คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 185
(4) นกั เรียนคน้ ควา้ คาศพั ทภ์ าษาต่างประเทศเกี่ยวกบั ลกั ษณะของของเล่นและของใชจ้ าก
หนงั สือเรียนภาษาต่างประเทศหรืออินเทอร์เน็ต และนาเสนอใหเ้ พื่อนในหอ้ งฟัง คดั คาศพั ทพ์ ร้อมท้งั คา
แปลลงสมุดส่งครู
5) ข้นั ประเมนิ
(1) ครูใหน้ กั เรียนแต่ละคนพิจารณาวา่ จากหวั ขอ้ ท่ีเรียนมาและการปฏิบตั ิกิจกรรม
มีจุดใดบา้ งที่ยงั ไมเ่ ขา้ ใจหรือมีขอ้ สงสยั ถา้ มี ครูช่วยอธิบายเพิ่มเติมใหน้ กั เรียนเขา้ ใจ
(2) นกั เรียนร่วมกนั ประเมินการปฏิบตั ิกิจกรรมกลุ่มวา่ มีปัญหาหรืออปุ สรรคอะไร
และไดแ้ กไ้ ขอยา่ งไรบา้ ง
(3) นกั เรียนและครูร่วมกนั แสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั ประโยชนท์ ี่ไดร้ ับจากการปฏิบตั ิ
กิจกรรมและการนาความรู้ที่ไดไ้ ปใชป้ ระโยชน์
(4) ครูทดสอบความเขา้ ใจของนกั เรียนโดยการใหต้ อบคาถาม เช่น
– ส่ิงท่ีช่วยใหผ้ เู้ ล่นไดร้ ับความสนุกสนานและเพลิดเพลินเรียกวา่ อะไร
– สิ่งท่ีมีไวส้ าหรับใชง้ านเรียกวา่ อะไร
– ลกู แกว้ และวา่ วจดั เป็นของเล่นหรือของใช้
– รองเทา้ และหมวกจดั เป็นของเล่นหรือของใช้
– นกั เรียนคิดวา่ การเรียนรู้เร่ืองลกั ษณะของของเล่นและของใชม้ ีประโยชนอ์ ะไรบา้ ง
– จากรูปมีของเล่นกี่ชิ้น และของใชก้ ่ีชิ้น
ตัวอย่างของเล่นและของใช้
ข้นั สรุป
1) ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปเก่ียวกบั ของเล่นและของใช้ โดยร่วมกนั เขียนเป็นแผนท่ี
ความคิดหรือผงั มโนทศั น์
2) ครูมอบหมายให้นกั เรียนไปศึกษาค้นคว้าเนือ้ หาของบทเรียนช่ัวโมงหน้า เพอ่ื จดั การเรียนรู้
คร้ังต่อไป โดยให้นกั เรียนศึกษาค้นคว้าล่วงหน้าในหัวข้อลกั ษณะของของเล่นและของใช้
โดยใช้ใบงาน สังเกตก่อนเรียน 12 ทคี่ รูจดั เตรียมไว้ให้ประกอบการศึกษาค้นคว้า (ในสื่อการ
เรียนรู้ PowerPoint วทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปี ท่ี 1 บริษทั สานกั พมิ พ์วฒั นาพานชิ จากดั )
3) ครูอธิบายข้นั ตอนการปฏิบัตกิ จิ กรรมและมอบหมายให้นักเรียนไปปฏิบัตกิ จิ กรรมท่ีบ้าน
พร้อมท้งั ให้นักเรียนเตรียมประเดน็ คาถามทสี่ งสัยมาอย่างน้อยคนละ 1 คาถาม เพื่อนามาอภิปราย
ร่วมกนั ในช้ันเรียนคร้ังต่อไป
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 186
8. กจิ กรรมเสนอแนะ
1. วาดภาพของเลน่ หรือของใชท้ ี่ชอบ
2. ครูใหน้ กั เรียนดูภาพจากหนงั สือหรือสื่อมลั ติมีเดียเก่ียวกบั ของเล่นและของใช้ เช่น กลุ่มเดก็
กาลงั เล่นตุ๊กตา รถของเลน่ มา้ กา้ นกลว้ ย หรือกลมุ่ คนที่กาลงั ใชเ้ คร่ืองครัวทากบั ขา้ ว คนงานกาลงั ใช้
อุปกรณ์ก่อสร้าง ชาวสวนใชอ้ ุปกรณ์ปลกู พืช แลว้ ถามคาถามใหน้ กั เรียนตอบ เช่น คนในภาพกาลงั ทา
อะไร ในภาพมีของเล่นหรือของใชอ้ ะไรบา้ ง
9. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้
1. แบบทดสอบก่อนเรียน
2. ใบงานสงั เกตก่อนเรียน 12
3. ใบกิจกรรมที่ 19 สงั เกตของเลน่ และของใช้
4. ค่มู ือการสอน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นาพานิช จากดั
5. สื่อการเรียนรู้ PowerPoint วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั
6. แบบฝึ กทกั ษะ รายวชิ าพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั
7. หนงั สือเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั
10. บันทกึ หลงั การจัดการเรียนรู้
1. ความสาเร็จในการจดั การเรียนรู้ ………………………………………………………….…
แนวทางการพฒั นา …………………………………………………………………………
2. ปัญหา/อุปสรรคในการจดั การเรียนรู้ …………………………………………………….…
แนวทางแกไ้ ข …………………………………………………………………………..….
3. ส่ิงท่ีไมไ่ ดป้ ฏิบตั ิตามแผน ………………………………………………………………..…
เหตุผล ………………………………………………………………………………...……
4. การปรับปรุงแผนการจดั การเรียนรู้ …………………………………………………………
ลงช่ือ .............................................. ผสู้ อน
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 187
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 26
ลกั ษณะของของเล่นและของใช้
สาระที่ 3 สารและสมบัติของสาร เวลา 2 ช่ัวโมง
ช้ันประถมศึกษาปี ท่ี 1
หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 ของเล่นแสนสนุกและของใช้ใกล้ตัว
1. สาระสาคญั
วสั ดุท่ีใชท้ าของเล่นและของใชม้ ีสมบตั ิแตกต่างกนั เช่น มี รูปร่าง ขนาด น้าหนกั สี และพ้ืนผวิ
แตกต่างกนั
2. ตัวชี้วดั ช้ันปี
สงั เกตและระบุลกั ษณะที่ปรากฏหรือสมบตั ิของวสั ดุท่ีใชท้ าของเล่นของใชใ้ นชีวติ ประจาวนั
(ว 3.1 ป. 1/1)
3. จุดประสงค์การเรียนรู้
1. บอกลกั ษณะของของเล่นและของใชไ้ ด้ (K)
2. มีความสนใจใฝ่ รู้หรืออยากรู้อยากเห็น (A)
3. พอใจในประสบการณ์การเรียนรู้ท่ีเกี่ยวกบั วิทยาศาสตร์ (A)
4. ทางานร่วมกบั ผอู้ ื่นอยา่ งสร้างสรรค์ (A)
5. สื่อสารและนาความรู้เรื่องลกั ษณะของของเล่นและของใชไ้ ปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ได้ (P)
4. การวดั และการประเมินผลการเรียนรู้
ด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรม ด้านทักษะ/กระบวนการ (P)
และจติ วทิ ยาศาสตร์ (A)
1. ซกั ถามความรู้เรื่อง 1. ประเมินเจตคติทาง 1. ประเมินทกั ษะกระบวนการ
ลกั ษณะของของเล่น วิทยาศาสตร์เป็นรายบุคคล ทางวิทยาศาสตร์
และของใช้ 2. ประเมินเจตคติต่อ 2. ประเมินทกั ษะการคิด
2. ประเมินกิจกรรมฝึ ก วทิ ยาศาสตร์เป็นรายบุคคล 3. ประเมินทกั ษะการแกป้ ัญหา
ทกั ษะระหวา่ งเรียน 4. ประเมินพฤติกรรมในการปฏิบตั ิ
กิจกรรมเป็ นรายบุคคลหรื อ
รายกลุม่
5. สาระการเรียนรู้
ลกั ษณะของของเลน่ และของใช้
6. แนวทางการบูรณาการ คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 188
ภาษาไทย
สนทนา อธิบายเก่ียวกบั ลกั ษณะของของเล่น
ศิลปะ และของใช้
วาดภาพของเล่นหรือของใชท้ ่ีมีสมบตั ิดา้ นต่าง ๆ
คณิตศาสตร์ เหมือนกนั เช่น มีรูปร่างกลมเหมือนกนั มีสีเหมือนกนั
ภาษาต่างประเทศ การจาแนกประเภท
ฟัง พดู อา่ น และเขียนคาศพั ทภ์ าษาต่างประเทศเก่ียวกบั
ลกั ษณะของของเล่นและของใชท้ ี่เรียนรู้หรือ
ท่ีนกั เรียนสนใจ
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ชั่วโมงที่ 50
ข้ันนาเข้าสู่บทเรียน
1) ครูถามคาถามนกั เรียนเพ่ือกระตุน้ ความสนใจ เช่น
– จากรูป ส่ิงใดเป็นของเล่นและสิ่งใดเป็นของใช้
ตัวอย่างของเล่นและของใช้
– ของเลน่ และของใชใ้ นรูปมีลกั ษณะใด
2) นกั เรียนช่วยกนั อภิปรายและแสดงความคิดเห็นของคาตอบจากคาถามขา้ งตน้ เพ่ือเช่ือมโยง
ไปสู่การเรียนรู้เร่ืองลกั ษณะภายนอกของของเล่นและของใช้
ข้นั จัดกจิ กรรมการเรียนรู้
จดั กิจกรรมการเรียนรู้โดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ร่วมกบั แบบกลบั ดา้ นช้นั เรียน ซ่ึง
มีข้นั ตอนดงั น้ี
1) ข้นั สร้างความสนใจ
(1) ครูให้นกั เรียนนาใบงาน สังเกตก่อนเรียน 12 ทีค่ รูมอบหมายให้ไปเรียนรู้ล่วงหน้าท่ีบ้าน
มาอภิปรายร่วมกนั ในช้ันเรียน
(2) ครูตรวจสอบว่านักเรียนทากิจกรรมท่ีได้รับมอบหมายไปหรือไม่ โดยตรวจสอบจาก
การจดบันทึกของนกั เรียน และถามคาถามเกยี่ วกบั กจิ กรรม ดงั นี้
– ลักษณะภายนอกท่ีสังเกตได้จากรูปมีอะไรบ้าง (แนวคาตอบ สี ขนาด รูปทรง และ
พน้ื ผวิ )
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 189
– ส่ิงท่สี ังเกตได้จากรูปมลี กั ษณะเหมอื นกนั หรือไม่ (แนวคาตอบ ไม่เหมอื นกนั )
(3) ครูเปิ ดโอกาสให้นักเรียนต้ังประเด็นคาถามท่ีนักเรียนสงสัยจากการทากิจกรรมอย่าง
น้อยคนละ 1 คาถาม ซ่ึงครูให้นักเรียนเตรียมมาล่วงหน้า และให้นักเรียนช่วยกันตอบและแสดงความ
คิดเห็น
(4) ครูและนักเรียนร่วมกนั สรุปเกย่ี วกบั กจิ กรรม สังเกตก่อนเรียน 12 โดยครูช่วยอธิบายให้
นักเรียนเข้าใจว่า รูปร่าง ขนาด สี พนื้ ผวิ และขนาดเป็ นลกั ษณะภายนอกของของเล่นและของใช้
2) ข้นั สารวจและค้นหา
(1) แบ่งนกั เรียนเป็นกลุ่มปฏิบตั ิกิจกรรม สังเกตสมบตั ิของวัสดุ ตามข้นั ตอนดงั น้ี
– นกั เรียนร่วมกนั สงั เกตสี ขนาด และรูปร่างของวสั ดุท่ีครูเตรียมมา
– ใชม้ ือสมั ผสั พ้ืนผวิ
– วาดภาพส่ิงที่สงั เกตและเขียนสมบตั ิต่าง ๆ ที่สงั เกต
(2) ครูคอยแนะนาช่วยเหลือนกั เรียนขณะปฏิบตั ิกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบ ๆ หอ้ งเรียน
และเปิ ดโอกาสใหน้ กั เรียนทุกคนซกั ถามเมื่อมีปัญหา
ช่ัวโมงที่ 51
3) ข้นั อธิบายและลงข้อสรุป
(1) นกั เรียนแต่ละกลุ่มนาเสนอผลจากการปฏิบตั ิกิจกรรม
(2) ครูและนกั เรียนร่วมกนั อภิปรายผลจากการปฏิบตั ิกิจกรรม โดยใชแ้ นวคาถาม
ต่อไปน้ี
– ส่ิงใดคือของใชแ้ ละสิ่งใดคือของเลน่ เพราะอะไร (แนวคาตอบ ลกู บอลและต๊กุ ตา
คือ ของเล่น เพราะนาไปใช้เล่นเพ่ือความสนุก กระดาษทรายและโต๊ะเรียน คือ ของใช้ เพราะนาไปใช้
งาน)
– ของเลน่ และของใชใ้ ดมีลกั ษณะท่ีสงั เกตไดเ้ หมือนกนั (แนวคาตอบ ลกู บอล ต๊กุ ตา
และกระดาษทรายมีขนาดเลก็ เหมือนกัน ต๊กุ ตา กระดาษทราย และโต๊ะเรียนมีสีนา้ ตาลเหมือนกัน)
(3) ครูอธิบายเน้ือหาเพิ่มเติมซ่ึงนกั เรียนควรไดข้ อ้ สรุปวา่ ของเลน่ และของใชแ้ ต่ละชนิด
มีลกั ษณะภายนอก ท่ีแตกต่างกนั
4) ข้ันขยายความรู้
(1) นกั เรียนปฏิบตั ิกิจกรรมเสริมการเรียนรู้เร่ือง สารวจของเล่นและของใช้ของเรา ตาม
ข้นั ตอน ดงั น้ี
– เลือกของเลน่ และของใชท้ ี่นกั เรียนนามาอยา่ งละ 2 ชนิด
– ดูลกั ษณะและสมั ผสั พ้ืนผวิ ของของท่ีนกั เรียนเลือกมา พร้อมท้งั วาดภาพและบอก
ลกั ษณะต่าง ๆ ของของเหล่าน้นั
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 190
(2) นกั เรียนคน้ ควา้ คาศพั ทภ์ าษาต่างประเทศเก่ียวกบั สมบตั ิของวสั ดุที่ใชท้ าของเล่นและ
ของใชจ้ ากหนงั สือเรียนภาษาต่างประเทศหรืออินเทอร์เนต็ และนาเสนอในหอ้ งใหเ้ พื่อนฟัง คดั คาศพั ท์
พร้อมท้งั คาแปลลงสมุดส่งครู
5) ข้นั ประเมนิ
(1) ครูใหน้ กั เรียนแต่ละคนพิจารณาวา่ จากหวั ขอ้ ท่ีเรียนมาและการปฏิบตั ิกิจกรรม
มีจุดใดบา้ งที่ยงั ไม่เขา้ ใจหรือยงั มีขอ้ สงสยั ถา้ มี ครูช่วยอธิบายเพ่ิมเติมใหน้ กั เรียนเขา้ ใจ
(2) นกั เรียนร่วมกนั ประเมินการปฏิบตั ิกิจกรรมกลุ่มวา่ มีปัญหาหรืออุปสรรคอะไร
และไดแ้ กไ้ ขอยา่ งไรบา้ ง
(3) นกั เรียนและครูร่วมกนั แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั ประโยชนท์ ี่ไดร้ ับจากการปฏิบตั ิ
กิจกรรมและการนาความรู้ท่ีไดไ้ ปใชป้ ระโยชน์
(4) ครูทดสอบความเขา้ ใจของนกั เรียนโดยการใหต้ อบคาถาม เช่น
– เพราะเหตุใดของเลน่ และของใชบ้ างชนิดจึงมีลกั ษณะต่างกนั
– กลมหรือแบนเป็นสมบตั ิดา้ นใดของวสั ดุ
– ยกตวั อยา่ งของเลน่ และของใชท้ ่ีนกั เรียนรู้จกั
– ของเล่นชนิดใดบา้ งมีน้าหนกั เบา
– เรียบหรือขรุขระเป็นลกั ษณะใดของของเล่นและของใช้
ข้ันสรุป
1) ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปเกี่ยวกบั ลกั ษณะภายนอกของของเล่นและของใช้ โดย
ร่วมกนั เขียนเป็นแผนที่ความคิดหรือผงั มโนทศั น์
2) ครูมอบหมายให้นักเรียนไปศึกษาค้นคว้าเนื้อหาของบทเรียนช่ัวโมงหน้า เพ่ือจัดการ
เรียนรู้คร้ังต่อไป โดยให้นักเรียนศึกษาค้นคว้าล่วงหน้าในหัวข้อวัสดุที่ใช้ทาของเล่นและของใช้
โดยใช้ใบงาน สังเกตก่อนเรียน 13 ท่ีครูจดั เตรียมไว้ให้ประกอบการศึกษาค้นคว้า (ในส่ือการเรียนรู้
PowerPoint วทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปี ที่ 1 บริษทั สานักพมิ พ์วฒั นาพานชิ จากดั )
3) ครูอธิบายข้ันตอนการปฏิบัติกิจกรรมและมอบหมายให้นักเรียนไปปฏิบัติกิจกรรมที่
บ้าน พร้อมท้ังให้นักเรียนเตรียมประเด็นคาถามที่สงสัยมาอย่างน้อยคนละ 1 คาถาม เพ่ือนามา
อภิปรายร่วมกนั ในช้ันเรียนคร้ังต่อไป
8. กจิ กรรมเสนอแนะ
1. ครูใหน้ กั เรียนวาดภาพของเลน่ หรือของใชท้ ี่มีสมบตั ิดา้ นต่าง ๆ เหมือนกนั เช่น มีรูปร่าง
กลมเหมือนกนั มีสีเหมือนกนั
2. ครูใหน้ กั เรียนดบู ตั รภาพเกี่ยวกบั ของเลน่ และของใชท้ ่ีแสดงใหเ้ ห็นสมบตั ิดา้ นต่าง ๆ ของ
วสั ดุ แลว้ ใหน้ กั เรียนบอกถึงลกั ษณะเหลา่ น้นั
9. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
1. ใบงานสงั เกตก่อนเรียน 12
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 191
2. ใบกิจกรรมที่ 20 สงั เกตสมบตั ิของวสั ดุ
3. ใบกิจกรรมเสริมการเรียนรู้ท่ี 9 สารวจของเล่นและของใชข้ องเรา
4. ใบงานสงั เกตก่อนเรียน 13
5. ค่มู ือการสอน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นาพานิช จากดั
6. ส่ือการเรียนรู้ PowerPoint วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั
7. แบบฝึ กทกั ษะ รายวชิ าพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั
8. หนงั สือเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั
10. บนั ทกึ หลงั การจัดการเรียนรู้
1. ความสาเร็จในการจดั การเรียนรู้ ………………………………………………………….…
แนวทางการพฒั นา …………………………………………………………………………
2. ปัญหา/อุปสรรคในการจดั การเรียนรู้ …………………………………………………….…
แนวทางแกไ้ ข …………………………………………………………………………..….
