ่นโดยใชล้ กั ษณะภายนอกเป็นเกณฑ์

คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 96

6. แนวทางการบูรณาการ

ภาษาไทย เลา่ ถึงการจาแนกพืชที่อยบู่ ริเวณบา้ นหรือละแวกบา้ นของนกั เรียน

ศิลปะ ประดิษฐแ์ ผน่ ภาพพลิกการจาแนกพืชโดยใชล้ กั ษณะภายนอก

ของพืช

คณิตศาสตร์ จาแนกพืชที่สงั เกตไดต้ ามลกั ษณะของที่อยอู่ าศยั ดอก และ ลาตน้

ภาษาต่างประเทศ ฟัง พดู อ่าน เขียนคาศพั ทภ์ าษาองั กฤษเก่ียวกบั การจาแนกพืช

ในทอ้ งถิ่นที่เรียนรู้หรือที่นกั เรียนสนใจ

7. กระบวนการจัดการเรียนรู้

ชั่วโมงท่ี 18

ข้ันนาเข้าสู่บทเรียน

1) ครูถามคาถามนกั เรียน เพื่อกระตุน้ ความสนใจ เช่น

– นกั เรียนเคยจาแนกพืชชนิดใดบา้ งและนกั เรียนใชเ้ กณฑใ์ ด

– นกั เรียนจดั กลว้ ยไมแ้ ละเขม็ เป็นพืชกลุ่มเดียวกนั หรือไม่ เพราะอะไร

– นกั เรียนสามารถนาลกั ษณะภายนอกใดของพืชมาจาแนกพืชเป็นกลุ่มได้

2) นกั เรียนช่วยกนั อภิปรายและแสดงความคิดเห็นของคาตอบจากคาถามขา้ งตน้

ข้นั จัดกจิ กรรมการเรียนรู้

จดั กิจกรรมการเรียนรู้โดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ร่วมกบั แบบกลบั ดา้ นช้นั เรียน ซ่ึง

มีข้นั ตอนดงั น้ี

1) ข้นั สร้างความสนใจ

(1) ครูให้นกั เรียนนาใบงาน สารวจก่อนเรียน 6 ที่ครูมอบหมายให้ไปเรียนรู้ล่วงหน้าที่บ้าน

มาอภปิ รายร่วมกนั ในช้ันเรียน

(2) ครูตรวจสอบว่านักเรียนทากิจกรรมท่ีได้รับมอบหมายไปหรือไม่ โดยตรวจสอบจาก

การจดบนั ทึกของนักเรียน และถามคาถามเกยี่ วกบั กจิ กรรม ดงั นี้

– พชื เหล่านเี้ ป็ นพชื ในท้องถิ่นของนกั เรียนหรือไม่ (แนวคาตอบ เป็ นพชื ในท้องถนิ่ )

– นักเรียนใช้หลกั เกณฑ์ใดในการจาแนกพืชเหล่านี้ (แนวคาตอบ ใช้ลักษณะที่อยู่อาศัย

เป็ นเกณฑ์ คือ มะละกอและตะไคร้อย่บู นบก และบัวอย่ใู นนา้ )

(3) ครูเปิ ดโอกาสให้นักเรียนต้งั ประเดน็ คาถามท่ีนักเรียนสงสัยจากการทากิจกรรมอย่าง

น้อยคนละ 1 คาถาม ซึ่งครูให้นักเรียนเตรียมมาล่วงหน้า และให้นักเรียนช่วยกันตอบและแสดง

ความคิดเห็น

(4) ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปเกยี่ วกบั กจิ กรรม สารวจก่อนเรียน 6 โดยครูช่วยอธิบายให้

นักเรียนเข้าใจว่า เราจาแนกพชื เป็ นกลุ่มได้โดยใช้ลกั ษณะภายนอกทีเ่ หมอื นกนั

2) ข้นั สารวจและค้นหา

(1) แบ่งนกั เรียนกลุ่มละ 3–4 คน ปฏิบตั ิกิจกรรมสังเกต พืชหลากหลาย โดยนกั เรียน

คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 97

แต่ละกลุ่มสารวจพืชบริเวณโรงเรียนหรือชุมชนที่อาศยั อยู่ แลว้ สงั เกตลกั ษณะภายนอกของพืช และ
บนั ทึกชื่อตน้ พืช หลงั จากน้นั แบ่งกลมุ่ พืชที่สงั เกตไดต้ ามลกั ษณะของที่อยอู่ าศยั ดอก และลาตน้

(2) ครูคอยแนะนาช่วยเหลือนกั เรียนขณะปฏิบตั ิกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบ ๆ หอ้ งเรียน
และเปิ ดโอกาสใหน้ กั เรียนทุกคนซกั ถามเมื่อมีปัญหา

ช่ัวโมงท่ี 19

3) ข้นั อธิบายและลงข้อสรุป
(1) นกั เรียนแต่ละกลุ่มนาเสนอผลจากการสารวจ
(2) ครูและนกั เรียนร่วมกนั อภิปรายผลจากการสารวจ โดยใชแ้ นวคาถามต่อไปน้ี
– นกั เรียนสารวจพืชใดบา้ ง (แนวคาตอบ บัว กล้วย ตาลึง)
– พืชที่นกั เรียนสารวจจดั อยใู่ นกลมุ่ ใดบา้ ง เมื่อใชล้ กั ษณะท่ีอยอู่ าศยั ดอก และลาตน้

เป็นเกณฑ์ (แนวคาตอบ เม่ือใช้ลกั ษณะที่อย่อู าศัยเป็นเกณฑ์ มีท้ังพืชที่อย่บู นบกและในนา้ เม่ือใช้ดอก
เป็นเกณฑ์เป็นพืชมีดอก เมื่อใช้ลาต้นเป็นเกณฑ์มีท้ังลาต้นตรงและลาต้นเลือ้ ย)

– นกั เรียนสามารถใชเ้ กณฑอ์ ่ืนจาแนกพืชท่ีสารวจไดอ้ ีกหรือไม่ เช่นอะไรบา้ ง (แนว
คาตอบ ได้ เช่น ขนาดของดอก สีของดอก และลกั ษณะขอบใบ)

(3) ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปผลการสารวจ โดยครูเนน้ ใหน้ กั เรียนเขา้ ใจวา่ เราจาแนก
พืชโดยอาศยั ลกั ษณะภายนอกท่ีเหมือนกนั เช่น ลกั ษณะใบเหมือนกนั ดอกสีเดียวกนั ลกั ษณะลาตน้
เหมือนกนั มีรากแกว้ เหมือนกนั หรือมีผลขนาดใหญเ่ หมือนกนั

4) ข้ันขยายความรู้
(1) ครูแนะนานกั เรียนวา่ เม่ือนกั เรียนเดินทางไปยงั สถานที่ต่าง ๆ ในทอ้ งถิ่นของนกั เรียน

หรือต่างจงั หวดั ไดพ้ บเห็นพืชในทอ้ งถิ่นใดก็ลองสงั เกตลกั ษณะภายนอก เช่น ลกั ษณะลาตน้ ใบ ดอก
ผล และลกั ษณะแหล่งที่อย่อู าศยั แลว้ จาแนกพืชเหล่าน้นั ดว้ ยลกั ษณะภายนอกของพืชท่ีสงั เกตได้

(2) นกั เรียนคน้ ควา้ คาศพั ทภ์ าษาองั กฤษเก่ียวกบั การจาแนกพืชในทอ้ งถิ่นจากหนงั สือ
เรียนภาษาองั กฤษหรืออินเทอร์เน็ต และนาเสนอใหเ้ พื่อนในห้องฟัง คดั คาศพั ทพ์ ร้อมคาแปลลงสมุด
ส่งครู

5) ข้นั ประเมนิ
(1) ครูใหน้ กั เรียนแต่ละคนพิจารณาวา่ จากหวั ขอ้ ท่ีเรียนมาและการปฏิบตั ิกิจกรรม

มีจุดใดบา้ งที่ยงั ไมเ่ ขา้ ใจหรือยงั มีขอ้ สงสยั ถา้ มี ครูช่วยอธิบายเพ่ิมเติมใหน้ กั เรียนเขา้ ใจ
(2) นกั เรียนร่วมกนั ประเมินการปฏิบตั ิกิจกรรมกลมุ่ วา่ มีปัญหาหรืออุปสรรคใด และ

ไดม้ ีการแกไ้ ขอยา่ งไรบา้ ง
(3) ครูและนกั เรียนร่วมกนั แสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั ประโยชนท์ ี่ไดร้ ับจากการปฏิบตั ิ

กิจกรรม และการนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์
(4) ครูทดสอบความเขา้ ใจของนกั เรียน โดยการใหต้ อบคาถาม เช่น
– พืชใดบา้ งที่อยกู่ ลุ่มเดียวกบั ขนุน เพราะอะไร
– พืชใดบา้ งท่ีอยกู่ ลุ่มเดียวกบั คะนา้ เพราะอะไร

คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 98

– พืชใดบา้ งที่อยกู่ ลุ่มเดียวกบั แตงโม เพราะอะไร
– พืชใดบา้ งท่ีอยกู่ ลุ่มเดียวกบั มะมว่ งและชบา เพราะอะไร
– นกั เรียนนาพืชในทอ้ งถิ่นมาใชป้ ระโยชนอ์ ะไรบา้ ง
– ลกั ษณะใดของพืชท่ีสามารถนามาใชเ้ ป็นเกณฑใ์ นการแบ่งกลมุ่ ได้
ข้ันสรุป
1) ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปเกี่ยวกบั การจาแนกพืชในทอ้ งถิ่น โดยร่วมกนั เขียนเป็นแผนที่
ความคิดหรือผงั มโนทศั น์
2) ครูดาเนินการทดสอบหลงั เรียน โดยใหน้ กั เรียนทาแบบทดสอบหลงั เรียนเพ่ือวดั ความ
กา้ วหนา้ /ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 ของนกั เรียน
3) ครูเช่ือมโยงเนือ้ หาจากบทเรียนนีก้ บั บทเรียนชั่วโมงหน้า เพอื่ ให้นกั เรียนเตรียมความพร้อม
ในการเรียนช่ัวโมงต่อไป โดยการใช้คาถามกระตุ้น ดงั นี้
– พชื เป็ นส่ิงมีชีวติ เช่นเดยี วกบั สัตว์ นกั เรียนสามารถนาลกั ษณะรูปร่างทแ่ี ตกต่างกนั มาใช้
ในการจาแนกสัตว์เหมอื นพืชได้หรือไม่ (แนวคาตอบ ได้ เนือ่ งจากลกั ษณะรูปร่างทแ่ี ตกต่างกนั ของสัตว์
แต่ละชนิดสามารถนามาใช้ในการจาแนกสัตว์ได้)

4) ครูมอบหมายให้นักเรียนไปศึกษาค้นคว้าเนือ้ หาของบทเรียนช่ัวโมงหน้า เพอ่ื จดั การเรียนรู้
คร้ังต่อไป โดยให้นักเรียนศึกษาค้นคว้าล่วงหน้าในหัวข้อโครงสร้างภายนอกของสัตว์

5) ครูให้นกั เรียนเตรียมประเดน็ คาถามท่ีสงสัยมาอย่างน้อยคนละ 1 คาถาม เพอ่ื นามาอภปิ ราย
ร่วมกนั ในช้ันเรียนคร้ังต่อไป

8. กจิ กรรมเสนอแนะ
1) ประดิษฐแ์ ผน่ ภาพพลิกของพืชชนิดต่าง ๆ โดยใหน้ กั เรียนหาภาพจากหนงั สือพิมพ์
นิตยสารหรืออินเทอร์เน็ต แลว้ ตดั ภาพติดลงในแผ่นภาพพลิกที่นกั เรียนกาหนดเกณฑใ์ นการจาแนกพืช
จากลกั ษณะภายนอกของพืช
2) นกั เรียนสืบคน้ ขอ้ มลู การจาแนกพืชในทอ้ งถ่ิน จากหนงั สือ วารสารวิทยาศาสตร์ สารานุกรม วิทยาศาสตร์
สารานุกรมไทยสาหรับเยาวชน และอินเทอร์เน็ต แลว้ นาขอ้ มูลมาจดั ทาเป็นป้ ายนิเทศเพื่อแลกเปล่ียนความรู้กบั เพ่ือน
ในหอ้ งหรือในงานวชิ าการ
9. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
1. ใบงานสารวจก่อนเรียน 6
2. ใบกิจกรรมที่ 7 สงั เกตพืชหลากหลาย
3. แบบทดสอบหลงั เรียน
4. คู่มือการสอน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นาพานิช จากดั
5. ส่ือการเรียนรู้ PowerPoint วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั

คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 99

6. แบบฝึ กทกั ษะ รายวิชาพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั

7. หนงั สือเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั

10. บันทกึ หลงั การจัดการเรียนรู้
1. ความสาเร็จในการจดั การเรียนรู้ ………………………………………………………….…

แนวทางการพฒั นา …………………………………………………………………………
2. ปัญหา/อปุ สรรคในการจดั การเรียนรู้ …………………………………………………….…

แนวทางแกไ้ ข …………………………………………………………………………..….
3. ส่ิงที่ไมไ่ ดป้ ฏิบตั ิตามแผน ………………………………………………………………..…

เหตุผล ………………………………………………………………………………...……
4. การปรับปรุงแผนการจดั การเรียนรู้ …………………………………………………………

ลงชื่อ .............................................. ผสู้ อน

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 100

หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 สารวจสัตว์รอบตัว เวลา 14 ช่ัวโมง

ผงั มโนทัศน์เป้ าหมายสาระการเรียนรู้และขอบข่ายภาระงาน

ความรู้ ทกั ษะ/กระบวนการ
1. โครงสร้างภายนอกของสตั ว์ 1. การสงั เกต
2. หนา้ ท่ีของอวยั วะภายนอกของสตั ว์ 2. การอธิบาย
3. จานวนขาของสตั วช์ นิดต่าง ๆ 3. การสารวจ
4. อวยั วะท่ีใชใ้ นการเคล่ือนท่ีของสตั ว์ 4. การนาความรู้ไปใชใ้ น
5. ลกั ษณะรูปร่างและอวยั วะภายนอกของ ชีวติ ประจาวนั
สตั วท์ ี่อาศยั อยใู่ นสิ่งแวดลอ้ มท่ีต่างกนั
6. สตั วใ์ นทอ้ งถ่ิน
7. การแบ่งกลุ่มสตั วโ์ ดยใชล้ กั ษณะ
ภายนอกเป็ นเกณฑ์
8. ประโยชนข์ องสตั ว์

สารวจสัตว์
รอบตวั

ภาระงาน/ชิน้ งาน คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
1. สงั เกตอวยั วะภายนอกของสตั ว์ 1. มีเจตคติทางวิทยาศาสตร์
2. สงั เกตและศึกษาหนา้ ท่ีของอวยั วะ 2. มีเจตคติต่อวทิ ยาศาสตร์
3. เห็นคุณค่าของการนาความรู้
ภายนอกของสตั ว์ ไปใชป้ ระโยชนใ์ นชีวติ ประจาวนั
3. สงั เกตจานวนขาของสตั วแ์ ต่ละชนิด 4. ใฝ่ เรียนรู้
4. สงั เกตอวยั วะท่ีใชใ้ นการเคล่ือนท่ีของ 5. มุ่งมนั่ ในการทางาน

สตั วแ์ ต่ละชนิด
5. สงั เกตแหล่งที่อยอู่ าศยั ของสัตวแ์ ต่ละ

ชนิด
6. สารวจสตั วใ์ นทอ้ งถิ่น
7. จดั กลมุ่ สตั วใ์ นทอ้ งถิ่นโดยใชล้ กั ษณะ

ภายนอกเป็ นเกณฑ์
8. ศึกษาการใชป้ ระโยชนส์ ตั วใ์ นทอ้ งถ่ิน

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 101

ผงั การออกแบบการจดั การเรียนรู้แบบ Backward Design

หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 สารวจสัตว์รอบตัว

ข้ันท่ี 1 ผลลพั ธ์ปลายทางท่ีต้องการให้เกดิ ขนึ้ กบั นกั เรียน

ตวั ชี้วดั ช้ันปี

1. สงั เกตและอธิบายลกั ษณะและหนา้ ที่ของโครงสร้างภายนอกของพืชและสตั ว์ (ว 1.1 ป. 1/2)

2. ระบุลกั ษณะของสิ่งมีชีวติ ในทอ้ งถ่ินและนามาจาแนกโดยใชล้ กั ษณะภายนอกเป็นเกณฑ์ (ว 1.2

ป. 1/1)

ความเข้าใจทีค่ งทนของนกั เรียน คาถามสาคัญทที่ าให้เกดิ ความเข้าใจทค่ี งทน

นักเรียนจะเข้าใจว่า...