3. สิ่งที่ไมไ่ ดป้ ฏิบตั ิตามแผน ………………………………………………………………..…
เหตุผล ………………………………………………………………………………...……
4. การปรับปรุงแผนการจดั การเรียนรู้ …………………………………………………………
ลงชื่อ .............................................. ผสู้ อน
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 192
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 27
วสั ดุทใ่ี ช้ทาของเล่นและของใช้
สาระท่ี 3 สารและสมบัตขิ องสาร เวลา 2 ช่ัวโมง
ช้ันประถมศึกษาปี ท่ี 1
หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 ของเล่นแสนสนุกและของใช้ใกล้ตัว
1. สาระสาคัญ
ของเลน่ และของใชท้ ามาจากวสั ดุต่างกนั จึงมีสมบตั ิต่างกนั
2. ตัวชี้วดั ช้ันปี
สงั เกตและระบุลกั ษณะที่ปรากฏหรือสมบตั ิของวสั ดุท่ีใชท้ าของเล่นและของใชใ้ น
ชีวติ ประจาวนั (ว 3.1 ป. 1/1)
3. จุดประสงค์การเรียนรู้
1. สงั เกตและระบุลกั ษณะของวสั ดุท่ีใชท้ าของเล่นและของใชไ้ ด้ (K)
2. มีความสนใจใฝ่ รู้หรืออยากรู้อยากเห็น (A)
3. พอใจในประสบการณ์การเรียนรู้ที่เก่ียวกบั วทิ ยาศาสตร์ (A)
4. ทางานร่วมกบั ผอู้ ื่นอยา่ งสร้างสรรค์ (A)
5. ส่ือสารและนาความรู้เรื่องวสั ดุท่ีใชท้ าของเลน่ และของใชไ้ ปใชใ้ นชีวิตประจาวนั ได้ (P)
4. การวดั และการประเมินผลการเรียนรู้
ด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรม ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P)
และจติ วทิ ยาศาสตร์ (A)
1. ซกั ถามความรู้เร่ือง 1. ประเมินเจตคติทาง 1. ประเมินทกั ษะกระบวนการ
วสั ดุท่ีใชท้ าของเล่น วิทยาศาสตร์เป็นรายบุคคล ทางวิทยาศาสตร์
และของใช้ 2. ประเมินเจตคติต่อ 2. ประเมินทกั ษะการคิด
2. ประเมินกิจกรรมฝึ ก วิทยาศาสตร์เป็นรายบุคคล 3. ประเมินทกั ษะการแกป้ ัญหา
ทกั ษะระหวา่ งเรียน 4. ประเมินพฤติกรรมในการปฏิบตั ิ
กิจกรรมเป็ นรายบุคคลหรื อ
รายกลุ่ม
5. สาระการเรียนรู้
วสั ดุท่ีใชท้ าของเล่นและของใช้
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 193
6. แนวทางการบูรณาการ
ภาษาไทย สนทนา อธิบายเกี่ยวกบั สมบตั ิของวสั ดุท่ีใชท้ าของเล่น
และของใช้
ศิลปะ วาดภาพของเล่นหรือของใชท้ ่ีตนเองชอบ
สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม สนทนา อธิบายเกย่ี วกบั การเลอื กของเล่นทม่ี ปี ระโยชน์
และใช้ของใช้ได้โดยไม่ก่อให้เกดิ อนั ตราย เพอ่ื เช่ือมโยง
กบั หลกั เศรษฐกจิ พอเพยี ง
ภาษาต่างประเทศ ฟัง พดู อา่ น และเขียนคาศพั ทภ์ าษาต่างประเทศเก่ียวกบั
การจาแนกวสั ดุท่ีใชท้ าของเล่นและของใชท้ ่ีเรียนรู้หรือ
ท่ีนกั เรียนสนใจ
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ช่ัวโมงที่ 52
ข้ันนาเข้าสู่บทเรียน
1) ครูถามคาถามนกั เรียน เพ่ือกระตุน้ ความสนใจ เช่น
– จากรูปคือของเล่นหรือของใช้
ตัวอย่างกงั หันลม
– ของในรูปทามาจากอะไร
2) นกั เรียนช่วยกนั อภิปรายและแสดงความคิดเห็นของคาตอบจากคาถามขา้ งตน้ เพื่อเช่ือมโยง
ไปสู่การเรียนรู้เรื่องวสั ดุท่ีใชท้ าของเล่นและของใช้
ข้นั จัดกจิ กรรมการเรียนรู้
จดั กิจกรรมการเรียนรู้โดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ร่วมกบั แบบกลบั ดา้ นช้นั เรียน ซ่ึง
มีข้นั ตอนดงั น้ี
1) ข้นั สร้างความสนใจ
(1) ครูให้นกั เรียนนาใบงาน สังเกตก่อนเรียน 13 ท่ีครูมอบหมายให้ไปเรียนรู้ล่วงหน้าท่ีบ้าน
มาอภปิ รายร่วมกนั ในช้ันเรียน
(2) ครูตรวจสอบว่านักเรียนทากิจกรรมที่ได้รับมอบหมายไปหรือไม่ โดยตรวจสอบจาก
การจดบันทึกของนักเรียน และถามคาถามเกยี่ วกบั กจิ กรรม ดงั นี้
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 194
– สิ่งที่ทาจากพลาสตกิ จะมลี กั ษณะอย่างไร (แนวคาตอบ มนี า้ หนักเบา มีหลากหลายสี)
– หม้อหุงข้าวทามาจากวสั ดุอะไร (แนวคาตอบ ทามาจากโลหะ)
– ของเล่นและของใช้ในชีวิตประจาวันของนักเรียนทามาจากวัสดุอะไรบ้าง (แนว
คาตอบ ทามาจากผ้า พลาสตกิ แก้ว และโลหะ)
(3) ครูเปิ ดโอกาสให้นักเรียนต้ังประเด็นคาถามท่ีนักเรียนสงสัยจากการทากิจกรรมอย่าง
น้อยคนละ 1 คาถาม ซ่ึงครูให้นักเรียนเตรียมมาล่วงหน้า และให้นักเรียนช่วยกันตอบและแสดงความ
คิดเห็น
(4) ครูและนักเรียนร่วมกนั สรุปเกยี่ วกบั กจิ กรรม สังเกตก่อนเรียน 13 โดยครูช่วยอธิบายให้
นักเรียนเข้าใจว่า ส่ิงท่ใี ช้ทาของเล่นและของใช้มหี ลายชนิด
2) ข้นั สารวจและค้นหา
(1) แบ่งนกั เรียนออกเป็นกลุ่มปฏิบตั ิกิจกรรม สังเกตประเภทของวสั ดทุ ี่ใช้ทาของเล่นและ
ของใช้ ตามข้นั ตอนดงั น้ี
– นกั เรียนนาของเลน่ และของใชท้ ี่ทามาจากวสั ดุต่างกนั มารวมกนั
– ดแู ละลองสมั ผสั ของเล่นและของใชต้ ่าง ๆ
– บอกวา่ ของเลน่ น้นั ทามาจากวสั ดุชนิดใด
(2) ครูคอยแนะนาช่วยเหลือนักเรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบ ๆ
หอ้ งเรียนและเปิ ดโอกาสใหน้ กั เรียนทุกคนซกั ถามเมื่อมีปัญหา
ชั่วโมงที่ 53
3) ข้นั อธิบายและลงข้อสรุป
(1) นกั เรียนแต่ละกลมุ่ นาเสนอผลจากการปฏิบตั ิกิจกรรม
(2) ครูและนกั เรียนร่วมกนั อภิปรายผลจากการปฏิบตั ิกิจกรรมโดยใชแ้ นวคาถามต่อไปน้ี
– ของเล่นและของใชท้ ่ีมีความแขง็ ไดแ้ ก่อะไรบา้ ง ทามาจากวสั ดุชนิดใด (แนวคาตอบ
แจกันทาจากแก้ว หม้อหุงข้าวทาจากโลหะ)
– ของเลน่ และของใชท้ ี่มีความออ่ นนุ่มไดแ้ ก่อะไรบา้ ง ทามาจากวสั ดุชนิดใด (แนว
คาตอบ เสือ้ ผ้าทาจากผ้า)
– เพราะเหตุใดสิ่งของเหลา่ น้ีจึงมีลกั ษณะต่างกนั (แนวคาตอบ เพราะนาไปใช้งานที่
แตกต่างกัน)
– ของเล่นหรือของใชท้ ่ีทามาจากผา้ มีอะไรบา้ ง (แนวคาตอบ กางเกง)
– ของใชท้ ี่ทามาจากโลหะมีลกั ษณะใด (แนวคาตอบ แขง็ เป็นมนั วาว และทนทาน)
(3) ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปผลการปฏิบตั ิกิจกรรม โดยครูเนน้ ใหน้ กั เรียนเขา้ ใจว่า
ของเล่นและของใชแ้ ต่ละชนิดทามาจากวสั ดุแตกต่างกนั
4) ข้นั ขยายความรู้
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 195
(1) ครูยกตวั อยา่ งของเล่นและของใชท้ ี่ทามาจากวสั ดุต่างชนิดกนั และถามวา่ ทามาจากวสั ดุ
ชนิดใด
(2) ครูถามนกั เรียนว่า นกั เรียนมวี ธิ ีเลอื กซื้อของเล่นอย่างไรและมวี ธิ ีใช้ของใช้อย่างไรไม่ให้
เกดิ อนั ตราย ครูเชื่อมโยงความรู้เข้ากบั หลกั เศรษฐกจิ พอเพยี ง เพอื่ ให้นักเรียนรู้จกั เลอื กซือ้ ของเล่นที่มี
ประโยชน์และใช้ของใช้ได้อย่างปลอดภยั และสามารถเกบ็ รักษาของเล่นและของใช้ให้ถูกต้อง เพอ่ื ให้
ใช้ได้นาน ๆ โดยครูนารูปหรือของเล่นและของใช้จริงมาให้นกั เรียนดู และถามนักเรียนว่า ของเล่นและ
ของใช้ที่นกั เรียนเห็นประกอบด้วยวสั ดใุ ด เหมาะสาหรับทาอะไร และควรเกบ็ รักษาอย่างไร เช่น
ของเล่นท่เี ห็นทาจากพลาสตกิ เหมาะสาหรับการเล่นและไม่ทาให้
เกดิ อนั ตราย เพราะหล่นแล้วไม่แตก เมอ่ื เล่นเสร็จแล้วควรเกบ็ ใส่กล่องให้
เรียบร้อย และไม่ควรทงิ้ ไว้กลางแดดนาน ๆ เพราะจะทาให้พลาสตกิ เปราะ
และใช้งานได้ไม่นาน
ของเล่นท่ีเห็นทาจากไม้ เหมาะสาหรับการเล่นโดยไม่ทา
ให้เกดิ อนั ตราย เพราะไม่มสี ่วนประกอบทม่ี คี ม เมอ่ื เล่นแล้วควร
เกบ็ ใส่กล่องและระวงั ไม่ให้เปี ยกชืน้ เพราะไม้อาจขนึ้ ราได้ ทาให้
ใช้เล่นไม่ได้อกี
ของใช้ทีเ่ ห็นทาจากแก้ว เหมาะสาหรับใช้งาน ควรระวงั ใน
การถือ เพราะถ้าหล่นอาจแตกทาให้เกดิ อนั ตรายได้ เน่อื งจากมสี ่วนที่
มคี มอาจบาดมอื หรือเท้าได้ เมอ่ื ใช้แล้วควรเกบ็ ให้เป็ นทใ่ี นช้ันวางแก้ว
เพอื่ ป้ องกนั การตกแตก เนอ่ื งจากเมอ่ื แก้วแตกแล้วไม่สามารถนา
กลบั มาใช้ได้อกี ทาให้ต้องสิ้นเปลอื งเงนิ ในการซื้อแก้วใบใหม่
(3) นกั เรียนคน้ ควา้ คาศพั ทภ์ าษาต่างประเทศเก่ียวกบั วสั ดุท่ีใชท้ าของเลน่ และของใช้
จากหนงั สือเรียนภาษาต่างประเทศหรืออินเทอร์เนต็ และนาเสนอใหเ้ พ่ือนในหอ้ งฟัง คดั คาศพั ทพ์ ร้อม
ท้งั คาแปลลงสมดุ ส่งครู
5) ข้นั ประเมิน
(1) ครูใหน้ กั เรียนแต่ละคนพิจารณาวา่ จากหวั ขอ้ ท่ีเรียนมาและการปฏิบตั ิกิจกรรม
มีจุดใดบา้ งท่ียงั ไม่เขา้ ใจหรือมีขอ้ สงสยั ถา้ มี ครูช่วยอธิบายเพ่ิมเติมใหน้ กั เรียนเขา้ ใจ
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 196
(2) นกั เรียนร่วมกนั ประเมินการปฏิบตั ิกิจกรรมกลุม่ วา่ มีปัญหาหรืออุปสรรคอะไร
และไดแ้ กไ้ ขอยา่ งไรบา้ ง
(3) นกั เรียนและครูร่วมกนั แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั ประโยชนท์ ี่ไดร้ ับจากการปฏิบตั ิ
กิจกรรม และการนาความรู้ท่ีไดไ้ ปใชป้ ระโยชน์
(4) ครูทดสอบความเขา้ ใจของนกั เรียน โดยการใหต้ อบคาถาม เช่น
– ของเล่นและของใชท้ ่ีทามาจากผา้ จะมีลกั ษณะใด
– ของเลน่ และของใชท้ ี่ทามาจากพลาสติกจะมีลกั ษณะใด
– เพราะเหตุใดหมอ้ ท่ีใชห้ ุงตม้ อาหารจึงทามาจากโลหะ
– นกั เรียนคิดวา่ การเรียนรู้เร่ืองวสั ดุที่ใชท้ าของเล่นและของใชม้ ีประโยชนอ์ ะไรบา้ ง
– ของใชท้ ี่ทามาจากแกว้ จะมีลกั ษณะใด
– ของเลน่ ท่ีทามาจากวสั ดุชนิดใดมีน้าหนกั เบาและมีหลายสี
– วตั ถใุ นรูปทาจากวสั ดุใดบา้ ง
ตัวอย่างวัตถุ
ข้ันสรุป
1) ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปเกี่ยวกบั วสั ดุที่ใชท้ าของเล่นและของใช้ โดยร่วมกนั เขียนเป็น
แผนท่ีความคิดหรือผงั มโนทศั น์
2) ครูมอบหมายให้นักเรียนไปศึกษาค้นคว้าเนอื้ หาของบทเรียนช่ัวโมงหน้า เพอื่ จดั การเรียนรู้
คร้ังต่อไป โดยให้นักเรียนศึกษาค้นคว้าล่วงหน้าในหัวข้อสมบัตขิ องวสั ดุที่ใช้ทาของเล่นและของใช้
3) ครูให้นักเรียนเตรียมประเดน็ คาถามที่สงสัยมาอย่างน้อยคนละ 1 คาถาม เพอื่ นามาอภิปราย
ร่วมกนั ในช้ันเรียนคร้ังต่อไป
8. กจิ กรรมเสนอแนะ
ครูใหน้ กั เรียนวาดภาพของเลน่ หรือของใชท้ ี่ตนเองชอบ พร้อมท้งั เขียนบอกวา่ ทามาจากวสั ดุ
ชนิดใดมีสมบตั ิเป็นแบบใด แลว้ นาเสนอใหเ้ พ่ือนในหอ้ งฟังเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้
9. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้
1. ใบงานสงั เกตก่อนเรียน 13
2. ใบกิจกรรมท่ี 21 สงั เกตประเภทของวสั ดุที่ใชท้ าของเล่นและของใช้
3. ค่มู ือการสอน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นาพานิช จากดั
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 197
4. ส่ือการเรียนรู้ PowerPoint วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั
5. แบบฝึ กทกั ษะ รายวิชาพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั
6. หนงั สือเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั
10. บันทกึ หลงั การจัดการเรียนรู้
1. ความสาเร็จในการจดั การเรียนรู้ ………………………………………………………….…
แนวทางการพฒั นา …………………………………………………………………………
2. ปัญหา/อุปสรรคในการจดั การเรียนรู้ …………………………………………………….…
แนวทางแกไ้ ข …………………………………………………………………………..….
3. ส่ิงท่ีไมไ่ ดป้ ฏิบตั ิตามแผน ………………………………………………………………..…
เหตุผล ………………………………………………………………………………...……
4. การปรับปรุงแผนการจดั การเรียนรู้ …………………………………………………………
(ลงช่ือ) .............................................. ผสู้ อน
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 198
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 28
สมบัติของวสั ดุทใ่ี ช้ทาของเล่นและของใช้
สาระที่ 3 สารและสมบตั ขิ องสาร เวลา 2 ชั่วโมง
ช้ันประถมศึกษาปี ที่ 1
หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 ของเล่นแสนสนุกและของใช้ใกล้ตวั
1. สาระสาคญั
ของเลน่ และของใชท้ ามาจากวสั ดุต่างกนั จึงมีสมบตั ิต่างกนั
2. ตัวชี้วดั ช้ันปี
จาแนกวสั ดุที่ใชท้ าของเล่นของใชใ้ นชีวติ ประจาวนั รวมท้งั ระบุเกณฑท์ ี่ใชจ้ าแนก
(ว 3.1 ป. 1/2)
3. จุดประสงค์การเรียนรู้
1. บอกสมบตั ิของวสั ดุท่ีใชท้ าของเลน่ และของใชไ้ ด้ (K)
2. มีความสนใจใฝ่ รู้หรืออยากรู้อยากเห็น (A)
3. พอใจในประสบการณ์การเรียนรู้ที่เก่ียวกบั วิทยาศาสตร์ (A)
4. ทางานร่วมกบั ผอู้ ื่นอยา่ งสร้างสรรค์ (A)
5. ส่ือสารและนาความรู้เรื่องสมบตั ิของวสั ดุที่ใชท้ าของเล่นและของใชไ้ ปใชใ้ นชีวิตประจาวนั
ได้ (P)
4. การวดั และการประเมินผลการเรียนรู้
ด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรม ด้านทักษะ/กระบวนการ (P)
และจติ วทิ ยาศาสตร์ (A)
1. ซกั ถามความรู้เร่ือง 1. ประเมินเจตคติทาง 1. ประเมินทกั ษะกระบวนการ
สมบตั ิของวสั ดุที่ใชท้ า วิทยาศาสตร์เป็นรายบุคคล ทางวทิ ยาศาสตร์
ของเลน่ และของใช้ 2. ประเมินเจตคติต่อ 2. ประเมินทกั ษะการคิด
2. ประเมินกิจกรรมฝึ ก วทิ ยาศาสตร์เป็นรายบุคคล 3. ประเมินทกั ษะการแกป้ ัญหา
ทกั ษะระหวา่ งเรียน 4. ประเมินพฤติกรรมในการปฏิบตั ิ
กิจกรรมเป็ นรายบุคคลหรื อ
รายกลุม่
5. สาระการเรียนรู้
วสั ดุท่ีใชท้ าของเล่นและของใช้
6. แนวทางการบูรณาการ คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 199
ภาษาไทย
สนทนาและอธิบายเก่ียวกบั สมบตั ิของวสั ดุที่ใชท้ า
สุขศึกษาและพลศึกษา ของเล่นและของใช้
ภาษาต่างประเทศ การเลน่ เกม
ฟัง พดู อา่ น และเขียนคาศพั ทภ์ าษาต่างประเทศเก่ียวกบั
การจาแนกวสั ดุท่ีใชท้ าของเลน่ และของใชท้ ่ีเรียนรู้หรือ
ท่ีนกั เรียนสนใจ
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ช่ัวโมงท่ี 54
ข้ันนาเข้าสู่บทเรียน
1) ครูถามคาถามนกั เรียนเพื่อกระตุน้ ความสนใจ เช่น
– จากรูปคือของเล่นหรือของใช้
ตัวอย่างส่ิงของ
– ของในรูปทามาจากอะไร
2) นกั เรียนช่วยกนั อภิปรายและแสดงความคิดเห็นของคาตอบจากคาถามขา้ งตน้ เพ่ือเชื่อมโยง
ไปสู่การเรียนรู้เรื่องสมบตั ิของวสั ดุท่ีใชท้ าของเลน่ และของใช้
ข้ันจัดกจิ กรรมการเรียนรู้
จดั กิจกรรมการเรียนรู้โดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ร่วมกบั แบบกลบั ดา้ นช้นั เรียน ซ่ึง
มีข้นั ตอนดงั น้ี
1) ข้นั สร้างความสนใจ
(1) ครูแบ่งกลุ่มนักเรียนแล้วเปิ ดโอกาสให้นกั เรียนในกล่มุ นาเสนอข้อมลู สมบตั ขิ องวัสดุ
ท่ีใช้ทาของเล่นและของใช้ ท่ีครูมอบหมายให้ไปเรียนรู้ล่วงหน้าให้เพอื่ น ๆ ในกลุ่มฟัง จากน้ันให้แต่ละ
กลุ่มส่งตวั แทนมานาเสนอข้อมูลหน้าห้องเรียน
(2) ครูตรวจสอบว่านักเรียนทาภาระงานที่ได้รับมอบหมายไปหรือไม่ โดยตรวจสอบจาก
การจดบนั ทึกของนกั เรียน และถามคาถามเกยี่ วกบั ภาระงาน ดงั นี้
– ถ้านักเรียนจะสร้างเรือจาลอง นักเรียนจะใช้อะไร เพราะอะไร (แนวคาตอบ ขวด
พลาสตกิ เพราะทาจากพลาสติกที่ไม่เปี ยกนา้ และมนี า้ หนักเบา)
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 200
– ถ้านกั เรียนจะทาหมวก นักเรียนจะใช้อะไร เพราะอะไร (แนวคาตอบ ผ้า เพราะนุ่มมือ
และตัดเป็ นรูปร่างต่าง ๆ ได้)
(3) ครูเปิ ดโอกาสให้นักเรียนต้ังประเดน็ คาถามที่นักเรียนสงสัยจากการทาภาระงานอย่าง
น้อยคนละ 1 คาถาม ซึ่งครูให้นักเรียนเตรียมมาล่วงหน้า และให้นักเรียนช่วยกันตอบและแสดงความ
คิดเห็น
(4) ครูและนักเรียนร่วมกนั สรุปเกยี่ วกบั ภาระงาน โดยครูช่วยอธิบายให้นกั เรียนเข้าใจว่า
วสั ดุแต่ละชนิดมสี มบตั ิแตกต่างกนั จึงนามาใช้ประโยชน์ได้แตกต่างกัน
2) ข้นั สารวจและค้นหา
(1) ใหน้ กั เรียนแต่ละคนออกแบบรถจกั รยาน ตามข้นั ตอนดงั น้ี
– นกั เรียนออกแบบและวาดรูปจกั รยานที่ใชข้ ่ีเวลากลางคืนใหป้ ลอดภยั และระบาย
สีใหส้ วยงาม
– เขียนวสั ดุที่ใชก้ ากบั พร้อมเหตุผลที่เลือกใชว้ สั ดุน้นั แลว้ เปรียบเทียบกบั เพ่ือน
(2) ครูคอยแนะนาช่วยเหลือนักเรี ยนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบ ๆ
หอ้ งเรียนและเปิ ดโอกาสใหน้ กั เรียนทุกคนซกั ถามเม่ือมีปัญหา
ชั่วโมงที่ 55
3) ข้ันอธิบายและลงข้อสรุป
(1) ครูและนกั เรียนร่วมกนั อภิปรายผลการปฏิบตั ิกิจกรรม โดยใชค้ าถามต่อไปน้ี
– นกั เรียนเลือกใชว้ สั ดุอะไรบา้ ง (แนวคาตอบ โลหะ ยาง กระจก)
– นกั เรียนเลือกใชว้ สั ดุเหมือนเพ่ือนหรือไม่ เพราะอะไร (แนวคาตอบ บางชนิด
เหมือนกัน เพราะใช้งานลกั ษณะเดียวกัน บางชนิดต่างกัน เพราะใช้งานลกั ษณะต่างกนั )
– การเลือกวสั ดุแต่ละชนิด นกั เรียนตดั สินใจจากเหตุผลใด (แนวคาตอบ เลือกจาก
สมบัติของวัสดุท่ีเหมาะสมกับการนาไปใช้งาน)
(2) ครูอธิบายเพ่ิมเติมเก่ียวกบั วสั ดุที่ใชท้ าของเลน่ และของใชใ้ หน้ กั เรียนเขา้ ใจเพิ่มมากข้ึน
4) ข้ันขยายความรู้
(1) ครูใหน้ กั เรียนยกตวั อยา่ งของเล่นและของใชท้ ่ีทามาจากวสั ดุต่อไปน้ี ผา้ พลาสติก
แกว้ โลหะ ไม้
(2) นกั เรียนคน้ ควา้ คาศพั ทภ์ าษาต่างประเทศเกี่ยวกบั การจาแนกวสั ดุท่ีใชท้ าของเล่นและ
ของใชจ้ ากหนงั สือเรียนภาษาต่างประเทศหรืออินเทอร์เน็ต และนาเสนอใหเ้ พ่ือนในหอ้ งฟัง คดั คาศพั ท์
พร้อมท้งั คาแปลลงสมดุ ส่งครู
5) ข้นั ประเมนิ
(1) ครูใหน้ กั เรียนแต่ละคนพิจารณาวา่ จากหวั ขอ้ ที่เรียนมาและการปฏิบตั ิกิจกรรม มีจุด
ใดบา้ งที่ยงั ไมเ่ ขา้ ใจหรือมีขอ้ สงสยั ถา้ มี ครูช่วยอธิบายเพิ่มเติมใหน้ กั เรียนเขา้ ใจ
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 201
(2) นกั เรียนร่วมกนั ประเมินการปฏิบตั ิกิจกรรมกล่มุ วา่ มีปัญหาหรืออปุ สรรคอะไร และได้
แกไ้ ขอยา่ งไรบา้ ง
(3) นกั เรียนและครูร่วมกนั แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั ประโยชนท์ ี่ไดร้ ับจากการปฏิบตั ิ
กิจกรรม และการนาความรู้ท่ีไดไ้ ปใชป้ ระโยชน์
(4) ครูทดสอบความเขา้ ใจของนกั เรียน โดยการใหต้ อบคาถาม เช่น
– ของใชใ้ นหอ้ งเรียนส่วนใหญ่ทามาจากวสั ดุชนิดใด
– ของใชใ้ นชีวิตประจาวนั ของนกั เรียนมีอะไรบา้ ง ทามาจากวสั ดุชนิดใด
– จานชามท่ีนกั เรียนใชท้ ามาจากวสั ดุชนิดใด มีสมบตั ิเป็นแบบใด
– โต๊ะในหอ้ งเรียนทาจากวสั ดุชนิดใด และมีสมบตั ิใด
– ของใชท้ ่ีทามาจากอะไรที่เราตอ้ งใชอ้ ยา่ งระมดั ระวงั เพราะอาจแตกได้
ข้นั สรุป
1) ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปเกี่ยวกบั สมบตั ิของของเล่นและของใช้ โดยร่วมกนั เขียนเป็น
แผนที่ความคิดหรือผงั มโนทศั น์
2) ครูมอบหมายให้นกั เรียนไปศึกษาค้นคว้าเนอื้ หาของบทเรียนชั่วโมงหน้า เพอ่ื จดั การเรียนรู้
คร้ังต่อไป โดยให้นกั เรียนศึกษาค้นคว้าล่วงหน้าในหัวข้อการแบ่งกล่มุ ของเล่นและของใช้
3) ครูให้นักเรียนเตรียมประเดน็ คาถามท่ีสงสัยมาอย่างน้อยคนละ 1 คาถาม เพอ่ื นามาอภิปราย
ร่วมกนั ในช้ันเรียนคร้ังต่อไป
8. กจิ กรรมเสนอแนะ
นกั เรียนปฏิบตั ิกิจกรรมเสริมการเรียนรู้เร่ือง ประดิษฐ์ของเล่นจากเศษวัสดุ ตามข้นั ตอนดงั น้ี
– แบ่งนกั เรียนเป็นกลุ่มละ 4–5 คน เตรียมเศษวสั ดุต่าง ๆ
– ช่วยกนั ออกแบบของเล่น
– ช่วยกนั สร้างของเล่นจากเศษวสั ดุตามท่ีช่วยกนั ออกแบบไว้ และต้งั ชื่อของเล่นท่ีสร้าง
ข้ึนมา
– ครูคอยแนะนาช่วยเหลือนกั เรียนขณะปฏิบตั ิกิจกรรม โดยครูเดินดรู อบ ๆ หอ้ งเรียน
และเปิ ดโอกาสใหน้ กั เรียนทุกคนซกั ถามเมื่อมีปัญหา
9. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
1. กิจกรรมเสริมการเรียนรู้ที่ 10 ประดิษฐข์ องเล่นจากเศษวสั ดุ
2. ค่มู ือการสอน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นาพานิช จากดั
3. สื่อการเรียนรู้ PowerPoint วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั
4. แบบฝึ กทกั ษะ รายวชิ าพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั
5. หนงั สือเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 202
10. บันทกึ หลงั การจัดการเรียนรู้
1. ความสาเร็จในการจดั การเรียนรู้ ………………………………………………………….…
แนวทางการพฒั นา …………………………………………………………………………
2. ปัญหา/อุปสรรคในการจดั การเรียนรู้ …………………………………………………….…
แนวทางแกไ้ ข …………………………………………………………………………..….