1. โครงสร้างภายนอกของสตั ว์ ไดแ้ ก่ ตา หู จมูก 1. สตั วส์ ่วนใหญ่มีโครงสร้างภายนอกอะไรบา้ ง

ปาก เทา้ และขา และผวิ หนงั และขน แต่ละส่วน 2. สตั วท์ ่ีอาศยั อยใู่ นแต่ละทอ้ งถ่ินมีลกั ษณะที่

ทาหนา้ ที่แตกต่างกนั เหมือนหรือแตกต่างกนั อยา่ งไร

2. สตั วท์ ่ีอยใู่ นแต่ละทอ้ งถ่ินจะมีท้งั ลกั ษณะที่ 3. ลกั ษณะภายนอกของสตั วส์ ามารถใชเ้ ป็น

เหมือนกนั และแตกต่างกนั เกณฑใ์ นการแบ่งกลุ่มสัตวไ์ ดห้ รือไม่ ลกั ษณะใด

3. ลกั ษณะภายนอกของสตั วใ์ ชเ้ ป็นเกณฑใ์ นการ

แบ่งกลุ่มสตั วไ์ ด้

ความรู้ของนักเรียนทน่ี าไปสู่ความเข้าใจทค่ี งทน ทกั ษะ/ความสามารถของนักเรียนที่นาไปสู่ความ

นกั เรียนจะรู้ว่า... เข้าใจท่คี งทน นักเรียนจะสามารถ...

1. คาสาคญั ไดแ้ ก่ อวยั วะภายนอก สตั วใ์ น 1. สงั เกตและบอกอวยั วะภายนอกของสตั วช์ นิด

ทอ้ งถ่ิน ต่าง ๆ

2. อวยั วะภายนอกของสตั ว์ ไดแ้ ก่ ตา หู จมกู 2. อธิบายหนา้ ที่ของอวยั วะภายนอกของสตั ว์

ปาก เทา้ และขา และผิวหนงั และขน แต่ละส่วน 3. สงั เกตและอธิบายลกั ษณะภายนอกของสตั วท์ ่ี

ทาหนา้ ท่ีแตกต่างกนั อาศยั อยใู่ นสิ่งแวดลอ้ มที่ต่างกนั

3. สตั วท์ ี่อาศยั อยใู่ นสิ่งแวดลอ้ มท่ีต่างกนั จะมี 4. สารวจและสงั เกตสตั วท์ ี่อยใู่ นทอ้ งถ่ิน

ลกั ษณะรูปร่างและอวยั วะภายนอกที่ต่างกนั 5. สงั เกตลกั ษณะภายนอกของสตั วช์ นิดต่าง ๆ

4. สตั วบ์ างชนิดพบไดท้ ุกทอ้ งถิ่น แต่สตั วบ์ าง และนามาใชเ้ ป็นเกณฑใ์ นการจดั กลุม่ สตั ว์

ชนิดพบบางทอ้ งถ่ินเท่าน้นั 6. สารวจและสงั เกตการใชป้ ระโยชนส์ ตั วใ์ น

5. ลกั ษณะภายนอกของสตั วแ์ ต่ละชนิดสามารถ ทอ้ งถ่ิน

ใชเ้ ป็นเกณฑใ์ นการแบ่งกลุม่ สตั วไ์ ด้

6. สตั วช์ นิดต่าง ๆ มีความสาคญั สามารถนามาใช้

ประโยชนต์ ่าง ๆ มากมาย

คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 102

ข้นั ท่ี 2 ภาระงานและการประเมนิ ผลการเรียนรู้ ซึ่งเป็ นหลกั ฐานท่แี สดงว่านกั เรียนมผี ลการเรียนรู้

ตามท่กี าหนดไว้อย่างแท้จริง

1. ภาระงานทน่ี กั เรียนต้องปฏิบัติ

– สงั เกตอวยั วะภายนอกของสตั ว์

– สงั เกตและศึกษาหนา้ ท่ีของอวยั วะภายนอกของสตั ว์

– สงั เกตจานวนขาของสตั วแ์ ต่ละชนิด

– สงั เกตอวยั วะท่ีใชใ้ นการเคล่ือนท่ีของสตั วแ์ ต่ละชนิด

– สงั เกตแหล่งที่อยอู่ าศยั ของสตั วแ์ ต่ละชนิด

– สารวจสตั วใ์ นทอ้ งถ่ิน

– จดั กลุ่มสตั วใ์ นทอ้ งถิ่นโดยใชล้ กั ษณะภายนอกเป็นเกณฑ์

– ศึกษาการใชป้ ระโยชนส์ ตั วใ์ นทอ้ งถิ่น

2. วธิ ีการและเคร่ืองมอื ประเมนิ ผลการเรียนรู้

วธิ ีการประเมนิ ผลการเรียนรู้ เคร่ืองมอื ประเมนิ ผลการเรียนรู้

– การทดสอบ – แบบทดสอบก่อนเรียนและหลงั เรียน

– การสนทนาซกั ถาม – แบบบนั ทึกการสนทนา

– การวดั เจตคติ – แบบวดั เจตคติทางวิทยาศาสตร์และเจตคติ

ต่อวิทยาศาสตร์

– การวดั ทกั ษะ – แบบวดั ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

– การประเมินตนเอง – แบบประเมินตนเองของนกั เรียน

3. สิ่งที่มุ่งประเมนิ

– ความสามารถในการอภิปราย ช้ีแจง การแปลความและตีความ การประยกุ ต์ ดดั แปลง และนาไปใช้

การมีมุมมองท่ีหลากหลาย การใหค้ วามสาคญั และใส่ใจในความรู้สึกของผอู้ ื่น และการรู้จกั ตนเอง

– เจตคติทางวิทยาศาสตร์และเจตคติต่อวิทยาศาสตร์เป็นรายบุคคล

– ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

– พฤติกรรมการปฏิบตั ิกิจกรรมเป็นรายบุคคลหรือรายกลุม่

ข้ันที่ 3 แผนการจดั การเรียนรู้

– แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 11 โครงสร้างภายนอกของสตั ว์ 2 ชว่ั โมง

– แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 12 จานวนขาของสตั ว์ 2 ชว่ั โมง

– แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 13 อวยั วะที่ใชใ้ นการเคลื่อนท่ีของสตั ว์ 2 ชวั่ โมง

– แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 14 ลกั ษณะรูปร่างและแหล่งท่ีอยอู่ าศยั ของสตั ว์ 2 ชว่ั โมง

– แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 15 สตั วใ์ นทอ้ งถ่ิน 2 ชว่ั โมง

– แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 16 การจดั กลุ่มสตั วใ์ นทอ้ งถิ่น 2 ชว่ั โมง

– แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 17 ประโยชนข์ องสตั ว์ 2 ชวั่ โมง

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 103

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 11
โครงสร้างภายนอกของสัตว์

สาระที่ 1 ส่ิงมชี ีวติ กบั กระบวนการดารงชีวติ เวลา 2 ชั่วโมง
ช้ันประถมศึกษาปี ที่ 1
หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 สารวจสัตว์รอบตวั

1. สาระสาคญั

สตั วแ์ ต่ละชนิดมีอวยั วะภายนอกท่ีสาคญั ไดแ้ ก่ ตา หู จมกู ปาก เทา้ และขา ผวิ หนงั และขน

ซ่ึงอวยั วะแต่ละส่วนทาหนา้ ที่แตกต่างกนั

2. ตวั ชี้วดั ช้ันปี

สงั เกตและอธิบายลกั ษณะและหนา้ ที่ของโครงสร้างภายนอกของพืชและสตั ว์ (ว 1.1 ป. 1/2)

3. จุดประสงค์การเรียนรู้

1. บอกอวยั วะภายนอกของสตั วแ์ ต่ละชนิดได้ (K)

2. อธิบายหนา้ ที่ของอวยั วะภายนอกของสตั วไ์ ด้ (K)

3. มีความสนใจใฝ่ รู้หรืออยากรู้อยากเห็น (A)

4. พอใจในประสบการณ์การเรียนรู้ท่ีเก่ียวกบั วทิ ยาศาสตร์ (A)

5. ทางานร่วมกบั ผอู้ ื่นอยา่ งสร้างสรรค์ (A)

6. ส่ือสารและนาความรู้เร่ืองโครงสร้างภายนอกของสตั วไ์ ปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ได้ (P)

4. การวดั และการประเมินผลการเรียนรู้

ด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรม ด้านทักษะ/กระบวนการ (P)
และจติ วทิ ยาศาสตร์ (A)

1. ซกั ถามความรู้เรื่อง 1. ประเมินเจตคติทาง 1. ประเมินทกั ษะกระบวนการทาง

โครงสร้างภายนอก วทิ ยาศาสตร์เป็นรายบุคคล วทิ ยาศาสตร์

ของสตั ว์ 2. ประเมินเจตคติต่อ 2. ประเมินทกั ษะการคิด

2. ประเมินกิจกรรมฝึ ก วทิ ยาศาสตร์เป็นรายบุคคล 3. ประเมินทกั ษะการแกป้ ัญหา

ทกั ษะระหวา่ งเรียน 4. ประเมินพฤติกรรมในการปฏิบตั ิ

3. ทดสอบก่อนเรียน กิจกรรมเป็ นรายบุคคลหรื อ

รายกล่มุ

5. สาระการเรียนรู้
โครงสร้างภายนอกของสตั วแ์ ละหนา้ ท่ีของอวยั วะภายนอกของสตั ว์

6. แนวทางการบูรณาการ คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 104
ภาษาไทย
สนทนา พดู คุย และเขียนอธิบายเกี่ยวกบั อวยั วะภายนอกของ
ศิลปะ สตั วแ์ ละหนา้ ที่ของอวยั วะเหล่าน้นั
ภาษาต่างประเทศ วาดภาพและระบายสีภาพสตั ว์
ฟัง พดู อา่ น และเขียนคาศพั ทภ์ าษาต่างประเทศเกี่ยวกบั
อวยั วะภายนอกของสตั วท์ ่ีเรียนรู้หรือที่นกั เรียนสนใจ

7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ชั่วโมงท่ี 20
ครูดาเนินการทดสอบก่อนเรียน โดยใหน้ กั เรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน เพ่ือตรวจสอบความ
พร้อมและพ้ืนฐานของนกั เรียน
ข้ันนาเข้าสู่บทเรียน

1) ครูถามคาถามนกั เรียน เพ่ือกระตุน้ ความสนใจ เช่น
– บา้ นของนกั เรียนเล้ียงสัตวช์ นิดใดบา้ ง
– นกั เรียนชอบสตั วช์ นิดใด
– นกั เรียนเคยเห็นสตั วช์ นิดใดบา้ ง

2) ครูเปิ ดโอกาสใหน้ กั เรียนตอบคาถามและแลกเปล่ียนประสบการณ์ เพื่อเช่ือมโยงไปสู่
การเรียนรู้เรื่องโครงสร้างภายนอกของสตั ว์

ข้ันจัดกจิ กรรมการเรียนรู้
จดั กิจกรรมการเรียนรู้โดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ร่วมกบั แบบกลบั ดา้ นช้นั เรียน ซ่ึง
มีข้นั ตอนดงั น้ี
1) ข้นั สร้างความสนใจ

(1) ครูแบ่งกล่มุ นกั เรียนแล้วเปิ ดโอกาสให้นกั เรียนในกลุ่มนาเสนอข้อมูลเกี่ยวกบั โครงสร้าง
ภายนอกของสัตว์ ท่ีครูมอบหมายให้ไปเรียนรู้ล่วงหน้าให้เพื่อน ๆ ในกลุ่มฟัง จากน้ันให้แต่ละกลุ่มส่ง
ตวั แทนมานาเสนอข้อมูลหน้าห้องเรียน

(2) ครูตรวจสอบว่านักเรียนทาภาระงานท่ีได้รับมอบหมายไปหรือไม่ โดยตรวจสอบจาก
การจดบันทกึ ของนกั เรียน และถามคาถามเกยี่ วกบั กจิ กรรม ดงั นี้

– นกั เรียนชอบสัตว์ชนิดใด (แนวคาตอบ แมว)
– สัตว์แต่ละชนิดมีอวัยวะภายนอกท่ีสาคัญอะไรบ้าง (แนวคาตอบ ตา หู จมกู ปาก เท้า
และขา ผวิ หนังและขน)

(3) ครูเปิ ดโอกาสให้นักเรียนต้ังประเดน็ คาถามที่นักเรียนสงสัยจากการทาภาระงานอย่าง
น้อยคนละ 1 คาถาม ซึ่งครูให้นักเรียนเตรียมมาล่วงหน้า และให้นักเรียนช่วยกันตอบและแสดงความ
คดิ เห็น

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 105

(4) ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปเกย่ี วกบั ภาระงาน โดยครูช่วยอธิบายให้นกั เรียนเข้าใจว่า
โครงสร้างภายนอกทสี่ าคญั ของสัตว์ คือ ตา หู จมกู ปาก เท้าและขา และผวิ หนังและขน

2) ข้นั สารวจและค้นหา
(1) แบ่งกลุ่มนกั เรียนร่วมกนั ปฏิบตั ิกิจกรรม สังเกตอวัยวะภายนอกของสัตว์ ตามข้นั ตอน

ดงั น้ี
– นกั เรียนวาดภาพสตั วท์ ่ีชอบลงในกระดาษวาดภาพ แลว้ ระบายสีใหส้ วยงาม
– เขียนลกู ศรช้ีตาแหน่งโครงสร้างภายนอกของสตั ว์ พร้อมเขียนตวั หนงั สือบอกช่ือ

อวยั วะน้นั ๆ
– แสดงภาพท่ีวาดหนา้ ช้นั เรียนและบอกใหเ้ พ่ือน ๆ ทราบวา่ อวยั วะที่ทาลกู ศรช้ีน้นั

ทาหนา้ ท่ีอะไร
– เปรียบเทียบอวยั วะของสตั วท์ ่ีนกั เรียนวาดกบั เพ่ือน สงั เกตวา่ สตั วเ์ หลา่ น้ี มีอวยั วะ

เหมือนหรือต่างกนั
(2) ครูคอยแนะนาช่วยเหลือนกั เรียนขณะปฏิบตั ิกิจกรรม โดยครูเดินดรู อบ ๆ หอ้ งเรียน

และเปิ ดโอกาสใหน้ กั เรียนทุกคนซกั ถามเมื่อมีปัญหา
ช่ัวโมงท่ี 21

3) ข้นั อธิบายและลงข้อสรุป
(1) นกั เรียนแต่ละกลมุ่ นาเสนอผลจากการปฏิบตั ิกิจกรรม
(2) ครูและนกั เรียนร่วมกนั อภิปรายผลจากการปฏิบตั ิกิจกรรมโดยใชแ้ นวคาถามต่อไปน้ี
– ตาของสตั วช์ นิดต่าง ๆ มีหนา้ ที่อะไร (แนวคาตอบ มองด)ู
– อวยั วะใดช่วยในการรับฟังเสียง (แนวคาตอบ หู)
– สตั วท์ ี่นกั เรียนชอบมีอวยั วะอะไรบา้ ง (แนวคาตอบ ตา หู จมูก ปาก เท้าและขา

ผิวหนังและขน)
– อวยั วะต่าง ๆ ของสตั วท์ ่ีนกั เรียนชอบมีหนา้ ที่อะไรบา้ ง (แนวคาตอบ ตาทาหน้าท่ี

มองดู หูทาหน้าท่ีฟังเสียง จมกู ทาหน้าที่ดมกลิ่นและหายใจ ปากทาหน้าท่ีกินอาหาร เท้าและขาทาหน้าที่
รับนา้ หนักตวั และเคลื่อนที่ ผิวหนังและขนทาหน้าท่ีปกคลมุ ร่างกายให้อบอุ่น)

– สตั วแ์ ต่ละชนิดมีอวยั วะภายนอกใดเหมือนหรือแตกต่างกนั บา้ ง (แนวคาตอบ สัตว์แต่
ละชนิดส่วนใหญ่มีลกั ษณะภายนอกเหมือนกัน คือ มีตา หู จมกู ปาก เท้าและขา สัตว์บางชนิดมีลกั ษณะ
ภายนอกแตกต่างกนั คือ มีขนทาหน้าท่ีปกคลมุ ร่างกายให้อบอุ่นหรือไม่มีขน)

(3) ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปผลการปฏิบตั ิกิจกรรม โดยครูเนน้ ใหน้ กั เรียนเขา้ ใจวา่ สตั ว์
แต่ละชนิดมีอวยั วะภายนอกท่ีสาคญั คือ ตา หู จมกู ปาก เทา้ และขา และผิวหนงั และขน ตาทาหนา้ ที่
มองดู ช่วยใหม้ องเห็นส่ิงต่าง ๆ ได้ หูทาหนา้ ที่ฟังเสียงส่ิงต่าง ๆ จมกู ทาหนา้ ที่ดมกลิ่นและหายใจ ปาก
ทาหนา้ ท่ีกินอาหาร เทา้ และขาทาหนา้ ท่ีรับน้าหนกั ตวั และเคล่ือนที่ และสตั วบ์ างชนิดยงั มีขน ทาหนา้ ท่ี
ปกคลุมร่างกายใหอ้ บอ่นุ

คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 106

4) ข้นั ขยายความรู้
(1) ครูใหน้ กั เรียนยกตวั อยา่ งสัตวท์ ่ีอยใู่ นบริเวณบา้ นหรือโรงเรียนวา่ มีอวยั วะอะไรบา้ ง

และอวยั วะเหลา่ น้นั มีหนา้ ที่อะไร
(2) นกั เรียนคน้ ควา้ คาศพั ทภ์ าษาต่างประเทศเกี่ยวกบั โครงสร้างภายนอกของสตั วจ์ าก

หนงั สือเรียนภาษาต่างประเทศหรืออินเทอร์เน็ต และนาเสนอใหเ้ พื่อนในหอ้ งฟัง แลว้ คดั คาศพั ทพ์ ร้อม
ท้งั คาแปลลงสมดุ ส่งครู

5) ข้นั ประเมนิ
(1) ครูใหน้ กั เรียนแต่ละคนพิจารณาวา่ จากหวั ขอ้ ที่เรียนมาและการปฏิบตั ิกิจกรรม

มีจุดใดบา้ งที่ยงั ไม่เขา้ ใจหรือมีขอ้ สงสยั ถา้ มี ครูช่วยอธิบายเพิ่มเติมใหน้ กั เรียนเขา้ ใจ
(2) นกั เรียนร่วมกนั ประเมินการปฏิบตั ิกิจกรรมกลุ่มวา่ มีปัญหาหรืออปุ สรรคอะไร

และไดแ้ กไ้ ขอยา่ งไรบา้ ง
(3) นกั เรียนและครูร่วมกนั แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั ประโยชนท์ ี่ไดร้ ับจากการปฏิบตั ิ

กิจกรรม และการนาความรู้ที่ไดไ้ ปใชป้ ระโยชน์
(4) ครูทดสอบความเขา้ ใจของนกั เรียนโดยการใหต้ อบคาถาม เช่น
– อวยั วะท่ีช่วยในการเคลื่อนที่และรับน้าหนกั ตวั ของสตั วค์ ืออะไร
– ปากของสตั วช์ นิดต่าง ๆ ทาหนา้ ที่อะไร
– หูของสตั วช์ นิดต่าง ๆ ทาหนา้ ที่อะไร
– จมกู ของสตั วช์ นิดต่าง ๆ ทาหนา้ ที่อะไร
– นกั เรียนคิดวา่ การเรียนรู้เร่ืองโครงสร้างภายนอกของสตั วม์ ีประโยชนอ์ ะไรบา้ ง
– อวยั วะภายนอกของแมวมีอะไรบา้ ง
– อวยั วะใดที่ช่วยใหส้ ตั วไ์ ดย้ ินเสียง

ข้ันสรุป
1) ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปเกี่ยวกบั โครงสร้างภายนอกของสัตว์ โดยร่วมกนั เขียนเป็นแผน
ที่ความคิดหรือผงั มโนทศั น์
2) ครูมอบหมายให้นักเรียนไปศึกษาค้นคว้าเนือ้ หาของบทเรียนช่ัวโมงหน้า เพ่ือจัดการเรียนรู้
คร้ังต่อไป โดยให้นักเรียนศึกษาค้นคว้าล่วงหน้าในหัวข้อจานวนขาของสัตว์ โดยใช้ใบงาน สังเกตก่อน
เรียน 7 ท่ีครูจดั เตรียมไว้ให้ประกอบการศึกษาค้นคว้า (ในส่ือการเรียนรู้ PowerPoint วทิ ยาศาสตร์ ช้ัน
ประถมศึกษาปี ที่ 1 บริษทั สานักพมิ พ์วฒั นาพานชิ จากดั )
3) ครูอธิบายข้ันตอนการปฏิบัติกิจกรรมและมอบหมายให้นักเรียนไปปฏิบัติกิจกรรมที่บ้าน
พร้อมท้ังให้นักเรียนเตรียมประเด็นคาถามท่ีสงสัยมาอย่างน้อยคนละ 1 คาถาม เพื่อนามาอภิปราย
ร่วมกนั ในช้ันเรียนคร้ังต่อไป

คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 107

8. กจิ กรรมเสนอแนะ
ครูใหน้ กั เรียนดูส่ือมลั ติมีเดียเก่ียวกบั สตั วช์ นิดต่าง ๆ เพื่อใหน้ กั เรียนเห็นวา่ สตั วแ์ ต่ละชนิดมี
โครงสร้างภายนอกแตกต่างกนั ครูอาจแนะนานกั เรียนเพ่ิมเติมถึงโครงสร้างภายนอกของสตั วบ์ างชนิด
ท่ีนกั เรียนไม่รู้จกั
9. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
1. แบบทดสอบก่อนเรียน
2. ใบกิจกรรมที่ 8 สงั เกตอวยั วะภายนอกของสตั ว์
3. ใบงานสงั เกตก่อนเรียน 7
4. คู่มือการสอน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นาพานิช จากดั
5. สื่อการเรียนรู้ PowerPoint วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นาพานิช
จากดั
6. แบบฝึ กทกั ษะ รายวิชาพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั
7. หนงั สือเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั

10. บันทกึ หลงั การจัดการเรียนรู้
1. ความสาเร็จในการจดั การเรียนรู้ ………………………………………………………….…

แนวทางการพฒั นา …………………………………………………………………………
2. ปัญหา/อปุ สรรคในการจดั การเรียนรู้ …………………………………………………….…

แนวทางแกไ้ ข …………………………………………………………………………..….
3. ส่ิงท่ีไมไ่ ดป้ ฏิบตั ิตามแผน ………………………………………………………………..…

เหตุผล ………………………………………………………………………………...……
4. การปรับปรุงแผนการจดั การเรียนรู้ …………………………………………………………

ลงชื่อ .............................................. ผสู้ อน

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 108

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 12
จานวนขาของสัตว์

สาระท่ี 1 ส่ิงมีชีวติ กบั กระบวนการดารงชีวติ เวลา 2 ช่ัวโมง
ช้ันประถมศึกษาปี ที่ 1
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 สารวจสัตว์รอบตัว

1. สาระสาคัญ

สตั วแ์ ต่ละชนิดอาจมีจานวนขาเท่ากนั แต่บางชนิดอาจมีจานวนขาไม่เท่ากนั

2. ตวั ชี้วดั ช้ันปี

สงั เกตและอธิบายลกั ษณะและหนา้ ที่ของโครงสร้างภายนอกของพืชและสตั ว์ (ว 1.1 ป. 1 /2)

3. จุดประสงค์การเรียนรู้

1. บอกไดว้ า่ สตั วแ์ ต่ละชนิดมีจานวนขาแตกต่างกนั (K)

2. มีความสนใจใฝ่ รู้หรืออยากรู้อยากเห็น (A)

3. พอใจในประสบการณ์การเรียนรู้ที่เก่ียวกบั วทิ ยาศาสตร์ (A)

4. ทางานร่วมกบั ผอู้ ื่นอยา่ งสร้างสรรค์ (A)

5. สื่อสารและนาความรู้เร่ืองจานวนขาของสตั วไ์ ปใชใ้ นชีวิตประจาวนั ได้ (P)

4. การวดั และการประเมนิ ผลการเรียนรู้

ด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรม ด้านทักษะ/กระบวนการ (P)
และจติ วทิ ยาศาสตร์ (A)

1. ซกั ถามความรู้เรื่อง 1. ประเมินเจตคติทาง 1. ประเมินทกั ษะกระบวนการ

จานวนขาของสตั ว์ วิทยาศาสตร์เป็ นรายบุคคล ทางวิทยาศาสตร์

2. ประเมินกิจกรรมฝึ ก 2. ประเมินเจตคติต่อ 2. ประเมินทกั ษะการคิด

ทกั ษะระหวา่ งเรียน วทิ ยาศาสตร์เป็นรายบุคคล 3. ประเมินทกั ษะการแกป้ ัญหา

4. ประเมินพฤติกรรมใน

การปฏิบตั ิกิจกรรมเป็น

รายบุคคลหรือรายกลมุ่

5. สาระการเรียนรู้
จานวนขาของสตั วช์ นิดต่าง ๆ

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 109

6. แนวทางการบูรณาการ

ภาษาไทย สนทนาและอธิบายเกี่ยวกบั จานวนขาของสตั ว์

คณิตศาสตร์ การบวกเลข

ภาษาต่างประเทศ ฟัง พดู อา่ น และเขียนคาศพั ทภ์ าษาต่างประเทศเก่ียวกบั

อวยั วะภายนอกของสตั วท์ ี่เรียนรู้หรือนกั เรียนสนใจ

7. กระบวนการจัดการเรียนรู้

ช่ัวโมงท่ี 22

ข้นั นาเข้าสู่บทเรียน

1) ครูถามคาถามนกั เรียนเพื่อกระตุน้ ความสนใจ เช่น

– นกั เรียนเคยสงั เกตหรือไมว่ า่ สตั วช์ นิดต่าง ๆ ท่ีอาศยั อยใู่ นบริเวณบา้ นหรือโรงเรียนมี

จานวนขาเท่าใด

2) นกั เรียนช่วยกนั อภิปรายและแสดงความคิดเห็นของคาตอบจากคาถามขา้ งตน้ เพ่ือเชื่อมโยง

ไปสู่การเรียนรู้เร่ืองจานวนขาของสตั ว์

ข้นั จัดกจิ กรรมการเรียนรู้

จดั กิจกรรมการเรียนรู้โดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ร่วมกบั แบบกลบั ดา้ นช้นั เรียน ซ่ึง

มีข้นั ตอนดงั น้ี

1) ข้นั สร้างความสนใจ

(1) ครูให้นกั เรียนนาใบงาน สังเกตก่อนเรียน 7 ที่ครูมอบหมายให้ไปเรียนรู้ล่วงหน้าที่บ้าน

มาอภปิ รายร่วมกนั ในช้ันเรียน

(2) ครูตรวจสอบว่านักเรียนทากิจกรรมท่ีได้รับมอบหมายไปหรือไม่ โดยตรวจสอบจาก

การจดบนั ทึกของนักเรียน และถามคาถามเกยี่ วกบั กจิ กรรม ดงั นี้

– นกั เรียนเห็นสัตว์ท่มี ขี าเป็ นจานวนมากหรือไม่ เป็ นสัตว์ชนิดใด (แนวคาตอบ เห็น

กง้ิ กอื )

– สัตว์ชนิดใดบ้างท่ไี ม่มขี า (แนวคาตอบ ไส้เดอื นดนิ )

(3) ครูเปิ ดโอกาสให้นักเรียนต้ังประเด็นคาถามที่นักเรียนสงสัยจากการทากิจกรรมอย่าง

น้อยคนละ 1 คาถาม ซึ่งครูให้นักเรียนเตรียมมาล่วงหน้า และให้นักเรียนช่วยกันตอบและแสดงความ

คิดเห็น

(4) ครูและนักเรียนร่วมกนั สรุปเกยี่ วกบั กจิ กรรม สังเกตก่อนเรียน 7 โดยครูช่วยอธิบายให้

นักเรียนเข้าใจว่า สัตว์บางชนดิ มจี านวนขามาก บางชนดิ มจี านวนขาน้อย และบางชนดิ ไม่มขี าเลย

2) ข้นั สารวจและค้นหา

(1) แบ่งนกั เรียนออกเป็นกลุ่มปฏิบตั ิกิจกรรม สังเกตจานวนขาของสัตว์ ตามข้นั ตอนดงั น้ี

– นกั เรียนดูสตั วช์ นิดต่าง ๆ เช่น ลกู สุนขั แมว กิ้งกือ และไสเ้ ดือนดิน แลว้ ดูชนิดของ