3. ส่ิงท่ีไมไ่ ดป้ ฏิบตั ิตามแผน ………………………………………………………………..…
เหตุผล ………………………………………………………………………………...……
4. การปรับปรุงแผนการจดั การเรียนรู้ …………………………………………………………
ลงชื่อ .............................................. ผสู้ อน
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 203
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 29
การแบ่งกล่มุ ของเล่นและของใช้
สาระที่ 3 สารและสมบตั ิของสาร เวลา 2 ชั่วโมง
ช้ันประถมศึกษาปี ท่ี 1
หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 ของเล่นแสนสนุกและของใช้ใกล้ตวั
1. สาระสาคญั
ของเล่นและของใชม้ ีลกั ษณะแตกต่างกนั จึงสามารถนาสมบตั ิดา้ นต่าง ๆ เช่น รูปร่าง สี ขนาด
และวสั ดุที่ใชท้ ามาเป็นเกณฑใ์ นการแบ่งกลุ่มของเล่นและของใชไ้ ด้
2. ตวั ชี้วดั ช้ันปี
จาแนกวสั ดุที่ใชท้ าของเล่นของใชใ้ นชีวิตประจาวนั รวมท้งั ระบุเกณฑท์ ี่ใชจ้ าแนก
(ว 3.1 ป. 1/2)
3. จุดประสงค์การเรียนรู้
1. แบ่งกลุ่มของเล่นและของใชไ้ ด้ (K)
2. มีความสนใจใฝ่ รู้หรืออยากรู้อยากเห็น (A)
3. พอใจในประสบการณ์การเรียนรู้ที่เก่ียวกบั วิทยาศาสตร์ (A)
4. ทางานร่วมกบั ผอู้ ่ืนอยา่ งสร้างสรรค์ (A)
5. ส่ือสารและนาความรู้เร่ืองการแบ่งกลุ่มของเล่นและของใชไ้ ปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ได้ (P)
4. การวดั และการประเมนิ ผลการเรียนรู้
ด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรม ด้านทักษะ/กระบวนการ (P)
และจติ วทิ ยาศาสตร์ (A)
1. ประเมินทกั ษะกระบวนการ
1. ซกั ถามความรู้เร่ือง 1. ประเมินเจตคติทาง ทางวิทยาศาสตร์
การแบ่งกลุม่ ของ วิทยาศาสตร์เป็ นรายบุคคล 2. ประเมินทกั ษะการคิด
3. ประเมินทกั ษะการแกป้ ัญหา
เลน่ และของใช้ 2. ประเมินเจตคติต่อ 4. ประเมินพฤติกรรมในการปฏิบตั ิ
2. ประเมินกิจกรรมฝึ ก วิทยาศาสตร์เป็นรายบุคคล กิจกรรมเป็ นรายบุคคลหรื อ
รายกลมุ่
ทกั ษะระหวา่ งเรียน
3. ทดสอบหลงั เรียน
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 204
5. สาระการเรียนรู้ สนทนาและอธิบายเก่ียวกบั สมบตั ิของวสั ดุที่ใชท้ า
การแบ่งกล่มุ ของเลน่ และของใช้ ของเลน่ และของใชแ้ ละการแบ่งกลุ่มของเล่นและของใช้
6. แนวทางการบูรณาการ วาดภาพแสดงการแบ่งกลุ่มของเลน่ และของใช้
ภาษาไทย ฟัง พดู อา่ น และเขียนคาศพั ทภ์ าษาต่างประเทศเกี่ยวกบั
การแบ่งกล่มุ ของเลน่ และของใชท้ ี่เรียนรู้หรือที่นกั เรียน
ศิลปะ สนใจ
ภาษาต่างประเทศ
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ช่ัวโมงท่ี 56
ข้นั นาเข้าสู่บทเรียน
1) ครูถามคาถามนกั เรียน เพ่ือกระตุน้ ความสนใจ เช่น
– ของเล่นและของใชใ้ นรูปมีลกั ษณะใดที่เหมือนกนั
ตวั อย่างของเล่นและของใช้
2) นกั เรียนร่วมกนั ตอบคาถาม เพื่อเชื่อมโยงไปสู่การเรียนรู้เร่ืองเกณฑใ์ นการแบ่งกล่มุ
ข้นั จัดกจิ กรรมการเรียนรู้
จดั กิจกรรมการเรียนรู้โดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ร่วมกบั แบบกลบั ดา้ นช้นั เรียน ซ่ึง
มีข้นั ตอนดงั น้ี
1) ข้นั สร้างความสนใจ
(1) ครูแบ่งกล่มุ นักเรียนแล้วเปิ ดโอกาสให้นกั เรียนในกลุ่มนาเสนอข้อมูลเกย่ี วกบั การ
แบ่งกล่มุ ของเล่นและของใช้ ที่ครูมอบหมายให้ไปเรียนรู้ล่วงหน้าให้เพอ่ื น ๆ ในกล่มุ ฟัง จากน้นั ให้แต่ละ
กล่มุ ส่งตวั แทนมานาเสนอข้อมูลหน้าห้องเรียน
(2) ครูตรวจสอบว่านักเรียนทาภาระงานท่ีได้รับมอบหมายไปหรือไม่ โดยตรวจสอบจาก
การจดบันทกึ ของนักเรียน และถามคาถามเกยี่ วกบั ภาระงาน ดงั นี้
– เกณฑ์มคี วามหมายว่าอะไร (แนวคาตอบ หลักที่กาหนดไว้)
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 205
– ส่ิงใดของของเล่นและของใช้นามาใช้เป็ นเกณฑ์ได้ (แนวคาตอบ ลักษณะภายนอก
เช่น สี รูปร่าง และวสั ดทุ ใี่ ช้ทา)
– วัสดุที่อยู่ในกลุ่มเดียวกนั ต้องมีสิ่งใดเหมือนกนั (แนวคาตอบ ลักษณะท่ีใช้เป็ นเกณฑ์
เหมือนกนั )
(3) ครูเปิ ดโอกาสให้นักเรียนต้ังประเด็นคาถามท่ีนักเรียนสงสัยจากการทาภาระงานอย่าง
น้อยคนละ 1 คาถาม ซ่ึงครูให้นักเรียนเตรียมมาล่วงหน้า และให้นักเรียนช่วยกันตอบและแสดงความ
คดิ เห็น
(4) ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปเกยี่ วกบั ภาระงาน โดยครูช่วยอธิบายให้นกั เรียนเข้าใจว่า
เกณฑ์ คอื หลกั ท่กี าหนดไว้ ซ่ึงนามาใช้เป็ นหลกั ในการแบ่งกลุ่มของเล่นและของใช้ตามต้องการ
2) ข้นั สารวจและค้นหา
(1) แบ่งนกั เรียนออกเป็นกลุ่มปฏิบตั ิกิจกรรม สังเกตการแบ่งกล่มุ ของเล่นและของใช้ ตาม
ข้นั ตอนดงั น้ี
– นกั เรียนสงั เกตของเล่นและของใชท้ ่ีครูนามา
– ดูลกั ษณะต่าง ๆ ของของเล่นและของใช้
– แบ่งกลุ่มของเลน่ และของใชอ้ อกเป็นกลุ่ม ๆ
– บอกเกณฑใ์ นการแบ่ง
(2) ครูคอยแนะนาช่วยเหลือนกั เรียนขณะปฏิบตั ิกิจกรรม โดยครูเดินดรู อบ ๆ หอ้ งเรียน
และเปิ ดโอกาสใหน้ กั เรียนทุกคนซกั ถามเมื่อมีปัญหา
ช่ัวโมงที่ 57
3) ข้ันอธิบายและลงข้อสรุป
(1) นกั เรียนแต่ละกลุ่มนาเสนอผลจากการปฏิบตั ิกิจกรรม
(2) ครูและนกั เรียนร่วมกนั อภิปรายผลจากการปฏิบตั ิกิจกรรมโดยใชแ้ นวคาถามต่อไปน้ี
– ของเล่นและของใชท้ ่ีทาจากพลาสติกมีอะไรบา้ ง (แนวคาตอบ ลกู ปิ งปอง จาน และ
ไม้บรรทัด)
– เมื่อใชร้ ูปร่างเป็นเกณฑ์ นกั เรียนแบ่งของเลน่ และของใชไ้ ดเ้ ป็นกี่กลุ่ม อะไรบา้ ง
(แนวคาตอบ 3 กล่มุ คือ รูปร่างกลม รูปร่างส่ีเหลี่ยม และรูปร่างทรงกระบอก)
(3) ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปผลการปฏิบตั ิกิจกรรม โดยครูเนน้ ใหน้ กั เรียนเขา้ ใจวา่
เราสามารถแบ่งของเล่นและของใชเ้ ป็นกลุ่ม ๆ ได้ โดยใชเ้ กณฑใ์ นการแบ่งที่ต่างกนั
4) ข้นั ขยายความรู้
(1) ครูใหน้ กั เรียนลองแบ่งกลุม่ ของเลน่ และของใชช้ นิดต่าง ๆ เพิ่มเติม
(2) นกั เรียนคน้ ควา้ คาศพั ทภ์ าษาต่างประเทศเกี่ยวกบั การแบ่งกลุ่มของเล่นและของใชจ้ าก
หนงั สือเรียนภาษาต่างประเทศหรืออินเทอร์เนต็ และนาเสนอใหเ้ พ่ือนในหอ้ งฟัง คดั คาศพั ทพ์ ร้อมคา
แปลส่งครู
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 206
5) ข้นั ประเมิน
(1) ครูใหน้ กั เรียนแต่ละคนพิจารณาวา่ จากหวั ขอ้ ท่ีเรียนมาและการปฏิบตั ิกิจกรรม มีจุด
ใดบา้ งที่ยงั ไมเ่ ขา้ ใจหรือมีขอ้ สงสยั ถา้ มี ครูช่วยอธิบายเพิ่มเติมใหน้ กั เรียนเขา้ ใจ
(2) นกั เรียนร่วมกนั ประเมินการปฏิบตั ิกิจกรรมกลมุ่ วา่ มีปัญหาหรืออปุ สรรคอะไร และได้
แกไ้ ขอยา่ งไรบา้ ง
(3) นกั เรียนและครูร่วมกนั แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั ประโยชนท์ ี่ไดร้ ับจากการปฏิบตั ิ
กิจกรรม และการนาความรู้ท่ีไดไ้ ปใชป้ ระโยชน์
(4) ครูทดสอบความเขา้ ใจของนกั เรียน โดยการใหต้ อบคาถาม เช่น
– การแบ่งกลุ่มของเล่นและของใชน้ กั เรียนพิจารณาจากอะไร
– ลกู บอล ถุงเทา้ ลกู แกว้ ผา้ เชด็ หนา้ นกั เรียนแบ่งกล่มุ สิ่งของเหล่าน้ีไดเ้ ป็นก่ีกลุ่ม
อะไรบา้ ง ใชอ้ ะไรเป็นเกณฑ์
– สมบตั ิดา้ นใดบา้ งที่นิยมนามาใชเ้ ป็นเกณฑใ์ นการแบ่งกลุ่มของเล่นและของใช้
– นกั เรียนคิดวา่ การเรียนรู้การแบ่งกลมุ่ ของเล่นและของใชม้ ีประโยชนอ์ ะไรบา้ ง
– ของเล่นและของใชท้ ี่มีน้าหนกั เบา ทามาจากวสั ดุอะไร
– กลมและเหล่ียม เป็นสมบตั ิของวสั ดุดา้ นใด
– นกั เรียนแบ่งกลุ่มสิ่งของในรูปไดเ้ ป็นก่ีกลุ่ม อะไรบา้ ง และใชอ้ ะไรเป็นเกณฑ์
ตัวอย่างสิ่งของ
ข้ันสรุป
1) ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปเกี่ยวกบั การแบ่งกลุ่มของเล่นและของใช้ โดยร่วมกนั เขียนเป็น
แผนท่ีความคิดหรือผงั มโนทศั น์
2) ครูดาเนนิ การทดสอบหลงั เรียน โดยให้นกั เรียนทาแบบทดสอบหลงั เรียนเพอื่ วดั ความ
ก้าวหน้า/ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 ของนักเรียน
3) ครูเชื่อมโยงเนอื้ หาจากบทเรียนนีก้ บั บทเรียนชั่วโมงหน้า เพอ่ื ให้นกั เรียนเตรียมความพร้อม
ในการเรียนช่ัวโมงต่อไป โดยการใช้คาถามกระต้นุ ดังนี้
– ถ้านักเรียนต้องการให้ของเล่นและของใช้เคลอ่ื นที่ นกั เรียนต้องทาอย่างไร (แนวคาตอบ
ต้องออกแรงต่อของเล่นและของใช้)
4) ครูมอบหมายให้นกั เรียนไปศึกษาค้นคว้าเนอื้ หาของบทเรียนช่ัวโมงหน้า เพอื่ จดั การเรียนรู้
คร้ังต่อไป โดยให้นกั เรียนศึกษาค้นคว้าล่วงหน้าในหัวข้อลกั ษณะของแรง
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 207
5) ครูให้นกั เรียนเตรียมประเดน็ คาถามที่สงสัยมาอย่างน้อยคนละ 1 คาถาม เพอื่ นามาอภิปราย
ร่วมกนั ในช้ันเรียนคร้ังต่อไป
8. กจิ กรรมเสนอแนะ
1. ครูนาบตั รภาพแสดงของเลน่ และของใชช้ นิดต่าง ๆ มาใหน้ กั เรียนดแู ละทดลองแบ่งกลุม่
2. วาดภาพแสดงการแบ่งกลมุ่ ของเล่นและของใช้
9. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
1. ใบกิจกรรมท่ี 22 สงั เกตการแบ่งกลมุ่ ของเล่นและของใช้
2. แบบทดสอบหลงั เรียน
3. คู่มือการสอน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นาพานิช จากดั
4. ส่ือการเรียนรู้ PowerPoint วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั
5. แบบฝึ กทกั ษะ รายวิชาพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั
6. หนงั สือเรียน รายวชิ าพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั
10. บนั ทกึ หลงั การจัดการเรียนรู้
1. ความสาเร็จในการจดั การเรียนรู้ ………………………………………………………….…
แนวทางการพฒั นา …………………………………………………………………………
2. ปัญหา/อปุ สรรคในการจดั การเรียนรู้ …………………………………………………….…
แนวทางแกไ้ ข …………………………………………………………………………..….
3. ส่ิงที่ไม่ไดป้ ฏิบตั ิตามแผน ………………………………………………………………..…
เหตุผล ………………………………………………………………………………...……
4. การปรับปรุงแผนการจดั การเรียนรู้ …………………………………………………………
ลงชื่อ .............................................. ผสู้ อน
หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 208
แรง เวลา 8 ช่ัวโมง
ผงั มโนทศั น์เป้ าหมายการจัดการเรียนรู้และขอบข่ายภาระงาน
ความรู้ ทักษะ/กระบวนการ
1. ลกั ษณะของแรง 1. การสงั เกต
2. แรงดึงและแรงผลกั 2. การจาแนก
3. ผลของแรง 3. การนาความรู้ไปใชใ้ น
4. แรงทาใหว้ ตั ถบุ างชนิด ชีวิตประจาวนั
เปล่ียนแปลงรูปร่าง
แรง
ภาระงาน/ชิน้ งาน คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
1. ศึกษาลกั ษณะของแรง 1. มีเจตคติทางวิทยาศาสตร์
2. ทดลองออกแรงกระทาต่อวตั ถุ 2. มีเจตคติต่อวทิ ยาศาสตร์
3. เห็นคุณค่าของการนาความรู้
เพื่อศึกษาผลของแรงที่มีต่อการ
เปล่ียนแปลงการเคลื่อนที่ของวตั ถุ ไปใชป้ ระโยชนใ์ นชีวิตประจาวนั
3. ทดลองออกแรงกระทาต่อวตั ถเุ พื่อ 4. ใฝ่ เรียนรู้
ศึกษาผลของแรงที่มีต่อการ 5. มุง่ มนั่ ในการทางาน
เปล่ียนแปลงรูปร่างของวตั ถุ
4. ทดลองออกแรงผลกั หรือดึงวตั ถุ
เพื่อศึกษาลกั ษณะของแรงผลกั และ
แรงดึงและวเิ คราะหค์ วามแตกต่าง
ของแรงผลกั และแรงดึง
5. สงั เกตการออกแรงกระทาต่อวตั ถุ
ของตนเองและผอู้ ่ืนและบอกวา่
เป็นการออกแรงผลกั หรือแรงดึง
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 209
ผงั การออกแบบการจัดการเรียนรู้แบบ Backward Design
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 6 แรง
ข้นั ท่ี 1 ผลลพั ธ์ปลายทางทีต่ ้องการให้เกดิ ขึน้ กบั นกั เรียน
ตวั ชี้วดั ช้ันปี
ทดลองและอธิบายการดึงหรือการผลกั วตั ถุ (ว 4 . 1 ป. 1/1)
ความเข้าใจทค่ี งทนของนักเรียน คาถามสาคญั ทท่ี าให้เกดิ ความเข้าใจท่คี งทน
นกั เรียนจะเข้าใจว่า... 1. แรงคืออะไร
1. แรง คือ สิ่งท่ีสามารถทาใหว้ ตั ถเุ ปลี่ยนแปลง 2. แรงผลกั มีลกั ษณะแบบใด
การเคล่ือนที่ เช่น เคลื่อนที่เร็วข้ึนหรือชา้ ลง 3. แรงดึงมีลกั ษณะแบบใด
เปลี่ยนทิศทางในการเคล่ือนท่ีหรือหยดุ น่ิง 4. แรงสามารถทาใหว้ ตั ถทุ ุกชนิดเปลี่ยนแปลง
2. แรงผลกั คือแรงที่ทาใหว้ ตั ถเุ คล่ือนที่ไป รูปร่างไดห้ รือไม่ ลกั ษณะใด
ขา้ งหนา้
3. แรงดึง คือแรงที่ทาใหว้ ตั ถเุ คล่ือนท่ีเขา้ มาหา
เรา
4. แรงสามารถทาใหว้ ตั ถุบางชนิดเปล่ียนแปลง
รูปร่างได้
ความรู้ของนักเรียนท่ีนาไปสู่ความเข้าใจทคี่ งทน ทักษะ/ความสามารถของนักเรียนทน่ี าไปสู่ความ
นกั เรียนจะรู้ว่า... เข้าใจที่คงทน นักเรียนจะสามารถ...