สตั ว์ และจานวนขาของสตั ว์

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 110

– บอกส่ิงที่นกั เรียนสงั เกตไดแ้ ละแบ่งกล่มุ ตามจานวนขาของสตั ว์
(2) ครูคอยแนะนาช่วยเหลือนักเรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบ ๆ
หอ้ งเรียนและเปิ ดโอกาสใหน้ กั เรียนทุกคนซกั ถามเม่ือมีปัญหา
ชั่วโมงที่ 23

3) ข้นั อธิบายและลงข้อสรุป
(1) นกั เรียนแต่ละกลุ่มนาเสนอผลจากการปฏิบตั ิกิจกรรม
(2) ครูและนกั เรียนร่วมกนั อภิปรายผลจากการปฏิบตั ิกิจกรรม โดยใชแ้ นวคาถาม

ต่อไปน้ี
– สตั วม์ ีขาทุกชนิดหรือไม่ อธิบาย (แนวคาตอบ ไม่ เช่นไส้เดือนดินและปลาเป็นสัตว์ท่ี

ไม่มีขา)
– สตั วช์ นิดใดบา้ งที่มีจานวนขาเท่ากนั (แนวคาตอบ ลกู สุนัขและแมว)
– ไก่ ชา้ ง และมา้ มีขารวมกนั ท้งั หมดก่ีขา (แนวคาตอบ 10 ขา)

(3) ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปผลการปฏิบตั ิกิจกรรม โดยครูเนน้ ใหน้ กั เรียนเขา้ ใจวา่
สตั วบ์ างชนิดมีจานวนขาเท่ากนั บางชนิดมีจานวนขาไม่เท่ากนั สตั วบ์ างชนิดมีขาจานวนมาก แต่บาง
ชนิดไม่มีขาเลย

4) ข้นั ขยายความรู้
(1) ครูใหน้ กั เรียนสงั เกตจานวนขาของสตั วช์ นิดต่าง ๆ ท่ีพบในชีวิตประจาวนั
(2) นกั เรียนคน้ ควา้ คาศพั ทภ์ าษาต่างประเทศเก่ียวกบั จานวนขาของสตั วจ์ ากหนงั สือเรียน

ภาษาต่างประเทศหรืออินเทอร์เนต็ และนาเสนอใหเ้ พ่ือนในหอ้ งฟัง คดั คาศพั ทพ์ ร้อมท้งั คาแปลลงสมดุ
ส่งครู

5) ข้นั ประเมนิ
(1) ครูใหน้ กั เรียนแต่ละคนพิจารณาวา่ จากหวั ขอ้ ที่เรียนมาและการปฏิบตั ิกิจกรรม

มีจุดใดบา้ งที่ยงั ไมเ่ ขา้ ใจหรือมีขอ้ สงสยั ถา้ มี ครูช่วยอธิบายเพ่ิมเติมใหน้ กั เรียนเขา้ ใจ
(2) นกั เรียนร่วมกนั ประเมินการปฏิบตั ิกิจกรรมกลุ่มวา่ มีปัญหาหรืออปุ สรรคอะไร

และไดแ้ กไ้ ขอยา่ งไรบา้ ง
(3) นกั เรียนและครูร่วมกนั แสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั ประโยชนท์ ่ีไดร้ ับจากการปฏิบตั ิ

กิจกรรม และการนาความรู้ท่ีไดไ้ ปใชป้ ระโยชน์
(4) ครูทดสอบความเขา้ ใจของนกั เรียน โดยการใหต้ อบคาถาม เช่น
– ใหน้ กั เรียนยกตวั อยา่ งสตั วท์ ่ีมีจานวนขาไม่เท่ากนั
– ใหน้ กั เรียนยกตวั อยา่ งสตั วท์ ี่ไมม่ ีขา
– นกั เรียนคิดวา่ การเรียนรู้เรื่องจานวนขาของสตั วม์ ีประโยชนอ์ ะไรบา้ ง
– สตั วแ์ ต่ละชนิดมีจานวนขาเท่ากนั หรือไม่ เพราะอะไร
– สตั วช์ นิดใดบา้ งมีจานวนขาเท่ากนั

คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 111

ข้นั สรุป
1) ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปเกี่ยวกบั จานวนขาของสตั ว์ โดยร่วมกนั เขียนเป็นแผนที่ความคิด
หรือผงั มโนทศั น์
2) ครูมอบหมายให้นักเรียนไปศึกษาค้นคว้าเนอื้ หาของบทเรียนชั่วโมงหน้า เพอ่ื จดั การเรียนรู้
คร้ังต่อไป โดยให้นักเรียนศึกษาค้นคว้าล่วงหน้าในหัวข้ออวยั วะที่ใช้ในการเคลอ่ื นท่ีของสัตว์
3) ครูให้นักเรียนเตรียมประเดน็ คาถามที่สงสัยมาอย่างน้อยคนละ 1 คาถาม เพอื่ นามาอภปิ ราย
ร่วมกนั ในช้ันเรียนคร้ังต่อไป
8. กจิ กรรมเสนอแนะ

ครูตรวจสอบความรู้เก่ียวกบั จานวนขาของสตั วแ์ ละใหน้ กั เรียนฝึ กทกั ษะการบวกเลข โดย
ใหน้ กั เรียนเล่นเกมรวมจานวนขาของสตั ว์ ซ่ึงมีวธิ ีการเล่นเกมดงั น้ี

– ครูทาสลากท่ีเขียนชื่อสตั วช์ นิดต่าง ๆ อยา่ งนอ้ ย 2 ชนิด ในสลากแผน่ เดียวกนั เช่น หมู
และไก่ หรือ นก งู และเป็ด

– ใหน้ กั เรียนเล่นเกมมอญซ่อนผา้ โดยใหน้ กั เรียนที่มีผา้ อยดู่ า้ นหลงั และไลต่ ีเพ่ือนไม่ทนั
จบั สลากและตอบคาถาม โดยรวมจานวนขาของสตั วท์ ่ีอยใู่ นสลาก เมื่อรวมไดแ้ ลว้ จึงใหเ้ พ่ือน ๆ เร่ิม
ร้องเพลงใหมแ่ ละดาเนินการต่อไป

– เน้ือเพลงมอญซ่อนผา้ ประกอบการเล่นเกมมีดงั น้ี
มอญซ่อนผา้ ตุ๊กตาอยดู่ า้ นหลงั
ไวโ้ น่นไวน้ ี่ ฉนั จะตีกน้ เธอ

9. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
1. ใบกิจกรรมที่ 9 สงั เกตจานวนขาของสตั ว์
2. ใบงานสงั เกตก่อนเรียน 7
3. คู่มือการสอน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นาพานิช จากดั
4. ส่ือการเรียนรู้ PowerPoint วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั
5. แบบฝึ กทกั ษะ รายวิชาพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั
6. หนงั สือเรียน รายวชิ าพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั

คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 112

10. บันทกึ หลงั การจัดการเรียนรู้
1. ความสาเร็จในการจดั การเรียนรู้ ………………………………………………………….…

แนวทางการพฒั นา …………………………………………………………………………
2. ปัญหา/อปุ สรรคในการจดั การเรียนรู้ …………………………………………………….…

แนวทางแกไ้ ข …………………………………………………………………………..….
3. ส่ิงที่ไม่ไดป้ ฏิบตั ิตามแผน ………………………………………………………………..…

เหตุผล ………………………………………………………………………………...……
4. การปรับปรุงแผนการจดั การเรียนรู้ …………………………………………………………

ลงชื่อ .............................................. ผสู้ อน

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 113

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 13
อวยั วะทใี่ ช้ในการเคลอื่ นทข่ี องสัตว์

สาระท่ี 1 ส่ิงมชี ีวติ กบั กระบวนการดารงชีวติ เวลา 2 ช่ัวโมง
ช้ันประถมศึกษาปี ที่ 1
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 สารวจสัตว์รอบตวั

1. สาระสาคญั

สตั วแ์ ต่ละชนิดมีลกั ษณะรูปร่างและอวยั วะที่ใชใ้ นการเคล่ือนที่แตกต่างกนั เพ่ือใหเ้ หมาะสม

ต่อการดารงชีวติ และแหล่งท่ีอยอู่ าศยั

2. ตวั ชี้วดั ช้ันปี

สงั เกตและอธิบายลกั ษณะและหนา้ ที่ของโครงสร้างภายนอกของพืชและสตั ว์ (ว 1.1 ป. 1/2)

3. จุดประสงค์การเรียนรู้

1. บอกอวยั วะที่ใชใ้ นการเคลื่อนที่ของสตั วแ์ ต่ละชนิดได้ (K)

2. มีความสนใจใฝ่ รู้หรืออยากรู้อยากเห็น (A)

3. พอใจในประสบการณ์การเรียนรู้ท่ีเกี่ยวกบั วทิ ยาศาสตร์ (A)

4. ทางานร่วมกบั ผอู้ ื่นอยา่ งสร้างสรรค์ (A)

5. สื่อสารและนาความรู้เรื่องอวยั วะที่ใชใ้ นการเคล่ือนที่ของสตั วไ์ ปใชใ้ นชีวิตประจาวนั ได้ (P)

4. การวดั และการประเมนิ ผลการเรียนรู้

ด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรม ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P)
และจติ วทิ ยาศาสตร์ (A)

1. ซกั ถามความรู้เร่ือง 1. ประเมินเจตคติทาง 1. ประเมินทกั ษะกระบวนการ

อวยั วะท่ีใชใ้ นการ วิทยาศาสตร์เป็ นรายบุคคล ทางวิทยาศาสตร์

เคลื่อนท่ีของสตั ว์ 2. ประเมินเจตคติต่อ 2. ประเมินทกั ษะการคิด

2. ประเมินกิจกรรมฝึ ก วิทยาศาสตร์เป็นรายบุคคล 3. ประเมินทกั ษะการแกป้ ัญหา

ทกั ษะระหวา่ งเรียน 4. ประเมินพฤติกรรมใน

การปฏิบตั ิกิจกรรมเป็น

รายบุคคลหรือรายกลุม่

5. สาระการเรียนรู้
อวยั วะท่ีใชใ้ นการเคล่ือนท่ีของสตั ว์

6. แนวทางการบูรณาการ คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 114
ภาษาไทย
สนทนาและอธิบายเกี่ยวกบั อวยั วะท่ีใชใ้ นการเคลื่อนท่ี
ศิลปะ ของสตั วช์ นิดต่าง ๆ
วาดรูปสตั วท์ ี่นกั เรียนชอบขณะกาลงั เคลื่อนท่ีอยโู่ ดยใช้
ภาษาต่างประเทศ อวยั วะต่าง ๆ
ฟัง พดู อา่ น และเขียนคาศพั ทภ์ าษาต่างประเทศเกี่ยวกบั
อวยั วะท่ีใชใ้ นการเคล่ือนที่ของสตั วท์ ี่เรียนรู้หรือท่ี
นกั เรียนสนใจ

7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ช่ัวโมงที่ 24
ข้นั นาเข้าสู่บทเรียน
1) ครูถามคาถามนกั เรียน เพ่ือกระตุน้ ความสนใจ เช่น

– นกั เรียนเคยเห็นสตั วอ์ ะไรบา้ ง สตั วช์ นิดต่าง ๆ ท่ีนกั เรียนเห็นน้นั เคล่ือนท่ีโดยวิธีใด
2) นกั เรียนช่วยกนั อภิปรายและแสดงความคิดเห็นของคาตอบจากคาถามขา้ งตน้
ข้นั จัดกจิ กรรมการเรียนรู้
จดั กิจกรรมการเรียนรู้โดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ร่วมกบั แบบกลบั ดา้ นช้นั เรียน ซ่ึง
มีข้นั ตอนดงั น้ี
1) ข้นั สร้างความสนใจ

(1) ครูแบ่งกลุ่มนกั เรียนแล้วเปิ ดโอกาสให้นกั เรียนในกลุ่มนาเสนอข้อมลู เกย่ี วกบั อวยั วะท่ี
ใช้ในการเคลอ่ื นที่ของสัตว์ ทค่ี รูมอบหมายให้ไปเรียนรู้ล่วงหน้าให้เพอ่ื น ๆ ในกลุ่มฟัง จากน้ันให้แต่ละ
กลุ่มส่งตวั แทนมานาเสนอข้อมูลหน้าห้องเรียน

(2) ครูตรวจสอบว่านกั เรียนทาภาระงานทไ่ี ด้รับมอบหมายไปหรือไม่ โดยตรวจสอบจาก
การจดบันทกึ ของนกั เรียน และถามคาถามเกยี่ วกบั ภาระงาน ดังนี้

– นักเรียนเคยเห็นสัตว์ท่มี อี วยั วะในการเคลอื่ นท่ีเหมอื นกนั หรือไม่ ลกั ษณะใด (แนว
คาตอบ เคยเห็น เสือและแมวใช้ขาในการเดิน ว่งิ และกระโดด)

– สัตว์ชนดิ ใดที่ใช้อวยั วะในการเคลอ่ื นทไี่ ด้หลายวธิ ี (แนวคาตอบ นกใช้ปี กบินและใช้
ขาเดนิ )

(3) ครูเปิ ดโอกาสให้นักเรียนต้งั ประเดน็ คาถามที่นกั เรียนสงสัยจากการทาภาระงานอย่าง
น้อยคนละ 1 คาถาม ซึ่งครูให้นักเรียนเตรียมมาล่วงหน้า และให้นกั เรียนช่วยกนั ตอบและแสดงความ
คดิ เห็น

(4) ครูและนักเรียนร่วมกนั สรุปเกย่ี วกบั ภาระงาน โดยครูช่วยอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า
สัตว์แต่ละชนิดมอี วยั วะทใี่ ช้ในการเคลอ่ื นท่แี ตกต่างกัน

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 115

2) ข้นั สารวจและค้นหา
(1) แบ่งนกั เรียนออกเป็นกลุ่มปฏิบตั ิกิจกรรม สังเกตลกั ษณะของสัตว์ ตามข้นั ตอนดงั น้ี
– นกั เรียนสงั เกตสตั วท์ ี่อยใู่ นบริเวณบา้ นและโรงเรียน โดยการสงั เกตวิธีการเคล่ือนท่ี

ของสตั วแ์ ละอวยั วะท่ีใชใ้ นการเคลื่อนท่ี
– แบ่งสตั วเ์ ป็นกลมุ่ ตามอวยั วะที่ใชใ้ นการเคล่ือนที่ และเขียนสิ่งท่ีสงั เกตไดล้ งใน

ตารางบนั ทึกผล
(2) ในขณะที่นกั เรียนสังเกตครูควรดูแลอยา่ งใกลช้ ิด เพราะอาจจะไดร้ ับอนั ตรายจากสตั ว์

ท่ีสงั เกตได้
(3) ครูคอยแนะนาช่วยเหลือนักเรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบ ๆ

หอ้ งเรียนและเปิ ดโอกาสใหน้ กั เรียนทุกคนซกั ถามเมื่อมีปัญหา
ช่ัวโมงที่ 25

3) ข้นั อธิบายและลงข้อสรุป
(1) นกั เรียนแต่ละกลมุ่ นาเสนอผลจากการปฏิบตั ิกิจกรรม
(2) ครูและนกั เรียนร่วมกนั อภิปรายผลจากการปฏิบตั ิกิจกรรมโดยใชแ้ นวคาถามต่อไปน้ี
– จากการสงั เกตสตั วน์ กั เรียนพบสตั วช์ นิดใดบา้ ง (แนวคาตอบ สุนัข แมว ปลา