1. คาสาคญั ไดแ้ ก่ แรง แรงผลกั แรงดึง 1. ทดลองและอธิบายลกั ษณะของแรงที่มีผลต่อ
2. แรงสามารถทาใหว้ ตั ถเุ ปลี่ยนแปลงการ การเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ของวตั ถุ
เคลื่อนที่ไดโ้ ดยอาจทาใหว้ ตั ถุท่ีกาลงั เคล่ือนท่ีอยู่ 2. ทดลองและอธิบายผลของแรงที่ทาใหว้ ตั ถุบาง
เคล่ือนท่ีเร็วข้ึน ชา้ ลง หยดุ นิ่ง หรืออาจเปลี่ยนทิศ ชนิดเปลี่ยนแปลงรูปร่าง
ในการเคล่ือนที่ 3. ทดลองและอธิบายลกั ษณะการออกแรงกระทา
3. เมื่อออกแรงกระทาต่อวตั ถุอาจทาใหว้ ตั ถบุ าง ต่อวตั ถทุ ี่ไมส่ ามารถทาใหว้ ตั ถุเปล่ียนแปลงการ
ชนิดเปล่ียนแปลงรูปร่างได้ เคลื่อนที่และเปล่ียนแปลงรูปร่าง
4. เม่ือออกแรงกระทาต่อวตั ถุในบางคร้ัง วตั ถอุ าจ 4. ทดลอง วเิ คราะห์ และบอกลกั ษณะของแรง
ไม่เปล่ียนแปลงการเคลื่อนที่และไมเ่ ปลี่ยนแปลง ผลกั และแรงดึง
รูปร่าง 5. บอกความแตกต่างของแรงผลกั และแรงดึงได้
5. แรงท่ีผลกั ใหว้ ตั ถเุ คล่ือนท่ีไปขา้ งหนา้ จดั เป็น
แรงผลกั
6. แรงท่ีดึงหรือลากใหว้ ตั ถเุ คล่ือนท่ีมาหาเรา
จดั เป็นแรงดึง
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 210
ข้ันที่ 2 ภาระงานและการประเมนิ ผลการเรียนรู้ ซึ่งเป็ นหลกั ฐานทแ่ี สดงว่านักเรียนมผี ลการเรียนรู้
ตามทก่ี าหนดไว้อย่างแท้จริง
1. ภาระงานท่นี กั เรียนต้องปฏิบัติ
– ศึกษาลกั ษณะของแรง
– ทดลองออกแรงกระทาต่อวตั ถุเพื่อศึกษาผลของแรงที่มีต่อการเปล่ียนแปลงการเคล่ือนท่ีของวตั ถุ
– ทดลองออกแรงกระทาต่อวตั ถุเพ่ือศึกษาผลของแรงท่ีมีต่อการเปล่ียนแปลงรูปร่างของวตั ถุ
– ทดลองออกแรงผลกั หรือดึงวตั ถเุ พ่ือศึกษาลกั ษณะของแรงผลกั และแรงดึงและวิเคราะหค์ วาม
แตกต่างของแรงผลกั และแรงดึง
– สงั เกตการออกแรงกระทาต่อวตั ถุของตนเองและผอู้ ื่นและบอกวา่ เป็นการออกแรงผลกั หรือแรงดึง
2. วธิ ีการและเครื่องมอื ประเมนิ ผลการเรียนรู้
วธิ ีการประเมนิ ผลการเรียนรู้ เคร่ืองมอื ประเมนิ ผลการเรียนรู้
– การทดสอบ – แบบทดสอบก่อนเรียนและหลงั เรียน
– การสนทนาซกั ถาม – แบบบนั ทึกการสนทนา
– การวดั เจตคติ – แบบวดั เจตคติทางวิทยาศาสตร์และเจตคติต่อ
วทิ ยาศาสตร์
– การวดั ทกั ษะ – แบบวดั ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
– การประเมินตนเอง – แบบประเมินตนเองของนกั เรียน
3. สิ่งทม่ี ุ่งประเมนิ
– ความสามารถในการอธิบาย ช้ีแจง การแปลความและตีความ การประยกุ ต์ ดดั แปลง และนาไปใช้
การมีมุมมองที่หลากหลาย การใหค้ วามสาคญั และใส่ใจในความรู้สึกของผอู้ ื่น และการรู้จกั ตนเอง
– เจตคติทางวทิ ยาศาสตร์และเจตคติต่อวทิ ยาศาสตร์เป็นรายบุคคล
– ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
– พฤติกรรมการปฏิบตั ิกิจกรรมเป็นรายบุคคลหรือรายกลุม่
ข้นั ท่ี 3 แผนการจดั การเรียนรู้
– แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 30 ลกั ษณะของแรง 2 ชวั่ โมง
– แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 31 แรงดึงและแรงผลกั 2 ชวั่ โมง
– แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 32 ผลของแรง 2 ชว่ั โมง
– แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 33 แรงทาใหว้ ตั ถุบางชนิดเปลี่ยนแปลงรูปร่าง 2 ชว่ั โมง
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 211
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 30
ลกั ษณะของแรง
สาระที่ 4 แรงและการเคลอื่ นที่ เวลา 2 ชั่วโมง
ช้ันประถมศึกษาปี ท่ี 1
หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 แรง
1. สาระสาคญั
แรงสามารถทาใหว้ ตั ถุเปล่ียนแปลงการเคล่ือนท่ี โดยอาจทาใหว้ ตั ถุท่ีหยดุ น่ิงเกิดการเคลื่อนท่ี
และทาใหว้ ตั ถุท่ีกาลงั เคล่ือนที่อยเู่ คลื่อนที่เร็วข้ึน ชา้ ลง หยดุ นิ่ง หรือเปล่ียนทิศในการเคล่ือนที่
2. ตวั ชี้วดั ช้ันปี
ทดลองและอธิบายการดึงหรือการผลกั วตั ถุ (ว 4.1 ป. 1/1)
3. จุดประสงค์การเรียนรู้
1. อธิบายผลของแรงท่ีมีต่อการเปลี่ยนแปลงการเคล่ือนที่ของวตั ถุได้ (K)
2. มีความสนใจใฝ่ รู้หรืออยากรู้อยากเห็น (A)
3. พอใจในประสบการณ์การเรียนรู้ที่เกี่ยวกบั วทิ ยาศาสตร์ (A)
4. ทางานร่วมกบั ผอู้ ่ืนอยา่ งสร้างสรรค์ (A)
5. ส่ือสารและนาความรู้เรื่องลกั ษณะของแรงไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ได้ (P)
4. การวดั และการประเมินผลการเรียนรู้
ด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรม ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P)
และจติ วทิ ยาศาสตร์ (A)
1. ซกั ถามความรู้เรื่อง 1. ประเมินเจตคติทาง 1. ประเมินทกั ษะกระบวนการ
ลกั ษณะของแรง วทิ ยาศาสตร์เป็นรายบุคคล ทางวทิ ยาศาสตร์
2. ประเมินกิจกรรมฝึ ก 2. ประเมินเจตคติต่อ 2. ประเมินทกั ษะการคิด
ทกั ษะระหวา่ งเรียน วทิ ยาศาสตร์เป็นรายบุคคล 3. ประเมินทกั ษะการแกป้ ัญหา
3. ทดสอบก่อนเรียน 4. ประเมินพฤติกรรมในการ
ปฏิบตั ิกิจกรรมเป็นรายบุคคล
หรือรายกลมุ่
5. สาระการเรียนรู้
ลกั ษณะของแรง
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 212
6. แนวทางการบูรณาการ
ภาษาไทย สนทนาพดู คุยหรือเล่าประสบการณ์เกี่ยวกบั การออกแรง
กระทาต่อวตั ถุ แลว้ วตั ถุมีการเปลี่ยนแปลงการเคล่ือนที่
สุขศึกษาและพลศึกษา ออกแรงเล่นกีฬา เช่น ฟตุ บอล ปิ งปอง
ภาษาต่างประเทศ ฟัง พดู อา่ น และเขียนคาศพั ทภ์ าษาต่างประเทศเกี่ยวกบั
แรงที่เรียนรู้หรือท่ีนกั เรียนสนใจ
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ช่ัวโมงท่ี 58
ครูดาเนินการทดสอบก่อนเรียนโดยใหน้ กั เรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน เพ่ือตรวจสอบความ
พร้อมและพ้ืนฐานของนกั เรียน
ข้ันนาเข้าสู่บทเรียน
1) ครูถามคาถามนกั เรียนเพ่ือกระตุน้ ความสนใจ เช่น
– นกั เรียนมีวิธีเลน่ เครื่องบินกระดาษอยา่ งไร
2) นกั เรียนช่วยกนั อภิปรายและแสดงความคิดเห็นของคาตอบจากคาถามขา้ งตน้ เพ่ือเช่ือมโยง
ไปสู่การเรียนรู้เร่ืองลกั ษณะของแรง
ข้นั จัดกจิ กรรมการเรียนรู้
จดั กิจกรรมการเรียนรู้โดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ร่วมกบั แบบกลบั ดา้ นช้นั เรียน ซ่ึง
มีข้นั ตอน ดงั น้ี
1) ข้นั สร้างความสนใจ
(1) ครูแบ่งกล่มุ นักเรียนแล้วเปิ ดโอกาสให้นกั เรียนในกลุ่มนาเสนอข้อมลู เกย่ี วกบั ลกั ษณะ
ของแรง ที่ครูมอบหมายให้ไปเรียนรู้ล่วงหน้าให้เพอ่ื น ๆ ในกลุ่มฟัง จากน้นั ให้แต่ละกล่มุ ส่งตวั แทนมา
นาเสนอข้อมลู หน้าห้องเรียน
(2) ครูตรวจสอบว่านักเรียนทาภาระงานท่ีได้รับมอบหมายไปหรือไม่ โดยตรวจสอบจาก
การจดบันทึกของนกั เรียน และถามคาถามเกย่ี วกบั ภาระงาน ดงั นี้
– แรงคืออะไร (แนวคาตอบ สิ่งทพ่ี ยายามทาให้วตั ถุเคลอ่ื นท่หี รือเปลี่ยนแปลงรูปร่าง)
– ยกตวั อย่างการใช้แรงในชีวติ ประจาวนั (แนวคาตอบ เปิ ดประตู ดนั เก้าอ้ี ปั้นดนิ น้ามัน
และบีบฟองน้า)
(3) ครูเปิ ดโอกาสให้นักเรียนต้ังประเดน็ คาถามที่นักเรียนสงสัยจากการทาภาระงานอย่าง
น้อยคนละ 1 คาถาม ซ่ึงครูให้นักเรียนเตรียมมาล่วงหน้า และให้นักเรียนช่วยกันตอบและแสดงความ
คิดเห็น
(4) ครูและนักเรียนร่วมกนั สรุปเกยี่ วกบั ภาระงาน โดยครูช่วยอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า
แรงทาให้วตั ถุเคลอ่ื นทแ่ี ละเปลย่ี นแปลงรูปร่างได้
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 213
2) ข้นั สารวจและค้นหา
(1) แบ่งนกั เรียนออกเป็นกลุ่มปฏิบตั ิกิจกรรม สังเกตแรงทาให้วัตถเุ ปล่ียนแปลงการเคลื่อนที่
ตามข้นั ตอน ดงั น้ี
– ออกแรงเตะลกู บอลที่วางอยู่ แลว้ สงั เกตวา่ ลกู บอลเคลื่อนที่หรือหยดุ น่ิง
– ออกแรงเตะลกู บอลไปทางดา้ นหนา้ โดยขณะที่ลกู บอลกาลงั เคลื่อนที่ไปน้นั ใหอ้ อกแรง
เตะลูกบอลไปในทิศทางเดียวกบั ทิศทางการเคลื่อนท่ีของลูกบอล สงั เกตความเร็วและทิศทางในการ
เคลื่อนที่ของลกู บอล
– ผลกั รถใหเ้ คลื่อนท่ีไปขา้ งหนา้ แลว้ ดึงเชือกท่ีผกู ไว้ สังเกตความเร็วและทิศทางในการ
เคล่ือนที่ของรถ
(2) ครูคอยแนะนาช่วยเหลือนกั เรียนขณะปฏิบตั ิกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบ ๆ หอ้ งเรียนและ
เปิ ดโอกาสใหน้ กั เรียนทุกคนซกั ถามเมื่อมีปัญหา
ช่ัวโมงท่ี 59
3) ข้ันอธิบายและลงข้อสรุป
(1) นกั เรียนแต่ละกลมุ่ นาเสนอผลจากการปฏิบตั ิกิจกรรม
(2) ครูและนกั เรียนร่วมกนั อภิปรายผลจากการปฏิบตั ิกิจกรรมโดยใชแ้ นวคาถามต่อไปน้ี
– เมื่อออกแรงผลกั ลูกบอลไปทิศเดียวกบั ทิศท่ีลูกบอลเคลื่อนท่ี การเคลื่อนท่ีของลูก
บอลเป็นแบบใด (แนวคาตอบ ลกู บอลเคล่ือนที่เร็วขึน้ และมีทิศทางการเคลื่อนที่เหมือนเดิม)
– ขณะรถเด็กเล่นเคลื่อนที่ไปดา้ นหนา้ ถา้ ตอ้ งการใหร้ ถเด็กเล่นเคล่ือนท่ีเร็วข้ึนจะตอ้ ง
ออกแรงดึงเชือกในทิศใด (แนวคาตอบ ดึงเชือกทิศทางเดียวกบั ท่ีรถเดก็ เล่นเคล่ือนท่ี)
(3) ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปผลการปฏิบตั ิกิจกรรม โดยครูเนน้ ใหน้ กั เรียนเขา้ ใจวา่ แรง
ทาใหว้ ตั ถเุ กิดการเปล่ียนแปลงการเคลื่อนท่ี โดยทาใหว้ ตั ถทุ ่ีหยดุ นิ่งเกิดการเคล่ือนท่ี เมื่อออกแรงไปใน
ทิศเดียวกบั ทิศการเคล่ือนท่ีของวตั ถุจะทาใหว้ ตั ถุเคลื่อนท่ีเร็วข้ึน แต่ถา้ ออกแรงกระทาต่อวตั ถุในทิศ
ตรงกนั ขา้ มกบั ทิศการเคลื่อนท่ีของวตั ถุจะทาใหว้ ตั ถเุ ปล่ียนทิศการเคล่ือนท่ีและเคล่ือนที่ชา้ ลง
4) ข้นั ขยายความรู้
(1) ครูใชค้ าถามนานกั เรียนเพื่อขยายความรู้เกี่ยวกบั แรง เช่น เมื่อออกแรงกระทาต่อวตั ถุจะ
ทาใหว้ ตั ถุเปล่ียนแปลงการเคลื่อนท่ีเสมอไปหรือไม่ ลกั ษณะใด
(2) เปิ ดโอกาสใหน้ กั เรียนแสดงความคิดเห็นแลว้ ใหน้ กั เรียนลองผลกั ผนงั หอ้ งเรียนหรื อตู้
ขนาดใหญ่ ในข้นั น้ีนกั เรียนควรไดข้ อ้ สังเกตวา่ ในบางกรณีการออกแรงกระทาต่อวตั ถุจะไม่สามารถ
ทาใหว้ ตั ถุเปล่ียนแปลงการเคล่ือนท่ี
(3) นกั เรียนคน้ ควา้ คาศพั ท์ภาษาต่างประเทศเก่ียวกบั ลกั ษณะของแรงจากหนงั สือเรียน
ภาษาต่างประเทศหรืออินเทอร์เน็ต และนาเสนอใหเ้ พ่ือนในหอ้ งฟัง คดั คาศพั ทพ์ ร้อมท้งั คาแปลลงสมุด
ส่งครู
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 214
5) ข้นั ประเมนิ
(1) ครูใหน้ กั เรียนแต่ละคนพิจารณาวา่ จากหวั ขอ้ ที่เรียนมาและการปฏิบตั ิกิจกรรม
มีจุดใดบา้ งท่ียงั ไม่เขา้ ใจหรือมีขอ้ สงสยั ถา้ มี ครูช่วยอธิบายเพิ่มเติมใหน้ กั เรียนเขา้ ใจ
(2) นกั เรียนร่วมกนั ประเมินการปฏิบตั ิกิจกรรมกลมุ่ วา่ มีปัญหาหรืออุปสรรคอะไร
และไดแ้ กไ้ ขอยา่ งไรบา้ ง
(3) นกั เรียนและครูร่วมกนั แสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั ประโยชนท์ ี่ไดร้ ับจากการปฏิบตั ิ
กิจกรรม และการนาความรู้ท่ีไดไ้ ปใชป้ ระโยชน์
(4) ครูทดสอบความเขา้ ใจของนกั เรียนโดยการใหต้ อบคาถาม เช่น
– ถา้ ตอ้ งการใหก้ ล่องท่ีวางอยเู่ คล่ือนท่ีได้ จะตอ้ งมีส่ิงใดไปกระทา
– ขณะที่วตั ถเุ คลื่อนที่อยเู่ มื่อมีแรงมากระทาต่อวตั ถใุ นทิศทางตรงกนั ขา้ มกบั ทิศ
ทางการเคล่ือนท่ีของวตั ถุ จะทาใหว้ ตั ถุมีการเปลี่ยนแปลงลกั ษณะใด
– ยกตวั อยา่ งกีฬาที่ออกแรงกระทาในทิศทางตรงกนั ขา้ มกบั ทิศทางการเคลื่อนท่ีของ
วตั ถุแลว้ ทาใหว้ ตั ถุเคล่ือนที่ไปในทิศทางตรงกนั ขา้ ม
– นกั เรียนคิดวา่ การเรียนรู้เร่ืองลกั ษณะของแรงมีประโยชนอ์ ะไรบา้ ง
– ถา้ ตอ้ งการใหล้ กู บอลเคลื่อนท่ีเร็วข้ึนตอ้ งทาวิธีใด
– ถา้ ตอ้ งการใหล้ กู บอลเคล่ือนท่ีชา้ ลงตอ้ งทาวิธีใด
ข้ันสรุป
1) ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปเกี่ยวกบั ลกั ษณะของแรง โดยร่วมกนั เขียนเป็นแผนท่ี
ความคิดหรือผงั มโนทศั น์
2) ครูมอบหมายให้นักเรียนไปศึกษาค้นคว้าเนื้อหาของบทเรียนช่ัวโมงหน้า เพื่อจัดการ
เรียนรู้คร้ังต่อไป โดยให้นักเรียนศึกษาค้นคว้าล่วงหน้าในหัวข้อแรงดึงและแรงผลกั โดยใช้ใบงาน
สังเกตก่อนเรียน 14 ท่ีครูจัดเตรียมไว้ให้ประกอบการศึกษาค้นคว้า (ในสื่อการเรียนรู้ PowerPoint
วทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปี ท่ี 1 บริษทั สานกั พมิ พ์วฒั นาพานชิ จากดั )
3) ครูอธิบายข้ันตอนการปฏิบัติกิจกรรมและมอบหมายให้นักเรียนไปปฏิบัติกิจกรรม
ท่ีบ้าน พร้อมท้ังให้นักเรียนเตรียมประเด็นคาถามท่ีสงสัยมาอย่างน้อยคนละ 1 คาถาม เพื่อนามา
อภิปรายร่วมกนั ในช้ันเรียนคร้ังต่อไป
8. กจิ กรรมเสนอแนะ
นกั เรียนสงั เกตการออกแรงในชีวติ ประจาวนั วา่ มีผลต่อการเปล่ียนแปลงการเคล่ือนที่ของวตั ถุ
แบบใด โดยอาจสงั เกตจากหนงั สือพิมพก์ ีฬา หรือส่ือมลั ติมีเดียที่แสดงการเลน่ กีฬาชนิดต่าง ๆ
9. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
1. แบบทดสอบก่อนเรียน
2. ใบกิจกรรมท่ี 23 สงั เกตแรงทาใหว้ ตั ถเุ ปล่ียนแปลงการเคล่ือนที่
3. ใบงานสงั เกตก่อนเรียน 14
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 215
4. ค่มู ือการสอน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นาพานิช จากดั
5. สื่อการเรียนรู้ PowerPoint วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั
6. แบบฝึ กทกั ษะ รายวิชาพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั
7. หนงั สือเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั
10. บนั ทกึ หลงั การจัดการเรียนรู้
1. ความสาเร็จในการจดั การเรียนรู้ ………………………………………………………….…
แนวทางการพฒั นา …………………………………………………………………………
2. ปัญหา/อุปสรรคในการจดั การเรียนรู้ …………………………………………………….…
แนวทางแกไ้ ข …………………………………………………………………………..….
3. สิ่งท่ีไม่ไดป้ ฏิบตั ิตามแผน ………………………………………………………………..…
เหตุผล ………………………………………………………………………………...……
4. การปรับปรุงแผนการจดั การเรียนรู้ …………………………………………………………
ลงชื่อ .............................................. ผสู้ อน
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 216
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 31
แรงดงึ และแรงผลกั
สาระท่ี 4 แรงและการเคลอ่ื นท่ี เวลา 2 ช่ัวโมง
ช้ันประถมศึกษาปี ท่ี 1
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 6 แรง
1. สาระสาคญั
การดึงหรือผลกั วตั ถุจะตอ้ งออกแรง โดยแรงผลกั เป็นแรงที่ผลกั หรือดนั ใหว้ ตั ถุเคลื่อนท่ีไป
ขา้ งหนา้ ส่วนแรงดึงคือแรงท่ีดึงหรือลากใหว้ ตั ถุเคล่ือนท่ีเขา้ มาหาผดู้ ึง
2. ตวั ชี้วดั ช้ันปี
ทดลองหรืออธิบายการดึงหรือผลกั วตั ถุ (ว 4.1 ป. 1 / 1)
3. จุดประสงค์การเรียนรู้
1. บอกลกั ษณะของแรงดึงและแรงผลกั ได้ (K)
2. มีความสนใจใฝ่ รู้หรืออยากรู้อยากเห็น (A)
3. พอใจในประสบการณ์การเรียนรู้ท่ีเกี่ยวกบั วทิ ยาศาสตร์ (A)
4. ทางานร่วมกบั ผอู้ ื่นอยา่ งสร้างสรรค์ (A)
5. สื่อสารและนาความรู้เรื่องแรงดึงและแรงผลกั ไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ได้ (P)
4. การวดั และการประเมนิ ผลการเรียนรู้
ด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรม ด้านทักษะ/กระบวนการ (P)
และจติ วทิ ยาศาสตร์ (A)
1. ซกั ถามความรู้เรื่อง 1. ประเมินเจตคติทาง 1. ประเมินทกั ษะกระบวนการ
แรงดึงและแรงผลกั วทิ ยาศาสตร์เป็นรายบุคคล ทางวทิ ยาศาสตร์
2. ประเมินกิจกรรมฝึ ก 2. ประเมินเจตคติต่อ 2. ประเมินทกั ษะการคิด
ทกั ษะระหวา่ งเรียน วทิ ยาศาสตร์เป็นรายบุคคล 3. ประเมินทกั ษะการแกป้ ัญหา
4. ประเมินพฤติกรรมในการ
ปฏิบตั ิกิจกรรมเป็นรายบุคคล
หรือรายกลุม่
5. สาระการเรียนรู้
แรงดึงและแรงผลกั
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 217
6. แนวทางการบูรณาการ
ภาษาไทย สนทนา พดู คุยหรือเล่าประสบการณ์เก่ียวกบั การออกแรง
ดึงหรือผลกั วตั ถุในชีวิตประจาวนั
สุขศึกษาและพลศึกษา การออกแรงดึงหรือผลกั ส่ิงต่าง ๆ
ศิลปะ การแสดงบทบาทสมมติ
คณิตศาสตร์ การจาแนกประเภท
ภาษาต่างประเทศ ฟัง พดู อ่าน และเขียนคาศพั ทภ์ าษาต่างประเทศเก่ียวกบั
แรงดึงหรือผลกั ที่เรียนรู้หรือท่ีนกั เรียนสนใจ
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ช่ัวโมงท่ี 60
ข้ันนาเข้าสู่บทเรียน
1) ครูถามคาถามนกั เรียนเพื่อกระตุน้ ความสนใจ เช่น
– จากรูป ถา้ นกั เรียนอยใู่ นบา้ นแลว้ จะปิ ดประตูตอ้ งทาวิธีใด
ตัวอย่างประตบู ้าน
– เม่ือปิ ดประตู บานประตูเคล่ือนที่เขา้ หาหรือออกจากตวั นกั เรียน
2) นกั เรียนช่วยกนั อภิปรายและแสดงความคิดเห็นของคาตอบจากคาถามขา้ งตน้ เพื่อเช่ือมโยง
ไปสู่การเรียนรู้เรื่องแรงดึงและแรงผลกั
ข้นั จัดกจิ กรรมการเรียนรู้
จดั กิจกรรมการเรียนรู้โดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ร่วมกบั แบบกลบั ดา้ นช้นั เรียน ซ่ึง
มีข้นั ตอนดงั น้ี
1) ข้นั สร้างความสนใจ
(1) ครูให้นักเรียนนาใบงาน สังเกตก่อนเรียน 14 ท่คี รูมอบหมายให้ไปเรียนรู้ล่วงหน้าท่ีบ้าน
มาอภปิ รายร่วมกนั ในช้ันเรียน
(2) ครูตรวจสอบว่านักเรียนทากิจกรรมท่ีได้รับมอบหมายไปหรือไม่ โดยตรวจสอบจาก
การจดบนั ทึกของนักเรียน และถามคาถามเกย่ี วกบั กจิ กรรม ดงั นี้
– เราเรียกการกระทาท่ีทาให้วตั ถุเคลอื่ นที่เข้าหาตวั เราว่าอะไร (แนวคาตอบ การดงึ )
– เราเรียกการกระทาทีท่ าให้วตั ถุเคลอื่ นทอ่ี อกจากตวั เราว่าอะไร (แนวคาตอบ การผลกั )
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 218
(3) ครูเปิ ดโอกาสให้นักเรียนต้ังประเด็นคาถามท่ีนักเรียนสงสัยจากการทากิจกรรม
อย่างน้อยคนละ 1 คาถาม ซึ่งครูให้นักเรียนเตรียมมาล่วงหน้า และให้นักเรียนช่วยกันตอบและแสดง
ความคดิ เห็น
(4) ครูและนักเรียนร่วมกนั สรุปเกยี่ วกบั กจิ กรรม สังเกตก่อนเรียน 14 โดยครูช่วยอธิบาย
ให้นกั เรียนเข้าใจว่า แรงดึงทาให้วตั ถุเคลอื่ นทเ่ี ข้าหาตวั เรา แรงผลกั ทาให้วตั ถุเคลอ่ื นทอี่ อกจากตวั เรา
2) ข้นั สารวจค้นหา
(1) แบ่งนกั เรียนออกเป็นกลุ่มปฏิบตั ิกิจกรรม สังเกตแรงผลักหรือแรงดึง ตามข้นั ตอน ดงั น้ี
– นกั เรียนดูภาพแสดงการออกแรงแต่ละภาพ
– แบ่งกลุ่มภาพที่แสดงการออกแรงดึงและภาพที่แสดงการออกแรงผลกั
(2) ครูคอยแนะนาช่วยเหลือนกั เรียนขณะปฏิบตั ิกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบ ๆ หอ้ งเรียน
และเปิ ดโอกาสใหน้ กั เรียนทุกคนซกั ถามเมื่อมีปัญหา
ช่ัวโมงท่ี 61
3) ข้นั อธิบายและลงข้อสรุป
(1) นกั เรียนแต่ละกลุ่มนาเสนอผลจากการปฏิบตั ิกิจกรรม
(2) ครูและนกั เรียนร่วมกนั อภิปรายผลจากการปฏิบตั ิกิจกรรม โดยใชแ้ นวคาถาม
ต่อไปน้ี
– กล่องใส่ของเล่นวางนิ่งอยู่ ถา้ เราอยากใหก้ ลอ่ งเคล่ือนท่ีไปดา้ นหนา้ เราจะตอ้ งออก
แรงผลกั หรือแรงดึง (แนวคาตอบ แรงผลกั )
– การเปิ ดประตหู อ้ งเรียนออกไปเป็นแรงผลกั หรือแรงดึง (แนวคาตอบ แรงผลกั )
(3) ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปผลการปฏิบตั ิกิจกรรม โดยครูเนน้ ใหน้ กั เรียนเขา้ ใจวา่ แรง
ดึง คือ แรงที่ดึงหรือลากใหว้ ตั ถุเคล่ือนท่ีเขา้ มาหาเรา แรงผลกั คือ แรงที่ผลกั หรือดนั ใหว้ ตั ถุเคล่ือนที่
ออกจากตวั เรา
4) ข้นั ขยายความรู้
(1) นกั เรียนปฏิบตั ิกิจกรรมเสริมการเรียนรู้เร่ือง แรงผลกั หรือแรงดึงเอ่ย ตามข้นั ตอนดงั น้ี
– แบ่งนกั เรียนเป็น 4 กลมุ่
– ครูเตรียมบตั รคาหรือสลากที่ระบุการกระทากิจกรรมต่าง ๆไว้
– กลมุ่ ที่ 1 ส่งตวั แทนออกมาจบั สลากและแสดงท่าทางตามที่ระบุไวใ้ นสลาก ให้
สมาชิกคนอ่ืน ๆ ในกลุ่มช่วยกนั ดแู ละทายวา่ เป็นการทาอะไรและเป็นแรงผลกั หรือแรงดึง ภายในเวลา 1
นาที ถา้ ตอบถูกได้ 2 คะแนน ถกู คร่ึงเดียว ได้ 1 คะแนน ตอบผิดไม่มีคะแนน
– ใหก้ ลุ่มท่ี 2, 3 และ 4 ทาเช่นเดียวกนั ตามลาดบั วนไป 5 รอบ
– นกั เรียนทุกคนช่วยกนั รวมคะแนน กลุ่มท่ีไดค้ ะแนนมากท่ีสุดเป็นผชู้ นะ
– ครูคอยแนะนาช่วยเหลือนกั เรียนขณะปฏิบตั ิกิจกรรม โดยครูเดินดรู อบ ๆ หอ้ งเรียน
และเปิ ดโอกาสใหน้ กั เรียนทุกคนซกั ถามเม่ือมีปัญหา
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 219
(2) นกั เรียนคน้ ควา้ คาศพั ทภ์ าษาต่างประเทศเก่ียวกบั แรงผลกั และแรงดึงจากหนงั สือเรียน
ภาษาต่างประเทศหรืออินเทอร์เนต็ และนาเสนอใหเ้ พ่ือนในหอ้ งฟัง คดั คาศพั ทพ์ ร้อมท้งั คาแปลลงสมุด
ส่งครู
5) ข้นั ประเมิน
(1) ครูใหน้ กั เรียนแต่ละคนพิจารณาวา่ จากหวั ขอ้ ท่ีเรียนมาและการปฏิบตั ิกิจกรรม
มีจุดใดบา้ งท่ียงั ไม่เขา้ ใจหรือมีขอ้ สงสยั ถา้ มี ครูช่วยอธิบายเพิ่มเติมใหน้ กั เรียนเขา้ ใจ
(2) นกั เรียนร่วมกนั ประเมินการปฏิบตั ิกิจกรรมกลุ่มวา่ มีปัญหาหรืออุปสรรคอะไร
และไดแ้ กไ้ ขอยา่ งไรบา้ ง
(3) นกั เรียนและครูร่วมแสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั ประโยชนท์ ่ีไดร้ ับจากการปฏิบตั ิ
กิจกรรมและการนาความรู้ท่ีไดไ้ ปใชป้ ระโยชน์
(4) ครูทดสอบความเขา้ ใจของนกั เรียนโดยการใหต้ อบคาถาม เช่น
– แรงท่ีผลกั หรือดนั ใหว้ ตั ถุเคล่ือนที่ไปขา้ งหนา้ เรียกวา่ แรงอะไร
– แรงท่ีดึงหรือลากใหว้ ตั ถุเคลื่อนที่เขา้ มาหาเราเรียกวา่ แรงอะไร
– คุณแม่เปิ ดประตหู นา้ ต่างออกไปจะตอ้ งออกแรงอะไร
– นกั เรียนยกตวั อยา่ งการออกแรงดึงในชีวิตประจาวนั มา 3 ตวั อยา่ ง
– นกั เรียนยกตวั อยา่ งการออกแรงผลกั ในชีวิตประจาวนั มา 3 ตวั อยา่ ง
– นกั เรียนคิดวา่ การเรียนรู้เรื่องลกั ษณะของแรงมีประโยชนอ์ ะไรบา้ ง
– การเตะลกู บอลไปขา้ งหนา้ ตอ้ งออกแรงอะไร
– การรู้ลกั ษณะของแรงผลกั และแรงดึงมีประโยชนอ์ ยา่ งไร
ข้ันสรุป
1) ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปเกี่ยวกบั แรงดึงและแรงผลกั โดยร่วมกนั เขียนเป็นแผนท่ี
ความคิดหรือผงั มโนทศั น์
2) ครูมอบหมายให้นักเรียนไปศึกษาค้นคว้าเนือ้ หาของบทเรียนช่ัวโมงหน้า เพอื่ จดั การเรียนรู้
คร้ังต่อไป โดยให้นักเรียนศึกษาค้นคว้าล่วงหน้าในหัวข้อผลของแรง
3) ครูให้นักเรียนเตรียมประเดน็ คาถามท่ีสงสัยมาอย่างน้อยคนละ 1 คาถาม เพอื่ นามาอภปิ ราย
ร่วมกนั ในช้ันเรียนคร้ังต่อไป
8. กจิ กรรมเสนอแนะ
นกั เรียนสังเกตการออกแรงในชีวิตประจาวนั วา่ มีผลต่อการเปล่ียนแปลงการเคลื่อนท่ีของวตั ถุ
แบบใด หรือดจู ากสื่อมลั ติมีเดียท่ีแสดงการเลน่ กีฬาที่มีการออกแรงผลกั และแรงดึง
9. สื่อ/ แหล่ง การเรียนรู้
1. ใบงานสงั เกตก่อนเรียน 14
2. ใบกิจกรรมที่ 24 สงั เกตแรงผลกั และแรงดึง
3. กิจกรรมเสริมการเรียนรู้ท่ี 11 แรงผลกั หรือแรงดึงเอ่ย
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 220
4. คู่มือการสอน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นาพานิช จากดั
5. ส่ือการเรียนรู้ PowerPoint วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั
6. แบบฝึ กทกั ษะ รายวิชาพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั
7. หนงั สือเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั
10. บันทกึ หลงั การจัดการเรียนรู้
1. ความสาเร็จในการจดั การเรียนรู้ ………………………………………………………….…
แนวทางการพฒั นา …………………………………………………………………………
2. ปัญหา/อุปสรรคในการจดั การเรียนรู้ …………………………………………………….…
แนวทางแกไ้ ข …………………………………………………………………………..….
3. สิ่งท่ีไม่ไดป้ ฏิบตั ิตามแผน ………………………………………………………………..…
เหตุผล ………………………………………………………………………………...……
4. การปรับปรุงแผนการจดั การเรียนรู้ …………………………………………………………
ลงช่ือ .............................................. ผสู้ อน
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 221
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 32
ผลของแรง
สาระท่ี 4 แรงและการเคลอ่ื นที่ เวลา 2 ชั่วโมง
ช้ันประถมศึกษาปี ที่ 1
หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 แรง
1. สาระสาคัญ
นอกจากแรงจะทาใหว้ ตั ถุเปลี่ยนแปลงการเคล่ือนที่แลว้ ยงั สามารถทาใหว้ ตั ถุบางชนิด
เปลี่ยนแปลงรูปร่างได้
2. ตัวชี้วดั ช้ันปี
ทดลองและอธิบายการดึงหรือผลกั วตั ถุ (ว 4.1 ป. 1/1)
3. จุดประสงค์การเรียนรู้
1. บอกไดว้ า่ แรงสามารถทาใหว้ ตั ถบุ างชนิดเปล่ียนแปลงรูปร่างได้ (K)
2. มีความสนใจใฝ่ รู้หรืออยากรู้อยากเห็น (A)
3. พอใจในประสบการณ์การเรียนรู้ที่เก่ียวกบั วทิ ยาศาสตร์ (A)
4. ทางานร่วมกบั ผอู้ ื่นอยา่ งสร้างสรรค์ (A)
5. ส่ือสารและนาความรู้เร่ืองผลของแรงไปใชใ้ นชีวิตประจาวนั ได้ (P)
4. การวดั และการประเมินผลการเรียนรู้
ด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรม ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P)
และจติ วทิ ยาศาสตร์ (A)
1. ซกั ถามความรู้เรื่อง 1. ประเมินเจตคติทาง 1. ประเมินทกั ษะกระบวนการ
ผลของแรง วิทยาศาสตร์เป็ นรายบุคคล ทางวทิ ยาศาสตร์
2. ประเมินกิจกรรมฝึ ก 2. ประเมินเจตคติต่อ 2. ประเมินทกั ษะการคิด
ทกั ษะระหวา่ งเรียน วิทยาศาสตร์เป็นรายบุคคล 3. ประเมินทกั ษะการแกป้ ัญหา
4. ประเมินพฤติกรรมในการปฏิบตั ิ
กิจกรรมเป็ นรายบุคคลหรื อ
รายกลมุ่
5. สาระการเรียนรู้
ผลของแรง
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 222
6. แนวทางการบูรณาการ
ภาษาไทย สนทนาและพดู คุยเกี่ยวกบั แรงที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลง
รูปร่างของวตั ถุ
สุขศึกษาและพลศึกษา ออกแรงดึง กด หรือบีบดินน้ามนั หรือวตั ถุชนิดต่าง ๆ
ภาษาต่างประเทศ ฟัง พดู อา่ น และเขียนคาศพั ทภ์ าษาต่างประเทศเก่ียวกบั
ผลของแรงท่ีเรียนรู้หรือท่ีนกั เรียนสนใจ
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ชั่วโมงที่ 62
ข้นั นาเข้าสู่บทเรียน
1) ครูถามคาถามนกั เรียน เพ่ือกระตุน้ ความสนใจ เช่น
– การป้ันดินน้ามนั เป็นรูปร่างต่าง ๆ ตอ้ งทาวิธีใด
2) นกั เรียนช่วยกนั อภิปรายและแสดงความคิดเห็นของคาตอบจากคาถามขา้ งตน้ เพื่อเชื่อมโยง
ไปสู่การเรียนรู้เรื่องผลของแรง
ข้นั จัดกจิ กรรมการเรียนรู้
จดั กิจกรรมการเรียนรู้โดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ร่วมกบั แบบกลบั ดา้ นช้นั เรียน ซ่ึง
มีข้นั ตอนดงั น้ี
1) ข้นั สร้างความสนใจ
(1) ครูแบ่งกล่มุ นักเรียนแล้วเปิ ดโอกาสให้นักเรียนในกล่มุ นาเสนอข้อมลู เกย่ี วกบั ผลของ
แรง ทคี่ รูมอบหมายให้ไปเรียนรู้ล่วงหน้าให้เพอื่ น ๆ ในกลุ่มฟัง จากน้นั ให้แต่ละกล่มุ ส่งตวั แทนมา
นาเสนอข้อมูลหน้าห้องเรียน
(2) ครูตรวจสอบว่านักเรียนทาภาระงานทีไ่ ด้รับมอบหมายไปหรือไม่ โดยตรวจสอบจาก
การจดบันทึกของนกั เรียน และถามคาถามเกยี่ วกบั ภาระงาน ดงั นี้
– แรงทาให้วตั ถุเปลย่ี นแปลงในลกั ษณะใด (แนวคาตอบ เคลื่อนที่และเปล่ียนแปลง
รูปร่ าง)
– วตั ถุใดเปลย่ี นแปลงรูปร่างเมอื่ ออกแรงต่อวตั ถุ (แนวคาตอบ ยางรัด ดนิ นา้ มัน และ
สปริง)
(3) ครูเปิ ดโอกาสให้นกั เรียนต้งั ประเดน็ คาถามที่นกั เรียนสงสัยจากการทาภาระงานอย่าง
น้อยคนละ 1 คาถาม ซึ่งครูให้นกั เรียนเตรียมมาล่วงหน้า และให้นักเรียนช่วยกนั ตอบและแสดงความ
คิดเห็น
(4) ครูและนักเรียนร่วมกนั สรุปเกยี่ วกบั ภาระงาน โดยครูช่วยอธิบายให้นกั เรียนเข้าใจว่า
แรงทาให้วตั ถุบางชนดิ เปลย่ี นแปลงรูปร่างได้
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 223
2) ข้นั สารวจและค้นหา
(1) แบ่งนกั เรียนออกเป็นกลุ่ม ปฏิบตั ิกิจกรรม สังเกตผลของแรงกับการเปล่ียนแปลงรูปร่าง
ของวัตถุ ตามข้นั ตอนดงั น้ี
– สงั เกตวา่ เมื่อออกแรงดึง กด หรือบีบ กอ้ นดินน้ามนั จะมีลกั ษณะใด
– บอกสาเหตุที่ทาใหก้ อ้ นดินน้ามนั เปลี่ยนแปลงรูปร่าง
(2) ครูคอยแนะนาช่วยเหลือนกั เรียนขณะปฏิบตั ิกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบ ๆ หอ้ งเรียน