ไส้เดือนดิน และนก)
– สตั วท์ ี่นกั เรียนสงั เกตเคลื่อนที่โดยวิธีใด และใชอ้ วยั วะใดในการเคลื่อนที่ (แนว

คาตอบ สัตว์ที่สังเกตเคลื่อนที่หลายวิธี เช่น เดิน บิน และว่ายนา้ ใช้ขา ปี ก ครีบและหางในการเคล่ือนที่)
– สตั วท์ ี่มีลกั ษณะการเคล่ือนที่เหมือนกนั มีอะไรบา้ ง และใชอ้ วยั วะใดในการเคล่ือนท่ี

(แนวคาตอบ สุนัขและแมว ใช้ขาในการเคลื่อนท่ี)
(3) ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปผลการปฏิบตั ิกิจกรรม โดยครูเนน้ ใหน้ กั เรียนเขา้ ใจว่า

ลกั ษณะการเคลื่อนที่และอวยั วะท่ีใชใ้ นการเคล่ือนท่ี แบ่งสตั วเ์ ป็น 4 กลุ่ม คือ
1) สุนขั และแมวเคลื่อนที่โดยใชข้ าในการเดิน วง่ิ และกระโดด
2) นกเคล่ือนท่ีโดยใชข้ าในการเดินและใชป้ ี กในการบิน
3) ปลาเคลื่อนที่โดยใชค้ รีบและหางในการวา่ ยน้า
4) ไสเ้ ดือนดินใชก้ ลา้ มเน้ือในการเคล่ือนท่ี

4) ข้ันขยายความรู้
(1) ครูขยายความรู้และความเขา้ ใจของนกั เรียน โดยการถามคาถามวา่
– สตั วช์ นิดใดท่ีสามารถเคล่ือนที่ไดห้ ลายวธิ ี
– สตั วช์ นิดน้นั เคล่ือนท่ีโดยวิธีใด และใชอ้ วยั วะอะไรในการเคล่ือนที่
(2) ครูและนกั เรียนร่วมกนั ตอบคาถามและเปิ ดโอกาสใหน้ กั เรียนไดแ้ สดงความคิดเห็น

ครูอาจยกตวั อยา่ งสตั วท์ ่ีสามารถเคล่ือนท่ีไดห้ ลายวิธี จากน้นั อธิบายเน้ือหาเพิ่มเติม

คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 116

(3) นกั เรียนคน้ ควา้ คาศพั ทภ์ าษาต่างประเทศเกี่ยวกบั อวยั วะที่ใชใ้ นการเคล่ือนที่ของสตั ว์
จากหนงั สือเรียนภาษาต่างประเทศหรืออินเทอร์เนต็ และนาเสนอใหเ้ พื่อนในหอ้ งฟัง คดั คาศพั ทพ์ ร้อม
ท้งั คาแปลลงสมดุ ส่งครู

5) ข้นั ประเมิน
(1) ครูใหน้ กั เรียนแต่ละคนพิจารณาวา่ จากหวั ขอ้ ที่เรียนมาและการปฏิบตั ิกิจกรรม

มีจุดใดบา้ งที่ยงั ไมเ่ ขา้ ใจหรือมีขอ้ สงสยั ถา้ มี ครูช่วยอธิบายเพิ่มเติมใหน้ กั เรียนเขา้ ใจ
(2) นกั เรียนร่วมกนั ประเมินการปฏิบตั ิกิจกรรมกลมุ่ วา่ มีปัญหาหรืออุปสรรคอะไร

และไดแ้ กไ้ ขอยา่ งไรบา้ ง
(3) นกั เรียนและครูร่วมกนั แสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั ประโยชนท์ ่ีไดร้ ับจากการปฏิบตั ิ

กิจกรรม และการนาความรู้ท่ีไดไ้ ปใชป้ ระโยชน์
(4) ครูทดสอบความเขา้ ใจของนกั เรียนโดยการใหต้ อบคาถาม เช่น
– นกทุกชนิดเคล่ือนท่ีโดยการบินไดท้ ้งั หมดหรือไม่ เพราะอะไร
– สตั วท์ ่ีอาศยั อยใู่ นน้าจะเคลื่อนที่โดยวธิ ีใดและใชอ้ วยั วะใดในการเคลื่อนที่

ข้ันสรุป
1) ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปเกี่ยวกบั อวยั วะท่ีใชใ้ นการเคล่ือนท่ีของสตั ว์ โดยร่วมกนั
เขียนเป็นแผนที่ความคิดหรือผงั มโนทศั น์
2) ครูมอบหมายให้นกั เรียนไปศึกษาค้นคว้าเนือ้ หาของบทเรียนช่ัวโมงหน้า เพอื่ จดั การ
เรียนรู้คร้ังต่อไป โดยให้นักเรียนศึกษาค้นคว้าล่วงหน้าในหัวข้อลกั ษณะรูปร่างและแหล่งที่อยู่อาศัย
ของสัตว์
3) ครูให้นักเรียนเตรียมประเดน็ คาถามท่ีสงสัยมาอย่างน้อยคนละ 1 คาถาม เพอ่ื นามาอภิปราย
ร่วมกนั ในช้ันเรียนคร้ังต่อไป
8. กจิ กรรมเสนอแนะ
1. ครูใหน้ กั เรียนดภู าพจากหนงั สือหรือแผน่ ส่ือมลั ติมีเดียเกี่ยวกบั สตั วท์ ี่แสดงใหเ้ ห็น
การเคล่ือนท่ีและอวยั วะที่ใชใ้ นการเคล่ือนที่ของสตั ว์
2. ครูใหน้ กั เรียนวาดรูปสตั วท์ ี่นกั เรียนชอบขณะกาลงั เคล่ือนท่ีอยโู่ ดยใชอ้ วยั วะต่าง ๆ
9. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
1. ใบกิจกรรมที่ 10 สงั เกตลกั ษณะของสตั ว์
2. ค่มู ือการสอน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นาพานิช จากดั
3. ส่ือการเรียนรู้ PowerPoint วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั
4. แบบฝึ กทกั ษะ รายวชิ าพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 117

5. หนงั สือเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั

10. บันทกึ หลงั การจัดการเรียนรู้
1. ความสาเร็จในการจดั การเรียนรู้ ………………………………………………………….…

แนวทางการพฒั นา …………………………………………………………………………
2. ปัญหา/อุปสรรคในการจดั การเรียนรู้ …………………………………………………….…

แนวทางแกไ้ ข …………………………………………………………………………..….
3. สิ่งท่ีไมไ่ ดป้ ฏิบตั ิตามแผน ………………………………………………………………..…

เหตุผล ………………………………………………………………………………...……
4. การปรับปรุงแผนการจดั การเรียนรู้ …………………………………………………………

ลงช่ือ .............................................. ผสู้ อน

คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 118

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 14
ลกั ษณะรูปร่างและแหล่งทอ่ี ยู่อาศัยของสัตว์

สาระท่ี 1 ส่ิงมีชีวติ กบั กระบวนการดารงชีวติ เวลา 2 ชั่วโมง
ช้ันประถมศึกษาปี ที่ 1
หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 สารวจสัตว์รอบตวั

1. สาระสาคญั

สตั วท์ ่ีอาศยั อยใู่ นแหล่งที่อยทู่ ี่มีส่ิงแวดลอ้ มต่างกนั จะมีลกั ษณะรูปร่างและอวยั วะภายนอก

แตกต่างกนั เพื่อใหเ้ หมาะสมต่อการดารงชีวติ

2. ตัวชี้วดั ช้ันปี

สงั เกตและอธิบายลกั ษณะและหนา้ ท่ีของโครงสร้างภายนอกของพืชและสตั ว์ (ว 1.1 ป. 1/2)

3. จุดประสงค์การเรียนรู้

1. บอกลกั ษณะรูปร่างและอวยั วะภายนอกของสตั วท์ ี่เหมาะสมกบั แหล่งที่อยทู่ ่ีมีส่ิงแวดลอ้ ม

ต่างกนั ได้ (K)

2. มีความสนใจใฝ่ รู้หรืออยากรู้อยากเห็น (A)

3. พอใจในประสบการณ์การเรียนรู้ท่ีเก่ียวกบั วิทยาศาสตร์ (A)

4. ทางานร่วมกบั ผอู้ ่ืนอยา่ งสร้างสรรค์ (A)

5. สื่อสารและนาความรู้เรื่องลกั ษณะรูปร่างและแหล่งที่อยอู่ าศยั ของสตั วไ์ ปใชใ้ น

ชีวิตประจาวนั ได้ (P)

4. การวดั และการประเมินผลการเรียนรู้

ด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรม ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P)
และจติ วทิ ยาศาสตร์ (A)

1. ซกั ถามความรู้เรื่อง 1. ประเมินเจตคติทาง 1. ประเมินทกั ษะกระบวนการ

ลกั ษณะรูปร่างและ วิทยาศาสตร์เป็นรายบุคคล ทางวิทยาศาสตร์

แหลง่ ที่อยอู่ าศยั ของ 2. ประเมินเจตคติต่อ 2. ประเมินทกั ษะการคิด

สตั ว์ วิทยาศาสตร์เป็นรายบุคคล 3. ประเมินทกั ษะการแกป้ ัญหา

2. ประเมินกิจกรรมฝึ ก 4. ประเมินพฤติกรรมใน

ทกั ษะระหวา่ งเรียน การปฏิบตั ิกิจกรรมเป็น

รายบุคคลหรือรายกลมุ่

5. สาระการเรียนรู้
ลกั ษณะรูปร่างและอวยั วะภายนอกของสตั วท์ ี่อาศยั อยใู่ นส่ิงแวดลอ้ มท่ีต่างกนั

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 119

6. แนวทางการบูรณาการ

ภาษาไทย สนทนา อธิบาย และเล่านิทานเกี่ยวกบั สตั วแ์ ละแหลง่ ที่

อยอู่ าศยั ของสตั ว์

คณิตศาสตร์ การบวกเลข

ศิลปะ วาดภาพสตั วท์ ี่ชอบซ่ึงอาศยั อยใู่ นแหลง่ ท่ีอยอู่ าศยั ที่มีสิ่ง

แวดลอ้ มต่างกนั แสดงบทบาทสมมุติ

สุขศึกษาและพลศึกษา เลน่ เกมทายชื่อสตั ว์

ภาษาต่างประเทศ นกั เรียนฟัง พดู อ่าน และเขียนคาศพั ทภ์ าษาต่างประเทศ

เกี่ยวกบั สตั วแ์ ละแหล่งท่ีอยอู่ าศยั ของสตั วท์ ่ีเรียนรู้หรือท่ี

นกั เรียนสนใจ

7. กระบวนการจัดการเรียนรู้

ชั่วโมงที่ 26

ข้ันนาเข้าสู่บทเรียน

1) ครูถามคาถามนกั เรียนเพ่ือกระตุน้ ความสนใจ เช่น

– นกั เรียนเคยเห็นสตั วช์ นิดต่าง ๆ อาศยั อยใู่ นท่ีใดบา้ ง

– สตั วแ์ ต่ละชนิดมีรูปร่างแตกต่างกนั อยา่ งไร

2) นกั เรียนช่วยกนั อภิปรายและแสดงความคิดเห็นของคาตอบจากคาถามขา้ งตน้ เพื่อเช่ือมโยง

ไปสู่การเรียนรู้เรื่องลกั ษณะรูปร่างและแหลง่ ท่ีอยอู่ าศยั ของสตั ว์

ข้นั จัดกจิ กรรมการเรียนรู้

จดั กิจกรรมการเรียนรู้โดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ร่วมกบั แบบกลบั ดา้ นช้นั เรียน ซ่ึง

มีข้นั ตอนดงั น้ี

1) ข้นั สร้างความสนใจ

(1) ครูแบ่งกลุ่มนักเรียนแล้วเปิ ดโอกาสให้นักเรียนในกล่มุ นาเสนอข้อมูลเกย่ี วกบั ลกั ษณะ

รูปร่างและแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ ท่คี รูมอบหมายให้ไปเรียนรู้ล่วงหน้าให้เพอ่ื น ๆ ในกล่มุ ฟัง จากน้นั

ให้แต่ละกล่มุ ส่งตวั แทนมานาเสนอข้อมลู หน้าห้องเรียน

(2) ครูตรวจสอบว่านักเรียนทาภาระงานท่ีได้รับมอบหมายไปหรือไม่ โดยตรวจสอบจาก

การจดบันทึกของนกั เรียน และถามคาถามเกยี่ วกบั ภาระงาน ดังนี้

– สัตว์ชนิดใดทอ่ี าศัยอย่ไู ด้ท้ังบนบกและในนา้ (แนวคาตอบ กบ)

– นักเรียนสามารถนาสัตว์ทอี่ าศัยอยู่บนบกไปเลยี้ งไว้ในน้าได้หรือไม่ เพราะอะไร (แนว

คาตอบ ไม่ได้ เพราะสัตว์ทีอ่ าศัยอย่บู นบกมลี กั ษณะรูปร่างและอวยั วะไม่เหมาะสมต่อการดารงชีวติ ใน

นา้ )

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 120

(3) ครูเปิ ดโอกาสให้นักเรียนต้งั ประเดน็ คาถามทนี่ ักเรียนสงสัยจากการทาภาระงานอย่าง
น้อยคนละ 1 คาถาม ซึ่งครูให้นกั เรียนเตรียมมาล่วงหน้า และให้นักเรียนช่วยกนั ตอบและแสดงความ
คิดเห็น

(4) ครูและนักเรียนร่วมกนั สรุปเกย่ี วกบั ภาระงาน โดยครูช่วยอธิบายให้นกั เรียนเข้าใจว่า
สัตว์แต่ละชนิดมลี กั ษณะรูปร่างและอวยั วะทแ่ี ตกต่างกันตามแหล่งท่อี ยู่อาศัย

2) ข้นั สารวจและค้นหา
(1) แบ่งนกั เรียนออกเป็นกลุ่มปฏิบตั ิกิจกรรม สังเกตแหล่งท่ีอยู่อาศัยของสัตว์ ในบริเวณ

โรงเรียน สวนสาธารณะ สวนสตั ว์ หรือในทอ้ งถิ่นบริเวณใกลเ้ คียงกบั โรงเรียน ตามข้นั ตอนดงั น้ี
– นกั เรียนช่วยกนั สารวจแหล่งท่ีอยอู่ าศยั ของสตั วช์ นิดต่าง ๆ และสงั เกตลกั ษณะรูปร่าง

และอวยั วะภายนอกของสตั วท์ ี่อาศยั อยใู่ นบริเวณน้นั
– แบ่งกลุ่มสตั วอ์ อกเป็น 3 กลุ่ม คือ สตั วท์ ่ีอาศยั อยบู่ นบก สตั วท์ ี่อาศยั อยใู่ นน้า และ

สตั วท์ ่ีอาศยั อยไู่ ดท้ ้งั บนบกและในน้า
(2) ครูคอยแนะนาช่วยเหลือนกั เรียนขณะปฏิบตั ิกิจกรรม โดยครูเดินดรู อบ ๆ หอ้ งเรียน