และเปิ ดโอกาสใหน้ กั เรียนทุกคนซกั ถามเม่ือมีปัญหา
ช่ัวโมงท่ี 63
3) ข้ันอธิบายและลงข้อสรุป
(1) นกั เรียนแต่ละกลุ่มนาเสนอผลจากการปฏิบตั ิกิจกรรม
(2) ครูและนกั เรียนร่วมกนั อภิปรายผลจากการปฏิบตั ิกิจกรรมโดยใช้แนวคาถาม
ต่อไปน้ี
– เม่ือออกแรงดึงกอ้ นดินน้ามนั ออกไป 2 ขา้ ง ดินน้ามนั มีการเปล่ียนแปลงแบบใด
(แนวคาตอบ ก้อนดินนา้ มันยืดออกยาวขึน้ )
– เม่ือวางแท่งไมไ้ ว้ 2 ขา้ งของกอ้ นดินน้ามนั แลว้ ออกแรงบีบแท่งไมเ้ ขา้ หากนั กอ้ นดิน-
น้ามนั มีการเปลี่ยนแปลงลกั ษณะใด (แนวคาตอบ ก้อนดินนา้ มนั จะลีบลงและยาวขึน้ )
(3) ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปผลการปฏิบตั ิกิจกรรม โดยครูเนน้ ใหน้ กั เรียนเขา้ ใจวา่ แรง
สามารถทาใหว้ ตั ถบุ างชนิดเปลี่ยนแปลงรูปร่างได้
4) ข้นั ขยายความรู้
(1) ครูใหน้ กั เรียนลองยกตวั อย่างการออกแรงกระทาต่อวตั ถุแลว้ ทาใหว้ ตั ถุเปลี่ยนแปลง
รูปร่าง
(2) นกั เรียนคน้ ควา้ คาศพั ทภ์ าษาต่างประเทศเก่ียวกบั ผลของแรงจากหนงั สือ
ภาษาต่างประเทศหรืออินเทอร์เน็ต และนาเสนอใหเ้ พื่อนในหอ้ งฟัง คดั คาศพั ทพ์ ร้อมท้งั คาแปลลงสมุด
ส่งครู
5) ข้นั ประเมิน
(1) ครูใหน้ กั เรียนแต่ละคนพิจารณาวา่ จากหวั ขอ้ ที่เรียนมาและการปฏิบตั ิกิจกรรม
มีจุดใดบา้ งท่ียงั ไมเ่ ขา้ ใจหรือมีขอ้ สงสยั ถา้ มีครูช่วยอธิบายเพ่ิมเติมใหน้ กั เรียนเขา้ ใจ
(2) นกั เรียนร่วมกนั ประเมินการปฏิบตั ิกิจกรรมกลุม่ วา่ มีปัญหาหรืออปุ สรรคอะไร
และไดแ้ กไ้ ขอยา่ งไรบา้ ง
(3) นกั เรียนและครูร่วมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั ประโยชนท์ ่ีไดร้ ับจากการปฏิบตั ิ
กิจกรรมและการนาความรู้ท่ีไดไ้ ปใชป้ ระโยชน์
(4) ครูทดสอบความเขา้ ใจของนกั เรียนโดย การใหต้ อบคาถาม เช่น
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 224
– นกั เรียนคิดวา่ การเรียนรู้เร่ืองผลของแรงมีประโยชนอ์ ะไรบา้ ง
– ถา้ ตอ้ งการทาใหด้ ินน้ามนั แบนลงตอ้ งออกแรงใด
– ถา้ ตอ้ งการมดั ยางรัดที่ปากถุงตอ้ งออกแรงใด
ข้ันสรุป
1) ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปเกี่ยวกบั ผลของแรง โดยร่วมกนั เขียนเป็นแผนท่ีความคิดหรือผงั
มโนทศั น์
2) ครูมอบหมายให้นกั เรียนไปศึกษาค้นคว้าเนือ้ หาของบทเรียนช่ัวโมงหน้า เพอื่ จดั การเรียนรู้
คร้ังต่อไป โดยให้นกั เรียนศึกษาค้นคว้าล่วงหน้าในหัวข้อแรงทาให้วตั ถุบางชนิดเปลย่ี นแปลงรูปร่าง
3) ครูให้นกั เรียนเตรียมประเดน็ คาถามที่สงสัยมาอย่างน้อยคนละ 1 คาถาม เพอ่ื นามาอภปิ ราย
ร่วมกนั ในช้ันเรียนคร้ังต่อไป
8. กจิ กรรมเสนอแนะ
นกั เรียนสงั เกตการออกแรงในชีวติ ประจาวนั วา่ มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงรูปร่างของวตั ถุ
หรือไม่ลกั ษณะใด แลว้ นามาแลกเปล่ียนความรู้กบั เพ่ือนในหอ้ งเรียน
9. ส่ือ/ แหล่ง การเรียนรู้
1.ใบกิจกรรมท่ี 25 สงั เกตผลของแรงกบั การเปล่ียนแปลงรูปร่างของวตั ถุ
2. ค่มู ือการสอน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นาพานิช จากดั
3. สื่อการเรียนรู้ PowerPoint วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั
4. แบบฝึ กทกั ษะ รายวิชาพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั
5. หนงั สือเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั
10. บันทกึ หลงั การจัดการเรียนรู้
1. ความสาเร็จในการจดั การเรียนรู้ ………………………………………………………….…
แนวทางการพฒั นา …………………………………………………………………………
2. ปัญหา/อปุ สรรคในการจดั การเรียนรู้ …………………………………………………….…
แนวทางแกไ้ ข …………………………………………………………………………..….
3. ส่ิงที่ไมไ่ ดป้ ฏิบตั ิตามแผน ………………………………………………………………..…
เหตุผล ………………………………………………………………………………...……
4. การปรับปรุงแผนการจดั การเรียนรู้ …………………………………………………………
ลงช่ือ .............................................. ผสู้ อน
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 225
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 33
แรงทาให้วตั ถุบางชนิดเปลย่ี นแปลงรูปร่าง
สาระที่ 4 แรงและการเคลอ่ื นที่ เวลา 2 ชั่วโมง
ช้ันประถมศึกษาปี ท่ี 1
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 6 แรง
1. สาระสาคัญ
เม่ือออกแรงกระทาต่อวตั ถุบางชนิดจะเปลี่ยนแปลงรูปร่าง แต่เมื่อออกแรงกระทาต่อวตั ถบุ าง
ชนิดจะไม่เปลี่ยนแปลงรูปร่าง
2. ตวั ชี้วดั ช้ันปี
ทดลองและอธิบายการดึงหรือผลกั วตั ถุ (ว 4.1 ป. 1 / 1)
3. จุดประสงค์การเรียนรู้
1. อธิบายและยกตวั อยา่ งไดว้ า่ แรงทาใหว้ ตั ถุบางชนิดเปล่ียนแปลงรูปร่างได้ (K)
2. มีความสนใจใฝ่ รู้หรืออยากรู้อยากเห็น (A)
3. พอใจในประสบการณ์การเรียนรู้ที่เก่ียวกบั วิทยาศาสตร์ (A)
4. ทางานร่วมกบั ผอู้ ่ืนอยา่ งสร้างสรรค์ (A)
5. สื่อสารและนาความรู้เรื่องแรงทาใหว้ ตั ถุบางชนิดเปลี่ยนแปลงรูปร่างไปใชใ้ น
ชีวิตประจาวนั ได้ (P)
4. การวดั และการประเมนิ ผลการเรียนรู้
ด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรม ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P)
และจติ วทิ ยาศาสตร์ (A)
1. ซกั ถามความรู้เรื่อง 1. ประเมินเจตคติทาง 1. ประเมินทกั ษะกระบวนการ
แรงทาใหว้ ตั ถบุ าง วิทยาศาสตร์เป็ นรายบุคคล ทางวทิ ยาศาสตร์
ชนิดเปลี่ยนแปลง 2. ประเมินเจตคติต่อ 2. ประเมินทกั ษะการคิด
รูปร่าง วิทยาศาสตร์เป็นรายบุคคล 3. ประเมินทกั ษะการแกป้ ัญหา
2. ประเมินกิจกรรมฝึ ก 4. ประเมินพฤติกรรมในการปฏิบตั ิ
ทกั ษะระหวา่ งเรียน กิจกรรมเป็ นรายบุคคลหรื อราย
3.ทดสอบหลงั เรียน กลมุ่
5.สาระการเรียนรู้
แรงทาใหว้ ตั ถุบางชนิดเปล่ียนแปลงรูปร่าง
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 226
6. แนวทางการบูรณาการ
ภาษาไทย สนทนาและพดู คุยเก่ียวกบั แรงที่ทาใหว้ ตั ถุบางชนิด
เปลี่ยนแปลงรูปร่าง
สุขศึกษาและพลศึกษา ออกแรงบีบ ดึง หรืองอวตั ถุชนิดต่าง ๆ
สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม ประดษิ ฐ์ของเล่นจากดินนา้ มันได้ด้วยตนเองเพอ่ื
เช่ือมโยงไปถึงหลกั เศรษฐกจิ พอเพยี ง
ภาษาต่างประเทศ ฟัง พดู อา่ น และเขียนคาศพั ทภ์ าษาต่างประเทศเกี่ยวกบั
แรงที่ทาใหว้ ตั ถุบางชนิดเปล่ียนแปลงรูปร่างท่ีเรียนรู้หรือ
นกั เรียนสนใจ
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ชั่วโมงที่ 64
ข้นั นาเข้าสู่บทเรียน
1) ครูถามคาถามนกั เรียนเพ่ือกระตุน้ ความสนใจ เช่น
– เคร่ืองป้ันดินเผาแต่ละอนั มีรูปร่างแตกต่างกนั เพราะอะไร
2) นกั เรียนช่วยกนั อภิปรายและแสดงความคิดเห็นของคาตอบจากคาถามขา้ งตน้ เพ่ือ
เชื่อมโยงไปสู่การเรียนรู้เร่ืองแรงทาใหว้ ตั ถุบางชนิดเปลี่ยนแปลงรูปร่าง
ข้ันจัดกจิ กรรมการเรียนรู้
จดั กิจกรรมการเรียนรู้โดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ร่วมกบั แบบกลบั ดา้ นช้นั เรียน ซ่ึง
มีข้นั ตอนดงั น้ี
1) ข้นั สร้างความสนใจ
(1) ครูแบ่งกลุ่มนักเรียนแล้วเปิ ดโอกาสให้นักเรียนในกลุ่มนาเสนอข้อมูลเกี่ยวกบั แรงทาให้
วตั ถุบางชนดิ เปลยี่ นแปลงรูปร่าง ที่ครูมอบหมายให้ไปเรียนรู้ล่วงหน้าให้เพ่ือน ๆ ในกลุ่มฟัง จากน้ันให้
แต่ละกลุ่มส่งตวั แทนมานาเสนอข้อมูลหน้าห้องเรียน
(2) ครูตรวจสอบว่านักเรียนทาภาระงานที่ได้รับมอบหมายไปหรือไม่ โดยตรวจสอบจาก
การจดบันทกึ ของนกั เรียน และถามคาถามเกยี่ วกบั ภาระงาน ดงั นี้
– แรงทาให้วตั ถุใดเปล่ียนแปลงรูปร่างได้บ้าง (แนวคาตอบ ดินเหนียว ดนิ น้ามัน และ
ยางรัด)
– วตั ถุที่มรี ูปร่างคงทนทาจากวสั ดใุ ด (แนวคาตอบ ไม้ แก้ว และโลหะ)
(3) ครูเปิ ดโอกาสให้นักเรียนต้ังประเด็นคาถามท่ีนักเรียนสงสัยจากการทาภาระงานอย่าง
น้อยคนละ 1 คาถาม ซึ่งครูให้นักเรียนเตรียมมาล่วงหน้า และให้นักเรียนช่วยกันตอบและแสดงความ
คิดเห็น
(4) ครูและนักเรียนร่วมกนั สรุปเกยี่ วกบั ภาระงาน โดยครูช่วยอธิบายให้นกั เรียนเข้าใจว่า
แรงทาให้วตั ถุบางชนิดเปลยี่ นแปลงรูปร่าง แต่วตั ถุบางชนิดไม่เปลยี่ นแปลงรูปร่าง
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 227
2) ข้นั สารวจและค้นหา
(1) แบ่งนกั เรียนออกเป็นกลุ่มปฏิบตั ิกิจกรรม แรงทาให้วัตถบุ างชนิดเปล่ียนแปลงรูปร่าง
ตามข้นั ตอนดงั น้ี
– นกั เรียนออกแรงกระทาต่อวตั ถุท่ีเตรียมมา ดูสิ่งที่เกิดข้ึนขณะออกแรง
– บอกลกั ษณะของวตั ถุท่ีเปล่ียนแปลง
(2) ครูคอยแนะนาช่วยเหลือนกั เรียนขณะปฏิบตั ิกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบ ๆ หอ้ งเรียน
และเปิ ดโอกาสใหน้ กั เรียนทุกคนซกั ถามเม่ือมีปัญหา
ชั่วโมงท่ี 65
3) ข้นั อธิบายและลงข้อสรุป
(1) นกั เรียนแต่ละกลุ่มนาเสนอผลจากการปฏิบตั ิกิจกรรม
(2) ครูและนกั เรียนร่วมกนั อภิปรายผลจากการปฏิบตั ิกิจกรรมโดยใชแ้ นวคาถามต่อไปน้ี
– เม่ือออกแรงกระทาต่อวตั ถแุ ลว้ วตั ถุชนิดใดเปลี่ยนแปลงรูปร่าง (แนวคาตอบ ฟองนา้
สปริง ไม้บรรทัดพลาสติก และยางรัด)
– เมื่อเราออกแรงกระทาต่อแท่งไมห้ รือหินจะมีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างหรือไม่ ลกั ษณะ
ใด (แนวคาตอบ ไม่เปล่ียนแปลงรูปร่าง มีลกั ษณะเหมือนเดิม)
(3) ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปผลการปฏิบตั ิกิจกรรม โดยครูเนน้ ใหน้ กั เรียนเขา้ ใจวา่ เมื่อ
ออกแรงกระทาต่อวตั ถุบางชนิดจะเปล่ียนแปลงรูปร่าง แต่เม่ือออกแรงกระทาต่อวตั ถุบางชนิดจะไม่
เปลี่ยนแปลงรูปร่าง
4) ข้ันขยายความรู้
(1) ครูใหน้ กั เรียนสนทนาและเล่าประสบการณ์ในการออกแรงกระทาต่อวตั ถชุ นิดต่าง ๆ
ในชีวิตประจาวนั วา่ เม่ือออกแรงกระทาต่อวตั ถุแลว้ วตั ถุชนิดใดเปลี่ยนแปลงรูปร่าง และชนิดใดไม่
เปลี่ยนแปลงรูปร่าง
(2) ครูเชื่อมโยงความรู้เข้ากบั หลกั เศรษฐกจิ พอเพยี ง เพอ่ื ให้นักเรียนรู้จกั ใช้จ่ายอย่าง
ประหยดั โดยให้นกั เรียนทาของเล่นด้วยตนเอง ด้วยการนาดนิ นา้ มันมาป้ันเป็ นของเล่นรูปทรงต่าง ๆ
เช่น สัตว์ ของกนิ หรือของใช้ ครูให้ความรู้กบั นักเรียนว่า เมอื่ ออกแรงต่อดนิ นา้ มนั ดินนา้ มนั สามารถ
เปลย่ี นเป็ นรูปร่างต่าง ๆ ตามทเ่ี ราต้องการได้ การนาดนิ นา้ มันมาทาเป็ นของเล่นทาให้นกั เรียนสามารถ
ประหยดั ค่าของเล่นได้และเป็ นของเล่นท่ีไม่ก่อให้เกดิ อนั ตรายต่อนักเรียน นอกจากนกี้ ารใช้ดินนา้ มนั
ป้ันเป็ นรูปต่าง ๆ ยงั สามารถเสริมสร้างจนิ ตนาการของนกั เรียนได้
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 228
ตัวอย่างของเล่นที่ปั้นจากดินนา้ มนั
(3) นกั เรียนคน้ ควา้ คาศพั ทภ์ าษาต่างประเทศเกี่ยวกบั แรงที่ทาใหว้ ตั ถุบางชนิด
เปลี่ยนแปลงรูปร่างจากหนงั สือเรียนภาษาต่างประเทศหรืออินเทอร์เนต็ และนาเสนอใหเ้ พ่ือนในหอ้ ง
ฟัง คดั คาศพั ทพ์ ร้อมท้งั คาแปลลงสมดุ ส่งครู
5) ข้นั ประเมิน
(1) ครูใหน้ กั เรียนแต่ละคนพิจารณาวา่ จากหวั ขอ้ ที่เรียนมาและการปฏิบตั ิกิจกรรม
มีจุดใดบา้ งท่ียงั ไมเ่ ขา้ ใจหรือมีขอ้ สงสยั ถา้ มี ครูช่วยอธิบายเพิ่มเติมใหน้ กั เรียนเขา้ ใจ
(2) นกั เรียนร่วมกนั ประเมินการปฏิบตั ิกิจกรรมกลุ่มวา่ มีปัญหาหรืออุปสรรคอะไร
และไดแ้ กไ้ ขอยา่ งไรบา้ ง
(3) นกั เรียนและครูร่วมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั ประโยชนท์ ่ีไดร้ ับจากการปฏิบตั ิ
กิจกรรมและการนาความรู้ท่ีไดไ้ ปใชป้ ระโยชน์
(4) ครูทดสอบความเขา้ ใจของนกั เรียนโดยการใหต้ อบคาถาม เช่น
– นกั เรียนคิดวา่ การเรียนรู้เรื่องแรงทาใหว้ ตั ถุบางชนิดเปลี่ยนแปลงรูปร่างมี
ประโยชนอ์ ะไรบา้ ง
– วตั ถทุ ี่ไมเ่ ปล่ียนแปลงรูปร่างจะมีลกั ษณะใด
– วตั ถุท่ีเปล่ียนแปลงรูปร่างจะมีลกั ษณะใด
ข้ันสรุป
1) ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปเก่ียวกบั แรงทาใหว้ ตั ถุบางชนิดเปลี่ยนแปลงรูปร่าง โดย
ร่วมกนั เขียนเป็นแผนที่ความคิดหรือผงั มโนทศั น์
2) ครูดาเนินการทดสอบหลงั เรียน โดยใหน้ กั เรียนทาแบบทดสอบหลงั เรียนเพ่ือวดั ความ
กา้ วหนา้ /ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 ของนกั เรียน
3) ครูเช่ือมโยงเนือ้ หาจากบทเรียนนีก้ บั บทเรียนชั่วโมงหน้า เพอ่ื ให้นกั เรียนเตรียมความ
พร้อมในการเรียนชั่วโมงต่อไป โดยการใช้คาถามกระต้นุ ดงั นี้
– ถ้านักเรียนต้องการขุดดนิ นักเรียนจะออกแรงใด และดนิ แต่ละบริเวณใช้แรงขดุ
เหมอื นกนั หรือไม่ (แนวคาตอบ ออกแรงผลกั เพอื่ ให้ช้อนปลกู ปักลงไปในดนิ และดินแต่ละบริเวณใช้
แรงขดุ ไม่เหมือนกนั )
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 229
4) ครูมอบหมายให้นกั เรียนไปศึกษาค้นคว้าเนอื้ หาของบทเรียนช่ัวโมงหน้า เพอื่ จดั การ
เรียนรู้คร้ังต่อไป โดยให้นกั เรียนศึกษาค้นคว้าล่วงหน้าในหัวข้อส่ิงต่าง ๆ ที่รวมเป็ นดนิ
5) ครูให้นักเรียนเตรียมประเดน็ คาถามท่ีสงสัยมาอย่างน้อยคนละ 1 คาถาม เพอ่ื นามา
อภปิ รายร่วมกนั ในช้ันเรียนคร้ังต่อไป
8. กจิ กรรมเสนอแนะ
นกั เรียนสังเกตการออกแรงในชีวติ ประจาวนั วา่ วตั ถุชนิดใดเปลี่ยนแปลงรูปร่าง และวตั ถุ
ชนิดใดไม่เปล่ียนแปลงรูปร่าง แลว้ นามาแลกเปลี่ยนความรู้กบั เพื่อนในหอ้ งเรียน
9. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
1. ใบกิจกรรมที่ 26 สงั เกตแรงทาใหว้ ตั ถบุ างชนิดเปลี่ยนแปลงรูปร่าง
2. แบบทดสอบหลงั เรียน
3. คู่มือการสอน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นาพานิช จากดั
4. สื่อการเรียนรู้ PowerPoint วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั
5. แบบฝึ กทกั ษะ รายวิชาพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั
6. หนงั สือเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั
10. บนั ทกึ หลงั การจัดการเรียนรู้
1. ความสาเร็จในการจดั การเรียนรู้ ………………………………………………………….…
แนวทางการพฒั นา …………………………………………………………………………
2. ปัญหา/อปุ สรรคในการจดั การเรียนรู้ …………………………………………………….…
แนวทางแกไ้ ข …………………………………………………………………………..….
3. ส่ิงที่ไมไ่ ดป้ ฏิบตั ิตามแผน ………………………………………………………………..…
เหตุผล ………………………………………………………………………………...……
4. การปรับปรุงแผนการจดั การเรียนรู้ …………………………………………………………
ลงช่ือ .............................................. ผสู้ อน
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 230
หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 สารวจพนื้ ดนิ เวลา 8 ชั่วโมง
ผงั มโนทศั น์เป้ าหมายการจัดการเรียนรู้และขอบข่ายภาระงาน
ความรู้ ทักษะ/กระบวนการ
1. ส่วนประกอบของดิน 1. การสงั เกต
2. สมบตั ิทางกายภาพของดิน 2. การจาแนก
3. ประโยชนข์ องดิน 3. การสารวจ
4. การนาความรู้ไปใชใ้ น
ชีวิตประจาวนั
สารวจพนื้ ดนิ
ภาระงาน/ชิ้นงาน คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
1. สารวจและทดสอบส่วนประกอบ 1. มีเจตคติทางวทิ ยาศาสตร์
2. มีเจตคติต่อวทิ ยาศาสตร์
ต่าง ๆ ของดิน 3. เห็นคุณค่าของการนาความรู้
2. สงั เกตสมบตั ิทางกายภาพของดิน ไปใชป้ ระโยชนใ์ นชีวิตประจาวนั
4. ใฝ่ เรียนรู้
ในทอ้ งถิ่น 5. มุ่งมนั่ ในการทางาน
3. สงั เกตและทดสอบสมบตั ิทาง
กายภาพของดินร่วน ดินทราย และ
ดินเหนียว
4. สงั เกตการใชป้ ระโยชนข์ องดิน
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 231
ผงั การออกแบบการจดั การเรียนรู้แบบ Backward Design
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 7 สารวจพนื้ ดนิ
ข้นั ท่ี 1 ผลลพั ธ์ปลายทางทีต่ ้องการให้เกดิ ขนึ้ กบั นกั เรียน
ตวั ชี้วดั ช้ันปี
สารวจ ทดลอง และอธิบายองคป์ ระกอบและสมบตั ิทางกายภาพของดินในทอ้ งถ่ิน (ว 6.1 ป. 1/1)
ความเข้าใจที่คงทนของนกั เรียน คาถามสาคญั ทที่ าให้เกดิ ความเข้าใจท่ีคงทน
นักเรียนจะเข้าใจว่า... 1. ส่วนประกอบของดินมีอะไรบา้ ง
1. ส่วนประกอบของดิน ไดแ้ ก่ เศษเลก็ ๆ ของ 2. ดินในแต่ละทอ้ งถ่ินมีสมบตั ิทางกายภาพ
เหมือนกนั หรือไม่ ลกั ษณะใด
หิน ซากพืชและซากสตั ว์ และน้ากบั อากาศที่ 3. ดินแบ่งออกเป็นก่ีประเภทอะไรบา้ ง
แทรกอยใู่ นช่องวา่ งระหวา่ งเมด็ ดิน 4. การแบ่งประเภทของดินพิจารณาจากอะไร
2. ดินในแต่ละทอ้ งถิ่นมีสมบตั ิทางกายภาพ 5. ดินมีประโยชนต์ ่อมนุษยแ์ ละส่ิงมีชีวติ ในดา้ น
แตกต่างกนั เช่น สีดิน เน้ือดิน การอมุ้ น้า และ
การจบั ตวั ของเมด็ ดินต่างกนั
3. ดินแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ ดินร่วน ดิน ใดบา้ ง
ทราย และดินเหนียว ดินแต่ละประเภทมีสมบตั ิ
ทางกายภาพต่างกนั
4. ดินมีประโยชนต์ ่อมนุษยแ์ ละสิ่งมีชีวติ ต่าง ๆ
มากมาย เช่น เป็นท่ีอยอู่ าศยั ของสตั ว์
ใชเ้ พาะปลกู พืช ใชท้ าเป็นของเลน่ และของใช้
ความรู้ของนักเรียนทน่ี าไปสู่ความเข้าใจที่ ทักษะ/ความสามารถของนักเรียนทน่ี าไปสู่ความ
คงทน นกั เรียนจะรู้ว่า... เข้าใจท่คี งทน นกั เรียนจะสามารถ...
1. คาสาคญั ไดแ้ ก่ ดิน ซากพืช ซากสตั ว์ ฮิวมสั 1. สารวจและทดสอบส่วนประกอบต่าง ๆ ของดิน
2. สิ่งต่าง ๆ ที่รวมกนั เป็นดิน ไดแ้ ก่ เศษเลก็ ๆ 2. สงั เกตสมบตั ิทางกายภาพของดินในทอ้ งถิ่น
ของหิน ซากพืช ซากสตั ว์ น้า และอากาศ 3. สงั เกตและทดสอบสมบตั ิทางกายภาพของดินร่วน
3. ดินในแต่ละทอ้ งถ่ินจะมีสมบตั ิทางกายภาพ
ต่างกนั ดินทราย และดินเหนียว
4. เม่ือพิจารณาจากสมบตั ิทางกายภาพของดิน 4. สงั เกตการใชป้ ระโยชนข์ องดิน
เช่น สีดิน เน้ือดิน การอมุ้ น้า และการจบั ตวั
คือ ดินร่วน ดินทราย และดินเหนียว ดินแต่ละ
ประเภทมีสมบตั ิทางกายภาพต่างกนั
5. ดินแต่ละประเภทมีสมบตั ิทางกายภาพ
ต่างกนั เราจึงสามารถนาดินไปใชป้ ระโยชน์
ไดต้ ่างกนั
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 232
ข้ันที่ 2 ภาระงานและการประเมนิ ผลการเรียนรู้ ซ่ึงเป็ นหลกั ฐานทีแ่ สดงว่านักเรียนมผี ลการเรียนรู้ตามที่
กาหนดไว้อย่างแท้จริง
1. ภาระงานที่นกั เรียนต้องปฏิบตั ิ
– สารวจและทดสอบส่วนประกอบต่าง ๆ ของดิน
– สงั เกตสมบตั ิทางกายภาพของดินในทอ้ งถ่ิน
– สงั เกตและทดสอบสมบตั ิทางกายภาพของดินร่วน ดินทราย และดินเหนียว
– สงั เกตการใชป้ ระโยชนข์ องดิน
2. วธิ ีการและเครื่องมอื ประเมนิ ผลการเรียนรู้
วธิ ีการประเมนิ ผลการเรียนรู้ เคร่ืองมอื ประเมนิ ผลการเรียนรู้
– การทดสอบ – แบบทดสอบก่อนเรียนและหลงั เรียน
– การสนทนาซกั ถาม – แบบบนั ทึกการสนทนา
– การวดั เจตคติ – แบบวดั เจตคติทางวิทยาศาสตร์และเจตคติต่อ
วทิ ยาศาสตร์
– การวดั ทกั ษะ – แบบวดั ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
– การประเมินตนเอง – แบบประเมินตนเองของนกั เรียน
3. สิ่งที่มุ่งประเมนิ
– ความสามารถในการอธิบาย ช้ีแจง การแปลความและตีความ การประยกุ ต์ ดดั แปลง และนาไปใช้
การมีมุมมองท่ีหลากหลาย การใหค้ วามสาคญั และใส่ใจในความรู้สึกของผอู้ ื่น และการรู้จกั ตนเอง
– เจตคติทางวิทยาศาสตร์และเจตคติต่อวิทยาศาสตร์เป็นรายบุคคล
– ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
– พฤติกรรมการปฏิบตั ิกิจกรรมเป็นรายบุคคลหรือรายกลมุ่
ข้ันท่ี 3 แผนการจดั การเรียนรู้
– แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 34 ส่วนประกอบของดิน 2 ชวั่ โมง
– แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 35 น้าในดิน 1 ชวั่ โมง
– แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 36 อากาศในดิน 1 ชว่ั โมง
– แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 37 สมบตั ิทางกายภาพของดิน 2 ชว่ั โมง
– แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 38 ประโยชนข์ องดิน 2 ชวั่ โมง
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 233
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 34
ส่ วนประกอบของดนิ
สาระที่ 6 กระบวนการเปลี่ยนแปลงของโลก เวลา 2 ช่ัวโมง
ช้ันประถมศึกษาปี ท่ี 1
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 7 สารวจพนื้ ดิน
1. สาระสาคัญ
ส่วนประกอบของดิน ไดแ้ ก่ เศษเลก็ ๆ ของหิน ซากพืช ซากสตั ว์ น้า และอากาศ
2. ตวั ชี้วดั ช้ันปี
สารวจ ทดลอง และอธิบายองคป์ ระกอบและสมบตั ิทางกายภาพของดินในทอ้ งถิ่น
(ว 6.1 ป. 1/1)
3. จุดประสงค์การเรียนรู้
1. บอกส่วนประกอบของดินได้ (K)
2. มีความสนใจใฝ่ รู้หรืออยากรู้อยากเห็น (A)
3. พอใจในประสบการณ์การเรียนรู้ที่เก่ียวกบั วทิ ยาศาสตร์ (A)
4. ทางานร่วมกบั ผอู้ ื่นอยา่ งสร้างสรรค์ (A)
5. สื่อสารและนาความรู้เรื่องส่วนประกอบของดินไปใชใ้ นชีวิตประจาวนั ได้ (P)
4. การวดั และการประเมนิ ผลการเรียนรู้
ด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรม ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P)
และจติ วทิ ยาศาสตร์ (A)
1. ซกั ถามความรู้เร่ือง 1. ประเมินเจตคติทาง 1. ประเมินทกั ษะกระบวนการ
ส่วนประกอบของดิน วทิ ยาศาสตร์เป็นรายบุคคล ทางวิทยาศาสตร์
2. ประเมินกิจกรรมฝึ ก 2. ประเมินเจตคติต่อ 2. ประเมินทกั ษะการคิด
ทกั ษะระหวา่ งเรียน วิทยาศาสตร์เป็นรายบุคคล 3. ประเมินทกั ษะการแกป้ ัญหา
3. ทดสอบก่อนเรียน 4. ประเมินพฤติกรรมในการ
ปฏิบตั ิกิจกรรมเป็นรายบุคคล
หรือรายกลมุ่
5. สาระการเรียนรู้
ส่วนประกอบของดิน
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 234
6. แนวทางการบูรณาการ
ภาษาไทย สนทนาเกี่ยวกบั ดินตามประสบการณ์
ภาษาต่างประเทศ ฟัง พดู อา่ น และเขียนคาศพั ทภ์ าษาต่างประเทศเก่ียวกบั
ดินท่ีนกั เรียนเรียนรู้หรือที่นกั เรียนสนใจ
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ช่ัวโมงที่ 66
ครูดาเนินการทดสอบก่อนเรียนโดยใหน้ กั เรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน เพื่อตรวจสอบความ
พร้อมและพ้ืนฐานของนกั เรียน
ข้นั นาเข้าสู่บทเรียน
1) ครูถามคาถามนกั เรียนเพื่อกระตุน้ ความสนใจ เช่น
– นกั เรียนเคยนาดินมาใชป้ ระโยชนอ์ ะไรบา้ ง
2) นกั เรียนช่วยกนั อภิปรายและแสดงความคิดเห็นของคาตอบจากคาถามขา้ งตน้ เพื่อเชื่อมโยง
ไปสู่การเรียนรู้เร่ืองสิ่งต่าง ๆ ที่รวมเป็นดิน
ข้ันจัดกจิ กรรมการเรียนรู้
จดั กิจกรรมการเรียนรู้โดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ร่วมกบั แบบกลบั ดา้ นช้นั เรียน ซ่ึง
มีข้นั ตอนดงั น้ี
1) ข้นั สร้างความสนใจ
(1) ครูแบ่งกลุ่มนักเรียนแล้วเปิ ดโอกาสให้นักเรียนในกลุ่มนาเสนอข้อมูลเก่ียวกบั สิ่งต่าง ๆ
ที่รวมเป็ นดิน ที่ครูมอบหมายให้ไปเรียนรู้ล่วงหน้าให้เพ่ือน ๆ ในกลุ่มฟัง จากน้ันให้แต่ละกลุ่มส่ ง
ตวั แทนมานาเสนอข้อมลู หน้าห้องเรียน
(2) ครูตรวจสอบว่านักเรียนทาภาระงานที่ได้รับมอบหมายไปหรือไม่ โดยตรวจสอบจาก
การจดบนั ทึกของนักเรียน และถามคาถามเกย่ี วกบั ภาระงาน ดงั นี้
– ดนิ มสี ่วนประกอบอะไรบ้าง (แนวคาตอบ เศษหิน ซากพชื ซากสัตว์ นา้ และอากาศ)
– ส่วนประกอบใดเป็ นอาหารให้แก่พชื (แนวคาตอบ ซากพชื ซากสัตว์)
(3) ครูเปิ ดโอกาสให้นักเรียนต้ังประเด็นคาถามท่ีนักเรียนสงสัยจากการทาภาระงาน
อย่างน้อยคนละ 1 คาถาม ซึ่งครูให้นักเรียนเตรียมมาล่วงหน้า และให้นักเรียนช่วยกันตอบและแสดง
ความคดิ เห็น
(4) ครูและนักเรียนร่วมกนั สรุปเกย่ี วกบั ภาระงาน โดยครูช่วยอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า
ส่วนประกอบของดนิ ได้แก่ เศษหิน ซากพชื ซากสัตว์ น้า และอากาศ
2) ข้นั สารวจและค้นหา
(1) แบ่งนกั เรียนเป็นกลุ่มปฏิบตั ิกิจกรรม สารวจส่วนประกอบของดิน ตามข้นั ตอนดงั น้ี
– ใชช้ อ้ นตกั ตวั อยา่ งดินท้งั 3 ตวั อยา่ ง โดยตกั อยา่ งละ 1 ชอ้ น แลว้ วางบนกระดาษ
หนงั สือพิมพ์