และเปิ ดโอกาสใหน้ กั เรียนทุกคนซกั ถามเม่ือมีปัญหา
ช่ัวโมงที่ 27

3) ข้ันอธิบายและลงข้อสรุป
(1) นกั เรียนแต่ละกลมุ่ นาเสนอผลจากการปฏิบตั ิกิจกรรม
(2) ครูและนกั เรียนร่วมกนั อภิปรายผลจากการปฏิบตั ิกิจกรรมโดยใชแ้ นวคาถามต่อไปน้ี
– นกั เรียนสารวจพบสตั วช์ นิดใดบา้ ง (แนวคาตอบ ผีเสื้อ ปลา กบ และแมว)
– สตั วช์ นิดใดบา้ งอาศยั อยบู่ นบกและมีอวยั วะภายนอกท่ีสาคญั อะไรบา้ ง (แนวคาตอบ

ผีเสื้อและแมว ผีเสื้อมีปี ก ขา และหนวด แมวมีขา ขน และหาง)
– สตั วท์ ่ีอาศยั อยใู่ นน้ามีอวยั วะภายนอกที่สาคญั อะไรบา้ ง (แนวคาตอบ ครีบ หาง และ

เกลด็ )
(3) ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปผลการปฏิบตั ิกิจกรรม โดยครูเนน้ ใหน้ กั เรียนเขา้ ใจวา่ สตั ว์

ที่อาศยั อยบู่ นบกและสตั วท์ ่ีอาศยั อยใู่ นน้าจะมีอวยั วะภายนอกที่แตกต่างกนั เพื่อใหเ้ หมาะสมต่อการ
ดารงชีวิตในสิ่งแวดลอ้ มที่แตกต่างกนั

4) ข้ันขยายความรู้
(1) ครูใหน้ กั เรียนปฏิบตั ิ กิจกรรมเสริมการเรียนรู้เรื่อง ทายชื่อสัตว์ โดยมีข้นั ตอนดงั น้ี
– แบ่งนกั เรียนออกเป็น 2 กล่มุ และอาสาสมคั รเพื่อทาหนา้ ท่ีเขียนคะแนนและถือกล่อง

สลากช่ือสตั ว์
– ตวั แทนของกลุ่มส่งตวั แทนมาเป่ ายงิ ฉุบกนั ฝ่ ายชนะจะไดเ้ ล่นเกมก่อน
– สมาชิกของกลุ่มที่ชนะออกมาจบั สลากช่ือสตั ว์ แลว้ แสดงท่าทางของสตั วน์ ้นั ให้

สมาชิกในกลุ่มดูและทายชื่อสตั ว์

คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 121

– ถา้ สมาชิกในกลมุ่ ทายช่ือถกู ใหอ้ าสาสมคั รขีดเพ่ือใหค้ ะแนนและเปล่ียนใหอ้ ีกกล่มุ

หน่ึงออกมาทาเช่นกนั กลมุ่ ที่ไดค้ ะแนนมากกวา่ เป็นฝ่ ายชนะ

– ใหฝ้ ่ ายที่แพอ้ อกมาหนา้ ช้นั เรียน และยืนเรียงแถวเพ่ือแสดงท่าทางเป็นเป็ดประกอบ

เพลง โดยใหฝ้ ่ ายที่ชนะเป็นผรู้ ้องเพลงใหต้ ามเน้ือเพลงน้ี

กา้ บ กา้ บ กา้ บ เป็ดอาบน้าในคลอง

ตากจ็ อ้ งแลมอง เพราะในคลองมีหอยปปู ลา

(2) นกั เรียนคน้ ควา้ คาศพั ทภ์ าษาต่างประเทศเกี่ยวกบั ลกั ษณะรูปร่าง และแหล่งที่อยอู่ าศยั

ของสตั วจ์ ากหนงั สือภาษาต่างประเทศหรืออินเทอร์เน็ต และนาเสนอใหเ้ พ่ือนในหอ้ งฟัง คดั คาศพั ท์

พร้อมท้งั คาแปลลงสมุดส่งครู

5) ข้นั ประเมิน

(1) ครูใหน้ กั เรียนแต่ละคนพิจารณาวา่ จากหวั ขอ้ ท่ีเรียนมาและการปฏิบตั ิกิจกรรม

มีจุดใดบา้ งท่ียงั ไมเ่ ขา้ ใจหรือมีขอ้ สงสยั ถา้ มี ครูช่วยอธิบายเพ่ิมเติมใหน้ กั เรียนเขา้ ใจ

(2) นกั เรียนร่วมกนั ประเมินการปฏิบตั ิกิจกรรมกลมุ่ วา่ มีปัญหาหรืออุปสรรคอะไร

และไดแ้ กไ้ ขอยา่ งไรบา้ ง

(3) นกั เรียนและครูร่วมแสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั ประโยชนท์ ี่ไดร้ ับจากการปฏิบตั ิ

กิจกรรม และการนาความรู้ท่ีไดไ้ ปใชป้ ระโยชน์

(4) ครูทดสอบความเขา้ ใจของนกั เรียนโดยการใหต้ อบคาถาม เช่น

– กงุ้ มีลาตวั เพรียว มีเปลือกและหาง แหล่งที่อยอู่ าศยั ของกงุ้ ควรอยบู่ ริเวณใด

– นกั เรียนคิดวา่ สตั วท์ ่ีมีขาสาหรับเดินหรือวิ่งเหมาะที่จะอาศยั อยบู่ นบกหรือในน้า

เพราะอะไร

– สตั วช์ นิดใดบา้ งที่อาศยั อยไู่ ดท้ ้งั บนบกและในน้า

– นกั เรียนสามารถนาสตั วท์ ี่อาศยั อยบู่ นบกไปเล้ียงไวใ้ นน้าไดห้ รือไม่ เพราะอะไร

– นกั เรียนคิดวา่ การเรียนรู้เรื่องลกั ษณะรูปร่างและแหล่งท่ีอยอู่ าศยั ของสตั วม์ ี

ประโยชนต์ ่อการเล้ียงดูสตั วเ์ ล้ียงของนกั เรียนอะไรบา้ ง

– โลมาเคลื่อนที่โดยวิธีใด และใชอ้ วยั วะใดในการเคล่ือนที่

– สตั วช์ นิดใดท่ีอาศยั อยไู่ ดท้ ้งั บนบกและในน้าและสตั วน์ ้นั มีอวยั วะภายนอก

ลกั ษณะใด

ข้นั สรุป

1) ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปเก่ียวกบั ลกั ษณะรูปร่างและแหล่งท่ีอยอู่ าศยั ของสตั ว์ โดย

ร่วมกนั เขียนเป็นแผนที่ความคิดหรือผงั มโนทศั น์

2) ครูมอบหมายให้นักเรียนไปศึกษาค้นคว้าเนือ้ หาของบทเรียนช่ัวโมงหน้า เพอื่ จดั การเรียนรู้

คร้ังต่อไป โดยให้นักเรียนศึกษาค้นคว้าล่วงหน้าในหัวข้อสัตว์ในท้องถิ่น

3) ครูให้นกั เรียนเตรียมประเดน็ คาถามที่สงสัยมาอย่างน้อยคนละ 1 คาถาม เพอื่ นามาอภิปราย

ร่วมกนั ในช้ันเรียนคร้ังต่อไป

คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 122

8. กจิ กรรมเสนอแนะ
1. นกั เรียนอา่ นนิทานเกี่ยวกบั สตั วท์ ี่อาศยั อยใู่ นแหลง่ ท่ีอยตู่ ่าง ๆ
2. นกั เรียนวาดภาพสตั วท์ ่ีชอบซ่ึงอาศยั อยใู่ นแหล่งท่ีอยอู่ าศยั ที่มีส่ิงแวดลอ้ มต่างกนั

9. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
1. ใบกิจกรรมที่ 11 สงั เกตแหล่งที่อยอู่ าศยั ของสตั ว์
2. ใบกิจกรรมเสริมการเรียนรู้ท่ี 5 ทายชื่อสตั ว์
3. คู่มือการสอน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นาพานิช จากดั
4. ส่ือการเรียนรู้ PowerPoint วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา

พานิช จากดั
5. แบบฝึ กทกั ษะ รายวิชาพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 1 บริษทั สานกั พิมพ์

วฒั นาพานิช จากดั
6. หนงั สือเรียน รายวชิ าพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 1 บริษทั สานกั พิมพ์

วฒั นาพานิช จากดั
10. บนั ทกึ หลงั การจัดการเรียนรู้
1. ความสาเร็จในการจดั การเรียนรู้ ………………………………………………………….…
แนวทางการพฒั นา …………………………………………………………………………
2. ปัญหา/อุปสรรคในการจดั การเรียนรู้ …………………………………………………….…
แนวทางแกไ้ ข …………………………………………………………………………..….
3. ส่ิงที่ไมไ่ ดป้ ฏิบตั ิตามแผน ………………………………………………………………..…
เหตุผล ………………………………………………………………………………...……
4. การปรับปรุงแผนการจดั การเรียนรู้ …………………………………………………………
ลงช่ือ .............................................. ผสู้ อน

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 123

แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 15
สัตว์ในท้องถิ่น

สาระที่ 1 ส่ิงมีชีวติ กบั กระบวนการดารงชีวติ เวลา 2 ช่ัวโมง
ช้ันประถมศึกษาปี ท่ี 1
หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 สารวจสัตว์รอบตวั

1. สาระสาคัญ

ในแต่ละทอ้ งถ่ินจะมีสตั วช์ นิดต่าง ๆ แตกต่างกนั ออกไป สตั วบ์ างชนิดสามารถพบไดใ้ น

ทุกทอ้ งถิ่น แต่สตั วบ์ างชนิดพบไดใ้ นบางทอ้ งถิ่นเท่าน้นั

2. ตวั ชี้วดั ช้ันปี

ระบุลกั ษณะของส่ิงมีชีวิตในทอ้ งถ่ินและนามาจาแนกโดยใชล้ กั ษณะภายนอกเป็นเกณฑ์

(ว 1.2 ป. 1/1)

3. จุดประสงค์การเรียนรู้

1. บอกไดว้ า่ ในแต่ละทอ้ งถ่ินมีสตั วแ์ ตกต่างกนั (K)

2. มีความสนใจใฝ่ รู้หรืออยากรู้อยากเห็น (A)

3. พอใจในประสบการณ์การเรียนรู้ท่ีเกี่ยวกบั วทิ ยาศาสตร์ (A)

4. ทางานร่วมกบั ผอู้ ่ืนอยา่ งสร้างสรรค์ (A)

5. สื่อสารและนาความรู้เร่ืองสตั วใ์ นทอ้ งถ่ินไปใชใ้ นชีวิตประจาวนั ได้ (P)

4. การวดั และการประเมินผลการเรียนรู้

ด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรม ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P)
และจติ วทิ ยาศาสตร์ (A)

1. ซกั ถามความรู้เรื่อง 1. ประเมินเจตคติทาง 1. ประเมินทกั ษะกระบวนการ

สตั วใ์ นทอ้ งถ่ิน วทิ ยาศาสตร์เป็นรายบุคคล ทางวทิ ยาศาสตร์

2. ประเมินกิจกรรมฝึ ก 2. ประเมินเจตคติต่อ 2. ประเมินทกั ษะการคิด

ทกั ษะระหวา่ งเรียน วิทยาศาสตร์เป็นรายบุคคล 3. ประเมินทกั ษะการแกป้ ัญหา

4. ประเมินพฤติกรรมใน

การปฏิบตั ิกิจกรรมเป็น

รายบุคคลหรือรายกลุ่ม

5. สาระการเรียนรู้
สตั วใ์ นทอ้ งถ่ิน

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 124

6. แนวทางการบูรณาการ

ภาษาไทย สนทนา อธิบาย และเลา่ ประสบการณ์ในการเห็นสตั ว์

ชนิดต่าง ๆ ในทอ้ งถ่ิน

ศิลปะ วาดภาพสตั วท์ ่ีอาศยั อยใู่ นทอ้ งถ่ิน

สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม สนทนาและอธิบายเกยี่ วกบั สัตว์ประจาชาตขิ องประเทศ

สมาชิกอาเซียน

ภาษาต่างประเทศ ฟัง พดู อ่าน และเขียนคาศพั ทภ์ าษาต่างประเทศเกี่ยวกบั

ชื่อสตั วใ์ นแต่ละทอ้ งถิ่นที่เรียนรู้หรือที่นกั เรียนสนใจ

7. กระบวนการจัดการเรียนรู้

ช่ัวโมงที่ 28

ข้ันนาเข้าสู่บทเรียน

1) ครูถามคาถามนกั เรียนเพ่ือกระตุน้ ความสนใจ เช่น

– ใน 2–3 วนั ท่ีผา่ นมาน้ีนกั เรียนเห็นสตั วช์ นิดใดในบริเวณบา้ นของนกั เรียนบา้ ง

2) นกั เรียนช่วยกนั อภิปรายและแสดงความคิดเห็นของคาตอบจากคาถามขา้ งตน้ เพื่อเชื่อมโยง

ไปสู่การเรียนรู้เร่ืองสตั วใ์ นทอ้ งถ่ิน

ข้ันจัดกจิ กรรมการเรียนรู้

จดั กิจกรรมการเรียนรู้โดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ร่วมกบั แบบกลบั ดา้ นช้นั เรียน ซ่ึง

มีข้นั ตอนดงั น้ี

1) ข้นั สร้างความสนใจ

(1) ครูแบ่งกล่มุ นักเรียนแล้วเปิ ดโอกาสให้นกั เรียนในกล่มุ นาเสนอข้อมลู เกย่ี วกบั สัตว์ใน

ท้องถนิ่ ทค่ี รูมอบหมายให้ไปเรียนรู้ล่วงหน้าให้เพอ่ื น ๆ ในกล่มุ ฟัง จากน้ันให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนมา

นาเสนอข้อมลู หน้าห้องเรียน

(2) ครูตรวจสอบว่านักเรียนทาภาระงานทไ่ี ด้รับมอบหมายไปหรือไม่ โดยตรวจสอบจาก

การจดบันทกึ ของนักเรียน และถามคาถามเกยี่ วกบั ภาระงาน ดงั นี้

– นกั เรียนพบสัตว์ชนิดใดในท้องถิน่ มากทสี่ ุด (แนวคาตอบ นก)

– สัตว์ที่นกั เรียนสารวจพบนพี้ บในบริเวณใด (แนวคาตอบ พบบริเวณต้นไม้ริมถนน)

(3) ครูเปิ ดโอกาสให้นักเรียนต้งั ประเดน็ คาถามท่นี ักเรียนสงสัยจากการทาภาระงานอย่าง

น้อยคนละ 1 คาถาม ซึ่งครูให้นักเรียนเตรียมมาล่วงหน้า และให้นักเรียนช่วยกนั ตอบและแสดงความ

คิดเห็น

(4) ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปเกยี่ วกบั ภาระงาน โดยครูช่วยอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า ใน

แต่ละท้องถ่ินจะมสี ัตว์ชนิดต่าง ๆ แตกต่างกนั

2) ข้นั สารวจและค้นหา

(1) แบ่งนกั เรียนออกเป็นกลุ่มปฏิบตั ิกิจกรรม สารวจสัตว์ในท้องถ่ิน ตามข้นั ตอนดงั น้ี

คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 125

– นกั เรียนสารวจสตั วใ์ นบริเวณบา้ น โรงเรียน หรือสวนสาธารณะในบริเวณทอ้ งถิ่น
– สงั เกตลกั ษณะรูปร่างของสตั วท์ ่ีพบเห็น
– บอกชื่อและวาดภาพสตั ว์
(2) ครูคอยแนะนาช่วยเหลือนกั เรียนขณะปฏิบตั ิกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบ ๆ ห้องเรียน
และเปิ ดโอกาสใหน้ กั เรียนทุกคนซกั ถามเม่ือมีปัญหา
ชั่วโมงท่ี 29

3) ข้ันอธิบายและลงข้อสรุป
(1) นกั เรียนแต่ละกลมุ่ นาเสนอผลจากการปฏิบตั ิกิจกรรม
(2) ครูและนกั เรียนร่วมกนั อภิปรายผลจากการปฏิบตั ิกิจกรรมโดยใชแ้ นวคาถามต่อไปน้ี
– ในทอ้ งถิ่นของนกั เรียนพบสตั วช์ นิดใดบา้ ง (แนวคาตอบ ก้งุ ควาย นก ปลา และ

ผีเสื้อ)
– สตั วท์ ี่นกั เรียนพบมากที่สุดคืออะไร มีลกั ษณะใด (แนวคาตอบ ผีเสือ้ มีปี ก ขา และ

หนวด)
(3) ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปผลการปฏิบตั ิกิจกรรม โดยครูเนน้ ให้นกั เรียนเขา้ ใจว่า

ในแต่ละทอ้ งถิ่นจะมีสตั วช์ นิดต่าง ๆ แตกต่างกนั ไป สัตวบ์ างชนิดเราสามารถพบไดใ้ นทุกทอ้ งถ่ิน แต่
สตั วบ์ างชนิดจะพบไดใ้ นบางทอ้ งถ่ินเท่าน้นั

4) ข้ันขยายความรู้
(1) ครูใชค้ าถามนานกั เรียนเพ่ือขยายความรู้เกี่ยวกบั สตั วใ์ นทอ้ งถ่ิน โดยถามคาถาม

ต่อไปน้ี
– นกั เรียนเคยไปเที่ยวหรือไปเยย่ี มญาติท่ีต่างจงั หวดั หรือต่างประเทศหรือไม่ บริเวณ

น้นั มีลกั ษณะภูมิประเทศหรือภูมิอากาศเป็นแบบใด (ถา้ นกั เรียนไมไ่ ดไ้ ปเท่ียวในทอ้ งถิ่นอื่นครูอาจถาม
เกี่ยวกบั ประสบการณ์จากการอ่านหนงั สือหรือดจู ากโทรทศั น์และสื่อต่าง ๆ)

– สตั วท์ ่ีอยใู่ นบริเวณน้นั มีลกั ษณะเป็นแบบใด
– สตั วท์ ่ีอยใู่ นบริเวณน้นั มีลกั ษณะเหมือนกบั สตั วท์ ่ีอยใู่ นทอ้ งถิ่นของเราหรือไม่
ลกั ษณะใด
(2) ครูเชื่อมโยงความรู้อาเซียน โดยครูถามนกั เรียนว่ารู้จกั สัตว์ประจาชาตขิ องประเทศ
สมาชิกอาเซียนหรือไม่ จากน้ันครูให้ความรู้นกั เรียนเกยี่ วกบั สัตว์ประจาชาตขิ องประเทศสมาชิก
อาเซียน เช่น

– ไทย ช้างถอื เป็ นสัตว์คู่บ้านคู่เมอื งของชาติไทย โดยคนไทยมีวถิ ชี ีวติ ผกู พนั กบั ช้าง
มาต้งั แต่อดตี จนถึงปัจจบุ ัน ช้างเป็ นสัตว์ทมี่ ขี นาดใหญ่ อาศัยอยู่บนบก กนิ เฉพาะพชื เป็ นอาหาร และ
เป็ นสัตว์ท้องถ่นิ ในประเทศไทย

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 126

ตัวอย่างช้าง
– สิงคโปร์ สิงโตเป็ นสัตว์ประจาชาตขิ องสิงคโปร์เป็ นสัญลกั ษณ์ของความกล้าหาญ
แขง็ แรง และมคี วามเป็ นเลศิ สิงโตเป็ นสัตว์ทอี่ าศัยอยู่บนบก กนิ สัตว์อ่นื เป็ นอาหาร

ตัวอย่างสิงโต
– ฟิ ลปิ ปิ นส์ กระบือเป็ นสัตว์ประจาชาตขิ องฟิ ลปิ ปิ นส์ ในภาษาตากาล็อก เรียกว่า
คาราบาว เลยี้ งไว้เพอื่ ใช้แรงงานในไร่นา กระบอื เป็ นสัตว์ทีอ่ าศัยอยู่บนบก กนิ เฉพาะพชื เป็ นอาหาร และ
เป็ นสัตว์ท้องถนิ่ ของฟิ ลปิ ปิ นส์ นอกจากนกี้ ระบอื ยงั เป็ นสัตว์ท้องถิน่ ของประเทศไทยด้วย

ตัวอย่างควาย
(3) นกั เรียนคน้ ควา้ คาศพั ทภ์ าษาต่างประเทศเกี่ยวกบั สตั วใ์ นทอ้ งถ่ินในหนงั สือเรียน
ภาษาต่างประเทศหรืออินเทอร์เนต็ และนาเสนอใหเ้ พื่อนฟัง คดั คาศพั ทพ์ ร้อมท้งั คาแปลลงสมุดส่งครู
5) ข้นั ประเมิน
(1) ครูใหน้ กั เรียนแต่ละคนพิจารณาวา่ จากหวั ขอ้ ที่เรียนมาและการปฏิบตั ิกิจกรรม
มีจุดใดบา้ งท่ียงั ไม่เขา้ ใจหรือมีขอ้ สงสยั ถา้ มี ครูช่วยอธิบายเพ่ิมเติมใหน้ กั เรียนเขา้ ใจ
(2) นกั เรียนร่วมกนั ประเมินการปฏิบตั ิกิจกรรมกลมุ่ วา่ มีปัญหาหรืออปุ สรรคอะไร
และไดแ้ กไ้ ขอยา่ งไรบา้ ง
(3) นกั เรียนและครูร่วมแสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั ประโยชนท์ ่ีไดร้ ับจากการปฏิบตั ิ
กิจกรรมและการนาความรู้ท่ีไดไ้ ปใชป้ ระโยชน์
(4) ครูทดสอบความเขา้ ใจของนกั เรียนโดยการใหต้ อบคาถาม เช่น

คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 127

– ในแต่ละทอ้ งถิ่นมีสตั วท์ ่ีอาศยั อยเู่ หมือนกนั หรือไม่ ลกั ษณะใด
– นกั เรียนคิดวา่ การเรียนรู้เรื่องสตั วใ์ นทอ้ งถ่ินมีประโยชนอ์ ะไรต่อนกั เรียนบา้ ง
– สตั วท์ ่ีพบมากในทอ้ งถิ่นของเรามีอะไรบา้ ง
– ในทอ้ งถ่ินท่ีอยตู่ ิดทะเลจะพบสตั วช์ นิดใดบา้ ง
ข้นั สรุป
1) ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปเกี่ยวกบั สัตวใ์ นทอ้ งถ่ิน โดยร่วมกนั เขียนเป็นแผนที่ความคิด
หรือผงั มโนทศั น์
2) ครูมอบหมายให้นกั เรียนไปศึกษาค้นคว้าเนือ้ หาของบทเรียนชั่วโมงหน้า เพอื่ จดั การเรียนรู้
คร้ังต่อไป โดยให้นักเรียนศึกษาค้นคว้าล่วงหน้าในหัวข้อการจัดกลุ่มสัตว์ในท้องถ่ิน
3) ครูให้นักเรียนเตรียมประเดน็ คาถามท่ีสงสัยมาอย่างน้อยคนละ 1 คาถาม เพอ่ื นามาอภปิ ราย
ร่วมกนั ในช้ันเรียนคร้ังต่อไป

8. กจิ กรรมเสนอแนะ
1. นกั เรียนดูภาพจากหนงั สือหรือส่ือมลั ติมีเดียเก่ียวกบั สารคดีสตั วท์ ่ีอาศยั อยใู่ นทอ้ งถ่ินที่
แตกต่างกนั
2. นกั เรียนวาดภาพสตั วท์ ี่อาศยั อยใู่ นทอ้ งถ่ินและนาเสนอหนา้ หอ้ งเรียน
9. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
1. ใบกิจกรรมที่ 12 สารวจสตั วใ์ นทอ้ งถิ่น
2. คู่มือการสอน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นาพานิช จากดั
3. สื่อการเรียนรู้ PowerPoint วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั
4. แบบฝึ กทกั ษะ รายวิชาพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั
5. หนงั สือเรียน รายวชิ าพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั
10. บันทกึ หลงั การจัดการเรียนรู้
1. ความสาเร็จในการจดั การเรียนรู้ ………………………………………………………….…

แนวทางการพฒั นา …………………………………………………………………………
2. ปัญหา/อุปสรรคในการจดั การเรียนรู้ …………………………………………………….…

แนวทางแกไ้ ข …………………………………………………………………………..….
3. ส่ิงที่ไม่ไดป้ ฏิบตั ิตามแผน ………………………………………………………………..…

เหตุผล ………………………………………………………………………………...……
4. การปรับปรุงแผนการจดั การเรียนรู้ …………………………………………………………

ลงช่ือ .............................................. ผสู้ อน

คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 128

แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 16
การจัดกล่มุ สัตว์ในท้องถิ่น

สาระท่ี 1 ส่ิงมีชีวติ กบั กระบวนการดารงชีวติ เวลา 2 ชั่วโมง
ช้ันประถมศึกษาปี ท่ี 1
หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 สารวจสัตว์รอบตวั

1. สาระสาคัญ

ลกั ษณะภายนอกของสตั วแ์ ต่ละชนิดสามารถนามาเป็นเกณฑใ์ นการแบ่งกลุ่มสตั ว์

2. ตวั ชี้วดั ช้ันปี

ระบุลกั ษณะของส่ิงมีชีวิตในทอ้ งถ่ินและนามาจาแนกโดยใชล้ กั ษณะภายนอกเป็นเกณฑ์

(ว 1.2 ป. 1/1)

3. จุดประสงค์การเรียนรู้

1. แบ่งกลุ่มสตั วโ์ ดยใชล้ กั ษณะภายนอกเป็นเกณฑไ์ ด้ (K)

2. มีความสนใจใฝ่ รู้หรืออยากรู้อยากเห็น (A)

3. พอใจในประสบการณ์การเรียนรู้ท่ีเก่ียวกบั วิทยาศาสตร์ (A)

4. ทางานร่วมกบั ผอู้ ่ืนอยา่ งสร้างสรรค์ (A)

5. ส่ือสารและนาความรู้เร่ืองการจดั กลุ่มสตั วใ์ นทอ้ งถิ่นไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ได้ (P)

4. การวดั และการประเมนิ ผลการเรียนรู้

ด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรม ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P)
และจติ วทิ ยาศาสตร์ (A)

1. ซกั ถามความรู้เรื่อง 1. ประเมินเจตคติทาง 1. ประเมินทกั ษะกระบวนการ

การแบ่งกลุ่มสตั วใ์ น วทิ ยาศาสตร์เป็นรายบุคคล ทางวทิ ยาศาสตร์

ทอ้ งถ่ิน 2. ประเมินเจตคติต่อ 2. ประเมินทกั ษะการคิด

2. ประเมินกิจกรรมฝึ ก วทิ ยาศาสตร์เป็นรายบุคคล 3. ประเมินทกั ษะการแกป้ ัญหา

ทกั ษะระหวา่ งเรียน 4. ประเมินพฤติกรรมใน

การปฏิบตั ิกิจกรรมเป็น

รายบุคคลหรือรายกลมุ่

5. สาระการเรียนรู้
การจดั กลุ่มสตั วโ์ ดยใชล้ กั ษณะภายนอกเป็นเกณฑ์

คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 129

6. แนวทางการบูรณาการ

ภาษาไทย สนทนา อธิบาย และเล่าประสบการณ์ในการเห็นสตั ว์

ชนิดต่าง ๆ ในทอ้ งถ่ิน

ศิลปะ วาดภาพสตั วท์ ่ีอาศยั อยใู่ นทอ้ งถิ่น

คณิตศาสตร์ การจดั กลุ่มสตั ว์ (จาแนกประเภท)

สังคม ศาสนา และวฒั นธรรม สนทนาเกย่ี วกบั การปฏบิ ัตติ นตามหลกั เศรษฐกจิ

พอเพยี งของตวั ละครในนทิ าน

ภาษาต่างประเทศ ฟัง พดู อา่ น และเขียนคาศพั ทภ์ าษาต่างประเทศเกี่ยวกบั

ชื่อสตั วใ์ นแต่ละทอ้ งถิ่นท่ีเรียนรู้หรือท่ีนกั เรียนสนใจ

7. กระบวนการจัดการเรียนรู้

ชั่วโมงท่ี 30

ข้ันนาเข้าสู่บทเรียน

1) ครูถามคาถามนกั เรียนเพ่ือกระตุน้ ความสนใจ เช่น

– ลงุ มามีสตั วเ์ ล้ียง 4 ชนิด ไดแ้ ก่ ไก่ เป็ด สุนขั และแมว นกั เรียนสามารถแบ่งกลุม่ สตั วเ์ ล้ียง

ของลุงมาไดก้ ี่กลมุ่ และใชอ้ ะไรเป็นเกณฑ์

2) นกั เรียนช่วยกนั อภิปรายและแสดงความคิดเห็นของคาตอบจากคาถามขา้ งตน้ เพื่อเช่ือมโยง

ไปสู่การเรียนรู้เร่ืองการจดั กล่มุ สตั วใ์ นทอ้ งถิ่น

ข้นั จัดกจิ กรรมการเรียนรู้

จดั กิจกรรมการเรียนรู้โดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ร่วมกบั แบบกลบั ดา้ นช้นั เรียน ซ่ึง

มีข้นั ตอนดงั น้ี

1) ข้นั สร้างความสนใจ

(1) ครูแบ่งกลุ่มนักเรียนแล้วเปิ ดโอกาสให้นักเรียนในกลุ่มนาเสนอข้อมูลเก่ียวกับการจัด

กลุ่มสัตว์ในท้องถ่นิ ท่ีครูมอบหมายให้ไปเรียนรู้ล่วงหน้าให้เพ่ือน ๆ ในกลุ่มฟัง จากน้ันให้แต่ละกลุ่มส่ง

ตวั แทนมานาเสนอข้อมูลหน้าห้องเรียน

(2) ครูตรวจสอบว่านักเรียนทาภาระงานท่ีได้รับมอบหมายไปหรือไม่ โดยตรวจสอบจาก

การจดบนั ทึกของนกั เรียน และถามคาถามเกยี่ วกบั ภาระงาน ดงั นี้

– ยกตัวอย่างลักษณะภายนอกของสัตว์ที่นามาใช้เป็ นเกณฑ์ ในการจัดกลุ่มสัตว์ได้

(แนวคาตอบ มีปี ก–ไม่มีปี ก, อาศัยอยู่บนบก–อาศัยอยู่ในน้า, ออกลูกเป็ นตัว–ออกลูกเป็ นไข่, มีขน–ไม่มี

ขน)

– นก แมว ปลา และหมู แบ่งได้เป็ นกีก่ ลุ่ม โดยใช้ลักษณะใดเป็ นเกณฑ์ (แนวคาตอบ 2

กล่มุ โดยใช้ลักษณะท่ีอย่อู าศัยเป็ นเกณฑ์)

คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 130

(3) ครูเปิ ดโอกาสให้นักเรียนต้ังประเด็นคาถามที่นักเรียนสงสัยจากการทาภาระงานอย่าง
น้อยคนละ 1 คาถาม ซึ่งครูให้นักเรียนเตรียมมาล่วงหน้า และให้นักเรียนช่วยกันตอบและแสดงความ
คดิ เห็น

(4) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับภาระงาน โดยครูช่วยอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า
ลกั ษณะภายนอกของสัตว์แต่ละชนดิ สามารถนามาเป็ นเกณฑ์ในการแบ่งกล่มุ สัตว์

2) ข้นั สารวจค้นหา
(1) แบ่งนกั เรียนออกเป็นกลุ่มปฏิบตั ิกิจกรรม สารวจจัดกล่มุ สัตว์ในท้องถ่ิน ตามข้นั ตอน

ดงั น้ี
– นกั เรียนสารวจสตั วช์ นิดต่าง ๆ ในบริเวณบา้ น โรงเรียน หรือสวนสาธารณะ
– สงั เกตลกั ษณะภายนอกของสตั ว์ แลว้ วาดภาพสตั วพ์ ร้อมท้งั ระบุหมายเลข
– จดั กลุ่มสตั วโ์ ดยใชล้ กั ษณะภายนอกเป็นเกณฑ์

(2) ครูคอยแนะนาช่วยเหลือนักเรี ยนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบ ๆ
หอ้ งเรียนและเปิ ดโอกาสใหน้ กั เรียนทุกคนซกั ถามเม่ือมีปัญหา

ช่ัวโมงที่ 31

3) ข้ันอธิบายและลงข้อสรุป
(1) นกั เรียนแต่ละกลมุ่ นาเสนอผลจากการปฏิบตั ิกิจกรรม
(2) ครูและนกั เรียนร่วมกนั อภิปรายผลจากการปฏิบตั ิกิจกรรมโดยใชแ้ นวคาถามต่อไปน้ี
– สตั วท์ ี่นกั เรียนสารวจพบมีอะไรบา้ ง (แนวคาตอบ เต่า แมลงปอ ผึง้ นก และปลา)
– สตั วช์ นิดใดมีปี ก สตั วช์ นิดใดไมม่ ีปี ก (แนวคาตอบ เต่าและปลาไม่มีปี ก แมลงปอ ผึง้

และนกมีปี ก)
– เมื่อพิจารณาจากลกั ษณะภายนอกของสตั วเ์ ป็นเกณฑ์ นกั เรียนจดั กลุ่มสตั วท์ ่ีสารวจ

ออกเป็นก่ีกลุ่ม (แนวคาตอบ 2 กล่มุ )
(3) ครูและนกั เรียนร่วมกนั จดั กล่มุ สตั วท์ ่ีสารวจพบ โดยครูคอยสงั เกตและตอบคาถาม

ของนกั เรียน และจะตอ้ งช้ีนาใหน้ กั เรียนสามารถสงั เกตลกั ษณะภายนอกท่ีเหมือนกนั และแตกต่างกนั
ของสตั วช์ นิดต่าง ๆ และนาลกั ษณะเหลา่ น้นั มาเป็นเกณฑใ์ นการจดั กลมุ่ และใหน้ กั เรียนเขา้ ใจวา่ เมื่อใช้
เกณฑใ์ นการจดั กลมุ่ สตั วต์ ่างกนั กจ็ ะทาใหส้ ามารถจดั กลุ่มสตั วไ์ ดต้ ่างกนั

(4) ครูอธิบายเพิ่มเติมเก่ียวกบั การจดั กลุ่มสตั วใ์ นทอ้ งถิ่นใหน้ กั เรียนเขา้ ใจ
4) ข้นั ขยายความรู้

(1) ครูควรใหน้ กั เรียนไดฝ้ ึ กการจดั กลุ่มสตั วโ์ ดยใชล้ กั ษณะภายนอกเป็นเกณฑโ์ ดยใชส้ ตั ว์
หลากหลายชนิด

(2) นกั เรียนคน้ ควา้ คาศพั ทภ์ าษาต่างประเทศเก่ียวกบั การจดั กลุ่ม สตั วใ์ นทอ้ งถิ่นจาก
หนงั สือเรียนต่างประเทศหรืออินเทอร์เน็ต และนาเสนอใหเ้ พ่ือนในหอ้ งฟัง คดั คาศพั ทพ์ ร้อมท้งั คาแปล
ลงสมุดส่งครู

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 131

5) ข้นั ประเมนิ
(1) ครูใหน้ กั เรียนแต่ละคนพิจารณาวา่ จากหวั ขอ้ ท่ีเรียนมาและการปฏิบตั ิกิจกรรม มีจุด

ใดบา้ งท่ียงั ไมเ่ ขา้ ใจหรือมีขอ้ สงสยั ถา้ มี ครูช่วยอธิบายเพิ่มเติมใหน้ กั เรียนเขา้ ใจ
(2) นกั เรียนร่วมกนั ประเมินการปฏิบตั ิกิจกรรมกล่มุ วา่ มีปัญหาหรืออุปสรรคอะไร และได้

แกไ้ ขอยา่ งไรบา้ ง
(3) นกั เรียนและครูร่วมแสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั ประโยชนท์ ่ีไดร้ ับจากการปฏิบตั ิ

กิจกรรมและการนาความรู้ท่ีไดไ้ ปใชป้ ระโยชน์
(4) ครูทดสอบความเขา้ ใจของนกั เรียนโดยการใหต้ อบคาถาม เช่น
– ก่อนการแบ่งกลุ่มสตั วน์ กั เรียนตอ้ งกาหนดส่ิงใดก่อน
– นกั เรียนจะแบ่งกลุ่ม “งู ปลา ไก่ สุนขั ” โดยใชล้ กั ษณะใด และแบ่งไดก้ ่ีกลุ่ม

ข้นั สรุป
1) ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปเกี่ยวกบั การจดั กลุม่ สตั วใ์ นทอ้ งถิ่น โดยร่วมกนั เขียนเป็นแผนที่
ความคิดหรือผงั มโนทศั น์
2) ครูมอบหมายให้นักเรียนไปศึกษาค้นคว้าเนือ้ หาของบทเรียนช่ัวโมงหน้า เพ่อื จดั การเรียนรู้
คร้ังต่อไป โดยให้นกั เรียนศึกษาค้นคว้าล่วงหน้าในหัวข้อประโยชน์ของสัตว์ โดยใช้ใบงาน สังเกตก่อน
เรียน 8 ที่ครูจดั เตรียมไว้ให้ประกอบการศึกษาค้นคว้า (ในสื่อการเรียนรู้ PowerPoint วิทยาศาสตร์ ช้ัน
ประถมศึกษาปี ท่ี 1 บริษทั สานกั พมิ พ์วฒั นาพานิช จากดั )
3) ครูอธิบายข้ันตอนการปฏิบัติกิจกรรมและมอบหมายให้นักเรียนไปปฏิบัติกิจกรรมท่ีบ้าน
พร้อมท้ังให้นักเรียนเตรียมประเด็นคาถามที่สงสัยมาอย่างน้อยคนละ 1 คาถาม เพ่ือนามาอภิปราย
ร่วมกนั ในช้ันเรียนคร้ังต่อไป
8. กจิ กรรมเสนอแนะ
นกั เรียนประดิษฐแ์ ผน่ ภาพพลิกการจดั กลุ่มสตั วใ์ นทอ้ งถิ่น โดยนาภาพสตั วท์ ่ีนกั เรียนสนใจ
จากหนงั สือพิมพ์ นิตยสาร หรืออินเทอร์เนต็ มาจดั กลมุ่ ตามเกณฑท์ ่ีนกั เรียนกาหนดและติดลงในแผ่น
ภาพพลิก หรือครูอาจใหน้ กั เรียนวาดภาพสตั วท์ ่ีสนใจแทนได้
9. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
1. ใบกิจกรรมท่ี 13 สารวจจดั กลมุ่ สตั วใ์ นทอ้ งถ่ิน
2. ใบงานสงั เกตก่อนเรียน 8
3. คู่มือการสอน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นาพานิช จากดั
4. สื่อการเรียนรู้ PowerPoint วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั
5. แบบฝึ กทกั ษะ รายวิชาพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 132

6. หนงั สือเรียน รายวชิ าพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั

10. บันทกึ หลงั การจัดการเรียนรู้
1. ความสาเร็จในการจดั การเรียนรู้ ………………………………………………………….…

แนวทางการพฒั นา …………………………………………………………………………
2. ปัญหา/อุปสรรคในการจดั การเรียนรู้ …………………………………………………….…

แนวทางแกไ้ ข …………………………………………………………………………..….
3. สิ่งท่ีไมไ่ ดป้ ฏิบตั ิตามแผน ………………………………………………………………..…

เหตุผล ………………………………………………………………………………...……
4. การปรับปรุงแผนการจดั การเรียนรู้ …………………………………………………………

ลงชื่อ .............................................. ผสู้ อน

คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 133

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 17
ประโยชน์ของสัตว์

สาระท่ี 1 ส่ิงมีชีวติ กบั กระบวนการดารงชีวติ เวลา 2 ชั่วโมง
ช้ันประถมศึกษาปี ที่ 1
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 สารวจสัตว์รอบตวั

1. สาระสาคญั

สตั วช์ นิดต่าง ๆ ลว้ นมีความสาคญั และมีประโยชนต์ ่อมนุษย์ เช่น ใชเ้ ป็นอาหาร ใชเ้ ป็น

แรงงาน หรือเล้ียงไวด้ ูเล่นใหค้ วามเพลิดเพลิน

2. ตัวชี้วดั ช้ันปี

ระบุลกั ษณะของส่ิงมีชีวติ ในทอ้ งถ่ินและนามาจาแนกโดยใชล้ กั ษณะภายนอกเป็นเกณฑ์

(ว 1.2 ป. 1/1)

3. จุดประสงค์การเรียนรู้

1. บอกประโยชนข์ องสตั วช์ นิดต่าง ๆ ได้ (K)

2. มีความสนใจใฝ่ รู้หรืออยากรู้อยากเห็น (A)

3. พอใจในประสบการณ์การเรียนรู้ที่เก่ียวกบั วิทยาศาสตร์ (A)

4. ทางานร่วมกบั ผอู้ ื่นอยา่ งสร้างสรรค์ (A)

5. ส่ือสารและนาความรู้เรื่องประโยชนข์ องสตั วไ์ ปใชใ้ นชีวิตประจาวนั ได้ (P)

4. การวดั และการประเมนิ ผลการเรียนรู้

ด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรม ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P)
และจติ วทิ ยาศาสตร์ (A)

1. ซกั ถามความรู้เรื่อง 1. ประเมินเจตคติทาง 1. ประเมินทกั ษะกระบวนการ

ประโยชนข์ องสตั ว์ วิทยาศาสตร์เป็ นรายบุคคล ทางวทิ ยาศาสตร์

2. ประเมินกิจกรรมฝึ ก 2. ประเมินเจตคติต่อ 2. ประเมินทกั ษะการคิด

ทกั ษะระหวา่ งเรียน วทิ ยาศาสตร์เป็นรายบุคคล 3. ประเมินทกั ษะการแกป้ ัญหา

3. ทดสอบหลงั เรียน 4. ประเมินพฤติกรรมในการ

ปฏิบตั ิกิจกรรมเป็นรายบุคคลหรือ

รายกลมุ่

5. สาระการเรียนรู้
ประโยชนข์ องสตั ว์

6. แนวทางการบูรณาการ คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 134
ภาษาไทย
ศิลปะ สนทนา อธิบาย ประโยชนข์ องสตั วช์ นิดต่าง ๆ
ภาษาต่างประเทศ จดั ป้ ายนิเทศแสดงประโยชนจ์ ากสตั ว์ สร้างกลอ่ งภาพสตั ว์
ฟัง พดู อา่ น และเขียนคาศพั ทภ์ าษาต่างประเทศเก่ียวกบั
ช่ือสตั วใ์ นแต่ละทอ้ งถ่ินท่ีเรียนรู้หรือท่ีนกั เรียนสนใจ

7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ชั่วโมงท่ี 32
ข้นั นาเข้าสู่บทเรียน
1) ครูถามคาถามนกั เรียน เพื่อกระตุน้ ความสนใจ เช่น

– ส่ิงท่ีเห็นน้ีไดม้ าจากสัตวช์ นิดใด

ตวั อย่างสิ่งที่ได้จากสัตว์
2) นกั เรียนช่วยกนั อภิปรายและแสดงความคิดเห็นของคาตอบจากคาถามขา้ งตน้ เพ่ือเช่ือมโยง
ไปสู่การเรียนรู้เร่ืองประโยชนข์ องสตั ว์

ข้ันจัดกจิ กรรมการเรียนรู้
จดั กิจกรรมการเรียนรู้โดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ร่วมกบั แบบกลบั ดา้ นช้นั เรียน ซ่ึง
มีข้นั ตอนดงั น้ี

1) ข้นั สร้างความสนใจ
(1) ครูใหน้ กั เรียนนาใบงาน สังเกตก่อนเรียน 8 ที่ครูมอบหมายใหไ้ ปเรียนรู้ลว่ งหนา้ ที่บา้ นมา
อภิปรายร่วมกนั ในช้นั เรียน
(2) ครูตรวจสอบวา่ นกั เรียนทากิจกรรมท่ีไดร้ ับมอบหมายไปหรือไม่ โดยตรวจสอบจากการจด
บนั ทึกของนกั เรียน และถามคาถามเก่ียวกบั กิจกรรม ดงั น้ี

– นกั เรียนเคยใชป้ ระโยชนจ์ ากสตั วใ์ นทอ้ งถ่ินหรือไม่ (แนวคาตอบ เคย)
– สตั วช์ นิดใดบา้ งท่ีนามาใชเ้ ป็นอาหารได้ (แนวคาตอบ ไก่และปลา)
(3) ครูเปิ ดโอกาสใหน้ กั เรียนต้งั ประเดน็ คาถามท่ีนกั เรียนสงสัยจากการทากิจกรรมอยา่ งนอ้ ย
คนละ 1 คาถาม ซ่ึงครูใหน้ กั เรียนเตรียมมาลว่ งหนา้ และใหน้ กั เรียนช่วยกนั ตอบและแสดงความคิดเห็น
(4) ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปเกี่ยวกบั กิจกรรม สังเกตก่อนเรียน 8 โดยครูช่วยอธิบายให้
นกั เรียนเขา้ ใจวา่ สตั วช์ นิดต่าง ๆ มีประโยชนต์ ่อมนุษย์ เช่น ใชเ้ ป็นอาหาร ใชเ้ ป็นแรงงาน หรือเล้ียงไว้
ดูเลน่ ใหค้ วามเพลิดเพลิน


Click to View FlipBook Version